พิมพ์หน้านี้ - Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : Chapter 21 : อ้อนหน่อยนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: Akikoneko17 ที่ 15-05-2016 20:18:35

หัวข้อ: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : Chapter 21 : อ้อนหน่อยนะ
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 15-05-2016 20:18:35
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*******************************************************************************************

นิยายเรื่องนี้ เป็นนิยาย ชายรักชาย
มีเนื้อหา 3P
ติดเรท ที่ 3 คนนะคะ
หากท่านใดรับไม่ได้ กรุณากดออก
ขอบคุณค่ะ




ฝากเพจด้วยค่ะ   https://web.facebook.com/akikoneko17/
ขอแปะลิ้งนิยาย -ของอากิ ที่อัพในเล้านะคะ

Play รักเล่น เล่นรัก (3P)
cr.ภาพ http://tsuru-tsurumi.exteen.com/images/Nase/Cigarette%20Kisses01.jpg
(http://tsuru-tsurumi.exteen.com/images/Nase/Cigarette%20Kisses01.jpg)

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53773.msg3379996#msg3379996

 

(http://cdn-tunwalai.obapi.io/files/member/48460/638704249-member.jpg)
สะใภ้ขายาว
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53223.msg3359687#msg3359687




หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : Intro
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 19-05-2016 23:10:15
บร๊ะ! ท่าจะแซบ
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : Intro
เริ่มหัวข้อโดย: ben10 ที่ 20-05-2016 01:06:28
อุต๊ะะะะะะ รอต่อไป :z1:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : Intro
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 20-05-2016 15:35:24
 :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : Chapter 1 ผู้ชายในความมืด
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 29-05-2016 19:41:10
1   
ผู้ชายในความมืด



   การใช้ชีวิตประจำวันของนิทานนั้นเหมือนเรื่องตลก เขาต้องตื่นเช้าเข้าบริษัททุกวันจันทร์ถึงศุกร์ แต่นั่นก็ไม่น่าเซ็งเท่ากับ
การที่ถูกสบประมาท

   “บางทีก็อาจจะเป็นเพราะเด็กเกินไป”
   การที่มีใบหน้าและร่างกายที่เหมือนกับเด็กมัธยมนั้นเหมือนจะไม่ใช่เรื่องที่มีปัญหาอะไร หากแต่เพราะว่ากลายเป็นการ
เหมือนดูถูกเขาในการทำงาน นิทานเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองคิดมากไปหรือเปล่า แต่ลึกๆแล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะคิดมาก

   “ไตรมาสนี้ ยอดขายตกลงนะครับ”

   หนึ่งในผู้ประชุมเอ่ยขึ้น สายตาหลายคู่เหมือนมองนิทานในเชิงตำหนิเล็กน้อย นิทานพยายามข่มใจตัวเองไม่ให้คิดมาก เขา
เองก็ไม่ใช่เด็กๆแล้ว จะมาอาละวาดหรือทำท่าทางไม่พอใจก็คงจะไม่ใช่
   “ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจซบเซาแบบนี้  เราจะทำยังไง ถึงจะเพิ่มยอดขายได้ล่ะคะ?”

   ไม่ใช่แค่นิทาน แต่ทุกคนในที่ประชุมเองก็เหมือนพยายามหาทางที่จะเพิ่มยอดขายให้กับบริษัท เขาเองก็ไม่ได้เก่งในเรื่อง
การบริหารมากนัก เรื่องนั้นนิทานก็พอจะรู้ตัวดี แต่เขาเองก็อยากจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดไม่ให้แพ้พี่ชายและพี่สาวของตัวเอง

   “คุณนิทานมีความเห็นยังไงบ้างครับ”
   คำถามนั้นพุ่งประเด็นมาที่ประธานบริษัท ถึงในบริษัทนี้เขาจะเป็นใหญ่ก็ตาม แต่ก็ยังมีคณะกรรมการที่เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท
อยู่ด้วย

   นิทานนิ่งคิดไป ไม่ใช่ว่าเขานิ่งนอนใจ แต่ในช่วงเวลาแบบนี้ ของเล่นเด็กก็ใช่ว่าจะขายได้ดีเป็นเทน้ำเทท่า อัตราการขายก็
เหมือนคงตัว แต่บางครั้งก็ตกลงมา แม้บริษัทของเขาจะเป็นบริษัทรายใหญ่ที่ผลิตสินค้าในด้านนี้ก็ตามที

   “ผมคิดว่า เราน่าจะต้องออกแบบสินค้าให้น่าสนใจมากกว่านี้ครับ”
   “แผนกออกแบบของเราก็ทำงานอย่างเต็มที่แล้วนะคะ”

   หากคิดไปว่านี่คือการขัดแย้งในบริษัทก็อาจจะเป็นไปได้ แต่นิทานพยายามจะไม่คิดในเชิงลบ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น นิทาน
ก็รู้ดีอยู่แล้วว่าคณะกรรมการนั้นไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่บิดาของเขาเลือกเขาขึ้นมาเป็นประธานบริษัท ทั้งที่อายุยังน้อยและไม่มี
ประสบการณ์

   การประชุมในแต่ละครั้งสำหรับนิทานนั้นไม่ต่างกับการต้องเข้าสนามรบ เขาเองก็ยังไม่สามารถจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นได้
อย่างดีเยี่ยมเท่าไหร่นัก

   กว่าจะเสร็จสิ้นการประชุม นิทานก็แทบจะหมดแรง เขาพาร่างกายตัวเองกลับมายังห้องทำงาน ภายในห้องเขาอยู่คนเดียว
ทันทีที่ปิดประตู ทั้งร่างก็ถลาล้มฟุบบนโซฟา ใบหน้าที่อ่อนเยาว์กว่าวัยซุกเข้าที่หมอนใบเล็ก

   “เหนื่อยจริง”

   เขาพลิกร่างนอนหงาย ดวงตาเริ่มเหม่อลอยมองเพดาน ในสมองเริ่มคิดไปต่างๆนานา

   ถึงแม้จะมีพ่อเป็นถึงนักธุรกิจที่บริหารงานได้อย่างดีเยี่ยม แต่เขากลับเหมือนจะไม่มีความสามารถขนาดนั้น การเข้าหาคน
อื่นก็ไม่ได้เป็นเรื่องง่ายสำหรับนิทาน
   “เฮ้อ”

   เพราะไม่รู้จะระบายความเครียดอย่างไร สุดท้ายนิทานจัดการให้ตัวเองถอนหายใจออกมา ในใจหวังอยู่ลึกๆว่าความเครียด
และความกังวลนี้จะหายไปได้บ้าง แต่มันก็ไม่ใช่ซะทีเดียว เหมือนจะดีขึ้น แต่แล้วก็กลับมาเครียดใหม่

   ก๊อกๆๆ

   เสียงเคาะประตูนั้นเรียกความสนใจ แต่นิทานก็ไม่ได้หันกลับไปมอง เขาเปิดเปลือกตาขึ้นหลังจากที่เพิ่งปิดเปลือกไปเพียง
แค่ครู่เดียวเท่านั้น

   “คุณนิทานครับ ผมเองครับ”

   ธนัต ซึ่งเป็นเลขานุการของนิทานกำลังเอ่ยบอก นิทานยันกายลุกนั่งพิงโซฟา จัดเสื้อผ้าให้เรียบ แล้วเอ่ยขึ้น

   “เปิดเข้ามาได้เลยครับ ผมไม่ได้ล็อก”
   ถึงจะรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนที่จิตใจเข้มแข็ง แต่เขาก็ไม่ได้อยากจะทำตัวอ่อนแอให้ใครมาสงสาร

   “ขออนุญาตครับ”

   นิทานไม่ได้ถือสาอะไร เขามองธนัตที่เดินเข้ามาในห้อง ถึงอย่างไรเสีย ธนัตก็อายุมากกว่าเขา เพราะอีกฝ่ายก็ทำงานในรุ่น
บิดาเขามาก่อน

   “ผมวางไว้ตรงนี้นะครับ”

   แฟ้มเอกสารจำนวนหลายแฟ้มถูกวางลงบนโต๊ะทำงานของนิทาน ชายตัวสูงเดินกลับมาหาประธานบริษัทหน้าเด็กแถมยัง
ตัวเล็กอีกต่างหาก
   “นี่ก็ใกล้เวลาเลิกงานแล้วนะครับ คุณนิทานไม่กลับบ้านหรือครับ?”

   ธนัตถามด้วยความเป็นห่วง แท้จริงก็ทั้งห่วงใยและเอ็นดูนิทานเหมือนลูกหลานคนหนึ่ง

   “ขอบคุณมากนะครับ แต่ผมว่าจะอ่านเอกสารอีกสักหน่อย ค่อยกลับน่ะครับ”

   “ครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”

   “ครับ”


   นิทานพยักหน้า ประตูห้องปิดลง เมื่อธนัตออกจากห้องไป เขายันกายลุกจากโซฟา เดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน
   “เยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”

   นี่คือเอกสารที่เขาคิดว่าจะศึกษาเอาไว้ นิทานหย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้ ความเครียดที่สะสมเนื่องจากความคาดหวังของ
หลายคนในบริษัทกับการทำหน้าที่ประธานบริษัท ทำให้เขาต้องตั้งใจให้มากกว่านี้

   เขาไม่อยากทำให้ผู้เป็นบิดาต้องผิดหวัง และไม่ต้องการได้ยินคำสบประมาทใดๆทั้งนั้น

   นาฬิกา บอกเวลาเลิกงานแล้ว แต่ไฟในห้องทำงานประธานบริษัทยังคงเปิดอยู่  พร้อมกับคนตัวเล็กที่ฟุบหน้าไปกับโต๊ะ

   “โอย…ทำไมมันยากแบบนี้”

   หน้าผากมนกระแทกเข้าซ้ำๆลงกับกองแฟ้มที่กองจนเต็มโต๊ะ ทุกอย่างบนโต๊ะดูรกไปหมดจนแทบไม่เห็นพื้นโต๊ะทำงาน

   “ไม่อยากอ่านแล้ว”


   เขารู้อยู่แก่ใจว่าไม่ควรจะเป็นแบบนี้ แต่ความเหนื่อยล้าและความท้อแท้ก็เกิดขึ้นในใจ อยากจะถอนตัวออกจากตำแหน่ง
ใหญ่โตนี้ แต่ใจมันก็ไม่กล้าพอ เพราะเขาก็ไม่ใช่คนที่จะคิดยอมแพ้อย่างง่ายๆ

   Rrrr

   “ครับคุณแม่”
   หลังจากกดรับสาย นิทานก็กรอกเสียงไปทันที เขาไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆแล้ว การกลับบ้านช้ากว่าปกติ น่าจะไม่ใช่ปัญหาอะไร

   “ผมว่าจะกลับดึกหน่อยน่ะครับ ขอเคลียร์งานอีกสักนิด”
   [อย่าหักโหมมากนะลูก ถ้าไม่ไหวก็กลับบ้านก่อนก็ได้]

   “ไม่เป็นไรหรอกครับแม่ แค่นี้เองนะครับ อีกอย่าง ผมก็โตขนาดนี้แล้ว สบายมากครับ”

   [ขับรถดึกๆ มันอันตรายนะลูก]

   “อ่า…ถ้าขับกลับไม่ไหว ผมว่าจะนอนพักที่ห้องทำงานก่อนก็แล้วกันครับ”

   ดูท่าแล้ว อีกภายในหนึ่งชั่วโมง เขาคงอ่านเอกสารไม่เสร็จเป็นแน่ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เขาก็ไม่อยากจะหยุดความ
พยายาม

   …ถ้าไม่พยายามให้ถึงที่สุด แล้วต้องมาเสียใจทีหลัง เขาไม่เอาด้วยหรอก…

   “คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ”
   [ถ้าไม่ไหว นอนพักในห้องก็ดี เพราะแม่ไม่อยากให้นิทาน เสี่ยงขับรถกลับบ้าน  หรือนิทานจะให้คนขับรถไปรับก็ได้นะลูก]

   “อย่าดีกว่าครับ ผมไม่อยากให้ลำบาก เพราะผมก็ไม่รู้ด้วยว่าจะเสร็จตอนไหน เดี๋ยวผมนอนค้างที่นี่เลยแล้วกัน”
   สุดท้ายนิทานก็ตัดสินใจว่าจะอยู่ที่บริษัท และคงไม่ฝืนกลับบ้าน ยิ่งมองกองเอกสารก็ยิ่งรู้ชะตาตัวเอง


   …เขาต้องพยายามให้มากกว่านี้…

   [จ้า งั้นดูแลตัวเองด้วยนะลูก แล้วนี่ได้กินอะไรหรือยัง]
   “เดี๋ยวผมโทรสั่งอาหารมาส่งน่ะครับ คุณแม่ไม่ต้องห่วง”

   เขาเองก็ดีใจที่มารดาเป็นห่วงเขามากขนาดนี้ แต่เขาเองก็ไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆแล้ว ที่จะต้องให้คอยมาเป็นห่วงจนเกินไป 

เขาโตแล้ว ถึงแม้ร่างกายจะไม่ค่อยโตตามอายุก็ตามที
   หลังจากวางสายจากมารดาแล้ว สิ่งที่นิทานคิดได้ก็คือเขาลืมทานมื้อเย็น หรือจะเรียกว่ามื้อค่ำเลยก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะ
มัวแต่อ่านเอกสารจนลืมเวลาไปเสียแล้ว
   นิทานโทรสั่งพิซซ่าให้มาส่งที่บริษัท เขาไม่ค่อยอยากอาหาร แต่ว่าสมองก็เหมือนจะไม่ทำงาน ถ้าหากไม่ได้รับอาหารเข้าสู่ร่างกาย ขาเล็กนั้นพาร่างไปยังตู้เย็น พอหยุดคิดเรื่องเครียด ความหิวก็ประดังเข้ามาแทน
   ภายในตู้เย็นขนาดเล็ก มีเพียงแค่ขวดน้ำเปล่าที่แช่เอาไว้ เพราะปกติเขาไม่ค่อยซื้ออะไรมาตุนไว้เท่าไหร่นัก ตอนเช้าก็ทานมาจากบ้าน ตอนเย็นก็กลับไปทานที่บ้าน ยกเว้นวันนี้

   การโดนตำหนิทางอ้อมในที่ประชุม มันทำให้เขารู้สึกแย่มากเลยทีเดียว นิทานพยายามสลัดความคิดในเรื่องที่พาลให้จิตใจ
ย่ำแย่

   เขานั่งเคาะนิ้วบนโต๊ะ เหมือนตอนนี้สมองเขาคิดอะไรไม่ออก ราวกับว่ารอเวลาให้อาหารมาส่ง เสียงโทรศัพท์โทรเข้าจาก
คนส่งพิซซ่าในยามค่ำคืนนั้นทำให้สติของนิทานกลับมา เขาลุกจากเก้าอี้ที่นั่ง เดินออกจากห้องเพื่อลงไปรับพิซซ่าที่ด้านล่าง
ของตึก

    อันที่จริงเขาจะบอกให้เด็กส่งพิซซ่ามาส่งที่ชั้นที่ห้องทำงานของเขาอยู่เลยก็ได้ แต่เพราะนิทานรู้สึกเบื่อ เลยอยากจะเดิน
ออกกำลังกายสักนิด มองวิวทิวทัศน์ในยามค่ำคืนให้หายเหนื่อยกายและเหนื่อยใจ

   “นี่ครับ”

   เด็กส่งพิซซ่านั้น เป็นเพียงชายหนุ่มในประมาณยี่สิบปี นิทานดูออกว่าอีกฝ่ายน่าจะอายุน้อยกว่าเขา

   “เอ่อ ขอโทษครับ”

   ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มจะรู้ตัวว่าเขาเผลอจ้องมองใบหน้าของนิทานนานเกินไป เขาก็แค่สงสัยในตัวของคนที่สั่งอาหารเท่านั้น
ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเป็นเพียงเด็กมัธยมต้น แต่กลับมาใส่ชุดทำงานเสียแล้ว

   นิทานขมวดคิ้วเข้าหากัน เขาเริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย พอจะรับรู้ว่าเด็กตัวสูงตรงหน้านั้นคิดอะไรอยู่ เขาเองก็ไม่ชอบให้ใครมามองว่าเขาเป็นเด็กเสียด้วย นิทานหมุนกายจะไปกดลิฟต์ แต่ทว่าเสียของเด็กส่งพิซซ่าก็เรียกเอาไว้

   “เอ่อ เงินทอนครับ”


   “ไม่ต้อง”

   เพราะหงุดหงิดและเครียดจากการทำงานเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอมาเจอสายตาที่ดูสงสัยและแปลกใจของคนที่อายุน้อยกว่า

มันก็ยิ่งทำให้นิทานหงุดหงิดเป็นเท่าตัว

   เด็กหนุ่มได้แต่มองตามนิทานที่เดินเข้าไปในลิฟต์แล้ว รู้ดีว่านี่อาจจะเป็นการเสียมารยาทจนทำให้ลูกค้าไม่พอใจ อยากจะขอโทษแต่อีกฝ่ายก็ทำไม่สนใจที่จะหันกลับมามอง รีบกดลิฟต์ปิดไปเสียรวดเร็ว

   “เฮ้อ”

   รู้ดีว่าการที่ไปหงุดหงิดใส่คนที่ไม่รู้จัก มันเป็นเรื่องที่ไม่ควร แต่อารมณ์ของเขาตอนนี้ก็เหมือนไม่ค่อยจะปกติสักเท่าไหร่นัก
กลิ่นพิซซ่าทำให้ความหิวเข้ามาประท้วงเรียกร้องเข้าเสียแล้ว

   “เงียบดีจัง”

   การอยู่ในความเงียบเพียงคนเดียว ก็ทำให้นิทานเริ่มระแวง เพราะตอนแรกมัวแต่หงุดหงิด ก็เลยไม่ได้คิดอะไรมากมายนัก
แต่พออยู่ในความเงียบสงัดแบบนี้ เขาก็เริ่มใจคอไม่ดี แม้ชั้นที่ชั้นหนึ่งจะมียามเฝ้าอยู่ แต่ชั้นอื่นๆก็ไม่มีคน

   …มืด…
   ก็ไม่คิดว่าจะมันจะมืดสลัวมากขนาดนี้ อาจเป็นเพราะตอนก่อนลงไปข้างล่าง มัวแต่คิดอยากจะผ่อนคลายอารมณ์ที่เหนื่อย

ล้า ตอนนี้ที่เมื่อทุกอย่างดีขึ้นแล้ว สติทุกอย่างก็เริ่มกลับมาจนเริ่มใจคอไม่ดี

   ขาเรียวเล็กเดินไปตามเส้นทางที่เปิดไฟไว้ไม่กี่ดวง เพราะในยามนี้ ไม่ใช่เวลาที่จะมาเปิดไฟทำงาน นิทานเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสวิตซ์ไฟมันอยู่ตรงไหนบ้าง เพราะเขาก็ไม่ได้คิดอยากจะรู้เรื่องพวกนี้มาตั้งแต่แรก

   ถึงแม้จะไม่เคยประสบพบเจอกับสิ่งที่ไร้ชีวิต แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่กลัว จะเรียกว่าเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ก็เป็นได้ ว่าหวาด

กลัวกับสิ่งที่มองไม่เห็น
   เท้าเล็กพยายามก้าวเดินให้เร็วขึ้น แต่ยิ่งเดินก็ยิ่งรู้สึกว่าห้องพักของตัวเองมันช่างแสนไกล

   พรึบ!
   ตุบ!

   สติของนิทานเหมือนถูกตัดขาด ใจของเขาเต้นรัวแรง ทั้งที่คิดว่าควรจะรีบเดินต่อ แต่ร่างกายมันเหมือนแข็งทื่อ ถุงพิซซ่าที่

ถือมาก็ตกลงพื้น จนไม่กล้าจะหยิบ
   “ใจเย็น…”   

   นี่คือถ้อยคำที่พยายามบอกกับตัวเอง อีกไม่กี่ก้าว…ก็จะถึงห้องของเขาแล้ว นิทานสูดลมหายใจเข้าปอดให้มากที่สุด แต่
เหมือนจะสูดเท่าไหร่ ออกซิเจนก็ไม่พอ เมื่อเขารับรู้ได้ถึงบางอย่างที่กำลังเข้ามาใกล้

   …ไม่จริง…

   หัวใจของเขาเริ่มเต้นแรง สมองพยายามสั่งการให้ขานั้นขยับ แต่ร่างกายกลับไม่สนใจ เหมือนว่าตัวเองกำลังยืนรอความน่า
กลัวที่จะมาเยือน

   …ต้องหนี!...

   ความหวาดกลัวคืออาวุธที่ป้องกันของมนุษย์ ทำให้ต้องหลบหนีจากอันตราย สุดท้ายเขาก็ออกแรงวิ่งเหมือนคนบ้า แต่ก็ใช่
ว่าจะหนีพ้น

   “อื้อ!!”   

   เขาถูกมือใหญ่นั้นปิดปาก ร่างกายเล็กสั่นระริก สติที่มีเหมือนหายไป ไม่รับรู้เลยว่าตอนนี้เขากำลังอยู่กับอะไรกันแน่ จะเป็น
มนุษย์ หรือว่าไม่ใช่

   “อึก”

   ทั้งที่ประตูห้องอยู่ไม่ไกล แต่ร่างกายก็เหมือนไร้เรี่ยวแรง ความร้อนผ่าวเริ่มสัมผัสผ่านเสื้อเชิ้ตตัวยาว ขาของเขาหมดแรง
จนต้องทรุดกายลง

   “ยะ อย่า”
   นิทานรับรู้ได้ถึงสัมผัสร้อนผ่าวที่ประทับลงมาที่คอ ฟันคมกำลังขบงับและดูดเม้ม ลากขูดไปเบาๆ แต่นั่นก็ไม่เท่ากับฝ่ามือ
ร้อนที่กำลังเคลื่อนสูงมาสัมผัสกับอกเล็กที่มีเสื้อผ้าเนื้อดีปกปิด

   “อึก”

   ความกลัวและความสงสัยตีกันจนมั่วไปจนหมด กระดุมเม็ดแล้วเม็ดเล่าถูกปลดออก จนสัมผัสได้ถึงเสื้อกล้ามตัวบางที่
นิทานใส่เอาไว้ ภายใต้ความมืดสลัวเพราะได้แสงไฟจากข้างนอก พอทำให้เขาเห็นสิ่งที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่บนร่างของเขา
   …นี่มันอะไรกันแน่…

   นิทานพยายามจะดิ้นให้หลุดจากการจับกุม แต่สัมผัสที่เคลื่อนไหวไปบนร่างนั้นกลับทำให้ร่างกายของเขาไร้เรี่ยวแรง

   นี่เขากำลังถูกทำเรื่องแปลกๆที่ทางเดินอย่างนั้นเหรอ!
   ความคิดสับสนตีกันให้วุ่น กลัวก็กลัวว่าถ้าสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าเขาตอนนี้ไม่ใช่คนเขาจะทำยังไง

   “อึก”
   ยอดอกเล็กถูกบีบดึงอย่างแรงจนนิทานต้องเบ้หน้า ไม่อยากคิดว่าจะมีขโมยเข้ามาในบริษัท เพราะยามก็เฝ้าอยู่ที่ด้านล่าง
ตลอด คนในบริษัทเองก็คงจะกลับกันไปหมดแล้ว

   …แล้วเขากำลังโดนใครทำอะไรอยู่กันแน่…
   พยายามจะลืมตามอง แต่ก็ไม่อาจจะรับรู้ได้ว่าคือใคร ร่างกายที่สัมผัสได้ คงไม่ใช่สัตว์ประหลาดที่หลุดออกมาจากนิทาน
เพราะมันไม่ต่างกับร่างมนุษย์ทั่วไป นิทานยกมือปัดป่ายร่างตรงหน้าให้ออกห่าง

   หนัก…

   ถ้าหากเป็นคน คงเป็นผู้ชายที่ตัวใหญ่ ถึงได้รู้สึกเหมือนกับดันกำแพงแบบนี้ ลมหายใจอุ่นร้อนนั้นเป่ารดที่ซอกคอขาวเนียน พร้อมกับมือที่ลูบไล้ไปตามเรือนร่าง นิทานสะดุ้งเฮือก เมื่อรับรู้ได้ถึงสัมผัสที่เกิดขึ้นใจกลางลำตัว

   “อึก!”

   ร่างกายเหนื่อยล้าจนไร้แรงขัดขืน ความกลัวและสับสนปนกันจนไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร พยายามจะเอ่ยเรียกให้คนช่วย
ตามสัญชาตญาณ แต่ปากของเขาก็ถูกมือร้อนนั้นกดปิดเอาไว้ ก่อนที่จะแทนที่ด้วยเนคไทของเขาที่โดนกระชากออกเพื่อนมามัด
คาดกับปากของเขาเอาไว้

   มือทั้งสองโดนจับรวบเอาไว้จนไม่อาจจะขัดขืน นิทานนึกรังเกียจร่างกายที่เล็กเหมือนเด็กมัธยมของตนเอง เขาอยากจะขัดขืนให้มากกว่านี้ แต่ร่างกายกลับตอบสนองต่อสัมผัสที่แสนประหลาด

   “อึก”

   ดวงตาของเขาเบิกกว้าง เมื่อใจกลางลำตัวถูกรุกล้ำ  ด้วยอวัยวะที่คล้ายกับมือของมนุษย์ แต่เพียงครู่ก็เปลี่ยนไปเป็นสิ่งที่
อุ่นร้อน

   ความกลัวเกิดขึ้นในใจ พร้อมกับความอับอายที่ส่วนล่างของกายตื่นตัว
   “อื้อ อื้อ…”




   เสียงครางเกิดขึ้นในลำคอ ร่างกายที่เคยขัดขืน เหมือนโอนอ่อนตามไปอย่างไม่อาจจะปฏิเสธได้ เพราะสัมผัสที่ใจกลางลำ

ตัวนั้นเหมือนกำลังพาเขาไปสู่ดินแดนที่แสนสุขสม
   ความร้อนชื้นนั้นครอบครองใจกลางลำตัวที่กำลังตื่นตัวอย่างเต็มที่ นิทานไม่ใช่ผู้ชายที่หมกมุ่นกับเรื่องทางเพศก็จริงอยู่




แต่ร่างกายเมื่อโดนปลุกเร้า ในสถานการณ์ที่ไม่เคยพบเจอก็ยิ่งพาให้คนตัวเล็กตื่นเต้นเสียจนลืมไปว่าเขากำลังทำเรื่องน่ากลัวกับ

ใครก็ไม่รู้

   …อยากจะขัดขืน อยากจะผลักไส แต่ถ้าหยุดตอนนี้ ทุกอย่างก็เหมือนถูกพาไปทิ้งกลางอากาศแล้วไม่ได้กลับลงมา…
   “อื้อ อึก!!!”



   ร่างทั้งร่างนั้นกระตุกเกร็ง ร่างกายเหมือนล่องลอยกลางอากาศแล้วตกลงมาบนปุยนุ่นที่นุ่มนิ่ม นิทานปรือตา รู้สึกสบายตัว เขาหอบหายใจถี่ ดวงตานั้นปรือปรอยไปด้วยหยาดน้ำตา ก่อนเปลือกตาบางจะค่อยๆปิดลง พร้อมสติทั้งหมดที่หายไป

100%
29/5/59

ฝากเพจด้วยค่ะ https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/

ขอแปะลิ้งนิยาย -ของอากิ ที่อัพในเล้านะคะ

Play รักเล่น เล่นรัก (3P)
cr.ภาพ http://tsuru-tsurumi.exteen.com/images/Nase/Cigarette%20Kisses01.jpg
(http://tsuru-tsurumi.exteen.com/images/Nase/Cigarette%20Kisses01.jpg)

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53773.msg3379996#msg3379996

 

(http://cdn-tunwalai.obapi.io/files/member/48460/766454794-member.jpg)

'Royal tiger สามีผมเป็นเสือ' http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53735.msg3378586#msg3378586

 (https://scontent.fbkk2-1.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/12745534_1718876081713896_3205226376025540237_n.jpg?oh=b3ca6df222da94305d86d116c5c72f78&oe=57D7D721)
คุณพ่อครับ...มาเป็นเมียผมเถอะ
  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52889.msg3349707#msg3349707

(http://cdn-tunwalai.obapi.io/files/member/48460/638704249-member.jpg)
สะใภ้ขายาว
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53223.msg3359687#msg3359687





หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 1 ผู้ชายในความมืด
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 29-05-2016 22:37:57
 :katai1:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 2 ระแวง
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 30-05-2016 11:42:25
2   
ระแวง

   

สติสัมปชัญญะทุกอย่างกลับมาเมื่อร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่ นิทานลืมตาขึ้นมาท่ามกลางความสว่างภายในห้องทำงาน เขาสะดุ้ง
แทบจะสุดตัว ภาพความทรงจำเลวร้ายยังติดตาและตรึงในสมองของเขาอย่างไม่เลือนหาย

   …เขาถูกลวนลาม!!!...

   ร่างที่ไม่ต่างจากเด็กมัธยมนั้นสะดุ้งเฮือก ยันกายนั่ง ดวงตานั้นลนลาน ไม่คิดว่าตัวเองจะโดนทำมิดีมิร้ายโดยที่ไม่รู้ว่าคน
คนนั้นคือใคร

   “ที่นี่”

   เมื่อเริ่มประคองสติของตัวเองได้ เขาก็มองไปรอบๆกาย แล้วก็พบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่ในห้องทำงาน เขาไม่ได้อยู่ที่ทาง
เดินหน้าห้อง

   “ฝัน?”

   คิดได้เพียงแค่นั้นว่าเขาฝันไป แต่นิทานก็ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะฝันเป็นตุเป็นตะขนาดนั้น เขาจำได้ว่าเขาสั่งพิซซ่า
แล้วลงไปรับพิซซ่า พอขึ้นมา ก็พบว่าไฟดับตรงทางเดินกลับห้อง แล้วเขาก็เจอกับเรื่องประหลาด

   แม้จะไม่ค่อยอยากจำเรื่องเหล่านั้น แต่นิทานก็เชื่อว่าสิ่งที่เขาเจอนั้นคือคน ไม่ใช่ผี ผีที่ไหนจะสัมผัสเขาได้มากขนาดนั้น
แถมเขายังรับรู้ถึงลมหายใจร้อนอุ่น แล้วจะไม่ให้เป็นคนเหมือนกับเขาได้อย่างไร

   แต่บางที นิทานก็คิดว่าตัวเองอาจจะฝันไปก็เป็นได้ ถ้าไม่อย่างนั้นทำไมเขาถึงได้มาอยู่ในห้องทำงาน แถมตื่นจากการ
หลับบนโซฟา

   …หรือว่าเขาจะหลับไป และเรื่องการสั่งพิซซ่าก็คือเรื่องที่เขาฝันไปด้วย…

   ถึงบอกกับตัวเองแบบนั้น เพื่อให้สบายใจ แต่พอหันไปตรงหน้า ก็พบว่ามีถุงที่ใส่ถาดพิซซ่านั้นวางอยู่ และนั่นทำให้นิทาน

เบิกตากว้าง

   “เรื่องจริงเหรอ…”

   เขาเริ่มใจคอไม่ดี แต่ถึงแบบนั้น เขาก็ไม่อยากจะเชื่อว่ามันคือเรื่องจริง ถึงแม้ความรู้สึกมันจะบอกเขาแบบนั้นก็ตามที

   นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืน ถ้าทุกอย่างคือเรื่องจริง แล้วเขาเข้ามาให้ห้องนี้ได้ยังไง ถ้าคนที่เขาเจอคือผีจริงๆ ผีก็น่าจะ
ปล่อยให้เขานอนหมดสติอยู่หน้าห้อง เขาไม่น่าจะได้เข้ามาอยู่ในห้องทำงานแบบนี้

   “เฮ้อ”

   เครียดจากเรื่องงานไม่พอ พอตั้งสติได้เขาก็ต้องมาเครียดกับเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก ก็ภาวนาให้สิ่งที่พบเจอไม่ใช่สิ่งลี้ลับ
เพราะถึงแม้เขาจะไม่อยากโดนผู้ชายด้วยกันมาข่มเหง แต่เขาก็ไม่อยากทำงานในที่ที่มีสิ่งที่เขามองไม่เห็นแบบนั้น
   เสียงท้องร้องโครกครากเหมือนกับประท้วงให้นิทานหยิบพิซซ่าขึ้นมาทานได้แล้ว เขาหยิบถาดพิซซ่าออกมา ความร้อน
ของมันหายไปหมดแล้วเพราะผ่านไปหลายชั่วโมง แต่ถึงกระนั้น นิทานก็ไม่อยากจะสนใจสักเท่าไหร่ เขารู้แค่เขากำลังหิว ยังไงก็

ต้องหาอะไรทานลงท้องให้หายทรมานร่างกาย

   พอท้องเริ่มอิ่ม ความคิดก็เริ่มแล่น นิทานเริ่มไตร่ตรองกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาเริ่มมั่นใจมากขึ้นว่าสิ่งที่เขาเจอน่าจะเป็น
คนเหมือนกับเขา แล้วที่สำคัญ ที่บริษัทนี้ก็มีการรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนา ถ้าจะมีคนนอกเข้ามานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
   …คนคนนั้นต้องเป็นคนในบริษัทแน่ๆ…

   นิทานฟันธงให้คำตอบตัวเอง แต่เขาก็นึกไม่ออกว่าคือใคร เพราะผู้ชายที่ทำงานในบริษัทนี้ก็มีไม่ใช่น้อย แล้วที่สำคัญ เขา
เองก็เป็นผู้ชายตัวเล็ก คนอื่นๆที่อยู่ในบริษัทนี้ก็ตัวใหญ่กว่าเขาทั้งนั้น

   ได้แต่คิดไม่ตกกับสิ่งที่พยายามจะค้นหา แต่สุดท้ายแล้วก็เหมือนว่าคนตัวเล็กจะรู้ว่าคิดไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เมื่อสายตาไป
ปะทะกับกองแฟ้มเอกสารจำนวนมากที่รอให้เขาไปเคลียร์

   อย่างน้อยก็ขออาบน้ำแต่งตัวใหม่ ให้จิตใจมันปลอดโปร่งมากกว่านี้ แล้วค่อยไปเครียดต่อ



-------+++++-------

   

   “สีหน้าคุณนิทานดูไม่ค่อยดีเลยนะครับ”

   ธนัตถามอย่างเป็นห่วง ดูท่าแล้วนิทานคงไม่ได้นอนแทบทั้งคืน ขอบตานั้นดำคล้ำจนน่าสงสาร

   “ผมสบายดีครับ”

   เขาไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ธนัตก็รู้ดีว่าร่างกายของนิทานนั้นอ่อนเพลียมากแค่ไหน

   “คุณนิทานได้ทานอะไรหรือยังครับ”

   ผู้ใหญ่ที่โตกว่าเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงจากใจจริง นิทานได้แต่ระบายยิ้ม คิดว่าบิดาของเขาช่างเลือกหาเลขานุการได้ดี
เหลือเกิน นอกจากบิดาของเขาจะบริหารงานเก่งแล้ว การเลือกคนทำงานก็ยังเก่งไม่แพ้กัน
   “ยังเลยครับ”

   ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องของเขาในตอนเช้า เพราะนิทานล้าจนหลับไป และเหนื่อยจนเกินกว่าจะออกไปหาอะไรทาน แม้แต่
พิซซ่าในห้องเขาก็ยังไม่อยากจะทานซ้ำอีกเป็นรอบที่สองในตอนเช้า
   “งั้นเดี๋ยวผมไปซื้ออะไรมาให้ทานนะครับ”

   “เอ่อ ไม่เป็นไรหรอกครับ”

   “อย่าเกรงใจเลยครับ ผมนึกแล้วว่าคุณนิทานต้องยังไม่ได้ทานอะไร  เดี๋ยวผมฝากคนไปซื้อให้นะครับ”

   “อ่า ลำบากเปล่าๆครับ”
   นิทานเอง ถึงแม้ลึกๆเขาจะรู้ว่าตัวเองเป็นคนเอาแต่ใจ และไม่ค่อยยอมใคร แต่เขาก็เกรงใจคนที่อายุมากกว่า

รอยยิ้มของธนัตที่มองเขาเหมือนลูกหลานคนหนึ่งนั้น ทำให้นิทานไม่อาจจะปฏิเสธ

“คุณนิทานอยากทานอะไรครับ บอกผมมาได้เลย”
“เอ่อ อะไรก็ได้ครับ”

เขาเกรงใจจนทานอะไรก็ในตอนเช้า ธนัตพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะโทรศัพท์ไปสั่งใครบางคนให้ซื้อโจ๊กหมูมาให้กับเขาในตอนเช้า
นอกจากความเป็นผู้ใหญ่ของธนัตแล้ว ความห่วงใยที่ส่งมาก็ไม่ต่างจากญาติของเขา นิทานรู้สึกดีใจที่ได้พบเจอคนอย่างธนัต

วันนี้ธนัตเข้าบริษัทมาเช้าก่อนถึงเวลาเริ่มงานเป็นปกติเหมือนทุกวัน ก็คงไม่แปลกนัก ถ้าธนัตจะโทรไปหาใครสักคนเพื่อวานให้
อีกฝ่ายซื้ออาหารมื้อเช้ามาให้กับเขา ธนัตรู้ว่านิทานไม่ใช่พวกเรื่องมากในเรื่องของอาหาร ถึงแม้นิทานจะมีตำแหน่งเป็นถึงประธานบริษัท แต่ชายหนุ่มก็ชอบทานอะไรง่ายๆ เหมือนกับเด็กๆ นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ธนัตรู้สึกเอ็นดูนิทานเหมือนลูก
เหมือนหลานคนหนึ่ง

“เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ”

   “ครับ”

   “เดี๋ยวผมจะไปเตรียมเอกสารที่จะคุยกับลูกค้านะครับ เดี๋ยวถ้าโจ๊กมาแล้ว ผมจะให้เขาเอามาให้คุณนิทานในห้อง”

   “ขอบคุณมากครับ”

   พอธนัตออกจากห้องไปแล้ว นิทานก็ลอบถอนหายใจ ถึงเขาจะดีใจที่มีคนคอยดูแล แต่ก็อดคิดในเชิงลบไม่ได้ว่า ธนัตจะ
มองว่าเขาเป็นเด็กไม่โตหรือเปล่า แล้วถ้าธนัตคนที่เขาไว้ในมากที่สุดในบริษัทนี้ยังคิดว่าเป็นเพียงแค่เด็กไม่เหมาะสมกับ
ตำแหน่งประธาน แล้วเขาจะทำอย่างไร

   เหมือนว่าคิดไปก็ไม่ได้ช่วยให้นิทานรู้สึกผ่อนคลาย เขาจึงหยุดคิดและปล่อยเวลาให้ผ่านไปเหมือนพยายามไม่ใส่ใจกับมัน ทั้งที่เรื่องที่พาให้เครียดพวกนี้ก็ยังคงเก็บซ่อนเอาไว้ในใจของเขา


   ก๊อก ก๊อก ก๊อก

   “ครับ เชิญเข้ามาเลยครับ”

   แกร็ก

   นิทานที่กำลังยืนมองออกไปนอกกระจกห้องบานใหญ่ เขาไม่ทันได้หันกลับมามอง เพราะคิดว่าคงเป็นแค่คนมาส่งอาหาร
แต่ทว่าความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัวขึ้น เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้านั้นก็ทำให้นิทานต้องหันกลับมามอง

   “นี่ครับ”

   เขาบอกตากว้างอย่างตกใจ เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่อยู่เบื้องหน้า ป้ายชื่อที่นิทานเผลออ่านแล้วจำใส่สมองอย่างไม่ได้ตั้งใจนั้น
ทำให้เขาเผลอจำอีกฝ่ายได้

   “เอ่อ นายเองเหรอ”

   “ท่านประธานจำผมได้ด้วยเหรอครับ?”

   “อ่า…ก็จำได้นะ”

   ก็เพราะผู้ชายคนนี้ดูดีมากเหมือนกับนายแบบ จะไม่ให้เขาจำได้อย่างไรกัน

   “จะให้ผมวางไว้ตรงไหนดีครับ?”
   คำถามถูกส่งมาพร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มแย้ม นิทานได้แต่จ้องหน้ารามิลอย่างไม่ยอมกระพริบตา

   “หน้าผมมีอะไรติดหรือครับ?”

   “อ่อ เปล่าหรอก”

   พอรู้ว่าตัวเองเริ่มเสียมารยาทมากเกินไป นิทานได้แต่ยิ้มแห้งๆ หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่เอาไปใส่ใจ แต่ในใจของเขากลับรู้สึก
ไม่ค่อยดีนัก ไม่รู้ว่าทำไมพอละสายตาจากร่างกายนั้นแล้ว ดวงตาของเขากลับไปจ้องที่มือใหญ่นั้นไม่หยุด

   …ใช่มือคู่นี้หรือเปล่า…ที่สัมผัสเขาเมื่อคืน…

   “ท่านประธาน”

   เสียงทุ้มเรียกสติของนิทานให้กลับมา เขาเลิกลั่ก แล้วเดินไปนั่งลงบนโซฟา

   “เอ่อ โทษที พอดีฉันนอนไม่พอ”

   “อย่างนั้นเหรอครับ ถ้านอนไม่พอ…อย่างน้อยก็ควรจะนอนพักให้หายเพลีย ไม่อย่างนั้นจะไม่มีแรงนะครับ”

   ชายตัวสูงวางโจ๊กลงบนโต๊ะตัวเล็ก แล้วหันมามองนิทาน นิทานมองรามิล อย่างระแวง เขารู้ว่าตัวเองอาจจะคิดมากไป แต่
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันก็ทำให้เขาเริ่มคิดอะไรแปลกๆ

   หรือว่าจะมีคนโรคจิตแฝงตัวอยู่ในบริษัทนี้…แล้วคนคนนั้นคือใคร

   นิทานยังไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้ เขาก็ไม่อยากที่จะกล่าวหารามิล แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังคิดมาก หากมีคน
โรคจิตแฝงอยู่ในบริษัทของเขาจริงๆ เรื่องน่ากลัวอาจจะเกิดขึ้นมากกว่าเดิมในอนาคต
   ถึงจะรู้ว่าเป็นเรื่องร้ายแรง แต่นิทานก็ไม่อาจจะบอกเรื่องพวกนี้กับใครได้ เขาอับอายเกินกว่าจะบอกว่าโดนผู้ชายด้วยกัน
ลวนลามทางเพศ ทั้งที่เขาเป็นผู้ชายเหมือนกันแล้วทำไมเขาถึงป้องกันตัวเองไม่ได้ กลับไปโอนอ่อนต่อสัมผัสของผู้ชายโรคจิต
พรรค์นั้น

   …เขาต้องหาผู้ชายโรคจิตคนนั้นให้ได้…   

   “ท่านประธานครับ”

   “อ่า…”
   เขาสะดุ้ง เพราะมัวแต่เหม่อลอย คิดไปเรื่อยเปื่อย เสียงของรามิลทำให้นิทานละออกมาจากความคิด
   “ขอให้ทานโจ๊กให้อร่อยนะครับ ดูแลสุขภาพด้วย ผมไปแล้วนะครับ”

   เขากล่าวพร้อมกับรอยยิ้มสดใส แล้วหมุนกายจะเดินออก

   “เดี๋ยว!”

   นิทานก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้เรียกร่างสูงเอาไว้ รามิลหันมาหาคนตัวเล็ก พร้อมกับเลิกคิ้วเพียงครู่ นิทานหลุดออกมา
จากความคิดสับสนของตัวเอง

   …รามิลที่ดูแสนดีขนาดนี้จะเป็นคนโรคจิตได้ยังไงกัน…
   เขาคิดมากเกินไป นิทานได้แต่บอกตัวเอง ชายหนุ่มตัวสูงเลิกคิ้วเพียงครู่ แล้วพรูลมหายใจออกจมูก

   แค่งานที่ต้องทำทุกวันมันก็เครียดมากพออยู่แล้ว แต่นี่เขาต้องมานั่งกังวลเรื่องคนโรคจิตอีกอย่างนั้นเหรอ

   “ถ้าไม่มีอะไร งั้นผมไปนะครับ”

   เพราะนิทานเอาแต่เงียบ รามิลจึงได้เอ่ยขึ้นมา คนตัวเล็กได้แต่ยิ้มเจื่อน มองร่างสูงโปร่งเดินออกจากห้องไป เหลือเพียง
แค่เมฆหมอกแห่งความหวาดระแวงที่รายรอบกายเขาอย่างไม่ยอมหมดไป



-------+++++-------
   

   สิ่งมีชีวิต นอกจากจะต้องหากินเพื่อความอยู่รอดแล้ว หลังจากบริโภคไป ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องขับของเสียออกจาก
ร่างกาย นิทานเองก็เช่นกัน เขารู้สึกปวดปัสสาวะขึ้นมา เพราะว่าดื่มน้ำเข้าไปเยอะ
   นิทานออกจากห้องทำงาน มุ่งตรงไปยังห้องน้ำ ห้องทำงานของเขาไม่ได้มีห้องน้ำในตัว ส่วนห้องน้ำที่เขามุ่งตรงไปนั้น ยัง
มีห้องอาบน้ำอยู่ใกล้ๆ

   เมื่อมาถึงที่หมาย นิทานก็ไม่รอช้า รีบทำธุระส่วนตัวทันที

   “อ่า…”
   นิทานยืนปัสสาวะด้วยความผ่อนคลาย เขาหลับตาพริ้ม การได้ปัสสาวะก็เหมือนการปลดปล่อยความทุกข์อย่างหนึ่ง

   “!!!”

   แต่ทุกอย่างก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนนิทานตั้งตัวไม่ทัน ฝ่ามือใหญ่นั้นเลื่อนมาปิดดวงตาเขาเอาไว้ พร้อมกับมืออีกข้างที่
ล็อกคอของนิทานเอาไว้ให้เจ้าตัวดิ้นไม่หลุด

   การปัสสาวะของนิทานหยุดชะงัก เขารู้สึกตกใจ แต่เพียงครู่เดียวก็เหมือนมีอะไรบางอย่างมาปิดปากตาเขาแทน
   มันคือ ‘ผ้าปิดตา’

   นิทานไม่รู้เลยว่าเบื้องหน้าของเขาคืออะไร แม้การโจมตีในครั้งนี้มันจะคล้ายกับเมื่อคืนก็จริงอยู่ แต่ตอนนี้เขากำลังอยู่ในที่
สว่าง แถมมือของเขาก็เหมือนถูกจับไพ่หลัง

   “นี่แกเป็นใคร! แกกล้ามากที่ทำแบบนี้กับฉัน ไม่รู้หรือไงว่าฉันคือใคร!”

   “หึ”
   มีแต่เสียงหัวเราะในลำคอ นิทานอยากจะตะโกนเรียกให้คนช่วย แต่จู่ๆก็มีผ้ากลิ่นหอมบางอย่างยัดเข้ามาในโพรงปากของ
เขา ก่อนที่มือทั้งสองเขาจะถูกมัด

   “อึก”

   เพียงแค่ชั่วพริบตา ร่างทั้งก็ถูกจับอุ้มไปวางที่อ่างล้างหน้า นิทานคิดว่าผู้ชายที่สัมผัสเขาคือคนเดียวกับเมื่อคืน แต่พอมือหนาเริ่มกระชากเสื้อผ้าของเขาออก นิทานก็รับรู้ได้แล้วว่า คนคนนี้ไม่ใช่เดียวกับคนเมื่อคืนแน่นอน เขาสัมผัสได้ แม้จะไม่เห็น
หน้า

   “อื้ออ”

   เพราะโดนผ้ายัดปาก เสียงหวานจึงได้แต่คร่ำครวญในลำคอเท่านั้น ยามที่โดนฟันคมขบกัดยอดอก กายเล็กก็สะดุ้งผวา
ความรุนแรงนี้ทำให้นิทานกลัว

   …ผู้ชายคนนี้น่ากลัวเหลือเกิน…
   ความเป็นชายที่สั่นระริกเผยให้เห็นเพราะนิทานยังปัสสาวะไม่เสร็จ ถูกมือร้อนเค้นคลึงจนกายบางถอยหนี แต่ฝ่ามือร้อนก็รั้ง
สะโพกนิ่มเข้ามาใกล้ นิทานพยายามจะกระชากมือตัวเองให้หลุดออก แต่แรงบีบรอบแท่งเนื้อก็ทำให้คนตัวเล็กแทบจะร้องไห้
เขาปวดปัสสาวะจนจะกลั้นไม่อยู่ แต่นิ้วมือใหญ่นั้นก็กดปิดเอาไว้

   “อื้อ อื้อ”
   น้ำตาสีใสไหลอาบแก้มเนียน นิทานเกลียดคนที่ทำให้เขาต้องอับอายและหมดศักดิ์ศรีมากขนาดนี้

   “อึก”


   กายบางกระตุกแรง เมื่อลิ้นร้อนลากเลียไปตามแท่งเนื้อ ราวกับปลุกเร้า แต่กลับไม่ยอมให้นิทานได้ปลดปล่อย นิทานโดน
กระตุ้นจนร่างกายแทบจะทนไม่ไหว เขาร้องไห้ไม่ต่างกับเด็กตัวเล็กที่ถูกรังแก พยายามจะยกขาถีบร่างตรงหน้า แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะโดนได้ง่ายๆ เพราะคนตัวใหญ่จับขาเล็กดันจนต้นขาแทบจะชิดกับอก

   “อื้อ อื้อ”

   เมื่อความอดทนสิ้นสุด การกลั่นแกล้งที่เหมือนจบสิ้นลงนั้นกลับไม่ใช่ เพราะมันยิ่งทำให้คนตัวเล็กอับอายมากที่สุดในชีวิต


   “อะ อ๊ะ อ๊า!!”

   ทั้งช่องทางด้านบนที่เป็นอิสระเมื่อผ้าถูกดึงออก ช่องทางด้านล่างที่ถูกนิ้วแข็งแกร่งปิดเอาไว้ก็เปิดออก เสียงครางหวานดัง
พร้อมกับสายธารสีขาวและสีเหลืองที่ไหลพุ่งออกมาอย่างเต็มที่

   กายสูงใหญ่ขยับหลบสายธารทั้งสองที่ผสมปนกันจนแยกไม่ออก มีเพียงรอยยิ้มที่เกิดขึ้นที่มุมปากเท่านั้น นิทานนั่งหอบ
หายใจ เสียงฝีเท้าที่ถอยไกลไปเรื่อยๆ ทำให้นิทานนึกหวั่น

   ถึงแม้ผู้ชายคนนี้จะโรคจิต แต่ก็คือคนที่ทำให้สภาพของเขาย่ำแย่ เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายจากไปโดยที่ไม่ปลดพันธนการ
เขาแบบนี้

   “อย่าไปนะ!กลับมาแก้มัดฉันก่อน”

   นิทานลนลาน เขาขยับตัวไปมา พยายามจะลงจากขอบอ่างล้างหน้า จนตัวเองเคลื่อนตัวตกลงที่พื้น ก้นกระแทกพื้นด้วย
ความเจ็บ

   “กลับมา! ฉันบอกให้กลับมา!”

   นิทานอยากจะกรีดร้องให้ดังลั่น แต่เขาก็อายเกินกว่าจะทำมันได้ สุดท้ายคนตัวเล็กจึงได้แต่พยายามนั่งนึกหาหนทางแก้
มัดให้ตัวเอง อย่างน้อยตอนนี้ก็ขอแค่เอาผ้าปิดตาออกให้ได้ เขาก็จะรู้ว่าคนที่ทำกับเขาแบบนั้นคือใครกันแน่

   ประตูห้องน้ำปิดลง พร้อมกับป้ายที่แขวนไว้ว่ากำลังทำความสะอาด ในตอนนี้นิทานไม่กล้าเรียกใครทั้งนั้น เขาไม่อยากให้
ใครมาเห็นเรื่องน่าสมเพช

   ตึก ตึก

   ใจของนิทานเต้นรัวแรง เมื่อความรู้สึกกำลังบอกว่ามีใครบางคนกำลังตรงมาที่ห้องน้ำ

   ป้ายกำลังทำความสะอาดถูกหยิบออก ก่อนที่ประตูห้องน้ำจะเปิดขึ้น นิทานผวา เขาหนีบขาเข้าหากันแน่น ก้มตัวงอ ไม่
อยากให้ใครรับรู้ว่าเขากำลังโชว์ความเป็นชายที่ยามนี้คงเลอะเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำขาวขุ่นและน้ำปัสสาวะของตัวเอง

   “อย่ามองนะ!อย่ามอง!”

   เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่เข้ามาคือใคร แต่ขอแค่ใครก็ได้ ที่ไม่ใช่คนที่เขาเคยรู้จัก หรือเคยเห็นในที่ประชุม แต่เพียงครู่เดียว
ผ้าปิดตาของเขาก็ถูกดึงออก ดวงตาของนิทานเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา เสื้อผ้าบนร่างเขาหลุดลุ่ย ป้ายชื่อพนักงานที่ห้อยให้เห็น
ทำให้คนตัวเล็กไม่กล้าแม้แต่จะมองเจ้าของร่างกายสูงใหญ่นี้ ได้แต่มองป้ายชื่อเท่านั้น

   ‘ไอศูรย์’

   


100%

30/5/59


ฝากเพจด้วยค่ะ https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 2 ระแวง
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 30-05-2016 12:48:37
ตายแล้วบริษัทนี้มีแต่พวกโรคจิต อิอิ
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 2 ระแวง
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-05-2016 15:07:24
นิทาน โดนแกล้งต่อเนื่อง
โดยคนสองคน รามิล ไอศูรย์
แต่ทั้งสองคนจะรู้กันหรือเปล่า :katai1:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 2 ระแวง
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 30-05-2016 17:34:35
สงสารนิทานอ่ะ
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 2 ระแวง
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 30-05-2016 18:11:40
 :เฮ้อ:   สงสารอ่า
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 3 ล้อเล่น
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 30-05-2016 19:59:13

3
ล้อเล่น


   “ยะ อย่ามอง”


   ความอับอายเกิดขึ้นจนนิทานไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร สภาพของเขาในตอนนี้คงดูน่าสมเพชและน่ารังเกียจ เขาเป็นถึง
ประธานบริษัท แต่กลับโดนกระทำเรื่องน่าเกลียดแบบนี้

   “ท่านประธาน ทำไมถึง…”

   ไอศูรย์แสดงความแปลกใจ แต่ท่าทางของเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากมายนัก เขายังคงสุขุมและนิ่งสงบ นิทานก้มหน้าต่ำ
เอ่ยปากขอความช่วยเหลือแม้จะเขินอายมากแค่ไหนก็ตาม

   “ชะ ช่วยฉันที”

   ความเงียบยังคงเกิดขึ้น ชายหนุ่มยังไม่ได้เข้ามาช่วยนิทาน มีเพียงเสียงลมหายใจของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่ยังขาดเป็น
ช่วงๆ กับความทรมานที่เกิดขึ้นและไม่ได้ถูกปลดปล่อยออกมา

   “หมายถึงให้ผมช่วยเหรอครับ?”

   เขาถามเหมือนต้องการย้ำเตือนความต้องการของนิทานให้ชัดเจน นิทานอับอายเกินกว่าจะสนใจอะไร ได้แต่พยักหน้าตอบ
กลับไป

   “อ๊ะ”

   เพียงแค่ชั่วอึดใจ ไอศูรย์ก็เข้ามาประชิดร่างของเขา ชายหนุ่มช้อนตัวนิทานอุ้มขึ้นในท่าเจ้าสาว คนตัวเล็กได้แต่เงยหน้า
มองร่างสูงอย่างตกใจ

   “ผมจะพาไปล้างตัว”

   พอได้รับคำตอบแบบนั้น นิทานก็รู้สึกโล่งอก เขาโดนจับอุ้มมาวางที่ตรงอ่างล้างหน้า

   “นะ นายแค่แก้มัดให้ฉันก็พอ”

   ถ้าทำได้ นิทานคงอยากจะสลายหายตัวไปให้พ้นจากที่นี่ ไอศูรย์ไม่เอ่ยตอบรับอะไร แต่เขาก็ทำตามที่นิทานบอก ชาย
หนุ่มโน้มตัวไปแก้มัด

   “อ่า…”

   ความรู้แปลกๆเกิดขึ้นทันที กลิ่นน้ำหอมของชายหนุ่มแตะจมูกเขา ความร้อนรุ่มในกายที่เหมือนจะสงบนิ่งไปแล้ว กลับตื่น
ขึ้นมาใหม่

   สายตาคมมองอย่างสงสัย พร้อมกับคิ้วสวยที่เริ่มขมวดเข้าหากัน เมื่อมีบางอย่างชนเข้ากับที่หน้าท้องของเขา

   “มะ มันไม่ใช่นะ”

   เพียงครู่ก็ถูกร่างสูงตวัดสายตามอง นิทานไม่รู้หรอกว่าทำไมร่างกายของเขาถึงได้เป็นแบบนี้ แต่ที่รู้คือเขาไม่ได้มีเจตนาที่
จะทำให้ช่วงล่างของเขามันตื่นตัว

   “ให้ผมช่วยเรื่องนี้ด้วยสินะครับ”
   ความร้อนแผ่จากฝ่ามือไอศูรย์สัมผัสเข้ากับความเป็นชายที่ท้าทายสายตา ชายหนุ่มหลุบตามองเพียงนิด

   “มะ ไม่ใช่”

   นิทานอายเกินกว่าที่จะพูดออกไปให้ชัดเจน ปากอยากจะปฏิเสธ แต่แก่นกายที่โดนปลุกเร้า ทำให้เขาแทบจะหมดแรงต่อต้าน

   “ผะ ผม”

   เขานึกคำพูดอะไรไม่ออก อยากจะจับมือหนาให้หยุดสัมผัส แต่เรี่ยวแรงมันก็หายไปจนหมด สิ่งที่ตื่นตัวต้านแรงโน้มถ่วง
อยู่ภายใต้อุ้งมือร้อนผ่าว สายตาคมจับจ้องมอง ไม่อาจจะอ่านออกได้ว่าคิดอะไรอยู่ มีเพียงความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้น กลิ่น
น้ำหอมแตะจมูกจนนิทานเริ่มเวียนหัว เขาแทบไม่เหลือสติ

   “อะ อื้อ”
   การขยับขึ้นลง ยิ่งเพิ่มความสุขสมปนทรมาน เขายกมือขยุ้มเสื้อของไอศูรย์เอาไว้ ใบหน้านั้นซบเข้าที่แผงอก ร่างกาย
เหมือนบิดเบี้ยวไม่ใช่ของตนเอง

   ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดอยู่ข้างต้นคอเล็ก พร้อมกับความร้อนผ่าวที่เคลื่อนที่ขึ้นลงที่ใจกลางลำตัว

   “ยะ อย่า อื้อ”
   “ผมกำลังช่วยคุณ”

   เขาเอ่ยบอกเสียงเรียบ พร้อมกับมือร้อนที่ขยับไม่หยุด ปลายนิ้วโป้งถูไถไปมาที่บริเวณส่วนปลาย นิทานปรือตามองอย่าง
ยากลำบาก ใจกลางลำตัวสั่นระริก

   “อะ อื้อ อึก”
   การช่วยเหลือยังคงดำเนินต่อไป จนกระทั่งคนตัวเล็กกระตุกเกร็ง ปลดปล่อยความอึดอัดทรมานที่เกิดขึ้น เขาหอบหายใจ
ฟุบหน้าไปกับแผ่นอกกว้าง สติเหลือเพียงน้อยนิด

   “แฮกๆๆ”

   เสียงหอบหายใจดังก้องห้องน้ำ เขาทั้งเพลียทั้งเหนื่อยล้า เพราะนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาปลดปล่อยออกมาในวันนี้ ไอศูรย์
ค่อยๆคลายมือที่กำรอบแก่นกาย น้ำขาวขุ่นเปรอะเปื้อนไปทั่วมือหนา

   “ขะ ขอโทษ”
   เขาไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยใส่มือของไอศูรย์ นิทานเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไอศูรย์ถึงได้ทำแบบนี้ เขามองชายหนุ่มที่เปิดก๊อก
น้ำเพื่อล้างมือ นิทานได้แต่กุมมือปิดส่วนกลางลำตัวเอาไว้ เขาไม่กล้าสบตากับไอศูรย์

   “นายออกไปจากห้องน้ำก่อนได้ไหม”
   น้ำเสียงนั้นสั่นเทา แม้เจ้าตัวจะพยายามประคองให้เป็นปกติก็ตามที แต่มันก็ดูเหมือนว่าจะยากลำบากเหลือเกิน

   “ให้ผมช่วยดีกว่า”

   “ไม่เป็นไร”

   แค่นี้เขาก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว นอกจากจะต้องมาเปลือยต่อหน้าพนักงานที่บริษัท ยังจะโดนผู้ชายด้วยกันใช้มือ
ช่วยตัวเองอีก

   ปัญหาเรื่องที่เขาโดนไอ้โรคจิตลวนลาม มันไม่เทียบเท่ากับเรื่องที่ต้องมาอับอายต่อหน้าไอศูรย์

   “ได้โปรด ออกไป”
   “ผมกลัวว่าท่านประธานจะ…”

   “ได้โปรด ฉันบอกให้ออกไป ถ้านายเป็นห่วงฉัน  แค่ยืนเฝ้าที่หน้าห้องน้ำ อย่าให้ใครเข้ามาก็พอ”

   “ก็ได้ครับ”

   พอได้รับคำตอบแบบนั้น เขาก็แทบจะพรูลมหายใจออกมา เสียงฝีเท้ากำลังก้าวเดินออกจากห้องน้ำ ทำให้คนตัวเล็กเริ่ม
ผ่อนคลายความเครียดมากขึ้น
   ปัง

   “เฮ้อ”



   สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจ เอนศีรษะพิงเข้ากับกระจก นิทานยกมือปิดหน้าตัวเอง เขาอยากร้องไห้ เขาอยากจะปล่อยน้ำตา แต่ก็เหมือนทุกอย่างมันอัดแน่นไปหมด เขาทั้งกลัว ทั้งสับสน และกังวล

   “ไม่…”
   เขาต้องย้ำเตือนกับตัวเอง มือเล็กลดลง ดวงตาทั้งคู่มองในกระจก เห็นสภาพที่น่าสมเพชของตัวเอง เพียงครู่เขาก็สูดลม
หายใจเข้าลึกๆ

   เขาไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว เขาเป็นถึงประธานบริษัท เขาจะไม่มีวันยอมทำตัวน่าสมเพชเด็ดขาด เขาไม่ต้องการความ
สงสาร ความเห็นใจ เขาไม่อยากให้ตัวเองต้องอ่อนแอ
   นิทานสะบัดศีรษะไล่ความรู้สึกที่หวาดกลัวออกไป เขาตวัดหันไปมองที่พื้น มันสกปรกด้วยคราบน้ำปัสสาวะและคราบน้ำอสุจิของเขา


   “ใจเย็นๆ”
   เสียงนั้นทวนพร่ำบอกกับตัวเองวนซ้ำไปมา เขาต้องมีสติ เขาต้องไม่ตกเป็นเหยื่อของคนชั่ว

   พอสติกลับมา นิทานก็รีบจัดการกับตัวเอง เขารีบล้างทำความสะอาดร่างกาย แล้วสวมใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย รีบวิ่งไปกด

ล็อกประตูห้องน้ำชั้นนอก
   ถึงแม้ปกติเวลาอยู่บ้านจะมีคนคอยทำความสะอาดห้องน้ำให้ แต่ในตอนนี้เขาไม่อาจจะยอมให้แม่บ้าน หรือพนักงานคน
ไหนมาเห็นสภาพอันน่าสังเวชใจของเขาเด็ดขาด

   “อ๊ะ…”
   มือของเขาชะงัก เมื่อนึกขึ้นได้ว่า มีคนอื่นรับรู้เรื่องนี้ คนคนนั้นก็คือไอศูรย์ เขาไม่รู้ว่าไอศูรย์เป็นคนยังไง แต่จากท่าทาง
ของอีกฝ่ายก็ดูเป็นคนที่เงียบขรึมและดูใจเย็น ไอศูรย์ไม่น่าจะพูดมากเรื่องของเขา แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น นิทานก็ไม่อยากจะไว้ใจ

   “เสร็จสักที”

   ชายหนุ่มยกหลังมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก แล้วโยนไม้ถูพื้นให้เข้าไปอยู่บริเวณมุมกำแพง เขาเดินไปล้างมือ แล้วเดินออก
จากห้องน้ำ
   “นาย!”

   พอเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นไอศูรย์ยืนอยู่ คนตัวสูงหันมามองเจ้านายของตัวเอง

   “ครับ?”

   เขาเลิกคิ้วเพียงนิด ราวกับสงสัย นิทานกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ
   “ทำไมนายยังอยู่ที่หน้าห้องน้ำอีก”

   “ก็ท่านประธานสั่งให้ผมเฝ้าหน้าห้องน้ำไม่ใช่เหรอครับ”

   ไอศูรย์ไม่ได้กวนประสาท แต่แค่ทวนคำสั่งที่ได้รับ นิทานพยายามหายใจเข้าออกให้จังหวะปกติมากที่สุด พอคิดดูแล้ว นิทานก็พูดแบบนั้นออกไปจริงๆ

   เขาเดินเข้ามาหาไอศูรย์ แล้วเงยหน้ามองชายหนุ่ม ใบหน้าที่อ่อนวัยนั้นเต็มไปด้วยความจริงจัง

   “ฉันอยากให้นายเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ”
   “ครับ?”

   “ก็เรื่องที่นายเห็นฉันในห้องน้ำไงเล่า!”

   พูดไป ก็แก้มแดงไป นิทานไม่อยากจะนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็อดคิดถึงไม่ได้

   “รวมถึงเรื่องที่ผมช่วยคุณด้วยหรือเปล่าครับ”

   เขาถามหน้าตาย ไม่ได้แสดงอารมณ์ว่าต้องการล้อเล่นกับท่านประธานบริษัท นิทานไม่ได้โต้ตอบอย่างเสียงดังแบบเมื่อครู่
เขาได้แต่พยักหน้าเบา และตอบรับในลำคอ

   “อืม…นั่นด้วย”

   “ครับ”

   “ฉันอยากให้นายลืม ลืมไปให้หมด”

   “ความจำของคนเรามันไม่ได้สั่งให้ลืมได้ง่ายขนาดนั้นหรอกนะครับ”

   รอยยิ้มจางๆเริ่มเกิดขึ้นที่ริมฝีปากสวย นิทานเงยหน้ามองไอศูรย์ พนักงานคนนี้เหมือนกำลังถือไพ่เหนือเขา แต่ถึงกระนั้น
ชายหนุ่มก็ไม่ได้มีท่าทีแปลกไปจากเดิมสักเท่าไหร่นัก

   “นายต้องเก็บเป็นความลับ ห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใครเด็ดขาด เข้าใจไหม”

   นิทานเดินเข้าไปประชิดชายหนุ่มมากขึ้น ภาพของทั้งคู่ไม่ต่างกับเด็กมัธยมตัวเล็กที่หาเรื่องผู้ใหญ่เลยสักนิด ไอศูรย์คลี่ยิ้ม
เพียงนิด แล้วเคลื่อนกายเข้ามาใกล้นิทาน คนตัวเล็กเผลอกลั้นหายใจ

   “เนคไทเบี้ยวน่ะครับ”

   ว่าพลางจับเนคไทของนิทานขยับให้ตรงกลาง แล้วขยับกายถอยออกห่าง ก่อนจะหมุนกายจะเดินจากไป

   “เดี๋ยวก่อนสิ แล้วเรื่องที่ฉันบอกนาย นายเข้าใจใช่ไหม”
   ไอศูรย์หยุดเดิน แล้วหันมามองนิทานพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ

   “ครับ”

   มีเพียงคำตอบรับที่เหมือนจะเข้าใจแล้ว ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินจากไป นิทานยืนเครียดอยู่หน้าห้องน้ำเพียงครู่ ก่อนจะพรูลม
หายใจ เขาต้องรีบกลับไปที่ห้องทำงาน

   “ท่านประธานไปไหนมาเหรอครับ ผมเข้าไปในห้องแล้วไม่เจอ”

   ธนัตเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นนิทานเดินกลับมายังห้องทำงาน ชายหนุ่มนิ่งไปพักใหญ่ เพราะเผลอคิดถึงเหตุการณ์ในห้องน้ำนั้นอีก
จนได้

   “ครับ ว่าอะไรนะครับ?”

   “ผมเห็นคุณไม่อยู่ในห้องน่ะครับ ก็เลยเป็นห่วง”

   เขาไม่ได้หายตัวไปแค่ชั่วครู่ แต่หายไปนานร่วมชั่วโมงเลยก็ว่าได้ ไม่แปลกถ้าธนัตจะเป็นห่วงเขา

   “พอดีผมท้องเสียนิดหน่อยน่ะครับ”

   “อ่า…มิน่า คุณดูหน้าซีดๆ”
   “ผมไม่เป็นอะไรแล้วล่ะครับ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ”

   “ไม่ได้หรอกครับ ผมต้องเป็นห่วง”

   “ผมไม่เป็นไรจริงๆครับ”

   “ไปหาหมอไหมครับ ผมว่าคุณควรจะไปหาหมอ”

   ธนัตเป็นห่วงเขาในฐานะญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง นิทานเองก็ไม่อาจจะบอกธนัตได้ว่าตอนนี้เขากำลังกังวลและเหนื่อยกับเรื่อง
อะไร

   “อย่าเลยครับ ผมเป็นไม่มาก สงสัยจะกินอะไรแปลกๆเข้าไปน่ะครับ”

   “แบบนั้นยิ่งไม่ได้ใหญ่เลยนะครับ”

   “เอาเป็นว่า ขอแค่จัดยามาให้ผมกิน เดี๋ยวผมก็หายแล้วล่ะครับ”
   เขาไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่ แต่ธนัตก็เป็นห่วงเขามากจริงๆ เขาเองก็รู้สึกเกรงใจธนัตมากพอสมควร ไหนจะดูแลเขาใน
เรื่องของงานที่บริษัท ไหนจะธุระอื่นๆที่อีกฝ่ายเต็มใจจะช่วยดูแลอย่างเต็มที่ราวกับเขาเป็นลูกหลานคนหนึ่ง

   “อย่างนั้นก็ได้ครับ เดี๋ยวผมจะลงไปซื้อยามาให้นะครับ”

   “ขอบคุณมากครับ”

   นิทานกลับเข้ามาในห้องพัก เขาเอนกายลงนั่งบนโซฟา ในหัวทั้งสับสน ทั้งวุ่นวาย

   …เขากำลังโดนคุกคามทางเพศ…
   คนที่ทำอนาจารกับเขามันต้องเป็นคนในบริษัทนี้แน่ๆ ต้องเป็นคนข้างใน ไม่น่าจะเป็นคนข้างนอก เพราะเขาโดนทั้งกลาง
คืนและกลางวัน

   …มี 2 คน…

   นิทานรู้สึกได้ว่า เขากำลังโดนพวกโรคจิตสองคนเล่นงาน แต่บางที คนโรคจิตพวกนั้นอาจจะมีมากกว่าสองคนก็ได้

   “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน”

   คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ได้แต่ยกมือกุมศีรษะตัวเอง เขาต้องทำอะไรสักอย่างที่จะให้เขาไม่ตกต้องอยู่ในอุ้งมือไอ้พวก
โรคจิตนั่น



-------+++++-------



   “คุณธนัตครับ เข้ามาหาผมในห้องที”

   ชายหนุ่มกดโทรศัพท์เรียกธนัตให้เข้ามาในห้อง ไม่นานนักธนัตก็เข้ามานิทาน มองชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ของประธาน
บริษัท
   “ครับ คุณนิทาน”

   “ผมต้องการให้คุณ ไปเอาคลิปจากกล้องวงจรปิด ตรงแถวทางเดินมาห้องผม กับแถวหน้าห้องน้ำให้ผมที”

   “ทำไมจู่ๆ คุณนิทานถึงได้”
   “ผมแค่อยากรู้อะไรนิดหน่อยน่ะครับ”

   ถ้าใช้คำว่านิดหน่อย ก็เรียกได้เลยว่าโกหก นิทานไม่ได้อยากแค่รู้ แต่เขาต้องตามจับคนร้ายให้ได้ เขาจะเป็นคนจับมันด้วย
ตัวเองแล้วจับพวกมันส่งตำรวจ

   “เอ๊ะ ? มีอะไรหรือเปล่าครับ”

   “ไม่มีอะไรหรอกครับ รบกวนคุณช่วยผมทีนะ”

   แม้ธนัตจะสงสัยมากแค่ไหน แต่ก็ไม่กล้าจะถามอะไรไปมากกว่านี้ เพราะยังไงซะ นิทานก็คือเจ้านายของเขา แม้อีกฝ่ายจะ
อายุน้อยกว่าเขามากก็ตามที

   ธนัตจัดการเรื่องคลิปในกล้องวงจรปิด แล้วหยิบแฟรชไดร์ฟที่มีไฟล์คลิปมาให้กับชายหนุ่ม

   “ขอบคุณมากครับ”

   “ครับ”

   พอหมดธุระ ธนัตก็กลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ นิทานมองธนัตที่เดินออกจากห้องไปแล้ว เขาจึงรีบเปิดคลิปดู คลิปที่เขาได้รับมานั้นเป็นคลิปของทั้งวัน

   “เวลาน่าจะประมาณนี้”

   นิทานคลี่ยิ้ม เมื่อเปิดคลิปแล้วเห็นตัวเองกำลังเดินถือพิซซ่าเดินออกจากลิฟต์ เขากดย้อนเวลาไป ก็ไม่เจอใครเดินมาแถว
นี้ แถมพอหลังจากไฟดับ ภาพทั้งหมดก็หายไป

   “นี่มันอะไรกัน”

   เขาพยายามกดเปิดดูอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าคลิปจะดูได้แค่เวลาก่อนที่ไฟจะดับเท่านั้น

   “โถ่เว้ย แบบนี้ก็ไม่รู้สิ ว่ามันเป็นใคร”

   มือเล็กทุบลงที่โต๊ะ เขากัดปากตัวเองแน่น ไม่อยากจะหงุดหงิด แต่ตอนนี้เขาก็หงุดหงิดมากจริงๆ

   นิทานพยายามตั้งสติ เขาไม่ควรจะหงุดหงิด อย่างน้อย อีกคลิปที่เขามีก็น่าจะช่วยอะไรเขาได้

   “ใช่…อีกคลิปมันต้องมีแน่ๆ คงไม่ซวย คลิปมาเสียตอนไอ้ชั่วนั่นมาหรอกนะ”

   เขากำลังภาวนา อยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ใจร้องขอ แต่บางครั้ง คำขอกับความเป็นจริงก็ตรงกันข้าม

   ปัง!

   เขาแทบจะทุบคอมบนโต๊ะ เมื่อทุกอย่างมันเกิดขึ้นไม่ต่างกับคลิปแรก ภาพสิ้นสุดแค่เขาเดินไปเข้าห้องน้ำ แล้วก็เล่นต่อ
เป็นฉากที่ไอศูรย์เดินจากเขาไป หลังจากที่เกิดเรื่อง

   “ไอ้โรคจิต พวกแกเป็นใครกันแน่”

   นิทานพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเอง เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เขาควรจะแจ้งตำรวจ แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เขากล้าทำ เขา
อับอายเกินกว่าจะให้ใครมารู้ว่าเขาถูกผู้ชายด้วยกันกระทำเรื่องอนาจาร

   “คุณธนัตครับ”

   นิทานทนไม่ไหว เขากดต่อสายไปยังธนัต บางทีไฟล์คลิปอาจจะมีไฟล์อื่นอีก เขาต้องรู้ให้ได้ว่าพวกมันเป็นใคร

   [ครับ คุณนิทาน]

   “ไฟล์คลิปที่คุณเอามาให้ผม มันเสียนะครับ มีไฟล์อื่นอีกไหมครับ”

   [อ่า…เสียเหรอครับ]

   “ใช่ครับ มันเสีย ผมอยากได้ไฟล์ใหม่ คุณช่วยติดต่อให้ผมเดี๋ยวนี้เลยนะครับ”

   [ได้ครับ]

   นิทานนั่งถอนหายใจ เขาเอนกายพิงเบาะ เพียงไม่นานก็มีสายเรียกเข้าจากธนัต นิทานระบายยิ้มอย่างมีความหวัง

   “ของวันที่คุณนิทานต้องการที่บริเวณสถานที่เหล่านั้น ไฟล์มีแค่นั้นครับ”

   [งั้น…ผมขอดูกล้องทุกตัว ของวันที่ผมบอก]

   “ได้ครับ”

   ให้มันรู้ไปสิ ว่าจะไม่ปรากฏภาพผู้ร้ายเลยสักไฟล์เดียว ใบหน้าหล่อเริ่มเผยให้เห็นถึงความหงุดหงิด

   “คุณนิทานครับ ได้แล้วครับ”

   ทรัมไดร์ที่บรรจุคลิปที่นิทานต้องการ ได้ถูกธนัตนำมายื่นให้ ชายหนุ่มเอ่ยขอบคุณ แล้วบอกให้ธนัตออกไปจากห้อง

   “ให้มันรู้ไปสิ ว่าแกจะรอดสายตาฉันไปได้”

   ตี๊ดดดดดดดด

   !!!

   ดวงตาคู่สวยฉายให้เห็นถึงความไม่พอใจ ความหงุดหงิดเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เพราะทุกคลิป ไฟล์เสียทั้งหมด

   …นี่มันแย่กว่าสองคลิปก่อนหน้า เพราะก่อนหน้านี้ยังมีภาพให้เห็นบ้าง แต่คลิปที่มาทีหลัง คือเปิดดูอะไรไม่ได้เลย…

   “โถ่เว้ย!!”

   มือเล็กกวาดแฟ้มบนโต๊ะลงพื้น ด้วยความโมโห เขาต้องรู้ให้ได้ว่าไอ้โรคจิตที่มันคุกคามทางเพศเขาเป็นใครกันแน่

   …เขากำลังโดนพวกมันล้อเล่น…ไม่อย่างนั้น ทุกคลิปต้องเสียเหมือนกันหมด…ไม่ใช่เปิดได้แค่ไฟล์ที่เป็นบริเวณที่เกิดเหตุ
การณ์แย่ๆนั่น…   

   “ทำยังไงดี จะขอให้ใครช่วยก็ไม่ได้ เรื่องน่าสมเพชแบบนั้น”

   ตอนนี้ นิทานไม่ต่างกับตกอยู่ในความมืด แม้ทุกอย่างมันเหมือนภาพหลอน แต่เขาก็รู้ว่ามันคือความจริง เขาไม่อาจจะ
ยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ เขาไม่รู้เลยว่าไอ้โรคจิตพวกนั้นมันต้องการอะไรจากเขากันแน่

   “มันจะหยุดหรือเปล่า…”

   เขาคิดหาทางไม่ออก และกำลังจะพยายามมองโลกในแง่ดี ว่าคนพวกนั้นอาจจะไม่ได้มาทำเรื่องชั่วๆกับเขาอีก

   “เฮ้อ”
   นิทานก้มมองแฟ้มเอกสารที่เขาปัดตกพื้น ด้วยความที่เป็นลูกคนเล็ก โดนตามใจมาตั้งแต่เด็ก แท้จริงแล้วเขาก็มีนิสัย
เอาแต่ใจ และใจร้อนอยู่พอสมควร แต่ก็พยายามข่มมันเอาไว้ เพราะตอนนี้เขากำลังเป็นผู้ใหญ่ เขาเป็นถึงประธานบริษัท

   “ใจเย็นๆ”

   ชายหนุ่มได้แต่บอกกับตัวเอง ในขณะที่เก็บแฟ้มเอกสาร งานมากมายรอเขาอยู่ พอคิดดูแล้ว เรื่องไอ้โรคจิตนั่นแทบจะเป็นเรื่องเล็กไปเลย


    เขาเป็นผู้ชาย ไม่ได้มีอะไรเสียหาย ไม่ได้เสียตัว ท้องก็ไม่ได้ แต่ก็เสียศักดิ์ศรี เขาอยากจะตามจับเจ้าพวกชั่วนั่น แต่สมอง
ก็เหมือนพยายามทำให้เขาสนใจเรื่องอื่นมากกว่า

   “ฉันจะถือว่าครั้งนี้เป็นโชคร้ายของฉัน และเป็นโชคดีของพวกแก ที่ไฟล์คลิปมันเสีย ถ้ามีอีกครั้ง ฉันจะไม่ปล่อยพวกแกเอา
ไว้แน่”

   

-------+++++-------



   กาลเวลาเคลื่อนผ่าน ความมืดมิดเข้ามาแทนความสว่าง ร่างกายสูงใหญ่ยืนอยู่ชิดริมหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่สูงเท่าตัว
คน ภายในห้องนอนที่ตกแต่งไว้ด้วยโทนสีขาวสะอาดตา นิ้วเรียวยาวเลื่อนกดสัมผัสหน้าจอโทรศัพท์เพื่อรับสายเรียกเข้า พร้อม
กับรอยยิ้ม

   “ดูสิว่าใครโทรมาเอ่ย…”

   [ฝีมือนายใช่ไหม]


   เสียงทุ้มจากปลายสายทำให้คนที่กดรับสายหัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดี

   “อะไรทำให้นายคิดแบบนั้นล่ะ”
   [คลิปเสียเยอะขนาดนั้น มันไม่บังเอิญไปหน่อยหรือไง]

   “นั่นสินะ บังเอิญจริงๆ ที่เป็นวันนั้นที่ฉัน… แล้วก็เป็นวันที่นาย…”

   [อย่ามาใส่ความฉัน]   

   “ใส่ความงั้นเหรอ…ถึงฉันไม่ทำ นายก็จะไปทำอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ ฉันก็แค่ชิงลงมือทำให้ก่อนก็เท่านั้น ควรจะขอบใจฉันสิ”

   [นายมันโรคจิต]

   ร่างสูงหมุนกาย แล้วก้มมองรูปถ่าย ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาดู เขาระบายยิ้มอย่างอารมณ์เมื่อมองใบหน้าน่ารักของผู้ชายที่เป็น
ถึงประธานบริษัทที่เขาทำงานอยู่

   “ว่าแต่ฉัน…นายก็คงเป็นพวกซาดิสนิยมความป่าเถื่อนล่ะสิ”
   [หึ]

   มีเพียงเสียงหัวเราะในลำคออย่างแผ่วเบา ก่อนที่สายโทรศัพท์จะถูกตัดไป เขาหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี แล้วไล้นิ้ว
เล่นไปตามโครงหน้าของนิทานในภาพ ก่อนจะยกยิ้มเพียงนิด ดวงตาจับจ้องที่ใบหน้าขาวเขียนไม่วางตา

   “ถ้าเต็มไปด้วยน้ำขาวขุ่น…คงจะน่ารักสุดๆ”



100%

ฝากเพจด้วยจ้า
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 3 ล้อเล่น
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 30-05-2016 20:19:30
แร๊งงงสสสส์
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 3 ล้อเล่น
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 30-05-2016 20:47:26
 :hao4:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 4 เลขานุการ
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 30-05-2016 21:53:18
4
เลขานุการ




   เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้น แม้การใช้ชีวิตจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย เพราะนิทานยังคงรู้สึกไม่สบายใจที่เขาใช้ชีวิตในบริษัท  เขาอด
ไม่ได้ที่จะหวาดระแวงในยามที่ต้องเดินขึ้นไปทำงาน หรือทุกครั้งที่เข้าไปในห้องน้ำ

   “เอกสารฉบับนี้ รบกวนส่งไปพิจารณาด้วยนะครับ”

   การทำงานวันนี้ เหมือนดังทุกวัน เพียงแต่เขายังไม่เจอหน้าของเลขานุการของตัวเอง นอกเหนือจากนี้เหตุการณ์ทุกอย่างดู
ปกติดี ไม่มีอะไรที่เกิดขึ้น จนนิทานเริ่มจะสบายใจ

   “บางทีเจ้าพวกนั้น อาจจะหายไปแล้วก็ได้”

   เขาคลี่ยิ้มอย่างมีความสุข บิดกายไปมาในขณะที่นั่งอยู่บนโซฟา นิทานเอนกายนอนหลังจากที่เคลียร์เอกสารบนโต๊ะเสร็จ
เรียบร้อยแล้ว

   ก๊อกๆๆ

   ทันทีที่ได้ยินเสียงเคาะประตู เขาก็เด้งตัวลุกนั่งอย่างรวดเร็ว

   “เชิญครับ”

   “ขออนุญาตครับ”

   ชายหนุ่มตัวสูงที่เดินเข้ามา ทำให้นิทานชะงักไป เขาตัวค้างแข็งทื่อ เมื่อเห็นคนที่เขาไม่อยากจะพบเจอ

   “นะ นาย”

   “ครับ”

   ไอศูรย์สบตากับนิทาน คนตัวเล็กสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ราวกับต้องการสะกดกลั้นความคิดที่แสนวุ่นวาย ผู้ชายคนนี้กุม
ความลับของเขาเอาไว้ ความอับอายทำให้นิทานไม่อาจจะทนมองหน้าของไอศูรย์ต่อไปได้

   “นายเข้ามาในห้องฉันทำไม…”

   “ผมไม่รู้ว่าท่านประธานทราบหรือยัง เรื่องเกี่ยวกับคุณธนัต”

   “เอ๊ะ…”

   เขาเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ นิทานไม่ค่อยเข้าใจความหมายของไอศูรย์

   ก๊อกๆๆ

   เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง นิทานขมวดคิ้วฉับ ไอศูรย์เดินไปเปิดประตู ชายตัวสูงอีกคนที่เดินเข้ามาคือรามิล

   “สวัสดีครับ ท่านประธาน”

   รอยยิ้มสวยเผยให้เห็น รามิลมองประธานตัวเล็กที่กำลังจ้องมองเขาและไอศูรย์

   “ทำไมพวกนายสองคน ถึงเข้ามาในห้องฉัน”

   ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า ว่าคำถามนั้นเหมือนกับว่าตัวเองกำลังหวาดระแวงอะไรบางอย่าง ทั้งๆที่เขาเองก็ไม่เข้าใจว่า
ทำไมตัวเองจะต้องรู้สึกกังวล


   “เรื่องเลขาของท่านประธาน”ไอศูรย์กล่าว

   “หมายความว่ายังไง แล้วคุณธนัตไปไหน”

   “นั่นล่ะครับ คือเรื่องที่พวกเรามาที่นี่”รามิลเอ่ย

   “หืม?”


   นิทานยังคงไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น  วันนี้เขาเข้ามาทำงาน ก็ยังไม่เจอหน้าของธนัตเลย มีเพียงกองเอกสารที่วางเอาไว้

บนโต๊ะเท่านั้น

   “ฉันไม่เข้าใจที่พวกนายพูด”

   ประธานบริษัทตัวเล็ก เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับสบสายตาคู่สวยของรามิล ชายหนุ่มคลี่ยิ้ม แล้วเอ่ยขึ้น

   “พวกเราสองคน จะมาเป็นคนดูแลท่านประธานแทนคุณธนัตครับ”

   รามิลไขข้อข้องใจทั้งหมด แต่นิทานกลับรู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ เขาไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน

   “ไม่จริงน่า”
   ไม่อยากจะเชื่อง่ายๆ ถึงแม้ธนัตจะเคยพูดกับเขาเรื่องเปลี่ยนเลขานุการ ที่มาคอยดูแลเขาก็ตามที  นิทานเหลือบตามอง
ชายทั้งสองที่ไม่ได้มีท่าทีเปลี่ยนไปแต่อย่างใด

   “นายพูดจริงเหรอ…”

   คนที่หวั่นไหวก่อนกลับกลายเป็นนิทาน แม้เขาจะไม่อยากเชื่อก็ตาม แต่ท่าทางจริงจังของทั้งสองก็ทำให้นิทานอดหวั่นใจ
ไม่ได้

   “อันที่จริง เลขาของท่านประธานควรจะมีแค่คนเดียวครับ”ไอศูรย์เอ่ยขึ้น


   “แล้วทำไม ถึงมีพวกนายสองคน”

   ความสงสัยยังไม่จบสิ้นง่ายๆ รามิลระบายยิ้มสวย ก่อนจะเอ่ยตอบให้คนตัวเล็กได้คลายความสงสัย
   “ก็เพราะว่า พวกเราเหมือนถูกส่งมาให้ให้ท่านประธานเลือกครับ ว่าอยากได้ใครเป็นเลขา”

   “ผมต้องการคุยกับคุณธนัตเดี๋ยวนี้”
   นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ จะให้เขาเลือกใครมาทำงานแทน ก็เร็วเกินไปหน่อย นิทานรู้ดีว่าอายุของธนัตก็ไม่ใช่น้อยๆแล้ว อีกไม่
นานธนัตก็คงต้องออกจากตำแหน่งที่ดูแลเขาอยู่
   “งั้นเดี๋ยวผมโทรให้ครับ”

   ไอศูรย์รับอาสา ท่าทางสุขุม นิ่งสงบ นิทานแอบหวั่นใจ เขากลัวว่าไอศูรย์จะเผลอพูดเรื่องน่าอับอายคราวก่อนให้คนอื่นฟัง

   นิทานไม่เคยมีปัญหาอะไรกับรามิล ทำให้เขามองรามิลได้อย่างสนิทใจ อย่างน้อยการที่ในห้องมีรามิลอยู่ด้วย ก็ทำให้เขา
รู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่วายที่จะหวาดระแวง

   “ได้แล้วครับ”

   การต่อสายถึงธนัตใช้เวลาไม่นาน นิทานแอบเคืองคนสูงวัยที่ทอดทิ้งเขาได้ลงคอ ทำไมถึงจะให้เขาเปลี่ยนเลขานุการ
โดยที่ไม่บอกไม่กล่าวอะไรกับเขาเลย

   “สวัสดีครับ คุณธนัต”

   [สวัสดีค่ะ ท่านประธานเหรอคะ]
   กลับกลายเป็นว่าเสียงปลายสาย ไม่ใช่ธนัตเสียแล้ว นิทานขมวดคิ้วฉับ เขามองหน้าไอศูรย์ทันที

   เดิมทีแล้ว เขาก็ไม่ค่อยจะสนิทใจกับไอศูรย์ เพราะร่างสูงได้กุมความลับที่น่าอับอายของเขาเอาไว้

   “เอ่อ ใครพูดครับ”

   [ดิฉัน เป็นภรรยาของคุณธนัตค่ะ]

   “อ่อ เอ่อแล้วคุณธนัตล่ะครับ”

   [คุณธนัตอยู่โรงพยาบาลค่ะ]

   “!!!”

   พอได้ยินคำกล่าวจากภรรยาของธนัต นิทานก็เงียบไปพักใหญ่ เขาตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะได้ยินเรื่องแบบนี้

   “มันเกิดอะไรขึ้นครับ”

   [อยู่ๆเขาก็หมดสติ โรคหัวใจกำเริบน่ะค่ะ แต่ตอนนี้หมอให้ย้ายไปห้องพักพิเศษแล้วค่ะ]

   “ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ ทำไมผมไม่รู้เรื่องเลย”

   [ก็ตั้งแต่วันเสาร์แล้วค่ะ คุณธนัตบอกว่า ไม่อยากให้คุณนิทานไม่สบายใจ]

   “ผมจะไปเยี่ยมเขา”
   [ขอบคุณมากนะคะ]

   หลังจากทราบชื่อโรงพยาบาลที่ธนัตเข้าทำการรักษา เขาก็กดวางสาย นิทานหันมามองรามิลและไอศูรย์

   “ทำไมพวกนายไม่บอกฉัน ว่าคุณธนัตเข้าโรงพยาบาล”

   “ผมก็นึกว่าคุณทราบแล้วครับ”


   ไอศูรย์ตอบเสียงเรียบ แต่นั่นไม่ใช่คำตอบที่ทำให้นิทานพอใจ
   “ท่านประธานจะไปหาคุณธนัตตอนนี้เลยไหมครับ”

   รามิลพูดในสิ่งที่ทำให้นิทานพอใจขึ้นมาเล็กน้อย อันที่จริงไอศูรย์ก็ไม่ได้ทำเรื่องๆแย่กับนิทานแต่อย่างใด เพียงแต่คนตัว
เล็กระแวงไปตามประสา เพราะเขากลัวว่าความลับที่น่าอับอายของตัวเองจะถูกเปิดเผย แต่ดูจากท่าทีที่เงียบสงบของไอศูรย์
บางทีนิทานอาจจะคิดมากไปเองก็เป็นได้

   “งั้นฉันไปล่ะ”

   นิทานจะเดินออกจากห้อง รามิลเดินไปเปิดประตูให้กับร่างเล็ก

   “ขอบใจ”
   เขาบอกเสียงเรียบ นิทานไม่ใช่คนประเภทที่ชอบสนิทกับใครง่ายๆ เขาเดินออกจากห้อง ความรู้สึกที่มีคนเดินตามมา
ทำให้เขาต้องหันไปมอง

   “พวกนายสองคน ทำไม…”

   “พวกเราจะตามท่านประธานไปด้วยครับ”

   คนที่ตอบคำถามคือไอศูรย์ นิทานถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาไม่ค่อยชอบถูกคุมความประพฤติสักเท่าไหร่นัก

   “จะไปเป็นคนขับรถหรือไง”

   “ผมก็คิดว่าจะทำแบบนั้นอยู่แล้วครับ”

   นิทานออกจะหงุดหงิดเล็กน้อยกับใบหน้าที่เรียบเฉย เหมือนไม่สะทกสะท้านของไอศูรย์ เขาถอนหายใจเล็กน้อย รามิลเดิน
นำหน้านิทาน แล้วกดลิฟต์ให้

   “เชิญครับ”

   คนตัวเล็กกรอกตาเล็กน้อย รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังมีบอดีการ์ด เพราะตอนนี้เขามีผู้ชายตัวใหญ่ตั้งสองคนยืนขนาบข้าง ใน
ขณะที่เขายืนอยู่ตรงกลาง

   “รู้สึกแย่ชะมัด”

   แม้จะพูดเบาๆ แต่ก็เหมือนว่าไอศูรย์สัมผัสได้ถึงความหงุดหงิด ถึงจะเป็นอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป ในขณะที่รามิ
ลมีรอยยิ้มจางๆบนใบหน้า

   “พวกนายสองคน…เป็นเพื่อนสนิทกันเหรอ”


   ไม่รู้อะไรดลใจให้นิทานถามออกไปแบบนั้น รามิลเป็นคนแรกที่ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างแผ่วเบา

   “ทำไมท่านประธานคิดแบบนั้นล่ะครับ”

   ตึง

   ประตูลิฟต์เปิดออก ไอศูรย์กดปุ่มเปิดประตูค้างไว้ ให้ทั้งสองออกจากลิฟต์เสร็จแล้วตนจึงเดินออกมา

   “ไม่รู้สิ ความรู้สึกมันบอกล่ะมั้ง”

   “งั้นความรู้สึกคุณก็คงจะไม่ตรงกับความจริงสักเท่าไหร่”

   เสียงนั้นดังขึ้น หลังจากที่ไอศูรย์เดินออกจากลิฟต์ นิทานหันไปมองชายหนุ่ม เขาไม่อยากจะเอามาเป็นอารมณ์

   “พวกเราไม่ใช่เพื่อนสนิทกันหรอกครับ”


   รามิลพูดอธิบาย นิทานพยักหน้ารับรู้ แล้วเดินตรงไปยังรถยนต์ของตนที่ขับมาเองเมื่อเช้า

   “ท่านประธานอยากให้ผมขับ หรือให้เขาขับครับ”

   คนฟังคิดเพียงครู่ เขามองหน้ารามิลที่เอ่ยถาม แล้วมองไอศูรย์ที่ยังคงทำหน้านิ่งสงบ นิทานกระตุกยิ้ม

   “นายแล้วกัน”

   นิทานยื่นกุญแจรถให้กับไอศูรย์ รามิลหันไปมองเพื่อนร่วมงาน เขากระตุกยิ้มเหมือนเยาะเย้ยที่มุมปาก ไอศูรย์ไม่ได้ตอบโต้
อะไร นอกจากดวงตาคมกริบภายใต้กรอบแว่นที่มองตามรามิลไปเพียงครู่ ก่อนที่เขาจะไปเป็นสารถีขับรถ

   “คุณธนัตเป็นคนเลือกพวกนายสองคนให้มาเป็นเลขาของฉันเหรอ”

   เพราะอดทนต่อไปไม่ไหว จึงได้ถามออกไป รามิลที่นั่งอยู่เบาะหน้าข้างกับไอศูรย์เป็นคนเอ่ยตอบแทนคนขับรถ

   “ครับ ผมรู้สึกดีใจนะครับ ที่ได้มาเป็นหนึ่งในตัวเลือก”
   “ฉันเองก็ไม่คิดว่าคนที่คุณธนัตเลือกจะเป็นพวกนายเหมือนกัน”

   “ทำไมถึงคิดว่าจะไม่เป็นพวกเราล่ะครับ”

   ไอศูรย์เอ่ยขึ้นบ้าง พร้อมกับรถยนต์ที่หยุดจอดเมื่อถึงไฟแดง นิทานเงียบไป เขาพยายามจะไม่มองไอศูรย์ในแง่ที่ไม่ดี อัน
ที่จริงเรื่องวันนั้นก็ไม่ใช่ความผิดของไอศูรย์เลยแม้แต่น้อย เขาต่างหากที่กลัวจนมองอีกฝ่ายในแง่ร้ายไปได้

   “ก็ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่ไม่ค่อยได้เห็นหน้าพวกนายก็เท่านั้น”

   “อย่างนั้นเหรอครับ”
   น้ำเสียงของไอศูรย์เหมือนจะเชื่อแต่ก็มันก็แฝงไปด้วยความแปลกใจ นิทานเมินหน้ามองไปนอกกระจกหน้าต่างรถ รามิล
เหล่ตามองไอศูรย์ แล้วกดยิ้ม

   “ตลกนักหรือไง”

   เขาพูดเสียงไม่ดังมากนัก แต่มันก็ดังมากพอที่จะทำให้รามิลได้ยิน รามิลเหลือบตาไปมองไอศูรย์ แล้วเอ่ยขึ้น

   “ก็มากพอล่ะนะ”

   ไอศูรย์ไม่เอ่ยสวนกลับ รามิลพอจะเข้าใจว่าอีกฝ่ายอาจจะรู้สึกเหนื่อยหน่ายจนไม่อยากจะพูดเสวนาสิ่งใดกับเขา แต่เขาก็ไม่คิดมากอยู่แล้ว อยากจะทำอะไรก็เชิญได้เลย

   หลังจากที่สิ้นเสียงของรามิล ทุกอย่างในรถก็อยู่ในความเงียบ เขาเหลือบตามองกระจกรถที่อยู่เหนือศีรษะ ก็พบว่าท่าน
ประธานตัวน้อยหลับตาพักสายตาเสียแล้ว ไม่รู้ว่าแค่พักสายตา หรือว่าหลับไปจริงๆกันแน่

   …น่ารักชะมัด…   

   รามิลคิดขึ้นในใจ เขาอยากจะเลื่อนมือไปสัมผัสกับแก้มนิ่มในยามนี้เหลือเกิน ไม่ใช่แค่ความคิด แต่แขนยาวกำลังเลื่อนไป
ที่ข้างหลัง

   “อะ ฮึ่ม”

   เสียงกระแอมไอในลำคออย่างไม่ดังมากนัก เหมือนเรียกสติของรามิลให้กลับมา เพื่อไม่ให้เขาทำตามสัญชาตญาณของตัวเอง เขาเหลือบตามองไอศูรย์ที่เป็นคนส่งเสียง รามิลไม่ได้รู้สึกอยากขอบคุณ แต่ก็ถือว่าโชคดีอยู่บ้าง เพราะเป็นจังหวะที่นิทาน
ขยับกาย แล้วลืมตามาในอีกไม่ช้า

   …โชคดีที่ชักมือกลับทัน…

   นิทานมองชายทั้งสองที่นั่งอยู่เบื้องหน้า ดูท่าทางแปลกๆในสายตาเขา แต่พอมองนานๆ ก็ไม่เห็นเรื่องน่าสงสัยอะไร

   จนกระทั่ง รถยนต์เคลื่อนที่มาจอดที่ลานจอดรถของโรงพยาบาลที่เป็นสถานที่ที่ธนัตมารักษาตัว

   “เดี๋ยวผมไปเปิดประตูให้นะครับ”รามิลเอ่ย

   “ไม่ต้องหรอก”

   นิทานเอ่ยปฏิเสธความหวังดีของรามิล  เพราะเขาไม่ได้ต้องการให้พนักงานบริษัท มาเป็นคนขับรถคอยเปิดประตูให้
   “นี่ครับ”

   ไอศูรย์คืนกุญแจรถยนต์ให้กับนิทาน เขารับมันมาโดยที่ไม่ได้เอ่ยอะไร ก่อนที่ทั้งสามคนจะมุ่งตรงไปยังห้องพักพิเศษที่มี
ธนัตพักอยู่

   “คะ คุณนิทาน”

   ธนัตค่อนข้างตกใจที่เห็นนิทานมาหาเขาถึงที่นี่ นิทานยกมือไหว้ภรรยาของธนัต เขาเดินตรงไปที่เตียงผู้ป่วย

   “ทำไมคุณถึงไม่บอกผมล่ะครับ ว่าคุณป่วย”

   “ผมขอโทษครับ”

   “ผมเป็นเจ้านายที่แย่เองครับ ที่คิดว่าคุณไปติดต่อธุระ เลยไม่รู้ว่าคุณไม่สบายขนาดนี้”

   วงหน้าน่ารักเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ธนัตฝืนแรงที่มียกมือวางทับกับหลังมือเล็กของนิทานอย่างอ่อนโยน
   “ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกนะครับ ผมแค่ไม่อยากให้คุณไม่สบายใจก็เท่านั้น”


   “คุณเองก็เหมือนญาติผู้ใหญ่ของผม”
   “ขอบคุณครับ คุณนิทาน”
   “ขอโทษนะครับ ที่ไม่ได้เอาของเยี่ยมมาด้วย”

   นิทานเองก็มัวแต่คิดมาก จนลืมที่จะซื้อของเยี่ยมคนป่วย ปกติเขาก็ไม่ค่อยได้ไปเยี่ยมคนป่วยที่โรงพยาบาลสักเท่าไหร่นัก
เรียกได้ว่าจำครั้งสุดท้ายที่เคยเข้าโรงพยาบาลเพราะไปเยี่ยมคนอื่นไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

   “แค่คุณนิทานมา ผมก็ดีใจมากแล้วครับ”


   “ครับ แล้วอาการของคุณเป็นยังไงบ้างครับ”
   “หมอบอกว่าอาการผมดีขึ้นมากแล้วล่ะครับ คุณนิทานไม่ต้องเป็นห่วง”

   “ดีจังเลยครับ”

   เขาดีใจมาก จึงได้ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ ธนัตเหมือนญาติผู้ใหญ่ เป็นคนที่สอนเขาให้รู้งานต่างๆ เขาแทบจะนับถือธนัตเหมือนพ่อคนที่สอง

   “อ่า…คุณนิทานมากับ…”

   ธนัตเหลือบตาไปเห็นชายตัวสูงทั้งสองที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก ทั้งคู่กล่าวทักทายเลขานุการวัยกลางคน
   “คุณนิทานคงรู้เรื่องที่ผมฝากสองคนนี้ไปบอกแล้ว”

   “อันที่จริง ผมก็ไม่อยากจะคุยกับคุณตอนนี้ เพราะคุณยังไม่สบายอยู่”
   แม้อยากจะรู้ความจริงและเคลียร์ทุกอย่างให้ชัดเจนไปเลย แต่เขาก็เป็นห่วงสุขภาพของธนัต ไม่อยากให้อีกฝ่ายฝืนมาตอบ
คำถามเขา

   “คุยตอนนี้เลยก็ได้ครับ ดูเหมือนคุณนิทานไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่”

   ธนัตดูออกทันที เพราะความสงสัยของนิทานแสดงออกทางสีหน้าได้อย่างชัดเจน นิทานได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ

   “ถ้าคุณคิดว่าสะดวก ก็ได้ครับ”
   “ครับ เรื่องไอศูรย์ กับรามิล คุณพ่อของคุณเองก็พอจะทราบแล้วล่ะครับ”

   “แล้วทำไมอยู่ๆ ถึงให้สองคนนี้มาดูแลผม”

   “ทั้งรามิลและไอศูรย์ ต่างก็ทำงานได้อย่างดีครับ ผมคิดว่าคุณสมบัติของทั้งสองคนน่าจะช่วยอยู่เคียงข้างและสนับสนุนคุณ
ได้”

   ธนัตบอกอย่างจริงใจ นิทานนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อ

   “แต่ผมว่า คุณธนัตก็เป็นเลขาที่ยอดเยี่ยมมากๆเลยนะครับ”

   “ผมก็แก่ตัวลงทุกวัน อีกอย่างตอนนี้ร่างกายของผมก็ไม่ค่อยดี ผมคงทำงานให้คุณได้ไม่เต็มที่”

   “ผม…”
   “แต่ผมก็ดีใจที่ได้ดูแลคุณนิทานนะครับ”

   “ขอบคุณครับ ใจจริงผมก็อยากให้คุณเป็นเลขาให้กับผมแบบนี้ไปเรื่อยๆ แต่ผมเองก็อยากให้คุณได้พัก ผมไม่อยากให้
สุขภาพของคุณต้องแย่ลงไปมากกว่านี้”

   แม้นิทานจะเป็นลูกชายคนเล็ก และมีนิสัยเอาแต่ใจ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็เป็นคนที่ขี้สงสารและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เขาไม่
อยากให้ธนัตต้องป่วยหนักมากกว่าเดิมเพราะตัวเขา

   “แล้วผมจะต้องมีเลขาสองคนเลยเหรอครับ”

   นิทานเหลือบตามองไอศูรย์และรามิล ธนัตคลี่ยิ้มจางๆ

   “เรื่องนั้นแล้วแต่คุณนิทานเลยครับ ผมเสนอสองคนนี้ แต่ถ้าคุณอยากจะเลือกเพียงแค่คนเดียวก็ได้ครับ”

   “อ่า…”

   ถ้าให้เลือก เขาก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าควรจะเลือกใคร สายตาที่ไว้ใจและเชื่อใจในตัวชายหนุ่มทั้งสองของธนัต ทำให้
นิทานไม่ได้พูดอะไรออกไป นอกจากเก็บไปครุ่นคิดเท่านั้น

   หลังจากที่เยี่ยมธนัตเสร็จ นิทานก็คิดว่าเขาจะขับรถกลับบ้านเลย

   “ท่านประธานครับ รอด้วยสิครับ”

   รามิลรีบเดินตามนิทานที่เดินกึ่งวิ่งไปที่รถ นิทานเองก็ไม่รู้ว่าเขากำลังเป็นอะไร เหมือนจิตใจเขากำลังสับสนและ
หวาดระแวงกับอะไรบางอย่าง

   “ระวัง!!!”

   เสียงร้องของรามิลดังขึ้น นิทานเบิกตากว้าง ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยที่นิทานไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างของเขาเกือบ
โดนรถชน แต่โชคดีที่รามิลเข้ามากระชากตัวเขาหลบ แต่นั่นก็ทำให้พวกเขาทั้งสองเซล้มทับลงกับพื้น

   “!!!”

   นิทานเบิกตากว้าง เมื่อเขานอนทับรามิลอยู่ แต่นั่นก็ไม่เท่าความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้น
   …เขากำลังโดนจับก้น!...

   “นะ นาย”

   คนตัวเล็กเอ่ยเสียงติดขัด แต่ใบหน้าที่ทำเหมือนสงสัย และไม่เข้าใจ ทำให้นิทานเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่แดงซ่าน

   “นายจับก้นฉัน”

   “ครับ? ขอโทษครับ!”

   รามิลเลิกคิ้ว พร้อมกับมือใหญ่ที่ขยับรุนแรงขึ้น จนเหมือนเป็นการบีบก้นนิ่ม เป็นจังหวะเดียวที่ไอศูรย์เดินมาถึงทั้งคู่พอดี 
นิทานรีบดันกายลุกขึ้นด้วยความตกใจปนความอาย ส่วนรามิลค่อยๆยันกายลุกขึ้นตาม เขาหันไปมองไอศูรย์ ทั้งคู่สบตากัน ก่อนที่ทั้งสองจะกระตุกยิ้มมุมปาก โดยที่นิทานไม่ทันได้สังเกต

   


100%
30/5/59
ฝากเพจด้วยค่ะ https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/

ขอแปะลิ้งนิยาย -ของอากิ ที่อัพในเล้านะคะ

Play รักเล่น เล่นรัก (3P)
cr.ภาพ http://tsuru-tsurumi.exteen.com/images/Nase/Cigarette%20Kisses01.jpg
(http://tsuru-tsurumi.exteen.com/images/Nase/Cigarette%20Kisses01.jpg)

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53773.msg3379996#msg3379996

 

(http://cdn-tunwalai.obapi.io/files/member/48460/766454794-member.jpg)

'Royal tiger สามีผมเป็นเสือ' http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53735.msg3378586#msg3378586

 (https://scontent.fbkk2-1.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/12745534_1718876081713896_3205226376025540237_n.jpg?oh=b3ca6df222da94305d86d116c5c72f78&oe=57D7D721)
คุณพ่อครับ...มาเป็นเมียผมเถอะ
  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52889.msg3349707#msg3349707

(http://cdn-tunwalai.obapi.io/files/member/48460/638704249-member.jpg)
สะใภ้ขายาว
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53223.msg3359687#msg3359687




หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 4 เลขานุการ
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 31-05-2016 00:03:44
 :pig4: เหมือนกวางน้อยติดกับดักเสือไงไม่รู้
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 4 เลขานุการ
เริ่มหัวข้อโดย: chouxcream59 ที่ 31-05-2016 02:28:50
กรี๊ดดดดดดดด!! ต้อนรับเรื่องใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิมมค่า  :hao7:
ชอบแนวนี้จัง 3p พระเอกทั้งสองก็แลดูจิตๆดี ฮาาาา
ติดตามค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 4 เลขานุการ
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 31-05-2016 05:22:50
สนุกสุดๆ
อยากรู้ใครจะจิตกว่ากัน
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 4 เลขานุการ
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 31-05-2016 07:38:34
จะรอดไหมเนี่ยนิทาน
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 4 เลขานุการ
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-05-2016 08:26:25
ทำไมทั้งรามิล ไอศูรย์ เจาะจงมาที่นิทานคนเดียว :katai1:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 4 เลขานุการ
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 31-05-2016 08:34:17
 :z3: มีความจิตอ่อนๆ
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 4 เลขานุการ
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 31-05-2016 16:38:16
นิทานโดนรุมละ
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 4 เลขานุการ
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 31-05-2016 21:37:06
เอาล่ะ ทีนี้ก็มีโรคจิตสองคนมาอยู่ใกล้ตัว  :hao6:

รอติดตามนะ  :3123:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 5 ความช่วยเหลือ
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 03-06-2016 20:35:03
5
ความช่วยเหลือ


   แม้จะไม่มีธนัตคอยช่วยงานเหมือนแต่ก่อน แต่ตอนนี้เขาก็มีเลขานุการที่เพิ่มมาถึงสองคน เนื่องจากที่หน้าห้องมีโต๊ะ
สำหรับให้นั่งเพียงแค่คนเดียว จึงมีคนหนึ่งอยู่นอกห้อง ส่วนอีกคนก็อยู่นอกห้องแทน

   “ท่านประธานเลือกสิครับ ว่าอยากให้ใครอยู่ ให้ใครไป”

   ไม่รู้ว่านิทานคิดมากไปเองหรือเปล่า ว่าคำกล่าวของรามิลดูแปลกๆ แต่เขาก็ไม่มีเวลาไปใส่ใจเรื่องนั้นมากนัก แม้จะไม่มี
ธนัตคอยอยู่เคียงข้าง แต่การทำงานของเขายังต้องดำเนินต่อไป

   “แล้วพวกนายสองคน ใครอยากไปอยู่ข้างนอกบ้างล่ะ”

   แทนที่จะตอบคำถาม นิทานกลับใช้คำถามย้อนกลับ ตอนนี้เขารู้สึกไม่ค่อยดีกับใครสักเท่าไหร่ เพราะวันก่อน เขาก็โดนรา
มิลจับก้น ถึงแม้มันจะเป็นอุบัติเหตุก็ตามที

   “ผมว่า ท่านประธานเป็นคนเลือก น่าจะดีที่สุดนะครับ”

   ดวงตาของทั้งสองสบกัน ทั้งห้องอยู่ในความเงียบ ภายใต้กรอบแว่น ยังซ่อนดวงตาคมกริบที่ไม่อาจจะสื่อให้เห็นถึงความ

ต้องการที่แท้จริงได้

   “งั้นฉันเลือกนาย”

   หากจะบอกว่านิทานอคติ ตอนนี้เขาก็คงจะบอกว่าใช่ เขาไม่คิดว่าตัวเองจะยุติธรรมอยู่แล้ว

   “ครับ”

   ไอศูรย์ตอบรับอย่างง่ายดาย ก่อนจะหมุนกายเดินออกจากห้องไป นิทานมองตาม ใจเขากระตุก ความรู้สึกผิดเกิดขึ้นอย่าง
ไม่อาจจะหาคำตอบให้กับตัวเองได้ บางทีเขาอาจจะทำเกินไป

   “มีอะไรหรือเปล่าครับ?”

   ท่าทางแปลกๆของนิทาน ทำให้รามิลเอ่ยถามออกมา นิทานยิ้มเจื่อน ก่อนจะเอ่ยตอบ

   “เปล่านี่”

   “ครับ”

   รามิลไม่โต้แย้งใดๆ เขากลับไปนั่งทำงานที่โต๊ะที่ได้ย้ายเข้ามาเพิ่มในห้อง นิทานลอบมองรามิล

   “มื้อเที่ยง คุณนิทานจะลงไปทานข้างนอก หรือว่าจะสั่งเข้ามาในห้องครับ”

   “อืม…ฉันขี้เกียจลงไป ฝากนายจัดการด้วยแล้วกัน”

   “ได้ครับ”

   รอยยิ้มถูกส่งมาพร้อมกับคำตอบ ในสายตาของนิทาน รามิลเป็นผู้ชายที่ยิ้มง่าย ท่าทางสดใสร่าเริงนั้น ทำให้นิทานรู้สึก
ผ่อนคลายลง น่าแปลกพอสมควร ทั้งที่เขาและรามิลไม่ได้รู้จักหรือสนิทอะไรกันมากมายนัก แต่รามิลก็ยังสามารถพูดคุยกับเขา
ได้เรื่อยๆ

   “ผมคิดว่าส่วนนี้อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มนะครับ”

   นิทานขมวดคิ้ว รามิลยื่นแฟ้มเอกสารให้กับเขา นิทานมองหน้ารามิล

   “มีอะไรหรือเปล่า”

   “ผมคิดว่า ลองอ่านทวนอีกสักครั้งก็ได้นะครับ”

   “เรื่องของบสั่งซื้อน่ะเหรอ”

   รามิลได้แต่ยิ้ม แล้วเดินกลับไปที่โต๊ะ เขาหย่อนกายนั่งลงที่เดิม นิทานเปิดแฟ้มเอกสารอีกครั้ง เขาไล่สายตามองทุก
บรรทัดอย่างละเอียด แล้วก็หยุดชะงัก

   “เอ๊ะ…”

   สายตาของนิทานหยุดชะงัก ที่บรรทัดตรงกลางหน้ากระดาษ เขามองมันอย่างไม่อาจจะละสายตาไปได้

   “ตัวเลขมันแปลกๆ”

   “ท่านประธานคิดว่าอย่างนั้นเหรอครับ”

   “ไม่รู้ฉันคิดไปเองหรือเปล่า ว่ารายรับ กับรายจ่าย ตัวเลขบางตัวมันไม่ล้อกันน่ะ”

   อาจจะเป็นเพราะเขาอ่านเอกสารเป็นจำนวนมากในวันนี้ เลยทำให้สับสนกับตัวเลข

   “ผมว่า เอกสารนี้ ถ้าท่านประธานยังไม่แน่ใจ ก็ยังไม่ต้องอนุมัติก็ได้นะครับ”

   “แต่ฉันเซ็นไปแล้วนะ”

   “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจัดการให้”

   ยังคงเป็นเหมือนทุกครั้ง สิ่งที่ได้รับกลับมาคือรอยยิ้มของรามิล นิทานก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงได้รู้สึกสบายใจ
ขึ้นมา

   ก๊อกๆๆ

   ไอศูรย์เดินเข้ามาในห้อง พร้อมกับถุงใส่กล่องอาหาร นิทานหันไปมองรามิล

   “นายเป็นคนบอกให้เขาไปซื้อเหรอ”

   “ก็ประมาณนั้นล่ะครับ”

   พอได้ยินคำตอบ นิทานก็เริ่มหลุบตามองถุงในมือของไอศูรย์ เขาวางลงที่โต๊ะ แล้วหมุนกายจะเดินออกจากห้อง

   “เดี๋ยวสิ  แล้วนายกินอะไรมาหรือยัง”

   นิทานไม่รู้เลยว่าเพราะอะไรถึงได้ถามออกไปแบบนั้น ในใจเขายังอดไม่ได้ที่ระแวงไอศูรย์ แต่บางทีทุกอย่างอาจจะไม่ได้
เลวร้ายขนาดนั้น ความหวาดกลัว ทำให้เขาเลือกที่จะมองไอศูรย์ในแง่ร้าย

   “ผมยังไม่ได้กินครับ แต่เดี๋ยวจะออกไป”

   “อย่างนั้นเหรอ”

   “ขอตัวนะครับ”

   รามิลได้แต่มองตามพร้อมกับรอยยิ้ม นิทานไม่ได้สังเกตเห็น เขาหันมาอีกที ก็เจอรามิลยิ้มให้เสียแล้ว

   “แล้วนาย”

   “ที่ผมสั่งมามีแต่ของท่านประธานน่ะครับ”

   “อย่างนั้นเหรอ”

   นิทานได้แต่มองตามรามิลเดินออกจากห้องไป เขาหย่อนกายนั่งมองกล่องข้าว ก่อนเปิดมันออก แม้เวลาจะล่วงเลยมาถึง
ตอนเที่ยงแล้วก็ตาม เขาก็ยังไม่รู้สึกหิวสักเท่าไหร่นัก คนตัวเล็กถอนหายใจออกมาอย่างคิดไม่ตก

   “ถ้าไม่ไว้ใจลูกน้องแล้วจะทำงานยังไง”

   เขายกมือเสยผม พยายามไล่ความกังวลที่เกิดขึ้น ไม่อยากจะคิดให้มันปวดหัวไปมากกว่านี้ เขาไม่ไว้ใจไอศูรย์ และกลัวว่า
อีกฝ่ายจะเอาความลับของเขาไปพูดสนุกปาก

   “ต้องคุยให้รู้เรื่อง”

   สุดท้าย นิทานก็ไม่อาจจะข่มใจให้ตัวเองมีความอดทนมากพอต่อความสงสัยและหวาดระแวง เขาต้องคุยกับไอศูรย์ให้รู้
เรื่อง

   เมื่อเวลาหลังพักเที่ยงมาถึง รามิลก็เดินเข้ามาในห้อง นิทานจึงเอ่ยขึ้น

   “รบกวนคุณช่วยตามคุณไอศูรย์มาหาผมที”

   “ครับ?”

   แน่นอนว่า คำสั่งนั้นสร้างความสงสัยให้กับรามิล แต่นิทานก็ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ รามิลจึงไม่ได้เซ้าซี้ เขาเดินออกจากห้องไป
ตามไอศูรย์ให้เข้ามาในห้อง

   “คุณรามิล คุณออกไปก่อนนะครับ”

   รามิลมองหน้านิทานแล้วมองหน้าไอศูรย์ ดวงตาฉายแววไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็ยินยอมออกไปโดยดี พร้อมกับรอยยิ้ม

เพียงนิด

   หลังจากที่ประตูห้องปิดลง นิทานก็ผายมือเชิญให้ไอศูรย์นั่งลงที่เก้าอี้ ชายหนุ่มนั่งลงตรงข้ามกับนิทาน

   “ผมขอคุยกับคุณตรงๆเลยนะครับ”

   “ครับ”

   “ผมค่อนข้างกังวลกับเรื่องเอ่อ เรื่อง”


   นิทานรู้สึกอึดอัดและทรมานหากจะต้องพูดเรื่องคืนนั้นออกไป ไอศูรย์หรี่ตามอง ราวกับต้องการอยากรู้ว่าเรื่องที่นิทานต้องการพูดนั้นคือเรื่องอะไรกันแน่

   “เรื่องอะไรครับ”

   เมื่อท่านประธานตัวน้อย ทำท่าอิดออด ไม่พูดออกมาเสียที ไอศูรย์จึงถามกลับไปแทน เพราะอย่างน้อย อาจจะทำให้บรรยากาศที่น่าอึดอัดใจนี้จบลงเร็วขึ้น ซึ่งมันจะเป็นผลดีต่อทั้งคู่ โดยเฉพาะกับนิทาน
   “เรื่องที่ในห้องน้ำวันนั้น”

   เขาพูดเสียงเบาลง ไอศูรย์ก้มหน้าลงเพียงนิดราวกับสงสัยหรือไม่ได้ยิน นิทานเงยหน้าสบตากับชายหนุ่ม

   “นายไม่ได้เอาเรื่องของฉันไปบอกใครใช่ไหม”

   “ไม่ครับ”

   “พูดจริงนะ”

   ไอศูรย์คลี่ยิ้มที่ดูจริงใจ ทำให้นิทานเริ่มรู้สึกไว้วางใจขึ้นมา เมื่อชายหนุ่มเริ่มยืนยันอีกครั้ง

   “ผมไม่ได้เอาเรื่องนี้ไปบอกใคร ท่านประธานไม่ต้องกังวล”

   “นายสัญญากับฉันสิ ตอนนี้นายเป็นเลขาของฉัน ถ้านายไม่สัญญากับฉัน ฉันก็ไม่สามารถไว้ใจนาย และไม่สามารถทำงาน
ร่วมกับนายได้”

   “ครับ ผมสัญญา”

   “ดีจัง”

   นิทานเริ่มยิ้มออก เพราะท่าทางที่ดูจริงจัง และคำสัญญาที่ไอศูรย์ย้ำกับเขาอีกครั้ง

   “เชื่อใจผมได้เลยครับ”

   “ขอบใจนายมากจริงๆนะ ฉันดีใจที่นายเก็บไว้เป็นความลับ”

   “ผมเป็นเลขาของท่านประธาน แน่นอนว่าจะต้องทำทุกอย่างเพื่อคุณ”

   พอได้ยินคำยืนยันที่หนักแน่นแบบนี้ นิทานก็พอโล่งใจ ไหนๆเขาก็ได้ทำความเข้าใจกับไอศูรย์แล้ว แถมในวันนั้น ไอศูรย์

ยังเป็นคนมาช่วยเขาจากคนร้ายอีก ถ้าเขาไม่ไว้ใจไอศูรย์ ก็ไม่รู้ว่าควรจะไปไว้ใจใครได้ในตอนนี้

   “วันนั้น นายก็เห็นใช่ไหม ที่ฉันโดนทำเรื่องแบบนั้น”

   “ครับ”

   การที่ไอศูรย์ไม่แสดงท่าทางตกใจ หรือว่ารังเกียจ เพราะอีกฝ่ายแสดงสีหน้าเรียบเฉยนั้น ทำให้นิทานเดาอารมณ์ของ
ไอศูรย์ไม่ออก แต่อย่างน้อยก็ดีกว่ารู้ว่าไอศูรย์แสดงความรู้สึกสมเพชเขา

   “ที่จริง ฉันก็อยากให้เรื่องนี้มันผ่านไป ฉันคิดว่าจะลืมมันไปให้หมด”

   “ทำไมคุณถึงทำแบบนั้น”

   “เอ๊ะ”
   นิทานค่อนข้างแปลกใจ กับคำกล่าวของไอศูรย์ ชายหนุ่มยกนิ้วกลางดันกรอบแว่นของตัวเองขึ้นเล็กน้อย

   “นายหมายความว่ายังไง”

   “การที่คุณปล่อยให้คนร้ายลอยนวล มันสมควรแล้วหรือครับ”   

   “แล้วนายจะให้ฉันทำยังไง ฉันเอากล้องวงจรปิดมาเช็คแล้ว แต่คลิปทั้งหมดก็โดนลบ”

   ความกังวลและความเครียดเผยให้เห็นชัดเจนบนใบหน้าของนิทาน  ไอศูรย์มองร่างเล็กเพียงครู่ แล้วจึงเอ่ยขึ้น

   “มันอาจจะกลับมาอีกก็ได้”

   “ไม่หรอก ฉัน…ฉันคิดว่ามันคงไม่”

   “ผมก็แค่ตั้งสมมติฐาน แต่บางทีก็อาจจะจริงอย่างที่คุณบอก คุณคงเจอแค่ครั้งเดียว มันอาจจะกลัว แล้วไม่กล้ากลับมาอีก”

   “อึก!”

   นิทานตัวแข็งทื่อ เพราะที่เขาโดนในห้องน้ำ มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเจอเรื่องต่ำทรามจากคนร้าย ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าครั้งแรก
กับครั้งที่สองมันจะเป็นคนเดียวกันหรือเปล่า

   “ฉันไม่ได้เจอ…แค่ครั้งเดียว”

   คำกล่าวนั้น ทำให้ไอศูรย์ชะงัก เขาขมวดคิ้ว ราวกับสงสัย เขาจ้องหน้าท่านประธานตัวเล็ก
   “คุณหมายความว่ายังไง ที่ไม่ได้เจอแค่ครั้งเดียว”

   เหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้นทั้งสองครั้งนั้น ทำให้นิทานรู้สึกกลัว เขาคิดไม่ตกว่าควรจะแก้ปัญหายังไง เขาไม่รู้ว่าจะบอกเรื่องนี้กับใคร เพราะเขาอายเกินกว่าที่จะพูด ท่าทางคิดมากและกังวลของนิทาน ทำให้ไอศูรย์พูดขึ้น

   “ถ้าคุณไม่พูด ผมก็ไม่รู้ และมันอาจจะเป็นอันตรายต่อตัวคุณอีกก็ได้”

   “ฉัน…”

   ใบหน้าน่ารักก้มต่ำลง กุมมือทั้งสองประสานกัน เขาไม่ต่างกับเด็กตัวน้อยที่ถูกเค้นคำตอบ ไอศูรย์นั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งโดยที่
ไม่พูดอะไร จนกระทั่ง

   “ไม่เป็นไรครับ ถ้าคุณไม่พร้อมจะบอก หรือไม่อยากให้ผมรู้ ผมก็ไม่บังคับ เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่าน
ประธาน ผมไม่อาจก้าวก่าย”

   น้ำเสียงนั้นไม่ได้แฝงการประชดประชันแต่อย่างใด ราวกับพูดให้ฟังเฉยๆ นิทานเงยหน้ามองไอศูรย์

   “นายสัญญาอีกครั้งได้ไหม ถ้าฉันเล่าให้ฟังแล้วนายจะไม่บอกใคร”

   “ครับ”

   ใบหน้าที่จริงจังและดูน่าเชื่อ ทำให้นิทานลังเล พอคิดว่าเขาเคยอับอายต่อหน้าไอศูรย์ไปครั้งหนึ่งแล้ว ถ้าอีกฝ่ายรู้เรื่องน่า
อายของเขาอีกครั้ง มันอาจจะไม่มีปัญหา แต่ถึงอย่างนั้น ศักดิ์ศรีก็ทำให้คนตัวเล็กคิดไม่ตก ไม่อาจจะเล่าออกไปได้ทันที

   “ถ้าท่านประธานไม่สะดวกใจ ก็ไม่ต้องเล่าหรอกครับ”

   “อ่า…”

   “ท่านประธาน มีอะไรจะสั่งผมต่อหรือเปล่าครับ ถ้าไม่มี ผมขอตัว”

   นิทานกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ มองไอศูรย์ที่ยันกายลุกขึ้น แล้วหมุนกายจะเดินออกจากห้อง คนตัวเล็กรีบวิ่งเข้าไปหา
แล้วจับข้อมือแข็งแกร่งนั้นไว้

   “เดี๋ยวก่อน!”

   ความกลัว ทำให้เขาไม่อาจจะปล่อยไอศูรย์ไปได้ เพราะไม่มีหลักประกันอะไรได้เลยว่า เขาจะไม่เจอเรื่องน่ากลัวแบบเมื่อ
สองครั้งก่อนนั้นอีก
   
“ฉันจะเล่าให้ฟังทุกอย่าง แต่นาย นายห้ามหัวเราะฉัน ห้ามบอกเรื่องนี้กับใครด้วย”

   ไอศูรย์หันกลับมามองนิทาน แล้วคลี่ยิ้มอ่อนโยน

   “ผมบอกแล้วไงครับ ว่าผมเป็นเลขาของคุณ ผมไม่อาจจะเอาเรื่องเจ้านายไปบอกคนอื่นได้หรอกครับ”

   “ขอบใจนะ”

   เพราะเก็บความลับไว้กับตัวคนเดียว เขาถึงได้รู้สึกหนักอึ้ง ทั้งเครียดและทรมาน แม้จะพยายามลืมและไม่ใส่ใจ แต่ก็ไม่
อาจทำได้ สุดท้ายภาพเหล่านั้นก็กลับมาหลอกหลอนเขาอยู่ดี

   “เอาล่ะ นั่งลงสิ ฉันจะเล่าให้ฟัง”

   “ครับ”

   ทั้งนิทานและไอศูรย์ ต่างนั่งลงที่โซฟา นิทานเม้มปากแน่น เขาโน้มตัวต่ำลง มือทั้งสองประสานกัน ในเมื่อเขาตัดสินใจ
แล้วว่าจะเล่า เขาก็ต้องเล่าออกไป

   “ฉันโดนลวนลาม…ในคืนก่อนที่ฉันจะโดนในห้องน้ำ”

   ดวงตาของไอศูรย์เบิกกว้างกว่าเดิมเล็กน้อยเหมือนคนตกใจ เขาจ้องมองนิทาน ราวกับต้องการหยั่งลึกลงไปในจิตใจของ
คนตัวเล็ก ที่ในตอนนี้คงสับสนหาทางออกไม่เจอ

   “ฉันคิดว่า มันอาจจะมีสองคน ฉันแค่รู้สึก ว่าครั้งแรกกับครั้งที่สอง มันไม่ใช่คนเดียวกัน”

   “ทำไมคุณถึงมั่นใจล่ะครับ ว่ามันไม่คนเดียวกัน หรือว่าคุณเห็นหน้ามันแล้ว”

   ไม่ว่าใคร เมื่อได้ยินสิ่งที่นิทานบอก ต่างก็ต้องสงสัยอยู่แล้ว นิทานกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่

   “ฉันไม่ได้เห็นหน้าพวกมันหรอก”

   “แล้วทำไมคุณถึงคิดว่ามีสองคน หรือว่าเสียงของพวกมันไม่เหมือนกัน”

   “ฉันไม่รู้ ฉันแค่รู้สึกว่ามันมีสองคน ฉันไม่เห็นหน้าพวกมัน แต่ฉันรู้ได้ ว่ามันไม่เหมือนกัน”


   “คุณใช้ความรู้สึกสินะ”


   ราวกับเป็นการตำหนิ นิทานเงยหน้ามองไอศูรย์ทันที ชายหนุ่มพรูลมหายใจเล็กน้อย

   “แล้วคุณมีหลักฐานอะไรบ้าง ที่จะพอทำให้สืบหาตัวมันได้”

   แทนการตอบด้วยคำพูด นิทานส่ายหน้าไปมาช้าๆ เขาไม่รู้เลยว่าจะแก้ไขเรื่องราวเหล่านี้ยังไง ไม่มีหลักฐานใดๆเลยแม้แต่
อย่างเดียว

   “แล้วคุณได้บอกเรื่องนี้กับใครบ้างหรือยังครับ”

   “ไม่…เรื่องน่าอายแบบนี้ ฉันจะไปกล้าบอกใคร”

   “แต่คุณก็บอกผม”

   นิทานชะงักไป จริงอย่างที่ไอศูรย์พูด เขาเองยังแปลกใจว่าทำไมถึงได้กล้าบอกเรื่องนี้กับอีกฝ่าย นั่นอาจเป็นการเพราะตก
อยู่ในสภาวะเคร่งเครียดเพียงลำพัง เป็นสิ่งที่ช่างทรมาน

   “ผมว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลยนะครับ”

   “ฉันรู้ แต่ฉันก็ไม่รู้จะต้องทำยังไงดี”

   “ผมว่าท่านประธานต้องหาตัวคนร้ายให้พบ แล้วจับส่งตำรวจครับ”

   “ถ้ามันหาง่ายขนาดนั้น ฉันก็คงจับมันเข้าคุกไปแล้วล่ะ…อ่า…จริงสิ”

   “ครับ”

   คนตัวเล็กเริ่มคิดอะไรบางอย่างออก ในเมื่อตอนนี้คนที่รู้เรื่องราวที่แสนน่าอับอายของเขา และไม่มีทีท่าเวทนาแต่อย่างใด
นิทานจึงตัดสินใจพูดออกไป

   “นาย…จะช่วยฉันจับคนร้ายได้ไหม”

   นิทานเริ่มใจคอไม่ดี เมื่อไอศูรย์นิ่งเงียบ เขาเงยหน้ามองประธานบริษัทที่มีท่าทางขาดความมั่นใจ และลุ้นคำตอบของเขา

   “ได้แน่นอนอยู่แล้วครับ ผมยินดีจะช่วยคุณตามหาคนร้ายอย่างสุดความสามารถ”

   “ขอบใจนะ ขอบใจนายจริงๆ”

   นิทานจับมือของไอศูรย์ เขาคลี่ยิ้มอย่างดีใจ อย่างน้อยตอนนี้เขาก็มีพวก เพียงไม่นาน นิทานก็ผละออกจากการสัมผัสคน
ตัวสูง

   “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวไปทำงานต่อนะครับ”

   “อืม”

   เขามองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินออกไปจากห้อง และประตูห้องก็ได้ปิดลง นิทานคลี่ยิ้มอย่างมีความสุข ที่เขามีคนช่วย
ตามจับคนร้ายแล้ว

   แกร็ก

   ร่างสูงใหญ่เดินออกจากห้องทำงานของประธานบริษัท รามิลยืนกอดอก เอนหลังพิงกำแพง อยู่ในท่าที่ผ่อนคลาย

   “ถ้าสมมตว่าคนร้าย ช่วยตามจับคนร้าย แล้วแบบนี้จะเจอคนร้ายไหมน้า”

   ไอศูรย์ขมวดคิ้วฉับทันที เขาสงสัยว่ารามิลรู้ได้ยังไง ว่าเขาคุยอะไรกับนิทานบ้าง รามิลกระตุกยิ้ม เขายกมือจับบริเวณหู
ของตัวเอง หันข้างในด้านที่ไอศูรย์ไม่เห็น ให้อีกฝ่ายได้เห็นจัดเจน

   “ว่าแต่ฉันโรคจิต…แล้วเครื่องดักฟังนี่มันอะไร…เหอะ…อย่างกับสโตกเกอร์เลยนะนายเนี่ย”

   รามิลหัวเราะขบขันใน สิ่งที่อยู่บริเวณหูข้างหนึ่งของรามิล มีลักษณะเหมือนหูฟังบลูทูธ แต่เบื้องหลังของมันคือเสียงที่เกิด
ขึ้นในห้องทำงานที่อยู่ใกล้ๆต่างหาก

   “อย่ามายุ่งกับของของฉัน”ไอศูรย์มองอย่างไม่พอใจ

   “ไม่ว่ามันทุเรศบ้างเหรอ…ที่ใช้เครื่องดักฟังน่ะ”

   คิ้วหนาเริ่มกระตุก ราวกับไม่พอใจในคำกล่าวของรามิล แต่เพียงครู่ เขาก็ต้องกระตุกยิ้มที่มุมปากแทน
   “ทั้งที่ได้ทั้งภาพและเสียงน่าจะดีมากกว่าแท้ๆ”

   เขากล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม แล้วแกะหูฟังจอมปลอมออก ก่อนจะยื่นให้กับเจ้าของที่แท้จริง ไอศูรย์รับมันมา แล้วมองหน้ารา
มิล

   “ฉันจะเอากล้องไปติดในห้องให้ก็ได้นะ แต่ฉันไม่ชอบเป็นหมาหัวเน่าเสียด้วย…ดังนั้น ฉันจะต้องได้อยู่ในเกมไล่จับคนร้าย
ในครั้งนี้ด้วย…เพราะฉันไม่ยอมให้นายเล่นสนุกกับประธานตัวน้อยแค่คนเดียวหรอกนะ…ไอศูรย์”

   “หึ”
   
100%
3/6/59

ฝากเพจด้วยค่ะ https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/

ขอแปะลิ้งนิยาย -ของอากิ ที่อัพในเล้านะคะ

Play รักเล่น เล่นรัก (3P)
cr.ภาพ http://tsuru-tsurumi.exteen.com/images/Nase/Cigarette%20Kisses01.jpg
(http://tsuru-tsurumi.exteen.com/images/Nase/Cigarette%20Kisses01.jpg)

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53773.msg3379996#msg3379996

 

(http://cdn-tunwalai.obapi.io/files/member/48460/766454794-member.jpg)

'Royal tiger สามีผมเป็นเสือ' http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53735.msg3378586#msg3378586

 (https://scontent.fbkk2-1.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/12745534_1718876081713896_3205226376025540237_n.jpg?oh=b3ca6df222da94305d86d116c5c72f78&oe=57D7D721)
คุณพ่อครับ...มาเป็นเมียผมเถอะ
  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52889.msg3349707#msg3349707

(http://cdn-tunwalai.obapi.io/files/member/48460/638704249-member.jpg)
สะใภ้ขายาว
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53223.msg3359687#msg3359687




หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 5 ความช่วยเหลือ
เริ่มหัวข้อโดย: Serioz ที่ 03-06-2016 21:02:45
ถ้าประธานตัวน้อยรู้ความจริง จะทำยังไงเนี่ย
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 5 ความช่วยเหลือ
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 04-06-2016 01:39:21
เมื่อไหร่ประธานจะโดนเล่นอีกน้าาาาา (อุ๊ปส์!)
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 5 ความช่วยเหลือ
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 04-06-2016 13:11:44
สองคนนั้น กำลังสนุกอยู่สินะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 5 ความช่วยเหลือ
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 04-06-2016 13:14:38
แย่งกันทำไม. ร่วมมือดีกว่า
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 5 ความช่วยเหลือ
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 04-06-2016 17:49:36
 :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 5 ความช่วยเหลือ
เริ่มหัวข้อโดย: chouxcream59 ที่ 04-06-2016 19:34:28
ครั้งต่อไปจะโดนอะไรนะ  :hao7: :impress2:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 5 ความช่วยเหลือ
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 04-06-2016 20:08:50
อย่าแกล้งท่านประธานสิ
#สงสารนิทาน #ชอบไอศูรย์55% #รามิล45%
5555 :hao5:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 5 ความช่วยเหลือ
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 04-06-2016 23:26:51
หึๆๆๆ
สองคนนี้น้าาาา
แกล้งนิทานเข้าไป เดี่ยวจะโดนไม่ใช่น้อย
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 5 ความช่วยเหลือ
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 07-06-2016 13:19:53
 :katai2-1: มาต่อๆๆๆนะๆๆๆ :z6:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 6 ผู้ช่วย
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 11-06-2016 21:47:18
6
ผู้ช่วย



   ในความโชคดี มักมีความโชคร้ายซ่อนอยู่เสมอ นิทานไม่แม้แต่คาดคิดว่าคนร้ายที่เขากำลังตามจับ กลับเป็นผู้ร่วมเล่นเกม
ตามจับคนร้ายเสียเอง เขามีความสุข และประมาทมากจนเกินไป

   “ขอบใจที่ช่วยทำงานนะ”

   ทัศนคติที่นิทานมองไอศูรย์เริ่มดีขึ้น เพียงแค่ได้ไอศูรย์มาร่วมการค้นหาคนร้าย อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้หัวเดียวกระเทียบลีบ
เขามีคนช่วย มีพรรคพวกก็ย่อมดีกว่าตัวคนเดียวอยู่แล้ว

   “เย็นนี้นายว่างหรือเปล่า?”

   คนที่ร้อนใจก็คือนิทาน เขาเอ่ยความต้องการออกไปทันที ไอศูรย์ทำหน้าคิดเพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น

   “ว่างครับ”

   “ดีเลย งั้นนายไปกับฉัน”

   ทุกการกระทำระหว่างทั้งสอง อยู่ในสายตาของรามิล เขาเดินตามออกมาทีหลัง เพียงแค่ไอศูรย์หันไปมองทางด้านหลัง
เพียงครู่ เขาก็เข้าใจถึงสายตาและท่าทางที่ส่งมาให้ในทันที

   …นายต้องทำให้ฉันเข้าไปร่วมในเกมนี้ให้ได้…

   ข้อความที่ส่งมาทางสายตาบอกอย่างชัดเจน  ไอศูรย์ไม่ได้โต้ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียง แต่รามิลก็เห็นรอยยิ้มเพียงนิดที่มุม
ปากของชายหนุ่มอยู่ดี เขาก็แค่นั่งรอเวลาจะเข้าไปอยู่ในเกมที่รู้ผลลับอยู่แล้ว มันก็ไม่ได้แย่นัก ที่ได้เล่นสนุกกับเกมที่คนร้ายมา
เดินเกมเองแบบนี้

   ทางด้านไอศูรย์และนิทาน ทั้งคู่ต่างมีรถยนต์เป็นของตัวเอง ตอนแรกไอศูรย์จะขับรถไปเอง แต่นิทานก็เริ่มกลัวว่าอาจจะ

คลาดกันเพราะรถติด หรือเพราะสิ่งใดก็แล้วแต่ ทำให้เขาตัดสินว่าจะเป็นคนขับเอง แล้วให้ไอศูรย์นั่งไปด้วย

   “ที่จริง ท่านประธานให้ผมเป็นคนขับก็ได้นะครับ”

   ด้วยความที่ฐานะต่ำกว่าและในความเป็นจริงควรจะเป็นเช่นนั้น แต่นิทานกลับยิ้ม แล้วเอ่ยขึ้น

   “ทำไม? นายไม่ไว้ใจการขับรถของฉันเหรอ”

   รอยยิ้มเกิดขึ้นบนใบหน้าน่ารัก ท่าทางของนิทานไม่ต่างกับเด็กมัธยมต้นที่กำลังมีความสุขเพราะขโมยรถมาขับ มันชวนให้
มองจนเพลินตา นิทานไม่ทันได้สังเกตหรือรู้ตัวเลยว่า ตอนนี้เขากำลังอยู่ในสายตาของไอศูรย์ เพราะเจ้าตัวเองเอาแต่จ้องมองไป
ยังถนนเบื้องหน้า ด้วยความตั้งใจกับการขับรถ

   …อุบัติเหตุบนท้องถนน เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย แม้เพียงประมาทนิดเดียว นั่นคือสิ่งที่ควรระวังให้มากที่สุด…

   “ไม่ใช่หรอกครับ ผมเกรงใจต่างหากที่ท่านประธานต้องมาขับรถให้ผมนั่งแบบนี้”

   “ทำไมล่ะ เป็นประธานบริษัทแล้วขับรถให้เลขานั่งไม่ได้หรือไง”

   รถยนต์หยุดจอดที่ไฟแดงเมื่อสิ้นสุดการสนทนา นิทานละสายตาจากท้องถนน หันมามองไอศูรย์ที่มีสีหน้าค่อนข้างลำบาก
ใจ


   “นายกลัวคนจะมองไม่ดีเหรอ”

   “ก็ประมาณนั้นครับ”

   “นายนี่…เป็นคนที่จริงจังมากเลยนะ”

   ไม่ใช่แค่บุคลิกภายนอก แต่พฤติกรรมของไอศูรย์ก็ดูเป็นผู้ชายจริงจัง เขาใช้นิ้วกลางขยับกรอบแว่นตาตรงสันจมูกเพียง
เล็กน้อย แล้วเอ่ยขึ้น

   “ความจริงจังก็เป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่เหรอครับ”
   “นั่นสินะ  คนจริงจังแบบนาย ก็จะทำทุกอย่างด้วยความจริงจังใช่ไหม”

   “ก็ไม่เสมอไปหรอกครับ”


   สายตาคมทอดมองไปยังเบื้องหน้า ผ่านกระจกรถขนาดใหญ่ รถยนต์มากมายกำลังติดอยู่กลางท้องถนนในเมืองหลวงของ
ประเทศไทยอย่างกรุงเทพมหานคร 

   “ฉันเป็นคนตั้งใจจะพานายไปเลี้ยงข้าวเย็น ดังนั้น แค่ขับรถพานายไปแค่นี้ นายคงไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่หรอกนะ”

   “ถ้าท่านประธานไม่อยากให้ผมคิด  ผมก็จะไม่คิดครับ”

   มีเพียงรอยยิ้มเท่านั้นที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของนิทาน ไม่คิดว่าเขาจะมีเลขานุการที่เชื่อฟังเขามากขนาดนี้ มีเพียงไอศูรย์
เท่านั้นที่นิทานวางใจ นั่นเป็นเพราะไอศูรย์กุมความลับเขาไว้ แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีจะก่อปัญหาให้กับเขา

   เมื่อถึงไฟเขียว นิทานก็ขับรถต่อ เขาขับมาจนถึงร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่งที่มีคุณภาพทั้งรสชาติและความสะอาด


   “อ่า โทษที ฉันลืมถามนายไปเลย ว่าชอบกินอาหารญี่ปุ่นหรือเปล่า”

   เพราะมัวแต่คิดว่าจะรีบพามาร้านอาหารในตอนเย็น นิทานก็ไม่ทันได้ถามไอศูรย์ว่าชอบทานอาหารประเภทไหน

   “ผมทานได้หมดครับ ไม่มีชอบอะไรเป็นพิเศษ”

   “อย่างนั้นเหรอ”

   พอได้ยินแบบนั้น นิทานก็ค่อยรู้สึกสบายใจขึ้นมา ถึงใบหน้าของคนที่ตอบจะนิ่งสงบเหมือนไม่พอใจ แต่นิทานก็รู้ว่า ไอศูรย์
แสดงสีหน้าแบบนั้นเป็นปกติ

   “เชิญครับ”

   พนักงานเข้ามาต้อนรับ และพาทั้งสองไปยังโต๊ะอาหารที่เหมาะสำหรับการนั่งเพียงสองคน ไม่นานนักเมนูอาหารก็ถูกนำมาวางที่โต๊ะ
   “สั่งได้เลยนะ เดี๋ยวมือนี้ฉันเลี้ยงเอง”

   ไอศูรย์ละสายตาจากเมนูอาหาร มองคนตัวเล็กที่ดูท่าทางตั้งใจเลือกอาหารในหนังสือเล่มใหญ่ราวกับไล่ตรวจคะแนนลำดับคณะที่จะเข้าศึกษาต่อ  เขาลอบยิ้มอย่างเอ็นดูกับท่าทางนั่น

   “ท่านประธานไม่ต้องเลี้ยงผมก็ได้นะครับ”

   เสียงของไอศูรย์ขัดจังหวะการเลือกเมนูของนิทาน คนตัวเล็กเงยหน้ามองร่างสูงทันที ราวกับตำหนิ ท่าทางเอาแต่ใจทาง
สายตานั้นทำให้ไอศูรย์รู้สึกสนใจขึ้นมาในทันที

   “ฉันจะเลี้ยง”

   ไม่แม้แต่จะยอมให้ไอศูรย์ได้ทำตามคำแนะนำ  ชายหนุ่มจึงเอ่ยขึ้นทันที

   “ทำไมล่ะครับ”

   “ฉันเป็นเจ้านาย แค่เลี้ยงข้าวลูกน้องแค่นี้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ อีกอย่างนายก็ทำงานได้อย่างดีในฐานะเลขาของฉัน”

   “แต่รามิล ท่านประธานก็ไม่ได้พามาเลี้ยงด้วยนี่ครับ”
   ประโยคนั้นกระแทกเข้าที่ใจของนิทาน เขาเองก็รู้ดีว่าที่ตัวเองกำลังทำอยู่ นั้นมีจุดประสงค์แอบแฝง เขาผูกมิตรกับไอศูรย์
เพื่อต้องการให้ชายหนุ่มช่วยเหลือเขาในเรื่องของคนร้ายที่เขายังตามจับตัวไม่ได้

   “ไว้ฉันจะพาเขามาเลี้ยงทีหลังแล้วกัน”

   “ครับ”

   “นายสั่งอาหารเถอะ”
   ไอศูรย์พยักหน้ารับคำกล่าว ทั้งคู่สั่งอาหาร เหลือเพียงรอให้อาหารมาเสิร์ฟ

   “ฉันไม่อยากรอ”
   คนเปิดเรื่องคือเจ้าของปัญหา นิทานไม่อาจจะทนรอได้อีกต่อไปอย่างที่ปากพูด เขาอยากจะจับคนร้ายให้เร็วที่สุด

   “ท่านประธานหมายถึงเรื่องคนร้ายเหรอครับ”
   ชายหนุ่มถามเพื่อหยั่งเชิง ซึ่งคำตอบที่ได้รับกลับมาก็คือการบอกว่าใช่ โดยใช้ท่าทางสื่อสารอย่างการพยักหน้า

   “นายคิดวิธีออกหรือเปล่า”

   ความคาดหวังเกิดขึ้น ไอศูรย์นิ่งคิดเพียงครู่ ในขณะที่นิทานกำลังใจจดจ่อกับคำตอบที่จะได้รับกลับมา เขาอยากรู้ว่า

ไอศูรย์มีแผนอะไรจะรับมือบ้าง
   “อันดับแรก ผมต้องถามท่านประธานก่อนว่า ช่วงหลังนี้ ตอนไปเข้าห้องน้ำ ได้เจออะไรแปลกๆอีกหรือเปล่าครับ”

   “ไม่…ฉันไม่รู้สึกแปลกเลย”

   นิทานพยายามครุ่นคิดแล้ว แต่ทุกครั้งที่เขาไปเข้าห้องน้ำ เขามักจะหวาดระแวง แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เขาก็ไม่ได้พบเจอ
ความผิดปกติเลยแม้แต่น้อย จนเขาเริ่มคิดว่าบางทีเจ้าคนร้ายอาจจะหายไปแล้วก็เป็นได้
   “ผมคิดว่าเป็นไปได้ ที่มันอาจจะระแวง แล้วไม่กล้ามาตอนกลางวัน”

   “มันก็จริงของนาย ตอนกลางวันคนเยอะ ความเสี่ยงที่มันจะถูกจับ น่าจะมีมากกว่า”

   “มันก็เป็นไปได้ครับ”

   หากมองจากคนภายนอก คงคิดว่าสองหนุ่มในชุดทำงาน คงกำลังสนทนาเรื่องงานที่เคร่งเครียด หากแต่ความจริงแล้ว
พวกเขากำลังทำตัวเป็นตำรวจที่ลอบจับผู้ร้าย

   “แล้วแบบนั้น จะถือว่าฉันปลอดภัยหรือเปล่า”

   “ท่านประธานอาจจะปลอดภัย แต่มันก็ไม่มีอะไรที่มาทำให้พวกเราแน่ใจว่ามันจะไม่กลับมาอีก”

   “นั่นสินะ”


   “อีกอย่าง มันอาจจะไปทำร้ายคนอื่นในบริษัทก็ได้นี่ครับ”

   “นั่นล่ะ ที่น่ากลัว ฉันจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นแน่นอน”

   “อาหารได้แล้วค่ะ”

   อาหารถูกนำมาเสิร์ฟขัดการสนทนาของทั้งสองคน ไอศูรย์มองอาหาร แล้วมองนิทานที่มีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก คงเป็นเพราะ
กังวลเรื่องที่คุยกัน

   “ผมว่าท่านประธานทานอาหารก่อนดีกว่านะครับ แล้วเราค่อยคุยกันต่อ”

   “ฉันค่อนข้างร้อนใจน่ะ นายเข้าใจฉันใช่ไหม”
   “ครับ เพราะท่านประธานเองคงไม่อยากให้ใครเจอแบบนั้น รวมทั้งตัวคุณเองก็คงไม่อยากจะเจอแบบนั้นอีก”

   “เมื่อเราทานกันเสร็จ ฉันอยากคุยเรื่องนี้ทันที”

   “ได้ครับ”

   อาหารมื้อเย็นระหว่างทั้งคู่ใช้เวลาไม่นานมากนัก นั่นอาจเป็นเพราะนิทานเองก็รีบทานเพราะร้อนใจอยากคุยให้รู้เรื่อง

   “ท่านประธานคิดว่า คนร้ายเป็นคนในบริษัทหรือเปล่าครับ”

   ดวงตาคมหรี่ลงเล็กน้อย รอดูคำตอบที่จะออกจากปากของนิทาน ท่านประธานตัวน้อยครุ่นคิด

   “ฉันเองก็ไม่แน่ใจ แต่ก็คิดว่าอาจจะเป็นไปได้ เพราะเจ้าพวกนั้นไปลบคลิปจากกล้องวงจรปิด”

   “ผมคิดว่าหลังจากนี้ พวกมันคงจะระวังตัวมากขึ้น การใช้กล้องวงจรปิดเพื่อจับอาจจะไม่ได้ผล เราน่าจะจับมันให้ได้เลย
เพราะบางทีมันอาจจะใส่สิ่งที่ปกปิดใบหน้าของมันก็ได้”

   “แล้วนายมีแผนยังไงบ้าง”

   คนตัวสูงลูบคางตัวเอง ดวงตาคมดูครุ่นคิดบางอย่าง นิทานนั่งมองราวกับใจเย็น ทั้งที่ในความเป็นจริง เขากำลังคิดไม่ตก

   “เราไม่รู้เป้าหมายที่ชัดเจนของมัน มันเป็นแค่พวกโรคจิตทั่วไป หรือว่ามันเจาะจงท่านประธาน”

   “อ่า…แล้วเราจะรู้ได้ยังไง”

   “แผนที่ผมคิด มันค่อนข้างเสี่ยง มันอยู่ที่ว่า ท่านประธานจะยอมเสี่ยงด้วยหรือเปล่า”
   “ยังไง?”

   ความสงสัยเกิดขึ้นไม่จบสิ้น นิทานอยากรู้ความคิดของไอศูรย์ในตอนนี้

   “เราอาจจะต้องใช้คุณเป็นเหยื่อล่อพวกมัน”

   “ห๊ะ…”

   คิ้วสวยขมวดเข้าหากันทันที เขาค่อนข้างคิดมาก  ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้จากปากของไอศูรย์

   “นายถึงจะให้ฉันไปเป็นเหยื่อ ให้พวกออกมา แล้วให้ลวนลามฉัน”

   ประธานตัวน้อยเริ่มโวย นี่ไม่ใช่ความเสี่ยงธรรมดา  แต่เป็นความเสี่ยงมาก เพราะเขาเคยโดนไอ้พวกโรคจิตนั้นลวนลามมา
ก่อน แน่นอนว่าเขาไม่ได้มีความทรงจำที่ดีกับมันเลยแม้แต่น้อย นี่ถึงเป็นเหตุผลที่ทำให้นิทานรู้สึกแย่เป็นอย่างมากที่ตัวเองจะ
ต้องเป็นเหยื่อล่อคนร้ายโรคจิต

   “ใจเย็นก่อนสิครับ เรื่องอะไรที่เราจะต้องยอมให้คุณต้องตกอยู่ในอันตราย”

   “งั้นก็พูดต่อ”

   ท่าทางของนิทานเริ่มจะเข้าขั้นโมโหเข้าเสียแล้ว ไอศูรย์จึงเอ่ยต่อตามที่คนตัวเล็กต้องการ

   “เพราะผมเองก็ไม่เคยโดนทำแบบนั้น ผมไม่รู้ว่ามันจ้องเล่นงานแต่คุณหรือเปล่า แน่นอนว่าเรื่องนี้มันอันตรายและเสี่ยงมาก
แต่ทุกอย่าง ผมอยากให้ท่านประธานเลือกเอง”

   การตัดสินใจทุกอย่างอยู่ที่เจ้าตัว เพราะคนที่พบเจอเหตุการณ์เลวร้ายคือนิทานไม่ใช่ไอศูรย์ นิทานครุ่นคิด นัยน์ตาสั่นไหว
อย่างสับสน

   “ถ้าคุณไม่เห็นด้วย ผมว่ายกเลิกเรื่องพวกนี้ไปก็ได้นะครับ”

   หนทางที่ไอศูรย์ยื่นมาให้เลือกค่อนข้างจะอันตราย แต่ถึงอย่างนั้น มันก็อาจจะคุ้มค่าที่จะเสี่ยง นิทานเงยหน้ามองชายที่อยู่
ตรงหน้า

   “ตกลง ฉันยอมเสี่ยง”

   การยอมเสี่ยงสักครั้ง ก็อาจจะดีกว่าหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา ไอศูรย์ระบายยิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้น

   “ผมว่าการที่เรามีแค่สองคน อาจจะน้อยไป”

   “นายหมายความว่ายังไง”

   “ท่านประธานน่าจะหาผู้ช่วยเพิ่มอีกสักคนนะครับ”

   การหว่านล้อมเริ่มต้นขึ้น นิทานไม่รู้เลยว่าเขากำลังจะเข้าสู่เกมที่ไอศูรย์ได้วางเอาไว้เสียแล้ว

   “ทำไมล่ะ”

   “บางทีแค่ผมคนเดียว อาจจะไปช่วยคุณได้ไม่ทัน”

   “แล้วนายจะให้ฉันเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่นเหรอ!”

   “ใครสักคนที่คุณไว้ใจ”

   “ฉันไม่รู้”

   เขาไม่รู้จริงๆว่าเขาควรจะไว้ใจใคร นิทานไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับใครทั้งนั้น ยกเว้นกับไอศูรย์ที่เขาไม่ได้บอก แต่ชายหนุ่ม
เข้ามาเห็นเหตุการณ์โดยตรง
   “ใครก็ได้ที่อยู่ใกล้คุณ หรือว่าคุณติดต่อเขาได้ตลอดเวลา”

   เพียงได้ยิน ใบหน้าของรามิลก็แว๊บขึ้นมาในสมองของนิทาน เขาสบตากับไอศูรย์

   “รามิลเหรอ…”

   “นั่นมันอยู่ที่ท่านประธานจะเลือก”

   “ไม่ได้หรอก รามิลไม่รู้เรื่องนี้ ฉันจะไปบอกเขาได้ยังไง”

   “ผมไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนที่แย่ จนไม่สนใจความทุกข์ของท่านประธานหรอกนะครับ”

   “อ่า…แต่ว่าฉัน ฉัน”
   แน่นอนว่าเรื่องน่าอับอายแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดคุยกับใครก็ได้ นิทานเปลี่ยนเรื่องโดยการลุกจากโต๊ะเพื่อเดินไปจ่ายเงิน
ที่เค้าเตอร์
   “ผมแค่เสนอครับ ท่านประธานจะเก็บไปคิดก็ได้ แล้วเรื่องแผนการเราค่อยมาคุยกันอีกที”

   ท่าทางของนิทานดูสับสนและกังวลใจ ดูท่าแล้ววันนี้ ท่านประธานตัวน้อยคงเอาแต่ครุ่นคิดเรื่องที่จะบอกเรื่องน่าอับอายนี้
กับรามิล

   “หรือถ้าคุณไม่สบายใจ ก็ไม่ให้เขาช่วยก็ได้”

   “แล้ว…แล้วถ้าไม่มีคนช่วย”


   นิทานยังคงกังวลเรื่องความปลอดภัยของตัวเอง ปกติเวลาจับคนร้ายที่โรคจิตขนาดนี้ คงไม่ใช่ตำรวจแค่คนเดียว ไอศูรย์ก็
ไม่ใช่ตำรวจ เรื่องความปลอดภัยในการทำภารกิจนี้ไม่ต้องพูดถึง นิทานค่อนข้างที่จะกลัว



   “ความเสี่ยงก็มากอยู่แล้วครับ อย่างน้อยมีคนมาช่วยอีกสักคน อาจจะดีขึ้น”
   “แต่ฉันไม่รู้จะพูดกับเขายังไง”

   “ถ้าคุณไว้ใจผม จะให้ผมติดต่อเขาก็ได้ เพราะผมกับเขา เราก็เคยรู้จักกันมาก่อน”
   “เอ๊ะ…”
   “หมายถึง เคยเรียนที่เดียวกัน เคยคุยกันบ้าง แต่ก็ไม่ได้สนิท ตอนนี้ผมกับเขาทำงานด้วยกัน อาจจะคุยง่ายขึ้น”

   “ลำบากนายหรือเปล่า”
   นิทานรู้สึกเกรงใจขึ้นมา เรื่องพวกนี้ มันก็เป็นปัญหาส่วนตัวของเขาอยู่แล้ว เขาไม่ให้ใครรู้มากนัก

   “ผมยินดี ถ้าจะทำให้ท่านประธานสามารถอยู่ในบริษัทโดยไม่ต้องระแวงอันตรายแบบนี้”
   “นายเป็นคนดีจริงๆ ฉันมันแย่ ที่มีอคติต่อนายในตอนแรก กลัวว่านายจะเอาเรื่องของฉันไปแฉ”

   ความรู้สึกผิดกอบกุมจิตใจของนิทาน ในขณะที่ไอศูรย์รู้ดีว่า เขาไม่ใช่คนดีเลยแม้แต่น้อย ถ้าให้พูด เขาคงเลวกว่าพวกซาตานเป็นไหนๆ

   “ไม่เป็นไรหรอกครับ มันเป็นปกติของมนุษย์ที่มักจะหวาดกลัวพวกความลับ แต่ถึงยังไง ผมก็ดีใจที่คุณไว้ใจผม”

   รอยยิ้มจริงใจถูกส่งไปให้ นิทานยิ้มรับอย่างยินดี เขาไม่รู้เลยว่ามันคือขนมหวานที่อาบไปด้วยยาพิษ แค่เห็นก็ไม่รู้หรอกว่า
มันอันตรายมากแค่ไหน
   “งั้น…ฉันก็ฝากเรื่องรามิลด้วย”

   “ได้ครับ”

   “เดี๋ยวฉันไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึง นายรอฉันแถวนี้แล้วกัน”

   “ครับ”

   ไอศูรย์มองตามนิทานที่เดินหายเข้าไปในห้องน้ำจนลับตา ใบหน้าหล่อเรียบเฉย เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาใครบางคน ที่ไม่ค่อยอยากจะกดโทรถึงซักเท่าไหร่นัก

   “ฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว”

   [โอ้โห ฝีมือนายนี่ไม่ใช่เล่นๆเลยนะ]

   “หึ…ท่านประธานอยากรู้ว่านายจะเป็นผู้ช่วยตามจับคนร้ายด้วยหรือเปล่า”

   เขาถามราวกับว่า ไม่รู้คำตอบ รามิลที่รับโทรศัพท์ทางปลายสายได้แต่หัวเราะขบขันในลำคอ
   [ยินดีครับ ผมยินดีจะช่วยท่านประธานทุกเรื่อง]

   “หึ”

   [แล้ว มีแผนอะไรหรือยัง]

   “ที่เสนอไป ก็คิดว่าเป็นใช้เขาเป็นเหยื่อล่อพวกคนร้ายน่ะ”

   [งั้นเจ้าพวกโรคจิตนั่น…ก็คงได้ออกโรงมาเล่นกับท่านประธานตัวน้อยอีกล่ะสินะ หึหึ]

   ไอศูรย์เหยียดยิ้ม ดวงตาคมมองตรงไปยังห้องน้ำ
   “เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว”

   

100%

ฝากเพจด้วยค่ะ https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/notifications/
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 6 ผู้ช่วย
เริ่มหัวข้อโดย: sakurako12 ที่ 11-06-2016 23:00:56
รู้สึกเกลียดไอศูนย์กับรามิลตะงิดๆ
เหมือนทั้งสองกำลังเล่นสนุกกับความรู้สึกของนิทาน
โดนไม่สนใจว่านิทานจะรู้สึกหวาดกลัว หวาดระแวงคนรอบตัวตนเองมากแค่ไหน
โดนลวนลามในสถานการณ์ที่จิตสุดๆ แถมยังเป็นในสถานที่ที่ตัวเองครอบครอง
แล้วไม่ใช่เกิดแค่ครั้งเดียวแต่เกิดขึ้นสองครั้งติดๆ กัน
ต่อให้ใจเย็นแค่ไหน มีสติมากเพียงใดก็ไม่อาจระงับความหวาดกลัว ความระแวงได้หรอก
อ่านยังไงก็ไม่รู้สึกชอบสองคนนี้จริงๆ ค่ะ
 
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 6 ผู้ช่วย
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 12-06-2016 11:31:51
สนุกค่า ถ้านิทานรู้ว่าสองคนนั้นเป็นคนวางแผนจะรู้สึกยังไงนะ อิอิ
#ติดตามตอนต่อไปจ้า :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 6 ผู้ช่วย
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 14-06-2016 23:25:13
รอฉันรอเธอต่อ
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 6 ผู้ช่วย
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 14-06-2016 23:59:58
สองคนนี้เนี่ย...เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 7 เหยื่อล่อ
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 15-06-2016 19:17:02
7
เหยื่อล่อ




   สิ่งที่อันตราย เราต้องเตรียมใจที่จะเสี่ยง ข้อนี้ นิทานเข้าใจดี เขาเองก็กำลังเตรียมใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะ
หวาดระแวง เขาเหลือบตามองรามิลเป็นระยะ

   “ท่านประธานมีอะไรหรือเปล่าครับ”

   ความสงสัยผ่านทางการกระทำนั้นชัดเจน นิทานลุกจากเก้าอี้ เดินตรงมาหาคนตัวสูง

   “ไอศูรย์ได้โทรไปคุยกับนายแล้วใช่ไหม”

   “ท่านประธานหมายถึง เรื่องที่จะให้ผมช่วยจับคนร้ายเหรอครับ”

   ไม่มีคนร้ายที่ไหน จะยื่นหน้ายอมรับผิดได้อย่างง่ายดาย รามิลเองก็เช่นกัน เขาสวมหน้ากากของผู้ชายที่แสนดี และรอยยิ้ม
ที่แสนหวานที่ใช้หลอกล่อเหยื่อให้ติดกับดัก

   “ครับ ไอศูรย์บอกกับผมแล้ว”

   “แล้วนายก็ตกลง”

   “ครับ”

   “เอ่อ เขาบอกกับนายว่ายังไงบ้าง”

   นิทานเริ่มคิดมากขึ้นมาอีกครั้งว่ารามิลจะคิดยังไง เขาไม่กล้าสบตารามิลตรงๆ 

   “ก็บอกว่าท่านประธานกำลังมีปัญหา ให้ผมช่วยตามจับคนร้าย ที่ดูเป็นคนโรคจิตครับ”

   “แล้วไอศูรย์บอกนายหรือเปล่า ว่าคนร้ายพวกนั้นทำกับอะไรกับฉันบ้าง”

   “ไม่นะครับ แต่ผมว่า ถ้าแค่รู้สึกระแวงนิดๆหน่อยๆ ก็ควรจะจัดการ ดีกว่าปล่อยให้มันทำเลวร้ายลงไปกว่าเดิม”

   รอยยิ้มงดงามส่งมาให้กำลังใจประธานตัวน้อย ท่าทางอารมณ์ดีและมองโลกในแง่ดีนั้น ทำให้นิทานยิ้มตาม

   “ขอบใจนายมากจริงๆ เอาไว้ เดี๋ยวเย็นนี้หลังเลิกงาน นายอย่าเพิ่งกลับนะ ฉันขอรบกวนเวลานายสักหน่อย”

   “ยินดีครับ”

   พอได้ยินรามิลตอบรับแบบนั้น นิทานก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา ในช่วงเวลาพักกลางวัน เขาอารมณ์ดีมาก จนตัดสินใจโทรสั่ง
อาหารให้นำมาส่งที่ห้องเผื่อทั้งรามิลและไอศูรย์

   “เข้ามานั่งทานข้าวด้วยกันสิ”

   คำเชิญชวนเกิดขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มน่ารัก ไอศูรย์และรามิลมองหน้ากันในขณะที่ทั้งคู่กำลังจะออกจากห้องทำงานเพื่อไป
ทานมื้อเที่ยง

   “ไม่เป็นไรหรอกครับ ท่านประธาน”

   ไอศูรย์เป็นคนเอ่ยก่อนอย่างเกรงใจ รามิลเองก็ลอบมองสีหน้าของประธานตัวน้อยว่ามีเจตนาอะไรแบบแฝงหรือเปล่า

   “มาเถอะน่า ฉันสั่งมาตั้งเยอะ กินคนเดียวไม่หมดหรอก”

   เขาพูดไปตามความจริง อาหารที่สั่งมาไม่ใช่น้อยเลย หากทานคนเดียวยังไงก็ไม่หมด เนื่องจากปริมาณอาหาร นิทานได้
คำนวณเอาไว้แล้วว่าเผื่ออีกคนสองคนเอาไว้ด้วย ทั้งรามิลและไอศูรย์มองหน้ากันอีกครั้ง

   “งั้นผมไม่เกรงใจแล้วนะครับท่านประธาน”

   คนที่พูดก่อนคือรามิล เขาฉีกยิ้มอย่างยินดี แล้วเข้าไปช่วยนิทานถือถุงอาหาร นิทานหันไปยิ้มให้กับไอศูรย์

   “นายก็เข้ามาในห้องด้วยกันสิ”

   “ครับ”

   ชายหนุ่มตอบรับอย่างง่ายดาย แล้วเดินตามทั้งคู่ไปจนถึงในห้องของประธานบริษัท

   “เดี๋ยวผมไปหยิบจานนะครับ”

   เนื่องจากรามิลนั่งทำงานในห้องทำงานร่วมกับนิทานมาหลายวัน เขาจดจำทุกอย่างได้เกือบหมด ชายหนุ่มเดินไปหยิบ
อุปกรณ์ในการทานอาหาร แล้วเดินกลับมาหานิทาน

   “ผมช่วยแกะ”

   ไอศูรย์อาสาอีกคน นิทานมองชายตัวสูงทั้งสองที่ดูตั้งใจแกะกับข้าวที่เขาโทรไปสั่งใส่ถ้วยและจาน

   “เดี๋ยวฉันทำเอง”

   รามิลยื่นมือจะมาช่วยนิทานรินน้ำใส่แก้ว แต่เขาก็ไม่ได้เป็นเด็กน้อยจนไม่สามารถทำอะไรได้เลย ตอนนี้ไม่ใช่เวลาทำงาน
เขาอยากให้บรรยากาศเป็นเหมือนเพื่อนนั่งทานอาหารร่วมกันมากกว่า

   “ทานเต็มที่เลยนะ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มอีก ฉันจะโทรสั่งมาให้”

   “ท่านประธานนี่ใจดีจังเลยนะครับ”

   รามิลเอ่ยชมพร้อมกับรอยยิ้ม นิทานยิ้มเก้อเขิน เขาก็ไม่ค่อยได้มีคนชมสักเท่าไหร่ พอมาโดนคนแปลกหน้าชมแบบนี้ ก็อด
ไม่ได้ที่จะเขินขึ้นมา

   “ที่จริง ท่านประธานไม่ต้องเลี้ยงข้าวผมก็ได้นะครับ”

   “เอาน่า เรื่องแค่นี้เอง อีกอย่าง ฉันนั่งกินข้าวในห้องคนเดียวแล้วมันรู้สึกเบื่อขึ้นมาน่ะ”

   “งั้นผมจะถือว่ามันเป็นหน้าที่อีกอย่าง ที่ทำให้เจ้านายมีความสุขก็แล้วกันนะครับ”

   รอยยิ้มสดใสมาพร้อมกับมือทั้งสองที่จับทั้งช้อนและส้อมพร้อมเข้าสู่สนามรบของรามิล นิทานหัวเราะเบาๆในลำคอ ก่อนจะ
พยักหน้าเบาๆ

   “ลงมือทานเถอะ”

   “ขอบคุณนะครับ”

   คนที่ดูจะเกรงใจจนถึงช่วงเวลาสุดท้ายที่จะได้เริ่มทานก็คือไอศูรย์ ท่าทางจริงจังและคิดมากนั่นดูเหมือนเป็นบุคลิกของ
ชายหนุ่มไปเสียแล้ว

   

--------+++++-------



   เวลาทำงานได้สิ้นสุดลงในช่วงเย็น ประตูห้องทำงานจึงเปิดขึ้น ก่อนที่ร่างสูงโปร่งของรามิลที่เดินออกมาจากห้องทำงาน ไอศูรย์เก็บของส่วนตัวใส่กระเป๋าของตัวเอง เขารับรู้ถึงการเดินเข้ามาใกล้ของรามิล

   “ได้เวลาเล่นเกมแล้วนะ”

   เขาเอ่ยบอก พร้อมกับยกนาฬิกาขึ้นดู ตอนเย็นหลังเลิกงานวันนี้ นิทานได้นัดพวกเขาทั้งสอง เพื่อพูดคุยถึงแผนการที่จะใช้
จับคนร้าย

   ไอศูรย์เก็บของเสร็จแล้วจึงหยิบกระเป๋าสีดำสนิทของตนขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย

   “งั้นก็ไปเล่นกันเลย”

   ทั้งสองเดินเข้าไปในห้องทำงานของประธานบริษัท นิทานคลี่ยิ้ม ผายมือเล็กน้อยเป็นเชิงให้ทั้งสองนั่งลงในฝั่งตรงข้ามกับ
เขา

   “จะให้สั่งอะไรมากินกันก่อนไหม?”

   “ไม่เป็นไรครับ ผมว่าคุยเรื่องนั้นเลยก็ได้”

   ไอศูรย์ไม่คิดจะอ้อมค้อม นิทานเองก็รู้สึกพอใจที่ได้ยินอย่างนั้น เพราะเขาเองก็อยากคุยเรื่องนี้ให้มันชัดเจนไปเลย

   “เรื่องแผนที่นายเสนอเอาไว้คราวก่อน ฉันลองมาคิดดูแล้วนะ”

   “ครับ”

   เลขานุการทั้งสอง มองหน้าคนตัวเล็ก รอฟังคำกล่าว

   “ฉันว่ามันเสี่ยงเกินไปหรือเปล่า”

   แม้จะเตรียมใจแล้วก็ตามแต่นิทานก็ยังหวาดกลัว เขาไม่อยากจะประสบพบเจอกับเรื่องราวแบบนั้นซ้ำๆอีกแล้ว

   “เหมือนเราคุยเรื่องนี้กันแล้วนะครับ”ไอศูรย์ตำหนิ

   “แล้วนายจะให้ฉันไปเป็นเหยื่อล่อพวกนั้นยังไง”

   “ผมคิดว่าน่าจะต้องเป็นสถานที่ และเวลาเดิมที่มันเคยลงมือ”

   รามิลแนะนำ นิทานนิ่งไปเพียงครู่อย่างครุ่นคิด มีความเป็นไปได้ ที่เจ้าคนโรคจิตนั่นอาจจะทำซ้ำแบบเดิม

   “แต่ฉันก็ยังไม่เจอมันอีกเลย ตั้งแต่นั้นนะ”

   “มีความเป็นไปได้ ว่าพวกมันจะไม่ลงมือ เพราะเห็นว่ามีคนอยู่เยอะ”

   ข้อสันนิษฐานของไอศูรย์ ทำให้ทั้งหมดต่างนิ่ง แล้วพิจารณาถึงความจริงข้อนั้น รามิลกระตุกที่มุมปาก โดยที่นิทานไม่ทัน
สังเกต

   “งั้นแบบนี้ ก็ต้องให้ไม่ค่อยมีคนอยู่ใกล้ๆท่านประธาน ใช่หรือเปล่าครับ”

   “ที่จริงชั้นที่ท่านประธานอยู่ ก็มีอีกหลายคนที่ทำงานในส่วนอื่นๆ ถ้าผมจำไม่ผิด ในวันนั้นที่เกิดเหตุ เหมือนเป็นช่วงพัก
กลางวัน”

   “งั้นตอนนั้น ก็ไม่มีใครอยู่ ทางก็สะดวกน่ะสิ”

   รามิลหันไปมองไอศูรย์ ดวงตาหรี่ลง เขาเห็นว่าดวงตาคมนั้นกำลังยิ้มอย่างพอใจ

   …ร้ายกาจนักนะ…

   ชายผู้อารมณ์ดี ได้แต่ชื่นชมกึ่งประชดประชันไอศูรย์อยู่ในใจ เขาหันไปมองคนตัวเล็กที่ทำหน้าเครียด เพราะหาทางแก้ไม่
ได้เสียที

   “งั้นพรุ่งนี้ ท่านประธานก็ลองไปที่ห้องน้ำเหมือนเดิมดีไหมครับ เราอาจจะเจอตัวพวกมันก็ได้”

   “แล้ว…แล้วถ้ามันทำกับฉันแบบนั้นอีกล่ะ”

   ความหวาดกลัวเกิดขึ้นในจิตใจ ไอศูรย์เป็นคนที่รับรู้ทุกอย่าง นิทานจึงได้ให้ความสำคัญกับไอศูรย์เป็นพิเศษ

   “พวกผมจะเข้ามาช่วยท่านประธานเองครับ”

   รามิลเอ่ยอย่างหนักแน่น ราวกับต้องการให้นิทานเชื่อใจในตัวพวกเขา นิทานมองไอศูรย์และรามิลสลับกัน เขาควรจะเชื่อ
ใจทั้งคู่ เพราะมีแค่สองคนนี้เท่านั้นที่เขาไว้ใจได้

   “ก็ได้ งั้นพรุ่งนี้ ก็ตามนั้น ฉันจะคอยมันอยู่ในห้องน้ำ”
   “ครับ”

   “แล้วถ้ามันเข้ามา ฉันควรจะทำยังไงดี”

   “ผมว่าให้ท่านประธานเตรียมโทรหาพวกเราดีไหมครับ ถ้าท่านประธานรู้สึกว่าพวกมันมา ก็รีบโทรเลย พวกเราสองคนจะรีบ
ขึ้นมาหาคุณ”

   “พวกนายจะไม่อยู่ชั้นเดียวกับฉันเหรอ”

   ความกังวลเกิดขึ้นทันที เมื่อรู้สึกว่าตัวเองถูกปล่อยทิ้งไว้คนเดียว ไอศูรย์และรามิลมองหน้ากัน

   “ถ้าพวกเราอยู่ พวกมันอาจจะไม่ยอมโผล่มาก็ได้นะครับ”

   “งั้นพวกนายควรจะอยู่แค่ชั้นถัดไป ไม่ควรไปไหนไกล”

   “พวกผมก็ตั้งใจไว้แบบนั้นเหมือนกันครับ”ไอศูรย์กล่าว

   “โอเค ตกลงตามนั้น”

   นิทานยอมตกลงในที่สุด ชายหนุ่มทั้งสองได้แต่ระบายยิ้มอย่างพึงพอใจ

   
--------+++++-------



   ในที่สุด วันที่ใช้นิทานเป็นเหยื่อล่อคนร้ายก็มาถึง เขาเองก็รู้สึกระแวง แต่เขาก็ต้องเชื่อใจทั้งสองคน เพราะมีแค่สองคนนี้เท่านั้น ที่เป็นที่รู้เรื่องทุกอย่าง

   เขาเดินมาเข้าห้องน้ำ ด้วยจิตใจที่หวาดหวั่น มองซ้ายมองขวาอย่างหวาดระแวง แต่ก็กลัวว่าตัวเองจะทำตัวมีพิรุธมากจน
เกินไป แล้วทำให้คนร้ายไม่ยอมออกมา
   การยืนรอในห้องน้ำ ไม่ได้ทำให้คนตัวเล็กรู้สึกดี ในห้องน้ำมีเขาแค่คนเดียว เขาไม่ได้ยืนหันหลังให้ประตู ดวงตาคู่สวย
เอาแต่จับจ้องที่ประตูห้องน้ำ รอดูว่าเมื่อไหร่จะมีคนเข้ามา แต่ทุกอย่างก็เหมือนอยู่ในความเงียบ


   กลุ่มควันเกิดขึ้นในห้องน้ำ เพราะมันถูกทิ้งไว้ในห้องห้องในสุด โดยที่นิทานไม่ทันได้รับรู้ตั้งแต่แรก เขารู้สึกมึนงง จนทรุดกายอยู่กับพื้น ยาสลบฟุ้งไปทั่วห้องน้ำ ถึงแม้มันไม่รุนแรงมาก แต่ก็ทำให้นิทานสลึมสลือ

   “คะ ใคร”

   ร่างกายสูงโปร่งอยู่ตรงหน้าเขา เขามองเห็นไม่ชัด เพียงแค่ชั่วพริบตา ก็มีผ้าปิดตาอันหนึ่งมาปิดตาของนิทาน คนตัวเล็กพยายามจะลุกขึ้นสู้ แต่เขาก็ไร้เรี่ยวแรง

   …โทรศัพท์…
   เขาต้องกดโทรศัพท์เพื่อโทรหาใครสักคนไม่ว่าจะเป็นรามิล หรือว่าไอศูรย์…

   ตุบ!

   คนร้ายนั้นเหมือนรู้ทัน มือหนาคว้าโทรศัพท์ที่นิทานกำลังจะกดโทรหา

   ‘รามิล’
   พอได้อ่านชื่อแล้ว คนร้ายตัวสูงก็ต้องเหยียดยิ้มอย่างพอใจ ก็ไม่คิดว่ารายชื่อแรกที่จะกดโทรจะเป็นชื่อเขาเสียเอง

   ที่จริงเขาก็ไม่ค่อยชอบการเข้ามาลวนลามในห้องสักเท่าไหร่ แต่เพราะยังไม่เคยทำ ก็เลยอยากจะลองประสบการณ์ดูสัก
ครั้ง
   “ไม่ต้องกลัว”

   รามิลกระซิบบอกเสียงพร่า นิทานกลัวจนเผลอกายถอยหนี สติเขางงงวยไปเพราะฤทธิ์ยา ริมฝีปากสวยเผยอออกเพียงนิด
ใบหน้าน่ารักถูกมือใหญ่จับกุมลูบไล้ไปตามโครงหน้า ก่อนที่จะหยุดอยู่ที่ริมฝีปาก

   “พักกวางวัน แต่ไม่ยอมไปทานข้าว เดี๋ยวก็หิวหรอก”

   รอยยิ้มเผยให้เห็น ลิ้นร้อนแลบเลียที่ริมฝีปากอ่อนนุ่ม ร่างกายของนิทานอ่อนแรง เขารู้สึกสะลืมสะลือ เหมือนทุกอย่างเป็น
ความฝัน รามิลก้มลงไปกดจูบกับปากนิ่มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นจาบจ้วง ลิ้นร้อนแทรกเข้าไปในโพรงปากพยายาม
ตักตวงความหอมหวานให้ได้มากที่สุด

   ความอึดอัดเกิดขึ้น จนนิทานรู้สึกหายใจไม่ออก เขายกมือดันร่างสูงให้ออกห่าง แต่รามิลไม่ชอบง่ายๆ เขาพรมจูบไปตาม
ใบหน้างดงาม ใบหน้าที่แสนน่ารักนี้ ดูเหมือนขาดการเติมแต่งบางอย่างไป

   …เขาจะเป็นคนเติมเต็มให้กับมันเอง…

   สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้กางเกงตัวใหญ่ ถูกนำออกมา จนมันสัมผัสไปกับแก้มนิ่ม ส่วนปลายของความนั้นเฉียดไปตรงริมฝีปาก
สวย นิทานไม่เข้าใจว่าเขากำลังจะโดนทำอะไรกันแน่ จนกระทั่งความอุ่นร้อนนั้นแทรกเข้ามาในโพรงปาก คนตัวเล็กถึงได้สะดุ้ง
ตัวเกร็ง ถดกายถอยหนี
   ทั้งขนาดและความยาวกับแน่นในปากสวย นิทานพยายามดิ้น แต่รามิลก็รั้งศีรษะเล็กเอาไว้ แล้วจับมันขยับเข้าออก ราวกับ
เป็นเครื่องจักรสูบ สิ่งที่อยู่ภายในปากนั้นตื่นตัวจนเต็มที่ สะโพกสอบเริ่มขยับเข้าออกอย่างรวดเร็วและรุนแรง

   “อ่า…”
   เสียงทุ้มครางต่ำในลำคออย่างพึงพอใจ นิทานตะเกียดตะกาย ทุบตีต้นขาอย่างสะเปะสะปะ เพราะว่ามองไม่เห็นเลยว่า
เบื้องหน้าคืออะไรบ้าง เขาแค่รู้สึกว่ากำลังหายใจไม่ออก

   “อึก”
   ปากสวยได้รับอิสระ แต่ก็เพียงแค่ชั่วพริบตา สายธารอุ่นใสก็พ่นฉีดใส่ใบหน้าของเขาจนเปรอะเปื้อนโดยที่นิทานสัมผัสได้
รามิลระบายยิ้มอย่างพอใจ เขาลากลิ้นเลียที่แก้มนิ่มซึ่งเปื้อนน้ำสีขาวอย่างแผ่วเบา

   “สวย…”

   มีเพียงที่กระซิบกระเส่าที่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์เท่านั้น นิทานนั่งหอบหายใจ  การถูกวางยา ทำให้ร่างกายของเขาไร้เรี่ยวแรง  รามิลหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมากดบันทึกภาพที่แสนเร้าอารมณ์ ป้ายนิ้วโป้งปัดเช็ดที่มุมปากของตัวเอง

   ชายหนุ่มจัดการตัวเองจนเรียบร้อย แล้วจึงหมุนกายเดินออกจากห้องน้ำไป ปล่อยให้ประธานตัวน้อยนอนหมดสติอยู่อย่าง
ไม่รับรู้เรื่องราวอะไรทั้งนั้น

   ปัง ปัง ปัง!!!!
   เสียงทุบประตูห้องน้ำอย่างรุนแรง เหมือนปลุกนิทานให้ตื่นจากนิทรา เขาเผลอหลับโดยไม่รู้ตัว แค่จะเปิดเปลือกตาขึ้นยัง
ยากลำบาก

   “ท่านประธาน!!! ยังอยู่ข้างในหรือเปล่าครับ”

   เสียงที่เขาได้ยินของไอศูรย์ นิทานไม่มีแรงจะตอบ แต่เสียงประตูก็ดังขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่ง

   ปัง!!!

   ประตูห้องน้ำถูกพังเข้ามา ไอศูรย์รีบวิ่งเข้าดูอาการของนิทาน คนตัวเล็กสะลืมสะลือ นิทานปรือตามอง

   “ไอศูรย์”

   นิทานรับรู้ได้ว่าคนที่เข้ามาประคองเขาอยู่คือไอศูรย์ ในขณะที่รามิลเข้ามาประคองอีกฝั่งของร่างกาย

   “ผมว่าท่านประธานล้างหน้าก่อนเถอะครับ”

   คนที่กล่าวขึ้นคือไอศูรย์ รามิลหันไปชายหนุ่มที่ใส่แว่นตา เขาจ้องมองใบหน้าน่ารักที่ปรากฏในกระจกเขา เขาไม่ต้องการ
ให้รีบลบศิลปะอันงดงามบนใบหน้านี้

   …ทั้งที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำขาวขุ่นช่างน่ามอง…

   “นายก็มาช่วยฉันล้างหน้าให้ท่านประธานสิ”

   ไอศูรย์ออกคำสั่ง รามิลระบายยิ้ม ปั้นหน้าเป็นคนใจดี เขาเปิดน้ำ แล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดคราบที่เปื้อนบนใบหน้าให้กับ
นิทานอย่างอ่อนโยน

   “ขอบใจนะ”

   นิทานเอ่ยอย่างหมดแรงกับรามิล ไอศูรย์ตัดสินใจช้อนร่างนิทานอุ้มขึ้น แล้วเอ่ยกระซิบข้างใบหูของรามิลก่อนจะเดินออก
จากห้องน้ำ

   “เล่นสมบทบาทเหลือเกิน”

   “นายมากกว่ามั้ง…พ่อสุภาพบุรุษ”

   รามิลเอ่ยกลับ ไอศูรย์ได้แต่หัวเราะหึในลำคอ แล้วเดินตรงไปยังห้องทำงานของประธานตัวน้อย เขาวางร่างของนิทานลง
บนโซฟา ปล่อยให้คนตัวเล็กได้พักผ่อนร่างกาย

   เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง นิทานจึงลืมตาตื่นขึ้น ฤทธิ์ยาที่เขาโดนเหมือนหมดลงแล้ว แต่ถึงแม้จะโดนวางยา แต่เขาก็
พอจะจำรายละเอียดเรื่องพวกนั้นได้

   “ฉัน…ฉันเจอกับมัน”

   น้ำเสียงนั้นลนลาน ภาพเหตุการณ์และสัมผัสที่เลวร้ายไหลเข้ามาในความทรงจำ นิทานรับรู้ได้ว่า สิ่งที่ในโพรงปากของเขา
ในตอนนั้นคืออวัยวะเพศชายอย่างแน่นอน เพียงแต่ครั้งนี้ก็เหมือนครั้งก่อนตรงที่เขาไม่สามารถเห็นหน้าของคนร้ายได้เลย

   “ทำไมถึงไม่โทรมาล่ะครับ”

   น้ำเสียงห่วงใยเอ่ยถาม นิทานหันไปมองไอศูรย์ที่คาดหวังคำตอบ นิทานส่ายหน้าไปมาอย่างช้าๆ

   “ฉันโดนมันวางสลบแน่เลย แถมตอนที่ฉันจะโทรหาพวกนาย มันก็แย่งโทรศัพท์ไป”

   รามิลกระตุกยิ้ม ไอศูรย์เห็นรอยยิ้มนั้นพอดี แต่เขาก็ยังหน้าทำหน้านิ่ง แล้วเอ่ยต่อ

   “ท่านประธานโดนพวกมันทำร้ายร่างกายหรือเปล่าครับ”

   “ไม่หรอก แต่มันก็ทำเรื่องชั่วๆกับฉันเหมือนเดิม ฉันเจ็บใจที่หลงกลมัน”

   …ถ้าได้รู้ความจริง…คงจะเจ็บใจจนทำอะไรไม่ถูกเลย…

   นั่นคือสิ่งที่ไอศูรย์คิด รามิลเลื่อนมือไปจับมือเล็ก ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความจริง

   “ไม่เป็นไรนะครับ พวกเราต้องจับมันได้แน่ๆ พวกเราผิดเองที่คุ้มกันท่านประธานได้ไม่ดี”

   “ไม่หรอก นายอย่าโทษตัวเองเลย ฉันมันประมาทเอง”

   “แล้วครั้งนี้มันมากันกี่คนครับ”รามิลถามต่อ

   “คนเดียวน่ะ ไม่รู้ทำไม ฉันถึงได้รู้สึกว่าเป็นคนละคนกับครั้งก่อนที่ฉันเคยเจอในห้องน้ำ บางทีฉันอาจจะคิดมากไปเอง”

   รามิลเหลือบตามองไอศูรย์ ชายหนุ่มขยับกรอบแว่นตาเพียงเล็กน้อย รอดูว่ารามิลและนิทานจะพูดคุยอะไรกันต่อ

   “แบบนี้ ถ้าให้ท่านประธานไปเป็นเหยื่อล่อพวกมันก็ถือว่าเสี่ยงเกินไปจริงๆ ดูเหมือนว่าเป้าหมายของมันจะเป็นท่าน
ประธาน”

   “อืม ก็คงจะเป็นอย่างนั้น แต่ถ้ามันคิดจะลงมือครั้งที่สาม แสดงว่าครั้งต่อไปมันก็ต้องกล้าลงมืออีกแน่ๆ รอบนี้พวกเราพลาด
เอง ที่ให้ท่านประธานติดต่อพวกเราด้วยการโทรศัพท์ มันคงจะจับได้”

   “งั้นหมายความว่า นายจะให้ท่านประธานเป็นเหยื่อล่ออีกน่ะเหรอ!”

   รามิลเริ่มแสดงความไม่พอใจ ท่าทางห่วงใยนิทานจนเห็นได้ชัด นิทานเม้มปากแน่น เขารู้สึกอุ่นใจขึ้นมาที่มีคนเป็นห่วง
ความปลอดภัยของเขา

   “ขนาดตอนกลางวัน มันยังกล้าโผล่มา ถ้ามันรู้ว่าตอนกลางคืน ท่านประธานไม่กลับบ้าน แล้วไม่มีคนอยู่ มันต้องมาแน่ๆ
แล้วคราวนี้เราจะมีโอกาสจับตัวมันได้ เพราะเราแน่ใจแล้วว่า เป้าหมายของมัน คือเข้ามาหาท่านประธานตอนที่ได้โอกาส”

   “แต่มันเสี่ยงเกินไป ท่านประธานอาจจะโดนทำอะไรรุนแรงอีกก็ได้ ฉันไม่อยากให้ท่านประธานไปเสี่ยงมากขนาดนี้”

   รามิลโต้แย้งกลับด้วยท่าทางที่จริงจัง นิทานยกมือแตะแขนของรามิล เป็นเชิงบอกให้ชายหนุ่มหยุดสักพัก

   “ฉันจะทำ”

   เขาตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว เพราะครั้งนี้เป็นครั้งที่สามที่เขาโดนลวนลามทางเพศ แสดงว่าเขาเองกำลังไม่ปลอดภัย ถ้าเขา
แจ้งตำรวจ บางทีเจ้าคนร้ายโรคจิตมันอาจจะหายตัวไปและไม่โผล่ การที่ล่อให้มันออกมา แล้วจับตัวให้ได้ในทันที น่าจะแก้
ปัญหาเรื่องนี้ได้เร็วที่สุด
   “แต่ว่าท่านประธาน”

   “ฉันรู้ว่ามันเสี่ยง แล้วก็อันตรายกว่าครั้งก่อน เพราะว่ามันเป็นเวลาที่เข้าทางของมัน แต่ฉันไม่มีทางเลือก”

   “ผมเป็นก็เป็นห่วงท่านประธาน แต่วิธีการนี้คือจะเร็วที่สุด ถ้าเรารอตำรวจ แน่นอนว่ามันน่าจะเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งท่านประธาน
เองก็น่าจะไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนั้น”
   “ฉันเข้าใจที่นายบอกไอศูรย์ แล้วฉันก็เห็นด้วย แต่ครั้งนี้พวกนายต้องจับคนร้ายให้ได้ เพราะฉันทุ่มสุดตัวเหมือนกัน นาย
เข้าใจใช่ไหม”

   นิทานหันไปจ้องหน้าไอศูรย์ ครั้งนี้เขามีความคาดหวัง ว่าเลขาทั้งสองจะไม่ทำให้เขาผิดหวัง ในเมื่อเขายอมเสี่ยงที่จะโดน
ทำเรื่องเลวร้ายจากพวกโรคจิต เลขาทั้งสองก็ไม่ควรจะปล่อยให้เขาเผชิญชะตากรรมเพียงลำพัง

   “ผมจะไม่มีวันยอมให้มันรอดไปแน่นอน”รามิลกล่าวด้วยสีหน้าที่จริงจัง

   “ไม่ต้องห่วงครับท่านประธาน การเสี่ยงของคุณครั้งนี้ ผมจะจับคนร้ายให้คุณได้ลงโทษมันอย่างสาสม”

   ไอศูรย์เอ่ยปิดท้าย ใบหน้าที่ดูจริงจังของทั้งรามิลและไอศูรย์ ทำให้นิทานรู้สึกสบายใจขึ้น ถึงความทรงจำที่ผ่านมามันจะ
ทำให้เขาหวาดกลัว แต่อย่างน้อยเขาก็มีผู้ช่วยที่ไว้ใจได้และช่วยเหลือเขา เขาไม่จำเป็นจะต้องกลัวอีกต่อไป อีกไม่นานคนร้ายที่
มันกล้ามาทำเรื่องเลวร้ายกับเขา มันจะต้องถูกจับกุมและถูกลงโทษตามกฎหมายของบ้านเมือง

   

   

100%

เมะเรื่องนี้ ค่อนข้างนิสัยไม่ดีนะคะ ชอบแกล้งท่านประธาน โปรดทำใจไว้ล่วงหน้า :)
ฝากเพจด้วยนะจ๊ะ https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 7 เหยื่อล่อ
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 15-06-2016 19:42:07
บอกได้คำเดียวว่าโดน!! โดนเต็มๆเปา  :hao6:
คือแบบความเสแสร้งนี่มาเต็มค่ะ จะว่าตอแหลเก่งก็ดูจะแรงเกินไป  :laugh:
พระเอกแบบหน้าหมั่นไส้ แต่ก็อยากให้ทำไปนานๆ  :haun4:
สู้ๆนะท่านประธาน  o8
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 7 เหยื่อล่อ
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 15-06-2016 20:45:59
ลุ้นนนนนนน (หลอกๆ อิอิ)
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 7 เหยื่อล่อ
เริ่มหัวข้อโดย: Aueizii ที่ 16-06-2016 00:18:28
ทำไมถึงอยากให้นิทานโดนอีก โรคจิตละเรา 555
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 7 เหยื่อล่อ
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 16-06-2016 10:27:00
 :ling1:นิทานช่างน่าสงสารโดนหลอกซ้ำๆซากๆ555
#เมะแอบจิตนิดๆ #ชอบไอศูรย์มากๆ
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 7 เหยื่อล่อ
เริ่มหัวข้อโดย: chouxcream59 ที่ 18-06-2016 11:16:45
ก็ท่านประธานตัวน้อยมันน่าแกล้งงงง 
สองเมะ(จิต)ไอศูรย์กับรามิลเลยต้องเล่นด้วยซักหน่อย  o3
รออออ :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 7 เหยื่อล่อ
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 18-06-2016 20:06:48
รอออวววว์
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 7 เหยื่อล่อ
เริ่มหัวข้อโดย: noozzz ที่ 18-06-2016 21:59:00
2 เมะนี้ เป็นใครมาจากไหน ทำไมธนัตถึงไว้ใจให้มาเป็นเลขา สงสารเด็กน้อย ตามไม่ทันพวกโรคจิตหรอก ฮึ่ยๆๆๆ ครั้งต่อไปไม่โดนจับทำเมียเลยหรอ  :katai1:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 8 คนร้าย
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 21-06-2016 20:24:40
8
คนร้าย

   การตัดสินใจในครั้งนี้ของนิทาน เหมือนเขากำลังพาตัวเองไปเล่นกับไฟหรือสิ่งที่อันตราย แต่เขาไม่มีทางเลือก เขาต้องเสี่ยง เพื่อให้ได้ในสิ่งที่อันตราย
   ...คนร้ายโรคจิต...
   เขาโดนพวกมันล้อเล่นกับร่างกายถึงสามครั้ง โดยเฉพาะครั้งที่สาม เขาเจ็บใจอย่างถึงที่สุด เพราะเขาถูกบังคับให้ทำออรัล แถมมันยังปลอดปล่อยความชั่วช้าบนใบหน้าของเขา ราวกับตอกย้ำมลทิน
   คืนนี้จะเป็นวันปิดศึกสู้รบระหว่างเขากับมัน เขาจะต้องชนะ นิทานคาดหวังไว้อย่างนั้นตั้งแต่แรก ตอนนี้เขามีผู้ที่คอยช่วยเหลือ ซึ่งได้แก่เลขานุการทั้งสองของเขา เขามีความเชื่อใจและคาดหวังว่าทั้งสองจะต้องช่วยเขาจับคนร้ายได้จนสำเร็จ
   “วันนี้ทำงานเหนื่อยหน่อยนะ”
   นอกจากจะฝากความหวังเอาไว้ที่ทั้งสองคนแล้ว นิทานยังคิดว่าการผูกมิตรเอาไว้ให้ได้มากที่สุดก็จะทำให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี   
   ทั้งไอศูรย์และรามิล ทั้งคู่เป็นคนทำงานเก่ง เขาเคยเผลอคิดไปว่าบางทีทั้งสองอาจจะเหมาะกับการเป็นผู้บริหารมากกว่าเขาเสียอีก
   ยิ่งเข้าสู่การทำงานที่ต้องอยู่ในจุดสูงสุดมากเท่าไหร่ หัวใจของเขามันก็ยิ่งหนักอึ้ง จนเขาไม่รู้แล้วว่าจะสามารถฝ่าฟันมันไปได้มากแค่ไหน
   …อะไรที่เหมาะกับเขากันแน่…
   “ท่านประธานครับ”
   เสียงเรียกของรามิลไม่ได้ทำให้นิทานหลุดออกมาจากความคิดที่สับสน เขาทำยอดขายของบริษัทตกไปจากเดิมอยู่ตลอดเวลา
   “ท่านประธาน”
   พอโดนเรียกซ้ำๆ เขาก็หลุดออกมากจากความคิด สิ่งแรกที่เห็นคือใบหน้าที่ดูห่วงใยของรามิลที่มีให้กับเขา
   “มีอะไรเหรอ”
   เพราะมัวแต่เหม่อลอยไปชั่วขณะ ทำให้เขาไม่ได้ทันได้รับฟังสิ่งที่รามิลพูดเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ชายตัวสูงก็ไม่ได้โกรธเคืองแต่อย่างใด
   “ผมเอาชงกาแฟมาให้น่ะครับ”
   “อ่า งั้นเหรอ”
   นิทานก้มมองที่โต๊ะ มีแก้วกาแฟวางอยู่ กลิ่นหอมกรุ่นจนเตะจมูก คนตัวเล็กเงยหน้าจากแก้วกาแฟ แล้วมองหน้ารามิล
   “ขอบใจนะ”
   “ครับ”
   แต่ถึงจะตอบรับแล้ว แต่รามิลก็ยังไม่เดินกลับไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง นิทานได้แต่เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ
   “มีอะไรอีกหรือเปล่า”
   “ท่านประธานไม่สบายหรือเปล่าครับ”
   “เอ๊ะ”
   ประธานตัวน้อยร้องออกมาด้วยความสงสัยทันที ไม่คิดว่ารามิลจะถามเขาแบบนี้ เขาได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ
   “ทำไมล่ะ ฉันมีอะไรแปลกๆงั้นเหรอ”
   “ครับ ผมรู้สึกว่าท่านประธานดูเหนื่อยๆ”
   คำกล่าวนั้นเหมือนจี้จุดของนิทาน เขากำลังรู้สึกเหนื่อยล้าในหลายๆเรื่อง แค่เรื่องงานก็พาให้เหนื่อยจนไม่อยากจะคิดเรื่องใดอีกแล้ว แต่นี่ยังมีเรื่องของเจ้าคนโรคจิตเข้ามาอีก
   “ฉันไม่เป็นไรหรอก”      
   “จริงเหรอครับ ผมว่าน่าจะไปลองหาหมอดูไหมครับ”
   “ไม่เป็นไรหรอกน่า ฉันคงแค่เครียดมากไป เพราะเรื่องเจ้าโรคจิตนั่น”
   รามิลลอบยิ้มเพียงนิดที่มุมปาก ก่อนที่เขาจะเอ่ยขึ้นต่อด้วยน้ำเสียงที่แนวแน่จนคนฟังต้องระบายยิ้มตาม
   “ไม่ต้องกังวลหรอกครับ ยังไงคืนนี้ เราก็ต้องจับมันได้แน่ๆ”
   “ฉันก็ขอให้มันเป็นอย่างนั้น”
   ทั้งคู่สบตากัน รามิลจึงขอตัวกลับไปทำงานที่โต๊ะของตัวเองต่อ นิทานเหลือบตามองรามิลเพียงครู่ แล้วจึงหยิบแก้วกาแฟขึ้นจิบ

-------+++++-------

   เวลาผ่านไปไวราวกับเป็นเรื่องโกหก แม้นิทานอยากจะจับคนร้ายให้ได้เร็วแค่ไหน แต่เขาก็ไม่อยากจะเจอคนร้ายอยู่ดี
   …มันเหมือนความคิดและการความต้องการที่ขัดแย้งต่อกัน…
   เขาไม่โทษใครเลย นอกจากตัวเองที่ขี้ขลาด แต่ถ้าผู้ชายปกติที่ไม่เคยโดนกระทำการลวนลามจากเพศเดียวกันและแข็งแกร่งกว่าก็น่าจะหวาดกลัวกันทุกคน ดังนั้นสิ่งที่เขาเป็นอยู่ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องแปลกตรงไหนเลย เพราะเขาเองก็ไม่ได้อยากจะเจอเรื่องราวแย่ๆ และไม่ได้ยอมรับว่าการโดนล่วงละเมิดทางเพศมันเป็นสิ่งที่น่าภิรมย์หรือน่ายินดี ในทางตรงกันข้าม เขากลับขยะแขยงและไม่ชอบมันเลยสักนิด ถึงแม้ร่างกายของเขาเหมือนจะไปตอบสนองต่อสัมผัสที่แสนบ้านั่นก็ตามที แต่ในทางจิตใจ นิทานไม่เคยจะต้องการ
   “ผมว่าเราออกไปหาอะไรทานกันก่อน แล้วค่อยกลับมาตอนเย็นดีไหมครับ”
   รามิลเสนอ นิทานเม้มปากคิดเพียงครู่ เขาอยากให้แผนครั้งนี้สำเร็จ และไม่อยากคาดกับเป้าหมาย
   “แล้วถ้าคนร้ายมันคิดว่าฉันออกไปแล้ว ไม่กลับมา ฉันจะทำยังไงล่ะ”
   “งั้นนายก็ออกไปโทรสั่งอาหารให้มาส่งแล้วกัน”
   ไอศูรย์หันไปกล่าวกับรามิล ทั้งคู่มองหน้ากัน แม้ภายนอกรามิลจะยิ้มแย้ม แต่ไอศูรย์ก็รู้ดีว่าชายหนุ่มกำลังไม่พอใจ
   …อย่ามาสั่งฉัน…
   ไอศูรย์เลือกจะเมินกับเจตนาและความคิดที่รามิลส่งมา เขาหันมาใส่ใจนิทานแทน คนตัวเล็กกำลังคิดมาก แค่ดูก็รู้ว่านิทานกำลังกลัวเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในค่ำคืนนี้
   “ไม่เป็นไรนะครับ ท่านประธานต้องปลอดภัย”
   น้ำเสียงนั้นมาพร้อมกับใบหน้าที่จริงจัง นิทานเหลือบตามอง เขาทำได้แต่พยักหน้า และเชื่อในสิ่งที่ไอศูรย์กำลังบอกเขา
   มื้อเย็นของทั้งสามคืออาหารที่สั่งให้มาส่ง แทนที่จะออกไปทานข้างนอก นิทานทานอาหารได้น้อยกว่าปกติ เพียงแค่นิดเดียว เขาก็รู้สึกอิ่มแล้ว
   “ครับ วันนี้ผมไม่กลับนะครับ”
   แม้จะไม่อยากโทรบอกมารดาแบบนั้น แต่นิทานก็ต้องทำ เพราะเขาได้ตัดสินใจไปแล้วสำหรับสิ่งที่จะทำในคืนนี้
   “แล้วแบบนี้พวกเราก็ต้องออกไปจากบริษัทด้วยหรือเปล่า”
   รามิลหันไปถามไอศูรย์เมื่อมองผ่านกระจกไป เริ่มเห็นว่าดวงอาทิตย์เริ่มจะลาลับขอบฟ้า ชายตัวสูงขยับกรอบแว่นตาเพียงเล็กน้อย
   “ก็ควรจะออกไป แต่ก็ไม่ควรจะอยู่ไกลมาก”
   “จะให้ท่านประธานโทรหาแบบครั้งก่อน มันก็จะอันตรายเกินไปหรือเปล่า”
   การใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อแบบครั้งก่อน เหมือนจะอันตรายเกินไป และกว่าจะโทรติดต่อได้ก็กินเวลานานจนต้องตกอยู่ในอันตราย
   “ไม่ต้องห่วงครับ เรื่องนั้น ผมไปเตรียมหาอุปกรณ์มาแล้ว”
   สิ่งที่ไอศูรย์ยื่นให้กับนิทาน ดูคล้ายกับนาฬิกาข้อมือทั่วไป นิทานมองไอศูรย์อย่างไม่เข้าใจ
   “มันมีตัวส่งสัญญาณอยู่ครับ ถ้าท่านประธานคิดว่าเจอมันแล้ว ก็แค่รีบกดปุ่มตรงนาฬิกา แล้วมันก็จะส่งสัญญาณให้พวกเราทราบเอง ยิ่งกดย้ำๆ มันก็จะยิ่งส่งสัญญาณมากขึ้น”
   พอได้ยินแบบนั้น นิทานก็คลี่ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ เพราะเขาคิดว่าครั้งนี้ เจ้าโรคจิตนั่นต้องเดาทางไม่ออกแน่ว่า การติดต่อสื่อสารให้คนอื่นมาช่วยอยู่ที่นาฬิกาข้อมือนี้
   “ขอบใจนะ”
   จะบอกว่านิทานสุดแสนจะซาบซึ้งกับความดีที่ชายทั้งสองทำให้กับเขาก็คงได้ เขาไม่คิดว่าตัวเองจะมีเลขานุการที่แสนดีถึงเพียงนี้ แต่ใครจะรู้ ว่าเบื้องหลังของความแสนดีนั้น ซ่อนเอาอะไรเอาไว้บ้าง
   กายแกร่งลุกขึ้น ก้มมองนาฬิกาของตัวเอง เขาหันมากล่าวกับเจ้านายตัวเล็กที่เอาแต่มองนาฬิกาที่มีตัวส่งสัญญาณ แล้วจึงถอดนาฬิกาที่ตัวเองเคยใส่วางไว้บนโต๊ะแทน
   “พวกเราต้องไปแล้วนะครับ”
   ไอศูรย์เอ่ยลา นิทานพยักหน้ารับรู้ เขามองรามิลและไอศูรย์ที่เดินออกจากห้องของเขาไป เขาต้องเชื่อใจว่าทั้งคู่จะปกป้องเขาได้ ครั้งนี้ เขาต้องจับคนร้ายได้อย่างแน่นอน
   นาฬิกาเดินบอกเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม นิทานนั่งสงบสติอารมณ์ของตัวเอง บรรยากาศรอบๆกายเริ่มเข้าสู่ความมืด เขาไม่กล้าจะเดินออกจากห้องทำงาน แต่สมองเขากลับสั่งให้เขารีบลุกจากโซฟา แล้วออกไปทำภารกิจสุดแสนอันตรายได้แล้ว
   …จะสู้หรือจะหนี…   
   ทางเลือกของเขามีแค่นี้เท่านั้น ถ้าเขาหนี นั่นหมายถึงเขาก็ต้องทนทุกข์เพราะโดนล้อเล่นจนเป็นเรื่องสนุก และไม่มีหลักประกันอะไรเลยว่าเจ้าคนร้ายโรคจิตนั่นคิดจะทำอะไรที่ชั่วช้ามากกว่าเดิมอีกแค่ไหน เขาไม่อยากเจอกับเหตุการณ์แย่ๆ ซ้ำๆซากๆ อีกแล้ว
   “สู้!”
   บอกกับตัวเองราวกับจะไปแข่งขันกีฬาสักอย่าง แต่นี่ไม่ใช่การแข่งขัน แต่คือการรบ และเขาก็คือเหยื่อล่อ ที่ถูกส่งมาเพื่อให้คนร้ายปรากฏตัว
   นิทานเดินไปมาอยู่ตรงทางเดิน เขาเดินไปเรื่อยๆ ทุกอย่างรายรอบกายเขาเริ่มเข้าสู่ความมืด แต่ถึงกระนั้น ทุกอย่างก็ยังคงเงียบสงบ เหมือนว่าไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียว
   …หรือว่ามันจะรู้ตัว แล้วไหวตัวทัน…
   สิ่งที่คิด มีความเป็นไปได้สูงเลยว่าจะเป็นจริง เจ้าคนร้ายที่แสนฉลาดนั่น อาจจะรู้แผนการ แล้วเผ่นหนีไปในวันนี้แล้วก็ได้ พวกมันอาจจะเห็นรามิลและไอศูรย์ที่ยังไม่กลับเพื่อมาช่วยเขาและจับคนร้าย
   “บ้าชะมัด”
   กายเล็กหมุนตัวจะเดินกลับไปยังห้องทำงานของตัวเอง เขาคงจะต้องโทรหาผู้ช่วยทั้งสองเสียแล้วว่า เขาเดินรอเจ้าคนร้ายมาเกือบครึ่งชั่วโมงแต่มันก็ยังไม่โผล่มาเสียที
   “ฮัลโหล นี่ฉันเองนะ”
   นิทานกรอกเสียงไปตามสาย เขาโทรไปหาไอศูรย์ และเล่าเรื่องราวให้กับชายหนุ่มฟัง ทั้งไอศูรย์และรามิลยังอยู่ด้านล่าง
   [ครับ ท่านประธาน]
   “ฉันเดินออกมารอมันตั้งครึ่งชั่วโมงแล้ว พวกมันยังไม่มากันเลย”
   [หรือว่ามันอาจจะมาดึกๆครับ]
   ไอศูรย์เปิดลำโพงโทรศัพท์ ทำให้รามิลสามารถพูดคุยกับนิทานได้ด้วย นิทานเม้มปากแน่น คิดไม่ตก
   “แล้วจะให้ฉันไปรอมันที่ทางเดินทั้งคืนเลยเหรอ”
   [ถ้าท่านประธานไหว ก็ต้องลองดูนะครับ]
   “เข้าใจ แล้วฉันจะติดต่อไปอีกที”
   ถ้าจะบอกว่าเขาไม่ถูกกับความมืด ก็คงจะใช่ นิทานไม่อยากไปยืนอยู่ตรงทางเดินมืดๆแค่คนเดียว
   “เป็นผู้ชายจะกลัวอะไร”
   เขาเองก็เป็นผู้ชาย เรื่องแค่นี้ไม่ควรจะปอดแหกหวาดกลัว ก็แค่ไปเดินท่ามกลางความมืด นิทานตัดสินใจกลับไปเดินที่ทางเดินอีกครั้ง บรรยากาศรอบกายเงียบสงัด ใจของเขาเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ความหวาดระแวงเพราะกลัวจะเจอเจ้าโรคจิตนั้นก็ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็คงกลัวสิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็นตัวตน
   …ทำไมเขาต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย…
   การดำเนินแผนการผ่านไปได้สักพักใหญ่ นิทานก็เริ่มคิดขึ้นมา มันมีความจำเป็นที่เขาต้องมาเสี่ยงขนาดนี้เชียวหรือ  จิตใจของมนุษย์นี่ช่างโลเลเหลือเกิน นิทานรู้ดีว่าเขาอยากจะหยุดทำเรื่องพวกนี้ แต่สมองของเขาก็สั่งให้เขาเดินต่อไป
   การขับถ่ายของเสียจากร่างกายเป็นเรื่องปกติ นิทานปวดปัสสาวะในขณะที่เดินไปมา เขาเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องน้ำ เริ่มคิดว่าถ้าหากเจ้าโรคจิตมันโผล่มาในห้องอีกครั้งในยามที่เขากำลังธุระส่วนตัว เขาจะทำอย่างไรดี แต่คิดไปก็เท่านั้น ถ้ามัวแต่คิดมาก เขาคงไม่ได้เป็นอันทำอะไร
   การปัสสาวะในครั้งนี้เต็มไปด้วยความหวาดระแวง นิทานเปิดไฟในห้องน้ำจนสว่าง เขาไม่ใจกล้าพอที่จะปล่อยให้ทุกอย่างตกอยู่ในความมืด
   ความหวาดระแวงจบสิ้นลง เมื่อเขาทำธุระส่วนตัวเสร็จ ทุกอย่างยังคงปกติดี นาฬิกาที่ข้อมือบอกเวลาว่าเกือบสี่ทุ่มแล้ว ถ้าสี่ทุ่มครึ่งแล้วเจ้าคนร้ายโรคจิตยังไม่ยอมโผล่มา เขาคิดว่าจะยกเลิกภารกิจในครั้งนี้ แล้วกลับบ้าน เพราะดึกขนาดนี้ เขาค่อนข้างที่จะเกรงใจไอศูรย์และรามิลที่ต้องรับอาสามาช่วยเขา
   ไม่รู้ว่าป่านนี้…รามิลกับไอศูรย์จะรอจนหลับไปแล้วหรือเปล่า…
   นิทานเดินออกจากห้องน้ำ เขาเดินไปที่ทางเดินอีกครั้ง เขาเดินวนไปมาจนเบื่อและรู้สึกเมื่อย จึงตัดสินใจเดินกลับไปที่ห้อง อย่างน้อยก็กลับไปดื่มน้ำดับกระหายความหิวและความร้อนที่เกิดขึ้นจากการออกกำลัง
   กึก
   ทันทีที่มือเล็กจับประตูบานใหญ่ ดวงตาของเขาก็ตกเบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อมีมือปริศนามาปิดเข้าที่ปาก นิทานเอื้อมมือข้างขวาจะไปกดปุ่มที่นาฬิกาซึ่งอยู่ที่มือข้างซ้าย แต่ทุกอย่างเหมือนตกอยู่ในความโชคร้ายที่นิทานคิดไม่ถึง
   “อื้อ”
   เขาพยายามดิ้น มือข้างขวาถูกจับไพล่หลังเอาไว้ ทำให้ไม่สามารถเข้าไปกดปุ่มได้ นิทานพยายามตั้งสติ คืนนี้ทุกอย่างรอบๆเขามืดสนิท เขามองไม่เห็นผู้ชายที่กำลังจับกุมเขา
   นิทานพยายามเลื่อนมือข้างซ้ายไปใกล้กับมือขวาที่ด้านหลัง แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าโชคชะตาหรือว่าฟ้ากลั่นแกล้ง ที่จู่ๆ ทันทีที่กดปุ่มตรงนาฬิกา นาฬิกาที่สวมเอาไว้ก็หลุดจากข้อมือ แล้วแบบนี้เขาจะกดย้ำเรียกเลขานุการทั้งสองได้อีกอย่างไร
   “หึ”
   เขาได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอ ประตูห้องทำงานถูกเท้าใหญ่นั้นถีบไม่แรงมากนัก นิทานตกใจเมื่อเข้าไปในห้องแล้วมืดสนิท
   …เขาจำได้ว่าตอนออกจากห้อง เขาเปิดไฟเอาไว้…
   หรือว่าทุกอย่างมันตกอยู่ในสายตาของเจ้าคนร้ายหมดเลย นิทานรู้สึกเสียรู้ ครั้งนี้เขาต้องโดนเจ้าโรคจิตทำเรื่องลามกกับเขาอีกแล้วอย่างนั้นเหรอ
   ทำได้แต่เพียงภาวนา ขอให้ไอศูรย์หรือไม่ก็รามิลรับรู้ถึงสัญญาณที่เขาส่งไป ขอให้ทั้งสองคนขึ้นมาที่ห้องของเขา
   …ความหวังอาจจะเลือนรางและริบหรี่ แต่นิทานก็ยังมีหวัง เพราะในครั้งนี้ เขาได้ติดต่อไอศูรย์และรามิล แม้จะแค่ครั้งเดียวก็ตาม…
   ตุบ!
   นิทานถูกกระชากเข้ามาในห้องทำงาน ประตูห้องปิดลงอย่างรวดเร็ว เขาถูกเหวี่ยงลงไปอยู่บนโซฟา สิ่งแรกที่คิดออก คือต้องวิ่งไปเปิดไฟ
   “แกเป็นใคร!!”
   คนร้ายในความมืดยังคงเงียบ นิทานวิ่งจะไปเปิดไฟ แต่เขาก็เตะเก้าอี้จนล้มลง ร่างสูงใหญ่ขยับเข้ามาใกล้ แล้วใช้ผ้าบางอย่างมัดเข้าที่ข้อมือทั้งสองของนิทาน หลังจากที่จับแขนคนตัวเล็กไพล่หลังเอาไว้แล้ว
   “แก!!!”
   เสียงร้องของนิทานต้องหยุดลง เมื่อรับรู้ถึงฝ่ามือร้อนผ่าวที่กุมรัดที่ลำคอขาวเนียน เขาหายใจไม่ออก เสียงกระซิบอย่างดุดันเกิดขึ้นไม่ดังมากนัก แต่มันก็ดังมากพอทำให้คนฟังใจสั่นหวาดผวา
   “เงียบ…ถ้าไม่อยากตาย”
   คำขู่นั้น ดูท่าจะเป็นความจริง เพราะนิทานเริ่มหายใจไม่ออก สติเขาแทบจะแตกกระเจิง รู้แค่ว่าร่างกายเหมือนหมดแรงและไม่ปฏิกิริยาใดๆตอบโต้
   เขาถูกจับมัด คอก็โดนบีบ ไม่อาจจะขัดขืน แต่ถึงกระนั้น เจ้าคนร้ายโรคจิตก็ดูเหมือนไม่ได้มีเจตนาจะทำเรื่องเลวร้ายจนถึงขั้นให้เขาเสียชีวิต
   กายแกร่งเอนนั่งลงบนโซฟา โดยที่มีร่างของนิทานนั่งทับบนตัก นิทานยังคงตกอยู่ในความหวาดกลัว สัมผัสร้อนผ่าวเกิดขึ้นที่บริเวณลำคอ เขาตัวสั่นน้อยๆ ทั้งๆที่ควรจะรังเกียจสัมผัสจากผู้ชายโรคจิตนี้ แต่หัวใจเขากลับเต้นแรง ขนบนร่างลุกชัน
   “อึก นี่แกจะทำอะไร”
   กายเล็กสะดุ้งแทบจะสุดตัว เมื่อฝ่ามือร้อนผ่าวเลื่อนมาปลดกระดุมเสื้อของเขา แล้วสอดมือเข้าไปสัมผัสกับแผ่นอกเล็ก ใบหน้าน่ารักพยายามจะหันไปหาคนร้ายแต่เสียงทุ้มก็ดังขึ้นเสียก่อน พร้อมกับมือร้อนที่กอบกุมลำคอเล็ก
   “อยู่นิ่งๆ”
   “อึก”
   นิทานไม่กล้าขยับตัว เพราะกลัวว่าจะได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต เขารู้สึกคุ้นกับเสียงที่ได้ยิน แต่ไม่เคยคิดว่าจะเป็นคนใกล้ตัว
   …ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย…
   เขาได้แต่ภาวนาอยู่ในใจ คิดถึงเลขานุการทั้งสองที่ไม่รู้ว่าป่านนี้จะได้รับสัญญาณจากเขาหรือยัง
   “อะ อื้อ”
   ร่างกายสั่นระริก เมื่อเป้าหมายที่เจ้าคนร้ายพุ่งตรงต่อไปคือใจกลางลำตัว แก่นกายเล็กถูกจับกุมและรูดชักอย่างไม่ถนอม
   นิทานรับรู้ได้เลยว่าผู้ชายคนนี้ดูเหมือนเป็นพวกชอบใช้ความรุนแรง ปลายเล็บคมจิกลงบนแท่งเนื้อจนเขาเผลอร้องครางด้วยความเจ็บ แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้ร่างกายของเขาตอบสนองอย่างน่าอาย
   “ไอศูรย์ รามิล”
   จู่ๆเขาก็เผลอเรียกชื่อทั้งสองคนออกมาจากจิตใต้สำนึก นิทานกลัวจนเผลอร้องไห้ เขาจะทำยังไง ถ้าไอศูรย์กับรามิลไม่มาช่วยเขา ไม่ใช่ว่าครั้งนี้ คนร้ายมันตัดสินใจลงมือฆ่าเขาให้ตาย
   …เขาจะทำยังไงดี…
   กึก กึก
   ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างอย่างมีความหวัง แม้ร่างกายจะโอนอ่อนต่อความต้องการของร่างกาย แต่ความดีใจก็ปิดไม่มิด
   …ทั้งสองต้องมาช่วยเขาแน่ๆ…
   กึก
   ประตูห้องเปิดขึ้น นิทานเห็นร่างสูงใหญ่ที่เลือนรางในความมืด ในขณะที่ร่างกายของเขากำลังบิดเร่าเพราะความร้อนรุ่ม ลิ้นร้อนนั้นลากเลียไปตามลำคอขาว ก่อนที่ฟันคมจะขบเม้มจนเจ็บที่ผิวเนื้อ
   “ไอศูรย์ รามิล ใคร…พวกนายใช่ไหม ช่วยฉันด้วย”
   พรึบ
   ไฟในห้องถูกเปิด นิทานเจ็บที่ลำคอเพราะโดนมือใหญ่บีบคางเอาไว้จนเขาไม่สามารถขยับหน้าได้ แต่ถึงกระนั้นดวงตาของคนตัวเล็กก็กำลังฉายให้เห็นถึงความยินดี
   “รามิล”
   ใช่แล้ว ผู้ชายที่ยืนอยู่ที่ตรงประตูห้องนั้นคือรามิล ความกลัวทั้งหมดของนิทานเหมือนเลือนหายไป ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรอีกแล้ว วันนี้เขาจะจับคนร้ายจนหนีไม่หลุด ในเมื่อเขามีพวกมากกว่า ดูสิ…ว่าเจ้าพวกโรคจิตมันจะหนีไปไหนได้
   “ปล่อยฉันได้แล้ว แกหนีไม่รอดแน่ ฉันจะจับพวกแกส่งเข้าคุก พวกโรคจิตอย่างพวกแก ต้องไปรับกรรม”
   แทนที่คนร้ายจะมีท่าทางหวาดกลัว มันกลับนิ่งสงบจนนิทานแปลกใจ เขามองรามิล
   “รามิล นายทำอะไรสักอย่างสิ!นายรีบมาจับมันสิ!!!”
   นิทานตะโกนเรียกเสียงดัง เขารู้แล้วว่าตัวเองชนะ ตอนนี้เขาชนะแน่นอน แต่สิ่งที่นิทานเห็นต่อมาคือรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา
   “จับ…จับอะไรเหรอครับท่านประธาน”
   “ก็จับคนร้ายไง!!!”
   แทนที่รามิลจะเข้ามาช่วย เขากลับยืนยิ้มอย่างสบายใจ ราวกับกำลังดูละครที่แสนสนุก
   “ไม่มีคนร้ายที่ไหน…เขามาจับตัวเองเข้าคุกหรอกนะครับ…ท่านประธาน”
   ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง เมื่อได้ยินเสียงทุ้มกระซิบบอกข้างใบหู ฝ่ามือที่เคยจับล็อกใบหน้าเล็กคลายแรงลง นิทานหันขวับไปมองคนข้างหลังทันที กายค้างแข็งทื่อ หัวใจเหมือนหยุดเต้น เมื่อเห็นใบหน้าของคนที่เขาคุ้นเคย
   “อะ..ไอศูรย์!!!”
   
   
   
100%
ฝากเพจด้วยจ้า https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 8 คนร้าย
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 21-06-2016 20:28:38
แอบสงสารนิทานอ่า อย่าข่มขืนกันเลยนะ
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 8 คนร้าย
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 22-06-2016 00:17:33
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 8 คนร้าย
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 24-06-2016 15:33:27
อร๊ายยยย โรคจิตทั้งคู่เยยอ่ะ อีไอศูรย์กะรามิลเนี่ย  :mew5:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 8 คนร้าย
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 25-06-2016 07:06:16
ความจริงเฉลยแล้วว นิทานจะทำยังไงต่อไป
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 8 คนร้าย
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 25-06-2016 08:23:59
รู้ความจริงซะแล้วคงจะช็อคน่าดูเลยนิทาน
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 8 คนร้าย
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 25-06-2016 08:47:52
คนร้ายเผยตัวออกมาแล้ว... (ตอนก่อนหน้ายังนึกอยู่เลย ว่าสองคนนี้คิดจะบอกนิธานเมื่อไหร่)
ทีนี้นิธานจะทำยังไงล่ะ คนที่เคยไว้ใจกันแท้ ๆ แถมตอนถูกทำยังรู้สึกรังเกียจอีก
หรือว่าสองคนนั้นคิดจะแบล็กเมล์ให้นิธานยอมมีอะไรด้วยกันนะ
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 8 คนร้าย
เริ่มหัวข้อโดย: mouymai ที่ 25-06-2016 09:30:05
จะรอตอนต่อไปนะคะ :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 8 คนร้าย
เริ่มหัวข้อโดย: imfckwn ที่ 25-06-2016 11:45:39
ตอนหน้าต้องไม่ธรรมดาแน่นอน!!!! รออออ
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 8 คนร้าย
เริ่มหัวข้อโดย: noozzz ที่ 28-06-2016 00:38:44
ไอศูรย์กับรามิลคงขี้เกียจเล่นแล้ว จับทำเมียเลย ...
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 9 ปรนเปรอ
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 29-06-2016 20:44:04
9

ปรนเปรอ

 

            “นี่มันอะไรกัน!”

                ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ติดลบ  นิทานไม่สนุกด้วยกับสิ่งที่เกิดขึ้นเขาไม่เข้าใจเลขาทั้งสองของเขากำลังทำอะไรกันแน่

                “พวกนายแกล้งทำตัวเป็นคนร้ายโรคจิต เพื่อแกล้งฉันเหรอ!”

                ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมองโลกในแง่ดี หรือเพราะว่าเขาไว้ใจทั้งสองมากเกินไป ถึงได้พูดแบบนั้น

                “ท่านประธานคิดว่าพวกเรา แกล้งปลอมตัวเป็นคนร้ายเพื่อแกล้งท่านประธานอย่างนั้นเหรอครับ”

                ความคิดของนิทานเกินคาดการณ์จากรามิล เขาไม่คิดว่าเจ้านายตัวเล็กจะคิดแบบนั้น ตอนแรกก็คิดเอาไว้แล้วว่าจะต้องโดนด่าเสียหายว่าเป็นเจ้าพวกโรคจิต

                “ฉันไม่สนุกด้วยนะ! นายก็รู้ว่าฉันกำลังจะตามจับคนร้าย แล้วนี่มันอะไร!”

                “น่าผิดหวังจริงๆ”

                ไอศูรย์พูดขึ้น เขาเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกับรามิล ตอนแรกคิดว่านิทานจะเกรี้ยวกราดโวยวาย แค้นเคืองจนแทบบ้า แต่ไหงถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้

                “ปล่อยฉันได้แล้ว! แล้วก็หยุดเล่นอะไรบ้าๆ แบบนี้ด้วย”

                “ให้ตายเถอะ ทำไมมันเป็นแบบนี้ไปได้นะ”

รามิลเดินไปมา เอียงคอซ้ายขวา

“ก็นั่นน่ะสิ เอาซะอึ้งไปเลย”

เจ้าของร่างใหญ่ขยับกรอบแว่นของตัวเอง ทั้งที่คิดว่าการเปิดเผยตัวตนในครั้งนี้จะทำให้นิทานหวาดกลัวมากๆแล้วก็ตาม

…ใครจะไปคิดว่า เจ้านายตัวเล็กของเขาจะคิดว่าพวกเขาแกล้งทำตัวเป็นโรคจิต…

…เกินคาด…

“แก้มัดให้ฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ!”

นิทานเริ่มโมโห เขาไม่เชื่อว่าทั้งสองจะเป็นคนร้าย คนร้ายบ้าที่ไหนจะมาเปิดเผยตัวเอง แถมยังเป็นคนช่วยเขาตามจับอีก

“ทำไมเราจะต้องแก้มัดคุณด้วย”ไอศูรย์ถาม

“เพราะฉันสั่งไงล่ะ ฉันเป็นเจ้านายของพวกนายทั้งสองคน! แต่สิ่งที่นายทำมันไม่ให้เกียรติฉัน”

“แต่ผมรู้สึกผิดหวังสุดๆมากกว่า”

รามิลแทบจะถอนหายใจ เขาตั้งใจว่าถ้าเฉลยว่าตัวเองเป็นใครแล้วจะทำให้นิทานโกรธ ด่าทอ เพราะเขาเป็นคนร้ายโรคจิต แต่กลับกลายเป็นว่านิทานคิดว่าพวกเขาทั้งสองคนแกล้งเป็นร้ายเสียอย่างนั้น

“เพราะว่าพวกนายขี้เกียจหาคนร้ายกับฉัน ก็เลยคิดจะยุติเรื่องทั้งหมดแบบนี้ใช่ไหม! พวกนายคิดอะไรอยู่กันแน่”

ไม่อยากจะเชื่อว่าทั้งสองคือคนร้าย นิทานไม่อยากผิดหวัง ทั้งไอศูรย์และรามิล ต่างเป็นลูกน้องที่ทำงานเก่งและดูไว้ใจได้ เขาไม่อยากจะปรักปรำและใส่ร้าย แต่ทำไมทั้งคู่ถึงได้พูดอะไรแบบนั้น

“ผมล่ะเหลือเชื่อจริงๆ ที่ท่านประธานคิดแบบนั้น”

รามิลเหยียดยิ้ม เขาเข้ามาจับคางสวย ไม่ให้ใบหน้าหวานขยับไปไหน

“ทั้งๆที่ผมบอกความจริงทุกอย่าง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับ ที่จะต้องมายอมรับความผิดแบบนี้น่ะ”

พูดไปก็ยิ้มไปอย่างอารมณ์ดี นิทานเริ่มใจไม่ดี เขาไม่อยากให้ที่รามิลพูดเป็นความจริง อย่างน้อยเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น เพื่อแกล้งเขาก็ยังได้

“ผมทำแบบนี้แล้ว คุณยังคิดว่าเป็นเรื่องโกหกอีกอย่างนั้นเหรอ”

ไม่เพียงแต่พูด มือหนาก็เลื่อนมาจับแท่งเนื้อที่อยู่ใจกลางลำตัว นิทานเม้มปากแน่น ตัวสั่น เขาดิ้นไปมา

“อะ ไอศูรย์ หยุดเดี๋ยวนี้นะ”

“น่าเสียใจจริงๆนะครับ ที่ท่านประธานไม่เชื่อความจริง”รามิลยิ้ม

“พวกนาย…โกหก”

“งั้นดูนี่กันดีกว่านะครับ”

ของบางอย่างถูกหยิบขึ้นมาจากในกระเป๋ากางเกงของรามิล นิทานมองตามก็พบว่ามันคือนาฬิกาที่ไอศูรย์เคยมอบให้กับเขา มันตกไว้ก่อนที่เขาจะถูกจับมัด

“อะไร”

“รู้ไหมครับ ว่าทำไม เวลาร้องเรียกขอความช่วยเหลือ ต้องกดปุ่มตรงนี้ ก็เพราะว่าพอกดปุ่มแล้ว มันจะส่งสัญญาณไปหาพวกเรา”

“เรื่องนั้น ฉันรู้อยู่แล้ว ก็พวกนายเป็นคนบอกฉันเอง”

“แล้วพวกผมได้บอกว่าให้กดซ้ำๆย้ำๆหรือเปล่าน้า”

“บอก! ไอศูรย์เป็นคนบอก”

นิทานหันขวับไปหาไอศูรย์ ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆในลำคอ มองประธานตัวน้อยอย่างเอ็นดูเสียเหลือเกิน

“แต่รู้อะไรไหม”

นาฬิกาถูกใส่ที่ข้อมือของรามิล เขาระบายยิ้มอย่างอ่อนโยน

“ถ้าต้องการความช่วยเหลือ แล้วกดแบบนี้”

ตุบ!

เพียงกด นาฬิกาก็ร่วงตกลงไปกองกับพื้น

“มันก็จะหลุดออกจากข้อมือทันที แล้วจะเอาโอกาสที่ไหนไปกดซ้ำๆ กันล่ะครับ ท่านประธานคนเก่งของผม”

ปีศาจร้ายที่ซ่อนกายอยู่ในตัวของรามิลกำลังเผยให้เห็น นิทานใจเต้นแรง ความคิดที่เขาคิดเข้าข้างตัวเอง เริ่มจะหายไปทุกที เขาหันขวับไปมองเลขานุการอีกคนที่เขาไว้ใจ แถมยังเห็นเหตุการณ์ที่น่าอดสูของเขาอีกต่างหาก

“ไม่จริงใช่ไหมไอศูรย์ นายไม่ได้ทำ”

“แล้วทำไมท่านประธานถึงคิดว่าไม่ใช่ผม”

เขาไม่เอ่ยเท่านั้น แต่ยังงับเข้าที่ลำคอขาว พร้อมกับมือที่บีบเค้นคลึงแท่งเนื้อที่อยู่ในกำมือไปมา นิทานตัวสั่นน้อยๆ

“เพราะนาย…นายช่วยฉันไว้ พวกนายช่วยฉันไว้จากพวกโรคจิต”

คนที่ไว้ใจได้ ตอนนี้มีแค่รามิลและไอศูรย์ นิทานจะไว้ใจไอศูรย์มาเป็นพิเศษ เพราะชายหนุ่มคอยอยู่เคียงข้างเขามาตลอด

“ผมต้องขอโทษจริงๆ เพราะวันนั้น คือฝีมือของผมเอง”

สิ้นประโยค ดวงตาของนิทานก็เบิกกว้าง พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นรอยยิ้มร้ายที่แสยะอยู่ที่มุมปากของไอศูรย์

“คุยอะไรกันอยู่สองคนล่ะครับ อย่าลืมสิ ว่าผมเองก็อยู่ด้วย”

กายสูงใหญ่ค่อยๆ แทรกเข้ามานั่งบนโซฟา ใกล้กับประธานตัวน้อย เขาวางมือบนต้นขาเล็ก แล้วลากไล้ไปมา เหลือบตามองชายหนุ่มตัวเล็กที่นั่งสั่นระริกราวกับหวาดกลัว

…ใช่…นิทานกำลังกลัว…

“พวกนายล้อฉันเล่นใช่ไหม”

“เอ๋…ล้อเล่น…อย่างนั้นเหรอครับ”

รามิลระบายยิ้ม พลางก้มลงไปใกล้กับใจกลางลำตัว นิทานตัวเกร็งเมื่อรับรู้ถึงบางสิ่ง

“นี่นายจะทำอะไร! อย่านะ อื้อ”

ห้ามไปก็เหมือนไม่ได้ผล เมื่อความเป็นชายของเขากำลังถูกครอบครองไปด้วยริมฝีปากที่ร้อนผ่าว นิทานเบือนหน้าหนี ความอุ่นจากลิ้นนิ่มกำลังละเลงไปตามส่วนปลายยอดตวัดชิมความหอมหวานที่รอเอ่ออยู่ที่ปลายทางออก

“ยะ อย่า รามิล”

พยายามจะห้าม แต่ก็ต้านทานความต้องการของร่างกายไม่ได้ เพราะส่วนล่างโดนปลุกเร้า ส่วนบนก็ไม่ต่างกัน เพราะไอศูรย์เริ่มลากลิ้นเลียไปตามกกหู แล้วขบเม้มมันราวกับเป็นขนมสักอย่าง

มือร้อนไม่ได้หยุดนิ่ง ขยับสัมผัสร่างกายส่วนบนเพื่อปลุกเร้าความต้องการ และปรนเปรอความสุขสมให้กับชายหนุ่มให้ถึงใจ

“มะ ไม่ เอา ไม่เอา”

ใบหน้าน่ารักส่ายสะบัดไปมาอย่างทรมาน เขาไม่ต้องการพบพานสิ่งแบบนี้ มันดูเป็นเรื่องน่ารังเกียจ และไม่น่าจะเกิดกับเขา แต่ทุกอย่างก็เกิดขึ้นแล้ว เขาไม่อยากจะคิดต่อว่า ต่อไปมันจะเกิดอะไรขึ้นอีกบ้าง

“อะ อึก อ๊า”

เมื่อมาสู่ปลายทางฝัน สายธารอุ่นร้อนทั้งหลายก็ทลายทะลักเข้าสู่โพรงปากที่ร้อนผ่าวของรามิล หยาดน้ำหวานทุกหยดถูกลิ้มชิมรสอย่างหิวกระหาย กลืนลงลำคอแข็งแรงไปอย่างเอร็ดอร่อย พร้อมกับดวงตาคมที่ช้อนมองใบหน้าน่ารัก ตามมาด้วยลิ้นที่เลียริมฝีปากอย่างพอใจ

“ทีนี้เชื่อหรือยังครับ ท่านประธาน”

“พะ พวกนาย พวกนายทำแบบนี้ทำไม! พวกนายหลอกฉัน”

                แม้นิทานจะไม่รู้ว่าเรื่องพวกนั้นมันเกิดขึ้นได้ยังไง และทั้งสองวางแผนเอาไว้อย่างไรบ้าง แต่ถ้าทุกอย่างมันคือความจริง เขาก็คงต้องยอมรับ คงไม่มีผู้ชายปกติที่ไหนเข้ามาลวนลามผู้ชายด้วยกันแบบนี้

                “มันจะเป็นไปได้ยังไง ทำไมถึงเป็นพวกนายไปได้”

                “ดูเหมือนท่านประธานจะสงสัย ว่าพวกเราทำได้ยังไงสินะครับ”

                ชายผู้สวมแว่นตา วางมือลูบไล้ไปตามร่างกาย รามิลก็ไม่ได้หยุดนิ่ง

                “ยะ หยุดนะ อย่ามาจับฉัน”

                “อย่าดื้อไปหน่อยเลยนะครับ ดูเหมือนคุณเองก็ชอบนี่นา หึหึ”

                เสียงหัวเราะดังในลำคอรามิล เขาและไอศูรย์ ทั้งลูบ ทั้งบีบเค้นไปตามร่างกายที่แสนยั่วยวน

                “ฉันต้องการรู้ความจริงทั้งหมด! มันยังไงกันแน่! หยุดเดี๋ยวนี้”

“เอาเป็นว่า…ให้พวกเราปรนเปรอท่านประธานไปด้วย แล้วคุยกันไปด้วย น่าจะดีกว่านะครับ”รามิลเสนอ

“ไม่!”

“แต่ตรงนี้ก็ดูเหมือนจะแข็งอีกครั้งแล้วนะครับ”

ไอศูรย์เหยียดยิ้ม เขาวางมือลงบนปลายยอดแก่นกายเล็กที่สั่นระริกด้วยความต้องการอย่างมากล้น นิทานหลับตาแน่น การปรนเปรอเริ่มต้นอีกครั้ง ไอศูรย์สอดมือเข้ามาปลดเปลื้องชุดด้านบนที่นิทานสวมใส่อยู่ ปลายนิ้วบดขยี้เข้าที่จุกเนื้อที่อ่อนนุ่ม เพียงไม่นานมันก็เริ่มแข็งชูชันขึ้นมาตามแรงอารมณ์

“ฉันบอกให้หยุด”

คนตัวเล็กได้แต่สั่งเสียงสะท้าน ร่างกายปั่นป่วนไปหมด เขาพยายามจะกระชากมือตัวเองให้หลุดจากการจับกุม แต่มันก็ไม่เป็นผล เขากำลังกลายเป็นของเล่นให้ชายทั้งสองเล่นสนุก

…นี่สองคนนี้เป็นโรคจิตที่เขากำลังตามจับอย่างนั้นจริงหรือ…

เพราะไม่อยากเชื่อ แต่เขาหนีความจริงไปไม่ได้ ทั้งการกระทำ ทั้งการสัมผัสของทั้งคู่ มันทำให้เขานึกถึงเจ้าพวกโรคจิตทั้งสองคนที่เคยกระทำเรื่องเลวทรามกับเขา นิทานกัดปากตัวเองแน่น เขาต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่อย่างนั้น เขาอาจจะต้องพบเจอกับเรื่องเลวร้ายที่เขาพยายามจะหยุดมัน

“ยะ หยุดนะ ฉันบอกให้หยุด”

มันช่างยากเย็น เพื่อจะส่งเสียงร้องห้าม เมื่อส่วนแข็งขืนนั้นถูกรามิลจับกุม ใบหน้าหล่อคมก้มลงมาจูบปิดปากไม่ให้นิทานได้เอ่ยห้ามได้ ลิ้นร้อนแทรกเข้ามาค้นหาความหอมหวาน ในขณะที่ยอดอกสวยก็ถูกครอบครองด้วยปากของไอศูรย์

“อื้อ”

มีเพียงเสียงครางอื้ออึงในลำคอ สติของเขาเหมือนโดนพรากไปอย่างง่ายดาย ร่างกายที่ไม่เคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเพศเดียวกันกำลังอ่อนโอนไปตามการปลุกเร้า นิทานบิดเร่าไปมา สุดท้ายเขาก็ปลดปล่อยอีกครั้งจนเปรอะเลอะมือหนา

“อ่า…ดูท่าแล้วท่านประธานจะไม่ค่อยได้ปลดปล่อยนะครับเนี่ย ยังขุ่นอยู่เลย หึหึ”

“พวกนาย…ทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง”

เขาถามเสียงสั่น ร่างกายมันร้อนรุ่มไปหมด ไอศูรย์เหยียดยิ้ม เขางับกัดที่หัวไหล่มน

“ก็เพราะอยากจะทำ”

“เพราะว่าน่ากินสุดๆเลยต่างหาก”

รามิลแก้มัดให้กับนิทานที่อ่อนแรงจนไม่สามารถต่อต้านได้ เขางับกัดปลายนิ้วเล็ก เหมือนมีกระแสไฟไหลไปตามนิ้วจนนิทานสะดุ้งเฮือก เขาพยายามดิ้น แต่ไอศูรย์ก็ล็อกตัวเขาไว้ข้างหลัง ข้างหน้าก็ถูกจู่โจมด้วยรามิล

“จะรีบไปไหนล่ะครับ อยากรู้ไม่ใช่เหรอ ว่าพวกผมทำอะไรกันบ้าง”

“ฉัน ฉัน”

สติเขาแทบไม่เหลือประคับประคองความคิดตัวเองได้อีกแล้ว นิทานหันซ้ายหันขวา เขาอยากออกไปจากตรงนี้ เขาไม่อยากอยู่ใกล้กับสองคนนี้

“คืนแรก เป็นผมเองที่เข้าไปหาคุณ…รู้ไหมว่ามันเร้าอารมณ์ผมสุดๆเลยล่ะครับ ท่านประธานน่ารักมาก”

รามิลเอ่ยบอก พร้อมกับค่อยๆ ดึงรั้งกางเกงของนิทานออกอย่างเบามือ เขาวางมือลูบไล้ตามเรือนร่างขาวเนียน ร่างกายของนิทานไม่ต่างกับเด็กมัธยม แต่ก็ไม่ได้ผอมแห้งจนติดกระดูก ยังมีเนื้อนวลให้น่ามอง รามิลวางมือลงบนต้นขาขาว ลูบไล้ขาเล็กไปมาอย่างหลงใหล

“ส่วนในห้องน้ำวันนั้น เป็นฝีมือของผมเอง”

เสียงทุ้มดังข้างหู นิทานใจเต้นรัว เขาไม่อยากจะเชื่อว่าไอศูรย์เป็นคนทำ ในเมื่อวันนั้นเขาได้รับความช่วยเหลือจากชายหนุ่ม

“ไม่จริง”

“จริงครับ ผมเห็นกับตาเลย”

นิทานหันขวับไปมองรามิลทันที รามิลเห็นทุกอย่างเพราะเขาเป็นคนจัดการกับคลิปจากกล้องวงจรปิด

“มะ หมายความว่ายังไง”

“นั่นสินะ…”

ไอศูรย์กระตุกยิ้มร้าย เขาพลิกกายเล็กให้หันมา แล้วเริ่มพรมจูบไปตามแผ่นอกเนียน นิทานยกมือจะดันศีรษะของไอศูรย์ให้ออกห่าง แต่เขาก็จับมือเล็กข้างนั้นเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็โดนรามิลจับกุม

“เลขาคนโปรดของท่านประธานฉลาดสุดๆเลยนะครับ ทำเรื่องหื่นๆ แล้วก็เนียนออกจากห้องน้ำ แล้วเข้าไปช่วยคุณเนี่ย…พระเอกสุดๆ”

คนที่รับรู้ความจริงได้แต่เบิกตากว้าง นิทานน้ำตาคลอขึ้นมา ความผิดหวังและความเสียใจจู่โจมเล่นงานเขา ก่อนที่เจ้าตัวจะโวยวายดิ้นรนเพราะโกรธแค้น

“ปล่อย! ปล่อยฉัน!”

“ขอมากไปครับ”ไอศูรย์เหยียดยิ้ม

“มาสนุกกันดีกว่านะครับท่านประธาน”

คนเอ่ยชวนคือรามิล แต่นิทานดิ้นไม่หยุด เขายกเท้าพยายามจะถีบทั้งไอศูรย์และรามิล เขาต้องหนีออกจากที่นี่ ความพยายามของนิทานเหมือนเห็นผล เมื่อเขาอาศัยจังหวะที่รามิลเผลอยกเท้าถีบเข้าที่อกแกร่งจนชายหนุ่มล้มไปกับพื้น แล้วคนตัวเล็กจึงหันมาผลักไอศูรย์อย่างแรง

…ความกลัวทำให้นิทานต้องหนี…

แต่ยังไม่ทันทีนิทานจะวิ่งไปถึงประตูห้อง เขาก็ต้องล้มลงกับพื้น เพราะฝีมือของรามิล ชายหนุ่มดึงข้อเท้าเล็กที่กำลังจะก้าวเดินโดยไม่ระวัง

“คิดว่าจะหนีไปไหนพ้น”

เสียงทุ้มเย็นชาดังขึ้นจนนิทานเสียวสันหลัง รามิลยันกายลุกขึ้น เขาลูบอกตัวเองเบาๆ แล้วเหยียดยิ้มน่ากลัว

“ใช้ความรุนแรง มันไม่ดีเลยนะครับ”

“ยะ อย่า อย่าเข้ามานะ”

นิทานพลิกตัว ขยับกายถอนหลังหนีรามิลที่เข้ามาใกล้ แต่แผ่นหลังเขาก็ปะทะกับขาแข็งแรงทั้งสองของไอศูรย์ ชายหนุ่มยืนอยู่ด้านหลังเขา

ราวกับการหนีเสือปะจระเข้ นิทานไม่รู้ว่าเขาควรจะหันซ้ายขวาไปทางไหน ร่างกายเขาเปล่าเปลือยอย่างน่าอาย แต่ตอนนี้นิทานไม่มีเวลาคิดเรื่องนั้น เขารู้แค่ว่าเขาต้องรีบหนี

“ถ้าพวกนายอยากได้เงิน ก็เอาไปสิ อยากได้เท่าไหร่ล่ะ”

“ผมไม่ใช่พวกโจรปล้นทรัพย์นะครับ”ไอศูรย์เอ่ยเสียงเรียบ

“แต่ถ้าปล้นสวาทก็ไม่แน่”

รามิลกล่าวบ้างพร้อมกับเลียริมฝีปากของตัวเอง แต่ไม่ใช่แค่นั้น เพราะขาเรียวสวยถูกจับแยกออกกว้างจนเผยให้เห็นช่องทางที่ปิดแน่นเพราะไม่เคยมีใครรุกล้ำมาก่อน เขาได้แต่ส่ายหน้าไปมาด้วยความกลัว

“อย่านะ อย่าทำบ้าๆกับฉันนะ!”

นิทานตวาดลั่น ยกเท้าจะถีบรามิลอีกครั้ง แต่รามิลไวกว่า เขาจับข้อทั้งสองของนิทานเอาไว้

                “มาสนุกกันดีกว่านะครับท่านประธาน”

                การโน้มน้าวของรามิลไม่เป็นผล นิทานยกมือจะไปต่อยรามิล แต่เขาก็ลืมไปว่าไอศูรย์มีไอศูรย์อยู่ด้านหลัง ทันทีที่เอื้อมมือจะไปทำร้ายรามิลไอศูรย์ก็จับมือเล็กทั้งสองเอาไว้

                “ปล่อยฉันนะ ปล่อย!”

                ยิ่งเห็นท่าทางต่อต้านอย่างหวาดกลัว รามิลก็ยิ่งสนุก เขาก้มลงไปปลุกเร้าความเป็นชายของนิทานอีกครั้ง แต่คราวนี้นิ้วร้อนเลื่อนต่ำไปสัมผัสกับช่องทางด้านหลัง ไอศูรย์เลื่อนมือมาจับแก่นกายเล็กที่เริ่มกระตุกเพราะการปลุกเร้า รามิลลากลิ้นไปตามขาอ่อน ดูดเม้มทำรอย

“ยะ หยุดสักที”

“ร่างกายลามกขนาดนี้ยังกล้าพูดแบบนั้นอีก…น่าสมเพชจริงๆ”

เสียงทุ้มของไอศูรย์กระซิบบอกข้างหู เพราะเพียงแค่เขาใช้นิ้วขยี้ยอดอกเล็ก นิทานก็ครางพร่าพ่ายแพ้อย่างหมดรูปเสียแล้ว

“ช่องทางเล็กๆนี่ก็หื่นกระหายไม่ต่างกับข้างหน้าเลยนะ”

ความอับอายแล่นพล่านไปทั่วร่างกาย เมื่อรามิลเอ่ยบอก หลังจากที่ได้สอดนิ้วเข้าไปในร่างงดงาม การตอดรัดข้างในทำให้เขาพูดเช่นนั้น

“ฉัน…ฉันจะไล่พวกนายออกให้หมด”

เมื่อหมดหนทางสู้ทางด้านกำลัง นิทานก็เลือกจะใช้อำนาจทางหน้าที่การงานเข้ามาขู่ แต่แทนที่ทั้งสองจะกลัว เขากลับได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจจากทั้งคู่แทน

“ช่างเป็นท่านประธานที่บ้าอำนาจเหลือเกิน”รามิลกล่าว

“ถ้าคิดว่าหลังจากคืนนี้แล้วยังกล้าไล่ออกก็ลองดู”

สิ้นประโยคนั้น เขาก็เห็นบางสิ่งที่ทั้งไอศูรย์และรามิลหันไปมอง มันเป็นกล้องวิดีโอราคาแพง

ปกติในห้องของเขาไม่มีกล้องวิดีโอ รามิลผละออกจากเขาอย่างง่ายดาย เขาเดินไปหยิบกล้องวิดีโอ แล้วเดินมาหานิทาน

“พวกเราจะไม่อ้อมค้อม…”

“หมายความยังไง”

“ท่านประธานก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ ว่าหนียังไงก็ไม่รอด”

คนดับฝันทุกอย่างคือไอศูรย์ คนตัวเล็กเม้มปากแน่น รามิลมองกล้องในมือ แล้วยิ้มหวาน

“กล้องนี่มันถ่ายชัดมากเลยนะครับ”

“พวกนายมันเลว!”นิทานกร่นด่า แต่รามิลก็ยังยิ้ม

“ถ้าท่านประธานไม่ดื้อ ยอมตามใจพวกเรา ผมจะไม่ใช้กล้องนี่ถ่ายคุณ”

“ทำไมฉันต้องทำตามที่พวกนายบอกด้วย!”

“คุณไม่มีทางเลือกอยู่แล้ว

ไอศูรย์ยอมปล่อยมือ นิทานหลุบตาต่ำลง คิดไม่ตก รามิลขยับเข้ามาใกล้ แล้วพูดอยู่ไม่ห่าง

“จะสมยอมดีๆหรืออยากถูกทำให้ยอม…ก็เลือกเอาแล้วกันนะครับ แต่แค่ถ้าเลือกอย่างหลัง กล้องในมือผมมันก็จะถูกใช้งานทันที”

               

 100%

ฝากเพจด้วยจ้า https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/

               

หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 9 ปรนเปรอ
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 29-06-2016 21:12:50
 :katai1: :katai1:
โถนิทานนนน    โดนทำขนาดนี้แล้วยังใสซื่อได้อีก
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 9 ปรนเปรอ
เริ่มหัวข้อโดย: chouxcream59 ที่ 29-06-2016 21:35:08
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 9 ปรนเปรอ
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 29-06-2016 21:38:37
แหมนิทานของเรา. มาถึงขั้นนี้แล้วก้อสนุกๆไปเถอะ คิดซะว่ามีของเล่นใหม่สองชิ้น
จะได้ไม่ต้องเป็นคนในคลิปด้วย
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 9 ปรนเปรอ
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 29-06-2016 21:46:25
สงสารนิทานนะ แต่มันก็เร้าจายยยยย 55555 :impress2:
ลุ้นมากเว่อ ว่าอย่าพึ่งตัดจบๆๆๆ สุดท้ายก็รอตอนหน้าจย้าาาาา  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 9 ปรนเปรอ
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 29-06-2016 22:03:01
ทำขนาดนี้นึกไม่ออกเลยว่าจะรักกันได้ยังไง
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 9 ปรนเปรอ
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 29-06-2016 22:49:50
 :mew5: เกินบรรยายขอคำว่าโรคจิตแหะอีตา 2 คนนี้อ่ะ
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 9 ปรนเปรอ
เริ่มหัวข้อโดย: mind223 ที่ 29-06-2016 23:52:25
จะรักกันยังไงละเนี้ย ทำกันถึงขนาดนี้ :mew5: (แอบอยากให้นิทานเอาคืนบ้าง5555 :katai1: :katai1:)
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 9 ปรนเปรอ
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 30-06-2016 08:41:48
รอต่อเลยค่าาา
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 9 ปรนเปรอ
เริ่มหัวข้อโดย: tukkata bambola ที่ 30-06-2016 18:40:05
ทำไมทำกับนิทานอย่างนี้
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 9 ปรนเปรอ
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 30-06-2016 23:34:00
ทั้งเร้าใจทั้งสงสาร
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 9 ปรนเปรอ
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 01-07-2016 09:57:03
สงสารนิทาน แต่ก็อยากให้รามิลกับไอศูรย์จัดหนักจัดเต็มอ่าา :hao7:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 9 ปรนเปรอ
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 01-07-2016 12:23:16
เพี้ยง.  ขอให้เป็นสองเมะที่กลัวเมียที่สุดในสามโลก. ฮื้อ. . สงสารนิทาน
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 9 ปรนเปรอ
เริ่มหัวข้อโดย: targetsii ที่ 01-07-2016 19:12:24
ชอบอ่ะเร้าจายยยย 555555
นิทานได้ทีสองคนเลยน้า ไม่ดีหยอ  :hao6:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 9 ปรนเปรอ
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 01-07-2016 19:49:54
เร้าใจไปอีกกกก 555
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 9 ปรนเปรอ
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 01-07-2016 21:56:59
ยอมๆ เค้าไปเถอะหนู  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 9 ปรนเปรอ
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 02-07-2016 11:18:14
ทำไมใจร้ายกับเจ้านายแบบนี้ล่ะ >//<
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 9 ปรนเปรอ
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 02-07-2016 12:19:01
สนุกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 10 สมยอมหรือข่มขืน
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 06-07-2016 20:24:52
10

สมยอมหรือข่มขืน

 

 

            “สารเลว”

                ไม่มีคำพูดอื่นใดที่นิทานนึกออก เขาจ้องมองไอศูรย์และรามิลราวกับต้องการสาปแช่งให้ทั้งสองคนได้รับบทลงทัณฑ์จากความเลวทรามนี้ แต่ทั้งคู่กลับยิ้มรับอย่างไมไม่รู้สึกเกรงกลัวต่อคำด่านั้นแม้แต่น้อย

                “ด่าพวกเราไปก็เท่านั้นล่ะครับ”

                กล้องในมือถูกจับพลิกไปมาเล็กน้อย นิทานกำมือแน่น เขาไม่คิดจะรับข้อเสนอบ้าๆนั้นแน่

                “นายต้องการอะไร ฉันไม่เชื่อว่าผู้ชายอย่างพวกนายจะไปหาคนเล่นสนุกด้วยไม่ได้ ถ้าอยากทำเรื่องทุเรศแบบนั้นก็ไปซื้อเอาข้างนอกสิ!”

                นิทานไม่ได้ใสซื่อจนไม่รู้ว่าในโลกนี้มีการค้าบริการผู้ชายอยู่ด้วย เขาหวังว่าคำพูดของเขาจะเรียกสติของทั้งสองได้บ้าง แต่ไอศูรย์หัวเราะในลำคอ

                “ไม่เอาหรอกครับ ผมไม่มีรสนิยมบริโภคของต่ำๆแบบนั้น”

                “พวกนายก็เลยมาลงที่ฉันแทนงั้นเหรอ!”

                “อย่าเครียดสิครับท่านประธาน พวกเรามาสนุกกันดีกว่า ผมคิดว่าคุณอาจจะชอบมันก็ได้”รามิลบอกด้วยรอยยิ้ม

                “ฉันไม่บ้าไปเล่นกับพวกนายหรอกนะ”

                “แต่ยังไงคุณก็ไม่มีทางเลือก”ไอศูรย์ย้ำเตือน

                “ทุเรศ! ฉันไม่มีวันทำเรื่องแบบนั้นกับพวกนายแน่!”

                “แน่ใจเหรอครับว่าไม่มีวัน ในเมื่อคุณ ยังไงก็หนีพวกเราไม่พ้น”

                เขาขยับกรอบแว่นตาเล็กน้อย นิทานพยายามจะหลบหนี แต่เขาก็โดนชายตัวสูงใหญ่ทั้งสองล้อมเอาไว้จนไปไหนไม่ได้

                “ดูเหมือนว่าท่านประธานจะไม่ยอมรับข้อเสนอ”

รามิลยิ้มกริ่ม ท่าทางเผยให้เห็นว่าตั้งใจจะตั้งกล้องถ่าย จนนิทานหน้าซีดเผือด เขาจ้องมองราวกับจะฆ่าแกงรามิลให้ตายเสียตรงนี้

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

แม้จะกลัว แต่นิทานก็ฝืนโต้ตอบออกไปอย่างคนกล้าหาญ แต่ไอศูรย์และ

รามิลไม่ใช่คนโง่ เขาดูออกว่าคนตัวเล็กกำลังหวาดกลัวจนตัวสั่นเทา แถมเหงื่อยังผุดขึ้นเต็มหน้า

                “ผมจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าท่านประธานไม่ยอมเลือกเสียที ผมจะถือว่าคุณยอมให้ผมตั้งกล้องถ่ายทันที”

                คนที่อยู่เหนือกว่าคือรามิล เขากดยิ้มที่มุมปาก มีความเชื่อมั่นกับสิ่งที่จะทำว่ามันจะไม่มีทางผิดพลาด ในขณะที่นิทานใจเต้นแรงด้วยความหวาดกลัว เขาพยายามมองหาทางหนี ใบหน้าเล็กหันซ้ายหันขวา

                “หนึ่ง”

                ไม่มีเลย เขาไม่รู้จะทำยังไง ไอศูรย์กำลังจับกุมเขาอยู่ด้วยมือที่ใหญ่ที่แข็งแกร่ง นิทานพยายามตั้งสติ

                “สอง…”

                แต่เสียงนับเลขของรามิลก็ทำให้นิทานเบิกตากว้าง สติของเขาที่พยายามจะประคองนั้นหายไปทันที

                “สะ…”

                “ตกลง!”

                นิทานอยากจะตบปากตัวเองเสียหลายครั้ง เขามองเห็นใบหน้าที่เผยความพอใจของรามิลที่อยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มเดินไปเปิดลิ้นชักโต๊ะตัวใหญ่ แล้วเอากล้องเก็บไว้ในลิ้นชัก

                “ผมดีใจ ที่ท่านประธานฉลาดพอที่จะเลือกทางนี้”

                เขาไม่ได้รู้สึกยินดีสักนิดเดียวที่ได้ยินคำชมนี้จากปากของไอศูรย์ กลับกัน เขายิ่งรู้สึกไม่พอใจและรังเกียจ

                “พวกนายทำให้ฉันไม่มีทางเลือกต่างหาก!”

                นิทานตะโกนบอกกลับไปด้วยหัวใจที่เครียดแค้น เขาอยากจะฆ่าทั้งสองให้ตายเสียในห้องนี้ แต่รามิลกลับหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นท่าทางที่พยายามต่อต้านของประธานตัวน้อยที่ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางจะสู้กับพวกเขาได้

                “เอาล่ะ ผมว่าเรามาทำตามข้อตกลงกันดีกว่านะครับ”

                “พวกนายจะให้ฉันทำอะไร”

                แทบจะเค้นเสียงถามด้วยความเจ็บใจ ไอศูรย์กระตุกยิ้ม แล้วกดจมูกลงไปที่ซอกคอหอมกรุ่น นิทานสะดุ้งเฮือก

                “ทำให้พวกเราพอใจยังไงล่ะครับ”

                “ฉันไม่เข้าใจ!”

                “ท่านประธานไม่น่าจะเข้าใจยาก”

                รามิลไล้นิ้วไปตามแก้มเนียน คนตัวเล็กตวัดสายตามองรามิลอย่างอาฆาตแค้น

                “คิดซะว่าพวกเราสองคนเป็นคนรักของท่านประธานเป็นไงครับ”

                “บ้าหรือไง! ฉันคิดแบบนั้นไม่ได้! พวกนายสองคนเป็นผู้ชาย”

                “โลกนี้มีการร่วมรักกับเพศเดียวกันตั้งเยอะแยะ คุณไม่น่าจะคิดมาก”ไอศูรย์กล่าวเพิ่ม

                ไม่ใช่ว่านิทานไม่รู้ว่า ในโลกใบนี้ เพศเดียวกันมีการร่วมรักกัน เรื่องความรักไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับชายหญิง เขารู้ว่าความรักชายชายก็มี แต่สิ่งที่เขากำลังจะทำกับ

รามิลและไอศูรย์ มันไม่ใช่ความรัก แต่มันคือขืนใจ

                “ทำสิครับท่านประธาน ทำให้กับพวกเรา”

                “ฉันทำไม่เป็น”

                นิทานไม่ได้โกหก เขาไม่มีประสบการณ์เรื่องอย่างว่า ไม่ว่าจะเป็นทั้งกับผู้หญิง หรือว่ากับผู้ชาย

                “อย่างนั้น ท่านประธานทำตามที่เราบอก น่าจะง่ายกว่า”

                คำกล่าวนี้เหมือนจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ไอศูรย์เองก็เห็นด้วยกับรามิล แต่คนที่คับแค้นใจก็คือนิทาน เขาไม่คิดจะยอมแพ้ง่ายๆ ถ้าทั้งสองยอมปล่อยให้เขาเป็นอิสระเมื่อไหร่ เขาจะรีบวิ่งไปที่ประตูแล้ว แล้วออกไปจากห้องนี้

                ไอศูรย์และรามิลเดินมาหยุดนั่งที่โซฟา  ทั้งคู่นั่งใกล้กัน นิทานไม่ค่อยเข้าใจ เขากำลังรอให้ทั้งคู่เผลอ

                “เดินมาหาพวกเราสิครับ”ไอศูรย์ออกคำสั่ง

                นิทานนิ่งคิด เขาสูดลมหายใจลึกๆ ก้าวเท้าออกไปเพื่อจะเดินไปหาทั้งคู่ แต่สักพักก็เปลี่ยนเป้าหมาย วิ่งตรงไปยังประตูเพื่อจะเปิดประตูออก

                กึก กึก

                ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างอย่างตกใจ เมื่อประตูที่เขาต้องการจะเปิด กลับเปิดไม่ได้

                “พวกเราคิดแล้ว ว่าท่านประธานต้องหนี”

                คนที่ดูจะวางแผนไว้อย่างดิบดี เหมือนจะเป็นรามิล เขาหัวเราะในลำคอ นิทานหันขวับไปมองทั้งคู่ที่ยังคงนั่งอยู่ที่โซฟาราคาแพง

                “นี่มันอะไรกัน!”

                “ประตูมันถูกล็อกจากข้างนอก คุณจะออกไปได้ ก็ต้องให้คนจากข้างนอกเข้ามาเปิด”

                ร่างเล็กล้วงเข้าในกระเป๋ากางเกง เพื่อจะหยิบโทรศัพท์ออกมา แต่ทว่ามันกลับมีแต่ความว่างเปล่า

                “หานี่อยู่เหรอครับ ว้า น่าเสียดายจังเลยนะครับ คุณโทรให้ใครมาช่วยไม่ได้แล้วล่ะ”

                ความพยายามเขาไม่หยุดแค่นั้น นิทานวิ่งตรงไปที่โต๊ะทำงาน เขาหยิบโทรศัพท์ของบริษัทที่โต๊ะขึ้นมากดโทร แต่กลับโทรหาใครไม่ได้ เพียงครู่ก็เห็นว่าสายโทรศัพท์ถูกตัดขาดไปเสียแล้ว

                “นี่มันเป็นฝีมือของพวกนายใช่ไหม!”

                “ครับ ผมเป็นคนตัดเอง”ไอศูรย์เหยียดยิ้ม

                นิทานลนลาน อย่างน้อยตอนนี้เขาต้องหาวิธีสักอย่างเพื่อให้ตัวเองปลอดภัย เขารีบตรงไปเปิดลิ้นชักที่มีกล้องวิดีโอซ่อนอยู่ เขาต้องทำลายมันทิ้ง

                ชายทั้งสองที่นั่งบนโซฟา ได้แต่มองนิทานที่ร้อนรนราวกับหนูติดจั่น พยายามหาทางออกให้กับชีวิตของตัวเอง เขาหยิบกล้องวิดีโอมาทุ่มลงพื้นจนเสียหาย

                “จากนี้ฉันก็ไม่ต้องกลัวพวกนายแล้ว”

                “เก่งจังเลยนะครับ แต่ว่า เทคโนโลยีสมัยนี้มันก็ทันสมัย ไม่จำเป็นต้องเป็นกล้องแบบนั้นก็ได้ กล้องในมือถือของพวกเราก็ชัดมากพอที่จะเห็นว่าเป็นคุณ”

                รามิลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโชว์ให้นิทานดู ไอศูรย์ยังคงทำหน้านิ่ง และมองนิทานด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย

                “คุณไม่มีทางเลือก ยืดเวลาต่อไป มันก็เท่านั้น”

                “จะให้ผมกดถ่ายคลิปตั้งแต่ตอนนี้เลยก็ได้นะ รับรองได้ฉากเด็ดๆ แน่นอน”

                ใจของนิทานแทบสลาย เขาทรุดกายลงกับพื้น เขาไม่มีทางหนีแล้ว ไม่ว่ายังไง เขาก็คงจะไม่พ้นจากคนชั่วทั้งสอง

                “ยังไงคุณก็หนีพวกเราไม่พ้น เลือกสักทางสิครับ”รามิลถามซ้ำ

                “ก็ได้ ฉัน…ฉันจะทำตามที่พวกนายบอก”

                สุดท้ายเขาก็ต้องยอม โดยสมองไม่อาจจะคิดขัดขืนได้อีก ไม่ว่าหนียังไง ก็คงหนีผู้ชายตัวใหญ่ทั้งสองไปไม่รอด

                “คลานเข้ามาสิครับ”

                นิทานหันขวับเมื่อได้ยินเสียงของรามิล สายตาของรามิลบ่งบอกได้เลยว่าความคิดเขาไม่เหมือนคนปกติ ลิ้นร้อนที่เลียมุมปาก นิทานขนลุกขึ้นมาทันที

                “ฉันไม่ใช่หมานะ!”

                “ใช่…คุณเหมือนลูกแมวน้อยน่าขย้ำมากกว่า”

                น้ำเสียงรามิลไม่ปกปิดถึงความต้องการ

                “จะทำหรือไม่ทำ”

ไอศูรย์เอ่ยขึ้น นิทานกัดริมฝีปากตัวเอง เขาไม่มีทางเลือก เขาต้องยอมเสียศักดิ์ศรีในครั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาทีหลัง คนตัวเล็กค่อยๆย่อกายนั่งลง แล้วเริ่มอยู่ในท่าคลานเหมือนกับลูกสุนัข

“มาสิครับ ได้เวลาให้อาหารแล้วนะครับ”

เขาเจ็บใจกับคำกล่าวของรามิล นิทานหลับตาลง ค่อยๆคลานเข้าไปหาทั้งสองอย่างเชื่องช้า

“มัวแต่ยืดยาดอยู่ได้”คำตำหนิออกมาจากปากของไอศูรย์

ในที่สุด ท่านประธานตัวน้อยก็คลานมาอยู่อยู่ตรงหน้าชายหนุ่มแสนร้ายกาจทั้งสองคน เขาไม่อยากจะเงยหน้าไปมองทั้งคู่

“ทำให้พวกเรามีความสุขสิครับ ท่านประธาน”

ไอศูรย์ช้อนคางของนิทานให้เงยขึ้น นิทานลืมตามอง เขาเจ็บใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะรามิลพร้อมที่จะยกกล้องถ่ายได้ทุกเมื่อ ถ้าเขาไม่ผิดข้อตกลง

“จะให้ฉันทำอะไร ก็พูดออกมาตรงๆเลย ฉันเดาใจพวกโรคจิตอย่างพวกนายไม่ได้หรอกนะ!”

นิทานสุดจะทน ถึงเขาจะยอมทำเรื่องต่ำช้ากับทั้งคู่ แต่ใช่ว่าเขาจะรู้ว่าควรจะทำยังไง

“เอาของพวกเราออกมา”

คำกล่าวของไอศูรย์ไขข้อข้องใจ นิทานไม่อยากจะเห็นสายตาของทั้งคู่ มือทั้งสองนั้นสั่นเทา เข้าไปปลดเข็มขัดกางเกงให้กับไอศูรย์ แต่เพียงครู่เขาก็ต้องสะดุ้งด้วยความตกใจ เมื่อรามิลยกมือมาลูบไล้ตามร่างกายของเขา

“อย่านะ”

“ไหนบอกว่ายอมไงครับ ไม่ว่าพวกเราจะทำอะไร คุณก็ต้องยอม”

รามิลเหยียดยิ้ม เลื่อนมือไปบีบขยี้ยอดอกเล็ก จนนิทานตัวงอ ชายหนุ่มใช้ปลายเล็บสะกิดเข้าที่ยอดอกเล็กไปมา จนนิทานต้องเบือนหน้าหนี รีบดึงเข็มขัดของไอศูรย์ออก

“เอามันออกมา”

เขาเกลียดการถูกสั่งให้ทำ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากทำตามที่ไอศูรย์ต้องการ นิทานหยิบสิ่งที่ใหญ่โตนั้นออกมา มือของเขาสั่นเทา แต่นิทานก็พยายามสะกดกลั้นความอับอายเอาไว้ เขาต้องรีบทำให้มันจบสิ้นเสียที

“ยะ อย่า อื้อ”

นิทานสะดุ้ง เมื่อปลายเท้าของไอศูรย์บดขยี้เข้าที่ใจกลางลำตัวของนิทาน

รามิลจับตัวคนตัวเล็กให้หันมาหา

“ทำให้ผมด้วยสิครับ”

เขาไม่ต้องการให้นิทานปรนเปรอให้ไอศูรย์เพียงแค่คนเดียว นิทานสูดลมหายใจ เขาสะกดกลั้นความเจ็บใจแล้วทำสิ่งที่ทำให้กับไอศูรย์ให้กับรามิลอีกครั้ง

“จับของพวกเราสิครับ”

รามิลก้มลงไปกระซิบข้างหู นิทานขนลุกซู่ เขาก้มหน้าหนี แต่มือก็เลื่อนไปจับความเป็นชายของไอศูรย์และรามิลไปพร้อมๆกัน โดยที่มือของเขากำได้ไม่รอบ

“คุณต้องทำให้มันตื่น…รู้ใช่ไหมว่าต้องทำยังไง”

เสียงทุ้มเหมือนเย้ยหยัน นิทานเงยหน้ามองไอศูรย์อย่างไม่พอใจ เขาได้แต่กำบีบของไอศูรย์ไว้แน่น จนร่างสูงนิ่วหน้า

“โอ๊ย”

ชายหนุ่มไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครมาทำร้ายฝ่ายเดียว ปลายเท้ากดขยี้เข้าที่ใจกลางลำตัวนิทานอย่างแรงจนคนตัวเล็กร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บ

“ถ้าไม่อยากเจ็บตัว ก็อย่าดื้อสิครับท่านประธาน เดี๋ยวจะหาว่าพวกผมใจร้าย ที่ไม่เตือนไม่ได้น้า”

รามิลยิ้มเหมือนคนใจดี นิทานรู้ดีว่ามันเป็นแค่หน้ากากเท่านั้น เขารู้สึกร้อนผ่าวที่ดวงตา อยากจะหนีไปจากความอับอายนี้ อยากจะตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด เพราะมันอาจจะดีกว่าทนอยู่กับคนโรคจิต

“ทำสิครับ อย่าให้ผมโมโห”

นิทานรับรู้ได้ว่า ไอศูรย์เป็นพวกชอบใช้ความรุนแรง ถ้าเขาไม่อยากจะเจ็บตัว เขาต้องทำตามร่างสูงต้องการ มือเล็กทั้งสองเริ่มขยับอย่างกล้าๆ กลัวๆ ชักรูดแท่งเนื้อทั้งสองที่อยู่ในมือที่มีขนาดใหญ่พอๆ กัน

“อ่า…เสียวสุดๆ ผมอยากแตกใส่หน้าท่านประธานอีกครั้งจังเลย”

รามิลเผยความต้องการอย่างไม่คิดจะเก็บไว้ในใจ นิทานกัดปากตัวเองแน่น เขารู้สึกแย่เหลือเกิน

“หึหึ เร็วๆหน่อยสิครับ มันทำให้ผมหงุดหงิดจริงๆ”

“ผมอยากให้คุณดูด”

ไม่รอให้นิทานได้เตรียมใจ รามิลก็กระชากกายเล็กเข้ามาใกล้ แล้วกดใบหน้าเล็กให้อยู่ตรงส่วนสำคัญ นิทานเม้มปากแน่น เขาไม่มีวันยอมทำเรื่องแบบนั้น แต่เพียงครู่เขาก็ต้องอ้าปากร้องคราง เมื่อไอศูรย์แทรกนิ้วเข้าไปในช่องทางที่คับแน่น

“อ๊า!”

รามิลอาศัยจังหวะนั้น กดศีรษะเล็กให้ริมฝีปากสวยกลืนกินแท่งเนื้อจนคับแน่นในโพรงปาก เขาจับศีรษะให้โยกขึ้นลงตามความต้องการของตัวเอง

“อะ อื้ออึก”

“ดูดแรงๆสิครับ ของผมไม่อร่อยหรือไงหืม”

ไอศูรย์เหยียดยิ้ม เขากดกระแทกนิ้วสวยเข้าไปในช่องทางที่คับแน่นย้ำๆ แล้วงอนิ้วเล็กน้อยก่อนจะลากครูดกับผนังภายใน ขนกายของนิทานลุกชัน พร้อมกับร่างกายที่เกร็งด้วยความกลัว

“ผ่อนคลายสิครับ ไม่งั้นคุณจะเจ็บ”

เหมือนจะเป็นความหวังดี แต่ไม่ใช่เลย ไอศูรย์บีบขยำก้นนิ่ม เพื่อให้นิทานได้ผ่อนคลาย พร้อมกับสอดนิ้วเพิ่มเข้าไปอีกนิ้วหนึ่ง

“อื้อ”

ความรู้สึกทรมานเกิดขึ้นอย่างไม่ลดละ นิทานน้ำตาคลอ เขาหายใจไม่ออก แต่ปากก็ต้องรองรับสิ่งที่ไม่ควรเข้ามาในปากของเขา รามิลร้องครางอย่างสุขสม เขาเด้งสะโพกสวนใส่ความเป็นชายเข้าไปในโพรงปากร้อนอย่างพอใจก่อนจะหยุดพัก

“ผมอยากให้คุณดูดแรงๆ ตรงหัว แล้วก็เลียมัน เหมือนเวลาเลียไอศกรีม”

ความต้องการนั้นช่างน่าอายสำหรับคนฟัง นิทานไม่ยอมขยับ เขาไม่อยากจะทำเรื่องทุเรศแบบนั้น แต่พอเหลือบตาเห็นว่ารามิลจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิป เขาก็รีบทำมันทันที

ส่วนหัวของแก่นกายถูกดูดเม้มอย่างรุนแรง เรียกเสียงคำรามในลำคอ ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นใช้ลิ้นเล็กลากเลียไปตามรูปร่างและความยาวของความเป็นชาย

“มือน่ะ อย่าหยุดขยับ”

ไอศูรย์เริ่มหงุดหงิด ที่นิทานลืมหน้าที่ที่ต้องปรนเปรอให้กับเขาด้วย พอได้ยินดังนั้น มืออีกข้างที่จับของไอศูรย์อยู่ก็เริ่มทำงาน ขยับชักรูดสิ่งที่ตื่นตัวที่มือกำรอบไม่มิด

“อย่าหนี ไม่อย่างนั้น เจอของใหญ่กว่านี้มันจะเจ็บ”

นี่ไม่ใช่คำปลอบโยน แต่คือคำเตือน เพราะทันทีที่เขาแทรกเข้าไปได้สามนิ้ว นิทานก็ขยับตัวหนีอย่างหวาดกลัว ช่องทางด้านหลังบีบรัดสิ่งแปลกปลอม ราวกับต้องการขับไล่ แต่ไอศูรย์ไม่ยอมง่ายๆ เขาลากลิ้นเลียไปตามกกหู พรมจูบไล่ไปถึงลำคอและแผ่นหลัง

“อื้อ อื้อ”

นิ้วทั้งสามพยายามขยายช่องทางที่คับแน่น จนมันเริ่มใช้งานได้ เขาจึงผละออกจากการให้นิทานใช้มือช่วย

…ไม่นะ ไม่…

นิทานรับรู้ได้ถึงบางอย่าง และจะถอยกายหนี เพราะไอศูรย์ถอนนิ้วออก

“หนีเหรอ…หรืออยากเป็นดาราหน้ากล้องกันหืม”

รามิลกระซิบบอกข้างหู ทำให้นิทานตัวแข็งทื่อ รามิลเหยียดยิ้ม จับศีรษะเล็กให้ขยับอีกครั้งจนนิทานหลงลืมไปว่าส่วนล่างของร่างกายกำลังจะถูกรุกราน

“อื้อ!”

ไม่ต้องให้ได้เตรียมใจ ความเป็นชายแทรกเข้ามาในร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับรามิลที่กระชากใบหน้าน่ารักออก พ่นฉีดน้ำขาวขุ่นจนเปรอะเลอะเต็มใบหน้าน่ารัก ไอศูรย์กัดฟันแน่น เพราะความคับแน่นภายในนั้นทำให้เขารู้สึกเจ็บ มือหนาพยายามบีบเค้นสะโพกเพื่อให้นิทานได้ผ่อนคลายความเกร็งนี้

“ไม่เอาน่า ดูเหมือนว่าหมอนี่จะเจ็บ คุณควรจะผ่อนคลาย”

น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลอาบแก้ม มีเพียงเสียงสะอื้นที่น่าสงสารในลำคอ รามิลรั้งใบหน้าเล็กขึ้นมากดจูบ ก่อนจะลากลิ้นเลียไปตามแก้มนิ่ม

“โอ๋ๆ ร้องไห้เหมือนเด็กเลยนะครับเนี่ย น่ารักจังเลย”

“เลว”

เขาคิดออกแต่คำนี้ นิทานสะอื้น ไม่อาจจะทนเก็บความเจ็บปวดนี้ได้ ไอศูรย์โน้มกายมาจากด้านหลัง แล้วงับกัดที่หัวไหล่

“เลวงั้นเหรอ…แต่ผมก็เป็นผัวคุณแล้วนะ”

คำกล่าวแสนหยาบคายนี้ นิทานคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินจากไอศูรย์ รามิลระบายยิ้มเล็กน้อย

“ถึงจะเจ็บใจที่จะได้เป็นผัวคนที่สองของท่านประธานก็เถอะ แต่ได้ทำให้หน้าคุณเต็มไปด้วยน้ำของผมแบบนี้ก็ไม่เลว”

เขายันกายลุกขึ้นยืน นิทานอยู่ในท่าคุกเข่า รามิลจับแท่งเนื้อที่เพิ่งปลดปล่อยไปนั้นถูไถไปกับหน้าเล็ก นิทานพยายามขยับหน้าหนี แต่เขาก็ไล่ตาม

“ทำให้มันแข็งสิครับ ท่านประธาน”

นิทานเม้มปากแน่น เขาอยากจะขัดขืน แต่ดูเหมือนรามิลจะเตรียมพร้อมถ่ายคลิปตลอดเวลา เขาหลับตาลงแล้วใช้มือและปากปรนเปรอให้กับชายหนุ่ม ในขณะที่ไอศูรย์เริ่มขยับสะโพกสวนใส่ความเป็นชายเข้าออกอย่างช้าๆ

“อื้อ อื้อ”

เขาเจ็บจนน้ำตาไหล นิทานพยายามข่มความทรมาน แต่เขาก็เก็บมันเอาไว้ไม่ได้ ไอศูรย์พรมจูบไปตามแผ่นหลังเล็ก ราวกับปลอบโยน พร้อมกับมือหนาที่จับแท่งเนื้อที่อ่อนปวกเปียกรูดชักให้ตื่นขึ้นตามแรงอารมณ์ เพื่อที่คนตัวเล็กจะได้ผ่อนคลายมากขึ้น

“อะ อื้อ อื้อ”

เสียงครางในลำคอของทั้งสามดังขึ้นในห้อง ทั้งไอศูรย์และรามิลต่างก็ขยับสะโพก เพื่อให้ความเป็นชายของตนได้สูบเข้าออกจากร่างกายของท่านประธานตัวเล็ก นิทานไม่อาจจะหนีรอดไปจากซาตานทั้งสองได้ แม้ทั้งคู่จะบอกว่ามันคือการที่เขาสมยอม แต่นิทานก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังถูกข่มขืนอย่ดี

เสียงเนื้อกระทบกันดังจนได้ยิน ทั้งช่องทางด้านบนและด้านล่าง ต่างถูกใช้งานจนคนตัวเล็กรู้สึกเจ็บร้าวระบม เลือดสีแดงสดไหลลงตามง่ามขา เพราะแรงกระแทกกระทั้นที่รุนแรง ไอศูรย์บีบเค้นแก่นกายเล็ก รูดชักไม่หยุด จนนิทานปลดปล่อยออกมา เขาหมดแรงจนแทบจะต้องทรุดตัวลง แต่ก็ต้องถูกผู้ชายใจร้ายทั้งสองรั้งร่างเอาไว้ เพื่อรองรับตัณหาที่แสนหนักหน่วง

สิ้นสุดความทรมาน ความอุ่นร้อนก็พุ่งพวยเข้ามาทั้งในโพรงปากและช่องทางด้านหลัง มันเอ่อล้นออกมาจนนิทานนึกสมเพชตัวเอง เขาอยากจะทรุดกาย แล้วหลับใหลไม่อยากจะลืมตาตื่นเพราะอดสูกับชีวิต  แต่ทว่าเสียงทุ้มของรามิลก็ทำให้คนตัวเล็กตัวสั่นระริก ไม่อาจจะปิดเปลือกตาลงได้อย่างที่ใจต้องการ

“มันยังไม่จบง่ายๆหรอกนะ…อย่าลืมสิครับท่านประธานผู้น่ารัก ว่าคุณจะต้องได้ผมเป็น ‘ผัว’ เพิ่มอีกคน”

 



100%



ผ่านไป 1ยก นิทานก็จะตายแย้ววว



ฝากเพจด้วยนะจ๊ะ https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 10 สมยอมหรือข่มขืน
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 06-07-2016 20:38:19
ไม่ถนอมน้องเลยง่า โรคจิตจริงๆนะเนี่ย เลือดสาดเลย อยากจะสั่งเก็บจริงๆ
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 10 สมยอมหรือข่มขืน
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 06-07-2016 21:19:42
2หนุ่มจะใจร้ายกะนิทานไปแล้วนาาาา  :hao5:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 10 สมยอมหรือข่มขืน
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 06-07-2016 23:07:27
โหดร้ายกันจริง ๆ เลย  ถนอมท่านประธานน้อยหน่อยสิ    :angry2:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 10 สมยอมหรือข่มขืน
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 06-07-2016 23:29:32
ใจร้ายมากอ่ะ สงสารนิทาน
หลังจากนี้นิทานจะทำยังไงนะ
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 10 สมยอมหรือข่มขืน
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 08-07-2016 00:18:59
โหดร้าย เบาๆกับนิทานหน่อย อย่ารุนแรงเกินไป
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 10 สมยอมหรือข่มขืน
เริ่มหัวข้อโดย: Aueizii ที่ 08-07-2016 00:42:15
สนุกค่ะ ชอบๆ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 10 สมยอมหรือข่มขืน
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 08-07-2016 01:51:44
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 10 สมยอมหรือข่มขืน
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 08-07-2016 02:04:21
สงสารนิทานอ่า ปรกติเราชอบ3พีเอ็ม แต่พระเอกนิสัยอย่างนี้เคืยงมากกกก
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 10 สมยอมหรือข่มขืน
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 08-07-2016 09:07:25
 :-[ มาต่อไวๆเลย
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 10 สมยอมหรือข่มขืน
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 08-07-2016 10:43:11
เล่นกันแรงไปป่าววว นิทานน่าสงสารอ่าาา
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 10 สมยอมหรือข่มขืน
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 09-07-2016 16:21:08
 :mew6:โหดร้ายกันจังเลย สงสารนิทาน
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 10 สมยอมหรือข่มขืน
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 10-07-2016 00:51:18
 o7 โธ่นิทานจ๋า โดนแบบนี้จะเปงไงต่อล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 10 สมยอมหรือข่มขืน
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 11-07-2016 12:48:09
โถ่ นิทานเอ้ย :mew6:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 11 สับสน
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 11-07-2016 20:45:14
11

สับสน

 

สิ่งที่นิทานเผชิญอยู่ ไม่ต่างกับอยู่นรก เขาจะต้องรองรับผู้ชายอีกคนนอกจากไอศูรย์ ช่องทางด้านหลังยังคงบอบช้ำเพราะความรุนแรงที่ไอศูรย์มอบให้ น้ำตาเอ่อคลอที่ดวงตาคู่สวย จนรามิลอดใจไม่ไหว ใช้ลิ้นเลียเช็ดน้ำตา

“น่าสงสารที่ให้เจ้านั่นเป็นคนเริ่ม”

รามิลรู้ว่าไอศูรย์เป็นพวกใช้ความรุนแรง ถึงแม้ภายนอกจะดูนิ่งสงบ จึงให้นิทานทรมานแทบจะขาดใจ ฝ่ามือใหญ่เค้นคลึงไปตามแท่งเนื้อที่อ่อนตัวลง ริมฝีปากร้อนผ่าวพรมจูบไปตามผิวเนียน

“ไม่ต้องร้องนะครับท่านประธาน พวกเราจะทำให้คุณมีความสุข”

หลังจากสำเร็จกิจไปหนึ่งครั้ง ร่างเล็กก็ถูกโอบอุ้มขึ้นมานั่งตักของรามิลบนโซฟา นิทานส่ายหน้าไปมา เขาไม่อยากรับรู้ถึงความทรมานอีกแล้ว แต่สัมผัสครานี้เหมือนจะแตกต่างจากครั้งแรก

ริมฝีปากของชายตัวใหญ่ทั้งสองเริ่มพรมจูบไปตามเรือนร่างเล็กราวกับปลอบโยน รามิลใช้มือปลุกเร้าความเป็นชายเพื่อเพิ่มความต้องการให้กับคนตัวเล็ก นิทานปรือตามองทั้งคู่ เขาเจ็บที่ช่องทางด้านหลังเกินกว่าจะเอ่ยคำใด อยากจะขัดขืน แต่ก็ไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้าน

“ของข้างในน่าจะช่วยหล่อลื่นได้ดี”

ริ้วความอายเกิดขึ้นบนใบหน้าทันที เมื่อรามิลสอดนิ้วเข้าไปในตัวของเขา ไอศูรย์เองก็เข้ามากดจูบ ลิ้นแทรกเข้ามาเก็บเกี่ยวความหอมหวานจนคนตัวเล็กแทบลืมความเจ็บปวด 

แผ่นอกเล็กถูกลูบไล้ไปจนทั่ว ไอศูรย์ใช้นิ้วบีบขยี้ส่วนใจกลางอกที่อ่อนไหว จนตอนนี้มันแข็งชันตอบรับการปลุกเร้า เสียงครางหวานดังในลำคอย่างแผ่วเบา ทั้งด้านหน้าและด้านหลังได้รับการสัมผัสจนไม่อาจจะควบคุมสติได้

…คราวนี้มันไม่ได้น่ากลัวเหมือนในตอนแรก…เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ร่างกายของเขาโดนมือของใครสัมผัสตรงไหนบ้าง…

นิทานไม่อยากจะคิดว่าเขากำลังรู้สึกดี แต่ช่องทางร้อนก็บีบรัดนิ้วเรียวยาวที่ขยับภายใน กดซ้ำๆที่ส่วนกระตุ้นจนอวัยวะด้านหน้าพองขยายและตั้งขึ้นสวนทางกับแรงโน้มถ่วงของโลก

“ไม่ต้องกลัว”

เสียงของไอศูรย์กระซิบแผ่วเบาข้างหูเล็ก น่าแปลกที่นิทานรู้สึกผ่อนคลายขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ เขากำลังหวาดกลัวเมื่อรามิลกำลังยกตัวเขาขึ้น ใส่อาวุธที่แสนแข็งแกร่งให้แทรกเข้าไปในตัวของนิทาน

“อะ อื้อ”

กิจกรรมผสานร่างกายเริ่มต้นอีกครั้ง และในครั้งนี้รามิลเป็นผู้ได้เป็นหนึ่งเดียวกับท่านประธานตัวน้อย ไอศูรย์จับมือเล็กให้ช่วยปรนเปรอให้กับเขาที่ช่วงกลางลำตัว ความเป็นชายขยายใหญ่อีกครั้งเพราะแรงอารมณ์

“น่ารักมากครับท่านประธาน”

อาจจะเป็นเพราะผ่านการสอดใส่มาครั้งหนึ่งแล้ว ช่องทางที่เคยหดเกร็งจนทำให้ผู้ชายคนแรกอย่างไอศูรย์รู้สึกเจ็บได้เปลี่ยนแปลงไป ในยามนี้นิทานเหมือนจะเริ่มปรับตัว หรือไม่ก็เป็นเพราะร่างกายเขาถูกปลุกเร้าอย่างอ่อนโยนต่างจากในตอนแรก ริมฝีปากเล็กเผยอขึ้นน้อยๆส่งเสียงครางหวานอย่างลืมตัว

ไอศูรย์ครอบครองยอดอกเล็กด้วยริมฝีปาก  ดูดเลียอย่างหิวกระหาย ก่อนงับกัดอย่างแผ่วเบา อกน้อยสั่นสะท้าน เผลอแอ่นรับสัมผัสที่เกิดขึ้นตามสัญชาตญาณ    รามิล พลิกใบหน้าสวยให้มาจูบแลกลิ้น ในขณะที่สะโพกสวยถูกจับยกขึ้นลงอย่างเชื่องช้า เมื่อส่วนปลายกระแทกโดนกับจุดกระสัน ร่างเล็กก็สั่นระริกราวกับลูกสุนัขตกน้ำ ผวากอดคอรามิลไว้อย่างไม่รู้ตัว

เสียงครวญครางอื้ออึงในลำคอ เขาอยากจะผลักไส และควรรู้สึกรังเกียจ แต่ร่างกายกลับตอบสนอง ริมฝีปากสวยทั้งคู่กำลังประทับตีตราบนเรื่องร่างที่แสนบอบบาง นิทานบิดเร่า ลำกายแข็งขืนจนเต็มมือหนา แต่เขาก็ไม่ลืมหน้าที่ที่ควรทำคือต้องปรนเปรอให้กับไอศูรย์

ดวงตากลมปรือปรอยเต็มไปด้วยหยาดน้ำ ชายหนุ่มขยับกายให้ความเป็นชายได้อยู่เบื้องหน้าของคนตัวเล็ก สิ่งที่รับรู้คือเขาต้องตอบสนองด้วยริมฝีปากที่อ่อนนุ่ม ช่องทางด้านล่างนั้นก็ไม่ต่างกัน กลืนกินความร้อนแข็งขืนที่ขยายเพิ่มขึ้นเมื่อได้ขยับเข้าออกในร่างกาย

นิทานเหมือนกำลังต้องสู้กับศึกอย่างหนัก เขาอยากจะถอยหนี แต่ร่างกายก็เหมือนถูกจองจำ เขาเหมือนถูกกลืนกินจนลืมความเป็นตัวเอง ทั้งที่ควรหนีและขยะแขยง แต่หลายครั้งที่ถูกพาให้ไปถึงจุดสูงสุดแล้วตกลงมาอย่างหมดแรง แม้ความปรารถนาเรื่องแบบนี้กับเพศเดียวกันจะไม่เคยเกิดขึ้น และไม่คิดว่ามันจะทำให้รู้สึกดีได้จากการร่วมเพศโดยใช้ช่องทางด้านหลังของร่างกาย แต่ตอนนี้มันกำลังเกิดขึ้นแล้ว และนิทานได้เป็นคนสัมผัสด้วยตัวเอง

ร่างกายงดงามขยับเคลื่อนไหวอยู่บนกายของรามิล จากตอนแรกที่เงอะงะ แต่สักพักก็ถูกชายทั้งสองช่วยสั่งสอนจนนิทานเริ่มปรับตัวได้ ริมฝีปากยังครอบครองความใหญ่โตเอาไว้จนอึดอัน

ราวกับลูกสูบที่เคลื่อนเข้าออก มันทั้งหนักหน่วง และสร้างความรู้สึกกระสันให้กับนิทานอย่างไม่รู้ตัว ทั้งที่ตอนแรกเขาทั้งหวาดกลัวและเกลียดการกระทำของทั้งคู่ แต่ชั้นเชิงและการปลุกเร้าในยกที่สอง ทำให้นิทานเผลอไปตามการชักนำของทั้งสองคนจนได้ จนกระทั่งความสับสนวุ่นวายทั้งจิตใจและร่างกายได้สิ้นสุดลง

ใบหน้าหวานซบเข้ากับไหล่กว้าง ร่างกายเล็กอ่อนล้าและเหนื่อยอ่อนเกินกว่าจะรับรู้ เปลือกตาปิดลงพร้อมกับสติที่เลือนหายไป

“สลบไปแล้ว”รามิลเอ่ยขึ้น

“ก็ครั้งแรกนี่”

คนที่ได้เป็นคนแรกของคนตัวเล็กมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ส่วนใบหน้าที่ปกติจะยิ้มแย้มของรามิลเริ่มแสดงออกถึงความไม่ค่อยจะพอใจ

“นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันหงุดหงิด”

“ฉันไม่ยอมเป็นคนที่สอง”

เขาประคองร่างเล็กให้เอนกายนอนบนโซฟา แล้วจะเดินไปห้องน้ำ เพื่อเตรียมของมาเช็ดตัวทำความสะอาดให้กับประธานตัวน้อย

“รู้งี้ ใส่เข้าไปสองอันพร้อมกัน ก็น่าจะดี”

รามิลเปรยขึ้นเบาๆ ในขณะที่ไล้ข้อนิ้วไปตามแก้มนิ่ม ไอศูรย์หยุดชะงัก

“ตัวแค่นั้นจะไปรับสองอันในครั้งแรกได้ยังไง”

“รู้แล้วน่า ฉันก็แค่พูดเฉยๆ”

“หึ”

“ไว้ครั้งหน้า…มาใส่พร้อมกันดีไหม”

ไอศูรย์ไม่ได้โต้ตอบ เขาแค่กระตุกยิ้มมุมปาก แต่นั่นมันก็มากพอที่จะสื่อความหมาย รามิลมองตามเพื่อนร่วมงานตัวสูงที่เดินหายไปในห้องน้ำพร้อมกับรอยยิ้ม

 

-------+++++-------

 

                นิทานรู้สึกตัวอีกครั้งในช่วงบ่ายของวันต่อมา เขาตื่นมาท่ามกลางสายตาคมที่จับจ้องอยู่ ชายหนุ่มได้แต่ผวาขยับกายถอยหนีเมื่อเห็นหน้าของรามิลและไอศูรย์

                บรรยากาศรอบกายไม่ใช่ที่ทำงาน เขาหันซ้ายหันขวา กับสถานที่ที่ไม่คุ้นตาเอาเสียเลย คนตัวเล็กจับผ้าห่มที่คุมกายเอาไว้แน่น สายตาที่มองเลขาทั้งคู่อย่างหวาดระแวง

                “ที่นี่ที่ไหน!”

                เขาแทบจะแผดเสียงร้องถาม รามิลยกถาดอาหารวางไว้บนเตียงสีขาวสะอาด เขาเอ่ยตอบ

                “ที่นี่คือคอนโดผมเองครับ”

                “แล้วทำไม ฉันถึงมาอยู่ที่นี่”

                ความทรงจำที่เลวร้ายยังไม่จางหาย เขาจำได้ทุกอย่างว่าเกิดอะไรขึ้น เขาไม่ได้โดนมอมยาให้ร่วมหลับนอนกับทั้งคู่ แต่ถึงอย่างนั้นความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น มันก็เกิดจากการข่มขู่

                “หมอนี่ทำข้าวต้มให้ท่านประธานนะครับ ทานสักหน่อย”

                รามิลเอ่ยแถลงความจริง ว่าข้าวต้มถ้วยนี้ เป็นฝีมือของไอศูรย์ นิทานเหลือบตามองเพียงครู่ เขาไม่อยากจะเชื่อ แต่กลิ่นหอมกรุ่นที่ลอยมาปะทะจมูกก็ทำให้ชายหนุ่มเผลอสูดดมเข้าไปจนเต็มปอด ความหิวเริ่มประท้วง

                “หรือคุณจะดื่มน้ำแอบเปิ้ลนั่นก็ได้ เพราะเป็นฝีมือหมอนั่น”

                คราวนี้เป็นไอศูรย์ที่เอ่ยขึ้นบ้าง พร้อมกับเหลือบสายตาไปมองรามิล นิทานเม้มปากแน่น ทั้งคู่ทำเหมือนว่าเหมือนคืนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ทั้งสีหน้าและท่าทางไม่ต่างจากเมื่อก่อนเลยสักนิด

                “เอ่อ”

                “ครับ”รามิลยิ้ม

                “ฉันอยากกลับบ้าน”

                เพราะตอนนี้ไม่รู้ว่าควรจะจับต้นชนปลายอย่างไรดี เมื่อคืนตัวเองก็เพิ่งผ่านสมรภูมิรบอย่างหนักกับทั้งคู่ ตอนนี้เขามองหน้าใครไม่ติด

                “ยังกลับไม่ได้”ไอศูรย์แย้ง

                “ทำไม…ทำไมฉันจะกลับบ้านไม่ได้”

                “เพราะท่านประธานอาจจะเดินไม่ไหวน่ะสิครับ”

                คนที่อารมณ์ดี ก็ยังคงยิ้มแย้ม นิทานอยากจะเอาหมอนฟาดใส่รามิล แต่ตอนนี้เขาไม่มีเรี่ยวแรงจะต่อสู้

                ความอับอายแล่นพล่านทั่วใบหน้า เมื่อรับรู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้เดินไม่ไหว สาเหตุมันก็เป็นเพราะถูกอาวุธที่ทรงอานุภาพเล่นอย่างหนักหน่วง ทั้งๆที่ตอนแรกเขารู้สึกเหมือนกลับจะตกนรก แต่มันน่าแปลกที่หลังๆ เขากลับรู้สึกเหมือนได้ขึ้นสวรรค์เสียอย่างนั้น นั่นเป็นสิ่งที่นิทานทำใจไม่ได้

                …พูดได้ไม่เต็มปากว่าเขาถูกข่มขืน…

                เรื่องข่มขู่นั้นคือเรื่องจริง แต่ร่างกายเขากลับตอบสนองต่อสัมผัสของทั้งคู่จนตัวเองรู้สึกละอายใจ

                “ทานสักหน่อยนะครับ ผมป้อน”

                ท่าทางของรามิลไม่ต่างกับพ่อบ้านที่เข้ามาดูแลคุณชาย เขาตักข้าวต้มแล้วเป่าจนความร้อนหายไปแล้วจ่อเข้าที่ปากสวย

                “เอ่อ”

                “หม่ำสิครับ”

                แม้จิตใจจะยังสับสน แต่นิทานก็เผลออ้าปากรับความอุ่นอร่อยเข้ามาในปาก รสชาติข้าวต้มที่ไอศูรย์ทำค่อนข้างจะถูกลิ้น

                “อึก”

                กายเล็กสะดุ้ง เมื่อหลังมือร้อนผ่าวนาบลงที่หน้าผาก ไม่ใช่มือของใคร แต่คือชายหนุ่มตัวใหญ่ที่มีชื่อว่าไอศูรย์ นัยน์ตาหลังเลนส์แว่นนั้นยังคงนิ่งสงบ

                “ไม่มีไข้”

                มีเพียงเสียงทุ้มที่เอ่ยออกมา เมื่อตรวจคนป่วยเสร็จ และนั่นทำให้รามิลต้องคลี่ยิ้มกับคำตอบที่ได้ยิน

                “นั่นเป็นเพราะผมป้อนยาให้คุณก่อนนอน”

                คำกล่าวนั้นช่วยเรียกความทรงจำ ถึงมันจะไม่ชัดเจน แต่นิทานก็รู้สึกเหมือนว่าเคยมีบางอย่างถูกกรอกเข้ามาในปาก โดยใช้ปากส่งสิ่งนั้นเข้ามา เพียงคิดว่าเรียวปากสวยตรงหน้าที่ชอบแย้มยิ้มได้จูบส่งยามาให้ เขาก็เผลอใจสั่นอย่างไม่รู้ตัว

                …ไม่รู้ว่าเป็นเพราะรังเกียจ หรือเพราอะไรกันแน่…

                ทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วจนเขาตั้งตัวไม่ทัน

                “ส่วนหมอนั่นก็เช็ดตัวให้คุณ”

                รามิลไม่ได้คิดจะเอาความดีความชอบคนเดียว แต่แท้จริงเขาอยากเห็นท่าทางกระดากอายของนิทานมากกว่า ดูเหมือนว่ายิ่งพูด นิทานก็ยิ่งทำตัวไม่ถูก แก้มนวลแดงปลั่งทั้งสองข้างช่างดูน่ารัก

                เสียงหัวเราะในลำคอของไอศูรย์ทำให้คนตัวเล็กค้อนใส่อย่างไม่พอใจ เพราะเขาไม่ใช่ตัวตลก

                “ทานเยอะๆเถอะครับ แล้วผมจะทายาให้”

                นิทานไม่เข้าใจว่าไอศูรย์จะทายาอะไรให้กับเขา แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้พูดต่อ แม้นิทานจะไม่อยากทานอาหารฝีมือคนร้าย แต่ความหิวมันก็ประท้วงอย่างรุนแรง แถมอาหารยังอร่อยจนเผลอทานไปเกินครึ่งถ้วย

                “พอแล้ว”

                ได้แต่ยกมือปราม ไม่ให้รามิลป้อนต่อ

                “อะไรกันครับ ยังไม่หมดถ้วยเลย”

                ข้าวต้มที่ตักมาใส่ถ้วยที่ไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไป แต่ตอนนี้นิทานไม่สามารถทานได้มากกว่านี้แล้ว นอกจากจะตัวเล็ก กระเพาะของเขายังเล็กอีกด้วย

                “ฉันอิ่มแล้ว”

                “งั้นดื่มน้ำแอปเปิ้ลแทนสิครับ”

                ไอศูรย์ไม่คิดจะบังคับให้นิทานนั้นทานข้าวต้มต่อ อย่างน้อยเปลี่ยนเป็นน้ำก็น่าจะง่ายกว่า เขามองไอศูรย์ที่โน้มตัวไปหยิบแก้วน้ำ ไอศูรย์และรามิลนั่งอยู่คนละฝั่งเตียง รามิลจะนั่งอยู่ติดกับถาดอาหาร เพราะชายหนุ่มเป็นคนยกมา

                “นี่ครับ”

                “ฉันถือเองก็ได้”

                ความอึดอัดเริ่มเกิดขึ้น เพราะใบหน้าดุๆ กับท่าทางที่จับหลอดให้กับเขา ทำให้นิทานได้แต่พูดไม่ออก จะว่าเขากลัวสัมผัสจากไอศูรย์เป็นบางครั้งก็ไม่แปลกนัก เพราะเรื่องราวเมื่อคืน ชายหนุ่มก็ป่าเถื่อนอย่างมาก แต่ถึงกระนั้น ในช่วงหลัง ก็ทำให้เขารู้สึกดี จนพูดได้ไม่เต็มปากว่าเขาเกลียดสัมผัสจากชายหนุ่ม

                นิทานก้มลงไปดูดน้ำแอปเปิ้ลจากหลอดดูด ดื่มได้สักพักหนึ่ง เขาก็ผละออก จะยกมือเช็ดมุมปาก แต่ทว่าก็มีกระดาษทิชชู่มาเช็ดให้แทนซึ่งเกิดจากฝีมือของรามิล หลังจากวางแก้วน้ำลงบนถาด ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับสบตากับรามิล นิทานไม่เข้าใจความหมาย

                ถาดอาหารถูกยกออกไปวางที่โต๊ะกระจกตัวเล็ก ไม่นานรามิลก็กลับมาพร้อมกับหลอดยาหลอดหนึ่ง

                “พวกนายจะทำอะไร”

                ความหวาดกลัวเกิดขึ้น  เจ้าตัวหวาดระแวงเพราะเรื่องเมื่อคืน เขาพยายามคิดหาทางออก แต่ตอนนี้จิตใจมันก็สับสนไปหมด

                …เมื่อคืนเขาโดนทำเรื่องทุเรศขนาดนั้น แต่ตอนนี้กลับได้รับการปรนนิบัติอย่างดี…หรือว่าสองคนนี้จะรู้สึกผิด แล้วอยากจะชดใช้…

                “ผมบอกแล้วไง ว่าจะทายาให้กับท่านประธาน”

                “ยา…ยาอะไร”

                ในสมองคิดไปต่างๆนานา ว่ายาในมือไอศูรย์ที่รามิลส่งให้นั้น อาจจะเป็นยาอันตราย เพราะเรื่องเลวร้ายเมื่อคืนก็ทำให้นิทานคิดขึ้นมา แต่ที่น่ากลัวกว่านั้น คือเขาลืมคิดไปเสียสนิทว่า ในอาหารที่เขาทานไป อาจจะใส่ยาก็ได้

                …เขาอยากจะตบหัวตัวเองซ้ำๆจริงๆ กับความโง่เขลานี้…

                พรึบ!

                ไม่มีคำอธิบาย มีเพียงการกระทำ ผ้าห่มผืนใหญ่ถูกตวัดออก จนเผยให้เห็นขาขาวเนียน นิทานเบิกตากว้าง เขาสวมใส่เพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่ที่ยาวคลุมปิดต้นขาอย่างหมิ่นแหม่ ไม่มีกางเกงใน หรือกางเกงสวมใส่เอาไว้เลยแม้แต่ตัวเดียว

                สายตาคมทั้งคู่จับจ้องที่เรียวขาสวย นิทานหนีบขาเข้ากันแน่น เขากลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ เริ่มเครียดขึ้นมา

                ทั้งที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่ามันต่างออกไป

                ผู้ชายก็ใช่ว่าจะปลอดภัย

                เรื่องนั้น นิทานประสบมาด้วยตัวเองแล้ว

                มันน่าแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงยังไม่สติแตก นี่เขาเข้มแข็งมากขนาดนั้น หรือว่าเขาเหนื่อยล้าเกินไป

                “ฉันไปล่ะ”

                ทางเดียวที่คิดออก คือพยายามลงจากเตียง แล้วดูเหมือนว่าทั้งคู่ไม่เข้ามาห้าม นิทานเลือกที่จะลงจากเตียงในฝั่งของรามิล เพราะอย่างน้อยก็คงจะมีรอยยิ้มพิมพ์ใจ ถึงแม้มันอาจจะเป็นรอยยิ้มที่หลอกลวงก็ตามที

                “โอ๊ย”

                ทันทีที่เท้าแตะพื้น นิทานก็ทรุดร่วงไปกับพื้นห้อง เจ็บจนต้องห่อปาก สะโพกปวดร้าว พยายามจะลุกด้วยตัวเอง แต่ขาก็สั่นเหลือเกิน จนรามิลทนมองไม่ได้ เข้ามาอุ้มท่านประธานที่ดื้อเงียบให้ขึ้นมานอนบนเตียงดังเดิม

                “แบบนี้ต้องทายา”

                รับรู้ได้ถึงสายตาเจ้าเล่ห์ที่ส่งมาจากรามิล ไอศูรย์เองก็ระบายยิ้ม เขาเปิดฝาหลอดยานั้นออก

                “ไม่เอา อย่าทำอะไรบ้าๆนะ”

                คนตัวเล็กเริ่มโวยวาย แม้ร่างกายอ่อนล้า ยามที่ฝ่ามือร้อนสัมผัสที่โคนขาด้านใน รามิลกำลังจับขาเขาให้แยกออก ความอายเกิดขึ้นจนนิทานอยากจะหายไปจากตรงนี้

                “พวกนายจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้! ออกไปนะ”

                เขาได้แต่ยกมือทุบตีทั้งคู่อย่างบ้าคลั่ง ความสับสนและหวาดกลัวประดังเข้ามา รามิลเข้าไปจับข้อมือเล็กทั้งสองไว้ด้วยมือเดียว

                “อย่าดื้อสิครับท่านประธาน”

                “ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันสัญญาว่าจะไม่แจ้งความ”

                นิทานพยายามจะใช้ไม้อ่อน พยายามหนีบขาตัวเองเอาไว้แน่น ไม่ยอมให้ไอศูรย์และรามิลจับขาแยกออก

                แต่แรงนิทานก็สู้ผู้ชายร่างใหญ่ไม่ได้

                ความงดงามที่บอบช้ำเผยให้เห็นต่อสายตาของทั้งคู่ คนที่ออกอาการหิวกระหายก่อนก็คือรามิล

                “ชายเสื้อมันหมิ่นแหม่จริงๆนะครับท่านประธาน”

                “อย่ามองนะ!”

                นิทานหลับตาแน่น เขาอายจนไม่กล้าลืมตามอง รามิลเลียเบาๆที่เปลือกตาบาง ก่อนจะจุมพิตที่บริเวณหางราวกับจะปลอบโยน

                “พวกผมแค่จะช่วยทายาให้ ไม่ต้องกลัวไปหรอกครับ”

                แม้ไอศูรย์จะพูดแบบนั้น แต่นิทานก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลย เขาไม่ต้องการให้ชายทั้งสองมาสัมผัสร่างกายเขาอีก

                “เรื่องมันจบไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วไม่ใช่หรือไง! แล้วทำไมพวกนายถึงยังมายุ่งกับฉันอีก!”

                “ใจเย็นๆสิครับ พวกเราก็แค่ทนดูไม่ได้ ถ้าท่านประธานจะไม่สบาย”รามิล อธิบาย

                “ถ้าทนไม่ได้ แล้วพวกนายทำแบบนั้นกับฉันทำไม! คนโรคจิต พวกเลว อื้อ”

เมื่อไม่คิดจะยอมให้นิทานพ่นคำด่าออกมาอีก วิธีการที่ง่ายดาย คือกดจูบปิดปากซะ รามิลได้แต่หัวเราะในลำคอกับวิธีของไอศูรย์ เขาเอาก็ใช่ว่าจะหยุดนิ่ง พอนิทานโดนจูบ คนตัวเล็กก็เริ่มหยุดคิดเรื่องการต่อต้านในช่วงล่างไปชั่วขณะ ปลายนิ้วเรียวยาวจึงเข้าไปสัมผัสกับส่วนที่บอบช้ำได้อย่างง่ายดาย

                นิทานสะดุ้งเฮือก เขากลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบเมื่อคืนอีกครั้ง

                “ถ้าคุณไม่ดื้อ เราก็จะไม่ทำแบบเมื่อคืน”

                นิทานไม่มีทางเลือก นอกจากต้องยอมทำตัวเป็นเด็กดี เขาไม่อยากเอาร่างกายตัวเองไปเสี่ยง จึงได้แต่ข่มกลั้นความอาย แล้วปล่อยให้นิ้วเรียวยาวของทั้งคู่จัดการทายาให้กับในส่วนที่ถูกทั้งสองทำให้เกิดบาดแผล

                ใบหน้าน่ารักแดงก่ำจนไม่เจ้าตัวต้องหลับตาแน่น เรือนกายสั่นระริก เหงื่อผุดเต็มไปหน้า มีเสียงครางหวานดังขึ้นเป็นระยะ เพราะเกิดจากการกลั่นแกล้ง

                จิตใจของนิทานสับสน เขาคิดจะไล่ทั้งสองคนออกจากงาน แต่ทำไมอีกใจหนึ่งก็หวนคิดถึงคำพูดที่เคยบอกไว้

‘ถ้าคิดว่าหลังจากคืนนี้แล้วยังกล้าไล่ออกก็ลองดู’

จู่ๆร่างกายของนิทานก็ขนลุกซู่ขึ้นมา เมื่อจมูกโด่งของทั้งคู่เข้ามาคลอเคลียที่แก้มของเขา

“ฉะ ฉันจะไล่พวกนายออก”

ไม่รู้สิ่งใดดลจิตใจให้เขาพูดแบบนั้น แต่นั่นก็เรียกเสียงหัวเราะในลำคอของทั้งคู่ จนนิทานรู้สึกเย็นวาบไปทั่วแผ่นหลัง

 “กล้าไล่จริงๆเหรอ” ไอศูรย์กระซิบถาม ก่อนจะตามมาด้วยเสียงของรามิล

“คุณทำไม่ได้หรอก…เพราะเราสามคนเป็น ‘ผัวเมีย’ กันแล้ว…แต่ถ้ายังใจร้ายกล้าไล่พวกผมได้ลงคอ…เราสามคนคงต้องถกปัญหาเรื่องนี้บนเตียงกันอีกยาวนะครับท่านประธาน”

 

         

100%

 

ฝากเพจด้วยจ้า https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/

     

 

 

 
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 11 สับสน
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 11-07-2016 20:54:25
ก็ต้องดูกันยาวๆนะท่านประธานว่าผัวทั้งสองช่วยงานได้อย่างดีหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 11 สับสน
เริ่มหัวข้อโดย: autopilot ที่ 11-07-2016 21:21:05
นิทานนนนน โดนกินเรียบบบบ  :hao7:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 11 สับสน
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 11-07-2016 22:07:58
รามิลน่ารักดี แต่เป็นคนที่มีความคิดโคตรแปลกแล้วก็แอบน่ากลัวด้วย 55555
คราวหน้าพร้อมกัน2คนนิทานจะไหวเหรอออออ :hao5:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 11 สับสน
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 12-07-2016 08:47:01
นิทาน เอ้ยยยย หนีไม่รอดแล้วลูก

สงสารนางนะ แต่ก็แอบฟิน เหอ ๆ
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 11 สับสน
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-07-2016 12:18:48
ความรู้สึกสับสน ทั้งราวกับตกนรก กับ ราวกับขึ้นสวรรค์
นิทานได้สัมผัสกับตัวเอง
แต่คงหลีกหนีไปจากไอศูรย์ กับรามิลไม่ได้
รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 11 สับสน
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 12-07-2016 15:02:13
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 11 สับสน
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 12-07-2016 16:41:59
สงสัยต้องโดนขู่เรื่อยไป นิทานจะทำยังไงนะ
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 11 สับสน
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 12-07-2016 16:52:40
ไม่น่ารอด
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 11 สับสน
เริ่มหัวข้อโดย: targetsii ที่ 12-07-2016 20:29:39
ใช้อำนาจเมียข่มบ้างเลยค่ะนิทาน  :katai3:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 11 สับสน
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 12-07-2016 23:19:00
สู้ๆนะนิทาน สู้ๆนะคะคนเขียน เราขอตัวไปร้องไห้แป๊บ อะเฮือก :hao5:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 12 ไม่จบ
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 18-07-2016 19:09:10
12

ไม่จบ

 

                นิทานหวาดกลัวกับคำกล่าวของรามิลและไอศูรย์ เขาก้มหน้า คิดไม่ตกกับเรื่องที่เกิดขึ้น เขาควรจะทำยังไง

                “ฉัน ฉันอยากกลับบ้านเดี๋ยวนี้”

                ในที่สุดเขาก็กล้าพูดออกไปจนได้

                “พวกเราคิดว่าคุณควรจะนอนพักอีกสักนิด”ไอศูรย์กล่าว

                “ฉันจะกลับ”

                ถ้าเขายังอยู่ที่นี่นานกว่านี้ สติของเขาคงได้เลือนหายไป เขาคงจะฟุ้งซ่านจนไม่รู้จะทำอย่างไรกับชีวิตตัวเอง เขาจะต้องรีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เขาต้องหาวิธีพาทั้งสองคนให้หลุดไปจากที่นี่ให้ได้

                “ถ้าท่านประธานยอมพักผ่อน พวกเราจะไปส่งท่านประธานแน่นอนครับ”

                “ฉันอยากเข้าห้องน้ำ”

                นิทานคิดว่าเขาต้องหาลงจากเตียงนี้ให้ได้ อย่างน้อยก็ไปให้ไกลจากเตียง แล้วค่อยคิดต่อว่าควรจะทำอย่างไร

                “ได้สิครับ เดี๋ยวผมพาไป”ไอศูรย์เสนอตัว

                ชายหนุ่มประคองประธานบริษัทตัวเล็กให้เดินไปยังห้องน้ำ นิทานมองซ้ายมองขวา เขาต้องหาวิธีที่จะหนีไปให้ได้ กายเล็กโดนจับประคองมาถึงห้องน้ำ

                “อ๊ะ”

                คัตเตอร์ตัดกระดาษที่อยู่ไม่ไกลจากมือ  ถูกนิทานพุ่งเข้าไปหยิบหลังจากที่เขาผลักไอศูรย์                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                       

เขารีบดันใบมีดให้มันเลยออกมาจากตัวพลาสติก ชายหนุ่มยื่นคัตเตอร์ไปตรงหน้าราวกับต้องการขู่ให้ทั้งรามิลและไอศูรย์ได้หวาดกลัว ดวงตาคู่สวยจ้องมองทั้งคู่ด้วยสายตาที่ชิงชัง

คงไม่มีผู้ชายคนไหนชอบให้ผู้ชายมาข่มขืนตัวเอง….

“พาฉันกลับบ้านเดี๋ยวนี้”

“ท่านประธานคิดจะใช้คัตเตอร์แทงพวกเราเหรอครับ”

รามิลยังคงอารมณ์ดี เขาเดินเข้ามาใกล้นิทาน ท่านประธานตัวน้อยได้แต่หน้าซีด แล้วกลั้นใจตอบไปอย่างกล้าๆกลัวๆ

“ใช่!”

“งั้นคัตเตอร์แค่นั้น ก็คงสู้สิ่งนี้ไม่ได้”

ในมือของไอศูรย์มีมีดเล่มใหญ่อยู่ เดาได้ว่าเขาน่าจะไปหยิบมาจากในครัวระหว่างที่นิทานกำลังขู่ราวกับเป็นลูกแมวตัวน้อยขนฟูฟ่องเพราะกลัวเสือตัวใหญ่ทั้งสอง

“ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นหรอกครับ ผมไม่คิดจะใช้มันทำร้ายคุณ เพราะผมไม่ใช่ฆาตกรโรคจิต”

ถึงจะบอกแบบนั้น แต่ใบหน้าที่นิ่งเฉยของไอศูรย์ก็ทำให้นิทานหวาดกลัวอยู่ลึกๆ เขามีแค่คัตเตอร์อันเล็ก จะไปสู้มีดเล่มใหญ่และกำลังของผู้ชายตัวใหญ่ได้อย่างไร ความคิดตื้นๆที่จะให้คัตเตอร์ขู่ให้ทั้งสองปล่อยเขาไป มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด

“ฉันอยากกลับบ้าน ให้ฉันกลับเถอะ”

คนตัวเล็กหมดแรงจะสู้ เขาลดระดับคัตเตอร์ลง ดวงตาคู่สวยสั่นไหว เขาเหนื่อยล้าทั้งกายทั้งใจ ผู้ชายสองคนนี้หลอกลวงเขา เล่นกับความเชื่อใจกับเขา ทำเหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องล้อเล่น แล้วจะให้เขาอยากอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ ไม่รู้ว่าชีวิตจะต้องเจออะไรบ้าง นิทานไม่อยากจะเสี่ยงอีกแล้ว เขาอยากจะไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลย

“พวกเราบอกแล้วไงครับ ว่าท่านประธานนอนพักจนดีขึ้นแล้ว พวกเราจะพากลับ”

รามิลพยายามอธิบาย แต่ดูเหมือนนิทานไม่คิดจะฟังใดๆทั้งนั้น เขาคงจะสติแตก หากยังคงอยู่ที่นี่ต่อไป

                “ไม่! ฉันจะกลับเดี๋ยวนี้ ให้ฉันกลับเดี๋ยวนี้!”

                ไอศูรย์และรามิลมองหน้ากัน นิทานยังคงยืนกรานว่าจะกลับให้ได้ เขาไม่อยากจะฟุ้งซ่าน เขาไม่อยากเห็นหน้าของทั้งคู่ ไอศูรย์วางมีดลง แล้วอาศัยจังหวะที่นิทานกำลังคุยกับรามิล เขาแอบเข้าไปทางด้านหลัง แล้วจับล็อกเข้าที่ข้อมือเล็ก บิดข้อมือนั้นจนนิทานต้องปล่อยคัตเตอร์ให้หลุดร่วงลงพื้นห้อง ก่อนจะจับมือเล็กทั้งสองให้ไพ่หลัง

                “ปล่อยฉัน! ปล่อยนะ ปล่อย”

                พอได้ทานข้าว กำลังที่หายไปก็เริ่มจะกลับมา นิทานดิ้นสุดแรง แต่เขาก็สู้แรงของไอศูรย์ไม่ได้ ท่าทางที่ดิ้นทุรนทุรายราวกับโดนน้ำร้อนสาด ทำให้ไอศูรย์ตัดสินใจช้อนร่างเล็กอุ้มขึ้นในท่าเจ้าสาว เดินตรงไปที่เตียง

                “ปล่อยฉันนะ คนสารเลว ไอ้ชั่ว ฉันจะฆ่าพวกแกทุกคน ฉันจะไล่พวกนายออก”

                คนตัวเล็กดิ้นไม่หยุด ทั้งทุบ ทั้งตี ใบหน้าหล่อก้มต่ำลง เสียงทุ้มเข้มเปล่งออกเพียงแค่คำเดียว แต่ก็ทำให้นิทานหยุดชะงัก

                “เงียบ!”

                คนตัวเล็กสั่นระริกราวกับลูกหมาตกน้ำ ทั้งสายตาและน้ำเสียงของไอศูรย์ดูน่ากลัวไม่ต่างจากยักษ์มารที่ใจคอโหดร้าย อีกฝ่ายคงพร้อมจะกลายร่างเป็นฆาตกรได้ทุกเมื่อถ้าเขาไม่ยอมเชื่อฟัง

                “มามะ มานอนเถอะครับท่านประธาน”

                รามิลฉีกยิ้มหวาน แต่นิทานไม่ได้รู้สึกสบายใจ เพราะมันเหมือนยิ้มร้ายของพวกโรคจิตเสียมากกว่า เขาได้แต่กลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก หวาดหวั่นความปลอดภัยของตัวเองเหลือเกิน

                “ฉะ ฉันอยากกลับบ้าน”

                คราวนี้ได้แต่พูดเสียงแผ่วเบา ใจยังโหยหาที่จะออกไปจากที่นี่ ไอศูรย์วางร่างของท่านประธานตัวน้อยลงบนเตียงกว้าง แล้วค่อยๆผละออก ทั้งซ้ายและขวา ที่ทั้งไอศูรย์และรามิลขนาบข้าง เป็นดังกำแพงที่ขวางกั้นไม่ยอมให้เขาหลุดออกไปไหนได้ นิทานอยากจะร้องไห้โฮ

                “ให้ฉันกลับบ้านเถอะนะ”

                เมื่อไม้แข็งต่อต้านใช้ไม่ได้ นิทานก็พยายามฝืนบอกเสียงอ่อน ทั้งที่น้ำเสียงนั่นสั่นเครือด้วยความกลัว ฝ่ามือร้อนผ่าวของไอศูรย์ที่ลูบบนศีรษะของเขาทำให้นิทานสะดุ้งเล็กน้อยอย่างตกใจ

                “นอนพักนะครับท่านประธาน”

                ไอศูรย์ในตอนนี้ไม่ต่างกับเลขานุการคนดีที่ทำงานให้เขาอย่างตั้งใจ มองเขาด้วยสายตาที่เป็นมิตร พลางลูบศีรษะเขาอย่างอ่อนโยน แต่นิทานไม่ลืมเลือนว่าเมื่อครู่ที่ผ่านมา ชายหนุ่มได้แปลงเป็นปีศาจร้ายไปเสียแล้ว

                “ตื่นมาแล้วจะพากลับนะครับ”

                รามิลบอกอีกเสียงแล้วก้มลงจูบแก้มนิ่มอย่างแผ่วเบา แต่นิทานก็ไม่อาจจะลืมลิ้นอุ่นร้อนที่เลยลากเลียที่แก้มของเขาได้

                “แต่ว่า…ฉัน”

                อยากจะพูดสิ่งที่ต้องการออกไป แต่ทั้งไอศูรย์และรามิลก็จับจ้องเขาราวกับเตือนว่า ถ้าไม่อยากเดือดร้อนไปมากกว่านี้ ก็นอนพักเสียเถอะ นิทานจึงต้องจำใจปิดเปลือกตาลง ทั้งที่คิดว่าตัวเองน่าจะนอนไม่หลับ เพราะมีผู้ชายตัวใหญ่แถมเป็นคนร้ายโรคจิตนั่งคุมอยู่ แต่สุดท้ายนิทานก็เผลอหลับโดยไม่รู้ตัว

                เขาลืมตาตื่นนอนมาอีกที ก็เกือบจะห้าโมงเย็น นาฬิกาที่วางอยู่ไม่ไกลจากตัวเขานั้นได้บอกเวลาไว้ นิทานค่อยๆขยับกายลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง ไม่มีเงาของชายทั้งสอง เขาตัดสินใจค่อยๆก้าวลงจากเตียงอย่างเชื่องช้า ความเจ็บปวดและความเหนื่อยล้าของร่างกายหายไปมากพอสมควร ถ้าไม่ติดว่ายังคงระบมที่บาดแผลเพราะโดนรุกรานจากความใหญ่โตและแข็งขืนนั้น นิทานคงไม่ลำบากในตอนเดินขนาดนี้

                “ตื่นแล้วเหรอครับ”

                คนตัวเล็กสะดุ้ง เมื่อกำลังจะไปเปิดตู้เสื้อผ้า เขาพบรามิลที่เดินออกมาจากห้องน้ำ นิทานหน้าเสียไปทันที

                “นั่งลงก่อนสิครับ หมอนั่นออกไปซื้อบะหมี่เกี๊ยว ท่านประธานชอบไหมครับ เจ้านี้น่ะ อร่อยสุดยอดเลยนะครับ”

                คนตัวเล็กแปลกใจ ที่รามิลยังพูดกับเขาได้หน้าตาเฉย ทั้งที่อีกฝ่ายก็กล้าทำเรื่องเลวร้ายกับเขาถึงเพียงนั้น

                รามิลเข้ามาประคองนิทานให้นั่งลงบนเก้าอี้ แล้วหยิบแก้วมารินน้ำเปล่าให้

                “รู้สึกดีขึ้นบ้างไหมครับ”

                “อืม”

                เพราะอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก นิทานเลยไม่รู้ควรจะทำอย่างไร ชีวิตจริงไม่ใช่ละคร ที่นางเอกพอโดนข่มขืนแล้วจะได้จบแบบสมหวังกับพระเอก เขาเป็นผู้ชาย แถมยังโดนผู้ชายที่รู้จักและไว้ใจทำแบบนี้ นิทานก็ไม่รู้ว่าเขาควรจะจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นแบบไหน

                “ดื่มสิครับ”

                นิทานเริ่มมองอย่างหวาดระแวง จะไม่ให้เขาระแวงได้อย่างไร ในเมื่อผู้ชายตรงหน้าเขา ถึงจะมีรอยยิ้ม แต่ก็ดูอันตรายเหลือเกิน

                “กลัวว่าผมจะใส่ยาเหรอครับ ถึงใส่จริงๆ ก็ไม่มีอันตรายต่อชีวิตหรอกครับ”

                ท่าทีพูดเล่นทีพูดจริงที ไม่ได้ทำให้นิทานสบายใจ แถมยังจ้องหน้ารามิลตาเขม็ง รามิลหัวเราะเบาๆอย่างอารมณ์ดี ดันเก้าอี้แล้วหย่อนกายนั่งใกล้ๆกับนิทาน

                “ท่านประธานคงจะกระหายน้ำ ดื่มได้ครับ ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์เลย”

                หากรามิลจะวางยาเขาจริงๆ คงไม่จำเป็นต้องใส่ลงในน้ำให้เขาดื่ม อีกฝ่ายคงจะจับกรอกเข้าปากเขาได้อย่างสบาย

                นิทานรู้สึกกระหายจึงยกแก้วน้ำขึ้นจิบอย่างระมัดระวัง รามิลได้แต่ยิ้มอย่างเอ็นดูกับท่าทางเด็กกลัวผู้ใหญ่

                “ฉันจะถามตามตรงนะ”

                ด้วยความที่อายุของเขาก็ไม่ใช่น้อยๆ อีกไม่นานก็จะเบญจเพส เขาไม่ใช่ผู้หญิง ที่จะได้เสียความบริสุทธิ์ ถึงแม้เขาจะโดนข่มขืน แต่เขาก็เป็นผู้ชายอยู่ดี

                “ท่าทางจริงจังนะครับ”

                รอยยิ้มสวยประดับบนใบหน้าหล่อ นิทานหงุดหงิดเล็กน้อย ที่เห็นแบบนั้น เพราะมันเหมือนว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยให้ความสำคัญกับสิ่งที่เขาจะพูด

                “นายต้องการอะไร”

                “เอ๊ะ”

                “นายทำกับฉันแบบนี้พวกนายต้องการอะไร วางแผนอะไรไว้กันแน่”

                หลังจากที่คิดไตร่ตรองทุกอย่าง ที่พอคิดออกแล้ว นิทานก็ถามออกไปตามที่คิดทันที เขาไม่ต้องการอ้อมค้อม เขารู้สึกเสียใจและสิ้นหวังเรื่องที่โดนข่มขืนก็จริงอยู่ แต่ชีวิตเขาก็ต้องก้าวเดินต่อไป เพราะอย่างไรเสีย เรื่องทุกอย่างมันก็จบไปแล้ว เขาจะคิดเสียว่ามันเป็นแค่ฝันร้าย

                “ผมไม่เข้าใจที่ท่านประธานถาม”

                “ฉันถามว่าพวกนายข่มขืนฉันทำไม!”

                “แน่ใจเหรอครับ ว่าโดนข่มขืนจริงๆ”

                เสียงทุ้มที่นิทานคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง ไอศูรย์กลับมาแล้ว นิทานเม้มปากแน่น หัวใจเขากำลังเต้นผิดจังหวะ

                “เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ฉันคงคุยกับพวกนายไม่รู้เรื่อง”

                พอไอศูรย์กลับมา เขาก็เริ่มจะหมดแรง ลำพังรามิลที่ส่งยิ้มมาให้ตลอด ยังทำให้เขาพอทำใจสู้ได้ แต่ถ้าต้องต่อกรกับใบหน้าเย็นชาและท่าทางที่ดุดันเพิ่มด้วยอีกคน นิทานคงจะไม่ไหว

                “งั้นก็ทานบะหมี่ก่อนนะครับ”

                เขาได้แต่มองไอศูรย์ที่เดินไปเทบะหมี่เกี๊ยวใส่ถ้วย สำหรับคนสามคน กินหอมลอยมาแตะจมูก จนเรียกน้ำย่อยให้กระเพาะให้ทำงานอย่างรุนแรง

                “ให้ฉันกลับบ้าน”

                “กินก่อนนะครับ ผมรู้ว่าท่านประธานเองก็หิว”

                รามิลดูเหมือนจะรู้ทัน เพราะนิทานไม่ได้ทานอะไรมาหลายชั่วโมง แน่นอนว่าที่กินไปก่อนหน้านี้ คงจะย่อยไปหมดแล้ว ถึงแม้นิทานจะไม่อยากทานอาหารของทั้งคู่มากแค่ไหน แต่สายคมกริบทั้งสองที่มองมา ก็ทำให้คนตัวเล็กต้องจำใจหยิบช้อนขึ้นมาตักน้ำซุบเข้าปากอย่างไม่อาจจะปฏิเสธได้

 

-------+++++-------

 

      ไอศูรย์และรามิลขับรถมาส่งนิทานที่บ้านตามสัญญา โดยไอศูรย์เป็นคนขับรถ นิทานนั่งอยู่เบาะหลัง เหมือนเจ้านายที่มีเลขาที่แสนดีคอยดูแล แต่นิทานไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น เพราะเขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังถูกจับกุมเสียมากกว่า

                หลังจากที่เขาทานบะหมี่เกี๊ยวเสร็จ ทั้งคู่ก็ให้เขาอาบน้ำ และเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับมาอยู่ในชุดเดิมที่ใส่ไว้เมื่อคืน ยังดีที่ทั้งสองไม่ได้ตามเขาเข้ามาในห้องน้ำ ทั้งคู่ทำเหมือนเขาเป็นเจ้านายที่ทั้งสองต้องให้ความเคารพ ทั้งที่เมื่อคืนที่ผ่านมา การกระทำที่แสนเลวร้ายเพิ่งเกิดขึ้น

                นิทานโทรบอกคนในบ้านแล้ว ว่าเขาจะกลับมาในช่วงหัวค่ำ รถยนต์หยุดจอดหลังจากที่ขับผ่านประตูรั้วที่เลื่อนเปิดให้ขับเข้ามา

                “เชิญครับ”

                รามิลเป็นคนลงจากรถเปิดประตูรถให้กับนิทาน ร่างเล็กลงมาจากรถ เขามองมารดาที่เดินออกมาหา

                “กลับมาแล้วเหรอลูก แม่เป็นห่วงมากเลย นึกว่าคืนนี้ลูกจะไม่กลับบ้านเสียแล้ว งานเยอะเหรอลูก”

นิสาเอ่ยขึ้น เธอเดินเข้ามาโอบกอดลูกชาย เพราะนิทานเป็นบุตรคนเล็ก ย่อมได้รับการประคบประหงมจากครอบครัว

นิทานไม่รู้ว่าตัวเองจะตอบอย่างไร เขาไม่ได้ทำงาน แถมยังนอนอยู่บนเตียงที่คอนโดของรามิลเสียทั้งวัน

“อ๊ะ นั่นเลขาลูกใช่ไหม”

เมื่อเห็นทั้งรามิลและไอศูรย์ยกมือไหว้เธอ นิสาก็รับไหว้ เธอส่งยิ้ม

“ขอบใจนะจ๊ะ ที่ช่วยดูแลนิทานเป็นอย่างดี”

“ครับ ท่านประธานเป็นคนเก่งและใจดีครับ พวกเราเลยพยายามทำงานอย่างเต็มที่เพื่อท่านประธาน”

คำตอบนั้นดีเยี่ยม นิทานได้แต่นึกขุ่นเคืองไอศูรย์ ที่ช่างโกหกหลอกลวงได้หน้าตาเฉย รามิลเองก็ยิ้มอย่างเป็นมิตร

“ตอนแรกที่แม่ได้ยินว่าจะมีเลขาสองคน แม่ก็ตกใจอยู่เหมือนกัน แต่พอเห็นแบบนี้แล้ว แม่คิดว่าลูกมีเลขาสองคนก็ดีนะจ๊ะ แม่อยากให้มีคนช่วยลูก ลูกจะได้ไม่เหนื่อยมาก”

หัวอกคนเป็นแม่ ย่อมอยากให้ลูกสามารถผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆไปได้ โดยที่ไม่ต้องเจ็บปวด นิทานได้แต่ยิ้มรับความหวังดี เขายังไม่อยากจะให้มารดารู้เรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับเขา นิทานไม่อาจจะแสดงท่าทางรังเกียจไอศูรย์และรามิลต่อหน้าทั้งคู่ได้ แม้ในใจอยากจะขับไล่เลขาทั้งสองให้ออกจากบ้านไปมากแค่ไหนก็ตาม

“จริงสิ เข้ามาดื่มน้ำในบ้านก่อนดีไหม”

นิสาชวนชายร่างสูงทั้งสอง รามิลและไอศูรย์มองหน้ากันเพียงเล็กน้อย ท่าทางของนิทานดูก็รู้ว่าคงจะอึดอัดใจ วันนี้พวกเขาสองคนคงจะรุกท่านประธานตัวน้อยมามากพอสมควร ไม่อยากจะให้นิทานสติแตกไปก่อน

“ไม่เป็นไรครับ นี่ก็มืดมากแล้ว พวกผมขอตัวกลับก่อนเลยแล้วกันนะครับ”

รามิลเอ่ยบอกพร้อมกับรอยยิ้ม ชายทั้งสองยกมือไหว้เพื่อร่ำลา นิทานแต่แอบพรูลมหายใจอย่างโล่งอก

“ลูกดูเหนื่อยๆนะ เข้าบ้านเถอะลูก”

พอเห็นรถยนต์นั้นเคลื่อนที่ออกจากรั้วบ้านไปแล้ว นิทานก็รีบหมุนกายเข้าบ้านทันที

…จบสิ้นกันเสียที…

นิทานขึ้นมาพักผ่อนบนห้องนอนของตัวเอง เขายังอยู่ในช่วงจิตตกเกินกว่าที่คิดจะดำเนินการใดๆทั้งสิ้น ถึงแม้ทั้งสองจะท้าทายเขาเกี่ยวกับเรื่องไล่ออก แต่นิทานก็ไม่คิดจะหยุดความปรารถนาของตัวเอง

เขาจะต้องไล่เจ้าพวกเลขาสารเลวนั่นให้ออกไปให้ได้

เพียงครู่เขาก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอก คงเป็นเกิดจากความรู้สึกเสียใจและผิดหวัง เพราะเขาไม่คิดเลยว่าคนที่เขาไว้ใจจะทรยศเขาได้อย่างเลือดเย็นแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เสียใจเรื่องที่ถูกกระทำทางเพศ เขาทั้งเสียใจและเจ็บใจ แต่เขาก็เป็นลูกผู้ชายมากพอที่จะไม่ฟูมฟายหรือเสียน้ำตา ของที่เสียแล้วก็เสียไป เขาเอาคืนมาไม่ได้ สิ่งที่ทำได้ คือต้องสู้ให้ชนะ

นิทานไม่คิดจะยอมให้เจ้าคนเลวสองคนนั่นได้เสนอหน้าที่บริษัทเขาอีก

“เฮ้อ”

เขาเอนกายนอนบนเตียง ครุ่นคิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น ถึงเขาจะผ่านเหตุการณ์เลวร้าย แต่เขาก็ไม่ได้ทิ้งหลักฐานใดๆ ไว้ ถ้าสองคนนั้นไปป่าวประกาศ แล้วเขายืนกรานว่าถูกใส่ร้าย นั่นก็จะถือว่ามันเป็นแค่คำโกหก ไม่ใช่ความจริง

นิทานคลี่ยิ้มกับความคิดของตัวเอง

ครืด…

โทรศัพท์ของเขาสั่น นิทานหยิบขึ้นมาดู ในอีเมลล์ส่วนตัวของเขามีอีเมลล์ส่งเข้ามาหนึ่งฉบับ ตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะไม่เปิดอ่าน แต่ก็กลัวว่าจะเป็นธุระสำคัญเกี่ยวกับงานของบริษัท ชายหนุ่มจึงเปิดดูทั้งที่ทั้งกายทั้งใจเหนื่อยล้าเต็มทน

“!!!”

ดวงตากลมเบิกกว้างอย่างตกใจ เมื่อเปิดเห็นไฟล์ภาพ แม้เพียงแค่สองภาพที่ส่งมา ถึงแม้จะไม่เห็นหน้าตาของบุคคลในภาพ แต่จากรูปร่างและเสื้อผ้าที่สวมใส่นั้น มันคือชุดเดียวกับที่เขาใส่ในตอนนี้

…หรือก็คือชุดเดียวกันกับคืนที่เกิดเรื่องเลวร้ายที่สุดในชีวิตของเขา…

ใจของนิทานเต้นแรงรัว จากมุมภาพ คงไม่ได้ถ่ายระยะใกล้แบบประชิดตัว แต่มันก็ชัดมากพอ ที่ถ้าสามารถเพิ่มเติมภาพขึ้นไป จนทำให้เห็นว่าเป็นใบหน้าของเขา

ร่างกายของเย็นวาบ ถ้าจำไม่ผิด จากในรูปน่าจะเป็นตอนที่เขาโดนไอศูรย์จับเอาไว้ก่อนที่จะรู้ความจริงว่าคนร้ายจริงๆแล้วคือเลขาแสนดีของเขาทั้งสองคน

ไม่จริง…ทำไมมีภาพนี้

                พอเลื่อนดูอีกภาพ ดวงตาของนิทานก็ร้อนผ่าว ร่างกายของผู้ชายตัวเล็กเปล่าเปลือย และกำลังอยู่ในท่าคลานเข่า  แม้ไม่เห็นใบหน้าที่ชัดเจน แต่สถานที่นั้น แน่นอนว่าคือห้องทำงานของเขา และคือตัวเขาเองที่อยู่ในภาพ

                ความอ่อนแอที่เก็บซ่อนไว้ใต้กำแพงที่พยายามสร้างพังทลายในที่สุด น้ำตาไหลรินออกจากดวงตาคู่สวยไหลลงแก้มนิ่ม ปากของเขาสั่นระริก เสียงสั่นเครือในลำคอ ยกมือขยุ้มเสื้อของตัวเอง

                “ไม่จริง ไม่จริง”

                จะมีภาพพวกนี้ได้ยังไง ในเมื่อทั้งไอศูรย์และรามิลไม่ได้ตั้งกล้องถ่ายเขาเอาไว้ มันหมายความว่ายังไงกันแน่

                ความร้อนใจทำให้นิทานไม่อาจจะทนรอโชคชะตากลั่นแกล้งต่อไปได้ เขาต้องรู้ว่าใครเป็นคนทำ เขาต้องรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

                นิทานรีบกดโทรหารามิลทันที ในขณะที่ไอศูรย์กำลังขับรถ และรามิลกำลังระบายยิ้มแห่งความสุข เขากดรับโทรศัพท์อย่างใจเย็น

                “นายรู้เรื่องรูปที่ส่งมาในเมลล์ฉันหรือเปล่า เป็นฝีพวกนายใช่ไหม!”

                [ครับ ท่านประธานรู้ได้ยังไง]

                นิทานตัวสั่น หายใจไม่ออกในขณะที่กำลังนั่งกุมขมับอยู่ปลายเตียง เหงื่อไหลซึมเต็มใบหน้า

                “นายโกหกฉัน นายบอกว่าจะไม่ถ่ายฉันไง แล้วรูปพวกนั้นมันมาได้ยังไง”

                [ผมก็ไม่ได้เอามาจากกล้องที่จะถ่ายท่านประธานเสียหน่อย]

                รามิลตอบหน้าตาย ใบหน้ายิ้มแย้ม ไอศูรย์ระบายยิ้มตาม

                “มันหมายความว่ายังไง!!!”

                [มันเป็นรูปจากกล้องวงจรปิดน่ะครับ เผื่อท่านประธานอยากได้ ผมเลยส่งให้ แต่ถ้าท่านประธานอยากได้เป็นคลิป ผมก็ส่งให้ได้นะครับ ถือว่าเป็นประสบการณ์…ของพวกเราสามคน]

                สิ้นเสียงรามิล   นิทานก็เหมือนกับคนหูอื้อ น้ำตาไหลไม่หยุด หัวใจเขาเหมือนหยุดเต้น ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น สมองเหมือนว่าคิดอะไรไม่ออกอีกแล้ว นอกจากคำว่า จะทำอย่างไรดี เขาจะทำยังไง

                “พวกนายมันชั่วที่สุด พวกนายส่งรูปพวกนั้นให้ฉันได้ยังไง สารเลว เลวที่สุด”

                นิทานด่าเสียงสั่น เขายกมือเช็ดน้ำตา แต่รามิลกับหัวเราะเบาๆในลำคอ

                [ผมว่าท่านประธานน่าจะดีใจมากกว่านะครับ ที่มีผมเป็นคนส่งไป เพราะถ้าเป็นคนอื่นส่ง อาจจะเรื่องใหญ่โตมากกว่านี้ก็ได้ ยังไงซะ มันก็คือความลับระหว่างเราสามคนอยู่แล้ว…หรือว่าท่านประธานอยากให้คนอื่นรู้ด้วยครับ]

                “ไม่!!! ไม่ได้นะ ไม่ได้ นายจะทำแบบนั้นไม่ได้”

                เขาปล่อยโฮออกมาอย่างหวาดกลัว เขาจะให้ใครรู้เรื่องนี้ไม่ได้ นิทานยกมือปิดหน้าตัวเอง ทำไมเขาต้องมาพบเจอกับคนเลวๆแบบนี้ด้วย

                “พวกนายต้องการอะไร ก็บอกมาสิ ต้องการอะไรก็บอกมา เงินเหรอ หรือว่าอะไร ตำแหน่งงั้นเหรอ อะไรล่ะ บอกมาสิ! แต่อย่าทำกับฉันแบบนี้”

                [เปล่านี่ครับ]

                “หมายความว่ายังไง”

                [พวกเราก็แค่หวังว่าจากนี้ท่านประธานคงไม่ไล่พวกเราออก]

                ไม่…ยังไงนิทานก็ไม่อาจจะโง่พอเก็บคนเลวไว้ข้างตัว เขาไม่อาจจะเชื่อใจคนพวกนี้ได้อีกต่อไปแล้ว

                “ฉันขอร้องล่ะ เลิกยุ่งกับฉันเถอะ ถ้าพวกนายอยากได้เงิน ฉันจะให้ แต่ฉันให้นายทำงานกับฉันอีกไม่ได้ ฉันอยากให้พวกเราจบกันแค่นี้ ฉันจะไม่เอาเรื่องพวกนาย แต่พวกนายต้องลบคลิป และภาพทุกอย่างทิ้งให้หมด นะ…ฉันขอร้อง”

                นิทานพยายามกลั่นกรองคำพูด พร้อมกับคิดอย่างหนักอึ้งเมื่อกล่าวออกไป ในขณะที่รามิลยิ้มอ่อนโยน แต่ดวงตากลับฉายแววร้ายกาจอย่างเต็มที่

                [ขอโทษจริงๆนะครับประธาน แต่ผมกับไอศูรย์ไม่ได้ต้องการของพวกนั้นเลย]

                “แล้วพวกนายต้องการอะไร!”

นิทานถามกลับไปอย่างรวดเร็วและเสียงดัง ไอศูรย์และรามิลมองหน้ากัน ก่อนที่ทั้งคู่จะพูดออกมาพร้อมกันจนนิทานได้ยิน กับประโยคที่ว่า…

                [ต้องการคุณ]

 

 

 

 100%



รู้สึกสงสารนิทาน

แต่เรื่องราวยังต้องดำเนินต่อไป สู้ๆ กับเลขาทั้งสอง



ฝากเพจด้วยจ้า https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 12 ไม่จบ
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 18-07-2016 19:28:54
เรียกว่าไม่มีทางเลือกมากกว่านะนิทาน
ตอนนี้ก็รู้แล้วว่าใครเป็นคนกุมความลับของทั้งสามคนเอาไว้
ก็ใช่ทั้งสามคนแต่มันก้อดีที่มีแค่นี้อะนะท่านประธาน
นิทานสู้ๆสยบเสือสิงห์สองตัวให้จบได้นะ. เขาต้องการอะไรก้อตามใจไปก่อน  :hao6:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 12 ไม่จบ
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 18-07-2016 19:52:03
อ่านแล้วโมโหแทนนิทานจริงๆ  :ling1:

นิทานจะต้องหาวิธีการล้างแค้น2คนนั่นิน่างสาสม!! :katai1:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 12 ไม่จบ
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 18-07-2016 22:30:10
นิทานน่าสงสาร :hao5:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 12 ไม่จบ
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 19-07-2016 00:24:37
 :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 12 ไม่จบ
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 19-07-2016 09:19:15
หลุดขำตอนที่เอามีดอันใหญ่มาขู่คัตเตอร์อันเล็ก 5555

เหมือนเด็กอยากเอาชนะเลย ประมาณว่ามีดเค้าใหญ่กว่านะ ^____^
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 12 ไม่จบ
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 19-07-2016 14:03:48
ที่นิทานไม่แจ้งความ เพราะว่า นิทสนก็ชอบทั้งสองคนนี้อยู่ใช่มั้ย 5555
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 12 ไม่จบ
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 19-07-2016 16:09:45
โดนคุกคามตลอด
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 12 ไม่จบ
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 19-07-2016 17:52:21
นะจ้ะ... :mew5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 12 ไม่จบ
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 19-07-2016 19:15:58
 :3125:ท่านประธาน เฮ้!
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 12 ไม่จบ
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 19-07-2016 19:21:36
สงสารท่านประธาน อยากจิร้องไห้  :hao5:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 12 ไม่จบ
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 19-07-2016 21:14:02
 :sad11: โธ่ๆ แกล้งนิทานมากๆเข้า ระวังจะเตลิดไปไกลเน้อคุณท่านทั้งสอง
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 12 ไม่จบ
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 20-07-2016 08:57:01
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:สงสารนิทาน
แล้วเรื่องจะเป็นแบบไหนต่อละหรือนิทานจะยอมๆไปแกล้งให้ทั้งสองคนรักแล้วหักอกซะเลยเลวดีนัก :ling1: :ling1: :ling1: :ling3:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 12 ไม่จบ
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 20-07-2016 19:58:30
 :katai1:

ต้องสตรองค่ะนิทาน รอเวลาเอาคืน
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 12 ไม่จบ
เริ่มหัวข้อโดย: noozzz ที่ 23-07-2016 21:55:02
เครียดดดดด
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 13 เล่นสนุก
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 26-07-2016 21:10:25
13

เล่นสนุก

 

            ในเวลานี้ นิทานไม่ต่างกับคนสติแตก เขาหวาดระแวงที่จะต้องออกไปข้างนอก ชายหนุ่มนอนคิดมากอยู่บนเตียง นาฬิกาปลุกบอกเวลาให้เขาไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว แต่เจ้าตัวยังไม่ยอมลุกขึ้นมา

                …เขาจะทำยังไงดี…

                เมื่อคืนเขาร้องไห้จนเผลอหลับไป พอเข้าไปในห้องน้ำ ถึงได้เห็นว่าหน้าตาตัวเองช่างโทรมจนไม่น่ามอง วันนี้เขาคงไม่มีหน้าไปทำงานด้วยสภาพแบบนี้ เขาไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น ชีวิตของเขาเหมือนกำลังตกอยู่ในความมืด จะมองไปทางไหนก็ไม่เห็นทางออกสักทาง

                ก๊อกๆๆ

                เขาหันไปมองประตู เสียงของแม่บ้านขึ้นมาตามให้เขาไปทานมื้อเช้า นิทานมองตัวเองที่หน้ากระจกห้องแต่งตัว หลังจากที่เขาอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ใบหน้าของเขาอิดโรย ใต้ตาก็ดำคล้ำอย่างคนอดนอน

                “เดี๋ยวผมลงไปครับ”

                เมื่อเติบโตขึ้นย่อมมีหน้าที่เป็นของตัวเอง เขาไม่ใช่เด็กแล้วที่จะได้เอาแต่ใจ พอไม่สบายจะได้ไม่ต้องไปโรงเรียน อีกไม่นานเขาก็อายุยี่สิบห้าปี แค่อดนอนคืนเดียว ไม่ถึงกับตาย แต่เพราะร้องไห้ไปด้วย ดวงตาของเขาถึงได้บวมช้ำ

                “นิทาน เป็นอะไรหรือเปล่า”

                นิทัชพี่ชายของเขารีบเข้ามาดูน้องชายทันทีเมื่อเห็นน้องชายเดินเข้ามาในห้องอาหาร เพราะนิทานเป็นน้องเล็กของบ้านได้รับการดูแลเป็นอย่างดีมาโดยตลอด นิธาเองก็ตกใจที่น้องชายตัวเล็กของเธอมีสีหน้าที่อิดโรยแบบนั้น

                “พานิทานไปหาหมอดีไหมคะคุณแม่”

                “นั่นสิครับ ผมว่ารีบพาน้องไปตอนนี้เลย เดี๋ยวผมอุ้มไป”

                ทั้งที่พี่สาวและพี่ชายต่างกังวลจนเกินเหตุในสายตาของนิทาน เขาถูกอุ้มในท่าเจ้าสาวเพื่อจะตรงไปขึ้นรถไปหาหมอ แต่มือเล็กของนิทานก็กระชากเสื้อของพี่ชายเพื่อเตือนสติ

                “พี่นิทัช  พอได้แล้วผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลยนะ แค่นอนไม่ค่อยหลับเท่านั้นเอง”

                “ไม่ได้นะ อาจจะเป็นอาการของโรคร้ายแรงเบื้องต้นก็ได้”

                พี่สาวคนสวยยังห่วงน้องชายไม่เสื่อมคลาย นิทานลอบถอนหายใจ เขาไม่รู้จะสรรหาคำโกหกใดมาให้กับพี่ๆทั้งสอง

                “ผมแค่นอนดูหนังดึกไปหน่อยก็เท่านั้นเองครับ แล้วหนังมันก็ซึ้งมาก จนเผลอร้องไห้ ก็เลยมีสภาพแบบนี้”

                นี่คงเป็นคำโกหก ที่นิทานไม่รู้จะเลือกอะไรมาตอบ พี่สาวและพี่ชายมองหน้ากัน แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงเต็มไปด้วยความกังวลและเป็นห่วงน้องชายจนสุดหัวใจ อยากจะพาไปหาหมออยู่ดี

                “ปล่อยผมลงเดี๋ยวนี้เลยนะครับ ผมหิวข้าวจะแย่ เดี๋ยวผมเป็นโรคกระเพาะนะ ถ้าไม่ได้กินข้าว”

                แม้จะรู้สึกผิดที่ต้องยกเรื่องโรคภัยมาให้พี่ๆ ได้ยอมปล่อยตัว แต่ก็คงดีกว่าโดนซักไซ้จนเขาไม่รู้จะตอบคำถามนั้นอย่างไรดี

                นิธาและนิทัชมองตามน้องชายที่เดินกลับไปในห้องอาหาร พวกเขาได้แต่หันมามองหน้ากัน แม้จะเป็นห่วงน้องชายยังไง แต่เมื่อน้องชายบอกว่าไม่เป็นไร ก็ไม่อยากจะเซ้าซี้มากนัก

                “แม่ว่านิทานสีหน้าไม่ค่อยดีเลยนะลูก ถ้าไม่ไหวก็นอนพักไม่ต้องไปทำงานก็ได้นะ”

                คนเป็นแม่ได้แต่เป็นห่วง ทั้งพี่ชายและพี่สาวเองก็พยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย ถึงน้องชายของพวกเขาจะได้เป็นถึงประธานบริษัท แต่สุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ

                “เอ่อ ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวตอนพัก ผมงีบหลับในห้องก็ได้”

                เขาพยายามโน้มน้าวมารดาและพี่ทั้งสองคน นิทานหันไปมองธานินทร์ผู้เป็นบิดา

                “พ่อว่าตามใจนิทานเถอะนะ นิทานก็โตแล้ว เอาตามที่น้องอยากทำดีกว่า”

                “ขอบคุณครับพ่อ”

                เพราะอยากจะเติบโตให้มากกว่านี้ อยากจะเข้มแข็งและดูแลตัวเองได้เหมือนพี่ชายและพี่สาว นิทานจึงไม่อยากให้ทั้งมารดาและเหล่าพี่ๆเป็นกังวล

                “ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกพี่ได้เลยนะ”

                หลังจากทานมื้อเช้าเสร็จ นิทัชก็เข้ามาคุยกับน้องชาย พลางลูบศีรษะเล็กอย่างเป็นห่วงและรักใคร่ตามประสาพี่น้อง

                “ใช่ อย่าเก็บปัญหาไว้คนเดียว พี่รู้ว่าเราน่ะโตแล้ว แต่ว่าถ้าอะไรมันหนักมากเกินไป ก็บอกพวกพี่ได้เลย”นิสาเอ่ยเสริม

                นิทานรู้สึกซึ้งใจกับความรักที่พี่สาวและพี่ชายได้มอบให้ เขาเข้าไปโอบกอดหาไออุ่นจากทั้งสองคน ขอแค่เวลาเพียงครู่เพื่อพักกายพักใจ แล้วเขาจะเข้มแข็งเพื่อต่อสู้กับปัญหาที่ต้องเผชิญ

 

-------+++++-------

 

                นิทานเข้ามาทำงานในบริษัท เขาแทบจะหยุดหายใจเมื่อลิฟต์กำลังขึ้นไปยังชั้นที่มีห้องทำงานของเขาอยู่

                เขาต้องพบเจอ…กับคนที่ไม่อยากเจอ

                เขาอยากไล่พวกนั้นออก แต่ก็ทำไม่ได้…

                หากเขาสติแตกไปมากกว่านี้ เรื่องราวคงเลวร้ายจนไม่อาจจะย้อนคืนกลับมา ทั้งรามิลและไอศูรย์ต่างก็เป็นคนเก่งและฉลาดย่อมรู้ดีว่าเรื่องที่ทำนั้นเป็นสิ่งที่ผิด แต่ทำไมถึงยังทำ แล้วคำพูดที่ไม่อาจจะสลัดไปได้หลังจากที่ได้ยินในโทรศัพท์เมื่อคืนนั้น มันหมายความว่ายังไงกันแน่

                นิทานพยายามคิดในแง่ดี แต่คิดเท่าไหร่ เขาก็ไม่อาจจะคิดออกได้เลย เขาออกมาจากลิฟต์ ขาเรียวหยุดชะงักทันทีเมื่อเห็นไอศูรย์นั่งทำงานอยู่

                “สวัสดีครับ ท่านประธาน”

                เขายังคงทักทายนิทานเหมือนเป็นเรื่องปกติ นิทานเม้มปากแน่น เดินผ่านหน้าไอศูรย์ไปด้วยความรู้สึกที่อึดอัด

นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด เพราะความสัมพันธ์ระหว่างเขากับไอศูรย์และรามิลเกินเลยกว่าคำว่าเจ้านายและลูกน้องไปเสียแล้ว นิทานรีบเดินเข้าไปในห้อง แล้วก็ต้องพบกับตัวปัญหาอีกคนที่รออยู่ นั่นคือรามิล

“อรุณสวัสดิ์ครับท่านประธาน เช้าวันนี้อากาศดีจังเลยนะครับ”

นิทานไม่ได้สนว่าอากาศจะดีหรือไม่ดี เขาสนแค่ว่าตอนนี้เขาจะจัดการกับปัญหาของทั้งคู่ได้อย่างไร

ประตูห้องเปิดออกด้วยฝีมือของไอศูรย์ ตอนนี้เขากำลังโดนเลขานุการทั้งสองคนล้อมหน้าล้อมหลังจนไม่อาจจะเดินหนีไปไหนได้

“ฉันต้องการคุยกับพวกนายให้รู้เรื่อง”

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่นิทานจะสะกดความเครียดและความกลัว เขาร้องไห้มามากเกินพอแล้ว ถึงเขาจะมีรูปร่างเหมือนเด็กตัวเล็กๆ แต่เขาก็โตพอที่จะเป็นผู้ใหญ่ เขาต้องไม่อ่อนแอ ทั้งหน้าที่การงาน ทั้งอายุ ทุกอย่างมันค้ำคอไปหมด

“ฉันมีข้อเสนอ”

พอได้ยินแบบนั้น ทั้งรามิลและไอศูรย์ต่างก็คลี่ยิ้มอย่างเอ็นดูกับท่าทางของมนุษย์ตัวเล็กที่พยายามต่อสู้อย่างสุดความสามารถ

“ฉันจะไม่ไล่พวกนายออกก็ได้ นายจะได้ทำงานในบริษัทนี้ ฉันจะขึ้นเงินเดือนให้พวกนายสองเท่า แต่พวกนายต้องทำงานในตำแหน่งอื่น”

นิทานพูดรัวเร็ว และไม่มองหน้าทั้งคู่ เขารับรู้ถึงสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา นิทานไม่อยากจะจินตนาการถึงความต้องการของทั้งสองหนุ่ม

“ท่านประธานพูดเหมือนว่าพวกเราเป็นพวกเห็นแก่เงินเลยนะครับ”ไอศูรย์เอ่ย

“ได้ยินแบบนี้แล้วรู้สึกสงสารตัวเองจังเลย”

รามิลตีหน้าเศร้า แต่แววตากลับยิ้ม นิทานอึดอัด แล้วเงยหน้าเผชิญหน้ากับทั้งคู่เพื่อหาข้อตกลง

“พวกนายจะตกลงไหม”

“พวกผมไม่เคยบอกว่าต้องการแบบนั้น”รามิลคลี่ยิ้ม

“ถ้าจำไม่ผิด พวกเราบอกไปแล้วว่าต้องการอะไร”

“ฉันให้พวกนายไม่ได้ ฉันอยู่ใกล้ๆกับคนที่ทำเรื่องทุเรศแบบนั้นกับฉันไม่ได้ ยังไงฉันก็ต้องพยายามไล่พวกนายออกไปจากชีวิตของฉันให้ได้ ได้โปรดเถอะ อย่าทำร้ายกันไปมากกว่านี้เลย ฉันไปทำอะไรให้พวกนายไม่พอใจหรือไง ถึงได้มาทำเรื่องเลวร้ายกับฉันแบบนี้ ฉันเป็นผู้ชาย แต่ต้องมาเจอเรื่องบ้าๆแบบนี้ นายจะให้ฉันยอมรับพวกนายให้เป็นเลขาของฉันอีกอย่างนั้นเหรอ!”

นิทานพูดรัวเร็วจนทั้งคู่อึ้งไป เป็นไอศูรย์ที่คลี่ยิ้มออกมาก่อน

“เพราะคุณเป็นแบบนี้ พวกเราถึงไปจากคุณไม่ได้”

“อย่ากังวลเลยนะครับ พวกเราจะอยู่เคียงข้างคุณตลอดไป”

รามิลเข้ามาจับมือของนิทาน คนตัวเล็กได้แต่อึ้ง ไม่เข้าใจทั้งคู่ว่าคิดอะไร หรือว่าทั้งสองคนนี้ได้สติแตกไปแล้วกันแน่

“พวกนายบ้าไปแล้ว”

ชายหนุ่มส่ายหน้าไปมาอย่างไม่ยอมรับ รามิลหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วเดินไปเปิดโทรทัศน์ที่ต่อเข้ากับเครื่องเล่น นิทานตาโตเมื่อเห็นคลิปที่เปิด

“นี่มัน!”

คลิปวิดีโอที่นิทานมีเซ็กกับรามิลและไอศูรย์กำลังเปิดฉายให้เขาเห็นเต็มตา ทั้งคู่ยืนมองด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย ในขณะที่นิทานวิ่งเข้าไปถอดปลั๊กโทรทัศน์อย่างไม่ต้องใช้ความคิด รีบเปิดเครื่องเล่นหยิบแผ่นซีดีจากเครื่องออก แล้วหักทำลายมันจนไม่เหลือสภาพเดิม

“สารเลว พวกนายมันเลวเกินคน แล้วแบบนี้จะให้ฉันอยากให้พวกนายอยู่กับฉันงั้นเหรอ”

“ผมไม่สนหรอกว่าคุณจะคิดว่าผมเลวแค่ไหน แต่ในคลิปก็ชัดเจนแล้วว่านั่นคือคุณ”ไอศูรย์กล่าวเสียงเรียบ

“ผมเป็นคนทำคลิปนั้นเอง ในคลิปเห็นท่านประธานชัดเจน แต่กลับไม่เห็นหน้าพวกเรา เพราะผมเซ็นเซอร์เอาไว้แล้ว”

“เลว…เลวที่สุด ฉันไปทำอะไรให้พวกแก! ”

นิทานไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่า นอกจากคำเดิมๆที่เขาคิดไม่ออก รามิลขยับเข้ามาใกล้

“ท่านประธานเองก็ดูมีความสุขตอนที่มีอะไรกับพวกเรา คุณอย่าโกหกตัวเองเลย คุณก็รู้อยู่แก่ใจ”

เหมือนเป็นคำจี้จุด นิทานกำมือแน่น เขาได้แต่กัดปากตัวเอง สะกดกลั้นความอดสูนี้ นี่เขาจะไม่มีทางต่อสู้กับพวกคนเลวพวกนี้ได้เลยหรือไงกัน

“นอกจากคลิปในแผ่นซีดีแล้ว พวกนายสำรองไฟล์ไว้ที่ไหนอีก เอามาให้ฉันให้หมด!”

“พวกเราไม่ทิ้งของสำคัญแบบนั้นไว้ในที่อันตรายหรอกครับ”ไอศูรย์ยิ้ม

“เอาเป็นว่า คลิปพวกนั้น ไม่ได้อยู่ทั้งในคอมพิวเตอร์ทั้งที่นี่ และที่บ้าน”รามิลเหมือนพูดให้นิทานสบายใจ

“งั้นแสดงว่า ที่ฉันทำลายแผ่นซีดีนั่นทิ้ง ก็คือจะไม่เหลือคลิปเอาไว้อีกแล้วใช่ไหม”

คนตัวเล็กเริ่มคลี่ยิ้มอย่างมีความหวัง แต่เสียงหัวเราะของรามิลก็ทำลายความหวังของนิทานจนพังทลาย

“ไม่ครับ มันยังมีอยู่อีก”

นิทานเบิกตากว้าง สายตาแสดงให้เห็นถึงความกังวล เขาจ้องมองรามิลอย่างคาดคั้น

“อยู่ไหน บอกมาเดี๋ยวนี้นะ บอกมา!”

“อยู่นี่”

ไอศูรย์เป็นคนตอบ แล้วหยิบสร้อยคอออกมา มันเป็นล็อกเกตวงรี เมื่อแกะออกถึงได้เห็นว่ามีเมมโมรี่การ์ดอันเล็กแทรกอยู่และถูกล็อกเอาไว้ในล็อกเกต

“ผมเองก็มีครับ”

“นี่พวกนายบ้าไปแล้วเหรอ!”

“มันคงดูตลก ที่พวกผมทำแบบนี้ แต่เพราะมันเป็นของสำคัญสำหรับท่านประธานใช่ไหมล่ะครับ ถ้าปล่อยให้อยู่ที่อื่น ก็อาจจะโดนเอาไปเผยแพร่ได้ง่ายๆ”

รามิลอธิบาย นิทานพุ่งเข้าไปจะกระชากล็อกเกตของทั้งสองคน แต่ไอศูรย์ก็เข้ามาขวางไว้แล้วจับแขนทั้งสองของนิทานไพล่หลัง

“ปล่อยนะ!”

“ถ้าท่านประธานเอาไปโดยที่พวกเราไม่ยกให้ คลิปที่อยู่ในเมล์ของผมกับไอศูรย์จะเผยแพร่ส่งให้ทุกคนในบริษัททันที”

“แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายหรอกนะครับ ถ้าท่านประธานได้รหัสเมลล์ของพวกเราไปได้ คุณก็เข้าไปลบได้ทันทีเลย”

“งั้นพวกนายก็เอารหัสมาให้ฉันสิ แล้วก็ทำลายการ์ดพวกนี้ด้วย”

“ถ้าให้ง่ายๆ ทุกอย่างมันก็จบสิครับ”

“เอาเป็นว่า ท่านประธานก็ทำให้พวกเราอยากยกให้ท่านประธาน ทั้งการ์ด ทั้งพาสเวิร์ด แค่นั้นน่าจะดีกว่านะครับ”

รามิลยิ้มหวาน นิทานได้แต่กำมือแน่น เหมือนว่าตัวเองกำลังโดนบีบให้จนมุม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือก ถึงได้ล็อกเกตมาได้ แต่ก็มีไฟล์พวกนั้นในเมลล์ของทั้งคู่อยู่ดี

“ฉันยอมให้คลิปพวกนี้หลุดออกไปไม่ได้ ฉันยอมไม่ได้”

“งั้นพวกผมจะไม่อ้อมค้อม”ไอศูรย์กล่าวเสียงเรียบ

“พวกเราต้องการเป็นคนรักของท่านประธาน”

รามิลเป็นคนบอกความต้องการ นิทานอึ้งไป เขามองหน้าทั้งคู่

“ต้องทำขนาดนี้เลยหรือไง”

นิทานไม่เข้าใจเลยสักนิด ว่าทำไมทั้งสองถึงต้องทำเรื่องน่ากลัวแบบนั้นกับเขา แล้วยังมาขอให้เป็นคนรักอีกต่างหาก ไม่มีคนรักกันที่ไหนเขาทำกันแบบนี้อย่างแน่นอน

“แต่ละคนก็มีวิธีการที่แตกต่างกันครับ”ไอศูรย์อธิบาย

“พวกนายมันโรคจิต มีคนรักสองคน บ้าไปแล้ว แถมยังเป็นผู้ชายด้วย”

ทั้งคู่ยังไม่ตอบ ได้แต่ปล่อยให้นิทานเครียดจนต้องทรุดกายนั่งกุมขมับ

“คิดเสียว่ากำลังเล่นสนุกกับพวกเราก็ได้”       

รามิลเข้าไปจับไหล่ทั้งสองของนิทานจากด้านหลัง แล้วกระซิบบอกเสียงพร่า นิทานยังคงจมอยู่ในความคิด

“มาเล่นด้วยกันนะครับ รับรองว่าท่านประธานต้องมีความสุขจนลืมโลกอย่างแน่นอน”รามิลบอกซ้ำ

“พวกเราจะเอ็นดูท่านประธานอย่างเต็มที่...ได้โปรดวางใจ”

ไอศูรย์เคลื่อนกายเข้ามาใกล้จากด้านหน้าแล้วเอ่ยบอก นิทานรู้สึกขนลุกซู่ เมื่อลมหายใจของไอศูรย์เป่ารดที่แก้มซ้าย ในขณะที่ลมหายใจของรามิลเป่ารดที่แก้มขวา

…เขาไม่ได้รู้สึกถึงว่าตัวเองจะสนุกกับการเล่นในครั้งนี้เลยแม้แต่นิดเดียว….

 

-------+++++-----

 

เล่นสนุก…นิทานรู้สึกเกลียดคำนี้ขึ้นมาทันที เพราะนั่น ทำให้เขาอยู่ในสภาพที่เหมือนกลายเป็นของเล่นให้เลขาทั้งสองได้สนุกเสียมากกว่า

“อ่า…นี่ครับ สินค้าตัวใหม่ที่ออกแบบมา”

คนตัวเล็กกำลังนั่งฟังการเสนอแบบสินค้าที่จะทำการผลิต พร้อมกับสินค้าที่ทำทดลองขึ้นมาเป็นตัวอย่าง ข้างๆกายเขาคือไอศูรย์ที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหลัง เหมือนคอยสังเกตและควบคุมทุกอย่างให้อยู่ในสายตา

หากมองจากคนภายนอก คงคิดว่าดีไม่น้อยเลยทีเดียวที่มีเลขานุการเอาการเอางานเช่นนี้ แต่สำหรับนิทานนั้นไม่ใช่เลยสักนิด

“แล้วเลขาของท่านประธานอีกคนไปไหนล่ะครับ”

หัวหน้าที่ดูแลฝ่ายผลิตได้เข้ามาดูการนำเสนอในครั้งนี้ด้วย แต่นั่งอยู่ในมุมที่ห่างออกไป โต๊ะที่นิทานนั่งอยู่มีการปิดกั้นจากด้านหน้า ทำให้ไม่เห็นเลยว่าระหว่างช่วงขาของชายหนุ่ม มีร่างสูงใหญ่ของรามิลแทรกอยู่

…ร่างกายของเขาต่างหากที่กำลังโดนเล่นไม่ต่างจากของเล่นเลยสักนิดเดียว…

“อึก”

คนตัวเล็กสะดุ้ง เมื่อฝ่ามือร้อนเริ่มเคลื่อนสัมผัสไปตามเนื้อผ้า ไล่ขึ้นไปที่ต้นขาเล็ก ไอศูรย์ยังคงยืนนิ่ง ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่เขาแอบเหลือบตามองเป็นระยะ และรอดูอาการของท่านประธานตัวน้อยว่าจะเป็นอย่างไร

“ท่านประธานคิดว่าอย่างไรบ้างครับ”

นิทานไม่ได้ฟังที่หัวหน้าฝ่ายผลิตถามสักนิด เขากำลังเหงื่อตก เพราะมือของรามิลเริ่มจะป้วนเปี้ยนไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ จนนิทานหวั่นใจ

“ท่านประธานครับ”

ไอศูรย์ก้มลงมากระซิบ นิทานถึงได้รู้ตัว เขารีบจับมือรามิลให้หยุดคุกคามเขา ไอศูรย์คลี่ยิ้มให้กับหัวหน้าฝ่ายผลิต

“ท่านประธานคิดว่ายังไงครับ”

นิทานพยายามรวบรวมสมาธิ แต่เขาเองก็ไม่ค่อยถนัดพวกเรื่องของเล่นให้เด็กเสียด้วยถึงจะพยายามยังไง แต่ก็เหมือนรสนิยมและความคิดเขาอาจจะไม่เหมาะกับเรื่องพวกนี้

“ผมว่ามันก็ดีแล้วนะครับ”

เขาตอบเสียงไม่ดังมากนัก เพราะไม่ค่อยมั่นใจว่ามันดีจริงหรือเปล่า

“ท่านประธานคิดว่าเราน่าจะเปลี่ยนวัสดุบางส่วนให้สินค้าแข็งแรงและปลอดภัยมากขึ้นครับ”

ไอศูรย์ช่วยเอ่ยเสริม รามิลยกนิ้วโป้งให้กับเพื่อนร่วมงานตัวสูงเป็นเชิงชื่นชม นิทานเงยหน้ามองชายหนุ่ม อย่างน้อยภายใต้ความสนุกนั้น ก็ยังตั้งใจทำงานและช่วยเหลือเขาอย่างเต็มที่ในด้านการงาน

แต่เพียงครู่ดวงตากลมก็ต้องเบิกกว้าง เมื่อไอศูรย์เข้ามาแนบชิดจากด้านหลัง และรามิลก็รุกเข้ามาจากข้างล่างเช่นกัน ก่อนที่เสียงกระซิบของไอศูรย์จะทำให้นิทานใจเต้นรัว

“ถ้าได้ปลดปล่อยเวลาทำงาน อาจจะทำให้ท่านประธานได้สบายตัวมากขึ้นนะครับ”

 เอ่ยจบ เจ้าตัวก็ผละกายออกห่าง นิทานนั่งนิ่งตัวสั่นน้อยๆ เพราะเริ่มรู้ชะตากรรมต่อไป กังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นใต้โต๊ะในระหว่างที่เขาประชุมงานเรื่องสินค้าตัวใหม่ในวันนี้ ถึงจะมีพนักงานไม่กี่คนที่มาอยู่ในห้อง แต่มันก็มากพอที่จะทำให้คนตัวเล็กตื่นเต้นจนหัวใจแทบจะระเบิดออกมาจากอก

…จะหนีก็ไม่ได้ ถ้าทำตัวผิดปกติก็ต้องมีคนสงสัย…แล้วเขาจะทำอย่างไรดี…

               

                   100%

ขอแจ้งข่าวเรื่องรวมเล่มนะคะ

นิยายเรื่องนี้ มีกำหนดการจะรวมเล่ม ประมาณกลางเดือน สิงหาคมค่ะ

ราคาหนังสือประมาณ 350 -390 ไม่รวมส่ง รายละเอียดจะมาแจ้งอีกทีเมื่อใกล้เปิดพรีค่ะ



ขอบคุณทุกการติดตาม ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/

                                                                               

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

     
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 13 เล่นสนุก
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 26-07-2016 21:33:45
ใจร้ายอ่าาาาา หวังว่านิทานจะไม่คิดมากจนคิดสั้น
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 13 เล่นสนุก
เริ่มหัวข้อโดย: aommama ที่ 26-07-2016 21:45:14
น่าสงสารอะ พวกนี้เล่นอะไรกัน
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 13 เล่นสนุก
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 26-07-2016 22:06:14
 :serius2: :serius2:

แล้วจะรักกันลงได้ยังไงเนี่ยยยยยย ทำกันเป็นของเล่นแบบนี้
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 13 เล่นสนุก
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 26-07-2016 22:17:17
ขัดใจนิทานอ่า การสมยอมไม่ใช่วิธีการที่ดีเลย

ทั้งๆที่มีครอบครัวค่อยช่วยเหลืออยู่ ก็น่าจะบอกที่บ้าน

งานนี้เราไม่เชียร์พระเอกนะ :katai1:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 13 เล่นสนุก
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 26-07-2016 22:18:09
อื้อหือ ที่ประชุม!  :katai1: ผ่านไปได้ด้วยดีนะนิทานนะ
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 13 เล่นสนุก
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 26-07-2016 22:33:04
เกลียดพระเอกอ่ะ

 :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 13 เล่นสนุก
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 26-07-2016 22:56:10
เกลียดพระเอกเรื่องนี้ได้ไหม :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 13 เล่นสนุก
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 26-07-2016 23:56:42
อ่านเเล้วรู้สึกอยากยกขาเตะเจ้ารามิลแทนนิทานจริงจริ๊ง พับผ่าสิ! :ling2:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 13 เล่นสนุก
เริ่มหัวข้อโดย: tukkata bambola ที่ 27-07-2016 10:43:45
ทำไมทำกับนิทานอย่างนี้ :m16:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 13 เล่นสนุก
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 27-07-2016 13:20:44
เหอ เหอ
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 13 เล่นสนุก
เริ่มหัวข้อโดย: ราตรีสีน้ำเงิน ที่ 01-08-2016 05:31:16
จะรักกันยังไงเนี้ยเรื่องนี้

เกลียดพระเอก!!!! ขอให้นิทานไม่รัก



 :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 13 เล่นสนุก
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 01-08-2016 16:04:36
 :z6:   รอบทเรียนของนายโรคจิตสองคนนี้นะคะ
นิทานสู้ๆ  :o12: 
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 13 เล่นสนุก
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 01-08-2016 17:05:51
 :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 14 คนรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 03-08-2016 20:41:08
14

คนรัก

 

            “อึก”

                กายเล็กสะดุ้งเฮือก เมื่อริมฝีปากร้อนผ่าวเริ่มงับเข้าที่ซิบกางเกง เขาดึงลากลงมาอย่างเชื่องช้า แต่ก็ทำให้ขนกายของนิทานลุกชันด้วยความระทึก

                “น่าสนใจดีนะ”

                เสียงของพนักงานที่ร่วมประชุมเอ่ยชมถึงสินค้าที่นำเสนอตัวต่อไป นิทานพยายามตั้งสมาธิกับงานตรงหน้า เขาเลื่อนมือไปดันศีรษะของรามิลให้ออกห่าง แต่ก็โดนรามิลจับมือมางับเลีย

                ไอศูรย์ขยับกายเข้ามาใกล้ เขากระซิบลงข้างใบหูเล็ก

                “ทำตัวน่าสงสัยแบบนี้ เดี๋ยวคนอื่นก็รู้หมดหรอกครับ”

                เพราะแบบนั้น นิทานถึงได้รู้ตัวว่าเขามัวแต่ก้มลงไปต่อต้านรามิล เขารีบเงยหน้าขึ้นมามองการนำเสนองานจนเปิดโอกาสให้รามิลได้รุกล้ำเข้ามาสัมผัสกับสิ่งสงวนที่อยู่ภายใต้เนื้อผ้า

                “อึก”

                นิทานสะดุ้งเฮือก เมื่อแก่นกายโดนมือใหญ่สัมผัส เขากำมือแน่น เหมือนกับว่าตอนนี้กำลังฝึกความอดทน เขาไม่ยอมให้ทุกอย่างต้องพังทลายเพียงเพราะว่าเขายอมแพ้ นิทานนั่งตัวเกร็ง ใบหน้าเริ่มบิดเบี้ยว แต่เขาก็รู้ตัวว่ากำลังจะแสดงอาการที่ผิดปกติ

                “หยุด”

                คนตัวเล็กกระซิบบอกกับรามิลที่กำลังลากลิ้นเลียไปตามความยาวของอวัยวะเพศ แต่เหมือนยิ่งห้ามกลายเป็นยิ่งยุ เพราะนอกจากรามิลจะไม่หยุดแล้ว เขายังขยับตัวมาอ้าปากอมส่วนปลายของแก่นกายเล็ก ในขณะที่ไอศูรย์ยืนมองอย่างพอใจ

                “อื้อ”

                ใบหน้าน่ารักก้มต่ำลง เสียงครางดังขึ้นในลำคออย่างแผ่วเบาจนไม่มีใครได้ทันสังเกต ยกเว้นไอศูรย์ ในขณะที่รามิลยังเอร็ดอร่อยกับการทานไอศกรีมแท่งร้อนผ่าวขนาดเล็กในปากของเขา นิทานหลับตาลง พยายามไม่ให้ตัวเองสติแตก แต่ทว่าร่างกายเขาก็ร้อนรุ่มเกินกว่าจะถอยกายหนี เขายังต้องการสัมผัสที่เร่าร้อนจากรามิล

                เพียงปลายนิ้วเรียวสวยแตะลงไปที่ต้นแขน ขนกายของนิทานก็ลุกชันด้วยความเสียวซ่าน เขาเหลือบตาไปมองไอศูรย์ที่ก้มลงมากระซิบพูดคุย

                “มีสมาธิหน่อยสิครับ ท่านประธาน”

                ทุกอย่างเหมือนย้ำเตือน นิทานหลับตาลง มันก็จริงอย่างที่ไอศูรย์บอก เขาควรจะตั้งใจในการทำงานมากกว่านี้ มันคงจะดีไม่น้อย ถ้าหากรามิลไม่ได้เล่นสนุกกับร่างกายเขา กายเล็กสั่นระริก ความเป็นชายชูชัน รับสัมผัสอย่างน่าอาย สะโพกเล็กแอ่นรับความร้อนที่ถ่ายทอด ริมฝีปากสวยขยับขึ้นลงอย่างรัวเร็วและหนักหน่วง ราวกับต้องการรีดน้ำหวานให้หมดจากกายเล็ก

                “อื้อ อึก”

                นิทานได้แต่กัดฟันแน่น เขาจะปล่อยเสียงครางไม่ได้ แม้ร่างกายจะพยายามอดทนอย่างไร แต่เขาก็ไม่อาจจะต้านความทรมานที่ช่วงล่างได้เลย ร่างเล็กบิดเร่าไปมาอย่างทรมาน ฝ่ามือใหญ่ไล่ขึ้นจากต้นแขนไปหยุดที่ไหล่เล็กแล้วบีบคลึงเบาๆ ก่อนจะกระซิบบอก

                “จะอดกลั้นไว้ทำไมล่ะครับ”

                “อึก”

                เหงื่อเริ่มผุดเต็มใบหน้าน่ารัก นิทานตัวสั่น เขาจับปากกาเอาไว้แน่น เหมือนว่าต้องการหาที่ยึดตัวเองเอาไว้

                “ท่านประธานไม่สบายหรือเปล่าครับ”

                การนำเสนอสินค้าตัวใหม่สิ้นสุดลง พนักงานระดับสูงหันมาถามประธานบริษัทที่สีหน้าไม่สู้ดีนัก คนตัวเล็กส่ายหน้ารัวเร็ว

                “ไม่ครับ ผะ ผมสบายดี”

                “อย่างนั้นเหรอครับ แต่สีหน้าดูไม่ดีเลยนะครับ”

                “ไม่ต้องกังวลหรอกครับ ผมจะดูแลท่านประธานเองครับ”

                ไอศูรย์เดินเข้ามาบอก เขาหันไปยิ้มเพียงเล็กน้อยให้กับนิทาน คนตัวเล็กได้แต่กัดฟัน เพราะไม่มีเรี่ยวแรงจะพูดออกไป เขาจะเสร็จในตอนนี้ไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้น ทุกคนต้องรู้เรื่องที่เขาทำเรื่องน่าอายกับรามิลอยู่แน่ๆ

                “งั้นพวกผมขอตัวก่อนนะครับ”

                สติของนิทานแทบไม่หลงเหลือ เขาได้แต่มองพนักงานที่เดินออกจากห้องไปจนหมด ไอศูรย์จึงเดินไปปิดประตูแล้วกดล็อกอย่างแน่นหนา

                “อะ อ๊ะ อ๊า!”

                เมื่อไม่จำเป็นต้องอดกลั้น สายธารร้อนอุ่นก็พวยพุ่งเข้าไปในโพรงปากของ    รามิล จนหมดสิ้น คนตัวเล็กฟุบหน้าลงกับโต๊ะ หอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ในขณะที่รามิลดูดกินน้ำหวานลงคออย่างพอใจ ก่อนจะผละริมฝีปากออกห่าง

                “อดทนได้เก่งจังเลยนะครับ ท่านประธาน”

                ไอศูรย์ก้มหน้าต่ำลงมาคุยด้วย จมูกโด่งคลอเคลียที่แก้มนิ่ม นิทานตกใจ ขยับกายถอยหนี รามิลออกมาจากใต้โต๊ะ

                “อร่อยจังเลยนะครับ”

                ว่าพลางเลียริมฝีปากที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำหวานสีขาวขุ่น นิทานตัวสั่นเทาด้วยความโกรธและอาย เขารีบเลื่อนมือไปกุมใจกลางลำตัว

                “นี่มันจะเกินไปแล้วนะ!”

                “แต่ท่านประธานก็ดูมีความสุขไม่ใช่เหรอครับ”

                รามิลจี้จุด นิทานชะงักไป เขาทั้งตื่นเต้น เสียวซ่านและหวาดกลัวว่าคนอื่นจะรู้ว่าพวกเขาทำอะไรกันอยู่ ไอศูรย์เดินเข้าไปหาคนตัวเล็ก แล้วจับมือบางที่กุมใจกลางลำตัวให้ขยับออก

                “พวกเราเป็นคนรักกันแล้ว ไม่ต้องอายหรอกนะครับ”

                “ปะ ปล่อยนะ”

                “เดี๋ยวผมจะแต่งตัวให้เอง”

                ไอศูรย์จัดการเสื้อผ้าในช่วงล่างของนิทานให้เรียบร้อย นิทานได้แต่เบือนหน้าหนีด้วยความอาย ทั้งที่เขาควรจะเกลียดทั้งคู่ แต่ร่างกายกลับโอนอ่อนไปกับสัมผัส และรู้สึกตื่นเต้นจนไม่เข้าใจตัวเอง

                “ออกไปห่างๆได้ไหม ฉันจะทำงานต่อ”

                “ขยันจังเลยนะครับ”รามิลกล่าวยิ้มๆ

                “ใช่สิ ฉันไม่ได้เอาแต่ทำเรื่องบ้าๆแบบพวกนาย”

                อดไม่ได้ที่แขวะทั้งคู่ เพราะหมั่นไส้และขุ่นเคือง ไอศูรย์และรามิลหัวเราะในลำคอกับท่าทางประชดประชันที่แสนน่ารัก นิทานผลักไอศูรย์ให้ออกห่าง แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะ

                “แยกย้ายไปทำงานสิ!”

                แม้จะหวาดกลัวว่าทั้งคู่จะพุ่งเข้ามาทำเรื่องเลวร้ายกับเขา แต่นิทานก็ต้องแข็งใจสู้ เขาจะไม่ยอมให้ทั้งสองรุมทำร้ายเขาไปมากกว่านี้

                ท่าทางที่เหมือนลูกแมวขู่สิงโต ทำให้ไอศูรย์และรามิลต่างระบายยิ้ม ยอมผละออกแต่โดยดี เพราะว่าวันนี้ พวกเขาแกล้งท่านประธานตัวน้อยจนเหนื่อยอ่อนไปเสียแล้ว

                “เฮ้อ”

                พอเห็นไอศูรย์ยอมออกไปแต่โดยดี นิทานจึงลอบถอนหายใจออกมา เขาหันไปมองรามิลอย่างหวาดระแวง

                “นายก็กลับไปนั่งที่โต๊ะตัวเองสิ”

                “รับทราบครับ”

                รามิลตอบรับด้วยรอยยิ้ม หากไม่ได้เกิดเหตุการณ์น่าอายมาก่อน นิทานคงไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ต่างกับโรคจิต เขาอายก็จริง จนไม่อยากจะพบหน้าทั้งคู่ แต่เขาก็ไม่อาจจะละทิ้งหน้าที่ของตัวเองได้

                …ยังไง เขาก็ต้องหาหนทาง เพื่อที่จะหลุดพ้นไปจากทั้งคู่ให้ได้…

                การทำงานในวันนี้ราบรื่นไม่ต่างจากทุกวัน เว้นแต่ว่านิทานรู้สึกอึดอัด ที่เวลาทำงานก็หวาดระแวงว่ารามิลและไอศูรย์อาจจะเข้ามาหาเขา แต่ก็ดูเหมือนว่าทั้งคู่ไม่ได้เข้ามารบกวนแต่อย่างใด กลับกัน ทั้งคู่ต่างตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมายเหมือนเป็นพนักงานที่ขยันทำงานอย่างเต็มที่

                “ฉันกลับล่ะ”

                พอหมดเวลาทำงาน นิทานก็เตรียมที่จะพุ่งตัวออกจากห้องทำงานทันที แต่เสียงทุ้มของรามิลที่ดังขึ้นก็ทำให้คนตัวเล็กที่กำลังรีบเดินต้องหยุดชะงัก

                “ผมว่าจะชวนท่านประธานไปทานมื้อเย็นน่ะครับ”

                “อะไรนะ”

                นิทานหันขวับไปมองรามิลทันที เป็นจังหวะเดียวที่ไอศูรย์เปิดประตูห้องเข้ามา

                “ดูเหมือนว่ารามิลจะชวนท่านประธานแล้ว”

                “เฮ้อ”

                ในที่สุด เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างไม่คิดจะปิดบัง นิทานพูดออกมาดังที่ใจคิด เพราะไม่อยากจะเก็บซ่อนมันไว้อีกแล้ว

                “ที่พวกนายทำกับฉันวันนี้มันยังไม่พออีกเหรอ!”

                “พวกเราก็แค่อยากจะชวนท่านประธานไปทานมื้อเย็นด้วยกัน ตามประสาคนรักก็เท่านั้นเอง”

                รามิลตอบหน้าตาย เหมือนไม่ได้สะทกสะท้านหรือรู้สึกผิดแต่อย่างใด นิทานหัวเราะออกมาเบาๆในลำคอ

                “ตลกไปมั้ง พวกนายทำกับฉันขนาดนั้น แต่ก็ยังจะมาชวนฉันให้ไปทานข้าวเนี่ยนะ บ้าไปแล้วหรือไง”

                เขาไม่คิดจะเป็นตัวตลกให้ทั้งรามิลและไอศูรย์ทำอะไรได้ตามใจ นิทานทำท่าจะเดินเลี่ยงเพื่อออกจากห้อง แต่ทว่าร่างกายใหญ่โตของไอศูรย์กลับยืนขวางทางเอาไว้ ดวงตากลมวาวโรจน์อย่างไม่พอใจ

                เพราะเติบโตเป็นลูกคนเล็ก เขาได้รับการเอาใจใส่ ทั้งพี่ชายและพี่สาวต่างก็เอาใจและดูแลอย่างดี นิทานไม่คิดจะยอมให้ใครมากดขี่ข่มเหงได้ตลอดเวลา เขายอมได้ แต่ไม่อยากจะยอมจนไม่เหลือความเป็นตัวเอง

                “ถอยไป”

                “ไม่ครับ คุณต้องไปทานมื้อเย็นกับพวกเรา”

                “ฉันไม่ไป ฉันจะกลับบ้าน พวกนายอยากไป ก็ไปกันเองสิ พวกนายไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งกับฉัน”

                “แน่ใจเหรอครับว่าไม่มี”

                รามิลเข้ามาประชิดตัวจากด้านหลัง ใบหน้าคลอเคลีย นิทานอยากจะขยับกายหนี แต่ทว่าก็ไม่อาจจะหนีไปไหนได้

                “รู้ไหมว่าวิธีที่พวกนายทำกับฉันมันขี้ขลาดและต่ำทราม”

                “ผมไม่สนหรอกว่ามันจะเป็นวิธีไหน แค่มันช่วยให้ผมได้เข้าใกล้ท่านประธานได้มากที่สุด ก็เพียงพอแล้ว”

                รามิลสอดมือเข้ามาจับสะโพกเล็ก นิทานสะดุ้งเฮือก หันไปมองรามิลด้วยสายตาหวาดระแวง

                “ไม่ต้องทำท่ารังเกียจพวกเราขนาดนั้นหรอกครับ”         

                ไอศูรย์กล่าวเสียงเรียบ แล้วเปิดประตูห้อง

                “เชิญครับ”

                นิทานพรูลมหายใจ เขาไม่อยากจะไปทานมื้อเย็นกับทั้งคู่ แต่ดูเหมือนว่าถ้าเขายิ่งต่อต้าน ทุกอย่างก็จะแย่ลงไปอีก เพราะทั้งคู่กุมความลับของเขาเอาไว้

                ไอศูรย์เป็นคนขับรถ รามิลนั่งที่เบาะหน้า ทั้งคู่ทำเหมือนว่านิทานเป็นคนสำคัญ เขาเองค่อนข้างแปลกใจและสงสัยไม่หยุด ว่าทำไมเลขานุการทั้งสองของเขาถึงได้ทำแบบนี้

                …ถ้าคิดจะทำเรื่องเลวร้าย ทำไมถึงได้ไม่บอกจุดประสงค์ ถ้าคิดจะทำลายกัน ก็น่าจะมีเหตุผลอื่นที่ดีกว่าการทำตัวมาเป็นคนรัก…

                “ท่านประธานควรจะจำให้ขึ้นใจนะครับ ว่าตอนนี้พวกเราเป็นคนรักกัน”

                คำเตือนจากไอศูรย์ส่งมา เมื่อรถยนต์หยุดจอดที่สัญญาณไฟแดง เขาเหลือบตามองนิทานจากกระจก ทำให้เห็นว่าคนตัวเล็กมีสีหน้าเคร่งเครียดขนาดไหน

                “ทำไมต้องเป็นคนรัก พวกนายทำกับฉันขนาดนี้ ทำไมไม่บอกให้ฉันเป็นทาสไปเลยล่ะ คนรักกัน เขาทำกันแบบนี้เหรอ”

                “แล้วทำไมท่านประธานถึงไม่คิดว่ามันคือการแสดงความรักของพวกเราบ้างล่ะครับ”

                รามิลหันมาคุยด้วย แววตาระยิบระยับ เมื่อมองใบหน้าน่ารัก นิทานรู้สึกร้อนวูบ เพราะสายตานั่นแฝงไปด้วยความปรารถนาที่ร้อนแรงเอาไว้ ราวกับจะมองผ่านทะลุเสื้อผ้าของเขาจนหมดสิ้น

                “พวกนายจะบอกว่ารักฉันงั้นเหรอ”

                “แล้วท่านประธานคิดว่ายังไงล่ะครับ เชื่อแบบนั้นหรือเปล่า”ไอศูรย์ถามกลับ

                รถยนต์เคลื่อนที่ต่อไปเมื่อถึงสัญญาณไฟเขียว นิทานเม้มปากแน่น

                “ไม่มีวัน ก็บอกแล้วไง ว่าไม่มีคนรักที่ไหนเขาทำกันแบบนี้”

                “แต่ตอนนี้คุณก็เป็นคนรักของพวกเราแล้ว ดังนั้นก็อย่าคิดมากแล้วเครียดไปเลยนะครับ”รามิลบอกเหมือนเป็นห่วง

                “บ้าหรือไง ใครเขามีคนรักพร้อมกันสองคนบ้างล่ะ!”

                “นั่นสินะครับ ผมเองก็ไม่ได้ชอบให้คนรักไปมีคนอื่นเหมือนกัน”

                ไอศูรย์พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย นิทานสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วกล่าวออกมา

                “แล้วอีกอย่างพวกเราเป็นผู้ชาย”

                “แต่คุณก็ทำกับผู้ชายแล้วรู้สึกดีนี่นา”

                รามิลเหมือนย้ำเตือนความทรงจำ นิทานสีหน้าขึ้นสี เขาหลุบสายตาของ       รามิลที่มองมา ไม่อาจจะโต้ตอบได้

                “มีคนรักสองคน แล้วไม่ดีตรงไหนเหรอครับ”รามิลถามต่อ

                “มันผิด”

                “เรื่องถูกหรือผิด มันก็แค่กฎเกณฑ์ที่ตั้งขึ้นของคนบางกลุ่ม แต่สำหรับผมแล้วไม่ใช่เรื่องผิดสักนิด ท่านประธานเองก็น่าจะยินดี ที่มีคนดูแลถึงสองคน”

                “จะให้ฉันยอมรับคนโรคจิตแบบพวกนายเป็นคนรักงั้นเหรอ”

                นิทานสุดจะทนที่ต้องฟังความคิดแปลกๆของเลขานุการทั้งสองของเขา

                “ผมว่าเราคุยเรื่องนี้กันไปแล้วนะครับ แล้วท่านประธานเองก็น่าจะเข้าใจอยู่แล้ว”

                ไอศูรย์ตัดบท นิทานรู้ดีว่าไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถเปลี่ยนได้ สิ่งที่เขาตั้งใจจะทำ คือต้องทำให้ทั้งคู่ยอมมอบสร้อยทั้งสองเส้น และอีเมลล์และรหัสผ่านที่ซ่อนคลิปเหล่านั้นไว้

                “ช่างเถอะ ฉันเข้าใจแล้ว”

                เมื่อไม่รู้จะโต้แย้งอย่างไร นิทานจึงตัดบท แล้วกรอกตาไปมา ในขณะที่รามิลถูกใจกับท่าทางนั้น

                “ท่านประธานน่ารักจนผมอยากจะเข้าไปจูบปากสวยๆนั่นจริงๆครับ”

                ทั้งที่เป็นคำลวนลามที่ดูหยาบโลนและน่าอาย แต่นิทานก็ได้แต่เบือนหน้าหนี ไม่กล้ามองรามิลและสายตาที่ส่งมา ไหนจะสายตาคมกริบของไอศูรย์ที่มองผ่านกระจก ทั้งที่ควรจะขยะแขยงสายตาเหล่านั้นให้มากกว่านี้ แต่นิทานกลับใจเต้นแรงเหมือนอกจะระเบิด หรือว่าเขากลายเป็นพวกโรคจิตตามคนเหล่านี้ไปแล้วจริงๆ

                “ท่านประธานอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมครับ”

                “ไม่”

                นิทานทำท่าไม่อยากจะสนทนากับทั้งคู่เลยแม้แต่น้อย แต่ทว่าชายหนุ่มทั้งสองก็ไม่ได้แสดงท่าทางไม่พอใจ

                “งั้นเอาอย่างนี้ดีกว่า ท่านประธานอยากกินอาหารไทย หรือว่าอาหารต่างชาติครับ”

                รามิลถามต่อ นิทานยังคงเงียบ

                “หรือว่าจะให้พวกเรากินท่านประธานแทนดี”

                เพียงประโยคเดียว จากคนที่ทำท่าไม่สนใจอะไรก็หันขวับมาหาทั้งคู่ ใบหน้าน่ารักขุ่นเคืองอย่างไม่พอใจ

                “อาหารไทย!”

                “ดีจังเลยครับ ผมก็ชอบเหมือนกัน เอาเป็นอะไรดีครับ ผัดไทยดีไหม เอ หรือท่านประธานอยากจะทานเป็นข้าว”

                “ผัดไทยก็ได้”

                นิทานเหนื่อยจะพูดคุยกับรามิล เขารู้สึกไม่ชอบใจ เพราะเหมือนโดนบังคับ แต่ทว่าเจ้าตัวก็ไม่อยากให้รามิลใช้คำพูดแทะโลมเขามากไปกว่านี้

                ทั้งที่ตอนทำงาน ทั้งคู่ดูเหมือนคนทำงานปกติทั่วไป แต่ทว่าในเวลานี้ กลับแตกต่างออกไปจนไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นคนคนเดียวกัน

                เมื่อขับรถมาถึงร้านอาหาร ทั้งสามจึงลงจากรถ แล้วเปิดประตูเข้าไปในร้านที่ตกแต่งไว้อย่างสะอาดพร้อมกับเครื่องปรับอากาศที่ทำงานจนเย็นสบายทั้งร้าน นิทานโทรหาทางบ้านแล้วว่า วันนี้เขาจะไม่กลับไปทานมื้อเย็น แต่เขาไม่ได้บอกเหตุผลไปว่าโดนบังคับมา

                “ผัดไทยกุ้งสด สามที่ครับ”

รามิลหันไปสั่งกับพนักงานที่มารับออเดอร์

“ท่านประธานจะสั่งอะไรเพิ่มอีกไหมครับ”

นิทานมองดูเมนูอาหาร ตอนนี้กระเพาะของเขากำลังทำงานอย่างเต็มที่ ที่นี่ไม่ได้มีแต่ผัดไทยเท่านั้น แต่ยังมีอาหารไทยอื่นๆอีกด้วย คนตัวเล็กส่ายหน้าไปมา เขาไม่อยากจะแสดงความสนิทสนมหรือสนใจทั้งสองไปมากกว่านี้

“ไม่ล่ะ”

“แล้วจะดื่มน้ำอะไรครับ”

คราวนี้เป็นไอศูรย์ที่ถามบ้าง นิทานมองเมนูน้ำ แล้วหันไปสั่งกับคนรับออเดอร์

“เอาชาเย็นหนึ่งแก้วครับ”

“พวกผมสองคนขอน้ำเปล่าแล้วกันครับ”ไอศูรย์สั่งต่อ

เมื่อสั่งอาหารเสร็จแล้ว นิทานก็ทำทีเป็นหยิบโทรศัพท์มากดเล่น เขารู้สึกอึดอัด ที่ต้องมานั่งเผชิญหน้ากับทั้งคู่แบบนี้

“ผ่อนคลายเถอะครับ พวกเราพาคุณมาทานข้าว ไม่ได้ทำอะไรไม่ดี”

คำกล่าวของไอศูรย์ไม่ได้ทำให้นิทานรู้สึกหายหวาดระแวง เพราะถึงอย่างไรเสีย ทั้งสองก็คือคนที่เคยบุกเข้ามาลวนลามเขาถึงในห้องทำงาน แถมยังทำเรื่องใจร้ายจนไม่อาจจะให้อภัยได้

“ฉันไม่ได้เป็นโรคความจำเสื่อมนะ จะได้ลืมว่าพวกนายเคยทำอะไรกับฉันเอาไว้”

เขาตอบโดยเหลือบตามองเพียงครู่ แล้วก้มลงไปมองหน้าจอโทรศัพท์ของตนเอง ไอศูรย์และรามิลระบายยิ้มอย่างเอ็นดู

“ดีจังเลยครับ ที่ท่านประธานจำได้ไม่ลืม พวกผมสองคนจะได้ฝังลึกอยู่ในความทรงจำของคุณไปนานๆ”

“ความทรงจำแย่ๆน่ะสิ”

เจ้าตัวพึมพำ เพียงไม่นานอาหารน่าทานก็ถูกยกมาเสิร์ฟหลังจากน้ำที่ทั้งสามสั่งได้มาเสิร์ฟก่อนหน้านี้

คนตัวเล็กตักทานพร่องไปเพียงครึ่ง แต่ทั้งไอศูรย์และรามิลก็ทานจนหมดแล้ว แถมทั้งคู่ยังมองเขาไม่วางตา

“มะ มองอะไร”

เขารู้สึกขัดเขิน รามิลระบายยิ้มแล้วตอบคำถาม

“เวลาท่านประธานทานอาหาร แล้วเหมือนสัตว์ตัวเล็กๆ ผมว่าน่ารักน่ะครับ”

“จะ…จะบ้าเหรอ!”

การจู่โจมด้วยคำพูดและรอยยิ้มชวนฝันของรามิล ทำให้นิทานถึงกลับไปไม่เป็น คนตัวเล็กเม้มปากแน่น รีบวางช้อนและส้อม

“ฉันอิ่มแล้ว”

“โกหกกันแบบนี้ ไม่ดีนะครับ”

เหมือนว่าไอศูรย์จะดูออก ว่านิทานไม่ได้อิ่มจริงๆ เพียงแต่คงไม่มีอารมณ์จะทานต่อมากกว่า

นิทานไม่คิดจะสนทนาต่อ เขายกน้ำขึ้นดื่ม เปิดกระเป๋าเงิน แล้ววางธนบัตรวางไว้บนโต๊ะ

“ฉันอิ่มแล้ว ฉันกลับล่ะ”

เขาลุกขึ้นเพื่อจะเดินออกจากร้าน ไอศูรย์และรามิลไม่ได้เรียกไว้ แต่รีบวางเงินไว้บนโต๊ะ แล้วรีบเดินตามนิทานไปนอกร้าน

“จะไปไหนครับ”

ไอศูรย์รีบเดินไปดักหน้า นิทานหมุนกายหนี แต่ก็เจอรามิลมาดักเอาไว้

“ถอยไป ฉันจะกลับแท็กซี่”

“กลับคนเดียวตอนค่ำๆแบบนี้ มันอันตรายนะครับ”รามิลตอบอย่างเป็นห่วง

“คงไม่มีอะไรอันตรายกว่าพวกนายแล้วล่ะ”

“ท่านประธานเป็นคนรักของพวกเรา พวกเราจะไปส่งคุณเอง”

ไอศูรย์จับเข้าที่ข้อมือเล็ก แล้วเปิดประตูรถ ดันกายเล็กให้เขาไปนั่ง นิทานดันตัวจะลงจากรถ แต่ทว่าไอศูรย์ก็พลิกกายเข้ามาหา แล้วชะโงกหน้าเข้าไปพูด

“อย่าให้ผมต้องโมโห”

สิ้นประโยคนั้น นิทานก็หยุดขัดขืน เขาไม่รู้ว่าภายใต้หน้ากากอันเรียบเฉยของไอศูรย์ และหน้ากากแสนใจดีของรามิล ทั้งคู่ซ่อนเรื่องน่ากลัวไว้มากแค่ไหน สุดท้ายเขาจึงได้แต่ยอมนั่งเงียบๆ ให้ทั้งคู่ขับรถพากลับมาส่งที่บ้าน

ทันทีที่มาถึงบ้าน นิทานไม่ยอมให้ทั้งคู่ขับรถเข้าไปจอดในบ้าน ให้จอดที่ด้านนอกประตูรั้ว ก่อนจะถึงประตูรั้วหน้าบ้าน เพราะเขาไม่อยากให้มีคนอื่นมาเห็น รามิลเป็นคนที่ลงจากรถมาเปิดประตูรถให้ นิทานไม่คิดจะกล่าวขอบคุณ เพราะเขาไม่พอใจและคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะต้องหาทางขโมยสร้อยที่อยู่ใต้เสื้อของทั้งคู่ให้ได้

“เดี๋ยวครับ”

ขาเล็กหยุดชะงัก เมื่อจะเดินไปยังประตูรั้ว เขาหันมาตามเสียงของไอศูรย์ ทันทีที่หันกลับมามองทั้งคู่ แก้มนิ่มสวยทั้งสองข้างก็โดนช่วงชิงไปด้วยริมฝีปากร้อนผ่าวของทั้งสองคน

“ฝันดีครับ”ไอศูรย์เอ่ย

“ผมหวังว่าท่านประธานจะฝันถึงผมด้วย”

รามิลส่งยิ้มให้ นิทานอึ้งไป ยกมือทั้งสองกุมแก้มตัวเอง อยากจะชี้หน้าด่าทั้งสอง แต่ก็เปลี่ยนใจ เมื่อเห็นสายตาที่มองมา เขารีบเดินเข้าไปในบ้านแทนด้วยความเขินระคนโกรธจนแยกไม่ออก

               

100%



แจ้งข่าวการเปิดพรีออเดอร์นะคะ

นิยายเรื่องนี้จะ เปิดพรีออเดอร์วันที่ 10 สิงหาคม ราคาหนังสือ 390 บาท (ไม่รวมส่ง)

รายละเอียดต่างๆจะอัพ เมื่อถึงวันใกล้เปิดพรีค่ะ



ติดตามได้ที่เพจนะคะ

ฝากเพจด้วยค่ะ https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/


               

 

 

 

 

 

 

 

     
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 14 คนรัก
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 03-08-2016 21:11:18
นิทานเจอโรคจิตของจริง แต่ท่าทางเหมือนจะใจอ่อนหน่อยๆมั้ยอ่ะ ใจอ่อนเร็วๆสิ 5555
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 14 คนรัก
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 03-08-2016 22:34:53
ขู่ตลอดดดดด  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 14 คนรัก
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 03-08-2016 23:53:54
รอตอนนิทานสตรองง
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 14 คนรัก
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 04-08-2016 02:21:57
งืมๆ ตอนนี้เเลดูละมุนสุดเเล้วละ(มั้ง?) :katai5:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 14 คนรัก
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 04-08-2016 07:09:59
อ่านไปก็เกิดความคิดที่ว่า นิทานหวั่นไหวง่ายไปหรือเปล่า ลองคิดถึงตอนแรก ๆ ที่ต้องอยู่กับความหวาดระแวงและหวาดกลัวสิ (ตอนนี้ก็ยังระแวงและถูกข่มขู่อยู่เรื่อย ๆ ล่ะนะ) อะไร ๆ มันจะง่ายอย่างนั้นเลยเหรอ กับมนุษย์ที่มีความคิดจิตใจซับซ้อน
สนใจเขา อยากได้เขาเป็นคนรัก แต่เริ่มด้วยการล่วงละเมิดทางเพศ แถมสร้างความหวาดระแวงนี่นะ ถ้าเป็นชีวิตจริงนิทานอาจจะเกลียดสองคนนี้เข้าไส้ หรืออาจจะกลัวจนมีอาการทางจิตด้วยซ้ำ การจะทำให้รักคงต้องใช้ความพยายามกว่านี้มาก (นี่สองคนนั้นพยายามแล้วเหรอ... เห็นมีแต่บังคับกับกลั่นแกล้ง)
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 14 คนรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 04-08-2016 08:11:16
โรคจิตเข้าขั้นแล้วล่ะ ทำแบบนี้เรียกว่าคนรัก  :ling1:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 14 คนรัก
เริ่มหัวข้อโดย: tukkata bambola ที่ 04-08-2016 08:53:53
นิทานแข็งนอกอ่อนในไปแล้วว่าแต่ว่าสองคนนั้นเป็นแค่พนักงานกินเงินเดือนจริงๆเหรอ :m28:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 14 คนรัก
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 04-08-2016 16:07:48
นิทานอย่างไปใจอ่อนกับโรคจิตสองคนนั้นนะ พวกมันจะต้องได้บทเรียนราคาแพงซอก่อน! :m16:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 14 คนรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-08-2016 16:44:30
ไอศูรย์ รามิล เคยพบนิทานมาก่อนหรือเปล่า :mew2:
ไม่งั้นอยู่ๆ มาทำเรื่องแบบนี้ เคยแอบชอบนิทานกันมาทั้งคู่ใช่มั้ย :katai1:
รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 14 คนรัก
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 08-08-2016 21:08:32
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 14 คนรัก
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 08-08-2016 21:10:28
รอ ๆ
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 14 คนรัก
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 10-08-2016 12:21:47
 :call: :call:
รอจ้า
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 14 คนรัก
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 10-08-2016 14:28:22
สองคนนั้นทำเกินไปนะ   :mew2:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 15 ทนให้ได้
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 11-08-2016 14:03:22
15

ทนให้ได้

 

 

                แม้นิทานจะรู้สึกไม่ชอบหน้ารามิลและไอศูรย์มากแค่ไหน แต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งคู่ทำงานได้ดีเยี่ยมจนเขาไม่อาจจะตำหนิได้ ทั้งการดูแลเอาใจใส่และช่วยคิดแทนในบ้างครั้งในยามที่จำเป็น ทุกอย่างถูกกลั่นกรองมาอย่างรอบคอบจนทำให้ช่วยเรื่องงานของนิทานให้ดีขึ้นตามลำดับจนแทบจะก้าวกระโดด

                หากไม่ติดที่ว่า ทั้งสองเคยทำเรื่องต่ำช้ากับเขา นิทานคงทำงานกับทั้งคู่ได้มีความสุขมากกว่านี้

                เกือบครบหนึ่งสัปดาห์ที่ใช้สถานะของคำว่าคนรัก นิทานไม่ได้คิดจะซาบซึ้งกับสถานะที่ได้รับ หลังจากวันนั้นที่รามิลและไอศูรย์กลั่นแกล้งเขาในขณะที่มีการนำเสนอสินค้าตัวใหม่ ทั้งคู่ก็ไม่ได้เข้ามาล่วงเกินเขาอีก จนนิทานเริ่มรู้สึกสบายใจขึ้นมา และคิดว่าบางทีทั้งสองอาจจะเบื่อเล่นสนุกกับเขาแล้วก็เป็นได้

                แต่บางครั้ง สิ่งที่คิดกับความเป็นจริง ก็ไม่ได้เหมือนกันเสมอไป….

                “ท่านประธานดื่มน้ำหน่อยไหมครับ”

                รามิลเป็นคนหันมาถาม ท่านประธานตัวน้อยที่กำลังเหม่อมองไปนอกกระจกรถยนต์ เพราะวันนี้พวกเขากำลังเดินทางไปดูโรงงานที่ผลิตของเล่นเด็ก

                “ไม่เป็นไร”

                รถยนต์เลี้ยวจอดแวะปั๊มเพื่อเติมน้ำมัน รามิลเป็นฝ่ายลงจากรถ เพื่อไปหาซื้อเครื่องดื่มดับกระหายให้กับท่านประธาน นิทานเหลือบตามองไอศูรย์ที่ยื่นเงินจ่ายค่าน้ำมัน ก่อนจะเลี้ยวรถไปหยุดจอดรอรามิลขึ้นรถ

                “เอ้านี่”

                กาแฟแก้วใหญ่ถูกส่งให้ไอศูรย์ เขารับมันมาดื่มโดยที่ไม่ได้เอ่ยขอบคุณ นิทานทำเป็นไม่สนใจ

                “จะลงไปเข้าห้องน้ำด้วยไหมครับ”

                เป็นไอศูรย์ที่หันมาถาม นิทานส่ายหน้า รามิลระบายยิ้มแล้วยื่นแก้วกาแฟให้นิทาน

                “นี่คร้าบ จะได้สดชื่น”ว่าพลางยิ้มร่า

                “ฉันไม่อยากดื่ม”

                “ไม่ชอบกาแฟเหรอครับ”รามิลเลิกคิ้ว

                “ฉันบอกว่าไม่อยากดื่ม ไม่เข้าใจหรือไง”

                คนตัวเล็กเบือนหน้าหนี ไอศูรย์และรามิลมองหน้ากัน ทั้งคู่ไม่ได้เซ้าซี้ท่านประธานต่อ

                รถยนต์เคลื่อนที่ต่อไปจนถึงเขตปริมณฑล เพียงไม่นานก็มาหยุดจอดที่หน้าโรงงาน นิทานเลี่ยงไปเข้าห้องน้ำก่อน เพราะเขารู้สึกปวดปัสสาวะขึ้นมา หลังจากที่ทำธุระส่วนตัวเสร็จ กายเล็กที่จะออกจากห้องน้ำก็ต้องหยุดชะงัก เพราะว่าทั้งไอศูรย์และ  รามิลต่างเดินเข้ามาหาเขา สายตาคมทั้งคู่ที่จ้องมองมาแตกต่างจากเวลาปกติ

                ลางสังหรณ์บางอย่างกำลังบอกนิทานว่าอีกไม่นานเขาจะไม่ปลอดภัย

                “พวกนายจะมาเข้าห้องน้ำเหรอ”

                แทนคำตอบ กลับเป็นรอยยิ้มที่ชวนให้ขนลุก ยิ่งเห็นรามิล นิทานก็รับรู้ได้ถึงสิ่งที่น่ากลัวจะตามมา เขารีบเดินจะไปเปิดประตูห้องน้ำ แต่ทว่าไอศูรย์ก็มายืนขวางประตูไว้ นิทานมองอย่างไม่พอใจ

                “ถอยไป”

                “ไม่ครับ”

                กึก

                ประตูห้องน้ำถูกกดล็อกจนนิทานใจคอไม่ดี เขามองซ้ายมองขวา จะหาทางหนี แต่ทางออกมีแค่ทางเดียวคือจุดที่ไอศูรย์ยืนบังอยู่

                “ฉันต้องเข้าโรงงานนะ”

                “พวกเราให้ท่านประธานได้ไปแน่ครับ แต่ต้องเล่นสนุกกับพวกเราก่อน”

                รามิลเข้ามาจากด้านหลัง แล้วกระซิบบอก นิทานขนลุกซู่ เขาหันขวับไปมองรามิลทันที

                “เล่น…เล่นอะไร!”

                คนตัวเล็กแทบจะตะโกนถามด้วยความตกใจ แทนการตอบคำถาม รามิลกลับเลื่อนมือไปเค้นคลึงก้นนิ่ม นิทานสะดุ้งเฮือก พยายามเบี่ยงตัวหนี

                “อยากให้คนอื่นรู้เหรอครับ”

                ไอศูรย์เอ่ยบอกอย่างเหนือกว่า นิทานกัดปากแน่นอย่างเจ็บใจ ร่างกายเริ่มร้อนขึ้นมาเสียอย่างนั้น เพียงแค่โดนมือของรามิลเล้าโลม ส่วนยอดอกที่ซ่อนภายใต้เสื้อเชิ้ตตัวยาวกำลังโดนปลายนิ้วทั้งสองของไอศูรย์เลื่อนมาบีบขยี้ จนเจ้าตัวต้องเผลอปล่อยเสียงครางพร่าออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ

                “ยะ หยุดนะ”

                เขาพยายามยกมือดันแผงอกของไอศูรย์ สะโพกเล็กก็พยายามขยับหนี แต่ทว่าสุดท้ายก็โดนรามิลจับถอดกางเกงจนเหลือแต่ชั้นใน

                “อย่านะ พวกนายจะทำแบบนี้ไม่ได้”

                นิทานได้แต่บอกเสียงสั่นพร่า เมื่อไอศูรย์ย่อกายต่ำลง จนใบหน้าอยู่ตรงใจกลางลำตัว ส่วนรามิลเองก็ไม่ต่างกัน

                “ถ้าคิดจะเปิดประตูให้คนข้างนอกเห็น ก็ทำเลยสิครับ”

                ฝ่ามือเล็กมีอันต้องหยุดชะงัก เพราะไม่กล้าจะเปิดประตูออกไป สภาพของเขาตอนนี้ไม่ได้น่าดูเลยสักนิดเดียว ริมฝีปากร้อนผ่าวจูบไล้ไปตามเป้ากางเกงในที่นูนเน้นขึ้นมาตามรูปร่างของอวัยวะ ในขณะที่รามิลเองก็ดันจมูกและริมฝีปากไปตามก้นนิ่ม

                “ยะ หยุดเถอะ เราต้องทำงาน”

                แม้จะพยายามอ้างเหตุผลที่น่าฟัง แต่ก็ไม่อาจจะหยุดความต้องการเล่นสนุกของเลขานุการทั้งสองของเขาได้ นิทานได้แต่ยืนตัวสั่น แก่นกายใต้ร่มผ้าเริ่มชูชันตามแรงอารมณ์ กางเกงในเปียกชื้นเพราะน้ำลายของรามิล ไอศูรย์ตัดสินใจดึงรั้งกางเกงในลงมาจนเห็นแท่งเนื้อร้อนที่ตื่นตัวจากการปลุกเร้า นิทานหลับตาลง ยกมือปิดปาก เขาไม่อยากจะปล่อยเสียงตัวเองออกมา

                “อะ อึก”

                แม้พยายามจะกลั้นเสียง แต่ก็ยากที่จะกลั้นได้ เพราะว่าแก้มก้นนิ่มทั้งสองถูกจับแยกออก ก่อนที่ปลายลิ้นร้อนจะลากเลียไปตามช่องทาง แล้วดุนดันดูดเม้มจนกายเล็กสั่นระริกอย่างน่าสงสาร ไอศูรย์ตวัดปลายลิ้นชิมรสหยาดน้ำสีขาวใสที่เริ่มไหลปริ่ม นิทานบิดเร่า เลื่อนมือไปบีบไหล่แกร่ง

                “อะ ฮ่า…อื้อ”

                ช่องทางด้านหลังโดนโลมเลียจนอ่อนนุ่ม สะโพกสวยสั่นระริก นิ้วเรียวยาวเริ่มสอดเข้าไปในช่องทาง พร้อมกับปากร้อนที่อ้าอมความเป็นชายไปจนสุดโคน นิทานแทบจะส่งเสียงหวีดร้องแห่งความสุขสม แต่เขาก็ต้องยกมือมาปิดปากตัวเองไม่ให้ร่างกายตอบสนองไปมากกว่านี้

                จากหนึ่งนิ้วเปลี่ยนเป็นสองและเป็นสาม ร่างกายกระตุกเกร็งแทบทุกครั้งที่นิ้วขยับเข้าออก และริมฝีปากเคลื่อนขยับ นิทานแทบจะยืนทรงตัวไม่อยู่ ขาของเขาสั่นเทาจนแทบจะล้มพับ

                เมื่อสุดปลายทางที่ไม่อาจจะอดกลั้นได้ คนตัวเล็กก็ปลดปล่อยออกมา ไอศูรย์เป็นคนดื่มกินน้ำจากตัวของนิทานจนหมดสิ้น

                แม้คิดว่าเรื่องทรมานร่างกายจะจบสิ้นลง แต่กลับไม่ใช่อย่างนั้น เพราะช่องทางด้านหลังรับรู้ได้ถึงวัตถุบางอย่างที่ถูกจับยัดเข้ามาในร่างหลังจากที่รามิลถอนนิ้วทั้งสามออก ฟันคมงับก้นขาวนิ่มอย่างหมั่นเขี้ยว แล้วดันวัตถุสีชมพูสวยให้เข้าไปลึกในช่องทาง

                “นะ นายเอาอะไรใส่เข้ามาในตัวฉัน”

                ไม่เพียงแต่รามิล แต่ไอศูรย์เองก็หยิบบางสิ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกงของเขา มันเหมือนเส้นเชือกที่ถูกถักเป็นตาข่ายสีดำสนิท มีรูปทรงประหลาดเหมือนไว้สวมใส่วัตถุรูปร่างทรงกระบอก

                “ยะ หยุดนะ”

                เขาพยายามจะจับมือของไอศูรย์ แต่ทว่าร่างกายก็แทบจะดิ้นพล่าน เมื่อวัตถุกลมรีในช่องทางด้านหลังเริ่มสั่นสะเทือน ดวงตากลมเบิกกว้าง ร่างกายแทบจะเซล้ม หากแต่รามิลได้ประคองเอาไว้ทัน

                “นะ นี่มันอะไร”

                “อุปกรณ์เพิ่มความสนุกไงครับ”

                น้ำเสียงโรคจิตปนกระเส่าไม่ได้ทำให้นิทานสบายใจ เขาหวั่นใจและหวาดกลัวจนต้องยกมือผลักดันทั้งคู่ แต่เรี่ยวแรงก็เหมือนหายไป เชือกสีดำขลับถูกรัดไว้กับอวัยวะเพศชายที่กำลังตื่นตัว หากตื่นตัวจนเต็มที่ คงถูกบีบรัดจนเจ็บปวด

                “อะ เอามันออกไป”

                “เอาออกไปก็ได้นะครับ แต่มันจะต้องแทนที่ด้วยของพวกเราสองคนแทน ท่านประท่านอยากให้เอาออกไหมล่ะครับ หึหึ”

                มันไม่ใช่เพียงคำขู่ของรามิล แต่ทั้งสองพร้อมจะทำจริงเสมอ นิทานรู้ดีว่าทั้งคู่คงไม่จะสนใจสถานที่

                ปังๆๆๆ

                “ขอโทษครับ ข้างในมีคนอยู่ไหมครับ เปิดประตูที”

                ห้องน้ำแห่งนี้ มีประตูด้านหน้าที่ไอศูรย์ได้ล็อกเอาไว้ และภายในจะมีห้องน้ำย่อยๆอีกสามห้อง มันถูกล็อกจากประตูใหญ่ด้านหน้า เมื่อมีผู้อื่นที่จะเข้ามาใช้

งาน จึงไม่สามารถเข้ามาได้

                “จะให้ผมไปเปิดประตูดีไหมครับ”

                นิทานเบิกตากว้าง รีบจับแขนไอศูรย์เมื่อชายหนุ่มทำท่าจะเดินไปเปิดประตูห้องน้ำ เขาคงแทบคลั่ง หากคนงานในโรงงานมาเห็นเขาสภาพนี้ แล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

                “อย่า…ไม่ได้นะ”

                “งั้นเราก็คงต้องแต่งตัวให้ท่านประธานให้เรียบร้อยเสียก่อน”

                นิทานพยายามยืนนิ่งๆ เขาอยากจะก้มลงไปแต่งตัวให้ตัวเอง แต่ภายในร่างของเขากำลังมีวัตถุที่สั่นไม่หยุด มันกระตุ้นให้ความต้องการทางเพศเพิ่มมากขึ้น

                “อะ เอามันออกไปทีเถอะ ฉันจะไม่ไหว”

                ใบหน้าน่ารักบิดเบี้ยว ทั้งเสียว ทั้งทรมาน จนดวงตากลมเริ่มคลอไปด้วยหยาดน้ำ แม้จะยังไม่ได้มีอารมณ์สูงสุด แต่ก็ทำให้นิทานแทบจะขาดใจ

                “ถ้าท่านประธานอดทน จนงานเสร็จ พวกผมจะเอาออกให้ครับ”รามิลบอก

                เหมือนเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่ดี แต่สำหรับนิทานมันไม่ใช่เลยสักนิด ไม่ใช่ว่าเดินแค่นาทีสองนาทีแล้วทุกอย่างจะจบลง

                “ได้โปรด”

                แม้ไม่อยากวิงวอนแต่ก็จำเป็นต้องร้องขอ

                “ถ้าท่านประธานไม่ปล่อยออกมาก่อนจะเสร็จงาน ผมสัญญาว่าจะเอาออกให้ และไม่ทำอะไรคุณ”

                คำกล่าวของไอศูรย์ดูจริงจัง นิทานส่ายหน้ารัวเร็ว เขาคิดว่าตัวเองคงทนไม่ได้จนทำงานเสร็จเป็นแน่ เขาต้องการปลดปล่อยเดี๋ยวนี้

                “เอามันออกไปที”

                “งั้นผมจะไปเปิดประตูนะครับ”

                รามิลผละออกจะไปเปิดประตู นิทานรีบห้ามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ

                “ยะ อย่า ไม่เอานะ ไม่เปิด”

                “งั้นผมจะแต่งตัวให้นะครับ”

                ไอศูรย์ระบายยิ้ม แล้วก้มลงไปแต่งตัวให้กับคนตัวเล็กจนเสร็จเรียบร้อย นิทานกำมือแน่น เขาทั้งอาย ทั้งเจ็บใจ อยากจะทำร้ายร่างกายของทั้งคู่ แต่สภาพของเขาตอนนี้ก็น่าอายเกินกว่าที่จะทำแบบนั้น

                เพียงไม่นาน ทั้งสามก็เดินออกจากห้องน้ำ วัตถุที่สั่นในร่างกาย เบาแรงลงจนนิทานเริ่มจะชินขึ้นมา เขาเดินตรวจโรงงาน เพื่อดูความเรียบร้อยและสิ่งต่างๆ ถึงแม้จะเป็นประธานบริษัท  แต่การเข้าถึงแหล่งผลิตก็ถือว่าเป็นหน้าที่อย่างหนึ่งที่มาเป็นครั้งคราว ไม่ได้มาดูตลอด เขาต้องการรู้ว่าการทำงานในโรงงานนั้นเป็นอย่างไรบ้างด้วยสายตาของตัวเอง

                “ท่านประธานเหงื่อออกเยอะมากเลยนะครับ”

                นายธงชัย พนักงานที่เดินนำนิทานให้ดูสิ่งต่างๆในโรงงานเริ่มหันมาถามท่านประธานตัวน้อยที่ดูเหงื่อออกเยอะกว่าปกติ แถมยังดูเหนื่อยหอบ

                “มะ ไม่เป็นไร อากาศมันคงร้อนน่ะ”

                “อ่อ ครับ”

                นิทานหยุดชะงัก แทบจะทรุดล้ม เมื่อวัตถุในร่างกายสั่นรุนแรงมากขึ้น ฝีมือนั้นไม่ใช่ใครนอกจากรามิล สายตาที่จ้องมองเหยื่อตัวน้อยอย่างหื่นกระหาย ทำให้นิทานไม่อาจจะหันไปมองได้ คนตัวเล็กรีบก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆ พร้อมๆกับมองสิ่งต่างๆรอบกาย มีพนักงานหลายคนเข้ามาทักทาย เขากำลังภาวนาให้การเยี่ยมชมโรงงานในวันนี้เสร็จสิ้นลงเร็วๆ

                …การตั้งสติทำงานไปด้วย และรู้สึกเสียวซ่านไปด้วย มันช่างยากลำบาก…จนบางครั้งนิทานก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าทั้งไอศูรย์และรามิลเป็นเลขานุการที่ดี หรือว่าไม่ดีกันแน่…

                ยิ่งตื่นตัวมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งโดนเชือกนั้นบีบรัดแน่นจนเกิดความเจ็บปวด นิทานเดินสะดุดล้ม จนไอศูรย์เข้ามาประคอง

                “ไหวไหมครับ ท่านประธาน”

                เขาหันไปมองอย่างขุ่นเคือง ทุกอย่างเกิดขึ้นก็เพราะทั้งคู่กลั่นแกล้งเขา เห็นเขาเป็นของเล่น แล้วแบบนี้น่ะเหรอ ที่เรียกว่าคนรัก

                “ฉันจะฆ่านาย”

                “ใจร้ายจังนะครับ”

                รามิลหยอกเย้า นิทานประคองตัวเองให้ลุกขึ้น เขาทั้งเสียว ทั้งทรมาน แถมยังต้องกลัวว่าจะมีคนอื่นมารู้ว่าเขากำลังโดนกระทำเรื่องน่าอับอาย

                ความอดทนของนิทานเหมือนจะสัมฤทธิ์ผล เขาทนได้จนเดินออกจากโรงงาน เจ้าตัวรีบเดินตรงไปยังห้องน้ำ แม้มันอาจจะเดินช้าในสายตาบางคน แต่เขาก็ไม่อาจจะเดินไปได้เร็วกว่านี้

                “เดี๋ยวพวกผมช่วยเอาออกให้เองครับ”

                ไอศูรย์และรามิลเข้ามาช่วย หลังจากที่ทั้งคู่ล็อกประตูห้องน้ำแล้ว นิทานรีบยกมือปัดป่าย

                “ไม่ต้องเลยนะ เจ้าพวกโรคจิต ออกไปเลย”

                “ว่าพวกผมโรคจิต แต่ท่านประธานเองก็ตื่นตัวจนเป็นขนาดนี้เลยนะครับ”

                ว่าพลางแตะปลายนิ้วบนปลายยอดแก่นกายเล็กที่มันปริ่มไปด้วยหยาดน้ำ

                “ฉันไม่ได้ชอบสักนิด เจ้าพวกสารเลว ฉันเกลียดพวกนาย พวกนายมันเลว ต่ำช้า ฉันจะ อื้อ”

                ไม่ทันให้ด่าได้นานกว่านี้ ไอศูรย์ก็ก้มลงมากดจูบปิดปากเล็ก รามิลหัวเราะในลำคอเบาๆ ที่ท่านประธานตัวเล็กโดนกระทำลงโทษที่พูดจาไม่น่ารัก เขาก้มลงไปงับใบหู ร่างกายของนิทานร้อนผ่าวจนแทบจะทนไม่ไหว

                “อะ อื้อ อึก”

                เป็นจังหวะเดียวที่ไอศูรย์ดึงเชือกที่รัดแก่นกายเล็กออก คนตัวเล็กก็ปลดปล่อยออกมาทันที เพราะคิดว่าการเล่นสนุกครั้งนี้จบลงแล้ว แต่นั่นกลับไม่ใช่ เพราะกลายเป็นว่าทั้งสองกลับคลี่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

                “ท่านประธานปล่อยแบบนี้ได้ยังไงครับ แบบนี้ก็บอกให้พวกเรากินได้เต็มที่เลยน่ะสิ”รามิลยิ้มหวาน

                “มะ ไม่นะ”

                แต่เหมือนว่าคำกล่าวของนิทานจะถูกกลืนหายไปเสียอย่างนั้น เพราะคนตัวเล็กถูกจับอุ้ม จนแขนเล็กต้องโอบเกี่ยวรัดคอแกร่งของไอศูรย์เอาไว้เป็นที่ยึด ขาทั้งสองถูกยกขึ้นไปเกี่ยวเอวสอบ โดยมีรามิลซ้อนหลังประคองสะโพกสวย

                “พวกนายคงไม่คิดที่จะ”

                ภาพความอับอายที่เขาเคยมีอะไรกับทั้งสองไหลเข้ามาในหัว นิทานหน้าแดงก่ำ แต่ดูเหมือนความคิดของเขาจะเป็นจริงเสียแล้ว เพราะความเป็นชายร้อนรุ่มกำลังเสียดสีไปมาที่ช่องทางร้อนของเขา นิทานตัวสั่น กอดคอของไอศูรย์เอาไว้เสียแน่น เขาส่ายหน้าไปมา เริ่มหวาดกลัวเหมือนกับเด็กตัวน้อย

                “ไม่เอา ไม่เอา”

                มันเกินที่จะรับไหว หากจะต้องมามีเซ็กกับทั้งคู่ในห้องน้ำแบบนี้ นิทานตัวสั่นด้วยความกลัว เขาอยากจะขัดขืน แต่ก็ต่อต้านแรงของทั้งสองไม่ได้

                “แต่ท่านประธานทำผิด ปล่อยออกมาก่อนนะครับ”

                “แต่ฉันทำเสร็จงานแล้ว อึก พวกนายต้องเอามันออกไปจากตัวฉัน”

                ไอศูรย์มองหน้ารามิล วันนี้พวกเขาสองคนคงจะแกล้งท่านประธานตัวเล็กมากเกินไปจริงๆ ทั้งสองจึงอุ้มนิทานไปวางที่อ่างล้างหน้า

                “พวกเราไม่เข้าไปก็ได้ แต่จะทำยังไงล่ะครับ ในเมื่อมันตื่นแบบนี้แล้ว”รามิลแกล้งทำหน้าเศร้า

                นิทานไม่คิดว่าตัวเองทำอะไรผิดสักนิด เรื่องที่ทั้งคู่ตื่นตัวกันนั้น เขาไม่ได้เป็นคนทำ แต่ทั้งสองหื่นเอง แล้วมาโทษเขาต่างหาก

                “ท่านประธานต้องรับผิดชอบนะครับ ถ้าไม่อย่างนั้น ผมก็ไม่เอาออกให้ แล้วถ้าเอาออกเอง มันยากนะครับ”

                รามิลไม่ได้ขู่ แต่พูดความจริง เพราะเขายัดมันไว้เสียลึก เป็นการยากไม่ใช่น้อย ถ้านิทานจะพยายามสอดนิ้วเข้าไปดึงวัตถุที่สั่นในช่องทางหลังออกมา

                “ถ้าไม่ทำ ผมก็จะทำต่อจากเมื่อกี้”

                ไอศูรย์รั้งร่างนิทานให้ลงมา นั่งย่ออยู่กับพื้น ฝ่ามือร้อนลูบศีรษะเล็กอย่างแผ่วเบา

                “ใช้ปากกับมือ ช่วยพวกเราแล้วกันนะครับ”

                นิทานเงยหน้าไปจ้องทั้งคู่ด้วยสายตาที่ขุ่นเคือง แต่เขาก็ยอมทำตามอย่างไม่โต้เถียง เพราะนี่อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่เขาเลือกได้ในตอนนี้ ริมฝีปากร้อนผ่าวจึงรุกไล้เข้าไปกับสัมผัสกับความเป็นชายที่ตื่นตัวอย่างน่ากลัว แม้นิทานจะรู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำมันไม่ถูกต้อง แต่ร่างกายเขาก็เคลื่อนเข้าไปสัมผัสกับความใหญ่โตนั้นจนไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ ใช้ทั้งมือและริมฝีปากปรนเปรอทั้งคู่จนกระทั่งไปสุดปลายทาง

 

-------+++++-------

 

                สายลมพัดแผ่วเบาในยามค่ำคืน นิทานนั่งเล่นอยู่ที่เก้าอี้ม้าหินอ่อนที่หน้าบ้านรับลมเย็น ดวงตากลมน่ารักเหม่อลอยอย่างไร้จุดหมาย  เขาเผลอถอนหายใจออกมาเสียงดัง การใช้ชีวิตร่วมอยู่กับเลขานุการทั้งสองคนนั้นผ่านมาร่วมเดือนแล้วตั้งแต่ร่วมงานกันวันแรก

                “ขอแม่นั่งด้วยนะจ๊ะ”

                เสียงของมารดาเรียกสติที่หายไปของนิทานให้กลับมา เขาหันขวับไปหานิสา เธอส่งยิ้มให้กับลูกชายอย่างอ่อนโยน

                “ครับ”

                นิสานั่งลงข้างๆลูกชาย

“คิดอะไรอยู่เหรอลูก”

                “ผมกำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะครับ”

                นิทานบอกไปตามที่คิด เพราะเรื่องที่เขาคิดนั้นคงเป็นเรื่องเรื่อยเปื่อยจริงๆ แม้แต่เขาเองก็ยังสงสัย ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แต่ทำไมเขาถึงได้ปล่อยให้มันค้างคาแบบนี้ การทำงานระหว่างเขาและเลขานุการทั้งสองเป็นไปได้ด้วยดี ทั้งคู่คอยสนับสนุนเขาในเรื่องการทำงาน แต่มีบ้างบางครั้งที่เล่นสนุกกับเขา จนดูเหมือนกลั่นแกล้ง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ก่อให้เกิดผลเสียจนกระทบต่องานที่ได้รับมอบหมาย

                “เครียดเรื่องงานเหรอนิทาน”

                “เอ่อ ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”

                “แต่แม่ว่าพักนี้ลูกดูเหนื่อยๆนะจ๊ะ ไม่ค่อยได้กลับมาทานข้าวที่บ้านตอนเย็นเลย”

                ที่นิทานไม่ค่อยได้กลับบ้านมาทานมื้อเย็นกับครอบครัว นั่นก็เป็นเพราะว่าเจ้าตัวไปทานมื้อเย็นกับเหล่าเลขานุการทั้งสองแทบทุกวัน จากที่ตอนแรกรู้สึกเกร็งๆ และอึดอัด กลายเป็นว่าตอนนี้เริ่มจะชินขึ้นมา

                “ก็ไม่มีอะไรหรอกครับคุณแม่”

                “ไม่ใช่ว่านิทานไปเจอสาวคนไหนถูกใจอยู่หรอกนะจ๊ะ”

                คนตัวเล็กตาโตทันทีกับข้อสงสัยของมารดา นิสาหัวเราะออกมากับท่าทางของลูกชาย

                “เอ๊ะ หรือว่าแม่ไปพูดจี้จุดถูกขึ้นมากันนะ”

                “ไม่ใช่นะครับคุณแม่ ผมไม่ได้มีสาวที่ไหน”

                …แต่มีหนุ่มๆต่างหาก…

                นิทานตกใจกับความคิดของตัวเอง เราอยากตบสมองตัวเองให้หลุดออกมา เพราะไม่อยากจะเชื่อว่าประโยคนี้จะไปอยู่ในสมองของเขาได้

                “เอ…จริงเหรอจ๊ะ แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องงาน แล้วที่ลูกคิดมากแบบนี้ เป็นเรื่องอะไรกันล่ะ พอเดาว่าเป็นเรื่องความรัก ก็ไม่ใช่ซะอย่างนั้น”

                ความจริงที่เขาเผชิญอยู่ไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถบอกใครได้ง่ายๆ เขาไม่อยากให้มารดามากังวล และบิดาต้องผิดหวังในตัวของเขา ถึงเขาจะโง่ทำให้ถูกกระทำ แต่มันก็เป็นเพราะเขาเองที่ไม่ฉลาดมากพอที่จะจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นได้ แถมยังเผลอใจอ่อนไปกับเจ้าคนร้ายโรคจิตทั้งสองคนอีกด้วย

                “ถ้ามีอะไรก็บอกพ่อกับแม่ได้นะนิทาน อย่าเก็บไว้คนเดียว”

                “ผมสงสัยครับ”

                “หืม”

                นิทานเอนศีรษะพิงไหล่บางของนิสา เขาถอนหายใจออกมา

                “เป็นไปได้ไหมครับ ที่คนที่เขาทำไม่ดีกับเรา เขาจะรักเรา”

                “หมายความว่ายังไงน่ะลูก”

                เธอเลิกคิ้วมองลูกชายอย่างไม่เข้าใจนัก นิทานมองไปเบื้องหน้า เขาสับสนไปหมด ทั้งที่ควรกำจัดไอศูรย์และรามิลไปให้พ้นชีวิต แต่เขากลับทำไม่ได้

                “คุณแม่ตอบผมมาสิครับ”

                “อืม…”

                มือเรียวบางยกลูบผมนิ่มของลูกชาย เธอระบายยิ้มน้อยๆ

                “เรื่องของความรัก แม่ก็ไม่รู้ว่าแต่ละคนเป็นยังไงหรอกนะลูก พวกนิยามความรัก หรือการแสดงออกของแต่ล่ะคนก็ต่างกัน บางทีที่เขาทำไม่ดีกับเรา เขาอาจจะเรียกร้องความสนใจก็ได้ แต่ถ้าไม่ดีมากๆ แม่ว่าเขาอาจจะเกลียดเรา”

                “แต่ว่าถึงเขาทำเรื่องเลวร้ายกับเรา แต่เขาก็ยังทำดีกับเรา แบบนี้ เขาจะมีเหตุผลร้ายๆแอบแฝงหรือเปล่าครับ”

                “มันก็เป็นไปได้นะลูก ว่าแต่ที่ลูกถามแม่แบบนี้ เพราะว่าไปเจอคนที่ทำเรื่องไม่ดีกับลูกมาเหรอจ๊ะ”

                “ไม่ใช่ครับ”

                ได้แต่รีบปฏิเสธออกไปอย่างรัวเร็ว เขาไม่ต้องการให้มารดาต้องวิตกกังวลเรื่องของเขา นิสาระบายยิ้ม

                “เอ่อ ผมง่วงแล้ว ขอตัวไปนอนก่อนนะครับ”

                ชายหนุ่มยันกายลุกขึ้น แต่ไม่ลืมที่จะหอมแก้มมารดาแล้วส่งยิ้มหวานให้ เขาไม่ต้องการให้นิสาคิดมาก เธอได้แต่มองตามลูกชายที่เดินกลับเข้าไปในบ้าน

 

-------++++-----

 
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 15 ทนให้ได้
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 11-08-2016 14:03:52
(ต่อ)


                นิทานเข้ามาในบริษัท วันนี้มีการประชุมของบริษัท เขาและเลขานุการทั้งสองเข้ามาในห้องประชุม สายตาทุกคนในห้องประชุม จับจ้องที่เขากันเป็นตาเดียว

                “ฉันว่าวันนี้ดูแปลกๆนะ”

                รามิลหันไปคุยกับไอศูรย์ ร่างสูงพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงเห็นด้วย เขานั่งลงใกล้ๆกับประธานตัวน้อย

“วันนี้สีหน้าทุกคนดูไม่ค่อยดีเลยนะครับ มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าครับ”นิทานเอ่ยขึ้น พลางกวาดสายตามองบุคคลที่เข้าการประชุม

                “ค่ะ คงจะแสดงสีหน้าสบายใจไม่ได้ เมื่อทางฝ่ายตรวจสอบรายงานมาทางคณะกรรมการว่าพบความผิดปกติในการจัดซื้อสินค้าที่จะนำมาประกอบเป็นสินค้าต้นทุน”หนึ่งในคณะกรรมการเอ่ยขึ้น

                “ส่วนเอกสารตรงหน้าคุณนิทาน ก็คือเอกสารการสั่งซื้อวัสดุที่สูงกว่าราคามาตรฐานที่คุณนิทานเซ็นอนุมัติ จากการตรวจสอบฝ่ายจัดซื้อบอกว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ  เพราะท่านประธานเป็นคนเซ็นอนุมัติเอง”

                ชายวัยห้าสิบปีเอ่ยขึ้น เขาเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของบริษัท

                “อะไรนะครับคุณฉัตรชัย!”

                 นิทานอึ้งจนพูดไม่ออก เอกสารตรงหน้า แม้เขาจะเคยเห็น แต่ก็จำได้ว่าตัวเองไม่เคยเซ็นลงไป  ไอศูรย์รับเอกสารมาดูด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย

                “ผมเองก็ไม่เคยเห็นเอกสารพวกนี้”

                “ดูเหมือนว่ามันจะถูกเซ็นก่อนที่คุณจะมาเป็นเลขาของท่านประธานนะคะ”

                หนึ่งในคณะกรรมการเอ่ยขึ้น เพราะวันที่ที่ลงลายเซ็นนั้นเป็นช่วงสองเดือนก่อน

                “สิ่งที่คุณนิทานทำ ถือว่าเป็นการยักยอกเงินของบริษัท เป็นความผิดร้ายแรง พวกเราอยากให้คุณนิทานลาออกจากตำแหน่ง แล้วก็รับผิดชอบเรื่องเงินสั่งวัสดุอุปกรณ์ทั้งหมดที่มีปรับราคาของวัสดุ รวมทั้งยอมให้ดำเนินคดีทางกฎหมายด้วย”

                “แต่ผมไม่ได้เป็นคนเซ็นเอกสารพวกนี้”

                นิทานส่ายหน้ารัวเร็ว ใบหน้าซีดเผือด

                “แต่ลายเซ็นในนั้น เป็นของคุณนิทานนะคะ”

                “แต่คุณนิทานก็บอกแล้วไงครับ ว่าไม่ได้เซ็น”

รามิลกล่าวแย้ง ใบหน้าที่มักจะยิ้มแย้ม ในยามนี้กลับบึ้งตึงเต็มไปด้วยความไม่พอใจที่เหล่าคณะกรรมการต่างรุมปรักปรำท่านประธานตัวน้อย ถึงแม้รามิลและไอศูรย์จะจำได้ว่าในเอกสารคือลายเซ็นของนิทาน แต่เขาก็เชื่อว่านิทานไม่ได้โกหก นั่นทำให้คนตัวเล็กรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาอย่างที่ไม่เข้าใจในตัวเอง

                “หรือว่าที่จริงแล้ว พวกนายสองคน ก็มีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้ด้วย ถึงได้ช่วยกันปกป้องขนาดนี้”

                หญิงวัยกลางคนหรี่ตามองเลขานุการทั้งสองเป็นเชิงสงสัย

                “ผมยืนยันได้ครับ ว่าท่านประธานไม่มีวันหักหลังบริษัทแน่นอน”ไอศูรย์กล่าวด้วยสีหน้าที่จริงจัง

                “ผมไม่ยอมให้ท่านประธานโดนใส่ร้ายทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ตราบใดที่เรื่องนี้ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ พวกเราก็ไม่ยอมให้พวกคุณบอกให้ท่านประธานลาออกหรือดำเนินคดีทางกฎหมาย”รามิลเองก็ไม่ยอมเช่นกัน

                ราวกับว่ากำลังมีเกาะป้องกันที่แผ่รังสีปกป้องท่านประธานตัวน้อยเอาไว้ ทั้ง  รามิลและไอศูรย์ไม่ได้ต่างนกอินทรีย์ตัวใหญ่ที่กำลังกางปีกสยายปกป้องคนตัวเล็กไม่ให้คำพูดปรักปรำเหล่านั้นที่เปรียบเสมือนหอกแหลมและคมอาวุธมาทิ่มแทงให้เจ็บปวด

                ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมองเลขานุการทั้งสองที่ออกรับแทนเขา โดยไม่สนสายตาของเหล่าคณะกรรมการในที่ประชุม

                “ในเมื่อผมตกเป็นผู้ต้องสงสัย ดังนั้นในระหว่างนี้ ผมจะหยุดการทำงานเอาไว้ชั่วคราว แล้วให้คุณวสินช่วยรักษาการแทนผม ผมขอเวลาพวกคุณเพียงหนึ่งเดือนในการพิสูจน์ความจริง หวังว่าพวกคุณทุกคนจะให้ผมได้”

                เหล่าคณะกรรมการในที่ประชุมเริ่มปรึกษาคุยกัน แล้วก็ได้ข้อสรุป

                “ก็ได้ค่ะ พวกเราจะให้เวลาคุณนิทานแค่หนึ่งเดือนเท่านั้นเพื่อพิสูจน์ตัวเอง หากคุณไม่ได้ทำจริงๆ คุณต้องหาคนร้ายให้พบด้วย แต่ถ้าคุณทำผิดจริง ดิฉันก็หวังว่าคุณจะยอมรับความผิดของคุณนะคะ หวังว่าคุณจะรักษาสัญญานี้”

                นิทานยืดอก แล้วตอบทุกคนด้วยท่าทางที่ชัดเจน แม้ในใจจะหวาดกลัวมากแค่ไหนก็ตาม

                “ครับ ผมจะรักษาสัญญาอย่างแน่นอน”

               

 

 100%

แจ้งข่าวเรื่องพรีออเดอร์นิยายเรื่องนี้นะคะ

รายละเอียด จิ้มลิ้งเลยจ้า


http://www.tunwalai.com/chapter/695333/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C-10816-10916?page=1


(https://scontent.fbkk5-4.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/13921015_1798954423706061_9091839270985803961_n.png?oh=18037746fc02f037afccd4712c6f1422&oe=58574558)
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 15 ทนให้ได้
เริ่มหัวข้อโดย: aommama ที่ 11-08-2016 14:46:58
เห้ยยยยยยยยยย ใครบังอาจมาเเกล้งนิทานของฉันนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 15 ทนให้ได้
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 11-08-2016 14:58:21
ใครเป็นคนปลอมลายเซ็นหว่า  ใส่ร้ายกันชัดๆเลย
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 15 ทนให้ได้
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 11-08-2016 18:32:02
ตายล่ะ ใครทำอะไรอีกละเนี้ย o22 o22
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 15 ทนให้ได้
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 12-08-2016 02:22:40
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 16 ความจริง
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 12-08-2016 21:55:09
16

ความจริง

 

 

                ว่ากันว่า เพียงแค่มีเงินและอำนาจก็สามารถเปลี่ยนสีขาวให้เป็นดำ กลับผิดให้เป็นถูกได้ ถึงแม้ว่าบารมีของบิดาเขาจะยิ่งใหญ่มากแค่ไหน แต่นิทานก็ไม่เคยต้องการจะให้สิ่งนั้นมาเป็นตัวช่วยในการแก้ปัญหาของเขา เขาไม่อยากให้ทุกคนในบ้านต้องมาเป็นกังวล แต่ถึงอย่างไร ปัญหาที่เกิดขึ้นที่บริษัทก็ไม่อาจจะเล็ดรอดไปจากสายตาของผู้เป็นบิดาไปได้

                ก๊อกๆๆ

                นิทานมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องทำงานของธานินทร์ซึ่งอยู่ในบ้าน เขายังไม่เข้าไปข้างใน รอจนกระทั่งได้ยินเสียงบิดาอนุญาต จึงได้เข้าไป

                “มาแล้วเหรอลูก”

                “ครับ คุณพ่อ”

                ข่าวเรื่องที่นิทานยักยอกเงินบริษัทนั้นรู้ถึงธานินทร์ แต่เขาก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับภรรยาและลูกอีกทั้งสองคนของเขา

                “คุณพ่อครับ เรื่องนั้น”

                เมื่อทั้งสองนั่งลงที่โซฟาแล้ว นิทานก็อึดอัดใจเหลือเกินที่จะต้องพูดถึงเรื่องที่เขาไม่อยากจะพูดมันออกมา เพราะเขาเองไม่อยากนำปัญหามาทำให้คนในครอบครัวต้องกลุ้มใจไปด้วย

                “พ่อไม่คิดว่าลูกจะเป็นคนทำหรอกนะ”

                “ผมขอโทษครับ ที่ทำให้คุณพ่อผิดหวัง”

ใบหน้าน่ารักก้มต่ำลง เขารู้สึกผิดจากใจ ธานินทร์พ่นลมหายใจอย่างแผ่วเบา เขาไม่อยากโกรธเคืองลูกชาย ฝ่ามือใหญ่จับเข้าที่ไหล่เล็ก

                “อยากให้พ่อช่วยอะไรไหม”

                “ผมอยากลองต่อสู้ด้วยกำลังของตัวเองดูก่อนครับ ไม่อยากให้ทุกคนคิดว่าผมใช้อำนาจของคุณพ่อ”

                เพราะครอบครัวเขาถือหุ้นในบริษัทถึง 70 เปอร์เซ็นต์ นิทานไม่อยากให้ทุกคนคิดว่าเขาใช้อำนาจปิดบังความจริง ในครั้งนี้เขาต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าตัวเขาบริสุทธิ์

                “ถ้าหากมันเหนื่อยเกินไป ก็บอกพ่อได้นะลูก”

                “ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับคุณพ่อ”

                รอยยิ้มของเขาพอจะทำให้ธานินทร์สบายใจขึ้นมาได้บ้าง เขาเชื่อในตัวลูกชายว่าคงไม่ได้ยักยอกเงินในบริษัทอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เจ้าตัวยังไม่มีหลักฐานไปยืนยัน จึงยังตกเป็นผู้ต้องหา แต่เขาก็เชื่อว่าสักวัน ความจริงจะต้องปรากฏออกมา

 

-------+++++-------

 

                แม้นิทานจะไม่ได้ทำงานดังที่ให้สัญญาเอาไว้ แต่เขาก็ยังเข้ามาที่บริษัท เพื่อมาสืบหาความจริง ชายหนุ่มพบเจอกับเลขานุการทั้งสอง เขารู้สึกไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ไม่อยากจะให้ความสนใจ

                “ฉันไม่มีเวลามาเล่นสนุกกับพวกนายหรอกนะ พวกนายอาจจะสนุกที่เห็นฉันเจอเรื่องเลวร้าย แต่ฉันไม่สนุกด้วย”

                ถึงภายนอกนิทานจะดูเหมือนคนเข้มแข็ง แต่ลึกๆแล้วก็เหมือนจะเปราะบางแตกสลายได้ตลอดเวลา

                ในตอนนี้นิทานแทบไม่ได้คิดถึงเรื่องที่เขาโดนรามิลและไอศูรย์ข่มขู่ เพราะการที่ถูกกล่าวหาว่ายักยอกเงินในบริษัทนั้นทำให้เขาเสียชื่อเสียง รวมทั้งครอบครัวของเขาที่ต้องจะเสียชื่อเสียงตามไปด้วย ถ้าเขาไม่สามารถพิสูจน์ตัวเองว่าบริสุทธิ์ได้

                “พวกเราส่งเอกสารให้คนตรวจสอบลายเซ็นแล้วนะครับ”

                รามิลเอ่ยขึ้น เขาเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กที่ยืนเครียดอยู่ นิทานหันไปมองทั้งคู่ที่จัดการเร็วจนเขาไม่ทันได้สั่ง

                “พวกนายไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้”

                นิทานเมินหน้าหนี สภาพจิตใจเขาตอนนี้ไม่พร้อมที่จะโวยวาย เขาได้แต่ประชดประชันเพราะส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากความรู้สึกต่อต้านที่ตัวเองเหมือนเป็นเพียงแค่ของเล่นสำหรับทั้งคู่ เขาเองก็คิดเอาไว้แล้วว่าตัวเองไม่ได้เซ็นลงไป ลายเซ็นนั้นน่าจะเป็นของปลอม  แม้มันจะเหมือนที่ลายเซ็นเขามากแค่ไหนก็ตามที

                “ระหว่างนี้ พวกผมจะสืบถึงเอกสารที่เป็นปัญหา ท่านประธานไม่ต้องกังวล”ไอศูรย์เอ่ย

                “ต้องการอะไร”

                นิทานก้มหน้าถามเสียงเรียบ เหมือนว่าไม่พอใจ เขาเงยหน้ามองทั้งคู่ที่ยืนอยู่

                “พวกนายกลัวว่าฉันจะต้องถูกไล่ออกใช่ไหม เลยกลัวว่าจะไม่มีงานทำ”

                “มองโลกในแง่ร้ายจังเลยนะครับเนี่ย”

                รามิลคลี่ยิ้ม แล้วขยับเข้ามาใกล้นิทาน เขาย่อกายคุกเข่าข้างเดียว จับมือเล็กมาจูบอย่างปลอบโยน แล้วเอ่ยต่อพร้อมกับรอยยิ้ม

                “พวกผมเป็นคนรักของท่านประธานนะครับ”

                “ทำไมต้องคิดว่าพวกเราทำเพื่อเรื่องแค่นั้น”

                ไอศูรย์เข้ามาใกล้ แล้วหย่อนกายนั่งลงข้างๆ จับใบหน้าน่ารักให้หันมามองเขา

                “ไม่ว่าใครก็จะทำร้ายท่านประธานไม่ได้ นอกจากพวกเรา”

                เกือบจะซึ้งกับทั้งคู่ไปแล้ว ถ้าไม่สะดุดกับประโยคที่รามิลกล่าวออกมา สุดท้ายยังไงเสียทั้งสองก็ไม่ต่างจากพวกโรคจิตอยู่ดี

                “พวกนายมันโรคจิต”

                “โรคจิต…คำพวกนี้มันก็นิยาม สำหรับบางคน คนบางจำพวกคือโรคจิต แต่สำหรับพวกเรา ก็คือปกติ สำหรับคนรักกัน”

                ไอศูรย์อธิบาย แต่นิทานไม่อยากจะฟัง แต่ถ้าคิดตามในอีกมุมมองหนึ่งก็อาจจะเป็นอย่างนั้น ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะมีคนกำหนดขึ้นมา แล้วถ้าเขาเชื่อว่าทั้งสองคิดว่าเขาเป็นคนรักจริงๆ แล้วมันจะเป็นอย่างไรต่อไป

                “พวกเราสองคนเป็นเลขาของท่านประธาน และยังเป็นคนรัก ถ้าท่านประธานต้องการให้พวกเราช่วยอะไร ก็บอกมาได้เลยนะครับ”

                รอยยิ้มสวยของรามิลทำให้นิทานรู้สึกสบายใจขึ้นมา ไอศูรย์เองก็จับมือเล็กมากุมกระชับเอาไว้เหมือนเป็นการส่งกำลังใจให้ นิทานระบายยิ้มจางๆ

                “พอได้แล้ว ออกไปห่างๆเลย”

                “ถ้าพวกเราทำงานได้ดี ท่านประธานจะให้รางวัลได้ไหมครับ”

                รามิลขยับตัวเข้ามาคลอเคลีย นิทานขยับตัวหลบ แต่ก็กลายเป็นว่าไปเบียดชิดกับไอศูรย์แทน

                “พวกนายก็คิดจะทำดีหวังผล”

                คนตัวเล็กรีบเอ่ยออกไปเหมือนตำหนิ แต่กลับทำให้ทั้งคู่เข้ามาคลอเคลียมากขึ้น ปลายจมูกโด่งเฉียดที่แก้มนิ่ม

                “ก็ผลที่ได้รับมันน่าให้หวังนี่ครับ”

                ถึงแม้เขาจะเคยมีเซ็กกับทั้งสองมาแล้ว แต่ก็แค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น หลังจากวันที่มีเซ็กครั้งแรก ถึงแม้จะโดนลวนลามก็จริง แต่ก็ไม่ได้มีการสอดใส่เข้ามา

                “ถ้าปัญหาครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี ท่านประธานจะยอมไหมครับ”

                ไอศูรย์เป็นคนตั้งคำถาม ในขณะที่รามิลไม่ละสายตาจากใบหน้าหวาน

                “ยอมหรือไม่ยอม พวกนายก็บังคับฉันอยู่แล้ว”

                เหมือนประชดประชันใส่ รามิลอมยิ้มกับท่าทางน่ารักที่เหมือนเด็กกำลังงอนอย่างหนัก นิทานสะบัดหน้าหนีทั้งคู่

                ลำพังปัญหาเรื่องยักยอกเงินบริษัทก็มากพอแล้ว นี่เขาต้องมากังวลเรื่องของเจ้าคนโรคจิตแสนเจ้าเล่ห์ที่อยู่ข้างกายอีก

                “การบังคับเพื่อให้ได้มาครอบครองครั้งแรกเป็นเพียงการเริ่มต้น แต่ถ้าอยากให้เป็นของเราตลอดไป ก็ต้องเป็นการยินยอม”

                นิทานอึ้งไปกับความคิดของไอศูรย์ที่อีกฝ่ายยอมบอกสิ่งในใจออกมา นิทานรู้สึกหมั่นไส้ ผลักไสทั้งสองให้ออกห่างแล้วรีบยันกายลุกขึ้นด้วยแก้มที่ขึ้นสีเพราะสายตาที่ทอดมองมาเหมือนปรารถนาในตัวของเขาอย่างรุนแรง

 

-------+++++--------

 

                การตรวจสอบลายเซ็นบนเอกสาร ได้ผลออกมาว่า เป็นลายเซ็นปลอม ทำให้ นิทานพ้นข้อกล่าวหา แต่ถึงกระนั้น ก็ใช่ว่าจะพ้นความผิดทั้งหมด เพราะเขายังต้องหาตัวคนที่ทำความผิดเรื่องนี้มาให้ได้ เนื่องจากเจ้าตัวได้ให้สัญญากับคณะกรรมการบริษัทไปแล้ว

                “เอกสารฉบับนี้ ท่านประธานก็เคยอ่านแล้วใช่ไหมล่ะครับ”

                รามิลถามย้ำ ในขณะที่ทั้งสามกำลังนั่งคิดหาวิธีการเพื่อสืบหาคนร้ายที่แท้จริง นิทานพยักหน้าตอบรับ เขาเคยอ่านเอกสารฉบับนี้แล้ว แต่ทว่าไม่ได้เซ็น จึงได้ส่งเอกสารกลับไป แต่ก็ไม่รู้ว่าเอกสารนั้นผ่านมือใครบ้างก่อน จนได้รับลายเซนปลอมในการอนุมัติ

                “แล้วเราจะรู้ได้ยังไง ว่าใครเป็นคนปลอมลายเซ็นนี้ขึ้นมา”

รามิลหันไปถามไอศูรย์ ทั้งคู่ครุ่นคิด

“มีความจำเป็นที่เราจะต้องรู้ว่าเอกสารเดินทางไปที่ไหนบ้าง”

“มีความเป็นไปได้ไหมว่า เอกสารจะถูกขโมยไปก่อนที่จะไปถึงฝ่ายจัดซื้อ”

นิทานถามบ้าง เขาเริ่มคิดหนักว่าใครกันแน่ที่เป็นคนทำเรื่องพวกนี้ ความผิดที่ยักยอกเงินบริษัท เขาต้องจับตัวคนร้ายให้ได้

“ผมจะไปรวบรวมข้อมูลการเดินเรื่องเอกสาร เพราะก่อนหน้านี้ที่พวกเราจะมาเป็นเลขาให้ท่านประธาน เอกสารได้ส่งต่อไปหลายทอด”ไอศูรย์พูดขึ้น

“งั้นแสดงว่า พอพวกนายมาทำงานกับฉัน นายเอาเอกสารที่ฉันพิจารณาแล้วไปถึงฝ่ายต่างๆเองกับมือเลยใช่ไหม”

“ครับ”

เพราะมีคนคอยดูแลถึงสองคน ไอศูรย์จึงเป็นฝ่ายจัดการเรื่องการรับส่งเอกสารที่นิทานต้องอ่านและเซ็นทั้งหมด เขาไม่ได้ปล่อยให้เอกสารต้องถูกส่งผ่านหลายมือจนเกินไป ชายหนุ่มทั้งสองมักจะตรวจสอบเอกสารทั้งหมดก่อนเสมอ

“ท่านประธานได้สงสัยใครบ้างไหมครับ”

รามิลถาม แต่นิทานก็ส่ายหน้าไปมาอย่างช้าๆ เพราะเขาเองก็คิดไม่ออกว่าควรสงสัยใคร การทำงานเป็นประธานบริษัทไม่ได้ราบรื่นนัก นิทานรู้ดีว่าเขายังอ่อนประสบการณ์และที่สำคัญเขาเองก็ไม่ได้บริหารเก่งเทียบเท่าบิดา

“แต่ก็มีความเป็นไปได้ ว่าอาจจะเป็นคนจากฝ่ายจัดซื้อสินค้า”

“แบบนั้นมันไม่อันตรายไปหน่อยหรือไง”รามิลพูดบ้าง

“หรือว่าจะเป็นคนจากฝ่ายอื่น ที่ต้องการใส่ร้ายฉัน”

“แต่ก็เป็นไปได้ครับ ว่าอาจจะเกิดจากการร้อนเงิน เลยทำแบบนี้ เพราะมูลค่าค่าเสียหายก็หลายล้านบาท แต่ตอนนี้เรายังหาสาเหตุไม่ได้ เพราะเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเอกสารฉบับนี้ ถูกส่งผ่านไปมือใครบ้าง ก่อนจะถึงฝ่ายจัดซื้อสินค้า”ไอศูรย์หน้าเครียด

“แล้วถ้าดูกล้องวงจรปิด จะช่วยได้บ้างหรือเปล่า”

นิทานเสนอความเห็น แม้จะรู้สึกมืดแปดด้าน แต่ก็อยากจะหาทางออกให้ดีที่สุด รามิลและไอศูรย์มองหน้ากัน

“ลองดูก็ได้ครับ แต่ท่านประธานพอจะจำวันที่อ่านเอกสารได้ไหมครับ

ว่าเป็นวันไหน”
                “ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะมันนานมากแล้ว แต่ก็น่าจะใกล้ๆกับเวลาที่ปรากฏในเอกสาร”

“งั้นเอาเป็นว่าพวกเราจะไปหาคลิปจากกล้องวงจรปิด แล้วมาไล่ตรวจสอบนะครับ”

“อืม”

นิทานค่อนข้างที่จะเห็นด้วยว่าอาจจะหาคนที่เป็นคนเดินเอกสารเหล่านั้นได้ ทั้งสามได้นำคลิปจากกล้องวงจรปิดตั้งแต่หน้าห้องของนิทาน ในเวลาสองเดือนก่อนไล่ดู ใช้เวลาอยู่ร่วมสัปดาห์ กว่าจะไล่หาวันเจอ

“แบบนี้ก็ยากเอาเรื่องเลยนะ เพราะเอกสารที่เข้าออกจากห้องท่านประธานนั้นมีแทบทุกวัน”   

สุดท้ายชายหนุ่มผู้อารมณ์ดีก็มองวิดีโอจนตาแฉะ นิทานพยักหน้าเห็นด้วย ปิดเปลือกตาลงเล็กน้อยอย่างผ่อนคลายสายตา

“อย่ากังวลไปเลยครับ นักสืบที่ผมส่งไปจะต้องทำงานได้เรื่องเร็วๆนี้แน่ครับ”

ชายหนุ่มขยับกรอบแว่นตา นิทานลืมตามองไอศูรย์ ช่วงเวลาเพียงเดือนเดียว ไม่ได้ยาวนานมากนัก นิทานเหน็ดเหนื่อยกับการสืบหาข้อมูล

“พรุ่งนี้พวกเราจะเข้าไปคุยกับบริษัทที่ส่งวัสดุครับ”ไอศูรย์พูดต่อ

“ฉันไปด้วย”

                นิทานไม่อาจจะทนได้ เขาอยากเคลียร์เรื่องนี้ให้เร็วที่สุด ไอศูรย์และรามิลมองหน้ากัน

                “ที่จริงเรื่องนี้ ท่านประธานไม่จำเป็นต้องจัดการเอง ให้เป็นหน้าที่เลขาอย่างพวกผมก็พอแล้วครับ”
                “จะให้ฉันทำแบบนั้นได้ยังไง นี่มันเป็นปัญหาของฉันนะ”

                คนตัวเล็กไม่ยอมง่ายๆ รามิลระบายยิ้มอย่างอ่อนโยน แล้วก้มลงไปจูบแก้มนิ่ม จนนิทานหันขวับไปมองอย่างขุ่นเคือง

                “ฉวยโอกาส”

                “แค่ขอกำลังใจเท่านั้นเองนะครับ”

                ว่าแล้วก็ขยิบตาส่งให้  เขาได้ยินไอศูรย์หัวเราะในลำคอหึๆ นิทานจึงอดไม่ได้ที่จะปรายตามองเหมือนไม่พอใจ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้แสดงท่าทางสะทกสะท้าน กลับยื่นหน้าเข้าไปหานิทาน

                “ของผมด้วยสิ”

                “จะบ้าหรือไง! พวกนายมันบ้า!”

                เมื่อไม่อาจจะต่อสู้ด้วยกำลังและความเจ้าเล่ห์ได้ นิทานก็ยันกายจะลุกหนีเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ไอศูรย์ไม่คิดจะยอม เขาจับข้อมือเล็กแล้วรั้งกายนิทานให้เซล้มลงมานั่งทับบนตักแกร่ง  แขนยาวแข็งแรงโอบกอดรอบเอวเล็ก

                “ตัวอุ่นดีจังเลยนะครับ”

                “ปะ ปล่อยนะ”

                สัมผัสอ่อนโยนทำให้นิทานใจเต้นแรง รามิลเข้ามาหาจากข้างหน้า แล้วยกมือลูบไล้กลุ่มผมนิ่ม

                “พวกผมอยากจะกินท่านประธานจะแย่แล้วนะครับ”

                ทันทีที่ได้ฟังรามิลพูด ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง เขาดิ้นขัดขืนไอศูรย์ที่เริ่มมืออยู่ไม่เป็นสุข จะอ้าปากร้องห้าม แต่ก็โดนรามิลก้มลงมาจูบปิดปาก

                “อื้อ”

                เสียงครางหวานดังในลำคอ ปากสวยโดนรุกล้ำ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ร่างกายเขาโดนสัมผัส บางครั้งก็ปลอบโยน บางครั้งก็รุกเร้าจนแทบหายใจไม่ทัน ครั้งนี้เองก็ไม่ต่างกัน ช่างร้อนรุ่มจนนิทานแทบจะทนไม่ไหว เขาหลับตาลง ยกมือไปจับต้นแขนทั้งสองของรามิล

                …ลืมไปเสียสนิท ว่าที่ยอมไปเพราะอะไร…

                สัมผัสที่ทำให้รู้สึกดี ทำให้นิทานเผลอปล่อยให้ทั้งคู่ได้สัมผัสจนพอใจ เขาเบี่ยงตัวหลบ เพราะถ้ามากกว่านี้ สติของเขาคงต้องกระเจิง

                “ถ้าเรื่องราวคลี่คลายเมื่อไหร่ ต้องให้รางวัลนะครับ”

                ไอศูรย์ยังคงย้ำเตือน แม้การทำงานช่วยเขา จะบอกว่าในฐานะเลขานุการ และในฐานะคนรัก แต่ก็ยังแฝงไปด้วยความเอาเปรียบเขาอยู่ดี

                “พวกนายมันนิสัยไม่ดี”

                “ถ้านิสัยไม่ดี แล้วได้อยู่กับท่านประธานตลอดไป ผมก็ยินดี”

                นิทานไม่อยากจะเผลอหลงไปกับคำพูดของรามิล เพราะถึงคำพูดชวนใจเต้น แต่สายตาที่ส่งมาก็เต็มไปด้วยความกระหายจนเขาขนลุกซู่ แต่น่าแปลกที่เขาไม่ได้รู้สึกรังเกียจหรือขยะแขยง

                …นี่คงเป็นสิ่งที่นิทานรู้สึกว่าน่ากลัวกว่าสิ่งใดๆ…

 

-------+++++-------

 

                การสืบหาความจริงเริ่มได้เบาะแสมากขึ้น บริษัทที่ได้ทำการส่งวัสดุให้กับทางบริษัทที่นิทานบริหารงานอยู่มีความสัมพันธ์ที่ติดต่อกับใครคนหนึ่ง  ทั้งไอศูรย์และรามิลเหมือนเป็นนักสืบชั้นเยี่ยม จนนิทานคิดไม่ถึง

                “คลิปจากกล้องวงจรปิด พวกเราก็ได้คนที่น่าสงสัยอยู่สามคนที่เข้าออกห้องเก็บเอกสารก่อนส่งไปที่ส่วนต่างๆอยู่ตลอด”

                ไอศูรย์เลื่อนเอกสารที่มีรายชื่อ และใบหน้าของบุคคลที่มีการเคลื่อนไหวที่น่าสงสัย นิทานไล่สายตามองดูรูปแต่ละคนแล้วเงยหน้ามองอีกฝ่าย

                “ผมคิดว่าเรื่องนี้ต้องมีเบื้องหลังอย่างแน่นอนครับ คนที่ทำเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่พนักงานธรรมดา แต่ดูเหมือนว่าต้องการใส่ร้ายท่านประธานและต้องการให้ท่านประธานออกจากตำแหน่ง”

                รามิลวิเคราะห์จากข้อมูลทั้งหมดที่ได้รับมา ตอนนี้เขาและไอศูรย์เริ่มมีความมั่นใจขึ้นมาบ้างแล้ว เหลือเพียงแค่อีกนิดเดียว พวกเขาก็จะสามารถระบุตัวคนร้ายได้แล้ว

                “เหลือเวลาอีกแค่เจ็ดวัน พวกเราจะสืบเรื่องนี้ทันหรือเปล่า”นิทานกังวล

                “แล้วคุณไว้ใจพวกผมไหมล่ะครับ”

                ไอศูรย์สบตากับนิทาน แม้ไม่อยากจะเชื่อ แต่ความสามารถในการทำงานของเลขานุการทั้งสองก็ไม่ได้ทำให้นิทานผิดหวังเลยจริงๆ

                เพราะสุดท้ายแล้ว ในวันที่เข้าประชุมอีกครั้ง นิทานได้หลักฐานทั้งหมดที่สามารถหาตัวคนร้ายได้ ความดีความชอบนี้คงไม่อาจจะยกใครได้นอกเสียจากไอศูรย์และรามิล ที่ช่วยเขาสืบหาจนพบกับคนร้ายที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด

                ความจริงปรากฏ เมื่อคนที่วางแผนกลั่นแกล้งเขาก็คือคณะกรรมอาวุโสท่านหนึ่ง ที่เคยมีแนวโน้มว่าจะได้รับเลือกเป็นประธานบริษัท แต่ทว่าเพราะนิทานได้รับเลือกเป็นประธานบริษัทแทนตัวเอง จึงทำให้เกิดความคับแค้นใจและพยายามใส่ร้ายเพื่อให้นิทานได้หลุดออกมาจากตำแหน่ง

                ปัญหาทุกอย่างได้คลี่คลาย นิทานหลุดพ้นจากข้อครหา และกลับมาทำงานได้เหมือนดังปกติ คนตัวเล็กกลับมานั่งพักในห้องทำงาน เมื่อสิ้นสุดการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง

                “สบายใจขึ้นแล้วใช่ไหมครับ”

                รามิลยื่นหน้ามาถามคนตัวเล็ก นิทานสะดุ้งเฮือกลืมตาขึ้นมาอย่างตกใจ เมื่อเห็นใบหน้าของชายหนุ่ม

                “ทะ ทำอะไรของนาย”

                “แค่ดีใจน่ะครับ ที่ดูเหมือนท่านประธานจะเหนื่อยจนอยากหลับให้สบาย ให้ผมอุ้มไปที่โซฟาไหมครับ”ว่าพลางยิ้มกริ่ม

                “อยู่เฉยๆน่าจะดีกว่านะ”

                ไอศูรย์เปิดประตูเข้ามาในห้อง เขามาพร้อมน้ำหวานแก้วใหญ่ แล้วเข้ามาหาคนตัวเล็ก

                “น้ำครับ ดื่มสักนิด น่าจะทำให้สดชื่นขึ้น”

                “ดื่มน้ำแล้ว เดี๋ยวผมอุ้มไปนอนพักดีกว่านะครับ”

                รามิลยังไม่หยุดเซ้าซี้ด้วยน้ำเสียงที่น่าฟัง นิทานหลบสายตาทั้งคู่ รับน้ำหวานมายกจิบ

                “เอ่อ ฉันอยากพัก พวกนายออกไปได้แล้ว”

                เกือบตลอดหนึ่งเดือน นิทานนอนหลับไม่ค่อยสนิท เพราะกังวลกับเรื่องที่โดนกล่าวหาว่ายักยอกเงินบริษัท พอทุกอย่างคลี่คลาย เขาก็แทบจะหมดแรง ไม่อยากจะคิดอะไรอีก

                นิทานมองชายหนุ่มทั้งสองที่เข้ามาจูบหน้าผากเขา ก่อนจะเดินออกจากห้อง มีเพียงประโยคแผ่วเบาที่ดังขึ้นแม้เปลือกตาคนพูดจะปิดลง แต่ก็ทำให้เลขานุการทั้งคู่คลี่ยิ้มกับถ้อยคำที่ได้ยิน

                “ขอบใจนะ”



100%

แจ้งข่าวเปิดพรีจ้า



เปิดพรีออเดอร์ จิ้มลิ้ง

รายละเอียดพรี
เด็กดี http://goo.gl/ElehDg
ธัญ http://goo.gl/CMbGlR


(https://scontent.fbkk5-4.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/13876702_1798954070372763_2696988640485984468_n.png?oh=c4cbb7cbf17f50dce10fec5152b549a2&oe=58526D0F)


 

 
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 16 ความจริง
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 12-08-2016 22:09:10
ปัญหาที่เกิดขึ้นก็เป็นอีก1เรื่องที่บอกได้ว่าไอศูรย์กะรามิลสามารถดูแลปกป้องนิทานได้ ทำงานดีและเร็ว เว้นแค่หื่น+จิตเบาๆเท่านั้นแหละ 55555555 นิทานเองก็เริ่มใจอ่อนนิดนึงแล้วซิ  :katai3:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 16 ความจริง
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 12-08-2016 23:46:20
คลี่คลายได้อย่างรวดเร็ว สมแล้วที่เป็นสามีที่ดี(รึเปล่า?? 5555 หวังผลทั้งคู่เลย)
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 16 ความจริง
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 12-08-2016 23:54:05
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 16 ความจริง
เริ่มหัวข้อโดย: mintbm ที่ 13-08-2016 01:31:50
สงสารนิทานก็สงสาร แต่ทั้งรามิลและไอศูรย์ก็เพิ่งได้จริง :katai2-1: แต่จิตและหื่นแรงมากก  :impress2:
จะมีตอนนิทานเอาคืนมั้ยน๊าาา :mew2:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 16 ความจริง
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-08-2016 08:18:09
รามิล ไอศูรย์ ไม่เก่งแค่ลวนลามนิทาน
เรื่องงาน สืบสวนก็เก่งด้วย
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 16 ความจริง
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 13-08-2016 19:41:27
อุ๊ต๊ะ! ตอนนี้เเลดูเป็นคนดีนะคะ
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 16 ความจริง
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 13-08-2016 23:12:53
ต้องไม่ใช่เลขาธรรมดาๆๆแน่ๆๆอ่พ
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 16 ความจริง
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 13-08-2016 23:31:09
ในที่สุดก็หาตัวคนร้ายได้

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 16 ความจริง
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 14-08-2016 00:23:16
ยังรู้สึกแปลกๆกับความสัมพันธ์ของทั้งสามคนเนอะ
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 16 ความจริง
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 14-08-2016 11:22:47
นิทานโดนกลั่นแกล้งตลอดๆ
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 16 ความจริง
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 14-08-2016 18:39:53
เป็นความรักที่แปลกดี  :ruready
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 16 ความจริง
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 15-08-2016 20:48:08
หลังจากนี้ไปนิทานจะมีความสุข(สม) ไหมหนอ  :hao7:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 16 ความจริง
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 16-08-2016 16:30:14
มาติดตามๆ สองหนุ่มเลขาฯนี่ขี้แกล้งจริงๆ
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 16 ความจริง
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 17-08-2016 10:47:35
เรื่องร้าย ๆ ผ่านไปและเนอะ
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 17 พักผ่อน
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 18-08-2016 20:27:21
17

พักผ่อน

 

 

                เมื่อได้ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายร่วมกับเลขานุการจอมร้ายกาจทั้งสอง สายตาและความคิดของนิทานที่มองทั้งคู่ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป ทั้งที่เมื่อก่อนคิดว่าไอศูรย์และรามิลช่างเป็นคนที่น่ารังเกียจ แต่ในตอนนี้กลับมองทั้งคู่ในแง่ดีขึ้นมากกว่าแต่ก่อน ถ้าไม่นับรวมว่าชอบมาเล่นสนุกกับร่างกายของเขา ทั้งสองก็นับว่าเป็นคนที่ทำงานได้เก่งคนหนึ่งเลยทีเดียว

                “วันนี้ท่านประธานจะทานมื้อเที่ยงที่ห้องไหมครับ”

                ท่าทางตั้งใจทำงานจนลืมเวลาของคนตัวเล็ก ทำให้รามิลที่นั่งสังเกตอยู่ตลอดต้องถามออกไป

                “เอาสิ พวกนายจะสั่งมากินด้วยกันก็ได้นะ”

                เขาตอบไปโดยไม่ได้มองหน้าของรามิล แต่คำตอบนั้นก็ทำให้ชายหนุ่มแทบจะลิงโลดอย่างมีความสุข

                อาหารถูกสั่งให้มาส่งที่ห้องทำงาน ทั้งสามนั่งทานกันพร้อมหน้า ความรู้สึกอึดอัดที่นิทานเคยมีให้กับทั้งคู่เริ่มเลือนหายไปบ้างแล้ว

                “อร่อยไหมครับ”

                รามิลถามขึ้น เมื่อเห็นคนตัวเล็กเริ่มลงมือทานด้วยสีหน้าที่สบายใจ นิทานรู้ตัวว่าตัวเองเผลอแสดงท่าทีที่ผ่อนคลายจนเกินไป เลยพยายามปรับเปลี่ยนท่าที ไม่อยากให้ทั้งสองได้ใจ

                “ก็ดี”

                “เสาร์นี้พวกเราไปเที่ยวกันดีไหมครับ”

                รามิลถามอีกอีกครั้ง พลางเหลือบตามองไอศูรย์ที่กำลังยกน้ำขึ้นดื่ม ชายหนุ่มวางแก้วน้ำลงแล้วมองหน้าท่านประธานตัวน้อย

                “ทำไมฉันต้องไปเที่ยวกับพวกนายด้วย”

                “พักนี้พวกเรามัวแต่วุ่นๆกัน ผมว่าพวกเราน่าจะไปเดทกันบ้าง”

                ไอศูรย์เอ่ยขึ้น ซึ่งรามิลก็เห็นด้วย นิทานหันหน้าหนี เขาพรูลมหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา

                “แล้วถ้าฉันไม่ไป”

                “คนรักกัน ถ้าไม่ยอมไปเดทด้วยกัน มันไม่แปลกเหรอแย่เหรอครับ”รามิลถามด้วยสีหน้าที่เหมือนตัดพ้อเล็กน้อย

                “ฉันไม่เคยคิดจะยอมรับพวกนายเป็นคนรักสักหน่อย”

                นิทานบ่นอุบอิบ รามิลและไอศูรย์มองหน้ากัน รอให้นิทานได้ทานจนอิ่ม แล้วจึงเก็บจาน

                “เอาเป็นว่าเสาร์นี้ผมจะไปรับท่านประธานที่บ้านนะครับ”

                พูดทิ้งท้ายไว้ แล้วไอศูรย์ก็เดินออกจากห้องไป รามิลกดยิ้มมุมปาก แล้วกลับมายังโต๊ะทำงานของตัวเองเหมือนเดิม ในขณะที่นิทานยังคิดไม่ตกกับการไปเดทในวันเสาร์นี้

                การได้ทานอาหารร่วมกับไอศูรย์และรามิล เหมือนจะเป็นเรื่องปกติประจำวัน เขาไปทานมื้อเย็นกับทั้งสองจนเริ่มชิน แต่ก็ไม่ได้ไปทุกวัน เพราะเขาเองก็อยากให้เวลากับครอบครัวบ้าง

                ความสัมพันธ์ของพวกเขาพัฒนาไปอย่างไม่รวดเร็วมากนัก หากบอกว่าทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไปก็คงเป็นไปได้ เขาอยากมองทั้งคู่ในแง่ดีมากกว่านี้  แต่เพราะจุดเริ่มต้นของพวกเขาคือการหลอกลวงและกลั่นแกล้ง ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้นิทานลืมไม่ลง

                “นิทาน วันนี้จะไปไหนเหรอลูก”

                นิสาเดินเข้ามาถาม เมื่อเห็นบุตรชายแต่งตัวเหมือนจะออกไปข้างนอกด้วยเสื้อผ้าที่ไม่เป็นทางการนัก การสวมเสื้อผ้าสบายๆพอดีตัว ทำให้ท่านประธานตัวน้อยเหมือนกลับไปเด็กนักเรียนวัยมัธยมปลายอีกครั้ง เพราะรูปร่างที่เล็กและใบหน้าที่อ่อนเยาว์

                “ผมจะออกไปเที่ยวนิดหน่อยน่ะครับ”

                “แล้วไปยังไงล่ะจ๊ะ ให้คนขับรถ ขับไปส่งไหมลูก”

                “ไม่เป็นไร ผมแค่อยากพาเลขาไปผ่อนคลายบ้าง คุณแม่อย่าห่วงเลยนะครับ”

                นิทานหิ้วกระเป๋าเดินทางใบเล็กเดินออกจากบ้าน รถยนต์ของไอศูรย์มาหยุดจอด รามิลลงมาเปิดประตูให้กับนิทาน

                “ขอบใจ”

                เขากล่าว แล้วเข้าไปนั่งที่เบาะหลัง

                “พวกนายจะพาฉันไปไหน”

                ถามเพราะนิทานไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขากำลังจะไปไหน แม้สมองจะสั่งห้ามไว้ว่าห้ามไปไหนค้างคืนกับเจ้าจอมวายร้ายสองคนเด็ดขาด แต่ความรู้สึกบางอย่างที่ไม่อยากจะคิดว่าคืออะไรก็สั่งให้เขาตอบตกลงออกไป นิทานคิดว่านั่นเป็นเพราะว่าเขากลัวว่าความลับของเขาจะถูกเปิดเผยเขาถึงได้ยอมทั้งคู่แบบนี้

                “เป็นความลับครับ”

                รามิลหันมาตอบ ในขณะที่ไอศูรย์กระตุกยิ้มที่มุมปาก รถยนต์เคลื่อนที่ต่อไปเรื่อยๆ

“ถ้าท่านประธานเหนื่อย ก็พักสายตาก่อนก็ได้นะครับ”

ยังคงเป็นรามิลที่ชวนพูดคุย เพราะปกติ ไอศูรย์ไม่ค่อยชวนเขาคุยมากนัก

“พวกนายก็บอกมาก่อนสิว่าจะพาไปไหน ไปไหนโดยที่ไม่บอกแบบนี้ ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเลยนะ”

ใบหน้าน่ารักง้ำงอจนเห็นได้ชัด ท่าทางคงจะคิดว่าพวกเขาทั้งสองคิดจะพาไปทำมิดีมิร้ายเสียล่ะมั้ง

“พวกเราแค่เห็นว่าท่านประธานทำงานอย่างหนัก เลยชวนไปพักผ่อนก็เท่านั้นเองครับ”

คำพูดของไอศูรย์ดูน่าเชื่อถือ แต่เพราะทำตัวน่าเชื่อถือเนี่ยล่ะ เขาถึงพาลหวาดระแวงอยู่ตลอดแบบนี้ เพราะนิทานยังจำได้ไม่ลืมว่าแม้ท่าทางดูจริงใจน่าเชื่อถือแต่กลับซ่อนไว้ด้วยความร้ายกาจ

วันนี้ไอศูรย์ใส่เสื้อโปโลสีขาวสะอาดมีตราเสื้อติดอยู่ที่บริเวณอกซ้าย ในขณะที่รามิลสวมเสื้อยืดสีฟ้าอ่อน แม้จะดูเป็นเสื้อผ้าธรรมดาไม่ได้หรูหรา แต่เมื่ออยู่บนเรือนร่างที่สมส่วน ก็ช่วยส่งเสริมให้ทั้งคู่ต่างดูดีจนไม่อาจละสายตาได้

“ผมดีใจนะครับ ที่ท่านประธานยอมเก็บกระเป๋าตามพวกเรามาด้วย”

คำพูดของรามิลทำให้แก้มนิ่มขึ้นสี ในขณะที่ไอศูรย์ลอบมองผ่านกระจก แล้วจึงระบายยิ้มอย่างพอใจกับท่าทางนั้น

“พูดอย่างกับเราหนีตามมาอย่างนั้นล่ะ”

นิทานบ่นกับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา เพราะการใช้คำพูดของรามิลเหมือนกำลังหยอกเย้าเขาว่าเป็นเด็กตัวน้อยที่หนีตามผู้ชายที่ชวนไปเที่ยว เขาไม่ได้อยากจะมาเที่ยวสักหน่อย แค่คิดว่าออกมาก็ไม่เสียหายอะไร

…ทำไมถึงได้ไปไว้ใจเจ้าพวกโรคจิตสองคนนี้ได้…

นั่นอาจจะเป็นเพราะว่า หลังจากผ่านเหตุการณ์โดนกระทำรุนแรงในครั้งแรกที่ไม่มีวันลืม ทั้งสองก็ยังไม่ได้สานสัมพันธ์ต่อกับเขาอีก แถมยังคอยช่วยเหลือและสนับสนุนในฐานะของเลขานุการได้อย่างดีเยี่ยม เพราะอย่างนี้นิทานถึงได้รู้สึกไว้ใจทั้งคู่โดยที่ตัวเองไม่อาจจะหักห้ามความรู้สึกได้

วิวทิวทัศน์สองข้างทาง ทำให้นิทานมองไปอย่างเพลินตา ถึงแม้จะไม่ได้สวยงามมากมายนัก แต่ก็นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ออกมาเที่ยวที่ต่างจังหวัด

เมื่อมองจนล้าสายตา นิทานก็เอนหลังหลับตาลงอย่างช้าๆ เพื่อพักสายตา ในขณะที่รถยนต์ยังคงเคลื่อนที่ต่อไปเรื่อยๆ รามิลหันมามองคนตัวเล็กแล้วก็ได้แต่คลี่ยิ้ม ยิ่งเห็นนิทานนอนหลับตาพริ้ม พวกเขาสองคนก็ยิ่งรู้สึกเอ็นดู

ท่านประธานตัวน้อยอายุน้อยกว่าพวกเขาสองปี ถ้านับตามอายุพวกเขาก็คือพี่ชายได้เลย แต่ด้วยตำแหน่งที่สูงกว่า ทำให้เรื่องอายุเหมือนไม่ใช่สิ่งที่ต้องไปคำนึงถึงมากนัก เพราะพวกเขาก็ไม่ได้ห่างจากนิทานหลายปีจนเป็นคุณลุงที่จะได้ให้คนตัวเล็กมามองเขาด้วยความนับถือเหมือนเลขานุการคนก่อนที่อายุรุ่นพ่อ

ในขณะที่นิทานเผลอหลับไป รถยนต์ก็ยังคงมุ่งหน้าเคลื่อนที่ต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปหยุดที่สถานที่แห่งหนึ่ง เป็นช่วงเวลาที่คนตัวเล็กลืมตาตื่นขึ้นพอดี

                “น้ำตก”

                นิทานเบิกตากว้างกับสถานที่ที่ไอศูรย์ขับรถพามา ป้ายที่บอกว่าสถานที่แห่งนี้คือน้ำตกเอราวัณ  นิทานหันขวับไปมองทั้งสอง

                “ทำไมถึงเป็นที่นี่”

                “ก็ท่านประธานไม่ได้อยากเดินทางไกลมากไม่ใช่เหรอครับ”

                “แล้วทำไมต้องเป็นน้ำตกด้วยล่ะ”

                “ก็พวกเราอยากมาเล่นน้ำกับท่านประธานไงครับ”

                ว่าจบก็ลงจากรถ นิทานไม่รอให้รามิลเดินมาเปิดประตูให้ วันนี้เป็นวันหยุด ไม่จำเป็นต้องมาดูแลเหมือนว่าเขาเป็นประธานบริษัททุกวันก็ได้

                “ไม่ต้องมาดูแลฉันมากนักหรอก วันนี้ไม่ใช่วันทำงานสักหน่อย”

                “งั้นจะบอกว่าวันนี้ จะให้พวกเราลืมฐานะระหว่างประธานกับเลขาอย่างนั้นเหรอครับ”

                ไอศูรย์ถามด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย แต่น้ำเสียงและสายตานั้นดูเจ้าเล่ห์

                “วันนี้เป็นวันหยุดงาน แล้วฉันก็มาเที่ยวพักผ่อน ฉันไม่อยากให้คนอื่นมองแปลกๆ ถ้าพวกนายมาคอยดูแลอย่างใกล้ชิดเหมือนตอนอยู่บริษัท”

                “ถ้าไม่นับฐานะของเจ้านายกับลูกน้อง…ก็คงเหลือแต่”

                รามิลทำหน้ากรุ้มกริ่ม คลี่ยิ้มอย่างพอใจ ในขณะที่นิทานใจเต้นแรง นี่เขากำลังหลวมตัวมาเที่ยวกับเสือแสนเจ้าเล่ห์ทั้งสองตัวอยู่หรือเปล่า

                “ฉันไม่อยากจะคุยกับพวกนายแล้ว”

                คนตัวเล็กรีบเดินหนี ทุกครั้งที่คิดตอบโต้ทั้งคู่ไม่ออก นิทานมักจะหนีเอาไว้ก่อน แต่รามิลและไอศูรย์ก็ไม่คิดจะยอมได้ง่ายๆ รีบเข้าไปจับกุมมือเล็กทั้งสองข้าง เหมือนพี่ชายตัวใหญ่กำลังเดินจูงมือน้องชาย

                “ทำอะไรน่ะ ปล่อยนะ”

                “ใจเย็นๆก่อนสิครับ พวกเรายังไม่ได้เตรียมของอะไรลงจากรถเลยนะครับ”  “เตรียม เตรียมอะไร”

                นิทานโวยวาย พยายามสะบัดมือออก แต่ก็ยากเหลือเกิน เพราะทั้งคู่เกาะเขาติดเหมือนเป็นปลิง

                “นายเอากล้องมาด้วยเหรอ”

                ที่คอของรามิลมีกล้องถ่ายรูปแขวนอยู่ นิทานเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ชายหนุ่มยิ้มส่งให้แล้วเอ่ยตอบ

                “ก็เอาไว้ถ่ายรูปคุณไง”

                ในเวลานี้ รามิลหยุดเรียกนิทานว่าท่านประธานเหมือนในเวลาทำงาน ใบหน้าน่ารักขึ้นสีเล็กน้อยกับคำพูดนั้น นิทานทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แกะมือหนาทั้งสองออก แล้วรีบเดินไปข้างหน้า

                “นิทาน รอก่อนสิ”

                ปลายเท้าเล็กหยุดชะงักทันที เพราะคนที่เรียกเขาคือไอศูรย์ ไม่คิดว่าเขาจะถูกชายหนุ่มเรียกชื่อแบบนี้ ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาใกล้

                “คุณจะลงเล่นน้ำด้วยชุดนี้เลยเหรอ”

                “นั่นน่ะสิครับ ผมว่าคุณเปลี่ยนชุดดีไหม อย่างน้อยก็เปลี่ยนกางเกง”

                รามิลเสนอความเห็นบ้าง เพราะเขาเองก็ไม่อยากจะให้นิทานลงไปเล่นน้ำด้วยกางเกงขายาวขนาดนี้

                “อืม”

                เมื่อไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ คนตัวเล็กก็เดินย้อนกลับไปที่รถ เขาเปิดกระเป๋าเดินทาง เพื่อไปหยิบกางเกงขาสั้น

                “จะเปลี่ยนในรถเลยก็ได้นะครับ”

                รามิลบอกด้วยสายตากรุ้มกริ่มเล็กน้อย พลางระบายยิ้มเจ้าเล่ห์ นิทานหันหน้าหนี เรื่องอะไรเขาจะต้องมาเปลี่ยนกางเกงในรถแล้วปล่อยให้ผู้ชายตัวสูงทั้งสองคอยจ้องมองแบบนั้นด้วย

                “ไม่เอาหรอก ฉันไปเปลี่ยนในห้องน้ำก็ได้”

                หลังจากได้ของที่ต้องการ เขาก็รีบลงจากรถทันที คนตัวเล็กเดินตามไอศูรย์และรามิลที่เดินนำไปยังห้องน้ำ ทั้งสามเปลี่ยนกางเกงเป็นกางเกงขาสั้นประมาณหัวเข่า

                “เราขึ้นไปชั้นข้างบนดีกว่านะครับ”

                นิทานพยักหน้าเห็นด้วย น้ำตกที่นี่มีหลายชั้น ยิ่งขึ้นไปข้างบนก็จะยิ่งสวย แต่ต้องใช้กำลังในการเดินขึ้นไปมากพอสมควร

                “ไหวไหม”

                ไอศูรย์หันมาถามนิทาน เมื่อพวกเขาเดินมาถึงน้ำตกชั้นที่สี่ที่มีหินก้อนใหญ่สองก้อนที่มีลักษณะคล้ายกับหน้าอกของผู้หญิง คนตัวเล็กหอบเล็กน้อย เพราะปกติเขาไม่ค่อยได้ออกกำลังกายสักเท่าไหร่นัก

                “จะไปอีกชั้นไหมครับ”

                รามิลถามขึ้น นิทานนั่งพักเพียงครู่ แล้วพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงบอกว่าตกลงที่จะเดินขึ้นไป

                “แฮก แฮก”

                “ไหวไหม ถ้าไม่ไหวก็หยุดพักก็ได้นะครับ”

                ความห่วงใยถ่ายทอดมาจนนิทานรับรู้ คนตัวเล็กหันหน้าไปมอง ใบหน้าแดงก่ำเพราะไอแดด และเหงื่อที่ชโลมผิวกายเพราะเหนื่อยล้า แต่เจ้าตัวก็ไม่คิดจะหยุด ทั้งไอศูรย์และรามิลต่างมองด้วยความเป็นห่วงกับท่าทางดื้อดึงเหมือนเด็กของนิทาน

                “ถึงสักทีนะครับ”

                รามิลคลี่ยิ้มมาอย่างโล่งใจ เขาคิดว่าควรจะเล่นน้ำกันที่ชั้นนี้ ไม่อยากให้คนตัวเล็กเหนื่อยจนเดินต่อไม่ไหว ถึงแม้มันจะไม่ได้ยากเย็นมากมาย แต่สำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายก็ถือว่าเหนื่อยมากพอสมควร

                “เมื่อยขาเหรอครับ”

                ทั้งสองหย่อนกายนั่งลงขนาบข้างคนตัวเล็ก นิทานมองธรรมชาติตรงหน้าอย่างพอใจ เขามาถึงน้ำตกชั้นที่ห้าซึ่งเป็นจุดที่เหมาะกับการแช่น้ำเล่น

                “หายเหนื่อยแล้วค่อยลงเล่นน้ำดีกว่านะครับ”

                ไอศูรย์บอกอย่างเป็นห่วง นิทานเองก็ไม่ได้ต่อต้านใดๆ เขาพยักหน้า พอเริ่มสบายตัวขึ้น ก็ยันกายลุกยืน มือใหญ่ทั้งสองยื่นมาตรงหน้าเพื่อจะให้มือเล็กจับ นิทานเข้าใจความหมาย เขาเงยหน้ามองทั้งคู่แล้ว แล้วเลื่อนมือไปจับมือใหญ่เอาไว้คนละข้าง

                “ไปกันครับ”

                รามิลยิ้มแล้วจูงมือนิทานให้ลงไปเล่นน้ำ นิทานเองก็ได้แต่ระบายยิ้มน้อยๆ เขารู้สึกว่าจิตใจผ่อนคลายขึ้นมาก เมื่อได้มาท่องเที่ยวในแหล่งธรรมชาติ น้ำตกที่ชั้นห้ามีคนมาเล่นน้อยกว่าชั้นล่างๆในวันนี้ อาจจะเป็นเพราะต้องอาศัยการเดินขึ้นมาเป็นเวลานานพอสมควร

                “อ่า…น้ำเย็นดีจังเลย”

                เขาค่อยๆแช่ลงไปน้ำ ความเย็นของน้ำทำให้นิทานรู้สึกสบายตัว คนตัวเล็กหันไปมองสองหนุ่มที่อยู่ไม่ห่าง ทั้งคู่เข้ามาเล่นน้ำใกล้ๆกับนิทาน

                “ดีไหมครับ”

                “ดีสิ ดีมากเลย”

                เจ้าตัวระบายยิ้มอย่างพึงพอใจ เขาไม่ทันสังเกตว่ารามิลพกกล้องลงมาในน้ำด้วย

                แชะ!

                เสียงกดถ่ายรูปทำให้นิทานที่กำลังเล่นน้ำอยู่ต้องชะงัก เพราะโดนใครบางคนแอบถ่าย ดวงตากลมเบิกกว้าง อ้าปากเล็กน้อย แต่ก็โดนถ่ายรูปไม่หยุด

                “นี่นายทำอะไรน่ะ หยุดนะ”

                นิทานพุ่งตรงเข้าไปหารามิล ชายหนุ่มหัวเราะร่วน เมื่อนิทานว่ายน้ำเข้ามาหาเขา เขารีบโยนกล้องให้ไอศูรย์รับ กล้องที่รามิลใช้เป็นกล้องกันน้ำ ไม่ต้องกลัวว่าจะตกน้ำแล้วจะพัง

                “เอากล้องมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”

                แชะ แชะ

                คราวนี้ตากล้องกลายเป็นไอศูรย์ ชายหนุ่มกดถ่ายภาพที่รามิลเข้าไปสวมกอดนิทานแล้วอุ้มยกขึ้น คนตัวเล็กดิ้นพล่าน

                “นี่นายทำอะไรเนี่ย ปล่อยนะ”

                “ก็คุณมันน่าแกล้ง”

                ตู้ม!!!

                คนตัวเล็กโดนจับทุ่มลงไปในน้ำ เสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานของคนรักทั้งสอง ทำให้นิทานโกรธจัด ยันกายยืนขึ้นแล้วยกมือลูบหน้าของตัวเอง

                “เจ้าพวกบ้า”

                ร่างเล็กพุ่งเข้าไปจะจับคนตัวสูงทุ่มบ้าง นิทานรีบว่ายเข้าไปหารามิล แต่ก็โดนไอศูรย์พุ่งเข้ามาโอบกอดจากด้านหลัง รามิลหัวเราะร่วน สาดน้ำใส่หน้านิทาน ร่างเล็กไม่คิดจะยอมรีบวักน้ำกลับ

                “ฮ่าๆๆ”

                หนุ่มหล่อทั้งสองหัวเราะอย่างชอบใจ นิทานหันขวับไปมองหน้าไอศูรย์แล้วแย่งกล้องในมือมากดถ่ายรูปใบหน้าหล่อที่กำลังหัวเราะอย่างขำขัน

                แชะ แชะ

                “ฉันจะถ่ายทุกมุมหลุดๆของพวกนาย”

                นิทานเชิดหน้าขึ้นยกกล้องขึ้นจะถ่ายรูปของทั้งคู่ต่อ แต่ทว่าก็โดนรามิลแย่งกล้องไป เขาปรับให้กล้องเปลี่ยนมาถ่ายที่ด้านหน้า เพื่อถ่ายเซลฟี่ของพวกเราทั้งสามคน

                แชะ แชะ

                “อ่า…”

                “ลบไปเลยนะ”

                “ไม่ครับ”

                รามิลตอบหน้าตาย ไอศูรย์เองก็ไม่คิดจะยอมให้นิทานได้แย่งกล้องไปได้ง่ายๆ กายสูงแนบชิดกับกายเล็ก

                คนตัวเล็กหรี่ตามองทั้งคู่ สร้อยล็อกเกตเงินสะท้อนกับแสงแดดที่ตกกระทบ ชั่ววูบหนึ่งนิทานนึกถึงเหตุผลที่เขาต้องมาประสบกับสถานการณ์เหล่านี้ก็เพราะว่าทั้งสองคนใช้ข้ออ้างเลวร้ายมาขู่กับเขา แต่ทว่าความคิดของเขาก็ต้องหลุดหายไป เพราะก้นนิ่มถูกมือหนาของไอศูรย์บีบเค้นคลึง ส่วนช่วงหน้าก็โดนมือของรามิลบีบเค้น

                “นี่พวกนาย!”

                คนตัวเล็กถลึงตาใส่ รามิลไม่ปล่อยให้เสียโอกาส กดถ่ายภาพทันที แล้วหัวเราะเบาๆ แขวนกล้องถ่ายรูปไว้กับคอ ไอศูรย์ยิ้ม ในขณะที่นิทานทั้งโกรธทั้งอาย ตีน้ำตรงหน้าจนกระเซ็นสาดใส่เลขานุการขี้แกล้งทั้งสองคนด้วยความแค้นเคือง

 

100%



100%

แจ้งข่าวเปิดพรีจ้า

 

เปิดพรีออเดอร์ จิ้มลิ้ง
http://www.tunwalai.com/chapter/695333/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C-10816-10916?page=1

(https://scontent.fbkk5-4.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/13921015_1798954423706061_9091839270985803961_n.png?oh=18037746fc02f037afccd4712c6f1422&oe=58574558)
 

 

 

 
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 17 พักผ่อน
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 18-08-2016 20:38:21
อ่านะมีการผ่อนคลายกันเบาๆกระชับความสัมพันธ์
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 17 พักผ่อน
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 18-08-2016 23:34:30
พักผ่อนๆ น่ารักๆ :impress2:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 17 พักผ่อน
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 19-08-2016 01:56:08
ใสๆค่ะตอนนี้ ฮ่าๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 17 พักผ่อน
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 19-08-2016 07:36:29
นิทานได้ย้อนวัยกลับเป็นเด็กน้อยอีกครั้ง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 17 พักผ่อน
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 19-08-2016 08:38:39
วันพักผ่อนยังหื่นไม่เลิก!
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 17 พักผ่อน
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 19-08-2016 08:49:42
มุมนี้ใส ๆ
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 17 พักผ่อน
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 19-08-2016 13:09:56
เล่นน้ำกันสนุกเลย


 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 17 พักผ่อน
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 20-08-2016 09:32:25
เล่นน้ำตกใสๆ   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 18 ทั้งสอง
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 24-08-2016 20:54:44
18

ทั้งสอง

 

                เมื่อเล่นน้ำจนพอใจ ทั้งสามคนก็ค่อยๆเดินลงมาจากน้ำตกชั้นห้า ในตอนแรก รามิลตั้งใจจะชวนนิทานขึ้นไปด้านบนอีก แต่คนตัวเล็กส่ายหน้าไปมาอย่างไม่ไหวเพราะเขาเล่นน้ำจนเหนื่อย ที่เหนื่อยก็เพราะต้องคอยไล่จับคนขี้แกล้งทั้งสองคน

                “อย่าทำหน้าบึ้งสิครับ”

                รามิลกระซิบบอกในขณะที่นิทานกำลังเดินลงไปยังด้านล่าง ไอศูรย์เดินตามมาติดๆ

                “เดินระวังด้วยนะครับ”

                เพราะนิทานเอาแต่เดินไม่คิดจะสนใจชายหนุ่มทั้งสองที่เดินตามมา เขาเลยไม่ทันได้ระวัง

                “อ๊ะ!”     

                คนตัวเล็กก้าวพลาดในขณะที่กำลังก้าวเดินลง กายเล็กทรุดกับพื้น

                “โอ้ย!”

                “นิทาน!”

                ไอศูรย์และรามิลรีบเดินลงไปหาคนตัวเล็กที่สะดุดล้มไปกองกับพื้น  เขาสำรวจร่างกายของร่างเล็กที่เอาแต่รีบเดินจนทำให้ก้าวพลาด

                “เลือด มีเลือดออก”

                รามิลหันมาบอกไอศูรย์ ใบหน้าหล่อเริ่มแสดงให้เห็นถึงความกังวล

                “เดินไหวไหม”

                ไอศูรย์ถาม นิทานพยักหน้า ถึงแม้หน้าแข้งของเขาจะไปกระแทกกับหินจนเกิดแผลเลือดออก แต่ทว่าก็ไม่ได้เจ็บจนถึงขั้นทนไม่ไหว

                “งั้นเดี๋ยวพวกเราจะช่วยประคองลงไป”

                รามิลเสนอความเห็น นิทานส่ายหน้าไปมา

                “แผลแค่นี้ไม่เป็นอะไรหรอก แต่ว่า อ่า…”

                ดูเหมือนว่าข้อเท้าเล็กนั้นจะพลิก รามิลเริ่มเห็นว่าไม่ดีเสียแล้ว เขาหันไปคุยกับไอศูรย์

                “เดี๋ยวฉันแบกนิทานลงไปเอง”

                ไอศูรย์เสนอความคิด นิทานได้แต่ส่ายหน้า เขาไม่ได้ต้องการให้ใครแบกลงไปสักนิด แต่ทว่าทั้งไอศูรย์และรามิลก็ช่วยกันประคองให้เขาขึ้นขี่หลังไอศูรย์อย่างรวดเร็ว

                “ฉันบอกแล้วไง ว่าจะไม่ขี่หลังนาย ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ”

                “อย่าดื้อได้ไหมครับ”

                รามิลเห็นด้วยกับคำพูดของไอศูรย์ นิทานหน้างอ เขาไม่ได้อยากจะสนิทกับเลขานุการทั้งสองหรือต้องพึ่งพามากไปกว่านี้ คนตัวเล็กเม้มปากแน่น

                “เล่นน้ำวันนี้สนุกไหมครับ”

                รามิลชวนคุย นิทานพยักหน้าตอบรับ เขากอดคอของไอศูรย์เอาไว้แน่นเพราะกลัวตก เพียงไม่นานทั้งสามก็เดินลงมาถึงด้านล่าง

                “เดี๋ยวผมพาทำไปแผลก่อน แล้วค่อยไปเปลี่ยนชุด”

                ไอศูรย์วางนิทานให้นั่งลงกับพื้น ส่วนรามิลเดินกลับไปที่รถ เพื่อหยิบอุปกรณ์กลับมาทำแผลให้กับนิทาน

                “ไม่ต้องก็ได้ ฉันทำเอง”

                เขายื่นมือจะเข้าไปแย่งกล่องปฐมพยาบาล แต่รามิลเอาหลบ

                “อยู่นิ่งๆ สิครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง”

                ว่าไปก็แจกยิ้มไปด้วยให้คนตัวเล็กได้สบายใจ รามิลเปิดกล่องปฐมพยาบาลแล้วทำแผลให้นิทานอย่างเบามือ

                “อ่า…”

                คนตัวเล็กเบ้หน้า เพราะแสบแผล ถึงแม้ว่าจะแผลไม่ใหญ่มาก แต่เขาก็รู้สึกเจ็บแสบ จนกระทั่งทำแผลเสร็จ

                “ขอผมดูเท้าหน่อยนะครับ”

                ไอศูรย์ไปซื้อน้ำแข็งมาช่วยช่วยประคบให้กับข้อเท้าเล็ก เขาจับขาของนิทานให้พาดยกสูงขึ้นบนตักของเขา

                “เป็นยังไงบ้างครับ ดีขึ้นไหม”

                ทั้งการดูแลและสายตาที่ทอดมองมา ทำให้ใจนิทานเต้นไม่เป็นจังหวะ เขาพยักหน้าเบาๆ เพราะว่ารู้สึกดีขึ้น ตอนแรกก็ไม่ได้ปวดมากมายนักจนทนไม่ไหว  อาจจะเป็นเพราะว่าเขาล้มลงมาไม่แรงมากนัก

                “ฉันว่าพาไปหาหมอดีกว่านะ”รามิลเอ่ยกับไอศูรย์

                “แต่ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรมากเลยนี่นา”

                นิทานสวนกลับไปทันที เขาไม่ต้องการให้เป็นเรื่องใหญ่เพราะตอนนี้เขาก็ดีขึ้นมากแล้ว ทั้งไอศูรย์และรามิลต่างหากที่ตกใจจนเกินเหตุ

                “แน่ใจเหรอครับ”

                “แน่ใจสิ พวกนายนั่นล่ะตื่นตูมมากเกินไป”

                “พวกเราเป็นห่วงคุณแล้วผิดตรงไหน”

                ท่าทางจริงจังเหมือนคุณพ่อดุลูกชายของไอศูรย์ ทำให้นิทานต้องอมยิ้ม ฝ่ามือร้อนของรามิลเลื่อนมาขยี้ผมนิ่ม

                “เข้มแข็งดีมาก”

                “ถึงจะนอกเหนือเวลางาน แต่ก็อย่ามาเล่นหัวกันสิ”

                นิทานหรี่ตามอง รามิลหัวเราะ  ในขณะที่ไอศูรย์ส่ายหน้าไปมาเบาๆ

               

-------+++++-------

 

                “ก็บอกแล้วว่าไม่เป็นอะไร”

                นิทานพูดขึ้น ในขณะมาถึงโรงแรมและเข้าไปในห้องพักแล้ว เขานั่งอยู่ปลายเตียง ถึงแม้เขาบอกกับไอศูรย์และรามิลว่าไม่เป็นอะไร แต่ทั้งคู่ก็ยังไม่วายพาเขาไปคลินิก

                “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วครับ แต่ตรวจไว้ก็ไม่เสียหาย”

                ไอศูรย์ย่อกายนั่งลงข้างๆ หลังจากที่พานิทานไปหาหมอ พวกเขาก็ไปทานมื้อเย็นก่อนจะกลับมาที่โรงแรม

                “ทำไมไม่เปิดห้องคนละห้องไปเลยล่ะ”

                ความสงสัยไม่คิดจะปิดเอาไว้ เพราะตอนแรกนิทานคิดว่าทั้งสองจะเปิดห้องไว้สามห้อง แต่กลายเป็นว่าเปิดเพียงห้องเดียวที่เป็นห้องใหญ่สุดแทน

                “ก็เพราะว่าเราเป็นคนรักกันไงครับ”

                กายสูงโปร่งของรามิลเคลื่อนเข้ามาใกล้ บอกเสียงเจ้าเล่ห์ ดวงตาแวววับไปด้วยความต้องการบางอย่าง นิทานใจเต้นแรงกับสายตาที่ส่งมา เขาหลุบสายตาลง ก็เห็นล็อกเกตเงิน

                “เมื่อไหร่ พวกนายจะให้ล็อกเกตกับฉัน แล้วก็รหัสเมลล์ด้วย”

                จุดประสงค์หลักที่เขายอมทั้งสองคนก็เพื่อสิ่งนี้ นิทานแทบลืมไปเสียสนิทระยะเวลาที่ผ่านมารวมถึงความสนิทสนมและความเชื่อใจที่เพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ทำให้นิทานแทบจะลืมกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้

                “จนกว่าพวกเราจะมั่นใจ”

                ไอศูรย์ตอบ นิทานหันไปมองชายหนุ่ม พลางเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ

                “มั่นใจ”

                เขาถามซ้ำ เพราะต้องการรู้ว่าทั้งคู่ต้องการความมั่นใจในเรื่องใด แต่กายของเขาก็ร้อนผ่าวขึ้นมา เมื่อทั้งสองขยับเข้ามาใกล้

                “ผมคิดว่าคุณรู้นะ ว่าทำไมพวกเราถึงเลือกแค่ห้องเดียว”

                รามิลหยอกเย้า ทั้งหน้าตาและท่าทางทำให้นิทานชวนคิดถึงช่วงแรกที่มีความสัมพันธ์เกินเลย สายตาไม่ต่างกับคนโรคจิตที่พร้อมจะเล่นสนุกกับเหยื่อ

                “ไปอาบน้ำดีกว่า ฉันอยากอาบน้ำแล้ว”

                นิทานเบี่ยงตัวหลบ ค่อยๆยันกายลุกขึ้น มุ่งตรงจะไปอาบน้ำแต่ทว่า ยังไม่ทันปิดประตูห้องน้ำ ร่างสูงใหญ่ของสองหนุ่มก็รีบดันประตูเข้าไปด้วย

                “พวกนายจะเข้ามาทำไม”

                “จะมาช่วยท่านประธานอาบน้ำไงครับ”

                ยังไงเสีย ทั้งสองก็เคยชินที่จะเรียกนิทานว่าท่านประธานอยู่ดี รามิลเข้าไปช่วยถอดเสื้อผ้า นิทานพยายามปัดป้อง ในขณะที่ไอศูรย์ซ้อนเข้ามาจากด้านหลัง

                “ท่านประธานควรจะให้รางวัลกับพวกเราได้แล้วนะครับ”

                คนตัวโตทักท้วงถึงผลงานที่ช่วยพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้กับคนตัวเล็ก นิทานดิ้นไปมาเล็กน้อย เพราะสภาพร่างกายของเขาไม่ได้แข็งแรงเต็มที่

                “พวกนายมันเอาแต่ได้”

                “ถ้าได้กินคนน่ารักขนาดนี้ ก็ต้องเอาอยู่แล้ว”

                รามิลว่าพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปากของตัวเอง แม้จะได้ใกล้ชิดกับเรือนร่างน่ารัก และลอบมองอยู่ตลอดเวลาที่อยู่ในห้องทำงาน แต่รามิลก็พยายามห้ามใจตัวเอง เขาชอบเล่นสนุกกับท่านประธานตัวน้อยก็จริงอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้อยากจะข่มขืนอยู่ทุกครั้ง การที่อีกฝ่ายได้เปิดใจสมยอมให้กันน่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า

                “หยาบคาย”

                เสียงน่ารักดังขึ้น เพราะตกใจกับคำกล่าวที่แสนหื่นกระหาย เสื้อของเขาถูกถอดออก จนเห็นแผ่นอกเปลือยที่แสนน่ารัก ดวงตาคมกริบจับจ้องไม่วางตา ไอศูรย์ก้มลงมา

พรมจูบที่ลาดไหล่

                “ท่านประธานมีความสุขที่ได้อยู่กับพวกเราไหมครับ”

                “จะมีหรือไม่มี พวกนายสนใจด้วยหรือไง”

                ยิ่งพยายามเบี่ยงตัวหลบ กลับได้รับสัมผัสมากขึ้นจนไม่อาจจะต่อต้านได้ ร่างเล็กพยายามยกมือดันแผงอกกว้างของรามิล แต่ทว่าข้อมือทั้งสองก็โดนจับไว้ กายสูงโปร่งก้มลงมาพรมจูบที่แผ่นอกเล็ก

                “มะ ไม่เอา ฉันจะอาบน้ำ”

                “อาบด้วยกันนะครับ”

                ไอศูรย์กระซิบชวน นิทานพยายามส่ายหน้า เขาไม่คิดว่าถ้าอาบน้ำครั้งนี้ด้วยกัน แล้วทุกอย่างมันจะจบลงแค่การอาบน้ำอย่างแน่นอน เพราะแก่นกายร้อนผ่าวที่ดุนดันเนื้อผ้านั้น นิทานสัมผัสได้ถึงความร้อนแรงและความต้องการที่มากล้นของทั้งคู่ ดวงตากลมเบิกกว้าง เมื่อไอศูรย์เบียดสะโพกเข้ามาใกล้มากขึ้น

                “ฉันอยากอาบคนเดียว”

                เขาพยายามแข็งใจตอบไป แต่ร่างกายของเขาก็โดนปลุกเร้าจนแทบจะยืนไม่ไหว หากไม่มีทั้งสองหนุ่มคอยประคองเขาเอาไว้

                “แต่พวกเราอยากอาบกับคุณด้วยนี่นา”

                รามิลยิ้มหวาน แล้วกดจูบริมฝีปากสวยอย่างเร่าร้อน ฝ่ามือร้อนลูบไล้ไปตามเรือนร่างที่ขาวเนียนน่าหลงใหล นิทานยกมือไปเกาะไหล่กว้าง ปิดเปลือกตาลง รับสัมผัสที่รามิลส่งมอบให้

                อาภรณ์ของทั้งสองฝ่ายที่เป็นฝ่ายรุกเร้าได้ปลดเปลื้องออกจนหมด ทำให้ตอนนี้ทั้งสามอยู่ในสภาพที่เปล่าเปลือย

                ไอศูรย์จับกายเล็กให้หันหน้ามา โดยที่ทั้งสองขนาบข้าง เขาไม่ยอมให้รามิลได้จูบหวานจากนิทานเพียงแค่คนเดียว ชายหนุ่มตักตวงจูบนั้นจากคนตัวเล็กด้วย

                ร่างกายขาวผ่องโดนสัมผัสร้อนลูบไล้ไปทั่วเรือนร่าง รามิลเลื่อนมือไปเปิดสายน้ำให้ไหลรินรดกายของพวกเขา นิทานปรือตามอง เพราะทั้งคู่ดูเหมือนจะช่วยเขาอาบน้ำจริงๆ แต่การอาบน้ำครั้งนี้ คงไม่ใช่แค่การอาบน้ำแบบปกติ

                ทุกครั้งที่ปลายนิ้วร้อนผ่าวไล่ไปตามร่างกาย นิทานก็ร้อนรุ่มไปทั้งร่าง แม้จะพยายามยกมือผลักไสให้ไอศูรย์และรามิลได้ขยับถอยห่าง แต่ทั้งสองก็ยืนไม่ขยับตัวราวกับหนักดังหินผาที่มั่นคงแม้ผลักเท่าไหร่ก็ไม่ไป

                หากเป็นแม่เหล็กที่ดึงดูด นิทานคงอยู่คนละขั้วกับรามิลและไอศูรย์ ร่างกายของเขาถึงได้ฉุดดึงชายทั้งสองให้เข้ามาชิดใกล้ โลมไล้ไปทั่วร่าง

                กายสูงใหญ่ย่อต่ำลง พรมจูบไล่ริมฝีปากตั้งแต่ต้นขาขาวต่ำลงไปจนถึงปลีน่อง สายน้ำไหลกระทบเลนส์แว่นจนพร่ามัว แต่การปรนเปรอและมอบความร้อนรุ่มนั้นไม่ได้จางหาย นิทานสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อปลายนิ้วหยาบแตะสัมผัสกับเท้าข้างที่ได้รับบาดเจ็บ

                “ฉะ ฉันเจ็บอยู่ พวกนายยังทำแบบนี้อีก”

                “พวกเราอดทนต่อไปไม่ไหวแล้วต่างหาก”

                ไอศูรย์เงยหน้าขึ้นมาพูด พวกเขาอดทนทำงานเป็นเลขานุการที่ดีให้ท่านประธานตัวน้อยได้ไว้วางใจแล้ว

                “รู้ไหมว่าผมต้องอดใจแค่ไหน ไม่ให้กระชากเสื้อผ้าของคุณออกในเวลาทำงานน่ะครับ ดังนั้น ก็อย่าใจร้ายกับพวกเรานักเลย”

                ปลายลิ้นร้อนเริ่มแตะเลียที่แก่นกายเล็ก นิทานก้มหน้ามองรามิลที่กำลังรุกเร้าที่แท่งเนื้อร้อน แถมปลายนิ้วยังไล้วนที่ช่องทางด้านหลัง

                “ยะ อย่า อื้อ พวกนายจะทำแบบนี้ไม่ได้”

                “พวกเราก็เคยทำกันแล้ว”

                ไอศูรย์ย้ำเตือน เคลื่อนกายขึ้นมางับกัดที่ก้นนิ่มอย่างรุนแรง จนนิทานสะดุ้งเฮือก บิดกายหนี ทั้งสองยันกายลุกขึ้น แล้วเบียดร่างกายเข้าหาคนตัวเล็ก หลังจากที่ช่วยกันอาบน้ำและล้างตัว

                นิทานไม่รู้ว่าตัวเองควรจะวางมือไม้ไว้ตรงไหน แต่ยิ่งขัดขืนก็เหมือนไปกระตุ้นให้ทั้งคู่มีอารมณ์ที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น

                “มะ ไม่เอา”           

                “กลัวเหรอครับหืม”

                รามิลก้มลงมากระซิบอย่างหยอกเย้า นิทานก้มหน้างุด จะว่ากลัวก็คงกลัว เพราะวันแรกที่เขามีประสบการณ์ทางเพศกับทั้งสองคนนั้นช่างหนักหน่วงและร้อนแรงจนแม้แต่ในชีวิตนี้เอง เขาก็ไม่เคยคาดคิดถึง

                “ไม่เอานะ ไม่เอา”

                “จะใช้ปากกับมือช่วยพวกเราอีก อย่างนั้นเหรอครับ”

                ไอศูรย์เป็นฝ่ายถามบ้าง นิทานไม่มีเวลาให้คิดนาน เขาพยักหน้าเป็นเชิงตอบตกลง เพราะอาวุธของไอศูรย์และรามิลนั้นใหญ่โตจนเขาหวาดกลัวว่าจะเข้ามาในร่างกายของเขาได้จริงหรือ ถึงแม้พวกมันจะเคยเข้ามาแล้วก็ตามที

                กายเล็กย่อต่ำลงอยู่ตรงกลางของทั้งคู่ หันหน้าไปจับแก่นกายใหญ่ของไอศูรย์ให้เคลื่อนเข้าปากของตัวเอง ใช้ริมฝีปากปรนเปรอให้กับแก่นกายที่ตื่นตัวอย่างเงอะงะ รามิลกระตุกยิ้มแล้วจับมือเล็กให้เลื่อนมาจับเข้ากับความเป็นชายของตัวเอง

                “อย่าเอาแต่ช่วยหมอนั่นสิครับ”

                รามิลประท้วง ไอศูรย์กระตุกยิ้ม แล้วจับศีรษะเล็กให้โยกไปมา เพื่อให้ริมฝีปากสวยได้สูบเข้าออกแท่งเนื้อร้อนจนนิทานรู้สึกจุกที่ลำคอ

                “ขยับมือด้วยสิครับ”

                ฝ่ามือใหญ่จับมือเล็กให้ขยับรูดชักแก่นกายของตัวเอง รามิลเชิดหน้าขึ้นอย่างพอใจ ขยับสะโพกสวนใส่แก่นกายเข้าออกเสียดสีกับมือเล็ก

                “อะ อึก”

                ไอศูรย์ดันศีรษะเล็กออก เพราะเขาไม่ได้คิดจะเอาเปรียบฝ่ายเดียว จนทำให้นิทานต้องหันไปใช้ริมฝีปากปรนเปรอให้กับรามิลไม่ต่างกัน

                ทันทีที่ผละริมฝีปากออก สายธารขาวขุ่นของทั้งคู่ก็พวยพุ่งเปรอะเปื้อนไปทั่วใบหน้าน่ารัก นิทานก้มหน้าหลบด้วยความอับอาย แต่ทว่าร่างเล็กก็ถูกประคองขึ้นมา เป็นรามิลและไอศูรย์ที่ก้มลงมาเลียคราบน้ำรักที่เปื้อนหน้า คนตัวเล็กหลับตาแน่น เกาะแขนแกร่งทั้งสองเอาไว้เป็นที่ยึด

                หัวใจดวงน้อยเต้นแรงไม่หยุด ความรู้สึกในร่างกายปั่นป่วนกับปลายลิ้นร้อนที่แตะแก้มนิ่มน่ารัก ร่างกายบอบบางถูกห่อหุ้มไว้ด้วยความร้อนผ่าวจากกายสูงใหญ่ทั้งสอง นิทานรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งที่กลับมาอีกครั้งหลังจากที่ทั้งคู่เพิ่งปลดปล่อยไป

                “ไปข้างนอกกันเถอะ”

                ไอศูรย์กลัวว่านิทานจะไม่สบาย รามิลเป็นฝ่ายอุ้มคนตัวเล็กขึ้นมาแล้วเดินออกไปจากห้องน้ำ ทั้งสามอยู่บนเตียงกว้าง

                “นะ ไหนพวกนายบอกว่าจะไม่ทำ”

                “พวกเราไม่เคยพูดว่าจะไม่ทำเลยนะครับ”

                รามิลยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาไม่คิดจะปล่อยลูกแกะตัวน้อยให้หลุดจากกรงเล็บหมาป่าไปได้ง่ายๆ ดวงตาคมแววโรจน์เต็มไปด้วยความปรารถนา อย่างไรเสีย วันนี้เขาก็ต้องได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจ

                …คิดว่าต้องใช้ความอดกลั้นมากแค่ไหนที่จะไม่สอดใส่เข้าไปในร่างน้อยนี้…ความอดทนมันสิ้นสุดลงแล้ว…

                “ฉันใช้ปากกับมือทำให้ไปแล้วนะ”

                “แต่แค่นั้นมันไม่พอ คุณก็รู้ดี”

                ความเป็นชายที่ผงาดขึ้นจนน่ากลัวนั้น ทำให้นิทานได้แต่กลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ เขาเห็นจนเต็มตา ร่างกายของทั้งคู่นั้นเผยให้เห็นว่าปรารถนาจนไม่อาจจะสะกด

กลั้นได้อีกแล้ว

                ลูกแกะตัวน้อยไม่มีทางหนี เมื่อหมาป่าทั้งสองเข้ามารุมขย้ำฉีกเนื้อ เรือนกายขาวเนียนเต็มไปด้วยรอยรักที่ทั้งสองส่งมอบให้ไม่หยุดหย่อน

                เสียงครางหวานดังกระเส่าภายในห้อง ความเสียวซ่านและสุขสมเกิดขึ้นจนนิทานแทบสติหลุด ทั้งที่คิดว่าควรรังเกียจและขยะแขยง แต่ร่างกายกลับตอบสนองจนน่าอาย เรียกสีหน้าที่เต็มไปด้วยความพอใจให้กับผู้ชายใจร้ายทั้งคู่

                แก่นกายเล็กชูชันเพราะต้องการปลดปล่อย แต่ก็โดนกลั่นแกล้ง เชือกเส้นเล็กที่รามิลหยิบมาจากกระเป๋าถูกนำมาผูกไว้กับแก่นกายที่อัดอั้น นิทานแทบจะหวีดเสียงร้อง เพราะไม่อาจจะปลดปล่อยความต้องการได้

                “อะ อะ เอาออก”

                มือเล็กพยายามจะเลื่อนไปสัมผัสกับแก่นกายตัวเองที่บวมเปล่ง แต่ก็ต้องโดนจับกุมเอาไว้ ก่อนที่แก่นกายใหญ่โตจะแทรกเข้ามาในโพรงปากเพื่อให้เจ้าตัวได้รับสัมผัสนี้

                ช่องทางร้อนรุ่มถูกนิ้วร้อนแทรกเข้ามาเพื่อขยายช่องทางที่คับแน่น นิทานร้องอื้ออึงในลำคอ รามิลกำลังสนุกอยู่กับช่วงล่างของคนตัวเล็ก

                “สีแดงน่ากินสุดๆ”

                ยิ่งได้ยินถ้อยคำหื่นกระหาย ความอับอายก็ยิ่งแล่นไปทั่วใบหน้า รามิลจับขาเล็กให้แยกออก แตะริมฝีปากกับช่องทางที่ร้อนผ่าว

                “อะ อื้อ อื้อ”

                เมื่อแก่นกายใหญ่ถูกถอดออก เสียงร้องครางในลำคอก็ดังขึ้นอีก ปลายลิ้นร้อนตวัดเลียซ้ำๆย้ำๆที่ยอดอกสวย

                “อ๊า”

                เมื่อฟันคมอ้างับที่ยอดอก คนตัวเล็กก็สะดุ้งเฮือก ทั้งเจ็บทั้งเสียว ร่างกายตอบสนองไปตามสัญชาตญาณและความเคยชิน ที่มักจะโดนทั้งสองเข้ามาลวนลามจน

ร่างกายนี้ไม่ได้หวาดกลัวไปเสียแล้ว

                กายเล็กแอ่นสู้รับสัมผัสที่ร้อนผ่าว ลิ้นร้อนแทรกเข้ามาในช่องทางเร้นลับ คนตัวเล็กตัวสั่นระริกแทบจะขาดใจ จากตอนแรกที่พยายามขัดขืน ตอนนี้กลับคล้อยตามเพราะไม่อาจจะหักห้ามความต้องการของร่างกายและจิตใจที่โอนอ่อนได้

                “มีความสุขไหมครับ”

                ปลายลิ้นของไอศูรย์แตะลงที่ปลายยอดแก่นกายเล็กที่ปริ่มไปด้วยหยาดน้ำ เขาใช้มือรูดชักแก่นกายไม่หยุดหย่อน

                “อะ อื้อ เร็วอีก”

                ไม่ใช่เพียงแค่มือของไอศูรย์ที่นิทานต้องการในตอนนี้ แต่ช่องทางด้านหลัง ร่างกายของเขาก็ต้องการมากกว่านี้ไม่แตกต่างกัน

                เมื่อความต้องการของนิทานประทุจนยากที่จะหยุด ทั้งสองหนุ่มต่างก็ให้ความร่วมมือเต็มที่ ไอศูรย์ดึงเชือกที่มัดออกแล้วใช้ริมฝีปากปรนเปรอให้รุนแรง ในขณะที่     รามิลถอนลิ้นแล้วเปลี่ยนไปใช้นิ้วทั้งสามกระแทกเข้าไปจนสุดโคน

                “อ๊ะ อ๊า!!!”

                สายธารอุ่นร้อนพวยพุ่งเข้าไปในโพรงปากของชายหนุ่ม เขาดื่มกินน้ำในปากจนหมดสิ้นอย่างไม่นึกรังเกียจ นิทานหอบหายใจ ในขณะที่ไอศูรย์และรามิลมองหน้ากันแล้วกดยิ้มที่มุมปาก

                รามิลก้มลงไปจูบตั้งแต่หัวเข่าไล่ต่ำลงไปที่ต้นขาขาวเนียน ก่อนจะค่อยๆชักนิ้วออก ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก เมื่อบางอย่างเปลี่ยนเข้ามาแทนที่นิ้วทั้งสาม นั่นก็คือแก่นกายของรามิล               

                “อะ อื้อ”

                คนตัวเล็กสั่นระริก ไอศูรย์ก้มลงมาจูบหน้าผากเล็กอย่างปลอบโยน ฝ่ามือร้อนก็ลูบไล้ไปตามเรือนร่างไม่ให้นิทานหวาดกลัวจนเกินไป

                “มะ ไม่เอานะ”

                คนตัวเล็กเอ่ยบอกเสียงสั่น พยายามยกมือดันร่างสูงใหญ่ให้ออกห่าง แต่ทว่าไอศูรย์กลับรั้งกายเล็กมากดจูบที่ริมฝีปากไม่ให้ตกใจ รามิลจับขาทั้งสองให้เข้ามาขนาบเอวสอบ

                “ไม่ต้องกลัว”

                เสียงทุ้มปลอบโยนจนนิทานเริ่มวางใจ รามิลกระตุกยิ้ม แล้วเริ่มขยับสะโพกอย่างแผ่วเบา

                “อะ อ๊ะ อื้อ อ๊า”

                เอวเล็กลอยขึ้นเหนือพื้นเล็กน้อย พร้อมกับรามิลที่ขยับแก่นกายสวนเข้าออก ไอศูรย์ขยับเรือนกายเข้าไปใกล้ นิทานปรือตามอง แก่นกายใหญ่โตของชายหนุ่มหยัดตรงจนน่ากลัวปนน่าสงสารในสายตานิทานเพราะไม่ได้รับการปลดปล่อย

                เขาทำในสิ่งที่ตัวเองไม่คิดว่าจะทำได้ ฝ่ามือเล็กเลื่อนไปสัมผัสกับแท่งเนื้อใหญ่ใช้มือปลุกเร้า ในขณะที่ช่วงล่างเองก็โดนรามิลขยับสวนใส่อย่างเชื่องช้าจนกระทั่งรัวเร็วมากขึ้น

                “อะ อื้อ”

                ไอศูรย์ขยับกายเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม จนนิทานเผลอทำไปตามแรงอารมณ์ เขาใช้ริมฝีปากมอบความสุขสมให้กับแก่นกายใหญ่ ไอศูรย์ครางเสียงทุ้มในลำคอ ยิ่งได้ยินเสียงครางของชายทั้งคู่ ร่างกายของนิทานก็ยิ่งตอบสนอง ความมีเหตุผลและสิ่งต่างๆที่ขัดแย้งเปลี่ยนแปลงไป

                “อะ อื้อ อ่า”

                เป็นรามิลที่ปลดปล่อยออกมาก่อน เขาค่อยๆถอนแก่นกายออกมาจากช่องทางด้านหลัง นิทานปรือตามอง ไอศูรย์ถอนกายออกจากปากสวย เขาจับร่างเล็กให้พลิกคว่ำ แล้วแทรกตัวเข้าไปในช่องทางหลัง ขยับสะโพกสวนใส่อย่างเร่าร้อน

                “อะ อะ อ๊า”

                เขารั้งสะโพกเล็กเอาไว้ รามิลขยับกายเข้าไปรูดชักแก่นกายของนิทานจนตั้งชันเพราะแรงอารมณ์ เสียงครางหวานดังกระเส่า ใบหน้าน่ารักเปื้อนไปด้วยหยาดเหงื่อ จนกระทั่งสิ้นสุดปลายทาง ความอุ่นร้อนจึงพ่นฉีดเข้าไปในช่องทางด้านหลังจนไหลเยิ้มออกมาเปรอะเปื้อนต้นขาเล็ก

                “หึหึ”

                เสียงหัวเราะที่ฟังดูแล้วน่ากลัว ทำให้นิทานที่จะปิดเปลือกตาลงต้องลืมตาขึ้นมอง ร่างกายถูกดึงรั้งให้ปรับเปลี่ยนท่าทาง เมื่อไอศูรย์รั้งกายเล็กให้เปลี่ยนมานั่งบนตักเขา เขาขยับร่างกายมานั่งพิงหัวเตียง

                “จะ จะทำอะไร”

                นิทานถามเสียงแผ่ว เริ่มรู้สึกถึงอันตราย แววตาที่ดูโรคจิตของรามิลทำให้เขาเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่

                รามิลเข้ามาใกล้ ไอศูรย์ค่อยๆแทรกแขนเข้าไปช้อนที่ใต้ข้อพับ นิทานอับอาย เพราะคิดว่ารามิลคงจะเห็นได้ชัดเจนว่าตอนนี้ช่องทางด้านหลังของเขากำลังเชื่อมต่อกับแก่นกายใหญ่ของไอศูรย์

                “ระ รามิล”

                รอยยิ้มร้ายกาจปรากฏให้เห็น ยิ่งลิ้นร้อนเลียริมฝีปากอย่างกระหาย นิทานยิ่งใจเต้นแรง ฝ่ามือร้อนจับเข้าที่ความเป็นชายของตัวเอง แล้วเคลื่อนกายเข้ามาใกล้ ถูไถแก่นกายของตัวเองให้สัมผัสกับแก่นกายเล็กที่แข็งขืน แล้วเลื่อนต่ำลงไป เสียงทุ้มของ  รามิลทำให้นิทานแทบจะหยุดหายใจเมื่อชายหนุ่มเคลื่อนหน้าเข้ามากระซิบใกล้ๆ

                “ถ้ารับไปสองอันพร้อมๆกัน มันจะเร้าใจแค่ไหนกัน”

                “!!!”

100%



แจ้งข่าวเปิดพรีจ้า

 

เปิดพรีออเดอร์ จิ้มลิ้ง
http://www.tunwalai.com/chapter/695333/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C-10816-10916?page=1

(https://scontent.fbkk5-4.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/13921015_1798954423706061_9091839270985803961_n.png?oh=18037746fc02f037afccd4712c6f1422&oe=58574558)

 

 

 

 

 
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 18 ทั้งสอง
เริ่มหัวข้อโดย: aommama ที่ 24-08-2016 21:21:20
 :m15:  :pighaun:  :m25:  :m25:   :pighaun:  :pighaun:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 18 ทั้งสอง
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 24-08-2016 23:10:28
กรี๊ดดดด นิทาน !
สองอัน ! ปูเสื่อรอเลย 55+
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 18 ทั้งสอง
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 24-08-2016 23:28:12
มันผ่างมากค่ะสังคม!!!
ตายแน่ๆลูกชายชั้นแหกแน่ๆ 2อัน!!!  :a5:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 18 ทั้งสอง
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 24-08-2016 23:57:32
OMG นิทานรอดยาก
 :pighaun: :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 18 ทั้งสอง
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 25-08-2016 08:20:47
กรี๊ดดด นิทานจ๋า อย่าพึ่งช็อคซะก่อนนะจ๊ะ คนอ่านกำลังฟินและจิ้นไปไกล  :hao6:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 18 ทั้งสอง
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 25-08-2016 08:52:02
ดับเบิ้ลเลยไหมล่ะนิทาน
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 18 ทั้งสอง
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 25-08-2016 09:35:59
สงสารนิทานบ้างเถอะ!
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 18 ทั้งสอง
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 25-08-2016 16:28:44
โอย ตายแน่  :hao7:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 18 ทั้งสอง
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 26-08-2016 02:03:32
อย่าแกล้งน้องงงงงง :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 18 ทั้งสอง
เริ่มหัวข้อโดย: HunterKill ที่ 26-08-2016 17:06:50
ค้างงงงงง :hao6:

หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 18 ทั้งสอง
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 26-08-2016 21:26:33
 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:พระเอกโรคจิตได้อีก
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 18 ทั้งสอง
เริ่มหัวข้อโดย: ราตรีสีน้ำเงิน ที่ 28-08-2016 00:55:36
:hao5: :hao5: :hao5:


ทำไมพระเอกโรคจิตจัง
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 18 ทั้งสอง
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 02-09-2016 22:14:16
หูยยย  :m25:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 19 หวั่นไหว
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 04-09-2016 20:29:17
19

หวั่นไหว

 

 

            “อ๊ะ อ๊า!!!”

                คนตัวเล็กหวีดร้องอย่างทรมานเมื่อความร้อนรุ่มที่ร้อนผ่าวค่อยๆแทรกเข้ามาในร่างกายอย่างช้าๆ แต่ก็ทำให้ช่องทางต้องขยายกว้างมากขึ้น นิทานบิดเร่า การจะรับตัวตนของรามิลเพิ่มมาอีกคนทำให้นิทานแทบจะขาดใจ

                “ออกไป ฮือ เจ็บ ไม่เอา”

                นิทานร้องไห้ รามิลแทรกกายเข้าไปได้แค่เพียงครึ่ง นิทานก็แทบจะคลั่ง เขายกมือทุบตีรามิลพร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้น ไอศูรย์ประคองใบหน้าน่ารักให้หันมารับจูบที่ซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน

                “ไม่ต้องกลัว”

                “ขาด ฮึก ตรงนั้น”

                เพราะรู้สึกเจ็บปวดเหมือนร่างกายถูกฉีกขาดทำให้นิทานร้องไห้โฮไม่ต่างจากเด็กตัวเล็กๆ       

                “อะ อื้อ”

                นอกจากไอศูรย์ที่พยายามปลอบประโลม รามิลเองก็ลูบไล้ร่างกายเล็กให้เคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัส นิทานหยุดทุบตี แล้วจับบ่าแข็งแรงของรามิลเอาไว้ไม่ยอมปล่อย กายสูงใหญ่ค่อยๆเคลื่อนที่เข้าไปเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายของนิทานให้ลึกมากที่สุดเท่าที่จะสามารถเข้าไปได้

                “อ่า…”

                เสียงครางทุ้มของรามิลและไอศูรย์ทำให้นิทานใจเต้นแรงหนักหน่วง ร่างกายของเขาร้อนรุ่ม ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นที่ช่องทางด้านหลังเริ่มทุเลาลง น้ำรักขาวขุ่นที่

เต็มไปในช่องทางเหมือนเป็นสารที่ช่วยหล่อลื่นให้รามิลและไอศูรย์ได้เคลื่อนกายขยับสวนใส่ในตัวเขาได้มากขึ้น

                “อะ อ๊ะ อ๊า”

                เมื่อร่างกายเริ่มปรับสภาพได้ ชายหนุ่มทั้งสองก็ไม่คิดจะสะกดกลั้นความปรารถนาที่รุนแรงเอาไว้ รามิลจับข้อเท้าทั้งสองข้างของนิทาน แล้วเริ่มขยับสะโพกให้แก่นกายของตัวเองได้เสียดสีไปกับผนังช่องทางด้านในและแก่นกายของไอศูรย์

                เสียงร้องครวญครางของนิทานยิ่งกระตุ้นสัญชาตญาณดิบเถื่อนของไอศูรย์ให้พุ่งทะยานมากขึ้น ฝ่ามือร้อนบีบเค้นสะโพกนิ่มอย่างรุนแรง รามิลรั้งร่างเล็กไปโอบกอด แล้วเปลี่ยนเป็นไอศูรย์ที่ขยับกายขึ้นคร่อมจากข้างหลัง ก่อนจะเป็นฝ่ายขยับกระแทกกระทั้นเข้าไปในกายเล็ก

                “อะ อ๊า! อ๊า”

                นิทานร้องครางลั่น เสียงหอบหายใจของฝ่ายรุกทั้งคู่ดังผสานไม่หยุดหย่อน ใบหน้าหวานเชิดขึ้นอย่างสุขสม จากความเจ็บปวดแปรเปลี่ยนเป็นเสียวซ่านจนไม่อาจจะรั้งสติของตัวเองเอาไว้ได้

                รามิลรั้งใบหน้าน่ารักเข้ามากดจูบปากสวย ดูดเม้มเบาๆ สอดลิ้นเข้าไปตักตวงความหอมหวาน หยาดน้ำไหลรินออกที่มุมปาก ดวงตากลมปรือปรอย ความร้อนรุ่มส่งไปถึงทั้งสามคน

                “อะ อ๊ะ อ๊า!!”

                สุดปลายทาง นิทานปลดปล่อยออกมาจนหมดแรง ใบหน้าน่ารักฟุบเข้ากับไหล่ของรามิล ในขณะที่ชายร่างสูงทั้งสองยังไม่หยุดขยับสะโพกสอบ ไอศูรย์พรมจูบทำรอยแดงไปทั่วแผ่นหลังเล็ก รามิลเองก็จูบไล่ตั้งแต่ปลายเท้าข้างที่ได้รับบาดเจ็บจนกระทั่งถึงบาดแผลบริเวณขา

                “อะ อื้อ”

                ในร่างกายถูกกระแทกกระทั้นจนใบหน้าหวานบิดเบี้ยวเพราะความเสียวซ่าน ก่อนที่จะรับรู้ถึงสายน้ำที่ฉีดพุ่งเข้ามาในร่างกาย

                “แฮกๆๆ”

                ทั้งสามหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน คนที่หมดแรงไปก่อนจนหมดสตินั่นก็คือท่านประธานตัวน้อย รามิลก้มจูบหน้าผากสวยอย่างเอ็นดูพร้อมกับไอศูรย์ที่กดจูบที่หัวไหล่มนอย่างแผ่วเบา

 

-------+++++-------

 

                ร่างกายของนิทานอ่อนล้าจนตื่นมาอีกทีในช่วงสายของวันต่อมา เขาค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก ช่วงล่างร้าวระบมเพราะเมื่อคืนได้ใช้งานอย่างหนัก แต่ถึงกระนั้น ร่างกายที่เปลือยเปล่ากลับไม่ได้เหน็บหนาวแต่อย่างใด เพราะมีชายหนุ่มตัวใหญ่ถึงสองคนนอนกอดเอาไว้

                “อ๊ะ”

                ได้แต่ร้องอย่างตกใจ เมื่อตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองกำลังนอนซุกอยู่ที่อกของไอศูรย์ เขาขยับตัวพลิกอย่างยากลำบากแล้วก็ต้องพบว่าอีกคนที่นอนกอดเขาอยู่ก็คือ รามิล นิทานเม้มปากแน่น คิดทบทวนความทรงจำ

                เมื่อคืนพวกเขาทั้งสามคนร้อนแรงกันเสียจนลืมไปว่าร่างกายของเขายังบาดเจ็บ และที่สำคัญไม่อยากจะเชื่อเลยว่าร่างกายเล็กๆของเขาจะรับคนตัวใหญ่ได้ถึงสองคนแบบนี้

                “ล็อกเกต”

                เมื่อเห็นสิ่งที่สวมอยู่ที่คอของรามิล นิทานก็นึกขึ้นมาได้ เขาต้องการสร้อยพวกนี้ ถ้าเขานำมันไปตอนนี้จะได้หรือเปล่า แต่ถ้าทั้งคู่ไม่ได้มอบให้เขาด้วยความเต็มใจ ก็มีความเป็นไปได้ที่ทั้งสองจะนำเรื่องเลวร้ายของเขาไปเปิดเผย

                “ถ้าคิดจะขโมยก็ต้องรีบทำนะครับ”

                นิทานแทบจะสะดุ้งเมื่อรามิลลืมตาตื่น แล้วส่งยิ้มให้

                “อรุณสวัสดิ์ครับ”

                เอ่ยจบก็ก้มลงมาจูบแก้มนิ่มอย่างรวดเร็ว นิทานอึ้งไป แก้มนิ่มขึ้นสีเล็กน้อย เขาหลบสายตาคมกริบที่ดูมีเสน่ห์

                “ฉันไม่ได้จะขโมยนะ”

                “แต่ท่านประธานจ้องไม่กระพริบตาเลยนะครับ แบบนี้จะให้ผมคิดยังไงดีน้า”

                ว่าพลางไล้นิ้วไปตามพวงแก้มนิ่ม แรงกระชับจากอ้อมกอดของไอศูรย์ทำให้นิทานสะดุ้ง

                “อย่าแกล้งสิ เดี๋ยวก็ร้องไห้อีกหรอก”

                น้ำเสียงทุ้มน่าฟังดังข้างใบหู นิทานขนลุกซู่จนต้องห่อไหล่ ลมหายใจร้อนผ่าวของไอศูรย์เป่ารดต้นคอจนเขารู้สึกสยิวขึ้นมา

                “ฉะ ฉันไม่ได้จะร้องไห้”

                “แล้วเมื่อคืนเด็กที่ไหนที่ขี้แยกัน”

                ไม่ว่าเปล่า แต่ฝ่ามือร้อนยังลูบไล้ไปตามเรือนร่างบอบบาง รามิลเลื่อนมือไปบีบเล่นที่จมูกเล็ก นิทานจับมือหนา

                “หยุดเลยนะ”

                “งั้นก็นอนกันอีกสักนิดเถอะครับ ยังเช้าอยู่เลย”

                รามิลบอกอย่างงัวเงีย ที่จริงนิทานเองก็ยังง่วง แต่ที่ตื่นมาก่อนก็เพราะโดนกายสูงใหญ่ทั้งสองเบียดแนบชิดจนแทบจะจมอกของทั้งคู่

                “งั้นก็ปล่อยให้นอนสบายๆหน่อยสิ”

                “งั้นนอนแบบนี้ไหมครับ”

                ว่าจบ ไอศูรย์ก็จับร่างของนิทานให้พลิกขึ้นมานอนบนตัวเขา คนตัวเล็กตาโต รามิลขยับกายเข้ามาใกล้ไอศูรย์ แล้วมองคนตัวเล็ก ที่นอนคว่ำทับร่างของไอศูรย์ด้วยสายตาที่มีความสุขจนนิทานชะงักไป

                “แบบนี้ก็น่าจะนอนสบายขึ้นหรือเปล่าครับ”

                รามิลถาม ไอศูรย์ยังคงหลับตา เขาไม่พูดอะไรต่อ แต่ใช้วงแขนแข็งแรงโอบกอดร่างเล็กที่อยู่บนตัวเขาเอาไว้

                “ปล่อยฉันลงเถอะ มันหนักนะ”

                “ไม่นี่ครับ นอนต่อเถอะ”

                ในเมื่อเจ้าตัวบอกแบบนั้น นิทานก็สุดจะต่อต้าน รามิลเองก็จับมือเขาไปจูบหนึ่งที แล้วพลิกกายนอนตะแคงเลื่อนมือไปโอบกอดร่างกายบอบบาง

                “ผมเองก็อยากให้คุณมานอนบนตัวผมเหมือนกันนะ แต่ถ้านอนแล้ว คงต้องขอคิดค่าจ้างเป็นการเอาผมเข้าไปในตัวท่านประธานด้วย”

                สายตาที่เจ้าเล่ห์ร้ายกาจทำให้นิทานก้มหน้างุด อย่างน้อยไอศูรย์ก็ไม่ได้คิดจะทำอะไรประหลาดแผลงๆเหมือนกับรามิล ใบหน้าหวานรีบซุกหน้ากับแผ่นอกกว้าง แล้วหลับตาลงเพราะตัวเองก็ยังอ่อนเพลีย

                รามิลอมยิ้มกับท่าทางที่แสนน่ารักของนิทาน แต่เขาก็ไม่วายเลื่อนมือไปลูบไล้ก้นนิ่มจนนิทานสะดุ้งตกใจ

                “ผมไม่ทำอะไรหรอกครับ นอนเถอะ”

                แม้จะไม่อยากจะเชื่อใจรามิล แต่นิทานก็ยอมนอนเฉยๆเพราะเขาเองก็เหนื่อยล้าเกินกว่าจะต่อต้านกับสิ่งต่างๆที่ทำให้เขารู้สึกดีในตอนนี้

               

-------+++++-------

 

                การพักผ่อนในช่วงสุดสัปดาห์สิ้นสุดลง ในวันอาทิตย์ นิทานใช้เวลาเกือบทั้งวันที่จะอยู่บนเตียงเพื่อพักผ่อนร่างกายที่เหนื่อยล้า ถึงแม้จะโดนเลขานุการทั้งสองเอาแต่ใจ แต่ทว่าสุดท้ายก็ปรนนิบัติเขาอย่างเต็มที่จนนิทานเผลอคิดไปว่าเป็นคนรักของทั้งคู่ไปแล้วจริงๆ

                “คิดอะไรอยู่เหรอนิทาน”

                นิทัช เดินเข้ามาเกาะไหล่ของน้องชายคนเล็กที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์ แต่ดวงตา

กลับเหม่อลอย แถมยังเห็นรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า

                “เปล่าครับ”

                “โกหก มีเรื่องอะไรดีๆอย่างนั้นเหรอ”

                คนตัวเล็กส่ายหน้าไปมาไม่ยอมบอก นิทัชดึงแก้มนิ่ม ไม่ยอมให้น้องชายได้โกหก

                “ก็แค่ทำงานราบรื่น เลยรู้สึกมีความสุขครับ”

                “จริงเหรอ ไม่ใช่ว่ากำลังคิดถึงใครอยู่หรอกนะ”

                นิทัชเอ่ยยิ้มๆ เพราะท่าทางของน้องชายเหมือนคนกำลังมีความรัก นิทานเบิกตากว้างทันทีเมื่อพี่ชายพูดแบบนั้น เขาไม่มีวันคิดว่าตัวเองจะไปตกหลุมรักผู้ชายด้วยกัน แต่ถึงอย่างนั้น แล้วทำไมหัวใจของเขาถึงได้ชอบเต้นแรงเวลาอยู่ต่อหน้ารามิลและไอศูรย์

                …ใจมีแค่ดวงเดียว แต่จะรักคนสองคนได้อย่างไร แถมยังเป็นผู้ชายทั้งคู่…

                เมื่อคิดถึงข้อนี้ จิตใจของนิทานก็เหมือนจะแห้งเหี่ยว ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเข้ามาในจิตสำนึก เขาคิดไม่ตกว่าตัวเองควรจะรู้สึกอย่างไรกันแน่

                “มีอะไรหรือเปล่า ทำหน้าเครียดซะแล้ว”

                นิทัชเห็นท่าทีของน้องชายที่เปลี่ยนไปจึงได้เอ่ยถาม นิทานส่ายหน้าไปมาอย่างช้าๆเขาไม่อยากให้พี่ชายรับรู้ถึงปัญหาที่น่าอับอายในครั้งนี้

                “ผมขึ้นไปนอนก่อนนะ หาว…ง่วงนอนจะแย่แล้ว”

                พอเห็นว่าพี่ชายเริ่มสงสัย นิทานก็เริ่มบ่ายเบี่ยงไปทางอื่น นิทัชส่ายหน้าน้อยๆอย่างเอ็นดูน้องชาย มองนิทานที่รีบเดินขึ้นบันไดเพื่อตรงไปยังห้องนอน

                แกร็ก

                เมื่อปิดประตูเรียบร้อย ร่างเล็กก็เดินตรงมาที่เตียง หยิบโทรศัพท์มากดเช็คดูก็พบว่าไลน์ในโทรศัพท์แจ้งเตือนไว้ในตอนที่เขาลงไปข้างล่าง

                ไอศูรย์ : นอนหรือยังครับ

            รามิล : ยังเลย

            ไอศูรย์ : ฉันไม่ได้ถามนาย

            คนตัวเล็กระบายยิ้ม รามิลเป็นคนตั้งไลน์กลุ่มที่มีพวกเขาอยู่ด้วยกันสามคนมาหลายสัปดาห์แล้ว ในตอนแรกก็ไว้ใช้ติดต่อเกี่ยวกับเรื่องที่สืบหาความจริงเรื่องที่เขาถูกกล่าวหาว่ายักยอกเงินบริษัท แต่ช่วงหลังเมื่อทุกอย่างคลี่คลาย ประเด็นการพูดคุยก็เปลี่ยนไป

                รามิล : อ่านแล้ว

            ไอศูรย์ : ยังไม่นอน

                ทั้งคู่เริ่มรู้ว่านิทานอ่านไลน์แล้ว นิทานแทบจะสะดุ้งเพราะได้อ่านข้อความที่เด้งขึ้นไม่หยุด

                รามิล : คิดถึงพวกเราอยู่ใช่ไหมครับ

                “ไม่ใช่สักหน่อย”

                คนตัวเล็กพูดเสียงเบา เขาไม่ได้คิดถึงทั้งคู่จริงๆใช่ไหม แต่ทำไมแก้มของเขาถึงได้รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาเสียอย่างนั้น

                ไอศูรย์ : คิดถึงสินะ

            นิทานเบิกตากว้างที่ไอศูรย์พิมพ์ส่งมาแบบนั้น คนตัวเล็กรีบพิมพ์ส่งไปทันที

                ‘พวกนายคิดไปเอง ฉันจะนอนแล้ว’

            รามิล : หน้าแดงอยู่แน่ๆ

            ไอศูรย์ : หึหึ

            ‘ฉันไม่คุยกับพวกนายแล้ว ไปล่ะ’

            นิทานรีบกดส่งสติกเกอร์ไลน์เป็นรูปตัวการ์ตูนเข้านอนไปอย่างรวดเร็ว แล้วรีบปิดอินเตอร์เน็ต เขารีบวางโทรศัพท์ ยกมือทาบกับอกของตัวเองที่เริ่มเต้นรัวแรง

                “ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ ต่อไปต้องแย่แน่ๆ”

                เพราะเริ่มรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น นิทานต้องพยายามหักห้ามใจของตัวเอง เขาจะลืมไม่ได้ว่าทั้งคู่เคยทำเรื่องเลวร้าย เล่นสนุกกับร่างกายเขา เขาต้องเข้มแข็งให้มากกว่านี้ และต้องเอาสร้อยล็อกเกตนั้นมาให้ได้ รวมถึงรหัสเมลล์ด้วย

                …กลัวเหลือเกิน ว่าตัวเองจะปล่อยให้สิ่งเหล่านั้น เป็นเครื่องพันธนาการเขาเอาไว้จนไม่สามารถหลุดออกมาจากไอศูรย์และรามิลได้…

 

-------+++++-------

 

                แม้จะเริ่มเคยชินกับการทำงานร่วมกับไอศูรย์และรามิล แต่นิทานก็ไม่อยากให้ตัวเองลืมความตั้งใจตั้งแต่แรก คือเขาต้องการให้ทั้งคู่ออกจากงาน เขาไม่ควรจะทำงานกับคนที่ทำเรื่องเลวร้ายกับเขา

                แต่คนที่ทำงานดีและทำงานได้เก่งอย่างไอศูรย์และรามิลไม่ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ เขายอมรับในฝีมือการทำงานและการดูแลเอาใจใส่จากทั้งคู่ แต่ทว่าจิตใจและสมองของเขาก็ตีกันและขัดแย้งไปหมด เพราะเรื่องละเมิดทางเพศที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสามคน

                นิทานไม่อยากจะยอมรับว่าตัวเองก็หลงใหลไปกับเสน่ห์และความเย้ายวนใจที่พาให้เขาตกหลุมกามารมณ์จนไม่อาจจะถอนตัวได้ ทั้งที่ควรรังเกียจแต่ร่างกายกลับมีความสุข             

                …เขาไม่ควรลืมว่าทั้งคู่ทำเรื่องเลวร้ายกับเขาไว้…

                แต่ภาพความเจ็บแค้นในอดีตกลับเลือนรางลงทุกที ถึงแม้ทั้งสองจะชอบเล่นสนุกกับร่างกายเขา แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาเจ็บปวดแสนสาหัสจนทนไม่ไหว มิหนำซ้ำยังมอบรสสัมผัสที่ไม่อาจจะลืมเลือนได้จนเหมือนยังตราตรึงอยู่บนร่างกายของเขาอย่างไม่มีวันจางหายไป

                เขาต้องห้ามลืมเด็ดขาดว่าเมื่อก่อนต้องการอะไร ไม่อย่างนั้นจิตวิญญาณของเขาคงได้ถูกกลืนกินไปเพราะหลงไปตามคารมของทั้งคู่

                แล้วถ้าเกิดสักวันหนึ่งเขาไม่เหลือความเป็นตัวของตัวเองอีก เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะถูกชักจูงไปในทางไหน เพราะตอนนี้เขาไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรกับตัวเอง และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของรามิลและไอศูรย์คืออะไรกันแน่

                …ต้องการเป็นแค่คนรัก เท่านั้นจริงๆ หรือมีอะไรแอบแฝง…

                เพราะทำงานด้วยกัน เห็นหน้ากันแทบทุกวัน ได้คุยกัน ได้สัมผัสร่างกายกันอยู่บ่อยครั้ง นิทานเลยแทบจะปักใจเชื่อว่าทั้งสองอยากเป็นคนรักของเขา แต่อีกใจหนึ่งก็ขัดแย้งจนไม่อาจจะหยุดคิดได้

                จะให้เชื่อได้อย่างไร ว่าคนที่ทำร้ายกันมาก่อน จะอยากเป็นคนรักกัน…

                ถามใครต่อใครก็คงจะไม่เชื่อ นิทานเองก็คิดแบบนั้น

                “ท่านประธานไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าครับ ดูเหมือนคุณกำลังคิดมาก”

                รามิลเข้ามาถามพร้อมกับวางแฟ้มเอกสาร นิทานเงยหน้ามองชายหนุ่ม

                “นายไม่ได้แอบติดกล้องเอาไว้อีกใช่ไหม”
                “ในเมื่อคุณบอกว่าไม่ชอบ แล้วรับไม่ได้ขนาดนั้น ผมก็เอาออกไปหมดแล้วล่ะครับ แล้วอีกอย่างผมก็อยู่กับคุณตลอดเวลา ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องไปติดกล้องให้เหนื่อยเปล่า”

                “อย่างนั้นเหรอ”

                รามิลพยักหน้าเพียงนิดเป็นการยืนยัน ถึงแม้รามิลจะมีนิสัยบางอย่างที่น่ากลัวซ่อนอยู่ แต่ในเวลาทำงานเขาก็จะตั้งใจและทุ่มเทกับมัน ถึงแม้บางครั้งจะใช้เรื่องงานมาทำเรื่องหวาดเสียวเล่นสนุกกับร่างกายเขาก็ตามที

                “แล้วตกลงว่าท่านประธานเครียดเรื่องอะไรครับ”
                “ถ้าบอกไปแล้ว นายจะทำให้ฉันหายเครียดได้หรือไง”

                “มันก็ไม่แน่หรอกนะครับ”

                รามิลยิ้มกว้าง เหมือนต้องการให้นิทานสบายใจ ร่างเล็กถอนหายใจออกมา วันนี้เขาตัดสินใจแล้วว่าต้องทำทุกอย่างให้มันเด็ดขาดและชัดเจน ไม่อย่างนั้นเขาก็ต้องคิดมากและสับสนแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ

                “ฉันต้องการคุยกับนายและไอศูรย์”

                “ได้สิครับ เดี๋ยวผมไปตามหมอนั่นมาให้”

                นิทานมองตามรามิลที่เดินออกไปข้างนอก เพียงไม่นานก็กลับเข้าห้องมา

พร้อมกับไอศูรย์

                “ท่านประธานอยากคุยกับพวกเราเรื่องอะไรเหรอครับ”

                เมื่อเข้ามาก็เปิดประเด็นถามทันที นิทานถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน เขาไม่รู้ว่าเขากำลังเหนื่อยในเรื่องไหน ในเมื่อตอนนี้ยอดขายที่บริษัทก็ค่อยๆดีขึ้น การทำงานระหว่างเขาและเลขานุการทั้งสองก็ราบรื่นแทบไม่มีปัญหาอะไรเลย

                “นั่งก่อนสิ”

                เขาเรียกให้รามิลและไอศูรย์นั่งที่โซฟาซึ่งอยู่ตรงข้าม ทั้งคู่มองคนตัวเล็กอย่างแปลกใจ นิทานพรูลมหายใจเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้นอย่างยากลำบาก

                “พวกนายเองก็ทำงานกับฉันมานานพอสมควรแล้ว”

                “ครับ”

                ไอศูรย์ตอบรับ รามิลเองก็ยิ้มตอบรับเช่นกัน นิทานดูเป็นฝ่ายอึดอัดใจ ในเมื่อมันไม่ได้เป็นครั้งแรกที่เขาจะพูดคุยเรื่องนี้กับทั้งคู่

                “พวกนายทำงานดีมาก ดีจนฉันรู้สึกว่า ถ้าขาดพวกนายไป แล้วฉันจะเป็นยังไง”

                ยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนว่ากำลังทำร้ายตัวเอง นิทานสูดลมหายใจเข้าออกให้เป็นปกติมากที่สุด ไม่อย่างนั้นเขาคงได้คิดมากไม่หยุดหย่อน

                “แล้วยังไงเหรอครับ”

                รามิลถามอย่างอารมณ์ดี เพราะโดนชมไปขนาดนั้น จนรู้สึกว่าคนตัวเล็กคงจะเริ่มเปิดใจให้กับพวกเขาแล้ว

                “ถึงฉันจะชอบการทำงานของพวกนายมากแค่ไหนก็ตาม แต่เรื่องราวในอดีตที่พวกนายใช้เรื่องนั้นข่มขู่ฉัน มันทำให้ฉันรู้สึกแย่เอามากๆ”

                “มันแย่มากขนาดนั้นเลยเหรอครับ”

                รามิลเลิกคิ้ว เขายกมือกอดอก พลางสังเกตท่าทางของนิทาน

                “ใช่ ฉันว่ามันแย่มาก ฉันทำงานเป็นประธานบริษัท แต่ต้องมาคอยระแวงว่า

คลิปฉัน เรื่องทุเรศแบบนั้นจะหลุดออกไปเมื่อไหร่ พวกนายจะเล่นสนุกกับฉันไปอีกนานแค่ไหน ฉันต้องยอมพวกนายไปตลอดชีวิตเลยหรือเปล่า”

                “ไม่หรอกครับ”ไอศูรย์โต้แย้ง

                “แล้วเมื่อไหร่เรื่องพวกนี้มันจะจบ ถ้าทุกอย่างมันแย่ แล้วฉันจะทำยังไง พวกนายคิดว่าฉันรู้สึกยังไง ฉันจะบ้าตายอยู่แล้วนะ พวกนายยังไม่ให้สร้อยกับฉัน ไม่ให้เมลล์กับรหัส ถ้ามีเรื่องผิดพลาด แล้วเรื่องพวกนี้หลุดออกไป ฉันจะทำยังไง!”

                นิทานเหมือนระเบิดลง เขาทนทุกอย่าง ยอมปล่อยให้ร่างกายเป็นของเล่น ถึงแม้เขาจะสุขสมก็จริงอยู่ แต่ลึกๆก็ยังหวั่นใจ ไม่มีใครชอบการข่มขู่ แม้ความกลัวจะเริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นความรู้สึกหวั่นไหว แต่จิตใต้สำนึกก็เหมือนตอกย้ำว่าเขาควรจะจัดการเรื่องนี้ ไม่ควรปล่อยให้มันเรื้อรัง

                “ฉันไม่เข้าใจเหตุผลของพวกนายเลยจริงๆ ว่าทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย พวกนายบอกฉันไม่ได้เหรอ ทำไมต้องเล่นบทบาทคนรักกับฉัน มันสนุกมากเลยหรือไง”

                ทั้งไอศูรย์และรามิลต่างมองหน้านิทาน พวกเขาถอนหายใจออกมาแผ่วเบาพร้อมกัน

                “อยากเป็นคนรักกัน มันมีเหตุผลให้คิดมากขนาดนั้นเลยเหรอครับ”

                รามิลพูดออกมาเหมือนจะตัดพ้อและท้อแท้ แต่ใบหน้าก็ไม่ได้แสดงสีหน้าย่ำแย่

                “พวกเรานึกว่าคุณจะรู้เหตุผลนั้นอยู่แล้วซะอีก”

                “ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ว่าพวกนายทำไมถึงได้อยากเป็นคนรัก”

                เสียงถอนหายใจของรามิลและไอศูรย์ดังขึ้น เพราะดูเหมือนว่าความปรารถนาของพวกเขาที่ต้องการส่งไปให้นิทานรับรู้มันจะไปไม่ถึง

                “เหตุผลมันก็แค่”

                นิทานมองหน้าทั้งคู่  รอฟังคำตอบที่ทั้งสองเฉลยมาพร้อมกันจนคนฟังใจเต้นรัวเร็ว แทบจะหยุดหายใจ

                “รัก….”



100%

อากิเปิดเทอมแล้วค่อนข้างจะยุ่งนะคะ ติดตามการอัพได้ที่เพจ https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/



อีกไม่กี่วันก็จะปิดพรีแล้วนะคะ

ท่านใดที่สนใจเล่มนิยายเรื่องนี้ กับสะใภ้ขายาว มาซื้อกันได้จ้า



เปิดพรีออเดอร์ จิ้มลิ้ง
http://www.tunwalai.com/chapter/695333/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C-10816-10916?page=1


 

 

 

 

 
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 19 หวั่นไหว
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 04-09-2016 20:49:33
หูยยยยย มาบอกรักกันอย่างงี้ นิทานหวั่นไหวไปอีก10ระดับ 555555
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 19 หวั่นไหว
เริ่มหัวข้อโดย: aommama ที่ 04-09-2016 21:16:09
โดนบอกรักพร้อมกันไปแบบนี้ ไม่หวั่นไหวให้มันรู้ไปสิเอ้า
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 19 หวั่นไหว
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-09-2016 22:05:03
น่าที่นิทาน จะรู้สึกแบบนี้
ถูกข่มขีน ทำร้ายจิตใจ กุมคลิปลับไว้อีก
ใครจะยังสบายใจอยู่ได้
ไอศูรย์ กับ รามิล เคยพบกับนิทาน มาก่อนแน่ๆ
น่าจะเป็นตอนที่ยังเรียนอยู่
เป็นการแอบรักนิทาน ข้างเดียว?
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 19 หวั่นไหว
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 05-09-2016 00:51:35
พวกนายสามคนเคยเจอกันมาก่อนใช่ป่ะ?
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 19 หวั่นไหว
เริ่มหัวข้อโดย: bvan ที่ 05-09-2016 03:05:46
สงสานนิทานอ่ะ ไม่ชอบการบังคับ...บางที2คนนี้ควรได้รับการลงโทษบ้างนะ ถึงจะรักแต่บางครั้งการทำร้ายมันไม่ใช่เรื่องดี
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 19 หวั่นไหว
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 05-09-2016 07:30:04
เหตุผลว่ารัก แต่เริ่มต้นไม่ดีไง
เราเข้าใจนิทานนะ
ทุกคนมีความกลัว
ยิ่งประสบการณ์แรกรับไม่สวยงาม
ทันยิ่งรู้สึดแย่ๆในใจ
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 19 หวั่นไหว
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 05-09-2016 08:12:21
มันถึงเวลาแล้วที่สามคนจะต้องเคลียร์ใจนะ
ถ้าเกิดว่าเคลียร์ไม่ลงตัวก้อส่งรพ.โรคประสาทเลยดีกว่า
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 19 หวั่นไหว
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 05-09-2016 15:52:20
ไหน ๆ คุยกันแล้วเคลียร์กันไปโลด
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 19 หวั่นไหว
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 05-09-2016 20:10:50
เปิดอกเคลียร์กันให้รู้เรื่องไปเลยสิ ไหนๆก็มาไกลขนาดนี้แล้วอ่ะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 19 หวั่นไหว
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 06-09-2016 01:19:33
 :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 19 หวั่นไหว
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 06-09-2016 07:26:24
นิทานคงสับสนมาก
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 19 หวั่นไหว
เริ่มหัวข้อโดย: Xert ที่ 15-09-2016 21:42:27
คิดถึงจังเลยค่ะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 19 หวั่นไหว
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 21-10-2016 23:45:20
รออยุน้าาาาา
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 20 สื่อไปไม่ถึง
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 26-10-2016 18:25:27
20

สื่อไปไม่ถึง

           

 

คำสารภาพรักที่ออกมาโต้งๆจากปากของรามิลและไอศูรย์ ทำให้คนตัวเล็กคิดมากอยู่หลายวัน เขาหลบสายตาและพยายามไม่พูดคุย ไม่มองหน้าไอศูรย์และรามิล

                “เฮ้อ”

                นิทานก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอย่างไร และเขากำลังคิดมากเรื่องไหน แต่รู้แค่ว่าทุกครั้งที่นึกถึงคำสารภาพนั้น หัวใจของเขาก็เหมือนไม่เป็นหัวใจของตัวเอง มันหวั่นไหวทุกครั้งที่นึกถึง

                …โกหก มันต้องเป็นเรื่องโกหกแน่ๆ…

                เพราะไม่อาจจะทำใจยอมรับได้ ไม่อย่างนั้น เขาคงต้องคิดมากไม่จบไม่สิ้น แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ นิทานก็ไม่รู้ว่าตัวจะเป็นยังไงต่อไป

                “ทำไมยังไม่เข้าห้องทำงานอีกล่ะครับ”

                รามิลเข้ามาในห้องน้ำ นิทานสะดุ้งเฮือก มองซ้ายมองขวา มีเพียงเขาและชายหนุ่มแค่สองคนเท่านั้น

                “ฉันกำลังจะกลับพอดี”

                นิทานเลี่ยงจะเดินหนี แต่ทว่าเขาก็โดนรามิลรั้งเอาไว้ด้วยมือใหญ่ ชายหนุ่มจับแขนเล็ก

                “ทำไมต้องหลบหน้าผมด้วยครับ”

                น้ำเสียงที่เปล่งออกมา แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจ นิทานเงยหน้ามอง เขาเม้มปากแน่น แล้วพยายามผลักอีกฝ่ายให้ออกห่าง

                “ฉันไม่ได้หลบหน้า”

                “โกหก ผมไม่เชื่อ”

                ใบหน้าที่ปกติมักจะยิ้มแย้มในยามนี้กลับบึ้งตึง

                “ปล่อยนะ นายไม่มีสิทธิ์จะมาทำกับฉันแบบนี้”

                “ทำไมจะไม่มีสิทธิ์”

                ดูเหมือนว่าความอดทนของรามิลจะสิ้นสุดลงแล้ว เขาดันร่างเล็กให้ชิดกับกำแพงห้องน้ำ แล้วก้มหน้าลงมาซุกไซ้ซอกคอขาว

                “อื้อ ปล่อยนะ ปล่อย!”

                ลิ้นร้อนลากเลียไปตามลำคอขาว ในขณะที่มือหนาสอดเข้าไปใต้เสื้อแล้วบีบขยี้ยอดอกเล็กอย่างหยอกเย้า เขาเผลอครางออกมาอย่างแผ่วเบา พยายามเรียกสติตัวเองกลับมา แต่เขาก็ต้านแรงและการเล้าโลมไม่ไหว

                “ทำอะไร!”

                พลั่วะ!

                ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนนิทานตกใจ เพราะจู่ๆไอศูรย์ก็เข้ามากระชากรามิลแล้วต่อยจนอีกฝ่ายล้มลงไปกระแทกกับพื้น รามิลหันขวับไปมองไอศูรย์ เขายันกายลุกขึ้นแล้วต่อยกลับ

                “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

                นิทานทนมองไม่ได้ รีบเข้าไปห้ามทั้งคู่ จนกระทั่งโดนลูกหลง ถูกผลักจนศีรษะไปกระแทกกับผนังกำแพง

                “โอ้ย!”

                เสียงร้องของนิทานทำให้ไอศูรย์และรามิลชะงัก ทั้งคู่รีบเข้ามาประคองร่างเล็ก

                “เจ็บมากไหม”ไอศูรย์ถาม

                “ค่อยๆลุกนะ”

                รามิลพยุงนิทานให้ลุกขึ้น เขาเหลือบมองทั้งคู่ จู่ๆ ดวงตาก็เอ่อคลอไปด้วยน้ำ

สีใส

                “พวกนายเป็นบ้าไปแล้วหรือไง ทะเลาะกันทำไม”

                ทั้งสองนิ่งชะงักไป ไอศูรย์เป็นฝ่ายพูดก่อน

                “เมื่อกี้หมอนี่มันขืนใจคุณใช่ไหม”

                นิทานนิ่งเงียบ เขาหลบตาไอศูรย์ ร่างสูงรั้งนิทานมากอดแนบอก แล้วลูบหลังเบาๆ

                “ฉันบอกนายแล้วใช่ไหม ว่าอย่าทำแบบนี้อีก”

                “เหอะ ทำเป็นพูดดี จริงๆนายก็หงุดหงิดเหมือนกันใช่ไหมล่ะ ที่ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้”

                รามิลสวนกลับ ไอศูรย์นิ่งไป เขาเอ่ยเสียงเรียบ

                “วิธีที่นายทำ ฉันไม่คิดว่ามันจะดีหรอกนะ”       

                “นายปฏิเสธตัวเองไม่ได้หรอก ว่าลึกๆแล้ว นายก็อยากทำเรื่องเลวร้ายกับผู้ชายที่นายกอดจนใจแทบขาด”

                คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นทันที ไอศูรย์หลับตาลง แล้วพรูลมหายใจอย่างแผ่วเบา

                “วันนี้นายอยู่นอกห้อง ฉันจะดูแลท่านประธานในห้องเอง”

                พูดจบก็ประคองนิทานออกจากห้องน้ำ รามิลมองตามด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะกดยิ้มร้ายที่มุมปาก

                “ฉันไม่เป็นไรหรอก”

                นิทานขยับตัวออกห่างจากไอศูรย์ ใจเขาเพิ่งจะเริ่มหยุดเต้นแรงเมื่อเดินมาถึงห้องทำงาน ยิ่งเห็นทั้งคู่ทะเลาะกันแบบนี้เขายิ่งใจคอไม่ดี

                “เดี๋ยวผมไปหายามาทาให้นะครับ”
                เพราะหน้าผากของนิทานเหมือนจะช้ำจนเริ่มบวมเล็กน้อย ไม่นานไอศูรย์ก็กลับมาเปิดหลอดยาแล้วลงมือทายาให้กับเขา

                “ฉันไม่เข้าใจพวกนายเลยจริงๆ”

                มือใหญ่ชะงัก เขามองหน้านิทาน ใบหน้าคมคายไม่แสดงอารมณ์ใดๆ คนตัวเล็กเองก็ยังคงไม่สบตา

“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

                “ทำไมคุณถึงเมินผม”

                “ฉัน…”

                “เกลียดผมมากอย่างนั้นเหรอ”

                เขารีบเงยหน้ามองไอศูรย์ทันที ดวงตาคมกริบนั้นเหมือนแฝงไปด้วยความน้อยใจ นิทานสับสน ไม่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้

                “แล้วนายจะให้ฉันทำยังไง ตลอดเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่เริ่มต้น พวกนายเหมือนกำลังล้อเล่นฉัน เล่นกับความรู้ฉัน คำว่ารักที่นายสารภาพ มันเป็นแค่คำพูดเล่นๆ รักเล่นๆ เล่นสนุกกับฉันใช่ไหม”

                คิ้วทั้งสองของไอศูรย์เริ่มขยับเข้าหากันอย่างช้าๆ แสดงออกอย่างเห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวกำลังเคร่งเครียด เขาสบตากับนิทาน

                “ในเมื่อพวกเราบอกความจริงไป แต่คุณไม่เชื่อ แล้วจะให้พวกเราทำยังไง”

                “ฉันไม่รู้ว่าความจริงมันคืออะไรกันแน่ พวกนายรักฉันจริงๆงั้นเหรอ แต่ทำไมต้องข่มขู่ฉัน ฉันอยากรู้ความจริง ฉันอยากรู้ว่าพวกนายทำไปทำไม พวกนายเป็นคนยังไงกันแน่ แล้วกำลังคิดอะไรอยู่”

                ตลอดเวลาที่ผ่านมา นิทานไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว ทั้งรามิลและไอศูรย์เป็นยังไง บางครั้งก็เหมือนเป็นคนที่น่ากลัว แต่บางครั้งก็ใจดี อ่อนโยน และช่างเอาใจ

                “อยากรู้มากใช่ไหม ว่าพวกเราคิดอะไร”

                คนที่เอ่ยออกมาไม่ใช่ไอศูรย์ แต่เป็นรามิลที่เปิดประตูเข้ามา ชายหนุ่มขยับ เนคไทของตัวเอง แล้วปลดมันออกปล่อยลงกับพื้น

                “นะ นายทำอะไร”

                นิทานถามเสียงสั่น รามิลหันไปมองไอศูรย์

                “ฉันบอกแล้วว่าวิธีของนายมันไม่ได้ผล”

                ชายหนุ่มขยับแว่นตา แล้วถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

                “การบอกความรู้สึกไปตรงๆอย่างเดียวน่ะ มันสื่อไปไม่ถึงหรอก”

                กลายเป็นว่าคราวนี้ไอศูรย์ไม่ได้กางแขนออกมาปกป้องนิทานอีกแล้ว เขาปล่อยให้รามิลเข้ามาถึงตัวนิทานได้ทันที ฝ่ามือร้อนลูบไล้ไปตามเสื้อผ้าราคาแพง ก่อนจะกระตุกยิ้ม           

                “ดูสิ…แค่นี้ ท่านประธานตัวน้อยก็ใจเต้นแรงแล้ว”

                “ยะ หยุดนะ”

                “หืม…หยุดอะไรกันครับ หึหึ”

                รามิลหัวเราะเหมือนขบขัน เขาก้มลงไปดึงเสื้อสูทของนิทาน แล้วก้มลงมางับเข้าที่ยอดอกเล็ก คนตัวเล็กสะดุ้งเฮือก ปรือตามอง ดวงตาคมกริบที่แฝงไปด้วยความร้ายกาจทำให้นิทานหวั่นใจ

                “นายเองก็อยากจะเล่นสนุกใจแทบขาดไม่ใช่หรือไง”

                ชายหนุ่มตวัดสายตาไปมองไอศูรย์ พลางหยิบกุญแจมือที่มีลักษณะเป็นผ้าขนฟูสีชมพูอ่อนมาล็อกเข้าที่ข้อมือเล็กของนิทาน ร่างเล็กตกใจแต่ก็สายไปเสียแล้ว

                “อย่าทำอะไรบ้าๆนะ!”

                “อยากรู้ไม่ใช่เหรอครับ ว่าพวกผมคิดอะไร อยากจะทำอะไร ต้องการอะไร”

                “ไอศูรย์ นายช่วยฉันด้วย”

                นิทานหันไปขอความช่วยเหลือจากชายหนุ่มที่อยู่ไม่ไกล ไอศูรย์มองด้วยสายตาที่เรียบเฉย

                “ทำไมคุณถึงไม่เชื่อในสิ่งที่พวกผมสารภาพ หรือว่าตลอดเวลาคุณไม่เชื่อใจในตัวพวกเราเลย”

                ไอศูรย์หรี่ตาลง นิทานเริ่มใจคอไม่ดี ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องตกมาอยู่ในสถานการณ์คับขันแบบนี้ รามิลถอดเสื้อสูทของตัวเองโยนทิ้งลงกับพื้น

                “แค่คำพูดมันไม่พอหรอก ร่างกายที่คุ้นเคยจนขาดไม่ได้ต่างหาก ที่จะยืนยันได้ ว่าคุณเป็นของพวกเราแล้ว”

                ไม่เพียงคำพูดที่น่ากลัว แต่ทั้งท่าทางและสายตาของรามิลก็ทำให้นิทานหวาดกลัวจนตัวสั่นขึ้นมา เขากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่อย่างเครียดหนัก กายเล็กพยายามจะหนีแต่เขาก็โดนรามิลโอบกอดไม่ให้ไปไหนได้ มือทั้งสองถูกจับกุม พยายามทุบตีอย่างไรก็ไม่สามารถหลุดพ้นไปจากความน่ากลัวได้เลย

                “นายทำแบบนี้กับฉัน แล้วจะให้ฉันเชื่อใจได้ยังไง”

                “นี่เป็นการแสดงความรักของพวกเราต่างหากครับ”

                รอยยิ้มร้ายกาจที่แฝงความหื่นกระหายทำให้คนตัวเล็กตัวสั่น รามิลเข้ามาซุกไซ้ที่ซอกคอ ริมฝีปากร้อนขบเม้มทำรอย นิทานพยายามถอยหนี แต่ไอศูรย์ก็เข้ามาร่วมวงด้วย เขาเบิกตากว้างเมื่อเห็นชายหนุ่มเข้ามาสมทบ

                เสื้อผ้าของนิทานหลุดลุ่ยแทบไม่เหลือคราบประธานบริษัทที่น่าเคารพ สภาพของเขาตอนนี้ไม่ต่างกับสัตว์เล็กที่รอให้สัตว์ร้ายเข้ามาขย้ำเหยื่อให้สมใจอยาก

                “อย่าทำฉันนะ พวกนายจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้”

                มือเล็กพยายามปัดป้อง แต่ร่างกายก็โดนรุกราน ไม่อาจจะต่อต้านได้ ยอดอกเล็กถูกบีบขยี้อย่างหยอกเย้า รามิลก้มลงมางับกัดที่ยอดอก ตวัดลิ้นเลียไปเพื่อกระตุ้นให้คนตัวเล็กได้ครางพร่าด้วยความเสียวซ่านรัญจวนใจ ใบหน้าหวานหันหน้าหนี แต่ก็โดนไอศูรย์จับหันให้มารับบทจูบที่แสนรุนแรง ร่างสูงขบกัดริมฝีปากเล็กจนเจ็บช้ำ นิทานได้กลิ่นคาวเลือด ปลายลิ้นร้อนไล้เลียที่มุมปาก สัมผัสหยาบกร้านจากมือหนาลูบไล้ไปตามลำตัว

                เรือนกายขาวเนียนโดนความร้อนจากกายสูงใหญ่แนบชิด  แม้พยายามจะหลบหลีก แต่ก็ไม่อาจจะหลบได้ ทั้งด้านบนและด้านล่างถูกริมฝีปากสวยงับเม้มดึงรั้ง มือช่วยดึงออก จนเผยให้เห็นหมดทุกสัดส่วน

                “ทะ ที่นี่มันที่ทำงานนะ”

                สติของนิทานแทบจะไม่เหลือ แต่เขาก็พยายามจะห้าม มือเล็กพยายามยกดันร่างสูงโปร่งให้ออกห่าง แต่ลมหายใจอุ่นร้อนที่คลอเคลีย ปากเรียวที่ปลุกเร้าก็นำพาสติของนิทานให้เลือนหายไป

                “อะ อื้อ ยะ หยุดนะ เดี๋ยวมีคนมาเห็น”

                ร่างเล็กบอกเสียงสั่นพร่า รามิลเงยหน้ามาจากช่องทางด้านหลัง ลากลิ้นเลียตั้งแต่พวงเนื้อใต้แก่นกายไล้ขึ้นไปจนถึงปลายยอดแล้วตวัดลิ้นเลียซ้ำๆที่ส่วนหัว

                “อะ อึก”

                “ไม่มีใครมารบกวนพวกเราหรอกครับ ท่านประธาน”

                มือร้อนจับแท่งเนื้อเล็กให้พอดีมือ แล้วก้มลงไปดูดเลียอย่างเอร็ดอร่อย ไอศูรย์เองก็ทำรอยรักไปทั่วแผงอกขาว อ้าปากงับกัดยอดอกเล็กจนนิทานหวีดเสียงร้องด้วยความเจ็บ ขยุ้มกลุ่มผมนิ่มไว้ในมือ ดวงตากลมปรือปรอยอย่างทรมาน

                “ยะ หยุดที อื้อ หยุด”

                แต่การปลุกเร้าหนักหน่วงมากขึ้นเรื่อยๆ เขาพยายามจะดึงสติตัวเองให้กลับมาแต่ก็ยากเหลือเกิน รามิลก้มต่ำลงไปดูดเลียช่องทางด้านหลัง เพื่อเตรียมตัวให้นิทานเจอกับของที่แสนใหญ่โต ไอศูรย์กระชากเนคไทเสื้อตัวเองออก แล้วรัดมันเข้าที่แก่นกายเล็กอย่างรุนแรง

                “ฮือ ปล่อยนะ เอาออกไป”

                ชายหนุ่มกระตุกยิ้มร้าย แล้วเลียหยาดน้ำตา ยกแขนทั้งสองขึ้น ลากลิ้นเลียไปใต้วงแขน ซุกไซ้ไปตามเรือนร่าง สูดกลิ่นกายหอมหวานที่ยั่วยวนใจ

                “อะ อื้อ”

                เหงื่อมากมายผุดขึ้นเต็มใบหน้าของนิทาน ร่างกายของเขาถูกปลุกเร้าอย่างรุนแรงจนดวงตาพร่าเบลอ

                มือใหญ่รูดชักแก่นกายของตัวเองที่ตื่นตัวเต็มที่ รามิลยันกายลุกขึ้น เขามองสบตากับไอศูรย์ นิทานรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมา

                “พวกนายจะทำอะไร อ๊ะ!”

                เขาร้องเสียงหลง เมื่อไอศูรย์ช้อนตัวเขาขึ้นมา โดยอุ้มจากด้านหลัง แขนแกร่งช้อนเข้าที่ข้อพับขาทั้งสองของนิทาน ช่องทางรักเผยให้เห็นเต็มตารามิล ชายหนุ่มกระตุกยิ้ม

                “นายนี่รู้ใจฉันจังเลยน้า”

                “หึ หึ”

                มีเพียงเสียงหัวเราะในลำคอ แต่ก็ดังมากพอที่จะทำให้นิทานใจเสีย แท่งเนื้อของเขาสั่นระริกอย่างน่ากลัว อยากปลดปล่อยเต็มที่ ช่องทางด้านหลังเต้นตุบตับรอการสัมผัสอย่างรุนแรง ใบหน้าหวานสั่นไปมา เพราะกลัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น

                “ฮะ ฮ้า อ๊า!!”

                นิทานครางลั่นด้วยความเจ็บปนเสียว เมื่อรามิลอัดแก่นกายใหญ่โตเข้ามาในร่างกายของเขาจนสุดโคน แล้วถอนสะโพกออกอย่างแรงจนดังบ๊วบ

                “อะ อื้อ พะ พวกนาย”

                ใบหน้าหวานแดงซ่านเพราะความอับอาย ไอศูรย์ยกคนตัวเล็กสูงขึ้นอีกเล็กน้อย รามิลรู้งาน เขาจับก้นของนิทานให้แยกออก ก่อนจะค่อยๆกดลงมาให้กลืนกินแก่นกายของไอศูรย์ เขาจับแขนเล็กให้มาคล้องคอแกร่ง

                “อะ อื้อ”

                ยิ่งขยับตัว ภายในก็ยิ่งเสียดสี น้ำหนักทิ้งลงมาตามแรงโน้มถ่วงโลก รามิลขยับเข้ามาจับขาทั้งสองของนิทานรั้งเอาไว้ ไอศูรย์บีบขยำก้นนิ่มอย่างเมามัน ก่อนจะขยับสะโพกสวนใส่เข้าออกอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงกระทบ

                “อะ อ๊า”

                นิทานครางลั่น ใบหน้าฟุบกับไหล่รามิล เมื่อไอศูรย์ถอนตัวออก แล้วรามิลก็แทรกเข้ามาใหม่ ทั้งคู่ทำสลับไปมาไม่หยุดหย่อน คนตัวเล็กได้แต่อับอาย แต่ร่างกายก็ครวญครางอย่างนึกรังเกียจตัวเองขึ้นมา

                “ได้ยินไหมครับ เสียงเมื่อกี้น่ะ”

                รามิลกระซิบถามว่านิทานได้ยินเสียงตอนที่เขาถอนกายออกไหม คนตัวเล็กได้แต่ก้มหน้างุด ร่างกายบิดเร้า สองหนุ่มมองหน้ากัน แล้วจับแก่นกายทั้งสองให้ค่อยๆแทรกเข้าไปในช่องทางที่อ่อนนุ่ม

                “อ๊ะ อ๊า”

                ช่องทางรักถูกเติมเต็มด้วยความเป็นชายทั้งสองแท่ง นิทานสะดุ้งเฮือก แอ่นกายขึ้นอย่างทรมาน ความอึดอัดแล่นไปทั่วร่างจนเขาแทบจะขาดใจตาย ร่างเล็กครางเสียงกระเส่าอย่างรัญจวนปนทรมาน เมื่อคนรักทั้งสองเริ่มขยับสะโพกสวนใส่

                “มะ ไม่ไหว ฮือ พอเถอะ พอสักที อะ อ๊ะ พะ”

                คนตัวเล็กร้องขอไม่ได้ศัพท์ ทั้งจุก ทั้งเสียว จนแก่นกายเล็กสั่นระริกไม่หยุดเพื่อรอการปลดปล่อย ใบหน้าหวานอาบไปด้วยน้ำตาที่เกิดจากความสุขสมจนทนแทบไม่ไหว

                เสียงเนื้อเสียดสีไม่หยุด ทำให้นิทานแทบจะขาดใจ ช่องทางรักขยายมากขึ้นเริ่มชินกับการต้องรับทั้งสองเข้ามาในร่างกาย

                “อะ อึก”

                เป็นรามิลที่ปลดปล่อยออกมาก่อนแล้วสุดท้ายตามมาด้วยไอศูรย์ ส่วนคนตัวเล็กยังคงทรมานไม่สามารถปลดปล่อยออกมาได้

                “ตรงนั้น ชะ ช่วยที”

                นิทานร้องขออย่างทรมาน แก่นกายเล็กสั่นสะท้านอย่างน่าสงสาร รามิลและไอศูรย์ระบายยิ้มอย่างเอ็นดู เขาปล่อยให้นิทานได้ยืนกับพื้น แต่คนตัวเล็กก็อ่อนแรงจนแทบทรุด รามิลช้อนกายเล็กอุ้มขึ้นแนบอกเดินพาไปตรงกระจกห้องที่มองผ่านออกไปเห็นตึกด้านนอกได้

                “อย่า ไม่เอา อย่านะ”

                คนตัวเล็กพยายามดิ้นหนี ตอนนี้เป็นเวลากลางวัน เขาอายจนไม่รู้จะเอาหน้า

ไปไว้ไหน แก่นกายเล็กเสียดสีไปกับกระจก รามิลจับก้นนิ่มแบะออกแล้วแทรกกายเข้าไปในร่างเล็ก

                “อะ อ๊า!!!”

                “อ่า…รัดแน่นจังเลยนะครับ”

                รามิลหยอกเย้า เขาเคลื่อนกายเข้าออกจากกายเล็กอย่างเอาแต่ใจ ปลายนิ้วเลื่อนไปบดขยี้ยอดอกสวย ไอศูรย์รั้งใบหน้าน่ารักแล้วกดจูบริมฝีปากสวย

                เมื่อสิ้นสุดความร้อนรุ่ม รามิลจึงผละกายออก แล้วกลายเป็นไอศูรย์ที่เคลื่อนกายเข้ามาแทนที่ นิทานต้องแบกรับความร้อนแรงจากเลขานุการทั้งสองไม่หยุดหย่อน ภายในช่องทางรักบวมช้ำเต็มไปด้วยน้ำขาวขุ่น

                รามิลเป็นคนปลดเนคไทให้กับนิทาน เขาจึงได้ปลดปล่อยออกมาจนเลอะเปรอะเปื้อนกระจกห้อง กายเล็กทรุดลงอย่างหมดแรง ไอศูรย์ช้อนกายนิทานขึ้นอุ้มไปยังโซฟา เขาลูบผมนิ่มของคนตัวเล็กอย่างอ่อนโยนก่อนจะก้มลงมาจูบหน้าผากสวย

                “ไหวไหมครับ”

                ไอศูรย์ถาม นิทานปรือตามอง ครั้งนี้เขาไม่ได้หมดแรงจนสลบไป มือเล็กถูกปลดกุญแจข้อมือแล้ว

                “ฉันอยากจะฆ่าพวกนายจริงๆ”

                น้ำเสียงนั้นอ่อนล้า ดวงตาไม่ได้ดุดัน แต่มันเต็มไปด้วยความเง้างอน คนตัวเล็กพยายามทุบตีไอศูรย์แต่แรงนั้นช่างน้อยนิดจนชายหนุ่มนึกเอ็นดู จับมือเล็กมาจูบ

                “อย่าโกรธเลยนะครับ”ไอศูรย์พูดขึ้น

                “พวกนายมันใจร้าย”

                คนตัวเล็กเบือนหน้าหนี รามิลจับขาเล็กแยกออกแล้วสอดนิ้วเข้าไปในช่องทางด้านหลัง นิทานสะดุ้งเฮือก

                “จะ จะทำอะไร”

                “แค่จะเอาของพวกเราออกน่ะครับ เดี๋ยวจะนอนไม่สบายตัว”

                ชายหนุ่มบอกอย่างอารมณ์ดี เห็นได้ชัดเลยว่า พอได้กินท่านประธานตัวน้อยไปอย่างอิ่มหนำสำราญ สีหน้าของทั้งสองก็เบิกบานใจจนนิทานหมั่นไส้

                “มะ อื้อ ไม่ต้อง…ออกไปนะ”

                แม้จะพยายามดิ้น พยายามหนีก็ไม่พ้น เขาเหมือนถูกกลั่นแกล้ง ต้องพยายามสะกดกลั้นความเสียวซ่าน กลั้นเสียงคราง จนกระทั่งรามิลทำความสะอาดให้จนเสร็จ

                ทั้งรามิลและไอศูรย์เข้ามาช่วยทำความสะอาดร่างกายให้กับเขาแล้วสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เพราะไม่อยากให้ร่างเล็กไม่สบาย นิทานได้รับการดูแลด้วยสภาพที่เหนื่อยอ่อน โต้เถียง ขัดแย้งไม่ได้

                “ถ้าเหนื่อยก็นอนพักนะครับ”

                นิทานปรือตามองไอศูรย์ ความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัว

                “ทำยังไง นายถึงจะให้ล็อกเกตฉันเหรอ”

                “อืม ยังไงดีน้า”

                รามิลกอดอก กรอกตาคิดไปมา แล้วคลี่ยิ้มหวานตอบ

                “งั้นก็ลองอ้อนพวกเราดูสิครับ อ้อนมากๆ เดี๋ยวพวกเราก็ใจอ่อนเอง”

 

 100%

จะกลับมาทะยอยอัพให้จนจบนะคะ



 เปิดรีปริ้น royal-tiger-คุณพ่อครับ มาเป็นเมียผมเถอะ

http://www.tunwalai.com/chapter/743291/%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%99-royal-tiger-%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A-51016-51216





 

 

 (https://scontent.fbkk2-1.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/14522766_1828288550772648_867439675055621277_n.jpg?oh=b39d9c4133291cc4003844ba9edbab0a&oe=589B3759)
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 20 สื่อไปไม่ถึง
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 26-10-2016 19:44:24
 :z3: :z3: :z3:
สงสารนิทาน การกระทำมันก็สำคัญพอๆกะคำพูดนั่นแหละ พูดว่ารัก แต่การกระทำไม่ดีเลย เป็นใคร ใครก็ไม่อยากจะเชื่ออ่ะ เอะอะก็ปล้ำ แถมขู่อีก เฮ้อออ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 20 สื่อไปไม่ถึง
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 27-10-2016 00:40:48
...การกระทำแบบนี้ฉันจะเชื่อพวกนายดีไหมเนี้ยย!! วุ้ย :beat: ทำตัวดีหน่อยๆ เดี๋ยวเค้าจะพานิทานหนี เดี๋ยวๆๆ o18 o18
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 20 สื่อไปไม่ถึง
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 27-10-2016 22:51:55
                      :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 20 สื่อไปไม่ถึง
เริ่มหัวข้อโดย: bvan ที่ 28-10-2016 09:37:04
ลองให้นิทานหายไป ดูซิว่าพวกนี้จะทำยังไง
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 20 สื่อไปไม่ถึง
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 30-10-2016 18:20:45
อย่าตะหลบหลังเลขาสองคนนี้บ้างจัง!
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 20 สื่อไปไม่ถึง
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-10-2016 20:45:34
เอิ่ม......อยากรู้ความรู้สึกจริงๆ ของนิทาน
ต้องใช้ภาษากายสินะ ได้ผลเลย
นิทาน เอ่อ.....ถูกปรนนิบัติซะ .....เหนื่อยเลย
ส่วนไอศูรย์ รามิล หน้าตาเบิกบานมีความสุข เลย
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : Chapter 21 : อ้อนหน่อยนะ
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 25-12-2016 20:14:37
21

อ้อนหน่อยนะ

 

                นิทานไม่ค่อยเข้าใจความหมายของคำว่า ‘อ้อน’ สักเท่าไหร่นัก มันหมายถึงให้เขาเข้าไปคลอเคลียชายหนุ่มทั้งสองเหมือนกับพวกลูกแมวตัวน้อยหรืออย่างไร คนตัวเล็กนั่งถอนหายใจอยู่บนเตียงกว้าง ผ่านมาเกือบสัปดาห์แล้วที่เขาโดนเลขานุการทั้งสองทำเรื่องน่าอับอายภายในห้องทำงานอีกครั้ง

                “ถ้าพวกนั้นใจอ่อน เรื่องทุกอย่างก็จะจบ”

                รู้ดีว่าถ้าทุกอย่างจบ นั่นหมายถึงเขาและทั้งสองก็ต้องจบความสัมพันธ์ต่อกันด้วย เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้รู้สึกใจหายขึ้นมา

                “ไม่ ทุกอย่างจบก็ดีแล้ว”

                ทั้งที่ควรโกรธเคือง แต่นิทานกลับไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลยแม้แต่น้อย ร่างเล็กนอนพลิกกระสับกระส่ายไปมาบนเตียง

                เขาควรจะโกรธแค้นให้มากกว่านี้ เขาควรจะเอาคืนพวกนั้นบ้าง แล้ววิธีการเอาคืนของเขาควรจะเป็นยังไง

                “ทำไมยิ่งคิดยิ่งปวดหัวนักนะ”

                ได้แต่ขยี้ผมของตัวเองท่ามกลางความมืด เพราะคิดไม่ออกกับหนทางเอาคืนให้ไอศูรย์และรามิลได้เจ็บปวด

                สุดท้ายนิทานก็รู้แค่ว่าเขาคงต้องทำดีกับไอศูรย์และรามิลให้มากกว่านี้ ไม่อย่างนั้น เรื่องราวทุกอย่างก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง เขาก็ยังคงตกเป็นเบี้ยล่างของ

ทั้งคู่ดังเดิม

                เช้าวันใหม่เริ่มต้นอีกครั้ง ก่อนจะเข้าบริษัท นิทานแวะร้านขนม เพื่อซื้อขนมติดมือไปด้วย เขาเข้ามาถึงบริษัท ด่านแรกที่เจอก็คือไอศูรย์ที่นั่งเตรียมความเรียบร้อยต่างๆอยู่ที่หน้าห้อง

                “เอ่อ คือ”

                เสียงเรียกของนิทาน ทำให้ไอศูรย์ต้องหันไปมอง เขาเอียงคอเล็กน้อย แล้วกล่าวทักทายเหมือนดังทุกวัน

                “เอ่อ ฉันซื้อมาฝาก”

                กล่องขนมคัพเค้กถูกยื่นมาตรงหน้าของไอศูรย์ นิทานไม่รู้ว่าจะเริ่มทุกอย่างยังไง เขาเป็นผู้ชายจะให้ไปอ้อนผู้ชายด้วยกัน มันก็คงแปลกๆ ถ้าซื้อของไปเอาใจ น่าจะเป็นอะไรที่เขาเข้าใจมันได้ง่ายมากกว่า

                “นายไม่เอาเหรอ”

                ใบหน้าที่ดูผิดหวังเกิดขึ้น เมื่อไอศูรย์ยังยืนนิ่ง และมองหน้านิทาน

                “คุณอยากให้ผมรับไว้เหรอครับ”

                “อะ อื้อ”

                “งั้นมาใกล้ๆผมอีกหน่อยสิ”

                “เอ๊ะ”

                เขาได้แต่เลิกคิ้วด้วยความงุนงง แต่ก็ยอมเข้าไปใกล้แต่โดยดี ไอศูรย์รั้งกายเล็กมาสวมกอด นิทานดิ้นขลุกขลักไปมา พยายามยกมือดันแผงอก

                “ทำอะไรน่ะ เดี๋ยวมีคนมาเห็นหรอก”

                “ผมอยากกอด ไม่ได้เหรอครับ”

                เสียงทุ้มดังข้างใบหู ใบหน้าหล่อเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ นิทานยกมือทุบแผงอกกว้างรัวๆ

                “ปล่อยนะ”

                “แหมๆๆ แต่เช้าเชียวนะ”

                รามิลเปิดประตูออกมา เขายืนกอดอก ไหล่พิงกำแพง มองดูทั้งสองด้วยรอยยิ้ม

                “นี่ฉันซื้อขนมมาให้นายด้วย”

                “ใจดีจังเลยนะครับ”

                พูดไปก็ยิ้มไปอย่างเอ็นดู ท่าทางที่เขินจนหน้าแดงของท่านประธานตัวน้อย ไอศูรย์ไม่ยอมให้ร่างเล็กหลุดจากอ้อมกอดไปได้ง่ายๆ จมูกโด่งเคลื่อนต่ำลงมาจนสัมผัสแก้มนิ่ม

                “อ๊ะ”

                นิทานสะดุ้ง หันขวับไปมอง ทั้งสองหัวเราะในลำคออย่างชอบใจ

                “ปล่อยนะ!”

                ความขุ่นเคืองเริ่มเกิดขึ้น เมื่อทั้งรามิลและไอศูรย์มีความสุขกันเสียเหลือเกิน ไอศูรย์บอกด้วยรอยยิ้ม

                “ไม่ปล่อยครับ”

                “นายช่วยบอกให้หมอนี่ปล่อยฉันทีสิ ฉันจะไปทำงาน”

                ในเมื่อเอาตัวรอดเองไม่ได้ คนตัวเล็กเลยหันไปขอความช่วยเหลือจากรามิล ชายหนุ่มมองการเอาตัวรอดของนิทาน แต่ก็ไม่ได้เข้าไปช่วยเหลือ ทำให้คนตัวเล็กเริ่มแสดงใบหน้าง้ำงอ

“ทำไมนายไม่เข้ามาช่วยฉันล่ะ”

“ก็ลองอ้อนให้ผมช่วยสิครับ”

รามิลยังคงเจ้าเล่ห์ นิทานกัดปากอย่างคิดไม่ตก เขาจะออดอ้อนรามิลอย่างไรดีอีกฝ่ายถึงจะยอมช่วย ส่วนไอศูรย์นั้นแทนที่จะห้ามปราม กลับรอดูการเอาตัวรอดของนิทานเสียอย่างนั้น

“ชะ ช่วยฉันด้วย”

นิทานบอกเสียงแผ่ว พร้อมมองหน้ารามิล แต่ชายหนุ่มก็ยังนิ่งเฉย เขาจึงพยายามมากขึ้นอีก

“รามิล ช่วยฉันด้วยนะ นะ นะ”

นิทานส่งสายตาอย่างวิงวอน เหมือนกระต่ายน้อยน่ารักที่ร้องขอชีวิตยามโดนนายพรานจับกุม แต่รามิลก็ยังคงใจแข็ง ไอศูรย์กระตุกยิ้ม

“อ้อนผมไม่เร็วกว่าเหรอครับ”

ชายหนุ่มที่โอบกอดเขาไว้เป็นคนเสนอบอกแทน นิทานอึ้งไป

“นายปล่อยฉันเถอะนะ ฉันอยากไปทำงานแล้ว”

แต่ไอศูรย์ก็ยังนิ่งเฉยต่อคำขอ รามิลหัวเราะเบาๆในลำคออย่างชอบใจ รอดูคนตัวเล็กแสดงท่าทางน่ารักต่อไป

“ไอศูรย์”

นิทานจับเสื้อสูทของชายหนุ่มแล้วดึงไม่แรงมากนัก แต่ก็ทำให้ไอศูรย์รับรู้ถึงแรงที่ส่งไป

“ปล่อยฉันเถอะนะ”

สายตาคู่สวยช้อนมองอย่างไร้เดียงสา คนตัวสูงระบายยิ้มอ่อนโยนแล้วเผลอปล่อยนิทานให้หลุดจากอ้อมกอด รามิลค่อนข้างขัดใจที่อีกฝ่ายแพ้ทางจนได้

“เอาล่ะ หมดเวลาเล่นแล้ว”

เมื่อหลุดออกมาได้ ร่างเล็กก็ปั้นหน้านิ่ง  ทั้งที่หัวใจเต้นโครมครามแทบจะหลุดออกมา ทั้งเขินทั้งอายจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี

รามิลและไอศูรย์มองตามนิทานที่รีบเดินกลับเข้าไปในห้องทำงานโดยที่ไม่ยอมหันมามองเลขานุการทั้งสองอีก

รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อทั้งสอง รามิลเหลือบตามองเพื่อนร่วมงานที่มีสีหน้าแต้มไปด้วยความสุข แม้จะไม่ได้แสดงออกมาจนเห็นได้ชัดมากมายนักก็ตาม

“ปล่อยตัวง่ายจังเลยนะ”

ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น ไอศูรย์หย่อนกายนั่งลงที่เก้าอี้ พลางวางแขนทั้งสองบนโต๊ะ ผสานมือเข้าหากัน

“ก็น่ารักขนาดนั้น”

“นั่นสินะ”

นี่ขนาดถูกบังคับให้อ้อน ยังน่ารัก น่ากอดขนาดนี้ ถ้าหากวันหนึ่งเจ้าตัวเกิดอยากอ้อนขึ้นมาจริงๆ พวกเขาจะเป็นอย่างไร คงได้แพ้ทาง ยอมไปหมดเสียทุกอย่าง

 

-------+++++-------

 

“เอ่อ เย็นนี้ไปดูหนังกับฉันนะ ได้ไหม”

หลังเลิกงาน นิทานเข้ามาอ้อนชวนไอศูรย์กับรามิลด้วยท่าทางที่เก้อเขิน ใบหน้าน่ารักเห่อร้อนขึ้นมา เพราะปกติเวลาจะไปไหน คนที่ชวนก็คือสองหนุ่ม ส่วนนิทานมีแค่ทำตามเท่านั้น แต่วันนี้เจ้าตัวเป็นฝ่ายเชื้อเชิญก่อน จึงทำให้ทั้งคู่ค่อนข้างที่จะแปลกใจ

“เย็นนี้เหรอครับ”

ไอศูรย์เลิกคิ้วเหมือนสงสัย นิทานพยักหน้า

“ก็พรุ่งนี้เป็นวันหยุด”

เขาพูดเสียงไม่ดังมากนัก แต่ทั้งคู่ก็ได้ยินชัด พอจะเข้าใจถึงสาเหตุที่นิทานเอ่ยชวน คงจะเริ่มเปลี่ยนแผนมาเอาใจพวกเขาให้ใจอ่อน ท่าทางที่พยายามเข้าหาแบบนี้ ก็น่ารักไม่ใช่น้อย ชวนให้รามิลอยากจะจับนิทานเปลื้องผ้าแล้วฟัดให้หายหมั่นเขี้ยว

“เอ่อ พวกนายไปกับฉันนะ”

เอ่ยชวนเองก็กระดากอายเอง แต่ที่ต้องพยายามทำใจกล้า เพราะสมองสั่งว่าเขาควรจะจบปัญหาพวกนี้ได้แล้ว ทำไมเขาถึงได้ปล่อยให้มันยืดเยื้อ

ความสัมพันธ์ของมนุษย์นั้นซับซ้อน หากยิ่งปล่อยให้เนิ่นนาน นิทานก็กลัวใจตัวเอง เขากลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถวิ่งหนีออกมาจากทั้งสองคนได้ แต่ที่น่ากลัวมากกว่านั้น ก็คงเป็นเพราะเขากลัวว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายไม่ยอมปล่อยมือทั้งสองคน

“ไปสิครับ ท่านประธานอุตส่าห์ชวนพวกเราทั้งทีนี่นา”

รามิลเป็นฝ่ายตอบตกลงก่อน ไอศูรย์เองก็พยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าตกลงเช่นกัน

นิทานลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะตอนแรกคิดว่าทั้งคู่อาจจะแปลกใจจนไม่อยากจะไปด้วยกัน แต่เมื่อทั้งสองตอบกลับมาแบบนี้ เขาก็ค่อยโล่งใจ

“ไปกันเถอะครับ”

ไอศูรย์กล่าวขึ้น พลางผายมือเล็กน้อยให้คนตัวเล็กเดินนำไปก่อน ถึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสามคนจะก้าวข้ามคำว่าเจ้านายกับลูกน้อง แต่ไอศูรย์ก็รู้ว่าที่นี่คือบริษัท ต่อหน้าคนอื่น เขาก็อยากให้ทุกคนเคารพนิทานในฐานะประธาน ไม่ใช่เดินตามเลขานุการทั้งสอง

แม้ทั้งคู่จะอยากเดินกุมมือของนิทานขนาดไหน แต่ก็รู้ขอบเขตมากพอ เพราะคนที่ไม่พึงพอใจนิทานนั้นมีรอบตัวไปหมด ถึงท่านประธานตัวน้อยจะพยายามอย่างไร สุดท้ายก็ไม่วายโดนมองว่ายังอ่อนประสบการณ์อยู่ดี

“อ๊ะ”

นิทานได้แต่ร้องเสียงหลงอย่างตกใจ เมื่อมาถึงลานจอดรถ ที่แทบไม่มีผู้คนเพราะพวกเขาลงมาช้ากว่าเวลาเลิกงานในวันปกติ เขาหันขวับไปมองเจ้าของมือที่ลูบก้นเขาอยู่ ถึงไม่บอกก็รู้ว่าคือรามิล

“ทำอะไรของนาย”

“ก็มันน่าจับนี่ครับ”

ว่าพลางยิ้มจนเห็นฟันขาว ไอศูรย์เองก็ไม่ยอมน้อยหน้า เขาจับใบหน้าเล็กให้หันมาหาแล้วกดจูบที่แก้มนิ่ม

“ขอพลังครับ”

แก้มนิ่มขึ้นสีทันที รามิลเป็นฝ่ายเปิดประตูให้กับนิทาน ในขณะที่ไอศูรย์ขึ้นไปนั่งในตำแหน่งคนขับ

แม้จะพยายามเคยชินมากแค่ไหน แต่นิทานก็ไม่อาจจะข่มความเขินอายไปได้ เขาได้แต่แกล้งมองไปนอกกระจกรถ ทำเป็นไม่สนใจ แต่การกระทำของนิทานก็อยู่ในสายตาของทั้งสองอยู่ดี

“จะทานอะไรก่อนไหมครับ”

หลังจากมาถึงโรงภาพยนตร์ได้พักใหญ่ และซื้อตั๋วหนังแล้ว กว่าหนังจะฉายก็อีกเกือบหนึ่งชั่วโมง เวลาในตอนนี้ก็เกือบสองทุ่มแล้วด้วย

“พวกนายอยากกินอะไรล่ะ”

ถ้าในเวลาปกติ ทั้งคู่มักจะเป็นฝ่ายถามนิทานว่าอยากทานอะไร แต่คราวนี้ คนตัวเล็กชิงถามไปเสียก่อน

“ถ้าตอบว่ากินท่านประธาน จะได้หรือเปล่าครับ”

รามิลสวนกลับอย่างรวดเร็ว เรียกความร้อนผ่าวให้แล่นทั่วใบหน้า

“จะ จะบ้าเหรอ”

ได้แต่ตอบเสียงติดขัด เขาไม่ชอบการถูกหยอกเย้าแบบนี้เลย เพราะมันทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะชอบกล ทั้งๆที่นิทานพยายามตอกย้ำตัวเองว่าทั้งสองคนคือโรคจิตที่ทำเรื่องน่าอายกับเขาตั้งมากมาย แถมเป็นผู้ชายใจร้ายที่ไม่น่าให้อภัย แต่ทำไม พอยิ่งอยู่ใกล้ ยิ่งได้ฟังเสียง ได้รับสัมผัส ร่างกายเขาก็โอนอ่อนและตอบสนองเข้าไปทุกที

“ไปกินพิซซ่ากันไหมครับ”

เพราะพวกเขาเดินไป คุยไป จนกระทั่งมาหยุดอยู่หน้าร้านพิซซ่าพอดี รามิลหันไปมองไอศูรย์

“ไม่ใช่ว่าคิดไม่ออก แล้วเจออะไร ก็เลือกไปหรอกนะ”

“แล้วนายคิดออกหรือไง”

ทั้งคู่มองหน้ากัน เพราะความคิดเดียวกันในตอนนี้ สิ่งที่น่าทานมากที่สุดคงเป็นคนข้างๆกาย

“เอ่อ งั้นไปกินบุฟเฟต์ไหม มีตั้งหลายอย่าง”

คนตัวเล็กเอ่ยขึ้นมา เมื่อเห็นสองหนุ่มเริ่มทำหน้าตึงใส่กัน เพราะดูเหมือนว่ารามิลจะไม่ได้อยากทานพิซซ่า

“ท่านประธานอยากท่านบุฟเฟ่ต์เหรอครับ”

รามิลหันมาถาม ไอศูรย์เองก็หันมามองเช่นกัน

“เอ่อ คือ ฉันก็คิดว่ามันก็ดีนะ”นิทานยิ้มเจื่อนๆ

“งั้นเอาเป็นว่า เป็นบุฟเฟต์แล้วกัน”

ไอศูรย์สรุป รามิลก็พยักหน้าเห็นด้วย นิทานนิ่งไปพักหนึ่ง เพราะถ้าเป็นแบบนี้ ก็ไม่ต่างจากเดิม ที่เขาต่างหากที่ถูกเอาใจ แต่นิทานก็ไม่ทันได้พูดเรื่องนั้น เพราะสติของเขาหายไป เมื่อมือทั้งสองข้างโดนทั้งคู่จับกุมคนล่ะฝั่ง แล้วพาเดินไปยังร้านอาหารบุฟเฟต์นานาชาติ

 

-------+++++--------

 

หลังจากผ่านพ้นการทานอาหาร ทั้งสามก็เข้ามาในโรงภาพยนตร์ แม้นิทานจะปรามว่าไม่ต้องซื้อน้ำและป๊อบครอนแล้วเพราะเขาอิ่มจนท้องตึง แต่รามิลก็กลัวว่านิทานจะหิวและกระหายน้ำขึ้นมาระหว่างชมภาพยนตร์

...ช่างเป็นเลขานุการที่ดูแลเอาใจใส่เจ้านายได้ดีจนน่าหมั่นไส้...

“ท่านประธานนั่งตรงกลางแล้วกันนะครับ”

ไอศูรย์บอก เขาเดินเข้าไปนั่งก่อน แล้วดึงคนตัวเล็กให้นั่งตรงกลางระหว่างเขาและรามิล แม้จะอยากนั่งแบบสันโดษ แต่ก็คงทำไม่ได้

ภาพยนตร์ที่ทั้งสามเลือกดู แม้นิทานจะบอกให้รามิลและไอศูรย์เป็นคนเลือก แต่ไปๆมาๆ ก็วนมาเป็นนิทานเลือกโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ เขาเลือกแนวต่อสู้ ทั้งๆที่ไม่ได้ชอบ เพราะเขาคิดว่าจะเป็นแนวที่เลขานุการของเขาชอบจึงได้เลือกเพื่อเอาใจ

“อึก”

นิทานสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อรับรู้ถึงฝ่ามือร้อนที่เลื่อนมากอบกุมมือซ้ายของเขา แน่นอนว่าคือไอศูรย์ ในขณะที่รามิลกลับวางมือบนต้นขานิทาน แล้วลูบไล้มันเบาๆ

“รามิล อย่า”

นิทานพยายามห้าม แต่ใบหน้าหล่อกลับเคลื่อนมาคลอเคลียเสียอย่างนั้น ไอศูรย์รั้งศีรษะเล็กให้เข้ามาใกล้ เหมือนต้องการให้เลี่ยงจากรามิล

“คิดจะหาเรื่องกันเรอะ”

รามิลเริ่มคิ้วกระตุก ไอศูรย์หันไปกล่าวเสียงเรียบ

“งั้นนายก็ทำตัวดีๆสิ”

“หึ”

รามิลไม่คิดว่าไอศูรย์จะเป็นคนดีอย่างที่พูด เพราะเจ้าตัวเองก็เนียนพรมจูบที่ศีรษะของคนตัวเล็ก

...ทำเป็นคนดี สุภาพบุรุษ จริงๆก็ใจอกุศลเหมือนกัน...

“เอ่อ ดูหนังกันเถอะเนอะ”

เขาผละออกจากไอศูรย์ พยายามทำใจสู้ เขาเป็นฝ่ายเลื่อนมือไปวางทับมือของรามิลและไอศูรย์ ทั้งซ้ายและขวา แต่ก็ทำให้ทั้งคู่เงียบไป และตอบรับมาเพียงคำว่า 'ครับ'

นิทานเองก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกบางอย่าง ปกติมักจะเป็นฝ่ายโดนรุก แต่พอเป็นฝ่ายเข้าหาเองบ้าง แล้วได้รับการตอบสนองที่ดี ก็ทำให้หัวใจเขาอิ่มเอมขึ้นมา ทั้งๆที่เขาคิดว่าไม่ควรจะรู้สึกแบบนั้น

ภาพยนตร์ฉายไปเรื่อยๆอยู่พักใหญ่ นิทานไม่ชอบการสู้รบ เขานั่งดูอย่างปรือตา มือที่เลื่อนไปจับมือทั้งคู่ก็ชักกลับมาวางที่ตัก ร่างกายโงนเงนเล็กน้อย กระทั่งทั้งดูทั้งฟังไปเพลินๆ จนปิดเปลือกตาลง

“อ่า...”

รามิลหันไปมองคนตัวเล็กที่หลับเรียบร้อยแล้ว ศีรษะนั้นก็เอนไปซบไหล่ของรามิล พร้อมกับหลับตาพริ้ม

“น่ารักชะมัด ถ้าจับกดตรงนี้ จะได้ไหมน้า”

ว่าพลางไล้นิ้วไปตามพวงแก้มนิ่ม นิทานขยับกายเล็กน้อย เหมือนหาไออุ่น ไอศูรย์หันไปมอง

“เจ้าบ้า”

“จริงๆนายเองก็อยากทำใช่ไหมล่ะ”

รามิลรู้ทัน เสียงระเบิดดังกระหึ่มในโรงหนัง ภายใต้ความมืดสลัว กลับมีสายตาเจ้าเล่ห์ของทั้งสองจ้องมองร่างเล็กที่นอนหลับไม่สนใจอะไรเลย ทั้งที่เป็นคนชวนพวกเขาทั้งสองเข้ามาดูหนังด้วยกันแท้ๆ

"ให้นอนแบบนี้ ก็ดีแล้วนี่"ไอศูรย์กล่าว พลางมองคนตัวเล็กอย่างเอ็นดู  รามิลเองก็มองมือเล็กที่เลื่อนมากอดแขนเขาราวกับเป็นหมอนข้าง ดูเหมือนว่าวันนี้ท่านประธานตัวน้อยจะเหนื่อยมาทั้งวัน ถึงได้มาหลับง่ายๆแบบนี้

“นั้นสินะ มันก็ไม่เลวเหมือนกัน”

รามิลระบายยิ้ม ถึงอยากทำเรื่องหื่นๆ แต่เห็นท่าทางน่ารักของคนตัวเล็กแบบนี้ มันก็ให้ความรู้สึกดีเหลือเกิน





100%



หายไปนาน เพราะมัวแต่ยุ่งๆค่ะ แต่จะเริ่มกลับมาอัพให้จนจบแน่นอนค่ะ

ปล. ใครต้องการซื้อแบบรวมเล่ม สามารถติดต่อสอบถามมาได้นะคะ ^_^

https://web.facebook.com/akikoneko17fiction/

 
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : Chapter 21 : อ้อนหน่อยนะ
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 25-12-2016 21:50:20
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : Chapter 21 : อ้อนหน่อยนะ
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-12-2016 22:11:52
เริ่มจะดีๆกันแล้ว
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : Chapter 21 : อ้อนหน่อยนะ
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 26-12-2016 09:37:38
อุ๊ย!! มาแล้วๆตอนนี้เเลดูละมุน :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : Chapter 21 : อ้อนหน่อยนะ
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 26-12-2016 10:23:37
ติดถึงค่าาาา
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : Chapter 21 : อ้อนหน่อยนะ
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 04-02-2017 11:05:25
รอๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : Chapter 21 : อ้อนหน่อยนะ
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 04-02-2017 11:41:11
ช่วยทำดีๆแบบนี้ให้นิทานรักจะไม่ดีการบังคับหรือข่มขู่ด้วยคลิปหรอ
หัวข้อ: Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : Chapter 21 : อ้อนหน่อยนะ
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 31-01-2018 13:07:06
มาต่อเถิดหนา..คนเขียนที่รัก  :call: