19
หวั่นไหว
“อ๊ะ อ๊า!!!”
คนตัวเล็กหวีดร้องอย่างทรมานเมื่อความร้อนรุ่มที่ร้อนผ่าวค่อยๆแทรกเข้ามาในร่างกายอย่างช้าๆ แต่ก็ทำให้ช่องทางต้องขยายกว้างมากขึ้น นิทานบิดเร่า การจะรับตัวตนของรามิลเพิ่มมาอีกคนทำให้นิทานแทบจะขาดใจ
“ออกไป ฮือ เจ็บ ไม่เอา”
นิทานร้องไห้ รามิลแทรกกายเข้าไปได้แค่เพียงครึ่ง นิทานก็แทบจะคลั่ง เขายกมือทุบตีรามิลพร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้น ไอศูรย์ประคองใบหน้าน่ารักให้หันมารับจูบที่ซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน
“ไม่ต้องกลัว”
“ขาด ฮึก ตรงนั้น”
เพราะรู้สึกเจ็บปวดเหมือนร่างกายถูกฉีกขาดทำให้นิทานร้องไห้โฮไม่ต่างจากเด็กตัวเล็กๆ
“อะ อื้อ”
นอกจากไอศูรย์ที่พยายามปลอบประโลม รามิลเองก็ลูบไล้ร่างกายเล็กให้เคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัส นิทานหยุดทุบตี แล้วจับบ่าแข็งแรงของรามิลเอาไว้ไม่ยอมปล่อย กายสูงใหญ่ค่อยๆเคลื่อนที่เข้าไปเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายของนิทานให้ลึกมากที่สุดเท่าที่จะสามารถเข้าไปได้
“อ่า…”
เสียงครางทุ้มของรามิลและไอศูรย์ทำให้นิทานใจเต้นแรงหนักหน่วง ร่างกายของเขาร้อนรุ่ม ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นที่ช่องทางด้านหลังเริ่มทุเลาลง น้ำรักขาวขุ่นที่
เต็มไปในช่องทางเหมือนเป็นสารที่ช่วยหล่อลื่นให้รามิลและไอศูรย์ได้เคลื่อนกายขยับสวนใส่ในตัวเขาได้มากขึ้น
“อะ อ๊ะ อ๊า”
เมื่อร่างกายเริ่มปรับสภาพได้ ชายหนุ่มทั้งสองก็ไม่คิดจะสะกดกลั้นความปรารถนาที่รุนแรงเอาไว้ รามิลจับข้อเท้าทั้งสองข้างของนิทาน แล้วเริ่มขยับสะโพกให้แก่นกายของตัวเองได้เสียดสีไปกับผนังช่องทางด้านในและแก่นกายของไอศูรย์
เสียงร้องครวญครางของนิทานยิ่งกระตุ้นสัญชาตญาณดิบเถื่อนของไอศูรย์ให้พุ่งทะยานมากขึ้น ฝ่ามือร้อนบีบเค้นสะโพกนิ่มอย่างรุนแรง รามิลรั้งร่างเล็กไปโอบกอด แล้วเปลี่ยนเป็นไอศูรย์ที่ขยับกายขึ้นคร่อมจากข้างหลัง ก่อนจะเป็นฝ่ายขยับกระแทกกระทั้นเข้าไปในกายเล็ก
“อะ อ๊า! อ๊า”
นิทานร้องครางลั่น เสียงหอบหายใจของฝ่ายรุกทั้งคู่ดังผสานไม่หยุดหย่อน ใบหน้าหวานเชิดขึ้นอย่างสุขสม จากความเจ็บปวดแปรเปลี่ยนเป็นเสียวซ่านจนไม่อาจจะรั้งสติของตัวเองเอาไว้ได้
รามิลรั้งใบหน้าน่ารักเข้ามากดจูบปากสวย ดูดเม้มเบาๆ สอดลิ้นเข้าไปตักตวงความหอมหวาน หยาดน้ำไหลรินออกที่มุมปาก ดวงตากลมปรือปรอย ความร้อนรุ่มส่งไปถึงทั้งสามคน
“อะ อ๊ะ อ๊า!!”
สุดปลายทาง นิทานปลดปล่อยออกมาจนหมดแรง ใบหน้าน่ารักฟุบเข้ากับไหล่ของรามิล ในขณะที่ชายร่างสูงทั้งสองยังไม่หยุดขยับสะโพกสอบ ไอศูรย์พรมจูบทำรอยแดงไปทั่วแผ่นหลังเล็ก รามิลเองก็จูบไล่ตั้งแต่ปลายเท้าข้างที่ได้รับบาดเจ็บจนกระทั่งถึงบาดแผลบริเวณขา
“อะ อื้อ”
ในร่างกายถูกกระแทกกระทั้นจนใบหน้าหวานบิดเบี้ยวเพราะความเสียวซ่าน ก่อนที่จะรับรู้ถึงสายน้ำที่ฉีดพุ่งเข้ามาในร่างกาย
“แฮกๆๆ”
ทั้งสามหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน คนที่หมดแรงไปก่อนจนหมดสตินั่นก็คือท่านประธานตัวน้อย รามิลก้มจูบหน้าผากสวยอย่างเอ็นดูพร้อมกับไอศูรย์ที่กดจูบที่หัวไหล่มนอย่างแผ่วเบา
-------+++++-------
ร่างกายของนิทานอ่อนล้าจนตื่นมาอีกทีในช่วงสายของวันต่อมา เขาค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก ช่วงล่างร้าวระบมเพราะเมื่อคืนได้ใช้งานอย่างหนัก แต่ถึงกระนั้น ร่างกายที่เปลือยเปล่ากลับไม่ได้เหน็บหนาวแต่อย่างใด เพราะมีชายหนุ่มตัวใหญ่ถึงสองคนนอนกอดเอาไว้
“อ๊ะ”
ได้แต่ร้องอย่างตกใจ เมื่อตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองกำลังนอนซุกอยู่ที่อกของไอศูรย์ เขาขยับตัวพลิกอย่างยากลำบากแล้วก็ต้องพบว่าอีกคนที่นอนกอดเขาอยู่ก็คือ รามิล นิทานเม้มปากแน่น คิดทบทวนความทรงจำ
เมื่อคืนพวกเขาทั้งสามคนร้อนแรงกันเสียจนลืมไปว่าร่างกายของเขายังบาดเจ็บ และที่สำคัญไม่อยากจะเชื่อเลยว่าร่างกายเล็กๆของเขาจะรับคนตัวใหญ่ได้ถึงสองคนแบบนี้
“ล็อกเกต”
เมื่อเห็นสิ่งที่สวมอยู่ที่คอของรามิล นิทานก็นึกขึ้นมาได้ เขาต้องการสร้อยพวกนี้ ถ้าเขานำมันไปตอนนี้จะได้หรือเปล่า แต่ถ้าทั้งคู่ไม่ได้มอบให้เขาด้วยความเต็มใจ ก็มีความเป็นไปได้ที่ทั้งสองจะนำเรื่องเลวร้ายของเขาไปเปิดเผย
“ถ้าคิดจะขโมยก็ต้องรีบทำนะครับ”
นิทานแทบจะสะดุ้งเมื่อรามิลลืมตาตื่น แล้วส่งยิ้มให้
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
เอ่ยจบก็ก้มลงมาจูบแก้มนิ่มอย่างรวดเร็ว นิทานอึ้งไป แก้มนิ่มขึ้นสีเล็กน้อย เขาหลบสายตาคมกริบที่ดูมีเสน่ห์
“ฉันไม่ได้จะขโมยนะ”
“แต่ท่านประธานจ้องไม่กระพริบตาเลยนะครับ แบบนี้จะให้ผมคิดยังไงดีน้า”
ว่าพลางไล้นิ้วไปตามพวงแก้มนิ่ม แรงกระชับจากอ้อมกอดของไอศูรย์ทำให้นิทานสะดุ้ง
“อย่าแกล้งสิ เดี๋ยวก็ร้องไห้อีกหรอก”
น้ำเสียงทุ้มน่าฟังดังข้างใบหู นิทานขนลุกซู่จนต้องห่อไหล่ ลมหายใจร้อนผ่าวของไอศูรย์เป่ารดต้นคอจนเขารู้สึกสยิวขึ้นมา
“ฉะ ฉันไม่ได้จะร้องไห้”
“แล้วเมื่อคืนเด็กที่ไหนที่ขี้แยกัน”
ไม่ว่าเปล่า แต่ฝ่ามือร้อนยังลูบไล้ไปตามเรือนร่างบอบบาง รามิลเลื่อนมือไปบีบเล่นที่จมูกเล็ก นิทานจับมือหนา
“หยุดเลยนะ”
“งั้นก็นอนกันอีกสักนิดเถอะครับ ยังเช้าอยู่เลย”
รามิลบอกอย่างงัวเงีย ที่จริงนิทานเองก็ยังง่วง แต่ที่ตื่นมาก่อนก็เพราะโดนกายสูงใหญ่ทั้งสองเบียดแนบชิดจนแทบจะจมอกของทั้งคู่
“งั้นก็ปล่อยให้นอนสบายๆหน่อยสิ”
“งั้นนอนแบบนี้ไหมครับ”
ว่าจบ ไอศูรย์ก็จับร่างของนิทานให้พลิกขึ้นมานอนบนตัวเขา คนตัวเล็กตาโต รามิลขยับกายเข้ามาใกล้ไอศูรย์ แล้วมองคนตัวเล็ก ที่นอนคว่ำทับร่างของไอศูรย์ด้วยสายตาที่มีความสุขจนนิทานชะงักไป
“แบบนี้ก็น่าจะนอนสบายขึ้นหรือเปล่าครับ”
รามิลถาม ไอศูรย์ยังคงหลับตา เขาไม่พูดอะไรต่อ แต่ใช้วงแขนแข็งแรงโอบกอดร่างเล็กที่อยู่บนตัวเขาเอาไว้
“ปล่อยฉันลงเถอะ มันหนักนะ”
“ไม่นี่ครับ นอนต่อเถอะ”
ในเมื่อเจ้าตัวบอกแบบนั้น นิทานก็สุดจะต่อต้าน รามิลเองก็จับมือเขาไปจูบหนึ่งที แล้วพลิกกายนอนตะแคงเลื่อนมือไปโอบกอดร่างกายบอบบาง
“ผมเองก็อยากให้คุณมานอนบนตัวผมเหมือนกันนะ แต่ถ้านอนแล้ว คงต้องขอคิดค่าจ้างเป็นการเอาผมเข้าไปในตัวท่านประธานด้วย”
สายตาที่เจ้าเล่ห์ร้ายกาจทำให้นิทานก้มหน้างุด อย่างน้อยไอศูรย์ก็ไม่ได้คิดจะทำอะไรประหลาดแผลงๆเหมือนกับรามิล ใบหน้าหวานรีบซุกหน้ากับแผ่นอกกว้าง แล้วหลับตาลงเพราะตัวเองก็ยังอ่อนเพลีย
รามิลอมยิ้มกับท่าทางที่แสนน่ารักของนิทาน แต่เขาก็ไม่วายเลื่อนมือไปลูบไล้ก้นนิ่มจนนิทานสะดุ้งตกใจ
“ผมไม่ทำอะไรหรอกครับ นอนเถอะ”
แม้จะไม่อยากจะเชื่อใจรามิล แต่นิทานก็ยอมนอนเฉยๆเพราะเขาเองก็เหนื่อยล้าเกินกว่าจะต่อต้านกับสิ่งต่างๆที่ทำให้เขารู้สึกดีในตอนนี้
-------+++++-------
การพักผ่อนในช่วงสุดสัปดาห์สิ้นสุดลง ในวันอาทิตย์ นิทานใช้เวลาเกือบทั้งวันที่จะอยู่บนเตียงเพื่อพักผ่อนร่างกายที่เหนื่อยล้า ถึงแม้จะโดนเลขานุการทั้งสองเอาแต่ใจ แต่ทว่าสุดท้ายก็ปรนนิบัติเขาอย่างเต็มที่จนนิทานเผลอคิดไปว่าเป็นคนรักของทั้งคู่ไปแล้วจริงๆ
“คิดอะไรอยู่เหรอนิทาน”
นิทัช เดินเข้ามาเกาะไหล่ของน้องชายคนเล็กที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์ แต่ดวงตา
กลับเหม่อลอย แถมยังเห็นรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า
“เปล่าครับ”
“โกหก มีเรื่องอะไรดีๆอย่างนั้นเหรอ”
คนตัวเล็กส่ายหน้าไปมาไม่ยอมบอก นิทัชดึงแก้มนิ่ม ไม่ยอมให้น้องชายได้โกหก
“ก็แค่ทำงานราบรื่น เลยรู้สึกมีความสุขครับ”
“จริงเหรอ ไม่ใช่ว่ากำลังคิดถึงใครอยู่หรอกนะ”
นิทัชเอ่ยยิ้มๆ เพราะท่าทางของน้องชายเหมือนคนกำลังมีความรัก นิทานเบิกตากว้างทันทีเมื่อพี่ชายพูดแบบนั้น เขาไม่มีวันคิดว่าตัวเองจะไปตกหลุมรักผู้ชายด้วยกัน แต่ถึงอย่างนั้น แล้วทำไมหัวใจของเขาถึงได้ชอบเต้นแรงเวลาอยู่ต่อหน้ารามิลและไอศูรย์
…ใจมีแค่ดวงเดียว แต่จะรักคนสองคนได้อย่างไร แถมยังเป็นผู้ชายทั้งคู่…
เมื่อคิดถึงข้อนี้ จิตใจของนิทานก็เหมือนจะแห้งเหี่ยว ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเข้ามาในจิตสำนึก เขาคิดไม่ตกว่าตัวเองควรจะรู้สึกอย่างไรกันแน่
“มีอะไรหรือเปล่า ทำหน้าเครียดซะแล้ว”
นิทัชเห็นท่าทีของน้องชายที่เปลี่ยนไปจึงได้เอ่ยถาม นิทานส่ายหน้าไปมาอย่างช้าๆเขาไม่อยากให้พี่ชายรับรู้ถึงปัญหาที่น่าอับอายในครั้งนี้
“ผมขึ้นไปนอนก่อนนะ หาว…ง่วงนอนจะแย่แล้ว”
พอเห็นว่าพี่ชายเริ่มสงสัย นิทานก็เริ่มบ่ายเบี่ยงไปทางอื่น นิทัชส่ายหน้าน้อยๆอย่างเอ็นดูน้องชาย มองนิทานที่รีบเดินขึ้นบันไดเพื่อตรงไปยังห้องนอน
แกร็ก
เมื่อปิดประตูเรียบร้อย ร่างเล็กก็เดินตรงมาที่เตียง หยิบโทรศัพท์มากดเช็คดูก็พบว่าไลน์ในโทรศัพท์แจ้งเตือนไว้ในตอนที่เขาลงไปข้างล่าง
ไอศูรย์ : นอนหรือยังครับ
รามิล : ยังเลย
ไอศูรย์ : ฉันไม่ได้ถามนาย
คนตัวเล็กระบายยิ้ม รามิลเป็นคนตั้งไลน์กลุ่มที่มีพวกเขาอยู่ด้วยกันสามคนมาหลายสัปดาห์แล้ว ในตอนแรกก็ไว้ใช้ติดต่อเกี่ยวกับเรื่องที่สืบหาความจริงเรื่องที่เขาถูกกล่าวหาว่ายักยอกเงินบริษัท แต่ช่วงหลังเมื่อทุกอย่างคลี่คลาย ประเด็นการพูดคุยก็เปลี่ยนไป
รามิล : อ่านแล้ว
ไอศูรย์ : ยังไม่นอน
ทั้งคู่เริ่มรู้ว่านิทานอ่านไลน์แล้ว นิทานแทบจะสะดุ้งเพราะได้อ่านข้อความที่เด้งขึ้นไม่หยุด
รามิล : คิดถึงพวกเราอยู่ใช่ไหมครับ
“ไม่ใช่สักหน่อย”
คนตัวเล็กพูดเสียงเบา เขาไม่ได้คิดถึงทั้งคู่จริงๆใช่ไหม แต่ทำไมแก้มของเขาถึงได้รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาเสียอย่างนั้น
ไอศูรย์ : คิดถึงสินะ
นิทานเบิกตากว้างที่ไอศูรย์พิมพ์ส่งมาแบบนั้น คนตัวเล็กรีบพิมพ์ส่งไปทันที
‘พวกนายคิดไปเอง ฉันจะนอนแล้ว’
รามิล : หน้าแดงอยู่แน่ๆ
ไอศูรย์ : หึหึ
‘ฉันไม่คุยกับพวกนายแล้ว ไปล่ะ’
นิทานรีบกดส่งสติกเกอร์ไลน์เป็นรูปตัวการ์ตูนเข้านอนไปอย่างรวดเร็ว แล้วรีบปิดอินเตอร์เน็ต เขารีบวางโทรศัพท์ ยกมือทาบกับอกของตัวเองที่เริ่มเต้นรัวแรง
“ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ ต่อไปต้องแย่แน่ๆ”
เพราะเริ่มรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น นิทานต้องพยายามหักห้ามใจของตัวเอง เขาจะลืมไม่ได้ว่าทั้งคู่เคยทำเรื่องเลวร้าย เล่นสนุกกับร่างกายเขา เขาต้องเข้มแข็งให้มากกว่านี้ และต้องเอาสร้อยล็อกเกตนั้นมาให้ได้ รวมถึงรหัสเมลล์ด้วย
…กลัวเหลือเกิน ว่าตัวเองจะปล่อยให้สิ่งเหล่านั้น เป็นเครื่องพันธนาการเขาเอาไว้จนไม่สามารถหลุดออกมาจากไอศูรย์และรามิลได้…
-------+++++-------
แม้จะเริ่มเคยชินกับการทำงานร่วมกับไอศูรย์และรามิล แต่นิทานก็ไม่อยากให้ตัวเองลืมความตั้งใจตั้งแต่แรก คือเขาต้องการให้ทั้งคู่ออกจากงาน เขาไม่ควรจะทำงานกับคนที่ทำเรื่องเลวร้ายกับเขา
แต่คนที่ทำงานดีและทำงานได้เก่งอย่างไอศูรย์และรามิลไม่ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ เขายอมรับในฝีมือการทำงานและการดูแลเอาใจใส่จากทั้งคู่ แต่ทว่าจิตใจและสมองของเขาก็ตีกันและขัดแย้งไปหมด เพราะเรื่องละเมิดทางเพศที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสามคน
นิทานไม่อยากจะยอมรับว่าตัวเองก็หลงใหลไปกับเสน่ห์และความเย้ายวนใจที่พาให้เขาตกหลุมกามารมณ์จนไม่อาจจะถอนตัวได้ ทั้งที่ควรรังเกียจแต่ร่างกายกลับมีความสุข
…เขาไม่ควรลืมว่าทั้งคู่ทำเรื่องเลวร้ายกับเขาไว้…
แต่ภาพความเจ็บแค้นในอดีตกลับเลือนรางลงทุกที ถึงแม้ทั้งสองจะชอบเล่นสนุกกับร่างกายเขา แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาเจ็บปวดแสนสาหัสจนทนไม่ไหว มิหนำซ้ำยังมอบรสสัมผัสที่ไม่อาจจะลืมเลือนได้จนเหมือนยังตราตรึงอยู่บนร่างกายของเขาอย่างไม่มีวันจางหายไป
เขาต้องห้ามลืมเด็ดขาดว่าเมื่อก่อนต้องการอะไร ไม่อย่างนั้นจิตวิญญาณของเขาคงได้ถูกกลืนกินไปเพราะหลงไปตามคารมของทั้งคู่
แล้วถ้าเกิดสักวันหนึ่งเขาไม่เหลือความเป็นตัวของตัวเองอีก เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะถูกชักจูงไปในทางไหน เพราะตอนนี้เขาไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรกับตัวเอง และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของรามิลและไอศูรย์คืออะไรกันแน่
…ต้องการเป็นแค่คนรัก เท่านั้นจริงๆ หรือมีอะไรแอบแฝง…
เพราะทำงานด้วยกัน เห็นหน้ากันแทบทุกวัน ได้คุยกัน ได้สัมผัสร่างกายกันอยู่บ่อยครั้ง นิทานเลยแทบจะปักใจเชื่อว่าทั้งสองอยากเป็นคนรักของเขา แต่อีกใจหนึ่งก็ขัดแย้งจนไม่อาจจะหยุดคิดได้
จะให้เชื่อได้อย่างไร ว่าคนที่ทำร้ายกันมาก่อน จะอยากเป็นคนรักกัน…
ถามใครต่อใครก็คงจะไม่เชื่อ นิทานเองก็คิดแบบนั้น
“ท่านประธานไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าครับ ดูเหมือนคุณกำลังคิดมาก”
รามิลเข้ามาถามพร้อมกับวางแฟ้มเอกสาร นิทานเงยหน้ามองชายหนุ่ม
“นายไม่ได้แอบติดกล้องเอาไว้อีกใช่ไหม”
“ในเมื่อคุณบอกว่าไม่ชอบ แล้วรับไม่ได้ขนาดนั้น ผมก็เอาออกไปหมดแล้วล่ะครับ แล้วอีกอย่างผมก็อยู่กับคุณตลอดเวลา ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องไปติดกล้องให้เหนื่อยเปล่า”
“อย่างนั้นเหรอ”
รามิลพยักหน้าเพียงนิดเป็นการยืนยัน ถึงแม้รามิลจะมีนิสัยบางอย่างที่น่ากลัวซ่อนอยู่ แต่ในเวลาทำงานเขาก็จะตั้งใจและทุ่มเทกับมัน ถึงแม้บางครั้งจะใช้เรื่องงานมาทำเรื่องหวาดเสียวเล่นสนุกกับร่างกายเขาก็ตามที
“แล้วตกลงว่าท่านประธานเครียดเรื่องอะไรครับ”
“ถ้าบอกไปแล้ว นายจะทำให้ฉันหายเครียดได้หรือไง”
“มันก็ไม่แน่หรอกนะครับ”
รามิลยิ้มกว้าง เหมือนต้องการให้นิทานสบายใจ ร่างเล็กถอนหายใจออกมา วันนี้เขาตัดสินใจแล้วว่าต้องทำทุกอย่างให้มันเด็ดขาดและชัดเจน ไม่อย่างนั้นเขาก็ต้องคิดมากและสับสนแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ
“ฉันต้องการคุยกับนายและไอศูรย์”
“ได้สิครับ เดี๋ยวผมไปตามหมอนั่นมาให้”
นิทานมองตามรามิลที่เดินออกไปข้างนอก เพียงไม่นานก็กลับเข้าห้องมา
พร้อมกับไอศูรย์
“ท่านประธานอยากคุยกับพวกเราเรื่องอะไรเหรอครับ”
เมื่อเข้ามาก็เปิดประเด็นถามทันที นิทานถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน เขาไม่รู้ว่าเขากำลังเหนื่อยในเรื่องไหน ในเมื่อตอนนี้ยอดขายที่บริษัทก็ค่อยๆดีขึ้น การทำงานระหว่างเขาและเลขานุการทั้งสองก็ราบรื่นแทบไม่มีปัญหาอะไรเลย
“นั่งก่อนสิ”
เขาเรียกให้รามิลและไอศูรย์นั่งที่โซฟาซึ่งอยู่ตรงข้าม ทั้งคู่มองคนตัวเล็กอย่างแปลกใจ นิทานพรูลมหายใจเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้นอย่างยากลำบาก
“พวกนายเองก็ทำงานกับฉันมานานพอสมควรแล้ว”
“ครับ”
ไอศูรย์ตอบรับ รามิลเองก็ยิ้มตอบรับเช่นกัน นิทานดูเป็นฝ่ายอึดอัดใจ ในเมื่อมันไม่ได้เป็นครั้งแรกที่เขาจะพูดคุยเรื่องนี้กับทั้งคู่
“พวกนายทำงานดีมาก ดีจนฉันรู้สึกว่า ถ้าขาดพวกนายไป แล้วฉันจะเป็นยังไง”
ยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนว่ากำลังทำร้ายตัวเอง นิทานสูดลมหายใจเข้าออกให้เป็นปกติมากที่สุด ไม่อย่างนั้นเขาคงได้คิดมากไม่หยุดหย่อน
“แล้วยังไงเหรอครับ”
รามิลถามอย่างอารมณ์ดี เพราะโดนชมไปขนาดนั้น จนรู้สึกว่าคนตัวเล็กคงจะเริ่มเปิดใจให้กับพวกเขาแล้ว
“ถึงฉันจะชอบการทำงานของพวกนายมากแค่ไหนก็ตาม แต่เรื่องราวในอดีตที่พวกนายใช้เรื่องนั้นข่มขู่ฉัน มันทำให้ฉันรู้สึกแย่เอามากๆ”
“มันแย่มากขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
รามิลเลิกคิ้ว เขายกมือกอดอก พลางสังเกตท่าทางของนิทาน
“ใช่ ฉันว่ามันแย่มาก ฉันทำงานเป็นประธานบริษัท แต่ต้องมาคอยระแวงว่า
คลิปฉัน เรื่องทุเรศแบบนั้นจะหลุดออกไปเมื่อไหร่ พวกนายจะเล่นสนุกกับฉันไปอีกนานแค่ไหน ฉันต้องยอมพวกนายไปตลอดชีวิตเลยหรือเปล่า”
“ไม่หรอกครับ”ไอศูรย์โต้แย้ง
“แล้วเมื่อไหร่เรื่องพวกนี้มันจะจบ ถ้าทุกอย่างมันแย่ แล้วฉันจะทำยังไง พวกนายคิดว่าฉันรู้สึกยังไง ฉันจะบ้าตายอยู่แล้วนะ พวกนายยังไม่ให้สร้อยกับฉัน ไม่ให้เมลล์กับรหัส ถ้ามีเรื่องผิดพลาด แล้วเรื่องพวกนี้หลุดออกไป ฉันจะทำยังไง!”
นิทานเหมือนระเบิดลง เขาทนทุกอย่าง ยอมปล่อยให้ร่างกายเป็นของเล่น ถึงแม้เขาจะสุขสมก็จริงอยู่ แต่ลึกๆก็ยังหวั่นใจ ไม่มีใครชอบการข่มขู่ แม้ความกลัวจะเริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นความรู้สึกหวั่นไหว แต่จิตใต้สำนึกก็เหมือนตอกย้ำว่าเขาควรจะจัดการเรื่องนี้ ไม่ควรปล่อยให้มันเรื้อรัง
“ฉันไม่เข้าใจเหตุผลของพวกนายเลยจริงๆ ว่าทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย พวกนายบอกฉันไม่ได้เหรอ ทำไมต้องเล่นบทบาทคนรักกับฉัน มันสนุกมากเลยหรือไง”
ทั้งไอศูรย์และรามิลต่างมองหน้านิทาน พวกเขาถอนหายใจออกมาแผ่วเบาพร้อมกัน
“อยากเป็นคนรักกัน มันมีเหตุผลให้คิดมากขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
รามิลพูดออกมาเหมือนจะตัดพ้อและท้อแท้ แต่ใบหน้าก็ไม่ได้แสดงสีหน้าย่ำแย่
“พวกเรานึกว่าคุณจะรู้เหตุผลนั้นอยู่แล้วซะอีก”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ว่าพวกนายทำไมถึงได้อยากเป็นคนรัก”
เสียงถอนหายใจของรามิลและไอศูรย์ดังขึ้น เพราะดูเหมือนว่าความปรารถนาของพวกเขาที่ต้องการส่งไปให้นิทานรับรู้มันจะไปไม่ถึง
“เหตุผลมันก็แค่”
นิทานมองหน้าทั้งคู่ รอฟังคำตอบที่ทั้งสองเฉลยมาพร้อมกันจนคนฟังใจเต้นรัวเร็ว แทบจะหยุดหายใจ
“รัก….”
100%
อากิเปิดเทอมแล้วค่อนข้างจะยุ่งนะคะ ติดตามการอัพได้ที่เพจ
https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/อีกไม่กี่วันก็จะปิดพรีแล้วนะคะ
ท่านใดที่สนใจเล่มนิยายเรื่องนี้ กับสะใภ้ขายาว มาซื้อกันได้จ้า
เปิดพรีออเดอร์ จิ้มลิ้ง
http://www.tunwalai.com/chapter/695333/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C-10816-10916?page=1