#พ่อมดเหล้า ★ จบแล้ว + Special Story of Rum || อัพเดท : 12/21/2016
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #พ่อมดเหล้า ★ จบแล้ว + Special Story of Rum || อัพเดท : 12/21/2016  (อ่าน 133667 ครั้ง)

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.1) - 30/05/2016
«ตอบ #120 เมื่อ30-05-2016 13:16:25 »

เหล้ารัมอ้อนน่ารักดีอ่ะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.1) - 30/05/2016
«ตอบ #121 เมื่อ30-05-2016 13:44:24 »

กอดดดดดดดด

นั่งรอ~

ออฟไลน์ cinnsin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.1) - 30/05/2016
«ตอบ #122 เมื่อ30-05-2016 16:10:55 »

ทำไมถึงน่ารักมุ้งมิ้งกันขนาดนี้นะะะะ  :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ Honeyhoney

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.1) - 30/05/2016
«ตอบ #123 เมื่อ30-05-2016 16:36:05 »

 :hao7:  เหล้ารัมเหมือนเด็กเลย แต่แคร์วาฬมาก อีกไม่นานวาฬใจอ่อนแน่ ๆ 555

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.1) - 30/05/2016
«ตอบ #124 เมื่อ30-05-2016 18:14:24 »

 o13

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6
Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.1) - 30/05/2016
«ตอบ #125 เมื่อ30-05-2016 21:49:37 »

 o13

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.1) - 30/05/2016
«ตอบ #126 เมื่อ31-05-2016 00:41:07 »

น่ารักมากเลย  :katai2-1:

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.1) - 30/05/2016
«ตอบ #127 เมื่อ31-05-2016 03:27:38 »

เหล้ารัมหน่ะเต็มที่แล้วรอวันที่วาฬจะเต็มที่บ้าง

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.2) - 2/06/2016
«ตอบ #128 เมื่อ02-06-2016 11:10:29 »

4.2

การเรียนวิชาช่วงบ่ายนั้นยังคงสนุกสนานเหมือนเดิมทุกครั้งตั้งแต่เปิดเทอมมา อาจเพราะว่าอาจารย์ที่สอนเป็นคนเฮฮาไม่ซีเรียสและเข้าใจเด็ก เลยทำให้ทุกอย่างค่อนข้างผ่อนคลาย มีอิสระในการแสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่

แต่ที่ต่างไปจากทุกวันก็คือ..

..ครั้งนี้มีนายเหล้ารัมมาเรียนด้วยจ้า!

ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมเซอร์ไพรส์ตั้งแต่ตอนที่เห็นเขาสวมชุดนักศึกษาเดินออกมาจากห้องนอนพร้อมกับยกธงขาวยอมแพ้แล้ว (ธงขาวในที่นี้คือธงขาวจริงๆ นะครับ เป็นธงกระดาษเล็กๆ ที่เขาเสกขึ้นมา) ถึงขนาดที่ผมต้องถามว่า...

"นี่คุณแต่งชุดนักศึกษาทำไม?"

"เอ้า ก็ไปเรียนน่ะสิ"

"เรียน?"

"ใช่ครับ ถ้าคุณไม่ทันสังเกต ผมใส่ชุดนักศึกษามาตั้งแต่ตอนเจอคุณครั้งแรกแล้วนะ"

"กะ..ก็ใช่ แต่ผมคิดว่าคุณแค่มาเนียนอยู่กับพวกมนุษย์เฉยๆ"

"อ๋อ เปล่าหรอกครับ จริงๆ ผมอยากมาหาประสบการณ์ในโลกมนุษย์อยู่แล้ว ก็เลยลองมาใช้ชีวิตเป็นเด็กสถาปัตย์ดู แต่ตอนแรกก็คิดนะครับว่าถ้าไม่เวิร์คก็จะย้ายคณะเลย จน.."

"จน?"

"จนผมได้มาเจอกับคุณ ก็เลยไม่เปลี่ยนใจไปไหนแล้ว : )"

"..."

และนั่นล่ะฮะท่านผู้ชมครับ เหล้ารัมก็เลยกลายเป็นเด็กสาขานิเทศศิลป์รุ่นเดียวกับผมไปโดยปริยาย โดยที่เพื่อนคนอื่นๆ ก็ตกอยู่ในเวทมนตร์การเข้าสังคมไม่ต่างจากไอ้เอกเมื่อวานนี้ ทำให้การที่นายพ่อมดหน้าหล่อลูกครึ่งมานั่งเรียนด้วยไม่ได้สร้างความแตกตื่นเท่าไหร่นัก

ไม่สิ จะว่าไม่แตกตื่นเลยก็ไม่ได้ เพราะถึงจะเนียนเป็นคนในไปแล้ว แต่ความหล่อของเหล้ารัมก็ยังดึงดูดสายตาสาวๆ ในคณะอยู่ดี ถึงขนาดที่ว่าแค่เขาลุกไปเข้าห้องน้ำ ก็ถูกสายตาเกินกว่าสิบคู่จ้องมองจนเหลียวหลังแบบไม่มีการคงแคร์อาจารย์เลยแม้แต่นิดเดียว

พวกนี้นี่ บ้าผู้ชายชะมัด

"เฮ้ยวาฬ รีบกลับเปล่า หลิวกับบอยชวนไปทำงานที่ Today I Learned ถ้ามึงจะไปเดี๋ยวกูโทรขอพ่อกับแม่มึงให้"

ซึ่งพอเผลอแป๊บเดียว การเรียนในวันนี้ก็สิ้นสุดลงแล้ว และผมดีใจมากที่ไม่มีงานเพิ่ม แต่ถึงยังไงงานที่หาข้อมูลไว้เมื่อเช้าก็ยังไม่ได้ลงมือทำเลย เพราะฉะนั้นที่เอกชวนก็น่าสนไม่น้อย ยิ่งมีหลิวกับบอยไปด้วยก็คือครบทีมพอดี

"เอาดิ ก็ว่าจะหาที่ทำงานอยู่เหมือนกัน แต่มึงไม่ต้องโทรบอกแม่กูหรอก ท่านโอเค"

"โอเค?" เอกถามสวนกลับมาทันทีราวกับไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง

ในขณะที่หลิว..เพื่อนสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มก็หันใบหน้าสวยกับผมดัดลอนยาวถึงกลางหลังมาหาผมเช่นกัน

"แน่ใจหรอวาฬว่าแม่โอเค ปกติถ้าเอกไม่เป็นคนโทรขอ วาฬก็ห้ามไปไหนนี่"

"เออ นั่นดิ ขนาดคราวก่อนมึงไปกับกูสองคนไม่มีไอ้เอก แม่มึงนี่ให้คนรถมาตามมึงกลับเลยนะ ส่วนกูก็โดนพ่อมึงโทรมาดุอีก กูนี่เข็ดแบบไม่กล้าไปไหนกับมึงโดยไม่มีเอกอีกเลย" ก่อนจะสมทบด้วยบอยที่เพิ่งจะเก็บของเสร็จ

เอ่อ.. ดูเหมือนว่าพ่อกับแม่ผมนี่จะเป็นตัวร้ายในสายตาพวกเพื่อนๆ แฮะ

แต่ทำไงได้ ในเมื่อพ่อแม่ผมเป็นแบบนั้นจริงๆ ในแง่ของความที่ห่วงผมเหมือนไข่ในหินน่ะนะ เพราะพวกท่านตั้งกฎว่าถ้าเลิกเรียน ผมจะต้องกลับบ้านทันที และหากต้องการจะไปที่อื่น ต้องมีเอกซึ่งเป็นเพื่อนสนิทมานานกว่าบอยและหลิวไปด้วยเท่านั้น หากฝ่าฝืน ตามมารับกลับทันที

ซึ่งตอนปีหนึ่ง เพื่อนๆ ทุกคนต่างก็ได้เห็นอิทธิฤทธิ์ของพ่อกับแม่ผมกันมาแล้วทั้งสิ้น จำได้ว่าตอนนั้นมีค่ายอาสาที่เชียงใหม่ แล้วไอ้เอกดันเบี้ยวเพราะว่าเมาจนตื่นสาย ผมก็เลยปล่อยเลยตามเลย ยอมโกหกว่าเอกยังคงไปด้วย แต่พอดีโชคชะตาดันเล่นตลกกับผม ให้พ่อกับแม่ไปเจอเอกที่ห้างดังแห่งหนึ่ง เท่านั้นแหละครับ ผมถูกพวกท่านนั่งเครื่องตามไปถึงโรงเรียนที่ไปออกค่าย จากนั้นก็ลากตัวกลับกรุงเทพฯ ทันที

ชีวิตแฮปปี้สุดๆ!

แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันได้เปลี่ยนไปแล้ว ไม่มีกฎของพ่อและแม่ เพราะว่าพวกท่านได้ทำการส่งมอบผมให้อยู่ในความดูแลของเหล้ารัมเรียบร้อยแล้ว ทำให้กฎเพียงอย่างเดียวในตอนนี้ก็คือ..ไม่มีกฎยังไงล่ะครับ : )

"รับรองว่าคราวนี้โอเคจริงๆ ไม่ต้องห่วง" ผมเลยย้ำอีกครั้งเพื่อเพิ่มความมั่นใจ "เดี๋ยวกูชวนเหล้ารัมไปด้วยอีกคน" ก่อนจะหันเหความสนใจไปทางนายพ่อมดเหล้าที่กำลังเก็บของใส่กระเป๋าอยู่ แต่ก็คอยแอบชำเลืองมาที่ผมอยู่ตลอดเวลา

แน่นอนว่าพอเห็นผมลุกขึ้นเดินไปชวนเหล้ารัมซึ่งนั่งอยู่เยื้องไปทางด้านขวามือ เพื่อนในกลุ่มทั้งสามคนรวมถึงคนอื่นๆ ในห้องต่างก็พากันมองมาที่เราทั้งสองคนเป็นสายตาเดียว ซึ่งก็ไม่แปลกหรอก พวกเขาก็คงจะสงสัยน่ะ ว่าทำไมเมื่อเช้านี้ผมที่ปกติจะมีคนขับรถส่วนตัวถึงได้ลงรถแลมโบกินี่มาพร้อมกับเหล้ารัม ทั้งที่ภาพความทรงจำจากเวทมนตร์ของนายพ่อมดมีเพียงแค่ว่าเขาเป็นนักศึกษาที่เรียนมาด้วยกันตั้งแต่ปีหนึ่งเท่านั้น แต่ไม่เคยมีความสัมพันธ์อะไรกับผมมากไปกว่าเพื่อนร่วมรุ่น ทำให้ตอนนี้เราสองคนน่าจะกลายเป็นประเด็นที่ใครหลายคนอยากจะตั้งคำถามให้ตอบ แต่คงยังหาจังหวะกันไม่ได้

"สังเกตมั้ยว่าทุกคนกำลังมองมาที่เรา" เหล้ารัมทักขึ้นทันทีด้วยระดับเสียงแบบที่ให้ได้ยินกันสองคน ผมก็เลยพยักหน้ารับกับสิ่งที่เห็นอยู่กับตา

"ก็คงสงสัยว่าเป็นอะไรกัน ทำไมถึงมาเรียนพร้อมกัน แถมยังเดินมาคุยกันอีก ล่ะมั้ง"

"งั้นหรอ อืม... แล้วเราสองคนจะเป็นอะไรกันล่ะ ผมจะได้ใช้เวทมนต์ให้พวกเขาจดจำเอาไว้แบบนั้น : )"

"ไม่ต้องใช้เวทมนต์อะไรทั้งนั้นแหละ" ผมทำเสียงดุ แกล้งทำเป็นไม่เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่าย "เป็นอย่างที่เราเป็นเนี่ยแหละ"

แต่ก็ไม่รู้นะว่าเป็นอะไร ยังหาคำตอบไม่ได้เหมือนกัน

"เฮ้ยวาฬ ถ้าตกลงกับไอ้เหล้าเสร็จแล้ว ไปเจอกันข้างล้างนะ หลิวมันจะไปเปลี่ยนผ้าอนามัย มันบอกห้องน้ำชั้นบนไม่ค่อยสะอาด

"เอก!"

แล้วจู่ๆ เอกก็ตะโกนมาหาผมด้วยสีหน้าที่เหมือนว่าจะไม่แคร์สายตาใครทั้งนั้น มีแต่หลิวที่โดนเอาเรื่องส่วนตัวมาพูดนั่นแหละที่ถึงกับต้องเอาวิตตองฟาดแขนแข็งแรงของไอ้เอกทันที ส่วนบอยก็ทำเพียงแค่หัวเราะก๊าก ก่อนที่พวกมันทั้งสามคนจะพากันเดินออกจากห้องไป

ปล่อยให้ผมได้แต่ส่ายหน้ากับ 'ความเป็นไอ้เอก' ไล่หลังพวกมันไป แล้วหันกลับมาหานายพ่อมดเหล้าที่ดูจะอึ้งๆ กับคำพูดของเพื่อนผม

"เอกนี่..ดิบดีเนอะ"

"มันก็แบบเนี้ยแหละ ว่าแต่คุณเถอะ เย็นนี้ว่างหรือเปล่า"

"ไม่ว่างครับ"

"อ้าว ไปไหนล่ะ"

ผมเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย เพราะในใจคิดว่าเขาจะว่างและกลับพร้อมกัน (ในกรณีที่เพื่อนไม่ได้ชวนไปไหน) ซะอีก

"คือเย็นนี้ผมมีแข่งโปโลกับเจ้าชายที่โลกเวทมนตร์น่ะครับ ว่าจะชวนคุณไปด้วย แต่ดูเหมือนว่าคุณจะมีแพลนไปกับเพื่อนๆ แล้ว"

คำว่า 'โลกเวทมนตร์' ทำเอาหัวใจของผมพองโตขึ้นมาเลย เพราะจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ไปก็คือตอนที่..เอียนยังทำพันธะสัญญากับผมอยู่ ซึ่งก็นานมากแล้ว ไหนจะกีฬาโปโลและเจ้าชายที่นายพ่อมดเหล้าพูดถึงอีก มันน่าสนใจไปหมดทุกอย่างเลยอะ

"ใช่ครับ ตอนแรกว่าจะมาชวนคุณไปทำงานวิชาอาจารย์กบด้วยกันที่ร้าน Today I Learned ตรงหลังมอ"

"อ๋อ ถ้างานวิชาอาจารย์กบนั่นผมเสกเตรียมเอาไว้แล้วแหละ ตอนแรกก็ว่าจะทำเองนะ แต่พอดีติดแข่งโปโล ก็เลยขอแอบโกงนิดนึง" เหล้ารัมหัวเราะ ผมเลยยิ้มตามในสิ่งที่เขาพูดไปด้วย ในเมื่อเขาเองก็ไม่ได้เป็นมนุษย์ที่ต้องเรียนให้จบอย่างจริงจังอยู่แล้ว การที่เขาจะเสกงานให้มีส่งหรืออะไรมันก็ไม่ผิดทั้งนั้นแหละ "ว่าแต่คุณเถอะ ให้ผมช่วยเสกงานให้เอามั้ย จะได้ไปดูผมแข่งโปโลได้ สนุกนะ เดี๋ยวจะแนะนำให้รู้จักกับเจ้าชายรัชทายาทคนปัจจุบันด้วย เพื่อนซี้ผมเอง" ..ต่างจากผมที่ไม่สามารถใช้วิธีโกงแบบเขาได้ ถ้าจะทำก็ต้องทำเอง

ตอนนี้ก็เลยทำให้เกิดการช่างใจขึ้น เพราะอย่างที่บอกไปแล้วว่าสิ่งที่เหล้ารัมเสนอมามันน่าสนใจมาก

แต่ในขณะเดียวกัน..ผมก็รับปากกับเพื่อนๆ ไปแล้ว เลยรู้สึกว่าไม่โอเคเท่าไหร่ที่จะต้องผิดคำพูด

เพราะฉะนั้น.. "ผมอยากดูคุณแข่งนะเหล้ารัม แต่ผมรับปากเพื่อนๆ ไปแล้วว่าจะไปทำงานด้วย อีกอย่างนะ ผมให้คุณเสกงานให้ผมไม่ได้หรอก เกิดในอนาคตผมให้คุณทำอีกจนติดเป็นนิสัย พอเรียนจบไปทำงานผมก็แย่ดิ" ผมจึงอธิบายเหตุผลที่ตัวเองไม่สามารถไปโลกเวทมนตร์กับเขาได้ด้วยน้ำเสียงติดตลกเล็กน้อย เพราะรู้สึกว่าไม่ได้ซีเรียสอะไร

จริงๆ คืออยากไปนะ แต่ก็ติดอย่างอื่น เพราะฉะนั้นก็เลยไปไม่ได้ มันก็คือแค่นั้น

แต่พอพูดเหตุผลไปแล้ว ผมถึงเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่า..สิ่งที่พูดออกไปมันค่อนข้างจะตลกร้ายอยู่ไม่น้อย ในเมื่อผมเองมีเวลาต่อจากนี้อีกแค่สี่เดือนเท่านั้น มันคงไม่มากพอจนถึงขนาดที่จะได้เรียนจบและทำงานหรอก

ดังนั้น ถ้าจะว่ากันตามตรง มันก็เป็นเหตุผลในการปฏิเสธที่ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ

"งั้นไม่เป็นไร ยังมีการแข่งขันอีกตั้งหลายครั้ง คุณต้องได้ดูสักครั้งล่ะผมว่า : )" แต่เหล้ารัมก็ดูจะเข้าใจนะ เพราะเขาส่งยิ้มบางๆ มาให้ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วถือวิสาสะวางมือลงบนหัวผมอย่างอ่อนโยนโดยที่ไม่ได้ขออนุญาต ชวนให้นึกถึงเมื่อคืนตอนที่เขาบอกฝันดีกับผมเลย... "แล้วอีกอย่าง ช่วยยิ้มเยอะๆ ด้วย เพราะไม่ว่ายังไง คุณจะต้องได้มีอนาคตที่เรียนจบแล้วทำงานเหมือนกับมนุษย์คนอื่นๆ แน่"

"..."

ผมเงียบ.. จริงๆ แล้ววินาทีหลังจากที่เหล้ารัมพูดจบ ผมก็รู้สึกว่าอยากจะพูดอะไรตอบกลับไปนะ เปิดปากแล้วด้วย แต่สุดท้ายผมก็พูดอะไรไม่ออก... ในขณะที่หัวใจก็เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ กับสิ่งที่เหล้ารัมพูดออกมา

ตึกตัก ตึกตัก

ทั้งๆ ที่ผมก็ไม่ได้บอกว่าคิดอะไร แต่เขากลับล่วงรู้มันราวกับอ่านใจของผมได้.. ถ้าสีหน้าผมมันไม่แสดงออกชัดเจน ก็แสดงว่าเขาคงสังเกตผมอย่างมากเลยแหละ ถึงได้รู้ใจกันขนาดนี้

"นี่ ยิ้มหน่อยสิครับ" ก่อนที่นายพ่อมดเหล้าจะเริ่มเรียกร้อง ซึ่งคราวนี้ผมยอมทำตามอย่างว่าง่าย เพราะรู้สึกอยากตอบแทนความรู้สึกดีๆ ที่รับรู้ได้จากคำพูดของเขา ไม่รู้เหมือนกันว่าเหล้ารัมคิดแบบนั้นจริงๆ หรือแค่ต้องการจะปลอบโยนเพื่อคลายความรู้สึกผม แต่ไม่ว่าจะทางไหน เขาก็สมควรได้รับรอยยิ้มจากผมทั้งนั้น

ซึ่งพออีกฝ่ายเห็นว่าผมยิ้มให้ เขาก็คว้ากระเป๋าขึ้นสะพายด้วยรอยยิ้มที่กว้างขึ้น ดูท่าว่าคงพร้อมที่จะกลับแล้ว

"แล้วผมก็ไม่ได้พูดเพื่อปลอบใจคุณด้วย แต่มันจะต้องเป็นไปตามนั้นจริงๆ เพราะว่าคืนนี้เราจะทำพันธะสัญญากัน : )"

"คืนนี้?" แต่สิ่งที่เขาพูดต่อจากนั้นทำให้ผมประหลาดใจ เพราะนอกจากจะเป็นอีกครั้งที่เขาพูดเหมือนรู้ใจผมแล้ว เหล้ารัมยังปิดประโยคสุดท้ายด้วยเรื่องของการทำพันธะสัญญาซึ่งเป็นหัวใจหลักของการที่เราสองคนมาอยู่ร่วมกัน เพียงแต่ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นในคืนนี้แล้วเท่านั้นเอง

แอบรู้สึกตื่นเต้นเหมือนกันแฮะ

"ใช่ครับ คืนนี้หนึ่งทุ่มเจอกันที่คอนโด เดี๋ยวผมจะพาคุณไปที่ที่นึงเพื่อทำพันธะสัญญา รับรองว่าคุณจะต้องชอบแน่ : )"

"โอเค" ผมตอบกลับด้วยรอยยิ้มบางๆ โดยที่ไม่ได้ถามอะไรต่อ

ไม่ใช่ไม่อยากรู้ว่าเขาจะพาผมไปไหน ไม่ใช่ไม่อยากรู้ว่าการทำพันธะสัญญามันจะต้องทำอย่างไร เพียงแต่ความสงสัยของผมมันแทบจะเบาบางไปเลยเมื่อเทียบกับบางสิ่งที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วภายในใจตอนนี้

มันเป็นสิ่งที่ผมเคยมี แต่ทำหล่นหายไปเนิ่นนานเสียจนคิดว่าชีวิตนี้คงไม่สามารถหามันเจอได้อีกแล้ว

และสิ่งนั้นก็คือ..ความหวัง

"งั้นก็ไปกันเถอะ เดี๋ยวเพื่อนคุณจะรอนาน : )"

..หวังว่าตัวเองจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไปบนโลกใบนี้ ได้มีอนาคตที่อยากมี ได้อยู่กับทุกคนที่ผมรักไปอีกนานๆ

ถึงผมจะดูไม่ยี่หระกับความตาย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมพร้อมที่จะหยุดลมหายใจลงนะ เพียงแต่พอมันไม่เห็นหนทางอื่นแล้ว หรือก็คือสิ้นหวังนั่นแหละ ก็เลยเหลือทางเดียวที่ทำได้คืออยู่กับมันให้ชิน ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา (ตั้งแต่วันเกิดปีที่สิบสอง) ผมดูจะตายด้านกับความตายไปเสียแล้ว การมีชีวิตอยู่คืออะไร? ผมยังตอบตัวเองไม่ได้เลย ในใจผมเหมือนมีแต่ความเงียบ... และก็คงจะเป็นแบบนี้ต่อไป ถ้าเกิดว่าไม่ได้มาเจอกับเขา

เลยทำให้ได้รู้ว่า ในโชคร้าย..ก็ยังมีโชคดีที่ชื่อว่าเหล้ารัมอยู่ : )

และเพราะแบบนั้นล่ะมั้ง ผมถึงได้คว้ามือของนายพ่อมดหน้าหล่อมาจับไว้ ก่อนจะเดินจูงมือของเขาออกมาจากห้อง โดยไม่สนสายตาใคร...

...พอลงมาถึงชั้นล่าง ผมกับเหล้ารัมต่างก็แยกย้ายกันไป เขาดูมีความสุขนะที่ผมเป็นฝ่ายจับมือเขา ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี

ในขณะที่เพื่อนในกลุ่มที่นั่งรอกันอยู่ชั้นล่างยิ้มแซวใหญ่ เพราะว่าตำแหน่งโต๊ะอยู่ตรงจุดที่เห็นตอนเหล้ารัมกับผมเดินจับมือกันลงมาจากบันไดพอดี

"รีบไปที่ร้านกันเถอะ เดี๋ยวงานไม่เสร็จนะ" ผมเลยแกล้งตีหน้าซื่อทำเป็นมองข้ามรอยยิ้มเหล่านั้น ทั้งที่ตัวเองก็อยากยิ้มให้แก้มปริออกมาเลยด้วยความอาย แต่ถ้าแสดงออกมากก็จะโดนตั้งคำถามมากเช่นกัน เลยขอปกปิดความรู้สึกเอาไว้ก่อนจะดีกว่า

ซึ่งบอยกับหลิวก็ช่วยทำทีพยักหน้ายอมปล่อยผ่านแล้ว เหลือแต่ไอ้เอกเนี่ยแหละที่ดูท่าว่าจะไม่ยอมจบง่ายๆ "แล้วไอ้เหล้าล่ะ" เพราะมันถามถึงอีกคนที่แยกกันไปแล้ว แม้จะหน้านิ่งไม่ได้แสดงอาการอะไรมาก แต่ด้วยความที่คบกันมานาน ผมเลยดูออกว่ามันอยากจะต้อนผมให้จนมุมใจจะขาด

คนอย่างเอกน่ะ ถ้าไม่เป็นมิตรด้วย ก็ถือว่าคุณได้ศัตรูตัวร้ายเลยน่ะนะ

"เหล้ารัมไม่ว่าง เขามีธุระน่ะ"

"แล้วทำไมมึงถึงต้อง..."

"เอก บอย กูไปคันหลิวนะ ไว้เจอกันที่ร้าน มาๆ หลิว เดี๋ยวเราช่วยถือของ"

พอเห็นว่าไอ้เอกยังจะต่อ ผมเลยตัดสินใจพูดแทรกตัดบทมันซะเลย ก่อนจะช่วยหลิวถือของเดินนำไปที่ลานจอดรถ เพราะยังไม่พร้อมที่จะตอบอะไรตอนนี้ทั้งนั้น

แล้วก็เป็นโชคดีของผมจริงๆ ที่เลือกรถถูกคัน เพราะหลิวไม่ถามถึงเรื่องเหล้ารัมเลย มีแค่โยนไอเดียเรื่องงานมาคุยกับผมเท่านั้น นี่ถ้าไปรถไอ้เอกกับไอ้บอยนะ มันคงวนๆ ถามผมจนกว่าจะได้คำตอบนั่นแหละ

อยากรู้อยากเห็นเหลือเกินไอ้พวกเพื่อน!

* * * *

Today I learned เป็นร้านกาแฟที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากเด็กมหา'ลัยผมและผู้ใหญ่วัยทำงานในละแวกใกล้เคียง เพราะนอกจากจะอยู่ใกล้ (อยู่ตรงถนนฝั่งตรงข้ามประตูทางเข้าออกหลังมอ) และมีทั้งอาหารและเครื่องดื่มที่โคตรอร่อยแล้ว ที่ร้านยังเปิดให้บริการลูกค้าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วย เหมาะสำหรับช่วงสอบหรือช่วงที่ต้องปั่นงานส่งแบบหามรุ่งหามค่ำ เรียกว่าตอบโจทย์ยุคเด็กรุ่นใหม่ไฟลนก้นได้เป็นอย่างดี

ในขณะที่เจ้าของร้านอย่าง 'พี่ไอด้า' ก็เป็นที่รักของเด็กมอผมแทบจะทุกคนเช่นกัน ก็นะ พี่เขาทั้งใจดีแถมยังเป็นคนที่เก่งมากๆ เลยนี่หน่า ทำให้มักจะมีประสบการณ์ในเรื่องของการเรียนการทำงานหรือแม้แต่กระทั่งการใช้ชีวิตทั่วไปมาแชร์ให้เด็กๆ ฟังอยู่เสมอ ทั้งที่ก็จบด้านวิศวะแค่ใบเดียว แต่กลับให้คำปรึกษาเด็กได้ทุกคณะ จนบางทีคุยๆ กัน ผมยังคิดเลยว่าทำไมพี่เขาถึงได้เทพขนาดนี้?

ลองคิดดูสิ ผู้หญิงตัวเล็กๆ แค่คนเดียว เอ๊ะ? ไม่สิ เลี้ยงแมวด้วยอีกหนึ่งตัวชื่อเจ้าอิ๋ว (พันธุ์เปอร์เซีย) แต่กลับพาร้านให้ใหญ่โตได้ภายในปีเดียวหลังจากที่เปิดทำการมา มีทั้งโซนนั่งกิน โซนห้องทำงาน โซนห้องอ่านห้องติวหนังสือ และโซนห้องพักที่สามารถนอนได้ด้วย ซึ่งไม่ใช่ว่าทำไปได้เพราะเงินถึงอย่างเดียว แต่ยังทำออกมาได้ดีสมกับเงินที่ลงทุนไป โดยเฉพาะความปลอดภัยของเด็กที่พี่ไอด้านั้นจะเน้นหนักมากเป็นพิเศษ ทำให้ใครหลายคนที่มาใช้บริการบอกว่าที่นี่เหมือนบ้านหลังที่สองของพวกเขาเลยทีเดียว

ซึ่งวันนี้กลุ่มของผมเลือกซื้อบริการห้องทำงานใหญ่ของทางร้านหนึ่งห้องแบบวีไอพี คือจ่ายทีเดียวแล้วยิงยาวยี่สิบสี่ชั่วโมง เหมาะสำหรับการทำงานเป็นกลุ่ม โดยสิ่งที่ได้คือโต๊ะขนาดใหญ่กลางห้อง อุปกรณ์เครื่องเขียน อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง โปรเจ็คเตอร์ ไวท์บอร์ดและจอสำหรับฉายภาพ นอกจากนี้ยังสามารถยืมแล็ปท็อปใช้ได้ในกรณีที่ไม่ได้พกมาเอง รวมถึงมีอาหารและเครื่องดื่มชุดใหญ่ให้ฟรีคนละหนึ่งชุดตามจำนวนของคนที่มา เพราะฉะนั้นราคาที่ต้องจ่ายก็จะสัมพันธ์กับผู้ใช้ด้วย เรียกว่าพวกผมทั้งสี่คนสามารถทำงานยิงยาวอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายๆ แถมห้องน้ำในตัวก็ยังมีฝักบัวให้อาบด้วยนะ (ของใช้สำหรับอาบสามารถซื้อได้ที่ไอด้าหรือไม่ก็ซื้อกับพนักงานของร้าน) บอกแล้วไงล่ะว่าที่นี่น่ะมันบ้านหลังที่สองจริงๆ

"โอ๊ยยยยย~ คิดงานไม่ออกโว้ย!"

แต่ถึงจะสะดวกครบครันเพียงใด ร้าน Today I Learned ก็ไม่สามารถทำให้คนที่คิดงานไม่ออกมันคิดออกได้หรอกนะ ยกตัวอย่างเช่นบอยนี่ไง

"ใจเย็นเพื่อน เดี๋ยวก็นึกออก" เอกที่นั่งข้างผมรีบปลอบใจเพื่อนทันที ก่อนจะสไลด์ถุงขนมใกล้มือไปให้บอยที่รับไปงับไว้นิ่งๆ โชว์เล็กดัดฟันสีขาวราวกับหมาหงอยงับถุงขนมก็ไม่ปาน

"พูดแบบนี้แสดงว่าเอกคิดงานออกแล้วสินะ" หลิวก็เลยตั้งคำถามกับเอกบ้าง

ซึ่งความเป็นจริงก็คือ...

"ยังหรอก ตันเหมือนกัน"

"โธ่ ไอ้เราก็นึกว่าเสร็จแล้ว มึงเอาขนมมึงคืนไปเลยไป" บอยได้ทีเลยสไลด์ถุงขนมกลับคืนมาให้อีกฝ่าย

ส่งผลให้พวกเราทั้งสี่คนหัวเราะออกมาพร้อมกันกับบทสนทนาที่เพิ่งจะเกิดขึ้น

"ต้องนี่สิครับคนเก่งของจริง ไม่ได้กำลังหาข้อมูลอยู่นะ แต่ลงมือทำไปได้เยอะแล้วด้วย เทพชิบหาย" ก่อนที่ไอ้เอกจะเอาแขนมาโอบไหล่ผมไว้ พร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ อย่างกวนตีน จนได้กลิ่นบุหรี่ Benson & Hedges ที่มันชอบสูบอยู่ประจำ

"ก็วันนี้มีเรียนบ่าย ถ้าตื่นมาหาข้อมูลต่อยอดไอเดียกันตั้งแต่เช้า ป่านนี้ก็คงได้เริ่มทำกันไปแล้วแหละ"

"แต่หลิวลองนั่งหาไอเดียตั้งแต่เช้าแล้วนะวาฬ แต่มันคิดไม่ออกจริงๆ" หลิวทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้

ผมเลยต้องรีบพูดต่อให้ชัดเจนขึ้น "เรารู้ว่าหลิวหาแล้ว ที่พูดนี่คือหมายถึงเอกกับบอยแค่สองคน เพราะพวกนี้น่ะมีเรียนบ่ายก็ตื่นเที่ยงนั่นแหละ" แล้วก็ไม่ได้พูดเปล่าด้วยนะ ผมมีการหันไปหรี่ตามองทั้งสองคนแบบให้รู้สำนึกด้วย แต่ดูเหมือนว่าจะมีแค่บอยเท่านั้นที่หดหัวลงนิดหน่อย ในขณะที่คนข้างๆ ผมอย่างไอ้เอกกลับส่งรังสีอำมหิตมาให้

"จะบอกว่าตัวเองขยันตื่นเช้ามาทำงานงั้นสินะ"

"ก็ใช่น่ะสิ"

"แล้วไปตื่นเช้าเอาห้องใครเขาล่ะ ถึงได้มาเรียนพร้อมกับไอ้เหล้าน่ะ"

"..."

นั่นไงล่ะ.. ผมบอกแล้วว่าคนอย่างไอ้เอกน่ะมันร้าย!

ไม่คิดเลยว่าจากเรื่องงานจะสามารถพาวกเข้าเรื่องผมกับเหล้ารัมได้

เก่งจริง!

"นั่นดิ ทีแรกกูก็ไม่คิดอะไรมากนะ คิดแค่ว่าบังเอิญติดรถกันมา แต่พอเห็นตอนเดินจับมือกันลงมาจากตึกเรียน กูชักสงสัยละว่ามึงกับมันนี่ยังไงกันแน่" แล้วพอเอกเปิดประเด็น บอยก็เริ่มตาม โดยมีหลิวที่ตีไหล่บอยเหมือนเป็นเชิงห้าม ทั้งที่ก็คงจะสงสัยไม่แพ้กันนั่นแหละ

โอเค ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ผมคิดว่าผมควรพูดอะไรให้พวกเพื่อนๆ ได้รับรู้บ้าง แม้ว่าจะบอกออกไปได้ไม่หมดก็ตามที

"ก็ไม่ยังไงหรอก คือตอนนี้กูกับเหล้ารัมอยู่ด้วยกันแล้ว"

"หา!?" ทั้งสามเสียงร้องตกใจออกมาอย่างพร้อมเพรียง แม้แต่ไอ้เอกที่ไม่ค่อยสะทกสะท้านกับอะไรก็ยังเบิกตาโตกว่าใครเพื่อน

"อยู่ด้วยกันเนี่ยนะ ล้อเล่นหรือเปล่าวาฬ!?" หลิวที่ดูจะตั้งสติได้เป็นคนแรก รีบถามผมกลับมา

"เปล่า ไม่ได้ล้อเล่น"

"ละ..แล้วไปอยู่ด้วยกันได้ยังไงฟะ!?" คราวนี้เป็นบอยที่ถามบ้าง

"คือ..เหล้ารัมมาจูบกู แล้วก็ขอพ่อกับแม่ให้กูไปอยู่ด้วย"

"แล้วพ่อแม่มึงก็ยอมเนี่ยนะ!?" ก่อนจะปิดท้ายด้วยเอกที่ไม่ได้แค่ถามเฉยๆ แต่จับไหล่ผมให้หันไปมองหน้ามันตรงๆ

ตาเหยี่ยวของมันจับจ้องเข้ามา ราวกับอยากได้ความจริงให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

"ใช่"

"ทำไมวะ ทำไมแค่จีบถึงต้องให้มึงไปอยู่ด้วยกัน แล้วทำไมพ่อแม่มึงถึงยอมง่ายๆ กูไม่เข้าใจ"

"ต้องยอมสิ ในเมื่อเหล้ารัมจะเป็นคนที่ช่วยกูให้มีชีวิตอยู่ต่อนี่"

"ยังไง? แล้วทำไมมึงพูดเหมือนว่ามึงกำลังจะตาย บอกกูมาเดี๋ยวนี้เลยนะ"

"..."

"วาฬ ตอบกูมา"

"..."

"วาฬ!"

เสียงดุๆ ของเอกทำให้บอยกับหลิวแสดงสีหน้าลำบากใจ ในขณะที่ผมกลับไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น เพราะคนอย่างผม บทจะกลัวก็คือกลัว แต่ถ้าถึงคราวที่ดื้อเงียบไม่อยากต่อความ ต่อให้ต่อยจนล้มลงกับพื้นก็ง้างปากผมไม่ได้

ไม่เพียงเท่านั้น ผมยังหยักยิ้มบางส่งให้เอกด้วย ก่อนจะจับมือมันที่ยึดไหล่ผมอยู่ออกซะ แล้วส่งผ่านข้อความทางสายตาในแบบที่ให้รู้ว่า..มันควรจะพอแค่นี้

ไอ้เอกก็เลยสบถออกมาคำนึง ก่อนจะทิ้งตัวลงกอดอกพิงเก้าอี้อย่างยอมแพ้ เพราะมันน่าจะรู้นิสัยผมดี แต่ก็ไม่ค่อยจะสบอารมณ์นักหรอกนะ ในขณะที่อีกสองหน่อก็ได้แต่ถอนหายใจยาวๆ ออกมา แล้วแยกย้ายกันทำงาน

คงมีแต่ผมเท่านั้นที่ยังยิ้มได้ และก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไปในความเงียบ ทั้งที่ในใจคือ..

ขอโทษนะพวกมึง

ไม่ใช่ว่าผมเกิดอยากจะกวนตีนตัดบทเพื่อนขึ้นมาดื้อๆ นะ แล้วก็รู้ด้วยว่าบอกไปแค่นั้นไม่ต้องบอกซะดีกว่า แต่ทำไงได้ พวกคุณต้องทำความเข้าใจก่อนนะว่าผมไม่อยากหาเรื่องโกหกมาเล่า ผมขี้เกียจมานั่งจำเรื่องที่ตัวเองแต่งขึ้น เลยทำให้สามารถบอกได้แค่เท่าที่บอกได้เท่านั้น ทั้งที่ในความเป็นจริงก็อยากจะเล่าออกไปเป็นฉากๆ เลยเหมือนกัน ถ้าไม่ติดว่า..

หนึ่ง..กลัวโดนจับส่งโรงพยาบาลบ้า เพราะเรื่องที่เล่ามันแฟนตาซีมากเกินไป

และสอง..ต่อให้ไม่กลัวโดนด่าว่าบ้า ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าการช่วยมันจะออกมาในรูปแบบไหน

คงต้องได้แต่รอให้ถึงเวลานัดคืนนี้นั่นแหละ ถึงจะรู้


ฝากคอมเม้นติชมกันด้วยนะครับ : )

ป.ล. หากใครอยากพูดคุยอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้ใน twitter ฝาก #พ่อมดเหล้า เพื่อง่ายต่อการตามอ่านของคนเขียนนะครับ ขอบคุณมากๆ เลยครับ

my page : https://www.facebook.com/hamsterisanauthor/

 :really2:


ออฟไลน์ lazysheep

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-2
Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.2) - 2/06/2016
«ตอบ #129 เมื่อ02-06-2016 11:22:05 »

เหล้าเนียนมาก ย้ายคณะกันเลยเชียว น่ารักกก แอบอมยิ้มตอนจับมือกัน 55

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.2) - 2/06/2016
« ตอบ #129 เมื่อ: 02-06-2016 11:22:05 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.2) - 2/06/2016
«ตอบ #130 เมื่อ02-06-2016 11:36:04 »

สนุกค่ะ ชอบบบบบ

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.2) - 2/06/2016
«ตอบ #131 เมื่อ02-06-2016 12:12:18 »

 :ling2:

ทำไมวาฬต้องกลัวเพื่อนส่งเข้าโรงบาลบ้าล่ะ มนุษย์โลกออกจะชอบมนตราจะตาย   :heaven

ตอนอ่านเมื่อกี้มีแว้บๆในหัวอยากให้วาฬเลี้ยงลูกเจี๊ยบด้วย ฮาาาาาาา  :mew4:

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.2) - 2/06/2016
«ตอบ #132 เมื่อ02-06-2016 17:40:19 »

 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ holy_angel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.2) - 2/06/2016
«ตอบ #133 เมื่อ02-06-2016 19:27:53 »

วาฬน่ารักกกแต่อย่าเศร้าไปเลย เดี๋ยวก็ได้กลับไปทำพันธะสัญญากะเหล้ารัมล่ะ ต้องฟินแน่เลย รอๆๆ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.2) - 2/06/2016
«ตอบ #134 เมื่อ02-06-2016 19:50:05 »

รอเขาทำพันธะสัญญากัน :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.2) - 2/06/2016
«ตอบ #135 เมื่อ02-06-2016 20:09:42 »

รอต่อๆๆๆๆๆๆๆ :katai2-1:

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.2) - 2/06/2016
«ตอบ #136 เมื่อ02-06-2016 20:34:15 »

โอ้ยยย อยากรู้ต่อแล้ววว

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.2) - 2/06/2016
«ตอบ #137 เมื่อ02-06-2016 21:05:06 »

ตอนกลางคืนจะเป็นยังไงนะ

ออฟไลน์ April❤

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.2) - 2/06/2016
«ตอบ #138 เมื่อ03-06-2016 00:35:17 »

สนุกมว้ากกกก
มาต่อเร้วๆนะคะ

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6
Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.2) - 2/06/2016
«ตอบ #139 เมื่อ03-06-2016 05:38:38 »

 o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.2) - 2/06/2016
« ตอบ #139 เมื่อ: 03-06-2016 05:38:38 »





ออฟไลน์ Honeyhoney

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.2) - 2/06/2016
«ตอบ #140 เมื่อ04-06-2016 16:24:43 »

 :mew1:  น่ารักฮือน่ารักมากเลย เหล้ารัมมมมม วาฬมีความซุกซนในตัว มีความกวน 555 ชอบบบบ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.2) - 2/06/2016
«ตอบ #141 เมื่อ05-06-2016 01:47:30 »

อยากรู้จังว่าจะทำพันธะกันแบบไหน 5555
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.2) - 2/06/2016
«ตอบ #142 เมื่อ05-06-2016 02:49:37 »

อยากรู้แล้วว่าจะทำพันธะสัญญากันแบบไหน :hao7:

ออฟไลน์ PookPick

  • มองฉัน รักฉันสิ!
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.2) - 2/06/2016
«ตอบ #143 เมื่อ05-06-2016 09:20:28 »

 :-[ รอๆ มารอดูว่าจะเป็นพันธะสัญญาแบบไหนค่ะ อิอิ

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2

#4.3

ผมนั่งทำงานที่ Today I learned จนเกือบจะหกโมงเย็น ก่อนที่จะขอตัวจากเพื่อนๆ (ที่เพิ่งจะหาไอเดียเจอ) กลับมาที่คอนโด และพบว่าเหล้ารัมเองก็กลับมาถึงในเวลาไล่เลี่ยกัน

เขากับผมไม่ได้คุยอะไรกันมากนัก เพราะต่างคนต่างแยกย้ายกันไปแต่งตัว โดยที่คืนนี้ผมเลือกเสื้อถักสีฟ้าอ่อนแขนยาวตัวเก่งกับกางเกงขายาวทรงกระบอกสีขาวที่ดูทั้งลำลองและเป็นทางการในเวลาเดียวกัน เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลว่าเหล้ารัมจะพาผมไปสถานที่แบบไหน ก็เลยเลือกให้ดูกลางๆ ไว้ก่อน

ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมคืนนี้ผมถึงได้พิถีพิถันกับการแต่งตัวนัก และหมดเวลาอย่างโง่ๆ กับการหันมองกระจกไปมาราวกับจะเช็คให้ตัวเองแน่ใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็นนั้นเรียบร้อยดีแล้ว ขณะที่ใจก็กังวลไปต่างๆ นานา ถึงขนาดที่ว่าอยากแอบไปซื้อรองพื้นที่เขาใช้แต่งหน้ากันมากลบเกลื่อนกระบริเวณจมูกและโหนกแก้มที่ใครหลายคนมักบอกว่ามันเป็นกระที่ขึ้นได้อย่างสวยงามและช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับผมอย่างมาก (และผมเองก็คิดแบบนั้นเช่นกัน) แต่ก็นั่นแหละ พอคิดว่าจะต้องออกไปกับนายพ่อมดเหล้า มันก็สั่นคลอนความมั่นใจของผมในทันที

ผมนี่..ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!

แต่แล้วไอ้ความคิดเรื่องรองพื้นก็เป็นอันต้องปัดตกไปเมื่อเหล้ารัมมาเคาะห้องซะก่อน ก่อนจะขับรถพาผมมายังสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งผมค่อนข้างจะคุ้นตา

under the tree

ป้ายร้านที่ทำจากไม้กับตัวหนังสือประดิษฐ์ลายสวยสีเขียวทำให้ผมรู้ได้ในทันทีว่าทำไมผมถึงรู้สึกคุ้นตากับมันนัก ในเมื่อผมเคยหาข้อมูลเกี่ยวกับมันมาแล้วถึงสองครั้งด้วยความที่อยากมามาก แต่ยังไม่มีโอกาส ภาพของร้านที่คนเค้าถ่ายมารีวิวกันเลยยังเกาะติดในความทรงจำของผมอยู่

"คุณจองโต๊ะไว้หรือเปล่าเหล้ารัม?" คำถามแรกที่เจือความตื่นเต้นในน้ำเสียงถูกถามขึ้นหลังจากที่เหล้ารัมตั้งท่าจะเดินนำผมเข้าไปในตัวร้านซึ่งเป็นอาคารชั้นเดียว ทว่าค่อนข้างใหญ่โตพอๆ กับฮอลล์ที่ใช้จัดแสดงคอนเสิร์ตเลยทีเดียว

"อย่างผมต้องจองล่วงหน้าด้วยหรอครับวาฬ : )" อีกฝ่ายจึงตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ นั่นเลยทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าเขาต้องใช้ลูกเล่นบางอย่างแน่ ถึงได้ทำให้ได้คิวโดยที่ไม่ต้องจองล่วงหน้า

เพราะจากที่ผมเคยอ่านรีวิวของทางร้าน ก็ทำให้ได้รู้ว่าหากต้องการที่จะใช้บริการ คุณจะต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งเดือน ถึงจะมีโต๊ะให้ เพราะเจ้าของร้านนั้นเป็นนักแสดงไฮโซชื่อดัง เลยทำให้ทางร้านได้รับความนิยมอย่างสูงจากกลุ่มลูกค้าแฟนคลับและเหล่าบรรดาเซเลบทั่วฟ้าเมืองไทย ถึงขนาดว่าเปิดมาได้เพียงแค่สี่เดือนก็ได้รับผลโหวตจากนิตยสารต่างๆ ให้กลายเป็นหนึ่งในสิบร้านอาหารบรรยากาศดีของกรุงเทพมหานครไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนักที่คิวจะยาวไปตลอดทั้งเดือนแบบนั้น

ผมไม่ได้ตอบอะไรเหล้ารัมกลับไป ทำเพียงแค่ปล่อยให้นายผมบลอนด์เดินมาจูงมือเข้าไปในร้าน

และสิ่งที่เห็นก็ทำให้ผมรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับมันไม่น้อย เพราะแทบจะไม่ผิดไปจากที่เห็นในภาพตามอินเตอร์เน็ตเลยสักนิด

under the tree เป็นร้านอาหารสุดเก๋ที่เกิดจากแนวคิดที่ว่าอยากให้คนนั้นอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ (อันนี้ผมอ่านข้อมูลมานะ ไม่ได้นั่งเทียนเขียนเอง) เจ้าของร้านก็เลยเนรมิตรสิ่งปลูกสร้างที่มีเพดานสูง เพื่อที่จะให้ภายในนั้นสามารถทำเป็นสวนสาธารณะขนาดย่อมได้ โดยที่ต้นไม้ทุกต้นซึ่งถูกปลูกไว้ให้มีระยะห่างกันอย่างตั้งใจ..ก็จะมีโต๊ะญี่ปุ่นสำหรับลูกค้าของร้านด้วย ประหนึ่งว่าคนที่มาทานที่ร้านก็จะได้มาทานอาหารใต้ต้นไม้ โดยที่มีหลังคาเป็นโดมครอบเอาไว้อีกที แถมทางร้านเองก็ตกแต่งแสงสีให้ดูอบอุ่นน่านั่ง บรรยากาศของร้านก็เลยยิ่งดูสวยงามและโรแมนติกสุดๆ ไปเลย

"คุณเหล้ารัม อัครวรกุลพิชิตใช่มั้ยครับ?" ซึ่งภายหลังจากที่ผมยืนชื่นชมร้านอยู่สักพัก ก็มีบริกรเดินมาถามพร้อมทั้งจิ้มๆ ไอแพดในมือไปด้วย

"ใช่ครับ" เหล้ารัมตอบ

"งั้นขอเชิญทางนี้เลยครับ" บริกรชายก็เลยยิ้มรับ ก่อนจะพาไปยังโต๊ะของเรา

อย่างที่บอกไปแล้วว่าโต๊ะของทางร้านเป็นโต๊ะญี่ปุ่นที่ถูกจัดวางใต้ต้นไม้ ทำให้ทั้งผมและเหล้ารัมต้องนั่งกับพื้นหญ้า เลยทำให้รู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกัน แต่ก็ถือเป็นความแตกต่างที่หาไม่ค่อยได้จากร้านอื่นๆ น่ะนะ

ผมเปิดโอกาสให้เหล้ารัมเป็นคนสั่งอาหารเพราะใช้ไอเดียทั้งหมดไปกับการทำงานแล้ว จึงไปอยากคิดอะไรอีก อยากจะขอนั่งเงียบๆ ฟังเพลงเพราะๆ และดื่มด่ำกับบรรยากาศของร้านไปเรื่อยๆ ซึ่งอีกฝ่ายก็ดู จะไม่เดือดร้อนอะไรนักกับการที่จะต้องเป็นคนคิดเมนูอาหาร

จนกระทั่งบริกรรับออเดอร์แล้วเดินจากไปนั่นแหละ เหล้ารัมถึงได้เริ่มเปิดประโยคสนทนา

"วาฬครับ" ผมหันมองหน้าเขาตามเสียงเรียก "คุณอึดอัดมั้ยที่ผมรุกคุณหนักมาก?" ก่อนจะชะงักไปกับคำถามของเจ้าของนัยน์ตาสีม่วงอ่อนที่กำลังมองมา

"เอ่อ.." รู้สึกทำตัวไม่ถูกเลยแฮะ ที่จู่ๆ เหล้ารัมก็ยิงคำถามด้วยหน้าตาจริงจังแบบนั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังปล่อยให้ผมชิลกับบรรยากาศร้านอยู่เลย "ก็... นิดนึงครับ แต่ผมก็เข้าใจนะ เพราะมันเป็นธรรมชาติของคุณ คงจะควบคุมได้ยาก"

"ใช่ครับ มันควบคุมได้ยากมาก และผมก็รู้ดีว่ามันคงจะเป็นการเริ่มต้นที่เร็วเกินไปสำหรับคุณ เพราะฉะนั้น ก่อนที่เราจะไปถึงขั้นตอนของการทำพันธะสัญญา ผมอยากให้เราสองคนเริ่มต้นจากอะไรๆ ที่เบสิคกว่านั้นก่อน"

"ยังไงครับ?"

"ก็.. ผมอยากให้ตอนนี้เราลองมาเดทกันดู คุณว่ามันจะเป็นความคิดที่ดีมั้ย"

"..."

ผมเงียบ.. ไม่ใช่เพราะต้องการที่จะปฏิเสธเขา แต่คำว่า 'เดท' ต่างหากที่เป็นตัวการของความเงียบในครั้งนี้

ไม่ใช่อะไรหรอกนะ แต่ให้ตายสิ ในชีวิตนี้ผมไม่เคยออกเดทกับใครมาก่อนเลย เพราะถึงจะปาเข้าไปยี่สิบแล้ว แต่ด้วยความที่ยังไม่เจอคนที่ใช่ บวกกับเงื่อนไขของชีวิต เลยทำให้ผมห่างไกลจากเรื่องพรรณ์นี้อย่างมาก พอๆ กับระยะทางจากโลกไปดาวอังคาร แล้วก็ไม่เคยแม้แต่จะจินตนาการถึงเดทของตัวเองเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ดังนั้นการที่เหล้ารัมพูดเรื่องเดทขึ้นมา มันจึงเป็นคำที่ใหม่มากสำหรับผม ก็เลยทำให้ไม่กล้าตอบอะไรกลับในทันที

"แต่ถ้าคุณไม่โอเคก็ไม่เป็นไรนะ" ทำให้นายพ่อมดที่เห็นว่าผมเงียบไปนานต้องรีบโบกมือรัวๆ เหมือนเป็นภาษากายที่ต้องการจะสื่อว่าถ้าไม่โอเคก็ให้ปัดๆ มันทิ้งไปซะ

"ไม่ใช่แบบนั้นหรอก" ผมเลยต้องรีบอธิบาย เพราะทนเห็นยิ้มแหยๆ ของอีกฝ่ายไม่ไหว "แต่ที่เงียบไปก็เพราะว่าผมไม่เคยออกเดทกับใครมาก่อน พอคุณพูดถึงมันขึ้นมา ผมก็เลยไม่ค่อยจะชินน่ะ"

"อ๋อ แบบนี้นี่เอง งั้น.. คุณจะโอเคมั้ยครับ ถ้าผมอยากจะขอให้คุณลองมาเดทกับผมดู" พอเห็นว่าผมไม่ได้ต่อต้าน เหล้ารัมเลยถามคำถามแบบเดิมกลับมาอีกครั้งด้วยรอยยิ้มที่กว้างขึ้น เหมือนมั่นใจมากว่าผมจะต้องตอบตกลง จนบางทีผมก็อยากแกล้งปฏิเสธให้เขาหัวทิ่มไปเลย

แต่คง..ใจร้ายเกินไปเนอะ : )

ผมเลยเปลี่ยนจากที่ว่าจะแกล้งเป็นพยักหน้าตอบรับแทน ถึงได้ทำให้รู้ว่านายพ่อมดเหล้ามีรอยยิ้มอีกระดับที่สามารถส่องประกายความดีใจออกมาได้ จนเกิดเป็นผลข้างเคียงให้ผมที่นั่งอยู่ตรงข้ามจำต้องยิ้มตามไปด้วย

ถึงจะไม่เคยจินตนาการถึงเดทแรกของตัวเองมาก่อนก็เถอะ แต่ว่าตอนนี้ผมมีร้านอาหารดีๆ บรรยากาศเยี่ยม กับคู่เดทที่หล่อเนี้ยบหัวจรดเท้าแถมยังยิ้มเก่งแบบนี้ ดูท่าว่าก็คงจะเป็นเดทแรกในชีวิตที่ไม่แย่นักหรอกนะ : )

ว่าแต่.. "แล้วการเดทกันนี่ผมจะต้องทำไงบ้างล่ะ?" ผมถามสิ่งที่สงสัยออกไป ในขณะเอามือขึ้นมากกุมไว้บนโต๊ะ

"ก็... พูดคุยกัน ถามสิ่งที่คุณอยากรู้เกี่ยวกับตัวผม ในขณะที่ผมเองก็จะถามเกี่ยวกับตัวคุณในสิ่งที่ผมอยากรู้ ต่างฝ่ายต่างพิจารณากันและกัน เพื่อดูว่าเราสองคนสามารถเข้ากันได้หรือเปล่า อะไรแบบนั้น ถ้าเกิดว่าสรุปแล้วเรามีความเห็นตรงกันว่าน่าจะไปด้วยกันได้ เราก็เดทกันต่อไป หรือไม่..ก็ตกลงคบกันซะเลย :)"

"แล้วถ้าสรุปผลว่าคุณไม่โอเคสำหรับผมล่ะ?"

เหล้ารัมหุบยิ้มทันทีเมื่อผมถามคำถามจบ ซึ่งผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะจริงจังอะไรนักหรอก แค่หมั่นไส้ เลยอยากหาเรื่องแกล้งไปอย่างงั้น

"ผมก็จะทำทุกอย่างจนกว่าคุณจะโอเคกับผมยังไงล่ะ"

"..."

แต่กลายเป็นว่าสิ่งที่เขาตอบกลับมานั้นเหมือนว่าผมถูกสวนหมัดคืนมาแรงๆ จนตั้งตัวไม่ถูก..

ทำไมนะทำไม ทำไมเขาถึงได้เป็นคนที่พูดอะไรออกมาตรงๆ ได้ดูเป็นธรรมชาติมากขนาดนั้น ไม่รู้หรือไงว่ามันมีผลต่อจิตใจของผมน่ะ!?

ผมก็เลยทำทีเป็นหันมองไปรอบๆ แทน ถึงได้ทำให้เห็นว่าสาวๆ หลายคนกำลังมองที่คู่เดทของผมอยู่ เลยถือโอกาสหาทางเปลี่ยนเรื่องซะเลย

"จริงๆ คุณไม่เห็นต้องมาหยุดที่ผมแค่คนเดียวก็ได้นะ ดูสิ สาวๆ ในร้านมองคุณตาเป็นมันเลย บางทีถ้าคุณสนใจพวกเธอบ้าง คุณอาจจะเจอคนอื่นที่ใช่กว่าผมก็ได้นะ"

"งั้นหรอ?" เหล้ารัมตอบรับหน้านิ่ง ก่อนจะหันมองไปรอบๆ บ้าง แล้วหันกลับมามองผมด้วยสายตาที่แสดงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งผมไม่รู้เลยว่าด้วยเรื่องอะไร จนกระทั่ง.. "แต่ผมกลับไม่สนใจอะไรเลย นอกจากสายตาของพวกผู้ชายที่เอาแต่มองคุณ จนผมชักอยากเสกคนให้กลายเป็นคางคกแล้วเนี่ย" ..เขาเป็นคนพูดออกมาเอง

ผมถึงได้หันไปมองรอบๆ ใหม่ และพบว่ามีผู้ชายหลายคนกำลังมองมาที่ผมจริงๆ แถมพอเห็นว่าผมหันไปมอง ก็มีการส่งยิ้มทักทายกลับมาด้วย

ทำไมก่อนหน้านี้ผมมองไม่เห็นนะ?

แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหรอก ประเด็นคือตอนนี้เหล้ารัมกำลังแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งมากว่าเขา..หึงผม เพราะฉะนั้นผมควรจะเปลี่ยนเรื่องคุยอีกครั้งดีกว่า ก่อนที่จะมีคนโดนสาปเป็นคางคกขึ้นมาจริงๆ

"เอ่อ... งั้นเรามาเริ่มต้นคำถามสำหรับเดทแรกของเรากันดีมั้ย" ผมเลยต้องวกกลับไปที่เรื่องเดทอีกครั้ง ก่อนจะขยับตัวให้ใกล้กับโต๊ะมากขึ้นด้วยท่าทางที่กระตือรือร้นกว่าเคย ส่งผลให้ร่างสูงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเริ่มเผยรอยยิ้มที่คุ้นเคยออกมา

"โอเค งั้นผมขอเป็นฝ่ายถามก่อนก็แล้วกัน" ก่อนที่เขาจะทำท่าคิด

ผมก็เลยเลือกที่จะเป็นฝ่ายรอ.. ถ้าไม่ติดว่าจู่ๆ ภาพของชุดนักกีฬาโปโลที่เขาใส่ให้เห็นตอนกลับมาเจอที่คอนโดดันฉายชัดกลับขึ้นมาในหัวซะก่อน "ว่าแต่วันนี้คุณชนะมั้ย?" เลยกลายเป็นว่าผมชิงถามก่อนที่เหล้ารัมจะทันคิดเสร็จด้วยซ้ำ

แล้วผลก็คือ เหล้ารัมระเบิดหัวเราะลั่น จนผมต้องรีบเอื้อมไปตีแขนเขาเบาๆ เพราะคนพากันมองมาทางเราหมดแล้ว

"หัวเราะอะไรขนาดนั้น ผมไม่ได้เล่าเรื่องตลกซะหน่อย"

"ผมรู้ๆ ผมแค่ไม่คิดว่าคุณจะถามคำถามนี้ออกมาเท่านั้นเอง"

เอ่อ.. จริงๆ ก็ไม่ได้ตั้งใจจะถามหรอกนะ แต่ภาพของเขาที่ใส่หมวกขี่ม้า สวมเสื้อโปโลสีน้ำเงินฟิตหุ่นมีหมายเลขสี่สกรีนอยู่ที่ไหล่ขวา กับกางเกงขายาวผ้ายืดสีขาวและรองเท้าบูทหนังสีน้ำตาลเข้มมันดันวนเวียนกลับเข้ามาในหัว เลยอดถามถึงผลของการแข่งขันไม่ได้จริงๆ

"แล้วสรุปว่าคุณชนะมั้ย"

"ชนะสิครับ ผมเก่งจะตาย : )"

คำตอบของเหล้ารัมทำให้ผมแลบลิ้นใส่เขาด้วยความหมั่นไส้ คนอะไรอวดตัวเองได้เป็นธรรมชาติแบบนั้น? นั่นเลยทำให้เขาหัวเราะออกมาอีกครั้ง แต่ด้วยระดับเสียงที่เบาลงกว่าเดิม

เป็นจังหวะเดียวกันกับที่บริกรคนเดิมนำทีมบริกรอีกสามคนมาเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่ม ผมกับเหล้ารัมก็เลยตัดสินใจว่าเราจะคุยไปกินไปเรื่อยๆ อย่างไม่รีบร้อน

ซึ่งภายหลังจากที่ต่างฝ่ายต่างถามคำถามกันไปมาอยู่เกือบชั่วโมง มันก็ทำให้ผมและเขาได้รู้จักกันมากขึ้น ทั้งในเรื่องทั่วๆ ไป รวมถึงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่น ผมเป็นลูกคนเดียว ในขณะที่เขาอยู่กับพี่สาวแค่สองคน

ปัจจุบันผมกำลังตั้งหน้าตั้งตาเรียนมหา'ลัย ส่วนเหล้ารัมจบไฮสคูลโรงเรียนเวทมนตร์แล้ว และกำลังออกเดินทางศึกษาสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเองโดยไม่ง้อมหา'ลัยของโลกเวทมนตร์

เขาเป็นลูกเสี้ยวไทย-อังกฤษ ส่วนผมเป็นลูกเสี้ยวเยอรมัน-จีน-ญี่ปุ่น-ไทย

และเราทั้งคู่ชอบกินไอศกรีมเป็นของหวานเหมือนกัน

เป็นต้น

ยิ่งคุยกันมากเท่าไหร่ ระดับความจริงจังของบทสนทนาก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนผมเริ่มเป็นฝ่ายถามคำถามที่จริงจังมากขึ้นไปอีกขั้น

"เหล้ารัม ตอนที่คุณเห็นผมครั้งแรก คุณรู้สึกยังไงหรอ?"

"ชอบมาก" แล้วเหล้ารัมก็ตอบกลับมาทันทีแบบไม่ต้องอาศัยเวลาคิด "ตอนที่ผมตัดสินใจที่จะไม่เรียนต่อมหา'ลัย ผมมีเหตุผลให้พี่สาวของผมทั้งหมดสามข้อ คือหนึ่ง" เขาชูนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว ฃผมอยากเป็นพ่อมดที่เก่งจากประสบการณ์ให้เหมือนกับพ่อของผม ได้ลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง และที่สำคัญคือผมอยากจะมีคาถาที่คิดค้นขึ้นด้วยตัวเองให้ได้ ซึ่งแน่นอนว่าผมทำมันสำเร็จภายในระยะเวลาสองปี ส่วนเหตุผลข้อที่สอง" ก่อนจะยกนิ้วขึ้นมาอีกนิ้ว "ผมอยากอ่านหนังสือทุกเล่มบนโลกใบนี้ให้จบ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ยาก แต่ที่ผ่านมาผมก็อ่านมาได้มากมายมหาศาล จนคิดว่าตัวเองน่าจะเป็นพ่อมดที่อ่านหนังสือเยอะที่สุดในจักรวาลนี้แล้ว"

"แล้วสามล่ะ" ผมถาม ไม่ได้ต้องการจะขัดอะไรนะ แค่ต้องการให้เหล้ารัมเห็นว่าผมกำลังตั้งใจฟังในสิ่งที่เขาพูดอยู่

"ข้อสามซึ่งเป็นเหตุผลข้อสุดท้าย คือผมอยากออกตามหาความรัก"

"..."

"คือ... อาจจะฟังดูเพ้อเจ้อนะ แต่ตั้งแต่เกิดมา ผมไม่เคยเลยสักครั้งในชีวิตที่จะรู้สึกกับใคร จนผมคิดว่าผมอาจจะเหมือนกับพ่อมดแม่มดหลายๆ คนที่เกิดและตายไปอย่างโดดเดี่ยว โดยที่ไม่แม้แต่จะได้สัมผัสกับความรู้สึกชอบหรือว่ารักใครเลยด้วยซ้ำ"

"..."

"ตลอดระยะเวลาสองปีที่ผมเก่งขึ้น แต่หัวใจผมกลับว่างเปล่า... ผมอยากเจอใครสักคนเหมือนกับที่พ่อและแม่ของผมเจอกัน พวกท่านรักกันมากนะ มันเป็นความรักแบบที่ยอมสละได้ทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิตของกันและกัน แต่ว่าผมไม่เคยเจอ ไม่แม้แต่จะเคยรู้สึกชอบใครเลยแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว"

"..."

"จนผมได้มาเจอกับคุณ คุณรู้มั้ยว่าผมไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยนะ ว่าใครคนนั้นจะเป็นมนุษย์ แถมยังเป็นเพศเดียวกันกับผมอีกต่างหาก ทั้งที่จริงๆ ผมแค่อยากมาลองใช้ชีวิตในโลกมนุษย์ดู แต่บังเอิญเจอคุณที่เดินลงมาจากตึกเรียนเข้าพอดี"

"..."

"หัวใจผมมันเต้นแรงมากเลยรู้มั้ย ผมแทบไม่เป็นตัวของตัวเองเลยตอนนั้น ถึงจะทำเป็นยิ้มก็เถอะ แต่ข้างในผมมันปั่นป่วนมากถึงมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ผมเอาแต่มองหน้าคุณ มองท่าทางการเดินการนั่งของคุณ และหยุดมองคุณไม่ได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว"

"..."

"เข้าใจเลยว่าการได้เจอคนที่หัวใจตามหาจนเกือบจะหยุดหายใจมันเป็นยังไง"

"..."

"แล้วก็นั่นแหละ ผมรู้ตัวในหลายนาทีต่อจากนั้น ว่าผมชอบคุณมากจริงๆ"

"..."

ตึกตัก ตึกตัก

"แล้วคุณล่ะ ตอนที่เห็นผมครั้งแรก คุณรู้สึกยังไงกับผมบ้าง?"

ผมไม่ได้ตอบคำถามของเหล้ารัมกลับไปในทันที อันที่จริงผมเกือบจะไม่ได้ยินสิ่งที่เขาถามด้วยซ้ำ เพราะความรู้สึกข้างในยังคงวนเวียนอยู่กับสิ่งที่เหล้ารัมอธิบายออกมา

ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้ว่าเขาชอบผมมากแค่ไหน เพียงแต่พอได้มาฟังเป็นคำอธิบายแบบนี้ มันก็ทำให้หัวใจของผมเต้นผิดจังหวะอีกครั้ง จนผมเริ่มลองคิดเล่นๆ ว่า ตั้งแต่เจอกัน หัวใจของผมมันเต้นผิดจังหวะกับพ่อหมดคนนี้ไปกี่ครั้งแล้วนะ?

แถมที่ร้ายกว่านั้นคือ สิ่งที่เหล้ารัมอธิบายออกมาทั้งหมด เหมือนว่าเขาไม่ได้ต้องการให้มันส่งผลต่อความรู้สึกของผมเลยแม้แต่น้อย ทุกอย่างเป็นเพียงสิ่งที่พูดออกมาเรียบๆ ดูธรรมชาติ ไม่ปรุงแต่ง และปราศจากรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แบบที่ชอบทำเวลาต้องการจะให้ผมพลาดท่าแสดงความรู้สึกออกไป เขาก็แค่... ตอบในสิ่งที่ผมถามเท่านั้น แต่กลับทำให้ผมหวั่นไหวยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

แปลกแฮะ

"ผมรู้สึกว่าคุณเป็นลูกครึ่งที่หล่อมาก"

แต่ถึงจะรู้สึกหวั่นไหวมากน้อยแค่ไหน ผมก็ไม่ควรจะเงียบนานนัก ไม่ใช่ว่ากลัวอีกฝ่ายจะผิดสังเกต เพียงแต่...อยากให้บทสนทนามันดำเนินต่อไปได้ โดยไม่ผุดคำถามอื่นที่ผมอาจจะหาคำตอบไม่ได้ขึ้นมาซะก่อน เพราะฉะนั้นพอเห็นว่าเหล้ารัมตั้งท่าจะเปิดปากถามอีกครั้ง ผมก็เลยรีบตอบคำถามก่อนหน้านี้ แล้วหยิบน้ำเย็นๆ ขึ้นมาดื่มเพื่อดับอารมณ์ร้อนที่ก่อตัวอยู่ภายใน

จนวางแก้วลงนั่นแหละ ถึงได้เห็นว่าอีกฝ่ายมองมาด้วยรอยยิ้มเขิน อะ..อะไรกัน?

"ก็ผมเขินที่คุณชมผมว่าหล่อไง : )" แล้วดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรับรู้ได้ว่าผมกำลังสงสัยอาการเขินของเขา ก็เลยตอบกลับมาโดยที่ไม่ต้องให้ถามออกไป

"ก็คุณหล่อจริงๆ นี่"

เหล้ารัมดูจะยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อผมย้ำเรื่องหน้าตาของเขาอีกรอบ จนผมเริ่มคิดแล้วว่าบางทีนายพ่อมดเหล้านี่อาจจะบ้ายอมากกว่าที่คิด

แต่ก็เพียงไม่นานนะที่เขายิ้มกว้างๆ น่ะ เพราะพอเห็นว่าผมไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาก็เงียบไป แล้วจัดการกับอาหารตรงหน้าต่อ ในขณะที่ผมนั่งมองเขา คิดถึงคำถามอีกคำถามที่อยากถามออกไป คำถามจริงจังคำถามสุดท้ายที่ผมอยากจะใช้มันสำหรับเดทแรกในครั้งนี้

และหลังจากที่ชั่งใจอยู่สักพัก "นี่เหล้ารัม ผมมีอีกหนึ่งคำถามที่อยากให้คุณตอบ" ผมก็ตัดสินใจขัดจังหวะการกินของเขา

เหล้ารัมหยิบทิชชู่ขึ้นเช็ดปาก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผม

"อะไรหรอ?"

"ทำไมคุณถึงอยากให้ผมมีชีวิตอยู่"

"..." ซึ่งพอเจอคำถามของผมเข้าไป เขาก็เงียบ พลางขมวดคิ้วมุ่นเหมือนไม่เข้าใจคำถาม ผมก็เลยต้องขยายความคำถามของตัวเอง

"คือ.. ผมรู้นะ ว่าจากที่คุณอธิบายความรู้สึกที่มีต่อผม มันก็มากพอแล้วที่คุณจะอยากให้ผมมีชีวิตต่อไป เพียงแต่.. บางครั้งผมก็อดคิดไม่ได้ว่าการทำพันธะสัญญาครั้งที่สองมันคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แค่เราสองคนรักกันแล้วก็จบหรอกจริงมั้ย ไม่อย่างงั้นทางโลกเวทมนตร์ก็คงพูดถึงเรื่องนี้ไปนานแล้ว แต่นี่มีแค่คุณคนเดียวที่พูดถึงมัน ผมเลยคิดว่ามันคงมีเงื่อนไขอื่นอีกที่คุณไม่ยอมบอกผม แต่ผมจะไม่ถามหรอกนะว่ามันคืออะไร อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในตอนนี้ เพราะสิ่งที่ผมอยากรู้ก็คือ ทำไมคุณถึงตัดสินใจช่วยให้ผมมีชีวิตอยู่ต่อ ทั้งๆ ที่ลงทุนกับคนใกล้ตายอย่างผมมันไม่คุ้มค่าเลยสักนิด เผลอๆ คุณเองอาจจะต้องเป็นฝ่ายที่เสียใจที่สุดเลยด้วยซ้ำ หากว่าผมตายน่ะ"

"..." การที่เหล้ารัมไม่ตอบอะไรผมกลับมาในทันที แถมยังหลบสายตาเป็นพักๆ ทำให้สิ่งนี้บอกผมได้อย่างหนึ่งว่าคงจะมีเงื่อนไขอื่นอีกที่จะต้องเกิดขึ้นเกี่ยวกับพันธะสัญญาครั้งที่สองแน่ แต่ในเมื่อผมพูดแล้วว่าจะไม่ถามถึงมันในตอนนี้ ผมก็จะไม่ถามออกไปจริงๆ และรอให้ถึงเวลาที่ผมสมควรจะรู้เอง "ก็... ถ้าไม่นับเรื่องที่คุณคือคนที่ผมเฝ้าตามหามาตลอด ก็คงเพราะ...ผมอยากมีคุณอยู่เคียงข้าง"

"อยู่เคียงข้าง" ผมทวนคำเสียงแผ่ว

"ใช่" เหล้ารัมยิ้มบางๆ ส่งมาให้ "ตอนที่ผมรู้ว่าคุณกำลังจะตายเพราะคำสาป ผมถามตัวเองว่าควรทำยังไงต่อไปดี ผมจะช่วยอะไรคุณได้บ้าง และที่ผมอึ้งแล้วปล่อยให้คุณเดินจากไปตอนนั้น ก็เพราะว่าผมกำลังสับสน ผมยอมรับว่ามันจริงอย่างที่คุณพูด การช่วยเหลือคุณต้องผ่านการตัดสินใจครั้งใหญ่ที่ผมไม่สามารถบอกรายละเอียดได้หมด แต่คุณคือคนที่ผมเฝ้าตามหามาตลอด สิ่งเดียวที่ผมหวังคือได้รู้จักคุณให้มากกว่านี้ ได้อยู่กับคุณให้นานกว่านี้ เพราะฉะนั้น ผมปล่อยให้คุณตายไม่ได้เด็ดขาด ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม คุณเข้าใจผมใช่มั้ยวาฬ?"

"..."

แน่นอนว่าผมเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด การได้เจอคนพิเศษที่ตามหามานานแสนนาน แต่กลับพบว่าเขากำลังจะตาย เป็นผม ผมก็ไม่ยอมให้เขาตายจากไปเหมือนกัน อีกอย่าง ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้คำตอบในสิ่งที่ถามออกไป เพียงแค่ผมอยากสังเกตตอนที่เหล้ารัมตอบ.. เพราะฉะนั้นตอนที่ได้ฟังคำของนายพ่อมดเหล้าจนจบ ผมถึงยังไม่ยอมตอบคำถามที่เขาทิ้งท้ายไว้ เพราะกำลังจ้องเข้าไปในตาของคนตรงหน้า พยายามจับให้ได้ว่าทุกอย่างที่พูดออกมานั้นเป็นเพียงโกหกคำโตหรือไม่?

แต่สุดท้าย.. หัวใจผมกลับกระตุกวูบไหวรุนแรง เพราะยิ่งมองลึกเข้าไป.. ยิ่งพบประกายความจริงใจที่ฉายชัดออกมาอย่างปราศจากสิ่งเคลือบแฝงจากนัยน์ตาสีม่วงอ่อนทรงเสน่ห์คู่นั้น จนเมื่อเวลาผ่านไป กลับกลายเป็นผมซะเองที่ต้องเป็นฝ่ายหลุบตาลงต่ำด้วยความละอายใจที่พยายามจะจ้องจับผิดเค้า แถมยังได้รับรู้ถึงความรู้สึกมากมายที่ไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้จากดวงตาคู่เดิมที่แทบจะเป็นหน้าต่างบานใหญ่ที่คอยเผยหัวใจของเหล้ารัมให้ผมได้รับรู้อีก นั่นจึงทำให้ผมตัดสินใจเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเหล้ารัมอีกครั้ง

ท่ามกลางเสียงเพลงและบรรยากาศโรแมนติกของร้าน under the tree มีเพียงเขาเท่านั้นได้ยินในสิ่งที่ผมตอบออกไป..

"ผมเข้าใจคุณแล้วครับเหล้ารัม"


จบตอนที่ 4

#แฮมสเตอร์

สวัสดีครับ ก่อนอื่นเลยต้องขอโทษทุกคนก่อนที่อัพช้ามาก เพราะความไม่สะดวกหลายๆ อย่างตอนไปอยู่ที่ต่างจังหวัด แต่ว่าตอนนี้กลับมาบ้านที่กรุงเทพแล้ว เพราะฉะนั้นคงจะได้กลับมาอัพถี่ๆ เหมือนช่วงตอนบทแรก

อีกอย่างนึงที่อยากพูดมากๆ เลยก็คือความเลี่ยนของบทนี้ ซึ่งถ้าใครที่อ่านมาถึงตอนนี้แล้วรู้สึกเอียนกับสิ่งที่ตัวละครคุยกัน รวมถึงความเลี่ยนของความรู้สึกที่เหล้ารัมมักจะส่งผ่านไปให้วาฬ รวมถึงมวลดราม่าที่วาฬชอบคิดหรือพูดออกมาบ่อยๆ แฮมสเตอร์ก็ขอน้อมรับคำติชมทุกอย่าง เพราะว่าในความเป็นจริงควรจะเข้าจุดการทำพันธะสัญญาได้แล้ว และมันก็ตามมาด้วยเรื่องราวอีกมากมาย แต่คนเขียนเองที่รู้สึกว่าอยากจะขอเก็บรายละเอียดอีกเล็กน้อย เลยตัดสินใจเพิ่มซีนการเดทสั้นๆ เข้ามา และขอยกยอดการทำพันธะสัญญาไปไว้ที่บทห้าแทน (ซึ่งจะตามมาเร็วๆ นี้) หวังว่าหลายคนจะยังไหวอยู่นะครับ แงๆ

ยังไงก็ขอบคุณมากนะครับที่อ่านกันมาถึงตรงนี้ ผมเองก็จะพยายามเขียนงานให้สนุกยิ่งๆ ขึ้นไปเพื่อเป็นการตอบแทนนะครับ

ป.ล. หากใครอยากพูดคุยอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้ใน twitter ฝาก #พ่อมดเหล้า เพื่อง่ายต่อการตามอ่านของคนเขียนนะครับ ขอบคุณมากๆ เลยครับ

my page : แฮมสเตอร์


ออฟไลน์ cinnsin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อื้อหือออออออออ ทำไมคุณชายเหล้าถึงได้ใจหล่อขนาดนี้คะะะะะะ  :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตามชักกลัวกับข้อแลกเปลี่ยน

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ apisaraa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ถ้ามีคนพูดด้วยขนาดนี้ เขินตายไปเลยยย :-[

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
เงื่อนไขอีกข้อหรอ ต้องแลกกับอะไร สินะ?

ฟังเหล้ารัมพูดถึงความรักที่มีต่อวาฬแล้วเขินแทน

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ขออีกๆๆๆๆๆ//ยกป้าย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด