Dead or Die | เกม \\ ซ่อน \\ ตาย | องค์ที่ ๓ I see you | 12.1.18
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Dead or Die | เกม \\ ซ่อน \\ ตาย | องค์ที่ ๓ I see you | 12.1.18  (อ่าน 1783 ครั้ง)

ออฟไลน์ ปฤณ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม




_________________________________________




เกม //  ซ่อน  // ตาย


13 วัน
312 ชั่วโมง
13 ภารกิจ
กับคนที่ยังมี‘ชีวิต’ 13 คน


มีเพียงแค่หนึ่งเดียวเท่านั้นที่จะอยู่รอด
ได้กลับบ้านพร้อมกับรางวัลก้อนใหญ่
คุณล่ะกล้าพอมั้ย?
ที่จะลองเล่น


แล้วมั่นใจแค่ไหนกันว่า
คุณจะได้กลับไป
พร้อมกับ
เงินรางวัลก้อนใหญ่
หรือแม้แต่


‘ลมหายใจ’


ที่ยังเหลืออยู่....




https://youtu.be/ef-4Bv5Ng0w 
_________________________________________

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-01-2018 20:17:26 โดย ปฤณ »

ออฟไลน์ ปฤณ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Prologue


   นิ้วเรียวกดพิมพ์urlของเว็บไซต์เว็บไซต์หนึ่งลงไปในบราวเซอร์โน๊ตบุ๊คของตนเอง รออยู่ชั่วครู่หน้าเว็บก็ถูกโหลดขึ้นมาปรากฏต่อหน้าสายตาของผู้ที่ร้องขอต่อการเข้าถึงเว็บไซต์แห่งนี้


         ข้อความจำนวนหนึ่งถูกไล่อ่านผ่านสายตาของชายหนุ่มซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปมา บนหน้าจอแอลซีดีนั้นแสดงเพียงแค่หน้าเว็บไซต์พื้นหลังสีดำเรียบๆ ตัดกับตัวอักษรสีขาวล้วน ไม่มีรูปภาพ ไม่มีกราฟฟิคใดๆแต่งแต้มลงไปบนผืนผ้าแคนวาสออนไลน์ผืนนี้เลยแม้แต่น้อย


   นัยหนึ่งแม้มันจะดูเป็นดีไซน์ที่คนทำคงจะผ่านการคิดแล้วก็ออกแบบมาอย่างดีแล้วเพื่อให้เข้ากับธีมเชิญชวนของคำประกาศอันน่าข่มขวัญเหมือนอย่างเว็บไซต์สยองขวัญทั่วๆไปทำกันนั้น แต่สิ่งที่ ‘หมอก’ รับรู้ได้กลับคือความลึกลับ และว่างเปล่าของคำเชิญชวนอันมืดมน ดำดิ่งราวกับว่านี่คือคำทักทายแรกพบจากความตายที่เย็นเหยียบดั่งมีน้ำแข็งมาจับเกาะกินขั้วหัวใจเอาไว้ จนเขาแทบไม่รู้สึกถึงเสียงการเต้นของอวัยวะชิ้นนี้ของตนเองเลยแม้แต่น้อย


   สมองชายหนุ่มสั่งงานให้ปลายนิ้วเคลื่อนไหวก่อนจะเลื่อนหน้าเว็บลงจนสุด จัดการคลิ๊กหนึ่งทีเบาๆ แบบฟอร์มเรียบๆแต่บรรจุข้อมูลที่จำเป็นก็ปรากฏต่อสายตา ใช้เวลาไม่นานเขาก็ดำเนินการกรอกข้อมูลลงไปเป็นที่เรียบร้อย ตรวจสอบความถูกต้องอีกหนึ่งครั้งเพื่อความรอบคอบ


   อ่านในทุกๆบรรทัด ดูในทุกๆข้อความ จดจำในทุกๆคำเตือน



   สิ่งที่ผ่านเข้ามาทางประสาทการรับรู้ของจอประสาทตาก่อนส่งขึ้นถึงสมองให้ประมวลผล ชายหนุ่มกดยินยอมในข้อตกลงและทุกๆกติกาของการเข้าร่วมแข่งขันครั้งนี้ เมื่อแน่ใจว่าทุกอย่างถูกต้องและสมบูรณ์แล้วเขาก็ดำเนินการจัดส่งข้อมูลทั้งหมดผ่านโครงข่ายสัญญาณไร้สายนั้น ก่อนจะจัดการปิดการทำงานของเครื่องนั้นลง


   เงาที่สะท้อนในความมืดของหน้าจอประดิษฐ์นั้นยิ่งชัดเจนขึ้นเมื่อบัดนี้ระบบปฏิบัติการมันถูกสั่งให้หยุดทำงาน จะมีก็เพียงเงาของผู้เป็นเจ้าของเท่านั้นที่แววตาซึ่งฉายกลับมานั้นนิ่งสงบราวกับกำลังเปล่งคำถามมากมายในหัวที่ถามกลับมายังผู้เป็นเจ้าของแววตาที่นั่งอยู่อีกฝากฝั่งนึง



   สรรพสิ่งรอบกายเงียบสงบ ไม่มีการเคลื่อนที่หรือลุกไปไหนจากเจ้าของร่าง ชายหนุ่มยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น...


   นั่งอยู่ตรงหน้าสิ่งประดิษฐ์อัจริยะที่มนุษย์เป็นคนสร้างขึ้น จวบจนความมืดมิดของรัตติกาลเข้ามาแทนที่อาบเคลือบห้องทั้งห้องให้ตกอยู่ภายใต้สีดำทมึนไม่ต่างจากหน้าเว็บไซต์เมื่อสักครู่


   เหมือนกับทุกๆความตายของสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ ที่ไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าใดๆ ไม่มีสีสันมากมายนักมาแต่งแต้ม
แค่ความว่างเปล่า มืดมิด แล้วก็สงบนิ่ง จะมีก็แต่เพียงเสียงบรรเลงแห่งความเงียบงันเท่านั้น


ที่ก้าวย่างเข้ามาทักทายคุณ เมื่อเวลานั้นเดินทางมาถึง....





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-01-2018 06:06:35 โดย ปฤณ »

ออฟไลน์ ปฤณ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
องค์ที่ ๑ แรกพบประสบผี



   รถฟอร์จูนเนอร์สีขาวปลอดถูกขับเข้ามาจอดยังพื้นที่โล่งกว้างซึ่งถูกจัดเตรียมเอาไว้สำหรับใช้เป็นลานจอดรถ ทันทีที่ผู้เป็นเจ้าของดับเครื่องยนต์หลายร้อยแรงม้านั่นลง ร่างโปร่งก็ก้าวลงจากรถพร้อมถอดแว่นตากันแดดของตนเองออกก่อนหรี่ตาเพื่อปรับสภาพแสงแดดตอนเที่ยงวันให้เคยชินกับแวดล้อมโดยรอบ มองไปยังพื้นที่ด้านข้างรอบตนเอง ซึ่งบัดนี้มีรถยนต์และรถมอเตอร์ไซต์คันโตหลายคันจอดกระจายกันอยู่ทั่วๆก่อนหน้าตนเองแล้ว


   หมอกเดินไปเปิดประตูฝั่งหลังคนขับก่อนหยิบเป้สัมภาระขึ้นเทียมไหล่ ชั่วครู่ก่อนที่เขาจะเห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ไกลๆผ่านเข้ามาในหางตาตน เจ้าของใบหน้าหันไปมองเงาที่ว่านั่น แต่ด้วยระยะทางและไอร้อนระอุบนพื้นดิน ทำให้ภาพทุกอย่างมีเพียงแต่ความร้อนที่สาดปะทะเข้ามากับใบหน้าของชายหนุ่มจนตารู้สึกพร่ามัว


   “คุณหมอก! ใช่คุณหมอกใช่มั้ยคะ?” เสียงหวานจากด้านหลังจำต้องให้เจ้าของชื่อต้องดึงสายตากลับมาหาต้นตอ


   “ครับ”


   “ทีมงานกำลังรอคุณหมอกอยู่เลยคะ ยังไงเชิญไปรวมตัวกับผู้เข้าแข่งขันท่านอื่นๆที่รออยู่ดีกว่านะคะ”


   ประโยคเชิญชวนแกมบังคับอยู่ในถ้อยทีจำต้องให้เจ้าของชื่อเมินเฉยกับเงาตรงหางตาตน ซึ่งแม้ถ้อยคำจะฟังดูหวานหูตามด้วยรอยยิ้มที่ประดับไว้จะงามหยดย้อยราวกับน้ำผึ้งหวานเพียงใด แต่ใครจะรู้เบี้องหลังอาจเป็นมีดเล่มคมกริบรอกรีดแทงเขาอยู่ก็เป็นได้ ร่างโปร่งจึงจำต้องยอมเดินตามหญิงสาวในชุดเดรสยาวสีดำที่ขยับกายเดินนำเขาไปเบื้องหน้าไปก่อนแล้ว


   ทิ้งเงาเบื้องหลังเอาไว้ให้จางหายไปกับสายลมบิดพริ้วที่โชยเอาเศษดินเล็กๆขึ้นมาล่องลอยราวกับไม่เคยมีอยู่จริง....


   หญิงสาวในชุดดำเดินนำหมอกเข้าไปยังภายในอาคารซึ่งถูกจัดเตรียมไว้สำหรับเป็นสถานที่นัดพบครั้งแรกสำหรับพวกเขา ซึ่งตอนนี้กลุ่มคนที่คาดคะเนจากสายตาคร่าวๆก็มีมารออยู่แล้วถึงสิบคน รวมตัวเขาเองก็เป็นคนที่สิบเอ็ด


   ใช่! พวกเขาทั้งสิบสามคน ที่ต้องมาเล่นเกมสิบสามเกม ภายในเวลาสิบสามวันนี้!


   ใช้เวลาไม่นานผู้เข้าแข่งขันที่เหลืออีกสองคนก็มาถึงสถานที่นัดพบอย่างพร้อมเพรียงกัน เมื่อเห็นดังนั้นแล้วหญิงสาวใบหน้าหวานหยดย้อยคนเดิมก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของพวกเขาทุกคน บนใบหน้าที่เคลือบปั้นผิวด้วยเครื่องสำอางค์ราคาแพงนั้นจะว่าสวยก็สวยอยู่ แต่ก็ดูเยือกเย็นราวรูปสลักไปในเวลาเดียวกันในความรู้สึก....


   เธอกวาดตามองผู้เข้าแข่งขันทุกคนพร้อมกับโปรยรอยยิ้มหวานเชื่อมมาให้อย่างทั่วถึง บนริมฝีปากบางซึ่งเคลือบไปด้วยสีแดงสดราวกับเลือดของใครสักคนถูกบรรจงมาแต่งแต้มป้ายเอาไว้บนใบหน้าหวาน


   ซึ่งรอยยิ้มที่ว่า มันเหมือนกับการแสยะ! เสียมากกว่า


   “สวัสดีอีกครั้งนะคะ สำหรับผู้กล้าทั้งสิบสามท่านของเรา”


   คำเอ่ยเปิดหัวรายการเหมือนกับเรียลลิตี้ทั่วๆไปตามช่องทีวีถูกพ่นออกมาราวกับหญิงสาวคนนี้ถูกตั้งโปรแกรมเอาไว้ หมอกหันไปมองรอบๆก็เห็นกล้องอีกหลายตัวถูกจัดเตรียมเอาไว้ แต่ที่ประหลาดในความเห็นของชายหนุ่มก็คือ กล้องทั้งหมดถูกเตรียมพร้อมเอาไว้หมดแล้ว โดยไม่ต้องมีคนถ่ายเลยแม้แต่คนเดียว!


   “ดังที่ทุกท่านทราบกันดีสำหรับกฏและกติกาทั้งหมดในขั้นตอนของการสมัคร แต่ดิฉันยังคงต้องขออนุญาติย้ำเตือนกันอีกสักครั้งหนึ่งเพื่อความเข้าใจตรงกันนะคะ”


   ไม่มีใครโต้แย้งอะไร ไม่มีเสียงพูดแทรกใดๆดังขึ้นมาแม้แต่เสียงลมหายใจยังไม่กล้าจะส่งเสียงหวือหวาในอากาศ มันเงียบเชียบและนิ่งสงบทุกคนจดจ่ออยู่แต่กับคำพูดของคนตรงหน้าพวกตน ซึ่งอาการเหล่านี้ราวกับว่าหญิงสาวคนนี้กำลังพูดอยู่กับอากาศธาตุหรือหลุมศพอยู่ก็ไม่ปาน


   และตัวหล่อนเองก็ดูพึงใจที่มันเป็นอย่างนั้นอยู่ไม่น้อยเสียด้วย!


   “กฏมีอยู่เพียงข้อเดียว คือห้ามล้มเลิกภารกิจใดๆโดยที่ไม่ได้รับอนุญาติ”


   “แล้วถ้ามันไม่ไหวล่ะครับ?” เป็นหนุ่มวัยรุ่นสักคนในกลุ่มยกมือขึ้นถาม หญิงสาวในชุดเดรสดำนั้นเพียงแต่ส่งยิ้มพร้อมสายตาเอ็นดูไปให้ แต่หมอกพอจะเดาได้ว่า เด็กหนุ่มคนนั้นคงหนาวไปยันขั้วหัวใจแน่ๆเมื่อเห็นยิ้มเจ้าหล่อน


   “มีให้เลือกสองอย่างคะ คือจะกลับไปแบบเป็นหรือกลับไปแบบตาย” คำลงท้ายเสียงหวีดหวิดแผ่วเบาแต่ทว่ากรีดลึกลงไปในจิตใจผู้ฟัง ส่งผลให้บางคนในกลุ่มมีอาการประหม่าขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด


   “ทำไมถึงบอกว่ามีแบบเป็นแบบตายล่ะคะ? มันอันตรายขนาดนั้นเชียวเหรอคะ” หญิงสาวร่างผอมบางข้างๆตัวหมอกยกมือขึ้นถาม



   “...กลัวผีกันมั้ยล่ะคะ?...


   คำตอบที่ดูเหมือนจะเป็นคำถามซะมากกว่าถูกส่งกลับเข้าไปในโสตประสาทของทุกๆคน เรียกเสียงฮือฮาออกมาได้ไม่มากก็น้อยจากจำนวนผู้เข้าแข่งขันทั้งสิบสามคน บ้างก็แตกเสียงกันไปว่าหวาดกลัว บ้างก็หัวเราะกับคำขู่ของทีมงาน

   
   “จำสัญญาข้อนึงได้มั้ยเอ่ย? ที่ว่าทางทีมงานไม่ขอมีส่วนรับผิดชอบใดๆหากผู้เข้าแข่งขันเกิดบาดเจ็บหรือเสียชีวิตอันเนื่องมาจากเหตุสุดวิสัยจากการเข้าร่วมแข่งขันกับทางรายการ”


   “อ้าวเฮ้ย! อย่างนี้เป็นอะไรไปก็ตายฟรีสิวะ” เป็นเสียงห้าวๆมาจากผู้ชายร่างใหญ่ที่ยืนฝั่งตรงข้ามกับหมอก


   “คิกๆๆ ไม่เป็นอะไรหรอกคะ ถ้าไม่คิดฝ่าฝืนกฏ”


   เจ้าหล่อนหัวเราะคิกคักเสียงแหลมสูงราวกับเสียงเล็กๆของนางฟ้าตัวน้อยๆยามขบขัน หากแต่ถ้าฟังให้ดีๆยามเสียงนั้นก้องกังวาน มันกลับดังบาดหูราวกับเสียงของทูตนรกเสียมากกว่า!


   “หรือถ้าหากว่าไม่กล้า... เชิญเก็บสัมภาระแล้วถอนตัวตั้งแต่ตอนนี้ซะเลยนะคะ”


   คำประกาศกร้าวท้าทายเจือปนด้วยถ้อยคำดูถูก จนผู้เข้าแข่งขันหลายคนมีท่าทีอึกอักแต่เมื่อทุกคนได้ยินถึงรางวัลล่อตาล่อใจก็แทบลืมความกลัวกันไว้เบื้องหลังกันจนหมดสิ้น!


   “สำหรับใครที่ชนะในเกมนี้ ของรางวัลสุดพิเศษนอกจากเงินหนึ่งล้านบาทแล้วก็คือทริปสุดพิเศษจากทางรายการ ที่รับรองเลยว่าชีวิตนี้คุณจะไม่สามารถหาที่ไหนได้แล้วจากโลกใบนี้” คำพูดชวนเชื่อที่เวอร์เกินจริงของหญิงสาวกล่อมเกลาสติสัมปชัญญะของผู้ร่วมเข้าแข่งขันจนหมดสิ้น


   ส่วนหนึ่งมาจากคำโฆษณาต่างๆที่บอกเล่ากันมาถึงทริปสุดพิเศษของทางรายการ ที่ว่ากันว่าผู้ชนะแล้วได้ครอบครองรางวัลนี้ สิ่งที่มากกว่าเงินหนึ่งล้านแล้ว คนๆนั้นจะมีชีวิตยิ่งกว่าราชาบนแดนดินกันเลยทีเดียว!


   “การปฏิบัติภารกิจตลอดทั้งสิบสามวันของทุกท่าน จะต้องดำเนินไปภายใต้การใช้ชีวิตรวมกันภายในบ้านหลังนึง โดยที่ภารกิจแต่ละอันจะต่างสถานที่กันออกไปแล้วแต่โจทย์ในแต่ละภารกิจของทุกท่าน”


   “นี่ชั้นต้องไปนอนร่วมบ้านกับผู้ชายแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย?” เสียงเล็กถามขัดขึ้นมา พลางหล่อนมองไปทางผู้ชายหน้าตาเหี้ยมเกรียมที่ตะโกนเสียงดังลั่นเมื่อครู่


   “หมายความว่าไงวะแบบนี้” ร่างสูงใหญ่จ้องกลับแววตาเอาเรื่อง


   “ไม่ต้องห่วงนะคะ ถึงอย่างไรเราก็แยกส่วนชายหญิงเป็นที่เรียบร้อย อ๋อ... คราวหลังถ้าคิดเรื่องจะพูดแทรกล่ะก็ คิดถึงมารยาทที่พ่อแม่ที่บ้านสอนมาไว้ด้วยก็ดีนะคะ ขอบคุณ”


   หญิงสาวในชุดผ้าสีดำกล่าวยิ้มเย็นๆก่อนพูดต่อ “สำหรับในทุกๆภารกิจจะมีคำสั่งของแต่ละคนให้ไปทำโดยทางทีมงานจะเตรียมเอาไว้ให้ในทุกๆวัน ขอให้ยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดอย่าได้ฝ่าฝืน หากผู้เข้าแข่งขันคนใดปฏิบัติภารกิจได้ไม่สำเร็จ จะถือว่าปรับสิทธิ์แพ้แล้วต้องออกจากเกมโดยทันที อย่าคิดหนี อย่าคิดโกง ถ้าคุณยังอยากกลับมาแบบยังมีลมหายใจ เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ในเกมนี้”


   หมอกเองถึงกับต้องลอบกลืนก้อนความอึดอัดลงภายในลำคอ ความกดดันเหมือนจะแผ่ซ่านอยู่โดยรอบทุกครั้งที่เขาจ้องมองไปยังกล้องวีดีโอรอบๆตัว ราวกับว่าเหมือนมีคนจับจ้องพวกเขาอยู่รอบๆ โดยที่เขามองไม่เห็นตัว!


   ความเงียบโรยตัวบางเบาราวกับใบไม้แก่ต้นที่ปลิดปลิวหลุดออกจากขั้ว ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ราวกับว่าเกมจริงๆได้เริ่มต้นกันตั้งแต่ตรงนี้แล้ว ทุกคนมองหน้ากันไปมาผ่านสายตาราวกับกดดันซึ่งกันและกันเองให้จิตอ่อนแล้วถอนตัวออกไปซะ


   เพราะนั่นเท่ากับว่าหมดคู่แข่งไปอีกหนึ่ง...


   “อย่าเครียดกันไปเลยคะ มุกตลกๆน่ะ แต่แย่จังสงสัยไม่ขำกัน” หญิงสาวกรีดกรายนิ้วเรียวยาวป้องปากหัวเราะราวกับเรื่องที่เพิ่งพูดออกมาน่าขำเสียเต็มประดา



   “ถือว่าเป็นคำเตือนครั้งสุดท้ายนะคะ ถ้าใครคิดจะเข้ามาเล่นๆเพราะคิดว่านี่เป็นเรื่องปาหี่แล้วล่ะก็... ให้รีบถอนตัวซะ” เจ้าหล่อนกวาดตามองทุกคนอีกครั้งก่อนเอ่ยคำพูดที่ทำเอาหลายๆคนขนลุกกันไปเป็นแถบๆ พลางริมฝีปากที่เคลือบไปด้วยลิปสติกสีแดงสดจะคลี่ยิ้มอีกครั้งปิดท้ายโชว์ของเธอลง


   “เพราะ ‘ผี’ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นที่จะให้คุณเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่”


……………..



   หลังจากชี้แจงทุกอย่างเรียบร้อย หญิงสาวในชุดเดรสก็เดินนำทุกคนไปยังรถตู้ยุโรปสีดำคันใหญ่หรูหราซึ่งสามารถจุพวกเขาทั้งสิบสามคนไว้ได้แล้วมีที่นั่งเหลือเฟือโดยไม่อึดอัดกันเลย แม้แต่ภายในก็ยังกั้นส่วนคนขับเอาไว้แยกต่างหากกับส่วนของผู้โดยสารอย่างชัดเจน


   “แหม ไอ้รายการนี้มันคุมโทนดีจริงๆเว้ย” เป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่พูดจาโผงผาง เขาพูดแกนๆออกมาราวกับหาพรรคพวกที่มาส่งเสริมความคิดตนเองอยู่ จนหมอกที่ยืนข้างๆต้องพยักหน้าน้อยๆเพื่อไม่ให้เป็นการเสียน้ำใจ



   “สวัสดีครับ ผมชื่อปรกนะ” ชายหนุ่มข้างหน้าต่างเอ่ยทักขึ้นมาก่อนทันทีที่หมอกเลือกที่นั่งตรงกลางของรถได้ เนื่องจากที่อื่นๆถูกจับจองเอาไว้หมดแล้ว


   “ครับ ชื่อหมอกนะครับ”


   “เห ชื่อเพราะจังเลยน้า เข้ากับสีตาของเธอเลย นี่ใส่คอนแทคหรือเปล่าเนี่ย” ผู้หญิงผมยาวใส่แว่นกลมผุดตัวข้ามมาจากเบาะด้านหน้าของชายหนุ่ม หญิงสาวยิ้มน้อยๆให้กับหมอกแล้วก็ทุกคนภายในรถ


   ชายหนุ่มสั่นศีรษะแทนคำตอบ เหตุเพราะตาของเขามันอมสีเทาจางๆคล้ายควันบุหรี่แทนที่จะดำสนิทเหมือนคล้ายคนตาเป็นฝ้าแต่ก็ไม่ใช่ ดังนั้นก็ไม่แปลกที่มีคนจะแปลกใจเพราะเป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยเรียน กิริยาของหมอกทำเอาผู้ชายข้างหน้าต่างที่ชื่อปรกหัวเราะ แถมพอหันกลับไปมองก็เห็นลักยิ้มของเจ้าตัวอวดโชว์หราลอยไปมาตรงหน้า


   “เราชื่อบัวนะ” หญิงสาวแว่นกลมยังคงเอ่ยด้วยท่าทีเป็นมิตร


   “ผมชื่อต้นนะพี่ มาจากชื่อเต็มๆว่าต้นตระการ” เด็กหนุ่มวัยรุ่นที่นั่งข้างๆหมอกเอ่ยเสียงใส ดูท่าทางจะเป็นคนขี้เล่นแล้วก็เจ้าชู้อยู่พอตัว ชายหนุ่มพยักหน้าเบาๆรับรู้ถึงชื่อเสียงเรียงนามของเพื่อนร่วมการแข่งขันของตน


   “ข้าชื่อคูณ” ร่างใหญ่หนาอย่างนักเพาะกายเอ่ยขึ้นสำทับ
   

   คนที่เหลือบางคนก็เสียบหูฟังเงียบๆไม่ได้หันมาร่วมวงสนทนาด้วยแต่อย่างใด บางคนก็งีบหลับเอาแรง หมอกดูคนร่วมแข่งขันทั้งหมดแล้ว ก็มีผู้หญิงอยู่อีกสี่คน กับผู้ชายทั้งหมดแปดคนรวมเป็นสิบสามคนพอดิบพอดี


   ...เลขสิบสาม เลขแห่งความอาถรรพ์


   เลขแห่งผีสาง...



   ใช้เวลาเกือบชั่วโมงรถตู้คันใหญ่ก็จอดลงที่บ้านสไตล์ยุโรปหลังงาม ตัวบ้านกรุด้วยอิฐสีทมึนแทบจะกลืนไปกับสีท้องฟ้าในตอนนี้ที่มืดมัวส่อเค้าลางถึงว่าอีกไม่นานจะมีพายุใหญ่โหมกระหน่ำสถานที่นี้อย่างแน่นอน ขนาดตัวบ้านเองก็ใหญ่พอที่จะจุคนสิบสามคนได้อย่างสบายๆ โดยรอบบ้านนั้นมีแต่สนามหญ้าอยู่สุดลูกตา แต่เมื่อมองไปก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของบ้านเรือนเคียงกันอยู่ในทิวแถวสายตาเลยแม้แต่หลังเดียว ที่ไกลๆนั่นจากถนนเข้ามาก็เห็นเป็นป่าใหญ่ขึ้นครื้มปกคลุมเอาไว้โดยรอบ


   ราวกับบ้านหลังนี้ ไม่ได้มีเอาไว้เพื่อให้คนเป็นอยู่อาศัย


   แต่มีไว้เพื่อให้คน ‘ที่หมดลมหายใจ’ เอาไว้อยู่กัน!


    นอกจากคนขับรถตู้แล้ว หมอกเองก็ยังไม่เห็นทีมงานคนอื่นๆสักคนตั้งแต่สถานที่นัดพบ จะมีก็เพียงแต่ผู้หญิงชุดดำคนนั้น ที่ลงมายิ้มต้อนรับ แล้วก็บอกกฏเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวบ้านหลังนี้


   “สำหรับภารกิจแรกในวันนี้ จะเริ่มกันหลังจากมื้อเย็นของพวกคุณเสร็จสิ้น แต่ขอดิฉันเตือนอะไรพวกคุณเอาไว้สักอย่าง ระหว่างที่อยู่บ้านหลังนี้ เมื่อไหร่ที่พระอาทิตย์ตกดินแล้วอย่าได้ออกมาเพ่นพานหรือเดินออกจากบ้านในตอนกลางคืนนะคะ”

   “ที่บ้านนี้มีผีสิงเหรอคะ!” หญิงสาวแว่นกลมที่ชื่อบัวเอ่ยโพล่งออกมาแทบจะในทันที แล้วกลุ่มหญิงสาวทั้งหมดก็ร้อง
วิ๊ดว๊ายกระโดดเกาะกลุ่มกันแทบจะในทันที


   หญิงสาวในชุดเดรสสีดำมันยาวยิ้มกริ่ม แพขนตานั่นไหวกระเพื่อมดูเชื่องช้าอ่อนโยนแต่ในขณะเดียวกันก็น่าหวาดกลัวอยู่ลึกๆ หล่อนไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เพียงแต่เอ่ยเตือนในสิ่งที่น่ากลัวกว่าของที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า



   “ดิฉันแนะนำว่ากลัว’สัตว์’ที่มีเลือดเนื้อจะดีกว่าคะ”



   “ทำไมล่ะครับ?”


   ร่างสูงสง่าในชุดสีดำเนื้อเงามันไม่ตอบอะไร เพียงแต่ยื่นกุญแจบ้านมาให้บัวรับไป ก่อนปลายหางตาเธอจะหันมาสบเข้ากับตาสีเทาขุ่นของชายหนุ่ม แล้วคลี่ยิ้มหวานออกมาพลางพูดประโยคทิ้งท้ายเอาไว้แล้วนั่งรถออกไป



   ‘ ผี....


   …..

   
   บางทีอาจไม่น่ากลัวเหมือนที่คนเราคิดนะคะ

   ….


   ..


   ว่ามั้ย? ’




________________________________________________________________________

TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-01-2018 06:24:48 โดย ปฤณ »

ออฟไลน์ ปฤณ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
องค์ที่๒  La Cène



   สายลมหวีดหวิวที่พัดยอดไม้สูงให้ไหวเอนนอกหน้าต่างนั่น ยามเมื่อเงาของมันทอดยาวมายังพื้นดินตามแนวแสงสุดท้ายของอาทิตย์อัสดง จะว่าสวยก็พูดได้ไม่เต็มปากนัก คงเพราะบรรยากาศรอบๆบวกกับความมืดมิดที่เริ่มแต่งแต้มขอบฟ้าให้มืดสนิทไปทั่วบริเวณนั่นล่ะมั้ง  มันจึงละทิ้งร่องรอยแห่งชีวิตไว้เบื้องหลัง แล้วอบอวลไปด้วยความเงียบเหงาลอยอ้อยอิ่งอยู่ในทุกอนูของอากาศ ยิ่งทำให้ร่างโปร่งที่ยืนทอดมองเงานั่นไหวเอนไปมารู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างช่างมันสงบ


   ทั้งเงียบ แล้วก็ว่างเปล่าเหลือเกิน....


   อิจฉายอดไม้สูงพวกนั้นนะ มองเผินๆแล้วก็คล้ายกับคนกำลังเต้นระบำในความมืดอยู่


   ให้กับชีวิต ให้กับความสุขที่ผ่านเข้ามา หรือบางครั้ง.....


   อาจเริงระบำ ให้กับ ‘ความตาย’ ก็เป็นได้




   ก๊อกๆ


   เสียงเคาะประตูห้องเรียกสติที่ลอยฟุ้งไปไกลของหมอกให้กลับมาจดจ่อที่ประตูห้องตน ร่างสูงโปร่งละสายตาจากริมหน้าต่าง จ้องมองไปยังต้นกำเนิดเสียง หรือว่าจะเป็นรูมเมทของเขากัน? แล้วทำไมไม่เดินเข้าล่ะ!


   ตามกติกาของการอยู่ร่วมกันแล้ว ผู้ชายทั้งแปดคนจะพักแยกห้องนอนกันเป็นห้องละสามคน โดยที่หมอกที่เป็นเศษเหลือจึงได้นอนห้องที่เล็กลงมาแต่ก็นอนแค่สองคน ไม่ต้องไปนอนเบียดกับคนอื่นให้อึดอัดรำคาญใจ ซึ่งว่าการตามจริงแล้ว ห้องนอนเขาก็ไม่ได้คับแคบอะไรอย่างที่คิดเลย มีเตียงเดี่ยวแยกสัดส่วนกันชัดเจน ข้าวของเครื่องใช้เครื่องอำนวยความสะดวกก็ครบครันหากจะคิดว่านี่เป็นโรงแรม ก็คงได้สักสี่ดาวเลยมั้ง


   เลยไม่รู้ว่าการที่เขาเป็นเศษเหลือมานี่ ไม่รู้โชคดีหรือโชคร้ายกันแน่!


   เสียงนั้นเงียบหายไปนานจนหมอกรู้สึกแปลกใจ เพราะถ้าเป็นการเคาะบอกตามมารยาทแล้ว ผู้มาใหม่ควรที่จะเปิดประตูเข้ามาเลยภายในไม่กี่วินาที หรืออาจจะรอให้เขาเดินไปเปิดประตูให้กันนะ? แล้วทำไมไม่ส่งเสียงบอกกันให้รู้หน่อย...


   ชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดผละจากข้างหน้าต่าง เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าบานประตูไม้แผ่นบาง ดวงตากลมจ้องมองผ่านลายสลักลูกฟักนั้น ฝ่ามือชื้นแฉะจับที่กลอนประตูเตรียมออกแรงดึงคันโยกเพื่อเชื้อเชิญ ‘เพื่อนร่วมห้อง’ของตนเข้ามาภายในห้อง


   ชั่วเสี้ยวนาทีของลมหายใจ หมอกรู้สึกว่าเขาหยุดหายใจ!!


   ดวงตาสีขุ่นไม่พบสิ่งมีชีวิตใด!


   ไม่มีร่องรอยใดบ่งบอกถึงการมีตัวตนอยู่ของ ‘เพื่อนร่วมห้อง’ ไม่มีสัญญาณชีวิตใดๆปรากฏอยู่เลย


   ช่วงเวลาแค่ไม่ถึงนาทีจากการเดินมาจากข้างหน้าต่างถึงประตูห้อง แค่ก้าวไม่กี่ก้าว


   เป็นไปไม่ได้ที่จะหายตัวไปไหนเร็วขนาดนี้!


   โถงทางเดินเงียบเชียบไร้วี่แววสิ่งมีชีวิตใดๆ ตาสีเทาสวยกวาดมองไปทั่วบริเวณ ไม่มีแม้แต่เงาที่พาดผ่านหรือเพิ่งเดินจากไปปรากฏให้เขาเห็นเลยแม้แต่น้อย มีเพียงแต่ความเงียบ


   ....เงียบมาก เงียบจนหมอกได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจของตัวเอง!


   ฟืดด..ดด


   ลมหายใจ ที่มีอีก ‘เสียง’ อีกเสียงซ้อนทับขึ้นมาอย่างน่าประหลาด


   ฟืด..ด..


   ฟาดด...



   ราวกับว่า....


   มีลมหายใจของ ‘ใครอีกคน


   กำลังใช้อากาศร่วมกับเขาอยู่!

   
   ……..


   ฟืด..ด..ฟาดด...


   ……


   ….ฟืดด..ด


   แฮร่!!!


   ป๊าป!!


   โอ้ย!



   “เฮ้ย! ต้น!!” ชายหนุ่มร้องเสียงหลง


   เมื่อรู้ตัวว่าคนแกล้งเขาเป็นใคร หมอกก็ส่ายหัวน้อยๆให้กับเด็กหนุ่ม


   “โอ้ยพี่! ฟาดมาทำไมเนี่ย!!”


   “ใครใช้ให้มาแกล้งกันแบบนี้ล่ะ ตกใจมือมันก็ลั่นนี่ ฮ่าๆ”


   หมอกรู้ว่าต้นตระการแกล้งตนเอง เพราะเขาที่สังเกตแล้วว่าขอบประตูด้านล่างมีเงาของรองเท้าคอนเวิสด์สีขาววิ่งผ่านไปอยู่ หมอกเลยจำได้อย่างแม่นยำว่าเป็นของต้นตระการแน่ๆ แถมเห็นหลังไวๆวิ่งไปแอบตรงกระถางต้นไม้ใหญ่ที่มุมห้อง


   เนียนมากเลย....


   เมื่อเขาให้เล่นตามเกม หมอกจึงคิดร่วมสนุกด้วยการแกล้งทำตกใจที่มีคนมาเคาะห้อง แต่พอเปิดมาแล้วไม่มีใครอยู่
แต่ไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะพุ่งเข้ามาประชิดตัวด้านหลัง ทำให้มือลั่นฟาดเข้าที่หลังคอดังสนั่นไปทั่วโถงทางเดิน


   “ขอโทษๆ เจ็บรึเปล่า”


   “โหพี่หมอก แสบเลยเนี่ย ฝ่ามืออรหันต์ป่ะ”


   “เออดีแล้วที่ไม่ต่อย เดี๋ยวดั้งหักแล้วแย่เลยเนี่ย”


   “อย่านะพี่ ดั้งหักนี่ผมหมดหล่อเลยนะ”


   “มีก็ไม่ใช่ว่าจะหล่อนะ”


   “อ้าวพี่!!”



   ชายหนุ่มขำท่าทางของคนอายุน้อยกว่าที่มองค้อนเขาตาเขียวตาแดง ลูบคลำท้ายทอยตัวเองป้อยๆบ่นว่าแสบผิว
จนหมอกต้องออกปากขอโทษอีกครั้งที่เผลอเล่นแรงไปหน่อย


   ลูบคลำกันพลางขอโทษขอโพยอยู่หน้าห้องสักพัก หนึ่งในผู้ร่วมแข่งขันร่างสูงก็เดินตรงมายังห้องที่หมอกอยู่ แล้วเอ่ยทักคนที่อยู่ก่อนแล้วทั้งสอง


   “ขอโทษนะครับ นี่ใช่ห้องที่ผมต้องนอนกับรูมเมทอีกคนรึเปล่าครับ หรือผมมาผิด”


   “อ๋อ ไม่ผิดครับๆ ห้องนี้แหละ”หมอกตอบรับ


   คนมาใหม่รูปร่างสูงใหญ่พอๆกับชายหนุ่มข้างหน้าต่างบนรถตู้ที่ชื่อปรกเลยทีเดียว เดาจากลักษณะภายนอกดูรวมๆแล้วน่าจะเป็นวัยทำงาน เพราะอีกฝ่ายสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนๆ ตัดผมสั้นรับกับใบหน้าหล่อเหลา ดูสะอาดสะอ้าน ท่าทางคล่องแคล่วว่องไวกระฉับกระเฉง แต่ก็ดูสุภาพอยู่ในที 


   ดูท่าจะเป็นคนชอบออกกำลังกายมากเลยทีเดียว


   เดาได้จากรูปร่างที่ดูเฟิร์มต่างจากของทั้งหมอกและต้นตระการเอง


   พอเพื่อนร่วมห้องตัวจริงวางกระเป๋าสัมภาระของตนเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ร่างสูงใหญ่ก็หันมายิ้มทักทายกับคนทั้งสองที่อยู่ในห้องแล้วพลางแนะนำตนเอง


   “สวัสดีนะครับ ผมชื่อกวิน หรือเรียกวินเฉยๆก็ได้นะครับ”


   “อ๋อ ผมชื่อต้นตระการนะพี่ เรียกต้นเฉยๆก็ได้ ส่วนพี่คนนี้ชื่อพี่หมอก เรียกหมอกเฉยๆ”


   “ตกลงจะให้ผมเรียกหมอก หรือหมอกเฉยๆดีครับคุณ”


   ร่างสูงหันมายิ้มอารมณ์ดีให้กับคนที่ยืนด้านหลังเด็กหนุ่มพลางกลั้วหัวเราะ ตาเรียวยกขึ้นจนแทบจะหยีเป็นสระอิ พร้อมทั้งเผยลักยิ้มที่ข้างแก้มขึ้นมา


   “หมอกล่ะกันครับ” เจ้าของชื่อยิ้มบางๆรับกับมุกตลก


   “ผมว่าผมดูท่าคงแก่สุดในนี้ล่ะมั้งครับ งั้นเรียกว่าพี่ก็ได้นะ จะได้ดูสนิทกันหน่อยเนอะ”


   “ครับพี่วิน”


   “โอเคครับพี่วินเฉยๆ”


   “ต้น!!” หมอกเอ็ดเสียงดัง


   “ฮ่าๆๆ”


   เจ้าของชื่อดันหัวเราะรับเสียอย่างนั้น!




……………………………………


   เวลาอาหารเย็นเริ่มต้นตอนหกนาฬิกาตรงที่ห้องรับประทานอาหารของบ้าน ห้องทั้งห้องถูกตกแต่งด้วยศิลปะของนักวาดภาพชื่อก้องโลกอยู่ทุกมุม บรรยากาศโดยรอบช่างราวกับเสกสรรค์เหลือเกิน โต๊ะไม้หลุยส์ตัวยาวถูกวางไว้กลางห้องรอต้อนรับผู้เข้าแข่งขันทั้งสิบสามคน  เบื้องหน้าของสิ่งมีชีวิตทั้งสิบสามคืออาหารมากมายถูกจัดเรียงเอาไว้แยกซ้ายขวาอย่างชัดเจน ทุกอย่างดูถูกตระเตรียมมาพร้อมสรรพ แม้กระทั่งจานชามแก้วช้อนก็ยังเป็นภาชนะเงินแวววาวอย่างดีอีกด้วย
ชีวิตหรูหราที่น้อยคนนักยากจะสัมผัส ดั่งรสชาติที่กำลังกล่อมเกลาให้ผู้เล่นเมามัว


   จนเกือบหลงลืมไปแล้วว่า...


   พวกเขากำลังเข้ามาแข่งขันที่มี ‘ลมหายใจ’ ตัวเองเป็นเดิมพันอยู่!


   “สวัสดีผู้มีลมหายใจทั้งสิบสามท่านอีกครั้งนะคะ” เสียงหวานก้องกังวาลไปทั่วโถงรับแขก ร่างสง่างามในชุดเดรสผ้ามันสีดำสนิทค่อยๆเยื้องย่างก้าวลงบันได ทุกท่าทางทุกอิริยาบท ดูเชื่องช้าแต่ก็หวานซึ้ง เรียวขาที่พาดผ่านชุดเดรสดำราคาแพงนั้นยิ่งขับผิวหญิงสาวให้ขาวผุดผ่องราวกับว่าเธอกำลังลอยตัวลงมาอยู่ก็มิปาน


   “เบื้องหน้าของพวกคุณนี้ คือมื้อแรก มื้อพิเศษที่ทางเราจัดเตรียมเพื่อทุกคน”


   ใบหน้าที่สวยงามแต่งแต้มด้วยสีสันแต่อย่างไรก็ดูไร้ชีวิตเหยียดริมฝีปากสีแดงสดยิ้มต้อนรับผู้เข้าแข่งขันทั้งสิบสาม



   “หากทุกท่านประสงค์ที่จะต้องการจับจองนั่งตรงไหนแล้ว ขอให้รีบเลือกที่นั่งของตนเองด้วยนะคะ”



   “ทำไมต้องเลือกคะ?” สาวผมลอนดวงตากลมโตที่ปัดมาสคาร่ามาอย่างดีเอ่ยขัดทันที



   หญิงสาวลึกลับคลี่ริมฝีปากน่าจุมพิตนั่นอีกครั้งไม่ได้ตอบคำถามอะไรกลับไป จนเมื่อเจ้าตัวเขานึกได้ว่าเคยถูกอีกฝ่ายตอกกลับมาก่อนหน้านี้ก็เชิดหน้าขึ้นไม่พูดอะไรต่อ


   “ถามได้ดีค่ะคุณมิลิน ขอบคุณที่จำได้นะคะ”


   หญิงสาวที่โดนพาดพิงพอจะแปลความหมายคำว่าขอบคุณของอีกฝ่ายออก เม้มฝีปากบางเหยียดจนแทบจะเป็นเส้นตรง ดวงตางามที่มีคอนแทคเลนส์ใส่อยู่จ้องอีกฝ่ายกลับอย่างนิ่งๆไม่พูดอะไรเฉกเช่นเดียวกัน


   “ดิฉันจะบอกว่า ทุกๆที่นั่ง ทุกๆการกระทำ ล้วนส่งผลต่อสิ่งที่คุณทุกคนจะได้พบเจอ”


   หญิงสาวเว้นช่วง ปล่อยให้ถ้อยคำไหลสู่ห้วงความคิดของทุกคน



   “จำไว้นะคะ ทุกๆการกระทำส่งผลเสมอ



   เมื่อได้ยินดังนั้น กลุ่มชายหญิงต่างรีบวิ่งจับจองที่นั่งที่ตนคิดว่าดีที่สุด ส่วนใหญ่มักเลือกตรงพื้นที่ที่มีอาหารราคา
แพงอยู่ตรงหน้าตน ราวกับว่าทุกอย่างนั้นเป็นอภิสิทธิ์ที่ตนเองควรได้รับ และจะจับจองอยู่แค่ผู้เดียว


   หญิงสาวเหยียดยิ้มทอดสายตาจับจ้องทุกการกระทำของผู้เข้าแข่งขัน แพขนตาหนางอนนั่นกระเพื่อมช้าลงแล้วเปิดขึ้นอีกครั้ง ริมฝีบางบางงามเอ่ยถ้อยคำหวานละไมเบาหวิวเสียจนไม่มีใครได้ยิน!


   “ขอให้อิ่มอร่อยกับอาหารมื้อสุดท้ายนะคะทุกคน...”


   คล้ายคำบอกลาลอยหายไปกับมวลอากาศ ก่อนหญิงสาวจะเดินกรุยกรายหายจากห้องอาหารไป มีเพียงก็แต่หมอก ที่บังเอิญยืนใกล้ที่สุด ชายหนุ่มพยายามเงี่ยหูฟังแล้วตีความคำพูดที่ตนเองได้ยินพร้อมทั้งมองตามแผ่นหลังนั่นไปจนสุดทางเดิน

   
   ในสัญชาติญาณ คำพูดที่แม้เก็บมาข้อความมาได้ไม่ครบถ้วน แต่ก็พอจะได้ยิน


   มันเหมือนดั่งคำบอกลา...


   ....หรือเป็นคำบอกตายกันแน่นะ!



   จู่ๆมือหมอกก็ถูกจูงจากผู้ชายที่ชื่อปรกลากให้เดินไปนั่งที่ว่างที่ยังเหลืออยู่จากคนอื่นๆ ซึ่งมันก็เป็นตรงกลางโต๊ะพอดี


   ที่แทบไม่เหลืออาหารดีๆเหมือนอย่างของคนข้างๆเขาเลย


   “มัวแต่เหม่อ อดเนื้อริบอายเลยเห็นมั้ยเนี่ย” เสียงพึมพำข้างตัวชวนให้หมอกหงุดหงิดไม่น้อย


   แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขากัน?


   ท่าทางชะโงกชะเง้อของคนข้างตัวหมอก สงสัยคงอยากได้ที่ดีๆเสียมากกว่าขาหมูเยอรมันชิ้นโตตรงหน้าตัวเองเสียล่ะมั้ง


   แบบนี้แหละคนเรา ไม่เคยพอใจในที่ตนเองได้ นิสัยมนุษย์แท้ๆ.....


   ถัดจากผู้ชายที่ชื่อปรกมีชายหนุ่มชื่อวสุใส่แว่นท่าทางขี้อายนั่งเงียบๆคั่นอยู่ระหว่างเพื่อนร่วมห้องของเขา เลยไปอีก หน่อยก็เป็นหญิงสาวสองคน คนหนึ่งเป็นสาวผมยาวใส่แว่นกลมที่ชื่อบัว ส่วนข้างๆกันนั้นยังไม่เคยได้คุยสักที ที่ปลายโต๊ะด้านซ้ายมือสุด หมอกเจอต้นตระการนั่งยิ้มกริ่มกับเนื้อริบอายตรงหน้าตัวเองอยู่ พร้อมทั้งโบกชิ้นเนื้อไหวๆแกล้งเขาอีกด้วย!


   ด้านขวาของหมอกเป็นหญิงสาวผมลอนที่ชื่อมิลิน แล้วข้างๆนั่นก็เป็นเพื่อนที่มาด้วยกันชื่อพาขวัญ  ถัดไปมีพี่พริ้ม กับพี่คูณนั่งอยู่หน้าอาหารฝรั่งราคาแพง ท้ายโต๊ะเป็นผู้ชายสองคนชื่อมิคกับนล


   เจ้าของที่นั่งตรงกลางโต๊ะหลุบตามองอาหารตรงหน้าตนแล้วถอนหายใจพรืด


   นี่มันดวงอะไรของเขาวะ!


   เพราะตรงหน้าของหมอก มันคือstarter ของเมนูที่เหลือทั้งหมด


   มันคือขนมปัง!!


   ....ขนมปังกับไวน์....


   เข้ากันตรงไหนเนี่ย!!


   “หมอก เอาซูชิของพี่แบ่งไปทานมั้ย แค่นั้นไม่อิ่มหรอก” เสียงเรียกถัดไปสองที่นั่งจากทางซ้ายเอ่ยแสดงความมีน้ำใจ


   “ไม่เป็นไรครับพี่วิน เดี๋ยวไปแย่งต้นเอาก็ได้ครับ”


   “ต้นไม่ให้แย่งนะพี่หมอก” เสียงประท้วงแหวดังลั่นทำเอาทั้งโต๊ะหัวเราะครืน


   “งกเหรอต้น?”


   “สองชิ้นพอนะพี่!”อีกฝ่ายตะโกนตอบกลับมาจากหัวโต๊ะพลางเคี้ยวแก้มตุ่ย


   “เอาไปเถอะ แบ่งๆกันทาน”


   “อ่า งั้นขอบคุณมากครับ”


   ร่างสูงผุดลุกยืนขึ้นพลางเดินมาที่เก้าอี้ของหมอกแล้วหยิบอาหารตรงหน้าตนแบ่งให้จนพูนจาน  พออีกฝ่ายกลับไปนั่งที่แล้ว คนข้างๆตัวก็มีทีท่าสนใจของในจานเขาทันที


   “อะไรอ่ะคุณ อร่อยมั้ย”


   หมอกเหลือบมองคนข้างๆที่ตัดแบ่งขาหมูเยอรมันออกมาชิมนิดหน่อยแล้ววางไว้ที่เดิม


   “เลี่ยนไปอ่ะคุณ เปลี่ยนกันนะ ซูชิคุณดูน่ากินกว่า เอาของผมไปล่ะกัน”


   “….”


   “ตัดชิมไปหน่อยนึง ถือรึเปล่าครับ”


   “ไม่เป็นไรครับ ทานได้”


   หมอกไม่ใช่คนเรื่องมากอะไร เมื่อหันไปเห็นว่าเจ้าของซูชิส่งยิ้มกลับมาไม่ว่าอะไรพร้อมกับพยักหน้าสำทับเขา ชายหนุ่มก็เลยยอมเปลี่ยนรับขาหมูชิ้นโตมาทานแทน อีกทั้งยังแบ่งปันแจกจ่ายทั้งไวน์แดงแล้วก็ขนงปังของตนให้กับทุกๆคนในโต๊ะ สักพักทุกคนจึงเกิดการสลับกันเปลี่ยนไปมา แต่ไม่ยักกะมีใครยอมเอาขาหมูชิ้นเบ้อเริ่มของหมอกไปซะที!!


   เมื่อยกจานอาหารที่ทานเสร็จกันออกหมดแล้ว ทุกคนก็ตระเตรียมที่จะเก็บจานชามไปช่วยกันล้าง ร่างโปร่งยกจานชามส่วนนึงฝากฝังให้ต้นเอาไปเก็บสมทบกันคนอื่นๆ ระหว่างนั้นนัยน์ตาสีเทามัวนั่นก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่ถูกวางแอบเอาไว้อย่างจงใจซุกซ่อนตัวอยู่ภายใต้จานรองโลหะราคาแพงที่ใช้วางรองขนมปังของตนเอง แผ่นกระดาษสีขาวเรียบๆที่อิงแอบอยู่ในความมืดมิดมาเนิ่นนาน


   ....อยู่อย่างเงียบเฉียบ และเย็นเหยียบ


   ด้วยหวังว่าคนอื่นจะไม่สังเกตเห็นมัน!






________________________________________________________________________

TBC




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-01-2018 06:30:43 โดย ปฤณ »

ออฟไลน์ ปฤณ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
องค์ที่ ๓ I See you



   เสียงเหง่งหง่างจากนาฬิกาลูกตุ้มโบราณดังก้องเดือดดาลไปทั่วโถงห้องรับแขก แท่งเหล็กสีดำที่ถูกตีขึ้นมาสลักลาย
วิจิตรบรรจงค่อยๆเคลื่อนตัวประกบเข้าหากันราวกับมันรอคอยให้ห้วงเวลานี้มาถึง ยามนี้พระจันทร์ที่เหลือเพียงเสี้ยวเล็กๆนั้นใกล้
จะอับแสงลงเต็มที บ่งบอกเวลาว่าอีกไม่นานครึ่งราตรีแรกกำลังจะผ่านพ้นไป


  ติ๊ก..


   ดวงตาทั้งสิบสามคู่จ้องมองไปยังเรือนเข็มนาฬิกาโบราณที่ห้อยเอาไว้กับกำแพง ลูกตุ้มทองเหลืองยังคงแกว่งไกว เคลื่อนไหวไปมา


   ต๊อก..ก!


   โยกไปทางซ้าย ก่อนถูกเหวี่ยงกลับมาทางขวา


   ติ๊ก...ก


   ไม่มีบทสนทนาอะไร ไม่มีเสียงหัวเราะใดๆปรากฏขึ้นนอกจากหูทั้งสองข้างยังรับรู้การเคลื่อนที่ของเข็มนาฬิกา
ยามที่เฝ้าจ้องมองลูกตุ้มทองเหลืองเก่าคร่ำครึนั่นแกว่งไกวไปมา ราวกับว่าพวกเขาทั้งสิบสามคนกำลังจ้องมองดูฆาตกร
ที่กำลังเอาศพของใครบางคนแขวนเอาไว้รอเวลาพญามัจจุราชมารับเอาดวงวิญาณไป


   ทั้งดิ้นรน ทั้งเรียกร้องเพื่อเฝ้าถามหาอิสระ


   คงทรมาณน่าดู...


   ไม่มีสิ่งใดให้ใช้ฆ่าเวลา โทรศัพท์มือถือหรือแม้แต่สัญญาณอินเตอร์เน็ตทั้งหลาย เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับผู้เข้าแข่งขัน
ทั้งสิบสามคน โดยก่อนที่หญิงสาวลึกลับจะพาพวกเขาทุกคนมายังบ้านหลังนี้ ได้ขอให้ทุกๆคนในเกมเอาอุปกรณ์สื่อสาร
ทุกชนิดไม่ว่าจะเก่าใหม่ให้ทิ้งไว้ที่ทีมงาน เมื่อเสร็จสิ้นเกมแล้วจึงจะคืนให้



    ถือเป็นกฏที่ต้องแลก เพราะคุณคือผู้ที่ร้องขอให้ถูกเลือก!


   “รถตู้มาแล้ว ข้าไปล่ะ” เสียงเข้มจากพี่คูณ ชายหนุ่มรูปร่างใหญ่โตเนื้อตัวเต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างคนใช้แรงงานเอ่ยขึ้นดัง
ขัดความเงียบทั้งปวง เขายืนเฝ้ารอเวลานี้อย่างใจจดใจจ่อ


   ไม่มีเวลามัวมานั่งรีรอใครทั้งนั้น!


   ถ้ากลัวกันนัก ก็อยู่กันเสียที่นี่แล้วยอมแพ้ไปเถอะ ไอ้พวกขี้ขลาด!


   เมื่อมีคนหนึ่งเปิดนำ คนที่เหลือก็พร้อมตาม ชายหนุ่มที่ชื่อมิควิ่งตามหลังไปติดๆ ตามด้วยนลแล้วก็ต้นตระการ คนที่เหลือ
มองหน้ากันราวกับค้นหาลิ้นของตัวเองไม่เจอ ก่อนทั้งหมดจะตัดสินใจเดินตามออกไป


   ในที่สุดผู้กล้าสำหรับเกมสยองทั้งสิบสามคนก็ขึ้นรถกันครบ


   รถตู้ยุโรปถูกเลื่อนประตูปิดลง ก่อนจะขับมุ่งหน้าออกไป


   โดยไม่มีใคร ได้หันหลังกลับมา...




……………………………………



   ใช้เวลาไม่นานคนทั้งสิบสามคนก็มาถึงยังจุดหมายของตนเอง โดยที่อุปกรณ์ในการใช้เล่นเกมแรกวางอยู่บนเบาะรถ
เรียบร้อยอยู่แล้ว


   สถานที่ในภารกิจแรกนี้คือพื้นที่รกร้างว่างเปล่า เห็นถนนใหญ่อยู่ในลานสายตาลิบๆ ไฟถนนก็ตั้งห่างกันออกไปหลาย
กิโลเมตร สองข้างทางมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นสูงปกคลุมโดยรอบ ไม่มีรถรา ไม่มีบ้านคนใกล้เคียง แม้กระทั่งสถานที่ที่พวกเขายืนอยู่
ยังไม่สามารถรู้ได้เลยว่าตอนนี้อยู่ในส่วนไหนของประเทศไทยกันแน่!


   ของเพียงสิ่งเดียวที่ให้แสงสว่างกับผู้เข้าแข่งทั้งสิบสามคน คือไฟฉายกระบอกเล็กๆ ที่ดูไม่ค่อยจะมีประโยชน์
อะไรมากนักสำหรับคืนจันทร์แรมแถมยังมีเมฆลอยเกลื่อนฟ้าอยู่แบบนี้


ในกระดาษภารกิจ มีเพียงข้อความไม่กี่บรรทัดถูกระบุเอาไว้อย่างชัดเจนด้วยหมึกสีดำ ข้อความและเนื้อหาทั้งหลายถูก
เขียนแนะนำเอาไว้อย่างละเอียด ซึ่งทุกคนทราบอย่างดีว่านี่ต้องเป็นภารกิจแรกที่หญิงสาวลึกลับพูดถึงว่าให้เริ่มมันทันทีหลัง
มื้อเย็นของพวกเขาจบลง

   
   “พิธีเบิกเนตร” เสียงของผู้ที่กระดาษใบนี้เป็นคนแรกเอ่ยขึ้นฝ่าดงความมืดขึ้นมา
   

   ภารกิจแรกของคนทั้งสิบสามคน นับว่าสำคัญมากต่อการทำภารกิจที่เหลือทั้งหมด ซึ่งนั่นคือการเปิดดวงตาที่สาม
ตามความเชื่อแบบโบราณ โดยที่พิธีกรรมนี้บอกเล่าสืบต่อกันมาว่าอีกว่า


สามารถทำให้ ‘คนเป็น’ มองเห็นโลกของ ‘คนตาย’ได้


เพราะโดยปกติทั่วไปนั้น ตาเนื้อของมนุษย์มักเลือกที่จะมองในสิ่งที่อยากมอง แต่หากเมื่อใดที่อยากเหยียบย่ำ
ก้าวเท้าเข้าไปหาโลกหลังความตายแล้วล่ะก็  การเปิดตาที่สามนี้จึงถือเป็นอย่างแรกสำหรับคนที่กล้าจะท้ายทายกับ
ความตายโดยที่ยังมีลมหายใจ พิธีนี้จึงถูกเลือกนำมาใช้เป็นภารกิจแรกของคนทั้งสิบสามคน


   “แบ่งกลุ่มออกเป็นสี่กลุ่ม โดยผู้เข้าแข่งจะต้องหาใบของต้นโพธิ์อ่อนที่เพิ่งงอกออกมาจากต้นใหญ่ จุดธูปเทียน
พร้อมทั้งกล่าวคำขอขมา  ระหว่างทำพิธีผู้เล่นทุกคนต้องดับไฟฉายทั้งหมดลง เมื่อรวบรวมของได้ครบให้ผู้ร่วมเล่นกลับมา
รวมกันที่จุดนัดหมาย แล้วเริ่มทำพิธีพร้อมกัน” หมอกอ่านรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้งให้ทุกคนฟัง


   “แค่นั้นเหรอหมอก” บัวถามขึ้นมาเสียงแผ่วๆ อีกฝ่ายไม่ตอบอะไร พลางก้มอ่านข้อความต่อ


   “ข้อห้าม… ระหว่างทำพิธีหากดวงวิญญาณปรากฏร่างให้เห็นแล้ว ห้ามคนใดคนนึงในพิธีวิ่งหนีโดยเด็ดขาด ต้องอยู่ทำพิธี
ให้เสร็จจนจบ เมื่อเสร็จพิธีแล้วให้รีบเป่าเทียนให้ดับ”สิ้นเสียงอ่านข้อความในกระดาษทั้งหมดจบลง หมอกก็เงยหน้าขึ้นมามองปฏิกิริยาของคนทั้งกลุ่มที่ต่างแสดงออกมาแตกต่างกันออกไป 


   “ฉันอยู่กับแกนะยัยลิน” หญิงสาวร่างบอบบางกระโดดเกาะแขนเพื่อนตนแทบจะในทันที“ขี้กลัวไม่เข้าเรื่อง ปอดแหกไปได้” ดวงตาที่กรีดอายไลน์เนอร์มาอย่างคมกริบเหลือบมองเพื่อนตนเองพร้อมทั้งแสดงอาการเบื่อหน่าย ซึ่งพาขวัญก็ได้แต่มองไปรอบๆอย่างหวาดระแวง


   “งั้นขอผมไปด้วยนะครับ” มิค หนุ่มหล่อสาวเท้าเข้าไปใกล้สองสาวแทบในทันทีพลางเผยยิ้มทรงสเน่ห์


   “อย่าเป็นตัวถ่วงฉันล่ะกัน”


   พูดจบร่างอรชรก็เดินแยกออกไปเพื่อรีบภารกิจโดยทันที


   ยิ่งเริ่มไวเท่าไหร่ โอกาสชนะก็ยิ่งมากกว่าคนอื่นเท่านั้น!


   กลุ่มคนที่เหลืออยู่มองหน้ามองหลังกันอยู่สักพัก ผู้ชายที่ชื่อคูณก็เดินดุ่มๆไปไม่ได้ยี่หร่ะอะไรว่าตนจะมีกลุ่มก้อนหรือไม่
สาวใหญ่อย่างพริ้มเลยรีบวิ่งแจ้นตามหลังไปติดๆพร้อมกับผู้ชายอีกคนที่ชื่อนล


“เดี๋ยวผมแยกไปกับคุณวสุแล้วก็คุณนาลินเลยละกันนะครับ” ร่างสูงใหญ่ของปรกเอ่ยต่อขึ้นมา โดยที่หนุ่มแว่นข้างตัว
ก็พยักหน้าเห็นด้วย แล้วพลางพากันเดินแยกออกไปอีกทางตามกลุ่มของมิลินซึ่งหายไปตามแนวป่ารกครื้มขึ้นสูงนั่น


   “งั้นกลับมาเจอกันจุดเดิมนะครับ” หมอกตะโกนไล่หลังไป แต่ไม่แน่ใจนักว่าทุกคนจะสนใจฟังเขาหรือไม่ กวินที่ยืนอยู่ใกล้ๆเลยส่งยิ้มแห้งตอบกลับมา
   

“ไหนๆก็ไหนๆหมอกกับต้นก็มาอยู่กับพี่ล่ะกัน คุณบัวด้วยนะครับ ยังไงมีผู้ชายเอาไว้อุ่นใจกว่า” ร่างสูงหันมาโชว์
ลักยิ้มใส่บุคคลเศษเหลือที่ยังยืนทำหน้างงกันอยู่ หมอกก็พยักหน้าไม่ได้พูดอะไรออกมา เขายังไงก็ได้อยู่แล้ว


   “ดีคะ บัวอุ่นใจแน่ๆ”


   “พี่หมอก ผมอยู่ด้วยนะพี่”


   “ต้น! อย่าไปรัดคอพี่เขาแบบนั้น” กวินเอ่ยเสียงเข้มขึ้นมาเตือนต้นตระการที่แทบจะกระโดดขี่คอผู้ชายตรงหน้าอยู่รอมร่อ
จนเด็กมันหงอยไป พยักหน้าหงึกหงักแล้วคลายมือออกจากลำคอของหมอกเดินคอตกๆไปให้บัวต้องลูบหลังป้อยๆ


   “ขอบคุณครับ” เจ้าตัวเอ่ยเสียงเบาหวิวเมื่อลับหลังต้นตระการ เพราะไม่อยากให้น้องรู้สึกแย่


   “ไม่เป็นไร”
   


   

……………………………………




   เสียงบินหวือแตกรังของเหล่าสกุณายามแทรกอากาศออกมาปะทะใบหน้าสร้างความหลอนเพิ่มมากขึ้นไปอีกเท่าตัวให้
กับกลุ่ม ‘คน’ ที่จู่ๆก็เข้ามารบกวนพวกมันถึง ‘ถิ่น’ ในยามวิกาลเช่นนี้


   ความมืดมืดของป่ารอบๆตัว นอกจากแสงไฟฉายแล้ว เงาวูบไหวไปมาของพงไพรนั้นชวนให้หลอกหลอนพลอยพาให้
จินตนาการฟุ้งเฟ้อออกไปได้กว้างไกลยิ่งกว่าเดิมมากนัก


   เหมือนเงาของปีศาจร้ายคอยจับจ้องอยู่ในทุกๆย่างก้าว ชั่วพริบตาก็เคลื่อนไหวดั่งสายลมไปหลบหลังไม้ใหญ่
เพื่อเฝ้ามองพวกเขาอยู่!


   “นี่กลัวขนาดนี้ จะอยู่ถึงสิบสามวันมั้ยต้น” กวินเอ่ยถามเด็กมันที่เกาะแขนขาวแจ


   “ผมยังไหวนะถ้าพี่หมอกยังอยู่”


   “แต่เกมมันชนะได้คนเดียวไม่ใช่เหรอ? เกิดพี่โดนสอยร่วงไปก่อนล่ะ” คนที่ถูกพาดพิงถามแบบขำๆ


   “ไม่รู้พี่ ไว้คิดอีกทีก็ได้ แต่ผมจะปกป้องพี่เอง!”


   ท่าทีกับคำพูดที่ไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกันทำให้คนทั้งสี่ขำขัน หมอกเองก็รู้สึกถึงมวลอารมณ์ที่ผ่อนคลายลง บรรยากาศ
รอบๆเหมือนจะดีขึ้นมากันได้บ้าง ต้นตระการสาดไฟฉายไปทั่วๆเพื่อมองหาต้นโพธิ์ในแถบบริเวณนี้ ส่องไปก็สะดุ้งไป พาเอาบัว
ที่ยืนข้างๆสะดุ้งตามทุกครั้งไปด้วยจนเหมือนดูโชว์ตลกอยู่


   “แล้วเราไม่กลัวเหรอไง?”


   “ใคร? ผมเหรอครับ” หมอกหันกลับไปมองร่างสูงที่เดินอยู่ข้างๆ


   “ เปล่า พี่ถามต้น” ตาสีเทาเขม่าควันขยับกลับไปมองก็เห็นแผ่นหลังเด็กมันเดินนำหน้าอยู่


   “…….” แล้วทำไมไม่เดินไปคุยกันเอง


   “พี่ก็คุยกับหมอกนั่นแหละ เห็นๆอยู่ว่าเดินข้างๆกัน”


   “อ้าวเหรอ ผมนึกว่าพี่คุยกับต้นจริงๆนี่ครับ เลยเงียบดีกว่า”


   “เฮ้อ!” ถึงจะถอนหายใจออกมาเสียงดังแต่ในความมืดหมอกก็ยังเห็นลักยิ้มที่ข้างแก้มนั่น


   “ตกลงกลัวมั้ย?”


   แล้วเขาควรกลัวอะไรอย่างนั้นล่ะ “ให้ผมกลัวอะไรดีครับ?”


   “ก็แบบว่า สิ่งที่เรากำลังท้าทายอยู่นี่ไง”


   “ผี น่ะเหรอครับ?” พอร่างโปร่งพูดจบ กวินก็แทบจะหันมาเบิกตาโพลงใส่ ทำหน้าตกใจจนคนตอบคำถามถึงกับงง


   “เข้าป่าเขาห้ามพูดถึงเสือห้ามทักถึงผีนะ ไม่รู้เหรอ”


   “พี่วินก็เพิ่งพูดออกมาเหมือนกันนี่”


   “พี่แค่เปรียบเปรย”


   จะเปรียบเปรยหรือพูดออกมาตรงๆ พวกเขาก็กำลังพูดถึงสิ่งๆเดียวกันอยู่ไม่ใช่เหรอ?


   “ไม่รู้สิครับ ไม่เคยเจอมั้งเลยไม่แน่ใจว่าจะดีไซน์ความกลัวออกมาแบบไหนดี”


   “ความกลัวคนเรามันออกแบบได้ด้วยเหรอไง”


   หมอกไม่ได้ตอบคำถามกลับไปเพราะเขาจมลงไปในห้วงความคิดกับคำพูดตัว เขาก็แค่พูดไปตามสิ่งที่ใจตัวเองคิด
ก็เพราะถ้าจะถามเขาล่ะก็ ตั้งแต่เกิดมาหมอกไม่เคยได้พบเห็น หรือสัมผัสสิ่งเรียกว่าวิญญาณเลยสักครั้งเดียว ชายหนุ่ม
เลยไม่รู้ว่าเวลาพบเจอจริงๆนั้นแล้ว อาการหวาดกลัวจะเป็นเช่นไร?


   จะตื่นตูมหวาดระแวงเหมือนกับที่ต้นตระการเป็นอยู่รึเปล่า?


   หรือจะนิ่งจนเหมือนกับทะเลที่แสนสงบเหมือนกับกวินมั๊ย?


   เขาไม่รู้...




   แซ่กๆๆ


   เสียงนกตัวใหญ่ที่บินโฉบไปเรียกสายตาทั้งสามคู่ให้หันมองไปรอบข้างอย่างตื่นตระหนก  นอกจากความมืดของคืน
เดือนแรมที่โอบล้อมทุกคนเอาไว้อยู่นั้น ความหนาวเย็นยังแผ่ขยายปกคลุมเอาไว้ราวกับอ้อมกอดของวิญญาณ ซึ่งไม่ว่ามองไป
ทางไหนคนทั้งสามก็เห็นแต่เงาของต้นไม้ใหญ่ที่ไหวเอนไปมา ราวกับกำลังมีคนไม่พอใจในสิ่งที่พวกเขากำลังกระทำ!


   “เราต้องจุดธูปกับก่อนนะคุณ ช่วยบังลมไว้ให้หน่อยสิ” มิค หนุ่มหล่อหน้าใสวัยใกล้เบญจเพศหันมาพูดกับสาวสวย
ข้างตัว ความต้องการจะชนะรางวัลจากเกมบ้าๆนี่ก็ยังมีอยู่เต็มเปี่ยม แต่เป้าหมายที่เขามุ่งหวังเอาไว้มันมากยิ่งกว่าเงินรางวัล
หนึ่งล้านบาทซะอีก


   เผลอๆเขาอาจจะได้ตกถังข้าวสารก็เป็นได้!


   “ยัยขวัญ แกไปช่วยเขาสิ” ใบหน้าสวยคมออกคำสั่งกับเพื่อนตนแทบจะในทันที


   “แต่...” หญิงสาวบอบบางเอ่ยเสียงอ่อยเบาหวิว แต่เมื่อได้รับสายตาการกดดันก็ต้องยอมทำตาม


   ระหว่างคนข้างตัวเธอกับผีสาง บอกได้เลยว่าน่ากลัวพอกัน!

   
    “เดี๋ยวผมจุดแล้วคุณเอามือบังไว้นะ”


   ฝ่ามือใหญ่กำธูปเอาไว้เป็นกำ แต่เพราะเป็นที่โล่งแจ้งแถมลมพัดอย่างแรงตอนนี้จึงทำให้การจุดไฟให้มันติด ยากซะยิ่งกว่าอะไร กลุ่มของมิลินพบต้นโพธิ์ก่อนกลุ่มอื่นๆที่ยังเดินตามหากันอยู่ในป่า นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้หญิงสาวรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง หากว่าเธอจะชนะอย่างรวดเร็วในเกมนี้


   ไม่หรอก เธอหวังจะชนะในทุกๆเกมต่างหาก!


   แต่รอยยิ้มที่ถูกเคลือบไว้ด้วยลิปสติกราคาแพงก็ต้องมีอันหุบลง เมื่อความรู้สึกบางอย่างด้านหลังบอกให้เธอ
ต้องหันหลังกลับไปมอง!


   มิลินรู้สึกถึงสายตา...


   สายตาที่จ้องกลับมาจากเงามืดในป่าใหญ่นั่น!


    “ฉันคงบ้าไปแล้ว” สาวสวยพึมพำกับตนเอง เมื่อหันกลับมามองก็พบว่าธูปนั้นยังไม่ถูกจุดขึ้น หญิงสาวร่าง
สะโอดสะองจึงเดินแหวกไปแล้วหยิบธูปในมือของร่างสูงมาถือไว้แล้วลงมือจุดเองเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา


   “บังลมดีๆซะยัยขวัญ ไม่งั้นกลับไปฉันจะฟ้องน้าเพ็ญ!”


   คำขู่ที่ทำให้พาขวัญสลดลงไปยิ่งกว่าเดิม


   ..........



   .....



   เข็มนาฬิกาบนข้อมือใหญ่บ่งบอกว่าอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงจะตีสอง เป็นช่วงสุดท้ายที่สามารถจะประกอบ
พิธีกรรมเบิกเนตรได้ กวินจึงบอกให้ทุกคนมารวมตัวกันยังจุดนัดพบที่เดิมผ่านวอที่ทางทีมงานเตรียมไว้ให้ก่อนลง
มาจากรถ ใช้เวลาเพียงไม่นานกลุ่มของคนที่แยกกันออกไปตามหาใบโพธิ์นั้นก็กลับมารวมตัวกันครบทุกคนตาม
ทางที่แยกกับไปทั้งสามทิศทาง


   ตามขั้นตอนแล้วนั้น ผู้เข้าแข่งขันจะต้องดับแสงสว่างภายในบริเวณนั้นทั้งหมดให้มืดสนิทลง ห้ามให้มีแม้
แต่แสงไฟแม้เพียงสักดวงเดียว เพื่อจำลองเสมือนกับว่าตอนนี้ทุกคนกำลังยืนอยู่ในโลกหลังความตาย


   ‘โลก’ ที่ที่ไม่ใช่ของ ‘คนเป็น’ ควรเข้าไปยุ่ง


เพื่อ ‘เห็น’ในสิ่งที่คนเป็น ‘ไม่ควรจะเห็น’!


   ทันทีที่แสงสว่างแหล่งสุดท้ายจากไฟฉายกระบอกเล็กดับลง ความมืดก็เข้าคลอบคลุมกลืนกินจิตใจไปทั่วทั้ง
บริเวณ สายตาทุกคู่ตกอยู่ใต้อาณัติแห่งรัตติกาล สรรพเสียงรอบข้างที่เคยหมุนเวียนก็กลับหยุดลง แม้เพียงแค่เสียงจิ้งหรีด
เรไรมันยังหยุดคร่ำควรญ ได้ยินเพียงแค่ลมหายใจของกันและกันดังแผ่วเบาหวีดหวิวผ่านปลายจมูก รอบๆตัวเหมือนถูก
ตีตราไปด้วยความเงียบงันแฝงกายอยู่ในทุกๆตารางนิ้วของพื้นที่หัวใจ


   พรึ่บ!


   …แปลกที่คราวนี้การจุดเทียนสีขาวเล่มน้อย ครั้งนี้มันกลับจุดติดอย่างง่ายดาย!



‘ นะ มะ พะ ทะ

จะ ตุ ระ ภู ตา

นัง อาคัจฉายะ อาคัจฉายะ

อาคัจฉาหิติ วัตตัพโพ อาคัจฉาหิฯ’



บทสวดภาษาสันสกฤตถูกเปล่งออกมาจากคนทั้งสิบสามคนโดยพร้อมเพรียง ต่างคนต่างกล่าวออกมา มีสมาธิตั้ง
มั่นจดจ่ออยู่กับเทียนตรงกลางเพียงเล่มเดียว เปลวไฟดูจะลุกโชติช่วงยิ่งนักในที่อับแสงเช่นนี้ ไม่มีแม้แต่ลมพัดให้มัน
ไหวเอน ไม่มีเสียงนกร้องหรือบินตระหนกตกใจ  ช่างแตกต่างกับตอนที่เหยียบลงมาแตะพื้นดินแห่งนี้!

ความเย็นของผืนป่าโดยรอบโรยตัวหมุนวนลูบไล้ต้นคอให้ขนลุกชูชัน


ในหางตานั้นของคนที่กำลังท้ายทายทั้งสิบสามนั้น พวกเขารับรู้ได้ถึง ‘สายตา’ ของใครบางคนจากในเงามืด
ที่กำลังจ้องกลับมา…


   ตัวแทนจากคนทั้งสี่กลุ่ม ซึ่งก็คือกวิน มิลิน คูณ แล้วก็ปรกเดินนำน้ำตาเทียนที่ถูกปักไว้ตรงกลางกลุ่มนั้น
มาหยดลงบนใบโพธิ์ทั้งสี่ใบ แล้วจัดการขยำก่อนจะใช้ครกไม้ใบเล็กๆที่ทางทีมงานเตรียมไว้ให้บดขยี้ใบอ่อนให้แหลก
ละเอียดคามือ แล้วจัดการขยี้ให้มีน้ำออกมาเพื่อใช้ประกอบพิธีกรรม   


   ครกไม้ใบเล็กถูกส่งต่อกันไปเรื่อยๆ โดยวิธีการก็คือนำน้ำจากใบโพธิ์นั้น มาแตะที่ตาของตนทั้งสองขณะแล้ว
ตั้งจิตคิดถึงดวงวิญญาณโดยรอบให้รับรู้ทั่วกัน หมุนวนกันไปจนเกือบครบกันทั้งกลุ่ม บางคนก็แตะนิดๆพอเป็นพิธี บ้างก็
แตะย้ำๆเพื่ออยากพิสูจน์ว่าพิธีกรรมนี้ศักดิ์สิทธิ์จริงรึไม่!


เมื่อวนจนเกือบจะครบทั้งกลุ่มแล้ว น้ำที่ขยำออกมาได้เพียงน้อยนิดนั้นจากใบโพธิ์ทั้งสี่ใบนั้นจึงแทบจะแห้งขอด
อยู่ก้นครกแล้ว เหลือแต่เศษซากสีเขียวของใบไม้ที่ครั้งหนึ่งเคยชูช่อไสวอยู่บนต้นของมัน แต่กลับไปพรากลงมาแล้วย่ำยีเสีย
จนไม่มีชิ้นดี!


   เมื่อส่งต่อมาถึงมือกวินกับหมอกซึ่งเป็นสองคนสุดท้าย น้ำในครกนั้นก็แทบไม่เหลืออยู่แล้ว ชายหนุ่มหันมามอง
หมอก แล้วร่างสูงก็เผยลักยิ้มที่ข้างแก้มให้กับคนข้างตัว


หมอกรับครกไม้ใบเล็กมาถืออยู่ในมือ จดจ้องเศษซากนั้นที่ถูกป่นขยี้ เอื้อมมือไปแตะน้ำที่เหลืออยู่แทบจะแห้งขอดอยู่
ใต้ก้นครกพลางหลับตาลงแล้วนึกอธิษฐานอยู่ในใจ กำหนดดวงจิตให้นิ่ง


หวังว่าข้อความที่ตนต้องการสื่อสารไปนั้น ‘พวกเขา’ คงจะรับรู้


   ‘ …ถ้ามีอยู่จริง ได้ยินผมไหม…

   …….


.......


..


ผมอยากเห็นพวกคุณ!!’



   ปึ้ง!


   แกร๊บ!!


   กริ๊ดดด...ด..ดดดด!



   เสียงหวีดร้องร้องดังขึ้นมาทันทีเป็นผลให้หมอกต้องรีบลืมตาขึ้นมามองตามสัญชาติญาณ พาขวัญที่ยืนอยู่ข้างๆมิลิน
กรีดร้องอย่างเสียสติโวยวายเสียงดังลั่น


   “มีมือ!! มือที่ไหนไม่รู้จับแขนฉันเมื่อกี๊ กริ๊ด!”


   ความตระหนกตกใจแผ่ซ่านไปยังผู้ร่วมเล่นเกมทุกคน เมื่ออยู่ดีๆได้รับรู้ถึงว่ามีบางอย่างกำลังคุกคามพวกเขาอยู่
หากแต่ว่าพิธีก็ยังไม่เสร็จสิ้น ไม่มีใครสามารถลุกหรือวิ่งหนีออกไปไหนได้ ทำได้เพียงแค่เตือนสติพาขวัญที่กำลังหลับตาเกาะแขน
เพื่อนของตนอยู่


   “หมอกทำพิธีเสร็จแล้ว งั้นเรามาจบเกมนี้กันเถอะครับ” กวินที่ได้สติก่อนใครเพื่อนพูดแทรก ซึ่งทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย
กับชายหนุ่ม ร่างสูงใหญ่เดินตรงไปยังแท่งเทียนที่ยังไม่ถูกลมพัดให้ดับ ชายหนุ่มกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบเทียนที่ถูกปักไว้ตรงกลาง
ของกลุ่มขึ้นมา หากแต่ว่าจู่ๆกระแสลมวูบหนึ่งก็พัดให้เปลวเทียนนั้นดับไปต่อหน้าต่อตา


ราวกับว่า มีใครบางคนจงใจเป่ามันให้มันดับ!


   “เห็นมั้ยลิน แกเห็นมั้ยเทียนมันดับเอง” หญิงสาวร่างบางยังไม่หยุดสติแตก ซึ่งคนอื่นๆเองก็อึ้งอยู่เหมือนๆกัน แต่ไม่มีใคร
พูดอะไรออกมา เพราะทุกคนเห็นอยู่กับตาว่าเทียนมันดับเองทั้งที่กวินยังไม่ทันได้เป่า
   

   “ยัยขวัญ อย่าบ้า! เมื่อกี๊แค่กิ่งไม้มันหัก ลมมันก็พัดเทียนดับไง หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” มิลินวีนเพื่อนตัวเองเสียดัง



   “ฉันจะกลับไปที่รถแล้ว จบแล้วนะไอ้เกมหลอกเด็กแบบนี้”


   พูดจบมิลินก็ลากตัวพาขวัญออกไปยังบริเวณนั้นทันที ทิ้งให้คนที่เหลืออ้ำอึ้ง แต่ก็เห็นด้วยกับหญิงสาวว่า
ในเมื่อเทียนมันดับลง แม้จะไม่ได้ถูกเป่าดับ แต่ก็ถือว่าเสร็จสิ้นพิธีเรียร้อยแล้ว



   หมอกมองดูของประกอบพิธีที่ถูกกองทิ้งเอาไว้ ชายหนุ่มจ้องไปยังไขเทียนที่ละลายไปเยอะแล้วจากความร้อน



   ดวงตาสีเขม่าควันเหม่อออกไป พลางใช้ความคิดในหัวตน ไส้เทียนที่ครั้งนึงเคยเป็นสีขาวบริสุทธิ์บัดนี้ถูกไฟ
เผาไหม้จนเหลือแต่ตอตะโกทิ้งเอาไว้เป็นอนุสรณ์ถึงพิธีกรรมที่ผ่านมา ดำทมิฬไม่ต่างกับความมืดรอบตัวที่โอบล้อมเขา
อยู่ตอนนี้ เมื่อมีเสียงเรียกจากต้นตระการ ชายหนุ่มก็ผละหันหลังทิ้งเรื่องราวทั้งหมดเอาไว้ตรงนั้นกองรวมกับเศษ
ซากใบไม้แล้วก็เทียนสีขาวหนึ่งเล่ม


   
   แกร๊บ..บบ!


   .........



   .....



   ...จบแล้วจริงๆน่ะเหรอ? เกมนี้น่ะ!!






________________________________________________________________________



TBC


เนื้อเรื่องเริ่มกันแล้วนะครับ ยังไงขอฝากผลงานเอาไว้ด้วยตรงนี้

แล้วก็พิธีกรรมต่างๆหรือบทสวดอย่าเอาไปใช้เล่นกันเนอะ 5555

เจอกันใหม่นะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-01-2018 05:19:46 โดย ปฤณ »

ออฟไลน์ Kwangnoi1373

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
น่ากลัวมากกกกกกกกไม่ค่อยมีคนแต่งแนวนี้ชอบหลอนจริงๆนะแต่งดีอ่ะขนลุก :katai1: :katai1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด