พิมพ์หน้านี้ - #พ่อมดเหล้า ★ จบแล้ว + Special Story of Rum || อัพเดท : 12/21/2016

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Hamzholic ที่ 12-05-2016 21:44:41

หัวข้อ: #พ่อมดเหล้า ★ จบแล้ว + Special Story of Rum || อัพเดท : 12/21/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 12-05-2016 21:44:41
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


(http://pic.pimg.tw/demona/1405329580-1468390043.gif)

#พ่อมดเหล้า
แฮมสเตอร์ ♡ เขียน

แด่
เซเวอร์รัส เสนป
ผู้หลงรักลิลี่ พอตเตอร์สุดหัวใจ

สารบัญ

บทที่ 1 - #1.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53710.msg3377913#msg3377913) | #1.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53710.msg3377917#msg3377917) | #1.3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53710.msg3377941#msg3377941) | #1.4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53710.msg3378595#msg3378595) | #1.5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53710.msg3378601#msg3378601)
บทที่ 2 - #2.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53710.msg3378963#msg3378963) | #2.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53710.msg3380073#msg3380073)
บทที่ 3 - #3.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53710.msg3387268#msg3387268) | #3.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53710.msg3388442#msg3388442)
บทที่ 4 - #4.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53710.msg3390273#msg3390273) | #4.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53710.msg3392671#msg3392671) | #4.3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53710.msg3395988#msg3395988)
บทที่ 5 - #5.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53710.msg3396619#msg3396619) | #5.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53710.msg3397970#msg3397970)
บทที่ 6 - #6.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53710.msg3399277#msg3399277) | #6.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53710.msg3399284#msg3399284) | #6.3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53710.msg3399594#msg3399594)
บทที่ 7 - #7.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53710.msg3403797#msg3403797) | #7.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53710.msg3405732#msg3405732) | #7.3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53710.msg3406641#msg3406641)
บทที่ 8 - #8.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53710.msg3408204#msg3408204) | #8.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53710.msg3410182#msg3410182)
บทที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53710.msg3414364#msg3414364) บทที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53710.msg3416901#msg3416901)
บทที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53710.msg3420791#msg3420791) บทที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53710.msg3425128#msg3425128)
บทที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53710.msg3434637#msg3434637) บทที่ 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53710.msg3437525#msg3437525)
บทที่ 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53710.msg3444007#msg3444007) บทที่ 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53710.msg3455705#msg3455705)
บทที่ 17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53710.msg3463700#msg3463700) บทที่ 18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53710.msg3469153#msg3469153)
บทที่ 19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53710.msg3470036#msg3470036) บทที่ 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53710.msg3471538#msg3471538)
บทที่ 21 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53710.msg3472297#msg3472297) บทที่ 22 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53710.msg3482130#msg3482130)
บทส่งท้าย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53710.msg3482132#msg3482132)
Special Story of Rum (https://www.facebook.com/pg/hamsterisanauthor/photos/?tab=album&album_id=1260808604039655)

E N D


หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 12-05-2016 22:35:45
#1.1

ในขณะที่กำลังนั่งรอไอ้เอกเพื่อนรักคุยกับอาจารย์อยู่ที่ใต้ตึกคณะ สายตาของผมก็บังเอิญไปสะดุดเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังมองมา..

เขามีความน่าสนใจด้วยกันทั้งหมดสามอย่าง

คือหนึ่ง..เขาเป็นลูกครึ่งที่หล่อมาก!

ต่อให้นั่งไกลกันกว่านี้ ผมก็เชื่อว่าความหล่อเหลาบนใบหน้าของผู้ชายคนนั้นจะยังคงโดดเด่นเกินใคร จมูกก็โด่ง ผิวก็ขาว สันกรามก็สวย แถมยังมีรูปร่างสูงโปร่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้ชุดนักศึกษาของมหา’ลัยที่สวมทับด้วยเสื้อยีนส์คอปกสีเข้มนั่นอีก คนอะไรมันจะรวบรวมความดูดีเอาไว้ได้มากมายขนาดนี้!?

แล้วที่ผมบอกว่าเขาเป็นลูกครึ่งน่ะ ก็ไม่ใช่เกิดจากการที่เดาเอาสุ่มสี่สุ่มห้านะ เพราะถ้าลองมองผ่านๆ ความตะวันตกที่ฉายชัดบนใบหน้าเกินกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ รวมถึงผมสีบลอนด์สว่างตัดสั้นเข้าทรงรับกับใบหน้าเรียวยาว คงจะบอกได้ว่าเขาเป็นฝรั่งแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าลองพิจารณาให้ดี..จะพบว่าช่วงตาเรียวยาวและคิ้วเข้มๆ ของเขานั้นมีความเป็นชาวเอเชียสูงมาก ต้องเกิดจากการผสมผสานกันระหว่างพ่อแม่คนละเชื้อชาติอย่างแน่นอน ซึ่งต้องขอบอกเลยนะว่า หล่อลูกครึ่งแบบเนี้ย โคตรสเปกผมเลย ยิ่งอีกฝ่ายขยับริมฝีปากกระจับได้รูปสวยส่งยิ้มมาให้ ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ความดูดีเข้าไปอีกหลายเท่า ดูดีถึงขนาดที่ผมรู้สึกว่าตัวเองเนื้อเต้น จนเกือบจะพลาดความน่าสนใจข้อที่สองของเขาไป

เพราะว่าข้อที่สองคือ..เขาเป็นพ่อมด!

ใช่ พวกคุณอ่านกันไม่ผิดหรอกครับ เขาเป็นพ่อมดตัวจริงเสียงจริงเลยล่ะ แล้วก็อย่างที่บอก ผมเกือบจะพลาดข้อนี้ไปแล้ว เพราะโดยปกติถ้าผมเจอ ‘พวกเขา’ สิ่งแรกที่ผมจะเห็นก่อนเลยก็คือ ‘กระแสแห่งมนตรา’ แต่เพราะว่าผม.. เอ่อ.. มัวแต่หลงอยู่กับรูป (ที่ยังไม่ได้ลิ้มชิมรส ยังไม่ได้กลิ่น และยังไม่ได้ยินเสียง) ของนายคนนี้ ก็เลยทำให้มองเห็นมันทีหลังความหล่อเหลาชวนมองน่ะครับ แหะๆ

อ้อ แล้วก็ไม่ต้องสงสัยนะว่าทำไมทุกคนถึงไม่รู้ว่าเขาเป็นพ่อมด เพราะต่อให้มีความแปลกหน้ามากกว่าแค่ไหน แต่ ‘เวทมนตร์การเข้าสังคมมนุษย์’ ของพวกพ่อมดแม่มดก็สามารถปิดบังตัวตนและอยู่ร่วมกับมนุษย์ธรรมดาทั่วไปได้โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้

ยกเว้น…มนุษย์แบบผม

แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ยังมีเรื่องให้สงสัยนะ ว่าพ่อมดรูปหล่ออย่างเขามาปลอมตัวเป็นนักศึกษาอยู่ที่นี่ทำไมกัน? สงสัยพอๆ กับที่ทำไมเขาถึงส่งยิ้มมาให้ผมนั่นแหละ?

ยิ้มอย่างเดียวไม่พอนะ... มองไม่เลิกด้วย...

ซึ่งไอ้การมองเนี่ยแหละ คือความน่าสนใจอย่างสุดท้ายของผู้ชายคนนี้ที่ผมอยากจะพูดถึง เพราะมันไม่ใช่แค่การที่มองมาแล้วผ่านไป ทว่านัยน์ตาสีม่วงอ่อนเป็นประกายแปลกตาคู่นั้นกลับจ้องมองมาที่ผมไม่วางตา มันเป็นสายตายตาการมองในแบบที่ผมไม่ค่อยจะได้เห็นบ่อยนัก แถมยังมีข้อความบางอย่างในนั้นที่ถูกส่งผ่านมาด้วย... จนรู้สึกได้เลยว่ามันมีผลต่อหัวใจของผมเข้าขั้นรุนแรง เพียงแต่ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึกหวั่นใจนักที่จะต้องตีความมันออกมาเป็นภาษาที่ผมสามารถจะเข้าใจได้ จะว่ากลัว..ก็ไม่น่าจะใช่ เรียกว่าน่าจะอยากเลี่ยงมากกว่า ผมเลยต้องสลับไปมองทางอื่นบ้าง เพราะไม่อยากจับจ้องอยู่ที่มันนานเกินไป

แต่ถึงอย่างงั้นสมองเจ้ากรรมก็ยังไม่วายสั่งการให้ริมฝีปากหยักยิ้มส่งไปให้เขา เพื่อที่ให้อีกฝ่ายเห็นว่าผมเป็นมิตรพอที่จะสามารถเดินเข้ามาคุยด้วยได้หากเขาต้องการ

นี่ไม่ได้อ่อยนะ แค่ส่งสัญญาณเฉยๆ เอง

แต่ยังไม่ทันที่พ่อมดหนุ่มหน้าลูกครึ่งจะแสดงท่าที่อะไรอื่นอีกนอกจากที่มองมาแล้วก็ยิ้มอย่างเปิดเผย สายตาผมก็เหลือบไปเห็นเอกที่กำลังเดินลงบันไดมา..

เสียดายจัง ถ้าเอกลงมาแล้ว งั้นก็คงต้องกลับแล้วล่ะ

“เอก”

ผมร้องเรียก พลางยกมือเพื่อให้เพื่อนเห็นตำแหน่งของตัวเอง แต่หางตาขวาก็ยังไม่วายเหล่มองใครอีกคนที่มีความน่าสนใจถึงสามข้อ จนเริ่มรู้สึกว่า..ตัวเองน่ะบ้าผู้ชายเกินไปแล้ว!

ที่แรกผมเห็นเอกเดินมาด้วยสีหน้าเป็นปกติมาก ถึงแม้ว่าตาเหยี่ยวของมันจะดูดุและเหมือนคนไม่สบอารมณ์อยู่ตลอดเวลาก็ตามที แต่ผมก็รู้ดีว่านั่นคือความปกติที่ติดตัวมันมาตั้งแต่เกิดแล้ว ทว่าจู่ๆ เพื่อนผมก็หยุดเดิน..ทั้งๆ ที่อีกแค่สามก้าวก็จะถึงโต๊ะที่ผมนั่ง ก่อนจะยกนิ้วขึ้นเการอยแผลเป็นบริเวณหางคิ้วข้างซ้าย สีหน้าที่เคยปกติก็ค่อยๆ เริ่มฉายแววกังวลกับบางสิ่งบางอย่างขึ้นมา ในขณะที่สายตาก็มองมาที่ผมด้วย

อะไรของมันวะ?

อยากจะถามออกไปแบบนั้น แต่ยังไม่ทันจะได้เปล่งเสียงทำเพียงแค่อ้าปาก ไอ้เอกก็พาร่างสูงใหญ่ของมันเดินเลี้ยวไปอีกทาง ทำเอาผมนี่ถึงกับเหวอไปเลย...

และก็ยิ่งเหวอหนักกว่าเก่าเข้าไปอีก เมื่อทางที่มันเดินไปดันเป็นโต๊ะของพ่อมดลูกครึ่งคนนั้น แถมยังพูดคุยกันราวกับรู้จักกันมานานแสนนาน น่ะ...นี่มันอะไรเนี่ย!?

แล้วอยู่ตรงนี้ก็ไม่ได้ยินด้วยนะว่าเขากำลังคุยอะไรกัน เพราะมันค่อนข้างจะไกลกันอยู่ เลยยิ่งทำให้ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของผมมันทำงานหนักเข้าไปใหญ่! แต่กว่าจะหายเอ๋อแล้วคิดขึ้นมาได้ว่าควรจะเดินเข้าไปหาเลย สองหนุ่มก็พากันพยักหน้าเหมือนตกลงอะไรบางอย่างกันเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่เอกจะเดินกลับมาหาผมได้ในที่สุด

“มีอะไรรึเปล่าวะ?” ผมก็เลยรีบเอ่ยปากถามหาคำตอบจากมันทันที



หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 12-05-2016 22:37:15
#1.2

“เอ่อ... คือ...” แต่กลายเป็นว่าเอกอึกอัก สีหน้าดูค่อนข้างลำบากใจ ซึ่งนั่นทำให้ผมรู้สึกเป็นกังวลตามไปด้วย เพราะปกติคนอย่างมันไม่ใช่สไตล์ที่จะมาอึกอักอะไรแบบนี้ เวลาคิดจะพูดหรือทำอะไรมันก็จะทำไปตรงๆ เลย ไม่มีการกลัวหน้าอินทร์หน้าพรหมอะไรทั้งนั้น อย่างครั้งหนึ่งที่มันชมเมียเด็กช่างว่านมใหญ่จนมีเรื่องชกต่อยกันใหญ่โต ยังไม่ทำให้มันสะท้านสะเทือนเลยสักนิด แล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงได้ดูลำบากใจที่จะพูดแบบนี้?

“มีอะไรก็พูดมาเถอะ กูรับได้หมดแหละ” ด้วยความที่ไม่อยากให้มันอึกอักนาน เลยช่วยสร้างความมั่นใจให้มันเพิ่ม ซึ่งก็ได้ผลนะ เพราะหลังจากนั้นมันก็รีบพูดออกมาทันที

“โอเค คืองี้นะมึง กูว่ากูคงจะไปส่งมึงตามสัญญาไม่ได้แล้วว่ะ พอดีกูมีธุระด่วนที่ต้องรีบไปอะ” ก่อนจะตามมาด้วยสีหน้ารู้สึกผิด

“โธ่ กูก็นึกว่าเรื่องอะไร” เรื่องแค่นี้เอง แล้วเล่นใหญ่ซะ ไอ้เราก็นึกว่ามีเรื่องคอขาดบาดตาย! “ไปเถอะ เดี๋ยวกูเรียกคนขับรถมารับเอง”

ไม่พูดเปล่า ผมเตรียมจะหยิบไอโฟนเพื่อโทรหาคนขับรถ หลังจากที่ก่อนหน้านี้โทรไปบอกว่าไม่ต้องมารับแล้ว เพราะว่าวันนี้อาจารย์สั่งงานแล้วปล่อยเร็ว ไอ้เอกเลยอาสาไปส่งที่บ้านแทน

“เดี๋ยวก่อนมึง” แต่ยังไม่ทันที่ผมจะหยิบไอโฟนออกมาพ้นกระเป๋ากางเกงนักศึกษาเลยด้วยซ้ำ เอกก็รีบยกมือห้าม “ไม่ต้องเรียกลุงช้าง (คนขับรถ) มารับหรอก เพราะกูฝากให้ไอ้เหล้ารัมมันไปส่งมึงแล้ว” ก่อนจะชี้ไปในทิศทางที่ผมเกือบจะลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้ไอ้เอกเดินไปคุยกับใครมา

ละ...แล้วจะยังไงล่ะ ก็เอ๋อสิครับ!

“เดี๋ยว นี่มึงไปสนิทกับเขาตอนไหนวะ ถึงได้กล้าฝากให้เขาไปส่งกูที่บ้านน่ะ” ไม่รู้หรือไงว่าเขาเป็นพ่อมดที่เอาแต่มองกูไม่เลิกเนี่ย!?

“อะไรของมึง กูหมายถึงไอ้เหล้ารัมสาขาเราที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ปีหนึ่งนะ ไม่ใช่คนแปลกหน้าสักหน่อย” ไอ้เอกขมวดคิ้วพลางชี้นิ้วไปที่พ่อมดลูกครึ่งคนนั้นอีกครั้ง โดยที่คราวนี้ใช้มืออีกข้างจับหน้าผมให้หันไปให้ตรงกับนิ้วของมันด้วย ราวกับต้องการให้ผมมองให้ถูกคน ซึ่งมันไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิดว่านั่นแหละคนแปลกหน้าขนานแท้!

สงสัยเวทมนตร์การเข้าสังคมมนุษย์ของพ่อมดที่ชื่อ..เหล้ารัมอะไรนั่น จะทำให้เอกเชื่อไปว่าเขาเป็นเพื่อนคณะ’ถาปัตย์ สาขานิเทศศิลป์ปีสองที่เรียนด้วยกันมาด้วยกันตั้งแต่ปีหนึ่งสินะ

งั้นแบบนี้... ผมควรจะทำไงดีล่ะเนี่ย?

“แต่ว่ามึง...”

“เฮ้ยมึง กูต้องรีบไปแล้ว ไว้เดี๋ยวเจอกันนะ”

“เฮ้ยเอก! เดี๋ยวดิ!”

แต่ในขณะที่ผมกำลังคิดว่าควรจะเอายังไงต่อดี ไอ้เอกเพื่อนผมก็คว้ากระเป๋าที่ฝากไว้ แล้ววิ่งจากไปโดยไม่สนใจเสียงร้องเรียกของผมเลย เยี่ยม!

แล้วจะยังไงต่อล่ะ งี้ก็ถึงวินาทีที่ต้องตื่นเต้นแล้วน่ะสิ!

เมื่อผมหันไปมองทางพ่อมดเหล้า..รัม (โอ๊ยยยย ชื่อเรียกยาก!) จึงได้เห็นว่าเขากำลังลุกจากที่ของตัวเอง แล้วเดินตรงมาทางผม...

ไอ้ตื่นเต้นก็ตื่นเต้นนะ แต่เชื่อมั้ย ว่าภาพที่ผมกำลังเห็นอยู่มันกลายเป็นภาพสโลโมชั่นไปเลยตอนที่เขาเดินมาหาน่ะ มันแบบ...เป็นการเดินที่ต้องใช้คำกล่าวชมว่า ‘สง่างาม’ เท่านั้นถึงจะคู่ควร ดูไม่เร็วหรือช้าจนเกินไป แต่ก็ดูมีความมั่นใจในทุกย่างก้าวที่เดิน แถมหลังก็ยังตรงเป๊ะอีก อะไรมันจะสมบูรณ์แบบได้ขนาดนี้?

ความเพลินตาในการมองเขาเดินทำให้ผมรู้สึกเหมือนตกอยู่ในภวังค์อย่างน่าประหลาด จนกระทั่งหัวใจเริ่มเปลี่ยนจังหวะการเต้นเป็นเร็วขึ้นเล็กน้อยเพราะได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวผู้ชายตรงหน้าในระยะใกล้นั่นแหละ ถึงได้ทำให้รู้ตัวว่าตอนนี้เขาเดินมาถึงโต๊ะของผมแล้ว

ตึกตัก ตึกตัก

บอกตรงๆ เลยนะว่าสามวินาทีแรกผมทำอะไรไม่ถูกเลยนอกจากนั่งมองหน้าเขา จนเข้าวินาทีที่สี่ถึงได้รู้ว่าตัวเองควรจะคว้ากระเป๋าเป้ขึ้นสะพาย แล้วลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับผู้ชายที่สูงกว่าตัวเองตั้งหลายเซนฯ

พออยู่ใกล้กันแบบนี้ เขาตัวใหญ่กว่าผมเยอะเลยแฮะ

นั่นคือสิ่งที่ผมคิด แต่ไม่ได้พูดออกไป

“เอกบอกว่าให้เราไปส่งวาฬที่บ้าน เอากระเป๋ามาสิ เดี๋ยวเราถือให้” เหล้ารัมเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อนด้วยน้ำเสียงที่น่าฟังมาก มันไม่ได้อ่อนหวาน ออกจะเข้มไปด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกว่าอยากจะได้ยินมันอีก ก่อนที่อีกฝ่ายจะยิ้มให้ แล้วยื่นมือมาเหมือนจะรับกระเป๋าไปช่วยถือไว้ให้ตามที่พูด

จริงๆ ผมเกือบจะส่งกระเป๋าเป้ให้เขาแล้ว เพราะท่าทางและคำพูดของพ่อมดคนนี้มันดูเป็นธรรมชาติมาก ราวกับว่าเราสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยปีหนึ่งจริงๆ แล้วเขาก็หล่อมากด้วย (?) ถ้าไม่ติดว่าผมดันมีสตินึกคิดขึ้นมาได้ซะก่อนว่าทุกอย่างนั้นเป็นเพียงสิ่งที่ผู้ชายคนนี้สร้างขึ้น ไม่ใช่เรื่องจริงแต่อย่างใด

“ไม่ล่ะ ผมไม่กลับกับคนแปลกหน้าหรอก” ผมจึงเลือกที่จะปฏิเสธด้วยรอยยิ้มบางๆ รู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่านิดๆ เหมือนกันที่ไม่ตกอยู่ภายใต้อำนาจเวทมนตร์ของเขา

ซึ่งพอได้ยินสิ่งที่ผมพูด เหล้ารัมก็ดูจะอึ้งไปเล็กน้อย ก็คงจะตกใจที่ผมไม่ถูกป้อนข้อมูลปลอมๆ เกี่ยวกับตัวเขาในสมองเหมือนเอกนั่นแหละ แต่ก็เพียงไม่นานนะ เพราะว่าหลังจากนั้นเขาก็กลับมายิ้มได้อีกครั้ง แถมยังเป็นยิ้มที่แสดงความพึงพอใจออกมาอย่างชัดเจน และมันทำให้ผมแอบกังวลไม่น้อยเลย

ก็แหม ในสถานการณ์แบบนี้มันจะมีอะไรให้น่ายิ้มพึงพอใจกันเล่า!?

“งั้นผมคงจะต้องแนะนำตัวก่อน” คราวนี้เหล้ารัมเปลี่ยนสรรพนามเรียกแทนตัวเองจากคำว่า ‘เรา’ เป็น ‘ผม’ ดูทางการ แต่ก็เป็นไปในแบบที่พวกพ่อมดแม่มดเอาไว้ใช้สนทนากับมนุษย์ที่รู้ตัวตนของพวกเขาน่ะนะ “สวัสดีครับ ผมชื่อเหล้ารัม เป็นพ่อมดจากตระกูลอัครวรกุลพิชิต ยินดีที่ได้รู้จักครับ” พลางโค้งคำนับอย่างสุภาพ จนผมต้องรีบหันไปมองรอบๆ ว่ามีใครเห็นมั้ย เพราะกลัวคนจะตกใจที่จู่ๆ ก็มีการโค้งคำนับกันเกิดขึ้น แต่ปรากฏว่าคนอื่นหายกันไปหมดแล้ว ทำให้ตอนนี้ใต้ตึกคณะมีแค่ผมกับเหล้ารัมเท่านั้น

“ผมชื่อวาฬ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน” พออีกฝ่ายกลับมายืนตัวตรงเต็มความสูง ผมก็เป็นฝ่ายแนะนำตัวบ้าง รู้นะว่ามันค่อนข้างสั้นเมื่อเทียบกับของเขา แต่ขอสงวนชื่อและนามสกุลจริงเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน จนกว่าผมจะได้รู้ว่าเขาเข้ามาหาผมด้วยเรื่องอะไรกันแน่?

“สั้นจัง อย่างน้อยๆ ก็น่าจะบอกนามสกุลของคุณให้ผมรู้นะ” เหล้ารัมหัวเราะ ดูไม่จริงจังอะไรกับสิ่งที่พูดนัก

"เอาเป็นว่าผมเกิดมาในครอบครัวที่เกี่ยวพันธ์กับพ่อมดแม่มดเป็นอย่างดี แต่ตระกูลอะไรนั้น เอาไว้ค่อยบอกหลังจากที่ผมได้รู้ว่าคุณเข้าหาผมทำไมจะดีกว่า” ต่างจากผมที่รีบดึงเข้าเรื่องทันที เพราะอยากรู้สาเหตุที่แท้จริงของการมาของพ่อมดคนนี้เต็มแก่แล้ว

“คุณพูดมาตรงๆ แบบนี้ก็ดี ผมจะได้ไม่ต้องอ้อมค้อม” ซึ่งก็ดูเหมือนว่าเหล้ารัมเองก็ดูจะชอบอกชอบใจไม่น้อยที่เห็นว่าผมเปิดประเด็นตรงๆ ออกไปแบบนั้น ดูได้จากสีหน้าเขาตอนนี้ที่ยิ้มซะจนตาเป็นประกาย ทว่า..นัยน์ตานั้นก็ยังสะท้อนเพียงแค่เงาของผมเหมือนเดิม

เพียงแต่สิ่งที่ผมไม่ทันได้คาดคิด...

“ดีครับ พูดกันตรงๆ ไปเลย จะได้...”
   
ผมชอบคุณครับ”

...ก็คือเขาดันพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน

ละ...แล้วดูสิ่งที่เขาพูดสิ!!

“...”
   
"ได้ยินมั้ยครับวาฬ ว่าผมชอบคุณ : )”

ผมอึ้งครับ รู้สึกไปไม่เป็นถึงขนาดที่ต้องก้าวถอยหลังมาเล็กน้อย โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายพูดคำว่า ‘ชอบ’ ออกมาได้ดูเป็นธรรมชาติขนาดนั้น น่ะ...นี่ผมไม่ได้หูฝาดไปเองใช่มั้ยเนี่ย!?

“คะ...คุณว่ายังไงนะ!?” กว่าผมจะหาเสียงของตัวเองเจอก็ปาเข้าไปเกือบห้าวินาที โดยที่สายตาก็เอาแต่จ้องจับผิดเหล้ารัม เพราะคิดว่ามันจะต้องเป็นการล้อเล่นอะไรกันแน่

แต่อีกฝ่ายกลับทำเพียงแค่หัวเราะน้อยๆ แล้วยิ้มกว้างขึ้นอีกนิด “อะไรกันคุณ ผมบอกคุณไปตั้งสองรอบแล้วนะ ฮ่าๆๆ~ แต่ไม่เป็นไร ผมบอกให้ฟังชัดๆ อีกทีก็ได้” ก่อนจะเว้นจังหวะเล็กน้อย แล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ส่งผลให้ผมรู้สึกร้อนๆ ที่สองข้างแก้ม! “ผมชอบคุณครับวาฬ : )”
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 12-05-2016 22:57:08
#1.3

ตึกตัก ตึกตัก

หะ...หัวใจผมเต้นแรงขึ้นเมื่อสิ่งที่เหล้ารัมพูดยังคงเหมือนเดิม จนผมอยากจะวิ่งหนีไปตั้งหลักให้ไกลๆ เลยตอนนี้!

โอ๊ยยยย ไม่ใช่ว่านี่เป็นครั้งแรกหรอกนะที่มีผู้ชายบอกว่าอยากจะจีบผมน่ะ เพราะนอกจากหน้าจะหวาน แถมตัวก็ค่อนข้างเล็กแล้ว ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้นว่ารสนิยมของผมเองก็เป็นไปในแบบที่ตอบรับเฉพาะแค่เพศเดียวกันเท่านั้น ก็เลยเป็นเรื่องปกติมากหากว่าผมจะกลายเป็นที่ต้องตาต้องใจของผู้ชายสักคน ไอ้เรื่องที่ถูกบอกชอบแบบไม่ทันตั้งตัวน่ะก็เรื่องนึง แต่สาเหตุจริงๆ ที่ผมอยากจะวิ่งหนีไปตั้งหลักตอนนี้น่ะ ก็เพราะว่า..ผมไม่เคยเจอพ่อมดที่เป็นเกย์มาก่อนเลย!

ย้ำ

ผมไม่เคยเจอพ่อมดที่เป็นเกย์มาก่อนเลย!!

มันเป็นอะไรที่อเมซิ่งมาก แล้วผมก็ตั้งรับไม่ทันด้วย!

จริงนะ ตั้งแต่เกิดจนโตมาถึงทุกวันนี้ ผมและครอบครัวมีชีวิตที่ต้องข้องเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับอย่างพ่อมดและแม่มดมาโดยตลอด เพราะฉะนั้น ผมเองก็เลยเป็นมนุษย์ที่ได้พบเจอพ่อมดแม่มดมากมายหลายต่อหลายคน แต่ก็ยังไม่เคยมีคู่รักเพศเดียวกันให้เห็นเลยสักครั้ง

แล้วนายเหล้ารัมนี่มาจากไหน ทำไมถึงมาชอบเพศเดียวกันได้ล่ะเนี่ย!?

“คุณแน่ใจนะว่าคุณไม่ได้ล้อผมเล่น เพราะผมไม่ตลกด้วยนะคุณ” คราวนี้ผมเริ่มถามเสียงจริงจัง รู้สึกปักใจไปนิดนึงแล้วว่าสิ่งที่เขาพูดมาจะต้องเป็นแค่การอำกันเล่นแน่ๆ แต่ดูเหมือนว่าเขาก็จะยังยืนยันตามเดิม

“ผมก็ไม่ได้พูดให้ตลกนี่ แล้วผมก็ไม่ได้ล้อเล่นด้วย”

“แต่คุณเข้าใจมั้ยว่ามันเชื่อยาก”

“เชื่อยากตรงไหนกัน” เหล้ารัมเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เหมือนว่าเขาสงสัยในสิ่งที่พูดจริงๆ

“กะ...ก็จู่ๆ คุณเดินเข้ามาหาผม บอกว่าชอบผม ทั้งที่คุณเองก็เป็นพ่อมดอะ”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่ผมเป็นพ่อมดล่ะ คนเราจะชอบใครสักคนมันเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ด้วยหรอ?”

“เกี่ยวสิ”

“ยังไง”

“ก็ผมไม่เคยเห็นพ่อมดที่เป็นเกย์มาก่อนเลยนี่!”

ทันทีที่ผมพูดจบประโยค... เหล้ารัมก็ระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น ทำเอาผมแอบเหวอนิดๆ เพราะที่พูดน่ะไม่ได้ตั้งใจให้ขำสักหน่อย ไม่เห็นหรือไงว่าท้ายประโยคผมขึ้นเสียงดังด้วยนะ นี่มันหมายถึงว่าผมกำลังพยายามเถียงต่างหากเล่า!

แล้วเขามาหัวเราะอะไรไม่ทราบ?

“โทษที ผมไม่ได้ตั้งใจจะหัวเราะนะ เพียงแต่... คิก...” บอกไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็ยังหัวเราะไม่เลิกเนี่ยนะ!? อะ...ไอ้พ่อมดบ้า! “โอเคๆ ผมไม่หัวเราะแล้ว ไม่ต้องทำตาดุแบบนั้นก็ได้ คิก.. เอ่อ.. คือ..ที่ผมหัวเราะเนี่ย ก็เพราะว่าขำที่คุณไม่เชื่อผมเพียงเพราะว่าคุณไม่เคยเห็นพ่อมดที่เป็นเกย์ไง”

“แล้วมันไม่จริงหรอ พ่อมดเขามีเกย์ซะที่ไหนกัน ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยเห็นเลย”

“ใครว่าไม่มีล่ะ เยอะแยะ เพียงแต่ว่าคุณไม่เคยเจอต่างหาก”

“แต่ว่า...” ใจจริงผมอยากจะเถียงต่อ แต่พอเห็นหน้าตามั่นอกมั่นใจของเหล้ารัมแล้ว ผมก็คิดว่าควรปิดประเด็นแค่นี้จะดีกว่า ยังไงผมเองก็เป็นมนุษย์ ไม่เคยไปเที่ยวทุกซอกทุกมุมของโลกเวทมนตร์ ทำให้อาจจะยังไม่เจอ ‘แหล่ง’ ของเพศที่สามในพวกผู้วิเศษก็ได้ การไม่รู้อะไรจริงแล้วพูดเยอะ มีแต่เสียกับเสียทั้งนั้นแหละ “โอเค มีก็มี แต่มันก็ยังเชื่อยากอยู่ดีนะ เรื่องที่คุณชอบผมน่ะ ผมว่า... คุณต้องมีเจตนาอื่นแอบแฝงแน่ๆ”

ผมทำหน้ามั่นใจในสิ่งที่พูด เผื่อว่าอีกฝ่ายจะแสดงพิรุธอะไรออกมาให้เห็น แต่เขากลับยิ้ม..

“ไม่มีหรอกไอ้เจตนาแอบแฝงอะไรนั่นน่ะ แล้วเรื่องที่ผมชอบคุณมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เชื่อยากด้วย ต่อให้เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาอย่างคุณที่ไม่มีเวทมนตร์อะไร ก็ยังสามารถพิสูจน์ได้”

“พิสูจน์?” คราวนี้สิ่งที่เขาพูดมาเป็นอะไรที่มันน่าสนใจมากขึ้นกว่าเดิม เพราะถ้าพิสูจน์ได้จริง ผมก็อยากจะลองดูสักตั้งนะ โดยเฉพาะกับพ่อมดที่หล่อลูกครึ่งตรงสเปกผมแบบเหล้ารัมเนี่ย

“ใช่ พิสูจน์”

“ยังไง”

“มองตาผมสิ : )”

“...”

ตึกตัก ตึกตัก

พระเจ้า... ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าประโยคธรรมดาๆ อย่าง ‘มองตาผมสิ’ จะส่งผลรุนแรงต่อหัวใจผมมากมายขนาดนี้... ในขณะเดียวกัน มันก็เปรียบเสมือนคำสั่งวิเศษที่ทำให้ผมจับจ้องเข้าไปในตาของเขา...

สิ่งที่ผมเห็นคือนัยน์ตาสีม่วงอ่อนเป็นประกายคู่นั้นมีเพียงแค่เงาสะท้อนของใบหน้าผมไม่ต่างจากก่อนหน้านี้ ทว่า... ข้อความที่ผมเคยกลัวที่จะตีความกลับถูกส่งผ่านมาให้อีกครั้ง ซึ่งมันทำให้ผมใจเต้นแรงขึ้นเป็นสองเท่า เพราะรู้สึกได้จากสิ่งที่เห็นว่าเขา...น่าจะไม่ได้โกหก...

จริงๆ ก็รู้นะว่าแค่นี้มันยังน้อยไป แต่คุณเคยมั้ย เมื่อมองตาใครสักคน กลับได้รับรู้ถึงสิ่งที่อยู่ภายใน ทั้งๆ ที่เขาคนนั้นอาจจะบอกว่าชื่นชมคุณ หากแต่นัยน์ตากลับเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

นั่นล่ะ มันก็คงจะเหมือนกับเหล้ารัมตอนนี้ ที่ปากบอกว่าชอบ... แล้วสายตาที่มองมาก็สื่อความหมายแบบนั้นจริงๆ...

ตึกตัก ตึกตัก

"ทีนี้คุณเชื่อผมหรือยังวาฬว่าผมชอบคุณจริงๆ : )”

“...” ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปในทีแรก ทำเพียงแค่ก้าวถอยออกมาเล็กน้อย เมื่อสังเกตเห็นว่านายพ่อมดคนนี้เหมือนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้กว่าเดิม

เฮ้อออ นี่ถ้าเขาลองพูดว่าชอบผมโดยไม่ยิ้มดูบ้าง บางทีมันอาจจะน่าเชื่อถือจนผมไม่ต้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของเขาเลยก็ได้นะ

“ก็...ห้าสิบห้าสิบอะ” ใจจริงไม่อยากจะตอบอะไรเขากลับไปเลยด้วยซ้ำ แต่คิดว่าถ้าเอาแต่เงียบ บทสนทนาวันนี้ก็คงไม่จบแน่

“ห้าสิบห้าสิบงั้นหรอ” แล้วจู่ๆ เหล้ารัมก็ทำหน้าเหมือนกำลังคิดคำนวณบางอย่าง ทำให้ผมแอบมองเห็นมุมของความเป็นเด็กน้อยจากหน้าเขาได้ในตอนนี้ “ก็ยังดี ดีว่าคุณไม่เชื่อผมเลยน่ะเนอะ” ก่อนที่มันจะหายลับไป แล้วแทนที่ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มแบบที่เขาชอบทำ

นอกจากหล่อแล้ว ยังหน้ารักอีก คนแบบนี้เนี่ยนะที่จะมาชอบผม ไม่ใช่ว่ามีสาวๆ ตรึมแล้วหรือไง?

“แล้วยังไงล่ะ แค่จะบอกว่าชอบแค่นี้เองหรอ” ไม่ใช่ว่าอยากจะพูดจาให้ดูกวนเหมือนอยากจะหาเรื่องนะ แต่ผมแค่อยากรู้จริงๆ ว่าการที่เขามาบอกชอบแบบนี้ แล้วผมควรจะทำไงต่อดี?

“อันที่จริงแล้วไม่ใช่แค่จะมาบอกชอบหรอก แต่ว่าผมอยากจะมาขออนุญาตคุณก่อน เพราะผมไม่อยากจะบังคับจิตใจใคร”

“ขออนุญาต?” นั่นไง ผมบอกแล้วว่ามันจะต้องมีเจตนาอะไรแอบแฝง แล้วดูท่าจะไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ด้วย เพราะเหล้ารัมใช้คำว่า ‘ไม่อยากบังคับจิตใจใคร’ แสดงว่าต้องเป็นเรื่องที่น่าหนักใจน่าดู

โธ่ ไอ้เราก็เกือบเชื่อไปแล้วนะ ว่าเขาชอบเราจริงๆ...

“ใช่ครับ ในฐานะที่คุณเองก็ผูกพันกับพวกพ่อมดแม่มดมาตั้งแต่เกิด คุณคงจะรู้ดีว่าหัวใจของพวกเรานั้นรักใครชอบใครยาก”

อันนี้จริง เพราะในโลกของนิยาย พวกเขามักตกหลุมรักได้โดยง่าย แต่ในโลกของความเป็นจริง สิ่งมีชีวิตอย่างพวกเขานั้นไม่ใช่ว่าเอะอะก็ชอบเอะอะก็ตกหลุมรัก พ่อมดแม่มดบางคนที่เกิดและตายไปโดยไม่ได้พบเจอกับคนที่รักหรือชอบเลยก็มี ดังนั้นเวลาที่พวกเขาพบเจอคนที่ใช่ขึ้นมา จะเกิดการรุกหนักกว่าคนธรรมดาทั่วไปสองถึงสี่เท่า

หมายถึงในกรณีที่ไม่ได้มีเจตนาอะไรแอบแฝงน่ะนะ : (

ว่าแต่... “อ่าฮะ แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องที่คุณจะขออนุญาตยังไง?”

“ก็ในที่สุดผมก็ได้เจอคนที่ชอบแล้ว ผมเลยอยาก... ขออนุญาตจีบคุณได้มั้ย : )”

“...”

ตึกตัก ตึกตัก

ทะ...ที่แท้ก็จะขอจีบหรอกหรอ? งั้นที่บอกว่า ‘ไม่อยากบังคับจิตใจ’ ก็เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับใจของแต่ละคนสินะ

ละ..แล้วก่อนหน้านี้ผมไปคิดถึงประโยชน์แอบแฝงบ้าบอกอะไรล่ะเนี่ย!?

“ว่าไงครับ คุณจะอนุญาตมั้ย : )”

“เอ่อ... คือ...”

โอ๊ยยยย ไม่ได้อยากจะติดอ่างเพื่อเล่นตัวอะไรเลยนะ เพราะบอกตรงๆ ว่าถ้ามีผู้ชายอย่างเหล้ารัมมาจีบนี่ผมก็โอเคมากๆ เพราะว่าเขาเองก็ถูกใจผมอยู่ไม่น้อย เพียงแต่ผมไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงให้ตัวเองดูไม่แรดเกินไปดี คืออย่างน้อยๆ ผมก็เป็นผู้ชายเปล่าวะ ถึงจะชอบเพศเดียวกัน แต่ยังไงก็ยังเป็นผู้ชาย ก็ควรที่ต้อวรักษาจริตหน่อยสิ ไม่ได้เผลอยิ้มเขินจนแก้มปริต่อหน้าผู้ชายอีกคนแบบนี้!

ทว่า...

จู่ๆ รอยยิ้มของผมก็หายไปในพริบตา...

เมื่อความคิดหนึ่งผุดขึ้นราวกับเป็นสัญญาณเตือนภัยอันตรายร้ายแรง...

“อ้าว เป็นอะไรไป ทำไมไม่ยิ้มแล้วล่ะ?” แม้แต่เหล้ารัมที่ปกติจะชอบยิ้มก็กลับต้องขมวดคิ้วมุ่น เพราะนอกจากรอยยิ้มของผมจะหายไปแล้ว นัยน์ตาสีน้ำตาลโศกของผมคงกลับมาทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี...

ซึ่งก็ไม่แปลกหรอกที่ผมจะเลิกยิ้ม... ไม่ใช่เพราะผมเศร้า แต่แค่รู้สึกเหมือนความฟินก่อนหน้านี้มันถูกทำลายลงจนหมดสิ้น ทำให้รอยยิ้มที่ได้รับจากความฟินนั้นถูกพังทลายลงไปด้วย เมื่อภาพในหัวมันดำเนินไปได้ไกลสุดเพียงแค่สี่เดือนเท่านั้น

ใช่ สี่เดือน

เวลาสี่เดือนน่ะ จะว่าเร็วก็เร็ว จะว่าช้าก็ช้า เพราะถ้าเกิดเหล้ารัมอยากจะจีบผมจริงๆ อย่างที่เขาพูดและแสดงออกมา แล้วผมอนุญาตไป (ซึ่งใจผมก็อยากจะอนุญาตอยู่แล้ว) มันก็ขึ้นอยู่กับเราสองคนว่าจะสามารถตักตวงความสุขจากมันได้มากน้อยแค่ไหนในเวลาอันจำกัดนั้น ทว่า.. ถ้าเหล้ารัมรู้ความจริง.. ผมคิดว่าเขาก็คงไม่อยากเสี่ยงที่จะลงทุนจีบผมหรอก ในเมื่อ...

ใครมันจะไปอยากเอาหัวใจมาลงทุนกับคนที่กำลังจะตายล่ะ..จริงมั้ย?

“ขอโทษนะ” เมื่อคิดได้ดังนั้น ผมจึงตัดสินใจถอนออกมาให้ห่างจากเหล้ารัม ถึงแม้ว่า..จะไม่ได้รังเกียจเลยสักนิดที่ต้องยืนใกล้กับเขา.. ”อันที่จริงผมก็อยากจะให้คุณจีบ แต่เกรงว่าคงจะไม่สะดวก” ก่อนจะกล่าวปฏิเสธคำขออนุญาต แล้วข้ามเรื่องรอยยิ้มที่เขาถามถึงไป

ทำให้วินาทีนั้น.. ผมได้เห็นความสับสนระคนผิดหวังจากคนตรงหน้า ทว่า..ริมฝีปากยังคงยิ้ม ยิ้ม...ที่ดูออกว่าเป็นการฝืนยิ้มของคนตรงหน้า

นั่นจึงพิสูจน์ให้ผมเห็นแล้วว่า.. เราสามารถหาความจริงที่อยู่ภายในจากดวงตาของอีกฝ่ายได้..

“ทำไมล่ะ หรือว่าคุณมีคนที่ชอบอยู่แล้ว?” เหล้ารัมถามหาเหตุผล ใบหน้าหล่อเหลาสไตล์ลูกครึ่งดูหม่นหมองลงไปถนัดตา

จนผมต้องรีบส่ายหน้า เพราะอยากให้เหล้ารัมรู้ว่าสาเหตุที่พ่อมดหล่อๆ อย่างเขาต้องถูกปฏิเสธน่ะมันร้ายแรงยิ่งกว่านั้น

“เปล่าหรอก เพียงแต่ว่า... ผมกำลังจะตาย”

“...”

“...”

“...”

คำว่า ‘ตาย’ นำพาความเงียบเข้าปกคลุมเราสองคน

ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเหล้ารัมกำลังรู้สึกอะไรอยู่กับสิ่งที่ได้ยิน เพราะสีหน้าของเขาตอนนี้ค่อนข้างอ่านยาก ไม่เว้นแม้แต่นัยน์ตาคู่นั้นที่มักจะเปิดเผยบางสิ่งบางอย่างออกมา เราสองคนเลยทำเพียงแค่จ้องตากันในความเงียบ.. ซึ่งก็น่าแปลกนะ ทั้งๆ ที่เราเพิ่งจะเคยเจอกันเป็นครั้งแรก แต่ทำไมตัวผมกลับไร้ความรู้สึกอึดอัดเมื่อต้องมายืนจ้องตากับเขานิ่งๆ เป็นเวลานานๆ แบบนี้

จนกระทั่ง...

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ~”

...เหล้ารัมระเบิดหัวเราะออกมาอีกครั้ง

แล้วก็เป็นอีกครั้งเช่นกันที่ไม่คิดว่าเขาจะหัวเราะในสิ่งที่ผมพูด เพราะไม่ได้ตั้งใจจะให้เขาขำเลยสักนิด แต่จะต่างจากครั้งแรกก็ตรงที่.. ผมว่าผมรู้สึกดีที่ได้เห็นเขากลับมาหัวเราะอีกครั้ง ไม่ใช่ทำหน้าตาหม่นหมองเหมือนก่อนหน้านี้

ผมว่าหน้าเศร้าๆ ไม่เหมาะกับเขาหรอก : )

เพราะเวลาที่เขายิ้ม ตาของเขาก็จะเป็นประกาย มันเป็นอะไรที่ยิ่งมอง... ก็ยิ่งยากจะละสายตา...

“คุณอำผมเล่นใช่มั้ยวาฬ จริงๆ แล้วคุณมีสาเหตุอื่น แต่บอกผมไม่ได้สินะ : )” เขายิ้มเหมือนว่ารู้ทันผม ทั้งที่จริงๆ แล้วเขากำลังเข้าใจผิดอยู่ต่างหาก

ซึ่งถึงแม้ว่าผมชอบเวลาที่เขายิ้ม และอยากจะเห็นมันนานกว่านี้อีกสักหน่อย แต่ความจริงก็คือความจริง แล้วผมก็คิดว่ามันถึงเวลาสำหรับความจริงนั้นแล้ว… “เปล่าครับ ผมพูดจริงๆ”

“แต่ว่า...”

“ไม่มีใครเขาเอาเรื่องความเป็นความตายมาล้อเล่นกันหรอกคุณ”

“…”

ใช่ ไม่มีใครเขาเรื่องความเป็นความตายมาล้อเล่นกันหรอก ถึงแม้ว่าจู่ๆ ผมก็เกิดอยากจะภาวนาให้มันเป็นเรื่องล้อเล่นระหว่างเราขึ้นมา… ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีความคิดแบบนี้เลย ไม่เคยเลยจริงๆ...

“แล้วผมก็รู้ด้วยว่ามันเป็นเรื่องที่เชื่อยาก”

“…”

“เพราะฉะนั้นคงถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องแนะนำตัวใหม่อีกครั้ง”

“…”

“ผมชื่ออรรณพ นามสกุลอลิชา ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการครับ”    ไม่ได้แค่แนะนำตัวเพียงอย่างเดียว แต่ผมเลือกที่จะโค้งคำนับตามแบบที่เหล้ารัมเคยทำด้วย

แล้วก็เป็นไปตามคาด เมื่อผมเงยหน้ากลับขึ้นมายืนตัวตรง ก็พบว่าสีหน้าของเหล้ารัมนั้นแปรเปลี่ยนเป็นตกใจไปเสียแล้ว จากตอนแรกที่แค่นิ่งเงียบและยืนฟังเฉยๆ เท่านั้น

ผมรู้ว่าเหล้ารัมต้องตกใจอยู่แล้ว ในเมื่อนามสกุลของผมมันเป็น..นามสกุลต้องสาป

แต่มันยังมีอีกเรื่องที่คงจะทำให้เขาตกใจยิ่งกว่าเดิม...

“แล้วผมก็คือทายาทคนเล็กของตระกูล ที่ถูกถอนพันธะสัญญาไปแล้ว”

“…”

...เพราะมันคงเป็นเครื่องยืนยันอันดีว่าผมกำลังจะตายอย่างที่พูดแน่ๆ

ผมรู้นะ ว่าพอถึงตอนนี้ ผมควรจะเดินจากไปแล้ว ในเมื่อนัยน์ตาของอีกฝ่ายนั้นเต็มไปด้วยความสับสนมากมายจนยากที่จะพูดอะไรออกมา แต่ผมก็อยากจะรออีกนิด... หวังว่าเขาจะพูดอะไรออกมาสักอย่าง อย่างประโยคง่ายๆ แบบว่า... ‘ไม่เป็นไร’ อะไรทำนองนั้น

“…”

ทว่า... ดูเหมือนว่าผมจะหวังมากไปสินะ : )

ก็บอกแล้ว ไม่มีใครเขาอยากจะเอาหัวใจมาลงทุนกับคนทีรู้ว่าสุดท้ายก็ต้องตายหรอก เพราะฉะนั้น... คงถึงเวลาที่ต้องบอกลากันเสียที…

“ลาก่อนครับ ยินดีที่ได้เจอนะ..เหล้ารัม”

แล้วปล่อยให้นายพ่อมดนั่นยืนอยู่ตามลำพังที่ใต้ตึกคณะ จนกว่าเขาจะพอใจ


(http://3.bp.blogspot.com/-K4uGPMHBFL8/Vkqbvu7BYJI/AAAAAAAAAMU/BvXEb3oq544/s1600/LwGGTRf.gif)

#แฮมสเตอร์

สวัสดีครับทุกคน ก่อนอื่นเลยต้องขอฝากเนื้อฝากตัวกับทุกคนเลยนะครับ เพราะว่าเพิ่งจะลงนิยายเรื่องยาวที่นี่เป็นครั้งแรก เพราะปกติจะลงกับอีกเว็บ แต่ครั้งนึงเคยเอาเรื่องสั้นมาลงไว้ที่เล้า แล้วค้นพบว่า นักอ่านของที่นี่คอมเม้นท์กันได้อย่างมีคุณภาพมาก ซึ่งบอกตรงๆ ครับว่าแฮมสเตอร์ค่อนข้างประทับใจทีเดียว เลยตัดสินใจว่าจะลงนิยายเรื่องนี้เอาไว้ที่เว็บนี้เท่านั้น

ยังไงก็ขอฝาก #พ่อมดเหล้า ด้วยนะครับ
หากมีอะไรต้องการที่จะเสนอแนะหรือติชมก็บอกกันมาได้
เพราะคนเขียนเองก็อยากจะพัฒนางานเขียนให้ดีต่อไปเรื่อยๆ ครับ

แล้วก็ขอบคุณมากจริงๆ ครับ ที่อ่านกัน
บอกตรงๆ ว่ารู้สึกไม่มั่นใจเลย แต่ก็จะเอามาอัพเรื่อยๆ นะครับ
อาจจะอัพไม่เร็ว แต่ก็จะพยายามไม่ให้ช้าจนเกินไปครับ

ป.ล. หากใครอยากพูดคุยอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้ใน twitter ฝาก #พ่อมดเหล้า เพื่อง่ายต่อการตามอ่านของคนเขียนนะครับ ขอบคุณมากๆ เลยครับ

my page : https://www.facebook.com/hamsterisanauthor/

 :katai5:

หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 1 (1.3) - 5/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 12-05-2016 23:33:53
อ่านง่ายมากเลย พล็อตเรื่องน่าสนใจ ติดตามค่ะ  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 1 (1.3) - 5/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 12-05-2016 23:39:09
อ่านง่ายมากเลย พล็อตเรื่องน่าสนใจ ติดตามค่ะ  :hao7: :hao7: :hao7:

ขอบคุณมากเลยนะครับ ฝากติดตามด้วยนะครับ : )
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 1 (1.3) - 5/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 12-05-2016 23:47:11
อยากรู้ว่าพ่อมดจะทำยังไงต่อ
แล้วคำสาปคืออัลไลล
รอติดตามจ้า :)
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 1 (1.3) - 5/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 12-05-2016 23:55:55
นี่มันเปิดมาด้วยความฟินเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ชั้น7แล้วก็ถีบลงมาตกแอ๊กที่ก้นเหวชัดๆ
ทำไมวาฬต้องตาย? สงสารทั้ง2คนเลย เวลา4เดือนนี่คือสั้นมากยังทำไรไม่ได้ด้วยซ้ำ
อ่านแล้วสนุกมากๆเลย ภาษก็ดี อยากรู้แล้วว่าจะเป็นไงต่อ มาต่ออีกไวๆเลยน้า รอออ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 1 (1.3) - 5/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 13-05-2016 00:16:20
ตัดจบบทได้ดับฝันมากกกกก
แบบ อ่านไปอมยิ้มไปตั้งแต่ต้นเรื่อง พอจบบทนี่ค้างเลย

รอติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 1 (1.3) - 5/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 13-05-2016 01:52:38
ความบันเทิงช่วงแรกคืออะไรคะ เหมือนโดนถีบลงมาจากยอดหอคอย คำสาปคืออะไรกันนนนน  :katai1:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 1 (1.3) - 5/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 13-05-2016 07:23:51
ม่ายยยยยยยย

โดนถอนพันธะ มันคืออะไร กลับมาต่อด่วนนนน


หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 1 (1.3) - 5/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 13-05-2016 08:47:13
ทำไมไม่รู้ รู้สึกอ่านง่ายมากเลย เป็นเวทมนต์คนหล่อแน่ๆ 555 ชอบๆ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 1 (1.3) - 5/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 13-05-2016 09:12:17
มาต่อเร็วๆนะคะ ทำไมต้องตายด้วยอ้ะ!!!!
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 1 (1.3) - 5/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 13-05-2016 13:22:32
อะไรอ่ะ แค่สี่เดือนยังงั้นเหรอ :ling1: :ling1: :ling1:
เหล้ารัมจะจีบต่อไหมมมมมม :katai4: :katai4: :katai4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 1 (1.3) - 5/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 13-05-2016 21:58:53
#1.4

ผมไม่ได้โกหกนะ แต่ว่าผมกำลังจะตายแล้วจริงๆ

ไม่บ่อยนักหรอกที่ผมจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับตระกูลของผมให้ใครฟัง เพราะมันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าจะเอามาอวดอ้าง แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ผมคิดว่าพวกคุณคงจะเข้าใจอะไรมากขึ้นจากสิ่งที่ผมจะเล่าต่อไปนี้...

ก็อย่างที่รู้กัน ตระกูลของผมมีชื่อว่า ‘อลิชา’ ในโลกมนุษย์..มันถูกรู้จักอย่างแพร่หลายในนามของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการธุรกิจมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าเศรษฐกิจของประเทศจะเน่าเฟะเพียงใด แต่บริษัทอลิชาจะยังยืนหยัดได้อย่างมั่นคงอยู่เสมอ ทว่าในโลกเวทมนตร์..สิ่งเดียวที่พวกพ่อมดแม่มดพูดถึงตระกูลอลิชาคือ..เราเป็นพวกถูกสาป

ทุกอย่างมันเริ่มต้นขึ้นเมื่อนานมาแล้ว ในยุคสมัยของการล่าแม่มดในยุโรป ตอนนั้นเชื้อสายของต้นตระกูลผมยังเป็นเยอรมันแท้ และอลิชา (Alisha) ก็เพี้ยนมาจากภาษาเยอรมันที่แปลว่ามี ‘คุณค่า’ และ ‘ชนชั้นสูง’

พ่อเล่าให้ผมฟังประจำตอนที่ยังเป็นเด็กว่าคำสาปที่เกิดขึ้นนั้นมาจากความกล้าหาญที่ต้องการจะยืนหยัดปกป้องความดีไม่ให้สูญสิ้นไป เพราะบังเอิญว่าต้นตระกูลของผมดันไปรู้จักกับครอบครัวเศรษฐีครอบครัวหนึ่งเข้า ก่อนที่จะมารู้ทีหลังว่าพวกเขาไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา หากแต่เป็นพ่อมดแม่มดที่ลี้ภัยทางการเมืองมาจากโลกของตัวเอง ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริงอยู่หรอก แต่แค่ยังไม่ใช่เรื่องราวทั้งหมดเท่านั้น ทว่าต้นตระกูลของผมก็พร้อมที่จะช่วยเก็บรักษาความลับเหล่านั้นเอาไว้ไม่ให้ใครล่วงรู้

จนกระทั่งวันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ.1484 โปปอินโนเซนต์ที่แปดได้ออกเอกสารหรือสารตราฉบับหนึ่งที่กล่าวว่าการใช้เวทมนตร์นั้นถือเป็นการกระทำผิดร้ายแรง จนสุดท้ายก็ก่อให้เกิด ‘คู่มือล่าแม่มด’ (The Hummer of Witches) ขึ้น ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากทั้งคาทอลิกและโปเตสแตนต์ โดยหารู้ไม่ว่าหนึ่งในผู้จัดทำหนังสือนั้นมีพรรคพวกที่พวกเขาเองก็ไม่รู้เลยสักนิดว่าเป็นพ่อมดแม่มดชั่วร้ายแฝงตัวมา

ซึ่งนั่นล่ะ ที่ทำให้ต้องมาเกี่ยวข้องกับต้นตระกูลอลิชา เพราะเหล่าพ่อมดแม่มดชั่วร้ายพวกนั้นมาจากตระกูลที่มักใหญ่ใฝ่สูงในอำนาจ และต้องการทำทุกวิถีทางเพื่อเพื่อจะโค่นลมอำนาจของครอบครัวพ่อมดแม่มดเศรษฐีที่มีมิตรไมตรีกับต้นตระกูลของผมมาอย่างยาวนาน ตอนนั้นเองที่ทำให้ได้รู้ความจริงว่าแท้ที่จริงแล้วครอบครัวเศรษฐีก็คือพ่อมดแม่มดเชื้อสายราชวงศ์ที่หลบหนีการลอบสังหารเข้ามาอยู่ในยุโรป

แต่ดูท่าว่าจะเป็นการหนีเสือมาปะเอากับทั้งเสือและจระเข้ เพราะการที่พวกราชวงศ์อยู่ในคราบของคนร่ำรวย แต่สืบสาวหาที่มาที่ไปของเงินทองไม่ได้ (แม่ผมแอบพูดขัดพ่อตอนท่านเล่าด้วยว่า ถ้าพวกเขาแสร้งทำเป็นทำงานทำการบ้าง ก็คงจะไม่เดือดร้อนแบบนี้) จึงถูกกลุ่มล่าแม่มดลงความเห็นว่าเกิดจากพลังเวทมนตร์อันผิดกฎหมายร้ายแรง

บวกกับการยุยงของตระกูลพ่อมดแม่มดฝ่ายชั่ว ยิ่งเป็นการเติมเชื้อไฟให้ลุกลามใหญ่โตมากขึ้นไปอีก

จริงอยู่ที่มนุษย์ไม่สามารถต่อสู้กับพลังอำนาจของพ่อมดแม่มดได้ ยิ่งเป็นพวกผู้วิเศษชนชั้นสูงยิ่งไม่มีทางใหญ่ แต่ถึงอย่างงั้นพวกเชื้อพระวงศ์เองก็ไม่ได้เกิดมาเพื่อทำร้ายมนุษย์ แล้วพวกเขาก็รู้ดีด้วยว่ามันเป็นแผนการร้ายที่ต้องการสร้างภาพให้คนที่โลกเวทมนตร์เห็นว่าเชื้อพระวงศ์ก็สามารถใช้เวทมนตร์ทำร้ายมนุษย์เพื่อความอยู่รอดได้เช่นกัน นั่นจึงทำให้พวกเขาตัดสินใจที่จะหลบหนีกลับโลกเวทมนตร์ดังเดิม เพราะไม่ต้องการให้เป็นไปตามแผนของอีกฝ่าย ซึ่งแน่นอนว่าพ่อมดแม่มดฝ่ายชั่วพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้การหลบหนีนั้นไม่เป็นผลสำเร็จ ทว่าด้วยความชาญฉลาดของต้นตระกูลผม ก็สามารถช่วยให้เหล่าเชื้อพระวงศ์หลบหนีไปได้ โดยไม่แม้แต่จะคิดถึงความเดือดร้อนของตัวเองเลยด้วยซ้ำ

แน่นอนว่าตระกูลพวกพ่อมดแม่มดฝ่ายชั่วโกรธมาก ตั้งใจจะฆ่าล้างต้นตระกูลผมให้สิ้นซาก แต่ว่าตอนนั้นมีพ่อมดแม่มดจากอีกตระกูลมาช่วยเหลือเราไว้ เกิดเป็นการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ที่ประวัติศาสตร์พ่อมดแม่มดจะต้องจดจำ

พ่อผมเล่าต่อไปอีกว่าผู้นำของทั้งสองตระกูลต่อสู้กันจนสุดท้ายก็ตายทั้งคู่ ทว่าก่อนที่ฝั่งผู้นำฝ่ายร้ายจะหมดลมหายใจ มันได้สาปตระกูลของผมไว้ ให้ไม่ว่ากี่รุ่นต่อกี่รุ่น พวกเราจะเกิดมามีดวงวิญญาณเพียงแค่ครึ่งเดียว และจะตายในขณะที่อายุยังน้อย

ซึ่งตระกูลของผมก็ได้พิสูจน์แล้วว่า คำสาปนั้นทำให้พวกเรามีอายุอยู่ได้เพียงแค่วันเกิดครบรอบปีที่ยี่สิบเอ็ดเท่านั้น ก่อนที่ความตายจะพาเรากลับไปสู่ที่ที่เราจากมา..

แล้วเรื่องที่โคตรจะโหดร้ายก็คือ มันเป็นคำสาปที่ไม่สามารถถอนได้ เพราะต้นตระกูลของผู้สาปนั้นได้ถูกฆ่าล้างบางในคืนที่คำสาปถือกำเนิดขึ้น

ร้อนถึงเหล่าเชื้อพระวงศ์ที่ทราบข่าว ก็พยายามหาทางช่วย แต่จนแล้วจนรอด ต่อให้เก่งกาจสักเพียงใด ก็ไม่มีพ่อมดแม่มดคนไหนสามารถลบล้างคำสาปนี้ได้

ต้นตระกูลของผมต้องทนอยู่กับสิ่งชั่วร้ายนั้นหลายต่อหลายปี และเพื่อการดำรงอยู่ของอลิชา เราจึงต้องแต่งงานและให้กำเนิดทายาทกันตั้งแต่อายุยังน้อย รวมถึงการสืบเชื้อสายร่วมกับชาติอื่นด้วย โดยหวังว่าสักวันคำสาปก็คงจะหมดไป แต่จนถึงวันนี้.. ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า มันยังคงอยู่ และไม่เคยจืดจางไปตามกาลเวลา

แต่ก็ไม่ได้โหดร้ายอะไรขนาดนั้นหรอกนะ เพราะผมยังไม่ได้เล่าถึงตอนที่ทางราชวงศ์สามารถหาทางออกให้กับตระกูลของผมได้แล้วเลย : )

คืองี้ มันมีช่วงหนึ่งที่คนตระกูลของผมร่อยหรอลงไปทุกที เพราะไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย เนื่องจากอยู่กินกันไม่นานก็ตาย จนช่วงยุคสมัยนึงแม้แต่ในโลกมนุษย์เอง พวกเราก็ถูกมองว่าต้องสาปไม่ต่างกัน

แล้วตอนนั้นล่ะที่จู่ๆ ราชาของโลกเวทมนตร์ที่เคยถูกช่วยเหลือไว้ตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อก็เกิดปิ๊งไอเดีย (นี่ผมใช้คำสมัยใหม่ไปมั้ยเนี่ย?) เกี่ยวกับการทำ ‘พันธะสัญญาเวทมนตร์’ ขึ้นมา ทำให้หลังจากนั้น ตระกูลอลิชาของผมก็ไม่มีใครต้องตายอีก

เพราะว่าการทำพันธะสัญญาเวทมนตร์นั้น จะเป็นการผูกดวงวิญญาณสองดวงระหว่างผู้วิเศษและมนุษย์เข้าไว้ด้วยกัน ทำให้ดวงวิญญาณที่มีเพียงครึ่งเดียวของตระกูลผมถูกเติมเต็มจนสามารถมีชีวิตต่อได้ ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าการทำพันธะสัญญานั้นจะต้องทำตั้งแต่อยู่ในท้องจนยิงยาวไปถึงหลังวันเกิดปีที่ยี่สิบเอ็ดเป็นเวลาหนึ่งวัน แล้วคำสาปก็จะสูญสลายหายไป

ฟังดูดีใช่มั้ยล่ะ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดกับผมหรอกนะ : )

คือ... จริงๆ จุดเริ่มต้นของพวกเราทุกคนที่เกิดมาในตระกูลอลิชาก็ไม่ต่างกันนักหรอก เพราะทางราชวงศ์จะจัดเตรียมพ่อมดแม่มดที่จะมาเป็นคู่พันธะสัญญาให้กับเราตั้งแต่อยู่ในท้องแม่แล้ว ซึ่งโดยปกติเขาก็จะจับให้เป็นคู่ที่ต่างเพศกัน ด้วยเหตุผลที่ว่าความใกล้ชิดของหนุ่มสาวนั้นมันมีบางอย่างที่ผูกพันและยึดติดกันมากกว่า (อันนี้ฟังจากเหตุผลที่พ่อผมบอกนะ) ก็เลยต้องมีการตรวจดวงชะตากันตั้งแต่สองเดือนแรกเลยว่าเด็กในท้องน่ะเพศอะไรกันแน่

ซึ่งหมอดูประจำตระกูลผมก็แม่นมาก เพราะแกสืบเชื้อสายมาจากหมอดูประจำตระกูลที่อยู่คู่กับครอบครัวผมมานาน ไม่ว่ากี่รุ่นต่อกี่รุ่น แกก็สามารถบอกได้หมดตั้งแต่อยู่ในท้องว่าเพศไหน เรียกว่าถ้าแกเปิดสำนักเรื่องนี้อย่างจริงจังนะ รับรองว่าโรงพยาบาลต้องปิดแผนกอัลตร้าซาวด์ไปเลย

แต่ไม่รู้ทำไม พอมาถึงตาผม แกกลับพลาด!

ใช่ มันเป็นความผิดพลาดครั้งแรกในชีวิตหมอดูของแก ถึงขนาดที่แกวางมือไปเลยหลังจากแม่ให้กำเนิดผมออกมา เพราะแกทำนายว่าผมจะเกิดเป็นผู้หญิงอย่างแน่นอน ทำให้ทางโลกเวทมนตร์ผูกดวงชะตาของผมเอาไว้กับพ่อมดที่ชื่อ..เอียน โจนส์

ซึ่งทุกคนก็คงรู้สึกแปลกที่เด็กผู้ชายสองคนต้องมาตัวติดกันอย่างกับคู่รัก แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่ามันเป็นอะไรที่น่าอึดอัดยิ่งกว่านั้นสำหรับเราทั้งคู่

จนกระทั่งวันนึง... ในวันเกิดปีที่สิบสองของผม เอียนก็จากไป.. พร้อมกับการถอนพันธะสัญญา..

มันกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตมากในตอนนั้น เพราะถือว่าเอียนไม่ได้แค่ทำผิดต่อตระกูลผม แต่ยังขัดคำสั่งของราชาด้วย ทำให้เขาถูกตามล่าตัวอยู่เป็นเดือนๆ ก่อนที่ทุกคนจะสำนึกได้ว่า...ไร้วี่แววของพ่อมดหนุ่มคนนั้น

บ้างก็ว่าเขาตายไปแล้ว ในขณะที่อีกกระแสก็บอกว่าเขาได้รับการช่วยเหลือจากพ่อมดฝ่ายมืดคนใหม่ ไม่รู้ว่าอันไหนจริงอันไหนปลอม

แต่สำหรับผม ผมรู้ดีอยู่อย่าง ว่าเขา..คงจะไม่กลับมาอีกแล้ว..

นั่นเท่ากับว่าในวันเกิดปีที่ยี่สิบเอ็ด ผมก็จะต้องตายตามคำสาปที่มีมาอย่างยาวนาน

ถือเป็นคนของตระกูลอลิชาในรอบหลายชั่วอายุคนนี้เลยที่จะต้องกลับไปตายเหมือนเมื่อครั้งเก่าก่อน

รู้สึก..คลาสสิกเป็นบ้า

ไม่ใช่ว่าพวกผู้ใหญ่ไม่ลองหาทางอื่นเพื่อช่วยชีวิตผมหรอกนะ แต่ในทุกๆ ครั้งที่เราพูดถึงการลองทำพันธะสัญญาใหม่กับพ่อมดแม่มดคนอื่นๆ ทางฝั่งโลกเวทมนตร์ก็จะเงียบ ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธอะไรกลับมา

จนสุดท้าย พ่อกับแม่ของผมก็ถอดใจ และเปลี่ยนมาดูแลผมให้เหมือนกับไข่ในหินแทน คอยเฝ้าระวังทุกฝีก้าว ราวกับกลัวว่าถ้าเผลอทำผมพลาดสายตาไป ผมอาจจะตายก่อนวันเกิดอายุยี่สิบเอ็ดก็ได้

ซึ่งก็รู้ว่าเพราะรัก แต่บางที..มันก็อึดอัดเหมือนกันนะ..

“โอ้โห~ กับข้าวน่ากินทั้งนั้นเลย ฝีมือแม่หรือว่าฝีมือพี่ฟ้าครับ” แต่ต่อให้อึดอัดยังไง ผมก็รู้สึกว่ามันเปล่าประโยชน์ที่จะดราม่า ไม่ใช่ว่าให้เสแสร้งแกล้งทำเป็นร่าเริงนะ แต่ผมชอบทางนี้มากกว่า เพราะมันทำให้คนรอบข้างผมยิ้ม ไม่ใช่เอาแต่ทำหน้าเหมือนว่าผมกำลังจะตายอยู่ตลอดเวลา

ถึงมันจะเป็นแบบนั้นก็เถอะนะ ฮ่าๆๆๆ~

“วันนี้ฝีมือคุณท่านค่ะ พี่ฟ้าแค่ช่วยเตรียมของแล้วก็หุงข้าวเฉยๆ”

พี่ฟ้า..หัวหน้าแม่บ้านอายุยังน้อยกล่าวตอบรับ ก่อนจะเริ่มตักข้าวเสิร์ฟให้ให้ทุกคน

“ถามแบบนี้แสดงว่าถ้าเป็นฝีมือพี่ฟ้าจะอร่อยกว่างั้นสิ”

“โธ่~ อย่างพูดแบบนี้สิคะคุณผู้หญิง”

พี่ฟ้าทำหน้าลำบากใจ ในขณะที่ผมเอี้ยวตัวไปหอมแก้มแม่หนึ่งที เพราะรู้ว่าท่านแค่แซวเล่นไปอย่างงั้น

“ใครจะไปสู้รสมือแม่ผมได้ล่ะครับ เนอะๆ”

“ไม่ต้องทำมาปากหวานเลย” แม่แกล้งทำหน้างอนอีกระลอก ก่อนจะหลุดยิ้มออกมา แล้วเริ่มลงมือทาน

ผมเองก็หัวเราะชอบใจต่ออีกนิด ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินบ้าง โดยพยายามจะไม่สนใจพ่อที่นั่งมองมาด้วยสายตาเป็นห่วงอยู่ที่ฝั่งตรงข้าม

“วาฬ” ทว่าสุดท้ายพ่อก็เป็นฝ่ายเรียก ผมเลยต้องเงยหน้าขึ้นมามอง พยายามทำตาใสซื่อให้มากที่สุด ราวกับไม่เห็นว่ามีความกังวลเต็มไปหมดในสายตาคู่นั้นของผู้ชายที่ผมรักมากที่สุดในชีวิต

“มีอะไรครับพ่อ”

“วันนี้เป็นที่มหา’ลัยเป็นไงบ้าง”

แล้วพ่อก็เปิดมื้อเย็นด้วยคำถามเดิมๆ แบบทุกวัน เหมือนต้องการจะเช็คว่าทุกอย่างเกี่ยวกับผมยังคงปกติดีอยู่ ซึ่งพ่อคงจะลืมไปว่าตอนนี้ผมอายุยี่สิบแล้ว อีกแค่สี่เดือนก็จะวันเกิดผม แล้วผมก็จะตาย เพราะฉะนั้นมันไม่มีอะไรที่ไม่ปกติหรอก ทุกวันสำหรับผมมันเหมือนๆ กันไปหมดนั่นแหละ แค่รู้ว่ายังหายใจอยู่ก็ถือว่าตื่นเต้นที่สุดในชีวิตแล้ว

“ก็เหมือนเดิมครับ ไม่มีอะไร” ผมตอบเสียงเรียบ ทั้งที่ในใจก็อยากมีเรื่องเล่าให้ฟังมากกว่านี้ เผื่อจะทำให้พ่อผมเปลี่ยนไปทำหน้าแบบอื่นนอกจากหน้าของพ่อขี้กังวลบ้าง แต่มันก็ไม่มีไง วันนี้ทั้งวันผมก็ไปเรียน ไปเจอเพื่อน แล้วก็...

หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 1 (1.5) - 5/13/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 13-05-2016 22:06:22
#1.5

ตึกตัก ตึกตัก

จะ..จู่ๆ หัวใจของผมก็เต้นผิดจังหวะขึ้นมาทันที! เมื่อคิดขึ้นมาได้ว่าจริงๆ แล้ววันนี้มีเรื่องที่ ‘ไม่ปกติ’ เกิดขึ้นในช่วงเย็น และเป็นอะไรที่ทำให้ผมลืมไม่ลงเลยจริงๆ

“เป็นอะไรไปวาฬ ทำไมไม่กินต่อล่ะลูก” แม่เป็นฝ่ายทักขึ้นเมื่อเห็นว่าผมถือช้อนข้าวค้างอยู่แบบนั้น ผมเลยคว่ำมันลง แล้วตัดสินใจเล่าถึงเขาคนนั้นให้พ่อฟังทันที โดยไม่ได้ตอบคำถามของแม่

“พ่อครับ ผมเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้ผมไปเจอพ่อมดคนนึงมา”

คำว่าพ่อมดไม่ได้ทำให้พ่อเท่านั้นที่ชะงัก แต่แม่กับพี่ฟ้าก็ดูจะสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

“พ่อมด? ที่ไหนกัน?”

“ที่ตึกคณะครับ เขามาแฝงตัวเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับผม”

“แล้วเขามาคุยกับลูกหรอ?” คราวนี้แม่เป็นฝ่ายถามบ้าง

“ก็ไม่เชิงครับ” ผมเว้นจังหวะ ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม แล้วพูดประโยคต่อจากนั้นด้วยรอยยิ้มกว้าง “จริงๆ แล้วเขามาจีบน่ะ : )”

เคร้ง!

พ่อทำช้อนตกทันทีที่ได้ยินสิ่งที่ผมพูด พร้อมกับหน้าตาก็ดูจะเหวอไปเลย

จะว่าผมบาปก็ได้นะ แต่รู้สึกพอใจมากทีเดียวที่ได้เห็นหน้าตาแบบอื่นของพ่อบ้าง แต่ก็เพียงไม่นานหรอก พ่อของผมก็กลับมาทำหน้ากังวลแบบเดิม แถมดูจะกังวลยิ่งกว่าเดิมด้วย เฮ้อออออ~

“แล้วคุณวาฬรู้ชื่อเขามั้ยคะ?” แต่ถึงอย่างงั้นพ่อก็ยังไม่ได้พูดอะไรออกมา ในขณะที่แม่เองก็ดูจะอึ้งไม่เลิก เลยกลายเป็นพี่ฟ้าที่ถามออกมาแทน

“รู้ครับพี่ฟ้า เขาชื่อ...เหล้ารัม นามสกุล... เอ่อ... อ้อ! อัครวรกุลพิชิตครับ หล่อด้วย หน้าฝรั่งจ๋าเลย แต่นามสกุลไท้ไทย สงสัยจะเป็นลูกครึ่ง”

เฮ้ออออ พอพูดชื่อเขา คิดถึงรอยยิ้มของเขา.. มันก็รู้สึกใจหายแปลกๆ นะ เพราะปกติผมไม่ค่อยจะถูกใจใครง่ายๆ หรอก ก็เลย.. รู้สึกเหมือนพลาดอะไรไปบางอย่าง..

แต่แทนที่คำพูดติดตลกจะทำให้บรรยากาศดีขึ้น กลับกลายเป็นว่าพ่อแม่และพี่ฟ้าดันอึ้งกว่าเดิม อะไรกัน มีอะไรที่ผมควรจะรู้หรือเปล่า?

“อัครวรกุลพิชิต” จู่ๆ พ่อก็วางช้อน แล้วเอามือกอดอก พลางทวนนามสกุลของเหล้ารัมอีกครั้ง

“ครับ นั่นนามสกุลเขา มีอะไรหรือเปล่าพ่อ?”

“ก็.. อัครวรกุลน่ะ เป็นนามสกุลของตระกูลพ่อมดที่ปกป้องต้นตระกูลของเราเอาไว้ พ่อเองก็จำไม่ได้หรอกนะว่าแรกเริ่มเดิมทีต้นตระกูลนี้ใช้นามสกุลว่าอะไร แต่พอจะรู้มาว่าเขาเปลี่ยนเป็นอัครวรกุลพิชิตแล้ว เพราะมาผสมสายเลือดกับตระกูลพ่อมดชาวไทย”

“จะ...จริงหรอพ่อ!?”
   
“จริง”

“โห~ โลกกลมแฮะ” คราวนี้เป็นผมที่อึ้งไปบ้าง ตกใจด้วย เพราะรู้สึกตามที่พูดออกไปจริงๆ

ก็ลองคิดดูดิ จู่ๆ ผมก็ได้เจอพ่อมดคนนึงที่ถูกใจผม แล้วกลายเป็นว่าเขาเป็นทายาทของตระกูลที่เคยช่วยต้นตระกูลของผมไว้ แบบนี้ไม่ให้เรียกโลกกลมจะให้เรียกว่าอะไรล่ะ?

ทว่า..

“คุณๆ คะ มีคนมาขอพบค่ะ”

..ในขณะที่โต๊ะอาหารกำลังตกอยู่ในความเงียบจากเรื่องราวที่ทุกคนเพิ่งจะได้รับรู้ พี่มดแดง..สาวใช้ตัวกลมก็เดินเข้ามาแจ้งว่าเรากำลังมีแขก

“ใครกันมดแดง?” แม่ถามพลางวางช้อนลง

แต่ยังไม่ทันที่แม่จะได้รับคำตอบ ผู้ชายคนหนึ่งที่น่าจะเป็น ‘คนมาขอพบ’ ก็เดินเข้ามาหยุดยืนที่ด้านข้างของพี่มดแดง

เขาหล่อมาก.. อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตแฟชั่นแขนยาวสีน้ำเงินเข้ม กับกางเกงจ็อกเกอร์แพ้นท์สีดำสนิทดูลำลอง แต่ในขณะเดียวกันก็ดูเป็นทางการอย่างไม่น่าเชื่อ

ผมสีบลอนด์สว่างก็ดูจัดทรงเนี้ยบกว่าตอนที่เราเจอกัน

และการเจอเขาอีกครั้งก็ทำให้ผมประหลาดใจมาก เพราะว่าเขาก็คือ... “เหล้ารัม!”

เขาหันมาส่งยิ้มในแบบที่ผมกำลังคิดถึงมาให้เมื่อเห็นว่าผมร้องชื่อเขาเสียงหลง ก่อนที่เขาจะหันไปยกมือไหว้พ่อกับแม่อย่างสุภาพ แล้วพูดในสิ่งที่ทำให้ทุกคนในห้องกินข้าวอึ้งไปตามๆ กัน...

“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ ผมชื่อเหล้ารัมนะครับ ขอโทษด้วยที่ต้องเสียมารยาทเข้ามาขัดจังหวะมื้ออาหาร แต่พอดีผมมีเรื่องสำคัญที่อยากจะแจ้งให้ทราบ”

“ระ..เรื่องอะไรคะ?”

“ผมคิดว่าลูกชายของคุณแม่ขโมยหัวใจผมไปครับ”

“...”

อ่า..... ชักสนุกแล้ว : )

(http://pic.pimg.tw/demona/1405329580-1468390043.gif)

จบตอนที่ 1


#แฮมสเตอร์
บอกตรงๆ ว่าไม่คิดเลยครับว่าพอลงจริงๆ จะรู้สึกว่าบทหนึ่งมันยาวมากขนาดนี้
แล้วเนื้อหาก็ค่อนข้างอัดแน่นมาก ต้องขอโทษใครหลายๆ คนที่รู้สึกว่าเนื้อหาค่อนข้างไปในเชิงเล่าและแออัดยัดเยียดมากไปนะครับ
เพราะว่าผมได้ลองดีไซน์การเล่าดูหลายๆ แบบแล้ว แต่สุดท้ายก็มาสรุปเคาะเอาแบบนี้ ที่เป็นการเล่าตรงๆ แบบให้เข้าใจกันง่ายๆ ไปเลย
เนื่องจากไม่อยากให้มีความยุ่งยากมาก ยังไงเรื่องนี้ก็ยังเป็นนิยายรักที่ยังต้องเล่าถึงความสัมพันธ์กันอีกเยอะ
เลยขอปล่อยก้อนแรกออกมาก่อนก็แล้วกันนะครับ

ยังไงก็ขอบคุณที่อ่านกันนะครับ
ขอบคุณมากจริงๆ ครับ


ป.ล. หากใครอยากพูดคุยอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้ใน twitter ฝาก #พ่อมดเหล้า เพื่อง่ายต่อการตามอ่านของคนเขียนนะครับ ขอบคุณมากๆ เลยครับ

my page : https://www.facebook.com/hamsterisanauthor/

 :a5:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 1 (1.5) - 5/13/2016
เริ่มหัวข้อโดย: dereel_nx ที่ 13-05-2016 22:13:30
น่ารักกกก ชอบบบบบบ เรื่องราวน่าสนใจมากๆค่ะ ชื่อพี่แวมพ์อย่าเท่อ่ะ 555  :hao3: :hao3: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 1 (1.5) - 5/13/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 13-05-2016 22:17:13
ชอบบบ เหล้ารัมดูเท่
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 1 (1.5) - 5/13/2016
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 13-05-2016 22:26:22
มันเป็นแฟนตาซีที่อ่านง่ายมาก ไม่ซับซ้อน
หนูชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบ  :ling1:

ปอลอ เปลี่ยนคนทำสัญญาเป็นรัมได้ไหม?

ทำแม่มตอนนี้แหละ เจ้าตัวมาแล้ว อิอิ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 1 (1.5) - 5/13/2016
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 13-05-2016 22:29:51
โอยยยยย ลุ้นนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 1 (1.5) - 5/13/2016
เริ่มหัวข้อโดย: farafang ที่ 13-05-2016 22:55:12
เหล้ารัมต้องช่วยน้องวาฬได้แน่ๆเลย คิคิ  :mew1:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 1 (1.5) - 5/13/2016
เริ่มหัวข้อโดย: แพรวฐา ที่ 13-05-2016 23:18:39
อร้ายยยย คือดี ชอบเหล้ารัมมากกกกกก เจา เจาๆ



จะแฮปปี้แอดดิ้งไหมน้าาาาาา :sad4: :hao5:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 1 (1.3) - 5/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 14-05-2016 00:14:08
่ต่อออออ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 1 (1.3) - 5/12/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Foeyyy ที่ 14-05-2016 00:17:04
ชอบบบบ  :katai2-1:  :katai2-1: ติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 1 (1.5) - 5/13/2016
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 14-05-2016 00:44:39
แฟนตาซีแบบนี้น่าสนุกดี
มีตระกูลพ่อมดต่างๆเพียบ
หวังว่าตาเอียนที่หนีไป
จะกลับมานะ 4เดือนสุดท้ายยังมีหวัง
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 1 (1.5) - 5/13/2016
เริ่มหัวข้อโดย: obstacle ที่ 14-05-2016 05:03:18
สนุกครับ สำนวนดี เนื้อเรื่องน่าติดตาม
ตอนที่หนึ่งมายาวจุใจมาก รายละเอียดเยอะ ชอบครับ
โดยเฉพาะเรื่องผู้วิเศษเนี่ย ถูกใจแฟนแฮร์รี่พอตเตอร์อย่างเรามากเลย
 o13 o13

ขอบคุณนะครับ รอติดตาม เหล้ารัมมีแผนอะไรหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 1 (1.5) - 5/13/2016
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 14-05-2016 10:45:06
สนุกมากค่ะ อ่านง่ายและฟินนนน
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 1 (1.5) - 5/13/2016
เริ่มหัวข้อโดย: bluebread ที่ 14-05-2016 11:50:31
สนุกอ่ะ อิอิอิ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 1 (1.5) - 5/13/2016
เริ่มหัวข้อโดย: GenZ ที่ 14-05-2016 11:52:57
มาเติมเต็มให้กันก็คงดีนะคะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.1) - 5/14/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 14-05-2016 14:42:45
2.1

ตั้งแต่เกิดมาในชีวิต.. ผมยังไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองมีความอยากรู้อยากเห็นมากเท่าวันนี้มาก่อนเลย..

เพราะภายหลังจากที่ประกาศชัดเจนว่าผมขโมยหัวใจของเขาไป เหล้ารัมก็เลยขอคุยกับพ่อและแม่เป็นการส่วนตัวทันที แล้วมีหรอที่พวกท่านจะกล้าปฏิเสธ เลยกลายเป็นว่าทั้งสามคนพากันไปคุยในห้องทำงานส่วนตัวของพ่อซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของห้องนั่งเล่น พร้อมๆ กับที่พ่อสั่งห้ามไม่ให้ผมเข้าไปยุ่งโดยเด็ดขาด

อะไรกัน ทำไมมีลับลมคมในล่ะ นี่ผมเป็นลูกนะ : (

แต่ในขณะที่ผมกำลังเดินไปเดินมาเพื่อรอให้ใครสักคนเปิดประตูออกมาจากห้อง กลับกลายเป็นว่ามีใครอีกสองคนเดินเข้ามาในบ้านแทน

"คุณอาไปไหน?" คำถามที่มาพร้อมกับน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะพอใจนัก ทำให้ผมที่ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเธอเป็นใคร

พี่เบล..ลูกพี่ลูกน้องที่ประกาศชัดเจนว่าเธอเกลียดผม..

จริงๆ เราก็ไม่ได้สนิทกันมาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ เพราะว่าแม่ของพี่เขา (ป้าสะใภ้ผมน่ะ) ก็ไม่ค่อยจะชอบหน้าแม่ผมสักเท่าไหร่ เหมือนว่าสมัยที่คุณย่ายังมีชีวิตอยู่ ท่านค่อนข้างเอ็นดูแม่มาก ไม่ใช่ในฐานะที่เป็นสะใภ้คนเล็ก แต่เพราะว่าแม่เป็นคนที่แต่งเข้ามาแล้วไม่เคยสร้างปัญหาอะไรให้ใครเดือดร้อน แถมยังคอยเป็นช้างเท้าหลังสนันสนุนพ่อได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ป้าผมเอาแต่ผลาญเงินลุงไปวันๆ สนใจก็แต่งานสังคมออกสื่อ เลยไม่เป็นที่พอใจของย่าเท่าไหร่นัก และมักจะถูกเอาไปเปรียบเทียบกันอยู่เสมอ เพราะแบบนั้นป้าก็เลยเลี้ยงพี่เบลให้เกลียดครอบครัวผมไปด้วย

แต่นั่นก็เป็นแค่การเกลียดขั้นพื้นฐานน่ะนะ ออกแนวเหม็นขี้หน้าผมในระดับหนึ่งมากกว่า แต่สาเหตุที่ทำให้ 'เกลียด' แบบเกลียดจริงๆ ก็คงจะเป็นตอนที่ทุกคนรู้ว่าผมต้องตายสถานเดียว เพราะว่าหาพ่อมดคู่พันธะสัญญาของผมไม่เจอแล้วแน่ๆ ก็เลยกลายเป็นว่าบรรดาญาติต่างพากันมาเฝ้าห่วงใยผม อะไรๆ ก็เอาผมเป็นที่ตั้ง ก็นะ.. หลานกำลังจะตายทั้งคน พวกเขาจะกล้าแสดงความใจร้ายออกมาได้ยังไง

แต่พี่เบลคงไม่คิดงั้น เพราะดูเหมือนว่าเธอจะไม่ชอบใจขั้นรุนแรงที่บทบาทความสำคัญของเธอในบ้านลดน้อยถอยลงไป ก็เลยเกิดเหตุการณ์วีนแตก ด่ากราดคนทั้งบ้าน พร้อมกับประกาศต่อหน้าทุกคนว่าเกลียดผมที่สุดในชีวิตเท่าที่เธอจะเกลียดได้ และรอวันที่ผมตายจากไป

แน่นอนว่าพี่เบลกลายเป็นตัวร้ายในสายตาทุกคนนับตั้งแต่นั้น

ในขณะที่ผมไม่เคยคิดจงเกลียดจงชังใคร แค่พยายามมองโลกในแง่ดีทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองจะต้องตายก็หนักมากพอแล้ว คิดดูสิ อายุเท่านั้น แต่รู้ว่าจะไม่ได้แก่ตาย บอกเลยนะว่าไม่มีเวลาจะมานั่งคิดแค้นใครหรอก

"สวัสดีครับพี่เบล สวัสดีไรเกอร์" ผมเริ่มต้นด้วยการทักทาย ไม่ได้ต้องการจะหาเรื่องทำเป็นไม่สนใจคำถามของพี่เบลหรอกนะ แต่อยากให้เห็นว่าเวลาคนเจอกันน่ะ มันต้องเริ่มจากการทักทายกันก่อน

"สวัสดีวาฬ คุณพ่อไม่อยู่หรอ?" ซึ่งแน่นอนว่ามีเพียงไรเกอร์เท่านั้นที่ทักทายกลับมา และนั่นทำให้พี่เบลตวัดสายตาไม่พอใจมาทางเขา

ไรเกอร์..เป็นพ่อมดคู่พันธะสัญญาของพี่เบลล์ จากตระกูลโดโนแมน ด้วยความที่เป็นชายชาวอังกฤษแท้ ทำให้เขาค่อนข้างที่จะตัวสูงใหญ่มาก เมื่อเทียบกับคนไทยอย่างผมและพี่เบล หน้าตาของไรเกอร์นี่ก็หล่อไม่น้อย ตาคมคิ้วเข้ม ปากสีอ่อน ไว้หนวดเคราที่ตัดแต่งอย่างสะอาดสะอ้าน แถมยังมีผมสีน้ำตาลที่ดูจะยุ่งอยู่ตลอดเวลาเพราะไม่ได้ทำการจัดให้เข้าทรง แต่ก็ไม่รู้ทำไมมันถึงได้ดูดีรับกับใบหน้าของเขานัก

จริงๆ แล้วพี่เบลโตกว่าผมสองปีนะ ซึ่งนั่นหมายความว่าเธอพ้นคำสาปของพ่อมดชั่วร้ายไปนานแล้ว แต่ไอ้ที่บอกว่าให้ทำพันธะสัญญากันจนถึงหลังวันเกิดปีที่ยี่สิบเอ็ดเป็นเวลาหนึ่งวันน่ะ มันเป็นในทางทฤษฎีเท่านั้นแหละ เพราะในทางปฏิบัติ หลังจากครบตามกำหนดแล้ว พวกเขาก็ใช้ชีวิตอยู่กันต่อเหมือนเดิมด้วยความที่ผูกพันกันมาตั้งแต่เกิด จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะมีครอบครัวนั่นแหละ ถึงจะตัดสินใจถอนพันธะสัญญากันออกไป หรือไม่ก็ทำนองว่าเบื่อขี้หน้ากันแล้วอะไรแบบนั้น

ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าพี่เบลนิสัยเสียแบบนี้ ทำไมไรเกอร์ถึงไม่เบื่อสักที?

"คุณพ่อกับคุณแม่มีแขกน่ะ คุยกันอยู่ในห้องทำงาน ไม่รู้เหมือนกันว่าจะออกมาเมื่อไหร่" ที่ตอบแบบนี้นี่ไม่ใช่อะไรนะ เพราะผมเองก็กำลังรออยู่เหมือนกัน

"งั้นฉันวางของไว้ตรงนี้แล้วกัน" แล้วจู่ๆ พี่เบลก็กระแทกเสียงขึ้นมาราวกับต้องการจะเรียกร้องความสนใจจากผมและไรเกอร์ ทั้งๆ ที่เธอเองก็อยู่ในความสนใจของผมตลอด แล้วที่ตอบเมื่อกี้นี้ก็ไม่ได้เฉพาะเจาะจงแค่ไรเกอร์ด้วย แต่มันเป็นการตอบแบบรวมๆ ต่างหาก "พ่อดีว่าคุณพ่อฝากให้เอาของฝากจากญี่ปุ่นมาให้น่ะ"

ไม่พูดเปล่า พี่เบลวางถุงทั้งหมดที่ถือมาลงกับพื้น ก่อนจะกอดอกเชิดหน้าซะแรงจนผมยาวๆ ของเธอสะบัดตัว ร้อนถึงไรเกอร์ที่ต้องรีบหยิบถุงทั้งหมดขึ้นมา แล้วเอาไปวางบนโต๊ะอย่างที่พี่เบลควรจะทำ

"ขอบคุณมากครับพี่เบล ถ้ายังไงจะรอพบพ่อก็เชิญนั่งรอก่อนนะครับ เดี๋ยววาฬจะให้พี่ฟ้าเอาน้ำมาเสิร์ฟ" ผมพยายามไม่ใส่ใจกับสิ่งที่พี่เบลทำลงไปก่อนหน้า พลางตั้งท่าจะเดินไปบอกพี่ฟ้าในครัวให้หาน้ำมารับแขก แต่กลายเป็นว่า..

"ไม่ล่ะ ฉันไม่อยากกินอะไรของคนบ้านนี้ทั้งนั้น" พี่เบลประกาศชัดเจน ก่อนจะหันไปทางไรเกอร์ "ไปกันเถอะไรเกอร์ ยิ่งอยู่ที่นี่นานยิ่งหดหู่ นายไม่รู้สึกเลยหรือไงว่าบ้านหลังนี้กำลังจะมีคนตายน่ะ"

คำว่า 'ตาย' ถูกพูดออกมาด้วยรอยยิ้มอย่างจงใจ เพียงแต่มันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอะไรมากไปกว่าการที่อยากให้ผู้หญิงคนนี้ออกไปจากบ้านผมซักที ซึ่งเป็นเรื่องดีมากที่ไรเกอร์รีบเดินไปคว้าแขนพี่เบลแล้วตั้งท่าจะพากันเดินออกไป เพราะเขาเองก็คงจะรู้สึกอึดอัดกับสิ่งที่คู่พันธะสัญญาของเขาพูด

ทว่า..

"เดี๋ยวนะ" ยังไม่ทันจะเดินได้ถึงสองก้าว พ่อมดชาวอังกฤษก็หันกลับมาพร้อมกับคิ้วที่ขมวดมุ่น

"มีอะไรหรอไรเกอร์" พี่เบลถาม

"ฉันว่าฉันเหมือนจะได้กลิ่นพ่อมดอยู่แถวนี้นะ"

แอ๊ดดดด~

แต่ยังไม่ทันที่ใครจะได้พูดอะไรต่อ ประตูที่ผมรอคอยให้มันเปิดก็ถูกเปิดออกมาจนได้ ส่งผลให้ไรเกอร์ พี่เบล แล้วก็ผมหันไปมองเป็นตาเดียว

"อ้าว เบลกับไรเกอร์มาหรอกหรอ" พ่อผมพูดด้วยสีหน้าที่ดูดีกว่าตอนเข้าไป ราวกับว่าการพูดคุยนั้นผ่านไปได้ด้วยดี

ว่าแต่..เข้าไปคุยอะไรกันอะ?

"เหล้ารัม!"

พอทุกคนเดินออกมาจากห้อง ไรเกอร์ก็ร้องชื่อของผู้ชายที่เดินออกมาเป็นคนสุดท้าย ดูท่าว่าจะตกใจมากเหมือนกัน เพราะหน้าตาของพ่อมดอังกฤษตอนนี้นี่คือตาเบิกโตไปแล้ว

"สวัสดี" ในขณะที่เจ้าของชื่อทักทายด้วยรอยยิ้ม

"นั่นพ่อมดนี่" คราวนี้เป็นพี่เบลที่พูดขึ้นบ้าง นัยน์ตาของเจ้าหล่อนมองทุกคนสลับกันด้วยความสงสัย ก่อนจะหยุดที่คนข้างๆ ตัว "นายรู้จักเขาหรอไรเกอร์"

"เอ่อ.. คือไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวหรอก แต่พอดีเราเรียนไฮสคูลที่เดียวกันตอนอยู่โลกเวทมนตร์น่ะ แล้วก็..ไม่มีพ่อมดแม่มดคนไหนไม่รู้จักเหล้ารัมด้วย"

ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองมั้ย แต่เหมือนว่าสายตาของไรเกอร์จะดูชื่นชมเหล้ารัมมากทีเดียวเลยนะ ดูท่าว่านายเหล้ารัมนี่จะไม่ใช่พ่อมดธรรมดาๆ แฮะ

"แต่ฉันรู้จักนายนะไรเกอร์ โดโนแมน นายเป็นนักเรียนดีเด่นด้านสมุนไพรวิเศษวิทยาของโรงเรียน จำได้ว่าฉันเคยดูผลงานการปลูก 'คุณนายชงชา' ของนายด้วย มันเป็นต้นที่น้อยคนจะปลูกได้ แต่นายกลับไร้ที่ติ"

ไรเกอร์ฟังสิ่งที่เหล้ารัมพูดแล้วทำหน้าทำตาราวกับว่าไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง แต่หลังจากนั้นเขาก็รีบกล่าวขอบคุณ ดูจะตื่นเต้นและดีใจไม่น้อยเลยด้วย

"แล้วนายมาทำอะไรที่นี่ไม่ทราบ" ต่างจากพี่เบลที่ดูว่าจะโฟกัสได้ตรงจุดกว่า

นั่นทำให้พ่อกับแม่ผมหันมองหน้ากัน ดูลำบากใจไม่น้อยที่จะพูด เลยกลายเป็นเหล้ารัมนั่นแหละที่ตอบคำถามของตัวเองด้วยรอยยิ้ม

"ขอโทษด้วยนะครับ แต่ผมเกรงว่านี่จะเป็นเรื่องส่วนตัวของผมกับคุณพ่อคุณพ่อของวาฬ" หากแต่เป็นรอยยิ้มที่ผมดูออกว่าถูกประดิษฐ์ขึ้น เหมือนเครื่องหมายทางการค้าอะไรแบบนั้น

แล้วพูดมาซะขนาดนี้มีหรอที่คนอย่างพี่เบลจะพอใจ เธอดูอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มกัดริมฝีปาก พลางทำหน้าเหมือนพวกตัวร้ายในละครหลังข่าว แล้วสะบัดหน้าเดินจากไปพร้อมกับเสียงกระทืบเท้าตึงตัง

ช่างดู..ขาดการอบรมสั่งสอนชะมัด

ตะ...แต่นี่ผมไม่ได้ต่อว่าพี่เบลนะ แค่พูดตามสิ่งที่เห็นเท่านั้นเอง

"งั้นผมต้องขอตัวก่อนนะครับ" แน่นอนว่าไรเกอร์เองก็ต้องตามพี่เบลไปด้วย แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะกล่าวลา

ทีนี้ก็เลยเหลือแค่พวกเรา ที่ผมจะต้องรู้ให้ได้ว่าเข้าไปคุยอะไรกันซะนานสองนานขนาดนั้น

"เข้าไปคุยอะไรกัน บอกผมมาเดี๋ยวนี้เลยนะ" ผมกอดอกอย่างเอาเรื่อง จงใจหยุดสายตาตอนพูดที่เหล้ารัม แต่ดูเขาสิ ไม่สะทกสะท้ายเลย แถมยังส่งยิ้มแบบที่เป็นยิ้มจริงๆ ให้อีก

"เอาล่ะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว แม่จะเป็นคนบอกวาฬเองก็แล้วกัน" แม่เป็นฝ่ายเปิดประเด็น ท่านเดินเขามาใกล้ พลางเกลี่ยเส้นผมที่มันเกาะอยู่บริเวณห่างตาของผมออกด้วยสัมผัสที่อ่อนโยน

"นี่มันเรื่องอะไรกันครับแม่" ผมถามย้ำอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าจะเค้นเอาคำตอบให้ได้เหมือนตอนแรก แต่รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่แม่ส่งผ่านมา มันเหมือนว่าแม่กำลัง..มีความสุขกับอะไรสักอย่าง..

"พวกเราคุยกันแล้ว และแม่กับพ่อตัดสินใจว่าจะให้วาฬย้ายไปอยู่ที่คอนโดกับเหล้ารัมจ้ะ" แม่ยิ้ม ในขณะที่ผม..

"อะ..อะไรนะ!?"

ร้องถามเสียงหลงด้วยความตกใจประหนึ่งว่าบ้านไฟไหม้!

"ก็ตามที่แม่บอกนั่นแหละ ย้ายไปอยู่กับเหล้ารัมซะ เดี๋ยวพ่อจะช่วยวาฬจัดกระเป๋าเอง" ทีนี้เป็นตาพ่อพูดขึ้นบ้าง นั่นยิ่งทำให้ผมอึ้งซ้ำอึ้งซ้อนเข้าไปอีก

คิดดูนะ ปกติขนาดผมขอแค่ไปกินข้าวดูหนังกับไอ้เอก พ่อกับแม่ยังแทบจะไม่อนุญาตเลย ให้คนขับรถผมไปคอยตามประกบติดตลอด ละ..แล้วนี่มันอะไรกัน! จู่ๆ ก็ให้ผมย้ายไปอยู่กับพ่อมดที่เพิ่งจะเจอกันแค่วันเดียวเนี่ยนะ!?

"ดะ..เดี๋ยวนะครับ แล้วทำไมผมจะต้องย้ายไปอยู่กับเหล้ารัมด้วย!?"

"เรื่องนั้นเหล้ารัมจะเป็นคนบอกลูกเองเมื่อไปถึงคอนโดของเขาแล้ว แต่ว่าตอนนี้น่ะ ลูกรีบขึ้นไปจัดกระเป๋าก่อนดีกว่า จะได้ไม่เสียงเวลา" พ่อกับแม่ตั้งท่าจะลากผมขึ้นไปบนห้อง ดูท่านทั้งสองจะตื่นตัวผิดปกติมากเมื่อเทียบกับที่แล้วๆ มา จนผมต้องรีบถอยหนี พร้อมกับประกาศจุดยืนชัดเจน

"ไม่!" ผมโวย ก่อนจะตวัดสายตาหันไปหาเหล้ารัมที่น่าจะเป็นบิ๊กบอสของเรื่องการย้ายที่อยู่ในครั้งนี้ "ผมจะไม่ย้ายไปไหนทั้งนั้น จนกว่าผมจะได้รู้สาเหตุที่ผมจะต้องย้าย เพราะฉะนั้น ขอผมคุยกับเหล้ารัมเป็นการส่วนตัวก่อน ไม่งั้นผมจะไม่ยอมทำตามคำสั่งของพ่อกับแม่เด็ดขาด!"

พูดจบแค่นั้น ผมก็หันเดินออกไปทางทิศตะวันตก ซึ่งเป็นทางเดินไปยังสวนของบ้าน โดยที่มั่นใจมากว่าเหล้ารัมจะต้องเดินตามออกมาแน่นอน

ถึงผมจะอยากมีชีวิตที่แตกต่างไปจากความราบเรียบแสนน่าเบื่อจากการรอความตายที่เป็นอยู่ก็เถอะนะ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะยอมทำนั่นทำนี่เพียงเพราะว่าทุกคนบอกให้มันเป็นงั้นเป็นงี้โดยที่ไม่มีข้อมูลอะไรในหัวเลยแม่แต่นิดเดียว

เอาไว้รอฟังเหตุผลก่อน แล้วผมจะเป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตัวเอง

จบนะ!

(http://3.bp.blogspot.com/-K4uGPMHBFL8/Vkqbvu7BYJI/AAAAAAAAAMU/BvXEb3oq544/s1600/LwGGTRf.gif)

#แฮมสเตอร์

เหลือ 2.2 อีกหนึ่งฉาก ก็จบบทสองเลยนะครับ
อาจจะดูสั้นไป แต่คิดว่าไม่มีอะไรที่ยาวเท่าบทที่หนึ่งอีกแล้ว

คือผมคิดว่ามันเป็นสไล์ของผมนะ
แบบว่าแต่ละบทก็จะมีความยาวไม่เท่ากัน บ้างสั้นบ้างยาวสลับกันไป
เพราะผมจะเน้นที่เนื้อหาว่าอยากจะเล่าอะไรในบทนั้นๆ มากกว่า
แล้วจบตรงไหนก็คือเคาะแค่นั้น ไม่โฟกัสว่าบทนั้นบทนี้ต้องได้กี่หน้า
ส่วนบทหนึ่งจะเป็นบทที่จัดเต็มที่สุด
ทั้งๆ ที่มีเพื่อนผมหลายคนบอกว่าไม่ควรเปิดยาวแบบนั้น
แต่ผมกลับรู้สึกว่า เจอกันครั้งแรก ก็อยากให้จัดเต็มกันไปเลย
เหมือนดูซีรี่ส์ EP.1 แบบจุใจอะไรแบบนั้นน่ะครับ

ผมว่าผมพูดมากไปแล้ว
ยังไงก็ขอบคุณที่อ่านกันนะครับ


ป.ล. หากใครอยากพูดคุยอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้ใน twitter ฝาก #พ่อมดเหล้า เพื่อง่ายต่อการตามอ่านของคนเขียนนะครับ ขอบคุณมากๆ เลยครับ

my page : https://www.facebook.com/hamsterisanauthor/

 :heaven

หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.1) - 5/14/2016
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 14-05-2016 15:07:02
บร๊ะ เจ้า

เหล้ารัมมมมม แผนสูงนะเธอว์


อยากได้กลิ่นอายโลกเวทมนตร์เยอะๆค่ะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 1 (1.5) - 5/13/2016
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 14-05-2016 15:29:41
รอติดตามอยุ่นะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.1) - 5/14/2016
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 14-05-2016 15:53:18
นานๆทีเจอนิยายแบบนี้ ชอบอ่ะ  :impress2:

ต่อไปนี้จะเป็นการตามติดชีวิตเหล้ารัมกับน้องวาฬ

เอ๊ะอ้อ จะเป็นอย่างไรต่อไป ต้องตามมมมม :katai5:

หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.1) - 5/14/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Oo๐FosfoggY๐oO ที่ 14-05-2016 16:09:09
เหล้ารัมรุกหนักมว๊ากกกกกกก  :-[
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.1) - 5/14/2016
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 14-05-2016 16:10:02
ไรเกอร์มองเหล้าแบบชื่นชมสงสัยพี่เหล้าจะเก่งน่าดู

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.1) - 5/14/2016
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 14-05-2016 16:34:37
กรี๊ดดดดดดด รักเลย :impress2: รักความเหล้ารัม น้องวาฬน่าเอ็นดู นังพี่เบลนี่อะไร น่า :z6:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.1) - 5/14/2016
เริ่มหัวข้อโดย: BBnuna ที่ 14-05-2016 16:45:11
ติดตามๆ น่าสนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.1) - 5/14/2016
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 14-05-2016 17:39:19
เค้าจะย้ายไปอยู่ด้วยกันล้าวววว
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.1) - 5/14/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 14-05-2016 18:13:27
 :katai4: :ling1: ค้างเลย ได้อารมณเหมือนดูหนัง 5555. รอดูเหล้ารัมจะทำไรต่อไป
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.1) - 5/14/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 14-05-2016 18:18:47
โผล่มาก็ไปขอพ่อกับแม่ให้เค้าไปอยู่ด้วยเลยน้าาา
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.1) - 5/14/2016
เริ่มหัวข้อโดย: akashita ที่ 14-05-2016 18:47:07
รอออ 2.2 ค่าาา
แอบคิดว่าพ่อมดต้องขอทำสัญญากะน้องวาฬแน่เบย.. หุหุ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.1) - 5/14/2016
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 14-05-2016 19:31:23
 :mew1:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.1) - 5/14/2016
เริ่มหัวข้อโดย: loneliest ที่ 14-05-2016 21:47:09
ชอบมากๆเลยค่ะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.1) - 5/14/2016
เริ่มหัวข้อโดย: cinnsin ที่ 14-05-2016 22:03:05
สงสัยจะได้คู่พันธะสัญญาคนใหม่แล้วมั้งคะะะะะะ -//////-
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.1) - 5/14/2016
เริ่มหัวข้อโดย: thanapontigy ที่ 14-05-2016 23:04:21
รอค่ะ หุหุ  :hao6:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.1) - 5/14/2016
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 14-05-2016 23:27:30
สนุกมากๆเลย น้องวาฬน่ารักมากจริงๆ สงสารนางที่โดนทำนายผิดแต่อย่างน้อยก็ยังมีทางแก้
นายเหล้าเปิดตัวได้อลังมาก แล้วที่จะเอาววาฬไปอยู่ด้วยคือไร? เร็วไปมั้ยพ่อคุณ? แหมๆๆๆๆๆ
รำคาญผู้หญิงแบบพี่เบล นิสัยเหมือนพ่อแม่ไม่เคยอบรมแบบนี้น่าจะตายๆไปซะ มาต่ออีกน้าาา
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.1) - 5/14/2016
เริ่มหัวข้อโดย: kiolkiol ที่ 15-05-2016 00:04:13
 :L2: :L2: สนุกมากค่ะ ส่วนตัวไม่ค่อยเจอเรื่องนวนี้มาก่อน แต่เป็นคนชอบแฟนตาซีเป็นชีวิตจิตใจบอกเลยค่ะว่า ติดตามแน่นอน
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.1) - 5/14/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 15-05-2016 02:58:17
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.1) - 5/14/2016
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 15-05-2016 04:22:06
ตกลงกันให้ดีๆนะวาฬน้อย สงสัยเหล้ารัมจะเป็นคนดังน่าดู
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.1) - 5/14/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Snimsoi ที่ 15-05-2016 07:01:39
พล็อตเรื่องน่าสนใจค่ะ ติดซะแล้วสิ
แล้วอะไรคะคุณเหล้า อยู่ๆมาชอบวาฬได้ยังไง ถึงขนาดมาเข้าหาพ่อแม่เขาแบบนี้
จะทำพันธะสัญญากับวาฬหรอ
สงสัยว่าวาฬไม่มีคู่สัญญามาหลายปีแล้วจะมีปัญหามั๊ยงี้
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.1) - 5/14/2016
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 15-05-2016 07:50:37
มีคำถามค้าาาาาา

1. ที่วาฬบอกว่า "มนุษย์แบบผม" นี่หมายถึงแบบไหนคะ?
2. ตระกูลของวาฬที่เกี่ยวข้องกับแม่มดพ่อมด นอกจากรู้ว่าคนไหนใช่/ไม่ใช่ สามารถต้านเวทมนตร์การเข้าสังคมมนุษย์ได้ไหม??

ขอบคุณคัฟฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.1) - 5/14/2016
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 15-05-2016 09:56:18
ว้าว เพิ่งสังเกตุจริงๆจังๆ คนแต่งเป็นผู้ชายหรือคะเนี่ย นิยายน่ารักน่าสนใจจริงๆค่ะ ชอบการบรรยายของคนเขียนค่ะ มันอ่านง่ายจริงๆ บอกไม่ถูก ไม่ต้องบรรยายการกระทำทุกตัวอักษรก็เห็นภาพได้ง่าย สัมผัสได้ถึงความงอแงน่ารักผ่านความคิดของวาฬเล็กน้อยทั้งๆที่วาฬบรรยายเรื่องอื่นๆอยู่ 555 เคยอ่านมังงะเรื่องนึง เป็นเรื่องธรรมดาๆ แต่คนวาดเขาวาดเหมือนหลุดเข้าไปในโลกเวทมนตร์ค่ะ เหมือนเรื่องนี้ที่อ่านแล้วรู้สึกว่า มันระยิบระยับมากเลย  ชอบค่ะ อาจไม่ได้ตามในเพจ แต่จะเม้นในนี้แทนนะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.1) - 5/14/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 15-05-2016 11:20:57
มีคำถามค้าาาาาา

1. ที่วาฬบอกว่า "มนุษย์แบบผม" นี่หมายถึงแบบไหนคะ?
2. ตระกูลของวาฬที่เกี่ยวข้องกับแม่มดพ่อมด นอกจากรู้ว่าคนไหนใช่/ไม่ใช่ สามารถต้านเวทมนตร์การเข้าสังคมมนุษย์ได้ไหม??

ขอบคุณคัฟฟฟฟฟ

ขออนุญาตตอบคำถามนะครับ
1. ที่ว่า 'มนุษย์แบบผม' ก็คือมนุษย์ที่มีความเกี่ยวข้องกับพวกพ่อมดแม่มดครับ ด้วยความที่อยู่กับพ่อมดแม่มดมานาน ผูกพันกันมาด้วยตระกูลที่เป็นแบบนี้ ก็เลยทำให้เขาเป็นมนุษย์ประเภทที่แยกแยะได้ว่าคนนั้นคนนี้เป็นพ่อมด เพราะจะเห็นพลังมนตรา
2. ได้ทั้งตระกูลครับ คือเอาง่ายๆ พวกพ่อมดแม่มดไม่สามารถมาตบตาหลอกว่าเป็นมนุษย์กับคนของตระกูลนายเอกได้ครับ

ถ้าสงสัยอะไรเพิ่มเติมก็ถามมาได้นะครับ
หรือไปถามในเพจก็ได้ จะได้ไม่เป็นการปั่นนิยายครับ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.1) - 5/14/2016
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 15-05-2016 12:21:54
ชอบมากเลยค่ะ นานๆทีจะเจอแนวนี้
อ่านเพลินมาก สนุกมาก
น้องวาฬน่ารักจัง เหล้ารัมก็เท่
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.1) - 5/14/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 15-05-2016 18:16:49
ชอบบบบบ
สนุก แฟนซีแต่ไม่แฟนซี คืออ่านแล่วก็ไม่มีขัดตาอะไรเลย
สนุกมาก ภาษาลื่นอ่านสนุกมากเลย
รอ 2.2 นะคะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.2 - จบตอน) - 5/15/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 15-05-2016 21:32:08
2.2

ผมพยายามเคลียร์สมองให้โล่ง สูดลมหายใจเข้าให้ลึก และปรับระดับอารมณ์ของตัวเองให้ลดลงกว่าที่เป็นอยู่ก่อนหน้า เพราะยอมรับเลยว่าบรรยากาศของสวนในโซนบ้านผมนั้นช่วยสร้างความผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี ต่างจากสวนของบ้านพี่เบลที่จะอัดแน่นไปด้วยสมุนไพรวิเศษต่างๆ ซึ่งถูกปลูกและดูแลโดยพ่อมดคู่พันธะสัญญาของเธอ

อันที่จริงหลายคนอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ ทำไมพี่เบลกับไรเกอร์ถึงเข้าออกบ้านผมได้ง่ายดายนัก? คืองี้ครับ ด้วยความที่อลิชาเป็นตระกูลใหญ่ คุณปู่และคุณย่ามีลูกด้วยกันถึงแปดคน (พ่อผมเป็นคนสุดท้อง) แล้วลุงๆ ป้าๆ ก็แตกหน่อไปอีก มันเลยยากต่อการจัดการให้เป็นระบบระเบียบ โดยเฉพาะเมื่อเราเป็นครอบครัวที่มีความลับในแบบที่ไม่สามารถให้ใครล่วงรู้ได้ เพราะฉะนั้นคุณปู่ถึงได้สร้างอาณาจักรของอลิชาขึ้น โดยที่ในหนึ่งรั้วนี้มีบ้านด้วยกันทั้งหมดเก้าหลัง เป็นของลุงๆ ป้าๆ รวมถึงบ้านของพ่อผมรวมกันแปดหลัง ส่วนหลังที่เก้าเราจะเรียกว่า 'บ้านใหญ่' เป็นของคุณปู่คุณย่าและที่รวมญาติอย่างเป็นทางการ

ด้วยความที่ถึงจะอยู่กันคนละบ้าน แต่รั้วเดียวกัน จึงสามารถไปมาหาสู่กันได้อย่างง่ายดาย และแต่ละบ้านก็จะมีวัฒนธรรมการอยู่การกินที่แตกต่างออกไปตามสไตล์ความชื่นชอบ

สวนนี่ก็เช่นกัน มันถูกออกแบบมาเพื่อความผ่อนคลายในแบบที่พ่อแม่และผมชื่นชอบโดยแท้ เพราะฉะนั้นถ้าอยากจะคุยเรื่องจริงๆ จังๆ แบบไม่ให้เกิดความเครียด ผมก็มักจะเดินออกมาคุยกันในสวนเนี่ยแหละ

ซึ่งถึงผมจะไม่ได้โกรธอะไรมาก แต่ก็ยอมรับว่าอารมณ์มันแกว่งๆ นิดหน่อยนะ ที่จู่ๆ เหล้ารัมก็เดินเข้ามา แล้วพ่อแม่ก็สั่งผมให้ไปอยู่กับเขา ทั้งๆ ที่เป็นคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย

แบบนี้มันไม่แฟร์อะ!

นั่นไง พอพูดแล้วขึ้นเลยเห็นมะ ฟืดดดดดด~ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ วาฬ ใจเย็นไว้~

"คุณมีอะไรจะคุยกับผมหรอวาฬ"

"ยังจะมาถามอีก" ผมรีบหันกลับไปสวนเขาทันที ซึ่งอีกฝ่ายกลับส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้อย่างเปิดเผย ราวกับจงใจจะยั่วโมโหผมอย่างงั้นแหละ มะ..มันน่านัก! "ก็มันเรื่องอะไรกันล่ะ จู่ๆ คุณก็เข้าไปคุยกับพ่อแม่ผมเป็นการส่วนตัว แล้วพวกท่านก็สั่งให้ผมย้ายไปอยู่กับคุณที่คอนโดแบบเนี้ย มันเรื่องอะไรกันแน่"

เป็นอีกครั้งที่ผมกอดอก มันเป็นภาษากายที่ผมชอบทำมากเวลาต้องการคำตอบอย่างจริงจัง

ทว่า..

"ใจเย็นสิครับ" เขากลับพูดจานุ่มนวลอ่อนหวาน แล้วเดินเข้ามาแกะมือผมออกจากกัน ทั้งๆ ที่ปกติผมควรจะต้องสะบัดมือหนี แต่พอเป็นเขาทำ มันกลับดูเป็นอะไรที่น่าโอนอ่อนผ่อนตามชะมัด!

"งะ..งั้นก็พูดมาสิ" ยิ่งลองเสียงสั่นแบบนี้ อีกฝ่ายต้องรู้แน่ว่าผมหวั่นไหวน่ะ อะไรกันวะวาฬ นอกจากจะแพ้ทางความหล่อเหลาลูกครึ่งของพ่อมดคนนี้แล้ว ยังแพ้ทางการกระทำของเขาอีกหรอเนี่ย!?

ไม่สตรองเลย!

"ที่พ่อกับแม่คุณให้คุณย้ายไปอยู่กับผม เพราะผมบอกพวกท่านไปว่าเราสองคนจะทำพันธะสัญญาครั้งที่สองร่วมกัน"

ผมถึงกับขมวดคิ้วมุ่น เพราะไม่เข้าใจจริงๆ ว่าสิ่งที่เขาพูดถึงคืออะไร พันธะสัญญาที่สองอะไรกัน แล้วจะทำไปเพื่อ
อะไร ยังไงกันฟะ!?

"หมายความว่าไง ผมไม่เข้าใจ"

ผมรู้เลยว่าตัวเองสับสนมาก เพราะสมองที่เคยโล่งกลับเต็มไปด้วยคำถาม ในขณะที่อีกฝ่ายเลื่อนมือจากช่วงแขนลงมากุมมือทั้งสองข้างของผมเอาไว้ ก่อนจะเริ่มอธิบายอย่างใจเย็น "คุณฟังผมนะวาฬ ในโลกเวทมนตร์ของเราจะมีการทำพันธะสัญญาเวทมนตร์ด้วยกันทั้งหมดสามครั้ง"

"สะ..สามครั้งเลยหรอ?" แล้วทำไมพอตอนที่ตระกูลผมทำเรื่องขอให้ราชวงศ์ช่วยหาพ่อมดแม่มดมาทำคู่พันธะสัญญากับผมอีกครั้ง พวกเขาถึงเงียบไปล่ะ แม้แต่พอถามเอาความจากพ่อมดแม่มดที่เข้ามาเป็นคู่พันธะสัญญากับหลานคนอื่นๆ ในตระกูก็ไม่สามารถให้คำตอบได้ แต่เหล้ารัมกลับบอกว่าทำได้ถึงสามครั้งเนี่ยนะ?

"ใช่ ทำได้ทั้งหมดสามครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งก็จะมีความแตกต่างกันออกไป"

"ยังไงครับ"

"ก็พันธะสัญญาครั้งแรก คุณจะต้องทำตั้งแต่ตอนที่ยังอยู่ในครรภ์มารดา เป็นพันธะสัญญาที่บริสุทธิ์ที่สุด"

ผมพยักหน้ารับฟังโดยที่ไม่ปริปากพูดอะไรออกไป ถึงจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับพันธะสัญญาครั้งที่หนึ่งดีอยู่แล้วก็ตาม แต่รู้สึกว่าไม่อยากขัดสิ่งที่เหล้ารัมกำลังอธิบายอยู่

"ส่วนพันธะสัญญาครั้งที่สอง เป็นพันธะสัญญาที่ผมตัดสินใจแล้วว่าจะทำมันร่วมกับคุณ เป็นพันธะสัญญาที่เกิดจากความสัมพันธ์ของคู่พันธะสัญญาทั้งสองฝ่าย เพราะฉะนั้น พ่อแม่คุณถึงอนุญาตให้คุณไปอยู่กับผมที่คอนโดไง : )"

"ทำไมล่ะ มันเกี่ยวกับการไปอยู่คอนโดด้วยหรอ" ทีแรกผมก็ว่าจะไม่ขัดนะ แต่พอฟังสิ่งที่เขาพูดออกมา บวกกับรอยยิ้มหวานๆ ทว่าแฝงความเจ้าเล่ห์นิดๆ มันเลยทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้จริงๆ

ว่านี่น่ะ มันเป็นการมาไม้ไหนกันแน่!?

"เกี่ยวสิ ทำไมจะไม่เกี่ยว" เหล้ารัมกระชับความห่างให้ใกล้กันมาขึ้นกว่าเดิม พลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ เหมือนพวกพระเอกซีรี่ส์เกาหลี จนตอนนี้สายตาของผมเลยโฟกัสแค่นัยน์ตาสีม่วงเป็นประกายของเขาได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น "ในเมื่อพันธะสัญญาครั้งที่สองจะสำเร็จได้ด้วยการที่ต่างฝ่ายต่างมีความรักให้แก่กัน เพราะฉะนั้นการที่เราสองคนไปอยู่ด้วยกันที่คอนโด ก็จะยิ่งทำให้สามารถสานสัมพันธ์กันได้มากขึ้น พอถึงจุดที่เรารักกันแล้ว พันธะสัญญาก็จะสำเร็จลุล่วง แล้วคุณเองก็จะได้มีชีวิตต่อไปไง : )"

"..."

ตึกตัก ตึกตัก

คำว่า 'มีชีวิตต่อไป' ทำให้ผมปิดปากเงียบ.. ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่คำว่า 'มีชีวิต' มันดูน่าฟังและมีผลกับใจผมมากๆ เมื่อออกมาจากปากคนตรงหน้า

แต่พอจินตนาการว่าเราจะต้องไปสานสัมพันธ์กันที่คอนโดให้ก่อเกิดเป็นความรัก พันธะสัญญาถึงจะสำเร็จลุล่วง ภาพเหล่านั้นกลับทำให้ผมรู้สึกร้อนขึ้นมาทันทีที่สองข้างแก้ม ขนาดว่าต้องรีบหลบสายตา แล้วผละตัวเองออกมาจากความเนียนในการประชิดตัวของอีกฝ่าย

พะ..เพราะแต่ละภาพ...มันชวนหวิวสุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

"ละ..แล้วคุณไม่คิดจะถามผมสักนิดเลยหรอว่าผมอยากไปอยู่กับคุณมั้ย คิดเองเออได้ที่ไหนกันเรื่องแบบนี้น่ะ!" ผมแกล้งโวย เพื่อไม่ให้เขาเห็นอาการผิดปกติจากตัวผม ในขณะเดียวกัน ผมก็อยากจะสลัดภาพเหล่านั้นออกไปจากหัวด้วย

แต่กลับกลายเป็นว่ายิ่งทำให้ตัวเองเดือดร้อนกว่าเดิม เมื่อเจอสิ่งที่เหล้ารัมตอบกลับมา!

"ไม่ถามหรอก เพราะผมรู้ดีว่าคุณอยากไปอยู่กับผม"

"ระ..รู้ได้ไง ใครบอกไม่ทราบ!"

"ก็ตาคุณมันฟ้อง : )"

"..."

วินาทีนั้น...ผมเหมือนโดนคู่ต่อสู้ชกเข้าที่แก้มด้านซ้าย!

หาคำที่จะเถียงนายพ่อมดผมบลอนด์นี่ไม่ออกเลย... เพราะมันก็คงจะจริงอย่างที่เขาว่า คือ... ผมถูกใจเหล้ารัมนะ ยอมรับตรงๆ แบบไม่อ้อมค้อมเลย ถูกใจตั้งแต่ตอนที่เจอกันครั้งแรกเลยด้วยซ้ำ ยิ่งตอนที่เขาเดินเข้ามาในบ้าน ทั้งๆ ที่ผมคิดว่าคงจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้ว มันเหมือน...มีบางอย่างในใจที่ทำให้ผมรู้สึกดีกับเขามากขึ้น

ยิ่งการยื่นมือเข้ามาช่วย ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าผมกำลังจะตาย ผมก็ยิ่งรู้สึกดีกับเขามากขึ้นไปใหญ่ ถึงจะไม่ได้พูดออกไปก็เถอะ แต่ใจผมมันก็บอกกับตัวเองแบบนั้นจริงๆ ว่าเขาเป็นอะไรที่ทำให้ผมรู้สึกพิเศษมากๆ

นอกจากนี้ เหล้ารัมก็เหมือนเข้ามาได้จังหวะเวลาพอดิบพอดี เพราะมันเป็นช่วงสี่เดือนสุดท้ายที่ผมรู้สึกว่าชีวิตมันหมดหวังและไร้เรื่องราวความน่าสนใจไปแล้ว เหมือนอยู่รอความตายไปวันๆ แต่พอมีเขาเข้ามา ความรู้สึกของผมกลับเปลี่ยนแปลงไป คือผม..มีความหวัง แม้จะเพียงแค่เล็กน้อย แต่ผมก็ยังมีความหวัง..ว่าผมจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป

ราวกับว่า..แค่เหล้ารัมมา หมอกร้ายก็จางหายไป

"แล้ว..คุณจะมั่นใจได้ยังไง ว่าเราสองคนจะรักกันได้ในเวลาสี่เดือนที่เหลือ" พอเริ่มคิดว่าใจจริงผมก็อยากจะไปอยู่เพื่อทำพันธะสัญญากับเหล้ารัม ผมก็ดูจะเสียงอ่อนลงอย่างคนยอมแพ้ แต่ก็ยังไม่วายหาเงื่อนไขขึ้นมาถามอีกฝ่าย ทั้งๆ ที่แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่กล้าที่จะสบตา...

"ผมก็ไม่ได้บอกว่าผมมั่นใจนะ แต่คิดว่ามันคงดีกว่าหากไม่ลงมือทำอะไรเลย แล้วปล่อยให้คนที่ผมชอบตายไปแบบนี้"

แล้วก็เป็นอีกครั้ง..ที่รู้สึกเหมือนตัวเองถูกคู่ต่อสู้ปล่อยหมัดใส่แก้มด้านซ้าย!

ผมลากสายตากลับมามองเหล้ารัม พยายามหาบางสิ่งบางอย่างจากนัยน์ตาคู่นั้น บางสิ่งบางอย่าง..ที่อาจจะทำให้ผมรู้ว่าเขากำลังบิดเบือนสิ่งที่ตัวเองพูด

แต่มันไม่มีเลยสักนิด.. ตรงกันข้าม สายตาที่มองมาของนายพ่อมดนั้นเต็มไปด้วยความจริงใจในแบบที่ผมสัมผัสได้ หรือต่อให้เป็นเพียงการแสดง เขาก็คงเป็นถึงระดับนักแสดงชั้นยอด

"ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมคุณถึงต้องดีกับผมขนาดนี้ด้วย ทั้งที่แค่เจอกันวันเดียว คุณก็ชอบผมซะแล้ว" ผมส่ายหน้าไปมา ไม่ได้ต้องการคำตอบในสิ่งที่ถาม มันเป็นการเปรยไปเฉยๆ เท่านั้น อยากให้เขารู้ว่าผมยอมแพ้ต่อเหตุผลของเขาจริงๆ

"อันนี้ผมก็ตอบไม่ได้ มันเป็นเรื่องของความรู้สึก พ่อมดอย่างผมที่เกิดมาไม่เคยชอบใครเลย จู่ๆ ได้มาใจเต้นแรงเพราะคุณ แถมยังละสายตาจากคุณไม่ได้ ผมก็คิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญเหมือนกัน" แต่กลายเป็นว่าเหล้ารัมกลับมีคำตอบที่มาพร้อมกับนวมล่องหนที่ชกเข้าบริเวณกลางท้องของผมเต็มแรง!

"แต่ถ้าไม่สำเร็จ คุณจะไม่ได้อะไรจากเรื่องนี้เลยนะ นอกจากความเสียใจที่เห็นผมตายน่ะ" ผมก็เลยต้องถือโอกาสนี้สวนหมัดกลับไปบ้าง

ทว่า...

"ใครว่าไม่ได้" เหล้ารัมเว้นจังหวะเล็กน้อย พลางขยับเดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะเกลี่ยเส้นผมที่ข้างแก้มออกให้ด้วยสัมผัสอันอ่อนโยน หากแต่ฝากร่องรอยความร้อนไว้ที่บริเวณนั้น "ก็ผมได้มีคุณอยู่ในชีวิตนับจากนี้สี่เดือนไง : )"

"..."

...ผมถูกหมัดล่องหนชกเสยปลายคางในวินาทีต่อจากนั้น

ถ้าจะให้บรรยายภาพตอนนี้ ผมคงไม่ต่างอะไรกับนักมวยที่ถูกฝ่ายตรงข้ามอัดจนน่วม นอนรอกรรมการนับถอยหลังและปรับแพ้ไปในที่สุด

เพราะฉะนั้นผมคงไม่มีคำตอบอื่นอีกแล้ว นอกจาก...

"โอเค ผมยอมแพ้ ผมจะย้ายไปอยู่กับคุณครับเหล้ารัม"

(http://pic.pimg.tw/demona/1405329580-1468390043.gif)

จบตอนที่ 2

#แฮมสเตอร์

ขอบคุณทุกคนที่อ่านและคอมเม้นท์กันนะครับ
ดีใจมากจริงๆ รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาก
ยอมรับว่าช่วงที่แต่งไม่มีความั่นใจเลยครับ กลัวว่าตัวเองจะชอบอยู่คนเดียว ฮ่าๆๆๆๆ

ส่วนตอนที่ 3 นั้น
ผมต้องขอแจ้งว่าอาจจะต้องเว้นช่วงไปสักหนึ่งอาทิตย์นะครับ
ด้วยเหตุที่ว่าผมมีสอบต่อโทในวันที่ 17 ครับ
ยังไงก็อย่าเพิ่งลืมกันนะครับ
ทันทีที่เสร็จสิ้นภารกิจ จะเอาบท 3 มาเสิร์ฟให้ทันทีเลยนะครับ

ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งนะครับ
ผมไม่รู้จะบอกทุกคนที่อ่านยังไงดี นอกจากคำว่าขอบคุณจากใจจริงครับ

ป.ล. หากใครอยากพูดคุยอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้ใน twitter ฝาก #พ่อมดเหล้า เพื่อง่ายต่อการตามอ่านของคนเขียนนะครับ ขอบคุณมากๆ เลยครับ

my page : https://www.facebook.com/hamsterisanauthor/

 :call:

หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.2 - จบตอน #P.2) - 5/15/2016
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 15-05-2016 21:47:53
เหมือนวาฬโดนฮุคซ้ายสองทีแล้วเสยปลายคางเหรอคะ? อิอิ

เหล้ารัมยังไม่เฉลยพันธะอันที่ 3 เลยอ้าาาาาาาา รีบไปไสสสสสสสสสส  :ling1:



โชคเอกะการสอบนะคะ ฉู้ๆ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.2 - จบตอน #P.2) - 5/15/2016
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 15-05-2016 22:04:03
ถ้าสี่เดือนไม่สำเร็จ เราอาสาไปปลอบใจเหล้ารัมนะคะ 555555
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.2 - จบตอน #P.2) - 5/15/2016
เริ่มหัวข้อโดย: IaminLove ที่ 15-05-2016 22:05:18
วาฬไม่ยอมรับความจริงแน่ะว่าถูกใจเค้าเหมือนกัน 55 ใครว่าสี่เดือนจะตกหลุมรักไม่ได้ ใจเอนเอียงขนาดนี้แล้วแท้ๆ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.2 - จบตอน #P.2) - 5/15/2016
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 15-05-2016 22:09:48
 o13 o13 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.2 - จบตอน #P.2) - 5/15/2016
เริ่มหัวข้อโดย: KanomPhing ที่ 15-05-2016 23:00:41
เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ. ชอบมากกกก. ก.ไก่ล้านตัว
นิยายสไตล์นี้มันก็เรื่อยๆ อบอุ่นหัวใจดีนะคะ
จะมีพาไปในโลกเวทมนต์บ้างมั้ยยยยย
ส่วนตัวเราชอบอ่านนิยายแนวเวทมนต์ๆนะ คือชอบเวลาเราได้ไปอยู่อีกโลกนึง
แล้วก็เป็นสาววายคนนึง. ถ้าคนเขียนจะเอาสองสิ่งที่เราชอบมารวมกันจะปลื้มมากเลยยย
คาดว่าเหล้ารัมคงต้องเคยเจอนายเอกของเรามาก่อนหรือเปล่า โอ้ย เขินจัง ชักอิจฉาแล้วสิ

ปล.หวังว่าจะได้ไปในโลกเวทมนต์บ้างนะคะ

หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.2 - จบตอน #P.2) - 5/15/2016
เริ่มหัวข้อโดย: kiolkiol ที่ 15-05-2016 23:03:40
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.2 - จบตอน #P.2) - 5/15/2016
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 15-05-2016 23:21:43
วาฬ~~ ถ้าวาฬไม่ต้องการ โยนมาให้เราก็ได้ เราชอบบบ

ชีวิตเราร้างผู้ชายมานาน ผู้ชายแบบนี้ใครไม่อยากได้ล่ะ  :impress2:

เหล้ารัม พ่อไร่อ้อย อีกหน่อยวาฬคงต้องไปหาหมอแน่ๆ เพราะเบาหวานมันขึ้นตา  :haun5: :haun5: :haun5:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.2 - จบตอน #P.2) - 5/15/2016
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 16-05-2016 00:38:29
ดีงามค่ะ น้องวาฬจะได้มีชีวิตอยู่ต่อ  :katai2-1:
ไรท์สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้นะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.2 - จบตอน #P.2) - 5/15/2016
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 16-05-2016 01:42:05
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.2 - จบตอน #P.2) - 5/15/2016
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 16-05-2016 03:36:22
อาจจะโดนน็อคตั้งแต่หมัดแรกแล้วก็ได้นะวาฬ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.2 - จบตอน #P.2) - 5/15/2016
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 16-05-2016 06:14:16
อร๊างงงง เท่มากกก พ่อมดเหล้า
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.2 - จบตอน #P.2) - 5/15/2016
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 16-05-2016 08:00:09
วาฬโดนรุกหนัก เราก็เหมือนโดนไปด้วย อิอิ  :o8:

ติดตามนะคะ ชอบมากเลย รอจ้าา  :katai3: :mew1:  :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.2 - จบตอน #P.2) - 5/15/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 16-05-2016 11:18:10
โอ๊ยยย เขิน
ดาเมจเหล้ารัมช่างรุนแรง
เมาหมัดเหมือนวาฬเลย
น่ารักจังเลยยย

เค้าจะไปอยู่ด้วยกันแล้วละเธอ กรี๊ดดด
ไม่รักกันยังไงไหว
เมาเหล้า(รัม)เมารักกกก
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.2 - จบตอน #P.2) - 5/15/2016
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 16-05-2016 11:25:51
ขอแบบเหล้ารัม 1 คน :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.2 - จบตอน #P.2) - 5/15/2016
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 16-05-2016 12:00:20
เอาใจช่วยน้องวาฬ :o8: :-[
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.2 - จบตอน #P.2) - 5/15/2016
เริ่มหัวข้อโดย: holy_angel ที่ 16-05-2016 12:45:27
บอกเลยว่าโดน หานิยายแนวนี้ยากมากกก เอาใจช่วยน้า ทั้งเรื่องนิยายและเรื่องสอบ อ่านแล้วแบบเหมือนนิยายแปลเลยอ่ะ กลิ่นอายแบบแฮร์รี่ผสมฟิฟตี้ เฉด ลึกลับ น่าค้นหา ติดตามๆค่ะ :o8: o13
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.2 - จบตอน #P.2) - 5/15/2016
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 16-05-2016 22:58:43
สนุกมากกกกกก ติดมากกกกกกก ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก ขนาดว่าจะไปญี่ปุ่นพรุ่งนี้ของยังจัดไม่เสร็จ
เพื่อนส่งมาให้ลองเล่นๆซักตอนยังติดหนึบเลยค่ะ เราชอบการบรรยายภาษาของคุณนะ มันโอเคมากเลยอ่ะ
จะดีกว่านี้อีกนิดนึงถ้าได้ทวนคำผิดก่อนเอาลง แต่เท่าที่เห็นก็ไม่ได้มากจนอ่านขัดตาอะไรค่ะ

ชอบ mood and tone ของเรื่องมากอ่ะ คือมันดี 55555555 บอกไม่ถูกเลย คือดีจริงๆทุกอย่างเลย
ชอบวาฬนะ น่ารักดี แต่ยังแอบระแวงๆคุณพ่อมดเหล้ารัมเหมือนกันว่าจะมาดีจริงรึเปล่า ; _ ; .. ทุกอย่างดูน่ากังวลไปหมด
แต่เอาจริงๆก็คงดีแหละเนอะ หวังว่าอีกสี่เดือนที่เหลืออยู่คงมากพอจะทำให้อะไรดีๆเกิดขึ้นนะทั้งสองคน สู้ๆ!

คนเขียนก็สู้ๆด้วยค่ะ ขอให้การสอบผ่านไปด้วยดีและกลับมาอัพนิยายต่อไวๆนะคะ :-)
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.2 - จบตอน #P.2) - 5/15/2016
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 17-05-2016 22:33:43
ทำไมอะไรๆมันง่ายจัง?? วาฬเห็นนายเหล้าหล่อถูกใจหน่อยก็ใจเต้นจนยอมง่ายๆซะแล้ว
อ่านแล้วชอบความจริงใจกับคำพูดของนายเหล้ามาก เชื่อเลยว่า4เดือนต้องรักกันได้แน่นอน
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.2 - จบตอน #P.2) - 5/15/2016
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 17-05-2016 23:08:14
ชอบละเล่นตัวเยอะระวังนกนะวาฬ #ผู้มีประสบการณ์
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.2 - จบตอน #P.2) - 5/15/2016
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 18-05-2016 19:31:20
อ้อยแรงมากกกกก ทั้งคู่ แต่ดี คือดีงามมมม
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.2 - จบตอน #P.2) - 5/15/2016
เริ่มหัวข้อโดย: loneliest ที่ 18-05-2016 20:25:47
เหล้ารัมมมมมมม :ling1:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.2 - จบตอน #P.2) - 5/15/2016
เริ่มหัวข้อโดย: IaminLove ที่ 20-05-2016 17:13:49
อยากอ่านตอนต่อไปจังง  :hao5:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.2 - จบตอน #P.2) - 5/15/2016
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 20-05-2016 18:57:36
แอบเศร้า แต่น่าสนใจนะ

มาต่ออีกๆ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.2 - จบตอน #P.2) - 5/15/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 20-05-2016 20:45:36
แวะมาให้กำลังใจคนเขียนนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.2 - จบตอน #P.2) - 5/15/2016
เริ่มหัวข้อโดย: orangesmooty ที่ 21-05-2016 12:19:45
จากชื่อเรื่องนึกถึงแต่อะไรที่แฟนซีจ๋า ไม่ได้นึกถึงแนวปัจจุบันเลยค่ะ ถถถ
แต่สนุกมากเลยอ่ะ น่าติดตาม ตอนที่หนึ่งก็จุใจเหมือนดูซีรี่ตอนแรกจริงๆด้วย
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 2 (2.2 - จบตอน #P.2) - 5/15/2016
เริ่มหัวข้อโดย: supizpiz ที่ 21-05-2016 13:26:10
อ่านแล้วรู้สึกละมุนตาม รออ่านเรื่องหลังจากตอนที่ย้ายไปอยู่ด้วยกันแล้วนะคะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 3 (3.1) - 25/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 25-05-2016 23:06:14
#3.1

คอนโดเหล้ารัมอยู่ไม่ไกลจากมหา'ลัยของผมเท่าไหร่นัก แต่กลับทำให้ผมตื่นเต้นสุดๆ! เพราะมันเป็นคอนโดที่ผมเคยขอพ่อกับแม่อยู่ตอนสอบติดสถาปัตย์ ทว่าพวกท่านค้านหัวชนฝา ด้วยเหตุผลที่ว่า 'ผมต้องอยู่ในความดูแลอย่างใกล้ชิดของพ่อและแม่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้' (เหตุผลยาวเนอะ) ก็เลยต้องอดไปตามระเบียบ

แต่แล้วใครจะคิดล่ะว่าสุดท้ายเหล้ารัมจะเป็นคนขับแลมโบกินี่สีฟ้าพาผมเข้ามา ก่อนจะกดลิฟต์ชั้นสิบสามเพื่อเดินนำทางมายังห้องหนึ่งสามหนึ่งสามซึ่งเป็นห้องด้านในสุดของชั้นนี้ และเมื่อประตูเปิดออก...

"ว้าววววววววว~"

ผมก็ถึงกับต้องร้องอุทานออกมาด้วยความตื่นตาตื่นใจ!

เพราะว่าการตกแต่งภายในนั้นช่างสวยงามและหรูหราเสียจนทางเดินด้านนอกที่ตกแต่งไว้อย่างดูดีมีระดับแล้วก็ยังหม่นหมองลงไปถนัดตาเมื่อนำมาเปรียบเทียบกัน

เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นถูกจัดวางในตำแหน่งที่เหมาะสมลงตัวที่สุดสำหรับพวกมัน ราวกับว่าทุกชิ้นถูกเลือกมาเพื่อให้แม็ทช์กับโทนของห้องซึ่งเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เป็นสีน้ำทะเลลึก ดูสงบเยือกเย็น ทว่าแซมความสว่างสดใสอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์ด้วยไฟหลากหลายจุดและพื้นสีเทาอ่อน เกิดเป็นบรรยากาศแปลกใหม่ของที่พักอาศัย ที่ไม่ว่าคุณจะนิ่งเฉยหรือกำลังมีชีวิตชีวา ก็สามารถใช้ห้องห้องนี้อยู่กับความรู้สึกเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี

พื้นที่ในส่วนของห้องนั่งเล่นที่ผมกำลังยืนอยู่นั้นถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนด้วยกัน โดยการนำเอาชั้นหนังสือมาวางกั้นไว้ ซึ่งถ้าลองหันหลังให้ประตูห้อง โซนฝั่งซ้ายมือจะถือว่าเป็นห้องนั่งเล่นขนานแท้ เพราะมีทุกอย่างที่ห้องนั่งเล่นพึงมี ไม่ว่าจะเป็นทีวีจอแบนติดผนัง ตู้ใส่ของใต้ทีวีที่เป็นกระจกใสโชว์เครื่องเล่นสุดล้ำ และโซฟาเข้าชุด เป็นต้น ส่วนฝั่งขวามือเป็นโซนสำหรับโต๊ะกินข้าวซึ่งตรงกับประตูระเบียง พอถัดไปทางขวาอีกหน่อยก็จะเป็นโซนห้องครัวติดกับห้องน้ำที่มีการแบ่งอาณาเขตชัดเจนด้วยเคาน์เตอร์ยาวที่กั้นกลางระหว่างครัวกับโซนโต๊ะกินข้าวเอาไว้ ถือว่าเป็นห้องที่มีขนาดพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างกว้างมาก ยิ่งเพดานสูงชนิดที่ว่าสามารถแขวนแชนเดอเลียขนาดใหญ่ไว้ได้อย่างไม่รู้สึกอึดอัดแบบนี้ ยิ่งช่วยเพิ่มความใหญ่โตของห้องได้อีกหลายเท่าตัว

ช่างเป็นห้องในฝันของผมจริงๆ!

"เป็นไง พออยู่ได้มั้ยครับ : )"

แล้วเหล้ารัมที่ปล่อยให้ผมยืนชมห้องเงียบๆ อยู่พักใหญ่ๆ ก็ถามขึ้น ซึ่งคำถามของเขาถึงกับทำให้ผมต้องหันกลับไปมองด้วยหน้าตาที่สื่อความหมายว่า 'ล้อเล่นรึเปล่า!?'

ในเมื่อ.. "จะมีใครที่อยู่ห้องแบบนี้ไม่ได้ บ้าง นี่มันสวรรค์บนชั้นสิบสามชัดๆ!"

แถมเจ้าของห้องก็หล่อด้วย

พอได้ยินแบบนั้น เหล้ารัมก็ขำออกมาเล็กน้อย คงจะรู้สึกตลกกับอาการตื่นๆ ของผมที่ไม่มีทางปิดบังได้มิด ก่อนที่นายผมบลอนด์จะถอดรองเท้าแล้วเก็บเข้าตู้ไม้เล็กๆ ที่อยู่ติดกับประตู ผมก็เลยต้องรีบถอดรองเท้าบ้าง แล้วทำตามโดยที่ไม่ถามอะไรออกไป

"งั้นเดี๋ยวผมพาไปดูห้องนอนของคุณดีกว่า หวังว่าคุณจะชอบมันเหมือนกับที่ชอบห้องนั่งเล่นนะ" คราวนี้เหล้ารัมยิ้มแซวๆ ทำเอาผมนี่เขินเลยครับ แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผมนั้นปลื้มโซนห้องนั่งเล่นทั้งหมดที่ตาเห็นจริงๆ

เพราะฉะนั้นก็เลยเป็นอีกครั้งที่เดินตามเหล้ารัมไปอย่างไม่มีปากมีเสียง ซึ่งเป็นประตูที่อยู่ติดกับโซนห้องนั่งเล่นฝั่งซ้าย โดยมีสองประตูอยู่คู่กัน ในขณะที่ใจก็รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นที่หลับนอนของตัวเอง

ก๊อกๆๆ

"เคาะทำไม มีใครอยู่หรอ?" จริงๆ ตอนแรกก็กะว่าจะไม่ถามอะไรแล้วนะ แต่การกระทำของนายพ่อมดเหล้า (ขอเรียกย่อๆ บ้างในบางครั้ง) มันทำให้ผมอดไม่ได้จริงๆ ในเมื่อตอนนี้เราน่าจะอยู่กันแค่สองคน แล้วทำไมถึงต้องเคาะประตูด้านขวาด้วย?

"ผมเสกคาถาน่ะ ตกแต่งห้องนิดหน่อย เพราะก่อนหน้านี้มันเป็นห้องโล่งๆ จนคุณย้ายเข้ามาอยู่เนี่ยแหละ" รอยยิ้มที่มาพร้อมกับคำอธิบายของคนตรงหน้าทำให้ผมคลายความสงสัยอย่างง่ายดาย และหลังจากนั้นเหล้ารัมก็เปิดประตูเข้าไปในห้อง โดยมีผมที่เดินตามเข้าไปติดๆ

และ...

"ว้าววววววววว~"

...เป็นอีกครั้งที่ผมตื่นตาตื่นใจ!

ในเมื่อห้องนอนที่เหล้ารัมบอกว่า 'เป็นของผม' นั้นเป็นอะไรที่ตกแต่งได้สวยงามและดูอบอุ่นมาก และที่สำคัญคือมีห้องน้ำในตัวด้วย!

ถึงแม้ว่าโทนห้องจะยังเป็นสีน้ำทะเลลึกผสมกับสีเทาอ่อนไม่ต่างจากห้องนั่งเล่น แต่การตกแต่งที่ใช้สีเหลืองแซมเข้าไปกลับช่วยเพิ่มความดูดีให้ตัวห้องจนผมรู้สึกตกหลุมรักมันเข้าอย่างเต็มเปา โดยเฉพาะผ้าปูที่นอนสีน้ำเงินเข้มลายพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวสีเหลืองตรงหน้า ทำเอาผมล่ะอยากจะทิ้งตัวลงไปหามันจริงๆ ถ้าไม่ติดว่าเกรงใจเหล้ารัมและยังไม่ได้อาบน้ำน่ะนะ :P

แต่ในจังหวะที่ผมกำลังจะหมุนตัวเพื่อหันมาบอกเหล้ารัมว่าผมชอบห้องนอนใหม่ของตัวเองมากแค่ไหน จู่ๆ ผมก็คิดขึ้นได้ว่าทุกอย่างเกือบจะสมบูรณ์ดีอยู่แล้ว ถ้าไม่ขาด...

"เป็นอะไรไป จู่ๆ ก็เลิกยิ้ม ทำแบบนี้ผมใจคอไม่ดีนะ" เหล้ารัมขมวดคิ้วมุ่น ดูท่าว่าจะรู้สึกเหมือนที่เขาพูดออกมาจริงๆ เพราะครั้งล่าสุดที่รอยยิ้มของผมหายไปแบบกะทันหัน ก็เป็นตอนที่ผมบอกเขาว่า..ผมกำลังจะตาย

แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่เรื่องร้ายแรงขนาดนั้นหรอก เพียงแต่สำหรับผมมันก็เป็นอะไรที่สำคัญมากๆ เช่นกัน ตะ..แต่ว่าถ้าพูดออกไป.. เหล้ารัมจะหาว่าผมปัญญาอ่อนมั้ยนะ?

"คือ.." ผมอึกอัก ในเมื่อปากอยากพูด แต่ใจมันกลับไม่กล้าพอ

"ว่าไงครับวาฬ บอกผมเถอะ ผมอยากรู้" จนเห็นว่าหน้าตาค่อนไปทางตะวันตกของเหล้ารัมเริ่มเต็มไปด้วยความกังวลนั่นแหละ ผมก็เลยต้องยอมกลั้นใจพูดออกไปด้วยความร้อนที่สองข้างแก้มอย่างเสียไม่ได้!

"คือ..ผมลืมเอาตุ๊กตาปิกาจูมาด้วย"

"..."

"มะ..มันมีทั้งหมดเก้าตัว"

"..."

"แล้วผมก็ติดพวกมันมากๆ"

"..."

"ถ้าไม่มี.. เอ่อ... ผมคงนอนไม่หลับ"

"..."

ซึ่งพอพูดออกไปแล้ว ผมก็รู้สึกอยากตีปากตัวเองแรงๆ สักสามที!

ถึงเหล้ารัมจะไม่ได้พูดอะไรตอบกลับมาก็เถอะ แต่รอยยิ้มของเขาก็ค่อยๆ กว้างขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นรอยยิ้มหวานที่เหมือนติดจะแซวผมหน่อยๆ เลยกลายเป็นว่าตอนนี้ผมอยากกลืนทุกคำพูดของตัวเองกลับเข้าไปให้หมด หรือไม่ก็อยากจะมีเครื่องลบความทรงจำแล้วทำให้เหล้ารัมลืมเรื่องปิกาจูไปซะ

เพราะต่อให้จะชอบเจ้าหนูไฟฟ้านั่นขนาดไหน แต่ยังไงสายตาคนนอกผมก็อายุยี่สิบแล้ว มาร้องหาตุ๊กตาเป็นเด็กๆ แบบนี้ มันช่าง.. น่ะ...น่าอายชะมัด!!

"ก็นึกว่าเรื่องอะไร : )" แล้วก็ยิ่งรู้สึกว่าสองข้างแก้มมันร้อนขึ้นกว่าเดิมสี่ถึงห้าเท่า เมื่อถึงเวลาที่อีกฝ่ายตอบกลับมาจริงๆ ไม่ใช่ว่าผมยังไม่ชินกับรอยยิ้มแซวๆ ของเหล้ารัมหรอกนะ แต่พอมันอยู่ในบริบทที่ผมแสดงความเป็นเด็กออกไปแบบนี้ ไม่อายก็บ้าแล้วว่ะ!

เป๊าะ!

แต่ในขณะที่ผมกำลังจะหลบตาลงมองพื้นเพื่อบรรเทาความอายให้กับตัวเอง เสียงดีดนิ้วของเหล้ารัมก็ดึงความสนใจของผมไว้ แล้วทันใดนั้น เจ้าปิกาจูทั้งเก้าตัวที่มีขนาดเล็กใหญ่ต่างกันก็ปรากฏตัวขึ้นบนเตียงโดยพร้อมเพรียง!

ผมรู้ตัวเลยว่าถ้สเป็นผู้หญิงผมคงส่งเสียงกรี๊ดด้วยความดีใจไปแล้ว แต่นี่ผมเป็นผู้ชายใสใสไงครับ ก็เลยเปลี่ยนเป็นกระโจนลงไปกอดปล้ำพวกมันด้วยความคิดถึงแทน

ทั้งกอดทั้งจุ๊บแก้มพวกมันทุกตัวเหมือนที่ชอบทำประจำเวลากลับถึงห้องนอน จนลืมไปว่า...

"คิก.."

...มีใครอีกคนที่กำลังยืนดูการกระทำอันขาดสติของผมอยู่ในตอนนี้!

"เอ่อ..." ผมชะงักตัวลุกขึ้นนั่งหลังตรงทันทีเมื่อได้ยินเสียงหลุดหัวเราะของเหล้ารัมที่ตอนนี้ยืนเกาะอกเอาหนังพิงกำแพง ในขณะที่ริมฝีปากหยักยิ้มขำขัน "ทะ..โทษที พอดีผมลืมตัวไปหน่อยน่ะ"

นี่ถ้าผมเอาผ้าห่มคลุมโปงแล้วแกล้งหลับไปตอนนี้ มันจะเป็นทางออกที่ช่วยให้หายอายมั้ยนะ!?

"ไม่เห็นต้องขอโทษเลย ตอนเด็กๆ ผมก็เคยติดตุ๊กตาเซนทอร์เหมือนกัน ผมเข้าใจฮ่าๆๆ~" แล้วดูเหล้ารัมดิ ปากบอกว่าเข้าใจ แต่ก็ยังหัวเราะไม่เลิกเนี่ยนะ!? อะ..ไอ้พ่อมดบ้า! "งั้นก็ตามสบายนะ ผมไปอาบน้ำก่อน ถ้ามีอะไรก็ไปเคาะเรียกผมได้เลย ห้องนอนผมอยู่ประตูฝั่งซ้าย ข้างๆ ห้องคุณนั่นแหละ"

"โอเค" ผมตอบรับอย่างไม่ค่อยจะเต็มเสียงนัก เพราะสถานการณ์ตอนนี้ไม่อยู่ในจุดที่จะต่อปากต่อคำกับเหล้ารัมได้ ก็เลยได้แต่นั่งมองเขาเดินจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะน้อยๆ (ยัง ยังไม่เลิก!) จนกระทั่งร่างสูงเดินไปถึงประตูห้องที่ยังคงเปิดกว้างไว้นั่นแหละ จู่ๆ ผมก็คิดถึงเรื่องที่อยากจะพูดขึ้นมาได้ "เหล้ารัม" เลยตัดสินใจเรียกเขาเอาไว้

"ว่าไง" ส่วนนายพ่อมดก็หันกลับมาหาด้วยแววตาสงสัย ทั้งๆ ที่รอยยิ้มยังคงไม่จางหายไป

"ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ถามคุณเลยว่าเราต้องทำพันธะสัญญากันเมื่อไหร่" นี่ผมไม่ได้จะเร่งเร้าอะไรนะ แค่ถามไปตามเรื่องเท่านั้นเอง

"อืม... ไว้เป็นพรุ่งนี้ก็แล้วกัน วันนี้คุณพักผ่อนเถอะ"

"โอเค" พอได้ยินคำตอบ ผมก็หยักไหล่ตอบรับอย่างไม่ซีเรียส ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง ตั้งใจว่าจะหยิบเสื้อผ้าในตู้ไปอาบน้ำบ้าง ถึงแม้ว่าตอนมาจะมาตัวเปล่าก็เถอะ แต่ตอนที่อยู่ที่บ้านน่ะ นายพ่อมดเขาใช้คาถาเสกให้เสื้อผ้าของผมย้ายมาอยู่ที่นี่หมดแล้วแหละ รวมถึงของใช้ที่จำเป็นอย่างแม็คบุ๊คกับพวกหนังซื้อเรียนด้วย (ผมเห็นว่าวางอยู่ตรงโต๊ะเขียนหนังสือติดกับหน้าต่างฝั่งขวานะ) ในขณะที่หางตาก็เห็นว่าอีกคนกำลังจะเดินออกจากห้องไป

"เดี๋ยวๆ เหล้ารัม" ..ก็เลยเป็นอีกครั้งที่ผมเรียกเขาให้อยู่ต่อ เพราะดันนึกอีกเรื่องขึ้นมาได้พอดี

ทำเอาอีกฝ่ายที่ถูกเรียกถึงสองครั้งเดินถอยหลังกลับเข้ามายืนกอดอกด้วยหน้าตายิ้มๆ ทำนองว่า 'วันนี้เขาจะได้ออกจากห้องนี้มั้ย?' แล้วยืนรอให้ผมพูด

"ขอบคุณนะ"

แล้วเพียงแค่สามพยางค์จากปากผม ก็ทำให้สีหน้าของเหล้ารัมเปลี่ยนแปลงไป..

จากรอยยิ้มที่เคยแซวๆ ก็กลายเป็นรอยยิ้มของคนที่กำลังรู้สึกยินดี (หรืออย่างน้อยๆ ผมก็คิดแบบนั้น) ซึ่งมันมาพร้อมกับนัยน์ตาสีม่วงอ่อนที่ฉายแววอ่อนโยนทว่าส่องประกายจริงจังกว่าครั้งไหนๆ ทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าเขาตอบรับความรู้สึกขอบคุณที่มาจากใจของผมแล้ว

ผมเลยปล่อยให้เขาเดินจากไปอีกครั้งพร้อมกับปิดประตูห้องนอนให้ โดยที่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ ทว่า..ในใจกลับรับรู้ได้ถึงความรู้สึกมากมายภายใต้ความเงียบเหล่านั้น.. และมันก็ช่างดีกับใจของผมเหลือเกิน

ก็.. ไม่รู้หรอกนะว่าเหล้ารัมจะเข้าใจความหมายของคำขอบคุณที่ผมพูดไปมากน้อยแค่ไหน แต่ถ้าเขาถาม ผมคงจะต้องบอกว่า คำขอบคุณนี้มีไว้สำหรับผู้ชายอย่างเขาที่เข้ามาช่วยเหลือในเวลาที่ผมต้องการมากที่สุด ขอบคุณที่ไม่ถอดใจไปเสียก่อนทั้งๆ ที่ก็รู้ดีว่าผมกำลังจะตายในอีกไม่ช้า และขอบคุณอย่างยิ่ง..ที่ทำให้ชีวิตของผมเปลี่ยนไป

เพราะผมรู้ดีว่าหลังจากที่ตัดสินใจย้ายมาอยู่กับเหล้ารัม ชีวิตของผมต่อจากนี้คงจะไม่มีทางเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว

หวังว่านะ

(http://3.bp.blogspot.com/-K4uGPMHBFL8/Vkqbvu7BYJI/AAAAAAAAAMU/BvXEb3oq544/s1600/LwGGTRf.gif)

ป.ล. หากใครอยากพูดคุยอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้ใน twitter ฝาก #พ่อมดเหล้า เพื่อง่ายต่อการตามอ่านของคนเขียนนะครับ ขอบคุณมากๆ เลยครับ

my page : https://www.facebook.com/hamsterisanauthor/

 :heaven

หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 3 (3.1) - 25/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 25-05-2016 23:16:35
เหล้ารัมนี่สะดวกดีแท้ อิจฉาวาฬๆๆๆๆๆๆ สปอยล์วาฬเยอะๆเลยยยย


รอรอ รอออออออออออออ


:3
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 3 (3.1) - 25/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: lazysheep ที่ 25-05-2016 23:45:43
เนื้อเรื่องน่าสนใจมากเลย น่ารักด้วย

ตอนอ่านเรื่องบ้านแล้วแอบขำ เพราะบ้านพี่เองคุณตาก็ทำรั้วล้อมบ้านเจ็ดหลังเอาไว้ให้ลุงป้าน้าอาอยู่ด้วยกัน ประมาณว่าซ้ายสามหลัง ขวาสามหลังแล้วก็มีหลังใหญ่ตรงกลางซึ่งบ้านพี่ก็เรียกหลังใหญ่ที่เป็นบ้านของคุณยายว่า "บ้านใหญ่" เหมือนกันค่ะ 555
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 3 (3.1) - 25/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 26-05-2016 02:53:38
น้องวาฬน่ารักจัง
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 3 (3.1) - 25/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 26-05-2016 06:39:03
สปอล์ยวาฬชิลๆเลยยยย 555
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 3 (3.1) - 25/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 26-05-2016 06:47:49
น่ารักดีแฮะ วาฬ น่ารัก
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 3 (3.1) - 25/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 26-05-2016 08:54:46
มาแต่ละตอนจุใจมากค่ะ

วาฬน่ารักอะ มีติดตุ๊กตาด้วย ฮาาาา
เอาใจช่วยให้พ่อมดเหล้าสามารถช่วยวาฬได้เนอะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 3 (3.1) - 25/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 26-05-2016 11:11:05
วาฬน่ารักนะตอนออกอาการกอดและหอมปิกาจู  :o8: :o8:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 3 (3.1) - 25/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 26-05-2016 13:25:11
น่ารักจัง ติดตุ๊กตาด้วยยย
มีวาฬอยู่ด้วย เหล้ารัมมิมีเบื่อ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 3 (3.1) - 25/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 26-05-2016 13:59:54
นึกว่าจะนอนด้วยกันซะอีก
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 3 (3.1) - 25/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 26-05-2016 14:01:01
เข้ามาตามติดด้วยคน :mc4:

ชอบสไตล์นี้จัง ถูกใจกันและกันทั้งคู่ขนาดนี้หวังว่าพันธะสัญญาจะสำเร็จลุล่วงด้วยดีนะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 3 (3.1) - 25/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 26-05-2016 17:52:27
 :mew1:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 3 (3.1) - 25/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 27-05-2016 10:11:32
น้องวาฬน่ารักอ่ะ 55555555
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 3 (3.2 - จบบทที่ 3) - 27/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 27-05-2016 20:04:42
#3.2

หลังจากแยกย้ายกับเหล้ารัม ผมก็ดำเนินการตามแผนที่ตั้งใจไว้ คืออาบน้ำและเตรียมตัวนอนอย่างเต็มที่ เพราะรู้สึกเพลียนิดหน่อยจากเรื่องต่างๆ ที่เผชิญมาตลอดทั้งวัน ส่วนเรื่องงานที่อาจารย์สั่งก็แพลนไว้ว่าจะตื่นมาหาข้อมูลพรุ่งนี้เช้าแทน

พอคิดทุกอย่างคร่าวๆ เรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินไปที่สวิตช์ไฟซึ่งอยู่ข้างๆ ประตูห้อง แต่ยังไม่ทันจะได้กดปิดมันลง ในหัวก็นึกขึ้นมาได้ว่าตั้งแต่มายังไม่ได้โทรบอกที่บ้านเลย ก็เลยต้องเปลี่ยนทิศทางไปหยิบไอโฟนบนโต๊ะมานั่งคุยบนเตียงแทน

(สวัสดีครับ ขอพูดสายใครครับ) แล้วหลังจากที่รออยู่ประมาณสี่วินาที โทรศัพท์บ้านก็ถูกรับด้วยเสียงสุภาพที่ผมคุ้นเคย

"พ่อ นี่วาฬเองนะ"

(อ้าว วาฬหรอลูก เป็นไงบ้าง แม่เขานอนแล้วนะ มีเรื่องด่วนมั้ย เดี๋ยวพ่อไปปลุกให้)

"ไม่เป็นไรครับ คุยกับพ่อก็ได้ พอดีผมแค่จะโทรมาบอกว่าถึงคอนโดเหล้ารัมนานแล้วครับ แต่อาบน้ำเพิ่งเสร็จ ก็เลยโทรมาบอกช้าไปหน่อย"

(งั้นหรอ ก็ว่าอยู่ทำไมเงียบไปเลย แล้วเป็นไงบ้างล่ะคอนโดของพ่อมดคนนั้นน่ะ ปลอดภัยดีมั้ยลูก)

ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่พอได้ยินคำว่า 'ปลอดภัย' จากปลายสาย ผมก็หลุดยิ้มออกมาทันที เพราะนอกจากจะทำให้คิดถึงหน้าตาเวลาที่พ่อคอยกังวลเรื่องของผมอยู่ตลอดเวลาแล้ว ก็ยังรู้สึกตลกอย่างบอกไม่ถูกด้วย เมื่อผมเอาแต่ตื่นตาตื่นใจกับความสวยงามของห้อง แต่คนเป็นพ่อเป็นแม่กลับมองไปอีกทาง และมันก็มักจะเป็นทางที่สำคัญเสมอ ทว่าคนเป็นลูกกลับชอบที่จะละเลยมัน

แม้หลายครั้งจะรู้สึกอึดอัดและขาดความเป็นอิสระจากความรักความห่วงใยที่พ่อกับแม่ทุ่มเทให้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าผมยังโชคดีกว่าใครอีกหลายๆ คนที่แทบจะไม่เคยได้สัมผัสกับความรักเหล่านี้เลยด้วยซ้ำ

ตอนอยู่ใกล้กันก็มองไม่เห็นหรอก แต่พอต้องห่างกัน..ทุกอย่างกลับกลายเป็นภาพสวยงามชัดเจน..

"ก็ดีครับพ่อ อยู่ไม่ไกลจากมหา'ลัยด้วย"

(ดีแล้วๆ ถ้ามีอะไรก็โทรมาได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงนะ)

"งั้นก็แสดงว่าถ้าผมโทรไปตอนพ่อหลับแล้ว พ่อก็จะตื่นมารับสินะ"

(แน่นอน)

"..."

ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะพูดแหย่พ่อ แต่กลับกลายเป็นฝ่ายที่หยุดนิ่งไปนิดนึงเมื่อได้ยินคำตอบของพ่อที่มาพร้อมกับเสียงหัวเราะดูขี้เล่น เพราะผมรู้ดีว่าถึงจะไม่ได้เน้นน้ำเสียงหนักแน่น แต่พ่อของผมหมายความตามที่พูดออกมาจริงๆ

(เออนี่วาฬ พ่อว่าจะพูดตั้งแต่ตอนอยู่บ้านแล้ว แต่มันหาจังหวะไม่ได้จริงๆ) และก็ดูเหมือนว่าพ่อจะจับสังเกตอาการของผมไม่ได้ ก็เลยยังคงพูดต่อไป

"เรื่องอะไรครับ" ซึ่งก็ค่อนข้างน่าสนใจฟังมากเลยทีไปเดียว..

(เรื่องของเหล้ารัมน่ะ) ..เพราะว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องของคนที่ผมต้องมาอยู่ร่วมด้วยนับจากนี้ (คือพ่ออยากให้วาฬทำดีกับเขาให้มากๆ นะลูก อะไรที่สามารถช่วยเหลือเขาได้ก็จงทำซะ เพราะพ่อเชื่อว่าเขาคือคนที่จะสามารถช่วยชีวิตวาฬได้)

ผมเผลอพยักหน้ารับ ทั้งๆ ที่ปลายสายเองก็ไม่มีทางเห็น ก่อนจะตอบ "ครับพ่อ"

(นี่พ่อจริงจังนะวาฬ เหล้ารัมไม่ใช่แค่ความหวังของลูก แต่เป็นความหวังของพ่อกับแม่ด้วย พ่อเชื่อจริงๆ ว่าเขาจะช่วยให้ลูกรอดตายได้อย่างที่เขาบอก ถ้าเกิดว่าเขาต้องการอะไร และพ่อกับแม่สามารถช่วยได้ ก็ขอให้บอกทันทีเลย เข้าใจมั้ย) แต่ดูเหมือนว่าแค่การตอบรับสั้นๆ จะยังไม่เพียงพอ เพราะปลายสายพูดย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต้องเห็นหน้าก็รู้ว่าพ่อกังวลกับเรื่องนี้มากแค่ไหน

"เข้าใจแล้วครับพ่อ ผมจะใช้โอกาสนี้มีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้ และก็จะทำดีกับเหล้ารัมให้มากที่สุดตามที่พ่อบอกครับ" ผมก็เลยต้องพูดให้ชัดเจนและหนักแน่นขึ้น

(ดีแล้วลูก) ปลายสายจึงดูจะคลายความกังวลลง (นี่ก็ดึกแล้วนะ พ่อว่าลูกพักผ่อนเถอะ ไว้เดี๋ยวเราค่อยคุยกันใหม่)

"โอเคครับพ่อ ฝันดีนะครับ"

(ฝันดี)

แล้วพ่อก็วางสายไป

ทิ้งให้ผมนั่งมองหน้าจอไอโฟนอยู่เงียบๆ ต่ออีกสักพัก...

ดูท่าว่าพ่อจะคาดหวังกับเหล้ารัมมากกว่าที่ผมคิดแฮะ จนผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่านอกจากรายละเอียดที่เหล้ารัมบอกกับผม มันยังมีเรื่องอะไรที่พวกเขาไปคุยกันแบบลับๆ อีกหรือเปล่า?

เรื่องที่สำคัญมาก.. แต่ไม่ยอมให้ผมรู้..

เฮ้ออออออ~ แต่เอาเถอะ ผมว่าคิดมากไปก็เท่านั้น ถ้ามันเป็นเรื่องที่ผมควรจะรู้ ต่อให้พวกเขาพยายามปิดบังมันยังไง ผมก็ต้องได้รู้เข้าสักวัน มันไม่มีประโยชน์ที่จะเสียเวลาชีวิตอันน้อยนิดไปกับการนั่งขบคิดถึงสิ่งที่ทำให้ไม่สบายใจหรอก รู้แค่ว่าการเริ่มต้นใหม่ในครั้งนี้มันน่าจะเป็นไปได้ด้วยดีก็พอแล้ว

แต่ถึงอย่างงั้นก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะชิลจนประมาทหรอกนะ ต่อให้ภาพที่เหล้ารัมให้มามันจะสวยงามมากแค่ไหน ก็ต้องไม่ลืมที่จะระวังตัวด้วย เพราะยังไงเหล้ารัมเองก็ยังถือว่าเป็นคนแปลกหน้าสำหรับผม ไม่สามารถไว้ใจได้ซะทุกอย่าง มันยังมีเรื่องที่ผมจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับพ่อมดผมบลอนด์คนนี้อีกเยอะ

ก๊อกๆๆ

แต่ดูท่าว่าเหล้ารัมนี่จะตายยากน่าดูแฮะ เพราะในขณะที่กำลังคิดถึงเขา เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ซึ่งก็คงจะไม่มีใครอื่นแล้วนอกจากนายพ่อมดหน้าลูกครึ่งเจ้าของห้องหนึ่งสามหนึ่งสามแห่งนี้

"ผมเข้าไปได้มั้ยวาฬ"

"ได้ครับ ประตูไม่ได้ล็อค"

พอผมอนุญาต เหล้ารัมก็เปิดประตูเข้ามาด้วยเสื้อผ้าใหม่หมดทั้งชุด ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นชุดนอนของเขา ไม่ว่าจะเป็นกางเกงผ้าวอร์มขายาวสีเทา กับเสื้อยืดรัดรูปสีดำที่เผยให้เห็นความแน่นของรูปร่างภายใต้เสื้อได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น ทำเอาผมนี่ถึงกับแอบกลืนน้ำลายลงคอเลยเมื่อนึกภาพว่าถ้าเหล้ารัมถอดเสื้อออกจะเป็นอย่างไร?

เดี๋ยวนะ เมื่อกี้แกยังบอกให้ตัวเองระวังตัวอยู่เลยไม่ใช่หรอวาฬ!?

นี่กลับเป็นว่าคนที่ไม่น่าไว้ใจกลายเป็นผมชัดๆ!

"ทำไรอยู่ครับ"

"เอ่อ.. เพิ่งคุยโทรศัพท์กับพ่อเสร็จน่ะ"

คำถามของอีกฝ่ายดูยากไปเลยเมื่อสายตาของผมโฟกัสอยู่ที่หุ่นของเขา ดังนั้นพอเหล้ารัมถาม ผมเลยอึกอัก เพราะต้องบังคับตัวเองให้เลื่อนสายตาขึ้นมามองหน้า เขาแบบเนียนๆ ไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่าจินตนาการของผมเกี่ยวกับรูปร่างจองเขามันไปไกลขนาดไหนแล้ว!

"ถ้างั้นก็นี่ครับ นมสำหรับคุณหนูวาฬ"

แต่แล้วทุกความรู้สึกภายในใจของผมเกี่ยวกับหุ่นของเหล้ารัมก็เป็นอันต้องพลันสลายหายไปในอากาศ เมื่อคนหัวยุ่งที่ดูรู้ว่าสระผมแล้วไม่ยอมเช็ดให้แห้ง (แต่โคตรของโคตรดูดี) ยื่นแก้วนมมาให้ พร้อมกับเน้นคำว่า 'คุณหนู' เหมือนต้องการจะหยอกล้อ ทำเอาผมนี่ถึงกับต้องขมวดคิ้วใส่เลย

"เอามาให้ผมทำไม ผมไม่ได้ขอนะ" เพราะว่าปกติผมก็ไม่ชอบกินนมด้วย ถ้าแม่ไม่บังคับให้กินทุกคืน ผมก็ไม่แตะหรอก

"รู้ครับว่าไม่ได้ขอ แต่คุณแม่ของวาฬกำชับผมไว้ว่าต้องให้คุณดื่มนมทุกคืนก่อนนอน แล้วผมก็รับปากท่านแล้วด้วย เพราะฉะนั้นดื่มเถอะครับ จะได้รีบนอน"

แล้วใครจะไปคิดล่ะ ว่าถึงตัวจะไม่อยู่ แต่พลังอำนาจของแม่ก็ยังคงวนเวียนอยู่กับชีวิตผมราวกับพลังของเจได โดยมีเหล้ารัมเป็นทายาทผู้สืบทอดการส่งนมก่อนนอนแบบนี้!

"โอเค" ผมรับแก้วนมจากเหล้ารัมมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะว่าเขาเองก็คงโดนแม่ผมครอบงำมาอีกทีเหมือนกัน แต่พอฝืนใจดื่มจนหมดแล้ว ก็เลือกที่จะวางแก้วเปล่าไว้บนหัวเตียง ก่อนจะประกาศให้ทราบชัดเจนเลยว่า "เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าผมจะเอาแก้วไปล้างเอง แล้วคราวหน้าคุณก็ไม่ต้องเอามาให้ผมแล้วนะ แค่เตือนก็พอ เพราะว่าผมจะหากินเอง ผมโตแล้ว ไม่ใช่เด็กๆ"

แค่เป็นเด็กในสายตาพ่อแม่ก็พอแล้ว อย่าให้ต้องมาเป็นเด็กในสายตาของเหล้ารัมอีกคนนึงเลย

"อ๋อ แบบนี้นี่เอง ผมก็ลืมไปว่าคุณน่ะโตแล้ว ไม่ใช่เด็กๆ : )" นายพ่อมดตอบรับกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ดูจะเป็นปกติมาก ถ้าไม่ติดว่าเขาดันยิ้มมุมปากพลางหันไปมองเหล่าบรรดาตุ๊กตาปิกาจูทั้งเก้าอย่างจงใจ ทำเอาผมนี่รู้สึกว่าแก้มมันร้อนขึ้นมาเลยทั้งสองข้าง ก่อนจะรีบเถียงออกไปอย่างไวด้วยความรู้สึกอาย

"มะ...มันไม่เหมือนกันสักหน่อย! ปิกาจูน่ะมันเป็นความชอบส่วนตัว ไม่จำกัดอายุว่าเด็กหรือแก่ แต่ไอ้การที่ต้องรอคนหานมมาให้ดื่มก่อนนอนน่ะ มีแต่เด็กเท่านั้นแหละที่จะทำกัน"

แต่กลับกลายเป็นว่าเหล้ารัมยังคงนิ่ง แถมผุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้า แล้วพูดในสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกอายยิ่งกว่าเดิม! "ผมยังไม่ได้ว่าอะไรสักคำเลย ก็แค่หันไปมองว่าเจ้าพวกปิกาจูมันน่ารักดีก็เท่านั้นเอง : )"

"แต่..." ใจจริงผมอยากจะเถียงออกไปเพื่อทำลายรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ตรงหน้า แต่สุดท้ายก็พูดไม่ออก เพราะรู้ตัวว่าเสียท่าไปแล้ว เลยได้แต่ทำหน้ายู่หันไปทางอื่นแทน ทำให้ได้ยินเสียงหัวเราะน้อยๆ จากร่างสูงที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมตั้งแต่เดินเข้ามา

คอยดูนะ อย่าให้ถึงทีผมบ้างก็แล้วกัน จะเอาให้เสียท่าแบบต้องม้วนตัวลงดินหนีไปเลย!

"ว่าแต่ว่าชุดนอนคุณดูดีนะ"

จนกระทั่งเหล้ารัมเอ่ยปากชมนั่นแหละ ผมถึงได้ลากสายตากลับมามองเขา ก่อนจะมองชุดนอนของตัวเองด้วยความสงสัย ก็แค่... เสื้อยืดสีเทากับกางเกงขาสั้นสีเหลืองเนี่ยนะ?

มันดูดีถึงขนาดที่ต้องกล่าวชมกันเลยหรอ?

"ดูดีตรงไหนกัน ก็แค่เสื้อยืดกางเกงขาสั้น ไม่เห็นจะ.." แต่ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจนจบประโยค ผมก็สังเกตเห็นสายตาของเหล้ารัมที่ไม่ได้โฟกัสอยู่ที่ชุดของผมเลยแม้แต่น้อย แต่กลับเป็นต้นขาที่โผล่พ้นออกมาจากกางเกงขาสั้นต่างหาก!

ฟึบ!

"มองอะไรไม่ทราบ!" ผมร้องถามทันทีที่ดึงผ้าห่มมาปิดช่วงขาของตัวเองเอาไว้

แต่แทนที่นายพ่อมดเหล้าจะสำนึก เขากลับยิ้มกว้างจนตาเป็นประกาย "มองขาคุณไง ขาวชะมัด : )"

ถะ..แถมยังพูดออกมาได้ไม่อายปาก!

ไหนจะสายตาเจ้าชูที่เพิ่งจะฉายแววให้เห็นอีก นี่มันเป็นเวลาเผยธาตุแท้หรือไงเนี่ย!?

"บ้า! กลับห้องไปเดี๋ยวนี้เลยนะเหล้ารัม" ผมเลยรีบออกปากไล่ทันที รู้สึกว่าคืนนี้ควรจบลงแค่นี้ล่ะ

"ไม่เอาอะ ขอนอนด้วยคนนะ" แต่กลับกลายเป็นว่าเขาไม่ฟังผมเลยสักนิด!

"นี่!"

แถมยังพุ่งตัวเข้ามาหาที่เตียงนอนทันทีที่พูดจบ แล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้เหมือนพวกพระเอกเกาหลี จนผมต้องรีบกระถดตัวถอยหลังให้ห่างจากเขา

น่ะ..นี่มันใกล้เกินไปแล้วนะ! จนผมได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวของเขาแล้วเนี่ย!!

"นะๆ ให้ผมนอนด้วยคนนะครับวาฬ" เอาแล้วไง มีการอ้อนพร้อมกับส่งสายตาหวานมาแบบไม่ยั้ง แล้วดูท่าว่าจะไม่ยอมเลิกง่ายๆ ด้วยนะ เพราะขนาดผมถอยหนีขนาดนี้ เหล้ารัมก็ยังคงคลานตามมาอยู่เลย

ผมเลยตัดสินใจจะผลักเขาออก ทว่า.. "ออกไปเลยนะ อย่ามาทำแบบ.. เฮ้ย!" ..พอจะยกมือขึ้นมาผลัก กลับเสียหลักซะเอง!

เลยกลายเป็นว่าตอนนี้ผมหงายหลังล้มตัวลงนอนกับเตียง ส่วนนายพ่อมดเจ้าเล่ห์ (ฉายาใหม่แบบแกะกล่อง!) ก็อาศัยจังหวะที่ผมพลาดท่าขึ้นคล่อมตัวผมอย่างไว โดยใช้มือกดกับที่นอนทั้งสองข้างของผมเอาไว้ เป็นการล็อคไม่ให้สามารถหนีไปไหนได้อีก

ระ..ร้ายกาจ!

วินาทีที่ตาประสานตา... ผมเดาใจเหล้ารัมที่อยู่บนตัวผมไม่ออกเลยว่าเขาแค่ต้องการจะหยอกเล่นหรือจริงจัง แต่ไม่ว่าจะทางไหนมันก็ดูจะไม่ถูกต้องทั้งนั้น

ตึกตัก ตึกตัก

ถึงแม้ว่าสิ่งที่เขาทำจะมีผลกับใจของผมก็ตาม แต่มันดูจะเร็วไปมาก และไม่ใช่ภาพในหัวที่ผมคิดไว้เลย เพราะฉะนั้นผมจึงตัดสินใจกระทำการบางอย่างเพื่อป้องกันตัวเอง

"เฮ้ยยย!" เหล้ารัมร้องเสียงหลงพลางสะดุ้งโหยงทันทีที่เห็นว่าผมคว้าอะไรออกมาจากใต้หมอน

มันไม่ใช่ปืน ไม่ใช่มีด ไม่ใช่สเปรย์พริกไทย

หากแต่เป็นสิ่งอื่นที่อันตรายจนทำให้พ่อมดที่มีเวทมนตร์อย่างเหล้ารัมถึงขนาดกระโดดหนีไปยืนหอบหายใจถี่อยู่ที่ประตูห้อง ซึ่งแน่นอนว่าห่างจากเตียงไปไกลทีเดียว

เพราะว่ามันคือ 'เครื่องรางไร้มนตร์' ที่เหล่าพ่อมดแม่มดกลัวนักกลัวหนายังไงล่ะ :)

จริงอยู่ที่ตระกูลอลิชาของผมเป็นมิตรกับพ่อมดแม่มดมาอย่างยาวนาน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะหลงลืมความเจ็บปวดของคำสาปที่ยังคงฝังรากลึกจากสมัยอดีตจนถึงปัจจุบัน ตรงกันข้าม มันกลับทำให้พวกเราเรียนรู้ที่จะอยู่กับพวกเขาอย่างปลอดภัย โดยเลือกที่จะไม่ทำร้ายหรือทำลาย แต่ปกป้องตัวเองให้พ้นจากความสามารถของพวกเขา นั่นก็คือการคิดค้นเครื่องรางขึ้นมาจากพืชเก่าแก่เก้าชนิด ซึ่งเมื่อนำมาหลอมรวมกันไว้ในถุงผ้าแม้เพียงขนาดเล็กๆ ก็จะส่งผลร้ายแรงต่อพ่อมดแม่มดที่สัมผัสมัน เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะอยู่ให้ห่างจากมันก่อนด้วยความหวาดกลัว เป็นความกลัวแบบที่ทำให้ลืมการใช้เวทมนตร์ไปเลย จึงเป็นที่มาของชื่อ 'ไร้มนตร์' ที่ถูกตั้งขึ้น

ซึ่งจริงๆ ความรู้ในการทำเครื่องรางชนิดนี้ก็ตกทอดมาถึงผมนานแล้วนะ แต่ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะมีโอกาสได้ใช้มันตอนที่อีกสี่เดือนกำลังจะตายแบบนี้ แถมยังได้ใช้กับพ่อมดที่จะช่วยให้ผมมีชีวิตอยู่ได้เกินสี่เดือนด้วย!

ไม่เสียเปล่าจริงๆ ที่พกติดตัวมาเนี่ย

"คะ..คุณไปเอามันมาจากไหน!?"

"ก็จากบ้านผมไงครับ มีเยอะเลย เพราะว่าตระกูลผมเป็นคนคิดค้นมันขึ้นมา เอาไว้ป้องกันตัวจากพวกพ่อมดหื่น แต่ถ้าไม่เชื่อว่าเป็นของจริง ลองเข้ามาดูใกล้ๆ ก็ได้นะ" ไม่พูดเปล่า ผมแกล้งทำเป็นยื่นถุงเครื่องรางไปทางเหล้ารัมด้วย ทำเอาอีกฝ่ายถึงกับชนหลังติดกับประตู

"ยะ...อย่านะครับ!"

"เอ้า ก็ถ้าไม่ดูใกล้ๆ จะรู้ได้ยังไงว่าของจริงของปลอม ผมอาจจะหลอกคุณก็ได้นะ : )"

"ขะ..ขอร้องล่ะ อย่าเอามันเข้ามาใกล้ผมเลย มันอันตรายนะครับ"

"แหมๆ แล้วที่คุณทำกับผมเมื่อกี้ไม่อันตรายเลยสินะ : )"

"เอ่อ.. อะ..อันตรายที่ไหนกันครับ ผมแค่ขอนอนด้วยเฉยๆ เอง ไม่ได้คิดจะทำอะไรสักหน่อย"

หึ! ทีอย่างงี้ล่ะทำมาเป็นพูดดี ทีตอนร้องห้ามล่ะไม่ยอมฟัง ไอ้พ่อมดเจ้าเล่ห์เอ๊ย!

"หรอครับ งั้นสาบานสิว่าไม่ได้คิดจะทำอะไรจริงๆ อย่างที่คุณว่า แล้วผมจะเชื่อ"

แล้วเหล้ารัมก็ทำให้ผมคิดไม่ผิดคาด เพราะเขาไม่ยอมสาบานตามที่ผมบอก ได้แต่ยิ้มแหยพลางหัวเราะแหะๆ อย่างยอมจำนน

แสดงว่าคิด!

เพราะคำสาบานสำหรับพ่อมดแม่มด หากเกิดขึ้นแล้ว ย่อมเป็นจริงตามนั้นทุกประการ เช่นถ้าเหล้ารัมบอกกับผมว่า 'ถ้าเขาคิดจะทำอะไรจริงๆ ขอให้ฟ้าผ่าตาย' แล้วปรากฏว่าคิด ฟ้าก็จะผ่าเขาตายในทันที ไม่มีการมาสาบานส่งๆ เหมือนพวกมนุษย์หรอก

"ผมรู้นะว่าคุณอยากให้ผมเป็นมากกว่าเพื่อน แต่จีบกันวันแรกแล้วมาทำแบบนี้ ผมบอกเลยนะว่ามันยังเร็วเกินไป ถึงแม้ว่าผมจะย้ายมาอยู่กับคุณทั้งๆ ที่เรายังไม่สนิทกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะง่ายนะ ถ้าอยากนอนด้วยกันจริง ก็ใช้เวลาพิสูจน์ให้ผมเห็น ว่าคุณคือคนที่ผมสมควรจะมอบทุกอย่างให้ ตกลงมั้ย?" ผมเลยตัดสินใจพูดรัวเป็นชุดออกไปตรงๆ เพื่อให้เหล้ารัมรู้ว่ามันไม่ยากนักหรอกหากเขาต้องการตัวและหัวใจจากผมน่ะ ขอแค่พิสูจน์ให้ผมเห็นว่าเขาดีพอ ทุกอย่างก็สามารถเป็นไปได้ทั้งนั้น

ซึ่งเหล้ารัมเองก็ดูจะพอใจกับการพูดกันตรงๆ แบบนี้ เพราะถึงแม้จะยังทิ้งร่องรอยความกลัวบนใบหน้า แต่ความพึงพอใจก็ฉายชัดเจนในแววตาคู่นั้นเช่นกัน "โอเค ผมเข้าใจแล้วครับ ขอโทษด้วยที่ใจร้อนจนเกินไป"

ผมพยักหน้ารับคำขอโทษ เพราะรู้สึกว่าตัวเองพูดในสิ่งที่อยากพูดไปหมดแล้ว ถึงเวลาที่ต้องนอนเสียที ถ้าไม่ติดว่าเหล้ารัมตั้งท่าจะเดินเข้ามาอีกรอบน่ะนะ

"นี่ ถ้าเข้าใจก็กลับห้องไปได้แล้ว จะเดินกลับมาอีกทำไมเล่า" ผมร้องถามพลางชูเครื่องรางเพื่อป้องกันตัวในกรณีที่เขาอาจจะบ้าระห่ำขึ้นมา แต่ปรากฏว่าทิศทางที่เหล้ารัมต้องการจะไปจริงๆ คือแก้วนมบนหัวนอนต่างหาก

"ผมแค่จะเก็บแก้วนมไปล้างให้ครับ รู้ว่าคุณอยากทำเอง แต่ผมถือว่าเป็นการไถ่โทษที่ทำไปเมื่อกี้ก็แล้วกัน"

พอเห็นว่าอีกฝ่ายมีเจตนาดี (รึเปล่า?) ผมเลยลดระดับเครื่องรางลง ก่อนจะเก็บมันเข้าใต้หมอน โดยไม่ลืมที่จะทำหน้าทำตาให้เหล้ารัมเห็นว่าถ้ามีเจ้าสิ่งนี้อยู่ ยังไงผมก็เหนือกว่าเขา เพราะฉะนั้นอย่ามาคิดแหยมเด็ดขาด!

ซึ่งเหล้ารัมก็คงไม่กล้าเหมือนตอนแรกแล้วล่ะ ขนาดว่าตอนที่เดินมาหยิบแก้วนมยังดูหวาดๆ เลย คงกลัวว่าผมจะหยิบเครื่องรางไร้มนตร์ออกมาอีกรอบสินะ

"อ๊ะ..!"

แต่ในขณะที่ผมกำลังมองแผ่นหลังของนายพ่อมดเหล้าที่กำลังจะเดินจากไป จู่ๆ ร่างสูงที่ยังคงกลิ่นตัวหอมก็หันกลับมาหาอย่างรวดเร็ว ทำเอาผมตกใจรีบล้วงมือเข้าใต้หมอนแทบไม่ทัน!

ทว่า..

"ลืมบอกไป ว่าฝันดีนะครับ :)" ..สิ่งที่เหล้ารัมทำคือการวางมือข้างที่ว่างลงบนหัวของผมอย่างอ่อนโยน ก่อนจะบอกฝันดีด้วยน้ำเสียงน่าฟังที่มาพร้อมกับใบหน้าเปื้อนยิ้ม

"ฝะ..ฝันดี"

จนผมต้องบอกฝันดีกลับไปด้วยอาการติดอ่างแบบฉับพลัน ก่อนที่นายพ่อมดหน้าลูกครึ่งจะหมุนตัวเดินจากไป..

ปล่อยให้ผมนั่งอึ้งอยู่กับตัวเองว่าเมื่อกี้นี้เหล้ารัมบอกฝันดีหรือว่าร่ายเวทมนตร์ใส่ผมกันแน่ ทำไมนอกจากอาการติดอ่างกับใบหน้าร้อนผ่าวแล้ว สิ่งรอบตัวก็ดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะเมื่อเขาปฏิบัติกับผมแบบนั้น!?

ตึกตัก ตึกตัก

พ่อมดคนนี้นี่ อะ..อันตรายจริงๆ!

(http://pic.pimg.tw/demona/1405329580-1468390043.gif)

จบตอนที่ 3

ป.ล. หากใครอยากพูดคุยอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้ใน twitter ฝาก #พ่อมดเหล้า เพื่อง่ายต่อการตามอ่านของคนเขียนนะครับ ขอบคุณมากๆ เลยครับ

my page : https://www.facebook.com/hamsterisanauthor/

 :ling1:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 3 (3.2 - จบบทที่ 3) - 27/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 27-05-2016 20:37:17
 :mew4:

วาฬก็มีไม้ตายอยู่เหมือนกัน เลิศมาก นี่มวยถูกคู่เลยนะ  :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:


(อยากรู้จริงว่าถ้าพ่อมดโดนถุงนั่นแล้วจะเป็นยังไง??)
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 3 (3.2 - จบบทที่ 3) - 27/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 27-05-2016 21:03:43
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 3 (3.2 - จบบทที่ 3) - 27/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 27-05-2016 21:06:17
โอ้ยแพ้ แพ้ผช.แบบคุณพ่อมดข่าส ถ้านี่เป็นน้อวาฬคงยอมยั่วเย5555555
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 3 (3.2 - จบบทที่ 3) - 27/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 27-05-2016 21:29:34
โดนร่ายมนตร์แล้วหลับฝันดีแน่นอน
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 3 (3.2 - จบบทที่ 3) - 27/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 28-05-2016 00:02:58
 :z3:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 3 (3.2 - จบบทที่ 3) - 27/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 28-05-2016 00:13:34
55555555 ต่อเลยๆๆๆ รออ่านต่อค่าาาาาา :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 3 (3.2 - จบบทที่ 3) - 27/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 28-05-2016 00:51:20
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 3 (3.2 - จบบทที่ 3) - 27/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: supizpiz ที่ 28-05-2016 01:42:36
ถ้าโดนเครื่องรางแล้วจะเป็นยังไงน้ออ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 3 (3.2 - จบบทที่ 3) - 27/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 28-05-2016 02:36:35
น้องวาฬเค้ามีของป้องกันความหื่นได้แฮะ เพราะงั้นเหล่ารัมอย่าด่วนไวใจเร็วแล้วกัน เดี๋ยวจะไร้มนตร์นะเออ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 3 (3.2 - จบบทที่ 3) - 27/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 28-05-2016 07:47:20
วาฬตลกแฮะ 5555
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 3 (3.2 - จบบทที่ 3) - 27/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 28-05-2016 09:46:15
เกือบไม่รอดแล้ว
เหล้ารัมใจเย็นๆนะ 5555
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 3 (3.2 - จบบทที่ 3) - 27/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 28-05-2016 15:55:03
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 3 (3.2 - จบบทที่ 3) - 27/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: cinnsin ที่ 28-05-2016 16:03:14
นี่สินะที่เรียกว่าสมน้ำสมเนื้อ  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 3 (3.2 - จบบทที่ 3) - 27/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 28-05-2016 20:54:01
วาฬไม่ง่ายนะจ๊ะ พูดเลย
หุหุหุ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 3 (3.2 - จบบทที่ 3) - 27/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 28-05-2016 21:13:22
 :hao6: ร้ายกาจค่ะ พ่อมดคนนี้ต้องมีแผนมาอีกแน่ ๆ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 3 (3.2 - จบบทที่ 3) - 27/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 28-05-2016 21:43:09
เหล้ารัมร้ายยยยยย  วาฬร้ายกว่าาาาา 555
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 3 (3.2 - จบบทที่ 3) - 27/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 28-05-2016 23:15:52
น่าติดตามมาก ๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 3 (3.2 - จบบทที่ 3) - 27/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: iAlexiajang ที่ 29-05-2016 04:02:57
มันเป็นเรื่องบังเอิญมาก เมื่อตอนค่ำๆเราดูหนังบ้านขนมหวานไป (หนังเรื่องฮันเซล เกรทเทล) เลยทำให่อยากอ่านแนวพ่อมดแม่มดอะไรแบบนี้ แต่ลองๆถามพี่กูเกิ้ลแล้วมันก็ยังไม่ถูกชะตา พอเข้าเล้ามาก็มาสะดุดกับเรื่อง อ่านแล้วสำหรับเรามันน่ารักมากนะ ตัวเนื้อเรื่องมันไม่มีอะไรซับซ้อนมาก แต่ก็สงสัยว่าเอียนหายไปไหนหน่อ~ การเขียนมันบรรยายเนื้อเรื่องให้เราชวนอ่านไปเรื่อย คือมันดีอ่ะค่ะ ไม่รู้จะพูดยังไงให้เข้าใจ ฮ่าๆ เราชอบมากค่ะ ติดตามๆ ~>^<~


ป.ล.ขอบคุณที่เอามาลงที่นี่ให้เราได้อ่านนะคะ ;). ❤️
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.1) - 30/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 30-05-2016 01:29:26
4.1

ถึงแม้ว่าเมื่อคืนนี้ผมจะโดนพลังดาเมจของเหล้ารัมทำพิษจนเกือบจะนอนไม่หลับ แต่ก็ยังคงปลุกตัวเองให้ตื่นตั้งแต่หกโมงเช้า เพราะถือคติว่า 'อยู่คอนโดท่านอย่านิ่งดูดาย' ต้องลุกขึ้นมาทำอาหารเช้าให้เจ้าของห้องท่านกิน

และเมนูแรกที่เหล้ารัมจะได้รู้จักกับรสมือของผมก็คือ 'สปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศ' ซึ่งผมลงไปซื้อวัตถุดิบในการทำทั้งหมดจากซุปเปอร์มาเก็ตชั้นใต้ดินของคอนโดที่มีขนาดใหญ่และเปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง

ด้วยความที่ยังไม่รู้ว่านายพ่อมดเหล้าชอบอะไรไม่ชอบอะไรบ้าง ผมก็เลยพยายามเลือกทุกอย่างให้ง่ายไว้ก่อน จากที่ตอนแรกจะใช้เนื้อวัว ก็เปลี่ยนเป็นเนื้อไก่ เพราะไม่มั่นใจว่าเขาจะกินทั้งหมูและเนื้อได้มั้ยในแง่ของศาสนาน่ะนะ เพราะว่าเดี๋ยวนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน พ่อมดแม่มดยุคปัจจุบันมีความเชื่อที่หลากหลายมากขึ้น ในขณะที่รุ่นก่อนๆ มีเพียงแค่ฝ่ายมืด ฝ่ายกลาง และฝ่ายสว่างเท่านั้น

อีกอย่าง หน้าตาเหล้ารัมก็ออกจะลูกครึ่งขนาดนั้น สปาเก็ตตี้คงเป็นอาหารที่เบสิคและกินได้สำหรับเขาชัวร์ อ้อๆ แล้วนอกจากเมนูเส้น ผมก็ยังมีน้ำฟักทองให้เขาถุงนึงด้วยนะ รับรองว่านายพ่อมดเหล้าจะต้องดื่มจนเกลี้ยงแน่ เพราะสิ่งที่พวกคุณอาจไม่รู้เกี่ยวกับพ่อมดแม่มดก็คือพวกเขาชอบกินน้ำฟักทองมากอย่างหาสาเหตุไม่ได้ เหมือนว่าเกิดมาแล้วก็ชอบกินกันทุกคน แบบคนไทยที่ต้องกินข้าวอะไรแบบนั้น

ซึ่งพอเตรียมทุกอย่างเอาไว้ที่ตู้ในครัวแล้วผมก็จัดการกินส่วนของตัวเอง และเริ่มหาข้อมูลงานตามที่ตั้งใจไว้ โดยเอาแม็คบุ๊คมาตั้งทำที่โต๊ะกินข้าว เพราะชอบที่จะได้มองออกไปตรงประตูกระจกของระเบียงเพื่อเป็นการพักสายตา

จริงๆ แล้วงานที่อาจารย์สั่งต้องใช้เวลาในการคิดเหมือนกันนะ แต่พอดีว่าผมดันปิ๊งไอเดียขึ้นมาได้ไว ก็เลยมาถึงขั้นตอนการหาข้อมูลแล้ว ซึ่งก็ดี งานของเด็ก'ถาปัตย์นี่ถ้าทำได้ต้องรีบทำเลย อย่าพอก เพราะไม่แน่ว่าบ่ายนี้ที่ผมมีเรียนอาจจะได้งานชิ้นใหม่มาเพิ่มอีกก็ได้ ก็อย่างที่พวกรุ่นพี่เคยบอกนั่นแหละ ว่าทุกวันก็คือโปรเจ็กต์สำหรับพวกเราชาว'ถาปัตย์ ดังนั้นเรื่องมีงานช้างเข้ามาติดๆ กันเนี่ย ถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดามาก ลองบริหารเวลาไม่ทันล่ะก็ เตรียมตัวอดหลับอดนอนแบบ 'ยุ่น' พระเอกเรื่องห้ามป่วยห้ามพักห้ามรักหมอได้เลย

อ้อ แต่ก็มีอีกหลายคนนะที่ถ้าไม่เฉียดเดดไลน์ ให้ตายยังไงก็คิดงานไม่ออก ยกตัวอย่างเช่นไอ้เอกเพื่อนผมไง จะส่งงานทีก็ลุ้นที จนบางครั้งผมยังแอบเสียวไส้ตามเลย ฮ่าๆๆ~

แอ๊ดดดด~

แล้วในขณะที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ พร้อมกับบันทึกข้อมูลที่ต้องการลงแฟลชไดร์ฟอยู่นั้น ประตูห้องนอนฝั่งซ้ายก็เปิดออก พร้อมกับเหล้ารัมที่เดินออกมาในชุดเสื้อยืดสีขาวสบายๆ กับกางเกงยีนส์ขายาวสีเข้ม

ผมที่เคยยุ่งๆ เมื่อคืนถูกเซ็ตให้กลับมาเนี้ยบในแบบของเหล้ารัม ดูเหมือนว่าวันนี้จะออกไปข้างนอกแฮะ

"ตื่นแต่เช้าเลย วันนี้มีเรียนบ่ายไม่ใช่หรอ" เขาเป็นฝ่ายทักผมก่อนหลังจากที่นั่งลงตรงเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

"ใช่ครับ มีเรียนบ่าย แต่พอดีมีข้อมูลงานที่ต้องหา ก็เลยถือโอกาสตื่นมาทำมื้อเช้าให้คุณด้วยเลย ไปกินสิ ผมกินเรียบร้อยแล้ว เก็บไว้ที่ตู้ในครัวน่ะ" ผมก็เลยตอบไปตามความจริง แต่ก็แค่ครึ่งเดียวนะ ขืนเขารู้ว่าอีกสาเหตุที่ตื่นเช้าเพราะนอนไม่ค่อยหลับหลังจากที่ถูกเขาปล่อยพลังดาเมจบอกฝันดีแบบนั้น มีหวังวันนี้ทั้งวันได้เจอแต่ยิ้มแซวๆ ของเหล้ารัมแน่

"จริงดิ"

ซึ่งก็ไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะทำหน้าตาตื่นแบบนั้น ก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่โซนครัวด้วยท่าทางกระตือรือร้น จนผมอดที่จะหลุดหัวเราะออกมาไม่ได้ ก็แค่ทำมื้อเช้าให้กินเอง ทำยังกับว่าเป็นเซอร์ไพรส์ใหญ่โตไปได้

ยิ่งไปกว่านั้น คือเมื่อนายพ่อมดผมบลอนด์กลับมาพร้อมกับจานสปาเก็ตตี้และแก้วน้ำฟักทอง ตาของเขาส่องประกายความดีใจระคน..ซาบซึ้งใจ (?) มาให้ ก่อนจะค่อยๆ วางทั้งสองอย่างลงตรงที่ที่เขานั่งก่อนหน้านี้อย่างระมัดระวังราวกับว่าจานสปาเก็ตตี้กับแก้วน้ำฟักทองนั่นเป็นของมีค่าที่ต้องรักษาไว้ให้ดี

นี่เขา...เล่นใหญ่ไปเปล่าวะ?

"ผมไม่รู้ว่าคุณชอบอะไร ก็เลยลองทำอะไรง่ายๆ ดู หวังว่าคงจะกินได้นะ"

"กินได้ครับกินได้ หน้าตาน่ากินมากเลยด้วย ขอบคุณนะครับวาฬ"

แล้วแทนที่ขอบคุณเสร็จจะลงมือกิน เหล้ารัมกลับนั่งมองหน้าผมด้วยสายตาแบบเดียวกับตอนที่เขายกอาหารมา ทำเอาผมที่พยักหน้าตอบรับคำขอบคุณไปแล้วถึงกับต้องออกคำสั่งทั้งที่ไม่จำเป็น

"เอ้า กินสิครับ มัวแต่มองผมอยู่ได้"

"คร้าบบบ~ จะกินเดี๋ยวนี้แหละครับ : )" นายพ่อมดเหล้าเลยรีบตอบรับ ก่อนจะลงมือกินสปาเก็ตตี้ตรงหน้า แต่ก็ยังไม่วายนะ มีการฉีกยิ้มกว้างให้ก่อนกินด้วย

ส่งผลให้ผมรู้สึกปั่นป่วนแปลกๆ.. ถึงขนาดที่เก็บเอาสีหน้าท่าของเหล้ารัมตั้งแต่ตอนถือจานสปาเก็ตตี้กับแก้วน้ำฟักทองมาจากครัว..จนถึงตอนที่เขาฉีกยิ้มกว้างเมื่อกี้นี้มาประมวลผลอยู่เงียบๆ คนเดียวในใจ

จนได้ผลสรุปว่า.. พ่อมดหน้าตาหล่อเข้มคนนี้ก็..น่ารักดีเหมือนกันแฮะ : )

เขาเหมือนเด็กน้อยจริงๆ เลยตอนนี้ โดยเฉพาะตอนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตากินสปาเก็ตตี้ด้วยสีหน้าเบิกบานใจและยัดเข้าไปคำโตๆ โดยไม่ห่วงหล่อเลยแม้แต่นิดเดียว ทำเอาผมนั่งมองเขาเพลินจนเผลอยิ้มออกมาแบบไม่รู้ตัว

จนกระทั่งเหล้ารัมเงยหน้าขึ้นจากจานนั่นแหละ ผมถึงได้ต้องรีบทำเป็นก้มหน้าก้มตามองจอแม็คบุ๊คเหมือนกำลังสนใจหาข้อมูลงาน ทั้งที่จริงๆ งานน่ะเก็บข้อมูลเรียบร้อยไปแล้ว แต่แค่อยากจะซ่อนรอยยิ้มของตัวเองกลับเข้าไปเท่านั้นเอง

ไม่ใช่ว่าอยากจะทำตัวซึนอะไรหรอกนะ ก็แค่..ไม่อยากแสดงออกมากเกินไปน่ะ : )

"อร่อยมากเลยวาฬ นี่ขนาดว่าผมเฉยๆ กับไก่นะ ยังแทบจะหยุดกินไม่ได้ ถ้าลองเป็นเนื้อแล้วคุณทำอร่อยขนาดนี้ ผมคงได้เลียจานแน่"

คำชมของเหล้ารัมไม่ผิดไปจากที่คาดไว้ เพราะดูท่าทางการกินก็รู้แล้วว่าอร่อย ติดจะบอกช้าไปด้วยซ้ำ แต่อย่างน้อยก็ทำให้รู้ล่ะนะว่าเขาชอบกินเนื้อ คราวหน้าผมจะได้ลองทำเมนูเนื้อให้เขากินบ้าง

ไหนๆ คนกินก็ดูจะชอบฝีมือผมซะขนาดนี้ ไอ้เราคนทำก็ปลื้มใจ อยากทำให้กินอีกหลายๆ มื้อเลย : )

ทว่า..

"แต่คราวหลังคุณไม่ต้องทำเองแล้วนะวาฬ ลำบากเปล่าๆ"

..คำพูดต่อจากนั้นก่อนที่เขาจะตั้งหน้าตั้งตากินต่อ..ทำเอาหัวใจที่กำลังพองโตของผมฟีบแบนลงไปทันที.. พร้อมๆ กับรอยยิ้มที่ก็จางหายไปด้วยเช่นกัน..

"ถ้าคุณจะเริ่มห้ามนั่นห้ามนี่เหมือนที่พ่อกับแม่ของผมชอบทำ ผมก็คงต้องขอย้ายกลับไปอยู่บ้าน เพราะไม่ว่าจะที่ไหน ก็ไม่มีอิสระเหมือนกันทั้งนั้น"

เหล้ารัมที่กำลังกินสปาเก็ตตี้ด้วยใบหน้าสุขใจถึงกับเหวอไปเลยเมื่อได้ยินในสิ่งที่ผมพูด เหมือนว่าเขาทำตัวไม่ถูก แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี แต่นั่นไม่อยู่ในความสนใจของผมแล้ว เพราะพอพูดเสร็จ ผมก็ลุกขึ้นพับแม็คบุ๊คมาถือไว้ ตั้งท่าจะเดินหนีเต็มที่

"เดี๋ยวก่อนวาฬ" แต่คนที่อยู่อีกฝั่งของโต๊ะรีบลุกขึ้นมาคว้ามือผมเอาไว้ได้ทัน

ผมเลยตวัดสายตากลับไปมองให้เขารู้ว่าผมไม่พอใจมาก และผมก็จะเก็บกระเป๋าย้ายออกทันทีเลยด้วยเมื่อเดินกลับไปที่ห้องนอนเนี่ย

"ปล่อย"

"วาฬ..ผมขอโทษ.. ผมไม่ได้ตั้งใจจะห้ามไม่ให้คุณทำนั่นทำนี่นะ ผมก็แค่กลัวคุณจะลำบากเท่านั้นเอง"

"ความลำบากมันไม่ทำให้ใครตายหรอกเหล้ารัม แต่การถูกห้ามไม่ให้ทำอะไรเลยต่างหากที่จะทำให้ผมตายทั้งเป็น" ผมเว้นจังหวะเล็กน้อยเพื่อหันหน้ามาให้ตรงกับอีกฝ่าย "ตั้งแต่ถูกถอนพันธะสัญญา คนรอบตัวเอาแต่ห้ามผมแทบจะทุกอย่าง พวกเขาทำเหมือนผมจะตายในทันทีที่ลงมือทำอะไรด้วยตัวเอง กลายเป็นกฎข้อห้ามในชีวิตผมเต็มไปหมด จนบางทีผมก็สงสัยนะว่าถ้าเป็นแบบนี้แล้วผมจะมีชีวิตอยู่ต่อไปทำไม ในเมื่อก็ได้แต่เดินตามทางที่ทุกคนวางไว้เพื่อรอวันตายเท่านั้น ทั้งๆ ที่ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ผมจะทำ มันคือสิ่งที่ผมต้องการที่จะทำ แล้วก็เต็มใจที่จะทำด้วย เหมือนกับที่ผมลงมือทำมื้อเช้าให้คุณนั่นแหละ!"

ผมรู้นะว่าผมไม่ควรเอาเรื่องทั้งหมดมาลงที่เขาแค่คนเดียว และก็รู้ตัวด้วยว่าตอนนี้ผมงี่เง่ามาก แต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ... ในเมื่อภาพที่ผมคิดไว้กับการย้ายมาอยู่ที่คอนโดเหล้ารัม คือผมจะได้มีอิสระเหมือนคนอื่นๆ เขาบ้าง อย่างน้อยๆ ก็ก่อนที่จะต้องตาย

เพราะสิ่งที่ผมหวังจริงๆ ไม่ใช่การที่ผมจะได้มีชีวิตอยู่ต่อหรอก... ถึงแม้ว่าหลายๆ ครั้งผมจะมองโลกในแง่ดีและทำทุกอย่างให้มันง่าย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่เผื่อใจในกรณีที่พันธะสัญญาระหว่างผมกับเหล้ารัมไม่สำเร็จหรอกนะ

ผมคิดมาตลอดตั้งแต่ตอนที่เหล้ารัมพูดให้ฟังถึงเรื่องพันธะสัญญาครั้งที่สองแล้ว ว่าโอกาสที่เราสองคนจะรักกันตามเงื่อนไขของพันธะสัญญานั้นมันเป็นสิ่งที่จะรับรู้ได้ก็ต่อเมื่อปลายทางของสี่เดือนสุดท้ายมาถึง ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่แน่นอน แต่สิ่งที่อยู่ระหว่างทางต่างหากคือสิ่งที่ผมหวังเอาไว้จริงๆ เพราะผมสามารถสร้างมันขึ้นได้จากอิสระที่ผมได้รับ และเห็นภาพชัดเจนได้ในทันที

ผมแค่อยากทำตามใจตัวเองบ้าง อยากเสพความสุขจากการได้ทำในสิ่งที่หัวใจมันเรียกร้องโดยไม่ต้องตกอยู่ภายใต้กฎกติกาใดๆ ของครอบครัว อย่างน้อยๆ ก็ตลอดระยะเวลาสี่เดือนก่อนที่จะได้รู้ผลชี้เป็นชี้ตาย แล้วก็หวังว่าเหล้ารัมจะเป็นใครสักคนบนโลกใบนี้ที่เข้าใจผม และตอบสนองความปรารถนาในใจที่ผมต้องการก็เท่านั้นเอง

แบบนี้คือผมขอมากเกินไปหรือเปล่า?

"ผมขอโทษครับ" ซึ่งพอหลังจากที่เหล้ารัมเจอผมซัดไปชุดใหญ่ สีหน้าของเขาที่เคยยิ้มแย้มก็เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดถึงขนาดที่ทำเอาหัวใจผมแกว่งไปเลยเหมือนกัน.. ก่อนที่เขาจะเดินอ้อมโต๊ะมายืนฝั่งเดียวกันกับผม.. "ผมผิดไปแล้ววาฬ ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณรู้สึกแย่เลยนะ เอางี้ ต่อจากนี้ไป ถ้าคุณต้องการจะทำอะไร คุณทำได้เลย ผมจะคอยสนับสนุนคุณทุกอย่าง ตกลงมั้ย?" ..ก่อนจะใช้มือจับแขนผมเอาไว้ทั้งสองข้าง ส่งแรงบีบที่ให้ความรู้สึกแน่นหนาราวกับว่าเหล้ารัมกลัวว่าผมจะหายไป นั่นทำให้มีความลำบากใจแทรกเข้ามาในความรู้สึกของผมด้วย

สิ่งที่เขาพูดและส่งผ่านความรู้สึกออกมาจากภาษากายไม่ว่าจะเป็นทางสายตาหรือการสัมผัสมันทำให้ผมรู้ว่าพ่อมดคนนี้แคร์ผมมาก จนผมเริ่มทำตัวไม่ถูก

นี่แหละมั้ง.. คือข้อเสียของการเป็นพ่อมดแม่มดที่ดันมามีใจให้กับมนุษย์ เพราะรู้สึกพิเศษกับคนอื่นยาก แต่ถ้าได้ลองรู้สึกไปแล้ว ทุกอย่างกลับรวดเร็วและรุนแรง ในขณะที่มนุษย์อย่างผมจำต้องใช้เวลากับเรื่องของความรู้สึกค่อนข้างมาก ต่อให้รู้สึกดีด้วยตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ แต่การจะไปได้ไกลเท่าเหล้ารัมในตอนนี้ คงต้องอาศัยการเก็บเกี่ยวความผูกพันไปด้วยกันอีกนาน นั่นเลยทำให้ผมรู้สึกว่าบางทีการแสดงออกของอีกฝ่ายก็ดูจะมากเกินไปด้วยซ้ำ..

แต่ผมก็หวังนะ ว่าสักวันผมอาจจะมีโอกาสได้ซึบซับทุกความรู้สึกที่เหล้ารัมป้อนมาให้เข้าไปในใจโดยไม่หลงเหลือเลยแม้แต่หยดเดียว

เพราะผมก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าการรักใครสักคนมันจะเป็นยังไง?

ถ้าเกิดว่าผมไม่ตายไปซะก่อนน่ะนะ

"โอเค ผมยอมรับคำขอโทษจากคุณ"

ซึ่งหลังจากที่คิดนั่นคิดนี่อยู่ในหัวคนเดียว ผมก็บอกกับตัวเองว่า ถึงผมจะไม่ได้รับรู้ความรู้สึกที่เหล้ารัมแสดงออกมาได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม แต่อย่างน้อยนัยน์ตาสีม่วงอ่อนก็แสดงให้เห็นว่าเขารู้สึกผิดจริงๆ กับสิ่งที่พูดออกมาก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้ตั้งใจให้ผมรู้สึกแย่ เลยไม่มีประโยชน์อะไรที่ผมจะต้องโกรธเคืองเขา เพราะอย่างน้อยๆ ก็ได้พูดสิ่งที่รู้สึกออกไปแล้ว (จะเรียกว่าเหวี่ยงก็ไม่ผิด) ในขณะที่เหล้ารัมเองก็เข้าใจและตอบรับกลับมา

"เยส!" แน่นอนว่าเขาดีใจใหญ่ "งั้นต่อจากนี้ไปคุณต้องทำกับข้าวให้ผมกินบ่อยๆ นะ ห้ามอิดออดเด็ดขาด ตกลงมั้ย : )" พร้อมกับรอยยิ้มที่เพิ่งเห็นกันไม่นานแต่กลับรู้สึกคุ้นเคยไปแล้วก็หวนคืนกลับมาด้วย ทำให้บรรยากาศเริ่มดีขึ้น

"..." แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปในทันทีนะ เพราะรู้สึกว่าข้างในมันยังกรุ่นๆ อยู่ เลยอยากจะเงียบไว้ก่อน แล้วก็ไม่อยากแสดงสีหน้าอะไรนอกจากทำหน้านิ่งๆ ด้วย

"อย่าเงียบสิครับวาฬ ถ้าคุณไม่ตอบ แสดงว่าคุณยังโกรธผมอยู่นะ" ต่างจากเหล้ารัมที่พอเห็นว่าผมเงียบ ก็เริ่มออกลูกอ้อน ทำหน้าทำตาเหมือนเด็กร้องขอขนม จนผมแอบอยากหยิกเขาแรงๆ สักทีสองทีด้วยความหมั่นไส้เหมือนกัน "เอางี้ ถ้ายังไม่อยากตอบไม่เป็นไร แต่ช่วยยิ้มให้ผมเห็นสักที แล้วผมจะไม่กวนคุณอีกเลยตลอดช่วงเช้านี้"

"..."

"นะๆ ผมอยากเห็นคุณยิ้ม เวลาคุณยิ้มแล้วคุณสวยออก : )"

แล้วก็ไม่ใช่ทำเพียงแค่อ้อนเท่านั้นนะ เหล้ารัมยังมีการปากหวานมาชมผมว่าสวย... ฮะ..เฮ้ย!! เดี๋ยวๆ เมื่อกี้เขาชมผมว่าอะไรนะ!!?

"สะ..สวยบ้าสวยบออะไรกัน ผมเป็นผู้ชายนะ!" ถึงจะไม่แท้ แต่ก็ไม่ถึงขั้นออกสาวแต่งหญิงนะเว่ย!

"นั่นไง ในที่สุดคุณก็ยอมพูดกับผมแล้ว : )"

แต่กลายเป็นว่าสิ่งที่อีกฝ่ายตอบกลับมาทำให้ผมรู้ได้ในทันทีว่าเสียท่าเขาเข้าให้แล้ว!

"คะ..คุณมันเจ้าเล่ห์!"

เพี๊ยะ!

"โอ๊ยยยย ผมเจ็บนะวาฬ"

เจ็บสิ ต้องเจ็บอยู่แล้ว ก็ผมตีให้เจ็บนี่!

"เจ็บสิดี แบบคุณน่ะมันต้องฟาดให้เข็ด!"

ผมเริ่มหันซ้ายหันขวาที่จะหาอะไรมาตีนายพ่อมดเหล้าแทนมือตัวเอง แต่ว่าหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ เลยนึกขึ้นได้ว่ามือซ้ายกำลังถือแม็คบุ๊คอยู่

"คะ...คุณจะทำอะไรวาฬ!? นั่นมันแม็คบุ๊คนะ คุณจะใช้มันฟาดผมไม่ได้ วะ..วาฬ!"

"ตายซะ!"

"ม่ายยยยยยยย~"

เหล้ารัมถอยหลังยาวๆ พร้อมกับร้องลั่นซะโคตรจะโอเวอร์แอคติ้ง ทั้งที่ก็เห็นอยู่ว่าผมน่ะแค่ง้างแม็คบุ๊คยืนขู่เขาอยู่กับทีเท่านั้น มันก็เลยทำให้ผมรู้สึกหมั่นไส้ยิ่งกว่าเดิม แกล้งทำทีจะวิ่งไล่ให้ถึงตัว

แล้วจะยังไงต่อล่ะ เหล้ารัมก็หนีสิครับ วิ่งปรู๊ดไปที่ห้องนอนของตัวเองเลย แต่ก็ยังไม่วายหันกลับมาคว้าจานสปาเก็ตตี้กับแก้วน้ำฟักทองหนีไปด้วย

ปล่อยให้ผมที่ช้ากว่าได้แต่ยืนทุบประตูขู่ฆ่าเขาแบบรัวๆ ด้วยความรู้สึกหลากหลาย

ทั้งเจ็บใจ ทั้งหมั่นไส้ ทั้งหมั่นเขี้ยว

จนเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าตัวเองบ้ามากมั้ยที่ตะโกนขู่ไปแต่ปากก็ยิ้มไปแบบนี้..

..เป็นเพราะเหล้ารัมคนเดียวเลย!

(http://3.bp.blogspot.com/-K4uGPMHBFL8/Vkqbvu7BYJI/AAAAAAAAAMU/BvXEb3oq544/s1600/LwGGTRf.gif)

#แฮมสเตอร์

รู้สึกได้เลยว่าการเขียนนิยายเรื่องนี้ทำให้อารมณ์ผมแปรปรวนมาก เพราะแต่ละบทเหมือนรวมทุกอารมณ์เอาไว้ จนบางทีก็งงมาก ถึงขนาดที่ต้องเอากระดาษปากกามาลิสต์ความต่อเนื่องของอารมณ์กันเลยทีเดียว

ยังไงก็ฝากคอมเม้นติชมกันด้วยนะครับ : )

ป.ล. หากใครอยากพูดคุยอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้ใน twitter ฝาก #พ่อมดเหล้า เพื่อง่ายต่อการตามอ่านของคนเขียนนะครับ ขอบคุณมากๆ เลยครับ

my page : https://www.facebook.com/hamsterisanauthor/


 :hao7:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.1) - 30/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 30-05-2016 07:31:20
ชอบเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.1) - 30/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 30-05-2016 08:09:21
ชอบเรื่องนี้ มารอทุกวันเลย  :L2: :pig4: :mew1:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.1) - 30/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 30-05-2016 08:15:13
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.1) - 30/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 30-05-2016 11:03:44
น่ารักอ่าาาา

เหล้ารัมอ้อนน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.1) - 30/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 30-05-2016 12:41:15
เหล้ารัมน่ารักอ่ะ 555555 :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.1) - 30/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 30-05-2016 13:16:25
เหล้ารัมอ้อนน่ารักดีอ่ะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.1) - 30/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 30-05-2016 13:44:24
กอดดดดดดดด

นั่งรอ~
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.1) - 30/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: cinnsin ที่ 30-05-2016 16:10:55
ทำไมถึงน่ารักมุ้งมิ้งกันขนาดนี้นะะะะ  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.1) - 30/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 30-05-2016 16:36:05
 :hao7:  เหล้ารัมเหมือนเด็กเลย แต่แคร์วาฬมาก อีกไม่นานวาฬใจอ่อนแน่ ๆ 555
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.1) - 30/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 30-05-2016 18:14:24
 o13
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.1) - 30/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 30-05-2016 21:49:37
 o13
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.1) - 30/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 31-05-2016 00:41:07
น่ารักมากเลย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.1) - 30/05/2016
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 31-05-2016 03:27:38
เหล้ารัมหน่ะเต็มที่แล้วรอวันที่วาฬจะเต็มที่บ้าง
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.2) - 2/06/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 02-06-2016 11:10:29
4.2

การเรียนวิชาช่วงบ่ายนั้นยังคงสนุกสนานเหมือนเดิมทุกครั้งตั้งแต่เปิดเทอมมา อาจเพราะว่าอาจารย์ที่สอนเป็นคนเฮฮาไม่ซีเรียสและเข้าใจเด็ก เลยทำให้ทุกอย่างค่อนข้างผ่อนคลาย มีอิสระในการแสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่

แต่ที่ต่างไปจากทุกวันก็คือ..

..ครั้งนี้มีนายเหล้ารัมมาเรียนด้วยจ้า!

ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมเซอร์ไพรส์ตั้งแต่ตอนที่เห็นเขาสวมชุดนักศึกษาเดินออกมาจากห้องนอนพร้อมกับยกธงขาวยอมแพ้แล้ว (ธงขาวในที่นี้คือธงขาวจริงๆ นะครับ เป็นธงกระดาษเล็กๆ ที่เขาเสกขึ้นมา) ถึงขนาดที่ผมต้องถามว่า...

"นี่คุณแต่งชุดนักศึกษาทำไม?"

"เอ้า ก็ไปเรียนน่ะสิ"

"เรียน?"

"ใช่ครับ ถ้าคุณไม่ทันสังเกต ผมใส่ชุดนักศึกษามาตั้งแต่ตอนเจอคุณครั้งแรกแล้วนะ"

"กะ..ก็ใช่ แต่ผมคิดว่าคุณแค่มาเนียนอยู่กับพวกมนุษย์เฉยๆ"

"อ๋อ เปล่าหรอกครับ จริงๆ ผมอยากมาหาประสบการณ์ในโลกมนุษย์อยู่แล้ว ก็เลยลองมาใช้ชีวิตเป็นเด็กสถาปัตย์ดู แต่ตอนแรกก็คิดนะครับว่าถ้าไม่เวิร์คก็จะย้ายคณะเลย จน.."

"จน?"

"จนผมได้มาเจอกับคุณ ก็เลยไม่เปลี่ยนใจไปไหนแล้ว : )"

"..."

และนั่นล่ะฮะท่านผู้ชมครับ เหล้ารัมก็เลยกลายเป็นเด็กสาขานิเทศศิลป์รุ่นเดียวกับผมไปโดยปริยาย โดยที่เพื่อนคนอื่นๆ ก็ตกอยู่ในเวทมนตร์การเข้าสังคมไม่ต่างจากไอ้เอกเมื่อวานนี้ ทำให้การที่นายพ่อมดหน้าหล่อลูกครึ่งมานั่งเรียนด้วยไม่ได้สร้างความแตกตื่นเท่าไหร่นัก

ไม่สิ จะว่าไม่แตกตื่นเลยก็ไม่ได้ เพราะถึงจะเนียนเป็นคนในไปแล้ว แต่ความหล่อของเหล้ารัมก็ยังดึงดูดสายตาสาวๆ ในคณะอยู่ดี ถึงขนาดที่ว่าแค่เขาลุกไปเข้าห้องน้ำ ก็ถูกสายตาเกินกว่าสิบคู่จ้องมองจนเหลียวหลังแบบไม่มีการคงแคร์อาจารย์เลยแม้แต่นิดเดียว

พวกนี้นี่ บ้าผู้ชายชะมัด

"เฮ้ยวาฬ รีบกลับเปล่า หลิวกับบอยชวนไปทำงานที่ Today I Learned ถ้ามึงจะไปเดี๋ยวกูโทรขอพ่อกับแม่มึงให้"

ซึ่งพอเผลอแป๊บเดียว การเรียนในวันนี้ก็สิ้นสุดลงแล้ว และผมดีใจมากที่ไม่มีงานเพิ่ม แต่ถึงยังไงงานที่หาข้อมูลไว้เมื่อเช้าก็ยังไม่ได้ลงมือทำเลย เพราะฉะนั้นที่เอกชวนก็น่าสนไม่น้อย ยิ่งมีหลิวกับบอยไปด้วยก็คือครบทีมพอดี

"เอาดิ ก็ว่าจะหาที่ทำงานอยู่เหมือนกัน แต่มึงไม่ต้องโทรบอกแม่กูหรอก ท่านโอเค"

"โอเค?" เอกถามสวนกลับมาทันทีราวกับไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง

ในขณะที่หลิว..เพื่อนสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มก็หันใบหน้าสวยกับผมดัดลอนยาวถึงกลางหลังมาหาผมเช่นกัน

"แน่ใจหรอวาฬว่าแม่โอเค ปกติถ้าเอกไม่เป็นคนโทรขอ วาฬก็ห้ามไปไหนนี่"

"เออ นั่นดิ ขนาดคราวก่อนมึงไปกับกูสองคนไม่มีไอ้เอก แม่มึงนี่ให้คนรถมาตามมึงกลับเลยนะ ส่วนกูก็โดนพ่อมึงโทรมาดุอีก กูนี่เข็ดแบบไม่กล้าไปไหนกับมึงโดยไม่มีเอกอีกเลย" ก่อนจะสมทบด้วยบอยที่เพิ่งจะเก็บของเสร็จ

เอ่อ.. ดูเหมือนว่าพ่อกับแม่ผมนี่จะเป็นตัวร้ายในสายตาพวกเพื่อนๆ แฮะ

แต่ทำไงได้ ในเมื่อพ่อแม่ผมเป็นแบบนั้นจริงๆ ในแง่ของความที่ห่วงผมเหมือนไข่ในหินน่ะนะ เพราะพวกท่านตั้งกฎว่าถ้าเลิกเรียน ผมจะต้องกลับบ้านทันที และหากต้องการจะไปที่อื่น ต้องมีเอกซึ่งเป็นเพื่อนสนิทมานานกว่าบอยและหลิวไปด้วยเท่านั้น หากฝ่าฝืน ตามมารับกลับทันที

ซึ่งตอนปีหนึ่ง เพื่อนๆ ทุกคนต่างก็ได้เห็นอิทธิฤทธิ์ของพ่อกับแม่ผมกันมาแล้วทั้งสิ้น จำได้ว่าตอนนั้นมีค่ายอาสาที่เชียงใหม่ แล้วไอ้เอกดันเบี้ยวเพราะว่าเมาจนตื่นสาย ผมก็เลยปล่อยเลยตามเลย ยอมโกหกว่าเอกยังคงไปด้วย แต่พอดีโชคชะตาดันเล่นตลกกับผม ให้พ่อกับแม่ไปเจอเอกที่ห้างดังแห่งหนึ่ง เท่านั้นแหละครับ ผมถูกพวกท่านนั่งเครื่องตามไปถึงโรงเรียนที่ไปออกค่าย จากนั้นก็ลากตัวกลับกรุงเทพฯ ทันที

ชีวิตแฮปปี้สุดๆ!

แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันได้เปลี่ยนไปแล้ว ไม่มีกฎของพ่อและแม่ เพราะว่าพวกท่านได้ทำการส่งมอบผมให้อยู่ในความดูแลของเหล้ารัมเรียบร้อยแล้ว ทำให้กฎเพียงอย่างเดียวในตอนนี้ก็คือ..ไม่มีกฎยังไงล่ะครับ : )

"รับรองว่าคราวนี้โอเคจริงๆ ไม่ต้องห่วง" ผมเลยย้ำอีกครั้งเพื่อเพิ่มความมั่นใจ "เดี๋ยวกูชวนเหล้ารัมไปด้วยอีกคน" ก่อนจะหันเหความสนใจไปทางนายพ่อมดเหล้าที่กำลังเก็บของใส่กระเป๋าอยู่ แต่ก็คอยแอบชำเลืองมาที่ผมอยู่ตลอดเวลา

แน่นอนว่าพอเห็นผมลุกขึ้นเดินไปชวนเหล้ารัมซึ่งนั่งอยู่เยื้องไปทางด้านขวามือ เพื่อนในกลุ่มทั้งสามคนรวมถึงคนอื่นๆ ในห้องต่างก็พากันมองมาที่เราทั้งสองคนเป็นสายตาเดียว ซึ่งก็ไม่แปลกหรอก พวกเขาก็คงจะสงสัยน่ะ ว่าทำไมเมื่อเช้านี้ผมที่ปกติจะมีคนขับรถส่วนตัวถึงได้ลงรถแลมโบกินี่มาพร้อมกับเหล้ารัม ทั้งที่ภาพความทรงจำจากเวทมนตร์ของนายพ่อมดมีเพียงแค่ว่าเขาเป็นนักศึกษาที่เรียนมาด้วยกันตั้งแต่ปีหนึ่งเท่านั้น แต่ไม่เคยมีความสัมพันธ์อะไรกับผมมากไปกว่าเพื่อนร่วมรุ่น ทำให้ตอนนี้เราสองคนน่าจะกลายเป็นประเด็นที่ใครหลายคนอยากจะตั้งคำถามให้ตอบ แต่คงยังหาจังหวะกันไม่ได้

"สังเกตมั้ยว่าทุกคนกำลังมองมาที่เรา" เหล้ารัมทักขึ้นทันทีด้วยระดับเสียงแบบที่ให้ได้ยินกันสองคน ผมก็เลยพยักหน้ารับกับสิ่งที่เห็นอยู่กับตา

"ก็คงสงสัยว่าเป็นอะไรกัน ทำไมถึงมาเรียนพร้อมกัน แถมยังเดินมาคุยกันอีก ล่ะมั้ง"

"งั้นหรอ อืม... แล้วเราสองคนจะเป็นอะไรกันล่ะ ผมจะได้ใช้เวทมนต์ให้พวกเขาจดจำเอาไว้แบบนั้น : )"

"ไม่ต้องใช้เวทมนต์อะไรทั้งนั้นแหละ" ผมทำเสียงดุ แกล้งทำเป็นไม่เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่าย "เป็นอย่างที่เราเป็นเนี่ยแหละ"

แต่ก็ไม่รู้นะว่าเป็นอะไร ยังหาคำตอบไม่ได้เหมือนกัน

"เฮ้ยวาฬ ถ้าตกลงกับไอ้เหล้าเสร็จแล้ว ไปเจอกันข้างล้างนะ หลิวมันจะไปเปลี่ยนผ้าอนามัย มันบอกห้องน้ำชั้นบนไม่ค่อยสะอาด

"เอก!"

แล้วจู่ๆ เอกก็ตะโกนมาหาผมด้วยสีหน้าที่เหมือนว่าจะไม่แคร์สายตาใครทั้งนั้น มีแต่หลิวที่โดนเอาเรื่องส่วนตัวมาพูดนั่นแหละที่ถึงกับต้องเอาวิตตองฟาดแขนแข็งแรงของไอ้เอกทันที ส่วนบอยก็ทำเพียงแค่หัวเราะก๊าก ก่อนที่พวกมันทั้งสามคนจะพากันเดินออกจากห้องไป

ปล่อยให้ผมได้แต่ส่ายหน้ากับ 'ความเป็นไอ้เอก' ไล่หลังพวกมันไป แล้วหันกลับมาหานายพ่อมดเหล้าที่ดูจะอึ้งๆ กับคำพูดของเพื่อนผม

"เอกนี่..ดิบดีเนอะ"

"มันก็แบบเนี้ยแหละ ว่าแต่คุณเถอะ เย็นนี้ว่างหรือเปล่า"

"ไม่ว่างครับ"

"อ้าว ไปไหนล่ะ"

ผมเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย เพราะในใจคิดว่าเขาจะว่างและกลับพร้อมกัน (ในกรณีที่เพื่อนไม่ได้ชวนไปไหน) ซะอีก

"คือเย็นนี้ผมมีแข่งโปโลกับเจ้าชายที่โลกเวทมนตร์น่ะครับ ว่าจะชวนคุณไปด้วย แต่ดูเหมือนว่าคุณจะมีแพลนไปกับเพื่อนๆ แล้ว"

คำว่า 'โลกเวทมนตร์' ทำเอาหัวใจของผมพองโตขึ้นมาเลย เพราะจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ไปก็คือตอนที่..เอียนยังทำพันธะสัญญากับผมอยู่ ซึ่งก็นานมากแล้ว ไหนจะกีฬาโปโลและเจ้าชายที่นายพ่อมดเหล้าพูดถึงอีก มันน่าสนใจไปหมดทุกอย่างเลยอะ

"ใช่ครับ ตอนแรกว่าจะมาชวนคุณไปทำงานวิชาอาจารย์กบด้วยกันที่ร้าน Today I Learned ตรงหลังมอ"

"อ๋อ ถ้างานวิชาอาจารย์กบนั่นผมเสกเตรียมเอาไว้แล้วแหละ ตอนแรกก็ว่าจะทำเองนะ แต่พอดีติดแข่งโปโล ก็เลยขอแอบโกงนิดนึง" เหล้ารัมหัวเราะ ผมเลยยิ้มตามในสิ่งที่เขาพูดไปด้วย ในเมื่อเขาเองก็ไม่ได้เป็นมนุษย์ที่ต้องเรียนให้จบอย่างจริงจังอยู่แล้ว การที่เขาจะเสกงานให้มีส่งหรืออะไรมันก็ไม่ผิดทั้งนั้นแหละ "ว่าแต่คุณเถอะ ให้ผมช่วยเสกงานให้เอามั้ย จะได้ไปดูผมแข่งโปโลได้ สนุกนะ เดี๋ยวจะแนะนำให้รู้จักกับเจ้าชายรัชทายาทคนปัจจุบันด้วย เพื่อนซี้ผมเอง" ..ต่างจากผมที่ไม่สามารถใช้วิธีโกงแบบเขาได้ ถ้าจะทำก็ต้องทำเอง

ตอนนี้ก็เลยทำให้เกิดการช่างใจขึ้น เพราะอย่างที่บอกไปแล้วว่าสิ่งที่เหล้ารัมเสนอมามันน่าสนใจมาก

แต่ในขณะเดียวกัน..ผมก็รับปากกับเพื่อนๆ ไปแล้ว เลยรู้สึกว่าไม่โอเคเท่าไหร่ที่จะต้องผิดคำพูด

เพราะฉะนั้น.. "ผมอยากดูคุณแข่งนะเหล้ารัม แต่ผมรับปากเพื่อนๆ ไปแล้วว่าจะไปทำงานด้วย อีกอย่างนะ ผมให้คุณเสกงานให้ผมไม่ได้หรอก เกิดในอนาคตผมให้คุณทำอีกจนติดเป็นนิสัย พอเรียนจบไปทำงานผมก็แย่ดิ" ผมจึงอธิบายเหตุผลที่ตัวเองไม่สามารถไปโลกเวทมนตร์กับเขาได้ด้วยน้ำเสียงติดตลกเล็กน้อย เพราะรู้สึกว่าไม่ได้ซีเรียสอะไร

จริงๆ คืออยากไปนะ แต่ก็ติดอย่างอื่น เพราะฉะนั้นก็เลยไปไม่ได้ มันก็คือแค่นั้น

แต่พอพูดเหตุผลไปแล้ว ผมถึงเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่า..สิ่งที่พูดออกไปมันค่อนข้างจะตลกร้ายอยู่ไม่น้อย ในเมื่อผมเองมีเวลาต่อจากนี้อีกแค่สี่เดือนเท่านั้น มันคงไม่มากพอจนถึงขนาดที่จะได้เรียนจบและทำงานหรอก

ดังนั้น ถ้าจะว่ากันตามตรง มันก็เป็นเหตุผลในการปฏิเสธที่ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ

"งั้นไม่เป็นไร ยังมีการแข่งขันอีกตั้งหลายครั้ง คุณต้องได้ดูสักครั้งล่ะผมว่า : )" แต่เหล้ารัมก็ดูจะเข้าใจนะ เพราะเขาส่งยิ้มบางๆ มาให้ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วถือวิสาสะวางมือลงบนหัวผมอย่างอ่อนโยนโดยที่ไม่ได้ขออนุญาต ชวนให้นึกถึงเมื่อคืนตอนที่เขาบอกฝันดีกับผมเลย... "แล้วอีกอย่าง ช่วยยิ้มเยอะๆ ด้วย เพราะไม่ว่ายังไง คุณจะต้องได้มีอนาคตที่เรียนจบแล้วทำงานเหมือนกับมนุษย์คนอื่นๆ แน่"

"..."

ผมเงียบ.. จริงๆ แล้ววินาทีหลังจากที่เหล้ารัมพูดจบ ผมก็รู้สึกว่าอยากจะพูดอะไรตอบกลับไปนะ เปิดปากแล้วด้วย แต่สุดท้ายผมก็พูดอะไรไม่ออก... ในขณะที่หัวใจก็เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ กับสิ่งที่เหล้ารัมพูดออกมา

ตึกตัก ตึกตัก

ทั้งๆ ที่ผมก็ไม่ได้บอกว่าคิดอะไร แต่เขากลับล่วงรู้มันราวกับอ่านใจของผมได้.. ถ้าสีหน้าผมมันไม่แสดงออกชัดเจน ก็แสดงว่าเขาคงสังเกตผมอย่างมากเลยแหละ ถึงได้รู้ใจกันขนาดนี้

"นี่ ยิ้มหน่อยสิครับ" ก่อนที่นายพ่อมดเหล้าจะเริ่มเรียกร้อง ซึ่งคราวนี้ผมยอมทำตามอย่างว่าง่าย เพราะรู้สึกอยากตอบแทนความรู้สึกดีๆ ที่รับรู้ได้จากคำพูดของเขา ไม่รู้เหมือนกันว่าเหล้ารัมคิดแบบนั้นจริงๆ หรือแค่ต้องการจะปลอบโยนเพื่อคลายความรู้สึกผม แต่ไม่ว่าจะทางไหน เขาก็สมควรได้รับรอยยิ้มจากผมทั้งนั้น

ซึ่งพออีกฝ่ายเห็นว่าผมยิ้มให้ เขาก็คว้ากระเป๋าขึ้นสะพายด้วยรอยยิ้มที่กว้างขึ้น ดูท่าว่าคงพร้อมที่จะกลับแล้ว

"แล้วผมก็ไม่ได้พูดเพื่อปลอบใจคุณด้วย แต่มันจะต้องเป็นไปตามนั้นจริงๆ เพราะว่าคืนนี้เราจะทำพันธะสัญญากัน : )"

"คืนนี้?" แต่สิ่งที่เขาพูดต่อจากนั้นทำให้ผมประหลาดใจ เพราะนอกจากจะเป็นอีกครั้งที่เขาพูดเหมือนรู้ใจผมแล้ว เหล้ารัมยังปิดประโยคสุดท้ายด้วยเรื่องของการทำพันธะสัญญาซึ่งเป็นหัวใจหลักของการที่เราสองคนมาอยู่ร่วมกัน เพียงแต่ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นในคืนนี้แล้วเท่านั้นเอง

แอบรู้สึกตื่นเต้นเหมือนกันแฮะ

"ใช่ครับ คืนนี้หนึ่งทุ่มเจอกันที่คอนโด เดี๋ยวผมจะพาคุณไปที่ที่นึงเพื่อทำพันธะสัญญา รับรองว่าคุณจะต้องชอบแน่ : )"

"โอเค" ผมตอบกลับด้วยรอยยิ้มบางๆ โดยที่ไม่ได้ถามอะไรต่อ

ไม่ใช่ไม่อยากรู้ว่าเขาจะพาผมไปไหน ไม่ใช่ไม่อยากรู้ว่าการทำพันธะสัญญามันจะต้องทำอย่างไร เพียงแต่ความสงสัยของผมมันแทบจะเบาบางไปเลยเมื่อเทียบกับบางสิ่งที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วภายในใจตอนนี้

มันเป็นสิ่งที่ผมเคยมี แต่ทำหล่นหายไปเนิ่นนานเสียจนคิดว่าชีวิตนี้คงไม่สามารถหามันเจอได้อีกแล้ว

และสิ่งนั้นก็คือ..ความหวัง

"งั้นก็ไปกันเถอะ เดี๋ยวเพื่อนคุณจะรอนาน : )"

..หวังว่าตัวเองจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไปบนโลกใบนี้ ได้มีอนาคตที่อยากมี ได้อยู่กับทุกคนที่ผมรักไปอีกนานๆ

ถึงผมจะดูไม่ยี่หระกับความตาย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมพร้อมที่จะหยุดลมหายใจลงนะ เพียงแต่พอมันไม่เห็นหนทางอื่นแล้ว หรือก็คือสิ้นหวังนั่นแหละ ก็เลยเหลือทางเดียวที่ทำได้คืออยู่กับมันให้ชิน ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา (ตั้งแต่วันเกิดปีที่สิบสอง) ผมดูจะตายด้านกับความตายไปเสียแล้ว การมีชีวิตอยู่คืออะไร? ผมยังตอบตัวเองไม่ได้เลย ในใจผมเหมือนมีแต่ความเงียบ... และก็คงจะเป็นแบบนี้ต่อไป ถ้าเกิดว่าไม่ได้มาเจอกับเขา

เลยทำให้ได้รู้ว่า ในโชคร้าย..ก็ยังมีโชคดีที่ชื่อว่าเหล้ารัมอยู่ : )

และเพราะแบบนั้นล่ะมั้ง ผมถึงได้คว้ามือของนายพ่อมดหน้าหล่อมาจับไว้ ก่อนจะเดินจูงมือของเขาออกมาจากห้อง โดยไม่สนสายตาใคร...

...พอลงมาถึงชั้นล่าง ผมกับเหล้ารัมต่างก็แยกย้ายกันไป เขาดูมีความสุขนะที่ผมเป็นฝ่ายจับมือเขา ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี

ในขณะที่เพื่อนในกลุ่มที่นั่งรอกันอยู่ชั้นล่างยิ้มแซวใหญ่ เพราะว่าตำแหน่งโต๊ะอยู่ตรงจุดที่เห็นตอนเหล้ารัมกับผมเดินจับมือกันลงมาจากบันไดพอดี

"รีบไปที่ร้านกันเถอะ เดี๋ยวงานไม่เสร็จนะ" ผมเลยแกล้งตีหน้าซื่อทำเป็นมองข้ามรอยยิ้มเหล่านั้น ทั้งที่ตัวเองก็อยากยิ้มให้แก้มปริออกมาเลยด้วยความอาย แต่ถ้าแสดงออกมากก็จะโดนตั้งคำถามมากเช่นกัน เลยขอปกปิดความรู้สึกเอาไว้ก่อนจะดีกว่า

ซึ่งบอยกับหลิวก็ช่วยทำทีพยักหน้ายอมปล่อยผ่านแล้ว เหลือแต่ไอ้เอกเนี่ยแหละที่ดูท่าว่าจะไม่ยอมจบง่ายๆ "แล้วไอ้เหล้าล่ะ" เพราะมันถามถึงอีกคนที่แยกกันไปแล้ว แม้จะหน้านิ่งไม่ได้แสดงอาการอะไรมาก แต่ด้วยความที่คบกันมานาน ผมเลยดูออกว่ามันอยากจะต้อนผมให้จนมุมใจจะขาด

คนอย่างเอกน่ะ ถ้าไม่เป็นมิตรด้วย ก็ถือว่าคุณได้ศัตรูตัวร้ายเลยน่ะนะ

"เหล้ารัมไม่ว่าง เขามีธุระน่ะ"

"แล้วทำไมมึงถึงต้อง..."

"เอก บอย กูไปคันหลิวนะ ไว้เจอกันที่ร้าน มาๆ หลิว เดี๋ยวเราช่วยถือของ"

พอเห็นว่าไอ้เอกยังจะต่อ ผมเลยตัดสินใจพูดแทรกตัดบทมันซะเลย ก่อนจะช่วยหลิวถือของเดินนำไปที่ลานจอดรถ เพราะยังไม่พร้อมที่จะตอบอะไรตอนนี้ทั้งนั้น

แล้วก็เป็นโชคดีของผมจริงๆ ที่เลือกรถถูกคัน เพราะหลิวไม่ถามถึงเรื่องเหล้ารัมเลย มีแค่โยนไอเดียเรื่องงานมาคุยกับผมเท่านั้น นี่ถ้าไปรถไอ้เอกกับไอ้บอยนะ มันคงวนๆ ถามผมจนกว่าจะได้คำตอบนั่นแหละ

อยากรู้อยากเห็นเหลือเกินไอ้พวกเพื่อน!

* * * *

Today I learned เป็นร้านกาแฟที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากเด็กมหา'ลัยผมและผู้ใหญ่วัยทำงานในละแวกใกล้เคียง เพราะนอกจากจะอยู่ใกล้ (อยู่ตรงถนนฝั่งตรงข้ามประตูทางเข้าออกหลังมอ) และมีทั้งอาหารและเครื่องดื่มที่โคตรอร่อยแล้ว ที่ร้านยังเปิดให้บริการลูกค้าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วย เหมาะสำหรับช่วงสอบหรือช่วงที่ต้องปั่นงานส่งแบบหามรุ่งหามค่ำ เรียกว่าตอบโจทย์ยุคเด็กรุ่นใหม่ไฟลนก้นได้เป็นอย่างดี

ในขณะที่เจ้าของร้านอย่าง 'พี่ไอด้า' ก็เป็นที่รักของเด็กมอผมแทบจะทุกคนเช่นกัน ก็นะ พี่เขาทั้งใจดีแถมยังเป็นคนที่เก่งมากๆ เลยนี่หน่า ทำให้มักจะมีประสบการณ์ในเรื่องของการเรียนการทำงานหรือแม้แต่กระทั่งการใช้ชีวิตทั่วไปมาแชร์ให้เด็กๆ ฟังอยู่เสมอ ทั้งที่ก็จบด้านวิศวะแค่ใบเดียว แต่กลับให้คำปรึกษาเด็กได้ทุกคณะ จนบางทีคุยๆ กัน ผมยังคิดเลยว่าทำไมพี่เขาถึงได้เทพขนาดนี้?

ลองคิดดูสิ ผู้หญิงตัวเล็กๆ แค่คนเดียว เอ๊ะ? ไม่สิ เลี้ยงแมวด้วยอีกหนึ่งตัวชื่อเจ้าอิ๋ว (พันธุ์เปอร์เซีย) แต่กลับพาร้านให้ใหญ่โตได้ภายในปีเดียวหลังจากที่เปิดทำการมา มีทั้งโซนนั่งกิน โซนห้องทำงาน โซนห้องอ่านห้องติวหนังสือ และโซนห้องพักที่สามารถนอนได้ด้วย ซึ่งไม่ใช่ว่าทำไปได้เพราะเงินถึงอย่างเดียว แต่ยังทำออกมาได้ดีสมกับเงินที่ลงทุนไป โดยเฉพาะความปลอดภัยของเด็กที่พี่ไอด้านั้นจะเน้นหนักมากเป็นพิเศษ ทำให้ใครหลายคนที่มาใช้บริการบอกว่าที่นี่เหมือนบ้านหลังที่สองของพวกเขาเลยทีเดียว

ซึ่งวันนี้กลุ่มของผมเลือกซื้อบริการห้องทำงานใหญ่ของทางร้านหนึ่งห้องแบบวีไอพี คือจ่ายทีเดียวแล้วยิงยาวยี่สิบสี่ชั่วโมง เหมาะสำหรับการทำงานเป็นกลุ่ม โดยสิ่งที่ได้คือโต๊ะขนาดใหญ่กลางห้อง อุปกรณ์เครื่องเขียน อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง โปรเจ็คเตอร์ ไวท์บอร์ดและจอสำหรับฉายภาพ นอกจากนี้ยังสามารถยืมแล็ปท็อปใช้ได้ในกรณีที่ไม่ได้พกมาเอง รวมถึงมีอาหารและเครื่องดื่มชุดใหญ่ให้ฟรีคนละหนึ่งชุดตามจำนวนของคนที่มา เพราะฉะนั้นราคาที่ต้องจ่ายก็จะสัมพันธ์กับผู้ใช้ด้วย เรียกว่าพวกผมทั้งสี่คนสามารถทำงานยิงยาวอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายๆ แถมห้องน้ำในตัวก็ยังมีฝักบัวให้อาบด้วยนะ (ของใช้สำหรับอาบสามารถซื้อได้ที่ไอด้าหรือไม่ก็ซื้อกับพนักงานของร้าน) บอกแล้วไงล่ะว่าที่นี่น่ะมันบ้านหลังที่สองจริงๆ

"โอ๊ยยยยย~ คิดงานไม่ออกโว้ย!"

แต่ถึงจะสะดวกครบครันเพียงใด ร้าน Today I Learned ก็ไม่สามารถทำให้คนที่คิดงานไม่ออกมันคิดออกได้หรอกนะ ยกตัวอย่างเช่นบอยนี่ไง

"ใจเย็นเพื่อน เดี๋ยวก็นึกออก" เอกที่นั่งข้างผมรีบปลอบใจเพื่อนทันที ก่อนจะสไลด์ถุงขนมใกล้มือไปให้บอยที่รับไปงับไว้นิ่งๆ โชว์เล็กดัดฟันสีขาวราวกับหมาหงอยงับถุงขนมก็ไม่ปาน

"พูดแบบนี้แสดงว่าเอกคิดงานออกแล้วสินะ" หลิวก็เลยตั้งคำถามกับเอกบ้าง

ซึ่งความเป็นจริงก็คือ...

"ยังหรอก ตันเหมือนกัน"

"โธ่ ไอ้เราก็นึกว่าเสร็จแล้ว มึงเอาขนมมึงคืนไปเลยไป" บอยได้ทีเลยสไลด์ถุงขนมกลับคืนมาให้อีกฝ่าย

ส่งผลให้พวกเราทั้งสี่คนหัวเราะออกมาพร้อมกันกับบทสนทนาที่เพิ่งจะเกิดขึ้น

"ต้องนี่สิครับคนเก่งของจริง ไม่ได้กำลังหาข้อมูลอยู่นะ แต่ลงมือทำไปได้เยอะแล้วด้วย เทพชิบหาย" ก่อนที่ไอ้เอกจะเอาแขนมาโอบไหล่ผมไว้ พร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ อย่างกวนตีน จนได้กลิ่นบุหรี่ Benson & Hedges ที่มันชอบสูบอยู่ประจำ

"ก็วันนี้มีเรียนบ่าย ถ้าตื่นมาหาข้อมูลต่อยอดไอเดียกันตั้งแต่เช้า ป่านนี้ก็คงได้เริ่มทำกันไปแล้วแหละ"

"แต่หลิวลองนั่งหาไอเดียตั้งแต่เช้าแล้วนะวาฬ แต่มันคิดไม่ออกจริงๆ" หลิวทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้

ผมเลยต้องรีบพูดต่อให้ชัดเจนขึ้น "เรารู้ว่าหลิวหาแล้ว ที่พูดนี่คือหมายถึงเอกกับบอยแค่สองคน เพราะพวกนี้น่ะมีเรียนบ่ายก็ตื่นเที่ยงนั่นแหละ" แล้วก็ไม่ได้พูดเปล่าด้วยนะ ผมมีการหันไปหรี่ตามองทั้งสองคนแบบให้รู้สำนึกด้วย แต่ดูเหมือนว่าจะมีแค่บอยเท่านั้นที่หดหัวลงนิดหน่อย ในขณะที่คนข้างๆ ผมอย่างไอ้เอกกลับส่งรังสีอำมหิตมาให้

"จะบอกว่าตัวเองขยันตื่นเช้ามาทำงานงั้นสินะ"

"ก็ใช่น่ะสิ"

"แล้วไปตื่นเช้าเอาห้องใครเขาล่ะ ถึงได้มาเรียนพร้อมกับไอ้เหล้าน่ะ"

"..."

นั่นไงล่ะ.. ผมบอกแล้วว่าคนอย่างไอ้เอกน่ะมันร้าย!

ไม่คิดเลยว่าจากเรื่องงานจะสามารถพาวกเข้าเรื่องผมกับเหล้ารัมได้

เก่งจริง!

"นั่นดิ ทีแรกกูก็ไม่คิดอะไรมากนะ คิดแค่ว่าบังเอิญติดรถกันมา แต่พอเห็นตอนเดินจับมือกันลงมาจากตึกเรียน กูชักสงสัยละว่ามึงกับมันนี่ยังไงกันแน่" แล้วพอเอกเปิดประเด็น บอยก็เริ่มตาม โดยมีหลิวที่ตีไหล่บอยเหมือนเป็นเชิงห้าม ทั้งที่ก็คงจะสงสัยไม่แพ้กันนั่นแหละ

โอเค ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ผมคิดว่าผมควรพูดอะไรให้พวกเพื่อนๆ ได้รับรู้บ้าง แม้ว่าจะบอกออกไปได้ไม่หมดก็ตามที

"ก็ไม่ยังไงหรอก คือตอนนี้กูกับเหล้ารัมอยู่ด้วยกันแล้ว"

"หา!?" ทั้งสามเสียงร้องตกใจออกมาอย่างพร้อมเพรียง แม้แต่ไอ้เอกที่ไม่ค่อยสะทกสะท้านกับอะไรก็ยังเบิกตาโตกว่าใครเพื่อน

"อยู่ด้วยกันเนี่ยนะ ล้อเล่นหรือเปล่าวาฬ!?" หลิวที่ดูจะตั้งสติได้เป็นคนแรก รีบถามผมกลับมา

"เปล่า ไม่ได้ล้อเล่น"

"ละ..แล้วไปอยู่ด้วยกันได้ยังไงฟะ!?" คราวนี้เป็นบอยที่ถามบ้าง

"คือ..เหล้ารัมมาจูบกู แล้วก็ขอพ่อกับแม่ให้กูไปอยู่ด้วย"

"แล้วพ่อแม่มึงก็ยอมเนี่ยนะ!?" ก่อนจะปิดท้ายด้วยเอกที่ไม่ได้แค่ถามเฉยๆ แต่จับไหล่ผมให้หันไปมองหน้ามันตรงๆ

ตาเหยี่ยวของมันจับจ้องเข้ามา ราวกับอยากได้ความจริงให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

"ใช่"

"ทำไมวะ ทำไมแค่จีบถึงต้องให้มึงไปอยู่ด้วยกัน แล้วทำไมพ่อแม่มึงถึงยอมง่ายๆ กูไม่เข้าใจ"

"ต้องยอมสิ ในเมื่อเหล้ารัมจะเป็นคนที่ช่วยกูให้มีชีวิตอยู่ต่อนี่"

"ยังไง? แล้วทำไมมึงพูดเหมือนว่ามึงกำลังจะตาย บอกกูมาเดี๋ยวนี้เลยนะ"

"..."

"วาฬ ตอบกูมา"

"..."

"วาฬ!"

เสียงดุๆ ของเอกทำให้บอยกับหลิวแสดงสีหน้าลำบากใจ ในขณะที่ผมกลับไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น เพราะคนอย่างผม บทจะกลัวก็คือกลัว แต่ถ้าถึงคราวที่ดื้อเงียบไม่อยากต่อความ ต่อให้ต่อยจนล้มลงกับพื้นก็ง้างปากผมไม่ได้

ไม่เพียงเท่านั้น ผมยังหยักยิ้มบางส่งให้เอกด้วย ก่อนจะจับมือมันที่ยึดไหล่ผมอยู่ออกซะ แล้วส่งผ่านข้อความทางสายตาในแบบที่ให้รู้ว่า..มันควรจะพอแค่นี้

ไอ้เอกก็เลยสบถออกมาคำนึง ก่อนจะทิ้งตัวลงกอดอกพิงเก้าอี้อย่างยอมแพ้ เพราะมันน่าจะรู้นิสัยผมดี แต่ก็ไม่ค่อยจะสบอารมณ์นักหรอกนะ ในขณะที่อีกสองหน่อก็ได้แต่ถอนหายใจยาวๆ ออกมา แล้วแยกย้ายกันทำงาน

คงมีแต่ผมเท่านั้นที่ยังยิ้มได้ และก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไปในความเงียบ ทั้งที่ในใจคือ..

ขอโทษนะพวกมึง

ไม่ใช่ว่าผมเกิดอยากจะกวนตีนตัดบทเพื่อนขึ้นมาดื้อๆ นะ แล้วก็รู้ด้วยว่าบอกไปแค่นั้นไม่ต้องบอกซะดีกว่า แต่ทำไงได้ พวกคุณต้องทำความเข้าใจก่อนนะว่าผมไม่อยากหาเรื่องโกหกมาเล่า ผมขี้เกียจมานั่งจำเรื่องที่ตัวเองแต่งขึ้น เลยทำให้สามารถบอกได้แค่เท่าที่บอกได้เท่านั้น ทั้งที่ในความเป็นจริงก็อยากจะเล่าออกไปเป็นฉากๆ เลยเหมือนกัน ถ้าไม่ติดว่า..

หนึ่ง..กลัวโดนจับส่งโรงพยาบาลบ้า เพราะเรื่องที่เล่ามันแฟนตาซีมากเกินไป

และสอง..ต่อให้ไม่กลัวโดนด่าว่าบ้า ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าการช่วยมันจะออกมาในรูปแบบไหน

คงต้องได้แต่รอให้ถึงเวลานัดคืนนี้นั่นแหละ ถึงจะรู้

(http://3.bp.blogspot.com/-K4uGPMHBFL8/Vkqbvu7BYJI/AAAAAAAAAMU/BvXEb3oq544/s1600/LwGGTRf.gif)

ฝากคอมเม้นติชมกันด้วยนะครับ : )

ป.ล. หากใครอยากพูดคุยอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้ใน twitter ฝาก #พ่อมดเหล้า เพื่อง่ายต่อการตามอ่านของคนเขียนนะครับ ขอบคุณมากๆ เลยครับ

my page : https://www.facebook.com/hamsterisanauthor/

 :really2:

หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.2) - 2/06/2016
เริ่มหัวข้อโดย: lazysheep ที่ 02-06-2016 11:22:05
เหล้าเนียนมาก ย้ายคณะกันเลยเชียว น่ารักกก แอบอมยิ้มตอนจับมือกัน 55
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.2) - 2/06/2016
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 02-06-2016 11:36:04
สนุกค่ะ ชอบบบบบ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.2) - 2/06/2016
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 02-06-2016 12:12:18
 :ling2:

ทำไมวาฬต้องกลัวเพื่อนส่งเข้าโรงบาลบ้าล่ะ มนุษย์โลกออกจะชอบมนตราจะตาย   :heaven

ตอนอ่านเมื่อกี้มีแว้บๆในหัวอยากให้วาฬเลี้ยงลูกเจี๊ยบด้วย ฮาาาาาาา  :mew4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.2) - 2/06/2016
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 02-06-2016 17:40:19
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.2) - 2/06/2016
เริ่มหัวข้อโดย: holy_angel ที่ 02-06-2016 19:27:53
วาฬน่ารักกกแต่อย่าเศร้าไปเลย เดี๋ยวก็ได้กลับไปทำพันธะสัญญากะเหล้ารัมล่ะ ต้องฟินแน่เลย รอๆๆ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.2) - 2/06/2016
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 02-06-2016 19:50:05
รอเขาทำพันธะสัญญากัน :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.2) - 2/06/2016
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 02-06-2016 20:09:42
รอต่อๆๆๆๆๆๆๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.2) - 2/06/2016
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 02-06-2016 20:34:15
โอ้ยยย อยากรู้ต่อแล้ววว
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.2) - 2/06/2016
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 02-06-2016 21:05:06
ตอนกลางคืนจะเป็นยังไงนะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.2) - 2/06/2016
เริ่มหัวข้อโดย: April❤ ที่ 03-06-2016 00:35:17
สนุกมว้ากกกก
มาต่อเร้วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.2) - 2/06/2016
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 03-06-2016 05:38:38
 o13
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.2) - 2/06/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 04-06-2016 16:24:43
 :mew1:  น่ารักฮือน่ารักมากเลย เหล้ารัมมมมม วาฬมีความซุกซนในตัว มีความกวน 555 ชอบบบบ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.2) - 2/06/2016
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 05-06-2016 01:47:30
อยากรู้จังว่าจะทำพันธะกันแบบไหน 5555
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.2) - 2/06/2016
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 05-06-2016 02:49:37
อยากรู้แล้วว่าจะทำพันธะสัญญากันแบบไหน :hao7:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ♡ บทที่ 4 (4.2) - 2/06/2016
เริ่มหัวข้อโดย: PookPick ที่ 05-06-2016 09:20:28
 :-[ รอๆ มารอดูว่าจะเป็นพันธะสัญญาแบบไหนค่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 4.3 [ จบบทสี่ ] || อัพเดท : 6/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 06-06-2016 23:01:20

#4.3

ผมนั่งทำงานที่ Today I learned จนเกือบจะหกโมงเย็น ก่อนที่จะขอตัวจากเพื่อนๆ (ที่เพิ่งจะหาไอเดียเจอ) กลับมาที่คอนโด และพบว่าเหล้ารัมเองก็กลับมาถึงในเวลาไล่เลี่ยกัน

เขากับผมไม่ได้คุยอะไรกันมากนัก เพราะต่างคนต่างแยกย้ายกันไปแต่งตัว โดยที่คืนนี้ผมเลือกเสื้อถักสีฟ้าอ่อนแขนยาวตัวเก่งกับกางเกงขายาวทรงกระบอกสีขาวที่ดูทั้งลำลองและเป็นทางการในเวลาเดียวกัน เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลว่าเหล้ารัมจะพาผมไปสถานที่แบบไหน ก็เลยเลือกให้ดูกลางๆ ไว้ก่อน

ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมคืนนี้ผมถึงได้พิถีพิถันกับการแต่งตัวนัก และหมดเวลาอย่างโง่ๆ กับการหันมองกระจกไปมาราวกับจะเช็คให้ตัวเองแน่ใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็นนั้นเรียบร้อยดีแล้ว ขณะที่ใจก็กังวลไปต่างๆ นานา ถึงขนาดที่ว่าอยากแอบไปซื้อรองพื้นที่เขาใช้แต่งหน้ากันมากลบเกลื่อนกระบริเวณจมูกและโหนกแก้มที่ใครหลายคนมักบอกว่ามันเป็นกระที่ขึ้นได้อย่างสวยงามและช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับผมอย่างมาก (และผมเองก็คิดแบบนั้นเช่นกัน) แต่ก็นั่นแหละ พอคิดว่าจะต้องออกไปกับนายพ่อมดเหล้า มันก็สั่นคลอนความมั่นใจของผมในทันที

ผมนี่..ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!

แต่แล้วไอ้ความคิดเรื่องรองพื้นก็เป็นอันต้องปัดตกไปเมื่อเหล้ารัมมาเคาะห้องซะก่อน ก่อนจะขับรถพาผมมายังสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งผมค่อนข้างจะคุ้นตา

under the tree

ป้ายร้านที่ทำจากไม้กับตัวหนังสือประดิษฐ์ลายสวยสีเขียวทำให้ผมรู้ได้ในทันทีว่าทำไมผมถึงรู้สึกคุ้นตากับมันนัก ในเมื่อผมเคยหาข้อมูลเกี่ยวกับมันมาแล้วถึงสองครั้งด้วยความที่อยากมามาก แต่ยังไม่มีโอกาส ภาพของร้านที่คนเค้าถ่ายมารีวิวกันเลยยังเกาะติดในความทรงจำของผมอยู่

"คุณจองโต๊ะไว้หรือเปล่าเหล้ารัม?" คำถามแรกที่เจือความตื่นเต้นในน้ำเสียงถูกถามขึ้นหลังจากที่เหล้ารัมตั้งท่าจะเดินนำผมเข้าไปในตัวร้านซึ่งเป็นอาคารชั้นเดียว ทว่าค่อนข้างใหญ่โตพอๆ กับฮอลล์ที่ใช้จัดแสดงคอนเสิร์ตเลยทีเดียว

"อย่างผมต้องจองล่วงหน้าด้วยหรอครับวาฬ : )" อีกฝ่ายจึงตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ นั่นเลยทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าเขาต้องใช้ลูกเล่นบางอย่างแน่ ถึงได้ทำให้ได้คิวโดยที่ไม่ต้องจองล่วงหน้า

เพราะจากที่ผมเคยอ่านรีวิวของทางร้าน ก็ทำให้ได้รู้ว่าหากต้องการที่จะใช้บริการ คุณจะต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งเดือน ถึงจะมีโต๊ะให้ เพราะเจ้าของร้านนั้นเป็นนักแสดงไฮโซชื่อดัง เลยทำให้ทางร้านได้รับความนิยมอย่างสูงจากกลุ่มลูกค้าแฟนคลับและเหล่าบรรดาเซเลบทั่วฟ้าเมืองไทย ถึงขนาดว่าเปิดมาได้เพียงแค่สี่เดือนก็ได้รับผลโหวตจากนิตยสารต่างๆ ให้กลายเป็นหนึ่งในสิบร้านอาหารบรรยากาศดีของกรุงเทพมหานครไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนักที่คิวจะยาวไปตลอดทั้งเดือนแบบนั้น

ผมไม่ได้ตอบอะไรเหล้ารัมกลับไป ทำเพียงแค่ปล่อยให้นายผมบลอนด์เดินมาจูงมือเข้าไปในร้าน

และสิ่งที่เห็นก็ทำให้ผมรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับมันไม่น้อย เพราะแทบจะไม่ผิดไปจากที่เห็นในภาพตามอินเตอร์เน็ตเลยสักนิด

under the tree เป็นร้านอาหารสุดเก๋ที่เกิดจากแนวคิดที่ว่าอยากให้คนนั้นอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ (อันนี้ผมอ่านข้อมูลมานะ ไม่ได้นั่งเทียนเขียนเอง) เจ้าของร้านก็เลยเนรมิตรสิ่งปลูกสร้างที่มีเพดานสูง เพื่อที่จะให้ภายในนั้นสามารถทำเป็นสวนสาธารณะขนาดย่อมได้ โดยที่ต้นไม้ทุกต้นซึ่งถูกปลูกไว้ให้มีระยะห่างกันอย่างตั้งใจ..ก็จะมีโต๊ะญี่ปุ่นสำหรับลูกค้าของร้านด้วย ประหนึ่งว่าคนที่มาทานที่ร้านก็จะได้มาทานอาหารใต้ต้นไม้ โดยที่มีหลังคาเป็นโดมครอบเอาไว้อีกที แถมทางร้านเองก็ตกแต่งแสงสีให้ดูอบอุ่นน่านั่ง บรรยากาศของร้านก็เลยยิ่งดูสวยงามและโรแมนติกสุดๆ ไปเลย

"คุณเหล้ารัม อัครวรกุลพิชิตใช่มั้ยครับ?" ซึ่งภายหลังจากที่ผมยืนชื่นชมร้านอยู่สักพัก ก็มีบริกรเดินมาถามพร้อมทั้งจิ้มๆ ไอแพดในมือไปด้วย

"ใช่ครับ" เหล้ารัมตอบ

"งั้นขอเชิญทางนี้เลยครับ" บริกรชายก็เลยยิ้มรับ ก่อนจะพาไปยังโต๊ะของเรา

อย่างที่บอกไปแล้วว่าโต๊ะของทางร้านเป็นโต๊ะญี่ปุ่นที่ถูกจัดวางใต้ต้นไม้ ทำให้ทั้งผมและเหล้ารัมต้องนั่งกับพื้นหญ้า เลยทำให้รู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกัน แต่ก็ถือเป็นความแตกต่างที่หาไม่ค่อยได้จากร้านอื่นๆ น่ะนะ

ผมเปิดโอกาสให้เหล้ารัมเป็นคนสั่งอาหารเพราะใช้ไอเดียทั้งหมดไปกับการทำงานแล้ว จึงไปอยากคิดอะไรอีก อยากจะขอนั่งเงียบๆ ฟังเพลงเพราะๆ และดื่มด่ำกับบรรยากาศของร้านไปเรื่อยๆ ซึ่งอีกฝ่ายก็ดู จะไม่เดือดร้อนอะไรนักกับการที่จะต้องเป็นคนคิดเมนูอาหาร

จนกระทั่งบริกรรับออเดอร์แล้วเดินจากไปนั่นแหละ เหล้ารัมถึงได้เริ่มเปิดประโยคสนทนา

"วาฬครับ" ผมหันมองหน้าเขาตามเสียงเรียก "คุณอึดอัดมั้ยที่ผมรุกคุณหนักมาก?" ก่อนจะชะงักไปกับคำถามของเจ้าของนัยน์ตาสีม่วงอ่อนที่กำลังมองมา

"เอ่อ.." รู้สึกทำตัวไม่ถูกเลยแฮะ ที่จู่ๆ เหล้ารัมก็ยิงคำถามด้วยหน้าตาจริงจังแบบนั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังปล่อยให้ผมชิลกับบรรยากาศร้านอยู่เลย "ก็... นิดนึงครับ แต่ผมก็เข้าใจนะ เพราะมันเป็นธรรมชาติของคุณ คงจะควบคุมได้ยาก"

"ใช่ครับ มันควบคุมได้ยากมาก และผมก็รู้ดีว่ามันคงจะเป็นการเริ่มต้นที่เร็วเกินไปสำหรับคุณ เพราะฉะนั้น ก่อนที่เราจะไปถึงขั้นตอนของการทำพันธะสัญญา ผมอยากให้เราสองคนเริ่มต้นจากอะไรๆ ที่เบสิคกว่านั้นก่อน"

"ยังไงครับ?"

"ก็.. ผมอยากให้ตอนนี้เราลองมาเดทกันดู คุณว่ามันจะเป็นความคิดที่ดีมั้ย"

"..."

ผมเงียบ.. ไม่ใช่เพราะต้องการที่จะปฏิเสธเขา แต่คำว่า 'เดท' ต่างหากที่เป็นตัวการของความเงียบในครั้งนี้

ไม่ใช่อะไรหรอกนะ แต่ให้ตายสิ ในชีวิตนี้ผมไม่เคยออกเดทกับใครมาก่อนเลย เพราะถึงจะปาเข้าไปยี่สิบแล้ว แต่ด้วยความที่ยังไม่เจอคนที่ใช่ บวกกับเงื่อนไขของชีวิต เลยทำให้ผมห่างไกลจากเรื่องพรรณ์นี้อย่างมาก พอๆ กับระยะทางจากโลกไปดาวอังคาร แล้วก็ไม่เคยแม้แต่จะจินตนาการถึงเดทของตัวเองเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ดังนั้นการที่เหล้ารัมพูดเรื่องเดทขึ้นมา มันจึงเป็นคำที่ใหม่มากสำหรับผม ก็เลยทำให้ไม่กล้าตอบอะไรกลับในทันที

"แต่ถ้าคุณไม่โอเคก็ไม่เป็นไรนะ" ทำให้นายพ่อมดที่เห็นว่าผมเงียบไปนานต้องรีบโบกมือรัวๆ เหมือนเป็นภาษากายที่ต้องการจะสื่อว่าถ้าไม่โอเคก็ให้ปัดๆ มันทิ้งไปซะ

"ไม่ใช่แบบนั้นหรอก" ผมเลยต้องรีบอธิบาย เพราะทนเห็นยิ้มแหยๆ ของอีกฝ่ายไม่ไหว "แต่ที่เงียบไปก็เพราะว่าผมไม่เคยออกเดทกับใครมาก่อน พอคุณพูดถึงมันขึ้นมา ผมก็เลยไม่ค่อยจะชินน่ะ"

"อ๋อ แบบนี้นี่เอง งั้น.. คุณจะโอเคมั้ยครับ ถ้าผมอยากจะขอให้คุณลองมาเดทกับผมดู" พอเห็นว่าผมไม่ได้ต่อต้าน เหล้ารัมเลยถามคำถามแบบเดิมกลับมาอีกครั้งด้วยรอยยิ้มที่กว้างขึ้น เหมือนมั่นใจมากว่าผมจะต้องตอบตกลง จนบางทีผมก็อยากแกล้งปฏิเสธให้เขาหัวทิ่มไปเลย

แต่คง..ใจร้ายเกินไปเนอะ : )

ผมเลยเปลี่ยนจากที่ว่าจะแกล้งเป็นพยักหน้าตอบรับแทน ถึงได้ทำให้รู้ว่านายพ่อมดเหล้ามีรอยยิ้มอีกระดับที่สามารถส่องประกายความดีใจออกมาได้ จนเกิดเป็นผลข้างเคียงให้ผมที่นั่งอยู่ตรงข้ามจำต้องยิ้มตามไปด้วย

ถึงจะไม่เคยจินตนาการถึงเดทแรกของตัวเองมาก่อนก็เถอะ แต่ว่าตอนนี้ผมมีร้านอาหารดีๆ บรรยากาศเยี่ยม กับคู่เดทที่หล่อเนี้ยบหัวจรดเท้าแถมยังยิ้มเก่งแบบนี้ ดูท่าว่าก็คงจะเป็นเดทแรกในชีวิตที่ไม่แย่นักหรอกนะ : )

ว่าแต่.. "แล้วการเดทกันนี่ผมจะต้องทำไงบ้างล่ะ?" ผมถามสิ่งที่สงสัยออกไป ในขณะเอามือขึ้นมากกุมไว้บนโต๊ะ

"ก็... พูดคุยกัน ถามสิ่งที่คุณอยากรู้เกี่ยวกับตัวผม ในขณะที่ผมเองก็จะถามเกี่ยวกับตัวคุณในสิ่งที่ผมอยากรู้ ต่างฝ่ายต่างพิจารณากันและกัน เพื่อดูว่าเราสองคนสามารถเข้ากันได้หรือเปล่า อะไรแบบนั้น ถ้าเกิดว่าสรุปแล้วเรามีความเห็นตรงกันว่าน่าจะไปด้วยกันได้ เราก็เดทกันต่อไป หรือไม่..ก็ตกลงคบกันซะเลย :)"

"แล้วถ้าสรุปผลว่าคุณไม่โอเคสำหรับผมล่ะ?"

เหล้ารัมหุบยิ้มทันทีเมื่อผมถามคำถามจบ ซึ่งผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะจริงจังอะไรนักหรอก แค่หมั่นไส้ เลยอยากหาเรื่องแกล้งไปอย่างงั้น

"ผมก็จะทำทุกอย่างจนกว่าคุณจะโอเคกับผมยังไงล่ะ"

"..."

แต่กลายเป็นว่าสิ่งที่เขาตอบกลับมานั้นเหมือนว่าผมถูกสวนหมัดคืนมาแรงๆ จนตั้งตัวไม่ถูก..

ทำไมนะทำไม ทำไมเขาถึงได้เป็นคนที่พูดอะไรออกมาตรงๆ ได้ดูเป็นธรรมชาติมากขนาดนั้น ไม่รู้หรือไงว่ามันมีผลต่อจิตใจของผมน่ะ!?

ผมก็เลยทำทีเป็นหันมองไปรอบๆ แทน ถึงได้ทำให้เห็นว่าสาวๆ หลายคนกำลังมองที่คู่เดทของผมอยู่ เลยถือโอกาสหาทางเปลี่ยนเรื่องซะเลย

"จริงๆ คุณไม่เห็นต้องมาหยุดที่ผมแค่คนเดียวก็ได้นะ ดูสิ สาวๆ ในร้านมองคุณตาเป็นมันเลย บางทีถ้าคุณสนใจพวกเธอบ้าง คุณอาจจะเจอคนอื่นที่ใช่กว่าผมก็ได้นะ"

"งั้นหรอ?" เหล้ารัมตอบรับหน้านิ่ง ก่อนจะหันมองไปรอบๆ บ้าง แล้วหันกลับมามองผมด้วยสายตาที่แสดงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งผมไม่รู้เลยว่าด้วยเรื่องอะไร จนกระทั่ง.. "แต่ผมกลับไม่สนใจอะไรเลย นอกจากสายตาของพวกผู้ชายที่เอาแต่มองคุณ จนผมชักอยากเสกคนให้กลายเป็นคางคกแล้วเนี่ย" ..เขาเป็นคนพูดออกมาเอง

ผมถึงได้หันไปมองรอบๆ ใหม่ และพบว่ามีผู้ชายหลายคนกำลังมองมาที่ผมจริงๆ แถมพอเห็นว่าผมหันไปมอง ก็มีการส่งยิ้มทักทายกลับมาด้วย

ทำไมก่อนหน้านี้ผมมองไม่เห็นนะ?

แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหรอก ประเด็นคือตอนนี้เหล้ารัมกำลังแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งมากว่าเขา..หึงผม เพราะฉะนั้นผมควรจะเปลี่ยนเรื่องคุยอีกครั้งดีกว่า ก่อนที่จะมีคนโดนสาปเป็นคางคกขึ้นมาจริงๆ

"เอ่อ... งั้นเรามาเริ่มต้นคำถามสำหรับเดทแรกของเรากันดีมั้ย" ผมเลยต้องวกกลับไปที่เรื่องเดทอีกครั้ง ก่อนจะขยับตัวให้ใกล้กับโต๊ะมากขึ้นด้วยท่าทางที่กระตือรือร้นกว่าเคย ส่งผลให้ร่างสูงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเริ่มเผยรอยยิ้มที่คุ้นเคยออกมา

"โอเค งั้นผมขอเป็นฝ่ายถามก่อนก็แล้วกัน" ก่อนที่เขาจะทำท่าคิด

ผมก็เลยเลือกที่จะเป็นฝ่ายรอ.. ถ้าไม่ติดว่าจู่ๆ ภาพของชุดนักกีฬาโปโลที่เขาใส่ให้เห็นตอนกลับมาเจอที่คอนโดดันฉายชัดกลับขึ้นมาในหัวซะก่อน "ว่าแต่วันนี้คุณชนะมั้ย?" เลยกลายเป็นว่าผมชิงถามก่อนที่เหล้ารัมจะทันคิดเสร็จด้วยซ้ำ

แล้วผลก็คือ เหล้ารัมระเบิดหัวเราะลั่น จนผมต้องรีบเอื้อมไปตีแขนเขาเบาๆ เพราะคนพากันมองมาทางเราหมดแล้ว

"หัวเราะอะไรขนาดนั้น ผมไม่ได้เล่าเรื่องตลกซะหน่อย"

"ผมรู้ๆ ผมแค่ไม่คิดว่าคุณจะถามคำถามนี้ออกมาเท่านั้นเอง"

เอ่อ.. จริงๆ ก็ไม่ได้ตั้งใจจะถามหรอกนะ แต่ภาพของเขาที่ใส่หมวกขี่ม้า สวมเสื้อโปโลสีน้ำเงินฟิตหุ่นมีหมายเลขสี่สกรีนอยู่ที่ไหล่ขวา กับกางเกงขายาวผ้ายืดสีขาวและรองเท้าบูทหนังสีน้ำตาลเข้มมันดันวนเวียนกลับเข้ามาในหัว เลยอดถามถึงผลของการแข่งขันไม่ได้จริงๆ

"แล้วสรุปว่าคุณชนะมั้ย"

"ชนะสิครับ ผมเก่งจะตาย : )"

คำตอบของเหล้ารัมทำให้ผมแลบลิ้นใส่เขาด้วยความหมั่นไส้ คนอะไรอวดตัวเองได้เป็นธรรมชาติแบบนั้น? นั่นเลยทำให้เขาหัวเราะออกมาอีกครั้ง แต่ด้วยระดับเสียงที่เบาลงกว่าเดิม

เป็นจังหวะเดียวกันกับที่บริกรคนเดิมนำทีมบริกรอีกสามคนมาเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่ม ผมกับเหล้ารัมก็เลยตัดสินใจว่าเราจะคุยไปกินไปเรื่อยๆ อย่างไม่รีบร้อน

ซึ่งภายหลังจากที่ต่างฝ่ายต่างถามคำถามกันไปมาอยู่เกือบชั่วโมง มันก็ทำให้ผมและเขาได้รู้จักกันมากขึ้น ทั้งในเรื่องทั่วๆ ไป รวมถึงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่น ผมเป็นลูกคนเดียว ในขณะที่เขาอยู่กับพี่สาวแค่สองคน

ปัจจุบันผมกำลังตั้งหน้าตั้งตาเรียนมหา'ลัย ส่วนเหล้ารัมจบไฮสคูลโรงเรียนเวทมนตร์แล้ว และกำลังออกเดินทางศึกษาสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเองโดยไม่ง้อมหา'ลัยของโลกเวทมนตร์

เขาเป็นลูกเสี้ยวไทย-อังกฤษ ส่วนผมเป็นลูกเสี้ยวเยอรมัน-จีน-ญี่ปุ่น-ไทย

และเราทั้งคู่ชอบกินไอศกรีมเป็นของหวานเหมือนกัน

เป็นต้น

ยิ่งคุยกันมากเท่าไหร่ ระดับความจริงจังของบทสนทนาก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนผมเริ่มเป็นฝ่ายถามคำถามที่จริงจังมากขึ้นไปอีกขั้น

"เหล้ารัม ตอนที่คุณเห็นผมครั้งแรก คุณรู้สึกยังไงหรอ?"

"ชอบมาก" แล้วเหล้ารัมก็ตอบกลับมาทันทีแบบไม่ต้องอาศัยเวลาคิด "ตอนที่ผมตัดสินใจที่จะไม่เรียนต่อมหา'ลัย ผมมีเหตุผลให้พี่สาวของผมทั้งหมดสามข้อ คือหนึ่ง" เขาชูนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว ฃผมอยากเป็นพ่อมดที่เก่งจากประสบการณ์ให้เหมือนกับพ่อของผม ได้ลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง และที่สำคัญคือผมอยากจะมีคาถาที่คิดค้นขึ้นด้วยตัวเองให้ได้ ซึ่งแน่นอนว่าผมทำมันสำเร็จภายในระยะเวลาสองปี ส่วนเหตุผลข้อที่สอง" ก่อนจะยกนิ้วขึ้นมาอีกนิ้ว "ผมอยากอ่านหนังสือทุกเล่มบนโลกใบนี้ให้จบ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ยาก แต่ที่ผ่านมาผมก็อ่านมาได้มากมายมหาศาล จนคิดว่าตัวเองน่าจะเป็นพ่อมดที่อ่านหนังสือเยอะที่สุดในจักรวาลนี้แล้ว"

"แล้วสามล่ะ" ผมถาม ไม่ได้ต้องการจะขัดอะไรนะ แค่ต้องการให้เหล้ารัมเห็นว่าผมกำลังตั้งใจฟังในสิ่งที่เขาพูดอยู่

"ข้อสามซึ่งเป็นเหตุผลข้อสุดท้าย คือผมอยากออกตามหาความรัก"

"..."

"คือ... อาจจะฟังดูเพ้อเจ้อนะ แต่ตั้งแต่เกิดมา ผมไม่เคยเลยสักครั้งในชีวิตที่จะรู้สึกกับใคร จนผมคิดว่าผมอาจจะเหมือนกับพ่อมดแม่มดหลายๆ คนที่เกิดและตายไปอย่างโดดเดี่ยว โดยที่ไม่แม้แต่จะได้สัมผัสกับความรู้สึกชอบหรือว่ารักใครเลยด้วยซ้ำ"

"..."

"ตลอดระยะเวลาสองปีที่ผมเก่งขึ้น แต่หัวใจผมกลับว่างเปล่า... ผมอยากเจอใครสักคนเหมือนกับที่พ่อและแม่ของผมเจอกัน พวกท่านรักกันมากนะ มันเป็นความรักแบบที่ยอมสละได้ทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิตของกันและกัน แต่ว่าผมไม่เคยเจอ ไม่แม้แต่จะเคยรู้สึกชอบใครเลยแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว"

"..."

"จนผมได้มาเจอกับคุณ คุณรู้มั้ยว่าผมไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยนะ ว่าใครคนนั้นจะเป็นมนุษย์ แถมยังเป็นเพศเดียวกันกับผมอีกต่างหาก ทั้งที่จริงๆ ผมแค่อยากมาลองใช้ชีวิตในโลกมนุษย์ดู แต่บังเอิญเจอคุณที่เดินลงมาจากตึกเรียนเข้าพอดี"

"..."

"หัวใจผมมันเต้นแรงมากเลยรู้มั้ย ผมแทบไม่เป็นตัวของตัวเองเลยตอนนั้น ถึงจะทำเป็นยิ้มก็เถอะ แต่ข้างในผมมันปั่นป่วนมากถึงมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ผมเอาแต่มองหน้าคุณ มองท่าทางการเดินการนั่งของคุณ และหยุดมองคุณไม่ได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว"

"..."

"เข้าใจเลยว่าการได้เจอคนที่หัวใจตามหาจนเกือบจะหยุดหายใจมันเป็นยังไง"

"..."

"แล้วก็นั่นแหละ ผมรู้ตัวในหลายนาทีต่อจากนั้น ว่าผมชอบคุณมากจริงๆ"

"..."

ตึกตัก ตึกตัก

"แล้วคุณล่ะ ตอนที่เห็นผมครั้งแรก คุณรู้สึกยังไงกับผมบ้าง?"

ผมไม่ได้ตอบคำถามของเหล้ารัมกลับไปในทันที อันที่จริงผมเกือบจะไม่ได้ยินสิ่งที่เขาถามด้วยซ้ำ เพราะความรู้สึกข้างในยังคงวนเวียนอยู่กับสิ่งที่เหล้ารัมอธิบายออกมา

ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้ว่าเขาชอบผมมากแค่ไหน เพียงแต่พอได้มาฟังเป็นคำอธิบายแบบนี้ มันก็ทำให้หัวใจของผมเต้นผิดจังหวะอีกครั้ง จนผมเริ่มลองคิดเล่นๆ ว่า ตั้งแต่เจอกัน หัวใจของผมมันเต้นผิดจังหวะกับพ่อหมดคนนี้ไปกี่ครั้งแล้วนะ?

แถมที่ร้ายกว่านั้นคือ สิ่งที่เหล้ารัมอธิบายออกมาทั้งหมด เหมือนว่าเขาไม่ได้ต้องการให้มันส่งผลต่อความรู้สึกของผมเลยแม้แต่น้อย ทุกอย่างเป็นเพียงสิ่งที่พูดออกมาเรียบๆ ดูธรรมชาติ ไม่ปรุงแต่ง และปราศจากรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แบบที่ชอบทำเวลาต้องการจะให้ผมพลาดท่าแสดงความรู้สึกออกไป เขาก็แค่... ตอบในสิ่งที่ผมถามเท่านั้น แต่กลับทำให้ผมหวั่นไหวยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

แปลกแฮะ

"ผมรู้สึกว่าคุณเป็นลูกครึ่งที่หล่อมาก"

แต่ถึงจะรู้สึกหวั่นไหวมากน้อยแค่ไหน ผมก็ไม่ควรจะเงียบนานนัก ไม่ใช่ว่ากลัวอีกฝ่ายจะผิดสังเกต เพียงแต่...อยากให้บทสนทนามันดำเนินต่อไปได้ โดยไม่ผุดคำถามอื่นที่ผมอาจจะหาคำตอบไม่ได้ขึ้นมาซะก่อน เพราะฉะนั้นพอเห็นว่าเหล้ารัมตั้งท่าจะเปิดปากถามอีกครั้ง ผมก็เลยรีบตอบคำถามก่อนหน้านี้ แล้วหยิบน้ำเย็นๆ ขึ้นมาดื่มเพื่อดับอารมณ์ร้อนที่ก่อตัวอยู่ภายใน

จนวางแก้วลงนั่นแหละ ถึงได้เห็นว่าอีกฝ่ายมองมาด้วยรอยยิ้มเขิน อะ..อะไรกัน?

"ก็ผมเขินที่คุณชมผมว่าหล่อไง : )" แล้วดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรับรู้ได้ว่าผมกำลังสงสัยอาการเขินของเขา ก็เลยตอบกลับมาโดยที่ไม่ต้องให้ถามออกไป

"ก็คุณหล่อจริงๆ นี่"

เหล้ารัมดูจะยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อผมย้ำเรื่องหน้าตาของเขาอีกรอบ จนผมเริ่มคิดแล้วว่าบางทีนายพ่อมดเหล้านี่อาจจะบ้ายอมากกว่าที่คิด

แต่ก็เพียงไม่นานนะที่เขายิ้มกว้างๆ น่ะ เพราะพอเห็นว่าผมไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาก็เงียบไป แล้วจัดการกับอาหารตรงหน้าต่อ ในขณะที่ผมนั่งมองเขา คิดถึงคำถามอีกคำถามที่อยากถามออกไป คำถามจริงจังคำถามสุดท้ายที่ผมอยากจะใช้มันสำหรับเดทแรกในครั้งนี้

และหลังจากที่ชั่งใจอยู่สักพัก "นี่เหล้ารัม ผมมีอีกหนึ่งคำถามที่อยากให้คุณตอบ" ผมก็ตัดสินใจขัดจังหวะการกินของเขา

เหล้ารัมหยิบทิชชู่ขึ้นเช็ดปาก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผม

"อะไรหรอ?"

"ทำไมคุณถึงอยากให้ผมมีชีวิตอยู่"

"..." ซึ่งพอเจอคำถามของผมเข้าไป เขาก็เงียบ พลางขมวดคิ้วมุ่นเหมือนไม่เข้าใจคำถาม ผมก็เลยต้องขยายความคำถามของตัวเอง

"คือ.. ผมรู้นะ ว่าจากที่คุณอธิบายความรู้สึกที่มีต่อผม มันก็มากพอแล้วที่คุณจะอยากให้ผมมีชีวิตต่อไป เพียงแต่.. บางครั้งผมก็อดคิดไม่ได้ว่าการทำพันธะสัญญาครั้งที่สองมันคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แค่เราสองคนรักกันแล้วก็จบหรอกจริงมั้ย ไม่อย่างงั้นทางโลกเวทมนตร์ก็คงพูดถึงเรื่องนี้ไปนานแล้ว แต่นี่มีแค่คุณคนเดียวที่พูดถึงมัน ผมเลยคิดว่ามันคงมีเงื่อนไขอื่นอีกที่คุณไม่ยอมบอกผม แต่ผมจะไม่ถามหรอกนะว่ามันคืออะไร อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในตอนนี้ เพราะสิ่งที่ผมอยากรู้ก็คือ ทำไมคุณถึงตัดสินใจช่วยให้ผมมีชีวิตอยู่ต่อ ทั้งๆ ที่ลงทุนกับคนใกล้ตายอย่างผมมันไม่คุ้มค่าเลยสักนิด เผลอๆ คุณเองอาจจะต้องเป็นฝ่ายที่เสียใจที่สุดเลยด้วยซ้ำ หากว่าผมตายน่ะ"

"..." การที่เหล้ารัมไม่ตอบอะไรผมกลับมาในทันที แถมยังหลบสายตาเป็นพักๆ ทำให้สิ่งนี้บอกผมได้อย่างหนึ่งว่าคงจะมีเงื่อนไขอื่นอีกที่จะต้องเกิดขึ้นเกี่ยวกับพันธะสัญญาครั้งที่สองแน่ แต่ในเมื่อผมพูดแล้วว่าจะไม่ถามถึงมันในตอนนี้ ผมก็จะไม่ถามออกไปจริงๆ และรอให้ถึงเวลาที่ผมสมควรจะรู้เอง "ก็... ถ้าไม่นับเรื่องที่คุณคือคนที่ผมเฝ้าตามหามาตลอด ก็คงเพราะ...ผมอยากมีคุณอยู่เคียงข้าง"

"อยู่เคียงข้าง" ผมทวนคำเสียงแผ่ว

"ใช่" เหล้ารัมยิ้มบางๆ ส่งมาให้ "ตอนที่ผมรู้ว่าคุณกำลังจะตายเพราะคำสาป ผมถามตัวเองว่าควรทำยังไงต่อไปดี ผมจะช่วยอะไรคุณได้บ้าง และที่ผมอึ้งแล้วปล่อยให้คุณเดินจากไปตอนนั้น ก็เพราะว่าผมกำลังสับสน ผมยอมรับว่ามันจริงอย่างที่คุณพูด การช่วยเหลือคุณต้องผ่านการตัดสินใจครั้งใหญ่ที่ผมไม่สามารถบอกรายละเอียดได้หมด แต่คุณคือคนที่ผมเฝ้าตามหามาตลอด สิ่งเดียวที่ผมหวังคือได้รู้จักคุณให้มากกว่านี้ ได้อยู่กับคุณให้นานกว่านี้ เพราะฉะนั้น ผมปล่อยให้คุณตายไม่ได้เด็ดขาด ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม คุณเข้าใจผมใช่มั้ยวาฬ?"

"..."

แน่นอนว่าผมเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด การได้เจอคนพิเศษที่ตามหามานานแสนนาน แต่กลับพบว่าเขากำลังจะตาย เป็นผม ผมก็ไม่ยอมให้เขาตายจากไปเหมือนกัน อีกอย่าง ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้คำตอบในสิ่งที่ถามออกไป เพียงแค่ผมอยากสังเกตตอนที่เหล้ารัมตอบ.. เพราะฉะนั้นตอนที่ได้ฟังคำของนายพ่อมดเหล้าจนจบ ผมถึงยังไม่ยอมตอบคำถามที่เขาทิ้งท้ายไว้ เพราะกำลังจ้องเข้าไปในตาของคนตรงหน้า พยายามจับให้ได้ว่าทุกอย่างที่พูดออกมานั้นเป็นเพียงโกหกคำโตหรือไม่?

แต่สุดท้าย.. หัวใจผมกลับกระตุกวูบไหวรุนแรง เพราะยิ่งมองลึกเข้าไป.. ยิ่งพบประกายความจริงใจที่ฉายชัดออกมาอย่างปราศจากสิ่งเคลือบแฝงจากนัยน์ตาสีม่วงอ่อนทรงเสน่ห์คู่นั้น จนเมื่อเวลาผ่านไป กลับกลายเป็นผมซะเองที่ต้องเป็นฝ่ายหลุบตาลงต่ำด้วยความละอายใจที่พยายามจะจ้องจับผิดเค้า แถมยังได้รับรู้ถึงความรู้สึกมากมายที่ไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้จากดวงตาคู่เดิมที่แทบจะเป็นหน้าต่างบานใหญ่ที่คอยเผยหัวใจของเหล้ารัมให้ผมได้รับรู้อีก นั่นจึงทำให้ผมตัดสินใจเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเหล้ารัมอีกครั้ง

ท่ามกลางเสียงเพลงและบรรยากาศโรแมนติกของร้าน under the tree มีเพียงเขาเท่านั้นได้ยินในสิ่งที่ผมตอบออกไป..

"ผมเข้าใจคุณแล้วครับเหล้ารัม"

(http://pic.pimg.tw/demona/1405329580-1468390043.gif)

จบตอนที่ 4

#แฮมสเตอร์

สวัสดีครับ ก่อนอื่นเลยต้องขอโทษทุกคนก่อนที่อัพช้ามาก เพราะความไม่สะดวกหลายๆ อย่างตอนไปอยู่ที่ต่างจังหวัด แต่ว่าตอนนี้กลับมาบ้านที่กรุงเทพแล้ว เพราะฉะนั้นคงจะได้กลับมาอัพถี่ๆ เหมือนช่วงตอนบทแรก

อีกอย่างนึงที่อยากพูดมากๆ เลยก็คือความเลี่ยนของบทนี้ ซึ่งถ้าใครที่อ่านมาถึงตอนนี้แล้วรู้สึกเอียนกับสิ่งที่ตัวละครคุยกัน รวมถึงความเลี่ยนของความรู้สึกที่เหล้ารัมมักจะส่งผ่านไปให้วาฬ รวมถึงมวลดราม่าที่วาฬชอบคิดหรือพูดออกมาบ่อยๆ แฮมสเตอร์ก็ขอน้อมรับคำติชมทุกอย่าง เพราะว่าในความเป็นจริงควรจะเข้าจุดการทำพันธะสัญญาได้แล้ว และมันก็ตามมาด้วยเรื่องราวอีกมากมาย แต่คนเขียนเองที่รู้สึกว่าอยากจะขอเก็บรายละเอียดอีกเล็กน้อย เลยตัดสินใจเพิ่มซีนการเดทสั้นๆ เข้ามา และขอยกยอดการทำพันธะสัญญาไปไว้ที่บทห้าแทน (ซึ่งจะตามมาเร็วๆ นี้) หวังว่าหลายคนจะยังไหวอยู่นะครับ แงๆ

ยังไงก็ขอบคุณมากนะครับที่อ่านกันมาถึงตรงนี้ ผมเองก็จะพยายามเขียนงานให้สนุกยิ่งๆ ขึ้นไปเพื่อเป็นการตอบแทนนะครับ

ป.ล. หากใครอยากพูดคุยอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้ใน twitter ฝาก #พ่อมดเหล้า เพื่อง่ายต่อการตามอ่านของคนเขียนนะครับ ขอบคุณมากๆ เลยครับ

my page : แฮมสเตอร์ (https://www.facebook.com/hamsterisanauthor/)

หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 4.3 [ จบบทสี่ ] || อัพเดท : 6/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: cinnsin ที่ 06-06-2016 23:11:16
อื้อหือออออออออ ทำไมคุณชายเหล้าถึงได้ใจหล่อขนาดนี้คะะะะะะ  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 4.3 [ จบบทสี่ ] || อัพเดท : 6/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 06-06-2016 23:15:49
ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตามชักกลัวกับข้อแลกเปลี่ยน

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 4.3 [ จบบทสี่ ] || อัพเดท : 6/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: apisaraa ที่ 06-06-2016 23:33:50
ถ้ามีคนพูดด้วยขนาดนี้ เขินตายไปเลยยย :-[
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 4.3 [ จบบทสี่ ] || อัพเดท : 6/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 06-06-2016 23:34:57
เงื่อนไขอีกข้อหรอ ต้องแลกกับอะไร สินะ?

ฟังเหล้ารัมพูดถึงความรักที่มีต่อวาฬแล้วเขินแทน
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 4.3 [ จบบทสี่ ] || อัพเดท : 6/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 06-06-2016 23:46:39
ขออีกๆๆๆๆๆ//ยกป้าย
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 4.3 [ จบบทสี่ ] || อัพเดท : 6/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: April❤ ที่ 07-06-2016 00:08:34
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 4.3 [ จบบทสี่ ] || อัพเดท : 6/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 07-06-2016 01:11:21
ไม่เลี่ยนหรอกค่ะ อ่านแล้วมันดีต่อใจมากเลย
อย่างน้อยเราก็ได้เข้าใจความรู้สึกแล้วก็ความคิดของตัวละครมากขึ้นนะ ได้รู้เหตุผลที่เหล้ารัมเลือกที่จะช่วยต่อชีวิตให้กับวาฬด้วย
เป็นกำลังใจให้คุณแฮมสเตอร์นะคะ
สู้ๆค่ะ จะรออ่านตอนต่อไปนะ
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 4.3 [ จบบทสี่ ] || อัพเดท : 6/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 07-06-2016 05:26:06
ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม ฮรื่อออ กลัวดราม่าเลยยย อย่าใจร้ายกับเรามากนะคะ ><
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 5.1 || อัพเดท : 7/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 07-06-2016 21:34:36
#5.1

หลังจากที่เราสองคนกินไปคุยไปผลัดกันตั้งคำถามไปมา มันทำให้ผมเริ่มจินตนาการถึงบริบทที่ต่างออกไป แบบว่า... ถ้าเขาไม่ใช่พ่อมด และผมไม่ใช่มนุษย์ต้องสาป เราสองคนจะมีโอกาสได้มานั่งเดทกันในร้านอาหารแบบนี้มั้ย?

แล้วมันจะดีกว่านี้มั้ยนะ ถ้าเราสองคนเป็นเพียงผู้ชายธรรมดาๆ ที่พยายามจะเรียนรู้ซึ่งกันและกัน จีบกัน หยอดคำหวานให้แก่กัน ก่อนจะจบเดทวันนี้ด้วยการแยกย้ายกันกลับบ้าน โทรหากันหรือไม่ก็ไลน์คุยกันก่อนนอน บอกว่ารักนะ บอกว่าฝันดี แล้วบอกว่าเราจะมาพบกันใหม่..อีกครั้ง

อืม... ผมตอบไม่ได้แฮะ เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจริง ก็แค่การลองจินตนาการให้ต่างออกไปเท่านั้น บางทีถ้าบางอย่างเปลี่ยนไป ความรู้สึกเองก็คงจะเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน

แต่จากสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ ผมว่าผมสามารถตอบคำถามตัวเองได้ข้อนึงนะว่า.. หลังจากที่ใช้เวลาเดทกันเกือบสองชั่วโมงกับนายพ่อมดเหล้า รู้สึกว่าเขาโอเคสำหรับมนุษย์ต้องสาปอย่างผมมั้ย?

คำตอบคือ... โคตรโอเค

และนั่นแหละคือความจริง

"ขอเวลาสักครู่นะครับ แล้วเดี๋ยวผมจะเรียกเก็บเงิน" ..ผมหลุดออกจากความคิดของตัวเองเมื่อเหล้ารัมหันไปพูดกับบริกรเจ้าเก่าที่พาบริกรคนอื่นๆ มาช่วยกันเก็บโต๊ะให้เรียบร้อย ก่อนที่ทั้งหมดจะปล่อยให้ผมกับเหล้ารัมได้อยู่ด้วยกันตามลำพังอีกครั้ง

รอยยิ้มที่ปรากฏตรงหน้าทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย เพราะรู้ดีว่าน่าจะถึงเวลาสำหรับการทำพันธะสัญญาระหว่างเราสองคนแล้ว เพียงแต่ผมเองก็ยังไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไป ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นคนเปิดบทสนทนาเอง

"โอเค ผมว่ามันถึงเวลาแล้ว คุณพร้อมมั้ยครับวาฬ?"

เอ่อ.. ไม่รู้สิ.. บอกไม่ถูกเหมือนกัน จะว่าพร้อมมันก็พร้อม จะว่าไม่พร้อมมันก็ไม่พร้อม ออกแนวก้ำกึ่งมากกว่า

แต่ทำไงได้ล่ะ "พร้อมครับ" ในเมื่อคำถามมันน่าจะปูทางมาให้ผมตอบได้เพียงคำตอบเดียวอยู่แล้ว ยื้อว่าไม่พร้อมไปก็เปล่าประโยชน์

และเพราะแบบนั้นเหล้ารัมจึงเขยิบตัวให้เข้ามาใกล้โต๊ะมากขึ้น ในขณะที่ผมจดจ่ออยู่กับทุกการกระทำของเขาด้วยจังหวะหัวใจที่เต้นเร็วขึ้นกว่าปกติเล็กน้อย เหมือนมันลุ้นว่าจะมีอะไรให้ตื่นตาตื่นใจ

แต่กลับกลายเป็นว่า...

"ผมขอนิ้วก้อยขวาของคุณหน่อยครับ" สิ่งที่นายพ่อมดเหล้าทำก็คือการตั้งศอกขวาบนโต๊ะ ก่อนจะยื่นนิ้วก้อยของเขามาตรงหน้า พร้อมกับขอนิ้วก้อยของผมเช่นกัน

"หมายถึง..ให้เกี่ยวก้อยกับคุณน่ะหรอครับ?"

ผมเลยถามออกไปด้วยความไม่แน่ใจในคำขอนั้น อีกอย่าง ผมคิดว่ามันจะมีอะไรที่ดูแฟนตาซีกว่านี้เกิดขึ้นในร้านซะอีก อย่างเช่นว่า..มีลำแสงแห่งมนตราพวยพุ่งออกมาจากตัวของผมกับเขา ก่อนจะสอดประสานกันเป็นหนึ่งเดียวอะไรเทือกๆ นั้น

"ใช่ครับ เกี่ยวก้อยกัน : )"

แต่ดูท่าว่าสิ่งที่ผมคิดกับความเป็นจริงมันจะสวนทางกันแฮะ

"โอเค" ซึ่งด้วยความที่อีกฝ่ายยื่นนิ้วก้อยรออยู่นานแล้ว ผมเลยต้องรีบยื่นนิ้วก้อยขวาไปเกี่ยวไว้ตามคำบอกของเหล้ารัม แม้ว่าในใจจะรู้สึกค้านกับความ 'ธรรมดา' ที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าก็ตาม

มันช่างดู...เด็กเล่นชะมัด

แค่เกี่ยวก้อยกันแค่นี้ มันจะทำให้ผมมีชีวิตอยู่ต่อไปได้จริงหรอ?

เหล้ารัมหยักยิ้มบางๆ เมื่อยื่นหน้าเข้ามามองนิ้วก้อยของเราสองคนที่กำลังเกี่ยวกันไว้ ช่างไม่ต่างอะไรจากเด็กฝรั่งตัวน้อยที่กำลังสุขใจกับการชื่นชมความสวยงามของตู้ปลาเลยสักนิด ทว่า.. พอเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมอีกครั้ง รอยยิ้มนั้นพลันหายไป และกลับแทนดีด้วยสีหน้าของความกังวลแทน

ทำไมกัน?

คำถามผุดขึ้นในใจ.. ทำไมเขาถึงได้มีสีหน้ากังวลแบบนั้น ทั้งๆ ที่ไม่ถึงสามวินาทีก่อนหน้านี้เขายังยิ้มอยู่เลย

"ช่วยหลับตาลงด้วยนะครับวาฬ"

แต่ยังไม่ทันที่ผมจะถามอะไรออกไป คำสั่งใหม่ก็ตามมา ผมเลยชั่งใจอยู่ว่าควรจะทำตามเหล้ารัมเลย หรือว่าควรถามถึงเรื่องความกังวลบนใบหน้าของเขาก่อนดี?

"ถ้าคุณไม่หลับตา ผมทำพันธะสัญญาไม่ได้นะ"

ซึ่งพอเห็นว่าผมไม่ยอมหลับตา อีกฝ่ายก็เลยย้ำอีกครั้งด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้น แต่ก็ยังไม่วายเจือความกังวลที่เด่นจนเห็นได้ชัดน่ะนะ

"โอเค" หลับตาก็หลับตา เอาไว้ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ผมค่อยถามเขาแล้วกันว่ากังวลเรื่องอะไรกันแน่

แต่ดูท่าว่าความกังวลของเขาจะส่งผลมาถึงผมด้วย เพราะพอภาพสุดท้ายที่เห็นดันเป็นสายตาแสดงความกังวลอย่างที่ผมไม่ทราบสาเหตุ ก็เลยแอบคิดนั่นคิดนี่ในแง่ร้ายจนรู้สึกกังวลใจไปด้วยเหมือนกัน..

..แล้วเวลาต่อจากนั้น ผมก็แทบจะไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นรอบตัวบ้างกันแน่ ได้ยินเพียงเสียงพึมพำภาษาแปลกๆ ที่น่าจะเกิดจากการร่ายคาถาของเหล้ารัม ก่อนจะตามมาด้วยสายลมแรงที่ปะเข้ากับร่าง..!

มันเป็นสายที่ลมประหลาดมาก.. ผมสัมได้ เพราะนอกจากมันจะพัดผ่านตัวผมไปอย่างรวดเร็วและรุนแรงแล้ว มันยังวิ่งวนกลับมาพัวพันอยู่ที่รอบตัวผม ฉุดดึงผม ราวกับต้องการให้เหล้ารัมกับผมแยกออกจากกัน

โชคดีที่ต่างฝ่ายต่างกระชับนิ้วก้อยที่เกี่ยวกันไว้ให้แน่นขึ้นโดยไม่ต้องรอให้ใครบอกกล่าว เลยทำให้ไม่มีใครหงายหลังแยกจากกันไป ในขณะที่เหล้ารัมเองก็ดูจะเร่งจังหวะการร่ายคาถาให้เร็วขึ้น ยิ่งลมพัดแรงเท่าไหร่ นายพ่อมดเหล้าก็พึมพัมคาถาออกมาให้เร็วเท่านั้น

ว่าแต่ว่าทำไมใจคอผมมันถึงได้รู้สึกไม่ดีแบบนี้นะ? เหมือนว่า..กำลังถูกเฉียดใกล้และกัดกินความสุขภายในด้วยความทุกข์อย่างแสนสาหัส.. มีเพียงเสียงร่ายคาถาของเหล้ารัมเท่านั้นที่ช่วยพยุงจิตใจผมไว้ไม่ให้อ่อนแอมากไปจนถึงขั้นสติแตก.. วินาทีนั้นผมอยากลืมตาขึ้นดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวว่าจะเป็นการทำลายสิ่งที่เหล้ารัมกำลังทำอยู่ตอนนี้ เลยได้แต่ข่มใจตัวเองให้รอถึงเวลาที่อีกฝ่ายจะอนุญาต

จนกระทั่งเหล้ารัมเอ่ยคาถาคำสุดท้าย...

"...อินเทอร์ลีกอร์ช!"

ฟู่ววววววว~

...สายลมที่เคยพัดวนอย่างบ้าคลั่งก็พลันสลายหายไป!

รวมถึงความรู้สึกแย่ๆ ก็จางหายไปด้วย เหลือเพียง..ความอบอุ่นใจอย่างประหลาดที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นภายในใจของผมเท่านั้น

แต่ผมก็ยังไม่กล้าพูดอะไรออกไปนะ รวมถึงการลืมตาด้วย เพราะถึงยังไงเหล้ารัมก็ยังไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยสักคำ ผมเลยคิดว่านิ่งไว้ก่อนน่าจะเป็นการดีที่สุด

"โอเค ลืมตาได้แล้วครับ" แล้วไม่นานหลังจากนั้น เสียงของเหล้ารัมที่ดูจะร่าเริงกว่าก่อนหน้านี้ก็ดังขึ้น

ผมจึงค่อยๆ ลืมตาอย่างช้าๆ เพื่อที่จะมาพบกับ..รอยยิ้มของเหล้ารัมที่ปราศจากความกังวลใดๆ

แบบนี้แสดงว่า..ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่มั้ย?

ผมลองมองไปรอบๆ ก็ดูเหมือนว่าลูกค้ารวมถึงบริกรคนอื่นๆ ก็ดูเป็นปกติดี ไม่น่าจะมีใครรับรู้ถึงสายลมนั่นนอกจากผมกับนายพ่อมดเหล้า

แล้วพอลากสายตากลับมาที่เหล้ารัม ก็ถึงได้เห็นว่าตอนนี้เขาไม่ได้ส่งยิ้มมาให้ผมแล้ว แต่กำลังมองนิ้วก้อยของเราสองคนที่ยังคงเกี่ยวกันไม่เลิกแทน

ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจหรอกว่ามีอะไรให้น่าอมยิ้มนักหนา จนกระทั่งลองสังเกตดูดีๆ ถึงได้เห็นว่ามีบางอย่างที่ต่างออกไป...

...นิ้วก้อยของเราสองคนมีเส้นด้ายเชื่อมโยงเอาไว้ด้วยกัน

"..." เหล้ารัมยังไม่ได้อธิบายอะไรออกมา เขาทำเพียงแค่คลายนิ้วก้อยออกจากผม ซึ่งนั่นทำให้ผมเกือบจะร้องห้าม เพราะเห็นว่าความยาวของเส้นด้ายนั้นน่าจะไม่มากพอให้ปล่อยนิ้วออกจากกัน แต่เมื่อนายพ่อมดดึงมือกลับไป..ความยาวของเส้นด้ายก็เพิ่มขึ้นตามระยะทางความห่างของนิ้วก้อยผมกับเขา

อะ..อเมซิ่ง!

"เส้นด้ายนี่คือพันธะสัญญาหรอครับ?" ผมถามอย่างอดทนรอต่อไปไม่ไหว ทั้งที่ตอนแรกตั้งใจจะให้เหล้ารัมเป็นคนบอกทุกอย่างออกมาเอง แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายดูจะชื่นชมกับสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นจนลืมบอกสิ่งที่ผมควรจะรู้ให้ฟังเสียแล้ว

"ใช่ครับ" เหล้ารัมยิ้ม "นี่คือด้ายแห่งพันธะสัญญา ทุกคนจะมองเห็นมันได้หากเราสองคนไม่ซ่อนมันเอาไว้ และนี่.." ก่อนที่เขาจะเว้นจังหวะเพื่อชี้จุดแบ่งที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด "เป็นจุดแบ่งระหว่างสายสัมพันธ์ของเราสองคน ซึ่งตอนนี้ฝั่งของผมเป็นสีแดงอ่อน ในขณะของคุณเป็นสีขาว"

"อ๋อ" ผมยื่นหน้าเข้าไปพิจารณาให้ใกล้ขึ้น "แล้วสีนี่บ่งบอกอะไรหรือเปล่าครับ"

"บอกครับ บอกถึงความรู้สึกของเราสองคนที่มีให้แก่กัน อย่างผมเป็นสีแดงอ่อน แสดงว่าผมชอบคุณมากๆ ถ้าสะสมความรู้สึกมากขึ้นๆ อีกไม่นานก็คงจะกลายเป็นสีแดงเข้ม ซึ่งนั่นหมายถึงฝั่งของผมก็จะเสร็จสมบูรณ์"

"งั้น...ฝั่งผมที่เป็นสีขาวก็แสดงว่า...ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุณเลยหรอ?"

"..." ระดับรอยยิ้มของนายพ่อมดเหล้าดูจะลดลงเมื่อผมถามออกไป.. แต่ก็ยังคงหลงเหลือความสดใสอยู่บ้าง มันเลยทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยแย่เท่าไหร่นัก ก่อนที่เขาจะเริ่มพูดต่อ "ก็ไม่เชิงหรอกครับวาฬ เพียงแต่..คงต้องใช้เวลานานเหมือนกันกว่าจะแดงเท่ากับผม เพราะแบบนั้นผมถึงได้ขอพ่อกับแม่คุณให้คุณย้ายมาอยู่ด้วยกันกับผมไงครับ จะได้สานสัมพันธ์กันได้อย่างเต็มที่ และเมื่อไหร่ที่ด้ายของเราเป็นสีแดงทั้งคู่ พันธะสัญญาครั้งที่สองก็จะเสร็จสมบูรณ์ครับ"

ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจทุกคำที่เขาพูด แสดงว่าต่อจากนี้เขามีหน้าที่ทำให้ผมรักเขา ในขณะที่ผมมีหน้าที่ทำให้เขารักผมมากขึ้น แล้วผมก็จะรอดพ้นจากความตายสินะ ว่าแต่.. "แล้วมีกำหนดเวลามั้ยครับ"

คราวนี้เหล้ารัมพยักหน้าบ้าง "มีครับ ก็..ก่อนวันเกิดคุณหนึ่งวัน" ก่อนจะปิดท้ายประโยคด้วยรอยยิ้ม เหมือนไม่ต้องการให้ผมกังวลกับคำตอบของเขา

แต่แน่นอนว่าผมอดคิดถึงระยะเวลาที่เหลือไม่ได้ ในเมื่อด้านของผมยังเป็นสีขาวอยู่เลย

"เข้าใจแล้วครับ ว่าแต่.. ตอนที่ผมหลับตา มันเกิดอะไรขึ้นหรอครับ ทำไมผมรู้สึกไม่ดีกับสายลมที่พัดวนรอบตัวผมเลย"

"อ๋อ นั่นไม่ใช่สายลมหรอกครับ มันคือภูตแห่งความเกลียดชัง ผมถึงได้ให้คุณหลับตาไว้ เพราะรู้ว่ามันจะต้องตามมาหลอกหลอนคุณแน่"

"จะ..จริงหรอครับ!" ดีนะที่ผมไม่ลืมตาน่ะ "แล้วคุณรู้ได้ไงครับว่ามันจะมา"

ไม่ใช่ว่าเขาเคยทำพันธะสัญญาครั้งที่สองกับใครมาก่อนหรอกนะ?

"ที่ผมรู้ก็เพราะว่าเจ้าภูตตนนี้มันไปแทบจะทุกที่ที่มีกลิ่นของความรักครับ แล้วเราสองคนก็ทำพันธะสัญญาที่มีสายสัมพันธ์เป็นหลัก ยังไงมันก็คงจะไม่พลาดอยู่แล้ว" คนตรงหน้าค่อยๆ อธิบายให้ผมฟังอย่างใจเย็น ก่อนที่เขาจะสะบัดมือขวาหนึ่งที และด้ายที่เชื่อมโยงเราสองคนไว้ก็จางหายไป ก่อนที่จะใช้มือข้างเดิมยกเรียกบริกรให้เดินมาหา "ดึกแล้ว ผมว่าเรากลับคอนโดกันเลยก็แล้วกันนะครับ"

ผมพยักหน้าเห็นด้วย แล้วตั้งท่าจะหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาช่วยเหล้ารัมจ่าย แต่นายพ่อมดรีบโบกมือห้าม ก่อนจะส่งการ์ดให้บริการ ก็เลยกลายเป็นว่าผมเป็นฝ่ายที่แค่นั่งรอเฉยๆ จนกว่ากระบวนการการจ่ายเงินจะเสร็จสิ้น

ทำให้ในช่วงเวลานั้น... ผมเริ่มคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของเส้นด้ายฝั่งผมที่ยังคงเป็นสีขาวสะอาดหมดจดแบบนั้น ทำให้ตอนนี้ปัญหาหลักๆ น่าจะอยู่ที่ผมเอง และมันก็ทำให้ผมรู้สึกหวั่นใจไม่น้อย

ในขณะที่เหล้ารัมก็คงจะกังวลไม่แพ้กัน ถึงเขาจะยังยิ้มอยู่ได้ แต่ผมรู้ว่ามันเป็นรอยยิ้มที่อยากให้ผมสบายใจมากกว่า

เฮ้ออออออออ~ เกิดเป็นผมนี่มันไม่ง่ายเลยจริงๆ นะ

แต่เอาเถอะ มาถึงขั้นนี้แล้วเปล่าวะ กลับตัวกลับใจก็คงไม่ทันแล้ว เพราะฉะนั้นลองเต็มที่กับมันดูสักตั้ง ไหนๆ วันนี้ก็ได้รู้แล้วว่าคู่เดทของผมโอเคมากแค่ไหน ต่อจากนี้ไปผมจะเปิดใจให้กว้างๆ เลย แล้วอะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิดไป

ตามนี้แหละ : )

อ้อ ยังๆ ยังไม่หมด "นี่เหล้ารัม" ผมคิดว่าผมควรพูดบางสิ่งบางอย่างกับเหล้ารัมให้ชัดเจนก่อนที่คืนนี้จะผ่านพ้นไป

"ว่าไงครับ" เหล้ารัมที่กำลังรอเซ็นบัตรเครดิตหันมาหาผม เขาทำจมูกฟุดฟิดนิดหน่อยด้วย คงจะเกิดอาการระคายเคืองอะไรสักอย่าง แต่นั่นกลับทำให้เขามีเสน่ห์ในสายตาผมอีกแล้ว

"คือ... ต่อจากนี้เป็นต้นไป ผมจะเปิดใจให้คุณนะครับ ผมจะไม่ให้คุณต้องพยายามอยู่ฝ่ายเดียวอีกแล้ว เพราะถึงยังไงคนที่ได้ประโยชน์ในเรื่องนี้ที่สุดก็คือผม แต่.. ถ้าเกิดว่าสุดท้ายแล้วเส้นด้ายของผมยังไม่กลายเป็นสีแดงก่อนกำหนดเวลา ผมก็อยากให้คุณรู้เอาไว้ว่ามันไม่ใช่ความผิดของคุณเลย ห้ามโทษตัวเองเด็ดขาด เพราะผมรู้ดีว่าคุณพยายามช่วยผมอย่างเต็มที่แล้ว และผมก็ซาบซึ้งใจมากจริงๆ" พอพูดจบ ผมก็ส่งยิ้มให้กับเขา ไม่ใช่แค่รอยยิ้มที่ประดิษฐ์ขึ้น แต่ว่าเป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากใจของผมจริงๆ เพราะต้องการจะยืนยันให้เขาเห็นว่าผมโอเคกับทุกสิ่งทุกอย่างต่อให้ผลสรุปของเรื่องนี้จะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม

ในขณะที่เหล้ารัมเองก็ยิ้มออกมาบางๆ เช่นกัน นัยน์ตาสีม่วงของเขาเริ่มฉายแววความจริงจังขึ้นมา ก่อนที่เขาจะเริ่มพูดบ้าง "โอเคครับ ผมจะไม่โทษตัวเอง"

"ดีแล้วครับ ถ้าคุณพูดแบบนี้ผมเองก็สบายใจ"

คนดีๆ อย่างเหล้ารัมควรสุขมากกว่าทุกข์ ผมคิดแบบนั้น

"แต่ผมมีลางสังหรณ์นะว่าทุกอย่างจะสำเร็จนะ"

ก่อนที่คำพูดของเขาต่อจากนั้นจะเรียกความสนใจจากผมที่กำลังแอบหันไปมองบริกรที่กำลังจะเดินมา

"ทำไมถึงคิดงั้นล่ะครับ"

"ก็.. ถ้าเกิดว่าคุณสังเกตนะ คงเห็นว่าก่อนที่เราจะเริ่มทำพันธะสัญญากัน ผมค่อนข้างกังวลนิดหน่อย"

"..." แม้จะยังไม่ค่อยเข้าใจทั้งหมด แต่ผมก็รีบพยักหน้ารับ เพราะสังเกตเห็นความกังวลจากใบหน้าเขาจริงๆ

จะว่าไปผมก็ลืมถามเรื่องนี้ไปเลยเนอะ

"เพราะถ้าคุณไม่มีใจ ต่อให้ผมพยายามแค่ไหน เส้นด้ายก็ไม่มีวันปรากฏขึ้น แต่ก็อย่างที่เห็น มันเกิดขึ้นแล้ว ต่อให้เป็นสีขาวเพราะคุณยังไม่รู้สึกมากเท่าผม แต่อย่างน้อยๆ ผมก็ได้รู้ว่า..คุณเองก็มีใจให้เหมือนกัน : )"

แต่คงไม่ต้องแล้วล่ะ เพราะเจ้าตัวเขาอธิบายให้ฟังหมดแล้ว

แถมยังมาแช่แข็งผมด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำอีก..

'คุณเองก็มีใจให้เหมือนกัน'

'คุณเองก็มีใจให้เหมือนกัน'

'คุณเองก็มีใจให้เหมือนกัน'

ก่อนที่ต้นเหตุอย่างเขาจะหันไปสนใจกับการเซ็นใบเสร็จที่บริการเดินนำมาให้

..โอเค ถ้าจะมาพูดกันแบบนี้ ก็ทำหน้าที่ที่ควรทำเถอะ..คุณหัวใจ

ตึกตัก ตึกตัก

(http://3.bp.blogspot.com/-K4uGPMHBFL8/Vkqbvu7BYJI/AAAAAAAAAMU/BvXEb3oq544/s1600/LwGGTRf.gif)

ฝากคอมเม้นติชมกันด้วยนะครับ : )

ป.ล. หากอยากกรีดร้องบอกความรู้สึกกันในทวิตเตอร์ ฝาก #พ่อมดเหล้า ด้วยนะครับ

my page : แฮมสเตอร์ (https://www.facebook.com/hamsterisanauthor/)


 :hao3:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 5.1 || อัพเดท : 7/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 07-06-2016 21:55:01
ป๊าดดดดดดด

อย่างกะเดอะซิมส์ มีเกจวัดด้วยยยยยยย  :hao7:

หวังว่าพันธะรอบนี้จะไม่ต้องสังเวยชีวิตใครเพื่อต่ออายุให้วาฬหรอกนะ  :ruready
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 5.1 || อัพเดท : 7/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 07-06-2016 21:56:13
พยายามเข้านะวาฬ มีเหล้ารัมเอาใจใส่ซะขนาดนี้ไม่นานหรอก  :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 5.1 || อัพเดท : 7/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: cinnsin ที่ 07-06-2016 21:57:16
โอ้ยยยยสครีมหนักมากกกกกกก เบาหวานกินทั้งตัวก็ยอมค่ะ ฮรึกส์.....  :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 5.1 || อัพเดท : 7/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 07-06-2016 22:11:04
หวานจ๊นนน เขิลลลล
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 5.1 || อัพเดท : 7/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 07-06-2016 22:12:43
เขินจังง  :hao6: :-[

ต่อไปนี้วาฬไม่ควรกั๊กความรู้สึกแล้วนะ :z2:

 เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ มาต่อบ่อยๆนะคะ รอทุกวัน ชอบมากๆๆ  :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 5.1 || อัพเดท : 7/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 07-06-2016 22:31:07
ดีงามมมมม
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 5.1 || อัพเดท : 7/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 07-06-2016 22:39:10
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด :pighaun: :haun4: :katai1:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 5.1 || อัพเดท : 7/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Respire ที่ 07-06-2016 23:01:44
โอ๊ยยยยยย มันดีกับใจมากเลยค่ะ ทำพันธะสัญญาแรกสำเร็จ รอแต่วันที่เส้นด้ายเป็นสีแดงเข้มทั้งคู่ซินะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 5.1 || อัพเดท : 7/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: rainiefonnie ที่ 07-06-2016 23:31:14
เรื่องน่าติดตามมากค่ะสนุกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 5.1 || อัพเดท : 7/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 08-06-2016 00:56:39
มันดีกับใจมากจริงๆค่ะ
น้องวาฬะยายามเข้านะ สู้ๆ
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 5.1 || อัพเดท : 7/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 08-06-2016 00:58:56
มันดีงามมากค่ะ โอ๊ยยย ทันแน่ ๆ ค่ะงานนี้
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 5.1 || อัพเดท : 7/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 08-06-2016 06:00:55
 :mew1:  เหล้ารัมมอบอุ่นมากกก ชอบมาก ๆ ค่า
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 5.1 || อัพเดท : 7/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: iAlexiajang ที่ 08-06-2016 14:43:43
#เขินหนักมาก งื้ออออออออออออออ .///////. <3
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 5.1 || อัพเดท : 7/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 08-06-2016 23:42:07
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 5.1 || อัพเดท : 7/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: April❤ ที่ 09-06-2016 01:50:11
ดีงามมากกก
ตอนแรกนึกว่าจะมีอะไรมาขัดซะก่อน
แต่ไม่มีก้ดีแล้นน
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 5.1 || อัพเดท : 7/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 09-06-2016 04:48:01
เหล้ารัมน่ารักอ่าาาา ฮรื่อออออ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 5.1 || อัพเดท : 7/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 09-06-2016 15:34:42
พันธะสัญญาขั้นแรกสำเร็จ ต้องรอดูขั้นสมบูรณ์อีกที เหล้ารัมรีบทำให้ด้ายฝั่งวาฬเป็นสีแดงไวๆที
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 5.1 || อัพเดท : 7/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: ItIsMe ที่ 09-06-2016 20:30:30
สนุกมากกกกกกกก คือชอบการบรรยายที่ละเอียดแล้วเรัยบเรียงให้เข้าใจง่าย ไม่ได้รู้สึกยืดเยื้อเกินไป แบบอ่านแล้วจินตนาการตามมันจะหวานละมุนสุดๆ

รู้สึกดีใจกับคุณพ่อมดเหล้าที่ในที่สุดก็หารักเจอเนอะ
แล้วก็ดีใจกับวาฬที่มีคนรักขนาดนี้  :-[


เป็นกำลังใจให้ด้ายเปลี่ยนเป็นสีแดงไวๆน้าน้าา  :กอด1:   :กอด1:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 5.2 [ จบบท ] || อัพเดท : 9/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 09-06-2016 21:37:15
#5.2

หลังจากที่เราทำพันธะสัญญากันเมื่อคืนนี้ เรื่องนึงที่เหล้ารัมกำชับผมอย่างจริงจังก็คือ...

"ผมขอร้องคุณนะวาฬ ห้ามบอกเรื่องที่เราทำพันธะสัญญาครั้งที่สองกับใครเด็ดขาด จะมีแค่ผม คุณ และพ่อแม่ของคุณเท่านั้นที่รู้ ตกลงมั้ย?"

ซึ่งแน่นอนว่าผมตอบตกลงแบบไม่ต้องคิดอะไรเลยด้วยซ้ำ เพราะปกตินอกจากพ่อแม่และเอกแล้ว เรื่องสำคัญๆ แบบนี้ผมไม่มีทางเล่าให้ใครฟังแน่ แล้วก็อย่างที่รู้ มันเป็นเรื่องที่เอกไม่สามารถรู้ได้ เพราะฉะนั้นผมก็ไม่จำเป็นที่จะต้องบอกใครอีก แม้แต่สมาชิกครอบครัวคนอื่นๆ ก็ตาม

เพราะยิ่งรู้มากคน ก็ยิ่งมากเรื่อง

รู้กันน้อยๆ แบบนี้ล่ะ สบายใจดี : )

อ้อ แล้วใครที่คิดว่าหลังจากผมกับเหล้ารัมทำพันธะสัญญากันเมื่อคืนจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อจากนั้น บอกได้เลยนะครับว่า..ไม่มี

เพราะถ้าจะให้พูดกันตามจริง ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เรายังคงแยกกันนอน เหล้ารัมยังคงเอานมมาเสิร์ฟ (ซึ่งผมคงจะไม่ห้ามเขาแล้ว เพราะห้ามไปก็ไม่ฟังอยู่ดี) พอตื่นเช้ามาผมก็ทำมื้อเช้าให้เขากินเหมือนเดิม (แน่นอนว่าเขาชมว่าอร่อยมาก) ก่อนจะมาเรียนพร้อมกันท่ามกลางความสนใจของคนอื่นๆ เหมือนกับเมื่อวานนี้

ทุกอย่างแทบจะไม่มีอะไรต่างไปจากตอนก่อนทำพันธะสัญญาเลย เพราะว่าในความคิดผมหลังจากเมื่อคืนนี้นะ เหมือนว่าการทำพันธะสัญญานั้นเป็นเพียงแค่..การปล่อยเราสองคนออกจากจุดสตาร์ทเพื่อที่จะสร้างความสัมพันธ์กันอย่างเป็นทางการเท่านั้น ไม่ได้หวือหวาแฟนตาซีอย่างที่ใครหลายคนคิดหรอก

หรือถ้าจะมีอะไรเปลี่ยนไป ก็คง.. เป็นความรู้สึกที่ผมกับเขาเป็นกันเองมากขึ้นมั้ง รู้สึกว่าความอึดอัดบางอย่างในใจมันน้อยลงเวลาที่เขาพยายามส่งผ่านความรู้สึกก้อนใหญ่มาให้ แล้วก็รู้สึกใกล้ชิดกับเขาได้มากกว่าที่เคย

ซึ่งน่าจะเป็นผลจากการเดทกันสองชั่วโมงมากกว่า

"ในที่สุดก็พรีเซ้นต์งานเสร็จแล้วโว้ยยยยยย! ไม่มีมีงานเพิ่มด้วย แถมวันนี้ยังเป็นวันศุกร์อีก ขอบคุณสวรรค์~"

และในขณะที่ผมกำลังคิดนั่นคิดนี่อยู่คนเดียวนั้น ไอ้เอกที่นั่งตำแหน่งซ้ายมือก็ร้องเสียงดังเมื่ออาจารย์เดินออกจากห้องไปแล้ว ส่งผลให้เพื่อนคนอื่นๆ ในห้องร้องเฮตามไปด้วย

มีเพียงผมกับเหล้ารัมนั่นแหละที่ไม่เข้าพวก เพราะมัวแต่ส่งยิ้มให้กัน

"ถ้างั้นแบบนี้กูว่าต้องฉลองว่ะ"

เป๊าะ!

แล้วพอได้ฟังไอเดียที่บอยเสนอขึ้น เอกก็ดีดนิ้วเสียงดังเป๊าะ ก่อนจะชี้นิ้วไปที่บอย ซึ่งเป็นท่าทางที่เพื่อนๆ ต่างรู้กันว่านั่นหมายถึงมันเห็นด้วยอย่างมาก

ไอ้เอกจึงเริ่มมีการหาแนวร่วมกันเกิดขึ้นในวินาทีต่อจากนั้น "คืนนี้ใครจะไปฉลองบ้างครับ เดี๋ยวเฮียเอกเป็นเจ้ามือเอง" โดยมีมันนั่นแหละที่ยกมือเป็นคนแรก

"กูไปครับเฮีย" แล้วก็คงไม่ต้องบอกนะครับว่าคนต่อมาที่ยกมือคือใคร ยังไงคนที่เสนอไอเดียคนแรกอย่างบอยก็ต้องเอาด้วยอยู่แล้ว ยิ่งฟรีแบบนี้ ยิ่งไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธเลยด้วยซ้ำ

"แล้วคุณหนูหลิวล่ะครับ ไปมั้ย"

"ไม่อะ" แต่หลิวกลับส่ายหน้าปฏิเสธเอก ก่อนที่จะมีรอยยิ้มตามมาหลังจากนั้น "ไม่ปฏิเสธเด็ดขาด! แต่เดี๋ยวขอโทรบอกแม่ก่อนนะว่าคืนนี้จะนอนคอนโด เดี๋ยวนางเป็นห่วง"

พูดจบแค่นั้น สาวสวยเพียงคนเดียวในกลุ่มก็หยิบไอโฟนขึ้นมากดๆ คงจะโทรหาแม่ตามที่บอก

ในขณะที่ไอ้เอกก็..  "เออ งั้นเดี๋ยวกูโทรหาเมียบ้าง ว่าจะชวนมาด้วยกันเลย ไม่ได้เจอกันหลายวันละ" ..ตั้งท่าจะโทรหาแป้งผู้ซึ่งเป็นแฟนหรือ 'เมีย'ของไอ้เอกตามที่มันว่าเช่นกัน

นี่สรุปว่าไปกันหมดยกเว้นผมสินะ

มันช่างน่าน้อยใจนัก ดูสิ มีเพื่อนตั้งสามหัว แต่ไม่มีตัวไหนคิดจะชวนผมเลยสักคน นี่คงจะยึดติดอยู่กับภาพในอดีตที่ผ่านมาของผมจนลืมไปว่าผมเป็นอิสระแล้วสินะ

เพราะฉะนั้น "กูไปด้วย" ผมจึงแสดงเจตจำนงของตัวเองออกไปบ้าง ทำเอาเพื่อนทั้งสามคนหันมาร้องเป็นเสียงเดียวกันว่า..

"ว่าไงนะ!?"

"กูบอกว่ากูจะไปด้วย" ผมเว้นจังหวะเล็กน้อยเพื่อลุกขึ้นยืนกอดอกด้วยท่าทางมั่นใจสุดๆ "หรือว่าไม่ได้"

"เฮ้ย ได้ดิ แต่.. มึงแน่ใจนะว่าพ่อกับแม่มึงโอเค" คำถามแบบเดียวกันกับตอนจะไป Today I Learned เมื่อวานวนกลับมาอีกครั้ง จนผมถึงขั้นถอนหายใจทำหน้าเซ็งสุด "แล้วเมื่อวานนี้ตอนไป Today I Learned พ่อแม่กูโทรไปบ่นใครบ้างมั้ยล่ะ" ถึงจะหมั่นคอนโทรหาผมด้วยความเป็นห่วงก็เถอะ แต่เรื่องโทรหาเพื่อนนี่ไม่มีแน่นอน เพราะผมบอกพวกท่านไปแล้วว่า..ต่อไปถ้ามีอะไรให้ติดต่อหาเหล้ารัมเท่านั้น เพราะผมคงอยู่กับเขาตลอด ซึ่งโชคดีที่ถึงจะเป็นพ่อมด เหล้ารัมก็ยังใช้ไอโฟนเหมือนมนุษย์ทั่วไป เลยมีเบอร์ที่ติดต่อได้ ลองเป็นนายไรเกอร์สิ หายไปทีนี่ต้องฝากให้พ่อมดแม่มดคนอื่นไปตามหาเลยแหละ

แล้วพอเจอการตอบกลับคำถามด้วยคำถาม ทั้งเอก บอย และหลิวจึงหันมองหน้ากัน ก่อนจะลากสายตากลับมาที่ผม แล้วพากันส่ายหน้าอย่างพร้อมเพรียง

เห็นแบบนี้แล้วก็ตลกดีเหมือนกันแฮะ ยังกับหุ่นยนต์ถูกป้อนข้อมูลมาให้ทำแบบเดียวกันเลย

"ก็นั่งไง เพราะฉะนั้นคืนนี้กูจะไปด้วย โอเคนะ"

"โอเค" แม้จะยังดูงงๆ อยู่ แต่สุดท้ายเอกก็ยอมพยักหน้า ทำให้โรบอร์ทอีกสองตัวต่างก็พยักหน้าตามด้วยเช่นกัน ซึ่งผมก็เข้าใจที่พวกมันอึ้งนะ ในเมื่อจู่ๆ เพื่อนที่แค่ไปห้างยังโดนพ่อแม่ตามจิกตลอด กลับข้ามขั้นถึงขนาดเที่ยวกลางคืนด้วยได้ เป็นผมก็คงมีอึ้งไปบ้างเหมือนกัน

ทีนี้ก็คงจะเหลือแต่..

"วาฬ" โอ๊ะ! ผมถึงกับสะดุ้งเลยเมื่อจู่ๆ คนที่ผมกำลังคิดถึงก็มายืนอยู่ข้างๆ แบบนี้เรียกว่า 'ตายยาก' ได้หรือเปล่านะ?

"ว่าไงเหล้ามรัม ผมกำลังจะชวนคุณไปฉลองด้วยกันคืนนี้อยู่เลย" ผมพูดตามความจริง ซึ่งอีกฝ่ายน่าจะได้ยินสิ่งที่พวกผมสี่คนคุยกันหมดแล้ว แต่กลายเป็นว่าพอหันไปมองตรงๆ ถึงได้เห็นว่า..เหล้ารัมกำลังทำหน้าลำบากใจส่งมาให้

ทำไมกัน?

"ผมขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ย" แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถามเค้า นายพ่อมดเหล้าก็คว้ามือผมเดินไปทางประตูห้อง โดยไม่รอให้ผมตอบตกลงอะไรเลยด้วยซ้ำ จนผมต้องรีบหันกลับไปทำปากบอกเพื่อนแบบไร้เสียงว่า...

'รอก่อนนะ เดี๋ยวกูมา'

ซึ่งที่ที่เหล้ารัมพาผมออกมาก็ไม่ได้ไกลอะไรนัก ก็แค่นอกห้องเรียนนี่เอง จริงๆ ถ้าแบบนี้คุยกันในห้องก็ได้ เพราะเชื่อเถอะว่าต้องมีคนเอาหูแนบแอบฟังพวกเราแน่

"คุณจะไปกับเพื่อนคืนนี้จริงๆ หรอ?" และนี่คือคำถามแรกที่นานพ่อมดเหล้าใช้เปิดบทสนทนาอย่างจริงจัง ถึงขั้นที่ยกมือขึ้นกอดอกคุย

ทำเอาผมที่เคยมีปมเรื่องทำอาหารกับเขามาก่อน ถึงกับผุดความคิดขึ้นมาในหัวทันทีว่า

'เขาต้องห้ามผมแน่'

แล้วมีหรอที่ผมจะยอมง่ายๆ

"คุณจะห้ามผมหรอ : (" ผมทำปากคว่ำทันทีให้รู้เลยว่าถ้าเขาห้ามล่ะก็ ผมไม่มีทางพอใจแน่ เพราะว่านี่คือโอกาสในการเที่ยวกลางคืนครั้งแรกในชีวิต ผมจะไม่ยอมให้เหล้ารัมหยุดยั้งมันโดยเด็ดขาด!

ซึ่งพอเห็นว่าผมตั้งการ์ดเตรียมชก (แค่เปรียบเปรยนะ) เหล้ารัมก็ดูจะมีสีหน้าที่ลำบากใจมากขึ้น แล้วก็ลีลาอยู่สักพักเลยแหละกว่าจะยอมพูดออกมา

"ผมก็ไม่ได้อยากห้ามคุณนะวาฬ เพราะก็เคยบอกไปแล้วว่าถ้าคุณอยากทำอะไร ผมจะปล่อยให้คุณทำเต็มที่ เพียงแต่.."

"เพียงแต่อะไร?" ผมสวนคำถามกลับไปทันทีเมื่อร่างสูงเว้นจังหวะในการพูด ซึ่งไม่ได้นะ จะมาหยุดแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด คนมันกำลังรอฟัง!

"เพียงแต่คืนนี้ผมมีนัดฉลองชัยชนะโปโลกับเพื่อนๆ ที่โลกเวทมนตร์ เพราะฉะนั้นผมคงไปกับคุณไม่ได้ ก็เลย..ไม่อยากให้คุณไปคนเดียวอะ"

"คนเดียวที่ไหนกัน เพื่อนผมก็ไปด้วย" ผมรีบแย้ง พร้อมกับดึงแขนเสื้อถักสีเหลืองที่สวมทับชุดนักศึกษาขึ้นอย่างเคยชิน โดยที่ไม่คิดว่าคำพูดต่อจากนั้นของอีกฝ่าย..

"ผมรู้ แค่.."

"แค่?"

"แค่เป็นห่วง"

..จะทำให้ใจผมกระตุกวูบ!

เอ่อ.. เอาจริงๆ มันจะไม่ส่งผลอะไรกับผมเลยนะ ถ้าเหล้ารัมไม่พูด 'แค่เป็นห่วง' ออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทว่า.. กลับก้มมองพื้นเหมือนเด็กสารภาพความผิดให้ครูฟัง

จะ..จะเป็นต้องน่ารักขนาดนี้มั้ย!?

เขาจะรวมทั้งความหล่อและความน่ารักเอาไว้ในคนเดียวหมดเลยแบบนี้ไม่ได้นะ มันไม่ยุติธรรมเลยสักนิด!

"เอ่อ.. ขอบคุณนะ" และเพราะไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรตอบกลับไป ก็เลยตัดสินใจขอบคุณความรู้สึกของเขาแทน แต่ยังไงก็คงต้องยืนหยัดอุดมการณ์เรื่องไปเที่ยวกลางคืนก่อนแหละ "ผมเข้าใจว่าคุณเป็นห่วง แต่ผมเองก็โตแล้ว ผมสามารถดูแลตัวเองได้ครับเหล้ารัม อย่าลืมสิว่ายังไงผมก็เป็นผู้ชายนะ" ถึงจะเป็นผู้ชายที่ชอบผู้ชายด้วยกันก็เถอะ แต่ยังไงความเสี่ยงในการเที่ยวกลางคืนก็คงไม่เท่าผู้หญิงหรอก

"ใช่ ผมรู้ว่าคุณเป็นผู้ชาย แต่คุณไม่รู้หรอกว่าคุณมีเสน่ห์มากแค่ไหน"

"สะ..เสน่ห์อะไรเล่า คุณก็พูดไปโน่น" ผะ..ผมเขินนะ!

"ก็มันจริงนี่"

ยัง ยังไม่หยุดอีก!

"พอเลยพอ คิดว่าพูดแบบนี้แล้วผมจะล้มเลิกความตั้งใจหรือไง" ผมเลยต้องตัดบทด้วยเสียงที่จริงจังขึ้นและดังขั้น ไม่ใช่ว่าอยากจะโวยวายหรืออะไรนะ แต่ทำเพื่อกลบอาการร้อนๆ บริเวณสองข้างแก้มจากการโดนชมต่างหาก! "ไม่รู้แหละ ในเมื่อผมอยากไป ผมก็จะไป"

เหล้ารัมถึงขั้นปากคว่ำบ้างเลยเมื่อเจอผมออกลูกดื้อแสดงความเอาแต่ใจออกไป ทำให้อีกใจนึงผมก็เริ่มคิดขึ้นมาว่าบางที... ผมควรจะหาตรงกลางให้กับเรื่องนี้ด้วย...

"แต่ในเมื่อคุณเป็นห่วง ผมจะทำให้คุณสบายใจก็ได้ โดยการสัญญาว่าจะไม่ดื่มจนเมา แล้วก็จะดูแลตัวเองอย่างดี ตกลงมั้ย?"

พอเจอข้อเสนอของผมเข้าไป นายพ่อมดเหล้าก็ดูจะคลายความกังวลบนใบหน้าลง แต่ก็ยังไม่วายนิ่งคิด ซึ่งถ้าจะให้พูดกันตามจริง ผมไม่จำเป็นจะต้องมาตกลงอะไรกับเขาเลยก็ได้ เพราะยังไงนี่มันก็ชีวิตผม แต่ที่ผมเลือกที่จะมีตรงกลางแบบนี้ก็เพราะนึกขึ้นมาได้ว่าเราสองคนทำพันธะสัญญากันแล้ว มันเลยทำให้เขาเหมือนกลายเป็นอีกหนึ่งคนสำคัญที่ผมจะต้องแคร์ด้วย

ในเมื่อเหล้ารัมเองก็ดีกับผม จะให้เอาแต่ดื้อแพ่งกับเขาได้ยังไง

"นะๆ" และเพื่อความชัวร์ว่าคำตอบของนายพ่อมดหน้าฝรั่งจะออกมาตรงกับใจ ผมก็เลยเข้าไปเกาะแขนของเขา พลางส่งสายตาออดอ้อนสมทบตามไปด้วย เป็นสายตาแบบเดียวกับที่ใช้อ้อนไอ้เอกเลย เพราะถ้าทำให้คนอย่างเพื่อนสนิทผมใจอ่อนได้ เหล้ารัมก็ไม่รอดหรอก คอยดูสิ

"กะ..ก็ได้ครับ" เยส! นั่นไงล่ะ ผมบอกแล้วว่ามันต้องได้ผล เพราะแค่ตาสบตากัน เหล้ารัมกูดูจะอ่อนยวบในทันที ปากที่เคยคว่ำก่อนหน้านี้ก็ไม่มีแล้ว อิอิ

"แต่คุณต้องดูแลตัวเองให้ดีอย่างอย่างที่พูดนะ ห้ามเมาจนขาเสติเด็ดขาด แล้วถ้าผมเสร็จธุระก่อนคุณ ผมจะตามไปรับ ตกลงมั้ย?"

"ตกลงครับ : )" ตอนนี้ไม่ว่าอะไรผมก็ตกลงหมดทั้งนั้นแหละ ก็แค่ให้ได้ไปเที่ยวโดยที่เขาไม่ห้ามก็พอ "งั้นเดี๋ยวผมไปคอนเฟิร์มเรื่องร้านกับเพื่อนก่อนนะครับ"

โดยไม่ต้องรอให้เหล้ารัมเอ่ยปาก แค่เห็นเขายิ้มผมก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับเข้าห้องมาหาเพื่อนๆ ทันที

หัวใจผมตอนนี้มันกระดี๊กระด๊ามากแบบสุดๆ เพราะยอมรับตามตรงเลยว่ารอการเปิดโลกกว้างคืนนี้ไม่ไหวแล้ว!

(http://pic.pimg.tw/demona/1405329580-1468390043.gif)

จบตอนที่ 5

หากอยากพูดคุยถึงเหล้ารัมกับวาฬบนทวีตเตอร์ ฝาก #พ่อมดเหล้า ด้วยนะครับ

my page : แฮมสเตอร์ (https://m.facebook.com/hamsterisanauthor/)

 :katai5:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 5.2 [ จบบท ] || อัพเดท : 9/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 09-06-2016 22:05:09
 :ling3:

ใจนึงก็อยากเห็นวาฬเมา แต่กลัวเหล้ารัมโกรธมากกว่า  :mew2:

งั้นอย่าเมาเลยเนอะวาฬ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 5.2 [ จบบท ] || อัพเดท : 9/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 09-06-2016 22:41:47
 :impress2: รักกันเร็วๆๆนะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 5.2 [ จบบท ] || อัพเดท : 9/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 09-06-2016 23:00:29
เจออ้อนทีนี่ละลายเลยนะ เหล้ารัม :hao7:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 5.2 [ จบบท ] || อัพเดท : 9/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-06-2016 23:40:13
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 5.2 [ จบบท ] || อัพเดท : 9/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 10-06-2016 00:12:38
อยากเห็นวาฬเมา  :hao7:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 5.2 [ จบบท ] || อัพเดท : 9/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-06-2016 01:27:35
ถ้าวาฬเมาแล้วจะเป็นยังไงนะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 5.2 [ จบบท ] || อัพเดท : 9/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 10-06-2016 01:43:55
้อ้อนขนาดนี้ เหล้ารัมไม่ใจอ่อนก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 5.2 [ จบบท ] || อัพเดท : 9/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 10-06-2016 02:00:10
เที่ยวกลางคืนครั้งแรกจะเจออะไรมั้ยนะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 5.2 [ จบบท ] || อัพเดท : 9/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 10-06-2016 09:43:12
รอด้ายเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีแดงๆๆๆๆ :katai2-1:
จะเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่าหนอ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 5.2 [ จบบท ] || อัพเดท : 9/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 11-06-2016 03:47:31
 :mew1: เหล้ารัมโดนอ้อนนแพ้ราบคาบเลย 555 ไม่มีดราม่าใช่ไหม ขอให้หวาน ๆ ไปก่อนน
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 6.1-6.2 || อัพเดท : 11/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 11-06-2016 21:30:38
#6.1

สถานที่อับแสง ผู้คนอัดแน่น กลิ่นบุหรี่คละคลุ้ง และเสียงดนตรีดังกระหึ่ม..เป็นบรรยายกาศแปลกใหม่แบบที่ผมไม่เคยสัมผัสมาก่อนเลยในชีวิตนี้

ซึ่งเอาจริงๆ ผมว่ามันก็ไม่แย่ แต่ถ้าให้ถามใจตัวเองว่าอยากมาบ่อยๆ มั้ย? ผมว่า... นานๆ ทีมาน่าจะดีกว่าน่ะนะ

และร้านที่เอก บอย และหลิวตัดสินใจพาผมมาเปิดโลกกว้างในวันนี้ก็คือ Let Me Drunk ที่อยู่ห่างจากมหา'ลัยพอสมควร แต่ตั้งอยู่ในย่านสถานที่เที่ยวกลางคืนที่เด็กมหา'ลัยผมและเหล่าบรรดาคนมีเงินชอบเที่ยวกันมาก

บรรยากาศร้านก็เป็นไปตามที่ผมบอกนั่นแหละ แถมยิ่งวันศุกร์ก็ยิ่งคนเยอะหนักเข้าไปอีก โชคดีนะที่ร้านนี้เขาไม่หวงแอร์ ก็เลยทำให้อากาศค่อนข้างสบาย เผลอๆ อาจจะเย็นกว่าข้างนอกด้วยซ้ำ

โต๊ะที่เราได้อยู่ในโซนชั้นลอยของร้าน ซึ่งบอยแอบกระซิบว่าไอ้เอกหมดเงินไปเยอะมากกว่าจะได้โต๊ะบริเวณนี้ เพราะมันคือโซนที่ดีที่สุดในร้าน มีแค่สามโต๊ะเท่านั้น และสามารถมองเห็นทั้งร้านได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะเวทีที่จัดวงหมุนเวียนมาคอยเล่นสดร้องสดกันอย่างไม่ขาดสาย ถือว่าเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างคุ้มนะ เมื่อเทียบกับชั้นสองที่เหมือนตัดขาดจากโลกไปเลย และชั้นหนึ่งที่เบียดกันจนแทบจะเดินเป็นปกติไม่ได้

ข้อเสียอย่างเดียวของโซนชั้นลอยก็คือ คุณจะเป็นจุดสนใจจากทุกคนในร้าน เพราะฉะนั้นถ้าแบบผมที่ไม่ค่อยชินกับการถูกคนมองมากๆ มันก็รู้สึกอึดอัดอยู่เหมือนกัน

"เฮ้ยวาฬ เป็นไรวะ" แล้วไอ้เอกก็เป็นคนแรกที่สังเกตเห็นอาการผมที่เอาแต่นั่งหลังชิดกำแพงมองบอยที่เริ่มออกลายโยกย้ายไปมาแล้ว ในขณะที่เรายังไม่ได้สั่งอะไร และหลิวก็ยังมาไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ

"คือ... กูรู้สึกไม่ชินว่ะ ไม่ใช่เพราะว่าเพิ่งมาเที่ยวครั้งแรกนะ แต่เพราะมีแต่สายตาจับจ้องมามากกว่า"

พอได้ยินผมพูดจบปุ๊บ ไอ้เอกก็กวาดตามองไปรอบๆ ปั๊บ ซึ่งผมรู้สึกทึ่งมากที่ไม่ว่าตรงไหนที่เพื่อนผมกวาดตาไป เหล่าบรรดาสายตาที่จ้องมองมาตรงมุมนั้นก็จะพลันหายไปด้วย ราวกับว่าเอกสามารถควบคุมให้พวกเขาเลิกสนใจได้ด้วยสายตาเหยี่ยวที่แค่ทำหน้านิ่งๆ แต่กลับเปี่ยมไปด้วยพลังความน่าเกรงขาม

นี่ผมยกให้มันเป็นเจ้าป่าของมหา'ลัยเลยดีมั้ยวะ?

"ไม่ต้องไปสนใจหรอก คิดแบบที่กูคิดสิ"

"ว่า?"

"คนพวกนั้นมองเราด้วยสายตาสองอย่าง หนึ่ง..พวกเราหน้าดีมาก" อันนั้นก็ถูกนะ อะ..เอ้ย! ใช่ที่ไหนกันเล่า เอกกับบอยอะหน้าตาดี ไม่ใช่ผมสักหน่อย

"แล้วสองล่ะ" ผมเลยถามถึงอีกข้อที่อาจจะพอเข้าแก๊ปกับตัวผมบ้าง

"พวกเขาอิจฉาที่เราได้ในสิ่งที่พวกเขาอยากได้ไง" ไม่พูดเปล่า เอกยังกางแขนทั้งสองข้างออก เหมือนจะบอกให้รู้ว่าสิ่งที่คนอื่นต้องการก็คือชั้นลอยที่มีบาร์ส่วนตัวและวีไอพีบาร์เทนเดอร์ที่ให้บริการแค่สามโต๊ะพิเศษนี้เท่านั้น ก่อนที่มันจะหันไปเต้นกับไอ้บอยด้วยท่าทางกวนๆ จนผมต้องหลุดยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกที่สบายใจขึ้น

จะว่าไป.. มีเพื่อนแบบไอ้เอกนี่ก็ดีนะ : )

"โอ้โห ครั้งแรกเลยมั้งที่เห็นวาฬใส่ขาสั้นเนี่ย" ก่อนที่เสียงของอีกคนที่เพื่อนๆ กำลังรออยู่จะเรียกความสนใจจากผม

"มาแล้วหรอ กำลังรออยู่เลย"

"นี่อย่าบอกนะว่ายังไม่ได้สั่งอะ"

ผมพยักหน้ารับ "จริงๆ เอกจะสั่งแล้ว แต่บอยบอกว่าให้รอหลิวก่อน เพราะหลิวสั่งเก่ง" ก่อนจะตอบกลับไปอย่างซื่อๆ ตามที่เอกกับบอยคุยกันก่อนหน้านี้

โดยที่หารู้ไม่ว่า..

"พวกมันขี้เกียจคิดต่างหาก"

"อ้าว มาแล้วหรอหลิว" บอยที่ตอนแรกเต้นๆ อยู่รีบเดินมาทักทันทีด้วยรอยยิ้มกว้างโชว์เหล็กดัดฟัน

"ค่ะ" แต่หลิวกลับบ่นอุบ "นี่ถ้าหลิวมาเที่ยงคืน ทุกคนคงไม่ได้ดื่มอะไรกันเลยมั้ง" ก่อนจะสะบัดหน้านิดๆ เหมือนสาวขี้วีน แต่ด้วยความที่น้ำเสียงและหน้าตาของหลิวออกแนวสาวสวยหวานมากๆ เลยทำให้ดูไม่น่ากลัวเลยสักนิด (แต่บอยก็แอบมียิ้มแหยๆ อยู่น่ะนะ) ก่อนที่เจ้าหล่อนจะฝากเอกไปสั่งสิ่งที่เธอต้องการให้พวกเราดื่มในคืนนี้ และแต่ละชื่อก็สับสนพอๆ กับชื่อของลิปสติกผู้หญิงที่ไม่เคยบ่งบอกสีของพวกมันได้อย่างแท้จริง

"ว่าแต่วาฬเถอะ วันนี้คิดไงใส่กางเกงขาสั้นมาล่ะ" คำถามเรื่องกางเกงขาสั้นวกกลับมาอีกครั้งจนผมต้องก้มพิจารณาการแต่งตัวของตัวเอง

คือ.. ก็อย่างที่รู้กันว่าผมไม่เคยเที่ยวสถานที่แบบนี้มาก่อน และเหล้ารัมก็ออกไปหาเพื่อนก่อนที่ผมจะอาบน้ำเสร็จด้วยซ้ำ มันก็เลยไม่รู้จะปรึกษาใคร แล้วด้วยความที่ปกติก็ใส่แต่เสื้อถักกับกางเกงขายาว เลยนึกครึ้มอยากลองเปลี่ยนการแต่งตัวดูบ้าง

ผลก็คือได้เป็นเสื้อเชิ้ตติดกระดุมคอสีฟ้าอ่อนพับแขน กับกางสีขาวที่ทับชายเสื้อเข้าไว้ด้านใน และผ้าใบของ addidas ที่เพิ่งแวะซื้อก่อนหน้าที่จะมาร้าน

ว่าแต่..ที่หลิวทักแบบนี้คือมันไม่ดีหรือเปล่านะ?

"อยากลองเปลี่ยนอะไรใหม่ๆ ใส่ดูบ้างน่ะ มันไม่โอเคหรอ" ผมถามอย่างกังวลใจ

เพราะหลิวเองก็ใส่ชุดกระโปรงสีชมพูเรียบๆ แต่หรูกับรองเท้าส้นสูงมา ในขณะที่บอยกับเอกก็จัดเป็นเชิ้ตกับขายาว ตอนนี้ผมเลยดูเป็นเด็กไปเลยเมื่อเทียบกับเพื่อนๆ

"ใครว่าล่ะ ดูดีจะตาย เราว่าสไตล์นี้ดูเหมาะกับวาฬนะ กึ่งลำลองกึ่งทางการ แถมขาขาวๆ ขนาดเนี้ย มีของดีก็ต้องโชว์แหละ"

"บ้า" ผมรู้สึกว่าหูตัวเองร้อนขึ้นมาเลยเมื่อเจอหลิวแซวเข้า ถึงขนาดที่ต้องลุกขึ้นดึงขากางเกงลงอย่างคนขาดความมั่นใจ

ทำเอาตัวต้นเหตุถึงกับหัวเราะออกมาทันทีเมื่อเห็นว่าคำแซวของเธอมีผลกับผม

"ของที่สั่งได้แล้วครับ" ต้องของคุณพนักงานเสิร์ฟชายหน้าตี๋ที่มาขัดจังหวะบทสนทนาของเราเข้าซะก่อน ไม่งั้นมีหวังหลิวอาจจะยังไม่ยอมเปลี่ยนเรื่องก็ได้

"ขอบคุณค่ะ"

"ด้วยความยินดีครับ"

และเมื่อพนักงานเสิร์ฟวางของที่ยกมาเรียบร้อยแล้ว หลิวก็กล่าวขอบคุณอย่างคนมีมารยาท พลางจัดแจงของทุกอย่างให้วางอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม มีทั้งขวดสีอำพันที่ผมมั่นใจว่าต้องเป็นเหล้าแน่ๆ แล้วก็.. น้ำแข็ง โซดา น้ำอัดลม กับแก้วค็อกเทลบรรจุของเหลวสีหวานอีกสองแก้ว ซึ่งอย่างหลังนี่ดูน่าดื่มมากทีเดียว

"เดี๋ยวครับ" แต่ในขณะที่พนักงานเสิร์ฟหน้าตี๋กำลังจะเดินจากไปหลังจากที่ก้มหน้าก้มตาเสิร์ฟเรียบร้อยแล้ว ผมก็เรียกเขาเอาไว้ก่อน

"ว่าไง... คะ..ครับ!"

"เอ่อ..." แล้วผมก็พูดไม่ออกดิ เมื่อเห็นว่าพนักงานเสิร์ฟหน้าตี๋ถึงกับชะงักไปเลยเมื่อหันมามองผม แถมยังพูดจาติดๆ ขัดๆ อีก น่ะ..นี่น้องเขาสัมผัสพลังงานอะไรบางอย่างที่อยู่ใกล้ตัวผมได้หรือเปล่าวะ!? "มีอะไรหรือเปล่าครับ"

"วะ..ว่าไงนะครับ"

"ผมถามว่ามีอะไรหรือเปล่า ทำไมคุณดู.. แปลกๆ"

"ปะ..เปล่าครับ ว่าแต่คุณต้องการอะไรก็บอกผมได้เลยครับ เดี๋ยวผมจัดการให้" พอเจอผมทักว่าเขาทำตัวแปลกๆ คุณพนักงานเสิร์ฟหน้าตี๋ก็ก้มหน้ามองพื้นไปเลย ก่อนจะพูดรัวเร็วแบบรวดเดียวจบ จนผมรู้สึกเสียวสันหลังวาบๆ เมื่อจินตนาการว่าที่เขาก้มหน้าไปอาจจะเพราะว่าไม่อยากเห็นในสิ่งที่ไม่อยากจะเห็นแน่ๆ

"เอ่อ... คืองี้ครับ ผมอยากให้ช่วยไปตามผู้ชายสองคนนั้นหน่อย" ผมชี้ไปยังเอกกับบอยที่ลงไปเต้นกับสาวๆ หน้าเวทีตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ (ไวมาก)

"พี่เสื้อขาวกับเสื้อแดงใช่มั้ยครับ" เขาหันไปมองประมาณสองวิแล้วกลับมาก้มมองพื้นต่อ

"ใช่ครับ"

แล้วพอได้รับการคอนเฟิร์มจากผมเรื่องคนเสื้อขาว (บอย) และคนเสื้อแดง (ไอ้เอก) พนักงงานเสิร์ฟหน้าตี๋ก็เดินหนีจากโต๊ะของเราอย่างไว

"หลิว เขาเป็นอะไรอะ  ทำไมต้องอึ้งๆ แบบนั้น หรือเขาเห็นผีที่โต๊ะเรา!?"

"บ้า ผีเผอที่ไหนกัน" แต่แทนที่หลิวจะอินตาม เจ้าหล่อนกลับยิ้มหวานออกมาแทน ซึ่งผมคิดว่ามันดูไม่เหมาะกับสถานการณ์เลยสักนิด "วาฬนี่อ่อนต่อโลกจริงๆ เลยนะ ผู้ชายเขาหน้าแดงแถมพูดจาติดๆ ขัดๆ เพราะเขินวาฬขนาดนั้นยังไม่รู้ตัวอีก"

"วะ..ว่าไงนะ!?" ผมที่ตอนแรกไม่ได้คิดอะไรเลยถึงกับร้องถามเสียงหลงแข่งกับเสียงเพลงที่ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง

พนักงานเสิร์ฟคนนั้นเขินผมเนี่ยนะ!?

มะ..ไม่จริงมั้ง

"ก็ตามที่หลิวพูดไปนั่นแหละ แล้วก็ไม่ใช่แค่พนักงานเสิร์ฟนะที่ดูจะสนใจวาฬ ยังมี..." แล้วหลิวก็เว้นคำพูด หันไปมองอีกสองโต๊ะพิเศษบนชั้นลอยนี้ที่มีผู้ชายเกือบสิบคนกำลังหันมองทางผมและหลิว เหมือนกับหลิวต้องการจะบอกผมว่านอกจากพนักงานเสิร์ฟคนนั้นแล้ว ยังมีพวกผู้ชายวัยทำงานเหล่านี้ที่สนใจผมด้วย

ซึ่ง... ถ้าผมไม่ได้คิดไปเอง ผมว่า..ส่วนใหญ่มองผมมากกว่าหลิวอีก..

น่ะ..นี่มันอะไรกันวะเนี่ย!?

"เอ่อ... อันนี้กินได้มั้ยหลิว" ผมแกล้งทำเป็นหันมาให้ความสนใจกับค็อกเทลสีหวานแทน เพราะต้องการจะละความสนใจจากสายตาของผู้ชายวัยทำงานเหล่านั้นและประเด็นที่หลิวกำลังพูด แล้วก็ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายเอ่ยปาก ผมก็ซดค็อกเทลซะหมดเกลี้ยง

อา... รสชาติดีแฮะ หวานอร่อย

"นี่เป็นการมาเที่ยวร้านเหล้าคืนแรกของมึงไม่ใช่หรอ ไหงซดทีเดียวหมดแก้วเลยวะ" ซึ่งตอนที่ผมวางแก้วลง ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เอกเดินกลับมาถึงโต๊ะพอดี โดยมีบอยเดินตามหลังมาติดๆ

ผมรอจนทั้งคู่นั่งลงแล้ว ถึงได้ตอบกลับไป "นี่มันค็อกเทล เวลาที่บ้านกูจัดงานเลี้ยง กูก็เคยกินอยู่บ้าง แต่ถ้าไอ้นี่กูไม่เอาด้วยนะ" ก่อนจะทำทีเป็นดันขวดเหล้าสีอำพันให้ห่างตัว

"นี่มันของดีนะเว่ยวาฬ ลองสักหน่อยเหอะ เดี๋ยวกูชงให้แก้วนึง"

"ไม่เอาสิบอย อย่าบังคับวาฬ หลิวว่าแค่ค็อกเทลก็พอแล้วนะ"

"นั่นดิ กูว่าแค่ค็อกเทลกูก็พอแล้วล่ะ"

"เออ งั้นก็ตามใจ" บอยยกมือยอมแพ้เมื่อเห็นว่าผมยืนยันแบบนั้น แล้วเปลี่ยนเป้าหมายเป็นชงเหล้าให้ไอ้เอกแทน

ในขณะที่หลิวเลือกผสมเหล้าให้ตัวเอง ซึ่งมันอเมซิ่งในสายตาผมมาก นี่ถ้าผมไม่ได้มาในคืนนี้ ก็คงไม่มีวันได้เห็นภาพสาวสวยอย่างคุณหนูหลิวชงเหล้าให้ตัวเองด้วยท่าทางคล่องแคล่วแบบนี้สินะ ถึงจะรู้ว่าภายในเมื่อเทียบกับภายนอกแล้ว..ตัวตนที่แท้จริงของหลิวก็ค่อนข้างจะห่างไกลจากรูปลักษณ์เยอะ แต่ยังไงมันก็ยังอเมซิ่งสำหรับผมอยู่ดีนั่นแหละ

ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าผมดื่มค็อกเทลแค่คนเดียว ขณะที่อีกสามคนมีเหล้าเป็นของตัวเองในปริมาณความเข้มข้นที่แตกต่างกันออกไป อย่างหลิวนี่จะผสมโซดาแบบครึ่งต่อครั้ง ส่วนบอยจะเป็นเหล้าครึ่งนึงน้ำอัดลมครึ่งนึง ในขณะที่ไอ้เอกนั้นเหล้าสามส่วนโซดาหนึ่งส่วน มันก็ดูบ่งบอกตัวตนของแต่ละคนได้เหมือนกันนะไอ้เหล้าที่กินเนี่ย

"เอ้ามา ชนกัน ในโอกาสที่น้องวาฬของพวกเราได้ออกมาท่องโลกยามราตรีเป็นคืนแรก โชนนนนนน~"

"โชนนนนนนนนน~"

แกร๊ง!

แล้วพวกเราทั้งสี่คนก็ชนแก้วกันด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนที่จะเปิดการดื่มในค่ำคืนนี้ด้วยการกระดกรวดเดียวหมดแก้ว ซึ่งผมเป็นคนแรกที่หมดก่อน เลยได้มีโอกาสสังเกตเห็นว่าตอนที่ไอ้เอกดื่มเหล้านี่คือมันฮอตโคตร สาวๆ นี่มองกันตาเป็นมันลงมาจากชั้นสองและขึ้นมาจากชั้นหนึ่งด้วย นี่ถ้าตาพวกสาวๆ มีเรดาร์นะ เพื่อนผมคงตัวพรุนไปหมดแล้ว

"เอ๊ะ ว่าแต่ลืมถามไปเลย ว่าแป้งไปไหน ยังไม่มาอีกหรอ"

ปึก!

หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 6.1-6.2 || อัพเดท : 11/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 11-06-2016 21:32:14
แล้วในขณะที่ทุกอย่างกำลังไปได้สวย หลิวที่มาร้านช้าที่ก็สุดถามถึงแป้งแฟนเอกเข้า ทำเอาคนที่กำลังดื่มอยู่ถึงกับวางแก้วลงเสียงดัง พร้อมกับคำรามออกมาราวกับสัตว์ป่า

"ตายห่าไปแล้ว!"

"..." นั่นทำเอาหลิวอึ้งไปเลย และคงจะรู้ได้ในทันทีด้วยว่าถ้าลองเอกกลายสภาพจากคนเป็นเสือโคร่งแบบนี้แสดงว่ามีปัญหากับแฟนชัวร์ร้อยเปอร์เซ็นต์

เพราะเรื่องเดียวที่จะทำให้เอกหงุดหงิดได้ดุร้ายขนาดนี้ก็คือการทะเลาะกับแป้ง ซึ่งเป็นแบบนี้มานานมากแล้ว แต่พอถามมันก็ไม่เคยเล่ารายละเอียดอะไรให้เพื่อนๆ ฟัง ผมก็เลยคิดว่าไม่ยุ่งกับเรื่องนี้น่าจะเป็นการดีที่สุด เพราะขนาดผมคิดว่าเลิกแน่ๆ ก็ยังคบกันยาวมาเป็นปีๆ

เฮ้ออออออออ~ ความรักนี่มันเข้าใจยากจังเนอะ

"จะ..ใจเย็น" ด้วยความที่ผมนั่งอยู่ใกล้เสือโคร่งที่สุด ผมเลยเลือกที่จะเป็นฝ่ายพูดกับมันเป็นคนแรก

ซึ่งข้อดีของไอ้เอกคือถึงมันจะบ้าเลือดยังไง มันก็ไม่เคยทำร้ายเพื่อน ผมก็เลยไม่ค่อยจะต้องหวาดระแวงมากนัก

"ขะ..ขอโทษนะเอก หลิวไม่รู้ หลิวไม่ได้ตั้งใจ" ส่วนหลิวก็ทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ ไอ้เอกก็เลยหลับตาถอนหายใจยาวๆ เหมือนต้องการจะระงับอารมณ์ตัวเอง แล้วลืมตาขึ้นมาขอโทษอีกฝ่าย

"หลิวไม่ผิดหรอก เอกเองที่ต้องขอโทษ อย่าถือสาเลยนะ" แล้วส่งยิ้มบางๆ ให้

หลิวก็เลยมีสีหน้าที่ดีขึ้น ก่อนจะรีบหยิบแก้วเอกไปชงพร้อมกับของตัวเองตามสูตร และส่งแก้วคืนให้เจ้าของ

"มา เราสองคนมาชนกัน ถือเป็นการชนแบบสมานฉันท์"

ผมยิ้มออกมานิดนึงกับคำพูดของหลิว ในขณะที่บอยเองก็หลุดหัวเราะออกมาน้อยๆ แล้วมีหรอที่หลิวใจๆ ซะขนาดนี้แล้ว ไอ้เอกมันจะไม่เอาด้วยน่ะ

แกร๊ง!

ก็เลยเป็นอันว่าหมดไปอีกแก้วกับความสมานฉันท์ของหลิวกับเอก

ซึ่งข้อดีของการกินเหล้าก็คือของเพื่อนๆ ผมมันจะชงกันได้เรื่อยๆ จนกว่าเหล้าจะหมดขวดไง แต่ค็อกเทลสองแก้วของผมเนี่ยสิหมดแล้วหมดเลย ก็เลยตั้งใจว่าจะเดินไปสั่งเพิ่ม แต่ยังไม่ทันจะได้ลุกขึ้นยืนเลยด้วยซ้ำครับ พนักงานเสิร์ฟคนเดิมที่.. เอ่อ.. หลิวบอกว่าเขาเขินผม ก็เอาค็อกเทลสามแก้วมาส่งให้

"เฮ้ย พวกผมยังไม่ได้สั่งเลยนะ" บอยงง ซึ่งผมเองก็ไม่ต่างกัน แค่คิดในใจก็ยกมาเสิร์ฟแล้ว แบบนี้ก็ได้หรอ!?

"คือ.. แก้วนี้.." พนักงานเสิร์ฟผายมือไปที่แก้วค็อกเทลสีฟ้า "คุณผู้ชายท่านนั้นให้ผมเอามาเสิร์ฟครับ" ก่อนจะชี้นิ้วไปยังผู้ชายหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในโต๊ะชั้นลอยฝั่งซ้าย เขาเป็นผู้ชายผิวขาวตี๋ รูปร่างออกท้วม สวมเชิ้ตสีเทากับกางเกงขายาวสีดำแบบวัยทำงาน กำลังขยับแก้วในมือเบาๆ พลางส่งยิ้มมาให้..ผม!?

"ให้ใคร" เอกถามออกเสียงเข้มนิดหน่อยตามสไตล์

"หะ..ให้คุณคนนี้ครับ" ซึ่งก็เป็นไปอย่างที่ผมคิด พนักงานชายหน้าตี๋ชี้มาที่ผม ทำเอาเพื่อนๆ ส่งเสียงครางในลำคอพร้อมกัน

ก่อนที่จะตามมาด้วยคำถามจากหลิวที่ดูจะยิ้มๆ เหมือนรู้คำตอบอยู่แล้ว "แล้วแก้วนี้ล่ะ" พลางแตะนิ้วลงบนขอบแก้วค็อกเทลสีส้มเข้ม

"แก้วนี้.. คุณผู้ชายคนนั้นให้เอามาให้ครับ" แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ผม หลิว เอก และบอยหันไปมองตามนิ้วที่ชี้ของพนักงานเสิร์ฟที่ตรงไปทางโต๊ะอีกหนึ่งโต๊ะบนชั้นลอยนี้

และเห็นว่าเพื่อนๆ บนโต๊ะเดียวกันกำลังรุมชี้ที่ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นประเภทเล่นกล้าม สวมเสื้อยืดสีขาวคอกลมฟิตหุ่นกับกางเกงขายาวสีเข้มกำลังยักคิ้วหลิ่วตามาให้..ผมอีกเช่นเคย

"นี่ก็ให้ผมหรอ" จริงๆ ก็รู้อยู่แล้ว เพราะผู้ขายเล่นกล้ามคนนั้นค่อนข้างส่งสายตามาอย่างชัดเจนมากเมื่อเทียบกับชายตี๋ร่างท้วมอีกโต๊ะ แต่ยังไงก็อยากจะถามเพื่อความแน่ใจน่ะนะ

"ใช่ครับ แก้วนี้ก็ด้วย ให้คุณหมดทั้งสามแก้วเลยครับ" ก่อนจะจบลงด้วยแก้วสุดท้ายซึ่งเป็นสีขาวที่น่าจะเป็นรสลิ้นจี่น่ะนะ เพราะว่าผมเคยกินอยู่

"แล้วแก้วนี้ใครให้ล่ะ บาเทนเดอร์หรอ" พอเอกถามแบบนั้น ผมเลยหันไปมองที่บาร์เทนเดอร์อย่างอดไม่ได้ แต่กลายเป็นว่าไม่มีการส่งยิ้มหรือยักคิ้วหลิ่วตาอะไรกลับมาทั้งนั้น เขาทำเพียงแค่ก้มหน้าทำนั่นทำนี่ของตัวเองไปเรื่อย

เพราะฉะนั้นก็คงจะเหลือแต่...

"เปล่าครับ ของผมเอง ถึงจะไม่แพงเท่าสองแก้วแรก แต่ผมก็ให้ด้วยใจนะครับ"

...พนักงานเสิร์ฟคนนี้นี่เอง

"เอ่อ..." เอาซะผมพูดอะไรไม่ถูกเลย แต่อย่างน้อยๆ ก็ควรจะขอบคุณน่ะนะ "ขอบคุณนะครับ"

พนักงานเสิร์ฟหน้าตี๋ตรงหน้าก็เลยยิ้ม แล้วจังหวะที่แสงไฟสาดมา ผมถึงได้สังเกตเห็นว่าเขาหน้าตาดีทีเดียว น่าจะอายุน้อยกว่าผมนะ แถมแก้มของเขาตอนนี้ก็ออกจะ..แดงหน่อยๆ ด้วย คง..เขินผมมั้ง

ก่อนที่เขาจะเดินจากไป ทิ้งผมไว้กับเพื่อนๆ สามคนที่เอ่ยปากแซวเรื่องความฮอตของผมซะยกใหญ่ โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าวินาทีนั้นในหัวผมกลับมีคำพูดนึงแวบเข้ามา...

"ใช่ ผมรู้ว่าคุณเป็นผู้ชาย แต่คุณไม่รู้หรอกว่าคุณมีเสน่ห์มากแค่ไหน"

มันเป็นคำชมของนายพ่อมดฝรั่งหน้าหล่อที่ทำเอาผมเขินเมื่อตอนหลังเลิกเรียน

แต่เอาจริงๆ คือตอนนั้นผมก็ยังไม่ได้คิดว่าตัวเองมีเสน่ห์เหมือนที่เขาพูดนะ จนได้มาอยู่ในสถานที่ที่ส่วนใหญ่จะรวบรวมเสือ สิงห์ กระทิง แรดเอาไว้ ถึงได้ทำให้เห็นว่ารูปลักษณ์ภายนอกของตัวผมเองก็ดึงดูดคนเข้ามาหาได้เยอะมากๆ เหมือนกัน

เพราะไม่ใช่แค่ชั้นลอยกับพนักงานเสิร์ฟเท่านั้น ยังมีผู้ชายหลายคนแวะเวียนเข้ามาขายขนมจีบผมซะจนหลิวแกล้งทำหน้าเซ็ง พร้อมกับประโยคที่เรียกเสียงฮาให้ทั้งกลุ่มว่า..

"ชะนีไทยไร้ที่ยืนแล้วค่าาา~"


แต่ถึงยังไงผมก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรใครกลับไปสักคน พวกเขาเหล่านั้นก็เลยต้องโยกย้ายกลับไปยังที่ที่ตัวเองจากมา

ซึ่งมันก็น่าตลกดีเหมือนกัน ทั้งๆ ที่ผมเองก็ยังโสดสนิทและอยากเรียนรู้ที่จะรักใครสักคนเหมือนกัน แต่พอมีคนเข้ามาแบบนี้ กลับไม่อยู่ในความสนใจของผมเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าผู้ชายคนนั้นจะหล่อระดับตัวท็อปขนาดไหนก็ตาม

คงเพราะ... ผมเองก็มีตัวท็อปของผมอยู่แล้วมั้ง... ในเมื่อเงื่อนไขก็บอกอยู่ว่าเราสองคนจะต้องรักกัน ผมว่าผมก็คงจะขอโฟกัสแค่เหล้ารัมคนเดียวเนี่ยแหละ ถึงด้ายของผมจะยังเป็นสีขาว แต่ในทุกขณะจิต ผมก็มีนายพ่อมดเป็นที่ตั้งนะ แล้วมันก็ไม่ใช่เพราะเรื่องของพันธะสัญญาเพียงอย่างเดียว มัน...มาจากความรู้สึกที่อยู่ภายในใจลึกๆ ด้วย

เพียงแต่ตอนนี้มันอาจจะยังไม่มากพอที่จะแสดงพลังของมันออกมาก็เท่านั้นเอง

ผมกับเพื่อนเลยได้ความสงบสุขกลับคืนมาอีกครั้งหลังจากที่ผมปฏิเสธผู้ชายไปสิบกว่าคนแล้ว ก่อนจะเริ่มหาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาเล่ากัน ซึ่งโดยส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องตลกน่ะนะ ทำเอาผมนี่ขำกับเพื่อนๆ จนเลิกสนใจสิ่งรอบข้างกันไปเลย

จนกระทั่ง..

"สวัสดี" ..เสียงของใครบางคนทักขึ้น ในขณะที่ผมเพิ่งจะสั่งค็อกเทลแก้วที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้

ทุกคนพากันหันไปมองตามเสียงนั้น ก่อนที่ไอ้เอกจะเป็นคนทักทายกลับเป็นคนแรก

"อ้าวพี่ปูน สวัสดีครับ" ตามด้วยยกมือไหว้ หลิวบอยก็ด้วย ผมที่ยังงงๆ อยู่ว่าใครเลยต้องไหว้ตาม

"ขอนั่งด้วยคนสิ เหงา"

"โห คนอย่างพี่เนี่ยนะเหงา ได้ข่าวว่าเด็กเพียบ" บอยเอ่ยแซวพลางลากเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ๆ มาให้พี่ที่ชื่อปูนนั่ง ดูท่าทางสนิทกันอยู่นะ ไม่งั้นก็คงไม่คุยเล่นกันแบบนี้หรอก

ว่าแต่..ผมชักมึนๆ แล้วแฮะ สงสัยดื่มอีกสักแก้วสองแก้งคงต้องขอเป็นน้ำเปล่ามาล้างคอบ้างแล้วล่ะ

"เด็กที่ไหนกัน อย่าใส่ร้ายพี่ดิ พี่ยังโสดนะ" แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้รู้จักกัน แต่เหมือนตอนที่พี่ปูนพูดว่าเขาโสด มันเหมือน..จงใจจะส่งข้อความนั้นมาทางผมเลยแฮะ จนแม้แต่หลิวกับเอกเองก็หันมามองผมด้วย

นี่อย่าบอกนะว่าเสน่ห์อะไรนั่นของผมมันทำงานอีกแล้วน่ะ!?

"โอเค โสดก็โสด ว่าแต่นี่พี่มากับใครอ่ะ" จะเหลือก็แต่บอยที่คงไม่ทันได้สังเกต เลยยังคงชวนพี่ปูนคุยต่อไป จนร่างสูงที่เซ็ทผมเสยไปทางด้านหลังและแต่งตัวลุคแบดบอยถามถึงผมนั่นแหละ บอยถึงจะรู้ตัว

"มากับใครไม่สำคัญหรอก เพราะสิ่งที่พี่อยากรู้ตอนนี้คือบอยไม่คิดจะแนะนำเพื่อนบอยให้พี่รู้จักหน่อยหรอ : )"

รอยยิ้มและสายตาเจ้าชู้ของอีกฝ่ายเหมือนกระสุนปืนที่ถูกยิงตรงมาที่ผมพร้อมกันหลายๆ นัด แต่ด้วยความที่เขาไม่ใช่ผู้ชายในแบบที่ผมสนใจ เลยเหมือนมีเกราะอย่างดีมากั้นกระสุนเหล่านั้นเอาไว้

"เอ่อ... นั่นเพื่อนผมชื่อวาฬครับ" บอยที่เพิ่งจะจับทางถูกแสดงความลำบากใจออกมาเหมือนกัน ที่จู่ๆ รุ่นพี่ที่มันท่าทางจะสนิทก็ออกตัวแรงแบบนี้ แต่ยังไงก็คงต้องแนะนำผมให้พี่เขารู้จักแหละ "วาฬ นี่พี่ปูน วิศวะปีสาม ประธานสันทนาการวิศวะสมัยตอนที่เราอยู่ปีหนึ่งไง"

คำว่า 'ประธานสันทนาการวิศวะ'
ดึงความทรงจำสมัยปีหนึ่งของผมกลับคืนมา

เพราะจริงๆ แล้วตอนช่วงปีหนึ่ง สาเหตุหลักที่ทำให้ผม เอก บอย และหลิวกลายมาเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันก็เพราะเราทั้งสี่คนตัดสินใจไปสมัครเข้าชมรมสันทนาการของสถาปัตย์ ซึ่งช่วงแรกๆ มันก็ซ้อมแยกคณะกันอยู่หรอก แต่พอตอนหลังที่ใกล้ช่วงงานแข่งสันทนาการ ก็เริ่มมีการซ้อมรวมทั้งมหา'ลัยเกิดขึ้น และทุกปีเจ้าภาพที่จะเปิดตึกให้คนไปรวมตัวกันก็คือคณะวิศวะ แล้วตอนนั้นเองที่ผมได้เจอกับประธานสันทนาการของวิศวะที่โคตรจะขี้หลีที่สุดในโลก ไม่เกี่ยงว่าจะชายหรือหญิง ขอแค่ให้หน้าตาดีเถอะ พี่แกเอาหมดแหละ

อ้อ แถมยังเป็นคนที่ทำให้การแข่งสันทนาการปีก่อนโดนอาจารย์ด่ากันเละด้วยนะ เพราะจู่ๆ ก็นึกบ้าอะไรไม่รู้ แก้ผ้าโชว์หุ่นใส่กางเกงในตัวเดียวไปเต้นเบียดกับพวกคนหน้าตาดีของแต่ละคณะ ทำเอาปีนี้เกือบงดการแข่งสันทนาการเลยด้วยซ้ำ

นี่ผมลืมคนที่โคตรของโคตรเสื่อมแบบนี้ไปได้ยังไงกัน?

หรือว่ามันน่าเกลียดจนไม่น่าจดจำวะ?

"งั้นก็สวัสดีอย่างเป็นทางการอีกครั้งแล้วกันนะครับพี่ปูน" แต่ถึงจะไม่ชอบยังไง ผมก็รู้ว่าอะไรควรเก็บไว้ และอะไรควรพูดออกไปน่ะนะ

"ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ ว่าแต่เราเหอะ เคยเป็นสันทนาการด้วยหรอ ปกติถ้าคนหน้าตาดีแบบวาฬนี่พี่ต้องจำได้นะ"

แล้วดูเอาเถอะคนเรา ถามคำถามคนอื่น แต่ตามองต้นขาที่โผล่พ้นออกมาจากกางเกงขาสั้นเนี่ยนะ

รู้งี้ใส่ขายาวมาดีกว่า : (

"ตอนนั้นผมอ้วนครับ" อันนี้ผมไม่ได้พูดเล่นนะ สมัยตอนปีหนึ่งผมอ้วนมาก เพราะการกินก็เป็นอีกหนึ่งทางออกของการลดความเครียด จนจบปีหนึ่งนั่นแหละถึงได้รู้สึกว่าอยากผอมบ้าง ก็เลยแอบขอให้ไรเกอร์ช่วยหายาวิเศษให้ ผมถึงได้หุ่นดีแบบนี้ไง "พี่คงไม่เห็นผมอยู่ในสายตาหรอก"

"โธ่ อดีตก็คืออดีตครับ ปัจจุบันนี้คือพี่มองน้องแค่คนเดียวเลย : )"

"..."

แหวะ!

ถ้าวิ่งไปอ้วกตอนนี้จะเป็นการเสียมารยาทมั้ยนะ ทำไมทั้งที่พี่ปูนก็พูดสไตล์เดียวกันกับเหล้ารัม แต่ไหงมันต่างกันราวฟ้ากับเหวนรกขนาดนี้?

ซึ่งแน่นอนว่านายพ่อมดเหล้าต้องไม่ใช่เหวนรกอยู่แล้ว

"รุกหนักจังเลยนะคะพี่ปูน" หลิวทำทีเป็นแซวพี่ปูนยิ้มๆ แต่จากสายตาคือผมรู้ว่าหลิวต้องการจะสื่อให้พี่ปูนรู้ว่า 'มากเกินไปแล้ว' แต่ถึงอย่างงั้นอีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมหยุด

"ไม่หนักไปหรอกครับน้องหลิว เพราะตั้งแต่เห็นวาฬเดินเข้ามา พี่ก็หยุดมองวาฬไม่ได้ บอกตรงๆ เลยว่าชอบ อยากจีบ มีแฟนยังครับ?" แล้วยังเอาแต่จ้องมองผมอยู่ตลอดเวลาด้วย ถึงแม้ว่าต้นประโยคจะพูดกับหลิวก็ตาม

ผมเลยส่ายหน้า "ยังไม่มีครับ" พูดความจริงออกไป เลยยิ่งทำให้คนเจ้าชู้ออกอาการเจ้าชู้แหละขี้หลีขึ้นมากกว่าเดิม

"ถ้างั้นพี่ก็จีบได้ใช่มั้ยครับ : )"

"ไม่ได้ครับ" ผมรีบตอบกลับทันที แอบเห็นไอ้เอกที่ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มเงียบๆ หยักยิ้มมุมปากด้วย

"อ้าว ก็โสดไม่ใช่หรอครับ พี่ก็ต้องจีบได้สิ"

ผมส่ายหน้าอีกครั้ง คราวนี้แรงขึ้น จนรับรู้ได้ถึงอาการมึนๆ ในหัวว่ามันกำลังก่อตัวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน "พี่จีบผมไม่ได้ครับ เพราะผมอนุญาตให้คนที่ผมชอบจีบเท่านั้น"

"แต่น้องวาฬยังไม่เคยลองคุยกับพี่จริงๆ จังๆ เลยนะ แล้วจะรู้ได้ไงว่าชอบหรือไม่ชอบ"

"ไม่ต้องคุยกันผมก็รู้จักพี่ดีครับ ประธานสันทนาการที่ใส่กางเกงในตัวเดียวแล้วไปสีแต่กับพวกคนหน้าตาดีๆ น่ะ ไม่ใช่ผู้ชายแบบที่ผมชอบหรอก : )"

วินาทีนั้นผมอยากส่องกระจกมากจริงๆ เพราะผมตั้งใจเลียนแบบรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเหล้ารัมส่งไปให้พี่ปูนด้วย

"..."

โอ๊ะโอ ดูท่าว่าจะมีคนเสียหน้าจนพูดไปออกเลยแฮะ

รู้นะว่าเป็นรุ่นพี่ รู้นะว่าควรจะไว้หน้าเขาบ้าง แต่มันก็อดไม่ไหวจริงๆ กับสายตาทีโลมเลียซะยิ่งกว่าลิ้น! เหมือนผมโดนลวนลามทางการมองยังไงก็ไม่รู้ เจ้าชู้ขี้หลีก็เป็นที่หนึ่ง ไม่ออกปากไล่ตรงๆ ก็ดีแค่ไหนแล้ว

"เอ่อ..." หลิวกับเอกเองก็ดูจะยิ้มๆ นะ จะมีก็แต่บอยอีกแล้วที่ไม่เข้าพวก เพราะหน้ามันดูเสียตามพี่ปูนไปเลย "พี่ปูนครับ ผมว่า..."

"งั้นพี่ไปล่ะ ขอให้สนุก" พูดจบแค่นั้นคนขี้หลีก็ลุกเดินลงไปชั้นล่าง คงกลับไปที่โต๊ะของตัวเองแหละ ท่าทางดูไม่พอใจสุดๆ เลยด้วย

"เจ๋งโคตรเพื่อน มาชนกันหน่อย" เอกที่เงียบอยู่นานรีบหยิบแก้วค็อกเทลแก้วใหม่ที่พนักงานเพิ่งจะเดินมาเสิร์ฟส่งให้ผม ก่อนจะขอชนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

"โชนนนนนน~" โดยที่หลิวเองก็ร่วมชนด้วย

แต่บอยนี่คือทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ออกมา "มึงไปพูดกับพี่ปูนแบบนั้นได้ไงวะวาฬ พี่เขาไม่ได้แค่ขี้หลีอย่างเดียวนะ พี่เขาเอาเรื่องด้วย เกิดยกพวกมาตีพวกเราจะทำยังไง"

"..."

ตะ..ตีเลยหรอ!?

นี่ผมอึ้งเลยนะ นึกว่าแค่เสียหน้าแล้วก็เกลียดกันก็คือจบซะอีก นี่นอกจากจะเป็นผู้ชายที่เจ้าชู้จนน่ารังเกียจแล้ว ยังชอบใช้กำลังอีกหรอวะเนี่ย

"กลัวไร มาเหอะ กูจะโค่นให้หมดเลย" แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้แสดงความกลัวออกไป เอกก็ทำให้ทุกอย่างดูเบาลงไปเลย ไม่ใช่เพราะว่ามันเป็นคนซอฟท์ๆ หรอกนะ แต่เพราะว่าตั้งแต่ที่คบกันมา ไม่เคยเห็นใครล้มเอกได้สักคน สิบรุมหนึ่งก็เจอมาแล้ว ผมนี่คิดว่าถ่ายหนังเลย ยังกับซ้อมคิวบู๊กันมาให้ตัวร้ายวิ่งเข้าไปให้พระเอกต่อย ต่างกันก็ตรงที่สิ่งที่ผมเห็นกับตาตอนนั้นมันเป็นเรื่องจริงไง ถึงได้รู้ว่าคนอย่างเอกน่ะแกร่งแค่ไหน

"กูน่ะไม่ห่วงมึงหรอก" แต่บอยรีบแย้ง "กูกลัวพี่ปูนแม่งดักฉุดไอ้วาฬไปปู้ยี่ปู้ยำมากกว่า"

"เชี่ย!" ผมสบถแหวกเสียงเพลงแนว EDM ที่กำลังเปิดให้ลูกค้าเต้นกันอย่างบ้าระห่ำขึ้นมาเลย เมื่อได้ยินสิ่งที่บอยพูด

คือถ้าจะปล้ำกันนี่คือต่อยกูให้ตายยังจะดีกว่า ของแบบนี้ขอเก็บไว้ให้คนที่รักเท่านั้นนะบอกเลย!

"พอได้แล้วบอย เลิกทำให้วาฬกลัวสักที"

"บอยไม่ได้ทำให้วาฬกลัวนะหลิว บอยพูดเพราะบอยเป็นห่วงต่างหาก" บอยทำหน้ายู่เมื่อเห็นว่าหลิวตำหนิตัวเอง

สุดท้าย.. "พอเลยทุกคน ไม่ต้องคิดมาก จะไม่มีใครถูกทำร้ายทั้งนั้น รวมถึงโดนขมขืนด้วย เพราะกูจะจัดการทุกคนที่มายุ่งกับเพื่อนกูเอง ตกลงนะ" ..เอกก็เลยเป็นคนสรุปประเด็นพี่ปูนซะ เพื่อให้ทุกคนสบายใจ

ก็เลยยิ่งทำให้ผม... คิดมากขึ้น!

คือ.. เอกมันจะรู้มั้ยนะว่าคำว่า 'ขมขืน' ที่มันเลือกใช้แทนคำว่า 'ปู้ยี่ปู้ยำ' ของบอย กลับส่งผลให้ผมนั้นสะเทือนใจยิ่งกว่าเดิม ถึงขนาดที่ว่าจินตนาการเห็นภาพตัวเองโดนไอ้พี่ปูนที่ใส่กางเกงในตัวเดียวจับคร่อมเลยด้วยซ้ำ

และเพราะแบบนั้นผมจึงขอเวลานอกจากเอก บอยและหลิวไปนั่งที่บาร์ เพื่ออัดค็อกเทลแบบต่อเนื่องจนกว่าจะรู้สึกสบายใจ ซึ่งแน่นอนว่าเพื่อนๆ ก็เลือกที่จะไม่ห้าม ซึ่งนั่นดีแล้ว เพราะมันช่วยเพิ่มความสบายใจให้ผมด้วยเช่นกัน

ความเย็นและความหวานปนขมทว่าหวานนำของบรรดาของเหลวสีสดใสแก้วแล้วแก้วเล่าทำให้ผมรู้สึกเหมือนหลุดออกมาจากความกังวลเรื่องพี่ปูน เลยตัดสินใจสั่งแก้วใหม่แล้วถือเดินกลับมานั่งกับเพื่อนๆ ด้วยความรู้สึกที่...ไม่เหมือนเดิม

"สบายใจแล้วสินะ แก้มมึงนี่แดงมากเลย อัดไปกี่แก้วล่ะเนี่ย" คำถามแรกเป็นของเอกที่ยังคงดูชิลกับของเหลวสีอำพันที่มันดื่มเข้าไป จนผมเกิดคำถามในใจว่า ถ้ากินแล้วไม่เมาจะกินทำขี้เกลืออะไร เปลืองตายชัก

แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่ผมอยากจะพูดหรอก เพราะประเด็นสำคัญก็คือผมได้ยินคำถามของไอ้เอกชัดเจน แต่ไม่รู้สึกสนใจเลยสักนิด ในเมื่อตาผมมันเอาแต่จับจ้องไปที่ริมฝีปากของคนหน้าดุแบบไม่วางตา

"เอก... ปากมึงน่าจูบว่ะ"

"อะ..อะไรนะ!?" แล้วก็เป็นอย่างที่คิด เพื่อนสนิทผมถึงกับตาโตเลยเมื่อได้ยินผมพูดแบบนั้น ผมก็เลยหัวเราะออกมาด้วยความขำ ก่อนที่จะรู้สึกว่าหน้าตัวเองมันเอียงเข้าหาเอกอย่างไม่อาจจะควบคุมได้ เหมือนว่า..อยากเข้าไปจูบอีกฝ่ายให้สำเร็จ

ทว่า..

"หลิวว่าวาฬเริ่มเมาละนะ" หลิวเป็นฝ่ายดึงผมให้กลับมานั่งตรงๆ เหมือนเดิม

"เปล่าสักหน่อย ก็แค่อยากจูบเอกเฉยๆ เอง" ผมเลยต้องหันไปเถียงผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่ม แล้วหันกลับไปหาเอกอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้มันทำหน้าตาได้ประหลาดมากจริงๆ

"ฮ่าๆๆๆ~ แบบนี้ล่ะที่เรียกว่าเมาแล้ว หลิวว่า...อื้อ!"

จุ๊บ!

แล้วพอหลิวดึงผมไม่ให้เข้าหาเอกอีกครั้ง ผมก็เลยหันกลับมาจุ๊บปากหลิวซะเลย เพราะว่าปากหลิวเองก็น่าจูบเหมือนกัน

"เฮ้ยไอ้วาฬ!" ก่อนที่บอยจะเป็นคนมาแยกผมให้ออกห่างจากหลิว โดยการดันตัวผมออกแรงๆ

ดูมันจะไม่ค่อยพอใจผมนะไอ้บอยน่ะ ซึ่งก็ไม่แปลกหรอก ในเมื่อใครเขาก็รู้กันทั้งนั้นว่ามันแอบชอบหลิว แต่ด้วยความที่มันป๊อดไง เลยไม่ได้บอกความรู้สึกออกไปสักที คอยดูเหอะ สักวันหมาจะคาบไปแดก อิอิ

"ใจเย็นๆ บอย วาฬแค่เมาเอง" แล้วดูดิ ไอ้บอยเล่นใหญ่ซะขนาดนั้น เลยกลายเป็นว่าหลิวทำหน้าลำบากใจกับอาการของบอยมากกว่าตอนที่โดนผมจูบด้วยซ้ำ

"เอ่อ... โทษที เมื่อกี้บอยแค่ตกใจน่ะ" แล้วทีนี้ล่ะทำมาเป็นคิดได้ "ขอโทษนะวาฬ กูไม่ได้ตั้งใจจะผลักมึงแบบนั้น กูแค่...อื้อออ!"

จุ๊บ!

ผมก็เลยจูบปากไอ้บอยไปด้วยหนึ่งทีแบบไม่ให้มันตั้งตัว ด้วยเหตุผลสองข้อคือหนึ่ง..ลงโทษที่มันผลักผม และสอง..ปากมันก็น่าจูบไม่แพ้ใคร

"ไอ้วาฬ!" พอโดนผมจูบไปสามวินาที บอยก็ดันผมออก แต่ดูจะเบาลงกว่าตอนที่แยกผมกับหลิวนะ คงเพราะว่ามันน่าจะเริ่มตั้งหลักได้แล้วว่าผมเมา "จูบแบบนี้มันผิดผีนะโว้ย!"

แต่เอาจริงๆ ผมว่าผมไม่ได้เมานะ คือ... ผมแค่เห็นว่าปากเพื่อนๆ น่าจูบ ก็เลยจูบเท่านั้นเอง พยายามห้ามตัวเองแล้วด้วย แค่มันอดใจไม่ไหว ไม่ได้เมาสักหน่อย

"กลับมานั่งเลยวาฬ" คราวนี้เป็นไอ้เอกที่จับผมนั่งลงกับที่ ผมเห็นว่าหลิวหันไปหัวเราะบอยด้วย ส่วนบอยก็เอามือถือปากใหญ่เลย แหม ทำมาเป็นรังเกียจนะ เชอะ!

แต่ก็ช่างหัวบอยมันเถอะ เพราะยังไงตัวมันก็น่าสนใจน้อยกว่าปากของเอกอยู่แล้ว

"เอก มึงให้กูจูบเหอะ"

"เชี่ย ไม่ได้ กูเป็นเพื่อนสนิทมึงนะ"

"ทีหลิวกับบอยกูยังจูบได้เลย"

"ก็มึงเล่นทีเผลออะ"

"นะๆ"

"ไม่ เดี๋ยวกูไปหาน้ำเย็นๆ มาให้ จะได้เลิกบ้า"

"น้าาา~"

"กูบอกว่าไม่ก็... เฮ้ย!"

"จู๊บบบบบบ~" คราวนี้ผมไม่สนใจแล้วว่าไอ้เอกจะยอมมั้ย อุตส่าห์ขอดีๆ ไม่ยอมให้ ก็ต้องบังคับฝืนใจเอามาเลย

"ชะ..เชี่ยแล้วไง!" ซึ่งปกติธรรมดายังไงผมก็สู้แรงไอ้เอกไม่ได้หรอก แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ทั้งที่เอกก็เอามือดันหน้าอกผมไว้ แต่พอเจอผมใช้แขนสองข้างเกี่ยวต้นคอให้มันเข้ามาหาตัว ก็เหมือนอีกฝ่ายจะต้านพลังของผมไม่ได้เลย

ขยับเข้ามาอีก.. ขยับอีกกกกก.. อย่างงั้นแหละ... ใกล้แล้ว.. อีกนิดเดียว.. อีกแค่..

จุ๊บ!

"อื้ออออ!"

เสร็จโจร : )
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 6.1-6.2 || อัพเดท : 11/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 11-06-2016 21:33:59
#6.2

วะฮะฮ่า!

ผมรู้สึกถึงชัยชนะอันแสนจะหอมหวานที่ได้ประทับริมฝีปากของตัวเองกับริมฝีปากของไอ้เอกตามที่ใจต้องการ มันเหมือนกับว่ายิ่งถ้าอีกฝ่ายขัดขืนมากเท่าไหร่ ผมก็จะยิ่งต้องจูบให้สำเร็จให้ได้มากเท่านั้น

ซึ่งพอได้จูบแล้ว ผมเลยยอมปล่อยให้มันเป็นอิสระ ก่อนที่ตัวเองจะคว้าค็อกเทลบนโต๊ะขึ้นมาดื่มรวดเดียวหมด จนเพื่อนถึงกับเอ่ยปากห้ามไม่ทัน

อา~ อร่อย!

"สมใจมึงแล้วสินะ งั้นทีนี้ก็นั่งเฉยๆ เดี๋ยวกูไปหาน้ำมาให้" ไอ้เอกที่ทำหน้าเหมือนอยากจะฉีกผมออกเป็นชิ้นๆ รีบกดไหล่ผมให้นั่งลงทันที แล้วตั้งท่าจะเดินไปที่บาร์

แต่ใครบอกเอกล่ะว่าผมสมใจแล้ว เพราะในใจของผมตอนนี้มันยังกระหายการจูบอยู่เลย แถมพอดื่มค็อกเทลแก้วเมื่อกี้เข้าไปมันก็ยิ่งคึกคัก แม้จะทำให้มึนหัวเพิ่มขึ้นก็ตาม แต่ความร้อนจากภายในและจังหวะหัวใจที่เลือดกำลังสูบฉีดตอนนี้มันผลักดันให้ผมก้าวยาวๆ ไปยังชายร่างท้วมที่เลี้ยงค็อกเทลแก้วสีฟ้า ก่อนที่จะตั้งท่าดึงเขาเข้ามาจูบ แต่..

"หยุดเดี๋ยวนี้นะวาฬ"

หลิวดันเข้ามาห้ามผมไว้ ดะ..เดี๋ยวก็จูบอีกทีเลยนี่!

"ปล่อยนะหลิว!"

"บอย พาวาฬกลับไปที่โต๊ะ ขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะคะ เพื่อนเมาค่ะ" ประโยคหลังหลิวน่าจะหันไปคุยกับคุณพี่ร่างท้วม

"ไม่เป็นไรครับ ถ้าน้องเขาอยากจูบ พี่ก็ยินดี"

"นั่นไง เขาเต็มใจจะจูบชัดๆ" ผมโวย โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าหลิวเริ่มทำหน้าไม่พอใจแล้ว

"หุบปากเลยวาฬ ถ้าหลิวโมโหมึง กูไม่ช่วยนะ"

พอเจอที่บอยกระซิบข้างหู ผมก็ได้แต่ทำหน้างอ แต่ก็ยอมหยุดแค่นั้น เหมือนร่างกายมันสั่งว่าถ้าไม่หยุดหลิวจะโกรธ แล้วผมก็ไม่ชอบเวลาที่หลิวโมโหเลยแม้แต่นิดเดียว

"ล็อคตัวไว้นะ เดี๋ยวจะเดินไปจูบใครอีก"

"โอเค"

พอบอยพาผมกลับมานั่งที่ หลิวก็สั่งให้มันล็อคผมไว้ ผมก็เลยพยายามบิดตัวให้หลุดจากบอย แต่พยายามเท่าไหร่ก็สู้แรงมันไม่ได้

ขี้โกง!

"น้ำมาละ" ก่อนจะตามมาด้วยเอกที่ถือน้ำมาสองขวด

แล้วหลังจากนั้นทั้งสามคนก็รุมกันบังคับให้ผมกินน้ำหมดไปสองขวดคนเดียวทำเอาจุกไปหมด ก่อนที่บอยจะเปลี่ยนให้เอกมาเป็นคนยึดผมเอาไว้กับทีแทน ซึ่งผมไม่เข้าใจเลยสักนิดว่ามันต้องขนาดนี้เลยหรอ การจูบใครสักคนมันผิดมากเลยหรือไง!

ผมดิ้นอยู่ในแขนแข็งแรงของไอ้เอกพักใหญ่เพื่อรอให้หลิวกับบอยเอาไอโฟนของผมไปกดเล่น นี่พวกมันไม่มีไอโฟนเป็นของตัวเองหรอวะ

ว่าแต่.. นั่งไปสักพักแล้วปวดฉี่แฮะ สงสัยเพราะพวกแม่งบังคับให้ผมกินน้ำเยอะแหงเลย!

"ปล่อยกูที" ผมขอร้อง

"ปล่อยให้มึงไปจูบคนอื่นอีกหรือไง" แต่ไอ้เอกไม่ยอม

"กูปวดฉี่"

"ตลกละ"

"ตลกบ้าอะไร กูปวดฉี่!"

"หราาา งั้นเดี๋ยวกูพาไปเอง ถ้าไม่ฉี่นะ เจอดีแน่"

อะไรวะ คนพูดความจริงก็ไม่เชื่อ ชักจะไม่พอใจละนะ

เพี๊ยะ!

"เฮ้ย! ตีกูทำไม เจ็บนะ"

"เจ็บก็ปล่อยกูสิ" ผมทำตาดุใส่มัน "กูโตแล้ว กูไปเข้าห้องน้ำเองได้"

"แต่มึงเมาอยู่ เดี๋ยวกูพาไป"

"ปล่อย" แล้วผมก็สะบัดตัวให้แรงขึ้น ซึ่งนั่นทำให้เอกล็อคตัวผมแน่นขึ้นเช่นกัน

"อย่าดื้อได้มั้ย กูบอกว่า..โอ๊ยยยยย!"

ง่ำ!

ผมตัดสินใจกัดเข้าที่แขนของเอกเต็มแรง จนเจ้าตัวต้องยอมปล่อยผมให้เป็นอิสระ

"แบร่ สมน้ำหน้า"

"มากไปแล้วนะเว่ย!"

"ก็กูจะไปเข้าห้องน้ำ อยากมาล็อคกูไว้ทำไมล่ะ"

"เออ! จะไปไหนก็ไปเลยไป!!"

วินาทีนั้นเหมือนมีบางอย่างจุกขึ้นมาที่กลางอก.. เหมือนร่างกายมันรู้สึกไม่ดีเลยที่โดนไอ้เอกคำรามใส่แบบนั้น แถมพอมันพูดเสร็จก็กระดกเหล้ากินต่ออย่างไม่สนใจ

"วาฬ.." หลิวที่ดูเหมือนจะเข้าใจความรู้สึกผมทำท่าจะเดินเข้ามา แต่ผมยกมือห้ามไว้ แล้วเดินลงมายังชั้นล่างเพื่อไปเข้าห้องน้ำเอง

ช่างหัวเอกมันสิ ก็คนมันปวดฉี่ แค่ปล่อยให้ไปเข้าก็จบแล้ว ทำยังกับว่าพอปล่อยผมแล้วผมจะไปกัดใครอย่างงั้นแหละ ผมไม่ใช่มานะเว่ย!

แล้วนี่อะไร ทำไมคนมันเยอะขนาดนี้ คนเรามันหาที่เที่ยวในคืนวันศุกร์นอกจากร้านเหล้ากันไม่ได้แล้วหรือไง? บอกว่าเป็นการผ่อนคลายหลังจากเรียนหรือทำงานมาตลอดห้าวัน แล้วไอ้ที่เต้นกันอย่างบ้าระห่ำนี่มันรีแล็กซ์ตรงไหน คอยดูเหอะ พรุ่งนี้ตื่นมาปวดตัวกันตายห่า หึ!

ผมพยายามเดินฝ่าฝูงคนที่เต้นเบียดเสียดกันจนจะเข้าไปอยู่ในร่างของกันและกันอยู่แล้ว เพื่อตรงไปยังจุดมุ่งหมายเดียวก็คือป้ายไฟรูปชายหญิงที่มีเส้นขั้นกลาง ซึ่งกว่าจะไปถึงได้ก็ว่าลำบากละ ยังจะต้องมาต่อแถวเพราะห้องน้ำเต็มอีก เยี่ยม!

หรือผมควรจะยืนฉี่ดีวะ?

แต่ไม่ชอบเลยอะ รอต่อแถวเข้าห้องน้ำก็แล้วกัน ไหนๆ ข้างหน้าก็ทยอยเข้าไปจนเหลือแค่ผู้ชายเสื้อดำอยู่คนเดียวแล้ว รอก็ได้

แอ๊ดดดดด~

แล้วหลังจากที่ยืนรออยู่สักพัก ประตูห้องแรกก็เปิดออก เผยให้เห็นชายหญิงคู่หนึ่งเดินออกมา ทำเอาทุกคนที่อยู่ด้านนอกหันมองกันเป็นตาเดียว

อะไรกัน? ทำไมต้องมองกันขนาดนั้น พวกเขาทำอะไรผิดนักหนาหรอ ก็แค่เข้าห้องน้ำพร้อมกัน ดีซะอีก ประหยัดเวลาคนอื่นด้วย ว่าแต่.. สภาพผู้หญิงนี่ยุ่งเหยิงเลยแฮะ สงสัยคงเต้นหนักไปหน่อย

จนพวกเขาสองคนพากันเดินจากไป ก็ถึงตาของพี่เสื้อดำหน้าผมที่กำลังจะเดินเข้าไปในห้องแรกบ้าง แต่ผม..รู้สึกอั้นไม่ไหวแล้วอะ เลย...

"พี่ครับ"

ตัดสินใจเรียกพี่เขาเอาไว้ ซึ่งพอหันมาก็เห็นว่าพี่เขาหน้าเข้มมาก ผิวแทน ดูไม่ใช่ผู้ชายแบบที่จะใจดีกับใครง่ายๆ แต่ถ้าไม่ลองขอดูก็ไม่รู้หรอกนะ

"ว่าไงครับ?"

"ผมปวดฉี่ไม่ไหวแล้ว ขอเข้าพร้อมพี่ได้มั้ย"

"หะ..หา!?"

"นะๆๆ"

"จะดีหรอน้อง พี่ว่า..."

"ดีสิครับ จะได้ประหยัดเวลาเหมือนคู่เมื่อกี้ไง"

พี่เสื้อดำหันไปมองทางที่ชายหญิงคู่นั้นเดินจากไป ก่อนจะหันกลับมามองผมหัวจรดเท้า แล้วในที่สุดก็ยิ้มออกมา

"กะ..ก็ได้ครับ"

"เย้!"

ผมร้องดีใจเหมือนเด็กๆ ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปพร้อมกับพี่เขา..ท่ามกลางสายตาของผู้ชายสามคนที่ยืนฉี่ และอีกสองคนที่กำลังล้างมือ

"งั้นผมขอก่อนแล้วกันนะครับ" ผมปลดกางเกงของตัวเองลงทันทีหลังจากที่พูดจบ ก่อนจะนั่งทำธุระของตัวเองต่อหน้าเขา

รู้สึกว่าต้องเป็นเพราะค็อกเทลแน่ที่ทำให้ผมใจกล้าหน้าด้านได้ขนาดนี้ นี่ถ้าพ่อแม่รู้นะ ผมคงโดนขังลืมอยู่บนหอคอยแน่ๆ เลย

"น้องน่ารักว่ะ พี่ทนไม่ไหวละ" แล้วพอผมจ้องหน้าพี่เขา อีกฝ่ายก็ถอดเสื้อออก เอ๊ะ! คนจะเข้าห้องน้ำแค่นี้ต้องถอดเสื้อด้วยหรอวะ?

ไม่เพียงเท่านั้นยังปลดกางเกงลงด้วย โห~ สงสัยพี่เขาจะปวดฉี่มากเลยแฮะ ดูดิ เป้านี่..ตุงเลย เห็นทีผมต้องรีบฉี่ให้เสร็จละ

"โอเคพี่" แล้วพอพี่เขาเดินเข้ามาใกล้ ผมก็ฉี่เสร็จเรียบร้อยพอดี เลยลุกขึ้นใส่กางเกงให้เรียบร้อย แล้วหันไปกดน้ำ "ผมเสร็จแล้ว พี่เชิญต่อเลยครับ : )"

พี่เขาถึงกับอ้าปากค้าง ทำหน้าเหมือนตกใจที่ผมเสร็จแล้ว อะไรอะ? ผมฉี่เร็วไปหรอ แต่ผมเสร็จแล้วอะ

"นี่น้อง.."

"ไปนะครับ จุ๊บ!"

ไม่บอกลาเฉยๆ นะ ผมยังจุ๊บปากพี่เขาไปทีนึงด้วยสำหรับความใจดีที่ให้เข้าห้องน้ำด้วยกัน ซึ่งพี่เขาก็ทำท่าเหมือนจะคว้าตัวผมไว้ แต่คงไม่ทันแล้ว เพราะว่าผมเปิดประตูเรียบร้อย แล้วเดินออกมาพร้อมกับสายตาของคนที่พากันมองเหมือนเดิม

แต่ผมไม่สนใจหรอก ก็อย่างว่า มนุษย์มีตานี่ การมองก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วเนอะ : )

คิดได้แบบนั้น ผมก็ฝ่าฝูงคนออกมาเหมือนเดิม ทำไมรู้สึกเหมือนคนมันแน่นกว่าเดิมฟะ? แล้วเสียงเพลงกับการเคลื่อนไหวของคนในร้านก็เริ่มทำให้ผมมึนหัวมากขึ้นกว่าเดิมด้วย จนมารู้ตัวอีกทีก็เริ่มจะเดินไม่ตรงแล้ว มีความเซไปมาอยู่ตลอดเวลา นี่ดีนะที่มีคนคอยเบียดไว้ เลยไม่เทไปทางใดทางหนึ่ง ถ้าเกิดว่าลองคนหายไปสักข้างนึง มีหวัง...!

"เฮ้ย!"

แล้วยังไม่ทันจะคิดจนจบเลยด้วยซ้ำ จู่ๆ คนทางฝั่งซ้ายมือก็แหวกทางออกเฉยเลย ทำเอาผมที่เซไปข้างนั้นพอดีเกือบจะล้มลงฟาดกับพื้น ถ้าไม่ติดว่า...

"เกือบไปแล้ว : )" เจ้าของรอยยิ้มกว้างจะมาช่วยรับไว้ได้ทัน

"เหล้ารัม" ผมเอ่ยชื่อของคนตรงหน้าออกไปด้วยเสียงที่แผ่วเบา รู้สึกว่าตัวเองหายใจผิดไปหนึ่งจังหวะเมื่อได้เห็นเขาท่ามกลางแสงสีของร้านเหล้าแบบนี้ ทว่า..

"เหล้ารัมที่ไหนครับ นี่พี่ปูนเอง" ..สิ่งที่อีกฝ่ายตอบกลับมาทำให้ใบหน้าที่ผมชอบหายไปโดยพลัน เหลือเพียงใบหน้าของพี่ปูนที่ผมอยากจะอ้วกใส่

"ชะ..ช่วยปล่อยด้วยครับ" พอรู้ว่าไม่ใช่นายพ่อมด ผมก็พยายามผละออกจากรุ่นพี่ขี้หลีเมื่อสัมผัสได้ถึงมือปลาหมึกที่จับอย่างไม่ถูกที่ถูกทาง

"พี่ว่าน้องวาฬเมามากเลยนะ เซจนจะล้มขนาดนี้ ยังไงไปนั่งพักที่โต๊ะพี่ก่อนก็แล้วกัน" โดยไม่รอให้ผมตอบอะไร พี่ปูนก็ประคองผมไปที่โต๊ะของพี่เขาซึ่งอยู่ไม่ไกลจากทางเข้าห้องน้ำเท่าไหร่นัก ซึ่งน่าจะเป็นโซนที่ราคาถูกและบรรยากาศแย่ที่สุดในร้านแล้ว

ผมถูกปล่อยให้นั่งลงข้างๆ พี่ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นเพื่อนของพี่ปูน ก่อนที่ร่างสูงจะรีบนั่งประกบผมไว้ แล้วร่างกายตอนนี้แม่งก็ไม่เป็นใจกับผมเลยสักนิด มันร้อนไปหมด แค่จะลุกยังไม่มีแรง เลยได้แต่นอนพิงเบาะโซฟาแบบนั้นต่อไปอย่างหมดสภาพ

มึนหัวโว้ย!

"น้องวาฬครับ ไอ้นี่ชื่อวินนะครับ ส่วนไอ้นั่นชื่อเทป" พี่ปูนแนะนำให้ผมรู้จักกับเพื่อนอีกสองคนของแก ซึ่งหน้าตาหล่อดี แถมสายตาก็ดูไม่เจ้าชู้เหมือนพี่ปูนด้วย ทำให้ความอยากจูบของผมมันวนกลับมาอีกครั้ง

แต่ก็น่าแปลกนะ ทั้งๆ ที่ผมอยากจูบใครหลายคน แต่กับพี่ปูนนี่..อยากถีบปากมากกว่า ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม?

"ครับ" ด้วยความที่ยังคงไร้เรี่ยวแรง ผมเลยตอบกลับไปสั้น แล้วพยายามนั่งนิ่งๆ ออมแรงต่อไป

"น้องวาฬอยากดื่มอะไรครับ เดี๋ยวพี่เลี้ยง"

"ไม่" ผมตอบออกไปแบบไม่ต้องคิด แล้วก็ไม่มีหางเสียงด้วย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าไปกระทบต่อมอะไรของเพื่อนพี่ปูนอีกสองคนเข้า ถึงได้หลุดขำออกมาพร้อมกันแบบนั้น

"นี่ ทำไมใจร้ายกับพี่จัง" พี่ปูนพยายามยิ้ม ทั้งๆ ที่ตาของเขาแสดงให้ผมเห็นว่าเขารู้สึกไม่พอใจเลยแม้แต่นิดเดียว แถมยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ อีก นี่ถ้าผมมีแรงมากกว่านี้ ผมจะเอามือดันหน้าพี่เขาให้ออกไปไกลๆ เลย

"เปล่าครับ"

"เปล่าอะไร ใจดีกับพี่หน่อยสิครับ พี่ชอบน้องนะ"

แล้วพี่ปูนก็ยิ้มกว้างๆ เหมือนตอนที่ช่วยผมไว้ไม่ให้ล้มฟาดกับพื้น มันก็เลย... ทำให้ภาพของใครคนนึงทับซ้อนเข้ามา..

"เหล้ารัม" แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ผมเอ่ยชื่อเขาออกไป

ดูจมูกโด่งๆ ของเขาสิ น่างับชะมัด จากนั้นก็ค่อยๆ ไล่ลงมาจุ๊บที่ปาก คงจะเป็นอะไรที่รู้สึกดีไม่น้อย

ตึกตัก ตึกตัก

แล้วเมื่อหัวใจผมเต้นแรงขึ้นซึ่งต่างจากตอนที่อยากจูบคนอื่นๆ ผมก็บอกกับตัวเองว่าถึงเวลาแล้วที่ควรจะจูบเหล้ารัมได้สักที

ถึงแม้ว่าจะตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมนายพ่อมดเหล้าถึงมาอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ แต่ในเมื่อเป็นเขา ผมก็ปฏิเสธอะไรไม่ได้ทั้งนั้นแหละ

"เหล้ารัม"

"..."

ผมตัดสินใจเรียกชื่อเขาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเคลื่อนใบหน้าของตัวเองเข้าไปจูบเขาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหนักหน่วงขึ้นจนถึงขั้นกดเขาให้นอนลงกับโซฟา

รู้สึกว่าหัวใจมันต้องการเหล้ารัมเหลือเกิน อยากจูบเขาอีก.. อยากจูบให้มากกว่านี้อีก.. เพราะไม่ว่าจะกดริมฝีปากลงไปเท่าไหร่ มันก็ยังตอบสนองความต้องการในหัวใจของผมไม่ได้

ทำไมกัน ทำไมใจผมถึงว่างเปล่าแบบนี้?

ยังกับว่ามีบางอย่างที่ผิดพลาดไป บางอย่างที่มันไม่ถูกต้อง!?

"วาฬ!"

แล้วผมก็พบคำตอบ... เมื่อเสียงอันแสนจะคุ้นเคยเรียกผมจากอีกทาง... ผมรีบผละจูบของตัวเองออกอย่างรวดเร็วเพื่อหันไปมองตามเสียงนั้น และพบว่า...

เหล้ารัมกำลังยืนมองมาด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ทว่า..นัยน์ตาคู่นั้นกลับส่องประกายความโกรธออกมาอย่างชัดเจน ในขณะที่เอกซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ได้แต่ทำหน้าเหวอ เหมือนตกใจที่เห็นผมตอนนี้

นั่นเลยทำให้ผมหันกลับไปหาคนที่ผมกดลงนอนกับโซฟา...

"พี่ปูน!"

เพราะแบบนี้เอง... ผมถึงได้รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง!

ผมหันกลับไปมองเหล้ารัมอีกครั้ง อยากจะพูดอธิบายออกไป แต่เขาไม่รออะไรทั้งนั้น รีบเดินก้าวเข้ามากระชากคอเสื้อให้ห่างจากตัวผมทันที

"เฮ้ย เดี๋ยวๆ!" พี่ปูนรีบร้องห้ามเสียงดังเมื่อเห็นว่าเหล้ารัมง้างหมัดจะชก

"อะไร!"

"กูทำอะไรผิดวะ น้องเขาเป็นแฟนมึงไง!"

"เปล่า" เหล้ารัมหันมามองหน้าผมแวบนึง ก่อนจะหันกลับไปพูดกับพี่ปูนต่อ "แต่ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง

พี่ปูนก็เลยอาศัยจังหวะที่เหล้ารัมดูจะเบาลงแกะมือที่กำคอเสื้อออก แล้วพูดในสิ่งที่ทำเอาผมตัวแข็งทื่อ...

"งั้นมึงต้องโทษน้องเขาแล้วล่ะ เพราะเขาเป็นคนจูบกูเอง ไม่เชื่อถามเพื่อนๆ กูดูก็ได้!"

เหล้ารัมถึงกับตวัดสายตากลับมาที่ผมทันที "จริงหรอ?" ก่อนถามด้วยน้ำเสียงที่..เย็นชากว่าเคย

"..." ผมไม่กล้าตอบ... ไม่ใช่ว่ากลัว แต่ความรู้สึกผิดมันกัดกินหัวใจผมอย่างรุนแรงจนแทบจะไม่เหลือชิ้นดีแล้ว

เพราะรู้ว่าถ้าพูดคำตอบออกไปตามความเป็นจริง เหล้ารัมจะกลายเป็นฝ่ายที่รู้สึกแย่มากกว่าผมหลายต่อหลายเท่า และผมไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น...

"ตอบผมมาสิ!" แต่นั่นดูเหมือนว่าจะยิ่งทำให้เขาอยากได้คำตอบมากขึ้นกว่าเดิม

จนในที่สุด.. "จริงครับ" ผมก็ต้องยอมตอบออกไป

ปึก!

แล้วทันใดนั้น ทุกอย่างในร้านก็หยุดนิ่งในทันทีที่เหล้ารัมชกหมัดเข้ากับกำแพง..! ไม่มีเสียงดนตรีอีกต่อไปแล้ว เพราะแม้แต่ผู้คนก็ไร้การเคลื่อนไหวไปด้วย

ราวกับว่าแรงจากการปล่อยหมัดทำให้เกิดเวทหยุดเวลาขึ้นมา..

จะมีก็แต่ผมกับคนที่ปล่อยพลังเวทเท่านั้นที่ยังขยับได้.. แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมขยับไปไหนทั้งนั้น ได้แต่รอ.. รอให้เหล้ารัมเป็นฝ่ายเดินมาหาเอง

เขาจ้องมองเข้ามาในตาผม.. หายใจยาวขึ้นกว่าปกติราวกับต้องการจะสะกดอารมณ์ตัวเอง แต่สุดท้ายเขาก็ทำไม่สำเร็จ..

"กลับคอนโดเดี๋ยวนี้!"

..เพราะเขาตะโกนใส่ผมด้วยสายตาดุดัน ก่อนจะกระชากแขนผมแรงๆ ให้เดินตามไป ท่ามกลางฝูงชนที่แน่นิ่ง..

นิ่งเหมือนกับ..หัวใจของเขาที่คงจะผิดหวังในตัวผมไปแล้ว..

(http://3.bp.blogspot.com/-K4uGPMHBFL8/Vkqbvu7BYJI/AAAAAAAAAMU/BvXEb3oq544/s1600/LwGGTRf.gif)

#แฮมสเตอร์

บทที่ 6 นี่มีตั้งแต่ 6.1-6.3 นะครับ แต่ขอเก็บ 6.3 ไว้ลงทีหลังเพราะว่ารวมๆ กันแล้วค่อนข้างยาวมากๆ

คิดว่าบทนี้น่าจะเป็นตอนที่ฉูดฉาดที่สุดในเรื่องแล้ว อาจจะดราม่าหน่อย แต่ก็ถือว่าเอามาตัดความเลี่ยนติดๆๆ กันที่ผ่านมานะครับ : )

หากใครอยากด่าวาฬลง twitter ฝาก #พ่อมดเหล้า ด้วยนะครับ ฮ่าๆๆๆ~

my page : แฮมสเตอร์ (https://www.facebook.com/hamsterisanauthor/)

 :katai4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 6.1-6.2 || อัพเดท : 11/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 11-06-2016 21:57:31
เหล้ารัมน่ารักมากๆ ชอบบบ :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 6.1-6.2 || อัพเดท : 11/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 11-06-2016 22:37:33
 :ling1:

วาฬไม่ดูลิมิตตัวเองเลย เมาแล้วเป็นปีศาจจูบดะไปจนได้  :ling1:

งดแอลกอฮอล์หนึ่งปี กินได้เฉพาะตอนที่อยู่กับเหล้ารัม!!!

จะว่าไป งานนี้ต้องโดนเหล้ารัมลงโทษนะ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 6.1-6.2 || อัพเดท : 11/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: kamontipsaii ที่ 11-06-2016 22:46:34
โทษใครไม่ได้เลยวาฬ
ไม่แปลกที่เหล้ารัมโกรธ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 6.1-6.2 || อัพเดท : 11/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 11-06-2016 22:59:00
เมาแล้วได้เรื่องเลยนะวาฬขืนเมาแล้วไล่จูบคนอื่นไปทั่วระวังได้สามีเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เหล้ารัมนะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 6.1-6.2 || อัพเดท : 11/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 11-06-2016 23:01:54
ถ้าจะจูบดะขนาดนี้ อย่ากินเหล้าอีกเลยเหอะวาฬ
คิดกลับกันว่าวาฬต้องเห็นคนที่รักจูบกับคนอิ่น
จะรู้สึกยังไง
นั้นละความรู้สึกเหล้ารัม

เมาแล้วจูบไปทั่วแบบนี้ แย่เลยนะ
สงสารเหล้ารัม
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 6.1-6.2 || อัพเดท : 11/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 11-06-2016 23:43:37
วาฬเมาแล้วนิสัยเสียนะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 6.1-6.2 || อัพเดท : 11/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 12-06-2016 00:53:06
โอ้ยยยยวย วาฬแม่งดื้อ เป็นไงละ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 6.1-6.2 || อัพเดท : 11/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 12-06-2016 01:07:12
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 6.1-6.2 || อัพเดท : 11/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 12-06-2016 01:53:13
เมาแล้วกลายเป็นปีศาจจูบซะงั้น
งานนี้ต้องง้อกันยาว
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 6.3 [ จบบท ] || อัพเดท : 12/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 12-06-2016 11:17:17
#6.3

ปึก!

พอกลับมาถึงคอนโด เหล้ารัมเหวี่ยงผมลงกับเตียงอย่างไร้ความใจดี ซึ่งนั่นทำให้ผมที่เงียบมาตลอดทางเริ่มแสดงความไม่พอใจบ้าง

"ไม่ต้องรุนแรงกับผมแบบนี้ก็ได้นะ"

แต่เหล้ารัมกลับไม่สะท้อนความรู้สึกผิดออกมาจากใบหน้าเลย เขาดูโกรธมาก และยิ่งโกรธมากขึ้นเมื่อผมพูดออกไปแบบนั้น

"ทำไมถึงต้องจูบมันด้วย!" แถมยังไม่ฟังสิ่งที่ผมพูดเลยสักนิด

"ผมไม่ได้ตั้งใจ"

"นี่ขนาดไม่ได้ตั้งใจนะ"  ก่อนจะตามมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันของอีกฝ่ายที่ทำเอาอารมณ์โกรธของผมพุ่งแซงหน้าความรู้สึกผิดในใจขึ้นมาเลย

"ก็ผมเมานี่!"

"เมางั้นหรอ?"

"ใช่!"

"แล้วไหนสัญญาแล้วไงว่าจะไม่เมาน่ะ!"

"..."

ผมอึ้ง...

อยากกลืนคำที่พูดออกไปทั้งหมดกลับคืนมา มันเหมือนว่าวินาทีนั้นผมเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าผมสัญญาอะไรกับเขาเอาไว้ ความรู้สึกผิดจึงเข้าจู่โจมหัวใจผมอีกครั้ง..

"ไหนบอกว่าโตแล้วดูแลตัวเองได้ไง แต่ปล่อยตัวให้เมาจนไปจูบกับคนอื่นแบบนี้เนี่ยนะโตแล้ว!"

ผมรู้ว่าผมควรจะสงบปากสงบคำเอาไว้ เพราะว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด แต่ผมทนไม่ไหวจริงๆ ว่ะ เวลาที่คนว่าผมเป็นเด็กเนี่ย!

"แล้วคุณมายุ่งอะไรด้วย"

กึก!

ผมกัดริมฝีปากของตัวเองทันทีที่รู้สึกตัวหลังจากนั้นว่าพูดอะไรออกไป จนอีกฝ่ายถึงขั้นขอทวนคำพูดของผมใหม่อีกครั้ง

"คุณว่าไงนะ"

"ผมบอกว่าคุณมายุ่งอะไรด้วย ผมจะจูบกับใครมันก็ชีวิตผม ต่อให้ผมไปได้กับใคร คุณก็ไม่มีสิทธิ์ยุ่งทั้งนั้นแหละ!"

แล้วพอความร้อนในร่างกายมันผลักดันอารมณ์ให้ควบคุมไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว ผมเลยใส่เขาเป็นชุด ทั้งๆ ที่ใจมันค้านทุกสิ่งที่พูดออกไปเกือบทั้งหมด

แม่ง!

แต่ในขณะที่ผมกำลังรอฟังให้อีกฝ่ายตอบกลับมา กลับกลายเป็นว่าเหล้ารัมเลือกที่จะเงียบ.. เขาก้าวยาวๆ เข้ามาพร้อมกับสองข้างแก้มที่เห็นชัดว่าเจ้าของของมันกำลังขบฟันกรามด้วยความโมโห ก่อนจะกดผมลงกับเตียง..!

"นี่ ปล่อยนะ!"

"ไม่!"

"ก็บอกว่าให้ปล่อยไง อย่าทำแบบนี้นะเหล้ารัม!"

"ทำไมจะทำไม่ได้ ในเมื่อถ้าผมอยากมีสิทธิ์ในตัวคุณ ผมก็ต้องทำแบบนี้ล่ะ!"

"อื้ออออ!"

พูดจบแค่นั้น ร่างสูงที่กำลังคร่อมตัวผมอยู่ก็ก้มลงมาบดเบียดริมฝีปากของผมเอาไว้อย่างหนักหน่วง!

ความรู้สึกที่เกิดขึ้นคือมันทั้งดุดันและร้อนแรงมากจนผมรับรู้ได้ถึงกลิ่นคาวของเลือดที่น่าจะเกิดขึ้นตรงไหนสักแห่งในช่องปากของผมและเขา

ผมพยายามใช้แรงเท่าที่มีผลักเหล้ารัมออกไป ทว่านายพ่อมดกลับเปลี่ยนความหนักหน่วงนั้นให้กลายเป็นความอ่อนนุ่มที่ผมรู้สึก..โหยหา

มันให้ความรู้สึกที่ต่างกันออกไปจริงๆ กับตอนที่ผมจูบภาพลวงตาของเขา (ซึ่งแท้ที่จริงแล้วเป็นพี่ปูน) เพราะว่าของจริงกลับเติมเต็มความรู้สึกเสียจน..ผมเผลอเกี่ยวคอเขาให้เข้ามาใกล้ขึ้นอีก..

ผมยอมรับเลยว่าความโกรธก่อนหน้านี้แปรเปลี่ยนเป็นความเคลิบเคลิ้มอย่างยากที่จะหยุดยั้งได้ เพราะผมชอบ..ชอบมากจริงๆ ที่ริมฝีปากของเราแลกเปลี่ยนความรู้สึกให้แก่กันและกัน และผมก็ชอบเหลือเกิน..ที่ร่างกายของเค้าแนบชิบจนผมสัมผัสได้ถึงจังหวะหัวใจของอีกฝ่ายที่เต้นแรงไม่ต่างจากหัวใจของผม ไหนจะกลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวเขาที่ผมอยากจะเสพเข้าไปอีกเรื่อยๆ

ทุกอย่างที่กล่าวมาเป็นดั่งภวังค์ที่กักขังผมไว้ได้อย่างไร้ความคิดที่จะโบยบินหนี ถ้าไม่ติดว่า... สองมือของเขาเริ่มล่วงเกินรุกล้ำเข้ามาในเสื้อของผมเพื่อแปะป่ายหยอกล้อไปทั่ว ก่อนที่เหล้ารัมจะเริ่มไล่ระดับลงมาปลดกระดุมกางเกงผมอย่างคล่องแคล่ว มันเลยทำให้ผมเริ่มรู้สึกถึงภัยคุกคามทางร่างกายที่กำลังจะไปไกลเกินกว่าการจูบ และผมก็ยังรับมันไม่ได้...

ผมยังไม่พร้อมสำหรับเรื่องนี้ เลยพยายามควบคุมสติตัวเองเพื่อที่จะผลักเขาออกไปอีกครั้ง แต่ต่อให้ออกแรงแค่ไหน ก็ไม่สามารถจะทำอะไรเขาได้เลยแม้แต่นิดเดียว

"พอเถอะ... หยุดเถอะ..." ผมพยายามเปล่งเสียงออกมาเพื่อห้ามเหล้ารัมที่ตอนนี้ไล่ระดับของริมฝีปากลงไปยังต้นคอของผม เพื่อซุกไซ้มันด้วยลมหายใจร้อนที่รินรดลงมา พร้อมกับสองมือที่เลื่อนลงไปปลดกางเกงของตัวเองด้วย

"..."

"ไม่นะ... อย่าทำแบบนี้..."

"..."

"ขอร้อง... พอเถอะ..."

"..."

ผมห้ามเขาแล้วนะ พยายามแล้วจริงๆ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ฟังผมเลย จนทำให้ฟางเส้นสุดท้ายมันมาขาดเอาตอนที่เหล้ารัมกำลังจับขอบกางเกงในของผมเพื่อที่จะดึงลง ผมเลยรู้สึกว่าทนรับเรื่องนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว!

"บอกให้พอไงเล่า!!"

ด้วยสัญชาตญาณของการเอาตัวรอด ผมเลยสอดมือเข้าไปหยิบเครื่องรางไร้มนตร์จากใต้หมอนออกมาแปะเข้าที่หน้าของเหล้ารัมทันที..!

จนนายพ่อมดต้องกระโดนถอยไกลออกไปนั่งไม่เป็นท่าอยู่ที่พื้นเกือบถึงประตูห้องพร้อมกับคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด

น้ำตาที่ไหลอาบแก้มทั้งสองข้างและรอยแดงปื้นคล้ายรอยไหม้บนแก้มด้านขวา ทำให้ผมที่นั่งมองอยู่ถึงกับต้อง..กำเครื่องรางไร้มนตร์ในมือแน่นด้วยความรู้สึกผิด จนเล็บยาวจิกลงไปบนเนื้อ

ขะ..ขอโทษ

ผมอยากจะพูดออกไปแบบนั้น.. แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม สิ่งที่ออกจากปากไปกลับเป็นไปในทางตรงกันข้าม!

"คุณกล้าดียังไงทำกับผมแบบนี้!"

"..." เหล้ารัมไม่ตอบ เขาทำเพียงแค่ใช้สองมือกุมแผลบนใบหน้าของตัวเองเอาไว้ ทำให้ผมไม่รู้ว่าที่เขาไม่ตอบเพราะไม่อยากตอบ หรือว่าเจ็บแผลจนไม่สามารถตอบได้กันแน่...

แต่ที่เด่นชัดจนผมไม่ต้องเดา ก็เห็นจะเป็น..สายตาของเหล้ารัมที่มองมาทางผมด้วยความเจ็บปวด...

"เผยด้ายแห่งพันธะสัญญาออกมา" ซึ่งผมรู้สึกแย่มากเหลือเกินกับสิ่งที่พลาดทำลงไป... แต่ทุกส่วนของร่างกายมันกลับไม่หยุดยั้งที่จะแสดงด้านแย่ๆ ของตัวเอง

"..." เหล้ารัมยังคงนิ่ง เหมือนว่าได้ยินแต่ไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูด ปากที่ไม่ตรงกับใจของผม..จึงเอ่ยสิ่งที่พูดไปแล้วซ้ำขึ้นอีกครั้ง

"ผมบอกว่าให้คุณเผยด้ายแห่งพันธะสัญญาออกมาไง!" แต่ด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิม ราวกับผู้คุมละครสัตว์ที่พยายามออกคำสั่งกับราชสีห์

"..." แล้วถึงแม้ว่าจะดูยังไม่เข้าใจเหมือนเดิม แต่เหล้ารัมก็ยอมทำตามในที่สุด

เพียงแค่เขาสะบัดมือขวาของตัวเองหนึ่งที่ เส้นด้ายที่เชื่อมโยงเราทั้งสองคนไว้ก็ปรากฏขึ้น โดยมีความยาวตามระยะที่เราสองคนอยู่ห่างกัน

และแน่นอนว่าเส้นด้ายในฝั่งของผมยังคงเป็นสีขาวเช่นเดิม.. ในขณะที่ของอีกฝ่ายดูจะเข้มขึ้นเล็กน้อยจากเมื่อวานตอนที่ทำพันธะสัญญา...

"ดูซะ ของผมยังเป็นสีขาวอยู่เลย" ผมชูมือขึ้น เพื่อที่ต้องการจะให้เหล้ารัมเห็นด้ายฝั่งของผมชัดๆ "ผมรู้ว่าคุณเป็นคนที่จะช่วยชีวิตผม แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะทำอะไรกับผมก็ได้!"

"..."

"ในเมื่อ...คุณยังไม่ได้ครอบครองหัวใจผมเลยด้วยซ้ำ!"

"..."

"เพราะฉะนั้นถ้าผมจะไปจูบกับใครมันก็เป็นสิทธิ์ของผม แล้วคุณเองก็ไม่มีสิทธิ์มาลงโทษผมด้วยวิธีการแบบเมื่อกี้นี้ด้วย!"

"..."

การตะโกนทำให้ผมที่มึนหัวอยู่แล้วยิ่งมึนหัวหนักมากขึ้นไปอีก.. ใจจริงอยากจะทิ้งตัวลงนอนเลยด้วยซ้ำ แต่ความรู้สึกภายในตอนนี้มันปั่นปวดไปหมดแล้ว โดยเฉพาะกับสิ่งที่พูดออกไป... ถึงจะควบคุมตัวเองไม่ได้ และเริ่มเรียบเรียงคำพูดในหัวได้แย่มาก แต่หูของผมก็ยังได้ยินในสิ่งที่ตัวเองพูดนะ... ทำให้รู้ว่ามันมีทั้งคำพูดที่ออกมาจากใจและคำพูดที่ออกจากปาก...

คำพูดที่ออกจากใจก็คือ..ผมไม่พอใจจริงๆ ที่เขาเลือกที่จะใส่อารมณ์ลงมากับผมด้วยวิธีนั้น

ส่วนที่เหลือ...ผมยังไม่รู้เลยว่าพูดออกไปได้ยังไง?

ในเมื่อมันฟังดูแล้ว...มันช่างใจร้ายกับเขาเหลือเกิน...

แล้วที่แย่กว่านั้นคือเหล้ารัมไม่ใช่ผมไง เขาไม่รู้หรอกว่าอันไหนคือที่รู้สึกจริงๆ หรืออันไหนคือแค่พูดไปตามอารมณ์เท่านั้น เพราะฉะนั้นสายตาที่มองมาของเขาจึงมีแต่ความเจ็บปวดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนแม้แต่ผมเองก็ยังต้องเจ็บปวดหัวใจตาม...

"..."

"..."

เราสองคนตกอยู่ในความเงียบ... เอาแต่มองหน้าของอีกฝ่ายอยู่เกือบนาที ก่อนที่ในที่สุดเหล้ารัมก็จะพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของตัวเขา แล้ว..

"ผมขอโทษ" ..โค้งคำนับผม ทั้งๆ ที่ยังใช้มือขวากุมแผลบนใบหน้าไว้

"..." และภาพนั้นทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก.. ซึ่งดีแล้ว.. เพราะผมได้แต่ภาวนาให้ตัวเองปิดปากเอาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้

ไม่อยากให้ตัวเองพูดอะไรแย่ๆ ที่มันขัดกับใจอีกต่อไปแล้ว..

"ผมยอมรับว่าผมขาดสติที่ผมทำลงไป และผมก็สมควรแล้วที่จะได้รับมัน" เขาคงหมายถึงรอยแผลบนใบหน้า

"..."

"บางทีผมก็คิดนะว่ามันยากสำหรับผมเหมือนกัน กับการเป็นฝ่ายที่รู้สึกมากกว่าแบบนี้"

"..."

"ถึงได้ทั้งหวงและห่วงคุณจนแทบจะเป็นบ้า"

"..."

"ทั้งๆ ที่ลืมไปว่าคุณเอง... ไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมเลย"

"..."

"ผมขอโทษจริงๆ ครับ"

"..."

..ทุกคำพูดของเหล้ารัมเหมือนมีดหลายต่อหลายเล่มที่ปักเข้ามายังก้อนเนื้อหัวใจของผมเล่มแล้วเล่มเล่า... ความเจ็บปวดจากการได้เห็นอีกฝ่ายเจ็บปวดทำให้ผมรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบไม่มีที่ยืนให้ผมอีกต่อไป...

ผมเกลียดตัวเองจัง

เกลียดที่ดื่มจนเมา เกลียดที่ผิดสัญญากับเขา และเกลียดที่ทำให้เขาเจ็บทั้งหายและใจ

ผมพังมาก... พังมากจริงๆ ในคืนนี้

มันเหมือนว่าผมแทบจะแยกแยะไม่ออกแล้วว่าอะไรเป็นอะไร แล้วผมควรที่จะรู้สึกอะไรกับเรื่องไหนก่อนดี

มันแปรปรวนไปหมดจนต้องขยับตัวเพื่อพิงหลังกับหัวเตียง... ในขณะที่ตาก็พยายามมองไปยังเหล้ารัมที่ตอนนี้กำลังเดินออกจากห้องไป

วินาทีนั้นคำถามมากมายเทเข้ามาในหัวผมพร้อมๆ กับความรู้สึกผิดมากมายมหาศาลที่สาดซัดเข้าสู่กลางใจ

ไม่มีอะไรเป็นระบบให้แยกแยะได้เลยในตอนนั้น จนมารู้ตัวอีกที...

ร่างสูงของเหล้ารัมก็เดินหายไปแล้ว เหลือไว้เพียงเส้นด้ายที่เพิ่มระยะของความยาวออกไป จนไม่เห็นถึงปลายทาง...

(http://pic.pimg.tw/demona/1405329580-1468390043.gif)

จบตอนที่ 6

#แฮมสเตอร์

บทนี้เป็นบทที่มีความงงงวยมาก
เพราะคนเขียนพยายามจะทำให้สมองของวาฬเป็นคนเมาและไม่มีระบบ ไม่รู้ว่าคนอ่านจะอินตามกันมั้ย ฮ่าๆๆๆ~

แล้วไหนจะความหน้ามืดของเหล้ารัมอีก
เรียกว่าเพราะความเมาและอารมณ์ขาดสติเป็นเหตุจริงๆ

ก็หวังว่าเขาทั้งสองคนจะคืนดีกันนะครับ
หรือว่าจะมีอะไรอีกอันนี้ก็ต้องรอกันบทต่อไป

ยังไงก็ฝากคอมเม้นติชมกันด้วยนะครับ : )

ป.ล. หากใครอยากพูดคุยอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้ใน twitter ฝาก #พ่อมดเหล้า เพื่อง่ายต่อการตามอ่านของคนเขียนนะครับ ขอบคุณมากๆ เลยครับ

my page : แฮมสเตอร์ (https://www.facebook.com/hamsterisanauthor/)

 :really2:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 6.3 [ จบบท ] || อัพเดท : 12/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 12-06-2016 11:46:12
 :เฮ้อ:

ถอนหายใจให้วาฬหนึ่งที

ทำไมลื้อเป็นคนแบบนี้หือ??

(เหล้ารัมผิดด้วยที่จะปล้ำวาฬอ่ะ)

จงคืนดีกันเถอะ พลีสสสสสสสส
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 6.3 [ จบบท ] || อัพเดท : 12/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 12-06-2016 11:51:15
งง ตัวเองเป็นคนผิดแท้ๆ เป็นไรมากรึป่าวอ่ะ เมาได้น่าเกลียดมากอ่ะ ตั้งแต่ไปไล่จูบคนนั้นคนนี้ละ เป็นคนที่รู้สึกมากกว่ามันเจ็บจริงๆ เข้าใจเหล้ารัมเลย ตอนระเบิดอารมณ์ไม่เหมือนคนเมาเลยนะจ้ะ เหมือนคนเอาแต่ใจตัวเองมากกว่า นี่ถ้าเป็นเหล้ารัมคงไม่ช่วยแล้วอ่ะ แค่คิดว่าต้องอยู่กับคนแบบนี้ อยู่คนเดียวดีกว่าเป็นไหนๆ อะไรๆอ้างเมานี่ไม่ใช่เหตุผลที่ฟังขึ้นหรอกนะ เคยชอบมากแท้ๆเรื่องนี้ :ruready
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 6.3 [ จบบท ] || อัพเดท : 12/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 12-06-2016 11:57:09
เราว่า วาฬเหมือนนกในกรงทอง พอได้ออกจากกรงก็อยากรู้อยากลองเรื่องที่ไม่เคยเจอไปเสียหมด
ดู ๆ ไปก็เหมือนเด็กอยากรู้อยากเห็น ไม่มีเหตุผล ไม่ฟังความอะไรแล้ว
แท้ที่จริงวาฬคงจะเป็นคนเอาแต่ในพอสมควรทีเดียว แต่ถูกกักเก็บไว้ด้วยคำว่าเป็นห่วงเวลาอยู่กับพ่อแม่
พอมาอยู่กับเหล้ารัม ได้อิสระได้ทำตามใจตัวเอง ก็เลยอยากทำตามใจตัวเองให้มาก ๆ ไม่ทันได้นึกถึงคนที่เป็นห่วง
ที่วาฬพูดมาก็จริงแหละ เพราะวาฬยังไม่รักเหล้ารัม... บางทีการกระทำเลยดูไม่แยแสไปบ้าง หรืออาจจะรู้สึกอยู่นิด ๆ แต่ก็ไม่ได้รักมากพอจะยับยั้งตัวเองไง
ตอนนี้เจ็บปวดไปกับเหล้ารัม ที่เขาว่ากันว่า คนที่รักก่อนเป็นคนแพ้ อาจจะจริงก็เป็นได้ รักมากกว่าเลยถูกทำให้เจ็บมากกว่า
สร่างเมาแล้วก็จงสำนึกถึงการไม่รักษาคำพูดเสียเถอะวาฬ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 6.3 [ จบบท ] || อัพเดท : 12/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 12-06-2016 12:57:17
ต่อให้รู้สึกผิดยังไงเธอก็ย้อนกลับแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วละ นี่ขนาดเมายังเถียงฉอดๆๆๆ เอาแต่ใจมากมั้ยวาฬ ถามตัวเองดู
ถึงต่อไปจะขอโทษแต่มันก็ไม่ทันละ ความรู้สึกอะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 6.3 [ จบบท ] || อัพเดท : 12/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: April❤ ที่ 12-06-2016 13:01:15
คือเมาเละมากจริมๆ เสียใจ :ling1:
แต่ตอนเถียงกันทำไมรุ้สึกว่าพูดได้ขนาดนี้มันน่าจะหายเมาละะ :katai1:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 6.3 [ จบบท ] || อัพเดท : 12/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 12-06-2016 13:02:06
แล้วจะพูดในสิ่งที่ใจไม่ได้คิดเพื่ออะไร
เพื่อให้เหล้ารัมดจ็บเหมือนที่ตัวเองรู้สึกเรอะ
ท่าทางจะได้ผลนะ
เจ็บมากเลยละ (ทั้งคู่เลย)
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 6.3 [ จบบท ] || อัพเดท : 12/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: cinnsin ที่ 12-06-2016 16:24:23
อื้อหืออออ ต่างคนต่างระเบิดก็ชิบหายสิคะ ใจเย็นเย๊นนนนนนนน! อย่าทำแบบนี้สิคะคนอ่านใจบ่ดีเลยเน้อ  :sad4: :sad4: :sad4:
*ซดมาม่ารัวๆจะได้หมดเร็วๆ* มาคุยกันดีๆเถอะนะเถอนะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 6.3 [ จบบท ] || อัพเดท : 12/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 12-06-2016 18:11:38
ฮรื่อออออ ไม่เอาแบบนี้ มาต่อให้หายดราม่าเลยยยยย สงสารเหล้ารัม แงงงงงงงงงง  :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 6.3 [ จบบท ] || อัพเดท : 12/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 12-06-2016 19:38:09
วาฬรู้สึกตัวก็รีบๆคุยกันซะ บอกตรงๆสงสารเหล้าอ่ะ :hao4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 6.3 [ จบบท ] || อัพเดท : 12/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: ragazx20 ที่ 12-06-2016 21:32:59
นิสัยวาฬดูเหมือนคุณหนูเอาแต่ใจนะ ไม่ก็ปากแข็ง ยังไงดีเหมือนรู้ว่าตัวเองผิดแต่ไม่ยอมรับผิดอ่ะ ถ้าเป็นแบบนี้สงสารเหล้ารัม  :m15:  คนรู้สึกมากกว่ายังไงก็เจ็บอ่ะ แต่ว่านะ วาฬพูดแรงไปมั้ย(มีความอิน) แต่ถ้ามองในอีกมุมก็วาฬยังไม่ถึงขั้นรักขั้นชอบอะเนอะ เฮ่อออ สู้ต่อไปนะพ่อมดเหล้า
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 6.3 [ จบบท ] || อัพเดท : 12/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 12-06-2016 22:50:26
รอบนี้วาฬผิดนะคะลูก
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 6.3 [ จบบท ] || อัพเดท : 12/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 12-06-2016 22:57:14
สงสารคนที่รักข้างเดียว แล้วโดนพูดใส่แบบนั้น
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 6.3 [ จบบท ] || อัพเดท : 12/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 12-06-2016 23:44:38
มาให้กลังใจจ้า

ยังอ่านไม่ทัน

เรื่องสนุกมากๆเลย
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 6.3 [ จบบท ] || อัพเดท : 12/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 13-06-2016 01:13:15
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องแปลกแหวกแนว ชอบมากกก 
 
ปวดใจกับตอนล่าสุด 
วาฬผิดจริงๆนะลูก
ณ จุดนี้สงสารเหล้ามาก แน่นอนว่าคนที่รู้สึกมากกว่าย่อมเสียใจมากกว่า
ยิ่งอ่านที่เหล้าพูดแล้วน้ำตาซึมเลย : (
#ทีมเหล้า
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 6.3 [ จบบท ] || อัพเดท : 12/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 13-06-2016 01:49:16
ทำไมเรื่องมันแย่ไปแบบนี้อ่ะ เฮ้อ...
เหล้ารัมก็มีส่วนผิดที่ทำแบบนี้กับวาฬ
แต่วาฬก็ไม่น่าพูดแบบนี้อ่ะ ทั้งที่ตัวเองก็ผิดสัญญา
ถ้าเมาแล้วควบคุมตัวเอง ดูแลตัวเองไม่ได้
เพื่อนห้ามก็ไม่ฟัง อย่างนี้ก็อย่ากินอีกจะดีกว่า
สงสารเหล้ารัมนะ ทั้งๆที่ให้ใจไปมากขนาดนั้นแต่วาฬดันพูดออกมาแบบนี้อ่ะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 6.3 [ จบบท ] || อัพเดท : 12/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 13-06-2016 06:35:54
นิสัยเสียจริงๆ วาฬ ไม่เจียมตัวเอาจริงจัง อย่างว่าล่ะนะ ไม่รักนี่นา แต่ไม่มีการถนอมน้ำใจเลย เกลียดวาฬอ่ะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 6.3 [ จบบท ] || อัพเดท : 12/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 13-06-2016 12:48:49
ชอบโครงเรื่องๆนี้ น่าสนใจดี
แต่ตอนนี้ทำให้เศร้าใจแปลกๆ วาฬไม่น่าเป็นแบบนี้เลย จะว่าเหล้าเปลี่ยนนิสัยก็เถอะ แต่แบบนี้มันไม่ดีเลย
แล้วถ้าเมาไม่ได้สติจริงๆ ทำไมถึงต้องรู้สึกว่าพูดไม่ตรงกับใจด้วย
ไม่ชอบบทนี้มากที่สุดเลย ไม่มีเหตุผล และทำให้วาฬไม่น่ารักอย่างมากด้วย บอกไม่ถูกอ่ะ
อยากให้บทนี้เป็นแค่ความฝันที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง เฮ้อ เหล้ารัมน่าสงสารมากๆ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 6.3 [ จบบท ] || อัพเดท : 12/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 13-06-2016 15:42:58
 :ling1:  วาฬ ไม่น่าเมาเลย เพื่อนห้ามแล้วก็ไม่ฟัง วันหลังอย่าดื่มเลยนะ สงสารเหล้ามรัมมาก ๆ เลย แงง คงเจ็บปวดมากอะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 6.3 [ จบบท ] || อัพเดท : 12/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: orangesmooty ที่ 13-06-2016 18:33:22
ปล่อยวาฬตายไปเถอะ = =;
ไม่ได้หมายความว่าเหล้ารัมจะปล้ำแล้วเป็นเรื่องดี หรือวาฬต้องยอมเพราะเขาจะช่วยหรอกนะ แต่มันเห็นๆอยู่แล้วและพิสูจน์ได้ด้วยว่าเหล้ารัมชอบ แล้วก็โดนทำร้ายจิตใจด้วยคำพูดหมาๆ งี้เนี่ยนะ การกระทำก็ล้ำหน้าไปไกล อาจจะเพราะแอลกอฮอล ซึ่งเขาว่าเมาแล้วจะเผยสันดาน ถ้าแรงไปก็ขออภัย เราชอบเรื่องนี้มากนะ แต่บทที่หกนี่คือจุดเปลี่ยนจริงๆ ผิดหวังในตัววาฬมาก
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 6.3 [ จบบท ] || อัพเดท : 12/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: lilyne ที่ 14-06-2016 15:02:49
สงสารเหล้ารัมไปอีก
แอบคิดว่าตอนที่ให้เผยด้ายมนตรานั่นสีฝั่งเหล้ารัมน่าจะอ่อนลงบ้าง ให้วาฬเห็นผลของคำพูดของตัวเอง จะได้คิดถึงการกระทำตัวเองมากกว่านี้ ไม่ไหวเล้ย
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 6.3 [ จบบท ] || อัพเดท : 12/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: KoiKa ที่ 15-06-2016 22:20:24
ไม่น้าาาาา ฮืออออออ สงสารเหล้ารัมอ่ะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.1 || อัพเดท : 18/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 18-06-2016 03:12:18
#7.1

การตื่นเช้ามาพร้อมกับชุดของเมื่อคืนวาน... ก็ไม่ต่างอะไรจากฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนผมมาจนถึงวินาทีนี้...

สิ่งสุดท้ายที่ผมจำความได้ก่อนภาพตัดไปก็คือ..ด้ายแห่งพันธะสัญญาที่ยาวไกลออกไปตามระยะห่างระหว่างผมกับเขา.. ทว่าตอนนี้มันได้หายไปแล้ว.. อาจจะถูกซ่อนไว้ หรือไม่..ก็คงหายไปเลยตลอดกาล...

ซึ่งถ้าเป็นอย่างหลัง ผมจะไม่โทษเหล้ารัมเลยแม้แต่นิดเดียว หากเหตุการณ์เมื่อคืนนี้จะทำให้เขาตัดสินใจถอนพันธะสัญญาจากผม แล้วปล่อยให้ผมตายๆ ไปซะ เพราะแม้แต่ตัวผมเอง พอได้ลองย้อนคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้... ก็อยากที่จะตายๆ ไปเหมือนกัน...

ฮึก..

อาการแสบจมูก..เป็นสัญญาณแรกที่บอกให้ผมรู้ว่าตัวเองกำลังจะร้องไห้... มันน่าแปลกนะที่คนเคยร้องไห้ง่ายอย่างผมกำลังจะมีน้ำตาให้กับใครคนนึงที่เพิ่งจะก้าวเข้ามาในชีวิต... และความคิดนั้นทำให้ผมพยายามสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่มันไม่สำเร็จ... เพราะในจังหวะที่ก้อนสะอื้นมันจุกอยู่ที่คอ... ผมก็ดันหันไปเห็นเหล่าฝูงปิกาจูที่ทำให้ผมนอนหลับฝันดี...

ฮึก..

ผมหยิบเจ้าตัวที่ใหญ่ที่สุดขึ้นมากอดไว้แน่น ก่อนจะกักเก็บน้ำตาเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป... ฮึก... ผมเกลียดตัวเองจัง... ทั้งๆ ที่ก็รู้ดีว่าเหล้ารัมเป็นพ่อมด และความรู้สึกของเขาก็มากกว่ามนุษย์อย่างผม แต่ผมกลับไม่คิดถึงมันเลยเมื่อคืนนี้ตอนที่มีปากเสียงกัน... ไม่คิดเลยสักนิด..ว่าเขาต้องเสียสละแค่ไหนในการตัดสินใจเข้ามาช่วยผมที่กำลังจะตาย... ฮึก... ไม่คิดเลยว่าถ้าไม่มีเค้า ผมก็คงไม่มีวันได้รับอิสระแบบนี้ ไม่มีวันได้ไปสังสรรค์กับเพื่อนอย่างเมื่อคืนนี้.. ฮึก... ไม่คิดเลยว่า... ฮึก... แค่ผมบอกว่าถ้าไม่มีเจ้าพวกปิกาจู แล้วผมจะนอนไม่หลับ เหล้ารัมก็เสกมันมาให้แล้ว... ฮึก... ไม่คิดเลย... มะ.. ฮึก... ไม่คิดเลยว่าเหล้ารัมไม่ใช่หรือไงที่ให้กำลังใจผม บอกว่าผมจะมีชีวิตเพื่ออนาคตข้างหน้า... ฮึก... ไม่ได้คิดเลยสักนิด..ว่าการที่เขาหวงและห่วงผมมากขนาดนี้ก็เพราะว่าเขารู้สึกมากกว่าที่ผมรู้สึก...

'บางทีผมก็คิดนะว่ามันยากสำหรับผมเหมือนกัน กับการเป็นฝ่ายที่รู้สึกมากกว่าแบบนี้'

ยิ่งสิ่งที่เขาพูด.. ฮึก... กับสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของเขาย้อนกลับคืนมาในหัว... มันยิ่งทำให้ผมกอดเจ้าปิกาจูแน่นขึ้นจนเกือบจะกลายเป็นกอดตัวเอง..

ฮึก..

ผมไม่ได้ตั้งใจให้ทุกอย่างมันลงเอยแบบนี้.. สาบานได้.. ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะทำร้ายจิตใจของเหล้ารัมอย่างที่ได้ทำลงไปแล้ว.. ผมแค่.. แค่โกรธ..โกรธที่เขาทำกับผมแบบนั้น.. บวกกับความเมาและความขาดสติที่ทำให้ตัวเองไม่สามารถยับยั้งชั่งใจอะไรได้ ถึงได้ปล่อยให้ปากมันพูดในสิ่งที่ใจไม่อยากพูดออกไป..

มันเหมือนกับ..ผมอยากจะต่อว่าเขาในระดับนึง แต่ความเมามันทำให้ผมพูดแรงกว่านั้น ซึ่งผมรู้ว่ามันมากเกินไป.. ยิ่งเมื่อเทียบกับใจของคนที่ฟังอย่างเหล้ารัมแล้ว..มันเป็นการโวยวายที่มากเกินไปจริงๆ..

ฮึก..

แล้วที่แย่กว่านั้นคือ.. ผมไม่สามารถเอาเรื่องเมามาหักล้างหรือเป็นข้อแก้ตัวอะไรได้ทั้งนั้น! เพราะผมสัญญากับเหล้ารัมแล้วว่าผมจะไม่เมา แต่สุดท้าย..ผมก็ดื่มอย่างไม่รู้ลิมิต จนปล่อยให้ตัวเองเละเทะขนาดนั้น ทั้งจูบคนอื่นไปทั่ว.. เข้าห้องน้ำกับคนแปลกหน้าที่เขาคิดว่าผมอยากจะมีอะไรด้วย.. ฮึก... แถมผม..ยังไปจูบกับพี่ปูนเพราะดันเห็นว่าเป็นเหล้ารัมอีก..

นี่หรอวะ คือสิ่งที่ผมตอบแทนความรู้สึกดีๆ ที่เหล้ารัมมีให้น่ะ!?

ฮึก..

ถ้าเกิดว่าเมื่อคืนนี้ผมไม่เมาตามที่สัญญาเอาไว้นะ ผมก็คงไม่ต้องไปจูบกับคนอื่นให้เหล้ารัมเห็นแบบนั้นหรอก.. หรือต่อให้พลาดจูบไปแล้ว ผมก็ควรจะมีสติตอนที่เขาโกรธบ้าง เพื่อที่อย่างน้อยๆ ก็จะได้อธิบายให้เขารู้ว่าที่ผมจูบพี่ปูนก็เพราะเห็นหน้าพี่ปูนเป็นหน้าเขา เพราะถ้าเป็นแบบนั้น..เหล้ารัมก็น่าจะยอมยกโทษให้ผม หรือไม่..ก็ลดโทษให้สักกึ่งหนึ่ง

ฮึก..

แต่นี่พอเมาแล้ว ไม่มีสติแล้ว แค่โดนดุในสิ่งที่ตัวเองทำผิดก็โมโหซะใหญ่โต แถมยังเป็นฝ่ายพูดจายั่วโมโหเหล้ารัมจนทำเขาขาดสติตามไปด้วย.. ใช่.. เขาเองก็มีส่วนผิด แต่เมื่อเทียบกันแล้ว ความผิดของเหล้ารัมมันก็แค่สิบเปอร์เซ็นต์จากร้อยเท่านั้น ส่วนผม..ผมคือเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่เหลือเลย..

ทว่า... คนทำผิดน้อยกว่าอย่างเหล้ารัมกลับถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ

ในขณะที่ผม.. ก็แค่นอนเมาหลับไปเท่านั้น...

ฮึก..

ยิ่งคิด..น้ำตาผมก็ยิ่งไหลออกมาไม่ขาดสาย.. ความเศร้าจากความรู้สึกผิดถึงสิ่งที่ได้ทำลงไปมันกัดกินหัวใจผมจนกลายเป็นช่องโหว่ไปหมดแล้ว..

ฮึก..

และหากย้อนเวลากลับไปได้..นี่คงเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ผมอยากย้อนกลับไปแก้ไขมัน.. ฮึก... พอๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนวันเกิดปีที่สิบสองนั่น...

ฮึก... แต่แน่ล่ะว่าผมไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ ทุกอย่างคือสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ยากจะแก้ไข.. เพราะฉะนั้น..ผมจึงทำได้เพียงแค่ใช้เวลานั่งร้องไห้ต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไม่มีน้ำตาให้ไหลอีกต่อไป.. แล้วตอนนั้นล่ะ ผมถึงได้มีสติคิดขึ้นมาได้ว่า.. มัวนั่งจมอยู่กับความรู้สึกผิดแบบนี้ต่อไปก็เปล่าประโยชน์ สิ่งที่ผมสมควรทำคือการไปขอโทษด้วยใจและอธิบายทุกสิ่งอย่างให้เหล้ารัมได้รับรู้

ดังนั้น ผมจึงรีบลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะ..กลั้นใจเปิดประตู.. เพราะว่าความรู้สึกตอนนี้ถ้าจะให้พูดกันจริงๆ ก็คือใจมันยังไม่พร้อมเผชิญหน้ากับเหล้ารัมหรอกถ้าเลือกได้

แต่ผมเลือกไม่ได้ไง เพราะขืนช้ากว่านี้ อะไรๆ มันอาจจะสายไปแล้วก็ได้.. ดังนั้นผมจึงรีบเปิดประตูออกมาที่โซนห้องนั่งเล่น ก่อนจะพยายามกวาดสายตาไปรอบๆ เพื่อมองหาอีกหนึ่งขีวิตที่น่าจะอยู่ตรงไหนสักที่ในห้องๆ นี้ แต่ปรากฏว่า... ไม่มีวี่แววความเคลื่อนไหวของเหล้ารัมเลยแม้แต่น้อย ทุกอย่างนิ่ง เงียบ และยังคงเหมือนเดิมตั้งแต่เมื่อวานนี้ตอนก่อนที่ผมจะออกไปเมา ผมเลยเปลี่ยนเป้าหมายใหม่เป็นการเดินมาหยุดยืนที่หน้าห้องนอนของอีกฝ่ายแทน..

เอาล่ะ สูดหายใจลึกๆ ไว้วาฬ ในเมื่อเราสำนึกผิดและตั้งใจมาขอโทษเขาด้วยใจจริง ยังไงผลมันก็คงไม่ออกมาเลวร้ายมากนักหรอกน่า

ฟืดดดด~

หลังจากสูดหายใจเข้าลึกสุดปอดพลางปลอบใจตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็ตั้งท่าจะเคาะประตูห้อง ทว่า...


ผมออกไปข้างนอก
- เหล้ารัม


...ยังไม่ทันที่มือจะสัมผัสประตูเลยด้วยซ้ำ ก็ปรากฏข้อความขึ้นมาบนประตูเสียก่อน ทำให้ผมต้องหยุดชะงักเพื่ออ่านมัน และถึงได้รู้ว่าตอนนี้เจ้าของห้องออกไปข้างนอกเสียแล้ว

ไปไหนกันนะ?

ผมถามตัวเองในใจ ก่อนที่คำถามอีกมากมายจะตามมาในหัวจนถึงขนาดที่ต้องพาตัวเองเดินไปนั่งยังโซฟาในโซนห้องนั่งเล่นเพื่อขอเวลาให้สมองกับใจมันได้คิดถึงสิ่งต่างๆ กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้

เพราะว่าผมไม่แน่ใจเลยว่าเหล้ารัมรู้สึกยังไงกับผมหลังจากที่เหตุการณ์เมื่อคืนเกิดขึ้น หมายถึง..ผมรู้นะว่าเขาต้องโกรธและเสียใจ เพียงแต่แค่ไม่แน่ใจว่าความโกรธนั้นมันไปถึงระดับไหน? จะกลายจากโกรธเป็นเกลียดไปแล้วหรือเปล่าก็ไม่รู้?

ในเมื่อตอนนี้เขาก็หายไป ไม่บอกด้วยซ้ำว่าจะกลับมามั้ย แถมยังออกไปพร้อมกับรอยแผลที่เกิดจากเครื่องรางไร้มนตร์อีก ทั้งที่ถ้าเป็นพ่อมดแม่มดคนอื่นคงนอนซมอยู่แต่กับบ้านแท้ๆ

เอ๊ะ หรือว่า.. เขาจะออกไปหายารักษานะ?

อืม... ก็มีความเป็นไปได้ แต่แล้วเหล้ารัมจะไปหาจากไหนล่ะ? ในเมื่อคนที่จะทำยารักษาได้ก็ต้องเป็นมนุษย์เท่านั้น เพราะหนึ่งในส่วนผสมของยารักษาเป็นพิษต่อพ่อมดแม่มด ต้องเอามาผสมกับอย่างอื่นก่อนถึงจะสามารถเข้าใกล้ได้ นับเป็นความชานฉลาดและความร้ายกาจของมนุษย์ผู้คิดค้นโดยแท้

ซึ่งมนุษย์ที่ยังควผลิตยาแก้อยู่ก็คือตระกูลของผมผู้ซึ่งคิดคนเครื่องรางไร้เวทมนตร์ขึ้นมานั่นแหละ จึงมีความเป็นไปได้สูงว่าเหล้ารัมอาจจะไปที่บ้านของผมก็ได้!?

คิดได้ดังนั้น ผมก็รีบเดินกลับเข้าห้องไปหยิบของที่จำเป็นต่างๆ อย่างกระเป๋าสตางค์ นาฬิกา และไอโฟน ซึ่งตอนที่หยิบไอ้เจ้าสิ่งสุดท้ายเนี่ยแหละ มันทำให้ผมสะดุดขึ้นมานิดนึงว่า..หรือผมควรจะโทรหาเขาก่อนดี?

อืม... ไม่ดีกว่า

ถึงโทรไปตอนนี้ก็คงไม่มีประโยชน์อะไรหรอก สู้ผมลองไปดูที่บ้านเองเลยคงจะดีกว่า ถ้าเกิดว่าเจอเขาไปหายารักษา ก็ถือว่าได้เจอหน้าตามที่ใจต้องการ แต่ถ้าเหล้ารัมไม่ได้ไป ผมก็จะใช้โอกาสนี้ไปจัดการทำยารักษาให้เขาซะ

เพราะยังไงตอนนี้ถ้าให้ลำดับความสำคัญแล้ว การได้รับการอภัยจากนายพ่อมดเหล้าก็ถือว่ายังอยู่ในลำดับที่ต่ำกว่าการรักษาให้เขาหายขาดจากอาการเจ็บปวดแผลที่เกิดจากเครื่องรางไร้มนตร์น่ะนะ เพราะว่าหากไม่ทำการรักษาด้วยยาแล้วล่ะก็ ต้องใช้ระยะเวลาให้ร่างกายเยี่ยวยาตัวเองถึงหนึ่งเดือนเต็มกว่าที่ความเจ็บปวดจะเบาบางและจางหายไป

เพราะฉะนั้นการที่ผมกลับบ้านน่าจะเป็นทางที่ดีที่สุดในตอนนี้

หรืออย่างน้อยๆ..

..ก็ในความคิดผมน่ะนะ

(http://3.bp.blogspot.com/-K4uGPMHBFL8/Vkqbvu7BYJI/AAAAAAAAAMU/BvXEb3oq544/s1600/LwGGTRf.gif)

#แฮมสเตอร์

ขออนุญาตมาแบบสั้นๆ ก่อนนะครับ เหลือ 7.2-7.3 ฝากด้วยครับ

ป.ล. ใครที่หายโกรธวาฬแล้ว สามารถพูดคุยให้อภัยฮีบนทวิตเตอร์ โดยการ #พ่อมดเหล้า ได้นะครับ : )

my page : แฮมสเตอร์ (https://www.facebook.com/hamsterisanauthor/)

 :katai5:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.1 || อัพเดท : 18/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 18-06-2016 03:48:51
ยังคิดว่าวาฬควรโทรหา
ควรขอโทษ
อย่าคิดเองเออเองแบบนึ้สิ

สงสารเหล้ารัมมากจริงๆ
ภาพนั้นคงติดตาม ความเจ็บปวดคงติดใจ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.1 || อัพเดท : 18/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 18-06-2016 04:46:09
ยังไม่หายโกรธจ้ะ 
รู้สึกเหมือนวาฬเป็นเด็กที่ทำความผิดแล้วกลัวผู้ใหญ่ไม่รัก
คนอ่านโป้งวาฬ  โป้ง ๆๆ

#ทีมเหล้ารัม
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.1 || อัพเดท : 18/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 18-06-2016 05:21:09
 :katai1: วาฬคิดได้ก็ดีแล้วอย่าให้มีครั้งต่อไปนะ สงสารเหล้ารัมอะ รอตอนต่อไปว่าจะง้อได้ไหม
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.1 || อัพเดท : 18/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 18-06-2016 07:31:06
ต่อเลยๆๆ ไม่หายโกรธง่ายๆหรอก
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.1 || อัพเดท : 18/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 18-06-2016 08:43:37
ไม่หายโกรธ จริงๆ นิสัยอย่างวาฬน่าจะตายไปซะ เกลียดวาฬ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.1 || อัพเดท : 18/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 18-06-2016 10:38:07
รีบไปง้อเหล้ารัมเถอะ บอกตรงสงสารเหล้ารัมอ่ะ เริ่มรู้สึกว่าไม่ควรรักคนอย่างวาฬเล้ยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.1 || อัพเดท : 18/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 18-06-2016 16:11:10
วาฬควรรีบขอโทษเหล้ารัมนะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.1 || อัพเดท : 18/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 18-06-2016 21:27:02
รีบตามหาเหล้ารัมแล้วเคลียร์กันเร็วๆนะหนูวาฬ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.1 || อัพเดท : 18/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 19-06-2016 08:17:28
โกรธวาฬ :( #ทีมเหล้า
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.1 || อัพเดท : 18/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 19-06-2016 14:45:08
ความรู้สึกที่เสียไปมันก็ยากที่จะกลับคืนนะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.2 || อัพเดท : 20/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 20-06-2016 15:04:55
#7.2

ในระหว่างนั่งแท็กซี่กลับบ้าน ผมตัดสินใจโทรหาเพื่อนทั้งสามคนเพื่อขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ซึ่งแต่ละคนก็มีคำพูดตอบกลับที่แตกต่างกันออกไป

เริ่มจากหลิว... "ไม่เป็นไรหรอกวาฬ อย่าคิดมาก หลิวว่าก็ตลกดีออก แถมทำให้รู้ด้วยว่าวาฬนี่ฮอตกว่าหลิวอีกนะ ฮ่าๆๆ~" ...ซึ่งน่าจะเบาที่สุดในสามคนแล้ว

ส่วนบอย... "มึงเมาแล้วเรื้อนมาก! แล้วยังมาจูบกูอีก นี่ดีนะที่มึงหน้าตาน่ารักอะ ไม่งั้นกูต้องฝันร้ายกว่านี้แน่! แต่ก็เอาเถอะ กูไม่โกรธมึงหรอก สบายใจได้ กูเข้าใจดีว่ามึงก็ไม่ได้เที่ยวบ่อย เลยไม่ค่อยจะรู้ลิมิตตัวเอง" ...ก็มีความแรงขึ้นมานิดนึง แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่โอเค

แต่คนสุดท้ายเนี่ยดิ... "มึงบอกพวกกูว่ามึงเคยแดกค็อกเทลมา พวกกูเลยไม่ห้าม คิดว่ามึงคงเอาอยู่ แต่ที่ไหนได้ มึงกลับไม่รู้ลิมิตตัวเอง จนทำแต่เรื่องแย่ๆ! ไอ้ที่มึงจูบกูกับเพื่อนๆ น่ะพอรับได้ เพราะยังไงพวกกูก็เป็นเพื่อนมึง ไม่ได้ถือสาอะไรกันอยู่แล้ว แต่เรื่องที่มึงไปเข้าห้องน้ำพร้อมคนแปลกหน้าจนเกือบจะโดนเอา แถมยังไปจูบกับไอ้พี่ปูนที่มึงเกลียดต่อหน้าต่อตาไอ้เหล้าอีก อันนี้บอกตรงๆ ว่ากูรับไม่ได้ กูเห็นเลยนะว่าสายตาที่ไอ้เหล้ามันมองมึงกับพี่ปูนคือแม่งเสียใจมาก แล้วมึงก็จะเอาเรื่องเมามาเป็นข้ออ้างไม่ได้ด้วย เพราะมึงดื่มอย่างไม่รู้จักรับผิดชอบ! อ้อ อีกอย่างนะ กลับไปอยู่กับพ่อกับแม่เหอะ เพราะถ้าเกิดว่าการย้ายมาอยู่กับเหล้ารัมทำให้ได้อิสระจนปล่อยให้ตัวเองเละเทะแบบนี้ กูว่ามึงกลับไปอยู่ในกรอบของที่บ้านแบบเดิมจะดีกว่า" ...เป็นการพูดที่แรงที่สุดแล้ว ทำเอาผมน้ำตาคลอเลย แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ไม่โกรธมันเลยนะไอ้เอกน่ะ เพราะเข้าใจดีว่าเจตนามันคือห่วงผมนั่นแหละ เพียงแต่เอกไม่ใช่หลิว เอกก็คือเอก วิธีการพูดจึงเป็นไปตามสไตล์ของมัน

แต่ถึงทั้งสามคนจะมีระดับความแรงแตกต่างกันออกไป ทว่าก็มีสองอย่างที่พวกมันพูดเหมือนกันเปี๊ยบ

คือหนึ่ง..ถามว่าผมกลับออกมาตอนไหน?

ซึ่งก็อย่างที่ทุกคนรู้ดีว่าตอนที่ผมออกมา ทุกอย่างถูกหยุดเวลาเอาไว้ ทำให้พวกเพื่อนๆ ไม่มีทางรู้แน่ว่าผมออกมาตอนไหน ผมก็เลยตอบกลับพวกมันไปว่า.. "กูออกมาตอนที่พวกมึงไม่ทันได้สังเกตน่ะ" ..แต่แน่ล่ะว่าพวกมันดูจะยังติดใจกับเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่ผมก็ตัดจบแค่นั้น เพราะไม่สามารถพูดความจริงทั้งหมดออกไปได้

ส่วนอีกเรื่องที่พวกเพื่อนๆ พูดเป็นเสียงเดียวกันก็คือ... "ต่อจากนี้ไป ห้ามดื่มจนเมาอีก"

แต่ผมแอ๊ดวานซ์กว่านั้นครับ เพราะผมสาบานกับตัวเองแล้วว่า ต่อจากนี้ไป ผมจะไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อีกเด็ดขาด

ย้ำ

เด็ดขาด!

ถือว่าเป็นหนึ่งในสิ่งที่ผมจะรับผิดชอบ หลังจากการเมาของตัวเองเมื่อคืนนี้

ลากันทีร้านเหล้า ไม่เอาอีกแล้วจริงๆ

"ถึงแล้วครับ"

แล้วในขณะที่ผมเหม่อลอยคิดนั่นคิดนี่หลังจากวางสายจากไอ้เอกที่โทรหาเป็นคนสุดท้ายอยู่นั้น รู้ตัวอีกที พี่คนขับแท็กซี่ก็ขับเข้ามาจอดหน้าบ้านผมเรียบร้อยแล้ว

"นี่ครับ ไม่ต้องทอนนะ" ผมส่งเงินเกินจำนวนไปให้ ก่อนจะรีบลงจากรถแล้วเดินเข้ามายังส่วนของบ้านผม โดยไม่สนใจคำชมของพี่คนขับที่พยายามจะบอกว่าบ้านผมใหญ่อย่างกับวัง

"อ้าว คุณวาฬ" พี่ฟ้าคือคนแรกที่ผมเจอ เธอทักผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างคนดีใจ

"สวัสดีครับพี่ฟ้า คุณพ่อคุณแม่อยู่มั้ยครับ" แต่ผมคงไม่มีเวลาคุยเล่นด้วยตอนนี้ เพราะอยากเจอพ่อกับแม่ก่อน

"อยู่ค่ะ ที่ห้องนั่งเล่น"

"โอเคครับ" เพราะฉะนั้นเมื่อได้รู้ว่าพ่อกับแม่ของตัวเองอยู่ที่ไหน เลยผละออกมาจากพี่ฟ้าทันที

แล้วพอเดินมาถึงห้องนั่งเล่น ก็ได้เห็นว่าพ่อกับแม่กำลังนั่งกันอยู่คนละมุมของโซฟา คนพ่ออ่านหนังสือพิมพ์ ส่วนคนแม่กำลังทำความสะอาดเครื่องเพชร โดยมีพี่มดแดงนั่งเป็นกำลังเสริมอยู่ใกล้ๆ

"สวัสดีครับ" ผมกล่าวทักทาย พอพ่อกับแม่เห็นว่าเป็นผมก็ออกอาการดีใจใหญ่ โดยเฉพาะแม่ที่ถึงกับวางแหวนเพชรในมือลง แล้วก้าวยาวๆ มากอดผมไว้

"นึกว่าจะไม่ได้เจอหน้าลูกซะแล้ว" ไม่พูดเปล่า แม่ยังจับผมหอมแก้มทั้งซ้ายและขวาด้วย นี่ผมไม่อยู่บ้านแค่ไม่กี่วันเองนะ คิดถึงกันขนาดนี้เชียว ฮ่าๆๆ~

"แล้วเหล้ารัมล่ะลูก" แต่คำถามของพ่อเนี่ยสิที่ทำให้รอยยิ้มและเสียงหัวเราะภายใจของผมมันจ้างหายไปเลย

"..."

"เกิดอะไรขึ้นหรอวาฬ?" ทำให้แม่ที่อยู่ใกล้ตัวผมที่สุดถามออกมาด้วยความเป็นห่วง ตามมาด้วยพ่อที่ก้าวยาวๆ เข้ามายืนใกล้ๆ เช่นกัน

"เขาไม่ได้มาที่นี่หรอครับ" ผมไม่ได้ตอบกลับแม่ในทันที แต่เลือกจะถามหาเหล้ารัมเพื่อความแน่ใจ ทั้งที่จากคำถามของพ่อก็พอจะเดาได้แล้วว่านายพ่อมดคงไม่ได้มาที่นี่แน่

จนกระทั่งพ่อและแม่ส่ายหน้าปฏิเสธนั่นแหละ ผมก็ปล่อยให้ตัวเองร้องไห้โฮออกมาทันที ก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดอย่างละเอียดให้พวกท่านฟังทั้งน้ำตา

แน่นอนว่าพ่อโกรธมาก ถึงขนาดให้พี่มดแดงไปหาไม้มาฟาดผมแรงๆ สิบทีเพื่อเป็นการลงโทษ จนผมทรุดตัวลงนั่งคุกเข่ากับพื้น

เจ็บนะ.. แต่ก็ยังไม่เท่ากับความเจ็บปวดใจที่เห็นสายตาผิดหวังจากพ่อและแม่.. ในเมื่อพวกท่านเลี้ยงผมมาด้วยรักและความห่วงใย อยากให้อยู่ในลู่ทางที่ดีๆ แต่แค่ผมก้าวออกไปจากบ้าน ก็สร้างเรื่องเสียแล้ว แบบนี้ก็สมควรจะกลับมาอยู่ในกรอบของพ่อกับแม่อย่างที่ไอ้เอกมันว่าจริงๆ นั่นแหละ

"พ่อเองก็ผิด" ยิ่งพอพ่อเริ่มกล่าวโทษตัวเอง ผมยิ่งรู้สึกว่าน้ำตามันยิ่งไหลออกมามากขึ้น "ที่เลี้ยงลูกให้อยู่ใต้ปีกมากเกินไป ถ้าพ่อปล่อยๆ เราบ้าง ก็อาจจะทำให้ลูกรู้ขอบเขตของตัวเองมากกว่านี้"

พอพูดจบ พ่อก็โยนไม้เรียวในมือทิ้ง ก่อนจะเดินไปหยุดยืนอยู่ที่มุมหน้าต่างแบบที่ชอบทำประจำเวลาต้องการปรับอารมณ์ของตัวเอง ในขณะที่แม่ซึ่งร้องไห้ตามผมไปแล้วก็รีบสั่งให้พี่มดแดงขนเครื่องเพชรทั้งหมดไปเก็บ พร้อมทั้งไม้เรียวด้วย

"ลุกขึ้นก่อนลูก" ก่อนจะเข้ามาช่วยพยุงให้ผมลุกขึ้น แต่ผมขืนตัวไว้

"ไม่เป็นไรครับแม่" ผมยกมือข้างหนึ่งขึ้นห้าม พลางปาดน้ำตาที่ไหลเลอะเต็มหน้าด้วยมืออีกข้างหนึ่ง แล้วหันไปคุยกับพ่อที่กำลังหันหลังให้ "ผมรู้นะครับว่าพ่อโกรธผม และคงจะผิดหวังในตัวผมมาก"

"..."

"ซึ่งมันก็สมควรแล้ว เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็เพราะว่าผมเป็นต้นเหตุ"

"..."

"มันไม่เกี่ยวกับการเลี้ยงดูของพ่อกับแม่หรอก มันผิดที่ผมแค่คนเดียว และผมก็ขอยอมรับผิดทุกอย่าง"

"..."

"พ่อจะลงโทษผมยังไงก็ได้ ผมยอมทั้งนั้น แต่ว่าตอนนี้ผมอยากจะขออนุญาตพ่อไปทำยารักษาให้กับเหล้ารัมก่อนนะครับ"

พูดจบแค่นั้น ผมก็รีบลุกขึ้นทันทีโดยไม่รอคำตอบจากพ่อ เพราะอยากที่จะรีบไปเตรียมเก็บส่วนผสมต่างๆ ในสวน

แต่แล้ว.. "ลูกควรรู้ไว้นะวาฬ ว่าเหล้ารัมต้องเสียสละไม่น้อยเพื่อทำพันธะสัญญากับลูก เพราะฉะนั้น ต่อจากนี้จะพูดหรือทำอะไรก็ตาม จงคิดถึงจิตใจเขาให้มาก ในเมื่อตอนนี้ลูกก็น่าจะได้รับบทเรียนแล้ว ว่าทุกคำพูดและสิ่งที่ลูกทำมีผลกับเขามากแค่ไหน" ..จังหวะที่แม่กำลังจะบอกบางอย่างกับผม พ่อก็พูดขึ้น ทั้งที่ยังคงหันหลังให้แบบนั้น

นี่เป็นอีกครั้งที่คำพูดของพ่อตอกย้ำชัดเจนให้ผมได้รู้ว่าการทำพันธะสัญญาครั้งที่สองนั้นจะต้องมีเงื่อนไขอื่นอีกที่ผมไม่รู้ และเงื่อนไขนั้นก็จะต้องเกี่ยวกับการเสียสละของเหล้ารัมด้วย นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดกับทุกคำพูดแย่ๆ ที่ได้พูดออกไป

ในขณะที่อีกใจก็อยากจะเค้นถามพ่อไปเลยว่า 'เสียสละ' ที่ว่านั่นมันคืออะไรกันแน่ แต่ยังไม่ทันจะได้อ้าปากถาม เสียงของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นจากทางประตูเสียก่อน..

"แต่นายพ่อมดนั่นก็ผิดที่ทำกับคุณวาฬแบบนั้นนะคะ ถึงจะเพราะโมโหที่คุณวาฬพูดจาไม่ดีก็เถอะ แต่ทำแบบนี้มันไม่ให้เกียรติกันเลย เหยียบย้ำศักดิ์ศรีกันชัดๆ!"

ผม พ่อ และแม่รีบหันไปมองพร้อมกัน ถึงได้เห็นว่าเป็นพี่ฟ้าที่น่าจะยืนแอบฟังอยู่นานแล้ว

"..." นั่นทำให้ผมได้เห็นความลำบากใจที่ฉายชัดขึ้นมาบนใบหน้าของพ่อกับแม่..

ซึ่งผมรู้ดีว่าพ่อกับแม่เองก็ติดใจเรื่องนี้เหมือนกัน เพียงแต่คงจะไม่อยากพูดถึงมันเท่าไหร่นัก ในเมื่อ... สิ่งที่เหล้ารัมทำไม่ใช่สิ่งที่พวกท่านพอใจแน่ แต่ทำไงได้ล่ะ เขาเป็นคนเดียวในตอนนี้ที่จะช่วยให้ผมมีชีวิตอยู่ต่อไปนะ เพราะฉะนั้นผมรู้ดีว่าพ่อแม่ผมก็ต้องยอมจำใจหลับตาข้างนึงเหมือนกันนั่นแหละ..

"พอเถอะครับพี่ฟ้า"

"แต่คุณวาฬ..."

"ผมเข้าใจความรู้สึกของพี่ฟ้านะครับ" ผมเดินตรงเข้าไปบีบมือพี่ฟ้าไว้ เพื่อให้เธอเข้าใจว่าผมเข้าใจความรู้สึกของเธอจริงๆ เพราะถึงแม้ว่าพี่ฟ้าจะไม่ใช่ญาติ เป็นเพียงหัวหน้าแม่บ้าน แต่ด้วยความที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก จากสมัยที่ยังเป็นแค่หลานสาวอดีตหัวหน้าแม่บ้าน ทำให้ความรู้สึกระหว่างผมกับพี่ฟ้าก็ไม่ต่างอะไรกับพี่น้องแท้ๆ นั่นแหละ "แต่ตอนนี้มันหมดเวลาที่จะมาโทษกันว่าใครผิดใครถูกแล้ว เพราะว่าผมขอยอมรับความผิดทั้งหมดไว้เอง และจะขอแก้ไขมันด้วยตัวของผมเองครับ"

พอเห็นว่าผมพูดแบบนั้น พี่ฟ้าก็ไม่พูดอะไรอีก ทำเพียงแค่พยักหน้าทั้งที่น้ำตายังคงคลอหน่วยแบบนั้น ส่วนแม่ผมนี่ไม่ต้องพูดเลย ท่านน้ำตาไหลเพิ่มขึ้นอีกแล้ว

"พอเถอะครับแม่ ไม่ต้องร้องไห้แล้วนะ" ผมเลยเดินเข้าไปช่วยเช็ดน้ำตาให้แม่ ท่านจึงจับมือผมไว้

"โอเค แม่ไม่ร้องแล้วจ้ะ" แล้วแม่ก็พยายามหยุดร้องอย่างที่บอกจริงๆ "ว่าแต่ลูกจะไปเก็บส่วนผสมทำยารักษาเหล้ารัมใช้มั้ย เอ? ไอ้ยารักษาเครื่องรางไร้มนตร์นี่มันต้องใช้หญ้าขนนกเพลิงด้วยหรือเปล่าลูก?" ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องไปถามถึงหนึ่งในส่วนผสมสำคัญของการทำยารักษาแทน

"ใช่ครับ ต้องใช้ด้วย"

"ตายจริง ถ้างั้นทำไงดีล่ะ คือ.. เมื่อสองวันก่อนแม่เพิ่งถอนทิ้งไปเอง พอดีว่ามันติดโรคพืชน่ะลูก แม่เลยต้องรีบถอนออก กลัวมันมีผลกับต้นอื่นๆ แล้วจะพาลแย่กันไปหมด"

"จริงหรอครับ ตายๆ งั้นผมจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย" ผมรู้สึกเฟลเลยเมื่อได้รู้ว่าหนึ่งในส่วนผสมถูกถอนทิ้งไปเสียแล้ว แล้วแบบนี้ผมจะทำยารักษาได้ไงล่ะเนี่ย?

"ที่สวนของคุณเบลไงคะ ต้องมีแน่ๆ เพราะที่นั่นคุณไรเกอร์ดูแลอยู่ แต่ว่า..." แต่ในขณะที่ผมกับแม่กำลังคิดหาทางอยู่นั้น ก็เป็นพี่ฟ้าที่เสนอไอเดียขึ้น ทว่า.. ก็ละประโยคช่วงท้ายไว้ เพื่อมองหน้าผมกับแม่สลับกันไปมา

ซึ่งต่อให้พี่ฟ้าไม่ต้องพูดจนจบผมก็รู้ว่าพี่ฟ้าหมายถึงอะไร ก็ในเมื่อพี่เบลและแม่พี่เบลไม่ชอบครอบครัวผม การไปเอาของที่สวนบ้านเขาคงเป็นเรื่องยากแน่ๆ

"งั้นพ่อจะเป็นคนไปเอาให้เอง" ทำให้จังหวะนั้นมีฮีโร่เกิดขึ้น ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นพ่อของผมเอง

ถึงแม้ว่าแม่ของพี่เบลจะไม่ชอบพ่อผมเหมือนกัน แต่ยังไงลุงวิน (พ่อพี่เบล) กับพ่อผมก็เป็นพี่น้องกัน และพี่เบลก็ยังให้ความเคารพพ่อของผมอยู่บ้าง เพราะฉะนั้นพ่อเนี่ยแหละน่าจะเป็นตัวละครที่เหมาะที่สุดที่จะไปขอหญ้าขนนกเพลิงจากบ้านของพี่เบล

แต่ว่า...

"ไม่เป็นไรครับพ่อ" ผมตัดสินใจเข้าไปขวางพ่อที่กำลังตั้งท่าจะเดินออกจากห้องนั่งเล่น "ผมขอจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองดีกว่า"

"..."

ในเมื่อการทำยารักษาคือสิ่งที่ผมจะต้องรับผิดชอบ แล้วผมจะให้พ่อเป็นคนไปขอส่วนผสมแทนได้ยังไงกัน

"แต่ว่า..." ยังไม่ทันที่พ่อจะได้พูดอะไร แม่ผมก็ตั้งท่าจะพูดอีกแล้ว ซึ่งผมเข้าใจ ว่าแม่คงเห็นว่าการที่ผมไปเองมันไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย

แต่ผมตัดสินใจแล้ว จึงพูดแทรกแม่ตัวเองทันทีเพื่อเป็นการตัดบท "อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดเถอะครับ"

แล้วพอพูดจบแค่นั้น ผมก็เดินตรงออกจากห้องมาเลย และบอกกับตัวเองว่าต่อให้ใครห้ามก็จะไม่สนใจทั้งนั้น ถ้าไม่ติดว่า...

"วาฬ.." เสียงที่เรียกไว้..เป็นเสียงของพ่อ เลยทำให้ผมต้องหยุดฝีเท้าที่ก้าวเดิน แล้วหันกลับไปมอง

ถึงได้เห็นว่าพ่อเดินตามออกมาจากห้องนั่งเล่น โดยมีแม่กับพี่ฟ้าหยุดยืนอยู่ด้านหลัง

"ว่าไงครับ"

"พ่อ.. พ่อขอโทษนะ" แล้วพ่อก็ขอโทษ.. โดยที่ไม่ได้บอกว่าเรื่องอะไร แต่ผมก็พอจะเดาได้ ว่ามันคงเกี่ยวกับสิ่งที่พี่ฟ้าพูด.. "แล้วพ่อก็ขอบคุณมาก ที่วาฬยอมสารภาพความผิดทั้งหมดกับพ่อ ทั้งๆ ที่ลูกจะปิดมันเอาไว้ก็ได้ แต่ลูกเลือกที่จะไม่ทำ พ่อขอบคุณลูกมากจริงๆ" ก่อนจะขอบคุณผมเป็นการปิดท้าย

และนั่นก็ทำให้ผมยิ้มออกมาได้ในที่สุด รวมถึงแม่กับพี่ฟ้าด้วย เพราะคงจะรู้สึกโล่งอกเหมือนกันที่พ่อยอมให้อภัยผมแล้ว ถึงจะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่การที่พ่อพูดออกมาแบบนี้ มันก็ตีความได้อย่างเดียวเท่านั้นว่าเป็นบทสรุปที่ดีมากกว่าร้ายน่ะนะ

ผมจึงวิ่งเข้าไปกอดพ่อแน่นๆ หนึ่งทีแบบที่ไม่ให้อีกฝ่ายได้ทันตั้งตัว ก่อนจะผละออก แล้วเดินหนีมาเลย เพราะไม่อยากให้พ่อเห็นความรู้สึกเขินของผมจากการกระทำของตัวผมเอง..

..ผมใช้เวลาเดินหลังจากนั้นไม่นานมากนัก ในที่สุดก็มาถึงโซนบ้านพี่เบลซึ่งมีความสูงทั้งหมดสี่ชั้น ยืนพื้นทุกสิ่งด้วยสีขาว และตกแต่งอย่างสวยงามด้วยสีทองอร่ามตา

แม้ตอนนี้จะยังไม่เจอกับใครสักคน แต่ประตูบ้านที่เปิดออกกว้างก็บอกให้รู้ว่าเจ้าของนั้นพร้อมต้อนรับแขกอยู่แล้ว เพียงแต่.. ต้องไม่ใช่แขกที่มาจากบ้านผม ดังนั้น ผมจึงตัดสินใจเดินเลี้ยวมายังทางเดินเล็กๆ ด้านซ้ายของบ้าน ที่เป็นทางไปสู่สวนของบ้านพี่เบลแทน

โอเค ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมกำลังจะทำต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ผิด และไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างอย่างมาก เพราะผมกำลังตัดสินใจที่จะแอบเข้าไปในสวน แล้วขโมยหญ้าขนนกเพลิงออกมา

และที่ต้องทำแบบนี้ก็เพราะว่าผมคิดคำนวณดูอย่างดีแล้วว่า ถ้าขอกับพี่เบลหรือป้าสะใภ้ดีๆ ยังไงก็ไม่ได้ แถมยิ่งถ้ารู้ว่าผมอยากได้ ก็จะยิ่งหวงมากขึ้นอีกเป็นสิบเท่า ต่อให้ผมคุกเข่าอ้อนวอนน้ำตาแตก ยังไงก็ไม่ทีทางสำเร็จแน่นอน เผลอๆ จะถูกยิ้มเยาะและเหยียบย้ำซ้ำเติมเสียด้วย

ผมไม่ใช่คนที่แคร์เรื่องศักดิ์ศรีถึงขนาดที่ไม่ยอมก้มหัวให้ใครหรอกนะ แต่ประเด็นคือ ถ้าไม่สำเร็จ คนที่ลำบากก็คือเหล้ารัมที่จะต้องเจ็บปวดต่อไปโดยไม่มียารักษา เพราะฉะนั้นทางเลือกเดียวตอนนี้ก็คือขโมย และผมก็ต้องทำมันให้สำเร็จด้วย

"เอ๊ะ เมื่อกี้เหมือนเห็นคุณวาฬเดินมาที่บ้านนะ หรือว่าฉันตาฝาดวะ"

"จะเป็นไปได้ไง ขืนมาแล้วคุณเบลกับคุณผู้หญิงรู้เข้า คงได้เกิดศึกแน่"

เสียงพูดคุยจากตัวบ้านของผู้หญิงสองคนที่น่าจะเป็นคนงานในบ้าน..ทำให้ผมรีบเอาตัวแนบกับกำแพงทันที! ตายๆๆ ใจนี่หล่นไปอยู่ตาตุ่มเลยนะเมื่อกี้เนี้ย เฮ้ออออ~ การแอบเข้ามากระทำความผิดในบ้านของคนอื่นนี่มันยากจริงๆ จะเดินอกผายไหล่ผึ่งเข้ามาก็ไม่ได้ ต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ เป็นอะไรที่ไม่ส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิตเลยสักนิด!

ผมหยุดยืนรอสักพักจนเสียงคุยสองเสียงนั้นไกลออกไป ทีนี้ก็รีบก้าวยาวๆ ตรงไปยังสวนของบ้าน และหลังจากนั้นไม่นาน สวนสวยที่ตรงกลางเป็นเรือนกระจกอย่างดีของสวนบ้านพี่เบลก็ปรากฏแก่สายตาของผม

เอาจริงๆ นะ ผมจำไม่ได้แล้วว่าผมมาที่นี่ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ มันเลือนลางมาก แต่ภาพความงดงามของเรือนกระจกที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่ พร้อมกับแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมา ยังคงติดตาตรึงใจผมอยู่เสมอ

ผมหันซ้ายหันขวาไปมาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้ ก่อนจะรีบเปิดประตูเข้าไปในเรือนกระจกที่เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้วิเศษมากมายจากฝีมือการปลูกของไรเกอร์

ถึงแม้ว่าผมกับไรเกอร์เราจะไม่ได้เป็นคู่พันธะสัญญากัน แต่ว่าเราสองคนก็มีโอกาสคุยกันบ่อยมากเวลาที่พี่เบลไม่รู้ ทำให้ผมได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับตัวเขาค่อนข้างเยอะ อย่างการที่เขาจบมหา'ลัยเวทมนตร์ด้านสมุนไพรวิเศษวิทยา เคยฟื้นคืนชีพให้กับพืชวิเศษหลายชนิดที่ได้สูญพันธุ์ไปนานแล้ว แถมยังได้รับรางวัลด้านพืชวิเศษจากเวทีใหญ่ๆ ของโลกเวทมนตร์อีกมากมาย นั่นทำให้เมื่อมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ ไรเกอร์ โดโนแมนจึงได้รับมอบหมายให้ดูแลสวนแห่งนี้เป็นงานสำคัญ เพราะว่าพี่เบลแกเป็นคนรักพืชวิเศษอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งขัดกับภายนอกที่หยาบกร้านของเธอเหลือเกิน

ผมค่อยๆ เดินเข้าไปเรื่อยๆ โดยสายตาก็พยายามสอดส่ายหาหญ้าขนนกเพลิงซึ่งจะต้องปลูกเอาไว้ในกระถาง เพราะถึงชื่อจะบอกว่าเป็นหญ้า แต่แท้จริงแล้วมันคือไม้ประดับที่มีสรรพคุณเป็นยา ลักษณะของมันจะมีหน้าตาเหมือนกับขนของนกฟินิกซ์ เป็นสีแดง เกิดซ้อนกันเป็นชั้นๆ ไม่มีดอก และ.. นั่นไง เจอแล้ว!

เจ้าหญ้าขนนกเพลิงที่ผมตามหาอยู่ในกระถางขนาดใหญ่ทางด้านขวามือติดกับกระจกบานกลาง ผมรีบสืบเท้าเข้าไปหามัน แต่ก็พยายามจะก่อให้เกิดเสียงน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะหากว่าผมเสียงดังเกินไป อาจจะทำให้เผลอไปปลุกพืชวิเศษบางชนิดที่มีนิสัยดุร้ายขึ้นมาก็ได้

แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้เดินเข้าไปถึงตัวกระถางด้วยซ้ำ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาซะก่อน..!

"มาขโมยหรอ"

ชะ..ช่างเป็นคำถามที่เรียบง่าย แต่ทำเอาผมตัวแข็งทื่อ! ผะ..ผมไม่รู้จะทำยังไงดี เลยได้แต่ยกมือทั้งสองข้างขึ้น ก่อนจะหันไปทางเสียงนั้นราวกับผู้ร้ายที่ยอมมอบตัวกับตำรวจก็ไม่ปาน

แล้วก็ทำให้ได้พบกับชายร่างสูงชาวอังกฤษสุดหล่อที่หัวยุ่งๆ อยู่ตลอดเวลาไม่เคยเปลี่ยนแปลง นั่นทำให้ผมถึงได้สามารถถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะลดมือลง และเรียกชื่อของเขา

"ไรเกอร์"

"ใช่ ฉันเอง คิดว่าใครล่ะ" เขายิ้มยียวน เหมือนจะรู้คำตอบอยู่แล้วว่าผมกลัวว่าใครจะเดินเข้ามาแทนที่จะเป็นเขา

ผมจึงเลือกที่จะไม่ตอบอะไร แต่เปลี่ยนไปเป็นคำถามสำคัญแทน "นะ..นายจะไม่บอกพี่เบลกับป้าใช่มั้ยว่าฉันมาขโมยของน่ะ"

"ก็ขึ้นอยู่กับว่าวาฬต้องการอะไร ถ้าให้ได้ ฉันก็จะให้ แต่ถ้าให้ไม่ได้ แล้วยังยืนยันที่จะเอา ฉันก็คงต้องเรียกเบลมา" จริงอยู่ที่ไรเกอร์เป็นคนใจดี สามารถเจรจาต่อรองกันได้ แต่แน่ล่ะว่าคนเราทุกคนก็มีของรักของหวงที่ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถให้ได้

"คือ... ฉันอยากได้หญ้าขนนกเพลิง คุณให้ผมได้มั้ย" ผมจึงถามเขาออกไปอย่างไม่ค่อยจะเต็มเสียงนัก ขณะที่ในใจก็ภาวนาขออย่าให้ไอ้เจ้าหญ้าขนนกเพลิงที่มีอยู่แค่กระถางเดียวนี่เป็นสิ่งที่ไรเกอร์หวงเลยเถอะ เพี้ยง!

"อืม..." โอ๊ยยย อย่ามาลากเสียงเหมือนกำลังช่างใจแบบนี้ได้มั้ย มันลุ้นนะ!

"ว่าไง ได้หรือไม่ได้" ผมจึงชิงถามอีกครั้งอย่างคนต้องการคำตอบโดยไว

แล้วในที่สุด... "ได้สิ" นายพ่อมดอังกฤษก็ตอบรับออกมาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะสะบัดมือหนึ่งทีเพื่อเสกอุปกรณ์การตัดขึ้นมาไว้ในมือ

ผมรีบหลีกทางด้วยความดีใจให้กับไรเกอร์ที่ตรงเข้าไปตัดหญ้าขนนกเพลิงออกมาทั้งหมดห้าใบ ซึ่งจริงๆ แล้วผมต้องการแค่สามใบเท่านั้น แต่ไรเกอร์คงตัดเผื่อเลย เพราะห้าใบนี่ถือเป็นจำนวนขั้นสุดของการนำไปทำยาแล้ว ก่อนจะหันกลับมา และยื่นเจ้าหญ้าขนนกเพลิงเหล่านั้นให้ผม ทว่า...

"เดี๋ยวก่อนสิ" ..เขากลับดึงมือออกเมื่อเห็นว่าผมกำลังจะรับ ละ..เล่นอะไรของเขาเนี่ย!? "ไม่คิดว่าให้กันแบบนี้มันจะง่ายไปหน่อยหรือไง"

อะ เอาแล้วไง จู่ๆ ไรเกอร์ผู้จิตใจดีก็จะทำตัวเจ้าเล่ห์ขึ้นมาเสียดื้อๆ แบบนี้หรอ!?

"แล้วนายอยากได้อะไรแลกเปลี่ยนล่ะ" ผมถามออกไปตรงๆ อย่างไม่อยากจะเสียเวลา

ไรเกอร์จึงยิ้มกว้างซะจนตาคมคิ้วเข้มของเขาส่องประกายความหล่อมาให้ "ง่ายนิดเดียว แค่บอกฉันมาวาฬ ว่านายจะเอาหญ้าขนนกเพลิงไปทำอะไร"

"ก็จะเอาไป..."

"แล้วก็ขอคำตอบแบบละเอียดด้วยนะ : )"

"..."

เยี่ยม! นี่ไรเกอร์รู้ทันว่าผมจะตอบแบบกำปั้นทุบดินว่า 'เอาไปทำยา' หรอเนี่ย!?

เฮ้ออออ จะให้เล่าละเอียดน่ะมันก็ได้อยู่หรอกนะ แต่ผมแค่อยากจะประหยัดคำพูดกับไรเกอร์ให้น้อยที่สุดมากกว่า เพราะกลัวว่าตัวเองจะเผลอพูดยาวไปถึงเรื่องพันธะสัญญาด้วย ยิ่งเป็นคนเก็บความลับไม่ค่อยเก่งอยู่

แต่ก็เอาเถอะ ไหนๆ ไรเกอร์ก็ใจดีช่วยผม ผมก็จะเล่าให้เข้าฟังแบบละเอียดขึ้นกว่าเดิมหน่อยก็แล้วกัน

"คือ... พอดีฉันมีเรื่องกับเหล้ารัมนิดหน่อยน่ะ ก็เลยใช้เครื่องรางไร้มนตร์ทำร้ายเค้า" พอได้ยินคำว่าเครื่องรางไร้มนตร์ ไรเกอร์ที่ตอนแรกกำลังทำหน้าตั้งอกตั้งใจฟัง ถึงกับทำหน้าเหยเกขึ้นมาเลย "ก็เลยจะเอาไอ้หญ้าขนนกเพลิงไปทำยารักษาน่ะ แต่พอดีว่าของสวนที่บ้านฉันมันติดโรคพืช ก็เลยต้องแอบมาขโมยที่สวนนี้ เพราะรู้ว่าสวนที่นายดูแลมีทุกอย่างที่ฉันต้องการ"

"เดี๋ยวนะ แล้วหลังจากที่นายใช้เครื่องรางไร้มนตร์กับเขา เขาทำอะไรนายบ้างเนี่ย"

"ก็เปล่านะ" แค่ตัดพ้อแล้วเดินจากไปเอง..

"พูดเป็นเล่น!?" แต่ดูเหมือนว่าสีหน้าของอีกฝ่ายดูจะไม่เชื่อเลยสักนิด เขาดูตกใจมากที่เหล้ารัมไม่ทำร้ายอะไรผมเลย ทำไมอะ นายพ่อมดเหล้าเป็นพวกชอบความรุนแรงหรอ?

"จริง เขาไม่ได้ทำอะไรฉันเลย"

"โห~ ดูท่าว่าความรู้สึกที่เขามีต่อนายจะไม่ธรรมดาซะแล้วนะวาฬ" ไรเกอร์ที่เห็นว่าผมย้ำเรื่องที่ตัวเองปลอดภัยดีอีกครั้ง ก็ถึงกับต้องพูดความคิดเห็นของตัวเองออกมา

ซึ่งเป็นความคิดเห็นที่ผมรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องจริง และผม..ก็อยากรู้สึกให้ได้สักครึ่งนึงของเขาบ้าง..

"ว่าแต่ว่า..." ผมเกือบจะจมลงกับความคิดในหัวของตัวเองแล้ว ถ้าไรเกอร์ไม่เอ่ยปากถามต่อ "ทำไมหนึ่งในห้าพ่อมดหนุ่มผู้เก่งกาจที่สุดในทศวรรษนี้ ถึงต้องมายุ่งกับนายด้วยล่ะ"

"..." คำพูดที่ว่า 'พ่อมดหนุ่มผู้เก่งกาจที่สุดในทศวรรณนี้' ทำให้เสียงของผมหายไป... เพราะที่ผ่านมา ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้รู้จักกับเหล้ารัม เขาไม่เคยแสดงให้ผมเห็นถึงความเก่งกาจเหล่านั้น เอาจริงๆ เขาเกือบจะเหมือน 'มนุษย์ธรรมดาๆ' เลยด้วยซ้ำเมื่ออยู่กับผม พอได้มาฟังสิ่งที่น่าจะเป็นฉายาที่แท้จริงของนายพ่อมดเหล้า ก็ทำให้เกิดความรู้สึกแปลกใจขึ้นมาเหมือนกันนะ "ก็..." แต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังรอคำตอบอยู่ ผมจึงรวบรวมคำตอบขึ้นมาในหัวอย่างรวดเร็ว ทว่า..สุดท้ายก็ทำได้เพียงแค่เปล่งเสียงคำว่า 'ก็' ออกไปเท่านั้น ก่อนจะรีบหยุด เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองกำลังจะหลุดพูดถึงเรื่องของพันธะสัญญาที่เหล้ารัมกำชับว่าห้ามบอกใครเสียแล้ว!

"ก็?"

"โทษทีนะไรเกอร์ แต่ฉันคิดว่าเรื่องความสัมพันธ์ของฉันกับเหล้ารัม มันไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับหญ้าขนนกเพลิงนะ หวังว่าคงจะไม่ว่ากัน หากว่าฉันจะไม่ตอบคำถามนี้"

ไรเกอร์ถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเลยที่เจอผมพูดออกไปแบบนั้น เพราะมันทำให้เขารู้ว่าผมรู้ตัวแล้ว และเขาก็คงจะไม่สามารถหลอกถามผมได้อีก

"โอเค" และถึงแม้ว่าหน้าตาจะแสดงออกว่าเสียดายกับคำตอบของผมที่เกือบจะหลุดออกมา แต่ไรเกอร์ก็ยอมยื่นหญ้าขนนกเพลิงในมือให้ผมตามสัญญาน่ะนะ "อะนี่ รักษาให้ดีล่ะ ถ้าขออีกฉันไม่ให้แล้วนะ เดี๋ยวเบลจับได้ขึ้นมาล่ะซวยกันหมดแน่"

"โอเค ขอบคุณที่ช่วยนะไรเกอร์"

"ด้วยความยินดี : )"

ผมยิ้มตอบกลับไรเกอร์หนึ่งครั้ง ก่อนจะรีบเดินกลับ เพราะในใจก็แอบกลัวเหมือนกันว่าถ้าขืนอยู่นานกว่านี้ พี่เบลอาจจะโผล่มาตามไรเกอร์ก็ได้

"เดี๋ยวก่อนวาฬ" แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเดินไปถึงประตูประตูของเรือนกระจก ไรเกอร์ที่ดูเหมือนจะจบเรื่องแล้วก็เรียกผมไว้อีกครั้ง

ทำให้ผมต้องหันกลับไปหาเขา พร้อมกับคิ้วที่ขมวดมุ่นเข้าหากัน เมื่อเห็นว่ารอยยิ้มได้จางหายไปจากใบหน้าของพ่อมดหนุ่มชาวอังกฤษแล้ว เหลือไว้เพียงสายตาที่จริงจังกว่าครั้งไหนๆ ก่อนที่เขาจะพูดออกมา..

"ฉันไม่รู้หรอกนะวาฬว่าเหล้ารัมมาเกี่ยวข้องกับนายด้วยเหตุผลอะไร แต่ฉันอยากจะเตือนไว้ ว่าอย่างเหล้ารัมน่ะ เขาไม่ใช่พ่อมดธรรมดาๆ ที่มนุษย์อย่างนายจะไปถลำลึกด้วยหรอกนะ"

"..."

ผมเงียบ ได้แต่มองหน้าไรเกอร์นิ่งๆ ทั้งที่ใจก็อยากจะถามเกี่ยวกับคำเตือนของอีกฝ่ายมากกว่านี้

แต่ทำไงได้ล่ะ... ในเมื่อ 'การถลำลึก' เป็นเพียงสิ่งเดียวที่จะช่วยให้ผมรอดตาย และผมก็ได้ทำพันธะสัญญาครั้งที่สองกับเขาไปแล้วด้วย

เพราะฉะนั้นต่อให้ไรเกอร์จะพูดเตือนอะไรออกมาตอนนี้..

..ก็คงจะสายไปเสียแล้วล่ะ

(http://3.bp.blogspot.com/-K4uGPMHBFL8/Vkqbvu7BYJI/AAAAAAAAAMU/BvXEb3oq544/s1600/LwGGTRf.gif)

ฝาก #พ่อมดเหล้า เมื่อต้องการพูดถึงนินายเรื่องนี้บนทวิตเตอร์ด้วยนะครับ : )

 :call:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.2 || อัพเดท : 20/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 20-06-2016 15:16:15
 :katai5:

แล้วงี้วาฬทำยาเสร็จแล้ว จะไปตามหาเหล้ารัมที่ไหนคะ Y Y

ชอบเอกนะ เทศน์วาฬได้ตรงใจมากกกกกกกกกกกกก  :hao7:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.2 || อัพเดท : 20/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 20-06-2016 15:40:38
พระเอกเรื่องนี้หายค่ะ คุณตำรวจจจจ

วาฬสำนึกผิดแล้ว
เหล้ารัมกลับมาเถอะนะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.2 || อัพเดท : 20/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 20-06-2016 15:51:04
เหล้ารัมหลบไปอยู่ไหนเนี่ย
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.2 || อัพเดท : 20/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: cinnsin ที่ 20-06-2016 17:44:39
เดาทางไม่ถูกเลยแหะ... คืนดีกันเร็วๆนะะะะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.2 || อัพเดท : 20/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-06-2016 18:02:36
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.2 || อัพเดท : 20/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 20-06-2016 18:18:43
โอ๊ยยย พี่เหล้าหายไปไหนน รีบๆกลับมารักษาตัวก่อน ฮิอออ   :sad4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.2 || อัพเดท : 20/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 20-06-2016 18:27:24
ผมคอมเมนท์ได้แต่ตัวละครวาฬนะครับ เพราะตัวละครนี้เป็นมนุษย์ กลไกการวิเคราะห์แบบมนุษย์น่าจะใช้ได้ เพราะเนื่องกระบวนการคิดและรับรู้ของพ่อมดไม่ได้อธิบายไว้ ผมเลยยังไม่อยากแตะเท่าไหร่

ผมว่า...วาฬ ยอมเลิกพันธะสัญญาเหอะ เออเอาจริงๆ ผมเข้าใจว่ามันแรงนะ แต่ผมว่า ถ้าการที่เราต้องทำพันธะสัญญา แล้วมันจะรัดรึงการกระทำเราจนทำอะไรก็ต้องมานั่งคิดถึงคนอื่นขนาดนี้ อย่าทำ มันไม่มีความสุขครับ วาฬคิดถึงคนอื่นและควบคุมตัวเองมาตั้งแต่เด็กแล้ว เพราะที่บ้านกลัวว่าจะตายก่อนวัยอันควร แต่นี่มันสุดกระดานแล้วครับ ช่างมันเหอะ ใช้ชีวิตของคุณซะ ทำให้สี่เดือนของคุณมีค่ามากกว่าสิบกว่าปีที่น่าเบื่อดีกว่านะครับ

ถามว่าถ้าสมมุติคุณจะมีชีวิตยืนยาวได้มากกว่าอีกสี่เดือน แต่ต้องผูกพันกับใครที่คุณไม่ได้สนใจและต้องบีบความรู้สึกนั้นไปตลอดชีวิต ผมว่าไม่เวิร์คครับ อย่าทน

คนที่ประสบความสำเร็จในโลกมักบอกอยู่เสมอ ว่าจง 'ลอง' อะไรใหม่ๆในชีวิตครับ ถ้ามันไม่ได้ร้ายแรงถึงขั้นทำผิดกฏหมายหรือเสพยาเสพติด อย่ากลัว อย่าหวาดหวั่น ถ้าคุณมั่นใจว่าเราอยากลองเพราะความอยากรู้อยากเห็น ก็จงทำซะ ถ้าไม่ล้มเหลวก็ไม่ประสบความสำเร็จนะครับ

ผมอ่านแล้วยังงงเลย ว่าวาฬผิดอะไรขนาดนั้น? แค่ดื่ม แล้วเมา แล้วบังเอิญจูบกับคนอื่น ถ้ามีคนที่มา 'ชอบเรา' ดันมาเห็น เป็นผม ผมสร่างแล้วผมก็เดินไปขอโทษดีๆนะครับ ทุกอย่างก็จบ แล้วคราวหลังก็โอเค ไปกับเพื่อน บอกไว้ว่าเราเป็นงี้นะ หยุดเราก่อนด้วยวิธีนี้ๆ ก็จบ คุณไม่ได้เอาแอลกอฮอล์ไปเผาร้านเหล้า คุณไม่ได้ไปจูบกับใครแล้วคนนั้นท้อง คนที่มาเห็นคุณ(ที่ไม่ใช่เมดูซ่า)ไม่ได้ตายภายในสามนาที มันไม่ได้เลวร้ายถึงขั้นคุณจะต้องหยุดแอลกอฮอล์ตลอดชีวิต หรือไปบวชไถ่บาปห้าสิบปี หรือต้องไป 'รัก' ใครสักคนไถ่โทษ มันไม่ใช่คำตอบครับ มันเป็นการกระทำไร้สาระที่คุณพยายามจะชดเชยให้กับตัวเองว่าคุณไม่ผิด ซึ่งที่จริงแล้ว มัน 'ไม่ได้มีความผิด' อยู่ในนั้นเลย คุณก็แค่พลาด พลาดแล้วก็เริ่มใหม่ มันก็แค่นั้น ยิ่งคุณเหลือแค่สี่เดือน อย่าเยอะกับชีวิตครับ

ตอนแรกผมกะเชียร์เอกนะ แต่เห็นแล้วก็...โอเค ไม่เวิร์ค หมอนี่เฟรนด์โซนน้องวาฬของเราจริงๆ 555 แต่จะให้เชียร์เหล้ารัม(ซึ่งเป็นพระเอกตามชื่อเรื่อง) มันก็...ค่อนข้างตะขิดตะขวงนิดหน่อยครับ
เพราะหนึ่ง เหล้ารัมชอบวาฬ รู้ว่าวาฬเหลือสี่เดือน แต่กลับไม่พยายามจะ 'ทำความเข้าใจ' จิตใจของวาฬที่ผ่านๆมาเลย คุณมั่นใจเกินไปว่าคุณทำให้เขามีชีวิตต่อได้แน่ มันแสดงว่าคุณสนใจแต่ความต้องการของตัวเอง ไม่ได้แคร์เค้าเพราะอยากรู้จักเค้าลึกๆจริงๆ

สอง การที่คุณเห็นเค้าพลาด แล้วยังโมโห ไม่ยอมเข้าใจว่าวาฬไม่เคยหลุดจากการตีกรอบและบีบตัวเองมาตลอด พอเค้าหลุดแล้วคุณก็ฟิวส์ขาดเพราะเค้าไม่ยอมฟังคุณสั่งแต่แรก แสดงว่าคุณเห็นแก่ตัวมากนะครับ เข้าใจว่ารู้สึกมาก รักมาก แต่ความรักที่ดีจะเกิดขึ้นจากการเข้าอกเข้าใจ แล้วทำให้เกิดความกลมกลืนด้วยกันนะครับ ไม่ใช่เกิดจากความต้องการของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แล้วตื๊อ หรือพยายามจนอีกฝ่ายรับรักเรา ความรักแบบนั้นมันไม่ยั่งยืนครับ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.2 || อัพเดท : 20/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 20-06-2016 18:41:56
กะแล้วว่าเหล้ารัมนี่ไม่ธรรมดา 
ติด Top 5 ซะด้วย   
รู้ว่าเค้ารักก็ถนอมเค้าหน่อยนะวาฬเอ้ยย
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.2 || อัพเดท : 20/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 20-06-2016 18:50:48
ผมคอมเมนท์ได้แต่ตัวละครวาฬนะครับ เพราะตัวละครนี้เป็นมนุษย์ กลไกการวิเคราะห์แบบมนุษย์น่าจะใช้ได้ เพราะเนื่องกระบวนการคิดและรับรู้ของพ่อมดไม่ได้อธิบายไว้ ผมเลยยังไม่อยากแตะเท่าไหร่

ผมว่า...วาฬ ยอมเลิกพันธะสัญญาเหอะ เออเอาจริงๆ ผมเข้าใจว่ามันแรงนะ แต่ผมว่า ถ้าการที่เราต้องทำพันธะสัญญา แล้วมันจะรัดรึงการกระทำเราจนทำอะไรก็ต้องมานั่งคิดถึงคนอื่นขนาดนี้ อย่าทำ มันไม่มีความสุขครับ วาฬคิดถึงคนอื่นและควบคุมตัวเองมาตั้งแต่เด็กแล้ว เพราะที่บ้านกลัวว่าจะตายก่อนวัยอันควร แต่นี่มันสุดกระดานแล้วครับ ช่างมันเหอะ ใช้ชีวิตของคุณซะ ทำให้สี่เดือนของคุณมีค่ามากกว่าสิบกว่าปีที่น่าเบื่อดีกว่านะครับ

ถามว่าถ้าสมมุติคุณจะมีชีวิตยืนยาวได้มากกว่าอีกสี่เดือน แต่ต้องผูกพันกับใครที่คุณไม่ได้สนใจและต้องบีบความรู้สึกนั้นไปตลอดชีวิต ผมว่าไม่เวิร์คครับ อย่าทน

คนที่ประสบความสำเร็จในโลกมักบอกอยู่เสมอ ว่าจง 'ลอง' อะไรใหม่ๆในชีวิตครับ ถ้ามันไม่ได้ร้ายแรงถึงขั้นทำผิดกฏหมายหรือเสพยาเสพติด อย่ากลัว อย่าหวาดหวั่น ถ้าคุณมั่นใจว่าเราอยากลองเพราะความอยากรู้อยากเห็น ก็จงทำซะ ถ้าไม่ล้มเหลวก็ไม่ประสบความสำเร็จนะครับ

ผมอ่านแล้วยังงงเลย ว่าวาฬผิดอะไรขนาดนั้น? แค่ดื่ม แล้วเมา แล้วบังเอิญจูบกับคนอื่น ถ้ามีคนที่มา 'ชอบเรา' ดันมาเห็น เป็นผม ผมสร่างแล้วผมก็เดินไปขอโทษดีๆนะครับ ทุกอย่างก็จบ แล้วคราวหลังก็โอเค ไปกับเพื่อน บอกไว้ว่าเราเป็นงี้นะ หยุดเราก่อนด้วยวิธีนี้ๆ ก็จบ คุณไม่ได้เอาแอลกอฮอล์ไปเผาร้านเหล้า คุณไม่ได้ไปจูบกับใครแล้วคนนั้นท้อง คนที่มาเห็นคุณ(ที่ไม่ใช่เมดูซ่า)ไม่ได้ตายภายในสามนาที มันไม่ได้เลวร้ายถึงขั้นคุณจะต้องหยุดแอลกอฮอล์ตลอดชีวิต หรือไปบวชไถ่บาปห้าสิบปี หรือต้องไป 'รัก' ใครสักคนไถ่โทษ มันไม่ใช่คำตอบครับ มันเป็นการกระทำไร้สาระที่คุณพยายามจะชดเชยให้กับตัวเองว่าคุณไม่ผิด ซึ่งที่จริงแล้ว มัน 'ไม่ได้มีความผิด' อยู่ในนั้นเลย คุณก็แค่พลาด พลาดแล้วก็เริ่มใหม่ มันก็แค่นั้น ยิ่งคุณเหลือแค่สี่เดือน อย่าเยอะกับชีวิตครับ

ตอนแรกผมกะเชียร์เอกนะ แต่เห็นแล้วก็...โอเค ไม่เวิร์ค หมอนี่เฟรนด์โซนน้องวาฬของเราจริงๆ 555 แต่จะให้เชียร์เหล้ารัม(ซึ่งเป็นพระเอกตามชื่อเรื่อง) มันก็...ค่อนข้างตะขิดตะขวงนิดหน่อยครับ
เพราะหนึ่ง เหล้ารัมชอบวาฬ รู้ว่าวาฬเหลือสี่เดือน แต่กลับไม่พยายามจะ 'ทำความเข้าใจ' จิตใจของวาฬที่ผ่านๆมาเลย คุณมั่นใจเกินไปว่าคุณทำให้เขามีชีวิตต่อได้แน่ มันแสดงว่าคุณสนใจแต่ความต้องการของตัวเอง ไม่ได้แคร์เค้าเพราะอยากรู้จักเค้าลึกๆจริงๆ

สอง การที่คุณเห็นเค้าพลาด แล้วยังโมโห ไม่ยอมเข้าใจว่าวาฬไม่เคยหลุดจากการตีกรอบและบีบตัวเองมาตลอด พอเค้าหลุดแล้วคุณก็ฟิวส์ขาดเพราะเค้าไม่ยอมฟังคุณสั่งแต่แรก แสดงว่าคุณเห็นแก่ตัวมากนะครับ เข้าใจว่ารู้สึกมาก รักมาก แต่ความรักที่ดีจะเกิดขึ้นจากการเข้าอกเข้าใจ แล้วทำให้เกิดความกลมกลืนด้วยกันนะครับ ไม่ใช่เกิดจากความต้องการของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แล้วตื๊อ หรือพยายามจนอีกฝ่ายรับรักเรา ความรักแบบนั้นมันไม่ยั่งยืนครับ

ขออนุญาตตอบกลับความคิดเห็นนี้นะครับ

ก่อนอื่นเลย อยากจะขอบคุณสำหรับการวิเคราะห์ที่ตรงไปตรงมาและมีสาระมากๆ

บอกตามตรงว่าผมถูกใจความคิดเห็นของคุณมากเลยครับ ทุกอย่างมันตรงใจราวกับว่าคุณมานั่งในใจผมเลย

คือ.. ความตั้งใจแรกของการเขียนนิยายเรื่องนี้คือ ผมอยากสร้างตัวละครในนิยายที่ให้อะไรมากกว่าการที่เป็นคนดี เป็นแบบอย่างของคนอ่าน

แต่ผมอยากจะลองใส่แนวคิดใหม่ๆ เข้าไปผ่านตัวละครให้มากขึ้น

อยากให้เขามีทั้งด้านดี ด้านแย่ ด้านที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ด้านที่ต้องจำนนต่ออะไรหลายๆ อย่างในชีวิต และอยากให้สิ่งเหล่านั้นมันไม้ได้มาจากที่ไหนไกล แต่มาจากตัวละครหลักของเรื่องนี่เอง

เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณพูดมานั้นล้วนเป็นความจริงที่ผมอยากให้นักอ่านมองเห็นมัน

แล้วผมก็ดีใจมากที่มีคนมองมันให้ต่างออกไปมากกว่านิยายรักที่แค่พระเอกนายเอกมาเจอกันและรักกัน

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมก็ยังเคารพทุกความคิดเห็นของทุกคนนะครับ

ในเมื่อผมปล่อยงานสู่สาธารณะแล้ว งานเขียนนั้นก็ไม่ใช่ของผมอีกต่อไป

ยังไงก็หวังว่าจะยังติดตามอ่านกันต่อนะครับ

อยากให้มีอย่างน้อยสักหนึ่งคนที่คอยมาวิเคราะห์ให้กันแบบนี้

ขอบคุณจริงๆ ครับ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.2 || อัพเดท : 20/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 20-06-2016 19:14:44
เงิบ....รอค่ะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.2 || อัพเดท : 20/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 20-06-2016 19:21:12
เหล้ารัมก็ยังคงมีอะไรไม่เคลียร์เนอะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.2 || อัพเดท : 20/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 20-06-2016 20:07:04
//ขยี้หัวตัวเองรอ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.2 || อัพเดท : 20/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 20-06-2016 22:29:06
รีบๆมาเคลียร์กันซะทีเต๊อะะะะะ :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.2 || อัพเดท : 20/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 20-06-2016 23:58:38
ขอให้ดีกันไวๆนะ ฮรือออ  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.2 || อัพเดท : 20/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 21-06-2016 09:24:30
วาฬเป็นคนที่เห็นแก่ตัวอ่ะ เพราะความที่เป็นลูกคนเล็กและมีวี่แววว่าจะตายเร็ว พ่อแม่ ครอบครัว เลย ประคบประหงบ พอพ้นสายตาพ่อแม่เลยเหมือน ได้อิสระ ทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำ ไม่เห็นคุณค่าของชีวิตที่ได้รับมา แถม ไม่คิดถึงใจคนอื่นด้วย วาฬไมเห็นค่าของชีวิต คนเราถ้ารู้ว่าตัวเองจะตายใน 4 เดือน จะทำยังไง ใช้ชีวิตทิ้งๆ แบบนี้เหรอ แถม พอรู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อได้ ก็ใช้วิตแบบเอาตัวเองเป็นที่ตั้งแบบนี้เหรอ ไม่ชอบนิสัยแบบนี้
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.2 || อัพเดท : 20/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: yearrayoeng ที่ 21-06-2016 10:17:01
นายเอกเห็นแก่ตัว จนน่าเกลียด
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.3 [ จบบทเจ็ด ] || อัพเดท : 21/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 21-06-2016 17:06:26
#7.3

หลังจากที่รวบรวมส่วนผสมทุกอย่างครบถ้วนตามจำนวนแล้ว ผมก็นำมันเข้ามาทำยารักษาในครัวของที่บ้าน โดยมีพี่ฟ้าเป็นลูกมือ และพ่อที่คอยยืนคุมสูตรอยู่ใกล้ๆ ในขณะที่แม่เองก็กำลังง่วนอยู่หน้าเตาเพื่อลงมือทำมื้อเที่ยงให้ผมกินไปพร้อมๆ กัน

ผมยืนคนส่วนผสมอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงกว่าที่ทุกอย่างจะหลอมรวมกันเป็นของเหลวสีม่วงอ่อนที่มีลักษณะเหนียวข้น ถึงได้ตักมันขึ้นมาพักใส่เอาไว้ในตลับยากลมๆ แบบที่เอาไว้ใส่พวกสีผึ้งทาปากอะไรแบบนั้น ต่างกันก็ตรงที่ตลับที่พี่ฟ้านำมาให้มีความใหญ่เกือบเท่าฝ่ามือ จึงสามารถบรรจุตัวยาได้ค่อนข้างมาก และเมื่อทิ้งไว้ประมาณสิบนาที ของเหลวก็จับตัวเป็นก้อน พร้อมนำไปทาแผลของเหล้ารัมแล้ว

"ผมกลับก่อนนะครับ ส่วนกับข้าวนี่ เดี๋ยวผมหิ้วไปกินที่คอนโดแล้วกัน"

ซึ่งพอได้ยาตามที่ต้องการ ผมก็ขอตัวพ่อกับแม่กลับคอนโดทันที เนื่องจากไม่ได้ทิ้งโน๊ตไว้ เกิดว่าเหล้ารัมกลับมาไม่เจอผม เดี๋ยวจะเป็นเรื่องเป็นราวกันไปอีก แต่แม่กลับยืนยันว่ายังไงก็ไม่ยอมให้ผมหิ้วกับข้าวไปกินที่อื่น ต้องกินด้วยกันที่บ้านพร้อมหน้าพร้อมตาเท่านั้น

แล้วก็เป็นที่รู้กันดีว่าถ้าแม่พูดคำไหน ก็ต้องเป็นไปตามนั้น ผมก็เลยตัดสินใจรับมื้อเที่ยงแบบพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูกที่บ้านตามความต้องการของท่านจนอิ่มแปร้ ก่อนจะขอตัวกลับจริงๆ โดยไม่ลืมที่จะหิ้วกับข้าวมาเผื่อเหล้ารัมด้วย

และพอกลับมาถึงคอนโด...

"..."

...ก็พบว่าเหล้ารัมกลับมาแล้ว

ถึงแม้ว่าเขาจะให้ความสนใจกับข่าวเศรษฐกิจของประเทศในโทรทัศน์จนไม่หันมามองผมเลยแม้แต่นิดเดียว.. แต่การได้เห็นเขากลับมา มันก็ทำให้ผมรู้สึกดีใจมากแล้วล่ะ เพราะบอกตามตรงนะ ลึกๆ ในใจ... ผมก็กลัวว่าเขาจะหายไปโดยไม่กลับมาเหมือนกัน...

ผมรีบนำกุญแจกับกระเป๋าสตางค์เข้าไปเก็บไว้ในห้อง ก่อนจะเดินออกมายังโซนห้องนั่งเล่นเพื่อวางถุงกับข้าวบนโต๊ะเล็กหน้าทีวี แล้วตัดสินใจทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาเดียวกับเหล้ารัม

"..."

"..."

ต่างฝ่ายต่างเงียบ... มีเพียงผมเท่านั้นที่หันมองหน้าเค้า ในขณะที่อีกฝ่ายจดจ่ออยู่กับโทรทัศน์เหมือนเดิม ซึ่งเอาจริงๆ ผมว่าเขาไม่ได้สนใจมันหรอก เพียงแต่คงจะโกรธจนไม่อยากหันมามองหน้าผมมากกว่า

ผมที่ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นยังไงดี เลยได้แต่พิจารณาใบหน้าหล่อเหลาของนายพ่อมดเหล้าต่อไป ซึ่งฝั่งที่ผมนั่งเป็นฝั่งขวา..ฝั่งเดียวกับรอยแดงปื้นที่เกิดจากฤทธิ์ของเครื่องรางไร้มนตร์พอดี ทำให้ได้เห็นว่าแผลยังคงอักเสบรุนแรงแบบที่แค่มองด้วยตาเปล่าก็สามารถบอกได้เลยว่าเจ้าของบาดแผลนั้นกำลังเจ็บมากแค่ไหน

แต่ถึงอย่างงั้นเหล้ารัมก็ยังคงนิ่ง ไม่แสดงอาการอะไรออกมา

คงเพราะ.. ฝืนอยู่สินะ..

แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าในวินาทีต่อจากนั้น..อะไรมันดลใจให้ผมอยากจะเอานิ้วไปแตะบริเวณแผลของเขา นั่นเลยทำให้อีกฝ่ายที่นั่งนิ่งอยู่นานพลันลุกขึ้นทันที ก่อนตั้งท่าจะเดินหนีไป

ทว่า..

"เดี๋ยวสิครับ"

..ผมคว้าข้อมือของเขาเอาไว้ได้ซะก่อน

"..." เหล้ารัมยังคงเงียบ แต่ก็หันมามองผมในที่สุด

ถึงแม้ว่า... จะเป็นการหันมามองด้วยนัยน์ตาสีม่วงอ่อนที่เต็มไปด้วยความเย็นชา จนผมรู้สึกเหน็บหนาวในหัวใจ.. กับริมฝีปากเหยียดตึงที่ไร้วี่แววของรอยยิ้มเหมือนครั้งเก่าก่อน แต่อย่างน้อยๆ เขาก็ยังหันมาน่ะนะ... ผมเลยอาศัยจังหวะนั้นส่งสายตาอ้อนวอนกลับไป เพื่อให้นายพ่อมดเหล้าได้รับรู้ถึงหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกผิดของผม เผื่อว่าเขาจะยอมนั่งลงเหมือนเดิม

"..."

"..."

เกือบสิบห้าวินาทีเห็นจะได้มั้งที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลย เพียงแค่มองตากันเท่านั้น.. ทว่าสุดท้าย.. เหล้ารัมก็ยอมนั่งลงในที่สุด นั่นทำให้ผมโล่งใจมาก เหมือนเป็นสัญญาณการเริ่มต้นที่ดี

ก่อนจะทำการล้วงเจ้าตลับยาที่ทำมาเพื่อเขาออกมาจากระเป๋ากางเกง ทำให้เริ่มดึงความสนใจจากอีกฝ่ายขึ้นมาได้บ้าง

"อะไรน่ะ"

"ยารักษาแผลครับ สำหรับพ่อมดแม่มดที่โดนเครื่องรางไร้มนตร์" ผมใช้นิ้วชี้ปาดตัวยาขึ้นมาภายหลังจากหมุนฝาออกแล้ว ก่อนที่จะค่อยๆ ทามันลงไปบนรอยแผลอย่างเบามือ เหล้ารัมดูสะดุ้งเล็กน้อยตอนที่นิ้วผมแตะลงไปครั้งแรก แต่สุดท้ายก็ไม่แสดงออกอะไรอีก ผมก็เลยต้องหาเรื่องพูด เพราะไม่อยากให้ทุกอย่างจบลงแค่นั้น "คุณรู้มั้ยว่าผมต้องแอบไปขโมยหญ้าขนนกเพลิงในสวนของพี่เบลมาทำยานี้ด้วยแหละ นี่ถ้าเกิดว่าเธอรู้ว่าผมเป็นคนเข้าไปเอามานะ มีหวังได้โดนสาปแช่งเช้าเย็นแหง"

"งั้นหรอ แล้วทำไมต้องทำถึงขนาดนั้นด้วย ยังไงแผลนี่มันก็หายเองอยู่แล้ว"

"ก็ผมอยากให้คุณหายไวๆ นี่ครับ"

"..."

แล้วสิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น..! เมื่อผมพูดประโยคล่าสุดจบลง ใบหน้าที่เคยตึงๆ ของเหล้ารัมจู่ๆ ก็กลับมาสดใสอีกครั้ง ราวกับว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงหน้ากากที่สวมทับเพื่อปกปิดความรู้สึกเอาไว้ สายตาที่เคยเย็นชาก็ส่องประกายขณะที่หันมามอง พร้อมกับริมฝีปากอมยิ้ม

แต่ก็เพียงแค่อึดใจเดียวเท่านั้น เพราะในเวลาไม่กี่วินาทีต่อมา.. ใบหน้าของเหล้ารัมก็สลดลงอย่างเห็นได้ชัด จนผมที่กำลังทายาให้ต้องชักมือออกอย่างไม่เข้าใจ

"วาฬ.." เหล้ารัมคว้ามือข้างที่เปื้อนยาของผมไว้ แล้วหันมาคุยกับผมด้วยสีหน้าของคนที่กำลัง..รู้สึกผิด "ผมขอโทษ"

"ขอโทษ? เรื่องอะไรหรอครับ" ทำเอาผมต้องถามต่อด้วยความสงสัย เพราะว่าตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ ผมยังไม่รู้สึกว่าจะมีอะไรที่เขาต้องขอโทษผมเลย ในเมื่อเรื่องทั้งหมดมันเกิดเพราะผมชัดๆ

"ผมไม่ควรทำเรื่องบ้าๆ แบบนั้นกับคุณเลยวาฬ ที่จริง..ไอ้แผลนี่ คุณก็ไม่จำเป็นจะต้องทายาให้ผมเลยด้วยซ้ำ เพราะผมว่าผมสมควรโดนแล้ว" แต่สุดท้าย.. เหล้ารัมก็ทำให้ผมเข้าใจว่าอะไรคือสิ่งที่เขาสมควรที่จะขอโทษ..

"..." ซึ่งใจจริง..ผมก็อยากจะพูดอะไรออกไปสักอย่างนะ อย่างเช่น..ไม่เป็นไรหรอก หรือไม่ก็..ผมโอเค แต่พอคิดถึงตอนที่พยายามห้ามเขาแล้วเขาไม่หยุด.. ผมก็พูดอะไรไม่ออกเหมือนกัน..

เพราะฉะนั้นการที่เหล้ารัมรู้สึกผิดในเรื่องนี้ ถือว่าเขาเองก็นับว่าใช้ได้

"สิ่งที่คุณพูดกับผมเมื่อคืนนี้มันทำให้ผมเสียใจมากก็จริง แต่พอลองมาคิดๆ ดูแล้ว.. เป็นเพราะความเมา ถึงทำให้คุณขาดสติแบบนั้น แต่กับผม..ผมไม่ได้ดื่มอะไรเข้าไปสักอย่าง แต่กลับขาดสติยิ่งกว่าคนเมา"

"..."

"แล้วยังจะมีหน้ามาโกรธมางอนคุณอีก ผมนี่มัน..แย่จริงๆ เลยเลยว่ะ"

"..." หลังจากคำพูดที่แสดงถึงความรู้สึกผิดของอีกฝ่ายจบลง ผมก็เงียบ.. และถามตัวเองในใจว่าอะไรกันคือสิ่งที่ผมอยากจะพูดออกไปต่อจากนั้น? แล้วสุดท้าย.. มันก็เกิดเป็นคำถามหนึ่งคำถามที่ผมต้องการคำตอบมากที่สุดหากว่าเราสองคนจะต้องอยู่ร่วมกันต่อไป.. "แล้วต่อไปนี้ ถ้าเราสองคนเกิดมีปากเสียงกันอีก คุณจะทำแบบนั้นกับผมอีกมั้ย"

เหล้ารัมรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที "ผมไม่มีทางทำแบบนั้นอีกแน่ ให้ผมสาบานก็ได้นะ" ก่อนจะยกมือขวาขึ้นวางกลางอก แล้วเริ่มกล่าวคำสาบาน "ข้าพเจ้า นายเหล้ารัม อัครวรกุลพิชิต  ขอสาบานว่า หาก..."

"พอๆ ผมเชื่อแล้วว่าคุณจะไม่ทำแบบนั้นกับผมอีก" ผมจึงต้องรีบดึงมือของเหล้ารัมออกเพื่อหยุดยั้งสิ่งที่เขากำลังจะทำ เพราะไม่อยากให้ถึงขั้นต้องมาสาบานกันจริงจังอะไรขนาดนี้

"แต่..."

"ผมบอกว่าพอก็พอไง"

"..."

ซึ่งเหล้ารัมเองก็ดูจะทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน เพราะฝ่ายเขาก็น่าจะคิดว่าการสาบานมันแสดงความจริงใจได้มากกว่า แต่เมื่อผมบอกว่าพอ พร้อมกับวางมือขวาของเขาลงบนตักของตัวเขาเอง นายพ่อมดก็ยอมหยุดแค่นั้น เป็นอันว่าจบ

แล้วพอบทสนทนามันไปต่อไม่ได้ ผมก็เลยอาศัยช่วงเวลาแห่งความเงียบนั้นทายาให้เหล้ารัมซ้ำอีกหนึ่งรอบ ก่อนจะเริ่มเปิดสนทนาใหม่

"รู้สึกดีขึ้นมั้ย" นั่นก็คือการถามถึงอาการของเหล้ารัม

"ดีครับ อาการเจ็บหายไปแล้ว"

งั้นก็แสดงว่าการเอาพ่อมายืนคุมสูตรนี่ก็ถือว่าเวิร์คสินะ

"ผมรู้นะว่ามันอาจจะทดแทนกันไม่ได้ แต่ผมจะถือว่าการช่วยทำยารักษาแผลให้คุณ เป็นการไถ่โทษเรื่องที่ผมพูดจาทำร้ายจิตใจคุณก็แล้วกัน เพราะเรื่องนั้น..ผมก็ไม่รู้ว่าจะไถ่โทษด้วยวิธีไหนดี ในเมื่อ..มันเป็นสิ่งที่ผมพูดออกไปแล้ว เอาคืนกลับมาไม่ได้ แต่ก็อยากให้คุณรู้นะว่า..ผมเสียใจเหมือนกัน" ก่อนที่คราวนี้ผมจะเริ่มหาจุดเชื่อมโยง และเป็นฝ่ายที่กล่าวขอโทษเขาบ้าง แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตอนที่พูด..ถึงเอาแต่ทำทีเป็นก้มหน้าปิดฝาตลับยา โดยไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขาเลย..

นั่นทำให้เหล้ารัมต้องเป็นฝ่ายใช้มือช้อนปลายคางของผมขึ้น และพบว่าเขากำลังส่งยิ้มมาให้ พร้อมกับที่ส่ายหัวน้อยๆ "ใครว่าทดแทนกันไม่ได้ล่ะครับ เรื่องที่ผมทำมันแย่กว่าสิ่งที่คุณพูดอีกนะ ในความคิดผมน่ะ"

"จริงหรอ" ผมถามออกไปอย่างไม่ค่อยจะแน่ใจ

"จริงสิ เพียงแต่ว่า.. ผมมีหนึ่งคำถามที่อยากจะถามคุณนะ"

"อะไรครับ" ผมแสดงความกระตือรือร้น

"คือ.. ผมอยากรู้ว่าสิ่งที่คุณพูดกับผมเมื่อคืนนี้ มันออกมาจากใจของคุณจริงๆ หรือเปล่า"

"..." สายตาที่มองมาภายหลังจากคำถามของเขาจบลง..ทำให้ผมหยุดคิดไปนิดนึง เพราะสิ่งที่สะท้อนอยู่ภายในนัยน์ตาสีม่วงอ่อนคู่นั้นนอกจากจะเป็นเงาสะท้อนจากใบหน้าของผมแล้ว มันยังสะท้อน 'ความคาดหวัง' บางอย่างที่อยากได้รับจากคำตอบของผมด้วย ผมก็เลย.. "เปล่าครับ" ..ส่ายหน้าปฏิเสธบ้าง และพูดความเป็นจริงที่ตัวเองรู้สึกออกไป

"ผมแค่โกรธที่คุณทำกับผมแบบนั้น แล้วพอไปผสมกับความขาดสติจากการเมาจนเกินจะยับยั้ง สุดท้าย.. ปากผมมันก็เลยพูดแต่สิ่งที่ตั้งใจจะทำร้ายจิตใจของคุณ ทั้งๆ ที่จำได้ว่าตอนที่ผมทำคุณเจ็บ... ในใจผมยังกล่าวขอโทษคุณอยู่เลย"

"แบบนี้นี่เอง" พอผมพูดจบ เหล้ารัมก็พูดกลับมาทันที โดยเว้นจังหวะให้ริมฝีปากของตัวเองค่อยๆ ยิ้มกว้างขึ้น ก่อนจะพูดต่อ "ผมเข้าใจแล้วครับ : )"

แล้วรอยยิ้มของเหล้ารัมแบบที่ผมคุ้นเคยก็กลับคืนมา บรรยากาศระหว่างเราสองคนก็เลยดูท่าจะกลับมาดีอีกครั้ง

"งั้นก็แสดงว่าเราสองคนเคลียร์กันเรียบร้อยแล้วนะ"

"ครับ" เหล้ารัมพยักหน้า "ในเมื่อต่างฝ่ายต่างขอโทษแล้ว ผมว่าเรา..."

"มาเริ่มต้นกันใหม่ก็แล้วกันนะ"

"ครับ ผมกำลังจะพูดแบบนั้นอยู่เลย : )"

พอเห็นว่าเหล้ารัมยิ้มกว้างขึ้นอีกหนึ่งระดับที่ผมดันเติมคำในช่องว่างของเขาได้ตรงใจ ผมก็อดที่จะยิ้มตามเขาไม่ได้ ก่อนตั้งใจว่าจะขอแยกตัวเพื่อเอายาไปเก็บไว้ที่ห้อง

แต่แล้วผมที่กำลังจะลุกเดินออกมาก็ตัดสินใจหันหลังกลับมายืนตรงหน้าเหล้ารัม และก้มตัวลงจุ๊บที่แก้มด้านซ้ายของเขาหนึ่งที

"วะ..วาฬ" ทำเอาคนถูกจุ๊บถึงกับร้องเสียงหลง ในขณะที่แก้มขาวๆ ทั้งสองข้างก็ขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ "คุณจุ๊บแก้มผม!"

"ใช่ไง" ไม่ใช่แค่จุ๊บนะ ผมยังหยิกแก้มเขาเบาๆ บริเวณที่ผมจุ๊บลงไปด้วย "ก็ผมอยากจุ๊บแก้มคุณนี่ ถือว่า..เป็นพิธีการของการเริ่มต้นใหม่ก็แล้วกันนะ : )"

เอาจริงๆ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าไปเอาความกล้ามาจากไหน ถึงได้กล้าจุ๊บแก้มเหล้ารัมแบบนั้น คือผมแบบ... รู้สึกดีไง รู้สึกดีที่ในที่สุดเราสองคนก็ปิดโหมดดราม่าลงได้ แล้วก็อย่างที่ผมบอกไป ผมอยากจุ๊บเขา และมันคือเรื่องจริง

"เดี๋ยวสิ" แต่ในขณะที่ผมตั้งท่าจะเดินเอาตลับยาไปเก็บตามความตั้งใจแรก เหล้ารัมก็คว้าข้อมือผมไว้ ก่อนจะลุกขึ้นบ้าง "คุณจุ๊บผมฝ่ายเดียวแบบนี้มันไม่แฟร์นะ"

"แล้วต้องให้ผมทำไงล่ะ" ผมถามกลับอย่างคนซื่อ ทั้งที่ก็พอรู้เจตนาของอีกฝ่ายดี

"ก็ให้ผมจุ๊บคืนบ้างไง โอเคมั้ย"

นั่นไงล่ะ พอไม่โกรธกันแล้ว นายพ่อมดเหล้าก็เริ่มออกลายเลยแฮะ แบบนี้สงสัยต้องย้อนกลับไปให้สาบานเรื่องว่าจะไม่ทำเรื่องบ้าๆ แบบนั้นกับผมแล้วมั้ง

"ก็เอาสิ" แต่นายพ่อมดเหล้าน่ะยังไม่เท่าไหร่หรอก ผมว่าคนที่น่าห่วงมากกว่าคือผมต่างหาก! ดูสิ พูดเชื้อเชิญออกไปได้ไม่อายปากเลย ระ..หรือว่าผีจะเข้าผมวะ!?

"แต่.." นั่นเลยยิ่งทำให้เหล้ารัมได้ใจใหญ่ "ขอเป็นจุ๊บที่ปากนะ : )" ก่อนที่เขาจะค่อยๆ ยื่นหน้าเข้ามาเพื่อที่จะจุ๊บปากผมตามที่เขาบอกจริงๆ
 
"..." แล้วรู้มั้ยผมทำไง? รอครับ ผมรอให้เขาเข้ามาจุ๊บปากผม โดยไม่มีการปฏิเสธอะไรทั้งนั้น จนกระทั่งพอใกล้ในระยะที่อีกแค่ครึ่งคืบปากเราก็จะชนกัน คนเจ้าเล่ห์อย่างเหล้ารัมกลับออกอาการประหม่าเสียเอง แล้วเปลี่ยนทิศทางปากมาที่แก้มด้านซ้ายของผมแทน

ทำให้ผมที่เห็นความเปลี่ยนแปลงของทิศทางนั้น รีบหับปากไปในทิศทางเดียวกันบ้าง ทำให้จังหวะที่เกิดขึ้นคือ...

จุ๊บ!

...ริมฝีปากของเราแตะกันจนได้

แล้วมันก็แตะกันแค่นั้น.. เป็นเพียงแค่การจุ๊บกันตามที่เหล้ารัมขอ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม... ทั้งที่ก็ไม่ได้ล้ำลึกกันเหมือนเมื่อคืนตอนที่เขาพยายามจะรังแกผม แค่ปากแตะปากเท่านั้น แต่มัน.. กลับทำให้หัวใจของผมพองโตจนเผลอยิ้มออกมาทั้งๆ ที่ยังไม่มีฝ่ายใดถอนริมฝีปากออกเลยด้วยซ้ำ

ตึกตัก ตึกตัก

ในหัวผมตอนนี้เหมือนมีเสียงเพลงรักดังก้องขึ้นมาอย่างได้จังหวะพอดิบพอดี เรียกว่าถ้าเป็นซีรี่ส์ ก็คงอยู่ในจังหวะแช่ภาพเพื่อให้คนดูฟินนั่นแหละ : )

"วะ..วาฬ.." แล้วหลังจากนั้นประมาณสิบวิ เหล้ารัมก็เป็นฝ่ายถอนริมฝีปากออกไป เขาดูอึ้งมากที่ผมทำให้การจุ๊บระหว่างเราเกิดขึ้น

แถมหน้าตาตอนนี้ ก็เหมือนกับเด็กโดนขโมยจูบยังไงอย่างงั้น ช่างแตกต่างจากนายปีศาจที่บดเบียดริมฝีปากใส่ผมเมื่อคืนอย่างสิ้นเชิง

น่ารักแฮะ

งั้นผมคงต้องใช้จังหวะนี้พูดอีกเรื่องที่ลืมบอกเหล้ารัมแล้วล่ะ

"นี่ ผมยังไม่ได้บอกคุณเลยนะ ว่าที่ผมจูบกับพี่ปูนน่ะ ก็เพราะว่า... ผมเมาจนเห็นหน้าพี่เขาเป็นคุณไงครับ"

"..." แล้วเหมือนว่าสิ่งที่ผมพูดจะยิ่งทำให้อีกฝ่ายนิ่งอึ้งกว่าเดิม

ผมก็เลยใช้จังหวะนั้นเดินกลับเข้าห้องนอนอย่างพยายามไม่ออกอาการอะไร

แต่พอประตูปิดลงเท่านั้น..

ผมก็กระโดดลงเตียงพร้อมกับจังหวะหัวใจที่เต้นแรง ก่อนจะรวบเจ้าฝูงปิกาจูมากอดไว้ เพียงเพื่อต้องการจะซุกและซ่อนใบหน้าร้อนๆ ของตัวเอง..

เขินนนนน!

(http://pic.pimg.tw/demona/1405329580-1468390043.gif)

จบตอนที่ 7

หากต้องการพูดคุยถึงนิยายเรื่องนี้บนทวิตเตอร์ ฝาก #พ่อมดเหล้า กันด้วยนะครับ : )

 :heaven
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.3 [ จบบทเจ็ด ] || อัพเดท : 21/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 21-06-2016 18:10:10
 :sad4:

ปิกาจู ชั้นคิดถึงเธอเหลือเกิน มีบทบ่อยๆนะ  :laugh:

ปรับความเข้าใจกันแล้ว หวังว่าจะไม่ทะเลาะกันอีกนะคะ จับเข่าคุยตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่า เผื่อมีเรื่องอื่นๆต้องตกลงกัน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.3 [ จบบทเจ็ด ] || อัพเดท : 21/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 21-06-2016 19:42:38
โอเค ให้อภัยวาฬสองนาทีสำหรับการทำให้เราได้เห็นเหล้ารัมหน้าแดง
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.3 [ จบบทเจ็ด ] || อัพเดท : 21/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 21-06-2016 19:59:01
หุๆๆๆ พอเคลียร์จบปุ๊บหวานปั๊บเลยน้าาาาาาาา  :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.3 [ จบบทเจ็ด ] || อัพเดท : 21/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 21-06-2016 20:15:56
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.3 [ จบบทเจ็ด ] || อัพเดท : 21/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 21-06-2016 20:56:29
เคลียกันเรียบร้อย ค่อยยังชัวร์. อย่าดราม่ามากมายนะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.3 [ จบบทเจ็ด ] || อัพเดท : 21/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 21-06-2016 21:05:16
เหล้ารัมเป็นพ่อมดที่ดีเกินไป.... ได้แต่หวังว่าวาฬจะปรับปรุงตัว คำพูดอะไรก็ตามพูดออกไปแล้วมันย้อนคืนมาไม่ได้นะ วาฬ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.3 [ จบบทเจ็ด ] || อัพเดท : 21/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 21-06-2016 21:30:40
ทำไมเหล้ารัมถึงดีอย่างนี้
ดีใจที่ปรับความเข้าใจกันแล้ว
แถมยังมาหวานใส่กันอีก
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.3 [ จบบทเจ็ด ] || อัพเดท : 21/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 22-06-2016 08:05:52
ถ้าเจ้าของเรื่องยอมจบเราก็จบจ้า รอดูพัฒนาการของความสัมพันธ์
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.3 [ จบบทเจ็ด ] || อัพเดท : 21/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 22-06-2016 09:59:17
กรี๊ดดดดด เขินด้วยนนน  :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 7.3 [ จบบทเจ็ด ] || อัพเดท : 21/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: cinnsin ที่ 22-06-2016 15:48:03
โฮฮฮฮฮฮฮ เขาคืนดีกันแล้วค่ะคุณแม่ขาาาาาา ปริ่ม  :hao5:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 8.1 || อัพเดท : 23/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 23-06-2016 19:59:31
#8.1

ผมออกมาจากห้องอีกทีก็ตอนที่พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ตอนแรกก็แค่จะเข้าไปนอนเล่นแก้เขินน่ะนะ แต่พอเปิดแอร์เจออากาศเย็นๆ เข้าไป บวกกับตื่นเช้าหลังจากการดื่มของเมื่อคืนนี้ มันก็เลยทำให้ผมเผลอหลับจริงจังไปในที่สุด

"ตื่นแล้วหรอ" เหล้ารัมทักผมทันทีที่เปิดประตูออกมา ขณะที่เขากำลังนั่งกินกับข้าวฝีมือแม่ผมอยู่ที่โต๊ะกินข้าว

"ครับ" ผมเลยตอบกลับไปสั้นๆ เพราะตอนนี้รู้สึกคอแห้งมาก อยากหาน้ำดื่มสักแก้วก่อน

จนกระทั่งได้ดื่มน้ำเย็นๆ สมใจแล้วนั่นแหละ ผมถึงเดินกลับมาหาและนั่งลงฝั่งตรงข้ามของเหล้ารัม เพื่อนั่งมองเขากินเหมือนที่เคยทำ

"อร่อยมั้ย" ก่อนจะเริ่มถามถึงรสชาติ

"อร่อยครับ เอ่อ.. ว่าแต่ว่าผมกินได้ใช่มั้ย คือผมหิวมาก แล้วเห็นว่ามันมีหลายกล่อง ผมก็เลยถือวิสาสะกินไปเลย"

คำถามและสีหน้ากังวลทั้งๆ ที่กับข้าวที่กินไปแล้วยังคงคาปาก ทำให้ผมหลุดหัวเราะออกมาต่อหน้าต่อตาเขา "ฮ่าๆๆ~ กินได้ครับ พอดีวันนี้ตอนกลับไปเอาส่วนผสมที่บ้าน แม่ทำกับข้าวเยอะเลย ก็เลยให้ผมหิ้วมาฝากคุณด้วย"

"เฮ้ออออ~ ค่อยโล่งหน่อย" แล้วคำตอบของผมก็ทำให้เหล้ารัมแสดงอาการโล่งอกออกมาในทันที ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินต่ออย่างคนหิวโหย จนผมแอบคิดเล่นๆ ว่าเขาจะทำยังไงกันนะ ถ้าเกิดผมแกล้งบอกว่ามันกินไม่ได้เนี่ย ฮ่าๆๆ~

"งั้นเดี๋ยวผมกินบ้างดีกว่า" พูดจบแค่นั้น ผมก็ลุกเดินเข้ามาในโซนห้องครัว

"อยู่ในตู้ชั้นบนนะครับ" โดยมีนายพ่อมดเหล้าบอกถึงพิกัดของกับข้าวที่เขาเป็นคนเอาไปเก็บไว้

ซึ่งในขณะที่ผมกำลังจะเทกับข้าวใส่จานเพื่อเอาเข้าอุ่นร้อนในไมโครเวฟอยู่นั้น พลันสายตาก็ดันไปสะดุดเข้ากับการ์ดสีทองประกายกากเพชรระยิบระยับที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ครัว

ทำให้ผมวางของทุกอย่างในมือลง ก่อนจะหยิบเจ้าการ์ดนั่นขึ้นมาเพื่อพิจารณา ถึงได้เห็นอย่างชัดเจนว่า..จุดเด่นที่อยู่ตรงกลางของการ์ดนั้นเป็นรูปหน้ากากแฟนซีแบบที่สามารถเห็นได้ในหนังหรือไม่ก็พวกซีรี่ส์เวลาที่ตัวละครเข้าร่วมปาร์ตี้หน้ากากอะไรแบบนั้น

แล้วพอพลิกดูข้างหลัง.. โอ้ววว~ ผมก็เจอเข้ากับภาษาของโลกเวทมนตร์ที่ผมมีความรู้แค่หางอึ่งและสามารถอ่านออกแค่คำว่า 'งานเลี้ยงเต้นรำ' กับเวลาเริ่มงานอีกนิดหน่อยเท่านั้น

สุดท้ายก็เลยต้องชูมันขึ้น เพื่อถามเหล้ารัมที่น่าจะเป็นเจ้าของการ์ดใบนี้

"เหล้ารัม นี่อะไรหรอครับ"

"อ๋อ.." เขาเว้นจังหวะนิดนึงเพื่อกลืนอาหารในปากลงไป ก่อนที่จะพูดต่อด้วยรอยยิ้ม "บัตรเชิญวีไอพีร่วมงานเลี้ยงเต้นรำสวมหน้ากากของครอบครัวเพื่อนผมน่ะครับ จัดขึ้นคืนพรุ่งนี้แล้ว แต่ผมเพิ่งไปรับบัตรมาเมื่อเช้านี้เอง ก็ว่าอยู่ว่าเอาไปวางลืมไว้ไหน"

อ๋อ ที่แท้ที่เขาหายไปเมื่อเช้านี้ก็เพราะว่าไปรับเจ้าบัตรเชิญนี่เองหรอกหรอ

ว่าแต่ว่า.. น่าสนใจดีเหมือนกันแฮะ พอพูดว่าเป็นงานเลี้ยงเต้นรำสวมหน้ากากแล้วมันทำให้ผมนึกถึงภาพความงดงามของหนุ่มสาวที่แต่งตัวจัดเต็มและซ่อนใบหน้าที่แท้จริงเอาไว้ภายใต้หน้ากากหลากหลายรูปแบบอย่างเป็นความลับ ถึงแม้ว่านิยายหลายเรื่องจะชอบเอาไอ้เจ้างานนี้ไปเปรียบเทียบกับคำโกหกมดเท็จหรือการปิดบังตัวตนอะไรก็ตามเถอะ แต่สำหรับผมที่เห็นมันอยู่บ่อยๆ ทั้งในหนังและในซีรี่ส์ก็อยากที่จะได้มีโมเม้นเข้ารวมงานแบบนี้กับเขาสักครั้งเหมือนกันนะ

"คุณอยากไปหรอครับ" แล้วดูเหมือนว่าผมจะแสดงออกทางสีหน้ามากเกินไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะจู่ๆ เหล้ารัมก็ถามขึ้น เหมือนดูออกว่าผมอยากที่จะไปยังไงยังงั้น

"ครับ ผมอยากไป" ผมจึงยอมรับตามความจริง ถึงแม้จะรู้ว่าตัวเองไม่ใช่บรรดาแขกของโลกเวทมนตร์ที่จะถูกเชิญให้ไปเข้าร่วมงานด้วยก็ตาม

เลยเดินเอาบัตรเชิญไปให้กับเหล้ารัม และตั้งใจว่าจะกลับมาอุ่นกับข้าวต่อ

แต่สิ่งที่เหล้ารัมพูดออกมาตอนที่รับบัตรไปเนี่ยสิ...

"ถ้าอยากไปก็ดีเลยครับ"

"ครับ?"

"ผมกำลังหาคู่ควงไปงานอยู่พอดีเลย : )"

"..."

เดี๋ยวนะ

น่ะ..นี่แสดงว่าผมจะได้ไปร่วมงานหรอเนี่ย!?

* * * * * * *

กลางดึกคืนนั้น เหล้ารัมพาผมมายังเมืองหลวงของโลกเวทมนตร์ ด้วยเหตุผลของนายพ่อมดเหล้าที่เข้าใจได้ง่ายๆ ว่า..

"แต่ถ้าคุณอยากจะไปงาน ก็ต้องมีชุดดีๆ ใส่ด้วยนะครับ : )"

ทำให้ตอนนี้ เราทั้งคู่มาหยุดยืนอยู่ที่ร้านตัดชุดร้านหนึ่งซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ทว่าความหรูหราภายนอกกลับโดดเด่นเกินหน้าเกินตาสองร้านใหญ่ที่ตั้งขนาบข้าง

'coven.'

ป้ายชื่อร้านที่เป็นอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพ์เล็กล้วน (แบบภาษามนุษย์) ว่า coven. ทำให้ผมรู้สึกคุ้นเสียจนต้องพยายามเค้นหัวสมองเพื่อคิดให้ออกว่าเคยเห็นมันที่ไหนมาก่อนกันแน่ อืม...

'ฉันใส่ชุดนี้ของ coven. แล้วดูดีมั้ย แบรนด์นี้ดังมากเลยนะที่โลกเวทมนตร์น่ะ'

อ๋อ~ นึกออกแล้ว! มันคือแบรนด์เสื้อผ้าที่ครั้งนึงไรเกอร์เคยใส่มาให้ผมดูตอนก่อนจะไปขึ้นรับรางวัลหนึ่งในสาขาของเขา ถึงว่าทำไมผมถึงได้คุ้นตานัก เพราะจำได้ว่าตอนนั้นไรเกอร์เองก็โชว์โลโก้ของแบรนด์ให้ผมเห็นด้วย มันถึงได้ติดอยู่ในความทรงจำแบบนี้ไง

ถ้างั้นก็แสดงว่าเหล้ารัมเองก็ตัดสินใจที่จะให้แบรนด์ coven. เป็นผู้รับผิดชอบชุดในการไปร่วมงานเลี้ยงเต้นรำพรุ่งนี้สินะ

แต่เอ๊ะ เดี๋ยวๆ ถ้าเกิดว่าผมจำไม่ผิด ไรเกอร์เคยบอกว่า...ที่ร้านนี้มันมีแต่เสื้อผ้าสั่งตัดนะ แล้วนายพ่อมดเหล้าเล่นพาผมมาสั่งวันนี้แล้วจะเอาให้ทันไปงานคืนพรุ่งนี้ มันจะได้หรอ?

"ตามผมมาสิครับวาฬ" แต่แล้วความสงสัยในหัวผมก็เป็นอันต้องสะดุด เมื่อเหล้ารัมที่ดูเหมือนจะเพิ่งสังเกตเห็นว่าผมไม่ได้เดินตามเขาไปที่ประตูร้านด้วย..หันมาเรียกผมซะก่อน

"ครับๆ" ผมจึงต้องรีบก้าวยาวๆ ตามไปยืนข้างๆ เหล้ารัมอย่างรวดเร็ว

แล้วเวทมนตร์ก็เกิดขึ้น.. เมื่อทันทีที่ผมหยุดเดินก้าวสุดท้าย ประตูของร้านที่ยังไม่มีใครลงมือเคาะก็เปิดออกกว้าง ราวกับกำลังรอต้อนรับเราสองคนอยู่เลย

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ผมหันมองหน้าเหล้ารัมที่ก็กำลังหันมามองผมจังหวะเดียวกันพอดี จึงได้เห็นว่าเขาหันมายิ้มให้ ในขณะที่ฝ่ายผมกลับเลื่อนมือไปเกาะแขนเสื้อเขาด้วยความกังวลใจ เพราะถึงแม้ว่าร้านที่เราพากันเดินเข้ามาจะตกแต่งอย่างหรูหราและสวยงาม แต่พอไม่เห็นว่ามีใครอยู่สักคน ผมก็กลัวว่าจะมีจังหวะที่จู่ๆ เจ้าของร้านก็จะโผล่ออกมาให้ผมตกใจ...!

ปัง!

"เฮ้ยยย!"

"สวัสดี : )"

นั่นไงล่ะ! ยังพูดไม่ทันจบดีเลยเห็นมั้ย จู่ๆ ประตูร้านก็ปิดไล่หลังเราสองคนเสียงดังปัง! จนผมสะดุ้งตัวเข้าไปเกาะแขนเหล้ารัมให้แน่นขึ้นด้วยความตกใจ ก่อนที่ทั้งผมและเหล้ารัมจะหันมาตามเสียงที่อยู่ด้านหลัง แล้วเราก็พบกับ...

"สวัสดี..ซาแมนธา : )"

...ซาแมนธา?

เอ่อ.. แน่ล่ะว่าผมไม่เคยเห็นเธอมาก่อน แต่บอกได้เลยนะว่าเธอน่ะสวยมาก!

ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเราสองคนในตอนนี้เธอเป็นสาวสวยตาคมขนตางอนงาม มีจมูกแหลมเหมือนพวกแม่มดยุคเก่าเก็บ ทว่าดูสวยและรับกับใบหน้าของเธอได้เป็นอย่างดี

ริมฝีปากที่หยักยิ้มให้เหล้ารัมนั้นฉาบเคลือบด้วยสีแดงสด สีเดียวกันกับชุดเดรสเกาะอกสุดเซ็กซี่ที่แนบไปกับรูปร่างอวบอิ่มและแสนจะยั่วยวนของเธอ

ซึ่งจากที่ผมพิจารณานะ ผมว่าเธอเป็นคนที่มีจริตค่อนข้างมากเลยทีเดียว ทั้งท่วงท่าในการขยับ รวมถึงการใช้สายตาที่มองผมกับเหล้ารัมสลับกันไปมาด้วย

"ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเหล้ารัม คิดถึงเป็นบ้า!" ซาแมนธาเป็นฝ่ายเริ่มต้นคุยกับเหล้ารัมก่อน โดยการแสดงความคิดถึงออกมาอย่างจริงจัง

"อย่ามาพูดเป็นเล่นน่า" ทำเอาอีกฝ่ายเลิกคิ้วขึ้นสูงเหมือนต้องการจะหยอกล้อ

"จริงสิยะ! มาๆ มากอดกันให้หายคิดถึงหน่อย~" แล้วสุดท้าย ทั้งคู่ก็กอดกันตามคำเชิญชวนของฝ่ายหญิง ปล่อยให้ผมได้แต่ยืนกระพริบตาปริบๆ มองพวกเขากอดกันโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ

คือ.. ก็ไม่เชิงว่าผมไม่คิดอะไรกับความสนิทสนมของทั้งเหล้ารัมและซาแมนธาหรอกนะ เพียงแต่พอคิดขึ้นมาแล้ว มันก็มีอีกความคิดนึงหักล้างขึ้นมาว่า..ใจของเหล้ารัมไม่ได้อยู่กับซาแมนธานะ เพราะฉะนั้นมันก็คงจะไม่มีอะไรหรอก เว้นเสียแต่ว่าใจของฝ่ายหญิงจะอยู่กับนายพ่อมดเหล้าแทน

แล้วหลังจากนั้นไม่นานนัก ซาแมนธาก็เป็นคนผละออกก่อนด้วยท่วงท่าที่งดงามในแบบที่ผมเชื่อว่าหนุ่มๆ หลายคนจะต้องอยากดึงเธอกลับเข้ามากอดอีกครั้ง ยกเว้น..เหล้ารัม เพราะเขาผละแล้วผละเลย ดูไม่มีการอ้อยอิ่งแต่อย่างใด แถมยังถอยกลับมายืนข้างผมเหมือนเดิมด้วย

มันทำให้ผมรู้สึก... ดีแฮะ : )

"แล้วนี่ใครกัน มนุษย์ไม่ใช่หรอ ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ" นั่นเลยทำให้ซาแมนธาเริ่มหันมาสนใจผมอย่างจริงจังบ้าง จนเหล้ารัมต้องรีบแนะนำตัวให้กับพวกเรา

"วาฬ นี่ซาแมนธา โคฟีลี่ เป็นเจ้าของห้องเสื้อ coven. แห่งนี้ แล้วก็เป็นเพื่อนของผมด้วย"

"ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณซาแมนธา" ผมโค้งคำนับตามแบบฉบับการทักทายของโลกเวทมนตร์ ในขณะที่อีกฝ่ายก็กางมือออกเล็กน้อยข้างลำตัวและถอนสายบัวรับแบบสุภาพสตรี เหล้ารัมก็เลยแนะนำผมให้ซาแมนธารู้จักบ้าง

"ส่วนซาแมนธา นี่วาฬนะ เป็น.. เอ่อ.. เป็น.."  แต่พอมาถึงผม เหล้ารัมที่แนะนำอีท่าไหนไม่รู้ จู่ๆ ก็เกิดการตะกุกตะกักขึ้นมาซะอย่างงั้น แถมยังหันมามองหน้าผมเหมือนต้องการให้ช่วยหาคำตอบด้วย จนซาแมนธาที่กลับมายืนตัวตรงเป็นปกติแล้ว ถึงกับต้องขมวดคิ้วมองเราสองคนสลับกันไปมา

"เอ่อ.. เพื่อนครับ เราสองคนเป็นเพื่อนกัน" ผมตัดสินใจรีบตอบคำถามแทนนายพ่อมด ก่อนที่คนรอคำตอบจะรอนานกว่านี้

"อ๋อ โอเคค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะวาฬ ประทับใจจังที่มนุษย์อย่างคุณรู้จักทำความเคารพแบบพวกเราด้วย ถือว่าเป็นการให้เกียรติกันมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ" ทำให้ซาแมนธาคลายคิ้วที่ขมวดกันอยู่ออก แล้วส่งยิ้มมาให้ พร้อมทั้งกล่าวชื่นชมเรื่องการทำความเคารพของผมที่เนียนไปกับสถานที่

ก็แหงล่ะ ถ้าซาแมนธารู้ว่าผมนามสกุลอะไร และเติบโตมาใกล้ชิดกับพ่อมดแม่มดขนาดไหน ก็คงจะไม่แปลกใจหรอกที่ผมแสดงความเคารพได้อย่างเป็นเรื่องธรรมชาติแบบนี้

แต่จะว่าไป.. มันก็แปลกอยู่นะที่เธอดูจะไม่ติดใจอะไรกับคำตอบของผมเลย คือแบบ.. พ่อมดแม่มดส่วนใหญ่เวลาเห็นมนุษย์อยู่กับพ่อมดแม่มดก็จะเกิดคำถามมากมาย และคำถามที่สำคัญที่สุดคือ..มาจากตระกูลไหน? เพราะต้องการให้แน่ใจว่ามนุษย์แบบผมมาจากครอบครัวที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาจริงๆ แต่นี่ซาแมนธาดูไม่สนใจที่ผมแตกต่าง ก็แค่พูดว่า 'มนุษย์ไม่ใช่หรอ ทำไมมาอยู่ที่นี่' เหมือนคำถามเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไป อืม... ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเหล้ารัมพามนุษย์มาหาซาแมนธาบ่อยๆ ก็คงเป็นเพราะว่าเธอไม่ใช่พวกยอมเรื่องของคนอื่นน่ะนะ

ซึ่งผมเดาว่าน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า

"ด้วยความยินดีครับ"

"เพื่อนงั้นหรอ? อืม.. ผมว่าไม่ใช่นะ : )" แต่ในขณะที่การแนะนำตัวกำลังจะจบลงด้วยดี จู่ๆ เหล้ารัมก็ดันโยนระเบิดลงมากลางวงซะอย่างงั้น!

ละ..แล้วถ้าไม่ใช่เพื่อนมันจะอะไรล่ะ!? เป็นคู่พันธะสัญญาก็บอกคนอื่นไม่ได้ แฟน..ฟะ..แฟนก็ยิ่งไม่ใช่ใหญ่!

"แล้วถ้างั้นเป็นอะไรกันแน่" ทำให้คราวนี้ซาแมนธาที่เหมือนจะเลิกสนใจเรื่องความสัมพันธ์ไปแล้วถึงกับเท้าเอวแล้วหรี่ตามองนายพ่อมดเหล้าอย่างรอคำตอบ อารมณ์ประมาณว่า..ถ้าคราวนี้ยังไม่ได้คำตอบที่แท้จริงล่ะก็เหล้ารัมเจอดีแน่ ผมที่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรก็เลยได้แต่ยืนรอฟังไปด้วย

แล้วในที่สุด...

"ต้องเรียกว่าวาฬเป็น.. เจ้าของหัวใจ : )"

"ต๊ายยย!"

...เหล้ารัมก็บอกสถานะของผมออกมา

ทำเอาซาแมนธาถึงกับกรีดร้องด้วยความตกใจ แต่ในขณะเดียวกัน.. สีหน้าของเธอก็ดูยิ้มแย้มและเบิกบานกับสิ่งที่ได้ยิน จนผมนึกสงสัยว่าซาแมนธานี่เป็น..แม่มดสาววายปะ!?

คือ.. ไม่ใช่ว่าสาววายไม่ดีนะครับ แต่สถานการณ์แบบนี้ถ้าเป็นผู้หญิงทั่วไปคือต้องตกใจและแสดงออกว่าไม่โอเคไม่ใช่หรอ!?

"งั้นก็แสดงว่าวาฬเป็นแฟนของนายน่ะสิ! โอ๊ยยยย ตายแล้วๆ ฉันดีใจด้วยนะยะ บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่างนายน่ะต้องเป็นเกย์ชัวร์! เพราะขนาดว่าฉันยั่วยวนซะขนาดนี้นายยังคิดกับฉันแค่เพื่อนเลย แล้วเป็นไงยะ ควงผู้ชายหน้าหวานมาแบบนี้ ผิดจากที่ฉันพูดที่ไหนกันเล่า!"

แถมยังออกตัวแรงใช้คำว่า 'แฟน' ให้ผมกับเหล้ารัมด้วย ซึ่งมันไม่ใช่ความจริงไงครับ ฟะ..แฟนเฟินที่ไหนกัน ถึงผมจะมีพันธะ (สัญญา) ผมก็ยังโสดอยู่นะ ไม่เคยมีใครมาขอเป็นแฟนสักหน่อย

แต่ความเข้าใจผิดนั้นก็ดูเหมือนว่าจะหาจังหวะอธิบายอะไรไม่ได้เลย เพราะซาแมนธาเอาแต่กระโดดโลดเต้นอย่างมีจริตเสียยกใหญ่ในขณะที่พูดนั่นพูดนี่ออกมา

จนเหล้ารัมต้องเอ่ยปากต่อบทสนทนานั่นแหละ เธอถึงได้ยอมหยุดและฟัง "คุณก็รู้ว่าอย่างพวกเราน่ะมันรักคนยาก กว่าจะเจอคนที่ใช่มันก็ต้องใช้เวลา" ก่อนที่จังหวะนั้นนายพ่อมดเหล้าจะหันมามองผม เหมือนต้องการจะให้ผมรู้ว่า 'คนที่ใช่' ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากเงาที่สะท้อนอยู่ภายในตาสีม่วงอ่อนคู่นั้น และมันก็คือ..ผม "แต่เราก็ยังไม่ใช่แฟนกันหรอกนะซาแมนธา"

"อ้าว! ก็นายบอกเองว่าเป็นเจ้าของหัวใจ ถ้าไม่ใช่แฟนแล้วจะให้เรียกว่าอะไร คนรักหรอ?" ซาแมนธาหุบยิ้มลงทันที ดูเหมือนว่าระดับอารมณ์ของเธอจะสามารถขึ้นสุดลงสุดแบบไม่ต้องอาศัยความต่อเนื่องเลยนะ

"คนรักยิ่งไม่ใช่ใหญ่ เพราะมีแค่เขาที่เป็นเจ้าของหัวใจผม แต่ว่าผมน่ะ..ยังเป็นเจ้าของหัวใจวาฬไม่ได้เลย : )"

ตึกตัก ตึกตัก

กะ..ก็จริงอย่างที่เหล้ารัมบอกนั่นแหละ เขายังไม่ใช่เจ้าของหัวใจของผมนะ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม.. พอเหล้ารัมพูดและยิ้มออกมาด้วยความเป็นธรรมชาติของเขาแบบนั้น หัวใจผมมันกลับกระตุกและเต้นแรงขึ้นมาทันที! ทั้งๆ ที่สิ่งที่นายพ่อมดเหล้าพูดก็แฝงความเศร้าอยู่ในนั้นด้วย ไม่ใช่อะไรที่น่าจะใจเต้นแรงด้วยเลยสักนิด

หรือว่า.. หัวใจของผมมัน.. ต้องการที่จะประท้วงอะไรรึเปล่าวะ!?

"อ๋อ แบบนี้นี่เอง ปัญหาสุดคลาสสิคของรักต่างเผ่าพันธุ์สินะ"

แล้วไหนจะคำพูดต่อจากนั้นของซาแมนธาอีก.. ที่ถึงแม้ว่าจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่กลับทำให้คนฟังที่ตอนแรกกำลังใจเต้นแรงอยู่อย่างผม เป็นอันต้องรู้สึก..โหวงเหวงภายในหัวใจ พร้อมกับจังหวะการเต้นที่ดูจะเชื่องช้าลงกว่าเดิม..

ปัญหารักสุดคลาสสิคอย่างงั้นหรอ?

แสดงว่าเกิดขึ้นบ่อยจนกลายเป็นอมตะเลยสินะ แล้ว... ส่วนใหญ่เวลาที่เกิดความรักแบบนี้ขึ้น เขาผิดหวังหรือสมหวังมากกว่ากันล่ะ?

"ก็ประมาณนั้น" คำถามมากมายเริ่มเกิดขึ้นในหัวผมต่อจากนั้น แต่ผมพยายามที่จะปัดมันทิ้งไป และหันมองเหล้ารัมที่เพิ่งจะกล่าวตอบรับประโยคของซาแมนธา ทำให้เธอยักไหล่ทีนึงเพื่อเป็นภาษากายในการตอบรับคำพูดของเหล้ารัมเช่นกัน

แล้วในขณะที่จะต้องเริ่มบทสนทนาใหม่ เพราะบทสนทนาเก่าสิ้นสุดลงและไม่สามารถไปต่อได้ ซาแมนธาในชุดสีแดงก็ทำหน้าตกใจเหมือนนึกบางอย่างขึ้นมาได้..

"ตายจริง! ฉันลืมไปเลยว่าลืมชวนพวกนายนั่ง"  ..นั่นก็คือเรื่องที่เธอปล่อยให้เรายืนคุยกันอยู่สักพักนึงแล้ว ซาแมนธาจึงรีบกุลีกุจอพาผมและเหล้ารัมไปนั่งลงตรงชุดโซฟาใกล้กับเตาผิงที่มีรูปสวยๆ ของซาแมนธาในชุดราตรีหลากหลายรูปแบบแขวนอยู่รวมกันอย่างเป็นระเบียบ ซึ่งเกือบทุกรูปจะมีชายหน้ามึนในชุดสูทสีเทายืนถ่ายอยู่ด้วย ไม่เว้นแม้แต่.. รูปที่ซานแมนธาถ่ายคู่กับเขา..ที่กำลังนอนหลับตานิ่งอยู่ในโรงศพอย่างดี และมีช่อดอกไม้สีแดงวางอยู่บนอก..

นั่นพอจะทำให้ผมเดาเรื่องได้ไม่ยาก.. และผมจะไม่มีทางถามถึงมันออกมาเด็ดขาด..

"ขอบคุณนะครับ" แต่เลือกที่จะกล่าวขอบคุณเมื่อได้นั่งลงข้างๆ เหล้ารัมที่โซฟายาวแทน

ส่วนซาแมนธา เธอเลือกที่จะนั่งเก้าอี้นวมซึ่งอยู่ฟังตรงข้าม ซึ่งก็ดี นั่งแบบนี้มันจะถึงคุยกันได้ถนัดๆ น่ะนะ

"ไม่ต้องขอบคุณหรอก เรื่องแค่นี้เอง" ซาแมนธากวักมืออย่างไม่ซีเรียส ก่อนจะเริ่มเข้าเรื่องเสียที "ว่าแต่พวกนายเถอะ มาหาฉันวันนี้ มีธุระอะไรล่ะ"

ถึงจะใช้คำว่า 'พวกนาย' แต่ดูท่าว่าแม่มดสาวจะโฟกัสสายตาไปที่เหล้ารัมนะ ซึ่งก็ถูกแล้ว เพราะว่าเขานั่นแหละที่เป็นคนพาผมมา

"ผมอยากให้คุณช่วยตัดชุดให้เราสองคนหน่อย"

"ตัดชุดงั้นหรอ ชุดอะไรล่ะ ชุดแต่งงานหรือเปล่า?" ส่วนคำถามนี้ซาแมนธากลับเลือกหันมาทางผมแทน พร้อมทั้งฉีกยิ้มอย่างคนอยากแกล้ง ซะ..ซึ่งมันได้ผลมาก!

"เอ่อ.." เพราะผมถึงกับกลายเป็นปลาขาดน้ำพูดอะไรไม่ออกไปเลย..

"นี่ อย่าแกล้งวาฬน่าซาแมนธา" จนเหล้ารัมต้องรีบช่วย

"แหมๆ แหย่นิดแหย่หน่อยไม่ได้เลยนะยะ" ส่งผลให้อีกฝ่ายตัดพ้อขึ้นมาด้วยน้ำเสียงฟังดูเหมือนกับคนกำลังน้อย แต่ไหงริมฝีปากแดงสดกลับหยักยิ้มพึงพอใจซะจนปิดไม่มิด ก่อนจะเว้นจังหวะเล็กน้อยเพื่อสลับข้างไขว่ห้าง แล้วเอนหลังพิงกับพนัก "แล้วสรุปว่าอยากจะตัดชุดอะไรล่ะ"

"ชุดไปงานเลี้ยงเต้นรำสวมหน้ากากของตระกูลเกรวินเกอร์ที่จะจัดขึ้นในคืนวันพรุ่งนี้สำหรับเราสองคน คุณพอจะช่วยตัดให้ผมได้มั้ยซาแมนธา : )"

"ว่าไงนะ!?" แล้วผมก็ถึงกับสะดุ้งที่จู่ๆ ซาแมนธาก็แผดเสียงขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เธอยังยิ้มอยู่เลย คะ..คงเพราะคำขอของเหล้ารัมสินะ!?

"ผมบอกว่าผมอยากให้คุณช่วย..."

"นายคิดว่านายเป็นใครกันเหล้ารัม! กล้าดียังไงมาสั่งตัดวันนี้แล้วจะเอาคืนพรุ่งนี้ ขนาดว่าเจ้าชายมาขอให้ฉันตัดกะทันหันฉันยังไม่รับเลย แถมยังสั่งสอนส่งท้ายให้รู้สึกนึกด้วย แล้วนายล่ะเป็นใครใหญ่มาจากไหน เป็นพระราชาหรือไงยะ!!"

วินาทีที่ความเดือดของซาแมนธาดูจะสูงขึ้น ผมอยากจะลากเหล้ารัมออกจากร้านด้วยความหวาดหวั่นใจ เพราะกลัวว่าจะต้องเกิดการดวลเวทมนตร์ขึ้นมาเสียแล้ว แต่ดูนายพ่อมดเหล้าสิ! นอกจากที่จะไม่สะทกสะท้านสะเทือนอะไรแล้ว ยังยิ้มใจเย็นอยู่ได้ บ้าที่สุด!

"ผมไม่ใช่พระราชาหรอกซาแมนธา ผมก็แค่พ่อมดธรรมดาๆ คนนึงที่อยากได้ชุดของคุณใส่ไปออกงานคืนพรุ่งนี้ ในเมื่อคุณก็รู้ดีว่าเสื้อผ้าสั่งตัดของแบรนด์ coven. น่ะดีที่สุดในโลกนี้แล้ว แล้วคุณจะยังใจร้าย ปล่อยให้ผมกับวาฬใส่ชุดของแบรนด์อื่นไปร่วมงานอีกหรอครับ"

"..."

ผมมองเหล้ารัมที่พยายามจะใช้น้ำเสียงออดอ้อนเพื่อให้ได้มาซึ่งชุดสั่งตัดของแบรนด์ coven. สลับกับแม่มดสาวเจ้าของแบรนด์ที่กำลังหน้างอกอดอกโดยไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักคำ

"เหล้ารัม ผมว่า.." นั่นเลยทำให้ผมตัดสินใจที่จะเสนอความคิดเรื่องเปลี่ยนแบรนด์กับเหล้ารัม เพราะถึงผมจะไม่ใช่คนตัดเย็บ แต่ผมก็เข้าใจซาแมนธาดี ว่าสิ่งที่นายพ่อมดเหล้าขอมันมากเกินไป ทว่า.. เหล้ารัมกลับคว้ามือผมไปจับไว้ ก่อนจะบีบหนึ่งทีเหมือนต้องการจะส่งสัญญาณให้รู้ว่าเขาสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ ผมก็เลย..เงียบ และเลือกที่จะเป็นคนประเมินสถานการณ์ต่อไป

แล้วใครจะคิด ว่าจู่ๆ.. "โอเค ฉันยอมตัดให้ก็ได้!" คนที่เพิ่งจะแผดเสียงเหมือนโกรธเหล้ารัมมาก จะยอมคลายแขนที่กอดอกอยู่ลง แล้วยอมแพ้อย่างง่ายดาย ทั้งๆ ที่นายพ่อมดเหล้าก็ดูจะไม่ได้ถือไพ่เหนือกว่าเลยด้วยซ้ำ "แต่ฉันจะตัดให้แค่ชุดเดียวเท่านั้น เพราะฉันไม่มีเวลามากพอหรอก รู้ไว้ซะด้วย!"

"มันต้องมาอย่างงี้สิซาแมนธา : )"

"ไม่ต้องมาอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะยะ! นายทำฉันโกรธมาก รู้ไว้ซะด้วย!"

อย่าว่าแต่ซาแมนธาเลย เป็นผมก็คงเคืองเหมือนกันนั่นแหละ สั่งวันนี้จะเอาพรุ่งนี้ ถึงพ่อมดแม่มดจะเสกนั่นเสกนี่ได้ แต่กับงานฝีมือน่ะ พวกเขาไม่ใช้เวทมนตร์กับสิ่งเหล่านี้หรอกนะ นั่นก็เท่ากับว่า ซาแมนธาจะต้องตัดชุดด้วยตัวของเธอเอง แถมยังอยู่ภายในเวลาที่จำกัดด้วย

เป็นผมนะ ผมไม่รับเด็ดขาด!

"ว่าแต่จะให้ตัดให้ใครล่ะ จะได้วัดตัวถูก เพราะฉันให้ได้แค่ชุดเดียวเท่านั้นจริงๆ ห้ามต่อรองอะไรทั้งนั้น แล้วก็รีบๆ ตอบมาด้วย ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ" หลังจากนั้นซาแมนธาก็ลุกขึ้นยืนกอดอกหันมาทางผมกับเหล้ารัม แม้จะยังดูไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก แต่ก็ดูพร้อมจะเริ่มทำงานของเธอแล้ว

"งั้น.. เอ่อ.. ผมว่าคุณตัดให้เหล้ารัมดีกว่านะครับซาแมนธา ชุดของคุณน่าจะเหมาะกับเขามากกว่าผม" ผมเลยผายมือไปทางเหล้ารัม แต่ดูเหมือนว่าเขาจะส่ายหน้าไม่เห็นด้วย

"ถ่อมตัวเกินไปแล้วหนุ่มน้อย งั้นฉันตัดสินใจเองเลยก็แล้วกัน ฉันจะตัดให้คุณค่ะวาฬ โอเคนะ" ในขณะที่ซาแมนธาเองก็ยืนยันที่จะตัดให้ผม

"อะ..โอเคครับ" ผมเลยต้องรีบตอบรับทันที เพราะเดี๋ยวมัวแต่เกี่ยงไปมา นอกจากจะไม่ได้สักชุดแล้ว ซาแมนธาอาจจะคิดว่าผมไม่ให้เกียรติเธอก็ได้

อีกอย่าง ผมว่าเหล้ารัมน่าจะโอเคที่ไม่ได้ชุดนะ เพราะเขาดูจะไม่เสียใจเลยสักนิดที่ซาแมนธาเลือกผม แต่กลับเอนตัวผิงโซฟาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และมองดูผมเดินไปหาแม่มดสาวที่กำลังกระดิกนิ้วขึ้นกลางอากาศ

แล้วไอ้การกระดิกนิ้วนั้น มันก็ส่งผลให้สิ่งของสามสิ่งลอยมาหาเธอ ได้แก่สมุด ดินสอ และสายวัด

"โอเค งั้นเรามาเริ่มวัดตัวกันเลยก็แล้วกัน" ซาแมนธาคว้าสมุดด้วยมือซ้ายเพื่อเปิดมันไปตรงหน้าที่ยังว่าง เสร็จแล้วก็ใช้มือขวาคว้าดินสอไว้ โดยปล่อยให้สายวัดยังคงลอยอยู่กลางอากาศแบบนั้น "ถอดเสื้อผ้าออกเลยจ้ะ"

"อะ..อะไรนะครับ!?"

"ฉันบอกให้คุณถอดเสื้อผ้าออกไง"
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 8.1 || อัพเดท : 23/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 23-06-2016 20:00:17
"มันต้อง..." ผมอยากถามว่า 'มันต้องถอดด้วยหรอครับ' แต่พอเห็นว่าซาแมนธาเริ่มหรี่ตา ผมก็เลยหยุดพูดแค่นั้น แล้วหันไปหาตัวช่วยอย่างเหล้ารัมแทน

"เอ่อ.. ซาแมนธา ผมว่าคุณแค่วัดผ่านเสื้อก็น่าจะพอแล้วมั้ง" ซึ่งต้องขอบคุณมากที่เหล้ารัมไม่บ้าจี้ตามไปด้วยอีกคน

"อะไรกันยะ" นั่นเลยทำให้ซาแมนธาเปลี่ยนเป้าหมายไปหรี่ตาใส่เหล้ารัมแทน "นี่มันเป็นกฎของร้านฉันนายก็รู้ ขนาดเจ้าชายยังต้องถอดเลย นายเองก็ด้วย" ก่อนจะสะบัดหน้าหนีอย่างไม่พอใจ แต่ก็ยังไม่วายหันกลับมายิ้มมุมปากอย่างคนเจ้าเล่ห์

"แต่ว่า.."

"ไม่รู้ล่ะ ถ้าวาฬไม่ถอด ฉันก็ไม่ตัดให้ บอกตรงๆ เลยว่าไม่ง้อ คิวงานฉันยาวไปถึงสองปีหน้าแล้วย่ะ!" แล้วเจ้าหล่อนก็สะบัดหน้าอีกที

"เอ่อ.." ทำให้คราวนี้เหล้ารัมต้องหันมามองหน้าผมอย่างลำบากใจแทน

บะ..แบบนี้ก็แสดงว่ามีให้เลือกแค่สองทาง คือถอดเพื่อวัดตัวแล้วได้ชุด กับไม่ถอดแล้วเดินออกจากร้านไปเลยสินะ!?

คือจริงๆ ไอ้เรื่องถอดน่ะผมก็ไม่ได้เกี่ยงอะไรเท่าไหร่หรอก ถึงจะไม่ใช่เรื่องที่คุ้นชินที่ต้องมาถอดต่อหน้าคนแปลกหน้า แต่ผู้ชายกับการถอดเสื้อมันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่แค่.. ไม่โอเคที่จะถอดต่อหน้าเหล้ารัมก็เท่านั้นเอง!

มันแบบ... มันเขินอะ!!

"เอาไง นี่พวกนายทำให้ฉันเสียเวลานอนนะ"

"โอเคครับ ถอดก็ถอด" ผมเลยตัดสินใจยอมถอดในที่สุด เพราะไม่อยากจะทำตัวเรื่องมากไปมากกว่านี้แล้ว ซึ่งพอถอดเสื้อออกเรียบร้อย เหล้ารัมก็เป็นคนรับมันไปถือไว้ให้

"ต๊ายยย! หุ่นทรงนาฬิกาทราย ผิวก็ข๊าวขาว แถมหัวนมยังสีชมพูอีก ถ้าฉันมีของดีแบบคุณนี่ฉันถอดมาตั้งแต่หน้าประตูแล้วค่ะ" กะ..ก่อนที่ซาแมนธาจะเริ่มบรรยายร่างกายของผมออกมาด้วยเสียงดังฟังชัด โดยเฉพาะกับเรื่อง..เอ่อ..หัวนมสีชมพู

ซึ่งผมอายมาก!

อายแบบที่ต้องรีบยกมือขึ้นมาปิดบังเอาไว้ เพราะว่าใบหน้ามันร้อนไปหมด ยิ่งหันไปเห็นเหล้ารัมที่สองข้างแก้มแดงและจับจ้องร่างกายของผมตาเป็นมัน ผมยิ่งอายจนอยากจะมุดเข้าไปซ่อนอยู่ใต้พรมแล้วเนี่ย!

"มะ..มองอะไรเล่า!" แต่เพราะว่าผมไม่สามารถมุดตัวไปซ่อนใต้พรมได้อย่างที่ใจคิด เลยหันไปดุเหล้ารัมแทน แล้วนายพ่อมดเหล้าก็ตอบแทนการดุของผมด้วยการ..ฉีกยิ้ม!

เยี่ยม เยี่ยมไปเลย อะ..ไอ้พ่อมดหื่น!

"เอ้า ถอนกางเกงออกด้วยสิ ฉันรอคุณอยู่นะคะวาฬ"

เดี๋ยวนะ.. "ตะ..ต้องถอดกางเกงออกด้วยหรอครับ!?"

ผมถึงขั้นร้องเสียงดังใส่ซาแมนธาเลยเมื่อรู้ว่าตัวเองจะต้องถอดท่อนล่างออกด้วย!

"ก็ใช่น่ะสิ ให้เหลือแค่ชั้นใน ฉันจะได้วัดได้ถนัดๆ ทั้งท่อนบนและล่าง เว้นเสียแต่ว่า.. เธอจะอยากใส่ชุดไปงานเลี้ยงที่มีแค่เสื่อท่อนบนน่ะนะ : )"

"..."

ผมพูดอะไรไม่ออกเลย.. อยากจะทึ้งหัวตัวเองแรงๆ สักทีสองทีกับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ ในเมื่อซาแมนธาเองก็ดูจะเอาจริง ขณะที่เหล้ารัมก็ไม่น่าจะขอความช่วยเหลืออะไรจากเขาได้แล้ว ฮืออออออ~ เอาไงดีวะเนี่ยวาฬ!?

"ฉันนับถอยหลังนะ อีกแค่ห้าวิฉันจะเปลี่ยนใจละ"

"แต่ว่าซาแมนธา.." พอเห็นว่าซาแมนธาดูจะหมดความอดทน เหล้ารัมก็เลยเข้ามาช่วยพูด แต่เหมือนว่าแม่มดสาวเจ้าของห้องเสื้อจะไม่สนใจอีกต่อไป

"ห้า"

"ซาแมนธา!"

"สี่"

"..."

"สาม"

"..."

"สอง"

"โอเคเคครับ ถอดก็ถอด!"

ผมตัดสินใจตะโกนแทรกการนับถอยหลังของซาแมนธาในที่สุด ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ผมเองก็ไม่อยากกลับไปมือเปล่าเหมือนกันแหละ

"มันต้องอย่างงั้นสิ แค่ถอดกางเกงเอง ไม่เห็นจะต้องอายอะไร ยิ่งฉันยิ่งไม่ต้องอายใหญ่ ฉันน่ะมันมืออาชีพอยู่แล้ว : )" พอพูดจบ ซาแมนธาก็ปล่อยให้สมุดกับดินสอในมือลอยค้างกลางอากาศแล้วคว้าสายวัดตัวมาถือไว้อย่างเตรียมพร้อม

"ผะ..ผมไม่ได้อายคุณหรอกครับ แต่ว่าผม...อายเหล้ารัมต่างหาก..." ผมจึงใช้จังหวะที่กำลังปลดกระดุมกางเกงขายาวอธิบายให้ซาแมนธาเข้าใจ

"โอเค งั้นหยุดก่อน" ทำให้จู่ๆ ซาแมนธาก็รีบเบรกผมเอาไว้ อะ..อะไรอีกล่ะ?

"มีอะไรหรอซาแมนธา" แล้วคนที่ถามขึ้นก็คือเหล้ารัม เพราะตอนนี้แม่มดสาวกำลังหันไปมองเขา

"ไม่ได้ยินหรือไงเหล้ารัม วาฬเขาอายนาย ฉันว่าเรื่องนี้นายควรรับผิดชอบนะ"

คำพูดของซาแมนธาทำให้เหล้ารัมอ้าปากเหมือนอยากที่จะเถียงอะไรกลับมา แต่สุดท้าย..เขาก็ยกมือยอมแพ้ ทั้งๆ ที่หน้าดูไม่สบอารมณ์เลยสักนิด

"โอเค งั้นผมจะออกไปข้างนอกก่อน ถ้าวัดตัวเสร็จแล้วโทรถามผมก็แล้วกันนะวาฬ" ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินคอตกออกไป

นี่..ที่เหล้ารัมออกอาการหงอยก็เพราะว่า..ไม่ได้ดูผมแก้ผ้าวัดตัวงั้นหรอ?

ผะ..ผมควรจะดีใจหรือเสียใจดีวะเนี่ย!?

"เดี๋ยว" แต่ยังไม่ทันที่เหล้ารัมจะเดินไปไหนได้ไกล ซาแมนธาก็เรียกเขาเอาไว้ จนนายพ่อมดเหล้าหันกลับมานั่นแหละ เธอถึงได้พูดต่อ "ฉันไม่ได้หมายความว่าให้นายออกไป แต่ฉันแค่จะบอกว่าฉันเปลี่ยนใจแล้ว ถ้าเกิดว่านายอยากได้ชุดด้วย ฉันก็จะตัดเพิ่มให้อีกหนึ่งชุด แต่ว่า... นายจะต้องรับผิดชอบความอายของวาฬโดยการถอดเสื้อผ้าเป็นเพื่อนเขาซะ จะได้ไม่ต้องมีใครอายใคร แล้วฉันจะได้วัดตัวให้เสร็จๆ เสียที : )"

"พูดเป็นเล่น!"

"อันที่จริงนายก็รู้นะว่าฉันชอบพูดเล่น แต่ไม่ใช่ในเวลาแบบนี้แน่ : )"

"..."

ก็เลยสรุปว่า... สิ่งที่ผมคิดว่าจะได้แก้ผ้าต่อหน้าซาแมนธาเพียงคนเดียวโดยไม่มีเหล้ารัม กลับกลายเป็น..มีนายเหล้ารัมมายืนถอดเสื้อกับกางเกงเหลือแค่ชั้นในสีดำตัวเดียวยืนอยู่ข้างๆ ผม...

ซึ่งผมสาบานเลยนะว่าผมพยายามแล้วที่จะไม่มองหุ่นของเขา แต่.. สะ..สายตามันก็ไม่รักดีไงครับ! ต้องคอยแอบชำเลืองมองกล้ามหน้าท้องของเขาอยู่เป็นระยะ.. โอ๊ยยย ตายๆๆ เขาซ่อนรูปโคตรอะ! เพราะเวลาที่ใส่เสื้อผ้านี่เหมือนเหล้ารัมจะเป็นแค่ผู้ชายสูงผอมลำตัวยาวธรรมดาๆ นะ แต่พอถอดออกนี่แบบ...แน่นใช้ได้เลย แถมตัวก็ไม่หนาเกินไปด้วย ดูกำลังดี ดูแบบ... ฮะ..เฮ้ย! เดี๋ยวๆ นี่ผมมาบรรยายร่างกายของเหล้ารัมทำไมเนี่ย!?

อยากได้ฉายา..ไอ้มนุษย์หื่นหรือไงเล่าวาฬ!?

"โอเค เรียบร้อยแล้ว งั้นเดี๋ยวฉันไปเอาแบบที่เคยสเก็ทช์ไว้มาให้ดู ระหว่างนี้พวกนายก็ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยก็แล้วกันนะ : )" แล้วหลังจากใช้เวลาในการวัดตัวเราทั้งคู่อยู่สักพัก (ซึ่งผมเกร็งมาก! เกร็งจนโดนซาแมนธาทั้งดุทั้งฟาดเพื่อให้หายเกร็ง จนตรงที่โดนตีนี่มันแดงไปหมดแล้วเนี่ย!) ซาแมนธาที่จดสัดส่วนลงสมุดเสร็จเรียบร้อยก็หันมองผมกับเหล้ารัมสลับกันด้วยรอยยิ้มสุขใจ แล้วเดินเข้าไปในห้องด้านหลังร้าน

"..."

"..."

ทำให้ตอนนี้เหลือก็แต่ผมกับเหล้ารัมที่สวมชั้นในกันคนละตัว ของเขาสีดำ ของผมสีขาว โดยที่..ต่างฝ่ายต่างเงียบ..

ไม่ใช่ว่าเราโกรธหรืองอนกันจนไม่พูดอะไรกันนะ แต่ผมเชื่อว่าเขาเองก็คงรู้สึกแปลกๆ เหมือนผมที่เราทั้งคู่ต้องมาอยู่ในสภาพนี้ด้วยกันตามลำพัง โดยที่ไม่มีซาแมนธาคอยเป็นตัวกลางอีกแล้ว

ผมก็เลย.. สูดหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งที่เพื่อต้องการที่จะรวบรวมความกล้าของตัวเอง แล้วขยับเดินไปยังราวผ้าที่ซาแมนธาเสกมาให้เราสองคนได้ใช้กัน และนั่นก็ทำให้ผมได้ยินเสียงเหล้ารัมที่เดินตามมา ก่อนเขาจะหยุดยืนข้างๆ

ซึ่งทุกอย่างมันคงจะง่ายกว่านี้มากถ้าเราแยกเสื้อผ้าของใครของมันก่อนเอาขึ้นพาดราว นี่เล่นพาดรวมกัน มันก็เลยต้องทำให้เราทั้งคู่ต้องช่วยกันดึงส่วนที่เป็นของตัวเองออกแบบนี้ ทว่า..!

"อ๊ะ!" ผมสะดุ้งตัวถอยออกมาเล็กน้อย เมื่อไหล่เปลือยเปล่าของเราสองคนเผลอโดนกันเข้า และมันก็..เกิดไฟฟ้าสถิตบ้าๆ ขึ้นมา!

"..."

"..."

ผมรู้นะว่าตอนนี้เหล้ารัมกำลังมองมาที่ผมอยู่ แต่ตัวผม..กลับต้องใช้เวลาเกือบสิบวิ..กว่าที่จะสามารถเงยหน้าขึ้นมามองเขาได้...

แล้วก็อย่างที่คิดเลยครับ เขากำลังใช้นัยน์ตาสีม่วงอ่อนคู่นั้นจับจ้องมาที่ผมอยู่จริงๆ โดยที่ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา ก็แค่..ต่างฝ่ายต่างสบตากันภายใต้ความเงียบเท่านั้น...

ซึ่งเอาจริงๆ ผมก็ไม่รู้ว่าเราสองคนจะมัวแต่มองกันอยู่ทำไม ทำไมถึงไม่รีบใส่เสื้อกันให้เรียบร้อย แต่ดูสิ.. เขาหน้าแดงขึ้นมาเฉยเลย ในขณะที่ผมก็..เริ่มจะร้อนๆ ที่สองข้างแก้มแล้วเหมือนกัน แสดงว่าแก้มก็คงแดงไม่แพ้เขาเหมือนกัน

"..."

"..."

ไม่รู้ว่านี่จะเรียกว่าเกมได้มั้ย แต่ผมกับเหล้ารัมไม่มีใครละสายตาออกจากกันเลย จนผมเกิดความคิดบ้าๆ ขึ้นมาในหัวว่าบางที.. เราอาจจะจ้องตากันแบบนี้จนถึงเช้าเลยก็ได้..

ถ้าไม่ติดว่า...

"อ้าว! ยังไม่ใส่เสื้อผ้ากันอีกหรอจ๊ะหนุ่มๆ หรือว่า... คิกๆ อยากจะทำอะไรอย่างอื่นกันอีกมั้ย ห้องลองชุดกับห้องเก็บของหลังร้านว่างนะ สนใจหรือเปล่าเอ่ย : )"

...ซาแมนธาดันเข้ามาขัดจังหวะซะก่อน!

"ซาแมนธา!" นั่นทำเอาเหล้ารัมต้องหันไปโวย ก่อนจะรีบสวมเสื้อผ้าของตัวเอง

"..." ในขณะที่ผมก็ก้มหน้าก้มตาใส่เสื้อผ้าเงียบๆ ด้วยความเขินอายจากการแซวของซาแมนธา แล้วก็จากความคิดที่ว่า...ผมกับเหล้ารัมอาจจะจ้องตากันจนถึงเช้า...

นี่ผมคิดอะไรแบบนั้นออกมาได้ไงเนี่ย!?

อะ...อายจังโว๊ยยย!

(http://3.bp.blogspot.com/-K4uGPMHBFL8/Vkqbvu7BYJI/AAAAAAAAAMU/BvXEb3oq544/s1600/LwGGTRf.gif)

ใครที่อยากพูดถึงเหล้ารัมกับวาฬบนทวีตเตอร์ ฝาก #พ่อมดเหล้า ด้วยนะครับ : )

my page : แฮมสเตอร์ (https://www.facebook.com/hamsterisanauthor/)

 :hao6:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 8.1 || อัพเดท : 23/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 23-06-2016 20:09:38
 วาฬ นมชมพู :hao6: :hao6: :hao6:
อิจฉาเหล้ารัมที่ได้เห็นจริงๆ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 8.1 || อัพเดท : 23/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 23-06-2016 20:57:16
 :ling1:

อยากกลายร่างเป็นสายวัดตัวจริงวุ้ย

แหล่ม  :jul3:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 8.1 || อัพเดท : 23/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 23-06-2016 21:01:37
โหหห เหล้ารัมนายแอบหื่นด้วยยยยย :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 8.1 || อัพเดท : 23/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 23-06-2016 21:17:35
กรี๊ดดดด เขินหนักมากค่าาาาา  :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 8.1 || อัพเดท : 23/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: cinnsin ที่ 23-06-2016 22:00:18
อ๋อยยยยย สถานการณ์เป็นใจหนักมากกกกกก  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 8.1 || อัพเดท : 23/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 23-06-2016 22:08:44
น่าร๊าก!!!
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 8.1 || อัพเดท : 23/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 24-06-2016 01:19:50
ซามแมนธาเยี่ยมเลย น่ารัก ฮาดี ชอบๆ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 8.1 || อัพเดท : 23/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 24-06-2016 01:56:48
ซาแมนธานี้ได้กำไรไปเต็มๆเลย อิจค่ะ 55555
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 8.1 || อัพเดท : 23/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 24-06-2016 03:17:40
 :katai4:  วาฬแอบหื่นหรอจ๊ะ น่ารักกันจริง ๆ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 8.1 || อัพเดท : 23/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 24-06-2016 14:03:50
สถานการณ์เป็นใจมากค่ะ 55555
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 8.1 || อัพเดท : 23/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: KoiKa ที่ 24-06-2016 15:37:19
โอยยยยยยย หัวนมชมพูววววววว 555555+
ทำเอาเราอยากลวนลาม เอ๊ย วัดตัวให้น้องวาฬเลย
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 8.1 || อัพเดท : 23/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: YADA ที่ 25-06-2016 14:44:58
ห้องลองชุดห้องเก็บของว่าง  o13
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 8.1 || อัพเดท : 23/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 25-06-2016 23:48:27
เห็นหุ่นกันและกันอย่างงี้
หวั่นไหวกันมั้ยย ตอบบบ

อ๊าาย ซาแมนทาอยากได้ผู้ช่วยมั้ย เค้าสมัครร
หัวนมชมพู กับกล้ามท้องงงงง ฟินน
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 8.2 [จบบท] + ชี้แจงการอัพเดทใหม่ || อัพเดท : 26/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 26-06-2016 18:52:58
#8.2

คืนวันอาทิตย์.. ผมกับเหล้ารัมมาถึงงานค่อนข้างช้า เนื่องจากจู่ๆ นายพ่อมดเหล้าก็ดูจะตัวใหญ่ขึ้นจากเมื่อวานตอนที่วัดไซส์กัน ทำให้ซาแมนธาและทีมงานต้องจัดการปรับแก้กันเล็กน้อย กว่าที่ทักซิโด้สีดำเนี้ยบจะแนบและพอดีไปกับหุ่นของเหล้ารัม

แต่ผลสรุปสุดท้ายของกระบวนการแก้ก็คือ.. นายพ่อมดเหล้าดูดีมาก! ยิ่งเขาเสยผมสีบลอนด์ไปทางด้านหลังแบบเวทลุค แล้วสวมหน้ากากสีเงินแบบนี้ มันยิ่งทำให้เขาดูฮอตขึ้นกว่าเดิมอีกเป็นสิบเท่า และใช่ เขาคือคู่ควงไปงานของผมในคืนนี้ไม่ผิดแน่ : )

ในขณะที่ทักซิโด้สีขาวหิมะอีกชุดนึงนั้นเหมือนจะเกิดมาเพื่อผมโดยเฉพาะ มันกรีดร้องชื่อผมตั้งแต่ตอนที่ได้เห็นครั้งแรก แล้วพอได้ใส่ เหมือนว่าทุกอย่างดูจะพอเหมาะพอเจาะ มีความลงตัวเข้ากับหน้ากากสีทองที่ผมกำลังใส่อยู่ ไม่มากไปไม่น้อยไป แถมสีของมันก็ยังช่วยขับผิวของผมอีกด้วย

ได้ชุดที่สุดจะยอดเยี่ยมแบบนี้มา ก็ถือว่าไม่เสียแรงที่ยอมแก้ผ้าต่อหน้าเหล้ารัมเมื่อวานนี้น่ะนะ

อายจริง แต่ก็ถือว่าคุ้ม!

ซึ่งไอ้เจ้างานเลี้ยงเต้นรำสวมหน้ากากที่เหล้ารัมกำลังส่งบัตรเชิญให้การ์ดร่างใหญ่ดูอยู่เนี่ย มันถูกจัดขึ้นที่คฤหาสน์เก่าแก่ของตระกูลเกรวินเกอร์

เหล้ารัมเล่าให้ผมฟังเกี่ยวกับงานเลี้ยงเต้นรำในคืนนี้ว่า..เป็นงานเลี้ยงเต้นรำสวมหน้ากากประจำปีที่เก่าแก่มาก ถูกจัดขึ้นมาเป็นร้อยกว่าปีแล้ว เรียกว่าอยู่คู่กับประวัติศาสตร์ของโลกเวทมนตร์มาอย่างยาวนาน โดยจุดประสงค์ของตระกูลเกรวินเกอร์ก็เพื่อให้พ่อมดแม่มดวัยหนุ่มสาวนั้นได้สืบทอดประเพณีการเต้นรำอันทรงคุณค่านี้ไว้ตราบนานเท่านาน ซึ่งนั่นเป็นเพียงแค่ความคิดของผู้ใหญ่น่ะนะ เพราะเหล้ารัมบอกกับผมว่าสำหรับหนุ่มสาวในงานแล้ว งานนี้คืองานสำหรับการหาคู่ชั้นยอด เนื่องจากผู้ที่จะได้รับบัตรเชิญล้วนแล้วแต่เป็นพ่อมดแม่มดในสังคมชั้นสูงแทบทั้งนั้น "เรียกว่าคัดสรรคนที่มีฐานะมาให้พร้อมสรรพแบบนี้ ใครล่ะจะไม่ลองหาเหยื่อในงานดู จริงมั้ย?" และผมก็เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคำพูดของนายพ่อมดเหล้า ถึงแม้ว่าตามกฎของธรรมชาติพวกเขาจะรักคนยากก็จริง แต่ก็มีอีกหลายคู่เลยล่ะที่แต่งงานกันเพียงเพื่อต้องการสืบสกุลและทรัพย์สมบัติไว้ ไม่มีการเห็นแก่ความรักอะไรทั้งนั้น

แล้วสาเหตุที่เหล้ารัมได้รับบัตรเชิญแบบวีไอพีมาก็เพราะว่าเพื่อนรุ่นพี่ของเขานามว่าวินเซนต์ เป็นผู้นำตระกูลคนปัจจุบันของเกรวินเกอร์ ซึ่งถือว่าเป็นโฮสต์หลักของงานนี้ แต่เอาจริงๆ ต่อให้ให้เขาไม่ใช่เพื่อนกัน พ่อมดหนุ่มจากตระกูลอัครวรกุลพิชิตอย่างเหล้ารัมก็ต้องถูกเชิญให้มาร่วมงานตามฐานะทางสังคมอยู่แล้ว

"เชิญเข้างานได้ครับ"

แต่เรื่องรายละเอียดงานรวมถึงความวีไอพีของนายเหล้ารัมน่ะพักไว้ก่อนนะ เพราะตอนนี้วินาทีที่น่าตื่นเต้นและน่าหวาดหวั่นใจในคราวเดียวกันของผมกำลังจะเกิดขึ้น เมื่อการ์ดเปิดเช็คบัตรเชิญเสร็จเรียบร้อย และเปิดเชือกกั้นทางเข้าของแขกระดับเอลิสต์ให้เราสองคนเดินเข้าไป

"เหล้ารัม คุณแน่ใจนะว่าทุกอย่างจะโอเค"

"แน่ใจสิ ทำไมหรอ?"

"คือ.. คุณเห็นใช้มั้ยว่าการ์ดจับจ้องคู่ของเราใหญ่เลย"

"เห็นสิ ดูสนใจมากทีเดียว"

"เพราะฉะนั้นทุกคนที่อยู่ในงานก็คงจะไม่ต่างกันหรอกนะ"

และสาเหตุที่ผมและเหล้ารัมตกเป็นเป้าสายตาก็ไม่ใช่อะไร แต่เป็นเพราะว่าน่าจะมีเพียงคู่เราเท่านั้นที่เป็นคู่ควงของผู้ชายกับผู้ชาย ซึ่งถ้าจะให้พูดกันตามจริง โลกเวทมนตร์ก็ไม่ได้แอนตี้อะไรหรอก เพียงแต่ด้วยความที่มีน้อย ก็เลยทำให้คนอื่นยิ่งสนใจมากเป็นพิเศษ

ทว่า..

"ถ้ากลัวงั้นก็ไม่ต้องควงผมก็ได้" เหล้ารัมแกะมือผมที่ควงแขนเขาอยู่ออก ซึ่งมันทำให้ใจผมร่วงหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเลยตอนนี้.. "แต่จับมือผมไว้ จะได้ไม่ต้องกลัว เพราะผมจะไม่ปล่อยมือจากคุณเด็ดขาด" ก่อนที่เขาจะช่วยเก็บหัวใจของผมกลับขึ้นมา เมื่อเหล้ารัมเลื่อนมือของเขามาจับมือของผมเอาไว้แน่น

แล้วก็เหลือเชื่อนะ... มันทำให้ผมอุ่นใจได้จริงๆ กับเพียงแค่การได้จับมือกับเขาเท่านั้น

นั่นเลยทำให้ผมกล้าพอที่จะเดินเคียงข้างนายพ่อมดเหล้าเข้าไปในงานที่จัดขึ้นอย่างหรูหราและคลาสสิคที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา บอกให้รู้เลยว่าต่อให้นายทุนทุ่มเงินสร้างงานเลี้ยงเต้นรำสวมหน้ากากในหนังหรือในซีรี่ส์ออกมาให้แพงแสนแพงขนาดไหน ก็ไม่อาจที่จะเทียบเทียมกับงานของตระกูลเกรวินเกอร์ที่อยู่ต่อหน้าผมได้

ตึกตัก ตึกตัก

ถึงขนาดที่ทำเอาหัวใจผมเต้นผิดจังหวะไปเลย ตอนที่หันมองไปรอบๆ งาน

"เป็นไง ใช่งานในแบบที่คุณอยากมามั้ยครับวาฬ : )"

ก่อนจะพยายามรวบรวมสติของตัวเองตอนที่คนข้างๆ เอ่ยถามขึ้น และตอบเขาไปว่า.. "ยิ่งกว่าที่ผมอยากมาอีกครับ เพราะว่านี่มัน..ความฝันชัดๆ!"

นายพ่อมดหัวเราะออกมาเลยตอนที่ผมร้องเสียงตื่นเต้น และหยิกตัวเองต่อหน้าเขาเพื่อให้แน่ใจว่านี่ไม่ใช่เพียงแค่ภาพฝันไปเท่านั้น

"นั่นใครน่ะ ใช่เหล้ารัมหรือเปล่า?"

แต่เพียงไม่นาน.. ความฝันของผมก็ดูเหมือนจะสลายหายไป..

"ฉันว่าใช่นะ ผมสีนั้น รูปร่างแบบนั้น มีแค่เหล้ารัมคนเดียวเท่านั้นแหละ"

"ตายจริง! งั้นก็แสดงว่าเขาเป็นเกย์อย่างที่คนเขาลือกันจริงๆ น่ะสิ"

หายไป.. พร้อมกับคำนินทา และสายตาเกือบทุกคู่ที่มองมาที่เรา..

"เฮ้ย นั่นมันเหล้ารัมไม่ใช่หรอวะ ไหงควงผู้ชายมางานด้วยวะน่ะ"

"ก็กูบอกแล้วว่ามันเป็นเกย์"

"แต่เหล้ารัมเขาเป็นพ่อมดที่เก่งมากเลยนะ"

"อ้าว เก่งแล้วเป็นเกย์ไม่ได้หรือไงเล่า"

"ว่าแต่นั่นน่ะ มนุษย์ไม่ใช่หรอวะ"

"เออ จริงด้วย คู่ควงแม่งเป็นมนุษย์ว่ะ!"

"มึงอย่าเสียงดังดิ ถ้าดวลเวทมนตร์กัน มึงสู้เหล้ารัมไม่ไหวนะเว่ย"

"เออๆ แต่นั่นมันมนุษย์จริงๆ ว่ะ นอกจากจะมีคู่ควงเป็นผู้ชายแล้วยังเป็นมนุษย์อีก ประหลาดโคตร"

"เออ ประหลาดจริงๆ"

แต่รู้อะไรมั้ย? ฝันที่เกือบจะสลายหายไปแล้ว.. กลับสวยงามขึ้นอีกครั้ง เมื่อเหล้ารัมบีบมือผมให้แน่นขึ้น.. ทั้งๆ ที่เสียงซุบซิบนินทายังคงดังมาจากหลายทิศทางอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นคำว่า 'เกย์' คำว่า 'มนุษย์' หรือคำว่า 'แปลกประหลาด' แต่กลับไม่มีผลกับผมอีกต่อไป

เพียงเพราะ.. เหล้ารัมที่จับมือผมไว้ และคอยส่งยิ้มมาให้เมื่อผมหันไปมอง..

"ดูเหมือนว่าคนจะจำคุณได้นะครับ" แต่ก็ยังอดที่จะไม่พูดถึงไม่ได้น่ะนะ เพราะยอมรับว่ามันก็ทำให้ใจผมรู้สึกขุ่นมัวเหมือนกัน

"นั่นน่ะสิ ความหล่อของผมเนี่ย แค่หน้ากากอันเดียวคงจะปิดไม่อยู่จริงๆ : )" ต่างจากเหล้ารัมที่ยังคงติดตลกอยู่ได้

ซึ่งผมว่ามันดีนะที่เหล้ารัมไม่แสดงความรู้สึกว่าซีเรียสอะไรกับคำนินทาและสายตาเหล่านั้น เพราะมันก็เลยทำให้ความสดใสจากรอยยิ้มของเขาส่งผลมาถึงผมด้วย

ดังนั้นผมก็เลยติดตลกกลับไปบ้าง "งั้นคงต้องโทษความหล่อของคุณแล้วล่ะ ที่ทำให้คนนินทาเราระยะเผาขนแบบนี้" ก่อนจะหัวเราะออกมาเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าผมไม่ได้ซีเรียสอะไรแล้ว

"แล้วใครสนล่ะ" คราวนี้เหล้ารัมจับมือผมอีกข้างไปกุมไว้ด้วยกัน "ใครอยากพูดอะไรก็พูดไป เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราสองคนมีหน้าที่ที่ต้องช่วยกันเก็บเกี่ยวความทรงจำดีๆ จากงานนี้ และรักษาหน้ากากของเราเอาไว้ ให้สมกับที่เป็นงานเลี้ยงเต้นรำสวมหน้ากากครั้งแรกในชีวิตของคุณกันดีกว่า : )"

"..."

ซึ่งพออีกฝ่ายพูดจบ ผมก็รู้สึกว่าตัวเองหมดคำที่จะพูด.. เพราะสิ่งดีๆ ที่ควรพูด ถูกเหล้ารัมแย่งพูดไปหมดแล้ว เลยได้แต่ส่งยิ้มให้เขา เพื่อแทนคำขอบคุณสำหรับคำพูดดีๆ ที่เขาได้พูดออกมา

จะว่าไป.. เหล้ารัมนี่ก็เก่งเนอะ เก่งมากที่สามารถทำให้หมอกร้ายภายในใจผมมันจางหายไปได้เพียงแค่ได้รับคำพูดและรอยยิ้มที่เป็นธรรมชาติจากเขา จนบางทีผมก็นึกอยากขอบคุณเจ้าคำสาปร้ายเหมือนกัน ที่ช่วยคัดสรรคนดีๆ แบบนี้เข้ามาในชีวิตผม และทำให้ผมได้รับรู้ถึงความรู้สึกดีๆ จากคนหนึ่งคนที่นอกเหนือไปจากพ่อแม่และเพื่อน

ผมนี่ก็.. โชคดีเหมือนกันเนอะ : )

"แต่ว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเต้นรำนะ เพราะฉะนั้นคุณกับผมควรหากิจกรรมอย่างอื่นทำกันก่อน"

แต่ในขณะที่ผมกำลังคิดถึงความโชคดีที่ได้มาเจอกับเหล้ารัมอยู่นั้น นายพ่อมดก็เปิดประเด็นใหม่ขึ้น ทำให้ผมต้องรีบเก็บความคิดเหล้านั้น ก่อนจะเริ่มกวาดตามองไปรอบๆ เพื่อมองหากิจกรรมอื่นในงานที่น่าสนใจแทน

โอเค ลานที่ผู้คนจำนวนมากยืนกันอยู่ตอนนี้น่าจะเป็นฟลอร์สำหรับเต้นรำ เพราะมีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง อยู่ตรงทางขึ้นบันไดใหญ่ของบ้านที่ตั้งไมค์ไว้ตรงชั้นลอยตรงทางแยกประหนึ่งเวที ส่วนฝั่งซ้ายมือที่ติดกับฟลอร์ก็เป็นพื้นยกสูงสำหรับวงออเคสต้า ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมาไม่น่าจะเป็นกิจกรรมที่สามารถทำฆ่าเวลาได้ เว้นเสียแต่เหล้ารัมอยากพูดคุยกับใคร หรือไม่ก็พากันโดดขึ้นไปแย่งเครื่องดนตรีของวงออเคสต้ามาเล่นน่ะนะ

เพราะฉะนั้นสิ่งเดียวที่คิดว่าน่าจะเวิร์คสำหรับทั้งผมและเหล้ารัม น่าจะเป็นทางเดินฝั่งขวาที่หนุ่มสาวหลายคู่กำลังพากันเดินไป เพราะว่ามันคือทางไปยังโซนห้องอาหารยังไงล่ะครับ : )

"ผมรู้แล้วล่ะว่าเราควรจะทำอะไรกันดี"

เหล้ารัมเลิกคิ้วสูงเหมือนต้องการจะถามว่าสิ่งที่ว่านั่นคืออะไร ผมก็เลยชี้ให้นายพ่อมดหน้าฝรั่งหันไปมองทางซ้ายมือ และนั่นทำให้อีกฝ่ายหันกลับมายิ้มให้ผม

"กู๊ดไอเดียเลยครับวาฬ : )" ก่อนจะตอบรับ แล้วพากันเดินจูงมือไปยังห้องอาหารที่มีพื้นที่กว้างกว่าส่วนฟลอร์เต้นรำหลายเท่า

ซึ่งอาหารการกินภายในงานนั้นเป็นแบบบุฟเฟ่ต์บาร์ทั้งหมด สามารถเลือกตักได้หลากหลายแนว และก็จุใจด้วย เพราะไม่ว่าแขกในงานจะตักไปเท่าไหร่ อาหารทุกอย่างก็จะคืนสภาพกลับมาเต็มเหมือนเดิม โดยไม่ต้องพึ่งพาบริกรให้ต้องคอยยกอาหารมาเพิ่มเติมเลยสักนิด เนี่ยแหละนะ ความสะดวกสบายของเวทมนตร์น่ะ

"คุณอยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย" ซึ่งพอผมกับเหล้ารัมมีจานเปล่าอยู่ในมือคนละใบ พร้อมกับมาหยุดยืนอยู่ตรงแถบอาหารคาวที่มีให้เลือกหลากหลายชนิดและหลากหลายชาติแล้ว ผมก็ตัดสินใจถามเขา เผื่อว่าจะเป็นแนวทางในการตักให้กับผมบ้าง

"ไม่รู้สิครับ เพราะว่าตอนนี้มันน่ากินไปหมดเลย" แต่เหล้ารัมก็เหมือนผม อาหารเยอะจนลายตา แถมหน้าตาก็น่ากินไปเสียทุกอย่าง เลือกยากอะบอกเลย

ทว่าพอเวลาผ่านไปได้ประมาณหกวิ จากตอนแรกที่เราเอาแต่ยืนมองอย่างเลือกไม่ถูก ก็เริ่มค่อยๆ ทยอยตักนั่นตักนี่จนล้นจาน ก่อนจะหยิบจานเปล่าใบใหม่เพื่อตามกันไปตักของหวานต่อด้วย เรียกว่าเรากะจะกินทีเดียวแบบไม่ต้องลุกมาตักให้ขาดตอนเลย

"คุณหยิบฝั่งนี้นะ เดี๋ยวผมหยิบฝั่งนี้ แล้วเดี๋ยวเราแบ่งกันกิน จะได้กินได้หลายๆ อย่าง" แถมเหล้ารัมยังมีการบอกแผนในการหยิบของหวานด้วย อะไรจะจริงจังกับการกินขนาดนี้นะ ฮ่าๆๆ~ "อ๊ะ! ไอ้นั่นไม่เอาครับวาฬ" แต่ในขณะที่ผมกำลังจะหยิบบราวนี่รสช็อกโกแลตใส่จาน นายพ่อมดเหล้าก็ปาดเข้ามาห้ามทันที

"ทำไมล่ะ น่ากินออก"

"ผมเกลียดช็อกโกแล็ตครับ" ไม่พูดเปล่า เหล้ารัมยังเบ้ปากแรง แถมทำท่าเหมือนขนลุกให้ผมดูด้วย

"ทำไมกัน อร่อยออก ผมชอบมากเลยนะ"

"ไม่จริงครับ ไม่เห็นจะอร่อยเลยสักนิด ผมไม่เคยได้รับรสชาติอื่นจากมันได้เลยนอกจากความขม เพราะฉะนั้นขอร้องเถอะนะครับ ถ้าอยากเป็นมิตรกัน อย่าเอามันมาใกล้ผมเลย : ("

"ฮ่าๆๆ~ โอเคครับ" พอเห็นว่าเหล้ารัมดูจะไม่ชอบช็อกโกแลตแบบจริงจัง ผมก็ยกมือยอมแพ้ "เอาเป็นว่าผมจะไม่หยิบอะไรที่เป็นช็อกโกแลตก็แล้วกัน" ก่อนจะทำการยืนยันเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ นายพ่อมดถึงได้ยอมกลับไปหยิบขนมในส่วนที่เขารับผิดชอบต่อ

"สวัสดีเหล้ารัม" แล้วในขณะที่ผมกับเหล้ารัมกำลังง่วนอยู่กับการเลือกหยิบขนมหวานใส่จานอยู่นั้น ใครคนนึงก็เดินเข้ามา

เขาสูงพอๆ กับเหล้ารัม แต่มีกล้ามแขนและความหนาของลำตัวมากกว่าสองเท่า ดูอกผายไหล่ผึ่ง ให้ความรู้สึกเหมือนทำงานในกองทัพเวทมนตร์ โดยเฉพาะเมื่อใส่ทักซิโด้สีน้ำตาลเข้มฟิตหุ่นกับคอมแบทหนังสีเดียวกันแต่เข้มกว่าแบบนี้ ยิ่งทำให้ภาพของทหารในหัวผมมันชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ส่วนผิวของเขานั้นเป็นสีแทนดูสุขภาพดี มีผมสีน้ำตาลเข้มจัดทรงเท่ สวมหน้ากากสีทองแบบที่ปิดสูงไปถึงหน้าผาก เลยทำให้ผมไม่รู้ว่าคิ้วและช่วงตาของเขานั้นมีลักษณะอย่างไร รู้เพียงแค่ว่านัยน์ตาของผู้ชายคนนี้เป็นสีฟ้าใส ไว้หนวดเคราบางๆ และมีรูปหน้าคมเข้มที่จัดว่าดูดีอีกด้วย

"อ้าว นึกว่าใคร ที่แท้ก็เจ้าชายเบเนดิกต์สุดเท่ของเรานี่เอง ว่าแต่..ไหงจำได้ด้วยวะว่าเป็นฉันน่ะ"

คำว่า 'เจ้าชาย' ทำให้ผมเบิกตาโตแบบอัตโนมัติ!

ผะ..ผู้ชายคนนี้เป็นพ่อมดเชื้อพระวงศ์อย่างงั้นหรอ!?

งั้นก็แสดงว่าที่เหล้ารัมเคยบอกว่ามีเพื่อนเป็นเจ้าชายรัชทายาทของโลกเวทมนตร์นี่ก็เรื่องจริงอะดิ!

ก็ว่าอยู่ ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้มีรูปร่างเหมือนพ่อมดที่ทำงานในกองทัพเวทมนตร์นัก เพราะว่าที่โลกนี้น่ะ หากเจ้าชายองค์ใดได้รับตำแหน่งรัชทายาท จะต้องเข้าร่วมฝึกในกองทัพเป็นเวลาหนึ่งปี เพื่อที่จะได้เกิดความสมัครสมานสามัคคีกับเหล่าทหารเวท เพราะในอนาคตพอขึ้นเป็นพระราชาแล้ว จะได้เข้าใจและสามารถคุมกองทัพซึ่งเป็นทหารของพระองค์ได้

"จำได้สิ คนอย่างแกมันโดดเด่นเกินไป ปิดยังไงก็ไม่มิดหรอก"

จริงของเจ้าชาย เหล้ารัมโดดเด่นเกินไปจริงๆ ทั้งความสูง สีผม สีตา รวมถึงรอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ หน้ากากแค่นี้ไม่มีทางปิดบังตัวตนของเขาได้แน่

"เจ้าชายเองก็โดดเด่นใช่เล่นเสียเมื่อไหร่ แต่ก็ขอบคุณที่ชมนะ รู้สึกปลื้มใจจัง : )"

"ขอบคุณที่ชมเช่นกันเว่ย แต่นั่นยังไม่ใช่ประเด็นที่ฉันมาหาแกหรอกนะ"

"อ้าว แล้วมาหาฉันด้วยเรื่องอะไรล่ะ : )"

"ไม่ต้องมาทำเป็นตีหน้าซื่อเลยนะไอ้พ่อมดเจ้าเล่ห์ แค่เห็นยิ้มของแก ฉันก็รู้แล้วว่าแกน่ะรู้ว่าฉันเข้ามาทักด้วยเรื่องอะไร"

"อ๋อ~ เข้ามาทักเพราะว่าคิดถึงสินะ : )"

"ไม่ใช่โว้ยยยย!"

"งั้นก็คงเพราะอยากหาเพื่อนคุยใช่มั้ย : )"

"เพราะเรื่องที่แกควงคุณผู้ชายคนนี้มาด้วยต่างหาก!" เจ้าชาย (ที่ผมยังจำชื่อไม่ได้) หันมาชี้ผมที่ยังคงถือจานใส่ขนมและไร้ซึ่งบทพูดทีนึง แล้วหันกลับไปหาเหล้ารัม "นี่สรุปที่แกบอกฉันว่ากำลังมีใจให้มนุษย์เพศชายนี่มันเรื่องจริงหรอวะเนี่ย"

"แล้วใครจะไปกล้าโกหกเจ้าชายเบเนดิกต์ (อ๋อ นี่ไงชื่อเจ้าชาย) ล่ะครับ : )"

พอได้ยินแบบนั้น เจ้าชายเบเนดิกต์ก็ยกมือขึ้นเหมือนจะยอมแพ้เหล้ารัม แล้วเปลี่ยนคู่สนทนามาเป็นผมแทน

"สวัสดีครับ ผมชื่อเบเนดิก ไซดีค แห่งราชวงศ์เนน เจ้าชายราชทายาทองค์ปัจจุบันของโลกเวทมนตร์ ยินดีที่ได้รู้จักครับ"

"ยะ..ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ อะ..เอ้ย! หมายถึง... เอ่อ.." ผมที่ยืนเงียบอยู่นาน พอได้ฟังการกล่าวแนะนำตัวของเจ้าชายเบเนดิกต์แบบเต็มยศเช่นนี้ ก็เลยเผลอทะเล่อทะล่าพูด 'ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน' ออกไป ทั้งที่จริงๆ แล้ว ควรจะต้องแนะนำตัวเองให้เจ้าชายได้รู้จักก่อน น่ะ..น่าอายชะมัด!

"ทำตัวตามสบายเถอะครับ ยังไงผมก็เป็นเพื่อนของเหล้ารัม คุณไม่ต้องคิดว่าผมเป็นเจ้าชายก็ได้" ถึงพระองค์จะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่ผมไม่สามารถที่จะเลิกคิดว่าพระองค์ไม่ใช่เจ้าชายได้หรอกนะ ต่อให้พระองค์เป็นเพื่อนกับเหล้ารัมก็ตาม

เพราะฉะนั้น อันดับแรก..ผมจึงตั้งสติให้มั่น หันไปวางจานของหวานในมือลงข้างๆ จานอาหารที่ตักเอาไว้ก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะหันกลับมาโค้งคำนับแบบพิเศษ โดยการนำมือขวาขึ้นวางทาบไว้บนอกซ้าย เพื่อเป็นการทำความเคารพพ่อมดแม่มดที่มีสายเลือดสูงศักดิ์อย่างเจ้าชาย

"ผมชื่อ.."

"อ๊ะๆ ชู่ววว~ เก็บเรื่องของคุณไว้เป็นความหลับก่อนดีกว่า"

แต่ในขณะที่ผมกำลังจะแนะนำตัวเอง เหล้ารัมที่ยืนยิ้มอยู่ในตอนแรก ก็ก้าวยาวๆ เข้ามาห้ามผมไว้ โดยการขยิบตาขวาหนึ่งทีพลางแตะนิ้วชี้ลงบนริมฝีปากผม..

เอ่อ.. นี่เป็นการส่งสัญญาณบางอย่างสินะ

ว่าแต่ว่า.. ทำไมนายพ่อมดเหล้าสัมผัสนิ้วแค่ที่ปาก.. แต่กลับรู้สึกชาวาบไปทั่วทั้งตัวเลยล่ะเนี่ย แถมสองข้างแก้มก็รู้สึกร้อนๆ ด้วย.. ขะ..เขินอะไรกับเรื่องแค่นี้ฟะ!?

"อ้าว ไหงงั้นล่ะ!?" ส่วนเจ้าชายที่น่าจะไม่เห็นตอนเหล้ารัมขยิบตาก็ร้องถามออกมาซะเสียงหลงเลย คงงงว่าทำไมจู่ๆ เหล้ารัมก็เข้ามาห้ามสินะ เพราะผมเองก็..งงไม่ต่างกันนั่นแหละ!

"ขอเก็บไว้เป็นความลับก่อน พร้อมเมื่อไหร่ ฉันจะพามาออกสื่อให้ได้รู้จักนะครับเจ้าชาย : )"
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 8.2 [จบบท] + ชี้แจงการอัพเดทใหม่ || อัพเดท : 26/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 26-06-2016 18:54:13
"เออ ให้มันได้อย่างงี้สิ!" ถึงแม้ว่าจะมีหน้ากากบังอยู่เกือบครึ่ง แต่ความหงุดหงิดของเจ้าชายเบเนดิกต์ก็แทบจะทะลุหน้ากากออกมาเลย จนผมอยากจะหันไปตีเหล้ารัมสักทีสองทีที่ทำให้เจ้าชายไม่พอใจแบบนี้แต่ยังยืนยิ้มอยู่ได้

แต่ก็อย่างว่าแหละ เล่นขยิบตาให้ผมแบบนั้น แสดงว่าเหล้ารัมเองก็คงจะมีเหตุผลบางอย่างที่อยากให้ผมเงียบไว้ ซึ่งถ้าให้ผมเดานะ ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องพันธะสัญญาแน่ เพราะถ้าเกิดว่าเจ้าชายรู้นามสกุลของผม ก็ต้องรู้เรื่องเกี่ยวกับคำสาปด้วย (เพิ่งจะนึกได้) นี่ผมลืมนึกไปได้ยังไงกันว่าต้นตระกูลของผมกับต้นตระกูลของพระองค์เกี่ยวข้องกันมากขนาดไหน โดยเฉพาะเรื่องของคำสาปน่ะ


แล้วหากเจ้าชายเบเนดิกต์รู้เข้า ก็อาจจะเกิดเป็นความคำถามที่ว่าทำไมเหล้ารัมถึงได้มายุ่งกับคนใกล้ตายอย่างผม? ทีนี้ล่ะก็ยาวลามไปถึงเรื่องพันธะสัญญาจนได้


ถึงผมจะไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงของการที่เหล้ารัมให้ปิดเรื่องพันธะสัญญาครั้งที่สอวเอาไว้ก็เถอะนะ แต่ในเมื่อผมรับปากไปแล้ว ก็ถือว่าเป็นเงื่อนไขที่ผมควรจะยึดถือไว้ เพราะฉะนั้นครั้งต่อไปจะพูดอะไรก็ควรที่จะต้องคิดให้รอบคอบกว่านี้

"ถ้างั้นฉันขอตัวไปหาที่นั่งกินอาหารกับคู่ควงก่อนก็แล้วนะเจ้าชาย ไว้เจอกัน : )" ไม่เพียงเท่านั้น เหล้ารัมยังหยิบจานที่ผมวางไว้ส่งมาให้ ก่อนจะหันไปหยิบจานสองจานของตัวเอง แล้วขอตัวลาจากเจ้าชาย

"เฮ้ย อะไรวะ ยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลยนะเหล้ารัม" แต่ว่าพระองค์ไม่ยอมไง แถมยังมีการเอาตัวเข้ามาขวางไว้ด้วย

"อยู่นี่เองไอ้เหล้ารัม"

ทว่า.. ยังไม่ทันที่จะได้มีใครพูดอะไรหรือขยับไปไหนต่อจากนั้น ก็มีใครอีกคนเดินเข้ามาหาเหล้ารัมเสียก่อน ดูท่าจะสนิทสนมกับนายพ่อมดเหล้าไม่แพ้เจ้าชายเบเนดิกต์เลยด้วย

เขาเป็นชายร่างสูง ผิวขาวจัด หุ่นพอๆ กับเหล้ารัม แต่น่าจะตัวเล็กกว่าหน่อย ไว้ผมยาวระต้นคอสีดำขลับเข้าทรง รับกับใบหน้าเรียวยาวภายใต้หน้ากากสีเงินที่เหมาะกับชุดทักซิโด้สีน้ำเงินเข้มของเขา

ส่วนที่ผมชอบที่สุดของผู้ชายคนนี้น่าจะเป็นนัยน์ตาสีแอมเบอร์ที่ส่องประกาย มันทำให้รู้สึกได้ว่าเขาเป็นมิตรมากกว่าศัตรู

ว่าแต่.. แล้วเขาเป็นใครกันล่ะ?

"หวัดดีวินเซนต์"

"นึกว่าแกจะยุ่งจนไม่มีเวลาทักพวกฉันซะอีก"

ผมหันมองเหล้ารัมกับเจ้าชายเบเนดิกต์สลับกัน เพราะเหล้ารัมเป็นเจ้าของประโยคแรกที่กล่าวทักทายคนมาใหม่ จึงทำให้รู้ว่าเจ้าของตาสีแอมเบอร์คนนี้มีชื่อว่าวินเซนต์ ในขณะที่ประโยคหลังเป็นของเจ้าชาย ซึ่งทำให้ผมได้รู้ว่าพระองค์เองก็น่าจะเป็นเพื่อนกับคุณวินเซนต์อะไรนี่เช่นกัน เมื่อดูจากคำสรรพนามที่ใช้เรียก

เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ.. ผมว่าชื่อวินเซนต์นี่มันคุ้นๆ แฮะ?

"สวัสดีไอ้เหล้ารัม สวัสดีไอ้เจ้าชาย โทษทีที่มาทักช้า พอดีมีเรื่องนิดหน่อย"

"เรื่องอะไรวะ" เจ้าชายเบเนดิกต์เป็นคนถามกลับไป ในขณะที่เหล้ารัมเองก็ดูจะสนใจเช่นกัน มีแต่ผมเนี่ยแหละที่ยังคงนึกอยู่ว่าตัวเองไปได้ยินชื่อวินเซนต์มาจากจากไหน?

"ก็แม่ฉันน่ะสิ หัวเสียใหญ่เลยที่ไอ้เหล้ารัมควงคุณผู้ชายคนนี้เข้ามาในงาน ถึงขั้นจะให้ฉันเชิญออกจากงานเลยนะ"

"อ๋อ~ ผมนึกออกแล้ว คุณคือวิเซนต์ ผู้นำตระกูลของเกรวินเกอร์ เพื่อนรุ่นพี่ของเหล้ารัมใช่มั้ยครับ"

"..."

"..."

"..."

ผมพูดโพล่งออกไปทันทีเมื่อในที่สุดก็นึกออกว่าคุณวินเซนต์คนนี้ก็คือวินเซนต์เดียวกันกับที่เป็นโฮสต์ของงาน ทว่า.. เอ่อ.. ดูเหมือนผมจะผิดจังหวะไปหน่อยแฮะ เลยทำให้สามหนุ่มที่กำลังคุยกันอยู่ถึงกับเงียบ.. และหันมามองผมเป็นตาเดียว..!

"เอ่อ.. ขอโทษครับ" งานนี้ก็เลยต้องรีบขอโทษกับความผิดพลาดของตัวเอง เพราะดูท่าว่ากำลังคุยเรื่องสำคัญกันอยู่ด้วย

ตายๆๆ ผมนี่มันไร้มารยาทจริงๆ เลย ฮืออออ~

"ไม่เป็นไรครับ" โชคดีนะที่คุณวิเซนต์ดูจะไม่ถือสาอะไร แถมยังพากันหัวเราะไปกับอีกสองหนุ่มด้วย ผมก็เลยไม่รู้สึกแย่มากนัก "แล้วก็ใช่ ผมคือวินเซนต์ เกรวินเกอร์ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณ..?"

แล้วก็เป็นอีกครั้งที่มีคนอยากรู้ชื่อของผม แต่คราวนี้ผมไม่พลาดแน่ เลยโค้งคำนับกลับคืนไป ก่อนจะตอบกลับไปว่า.. "ยินดีที่ได้รู้จักเช่นครับคุณวินเซนต์ และต้องขออภัยด้วยที่ยังไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้"

"ฮ่าๆๆ~ มีงี้ด้วย?" คุณวินเซนต์ก็เลยหันไปหาเหล้ารัมที่กำลังส่งยิ้มพึงพอใจมาให้ผมแทน "ความคิดแกสินะ"

นายพ่อเหล้ามดเหล้าไม่ตอบอะไร ทำเพียงแค่ยิ้มและยักไหล่ให้เท่านั้น คุณวินเซนต์ก็เลยใช้กำปั้นดันอกเหล้ารัมไปทีนึงเหมือนเป็นการชำระความน่าหมั่นไส้อะไรแบบนั้น

"ว่าแต่เมื่อกี้ถึงไหนแล้วนะ? อืม.. อ๋อ แม่ฉันไม่พอใจที่เหล้ารัมควงคุณนิรนามเข้ามา" เดี๋ยวนะ คุณนิรนามนี่..หมายถึงผมหรอ? "ก็เลยอยากให้ฉันเชิญแกออกจากงาน เพราะมองว่าคู่เต้นรำชายกับชายอาจจะเป็นการทำให้ประเพณีที่สืบต่อกันมาอย่างยาวนานเสื่อมเสียได้ หึ เป็นไงล่ะ ทุกปีส่งบัตรเชิญไปก็ไม่เคยมา พอมาทีนี่แจ๊คพอร์ตเลยนะเพื่อน"

อา... ว่าแต่ว่านี่เป็นเรื่องที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่หรอเนี่ย ละ..แล้วผมกับเหล้ารัมควรทำไงดีล่ะ?

"แล้วทำไงล่ะ ให้ฉันไปคุยให้มั้ย" แล้วก็เป็นเจ้าชายเบเนดิกต์ที่เสนอตัวเข้ามาช่วย ทั้งๆ ที่คนจะถูกเชิญออกอย่างเหล้ารัมยังดูมีท่าทีสบายๆ ไม่เดือดไม่ร้อนอะไรกับใครเขาอยู่เลย

ชิลเกินไปปะ!?

"ไม่ต้องแล้ว เคลียร์เรียบร้อยแล้วล่ะ พอดีมีอัศวินเข้ามาช่วยไว้ก่อน"

"ต้องเป็นคุณย่าแน่ : )" โอเค ในที่สุดเหล้ารัมก็เปิดปากพูดออกมาจนได้ แถมยังเป็นการเปิดปากพูดที่ทำเอาคุณวินเซนต์เบิกตาโตขึ้นมาเลย

"เฮ้ย รู้ได้ไงวะ!?"

"ฉันเก่ง : )"

"เออ เก่งจริง เพราะคุณย่าบอกว่าห้ามไล่ แล้วก็บอกว่าเหล้ารัมกับคุณนิรนามมีสิทธิ์ที่จะเต้นรำในคืนนี้ด้วย ทำเอาแม่ฉันนี่เงียบกริบเลย"

โห~ คุณย่าของคุณวินเซนต์นี่เจ๋งว่ะ ถึงแม้ผมจะยังไม่เคยเจอ แต่คนที่อยู่ในยุคก่อน แต่ไม่กีดกันความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยปัจจุบันแบบนี้ ผมถือว่าเป็นบุคคลที่เจ๋งมากนะ อยากเข้าไปทำความเคารพจังเลยแฮะ

"คุณย่าเจ๋งว่ะ" แม้แต่เจ้าขายก็ยังคิดเหมือนผมเลย

"ใช่ เจ๋งมาก" รวมถึงเหล้ารัมเองก็ยังสนับสนุนความคิดนั้นด้วย

"งั้นก็แสดงว่าผมกับเหล้ารัมไม่ต้องออกจากงานแล้วใช่มั้ยครับ" ก่อนที่ผมจะตัดสินใจถามอะไรออกไปบ้าง เพราะรู้สึกว่าไม่มีบทพูดอะไรกับเขาเลย

"ใช่ครับ ไม่ต้องออกแล้ว เชิญสนุกกับงานในคืนนี้ได้เต็มที่เลยครับ" คุณวิเซนต์ก็เลยตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มที่ทำให้นัยน์ตาสีแอมเบอร์คู่สวยส่องประกายยิ่งกว่าเดิม จนทำให้ผมนั้นยิ้มตอบกลับไปเช่นกัน

จนกระทั่ง.. "พอๆ ขอปิดบทสนทนาแค่นี้" เหล้ารัมเดินเอาตัวเข้ามากั้นกลางระหว่างผมกับคุณวินเซนต์ไว้ ทั้งๆ ที่ผมยังส่งยิ้มค้างให้เพื่อนของเขาอยู่เลย

"อะไรกัน แค่นี้หวงหรอ" นั่นเลยทำให้โฮสต์ของงานถึงกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแซวๆ

แล้วไงต่อรู้มั้ย?

"ใช่"

อืม ตามนั้นแหละ พอคุณวินเซนต์ถามมา เหล้ารัมก็ตอบกลับไป สั้นๆ แต่ฟังดูรู้เลยว่าจริงจังมาก

"เอาแล้วไง ศึกชิงนาง.. เอ้ย ไม่สิๆ ต้องศึกชิงนาย บังเกิดแล้วครับ!" เจ้าชายเบเนดิกต์เองก็ใช่ย่อย พระองค์มีการทำเสียงเหมือนคนพากย์มวยเสริมทัพด้วย ทำเอาทุกคนในวงรวมถึงผมหลุดหัวเราะในวินาทีต่อมา

"เอาล่ะ ขอตัวแค่นี้แล้วกันนะ ฉันกับคู่ควงฉันตักอาหารมาถือไว้นานละ ไม่ได้กินสักที เพราะว่ามัวแต่มายืนคุยกับพวกแกสองคนอยู่เนี่ย ดูซิ เย็นหมดแล้วเห็นมั้ย" ก่อนจะตามมาด้วยการขอตัวไปกินอาหารอย่างจริงจังของเหล้ารัม ซึ่งผมเองก็เห็นด้วยว่าควรจะไปหาที่นั่งกินให้เรียบร้อยได้แล้ว หรือถ้าอยากคุยกันต่อ ก็ควรจะไปนั่งคุยให้เป็นที่เป็นทางน่ะนะ

"เออๆ ไม่กวนแล้วก็ได้วะ หมั่นไส้คนมีความรัก หึ!" เจ้าชายเบเนดิกต์เป็นคนแรกที่ตอบกลับมา พระองค์แกล้งเบะปากนิดนึงก่อนจะยิ้ม แล้วขอตัวจากไปเป็นคนแรก ทั้งๆ ที่นัยน์สีฟ้าคู่นั้นมันแสดงออกชัดมากว่ามีอีกหลายคำถามที่พระองค์ต้องการคำตอบ

"งั้นไว้เจอกัน ฉันเองก็ต้องไปตรวจอีกหลายอย่าง เอ้อ แล้วก็ระวังตัวด้วยล่ะ คืนนี้ไอ้ซองซูก็มาด้วย คงหาเรื่องมากวนนายไม่เลือกแน่" ก่อนจะตามมาด้วยคุณวินเซนต์ที่ถึงจะบอกลาทีหลังแต่เดินหายไปเร็วกว่าเจ้าชายเสียอีก จนผมคิดว่างานนี้น่าจะมีการหายตัวกันเกิดขึ้นแน่ๆ

แต่นั่นก็ยังไม่น่าสนใจเท่ากับชื่อของใครอีกคนที่คุณวินเซนต์ทิ้งท้ายเอาไว้ ซอง..ซู..งั้นหรอ?

"ทีนี้เราก็ไปหาที่นั่งกินกันดีกว่า : )" พอเหลือกันแค่สองคน เหล้ารัมก็เดินนำผมไปยังโซนที่มีโต๊ะสำหรับนั่งกินซึ่งอยู่ไม่ไกลจากส่วนตักอาหารนัก ผมก็เลยอาศัยจังหวะที่เราเดินกันอยู่ ถามคำถามขึ้นมาบ้าง

"เหล้ารัมครับ ซองซูนี่ใครหรอ?"

"พวกตัวป่วนน่ะ คุณอย่าไปสนใจเลย"

"งั้นหรอครับ"

"ใช่ครับ เพราะผมเองก็ไม่อยากที่จะสนใจมันเหมือนกัน"

โอเค ลองใช้คำว่า 'มัน' ด้วยน้ำเสียงเย็นๆ แบบนี้ แสดงว่าต้องมีความไม่กินเส้นกันแน่ๆ เพราะฉะนั้นผมก็เลยปล่อยผ่านไปซะ เอาไว้คืนนี้ถ้าได้เจอ เดี๋ยวก็ได้รู้เองแหละว่านายซองซูอะไรเนี่ย เป็นตัวป่วนประเภทไหนกันแน่

"ผมว่านั่งโต๊ะนั้นดีมั้ยครับ ดูสงบดี" แล้วพอเดินมาถึงจุดที่มีโต๊ะให้เลือกมากมาย เราสองคนก็หยุดยืนนิ่งเพื่อกวาดสายตาหาโต๊ะที่ดีที่สุดสำหรับการนั่งกินของเราสองคน จนสายตาของผมมันไปสะดุดเข้ากับโต๊ะๆ หนึ่งซึ่งตั้งอยู่ไกลจากโซนตักอหาร แต่ดูแล้วเป็นมุมสงบ เพราะบริเวณโดยรอบก็ไม่มีใครนั่งอยู่เลย

"ดีเหมือนกันครับ" พอเหล้ารัมลงเสียงว่าเห็นด้วย ก็เป็นอันว่าเราได้โต๊ะนั่งตามที่ใจผมต้องการ

แต่ยังไม่ทันที่นายพ่อมดจะได้หย่อนก้นลงนั่งเลยด้วยซ้ำ เขาก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พร้อมกับใบหน้าที่เหมือนจะเสียดายอะไรบางอย่าง

"เป็นอะไรหรอครับ"

"ผมลืม"

"ลืมอะไร"

"ลืมตักขาแกะ : ("

"เอ่อ.." ผมนี่ถึงกับเอามือแปะหน้าผากเลย เมื่อหัวสมองมันจินตนาการไปไกลกว่านั้น ไอ้เราก็นึกว่าลืมของสำคัญ ที่ไหนได้ ลืมตักขาแกะ โธ่~ "ผมว่ากินที่ตักมาให้หมดก่อนดีกว่ามั้ยครับ เดี๋ยวเหลือแล้วเสียดายของแย่"

ไม่พูดเปล่า ผมพยายามชี้อาหารและขนมของเราสองคนที่พูนจาน นี่ผมยังไม่รู้เลยว่าที่ผมตักมาเนี่ยจะกินหมดมั้ย แต่เหล้ารัมกลับยังอยากจะไปตักขาแกะเพิ่มอีกเนี่ยนะ

"ไม่เหลือหรอกครับ ผมกินหมดอยู่แล้ว งั้น.. ผมขอตัวไปตักขาแกะก่อนนะครับ อยากกินจริงๆ"

แล้วจะทำไงได้ล่ะ ในเมื่อเขาพูดว่าอยากกินจริงๆ ผมก็ทำได้เพียงแค่พยักหน้าให้เขาไปตักตามที่ใจต้องการเท่านั้น โดยที่สายตาก็มองตามแผ่นหลังกว้างๆ ของเขาไป...

ซึ่งใครจะคิด ว่าจู่ๆ หัวสมองของผมมันจะตัดเข้าภาพของเหล้ารัมตอนที่ถอดเสื้อวัดตัวเมื่อวานนี้!

ทะ..ทั้งกล้ามหน้าท้อง ทั้งความแน่น กับหุ่นแข็งแกร่งที่ซ่อนรูปอยู่ภายใต้ทักซิโด้สีดำนั่น ก็พอจะทำให้เกิดเหตุผลว่าทำไมนายพ่อมดเหล้าถึงได้กินเยอะน่ะนะ

แต่พอคิดถึงแล้วมันก็ทำให้ผมรู้สึกร้อนที่สองข้างแก้มไง เพราะจิตใจอันสกปรก (ด่าตัวเอง) มันก็พาลคิดไปถึงท่อนล่างที่ปิดบังไว้ด้วยชั้นในสีดำ... โอ๊ยยยยย พอๆๆ เลิกคิดแล้วหาอะไรยัดปากเดี๋ยวนี้เลย!

พอบอกตัวเองแบบนั้นปุ๊บ ผมก็ก้มหน้าก้มตาคว้าจานอาหารเข้ามาใกล้ตัวปั๊บ จะได้กินๆ เพื่อลืมภาพในหัวไปซะ ล่ะ..แล้วนี่อะไรเนี่ย ฮะ..ฮอทด็อก!

เยี่ยม ช่วยให้ลืมได้มากเลยไอ้วาฬเอ๊ย!

ปึก!

"อ๊ะ!"

แต่ในขณะที่ผมกำลังเวิ่นเว้ออยู่กับตัวเองอยู่นั้น จู่ๆ ก็เกิดแรงกระแทกจากด้านหลัง ที่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แรงอะไรมากนัก แต่ความตกใจก็ทำให้ผมร้องอุทานออกมา ก่อนที่จะตั้งหลักได้แล้วหันหลังไปมอง

ก็พบกับ...

"เอียน.."

...ใครคนนึงที่เหมือนว่าจะพลาดเข้ามาชนผมเข้า

แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม... ผมถึงได้เอ่ยเรียกออกไปด้วยชื่อของ..เอียน..พ่อมดคู่พันธะสัญญาคนแรกที่กลายเป็นอดีตไปนานแล้ว ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายก็สวมหน้ากากปิดบังตัวตนไว้

อาจเพราะ..เขาคนนี้มีรูปร่างที่คล้ายกับเอียนที่ผมรู้จักในวัยเด็ก ทั้งช่วงตัวยาว และไหลกว้าง หรือไม่ก็คงเพราะ..เขามีรูปหน้ากลมและจมูกปลายเชิ่ดเหมือนกันกับเอียน และที่สำคัญกว่าสิ่งอื่นใด..ถึงแม้ว่าผมของเขาคนนี้จะเป็นสีดำ ไม่ใช่สีทอง ทว่า..นัยน์ตาสีเขียวขุ่นแบบนี้..คือเอกลักษณ์ของเอียน โจนส์ไม่ผิดแน่!

"เอียน... นายใช่มั้ย?"

"..."

ปึก!

"เกือบไม่ทันแน่ะ นี่ผมถึงกับต้องไปแย่งมาเลยนะเนี่ย : )"

แต่ยังไม่ทันที่ผู้ชายคนนั้นจะได้ตอบอะไรกลับมา ทำเพียงแค่เบิกตากว้างขึ้นเท่านั้น เสียงวางจานและเสียงพูดของเหล้ารัมก็ดึงความสนใจจากผม.. ก่อนที่ผมจะนึกขึ้นได้ว่าสิ่งที่สำคัญกว่าน่ะคือผู้ชายตาสีเขียวขุ่นต่างหาก!

"คุณ.."

แล้วพอหันกลับไป... ขะ..เขาก็หายไปแล้ว!!

"อะไรหรอวาฬ?"

"เหล้ารัม เมื่อกี้ตอนคุณเดินมา คุณเห็นผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังผมมั้ย"

"ไม่นี่ ใครหรอครับ" เหล้ารัมขมวดคิ้วพลางส่ายหน้า ก่อนจะเริ่มหันมองทางด้านหลังของผม

ผมก็เลยใช้จังหวะนั้นหันไปมองบ้าง แต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็ไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียว เขาหายไปแล้ว.. ผู้ชายคนนั้น..หายไปแล้วจริงๆ!

ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพียงแค่แป๊บเดียวเท่านั้น จนผมคิดว่าบางที.. "เปล่าหรอกครับ สงสัยผมคงจะตาฝาดไปเองก็ได้" ..สิ่งที่ผมเห็นอาจเป็นเพียงภาพลวงตาก็ได้

"แน่ใจนะวาฬว่าไม่มีอะไร สีหน้าคุณดูไม่ดีเลย"

"แน่ใจครับ" ผมจึงประดิษฐ์ยิ้มเพื่อให้เหล้ารัมเข้าใจว่าทุกอย่างโอเค

ก็เลยทำให้เขายิ้มบางๆ แล้วนั่งลงฝั่งตรงข้าม ก่อนจะเสนอขาแกะหน้าตาน่ากินให้กับผม "โอเค งั้นลองขาแกะนี่ดู ผมว่าคุณต้องชอบแน่ๆ"

"ขอบคุณครับ" ผมเลยทำทีเป็นสนใจสิ่งที่เขาตักมาใส่จานให้ ทั้งที่ๆ ข้างในมันเอาแต่ถามตัวเองซ้ำไปซ้ำว่า..

เมื่อกี้นี้.. ผมตาฝาดจริงๆ หรอ!?

(http://pic.pimg.tw/demona/1405329580-1468390043.gif)

จบตอนที่ 8

ขออนุญาตชี้แจงการอัพเดทใหม่นะครับ

เนื่องจากที่ผ่านมา ผมอัพเดทนิยายเรื่องนี้เป็นพาร์ทๆ ทำให้เกิดการอัพที่ค่อนข้างถี่และมีเวลาในการอัพที่ไม่แน่นอน จนหลายคนที่ตามอยู่อาจจะสับสนว่าสรุปแล้วนิยายเรื่องนี้จะมาเมื่อไหร่กันแน่ ดังนั้นจึงอยากจะขอประกาศการอัพนิยายแบบใหม่เอาไว้ดังนี้เลยนะครับ
1. ตั้งแต่บท 9 เป็นต้นไป ผมจะอัพเป็นแบบเต็มบทเลยครับ จะไม่มีจุดหนึ่ง จุดสองอีกแล้ว เพื่อความต่อเนื่องในการอ่าน เพราะฉะนั้นต่อให้ยาวแค่ไหน ก็จะ reply เอาไว้ต่อๆ กันเลย อ่านทีเดียว จบทีเดียว ฟินทีเดียวไปเลยครับ
2. ตั้งแต่บท 9 เป็นต้นไป ผมจะขออนุญาตอัพเฉพาะวันเสาร์นะครับ เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 9 ก.ค. เป็นต้นไป ส่วนเวลาลง ก็จะเป็นช่วงหลังเที่ยงเป็นต้นไปครับ ขึ้น
หากที่ผ่านมา รวมถึงการชี้แจ้งนี้ทำให้ใครหลายคนไม่พอใจ ผมเองก็ขอโทษไว้ ณ ที่นี้เลยนะครับ
เพราะทุกสิ่งที่เขียนลงไปในนิยาย รวมถึงการเปลี่ยนแปลงการอัพนี้ เจตนาเดียวก็เพื่ออยากให้ทุกคนที่เข้ามาอ่านได้รับความสุข ความสนุก และได้รับความสะดวกสบายในการตามอ่านกันนะครับ

ขอบคุณมากจริงๆ ครับ ที่เข้ามาอ่าน #พ่อมดเหล้า ของผม
ขอบคุณครับ : )
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 8.2 [จบบท] + ชี้แจงการอัพเดทใหม่ || อัพเดท : 26/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 26-06-2016 19:06:09
สัปละตอน!!!!
โหยหวนมากกกกกกก เศร้ายิ่งกว่ารัมลืมตักขาแกะอีกนะ T T


(เอียนโผล่มาทำไม ไม่น่าใช่ภาพลวงตา แล้วลื้อจะหนีวาฬทำไมเนี่ย??)
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 8.2 [จบบท] + ชี้แจงการอัพเดทใหม่ || อัพเดท : 26/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 26-06-2016 19:07:15
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 8.2 [จบบท] + ชี้แจงการอัพเดทใหม่ || อัพเดท : 26/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 26-06-2016 20:04:27
รออีกนานเลย

เหล้ารัมคนดังขี้หึงขี้หวง น่ารัก
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 8.2 [จบบท] + ชี้แจงการอัพเดทใหม่ || อัพเดท : 26/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 26-06-2016 22:10:55
ทำไมเหล้ารัมกินเก่งจัง เงิบตรงลืมตักขาแกะ 555
ว่าแต่เอียนนี่ยังไง รออ่านตอนต่อไปค่าาาาา
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 8.2 [จบบท] + ชี้แจงการอัพเดทใหม่ || อัพเดท : 26/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 27-06-2016 00:03:59
รอตอนต่อไปค่าาาาา :mew1:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 8.2 [จบบท] + ชี้แจงการอัพเดทใหม่ || อัพเดท : 26/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 27-06-2016 01:00:10
มาอาทิตย์ละครั้ฃก็ยังดี
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 8.2 [จบบท] + ชี้แจงการอัพเดทใหม่ || อัพเดท : 26/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Praykanok ที่ 27-06-2016 03:44:22
โอ๊ะะะ เอียนคัมแบ็คหรออออ
ชอบเจ้าชาย ตลกกกก 5555555
เหล้ารัมน่ารักมากกก ถึงชื่อจะยากไปหน่อย อิอิ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 8.2 [จบบท] + ชี้แจงการอัพเดทใหม่ || อัพเดท : 26/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 27-06-2016 05:32:08
อ่าว เอียนคัมแบ็คหรอ -..-
เจ้าชายและเพื่อนๆตลกดีนะ 555
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 8.2 [จบบท] + ชี้แจงการอัพเดทใหม่ || อัพเดท : 26/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 27-06-2016 06:29:22
งานเลี้ยงหรูมากกก
แต่สองคนตักอาหานไม่เกรงใจงานเลย 555
น่ารักเชียว

เจ้าชายหุ่นเซี๊ยกมากกกก
ชอบออ่าาา

มาเฉพาะวันเสาร์เรอะคะ
จะคิดถึงวาฬกับเหล้ารัมไหมน่าา
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ 8.2 [จบบท] + ชี้แจงการอัพเดทใหม่ || อัพเดท : 26/6/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 29-06-2016 00:10:54
สนุกดีคะ ^^
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่เก้า..รักในห้วงอนันต์ || อัพเดท : 2/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 02-07-2016 13:58:32
บทที่ 9
{ รักในห้วงอนันต์ }


(http://f.ptcdn.info/383/010/000/1380600009-tumblrmoma-o.jpg)


ผมรู้สึกเลยว่าตัวเองเป็นคู่ควงงานเต้นรำที่แย่มาก.. ไม่สิ มันไม่ใช่แค่ความรู้สึก แต่ว่าผมน่ะ.. เป็นคู่ควงงานเต้นรำที่แย่มากจริงๆ!

ก็ลองคิดดูนะ ทั้งๆ ที่เหล้ารัมคอยดูแลเทคแคร์ผมสารพัด แต่ใจผมมันกลับลอยไปคิดถึงใครอีกคนที่แค่เข้ามาชนแล้วหายไป..

หายไป..ราวกับภาพลวงตาที่ไม่มีอยู่จริง..

จนสุดท้าย ผมต้องตัดสินใจประดิษฐ์ยิ้มที่สดใสที่สุดเท่าที่ตัวเองจะสามารถทำได้ เพื่อขอตัวนายพ่อมดเหล้าไปเข้าห้องน้ำ เนื่องจากผมสังเกตเห็นว่าเขาเองก็คอยสังเกตผมอยู่ตลอด

ซึ่งก็ไม่ใช่ความผิดของเหล้ารัมเลยสักนิด มันเป็นความผิดของผมที่ใจไม่พร้อม.. แต่ก็ยังฝืนทำเก่งเหมือนว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น.. ทั้งที่จริงๆ แล้วกลับตรงกันข้าม.. เพราะฉะนั้นการขอตัวมาเข้าห้องน้ำในครั้งนี้ ก็เพื่อที่จะเคลียร์ตัวเองให้ได้ หรืออย่างน้อยๆ ก็ต้องพอมีสติให้สามารถโฟกัสคู่ควงของตัวเองได้บ้าง

แล้วก็โชคดีที่ห้องน้ำในโซนนี้ปลอดคนมาก เหมือนว่าคนจะใช้บริการห้องน้ำตรงส่วนหน้าของห้องอาหารหมด ซึ่งดีแล้ว เพราะผมเองก็ไม่อยากที่จะเข้าไปนั่งเวิ่นเว้ออยู่บนชักโครกเหมือนกัน

ฟู่วววว~

จุดที่ผมเดินเข้าหาเป็นจุดแรกคืออ่างล้างมือที่ติดกระจกขอบทองบ้านใหญ่เอาไว้ ก่อนจะเปิดน้ำโดยที่ไม่รู้เหมือนกันว่าเปิดทำไม.. จะล้างมือดี? หรือว่าจะถอดหน้ากากเพื่อล้างหน้าดี? หรือแค่.. ปล่อยให้มันไหลลงท่อไปแบบนั้น..

ให้ตายเถอะ ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้วะ! ทำไมความสุขของผมมันถึงสลายหายไปเพียงเพราะแค่เห็นนัยน์ตาสีเขียวขุ่นของชายสวมหน้ากากคนนั้น.. ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงเขาอาจจะไม่ใช่เอียนก็ได้ แค่บังเอิญ..มีตาที่สีเหมือนกันเท่านั้น..

'เอียน... นายใช่มั้ย?'

แต่ถ้าไม่ใช่.. แล้วทำไมตอนที่ผมถาม เขาถึงได้เบิกตาโตเหมือนตกใจแบบนั้น? ปฏิกิริยามันควรจะเป็นแบบนั้นหรอถ้าเราถูกถามคำถามโดยคนที่เราไม่รู้จักน่ะ?

ฟู่วววว~

ไม่.. ผมตอบตัวเองได้เลย ว่ามันไม่ควรจะเป็นแบบนั้น เขาไม่จำเป็นที่จะต้องแสดงท่าทางแบบนั้นเลยสักนิดถ้าผมเป็นคนที่เขาไม่รู้จักน่ะ จริงมั้ย?

แล้วถ้าเป็นเอียนจริง ทำไมเขาถึงได้มาโผล่ในงานที่คนเยอะขนาดนี้ล่ะ? เขาไม่กลัวหรอว่าตัวเองจะถูกจับได้หรอ ทั้งๆ ที่พ่อมดแม่มดหลายคนก็น่าจะรู้เรื่องเกี่ยวกับเขาดี แล้วเขา.. เคยคิดบ้างมั้ย..ว่าผมอาจจะตายไปแล้วเมื่อไม่มีเขาอยู่ในตอนนี้..

ฟู่วววว~

ผมรู้นะว่าผมเพ้อเจ้อมากที่พยายามจะฟันธงว่าผู้ชายคนนั้นคือคนเดียวกันกับเอียน โจนส์ที่ผมรู้จัก แต่เราโตมาด้วยกัน มันทำให้ผมเชื่อว่าผมจำเขาได้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม เพียงแต่..

..เหล้ารัมบอกว่ามองไม่เห็นเขา?

ซึ่งมันเป็นไปได้หรอที่พ่อมดอย่างเอียนจะรอดพ้นสายตาหนึ่งในห้าพ่อมดผู้เก่งกาจตามคำบอกเล่าของไรเกอร์ไปได้น่ะ?

มันทำให้ผมสับสนนะ.. ว่าสรุปแล้วชายสวมหน้ากากตาสีเขียวขุ่นมีตัวตนจริงมั้ยหรือเป็นแค่เพียงภาพจินตนากการที่ผมคิดขึ้นมาเอง

มัน..ยังไงกันแน่นะ!?

ฟู่วววว~

ด้วยความที่ไม่สามารถหาคำตอบได้ ผมจึงตัดสินใจถอดหน้ากากออก ก่อนจะวักน้ำขึ้นล้างหน้าหลายๆ ครั้งเพื่อดับความร้อนในใจของตัวเอง แล้วจึงได้เห็น..ภาพสะท้อนของชายหนุ่มคนนึงที่มีหยดน้ำเกาะพราวอยู่บนหน้า.. นัยน์ตาโศกสีน้ำตาลเข้มของเขาเต็มไปด้วยความสับสน.. และที่สำคัญคือ..เขาดูไม่มีความสุขเลยสักนิด..

ฟู่วววว~

มันน่าขำนะ ที่ผมหาความสุขให้กับตัวเองไม่ได้เลย ทั้งที่กำลังอยู่ในงานเต้นรำสวมหน้ากากที่ใฝ่ฝันอยากจะมาแท้ๆ

แถมข้างนอก.. ก็ยังมีเหล้ารัมที่รอผมอยู่..

แล้วผมมาทำอะไรอยู่ที่นี่ตอนนี้?

มานั่งสับสนถึงคนๆ นั้นทำไม ในเมื่อเวลาแห่งความสุขของงานเลี้ยงกำลังเดินผ่านไปเรื่อยๆ อย่างไม่อาจที่จะถอยหลังกลับ..

แล้วจำที่เหล้ารัมพูดได้มั้ย..

'...สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราสองคนมีหน้าที่ที่ต้องช่วยกันเก็บเกี่ยวความทรงจำดีๆ จากงานนี้ และรักษาหน้ากากของเราเอาไว้ ให้สมกับที่เป็นงานเลี้ยงเต้นรำสวมหน้ากากครั้งแรกในชีวิตของคุณกันดีกว่า : )'

คำพูดดีๆ จากคนดีๆ ที่คอยเทคแคร์และบอกผมว่า...

'...ผมจะไม่ปล่อยมือจากคุณเด็ดขาด'

แล้วมันเพราะอะไรรู้มั้ย? ก็เพราะว่าเขาอยากให้ผมมีความสุขไง

แต่ผมกลับเอาสมองไปคิดสับสนถึงคนที่ทิ้งให้ผมรอความตายเนี่ยนะ!?

พอเลยวาฬ แบบนี้มันไม่โอเคเลยสักนิด ไม่ดีทั้งกับสุขภาพจิตของตัวเอง แล้วก็ไม่แฟร์ต่อความรู้สึกดีๆ ที่เหล้ารัมมอบให้ด้วย!

ฟึบ!

คิดได้แบบนั้น ผมก็ปิดก๊อกให้น้ำหยุดไหล ก่อนจะมองเงาสะท้อนของตัวเองอีกครั้ง.. แล้วยิ้ม.. ยิ้มที่ไม่ใช่แค่การประดิษฐ์ยิ้ม แต่เป็นยิ้มที่มันตกตะกอนออกมาจากความรู้สึกดีๆ ที่นายพ่อมดเหล้ามีให้ ก่อนจะหยิบหน้ากากขึ้นสวม แล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ โดยทิ้งเรื่องแย่ๆ ทั้งหมดไว้ในนั้น..

"หายไปนานเลยนะครับวาฬ รู้มั้ยว่าผมเกือบจะเข้าไปตามคุณแล้ว เพราะกลัวว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น : )" แล้วพอกลับออกมา สิ่งแรกที่ได้รับจากเหล้ารัมก็คือคำพูดและรอยยิ้มสบายๆ ทว่า.. นัยน์ตาสีม่วงอ่อนคู่นั้นกลับฉายแววความเป็นห่วงชัดเจนจนผมต้องรีบขอโทษ

"ขอโทษนะครับ พอดีผมล้างหน้าด้วย ก็เลยช้า" ก่อนจะต่อด้วย.. "แล้วก็ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง : )" ..ประโยคขอบคุณและรอยยิ้มที่มาจากใจของผมจริงๆ

"ไม่เป็นไรครับ ผมแค่เป็นห่วงเท่านั้นเอง ว่าแต่.. หน้าคุณยังเปียกอยู่เลยนะ คงถอดหน้ากากแล้วล้างแบบเต็มที่เลยล่ะสิ" นายพ่อมดเหล้ายิ้มบางๆ พลางยกนิ้วขึ้นปาดน้ำที่ข้างแก้มออกให้

"ใช่ครับ" ผมล้างเต็มที่มาก ล้างให้มันหายบ้าไปเลย "แต่ว่าตอนถอดหน้ากากไม่มีใครเห็นนะครับ เพราะว่าไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำเลย"

พอได้ยินที่ผมพูด เหล้ารัมก็ยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิมนิดนึงเพื่อตอบรับ ก่อนจะเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่นแทน "รู้มั้ย เวลาที่ตัวผมเปียกน้ำ ผมชอบทำให้ทุกอย่างแห้งไวขึ้นด้วยเวทมนตร์นะ คุณอยากลองมั้ยล่ะ?"

"อยากครับ" ผมพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น ทำให้นายพ่อมดผมบลอนด์ไม่รอช้า เขาชู้นิ้วชี้ขึ้นประมาณสามวินาที ก่อนจะใช้มันจิ้มลงที่แก้มผมหนึ่งครั้ง

ทันใดดัน หยดน้ำและความเปียกชื้นบนใบหน้าผมก็สลายหายไปในพริบตา!

จริงอยู่ที่มันไม่ใช่เรื่องน่าเหลือเชื่อ เพราะผมรู้ดีอยู่แล้วว่านายลูกครึ่งหน้าหล่อและยิ้มเก่งคนนี้เป็นพ่อมด แต่พอเวทมนตร์มันมาเกิดขึ้นใกล้ๆ แบบนี้ มนุษย์ธรรมดาๆ อย่างผมก็อดที่จะรู้อัศจรรย์ใจไม่ได้อยู่ดี

จนบางที..ก็อยากมีเวทมนตร์เหมือนเขาบ้างจัง..

"ชอบมั้ย"

"ชอบครับ" ผมลองเอามือลูบไล้ไปทั่วใบหน้า แล้วก็พบว่าไม่เหลือหยดน้ำหรือความเปียกชื้นอีกต่อไปแล้วจริงๆ

"ชอบเวทมนตร์ หรือว่าชอบผมล่ะ : )"

แต่ใครจะคิด.. ว่าจู่ๆ เหล้ารัมก็จะตบเข้าคำถามแบบนี้ได้!

"เอ่อ.." เล่นเอาผมนี่ต้องรีบหลบสายตาของเขาเลย.. ทั้งๆ ที่สามารถตอบกลับไปว่าเวทมนตร์ก็ได้ แต่ไม่รู้ทำไม..พอเจอคำถามแบบที่ไม่ให้ทันตั้งตัวแบบนี้ ผมถึงได้..พูดไม่ออกซะอย่างงั้น..

"ว่าไงครับ ชอบอะไรมากกว่ากัน บอกผมหน่อยสิ : )" แล้วดูเหมือนว่าครั้งนี้เหล้ารัมจะไม่ยอมจบง่ายๆ ด้วย เขาทำท่าจะช้อนปลายคางผมขึ้นอยู่แล้ว ทว่า..

"สวัสดีท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ขอเชิญมารวมตัวกันที่ฟลอร์เต้นรำด้วยค่ะ"

..เสียงประกาศก็ดังขึ้นซะก่อน

ผมเลยอาศัยจังหวะนั้นหาทางเปลี่ยนเรื่องโดยพลัน "นี่ ไปกันเถอะ เขาเรียกรวมตัวแล้วนะครับ" ไม่พูดเปล่า ผมยังตัดสินใจคว้ามือของเหล้ารัม แล้วเดินจูงเขาไปยังฟลอร์เต้นรำด้วย ทั้งๆ ที่สองข้างแก้มยัง..รู้สึกร้อนๆ อยู่เลย..

ในขณะที่คนขี้แกล้งก็เอาแต่หัวเราะไล่หลังมาตลอดทาง ระ..ร้ายนัก!

"มาทางนี้ดีกว่าครับ" แถมพอเดินมาจนถึงที่หมาย เหล้ารัมก็ดึงให้ผมเปลี่ยนทิศทางไปหยุดยืนใกล้ๆ กับเจ้าชายด้วย เลยทำให้ทุกสายตาต่างพากันจับจ้องมาที่คู่ของเราอีกครั้ง ทั้งที่จุดเด่นควรจะเป็นเจ้าชายเบเนดิกต์แล้วแท้ๆ

"แต่ผมว่า.."

"นั่นไงครับ คุณย่าของวินเซนต์"

แต่ในขณะที่ผมกำลังจะเอ่ยปากบอกเหล้ารัมว่าเราสองคนควรไปยืนในที่ที่เด่นน้อยกว่านี้ นายพ่อมดเหล้าก็ชี้ไปยังชั้นพักตรงทางแยกของบันไดที่ผมเคยบอกว่ามีไมค์ตั้งอยู่หนึ่งตัว และตอนนี้มันได้ถูกใช้งานแล้ว..ด้วยหญิงสูงวัยในชุดราตรีสีทองแสนสง่าบนนั้น

ซึ่งถึงแม้ว่าคุณย่าจะสวมหน้ากากแบบโบราณสีเดียวกันกับชุดปิดบังไว้ แต่ผมดูออกเลยว่าท่านนั้นสวยมาก แม้เส้นผมจะเปลี่ยนสีไปหมดแล้ว แต่มันกลับทำอะไรเธอไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว โดยเฉพาะนัยน์ตาสีแอมเบอร์ที่ยังคงส่องสว่างและแฝงไปด้วยพลังอำนาจคู่นั้น.. จนผมแอบจินตนาการว่าหากเธอสั่งให้ผมทำอะไรก็ตามด้วยการจ้องมองมา คงเป็นเรื่องยากน่าดูที่จะกล่าวคำปฏิเสธออกไป..

"คุณย่าของคุณวินเซนต์สวยจังเลยครับ"

"ใช่ สวยมาก ยิ่งถอดหน้ากากออกก็ยิ่งสวย เหมือนว่า..เวลาแทบจะทำอะไรท่านไม่ได้เลย" เหล้ารัมกล่าวชื่นชมด้วยรอยยิ้มและตาเป็นประกาย ก่อนที่เวลาต่อมา.. รอยยิ้มนั้นจะหุบลงแบบทันที แล้วประกายในตาก็หม่นแสงตามไปด้วย "ส่วนนั่น แม่ของไอ้วินเซนต์ คนที่อยากให้เราออกจากงานไง" ก่อนที่นายพ่อมดจะพยักพเยิดไปอีกทางซึ่งเป็นทางด้านซ้ายของเรา แต่เป็นทางด้านขวามือของคุณย่า

แล้วพอผมหันไป.. กะ..ก็เป็นอันต้องสะดุ้ง!

เมื่อพบเข้ากับ..สายตาอาฆาตของผู้หญิงอีกคนนึงที่กำลังจับจ้องมายังผมและเหล้ารัมอย่างไม่วางตา ในขณะที่ริมฝีปากก็บูดเบี้ยวเหมือนไม่พอใจกับอะไรทั้งนั้น ซึ่งมันน่าเสียกาย.. เพราะท่านแม่เองก็จัดว่าเป็นหญิงที่สวยไม่แพ้คุณย่า เสียก็แต่พอทำหน้าแบบนี้แล้ว.. กลับลดทอนความสง่างามลงไปเกินกว่าครึ่ง โดยเฉพาะเมื่อมายืนเรียงแถวกับคุณย่าและคุณวิเซนต์ที่วางตัวได้อย่างไร้ที่ติต่อหน้าแขกในงานเช่นนี้ ยิ่งสร้างความแตกต่างในทางลบให้กับคุณแม่ของคุณวินเซนต์อย่างไม่อาจที่จะเอาความงดงามของชุดราตรีที่ท่านสวมใส่อยู่มาหักล้างได้

เฮ้อออออ งานนี้คุณแม่ทำตัวเองนะครับ : (

"สวัสดีอีกครั้งนะคะ ดิฉันเฮเลนน่า
เกนวินเกอร์ ผู้คุมกฎคนปัจจุบันของตระกูลค่ะ" พอคนเริ่มมารวมตัวกันจนหนาตา คุณย่าของวินเซนต์ก็เริ่มแนะนำตัวเองด้วยน้ำเสียงสุภาพ "งานเลี้ยงเต้นรำสวมหน้ากากของเกรวินเกอร์นั้นเป็นประเพณีที่อยู่คู่กับโลกเวทมนตร์มาอย่างยาวนาน บางคนอาจเคยมาร่วมงานแล้วหลายต่อหลายครั้ง ในขณะที่ค่ำคืนนี้อาจจะเป็นประสบการณ์ใหม่ของใครอีกหลายคน แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ทุกคนที่มารวมงานในคืนนี้ ล้วนแล้วแต่ให้เกียรติตระกูลของเราอย่างยิ่ง ดิฉันในฐานะผู้คุมกฎของตระกูลจึงอยากจะขอขอบคุณที่ทำให้ประเพณีนี้ยังคงก้าวต่อไปได้"

แล้วทุกคนในงานก็พากันปรบมือเพื่อตอบรับคำขอบคุณนั้น ก่อนที่คุณย่าจะกล่าวต่อไปเมื่อเสียงปรบมือจางลง

"จริงอยู่ที่งานนี้มีมาอย่างยาวนานนับร้อยปี แต่ดิฉันก็เข้าใจดีว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ทว่าเหนือสิ่งอื่นใด หัวใจหลักสำคัญของการจัดงานก็เพื่อ..สร้างโอกาสให้หัวใจสองดวงของคนสองคนได้เต้นไปในจังหวะเดียวกัน เพราะฉะนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นใครหรืออยู่ในสถานะไหนก็ตาม จงดื่มด่ำกับค่ำคืนนี้ด้วยหัวใจของคุณ และจงรัก..เมื่อรู้สึกรัก โดยไม่ต้องสนใจใครหรือสิ่งใด"

หัวใจผมเต้นแรงขึ้นกับสิ่งที่คุณย่าพูด เพราะนอกจากจะเลือกใช้ถ้อยคำที่ก่อให้เกิดความรู้สึกแล้ว ข้อความนั้น..เหมือนถูกพูดขึ้นเพื่อผมกับเหล้ารัมโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นคู่ควงที่ต่างไปจากคู่อื่นๆ ในงาน..

ตึกตัก ตึกตัก

แล้วหัวใจก็ต้องเต้นแรงขึ้นอีกหนึ่งจังหวะ เมื่อคุณย่าหันมายิ้มให้ผมกับนายพ่อมดเหล้า ทำให้คนอื่นๆ ที่ตั้งใจฟังคุณย่าพูดอยู่ก็พากันหันมามองด้วยสายตาที่แตกต่างกันไป บ้างมองเฉยๆ บ้างยังงงๆ แต่ที่ต่างออกไปจากตอนเข้ามาคือ.. เริ่มมีหลายคนมองมาด้วยรอยยิ้มแล้ว..

ขอบคุณนะครับคุณย่า สิ่งที่คุณย่าพูดมันมีความหมายมากจริงๆ

เพราะฉะนั้น ผมกับเหล้ารัมเลยโค้งคำนับท่านเพื่อแทนคำกล่าวขอบคุณ โดยไม่สนเลยว่าแม่ของคุณวินเซนต์จะทำหน้าตาไม่พอใจมากแค่ไหน เพราะคุณย่าเองก็บอกอยู่ว่า.. 'ไม่ว่าคุณจะเป็นใครหรืออยู่ในสถานะไหนก็ตาม จงดื่มด่ำกับค่ำคืนนี้ด้วยหัวใจของคุณ และจงรัก เมื่อรู้สึกรัก โดยไม่ต้องสนใจใครหรือสิ่งใด' และผมก็จะเชื่อตามนั้น : )

คุณย่าท่านเลยส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ ก่อนที่จะกล่าวประโยคสุดท้ายที่ใครหลายคนกำลังรอคอย.. "เพราะฉะนั้น ดิฉันเฮเลนน่า เกรวินเกอร์ ขอเปิดงานเลี้ยงเต้นรำสวมหน้ากากปีที่หนึ่งร้อยเก้าสิบสี่อย่างเป็นทางการค่ะ"

สิ้นเสียงคุณย่าของคุณวินเซนต์ ไฟในงานที่เคยสว่างจ้าก็ปรับลดระดับลงเหลือเพียงแสงสีส้มสวยที่ช่วยสร้างบรรยากาศโรแมนติคให้กับงาน ก่อนที่ทุกคนจะเริ่มตีวงออกกว้าง เกิดเป็นฟลอร์เต้นรำขนาดใหญ่สำหรับหนุ่มสาวสักคู่ที่พร้อมจะลงสนามเปิดงานเป็นคู่แรก

ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ผมกับเหล้ารัมแน่ ถึงแม้ว่านายพ่อมดจะทำทีเป็นลากผมให้เดินเข้าไปกลางฟลอร์ก็เถอะ แต่ผมขืนตัวไว้สุดพลัง แถมตีแขนเขาให้ด้วย!

ไม่ใช่ว่าไม่อยากเต้นรำกับเหล้ารัมนะ แต่ถ้าจะให้มาเปิดฟลอร์เป็นคู่แรกท่ามกลางสายตานับร้อยคู่นี่ก็ไม่ไหวปะ!?

ตึง!

แล้วในขณะที่ทุกคนกำลังยืนรอผู้กล้าอยู่นั้น เสียงกลองโบราณจากวงออเคสตร้าก็ดังขึ้น ก่อนที่เจ้าชายเบเนดิกต์ซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลจากเราจะเดินออกไปยังกลางฟลอร์พร้อมกับหญิงสาวผมทองในชุดสีชมพูสวย คอนดักเตอร์จึงเริ่มโบกไม้บาตองในมือ ทำให้ดนตรีที่เคยเงียบงันเริ่มเอ่ยเสียงขึ้นในเวลานั้น

ตึกตัก ตึกตัก

แล้วใครจะคิด.. ว่าแค่ท่วงทำนองแรก.. ก็ทำเอาหัวใจของผมเต้นแรงเสียจนต้องรีบคว้ามือของเหล้ารัมมาจับไว้

"เป็นอะไรหรือเปล่าครับ" เขาก็เลยกระซิบถามด้วยความสงสัย

"ผม.." แต่แล้วผมที่กำลังจะตอบออกไปก็เป็นอันต้องชักงัก.. เมื่อรับรู้ได้ถึงก้อนสะอื้นที่จุกอยู่ที่คอ พร้อมกับน้ำตาที่ขึ้นมาคลออยู่บริเวณขอบตา

"วาฬ.. เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมน้ำตาคุณไหลล่ะ"

"ผะ..ผมเองก็ไม่รู้ครับว่าตัวเองเป็นอะไร แต่พอได้ยินเพลงนี้แล้วมัน..รู้สึกว่าเพราะ..เพราะมากเหลือเกิน.."

ผมคงบ้าไปแล้วแน่ๆ ทั้งๆ ที่ก็ไม่เคยฟังบทเพลงที่วงออเคสตร้ากำลังบรรเลงมาก่อนเลยในชีวิตนี้ แต่ท่วงทำนองของมันกลับส่งผลต่อจิตใจจนรู้สึกว่าไม่สามารถเก็บน้ำตาเอาได้..

มันไม่ใช่ว่าเศร้านะ แต่มัน..เป็นความซาบซึ้งใจจนผมต้องระบายความรู้สึกภายในออกมา

"ไม่เป็นครับ ผมเข้าใจ" ซึ่งพอได้ยินในสิ่งที่ผมพูด เหล้ารัมก็ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ ก่อจะจับหน้ากากผมยกขึ้นเล็กน้อยเพื่อช่วยเช็ดน้ำตา

ผมก็เลยบีบมือข้างที่จับอยู่ของเขาให้แน่นขึ้น ก่อนที่สองคนจะหันไปมองเจ้าชายและสาวชุดชมพูดที่ออกลวดลายการเต้นรำอย่างสวยงามท่ามกลางสายตานับร้อยคู่ที่จับจ้องไปยังพระองค์อย่างไม่วางตา

แล้วหลังจากนั้นไม่นาน คนที่เข้ามาเป็นคู่ที่สองก็คือคุณวินเซนต์กับสาวผมสีบรูเน็ตที่โดดเด่นไม่แพ้คู่แรก ชายกระโปรงสีเขียวอ่อนของคู่ควงของคุณวินเซนต์ค่อนข้างยาวมากทีเดียว ทำให้เวลาที่ขยับตัวแรงๆ ตามท้วงทำนองของเพลง ก็จะเกิดเป็นภาพการสะบัดที่ค่อนข้างสวยงาม ราวกับเจ้าหล่อนสามารถควบคุมชุดของตัวเองได้เป็นอย่างดี

"เหลืออีกหนึ่งคู่นะ"

"ครับ?" ผมที่กำลังมองการเต้นรำของสองคู่แรกอยู่เพลินๆ ถึงกับต้องหันไปขมวดคิ้วใส่เหล้ารัม เมื่อจู่ๆ เขาก็พูดบางอย่างขึ้นมา

"ผมบอกว่ายังเหลืออีกหนึ่งคือ เพราะตามประเพณีของเกรวินเกอร์จะต้องเปิดด้วยคู่เต้นรำทั้งหมดสามคู่ และจะต้องเต้นจนกว่าเพลงนี้จะจบลง"

"งั้นก็หมายความว่า.. เพลงนี้จะบรรเพลงแค่ช่วงเปิดหรอครับ"

"ใช่ จากนั้นก็จะเปลี่ยนไปเป็นเพลงบรรเลงทั่วไป เพราะว่าเพลงนี้เป็นเพลงสำคัญ จะบรรเลงเพียงปีละครั้งเท่านั้น"

"..."

งั้นผมควรทำไงดีล่ะ? คือ.. ผมรักเพลงนี้ ถึงแม้ว่าจะไปฟังเป็นครั้งแรก แต่ผมก็ตกหลุมรักมันเสียแล้ว เลยคิดว่าถ้าเขาเปิดฟลอร์กันเสร็จ ก็จะแอบชวนเหล้ารัมไปเต้นตรงมุมๆ อะไรแบบนั้น

แต่นี่.. เขาจะบรรเลงเพื่อเปิดงานแค่รอบเดียวเองนะ..

เสียดายจัง : (

"วาฬ ไปกันเถอะ"

"ปะ..ไปไหนครับ!?" ผมถึงกับร้องเสียงหลงออกมาเลยเมื่อเหล้ารัมทำท่าจะลากผมออกไป

"ออกไปเปิดฟลอร์กันครับ : )"

"ตะ..แต่ว่า.."

"ผมรู้ว่าคุณอยากเต้นเพลงนี้ เพราะฉะนั้น อย่าปล่อยให้มันผ่านไปเลยนะครับ : )"

แล้วเหล้ารัมก็เริ่มดึงผมด้วยแรงที่มากขึ้น ผมเลยต้องขืนตัวอย่างยากลำบากมากขึ้นไปด้วย!

"อย่านะครับเหล้ารัม ผะ..ผมอาย..."

ทว่า.. ในขณะที่กำลังดึงกันไปดึงกันมาอยู่นั้น สายตาผมมันก็ดันหันไปเห็นคุณย่าของวินเซนต์ที่กำลังมองมา.. ท่านยิ้มอ่อนโยนส่งมาให้ ก่อนจะผายมือไปทางฟลอร์เต้นรำ เหมือนต้องการจะส่งสัญญาณเพื่อบอกให้ผมออกไปเป็นคู่ที่สาม

ซึ่งผมบอกแล้วใช่มั้ย ว่านัยน์ตาสีแอมเบอร์ของท่านเปี่ยมไปด้วยพลังบางอย่างที่ผมไม่อาจจะต่อต้านได้ เพราะฉะนั้น.. จึงเผลอปล่อยตัวให้เหล้ารัมลากออกไปกลางฟลอร์จนได้..

เกิดเสียงฮือฮาขึ้นทันทีที่ทุกคนเห็นว่าคู่ที่สามคือชายสองคนที่กำลังหันหน้าเข้าหากัน คนนึงคือเหล้ารัมในชุดทักซิโด้สีดำที่กำลังส่งยิ้มมาให้ ในขณะที่อีกคนคือผู้ชายที่ตัวเล็กกว่าในชุดทักซิโด้สีขาวหิมะ ซะ..ซึ่งก็คือผม!

"ให้เกียรติเต้นรำกับผมนะครับวาฬ : )"
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่เก้า..รักในห้วงอนันต์ || อัพเดท : 2/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 02-07-2016 14:03:16
"เอ่อ.."

ฮือออออ กลับตัวตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วสินะ!

เพราะฉะนั้น ในวินาทีต่อมา ผมจึงพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะปล่อยให้เหล้าเดินเข้ามาใกล้ขึ้น แต่พอเราสองคนกำลังจะเข้าคู่กัน.. ทุกอย่างมันก็ดูเก้ๆ กังๆ ไปซะหมด จนเริ่มมีเสียงอื้ออึงดังตามมา

ตายๆ ขะ..ขายหน้าชะมัด!

"ไหนคุณบอกผมว่าคุณเต้นรำเป็นไงครับวาฬ"

เหล้ารัมขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าผมเก้ๆ กังๆ แบบนั้น ซึ่งก็ใช่ ผมบอกเขาไปว่าผมเต้นรำเป็น แล้วผมก็เต้นรำเป็นจริงๆ เพียงแต่.. "ผมเต้นรำเป็นครับ แต่ลืมไปว่าเราเป็นผู้ชายทั้งคู่ เลยไม่รู้จะวางมือยังไงดี"

ก็จริงมั้ยล่ะ ชายหญิงเขาวางมือบนตัวอีกฝ่ายต่างกันนะครับ แล้วนี่ผมกับนายพ่อมดเหล้าเป็นชายทั้งคู่ ให้ผมทำไงล่ะ!

"จริงด้วย" เหล้ารัมทำหน้าเหมือนเพิ่งจะนึกขึ้นได้ "งั้นเอางี้ก็แล้วกัน.." ก่อนจะหาทางออกให้คู่ของเราโดยการใช้มือขวาของเขา..อะ..โอบเอวผมไว้!

งั้นแบบนี้ผมก็ต้องเป็นฝ่ายหญิงสินะ!?

"ทีนี้คูณก็รู้แล้วนะว่าควรวางมือไว้ตรงไหน : )" ก่อนที่เขาจะยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งมา

แล้วผมจะไปทำอะไรได้ล่ะ นอกจากวางมือซ้ายบริเวณไหลขวาของเขา และมือข้างที่เหลือของเราก็จับกัน

เสียงบทเพลงอันแสนไพเราะเป็นตัวกำหนดการเคลื่อนย้ายของผมและเหล้ารัมให้เป็นไปอย่างถูกต้องและสวยงาม แม้ว่าตอนแรกจะยังเกร็งๆ อยู่ก็เถอะ แต่ต้องยอมรับว่าท่วงทำนองที่เข้มข้นขึ้นช่วยให้ผมสามารถตัดขาดสิ่งที่อยู่รอบตัวออกไปได้

เหลือเพียงแค่.. ผมกับเหล้ารัมเท่านั้น..

แล้ววินาทีนั้น.. มันก็เกิดเป็นภาพที่คงจะมีแต่ผมเท่านั้นที่มองเห็น.. มันจะเรียกว่า..ภาพความจำที่ผมอยากจะเก็บไว้ก็ได้นะ.. เพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้คือเหล้ารัมที่ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ในขณะที่เราสองคนกำลังเคลื่อนไหวไปอย่างเชื่องช้าตามท่วงทำนองของเพลงที่เข้ามาประกอบกับภาพตรงหน้าจนหัวใจผมมันเต้นผิดจังหวะไปไกลแสนไกล..

มันสวยงามมากเลยรู้มั้ย สิ่งที่ผมเห็นและรู้สึกอยู่ในขณะนี้น่ะ.. สวยงามเสียจนผมไม่กล้าที่จะกระพริบตา เพราะกลัวว่าหากทำแบบนั้น ทุกอย่างจะพลันหายไปราวกับความฝันที่ไม่มีอยู่จริง.. เพราะการที่เหล้ารัมก้าวเข้ามาในชีวิตผม ก็ไม่ต่างอะไรจากภาพฝันสวยงามที่ผมไม่เคยได้จินตนาการไว้..

ถ้าวันนี้ไม่มีเขา.. ผมก็คงไม่มีวันได้มีช่วงเวลาที่น่าจดจำเช่นนี้.. ก็คงจะแค่นอนอยู่บ้านเพื่อนรอความตายไปวันๆ เท่านั้น..

ขอบคุณนะครับ

ขอบคุณที่ก้าวเข้ามาในชีวิตผม

ขอบคุณจริงๆ : )

"เป็นอะไรหรือเปล่าครับ" ผมหลุดออกจากห้วงความคิดของตัวเองในทันทีที่คนตรงหน้าถามขึ้น ราวกับสังเกตความผิดปกติอะไรได้

"เปล่าครับ"

"แล้วทำไมถึงยิ้มแบบนั้นล่ะ"

อ้าว นี่ผมยิ้มอยู่หรอเนี่ย?

ไม่รู้ตัวเลยแฮะ : )

"ก็ผมมีความสุขนี่ครับ แล้วก็.. เพลงนี้มันก็เพราะจับใจจริงๆ"

"งั้นหรอครับ" เหล้ารัมเริ่มยิ้มตาม "ผมดีใจนะที่คุณมีความสุขน่ะ ว่าแต่.. คุณอยากรู้ประวัติความเป็นมาของเพลงนี้มั้ยล่ะ"

"อยากรู้สิครับ" เป็นอีกครั้งที่ผมตอบกลับเหล้ารัมอย่างกระตือรือร้น จะว่าไป.. เขานี่ก็ขยันหาเรื่องมาให้ผมสนใจได้ไม่หยุดเหมือนกันนะ

"โอเค งั้นผมจะเล่าให้ฟัง"

"ดีครับ เล่าเลยๆ"

"คืองี้.. ผมเคยได้ฟังเรื่องเล่ามาจากไอ้วินเซนต์และย่าของมันว่า เพลงๆ นี้มีชื่อว่า 'รักในห้วงอนันต์' ซึ่งถูกประพันธ์ขึ้นโดยคุณมอลลิน่าหญิงงามผู้เป็นต้นตระกูลของเกรวินเกอร์"

"..."

"เขาเล่ากันว่า เธอแต่งเพลงนี้ให้กับผู้ชายคนนึงที่มีโอกาสได้เต้นรำกันโดยบังเอิญ ในงานเลี้ยงเต้นรำสวมหน้ากากปีแรกของตระกูล"

"..."

"เพราะว่าในขณะที่ได้เต้นรำกันไป พูดคุยกันไป คุณมอลลิน่าเธอก็เกิดตกหลุมรักชายผู้นั้น จนอยากที่จะจุมพิตเค้าเพื่อบอกความรู้สึกที่มีในใจ"

"..."

"แต่สุดท้ายเธอก็ไม่กล้า จนการเต้นรำนั้นสิ้นสุดลง เขาก็เดินจากเธอไป.. โดยที่เธอไม่สามารถตามหาเขาได้อีก เพราะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร เนื่องจากทั้งคู่สวมหน้ากากไว้ และก็ลืมที่จะถามชื่อของกันและกัน"

"..."

"ท่วงทำนองของเพลงนี้จึงทั้งสุขและเศร้า เพราะว่าคุณมอลลิน่าตั้งใจจะส่งผ่านความรู้สึกนี้ออกไปให้ชายผู้นั้นได้รับรู้ ว่าเธออยากให้ช่วงเวลาที่เขาและเธอเต้นรำอยู่ด้วยกันตอนนั้นกลายเป็นช่วงเวลาที่ไร้ขีดจำกัด ดังอนันต์ที่จะทำให้ทั้งคู่เต้นรำกันอย่างไม่จบสิ้น เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องจากเธอไป"

"..."

"อ้อ แล้วไอ้วินเซนต์มันยังบอกผมอีกนะว่า เพลงนี้มีจุดประสงค์อีกอย่างนึงที่คุณมอลลิน่าตั้งใจจะบอกกับหนุ่มสาวทุกคู่ที่เข้าร่วมงานเต้นรำสวมหน้ากากของเกรวินเกอร์ว่า.. จงอย่าปล่อยให้ช่วงเวลาของคุณและคนที่คุณรักหลุดลอยไป แต่จงบอกรักเค้าด้วยจุมพิตที่แสนหวาน เพราะช่วงเวลาอนันต์นั้น..มันไม่มีอยู่จริง"

"..."

"เป็นไง ฟังเรื่องเล่าแล้วรักเพลงนี้มากขึ้นมั้ยครับ : )"

"..."

"..."

เพราะแบบนี้นี่เอง.. ทวงทำนองของเพลงนี้ถึงได้ไพเราะนัก.. มันทั้งสุข ทั้งเศร้า ทั้งสวยงามไปพร้อมๆ กัน อีกทั้ง.. ยังให้ความรู้สึกอ้อยอิ่งเหมือนต้องการที่จะยื้อเวลาในการเต้นรำเอาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ที่แท้.. ก็เพราะว่าในทุกท่วงทำนอนนั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวและความรู้สึกของผู้ประพันธ์นี่เอง..

แล้วดูผมสิ อินกับสิ่งที่เหล้ารัมเล่าจนน้ำตาคลออีกแล้ว... พักหลังๆ นี่รู้สึกว่าบ่อน้ำตาผมมันตื้นมากเลยแฮะ

แต่นั่นก็ยังไม่เท่ากับการที่เราสองคนพากันเงียบไปในเวลาต่อมา..

"..."

"..."

ผมไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลใดเหมือนกันที่ทำให้เกิดความเงียบนั้น.. แต่สิ่งที่ผมแน่ใจคือ.. สายตาของเราทั้งคู่...กำลังจับจ้องยังริมฝีปากของกันและกัน..ในจังหวะที่ท่วงทำนองค่อยๆ ช้าลงเรื่อยๆ ราวกับกำลังจะจางหายไป..

แรงดึงดูดบางอย่างทำให้ทั้งผมและเหล้ารัมค่อยๆ เคลื่อนใบหน้าเข้าหากัน.. ผมรู้นะว่าถ้าทำแบบนี้ มันต้องส่งผลให้เกิดบางอย่างขึ้นกับปฏิกิริยาของคนในงานแน่ แต่ผมคิดว่าผม..ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว..

"ขอคุยด้วยหน่อยสิ : )"

ทว่า..! ในขณะที่อีกไม่นานริมฝีปากของผมกับเหล้ารัมกำลังจะแตะกัน ใครคนนึงก็กระชากเหล้ารัมออกไปนอกฟลอร์ทำให้ผมที่ถูกนายพ่อมดเหล้าโอบเอวอยู่ติดร่างแหตามไปด้วย

ทำให้แทนที่คนอื่นจะได้เต้นรำกับเพลงต่อไปที่มีจังหวะสนุกสนานขึ้น กลับต้องตีวงออกห่างเพื่อหันมาสนใจเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นแทน

น่ะ..นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!?

"ไอ้ซองซู" เหล้ารัมสะบัดมือออกจากผู้ชายคนนั้นอย่างแรง แถมเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงดุดันแบบที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน ทำให้ผมได้รู้ว่าคนที่เข้ามาขัดจังหวะเราสองคนก็คือ 'ตัวป่วน' ที่เหล้ารัมไม่อยากจะพูดถึงนั่นเอง

ซองซูที่กำลังยืนยิ้มร้ายอยู่ต่อหน้าผมกับเหล้ารัมตอนนี้เป็นผู้ชายที่ไม่สูงเท่าไหร่นัก เขาอยู่ในชุดสูทสีดำและทับอีกชั้นด้วยเสื้อคลุมยาวสีเดียวกัน ซึ่งก็ดูเข้ากับเขาดี เพียงแต่.. มันออกจะดูเยอะเกินไปหน่อยสำหรับสภาพอากาศที่ไม่ได้หนาวนักแบบในตอนนี้

ส่วนใบหน้าของเขานั้นก็ไม่ได้สวมหน้ากากเหมือนกับคนอื่นๆ ทำให้ผมสามารถเห็นใบหน้าหล่อเหลาเกาหลีของเขาได้อย่างชัดเจน

อืม.. เอาจริงๆ ผมก็ไม่เคยเห็นพ่อมดสัญชาติเกาหลีมาก่อนนะ เลยไม่รู้ว่าส่วนใหญ่เขาหน้าตาเป็นยังไงกัน แต่ในส่วนของซองซูนั้นเหมือนศิลปินเกาหลีที่ผ่านการทำศัลยกรรมมาแล้ว ทั้งใบหน้าเรียวยาว ผิวขาวจัด มีสันกรามที่สวยเป๊ะ ตาเรียวคม คิ้วเข้ม จมูกโด่ง และปากเป็นกระจับได้รูป ซึ่งก็ถือว่าหล่อดี แต่ผมว่าจุดเด่นของผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ที่หน้าตานะ แต่เป็นจิวที่เจาะอยู่ตรงกระดูกอ่อนของหูด้านบนมากกว่า เพราะมันทำให้เขาดูมีเสน่ห์ขึ้นเยอะเลย

แต่เดี๋ยว.. แล้วนี่ผมมายืนบรรยายหน้าตานายพ่อมดคนนี้ทำไมกันล่ะเนี่ย ลืมหรือไงว่าเขาไม่ได้เป็นมิตรกับเหล้ารัมนะ!

"สวัสดีเหล้ารัม หายหน้าหายตาไปนานเลย ไม่คิดว่ากลับมาอีกทีแล้วจะควงผู้ชายมาด้วย ไอ้เราก็นึกว่าไปตั้งหน้าตั้งตาหาเมียที่เป็นผู้หญิงซะอีก : )"

"เรื่องของฉัน อย่ายุ่ง"

"โธ่~ อะไรกันนายนี่ แค่พูดนิดพูดหน่อยทำเป็นอารมณ์เสีย โอเคๆ ไม่พูดละ มาเข้าเรื่องของเรากันเลยก็ได้ : )"

"หึ! ฉันไม่มีเรื่องอะไรต้องคุยกับแกทั้งนั้น"

"เฮ้ย มีเรื่องอะไรกันวะ" แต่ในขณะที่เหล้ารัมกำลังหัวเสียได้ที่ เจ้าชายเบเนดิกต์ก็เดินเข้ามาหาเรา พร้อมกับคุณวินเซนต์ที่เดินตามมาด้วย

ผมถึงได้สังเกตเห็นว่าตอนนี้งานเลี้ยงเต้นรำเหมือนว่าจะไปต่อไม่ได้เลย หากว่าเหตุการณ์ของเหล้ารัมกับซองซูยังไม่จบลง

จนผมรู้สึกเกรงใจคุณย่าแทนเหล้ารัมจริงๆ ที่ทำให้กลายเป็นแบบนี้ แต่ก็หวังว่าท่านจะเข้าใจ เพราะงานนี้เหล้ารัมของผมไม่ได้เริ่มก่อนเลยสักนิด

"เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพระองค์ กรุณาอย่ายุ่ง" แล้วดูเอาเถอะ ขนาดกับเจ้าชายมาเองแท้ๆ ยังไม่เห็นหัวเลย นายซองซูนี่มันหมาบ้าชัดๆ!

"ก็อยากยุ่งอะ มีปัญหาอะไรมั้ย" ส่วนเจ้าชายเองก็ใช่ย่อย เห็นวางตัวดีแบบนี้ก็ออกจะเลือดร้อนเหมือนกันนะ ร้อนถึงคุณวินเซนต์ที่ต้องคอยดึงพระองค์ไว้ไม่ให้เข้าไปลุยกับซองซู

"นี่ ย่าของฉันไม่ได้ส่งการ์ดเชิญนายเพื่อให้มาทำตัวแย่ๆ แบบนี้นะซองซู"

"ฉันเนี่ยนะวินเซนต์ที่ทำตัวแย่? ก็แค่ลากเหล้ารัมมาคุยกันสองคน ไม่ได้ขอให้ใครมาสนใจสักหน่อย อยากเต้นรำก็เต้นกันไปสิ!"

ไม่พูดเปล่า ซองซูยังมีการกวาดสายตาไปมองพ่อมดแม่มดที่ยืนมุงกันอยู่ด้วย ซึ่ง.. มันก็ถูกของเขานะ เพราะจริงๆ เขาก็แค่ลากเหล้ารัมออกมาคุยกันสองคน เพียงแต่.. เหตุการณ์แบบนี้มันเป็นอะไรที่อยู่ในความสนใจของผู้คนไง ถึงได้ไม่มีใครเต้นรำกันต่อน่ะ

"พอเถอะ" เหล้ารัมที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่เงียบๆ เลยเอาแขนมากันเจ้าชายกับคุณวินเซนต์ไว้ เพื่อเป็นการห้ามไม่ให้เข้ามายุ่ง "เดี๋ยวเรื่องนี้ฉันจัดการเอง"

"ดี" พอได้ยินแบบนั้น ซองซูก็ยิ้มพึงพอใจ "เพราะฉันเองก็ไม่อยากมีเรื่อง"

"งั้นนายต้องการอะไร"

"ก็เหมือนเดิม ฉันต้องการให้นายรับคำท้าดวลเวทมนตร์กับฉัน แล้วฉันก็จะจากไปอย่างสงบ ตกลงมั้ย?"

"ไม่"

แต่ในขณะที่ซองซูกำลังพูดความต้องการด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เหล้ารัมก็ตอบกลับสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะเสียงดังฟังชัด ไม่ต่างอะไรจากคำตอบรับของเหล่าทหารหาญ

งานนี้ก็เลยทำเอาพ่อมดเกาหลีมีสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปทันที เขาดูไม่พอใจมากขณะเดียวกัน.. นัยน์ตาก็ฉายแววความเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างชัดเจนราวกับเองก็ไม่ได้ต้องการที่จะปิดบังมันกับใคร

"แน่ใจนะ"

"ใช่ ฉันแน่ใจ ต่อให้นายท้าดวลฉันกี่ครั้ง ฉันก็จะตอบแบบเดิม"

"โอเค ถ้านายยืนยันแบบนั้น งั้นฉันก็ชักจะสนใจขึ้นมาแล้วล่ะว่าคู่ควงของนายเป็นใครกันแน่ : )"

แล้วก็ตามระเบียบครับ พอทำอะไรเหล้ารัมไม่ได้ ซองซูก็หันมายิ้มร้ายให้ผม ทว่า..

"อย่า มา ยุ่ง" ..เหล้ารัมกลับเอาตัวเข้ามาบังผมไว้ทันที ก่อนที่เขาจะสั่งห้ามซองซูแบบเน้นทีละคำ

มันทำให้ผมรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาเลย เมื่อได้เห็นว่ามีแผ่นหลังกว้างๆ ของนายพ่อมดเหล้ามากั้นเอาไว้แบบนี้..

..ดีจัง

"โอ้ววว ดูท่าว่าผู้ชายคนนี้จะสำคัญสำหรับนายจริงๆ แฮะ" แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ซองซูยอมเลิกรา "งานนี้ชักสนุกใหญ่แล้วสิ ไหนๆ คุณคนที่อยู่ข้างหลังน่ะ ช่วยเปิดหน้าให้ผมดูหน่อยได้มั้ยครับ ว่าคุณเป็นใครกันแน่ : )"

"ฉันบอกว่าอย่ายุ่งไงซองซู!"

"แล้วถ้าฉันจะยุ่ง นายจะทำไม? ดวลกับฉันงั้นหรอ? หึ ก็ดีสิ ฉันกำลังต้องการแบบนั้นอยู่เลย : )"

"..." เหล้ารัมเงียบ ไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไปทั้งนั้น และด้วยความที่ผมยืนอยู่ด้านหลังไง เลยทำให้ไม่เห็นว่าเขากำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่กันแน่

แต่จากที่ฟังเขาสองคนเถียงกัน ก็ทำให้พอจะเข้าใจว่าสิ่งที่ซองซูต้องการจากเหล้ารัมคือให้รับคำท้าดวลเวทมนตร์จากเขา ในขณะที่พ่อมดเหล้ากลับปฏิเสธ ซึ่งมันก็น่าสงสัยอยู่นะว่าทำไมเหล้ารัมถึงไม่เอาด้วย ทั้งๆ ที่เหตุผลว่ากลัวก็ไม่น่าใช่ แล้ว..มันอะไรกันล่ะ?

"เงียบ ไม่ตอบ หึ! โอเค เหล้ารัม นายไม่ให้ทางเลือกฉันเองนะ แล้วอย่ามาหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน : )"

ฟึ่บ!

แต่ในขณะที่ผมกำลังคิดหาเหตุผลเกี่ยวคำปฏิเสธของเหล้ารัมอยู่นั้น ร่างสูงที่ยืนบังผมอยู่ก็ถูกเวทมนตร์ของอีกฝ่ายจู่โจมให้เซไปทางซ้าย ทำให้ตอนนี้ผมกับนายพ่อมดเกาหลียืนหันหน้าเข้าหากันโดยไม่มีอะไรขวางกั้นอีกต่อไป

ฟึ่บ!

แล้วจังหวะที่เหล้ารัมจะพุ่งตัวกลับเข้ามาขวาง ซองซูก็สะบัดมือหนึ่งครั้ง ส่งผลให้หน้ากากสีทองที่ปิดบังใบหน้าของผมเอาไว้ร่วงหล่นลงตามแรงโน้มท่วงของโลก จนเกิดเสียงฮือฮาจากผู้คนในงาน

แต่ผมเองก็ไม่รอช้าเหมือนกัน เพราะพอหน้ากากร่วง ผมก็ก้มหน้าลงโดยพลัน ก่อนจะใช้มือขวาคว้าหน้ากากกลับเข้ามาแปะไว้ แล้วใช้มืออีกข้างคว้ามือของเหล้ารัมที่พุ่งเข้ามาจนถึงตัวผม แล้วพาเขาวิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิต!

"หยุดเดี๋ยวนี้นะ!"

ทำให้ซองซูตะโกนไล่หลังเราสองคนมาว่าให้หยุด แต่ใครจะหยุดล่ะ หยุดก็โง่สิ!

แต่ทว่า..

"เหล้ารัม ข้างหน้า!"

ผมที่พาอีกฝ่ายวิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิตก็ถึงกับต้องร้องลั่น เพราะเพิ่งจะเห็นว่าข้างหน้าเป็นเวทีวงออเคสตร้า!

แล้วจากความเร็วของการวิ่งในตอนนี้คือมันหยุดไม่ได้แล้วไง จะเปลี่ยนทางวิ่งก็ไม่ทันด้วย มีแต่ชนกับชนเท่านั้น!

"ไม่ต้องห่วง"

วูบบบบ~!

ซึ่งพอเหล้ารัมตอบกลับมาว่า 'ไม่ต้องห่วง' ผมก็รู้สึกถึงแรงดูดบางอย่างที่พาให้เราสองคนทะลุกลับมาตกลงบนโซฟาของคอนโด ทั้งที่ก่อนหน้านี้เรายังอยู่ที่งานเลี้ยงเต้นรำของเกรวินเกอร์อยู่เลย!?

แต่ยังไม่ทันที่ผมกับเหล้ารัมจะได้พูดอะไรกัน อีกฝ่ายก็กวาดมือขึ้นฟ้า ก่อนที่แสงสีทองจากปลายนิ้วของเขาจะพุ่งชนเข้ากับเพดาน แล้วแตกกระจายออกเป็นละอองฟุ้งไปทั่วทั้งห้อง.. ซึ่งผมเคยเห็นอะไรแบบนี้มาแล้วครั้งนึงตอนที่แม่มดคู่พันธะสัญญาของพ่อผมร่ายคาถาป้องกันพื้นที่ที่บ้านไว้

"ผมร่ายคาถาป้องกันน่ะ ซองซูจะได้ตามรอยการหายตัวมาไม่ได้" นั่นไง ใช่จริงๆ ด้วย

แล้วพอละอองสีทองจางหายไป ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะกลับเข้าสู่ความสงบอีกครั้ง.. ผมเห็นเลยว่าเหล้ารัมทิ้งตัวลงกับโซฟาพลางถอนใจยาวเหยียด ก่อนจะถอดหน้ากากของตัวเองออก ผมที่เห็นแบบนั้นก็เลยเอาหน้ากากออกบ้าง

"ผมขอโทษ"

"เรื่องอะไรครับ" ผมหันไปถาม เมื่อจู่ๆ เหล้ารัมก็กล่าวคำขอโทษขึ้นมา ทั้งๆ ที่ก็ไม่เห็นว่าเขาทำอะไรผิดเลยสักนิด

"ก็เรื่องที่ผมทำให้งานเลี้ยงเต้นรำสวมหน้ากากครั้งแรกของคุณพังลงไม่เป็นท่าน่ะสิ แม่ง.. นึกแล้วก็เจ็บใจไอ้ซองซูนัก ท้าดวลเวทมนตร์อยู่ได้ ก็ปฏิเสธไปแล้วว่าไม่ ก็ยังตามตื้อไม่เลือก นี่ ต่อไปถ้าเกิดว่าคุณเจอมันล่ะก็ หนีให้ไกลเลยนะ เพราะผมสังหรณ์ใจว่ามันต้องมาคอยตามรังควานเราสองคนไม่เลิกแน่"

"ตกลงครับ ถ้าเจออีก ผมจะหนีให้ไกลเลย ว่าแต่.. ผมถามได้มั้ย ว่าทำไมคุณถึงไม่รับคำท้าดวลของเขา"

"คือ.." ผมรู้สึกใจหายวาบเลยเมื่อเห็นว่านัยน์ตาสีม่วงคู่นั้นสั่นไหวราวกับเปลวเทียนต้องลม.. นี่ผม.. กำลังไปแตะบางอย่างที่มีผลต่อจิตใจของเขาหรือเปล่านะ? "ผมไม่ชอบน่ะ" แต่ก็เพียงไม่นานนัก แววตาแบบนั้นก็จางหายไป เหลือไว้เพียงคำตอบที่ฟังดูง่ายเสียจนไม่น่าจะใช่เรื่องจริงจากปากเขา

แต่ผมก็ไม่เซ้าซี้นะ แถมเปลี่ยนเรื่องคุยด้วย "อ๋อ แบบนี้นี่เอง เออนี่ ว่าแต่ที่คุณขอโทษผมนะ ผมไม่รับนะ" เพราะไม่อยากไปแตะในสิ่งที่เขาเองก็ดูจะไม่อยากพูดถึงเท่าไหร่

"อ้าว ทำไมล่ะ" แต่กลายเป็นว่านายพ่อมดเหล้ากลับเด้งตัวขึ้นจากโซฟาเพื่อมองผมด้วยสายตารู้สึกผิดแทน

"เดี๋ยวๆ ไม่ต้องทำหน้ารู้สึกผิดแบบนั้นเลยครับ เพราะที่ผมพูดน่ะ หมายถึงผมไม่ได้โกรธคุยต่างหาก"

"จริงหรอ"

"จริงครับ ผมไม่ได้โกรธคุณเลยสักนิด อันที่จริงผมว่ามันตื่นเต้นดีออก เหมือนอยู่ในหนังเลย ฮ่าๆๆๆ~" ผมนี่ก็โรคจิตเหมือนกันเนอะ "เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องคิดมาก แล้วก็เลิกทำหน้าแบบนี้ด้วย"

ไม่พูดเปล่า ผมยังถือวิสาสะใช้มือจับหน้าของอีกฝ่ายไว้ ก่อนจะใช้นิ้วโป้งดันมุมปากทั้งสองข้างของเขาให้กลับไปยิ้มเหมือนเดิม จนเหล้ารัมต้องจับมือผมไว้ แล้วยิ้มออกมาด้วยตัวเอง

"ยิ้มแล้ว พอใจมั้ย : )"

"เยี่ยม มันต้องแบบนี้สิ : )" พาลให้ผมยิ้มตามไปด้วยเหมือนกัน

แต่เพียงไม่นาน.. เหล้ารัมก็เปลี่ยนจากหน้ายิ้มเป็นหน้าเซ็งแบบฉับพลัน ทำเอาผมที่กำลังยิ้มตามเขาอยู่ถึงกับปรับอารมณ์ตามไม่ทันเลย

"เป็นไรไป?"

"เซ็งครับ"

"เซ็งเรื่อง?"

"..."

แล้วเหล้ารัมก็ไม่ตอบ แต่ลดระดับสายตาลงมามองช่วงปากของผมแทน.. นั่นทำให้ผมเข้าใจได้ในทันทีว่าเขาเซ็งเรื่องที่ซองซูเขามาขัดจังหวะตอนที่เราสองคนกำลังจะจูบกัน..

ซึ่งมันก็น่าเซ็งจริงๆ นั่นแหละ

แต่ให้ทำไงได้ล่ะ ในเมื่ออารมณ์ช่วงนั้นมันหายไปแล้ว ถ้าจะให้จูบกันตอนนี้มันก็ได้อยู่หรอก แต่มันจะไม่ใช่อารมณ์นั้นไง เพราะฉะนั้น.. ผมก็เลยต้องใช้นิ้วชี้แตะที่ปากของเหล้ารัมเพื่อห้ามเขาเอาไว้ ก่อนที่เขาจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้มากกว่านี้..

"ขอโทษนะครับ แต่ผมว่า.. เราสองคนคงต้องหาห้วงอนันต์ของเราใหม่แล้วล่ะ" ก่อนจะยิ้มแหยๆ ส่งไปให้

ทำเอานายพ่อมดเหล้าของเรายกมือยอมแพ้ เพราะดูก็รู้ว่าเขาเองก็คงจะคิดเหมือนกันว่าความรู้สึกมันไม่ได้แบบตอนนั้นแล้ว

ก็เลยกลายเป็นว่า.. สิ่งที่เหล้ารัมทำต่อจากนั้นก็คือการทิ้งตัวลงนอน ก่อนจะตะโกนด่าสาปนายตัวป่วนของเขาออกมาด้วยความคับแค้นใจ..

"ไอ้บ้าซองซู!!!"

(http://pic.pimg.tw/demona/1405329580-1468390043.gif)

จบตอนที่ 9

#แฮมสเตอร์
บอกตรงๆ เลยว่า ลงอาทิตย์ละตอนแบบนี้ก็รู้สึกใจหายเหมือนกัน
เพราะปกติพอลงเป็นจุดหนึ่งจุดสองก็จะลงได้เรื่อยๆ
แต่หลังจากไตร่ตรองมาหลายตลบ ก็คิดว่าวิธีการการลงแบบนี้น่าจะโอเคและลงตัวที่สุดสำหรับทุกคนแล้ว
ขอบคุณที่อ่านกันนะครับ :)

*พูดคุยที่ทวิตเตอร์กันได้ โดย #พ่อมดเหล้า นะครับ

มายเพจ : #แฮมสเตอร์ (https://www.facebook.com/hamsterisanauthor)

หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่เก้า..รักในห้วงอนันต์ || อัพเดท : 2/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 02-07-2016 14:42:24
ซองซู ไอ้บ้าา
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่เก้า..รักในห้วงอนันต์ || อัพเดท : 2/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Respire ที่ 02-07-2016 15:50:34
น่าสงสารเหล้ารัม อีกแค่เพียงนิดเดียวเท่านั้นเอง ดั้นมีไอ้บ้าซองซูมาขัดขวางทางรักของเค้า น่าตายจริงๆ
เอาใหม่ครั้งหน้านะเหล้า เราเชื่อนายทำได้ 555555555555
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่เก้า..รักในห้วงอนันต์ || อัพเดท : 2/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 02-07-2016 16:00:30
ซองซูนี่ใครรรร บังอาจทำลายโมเมนท์แสนหวาน  :fire:

lol

ว่าแต่ เอียนตัวจริงใช่ไหม?? คิดว่าเป็นตัวจริงน้า

(ว้อนท์แบบตอน .1 .2 ของเดิมมากกว่า รอสัปละตอนนี่มันนานจริงๆ ขอสัปละสองตอนได้ไหมค้าาาาาาาาาาาาาาา  :ling1:)

ปอลอ มีบอกทีหลังอีกไหมคะว่าผู้ชายที่คุณมอลลิน่าเต้นรำด้วย ฮิมเป็นใครอ่า
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่เก้า..รักในห้วงอนันต์ || อัพเดท : 2/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 02-07-2016 21:16:18
55555555 เหล้ารัม นายช่างน่าสงสารเหลือเกิ๊นนนนนนนนน 555555 :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่เก้า..รักในห้วงอนันต์ || อัพเดท : 2/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 02-07-2016 22:40:53
โถ~ เหล้ารัมอดจูบกับวาฬเลย  :ling2:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่เก้า..รักในห้วงอนันต์ || อัพเดท : 2/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: The Empress ที่ 02-07-2016 23:01:01
โถ่ เหล้ารัมของเรา อดได้จุ๊บเลย
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่เก้า..รักในห้วงอนันต์ || อัพเดท : 2/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 03-07-2016 17:49:25
อ๊ายย...สนุก :impress2:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่เก้า..รักในห้วงอนันต์ || อัพเดท : 2/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Praykanok ที่ 03-07-2016 18:58:24
ไม่เสียดายนะเหล้ารัมมม มม 5555555
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่เก้า..รักในห้วงอนันต์ || อัพเดท : 2/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Fahkram ที่ 03-07-2016 23:27:20
 :impress2: เริ่มใจอ่อนเเล้ว
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่เก้า..รักในห้วงอนันต์ || อัพเดท : 2/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: shannara ที่ 04-07-2016 03:11:44
เวล นายเมาแล้วเรื้อนหนักสินะ
 :hao7:

โอ้ยยย
อิจค่ะ อิจพระนายคู่เน้
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่เก้า..รักในห้วงอนันต์ || อัพเดท : 2/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 04-07-2016 08:28:55
ชอบเรื่องนี้ค่ะ ดูมีสตอรี่ที่การวางประวัติศาสตร์ที่อ่านแล้วรู้เลยว่านักเขียนจะต้องทำการบ้านกับมันหนักมากแน่ๆ

ล่าสุดมีเต้นรงเต้นรำกันด้วยยยยย งู้ยยยยย ชอบ


เป็นกำลังใจให้นะคะ แต่งจบไวๆ เด้อออออ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่เก้า..รักในห้วงอนันต์ || อัพเดท : 2/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 05-07-2016 20:11:14
บทที่ 10
{ หากเอียนยังอยู่ }

(http://66.media.tumblr.com/35e118f0722f1992ea4ee3e669f2de68/tumblr_ngt7ymrT7m1qhodd8o2_1280.gif)

ผมกำลังมีเรื่องไม่สบายใจ..

โอเค ผมยอมรับว่ามันเป็นความผิดของผมเองที่คิดมาก ทั้งที่เมื่อคืนนี้ก็บอกกับตัวเองแล้วว่า..ผมจะเลิกสนใจคนที่ทิ้งผมให้นอนรอวันตายไปซะ แล้วโฟกัสแค่เหล้ารัม..ผู้ชายที่คอยเทคแคร์และอยากให้ผมมีความสุข

แต่เพราะว่าความฝันเมื่อคืนนี้..

'เอียน นั่นนายใช่มั้ย!?'

'...'

'ฉันรู้นะว่าเป็นนายน่ะ'

'...'

'หยุดก่อนเถอะ ฟังฉันพูดก่อนนะ'

'...'

'ขอร้องล่ะเอียน'

'...'

'เอียนนนน!'


..มันก็เลยทำให้ผมกลับมาคิดถึงผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง

ทั้งๆ ที่แม้แต่ในความฝันเขาก็ยังเดินจากผมไป.. ต่อให้ผมตะโกนเรียกเท่าไหร่เขาก็ไม่ยอมหันกลับมา.. แต่ผมก็ยังไม่สามารถลบเรื่องของเขาออกไปจากหัวได้ แถมยังหวนกลับไปปักใจเชื่ออีกว่า..ผู้ชายที่เข้ามาชนผมเมื่อคืนนี้ต้องไม่ใช่แค่ภาพลวงตา แต่เป็นเอียน โจนส์ไม่ผิดแน่..

แล้วรู้มั้ยผมคิดไงต่อ?

ผมคิดว่าผม..อยากบอกให้เหล้ารัมได้รับรู้ เพราะว่าถ้าการบังเอิญเจอกันเมื่อคืนนี้สามารถใช้เป็นเบาะแสให้เขาช่วยหาตัวเอียนจนเจอได้ บางที..อะไรๆ มันอาจจะง่ายกว่านี้ แบบที่ผมและเหล้ารัมไม่จำเป็นที่จะต้องทำพันธะสัญญาครั้งที่สองกันอีกต่อไป

แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะผลักไสเหล้ารัมออกไปจากชีวิตนะ ผมยังอยากให้เขาอยู่กับผมต่อไป เพียงแค่แอบคิดเล่นๆ ว่าบางทีการทำพันธะสัญญากับคนที่เคยทำด้วยกันครั้งแรก มันอาจจะถูกผูกขึ้นง่ายกว่าการทำพันธะสัญญาครั้งที่สองให้สำเร็จภายในเวลาที่เหลืออยู่ก็ได้.. แต่ก็นะ เอียน โจนส์เองก็ไม่ใช่ดินใช่ฟ้าที่แค่เดินออกจากบ้านแล้วก็เจอกันเสียเมื่อไหร่ หรือต่อให้เจอ แล้วขอให้เขาช่วยกลับมาอยู่กับผม เขาก็คง..

"นี่ คุณเหม่ออีกแล้วนะวาฬ"

"อะ..อะไรนะครับ!?" แต่ในขณะที่กำลังคิดนั่นคิดนี่เกี่ยวกับเอียนอยู่นั้น เหล้ารัมก็เอานิ้วมาจิ้มแก้มหนึ่งที จนผมที่หลุดลอยไปไกลแล้วถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ..

"ผมบอกว่าคุณเหม่ออีกแล้ว เห็นมั้ย ขนาดผมพูดคุณยังไม่ได้ยินเสียงผมเลย นี่สรุปเป็นอะไรกันแน่เนี่ย บอกผมมาเดี๋ยวนี้เลยนะ"

พูดจบ เหล้ารัมก็กอดอกอย่างต้องการคำตอบ ทำเอาผมนี่รู้สึกตัวหดเล็กลงเลย.. เฮ้ออออออ~

"ขอโทษครับ ผมจะไม่เหม่อแล้ว" แต่สุดท้ายก็ไม่ได้บอกสาเหตุของการเหม่อออกไปนะ เพราะถึงจะอยากพูดเรื่องของเอียน แต่ผมรู้สึกว่าจังหวะตอนนี้มันยังไม่ใช่ เลยเริ่มมองไปรอบๆ เพื่อหาตัวช่วยให้รอดจากสถานการณ์ แต่ปรากฏว่า..ทุกคนในห้องเรียนกำลังก้มหน้าก้มตาเก็บของกันเกือบหมดแล้ว "อะไรกันกัน เลิกเรียนแล้วหรอ?"

"เลิกเรียนบ้านมึงสิ ไม่ได้ยินที่เฮดเจอร์บอกหรือไงว่าอาจารย์เขายกเลิกคลาส ให้ทุกคนกลับบ้านได้เลย"

จริงๆ ผมตั้งใจจะถามเหล้ารัมที่ยืนกอดอกอยู่บนหัวผมนะ แต่ไอ้เอกดันตอบแทนซะงั้น ผมก็เลยพยักหน้ารับ แล้วเริ่มลงมือเก็บของบ้าง ถึงจะยังงงๆ กับเรื่องยกเลิกคลาสอยู่ก็ตาม

"นี่ สรุปว่าคุณจะไม่บอกผมใช่มั้ยว่าทำไมถึงได้เหม่อนักน่ะ" จนคนถูกเมินอย่างเหล้ารัมถึงกับต้องนั่งยองๆ ลงข้างผมเลย

"เอ่อ.. ไม่ใช่แบบนั้นนะ ผมก็แค่.. คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้นเอง" แน่ล่ะว่าผมต้องโกหกอยู่แล้ว

"จริงหรอ?" เลยทำให้นายพ่อมดเหล้าต้องถามย้ำอย่างไม่อยากจะเชื่อ

"เออ กูยืนยันให้ก็ได้ว่าจริง ไอ้วาฬมันก็ชอบเหม่อแบบเนี้ยแหละ มึงอย่าคิดมากเลยเหล้า ห่วงมันมาก เดี๋ยวคนเขาก็คิดว่ามึงเป็นผัวเพื่อนกูหรอก"

แต่แล้วไอ้เอกที่เก็บของเสร็จก่อนใครก็หันมาสนับสนุนผมอีกเสียง จนเหล้ารัมต้องพยักหน้ารับคำสนับสนุนนั้น ก่อนที่เขาจะชะงักไป.. ไม่สิ ทั้งเค้าทั้งผมเลยที่ชะงักกับประโยคตอนท้ายที่ไอ้เอกพูดออกมา!

"ผะ..ผัวบ้านมึงสิ!" ไม่โวยเปล่า ผมเอาสมุดเลคเชอร์ที่กำลังจะเก็บใส่กระเป๋าฝาดแขนแม่งแรงๆ ด้วย ไอ้เพื่อนบ้า!

แต่แทนที่มันจะสำนัก กลับพาบอยกับหลิวหัวเราะแซวๆ ตามไปด้วย

เยี่ยม!

"นี่ก็อีกคน!" ผมเอาสมุดเลคเชอร์ฟาดแขนเหล้ารัมเป็นรายที่สอง เพราะพอหันกลับมามองหน้าเขา แทนที่จะชะงักอึ้งไปเหมือนก่อนหน้า กลับยิ้มเขินรับคำแซวซะงั้น เยี่ยม!

"ผมเจ็บนะวาฬ : ("

"เจ็บสิดี" ด้วยความที่ไม่ได้ดั่งใจ บวกกับความอายด้วย เลยทำทีเป็นลุกเดินเอาเศษลูกอมในกระเป๋ามาทิ้งที่ถังขยะด้านหลังห้อง

"นี่" แต่นายพ่อมดเหล้าก็ยังไม่วายเดินตามมา เรียกเสียงแซวให้ดังขึ้นไปอีก

เยี่ยม เยี่ยม! เยี่ยม!!

"อะไร"

"งอนหรอ"

"เปล่าสักหน่อย ก็แค่เดินมาทิ้งขยะ" แล้วผมก็ทิ้งขยะให้เขาดูเหมือนเป็นการสาธิตให้เห็นภาพอะไรแบบนั้น

"โอเค ไม่งอนก็ไม่งอน งั้น.. เสร็จนี่เราไปดูหนังกันนะ : )"

ก่อนจะตามมาด้วยความประหลาดใจจากคำชวนที่ไม่คาดฝันของเหล้ารัม อะ..อารมณ์ไหนของเขาเนี่ย?

"อารมณ์ไหนครับเนี่ย" ทำเอาผมนี่ถึงกับเสียงแผ่วลงเลย

อะไรวะวาฬ นี่แค่เหล้ารัมชวนไปดูหนังเองนะ มะ..ไม่ได้ขอเป็นแฟนสักหน่อย ไหงหัวใจมันรู้สึกพองโตได้วะ!?

"ก็เราสองคนยังไปเคยดูหนังด้วยกันเลย นะๆ ไปดูกัน : )"

"เอ่อ.. ก็ได้ครับ" ผมตอบออกไปแบบนั้น ทั้งที่ใจอยากจะตะโกนดังๆ ว่า 'ไปครับ ผมอยากมีโมเม้นท์แบบนี้กับใครสักคนที่ไม่ใช่เพื่อนสักครั้งในชีวิตมานานแล้ว แล้วก็ดีใจมากที่เป็นคุณ ขอบคุณนะครับเหล้ารัมที่ชวนผม ไปกันเลยครับ ไปเดี๋ยวนี้เลย!' แต่คงจะไม่ดีไม่งามเป็นแน่

ว่าแต่..

"ถ้าผมชวนเพื่อนไปด้วย คุณจะว่าอะไรมั้ยครับ?"

คือ.. ไม่ใช่อะไรหรอกนะ ใจจริงผมก็อยากไปกับเหล้ารัมแค่สองคน แต่ทำไงได้ล่ะ ปกติเวลาผมได้มีโอกาสไปไหนมาไหนโดยที่แม่ไม่ว่า ก็จะมีไอ้เอก บอย และหลิวไปไหนไปกันตลอด ผมก็เลยกลัวว่า.. ถ้าเกิดไม่ชวน เพื่อนจะรู้สึกไม่ดีหรือเปล่านะ?

"อันที่จริงผมอยากไปกับคุณสองคนนะ แต่ถ้าคุณอยากชวนเพื่อน ผมก็โอเค" ซึ่งก็โชคดีที่เหล้ารัมเข้าใจไง (แม้จะบอกออกมาตรงๆ ว่าอยากไปกันแค่สองคนก็เถอะ) ผมเลยสบายใจที่จะเดินกลับไปชวนเพื่อนที่โต๊ะ แต่ปรากฏว่า..

"ไม่อะ พวกกูว่าจะไปคิดงานกันที่ Today I Learned ว่ะ มึงไปกับไอ้เหล้าสองคนเหอะ"

เอกและเพื่อนอีกสองกลับปฏิเสธผม ด้วยเหตุผลที่พอผมฟังแล้วก็ไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง.. ไม่ไปเพราะจะไปคิดงานกันเนี่ยนะ!?

อารมณ์ไหนของพวกมันวะเนี่ย!? ผีเข้าหรือว่าอะไรกันไรแน่ อาจารย์เพิ่งจะสั่งเมื่อตอนคาบเช้าเองนะ พออาจารย์คาบบ่ายแคนเซิลแล้วจะไปทำกันเลยงั้นหรอ โห~ ไม่ใช่อะ ไอ้พวกนี้ไม่ใช่เพื่อนผมแน่ ปกติมาเร่งทำเอาตอนใกล้ส่งตลอด พวกมันต้องโดนผีเข้าแน่!

"โอเค งั้นเดี๋ยวเราไปกับวาฬสองคนนะ ไว้เจอกัน" แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถามอะไรต่อ เหล้ารัมก็ตัดบทให้เสร็จสรรพ ก่อนจะคว้ากระเป๋าผมมาถือไว้ให้ แล้วพากันเดินออกมาเลย

ผมที่ยังงงๆ อยู่ก็ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย ให้นายพ่อมดลากลงจากตึกได้ตามชอบใจ จนกระทั่งสายตาไปสะดุดกับห้องสมุดคณะที่อยู่ติดกับทางหลังตึก เลยตัดสินใจรั้งเหล้ารัมเอาไว้

"เดี๋ยวก่อนเหล้ารัม"

"อะไรหรอครับ"

"ไปห้องสมุดกันก่อนได้มั้ยครับ พอดีผมอยากเข้าไปดูหนังสือออกแบบเล่มนึง"

"อ๋อ ได้ครับ ไม่มีปัญหา : )"

พอดีว่าตอนที่เห็นห้องสมุดแล้วผมเพิ่งจะนึกขึ้นได้น่ะ ว่าเมื่อเช้าตอนนั่งรถมากับเหล้ารัม ผมเห็นนักออกแบบที่ผมติดตามงานของเขามานานพูดถึงหนังสือออกแบบกึ่งศิลปะเล่มนึงบนเฟซบุ๊ค แล้วมันน่าสนใจมาก เพราะหลายคนที่เข้ามาคอมเม้นท์ ต่างก็พากันพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าภาพทุกภาพล้วนให้ไอเดียใหม่ๆ ทุกครั้งที่ได้มอง ไม่ต่างกับหนังการ์ตูนของค่ายจิบลิเลยทีเดียว ซึ่งผมเองก็พอจะได้เห็นภาพบางส่วนบ้างแล้ว แล้วมันก็ดีงามมากจริงๆ ก็เลยลองเสิร์ชหาดู ปรากฏว่าห้องสมุดคณะเองก็มี เลยว่าจะลองมาเปิดๆ ดูก่อน ถ้าเวิร์คจริงเหมือนภาพที่ได้เห็นในเฟซบุ๊ค ผมจะได้แวะซื้อตอนไปดูหนังด้วยเลย

"เจอแล้วครับ" พอเดินเข้ามาในห้องสมุด ผมก็เดินตรงไปยังคอมฯ ที่ใช้เสิร์ชหารหัสหนังสือ พอพบ ก็จดใส่กระดาษ แล้วเดินนำเหล้ารัมไปยังชั้นหนังสืออกแบบที่อยู่ด้านในสุด เป็นมุมที่ค่อนข้างลับตาคนทีเดียว ถึงว่าล่ะ หนังสือดีๆ มาอยู่ในโซนแบบนี้ ใครมันจะไปมองเห็นกันเล่า

"นี่หรอที่คุณตามหา"

"ใช่ครับ"

แต่ถึงจะเจอแล้วก็ใช่ว่าผมจะหยิบลงมาเองได้นะ เพราะมันดันอยู่ซะชั้นบนสุดเลย ถ้าไม่มีเหล้ารัมล่ะก็ มีหวังผมได้ไปหาอะไรมาเหยียบเพื่อหยิบเองแน่

"ภาพสวยดีแฮะ เห็นแล้วทำให้เกิดไอเดียใหม่ๆ ขึ้นมาเลย"

"นั่นไงล่ะ" ผมตอบรับด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น "เพราะแบบนี้ผมถึงได้มาตามหามันยังไงล่ะครับ" แสดงว่าที่เขาพูดกันก็คงจริงแหละ เพราะนอกจากเหล้ารัมแล้ว ผมที่แค่เปิดดูรูปผ่านๆ ก็ยังแอบนึกไอเดียใหม่ๆ ขึ้นมาได้เลย งั้นแบบนี้ก็คงต้องไปซื้อมาเก็บไว้เป็นสมบัติส่วนตนซะแล้ว

"จะเช่าหรอครับ"

"เปล่าครับ กะว่ามาดูก่อน ถ้าชอบก็จะได้ไปซื้อ"

"แล้วชอบมั้ย"

"อืม.. ก็ชอบนะครับ แต่แอบติดตรงที่เป็นภาษาอังกฤษหมดเลยเนี่ยสิ เฮ้อออออ ผมยิ่งโง่ๆ อยู่"

จริงนะ ถึงจะเอ็นติดมหา'ลัยนี้ด้วยคะแนนภาษาอังกฤษที่ค่อนข้างสูงก็เถอะ แต่ตอนนั้นผมติวเพื่อให้สอบติด เลยเน้นไปที่เทคนิคมากกว่าความรู้ ก็เลยสามารถทำข้อสอบได้เยอะ แต่กลับจดจำคำศัพท์ได้น้อยมาก แล้วศัพท์ที่เขาเอามาออกสอบก็ไม่ค่อยได้ใช่ในชีวิตประจำวันด้วย ใครมันจะไปจำได้ล่ะ : (

"อะไรกัน เรื่องแค่นี้เอง ผมช่วยได้นะ"

"จริงหรอครับ" นั่นไง เขาหาเรื่องมาให้ผมกระตือรือร้นได้อีกแล้ว "นี่มันมีเวทมนตร์ที่ทำให้ผมเก่งภาษาอังกฤษได้ด้วยหรอครับเนี่ย?"

"มีสิ แต่คุณต้องเอาหูเข้ามาใกล้ๆ ผมก่อน ผมถึงจะช่วยได้"

"เอ่อ.. โอเคครับ" แม้จะยังงงๆ อยู่ว่าจะเอาหูของผมไปทำอะไร แต่พอนึกถึงตอนที่แค่จิ้มนิ้วทีเดียวก็ทำให้หยดน้ำบนหน้าผมหายไปได้ ก็เลยไม่รีรอที่จะยื่นหูซ้ายไปใกล้ๆ ตามที่เขาต้องการ

แล้วก็..

จุ๊บ~

"เหล้ารัม..!" ผมเกือบร้องลั่นเมื่อตกใจที่จู่ๆ นายพ่อมดก็จุ๊บแก้มผมซะงั้น! น่ะ..นี่ดีนะที่นึกขึ้นมาได้ซะก่อนว่าตอนนี้อยู่ในห้องสมุดน่ะ เลยรีบเอามือตะครุบปากตัวเองไว้ ไม่งั้นมีหวังโดนคุณบรรณารักษ์ดุแน่ๆ

อะ..ไอ้พ่อมดบ้า!

"ทำไม จุ๊บไม่ได้หรอ : )"

"นี่มันห้องสมุดในสถานศึกษานะ ทำอะไรให้เกียรติสถาบันบ้างสิ!"

"โอ๊ะ ลืมไปๆ ขอโทษนะครับ : )"

"หึ! สายไปแล้วครับ ทีหลังถ้าจะหลอกจุ๊บกันแบบนี้ ก็ไม่ต้องเอาเรื่องที่ผมต้องการมาอ้างนะครับ แบบนี้มันให้ความหวังกันชัดๆ!"

ผมค้อนคนฉวยโอกาสแรงๆ หนึ่งที ก่อนจะทำเป็นเปิดหนังสืออ่านต่อไป เพราะยังคิดหาทางออกจากสถานการณ์ตอนนี้ไม่ได้ แต่เอ๊ะ..!?

"เดี๋ยว.. ทำไม.." ผมถึงกับพูดเป็นประโยคไม่ออกเลย เมื่อจู่ๆ หนังสือในมือที่เป็นภาษาอังกฤษทั้งเล่ม กลับกลายเป็นแค่ขนมหวานของผมไปแล้ว เพราะผมเข้าใจความหมายของคำศัพท์ทุกคำ แถมดูเหมือนว่าความเข้าใจทางไวยากรณ์ของผมก็จะเข้มข้นขึ้นด้วย ปะ..เป็นไปได้ไงล่ะ!?

"ก็บอกแล้วไงว่าผมช่วยได้ : )"

"กะอีแค่จุ๊บเนี่ยนะ!?"

"ใช่ครับ แค่จุ๊บเท่านั้นเอง ถ้าไม่เชื่อ ลองนี่ดูบ้าง" แล้วเหล้ารัมก็หันไปหยิบหนังสืออีกเล่มที่เป็นภาษาญี่ปุ่นส่งมาให้

ผมรับมาเปิด แต่ว่ากับเล่มนี้.. "แต่ทำไมพอเป็นภาษาญี่ปุ่นผมถึง..!"

จุ๊บ~

"อ่านใหม่สิ : )"

"ละ..เหล้ารัม!"

เขาจุ๊บแก้มผมอีกแล้ว! แต่คราวนี้คนละข้างกับเมื่อกี้นะ ตะ..แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น! ประเด็นคือเค้าจุ๊บแก้มผมอีกแล้ว!?

"เอ้า ลองอ่านดูสิครับ : )"

ถึงแม้ตอนนี้จะอยากเอาหนังสือในมือฟาดเข้ามากว่า แต่ทำไงได้ล่ะ ฟาดไปก็เท่านั้นแหละ เขาเคยสะทกสะท้านที่ไหนนายพ่อมดเจ้าเล่ห์เนี่ย!

"พระเจ้า.." แล้วก็เป็นอีกครั้งที่เวทมนตร์เกิดขึ้น ใช่.. แค่เขาจุ๊บแก้มผม ผมก็เข้าใจภาษาญี่ปุ่นขึ้นมาเลย ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีพื้นฐานมาก่อนเลยด้วยซ้ำ ละ..เหลือเชื่อ!?

"เพราะฉะนั้นคงเห็นแล้วนะว่าผมไม่ได้หลอก ถ้าเกิดต่อไปอยากรู้ภาษาไหนอีกก็บอกผมล่ะ เดี๋ยวจะได้ช่วย..จุ๊บแลกภาษาให้ ตกลงมั้ย : )"

แถมเขายังมีการมาเสนอ 'จุ๊บแลกภาษา' กับผมอีกนะ บ้าที่สุด!

แล้วพอไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับยังไง เพราะมันเป็นเรื่องน่าอายมากที่เหล้ารัมมาจุ๊บผมในห้องสมุดแบบนี้ ก็เลยหาทางออก โดยการวางหนังสือทั้งหมดในมือกลับเข้าชั้น แล้วตั้งท่าเดินหนีออกมาเลย ทว่า..

"เอ่อ.." ผมเป็นอันต้องชะงัก เมื่อเห็นนักศึกษาหญิงสองคนกำลังมองมาที่ผมกับเหล้ารัมด้วยใบหน้าที่ฟินยังกับดูซีรี่ย์คู่จิ้นยังไงยังงั้น แถมมือก็ยังจิกเสื้อกันแน่นไปหมด

โอ๊ยยยยย ตายๆๆ แบบนี้ก็แสดงว่าพวกเธอเห็นตอนที่เหล้ารัมจุ๊บแก้มผมสินะ!?

อายว่ะ.. โคตรอายเลยนะแบบนี้เนี่ย!

"เอ่อ..."

แล้วในขณะที่ผมอยากจะละลายหายไปต่อหน้าต่อตาสองสาวที่ยังคงทำหน้าฟินไม่เลิก สถานการณ์ก็ถูกขับเคลื่อนให้ไปต่อด้วยตัวต้นเหตุอย่างนายเหล้ารัมที่ถือวิสาสะเอามือโอบเอวผมไว้.. แล้วพาเดินออกมาจากตรงชั้นหนังสือ..

ปล่อยให้สองสาวที่น่าจะเกิดเป็นสาววายในชาตินี้ร้องกรี๊ดกร๊าดไล่หลังมา จนคุณบรรณารักษ์อดรนทนไม่ไหว ตะโดนดุด้วยเสียงที่ดังก้อง

"งดใช้เสียงค่ะ!!"

น่ะ..นายเหล้ารัมนี่ร้ายจริงๆ!

หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่เก้า..รักในห้วงอนันต์ || อัพเดท : 2/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 05-07-2016 20:12:56

(http://67.media.tumblr.com/ec886cbb021ca0037a1006ec31031ae6/tumblr_ngt7ymrT7m1qhodd8o3_1280.gif)

* * * * * * *

ด้วยความที่ไม่ได้เช็ครอบฉายมาก่อน ทำให้ผมกับเหล้ารัมพลาดหนังรอบล่าสุดไปจนได้ เราสองคนก็เลยตัดสินใจซื้อตั๋วของรอบถัดไปที่จะฉายในอีกสี่สิบสิบห้านาทีข้างหน้า และตกลงกันว่าจะใช้สี่สิบห้านาทีนั้นเพื่อเดินไปซื้อหนังสือที่ผมต้องการและหาอะไรกินกัน

ซึ่งพอได้หนังสือตามที่ต้องการแล้ว ผมก็ให้สิทธิ์เหล้ารัมที่แสดงความเป็นสุภาพบุรุษอาสาช่วยถือของให้เป็นคนเลือกร้านตามที่ใจเขาต้องการ ถึงแม้ว่าในใจผมจะอยากกินซูชิก็เถอะนะ แต่ในเมื่อเอ่ยวาจาไปแล้วว่าให้เหล้ารัมเลือก ผมจะกลับคำได้ยังไง

แล้วผลก็คือ..

"กินร้านนี้ก็แล้วกัน : )"

..เหล้ารัมตัดสินใจชี้ร้านซูชิที่ผมหมายตา!

โอ๊ยยยย ขอบคุณสวรรค์ที่เมตตา~ สัญญาเลยนะครับว่าผมจะตอบแทนโอกาสนี้ด้วยการกินฟัวกราส์ซูชิแบบไม่ให้เหลือแม้แต่ชิ้นเดียวในร้านเลยคอยดู!

"โอเคครับ ร้านนี้ก็ดีเหมือนกัน" แต่บทจะแสดงออกมากมันก็กระไรอยู่ เลยได้แต่พยักหน้าเห็นด้วยเบาๆ แล้วเดินตามเหล้ารัมเข้าไปในร้านอย่างสงวนท่าที ทั้งๆ ที่ใจนี่คือกู่ร้องก่องโลกแล้ว~

แต่พอได้โต๊ะที่ต้องการ พร้อมกับพนักงานที่เดินเข้ามาถามว่า "รับอะไรดีครับ" ผมก็เปิดเมนูแล้วสั่งทุกอย่างตามที่ใจต้องการ โดยที่ไม่สามารถสงวนท่าที่ได้อีกต่อไป

หืมมมม อันโน้นก็น่ากิน อันนี้ก็ไม่ได้กินนาน แล้วใครล่ะมันจะไปอดใจไหว!

"เดี๋ยว เมื่อกี้คุณสั่งกี่ชิ้นนะ" จนถึงขนาดที่เหล้ารัมต้องรีบถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง เพราะไม่แน่ใจกับเมนูสุดท้ายที่ผมสั่งไป

"เอ่อ.. ฟัวกราส์ซูชิสิบห้าชิ้นครับ" ผมเลยตอบออกไปแบบไม่ค่อยจะเต็มเสียงนัก เพราะกลัวว่าบางทีนายพ่อมดอาจจะดุผมก็ได้

"กี่ชิ้นนะ ผมได้ยินไม่ถนัด"

"สิบห้าชิ้นครับ"

"พระเจ้า!" พอได้ยินแบบชัดเจน เหล้ารัมก็ถึงกับเบิกตาโตขึ้นทันที "นี่คุณกะจะไม่ให้เขาคนอื่นกินเลยหรอเนี่ย!?"

ผมยิ้มแหย พร้อมกับยกมือขึ้นเกาหัวแก้เก้อ "ก็แหม ผมอยากกินนี่ครับ แล้วก็ไม่ได้กินบ่อยๆ ด้วย อย่าห้ามผมเลยน้าาา~" ก่อนจะตบท้ายด้วยน้ำเสียงออดอ้อนอีกนิด เหล้ารัมก็เลยต้องพยักหน้ายินยอม แล้วหันไปสั่งสิ่งที่ตัวเองต้องการแทน

แล้วพอพนักงานเดินจากไปพร้อมกับออเดอร์ที่ยาวเป็นหางว่าว เหล้ารัมก็หรี่ตามองผมเหมือนต้องการจะแซวกับเมนูชุดใหญ่ที่ผมสั่งไป ผมที่ไม่อยากถูกแซวก็เลยทำทีเป็นมองนั่นมองนี่ไปทั่วร้าน โดยที่ไม่นึกเลยว่าสายตาเจ้ากรรมจะไปสะดุดเข้ากับด้านหลังของลูกค้ารายหนึ่งที่กำลังนั่งโดดเดี่ยวอยู่ตรงที่นั่งแบบบาร์..!

วินาทีนั้น..ชื่อของใครคนหนึ่งผุดขึ้นมาในใจ.. เพราะดูจากทรงผมและรูปร่างแล้ว ไม่ต่างจากผู้ชายที่เข้ามาชนผมในงานเลี้ยงเต้นรำของเกรวินเกอร์เลยสักนิด ใช่.. ไม่ผิดแน่ ต้องใช่เขาแน่ๆ!

คิดได้ดังนั้น ผมลุกขึ้นทันทีโดยไม่สนอาการตกใจของเหล้ารัม ก่อนจะก้าวยาวๆ เดินไปหาผู้ชายคนนั้น แล้วจับไหล่เพื่อดึงให้เขาหันมา

"เอียน..!"

ทว่า..

"เอ่อ.."

พอหันมาแล้ว กลับไม่ใช่คนเดียวกันกับที่ผมคิด เพราะว่าผู้ชายคนนี้ไม่มีอะไรที่เหมือนเอียน โจนส์เลย โดยเฉพาะนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่ดูจะตกใจกับการกระทำของผม..

"ขะ..ขอโทษครับ" ดังนั้นผมเลยต้องรีบยกมือไหว้เพื่อเป็นการขอโทษกับความเข้าใจผิดของตัวเอง "พอดีผมจำคนผิดน่ะครับ ขอโทษด้วยนะครับ"

"ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือ ว่าแต่.. เปลี่ยนจากคำขอโทษเป็นไลน์ของคุณแทนได้มั้ยครับ?" แถมนอกจากจะไม่ใช่คนที่คิดว่าใช่แล้ว ผู้ชายคนนี้ยังขอไลน์ผมอีก ทำเอาผมนี่ถึงกับเซ็งจนพูดอะไรไม่ออกเลย..

"มีอะไรหรอวาฬ" ซึ่งก็นับว่าโชคดีที่เหล้ารัมตามมาแบบได้จังหวะพอดีน่ะนะ ถึงแม้ว่าเขาจะโอบไหล่ผมเหมือนต้องการจะแสดงความเป็นเจ้าของต่อหน้าผู้ชายที่ถูกผมเข้าใจผิดก็เถอะ แต่ผมไม่ว่าอะไรเขาหรอก ผมโอเค

"พอดีเข้าใจผิดนิดหน่อยน่ะ ยังไงผมก็ต้องขอโทษคุณอีกครั้งนะครับ" ก่อนที่ผมจะตัดสินใจยกมือไหว้ขอโทษผู้ชายคนนั้นเพื่อเป็นการตัดจบ แล้วพากันเดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมกับเหล้ารัมที่ขมวดคิ้วซะจนหน้าผากย่นไปหมดแล้ว

"นี่มันเรื่องอะไรกันวาฬ ไหนช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจหน่อยซิว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับคุณกันแน่ ผมว่าผมพยายามจะไม่คิดมากแล้วนะ แต่คุณทำตัวแปลกจริงๆ โดยเฉพาะเมื่อกี้นี้ตอนที่ลุกเดินเข้าไปหาผู้ชายคนนั้น มันเหมือนแบบ..จิตใจคุณไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยวาฬ"

"ผม..ขอโทษครับ"

"ไม่วาฬ ผมไม่ได้ต้องการคำขอโทษ ผมต้องการคำอธิบายในสิ่งที่คุณเป็น ไม่งั้นมีหวังคืนนี้ผมคงนอนไม่หลับแน่"

"..."

พอมาถึงตรงนี้.. ผมรู้สึกแล้วว่าตัวเองไม่สามารถเก็บสิ่งที่อยู่ในใจได้อีกต่อไป ถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องเล่าเรื่องของเอียนให้เหล้ารัมได้รับรู้

"ว่าไงครับ คุณบอกผมได้มั้ย ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่"

"เหล้ารัมครับ ถ้าเกิดว่า.. ผมกลับไปทำพันธะสัญญากับคู่พันธะสัญญาคนแรก จะถือว่าเป็นการทำพันธะสัญญาครั้งที่สามหรือเปล่าครับ?" ผมเลยเลือกที่จะตอบกลับคำถามด้วยคำถาม เพราะอยากรู้เรื่องนี้ก่อนที่เราสองคนจะคุยกันเรื่องต่อไป

"ทำไมคุณถึงถามแบบนั้นล่ะ" แต่เหล้ารัมกลับยิ่งขมวดคิ้วหนักขึ้น ซึ่งผมเข้าใจความรู้สึกของเขาตอนนี้ดี เพราะว่านัยน์ตาเอเชียสีม่วงอ่อนที่อยู่ท่ามกลางความเป็นตะวันตกคู่นั้นกำลังฉายแววความสับสนออกมาอย่างชัดเจน

"ถ้าคุณตอบผมเรื่องนี้ ผมจะอธิบายในสิ่งที่คุณอยากรู้" ผมเลยต้องแสร้งทำเป็นแข็งใส่เค้า เพราะต้องการที่จะรู้คำตอบให้จงได้

"โอเค" ซึ่งแน่นอนว่าเหล้ารัมยอมตอบคำถามในที่สุด ถึงแม้ว่าสีหน้าจะสวนทางกับคำว่า 'โอเค' ที่พูดออกมาอย่างมากก็ตาม "ผมจะตอบให้ก็ได้ ว่าหากคุณกลับไปทำพันธะสัญญากับคู่พันธะสัญญาแรก จะไม่นับเป็นครั้งที่สองหรือสาม แต่จะถือว่าเป็น 'ครั้งแรกอีกครั้ง' เพราะต้นกำเนิดของพันธะสัญญาแรกถือว่าบริสุทธิ์มาก สามารถที่จะถอนและกลับมาผูกพันธะสัญญากันใหม่กี่ครั้งก็ได้ตามแต่ที่ใจต้องการ"

"แบบนี้นี่เอง"

แสดงว่าผมก็คิดถูกสินะ เรื่องที่ว่าการกลับไปทำพันธะสัญญากับเอียนนั้นง่ายกว่าการทำพันธะสัญญาที่สองกับเหล้ารัมให้สำเร็จน่ะ

"ผมตอบในสิ่งที่คุณอยากรู้แล้ว ทีนี้ก็ตาคุณอธิบายในสิ่งที่ผมอยากรู้บ้าง"

"โอเค" ทีนี้ผมก็เลยตอบรับคำทวงถามจากเหล้ารัมบ้าง ก่อนจะเงียบไปนิดนึง เมื่อจังหวะนั้นเป็นจังหวะเดียวกันกับที่พนักงานยกเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ จนกระทั่งกลับไปเหลือแค่เราสองคนนั่นแหละ ผมถึงได้พูดต่อ "คือ.. เมื่อคืนนี้ตอนอยู่ที่งานของเกรวินเกอร์ ผมคิดว่าผมเจอเอียน โจนส์"

"ใครกันเอียน โจนส์ ชื่อคุ้นๆ?"

"เขาคือคู่พันธะสัญญาคนแรกของผมครับ ที่หายตัวไปเมื่อหลายปีก่อน"

"..."

"ผมไม่ได้เจอเขานานมากแล้ว ตั้งแต่วันที่เขาหนีหายไป ขนาดว่าครอบครัวผมขอให้ทางการของโลกเวทมนตร์ช่วยออกตามหาก็ไม่เจอ"

"ถึงว่า ทำไมถึงได้คุ้นชื่อนัก" ตอนแรกผมคิดว่าเหล้ารัมจะไม่พูดอะไรออกมาแล้ว แบบว่า.. อาจจะรู้สึกไม่ดีที่ผมพูดถึงคู่พันธะสัญญาคนเก่าอะไรแบบนั้น แต่พอเขาโต้ตอบกลับมา ผมก็รู้สึกว่าตัวเองหายใจได้คล่องขึ้นน่ะนะ "ทางสำนักราชวังเองก็เคยส่งให้พี่สาวผมช่วยตามหาเหมือนกัน แต่หาเท่าไหร่ก็หากันไม่พบ จนคิดว่าเขาน่าจะหนีออกไปที่โลกอื่นแล้ว"

"ใช่ ผมก็เคยคิดแบบนั้นนะ จนกระทั่ง.. มีผู้ชายคนนึงมาชนผมเข้าตอนที่คุณเดินไปตักขาแกะ ตอนแรกผมก็ไม่แน่ใจหรอก เพราะเขาสวมหน้ากาก แล้วสีผมก็เปลี่ยนไปด้วย แต่ว่า.. ผมจำตาสีเขียวขุ่นคู่นั้นได้"

"อ๋อ แบบนี้นี่เอง ตอนนั้นคุณถึงได้ถามผมใช่มั้ยว่าเห็นใครยืนอยู่หลังผมหรือเปล่า"

"ใช่ครับ เพราะพอผมหันไปอีกที.. เขาก็หายไปแล้ว.."

ผมถอนหายใจทันทีที่พูดจบ รู้สึกเหมือนเหนื่อยใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น จนลืมนึกไปว่าคนโคตรจะเป็นห่วงผมกำลังนั่งอยู่ตรงหน้า..

"..." แล้วก็อย่างที่คิดเลย เหล้ารัมทำหน้าไม่สบายใจส่งมาให้ ก่อนจะเอื้อมมาดึงมือผมไปกุมไว้.. "เรื่องนี้เองหรอที่ทำให้คุณทำตัวแปลกๆ น่ะ"

"ใช่ครับ ผมรู้สึกว่าผมหยุดคิดถึงเขาไม่ได้เลย ขนาดเมื่อกี้.. ผมแค่เห็นผู้ชายคนนั้นจากด้านหลังยังคิดว่าเป็นเอียนเลย"

เฮ้อออออ ถ้าเกิดว่าเมื่อคืนนี้ผมไม่เจอกับเขาอีกครั้ง อะไรๆ มันคงดีกว่านี้..

"แล้วทำไมคุณถึงต้องคิดถึงนายเอียนอะไรนั่นด้วยล่ะ ยังไงคุณก็มีผมแล้ว ต่อให้มันยังอยู่หรือว่าตาย ก็ไม่สำคัญกับคุณอีกต่อไปแล้ว จริงมั้ยครับ" เหล้ารัมกุมมือผมแน่นขึ้นเหมือนจะปลอบใจ แต่รู้อะไรมั้ย.. ผมอ่านความกังวลในตาของเขาออกนะ ว่าเหล้ารัมเองนั่นแหละที่ควรจะได้รับคำปลอบใจ เพราะเขาคงกำลังหวั่นไหวและไม่แน่ใจกับความต้องการในใจของผมตอนนี้ที่จู่ๆ ก็หยุดคิดถึงเอียนไม่ได้สินะ..

ซึ่งก็ไม่ผิดหรอกที่เหล้ารัมจะกังวล เพราะว่าผมเองก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้เหมือนกันว่าตัวเองน่ะพูดมากเกินไปแล้ว.. จนบางทีอาจจะทำให้เหล้ารัมรู้สึกว่าตัวเขากำลังจะหมดความสำคัญขึ้นมาก็ได้..

"สำคัญสิ เพราะผมรู้สึกว่า..ผมอยากหาเอียนให้เจอ แล้วกลับไปทำพันธะสัญญาครั้งแรกกับเขาอีกครั้ง" ..แต่ผมไม่มีทางเลือก เพราะผมเองก็ไม่อยากปิดบังสิ่งที่อยู่ในใจเหมือนกัน

"..." แน่นอนว่าเหล้ารัมต้องอึ้งกับสิ่งที่ผมพูดอยู่แล้ว..

"เพราะผมคิดว่ามันง่ายกว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ ในเมื่อ..คุณก็บอกเองว่าพันธะสัญญาแรกเป็นพันธะสัญญาบริสุทธิ์ สามารถทำขึ้นใหม่ได้อย่างไร้ปัญหา ต่างจากพันธะสัญญาครั้งที่สองที่ต้องอาศัยการเสียสละจากคุณ ซึ่งผม..ไม่อยากทำให้คุณเดือดร้อน" ถึงแม้ผมจะยังไม่รู้ว่าการเสียสละนั้นคืออะไรก็เถอะนะ "แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะผลักไสคุณออกไปนะครับ ผมยังอยากให้คุณอยู่กับผมนะ เพียงแต่..แค่คิดว่าถ้าหากเราได้เอียนกลับมา อะไรๆ มันอาจจะง่ายขึ้นก็เท่านั้นเอง"

ตอนแรกเหล้ารัมทำหน้าเหมือนว่าโลกนี้มันแตกสลายไปเรียบร้อยแล้ว แต่พอได้ยินผมพูดว่า 'ไม่ได้คิดจะผลักไสเขา และอยากให้เขาอยู่' นายพ่อมดก็ดูจะมีสีหน้าที่ดีขึ้นกว่าเดิม แถมมือหนาๆ ที่เคยกุมมือผมซะแน่น..ก็ดูจะคลายลง..ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณที่ดี ในเมื่อผมเองก็ไม่ได้อยากทำให้เขารู้สึกแย่

เพราะถ้าเขารู้สึกแย่.. ผมก็รู้สึกแย่เหมือนกัน..

"วาฬครับ ผมเข้าใจสิ่งที่คุณคิดนะ แล้วผมก็ขอบคุณมากที่คุยยังอยากให้ผมอยู่กับกับคุณต่อไป" แล้วเขาก็เริ่มยิ้ม "แต่รู้อะไรมั้ย มันไม่สำคัญเลยสักนิดว่าผมต้องเสียสละอะไรเพื่อให้ได้ทำพันธะสัญญาครั้งที่สองกับคุณ ในเมื่อผมคือคนที่ตัดสินใจเดินเข้ามาในชีวิตของคุณเอง เพราะฉะนั้นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมยอมรับผลจากการตัดสินใจของตัวเองได้เสมอ"

"..."

"แล้วจริงอยู่การได้เจอมันคนนั้น อาจจะทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น และคุณเองก็คงจะมีความสุข แต่สำหรับผม.. ผมเสียใจนะ แล้วก็ไม่โอเคมากเลยด้วยที่ต้องให้คนอื่นมาใกล้ชิดกับคุณแทนที่จะเป็นผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนๆ นั้นมันคือไอ้เลวที่ถอนพันธะสัญญาจากคุณไป ไม่สนใจเลยสักนิดว่าคุณจะอยู่หรือตาย"

"..."

"ผมขอเถอะนะวาฬ เลิกกังวล เลิกคิดถึงไอ้ผู้ชายคนนั้นกับพันธะสัญญาครั้งแรกซะ ผมรู้นะว่ามันยาก แต่มีผมอยู่ตรงนี้ทั้งคน ยังไงผมก็จะไม่ยอมให้คุณเป็นอะไรไปเด็ดขาด"

"..."

โอเค... ผมพูดอะไรไม่ออกเลยเมื่อได้ฟังในสิ่งที่เหล้ารัมพูด.. รู้สึกว่าน้ำตามันคลอขึ้นมาที่เบ้าตาอีกแล้ว.. ในเมื่อ..ผมรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่เขาส่งผ่านมาให้.. รับรู้..ว่าทุกคำที่เขาพูด มันส่งตรงจากหัวใจของเขาจริงๆ..

แล้วแบบนี้..ผมจะไปหาเหตุผลอะไรมาหักล้างกับเขาได้ล่ะจริงมั้ย?

ในเมื่อเหล้ารัมทำให้ผมเชื่อได้จริงๆ ว่าถ้าแค่มีเขา.. ผมก็ไม่จำเป็นที่จะต้องการใครอีก..

"ขอบคุณนะครับเหล้ารัม แล้วก็ขอโทษด้วย..ที่คิดนั่นนี่ไปเรื่อยเลย" ดังนั้น ผมจึงเปลี่ยนเป็นฝ่ายกุมมือเขาบ้าง

"ไม่เป็นไรครับ แค่คุณเข้าใจผม แค่นี้ก็พอแล้ว : )" ก่อนที่อีกฝ่ายจะดึงมือออกข้างนึงเพื่อหยิกแก้มผมเบาๆ

ซึ่งผมจะไม่เขินมากขนาดนี้เลยนะ ถ้าตอนที่เหล้ารัมทำไม่ใช่จังหวะเดียวกันกับที่พนักงานยกอาหารมาเสิร์ฟพอดี เล่นเอาซะผมนี่ทำหน้าไม่ถูกเลย..

แต่นั่นก็เท่ากับว่าบทสนทนาของเราสองคนจบลงด้วยดีน่ะนะ เพราะพอได้ฟังสิ่งที่เหล้ารัมพูด ผมก็ล้มเลิกความคิดที่อยากจะกลับไปทำพันธะสัญญาครั้งแรกทันที

ทว่า.. ถึงจะเลิกคิดเรื่องพันธะสัญญาแล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่อยากเจอเอียนอีกครั้งหรอกนะ.. เพราะถึงยังไงผมก็มีเรื่องนึงที่อยากจะพูดกับเขาเหลือเกิน

โดยเฉพาะคำหนึ่งคำ..ที่เขาไม่ทันจะได้อยู่ฟังในคืนนั้น...

(http://pic.pimg.tw/demona/1405329580-1468390043.gif)

จบตอนที่ 10

#แฮมสเตอร์
อัพอาทิตย์ละตอนมันใจจะขาด
รู้สึกว่าตัวเองเหงา ไม่มีอะไรทำเลย
ก็เลยขอเปลี่ยนมาเป็นอัพอาทิตย์ละ 2 ตอนก็แล้วกันนะครับ
ขอโทษที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาครับ T___T

*พูดคุยที่ทวิตเตอร์กันได้ โดย #พ่อมดเหล้า นะครับ

มายเพจ : #แฮมสเตอร์ (https://www.facebook.com/hamsterisanauthor)
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบ..หากเอียนยังอยู่ || อัพเดท : 5/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 05-07-2016 20:16:43
 :beat:


วาฬ รีบๆให้เหล้ารัมส่องดูได้แล้วว่าเอียนอยุ่ไหน จะได้ไม่ต้องฟุ้งซ่านอีก

(เป็นพ่อมดแม่มดนี่เจ๋งจริง อิจฉาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา)  :ling3:

********

ปอลิง

อัพอาติ๊ดละสองตอนเป็นไอเดียที่บรรเจิดแล้วค่ะ อย่าลดลงอีกเลยนะ พลีสๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :mew6:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบ..หากเอียนยังอยู่ || อัพเดท : 5/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: cinnsin ที่ 05-07-2016 20:36:39
ขอจุ๊บแลกภาษาหน่อยได้มั้ยคะคือตอนนี้โง่อังกฤษม๊ากกกมาก---- //โดนวาฬฆ่า ถถถถถ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบ..หากเอียนยังอยู่ || อัพเดท : 5/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-07-2016 20:49:50
เกือบมีปัญหากันเพราะเรื่องเอียนซะแล้ว :เฮ้อ: :เฮ้อ:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบ..หากเอียนยังอยู่ || อัพเดท : 5/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 05-07-2016 20:58:32
อยากให้วาฬเลิกเก็กซะที มันดูไม่จริงใจไงไม่รุ :hao4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบ..หากเอียนยังอยู่ || อัพเดท : 5/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 05-07-2016 21:23:26
จะว่าวาฬพูดตรงๆหรือไม่คิดถึงใจคนที่ชอบวาฬดี รู้สึกแปลกๆ
เรื่องที่ควรพูดไม่พูดนะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบ..หากเอียนยังอยู่ || อัพเดท : 5/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 05-07-2016 21:35:23
วาฬ นี่ใจโลเลจัง เห็นแก่ตัว เมื่อ เอียนหนีไป แล้ว ก็ต้องปล่อยดิ ตอนนี้ตัวเองอยู่กับเหล้ารัมอ่ะ ยังคิดแบบนี้ได้อีกเนาะ อยากมีชีวิตรอดแบบที่ตัวเองปลอดภัยสินะ ไม่ชอบคนเห็นแก่ตัวแบบวาฬ แต่ ชอบเหล้ารัม นางดูนิ่ง มึน ซึน กวนๆดี 
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบ..หากเอียนยังอยู่ || อัพเดท : 5/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 05-07-2016 21:40:56
อยากโดนจุ๊บ หลายๆ ที  :hao7:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบ..หากเอียนยังอยู่ || อัพเดท : 5/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 06-07-2016 10:31:41
หืมมม มีคำพูดอะไรที่วาฬจะบอกเอียนอ่ะ
แอบเสียใจอ่ะที่วาฬอยากกลับไปทำพันธะกับเอียน
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบ..หากเอียนยังอยู่ || อัพเดท : 5/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Praykanok ที่ 06-07-2016 14:10:50
แหมมมมม่ จุ๊บแลกภาษา เหล้ารัมเจ้าเล่~
เอียนอย่ามาเลยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบ..หากเอียนยังอยู่ || อัพเดท : 5/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 07-07-2016 00:28:05
มีเหล้ารัมอยู่แล้วทั้งคน ยังจะคิดถึงเอียนอีก น่าตีจริงๆ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบ..หากเอียนยังอยู่ || อัพเดท : 5/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 07-07-2016 01:10:25
รอ!!!
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบเอ็ด..จุดอ่อน || อัพเดท : 10/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 10-07-2016 20:04:09
บทที่ 11
{ จุ ด อ่ อ น }

(http://66.media.tumblr.com/35e118f0722f1992ea4ee3e669f2de68/tumblr_ngt7ymrT7m1qhodd8o2_1280.gif)

โอเค ถ้าเกิดว่าพวกคุณอยากจะให้ผมบอกเล่าความรู้สึกถึงประสบการณ์การดูหนังครั้งแรกในโรงภาพยนตร์กับผู้ชายที่ไม่ใช่ทั้งพ่อและเพื่อนล่ะก็ ผมบอกได้เลยนะว่าผมน่ะ.. ดูหนังไม่รู้เรื่องเลย!
   
ย้ำ
   
ดู-ไม่-รู้-เรื่อง-เลย!!
   
คืองี้.. ไม่ใช่เพราะว่าหนังที่เลือกดูมันเป็นหนังรางวัลแบบที่ดูยากดูเย็นหรอกนะ หรือต่อให้มันเป็นระบบซาวด์แทร็กก็ยิ่งไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะว่าตอนนี้ผมกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษไปแล้ว (ก็เพราะไอ้การจุ๊บแลกภาษานั่นแหละ!) แต่สาเหตุหลักทั้งหมดทั้งมวลมันมาจาก..นายพ่อมดเหล้าที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมต่างหาก!
   
มันเริ่มจาก..การจับมือ
   
ซึ่งผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมคนเราถึงจะต้องจับมือกันไว้ในขณะที่นั่งดูหนังด้วย? แต่ในเมื่อเหล้ารัมเลือกที่จะคว้ามือผมไปจับไว้.. ผมก็ไม่ได้ห้ามอะไรนะ เพียงแต่.. พอได้จับกันแล้ว.. มันก็เหมือนว่าความสนใจของผมไปโฟกัสที่จุดๆ นั้นเพียงจุดเดียว แบบว่า.. มือผมจะสากไปจนเขารู้สึกได้มั้ย? หรือถ้าจับกันไปนานกว่านี้เหงื่อที่มือผมจะออกจนมือเขาเปียกหรือเปล่า? แล้วถ้าเป็นแบบนั้นจริง..เขาจะไม่รังเกียจความชื้นที่มือผมหรอ?
   
คำถามมากมายในใจมันรบกวนผมมาก จนผมต้องคอยกะเวลาคร่าวๆ ในใจ พอรู้สึกว่าจับกันนานไปแล้ว ผมก็จะทำทีเป็นปล่อยออกมามาหยิบป๊อบคอร์นใส่ปากบ้างอะไรบ้าง ก่อนจะหาจังหวะเช็ดมือกับเสื้อแบบที่ไม่ให้นายพ่อมดเหล้าเห็น แล้วก็กลับไปจับกันต่ออะไรแบบนั้น ซึ่งก็น่าจะเป็นการแก้ปัญหาที่ดีนะ เพียงแต่..มันทำให้ผมดูหนังไม่รู้เรื่องไง..
   
ต่อมาก็คือ..การป้อนของกิน
   
จริงอยู่ที่ผมอาศัยจังหวะช่วงเอามือมาเช็ดเหงื่อหยิบนู่นหยิบนี่กินบ้าง แต่มันก็ไม่ได้ได้บ่อยนัก เพราะฉะนั้นคนที่มือขวาว่างอย่างเหล้ารัม (เพราะเขานั่งอยู่ฝั่งขวาของผม) ก็เลยทำหน้าที่หยิบนั่นหยิบนี่มาป้อนให้ ซึ่งผมก็เกิดคำถามขึ้นใจอีกว่า..ผมอ้าปากกว้างไปมั้ย? แล้วต้องกะจังหวะยังไงไม่ให้ผมเผลองับมือเขาเข้าหรือทำให้นิ้วของเขาเปื้อนน้ำลายอะไรแบบนั้น เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าถ้าเกิดกรณีที่น้ำลายไปเปื้อนมือเขาขึ้นมา เขาจะรังเกียจผมหรือเปล่า? ไม่เพียงเท่านั้นนะ พอเขาป้อนมา ผมจะเป็นแค่ฝ่ายกินอย่างเดียวก็ใช่ที่ ก็ต้องคอยป้อนกลับไปด้วย เดี๋ยวน้ำ เดี๋ยวป๊อบคอร์น สุดท้าย..ผมก็ดูหนังไม่รู้เรื่องอีกตามเคย..
   
แล้วพอของกินหมด ก็ตามมาด้วย..การซบไหล่
   
อันนี้ล่ะปัญหาหนักสุดสำหรับผมเลย เพราะพอหนังดำเนินไปได้เกือบชั่วโมง เหล้ารัมก็เริ่มเกิดอาการเลื้อยเป็นงูขึ้นมาซะอย่างงั้น ทำให้จากที่นั่งตรงๆ ก็เริ่มไหลลดระดับลงไปเรื่อยๆ ก่อนที่เขาจะเอาหัวมาอิงไหล่ของผมไว้..
   
คือ.. หัวเขามันก็ไม่ได้หนักหรอกนะ แต่มันทำให้ผมรู้สึกว่าหน้าร้อน.. ทั้งๆ ที่แอร์ของโรงหนังก็เย็นสะใจดี แต่คือหน้าผมร้อนเหมือนมีคนเอาไฟมาจี้เลยครับ พะ..เพราะว่านี่คือครั้งแรกที่เขาทำกับผมแบบนี้ไง! แถมเหล้ารัมเองก็ใช่ว่าจะเอาหัวมาพิงแล้วนอนนิ่งๆ เสียเมื่อไหร่ บางทีก็ยุกยิก บางทีก็เหมือนจะไถหัวกับไหล่ผมเบาๆ ด้วย จนสมาธิในการดูหนังของผมมันแตกซ่านไปหมด แถมบางทีผมของเขาก็มาโดนต้นของผมอีก ขนนี่ลุกไปหมดเลย แล้วก็อีหรอบเดิมครับ..คือผมดูหนังไม่รู้เรื่องเลยจริงๆ
   
แต่.. นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมไม่ชอบนะ ถึงแม้จะดูหนังไม่รู้เรื่องเลยก็เถอะ แต่ไม่รู้ทำไม ผมกลับรู้สึกดีที่มีเหล้ารัมนั่งอยู่ข้างๆ คอยจับมือกัน ป้อนน้ำป้อนป๊อบคอร์น แถมยังเอาหัวมาพิงไหล่ด้วย จนบางที..ผมก็รู้สึกกลัวเหมือนกัน.. ว่าถ้าสักวันนึงผมต้องตายไป..มันจะมีโลกหลังความตายที่ทำให้ผมได้นึกถึงเรื่องราวเหล่านี้มั้ย หรือไม่ก็..ถ้าว่านึงที่เหล้ารัมหายไปล่ะ ผมจะกลับไปอยู่ได้ด้วยตัวเองเหมือนที่แล้วมาหรือเปล่า?
   
นั่นไง.. ผมเริ่มคิดนั่นคิดนี่ไปเรื่อยอีกแล้ว..
   
ทำไมช่วงนี้ถึงได้อ่อนไหวจังวะวาฬ?
   
“วาฬครับ เอาน้ำอีกมั้ย?” แต่ในขณะที่ผมกำลังคิดนั่นคิดนี่ไปไกล จู่ๆ เหล้ารัมที่อิงไหล่ผมอยู่ในตอนแรก ก็เงยหน้าขึ้นมากระซิบที่ข้างหูผม พร้อมกับเขย่าแก้วโค้กในมือให้ดูว่ายังมีเหลืออยู่หากผมต้องการ
   
ทว่าผมเลือกจะปฏิเสธ “ไม่ครับ คุณกินเถอะ” เพราะรู้สึกว่าตัวเองกินน้ำเยอะเกินไปแล้ว
   
ยิ่งอากาศเย็นๆ แบบนี้ด้วย ยิ่ง... โอ๊ะ! นั่นไง ผมว่าสิ่งที่ผมกังวลมันเริ่มทำงานละ ฮือออออออ~
   
“เดี๋ยวนะ ทำไมคุยตัวสั่นแบบนี้ล่ะวาฬ”
   
“เอ่อ... ผมปวดฉี่อ่ะ”
   
“เฮ้ย จริงดิ ทำไงอะ หนังน่าจะยังอีกนานเลยนะกว่าจะจบ”
   
ใช่ ผมเองก็คิดว่าอีกนานเลยกว่าจะจบ เผลอๆ ยังไม่ถึงครึ่งเรื่องเลยด้วยซ้ำ ในขณะที่อาการปวดฉี่ฉับพลันของผมน่ะมันไต่ระดับขึ้นไปถึงจุดสูงสุดแล้ว เพราะฉะนั้นคงทนอั้นต่อไปอีกไม่ไหว
   
“งั้นผมไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”
   
“ให้ผมไปเป็นเพื่อนมั้ย”
   
“ไม่เป็นไรครับ” ห่างๆ กันบ้างก็ได้ แค่นี้ก็จะรวมเป็นร่างเดียวอยู่แล้ว “เดี๋ยวผมรีบไปรีบมา”
   
“โอเค งั้นเดี๋ยวผมดูแทนให้ กลับมาไม่เข้าใจตรงไหนเดี๋ยวผมเล่าให้ฟัง : )”
   
พอได้ยินเหล้ารัมพูดแบบนั้น ผมก็ส่งยิ้มกลับไปให้เขา ทั้งๆ ที่ในใจนี่คืออยากจะบอกว่าไม่จำเป็นเลยสักนิด ต่อให้เขาเล่าส่วนที่ขาดหายไป ผมก็ไม่รู้เรื่องอยู่ดี เพราะว่าผมน่ะดูไม่รู้เรื่องมาตั้งแต่แรกแล้ว ฮ่าๆๆๆ~
   
แต่ก็ไม่ได้พูดออกไปนะ ทำแค่รีบลุกออกจากโรงฯ ไปห้องน้ำเท่านั้น เพราะขืนพูดออกไปอย่างใจคิด มีหวังได้อธิบายกันยาวจนฉี่แตกในแน่
   
ซึ่งพอกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาจนถึงห้องน้ำชาย ผมก็รีบผลักประตูเข้าไปอย่างคนปวดมาก
   
ทว่า..
   
“สวัสดี”
   
“นะ..นาย!”
   
..ใครจะไปคิดกันว่าในห้องน้ำนั้นจะมีนายซองซูยืนส่งยิ้มร้ายมาให้!
   
“ในที่สุดฉันก็ได้เห็นหน้านายชัดๆ สักทีนะ : )”
   
วินาทีนั้นผมรู้เลยว่าเขาไม่ได้แค่มาทักทายแล้วเดินจากไปเฉยๆ แน่
   
แต่ก่อนจะทำอะไร ผะ..ผมขอฉี่ก่อนได้มั้ยเนี่ย!?


* * * * * * *


   
เอาจริงๆ นะ จะหาว่าผมีคิดนั่นคิดนี่แบบไม่ดูเวล่ำเวลาก็ได้ แต่ช่วงนี้ผมรู้สึกได้เลยว่าตัวเองค่อนข้างจะได้รับประสบการณ์ที่เป็น ‘ครั้งแรก’ ถี่มาก ไม่ว่าจะเป็น..ประสบการณ์การเข้าร่วมงานเลี้ยงเต้นรำสวมหน้ากากครั้งแรก การได้ดูหนังกับชายอื่นที่ไม่ใช่พ่อและเพื่อนเป็นครั้งแรก รวมถึง..การถูกลักพาตัวครั้งแรกด้วย!
   
“ดื่มชามั้ย นี่ชากุหลาบนะ ของดีมาก รับรองเลยว่านายต้องชอบ” แต่จะว่าไปมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอกนะ ไอ้การถูกนายซองซูลักพาตัวมาน่ะ เพราะนอกจากเขาจะไม่ได้ทำอะไรรุนแรงแล้ว เขาก็ยังปฏิบัติกับผมอย่างดี แถมยังอนุญาตให้เข้าไปฉี่ก่อนพาหายตัวมาที่นี่ด้วย ผมก็เลยให้คะแนนความเกลียดชังในตัวไม่สูงนักเมื่อเทียบกับการเจอกันครั้งแรกที่งานของเกรวินเกอร์น่ะนะ
   
“ไม่ล่ะ”
   
“ทำไม กลัวฉันใส่ยาพิษให้นายกินหรือไง : )”
   
ก็ใช่น่ะสิ ถามได้ ถึงจะไม่ได้ทำอะไรรุนแรงกับผมก็เถอะ แต่กับคนที่ยิ้มเจ้าเล่ห์ตลอดเวลาเหมือนนายพ่อมดเกาหลีคนนี้เนี่ย ใครมันจะไปไว้ใจได้! “รู้แล้วยังจะมาถามอีก”
   
“โอเค ตามใจนะ ไม่กินก็ไม่กิน” พูดจบ ซองซูก็เลื่อนกาจากที่จะรินใส่แก้วผม ย้ายไปรินใส่แก้วของตัวเองแทน ซึ่ง..กลิ่นของมันหอมมาก หอมขนาดที่ว่าผมต้องลอบกลืนน้ำลายเลยล่ะ
   
แต่ไม่ได้นะวาฬ ยังไงก็ต้องอดใจไว้ เพราะสิ่งที่สำคัญกว่าไม่ใช่การมานั่งดื่มชา แต่เป็นการรู้ถึงสาเหตุที่เขาลักพาตัวผมมาต่างหาก “นี่ ว่าแต่นายเถอะ จะตอบได้หรือยังว่าลักพาตัวฉันมาทำไมกันแน่” ถึงแม้จะรู้ว่าคงไม่พ้นเรื่องความบาดหมางของเขากับเหล้ารัม แต่ผมก็อยากจะถามเพื่อความแน่ใจ เผื่อว่าบางทีอาจจะเป็นกรณีอื่นก็ได้
   
“อะไรกัน ทีฉันถามชื่อนายนายยังไม่ตอบเลย แต่ตัวเองกลับมาเค้นหาเหตุผลจากฉันเนี่ยนะ ไม่แฟร์เลยสักนิด”
   
“งั้นก็ตามใจนายเถอะ” ผมสะบัดหน้าหนีอย่างคนไม่ง้อ
   
เรื่องอะไรผมจะบอกชื่อของตัวเองให้ซองซูได้รู้จักล่ะ แค่เห็นหน้าก็มากเกินพอแล้ว เกิดเขารู้ชื่อสกุลของผมขึ้นมา ก็รู้หมดน่ะสิว่าผมเป็นใคร มีคำสาปอะไรติดตัวมา แล้วเดี๋ยวก็จะต่อยอดไปหาเหตุผลที่เหล้ารัมมาใกล้ชิดกับผมจนรู้เรื่องพันธะสัญญาครั้งที่สองอีก
   
เฮ้อออออออ~ เกิดในตระกูลต้องสาปนี่มันลำบากจริงๆ เลยให้ตายสิ!
   
ด้วยความเบื่อหน่ายจากชีวิตที่แสนจะยุ่งยาก ผมเลยเปลี่ยนจากการคิดนั่นคิดนี่เป็นการหันไปสำรวจที่ที่เราอยู่แทน อืม.. ดูเหมือนว่าจะเป็นเขาวงกตแฮะ เพราะทั้งสี่ด้านนั้นเป็นกำแพงต้นไม้ลักษณะสี่เหลี่ยมที่สูงมาก มีทางออกเพียงหนึ่งทาง แต่ผมช่างใจกับตัวเองแล้วว่ายังไงก็จะไม่บ้าวิ่งหนีออกไปเด็ดขาด เพราะหากว่าที่นี่คือเขาวงกตจริง มันคงไม่ใช่แค่เดินไปหลงไปหรอกนะ แต่คงมีลูกเล่นอะไรที่อันตรายรอผมอยู่แน่ อย่าลืมสิว่าคนที่พาผมมาน่ะเป็นพ่อมดนะ ผมว่าผมไม่เสี่ยงจะดีกว่า
   
ส่วนพื้นที่ส่วนกลางของกำแพงทั้งสี่ด้านนั้น ดูเหมือนจะเป็นสวนหย่อมสำหรับพักผ่อนหย่อยใจ มีน้ำพุอยู่กึ่งกลาง มีหินโรย มีไม้ประดับ และมีมุมดื่มชาที่ผมกับซองซูกำลังนั่งอยู่ในตอนนี้ ซึ่งถ้าให้เดานะ ผมว่าจุดนี้ต้องเป็นใจกลางของเขาวงกตแน่ แล้วไอ้เขาวงกตนี่ก็ต้องอยู่ในพื้นที่ของบ้านหรือคฤหาสน์ของนายพ่อมดเกาหลีนี่ด้วย
   
“โอเค ฉันยอมแพ้นายก็ได้” ซึ่งความตลกก็คือ พอผมเลือกที่จะไม่สนใจซองซู เขากลับบอกผมว่าขอยอมแพ้ซะอย่างงั้น อะไรของเขาเนี่ย? “ยังไงซะ สักวันนึงฉันก็ต้องได้รู้ชื่อของนายอยู่ดี เพราะฉะนั้นฉันจะบอกให้ก็ได้ว่าทำไมฉันถึงพานายมาที่นี่ : )”
   
“…” ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเลย ทำเพียงแค่หันไปรอฟัง และพยายามกลั้นไม่ให้ตัวเองขำกับการพูดเองเออเองของเขา เดี๋ยวจะเสียเรื่องซะก่อน
   
คนอะไรวะ พออยากรู้ไม่บอก พอไม่อยากรู้ก็บอกเองซะงั้น บ้าเปล่า?
   
“นายรู้อะไรมั้ย ว่าตลอดเวลาที่ฉันรู้จักกับไอ้เหล้ารัมมา นอกจากพี่สาวแสนสวยของมันแล้ว ฉันก็ไม่เคยเห็นมันพาใครไปออกงานหรือพาไปเที่ยวเหมือนนายมาก่อนเลย”
   
“…”
   
“แสดงว่านายเองก็คงจะสำคัญสำหรับมันมากทีเดียว”
   
“…”
   
“แต่ก็นะ ถึงอย่างงั้นฉันก็ยังอยากจะขอพิสูจน์ให้เห็นกับตาตัวเองอยู่ดี ก็เลยพาตัวนายมาที่นี่ยังไงล่ะ : )”
   
“แล้วไง?”
   
“อะไรคือแล้วไง?”
   
เฮ้ออออออออ~ ผมว่าผมจะไม่พูดอะไรแล้วนะ แต่พอมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกว่านายซองซูนี่ไร้สาระชะมัด และคงจะว่างมากด้วยที่จับผมมาเพื่อพิสูจน์ความสำคัญอะไรนั่น ในเมื่อ... “ก็ถ้านายรู้แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ มันจะส่งผลดีอะไรกับนายไม่ทราบ นอกจากจะยั่วให้เขารำคาญใจน่ะ”
   
“หึ แบบนั้นก็ดีสิ ให้มันรำคาญใจมากๆ โมโหจนอยากจะฆ่าฉันเลยยิ่งดี ฉันกับมันจะได้มีโอกาสดวลเวทกัน แล้วคนทั้งโลกเวทมนตร์จะได้รู้สักทีว่าใครกันแน่ที่เหนือกว่า!”
   
 อินเนอร์ของซองซูแรงมาก มันส่องสะท้อนออกมาจากภายในตา..จนผมรู้สึกว่าถ้าเปลี่ยนเป็นเปลวไฟได้ ก็คงจะแผดเผาทุกอณูของที่ที่เราอยู่ตอนนี้ รวมถึงตัวผมและตัวเขาเองด้วย..
   
อะไรจะโหยหาการดวลเวทมนตร์ขนาดนั้นนะ?
   
“นี่ อย่าหาว่าผมสอดเลยนะ แต่ทำไมคุณถึงได้โหยหาการดวลกับเหล้ารัมนัก ทั้งที่เหล้ารัมเองก็ดูจะไม่ได้สนใจเรื่องใครเก่งกว่าใครเลยสักนิด”
   
“หึ! มนุษย์ต่ำต้อยอย่างนายจะไปเข้าใจอะไรกับคนอย่างฉันที่พยายามฝ่าฟันขึ้นมาจนเป็นที่หนึ่งของนักดวลเวทมนตร์ แต่ทุกคนกลับบอกว่าถ้าเหล้ารัมร่วมดวลด้วย ฉันก็คงไม่มีวันขึ้นมาจนถึงจุดนี้ได้ คิดแล้วมัน...เจ็บใจนัก!”
   
“…” ที่แท้เรื่องมันก็เป็นแบบนี้นี่เอง... เฮ้อออออ~ จริงอยู่ที่ผมนั้นต่ำต้อยและคงจะไม่มีวันเข้าใจสิ่งที่ซองซูเป็น แต่รู้อะไรมั้ย ผมอยากพูดอะไรกับเขาสักอย่างสองอย่างนะ
   
คืออย่างแรก..เขาน่ะโชคดีแค่ไหนแล้วที่ทุกวันนี้ยังมีลมหายใจให้ฝ่าฟันขึ้นไปได้สูงขนาดนั้น ในขณะที่ผมมีเส้นตายของตัวเองเรียบร้อยแล้ว และอย่างที่สองคือ..เรื่องนี้มันไม่ใช่ความผิดของเหล้ารัมเลยสักนิด ผิดที่เขานั่นแหละที่ฟังคำของคนอื่นมากไปน่ะ
   
แต่คิดๆ ดูแล้ว พูดไปก็เท่านั้น นายพ่อมดเกาหลีนี่คงไม่ฟังผมหรอก ป่วยการว่ะ
   
“แล้วฉันทำผิดตรงไหนกัน ในเมื่อทุกคนพูดแบบนั้น ฉันก็จัดการท้าดวลไอ้เหล้ารัมอย่างเป็นทางการ ไม่เคยนอกกฎกติกาเลยแม้แต่ครั้งเดี๋ยว แต่มันกลับไม่เคยรับคำท้าฉันเลยสักครั้ง แถมยังหลบหน้าฉันด้วย แล้วผลคือไงรู้มั้ย? ทุกคนกลับยังพูดเหมือนเดิมว่าถ้าเหล้ารัมรับคำท้ายังไงก็ชนะแน่ แม่งเอ้ย! แล้วทำไมถึงไม่มีใครไปด่าไอ้เหล้ารัมว่ามันปอดแหกหดหัวอยู่แต่ในกระดองบ้างวะ!?”
   
“โอเคซองซู จริงๆ ฉันก็ไม่อยากจะแสดงความเห็นอะไรหรอกนะ แต่มันอดไม่ได้จริงๆ เพราะจากที่ฟังมา มันเป็นความผิดของนายต่างหากที่ฟังคำพูดของคนอื่นมากเกินไป ต่อให้นายชนะเหล้ารัมได้จริง คนมันจะพูดมันก็หาเรื่องพูดได้อยู่ดี อีกอย่างนะ มันไม่ใช่ความผิดของเหล้ารัมเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะว่าเขามีสิทธิ์ที่จะตอบรับหรือปฏิเสธนายก็ได้ ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ใจเขาต้องการ เพราะนี่คือสิทธิส่วนบุคคลของเขา และคุณเองก็ต้องเคารพมันด้วย”
   
“ช่างหัวสิทธิส่วนบุคคลสิวะ!”
   
เพล้ง!
   
“…”
   
เยี่ยมเลย.. ดูเหมือนว่าคำพูดของผมจะทำให้ซองซูหัวเสียซะแล้ว เพราะเขากระแทกแก้วชาในมือลงกับโต๊ะอย่างแรง จนแตกออกเป็นชิ้นๆ ผมก็เลยรีบยกมือยอมแพ้ทันที
   
ไม่ใช่ว่ากลัวนะ แต่ลองเขาพูดออกมาแบบนี้ ผมว่าต่อให้ยกเหตุผลมาหมดโลก นายพ่อมดเกาหลีนี่ก็หาข้อมาหักล้างได้อยู่ดี เผลอๆ ตั้งแต่เกิดจนโตคงจะไม่เคยรู้จักคำว่า ‘ยอมแพ้’ เลยมั้ง!
   
“หึ! จริงอยู่ที่ไอ้เหล้ารัมมันมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธฉัน แต่เชื่อเถอะว่า ต่อจากนี้ไป มันคงจะต้องตอบรับสถานเดียวแน่ : )” แต่ในขณะที่ผมคิดว่าทุกอย่างจะจบลงแค่แก้วแตก นายซองซูกลับยังคงต่อความไม่เลิก แถมยังยิ้มเหมือนว่าในหัวมีแต่สิ่งชั่วร้ายอีก จนผมอดไม่ได้ที่จะถามกลับไป
   
“หมายความว่าไง?”
   
“ก็หมายความว่า.. ฉันไม่เคยสามารถใช้อะไรต่อรองกับไอ้เหล้ารัมได้เลย จนกระทั่ง..มีนายเข้ามาน่ะสิ : )”
   
“…” แล้วคำตอบของซองซูก็ทำเอาผมหายใจติดขัดไปชั่วขณะ.. น่ะ..นี่สรุปว่าเขาจะใช้ผมเป็นเครื่องมือในการต่อรองให้เหล้ารัมดวลกับเขาหรอเนี่ย!?
   
“เป็นไง อึ้งกับความฉลาดของฉันสินะ : )
   
ใครว่าล่ะ อึ้งกับความร้ายกาจของนายต่างหาก!
   
แต่ขืนพูดไปแบบนั้นก็คงตายเพราะปากเป็นแน่ เพราะฉะนั้นผมคงจะต้องทำดีสู้เสือเอาไว้ แล้วหาอะไรที่น่าพูดมากกว่านี้ อย่างเช่น.. “แล้วนายจะมั่นใจได้ไงว่าเขาจะยอม จริงอยู่ที่เหล้ารัมอาจจะพาฉันไปไหนมาไหนด้วย แต่นั่นก็อาจจะไม่ได้หมายความว่าฉันมีค่ามากพอถึงขนาดที่เขาต้องยอมตอบรับคำท้าดวลที่เฝ้าอุตส่าห์ปฏิเสธมาอย่างยาวนานหรอกนะ”
   
โอเค ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่ใจผมน่ะมันสวนไปอีกทางเลยนะ เพราะรู้ดีว่าสำหรับเหล้ารัมแล้ว ถ้าเป็นอะไรที่เกี่ยวกับผม เขายอมทำได้หมดนั่นแหละ รวมถึงการรับคำท้าดวลของซองซูด้วย..
   
แล้วดูสิ่งที่นายซองซูตอบกลับมาสิ..
   “ก็เพราะคำว่า ‘อาจจะ’ ไง ฉันถึงได้พานายมาที่นี่ จะได้พิสูจน์ให้เห็นกับตาตัวเองว่าสำหรับไอ้เหล้ารัมแล้ว นายมันก็แค่มนุษย์ธรรมดาๆ คนนึง หรือว่าเป็น ‘จุดอ่อนสำคัญ’ ของมันกันแน่ : )”
   
..จำเป็นต้องร้ายกาจขนาดนี้เลยหรือไง!?
   
ฟู่วววววววววววววววววววววววว~
   
แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้โต้ตอบอะไรนายพ่อมดซองซูกลับไป... จู่ๆ สายลมดุจดั่งพายุโหมก็พัดกระหน่ำเข้ามาอย่างรวดเร็วและรุนแรง ถึงขั้นที่ว่าผมกับซองซูนั่งกันไม่ติด ต้องรีบลุกขึ้นยืน เพราะรับรู้ได้เลยว่า..สายลมที่แสนจะบ้าคลั่งนั้นกำลังจะพัดพาสิ่งต่างๆ ที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ให้หลุดลอยไป!
   
“นี่มันลมบ้าอะไรกันวะเนี่ย!?” ส่วนเสียงโวยวายนี่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นายซองซูนั่นแหละ
   
ทว่า..!
   
ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!
   
“เฮ้ยยยยยย!”
   
ก่อนจะเกิดเสียงดังกัมปนาทขึ้นในเวลาต่อมา ทำเอาซองซูร้องลั่นด้วยความตกใจ ในขณะที่ผมรีบยกมือขึ้นปิดหูตัวเอง เพราะเสียงที่ว่านั่นดังมากเสียงจนมนุษย์ธรรมดาๆ อย่างผมเกินจะรับไหว
   
แล้วทันใดนั้น.. กำแพงต้นไม้ทั้งสี่ด้านก็กระจายตัวออกเป็นชิ้นๆ ก่อนที่มันจะสลายหายไปในพริบตา!
   
ทำให้ตอนนี้ผมสามารถมองเห็นได้แล้วว่าสถานที่ที่ตัวเองกำลังยืนอยู่นั้นเป็นลานขนาดกว้างบริเวณด้านหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่หลังหนึ่ง ซึ่งตรงนี้ก็คงจะเคยเป็นเขาวงกตมาก่อนจริงๆ นั่นแหละ แต่ดูเหมือนว่ามันได้ถูกทำลายลงเรียบร้อยแล้ว ด้วยฝีมือของ…
   
“ส่งหัวใจของฉันคืนมา ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน!!”
   
..เหล้ารัม!
   
ใช่... เป็นเขาไม่ผิดแน่ ถึงแม้ว่าจะยังอยู่ในระยะที่ค่อนข้างไกลก็เถอะ แต่ผมบลอนด์กับความสูงโดดเด่นแบบนั้นรับรองว่าเป็นเหล้ารัมตัวจริงเสียงจริงแน่ เพียงแต่ว่า.. ในเวลานี้..เขาอาจจะไม่ใช่พ่อมดแสนดีอย่างที่ผมคุ้นเคยก็เป็นได้...
   
เพราะยิ่งเดินเข้ามาใกล้ ผมยิ่งรับรู้ได้ถึงกระแสแห่งมนตราที่ทั้งอัดแน่นและรุนแรงเสียจนน่าหวาดหวั่นใจ.. หรือถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ ก็คือ..เหล้ารัมในตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากคลื่นยักษ์ที่กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ชายฝั่งและเตรียมกวาดล้างให้แบบไม่เหลือซาก!
   
ตึกตัก ตึกตัก
   
แต่รู้อะไรมั้ย.. ผมกลับใจเต้นแรงเฉยเลยว่ะ.. ไม่ใช่เพราะว่าความกลัวหรอกนะ แต่เป็นเพราะ..ผมดีใจมากกว่า (ใช่ อ่านไม่ผิดหรอก ผมดีใจจริงๆ) แบบว่า..รู้สึกดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าจนหัวใจมันเต้นผิดจังหวะอะไรแบบนั้น.. โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้มีโอกาสเห็นพลังความโกรธที่ปะทุออกมาอย่างรุนแรง พร้อมทั้งเสียงคำรามจากเหล้ารัมที่บอกว่า..ผมคือหัวใจของเขาที่ซองซูขโมยมา.. คะ..ใครไม่รู้สึกอะไรเลยก็บ้าแล้ว!
   
แต่ทว่า.. “ใจจริงก็อยากจะลองดีไม่สนคำเตือนของนายดูสักตั้งนะ แต่ว่า..วันนี้จะยอมคืนให้แบบง่ายๆ ก็แล้วกัน” ..แทนที่นายพ่อมดเกาหลีจะรู้สึกกลัว เขากลับโต้ตอบเหล้ารัมกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ดูจะมีความสุขไม่น้อย ทำเอาผมที่กำลังปลื้มกับเหล้ารัมอยู่ต้องรีบหันไปมองด้วยความสงสัย ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่นายพ่อมดซองซูหันรอยยิ้มมาทางผมพอดี แล้วพูดต่อ “ไปสิ แฟนนายมารับแล้วนี่ : )”
   
“...”
   
ใจจริงผมอยากจะร้องค้านเรื่องคำว่า ‘แฟน’ ที่ซองซูพูด แต่พอเห็นแววตาของเขา..ผมกลับพูดอะไรไม่ออกเลยแม้แต่นิดเดียว แถมความตื่นเต้นที่เคยมีในใจก็จางหายไปในพริบตา..
   
เพราะถ้าผมเดาไม่ผิด ทั้งรอยยิ้มและตาเป็นประกายที่กำลังส่งข้อความมามันน่าจะหมายความว่า..นายพ่อมดเกาหลีได้เห็นถึงความสำคัญของผมที่มีต่อเหล้ารัมด้วยตาของตัวเขาเองแล้ว..
   
ในขณะที่เหล้ารัมเองที่เพิ่งจะเดินเข้ามาใกล้ก็ดูจะงงๆ ไปเหมือนกันที่ซองซูยอมส่งผมคืนโดยที่ไม่ต่อรองอะไรทั้งสิ้น แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะลบล้างความโกรธภายในแววตาของนายพ่อมดเหล้าไปได้หรอกนะ
   
“มันทำอะไรคุณหรือเปล่า?” แต่ก็เพียงไม่นานนักหรอกนะที่เหล้ารัมให้ความสนใจกับซองซูน่ะ เพราะพอผมขยับตัวไปใกล้เขา ความโกรธก็ถูกแทนที่ด้วยความเป็นห่วงในทันที ราวกับว่าพ่อมดที่มาพร้อมคลื่นยักษ์คนนั้นได้ลดระดับเหลือเพียงแค่หยาดฝนที่หล่นรดลงมาเพื่อชโลมจิตใจเท่านั้น
   
แล้วก็ไม่ใช่แค่การถามลอยๆ ด้วยนะ แต่นายพ่อมดหน้าฝรั่งยังมีการจับผมหมุนตัวดูเพื่อสำรวจร่างกายด้วย ผมที่รู้ตัวดีว่าไม่มีอะไรรุนแรงเกิดขึ้นจึงรีบยกมือขึ้นห้าม
   
“ผมโอเคครับเหล้ารัม นายซองซูไม่ได้ทำอะไรผมเลย เขาแค่..จับผมมาเพราะอยากจะกวนประสาทคุณเท่านั้น” แน่ล่ะว่าผมโกหก ในเมื่อนายพ่อมดเกาหลีจับผมมาด้วยจุดประสงค์อะไรก็รู้ดีอยู่แก่ใจ เพียงแต่..ผมคิดดีแล้วว่าตัวเองไม่ควรจะบอกเหตุผลที่แท้จริงออกไปเลย เพราะไม่อยากให้เหล้ารัมต้องมาคอยเอาแต่ห่วงผมมากขึ้น จนกลายเป็นว่าไปเข้าล็อคกับสิ่งที่ซองซูต้องการ “แต่ยังไงก็ขอบคุณมากนะครับที่มาช่วย ผมนึกว่าคุณจะทิ้งผมซะแล้ว” ก่อนจะพยายามพูดติดตลกให้คนตรงหน้าลดความตึงเครียดลง แต่กลายเป็นว่า..
   
“ไม่มีทางครับ ผมไม่มีทางทิ้งคุณแน่” ..เหล้ารัมดันซีเรียสขึ้นกว่าเดิมเป็นสองเท่า ทำเอาผมนี่ถึงกับเงิบไปเลยที่อีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยสีหน้าจริงจังแบบนั้น “เพราะฉะนั้น คุณห้ามคิดแบบนั้นอีกนะครับ”
   
“เอ่อ..” ที่เขาว่ากันว่า..พ่อมดแม่มดเมื่อรู้สึกพิเศษกับใครไปแล้ว ความเข้มข้นของความรู้สึกก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างรวดเร็วนี่..มันคือแบบนี้เองสินะ.. “โอเคครับ ผมจะไม่คิดแบบนั้นอีกแล้ว”
   
เพราะฉะนั้นพอพูดจบ ผมจึงรีบพยักหน้าตอบรับตามไปด้วยอย่างกลัวว่าแค่คำพูดอาจจะไม่มากพอ พร้อมทั้งเสริมทัพด้วยรอยยิ้ม โดยหวังเพียงว่าเหล้ารัมเองก็จะเลิกทำหน้าเครียดแล้วส่งยิ้มคืนกลับมาให้ผมเช่นกัน
   
แต่ดูท่าว่างานนี้คงจะเรียกรอยยิ้มของนายพ่อมดเหล้าออกมายากหน่อยแฮะ เพราะพอผมตอบรับปุ๊บ เขาก็หันไปส่งสายตาดุร้ายใส่ซองซูปั๊บ ก่อนจะเริ่มแสดงพลังออกมาทางคำพูดให้อีกฝ่ายได้รู้ตัว “ส่วนแก อย่าได้คิดมายุ่งกับคนของฉันอีก ถ้าสันดานก่อกวนของแกมันแก้ไม่หาย ก็มากวนฉันนี่ ไม่งั้น..อย่างว่าแต่การประลองเลยซองซู แค่ซากของแก..ตระกูลพยอนก็จะไม่มีวันได้รับคืน!”
   
“...”
   
คำขู่ของเหล้ารัมดูเหมือนจะไม่ใช่แค่คำขู่เลยสักนิด.. มันเหมือน..เป็นสิ่งที่เขาจะทำจริงแน่ หากซองซูยังไม่เลิกยุ่งกับผมน่ะนะ ในขณะที่พ่อมดเกาหลีเองแม้ว่าจะยังทำเป็นยืนยิ้มเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงชิลๆ อยู่ได้ แต่แวบนึง..ผมที่ขยับมายืนข้างๆ เหล้ารัมก็แอบเห็นความสั่นไหวภายในแววตาของซองซูเหมือนกัน แม้ว่าจะเป็นการสั่นไหวที่เกิดขึ้นในวินาทีสั้นๆ แต่นั่นก็บอกให้รู้ว่าสิ่งที่เหล้ารัมพูดมีผลต่อเขาเช่นกัน
   
จนตอนนั้น..ผมเองที่อยู่ใกล้ชิดกับเหล้ารัมมาหลายวันก็ได้คิด ว่าบางที..การที่ได้อยู่ใกล้เกินไป อาจทำให้ผมลืมนึกไปว่าเขานั้น..น่ากลัวมากแค่ไหน..
   
อย่าลืมที่ไรเกอร์บอกสิ นี่น่ะ หนึ่งในห้าพ่อมดที่เก่งกาจที่สุดในทศวรรษนี้เชียวนะ
   
“ไปกันเถอะ”
   
เหล้ารัมเลิกสนใจซองซูในวินาทีต่อมา ก่อนที่เขาจะจับมือผมไว้ แล้วพาเดินออกไปให้ไกลจากตัวป่วนอย่างนายซองซู
   
ทว่า..
   
“...”
   
..แต่ก่อนที่เราสองคนจะพากันหายตัวกลับมายังโลกมนุษย์ ผมหันกลับไปมองนายพ่อมดเกาหลีอีกครั้ง และได้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่แฝงความพึงพอใจส่งมาให้ ซึ่งเพียงแค่เห็นด้วยตาก็รู้แล้วว่า..เขาพึงพอใจกับข้อพิสูจน์ในวันนี้เป็นอย่างมาก...
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบเอ็ด..จุดอ่อน || อัพเดท : 10/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 10-07-2016 20:05:09

(http://67.media.tumblr.com/ec886cbb021ca0037a1006ec31031ae6/tumblr_ngt7ymrT7m1qhodd8o3_1280.gif)

* * * * * * *

ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ที่ซองซูลักพาตัวผมจะผ่านมาได้สองวันแล้ว ทว่าเหล้ารัมยังคงตามติดผมไปแทบจะทุกที่ราวกับกลัวว่าหากผมพ้นสายตาของเขาไปเมื่อไหร่ นายพ่อมดเกาหลีก็จะขโมยผมไปเมื่อนั้น เพราะฉะนั้นบางทีแค่เข้าห้องน้ำ นายพ่อมดเหล้าก็ยังต้องมาคอยนั่งเฝ้า จนผมรู้สึกอึดอัดบ้างเหมือนกันในบางครั้งที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากจริงๆ เพียงแต่..ผมก็เข้าใจเหล้ารัมนะ ไม่รู้สึกว่าต้องไปเอ่ยปากห้ามหรืออะไรทั้งนั้น เพราะถ้าการที่เขาเห็นผมอยู่ในสายตาแล้วมันทำให้เขาอุ่นใจหรือหมดความกังวล ผมก็ยินดี
   
อย่างวันนี้ก็เช่นกัน จริงๆ แล้วเหล้ารัมแทบจะไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปทำงานบ้านหลิวกับผมเลยสักนิด เพราะแค่เขาดีดนิ้วเป๊าะเดียวก็มีงานส่งแล้ว แต่พอผมยืนยันว่าอยากจะไปรวมตัวกับกลุ่มเพื่อนบ้าง เหล้ารัมก็รีบพยักหน้าสองสามที ก่อนจะขอหลิวตามมาทำงานที่บ้านด้วย และแน่นอนว่าทุกคนโอเค เพราะดูเหมือนว่าตอนนี้พวกเพื่อนๆ จะปักใจเชื่อกันไปแล้วว่าผมกับเหล้ารัมนั้นต้องเป็นแฟนกันอย่างแน่นอน ดังนั้น ‘แฟนเพื่อน’ ก็เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเพื่อนนั่นแหละ ถึงแม้ว่าความจริงจะไม่ใช่แบบนั้นก็ตาม
   
“คิดงานไม่ออกโว้ยยยยยยยยย!”
   
ซึ่งเอาเข้าจริงผมเองก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ไม่มีความจำเป็นจะต้องมารวมกลุ่มทำงานที่บ้านหลิวเลยด้วยซ้ำ เพราะว่างานชิ้นนี้ผมทำใกล้เสร็จแล้ว เหลือแค่เช็คความเรียบร้อยและลงสีอีกนิดก็เป็นอันว่าเสร็จสมบูรณ์ แต่ที่มานี่ก็เพราะว่าไอ้เอกนั่นแหละ มันมาชวนกึ่งขอร้องให้ผมมาช่วย เพราะเดดไลน์ก็อีกไม่ไกลแล้ว แต่ไอเดียของมันกลับยังไม่ผุดออกมาเลยแม้แต่กระผีกเดียว
   
“เฮ้ยใจเย็น” แล้วก็ไม่เพียงแค่ช่วยปลุกไอเดียให้มันเพียงอย่างเดียวนะ แต่ต้องคอยห้ามไม่ให้มันคว้าอะไรใส่ปากมั่วๆ เพียงเพราะความเครียดด้วย อย่างตอนนี้ที่มันกำลังจะหยิบกระดาษเอสี่ขึ้นเคี้ยวเนี่ย!
   
“นั่นสิ ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็คิดออก” โดยมีเหล้ารีมช่วยเสริมกำลังใจอีกแรง
   
แต่คนกำลังบ้าก็คือคนกำลังบ้า เพราะแค่ผมเผลอปล่อยมือออกจากกระดาษแผ่นนั้นแค่แป๊บเดียว ไอ้เพื่อนตัวดีก็ขยำมันอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยัดก้อนกระดาษก้อนนั้นเข้าปากจนได้
   
เออ ดี อยากกินก็กินเข้าไปเลย ไอ้บ้า!
   
ด้วยความที่ดูท่าแล้วเอกไม่น่าจะคลายความเครียดลงและคิดงานด้วยสมองที่ปลอดโปร่งต่อได้ ผมเลยอาศัยจังหวะที่หลิวกับบอยช่วยกันง้างปากให้คนบ้าคลายกระดาษออกมา..รีบลากเหล้ารัมไปยังมุมสงบ เพื่อขอความช่วยเหลือจากเขาทันที
   
“เหล้ารัม คุณพอจะช่วยให้ไอ้เอกมันคิดงานออกหน่อยได้มั้ยครับ เพราะขืนยังเป็นแบบนี้ ต่อให้ใช้เวลาจนถึงเช้าวันถัดไปมันก็คิดงานไม่ออกแน่”
   
“อ๋อ นึกว่าเรื่องอะไร ได้สิครับ เดี๋ยวผมจัดการให้”
   
ผมขยับปากขอบคุณเหล้ารัมทันทีที่เขายอมตอบรับคำขออย่างง่ายดาย ก่อนที่ร่างสูงจะพึมพำกับตัวเองอยู่สักพัก จนเกิดเป็นเม็ดกลมๆ ขึ้นมาบนฝ่ามือของเขา หน้าตาคล้ายกับพวก..ยาลูกกลอนที่เห็นตามซีรี่ส์จีนอะไรแบบนั้น
   
โดยที่ยังไม่ได้อธิบายอะไรให้ผมฟังเพิ่มเติม เหล้ารัมก็รีบเดินตรงไปหาไอ้เอกที่เพิ่งจะยอมคลายกระดาษออกมา ก่อนที่เขาจะเอาก้อนกลมๆ เม็ดนั้นโยนใส่ปากเพื่อนผม แล้วใช้มือปิดปากมันไว้ราวกับต้องการบังคับให้กลืนลงคอไปซะ
   
แน่นอนว่าไอ้เอกดิ้นสุดชีวิต แต่มีหรอที่มันจะหลุดพ้นไปจากพ่อมดเหล้าได้ เพราะเพียงไม่นาน มันก็หยุดดิ้น พร้อมกับเหล้ารัมที่ปล่อยมือออกมา ทำให้ผมพอจะเดาได้ว่าไอ้เจ้าสิ่งที่น่าจะเป็น ‘ยา’ เม็ดนั้น คงไหลลงคอเพื่อนบ้าของผมไปเรียบร้อยแล้ว
   
“เชี่ย! มึงเอาอะไรใส่ปาก...” แล้วพอได้ปากคืน ไอ้เอกก็หันมาโวยเหล้ารัมทันทีที่ตอนนี้กำลังทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยท่าทางสบายๆ อย่างไม่รู้สึกทุกข์ร้อนกับสิ่งใดทั้งนั้น แต่ยังไม่ทันจะจบประโยคเลยครับ คนถูกยัดของใส่ปากก็เป็นอันต้องชะงักไป พร้อมกับเบิกตาโตขึ้นคล้ายเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
   
“เป็นไรวะเอก” บอยรีบถามทันทีเมื่อเห็นอาการของเอกเป็นแบบนั้น แต่คนถูกถามกลับไม่ตอบ ทำเพียงแค่รีบดึงแม็คบุ๊คของตัวเองเข้ามาใกล้ แล้วเริ่มพิมพ์นั่นคลิกนี่คล้ายจะหาข้อมูลบางอย่าง
   
“นี่..คิดงานออกแล้วหรอเอก?” ในขณะที่หลิวที่นั่งใกล้เอกมากกว่าบอยชะโงกหน้าไปดูสิ่งที่ไอ้เอกกำลังทำ แล้วเธอก็ถามขึ้นมา
ด้วยความประหลาดใจ
   
“ใช่ คิดงานออกละ ขอทำก่อนนะ” ซึ่งพอได้ยินไอ้เอกตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงจริงจังแบบนั้น ผมก็แอบหันกลับมายกนิ้วโป้งให้เหล้ารัมอย่างรู้กัน เพราะเห็นชัดอยู่แล้วว่าการได้ไอเดียแบบฉับพลันในครั้งนี้ยังไงก็คงไม่พ้นผลจากไอ้เจ้าเม็ดกลมๆ เม็ดนั้นแน่
   
แล้วพอเสียงโวยวายของเอกหายไป ทุกคนก็เริ่มกลับมาตั้งหน้าตั้งตาทำงานกันอีกครั้ง (แบบที่ไม่มีใครถามถึงสิ่งที่เหล้ารัมยัดใส่ปากเอกเลยแม้แต่คนเดียว คงเพราะ..เวทมนตร์อีกเช่นกันน่ะนะ) โดยมีนายพ่อมดเหล้านั่งอ่านหนังสืออยู่ใกล้ๆ เพราะเขาอ้างกับทุกคนว่าทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว
   
“เฮ้อออ~ เสร็จสักที” แล้วก็แน่นอน ผมเป็นคนแรกของกลุ่มที่ทำงานเสร็จ (ถ้าไม่นับเหล้ารัมน่ะนะ) เพราะอย่างที่ได้บอกไปตั้งแต่ตอนต้นแล้วว่างานของผมตอนก่อนที่จะมาถึงบ้านหลิวนั้นถูกทำไปเกือบเก้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์แล้ว
   
“เสร็จเหมือนกันเลย ดีจายยยย~” ก่อนจะตามมาด้วยหลิวที่ทำหน้าเหมือนว่าเธออยากจะร้องไห้ออกมาเลยที่งานชิ้นนี้เสร็จลงได้ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นจริงผมก็เข้าใจหลิวดี เพราะขนาดผมเป็นคนที่มักจะได้ไอเดียก่อนคนอื่นๆ เสมอ แต่ก็ต้องยอมรับว่ากว่าจะปั้นงานออกมาจนสำเร็จได้ ก็ถือว่าเล่นเอาเลือดตาแทบกระเด็นออกมาเลยเหมือนกัน
   
ตอนนี้เลยเหลือแค่คอยส่งกำลังใจให้บอยกับเอกปั่นงานจนเสร็จเท่านั้น ซึ่งเอาจริงๆ ตอนแรกผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยนะ เพราะมัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาปาดสีให้งานมันออกมาดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่พอทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว กลับรู้สึกว่าตัวเอง.. “หิวแฮะ”
   
“หิวหรอ งั้นเดี๋ยวผมออกไปหาซื้ออะไรมาให้กินก็แล้วกัน ว่าแต่..คุณอยากกินอะไรล่ะ?” ซึ่งพอได้ยินในสิ่งที่ผมเผลอหลุดปากบอกความรู้สึกออกไป เหล้ารัมก็รีบวางหนังสือในมือลง ก่อนจะหันมาถามหาคำตอบอย่างจริงจังโดยที่ไม่ทันให้ผมได้ตั้งตัว
   
“ไม่ต้องหรอกเหล้ารัม หลิวตั้งใจว่าถ้างานเสร็จทำกับข้าวให้ทุกคนกิน เพราะฉะนั้นเหล้ารัมไม่ต้องออกไปซื้อหรอก” แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไรกลับไป หลิวที่เพิ่งจะปิดแม็คบุ๊คเสร็จก็ขัดขึ้น ผมเองที่พอจะมีฝีมือการทำอาหารอยู่บ้างเลยเสนอตัวช่วยหลิวเช่นกัน
   
“งั้นเดี๋ยวเราช่วยหลิวเอง”
   
“ได้เลย แต่เดี๋ยวหลิวขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ”
   
“โอเค”
   
พอผมตอบรับเสร็จปุ๊บ หลิวก็ลุกเดินขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน ซึ่งจุดมุ่งหมายน่าจะเป็นห้องนอนของเธอเอง ในขณะที่เหล้ารัมกับผมหันมายิ้มให้กัน เพราะว่าสามารถหาข้อสรุปให้กับความหิวของผมได้แล้ว
   
ฟึ่บ!
   
ทว่า.. ในขณะที่ผมทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เหล้ารัมเพื่อรอให้หลิวเปลี่ยนเสื้อผ้าลงมาอยู่นั้น จู่ๆ เสียงเหมือนคนโยนปึกกระดาษลงบนโต๊ะก็ดังขึ้น พร้อมกับซองจดหมายที่เขียนตัวอักษรภาษาอังกฤษแบบตัวเขียนว่า... ‘Whiskey’ จะปรากฏขึ้นบนตักของเหล้ารัม
   
“พี่วิสกี้..” แน่นอนว่านายพ่อมดเหล้าคือคนแรกที่มีปฏิกิริยาต่อจดหมายฉบับนั้น พร้อมกับเอ่ยบางอย่างออกมาที่ทำเอาผมถึงกับขมวดคิ้วมุ่น
   
พี่วิสกี้..งั้นหรอ?
   
“ใครกันครับ” ด้วยความสงสัย ผมจึงกระซิบถาม เพราะกลัวว่าเอกกับบอยที่ตั้งใจทำงานอยู่จะหันมาสนใจเข้าซะก่อน
   
แล้วคำตอบที่ได้ก็คือ.. “พี่สาวของผมเอง”
   
“…”
   
วินาทีนั้นผมเหมือนคนใบ้ไปชั่วขณะ.. ไม่ใช่ตกใจเรื่องที่เหล้ารัมมีพี่สาวหรอกนะ เพราะเคยได้รู้ข้อมูลนี้จากเขาตอนที่เราสองคนเดทกันแล้ว เพียงแต่..พอเหล้ารัมตอบคำถามผมเสร็จ เขาก็หยิบจดหมายฉบับนั้นขึ้น แล้วเดินออกจากบ้านไปเลย จนสมองผมมันคิดไม่ทันว่าควรที่จะอยู่ตรงนี้เพื่อให้ความเป็นส่วนตัวกับเขา หรือว่าควรที่จะเดินตามออกไปด้วยกันแน่?
   
“เสร็จแล้ววาฬ มาเข้าครัวกันเถอะ : )” ประจวบเหมาะกับที่หลิวลงมาข้างล่างพอดี ผมเลยยิ่งอึกอักเข้าไปใหญ่
   
เอาไงดีวะวาฬ ตามหรือไม่ตามดี?
   
“เอ่อ.. หลิวเข้าครัวก่อนเลยนะ เดี๋ยวเราตามไป ขอเวลาแป๊บ” แล้วผลสรุปก็คือ ผมเลือกที่จะตามเหล้ารัมออกไปข้างนอก โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องการอะไรจากสิ่งที่ทำกันแน่..
   
พรึบ!
   
แต่หลังจากที่เดินตามออกมาได้ไม่นานนัก เสียงหนึ่งก็เรียกความสนใจจากผมให้หันไปมอง ก่อนจะพบว่ามันคือเสียงของ ‘เปลวไฟ’ ที่ลุกโชนขึ้น อันเป็นผลมาจากสิ่งที่เหล้ารัมกำลังทำอยู่
   
“…” ซึ่งบอกตรงๆ ว่าใจผมนี่คืออยากจะเรียกให้เขาหันมามองนะ แต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายใช้ไฟเผาจดหมายในมือด้วยสีหน้าที่แสดงออกว่ากำลังกังวลใจ ผมก็ทำเพียงแค่..เดินเข้าไปหาอย่างเงียบๆ เท่านั้น..
   
“...” ในขณะที่เหล้ารัมพอรู้ตัวว่าผมเดินตามออกมาก็หันมามองผมนิดนึง ก่อนจะหันกลับไปมองสิ่งที่อยู่มือต่อโดยไม่ได้พูดอะไรออกมาเช่นกัน
   
เราสองคนจึงตกอยู่ในความเงียบเกือบพักใหญ่ จนกระทั่งผมเห็นว่าจดหมายในมือถูกเผาจนไม่เหลือซากแล้ว จึงตัดสินใจเปิดการสนทนาเองโดยที่ไม่รอเขาอีกต่อไป..
   
“มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
   
พรึบ!
   
สิ้นเสียงคำถามจากผม นายพ่อมดเหล้าสะบัดมือหนึ่งครั้ง ก่อนที่ไฟในมือจะดับลง ส่งผลให้ตัวผมเป็นสิ่งที่เขาหันมาจับจ้องเป็นสิ่งต่อไปแทน “ก็.. ไม่รู้สิ ผมยังไม่ได้เปิดมันอ่านน่ะ ก็เลยไม่รู้ว่ามันมีเรื่องอะไรกันแน่”
   
“อ้าว แล้วคุณเผามันทิ้งทำไม นั่นมาจากพี่สาวของคุณไม่ใช่หรอ”
   
“ใช่ครับ แต่ว่า..” แล้วตอนนั้นเองที่เหล้ารัมเริ่มทำสีหน้าอ่านยาก ก่อนจะเว้นจังหวะเพื่อถอนหายใจยาวเหยียดเสียจนผมรู้สึกกังวลกับความรู้สึกของเขาในตอนนี้ ว่าจริงๆ แล้วเหล้ารัมกำลังรู้ยังไงอยู่กันแน่?
   
“เอ่อ.. ถ้าคุณไม่สะดวกใจที่จะเล่าก็ไม่เป็นไรนะครับ ผมโอเค” แต่ถึงผมจะอยากรู้มากแค่ไหนก็ตาม ทว่ายังไงเรื่องความสบายใจของเหล้ารัมก็ต้องมาเป็นที่หนึ่งน่ะนะ เพราะฉะนั้นถ้าเขาไม่อยากเล่า ผมก็จะไม่บังคับอะไรทั้งนั้น
   
และนั่นก็ทำให้นายพ่อมดเหล้ารีบส่ายหน้า “ไม่หรอกครับ ผมสะดวกใจอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเมื่อกี้นี้..ผมแค่รู้สึกเหนื่อยใจและกังวลใจน่ะ เมื่อคิดว่าข้อความที่อยู่ในจดหมายจะต้องเป็นอะไรที่ทำให้ผมเกิดความลำบากใจแน่”
   
“...” เพราะแบบนี้เองสินะ ผมถึงได้เห็นความกังวลฉายชัดบนใบหน้าเหล้ารัมตั้งแต่ครั้งแรกที่เดินออกมา
   
ว่าแต่ว่า..แล้วทำพี่สาวถึงต้องทำให้น้องชายลำบากใจด้วยล่ะ?
   
“คือ.. จริงๆ แล้วพี่วิสกี้ก็เป็นพี่สาวที่ดีนะ แต่ว่าบางทีเธอก็ชอบคิดว่าตัวเองสมควรจะต้องจัดการทุกเรื่องด้วยตัวของเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเรื่องนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับผม แล้วถามหน่อย แบบนี้ใครมันจะไปยอมกัน จริงมั้ย?” แล้วก็เหมือนว่าอีกฝ่ายจะอ่านใจผมออก เมื่อเหล้ารัมอธิบายเพิ่มเติม ก่อนจะถามเหมือนขอความเห็นในช่วงท้าย
   
ทว่าผมไม่มีคำตอบให้หรอกนะ “แล้วเรื่องของคุณที่ว่านั่น เกี่ยวกับผมรึเปล่าครับ” เพราะผมเองก็ยังมีเรื่องที่สงสัยอยู่เหมือนกัน
   
“...” นั่นทำให้เหล้ารัมเงียบ.. เขาดูมีสีหน้าลำบากใจมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งแค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับคำตอบของคำถามที่ผมเพิ่งจะถามออกไป
   
“บอกมาเถอะ ผมโอเค” แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ยังไม่ลดละ ไม่ใช่ว่าอยากจะตื๊อเอาคำตอบอะไรจากเขาหรอกนะ เพียงแต่..ผมแค่อยากให้เหล้ารัมรู้ว่าต่อให้เป็นเรื่องดีหรือร้ายก็ตาม เขาสามารถบอกผมได้ทุกๆ เรื่องตามที่ใจต้องการ
   
“เป็นอย่างที่คุณคิด พี่วิสกี้กำลังกังวลเรื่องของเราสองคน และคงอยากที่จะจัดการให้เรียบร้อย” จนในที่สุดเหล้ารัมก็ยอมพูดออกมาจนได้
   
ซึ่งบอกเลยว่าสิ่งที่ได้ยินจากปากเหล้ารัมไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกกังวลใจอะไรเท่าไหร่นัก ในเมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนแล้วแต่เป็นผลจากการที่ผมตัดสินใจมาอยู่ร่วมทำพันธะสัญญาครั้งที่สองกับนายพ่อมด เพราะฉะนั้นต่อให้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ผมเองก็ต้องรับให้ได้ อย่าลืมสิว่าผมน่ะกำลังจะตายนะ มันไม่มีเรื่องไหนที่น่ากังวลใจไปมากกว่าเรื่องนั้นแล้วแหละ จริงมั้ย?
   
“พี่สาวคุณกำลังกังวลเรื่องที่เราทำพันธะสัญญากันน่ะหรอครับ” ผมถามต่อ
   
แต่เหล้ารัมส่ายหน้าจนผมสีบลอนด์ของเขาสะบัดตัวเล็กน้อย ก่อนจะตอบ “ไมใช่ครับ เพราะพี่วิสกี้ยังไม่รู้เรื่องพันธะสัญญา และผมก็จะไม่มีทางบอกเธอเรื่องนี้ด้วย แต่ที่เธอกำลังกังวลใจน่ะ คงเป็นเรื่องความสัมพันธ์ของเราสองคนมากกว่า คือเธอ..”
   
เมี๊ยววววว~
   
แต่ยังไม่ทันที่เหล้ารัมจะได้พูดจนจบประโยค เสียงร้องของแมวก็หยุดทุกอย่างไว้.. ก่อนที่เราสองคนจะหันไปยังต้นทางของเสียงอย่างพร้อมเพรียงกัน แล้วก็พบกับ..
   
“แมวส่งสาร?”
   
..แมววิเชียรมาศที่กำลังจ้องมองมาด้วยตาสีฟ้าใสของมัน โดยที่ตรงคอมีปลอกคอสีแดงเข้มที่ห้อยจี้รูป..ซองจดหมายเอาไว้
   
เพราะแบบนี้หรือเปล่านะ เหล้ารัมถึงได้เรียกมันว่าแมวส่งสารน่ะ?
   
“สวัสดีเหล้า” แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถามหาข้อมูลเพิ่มเติมจากนายพ่อมดเหล้า ผมก็เป็นอันต้องอึ้ง เมื่อจู่ๆ เจ้าแมวก็พูดออกมาด้วยเสียงของผู้หญิงแบบนั้น!? “เหตุที่ฉันส่งแมวส่งสารมา ก็เพราะรู้ว่านายจะต้องเผาจดหมายฉันทิ้งอีกฉบับแน่! ซึ่งนั่นหมายความว่านายรู้ดีอยู่แล้วว่าพี่ต้องการคุยด้วยเรื่องคู่ควงของนายที่งานเลี้ยงเต้นรำบ้านวินเซนต์ ว่าคนๆ นั้นเป็นใครมาจากไหนกันแน่ แล้วทำไมนายถึงได้ไปใกล้ชิดกับมนุษย์ขนาดนั้น ทั้งๆ ก็รู้ว่าพี่เกลียดมนุษย์มากแค่ไหนน่ะ!!”
   
“...”
   
“แล้วเป็นมนุษย์ไม่พอ ยังไม่ใช่ผู้หญิงอีก บอกตรงๆ เลยนะว่ามันทำให้พี่สับสนเรื่องของนายมาก เพราะฉะนั้น เลิกหลบหน้าพี่ แล้วก็มาคุยมาเคลียร์กันให้รู้เรื่องซะ ไม่อย่างงั้นพี่จะออกตามล่านายมนุษย์คนนั้นด้วยตัวเอง จำไว้!”
   
“...”
   
“ปอลอ ทำไมนายไม่เคยบอกพี่ว่านายเป็นเกย์!?”
   
เมี๊ยวววว~
   
แล้วแมวตัวนั้นก็กระโดดหายไป.. เป็นสิ่งที่บอกให้ผมกับเหล้ารัมได้รู้ว่าข้อความที่วิสกี้พี่สาวของเขาต้องการส่งมานั้นได้จบสิ้นลงแล้ว..
   
“...” และแน่ล่ะว่าไม่มีใครพูดอะไรออกมาในทันที เราสองคนทำเพียงแค่หันมองหน้ากันเงียบๆ กับสิ่งที่ได้ยินจากเจ้าแมววิเชียรมาศตัวนั้น
   
เหมือนกับว่า..ต่อให้ไม่ต้องพูดอะไรต่อ ทุกสิ่งอย่างก็ถูกสรุปอยู่ในสารที่วิสกี้ส่งมาทั้งหมดแล้ว ถ้าไม่เข้าใจก็ไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรอีก
   
เพียงแต่ว่า.. ที่ผมบอกไปว่าไม่กังวลเรื่องของพี่สาวเหล้ารัมน่ะ ผมขอกลับคำนะ เพราะผมว่า..ผมชักจะเริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมานิดนึงแล้วล่ะ
   
ก็ดูสิ่งที่แมวตัวนั้นพูดออกมาสิ มันชัดเจนเลยนะว่าพี่วิสกี้เป็นแม่มดที่เกลียดมนุษย์มาก แล้วก็ดูรับไม่ได้เรื่องที่เหล้ารัมเป็นเกย์ด้วย แถมยังออกปากว่าจะตามล่าหาตัวผมอีก แบบนี้จะไม่ให้กังวลได้ยังไงกัน
   
“วาฬครับ” แล้วก็ดูเหมือนว่าเหล้าจะสังเกตเห็นความกังวลใจของผมได้ เพราะทันทีที่ผมบอกตัวเองในใจว่าเรื่องนี้มันก็น่ากังวลไม่ใช่น้อย เหล้ารัมก็สืบเท้าเข้ามาใกล้ ก่อนจะจับมือผมไปกุมไว้แน่น “ไม่ต้องกลัวพี่สาวผมนะ ผมรับมือกับเรื่องนี้ได้ ขอแค่คุณเชื่อใจผม รับรองว่าทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีแน่”
   
แต่ดูเหมือนว่านายพ่อมดเหล้าจะเข้าใจผิด เพราะผมน่ะ.. “ผมไม่ได้กลัวพี่สาวคุณหรอกครับ แค่คิดว่าควรจะรับมือกับเรื่องนี้ยังไงดีก็เท่านั้นเอง”
   
พอพูดจบ ผมก็ยักไหล่น้อยๆ ให้อีกฝ่ายเห็นว่าผมโอเคกับสิ่งที่ได้รับรู้ มันก็แค่เป็นความกังวลทั่วไปเท่านั้น ในเมื่อมนุษย์ทุกคนมีสมอง มันก็อดที่จะคิดนั่นคิดนี่ไม่ได้น่ะนะ ทว่า.. จู่ๆ หนึ่งในความคิดที่วิ่งวนอยู่ในสมองผมมันก็ทำให้ผมหลุดหัวเราะออกมา..
   
“ทำไมถึงหัวเราะล่ะครับ?” ทำเอาเหล้ารัมขมวดคิ้วมุ่น เพราะการหัวเราะของผมมันช่างไม่เข้ากับบรรยากาศก่อนหน้านี้เลยสักนิด
   
“ผมแค่มีความคิดบ้าๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นน่ะครับ”
   
“ยังไงกัน”
   
“คือ.. ผมว่าเรื่องของเรานี่มันก็เหมือนละครหลังข่าวดีนะ แบบว่า..ทั้งๆ ที่พระเอกเป็นฝ่ายเข้าหาก่อนแท้ๆ แต่พี่สาวพระเอกกลับจ้องจะล่าตัวผมซะงั้น เพราะไม่สามารถจัดการน้องตัวเองได้ ฮ่าๆๆๆ.. น่ะ..นี่คุณ ทำอะไรเนี่ย!?”
   
ผมร้องเสียงหลงเลยเมื่อจู่ๆ เหล้ารัมก็เปลี่ยนจากกุมมือเป็นโอบเอวผมแล้วดึงตัวให้เข้าไปใกล้กับเขาแทน แถมคิ้วที่เคยขมวดกันก็คลายออกเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียง..สายตากับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ซะอย่างงั้น!?
   
ทะ..ทำบ้าอะไรของเขาฟะ!!?
   
“งั้นถ้าผมเป็นพระเอก คุณก็ต้องเป็นนางเอก.. เอ๊ะ ไม่สิๆ ไม่ใช่นางเอก ถ้าเป็นนิยายชายรักชายของมนุษย์เขาจะเรียกว่าอะไรนะ? อืม.. อ๋อ~ นายเอก ใช่แล้วๆ คุณต้องเป็นนายเอกของผม :)”
   
“...”
   
แล้วใครจะคิด.. ว่าสิ่งที่ผมพูดออกมาจากปากขอบตัวเองจะย้อนกลับมาเล่นงานผมซะอย่างงั้น!?
   
แถมนายพ่อมดเจ้าเล่ห์ยังมีการกระชับวงแขนที่โอบอยู่ให้ผมเข้าใกล้ตัวเขามากขึ้นไปอีกหนึ่งระดับ จะ..จนหน้าเราสองคนจะแนบกันอยู่แล้วเนี่ย!

   
~You are my starlight 내 맘을 비춰 함께 있으면 온종일 꿈꾸는 기분~ ♪

   
แต่ในขณะที่ผมกำลังรู้สึกร้อนเป็นไฟตั้งแต่สองข้างแก้มจรดปลายเท้าอยู่นั้น เสียงไอโฟนที่กรีดร้องขึ้นก็เหมือนจะช่วยชีวิตผมเอาไว้ได้ซะก่อน ทำเอานายเหล้ารัมที่พยายามจะรุกล้ำเข้ามาเป็นอันต้องทำหน้าเซ็งอีกครั้ง ไม่ต่างจากตอนที่ถูกนายซองซูขัดจังหวะเลยสักนิด
   
สะ..สมน้ำหน้า!
   
“ฮัลโหล” ผมจึงอาศัยจังหวะที่มีคนกำลังเซ็งรีบผละตัวออกมา ก่อนจะเอาไอโฟนขึ้นมารับ โดยที่ไม่ได้ดูด้วยซ้ำว่าปลายสายเป็นใคร
   
(กลับมาที่บ้านเดี๋ยวนี้เลยนะ!) เพราะฉะนั้นจึงตกใจมากที่อีกฝ่ายตะคอกเสียงตอบกลับมา แถมตกใจมากขึ้นไปอีกเมื่อจับน้ำเสียงได้ว่าคนที่โทรก็คือ..พี่เบล! (นายน่ะ ไปสร้างปัญหาอะไรเอาไว้ไม่ทราบ ถึงได้มีคนจากตระกูลเวทมนตร์อัครวรกุลพิชิตมาบุกบ้านของเราเนี่ย!)
   
“เอ่อ…”
   
(รีบกลับบ้านเดี๋ยวนี้!!)
   
ตู๊ดๆๆๆๆๆ~
   
แล้วปลายสายก็ถูกตัดไป.. ทิ้งผมที่พูดได้แค่คำว่า ‘ฮัลโหล’ กับ ‘เอ่อ…’ ให้อยู่กับความงงเกือบหกวินาที ก่อนที่จะเรียกความทรงจำถึงสิ่งที่เจ้าหล่อนพูดรวดเดียวกลับคืนมาได้.. ว่ามีคนจากตระกูลเวทมนตร์บุกมาที่บ้าน ชื่อตระกูล.. “อัครวรกุลพิชิต?” เอ.. ทำไมฟังดูคุ้นจัง เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนเลย?
   
แต่ความสงสัยนั้นก็อยู่กับผมได้ไม่นาน เมื่อคนเคยทำหน้าเซ็งหันมาหาผม ก่อนจะถามว่า.. “เมื่อกี้คุณพูดนามสกุลของผมหรอ?”
   
“จะ..จริงด้วย! นั่นมันนามสกุลของคุณนี่”
   
“ใช่ครับ อัครวรกุลพิชิตคือนามสกุลของผม”
   
“ถ้างั้นผมคงต้องรีบกลับบ้านด่วนเลย”
   
“ทำไมล่ะ?”
   
“ก็คนของตระกูลคุณบุกบ้านผมน่ะสิ!”
   
“หา!?”

(http://pic.pimg.tw/demona/1405329580-1468390043.gif)

จบตอนที่ 11

*พูดคุยที่ทวิตเตอร์กันได้ โดย #พ่อมดเหล้า นะครับ

มายเพจ : #แฮมสเตอร์ (https://www.facebook.com/hamsterisanauthor)
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบเอ็ด..จุดอ่อน || อัพเดท : 10/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 10-07-2016 20:36:22
 :-[

เอ๊ะๆๆ พี่วิสกี้บุกบ้านแล้วรึ ทำไมไวจัง

ไหนเหล้ารัมบอกว่าสัญญามันเป็นความลับไงล่ะเหวย

 :z3:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบเอ็ด..จุดอ่อน || อัพเดท : 10/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-07-2016 20:47:24
พี่วิสกี้ไปบุกบ้านวาฬหรอ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบเอ็ด..จุดอ่อน || อัพเดท : 10/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 10-07-2016 21:12:15
เห้อออ มันอารายกานนนนน เหล้ารัมเอ๊ย!!!
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบเอ็ด..จุดอ่อน || อัพเดท : 10/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: shannara ที่ 10-07-2016 21:34:08
สนุกแน่ 55555
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบเอ็ด..จุดอ่อน || อัพเดท : 10/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 10-07-2016 21:37:25
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบเอ็ด..จุดอ่อน || อัพเดท : 10/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 10-07-2016 22:20:12
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบเอ็ด..จุดอ่อน || อัพเดท : 10/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 11-07-2016 00:33:57
นายเหล้ารัมรุกมันได้ทุกสถานการณ์เลยนะ เผลอเป็นเนียนเอาเปรียบวาฬตลอดดด
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบเอ็ด..จุดอ่อน || อัพเดท : 10/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 11-07-2016 17:22:38
ตอนนี้ด้ายของวาฬเป็นสีอะไรแล้วน้าาาาา
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบเอ็ด..จุดอ่อน || อัพเดท : 10/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Praykanok ที่ 11-07-2016 22:34:56
พี่วิสกี้หรออออ เร็วไปมั้ยยย 555555555
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบสอง..ในความวุ่นวาย || อัพเดท : 16/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 16-07-2016 20:10:27
บทที่ 12
{ ในความวุ่นวาย }

(http://66.media.tumblr.com/35e118f0722f1992ea4ee3e669f2de68/tumblr_ngt7ymrT7m1qhodd8o2_1280.gif)

ทันทีที่โทรถามข้อมูลเพิ่มเติมจากแม่ (ซึ่งพูดรู้เรื่องกว่าพี่เบลหลายร้อยเท่า) แล้วได้รู้ว่า..คุณปู่เรียกรวมตัวทุกคนในตระกูลเพื่อหารือครั้งใหญ่กับเหตุการณ์ที่มีคนของตระกูลเหล้ารัมมาบุกบ้าน ผมก็ตัดสินใจบอกลาเพื่อนๆ ก่อนจะขอให้นายพ่อมดช่วยพาผมกับแลมโบกินี่สีฟ้าของเขาหายตัวกลับมาที่รั้วของอลิชาในทันที เนื่องจาก ‘การหารือใหญ่’ ถือเป็นหนึ่งในกฎศักดิ์สิทธ์ที่พวกผู้ใหญ่ยึดถือให้เห็นมาตลอดตั้งแต่ตอนที่ผมเริ่มจำความได้ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม คำว่า ‘ทุกคน’ ก็คือต้องมากันให้ครบทุกคนอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

แต่ทว่า..พอผมเดินมาถึงประตูไม้บานใหญ่ฉลุลายสวยงามที่เป็น ‘ห้องประชุมตระกูล’ ในบ้านใหญ่ของคุณปู่ ผมกลับนิ่ง.. ได้แต่หยุดยืนฟังหลายเสียงจากด้านในที่กำลังแข่งกันพูดจนไม่สามารถจับใจความอะไรได้เลยแม้แต่นิดเดียว

“ทำไมไม่เข้าไปล่ะครับ” ซึ่งพอเหล้ารัมเห็นว่าผมเอาแต่ยืนนิ่ง ไม่ยอมเปิดประตูเข้าไป เขาก็เลยทำท่าว่าจะเป็นคนเปิดให้แทน

“เดี๋ยวครับ” แต่ผมรีบคว้าข้อมือของเหล้ารัมไว้เป็นเชิงห้าม จนร่างสูงผมบลอนด์ต้องหันมาสบตาด้วยความไม่เข้าใจ “ผม.. ผมกลัว” ผมจึงตัดสินใจบอกสิ่งที่กำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้ออกไปซะ..

ทั้งที่ครั้งนึง..ก่อนที่คุณย่าของผมกำลังจะสิ้นลม ท่านบีบมือของผมแน่น และสอนผมเป็นสิ่งสุดท้ายว่า.. “อย่าแสดงความอ่อนแอของหลานให้ใครเห็นนะวาฬ จงเก็บมันเอาไว้ อย่าให้ใครรู้ว่าหลานกำลังหวาดกลัว เพราะไม่อย่างงั้น..พวกเขา..พวกคนที่ไม่หวังดี..อาจจะใช้มันเพื่อทำร้ายหลานรักของย่าก็ได้..” ซึ่งผมก็ยึดถือมาโดยตลอด จนกระทั่ง..ได้เจอกับเหล้ารัม.. ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป เหมือนว่าเขา..เข้ามาทำลายกฎในชีวิตของผม จนบางทีผมยังแอบคิดเลยว่าเหล้ารัมน่ะเป็นพ่อมดที่ได้รับรู้ความรู้สึกของผมมากกว่าพ่อกับแม่เสียด้วยซ้ำ..

และข้อดีของการยอมบอกความรู้สึกให้เหล้ารัมรู้ก็คือ..ผมได้รับรอยยิ้มอ่อนโยนจากเขา ก่อนที่เขาจะคว้ามือผมไปจับไว้.. “ไม่ต้องกลัวนะครับ ผมจะอยู่ข้างๆ คุณ ไม่ทิ้งคุณไปไหนแน่” แถมยังพูดปลอบใจราวกับรู้ว่าผมกำลังกลัวสิ่งใดอยู่.. ทั้งๆ ที่ผมยังไม่ได้พูดอะไรออกไปมากกว่านั้น

ซึ่งหลายคนก็อาจจะมองว่าเหล้ารัมก็เป็นแบบนี้เสมอ ไม่ได้ดีเป็นพิเศษหรือแตกต่างไปจากที่ผ่านมา แต่รู้อะไรมั้ย แค่นี้ก็เพียงพอแล้วล่ะสำหรับความต้องการในใจผม.. เพราะสิ่งที่ผมกลัวที่สุดในการเดินเข้าไปในห้องประชุมนี้ก็คือการที่ตัวเองจะต้องยืนโดดเดี่ยวเพื่อถูกคนทั้งบ้านรุมยิงคำถามต่างๆ นานา (ซึ่งเคยเกิดขึ้นแล้ว และมันไม่ใช่ประสบการณ์ที่ดีเลยสักนิด) แต่พอมีใครอีกคนคอยจับมือกันไว้แบบนี้..มันทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นใจเหลือเกิน..

“ขอบคุณนะครับ” เพราะฉะนั้นผมจึงกล่าวขอบคุณเหล้ารัมด้วยรอยยิ้มอย่างที่เขาสมควรได้รับ ก่อนจะตัดสินใจผลักประตูเพื่อเดินเข้าไปด้วยความกล้า

ห้องประชุมของตระกูลยังคงให้ความรู้สึกไม่ต่างจากทุกครั้งที่ถูกเปิดใช้ มันมีเสน่ห์และมนต์ขลังบางอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความศักดิ์สิทธ์ในทุกบทสรุปของประเด็นต่างๆ ที่ถูกนำมาหารือกัน พร้อมเสริมทัพบรรยากาศด้วยภาพวาดเก่าแก่ทุกภาพที่ยังคงเกาะติดผนังทั้งสี่ด้านมาอย่างยาวนานเพื่อบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของอลิชาที่ผูกพันกับเหล่าพ่อมดแม่มดตั้งแต่สมัยอดีตจวบจนยุคปัจจุบัน และคอยตอกย้ำให้ผมรู้ว่าตระกูลเราเดินทางมาไกลขนาดไหนกว่าที่จะมีวันนี้

ในขณะที่ที่นั่งสำหรับการหารือมีการเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยจากเมื่อครั้งล่าสุดที่เปิดใช้ เพราะเก้าอี้ไม้โบราณถูกแทนที่ด้วยไม้สักทองฝังมุกที่ออกแบบให้มีความร่วมสมัยมากขึ้น ทว่าการจัดตำแหน่งยังคงเป็นรูปตัวยูคว่ำเหมือนเดิม โดยที่ฐานของตัวยูนั้นถูกยกพื้นให้สูงขึ้นเพื่อเป็นที่นั่งให้กับประมุขของตระกูล ซึ่งก็คือคุณปู่ที่เปรียบเสมือนอำนาจสูงสุดของบ้าน ส่วนฝั่งซ้ายและขวาของตัวยูนั้นถูกแบ่งให้นั่งกันข้างละสี่ครอบครัว แต่ละครอบครัวก็จะมีจำนวนที่นั่งมากน้อยแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับจำนวนสมาชิกของแต่ละครอบครัวนั่นเอง

“...”

แต่เอาเป็นว่าผมจะขอพักเรื่องหน้าตาของห้องประชุมเอาไว้แต่เพียงเท่านี้ เพราะสิ่งที่น่าสนใจกว่าความสวยงามก็คือทุกชีวิตในห้องประชุมแห่งนี้ต่างพากันเงียบ.. จากห้องที่เคยเสียงดังโวยวายจนลอดผ่านประตูออกไปกลับเงียบลงทันทีที่ผมกับเหล้ารัมพากันเดินจูงมือเข้ามา.. ซึ่งดูๆ ไปแล้วก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไรนักที่ทุกคนจะมีปฏิกิริยาตอบสนองแบบนี้ แต่ในความไม่แปลกนั้น..ผมกลับหวั่นใจอยู่ลึกๆ เมื่อรู้สึกว่าสายตาทุกคู่ที่จับจ้องมา ราวกับว่า..กำลังรอคอยการมาของผมอยู่ยังไงยังงั้น..

ในขณะที่คนข้างๆ เองก็เหมือนจะรับรู้ความรู้สึกของผมได้ เพราะถึงแม้ว่าจะไม่ได้พูดหรือแสดงสีหน้าอะไรออกมาก็ตาม แต่การที่เขาจับมือผมให้แน่นขึ้นกว่าเดิม แสดงว่าเหล้ารัมเองก็คงจะอยากส่งผ่านความรู้สึกบางอย่างมาให้ ซึ่งผมเดาว่าก็คงอยากจะย้ำในสิ่งที่เขาพูดนั่นแหละว่า..เขาจะอยู่ข้างๆ และไม่ทิ้งผมไปไหน.. เพราะฉะนั้นภาษากายของเขาเลยเหมือนส่งพลังงานบางอย่างให้มนุษย์ธรรมดาๆ อย่างผมสามารถละความสนใจจากสายตาเหล่านั้น ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินนำร่างสูงไปหาพ่อกับแม่ทางด้านซ้ายเพื่อนั่งที่ตำแหน่งในส่วนของครอบครัวตัวเอง

ถ้าไม่ติดว่า..

“มานี่สิวาฬ”

..คุณปู่ดันเรียกผมให้เดินออกไปยังพื้นที่ว่างกลางห้อง ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า..ผมคือ ‘ต้นเรื่อง’ ของการหารือในครั้งนี้..

“คุณรอนี่นะ” ผมรู้สึกใจหายวาบทันทีที่คุณปู่เอ่ยเรียก สีหน้าของท่านแทบจะไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมาเลยว่ากำลังรู้สึกอย่างไร และมันก็ทำให้ผมโคตรหวั่นใจจนอยากจะหายตัวออกไปจากห้องนี้ซะ แต่มันก็ทำไม่ได้.. ในเมื่อการเผชิญหน้ากับความจริงคือสิ่งเดียวที่จะทำให้การหารือในครั้งนี้สิ้นสุดลง เพราะฉะนั้นผมเลยพยายามรวบรวมความกล้ากลับคืนมา พร้อมทั้งตั้งใจจะปล่อยมือจากเหล้ารัมเพื่อให้เขานั่งลงข้างๆ พ่อกับแม่

“ไม่ครับ ผมจะไปกับคุณด้วย” แต่อีกฝ่ายไม่ยอม เพราะเหมือนว่าเขาจะเลือกแล้วว่าจะอยู่เคียงข้างผม เหล้ารัมเลยกลายเป็นฝ่ายเดินนำผมไปยังพื้นที่ว่างกลางห้องแทน

ทำให้ตอนนี้ทั้งผมและเหล้ารัมกลับมาอยู่ในความสนใจของสายตาทุกคู่อีกครั้ง ยิ่งที่นั่งถูกจัดวางเป็นรูปตัวยูแบบนี้ ยิ่งเหมือนว่าผมกับนายพ่อมดเหล้าถูกสมาชิกทุกคนล้อมเอาไว้

ทว่าในขณะเดียวกัน มันก็ทำให้ผมสามารถมองเห็นสีหน้าของทุกคนได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะลูกพี่ลูกน้องผู้หญิงกับพวกแม่มดสาว (คู่พันธะสัญญาของลูกพี่ลูกน้องผู้ชาย) ที่ต่างพากันมองเหล้ารัมด้วยใบหน้าเคลิบเคลิ้มสลับกับการส่งสายตาไม่พอใจมาทาง..ผม!?

อะ..อะไรกันล่ะ ทำแบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลยสักนิดนะ ในเมื่อผมเองก็ไม่ได้ทำอะไรให้พวกเธอเลย นอกจากยืนจับมือกับพ่อมดที่ดีพร้อมทั้งหน้าตาและนิสัยก็เท่านั้นเอง จำเป็นต้องมองแรงผมขนาดนี้เลยหรือไง?

“หึ! ยังจะมีหน้ามาพานายพ่อมดนี่มาด้วยอีกนะ ไม่ได้ยินที่ฉันบอกตอนโทรไปหรือไงว่าตระกูลอัครวรกุลพิชิตส่งคนมาบุกบ้านเราน่ะ!”

“...”

“นี่ดีแค่ไหนแล้วที่คุณปู่มีเส้นสายจากความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเรากับทางราชวงศ์เวทมนตร์ เลยห้ามเอาไว้ได้ ไม่งั้นมีหวังบ้านเราโดนค้นจนเละแน่!”

แต่จะว่าไป.. ก็มีอยู่คนนึงนะที่แตกต่างจากบรรดาลูกพี่ลูกน้องผู้หญิงคนอื่นๆ เพราะนอกจากเธอจะไม่เคลิบเคลิ้มไปกับความหล่อของเหล้ารัมแล้ว นัยน์ตาคู่นั้นยังมองเราสองคนเป็นศัตรูอีกด้วย

“ใจเย็นก่อนเถอะเบล”

“ใจยงใจเย็นอะไรกันล่ะไรเกอร์ นายก็รู้ดีว่าตัวสร้างปัญหาให้กับครอบครัวน่ะมันนายวาฬชัดๆ!”

ใช่แล้วครับ พี่เบลนั่นเองที่เป็นคนเปิดเรื่อง เธอดูโกรธมากจริงๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสำหรับเจ้าหล่อนแล้ว ความผิดทั้งหมดเกิดจากตัวผมแทบทั้งสิ้น ต่อให้ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ยังไงพี่เบลก็ต้องโยงจนมาถึงผมได้อยู่ดี

แต่ก็นะ ยังไงความจริงก็คือความจริงอยู่วันยังค่ำ และสิ่งที่ผมไม่สามารถปฏิเสธได้ก็คือผมจะต้องเป็นหนึ่งในสาเหตุของการที่ตระกูลเหล้ารัมมาบุกบ้านแน่ ถึงจะยังไม่รู้รายละเอียดมากนักก็ตาม “ผมขอโทษครับคุณปู่” ดังนั้นผมเลยเลือกที่จะไม่โวยวายพี่เบลกลับไป เรียกว่าทำเมินเลยด้วยซ้ำ (เพราะนั่นจะเท่ากับว่าเป็นการสร้างปัญหาเพิ่ม) แล้วค่อยๆ ผละมือออกจากเหล้ารัมเพื่อยกขึ้นไหว้ขอโทษคุณปู่แทน

“แล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันล่ะ ทำไมคนของตระกูลอัครวรกุลพิชิตถึงได้มาขอค้นบ้านเราแบบนี้” ซึ่งคุณปู่เองก็ดูจะเมินคำโวยวายของพี่เบลไม่ต่างจากผมเหมือนกัน เพราะฟังจากน้ำเสียงที่ถามกลับมาแล้ว เหมือนว่าท่านอยากจะฟังคำตอบจากผมเองมากกว่า

“มันเป็นเพราะว่ารูปนี้ค่ะคุณปู่” แต่พี่เบลก็ยังไม่หยุดไง รีบหันไปคว้าบางอย่างจากมือไรเกอร์เพื่อโชว์ให้ทุกคนในห้องได้ดู

มันเป็นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ชื่อดังของโลกเวทมนตร์ ‘Spell Spell News’ ที่ลงรูปของชายสองคนที่กำลังจูงมือกันวิ่งอยู่ในงานเลี้ยงเต้นรำของตระกูลเกรวินเกอร์ พร้อมกับพาดหัวด้วยคำศัพท์ภาษาพ่อมดแม่มดแบบง่ายๆ ว่า.. ‘เขาคือใคร?’ ก่อนที่หนังสือพิมพ์ฉบับนั้นจะถูกส่งไปไว้ในมือของคุณปู่ที่เริ่มอ่านอย่างตั้งใจ

“หนังสือพิมพ์ฉบับนี้รายงานว่าเกิดความวุ่นวายในงานเลี้ยงเต้นรำสวมหน้ากากของตระกูลเกรวินเกอร์ เพราะนายเหล้ารัมคนนี้มีปากเสียงกับพ่อมดพยอนซองซูเรื่องที่ไม่ยอมตอบรับคำท้าดวลกัน ทำให้พยอนซองซองซูหันมาเล่นงานคู่ควงของเหล้ารัมแทน”

“...”

“พยอนซองซูต้องการกระชากหน้ากากของมนุษย์นิรนามให้ทุกคนได้รู้ว่าคู่ควงของนายเหล้ารัมเป็นใคร แต่ปรากฏว่าไม่สำเร็จ ทำให้นายพ่อมดคนนี้กับมนุษย์นิรนามคนนั้นพากันหลบนี้ออกจากงานไปได้ ท่ามกลางความสงสัยของทุกคนในงานว่าสรุปแล้ว ใครคือมนุษย์นิรนามคนนั้นกันแน่”

“...”

“เพราะแบบนี้ไงคะ คนของตระกูลอัครวรกุลพิชิตถึงได้ไล่ตามหาตัวมนุษย์นิรนามในข่าวไปทั่ว เพราะผู้นำตระกูลเองก็คงอยากจะรู้เหมือนกันว่าคู่ควงของน้องชายเขาในคืนนั้นเป็นใคร”

“...”

“ซึ่งหนูคงไม่ต้องบอกหรอกนะคะว่านายวาฬของพวกเราไปเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย หึ!”

“...”

แน่ล่ะว่าคำพูดทั้งหมดนี้ไม่ใช่ของคุณปู่ แต่เป็นพี่เบลที่พยายามจะเล่ารายละเอียดของข่าวให้ทุกคนในบ้านได้รับรู้ (ถ้าจะพูดเยอะขนาดนี้ ไม่ต้องให้คุณปู่อ่านหนังสือพิมพ์ก็ได้นะ) ในขณะที่ผมได้แต่ยืนเงียบ..เพื่อเสพสิ่งที่ลูกพี่ลูกน้องผู้ไม่หวังดีของผมพูดออกมา ทั้งที่ใจนี่คือรู้สึกรำคาญและอยากขัดจังหวะมาก แต่ทำไงได้ล่ะ ในเมื่อผมเองก็ต้องยอมรับว่าข้อมูลจากพี่เบลเองก็เป็นประโยชน์มากทีเดียว จนตอนนี้ผมเริ่มรู้แล้วว่าตัวเองควรจะอธิบายให้คุณปู่เข้าใจยังไงดี

ทว่า.. “คุณปู่ครับ คือ..”

“เดี๋ยว” ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดในสิ่งที่คิด พี่เบลคนเดิมก็ยกมือห้าม ก่อนจะหันไปจิกตาใส่เหล้ารัมโดยตรง “ฉันว่าก่อนที่นายจะพูดอะไรนะวาฬ ช่วยเชิญเพื่อนชายคนสนิทของนายออกไปจากห้องประชุมก่อนจะดีกว่า เพราะนอกจากนายนี่จะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลของเราแล้ว เขายังเป็นคนของตระกูลที่มาบุกบ้านเราด้วย ดังนั้นฉันคิดว่าเขาไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะอยู่ที่นี่ในเวลาแบบนี้”

แล้วมีหรอที่เหล้ารัมจะยอม “ถ้าเกิดพวกคุณไล่ผม ผมก็จะขอพาวาฬกลับไปด้วย” เขายืนยันเสียงแข็ง พร้อมกับคว้ามือผมไปจับไว้อีกครั้ง

นี่เองสินะ..ความหมายของคำที่เหล้ารัมบอกว่าจะไม่ทิ้งผมไปไหนน่ะ.. รู้สึกดีแฮะ รู้สึกว่าไม่ได้ยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว.. เพราะถึงแม้ที่ผ่านมาจะมีทั้งพ่อ แม่ และพี่ฟ้าคอยอยู่เคียงข้าง ทว่าหลายต่อหลายครั้ง..ผมกลับรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังขาดหาย.. ซึ่งมันไม่ใช่ความผิดของพวกเขาหรอกนะ ที่ผ่านมาทุกคนทำดีที่สุดแล้ว ถ้าจะผิดก็ผิดที่ผมเองเนี่ยแหละที่ต้องการมากเกินไป.. ต้องการใครสักคนที่..ไม่สนกฎเกณฑ์หรือไม่แคร์สิ่งใด แล้วกล้าที่จะพาผมหนีออกไปจากทุกสิ่งที่มัน ‘ไม่โอเค’ โดยที่ผมเองก็กล้าพอที่จะหนีไปกับเขาด้วย

แล้วมันจะมีใครอีกล่ะ ถ้าหากไม่ใช่เหล้ารัมน่ะ อย่าว่าแต่เขาออกไปโดยไม่มีผมเลย ถ้าทุกคนไล่เขาไปเพื่อให้ผมอยู่ในนี้โดยไม่มีเขา ผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน “ใช่ครับ ถ้าทุกคนไม่ให้เหล้ารัมอยู่ ผมก็จะไม่อยู่เหมือนกัน” ดังนั้นผมจึงเลิกเก็บมันเอาไว้ แล้วพูดออกไปอย่างที่ใจคิด พร้อมทั้งกระชับมือข้างที่จับกันอยู่ให้แน่นยิ่งขึ้น

ซึ่งก็ไม่รู้หรอกนะว่าตอนนี้เหล้ารัมจะมีสีหน้าแบบไหน เพราะว่าผมกำลังเลือกที่จะจ้องตากับคุณปู่เพื่อขอความเห็นใจจากท่าน

แต่ก็หวังว่า..เหล้ารัมจะรู้สึกดีเหมือนที่เค้าทำให้ผมรู้สึกนะ : )

“นี่มันจะมากเกิน..!”

“ปู่อนุญาตให้นายพ่อมดคนนี้อยู่ต่อได้”

ผมยิ้มกว้างทันทีที่คุณปู่กล่าวคำอนุญาตเสียงดังฟังชัดขึ้นขัดกับเสียงโวยวายของพี่เบล จนคนชอบหาเรื่องถึงกับหยุดชะงักไปทันที

ในขณะที่คนอื่นๆ เองก็คงจะไม่กล้าพูดค้านอะไรทั้งนั้น ไม่ใช่เพราะว่านี่เป็นบ้านของคุณปู่หรือเพราะคุณปู่เป็นพวกชอบเผด็จการหรอกนะครับ แต่เกิดจากความกลัวที่จะถูกตัดออกจากกองมรดกจนขึ้นสมองมากกว่า ทำให้ทุกครั้งที่ปู่ยืนยันหรือออกคำสั่งอะไร ความเงียบมักจะเกิดขึ้น และทุกอย่างก็จะเป็นไปตามนั้นทันที

“ขอบคุณนะครับ”

คุณปู่พยักหน้า “ยังไงซะ การที่เขาเป็นพ่อมดของตระกูลอัครวรกุลพิชิต เราก็อาจจะต้องการความจริงจากเขาด้วยเช่นกัน”

“งั้น..ผมขอพูดบ้างนะครับคุณปู่” พอคุณปู่พยักหน้าอีกครั้งเพื่อเป็นการอนุญาต ผมเลยอดไม่ได้ที่จะหันไปมองพี่เบล ซึ่งพอเธอเห็นแบบนั้นก็ถลึงตาใส่ผมยังกับพวกนางร้ายในละคร ดูก็รู้ว่าคงจะพอใจในตัวผมมากเหลือเกิน (ผมประชดนะ) ก่อนที่ในที่สุดเธอจะทิ้งตัวลงนั่งอย่างจำใจ “คนที่อยู่กับเหล้ารัมในรูปคือผมจริงๆ ครับ แต่ผมสาบานต่อหน้าทุกคนได้เลยว่าผมไม่ได้มีเจตนาจะทำให้เกิดเรื่องเดือดร้อนมาถึงตระกูลของเรา ผมแค่อยากไปร่วมงานเท่านั้น แล้วผมเองก็ระมัดระวังตัวมากด้วย เพราะแม้แต่ชื่อหรือนามสกุลผมก็ไม่เปิดเผยให้ใครรู้ครับ”

คุณปู่มองหน้าผมสลับกับหน้าหนึ่งของ Spell Spell News ก่อนจะวางมันลง แล้วหันไปถามคำถามกับเหล้ารัมบ้าง “แล้วนายล่ะ พอจะรู้เหตุผลบ้างมั้ยว่าผู้นำตระกูลของนายต้องการตามหาตัวหลานชายฉันไปเพื่ออะไร”

พอฟังคำถามของคุณปู่จบ ผมก็หันไปมองหน้าร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ เพราะผมเองก็อยากรู้คำตอบเหมือนกัน

“คือ..”

“หึ! มันจะเรื่องอะไรกันล่ะคะคุณปู่ แม่มดวิสกี้ก็คงไม่พอใจเรื่องที่คู่ควงของน้องชายเธอเป็นมนุษย์ แถมยังเป็นผู้ชายอีก ก็เลยอาจจะอยากหามนุษย์นิรนามในข่าวให้พบ จะได้จัดการซะ”

แต่ก็เหมือนเดิม คนไม่มีมารยาทอย่างพี่เบลแทรกขึ้นอีกครั้ง ซึ่งมันทำให้ผมหงุดหงิดมาก จนอยากหันไปถามเลยว่ามีใครเคยสอนเรื่องกาลเทศะให้เธอบ้างหรือเปล่า!?

“อะไรนะ วิสกี้งั้นหรอ!?”

“อย่าบอกนะว่านายพ่อมดที่อยู่กับวาฬเป็นน้องชายของวิสกี้น่ะ!?”

“จริงด้วย! ทำไมถึงเพิ่งนึกออกนะว่าวิสกี้เองก็มีน้องชาย”

“ตายๆ ถ้าเกี่ยวกับวิสกี้ล่ะก็ งานนี้เรื่องใหญ่แน่”

“ตระกูลของเราอาจโดนถล่มก็ได้ถ้ารู้ว่าคู่ควงของนายพ่อมดนี่คือตาวาฬน่ะ”

“ผมว่าเราหนีไปที่อื่นกันดีมั้ยครับพ่อ ไว้หมดเรื่องแล้วค่อยกลับมา”

“โอ๊ยยยยย คิดว่าจะได้อยู่อย่างสงบๆ แล้วเชียว”

“ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ฉันไม่ช่วยนะบอกไว้ก่อน เวทมนตร์ฉันไม่แข็งแกร่งเท่ายัยวิสกี้หรอกนะ”

“ต่อไปบ้านเราคงวุ่นวายกันใหญ่แน่”

“แค่ได้ยินชื่อวิสกี้ก็สยองแล้ว!”

“ใช่ๆ ยัยแม่มดวิสกี้น่ะตัวหายนะชัดๆ!”

หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบสอง..ในความวุ่นวาย || อัพเดท : 16/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 16-07-2016 20:11:16
ทว่า.. อารมณ์หงุดหงิดของผมเป็นอันต้องดับลง เมื่อคนอื่นๆ ในห้องประชุมเริ่มส่งเสียงกันไปมาด้วยความตระหนกตกใจ ไม่เว้นแม้แต่เหล่าพ่อมดแม่มดที่เริ่มหน้าเสียกันแทบทุกคน อะ..อะไรกัน? ทำไมพวกเขาถึงได้ทำราวกับว่า ‘กลัว’ พี่สาวของนายพ่อมดเหล้ากันหมดเลยล่ะ!?

“อะแฮ่ม” แต่ยังไม่ทันที่ผมจะหันไปหาคำตอบจากคนข้างๆ ทุกเสียงในห้องก็เงียบลงทันทีที่คุณปู่กระแอมไอออกมา “ทุกคนช่วยเงียบที พอดีฉันอยากได้ยินคำตอบจากนายพ่อมดคนนี้ให้มันชัดๆ หน่อย” แม้จะพูดต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ผมเชื่อว่าทุกคนในห้องประชุมนี้คงรู้ดีว่ามีความตำหนิแฝงอยู่ในความราบเรียบนั้น

“ครับ ผมเองก็อยากตอบคำถามคุณปู่เหมือนกัน” ซึ่งพอคุณปู่เปิดทางให้แบบนั้น เหล้ารัมก็เริ่มพูดต่อ “คืออย่างงี้ครับ จริงๆ แล้ว พี่สาวของผมเธอแค่อยากรู้เท่านั้นเองว่าคู่ควงของผมคือใคร ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายอย่างที่ใครว่า” อันนี้ผมว่านายพ่อมดเหล้าคงหมายถึงพี่เบล เพราะเขาหันไปมองทางเธอโดยตรง ก่อนจะเริ่มพูดต่อด้วยเสียงที่ดังขึ้น เมื่อเห็นว่าลูกพี่ลูกน้องตัวร้ายของผมตั้งท่าจะเปิดปากพูดอีกครั้ง “ซึ่งผมขอสัญญากับทุกคน ว่าผมจะไม่ให้มีใครหรืออะไรที่เกี่ยวข้องกับผมเข้ามายุ่งวุ่นวายกับตระกูลอลิชาได้อีก และขอโทษอย่างยิ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วครับ”

เหล้ารัมดึงมือออกจากผมช้าๆ ก่อนที่เขาจะโค้งศรีษะลงเพื่อขอโทษในแบบของเขา ผมที่เห็นแบบนั้นเลยรีบยกมือไหว้เพื่อขอโทษในแบบของผมบ้าง “ผมเองก็ต้องขอโทษทุกคนเหมือนกันนะครับ”

“แล้วนายจะมั่นใจได้ยังไง ว่าพี่สาวของนายจะไม่มายุ่งวุ่นวายกับตระกูของฉันอีก ในเมื่อนายสองคนก็ยังอยู่ด้วยกัน แถมเท่าที่ฉันรู้มา แม่มดวิสกี้ก็เก่งกว่านายตั้งหลายเท่า ถ้าหล่อนรู้ว่าวาฬเป็นคนของตระกูลอลิชา แล้วไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่ายๆ ล่ะ นายคิดว่าคนที่เป็นน้องชายอย่างนายจะห้ามเธอได้อย่างงั้นหรอ” แต่พี่เบลก็คือพี่เบล เธอไม่ยอมจบง่ายๆ พอๆ กับความเกลียดชังที่ป้าสะใภ้ของผมฝังหัวเธอมาอย่างยาวนาน จนผมรู้สึกว่า..คำขอโทษจากใจที่เพิ่งผ่านไปเมื่อกี้นั้นมันช่างไร้ค่าเหลือเกิน..

ส่วนคนอื่นๆ ที่ตอนแรกเหมือนจะยอมจบเรื่องแล้ว กลับเริ่มมีปฏิกิริยากับสิ่งที่พี่เบลพูดขึ้นมาอีก จนผมถึงกับขมวดคิ้วมุ่น เพราะเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าตัวเองเกิดและเติบโตมาในตระกูลที่แสนจะน่าภาคภูมิใจจริงหรือเปล่า? ทำไมทุกคนถึงได้ตอบสนองไปกับทุกสิ่งที่พี่เบลพูด ทำไมถึงไม่มีใครสักคนที่แย้งขึ้นมาเลย ใครสักคน..ที่ไม่นับรวมคุณปู่กับพ่อและแม่ของผมที่ยังคงนั่งฟังนิ่งๆ น่ะ?

“เอาเป็นว่าผมมีวิธีการจัดการในแบบของผมก็แล้วกัน” เหล้ารัมแหวกเสียงทุกคนเพื่อตอบคำถามของพี่เบลกลับไป แม้จะยังคงเส้นคงวาของความสุภาพ แต่ผมที่อยู่ใกล้กับเขาที่สุดสัมผัสได้นะว่าข้างในของนายพ่อมดเหล้าตอนนี้คงสวนทางกับสิ่งที่แสดงออกมาแน่ๆ เลยคว้ามือเขามาจับไว้ พลางบีบให้แน่นขึ้น เผื่อว่าจะช่วยระงับอารมณ์ของเขาได้บ้าง

ในขณะที่พี่เบลแค่นหัวเราะ ทำหน้าทำตาเหมือนอยากให้ทุกคนเห็นว่าสิ่งที่เหล้ารัมตอบออกไปนั้นมันไม่ได้ช่วยยืนยันความปลอดภัยของตระกูลอลิชาได้เลย ซึ่งมันยั่วอารมณ์โกรธผมมาก ถึงขนาดที่เกือบจะโวยออกไปแล้ว ถ้าไม่ติดว่าจู่ๆ แม่ของพี่เบลก็ลุกขึ้น หลังจากที่นั่ง ‘อมยิ้ม’ มาตั้งแต่เริ่ม

“พอก่อนเบล แม่ว่าลูกพูดเยอะเกินไปแล้ว : )” ป้าสะใภ้ของผมวางมือบนไหล่พี่เบลเหมือนต้องการจะเบรค ก่อนจะก้าวยาวๆ เพื่อพารอยยิ้มและชุดสีน้ำเงินเข้มแบรนด์ดังออกมายืนให้ห่างจากที่นั่งของตัวเอง “ต้องขอโทษแทนลูกสาวของฉันด้วยนะจ๊ะเหล้ารัม แต่จะเป็นการเสียมารยาทมั้ย ถ้าฉันอยากจะถามว่าทำไมเธอถึงต้องมายุ่งกับหลานชายของฉันด้วย”

คำว่า ‘หลานชายของฉัน’ จากปากของป้าสะใภ้ ทำเอาผมเกือบกลอกตามองบนเลยครับ ในเมื่อทุกคนในบ้านหลังนี้ต่างก็รู้ดีว่าสองแม่ลูกนี่ไม่ได้อยากจะนับผมเป็นญาติด้วยซ้ำ ที่ทำเป็นพูดดีก็เพราะแค่อยากจะสร้างภาพเท่านั้นแหละ!

“วาฬคือคนที่หัวใจผมเลือกครับ” แต่ผมก็สนใจความเสแสร้งของป้าสะใภ้อยู่ได้ไม่นานหรอกนะ เพราะคำตอบของเหล้ารัมดึงดูดความสนใจของผมได้มากกว่านั้นเยอะ

ตึกตัก ตึกตัก

แม้ว่าทุนคนจะส่งเสียงฮือฮากับสิ่งที่ได้ยิน แต่ผมไม่สนใจพวกเขาหรอก อยากจะพูดหรือรู้สึกอะไรก็ตามใจ ในเมื่อสองสิ่งที่ผมรับรู้ตอนนี้คือ..เหล้ารัมกำลังหันมายิ้มหวานให้.. และหัวใจผมมันก็เผลอเต้นผิดจังหวะอีกครั้ง..

“งั้นหรอจ๊ะ เอ.. แล้วเธอรู้มั้ยว่าหลานชายของฉันกำลังจะตายในอีกไม่กี่เดือนน่ะ : )”

แต่แล้วทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวผมก็เหมือนถูกดูดลงไปในหลุมดำขนาดใหญ่ เมื่อได้ยินในสิ่งที่ป้าสะใภ้ของผมพูดออกมา..

ทำไมกัน.. ทำไมถึงสามารถยิ้มอยู่ได้ ทั้งๆ ที่เพิ่งจะพูดคำว่า ‘ตาย’ ออกมาแบบนั้น?

ทำไมถึงได้..ใจร้ายขนาดนี้!?

“รู้ครับ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับผม เพราะผมคิดว่าสามารถจัดการเรื่องนี้ได้” คราวนี้เหล้ารัมเป็นฝ่ายบีบมือผมแรงๆ ทีนึงเหมือนต้องการเรียกสติ ซึ่งมันก็ได้ผลนะ แต่ไอ้น้ำตาที่คลอขึ้นมาเนี่ยสิที่ทำให้ผมต้องก้มลงมองพื้น พร้อมกับบอกตัวเองว่า..ไม่ได้นะ..ห้ามแสดงความอ่อนแอออกมาต่อหน้าคนที่มันไม่หวังดีเด็ดขาด!

“ยังไงล่ะ เธอจะจัดการยังไง ช่วยให้หลานของฉันไม่ตายอย่างงั้นหรอ?”

“เรื่องนั้นขอเก็บไว้เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างผมกับวาฬก็แล้วกันนะครับ แต่เอาเป็นว่าผมอยากจะขอพูดไว้ตรงนี้เลยก็แล้วกัน ว่าผม..นายเหล้ารัม อัครวรกุลพิชิต จะขอยอมทำทุกอย่าง หากมันสามารถช่วยชีวิตของวาฬได้”

“...”

ตึกตัก ตึกตัก

ผมอยากดึงเหล้ารัมเข้ามากอดจัง... ถ้าไม่ได้กำลังอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ล่ะก็นะ ผมอยากจะดึงเขาเข้ามาใกล้ แล้วพร่ำบอกเป็นร้อยเป็นพันครั้งว่าผมเชื่อทุกคำที่เขาพูด แล้วก็..อยากขอบคุณด้วย ขอบคุณที่เข้ามาในชีวิต ขอบคุณที่หัวใจของเขาเลือกผม ฮึก.. ขอบนะคุณครับ ขอบคุณจริงๆ..

“หึ! ยอมทำทุกทางโดยไม่สนว่าจะสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นอย่างงั้นน่ะหรอ?” และผมก็จะจดจำเอาไว้ ว่าถ้าจะมีวันไหนที่ผมเกลียดพี่เบลและแม่ของเธอที่สุด มันคือวันนี้! “ไรเกอร์บอกให้ฉันฟังแล้วว่านายน่ะมันไม่ใช่พ่อมดธรรมดา พ่อมดแม่มดที่อยู่รอบตัวนายต่างก็เป็นระดับบิ๊กบอสทั้งนั้น หากความสัมพันธ์ของนายกับวาฬสร้างความไม่พอใจให้คนใกล้ตัวนาย แล้วพวกนั้นเกิดมาลงที่ครอบครัวของฉัน นายคิดว่าอย่างนายจะรับผิดชอบไหวอย่างงั้นหรอ หรือว่าทำได้แค่ขอโทษกันล่ะ”

“ก็ผมบอกไปแล้วไง..” เหล้ารัมตั้งท่าจะตอบ แต่พี่เบลไม่สนใจ

“อย่าหาว่าฉันใจร้ายเลยนะวาฬ แต่นายเองก็ต้องเข้าใจด้วยว่าเรื่องนี้น่ะมันไม่ใช่แค่เรื่องของนายสองคน ตัวอย่างก็มีให้เห็นแล้วนี่ กะอีแค่มีมนุษย์ปริศนามายุ่งกับนายเหล้ารัมแค่คนเดียว พี่สาวเขากลับสั่งคนควานหาตัวไปทั่ว ทำเอาวุ่นวายกันไปหมด นี่ดีแค่ไหนแล้วที่แม่มดวิสกี้ยังไม่รู้ตัวตนของนายน่ะ รู้มั้ยว่าเธอเกลียดมนุษย์มากขนาดไหน ขืนรู้ว่าเป็นนายขึ้นมา ฉันว่านะ ไม่ต้องรอให้ถึงเวลาที่คำสาปออกฤทธิ์หรอก นายได้ตายก่อนแน่!”

“ช่วงหยุดพูดคำว่าตายสักทีได้มั้ย!?”

“ทำไมหนูจะพูดไม่ได้ล่ะคะคุณอา ยังไงอีกไม่กี่เดือนลูกชายอาก็ไม่รอดแน่ และเราทุกคนก็ควรยอมรับเรื่องนี้กันได้สักที” แม้แต่ตอนที่พ่อผมลุกขึ้นพูด พี่เบลก็ยังเถียงอย่างไม่ไว้หน้า ก่อนจะหันมาหาผมต่อ “เพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน คือนายควรเลิกยุ่งกับหมอนี่ซะ อย่าปล่อยให้แค่เรื่องความรักโง่ๆ นำพาความเดือดร้อนมาให้ครอบครัวของเราเลยวาฬ ถ้านายไม่เห็นแก่คุณปู่ ก็ช่วยเห็นแก่พ่อกับแม่นายก็ได้ เพราะท่านทั้งสองคือคนที่ยังมีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่ใช่คนที่รอวันตายอย่างนาย!”

“พอเถอะเบล พอได้แล้ว ผมขอ”

“ปล่อยฉันนะไรเกอร์!” ไรเกอร์เป็นอีกหนึ่งคนที่พยายามจะเข้ามาห้าม แต่พี่เบลสะบัดหลุดจากเขาได้ แล้วเดินไปหยุดยืนต่อหน้าคุณปู่ที่มองสิ่งต่างๆ ตรงหน้าด้วยความเงียบ “คุณปู่คะ ในฐานะที่บ้านเราอยู่กันอย่างประชาธิปไตยมาโดยตลอด หนูจะขอใช้สิทธิ์เปิดโหวตนะคะ” และโดยที่ไม่ต้องรอให้คุณปู่อนุญาต พี่เบลก็เริ่มเปิดโหวตในทันที “ใครบ้างคะ ที่เห็นด้วยกับหนูว่าสองคนนี้ควรเลิกยุ่งกัน ช่วยยกมือขึ้นทีค่ะ!”

“...”

แล้วผลก็คือ.. ยกเยอะเกินกว่าครึ่ง..

“ไม่ได้เด็ดขาดเลยนะ!” ซึ่งแน่นอนว่าแม่ผมต้องไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว ท่านรีบเดินมาเกาะแขนผมไว้ทั้งน้ำตา.. “ถ้าไม่มีเหล้ารัม แล้วใครจะช่วยวาฬกันล่ะ!?”

“ไม่มีใครช่วยลูกอาได้หรอกค่ะ เพราะถ้ามีทางช่วยจริง ทางราชวงศ์ก็คงช่วยนานแล้ว ไม่ต้องรอจนมาถึงป่านนี้หรอก จริงมั้ยคะ”

“แต่ว่า...”

“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น ผลโหวตชัดเจนแล้ว ยังไงสองคนนี้ก็ต้องเลิกยุ่งกันค่ะ!”

“แต่...”

“คุณ!”

ตอนแรกผมคิดว่าแม่เถียงพี่เบลไม่ออกก็เลยเงียบไป จนกระทั่งมาได้ยินเสียงร้องของพ่อนั่นแหละ ผมถึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วแม่ร้องไห้เสียใจจนเป็นลมไปแล้วต่างหาก!

แล้วแทนที่ผมซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดจะได้เป็นคนหันไปช่วยแม่ กลับกลายเป็นคนไกลกว่าอย่างเหล้ารัมที่สามารถเข้ามาช้อนตัวแม่ผมเอาไว้ได้เป็นคนแรกแทน จนตอนนี้ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้ว ว่าแค่คำขอบคุณมันจะพอสำหรับความดีของเหล้ารัมมั้ย?

“ขอบคุณนะครับ” แต่ถึงยังไงก็ต้องขอบคุณก่อน เอาไว้เสร็จเรื่องวุ่นวายนี่เมื่อไหร่ ผมคงมีโอกาสได้ตอบแทนเขามากกว่านี้

“ไม่เป็นไรครับ” ในขณะที่เหล้ารัมกลับดูจะไม่อยากได้อะไรตอบแทนเลยสักนิด เหมือนเขาแค่อยากช่วยผมด้วยความเต็มใจก็เท่านั้น

“มา เดี๋ยวพ่อรับต่อเอง” ก่อนที่พ่อซึ่งวิ่งมาถึงเป็นคนสุดท้ายจะเป็นคนรับแม่ต่อจากเหล้ารัมเพื่อพาไปนั่งพัก โดยที่ครอบครัวของป้ามีน (หนึ่งในครอบครับที่ไม่ยกมือเห็นด้วยกับพี่เบล) รอช่วยเหลืออยู่

“ยาดมครับพี่วาฬ” จริงๆ ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะวิ่งออกไปหายาดมนะ แต่เพียงแค่คิด.. ‘มะม่วง’ ลูกชายคนเล็กของป้ามีนก็รับยาดมจากมือ ‘ฟาเรเนีย’ แม่มดคู่พันธะสัญญาของเขาส่งมาให้ ทำเอาผมรีบยกมือไหว้ขอบคุณอย่างลืมไปเลยว่ามะม่วงอายุน้อยกว่า

“นี่ครับยาดม ใจเย็นๆ นะครับ”

“วาฬ..” พอเห็นว่าแม่เริ่มปรือตาเรียกชื่อผม คนที่รุมล้อมอยู่รอบข้างก็ดูจะสบายใจขึ้น โดยเฉพาะคนเป็นลูกอย่างผมที่ทั้งดีใจและเศร้าใจจนเผลอยิ้มออกมาทั้งน้ำตา

“ใจเย็นๆ นะครับแม่ สูดหายใจเข้าลึกๆ นะครับ”

“วาฬ.. วาฬลูกแม่..”

ฮึก.. ถึงแม้ว่าแม่จะไม่ใช่คนที่แสดงอารมณ์ด้านลบให้ใครเห็นมากนัก แต่ผมเองก็รู้ว่าแม่กดดันมากขนาดไหนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังนี้ เพราะต้องคอยโดนจงเกลียดจงชังจากคนที่แม่ไม่ได้ทำอะไรให้ แถมมีลูกกับเขาหนึ่งคน..ก็กลับต้องมาอายุสั้นอีก.. เมื่อกี้ท่านคงร้องไห้ปานจะขาดใจเลยสินะ ที่เห็นว่าคนในตระกูลอลิชาเกินกว่าครึ่งลงความเห็นให้เหล้ารัมออกไปจากชีวิตผม ในเมื่อท่านเองเป็นหนึ่งในคนที่รู้ดีที่สุดว่ามีแค่นายพ่อมดเหล้าเท่านั้นที่จะสามารถช่วยชีวิตผมได้

ว่าแต่.. แล้วนี่นายผมบลอนด์อยู่ไหนกันล่ะเนี่ย นึกว่าเดินตามมาแล้วซะอีก?

“พวกคุณมันเห็นแก่ตัว!!!”

“...”

ทว่า.. ในไม่นานนัก ผมก็สามารถหาเขาเจอ.. ไม่ใช่เพราะว่าเขาโดดเด่นหรือเพราะว่าผมมีสายตาที่เยี่ยมหรอกนะ แต่เป็นเพราะ..เสียงตะโกนที่ดังขึ้นกลางห้องต่างหาก!

“ทั้งๆ ที่ผมเองก็พูดชัดเจนแล้วว่าต้องการจะช่วยชีวิตของวาฬ ไม่ว่าทางไหนผมก็ยอม โดยที่ผมไม่ได้ขอให้พวกคุณต้องออกแรงอะไรกันเลยด้วยซ้ำ แต่พวกคุณก็ยังอยากจะให้ผมออกไปจากชีวิตเขาของวาฬเพียงเพราะกลัวว่าตัวเองจะเดือดร้อนเนี่ยนะ!? ถามจริงเถอะ ใจคอพวกคุณมันทำด้วยอะไรกัน!!?”

เหล้ารัมดูโกรธมาก.. เขากวาดสายตามองทุกคนที่เคยยกมือแบบเรียงตัว ก่อนจะหยุดลงที่พี่เบลที่ตอนนี้ยืนกอดอกอย่างคนไม่รู้ร้อนรู้หนาวใดๆ

“นายก็พูดได้สิ ในเมื่อนายเป็นพ่อมด มีเวทมนตร์ขั้นสูง ไม่ใช่พวกมนุษย์ที่ตายง่ายเหมือนกับพวกเรานี่!” แถมยังเถียงไม่เลิกด้วย

“ใช่ เธอมันเป็นมนุษย์เบล มนุษย์..ผู้มีสายเลือดของตระกูลอลิชา..หนึ่งในสามตระกูลผู้ไร้เวทมนตร์ที่ได้รับการยกย่องจากเหล่าพ่อมดแม่มดทั่วโลกให้เป็นดั่งอัศวินผู้กล้าในทุกหน้าของประวัติศาสตร์เวทมนตร์ แล้วไอ้สิ่งนี้มันก็ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยด้วย แต่เป็นเพราะความหาญกล้าของต้นตระกูลเธอที่ยืดหยัดขึ้นต่อกรกับอำนาจมืดเพื่อช่วยเหลือคนดีให้พ้นภัย หึ! แต่ฟังจากที่เธอพูดออกเมื่อกี้นี้ สายเลือดผู้กล้าของอลิชาในตัวเธอคงเจือจางเต็มที!”

“ไอ้...!!”

งานนี้พี่เบลก็เลยถูกตอกกลับซะหน้าหงาย ถึงขั้นด่าไม่ออกเลยด้วยซ้ำ อ้อ แล้วก็ไม่ใช่แค่พี่เบลนะ แต่เหล่าสายเลือดอลิชาที่เคยยกมือให้ผมกับเหล้ารัมแยกจากกันเพียงเพราะหวาดกลัวแม่มดวิสกี้ต่างก็หน้าเสียไปตามๆ กัน บางคนนี่ถึงกับก้มมองพื้นไม่กล้าสู้หน้า ยกตัวอย่างเช่น..พ่อของพี่เบลเป็นต้น

ในขณะที่คุณปู่ยังคงนิ่ง..ไม่แสดงอาการอะไรออกมาทั้งนั้น..

“จริงอยู่ ที่การมีตัวตนของผมทำให้พี่วิสกี้เข้ามายุ่งวุ่นวายกับตระกูลของพวกคุณ” พอเห็นว่าทั้งห้องเงียบ เหล้ารัมเลยพูดต่อ “แต่นั่นมันเล็กน้อยมาก เมื่อเทียบกับการที่ผมจะทำให้วาฬมีชีวิตอยู่ต่อไป เพราะฉะนั้น แทนที่พวกคุณจะมากีดกันเราสองคน เอาเวลาไปนั่งละอายใจดีกว่ามั้ย ที่เป็นคนในครอบครัวเดียวกันแท้ๆ แต่กลับไม่ทำอะไรกันเลยน่ะ!”

“ใครว่าพวกเราไม่ทำอะไร อย่ามาพูดมั่วๆ นะ!”

“ใช่! อย่ามาพูดมั่วๆ”

“นายมาที่หลังจะไปรู้เรื่องอะไรล่ะ!?”

“ตอนที่เอียนหายตัวไป เราทุกคนก็ขอให้พ่อมดแม่มดคู่พันธะสัญญาช่วยออกตามหากันทุกคน เนี่ยหรอที่ว่าไม่ทำอะไรน่ะ!?”

“ใช่ เลิกพูดเหมือนพวกเราเป็นคนไม่ดีสักที!”

“ทุกคนเขาก็ช่วยกันจนสุดความสามารถแล้ว แต่สุดท้ายก็หาไม่เจอ จะให้พวกเราทำยังไงเล่า!”

“จริงอย่างพี่พลว่า ช่วยกันหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ถึงขนาดทำเรื่องส่งไปยังโลกเวทมนตร์แบบวันเว้นวัน ว่าให้ช่วยหาพ่อมดแม่มดคนใหม่มาได้มั้ย แต่สุดท้ายเรื่องก็เงียบหายไป”

“ใช่ เงียบหายไปเลย จนพวกเราต้องยอมถอดใจในที่สุด”

“แล้วเรื่องแบบนี้มันถอดใจกันได้หรอครับ?”

“...”

เป็นอีกครั้งที่เหล้ารัมทำให้ทุกคนปิดปากลง.. เพราะมันก็จริงอย่างที่เขาถามนั่นแหละ ของแบบนี้มันถอดใจกันได้จริงๆ หรอ? ชีวิตคนทั้งคนเลยนะ ยอมให้จบลงง่ายๆ ได้ยังไงกัน?

“วาฬครับ ช่วยบอกผมที่ได้มั้ยว่าพวกเขาหยุดทุกอย่างลงเมื่อไหร่”

“เอ่อ..” พอถูกคำถามส่งมาหลังจากที่เงียบไปนาน ผมเลยมีความอึกอักเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็พูดออกไปได้ “หนึ่งปีภายหลังจากการตามหาครั้งแรกครับ มีแค่..พ่อกับแม่ แล้วก็ครอบครัวป้ามีนที่ยังช่วยตามหาตัวเอียนอยู่จนถึงตอนนี้” ก่อนจะผายมือไปทางป้ามีนเพื่อให้เหล้ารัมได้รู้จักกับป้าผู้แสนดีของผม
   
ซึ่งเหล้ารัมก็รู้งาน เขาโค้งศรีษะให้ป้ามีนหนึ่งครั้งด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะกลับเข้าสู่โหมดซีเรียสอีกครั้งอย่างรวดเร็วเมื่อหันกลับไปมองญาติคนอื่นๆ “อดีตเป็นไงผมไม่สนหรอกนะ แต่ที่ผมหมายถึงคือที่ผ่านมาพวกคุณยอมถอดใจและไม่ทำอะไรเลยมานานขนาดนี้ได้ยังไงกัน ทั้งๆ ที่มีคนหนึ่งคนในบ้านจะต้องจากคุณไปในเวลาที่ถูกกำหนดแบบนั้น พวกคุณนี่มัน..แย่มาก!!”

“หยุดว่าคนในครอบครัวฉันสักที!” จริงๆ ผมนึกว่าจะไม่มีคนกล้าเถียงกับเหล้ารัมอีกแล้วนะ เพราะว่าทุกคนก็ดูสลดไปกับสิ่งที่นายพ่อมดเหล้าพูด แต่ไม่คิดเลย..ว่าพี่เบลจะฟื้นคืนชีพอีกแล้ว.. “จริงอยู่ที่พวกผู้ใหญ่ยอมถอดใจเรื่องการค้นหาตัวนายเอียน แต่จะให้ทำไงได้ เพราะขนาดคนของโลกเวทมนตร์แทบจะผลิกแผ่นดินหายังไม่เจอเลย แล้วมนุษย์ธรรมดาอย่างเราจะไปทำอะไรได้” เธอเว้นจังหวะนิดนึงเพื่อแค่นหัวเราะใส่หน้าเหล้ารัม “หึ! ได้ข่าวว่าแม้แต่ตระกูลอัครวรกุลพิชิตเองก็ยังไม่สามารถหาได้เลยนี่ งั้นแบบนี้ก็ต้องให้นายวาฬโทษว่าเป็นความผิดของตระกูลนายด้วยสิ จริงมั้ย? อ้อ แล้วอีกอย่างนะ ถึงแม้ทุกคนจะช่วยตามหาตัวเอียนไม่ได้ แต่ก็ไม่มีวินาทีไหนเลยที่คนในครอบครัวฉันละเลยวาฬ ในเมื่อตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่เอียนหายไป ไม่ว่านายวาฬต้องการอะไรในชีวิต พวกผู้ใหญ่ก็จะหามาประเคนให้แทบจะทุกอย่าง อะไรๆ ก็เอาวาฬเป็นที่ตั้ง คอยดูแล คอยห่วงใย เฝ้าประคบประหงมกันทั้งบ้าน ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม เรียกว่าเป็นหลานที่สำคัญที่สุดในบรรดาหลานทุกคน จนคนอื่นเขากลายเป็นหลานหัวเน่ากันไปหมดแล้ว แล้วแบบนี้จะยังต้องการให้คนในบ้านทำอะไรให้นายวาฬอีกไม่ทราบ!?”

“…” จริงๆ สิ่งที่พี่เบลพูดออกมามันก็เป็นเรื่องจริงนะ แล้วมันก็เป็นข้อมูลที่ช่วยสนับสนุนพวกผู้ใหญ่ด้วย ทว่า..กลับไม่มีมีใครเฮตามพี่เบลเลยสักคน ซึ่งสาเหตุหลักก็น่าจะมาจาก ‘ความอิจฉา’ ของพี่เบลที่สะท้อนออกมาในขณะที่เธอกำลังพูด ทั้งน้ำเสียง สีหน้า ท่าทาง มันบ่งบอกอย่างชัดเจนเลยว่าพี่เบลยังคงอิจฉาผมเสมอ ไม่ต่างจากเมื่อครั้งที่ผมเคยเล่าไปแล้วว่าเจ้าหล่อนถึงขั้นวีนแตกด่ากราดคนทั้งบ้านเรื่องที่ให้ความสำคัญกับเธอน้อยลง พร้อมทั้งประกาศต่อหน้าทุกคนว่าเกลียดผมที่สุดในชีวิต และจะรอคอยวันที่ผมตายจากไป
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบสอง..ในความวุ่นวาย || อัพเดท : 16/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 16-07-2016 20:13:14
เฮ้อออ~ ไม่เลย.. พี่เบลไม่เคยเปลี่ยนไปจากเมื่อหลายปีก่อนเลยสักนิด..

“แต่ถึงจะดูแลให้ดียังไง วาฬก็ยังต้องรอวันตายอย่างที่เธอว่าไม่ใช่หรอ?” แล้วหลังจากนั้นความเงียบก็ถูกทำลายลงด้วยคำถามของเหล้ารัมที่แหวกขึ้นกลางอากาศ ซึ่งมันสะเทือนใจผมมาก.. เพราะตอนที่เหล้ารัมพูดคำว่า ‘ตาย’ แม้จะด้วยสีหน้าราบเรียบ ทว่านัยน์ตาสีม่วงอ่อนคู่นั้นกลับสั่นไหวรุนแรง.. ขนาดที่ว่าไม่ได้อยู่ใกล้กันก็ยังสามารถเห็นได้ชัด..

ผิดจากสายตาของพี่เบลกับป้าสะใภ้ผมตอนพูดคำว่า ‘ตาย’ ราวฟ้ากับเหวนรก!

“…” ก่อนที่พี่เบลจะถอนหายใจยาว พลางทำหน้าเหมือนเหนื่อยมากที่ต้องมาเถียงกับเหล้ารัมแบบนี้ ในขณะที่ร่างสูงกลับดูไม่สนใจเลยสักนิด เพราะเขาอาศัยจังหวะตอนที่พี่เบลกำลังเงียบพูดต่อ..

“ถามจริงเถอะนะ ทำไมเธอถึงจะต้องคอยมาอิจฉาคนที่กำลังจะตายด้วย”
   
“วะ..ว่าไงนะ!?” แถมสิ่งที่เหล้ารัมพูดออกมา ก็ทำเอาคนที่กำลังท่าเยอะอย่างพี่เบลถึงกับทำหน้าโกรธจัดทันที
   
“ฉันถามว่าทำไมเธอต้องอิจฉาวาฬด้วย ทั้งๆ ที่สำหรับวาฬแล้ว การได้พ้นจากคำสาป เป็นสิ่งที่น่าอิจฉากว่าตั้งเยอะ”

ใช่ครับ.. เป็นสิ่งที่น่าอิจฉามากเลยจริงๆ..
   
“ฉะ..ฉันไม่ได้อิจฉา!”   

“จริงหรอ?”   

“ใช่!”
   
“แล้วไอ้อาการที่แสดงออกมาทั้งหมด พยายามหาเรื่องนั่นนี่มาพูดให้วาฬกับฉันแยกออกจากกัน โดยที่ไม่แม้แต่จะคิดเลยสักนิดว่าวาฬสามารถรอดตายได้เพราะฉันนี่มันคืออะไรกันล่ะ”

“ก็ฉันบอกไปแล้วว่าฉันห่วงครอบครัวฉัน หูหนวกหรือไง!?”

“อ๋อ แบบนี้นี่เอง นึกว่าอิจฉา กลัวว่าพอวาฬไม่ตาย แล้วตัวเองจะต้องกลายเป็นหมาหัวเน่าไปทั้งชีวิตซะอีก : )”

โห... นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เจอกันเลยนะเนี่ย ที่ผมได้รู้ว่าเหล้ารัมปากร้ายขนาดนี้!? ทำเอาผมล่ะอึ้งไปเลย.. เพราะส่วนใหญ่นายพ่อมดมักจะปากหวานใส่ผมเสียมากกว่า ไม่ค่อยพูดอะไรแบบนี้หรอก..

..แต่ผมว่าผมชอบนะ : )

“นี่มันจะมากไปแล้วนะ!” ทว่าคนที่สวนกลับมาหลังจากนั้นกลับเป็นแม่ของพี่เบล ซึ่งก็ไม่แปลกหรอก ลูกใครๆ ก็รักทั้งนั้น
   
“คุณแม่ไม่ต้องยุ่งค่ะ ให้หนูจัดการไอ้พ่อมดปากเสียนี่เอง!” แต่พี่เบลก็ขยับตัวเข้ามาขวางหน้าของคุณป้าสะใภ้ไว้ ก่อนที่เธอจะทำการล้วงมือลงกระเป๋ากางเกงยีนส์เอวสูงเหมือนต้องการจะหยิบบางอย่างออกมา

วินาทีนั้น..ผมรู้สึกหวั่นใจกับสิ่งที่พี่เบลกำลังจะทำมาก เพราะหน้าตาเธอบ่งบอกความร้ายกาจชัดเจนชนิดที่ว่าไม่สามารถจะคิดให้เป็นเรื่องดีได้เลยแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว

“นี่คือโทษฐานที่นายกล้าปากดีกับฉัน!”
   
“เฮ้ยยย!”

แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิด! เมื่อสิ่งที่พี่เบลหยิบออกมาคือเครื่องรางไร้มนตร์ที่ทำเอาเหล้ารัมร้องเสียงหลง พลางผงะถอยหลังให้ห่างจากมัน ในขณะที่พ่อมดแม่มดคนอื่นๆ ก็มีอาการไม่ต่างกันเลยสักนิด!

“หยุดเดี๋ยวนี้เบล!”

“ไม่ค่ะ! มันว่าหนู หนูจะจัดการมัน!!”

ขนาดว่าคุณปู่ที่นั่งเงียบมานานออกปากห้ามก็ยังไม่ยอมฟัง มีแต่จะยิ่งเดินเอาเครื่องร่างไร้มนตร์เข้าไปใกล้เหล้ารัมมากขึ้น ซึ่งผมเคยบอกแล้วว่ามันเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากสำหรับพ่อมดแม่มด ถึงขนาดที่ว่าต่อให้เก่งกาจสักแค่ไหน ก็ยังต้องยอมสงบให้กับเจ้าเครื่องรางชิ้นนี้

“หยุดเดี๋ยวนี้แลยนะ!” แล้วแบบนี้ผมจะไปอยู่เฉยได้ยังไง ในเมื่อนายพ่อมดกลัวจนไม่กล้าใช้เวทมนตร์ เลยมีแต่ผมที่เป็นมนุษย์เท่านั้นที่สามารถวิ่งเข้าไปขวางไม่ให้พี่เบลทำร้ายเหล้ารัมได้ และเพื่อความชัวร์ว่าจะไม่มีสิ่งใดผิดพลาด ผมเลยตัดสินใช้ผลักพี่เบลเต็มแรง จนเจ้าหล่อนเสียหลักล้มลงไปนั่งกองกับพื้นแบบที่ไม่มีใครเข้ามาช่วย เพราะอย่าลืมว่าไรเกอร์เองก็กลัวเครื่องรางเหมือนกัน

ไม่มีทางหรอก.. ยังไงผมก็จะไม่ยอมให้เหล้ารัมโดนทำร้ายด้วยเครื่องรางไร้มนตร์อีกแน่!

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด! แกกล้าดียังไงมาผลักฉัน!?” พี่เบลกรี๊ดเสียงดังลั่น ทำท่าจะลุกขึ้นยืนอีกครั้งเหมือนคนบ้า โดยมีคุณป้าสะใภ้ปาดเข้ามาประคอง แต่ผมไม่รอช้า รีบอาศัยจังหวะที่พี่เบลยังทรงตัวไม่ได้ ผลักหน้าเธอให้หงายหลังล้มไปอีกครั้งนึง จะได้ไม่ต้องลุกขึ้นมาสร้างความเดือดร้อน

รู้นะว่าที่ตัวเองทำก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง แต่ผมก็เริ่มจะทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน!

“เอาสิ ถ้าพี่กล้าทำร้ายเหล้ารัม เราสองคนได้เห็นดีกันแน่!” ไม่พูดเปล่า ผมกางแขนเตรียมปกป้องเหล้ารัมเต็มที่

“ทำไม! คนอย่างแกจะทำอะไรฉันได้!!?”

“ถ้าอยากรู้ก็ลองดู! แต่บอกไว้ก่อนเลยนะ ว่าคนอย่างผมน่ะมันไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว จะตายวันนี้หรือตอนอายุยี่สิบเอ็ดก็ไม่ต่างกันนักหรอก เพราะฉะนั้นต่อจะให้ต้องฉะกับพี่เบลจนตายกันไปข้างนึง ผมก็ไม่กลัวเว่ย!”

เอาจริงๆ ผมรู้สึกว่าตัวเองใจเต้นแรงมาก! เพราะไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรมันดลใจให้ตัวเองสามารถกล้าที่จะพูดหรือว่าทำกับพี่เบลแบบนั้น ในเมื่อตลอดเวลาที่ผ่านมา..ผมแม่งก็ไม่ต่างอะไรจากจากขวดน้ำอัดลมที่ถูกสองแม่ลูกคอยหาเรื่องมาเขย่ากันไม่เว้นแต่ละวัน แต่เพราะว่าผมเลือกที่จะเงียบ มันก็เลยเหมือนกับขวดที่ยังคงปิดฝาไว้ ทว่า..เต็มไปด้วยแรงดันมากมายอยู่ภายใน..

แต่พอสมองมันคิดว่ายังไงก็จะไม่ยอมให้เหล้ารัมเป็นอันตราย ร่างกายมันก็เหมือนถูกเปิดฝาขวดเองแบบอัตโนมัติ ปล่อยให้ทุกอย่างข้างในมันทะลักล้นออกมา เพื่อให้พี่เบลกับแม่ของเธอได้รู้ว่า..ผมจะไม่ยอมตกเป็นเหยื่อของพวกเขาอีกต่อไปแล้ว และพวกเขาก็จะมาแตะต้องคนของผมไม่ได้ด้วย!

“ฉันไม่กลัวแกหรอก!” แล้วก็เป็นไปอย่างที่ผมแอบคิดอยู่ในใจ ว่ายังไงพี่เบลก็ไม่ยอมหยุดแน่

เธอลุกขึ้นอีกครั้งด้วยสายตาอาฆาตกว่าครั้งที่ผ่านๆ มา เจตนาคงกะจะทำร้ายเหล้ารัมให้จงได้

ทว่า..

“ถ้าหลานยังไม่หยุด อย่าว่าแต่ตัดออกจากกองมรดกเลย แม้แต่นามสกุลอลิชาก็จะไม่มีวันได้ใช้!!!”

..คุณปู่ที่เคยห้ามพี่เบลแล้วครั้งนึง กลับมาคำรามเสียงดังเพื่อห้ามเธออีกครั้ง.. ทำเอาทุกคนในห้องประชุมรวมถึงตัวพี่เบลถึงกับสะดุ้ง เพราะถ้าลองใช้เสียงโทนนี้ แสดงว่าความโกรธของคุณปู่ไปถึงขีดสุดแล้ว..

“พอได้แล้วลูก” ร้อนถึงแม่ของพี่เบลที่คงจะแคร์สิ่งที่คุณปู่ขู่มากกว่าความถูกต้อง (ก็ถ้าแคร์ความถูกต้องจริง ป่านนี้ห้ามไปนานแล้วเหอะ) รีบกระชากลูกสาวของตัวเองกลับไป ก่อนที่จะหันไปขอความช่วยเหลือจากลุงวิน (พ่อของพี่เบล) อีกแรง “นี่คุณ มาช่วยกันหน่อยสิ มัวแต่นั่งนิ่งอยู่ได้!”

ผมรู้สึกสงสารลุงวินขึ้นมาจับใจ เพราะดูก็รู้ว่าอับอายกับการกระทำของลูกสาวและเมียตัวเองมากแค่ไหน แต่ก็ต้องจำใจลุกขึ้นมาดึงเครื่องรางไร้มนตร์จากพี่เบลเพื่อเก็บใส่กระเป๋ากางเกง ก่อนที่จะช่วยคุณป้าสะใภ้ลากตัวคนบ้ากลับไปนั่งที่ ซึ่งถึงแม้ว่าคราวนี้จะยอมให้พ่อกับแม่ลากไปนั่งง่ายๆ ทว่าสายตาของเธอก็ยังคงความอาฆาตไม่เปลี่ยนแปลง

แต่ผมไม่สนใจหรอกนะ จะโกรธจะเกลียดกันก็เชิญ เพราะยังไงซะ ผมเองก็ไม่ได้อยากจะญาติดีด้วยอยู่แล้ว

“วาฬ เหล้ารัม เข้ามาหาปู่หน่อย”

คำเรียกของปู่ทำให้ผมหันไปหาใครอีกคนที่ตัวเองพยายามจะปกป้อง

“คุณโอเคมั้ย ยังกลัวอยูรึเปล่า”

“ไม่ครับ ผมโอเคแล้ว” แม้ว่าเหงื่อจะยังมีเม็ดเหงื่อผุดออกมาจากบริเวณหน้าผาก แต่พอเห็นสีหน้าที่ดีขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ ที่ส่งให้ มันก็ทำให้ใจของผมรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิม

ราวกับว่า..ช่วงเวลาของพายุร้าย..ได้จางหายไปหมดแล้ว..

“งั้นไปหาคุณปู่ด้วยกันนะ”

“ครับ : )”

ผมยิ้มกว้างให้เหล้ารัมทีนึงเมื่อเห็นว่าเขาเองก็สามารถยิ้มได้กว้างขึ้นกว่าเดิมแล้ว ก่อนที่เราสองคนพากันจะจับมือเพื่อเดินไปนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าของคุณปู่

แล้วสิ่งที่คุณปู่ทำก็คือ.. ท่านใช้มือทั้งสองข้างจับไหล่ของผมกับเหล้ารัมเอาไว้ พลางเงยหน้าเหมือนต้องการจะพูดกับทุกคน..

“วันนี้ฉันได้เห็นหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นในห้องประชุมนี้ และก็เป็นอีกครั้ง ที่การกระทำมักจะแสดงผลได้มากกว่าคำพูด”

“...”

“มันน่าละอายใจนัก ที่ต้องให้เหล้ารัมซึ่งเป็นคนนอกของตระกูล มายืนด่ายืนสอนพวกแกให้รู้ซึ้งถึงความเป็นอลิชา ทั้งๆ ที่มันควรจะอยู่ในสายเลือด!”

“...”

และแม้ว่าคุณปู่จะไม่ได้พูดอะไรออกมามากมายนัก เมื่อเทียบกับเหตุการณ์วุ่นวายทั้งหมดที่เกิดขึ้น แต่ผมกลับคิดว่ามันเพียงพอแล้วที่จะทำให้ใครหลายคนสะอึกไปกับมันได้..

“วาฬ..” ก่อนที่คุณปู่จะก้มหน้าลงมาถามผม ด้วยคำถามที่ทำเอาผมถึงกับอึ้ง..! “หลานชอบเหล้ารัมรึเปล่า?”

“...” ดะ..ได้แต่อ้าปากค้าง มองหน้าของคุณปู่อย่างไม่แน่ใจว่าต้องการอะไรจากคำตอบของผมกันแน่?

“เอ้า ว่าไงล่ะ ชอบหรือไม่ชอบ” จนกระทั่งคุณปู่ถามย้ำอีกครั้งนึงนั่นแหละ ผมถึงได้เลิกอ้าปากค้าง แล้วหันมองนายพ่อมดเหล้าที่นั่งอยู่ข้างๆ ซึ่ง..เขาเองก็กำลังมองมาที่ผมอยู่เหมือนกัน..

เอาจริงๆ มันก็ไม่ใช่คำถามที่ตอบยากมากขนาดนั้นนะ เพียงแต่.. ผมแค่ยังไม่แน่ใจ.. ว่าไอ้คำว่า ‘ชอบ’ ที่มันปรากฏขึ้นมาในใจของผมตอนนี้ มีความหมายเดียวกันกับคำว่า ‘ชอบ’ ที่คุณปู่ถามถึงรึเปล่า?

เพราะฉันนั้น.. “ผมยังไม่แน่ใจครับปู่ แต่ผมดีใจมากที่มีเขาเข้ามาในชีวิต จนผมไม่อยากให้เขาหายไปไหนเลย" คำตอบของผม จึงไม่สามารถสรุปได้ด้วยคำเพียงแค่คำเดียว

เหล้ารัมหยักยิ้มกว้างขึ้นเมื่อผมหันกลับไปมองหน้าเขาอีกครั้ง นัยน์ตาสีม่วงอ่อนส่องประกายความสุขมาให้ บ่งบอกว่าเขารับรู้ถึงสิ่งที่ผมพูดออกไป ซึ่งดีมาก เพราะผมอยากให้เขารู้จริงๆ ว่าตอนนี้..ผมไม่อยากให้เขาหายไปไหนอีกแล้ว.. เพราะฉะนั้นก็เลยขยับปากพูดแบบไร้เสียงให้อีกฝ่ายเห็นว่า.. ‘ผมพูดจริงนะ’ เพื่อเป็นการตอกย้ำสิ่งที่ตัวเองตอบออกไปอีกที ก่อนจะรีบหันกลับมาเมื่อรู้สึกได้เลยว่าคุณปู่กำลังจ้องมองการกระทำของผมอยู่..

เอ่อ... เอาจริงๆ ผมก็แอบกังวลใจและรู้สึกเกรงใจคุณปู่เหมือนกันนะ ถึงแม้ว่าที่ผ่านมารสนิยมทางเพศของผมจะเป็นที่รู้กันดีในบ้านหลังนี้ และผมเองก็ไม่เคยคิดที่จะปิดบัง แต่การที่ใครหลายคนเลือกที่จะไม่พูดถึง ก็เท่ากับว่ายังมีอีกหลายเสียงที่ยัง ‘ไม่ยอมรับ’ ในสิ่งที่ผมเป็น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็น่าจะมีคุณปู่ของผมรวมอยู่ด้วย เพราะเคยมีหลายครั้งที่พี่เบลพยายามจะใช้เรื่องนี้โจมตีผมต่อหน้าท่าน แล้วสิ่งที่ท่านทำก็คือ..เดินจากไปโดยแม้แต่จะรับฟัง.. ซึ่งมันแย่มากนะสำหรับผม แต่ผมก็เข้าใจ ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่คนรุ่นปู่จะสามารถทำใจได้ง่ายๆ..

แต่แล้วใครจะคิด.. ว่าการได้หันกลับมามองหน้าคุณปู่อีกครั้ง จะทำให้ผมได้พบกับ ‘รอยยิ้ม’ ที่ค่อยๆ เผยออกมา.. ก่อนที่คุณปู่จะยกมือขึ้นเพื่อลูบหัวผมอย่างเอ็นดู จนจากตอนแรกที่ผมไม่รู้สึกอะไร.. กลับกลายเป็นมีน้ำตาคลอขึ้นมาซะอย่างงั้น..

เพราะถึงแม้คุณปู่จะไม่ได้พูดอะไรมา แต่ผมก็รับรู้ได้ ว่ามันคือสัญญาณที่ดี

ก่อนที่คุณปู่จะหันไปหาเหล้ารัมบ้าง “ขอบคุณที่พยายามเพื่อหลานของฉันนะคุณพ่อมด ฉันรู้ว่านายต้องเสียสละมากแค่ไหน ยังไงก็..ฝากดูวาฬแทนฉันด้วย"

ซึ่งผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณปู่ถึงได้พูดออกมาแบบนั้น แต่มันสะท่อนให้ผมเห็นว่า.. คุณปู่คือคนที่เข้าใจเรื่องทั้งหมดเป็นอย่างดี เข้าใจ..มากกว่าที่ผมเข้าใจเสียด้วยซ้ำ..

“ผมจะดูแลวาฬให้ดีที่สุดครับ”

“ดี” คุณปู่ดูจะพอใจกับคำตอบของเหล้ารัมมาก  ผมเองก็เหมือนกัน เลยอดไม่ได้ที่จะเอื้อมไปจับมือของนายพ่อมดเหล้าเอาไว้ แทนคำขอบคุณ ในขณะที่อีกฝ่ายก็กระชับมือที่จับอยู่ให้แน่นขึ้นเช่นกัน

ต่างจากพี่เบลที่ทำเสียงดังจนทุกคนต้องหันไปมอง..

“…” เธอดูไม่พอใจมาก จ้องมองมาทางผมกับเหล้ารัมด้วยสายตาแบบเดิมอยู่เกือบสี่วิ ก่อนจะกระทืบเท้าตึงตังเดินออกจากห้องประชุมไป โดยที่มีลุงวินกับป้าสะใภ้ของผมรีบตามออกไปด้วย

เพราะแบบนั้น คุณปู่ก็เลยตัดสินใจกล่าวปิดการหารืออันแสนจะวุ่นวายในครั้งนี้ “เอาล่ะ ถือว่าหมดเรื่องแค่นี้ เชิญทุกคนแยกย้ายกันกลับได้” แต่ก่อนที่ท่านจะเดินจากไป คุณปู่ก้มลงมากระซิบในสิ่งที่ผมเองก็ไม่เคยรู้ “ถึงปู่จะยังหาทางช่วยหลานเรื่องคำสาปไม่ได้ แต่ปู่ก็อยากให้วาฬรู้ไว้ ว่าปู่ไม่เคยถอดใจ และยังขอให้ยัยแม่มดเพื่อนซี้ปู่คอยช่วยตามหานายเอียนอยู่เสมอ”

รู้ตัวอีกที.. น้ำตาผมก็ไหล..

เหมือนคำพูดของคุณปู่ช่วยเติมเต็มความรู้สึกบางส่วนที่ขาดหายไป.. เพราะมันทำให้ผมได้รู้ว่า..ยังมีใครอีกคน ที่รักและห่วงใยผมมาโดยตลอด

ขอบคุณนะครับ..คุณปู่


(http://pic.pimg.tw/demona/1405329580-1468390043.gif)

จบตอนที่ 12

*พูดคุยที่ทวิตเตอร์กันได้ โดย #พ่อมดเหล้า นะครับ

มายเพจ : #แฮมสเตอร์ (https://www.facebook.com/hamsterisanauthor)
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบสอง..ในความวุ่นวาย || อัพเดท : 16/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 16-07-2016 20:20:07
ล่ะเกลียดนังเบลจริงๆน่าเอาหากระเบนทำเป็นด้สยแล้วเอาหนามเม่นมาทำด้ายแล้วร้อยปากไว้จริงๆ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบสอง..ในความวุ่นวาย || อัพเดท : 16/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 16-07-2016 20:25:45
 :ling2:

คนอ่านสยองกว่า

เมื่อไหร่ตอนต่อไปจะมาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบสอง..ในความวุ่นวาย || อัพเดท : 16/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 16-07-2016 20:46:18
นังเบลนี่มันน่าสาปให้ปากห้อยย้อยลากพื้นเสียจริงๆ :z6: :z6: :z6:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบสอง..ในความวุ่นวาย || อัพเดท : 16/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: shannara ที่ 16-07-2016 20:49:18
โอยยย ซึ้งงงงง
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบสอง..ในความวุ่นวาย || อัพเดท : 16/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 17-07-2016 00:05:34
โหยยยยยยยย อย่างซึ้งอ่ะ เหล้ารัมนายเท่มากๆ  o13 o13
่ำคาญนังเบลมาก ขี้อิจฉาเกิ๊นนนนนน เอานางไปทิ้งลงหลุมทีเถอะ :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบสอง..ในความวุ่นวาย || อัพเดท : 16/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 17-07-2016 01:39:50
เบลงี่เง่ามากอ่ะ ปากก็บอกว่าทำเพื่อตระกูลๆ แต่การกระทำกลับตรงกันข้ามมาก  :z6:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบสอง..ในความวุ่นวาย || อัพเดท : 16/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 17-07-2016 06:51:13
พอเห็นนิสัยเบล แล้ว ก็เข้าใจเลย วาฬกับเบล สมกับเป็นพี่น้องกันจริงๆ
ตอนนี้ทุกคนน่าจะเลิกตามหาเอียนได้แล้วมั้ง ถ้าจะเชื่อใจเหล้ารัมน่ะ  หรือวาฬยังรักเอียนอยู่
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบสอง..ในความวุ่นวาย || อัพเดท : 16/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 17-07-2016 11:07:59
อิพี่เบลอะไรนี่น่ารำคาญชิบ
อิจฉาแบบที่เหล้ารัมพูดละสิ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบสอง..ในความวุ่นวาย || อัพเดท : 16/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 17-07-2016 17:28:29
พอเห็นนิสัยเบล แล้ว ก็เข้าใจเลย วาฬกับเบล สมกับเป็นพี่น้องกันจริงๆ
ตอนนี้ทุกคนน่าจะเลิกตามหาเอียนได้แล้วมั้ง ถ้าจะเชื่อใจเหล้ารัมน่ะ  หรือวาฬยังรักเอียนอยู่

ช่วยให้อภัยวาฬด้วยนะครับ
 :mew6:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบสอง..ในความวุ่นวาย || อัพเดท : 16/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Praykanok ที่ 18-07-2016 09:25:57
เบลนี่เยอะจริงๆ วาฬสู้ๆ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบสอง..ในความวุ่นวาย || อัพเดท : 16/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 21-07-2016 12:36:51
ชื่อเรื่องดึงดูว่าเอ๊ะมันจะเป็นยังไง   มีเรื่องน่าสนใจมาให้ติดตามอ่านอีกแล้ว  คนเขียนสู้ๆนะคะมาอัพบ่อย ^^
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบสอง..ในความวุ่นวาย || อัพเดท : 16/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 24-07-2016 23:17:24
 :ling1:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบสาม..แฟน || อัพเดท : 16/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 28-07-2016 02:09:14
บทที่ 13
{ แ ฟ น }

(http://66.media.tumblr.com/35e118f0722f1992ea4ee3e669f2de68/tumblr_ngt7ymrT7m1qhodd8o2_1280.gif)

ผมไม่รู้หรอกนะครับว่า..คนส่วนใหญ่เขาจะรู้ตัวว่า ‘ชอบ’ ใครสักคนแบบจริงๆ จังๆ ได้ตอนไหนบ้าง?

แต่สำหรับผม.. มันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อห้าวินาทีที่แล้วนี่เอง..

ตึกตัก.. ตึกตัก..

เอาจริงๆ ผมก็ไม่อยากจะเชื่อเลยเหมือนกันว่าการนอนหลับฝันจะทำให้รู้ใจตัวเองได้ดีขนาดนี้ ยิ่งเป็นความฝันที่มีไดอาล็อกแปลกๆ ด้วยแล้ว ยิ่งไม่น่าเชื่อเข้าไปใหญ่..

“ผมจะตายไปพร้อมกับคุณนะครับวาฬ : )”

นั่นล่ะครับ.. ไดอาล็อกแปลกๆ ที่ว่า.. และคนที่พูดประโยคด้านบนขึ้นมาก็คือเหล้ารัมในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวที่ปล่อยชายทับกางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้ม

ใบหน้าเปื้อนยิ้มเปี่ยมสุขของเขาทำให้ผมแทบจะไม่ติดใจอะไรสักนิดกับคำว่า ‘ตาย’ ที่ถูกพูดออกมา ตรงกันข้าม ผมกลับตอบรับกลับไปด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุขไม่ต่างกัน

“ตกลงครับ : )”

จากนั้นเหล้ารัมก็เริ่มคว้าเอวผมด้วยมือทั้งสองข้าง พลางกระชับวงกอดให้แน่นขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนผมที่เป็นฝ่ายถูกโอบเอวต้องรีบดันแผงอกกว้างเพื่อหยุดยั้งอีกฝ่ายไว้ เพราะถ้าไม่ทำอย่างงั้น มีหวังทั้งเขาและผมคงไม่เหลือที่ว่างให้หายใจแน่

“...”

“...”


..ความเงียบขยายตัวเข้าปกคลุมราวกับกลุ่มเมฆที่พยายามบดบังแสงสว่างจากดวงอาทิตย์.. มีเพียงสายตาของผมกับเหล้ารัมเท่านั้นที่ยังคงส่งผ่านความรู้สึกถึงกัน..

ตึกตัก.. ตึกตัก..

ผมไม่รู้หรอกนะว่าเขาจะรู้สึกยังไง หมายถึง..ถ้านี่คือความจริงไม่ใช่ความฝัน สายตาของผมจะส่งผลอะไรกับเขามั้ย? แต่สำหรับผมแล้ว การที่เขามองมาแบบนี้มันทำให้ผม..เขินนะ ถึงขนาดที่พอถึงจุดนึง ผมต้องก้มหน้าลงเพื่อหลบสายตาเขาเลยด้วยซ้ำ.. แต่คนตัวสูงกว่ากลับไม่ยอมง่ายๆ เขาคลายมืออีกข้างนึงออกจากเอว..พร้อมกับช้อนปลายค้างให้ผมเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง..

ทั้งสัมผัส.. ทั้งการจับจ้อง.. ราวกับต้องการจะหลอมละลายผมทั้งเป็น!

“เหล้ารัม...”

ผมพยายามจะเรียกชื่ออีกฝ่ายเพื่อพูดอะไรสักอย่างกับเขา แต่กลับกลายเป็นว่าทุกถ้อยคำกลับจางหายไปแทบจะในทันทีที่เหล้ารัมโน้มใบหน้าลงมา..

“...”

“...”

ตึกตัก.. ตึกตัก..


ใช่.. ผมรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร และผมก็โอเคที่จะปล่อยให้มันเกิดขึ้น (แม้จะเป็นเพียงแค่ความฝันก็ตาม) แต่รู้อะไรมั้ย มันน่าอายเหมือนกันนะที่เห็นว่าตัวเองช่วยอีกฝ่ายโดยการโอบรั้งรอบคอเค้าแบบนั้น แถมยังเงยหน้าขึ้นเพื่อให้องศาปากของเราทั้งคู่อยู่ในตำแหน่งที่สามารถลงมาบรรจบกันได้อย่างพอเหมาะพอเจาะอีกต่างหาก

เรียกว่ารู้ถึงไหน แรดถึงนั่น!

“อ๊ะ!”

แต่ยังไม่ทันที่จะได้แรด เอ้ย! มะ..หมายถึง..ยังไม่ทันที่ผมกับเหล้ารัมจะได้จูบกันด้วยซ้ำ ผมก็ดัน...ตื่นขึ้นมาซะได้!

บ้าเอ้ยยยยยย! ทำไมตื่นอะ ทำไมวะ ทำม๊ายยยย~ ทั้งที่ในเมื่อก็ไม่ได้มีอะไรมาทำให้สะดุ้งจนตื่นเลยสักนิด!?

เหมือนแค่อยากตื่นก็ลืมตาขึ้นมาแบบนี้เนี่ยนะ!? โอ๊ยยยยยย~ เสียดายอะ! กำลังจะจูบกันอยู่แล้วแท้ๆ อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น ประมาณครึ่งคืบเอง แต่ทำไมจู่ๆ ผมถึง... เฮ้ยเดี๋ยว..!? นี่ผมเป็นอะไรไปวะ?

หงุดหงิดที่..ตัวเองไม่ได้จูบกับเหล้ารัม (ในฝัน) เนี่ยนะ!?

บะ..บ้าไปกันใหญ่แล้ว!

ตึกตัก.. ตึกตัก..

แล้วนี่อะไรอีกล่ะ ไอ้หัวใจบ้า! จู่ๆ ก็เต้นแรงขึ้นมาเฉยเลยเนี่ยนะ!? โอ๊ยยยย ตายๆ ให้เกียรติกันบ้างเซ่!

ตึกตัก.. ตึกตัก..

ยัง ยังไม่หยุดเต้นแรงอีก! พอเป็นเรื่องเกี่ยวกับเหล้ารัมทีไร แกจะต้องเต้นผิดจังหวะให้ได้ทุกครั้งเลยใช่มั้ย!?

ตึกตัก.. ตึกตัก..

เอาเลย เอาให้เต็มที่ ใครจะไปห้ามแกได้ล่ะ ยังไงกับเหล้ารัมน่ะ แกก็เต้นผิดจังหวะมาตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่!

ตึกตัก.. ตึกตัก..

“...”

เอ่อ.. นั่นสินะ จะว่าไป.. ผมเองก็ใจเต้นแรงกับเหล้ารัมมาตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกันแล้วนี่?

อย่างตอนที่เขาเดินเข้ามาหาตอนนั้น.. แค่ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวเขา ก็ทำเอาหัวใจผมเต้นผิดจังหวะแล้ว

แล้วไหนจะตอนที่เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ (ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ) เพื่อย้ำในสิ่งที่ตัวเองพูดอีก..

“ผมชอบคุณนะครับวาฬ : )”

ตึกตัก.. ตึกตัก..


..มันยิ่งทำเอาผมใจเต้นแรงเข้าไปใหญ่เลย!

ทั้งที่จริงๆ ตอนนั้นผมเองก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใจเต้นแรงเลยสักนิด ก็แค่..พ่อมดแปลกหน้าหนึ่งคนที่เดินเข้ามาบอกว่าชอบ ตามสัญชาตญาณมนุษย์แล้วควรจะระแวงด้วยซ้ำ แต่นี่อะไร? พออีกฝ่ายบอกชอบปุ๊บ หัวใจก็เต้นแรงปั๊บ

ราวกับว่า.. เขาคือคนที่เกิดมาเพื่อทำให้ผมใจเต้นผิดจังหวะยังไงยังงั้น!

ซึ่งก็น่าจะจริง เพราะตั้งแต่จำความได้ ก็ไม่มีใครอื่นแล้วที่ทำให้ผมหัวใจเต้นผิดจังหวะได้มากมายเท่าเขา ถึงขนาดที่ว่า..แค่คิดถึงเขาอยู่ในขณะนี้...

ตึกตัก.. ตึกตัก..

...หัวใจเจ้ากรรมที่กำลังตั้งท่าจะลดระดับความเร็วแรงลง ก็เริ่มทำงานผิดเพี้ยนขึ้นมาอีกแล้ว..

ตึกตัก.. ตึกตัก..

จนกระทั่งในช่วงจังหวะนึง... “เดี๋ยวนะ..” จังหวะที่ความรู้สึกและการรับรู้บางสิ่งบางอย่างแล่นตรงเข้าสู่หัวใจแบบฉับพลัน..! ผมที่เอาแต่นอนมองเพดานและเวิ่นเว้ออยู่กับตัวเองก็ถึงกับต้องลุกขึ้นนั่งในความมืด เพราะรู้สึกว่าไม่สามารถนอนนิ่งๆ ได้อีกต่อไป พลางคว้าเจ้าปิกาจูตัวที่อยู่ใกล้สุดมากอดไว้แน่น..เพื่อลดทอนผลกระทบของสิ่งที่กำลังก่อตัวขึ้นภายในหัวใจ.. มะ..มันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ งั้นหรอ? นี่ผม.. “นี่เราชอบเหล้ารัมขึ้นมาจริงๆ แล้วหรอเนี่ย?”

ถึงแม้ว่าคำถามที่หลุดออกจากปากจะไม่ได้เสียงดังอะไรมากมายนัก แต่แค่ความเงียบของเวลากลางคืนก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผมได้ยินเสียงของตัวเองอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น.. จนภาพฝันช่วงก่อนหน้าไดอาล็อกแปลกๆ จะหวนคืนกลับมา..

“คุณชอบผมรึเปล่าวาฬ : )”

ใช่.. ผมยอมรับผิดที่เล่าข้ามไป.. เพราะจริงๆ แล้วไอ้เจ้าความฝันที่ว่าน่ะมันเริ่มต้นขึ้นจากคำถามนี้ พร้อมกับภาพตรงหน้าที่งดงามเสียจนผมบอกกับตัวเองอยู่ในใจว่า งานนี้คงไม่มีทางลืมได้ลงแน่..

เพราะว่ามันคือภาพของเหล้ารัมที่กำลังหยักยิ้มอ่อนโยนส่งมาให้ (ภายหลังจากที่ถามคำถามด้านบนแล้ว) ในขณะที่ฉากหลังของเขานั้นเป็นท้องฟ้าที่กำลังไล่ละดับสีสวยงามตามการจากลาของดวงอาทิตย์ พร้อมทั้งสาดส่องแสงสีส้มไปทั่วทุ่งดอกหญ้าที่รายล้อมอยู่รอบกาย..

ผมรู้นะว่าคำถามของคนตรงหน้าไม่ต่างจากคำถามที่คุณปู่ถามในห้องประชุมตระกูลเลยสักนิด ซึ่งก็น่าจะเป็นผลพวงจากการเก็บเอามาฝันอีกที แต่คำตอบกลับต่างกันลิบลับ เพราะว่าในฝันน่ะ..

“ชอบครับ : )” ..มันทั้งสั้นและชัดเจนกว่ากันมาก

จนผมเพิ่งจะรู้ตัวเดี๋ยวนี้เอง ว่าสิ่งที่ตอบคุณปู่ไปด้วยความไม่มั่นใจนั้น มันก็คือคำว่า ‘ชอบ’ ไม่ผิดแน่!

กึก..

ทันทีที่รู้ใจของตัวเอง ผมก็รีบหันไปควานหาไอโฟนบนหัวเตียงด้วยหัวใจที่กำลังพองโต จนเผลอปัดนั่นโดนนี่ล้มระเนระนาดไปหมด แต่ไม่เป็นไร ไว้ค่อยเก็บก็แล้วกัน เพราะสิ่งที่สำคัญกว่าในตอนนี้ก็คือผมอยากจะโทรหาใครสักคนเพื่อบอกความรู้สึกที่มีในใจ เมื่อรู้สึกว่ามันมากมายจนล้นทะลักออกมาแบบนี้ ก็คงจะไม่สามารถเก็บเอาไว้แค่คนเดียวอีกต่อไปได้

และตัวเลือกแรกสำหรับผมก็คือ ‘แม่’ ถึงแม้ว่าอาจจะแปลกๆ หน่อยที่ต้องโทรไปพูดให้แม่ฟังว่าผมกำลังชอบเหล้ารัม แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องประชุมตระกูล พ่อกับแม่ก็เริ่มจับเข่าคุยกับผมและเหล้ารัมแบบจริงๆ จังๆ ซึ่งประเด็นหลักที่ท่านย้ำเกือบสิบรอบก็คือ ’ถ้าต่างฝ่ายต่างชอบกันจริงๆ พ่อแม่ก็จะสนับสนุนเต็มที่’ เพราะนอกจากจะเป็นผลดีต่อตัวผมมาตั้งแต่เริ่มต้นพันธะสัญญาแล้ว พ่อกับแม่เองก็เริ่มชอบเหล้ารัมขึ้นมาแล้วเหมือนกัน ก็นะ คนดีอย่างเขา จะไม่ให้ชอบได้ไงกันล่ะ จริงมั้ย? ดังนั้นหากคำสาปสิ้นสุดลง แล้วอยากจะอยู่ด้วยกันต่อไปหรืออะไรก็แล้วแต่ ท่านทั้งสองพร้อมจะสนับสนุนอย่างเต็มที่

แต่พอแสงของหน้าจอสว่างขึ้น ความคิดเรื่องโทรหาแม่ก็เป็นอันต้องพับเก็บไปในทันที เพราะว่าตอนนี้หน้าจอกำลังโชว์ว่าเป็นเวลาตีหนึ่งสิบสามนาที ซึ่งป่านนี้แม่คงหลับไปนานแล้วแหละ

อืม.. งั้นคงต้องเปลี่ยนเป็นตัวเลือกที่สองสินะ..

(โทรมาดึกขนาดนี้ ไม่คิดว่ากูจะนอนแล้วบ้างหรอวะวาฬ)

ไอ้เอกนั่นเองที่เป็นตัวเลือกที่สองสำหรับผม แต่ดูท่าว่า..ผมจะโทรมาผิดเวลาแฮะ

“อ้าว มึงนอนแล้วหรอ โทษทีว่ะ งั้น..เดี๋ยวพรุ่งนี้กูค่อยโทรมาใหม่ ฝันดีนะ”

(ฝันดีอะไร กูยังไม่ได้นอนเลย)

“อ้าว” สอง ‘อ้าว’ ละนะ นี่สรุปว่าตอนที่รับสายนี่คือมันถามผมไปอย่างงั้นเองใช่มั้ยเนี่ย?

แล้วเล่นถามมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งตามสไตล์ ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้เห็นหน้ากันแบบนี้ ต่อให้สนิทแค่ไหนก็แยกแยะไม่ออกเหมือนกันนะครับไอ้คุณเพื่อน

(จะอ้าวอะไรนักหนา มีอะไรก็พูดมาสิ)

“เอ่อ..” นี่ผมเลือกคนโทรหาถูกคนหรือเปล่าวะเนี่ย? “มึงทำไรอยู่” แต่ก็เอาเถอะ ไหนๆ ก็โทรมาแล้ว ลองคุยดูก่อนคงไม่เสียหายอะไร ยังไงถ้าหลุดจากมันไป ผมก็ไม่รู้ว่าจะโทรหาใครแล้วแหละ

(ชักว่าว)

“เชี่ย!”

(ตกใจอะไรขนาดนั้นวะ กูล้อเล่นเว่ย ใครจะรับสายเพื่อนตอนกำลังว่าววะ) แล้วไอ้เอกก็หัวเราะลั่น จนผมต้องถามย้ำอีกครั้ง เพื่อให้ข้ามเรื่องใต้สะดื้อนี้ไป

“แล้วนี่ตกลงมึงทำไร”

(อืม.. ถ้าก่อนหน้าจะรับสายมึงก็คุยกันแฟนว่ะ พอดีปรับความเข้าใจกันแล้ว เลยสวีทกันทางโทรศัพท์หน่อย)

“อ๋อ ดีแล้ว ว่าแต่..นี่กูไม่ได้โทรมากวนมึงกับแป้งนะ?”

(กวนเหี้ยไร เพื่อนสำคัญกว่าแฟนเสมอครับ) เออดี คิดแบบนี้ได้ก็ดี แต่มึงอย่าไปเผลอพูดให้แป้งได้ยินล่ะ ไม่งั้นคงได้ทะเลาะกันอีก รายนั้นยิ่งเยอะๆ อยู่ด้วย (ว่าแต่มึงเถอะ โทรมาดึกดื่นขนาดนี้ มีอะไรวะ)

“คือ...” ตอนก่อนโทรมาก็กะพูดเต็มที่เลยนะ แต่ไหงพอคุยกับไอ้เอกจริงๆ แล้วมันพูดไม่ออกก็ไม่รู้

(คืออะไร?)

แต่ผมก็ไม่มีทางเรื่องมากน่ะนะ ขืนยังลีลา อึกอักๆ ไม่เลิก มีหวังไอ้เอกได้ระเบิดใส่แน่ “คือ.. กูมีเรื่องอยากระบายว่ะ”

(เรื่องไอ้เหล้ารัมหรอ?)

“เชี่ยยย มะ..มึงรู้ได้ไง!?”

(กูใครครับ กูเอกเพื่อนสนิทมึงนะ มีอะไรบ้างที่กูไม่รู้)

เอ่อ.. อย่างน้อยๆ มึงก็ไม่รู้ว่าครอบครัวกูเกี่ยวข้องกับพ่อมดแม่มด และกูก็กำลังจะตายน่ะนะ

แต่ก็เอาเถอะ ยังไงซะ สำหรับคนเป็นเพื่อน ไอ้เอกก็คือคนที่รู้เรื่องของผมดีที่สุดจริงๆ นั่นแหละ “คือ...กูคิดว่า...กูชอบเหล้ารัมว่ะ” เพราะฉะนั้น มันก็ควรที่จะได้รับรู้เรื่องนี้ด้วย

(อะไรนะ?) แต่ดูท่าว่าอีกฝ่ายจะได้ยินไม่ชัดแฮะ

“กูบอกว่า..กู-ชอบ-เหล้า-รัม” ผมเลยต้องพูดเสียงให้ดังขึ้น โดยเน้นแบบพยางค์ต่อพยางค์ ก่อนที่..ริมฝีปากจะเผลอยิ้มออกมาเองแบบอัตโนมัติเมื่อประโยคจบลง : )

ซึ่งผลก็คือ.. (อะไร นี่มึงเพิ่งจะรู้ตัวหรอวะวาฬ คนอื่นเขามองออกกันเป็นชาติแล้วนะ) ไอ้เอกหาได้มีความประหลาดใจไม่ ตรงกันข้าม มันกลับเป็นฝ่ายที่ทำให้ผมประหลาดใจเสียเอง

“จริงดิ!?” นี่สรุปว่าผมรู้ตัวช้าหรอวะเนี่ย!?

(เออ กู หลิว ไอ้บอยสังเกตกันมาตั้งนานละ ตอนแรกพวกกูก็คิดว่าไอ้เหล้ามันจีบมึงชอบมึงอยู่ฝ่ายเดียว แต่พอผ่านมาสักพัก กูก็เริ่มเห็นได้ชัดว่ามึงเองก็ชอบมันเหมือนกัน)

“ยังไงวะ?”

(คืออย่างแรกเลยนะ เวลาที่มึงอยู่กับมัน เคยสังเกตมั้ย ว่านอกจากที่มันจะไม่เคยละสายตาจากมึงแล้ว มึงเองก็แทบจะไม่ละสายตาจากมันเหมือนกัน) ผมเริ่มคิดตามในสิ่งที่เอกพูด.. แล้วก็พบว่ามันคือเรื่องจริง! เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ถึงผมจะชอบพูดว่าเหล้ารัมมักจะมองผมอยู่เสมอ แต่ในขณะเดียวกัน ผมจะรู้ได้ไงว่าเขามองมาตลอด ถ้าผมไม่ได้มองอีกฝ่ายเหมือนกัน ถูกมั้ย?


"เอ่อ...จริงว่ะ"

(นั่นไง แล้วอีกอย่างนะ ปกติคนอย่างมึงร้อยวันพันปีเคยให้ใครเข้ามาในชีวิตบ้าง? จำพี่เจ๋งเมื่อปีก่อนได้มั้ย ที่ตอนนั้นเขาทำดีกับมึงแทบจะทุกอย่าง หาทางมาคอยตามจีบสารพัด แต่แล้วสุดท้ายเป็นไง จนพี่เค้าเรียนจบก็ยังไม่มีโอกาสได้จับมือมึงเลยสักครั้ง โหดสัสมั้ยล่ะ)

"ก็กูไม่ชอบพี่เขานี่หว่า" แต่นึกแล้วก็อดสงสารไม่ได้ จะว่าไปกับพี่เจ๋งนี่ผมก็ใจแข็งมากเลยนะ เรียกว่าไอ้ทฤษฎี 'ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก' ไม่สามารถนำมาใช้กับผมได้เลยในตอนนั้น แถมผมยังบอกชัดเจนเลยด้วยว่า.. "พี่เจ๋งครับ ผมว่าพี่..อย่าพยายามอีกเลยนะ" ก็เลยทำให้อดีตเดือนวิศวะที่ทั้งหล่อและนิสัยอย่างพี่เจ๋งต้องยอมแพ้ไปในที่สุด..

พร้อมกับสเตตัสเฟซบุ๊คสุดพีคแห่งปี ที่ทำเอาผมโดนสาปแช่งด้วยถ้อยคำหยาบคายจากสาวๆ ค่อนมหา'ลัย..

Jeng Pawit
วาฬบอกว่า 'อย่าพยายาม' แม้พี่จะพยายามเท่าไหร่.. ทุกอย่างนั้นคือความฝันที่พี่ฝันไป สุดท้ายวาฬมองไม่เห็นค่าพี่เลย.. #ยกธงขาว #ลาก่อนความรัก


นั่นล่ะครับความดราม่า.. แต่มันก็ช่วยไม่ได้จริงๆ น่ะนะ ในเมื่อหัวใจผมมันบอกว่าพี่เจ๋งไม่ใช่คนที่ใช่ แล้วจะไปฝืนมันได้ยังไงกัน

(ไหนจะไอ้น้องตุ่นสมัยมอปลายอีก) โห นี่เล่นย้อนไปซะสมัยกางเกงนักเรียนขาสั้นเลยหรอวะเนี่ย (น้องเค้าแม่งคอยโทรปลุกมึง ส่งน้ำเต้าหู้สื่อรักให้มึงทุกเช้า แล้วสุดท้ายมึงบอกเขาไปว่าไงจำได้มะ)

"เอ่อ.. พี่ชอบน้ำเต้าหู้นะ แต่พี่ไม่ได้ชอบน้องว่ะ" แต่ถึงจะผ่านมานานหลายปี ผมก็ยังคงจำในสิ่งที่ตัวเองพูดได้เสมอน่ะนะ

แล้วก็เพราะน้องตุ่นเนี่ยแหละที่ทำให้ผมตัดสินใจบอกพี่เจ๋งว่าเลิกพยายามซะ เพราะก่อนหน้านี้ผมพลาดเองที่ปล่อยให้ตุ่นทำนั่นทำนี่ให้โดยไม่ว่าอะไรสักคำ จนสุดท้ายกลายเป็นว่าอีกฝ่ายคิดว่าผมไปให้ความหวังน้องเค้า เกิดเป็นดราม่าไปอีกกว่าจะจบเรื่องจบราวกันได้ (ซึ่งแน่นอนว่าตอนนั้นก็มีคนสาปส่งผมเยอะเลยเหมือนกัน) ดังนั้นตอนเคสพี่เจ๋งก็เลยต้องรีบเอาบทเรียนที่ได้จากตุ่นมาใช้ จะได้แบบว่าเจ็บทีเดียวแต่ตัดจบกันไปเลย..

(นั่นไง สวยเลือกได้ไปอีก นี่ถ้าเกิดว่ามึงเป็นผู้หญิงแล้วลองเล่นตัวมากๆ แบบนี้นะ มีหวังคงโดนผู้ชายสายโหดดักฉุดไปปล้ำแหง เอ๊ะ แต่เดี๋ยวนี้..ผู้ชายแม่งก็ถูกปล้ำได้แล้วนี่หว่า?)

"พอเลยๆ อย่ามาลากกูลงเรื่องใต้สะดือครับ"

(จ้ะ ไอ้คนใส ไอ้คนบริสุทธิ์) ไอ้เอกมีการกระแทกเสียงใส่ ก่อนจะพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงปกติดังเดิม (แต่ก็นั่นแหละ ที่กูจะพูดก็คือ ไม่ว่าใครต่อใครจะพากันเข้ามาในชีวิตมึงกี่คนต่อกี่คน ก็โดนปฏิเสธหมดทุกราย จนกูคิดว่ามึงแม่ง..เป็นคนที่ไม่ได้มีหัวใจไว้รักใครชัวร์)

"..."

(แล้วนี่อะไรวะ พอเป็นไอ้เหล้าเท่านั้นแหละ รู้ตัวอีกทีพวกมึงก็ย้ายมาอยู่ด้วยกันแล้ว จะด้วยเหตุผลอะไรกูก็ไม่รู้หรอกนะ แต่จากที่กูเห็น เหล้ารัมคือคนที่มาได้ไกลที่สุด ไม่สิ เรียกว่าไม่มีเคยมีใครก้าวมาในทางเดียวกับมันได้เลยด้วยซ้ำ แถมมึงก็ดูจะเต็มใจและก็มีความสุขดี แบบนี้ไม่เรียกว่าชอบก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว)

"..."  จะว่าไป.. ประเด็นนี้เป็นอะไรที่ต้องขอเวลาคิดนานกว่าประเด็นแรกนะ ในเมื่อ.. สิ่งที่เอกยังไม่รู้และคงจะไม่มีวันได้รู้ก็คือ..ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเหล้ารัมมันไม่ใช่อะไรที่บริสุทธิ์มาตั้งแต่แรก.. แต่เป็นเพราะว่าเราสองคนต้องมาทำพันธะสัญญากัน ถึงได้ทำให้อีกฝ่ายสามารถเข้ามาในชีวิตผมได้มากขนาดนี้

ซึ่งคำถามคือ..แล้วถ้าไม่มีเรื่องของพันธะสัญญาเข้ามาเกี่ยวข้องล่ะ เหล้ารัมจะยังเป็นคนที่มาไกลที่สุดแบบนี้มั้ย?

(เงียบเลย คิดอะไรอยู่วะ)

"กำลังคิดหาเหตุผลว่ะ ว่าทำไมกูถึงได้ชอบเหล้ารัม และปล่อยให้เขาเดินมาได้ไกลขนาดนี้) มันเป็นเพราะว่ากูชอบเขาจริงๆ หรือเป็นเพราะผลประโยชน์ระหว่างเรากันแน่?

แต่ในทันทีที่ฟังผมพูดจนจบ ปลายสายก็แค่นหัวเราะกลับมา ก่อนจะเริ่มพูด (ถ้าให้กูแนะนำมึงนะวาฬ กูว่าเรื่องแบบนี้แม่งต้องตัดเหตุผลทิ้งไปว่ะ)

"ตัดเหตุผลทิ้ง?" งั้นหรอ?

(ใช่ มึงต้องตัดเหตุผลทุกอย่างทิ้งไปซะ เพราะว่าไอ้เรื่องของความรู้สึกเนี่ย ถ้ามึงอยากจะรู้ให้ชัดเจนล่ะก็ คงต้องใช้แค่ใจล้วนๆ เลยว่ะ)

"..."

ใจล้วนๆ.. อย่างงั้นหรอ?

โอเค.. ในเมื่อก็ไม่ได้เสียหายอะไร งั้นผมจะลองใช้วิธีของไอ้เอกดู นั่นคือผมจะทำการตัดทุกเหตุผลที่ทำให้ได้มีโอกาสมาอยู่ใกล้ชิดกับเหล้ารัมอย่างทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคำสาป เรื่องพันธะสัญญาครั้งที่สอง รวมถึง..เรื่องที่ผมจะได้มีชีวิตอิสระจากพ่อและแม่เมื่อได้ย้ายมาอยู่กับเขาด้วย ผมจะตัดทุกอย่างที่ว่ามานี้ทิ้งไปเลย แล้วมาดูกันซิ ว่าผมจะเหลืออะไรบ้าง…

ตึกตัก.. ตึกตัก..
ตึกตัก.. ตึกตัก..
ตึกตัก.. ตึกตัก..


/ ต่อด้านล่าง /
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบสาม..แฟน || อัพเดท : 16/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 28-07-2016 02:10:15
เชี่ย!!

ขะ..ขอโทษนะครับที่ต้องหยาบคาย ผมแค่..ไม่คิดว่าพอตัดทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเหตุและผลออกไปหมดแล้ว จะทำให้เหลือเพียง 'สิ่งที่ทำให้ผมใจเต้นแรงฉับพลัน' แบบนี้!

(นี่มึงหลับคาสาย หรือว่ากำลังคิดตามที่กูพูดอยู่วะเนี่ย?)

"ยังๆ กูยังไม่หลับ แต่กูกำลังใช้วิธีที่มึงบอก และแม่งได้ผลมาก!" ซึ่งไอ้เอกก็น่าจะเชื่อเลยแหละว่าได้ผลจริง เพราะจากน้ำเสียงนอยด์ๆ ของผมก่อนหน้านี้ กลับกลายเป็นน้ำเสียงตื่นเต้นแบบที่ไม่สามารถจะควบคุมได้!

จริงอยู่ว่าที่ผ่านมาเหล้ารัมเป็นผู้ชายที่ทำให้หัวใจของผมเต้นแรงบ่อยมาก จนใครหลายคนอาจจะรู้สึกว่า..ก็เป็นเรื่องปกตินี่ แต่ไม่ครับ มันไม่ปกติ ผมบอกได้เลยว่าครั้งนี้มันต่างออกไปจากครั้งก่อนๆ มาก เพราะนี่เป็น 'ครั้งแรก' ที่ผมได้รู้แล้ว ว่าการเต้นแรงนั้นไม่ใช่แค่การหวั่นไหวทั่วไป แต่มันเกิดจากความรู้สึกภายในของเจ้าของหัวใจ ที่ได้รู้ว่าตัวเองนั้น 'ชอบ' ผู้ชายที่ชื่อเหล้ารัมอย่างไร้ข้อกังขาแล้วจริงๆ : )

(งั้นหรอ กูดีใจด้วยแล้วกันนะ)

"โอเค ขอบคุณมากนะเอก มึงช่วยกูได้เยอะจริงๆ งั้น..กูไม่กวนละ ไว้คุยกัน" พอได้ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการเรียบร้อยแล้ว (แถมยังได้ไอ้เอกช่วยบอกวิธีการดีๆ อีก) ผมก็ตักสินใจตัดบทสนทนาเพียงเท่านี้ เพราะรู้สึกว่าไม่อยากจะรบกวนมันแล้ว

(เฮ้ย เดี๋ยวๆๆ) แต่ปลายสายกลับห้ามไว้ เหมือนว่ามีเรื่องอยากจะพูดต่อ (นี่มึงโทรมาเพื่อจะบอกกูแค่นี้เนี่ยนะ?)

"เอ่อ.. ใช่ แค่เนี้ยแหละ" ผมตอบไม่เต็มเสียงนัก เพราะไม่แน่ใจว่าที่ตัวเองทำถูกหรือเปล่า?

(แล้วมึงมาบอกกูทำไม?)

ผมถึงกับขมวดคิ้วเลยเมื่อได้ยินคำถามจากเอกที่ราบเรียบเสียจนเดาอารมณ์ไม่ถูก "ทำไมวะ ก็มึงเป็นเพื่อนกู กูก็อยากบอกความรู้สึกพวกนี้ให้มึงรู้ไง หรือว่า..ไม่ได้วะ?"

(ไอ้ได้น่ะได้ แต่แค่อยากจะให้มึงรู้ไว้ ว่าการที่มึงเอาเรื่องนี้มาบอกกู มันไม่ช่วยให้เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมาหรอกนะ โน่น ไอ้เหล้าต่างหากคือคนที่มึงควรจะไปบอกความรู้สึกให้มันรู้)

"..."

(แค่นี้ล่ะ)

"อะ..โอเค"

พอได้ยินคำตอบรับจากผม เอกก็วางสายไปทันที ทิ้งให้ผมอยู่กับเสียงหัวใจตัวเองที่ยังคงเต้นแรง ในขณะที่สองข้างแก้มก็ร้อนผ่าวเสียจนต้องคว้าทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวมากอดไว้..

นี่แค่เรื่องที่ทำให้รู้ใจตัวเองก็เขินจะแย่แล้วนะ ถ้าขืนเอาไปบอกเหล้ารัมอีก..มีหวังผมเขินจนตัวแตกแน่!

"ปิกาจู~ พี่ควรบอกเขาดีมั้ย หรือไม่ควรดี?"

ด้วยความสับสนที่ก่อกวนใจ ผมเลือกถามเจ้าปิกาจูตัวที่กำลังเอามากอดไว้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รับคำตอบอะไรกลับมา นอกจากใบหน้ายิ้มแย้มของมัน

"..."

ก็นะ มันเป็นตุ๊กตานี่ จะมาตอบอะไรผมได้ มีแต่ผมเนี่ยแหละที่ควรจะตอบตัวเอง ว่าควรจะเอายังไงกันแน่?

อืม... นั่นสิ เอาไงดีนะ?

อืม... อืม... อืม... โอ๊ยยยยยย พอเถอะ คิดไปตอนนี้ก็คิดไม่ออกหรอก ผมว่าผมไปหาน้ำเย็นๆ ดื่มเพื่อดับความร้อนในใจดีกว่า!

แอ๊ดดดด~

คิดได้ดังนั้น ผมก็ตัดสินใจลุกออกจากห้องนอนทันที โดยมีจุดมุ่งหมายก็คือโซนครัวของห้อง

พรึบ!

ทว่า.. ยังไม่ทันที่ผมจะได้เดินไปถึงครัวด้วยซ้ำ สายลมแรงที่พัดจนผ้าม่านปลิวก็ดึงดูความสนใจของผมเอาไว้ซะก่อน..

แล้วพอหันไป ก็พบว่าประตูระเบียงซึ่งเป็นกระจกบานเลื่อนกำลังเปิดกว้างอยู่ เผยให้เห็นแผ่นหลังของเหล้ารัมที่กำลังยืนเท้าแขนอยู่ตรงขอบระเบียบ

มันเลยทำให้ผมเกิดคำถามขึ้นมาในใจอีกแล้วว่า..ควรเดินไปกินน้ำ หรือว่าควรจะเดินไปหาเขาก่อนดี?

ในเมื่อตอนนี้แค่เห็นแผ่นหลังเขาก็ทำเอาเลือดในกายผมสูบฉีดไปหมดแล้ว เลยไม่แน่ใจว่า..ถ้าเดินเข้าไปคุยตอนนี้ จะเผลอหลุดเขินต่อหน้าอีกฝ่ายหรือเปล่า?

"เหล้ารัม" ทว่าสุดท้าย ปากมันก็หลุดเรียกชื่อเขาออกไปจนได้ ส่งผลให้ร่างสูงหันกลับมาหาด้วยความตกใจนิดนึง ก่อนจะค่อยๆ เผยรอยยิ้มออกมา..

"ยังไม่นอนหรอครับ" เหล้ารัมเริ่มต้นด้วยประโยคคำถามเมื่อผมเดินเข้าไปหยุดยืนใกล้ๆ

"นอนแล้วครับ แต่พอดี.. เอ่อ.. ผมหิวน้ำ ก็เลยลุกขึ้นมากินน่ะครับ"

"อ๋อ แล้วนี้ได้กินน้ำหรือยังครับ"

"กินแล้วครับ" แน่ล่ะว่าผมโกหก แต่ทำไงได้ ขืนบอกไปว่ายังไม่ได้กิน เดี๋ยวอีกฝ่ายก็เป็นเดือดเป็นร้อนอีก

"งั้นก็ดีครับ : )"

"แล้วคุณล่ะครับ ทำไมถึงยังไม่นอน?"

"ผมนอนไม่หลับน่ะครับ พอดีว่า..คำตอบขอบคุณมันรบกวนจิตใจผมเหลือเกิน" ทันที่ได้ยินประโยคนี้ของเหล้ารัม ผมที่กำลังมองวิวด้านล่างอยู่ ก็ถึงกับต้องหันไปมองหน้าคนข้างๆ

ซึ่งปกติเขาจะต้องหันมายิ้มให้ผมแล้ว แต่ครั้งนี้กลับต่างออกไป เพราะเหล้ารัมยังคงมองลงไปที่วิวด้านล่าง..

"คำตอบของผม? ตอนไหนกันครับ?" แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมสามารถเก็บความสงสัยเอาไว้ได้หรอกนะ

"ก็ตอนที่.." เหล้ารัมเว้นจังหวะนิดนึงเพื่อหันมา.. สายตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย จนคนที่กำลังมองอยู่อย่างผมอดที่จะใจสั่นไม่ได้.. "คุณปู่ถามคุณว่าชอบผมมั้ย แล้วคุณก็ตอบว่า.. 'ผมยังไม่แน่ใจครับปู่ แต่ผมดีใจมากที่มีเขาเข้ามาในชีวิต จนผมไม่อยากให้เขาหายไปไหนเลย' ไง : )"

ผมอึ้ง.. ไม่ใช่เพราะเรื่องที่เขาเก็บคำตอบนั้นของผมมาคิดจนนอนไม่หลับนะ แต่เป็นเพราะ..เขายกสิ่งที่ผมพูดมาได้แบบเป๊ะๆ เลยต่างหาก!

“…” ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปในทันที ทำเพียงแค่ส่งยิ้มให้เหล้ารัมแล้วหันกลับมามองวิวของเมืองหลวงที่ไม่เคยหลับใหลตรงหน้า.. ปลดปล่อยใจไปกับสายลมอยู่สักพัก ถึงได้ยอมเปิดเผยสิ่งที่อยู่ในใจออกไป... “จริงๆ แล้ว.. ผมเองก็นอนไม่หลับเหมือนกัน”

“...”

“แล้วมันก็เป็นเพราะคุณด้วย”

“อะไรนะ เพราะผมงั้นหรอ!?” แม้จะไม่ได้หันไปมอง แต่ผมก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายคงจะตกใจมาก

“ใช่ครับ เพราะคุณ”
   
“ทำไมล่ะครับ ผมไปทำอะไรให้คุณไม่สบายใจรึเปล่า? ละ...แล้วทำไมคุณยิ้มแบบนั้นล่ะ!?”

ก็จะไม่ให้ยิ้มได้ไงล่ะ ดูเหล้ารัมสิ เอะอะอะไรก็โทษตัวเองก่อนตลอดเลย ถึงจะดูเป็นกระต่ายตื่นตูมไปหน่อย แต่ผมว่าบางที..ก็น่ารักดีเหมือนกันนะ : )

“คุณไม่ได้ทำอะไรให้ผมไม่สบายใจหรอกครับ” ผมเลือกที่จะข้ามเรื่องรอยยิ้ม แล้วหันไปมองหน้านายพ่อมดเหล้าตรงๆ เพราะอยากที่จะเห็นสีหน้าของเขาชัดๆ กับสิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ “ผมแค่นอนไม่หลับ เพราะดันรู้ตัวว่า...ชอบคุณเข้าจริงๆ ซะแล้ว : )”

“คะ.. คะ.. คะ..คุณว่าไงนะ!!?”

แล้วก็เป็นอย่างที่คาด.. เหล้ารัมเบิกตาโตซะจนผมสามารถมองเห็นนัยน์ตาสีม่วงอ่อนของเขาได้อย่างชัดเจน ก่อนที่หลังจากนั้นเขาจะทำหน้าตาประหลาดๆ แบบที่ไม่รู้ว่าจะยิ้มดีใจหรือขมวดคิ้วด้วยความสงสัยกันแน่ ทำเอาผมที่ยืนมองอยู่ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา

“คุณทำหน้าตลกจัง ฮ่าๆๆๆ~”

“กะ..ก็ดูคุณพูดสิ นี่คุณล้อเล่นใช่มั้ยเนี่ย!?”

ผมส่ายหน้า “ของแบบนี้เขาล้อเล่นกันได้ที่ไหนเล่า” ก่อนตั้งท่าจะหันกลับไปมองวิวด้านล่างต่อ

“เดี๋ยวสิครับ คุยกันให้รู้เรื่องก่อน” แต่เหล้ารัมไม่ยอมง่ายๆ เขาดึงผมเข้าไปหา ก่อนจะเริ่มมองมาด้วยสีหน้าที่จริงจังกว่าเดิม “นี่คุณไม่ได้ล้อเล่นจริงๆ ใช่มั้ย?”

“คุณถามผมสองรอบแล้วนะเหล้ารัม แล้วผมก็บอกไปแล้ว ว่าผมน่ะไม่ได้ล้อเล่น” ผมก็เลยต้องจริงจังเหมือนกัน ในเมื่อสิ่งที่พูดไปมันคือเรื่องจริงนี่หน่า

“ละ...แล้วมันเริ่มขึ้นเมื่อไหร่กัน?”

“เอ่อ.. ผมเองก็ไม่แน่ใจครับว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่กันแน่” เพราะเรื่องของความรู้สึกนี่มันเป็นอะไรที่ตอบยากเหมือนกันนะ ไม่ว่าในกรณีที่มันเกิดขึ้น หรือในกรณีที่มันจบลงก็ตาม “แต่ผมมั่นใจนะ ว่าคำว่า ‘ชอบ’ ที่ผมพูดออกไป เป็นเรื่องจริงไม่ผิดแน่”

พอมาถึงตรงนี้ สิ่งที่ได้รับรู้ตอนคุยกับเอกก็วกกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง จนเกิดเป็นอาการเขินที่ยากจะสบสายตากับเหล้ารัมอีกต่อไปได้ ผมเลยต้องรีบผละตัวออกมาทำเป็นมองวิวข้างหน้าแทน ทั้งๆ ที่ภายในใจก็ยังคงวนเวียนอยู่กับเรื่องของความรู้สึกที่มีต่อเหล้ารัมเหมือนเดิม

แต่เหล้ารัมไม่ยอมปล่อยให้ผมเงียบไปเฉยๆ แบบนี้ เขารีบเคลื่อนตัวเข้ามาหา ก่อนจะเริ่มยื่นหน้าเข้ามาใกล้ จนผมได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวเขา ซึ่งเป็นกลิ่นแบบเดิมจากครั้งแรกที่เราเจอกัน.. “ทำไมคุณดูมั่นใจจัง อะไรทำให้คุณมั่นใจขนาดนั้น?” แล้วถามต่อ

ซึ่งถือว่าถามได้ดี เพราะผมเองก็อยากที่จะบอกเรื่องนี้กับเขาเป็นคนแรกเหมือนกัน “จริงๆ ตอนแรกผมก็ไม่ได้แน่ใจขนาดนี้หรอก จนกระทั่งโทรไปปรึกษาคนๆ นึงมา ก็เลยทำให้ได้รู้อะไรชัดเจนขึ้น”

“เอกหรอครับ?”

“คะ..คุณรู้!?” ผมรีบหันหาเหล้ารัมทันทีที่ได้ยินชื่อของเอกจากปากเขา ซึ่งมันเป็นอะไรที่น่าประหลาดใจมาก เพราะพอผมโทรหาเอก เอกก็รู้ว่าผมจะปรึกษาเรื่องเหล้ารัม แล้วพอมาบอกเหล้ารัมว่าโทรไปปรึกษาคนๆ นึง เหล้ารัมก็ดันรู้ว่าเป็นเอกอีก ยังกับว่าเตี๊ยมกันมาก่อนเลย

“ก็เอกเป็นเพื่อนสนิทคุณนี่ ถ้าไม่ให้ปรึกษาเอกแล้วคุณจะปรึกษาใคร จริงมั้ย?”

ผมพยักหน้า เพราะมันก็เป็นอย่างที่เขาว่าจริงๆ เพียงแต่.. คุยกันแค่นี้.. จำเป็นต้องยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ขนาดนี้เลยหรอ?

..เขินนะ

“แล้วไงครับ โทรไปปรึกษาเอกแล้วได้ความว่าไงบ้าง : )”

“คือ... ตอนแรกผมตั้งใจจะโทรไประบายให้ไอ้เอกฟัง ว่าผมเกิดชอบคุณขึ้นมาแล้วจริงๆ”

“…”

“แต่กลายเป็นว่า พอคุยกันไปสักพัก ผมก็เกิดความไม่แน่ใจ..ว่าผมน่ะชอบคุณจริงๆ รึเปล่า”

“…”

“เพราะว่าที่ผ่านมา ผมไม่เคยให้ผู้ชายคนไหนเข้ามาในชีวิตมากขนาดนี้ คุณคือคนเดียวและคนแรกที่สามารถมาไกลขนาดนี้ได้”

“…”

“ซึ่งผมก็โอเคกับการที่มีคุณเข้ามานะ เพียงแต่...มันก็ทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้เหมือนกัน ว่าสรุปแล้ว..การที่คุณมาได้ไกลกว่าคนอื่น เป็นเพราะว่าผมโอเคกับคุณจริงๆ หรือเป็นเพราะว่าเราสองคนมีพันธะสัญญาต่อกันกันแน่”

“แล้วคุณได้คำตอบมั้ย?” เป็นอีกครั้งที่ผมพยักหน้า แล้วก็ไม่เพียงเท่านั้นนะ ผมยังหันไปยิ้มให้เค้าด้วย ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้แค่ไหนก็ตาม

“เอกมันบอกให้ผมลองตัดเรื่องของเหตุผลทั้งหมดออกไป แล้วใช้แค่หัวใจอย่างเดียวแทน”

“…”

“ผมก็เลยลองคิดดู ว่าถ้าไม่มีเรื่องของคำสาป เรื่องของพันธะสัญญา รวมถึงเรื่องที่ผมจะได้มีชีวิตอิสระจากพ่อและแม่เมื่อย้ายมาอยู่กับคุณ ผมจะยังยอมให้คุณเข้ามาในชีวิต จนเกิดเป็นความรู้สึก ‘ชอบ’ แบบที่เป็นมั้ย?”

“แล้วคำตอบก็คือ?”

“ผมก็ยังชอบคุณอยู่ดี”

“...”

ถึงจะไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ทำเพียงแค่มองหน้าผมด้วยรอยยิ้มนิดๆ ตรงมุมปาก แต่ผมก็ดูออกนะว่าเขาน่ะมีความสุขมากแค่ไหน.. และที่ผมรู้ได้ก็เพราะว่านัยน์ตาสีม่วงอ่อนคู่นั้นมันไม่เคยเก็บซ่อนความรู้สึกต่างๆ ที่เกี่ยวกับผมได้เลยสักครั้ง ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน : )

แต่นั่นก็ยังไม่ใช่ทั้งหมดที่ผมอยากจะพูดหรอกนะ “เพราะว่าคุณไม่เหมือนใครเหล้ารัม.. มีผู้ชายหลายคนที่เดินเข้ามาในชีวิตผมด้วยความจริงใจของพวกเขา แต่ให้ตายยังไง ให้พยายามแค่ไหน ผมก็รู้สึกว่าพวกเขาไม่ใช่คนที่ผมกำลังตามหา.. แล้วความตลกร้ายก็คือ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมกำลังตามหาใคร หรือว่าคนแบบไหน? รู้เพียงแค่ว่าต้องรอจนกว่าจะเจอคนที่รู้สึกว่า ‘ใช่’ เท่านั้น จะกระทั่งได้เจอกับคุณ.. หัวใจผมกลับเต้นแรกตั้งแต่ครั้งแรกที่เราสองคนเจอกัน.. ซึ่งมันมีความหมายมาก เพราะผมไม่เคยใจเต้นแรงกับใครมาก่อนเลย.. ถึงแม้จะงงๆ กับการรุกหนักของคุณ รวมถึงเรื่องที่ไม่เคยเจอพ่อมดที่เป็นเกย์มาก่อนก็เถอะ แต่พอลองมองย้อนกลับไปตอนนั้น..ผมถึงได้รู้..ว่าคุณไม่เหมือนใคร.. คุณคือคนที่ต่างออกจากไปผู้ชายทุกคนที่ผมเคยเจอมา..  ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไม แต่พอบทจะใช่ มันก็ใช่ขึ้นมาซะอย่างงั้น แล้วจากทั้งหมดที่พูดมาเนี่ย.. มันเลยทำให้ผมมั่นใจมาก ว่าถ้าวันนั้น ผมไม่ใช่มนุษย์ต้องสาป และคุณแค่เดินเข้ามาจีบผมโดยไม่ต้องมีเงื่อนไขอะไร ยังไงซะ ผมก็จะตอบรับคุณ แล้วก็ยอมให้คุณเข้ามาในชีวิตเหมือนกับทุกวันนี้อยู่ดี ผมมั่นใจ : )” เพราะว่านี่ต่างหาก คือทั้งหมดที่ผมอยากให้เหล้ารัมได้รับรู้

ตึกตัก.. ตึกตัก..
ตึกตัก.. ตึกตัก..
ตึกตัก.. ตึกตัก..


แล้วจะยังไงต่อล่ะ หัวใจผมมันก็เต้นรัวเลยน่ะสิครับ! เพราะถึงแม้ว่าอาการภายนอกกับน้ำเสียงที่พูดออกไปจะดูเหมือนว่าผมเป็นปกติดี แต่อันที่จริงแล้วผมตื่นเต้นมากนะ ตื่นเต้นแบบว่า ‘ตื่นเต้นโคตร’ เลย กับไอ้การสารภาพความในใจกับคนที่ชอบเนี่ยยย~

“..อ๊ะ!” แต่ทันใดนั้น สิ่งที่ทำให้หัวใจเต้นแรงกว่าก็เกิดขึ้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เมื่อจู่ๆ นายพ่อมดเหล้าก็คว้าผมเข้าไปกอดไว้!

ตึกตัก.. ตึกตัก..
ตึกตัก.. ตึกตัก..
ตึกตัก.. ตึกตัก..


ความสูงของเหล้ารัมทำให้ใบหน้าของผมที่กำลังร้อนผ่าวๆ ด้วยความเขินอาย..ฝังจมอยู่กับแผงอกของเค้า.. นั่นเลยทำให้ผมได้รู้ความจริงหนึ่งข้อ ว่าไม่ได้มีเพียงแค่ผมเท่านั้นที่ใจเต้นแรงผิดจังหวะไป ทว่า..หัวใจของนายพ่อมดเองก็เต้นแรงผิดจังหวะไม่ต่างกัน ซึ่งนั่นก็หมายความว่า..สิ่งที่ผมพูด มันทำให้เหล้ารัมรู้สึกได้เหมือนกันสินะ..

..ดีจังแฮะ : )

“จำเป็นต้องกอดแน่นขนาดนี้มั้ยเนี่ย?” ผมปล่อยให้เราสองคนกอดกันอยู่ในความเงียบเกือบจะพักใหญ่ๆ เลย ก่อนที่จะตัดสินใจพูดติดตลกขึ้นมา เพื่อบอกเป็นนัยๆ ให้อีกฝ่ายได้รู้ว่าควรหยุดการกอดลงแค่นี้ คือ.. ไม่ใช่ว่าผมไม่โอเคกับการที่เราสองคนกอดกันหรอกนะ ตรงกันข้าม ผมรู้สึกดีมากเลยด้วยกับสัมผัสที่อีกฝ่ายมอบให้ เพียงแต่..ถ้าไม่ทำแบบนี้ มีหวังเหล้ารัมคงได้กอดผมยันเช้าแน่ ฮ่าๆๆๆ~   

ซึ่งนายพ่อมดเหล้าเองก็ดูเหมือนจะรู้ตัว เพราะว่าพอได้ยินผมพูดแบบนั้น เขาก็หัวเราะชอบใจใหญ่ ก่อนจะยอมปล่อยให้ผมเป็นอิสระจากอ้อมกอดของเขาจนได้

“ก็ผมดีใจนี่ ที่ในที่สุดเราสองคนก็ใจตรงกันสักที : )” ไม่พูดเปล่า เหล้ารัมยังมีการเอามือมาขยี้หัวผมด้วย ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่มิติใหม่มาก เพราะก็อย่างที่รู้กันว่าเขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลยสักครั้ง

“…” แม้จะทำให้ผมเสียทรงแบบที่ต้องใช้นิ้วสางเพื่อจัดทรงใหม่ แต่พอเห็นว่าใบหน้าของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ผมก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรทั้งนั้น ได้แต่ปล่อยให้ทำไปจนกว่าเค้าจะพอใจ ทว่า.. “เป็นอะไรรึเปล่าครับ?” ในขณะที่ผมกำลังมองประกายความสุขจากเหล้ารัมอยู่นั้น จู่ๆ นัยน์ที่ม่วงอ่อนที่เคยส่องประกาย..กลับหม่นแสงลงในพริบตา.. พร้อมทั้งรอยยิ้มเองก็จางหายตามไปด้วย..

เกิดอะไรขึ้น?

“คือ..” คนถูกถามดูมีสีหน้าลำบากในครั้งแรก ทว่าสุดท้ายก็ยอมพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา “ผมดีใจมากเลยนะที่คุณชอบผม แต่รู้ใช่มั้ย ว่าถ้าจะให้พันธะสัญญาสำเร็จ เราต้องรู้สึกต่อกันมากกว่าแค่ชอบน่ะ”

“โธ่ นึกว่าเรื่องอะไร” ซึ่งพอได้ฟังสาเหตุที่รอยยิ้มของเหล้ารัมหายไป ผมก็ถึงกับต้องส่ายหน้า เมื่อรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยสักนิด “ผมรู้ครับ แต่ว่าเรื่องนั้นน่ะช่างมันก่อนเถอะ ยังไงซะมันก็เป็นเรื่องของอนาคต ผมว่านะ เราสองคนมาโฟกัสอยู่กับความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ดีกว่า : )” ก่อนที่หลังจากนั้น ผมจะช่วยปัดยุงที่บินมาเกาะค้างแก้มของเหล้ารัมออกให้ ทว่าเหล้ารัมกลับใช้จังหวะนั้นคว้ามือผมเอาไว้แบบที่ไม่ทันให้ตั้งตัว

"..."

"..."

วินาทีต่อมาคือเราทั้งคู่ตกอยู่ในความเงียบ.. เราสองคนสบตากัน แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในที่ที่สว่างนัก แต่ผมก็สามารถเห็นทุกอย่างจากเหล้ารัมได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะความต้องการบางอย่างที่สะท้อนออกมาจากช่วงตาเอเชียของเขา..

"..."

"..."

เลยทำให้...เกิดเป็นเสมือนแม่เหล็กต่างขั้วที่กำลังถูกดึงดูดเข้าหากัน...

ซึ่งทุกอย่างเกือบจะดำเนินไปได้อย่างไหลลื่นแล้ว ถ้าไม่ติดว่า.. "จูบได้มั้ย?" เหล้ารัมดันถามผมออกมาตรงๆ ด้วยแววตาใสซื่อซะอย่างงั้น ทั้งๆ ที่อีกแค่นิดเดียวก็จะจูบกันอยู่แล้วเนี่ย!

"จิ๊!" ผมจิ๊ปากแรงมากด้วยความขัดใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนจะเริ่มตอบกลับด้วยความหมั่นเขี้ยวชนิดที่ว่าสามารถงับคอนายผมบลอนด์ได้เลย! "จูบสิครับ จะรออะไร"

แต่แล้วในตอนนั้นเอง ผมก็ได้เรียนรู้ว่าความใสซื่อของนายพ่อมดเหล้าน่ะมันไม่ได้มีอยู่จริง! "แน่ใจ? เพราะว่าถ้าจูบแล้ว.. คุณต้องเป็นแฟนผมเลยนะ ยังจะจูบอยู่รึเปล่า : )" ที่ถามว่า 'จูบได้มั้ย' ก็เพราะว่าต้องการจะตบเข้ามุกนี้สินะ ระ..ร้ายมาก!

แล้วแบบนี้ผมควรจะตอบเหล้ารัมยังไงดีล่ะ? ในเมื่อก็ชอบเขามากขนาดนี้แล้ว อืม... งั้นผมตอบแบบนี้ก็แล้วกัน "แล้วทำไมจะไม่จูบล่ะครับ : )"

สิ้นสุดคำตอบ ร่างสูงกว่ายักยิ้มเจ้าเล่ห์ราวกับพึงพอใจมากกับสิ่งที่ตัวเองได้ยิน ทำเอาผมชักเริ่มจะหวั่นๆ ใจในคำตอบของตัวเองขึ้นมาซะแล้ว ว่านี่อาจจะเป็นการเปิดโอกาสให้สัตว์ร้ายสามารถจัดการกับผมได้อย่างอิสระหรือเปล่านะ!?

แต่ทำไงได้ล่ะ จะเปลี่ยนใจตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว... เมื่อเหล้ารัมยกฝ่ามือใหญ่ๆ ของเค้าขึ้นมาประคองสองข้างแก้มของผมไว้.. ก่อนจะโน้มใบหน้าหล่อเหลาของเขาลงมาเพื่อประทับจูบแผ่วเบา..

ทว่า..ลุ่มลึกและรู้สึกไปถึงหัวใจ...

ตึกตัก.. ตึกตัก..
ตึกตัก.. ตึกตัก..
ตึกตัก.. ตึกตัก..


/ ต่อด้านล่าง /
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบสาม..แฟน || อัพเดท : 16/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 28-07-2016 02:10:46
(http://67.media.tumblr.com/ec886cbb021ca0037a1006ec31031ae6/tumblr_ngt7ymrT7m1qhodd8o3_1280.gif)

* * * * * * *

ตอนแรกผมเองก็ไม่แน่ใจว่าการเป็น ‘แฟน’ กันของผมกับเหล้ารัมจะทำ.อะไรเปลี่ยนไปยังไงบ้าง เพราะว่าที่ผ่านมา ผมเองก็อยู่ในสถานะของคนโสดมาโดยตลอด เลยทำให้ภาพในหัวของการเป็นแฟนนั้นค่อนข้างเลือนลางเสียจนไม่สามารถนำมาใช้เพื่อช่วยในการจินตนาการได้
   
แต่พอหลังจากที่ได้ลองมาอยู่ในสถานะของ ‘คนไม่โสด’ เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ ผมก็ได้ค้นพบแล้วว่า..มันมีสิ่งที่ต่างออกไปจากเดิมจริงๆ : )
   
อย่างแรกที่ผมรู้สึกว่าเปลี่ยนไปเลยก็คือ ‘ความชัดเจน’ ของเราสองคน
   
มันไม่ได้เริ่มต้นจากการพูดคุยกันจริงๆ จังๆ หรอกนะ ว่าเราจะเก็บเรื่องนี้ไว้หรือเปิดเผยออกไป เพราะสองคนก็แค่ทำตัวตามปกติ แต่ก็นะ ถึงจะพยายามให้มันดูปกติยังไง แต่ด้วยความสัมพันธ์ที่มันมีมากขึ้น ก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่บางทีความเป็นแฟนมันก็เผยออกมาสู่สายตาคนนอก จนเกิดเป็นความสงสัยของใครหลายคน
   
เริ่มจากพ่อกับแม่ผมก่อนเลย แรกๆ ท่านก็แค่มองๆ นะ แต่พอเราสองคนไปกินข้าวเย็นที่บ้านบ่อยขึ้น และเริ่มเทคแคร์ดูแลกันให้เห็นชนิดที่ว่าต่างไปจากตอนแรกๆ มาก พวกท่านก็เลยเอ่ยปากถามออกมา “นี่.. พวกลูกเป็นแฟนกันแล้วหรือเปล่าเนี่ย?” แน่นอนว่าตัวเปิดประเด็นเลยก็คือแม่ ในขณะที่พ่อเริ่มกอดอกเพื่อรอคำตอบ แล้วจะยังไงล่ะ นายพ่อมดเหล้าก็ไม่รอช้า รีบตอบออกไปอย่างหน้าชื่นตาบานทันทีว่า..
   
“ใช่ครับ เราสองคนเป็นแฟนกันแล้ว”
   
ออกตัวแรงไปอี๊ก~
   
แล้วหลังจากพ่อกับแม่ มันก็เริ่มลามมาสู่กลุ่มเพื่อน ซึ่งผมเองก็คิดว่ายังไงก็คงจะปิดไม่มิดแน่ เพราะทุกครั้งที่เราสองคนอยู่ด้วยกัน ไอ้เอกเพื่อนรักที่รู้เรื่องของผมดีกว่าใครก็จะเอ่ยปากแซวตลอด ยกตัวอย่างเช่น “โอ๊ยยยยยย หวานขนาดนี้ มดขึ้นหมดแล้วมั้ง” ไม่ก็ “หลิว บอย กูอิจฉาคนแถวนี้ว่ะ หวานกันไม่เกรงใจใครเลย” ซึ่งพอหนักๆ เข้า ไอ้บอยก็เลยตัดสินใจถามออกมาตรงๆ
   
“ถามจริงนะ พวกมึงสองคนนี่ยังไงวะ คู่จิ้นหรือว่าคู่จริง ช่วยบอกกูให้หายข้องใจที” แน่นอนว่าหลิวกับเอกนี่คือถอนหายใจมองบนเลย ที่เห็นว่าไอ้บอยยังถามแบบนี้อยู่ได้ ทั้งๆ ที่มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว
   
แล้วก็เหมือนเดิม “คู่จริงสิ จะเป็นคู่จิ้นได้ไง” คุณพ่อมดเหล้าออกตัวแรงอีกครั้ง และนั่นก็คือการเปิดตัวว่าคบกันอย่างเป็นทางการครั้งแรกกับกลุ่มเพื่อน
   
ซึ่งความกวนตีนของไอ้เอกก็คือ มันมีการถามความเห็นจากเพื่อนๆ ด้วยนะ ว่า.. “อะ ถ้าเปิดตัวกันจริงจังแบบนี้ งั้นพวกเราก็ต้องมาโหวตกันแล้วล่ะ ว่าไอ้เหล้าน่ะผ่านไม่ผ่าน”
   
“งั้นมึงก็เริ่มก่อนสิเอก”
ไอ้บอยว่า
   
“อืม... กูให้ผ่านว่ะ กลัวเพื่อนขึ้นคาน” เลว!
   
“หลิวก็ให้ผ่านนะ เพราะแอบเชียร์คู่นี้มานานแล้ว” เออ แบบนี้สิถึงจะน่ารัก
   
“งั้นก็สามผ่านไปเลยคร้าบบบบบบบ~” ก่อนจะปิดการโหวตด้วยบอยอีกที
   
เป็นอันว่าผ่านการเห็นชอบจากเพื่อนทุกคน ขอบคุณนะ ขอบคุณมากจริงๆ ถุ้ย! (ผมประชดโว๊ยยยยยย!)
   
แต่ยังครับ ยังไม่หมดแค่นั้นกับความชัดเจนในการเปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเหล้ารัม เพราะนอกจากกลุ่มเพื่อนสนิทแล้ว ก็ยังมีเพื่อนร่วมรุ่น พี่น้องร่วมเมเจอร์ พี่น้องร่วมคณะ ไปจนถึงพี่น้องร่วมมหา’ลัยที่มักจะส่งสายตาสงสัยมาเสมอ ซึ่งถ้าแค่มองผ่านๆ ก็ไม่เท่าไหร่หรอกนะ แต่ถ้ามองแบบมองแล้วมองอีก คุณเหล้ารัมเขาก็จะหันไปพูดทันทีเลยว่า “เราสองคนเป็นแฟนกันครับ : )” ทำเอาพวกขี้สงสัยพากันอึ้งไปถ้วนหน้า
   
แล้วที่พีคสุดก็คือ..อาจารย์ครับ
   
คือ..มีอาจารย์ท่านนึงที่ไม่ได้สนิทกับนักศึกษาเท่าไหร่นัก แต่พวกเราก็รู้กันว่าท่านเป็นพวก ‘อยากรู้อยากเห็น’ ค่อนข้างมาก ถึงขนาดว่าบ้างทีเห็นผมกับเหล้ารัมตัวติดกัน หรือมักจะทำอะไรด้วยกัน ก็จะมองแบบไม่วางตาเลย ซึ่งตอนแรกผมก็ไม่รู้ตัวหรอก จนหลิวมากระซิบว่า “ดูอาจารย์ยุ้ยสิ มองวาฬกับเหล้ารัมไม่วางตาเลย สงสัยจะอยากรู้ว่าสองคนนี้เป็นอะไรกันแหง” นับจากนั้นผมก็เลยเริ่มสังเกตมาตลอด แล้วก็พบว่าเป็นเรื่องจริง
   
แต่ก็นะ ถึงท่านจะดูอยากรู้อยากเห็นมากกว่าเพื่อนร่วมมหา’ลัยของผมขนาดไหนก็ตาม แต่สิ่งที่ผมทำได้มากสุดก็คือปล่อยให้ท่านมองไปแบบนั้น เพราะยังไงก็เป็นถึงอาจารย์ จะให้ไปป่าวประกาศว่า “พวกผมเป็นแฟนกันครับ” มันก็ดูจะยังไงๆ อยู่น่ะนะ
   
ทว่า..นั่นก็เป็นแค่ความเห็นในส่วนของผมไง ไม่ใช่ของเหล้ารัม เพราะว่าในทันทีที่นายพ่อมดเหล้ารู้ว่าเราสองคนกำลังเป็นที่สนใจของอาจารย์ยุ้ย เขาก็ถึงกับยกมือขึ้นในระหว่างคาบ
   
“มะ..มีอะไรจ้ะเหล้ารัม?”
   
“ขอโทษนะครับ ผมเห็นอาจารย์ชอบมองผมกับอรรณพ (ชื่อจริงผมเอง) ไม่ทราบว่า..อาจารย์มีเรื่องอะไรอยากจะถามหรือเปล่าครับ : )”

   
บอกตรงๆ ว่าวินาทีนั้นผมอยากบีบคอเหล้ารัมมาก ที่กล้าถามอาจารย์ออกไปแบบนั้น กะ..กล้าเกินไปแล้ว!
   
“เอ่อ..”
   
“อาจารย์ถามได้ครับ ผมยินดีตอบทุกเรื่องเลย : )”
   
“คือ... อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะ ครูสงสัยมาหลายวันละ ว่าพักนี้ดูเธอกับอรรณพสนิทสนมกันแปลกๆ ไม่ทราบว่า..พวกเธอสองคน..”
   
“เป็นแฟนกับครับ”
   
“...”
อาจารย์ยุ้ยยังไม่ทันจะพูดจบ เหล้ารัมก็ทำการเติมคำให้ทันที ทำเอาแกนี่ถึงกับอึ้งไปเลย ก่อนที่หลังจากนั้นจะเริ่มหน้าแดง และพูดในสิ่งที่ทำเอานักเรียนทั้งห้องพากันหัวเราะกันอย่างบ้าคลั่ง “วี๊ดดดดดดดดดด ดีใจอะ รู้มั้ยว่าอาจารย์น่ะเป็นสาววายนะ แอบจิ้นคู่เธอสองคนมาตั้งหลายคาบแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะกลายเป็นคู่จริง วี๊ดดดดดดดด~”
   
นั่นล่ะครับ กลายเป็นว่าตอนนี้คู่ของผมกับเหล้ารัมก็เลยได้แฟนคลับกิตติมศักดิ์มาหนึ่งคน แบบที่ไม่ว่าเจอกันกี่ครั้งก็จะเอ่ยปากแซวเสียทุกครั้ง แต่ผมกับเหล้ารัมก็โอเคนะ เพราะว่าอาจารย์ยุ้ยแกจะแซวแบบน่ารักๆ ไม่มากไป เน้นเอาแบบพอหอมปากหอมคอมากกว่า เลยเหมือนได้อาจารย์ที่สนิทมาเพิ่มอีกคน ก็ถือว่าเป็นอะไรที่แฮปปี้ดีน่ะนะ : )
   
ซึ่งนอกจากเรื่องความชัดเจนในการเปิดเผยความสัมพันธ์ของเหล้ารัมแล้ว อีกเรื่องที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนเลยก็คือ ‘การแสดงความเป็นเจ้าของ’ ของเหล้ารัมที่แสบมาก!
   
คือ..ถ้าจะให้เปรียบกับเรื่องแรก อันนั้นจะดูเหมือนเด็กน้อยเห่อแฟน อยากพูด อยากบอกคนไปทั่วว่าผมน่ะเป็นแฟนเค้า ซึ่งในสายตาผมก็เป็นอะไรที่น่ารักดี ดูเป็นมุมเด็กๆ ที่ออกจะแฮปปี้มากของเขา แต่กับเรื่องการแสดงความเป็นเจ้าของนี่ถือว่าเป็นการโตขึ้นมาอีกขั้น แถมยังเป็นการโตที่มีความแสบเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
   
เพราะเชื่อมั้ย ว่าที่ผ่านมา ผมไม่เคยรู้เลยนะว่ามีผู้ชายในมหา’ลัยสนใจผมมากขนาดนี้ จนกระทั่งได้มาคบกับเหล้ารัมเนี่ยแหละ ถึงได้เป็นการเปิดโลกให้กว้างขึ้นกว่าเดิม เพราะไม่ว่าจะมีใครแสดงว่าสนใจผมกี่คนต่อกี่คนก็ตาม เหล้ารัมก็จะทั้งออกอาการทั้งส่งสายตาข่มขู่แสดงความเป็นเจ้าของ (ในตัวผม) ใส่ทุกคนให้ผมได้เห็นอย่างชัดเจน ไม่เพียงเท่านั้นนะ เขายังทำเรื่องแสบมากเลยด้วย คือถ้าเป็นมนุษย์ขี้หึงขี้หวงคนอื่นๆ ก็คงโวยวายหาเรื่องจนต่อยกันไปข้างนึงแล้ว แต่แฟนผมครับ (แหม เรียกเต็มปากเลยนะ! : คนเขียน) เขาไม่มีการมึงมาพาโวยอะไรทั้งนั้น กระชากคอเสื้อมาถามเหมือนในนิยายที่แบบ "เฮ้ย! มองอะไรแฟนกูวะ!?” ก็ไม่มี

แล้วเหล้ารัมทำไงรู้มั้ย?

เขาใช้เวทมนตร์ครับ ใช้เวทมนตร์จัดการกับผู้ชายพวกนั้นทันที ซึ่งเป็นอะไรที่โคตรจะไม่แฟร์เลยสักนิด จนหลายครั้งผมถึงกับต้องออกปากว่าเขาเลยด้วยซ้ำว่า "คุณรู้ตัวมั้ย ว่าคุณกำลังใช้เวลามนตร์ในทางที่ผิดน่ะเหล้ารัม" แล้วก็ไม่ได้แค่พูดอย่างเดียวนะ มีการฟาดแขนแถมให้ด้วย

แล้วถามว่าเขาฟังมั้ย.. ไม่! เขาไม่ฟังผมครับ ไม่ฟังไม่พอ เถียงอีกต่างหาก "ผิดตรงไหน นี่น่ะ เป็นการใช้เวทมนตร์ที่ถูกต้องที่สุดแล้ว"

"ยังไง?" ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าเอามาใช้เล่นงานมนุษย์โดยไม่ให้พวกเขารู้ตัวเนี่ย ถึงจะไม่ได้ร้ายแรงก็เถอะนะ

"ก็พวกนั้นมันชอบมาส่งสายตาเจ้าชู้ใส่แฟนผมนี่ เจอเวทมนตร์ลงโทษคนละทีสองทีก็ถือว่าถูกต้องแล้ว : )"

ก็นั่นล่ะฮะท่านผู้ชม หนึ่งในเหตุผลของคนหล่อ (แต่ร้าย!) ซึ่งเป็นอะไรที่ผมไม่เคยเถียงชนะได้เลยสักครั้ง ก็เลยต้องผันตัวเองมาเป็นตาแก่ขี้บ่นแทน แล้วจะยังไงล่ะ ก็เหมือนเดิมครับ พอฟังผมบ่นจบปุ๊บ เหล้ารัมก็จะยิ้มรับ ทำเป็นยกมือยอมแพ้ แต่พอผมเผลอเมื่อไหร่ เขาก็จะแอบเสกเวทมนตร์ใส่ผู้ชายพวกนั้นทันที จนผมนี่คือขี้เกียจจะห้ามแล้ว!

อ๊ะๆ แต่อย่าเพิ่งมองเหล้ารัมในแง่ร้ายสุดหรืออะไรแบบนั้นนะครับ (มีความปกป้อง) เพราะถึงแม้ว่านายพ่อมดจะทำไม่ถูกก็จริง แต่ก็ยังอยู่ในลิมิตที่โอเค อย่างเสกให้จามติดๆ กันจนเลิกมอง ไม่ก็คันนั่นคันนี่บ้าง (แต่ว่าไม่นานก็หายนะ) หรือบางทีก็มีสะดุดนั่นชนนี่ ซึ่งความหนักเบาก็จะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล อย่างถ้าแค่มองเฉยๆ ก็จะโดนน้อยหน่อย แต่ถ้าถึงขั้นยิ้มให้ (ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้ว) ก็จะโดน 'ลงโทษ' ในเลเวลที่สูงขึ้น ทว่าทั้งนี้ทั้งนั้น ผมก็รับประกันแทนเขาได้เลยว่าไม่มีการบาดเจ็บหรือเลือดตกอย่างออกแต่อย่างใด เพราะว่าเจตนาในการใช้เวทมนตร์ของเหล้ารัมเองก็เพื่อต้องการให้เลิกมองเท่านั้น ก็เลยทำให้ช่วงนี้ผู้ชายมหา'ลัยผมหลายคนพากันเกิดเหตุซุ่มซ่ามค่อนข้างถี่หน่อย โดยที่พวกเขาเหล่านั้นไม่ระแคะระคายเลยสักนิด ว่าสาเหตุที่แท้จริงของสิ่งต่างๆ มาจากนายพ่อมดหวงแฟนคนนี้นี่เอง #ชี้ไปที่เหล้ารัม

แต่เอาจริงๆ ที่พูดไปนี่ถือว่ายังจิ๊บๆ นะ เพราะว่ามันมีอยู่รายนึงที่เจอพีคกว่าใครเพื่อน ชนิดที่ว่าเละเทะไปหมด และผู้ชายคนนั้นก็คือ 'พี่ปูน' เจ้าเก่ารายเดิมนั่นเอง

คืองี้ครับ เหตุการณ์ความพีคที่ว่าเนี่ย มันเกิดขึ้นเพราะว่าผมดันไปเห็นสเตตัสเฟซบุ๊คของรุ่นน้องคณะวิศวะคนนึงที่ชื่อว่า 'พลอยสวย' ซึ่งเราสองคนสนิทกัน เพราะพลอยสวยน่ะเป็นรุ่นน้องสายวิทย์-คณิตมาตั้งแต่โรงเรียนเก่าแล้ว และสเตตัสนั้นมีใจความว่า...

Ploy Suay Naruethai
พ่อพลอยสวยให้พลอยสวยช่วยหาคนมาแปลบทความวิชาการด้านการแพทย์เพื่อตีพิมพ์กับวารสารชื่อดังของทางญี่ปุ่นค่ะ ใครที่มีความสามารถในการใช้ภาษาญี่ปุ่นเป็นอย่างดี และสนใจจะรับงาน ติดต่อพลอยสวยได้เลยนะคะ : )
ป.ล. ค่าจ้างงามมาก นี่ถ้าพลอยสวยเก่งญี่ปุ่น พลอยสวยรับงานคุณพ่อเองแล้วค่ะ อิอิ

ซึ่งพอผมอ่านจบปุ๊บ ความคิดอยากลองมันก็ผุดขึ้นมาปั๊บ เพราะว่าเคยจุ๊บแลกภาษาญี่ปุ่นกับเหล้ารัมมาแล้ว ยังไงงานนี้ก็หมูสำหรับผมอย่างแน่นอน

แต่ตอนติดต่อไปนี่น้องพลอยสวยก็ตกใจนะ เพราะเจ้าหล่อนจำได้ว่าผมเป็นคนที่สกิลภาษาต่างประเทศอ่อนมาก แต่พอผมยืนยันหนักแน่นว่าสามารถทำได้ชัวร์ น้องพลอยสวยเลยทำการนัดเจอกันที่โรงอาหารวิศวะช่วงพักเที่ยงของวันถัดมา เพื่อทำการทดสอบสกิลการแปลภาษาของผมก่อนรับงาน ซึ่งผมก็ไม่มีปัญหา สบายมาก เรียกว่าทำเสร็จเร็วจนพลอยสวยอึ้งไปเลย ก็เลยเป็นอันสรุปว่าได้งานมาตามที่ใจต้องการ

ดูเหมือนว่าเรื่องควรจะจบลงแค่นั้น แต่ไม่ครับ.. เพราะผมดันตัดสินใจว่าไหนๆ ก็มาถึงโรงอาหารวิศวะแล้ว งั้นก็กินข้าวเที่ยงที่นี่ให้จบๆ ไปเลย

"เหล้ารัมครับ คุณกินข้าวไปได้เลยนะ ไม่ต้องรอผม" คิดได้ดังนั้น ผมก็โทรหาเหล้ารัมเพื่อบอกเขา เพราะว่าเขาไม่ได้ตามมาด้วย เนื่องจากเห็นว่าพลอยสวยเป็นรุ่นน้องผู้หญิงก็เลยไว้ใจ

แต่นายพ่อมดเหล้าคงลืมอะไรไปอย่าง ว่าโรงอาหารของคณะที่ผมมาเนี่ย เรียกว่าเป็นคณะที่รวบรวมทั้งแฮนด์ซั่มบอย คีวท์บอย ไปจนถึงเซ็กซี่บอย เรียกว่ายังไงก็ต้องมีมนุษย์เพศชายให้ความสนใจในตัวผมแน่

พลาดนะครับคุณแฟน : )

(อ้าว ทำไมล่ะครับ)

"พอดีเพิ่งได้งานจากน้องน่ะครับ ก็เลยว่าจะกินข้าวที่นี่ไปเลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินไปเดินมา"

(อ๋อ งั้นเอางี้ครับ เดี๋ยวผมไปหา ขอเดินไปบอกพวกเพื่อนๆ คุณแป๊บนึง แล้วเดี๋ยวเจอกัน)

"งั้นก็ได้ครับ เดี๋ยวผมรอนะ"

(โอเคครับ ไม่เกินห้านาที)


พูดจบแค่นั้น เหล้ารัมก็วางสายไป ผมที่บอกไปแล้วว่าจะรอก็เลยได้แต่นั่งรอไปต่อไปเงียบๆ เพราะว่าพลอยสวยเองพอให้งานผมเสร็จ เจ้าหล่อนก็ไปรวมกลุ่มกินข้าวกับเพื่อนๆ ของเธอแล้ว

ทว่า.. "สวัสดีครับน้องวาฬ : )" ในขณะที่กำลังนั่งมองนั่นมองนี่อยู่นั้น จู่ๆ พี่ปูนที่มาจากไหนก็ไม่รู้ กลับโผล่มาทำลายความเงียบซะอย่างงั้น แถมยังนั่งลงฝั่งตรงข้ามโดยที่ไม่ได้ขออนุญาตอีก เยี่ยม!

"สวัสดีครับ" ผมยกมือไหว้อย่างขอไปที ขณะที่ในใจก็รู้สึกว่าอยากให้เหล้ารัมหายตัวมาเดี๋ยวนี้เลย จะได้หาทางหนีพี่ปูนซะ

"แหม เย็นชาจัง วันนั้นเรายังแลกลิ้นกันอยู่เลยนะ : )"

เชี่ยยย.. ผมไม่รู้หรอกนะว่าไอ้พี่ปูนมันอยากจะลำลึกความหลังหรือต้องการจะยั่วโมโหผมกันแน่ แต่เอาเป็นว่าถ้าเป็นอย่างหลังล่ะก็ บอกเลยนะว่าพี่เขาแม่งมาถูกทางมาก!

ขณะเดียวกัน.. นอกจากความโมโหแล้ว ใจผมเองก็รู้สึกแย่ตามไปด้วย.. นี่ถ้าวันนั้นผมรู้ลิมิตของตัวเอง และไม่ปล่อยให้เมาจนขาดสติแบบนั้น ก็คงไม่กลายมาเป็นตราบาปติดตัวแบบนี้หรอก แม่ง!

"วันนั้นผมเมามาก ก็เลยจูบกับคนอื่นไปทั่ว" แต่ด้วยความที่ไม่อยากมีเรื่อง ผมก็เลยต้องอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่จำเป็นก็ตาม "ยังไงก็ขอโทษพี่ปูนด้วยแล้วกันนะครับ"

แล้วดูสิ่งที่ไอ้พี่ปูนตอบกลับมาสิ "ไม่ต้องขอโทษหรอกครับน้องวาฬ พี่ไม่ถือ ได้จูบปากกับน้องวาฬน่ะดีจะตาย : )" ทำเอาผมนี่หมดคำจะพูดเลยจริงๆ

"วาฬ" แต่ก็ถือว่าโชคดีนะที่หลังจากนั้นไม่นานนัก ประมาณห้าวิเห็นจะได้ เหล้ารัมก็มาปรากฏตัวจนได้ ผมเลยรีบอาศัยจังหวะนั้น ลุกออกจากโต๊ะเพื่อมายืนข้างเขาทันที "มันทำอะไรคุณรึเปล่า?"

"เปล่าครับ" ผมรีบส่ายหน้าปฏิเสธ เพราะไม่อยากให้เกิดเรื่อง "ผมว่าเราไปหาอะไรกินกันเถอะครับ อย่าไปสนใจเลย"

"อ้าว มึงนี่เอง"

"ใช่ กูเอง มีปัญหาหรือไง"


แต่สายไปเสียแล้ว เพราะยังไม่ทันจะพาเหล้ารัมออกไปให้พ้นจากไอ้พี่ปูน ไอ้คนหาเรื่องมันก็ดันหาเรื่องขึ้นมาซะก่อน แล้วยิ่งไปกว่านั้นคือคนของเราก็ดันเล่นด้วยอีก เยี่ยม!

"ทำไมพอเจอน้องวาฬแล้วต้องเจอมึงด้วยวะ ไหนว่าไม่ได้เป็นแฟนกันไง"

"ตอนนั้นไม่ได้เป็น แต่ตอนนี้เป็นแล้ว เพราะฉะนั้นก็จำไว้ ว่าอย่ามายุ่ง!"
ไม่พูดเปล่า เหล้ารัมแสดงความเป็นเจ้าของอีกครั้ง ทำเอาผมนี่ตัวชาเลย เพราะรู้สึกไม่ชินที่โดนโอบไหล่ในต่างถิ่นแบบนี้ แต่ในขณะเดียวกัน.. ก็รู้สึกกังวลใจกับยิ้มร้ายของพี่ปูนด้วย

คือ.. ไม่ใช่กลัวว่าพี่ปูนจะทำร้ายเหล้ารัมหรอกนะ แต่ผมกลัวว่าพี่แกจะพูดยั่วจนเหล้ารัมระเบิดเวทมนตร์ขั้นรุนแรงใส่เสียมากกว่า

แล้วก็ยังไม่ทันจะคิดจนจบดี.. "โอเค งั้นฉันจะรอจูบกับแฟนแกอีกทีตอนเมาก็แล้วกันนะ : )" พี่ปูนก็พูดออกมาแบบนี้จนได้

ใจนึงผมก็อยากหาอะไรฟาดปากพี่ปูนนะ หรือไม่ก็เชียร์ให้เหล้ารัมจัดการให้หนักๆ ไปเลย แต่มาคิดดูอีกที.. ทำไปก็ตายเปล่า เพราะฉะนั้นผมก็เลยเลือกที่จะคว้าเอวเหล้ารัมไว้ เพื่อเป็นการส่งสัญญาณห้าม

แล้วสิ่งที่น่าอัศจรรย์ก็เกิดขึ้น เมื่อเหล้ารัมไม่โวยวายใส่พี่ปูนเลยแม้แต่นิดเดียว ตรงกันข้าม กลับหันมาส่งยิ้มหวานให้ผมด้วย จนผม.. อดที่จะกังวลขึ้นมาอีกไม่ได้ ว่าบางทีนายพ่อมดเหล้าอาจจะมีอะไรที่รอเซอร์ไพรส์อยู่!?

"เหล้ารัม!" ละ..แล้วก็เป็นอันต้องใจหายวาบ! เมื่อจู่ๆ เหล้ารัมที่ยิ้มอยู่ดีๆ ก็หันไปคว้าคอเสื้อของพี่ปูนไว้ ทำเอากลุ่มนักศึกษาชายกลุ่มหนึ่งลุกขึ้นยืนกันทั้งโต๊ะ ก็เลยเริ่มจะดึงดูดความสนใจจากคนอื่นๆ ในโรงอาหารแห่งนี้

เอ? ถ้าผมจำไม่ผิด.. ดูเหมือนว่ากลุ่มนักศึกษาชายที่ว่าจะมีเพื่อนของพี่ปูนอยู่ด้วยนะ งั้นก็แสดงว่ากลุ่มนี้เตรียมจะเข้ามาช่วยพี่ปูนงั้นสิ?

"เอาเลย ต่อยสิ : )" แล้วดูไอ้พี่ปูน มีการพูดท้าทายด้วย คงเห็นว่านี่เป็นถิ่นตัวเองสินะถึงได้กล้าขนาดนี้น่ะ

"ไม่ล่ะ ต่อยไปก็ตายเปล่า" แต่คราวนี้เหล้ารัมไม่เล่นด้วย "เพราะเดี๋ยวยังไงมึงก็ต้องเละเทะอยู่ดี : )"

ผมไม่แน่ใจกับสิ่งเหล้ารัมพูดนัก แต่พอเห็นว่าเขายอมปล่อยมือจากปกเสื้อของพี่ปูนก็รู้สึกสบายใจขึ้น คิดว่างานนี้คงจะหมดเรื่องแล้ว เพราะหลังจากนั้นเหล้ารัมก็เดินมาจับมือผมไว้ พร้อมกับพากันเดินออกไป

"เหี้ยยยยย!" แต่ยังไม่ทันที่เราสองคนจะก้าวไปไหนไกลเลยด้วยซ้ำ เสียงสบถหยาบคายของพี่ปูนก็ฉุดดึงความสนใจของผมให้หันกลับไปหาอีกครั้ง

แล้วสิ่งที่พบ.. ก็ช่วยไขข้อสงสัยจากสิ่งที่เหล้ารัมพูดไว้ได้อย่างชัดเจน!

ที่ว่า 'เละเทะ' คืออย่างนี้เองสินะ เมื่อเพื่อนๆ พี่ๆ และน้องๆ คณะวิศวะที่กำลังเดินถือจานข้าวผ่านพี่ปูนอยู่นั้น ต่างก็พากันทำอาหารต่างๆ ในภาชนะหกใส่พี่ปูนอย่างต่อเนื่อง ถ้าเผินๆ ก็จะดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุจากความซุ่มซ่ามทั่วไป แต่ถ้าลองมองดูให้ดีแล้ว..คุณจะเห็นพ่อมดรายหนึ่งกำลังยืนยิ้มอยู่ข้างกายผม และนั่นล่ะครับ ตัวต้นเหตุของเรื่องนี้เลย

"หยุดโว๊ยยยยยย!" พี่ปูนเริ่มเปลี่ยนเป็นอาละวาด เมื่อใครคนหนึ่งทำชามก๋วยเตี๋ยวคว่ำใส่หัวพี่แกจนนองหน้า

ก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะที่นั่งอยู่ พลางฟาดงวงฟาดงาใส่ทุกคนที่ยืนอยู่แถวนั้น จนคนอื่นๆ พร้อมใจกันเปิดทางให้ แต่ยังครับ ความเละเทะในครั้งนี้ยังไม่จบลงแค่นั้น เมื่อเหล้ารัมยกมือขึ้นสะบัดแรงๆ หนึ่งที..พี่ปูนก็เกิดการไถลลื่นเป็นทางยาว จนไปชนกับถังขยะ ก่อนที่หัวของพี่เขาจะทิ่มลงไปอย่างกับในหนังตลกอะไรแบบนั้น!

จริงๆ ก็แอบเห็นใจนะ แต่พอคิดถึงความปากเสียของพี่เขาแล้ว ผมก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ ฮ่าๆๆๆ~ ดูท่าว่างานนี้คงจะเละน่าดูเลยล่ะ เพราะว่าไอ้ถังขยะที่ตกไปน่ะมันไม่ใช่ถังขยะธรรมดา แต่เป็นถังทิ้งเศษอาหารที่ตั้งอยู่ตรงที่เก็บจานต่างหาก

"ครั้งนี้ผมให้คุณสิบคะแนนเต็มเลยครับเหล้ารัม : )"

แล้วจะยังไงต่อล่ะ ผมก็ต้องชื่นชมเหล้ารัมสิครับที่สร้างผลงานได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้

เหล้ารัมเองก็ยิ้มสะใจเต็มที่ ก่อนที่เราจะไฮไฟฟ์กันแบบที่ไม่มีใครนัดหมายใครมาก่อน แต่จังหวะนี่คือลงตัวเป๊ะ

และนั่นล่ะครับ ความพีคสุดของการแสดงความเป็นเจ้าของที่เหล้ารัมได้ทำการสร้างวีรกรรมไว้ (โดยที่ไม่มีใครรู้) แล้วหลังจากนั้น พี่ปูนก็ไม่เคยมายุ่งกับผมอีกเลย เอ? ได้ข่าวว่าตอนที่ตกไปนี่ปากไปกระแทกกับก้นถังด้วยนะ เห็นว่าตอนนี้ยังไม่หายบวมเลยด้วย สงสัยพี่ปูนคงจะอดปากดีกับคนอื่นไปพักใหญ่ๆ เลยล่ะ : )

/ ต่อด้านล่าง /

หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบสาม..แฟน || อัพเดท : 28/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 28-07-2016 02:11:32
โอเค หมดเรื่องความแสบของเหล้ารัมไปแล้ว ทีนี้ผมจะขอเล่าอีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างจริงจังขึ้นมาบ้าง นั่นก็คือ..การพูดคุยทำความเข้าใจ

จริงๆ อย่าว่าแต่แฟนเลยนะครับ เพื่อนกันเนี่ย พอช่วงที่เริ่มคบกันใหม่ๆ ต่างก็ต้องผ่านจุดที่พูดคุยทำความเข้าใจซึ่งกันและกันแทบทั้งนั้น เพียงแต่หัวข้อที่คุยกันก็จะแตกต่างกันไปตามสถานะของคนทั้งคู่ก็เท่านั้นเอง

อย่างผมกับเหล้ารัมเนี่ย ก็จะมีประเด็นใหญ่ๆ อยู่ประมาณ..สองเรื่อง ที่ผมค่อนข้างจะจำได้แม่นยำ เพราะอันนึงเป็นการพูดคุยแบบที่ไม่ได้ผลอะไรเลย ส่วนอีกเรื่องเป็นอะไรที่จัดว่าได้ผมดีเกินคาด

เริ่มจากเรื่องที่ไม่ได้ผลก่อน นั่นก็คือ 'การหาคำเรียกกัน' เพื่อให้เราสองคนดูเป็นแฟนกันมากขึ้น เนื่องจากว่าวันนึงไอ้บอยก็เกิดตั้งกระทู้ขึ้นมากลางวงว่า "ทำไมพวกมึงใช้คำเรียกกันแปลกจังวะ คุณๆ ผมๆ โคตรจะทางการ ดูไม่สนิทสนมเหมือนคนเป็นแฟนกันเลย?" แล้วผลก็คือ..เราทั้งคู่เก็บเอาคำพูดของไอ้บอยมาคิด จนผมกับเหล้ารัมตั้งโจทย์ขึ้นมาว่า จะต้องหาคำเรียกใหม่ที่ดูสนิทสนมกว่านี้ให้ได้

แล้วสารพัดคำเรียกก็เริ่มต้นขึ้น "ตัวเอง เดี๋ยวเค้าลงไปซื้อของก่อนนะ ตัวเองจะเอาอะไรเปล่า" นั่นล่ะครับ คำเรียกแรกที่ถูกใช้ ซึ่งเกิดขึ้นโดยผมเอง ทำเอาเหล้ารัมนี่คือเผลอทำหน้าเหยเกใส่ผมเป็นทั้งแรก เท่ากับว่า..ไม่ผ่าน!

ต่อมา "อ้วนแต่งตัวเสร็จยัง ผมเสร็จแล้วนะ" เป็นความคิดของเหล้ารัม ซึ่งผมรับไม่ได้อย่างมาก คือ..ผมไม่ได้มีปัญหากับคนอ้วน แต่คำว่าอ้วนมันดูเป็นผมตรงไหนไม่ทราบ!? เพราะฉะนั้น..ไม่ผ่าน!

แล้วก็ต่อมา "ตัวเล็กกกก ไปดูหนังกัน" เป็นความคิดของเหล้ารัมอีกครั้ง คงเห็นว่าตัวเองสูงกว่าสินะ โอเค ทนๆ ไปก็ได้ แต่ไหงพอเรียกกลับบ้างว่า "โอเคตัวใหญ่ เราไปดูหนังกันเถอะ" นายพ่อมดเหล้าก็พับโครงการนี้ทันที สรุป..ไม่ผ่านอีกแล้ว!

แล้วก็ต่อมาของต่อมา ซึ่งอันนี้พีคมาก “ที่รักครับ เย็นนี้เราไปกินข้าวบ้านผมกันนะ แม่บอกว่าทำอาหารที่ที่รักชอบไว้เพียบเลย” เรียกว่าเกือบจะผ่านการอนุมัติอยู่แล้ว ถ้าไม่ติดว่าไอ้เอกเพื่อนรักผมดันพูดขึ้นมาว่า "เชี่ยยย กูจะอ้วกว่ะ เรียกกันแบบนี้ดูไม่ใช่พวกมึงเลย ดูเฟคอะ เลิกเหอะ กูไหว้ล่ะ" พร้อมกับยกมือไหว้ตามที่ว่าจริงๆ

ซึ่งผมกับเหล้ารัมก็เห็นด้วย สุดท้าย.. ก็เลยกลับมาใช้คำว่า 'คุณ' กับ 'ผม' กันอีกครั้ง

แล้วไอ้บอยเจ้าเดิมก็พูดขึ้นมาว่า.. "เออ พูดกันคุณๆ ผมๆ แบบนี้ก็ดูน่ารักดีเหมือนกันเนอะ"

จ้ะ ไอ้คุณเพื่อนบอย ทำไมมึงไม่พูดแบบนี้แต่แรกล่ะ เขาจะได้ไม่ต้องวุ่นวายกันแบบนี้! #มองแรงอย่างเป็นมิตร

เรื่องแรกผ่านไป ทีนี้เรามาต่อกันกับอีกเรื่องที่พูดคุยแล้วได้ผลเกินคาดกันบ้าง อืม.. ก็อย่างที่รู้กันนะครับ ว่าที่ผ่านๆ มา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เหล้ารัมมักจะโทษว่าเป็นความผิดของตัวเองไปเสียทุกครั้ง แล้วก็มักจะทำตัวเหมือนทาสที่ตกอยู่ใต้อาณัติอะไรแบบนั้น สามารถให้ผมชี้เป็นชี้ใต้ได้ทุกเรื่อง ซึ่งผมว่าแบบนี้มันไม่ใช่

ไม่รู้นะว่าคนอื่นคิดยังไง บางคนอาจจะชอบก็ได้ที่มีแฟนที่คอยทำตามใจทุกเรื่องโดยไม่เคยมองว่าคุณผิดเลยแม้แต่นิดเดียวแบบนี้ แต่สำหรับผม..หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์เมาจนทำร้ายจิตใจเหล้ารัมมาแล้วครั้งนึง ผมก็ได้รับบทเรียนครั้งใหญ่ ว่าถ้าเราสองคนจะคบกันให้มันดีล่ะก็ นายพ่อมดเหล้าจะต้องเป็นมากกว่าทาส แต่จะต้องเป็นคนที่สามารถว่ากล่าวตักเตือนผมในสิ่งที่ผิดได้ และหากไม่ชอบใจอะไร ก็ขอให้บอกออกมาตรงๆ ถึงแม้ว่ามันจะทำให้เกิดการเถียงกันก็เถอะ แต่ผมมีความเชื่ออย่างหนักแน่นว่า ถ้าสุดท้ายเราสามารถถกเถียงกันจนหา 'ตรงกลาง' ระหว่างเราสองคนในเรื่องนั้นๆ ได้ ปัญหาเหล่านั้นก็จะไม่วกกลับมาทำร้ายความสัมพันธ์ของเราอีก อีกทั้ง การพูดกันให้รู้เรื่องไปเลย ย่อมดีกว่าการเก็บไว้ เพราะมันจะช่วยให้เราเรียกรู้และเข้าใจกันมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งแน่นอนว่าเหล้ารัมเห็นด้วยกับเรื่องนี้อย่างมาก ถึงแม้ว่าช่วงสองวันแรกจะยังกล้าๆ กลัวๆ ที่จะพูดออกมาตรงๆ ก็เถอะ แต่พอเริ่มเข้าวันที่สามสี่ห้า เหล้ารัมก็เริ่มกล้าที่จะพูดมากขึ้น แล้วมันก็ทำให้เราทั้งคู่ได้เรียนรู้อะไรดีๆ อีกเยอะเลยครับ : )

แต่ทว่า การเปลี่ยนแปลงของสถานะแฟนก็ยังไม่หมดแค่นี้นะครับ ยังมีเรื่องนี้ด้วย เรื่องของ 'การแสดงความรัก' ที่ดูจะเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม

เพราะจากเมื่อก่อนที่เหล้ารัมจะเป็นคนรุกหนักผมอยู่ฝ่ายเดียว (เอ่อ... หมายถึง 'รุก' ในเชิงแสดงความรักนะครับ ไม่ใช่ 'รุก' อีกอย่าง) กลับกลายเป็นว่าต่างฝ่ายต่างรุกกันไปมาแทน อย่างบางทีผมมองหน้าเหล้ารัมตอนดูทีวี แล้วรู้สึกว่าเขาน่ารัก ผมก็จะจุ๊บแก้มเขาเลย แบบไม่มีการอายอะไรทั้งนั้น ก็นะ คนมันรู้ตัวว่าชอบแล้วอะ แถมยังเป็นแฟนกันแล้วด้วย ยังจะต้องมามัวอายอะไรกันอีก จริงมั้ย?

หรือว่าบางทีผมกำลังยืนทำกับข้าวอยู่ดีๆ เหล้ารัมก็แอบเข้ามากอดผมจากด้านหลัง ส่งผ่านความอุ่นจากร่างกายของเขามาให้ พร้อมกับขโมยจุ๊บแก้มไปด้วยก็มี ทำเอามื้อนั้น ผักที่ผมหันหน้าตาคือแย่มาก เล็กใหญ่ไม่เท่ากัน เรียกว่ากลายเป็นงานหยาบสุดๆ ไปเลย แต่ก็..กลายเป็นเรื่องขำขันของเราทั้งคู่น่ะนะ ฮ่าๆๆๆ~

แต่ที่ผมชอบที่สุดเลยก็คือ การแสดงความรักในที่สาธารณะเนี่ยแหละ คือ..อย่างการจุ๊บกันในห้องสมุดนี่ถือว่าเป็นอะไรที่ผิดพลาดมากนะ จนพอมานึกย้อนดู เหล้ารัมก็ถึงกับออกปากเองเลยว่าเขาไม่ควรทำแบบนั้น เพราะฉะนั้นหลังจากที่นายพ่อมดสำนึกได้ เวลาที่เราออกไปไหนมาไหนกันก็ตาม เขาก็จะไม่จุ๊บแก้มหรือจูบปากผมในที่สาธารณะเลยสักครั้ง ถึงแม้ว่าจะมีหลายช่วงเลยที่ผมรู้สึกว่านายผมบลอนด์อยากทำก็ตาม แต่เขาเองก็รู้ลิมิตเหมือนกัน ว่าการอยู่สังคมภายนอกแล้วมาแสดงความรักต่อกันมากเกินไป มันก็ออกจะไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นเวลาที่เขาต้องการแสดงความรักในที่แจ้ง เขาก็จะทำมากสุดเพียงจับมือแบบประสานกันไว้ แล้วยกมันขึ้นมาจุ๊บที่หลังมือของผมแค่นั้น ซึ่งน่ารักดี ดูไม่มากเกินไปด้วย จนผมเองต้องแอบขอยืมวิธีการนี้มาใช้กับเค้าบ้างเหมือนกัน : )

แต่ถึงแม้ว่าภาษากายในการแสดงความรักของผมกับเหล้ารัมจะพัฒนาไปไกลกว่าก่อนหน้าที่ผมจะรู้ตัวว่าชอบเหล้ารัมแล้วก็ตาม แต่คำว่า 'เซ็กส์' ก็ยังไม่ใช่อะไรที่เราสองคนไปถึงนะ

คือ.. จริงๆ แล้วตอนแรกผมก็แอบหวั่นใจเหมือนกัน ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ชาย และไม่มีอะไรให้เสียก็เถอะ แต่ไม่รู้สิ พอคิดว่าเหล้ารัมอาจจะใช้สิทธิ์ของคำว่าแฟนมาอ้างเพื่อเรียกร้องเอาเรื่องนี้จากผม มันก็รู้สึกเครียดขึ้นมาทุกที คือ..ผมว่าผมยังไม่พร้อม ของแบบนี้มันเป็นอะไรที่ต้องใช้เวลาจริงๆ

ในขณะที่เหล้ารัมเองก็ยังคงเงียบ ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเลย ทำเพียงแค่ลวนลามผมบ้างเป็นครั้งคราวเท่านั้น มันเลยทำให้ผมเหมือนเด็กเก็บกดที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะจัดการตัวเองเมื่อไหร่ จนต้องตัดสินใจถามออกไปตรงๆ "คุณครับ ผมถามคุณจริงๆ นะ ว่าคุณ.. เอ่อ.. อยากมีเซ็กส์กับผมรึเปล่า?"

แน่นอนว่าเหล้ารัมดูตกใจมาก แต่เขาเองก็คงจะจับความหวาดหวั่นของผมได้ เลยเริ่มแปรเปลี่ยนจากความตกใจเป็นรอยยิ้มอ่อนโยนแทน พร้อมกับตอบคำถามออกมาได้หล่อที่สุดในโลก! "เรื่องนั้นมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับผม แต่ว่ามันขึ้นอยู่กับคุณต่างหากครับ : )"

"ขะ..ขึ้นอยู่กับผมอย่างงั้นหรอ?"

"ใช่ครับ เพราะว่าผมเคยหน้ามืดเกือบทำลายคุณมาแล้วครั้งนึง เพราะฉะนั้นมันเลยกลายมาเป็นบทเรียนราคาแพงที่ทำให้ผมรู้ว่าของแบบนี้มันบังคับขืนใจกันไม่ได้ ยิ่งเป็นแฟนด้วยแล้ว ยิ่งต้องแคร์ความรู้สึกใหญ่เลย : )"


อา... หล่ออะ โคตรหล่อเลย!

แล้วก็ไม่ได้ดีแต่พูดนะครับ เพราะพอผมบอกว่ายังไม่พร้อม เหล้ารัมก็ไม่เคยทำอะไรเกินเลยกับผมแม้แต่ครั้งเดียว ขนาดว่านอนก็ยังนอนแยกห้องกันเหมือนเดิม ไม่เคยขอมานอนร่วมห้องกันเหมือนอย่างที่ผมแอบคิดไว้ ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ผมประทับใจในตัวแฟนผมคนนี้มากขึ้นไปอีก เพราะเขาให้เกียรติกับผมมาก รู้สึกไม่ผิดหวังเลยที่ยอมตกลงเป็นแฟนกับเขาแบบนี้ : )

แล้วก็เพราะว่าความเป็นสุภาพบุรุษของเหล้ารัมเนี่ยแหละ ที่ทำให้ผมตัดสินใจตกปากรับคำมาตั้งเต็นท์นอนดูฝนดาวตกกับเขาแบบสองต่อสองในคืนนี้

ซึ่งที่ที่เราสองคนเดินทางมาก็คือบ้านพักตากอากาศของตระกูลเกรวินเกอร์ที่ตั้งอยู่ในป่าสนทางตอนเหนือของโลกเวทมนตร์ อากาศค่อนข้างดีมาก จนคุณพ่อมดเหล้าเกิดไอเดียว่า แทนที่เราจะนอนกันในบ้านพักอย่างอบอุ่นและแสนสุขสบาย ควรเปลี่ยนบรรยากาศมาดื่มด่ำกับธรรมชาติ โดยการโผล่เอากลางป่าเพื่อกางเต็นท์แทน

บอกตรงๆ ตอนแรกผมไม่แน่ใจว่าเป็นความคิดที่ดีมั้ย เพราะป่าตอนกลางคืนไม่ใช่อะไรที่น่ารักสำหรับผมนัก แต่พอเหล้ารัมสะบัดมือสองสามที เกิดเป็นเต็นท์หลังใหญ่หนึ่งหลัง กองไฟให้แสงอบอุ่นหนึ่งกอง พร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มันก็ทำให้พื้นที่กลางป่าที่เราอยู่กันขณะนี้ดูจรรโลงใจขึ้นมาเลย

"วาฬครับ ใกล้เวลาที่จะเกิดฝนดาวตกแล้วนะครับ ผมว่าคุณมานอนตรงนี้กับผมดีกว่า" แล้วพอเวลาผ่านไปสักพัก จากตอนแรกที่เห็นว่าเหล้ารัมกำลังจัดข้าวจัดของอยู่ข้างๆ เต็นท์ พอรู้ตัวอีกที เขาก็ปูผ้านอนมองฟ้าอยู่บริเวณแถวๆ หน้าเต็นท์แล้ว

ผมที่นั่งเติมฟืนอยู่หน้ากองไฟ ก็เลยลุกไปล้มตัวลงนอนข้างๆ เหล้ารัม โดยไม่ลืมที่จะคว้าชามใส่มาร์ชเมลโล่ย่างไปแบ่งให้นายพ่อมดเหล้าได้กินด้วย

"อร่อยมั้ยครับ?"

"อร่อยสิ ก็คุณเป็นคนย่างนี่หน่า : )"

แน่ะ ปากหวาน

"ว่าแต่.. แล้วคุณรู้ได้ไงครับว่าคืนนี้จะมีฝนดาวตก" พอดีว่าตอนชวนกันมานี่เป็นอะไรที่ฉุกเฉินมาก ผมก็เลยยังไม่ได้ถามรายละเอียดอะไรจากเขา

"อ๋อ ผมอ่านข่าวมาน่ะครับ"

"แล้วทำไมถึงไม่ชวนเพื่อนๆ คุณมาด้วยล่ะ เห็นว่านานๆ จะมีฝนดาวตกไม่ใช่หรอ?"

"โอ๊ย พวกนั้นมันไม่ว่างหรอกครับ คนนึงก็เจ้าชายรัชทายาท อีกคนก็ผู้นำตระกูล งานล้นมือจะตาย มีแต่ผมเนี่ยแหละที่มีเวลาว่างให้ทำนู่นทำนี่ แล้วอีกอย่างนะ ผมอยากมากับคุณแค่สองคนด้วย : )" พูดจบ เหล้ารัมก็โยนมาร์ชเมลโล่ย่างชิ้นใหม่ใส่ปาก ดูมีความสุขเหมือนเด็กๆ เลย

จนผมอดไม่ได้ที่จะถามต่อ "แล้วคุณไม่มีภาระที่ต้องรับผิดชอบบ้างหรือไง"

"มีสิ ก็คุณไง คนที่ผมจะต้องรับผิดชอบ : )"

อะ.. มะ..ไม่ได้หมายถึงแบบนั้นสักหน่อย! "ผมหมายถึงว่า หน้าที่การงานอะไรแบบนั้นน่ะครับ" เก่งจริ๊ง เรื่องทำให้ผมเขินเนี่ย!

แต่เหล้ารัมก็ส่ายหน้า "จนกว่าคุณจะพ้นจากคำสาปไปได้ ผมจะไม่ยอมทำงานเด็ดขาด"

"แล้ว... แบบนี้มันจะไม่เป็นปัญหาหรอครับ"

"ก็เป็นปัญหาอยู่นะ แต่เอาเป็นว่าผมรับมือได้ก็แล้วกัน : )" แล้วเหล้ารัมก็โยนมาร์ชเมลโช่ย่างใส่ปากด้วยท่าทางสบายๆ อีกครั้ง แถมคราวนี้ยังหยิบอีกชิ้นมาป้อนใส่ปากผมด้วย

โอเค.. เอาเป็นว่าถ้าเขาไม่เดือดร้อน ผมก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องที่ต้องโฟกัสก็แล้วกันนะ

"..."

"..."

แต่ในขณะที่ต่างฝ่ายต่างเคี้ยวมาร์ชเมลโล่ย่างตุ้ยๆ จนเกิดเป็นจังหวะเงียบของเราทั้งคู่อยู่นั้น จู่ๆ ผมก็ดันนึงถึงเรื่องความฝันประหลาดๆ ของตัวเองขึ้นมาได้ ก็เลยทำการผลิกตัวหันไปหาเหล้ารัม เพื่อตั้งใจจะเล่า

"นี่คุณ ผมมีเรื่องนึงอย่างเล่าให้คุณฟังจัง"

"เรื่องอะไรครับ?" เหล้ารัมถามกลับ ในขณะที่ตายังคงจับจ้องอยู่กับท้องฟ้า ราวกับกลัวว่าตัวเองจะพลาดวินาทีที่ฝนดาวตกปรากฏตัวเป็นครั้งแรกยังไงยังงั้น

"คืนที่ผมสารภาพว่าผมชอบคุณ ผมฝันครับ"

"ฝัน?"

"ใช่ครับ ผมฝัน"

"คุณฝันว่าอะไรล่ะ?"

"ผมฝันว่าเราสองคนยืนกันอยู่ในทุ่งดอกหญ้า ช่วงที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน"

"เอ.. ฟังดูดีแฮะ ไว้วันหลังผมพาคุณไปในที่แบบนั้นบ้างก็แล้วกันนะ : )"

"แต่มันไม่ใช่แค่นั้นสิครับ คุณที่อยู่ในฝันดันพูดกับผมว่า 'ผมจะตายไปพร้อมกับคุณนะครับวาฬ : )' ซึ่งมันแปลกมาก คุณว่าเรื่องนี้มันจะเป็นลางร้ายอะไรึเปล่า?"

"..."

จริงๆ ตอนแรกผมตั้งใจแค่ว่าจะเล่าถึงความประหลาดของสิ่งที่เหล้ารัมพูดในฝันนะ แต่ไม่รู้ทำไม.. พอพูดออกไปแล้ว ดันเผลอคิดไปในด้านลบซะอย่างงั้น

"..."

"..."

แถมพอฟังผมพูดจบ เหล้ารัมก็ดันหันมาสบตากับผมนิ่งๆ.. โดยไม่ได้แสดงอะไรออกมาทางสีหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว จนผมชักจะเริ่มหวั่นใจขึ้นมาแล้ว..

"..."

"..."

แต่พอนิ่งกันอยู่ได้สักพัก เหล้ารัมก็หลุดยิ้มออกมาในที่สุด ทำเอาผมนี่งงไปหมด ว่าสรุปเขาจะเอายังไงกันแน่?

"คุณนี่ก็น่ารักดีเหมือนกันเนอะ : )"

"อะ..อะไรนะ?" แล้วก็ยิ่งงงหนักเข้าไปอีก เมื่อจู่ๆ เหล้ารัมก็ดันเอ่ยปากชมผมซะอย่างงั้น!?

"ก็ดูสิ เก็บเอาผมไปฝันด้วย : )"

"อา..."

อะไรกันเนี่ยยยย~ ตอนแรกผมยังกังวลกลัวว่าความฝันของตัวเองจะเป็นลางร้ายอยู่เลย แล้วไหงเหล้ารัมดันพลิกกลับมาทำให้ผมเขินได้ล่ะ!?

ระ..ร้าย!

"นั่น ฝนดาวตก!" แต่ในขณะที่ผมไม่รู้ว่าจะตอบเหล้ารัมกลับไปยังไงดี หางตาก็เหลือบไปเห็นฝนดาวตกที่กระจายตัวอยู่เต็มท้องฟ้าขึ้นมาซะก่อน ก็เลยถือโอกาสนั้นดึงความสนใจนายพ่อมดเหล้าไปยังสิ่งที่เราตั้งใจจะมาดูด้วยกันในวันนี้..

สวยจังแฮะ.. ยิ่งท้องฟ้ามืดสนิท ไร้เมฆ ไร้ดวงจันทร์ ผมก็ยิ่งเห็นฝนดาวตกได้ชัดเจนมากขึ้น นี่ถ้าเป็นเมืองหลวงที่ผมอยู่นะ อย่าว่าแต่ฝนดาวตกเลย เอาแค่ดวงดาวธรรมดาๆ ทั่วไป ยังแทบจะไม่มีให้เห็นเลยด้วยซ้ำ

คงต้องขอบคุณเหล้ารัมน่ะนะ ที่ทำให้ผมได้มีโอกาสเห็นอะไรดีๆ แบบนี้ได้เนี่ย : )

"วาฬครับ คุณไม่อธิษฐานหรอ เขาว่าถ้าอธิษฐานกับฝนดาวตก คำอธิษฐานจะเป็นจริงนะครับ"

"อ๊ะ จริงด้วย" นี่ผมลืมไปได้ยังไงกันนะ

คิดได้ดังนั้น ผมก็รีบกุมมือทั้งสองข้างไว้ พลางหลับตา.. เพื่อทำการอธิษฐานสิ่งที่ปรารถนาในใจ..

"ขอให้เหล้ารัมมีชีวิตที่ดีตลอดไป ถึงแม้ว่า..จะไม่มีผมอยู่ตรงนี้ก็ตาม"
[/i]

โอเค ผมรู้นะว่ามันอาจจะฟังดูดราม่าไปหน่อย แต่ผมก็เชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าดีหรือร้ายล้วนเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น จริงอยู่ที่ตอนนี้เราทั้งคู่อาจจะได้มีช่วงเวลาที่ดีด้วยกัน แต่ก็ไม่มีใครสามารถรับประกันได้ทั้งนั้น ว่าพันธะสัญญาครั้งที่สองของเราจะสำเร็จก่อนที่เวลาของคำสาปจะมาถึงมั้ย?

เพราะฉะนั้น ถ้าหากว่าวันนึงผมเกิดต้องตายจากไปจริงๆ ผมก็อยากให้เขาอยู่ต่อไปให้ได้ ถึงแม้ว่าจะไม่มีผมอยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไปแล้วก็ตาม

"นี่" แล้วตอนที่ผมลืมตาขึ้น ก็เป็นจังหวะเดียวกับกับที่เหล้ารัมสะกิดผมพอดี "คุณอธิษฐานว่าอะไรหรอวาฬ?"

"ไม่บอก"

"อ้าว"

"คุณเองก็ห้ามบอกผมเหมือนกันนะ เดี๋ยวมันจะไม่เป็นจริง : )"

"โอเค" ก่อนที่เหล้ารัมจะยกมือยอมแพ้  ซึ่งดีแล้ว เพราะถึงให้เค้นให้ตายยังไง ผมก็จะไม่มีทางบอกออกไปเด็ดขาด

ในเมื่อ.. ผมอยากให้สิ่งที่ผมอธิษฐานมันเกิดขึ้นจริงนี่ : )


(http://pic.pimg.tw/demona/1405329580-1468390043.gif)

จบตอนที่ 13

ขอโทษด้วยนะครับที่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาไม่ได้อัพให้อ่านกัน

คือแฮมสเตอร์เล็งเห็นว่า เมื่อเทียบจากตอนแรกๆ แล้ว ช่วงหลังๆ นี่คนอ่านหายกันไปเยอะมาก

ก็เลยลองย้อนกลับไปอ่านบทแรกๆ ดู

แล้วก็พบว่า อาจจะเป็นเพราะช่วงหลังๆ แฮมสเตอร์ค่อนข้างเขียนดร็อปลงไปจากช่วงแรกมาก

เพราะฉะนั้น ก็เลยตัดสินใจลองปรับแก้ช่วงท้ายๆ ใหม่ดู เพื่อให้ออกมาดีขึ้น

จะได้สมกับที่มีคนคอยตามอ่านกันนะครับ

ยังไงก็ ขอบคุณมากสำหรับทุกอย่างเลยนะครับ : )

*พูดคุยที่ทวิตเตอร์กันได้ โดย #พ่อมดเหล้า

มายเพจ : #แฮมสเตอร์ (https://www.facebook.com/hamsterisanauthor)
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบสาม..แฟน || อัพเดท : 28/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 28-07-2016 06:21:42
เหล้ารัมเป็นพ่อมดที่เพียบพร้อม แย่หน่อยนะ มาเจอ คนอย่างวาฬ กว่าจะรู้ใจตัวเองก็คงตายซะก่อน หรือไม่ก็ ทำเหล้ารัมเสียใจอีก
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบสาม..แฟน || อัพเดท : 28/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 28-07-2016 09:28:27
 :L1:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบสาม..แฟน || อัพเดท : 28/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 28-07-2016 09:49:36
 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบสาม..แฟน || อัพเดท : 28/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 28-07-2016 10:06:14
ยาวมากกกกกกกกกก :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
คิดว่าเหล้ารัมเองก็คงอธิษฐานว่าถ้าช่วยไม่ได้ก็ขอตายไปพร้อมกัน

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบสาม..แฟน || อัพเดท : 28/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 28-07-2016 10:08:38
สวีทจัดดดดด
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบสาม..แฟน || อัพเดท : 28/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Praykanok ที่ 28-07-2016 10:47:43
มาแล้วววววว เรายังรอคอยอยู่นะคะะ >< สู้ๆค่าาา
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบสาม..แฟน || อัพเดท : 28/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 28-07-2016 10:57:56
เป็นแฟนกันแล้ววว กว่าวาฬจะรู้ตัวนะ ลุ้นตั้งนาน
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบสาม..แฟน || อัพเดท : 28/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 28-07-2016 15:38:55
คือช่วงอวดแฟนใช่ม่ะ วาฬ... :m12: :m12:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบสี่..ปวดใจ || อัพเดท : 31/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 31-07-2016 21:18:37
บทที่ 14
{ ปวดใจ }

(http://66.media.tumblr.com/35e118f0722f1992ea4ee3e669f2de68/tumblr_ngt7ymrT7m1qhodd8o2_1280.gif)

ช่วงนี้เป็นฤดูกาลสอบกลางภาคครับ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับพวกเราชาว’ถาปัตย์เลยสักนิด เพราะถ้าให้เทียบกับกองงานขนาดเท่าภูเขาเลากาแล้ว การสอบนี่ถือว่าอีซี่โคตร!

แล้วก็เพราะว่าไอ้เจ้าพวกงานกองใหญ่ที่เหล่าอาจารย์รุมกันโยนใส่นักศึกษาเนี่ยแหละ ที่ทำให้ผมกับกลุ่มเพื่อนต้องมานอนกองกันที่บ้านหลิวตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว โดยมีเหล้ารัมตามมาแอ๊บทำงานด้วย ซึ่งก็ถือว่าวิเศษมาก เพราะไม่ว่าใครจะติดปัญหาในการทำงานใดๆ ก็แล้วแต่ นายพ่อมดเหล้าของเราก็สามารถแอบช่วยจัดการให้ได้หมดทุกคน จนผมแอบคิดเล่นๆ ว่า.. ไอ้เอก หลิว แล้วก็ไอ้บอยนี่ต้องขอบคุณผมนะเนี่ย ที่มีแฟนเป็นพ่อมดที่เก่งแบบนี้ ไม่งั้นมีหวังงานไม่คืบหน้าแน่ อิอิ : )

ว่าแต่.. แสงแดดแยงตากันขนาดนี้แล้ว จะมีแค่ผมคนเดียวที่ตื่นจริงๆ หรอเนี่ย?

“...” คือตอนนี้พวกเราทั้งหมดนอนกองกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น (ที่เนรมิตให้กลายเป็นห้องทำงาน) ครับ โดยมีหลิวที่นอนหลับอย่างเรียบร้อยอยู่บนโซฟาเหนือหัวผม ในขณะที่ไอ้เอกกับไอ้บอยนอนเอาหัวชนกันอย่างหมดสภาพ ส่วนผมกับเหล้ารัม.. เอ่อ.. กำลังนอนหันหน้าเข้าหากันอยู่..

“...” จริงๆ นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกนะ ที่ผมกับนายพ่อมดเหล้าได้นอนใกล้ๆ กันแบบนี้ เพราะว่าเราสองคนเคยนอนด้วยกันแล้วตั้งแต่ตอนที่ไปตั้งเต็นท์ดูฝนดาวตกเมื่อสองวันก่อน แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม..หัวใจมันถึงได้รู้สึกวูบวาบนัก..

หรืออาจจะเพราะว่าตอนนั้น..เหล้ารัมตื่นนอนก่อน เลยทำให้ผมไม่มีโอกาสได้มานอนมองหน้าเขาตอนหลับแบบครั้งนี้ก็เป็นได้ : )

ดูสิ คนอะไรก็ไม่รู้ ทำไมถึงได้หน้าตาดีแม้กระทั่งตอนกำลังหลับแบบนี้นะ ถึงแม้ว่าจะหัวยุ่งจนไม่เป็นทรง แถมบริเวณทีโซนก็ออกจะมีความมันนิดๆ แต่ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ผมก็ยังรู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายที่หลับได้ดูดีอยู่ดี เหมือนเวลาตอนตื่นก็อย่างนึง แต่พอนอนหลับก็จะดูเป็นเด็กผู้ชายหน้าตาดีที่สิ้นฤทธิ์ไปอีกอย่างนึงอะไรแบบนั้น

ตึกตัก ตึกตัก

เฮ้ออออ ยิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่งวูบวาบอะ นี่สรุปว่าเค้าจะมีพลังทำลายล้างสูงแม้กระทั่งยามหลับเลยใช่มั้ยเนี่ย!

ทว่า.. “นี่คุณ” ในขณะที่ผมกำลังนอนมองหน้าเหล้ารัมอยู่เพลินๆ นั้น “นอนมองผมซะขนาดนี้ ไม่จูบผมเลยล่ะครับ” จู่ๆ เขาก็ดันพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม ทั้งที่ยังคงหลับตาพริ้มอยู่เลย!

“บ้า!” ด้วยความตกใจระคนเขินอาย ผมเลยเผลอฟาดแขนเขาซะเต็มแรง ทำเอาเหล้ารัมถึงกับลืมตาตื่นขึ้นมาร้องโอดโอยในทันที น่ะ..นี่สรุปว่าแกล้งหลับหรอเนี่ย!?

“โอ๊ย! เจ็บนะครับวาฬ”

แล้วก็ไม่ใช่แค่เหล้ารัมที่ตื่นไง เพราะพอเราทั้งคู่ทำเสียงดัง ก็เป็นผลให้คนอื่นๆ ตื่นตามไปด้วย เริ่มจากหลิวที่ลุกขึ้นนั่งด้วยหน้าตางัวเงีย พร้อมกับพูดว่า “อ้าว ตื่นกันแล้วหรอ งั้นเดี๋ยวขอไปอาบน้ำก่อนนะ แล้วเดี๋ยวค่อยมาคิดกันว่าจะกินอะไรดี” ก่อนที่เจ้าหล่อนจะเดินลากคาขึ้นไปบนบ้าน

“...” ต่อมาก็ไอ้เอกครับ รายนี้มันก็ตื่นแล้วเช่นกัน แต่เป็นการตื่นขึ้นมามองผมสองคนด้วยแววตาหงุดหงิดนะ.. ราวกับว่าต้องการจะต่อว่าทางสายตาใส่ผมกับเหล้ารัมเรื่องที่ทำเสียงดังจนมันสะดุ้งตื่นอะไรประมาณนั้น ก่อนที่สุดท้าย..ไอ้เอกเพื่อนรักของผมมันจะล้มตัวลงนอนอีกครั้ง อย่างหมดสภาพ..

เอ่อ... กูขอโทษที่รบกวนก็แล้วกันนะมึง

ส่วนบอย รายนี้ตายครับ ไม่มีการขยับเขยื้อนอะไรทั้งนั้น เข้าใจแล้วว่าคำว่าหลับเป็นตายน่ะมันเป็นยังไง ขนาดว่าผมกับเหล้ารัมส่งเสียงดังกันซะขนาดนี้ มันยังไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัวเลยสักนิด นี่ถ้าเกิดมีเหตุฉุกเชิญอะไรขึ้นมา เพื่อนผมมันจะตื่นมั้ยวะเนี่ย?

“อ๊ะ!” พอสำรวจเพื่อนแบบคร่าวๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็หันกลับมาหาเหล้ารัมอีกครั้ง ละ..แล้วก็เป็นอันต้องสะดุ้งเข้าให้! เพราะดูเหมือนว่านายพ่อมดเหล้าจะขยับเอาหน้าเข้ามาใกล้กันมากกว่าเดิม แถมยังส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์มาอีก จนผมนี่ถึงกับต้องรีบถามออกไปทันที ว่าไอ้ยิ้มแบบนี้น่ะมันยังไงกันแน่? “ยะ..ยิ้มแบบนี้หมายความว่าไงครับ?”

“เปล๊าาา : )”

“บอกว่าเปล่า แต่เสียงสูงเลยเนี่ยนะ!?” แบบนี้ใครมันจะไปเชื่อกันว่าเขาไม่ได้มีอะไรน่ะ!?

“อะไร ไม่ได้เสียงสูงสักหน่อย : )”

“...” ยัง ยังไม่ยอมตอบใช่มั้ย ได้! งั้นผมจะไม่ถามต่อแล้ว

แต่ทำการหรี่ตามองเพื่อกดดันเขาแทนก็แล้วกัน!

แต่ถึงอย่างงั้นเหล้ารัมก็เอาแต่ปิดปากยิ้มอยู่เกือบนาทีเลยนะ จนในที่สุด... “โอเค ยอมก็ได้ ผมก็แค่..อยากจะรอถามคุณเฉยๆ ว่ายังอยากจะจูบผมอยู่รึเปล่า : )” ..เขาก็ตอบออกมา

แล้วดูสิ่งที่เขาตอบสิ อะเราก็นึกว่าอะไร ที่แท้ก็ตั้งใจจะแกล้งกันชัดๆ!

“คนบ้า!”

งานนี้ผมก็เลยได้ฟาดคนเข้าให้อีกหนึ่งที เพราะที่แท้เหล้ารัมก็แค่อยากจะแกล้งผมต่อจากตอนที่นอนมองหน้าเขาเท่านั้นเอง ระ..ร้ายมาก!

“โอ๊ยยย ตีที่เดิมแบบนี้มันเจ็บนะวาฬ”

“ผมว่าผมไปอาบน้ำดีกว่า” และโดยที่ไม่สนใจฟังเสียงบ่นเจ็บของอีกฝ่าย ผมก็รีบลุกขึ้นไปยังกระเป๋าเป้.. หยิบเสื้อผ้าชุดใหม่กับอุปกรณ์ในการอาบน้ำที่เตรียมมา แล้วรีบเดินหนีเหล้ารัมเข้าไปในห้องน้ำชั้นล่างทันที

เพราะถ้าไม่อย่างงั้น.. ถ้าขืนยังนอนหันหน้ามองเค้าอยู่ต่อไปล่ะก็ มีหวังนายพ่อมดเหล้าคงจะได้เห็นแน่ ว่าผมน่ะ เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่ยอมหยุดเลยเนี่ยยยย~



* * * * * * *



หลังจากที่ผม หลิว และเหล้ารัมอาบน้ำกันเสร็จเรียบร้อยทั้งสามคนแล้ว การประชุมขนาดย่อมเรื่องเมนูอาหารก็เกิดขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่คนคิดจะหนักมาทางผมกับหลิว ในขณะที่เหล้ารัม (ผู้ซึ่งไม่สันทัดด้านการทำอาหาร) มีหน้าที่เพียงแค่ยืนจดสิ่งของต่างๆ ที่ต้องออกไปซื้อเท่านั้น

“ขอหมึกผัดไข่เค็มด้วยได้มั้ย” เว้นเสียแต่เมนูสุดท้ายเนี่ยแหละที่จู่ๆ คุณแฟนของผมก็ดันรีเควสขึ้นมา ทำเอาผมอดไม่ได้ที่จะนึกย้อนไปถึงตอนที่ทำเมนูนี้ให้เขากินเป็นครั้งแรก..

“หืมมม หอมจัง อะไรเนี่ย”

“นี่คุณ ปล่อยก่อนครับ ผมผัดไม่ถนัดเลย”
จำได้ว่าตอนนั้นผมพยายามอย่างมากที่จะผัดหมึกผัดไข่เค็มในกะทะให้ออกมาดีที่สุด ในขณะที่ช่วงเอวก็จะต้องโดนนายพ่อมดเหล้าที่ตัวสูงกว่าล้อมกอดจากด้านหลังไปด้วย

“โอเค ผมจะยอมปล่อยก็ได้ แต่คุณต้องบอกมาก่อนนะว่าที่อยู่ในกะทะเนี่ย เขาเรียกว่าอะไรกันแน่”

“หมึกผัดไข่เค็มครับ”

“หมึกผัดไข่เค็ม?”

“ใช่ครับ ผมเพิ่งลองทำเป็นครั้งแรก พอดีเมื่อคืนเปิดเจอในยูทูป ยังไม่รู้เลยว่าจะอร่อยมั้ย”

“งั้นไหน มาให้ผมลองชิมซิ”
เหล้ารัมยอมปล่อยผมเป็นอิสระในวินาทีนั้น ก่อนที่เขาจะเดินไปหยิบช้อนมาชิมหมึกผัดไข่เค็มฝีมือผมอย่างที่ว่า

“เป็นไงครับ?” ผมถามอย่างไม่ค่อยจะแน่ใจเท่าไหร่นัก เมื่อเห็นว่าเหล้ารัมดูจะนิ่งไปเลย ทั้งที่ปกติเวลาชิมอาหารที่ผมทำทีไร ก็จะออกอาการชมอย่างโอเวอร์เสียทุกครั้ง แต่ครั้งนี้..

“อืม... ขอลองชิมอีกที” นายพ่อมดเหล้ากลับตักชิมอีกครั้ง ตอนแรกก็ชิมน้ำผัดที่ผสมไข่เค็ม ต่อมาก็ชิมเนื้อปลาหมึก

“เป็นไงครับ โอเคมั้ย”

แต่ก็เหมือนเดิม ”คือ... ขอชิมอีกทีแล้วกันนะครับ” เหล้ารัมยังคงไม่แสดงอาการอะไรออกมา ทำเพียงแค่ขอชิมอีกครั้ง จนผมต้องเบาไฟ แล้วขยับตัวออกมาทางซ้าย เพื่อให้เหล้ารัมสามารถชิมได้ถนัดขึ้น

ตอนแรกน้ำ ต่อมาก็เนื้อปลามึก แล้วก็วนกลับไปน้ำ ต่อด้วยเนื้อปลาหมึก แล้วทีนี้ก็เริ่มตักทั้งเนื้อทั้งน้ำ ตามด้วยผัก เรียกมาเป็นการชิมอย่างต่อเนื่องจนผมต้องรีบร้องห้าม

“เหล้ารัม คุณชิมเยอะไปแล้วนะ ยังสรุปไม่ได้อีกหรอว่าโอเคมั้ย?”

“...”

“นี่คุณ ฟังผมอยู่รึเปล่าเนี่ย?”

“...”

“เหล้ารัม หยุดชิมเดี๋ยวนี้ จะหมดกะทะแล้วนะ!”

“...”

“เหล้ารัม! หยุด!”

“...”


นายพ่อมดเหล้าถึงกับสะดุ้ง ดูยังไงก็เหมือนคนที่เพิ่งตื่นจากภวังค์ยังไงยังงั้น ขณะที่ช้อนก็ยังคาปากอยู่เลย

“คุณเป็นอะไรของคุณเนี่ย?”

“ผมรักมัน”

“หะ..หา!?”

“ผมรักหมึกผัดไข่เค็มฝีมือคุณ”

“...”

“มันอร่อยมาก”

“...”

“ได้ยินมั้ยวาฬ มันอร่อยมาก!”

“ดะ..ได้ยินแล้วครับ”

“ทำให้ผมกินอีกชามนะ”

“แต่ว่าในนะกะนี่ก็ยัง..”

“ได้โปรดดดดด~”



สรุปว่าวันนั้น เหล้ารัมฟาดหมึกผัดไข่เค็มคนเดียวสองกะทะรวด! เขายอมรับสารภาพเลยว่าตอนที่กินเป็นอะไรที่หน้ามืดตามัวมาก เหมือนโดนสะกดจิตอะไรแบบนั้น ซึ่งผมก็เชื่อ เพราะกลายเป็นว่ามื้อนั้นไม่เหลือซากอะไรให้ผมกินเลยแม้แต่ชิ้นเดียว จนสุดท้ายต้องไปเจียวไข่เงียบๆ อยู่ในครัว โดยมีเหล้ารัม (ที่ฟาดหมึกผัดไข่เค็มไปหมดแล้ว) มายืนทำหน้าสำนึกผิดอยู่ข้างๆ ทั้งที่ผมก็ไม่ได้โกรธอะไร ออกจะดีใจด้วยซ้ำ

แค่ต้องบันทึกเอาไว้ให้ขึ้นใจเท่านั้นเองว่า.. ‘หมึกผัดไข่เค็ม = เมนูอันตราย’ เพราะจะเปลี่ยนจากนายพ่อมดเหล้า ให้กลายเป็นปีศาจจอมเขมือบน่ะสิ!

เพราะฉะนั้น “คุณแน่ใจนะ?” ผมเลยต้องถามย้ำเพื่อความในใจแบบที่รู้กันสองคนว่า..ถ้าทำให้กินแล้ว เขาจะสามารถควบคุมสติตัวเองได้?

แล้วผลก็คือ “เอ่อ.. งั้นขอเป็นไข่น้ำแทนก็แล้วกันครับ” หลังจากที่นิ่งคิดไปนานเกือบนาที เหล้ารัมก็ตัดสินเปลี่ยนเมนูจนได้

แบบนี้แสดงว่าเขาควบคุมตัวเองไม่ไม่ได้สินะ?

เหอะ เชื่อเขาเลย ให้ตายสิ : )

“งั้นก็ต้องซื้อไข่ด้วย เพราะที่บ้านเหลือสองฟองเอง เรามีกันตั้งห้า ไม่น่าจะพอกินหรอก” แม้จะยังดูงงๆ กับการเปลี่ยนแปลงแบบกะทันหันของเหล้ารัม แต่หลิวก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรออกมา ทำเพียงแค่เตือนให้ซื้อไข่มาเพิ่มเท่านั้น

“โอเค น่าจะมีแค่นี้เนอะ” ก่อนที่ผมจะขอกระดาษที่จดจากเหล้ารัมเพื่อตรวจเช็คความถูกต้องอีกที “ถ้างั้นเรารีบไปซื้อของกันเถอะ”

พูดจบแค่นั้น ผมก็เป็นฝ่ายนำทีมเหล้ารัมกับหลิวออกจากบ้าน ทว่า..

“เดี๋ยวก่อนวาฬ” หลิวกลับร้องห้ามผมไว้

“มีอะไรหรอหลิว?”

“คือ.. จะเป็นไรมั้ย ถ้าให้วาฬไปกับเหล้ารัมแค่สองคนน่ะ”

“อ้าว ทำไมล่ะ” ผมหันมองหน้านายพ่อมดเหล้าอย่างงงๆ ก่อนที่เราทั้งคู่จะหันกลับไปรอฟังคำตอบจากหลิว

“งานหลิวยังไม่เสร็จดีน่ะ เลยอยากจะขอทำต่อก่อน ได้มั้ย?”

“โธ่ นึกว่าเรื่องอะไร” ผมยิ้มอย่างเห็นใจหลิวในทันที เมื่อสีหน้าของอีกฝ่ายดูแสดงความเกรงใจอย่างเห็นได้ชัด “สบายมาก หลิวทำงานเถอะ ซื้อของแค่นี้เอง สองคนก็เกินพอแล้ว ไว้เดี๋ยวกลับมา เราค่อยมาช่วยกันเตรียมอาหารก็แล้วกัน : )”

พอได้ยินผมพูดแบบนั้น หลิวก็ดูจะยิ้มได้อย่างสบายใจขึ้น ก่อนที่หลังจากนั้นผมกับเหล้ารัมจะรีบพากันขับรถออกมา เพราะถ้าขืนมัวแต่ชักช้ากันอยู่ล่ะก็ เกิดไอ้เอกกับไอ้บอยฟื้นคืนชีพขึ้นมา คงจะทำไม่ทันกินแน่

“มา เดี๋ยวผมเข็นให้” แล้วพอมาถึงที่ห้างฯ เหล้ารัมก็แสดงความเป็นสุภาพบุรุษโดยการแย่งรถเข็นไปเข็นเอง ปล่อยให้ผมเป็นฝ่ายเดินตัวปลิวหยิบของต่างๆ ใส่รถเข็นแทน

“ขอบคุณนะครับ”

จะว่าไป ห้างฯ ที่เราสองคนมาในวันนี้เป็นห้างฯ ที่ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นะ เคยมาเดินสองสามครั้งแล้ว แต่ก็ไม่เคยประทับใจกับการจัดวางสินค้าของที่นี่สักที ถ้าไม่ติดว่าอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านของหลิวล่ะก็ ผมไม่มีทางยอมมาเด็ดขาด

แต่ถึงจะเป็นห้างที่ผมไม่โปรดปรานนัก การจับจ่ายสิ้นค้าของผมกับเหล้ารัมก็ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องอย่างไร้ปัญหา จนกระทั่ง.. ”คุณครับ คุณว่าเราควรซื้อยี่ห้อไหนดี?” ..มาสะดุดเอาที่ผงหมักทอดกรอบ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลิวต้องการ

“...” ทว่า.. แทนที่เหล้ารัมจะตอบอะไรกลับมาในทันทีเหมือนที่ชอบทำ แต่ในวินาทีนั้น.. นัยน์ตาสีม่วงอ่อนคู่สวยของเขาที่มองมา..กลับสั่นไหวรุนแรงเสียจนผมทนเก็บความสงสัยเอาไว้อีกไม่ได้

“เหล้ารัม.. เป็นอะไรรึเปล่าครับ?”

“เอ่อ..” ซึ่งพอโดนทักเข้า ความสั่นไหวราวกับเปลวเทียนต้องลมก็พลันสลายหายไป “ผมแค่..คิดถึงแม่ของผมน่ะครับ” ก่อนที่เค้าจะยอมบอกสิ่งที่อยู่ในใจออกมา..

วินาทีนั้นผมไม่สนใจอีกแล้วว่าจะต้องเป็นผงหมักทอดกรอบของยี่ห้อไหน เพราะสิ่งที่สำคัญกว่าก็คือความรู้สึกของร่างสูงที่อยู่ตรงหน้าต่างหาก

“คุณโอเคนะ” ผมโยนทั้งสองซองในมือใส่รถเข็น ก่อนจะเดินเข้าไปจับแขนเขาอย่างปลอบโยน

“ผมโอเคครับวาฬ แต่แค่เมื่อกี้.. ตอนที่คุณหันมาถามผมว่าควรจะซื้อยี่ห้อไหนดี มันทำให้ผม..อดคิดถึงตอนที่มาเดินซื้อของกับแม่สมัยเด็กๆ ไม่ได้ เพราะว่าท่านเอง ก็เป็นคนที่ชอบถามผมแบบนี้เหมือนกัน”

พอได้ฟังแบบนั้น ผมก็เริ่มยิ้มได้ เพราะถึงแม้ว่าสิ่งที่เล่ามาจะชวนให้รู้สึกเศร้า ทว่านัยน์ตาคู่นั้นของเค้า..กลับเป็นประกาย

แสดงว่าภาพความทรงจำในหัวของเหล้ารัมตอนนี้.. คงจะต้องสวยงามมากแน่ๆ : )

“...” ผมไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น แต่เลือกที่จะรวบกอดนายพ่อมดเหล้าเอาไว้แน่นๆ แทน โดยที่ไม่แคร์สายตาใครทั้งสิ้น

“...” ในขณะที่เหล้ารัมเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเช่นเดียวกัน..

จนกระทั่งผมผละกอดออกจากเขานั่นล่ะ ถึงได้เห็นว่าอีกฝ่ายมีรอยยิ้มที่สดใสขึ้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีน่ะนะ : )

“งั้นเราไปซื้อของสดกันเถอะครับ จะได้รรบกลับไปทำกับข้าวกินกัน : )”

“โอเคครับ : )”

พูดจบแค่นั้น เราสองคนก็เดินไปยังโซนของสดที่อยู่ทางด้านซ้ายสุดของซุปเปอร์ฯ ผมเลือกนั้นหยิบนี่อย่างดีที่สุดตามที่ได้เรียนรู้มาจากทั้งแม่และพี่ฟ้า จนหลายๆ ครั้งก็ทำเอาเหล้ารัมอึ้งไปเลยที่ได้รู้ว่าผมเป็นคนที่พิถีพิถันกับเรื่องอาหารการกินมากขนาดนี้

ไม่ได้หรอก นี่มันของกินนะ เป็นของที่เราต้องนำเอาใส่ปากเข้าไป ซึ่งนั่นก็หมายความว่ามันมีผลกับร่างกายของเราโดยตรง เพราะฉะนั้นถ้าเราเลือกแต่ของดีๆ สุขภาพของเราก็จะดีตามไปด้วย แต่ถ้าเราหลับหูหลับตาเลือกแต่ของเสียๆ เข้าไปล่ะก็ ผลลัพธ์อาจเลวร้ายกว่าที่พวกคุณคิดก็ได้

“ต่อไปก็ปลากะพงครับ อย่างสุดท้ายแล้ว” เหล้ารัมอ่านสิ่งสุดท้ายในลิสต์ที่เราเขียนกันมา จังหวะเดี๋ยวกันกับที่ผมเพิ่งจะหยิบเนื้อวัวสามแพ็คใส่ลงไป

เราทั้งคู่ก็เลยเดินไปยังโซนขายปลานานาชนิด จนได้พบกับปลากะพงที่เราต้องการ

“เดี๋ยวครับ” แต่ในขณะที่ผมกำลังจะทำการเลือก เหล้ารัมก็ยกมือขึ้นห้ามไว้ “ครั้งนี้ผมของลองเลือกดูนะครับ”

อ๋อ อย่างงี้นี่เอง งั้นก็.. “เอาเลยครับ เชิญเลือกตามสบาย”

พอผมตกลง นายผมบลอนด์หน้าหล่อก็ยืนกอดอกเพื่อพิจารณาปลากะพงสดอย่างจริงจัง จนผมอดยิ้มกับท่าทางแบบนั้นของเค้าไม่ได้ เพราะว่ามันดู..เท่เป็นบ้า!

“ผมว่าตัวนี้ชัวร์” ซึ่งหลังจากที่ยืนพิจารณาอยู่นานนับนาที เหล้ารัมก็หยิบถุงมือพลาสติกที่ทางห้างฯ เตรียมไว้ให้ขึ้นมาใส่ ก่อนจะเลือกหยิบปลาตัวที่..

“ใช้ไม่ได้ครับ”

“หา!?” เหล้ารัมถึงกับร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ เพราะดูเขาจะมั่นใจมากจริงๆ ว่าปลากะพงตัวที่เลือกต้องเป็นของดีแน่

แต่ผิดครับ “คุณดูนี่สิ” ผมชี้ให้ดูตากับเกล็ดของปลาตัวที่เหล้ารัมเลือก “ตากับเกล็ดปลาขุ่นมาก ใช้ไม่ได้เลย แล้วลองดูตัวนั้น” ก่อนจะชี้ไปที่ปลาอีกตัว “เห็นมั้ย เหงือกสีแดงสด ตาใส เกล็ดกับหนังไม่ขุ่น ทีนี้คุณลองกดที่ตัวมันดู”

“กดลงไปเลยหรอครับ”

“ใช่ครับ ลองกดดู แต่อย่าแรงมากนะ ขอแบบพอดีๆ”

“โอเคครับ”

พอผมยืนยันว่าให้เขาลองกดดูที่ตัวปลาอีกครั้ง เหล้ารัมก็วางเจ้าปลาตัวที่เขาเลือกลง ก่อนจะเริ่มทำตามที่ผมบอก

แล้วผลปรากฏก็คือ “นั่นไงครับ พอคุณกดลงไปแล้ว เนื้อมันไม่บุ๋มตามรอยนิ้ว แสดงว่าเนื้อแน่น ใช้ได้ครับ”

“แบบนี้นี่เอง คุณเก่งจังเลยครับวาฬ : )”

“เอ่อ.. ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ผมเองก็จำๆ ที่แม่สอนมาอีกที”

“รับอะไรดีครับ” แล้วในขณะที่ผมกำลังทำตัวไม่ค่อยถูกกับขำชมของเหล้ารัมอยู่นั้น พนักงานขายที่หายไปไหนมาก็ไม่รู้ก็ดันโผล่มาซะก่อน ผมก็เลยพยักหน้าเป็นเชิงบอกเหล้ารัมให้ส่งปลากะพงตัวที่ดีให้พนักงานซะ

“เอาตัวนี้ครับ”

“ไม่ทราบว่าคุณผู้ชายจะเอาปลาไปทำอะไรครับ”

“ทอดครับ”

“งั้นได้เลยครับ เดี๋ยวผมจัดการให้” พูดจบ คุณพนักงานก็รับปลาจากมือเหล้ารัมไปจัดการต่อเองตามความต้องการของลูกค้า ก่อนที่จะส่งกลับมาเป็นถุงซิปล็อคอย่างดีที่ภายในบรรจุปลากับน้ำแข็งเอาไว้

“วาฬครับ คุณรู้วิธีการเลือกของทุกอย่างเลยหรือเปล่า” แล้วในขณะที่เราเดินกันต่อเพื่อไปยังจุดชำระเงิน เหล้ารัมก็ถามขึ้น

“ไม่หรอกครับ ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่ได้เก่งขนาดนั้น” ผมเลยตอบกลับไปตามความเป็นจริง เพราะเป็นไปไม่ได้หรอกที่คนหนึ่งคนจะรู้ไปซะทุกอย่างน่ะ

“แล้วถ้า.. คุณอยากจะเลือกแฟนที่ดีสักคนล่ะ ต้องเลือกแบบไหนกัน : )”

เดี๋ยวนะ! นี่ผมถึงกับหยุดเดินเลยเมื่อเจอเขาถามแบบนั้น ในขณะที่ตัวคนถามก็หยุดเดินด้วย ก่อนจะหันมายิ้มกว้างให้ ระ..ร้าย!

ซึ่งถ้าเป็นปกติ ผมก็คงแกล้งทำเป็นโวยวายแก้เขิน หรือไม่ก็ก้มหน้าก้มตาทำเป็นเงียบๆ ไปซะ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม กับคราวนี้ ผมถึงอยากต่อปากต่อคำก็ไม่รู้

“รู้สิครับ”

“อ้าว รู้ด้วยหรอ งั้นไหนบอกผมมาทีว่าถ้าจะเลือกแฟนที่ดีต้องเลือกยังไง : )”

“ง่ายมากครับ ก็แค่.. เลือกคนที่ชื่อเหล้ารัมก็พอ : )”

แต่แทนที่เหล้ารัมจะหงายเงิบกับหมัดสุดท้ายที่ผมตัดสินใจปล่อยตรงออกไป

กลับกลายเป็นว่าเขาดันยื่นหน้าเข้ามาใกล้.. “งั้นคุณก็เลือกได้ถูกต้องแล้วล่ะครับ : )” ..แล้วจัดการผมด้วยหมัดสุดท้ายของเขาแทน!!

“..,”

เมื่อเหล้ารัมพูดจบ เขาก็เข็นรถเข็นต่อไปเพื่อนำสินค้าไปชำระเงินตามความตั้งใจแรก โดยไม่ได้หันกลับมามองเลยสักนิด.. ว่าเค้าได้ทิ้งแฟนของตัวเองให้หยุดยืนอยู่กับที่.. ด้วยความร้อนจากความเขินอายที่แผดเผาไปทั่วทั้งร่างกาย...

ตึกตัก.. ตึกตัก..
ตึกตัก.. ตึกตัก..
ตึกตัก.. ตึกตัก..


หะ..ให้มันอย่างงี้เซ่!!!

/ ต่อด้านล่าง /


หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบสี่..ปวดใจ || อัพเดท : 31/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 31-07-2016 21:18:55

(http://67.media.tumblr.com/ec886cbb021ca0037a1006ec31031ae6/tumblr_ngt7ymrT7m1qhodd8o3_1280.gif)

* * * * * * *

“หลิว เราขอจานใบนึงสิ”

“ได้จ้ะ”

ตอนนี้ผมกับเหล้ารัมกลับมาถึงบ้านแล้วครับ โดยที่หลิวกับผมกำลังแบ่งกันทำอาหารกันอยู่สองคนในครัว ซึ่งเสร็จไปแล้วหนึ่งเมนู อันได้แก่ผัดผักบุ้งไฟแดงฝีมือหลิว

“ขอบคุณนะ” ผมรีบกล่าวขอบคุณทันทีเมื่อหลิวส่งจานเปล่ามาให้ตามคำขอ ก่อนที่จะรับมาและวางไว้ข้างตัว

ผมโรยพริกไทยเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความเผ็ดร้อนให้กับอาหารที่กำลังผัดอยู่ ทำเอาหลิวนี่จามเสียยกใหญ่เลย แต่แปลกนะ ไอ้ผัดกะเพราเนี่ย ทำไมคนที่ผัดกลับไม่ฉุนก็ไม่รู้?

“โห~ น่ากินจัง : )”

แต่ในขณะที่ผมกำลังจะตักผัดกะเพราเนื้อฝีมือตัวเองใส่จานอยู่นั้น เสียงร้องจากทางด้านหลังก็เรียกความสนใจจากหลิวกับผมขึ้นมาเสียก่อน

“นั่นผัดผักบุ้งฝีมือหลิวเอง เหล้ารัมลองชิมดูได้นะ ช้อนอยู่ในลิ้นชักขวามือจ้ะ” แล้วจะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่เหล้ารัมที่รีบพุ่งตัวไปหยิบช้อนตามคำบอกของหลิว

พอเห็นแบบนั้นผมก็ยอมน้อยหน้าไม่ได้ รีบตักกะเพราเนื้อให้เสร็จ แล้วเอาไปวางไว้คู่กัน “ส่วนนี่ฝีมือผม ถ้าอยากชิมก็ชิมได้นะครับ” อิอิ : )

ก่อนที่ผมจะเดินกลับมาปรุงรสไข่น้ำที่ทำควบคู่ไปกับตอนที่ผัดกะเพราะต่อ ในขณะที่หลิวเองก็กลับมาง้วนอยู่กับปลากะพงทอดน้ำปลาของเธอเช่นกัน

ทำให้วินาทีนั้นเราทั้งคู่ไม่รู้เลยว่าเหล้ารัมทำอะไรกับเมนูอาหารสองจานนั้นบ้าง จนกระทั่ง..

“ผมชิมทั้งสองจานแล้วนะครับ” นายพ่อมดเหล้าพูดขึ้นนั่นแหละ ถึงได้เรียกความสนใจจากผมกับหลิวอีกครั้ง “ผัดผักบุ้งของหลิวอร่อยจัง”

“ขอบคุณนะ” พอได้รับคำชมแล้ว เจ้าของผัดผักบุ้งก็หันกลับไปจัดการกับปลาทอดในกะทะต่อ

เลยเหลือเพียงแค่ผมคนเดียวเท่านั้นที่ยังคงสบตากับเหล้ารัม เพื่อรอคอมเม้นท์จากปากเค้า ซึ่งผลก็คือ..

“แต่สู้ของแฟนผมไม่ได้นะ เพราะว่ากะเพราเนื้อฝีมือแฟนผมเนี่ย อร่อยที่สุดในโลกแล้ว : )”

วะ..วินาทีนั้น..เหมือนผมสามารถควบคุมใบหน้าของตัวเองได้อย่างยากลำบากมาก! เพราะปากมันอยากจะยิ้มออกมาเสียกว้างๆ ทว่าความร้อนที่แผ่ซ่านบริเวณสองข้างแก้มกลับเป็นสัญญาณช่วยเตือนที่บอกให้ผมควบคุมไว้ เพราะถ้าไม่อย่างงั้น ผมได้ยิ้มเขินเหมือนคนบ้าต่อหน้านายพ่อมดเหล้าแน่!

คือ.. ไอ้เสียฟอร์มน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่กลัวว่าเค้าจะเก็บเอาเรื่องนี้มาทำให้ผมเขินอีกเรื่อยๆ ต่างหาก โอ๊ยยยย~

ซะ..ซึ่งมันต้องได้ผลอีกแน่!

“บะ..บ้า!” เพราะฉะนั้นหนทางที่ดีที่สุดคือทำเสียงดังเข้าไว้ จะได้ช่วยลดอาการเขินให้ตัวเอง “คุณน่ะ ไปปลุกบอยกับเอกเลยไป ไว้ทำเสร็จเมื่อไหร เดี๋ยวผมเรียก” ก่อนจะไล่นายพ่อมดผมบลอนด์ที่ยิ้มสดใสอยู่ในตอนนี้ให้ออกไปจากครัวซะ

ซึ่งเขาก็ว่าง่ายนะ รีบยกมือยอมแพ้ แล้วตั้งท่าจะเดินออกจากครัวทันที “โอเคครับ เดี๋ยวผมไปปลุกเอกกับบอยให้ เพราะถ้าขืนอยู่ต่อ คงมีคนเขินตายแน่ : )” ทว่าก็ยังไม่วายแซวปิดท้ายน่ะนะ!

“ไม่ได้เขินสักหน่อย!”

“โอเค ไม่เขินก็ไม่เขิน ไม่เห็นต้องเสียงดังเลยนี่ : )”

“บะ..บอกให้ไปปลุกบอยกับเอกไงเล่า!”

“ฮ่าๆๆๆ~ คร้าบบบบ : )”

เฮ้อออออ ผมรู้สึกหายใจหายคอโล่งขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่านายพ่อมดเหล้าพารอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเขาออกไปจากครัวแล้ว ทำให้สามารถกลับมาปรุงไข่น้ำได้ต่อ แม้ว่า..จะมีความคิดที่อยากเอาหัวมุดหม้อต้มไข่น้ำด้วยความเขินอายก็ตาม!

“หลิวล่ะอยากมีแฟนมาทำให้เขินบ้างจัง : )” แต่แล้วใครจะคิด ว่าในเวลาต่อมา คนที่โจมตีผมต่อจากนายพ่อมดเหล้าจะกลายเป็นคุณหนูหลิวที่กำลังลงเรือลำเดียวกัน (ในการทำอาหาร) ไปซะได้!

“พะ..พอเลยหลิว ถ้ายังอยากเป็นมิตรที่ดีต่อกัน อย่าเพิ่งมาแซวกันตอนนี้” มันเขินเข้าใจมั้ย มันเขินนนนน

“อะไรกัน เรื่องแค่นี้ถึงกับจะต้องตัดเพื่อนกันเลยหรอ งั้นก็แสดงว่าเขินที่เหล้ารัมแซวมากจริงๆ สินะ : )”

“ไม่เอาแล้วหลิว เราเลิกพูดเรื่องนี้แล้วทำอาหารกันต่อเถอะ ขอร้องงง~”

“นี่ ไม่เห็นจะต้องอายเลยวาฬ เขินก็แสดงออกมาเถอะ ไม่มีใครเค้าว่าหรอก โดยเฉพาะต่อหน้าแฟนที่ทั้งหล่อและดียังเหล้ารัมเนี่ย ปล่อยเขินให้เต็มที่ไปเลย : )”

ยัง ยังไม่ยอมหยุดใช่มั้ย ได้! ถ้าจะเล่นแบบนี้ล่ะก็ งั้นก็ถึงตาผมเอาคืนบ้างล่ะ!

“ก็ได้ หลิวบอกว่าหลิวอยากมีแฟนมาทำให้เขินบ้างใช่มั้ย งั้นก็..คบกับไอ้บอยเลยสิ ชอบมันอยู่เหมือนกันไม่ใช่หรอ : )”

“บะ..บ้า! อย่ามาเปลี่ยนเรื่องนะวาฬ”

“อะไรกัน เขินหรอ ถ้าเขินก็บอกบอยสิ มันจีบหลิวอยู่นะ : )”

“กะ..ก็จีบอยู่ แต่ว่า..” หลิวปิดแก๊สมือสั่นเลยตอนที่ผมพูดถึงเรื่องที่ไอ้บอยมันกำลังตามจีบเจ้าหล่อนอยู่ หึ! ทีนี้เข้าใจยังครับ ว่าเวลาโดนแซวให้เขินมากๆ เนี่ย ความรู้สึกมันเป็นยังไง “บอยไม่ยอมพูดออกมาให้ชัดเจนสักทีนี่หน่า”

“ถ้างั้นหลิวก็บอกความรู้สึกกับมันก่อนเลยสิ ไม่เห็นจะยาก : )”

“ได้ที่ไหนกันเล่า! หลิวเป็นผู้หญิงนะวาฬ”

“ไม่เห็นเกี่ยวเลย เดี๋ยวนี้เพศชายเพศหญิงเท่าเทียมกันแล้ว ใครจะบอกก่อนก็เหมือนกันนั้นแหละ นี่นะ หลิวก็แค่เดินไปบอกว่า..บอย หลิวชอบบอยนะ เป็นแฟนกันเถอะ จุ๊บๆ แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง”

“มะ..ไม่จงไม่จุ๊บอะไรทั้งนั้นแหละ! วาฬบ้า แกล้งหลิว บ้าๆๆ!!”

“ฮ่าๆๆๆๆ~” ผมระเบิดหัวเราะออกมาเลย เมื่อเห็นว่าสิ่งที่ผมพูดทำเอาหลิวหน้าแดงไปถึงใบหู แถมจะทำอะไรต่อก็ดูเงอะๆ งะๆไปหมด จนชักจะเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าวันนี้ผมกับคนอื่นที่เหลือจะได้กินปลากะพงทอดน้ำปลาฝีมือหลิวมั้ย เพราะบางที แม่ครัวของเรา อาจจะเป๋ไปแล้วก็เป็นได้ ฮ่าๆๆๆ~

รู้สึกเหมือนเป็นการหัวเราะทีหลังแล้วมันดังกว่าจริงๆ วะฮะฮ่า! : )

“เอาล่ะ น่าจะเรียบร้อยละ” หลังจากศึกการแซวสงบลงด้วยการที่ต่างฝ่ายต่างแยก ผมก็หันกลับมาปรุงไข่น้ำต่อเป็นครั้งสุดท้าย จนกระทั่งรสชาติได้ที่ ก็เลยหันไปฝากหลิวไว้ “หลิว ถ้าเกิดว่าเดือดเมื่อไหร่ ฝากปิดแก๊สด้วยนะ เราขอไปเข้าห้องน้ำก่อน”

“โอเค ได้เลย” ก่อนที่หลิวจะตอบรับกลับมาด้วยน้ำเสียงปกติ อันเป็นสัญญาณว่าเธอคงหายเขินจากการโดนแซวแล้ว

แล้วพอได้ยินการรับปากจากหลิวแบบนั้น ผมก็เดินออกจากครัวเพื่อไปห้องน้ำตามที่ว่า แต่ปรากฏว่าไอ้เอกกำลังใช้ห้องน้ำชั้นล่างอยู่ ผมก็เลยเดินขึ้นไปใช้ห้องน้ำชั้นบนแทน

“อ๊ะ..”

แต่ในขณะที่ผมกำลังจะเปิดประตูเข้าไปในห้องน้ำ อาการจี๊ดที่หัวใจก็พลันเกิดขึ้น.. ก่อนที่ความเจ็บปวดจะค่อยๆ ก่อตัวอย่างรวดเร็วจนผมถึงกับร้องออกมาไม่ได้!

ตุบๆ ตุบๆ

เหมือนมีมือที่มองไม่เห็นตรงเข้าบีบหัวใจของผมไว้แน่นจนสุดกำลัง..จนผมที่ยกมือขึ้นกุมหน้าอกไว้ถึงกับทรุดตัวลงนอนกับพื้น พลางเกร็งจนขดฃอตัวช่วงเข่ากับช่วงอกเข้าหากัน

อึก.. อะ..อาการแบบนี้.. อาการแบบนี้นี่มัน..!?

“พ่อครับ คำสาปของบ้านเรา มันจะส่งผลยังไงหรอครับ”

“ทำไมลูกถึงถามแบบนั้นล่ะ”

“ผมแค่อยากรู้น่ะครับ อยากรู้ว่ามันจะทำให้พวกเราตายได้ยังไง ถ้าเกิดว่าไม่มีการทำพันธะสัญญากับพวกพ่อมดแม่มด”

“ลูกแน่ใจนะว่าอยากฟัง”

“ครับ ผมแน่ใจ”

“งั้นก็ได้ คืออย่างงี้.. คำสาปของพ่อมดร้าย เป็นคำสามปร้ายแรงที่ส่งผลโดยตรงกับหัวใจ”

“...”

“หากไม่มีการทำพันธะสัญญาไว้ เมื่อใกล้ถึงเวลาของคำสาป ผู้ต้องสาปก็จะเจ็บปวดที่หัวใจอย่างรุนแรง”

“...”

“ถือเป็นการส่งสัญญาณของความตายให้บุคคลนั้นๆ ได้รับรู้”

“...”

“แล้วเมื่อถึงวันเวลาของคำสาป ในวันเกิดปีที่ยี่สิบเอ็ด ผู้ต้องสาปจะมีอาการปวดเพิ่มขึ้นจากการส่งสัญญาณในช่วงแรกๆ เป็นร้อยเท่า ก่อนที่...”

“...”

“หัวใจของผู้ต้องสาปนั้น จะแตกสลาย”

“...”

“และตายในที่สุด”

“...”


อึก.. ใช่ ต้องใช่แน่ๆ..

นี่น่ะ.. คือการส่งสัญญาณของความตายไม่ผิดแน่!!!

(http://pic.pimg.tw/demona/1405329580-1468390043.gif)

จบตอนที่ 14

ขอโทษอีกครั้งที่อัพเลยวันเสาร์อีกแล้ว

พอดีเมื่อไม่ว่างเลยครับ กว่าจะกลับบ้านก็ตีสาม เลยต้องขออนุญาตเปลี่ยนมาลงวันนี้แทน

จริงๆ บทที่ 14 นี่ ตั้งแต่ตอนที่ร่างพล๊อต

แฮมสเตอร์วางแพลนเอาไว้ว่า อยากให้เป็นเหมือน deleted scene ของซีรี่ย์ที่ไม่มีผลกับเส้นเรื่องมากนัก

เพื่อเอามาเพิ่มลดทอนความหนักของบทที่ผ่านๆ มา

แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าอีท่าไหน ถึงตัดจบบทเอาแบบนี้ซะได้

ก็เลยกลายเป็นบทที่ไม่สามารถตัดออกจากนิยายได้อีกต่อไป

หวังว่าจะชอบกันนะครับ

ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ครับ

*พูดคุยที่ทวิตเตอร์กันได้ โดย #พ่อมดเหล้า น้า : )

มายเพจ : #แฮมสเตอร์ (https://www.facebook.com/hamsterisanauthor)

 :hao4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบสี่..ปวดใจ || อัพเดท : 31/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 31-07-2016 21:38:41
 :hao4:

หื้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม

ไหงวาฬเกิดอาการได้คะนี่ คือพันธะสลายไป หรือยังไง หรือว่าวาฬเป็นโรคหัวใจเพิ่มขึ้นมานี่หนา??  :ruready
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบสี่..ปวดใจ || อัพเดท : 31/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 31-07-2016 21:42:08
ม่ายยยยน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบสี่..ปวดใจ || อัพเดท : 31/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 31-07-2016 22:04:39
 :a5: :a5: :a5: :a5: :a5:
หมายความว่าไง

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบสี่..ปวดใจ || อัพเดท : 31/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Natsuki-ChaN ที่ 31-07-2016 22:38:26
นี่สรุปว่าต้องรอเอียนกลับมาเอย่างเดียวเลยเหรอ พันธสัญญากับเหล้ารัมใช้ไม่ได้เหรอ :hao5:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบสี่..ปวดใจ || อัพเดท : 31/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Praykanok ที่ 31-07-2016 23:44:13
โอ๊ยยยยยยยย ไม่นะวาฬฬฬฬฬ ฮรือออออออ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบสี่..ปวดใจ || อัพเดท : 31/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 01-08-2016 09:48:45
ในที่สุดก็รู้สึกว่า เวลาของวาฬมันมีที่สิ้นสุดจริงๆ ทุกครั้งจะสงสัยว่า วาฬรู้ร้อนรู้หนาวกับความตายของตัวเองมั่งมั้ย ทีนี้วาฬก็กระตือรือล้นได้แล้วนะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบสี่..ปวดใจ || อัพเดท : 31/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 01-08-2016 10:04:01
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบสี่..ปวดใจ || อัพเดท : 31/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 01-08-2016 15:30:18
เป็นเพราะพันธะที่ทำกับเหล้ารัมยังไม่สมบูรณ์วาฬเลยมีอาการเตือนของคำสาปหรอ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบสี่..ปวดใจ || อัพเดท : 31/7/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 04-08-2016 10:50:49
ในที่สุดก็เป็นแฟนกัน เหลือเวลาอีกแค่ไหน อาการปวดหัวใจมาแล้ว สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบห้า..ดวล || อัพเดท : 9/8/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 09-08-2016 13:51:01

บทที่ 15
{ ด ว ล }

(http://66.media.tumblr.com/35e118f0722f1992ea4ee3e669f2de68/tumblr_ngt7ymrT7m1qhodd8o2_1280.gif)

หลายวันต่อมา.. ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็น ‘ผู้รอดชีวิต’ จากการโดนพายุร้ายเข้าพัดถล่มบ้านเรือนแบบถอนรากถอนโคนยังไงยังงั้น เพราะว่าในที่สุด ช่วงมรสุมแห่งการสอบและการพรีเซ้นท์งานก็ผ่านพ้นไปจนได้ เยส!

เพราะฉะนั้นวันนี้ผมก็เลยตั้งใจว่าจะให้รางวัลกับตัวเอง โดยการโบกแท็กซี่ไปห้างฯ เพื่อกินทุกอย่างที่อยากกิน ซื้อทุกอย่างที่อยากซื้อ ไม่ว่าจะต้องใช้เงินหมดไปเท่าไหร่ก็ตาม
   
แต่เสียดายอย่าง ที่วันนี้เหล้ารัมไม่ได้มาด้วย เขาแคนเซิลนัดผมแบบกะทันหันมาก เนื่องจากติดธุระที่โลกเวทมนตร์แบบที่เจ้าตัวบอกว่า “ธุระครั้งนี้สำคัญมาก ผมไม่ไปไม่ได้ๆ จริง คุณเข้าใจผมนะครับวาฬ” ซึ่งผมก็เข้าใจ ไม่ถือโทษหรือโกรธเคืองอะไรเขาทั้งนั้น เพราะการเป็นแฟนกันใช่ว่าต้องตัวติดกันตลอดเวลาซะเมื่อไหร่ จริงมั้ย? กะอีแค่เที่ยวห้างแล้วใช้เงินเล่น ผมทำคนเดียวได้หรอกน่า
   
อ๊ะๆ แต่ไหนๆ ก็พูดถึงนายพ่อมดเหล้ากันแล้ว งั้นผมขออัพเดทเรื่องความสัมพันธ์ของเราสองคนให้ทุกคนได้รับรู้เลยก็แล้วกันนะครับ : )
   
คืองี้ เมื่อสองวันก่อน ผมได้พบเรื่องที่เซอร์ไพรส์มากเรื่องนึงครับ นั่นก็คือ.. ด้ายแห่งพันธะสัญญาฝั่งของผมกลายเป็นสีแดงอ่อนแล้ว! ซึ่งมันเป็นอะไรที่เหลือเชื่อมาก เพราะครั้งล่าสุดที่ผมเห็นมัน (ในเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยจะเป็นความทรงจำที่ดีนัก) ฝั่งผมยังเป็นเพียงแค่สีขาวอยู่เลย..
   
เอาจริงๆ ผมเองก็ไม่คิดไม่ฝันเหมือนกันนะว่าจะมีวันนี้ เพราะตอนที่เราสองคนเริ่มทำพันธะสัญญากัน ผมยังไม่เคยคิดภาพเลยด้วยซ้ำว่ามันจะสำเร็จได้.. แต่ตัดภาพมาตอนนี้ อะไรๆ ก็ดูจะดีขึ้นไปหมด ตั้งแต่เรื่องความสัมพันธ์ของผมกับเหล้ารัม รวมถึงการทำพันธะสัญญาครั้งที่สองนี้ด้วย
   
จนมีอยู่ครั้งนึงผมยังแอบคิดอย่างจริงๆ จังๆ เป็นครั้งแรก ว่าบางที..ผมอาจจะได้มีโอกาสรอดพ้นจากคำสาป และได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเหล้ารัมไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ก็ได้..
   
เพราะแม้แต่เหล้ารัมก็ยังบอกเองเลยว่า “อีกไม่นานหรอก พันธะสัญญาของเราสองคนต้องสำเร็จแน่ : )” ซึ่งผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง
   
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าต่อจากนี้ไปผมจะโฟกัสอยู่แต่กับเรื่องของพันธะสัญญาเพียงอย่างเดียวนะครับ เพราะจริงอยู่ที่ความสัมพันธ์ของเรามันเริ่มต้นจากตรงนี้ก็จริง แต่การที่เรื่องนี้จะสำเร็จลงได้ มันไม่ใช่เพียงเพราะความเพียรพยายามหรือการเสแสร้งแกล้งทำ แต่มันคือเรื่องของ ‘หัวใจ’ ที่ใครก็ไม่อาจจะมาบังคับได้ หากต่างฝ่ายต่างไม่รู้สึกต่อกันจากใจจริงๆ ด้ายแห่งพันธะสัญญาก็ไม่อาจช่วยเปลี่ยนสีเพื่อโกหกแทนเราสองคนได้อยู่ดี
   
เพราะฉะนั้น ถ้าอยากให้ทุกอย่างเป็นไปในทางที่ดี สิ่งที่ควรทำที่สุดก็คือ.. ต่างฝ่ายต่างเติมความรู้สึกดีๆ แก่กัน แล้วก็ ‘ปล่อย’ ให้มันเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น นั่นล่ะ คือวิธีการที่ดีที่สุดแล้ว : )
   
แต่จะว่าไป.. พอพูดถึงเรื่องพันธะสัญญาแล้ว ก็อดนึกถึงเรื่องที่บ้านหลิววันนั้นไม่ได้... การส่งสัญญาณของความตายทำเอาผมกลัวจริงๆ ที่จะกลับไปรู้สึกแบบนั้นอีกครั้ง.. เพราะมันช่าง..เจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัสเหลือเกิน... แล้วที่แย่ไปกว่านั้นคือผมไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากเหล้ารัมได้ ไม่ใช่ว่าอยากวางฟอร์มหรือว่าปากหนักอะไรหรอกนะ ผมแค่..ไม่อยากให้เหล้ารัมไม่สบายใจ เพราะเขาต้องเครียดมากแน่ๆ ถ้าได้รู้ว่าผมเจ็บปวดหัวใจมากขนาดนั้น
   
ดังนั้น แทนที่จะบอกนายพ่อมดเหล้า ผมเลยเลือกที่จะปรับมุมมองของตัวเองแทน ว่าไม่เป็นไร.. ยังไงซะ ถ้ายังไม่ถึงวันเกิดปีที่ยี่สิบเอ็ดล่ะก็ ต่อให้ต้องทนเจ็บปวดมากแค่ไหน ยังไงก็ยังไม่ตายอยู่ดี : )
   
“น้องครับ เส้นนี้ลดติดมากเลย พี่ว่าเราเลี้ยวเข้าซอยหน้า แล้วไปออกทางลัดดีกว่ามั้ยครับ?” แล้วในขณะที่ผมกำลังนั่งคิดนั่นคิดนี่ในใจอยู่เพลินๆ นั้น คำพูดของพี่คนขับก็ทำให้ผมละสายตาจากริมถนนฝั่งซ้าย เพื่อหันไปมองยังถนนด้านหน้าแทน
   
โอ้โห~ รถติดจริงๆ ด้วยแฮะ สงสัยงานนี้คงต้องเป็นไปตามคำแนะนำของพี่คนขับเค้าแล้วล่ะ
   
“ดีครับ ไม่งั้นคงได้ติดแหง็กอยู่ตรงนี้อีกนานแน่”
   
“โอเคครับ”
   
พอสรุปจบดังนั้น พี่แท็กซี่ก็หักซ้ายเข้าซอยลัดทันที
   
ทว่า..!
   
“อื้ออออออออออออออ!!!”
   
ทันทีที่รถเลี้ยวเข้ามาในซอยปุ๊บ สิ่งปกติที่ผมไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นปั๊บ! เมื่อจู่ๆ มือและเท้าที่เคยเป็นอิสระกลับถูกเชือกมัดไว้จนแน่น ในขณะที่ปากก็ถูกเทปกาวแปะไว้จนไม่สามารถพูดได้!
   
มันเป็นไปได้ยังไง ทำไมทุกสิ่งทุกอย่างถึงเกิดขึ้นได้ภายในพริบตาแบบนี้ ราวกับว่ามีเวทมนตร์ยังไงยังงั้น!?
   
เอ๊ะ! หรือว่า...!?
   
“สวัสดี : )”
   
“อองอู!” (ซองซู!)
   
แชะ~!
   
“ขอถ่ายรูปนายส่งไปให้ไอ้เหล้ารัมหน่อยนะ”
   
“ไอ้! อุดเอี๋ยวอี๋!” (ไม่! หยุดเดี๋ยวนี้!)
   
แชะ~!
   
“ทำไมล่ะ ไอ้เหล้ารัมจะได้รู้ไง ว่าจุดอ่อนของมัน อยู่ในมือฉันแล้ว : )”

“...”
   
ปะ..เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย..
   
ผมโดนนายซองซูลักพาตัวอีกแล้ว!!


/ ต่อด้านล่าง /
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบห้า..ดวล || อัพเดท : 9/8/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 09-08-2016 13:51:49

- Rum's Part -

พลังเวทขั้นสูงพวยพุ่งออกจากปลายนิ้วมือของฟีฟี่ โซซิมอส ก่อนซัดใส่ประตูของกระท่อมไม้กลางป่าจนมันระเบิดออกเป็นชิ้นๆ

ผมได้แต่ยืนมองการกระทำนั้นด้วยความรู้สึก 'เฉยๆ' อย่างที่ไม่สามารถแสดงออกมาได้ เพราะการที่ตัดสินใจมาร่วมกลุ่มออกล่าตัว 'เอียน โจนส์' ในวันนี้ ก็เพื่อต้องการที่จะใช้เป็นเครื่องมือตบตาวิสกี้ไม่ให้รู้เรื่องพันธะสัญญาครั้งที่สองของผมกับวาฬก็เท่านั้น

ส่วนเรื่องเจอไม่เจอไอ้เอียนอะไรนั่น ผมไม่ค่อยจะสนใจเท่าไหร่นัก ก็แค่.. คงจะดีใจมากกว่า ถ้าพบว่ามันได้ตายไปจากโลกใบนี้แล้ว : )

"ไม่มีกับดักอะไร เข้ามาเถอะ" หลังจากโบกมือไปมาประมาณห้าครั้งเพื่อตรวจสอบกับดักเวทมนตร์ของตัวกระท่อม คนพังประตูก็หันมาเรียกคนที่เหลือ ก่อนที่เธอจะเป็นฝ่ายเดินนำเข้าไปเป็นคนแรก

ผมยอมรับว่าในบรรดาคนที่มาด้วยกันทั้งหมด แม่มดฟีฟี่คืออันดับหนึ่งของคนที่ทำให้ผมรู้สึกประทับใจ

เธอทั้งเก่ง ทั้งกล้าหาญ แม้เกิดเป็นหญิงแต่กลับพร้อมเสมอที่จะเดินนำหน้าอย่างไม่คิดกลัวเกรง เรื่องสวยก็ไม่เป็นสองรองใคร สวยจนผมจินตนาการไม่ออกอีกแล้วว่าจะหาแม่มดวัยผู้ใหญ่คนไหนในโลกเวทมนตร์แห่งนี้ที่จะสามารถซอยผมสั้นชี้และใส่ชุดทะมัดทะแมงพร้อมรบได้ออกมาดูดีเท่าเธอ เกิดเป็นภาพลักษณ์ที่ผมคิดว่าคงจะต้องจดจำแม่มดคนนี้ไปอีกนานแสนนาน

"เล็กยังกะรังหนู ฝุ่นก็เยอะแยะ ดูไม่น่าเข้าไปเลย" ต่างจากแดน อาซาเอลที่ไม่ได้สร้างความประทับใจให้ผมเลยแม้แต่นิด

แดนเป็นพ่อมดวัยผู้ใหญ่ ผิวแทน รูปร่างสันทัด หน้าตาดุดันไว้หนวดไว้เคราราวกับพวกโจรป่า แต่กลับชอบบ่นนั่นบนนี่เป็นหมีกินผึ้ง นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่เอา ไม่มีอะไรถูกใจเขาสักอย่าง ถึงแม้ว่าสุดท้ายจะยอมทำตามก็เถอะ แต่ใครจะไปประทับใจคนที่เอาแต่บ่นๆๆ อยู่ตลอดเวลาล่ะ จริงมั้ยครับ?

 "เข้ามาเถอะ เรามาหาคนร้ายนะ ไม่ได้มาเช็คอินเข้าพักสักหน่อย"

"ก็ได้ เข้าก็เข้า" นี่ดีนะที่เขายังยอมฟังคำของฟีฟี่ ไม่อย่างงั้นผมคงไม่สามารถอยู่ร่วมงานด้วยได้อีกต่อไป

"เหล้ารัม พี่ไม่เข้าไปข้างในหรอ" นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งคนสุดท้ายที่เดินตามหลังผมมา เธอคือ 'ฟาเรเนีย เกรวินเกอร์' ลูกพี่ลูกน้องของไอ้วินเซนต์เพื่อนผมเอง

ฟาเรเนียเป็นลูกผสมระหว่างพ่อมดกับมนุษย์ ไม่ใช่อะไรแบบที่พบได้บ่อยนักในตระกูลเก่าแก่อย่างเกรวินเกอร์ แต่กลับได้รับการยอมรับอย่างดีเยี่ยมจากความสามารถอันน่าทึ้งในฐานะแม่มดของเธอ จนเป็นที่รู้จักในฉายา Black Crow ตั้งแต่อายุยังน้อย

ผมยาวตรงดำขลับถึงเอวกับใบหน้าเรียบนิ่ง คือภาพจำที่ดีที่สุดของฟาเรเนีย พอๆ กับเจ้ากาที่มักจะเกาะไหล่ของเธอเสมอ ไม่ว่าจะพบเจอกันที่ใดก็ตาม

ก๊า~

จนคนส่วนใหญ่มักร่ำลือกันว่าฟาเรเนียสามารถควบคุมจิตใจของสัตว์ได้ ซึ่งผมเองก็ไม่รู้หรอกว่ามันเป็นจริงมั้ย เพราะสำหรับเรื่องราวของแม่มดรุ่นน้องคนนี้ยังมีอะไรที่เป็น 'ปริศนา' อีกมาก แต่เท่าที่ผมสังเกตเห็นก็คือ เจ้ากาตัวนั้นมักโจมตีก่อนเสมอ ก่อนที่ฟาเรเนียจะได้เอ่ยปากท่องมนตร์ด้วยซ้ำ

"เธอเข้าก่อนเลย"

ก๊า~

พอได้ยินผมพูดออกไปแบบนั้น เจ้ากาก็ส่งเสียงร้อง เอียงคอราวกับมนุษย์ที่กำลังเกิดความสงสัย ทั้งที่เจ้าของของมันยังวางหน้านิ่ง

ผมเลยทำได้เพียงแค่ขยับตัวออกให้พ้นทางเท่านั้น เพราะหากตอบสิ่งใดกลับไป ก็ดูจะเป็นการตอบคำถามของเจ้ากาเสียมากกว่า

"ฟาเรเนีย เธอช่วยส่งเจ้ากาไปตรวจสอบบริเวณโดยรอบที เผื่อจะเจออะไรที่เป็นประโยชน์บ้าง"

"ค่ะ"

ก๊า~

หลังจากที่สามคนเดินเข้าไปในกระท่อมแล้ว ผมก็เดินตามไปเอาหลังพิงขอบประตูที่ถูกทำลายไว้ เลยทันได้เห็นฟีฟี่ออกคำสั่งกับฟาเรเนีย ก่อนที่เจ้ากาตัวนั้นจะร้องตอบรับไล่หลังเจ้านาย แล้วกางปีกบินออกจากกระท่อมไป

จริงๆ แล้ววันนี้ผมมีนัดกับวาฬนะ แต่จำต้องขอยกเลิก เพราะได้รับจดหมายเชิญแบบลับๆ ให้มาร่วมภารกิจตามล่าหาตัวเอียนกับพ่อมดแม่มดทั้งสาม ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคู่พันธะสัญญาของคนในตระกูลอลิชาทั้งนั้น อย่างฟีฟี่ก็เป็นคู่พันธะสัญญาของคุณปู่ ในขณะที่แดนก็เป็นคู่พันธะสัญญาของป้ามีน (ป้าของวาฬ) ส่วนฟาเรเนียนั้น ก็เป็นคู่พันธะสัญญาของนายมะม่วง (ลูกชายป้ามีน และลูกพี่ลูกน้องของวาฬ) นั่นเอง

แต่ดูท่าว่าวันนี้ภารกิจคงจะล้มเหลวเสียแล้ว เพราะนอกจากเราทั้งสี่ ก็ไม่มีใครอื่นอีกที่เป็นเจ้าของกระท่อมอย่างที่พวกเราได้เบาะแสมา

"ดูท่าว่าเราจะมาช้าไป" แดนเป็นคนแรกที่พูด นั่นเลยเหมือนเป็นการยืนยันความล้มเหลวอย่างเป็นทางการ

ในขณะที่ฟีฟี่สะบัดมือกลางอากาศหนึ่งครั้ง แบบที่มองดูก็รู้ว่าต้องการเผยร่องรอยของมนตราที่น่าจะเป็นประโยชน์กับเราได้ แต่ก็อย่างที่พวกเราทั้งสี่เห็นนั่นแหละ ว่าไม่มีสิ่งของชิ้นใดขยับเขยื้อนเลย ทุกอย่างยังคงนิ่ง บ่งบอกชัดเจนว่าไม่หลงเหลือร่องรอยใดๆ ทั้งนั้น

"ใช่ ดูเหมือนว่าเราจะมาช้าเกินไป" ฟีฟี่ถึงได้ยอมรับความล้มเหลวต่อจากแดน

ก๊า~

แล้วในจังหวะนั้น เจ้ากาที่หายไปไม่นานก็โฉบกลับลงมาเกาะที่ไหล่ของฟาเรเนียอีกครั้ง ก่อนมันจะยื่นปากเข้าไปใกล้ๆ ราวกับต้องการ 'กระซิบ' บางอย่างที่ข้างหูของฟาราเนีย แล้วผลคือ..

"ไม่พบสิ่งผิดปกติค่ะ" เธอสามารถบอกข้อมูลของสิ่งที่เจ้ากาตัวนั้นออกไปสำรวจ ซึ่งนั่นเท่ากับว่า ภารกิจครั้งนี้ ล้มเหลวอย่างสมบูรณ์แบบ จนผมถึงกับต้องเอ่ยปากขึ้นมาบ้าง

"มันน่าแปลกนะ ที่ไม่ว่าจะตามหานายเอียนอะไรนี่ยังไง ก็มักจะพลาดไปได้เสียทุกครั้ง ยังกับว่าพวกเรา..ถูกหลอกให้หลงทาง"

"ใช่ ฉันก็คิดแบบนั้น" แดนรีบพยักหน้า "เหมือนทุกเบาะแสที่เราได้รับ เป็นเพียงข่าวลวงที่ถูกสร้างขึ้นมาเท่านั้น"

"หรือจะจริงอย่างที่เขาว่ากัน" ฟีฟี่เริ่มกอดอก "ว่าเอียนถูกช่วยเหลือโดยตระกูลใหญ่ของโลกเวทมนตร์ ทำให้ไม่สามารถตามหาตัวเค้าได้"

"ผมเองก็คิดแบบนั้น แต่.."

เมี๊ยวววว~

แต่ในขณะที่ผมกำลังจะแสดงความคิดเห็นออกไป เสียงร้องของแมวก็ดึงความสนใจจากเราทั้งสี่ไว้

"แมวส่งสารงั้นหรอ?" แดนเป็นคนแรกที่ร้องทัก เมื่อเห็นแมวสายพันธุ์วิเชียรมาศนั่งคาบบางอย่างอยู่ไม่ไกลจากผมนัก

"ดูเหมือนว่ามันต้องการส่งบางอย่างให้พี่นะเหล้ารัม" ซึ่งผมเองก็มีความคิดไม่ต่างกัน เลยย่อตัวลงเล็กน้อย ทำให้เจ้าแมวส่งสารวางของในปากลง แล้ววิ่งหายไป

ทิ้งความสงสัยให้กับผมที่หยิบ 'เจ้าสิ่งนั้น' ที่อยู่บนพื้นขึ้นมาดู ก่อนจะพบว่า..

"วาฬ!" มันคือรูปของวาฬที่ถูกมัดมือมัดเท้า พร้อมกับใช้เทปกาวปิดปากไว้!

"นี่มันวาฬนี่" แดนคือคนแรกที่วิ่งเข้ามาดู ก่อนจะตามมาด้วยฟีฟี่ และฟาเรเนียที่ดูจะไม่รีบร้อนนัก

ต่างจากใจผมที่มันร้อนเป็นไฟ!

"ขอหนูดูหน่อย" โดยไม่รอให้ผมอนุญาต ฟาเรเนียดึงรูปของวาฬจากมือผม ก่อนที่มันจะเริ่มสั่นอย่างรุนแรง จนผมต้องรีบคว้ามันกลับคืนมา

ลองสั่นแรงแบบนี้ แสดงว่าคนส่งมาต้องจงใจทิ้งร่องรอยเอาไว้แน่

ได้! ผมจะตามร่องรอยนี้ไป แล้วเราจะได้เห็นดีกัน!

"เดี๋ยว นั่นนายจะไปไหนน่ะ" แต่แค่เพียงขยับตัวตั้งท่า แดนก็คว้าข้อมือผมไว้ สีหน้าของเค้าดูวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด

"ผมจะตามร่องรอยเวทมนตร์ของรูปนี้ไป ช่วยปล่อยด้วยครับ"

"ตะ..แต่มันอาจจะเป็นกับดักก็ได้นะ ฉันว่านาย.."

"ผมไม่สน"

"แต่.."

"ปล่อย!"

"..."

พอเจอผมตะหวาดใส่เข้าให้ แดนก็รีบปล่อยมือออกจากแขนผมทันที ในขณะที่ฟีฟี่กับฟาเรเนียบยังคงเงียบ ซึ่งดีแล้ว เพราะต่อให้ห้ามหรือพูดอะไรก็เสียเวลาเปล่า

เพราะสำหรับผมแล้ว ถ้าเพื่อช่วยวาฬ ต่อให้ต้องตาย ผมก็ยอม!

/ ต่อด้านล่าง /
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบห้า..ดวล || อัพเดท : 9/8/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 09-08-2016 13:52:24

(http://67.media.tumblr.com/ec886cbb021ca0037a1006ec31031ae6/tumblr_ngt7ymrT7m1qhodd8o3_1280.gif)

* * * * * * *

ร่องรอยเวทมนตร์ที่ถูกทิ้งไว้ นำพาผมมายังโกดังร้างแห่งหนึ่งในซอยเปลี่ยวที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโดของผมมากนัก

ปัง!

โดยไม่รอช้า ผมระเบิดประตูจนแหลกเป็นชิ้นๆ ก่อนจะรีบรุดเข้าไปด้านในเพื่อหวังจะได้เจอวาฬและคนที่จับตัววาฬมา

แต่มันกลับมืดมาก ไม่ต่างอะไรจากคนตาบอด จนกระทั่ง..

ปัง!

..ผมได้ยินเสียงประตูที่ตัวเองระเบิดไปแล้ว..ปิดดังไล่หลังอีกครั้ง ทุกอย่างที่อยู่ภายในโกดังร้างจึงปรากฏให้เห็นเต็มสองตา!

"สวัสดีเหล้ารัม ขอต้อนรับสู่ลานดวลเวทมนตร์อย่างเป็นทางการ : )"

"ไอ้ซองซู!" พอเห็นว่าคนที่ยืนอยู่บนลานดวลเวทคือไอ้พ่อมดตระกูลพยอน ผมก็พุ่งตัวเข้าไปหา หมายจะเค้นคอมันจนกว่าจะยอมพูดว่าตอนนี้วาฬอยู่ที่ไหนกันแน่!

"หยุดก่อน" แต่ไม่เป็นไปตามคาด เมื่อมีพ่อมดคนนึงเข้ามาขวางไว้ "นี่คือลานดวลเวทอันศักดิ์สิทธิ์ จะสู้ได้ ก็ต่อเมื่อกรรมการสั่งให้สู้!"

"ทีออน?" ตอนแรกไม่ค่อยแน่ใจนักว่าคนที่เข้ามาขวางไว้คือใครกันแน่ แต่พอลองพิจารณาหน้าตาดุดัน กับน้ำเสียงกระโชกโฮกฮากที่มักจะเห็นตามข่าวกีฬาเวทมนตร์บ่อยๆ แล้ว ถึงได้นึกออกว่าเขาก็คือ 'ทีออน ดีเลียน' พ่อมดผู้ตัดสินการดวลเวทมนตร์ชื่อดังจากเกาะดีลอสนั่นเอง

"ใช่ ฉันเอง ส่วนนายก็คงเป็นเหล้ารัมสินะ"

พอได้ยินคำยืนยันตัวตนจากปากทีออน ผมก็สะบัดตัวเพื่อถอยออกมาอย่างไม่สนใจที่จะตอบอะไรกลับไปทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าผมมีปัญหาอะไรกับทีออนหรอกนะ แค่อยากจะคุยกับคนที่มีปัญหาให้มันถนัดๆ หน่อยก็เท่านั้นเอง

"วาฬอยู่ที่ไหนซองซู"

"ฉันจะไปรู้ได้ไง ฉันไม่ใช่แฟนของนายนั่นสักหน่อย : )"

"ฉันถามว่าวาฬอยู่ไหน!"

"อะไรกันเล่า ทำไมแค่นี้ต้องโมโหด้วยวะ ฉันก็แค่..."

"ตอบมา!!!"

เพล้งงงงง!!

ด้วยความเหลืออด ผมระเบิดอารมณ์ทั้งหมดที่มีออกไป ส่งผลให้ไฟทุกดวงในสถานที่แห่งนี้แตกกระจายไม่เหลือซาก!

จนผู้ชมบนอัฒจันทร์ต้องช่วยกันใช้เวทมนตร์เพื่อให้ไฟทุกดวงกลับมาใช้งานได้ดังเดิม และนั่นเองที่ทำให้ผมได้เห็นสีหน้าหวาดกลัวของพวกเค้า ไม่เว้นแม้แต่ตัวต้นเรื่องอย่างไอ้ซองซู

"โอเค ฉันยอมบอกนายก็ได้เหล้ารัม ว่าแฟนนายอยู่ที่ไหน : )"

แต่ถึงอย่างงั้นมันก็ยังคงกลับไปยิ้มได้ ไม่ใช่เพราะว่าความกลัวที่ผมเห็นได้หายไปแล้วหรอกนะ เพียงแต่ไอ้ซองซูมันเลือกที่จะกลบเกลื่อนเอาไว้ก็เท่านั้น

"งั้นก็รีบบอกมา!"

และโดยที่ไม่ต้องให้พูดซ้ำ ไอ้ซองซูปรบมือสองที ก่อนที่ม่านแดงด้านหลังจะเปิดออก.. เผยให้เห็นตู้กระจกขนาดใหญ่ที่สูงเกือบเท่าบ้านสองชั้น และนั่น..!

"เหล้ารัม!"

"วาฬ!"

ผมตั้งท่าจะวิ่งลงจากลานดวลเวทมนตร์ทันที เมื่อเห็นว่าวาฬกำลังถูกมัดมือทั้งสองข้าง และแขวนไว้ที่ด้านบนสุดภายในตู้กระจกบ้านั่น!

"เปล่าประโยชน์น่า" แต่ก็เป็นอีกครั้งที่ทีออนเข้ามาขวางไว้ จนผมเริ่มโมโหพ่อมดคนนี้เข้าให้อีกคนแล้ว

"ปล่อย!"

"ก็บอกว่าเปล่าประโยชน์ไงเล่า ซองซูมันร่าย 'คาถาผู้ชนะ' ไว้ ถ้าอยากช่วยคนของนาย ก็ต้องจัดการกับซองซูซะ เอาชนะมันให้ได้ ไม่งั้นก็อย่าหวังเลยว่าจะได้คนของนายคืนน่ะ"

"แล้วนายมายุ่งอะไรเรื่องนี้ด้วย! เป็นถึงผู้ตัดสินชื่อดัง แต่ปล่อยให้ไอ้พวกมัดมือชกมาใช้สถานที่ดวลเวทมนตร์อันศักดิ์สิทธ์เนี่ยนะ!?"

วินาทีนั้นผมรู้สึกว่าอารมณ์โกรธของตัวเองรุงแรงขึ้นทุกที ถึงขนาดที่สามารถผลักทีออนกระเด็นไปไกลได้โดยไม่ต้องใช้เวทมนตร์ เลยด้วยซ้ำ ขณะที่ภายในใจก็ห่วงวาฬจนแทบบ้า!

"ใจเย็นก่อนเถอะ" ทีออนที่ถูกผลักออกรีบยกมือขึ้นทั้งสองข้าง เหมือนกลัวว่าผมจะเล่นงานเค้าหนักกว่านี้ ก่อนจะยอมบอกในสิ่งที่ทำให้ผมอยากฆ่าไอ้ซองซูให้ตาย! "ฉันเองก็ถูกมัดมือชกไม่ต่างจากนาย เพราะตอนที่มาถึงที่นี่ ซองซูก็เสกคาถาผู้ชนะใส่คนของนายแล้ว ก่อนที่มันจะบังคับให้ฉันยอมมาเป็นผู้ตัดสินการดวล ถ้าไม่อย่างงั้นล่ะก็.. มันจะทำลายอาชีพการงานของเมียฉัน ไม่ให้เธอได้ทำในสิ่งที่ฝันอีกต่อไป ซึ่งฉันรู้ดี..ว่ามันต้องทำได้แน่!"

"อ๊ะๆ อย่าโทษกันสิทีออน นายอยากมีจุดอ่อนของนายเอง ช่วยไม่ได้ : )"

"ไอ้เลวเอ้ย!" ผมด่าซองซูทันที ถึงแม้ว่าประโยคก่อนหน้านี้มันจะพูดกับทีออนก็ตาม แต่ใครสนล่ะ ผมคิดว่าตอนนี้ให้ใครจัดการมันก็ได้ทั้งนั้นแหละ ขอแค่ให้มันสงบปากลงได้ก็พอ!

"ขอร้องล่ะ นายอย่าทำให้เรื่องมันยุ่งยากว่านี้เลยนะ" แต่ก็เป็นอีกครั้งที่การจู่โจมของผมล้มเหลว เมื่อทีออนยังคงเข้ามาขวางไม่เลิก แม่งเอ้ย! "รับคำท้าดวลของซองซูเถอะเหล้ารัม นี่คือทางออกเดียว นะ ฉันขอล่ะ" แถมยังก้มลงคุกเข่าขอร้องผมอีก

ให้มันได้อย่างงี้สิวะ!

"..."

ไม่ใช่ว่าผมไม่เห็นใจทีออนนะ ผมเข้าใจดีว่าการรับคำท้าดวลจากซองซูนั้น นอกจากจะช่วยวาฬให้ปลอดภัยแล้ว ก็ยังช่วยเหลือทีออนด้วย แต่พอคิดว่าจะต้องรับคำท้า...

'พ่อ!!!'

ภะ..ภาพความทรงจำเกี่ยวกับพ่อผม.. มันก็หวนกลับคืนมาเสียทุกครั้ง.. ทำเอาผมถึงกับเผลอวูบจนเซถอยหลังออกมา..

"เหล้ารัม!"

ก่อนที่จะได้สติอีกครั้งนึงด้วยเสียงเรียกของวาฬ ที่ถึงแม้จะอยู่ไกลกัน แต่ผมก็มองเห็นได้อย่างชัดเจน ว่าสีหน้าของคนๆ นั้นแสดงความกังวลและความห่วงใยในตัวผมมากขนาดไหน

นี่วาฬคงจะดูออกซินะ.. ว่าผมกำลังไม่ปกติน่ะ..

"แกจะไม่รับคำท้าของฉันก็ได้นะวาฬ ก็แค่เดินจากไป แล้วปล่อยให้แฟนแกถูกแขวนอยู่ในตู้กระจกนี้จนกว่าเขาจะตายก็เท่านั้น ฉันว่าง่ายดีออก : )" แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรกับร่างบางที่ถูกแขวนไว้ ไอ้ซองซูก็พูดขัดขึ้นซะก่อน ทำเอาผมกำมือแน่น เพราะอยากฆ่ามันให้สิ้นชื่อ!

แต่ถ้าทำแบบนั้น.. ทุกอย่างก็จะสูญเปล่า ในเมื่อกฎของคาถาผู้ชนะคือ หากต้องการทำลายเวทมนตร์ที่ถูกเสก จะต้องเอาชนะผู้เสกในการดวลเวทมนตร์อย่างเป็นทางการเท่านั้น

"งั้นก็ได้.. ฉัน-ขอ-รับ-คำ-ท้า!"

ดังนั้น ผมจึงตัดสินใจยอมรับคำท้าดวลจากซองซู ถึงแม้จะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองจะทำได้มั้ย.. และจะต้อง..เจ็บปวดสักแค่ไหนกับภาพอดีตต่างๆ ที่พร้อมจะฉายชัดขึ้นมา.. แต่ถ้าให้เทียบกันแล้ว การไม่ได้ช่วยคนที่รักให้ปลอดภัย มันย่อมต้องเจ็บปวดใจมากกว่ากันแน่!

"เยส!" ไอ้ซองซูถึงกับกระโดดด้วยความดีใจ

หึ! มันคงรอมานานสินะ รอที่จะได้วัดความเป็นที่หนึ่งจากผมอย่างหน้ามืดตามัว โดยที่ไม่ได้สำนึกเลยสักนิด ว่าความสุขเหล่านั้น มันเป็นความสุขที่อยู่บนความทุกข์ของคนอื่นชัดๆ!

"เอาล่ะ ถ้าอย่างงั้น ขอให้ทั้งสองฝ่ายช่วยประจำที่ของตัวเองด้วยครับ" ทีออนเองก็เป็นอีกคนที่แสดงความดีใจอย่างออกนอกหน้า ดูจากรอยยิ้มที่ส่งมาแล้ว เขาคงคิดว่ายังไงผมก็ต้องชนะซองซูแน่

แต่มันอาจจะไม่เป็นแบบนั้น... เพราะทันทีที่ผมเข้าประจำที่.. หัวใจของผมมันก็เริ่มเต้นแรงขึ้น ไม่ใช่เพราะความตื่นเต้นหรือความดีใจ แต่คือ..ความหวาดกลัวจากบรรยากาศโดยรอบต่างหาก...!

'พ่อ!!!'

"กฎสามข้อของการดวลเวทมนตร์ที่ทั้งสองฝ่ายต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด คือหนึ่ง..ห้ามออกจากลานดวลก่อนหมดเวลา'

'สอง..ต้องใช้เวทมนตร์ที่ถูกบัญญัติไว้ว่าถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น และสาม..ห้ามถึงตายโดยเด็ดขาด'

ยิ่งพอทีออนกล่าวกฎการดวลเวท ยิ่งทำให้ภาพอดีตซ้อนทับกลับคืนมา.. จนในที่สุด.. ผมก็หลุดเข้าไปในช่วงเวลานั้นจนได้...!

"ขอเตือนนะ ว่าอย่ายุ่งกับครอบครัวของฉันเด็ดขาด!" ตอนนั้นผมยังเด็ก ครอบครัวของเราวางแผนไปเที่ยวกันในช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนของผมกับพี่วิสกี้

"ฉันสัญญาว่าจะไม่ยุ่งกับครอบครัวของแก ถ้าหากแกยอมรับคำท้าดวลเวทมนตร์จากฉัน" เรามีความสุขกันมากที่บ้านพักตากอากาศที่ทะเลสาบเงือก จนกระทั่ง 'การ์ดิ เจเจอร์' เดินเข้ามา..

การ์ดิเป็นหนึ่งในพ่อมดฝ่ายมืดที่ต้องการจะล้มล้างราชวงศ์ของโลกเวทมนตร์ให้สิ้นซาก แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาต้องการจะทำมักล้มเหลวทุกครั้ง เพราะถูกขัดขวางโดยพ่อของผม 'ฤทธิ์ ฤทธิ์ชาติ อัครวรกุลพิชิต' ผู้เป็นราชองครักษ์ของพระราชา

"แกเนี่ยนะท้าดวลฉัน?" ผมเชื่อว่าเราทั้งครอบครัวคิดเหมือนกันในตอนนั้น ว่าการ์ดิต้องมีแผนชั่วซ่อนอยู่แน่ ไม่อย่างงั้นพ่อมดร้ายอย่างเค้าจะมาขอท้าดวลเวทมนตร์กับพ่อผมให้เสียเวลาทำไม สู้แอบจัดการครอบครัวเราตอนเผลอยังจะเป็นเรื่องที่ง่ายกว่า

"ใช่ ฉันเนี่ยแหละ ขอท้าดวลกับแก"

"เพื่ออะไรการ์ดิ? อะไรทำให้แกเกิดอยากเล่นตามกติกา ทั้งๆ ที่เราสองคนก็สู้รบกันนอกสนามมาตลอด"

"ฉันเบื่อแล้ว เบื่อที่ต้องคอยมีแกขวางทางชีวิตมาตลอดหลายปี มันถึงเวลาสักทีที่เราจะต้องตัดสินกันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย และครั้งนี้ ฉันก็จะขอเล่นตามกติกาอย่างแฟร์ๆ ด้วย"

"ยังไง?"

"ถ้าฉันชนะในการดวลเวทมนตร์ครั้งนี้ แกจะต้องลาออกจากการเป็นราชองครักษ์ และไม่กลับมาที่โลกเวทมนตร์นี้อีก"

"แล้วถ้าฉันชนะล่ะ?"

"ก็ถ้าแกชนะ ฉันจะยอมมอบตัว ให้ทางการจับขังคุกมืดตลอดชีวิต"

"หึ แล้วฉันจะเชื่อแกได้ยังไงการ์ดิ? แค่คำพูดจากปากแก มันไม่ได้น่าเชื่อถือเลยด้วยซ้ำ"
ใช่ แค่พูด ใครก็พูดได้ทั้งนั้น แต่นึกไม่ถึงเลยว่าการ์ดิจะกล้าทำเกินกว่าพูด

"ฉันขอสาบาน"

"..."

"ถ้าฉันแพ้แก ฉันจะยอมมอบตัว ให้ทางการจับฉันขังคุกตลอดชีวิต"
การ์ดิเลือกที่จะสาบาน ซึ่งผลย่อมเป็นไปตามนั้นร้อยเปอร์เซ็นต์ "และไม่ว่าผลจะเป็นยังไงก็ตาม ฉันจะไม่ยุ่งกับครอบครัวของแกโดยเด็ดขาด หากฉันทำผิดคำสาบานแม้เพียงเสี้ยวเดียว ขอให้จิตวิญญาณของฉันแตกสลายหายไป ไม่สามารถกลับมารวมกันได้อีกเลย!"

"..."

"และหากนายกลัวว่าฉันจะเล่นไม่ซื่อล่ะก็ ฉันขอเสนอให้เพื่อนของแกมาเป็นผู้ตัดสินในการดวลครั้งนี้ด้วย แกจะตกลงมั้ย?"


การกล้าสาบานของการ์ดิ ทำให้วินาทีนั้นเขาดูน่าเชื่อถือมากเสียจนพ่อของผมไม่อาจจะปฏิเสธคำท้าได้ เพราะหากพ่อชนะ ก็เท่ากับว่าเราสามารถขีดฆ่าชื่อของพ่อมดร้ายที่จ้องจะทำลายความสงบสุขของโลกเวทมนตร์ออกไปได้ถึงหนึ่งคน แถมยังเป็นระดับบอสใหญ่ซะด้วย "ตกลง ฉันขอรับคำท้าของแก"

ดังนั้น พ่อจึงขอให้แม่ช่วยติดต่อหา 'ลุงวัช'เพื่อนสนิทของพ่อ เพื่อให้ช่วยมาเป็นผู้ตัดสินในการดวล ซึ่งลุงวัชก็เดินทางมายังทะเลสาบเงือกได้อย่างรวดเร็ว จนเกือบจะเป็นการเดินทางที่เร็วเกินไปเสียด้วยซ้ำ..

"ทั้งสองฝ่าย โปรดจงเข้าประจำที่ของตัวเอง" ลุงวัชใช้เวทมนตร์สร้างลานประลองที่หน้าบ้านพัก มันไม่ใช่ลานประลองที่สวยงามมากนัก แต่ก็ได้มาตรฐานพอที่จะใช้จัดการดวลเวทมนตร์ได้ "กฎสามข้อของการดวลเวทมนตร์ที่ทั้งสองฝ่ายต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด หนึ่ง..ห้ามออกจากลานดวลก่อนหมดเวลา สอง..ต้องใช้เวทมนตร์ที่ถูกบัญญัติไว้ว่าถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น และสาม..ห้ามถึงตายโดยเด็ดขาด"

ผมรู้ว่าคนที่กังวลกับก่รดวลเวทมนตร์มากที่สุดก็คือแม่ ท่านกอดผมกับพี่วิสกี้ไว้แน่น ราวกับต้องการให้เราสองคนเป็นที่พึ่งทางจิตใจ ตรงข้ามกับเราสองพี่น้องที่มั่นใจมากว่ายังไงซะกา์ดิก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับราชองครักษ์ผู้เก่งกาจอย่างพ่อแน่

"เอาล่ะ ถ้าพร้อมกันทั้งสองฝ่ายแล้วล่ะก็"

"..."

"เริ่มได้!"


เพราะฉะนั้นทันทีที่ลุงวัชประกาศ พี่วิสกี้กับผมจึงพากันส่งเสียงเชียร์อย่างเต็มที่ โดยไม่รู้เลยสักนิดว่าสิ่งที่เลวร้ายที่สุดกำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนั้น..

ฟึ่บ!

พ่อเป็นฝ่ายเริ่มใช้เวทมนตร์ก่อน มันเก่าแก่และรุนแรงมาก ถึงขนาดที่การ์ดิโดนซัดทีเดียวก็ลงไปนอนกองกับพื้น

หัวใจของผมพองโตกับเวทมนตร์ของพ่อ และยิ่งพองโตมากขึ้นๆ เมื่อเห็นว่าพ่อเดินตรงเข้าไปหาการ์ดิ

พ่อผมไม่ใช่คนที่ชอบอะไรยืดเยื้ออยู่แล้ว ผมรู้ว่าท่านตั้งใจจะซ้ำการ์ดิอีกครั้ง และปิดฉากการดวลครั้งนี้ซะ

"ตายซะเถอะไอ้ฤทธิ์!"แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะการ์ดิไม่ยอมเล่นตามกฎของการดวล เขาใช้เวทมนตร์ผิดกฎหมายกับพ่อของผม

มันเรียกว่า 'เวทมนตร์ทำลายใจ' เมื่อผู้ใดโดนเวทมนตร์นี้ หัวใจของผู้นั้นจะแตกสลาย และตายลงในที่สุด เป็นหนึ่งในสิบเวทมนตร์ต้องห้ามของโลกเวทมนตร์ที่ผิดบาปและเลวร้ายเกินกว่าจะให้อภัยได้

"เดี๋ยวฉันจัดการเองฤทธิ์" ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของผู้ตัดสินอย่างลุงวิชที่จะช่วยสกัดกั้นเวทมนตร์อันไม่พึงประสงค์ออกไป

ถ้าไม่ติดว่า...!

ฟึ่บ!

"พ่อ!!!"


ถ้าไม่ติดว่า.. ลุงวิชจะกลับกลายเป็นคนที่ทำให้เวทมนตร์นั้นถึงตัวพ่อได้เร็วขึ้น!

"..."

วินาทีนั้น.. เหมือนนาฬิกาทุกเรือนบนโลกใบนี้หยุดเดิน.. ร่างของพ่อหงายหลังลงนอนแน่นิ่งกับพื้น.. ไม่แม้แต่จะหายใจอีกต่อไป..

ผมจำอะไรไม่ได้อีกเลยนับจากนั้น.. ก่อนจะลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้งที่โรงพยาบาลในอาทิตย์ต่อมา.. ผมต้องใช้เวลาในการบำบัดอยู่หนึ่งเดือนเต็ม กว่าที่จะสามารถใช้ชีวิตวัยเด็กต่อไปได้..
   
ถึงจะไม่มีพ่อแล้ว.. แต่ผมก็ยังมีแม่ มีพี่วิสกี้ให้รักและดูแลกันต่อไป และนั่นคือสิ่งที่ผมคิด โดยที่ไม่รู้เลยว่า.. ผมคิดผิดถนัด..
   
การตายของพ่อไม่ได้ส่งผลร้ายแรงถึงผมเท่านั้น.. แต่มันยังกัดกินหัวใจของแม่อย่างยากจะเยียวยาว..
   
พี่วิสกี้เล่าให้ผมฟังว่าหลังจากที่พ่อถูกฆ่าโดยศัตรูและถูกหักหลังโดยเพื่อนสนิทในการดวลเวทมนตร์ แม่ใช้เวทมนตร์ด้านมืดกำจัดทั้งลุงวัชและการ์ดิจนวิญญาณแตกสลายหายไป.. พอทางราชวงศ์รู้เรื่อง พวกเขาใช้อำนาจทั้งหมดที่มีช่วยปิดข่าวไว้ให้ บอกว่าพ่อแค่ตายด้วยอุบัติเหตุเท่านั้น เนื่องจากไม่ต้องการให้แม่กลายเป็นผู้กระทำความผิดจากการฆ่าพ่อมดสองคนนั้นไปด้วยอีกคน เพราะถึงแม้ว่าจะเป็นการใช้เวทมนตร์ด้านมืดเพื่อกำจัดฝ่ายชั่วร้าย แต่กฎก็คือกฎ ไม่อาจละเว้นได้ ไม่ว่าจะในกรณีใดก็ตาม และที่ทางราชวงศ์ช่วย ก็เพราะไม่อยากให้ผมกับพี่วิสกี้ต้องเสียแม่ไปอีกคน
   
โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่า พวกผมได้สูญเสียแม่ไปตั้งแต่ตอนที่พ่อตายแล้ว..
   
เมื่อวันนึง แม่เรียกผมกับพี่วิสกี้เข้าไปในห้องนอนของท่าน ที่ยังคงอยู่ในสภาพเดิมตั้งแต่ก่อนที่พ่อจะจากเราไป..
   
“ลูกสองคนเคยได้ยินเรื่องราว ‘รักแท้ของนกเงือก’ มั้ยจ๊ะ? อะไรกัน ไม่เคยได้ยินหรอ งั้นเดี๋ยวแม่จะเล่าให้ฟังก็แล้วกันนะ” ก่อนจะเริ่มเล่าถึงเรื่องราวของนกเงือกให้เราสองพี่น้องได้ฟัง “กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีนกเงือกตัวผู้อยู่ตัวนึง คอยออกบินตามหารักแท้ที่เฝ้าฝันหา จนกระทั่งในที่สุด มันก็ได้พบกับเจ้านกเงือกตัวเมียที่หวังว่าจะเป็นรักแท้ของมัน”
   
“…”
   
“เจ้านกเงือกตัวผู้คอยหาอาหารหลากหลายชนิดมาให้กับตัวเมีย เพื่อหวังว่าจะได้ครองใจของอีกฝ่าย”
   
“…”
   
“เจ้าตัวผู้หมั่นทำแบบนั้นอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า จนสุดท้าย ความพยายามของมันก็เป็นผล เมื่อเจ้านกเงือกตัวเมียตกลงปลงใจที่จะเป็นรักแท้ของมัน”
   
“…”
   
“ก่อนที่ทั้งคู่จะให้กำเนิดลูกน้อยในรังรักที่พวกมันร่วมกันสร้างขึ้น”
   
“…”
   
“ทุกอย่างดูจะเป็นสุขดี ถ้าไม่ติดว่าวันนึง.. วันที่เจ้านกเงือกตัวผู้ออกไปหาอาหารให้เมียและลูก..”
   
“…”
   
“มันกลับถูกคนใจร้ายใช้ปืนยิงตาย.. โดยที่ไม่รู้เลยสักนิด ว่าการที่เขาได้ฆ่าเจ้านกเงือกตัวผู้จนตายนั้น กลับกลายเป็นการฆ่าเจ้านกเงือกตัวเมียทั้งเป็น..”
   
“…”
   
“ด้วยความที่นกเงือกเป็นสัตว์ที่มีพฤติกรรมรักเดียวใจเดียว และมีรักที่มั่นคงยาวนาน เจ้านกเงือกตัวเมียจึงได้แต่เฝ้ารอคอยการกลับของสามีวันแล้ววันเล่า”
   
“…”
   
“จนถึงวันที่ได้รู้ความจริงว่าสามีของมันตายจากไปแล้ว ก็ยังคงใช้ชีวิตต่อไป โดยไม่อาจที่จะมีใจรักใครได้อีก.. ฮึก..”
   
“แม่..”
   
“วิสกี้ เหล้ารัม แม่รู้ว่าตอนนี้ลูกทั้งสองยังเด็ก แต่เมื่อวันใดที่เราทั้งคู่ได้พบเจอกับคนที่ลูกรัก จงจำเรื่องที่แม่เล่าในวันนี้เอาไว้ให้ดี”
   
“…”
   
“ว่าจงเป็นให้ได้อย่างนกเงือก”
   
“…”
   
“เข้าใจมั้ยลูก?”
   
“ครับ/ค่ะ”

   
ผมไม่รู้หรอกว่าพี่วิสกี้จะยังจดจำสิ่งที่แม่บอกกับพวกเราในวันนั้นได้มั้ย แต่สำหรับผม.. ผมไม่มีวันลืมไปจากใจ และยังคงยึดถือเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ และนั่น..ทำให้ผมได้โบยบินจนมาเจอกับวาฬ..
   
“ดีมากจ้ะ” แม่ยิ้มให้ผมกับพี่วิสกี้เมื่อได้ฟังคำตอบรับจากเราทั้งคู่ มันเป็นยิ้มที่สวยงามที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นจากแม่ ก่อนที่ท่านจะขอตัวไปนอนกลางวัน.. และ..ไม่เคยตื่นขึ้นมาอีกเลย..

/ ต่อด้านล่าง /
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบห้า..ดวล || อัพเดท : 9/8/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 09-08-2016 13:52:51

เหล้ารัม ระวัง!"

ผมที่กำลังจมลึกลงไปในอดีตของตัวเอง ได้สติกลับคืนมาอีกครั้งเพราะเสียงร้องเตือนของวาฬ

ถึงได้เห็นว่าเวทมนตร์ของซองซูกำลังตรงมาทางผม และนั่นทำให้ผมสามารถเอี้ยวตัวหลบได้อย่างทันท้วงที โดยที่ปล่อยให้มันเฉียดผ่านหูไปได้เพียงแค่ไม่กี่เซ็น

..เกือบไปแล้ว

"แกมัวแต่เหม่ออะไรอยู่เหล้ารัม ไม่ได้ยินที่ทีออนสั่งเริ่มหรือไง : )"

"..." ใช่ ผมไม่ได้ยินตอนทีออนสั่งเริ่มการดวลจริงๆ เพราะมัวแต่นึกถึงอดีตอยู่.. นี่ถ้าไม่ได้วาฬล่ะก็ ผมคงกระเด็นไปไกลแล้ว เพราะไอ้ซองซูมันใช้เวทมนตร์แบบไม่ยั้งมือเลยจริงๆ

"ถ้าอยากช่วยแฟนแก ก็จริงจังหน่อยสิ : )"

ฟึ่บ!

"..."

ฟึ่บ!

"..."

ฟึ่บ!

ไอ้ซองซูซัดเวทมนตร์ใส่ผมอีกครั้งและอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมมีสติพอที่จะไม่ต้องให้ใครเตือน และหายตัวไปยังด้านหลังของไอ้พ่อมดเกาหลี เพื่อให้ได้อยู่ใกล้กับวาฬมากขึ้น

"คุณไหวมั้ยวาฬ?"

"ผมไม่เป็นไรครับ แต่คุณน่ะ..ระวัง!"

ฟึ่บ!

"นี่สรุปว่าแกจะสู้กับฉันมั้ยเนี่ย!?"

ซองซูเริ่มโมโห มันหันมองผมตาขวางเลยตอนที่ผมสามารถหลบเวทมนตร์ของมันได้อีกครั้งเพราะคำเตือนของวาฬ

"..." ผมรู้ว่าผมกำลังลีลา.. ผมรู้ว่ามันถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องจัดการซองซูซะ แต่ใจผมมันสั่นไปหมด.. ผมเหมือนพวกขี้ขลาดที่อยากจะหนีไปเรื่อยๆ เพื่อหวังว่าจะไม่ต้องต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่ควรจะต้องเผชิญ

ฟึ่บ!

"จะหลบอะไรนักหนาวะ! สู้สิ!"

"..."

ฟึ่บ!

"ฉันบอกให้แกสู้!"

'พ่อ!!!'

ฟึ่บ!


"สู้สิโว้ยยยยยยยยยย!!

ฟึ่บ!

'พ่อ!!!'


ไอ้ซองซูซัดเวทมนตร์ใส่ผมอย่างบ้าคลั่ง สายตาของคนที่ดูอยู่ตอนนี้คงไม่พ้นมองว่าผมเหมือนเต่าที่เอาแต่หดหัวอยู่ในกระดองเมื่อมีภัย โดยที่พวกเขาไม่รู้หรอก.. ว่าที่ผมเอาแต่หลบหลีก.. ก็เพราะว่าผมไม่สามารถดวลเวทมนตร์กับซองซูได้

'พ่อ!!!'

ผมรู้ว่าผมรับคำท้ามันแล้ว และผมก็ต้องเอาชนะสถานเดียว แต่ว่า.. ผม.. ผมทำไม่ได้! บรรยากาศของการดวล รวมถึงเวทมนตร์ที่สาดซัดเข้ามา มันทำให้ผมคิดถึงพ่อ.. พ่อ..ที่นอนนิ่งไร้ลมหายใจอยู่ในลานประลองที่ทะเลสาบเงือก!

"เหล้ารัม คุณฟังผมให้ดีนะ" ภะ..ภาพในหัวมันโจมตีผมจนไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว นอกจากยืนเป็นไอ้ขี้แพ้ที่เอาแต่หลบเวทมนตร์ของซองซู.. และพยายามรวบรวมสติเท่าที่มีเพื่อฟังในสิ่งที่วาฬกำลังจะพูด "ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณเป็นอะไร"

"..."

"แต่มันคงจะเกี่ยวกับเหตุผลที่คุณปฏิเสธการดวลกับซองซูมาโดยตลอด"

"..."

"เพราะฉะนั้นไปซะ"

"..."

"ถ้าไม่อยากดวล ก็จงไปจากที่นี่ คุณน่ะ..อย่าฝืนใจตัวเองเพียงเพราะต้องการจะช่วยผมอีกเลยนะ.."

"..."

"ฮึก..ขอร้องล่ะ.."

"วาฬ..."

"ไปซะ!!!"

"หนวกหูโว้ยยยยยยยย!!!"

ฟึ่บ!

ผมแทบล้มทั้งยืน เมื่อเห็นว่าไอ้ซองซัดพลังใส่ตู้กระจกที่มีวาฬอยู่ข้างใน ภายหลังจากที่มันตวาดเสียงขัดสิ่งที่วาฬกำลังพูด

"..." เพราะผมคิดว่ามันตั้งใจจะทำร้ายคนที่ผมรัก.. แต่ที่ไหนได้ มันแค่ใช้เวทมนตร์เพื่อให้เสียงพูดของวาฬหายไปเท่านั้น

"ที่นี้ก็โฟกัสที่ฉันไอ้เหล้ารัม"

"..."

"ฉันบอกว่าให้แกมองที่ฉันไง!"

"..."

"ฉันจะไม่ทนกับแกอีกแล้วนะ ถ้าไม่สู้ ก็อย่าหลบ และจงยอมรับความพ่ายแพ้ซะ!"

"..." จริงของซองซู.. ถ้าผมไม่สู้ ก็คงต้องยอมรับความพ่ายแพ้ซะ เพื่อให้ทั้งโลกได้รู้ว่าซองซูต่างหาก ที่สมควรจะเป็นนักดวลเวทอันดับหนึ่งอย่างที่มันต้องการ ไม่ใช่ผม ในเมื่อ.. ให้สู้.. ผมก็สู้ไม่ได้ บทจะให้หนีไปแล้วทิ้งวาฬไว้.. ผมก็ว่าผมยอมตายซะดีกว่า!

เพราะฉะนั้น.. "ซองซู"

"คุกเข่าทำไม ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!"

"ฉันขอยอมแพ้ ฉันสู้กับแกในลานประลองไม่ได้จริงๆ" มันคงเป็นทางเดียว "แกสามารถจัดการฉันได้เต็มที่ แต่ขออย่างเดียว ปล่อยวาฬไปเถอะนะ ฉันขอร้อง" ทางเดียวที่จะช่วยวาฬได้

"ไม่!" แต่ซองซูไม่ยอม มันเดินเข้ามากระชากคอเสื้อผมให้ลุกขึ้น จนทีออนต้องเข้ามาห้ามตามกฎการดวล แต่ไอ้พ่อมดเกาหลีไม่สน แถมยังผลักผู้ตัดสินอย่างทีออนให้พ้นทาง "แกจะมายอมแพ้แค่นี้ไม่ได้! ถ้าแกยอมแพ้ ฉันก็จะปล่อยแฟนแกให้ห้อยอยู่แบบนั้น จนกว่าแกจะดวลชนะ!"

"แต่ว่า.." ผมอยากที่จะขอร้องซองซูต่อ อยากอธิบายให้มันรู้ถึงเหตุผลที่ผมไม่สามารถดวลกับมันได้ ถ้าไม่ติดว่า..ผมดันบังเอิญสังเกตเห็นความผิดปกติของเชือกที่มัดข้อมือวาฬเข้าซะก่อน! "เชือก!"

"อะไร?"

"ไอ้ซองซู เชือกกำลังจะขาด!"

"แกไม่ต้องมาโกหกฉัน ฉันไม่หลงกลแกหรอก"

"ฉันไม่ได้โกหก แกหันไปดูสิ!" ผมพยายามจะจับตัวไอ้บ้าซองซูให้หันไปดูเชือกที่กำลังจะขาด แต่มันกลับขืนตัวไว้สุดกำลัง

"ฉันบอกว่าฉันไม่หลงกลแกไงเล่า!"

"งั้นแกก็ปล่อยฉัน ฉันจะไป.. วาฬ!!!"

ผมตั้งใจจะบอกซองซูว่าผมจะไปช่วยวาฬ แต่มันไม่ทันแล้ว... เมื่อเชือกเส้นบางไม่สามารถรับน้ำหนักของวาฬได้อีกต่อไป!

วินาทีนั้นเหมือนทุกอย่างรอบตัวหยุดนิ่งและไร้เสียง.. ผมวิ่งสุดกำลังไปยังตู้กระจก ตั้งใจจะเข้าไปรับร่างของแฟนผมเอาไว้

แต่ผลคือ.. ผมไม่สามารถทะลุตู้กระจกเข้าไปได้ คาถาผู้ชนะทำให้ผมชนเข้ากับกระจกอย่างแรง จนหงายหลังล้มลง ก่อนที่จะพยายามลุกขึ้นอีกครั้ง ในจังหวะที่..

ปึก!

..ร่างบางของวาฬตกลงกระแทกพื้นอย่างแรง!


"..." ผะ..ผมหายใจไม่ออก.. พูดก็ไม่ออก.. ได้แต่มองร่างของแฟนตัวเองที่กำลังนอนคว่ำหน้ากับพื้น พร้อมกับ..เลือด..ที่ไหลนองออกมา..

วาฬนอนนิ่ง.. ไม่ขยับเลยแม้แต่นิด..

"ซะ..ซองซู.." ผมรู้ว่าผมทำอะไรไม่ได้แล้ว เลยได้แต่หันหาซองซูเพื่อหวังว่าจะให้มันช่วย ถึงได้เห็นว่ามันเองก็ช็อกไม่ต่างกัน

แต่ก็เพียงไม่นานนัก.. สีหน้าตกตะลึงของซองซูก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นราบเรียบ "ถ้าแกไม่เอาชนะฉันให้ได้ แม้แต่ศพของวาฬ แกก็จะไม่ได้เอากลับไปไอ้เหล้ารัม" ก่อนจะพูดออกมาราวกับพวกเลือดเย็น!

"ไอ้ซองซู! มันจะมากเกินไปแล้วนะเว่ย!"

ใช่.. ถูกของทีออน.. ไอ้ซองซูมันทำเกินไปจริงๆ..

"หุบปากทีออน!"


"แกนี่มัน.."


"ก็บอกให้หุบปากไงเล่า!!"


..และผมก็จะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว!!!


ฟึ่บ!

ผมตัดใจจากวาฬเพื่อหายตัวกลับขึ้นมายังบนลานประลองอีกครั้ง ทั้งที่น้ำตายังคงนองหน้า.. "มีเหตุผลหลายอย่างที่ทำให้ฉันไม่รับคำท้าของแกซองซู และหนึ่งในเหตุผลเหล่านั้นก็คือ.. ต่อให้ถึงวันที่แกตาย แกก็ก็ไม่มีวันได้คู่ควรกับการเป็นคู่แข่งของฉัน!!!"

"จัดมาเลยไอ้เหล้ารัม ฉัน...!!!"

ตู้มมมมมมมมมมมมมม!!!

โดยไม่ต้องรอให้ไอ้ซองซูพล่ามจนจบ ผมจัดการซัดเวทมนตร์ที่รุนแรงที่สุดใส่มันด้วยความคับแค้นใจ ให้สาสมกับที่มันทำให้วาฬต้องเป็นแบบนี้!!

"..."

และในทันทีที่ทุกอย่างสงบลง ควันจากการระเบิดรุนแรงก็จางหายไป.. เหลือทิ้งไว้เพียงร่างของซองซูที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์ กำลังนอนปากบิดเบี้ยวเป็นอัมพาตชั่วคราวอยู่ที่พื้น โดยมีเพียงแค่ตาเท่านั้นที่ยังคงกลอกไปมาได้

ทีออนเป็นแรกที่วิ่งเข้าไปดูอาการของซองซู ถึงแม้ว่าสีหน้าของคนเป็นผู้ตัดสินดูจะไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก แต่ทีออนก็เป็นมืออาชีพมากพอที่จะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี

ต่างจากผม.. เพราะผมไม่สนใจใครอีกแล้ว ไม่สนด้วยว่าผลของการดวลเป็นยังไง.. หรือว่าคนที่นั่งดูอยู่จะมองว่าผมเป็นคนแบบไหน.. ในเมื่อสิ่งที่ผมต้องการที่สุดตอนนี้มันได้เกิดขึ้นแล้ว และนั่นคือการที่ตู้กระจกหายลับไป..

"วาฬ.." ผมพยายามเรียกอีกฝ่ายในขณะที่จับเขาให้หงายขึ้น "คุณได้ยินผมมั้ย?" แต่วาฬยังคงนิ่ง.. มีเลือดจากหน้าผากที่แตกอาบทั่วใบหน้า..

"หะ..ให้ฉันตามคนมาช่วยมั้ยเหล้ารัม?"

"..." ผมไม่ได้ตอบกลับทีออนที่วิ่งเข้ามาถามด้วยสีหน้าลำบากใจในทันที เพราะตั้งใจว่าจะช้อนตัววาฬขึ้นมาอุ้มไว้ให้สำเร็จซะก่อน "ไม่เป็นไร ฉันจัดการเองได้ ลาก่อน" จนกระทั่งทุกอย่างเข้าที่เข้าทางเรียบร้อยดีแล้ว ผมถึงได้กล่าวคำปฏิเสธทีออนและบอกลา..

..ก่อนจะพาร่างไร้ลมหายใจของวาฬออกไปจากนี่ เพื่อไปยังที่ที่มีแต่เราสองคน..

(http://pic.pimg.tw/demona/1405329580-1468390043.gif)

จบตอนที่ 15

ตอนที่เขียนบทนี้จบลง
รู้สึกเลยว่า.. ความตายมันอยู่ใกล้ตัวเรามากจริงๆ
จนกว่าที่จะรู้ตัวว่ายังไม่ได้ทำนั่นทำนี่ให้กับคนที่เรารัก
มันก็สายไปเสียแล้ว

*พูดคุยที่ทวิตเตอร์กันได้ โดย #พ่อมดเหล้า นะครับ

มายเพจ : #แฮมสเตอร์ (https://www.facebook.com/hamsterisanauthor)
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบห้า..ดวล || อัพเดท : 9/8/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 09-08-2016 14:02:08
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบห้า..ดวล || อัพเดท : 9/8/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 09-08-2016 14:39:59
 :sad4:

ไม่นะ มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง

โลกเวทมนตร์ไม่มีหมอเทวดาเลยเหรอคะ  :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

มันไม่ควรจะจบแบบนี้นะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :serius2:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบห้า..ดวล || อัพเดท : 9/8/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Natsuki-ChaN ที่ 09-08-2016 16:27:47
โอ้ยยย ไม่น้า เศร้าไปแล้ว จากขนมหวานมา มาม่าชามโตนี่ไม่ไหวนะ...  :z3: :hao5:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบห้า..ดวล || อัพเดท : 9/8/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Khan_htt ที่ 09-08-2016 17:06:33
เกลียดซองซูมากกกกกกก อะไรทำให้เป็นครใจบาปขนาดนี้วะะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบห้า..ดวล || อัพเดท : 9/8/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Praykanok ที่ 09-08-2016 18:12:53
นังซองซู!!!! โอ้ยยยย วาฬอดทนนะะะะะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบห้า..ดวล || อัพเดท : 9/8/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 09-08-2016 18:39:05
อะไรดลใจให้อีซ่องสารเลวขนาดนี้ แม่ไม่รักเหรอออ ขอให้มันทรมานแบบไม่มีวันตาย
โอ้ยยยย สงสารเหล้ากะวาฬ ทำไมมันบีบใจขนาดนี้ :katai1: :katai1: :katai1: วาฬต้องฟื้นนะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบห้า..ดวล || อัพเดท : 9/8/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 09-08-2016 21:56:22
ซองซูเป็นพ่อมดชั่วร้ายใช่มั้ย ถึงได้เลวขนาดนี้!!! อะไรทำให้ซองซูบ้าการประลองขนาดนี้ เพราะความอิจฉาเหรอ หรือ ต้องการ ทำลายเหล้ารัมกันนะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบห้า..ดวล || อัพเดท : 9/8/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 09-08-2016 23:12:55
ไม่นะ วาฬจะตายไม่ได้นะ  :sad4: :sad4:
ไอ้พ่อมดซองซูงี่เง่ามาก บ้าการประลองจนไม่คิดถึงเลยว่าคนอื่นจะเดือดร้อนจะต้องทุกข์มากแค่ไหน ขอให้มันได้รับผลกรรมหนักๆไปเลย
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบห้า..ดวล || อัพเดท : 9/8/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: shannara ที่ 10-08-2016 01:03:07
มาต่อเร็วๆน้าาา :hao7:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบห้า..ดวล || อัพเดท : 9/8/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 10-08-2016 14:56:26
เห้ย ตายจริงดิ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบห้า..ดวล || อัพเดท : 9/8/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: KoiKa ที่ 20-08-2016 08:56:40
โอ๊ยยยยยยยย ปวดใจ ฮืออออออออออ
เกลียดซองซู เกลียดๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบห้า..ดวล || อัพเดท : 9/8/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 21-08-2016 08:28:28
 :call: :call:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบห้า..ดวล || อัพเดท : 9/8/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 24-08-2016 23:51:43
อ้าว ตามอ่านตั้งนาน ทำไมบทล่าสุดทำร้ายจิตใจผมมากเลยครับ โอ๊ยยย โอ๊ยยยย  :ling3:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบหก..วิสกี้ || อัพเดท : 25/8/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 25-08-2016 20:22:36
บทที่ 16
{ วิสกี้ }

(http://66.media.tumblr.com/35e118f0722f1992ea4ee3e669f2de68/tumblr_ngt7ymrT7m1qhodd8o2_1280.gif)

ผมยังจำวินาทีที่ตกลงสู่พื้นได้..

มันเหมือนว่าตอนนั้น..ความตายตะโกนเรียกชื่อผมเสียงดังมาก.. จนสิ่งต่างๆ มากมายวิ่งวนในหัวอย่างรวดเร็วราวกับหนังที่ถูกกดให้ skip ไปข้างหน้า.. กระทั่งเสี้ยววินาทีที่บอกกับตัวเองด้วยความกลัวว่า ‘ยังไม่อยากตาย’ ร่างกายส่วนหน้าก็กระแทกลงกับพื้นอย่างแรงแล้ว.. เกิดเป็นความเจ็บในช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทุกอย่างจะดับไป..
   
ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นบ้าง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมานอนใส่เฝือกทั้งตัวในบ้านไม้สวยงามหลังนี้ได้ยังไง คืออันที่จริง..ผมยังสับสนอยู่ตรงกึ่งกลางระหว่าง ‘ความเป็น’ กับ ‘ความตาย’ อยู่เลย ว่าอันไหนคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมจริงๆ กันแน่?
   
แต่ในเมื่อยังมีลมหายใจ.. ก็คงได้แต่สรุปว่า ‘ยังไม่ตาย’ ไปก่อนน่ะนะ
   
“อะแฮ่ม”
   
แล้วในขณะที่ผมกำลังนอนมองเพดานนิ่งๆ เพื่อปล่อยให้ความคิดไหลไปอยู่นั้น.. เสียงกระแอมไอจากทางด้านขวาก็เรียกความสนใจจากผมให้หันไปมอง..
   
“คุณ..เป็นใครครับ?” ผมเผลอขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัยทันที ก่อนที่จะรีบคลายมันออกจากกัน เมื่อรู้สึกถึงความตึงบริเวณหน้าผาก คล้ายว่าน่าจะมีแผลอยู่ตรงบริเวณนั้น
   
และถึงแม้ว่าเฝือกที่ดามคออยู่จะทำให้ผมหันมองคนแปลกหน้าได้อย่างยากลำบาก จนต้องใช้วิธีการชำเลืองตามองเข้าช่วยก็ตาม แต่สุดท้ายมันก็ทำให้ผมได้เห็น ว่าเธอคนที่กำลังนั่งไขว่ห้างอยู่ข้างเตียงในขณะนี้นั้น ช่างเป็นแม่มดที่สวยเสียจนคนมองจำต้องลืมหายใจ..
   
เจ้าหล่อนเป็นหญิงสาวหุ่นสวยในชุดเดรสสีดำสั้นสุดเซ็กซี่ ไว้ผมสั้นประบ่าสีดำประกายม่วงที่แม็ทช์กับหมวกปานามาปีกกว้างที่เธอสวมใส่อยู่ ทว่าสีของเส้นผมนั้นกลับตัดกันอย่างสิ้นเชิงกับผิวขาวจัดปราศจากรอยตำหนิของเธอที่แค่มองดูด้วยตาก็รู้แล้วว่าเนียนละเอียดเพียงใด
   
หากแต่เรื่องของผิวพรรณอันดีนั้นก็ยังถือว่าเป็นจุดแข็งที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับใบหน้าสวยสมบูรณ์แบบที่ยากจะละสายตา.. เธอมีหน้าตาที่ค่อนไปทางเอเชียซะส่วนมาก คือคิ้วเข้มเรียงเส้นสวยราวกับใช้พู่กันวาดขึ้นใหม่ ก่อนที่จะไล่ลงมาเป็นจมูกโด่งปลายเชิด และจบลงที่ปากทรงกระจับสีแดงระเรื่อชวนมอง ในขณะที่ช่วงตากลมโตเบ้าลึกนั้นกลับสวนทางไปยังโซนตะวันตกอย่างเห็นได้ชัด จนเกิดเป็นการผสมผสานที่เปี่ยมเสน่ห์และลงตัวในแบบที่ผมต้องขอยกนิ้วให้เลย ถ้าหากว่าไม่ได้กำลังเข้าเฝือกทั้งตัวแบบนี้
   
ซึ่งถ้าผมจำไม่ผิด คนล่าสุดที่ผมเห็นว่ามีหน้าตาที่ผสมผสานระหว่างความเป็นตะวันตกและตะวันออกได้อย่างงดงามและไร้ที่ติเช่นนี้ ก็เห็นจะเป็น..นายพ่อมดเหล้าแฟนของผมนั่นเอง
   
ใช่.. หน้าตาสไตล์นี้เป็นสไตล์เดียวกันกับเหล้ารัมไม่ผิดแน่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนัยน์ตาสีม่วงเป็นประกายของเจ้าหล่อนที่กำลังมองมา.. ยิ่งชวนให้ผมคิดถึงนายพ่อมดเหล้าเข้าไปใหญ่ แม้ว่าจะเป็นสีม่วงในเฉดที่เข้มกว่าก็ตาม
   
น่ะ..นี่อย่าบอกนะว่า..ผู้หญิงคนนี้คือ..!?
   
“ฉัน..วิสกี้ พี่สาวของเหล้ารัม” น่ะ..นั่นไงเล่า! เป็นอย่างที่คิดไว้ในใจจริงๆ ด้วย มะ..แม่มดวิสกี้ตัวจริงเสียงจริงนั่งอยู่ตรงนี้แล้ว! “ในที่สุดก็ได้เจอกันสักทีนะ..วาฬ” แถมเจ้าหล่อนยังรู้ชื่อของผมอีกต่างหาก!
   
เล่นเอาผมนี่เสียวสันหลังวาบเลย เมื่อคิดว่าเธออาจจะรู้แล้วก็ได้ว่าผมเป็นใคร มาจากตระกูลอะไร และอาจจะลามไปถึงเรื่องของพันธะสัญญาครั้งที่สองระหว่างผมกับเหล้ารัมด้วย “ครับ” แต่เพื่อความชัวร์ ว่าจะไม่เป็นการปล่อยโป๊ะตัวเองในกรณีที่พี่วิสกี้อาจจะยังไม่รู้เรื่อง ผมจึงเลือกประหยัดคำพูดไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ จนผลสุดท้ายก็ได้แค่คำว่า ‘ครับ’ ออกจากปากไปเพียงแค่คำเดียว ซึ่งมันดู..ซื่อบื้อโคตรๆ!
   
แล้วพอเห็นว่าผมไม่ได้พูดอะไรต่อ พี่วิสกี้ที่นั่งไขว่ห้างหลังตรงเปรี๊ยะก็แค่นหัวเราะออกมา “อะไรกันยะ” และในตอนนั้นเอง..ที่ผมได้เห็นว่านัยน์ตาที่เคยเป็นสีม่วงเข้มของเธอนั้น กลับแปรเปลี่ยนเป็นสีน้ำทะเลยามค่ำคืนแทน “ฉันพูดออกยาว นายตอบได้แค่นี้เองหรือไง”
   
เอ่อ.. ไม่รู้ว่าผมเข้าใจถูกมั้ยนะ แต่ไรเกอร์เคยเล่าให้ผมฟังว่า พ่อมดแม่มดต่อให้เปลี่ยนรูปลักษณ์ไปไกลแค่ไหนก็ตาม ทว่าสิ่งที่จะไม่มีทางเปลี่ยนได้ก็คือสีของตาที่เปรียบเสมือนหน้าต่างของหัวใจ เพราะฉะนั้นสองทางที่สีตาจะเปลี่ยนเป็นอื่นได้ คือหนึ่ง..ใส่คอนแทคเลนส์สีๆ ของมนุษย์ และสอง..จะต้องเป็นพ่อมดแม่มดขั้นสูงกว่าขั้นสุดยอด ถึงจะเปลี่ยนสีตาไปตามความรู้สึกนึกคิดของตัวเองได้
   
ซึ่งผมคิดว่าในกรณีของพี่วิสกี้นั้น คงเป็นการเปลี่ยนสีตาในกรณีหลังอย่างแน่นอน
   
ว่าแต่... แล้วนี่ผมควรตอบกลับพี่วิสกี้ยังไงดีล่ะเนี่ย!?
   
“เอ่อ.. ขอโทษครับ” โอเค.. แบบเนี้ยแหละ เริ่มจากขอโทษก่อน แล้วค่อยอธิบายอีกนิด  น่าจะเป็นอะไรที่เข้าท่า “คือ.. ผมแค่..ไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงดีน่ะครับ”
   
ทว่า.. “ถ้าไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร งั้นก็ไม่ต้องพูด” สะ..สิ่งที่อีกฝ่ายตอบกลับมาแบบทันท่วงที เล่นเอาผมถึงกับชาไปทั่วทั้งหน้า!
   
“...”
   
แล้วที่ร้ายกว่านั้นคือ พี่วิสกี้ดูจะไม่สนใจความรู้สึกคนฟังอย่างผมเลยสักนิด ตรงกันข้าม เธอเชิดหน้าขึ้นอีกเล็กน้อย ก่อนจะใช้ช่วงตาตะวันตกมองต่ำลงมาอย่างไม่ค่อยจะเป็นมิตรนัก
   
จนผมชักเริ่มไม่แน่ใจแล้ว ว่าตัวเองเคยไปทำอะไรให้พี่สาวของเหล้ารัมคนนี้ไม่พอใจมาก่อนรึเปล่า?
   
แต่ก็นั่นแหละ ต่อให้ข้องใจกับการแสดงออกของพี่วิสกี้ยังไง ก็ไม่กล้าถามอะไรออกไปอยู่ดี “ให้ฉันเป็นฝ่ายพูดเองก็แล้วกัน” ยิ่งพี่เค้าพูดเสียงดังฟังชัดซะขนาดนี้ ผมก็คงจะตอบกลับไปได้แค่..
   
“คะ..ครับ” ..เท่านั้นเอง
   
ว่าแต่นายเหล้ารัมเถอะ หายไปไหนของเค้ากันนะ ทั้งที่ถ้าเขาอยู่ จะต้องเป็นคนที่ทำให้สถานการณ์ตอนนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีแน่ แล้วไอ้บทจะถามพี่วิสกี้ว่าน้องชายเธอหายไปไหนก็ไม่ได้อีก ฮืออออออ~
   
“ก่อนอื่น ฉันต้องขอแสดงความยินดีด้วย ที่นายยังไม่ตาย : )”
   
“...” อา.. โอเคครับ ผมยังไม่ตาย
   
“และก็ขอบอกตามตรง ว่าเสี้ยวนึงในใจฉันค่อนข้าง ‘ผิดหวัง’ เพราะนั่นเท่ากับว่าความยุ่งยากยังคงอยู่ให้ฉันต้องคอยจัดการต่อไป ซึ่งนั่นหมายถึง..นายกับฉันคงต้องได้เจอกันอีกยาว”
   
“...”
   
“ฉันรู้ว่านายอาจคิดว่าฉันเป็นแม่มดจิตใจโหดร้ายที่คิดว่าการตายของนายจะทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น ซึ่งถ้านายคิดแบบนั้นล่ะก็ บอกได้เลยว่านายคิดถูกต้องที่สุดแล้ว : )”
   
“...”
   
“เพราะว่าฉันน่ะ อยากกำจัดนายให้หายไปจากชีวิตของน้องชายฉันตั้งแต่วันแรกที่ได้รู้ว่าเหล้ารัมมีคู่ควงเป็นมนุษย์แล้ว แถมนายก็ดันเป็นมนุษย์ที่เป็นผู้ชายอีก มันช่าง..เป็นอะไรที่เกินจะรับไหวจริงๆ”
   
“...”
   
“เพราะหนึ่ง ฉันเกลียดมนุษย์มาก และสอง ฉันต้องการให้น้องชายเป็นผู้สืบสกุลอัครวรกุลพิชิตต่อไป ซึ่งเห็นชัดอยู่แล้วว่านายน่ะ..ท้องไม่ได้!”
   
“...”
   
ไม่พูดเปล่า พี่วิสกี้ไล่สายตามองผมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ก่อนที่ใบหน้าสวยจะแสดงความไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งผมเข้าใจดี.. ในเมื่อเหล้ารัมเป็นผู้ชาย พี่สาวก็ย่อมต้องหวังให้เขามีลูกมีหลานสืบสกุลต่อไปอยู่แล้ว แต่นี่ดันมาคู่กับผมเข้า ก็เท่ากับว่าเรื่องนี้จำต้องกลายเป็นศูนย์ไปเลย
   
ก็..เป็นอะไรที่น่าลำบากใจเหมือนกันน่ะนะ..
   
เพราะถึงแม้ว่าพี่วิสกี้จะไม่ได้สร้างความประทับใจแรกพบให้กับผม แต่ความจริงก็คือความจริง และความจริงที่ว่าก็คือเราไม่สามารถคบกับใครสักคนโดยที่ไม่แคร์คนรอบข้างได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากคนรอบข้างที่ว่านั่นเป็นคนในครอบครัวของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ดังนั้น ในเมื่อผมกำลังคบหาดูใจอยู่กับเหล้ารัม ผมก็อยากให้พี่สาวของเค้าโอเคกับผมด้วย ผมถึงจะรู้สึกสบายใจ
   
แต่ดูท่าแล้ว.. งานนี้คงยากแฮะ..
   
“เท่านั้นยังไม่พอนะ เป็นมนุษย์ที่ท้องลูกของเหล้ารัมไม่ได้ก็ว่าแย่แล้ว ยังเป็นมนุษย์ต้องสาปอีกต่างหาก หึ!”
   
..เพราะผมก็ดันมีคุณสมบัติหลายข้อที่ไม่เป็นที่ต้องการเสียด้วย
   
“...”
   
“นี่ถ้าเกิดว่านายซองซูไม่พยายามทู่ซี้จัดการดวลบ้าๆ บอๆ แล้วลากนายออกมาในที่แจ้งจนสื่อทุกสำนักช่วยกันขุดคุ้ยข้อมูลล่ะก็ ป่านนี้เหล้ารัมก็คงปิดบังฉันอีกนาน ทั้งเรื่องที่นายเป็นทายาทของตระกูลอลิชา รวมถึงเรื่องที่นายกำลังจะตายเพราะขาดคู่พันธะสัญญาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ด้วย”
   
“...”
   
“นายนี่มัน...ครบสูตรของความสิ้นหวังโดยแท้!”
   
“…”
   
โอเค... ผมยอมรับว่าผมรู้สึกสะเทือนใจไม่น้อยกับสิ่งที่ได้ยิน.. แต่ผมจะไปทำอะไรได้ล่ะ ผมไม่มีสิทธ์ที่จะโกรธเคืองพี่วิสกี้เลยด้วยซ้ำ ในเมื่อ.. พอลองคิดตามสิ่งที่เธอพูด ก็เห็นจริงตามนั้นแทบจะทุกประการ
   
ถึงแม้ว่าพี่วิสกี้น่าจะยังไม่รู้เรื่องของพันธะสัญญาครั้งที่สอง ที่จะทำให้ผมรอดพ้นจากการเป็นมนุษย์ต้องสาปก็เถอะ แต่นั่นก็เป็นเพราะได้เหล้ารัมเข้ามาช่วยไว้ ถึงได้มีความหวังอย่างทุกวันนี้.. มันก็เลยไม่ใช่สิ่งที่น่าจะหยิบยกขึ้นมาคัดค้านอะไรได้
   
ดังนั้น งานนี้ก็เลยเท่ากับว่าลำพังแค่ตัวผมคนเดียว.. ก็คงจะเหมาะสมดีแล้วกับคำว่า ‘สิ้นหวัง’ อย่างที่พี่วิสกี้เลือกใช้ เพราะนอกจากจะเป็นคนที่เหล้ารัมเลือกแล้ว อย่างอื่นก็ไม่เห็นว่าจะมีดีอะไรให้คู่ควรกับผู้ชายอย่างนายพ่อมดเหล้าเลยสักอย่าง..
   
ขอโทษนะ..เหล้ารัม
   
ขอโทษที่ไม่ดีไปกว่านี้
   
ขอโทษจริงๆ
   
“พี่วิสกี้ครับ” แล้วก็ไม่ใช่แค่เหล้ารัมนะที่ผมอยากจะขอโทษ แต่กับคนที่นั่งมองผมอยู่ตอนนี้ ผมก็อยากที่จะขอโทษเธอด้วยเช่นกัน “ผมขอ..”
   
ทว่า..
   
“เดี๋ยว ฉันยังพูดไม่จบ!!” ..คำขอโทษของผมกลับถูกพี่วิสกี้ขัดขึ้นซะเสียงดังลั่น เล่นเอาผมถึงกับสะดุ้งจนเฝือกขยับ เพราะตกใจกับอีกฝ่ายที่แผดเสียงอย่างไม่สบอารมณ์ออกมา
   
“...”
   
“จริงอยู่ที่ฉันบอกว่าอยากจะกำจัดนายให้พ้นทาง แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้น โดยเฉพาะหลังจากที่ฉันได้เห็นว่าเหล้ารัมทำอะไรเพื่อนายบ้าง”
   
“…”
   
“การดวลเวทมนต์น่ะ.. เป็นเรื่องยากสำหรับน้องฉันมากเลยรู้มั้ย”
   
“…”
   
“ถึงแม้ว่าเหล้ารัมจะเก่งในหลายๆ เรื่อง แต่ก็ยังมีเรื่องนึง.. ที่เขาไม่สามารถก้าวข้ามความรู้สึกนั้นไปได้”
   
“…”
   
“ความรู้สึกที่.. ต้องมาเห็นพ่อถูกฆ่าตายในลานประลองแบบนั้น..”
   
“…”
   
เดี๋ยว.. อะ..อะไรนะ? นี่พ่อของเหล้ารัมกับพี่วิสกี้ถูกฆ่าตายในลานประลองอย่างงั้นหรอ!?
   
เพราะแบบนี้เองสินะ.. ที่ทำให้เหล้ารัมของผมถึงได้มีอาการแปลกไปซะทุกครั้ง เวลาที่ซองซูพูดถึงเรื่องการดวลเวท รวมถึงอาการหลุดๆ ตอนที่ดวลกับซองซูด้วย
   
พอได้รู้แบบนี้แล้ว.. ผมอยากกอดเค้าจัง..
   
“บาดแผลจากอดีตทำให้น้องชายของฉันปฏิเสธเรื่องนี้มาโดยตลอด และไม่ว่าใครจะพูดยังไง เหล้ารัมก็ไม่คิดที่จะแตะการดวลเด็ดขาด”
   
“…”
   
“แต่เพราะนาย.. แค่เขาเห็นว่านายถูกจับเป็นตัวประกัน น้องชายฉันถึงกับยอมก้าวขึ้นสู่ลานประลอง และทำในสิ่งที่ฉันไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้เพื่อใคร”
   
“…”
   
“นั่นเลยทำให้ฉันได้รู้ ว่านายคือคนสำคัญสำหรับเค้ามาก แบบที่ไม่เคยให้ความสำคัญกับคนนอกครอบครัวมากขนาดนี้มาก่อน”
   
“…”
   
“และมันก็มากซะจน... ฉันสับสนไปหมดแล้ว ว่าควรจะจัดการกับนายยังไงดี!”
   
“...” อย่าว่าแต่พี่วิสกี้เลยครับ ผมเองก็สับสนเหมือนกัน ว่าสรุปแล้ว..พี่วิสกี้ต้องการอะไรจากผมกันแน่?
   
แล้ว.. ผมควรที่จะต้องตอบโต้อะไรเธอกลับไปมั้ย? หรือว่า..ควรจะอยู่เงียบๆ เพื่อไม่ให้โดนดุอีกดี?
   
แกร๊ก!
   
แต่แล้วในขณะที่ผมกำลังคิดไม่ตกอยู่นั้น.. “พี่วิสกี้!?” จู่ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดออก พร้อมกับคนคุ้นเคยอย่างเหล้ารัมที่ส่งเสียงเรียกชื่อพี่สาวของตัวเอง ทำให้ทั้งผมและพี่วิสกี้รีบหันไปมองคนมาใหม่อย่างพร้อมเพรียง ถึงได้เห็นว่าตอนนี้สีหน้าของนายพ่อมดเหล้านั้น เต็มไปด้วยความประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด
   
แล้วก็ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่านะ แต่ผมว่า..การแต่งตัวของเหล้ารัมวันนี้ มันทำให้เค้าดูดีขึ้นกว่าเก่าอีกแฮะ
   
เริ่มตั้งแต่การสวมหมวกปานามาสีดำที่ดูยังไง๊ยังไงก็เป็นคู่แฝดกับหมวกของพี่วิสกี้ชัดๆ ต่างกันก็แค่ตรงที่ใบของพี่สาวนั้นมีปีกหมวกที่กว้างกว่าก็เท่านั้นเอง
   
ส่วนเสื้อผ้าท่อนบนเป็นเสื้อยืดสีส้มแปลกตา สวมทับด้วยสูทเข้ารูปสีดำเข้ม ในขณะที่ท่อนล่างเป็นจ็อกเกอร์แพ้นท์ขายาวสีเดียวกับสูท ก่อนจะปิดท้ายด้วยรองเท้าหนังสีดำอีกเช่นกัน
   
ดูแล้ว...หล่อจนน่าดึงเข้ามากอดเลยนะเนี่ย : )
   
“อ้าว กลับมาแล้วหรอเหล้ารัม : )”
   
“พี่มาทำอะไรที่นี่?”
   
“พี่ก็...”
   
“วาฬ!”
   
“…” ผมถึงกับเบิกตาโตทันที เมื่อเห็นว่าพี่วิสกี้ยังไม่ทันจะตอบกลับเหล้ารัมเป็นประโยคเลยด้วยซ้ำ แต่พอนายพ่อมดเหล้าหันมาเห็นผมปุ๊บ เขาก็ร้องเรียกซะเสียงดังลั่น ทำเอาพี่วิสกี้ถึงกับหน้าเจื่อนไปเลย ที่ถูกน้องชายตัวเองเมินแบบนั้น
   
“ทำไมต้องเสียงดังด้วยล่ะ ผมไม่ได้อยู่ไกลจากคุณสักหน่อย : )” แต่บทจะบอกให้เขาหยุดสาวเท้าเข้ามาหาผม แล้วหันกลับไปฟังพี่วิสกี้พูดให้จบ มันก็ดูจะเป็นอะไรที่เกินความควบคุมมากไปหน่อย เพราะฉะนั้นก็คงต้องเลยตามเลย แล้วปล่อยให้เหล้ารัมทำในสิ่งที่ใจของเค้าต้องการ
   
“ฮึก..” ตะ..แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมอยากจะเห็นพ่อมดอย่างเหล้ารัมร้องไห้ออกมาหรอกนะ!? “ผม.. ฮึก.. ผมขอโทษ..”
   
“...”
   
ผมถึงกับเม้มริมฝีปากแน่น.. เมื่อรู้สึกว่าคำขอโทษที่แสนจะสั่นเครือของเหล้ารัม..กำลังจะทำให้ผมร้องไห้ตาม..
   
“ผมพยายามใช้เวทมนตร์ทุกอย่างที่ผมรู้ ฉุดรั้งดวงวิญญาณของคุณเอาไว้ ไม่ให้หลุดลอยไปก่อนที่การรักษาจะพ้นขีดอันตราย”
   
“...”
   
“ผมพยายามทำทุกอย่างแล้ว.. แต่คุณ.. ฮึก.. คุณก็ยังไม่ฟื้น แถมยัง..หยุดหายใจไปตั้งครึ่งชั่วโมงกับอีกสิบสามวินาที.. จนผมคิดว่า.. ฮึก.. ผมคิดว่า.. คิดว่าคุณจะตายจากผมไปแล้ว!”

/ ต่อด้านล่าง /
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบหก..วิสกี้ || อัพเดท : 25/8/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 25-08-2016 20:23:04
“...”
   
ยิ่งได้ฟังสิ่งที่เหล้ารัมพูด รวมถึงได้เห็นน้ำตาของเขาที่ไหลอาบสองข้างแก้ม.. ผมก็ไม่สามารถสะกดกลั้นน้ำตาของตัวเองเอาไว้ได้อีกต่อไป..
   
ยอมรับว่ารู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยเหมือนกันที่ร่างกายดันมาเข้าเฝือกทั้งตัวแบบนี้ เพราะถ้าไม่อย่างงั้น ผมคงคว้าเหล้ารัมมากอดไว้แน่นๆ ได้อย่างที่ใจคิด..
   
แต่เอาเถอะ กอดไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ยังไงซะปากผมก็ยังว่าง ก็ควรที่จะใช้มันให้เป็นประโยชน์มากกว่าการพูดจาทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายน่ะนะ “ผมก็ฟื้นขึ้นมาแล้วไง” นั่นก็คือการปลอบโยนเพื่อให้เหล้ารัมรู้สึกดีขึ้น “แล้วเรื่องทั้งหมดนี้มันก็ไม่ใช่ความผิดของคุณด้วย อย่าโทษตัวเองเลยนะ”
   
“แต่ว่าผม...”
   
“ไหน ยิ้มให้ผมดูหน่อยซิ”
   
“วาฬ...”
   
“เร็วสิ ยิ้มกว้างๆ แบบนี้เลย : )” มันอาจจะดูตลกนะ ที่แม้แต่คนบอกให้ยิ้ม..ก็ยังร้องไห้ แต่เชื่อผมเถอะ ว่าวิธีนี้น่ะ เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว ที่จะเรียกบรรยากาศดีๆ ระหว่างเราสองคนให้ย้อนคืนกลับมา เพราะถ้าผมไม่พยายามขัดในสิ่งที่เหล้ารัมอยากจะพูด เขาก็จะยังคงวนเวียนอยู่กับความคิดด้านลบในหัวไม่จบสิ้น ซึ่งผมไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น เพราะผมรู้ดี..ว่าตอนที่ผมยังไม่ฟื้น เหล้ารัมก็คงจะเจ็บปวดกับช่วงเวลานั้นมากเกินพอแล้ว
   
จึงสมควรแก่เวลา ที่เราสองคนจะเดินหน้ากันต่อไปเสียที
   
“...” แต่ถึงผมจะพยายามยิ้มโชว์เป็นตัวอย่างยังไง เหล้ารัมก็ยังไม่ยอมยิ้มออกมาง่ายๆ เขาทำเพียงแค่ช่วยเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าให้ผม แล้วนั่งนิ่งๆ ไปเท่านั้น
   
ผมเลยต้องตัดสินใจงัดไม้เด็ดออกมาใช้ “นี่สรุปว่าคุณจะไม่ยอมยิ้มให้ผมดูจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย”
   
“...”
   
“โอเค งั้นผมก็คงต้องมีอะไรแลกเปลี่ยน : )”
   
“อะไรครับ?” นั่นไงล่ะ ดูท่าว่าอีกฝ่ายจะสนใจขึ้นมาแล้วสินะ หันมาขมวดคิ้วซะมุ่นเชียว : )
   
“ก็.. ถ้าเกิดว่าคุณยอมยิ้มให้ผมดูนะ ต่อจากนี้ไป ผมจะไม่นอนกับเจ้าพวกปิกาจูแล้ว”
   
“...”
   
“แต่ว่า.. จะย้ายไปนอนเตียงเดียวกับคุณแทน ตกลงมั้ย : )”
   
แล้วทันใดนั้นเอง สิ่งที่ผมรอคอยก็เกิดขึ้น เมื่อเหล้ารัมหลุดยิ้มออกมาอย่างที่ผมต้องการ : )
   
มันไม่ใช่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ หรือว่ารอยยิ้มแสนสุขกับสิ่งตอบแทนที่เขาจะได้รับ แต่มันคือรอยยิ้มเหลือเชื่อของนายพ่อมดเหล้าที่คงไม่คิดว่าผมจะยื่นข้อเสนอแบบนี้ออกมา นั่นเลยทำให้นอกจากที่เหล้ารัมจะยิ้มแล้ว เขายังหัวเราะพ่วงไปด้วย
   
ส่งผลให้ความเศร้าใจก่อนหน้านี้หายไป และหลงเหลือเพียงแค่เสียงหัวเราะของเราสองคนแทน
   
ก็นะ ถ้าเขามีความสุข ผมก็มีความสุขเหมือนกันนั่นแหละ : )
   
“อะแฮ่ม!” แต่ในขณะที่ความสุขกำลังกระจายตัวไปทั่วทั้งห้องอยู่นั้น เสียงกระแอมไอจากใครอีกคนในห้องก็ดันขัดขึ้นมาซะก่อน เลยทำให้ผมถึงได้นึกขึ้นได้ ว่าพี่วิสกี้ก็อยู่ในห้องด้วยตอนนี้ แต่ผมดันลืมไปซะสนิทเลย “ขอโทษที่ต้องขัดจังหวะนะ แต่ฉันคิดว่าฉันมีเรื่องที่อยากจะบอกกับพวกนายทั้งคู่”
   
“...” แถมพอได้ยินพี่วิสกี้พูดแบบนั้น ทั้งผมและเหล้ารัมก็เป็นอันต้องหุบยิ้มลง ก่อนจะหันมองหน้ากัน แล้วหันไปรอคำพูดของอีกฝ่าย
   
“คือ.. ฉันจะกลับแล้ว ขอให้พวกนายสองคนโชคดี”
   
แต่สิ่งที่พี่วิสกี้พูดออกมาทำเอาผมงงไปเลย อะไรกัน? มาพูดกับผมซะยืดยาว แต่พอเหล้ารัมมา ดันลากลับง่ายๆ แบบนี้เนี่ยนะ!?
   
“เดี๋ยวก่อนพี่วิสกี้ ผมว่าผมงงไปหมดแล้ว” ซึ่งเหล้ารัมเองก็คงจะรู้สึกไม่ต่างจากผมหรอก ถึงได้รั้งพี่สาวของเขาเอาไว้ “นี่พี่จะกลับ โดยที่แค่พูดอวยพรเราสองคนแค่นี้เนี่ยนะ?”
   
“แล้วจะให้ฉันพูดอะไรล่ะ” ในขณะที่พี่วิสกี้หันกลับมาหาเราสองคนด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะพอใจนัก ไม่สิ.. จะว่าไป เธอมีสีหน้าที่พึงพอใจรึเปล่า ผมยังไม่แน่ใจเลย? “ให้บอกนายว่าจงเลิกยุ่งกับวาฬซะ แล้วนายก็จะยอมทำตามที่พี่ต้องการอย่างงั้นน่ะหรอ!?”
   
“ไม่อยู่แล้ว ผมไม่ยอมเลิกยุ่งกับวาฬเด็ดแน่ หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ยอม!” ไม่พูดเปล่า เหล้ารัมขยับตัวมาบังผมไว้นิดนึง เหมือนเป็นภาษากายที่ต้องการจะบอกพี่วิสกี้ว่า..ห้ามเธอยุ่งกับผมด้วย
   
นั่นเลยทำให้แม่มดสาวแค่นหัวเราะออกมาเสียงดังฟังชัด เพราะเหมือนเธอจะรู้อยู่แล้วว่าน้องชายของตัวเองจะต้องตอบแบบนี้แน่ “คิดไว้แล้วว่านายต้องตอบแบบนี้ แต่เอาเถอะ วันนี้ฉันจะปล่อยพวกนายสองคนไปก่อน แต่ขอบอกเอาไว้เลยนะ ว่าเรื่องนี้จะไม่จบง่ายๆ แน่ : )” พูดจบแค่นั้น พี่วิสกี้ก็ตั้งท่าจะเดินจากไป
   
ทว่า.. “เดี๋ยวก่อนพี่” เหล้ารัมเร็วกว่า เขารีบหายตัวไปขวางหน้าพี่วิสกี้ไว้ หน้าตาเหมือนมีเรื่องที่อยากจะพูดต่อ
   
“อะไร หรือนายอยากจะเปลี่ยนใจ แล้วยอมทำตามที่พี่ต้องการ : )”
   
“ก็ถ้าสิ่งที่พี่ต้องการคือให้ผมเลิกยุ่งกับวาฬ ผมก็คงจะไม่เปลี่ยนใจ”
   
“แล้วนายมาขวางพี่ไว้ทำไม ถ้านายปฏิเสธ มันก็เท่ากับว่าหมดเรื่องคุยแล้วนี่”
   
“ผมแค่.. แค่อยากขอร้อง”
   
“ขอร้อง?”
   
“ใช่ ผมอยากขอร้องพี่ ให้ช่วยปล่อยผ่านเรื่องของผมกับวาฬได้มั้ย นะ ขอร้องล่ะพี่วิสกี้ พี่ก็รู้ว่าพ่อมดแม่มดอย่างพวกเรา กว่าจะเจอใครสักคนที่ใช่ มันไม่ใช่เรื่องง่าย”
   
“ก็ถูกของนาย แต่ว่า.. ก็มีพ่อมดแม่มดอีกหลายราย ที่สามารถเริ่มต้นใหม่ได้เหมือนกัน”
   
“แต่ผมไม่ต้องการเริ่มใหม่กับใครแล้ว ผมเจอคนที่ผมอยากอยู่ด้วยแล้ว พี่ไม่เข้าใจหรอ”
   
“ฉันเข้าใจดี”
   
“แล้วทำไมพี่ถึง..”
   
“เพราะคนที่นายรักกำลังจะตายไงเล่า!!”
   
“...”
   
วินาทีนั้น.. เกิดความเงียบเข้าปกคลุมห้องทั้งห้องทันทีที่พี่วิสกี้แผดเสียงออกมา.. และเป็นอีกครั้งที่ผมเม้มริมฝีปากแน่น เมื่อรู้สึกถึงใจที่สั่นไหวกับการที่ต้องมาอยู่ท่ามกลางการโต้เถียงกันระหว่างพี่น้องแบบนี้
   
“ฉันไม่อยากให้นายต้องเจ็บปวดอีกแล้วเหล้ารัม อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในเวลานี้”
   
“แต่ผมช่วยวาฬได้”
   
“ยังไง? โดยการไปเข้าร่วมกลุ่มตามหาตัวนายพ่อมดที่เป็นอดีตคู่พันธะสัญญาของคนรักของนายน่ะหรอ!?”
   
“...” เดี๋ยว.. เมื่อกี้พี่วิสกี้ว่าไงนะ!?
   
นี่.. เหล้ารัมกำลังเข้าร่วมกลุ่มตามหาตัวเอียนอยู่อย่างงั้นหรอ ก็ไหนเขาบอกว่าให้ผมเลิกสนใจเอียนไง ไหนว่าแค่มีเค้าก็พอแล้วไม่ใช่หรอ!?
   
“...” แล้วนั่นอะไรกัน? เหล้ารัมหันหน้ามาทางผมเหมือนอยากจะอธิบายอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายก็ปิดปากลง.. แล้วหันไปต่อบทสนทนากับพี่วิสกี้แทน บะ..แบบนี้ก็ได้หรือไง!?
   
“เอาเป็นว่าผมจัดการเรื่องนี้ได้ ขอแค่พี่อย่ามายุ่งกับเรื่องของเราสองคนก็พอ”
   
ความสับสนกับสิ่งที่ได้ยินเรื่องที่เหล้ารัมไปเข้าร่วมกลุ่มตามหาตัวเอียนลับหลังผม ทำให้ผมหันเหสายตาจากทั้งคู่ กลับมานอนมองเพดานเหมือนตอนที่ลืมตาตื่นขึ้นมาแทน
   
แต่ถึงอย่างงั้นก็ยังรู้สึกได้ ว่าคนที่พูดจบประโยคแล้วอย่างนายพ่อมดเหล้ากำลังจะเดินมา
   
“เดี๋ยว” ทว่าครั้งนี้เป็นวิสกี้ที่เรียกความสนใจจากเหล้ารัมบ้าง “เรื่องเลิกยุ่งน่ะคงจะไม่ได้ แต่ฉันมีข้อเสนอ : )” โดยที่แม้แต่ผมก็ยังอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองเธอ
   
“ข้อเสนอ?”
   
“ใช่ ข้อเสนอ ก็.. ถ้านายยอมรับตำแหน่งผู้นำตระกูลแทนฉัน ฉันจะยอมรับเรื่องของนายกับวาฬ แล้วก็จะช่วยพลิกแผ่นดินตามหานายพ่อมดนั่นให้ด้วย สนใจมั้ยล่ะ : )”
   
“...” เหล้ารัมไม่ได้ตอบรับอะไรกลับไปในทันที เขานิ่งไปสักพักเลยด้วย ก่อนที่จะเอ่ยปากพูดในเวลาต่อมา “นี่พี่จะมัดมือชกผมอย่างงั้นหรอ?”
   
“ก็ประมาณนั้น : )”
   
“แล้ว.. ผมจะเชื่อได้ยังไง ว่าพี่จะทำตามที่พูด”
   
พอเจอคำถามนี้ของเหล้ารัมเข้าไป นัยน์ตาของพี่วิสกี้ถึงกับแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง ก่อนที่เจ้าหล่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตำหนิน้องชายตัวเอง “ให้เกียรติฉันหน่อยเหล้ารัม ฉันอาจเป็นแม่มดที่ชั่วร้าย แต่ฉันไม่เคยผิดคำสัญญากับคนที่ฉันเรียกว่าครอบครัว จำไว้!”
   
“...”
   
สิ้นเสียงคำพูดคำสุดท้าย พี่วิสกี้ก็สะบัดหน้าหนีจากเหล้ารัม พลางก้าวยาวๆ ตรงไปยังกระจกบานใหญ่กรอบทองที่ตั้งอยู่ข้างตู้ ก่อนที่เธอจะเดินหายเข้าไปในกระจกบานนั้น
   
เหลือไว้เพียงความเงียบระหว่างผมกับเหล้ารัม ที่ไม่รู้ว่า.. ใครจะเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อนดี..


* * * * * * *

   
จริงๆ ผมมีเรื่องมากมายเลยนะ ที่อยากจะถามหาคำตอบจากเหล้ารัม ยกตัวอย่างเช่น ที่ที่ผมอยู่ตอนนี้มันคือที่ไหนแน่? หรือไม่ก็..เฝือกตั้งแต่คอจนถึงปลายเท้าของผมตอนนี้นั้น จะสามารถเอาออกได้เมื่อไหร่กัน?
   
แต่กลับกลายเป็นว่า คำถามที่ผมเลือกถามออกไปเป็นคำถามแรก เพื่อทำลายความเงียบระหว่างเราสองคนก็คือ.. “ไหนคุณบอกว่าไม่ให้ผมคิดถึงเอียนอีก แล้วทำไมคุณถึงไปตามหาเขาลับหลังผมล่ะ?” ซึ่งออกจะไปในทางหาเรื่องเสียมากกว่า แต่ก็นั่นแหละ ถ้าเกิดว่าเหล้ารัมหาคำอธิบายดีๆ ที่ฟังขึ้นไม่ได้ อย่ามาหาว่าผมงี่เง่าก็แล้วกัน : (
   
“คุณโกรธผมหรอ?”
   
“...” ก็ไม่เชิงหรอก ออกแนวเคืองๆ ผสมน้อยใจมากกว่า เลยไม่อยากจะพูดหรือตอบคำถามอะไรอีกแล้ว
   
“วาฬ ผมขอโทษ”
   
“...”
   
“ผมไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังคุณนะ แต่แค่บอกคุณไม่ทันเท่านั้นเอง”
   
“…” แต่ถึงจะไม่อยากพูดอะไรแล้ว พออีกฝ่ายพูดออกมาแบบนี้ ก็สามารถทำให้ผมยอมหันกลับไปมองเค้า..เพื่อส่งคำถามผ่านทางสายตาว่า ‘ทำไม?’ นั่นเลยทำให้ได้เห็นว่าเหล้ารัมเองกำลังมีสีหน้าที่จริงจังมาก.. โดยที่เขานั่งโน้มหน้าลงมาหาผม ด้วยการประสานมือทั้งสองข้าง พลางเท้าศอกเอาไว้ที่หน้าขา
   
“เพราะว่าตอนที่ผมไปเข้ารวมกลุ่มตามหาเอียน ก็คือวันเดียวกันกับที่คุณถูกไอ้ซองซูมันลักพาตัวไปที่ลานประลอง แล้ว.. คุณก็ตกลงมา.. ผมเลยยังไม่ได้มีโอกาสคุยกับคุณเรื่องนี้ไง”
   
“…” อ๋อ~ แบบนี้นี่เอง... อ๊ะ! ตะ..แต่แค่นี้ก็ยังไม่พอหรอกนะ! เขาต้องตอบผมมากกว่านี้ ต้องอธิบายให้ผมเข้าใจมากกว่านี้อีก ผมถึงจะยอมคุยด้วย : (
   
“ผมรู้ว่าผมเคยบอกคุณแล้ว ว่าไม่ต้องไปสนใจเอียนอีก และผมก็ต้องการแบบนั้นจริงๆ เพียงแต่.. ผมจำเป็นวาฬ จำเป็นที่จะต้องเข้าร่วมกลุ่มตามหาเอียนกับพวกพ่อมดแม่มดคู่พันธะสัญญาของคนในครอบครัวคุณ เพราะถ้าไม่อย่างงั้น พวกเขาต้องสงสัยแน่ ว่าทำไมผมถึงได้กล้าปฏิเสธ ทั้งที่เป็นคนบอกเอง ว่าอยากจะช่วยชีวิตคุณ”
   
“…”
   
“อย่าลืมสิ ว่านอกจากพ่อกับแม่คุณแล้ว ก็ไม่มีใครรู้เรื่องพันธะสัญญาครั้งที่สองของเราสองคนนะ ถ้าเกิดผมไม่เข้าร่วมตามคำชวนของคุณปู่ นอกจากที่จะโดนท่านสงสัยแล้ว หนำซ้ำ..พี่วิสกี้เองก็คงจะเดาเรื่องพันธะสัญญาออกเข้าสักวัน”
   
“…”
   
“ผมถึงได้ตัดสินใจเลือกวิธีนี้ เพราะนอกจากที่จะทำให้คุณปู่ของคุณไว้ใจแล้ว ก็ยังช่วยตบตาพี่วิสกี้เรื่องพันธะสัญญาได้ด้วย เท่ากับว่า..ยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัวเลย คุณ..เข้าใจผมใช่มั้ยวาฬ”
   
“…”
   
โอเค.. หลังจากที่ได้ฟังคำอธิบายเพิ่มเติมแล้ว ผมก็เริ่มจะเข้าใจ ว่าทำไมเขาถึงได้ทำการเข้ากลุ่มตามหาเอียนลับหลังผมแบบนั้น ในเมื่อ..มันก็เป็นเหตุผลที่ค่อนข้างจะฟังขึ้น เพราะอย่างตอนที่พี่วิสกี้อยู่ เธอก็ดูจะปักใจเชื่อเลยจริงๆ ว่าน้องชายของเธอนั้นกำลังหาทางตามตัวเอียนเพื่อช่วยชีวิตผมอยู่ โดยที่ไม่แสดงทีท่าว่าระแคะระคายเรื่องพันธะสัญญาเลยสักนิด ก็.. ถือว่าแผนตบตาของเหล้ารัมนั้นได้ผลไม่น้อยน่ะนะ
   
แต่ถึงจะอย่างงั้นก็เถอะ.. ก็ไม่ได้อยากจะทำตัวเยอะหรือว่าเรื่องมากอะไรนักหรอกนะ แต่ว่า.. มันคงจะดีกว่านี้.. ถ้าเกิดว่าเหล้ารัมจะยอมขอโทษผมเรื่องนี้อีกสักครั้ง แล้วผมสัญญาเลย ว่าจะเลิกปิดปากเงียบ ยอมกลับมาคุยกับเขาให้เป็นปกติสุขเหมือนเดิม..
   
“น้า~ อย่าโกรธผมเลยนะวาฬ ผมขอโทษจริงๆ ครับ” แล้วก็เหมือนว่าอีกฝ่ายจะอ่านใจผมออก เพราะหลังจากที่ผมคิดในใจเรื่องอยากให้เขาขอโทษผมอีกสักครั้ง เหล้ารัมก็ขยับเก้าอี้เข้ามาใกล้ขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะเริ่มกล่าวคำที่ใจของผมต้องการ
   
“โอเคครับ ถ้าเป็นอย่างที่คุณว่า ผมก็คงไม่มีอะไรต้องโกรธอีก” นั่นเลยทำให้ยอมแพ้ในที่สุด
   
ในขณะที่เหล้ารัมเองก็ยิ้มออกเลย เมื่อเห็นว่าผมยอมพูดด้วย “ขอบคุณนะครับ ที่เข้าใจ : )” ก่อนจะค่อยๆ โน้มใบหน้าลงมาจุ๊บที่แก้มผมซะอย่างงั้น แบบไม่ให้ผมตั้งตัวเลยสัดนิด
   
แล้วจะยังไงล่ะ.. กะ..ก็เขินสิครับ!!
   
นี่ถ้าเกิดว่าไม่ได้ใส่เฝือกอยู่นะ ผมคงลงมือตีเขาสักทีสองทีแล้ว! แต่นี่อย่าว่าแต่ตีเลย แค่หายใจยังลำบากเป็นบ้า ก็เลยได้แต่เม้มริมฝีปากแก้เขิน พลางมองนั่นมองนี่เพื่อหลบตาอีกฝ่ายไปเรื่อยเท่านั้น
   
จนกระทั่งได้ยินเหล้ารัมส่งเสียงหัวเราะชอบใจนั่นแหละ ผมถึงได้รีบเปลี่ยนเรื่องไปถามอย่างอื่นบ้าง ถึงได้ทำให้ผมได้รู้ว่า สถานที่ที่ผมกำลังนอนเข้าเฝือกอยู่ในขณะนี้ คือบ้านพักตากอากาศของตระกูลอัครวรกุลพิชิต ซึ่งตั้งติดกับทะเลสาปเงือก ที่เดียวกับที่พ่อของเหล้ารัม..ตาย
   
แต่ถึงจะเป็นสถานที่แห่งการสูญเสียของเหล้ารัมและพี่วิสกี้ แต่พอเลยจุดที่พูดถึงเรื่องราวของความเศร้าไปได้ นายพ่อมดเหล้าก็พยายามพรรณนาความสวยงามของธรรมชาติด้านนอกให้ผมฟัง ทำเอาผมนี่จินตนาการภาพในหัวซะใหญ่โต ถึงขนาดที่อยากจะลุกออกไปชื่นชมด้วยตาของตัวเองซะเดี๋ยวนี้ แต่แน่ล่ะว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะคงต้องรอให้ร่างกายหายดีซะก่อนน่ะนะ เฮ้ออออ~
   
ซึ่งในส่วนของสภาพร่างกายเนี่ย เหล้ารัมบอกว่าคงต้องใช้เวลาในการเยียวยาประมาณสองอาทิตย์ ถึงจะสามารถกลับมาเดินเหินได้เป็นปกติเหมือนเดิม ทำเอาผมนี่เกือบสติแตกเลย เพราะทั้งกังวล ทั้งห่วงนั่นห่วงนี่ไม่จบสิ้น
   
จนมาหยุดทุกอย่างลงที่คำพูดของเหล้ารัม ว่า.. “ผมจัดการทุกอย่างได้ คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะ” นั่นล่ะ ที่ทำให้ผมวางความหนักทั้งหมดที่แบกไว้ลง แล้วปล่อยให้เขาเป็นคนจัดการ
   
“งั้นเดี๋ยวผมขอตัวไปทำกับข้าวให้คุณกินก่อนก็แล้วกัน” ไม่เว้นแม้แต่เรื่องของการทำอาหารที่ผมเองก็ไม่เคยลิ้มลองฝีมือของนายพ่อมดเหล้ามาก่อนเลยสักครั้ง แต่ก็คิดว่าคงจะไม่แย่นักหรอก เขาเป็นพ่อมดนะ ล้วนเสกสรรปั้นแต่งให้ทุกอย่างออกมาดีได้อยู่แล้ว
   
ทว่า..
   
“ข้าวต้มปลาฝีมือผมพร้อมเสิร์ฟแล้วคร้าบบบ~”
   
..ผมอาจจะคิดผิด
   
เพราะในทันที่ที่เหล้ารัมยกชามข้าวต้มมานั่งลงที่เก้าอี้ตัวข้างเตียง ผมก็ได้กลิ่นของน้ำปลาลอยหึ่งมาเลย แสดงว่างานนี้มีเค็มแหง
   
ไม่เพียงเท่านั้นนะ “ดูสิ น่ากินใช่มั้ยล่ะ : )” ตอนที่เขาลดระดับชามเพื่อหมายจะโชว์งานอาหารของตัวเอง ผมก็สังเกตได้ว่าเป็นข้าวต้มปลาที่น้ำนองมาก จนจินตนาการไม่ออกแล้วว่ารสชาติจะเป็นยังไง
   
“มาๆ เดี๋ยวผมป้อนน้า” แต่ของแบบนี้จะมาตัดสินกันที่แค่กลิ่นหรือรูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้หรอกนะ เพราะมีหลายครั้งเหมือนกันที่พี่ฟ้าทำกับข้าวหน้าตาแย่มากให้ผมกิน แต่กลับอร่อยขึ้นมาซะอย่างงั้น ก็.. อาจจะเกิดขึ้นอีกในกรณีของเหล้ารัมนี่ก็ได้ เนอะ (รู้สึกเหมือนกำลังพูดปลอบใจตัวเอง)
   
“ขอบคุณครับ” พอผมกล่าวขอบคุณเสร็จ เหล้ารัมก็วางชามข้าวต้มลง ก่อนจะเสกหมอนเพื่อหนุนช่วงคอและหลังของผมให้สูงขึ้น จะได้สามารถกินอาหารได้อย่างถนัดกว่าการนอนราบ
   
ผมรู้สึกลุ้นระทึกมากทีเดียว เมื่อเห็นว่าเหล้ารัมยกชามกลับขึ้นมาอีกครั้ง พลางใช้ช้อนตักข้าวต้มปลาหนึ่งคำขึ้นเป่าไล่ความร้อนให้ ก่อนจะจบลงที่เจ้าช้อนนั่นมารอจ่ออยู่ที่ปากผม ซึ่ง..ทำให้ได้กลิ่นของความเค็มโชยแรงยิ่งกว่าเดิม..
   
แต่เอาวะ ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้
   
ลองดูสักคำก่อน ค่อยตัดสินเนื้องานก็แล้วกัน
   
“อา...” คิดได้ดังนั้น ผมก็ยอมเปิดปาก แล้วปล่อยให้อีกฝ่ายเคลื่อนช้อนเข้ามา ก่อนที่ผมจะงับ แล้วส่งต่อหน้าที่ให้เหล้ารัมเคลื่อนช้อนออกไป
   
ทำให้ในเวลานี้... ข้ามต้มปลาฝีมือคุณแฟนมาอยู่ในปากของผมเรียบแล้ว และมัน.. คะ..เค็มมากจริงๆ ด้วย!
   
ฮืออออออ ทะ..ทำไงดีครับ จะกลืนก็ไม่เข้า จะคลายก็ไม่ออก ทั้งเค็มทั้งไม่กลมกล่อมแบบนี้ ผมล่ะอยากจะร้องไห้ออกมาต่อหน้าต่อตาเขาเลย
   
“เป็นไงครับ อร่อยมั้ย : )” แต่ดูสิ ดูหน้าของเหล้ารัมตอนนี้.. ถึงแม้ว่าเขาจะถามคำถามด้วยรอยยิ้มก็เถอะนะ แต่ผมก็มองออกอยู่ดี ว่าเขามีความกังวลกับรสมือของตัวเองอยู่เหมือนกัน
   
เพราะฉะนั้นผมคงไม่มีทางเลือก.. “อึก.. อร่อยครับ : )” จำต้องกลืนข้าวต้มปลาลงคอ ก่อนต่อด้วยคำโกหกที่เคลือบด้วยรอยยิ้ม
   
โอเค.. ผมรู้นะว่าการโกหกเป็นสิ่งผิด แต่นี่ไม่ใช่คำโกหกเพื่อการหลอกลวง แต่เพื่อ ‘ความสบายใจ’ ของคนที่ดีต่อผมมาโดยตลอด..
   
แล้วมันก็เป็นอย่างที่ผมคิด “อร่อยจริงหรอวาฬ นี่ผมยังกังวลอยู่เลยนะว่ามามันอาจจะเค็มเกินไป” เมื่อได้ยินคำกล่าวชมจากปากผม เหล้ารัมก็ดูจะคลายความกังวลลง เหลือเพียงรอยยิ้มเปี่ยมสุขที่ดูจะกว้างขึ้นกว่าตอนก่อนหน้า นั่นเลยทำให้ผมรู้สึกมีความสุขไปกับเขาด้วย
   
“ป้อนต่อสิ ผมรออยู่นะ : )” และก็ไม่สนใจอีกแล้วว่าไอ้เจ้าข้าวต้มปลาชามนั้นจะรสชาติเป็นยังไง เพราะถ้าการที่ผมกินมันแล้วทำให้เหล้ารัมมีความสุข ผมก็จะยอมกินจนกว่ามันจะหมดชาม
   
แต่ในระหว่างที่กำลังป้อนไปกินไปอยู่นั้น ผมก็ดันคิดถึงเรื่องที่พี่วิสกี้พูด เลยทำการยกมือขึ้น เพื่อหยุดข้าวต้มปลาคำต่อไป
   
“มีอะไรหรอ?” เหล้ารัมดึงช้อนกลับด้วยสีหน้ากังวลเล็กน้อย จนผมต้องรีบส่ายมือเพื่อไม่ให้เขาคิดมาก
   
“ผมแค่มีเรื่องอยากจะถามน่ะ ว่า..คุณคิดยังไงบ้าง กับข้อเสนอของพี่วิสกี้?”
   
“...” แต่พอคำถามออกจากปากผมไป เหล้ารัมก็ดูจะหมองลงทันที.. เขาถอนหายใจด้วย ก่อนที่จะเทข้าวต้มปลาในช้อนกลับลงชาม แล้วทำการก้มหน้าก้มตาเขี่ยสิ่งที่อยู่ในชามไปมา เหมือนต้องการเลี่ยงที่จะสบตากับผม
   
“นี่” ซึ่งปกติผมก็จะปล่อยผ่านไปเรื่องอื่นไง แต่กับคราวนี้.. ผมคิดว่าผมอยากจะคุยให้มันได้เรื่อง.. “ผมออกตัวก่อนเลยนะ ว่าผมไม่ได้สนใจเรื่องที่พี่วิสกี้จะช่วยตามหาเอียน แต่ที่ผมสนใจก็คือ ถ้าคุณยอมรับข้อเสนอ พี่วิสกี้ก็จะยอมรับเรื่องของเราสองคน ซึ่งมันฟังดูดีมาก และคงจะทำให้อะไรง่ายขึ้นอีกเยอะ”
   
“ก็จริง” เหล้ารัมพยักหน้าเล็กน้อย “ข้อเสนอของพี่วิสวิสกี้ฟังดูดีมาก แต่ว่า...” แต่เขาก็ยังหม่นแสงอยู่แบบนั้น อย่างไม่มีท่าทีว่าจะดีขี้น
   
“แต่อะไรหรอ?”
   
“แต่ผมกลัว.. กลัวว่าถ้าผมยอมรับตำแหน่งผู้นำตระกูล และได้กลับไปอยู่กับที่บ้านมากขึ้น พี่วิสกี้อาจจะรู้ความจริงเรื่องของพันธะสัญญาครั้งที่สองก็ได้ และนั่น..ผลลัพธ์คงออกมาไม่สวยแน่”
   
ผมเม้มริมฝีปากแน่นทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ไม่ใช่เพราะเห็นความกลัวของเหล้ารัมที่สะท้อนผ่านนัยน์ตาสีม่วงอ่อนหรอกนะ แต่เป็นเพราะ..ผมยังอดสงสัยเบื้องลึกเบื้องหลังของพันธะสัญญาครั้งที่สองอะไรนี่ไม่ได้จริงๆ “นี่เหล้ารัม ผมถามจริงนะ ว่าไอ้พันธะสัญญาครั้งที่สองเนี่ย มันมีอะไรกันแน่หรอ ทำไมถึงต้องคอยปิดบังไม่ให้คนอื่นรู้ด้วย” จนในที่สุดก็เผลอหลุดปากถามออกไป ทั้งๆ ที่ก็รู้ดีว่าเขาคงจะไม่ยอมบอกผมแน่
   
“วาฬครับ” นั่นไงล่ะ ลองเริ่มด้วยเสียงอ่อนเสียงหวานแบบนี้ ผมคงจะไม่ได้รู้เรื่องอีกตามเคย “ผมขอโทษ ที่ยังไม่สามารถบอกอะไรคุณได้ตอนนี้”
   
“...”
   
“แต่ผมสัญญานะ ว่าถ้าถึงเวลาที่เหมาะสม คุณจะได้รู้ทั้งหมดที่คุณอยากรู้ และผมก็จะเป็นคนบอกเรื่องนี้กับคุณด้วยตัวของผมเอง”
   
“...”
   
แล้วไอ้ ‘เวลาที่เหมาะสม’ นี่มันคือเมื่อไหร่กันล่ะ?
   
“นะครับ”
   
“…”
   
“น้า~”
   
เฮ้ออออออ~ ใจจริงก็อยากจะชวนเหล้ารัมทะเลาะให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยนะ ว่าผมเป็นถึงแฟนของเค้าแล้ว ยังจะต้องปิดบังอะไรกันอีก : (
   
แต่ทำไงได้ล่ะ ในเมื่อคนเค้าไม่อยากบอก ต่อให้ทะเลาะกันให้ตายยังไง ก็คงจะไม่ได้อะไรแน่ นอกจากความรู้สึกแย่ๆ ที่ขึ้นเสียงใส่กัน
   
เพราะฉะนั้น “ครับ” ผมจึงพยักหน้าอย่างเข้าใจ
   
“ขอบคุณนะครับ งั้นก็..กินข้าวต้มกันต่อดีกว่า : )” ในขณะที่เหล้ารัมก็ดูจะสบายตัวขึ้น
   
โดยที่เขาไม่รู้เลยหรือไงนะ ว่ายิ่งปิดบังมากเท่าไหร่ ก็มีแต่จะยิ่งเพิ่มความสงสัยให้ผมมากขึ้นเท่านั้นนั่นล่ะ : (

(http://pic.pimg.tw/demona/1405329580-1468390043.gif)

จบตอนที่ 16

*พูดคุยที่ทวิตเตอร์กันได้ โดย #พ่อมดเหล้า นะครับ

มายเพจ : #แฮมสเตอร์ (https://www.facebook.com/hamsterisanauthor)

หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบหก..วิสกี้ || อัพเดท : 25/8/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 25-08-2016 20:58:06
 :ling1:

ืทำไมพันธะถึงบอกรายละเอียดยังไม่ได้ เป็นเพราะเหล้ารัมมีพันธะอันแรกอยู่ด้วยหรือเปล่า? แบบวาฬ

แอบดีใจที่วาฬหายดีแล้ว แต่ว่าการรักษาคนเนี่ย พ่อมดแม่มดที่เชี่ยวชาญในการรักษาไม่มีเลยรึ? ต้องนอนพักตั้งสองสัปดาห์ ><

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:


คิดถึงน้าค้าาาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบหก..วิสกี้ || อัพเดท : 25/8/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 25-08-2016 23:53:18
ความเค็มของข้าวต้มยังแพ้ความหวานของสองคนนี้อีกนะ 555555

มีเค้าความเครียด หวังว่าจะไม่ดราม่านะคะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบหก..วิสกี้ || อัพเดท : 25/8/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 26-08-2016 21:26:49
ดีจังที่วาฬปลอดภัย
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบหก..วิสกี้ || อัพเดท : 25/8/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 26-08-2016 23:27:57
มาต่อแล้ววว คิดถึงมากมาย
 เหลือเวลาอีกแค่ไหนเนี่ย
แล้วพันธะนั่นต้องมีอะไรแน่ๆ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบหก..วิสกี้ || อัพเดท : 25/8/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 27-08-2016 11:01:15
ก็ในเมื่อพี่วิสกี้รู้อยู่แล้วว่า ทั้งสองคนรักกัน ทำไม เหล้ารัมต้องปิดเรื่องพันธสัญญาอีก เพราะยังไง เรื่องมันต้องมาถึงจุดที่ต้องทำพันธสัญญากันอยู่แล้ว เพราะถ้าไม่ทำ วาฬจะตายนะ แล้วอีกอย่างคือ ทำไม เหล้ารัมต้องทำทีเป็นตามหาเอียนด้วย ครอบครัววาฬน่าจะรู้นี่ ว่า เหล้ารัมจะทำพันธสัญญากับวาฬ จริงๆ ตั้งแต่ ที่เหล้ารัมบอกกับตรอบครัววาฬแล้วว่า จะทำพันธสัญญา ทุกคนก็น่าจะเลิกตามหาเอียนได้แล้ว...
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบหก..วิสกี้ || อัพเดท : 25/8/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 28-08-2016 17:07:31
ก็ในเมื่อพี่วิสกี้รู้อยู่แล้วว่า ทั้งสองคนรักกัน ทำไม เหล้ารัมต้องปิดเรื่องพันธสัญญาอีก เพราะยังไง เรื่องมันต้องมาถึงจุดที่ต้องทำพันธสัญญากันอยู่แล้ว เพราะถ้าไม่ทำ วาฬจะตายนะ แล้วอีกอย่างคือ ทำไม เหล้ารัมต้องทำทีเป็นตามหาเอียนด้วย ครอบครัววาฬน่าจะรู้นี่ ว่า เหล้ารัมจะทำพันธสัญญากับวาฬ จริงๆ ตั้งแต่ ที่เหล้ารัมบอกกับตรอบครัววาฬแล้วว่า จะทำพันธสัญญา ทุกคนก็น่าจะเลิกตามหาเอียนได้แล้ว...

ขออนุญาตตอบนะครับ

คนที่รู้เรื่องพันธะสัญญาครั้งที่ 2 มีแค่พ่อกับแม่ของวาฬนะครับ
นอกนั้นคนในตระกูลคิดว่าเหล้ารัมแค่เข้ามาในชีวิตของวาฬเฉยๆ เท่านั้น
ในขณะที่วิสกี้เองก็คิดว่าเหล้ารัมคงจะพยายามตามหาตัวเอียนเพื่อช่วยชีวิตวาฬ
ก็เลยเท่ากับว่าตอนนี้ นอกจาก วาฬ เหล้ารัม แล้วก็พ่อกับแม่ของวาฬ ทุกคนยังไม่รู้เรื่องของพัธะสัญญาครั้งที่สองครับ

และเหตุที่เหล้ารัมยังคงปิดบังเรื่องนี้ไว้ ก็น่าจะเพราะว่ามันมีอะไรนั่นแหละครับ
ซึ่งผมเขียนเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน เพราะว่าเหล้ารัมไม่ยอมบอกผมครับ ฮ่าๆๆๆๆ

(ขำๆ นะครับ)

ขอบคุณที่อ่านนะครับ

รวมถึงคุณทุกคนด้วยครับ : )

หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบหก..วิสกี้ || อัพเดท : 25/8/2016 || #มีสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 28-08-2016 17:26:11
นึกว่ามาต่อ ฮืออออออออออ

 :ling3:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบเจ็ด..เมื่อด้ายแห่งพันธะสัญญาปรากฏ || อัพเดท : 5/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 05-09-2016 15:10:32
บทที่ 17
{ เมื่อด้ายแห่งพันธะสัญญาปรากฏ }

(http://66.media.tumblr.com/35e118f0722f1992ea4ee3e669f2de68/tumblr_ngt7ymrT7m1qhodd8o2_1280.gif)


สองอาทิตย์ต่อมา
   
ผมยอมรับเลยนะว่า นอกจากพ่อกับแม่แล้ว ก็มีเหล้ารัมเนี่ยแหละที่ดูแลผมเป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมา
   
เพราะนอกจากที่เขาจะบำรุงผมสารพัดด้วยทั้งยาภายในและภายนอกแล้ว เหล้ารัมก็ยังคอยหาเรื่องสนุกๆ มาเติมเต็มเป็นอาหารใจให้ผมไม่รู้สึกเบื่ออีกด้วย จนจากตอนแรกที่แอบเซ็งๆ ว่าต้องนอนอยู่บนเตียงยาวเกือบสองอาทิตย์ เลยกลายเป็นว่าผมกลับมีความสุขแทบจะทุกวัน เรียกว่าจิตดีตั้งแต่ตื่นยันหลับกันเลยทีเดียว ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่เป็นผลจากความพยายามของเหล้ารัมแทบทั้งสิ้น ที่ตั้งใจทำให้ผมยังคงแฮปปี้อยู่ได้ ทั้งๆ ที่ไม่สามารถลุกจากเตียงไปไหนมาไหนได้เลย
   
ผมนี่.. โชคดีจังเลยเนอะ : )
   
อ๊ะๆ แต่ว่าตอนนี้น่ะ ผมไม่จำเป็นต้องให้เหล้ารัมคอยเฝ้าทั้งวันทั้งคืนเหมือนเมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมาแล้วนะครับ ต่อแต่นี้เขาสามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ เพราะว่าไอ้การใส่เฝือกนั้นมันได้กลายเป็นอดีตสำหรับผมไปแล้ว ทำให้ไม่มีอะไรที่จะมาขัดขวางการลุกออกจากเตียงของผมได้อีก และที่สำคัญกว่านั้นคือ..ไม่มีอะไรขัดขวางไม่ให้ผมกลับมาเป็นคนทำอาหารด้วย
   
ลาก่อน..อาหารฝีมือเหล้ารัม
   
ถือว่าเราทำบุญร่วมกันมาแค่นี้ก็แล้วกันนะ ฮ่าๆๆ~ : D
   
อ้อ แต่ถึงผมจะหายดีจนแทบจะไม่เหลือรอยแผลแล้ว คุณแฟนผมเขาก็ยังไม่ยอมพากลับไปอยู่คอนโดนะ แต่กลับขอให้ผมอยู่พักสูดอากาศบริสุทธิ์ที่นี่ต่ออีกสักสองวันแทน แล้วถึงค่อยกลับไปเรียนตามปกติเหมือนที่ผ่านมา ซึ่ง..ผมก็โอเคแหละ แต่แค่..แอบมีความตั้งหน้าตั้งตารอให้สองวันที่ว่านี้ผ่านไปไวๆ ก็เท่านั้นเอง
   
คือ.. ไม่ใช่ว่าไม่อยากอยู่ที่นี่หรอกนะ เพราะถึงยังไงก็มีเหล้ารัมอยู่ เขาอยู่ไหน ผมก็ตามไปอยู่ด้วยได้ทุกที่อยู่แล้ว เพียงแต่เรื่องที่หมา'ลัยเนี่ยสิ มันเป็นเรื่องที่ทำให้ผมอดห่วงไม่ได้จริงๆ ในเมื่อ..ตลอดช่วงเวลาที่ผมรักษาตัวอยู่นี่ เหล้ารัมได้ทำการเสก 'หุ่นตัวแทน' ของผมขึ้นมา เพื่อให้ไปทำหน้าที่ทุกอย่างแทนผมในโลกมนุษย์ ซึ่งมันก็สามารถจัดการทุกอย่างได้เป็นอย่างดีทีเดียว โดยเฉพาะเวลาที่มีงานต้องส่งเนี่ย เจ้าหุ่นตัวแทนก็จะนำรายละเอียดของงานมาบอกให้ พอผมสั่งว่าให้ไปทำแบบนี้ๆ มันก็จะกลับมาพร้อมกับชิ้นงานที่โคตรจะยอดเยี่ยม ชนิดที่ว่าเนี้ยบแบบที่มนุษย์ไม่สามารถทำได้ ต้องเป็นจำพวกหุ่นยนต์หรือไม่ก็เวทมนตร์เท่านั้น
   
ซึ่งมันก็ออกจะฟังดูดีใช่มั้ยล่ะ แต่ว่าในความดูดีนั้น มันก็มีข้อเสียของมันอยู่แหละ นั่นก็คือ..มนุษยสัมพันธ์ของเจ้าหุ่นตัวแทนน่ะเลวร้ายมาก! ถึงขั้นติดลบร้อยหลอดแดงเถือกๆ แบบในเกมเดอะซิมส์เลยด้วยซ้ำ
   
จนผมแทบจะไม่อยากจินตนาการเลยสักนิด ว่าพอถึงเวลาที่ต้องกลับไปเรียนจริงๆ ในอีกสองวันข้างหน้า ผมจะต้องกลับไปสะสางอะไรกับสิ่งที่เจ้าหุ่นตัวแทนทำไว้บ้าง เพราะขนาดว่าเปิดประเด็นนี้กับเหล้ารัม เขายังตอบกลับมาแค่ว่า "คุณคงต้องทำใจแล้วล่ะครับวาฬ" เลย ฮืออออออ~
   
"ชงชาอยู่หรอครับวาฬ"
   
อ๊ะ! นะ..นายพ่อมดเหล้านี่อายุยืนดีแท้!
   
เพิ่งจะคิดถึงอยู่ในใจแหม็บๆ ก็โผล่เข้ามาในครัวเสียแล้ว เล่นเอาผมนี่ถึงกับสะดุ้งโหยงเลย กับการมาที่ไม่ให้ซุ่มให้เสียงของเค้าแบบนี้
   
"ใช่ครับ"
   
"ก็ว่าอยู่ กลิ่นอะไรหอมจัง : )" แถมเท่านั้นยังไม่พอนะครับ เหล้ารัมยังมีการสวมกอดผมจากทางด้านหลัง พลางเอาค้างมาเกยตรงไหล่ขวาของผมด้วย ก่อนที่เขาจะทำทีเป็นชมเชยกลิ่นชาที่ผมชง ทั้งๆ ที่หน้าของนายพ่อมดเหล้ากำลังหันจมูกเข้าหาข้างแก้มของผมอยู่ชัดๆ
   
ระ..ร้าย!
   
"เอาด้วยมั้ยครับ เดี๋ยวผมชงให้อีกถ้วยนึง" และเพื่อไม่เป็นการให้อีกฝ่ายได้ใจมากเกินไป ผมเลยแกล้งซื่อใส่ซะเลย โดยการหยิบถุงชาที่ครบกำหนดเวลาออกทิ้ง แล้วค่อยๆ หมุนตัวกลับมาหาเหล้ารัมแบบเนียนๆ ก่อนที่จะยกถ้วยชาร้อนๆ ขึ้นมาสร้างระยะห่างระหว่างผมกับเขาเอาไว้ เพราะถ้าไม่อย่างงั้นล่ะก็ มีหวังนายพ่อมดเหล้าได้เข้ามาประชิดส่วนหน้ากับผมต่อแน่
   
คะ..แค่คิด..ก็รู้สึกว่าร้อนหน้าไปหมดแล้วเนี่ย!
   
"ไม่เป็นไรครับ ผมกำลังจะออกไปข้างนอกอยู่พอดี" แต่พอได้ยินคำตอบจากปากเหล้ารัมแล้ว ความเขินอายที่กำลังก่อตัวอยู่ภายในใจ..ก็ถูกแทนที่ด้วยความสงสัยแทน..
   
และนั่นทำให้ผมเพิ่งจะสังเกตเห็นว่า เหล้ารัมแต่งตัวจัดเต็มมาก ทั้งเสื้อผ้าหน้าผมดูเนี้ยบและเป็นทางการไปซะหมด จนเสื้อยืดกับกางเกงวอร์มย้วยๆ ที่ผมกำลังใส่อยู่ตอนนี้ ช่างดูน่าอายเสียจนสมควรถอดเผาทิ้งให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยด้วยซ้ำ
   
"แต่งหล่อไปไหนครับเนี่ย?" จะว่าไปตลาดก็ไม่น่าใช่ เพราะว่าเมื่อเช้านี้เขาก็ไปซื้อของตามใบสั่งของผมมาหมดแล้ว แถมเมื่อเช้าก็ไม่ได้แต่งตัวเนี้ยบแบบนี้ด้วย
   
แล้วแทนที่เหล้ารัมจะรีบตอบกลับมา เขาก็ดันทำเป็นยิ้มกริ่ม ยืนลอยหน้าลอยตาเพื่อท่วงเวลาซะอย่างงั้น ราวกับตั้งใจจะแกล้งให้ผมอยากรู้อยากเห็นจนจุกอกตาย เดี๋ยวเถอะ ลีลามากนัก ผมดีดหน้าผากให้ไม่รู้ด้วย :(
   
"นี่ อย่าลีลาได้มั้ย ผมรอคำตอบอยู่นะ"
   
"ใครว่า ผมไม่ได้ลีลาสักหน่อย : )"
   
"งั้นก็ตอบมาสิครับ"
   
"อืม.. ถ้าผมตอบ คุณต้องให้ผมจุ๊บแก้มนะ ตกลงมั้ย : )"
   
"เหล้ารัม!"
   
อะ..อะไรของเหล้ารัมเนี่ย!?
   
ทำไมวันนี้ถึงได้รุกหนักจัง แถมยังดูอารมณ์ดีผิดปกติด้วย น่าสงสัยแฮะ?
   
"ว่าไงล่ะครับ ให้จุ๊บหรือไม่จุ๊บ แต่ถ้าไม่ให้จุ๊บ ผมไม่บอกจริงๆ.. โอ๊ย! จะ..เจ็บนะวาฬ!"
   
นี่ไงล่ะ จุ๊บไม่จุ๊บ หึ! เจอผมดีดหน้าผากเข้าให้ "ก็คุณอยากลีลาทำไมเล่า" ถ้าอยากลีลานัก งั้นผมไม่อยากรู้แล้วก็ได้ เชอะ!
   
คิดได้ดังนั้น ผมก็พาถ้วยชาเดินหนีออกมาจากห้องครัว โดยที่มีนายพ่อมดเหล้าจอมลีลาก้าวขายาวๆ ตามมาติดๆ
   
"โอ๋ๆ อย่างอนสิครับวาฬ ผมยอมบอกแล้วก็ได้" ซึ่งพอมาถึงมุมดื่มชาข้างหน้าต่างในห้องนั่งเล่น เหล้ารัมก็รีบยึดแก้วชาของผมไว้ ก่อนจะวางมันลงที่โต๊ะ แล้วจับผมให้หันไปสบตากับเขาแทน
   
"กะ..ก็บอกมาสิ" จริงๆ ก็อยากจะงอนต่ออีกหน่อยน่ะนะ แต่ทำไงได้ ในเมื่อสายตาของอีกฝ่ายส่องประกายมาให้ซะขนาดนี้ ผมจะไปต้านทานไหวได้ยังไง..
   
"ผมกำลังจะไปหาพี่วิสกี้ครับ"
   
"พี่วิสกี้?" ผมถึงกับเบิกตาโตขึ้นเลย เมื่อได้ยินชื่อของพี่สาวเหล้ารัมที่ไม่ได้ยินมาตลอดสองอาทิตย์..ตั้งแต่ครั้งที่ผมถามเขาเรื่องข้อเสนอของพี่วิสกี้ตอนถูกนายพ่อมดเหล้าป้อนข้าวต้มปลา
   
คือ..ก็ไม่ได้ตื่นตะลึงอะไรมากมายนักหรอกนะ ผมว่ามันออกจะไปในแนว..ประหลาดใจเสียมากกว่า เพราะในบรรดาเรื่องต่างๆ ที่เหล้ารัมจะหายออกไปทำเนี่ย 'การไปพบพี่วิสกี้' เป็นสิ่งที่ผมไม่คาดไม่ถึงที่สุดแล้ว
   
ก็ดูอย่างตอนที่พี่วิสกี้ส่งจดหมายมาเรียกตัวเขาสิ เขายังเผาทิ้งเลย แล้วจะไม่ให้ผมประหลาดใจได้ไง จริงมั้ย?
   
"ใช่ครับ ผมจะไปหาพี่วิสกี้ เพราะผมตัดสินใจแล้ว ว่าผมจะรับข้อเสนอของเธอ : )"
   
"..." แต่ความประหลาดใจก่อนหน้าก็ยังไม่เท่ากับคำบอกเล่านี้ มะ..มันทำให้ผมถึงกับอ้าปากค้าง.. เพราะแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน
   
เหล้ารัมเนี่ยนะตัดสินใจจะรับข้อเสนอของพี่วิสกี้!?
   
ขะ..เขาไปตัดสินใจมาตอนไหนกัน? ทำไมถึงไม่เคยเห็นจะพูดให้ผมฟังบ้างเลย นี่สรุปว่าผมเป็นแฟนหรือว่าเป็นคนอื่นกันแน่วะเนี่ย!?
   
"คุณได้ยินไม่ผิดหรอก ผมตัดสินใจรับข้อเสนอของพี่วิสกี้แล้วจริงๆ"
   
"ทำไมล่ะ ทั้งที่ก่อนหน้านี้คุณยังกังวลกลัวว่าพี่สาวคุณจะรู้เรื่องของพันธะสัญญาครั้งที่สองอยู่เลย แล้ว..ทำไมจู่ๆ ถึงเปลี่ยนใจล่ะ?"
   
"อืม.. มันก็ไม่เชิงว่าจู่ๆ ผมจะเปลี่ยนใจกะทันหันหรอกนะ เพราะว่าผมเองก็คิดเรื่องนี้มาหลายวันแล้วเหมือนกัน แล้วที่ผมเปลี่ยนใจเนี่ย ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะคุณด้วยนั่นแหละ : )"
   
"เพราะผม?" ยังไงกันล่ะเนี่ย คราวก่อนที่ผมพูด เขายังไม่มีทีท่าว่าจะรับข้อเสนอเลย แล้วผมจะไปเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจของเขาได้ยังไงกัน?
   
"ก็ตอนนั้นไง ที่คุณบอกกับผมว่า ถ้าหากผมรับข้อเสนอของพี่วิสกี้ พี่วิสกี้ก็จะยอมรับเรื่องของเราสองคน และอะไรๆ มันก็คงจะง่ายขึ้นอีกเยอะ"
   
"อ่าฮะ"
   
"ซึ่งผมว่าผมเห็นด้วย เพราะว่าที่ผ่านมา ผมไม่เคยทำตามในสิ่งที่พี่วิสกี้ต้องการเลยสักครั้ง แม้แต่พบกันครึ่งทาง ผมก็ยังไม่ยอมให้เกิดขึ้น มันก็เลย..เหมือนทำให้เราทั้งคู่ไม่ลงรอยกันในวิธีการของอีกฝ่าย จนกลายมาเป็นอคติที่แก้ไม่หายอย่างทุกวันนี้" ออกแนวว่าเป็นพี่น้องที่รักกัน แต่ไม่ค่อยจะเข้าใจกันอย่างงั้นสินะ "เพราะฉะนั้น การที่ผมยอมรับข้อเสนอของพี่วิสกี้ หันกลับมาแท็กทีมครอบครัวกับสาวของผมอีกครั้ง ไม่แน่นะ มันอาจจะส่งผลดีเกินกว่าที่ผมคาดคิดเอาไว้ก็ได้ : )"
   
รอยยิ้มและสิ่งที่เหล้ารัมพูดทำให้ผมเผลอยิ้มตามเขาเป็นอันดับแรก.. ก่อนที่ใจมันจะรู้สึก 'ดีเหลือเกิน' ที่นายพ่อมดแฟนผมสามารถคิดได้ : )
   
คือ..ต้องบอกก่อนเลยนะว่าไอ้เรื่องแบบนี้เนี่ยมันไม่เกี่ยวกับ 'โง่' หรือว่า 'ฉลาด' นะครับ แต่มันเป็นเรื่องของการที่เหล้ารัมยอมที่จะถอยหนึ่งก้าวเพื่อลดทิฐิของตัวเองให้กับคนที่เรียกว่า 'ครอบครัว' อย่างพี่วิสกี้ ภายหลังจากที่ก็คงจะอวดดื้อถือดีกันมาอย่างยาวนาน ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นอะไรที่น่าชื่นชมมาก ถึงแม้ว่าปกติผมจะชอบทำตามใจตัวเองอยู่บ่อยครั้ง แต่ยังไงซะ 'การร่วมมือกัน' ก็คือสิ่งที่ผมเห็นด้วยและพร้อมที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่
   
เพียงแต่.. "เป็นความคิดที่ดีมากเลยครับเหล้ารัม แต่ว่า..มันคือความต้องการของคุณจริงๆ ใช่มั้ย? ไม่ใช่ว่า..ฝืนใจทำเพื่อผมเพียงอย่างเดียวหรอกนะ” ..ผมเองก็อยากจะขอถามเพื่อความแน่ใจ ว่าทั้งหมดที่เหล้าพูดมา มันคือความต้องการของจริงๆ ไม่ใช่ฝืนใจทำเพื่อแค่ต้องการจะช่วยผม เพราะถ้าไม่อย่างงั้น..ผมเองก็คงจะไม่มีความสุขกับเรื่องนี้นักหรอกนะ..
   
“นี่” เหล้ารัมวางมือลงบนหัวผม ก่อนจะโยกไปมาเล็กน้อย แล้วเริ่มตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มที่ดูจะกว้างขึ้นกว่าเดิม “เรื่องของคุณกับเรื่องของผม มันก็เรื่องเดียวกันนั่นแหละ ผมไม่ฝืนใจหรอก แล้วอีกอย่างนะ จะว่าไปการรับตำแหน่งผู้นำตระกูลมันก็ไม่ใช่เรื่องแย่ ผมเองก็เป็นผู้ชาย โตมากพอที่จะขึ้นกุมบังเหียนของตระกูลแล้วด้วย มันก็สมควรแก่เวลาที่จะปล่อยให้พี่วิสกี้เธอได้พักเสียที : )”
   
“แน่นะ” ผมถามย้ำ
   
“แน่สิครับ : )”
   
“โอเค” มองจากตาเหล้ารัมแล้วก็ดูจะไม่มีพิรุธอะไร เขาน่าจะพูดความจริงนั่นแหละ “งั้นเดี๋ยวผมเดินไปส่งหน้าบ้านก็แล้วกันนะครับ”
   
“โอเคครับ”
   
พอสรุปจบแค่นั้น ผมกับเหล้ารัมก็พากันเดินออกมาที่หน้าบ้าน เพื่อไปยังจุดที่เหล้ารัมใช้หายตัวเป็นประจำ เวลาที่เขาต้องการจะไปไหนมาไหน เนื่องจากว่าบ้านทั้งหลังถูกเวทมนตร์คุ้มครองไว้ เพราะฉะนั้นจะไม่สามารถหายตัวเข้าหรือออกภายในบ้านได้ ต้องเป็นพื้นที่บริเวณรอบๆ ตัวบ้านเท่านั้น
   
ทว่า..
   
“วาฬ”
   
ยังไม่ทันจะเดินออกมาไกลจากประตูบ้าน ใครอีกคนก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าต่อตาเราทั้งคู่ ก่อนจะทักทายผมด้วยรอยยิ้มแบบที่ไม่ได้เห็นมานาน
   
“ไรเกอร์?” จริงๆ ก็ดีใจนะ ที่ได้เห็นเพื่อนคนอื่นนอกจากเหล้ารัมบ้าง แต่มันก็อดประหลาดใจไม่ได้เหมือนกัน ว่าทำไมเขาถึงได้มาที่นี่ได้
   
“เป็นไง เดินทางลำบากมั้ยไรเกอร์”
   
“ก็ได้ร่องรอยที่นายทิ้งไว้ให้เมื่อเช้านั่นแหละ เลยไม่ลำบากเท่าไหร่”
   
จนกระทั่งได้ฟังบทสนทนาของเหล้ารัมกับไรเกอร์ ก็เลยเริ่มพอจะปะติดปะต่อนั่นนี่ขึ้นมาในหัวได้บ้างน่ะนะ
   
“ดีแล้วล่ะ” เหล้ารัมพยักหน้ารับคำบอกเล่าจากไรเกอร์ด้วยท่าทางที่ค่อนข้างจะเป็นมิตร ก่อนที่เขาจะหันมาอธิบายให้ผมฟังเพิ่มเติม “พอดีเมื่อเช้าผมเจอไรเกอร์ที่ตลาด เห็นว่าเขาอยากมาเยี่ยมคุณ ผมก็เลยทิ้งร่องรอยไว้ให้”
   
“อ๋อ โอเคครับ” แบบนี้นี่เอง ก็ว่าอยู่ ทำไมจู่ๆ ไรเกอร์ถึงมาโผล่ที่นี่ได้
   
“งั้นเดี๋ยวฉันขอตัวก่อนนะไรเกอร์ พอดีมีธุระน่ะ”
   
“โอเค ไว้เจอกัน”
   
“ได้ ไว้เจอกัน”
   
พอต่างฝ่ายต่างลากันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็อาศัยจังหวะที่เหล้ารัมกำลังจะหายตัวไป ยกมือขึ้นโบกให้เขาบ้าง แต่แทนที่ว่าเขาจะหายไปอย่างที่ผมคิด กลับกลายเป็นว่านายพ่อมดเหล้า..!
   
“อ๊ะ!” ดะ..ดันจู่โจ่มเข้ามาจุ๊บแก้มผมซะอย่างงั้น!
   
“ไปแล้วนะคร้าบบบ~ : )”
   
 โอ๊ยยยยย~ จะไปเฉยๆ ก็ไม่ได้ ยังมีการมาทำให้เขินก่อนไปอีก บ้าที่สุดเลยเหล้ารัมเนี่ย!
   
“เอ่อ..”
   
“คู่นายนี่น่ารักดีเนอะ : )”
   
เท่านั้นยังไม่พอนะ แทนที่เหล้ารัมไปแล้วจะทำให้ความเขินของผมลดระดับลง กลับกลายเป็นว่าหนีเสือปะจระเข้..หันมาเจอคำแซวของนายไรเกอร์ซะอย่างงั้น
   
ทำเอาตอนนี้หน้าผมมันร้อนจนไหม้ไปหมดแล้ว!
   
“ปะ..ไปที่ริมทะเลสาบกันเถอะ!” และเพื่อเป็นการเอาตัวรอด (จากความเขินอาย) ผมเลยทำการชวนนายพ่อมดอังกฤษเปลี่ยนที่คุย โดยอาศัยจังหวะที่กำลังเดินนำ..ทำการข่มจิตข่มใจตัวเอง เพื่อไม่ให้ไรเกอร์สามารถแกล้งผมด้วยประเด็นนี้ได้อีก
      
“เป็นไงบ้าง หายดีแล้วใช่มั้ย?” ซึ่งก็ต้องขอบคุณไรเกอร์น่ะนะที่ยอมเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะว่าจนถึงตอนนี้ที่เราสองคนเดินมาหยุดยืนอยู่ที่ริมทะเลสาบเงือก ผมก็ยังไม่สามารถปรับจูนเข้าสู่โหมดปกติได้อยู่ดี
   
“อ่าฮะ อีกสองวันคงกลับไปอยู่ที่โลกมนุษย์แล้วล่ะ”
   
“แต่ที่นี่สวยมากนะ ไม่คิดจะอยู่ต่อหรือไง”
   
ทันทีที่ฟังคำถามจบ ผมถึงกับหันมองหน้าไรเกอร์.. แล้วก็พบว่าเขากำลังใช้สองมือล้วงกระเป๋า พลางมองออกไปยังทะเลสาบน้ำเค็มอันแสนจะกว้างใหญ่และไหลออกสู่ทะเลด้วยสายตาเป็นประกาย.. ทำให้ได้รู้ว่าสิ่งที่นายพ่อมดอังกฤษถามออกมานั้นไม่ใช่แค่ต้องการจะหยอกล้อ แต่เป็นคำถามจริงจังของพ่อมดที่กำลังดื่มด่ำไปกับบรรยากาศของสถานที่อย่างแท้จริง..
   
ซึ่งผมเข้าใจไรเกอร์ดี เพราะถึงแม้ว่าที่นี่จะค่อนข้างเงียบสงบเสียจนเกือบจะกลายเป็นเงียบเหงาก็ตาม แต่ยังไงซะที่นี่ก็ยังคงเป็นบ้านพักตากอากาศท่ามกลางวิวทิวทัศน์ที่งดงามเกินกว่าจะสามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้.. ทั้งด้านหลังที่เป็นภูเขาและผืนป่า กับส่วนด้านหน้าที่เป็นพื้นน้ำร่มเย็น มันไม่มีอะไรที่จะผสมผสานกันได้อย่างลงตัวและ ‘ชวนฝัน’ เท่านี้อีกแล้ว
   
“ใช่ ที่นี่สวยมากอย่างที่นายว่า แล้วการได้อยู่ที่นี่ก็ทำให้ฉันมีความสุขมากจริงๆ แต่ก็นะ นายน่าจะรู้ดีว่าสุดท้ายแล้วทุกอย่างมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของฉัน แต่เป็นเหล้ารัมต่างหาก”
   
“งั้นก็แสดงว่าถ้าหากเหล้ารัมขอให้อยู่กับเขาที่นี่ นายก็จะไม่กลับไปที่โลกมนุษย์งั้นสิ?”
   
“ก็...ประมาณนั้นแหละ” ผมพยักหน้ายอมรับอย่างจำใจ ด้วยความรู้สึกที่ว่า..ถ้าเป็นคนอื่นนะ ผมคงจะพูดจาเฉไฉไปทางอื่นแล้ว แต่นายนี่คือไรเกอร์ไงครับ ต่อให้ผมเลือกที่จะไม่พูดความจริง เขาก็รู้ทันผมอยู่ดี เพราะถ้าหากว่าเอกคือเพื่อนสนิทฝ่ายมนุษย์ นายพ่อมดอังกฤษนี่ก็ถือว่าเป็นเพื่อนสนิทฝ่ายโลกเวทมนตร์ของผมนั่นแหละ
   
“ออกแนวว่าอยู่ที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่ากับอยู่กับเหล้ารัมสินะ ฮ่าๆๆ~” แต่ถึงจะสนิทกันแค่ไหน ไรเกอร์ก็ไม่ควรที่จะพูดแซวผมแบบนี้นะ เพราะว่ามันจะทำให้ผมรู้สึก...ขะ..เขินมาก!
   
“เงียบน่า!” เขินแบบที่ว่าไม่สามารถควบคุมใบหน้าให้เป็นปกได้.. ซึ่งมันเป็นอะไรที่ไม่โอเคเลยสักนิดที่จะต้องมายิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนคนบ้าต่อหน้าคนอื่นด้วยอาการขวยเขินเนี่ย!
   
“โอเค ไม่แซวแล้วก็ได้” หลังจากหัวเราะจนหนำใจแล้ว ไรเกอร์ก็ยกมือยอมแพ้ให้กับสายตาดุๆ จากผม (ที่แทบจะไม่ได้ผลกับเขาเลยสักนิด) ก่อนที่คนตัวใหญ่กว่าจะปรับเข้าสู่โหมดจริงจังแบบกะทันหัน จนผมเกือบที่จะตั้งรับเอาไว้ไม่ทัน “แต่นี่จริงจังนะ ฉันว่า..ตั้งแต่นายมีเหล้ารัมเข้ามาในชีวิตเนี่ย นายดูมีชีวิตชีวากว่าแต่ก่อนเยอะเลย”
   
“ยะ..ยังไงหรอ?”
   
“ก็ถ้าเป็นเมื่อก่อน ต่อให้นายจะแสดงออกยังไง ตานายมันก็จะฟ้องว่าที่จริงแล้วนายน่ะเศร้า แต่พอมีเหล้ารัมอยู่ในชีวิตของนาย ต่อให้นายไม่ต้องแสดงความรู้สึกอะไรออกมา ฉันยังเห็นชัดเลย ว่าตานายน่ะกำลังยิ้ม : )”
   
“จะ..จริงดิ?” นี่ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะเนี่ย เพราะนอกจากเหล้ารัมจะไม่เคยบอกแล้ว ผมเองก็ไม่เคยสังเกตตัวเองเหมือนกัน ในเมื่อเวลาอยู่กับนายพ่อมดเหล้า..ผมก็จะโฟกัสทุกอย่างอยู่ที่เขา ไม่ได้สนใจอย่างอื่นเลย
   
“ก็จริงน่ะสิ” แล้วไรเกอร์ก็ทำการผลักหัวผมแบบไม่จริงจังนัก คงจะหมั่นไส้ที่ผมเอาแต่ตอบกลับด้วยคำถามสินะ “จะบอกให้นะวาฬ นายจะหาว่าฉันเว่อก็ได้ แต่ฉันรู้สึกจริงๆ ว่าเหล้ารัมน่ะ เหมือนเป็นพ่อมดที่เข้ามามอบชีวิตใหม่ให้กับนายเลย” ก่อนจะเพิ่มเติมต่อในสิ่งที่ทำเอาหัวใจผมถึงกับเต้นผิดจังหวะในทันที..
   
ตึกตัก ตึกตัก
   
ก็ใช่น่ะสิ มันต้องเป็นอย่างที่ไรเกอ์พูดอยู่แล้ว ในเมื่อ..เหล้ารัมไม่ได้แค่เป็นผู้ชายที่ส่งมอบความรู้สึกดีๆ มาให้ผมเท่านั้นนะ แต่ยังเป็นถึงพ่อมดที่ทำพันธะสัญญาครั้งที่สองกับผมด้วย แล้วแบบนี้ถ้าไม่ให้เรียกว่า ‘ให้ชีวิตใหม่’ แล้วจะให้เรียกว่าอะไรล่ะ จริงมั้ย?
   
แต่จะว่าไป.. พอนึกถึงเรื่องของพันธะสัญญาครั้งที่สองขึ้นมาแบบนี้แล้ว.. ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรมันดลใจให้ผมเกิดคิดทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าตัวเองจะทำ.. “นี่ไรเกอร์ ถ้าฉันถามอะไรนายสักเรื่อง นายสัญญาได้มั้ย ว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับระหว่างเรา” ผมรู้นะว่ามันเป็นเรื่องต้องห้าม ในเมื่อเหล้ารัมก็บอกแล้วว่าจะให้ใครรู้อีกไม่ได้ และผมเองก็ยึดถือข้อนี้มาโดยตลอด แต่กับครั้งนี้.. ผมคิดว่าผมทนเก็บความสงสัยไว้ไม่ได้อีกต่อไปแล้วว่ะ

/ ต่อด้านล่าง /
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบเจ็ด..เมื่อด้ายแห่งพันธะสัญญาปรากฏ || อัพเดท : 5/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 05-09-2016 15:13:18
“ได้สิ นายก็รู้ว่าฉันไม่ใช่คนที่ชอบพูดเรื่องของคนอื่นอยู่แล้ว” ใช่ ก็เพราะว่าเป็นนายนั่นแหละไรเกอร์ ฉันถึงได้ไว้ใจที่จะถามคำถามนี้..
   
“คือ.. ฉันกับเหล้ารัมเราตกลงทำพันธะสัญญาครั้งที่สองกัน ฉันก็แค่อยากรู้ว่า..”
   
“อะไรนะ!!?”
   
แต่ยังไม่ทันจะถามจบ.. อีกฝ่ายก็ทำหน้าตกใจแบบสุดขีด ถึงขั้นถอยหลังไปสองก้าว ราวกับว่าเขาช็อกกับสิ่งที่ผมพูด
   
“...” ผมที่ไม่รู้ว่าควรจะทำไงต่อดี เลยได้แต่เงียบไป โดยที่ภายในใจก็เริ่มเกิดความกังวลขึ้นมาแล้ว ว่าความจริงพันธะสัญญาครั้งที่สองอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดีอย่างที่เหล้ารัมพูดก็ได้ ไม่งั้นไรเกอร์จะตกใจขนาดนี้ทำไม จริงมั้ย?
   
“ละ..เหล้ารัมทำพันธะสัญญาครั้งที่สองกับนายอย่างงั้นหรอวาฬ!?”
   
“ใช่ เราทำพันธะสัญญาครั้งที่สองด้วยกัน”
   
แล้วพอได้ยินผมย้ำให้ฟังอีกครั้ง นายพ่อมดอังกฤษก็ถึงกับสบถออกมา ขะ..เขาดูไม่เป็นตัวของตัวเองเลยสักนิด.. ดูหายใจหอบถี่เหมือนคนหายใจไม่ทัน แถมยังเริ่มยีหัวตัวเองราวกับคนเสียสติด้วย
   
“คือฉันแค่อยากรู้ ว่านอกจากเรื่องที่ต้องทำให้ด้ายแห่งพันธะสัญญาทั้งเส้นกลายเป็นสีแดงแล้ว มันยังมีอย่างอื่นอีกมั้ย ที่จะส่งผลถึงผู้ทำพันธะสัญญา อย่างเช่น..การที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจำต้องเสียสละอะไรสักอย่างอะไรแบบนั้น?” ทว่าถึงแม้ว่าไรเกอร์จะไม่อยู่ในอารมณ์ที่พร้อมจะตอบคำถามก็เถอะ แต่ผมคงจะปล่อยเงียบไม่ได้อีกต่อไป เพราะยังไงซะเขาก็ได้รู้ในสิ่งที่ไม่ควรจะรู้แล้ว ผมก็ควรจะได้รู้ในสิ่งที่ผมอยากรู้เสียที
   
“แล้วเหล้ารัมบอกอะไรกับนายบ้าง?” นั่นเลยทำให้อีกฝ่ายถามคำถามกลับมา ก่อนจะพยายามสูดหายใจเข้าออกให้ลึก เหมือนต้องการควบคุมให้ตัวเองกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
   
ซึ่งผมก็โอเคกับการที่จะให้เวลาไรเกอร์.. “เขาก็บอกแค่ว่าพันธะสัญญาครั้งที่สองจะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อทั้งฉันและเขามีความรักให้แก่กัน และนั่นก็จะทำให้คำสาปไม่สามารถเอาชีวิตของฉันไปได้” ก็เลยเป็นฝ่ายตอบคำถามก่อน “ซึ่งฉันรู้สึกจริงๆ ว่ามันยังไม่จบง่ายๆ แค่นั้น มันยังต้องมีอย่างอื่นอีกที่ฉันยังไม่รู้ ก็เลยตัดสินใจถามเหล้ารัมออกไปตรงๆ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาดันบอกว่ายังไม่ถึงเวลาซะอย่างงั้น ซึ่งมันไม่แฟร์เลยสักนิดไรเกอร์ ทั้งที่ฉันกับเขาต่างฝ่ายต่างก็ทำพันธะสัญญากันทั้งคู่ แล้วทำไมเหล้ารัมถึงได้เป็นฝ่ายที่รู้มากกว่าล่ะ?” ..เพื่อหวังว่าจะได้รับคำตอบในส่วนของเขากลับมาเช่นกัน
   
“เอ่อ..” แต่ในทันทีที่ฟังผมพูดจนจบ ความตกใจของไรเกอร์ก็ถูกแทนที่ด้วยสีหน้าของความลำบากใจ ซึ่งไม่ใช่สัญญาณที่ดีนัก
   
“ขอร้องล่ะนะไรเกอร์ นายช่วยบอกฉันทีเถอะ อย่าปล่อยให้ฉันทนอยู่กับความสงสัยอีกต่อไปเลย” ผมเลยต้องขอร้องจากใจ เพื่อหวังว่าอีกฝ่ายจะใจอ่อนมากขึ้น
   
ทว่า.. “ขอโทษนะวาฬ แต่ฉันบอกนายไม่ได้ เรื่องนี้น่ะ เหล้ารัมจะต้องเป็นคนบอกนายด้วยตัวของเขาเอง” คำตอบที่ได้รับ กลับไม่ใช่อะไรที่ผมหวังไว้
   
“ทำไมล่ะไรเกอร์ ทำไมนายถึงบอกฉันไม่ได้ นี่เราสองคนเป็นเพื่อนกันนะ”
   
“ใช่วาฬ เราสองคนเป็นเพื่อนกัน แต่นายก็ต้องเข้าใจนะ ว่าฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะก้าวก่ายเรื่องของใครทั้งนั้น ถ้านายอยากรู้ นายก็ต้องถามเขา จะมาแอบถามฉันแบบนี้ไม่ได้”
   
“ก็ฉันถามเขาแล้ว แต่เขาไม่ยอมตอบนี่ จะให้ฉันทำยังไงเล่า”
   
“ก็ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นนั่นแหละ เพราะการที่เขาไม่ยอมบอก ก็แสดงว่าเขายังไม่อยากให้รู้ มันก็คือแค่นั้น”
   
“โอ๊ยยยย! แต่ฉันอยากรู้นี่ไรเกอร์ ได้ยินมั้ย ฉันอยากรู้!” ผมถึงขั้นทึ้งหัวตัวเองต่อหน้าไรเกอร์ เมื่อรู้สึกว่าคำตอบของเขามันช่างขัดใจผมเหลือเกิน “ฮึก.. มันอึดอัดนะไรเกอร์ ที่ฉันไม่รู้อะไรเลย ทั้งที่เขาอาจจะกำลังเสียสละอะไรเพื่อฉันอยู่ก็ได้ ฮึก.. และยิ่งฉันคิด.. มันก็ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกเห็นแก่ตัวมากขึ้นเท่านั้น.. ทั้งที่เรื่องจริงแล้ว มันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่ฉันคิดเลยก็ได้ ฮึก.. นายเข้าใจฉันมั้ย?” ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีก้อนสะอื้นขึ้นมาจุกที่อกของผมด้วย.. ถึงจะแค่น้ำตาคลอๆ ก็เถอะ แต่มันก็ทำให้ใจผมแกว่งไปเลยเหมือนกันนะ..
   
“นี่วาฬ” ขณะที่ไรเกอร์เองก็ดูจะเสียงอ่อนลงเมื่อผมเป็นแบบนี้.. ก่อนที่เขาจะค่อยๆ คว้ามือทั้งสองข้างที่ผมใช้ทึ้งหัวตัวเองอยู่ออก แล้วพูดต่อ “ฉันเข้าใจนายนะ แต่นายเองก็ต้องเข้าใจคนของนายด้วย ว่าเหล้ารัมก็คงจะมีเหตุผลบางอย่างที่ยังไม่อยากให้นายรู้เรื่องนี้ในตอนนี้”
   
“แต่ว่า..”
   
“และเท่าที่ฉันเห็น เหล้ารัมเองก็ทำเพื่อนายหลายต่อหลายอย่าง เปิดศึกกับคนทั้งตระกูลอลิชาเพื่อนายก็เคยมาแล้ว แล้วกับการที่แค่อดทนรอเพื่อให้ถึงวันที่เขาพร้อมจะบอกนายแค่เนี้ย นายทำเพื่อเขาไม่ได้หรือไงกัน?”
   
“...”
   
นั่นสิ... ผมถึงกับสะอึกไปเลยเมื่อเจอไรเกอร์พูดแบบนี้...
   
ถึงแม้ว่าจริงอยู่ที่ผมสมควรจะได้รู้รายละเอียดของพันธะสัญญาครั้งที่สอง อันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผมโดยตรง แต่ในบางครั้ง..กับเรื่องบางเรื่อง ก็จำจะต้องให้เวลากับมัน.. ซึ่งเหล้ารัมเองก็คงจะคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าควรจะบอกผมตอนไหนดี เพราะว่าเขาก็ไม่ได้มีเจตนาตั้งใจจะปิดบังเรื่องนี้เอาไว้ตลอดไป เพียงแต่ขอให้ถึง ‘เวลาที่เหมาะสม’ เท่านั้น
   
เฮ้ออออ แต่ว่าผมเนี่ยสิ กลับขาดสติ.. ปล่อยอารมณ์และความอยากรู้อยากเห็นเข้าครอบงำ จนก่อเกิดเป็นความทุกข์แบบนี้ ทั้งที่ก็เคยได้ยินคนเขาพูดกัน ว่ายิ่งรู้มากก็ยิ่งทุกข์มาก แล้วผมก็เคยเห็นจริงตามนั้นด้วย แล้วนี่อะไร? พอไม่ได้อย่างที่หวังก็โวยวาย ทึ้งหัวตัวเองยังกับคนบ้า แถมยังทำให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องอย่างไรเกอร์ต้องมาร่วมลำบากใจในเรื่องนี้อีก
   
แล้วที่แย่ที่สุดคือ ตั้งแต่รู้จักกับเหล้ารัมมา เขาเคยเรียกร้องอะไรผมบ้าง? ก็มีแต่แค่ขอให้ปิดเรื่องของพันธะสัญญาครั้งที่สองไว้ แล้วก็อดทนรอจนกว่าวันที่เขาจะพูดเรื่องนี้ได้ แต่กับผม..คนที่ได้รับทุกอย่างจากนายพ่อมดเหล้า โดยที่ไม่ต้องเอ่ยปากร้องขอ ทำไมถึงได้..ยอมผิดสัจจะวาจาเพียงเพราะความอยากรู้อยากเห็นแบบนี้..
   
ผมนี่มัน..ทำตัวแย่ๆ อีกแล้ว..
   
นี่ดีนะว่าอย่างน้อยก็ยังมีหัวคิด เลือกคนถามได้ถูกคน ถึงได้มาเจอกับคนไว้ใจได้อย่างไรเกอร์ที่ไม่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น แถมยังพูดจาเตือนสติให้คิดได้ด้วย ไม่อย่างงั้นล่ะก็..อาจจะไม่เหลืออะไรดีเลยก็ได้..
   
“ถูกของนาย” ผมเริ่มใจเย็นลง รู้สึกว่าตัวเองมีสติมากขึ้น “ฉันนี่มัน.. งี่เง่าจริงๆ เลยเนอะ” แต่ก็ยังไม่วายกล่าวโทษตัวเองด้วยน่ะนะ
   
“ไม่หรอกน่า คนเรามันก็ต้องมีโมเมนต์แบบนี้ด้วยกันทั้งนั้นนั่นแหละ ขอแค่เพียงนายเข้าใจมัน ทุกอย่างก็จะดีขึ้น : )” ไรเกอร์เลยปลอบใจผมด้วยรอยยิ้มและสีหน้าแบบที่ ทำให้ผมรู้สึกว่าเขาเข้าใจผมจริงๆ
   
ผมเลยส่งยิ้มบางๆ กลับไปให้เขา แทนคำขอบคุณในสิ่งดีๆ ที่ไรเกอร์พูดออกมา
   
แล้วหลังจากนั้นเราทั้งคู่ก็ปล่อยให้ความเงียบเข้ายึดพื้นที่.. เมื่อทั้งผมและไรเกอร์ต่างพากันมองออกไปยังทะเลสาบเบื้องหน้า โดยที่ตัวผมนั้นเลือกจับจุดโฟกัสอยู่ตรงเส้นตัดขอบของผืนน้ำและผืนฟ้า ที่ไม่น่าเชื่อว่า..จะมีจุดที่ทั้งสองสิ่งสามารถมาบรรจบกันได้อย่างสวยงามเช่นนี้
   
แต่ถึงแม้ภาพตรงหน้าจะสวยงามชวนฝันสักแค่ไหน ถ้าพอคนมันมีเรื่องที่รู้สึกไม่สบายใจมากๆ มันก็อดไม่ได้จริงๆ ที่จะขอถามไรเกอร์อีกสักครั้ง เพื่อหวังว่าอย่างน้อยที่สุด..คำตอบของอีกฝ่ายจะช่วยชะล้างสิ่งที่อยู่ในใจผมให้เบาบางลงได้..
   
“นี่ไรเกอร์” ผมหันหาเขา ก่อนที่เขาจะหันมา “ฉันรู้นะว่านายไม่อยากคุยเรื่องนี้แล้ว แต่ฉันขอถามอะไรนายอีกสักอย่าง เพื่อความสบายใจของฉันจะได้มั้ย?”
   
“...” ไรเกอร์ไม่ได้ตอบอะไรกลับมาในทันที แต่เขาเลือกที่จะถอนหายใจออกมาเสียยืดยาวเป็นอันดับแรก ก่อนที่จะยอมตอบกลับมา “ว่ามาสิ แต่ฉันไม่รับปากนะ ว่าจะสามารถตอบได้”
   
ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะเริ่มถาม “มันเลวร้ายมากรึเปล่าไรเกอร์? เรื่องที่เหล้ารัมยังไม่ยอมบอกเกี่ยวกับพันธะสัญญาครั้งที่สองน่ะ มันเป็นเรื่องที่เลวร้ายมากมั้ย?”
   
ผมรู้นะว่าสิ่งที่ผมถามออกไปก็ไม่ต่างอะไรจากการวนเทปเพื่อฟังซ้ำ แต่ผมก็ยังอยากจะรู้อยู่ดีว่า ‘เรื่องนั้น’ ที่เหล้ารัมขอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วจะบอก มันเป็นเรื่องที่เลวร้ายมากหรือไม่? เพื่อที่อย่างว่าน้อยๆ..ผมจะได้เตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับมันได้ เมื่อเวลานั้นมาถึงแล้วจริงๆ
   
ตึกตัก ตึกตัก
   
“...” แต่แล้วหัวใจของผมก็เป็นอันต้องกระตุกวูบ เมื่อไรเกอร์ไม่ได้กล่าวคำปฏิเสธออกมาอย่างที่คาด “มันไม่ได้เลวร้ายอะไรอย่างที่นายคิดหรอกวาฬ” ก่อนจะเว้นจังหวะเล็กน้อยเพื่อส่ายหน้า โดยที่มุมปากยังคงหยักยิ้มอ่อนโยน “พันธะสัญญาครั้งที่สองน่ะ มีชื่อเรื่องอีกอย่างว่า ‘พันธะสัญญาหัวใจ’ จะสำเร็จได้ ก็ต้องอาศัยความรักจากทั้งสองฝ่ายเป็นตัวทำสัญญาเท่านั้น แล้วในเมื่อมันเกิดขึ้นจากความรัก มันจะเป็นสิ่งที่เลวร้ายไปได้ยังไง จริงมั้ย?”
   
จริงด้วย.. ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากความรัก แล้วมันจะเป็นเรื่องไม่ดีไปได้ยังไงกัน?
   
“จริงด้วย : )” ซึ่งพอได้ยินแบบนี้แล้ว ผมก็กลับมายิ้มได้อีกครั้ง เมื่อรู้สึกว่าตัวเองสบายใจขึ้นกับคำตอบของไรเกอร์
   
ก็เลยทำให้ภายหลังจากนั้น หัวข้อสนทนาที่เคยตึงเครียดก็เปลี่ยนแปลงไปในทางสัพเพเหระมากขึ้น ก่อนที่ผมจะเริ่มเป็นฝ่ายชวนไรเกอร์เดินกลับบ้าน เมื่อเห็นว่าแสงแดดยามบ่ายรุนแรงเกินกว่าที่จะยืนกันอยู่ตรงริมทะเลสาบได้อีกต่อไป
   
เอาจริงๆ ผมตั้งใจว่าจะชวนไรเกอร์อยู่กินมื้อเย็นด้วยกันวันนี้ แต่กลับกลายเป็นว่า..
   
“ก็อยากอยู่กินฝีมือนายนะ แต่คงจะไม่ได้ พอดีเย็นนี้ฉันนัดกับเบลไว้น่ะ นี่ก็ว่าจะกลับละ”
   
..ไรเกอร์ดันมีนัดอยู่แล้ว แล้วนัดที่ว่านั่นก็ทำเอาผมเผลอแสดงความไม่พอใจออกมาทางสีหน้า จนอีกฝ่ายที่คงจะเข้าใจอาการของผมดี ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา
   
“ฮ่าๆๆ~ อะไรกัน อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ”
   
“โทษที ฉันก็แค่..ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมนายถึงยังทนอยู่กับคนนิสัยเสียอย่างพี่เบลได้ ทั้งๆ ที่หล่อนเองก็พ้นคำสาปไปตั้งนานแล้ว”
   
“...” ยอมรับเลยว่าคำว่า ‘รัก’ ของไรเกอร์ที่มีต่อพี่เบลทำให้ผมประหลาดใจ
   
แต่นายพ่อมดอังกฤษเองก็ดูจะไม่ถือสากับอาการนั้น “ฉันรู้นะ ว่ามันอาจจะฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่ว่า..ฉันก็รักผู้หญิงนิสัยไม่ดีคนนั้นจริงๆ นั่นแหละ” เพราะขนาดเขาเองก็ยังยอมรับเลยว่ามันอาจจะฟังดูไม่น่าเชื่อ
   
“มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน?” ผมก็เลยอยากได้คำอธิบายเพิ่มเติม
   
“อือ.. คงเพราะ.. ความผูกพันที่เราสองคนอยู่ด้วยกันมานานมั้ง แล้วก็.. ถึงแม้ว่าเบลเค้าอาจจะร้ายกับใครหลายคน โดยเฉพาะนาย” ใช่ ร้ายถึงร้ายมากที่สุด “แต่กับเวลาที่เธออยู่กับฉัน เบลกลับดีที่สุดเท่าที่ผู้หญิงคนนึงจะดีได้ ซึ่งฉันชอบแบบนี้วาฬ เพราะฉันไม่ต้องการคนที่ดีกับทุกคนบนโลก แค่ต้องการคนที่ดีกับฉันคนเดียวก็พอ : )”
   
นั่นสินะ.. เราจะต้องการคนที่ดีกับคนทั้งโลกไปทำไมกัน ถ้าสุดท้ายแล้ว..เขาก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเราต่างไปจากที่ให้กับคนอื่นเลย?
   
“ฉันเข้าใจแล้วล่ะ” ผมยิ้ม
   
“จริงดิ?” แต่ไรเกอร์ทำหน้าประหลาดใจ
   
นี่เขาคงไม่คิดซินะว่าผมจะเข้าใจกับอะไรที่มี ‘พี่เบล’เข้ามาเกี่ยวข้องได้ง่ายแบบนี้น่ะ
   
แต่ก็นั่นแหละ “บอกว่าเข้าใจก็คือเข้าใจไง” ผมคิดว่าผมเข้าใจตามที่ได้พูดออกไปจริงๆ
   
“โอเค” ซึ่งพอไรเกอร์เห็นว่าผมไม่พูดอะไรต่อแล้ว ก็ถึงนาทีที่ต้องบอกลา “งั้นฉันกลับก่อนนะ” เมื่อเราเดินกันมาจนถึงหน้าบ้านตามที่ตั้งใจไว้
   
“ได้ ไว้เจอกันที่บ้านนะ” ผมเลยโบกมือลาอย่างไม่จริงจังนัก เพราะรู้ว่ายังไงเดี๋ยวเราก็คงจะได้เจอกันอีกในไม่ช้านี้
   
แต่แทนที่ไรเกอร์จะโบกมือลาตอบกลับมาอย่างที่ผมคิด เขากลับก้าวยาวๆ เข้ามาใกล้ ก่อนจะพูดทิ้งท้ายไว้ว่า.. “นี่วาฬ ฉันไม่รู้นะว่านายจะรับรู้ความรู้สึกนี้มั้ย แต่ฉันบอกได้เลย ว่าเหล้ารัมน่ะเขารักนายมากนะ เพราะฉะนั้น..ถ้าวันนึงนายได้รู้ความจริงถึงสิ่งที่นายอยากรู้ จงอย่าต่อต้านเขา แต่จงทำความเข้าใจกับมันให้เร็วที่สุดเท่าที่นายจะทำได้ ตกลงนะ?” ละ..แล้วหายตัวไปต่อหน้าต่อตา!
   
“...” ไรเกอร์ทำผมอึ้ง.. ยืนอึ้งอยู่พักใหญ่เลยด้วยซ้ำ กว่าที่สติจะเริ่มกลับคืนมา และส่งผลให้สมองมันประมวลผลในสิ่งที่นายพ่อมดอังกฤษพูด
   
ทำให้วินาทีต่อจากนั้น ผมถึงกับสถบถ้อยคำหยาบคายใส่ดินใส่ฟ้า อยากจะตามไปลากคอนายไรเกอร์กลับมาเพื่อถามทุกสิ่งทุกอย่างให้ชัดแจ้ง
   
เพราะไม่เข้าใจเลยสักนิด ว่าทำไมหมอนั่น ถึงได้ต้องมาพูดให้อยากแล้วจากไปแบบนี้ด้วย!!?


* * * * * * *

   
- Rum’s Part -
   
ทันทีที่ผมเดินทางมาถึงบ้าน ห้องแรกที่ผมตรงขึ้นไปหาอย่างรวดเร็วก็คือห้องทำงานของพี่วิสกี้
   
แอ๊ดดดดด~
   
แต่ยังไม่ทันที่จะลงมือเคาะ เจ้าประตูห้องก็เปิดออกเองอัตโนมัติ เผยให้เห็นพี่วิสกี้ที่กำลังง่วงอยู่กับกองเอกสารบนโต๊ะทำงาน
   
จนกระทั่งผมก้าวเท้าเข้าไปในห้องนั่นแหละ อีกฝ่ายถึงได้ยอมเงยหน้าขึ้นมา..
   
“ลมอะไรหอบนายมาไม่ทราบ?” ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะเป็นมิตรสักเท่าไหร่นัก
   
ซึ่งไม่ใช่การเริ่มต้นในแบบที่ผมต้องการ เพราะอยากที่จะมาคุยดีๆ กับพี่สาวในวันนี้ ก็เลย..
   
ฟุ่บ!
   
..เสกธงขาวขึ้นมาโบกไว้เหนือหัวด้วยรอยยิ้ม ตั้งใจให้เหมือนกับตอนเด็กๆ เวลาที่เราสองคนทะเลาะกัน แล้วฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องการจะส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายรู้ ว่าคนๆ นั้นขอยอมแพ้ และขอคุยด้วยอย่างสันติ
   
“หึ” ซึ่งมันก็ได้ผลดีทีเดียว เพราะทันทีที่เห็นแบบนั้น พี่สาวผมก็หลุดหัวเราะ ‘หึ’ ออกมา ถึงแม้ว่าจะแค่เล็กน้อย ไม่เหมือนกับเวลาที่คนอื่นหัวเราะชอบใจก็เถอะ แต่สำหรับพี่วิสกี้..แบบนี้ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ไม่เลวแล้ว : )
   
“ผมขอโทษนะพี่ ขอโทษที่พูดจาไม่ดี ขอโทษที่พูดโดยไม่คิดถึงจิตใจของพี่ให้ดีก่อน” ผมเลยเริ่มประโยคแรกด้วยสิ่งที่ยังคงรู้สึกติดค้าง ที่กล้าถามออกไปโดยไม่คิด ว่าจะเชื่อใจพี่วิสกี้ได้ยังไง ทั้งๆ ที่เธอก็คือคนในครอบครัวเพียงคนเดียวที่ผมเหลืออยู่แท้ๆ
   
และเพราะคำขอโทษจากปากผมนั่นเอง ที่ทำให้พี่วิสกี้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินอ้อมมายังหน้าโต๊ะทำงานเพื่อยืนเท้ามันเอาไว้แทน ผมถึงเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าวันนี้พี่สาวของผมนั้นอยู่ในเสื้อคอเต่าแขนยาวสีดำกับกางขาเอวสูงขาสั้นที่เผยช่วงขายาว อันเป็นลักษณะเด่นของคนในครอบครัว
   
“เอาเถอะ พี่ยกโทษให้” ก่อนเจ้าหล่อนจะยักไหล่อย่างไม่ถือสาอะไร
   
“ขอบคุณนะครับพี่” เลยทำให้ผมรู้สึกสบายใจอย่างมากกับความรู้สึกผิดที่ติดค้างในใจมานานเกือบสองอาทิตย์
   
“ว่าแต่นายเถอะ หวังว่าคงจะไม่ได้แค่มาขอโทษพี่ แล้วก็กลับไปหาคนรักของนายทันทีหรอกนะ”
   
คราวนี้ก็เลยกลายเป็นฝ่ายผมที่หลุดหัวเราะออกมาบ้าง เพราะถึงแม้พี่สาวผมจะวางหน้านิ่ง แต่ผมเองก็จับได้จากในน้ำเสียงนะ ว่าพี่วิสกี้มีความน้อยใจอยู่ไม่น้อย เรื่องที่ผมให้ความสำคัญกับวาฬมากกว่าน่ะ : )
   
“จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงล่ะครับพี่ ผมก็ต้องมีเรื่องอื่นมาคุยกับพี่นอกจากเรื่องขอโทษอยู่แล้ว” ผมเสกธงให้หายไป ก่อนจะผายมือไปยังโต๊ะมุมข้างหน้าต่าง.. “แต่ว่าก่อนอื่น ผมว่านั่งกันก่อนดีกว่ามั้ยครับ เผื่อว่าจะต้องคุยกันยาว : )” ..เพื่อชักชวนให้พี่วิสกี้นั่ง
   
“ก็ได้ เอาสิ” ซึ่งพี่วิสกี้ก็เห็นด้วย เราสองคนพี่น้องก็เลยพากันไปนั่งยังจุดที่ตกลงกันไว้
   
อือ.. จะว่าไปแล้ว บรรยากาศในห้องนี้ก็ยังคงความเก่าแก่ไม่ต่างจากสมัยรุ่นพ่อเลยนะ เพียงแต่ว่าพอมันตกมาอยู่ในมือของพี่วิสกี้แล้ว ก็ดูจะเพิ่มความสวยงามและกลิ่นอายของความเป็นสตรีชั้นสูงมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าตอนนี้เจ้าของห้องจะใส่แค่เสื้อคอเต่ากับกางเกงเอวสูงก็ตาม
   
“ว่าไงล่ะ นายมีอะไรจะพูดก็พูดมาเถอะ พี่รอฟังอยู่” พอต่างฝ่ายต่างนั่งลงคนละฝั่งเป็นที่เรียบร้อนแล้ว พี่วิสกี้ก็เริ่มเปิดบทสนทนาอีกครั้ง
   
ผมก็เลยไม่รอช้า “ผมตัดสินใจรับข้อเสนอของพี่ครับ” ยิงตรงเข้าประเด็นทันที
   
จนพี่วิสกี้ที่จากตอนแรกกำลังกอดอกเพื่อรอฟังนิ่งๆ ถึงกับแสดงอาการตกใจออกมาให้ผมได้เห็นเป็นบุญตา แต่ก็เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น.. ก่อนที่พี่สาวผมจะกลับมาว่างหน้านิ่ง โดยที่เธอคงจะไม่รู้ตัวเลยว่า ว่างหน้านิ่งไปก็เท่านั้น ในเมื่อตาสีม่วงเข้มส่องประกายความดีใจออกมาอย่างเห็นได้ชัดแล้ว
   
“เพราะวาฬสินะ ถึงทำให้นายยอมรับข้อเสนอได้ง่ายขนาดนี้เนี่ย”
   
“ก็มีส่วนครับ แต่เอาเข้าจริง หลายวันมานี้ผมก็คิดนะ ว่าถึงเวลาที่ควรจะแบ่งเบาภาระให้พี่ได้แล้ว”
   
ประกายตาของพี่วิสกี้ดูจะมีความสุขขึ้นกว่าตอนแรก “เพิ่งจะคิดได้หรอยะ” แต่ก็ยังไม่วายเหน็บแนมเข้าให้
   
ผมเลยต้องรีบงัดสิ่งที่เคยพูดในอดีตออกมา ไม่อย่างงั้นอาจจะโดนเหน็บต่ออีกชุดใหญ่ก็เป็นได้ “ก็ผมเคยบอกพี่เมื่อนานมาแล้วไง ว่าถ้าเมื่อไหร่ที่ผมได้พบเจอคนที่ผมรัก ผมก็จะกลับช่วยพี่ ซึ่งนี่ก็ถือว่าผมทำตามสัญญา : )”
   
แต่แทนที่ผมจะได้เห็นประกายความสุขในตาของพี่วิสกี้ต่อ กลับกลายเป็นว่านัยน์ตาสีม่วงคู่นั้นเปลี่ยนเป็นสีดำเวิ้งว้าง..คล้ายจักรวาลที่ไร้ซึ่งหมู่ดาว.. ก่อนที่จะเริ่มพูด..
   
“เอาจริงๆ พี่ดีใจนะเหล้ารัม ที่นายยอมตัดสินใจมารับตำแหน่งผู้นำตระกูลต่อจากพี่ แต่บอกตรงๆ เลย ว่าพี่เอง..ก็กำลังกังวลใจเรื่องคนรักของนายมากเหมือนกัน..”
   
“ทำไมล่ะพี่?” ผมขมวดคิ้วมุ่น เพราะนึกว่าเรื่องวาฬจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปแล้ว หากผมยอมรับข้อเสนอของพี่วิสกี้ “เพราะว่าวาฬเป็นมนุษย์อย่างงั้นหรอ? หรือเพราะว่าวาฬเป็นผู้ชาย?”
   
“อันที่จริงเรื่องที่นายพูดมาก็มีส่วนนะ แต่ก็ยังไม่ถือว่าเป็นประเด็นที่น่ากังวลเท่าไหร่นัก”
   
“แล้วมันคืออะไรล่ะ สิ่งที่พี่กำลังกังวลน่ะ?”
   
“ก็เรื่องที่..คนรักของนายกำลังจะตายไง”
   
“...”
   
ผมถึงกับกลายเป็นพ่อมดใบ้.. เมื่อได้ยินคำว่า ‘ตาย’ จากปากของพี่วิสกี้ ในเมื่อ..ผมลืมไปซะสนิทเลย ว่าสำหรับคนที่ยังไม่ได้รู้เรื่องพันธะสัญญาครั้งที่สองอย่างพี่สาวผม ก็ต้องกังวลกับเรื่องการตายของคนที่ผมรักมาเป็นอันดับต้นๆ อยู่แล้ว
   
โดยที่พี่วิสกี้ไม่ได้รู้เลยสักนิด ว่าผมได้ทำอะไรลงไปเพื่อช่วยให้วาฬรอด
   
ผมถึงได้ไม่มีความคิดเรื่อง ‘วาฬตาย’ อยู่ในหัวตอนนี้เลยไง
   
“ไอ้เรื่องที่จะให้พี่ยอมรับความสัมพันธ์ของนายกับวาฬ พี่ยังพอจะทำใจได้ เพราะถึงจะเป็นมนุษย์ที่พี่เกลียดแสนเกลียด แต่เท่าที่พี่เฝ้าสืบประวัติมา คนรักของนายก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ถือว่าเป็นมนุษย์ที่ดีเลยด้วยซ้ำ ซึ่งพี่คิดว่าน่าจะอยู่ร่วมกันได้ ส่วนเรื่องที่หมอนั่นเป็นผู้ชาย เดี๋ยวนี้พ่อมดเกย์ก็มีออกเยอะแยะ ไว้แต่งงานกันเมื่อไหร่ ค่อยคิดเรื่องหาวิธีทำลูกก็ยังไม่สาย แต่กับเรื่องของคำสาป.. มันเป็นอะไรที่ต่างออกไปมาก ในเมื่อพี่เองก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่าจะสามารถหาตัวคู่พันธะสัญญาคนแรกของวาฬได้มั้ย คือ..ไม่ใช่ว่าพี่ไม่เก่งนะ แต่นายเองก็คงจะรู้ว่าเวลามันล่วงเลยมานานมากแล้ว นายพ่อมดนั่นอาจจะตาย หรือไม่ก็คงจะหนีไปโลกอื่นแล้วด้วยซ้ำ แล้วแบบนี้..เราจะช่วยให้คนรักของนายไม่ตายได้ยังไง พี่ยังคิดวิธีที่ดีไม่ออกเลยจริงๆ โดยที่ไม่ต้องให้นายไปเสียสละทำพันธะสัญญาครั้งที่สองกับวาฬน่ะ ซึ่งมันจะเป็นเรื่องที่พี่ไม่ยอมให้เกิดขึ้นแน่”
   
“...” แล้วพี่วิสกี้ก็ทำให้ผมถึงกับสะอึกจนแทบจะพูดไม่ออกอีกแล้ว.. ทั้งที่ใจนึงมันก็รู้สึกดีใจมากนะ ที่พี่วิสกี้ไม่ได้ต่อต้านเรื่องผมกับวาฬ แถมยังพยายามคิดหาหนทางเพื่อให้คนที่ผมรักมีชีวิตรอด
   
แต่ไอ้ความรู้สึกผิดเนี่ยสิ ที่มันจุกอกผมซะแน่น.. ในเมื่อผมเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ว่าได้ลงมือทำในสิ่งที่พี่วิสกี้จะไม่มีวันยอมให้ทำไปแล้ว..
   
นี่ถ้าพี่วิสกี้รู้ความจริงเข้าล่ะก็ ผมกับเธอคงมองหน้ากันไม่ติดไปอีกนาน
   
“เอ่อ..” แต่จะให้ทำไงได้ล่ะ ในเมื่อผมเองก็วางแผนเรื่องนี้มานานมากแล้ว เพราะถ้าไม่มีพันธะสัญญาครั้งที่สองล่ะก็..คงต่อยอดไปสู่ความหวังสูงสุดของผมไม่ได้แน่.. “แต่ผมคิดว่ามันยังมีทางอื่นอีกนะพี่ ขึ้นอยู่กับว่า..พี่จะยอมช่วยผมมั้ย”
   
“ยังไง?” คราวนี้พี่วิสกี้เป็นฝ่ายขมวดคิ้วเข้าหากันบ้าง แต่ก็เพียงไม่นานนัก เธอก็เบิกตาโตเหมือนเข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อ แล้วรีบปฏิเสธออกมาทันควัน “ไม่มีทางทาง!” ก่อนจะลุกหนีผมไปหยุดยืนอยู่ที่กลางห้อง
   
ซึ่งผมไม่แปลกใจเลยสักนิดที่พี่วิสกี้จะปฏิเสธออกมาแบบนี้ เพราะว่ามันเป็นอะไรที่ตามคาดอยู่แล้ว จึงรีบลุกตามไปโน้มน้าวต่ออย่างที่ตั้งใจเอาไว้
   
“ทำไมล่ะพี่ ถ้าเกิดว่าเราใช้วิธีนี้ นอกจากวาฬจะไม่ตายแล้ว เขาเองก็จะมีอายุไขยืนยาวเหมือนกับพ่อมดแม่มดด้วย พี่ว่ามันไม่ดีหรือไง?”
   
“ไอ้ดีน่ะมันก็ดีอยู่หรอก แต่ว่า...”
   
“มีอะไรหรอพี่?” ผมมองตามสายตาของพี่สาวตัวเองด้วยความสงสัย เมื่อเห็นว่าจู่ๆ พี่วิสกี้ก็ก้มลงมองที่มือขวาของผมแล้วหยุดชะงักไป..
   
ถึงได้เห็นว่า.. ด้ายแห่งพันธะสัญญากำลังปรากฏขึ้น!!?
   
“นี่มันอะไรกันเหล้ารัม?”
   
“พี่วิสกี้.. คือ..”
   
“เดี๋ยว.. นี่อย่าบอกนะว่า.. นายทำพันธะสัญญาคนรั้งที่สองกับนายมนุษย์นั่นน่ะ!!?”
   
“พี่วิสกี้ พี่ฟังผมก่อนนะ” ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่ผมบอกตามตรงว่าผมเตรียมถอยแล้ว เพราะว่าเรื่องนี้ไม่มีทางจบลงที่แค่การคุยกันดีๆ อย่างแน่นอน
   
“ไม่! ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น แต่นายต้องถอนพันธะสัญญาเดี๋ยวนี้เหล้ารัม นายก็รู้ผลของมันดีนี่!”
   
“ใจเย็นก่อนพี่ ฟังผมอธิบาย...”
   
เพล้งงงง!
   
ยังไม่ทันจะพูดจนจบประโยคดี พี่วิสกี้ก็ซัดพลังเวทใส่ผมแล้ว นี่ดีนะที่ผมมีสติพอที่จะตั้งรับไว้ได้ เลยโยนออกไปทางหน้าต่าง จนกระจกแตกออกเป็นชิ้นๆ.. เพราะถ้าหากตั้งรับเอาไว้ไม่ได้ล่ะก็ พี่วิสกี้คงจับตัวผมเอาไว้ได้แล้ว!
   
“ฉันบอกให้ถอนพันธะสัญญาเดี๋ยวนี้!”
   
“พี่วิสกี้..”
   
แล้วบทจะหายตัวออกไปจากห้องนี้ก็ไม่ได้ด้วย เพราะคฤหาสน์ทั้งหลังถูกปกป้องด้วยเวทมนตร์อันเก่าแก่ ดังนั้นทางที่จะไปจากที่นี่ได้ก็ดีที่สุดคงจะเป็น..
   
ปึ้ง!
   
“อย่าแม้แต่จะคิด!”
   
“…” ผมอึ้งเลยที่พี่วิสกี้อ่านเกมออกว่าผมจะหนีออกไปทางหน้าต่างที่แตกแล้ว เธอก็เลยเสกแผ่นเหล็กมาปิดทับเอาไว้ ทำให้ตอนนี้คงจะเหลืออยู่แค่ทางเดียวเท่านั้น..
   
..นั่นคือประตู!
   
ตู้มมมมม!
   
“หยุดเดี๋ยวนี้นะเหล้ารัม!”
   
ยอมรับว่าพี่วิสกี้เดาทางผมได้เก่งมาก เพราะพอผมคิดถึงประตู พี่สาวผมก็เสกเวทมนตร์ตรงไปยังประตูแล้ว
   
แต่นับว่าครั้งนี้โชคดีที่ผมไวกว่า เสกคาถานำหน้าไประเบิดประตูออกเป็นชิ้นๆ ได้ ถึงได้มีโอกาสกลายร่างเป็นกระทิงคลั่ง แล้ววิ่งหนีด้วยความเร็วออกจากห้องทำงานมา
   
“หยุดเดี๋ยวนี้นะเหล้ารัม! นี่ ใครก็ได้ จับน้องชายฉันไว้!!”
   
ซึ่งสาเหตุที่ผมตัดสินใจกลายร่างเป็นกระทิงก็เพราะเหตุนี้แหละ เพราะว่าผมรู้อยู่แล้วว่าพี่วิสกี้จะต้องสั่งลูกน้องให้มาสกัดเอาไว้แน่ ผมก็เลย..
   
“หยุดก่อนครับคุณเหล้า.. อ๊ากกกก!”
   
“อย่านะครับคุณเหล้ารัม.. อ๊ากกกก!”
   
“คุณ.. อ๊ากกกกกก!”
   
..ขวิดแม่งให้หมดเลย!!
   
สมน้ำหน้า อยากขวางดีนัก ไม่รู้หรือไงว่าคนกำลังรีบออกจากที่นี่ด้วยความร้อนใจมากแค่ไหน เพราะถ้าลองด้ายแห่งพันธะสัญญาปรากฏขึ้นแบบนี้ แสดงว่าต้องมีคนใช้เวทมนตร์กับวาฬแน่!
   
“แม่งเอ๊ย!!!” ความคิดเรื่องวาฬกำลังตกอยู่ในอันตราย เผลอทำให้สบถออกมาอย่างลืมตัว จนกระทั่งพบเจอกับประตูทางออกที่ถูกยืนกั้นด้วยสมุนของพี่วิสกี้
   
ดี! แบบนี้จะได้เร่งฝีเท้าให้มากขึ้น และ..
   
ตู้มมมมมมมมม!!
   
“อ๊ากกกกกกกกกก!!!”
   
..ขวิดชนคนจนสามารถทะลุประตูออกมาจากคฤหาสน์ได้เป็นผลสำเร็จ เยส!
   
ทว่า.. ในขณะที่คืนร่างและกำลังจะหายตัวอยู่นั้น ผมก็ได้ยินเสียงของพี่วิสกี้ดังไล่หลังมา..
   
“ฉันจะไม่ยอมให้พวกนายทำพันธสัญญาสำเร็จแน่!!!”
   
ฟังคล้ายกับว่า.. ต้องการจะประกาศศึกกับผมอย่างเป็นทางการ!

/ ต่อด้านล่าง /
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบเจ็ด..เมื่อด้ายแห่งพันธะสัญญาปรากฏ || อัพเดท : 5/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 05-09-2016 15:15:57
- Wan’s Part –
   
ครึ่งชั่วโมงก่อนหน้า

   
ผมใช้ความหงุดหงิดที่เกิดขึ้นจากไรเกอร์ไปลงกับการทำมื้อเย็นเพื่อรอให้เหล้ารัมกลับบ้าน ซึ่งมันก็ค่อนข้างช่วยได้มาก อย่างตอนแร่เนื้อออกเป็นชิ้นๆ หรือไม่ก็ตอนที่ทุบเนื้อให้นุ่มอะไรแบบนั้น
   
แต่ถึงจะชะล้างไปได้ส่วนหนึ่งแล้ว ก็ยังมีส่วนที่รู้สึกว่ายังคงตกค้างอยู่ในใจน่ะนะ แล้วทีนี้ทำไงล่ะ อาหารก็ทำเสร็จหมดแล้ว อืม? งั้นเอางี้.. ไปรดน้ำแปลงผักข้างบ้านดีกว่า เผื่อว่าธรรมชาติชะช่วยบำบัดทุกอย่างให้ดีขึ้นได้บ้าง
   
คิดได้ดังนั้น ผมก็เดินไปเปิดประตูเพื่อที่จะออกจากบ้าน ทว่า..
   
“สวัสดี”
   
“ซองซู!”
   
ดันเปิดไปเจอนายซองซูกำลังยืนอยู่หน้าบ้านซะอย่างงั้น!
   
แล้วทีนี้ทำไงล่ะ ก็หนีสิครับ!
   
ไวเท่าความคิด ผมก้าวถอยหลังเข้าตัวบ้านอย่างรวดเร็ว รู้นะว่าประตูไม้แค่นี้คงกีดขวางทางของเขาไม่ได้ แต่อย่างน้อยๆ เวทมนตร์ที่คุ้มกันบ้านหลังนี้อยู่ คงจะพอช่วยประวิงเวลาได้บ้าง
   
“เดี๋ยว ฉันมาดีนะวาฬ”
   
แต่ยังไม่ทันที่ประตูจะปิดสนิทดี น้ำเสียงที่เจือความรู้สึกผิดของอีกฝ่ายก็ดังลอดเข้ามา ทำเอาผมถึงกับชะงัก.. เพราะว่าไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้จากนายพ่อมดเกาหลีมาก่อนเลย
   
“นายว่าไงนะ?” แล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองประมาทเกินไปมั้ย? ถึงได้ยอมเปิดประตูกลับออกไปอีกครั้ง เพื่อที่จะคุยกับนายซองซูให้ถนัดขึ้น
   
“ฉันบอกว่าฉันมาดี” แล้วในตอนนั้นเอง.. ที่ผมเพิ่งจะสังเกตเห็น ว่าซองซูอยู่ในสภาพที่สิ้นฤทธิ์มากแค่ไหน..
   
ถึงแม้ว่าจะใส่เฝือกแค่แขนซ้าย ไม่ได้ต้องนอนเข้าเฝือกทั้งตัวเหมือนกับที่ผมโดน แต่ก็เต็มไปด้วยแผลฟกช้ำดำเขียวตามใบหน้าและตามเนื้อตัวในส่วนที่โผล่พ้นออกมานอกร่มผ้า และที่สำคัญที่สุดคือ ความเจ้าเล่ห์ร้ายกาจเองก็ไม่เหลือให้เห็นอีกแล้ว แต่กลับเหลือเพียงความรู้สึกผิดที่อัดแน่นอยู่ภายในดวงตาคู่นั้นของเขาแทน..
   
เฮ้ออออ เรียกว่าไม่เหลือคราบของนายพ่อมดร้ายที่ผมเคยรู้จักเลยจริงๆ
   
“เข้าบ้านก่อนสิ” และเพราะความใจอ่อน ผมเลยตัดสินใจเปิดประตูให้กว้างขึ้น เพื่อต้อนรับคนอย่างซองซูเข้าบ้าน
   
“ขอบคุณนะ” ซึ่งนั่นก็ทำให้อีกฝ่ายมีสีหน้าที่ดีขึ้น
   
แต่ช้าก่อน ถึงผมจะยอมใจอ่อนให้ซองซูเข้ามา แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะประมาทนะ อย่างน้อยๆ ถ้าหากว่าเขาคิดไม่ดี คิดว่าตั้งใจจะลักพาตัวผมไปอีกอย่างที่ผ่านมา การชวนเข้าบ้านก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จะทำให้ซองซูลักพาตัวผมได้ลำบากมากยิ่งขึ้น เพราะอย่างที่ได้บอกไปแล้ว ว่าบ้านหลังนี้มีเวทมนตร์คุ้มกันไว้ ทำให้ไม่มีพ่อมดแม่มดคนไหนหายตัวเข้าหรือออกภายในตัวบ้านได้ ถ้าหากนายพ่อมดเกาหลีคิดจะลักพาตัวผมอีกทีจริง งานนี้ก็คงต้องมีเหนื่อยหน่อย เพราะคงจะต้องหาทางลากผมออกไปนอกบ้านให้ได้เท่านั้น
   
แล้วลองซองซูเข้าเฝือกแขนอยู่แบบนี้ คงเพิ่มความลำบากเข้าไปอีกหลายเท่าน่ะนะ
   
“ตามสบายนะ” พอเดินมาถึงมุมโซฟา ซึ่งเป็นมุมสำหรับนั่งเล่นและรับแขก ผมก็เลือกนั่งลงที่โซฟาตัวประจำของผมกับเหล้ารัม ก่อนจะผายมือให้ซองซูเลือกนั่งได้ตามชอบใจ ซึ่งเขาก็พยักหน้ารับ แล้วเลือกนั่งลงบนเก้าอี้นวมที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโซฟาที่ผมนั่งอยู่
   
“ขอบคุณนะ” แถมยังมีการขอบคุณผมด้วย ซึ่งเป็นอะไรที่..โคตรจะไม่ชินเลยสักนิด “ว่าแต่เหล้ารัมล่ะ ไม่อยู่หรอ?”
   
“คือ..” เอ่อ.. ยอมรับว่าคำถามของซองซูทำให้ผมมีแอบสะดุดไปเหมือนกัน เพราะว่าเกือบจะตอบออกไปตามความเป็นจริงแล้ว แต่ดันฉุกคิดขึ้นมาได้ซะก่อน.. “เขาไปหาวัตถุดิบในการทำอาหารให้ฉันแถวๆ ทะเลสาบน่ะ เดี๋ยวอีกสักพักก็คงจะกลับมาแล้วล่ะ” ก็เลยตัดสินใจพูดคำโกหกออกไป เพื่อจะได้ไม่เป็นการชี้ช่องทางให้เขาคิดทำเรื่องไม่ดีกับผม
   
แต่เอาจริงๆ เขาก็ดูจะไม่มีพิรุธอะไรนะ เพราะพอผมบอกออกไปแบบนั้น ซองซูก็พยักหน้ารับ ไม่ได้แสดงความยินดียินร้ายอะไรออกมา เหมือนแค่ว่า..แสดงความรับรู้ไปเฉยๆ แค่นั้นเอง
   
ซึ่งก็ดีแล้ว เพราะถ้าเขาไม่ได้มาร้ายอย่างที่พูดจริง ผมก็พร้อมที่จะคุยดีด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยากญาติดีอะไรกับเขามากมายนักก็ตาม
   
“ว่าแต่นายเถอะ มาที่นี่วันนี้ ต้องการอะไรอย่างงั้นหรอ?” แล้วพอเห็นว่าเขายังคงเงียบ มองนั่นมองนี่ไม่ยอมพูดอะไรสักที ผมก็เลยเลือกที่จะเป็นฝ่ายถามก่อน เพราะว่าซองซูไม่เหมือนไรเกอร์หรือเอก ที่ผมจะมานั่งอยู่เงียบๆ โดยที่ไม่ต้องสนใจอีกฝ่ายได้
   
“เอ่อ..” ซึ่งเขาเองก็เหมือนว่าจะรู้ตัวนะ ว่านั่งเงียบนานเกินไปแล้ว เลยหันมายิ้มแหยๆ ให้ผม ก่อนจะเริ่มพูด “คือ.. ฉันอยากจะมาขอโทษนายน่ะ”
   
“...” ทำเอาผมนี่แอบอึ้งไปเลย
   
คือก็พอจะเห็นแววสำนึกผิดในตาของเขานะ แต่ก็ไม่ได้คาดหวังเลยสักนิดว่าเขาจะพูด ‘คำขอโทษ’ ออกมาแบบนี้ มันดู..ไม่ใช่ซองซูในแบบที่ผมรู้จักเลยจริงๆ
   
“ฉันรู้ว่าที่ผ่านมา ฉันทำตัวแย่มาก ไม่สมควรที่จะได้รับการให้อภัยจากนายหรือว่าเหล้ารัมเลยด้วยซ้ำ แต่ที่ฉันมาวันนี้ ก็เพื่อที่จะมาบอกว่า.. ฉันเสียใจจริงๆ กับทุกๆ สิ่งที่ทำลงไป”
   
“...” ยอมรับนะว่าพอนึกย้อนกลับไปถึงสิ่งที่ซองซูทำ.. มันก็ยากเกินกว่าที่ผมจะให้อภัยได้จริงๆ เพราะว่านอกจากที่แผนของเขาจะทำเอาผมเกือบตายแล้ว ยังทำให้เหล้ารัมต้องมาฝืนใจทำในเรื่องที่ไม่อยากทำด้วย แต่ว่า.. “เอาเถอะ ยังไงซะเรื่องมันก็แล้วไปแล้ว ฉัน..ขอยกโทษให้นายก็แล้วกัน”
   
“...” คราวนี้เลยทำให้ซองซูเป็นฝ่ายอึ้งบ้าง
   
ซึ่งก็สมควรอึ้งแล้ว เพราะถ้าคนอื่นเขาได้เจออย่างที่ผมเจอ ก็คงไม่มีใครเขาอยากจะยกโทษให้นายซองซูหรอก แต่ว่า.. เจ็บแค้นต่อไปแล้วได้อะไรอะ? มันไม่มีประโยชน์เลยสักนิด รังแต่จะกลายเป็นความทุกข์ที่กัดกินใจกันต่อไปก็เท่านั้น
   
เพราะฉะนั้น ผมขออโหสิกรรมให้ไรเกอร์ตรงนี้เลยก็แล้วกัน
   
หากว่าถ้าชาติหน้ามีจริง จะได้ไปต้องมาตามจองเวรกันต่อไป
   
เพราะลำพังแค่ชาตินี้ที่เกิดมาเป็นมนุษย์ต้องสาป ก็คงจะมีกรรมหนักหนาตามติดจากชาติก่อนมามากพออยู่แล้ว ฉะนั้นก็อย่าได้ผูกเวรสร้างกรรมให้ยาวลามไปถึงชาติหน้าอีกเลย
   
“...”
   
“...”
   
ผมตัดสินใจส่งยิ้มให้ซองซู เพื่อเป็นการส่งสัญญาณให้เขาเห็นว่า ‘ผมยกโทษให้เขาแล้วจริงๆ’ ต่อจากนี้ไปก็จงเลิกกังวลเรื่องนี้ซะ อีกฝ่ายก็เลยกล่าวขอบคุณผมด้วยสีหน้าที่ดูจะปลื้มใจกับการให้อภัยของผมมาก ก่อนที่เราทั้งคู่จะต่างฝ่ายต่างเงียบกันไปอีกครั้ง..
   
“...”
   
“...”
   
ซึ่งครั้งนี้มันเงียบมาก ถึงขนาดที่ว่าผมได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง.. เลยหาเรื่องเลี่ยงออกไปจากความเงียบอันน่าอึดอัดนี้..
   
“เอ่อ.. เดี๋ยวฉันไปหยิบน้ำให้นะ” โดยการขอตัวไปหยิบน้ำมาให้ซองซู
   
“ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ค่อยอยากดื่มน้ำเท่าไหร่” แต่เขากลับปฏิเสธ
   
“...”
   
“...”
   
ก็เลยทำให้ผมยังไม่สามารถพ้นไปจากจุดนี้ได้ จนต้องทำทีเป็นมองนั่นมองนี้ไปเรื่อย กระทั่ง.. สายตาเจ้ากรรมก็ดันมาหยุดอยู่ที่ใบหน้าของอีกฝ่าย ถึงได้เห็นว่าเขากำลังมองมา.. ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม..
   
นี่ที่เขาเอาแต่นั่งเงียบ เพราะว่ามีเรื่องที่อยากถามแต่ไม่กล้าถามอยู่หรือเปล่านะ?
   
แล้วทำไงดีล่ะ บทจะให้ให้ผมถามเขาออกไปว่า ‘มีอะไรจะถามมั้ย?’ มันก็ดูจะแปลกๆ อยู่
   
“...”
   
“...”
   
ก็เลยได้แต่จ้องตาเขากลับไป เป็นการส่งสัญญาณทางสายตาว่าถ้ามีอะไรก็จงถามออกมาเลย
   
“...”
   
“...”
   
แต่ดูท่าแล้ว อีกฝ่ายจะไม่เข้าใจสายตาของผมแฮะ? เฮ้อออออ เอาวะ ถามออกไปเองเลยก็ได้ ไม่งั้นคงได้นั่งจ้องตากันยันเหล้ารัมกลับมาแน่
   
“นี่ นายมีอะไรจะถามฉันก็ถามมาเถอะ อย่ามัวแต่นั่งเงียบอยู่เลย”
   
ซึ่งการพูดตรงๆ เป็นอะไรที่ได้ผลดีมาก เพราะมันทำให้ซองซูยิ้มแหยออกมา ราวกับคนที่โดนจับได้ว่ากำลังปิดบังอะไรอยู่ยังไงยังงั้น
   
“คือ.. จริงๆ ฉันรู้ก่อนหน้าการดวลแล้ว ว่านายน่ะเป็นคนจากตระกูลต้องสาป”
   
“อ่าฮะ แล้ว?”
   
“แต่ฉันเพิ่งจะรู้จากข่าวไม่นานนี้เอง ว่านอกจากที่นายจะมาจากตระกูลต้องสาปแล้ว นายยัง..”
   
“กำลังจะตาย” ผมตัดสินใจเติมประโยคให้ เมื่อเห็นว่าเขาดูลำบากใจที่จะพูด
   
อีกฝ่ายก็เลยสามารถไปต่อได้อย่างที่ตั้งใจ “ฉันก็เลยไม่รู้ว่ามันจริงมั้ย ที่เขาว่านายคือคนที่ถูกคู่พันธะสัญญาหนีหายไปเมื่อหลายปีก่อนน่ะ?”
   
“จริงสิ” ผมพยักหน้ารับด้วยความประหลาดใจนิดๆ ที่คิดว่าซองซูจะถามอะไรที่ตอบยากกว่านี้ “เขาหนีไปในคืนวันเกิดปีที่สิบสองของฉัน และปล่อยให้ฉันอยู่กับคำสาปที่กำลังจะมาเอาชีวิตฉันในอีกไม่ช้า”
   
“...” แล้วก็เพราะคำตอบของผมนั่นเอง ที่ทำให้สีหน้าของซองซูเปลี่ยนไป เหมือนว่าเขากำลังรู้สึกเสียใจกับชะตากรรมในอนาคตอันใกล้ที่ผมจะต้องพบเจอ
   
“แต่เรื่องนั้นน่ะไม่เป็นไรหรอก เพราะว่ามันไม่ได้สำคัญอะไรกับฉันอีกต่อไปแล้วล่ะ” ผมเลยพูดเพื่อให้ซองซูรับรู้ว่าผมยังโอเค
   
โดยที่ลืมนึกไปเลยว่า..
   
“ทำไมกัน?”
   
..ผมได้เผลอพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไปแล้ว!
   
จริงอยู่ที่สิ่งที่ผมพูด อาจจะตีความไปในเชิงของการที่ว่า ‘ผมไม่แคร์อีกแล้วว่าจะเป็นหรือว่าตาย’ แต่สายตาของซองซูที่ถามกลับมามันไม่ได้แสดงออกว่าเขากำลังคิดแบบนี้..
   
“คือ..” แต่มันกลับเป็นประกายขึ้นมา คล้ายกับว่าสิ่งที่ผมพูด มันไปสะกิดความคาดเดาบางอย่างในใจเขา ซึ่งนั่นอาจจะเป็น..เรื่องของพันธะสัญญาครั้งที่สองก็ได้ “เอ่อ.. ฉันว่าฉัน..ไปเอาน้ำให้ได้ดีกว่านะ”
   
ผมรีบลุกหนีทันทีที่รู้สึกว่าตัวเองแสดงพิรุธออกไปอย่างเต็มที่ จนไม่อาจที่จะปกปิดความน่าสงสัยนี้ได้อีกต่อไป
   
ทว่า..!
   
ปึก!
   
“อ๊ะ!” ยังไม่ทันที่ผมจะเดินออกไปได้ไกล ร่างกายของผมก็ล้มลงนอนกับพื้น เพราะเชือกที่พันตั้งแต่แต่ไหล่ลงไปจนถึงข้อเท้า! “นี่มันอะไรกันซองซู ไหนนายบอกว่านายมาดีไง แล้วนายมาจับฉันไว้ทำไมเนี่ย!?”
   
“ขอโทษนะวาฬ” ซองซูผงกหัวแทนคำขอโทษ “ฉันไม่ได้จะทำร้ายนายนะ แต่ฉันแค่สงสัยบางเรื่อง และอยากที่จะพิสูจน์ให้แน่ใจ” ก่อนจะก้าวยาวๆ เข้ามาใกล้
   
ทำเอาใจผมเต้นแรงด้วยความกลัว เพราะเริ่มจะเดาออกแล้วว่านายซองซูต้องการที่จะพิสูจน์เรื่องอะไรกันแน่
   
ฟึ่บ!
   
“วะ..เวรแล้วไง!” แล้วก็เป็นไปอย่างที่ผมคิด.. ซองซูสะบัดมือใส่ผมหนึ่งครั้ง ก่อนที่..ด้ายแห่งพันธะสัญญาจะปรากฏออกมา!
   
“...” ผมไม่รู้เลยจริงๆ ว่าควรจะพูดอะไรกับนายพ่อมดเกาหลีดี เพราะลำพังแค่ตัวเขาเอง ก็คงจะมีสติไม่มากพอให้อยู่นิ่งได้แล้ว
   
“ฉะ..ฉันควรไงดี!? ควรบอกพี่วิสกี้? ใช่.. ฉันต้องไปบอกพี่วิสกี้ ไปบอกว่าเหล้ารัมได้ทำเรื่องบ้าๆ ลงไปแล้ว!” นายซองซูดูตื่นตูมมาก เขาพูดเองเออเอง ก่อนที่จะสรุป แล้วผลักประตูเดินออกจากบ้านไปเลย โดยยังทิ้งผมไว้กับเชือกบ้าๆ นี่!
   
“แม่งเอ๊ย!” ผมถึงกับสบถออกมาด้วยความเจ็บใจ
   
นี่ผมหาเรื่องให้เหล้ารัมอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย!
   
แล้วอยู่ในสภาพแบบนี้จะไปทำอะไรได้กันล่ะ นอกจากพยายามกระดึ๊บๆ ให้ไปอยู่ในจุดที่เหล้ารัมเห็นได้ง่ายเมื่อกลับมา ซึ่งก็คือหน้าประตูนั่นเอง
   
ปัง!
   
แล้วไม่นานนัก ประตูบ้านที่ซองซูปิดทิ้งไว้ก่อนไปก็ถูกระชากเปิดออก เผยให้เห็นเหล้ารัมในสภาพที่ยุ่งเหยิงกว่าตอนขาไปมาก จึงอนุมานได้ว่า..ผลจากการที่ด้ายพันธะสัญญาปรากฏขึ้นมา คงทำให้เกิดเรื่องกับเขาแน่
   
“ใครทำอะไรคุณวาฬ!?” แต่เหล้ารัมก็คือเหล้ารัมน่ะนะ ถึงจะอยู่ในสภาพยับเยินแค่ไหน ยังไงสำหรับเขา ผมก็คือสิ่งต้องมาก่อนเสมอ.. ซึ่งนั่นมันยิ่งเป็นการตอกย้ำให้ผมรู้สึกผิดมากขึ้นกว่าเดิม เพราะเป็นตัวสร้างปัญญาให้กับเขาอีกแล้ว..
   
“ผมผิดเองครับวาฬ” ผมรีบสารภาพออกไปในทันที ภายหลังจากที่เหล้ารัมกล่อมผมให้เป็นอิสระจากเชือกของซองซูแล้ว “ผมเป็นคนปล่อยให้ซองซูเข้ามาในบ้าน เพราะคิดว่าเขาสำนึกผิดแล้ว แต่กลายเป็นว่าเขาสงสัยเรื่องพันธะสัญญาของเรา เลยเผยเส้นด้ายออกมาแบบนี้”
   
“แล้วตอนนี้มันอยู่ไหน”
   
“กำลังไปหาพี่วิสกี้ครับ เขาบอกว่าเขาจะต้องไปบอกเรื่องนี้กับพี่วิสกี้”
   
“ไอ้ลูกหมาเอ้ย!” เหล้ารัมสบถออกมาอย่างเหลืออด ไม่เหลือภาพของคนที่ชอบยิ้มให้ผมเลยแม้แต่นิดเดียว.. “ช่างเถอะ ยังไงตอนนี้พี่วิสกี้ก็รู้เรื่องแล้ว และเธอกำลังจะตามล่าตัวพวกเราที่นี่ในอีกไม่ช้า”
   
“ละ..แล้วเราควรทำยังไงกันดีครับ!?”
   
“ตอนนี้ผมใช้เวทมนตร์บังตาที่นี่เอาไว้แล้ว คงจะพอมีเวลาให้หนีอยู่บ้างก่อนที่พี่วิสกี้จะหาเจอ เพราะฉะนั้นเรารีบไปกันเถอะ”
   
“...”
   
ทว่า..
   
“วาฬ?”
   
ยะ..อย่าว่าแต่เหล้ารัมเลย.. ผมเองก็ตกใจเหมือนกันนั่นแหละ ที่จู่ๆ ร่างกายมันก็สั่งการให้เบี่ยงตัวหลบเขาแบบอัตโนมัติ จนอีกฝ่ายที่ตั้งใจจะคว้าข้อมือผม กลับคว้าได้เพียงแค่อากาศธาตุ..
   
“ผะ..ผมขอโทษ แต่ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”
   
“ทำไมล่ะวาฬ?”
   
“ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น จนกว่าคุณจะบอกผม ว่าพันธะสัญญาครั้งที่สองนี่มันมีอะไรกันแน่!?”
   
ใช่.. ผมพูดออกไปแล้ว.. พูดในสิ่งที่ใจคิด และไม่อาจจะปกปิดความสงสัยนี้ได้อีกต่อไป..
   
“วาฬ ผมขอล่ะ อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้ได้มั้ย”
   
“ไม่” จริงอยู่ที่ใจผมรู้สึกผิดที่สร้างปัญหาหาให้กับเหล้ารัม แต่ร่างกายมันกลับต่อต้าน เลยทำให้การพยายามคว้าข้อมือผมของเหล้ารัมล้มเหลวอีกครั้ง “ถ้าคุณไม่ยอมบอกผม ผมจะไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น แต่จะอยู่ที่นี่ แล้วรอถามพี่สาวของคุณด้วยตัวของผมเอง!”
   
“วาฬ..”
   
ผมรู้นะว่าเวลานี้มันเป็นอะไรที่หน้าสิ่วหน้าขวานมาก และการมาของพี่วิสกี้ก็อาจจะรุนแรงกว่าที่ผมคิด แต่ผมก็ยังเลือกที่จะดื้อ เพราะผมคาใจ.. ตั้งแต่ตอนที่บอกเรื่องนี้กับไรเกอร์ เขาก็ตกใจจนดูไม่เป็นตัวของตัวเอง พอถึงตาของซองซู รายนั้นก็ถึงกับร้อนรนวิ่งออกไปเลย แล้วไหนจะสภาพยับเยินของเหล้ารัมจากการที่พี่วิสกี้รู้เรื่องพันธะสัญญาครั้งที่สองอีก น่ะ..นี่มันอะไรกันแน่!?
   
“ขอร้องล่ะเหล้ารัม บอกผม แล้วผมจะไปกับคุณทันที”
   
“วาฬ..”
   
สีหน้าของเหล้ารัมดูลำบากใจเป็นอย่างมาก ขณะที่ภายในตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความสับสนจนยากเกินกว่าที่ผมจะเข้าใจ
   
“ได้โปรดเถอะ”
   
“แต่.. เราไม่มีเวลามากพอสำหรับเรื่องนี้นะ”
   
“งั้นก็สัญญากับผมสิ”
   
“...”
   
“สัญญาว่าเมื่อถึงที่ที่ปลอดภัย คุณจะบอกความจริงกับผม”
   
“...”
   
“แล้วผมจะยอมไปกับคุณทุกที่ที่คุณอยากไป ขอแค่คุณสัญญาว่าจะบอกผมเท่านั้น”
   
“...”
   
“นะเหล้ารัม ผมขอร้อง”
   
“...”
   
“...”
   
ทั้งผมและเหล้ารัมต่างจ้องมองกันในความเงียบ ราวกับว่านี่คือเกมที่จะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมแพ้ ทุกสิ่งทุกอย่างถึงจะเดินหน้าต่อไปได้
   
จนกระทั่ง.. “ฉันรู้นะว่านายอยู่แถวนี้เหล้ารัม รอเวทมนตร์บังตาของนายเสื่อมเมื่อไหร่ ฉันแยกนายกับคนรักนายออกจากกันแน่!!” เสียงของพี่วิสกี้ดังขึ้นเหนือหัวเรานั่นแหละ เหล้ารัมถึงได้หลับตาลง.. สูดหายใจเข้าลึกๆ.. ก่อนที่เขาจะลืมตาอีกครั้ง เพื่อพูดในสิ่งที่ผมต้องการ..
   
“ก็ได้ ผมสัญญา ผมจะบอกคุณทุกเรื่องที่คุญอยากรู้ ตกลงมั้ย?”
   
“โอเค งั้นเราก็ไปจากที่นี่กัน”
   
และเพียงเท่านั้น ผมก็ยอมให้เหล้ารัมคว้าข้อมือวิ่งออกไปจากบ้าน โดยไม่สนใจอีกแล้วว่าเขาจะพาผมไปไหน ในเมื่อเขาให้คำสัญญากับผมแล้ว ผมเองก็จะทำตามสัญญาของผมเช่นกัน
   
ที่ว่าจะยอมไปกับเขาในทุกๆ ที่ ต่อให้บุกน้ำลุยไฟผมก็ยอม!

(http://pic.pimg.tw/demona/1405329580-1468390043.gif)

จบตอนที่ 17

ขอโทษที่ช่วงนี้ผีเข้าผีออก เดี๋ยวโผล่เดี๋ยวหายนะครับ

คือที่ผ่านมานี่แฮมสเตอร์แอบไปปั่นนิยายเรื่องนี้ให้จบมาครับ

และผลก็คือ ตอนนี้แต่งจบแล้วววววว

ยังไงเดี๋ยวกลับจากไปพักผ่อนที่ต่างจังหวัด จะกกลับมาทยอยลงให้นะครับ : )

*พูดคุยที่ทวิตเตอร์กันได้ โดย #พ่อมดเหล้า นะครับ

มายเพจ : #แฮมสเตอร์ (https://www.facebook.com/hamsterisanauthor)

 :hao7:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบเจ็ด..เมื่อด้ายแห่งพันธะสัญญาปรากฏ || อัพเดท : 5/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-09-2016 16:20:46
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบเจ็ด..เมื่อด้ายแห่งพันธะสัญญาปรากฏ || อัพเดท : 5/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 05-09-2016 16:44:17
นึกว่าวาฬจะทำตัวเหมือนนางเอกหนังไทยซะอีก เกือบไปแล้ว
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบเจ็ด..เมื่อด้ายแห่งพันธะสัญญาปรากฏ || อัพเดท : 5/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 05-09-2016 16:49:29
ยิ่งนานไป ตอนยิ่งหดลง มันจะเป็นนิยายรายเดือนแล้วค้าาาา T T

เดาว่า ถ้าาพันธะครัังที่สองล้มเหลว คนที่มาเป็นคู่พันธะจะต้องใช้ชีวิตค้ำประกัน ล้มเหลวก็ตาย
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบเจ็ด..เมื่อด้ายแห่งพันธะสัญญาปรากฏ || อัพเดท : 5/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 05-09-2016 20:37:16
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบเจ็ด..เมื่อด้ายแห่งพันธะสัญญาปรากฏ || อัพเดท : 5/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-09-2016 19:08:19
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบเจ็ด..เมื่อด้ายแห่งพันธะสัญญาปรากฏ || อัพเดท : 5/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 11-09-2016 23:23:47
อยากรู้ผลของพันธะสัญญาครั้งที่ 2 ใจจะขาด

มาต่อเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบเจ็ด..เมื่อด้ายแห่งพันธะสัญญาปรากฏ || อัพเดท : 5/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 12-09-2016 00:23:46
ทำไมเราต้องมาเริ่มอ่านตอนมันค้างด้วยเนี่ยยยยยยยย โหดร้ายที่สุด!!!!!!
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบแปด..ด้ายแดง NC18+ || อัพเดท : 12/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 12-09-2016 16:44:33
บทที่ 18
{ ด้ายแดง }

(http://66.media.tumblr.com/35e118f0722f1992ea4ee3e669f2de68/tumblr_ngt7ymrT7m1qhodd8o2_1280.gif)

และที่ที่เหล้ารัมพาผมมา ก็ไม่ต้องไปบุกน้ำลุยไฟอะไรที่ไหนไกล เพราะมันก็คือคอนโดของเขานั่งเอง..

"ผมใช้เวทมนตร์ที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่ผมรู้ซ่อนที่นี่เอาไว้แล้ว แต่เราเองก็จะอยู่ที่นี่กันได้อีกแค่คืนเดียวเท่านั้น ก่อนจะเปลี่ยนที่อยู่ใหม่ เพราะว่าแถวนี้น่ะมีร่องรอยเวทมนตร์ของผมมากเกินไป ยังไงพี่วิสกี้ก็ต้องหาเจอภายในไม่เกินสองวันแน่"

พอพูดจบ เหล้ารัมก็หยุดยืนหันหลังให้ผมอยู่กลางห้อง.. ซึ่งผมก็เข้าใจดี ว่าทำไมเขาถึงได้ยืนเงียบอยู่เฉยๆ แบบนั้น

เพราะว่ามันถึงเวลาแล้ว ที่เขาจะต้องรักษาสัญญา

"..." ผมเดินตรงไปหาเหล้ารัมด้วยความเงียบ.. ก่อนที่จะค่อยๆ จับเขาให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับผมอีกครั้ง

ถึงได้เห็นว่า.. นัยน์ตาสีม่วงอ่อนของเขาคู่นั้นที่สะท้อนเงาของผม..สั่นไหวรุนแรงราวกับเปลวเทียนต้องลม.. ฉายแววความกังวลระคนขลาดออกมาอย่างชัดเจน..

แล้วถามว่าผมสบายใจที่เขาเป็นแบบนี้มั้ย? ..ก็ไม่ แต่เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว มันไม่มีประโยชน์ที่เขาจะปิดบังผมอีกต่อไปและเพื่อให้ทุกอย่างง่ายขึ้น ผมจึงตัดสินใจที่จะช่วยเหล้ารัม โดยการยกมือขึ้นสัมผัสที่แก้มทั้งสองข้างของเขา เพื่อส่งต่อความรู้สึกให้อีกฝ่ายได้รับรู้ ว่าไม่ว่า 'ความจริงนั้น' จะเป็นอย่างไรก็ตาม ผมจะยังอยู่ตรงนี้ ไม่มีทางหนีหายไปไหนแน่

"..." และโดยที่ไม่ต้องรอให้ผมพูดอะไรออกไป เหล้ารัมยกมือขึ้นเพื่อจับข้อมือทั้งสองข้างของผมเอาไว้ พร้อมทั้งหลับตาลง พลางสูดหายใจเข้าลึกๆ คล้ายต้องการจะรวบรวมความกล้า.. แล้วหลังจากนั้นไม่นานนัก แฟนของผมก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ก่อนที่จะเริ่มพูด.. "สิ่งที่คุณอยากรู้ คือนอกจากการที่เราสองคนจะต้องรักกันเพื่อให้พันธะสัญญาสำเร็จแล้ว มันยังมีเงื่อนไขอะไรที่คุณยังไม่รู้อยู่อีกรึเปล่า ใช่มั้ย?"

"..." ผมพยักหน้า

"โอเค.. ผมจะบอกคุณให้ก็ได้วาฬ ว่ามันยังมีอีกหนึ่งเงื่อนไข ที่ทำให้ผมต้องคอยเก็บเรื่องพันธะสัญญาครั้งที่สองเอาไว้เป็นความลับ"

"..."

"นั่นก็คือ.. ทันทีที่ด้ายแห่งพันธะสัญญาทั้งเส้นกลายเป็นสีแดง หัวใจของเราสองคนจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ทำให้คุณที่ถูกคำสาปกัดกินจนมีจิตวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์ สามารถมีชีวิตต่อไปได้ แต่ในอีกทางหนึ่ง.. เราสองคนก็จะมีเวลาชีวิตที่เท่ากัน"

"..."

"จึงเท่ากับว่า.. เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตาย อีกฝ่ายก็จะตายตามไปด้วย ซึ่ง..คุณต้องตายก่อนผมแน่ เพราะอายุไขของมนุษย์สั้นกว่าพ่อมดมาก.."

"..."

"และเพราะแบบนี้ไงวาฬ พี่วิสกี้ถึงอยากให้เราถอนพันธะสัญญาออกจากกัน"

"..." วินาทีนั้น.. เหมือนหูผมมันอื้อไปหมดแล้ว.. รับรู้เพียงแค่เหล้ารัมยังคงมีสีหน้าแบบเดิม แต่เพิ่มเติมโดยการส่งสายตาอ้อนวอนมาให้..

ยอมรับว่าผมแทบจะไม่เข้าใจอะไรเลย มันว่างเปล่ามาก.. เหมือนกลายเป็นคนโง่ไปชั่วขณะ..

กระทั่ง..

“ผมจะตายไปพร้อมกับคุณนะครับวาฬ : )”

..ภาพฝันอันแสนประหลาดย้อนคืนกลับมา

ถึงได้กระตุ้นให้สมองผมทำงานอีกครั้ง และถึงได้เข้าใจ..ว่าทำไมทุกคนที่ได้รู้เรื่องของพันธะสัญญาครั้งที่สองในวันนี้ ถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนองที่รุนแรงนัก

เพราะแบบนี้เองสินะ.. ฮึก.. เพราะแบบนี้เอง..

"ไม่เหล้ารัม.. ไม่.." ใจของผมมันสั่นไหวรุนแรงมาก รู้สึกว่าตัวเองหายใจไม่ทัน.. จนเริ่มพูดไม่เป็นภาษา..

นี่คงจะอาการเดียวกับตอนที่ไรเกอร์รู้เรื่องสินะ.. เพราะว่าเขาคงจะรู้ดี ว่าการทำพันธะสัญญานี้ ฮึก.. ก็ไม่ต่างอะไรจากการเอาชีวิตที่แสนยาวนานมาทิ้งกับมนุษย์อย่างผม!

และเพราะความคิดนี้เอง ที่ทำให้ผมตัดสินใจเป็นฝ่ายหันหลังให้เหล้ารัมบ้าง..

ผมไม่ได้ต้องการจะหนีนะ แต่แค่..ไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญกับเรื่องนี้ยังไงดี.. เพราะลำพังแค่น้ำตาที่ไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ฮึก.. ก็เกินกว่าที่ผมจะควบคุมได้แล้ว..

"เพราะแบบนี้ไงวาฬ.." เหล้ารัมเดินเข้ามาสวมกอดจากทางด้านหลัง.. น่าแปลกที่ร่างกายของผมกลับไม่ต่อต่อต้าน.. มันเหมือนกับว่า..ภายในผมกำลังสับสนเรื่องของเราอย่างรุนแรง แต่ในทางตรงกันข้าม ร่างกายและหัวใจกลับอยากได้สัมผัสจากเขา.. "ผมถึงเลือกที่จะปิดบังคุณเรื่องนี้ เพราะถ้าขืนบอกความจริงไป.. คุณคงไม่ยอมทำพันธะสัญญากับผมแน่"

"ใช่.. ถ้าผมรู้ ผมไม่มีวันยอมให้คุณทำแบบนี้แน่.." ผมเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะหันหน้าหาเขาอีกครั้งด้วยความรู้สึกมากมายที่มันว่ายวนอยู่ภายในใจ.. "ผมไม่ได้รังเกียจสิ่งที่คุณทำให้ผมนะเหล้ารัม.. ฮึก.. ผมดีใจมาก.. ฮึก.. ดีใจมากจริงๆ ที่ชีวิตนี้ผมได้มาเจอกับคนดีๆ อย่างคุณ.. เพียงแต่.. ฮึก.. มันเป็นการเสียสละที่ยิ่งใหญ่เกินไป.. เกินกว่าที่ผมจะรับเอาไว้ได้จริงๆ ฮึก.. คุณเข้าใจผมใช่มั้ยเหล้ารัม.."

"ผมเข้าใจวาฬ.." เหล้ารัมเว้นจังหวะเล็กน้อย เหมือนต้องการจะควบคุมเสียงที่สั่นเครือของตัวเอง.. "แต่ผมขอถามคุณแค่คำถามเดียวนะ

"..."

"ว่าถ้าคุณรู้สึกกับผมเหมือนที่คุณกำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้.. แล้วผมกำลังจะตาย.."

"..."

"คุณจะยอมช่วยผม เหมือนกับที่ผมยอมช่วยคุณมั้ย?"

"..." โดยไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ ผมเม้มริมฝีปากแน่นเพื่อพยายามสะกดกั้นอารมณ์ของตัวเอง ก่อนที่สุดท้ายจะพยักหน้าตอบรับทั้งน้ำตา

จริงอยู่ที่ตอนนั้นเราสองคนอาจจะเพิ่งเคยพบกัน แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า ระดับความรู้สึกของเราในตอนนั้นต่างกันมาก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ที่เขาจะตัดสินใจทำเรื่องที่ใหญ่ขนาดนี้ในเวลานั้น

อีกอย่างนะ.. ต่อให้พูดอะไรไปตอนนี้ ก็คงจะสายไปเสียแล้ว เพราะว่าเหล้ารัมที่ผมรู้จักน่ะ ฮึก.. ไม่มีวันยอมถอนพันธะสัญญาจากผมเหมือนกับคนที่ผ่านมาแน่..

"นั่นไงล่ะ แล้วแบบนี้ผมจะไม่ยอมช่วยคุณได้ยังไง จริงมั้ยครับ"

"ตะ..แต่.. นั่นเท่ากับว่าคุณต้องเอาชีวิตยืนยาวของพ่อมดมาทิ้งกับมนุษย์อย่างผมนะเหล้ารัม"

"แล้วผมจะมีชีวิตยืนยาวไปทำไมกัน หากต้องปราศจากคนที่ผมรักน่ะ : )"

ตึกตัก ตักตัก

เขานี่มัน..

"..." พอหมดคำจะเถียง ผมก็ดึงเหล้ารัมเข้ามาจูบทั้งน้ำตา..

มันไม่ใช่การจูบที่ทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนไออุ่นแก่กัน แต่มันคือ..การที่ผมประทับความรู้สึกทั้งหมดในใจที่ยากเกินจะบรรยายลงไปบนริมฝีปากของเขา.. ก่อนจะผละออก แล้วเปลี่ยนเป็นสวมกอดเขาเอาไว้แน่นๆ แทน..

"ขอบคุณนะเหล้ารัม ฮึก.. ขอบคุณมากจริงๆ"

"ผมเองก็ต้องขอบคุณคุณเหมือนกันนะวาฬ ที่เข้าใจผม"

"ฮึก.. แล้วผมก็ต้องขอโทษคุณด้วย.. ที่ทำให้คุณต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้.."

"ไม่หรอก มันไม่ใช่ความผิดของคุณเลยวาฬ คุณไม่จำเป็นต้องขอโทษอะไรทั้งนั้น เพราะผมไม่ได้เสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปเลย"

"..."

"ตรงกันข้าม ผมกลับดีใจด้วยซ้ำ ที่ได้ทำแบบนี้เพื่อคนที่ผมรัก"

"..."

"แล้วก็ไม่ใช่แค่นั้นนะ ผมยังทำเพื่อตัวของผมเองด้วย เพื่อที่ว่า..ผมจะได้มีโอกาสรักคุณต่อไปอีกในหลายๆ ปีข้างหน้าไงวาฬ : )"

"ฮึก.." ทะ..ทำไมเหล้ารัมถึงได้ดีขนาดนี้นะ.. "แต่ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ไร้คู่พันธะสัญญา.. ฮึก.. คุณเองก็คงไม่ต้องมาเสียสละมากมายเพื่อผมแบบนี้.."

"งั้นมันก็เป็นความผิดของเอียน ไม่ใช่ของคุณสักหน่อย" เหล้ารัมกอดผมให้แน่นขึ้น เหมือนต้องการจะปลอบโยนผมให้หนักขึ้นกว่าเดิม
   
"ไม่หรอก.." แต่ผมกลับเลือกที่จะค่อยๆ ผละออกมา "มันไม่ใช่ความผิดของเอียน.. เรื่องคืนนั้นน่ะ.. ฮึก.. มันผิดที่ผมเอง.."
   
ทันทีที่ผมพูดจบ เหล้ารัมเหมือนจะชะงักไปนิดนึง ก่อนที่เขาจะเริ่มถาม "ยังไงกันวาฬ? มันเกิดอะไรขึ้นในคืนนั้นกันแน่?" ไม่มีความกังวลหรือว่าความกลัวหลงเหลือบนใบหน้าของเหล้ารัมอีกต่อไปแล้ว แต่กลับถูกแทนที่ด้วยความสงสัยแทน จนเหมือนมีอะไรมาบีบรัดหัวใจผมไว้แน่นตอนที่ผมได้เห็นสีหน้าแบบนั้นของอีกฝ่าย..
   
เพราะว่าผมเอง.. ก็มีความลับที่ปิดบังทุกคนเอาไว้เช่นกัน..
   
"คือเรื่องคืนนั้นน่ะ..."

* * * * * * *

   
ในคืนวันเกิดปีที่สิบสอง...
   
ผมได้ทำสิ่งผิดพลาดครั้งใหญ่เอาไว้
   
และมัน... เปลี่ยนแปลงชีวิตของผมไปตลอดกาล...
   
“ห้ามแอบดูนะนายตัวเล็ก ไม่งั้นฉันโกรธนายจริงๆ ด้วย”
   
‘นายตัวเล็ก’ คือชื่อที่เอียนมักจะใช้เรียกแทนตัวผม สมัยที่เราสองคนยังตัวติดกันเมื่อในวันวาน..
   
“ไม่แอบดูหรอกน่า ฉันมันคนพูดคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว”
   
และเหตุที่เขามักจะเรียกผมว่านายตัวเล็ก ไม่ใช่เพราะว่าผมมีขนาดตัวที่เล็กต่ำกว่าระดับมาตรฐานของเด็กในช่วงวัยเดียวกันหรอกนะ แต่เป็นเขาเองต่างหากที่ตัวใหญ่กว่าเด็กทั่วไป ก็นะ เขาเป็นพ่อมดนี่ ก็ต้องโตไวกว่ามนุษย์ทั่วไปอยู่แล้ว
   
แล้วก็เพราะว่าไอ้ความตัวใหญ่กว่าของเอียนนี่เอง เลยทำให้เขาตั้งตนเป็นพี่ชายของผมไปโดยปริยาย ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว ผมเกิดก่อนเขาตั้งหนึ่งเดือนเลยด้วยซ้ำ
   
แต่ก็เอาเถอะ เป็นน้องก็ดีเหมือนกัน จะได้มีเขาเป็นฝ่ายดูแลไง : )
   
“เดินตรงไปอีกนิด ใกล้ถึงแล้ว” ไม่ใช่แค่เรื่องดูแลอย่างเดียวนะ แต่ในเวลาที่เป็นโอกาสพิเศษ ผมก็มักจะได้รับเซอร์ไพรส์จากเขาเสมอ อย่างในวันเกิดปีที่สิบสองของผมนี่ไง เขาก็ได้ทำการเตรียมเซอร์ไพรส์ให้ผมอีกแล้ว
   
“ลืมตาได้ยังเนี่ย?” พอเห็นว่าเขายังดันหลังผมให้เดินไม่เลิก ผมเลยแกล้งถามเขาเหมือนกับว่ารอไม่ไหวอีกต่อไป
   
“โอเคๆ ลืมตาได้” ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เอียนพาผมมายังที่หมายพอดิบพอดี
   
ปัง!
   
ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้น ภายหลังจากที่ได้ยินเสียงประตูปิดลง.. และภาพที่ได้เห็นตรงหน้านั้น ก็ทำเอาผมถึงกับน้ำตาคลอออกมา.. เพราะว่ามันคือห้องนอนที่เราสองคนนอนด้วยกันแทบจะทุกวัน แต่กลับต่างออกไป เพราะว่าตอนนี้.. มีแสงจากดวงดาวนับล้านกำลังส่องสว่างอย่างสวยงามในความมือ.. และยิ่งไปกว่านั้น บนผ้าม่านที่ปิดสนิท มีข้อความจากหมู่ดาวที่เขียนถึงผมว่า..
   
‘Happy Birthday My Little Wan’
   
   
“เป็นไงนายตัวเล็ก ชอบของขวัญวันเกิดของฉันมั้ย?”
   
“…” ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปในทันที แต่เลือกที่จะคว้าเอียนเข้ามากอดไว้ ปล่อยให้น้ำตาที่ไหลออกมา..ซึมลงไปบนเสื้อของเขา.. แทนคำขอบคุณในสิ่งที่เขาลงทุนทำให้..
   
“นี่ อย่าขี้แยน่า” และหลังจากที่เราสองคนกอดกันอยู่ในความเงียบเกือบนาที เอียนก็เป็นฝ่ายผละออก ก่อนที่เขาจะโยกหัวผมไปมา เหมือนกับในทุกๆ ครั้งที่เขาอยากให้ผมหยุดร้องไห้ ซึ่งมันก็ได้ผลแทบจะทุกครั้งราวกับมีเวทมนตร์
   
“ก็ได้ ฉันไม่ร้องแล้ว” ผมปาดน้ำตาหยดสุดท้าย ก่อนจะเริ่มยิ้ม “ขอบคุณนะเอียน นี่เป็นของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดในปีนี้เลย” นี่ผมพูดจริงนะ แม้แต่เครื่องเล่นเกมราคาแพงของพ่อ ก็ยังไม่อาจจะสู้ดาวนับล้านของเอียนได้
   
“ไม่ต้องบอกฉันก็รู้อยู่แล้วน่า : )”
   
เขาโยกหัวผมต่ออีกสักพัก ก่อนที่ผมกับเขาจะชวนกันนอนหลับไปบนเตียงของเรา ท่ามกลางหมู่ดาวที่ยังคงส่องสว่างไม่จางไป..
   
ทุกอย่างเหมือนจะจบลงด้วยดีแล้ว ถ้าไม่ติดว่า.. ผมดันลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ..
   
และสิ่งที่ผมเห็นเป็นสิ่งแรก ก็คือใบหน้าของเอียน.. ที่กำลังนอนหันหน้าเข้าหากัน..
   
เขาเหมือนเด็กมากเลยนะ เวลาที่เขาหลับน่ะ จนเกือบจะไม่เหลือคราบของเด็กขี้กวนที่คอยทำดีกับผมสารพัดเลยด้วยซ้ำ
   
“…” สิบสองปีแล้วสินะ ที่เราสองคนทำพันธะสัญญาด้วยกันน่ะ
   
มันเป็นเวลานานมากจริงๆ ที่เราอยู่ด้วยกันมา เพราะตั้งแต่จำความได้ ผมก็มีเขาอยู่ในชีวิตแล้ว เรียกว่า..เราทั้งคู่เกิดมาเพื่อรู้จักกับโลกใบนี้ไปพร้อมกันจริงๆ
   
และเมื่อยิ่งโตขึ้น เขาก็ยิ่งทำนั่นทำนี่เพื่อผมมากมาย ทั้งคอยดูแลและคอยปกป้องผมจากทุกสิ่งที่เขาคาดว่าจะก่อให้เกิดอันตราย
   
ซึ่งมันคงจะดีกว่านี้มาก ถ้าผมเป็นแค่เด็กผู้ชายทั่วไป เด็กผู้ชายที่..ไม่ได้ชอบผู้ชายด้วยกันเองแบบนี้..
   
เพราะเมื่อมันเป็นแบบนั้น แทนที่ผมจะมองเขาเป็นแค่เพื่อนหรือพี่ชายที่แสนดี ผมกลับสับสน.. และไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเอง..
   
“…”
   
เราไม่เคยสัมผัสกันมากกว่าการกอด.. ทำให้หลายๆ ครั้งที่เอียนทำให้ผมรู้สึกดี ผมมักจะจินตนาการว่า..ถ้าผมจูบเขา มันจะเป็นยังไงนะ?
   
ผมจะรู้สึกดีกว่านี้มั้ย ถ้าเราสองคนได้จูบกันขึ้นมาจริงๆ?
   
แม้กระทั่งตอนนี้.. ตอนที่หน้าของผมกับเอียนห่างกันเพียงคืบ.. ผมก็ยังคิดถึงจูบที่ผมเฝ้าสงสัยถึงตลอดมา..
   
ถึงแม้อีกใจนึงจะบอกว่าไม่อยากจูบ แต่อีกใจ..ก็ยังอยากที่จะลองทำมัน.. เพื่อคลายความสงสัยในใจตัวเองอยู่ดี..
   
“…” แล้วในวินาทีนั้น.. วินาทีที่จังหวะหายใจสม่ำเสมอของเขาทำให้มันเกิดความกล้า..
   
ผมค่อยๆ เลื่อนใบหน้าเข้าไปหาเอียน ใกล้..ถึงขนาดที่ช่วงปากของผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจอันอบอุ่นของเขา..
   
ก่อนที่ผม..จะประทับจูบลงไปบนริมฝีปากนั้น..
   
“…”
   
ซึ่งผลคือ..หัวใจของผมกลับนิ่ง..
   
มันไม่ได้เต้นแรงอย่างที่ผมเคยจินตนาการไว้ และในทางตรงกันข้าม.. ผมได้รู้แล้ว ว่าจูบของเอียนไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ
   
ความสับสนที่ผ่านมาได้รับข้อสรุปในวินาทีนั้น ว่าสำหรับความรู้สึกที่มีต่อเอียนแล้ว เขาก็เป็นเพียงแค่พี่ชายที่แสนดี หาใช่ความรู้สึกว่ารักว่าชอบเหมือนที่ผมเคยเฝ้าสงสัยในตัวเองไม่
   
“…” ผมจึงค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกอย่างเงียบงัน หวังเพียงให้มันเป็นบททดสอบเล็กๆ ที่มีแค่ผมคนเดียวเท่านั้นที่รู้
   
ทว่า..
   
“วาฬ..นายทำอะไร?” คนที่ผมคิดว่ากำลังหลับสนิทอยู่ กลับลืมตาตื่นขึ้นมาเสียอย่างงั้น..
   
“อะ..เอียน.. มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะ ฉัน..”
   
“แล้วมันยังไงล่ะ!”
   
โดยที่ไม่ทันให้ผมได้อธิบาย เขากระโดนลงจากเตียงในวินาทีต่อจากนั้น ก่อนจะหยุดยืนอยู่ตรงหน้าต่างห้อง..ซึ่งไกลออกไป...
   
“ฟะ..ฟังฉันก่อน..” ด้วยความตกใจที่ไม่เคยโดนอีกฝ่ายตวาดใส่ มันเลยทำให้ผมกลั่นกรองคำพูดในหัวออกมาได้ยากมาก ต่างจากน้ำตาที่ไหลออกมาได้อย่างง่ายดาย แบบที่ผมไม่จำเป็นต้องสั่งการ..
   
“หยุด! อย่าเข้ามานะ” ผมก็เลยเลือกที่จะก้าวเข้าไปหาเขา หมายจะยึดตัวไว้ แต่เอียนกลับร้องห้าม.. ไม่เหลือสายตาแห่งความอ่อนโยนที่เคยมีให้ ‘นายตัวเล็ก’ อีกต่อไปแล้ว..
   
“เอียน..”
   
“เสียงแรง ที่ฉันอุตส่าห์รักนายเหมือนน้องแท้ๆ!”
   
เพล้งงง!
   
“เอียน! อย่าไปนะ ฮึก.. กลับมาก่อน!!”
   
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากหลังจากนั้น... เมื่อทันทีที่เอียนฝากข้อความสุดท้ายไว้พร้อมกับความผิดหวังที่ฉายชัดภายในดวงตา... เขาก็ระเบิดหน้าต่างจนแตกละเอียดก่อนจะกลายร่างเป็นนกอินทรียักษ์ แล้วโผบินจากไป...
   
“ฮึก... เอียนนนนน!!”
   
ปล่อยผมทิ้งไว้กับหมู่ดาวนับล้าน..ที่ค่อยๆ ดับแสงลง..[/i]

/ ต่อด้านล่าง /
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบแปด..ด้ายแดง NC18+ || อัพเดท : 12/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 12-09-2016 16:45:24
(http://67.media.tumblr.com/ec886cbb021ca0037a1006ec31031ae6/tumblr_ngt7ymrT7m1qhodd8o3_1280.gif)

* * * * * * *
   
"เพราะแบบนี้เอง เอียนถึงได้ถอนพันธะสัญญาจากคุณในคืนนั้น"
   
"ฮึก.. ใช่ครับ ทั้งหมดมันเกิดจากความผิดของผมเอง.. ฮึก.. ถ้าเกิดว่าผมไม่ทำแบบนั้นลงไปล่ะก็.. เราสองคนคงได้เจอกันในบริบทที่ดีกว่านี้..." ยิ่งคิดถึงเรื่องคืนนั้นก็ยิ่งรู้สึกแย่.. เพียงเพราะแค่ความชั่ววูบสั้นๆ ในวัยเด็กเท่านั้น กลับส่งผลเสียยาวนานมาจนถึงปัจจุบันขนาดนี้..
   
แล้วผมเองก็ไม่เคยคิดที่จะเล่าสาเหตุที่แท้จริงของการที่เอียนจากไปให้ใครได้ฟังเลยแม้แต่คนเดียว เพราะว่า..มันน่าละอายเกินกว่าที่ผมจะกล้าพูด.. แต่แล้วทำไมผมถึงตัดสินใจเล่าให้เหล้ารัมฟังน่ะหรอ? คำตอบง่ายมาก.. ก็เพราะว่าเขาสมควรที่จะรู้น่ะสิ ว่าได้เสียสละชีวิตยืนยาวของตัวเองไปกับอะไร
   
ฮึก.. ผมยอมรับนะว่าผมคาดหวังว่าจะได้เห็นความโกรธหรือความไม่พอใจจากแฟนของผมบ้าง แบบว่า..ต่อว่าผมแรงๆ ว่าทำไมเขาถึงต้องมาเสียสละเพื่อช่วยแก้ปัญหาให้กับมนุษย์ที่ก็ไม่ได้ดีเด่อะไรเลย แถมยังคอยสร้างแต่เรื่อง จนเราสองคนต้องมาหลบหนีกันแบบนี้
   
แต่ผลกลับไม่ออกมาเป็นอย่างงั้น.. "วาฬครับ.." เพราะเหล้ารัมเลือกที่จะช่วยปาดน้ำตาออกให้ ก่อนจะเริ่มลงความเห็นถึงสิ่งที่ผมเล่าไปด้วยสายตาอ่อนโยน.. "คุณอาจจะคิดว่าถ้าคุณไม่ทำแบบนั้นในคืนนั้น ผมก็คงไม่ต้องมาลงทุนทำอะไรเพื่อคุณแบบนี้ ถูกต้องมั้ย?"
   
"..." ผมพยักหน้ารับ
   
"แต่สำหรับผม ผมกลับมองว่ามันคือโชคชะตานะ : )"
   
"..." รู้สึกว่าตัวเองตั้งใจฟังที่อีกฝ่ายพูดเป็นอย่างมาก
   
"เพราะถ้าเกิดว่าเอียนไม่ถอนพันธะสัญญาแล้วหนีหายไป อย่าว่าแต่คุณจะได้เจอกับผมในบริบทอื่นเลย บางที..เราสองคนอาจจะไม่มีโอกาสได้เจอกันเลยก็ได้"
   
"..."
   
"แล้วผมก็ยังคงยืนยันคำเดิมนะ ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด มันไม่ใช่ความผิดของคุณเลยวาฬ หรือต่อให้ผิดจริง มันก็แค่ความผิดพลาดของเด็กในช่วงวัยที่กำลังสับสนเท่านั้น แต่เป็นนายเอียนต่างหากที่งี่เง่า อยู่ด้วยกันมาก็ตั้งนาน ปากก็บอกว่ารักคุณเหมือนน้องชาย แต่กลับไม่ฟังคำอธิบายของคุณเลยด้วยซ้ำ แถมยังถึงขั้นถอนพันธะสัญญาโดยไม่สนเรื่องความเป็นความตายของคนๆ นึงอีก แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน จริงมั้ย?"
   
"ตะ..แต่ว่า.. ถึงยังไงผมก็ยังเป็นคนที่ทำให้เรื่องทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นนะครับ" ผมแย้ง
   
"แล้วยังไงล่ะ? คุณหวังว่าผมจะมองคุณในด้านลบ แล้วถอนพันธะสัญญาอย่างงั้นน่ะหรอ?"
   
"ก็..."
   
"ไม่มีทางหรอกวาฬ ผมไม่ยอมถอนพันธะสัญญาจากคุณเพียงเพราะความผิดพลาดในอดีตที่ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้แล้วหรอกนะ"
   
"..."
   
"ตรงกันข้าม พอได้ฟังสาเหตุที่แท้จริงแบบนี้แล้ว กลับยิ่งดีต่อใจของผมเลยด้วยซ้ำ เพราะว่าผมได้รู้เสียที ว่าคุณน่ะไม่ได้มีใจให้กับมันเลยแม้แต่น้อย : )"
   
"..." จังหวะนั้นผมถึงกับหลุดหัวเราะออกมา ทั้งที่คราบน้ำตายังคงอาบสองข้างแก้ม
   
กะ..ก็จะไม่ให้หัวเราะได้ไงเล่า! คนอะไรกัน แทนที่จะห่วงเรื่องที่จะมีอายุไขสั้นลง แต่กลับมาโฟกัสไอ้เรื่องแค่นี้เนี่ยนะ!?
   
เขานี่มัน.. เกินจะหาคำใดมาพูดจริงๆ!
   
"นั่นไง คุณยิ้มแล้ว : )"
   
"..." ด้วยความที่รู้สึกเขินนิดๆ ที่ถูกทำให้ทั้งหลุดหัวเราะและยิ้มออกมาในสถานะการณ์ที่กำลังคุยกันเรื่องซีเรียสขนาดนี้ ผมเลยทำการดันอกเขาแรงๆ หนึ่งที ก่อนที่จะยกมือขึ้นปาดน้ำตาให้หมดไป
   
"วาฬครับ" แล้วในจังหวะนั้นเอง จู่ๆ เหล้ารัมก็คว้าเอวของผมเข้าไปโอบไว้ ก่อนที่เขาจะมองมาด้วยสีหน้าและสายตาที่จริงจังมากขึ้นกว่าเดิม จนผมรู้สึกว่าจะต้องมีเรื่องสำคัญที่อีกฝ่ายอยากจะพูดเป็นแน่
   
"ครับ?"
   
"ผมรู้นะ ว่าคุณคงจะไม่ชอบผลที่ตามมาของพันธะสัญญาครั้งที่สอง" ใช่ ผมไม่ชอบมันอย่างมาก เพียงแต่แค่ทำอะไรไม่ได้ก็เท่านั้น ก็ดูเขาสิ พูดอะไรไปก็ยกนั้นยกนี่มาขวางไว้ได้หมด แล้วแบบนี้ผมจะไปทำอะไรได้กันเล่า "แต่ผมขอให้คุณหายห่วงได้เลย เพราะว่าเรื่องนี้น่ะ ผมได้เตรียมแผนการเอาไว้ในใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และแผนนี้ก็จะทำให้คุณมีอายุไขเท่ากับพ่อมดอย่างผมด้วย : )"
   
"ยะ..ยังไงหรอครับ?" ผมถามออกไปด้วยความประหลาดใจ รู้สึกว่าพูดเร็วจนลิ้นมันรัวไปหมดแล้ว
   
อะ..อายุไขเท่ากับพ่อมดเนี่ยนะ!?
   
"ก็..."
   
"อ๊ะ..!!"
   
"วาฬ!"
   
ตุบๆ ตุบๆ
   
แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้รับคำตอบจากเหล้ารัม.. ผมก็ทรุดลงกองกับพื้นด้วยอาการที่เปรียบเสมือนฝันร้าย..
   
อะ..อาการปวดหัวใจ!
   
"อ๊ากกกกกกกกกก!" ผมยกมือขึ้นกุมหน้าอกของตัวไว้แน่น ก่อนจะร้องออกมาอย่างสุดเสียง เมื่อรู้สึกว่าความเจ็บปวดนั้นรุนแรงกว่าครั้งที่ผ่านมา!
   
"วาฬ! คุณเป็นอะไร!?" เหล้ารัมพยายามช่วยพลิกตัวผมให้นอนราบกับพื้น ทว่าความเจ็บปวดราวกับมีคนเอามีดมากรีดย้ำๆ ลงบนหัวใจมันก็ทำให้ผมกลับมาขดตัวง้ออีกครั้งอย่างทรมาน
   
ตุบๆ ตุบๆ
   
"อ๊ากกกกกกกกกกกกก!"
   
เจ็บ.. เจ็บมาก.. เจ็บจนน้ำตาไหล!
   
ผมไปทำเวรทำกรรมอะไรเอาไว้นักหนา! ทำไมชีวิตผมถึงต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้ด้วย!?
   
"วาฬ! คุณทำใจดีๆ ไว้นะ!"
   
"ผม..เจ็บ.."
   
"คุณจบตรงไหน? หน้าอกหรอ!?"
   
"หะ..หัว.. อึก.. หัวใจ!"
   
ตุบๆ ตุบๆ
   
"อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวผมจะรักษาคุณเอง" สิ้นสุดคำพูดนั้น เหล้ารัมก็ช้อนตัวผมขึ้น ซึ่งมันเป็นอะไรที่ค่อนข้างทุลักทุเลมาก เพราะว่าผมเอาแต่ดิ้นพล่านด้วยอย่างทรมานอยู่ในวงแขนของเขา
   
"คะ..คำสาป.. อึก.. คำสาป..กำลังส่งสัญญาณความตาย.. อ๊ากกกกกกกกกกกกก!" แต่ถึงจะเจ็บปวดเจียนตายขนาดไหน ผมก็ยังพยายามที่จะทำตัวให้เป็นประโยชน์ โดยการบอกถึงสาเหตุที่แท้จริงให้กับเขา
   
"แบบนี้นี่เอง" เหล้ารัมถึงได้พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะวางผมลงบนเตียงนอนแปลกตา..
   
ตุบๆ ตุบๆ
   
อึก.. นี่มัน..ห้องนอนของเหล้ารัมนี่?
   
ทั้งผ้าม่าน ทั้งสีของห้อง ล้วนเป็นสีโทนดำ-กรมท่า เลยทำให้ห้องค่อนข้างมืดกว่าด้านนอก ทว่าในขณะเดียวกันก็ดูลึกลับน่าค้นหาไปในตัว..
   
ตุบๆ ตุบๆ
   
"อ๊ากกกกกกกกกก!!" แต่ผมก็สำรวจห้องของแฟนผมได้เพียงเท่านั้น เพราะดูเหมือนว่าอาการปวดใจในครั้งนี้จะไม่ยอมทุเลาลงง่ายๆ!
   
"มองตาผมไว้วาฬ มองตาผมไว้นะ" เหล้ารัมใช้ความพยายามในการพลิกตัวผมให้นอนราบอีกครั้ง ก่อนที่คราวนี้จะใช้แขนทั้งสองข้างล็อกข้อมือผมไว้
   
"ฮึก.. เหล้ารัม.. ผมเจ็บ.. เจ็บเหลือเกิน.." แม้ว่าร่างกายจะดิ้นทุรนทุรายไปมา แต่ผมก็ยังคงเชื่อฟังเหล้ารัม โดยการมองเข้าไปภายในดวงตาคู่นั้น..
   
ดวงตาที่สะท้อนกลับมาว่า..เขาเองก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน..
   
"อยู่นิ่งๆ นะ ผมจะทำให้คุณหายเจ็บเอง ผมสัญญา"
   
"..."
   
พอเห็นว่าอยู่ในช่วงที่ผมนิ่งขึ้น เหล้ารัมก็ปล่อยแขนซ้ายของผมให้เป็นอิสระ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ..ล้วงมือขวาของเขาเข้ามาภายใต้เสื้อของผม.. ไล่ตั้งแต่ช่วงหน้าท้องจนมาหยุดอยู่ตรงกึ่งกลางระว่างอก ซึ่งเป็นจุดที่ผมกำลังเจ็บปวดอย่างทรมาน..
   
สัมผัสของเขาทำเอาผมชาวาบไปทั่วทั้งตัว.. ก่อนที่หลังจากนั้นผมจะรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นจากฝ่ามือของเหล้ารัมที่ค่อยๆ ซึมลึกลงสู่กลางใจ..
   
และราวกับมีเวทมนตร์.. อาการเจ็บปวดที่เคยมีกลับหายเป็นปลิดทิ้ง พร้อมกับกล้ามเนื้อที่เคยหดเกร็ง ก็ค่อยๆ คลายตัว จนตอนนี้..ร่างกายของผมสามารถกลับมานอนราบเป็นปกติได้ดังเดิม..
   
"เป็นไงครับ หายเจ็บมั้ย?" เหล้ารัมเอ่ยถามอาการผมอีกครั้งเมื่อเขาเลื่อนมือออกจากเสื้อผมไปแล้ว
   
"..." แต่ผมไม่ตอบ ได้แต่มองตาเขาด้วยความรู้สึกดีที่เกิดขึ้นภายในใจ
   
"..." ในขณะที่เขาเองก็ดูจะนิ่งไปเมื่อเห็นว่าผมมองแบบนั้น
   
เพราะผมไม่ได้เพียงแค่มองตาเขา.. แต่ยังมองขึ้นไปที่เส้นผมสีบลอนด์สว่างจ้า ไล่ลงมายังหน้าผากเรียบเนียนและจมูกโด่งเป็นสัน ก่อนที่จะมาหยุดลงตรงริมฝีปากเป็นกระจับได้รูปสวยของเขา..
   
"..."
   
"..."
   
เราทั้งคู่ต่างเงียบงันกันไปในวินาทีนั้น วินาทีที่ร่างกายของผมรู้สึกร้อนจากภายใน ราวกับต้องการสัมผัสจากชายที่กำลังคร่อมตัวผมอยู่
   
"..."
   
"..."
   
ซึ่งผมเองก็รู้ว่าเขารู้.. ว่ามีบางอย่างที่กำลังเกิดขึ้นระหว่างเราสองคน คล้ายกับ..แม่เหล็กต่างขั้วที่ดึงดูดเข้าหากันอย่างรุนแรง จนมันยากจะต้านทาน..
   
ดังนั้น.. ผมจึงอดไม่ไหวที่จะเป็นฝ่ายเริ่ม!
      
“อื้อ...” เสียงครางในลำคอของเหล้ารัมดังขึ้นทันทีที่ผมโน้มหน้าเขาเข้ามาจูบอย่างดูดดื่มและรุนแรง.. ก่อนที่อารมณ์ทั้งหมดที่แผ่ความร้อนอยู่ภายในร่างกายมันจะผลักดันให้ผมตอบรับความรู้สึกจากริมฝีปากของเขาที่ไล่ลงไปเรื่อยๆ จนถึงลำคอ..
   
“ละ..เหล้ารัม.. ผมยังไม่เคย.. ผะ..ผมยังไม่พร้อม..” แล้วในวินาทีนั้น.. วินาทีที่ลมหายใจอุ่นของอีกฝ่ายรินรดซอกคอของผมทั้งซ้ายและขวา ผมถึงรู้สึกตัวว่า..ได้ไปจุดไฟในสิ่งที่ตัวเองยังไม่พร้อมจะรับมือเข้าเสียแล้ว.. จึงเริ่มงอแงเป็นเด็กๆ เพื่อส่งสัญญาณให้เหล้ารัมรู้ว่าผมกลัวเกินกว่าจะไปต่อได้..
   
ทว่า..
   
“ผมเองก็ไม่เคยเหมือนกัน แต่คิดว่ามันไม่น่าจะยาก” ..แทนที่เหล้ารัมจะหยุด เขากลับเลื่อนใบหน้าขึ้นมากระซิบข้างหูผม..ด้วยเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่ายังไงงานนี้นายพ่อมดเหล้าก็ไม่มีทางยอมปล่อยผมไปง่ายๆ แน่
   
“อา.. เหล้ารัม..” ซึ่งก็แปลกนะ ทั้งที่ผมก็บอกอยู่ว่ายังไม่พร้อม แต่ในทันทีที่เหล้ารัมดึงเสื้อผมขึ้น พะ..เพื่อโลมเลียร่างส่วนหน้าขึ้นมาจากสะดือ ผมกลับไร้การขัดขืนใดๆ ทั้งสิ้น ตรงกันข้าม ผมกลับช่วยเขาถอดเสื้อของตัวเองที่กั้นขวางอยู่ออกไปให้พ้นทางด้วย แล้วปล่อยให้นายพ่อมดได้ทำในสิ่งที่เขาต้องการ..
   
ผมเม้มริมฝีปากแน่น เมื่อถูกเหล้ารัมไล่ลิ้นขึ้นมาวนรอบอกผมอย่างหยอกล้อสลับกับรุนแรง จนความซาบซ่านจากการถูกกระทำแบบนั้น..มันทำให้ผมยกมือขึ้นกอดรัดร่างที่อยู่บนตัวแน่น ก่อนที่จะเริ่มปลดปล่อยเสียงร้องแสดงอารมณ์ของตัวเองอย่างไร้ความละอาย
   
“วาฬ..” ผมเกือบจะขาดใจตายอยู่แล้ว ถ้าเหล้ารัมไม่เงยหน้าขึ้นมาพูดกับผมเสียก่อน “ผมไม่ไหวแล้ว..” แต่ดูจากสีหน้าของคนพูด ผมคงได้ขาดใจตายจริงๆ หลังจากนี้แน่
   
ฟึ่บ!
   
“เหล้ารัม!” ตอนแรกผมก็ตั้งใจว่าจะดึงอีกฝ่ายเข้ามาจูบนะ เพราะหน้าตอนที่เหล้ารัมบอกว่า ‘ไม่ไหวแล้ว’ มันได้อารมณ์เสียจนผมอยากที่จะแนบกายส่วนหน้าเข้ากับเขาแบบให้แนบสนิทชิดกัน ตะ..แต่ทุกอย่างกลับกลายเป็นความตกใจ! เมื่อเหล้ารัมใช้เวทมนตร์โดยการสะบัดมือเพียงครั้งเดียว เสื้อผ้าของเราทั้งคู่ก็หายไปในพริบตา! เหลือเพียงความเขินอายของผมที่ต้องพยายามใช้มือปิดบังส่วนที่ไม่ควรที่จะเปิดเผยกับใครง่ายๆ
   
“เอามือออก” แต่ดูท่าว่าการทำแบบนี้จะทำให้เหล้ารัมไม่ปลื้มเท่าไหร่นัก จนถึงขนาดที่เขาต้องเริ่มออกคำสั่งใส่ผมราวกับผู้คุมเกม
   
“...” ผมรู้สึกสั่นเล็กน้อย ที่คิดว่าตัวเองไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว นอกจากคลายมือออกจากตัวเองเพื่อเผยทุกสิ่งอย่างออกมา..
   
ซะ..ซึ่งมันทำให้หน้าผมร้อนเหมือนถูกไฟกองใหญ่เผาไหม้ เมื่อนายพ่อมดเหล้าค่อยๆ ไล่มองกายเปลือยเปล่าของผมทุกสัดส่วนด้วยรอยยิ้มพึงใจ..
   
หะ..เห็นเวลาปกติสุภาพๆ แต่ทำไมทีเวลาแบบนี้ถึงได้ร้ายกาจนักก็ไม่รู้!
   
“อื้อ...”
   
และยังไม่ทันที่ผมจะได้คิดว่าควรที่จะทำอะไรต่อไปดี เหล้ารัมก็ก้มลงมาประจูบ พร้อมกับ..จับขาทั้งสองข้างของผมแยกออกจากกัน..
   
ตึกตัก ตึกตัก
   
ใจผมยิ่งเต้นแรงมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อรับรู้ได้ถึงสัมผัสของช่วงล่างของเหล้ารัมที่แทรกตัวเข้ามาใกล้ ละ..ลองอยู่ในท่าทางแบบนี้.. ผมเองก็คงจะรอดยากแล้วล่ะ!
   
“ผมสัญญา ว่าจะไม่ทำให้คุณเจ็บ”
   
แล้วครั้งแรกของผมมันก็เกิดขึ้นในเวลาต่อจากนั้น.. เมื่อเหล้ารัมยกตัวขึ้นนั่ง ก่อนที่จะเริ่มตั้งหน้าตั้งตากับการ..สอดใส่..ที่ทำเอาร่างกายของผมมันถึงกับชาวาบไปทั้งตัว..
   
ผะ..ผมอายนะ แต่ก็..ยอมรับว่าอยากเห็นขั้นตอนการสอดใส่ที่กำลังเกิดขึ้น เพราะว่านี่คือครั้งแรกของผม มันก็เลยย่อมที่จะอยากรู้อยากเห็นเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
   
คิดได้ดังนั้น ผมจึงเงยหัวขึ้นมอง..อันเป็นจังหวะเดียวกันกับที่นายพ่อมดเหล้ากำลังใช้มือช่วยดัน..ของเขาเข้ามาในตัวผม.. ละ..แล้วมันก็ทำเอาผมถึงกับหายใจติดขัด..กับขนาดของสิ่งที่ผมได้เห็นเต็มสองตา..!
   
และเพราะแบบนั้น ผมจึงได้รีบทิ้งหัวลงนอนตามเดิม เพราะรู้สึกกลัวว่าถ้าไซส์..ที่มีขนาดใหญ่ขนาดนั้นผ่านเข้ามา อะ..อาจจะทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดก็ได้!
   
แต่ผลคือ.. “ขะ..เข้าไปแล้วหรอ?”
   
“ใช่ เข้าไปแล้ว : )” ..มันกลับเข้ามาได้อย่างง่ายดาย ไม่เจ็บ.. ไม่ปวด.. ไม่ทรมาน.. มีเพียงสัมผัสอุ่นร้อนอึดอัดเท่านั้นที่ผมรับรู้ได้.. สงสัยงานนี้เหล้ารัมคงต้องใช้เวทมนตร์เข้ามาเป็นตัวช่วยอย่างแน่นอน
   
“อ๊ะ!” แต่ในขณะที่ผมกำลังคิดอะไรในหัวอยู่นั้น ผลจาก ‘แรงกระแทก’ ของเหล้ารัมก็ทำเอาผมไม่สามารถคิดสิ่งใดได้อีก..
   
เมื่อทุกอย่างมันเริ่มต้นขึ้นจากการดึงตัวออกของเหล้ารัมในระยะที่ค่อนข้างห่างกัน..ก่อนที่จะส่งแรงดันกายแกร่งของเขาเข้ามาหนักๆ ประมาณสามถึงสี่ครั้ง ก่อนที่หลังจากนั้น..จังหวะการเคลื่อนตัวเข้าออกจะเริ่มสั้นลงเรื่อยๆ ทว่าหนักหน่วงเสียจนผมไม่อาจที่จะกักเก็บเสียงของตัวเองเอาไว้ได้เลย
   
“อา.. วาฬ..” ขณะที่เหล้ารัมเองก็ครางเสียดังในลำคอเหมือนกัน ซึ่งเป็นอะไรที่โคตรจะเร้าความรู้สึกเหลือเกิน!
   
หลังจากนั้นเราทั้งคู่ต่างรับส่งอารมณ์กันไปมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน จนถึงช่วงเวลานึง.. การเสียดสีกันอย่างต่อเนื่องระหว่าง..ของผม กับช่วงบริเวณหน้าท้องของเหล้ารัม..เวลาที่อีกฝ่ายแนบกายลงมา ทำเอาผมเริ่มบีบไหล่นายพ่อมดไว้แน่น เมื่อรับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่ใกล้จะถูกปลดปล่อยเต็มที.. ทั้งที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างจริงจังจากเหล้ารัมเลยด้วยซ้ำ..
   
“เหล้ารัม.. ผม.. ผม..”
   
“ปล่อยออกมาวาฬ.. ไม่ต้องฝืน..” โดยที่เหล้ารัมเองก็คงจะรู้ดี ว่าผมคงจะทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงช่วยแนบจังหวะการเสียดสีเพื่อช่วยเร่งปฏิกิริยาตอบสนองให้เร็วขึ้น จนในที่สุด..
   
“อื้อออออออออ!” ..มันก็ถูกปลดปล่อยออกมาจนเต็มหน้าท้องของตัวผมเอง
   
ซึ่งเมื่อเห็นว่าผมนำหน้าไปก่อนแล้ว เหล้ารัมก็ดูเหมือนจะยิ่งเร่งจังหวะมากขึ้น จนผมแทบจะส่งเสียงร้องไม่ออกแล้ว เพราะถูกแทนที่ด้วยการหอบหายใจถี่จากจังหวะที่ถูกเร่งให้เร็วขึ้นแทน
   
“อา...” แล้วไม่นานนัก เหล้ารัมก็โน้มหน้าลงมาจูบผมอีกครั้ง ก่อนที่จังหวะการเคลื่อนไหวเร็วแรงถึงขีดสุด..จะทำให้ผมรับรู้ถึงมวลอารมณ์ของอีกฝ่ายที่คงจะถูกปลดปล่อยในอีกไม่ช้านี้เช่นกัน
   
“เหล้ารัม.. บะ..เบาหน่อยครับ..”
   
“ไม่ได้วาฬ.. ผมใกล้แล้ว..”
   
แล้วก็เป็นไปตามที่ผมคิด เมื่อเหล้ารัมคว้าตัวผมเข้าไปกอดไว้แนบแน่น..จนเราสองคนแทบจะไม่มีพื้นที่ว่างระหว่างกันและกันเลยสักนิด..นอกจากส่วนล่างที่ขยับรับส่งกันอย่างรุนแรงขึ้นทุกที
   
จนในที่สุด..
   
“เหล้ารัม..”
   
“วาฬฬฬฬฬฬ!!” ..เหล้ารัมก็คำรามชื่อของผมเสียงดังลั่น ก่อนที่..ผมจะรับรู้ได้ถึงอารมณ์อันอุ่นร้อนที่เหล้ารัมปล่อยผ่านเข้ามาในร่างกาย จนหัวใจผมมันท้วมท้นไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะเกินบรรยายเสียแล้ว..
   
แต่ใครจะคิด..
   
“ดูนี่สิวาฬ”
   
..ว่าหลังจากนั้นเหล้ารัมจะยกตัวขึ้น ก่อนที่จะเผยด้ายแห่งพันธะสัญญาออกมา
   
เอาจริงๆ ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนะ ว่าทำไมจู่ๆ นายพ่อมดเหล้าถึงจะต้องมาชวนดูเส้นดายอะไรตอนนี้ด้วย ทั้งๆ ที่การกระทำของเขา ทำเอาผมหมดกำลังกายเกินกว่าที่จะลืมตาต่อได้ อีกอย่าง..ไอ้นั่นก็ยังคาอยู่เลย..
   
“อ๊ะ!?”
   
แต่พอได้เห็นว่ามีสิ่งที่กำลังเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ผมก็รวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย..โฟกัสความสนใจไปยังด้ายแห่งพันธะสัญญานั่น จึงได้ทันเห็นว่า..เจ้าเส้นด้ายบริเวณนิ้วของเราทั้งคู่กำลังเรืองแสงสีแดงสดท่ามกลางบรรยากาศของห้องที่ค่อนข้างมืด..ก่อนที่แสงสีแดงนั้นจะค่อยๆ วิ่งเข้าหากัน จนมันกลายเป็นสีแดงเรืองแสงแบบนั้นทั้งเส้น!
   
ตึกตัก ตึกตัก
   
หัวใจของผมที่กำลังเต็มตื้นไปด้วยความรู้สึกหลากหลายเริ่มเต้นแรงอีกครั้ง เมื่อได้เห็นว่าในที่สุด.. พันธะสัญญาครั้งที่สองก็เป็นอันสำเร็จลงได้อย่างสมบูรณ์แล้ว อันเกิดจาก..ความรักของผมกับเหล้ารัมที่เรามีให้แก่กัน
   
ตึกตัก ตึกตัก
   
ซึ่งเหล้ารัมเองก็คงจะรู้สึกไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก เพราะตอนที่เขาก้มลงมาจูบผมอย่างอ่อนโยนอีกครั้ง.. ผมก็สัมผัสได้ถึงการเต้นแรงของหัวใจของอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน ก่อนที่หลังจากนั้น เหล้ารัมจะค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกอย่างเชื่องช้า พลางกระซิบที่ข้างหูผมว่า.. “ยินดีด้วยนะ คุณเป็นอิสระจากคำสาปแล้ววาฬ : )”
   
ซึ่งนั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมรับรู้ ก่อนที่ความเหนื่อยล้าจะทำให้ผมผลอยหลับไป..


(http://pic.pimg.tw/demona/1405329580-1468390043.gif)

จบตอนที่ 18

นี่เป็น NC แรกในชีวิตที่แฮมสเตอร์เคยเขียนเลยครับ
เป็นอะไรที่ยากและช่างอ่อนหัดมาก
จนบางทีคิดว่าถ้าวางพล๊อตใหม่ได้ ก็จะตัดฉากนี้ออกไปเลย
แต่ในเมื่อมันวางมาแบบนี้แล้ว จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเขียน
ยังไงก็ ฝากติชมกันด้วยนะครับ

*พูดคุยที่ทวิตเตอร์กันได้ โดย #พ่อมดเหล้า นะครับ

มายเพจ : #แฮมสเตอร์ (https://www.facebook.com/hamsterisanauthor)

 :hao5:

หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบแปด..ด้ายแดง NC18+ || อัพเดท : 12/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 12-09-2016 17:08:33
รอฟังแผนของเหล้ารัม

ถ้าเหล้ารัมไม่เก่งขนาดนี้ ป่านนี้วาฬน่าจะตายเพราะคำสาปนานแล้วนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบแปด..ด้ายแดง NC18+ || อัพเดท : 12/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 12-09-2016 17:34:36
 :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบแปด..ด้ายแดง NC18+ || อัพเดท : 12/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 12-09-2016 18:28:10
อย่างลึกซึ้งจริงๆ เหล้ารัมสุดยอดมากกก
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบแปด..ด้ายแดง NC18+ || อัพเดท : 12/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 12-09-2016 19:03:17
เหล้ารัมจะทำให้วาฬอายุไขเท่ากะบพ่อมดยังไงเนี่ย
จะรออ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบแปด..ด้ายแดง NC18+ || อัพเดท : 12/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 12-09-2016 20:55:57
แล้วเหล้ารัมจะทำยังไงให้วาฬมีอายุเท่ากับพ่อมด???  ตอนนี้เหล้ารัมกลายเป็นมีอายุเท่ากับมนุษย์แล้วนี่นา ...
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบแปด..ด้ายแดง NC18+ || อัพเดท : 12/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 12-09-2016 20:57:04
โอ้วววว รัมนี่พระเอกจริงๆ หล่อที่สุดเลยค่ะะะะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบแปด..ด้ายแดง NC18+ || อัพเดท : 12/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 12-09-2016 22:14:57
 :z1: :z1: :z1: :z1: :z1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบเก้า...เซฟเฮ้าส์ || อัพเดท : 13/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 13-09-2016 17:48:59
บทที่ 19
{ เซฟเฮ้าส์ }

(http://66.media.tumblr.com/35e118f0722f1992ea4ee3e669f2de68/tumblr_ngt7ymrT7m1qhodd8o2_1280.gif)

เช้าวันต่อมา...
   
ผมลืมตาขึ้นพร้อมกับความรู้สึกที่แปลกใหม่กว่าเคย.. เมื่อมีท่อนแขนของเหล้ารัมพาดทับ และไออุ่นจากกายเปลือยเปล่าที่เบียดชิดเข้ามา..
   
มันทั้ง...รู้สึกดี แล้วก็รู้สึกเขินแปลกๆ ไปพร้อมกัน
   
ยิ่งหันมองหน้าตอนที่กำลังหลับของอีกฝ่ายแบบนี้ ความรู้สึกภายมากมายในใจยิ่งถาโถมเข้ามาราวกับมวลคลื่นสาดซัดเม็ดทราย..
   
“…” การได้เห็นเส้นดายแห่งพันธะสัญญากลายเป็นสีแดงสดตลอดทั้งเส้น กลายเป็นสิ่งที่ยากจะปฏิเสธความรู้สึกที่สองเรามีให้แก่กันได้..
   
ผมรักเขา เรารักกัน และนั่นล่ะคือความจริง
   
“ผมรักคุณนะเหล้ารัม” ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะรับรู้ในสิ่งที่ผมพูดมั้ย แต่ในทันทีที่ผมจูบลงไปบนริมฝีปากของเขา เหล้ารัมก็จูบตอบกลับมานานนับนาที ก่อนที่เขาจะเริ่มนิ่งไป คล้ายกับว่าไม่สามารถเอาชนะความง่วงได้
   
ต่างจากผมที่ลุกขึ้นจากเตียงด้วยรอยยิ้ม ตรงไปอาบน้ำ ก่อนจะเปิดม่านในห้องนั่งเล่นเพื่อรับแสงแดดของเช้าวันใหม่ที่กำลังสาดส่องเข้ามา
   
ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรแน่ ที่ทำให้เช้าวันนี้ดูงดงามมากกว่าทุกเช้าที่ผ่านมา
   
อาจจะเพราะ..ผมได้รู้ว่ารักคนที่ควรรัก หรือไม่ก็..อาจะเป็นเพราะว่าผมได้ชีวิตใหม่จากการทำพันธะสัญญาที่สมบูรณ์ก็ได้
   
แต่ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลใดก็ตาม ผมขอสาบานกับตัวเองเลยว่า ทั้งเมื่อคืนนี้ และเช้านี้ จะเป็นสิ่งที่ผมจดจำไปอีกนานแสนนาน
   
“หอมจัง” แล้วในขณะที่ผมกำลังจัดวางอาหารเช้าที่ทำเสร็จแล้วลงบนโต๊ะกินข้าว คุณแฟนผมก็เปิดประตูออกมาจากห้องนอนด้วยเสื้อผ้าใหม่แบบครบชิ้น แสดงว่านี่อาบน้ำเรียบร้อยแล้วสินะ
   
“วันนี้ไม่ค่อยมีอะไรพิเศษนะครับ ผมทำเท่าที่ของในตู้เย็นจะอำนวย เพราะไม่กล้าออกไปซื้อของข้างล่าง”
   
“นี่ขนาดไม่ค่อยมีอะไรพิเศษนะเนี่ย” เหล้ารัมตาลุกวาวเมื่อเดินเข้ามามองดูอาหารสามอย่างที่ผมทำใกล้ๆ ก่อนจะกล่าวชมด้วยใบหน้ายิ้มแย้มราวกับเด็กน้อยว่า.. “เมียใครก็ไม่รู้ ทำกับข้าวเก๊งเก่ง.. โอ๊ยยย! เจ็บนะวาฬ!”
   
กะ..ก็ต้องเจ็บอยู่แล้ว ก็ผมตีให้เจ็บนี่!
   
“แล้วคุณอยากพูดอะไรแบบนั้นทำไมกันเล่า!”
   
“ผมพูดอะไร? คำว่า ‘เมีย’ น่ะหรอ?”
   
“น่ะ..นั่นแหละ อยากพูดทำไมเล่า!”
   
“อ้าว ก็เราสองคนมีอะไรกันแล้ว ให้ผมเรียกแฟนเฉยๆ ได้ที่ไหนกัน”
   
“มะ..ไม่ต้องเรียกอะไรทั้งนั้นแหละ! สรุปว่ากินมั้ยข้าวเนี่ย ไม่กินผมเก็บนะ” ผมทำทีเป็นคว้าจานกับข้าวขึ้นมาสองอย่างเพื่อที่จะเอาไปเก็บในครัว ทั้งๆ ที่สองข้างแก้วกำลังร้อนผ่าวๆ ราวกับไฟไหม้!
   
“โอ๋ๆ กินครับกิน” เหล้ารัมเลยรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วคว้าจานอาหารในมือผมกลับไป ก่อนที่เขาจะทำหน้าทำตาเหมือน ‘ยอมแล้ว’ และจะไม่พูดถึงคำว่า ‘เมีย’ขึ้นมาอีก ซะ..ซึ่งนั่นดีมาก!
   
“วาฬ ผมว่านะ ทางเดียวที่เราจะหาที่พักใหม่ได้ คือเราจะต้องหาทางติดต่อเจ้าชายโดยที่ไม่ทำให้พี่วิสกี้ล่วงรู้ เพราะว่าไอ้เพื่อนผมคนนี้เนี่ย มันน่าที่จะมีที่ปลอดภัยเยอะที่สุดแล้ว” แล้วพอหลังจากที่ทุกอย่างสงบลง จนเราสองคนได้ลงมือกินมื้อเช้า เหล้ารัมก็พูดในสิ่งที่คิดออกมา และนั่นเริ่มทำให้ผมจินตนาการถึงภาพในหัวว่าเราจะทำการติดต่อเจ้าชายเบเนดิกต์ได้อย่างไร
   
“ผมว่าผมมีวิธีที่จะติดต่อเจ้าชายได้โดยที่พี่วิสกี้ไม่รู้นะ” ซึ่งไม่นานนัก ผมก็ได้ไอเดียเกี่ยวกับเรื่องนี้
   
เพราะฉะนั้น ทันทีที่กินข้าวเสร็จ ผมก็ไม่รอช้า เริ่มดำเนินการตามแผนที่วางเอาไว้ทันที
   
ซึ่งในความคิดผมนะ เราควรจะต้องเริ่มจากคนที่น่าสงสัยน้อยที่สุดก่อน และนั่นก็คือ...
   
“แม่ครับ” แม่ของผมนั่นเอง
   
(วาฬหรอลูก! เป็นยังไงบ้าง นี่พ่อกับแม่เป็นห่วงเรามากเลยนะ เห็นพวกพ่อมดแม่มดพูดกันว่าลูกได้รับบาดเจ็บ เป็นอะไรมากมั้ยลูก แล้วตอนนี้ลูกอยู่ที่ไหนเนี่ย!?) ผมถึงกับเออไปชั่วขณะ เมื่อเจอปลายสายแผดเสียงใส่แบบรัวๆ ก่อนที่ผมจะเริ่มตั้งสติได้ และลงมือเบรคทุกความสงสัยของแม่เอาไว้ก่อน
   
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนนะครับแม่”
   
(แต่ว่า..)
   
“เพราะถ้าแม่ไม่ฟังผม แล้วไม่รีบช่วยผมตอนนี้ ผมอาจจะโดนแม่มดวิสกี้ฆ่าตายก็ได้!”
   
พอได้ยินผมพูดแบบนั้น แม่ก็ถึงกับหยุดทุกอย่าง และยอมฟังในสิ่งที่ผมต้องการ
   
นั้นคือ ผมต้องการให้แม่ไปบอกไรเกอร์ (แบบที่ไม่ให้พี่เบลรู้) ว่าให้เขาไปบอกคุณวินเซนต์ ว่าให้คุณวินเซนต์หาถ้าไปบอกเจ้าชายไปเบเนดิกต์โดยตรง ว่าเหล้ารัมต้องการความช่วยเหลือแบบเร่งด่วน โดยที่การส่งต่อคำขอความช่วยเหลือนี้จะต้องรวดเร็วและเป็นความลับอย่างมาก ห้ามให้ใครรู้ นอกจากรายชื่อที่ได้บอกไปเท่านั้น
   
(ได้เลยลูก เดี๋ยวแม่จัดให้) ซึ่งมาผมก็รับปากแข็งขัน ก่อนท่านจะวางสายไป
   
ก๊อกๆๆ!
   
แล้วใครจะคิด ว่าเพียงแค่สี่สิยห้านาที (โดยประมาณ) ประตูคอนโดก็ถูกเคาะโดยใครบางคนเสียแล้ว
   
“เหล้ารัม นี่ฉันเบเนดิกต์เองนะ แล้วก็มีวินเซนต์มาด้วยคน”
   
“เออ ฉันก็มาด้วย”
   
ผมกับเหล้ารัมหันมองหน้ากันเล็กน้อย เพราะถึงแม้ว่าคนข้างนอกจะแนะนำตัวออกมาแบบนั้น แต่ก็ใช่ว่าจะเชื่อได้ร้อนเปอร์เซ็นต์หรอกนะ
   
เพราะฉะนั้น ตอนที่เราสองคนเดินไปถึงที่ประตู.. “ไหน ขอรหัสลับของกลุ่มหน่อยซิ” เหล้ารัมเลยส่งสัญญาณให้ผมหลบอยู่หลังเขา ก่อนที่จะเอ่ยปากขอรหัสลับจากคนข้างนอก
   
“อะไรวะ ทำไมต้องใช้รหัสผ่านด้วย นี่เรื่องใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอวะเนี่ย?” ถ้าผมจำไม่ผิด นี่น่าจะเป็นเสียงของคุณวินเซนต์นะ เพราะถ้าเป็นเจ้าชาย เสียงพระองค์จะเข้มกว่านี้
   
“เรื่องใหญ่น่ะสิวะ ถ้าเกิดไม่บอก ฉันไม่ให้เข้าเด็ดขาด”
   
“โอเคๆ” คราวนี้เป็นเสียงตอบกลับจากเจ้าชาย “รหัสลับคือ..ไอ้เหล้ารัมไม่เคยได้ฟันใคร”
   
รหัสผ่านที่ถูกกล่าวมาทำเอาผมรู้สึกร้อนไปทั้งหน้า ก่อนที่มันจะร้อนขึ้นกว่าเดิมเมื่อนายพ่อหมดเหล้าหันมาส่งสายตาเจ้าเล่ห์ พร้อมกับยักคิ้วหลิ่วตาให้กับผม คล้ายกับว่าอีกฝ่ายต้องการใช้รหัสผ่านนั้นเพื่อเป็นเครื่องยืนยันในความบริสุทธิ์ของตัวเองในช่วงก่อนที่จะมีอะไรกับผมเมื่อคืนนี้ยังไงยังงั้น
   
ผมที่ทำตัวไม่ถูก เลยได้แต่ผลักหลังเขาแก้เก้อ ทำเอาเหล้ารัมหัวเราะชอบใจใหญ่ ก่อนจะหันไปสนใจคนที่อยู่ข้างนอกต่อ
   
“ถูกต้อง”
   
“ถ้าถูกก็รีบเปิดประตูสิวะ จะรอให้ใครมาเพิ่มอีกหรือไง” สิ้นเสียงโวยของคุณวินเซนต์ เหล้ารัมก็เปิดประตูให้เพื่อนเราสองคนของเขาเข้ามา
   
“สวัสดีครับเจ้าชาย สวัสดีครับคุณวินเซนต์”
   
ผมเริ่มกล่าวคำทักทายก่อนเป็นคนแรก ซึ่งคิดว่าน่าจะถูกนะ ถึงแม้ว่าคราวก่อนพวกเขาทั้งคู่จะมีหน้ากากปิดบังใบหน้าอยู่ก็ตาม
   
ก็คือ.. หนุ่มผิวแทนร่างใหญ่ มีนัยน์ตาสีฟ้าใสกับผมจัดทรงเท่ห์สีน้ำตาลเข้ม คนนี้คือเจ้าชายเบ้นดิกต์
   
ส่วน.. หนุ่มร่างสูงที่มาพร้อมผิวขาวจัดและนัยน์ตาสีแอมเบอร์คนนี้ ก็ต้องเป็นคุณวินเซนต์ไม่ผิดแน่
   
“สวัสดีครับวาฬ ในที่สุดผมก็ได้รู้จักคุณอย่างเป็นทางการสักทีนะ” เอ่อ.. เจ้าชายเบเนดิกต์คงจะหมายถึงเรื่องชื่อที่ผมยังไม่ได้แนะนำตัวเมื่อคราวก่อนซินะ แต่ว่าตอนนี้คงไม่ต้องบอกแล้วแหละ เพราะเหมือนว่าพระองค์จะรู้ด้วยตัวเองแล้ว
   
“สวัสดีเช่นกันครับวาฬ ตัวจริงดูดีกว่ารูปในหนังสือพิมพ์อีกนะ” ก่อนจะตามมาด้วยคำทักของคุณวินเซนต์ที่ทำเอาผมถึงกับยิ้มแหย เพราะไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไรกลับไปดี
   
“โอเค ไหนว่ามาซิเหล้ารัม ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่” ซึ่งก็ต้องขอบคุณเจ้าชายน่ะนะ ที่พอคุณวินเซนต์ทักผมเสร็จ พระองค์ก็หันไปถามเขาเรื่องกับเราเหล้ารัมต่อเลย ทำให้ผมไม่ต้องคิดหาคำพูดอะไรอีก
   
งานนี้เหล้ารัมก็เลยต้องเล่าทุกอย่างออกมาซะหมดเปลือก ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่เราสองคนทำพันธะสัญญากัน ยันเรื่องที่กำลังถูกพี่วิสกี้ตามล่า
   
“ว่าแล้วมั้ยล่ะ! ว่าทำไมแกถึงรักคุณวาฬได้โดยที่ไม่สนใจว่าเขากำลังจะตาย ที่แท้ก็เพราะว่าทำพันธะสัญญาครั้งที่สองด้วยกันแล้วนี่เอง” เจ้าชายเป็นคนแรกที่เริ่มพูดภายหลังจากที่เหล้ารัมอธิบายเรื่องทั้งหมดแล้ว
   
“ฉันล่ะนับถือแกจริงๆ ไอ้เหล้ารัม ยอมเสียสละเพื่อคนที่รักได้ขนาดนี้ ทำเอาฉันอยากเจอใครสักคนที่จะยอมตายไปพร้อมๆ กัน เหมือนกับแกเลยว่ะ” ก่อนจะตามด้วยคุณวินเซนต์ที่ถึงกับยกนิ้วโป้งให้เพื่อนของตัวเอง โดยที่คงจะไม่รู้ตัวเลยว่า..
   
“งั้นแกก็เลิกฟันมั่ว แล้วเริ่มมองหารักแท้จริงๆ สักทีสิวะ” ..จะโดนเพื่อนพูดกลับแบบนี้
   
“อะ..ไอ้เหล้ารัม! มันใช่เวลาที่แกจะมาหลอกด่าฉันมั้ยเนี่ย!?”
   
“ใครหลอกด่ากัน ฉันแค่แนะนำแกเฉย ๆก็เท่านั้นเอง : )”
   
“งั้นแกก็ต้องแนะนำไอ้เจ้าชายด้วย มันก็ฟันมั่วเหมือนกันนั่นแหละ!”
   
“อ้าว! ไหงเอาฉันเข้าไปเกี่ยวด้วยวะ!?”
   
“ก็มันจริงนี่ แกเองก็ฟันมั่วเหมือนกันนี่หว่า”
   
“ใครว่า ฉันเป็นเจ้าชายนะ วางตัวดีอยู่แล้ว ไม่มีมาฟันมั่วแบบแกหรอกไอ้วินเซนต์”
   
“หึ! น้อยไปสิแกน่ะ”
   
แล้วสงครามน้ำลายขนาดย่อมก็ถือกำเนิดขึ้น ในขณะที่ผมได้แต่หัวเราะน้อยๆ กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เพราะว่าพวกเขาทำตัวอย่างกับเด็กตีกันเลย ทั้งๆ ที่ก็หนุ่มก็แน่น แถมยังหล่อกันขนาดนี้แล้ว ฮ่าๆๆๆ~ น่าขำจริงๆ :D
   
ซึ่งภายหลังจากที่สงครามน้ำลายดำเนินต่อไปอีกสักพัก เจ้าชายที่ดูจะเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในกลุ่ม ก็เริ่มร้องห้าม ก่อนจะวกกลับเข้าประเด็นในสิ่งที่ทุกคนมารวมตัวกัน..
   
“สรุปว่าแกต้องการเซฟเฮ้าส์สินะ”
   
“ใช่” เหล้ารัมพยักหน้า เริ่มเข้าสู่โหมดซีเรียส “ฉันอยากได้ที่ที่พี่วิสกี้จะหาฉันกับวาฬไม่เจอ หรืออย่างน้อยๆ ก็จนกว่าจะพ้นวันเกิดของวาฬ”
   
ใจจริงผมอยากจะขัดจังหวะการสนทนาเหมือนกันนะ เพราะว่าถ้าต้องซ่อนตัวหลายวันขนาดนั้น แล้วผมจะเอายังไงกับเรื่องการเรียนดี?
   
แต่พอลองคิดดูอีกที.. ระหว่างเรื่องเรียนกับเรื่องหนีพี่วิสกี้ ผมว่าผมให้ความสำคัญกับอย่างหลังน่าจะดีกว่า
   
“อืม.. งั้นก็มีอยู่ที่นึง ทางตอนใต้ของโลกเวทมนตร์รับรองว่าวิสกี้หาไม่เจอแน่ งั้นยังไงเดี๋ยวฉันจะส่งคนที่ไว้ใจได้ไปจัดเตรียมสถานที่ก่อนเลยก็แล้วกัน”
   
พูดจบแค่นั้น เจ้าชายเบเนดิกต์ก็โทรหาคนที่ไว้ใจได้ตามที่พระองค์ว่า ก่อนที่ผมกับเหล้ารัมจะเริ่มแยกย้ายกันไปเก็บของที่จำเป็น โดยมีคุณวินเซนต์ตามไปช่วยผมเก็บด้วย เพราะแค่พ่อมดจากตระกูลเกรวินเกอร์โบกมือแค่ทีเดียว ของทุกอย่างก็ลอยลงมาอยู่ในกระเป๋าอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว
   
“รีบไปกันเถอะ ก่อนที่วิสกี้จะหาที่นี่เจอ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ รับรองว่าเราได้ซวยกันหมดแน่” พอหลังจากที่ทุกคนกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เจ้าชายเบเนดิกต์ก็สั่งเคลื่อนพลทันที เพราะดูท่าแล้ว ต่อให้เป็นเจ้าชายเองก็ยังไม่กล้ามีเรื่องกับพี่วิสกี้เลยนะ
   
พี่วิสกี้นี่.. คงจะใช้แค่คำว่า ‘น่ากลัว’ ไม่ได้แล้ว..
   
“เดี๋ยวก่อน” แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังจะพากันเดินออกจากห้องไป จู่ๆ เหล้ารัมก็ร้องห้ามไว้ จนทั้งผม เจ้าชาย และคุณวินเซนต์ ต้องหันมองเขาเป็นตาเดียว
   
“มีอะไรหรอเหล้ารัม?” ผมถาม
   
“ผมเพิ่งคิดขึ้นมาได้ ว่าสงสัยกลุ่มของผมกับเพื่อนๆ คงจะต้องเปลี่ยนรหัสลับใหม่แล้ว : )”
   
“ทำไมวะ?” เจ้าชายเบเนดิกต์กับคุณวินเซนต์ขมวดคิ้วถามออกมาพร้อมกัน
   
นะ..ในขณะที่ผมหน้าไหม้ไปหมดแล้ว! เพราะว่าดันเข้าใจในสิ่งที่เหล้ารัมต้องการจะสื่อเป็นคนแรก!
   
“เดี๋ยวนะ” ก่อนที่ไม่นานนัก คุณวินเซนต์จะทำท่าเหมือนฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ พลางมองผมกับเหล้ารัมสลับกันไปมา และ.. “เชี่ยยย จริงดิ!?”
   
“นี่แก..จัดการวาฬแล้วหรอวะ!?” แล้วก็ไม่ใช่แค่คุณวินเซนคนเดียวนะ เพราะว่าตอนนี้เจ้าชายเบเนดิกต์ก็เก็ทกับสิ่งที่เหล้ารัมต้องการจะสื่อแล้วเหมือนกัน ถะ..แถมยังพูดตรงยิ่งกว่าคุณวินเซนต์ด้วย!
   
และที่หนักสุดเลยก็คือเหล้ารัมครับ คนอะไรจะพยักหน้ารับกับเรื่องแบบนี้ด้วยความภาคภูมิใจได้ขนาดนั้น ยังกับว่าได้ทำเรื่องที่มันประสบความสำเร็จในชีวิตก็ไม่ปาน! “ใช่แล้ว เมื่อคืนนี้เลย พันธะสัญญาครั้งที่สองถึงได้สำเร็จไง : )”
   
“เจ๋งไปเลยว่ะเพื่อน!” (คุณวินเซนต์)
   
“เออ ดีใจด้วยว่ะ ได้เสียเวอร์จิ้นกับเขาสักที” (เจ้าชายเบเนดิกต์)
   
“ถ้างั้นก็มาตีมือกันหน่อยมา : )” (เหล้ารัม)
   
สิ้นเสียงคำชวนของนายพ่อมดเหล้า เพื่อนซี้ทั้งสามคนก็สลับไฮไฟว์กันไปมา อย่างสนุกสนาน
   
“...” ดะ..โดยที่ไม่ได้มีความเกรงใจ ‘คนถูกจัดการ’ อย่างผมที่โคตรของโคตรอายเลยสักนิด
   
อะ..ไอ้พวกบ้า!


/ ต่อด้านล่าง /
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบเก้า...เซฟเฮ้าส์ || อัพเดท : 13/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 13-09-2016 17:49:23
(http://67.media.tumblr.com/ec886cbb021ca0037a1006ec31031ae6/tumblr_ngt7ymrT7m1qhodd8o3_1280.gif)

* * * * * * *

เราทั้งสี่ใช้เวลานานมากกว่าจะถึงเซฟเฮ้าส์ของเจ้าชายเบเนดิกต์ เนื่องจากว่าถ้าใช้การหายตัวในการเดินทาง มันจะทิ้งร่องรอยเวทมนตร์ที่สามารถทำให้พี่วิสกี้ตามหาพวกเราได้ง่ายขึ้น เพราะฉะนั้น เลยต้องเริ่มกันตั้งแต่การนั่งแท็กซี่ไปลงที่วัดพระแก้ว ซึ่งผมก็เพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เอง ว่ามุมหนึ่งของกำแพงวัดพระแก้ว มีประตูลับที่พวกพ่อมดแม่มดสามารถใช้ผ่านทางมายังโลกเวทมนตร์ได้ โดยที่จะไม่ทิ้งร่องรอยเวทมนต์ไว้ คล้ายกับประตูบ้านที่คอยเปิดต้อนรับด้วยความยินดีอะไรแบบนั้น
   
แล้วพอข้ามผ่านประตูมาได้ พวกเราทั้งสี่คนก็ยังต้องไปหารคันเก่าๆ ที่ดูจะไม่เป็นที่น่าสนใจในโลกเวทมนตร์ เพื่อขับมายังตอนใต้อันเป็นที่ตั้งของเซฟเฮ้าส์ของเจ้าชาย ซึ่งด้วยความที่สมรรถนะรถมันก็ไม่ได้ดีไงครับ การเดินทางก็เลยเป็นไปแบบเต่าคลาน ทำให้กว่าพวกเราจะมาถึง ก็ปาเข้าไปเกือบช่วงพระอาทิตย์ใกล้จะลาลับขอบฟ้าแล้ว
   
“สวยจัง” แต่ผมก็ชอบนะ เมื่อลงจากรถมาแล้วได้เห็นภาพของพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดิน เพราะว่ามันสวยมาก เนื่องจากเซฟเฮ้าส์ที่ว่าตั้งอยู่บนเนินเขาสูงที่มีวิสทะเลอยู่เบื้องล่าง ทำให้ได้เห็นทั้งท้องฟ้าและน้ำทะเลที่ไล่ระดับสีสันสวยงามตามการลาลัยของดวงอาทิตย์ที่กำลังจะจากไป
   
ก็ถือว่า.. เป็นการต้อนรับการมาถึงของธรรมชาติที่แสนจะสวยงามมากทีเดียวเชียว : )
   
“วาฬ เข้าบ้านกันเถอะ” แต่ก็ชื่นชมอยู่ได้เพียงไม่นานนักหรอกนะ เพราะหลังจากนั้นก็ถูกเหล้ารัมเรียกเข้าบ้านแล้ว
   
“ทำไมเงียบจังวะ คนของแกไปไหนเนี่ยไอ้เจ้าชาย?”
   
“นั่นสิ?” ก่อนที่จะได้ยินคุณวินเซนต์กับเจ้าชายเบเนดิกต์ที่กำลังเดินนำหน้า..เริ่มแสดงความสงสัยเกี่ยวกับตัวบ้านที่ดูจะเงียบสนิทเกินไป
   
แต่กว่าที่เราทั้งหมดจะรู้ตัว..
   
“สวัสดี : )”
   
..ทุกอย่างก็สายเกินไปเสียแล้ว!
   
“พี่วิสกี้!?”
   
“ใช่ ฉันเอง ตกใจหรือไงที่เห็นฉันอยู่ที่นี่ได้น่ะ : )”
   
กะ..ก็สมควรที่พวกเราทั้งหมดจะตกใจอยู่แล้ว ที่พอเดินผ่านโถงทางเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น ก็เจอเข้ากับพี่วิสกี้ที่นั่งอยู่บนโซฟาหน้าเตาผิงไฟอย่างสง่างาม คล้ายกับว่าเธอคือราชินีผู้ยึกครองบ้านหลังนี้เอาไว้ทั้งหมดแล้ว!
   
ฟึ่บ!!
   
“เฮ้ยยย!”
   
“คิดว่าฉันจะยอมปล่อยพวกนายไปง่ายๆ อย่างงั้นน่ะหรอ ฝันไปเถอะ : )”
   
คุณวินเซนต์ถึงกับร้องเสียงหลงเลย ไม่เห็นว่าทางออกที่เขากำลังจะแอบเนียนหนีออกไป กลับถูกปิดตายกลายเป็นกำแพงด้วยฝีมือของพี่วิสกี้
   
“เยี่ยม นี่สรุปว่าพวกเราหนีมาตั้งไกล เพื่อมาติดกับของเธออย่างงั้นเหรอเนี่ย!?” ถูกอย่างที่เจ้าชายเบเนดิกต์ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำไปในวันนี้ มันช่างสูญเปล่าจริงๆ
   
“ใครอยากให้นายใช้คนโง่ทำงานกันล่ะ : )” พูดจบ พี่วิสกี้ก็ดีดนิ้วหนึ่งที ก่อนที่เก้าอี้นวมตัวใกล้ๆ จะเลื่อนออก เผยให้เห็นชายคนหนึ่งนอนแน่กับพื้น โดยที่ถูกปิดปากและมัดมือมัดเท้าเอาไว้ ดูท่าว่าจะเป็นคนที่เจ้าชายใช้ให้มาจัดเตรียมเซฟเฮ้าส์สินะ
   
“เธอนี่มัน..”
   
“หุบปาก!” แล้วพี่วิสกี้ก็แผดเสียงดังลั่น เมื่อเห็นว่าเจ้าชายกำลังจะต่อว่าเธอ
   
“อย่ามายุ่งกับเรื่อง ถ้านายไม่อยากเดือดร้อนเบเนดิกต์”
   
แต่ดูท่าว่าเจ้าชายเบเนดิกต์จะไม่ยอมจบง่ายๆ เพราะพระองค์ตั้งท่าจะเปิดปากต่อว่าพี่วิสกี้ต่อ ทว่า..เหล้ารัมกลับยื่นมือเข้ามาห้ามไว้ แล้วเริ่มคุยกับพี่สาวของเขาต่อเอง
   
“ปล่อยพวกผมไปเถอะพี่ ถือว่าผมขอร้องล่ะ”
   
ผมรู้สึกว่าใจแกร่งเลยไม่ได้ยินน้ำเสียงที่แฟนของผมใช้ขอร้องพี่วิสกี้ แต่กลับไม่ได้รับความเห็นใจจากเธอเลยสักนิด “ไม่! เรื่องนี้มันมากเกินไป พี่ไม่มีทางยอมปล่อยไปง่ายๆ เด็ดขาด!”
   
“แต่มันคือชีวิตของผมนะพี่ ผมมีสิทธิ์ที่จะเลือกเส้นทางของตัวเอง โดยที่พี่ก็เข้ามายุ่งเกี่ยวไม่ได้”
   
“หึ! ใช่ มันคือชีวิตของนาย แต่ยังไงซะฉันก็เป็นพี่ และฉันควรหยุดในสิ่งที่น้องชายกำลังจะตัดสินใจผิดพลาด!”
   
“พี่วิสกี้!”
   
ตู้มมมมมมมมม!
   
ผมถูกเหล้ารัมคว้าเข้ามากอดไว้แน่น เมื่อพี่วิสกี้สาดเวทมนตร์มาทางที่ผมยืนอยู่ ทำให้แทนที่เวทมนตร์นั้นจะโดนผม มันเลยเลยไประเบิดรูปภาพที่ผนังด้านหลังแทน
   
กะ..เกือบไปแล้ว!
   
“พี่ขอพูดกับนายเป็นครั้งสุดท้ายนะ ว่าจงถอนพันธะสัญญาจากวาฬซะ ไม่งั้น พวกนายสองคนจะไม่มีวันได้เจอกันอีกเลย!”
   
“พอเถอะวิสกี้ เธอ..”
   
“ฉันบอกว่าให้หุบปากไงเล่า!!”
   
ตู้มมมมมมมมมม!
   
อย่างที่โบราณว่าไว้ น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง แต่เพราะว่าเจ้าชายเบเนดิกต์เป็นพ่อมด อาจจะทำให้ไม่รู้จักสำนวนสุภาษิตนี้ เลยทำให้พี่วิสกี้ที่เปรียบเสมือนน้ำเชี่ยว สาดซัดเวทมนตร์ใส่พระองค์ จนพระองค์ถึงกับลอยไปกระแทกแปะติดกับกำแพง กะ..ก่อนที่..ร่างกายของเจ้าชายเบเนดิกต์จะค่อยๆ กลายสภาพเป็นปูนแบบเดียวกับกำแพงนั้น!
   
“เบเนดิกต์!” คุณวินเซนต์ที่เห็นแบบนั้นตั้งท่าจะตรงเข้าไปช่วย แต่กลับต้องหยุดชะงัก.. เมื่อเจอคำขู่ของแม่หมดเพียงหนึ่งเดียวในห้องๆ นี้
   
“ทำไมหรอวินเซนต์ หรือว่านายอยากจะโดนอีกคน : )”
   
ซึ่งแน่นอนว่าคุณวินเซนต์ต้องถอยอยู่แล้ว เพราะขนาดเจ้าชายทั้งคนยังทำอะไรไม่ได้เลย แล้วเขาจะไปกล้าต่อกรกับพี่วิสกี้ได้ยังไง
   
“พะ..พี่วิสกี้ใจเย็นก่อนนะครับ” คราวนี้ก็เลยถึงตาผมที่ยืนเงียบมานานเป็นฝ่ายพูดบ้าง “เดี๋ยวผมจะพูดกับเหล้ารัมเอง”
   
พอได้ยินว่าคนที่ผมอยากจะคุยด้วยคือเหล้ารัมไม่ใช่เธอ พี่วิสกี้ก็ถึงกับเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ ไม่ต่างอะไรจากเหล้ารัมที่ค่อยๆ ผละอ้อมกอดออกจากผมด้วยความไม่เข้าใจเช่นกัน
   
“อะไรกันวาฬ?”
   
“เหล้ารัมครับ ผมรู้นะว่าทั้งหมดที่คุณทำไปก็เพราะว่าคุณรักผม แต่ว่า..ผมเองก็ไม่อยากให้คุณกับพี่สาวคุณต้องมาทะเลาะกันแบบนี้ เพราะฉะนั้น ผมเลยคิดว่า.. ถ้าเรามาหาทางออกอื่นที่ดีกว่าการทำพันธะสัญญาครั้งที่สองได้..”
   
“ไม่วาฬ!” ผมถึงกับสะดุ้ง เมื่อเจอเหล้ารัมตวาดลั่น “ผมจะไม่ถอนพันธะสัญญาจากคุณเด็ดขาด เว้นเสียแต่ว่า..”
   
“...”
   
“คุณจะเลิกรักผมนั่นแหละ ผมถึงจะยอม”
   
“...” แล้วแบบนี้ผมจะไปพูดอะไรได้อีก เพราะใจจริงผมก็ไม่อยากให้เราสองคนจบลงด้วยการถอนพันธะสัญญาอยู่แล้ว ยิ่งให้เลิกรักนี่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
   
และเมื่อห้ามไม่ได้ ผมก็เลยตัดสินใจคว้ามือเขาเข้ามาจับไว้ เพื่อเป็นสิ่งยืนยันว่าผมจะยืนหยัดอยู่ข้างเขาตรงนี้ ต่อให้ต้องเจอพี่วิสกี้จัดการขั้นเด็ดขาดขนาดไหนก็ตาม
   
“เหล้ารัม พี่ไม่ได้ขอให้นายกับวาฬเลิกรักกันนะ พี่แค่ขอให้ถอนพันธะสัญญาออกจากกัน เพื่อที่นายจะได้ไม่ต้องตายไปพร้อมกับคนที่นายรักก็เท่านั้น นานไม่เข้าใจหรือไง?” พี่วิสกี้ดูจะพยายามที่จะใจเย็นลง และพูดความต้องการของเธอให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
   
“ผมเข้าใจ แต่ถ้าทำแบบนั้น พอถึงวันเกิดของวาฬ เขาก็จะต้องตายนะพี่”
   
“วาฬมันไม่ตายหรอกน่า!” แต่เพราะเหล้ารัมเถียง พี่วิสกี้ก็เลยกลับมาระเบิดอีกครั้ง คล้ายหงุดหงิดน้องชายตัวเองเต็มที “ซองซู พามันเข้ามา!” ก่อนที่เธอจะออกคำสั่งกับอากาศ จนผมกับเหล้ารัมต้องหันมองหน้ากันอย่างงๆ ว่าไหนซองซู? แล้ว ‘มัน’ ที่ว่านี่คือใครกันแน่?
   
แต่เพียงไม่นานนัก ความสงสัยก็ได้รับการไขให้กระจ่าง เมื่อนายเดินผ่านเปลวไฟออกมาจากเตาผิงด้านหลังพี่วิสกี้ พร้อมกับลากตัวชายคนหนึ่งออกมาตรงหน้าผมกับเหล้ารัม
   
ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอก ว่าคนที่ถูกใส่กุญแจมือและมีสภาพยับเยินราวกับนักโทษนั่นคือใคร จนกระทั่ง.. เขาเงยหน้าขึ้นมา.. ถึงได้ทำให้ผมเห็นนัยน์ตาสีเขียวขุ่นของผู้ชายคนนั้นได้อย่างชัดเจน..!
   
“เอียน!”
   
ผมตัวแข็งทื่อ.. รู้สึกทำอะไรไม่ถูกเลยจริงๆ ที่ได้กลับมาเจอเอียนอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นว่าเขาอยู่ในสภาพแบบนี้..
   
“พะ..พี่หามันเจออย่างงั้นหรอ!?” เหล้ารัมเองก็ดูจะตกใจไม่น้อย ที่ได้รู้ว่าคนที่ซองซูลากมากคือใคร ถึงได้ร้องถามพี่วิสกี้เสียงหลง จนคนถูกถามต้องยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
   
“ไม่ใช่ฉันหรอกที่เจอ แต่เป็นนายซองซูต่างหาก ที่เพิ่งจะรู้ว่าในเอียนอะไรนี่ อยู่ใต้จมูกของเขานี่เอง : )”
   
“ใช่แล้ว” ซองซูที่เหมือนจะรู้ว่าถึงบทของตัวเองเริ่มอธิบาย “หมอนี่ได้รับการช่วยเหลือจากคุณปู่ของฉันเมื่อหลายปี เพราะว่าท่านเป็นพ่อมดที่ไม่เห็นด้วยกับการที่จะต้องเห็นเหล่าพ่อมดแม่มดมาช่วยเหลือพวกมนุษย์” เพราะแบบนี้เองสินะ ถึงไม่เคยมีพ่อมดแม่มดจากตระกูลเกาหลีอย่าง ‘พยอน’ ถูกส่งมาทำพันธะสัญญากับคนในตระกูลของผมเลยสักคน “ซึ่งจริงๆ ฉันเองก็รู้ดี แต่ไม่เคยสนใจ จนได้มาเห็นข่าวเรื่องที่วาฬถูกคู่พันธะสัญญาหนีไปนั่นแหละ ถึงได้เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้ ว่าที่แท้นายเอียนก็คือคู่พันธะสัญญาของวาฬ”
   
“แล้วไง?” ตอนแรกซองซูดูจะอธิบายทุกอย่างออกมาอย่างมีความสุขมาก เหมือนว่าสุดท้ายแล้วเขาคือผู้ที่ค้นหาชิ้นส่วนของจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายเจอ แต่กลับกลายเป็นว่า..ดันเจอเหล้ารัมสวนกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชาซะอย่างงั้น ทำเอานายพ่อมดเกาหลีถึงกับหน้าเสียไปเลย
   
ก็นะ นายซองซูเองก็ทำเรื่องไว้เยอะ จะให้เหล้ารัมมาพูดดีๆ กับเขาได้ยังไง
   
“ฉะ..ฉันก็เลยอยากลากคอมันมาให้พวกนายไง เพื่อเป็นการไถ่โทษกับทุกสิ่งที่ฉันได้ทำไม่ดีเอาไว้ วาฬกับนายเอียนก็จะได้..”
   
“เงียบนะ! แกอย่าได้พูดถึงเรื่องพันธะสัญญาของวาฬกับไอ้พ่อมดนั่นเด็ดขาด เพราะว่าตอนนี้ฉันกับวาฬเราได้พันธะสัญญากันแล้ว ไม่จำเป็นต้องพึ่งคนเห็นแก่ตัวอย่างนายเอียนอีก จำไว้!”
   
คำประกาศของเหล้ารัม ทำเอาซองซูถึงกับอ้าปากค้าง จังหวะเดียวกันกับที่เอียนและผมสบตากัน..
   
“...” สิ่งที่ผมเห็น มีเพียงความเกลียดชังที่ส่งผ่านมาให้..
   
ลองแบบนี้..คงจะไม่มีวันที่เขาจะกลับมาเป็นพี่ชายที่แสนดีของผมอีกแล้วสินะ..
   
“นายเสียสติไปแล้วหรือไงเหล้ารัม!” แล้วในจังหวะที่ทุกคนเหมือนจะเงียบไป พี่วิสกี้กับแผดเสียงส่งอำนาจของเธอขึ้นมาอีกครั้ง ต่างกันที่คราวนี้เธอไม่ได้นั่งอีกต่อไปแล้ว “นี่มันเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว นายยังจะต้องการอะไรอีก!”
   
“ก็ผมเคยบอกพี่แล้วไงวิสกี้ ว่าทางออกที่ดีที่สุดสำหรับพี่ มันอาจจะไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับผมรู้ว่าคนอื่นก็ได้”
   
“แล้ววิธีนี้มันไม่ดีตรงไหน ไหนนายบอกพี่มาซิ!”
   
“ก็ไอ้เลวนี่มันไว้ใจไม่ได้! มันเคยถอนพันธะสัญญาไปแล้วครั้งหนึ่ง แล้วพี่จะเอาอะไรมารับประกันได้ว่ามันจะไม่ทำอีก เกิดมันแกล้งถอนพันธะสัญญาในวันเกิดของวาฬขึ้นมา แล้ววาฬตาย.. ผมจะทำยังไงล่ะ!”
   
“แต่เรื่องที่ฉันถอนพันธะสัญญา มันไม่ใช่ความผิดของฉันนะ! แต่เป็นเพราะ..อื้อออ!”
   
“หุบปาก!” พี่วิสกี้สะบัดมือไปทางเอียนเมื่อเขาเริ่มพูด ทำให้มีเทปกาวมาปิดปากของเขาเอาไว้แน่น “สถานะอย่างแก มีสิทธิ์อะไรมาขึ้นเสียงใส่น้องชายฉัน!”
   
“...” ทุกคนเงียบ.. ราวกับคำสั่งของพี่วิสกี้ที่แผดเสียงใส่เอียน..มีผลต่อคนอื่นด้วย..
   
“เหล้ารัม ทำไมนายถึงได้ดื้อแบบนี้ พี่รู้นะว่านายรักวาฬมาก แต่นายจะให้ความรักมาตัดสินทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไม่ได้! นายวาฬน่ะ มีอายุเฉลี่ยอยู่ที่แปดปีเท่านั้น ทั้งอ่อนแอ เปราะบาง และตายง่าย ต่างจากพวกเราโดยสิ้นเชิง ทว่านายกลับยอมตายไปพร้อมกันคนรัก แล้วปล่องพี่ให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวในอีกสี่ร้อยถึงห้าร้อยปีอย่างงั้นน่ะหรอ!?”
   
“...” เหล้ารัมถึงกับชะงักไปเลยเมื่อพี่วิสกี้พูดแบบนี้ ในขณะที่ผมเองก็รู้สึกใจหายกับสิ่งที่ได้ยิน..
   
ความเงียบเข้าปกคลุมห้องทำห้องนานนับนาที ก่อนที่ไม่นานหลังจากนั้น เหล้ารัมจะเริ่มเป็นฝ่ายกลับมาเปิดบทสนทนา
   
“ผมไม่อยากใครทำอะไรพี่วิสกี้ ไม่ว่าจะเป็นพี่หรือว่าวาฬก็ตาม เพราะฉะนั้นผมถึงได้บอกตอนที่ไปหาพี่ที่บ้านไง ว่ามันยังมีอีกหนึ่งวิธี ที่พี่จะสามารถช่วยให้มันเกิดขึ้นได้”
   
“...”
   
“...”
   
ประโยคของเหล้ารัมก่อให้เกิดการจ้องตากันระหว่างคู่พี่น้องที่ไม่มีใครยอมใคร
   
ผมได้แต่มองพี่วิสกี้และเหล้ารัมสลับกันไปมา จนกระทั่ง..มาหยุดอยู่กับพี่วิสกี้.. ที่ตอนนี้ในตาสีม่วงของเธอกำลังแปรเปลี่ยนเป็นสีดำขลับไร้แววตา..
   
ราวกับว่า.. เธอไม่หลงเหลือความรู้สึกใดอีกต่อไปแล้ว..
   
“ไม่ มันไม่มีทางอื่นอีกแล้วเหล้ารัม มีแค่ทางนี้ทางเดียวเท่านั้น” แหละนั่นคือคำตอบจากเธอ
   
“ไม่จริง พี่ก็รู้ว่ามีทางอื่นอีก พี่รู้ดี” แต่ถึงเหล้ารัมจะเถียงแบบนั้น แต่พี่วิสกี้ก็ไม่สนใจแล้ว เพราะเธอหันไปออกคำสั่งกับคุณวินเซนต์แทน
   
“จับเหล้ารัมไว้!”
   
“ครับ”
   
แล้วก็เป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อ เมื่อคุณวินเซนต์ล็อคตัวเหล้ารัมจากทางด้านหลัง ก่อนที่จะดึงเขาห่างออกไปจนมือที่จับอยู่ของเราสองคนหลุดออกจากกัน
   
แล้วในตอนนั้นเอง ที่ผมได้สังเกตุเห็นว่าภายในตาสีแอมเบอร์ของคุณวินเซนต์ ดูเหม่อลอยราวกับถูกใครสะกดจิตใจไว้
   
ฝะ..ฝีมือพี่วิสกี้อย่างงั้นหรอ!?
   
“ปล่อยฉันนะวินเซนต์ นานเป็นบ้าไปแล้วหรือไง!?” เหล้ารัมพยายามดิ้นรนสุดกำลัง แต่ดูเหมือนว่ายิ่งดิ้น คุณวินเซนต์ก็ยิ่งรัดแขนเขาให้แน่นมากขึ้น จนช่วงตัวด้านบนของแฟนผมไม่สามารถขยับได้อีกต่อไป
   
“ส่วนนาย มาหาฉัน” ก่อนที่หลังจากนั้นพี่วิสกี้จะกระดิกนิ้วเรียกผม
   
“อ๊ะ!!” ซึ่งมันไม่ใช่แค่การส่งสัญญาณให้เดินไป แต่คือการร่ายเวทมนตร์ที่ทำให้ตัวผมลอยเข้าไปหาเธออย่างรวดเร็ว
   
“ล็อคตัวไว้” แล้วหันไปสั่งให้ซองซูล็อคตัวผม
   
“ปล่อยฉันเถอะซองซู ฉันขอร้อง” ซึ่งผมเองก็พยายามที่จะขอร้องดีๆ แล้วนะ แต่ว่า..
   
“ขอโทษนะวาฬ แต่ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งพี่วิสกี้หรอก”
   
“...” ทำเอาผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีกเลย
   
ไม่เพียงแค่จัดการล็อคผมกับเหล้ารัมเอาไว้ แต่พี่วิสกี้ยังเผยด้ายแห่งพันธะสัญญาขึ้นมาต่อหน้าทุกคน และ..
   
“ในเมื่อไม่ยอมถอนดีๆ งั้นฉันจะเป็นคนทำลายมันเอง!”
   
ตู้มมมมมมมมมมมมม!!
   
พี่วิสกี้จู่โจมเวทมนตร์ใส่ครึ่งกลางเส้นด้ายอย่างรุนแรง ทว่า..มันกลับไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
   
“ดูเหมือนว่าสายใยของสองคนนี้จะเหนียวแน่นกว่าที่พวกเราคิดนะครับ” ซองซูที่กำลังล็อคตัวผมอยู่เลยแสดงความคิดเห็นออกมา แต่กลับถูกสายตาดุดันของพี่วิสกี้มองเข้าให้ ทำเอาเขานี่เงียบปากไปเลย
   
ตู้มมมมมมมมม!!
   
ตู้มมมมมมมมมมมมมมมม!!
   
ตู้มมมมมมมมมมมมม!!
   
ตู้มมมมมมมมมม!!
   
พี่วิสกี้งัดเวทมนตร์บทแล้วบทเล่าออกมาใช้ แต่ด้ายแดงของผมกับเหล้ารัมก็ยังคงปลอดภัยดีเหมือนเดิม ก่อนที่นายพ่อมดเหล้าจะหัวเราะซะเสียงดังลั่นในเวลาต่อมา
   
“หัวเราะอะไรของนายไม่ทราบ!” พี่วิสกี้ถามเสียงหงุดหงิด
   
“ผมจะบอกให้ก็ได้พี่วิสกี้ ว่ามันมีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น ที่จะสามารถทำลายพันธะสัญญาของเราได้”
   
“อะไร?”
   
“ควักหัวใจผมสิ รับรองว่า...”
   
เพี้ยะ!
   
“เหล้ารัม!”
   
ยังไม่ทันที่เหล้ารัมจะพูดจบ พี่วิสกี้ก็ตรงเข้าไปตบเขาจนหน้าหัน จนผมที่เห็นแบบนั้นถึงกับร้องเรียกชื่อเหล้ารัมด้วยความตกใจ
   
“ถ้าพ่อแม่ยังอยู่ พวกท่านผิดหวังในตัวนายแน่!”
   
“หึ.. แต่พ่อแม่จะต้องเข้าใจ ว่าผมไม่สามารถฝืนใจของตัวเองได้!”
   
พี่วิสกี้ตั้งท่าจะตบเหล้ารัมอีกครั้ง แต่แล้วก็ชะงักไป.. ก่อนที่เธอจะเสกจดหมายขึ้นมาหนึ่งฉบับ แล้วยัดใส่กระเป๋าเสื้อสูทของคุณวินเซนต์แทน
   
“นี่พี่จะทำอะไร?” สีหน้าของเหล้ารัมเริ่มฉายแววความกังวล
   
“วินเซนต์ พาเหล้ารัมกับจดหมายส่งตัวฉบับนี้ไปส่งที่คุกต้องห้าม”
   
แล้วพอได้ยินคำว่า ‘คุกต้องห้าม’ เหล้ารัมก็.. “มะ..ไม่นะ พี่จะทำแบบนี้กับผมไม่ได้!”
   
“พาตัวไป!”
   
“ครับ” ทันทีที่พี่วิสกี้ออกคำสั่งอีกครั้ง คุณวินเซนต์ก็ตกปากรับคำ ก่อนจะลากเหล้ารัมออกไปยังประตูที่ปรากฏกลับคืนมา
   
“ไม่นะพี่วิสกี้ อย่าทำแบบนี้ แล้ววาฬล่ะ!? วาฬ! วาฬฬฬฬฬฬฬฬ~!!”
   
“...” พอสิ้นเสียงร้องของเหล้ารัม พี่วิสกี้ก็หันกลับมาหาผมที่กำลังยืนน้ำตาน้องหน้า..
   
ใจจริงผมก็อยากจะร้องเรียกนายพ่อมดเหล้ากลับไปเหมือนกัน ทว่า..ผมหาเสียงของตัวเองไม่เจอเลย เมื่อสายตาหวาดกลัวของเขา..กรีดลึกความเจ็บปวดภายในใจของผมอย่างรุนแรง..
   
“ทีนี้ก็ตานาย”
   
“...”
   
“ถึงเวลาที่นายต้องกลับไปอยู่ในที่ที่ควรอยู่เสียที”
   
“...”
   
มาถึงตอนนี้.. ผมไม่พูดหรือดิ้นรนอะไรอีกแล้ว ไม่ว่าจะในตอนที่พี่วิสกี้เสกเชือกมามัดตัวผมไว้ แล้วลากห้องจากห้อง หรือว่าจะเป็นตอนที่เธอหันไปสั่งให้ซองซูลากเอียนตามมา
   
เธออยากจะพาผมไปไหนก็เชิญเลย เพราะถึงยังไงมนุษย์ธรรมดาๆ อย่างผมก็สู้อะไรพี่วิสกี้ไม่ได้..
   
แต่คงจะพาไปได้แค่ตัวเท่านั้นนะ เพราะว่าหัวใจของผมน่ะ มันฝากเอาไว้ที่เหล้ารัมจนหมดแล้ว..

(http://pic.pimg.tw/demona/1405329580-1468390043.gif)

จบตอนที่ 19

บทที่ 20 จะอัพวันพฤหัสที่ 15 ก.ย. 2016 นะครับ

*พูดคุยที่ทวิตเตอร์กันได้ โดย #พ่อมดเหล้า นะครับ

มายเพจ : #แฮมสเตอร์ (https://www.facebook.com/hamsterisanauthor)

 :mew6:

หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบเก้า...เซฟเฮ้าส์ || อัพเดท : 13/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 13-09-2016 18:05:07
ดูเหมือนแม่มดอย่างวิสกี้นี่ไม่ค่อยมีเหตุผลนะ การที่เอาแต่บอกว่าให้แยกๆๆๆๆ มันไม่ใช่อ่ะ แล้วเอาเอียนมาทำไม ในเมื่อไม่มีประโยชน์จริงๆ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบเก้า...เซฟเฮ้าส์ || อัพเดท : 13/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 13-09-2016 18:36:45
พี่วิสกี้รักน้อง หวงน้องแบบสุดลิมิตเลยสินะ

ทำตามคำสั่งแบบตรงเป๊ะๆเลย

จะว่าแย่ก็ไม่เชิง แต่พี่วิสกี้น่าจะปล่อยเด็กไปน้อ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบเก้า...เซฟเฮ้าส์ || อัพเดท : 13/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 13-09-2016 22:57:14
ผมชอบคาแรกเตอร์วิสกี้นะครับ คาแรกเตอร์ที่ทรงอำนาจถึงขั้นชี้นกเป็นนกชี้ฟ้าเป็นฟ้า ทลายภูเขาเผากระท่อมได้เพียงปลายนิ้ว และมันก็เข้ากันกับบุคลิกความหยิ่งผยอง ไม่ฟังใคร เก่งกาจจนคิดว่าตัวเองเผด็จการได้

ถ้ามองจริงๆ วิสกี้เป็นผู้หญิงที่มีความสามารถสูงมากนะครับ ข้อเสียเดียวคือ เธอขาดวิสัยทัศน์ไปหน่อย สิ่งที่ทำให้เธอขาดวิสัยทัศน์ก็เป็นเพราะความใจร้อน หยิ่งผยอง และมั่นอกมั่นใจเกินไปของเธอ นิสัยแบบนี้เป็นบุคลิกประเภทที่ผมถูกโฉลกในการรับมือครับ

การจะทำให้คนแบบนี้ยอมรับ ต้องมีความเก่งกาจในระดับเดียวกันกับเธอ แต่เช่นเดียวกัน ต้องมีความใจเย็นและบุคลิกที่แสดงออกภายนอกตรงกันข้ามกับเธอ คนประเภทวิสกี้เปลี่ยนแปลงไปสู่บุคลิกได้สองแบบ หนึ่งคือเป็นนางมารร้าย ถ้าตัววิสกี้เองถูกอัตตาบดบังจนมองไม่เห็นวิสัยทัศน์ที่คนเก่งกว่าชี้ให้เห็น เธอจะดิ่งลงสู่ความเป็นเผด็จการมากขึ้นเรื่อยๆจนไม่ยอมฟังใคร

แต่ถ้าเธอสามารถเอาชนะความหยิ่งผยองในตัวเอง เอาชนะความมั่นอกมั่นใจได้ และยอมเสียสละมันเพื่อประโยชน์ของสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า เช่นสังคมส่วนรวมหรือประเทศชาติ เธอจะสามารถมองเห็นวิสัยทัศน์ที่กว้างขึ้น และเธอก็จะพัฒนาฝีมือตัวเองได้อีก และเก่งขึ้นได้มากกว่านี้ อำนาจของเธอจะยั่งยืนและพัฒนาขึ้นครับ

ซึ่งกลับมาที่สถานการณ์ตอนนี้ ด้วยคาแรกเตอร์ของเธอ ถ้าผมเป็นวิสกี้ นี่ผมออมมือแล้วนะที่ไม่ฆ่าวาฬทิ้งซะ 55555 คือด้วยระบบการคิดแบบวิสกี้ เธอคงจะคิดว่าสั่งขังแยกเหล้ารัมออกไป เพราะหมอนี่เป็นตัวแปรที่ทำให้เธอควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ จากนั้นเธอก็จะจัดการเรื่องวาฬให้มันจบๆไปซะ ด้วยการข่มขู่หรืออะไรก็ตามให้ปัญหาของการตายของวาฬมันหายไป จากนั้นถ้าทั้งสองคนจะแอบคบกันลับๆหรือทำอะไรไม่ประเจิดประเจ้อ วิสกี้ก็คงจะเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้ นี่คงเป็นความคิดของเธอ

ประเด็นคือเราจะสังเกตได้ว่าคนแบบวิสกี้ไม่สนใจความรู้สึกของคนอื่นครับ เพราะเธอคิดว่าคนอื่นใช้แต่ความรู้สึกจนทำให้จัดการปัญหาไม่ได้และมองภาพรวมไม่เห็น วิสกี้ยังขาดวิสัยทัศน์ที่ว่า ความรู้สึกบางทีมันใช้สร้างประโยชน์ได้ และการเรียนรู้ที่จะใช้งานประโยชน์จากความรู้สึกนั้น เป็นเรื่องที่ยากและซับซ้อนกว่าการ 'จัดการปัญหาให้จบๆไปด้วยอำนาจ' (แต่ความรู้สึกที่ไม่จำเป็น มันก็ทำให้ปัญหาเรื้อรังเกินเหตุจริงๆนั่นล่ะ)

อีกอย่างนึงคือวิสกี้เป็นคนตรงไปตรงมากับความรู้สึกตัวเอง คิดยังไงก็ทำยังงั้น มันเลยจะทำให้ยิ่งเธอพยายามยัดเยียดทางแก้ปัญหาของเธอให้กับคู่ที่พยายามดิ้นรนแบบไร้สาระและสร้างผลเสีย(ในมุมมองของเธอ) วาฬกับเหล้ารัมจะยิ่งต่อต้านในระยะยาว ซึ่งสร้างปัญหาต่อให้วิสกี้แน่ๆครับ แต่มามองจริงๆ ผมก็ว่าการแก้ปัญหาของเหล้ารัมกับวาฬมันก็สุ่มเสี่ยงลุ่มๆดอนๆจริงๆละนะ

เป็นผม ถ้าผมเก่งระดับเดียวกับวิสกี้ กรณีที่พันธะสัญญามันสำเร็จไปแล้ว ผมคงลองเสี่ยงหาเวทมนตร์ยืดอายุดู แต่ถ้าพันธะสัญญายังไม่สำเร็จตั้งแต่ก่อนหน้า ผมอาจลองเรื่องการเปลี่ยนภาชนะสวมวิญญาณครับ เพราะในกรณีที่มันเป็นคำสาปที่ผูกติดกับวิญญาณ ทำลายที่ร่างกายไม่ได้ ถ้าเปลี่ยนร่างหรือย้ายภาชนะ กระแสเวทมนตร์จากผู้ที่เก่งๆน่าจะช่วยกันชำระคำสาประหว่างการถ่ายวิญญาณได้ หรือถ้าคำสาปมันผูกติดกับร่างกาย การย้ายร่างก็เป็นเรื่องที่ได้ผลบวกเห็นๆ

อย่างไรก็ดี ถ้าอิงตามมาตรฐานจริยธรรมของโลกเวทมนตร์ เวทมนตร์พวกนี้ (ศาสตร์แบบ Necromancy, Soulcraft, Shadowcraft, Bloodcraft) คงจะมีข้อกฏบังคับใช้อย่างเคร่งครัดล่ะครับ ดีไม่ดีอาจจะไม่มีคนเก่งพอที่จะเชี่ยวชาญเวทมนตร์ประเภทนี้ด้วย ยิ่งถ้าเป็นคนที่ไม่เก่ง ไม่มีสติดีพอจริงๆก็จะถูกความเย้ายวนของตัวศาสตร์มืดดึงให้ดำดิ่ง i.e. Merlin ซึ่งตามตำนาน เมอร์ลินก็เชี่ยวชาญเวทมนตร์มืดพอๆกับมอร์กาน่านะครับ เพียงแต่สามารถควบคุมและรู้ว่าเวลาไหนควรใช้เวลาไหนไม่ควรใช้ ตอนเดียวที่สติหลุด ก็คือตอนที่ไปหลงรักนางไม้จนยอมบอกเวทมนตร์ดำที่ใช้ในการปิดผนึกตัวเอง และก็โดนหักหลัง หรือมอร์กาน่า ที่พอกษัตริย์อาเธอร์สิ้นพระชนม์ แล้วตัวเธอหลุดจากความเคียดแค้นได้ เธอก็ครองตัวเป็น Witch of the apple isle คอยดูแลนักเดินทางหรือให้ความช่วยเหลือบ้างบางครั้ง(ตามอารมณ์)
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบเก้า...เซฟเฮ้าส์ || อัพเดท : 13/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 13-09-2016 23:47:55
เป็นคนไม่น่าคบมากอ่ะ เจ๊วิสกี้เนี่ย
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบเก้า...เซฟเฮ้าส์ || อัพเดท : 13/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 14-09-2016 11:25:40
ทั้งๆที่ทำพันธะสัญญาเสร็จแล้วแท้ๆ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบเก้า...เซฟเฮ้าส์ || อัพเดท : 13/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Ryu7801 ที่ 14-09-2016 16:18:40
 :katai5:วิสกี้ใจร้าย
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบเก้า...เซฟเฮ้าส์ || อัพเดท : 13/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 14-09-2016 20:22:56
เข้าใจว่าพี่วิสกี้ห่วงน้องนะ แต่แบบนี้มันก็เกินไปอ่ะ
ทำไมไม่ลองเปลี่ยนความคิดและหาวิธีแกแบบอื่นดูล่ะ ทำแบบนี้มันไม่แฟร์เลย
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบเก้า...เซฟเฮ้าส์ || อัพเดท : 13/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: kiolkiol ที่ 14-09-2016 20:23:15
 :o12:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบเก้า...เซฟเฮ้าส์ || อัพเดท : 13/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 15-09-2016 18:36:28
บทที่ 20
{ ว า ฬ }

(http://66.media.tumblr.com/35e118f0722f1992ea4ee3e669f2de68/tumblr_ngt7ymrT7m1qhodd8o2_1280.gif)

หลายวันต่อมา
   
และที่ที่วิสกี้คิดว่าผมควรอยู่.. ก็คือบ้านของผมเอง..
   
ยอมรับว่าชีวิตผมเปลี่ยนไปเลยตั้งแต่วันที่พี่วิสกี้พาผมกับเอียนมาส่งที่บ้าน พร้อมทั้งประจานสิ่งที่เธอคิดว่าผมผิดให้คนทั้งอลิชาได้รับรู้ ทั้งที่จริงๆ แล้ว การทำพันธะสัญญาครั้งที่สอง มันไม่ควรจะเรียกว่า 'ความผิด' ได้เลยด้วยซ้ำ แต่ที่ไม่ถูกต้อง..ก็เพราะว่ามันไม่ถูกใจพี่วิสกี้เท่านั้นเอง..
   
แน่นอนว่าคนที่สะใจที่สุดกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ก็คือพี่เบลกับคุณป้าสะใภ้ที่เอาแต่พล่ามๆ ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ว่าพวกเธอคิดอยู่แล้วว่ายังไงซะวันนี้ก็ต้องมาถึงแน่ แต่ผมไม่สนใจหรอก ใครอยากพูดอะไรก็พูดไปเลย พูดให้เยอะๆ ผมจะได้ไม่ต้องพูดอะไรอีก!
   
"ขอผมคุยกับไรเกอร์หน่อยได้มั้ย?" แต่ที่น่าเจ็บใจที่สุดในวันที่พี่วิสกี้พาตัวผมมาส่งเหมือนกับพวกนักโทษแล้วหายตัวจากไปก็คือ..
   
"ก็ได้ แต่ต้องให้ไรเกอร์เลือก ว่าถ้าเขาคุยกับนาย ก็อย่ามาคุยกับฉันอีกเลย!" พี่เบลพยายามกีดกันผมไม่ให้คุยกับไรเกอร์ ซึ่งก็แน่นอนอยู่แล้วว่าต่อให้ผมกับนายพ่อมดอังกฤษจะสนิทกันยังไง เขาก็จำต้องเลือกพี่เบลอย่างเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว
   
ซึ่งผมเข้าใจ.. แต่มันก็น่าเจ็บใจอยู่ดี..
   
"มะม่วง พี่ขอคุยกับฟาเรเนียหน่อยได้มั้ย?" เพราะฉะนั้นผมเลยหันเหความสนใจไปที่แม่มดคู่พันธะสัญญาของลูกพี่ลูกน้องผมอีกคน
   
เอาจริงๆ นะ อยู่ด้วยกันมาก็ตั้งนาน ผมเพิ่งจะสังเกตในวันนั้นเอง ว่านามสกุลของฟาเรเนียคือ 'เกรวินเกอร์' และได้รู้เอาในวันนั้นอีกเช่นกัน ว่าเธอคือลูกพี่ลูกน้องของคุณวินเซนต์ที่ผมเพิ่งจะไปเผชิญชะตากรรมด้วยกันมา
   
ก๊าาา!
   
"..." ฟาเรเนียแทบจะไม่พูดอะไรกับผมเลยด้วยซ้ำตอนที่มะม่วงพาผมมาเจอกับเธอ มีแต่เจ้าอีกาที่เกาะอยู่บนไหล่ฟาเรเนียเสมอนั่นแหละที่ร้องเสียงดังราวกับคำทักทาย
   
แต่นั่นไม่สำคัญหรอก ฟาเรเนียจะทักทายหรือไม่ทักทายก็ไม่สำคัญทั้งนั้น เพราะว่าสิ่งเดียวที่ผมอยากรู้ก็คือ..
   
"คุกต้องห้ามคืออะไรหรอ?"
   
ซึ่งความน่าหวาดหวั่นใจของการรอคำตอบจากฟาราเนียก็คือ ทันทีที่ได้ยินชื่อของคุกต้องห้าม แม้แต่แม่มดที่แทบจะนิ่งมาตลอดอย่างฟาเรเนียก็แสดงความสั่นไหวออกมาจากภายในตา
   
"มันคือคุกที่ใช้สำหรับคุมขังนักโทษพิเศษ พ่อมดแม่มดที่ถูกขังอยู่ที่นั่นล้วนเป็นบุคคลสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์แทบจะทั้งสิ้น  ตั้งแต่แม่มดที่ก่อให้เกิดสงครามโลกเวทมนตร์ครั้งที่สอง ไปจนถึงพ่อมดที่เคยทำการสังหารหมู่มนุษย์เกือบทั้งราชวงศ์ และที่ผู้คนพากันเรียกว่าคุกต้องห้าม ก็เพราะว่าถ้าเมื่อใดที่ได้เข้าไปติดแล้ว จะต้องติดอยู่ในนั้นไปตลอดกาล เนื่องจากที่นั่นไม่มีระบบการปล่อยตัว ถ้าอยากออก ก็ต้องฝ่าด่านความปลอดภัยออกมาเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่พ่อมดแม่มดที่คิดจะหลบหนี ถ้าไม่ถูกจับกลับไป ก็คือ..ตาย.." ยิ่งผมได้ฟังคำตอบแบบนั้น ผมยิ่งไม่อาจกักเก็บน้ำตาของตัวเองไว้ได้..
   
วันนั้นผมเดินกลับบ้านของตัวเองด้วยน้ำตานองหน้า.. ตั้งใจว่าอยากที่จะเล่าเรื่องทั้งหมดให้พ่อกับแม่ได้รับรู้ ทว่าสุดท้าย.. ผมก็เดินหนีขึ้นห้องไป ทำได้เพียงแค่นอนร้องไห้คิดถึงเหล้ารัมจนหลับก็เท่านั้น..
   
"วาฬ" ผมลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งด้วยการปลุกจากพ่อ รู้สึกเหมือนว่าช่วงหลังมานี้เราสองคนแทบจะไม่ได้คุยกันเลย "เป็นไงบ้างลูก หิวมั้ย อยากกินอะไรหรือเปล่า?"
   
แต่ในทันทีที่ได้ฟังในสิ่งที่พ่อถาม ผมก็ร้องไห้ออกมาอย่างยากที่จะเก็บไว้..
   
"พ่อ.. ผมผิดเอง.. มันเป็นความผิดของผมเองครับพ่อ.." ก่อนที่ผมจะเริ่มเล่าทุกอย่างให้พ่อฟัง
   
"มานี่มา" แล้วพ่อก็ดึงผมเข้าไปกอดไว้ เหมือนกับตอนเด็กๆ.. "จำได้มั้ยวาฬ ว่าตอนเด็กๆ ลูกน่ะกลัวเข็มฉีดยามากแค่ไหน"
   
"..."
   
"ทุกครั้งที่ลูกรู้ว่าลูกจะต้องฉีดยา ลูกจะร้องไห้เสียงดังๆ จิกแขนพ่อจนเป็นรอยเล็บไปหมด แล้วร้องตะโกนบอกพ่อว่า ลูกกลัว ลูกไม่อยากฉีดยาเลย"
   
"..."
   
"แล้วจำได้มั้ย ว่าพ่อมักจะบอกวาฬว่าอะไร?"
   
"ฮึก.. พะ..พ่อ.. ฮึก.. พ่อจะบอกว่า.. ถ้าพ่อฉีดแทนวาฬได้ พ่อฉีดแทนวาฬไปแล้ว.."
   
"ใช่.. เหมือนกับตอนนี้นั่นแหละ ถ้าพ่อเจ็บปวดแทนวาฬได้ พ่อก็คงเจ็บปวดแทนวาฬไปแล้วเหมือนกัน.."

   
น้ำตาผมไหลออกมาหนักกว่าเดิมเมื่อได้ยินในสิ่งที่พ่อพูด เพราะถึงแม้ว่าจะไม่ใช่คำบอกว่า 'รัก' บอกว่า 'ห่วง' ที่เอ่ยออกมาตรงๆ แต่มันกลับสื่อความหมายของคำเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี เผลอๆ จะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ..
   
เพราะถึงแม้ว่าที่ผ่านมา ผมจะได้รับอิสระจากการไปย้ายไปอยู่ที่คอนโดกับเหล้ารัม แต่ผมก็รู้ดีว่าพ่อกับแม่เองก็เป็นห่วงผมเสมอ และคงอยากกางปีกปกป้องผมเหมือนกับในทุกๆ ครั้งก่อนหน้านี้ เพียงแต่..พวกท่านก็เลือกไม่ได้ เพราะการย้ายไปอยู่กับเหล้ารัม คือทางออกเดียวที่พวกท่านรู้ดีมาตลอด ว่ามันจะสามารถช่วยให้ผมมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
   
ในขณะที่ผมกลับหลงลืมทุกอย่าง เพราะโหยหาสิ่งที่เรียกว่า 'อิสระก่อนตาย' มาตลอด และดีใจเหลือเกินที่ได้ย้ายออกไป
   
แต่ในวันนี้.. ผมได้รู้แล้วว่า.. ไม่ว่าผมจะเจอเรื่องที่เลวร้ายแค่ไหนในชีวิต.. สิ่งที่ผมพยายามจะหนีไปให้ไกล กลับกลายเป็นสิ่งที่พร้อมจะซึบซับความเศร้าของผมให้จางหายไปเสมอ..
   
สิ่งที่เรียกว่า.. พ่อกับแม่
   
"ฮึก.. ผมรักเขาครับพ่อ.. ผมรักเหล้ารัม.. ฮึก.. ผมอยากให้เราได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง ฮึก.. แต่ว่า.. มันแทบจะไม่มีทางออกเลย.. ฮึก.. ไม่มีทางเลยครับพ่อ.."
และเพราะแบบนั้น ผมจึงกล้าพอที่จะพูดความต้องการของตัวเองให้พ่อได้รับรู้ ว่ามันคือเรื่องของหัวใจ ไม่เกี่ยวอะไรกับพันธะสัญญาอีกต่อไปแล้ว..
   
"พ่อรู้ลูก ว่าตอนนี้อะไรๆ มันก็มืดแปดด้านไปหมด แต่พ่อก็เชื่อนะ ว่าสุดท้ายแล้ว ลูกจะต้องหาทางออกของเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน เชื่อพ่อสิ" ซึ่งคำตอบที่ผมได้รับจากพ่อ คือสิ่งที่ผมจำได้ดีที่สุดแล้ว ในช่วงตลอดหลายวันที่ผ่านมา...
   
ซึ่งนอกจากเรื่องที่ได้คุยกับพ่อแล้ว อีกเรื่องที่ผมจะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ..เรื่องของเอียน..
   
เพราะตั้งแต่วันที่เขาได้กลับมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ เอียนก็แทบจะไม่คุยกับใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผมซึ่งอยู่ห้องติดกัน
   
เอียนเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องของเขา และแสดงให้พวกเราเห็นว่าเขายังคงมีชีวิตอยู่ โดยการเปิดประตูออกมารับอาหารแต่ละมือจากพี่ฟ้า
   
ซึ่งก็มีอยู่หลายครั้งนะ ที่ผมอยากจะขอเคลียร์เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนวันเกิดปีที่สิบสอง แต่พอเห็นว่าเป็นผมที่ไปเคาะห้อง.. สองสิ่งที่เขาทำก็คือ.. ส่งสายตาเกลียดชังมาให้ ก่อนที่จะปิดประตูใส่หน้า.. ซึ่งยอมรับว่าผมเองก็ไม่ได้รู้สึกสบายใจกับการกระทำของเขานักหรอก เพียงแต่..ผมเองก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะไปอ้อนวอนขอความเห็นใจจากเขาเหมือนกัน ลำพังแค่ความคิดถึงเหล้ารัม.. ก็ทำเอาผมไม่เป็นอันกินอันนอนแล้ว..
   
แต่ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ผมก็ยังรู้สึกเห็นใจเขาอยู่ดีนั่นแหละ เพราะเอียนเองก็ถูกพี่วิสกี้ทำไว้เจ็บแสบมากเหมือนกัน..
   
"กูไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วโว้ย!" เพราะมีหลายครั้งที่เอียนพยายามจะหนีออกไปจากบ้านหลังนี้ ทว่า.. "อ๊ากกกกกกกกกกกกกก!" เมื่อใดที่เขาก้าวพ้นประตูบ้าน ผลจากเวทมนตร์เก่าแก่ที่วิสกี้เสกไว้ จะทำให้เอียนถูกซัดจนลอยละลิ่วกลับเข้าไปในห้องนอนเสียทุกครั้ง ไม่มีทางที่จะหนีออกไปจากบ้านหลังนี้ได้เลย จนกว่าที่คนเสกอย่างพี่วิสกี้จะกลับมาเป็นผู้ถอนเอง
   
ซึ่งเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้..
   
"คุณหนูครับ ให้ผมส่งตรงนี้ หรือว่าไปส่งที่หน้าคณะดีครับ?" แล้วในขณะที่ผมกำลังจมอยู่กับความคิดในหัวถึงเหตุการณ์ในหลายวันที่ผ่านมาอยู่นั้น คำถามของลุงช้าง (คนขับรถ) ก็ดึงผมให้หลุดจากภวังค์..
   
"จอดตรงนี้ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมเดินเข้าไปเอง"
   
"โอเคครับ" พูดจบแค่นั้น ลุงช้างแกก็จอดส่งตรงจุดที่ผมต้องการ "แล้วเย็นนี้จะให้ผมมารับมั้ยครับ"
   
"อืม.. ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวผมกลับเอง"
   
เมื่อบอกความต้องการของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ผมก็ปิดประตูรถ.. หันกลับมามองป้ายชื่อมหา'ลัย.. ก่อนที่จะถอนหายใจออกมา..
   
นี่เป็นวันที่สี่แล้วที่ผมกลับมาเรียนตามปกติ แต่ผมแทบจะหาความสุขจากที่นี่ไม่ได้เลย เพราะว่า..
   
"เพื่อนในสาขาเรามีคนชื่อเหล้ารัมด้วยหรอวะ?"
   
..คำถามจากทุกคน ที่ดูเหมือนว่าจะไม่หลงเหลือความทรงจำเกี่ยวกับคนที่ผมรักอีกแล้ว
   
จำได้เลยว่าวินาทีแรกที่ถูกถามคำถามนี้ มันออกมาจากปากของไอ้เอก ตอนที่ผมเปรยกับมันในชั่วโมงเรียนว่า.. "คิดถึงเหล้ารัมจัง”
   
แล้วมันก็ทำหน้าราวกับว่าไม่เคยรู้จักคนที่ผมพูดถึงมาก่อน ซึ่งมันแย่มาก.. มันเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดเสียจนผมร้องไห้ออกมากลางห้องเรียน ถึงขนาดที่อาจารย์ต้องให้คนพาผมออกไปสงบสติอารมณ์นอกห้อง
   
ทุกคนเอาแต่ถามว่าผมเป็นอะไร?
   
แต่ยิ่งผมพูด ผมก็ยิ่งรู้สึกแย่.. เพราะเหมือนเป็นการตอกย้ำความคิดถึงที่มีต่อเหล้ารัม โดยที่ไม่มีใครจดจำได้อีกต่อไป..
   
มันเหมือนกับ.. ผมได้สูญเสียความทรงจำดีๆ เกี่ยวกับเหล้ารัมที่เคยมีต่อกลุ่มเพื่อนรวมถึงที่เคยมีต่อสถานที่แห่งนี้ไปแล้วยังไงยังงั้น..
   
ปี๊นๆ!
   
"อ๊ะ!" เป็นอีกครั้งที่ผมถูกดึงออกจากห้วงความคิด.. ซึ่งครั้งนี้มันไม่ใช่คำถามของลุงช้าง แต่เป็นเสียงแตรจากรถที่คุ้นตา..
   
"ไปไหนครับน้องสาว ให้พี่ไปส่งมั้ย : )" ไอ้เอกนั่นเองที่ชะลอรถเพื่อแซวผม ผมเลยอาศัยจังหวะนั้นเปิดประตูขึ้นไปนั่งบนรถมันแบบที่ไม่ขออนุญาต
   
"มึง โดดเรียนกัน" แถมยังชวนมันทำในสิ่งที่ผมไม่เคยคิดที่จะทำมาก่อนเลย
   
"เฮ้ย อารมณ์ไหนของมึงวะเนี่ย"
   
"เอาน่า ยังไงวันนี้ก็ไม่มีส่งงานอะไรอยู่แล้ว โดดเหอะ"
   
"แล้วมึงจะไปไหนล่ะ ถ้าจะโดดจริงๆ?"
   
"ที่ไหนก็ได้ แล้วแต่.." คำพูดของผมสะดุดไปนิดนึงเมื่อภาพของเหล้ารัมลอยเข้ามาในหัวอย่างที่ไม่ทันให้ตั้งตัว ก่อนที่จะเริ่มพูดต่อ.. "..แล้วแต่มึงเลย" พร้อมกับม่านน้ำตามที่ทำเอาภาพของไอ้เอกพล่ามัว..
   
"อะ..โอเค" และแม้ไอ้เอกจะยังดูตกใจกับอาการของผม แต่สุดท้ายมันก็ยอมวนรถ แล้วพอผมขับออกมาจากมหา'ลัย..

/ ต่อด้านล่าง /
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่สิบเก้า...เซฟเฮ้าส์ || อัพเดท : 13/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 15-09-2016 18:36:54
(http://67.media.tumblr.com/ec886cbb021ca0037a1006ec31031ae6/tumblr_ngt7ymrT7m1qhodd8o3_1280.gif)

* * * * * * *

ไอ้เอกพาผมมาที่คอนโดของมัน โดยที่ก่อนมามันแวะซื้อเบียร์มาด้วยสองกระป๋อง ซึ่งก็คงจะเอามาจิบในระหว่างที่อยู่ด้วยกันสองคนในห้องนั่นแหละ
   
"ห้องรกหน่อยนะมึง" ผมยักไหล่อย่างไม่ถือสา เพราะเท่าที่ดูแล้ว มันก็ไม่ได้รกอะไรอย่างที่เจ้าของห้องว่า
   
แต่ที่ผมถือสาก็คือ.. "ไม่ต้องเปิดม่านได้มั้ย กูอยากอยู่มืดๆ ว่ะ"
   
"โอเค.." เอกมองผมด้วยสายตาแปลกใจอีกครั้ง ซึ่งก็สมควรแหละ เพราะทุกครั้งที่ผมมาห้องมัน ผมจะเป็นคนเดินไปเปิดม่านเองเลย
   
แต่กับวันนี้..ผมอยากอยู่ในบรรยากาศแบบนี้.. ไม่อยากให้มันสว่างไสวเกินกว่าใจผมเลย..
   
ติ๊ด!
   
พอผมบอกไม่ให้มันเปิดม่าน ไอ้เอกเลยเปลี่ยนไปเปิดแอร์แทน ก่อนที่มันจะดึงเสื้อออกนอกกางเกง แล้วเราสองคนก็นั่งลงกับพื้น โดยเอาหลังพิงโซฟาไว้ เหมือนที่เราชอบทำกัน..
   
"เอามั้ยมึง?" ไอ้เอกยื่นเบียให้ แต่ผมปฏิเสธ
   
"ไม่ดีกว่า"
   
"ทำไมวะ กลัวเมาแล้วจูบกูหรือไง" มันเลยแกล้งแซว ก่อนจะกระดกเบียร์กระป๋องนั้นเอง
   
โดยที่ไม่รู้เลยว่า.. "ฮึก.." คำพูดของมัน.. ทำให้ผมนึกถึงวันที่เคยทำตัวแย่ๆ..
   
"วาฬ นี่มึงเป็นอะไรของมึงเนี่ย" พอหันมาเห็นว่าผมร้องไห้ เอกก็ยีหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด ก่อนจะจับให้ผมหันหน้าไปมองมันอย่างจริงจัง
   
"กู.. ฮึก.. กูคิดถึงใครบางคนว่ะ"
   
"ใครวะ?"
   
"ฮึก.. กูเคยบอกมึงแล้ว.. ฮึก.. แต่มึงจำเขาไม่ได้.." ทั้งๆ ที่เขาก็เคยนอนกองที่บ้านหลิวกับมึงตอนปั่นงานแท้ๆ..
   
"ไอ้ที่มึงบอกว่าชื่อเหล้ารัมอะไรนั่นใช่มั้ย?" เอกขมวดคิ้ว หน้าตาดูหงุดหงิดขึ้นกว่าเดิม "เอาจริงๆ นะมึง กูก็รู้สึกคุ้นๆ เหมือนกัน เพียงแต่.. พยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก นี่มึงแน่ใจใช่มั้ยว่ากูรู้จักมันจริงๆ?"
   
"..." ผมเลือกที่จะไม่ตอบ ไม่ใช่ว่าอยากจะทำให้เอกหงุดหงิดมากขึ้น แต่ผมเคยพยายามแล้ว.. พยายามที่จะดึงความทรงจำต่างๆ ของเพื่อนๆ กลับมา แต่มันไม่ได้ผลเลยสักนิด และผมก็ไม่อยากได้ยินคำถามที่ว่า 'ใครวะเหล้ารัม?' จากปากของใครอีกแล้ว
   
เพราะมันน่าเศร้าเหลือเกิน.. ฮึก.. ที่คนดีๆ แบบนั้นกำลังถูกลืม ในขณะที่คนอย่างผมกลับถูกจดจำแบบนี้..
   
"..."
   
"..."
   
และเพราะแบบนั้นก็เลยทำให้เราทั้งคู่เงียบไปสักพัก ก่อนที่หลังจากนั้นไอ้เอกจะยกเบียร์ขึ้นกระดกอึกๆ ก่อนจะวางกระป๋องเปล่าลง แล้วชวนผมคุยเรื่องของเหล้ารัมต่ออีกครั้ง
   
"เอางี้นะวาฬ กูอาจจะจำไอ้เหล้ารัมอะไรนั่นไม่ได้ แต่ดูจากอาการของมึงแล้ว มันคงจะเป็นคนที่สำคัญกับมึงมาก"
   
"..."
   
"ในขณะที่กูเองก็ไม่อยากเห็นมึงเศร้าแบบนี้อีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้น มึงช่วยบอกกูทีได้มั้ย ว่าปัญหาของมึงกับมันคืออะไรกันแน่ มันทิ้งมึงหรอ? หรือมันไปไหน? ถึงได้ทำให้มึงไปหามันไม่ได้ ทั้งๆ ที่มึงคิดถึงมันมากขนาดนี้"
   
"..." ความห่วงใยในความดุดันของเอก..ทำให้ผมรู้สึกว่าคงจะเงียบอีกต่อไปไม่ได้.. "คืองี้.." เพราะฉะนั้นก็เลยพยายามที่จะรวบรวมสติ แล้วเรียบเรียงสิ่งที่อยู่ในหัวให้อยู่ขอบเขตที่ผมจะสามารถพูดออกมาได้
   
"..."
   
"กูกับเขาถูกแยกออกจากกัน.. โดยพี่สาวของเขา"
   
"ทำไมวะ พี่สาวเขาไม่ชอบมึงหรอ หรือเกลียดเกย์?"
   
"ไม่ใช่แบบนั้นหรอก แค่.. พี่เค้าไม่ชอบวิธีการที่กูกับเหล้ารัมจะอยู่ด้วยกันมากกว่า"
   
"แล้ว.. มันไม่มีวิธีการอื่นอีกหรอวะ ที่มึงกับไอ้เหล้ารัมอะไรนั่นจะอยู่ด้วยกันได้ โดยที่พี่สาวมันก็โอเคด้วยน่ะ"
   
"มี.." ผมพยักหน้าทั้งน้ำตา "แต่มันก็ไม่ใช่ทางออกที่ดีเท่าไหร่ ตรงกันข้าม..มันอาจจะทำให้ทุกอย่างแย่ลงกว่าเดิม.." ซึ่งนั่นอาจจะหมายถึงการที่ผมตาย.. เพราะมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะถูกเอียนถอนพันธะสัญญาในคืนวันเกิดที่ใกล้จะถึงนี้ หากผมได้กลับไปทำพันธะสัญญากับเขาอีกครั้งอย่างที่พี่วิสกี้ต้องการ
   
"งั้นก็เท่ากับว่า.. ทางที่หนึ่ง..พี่สาวไอ้เหล้ารัมไม่ชอบ ส่วนทางที่สองที่พี่สาวชอบ..ไอ้เหล้ากลับไม่ชอบ ถูกมั้ย?"
   
"..." ผมพยักหน้าอีกครั้ง
   
"แล้วทางที่สามล่ะ?"
   
"..." ก่อนที่จะนิ่งไป.. เมื่อไอ้เอกเริ่มถามถึงสิ่งที่ผมกับเหล้ารัมไม่มี..
   
"ไม่มีงั้นหรอ?" ตอนแรกผมไม่แน่ใจว่าเอกต้องการคำตอบจากสิ่งที่ถามมั้ย หรือว่าก็แค่ถามไปงั้นๆ จนกระทั่ง.. "บางทีนะมึง เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลาว่ะ ตอนนี้พวกมึงสองคนอาจจะคิดว่ามีแค่ทางขวากับทางซ้ายให้เลือกเดิน แต่มันไม่จริงเลยมึง มันยังมีทางอื่นอีก แต่แค่ต้องรอให้ถึงเวลาที่หนทางใหม่ๆ จะเผยออกมาก็เท่านั้น ขอแค่มึงสองคนยังมั่นคงในหัวใจที่มีให้แก่กันนะ ไม่ว่าอุปสรรค์จะยากเย็นจนไม่มีทางออกเลยสักทาง กูก็เชื่อว่าสุดท้ายแล้วมึงกับไอ้เหล้ารัมก็จะผ่านมันไปได้อย่างแน่นอน" ..มันเริ่มอธิบายให้ผมฟังอย่างใจเย็นนั่นแหละ ถึงได้ทำให้ผมรู้ ว่ามันไม่ได้หวังว่าจะให้ผมมี 'ทางออกที่สาม' ในตอนนี้ เพียงแต่มันกำลังต้องการจะชี้ให้ผมเริ่มมองหาทางออกนั้น ทางออก..ที่ผมยังไม่เคยแม้แต่จะคิดถึง..
   
"..."
   
"แล้วที่กูพูดเนี่ย ก็ไม่ใช่แค่ว่าพูดเพื่อปลอบใจมึงไปผ่านๆ เท่านั้นนะ แต่เป็นเพราะว่ากูเคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว กูถึงได้พูดได้"
   
"..."
   
"มึงดูอย่างกูกับแป้งดิ เราสองคนเคยเดินมาถึงจุดที่เป็นทางแยกแล้วนะ ทางนึงดีสำหรับกูมาก แต่ไม่ใช่สำหรับแป้ง ในขณะที่อีกทางแม่งทางของแป้ง แต่กูกลับรู้สึกว่าแม่งไม่ใช่ทางที่กูจะยอมได้จริงๆ"
   
"แล้ว..มึงทำไงวะ?" ผมถามกลับบ้าง เมื่อรู้สึกว่าน้ำตาเริ่มแห้งลง..
   
"ก็ไม่ได้ทำอะไรมากหรอก แค่หยุดเดิน ไม่เลือกว่าจะเอาทางไหนทั้งนั้น แต่ปล่อยเวลาให้ต่างฝ่ายได้คิด ว่าเราควรจะเอายังไงกับเรื่องนี้ดี แล้วผลก็คือ..จู่ๆ วันนึงมันก็มีอีกทางที่โผล่ขึ้นมาในหัวของแป้ง ทางที่แม่งโคตรดีกับทุกฝ่าย จนกูกับแป้งนี่กอดคอกันร้องไห้เลย เพราะดีใจว่าตอนนั้นเราไม่ด่วนตัดสินใจกันไปซะก่อน"
   
แล้วจังหวะนั้น..หัวใจของผมมันก็ค่อยๆ พองโตขึ้น เมื่อเห็นรอยยิ้มเปี่ยมสุขแบบที่ไม่ค่อยจะได้เห็นนักจากเอก คล้ายกับว่าสิ่งที่มันพูด..ทำให้ผมมีความหวังขึ้นมาบ้างแล้ว หลังจากที่เอาแต่เดินวนอยู่กับที่มาหลายวัน..
   
"ดีจัง.."
   
"ใช่ มันดีมาก และเชื่อกูสิ มันจะต้องเกิดขึ้นกับมึงเช่นกัน"
   
"ขอบคุณมากนะมึง ฮึก.. ขอบคุณจริงๆ ฮึก.. กูก็หวังให้มันเป็นแบบนั้นเหมือนกัน.."
   
แล้วผมก็เริ่มร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ทว่าคราวนี้..เป็นการร้องไห้ที่รู้สึกดีกว่าครั้งที่ผ่านๆ มา..

* * * * * * *

   
เวลายังคงดำเนินต่อไป..
   
ชีวิตผมยังคงไม่ต่างจากช่วงที่ผ่านมาเท่าไหร่นัก จะเพิ่มเติมก็แค่ว่าช่วงนี้มีขาประจำแวะเวียนมาหาผมบ่อยมากๆ ซึ่งเธอก็คือ...
   
"พี่วิสกี้"
   
"ใช่ ฉันเอง มีปัญหาหรือไง?"
   
"เปล่าครับ" เธอมักจะชอบแวะเวียนมาหาผมหลังสามทุ่ม ส่วนใหญ่ก็จะมาอาทิตย์ละประมาณสามถึงสี่ครั้ง "ว่าแต่พี่วิสกี้จะรับอะไรมั้ยครับ เดี๋ยวผมให้แม่บ้านไปเตรียมให้"
   
"ไม่ต้องหรอกย่ะ เสียเวลา!" ซึ่งที่มานี่ก็ไม่ใช่เพราะว่าอยากจะเจอผมหรอกนะครับ แต่ว่ามาเพื่อหาทางทำลายด้ายแห่งพันธะสัญญาต่างหาก
   
ฟึ่บ!
   
แล้วเหตุการณ์ก็จะเหมือนกันแทบจะทุกครั้งในเวลาที่พี่วิสกี้มาหา นั่นคือผมมักจะทักเธอก่อน ในขณะที่เธอจะตอบโต้กลับมาตามแต่อารมณ์ในช่วงนั้นๆ ซึ่งส่วนใหญ่คือจะ 'ไม่สบอารมณ์' ซะส่วนมาก ก่อนที่จะเผยด้ายแห่งพันธะสัญญา พลางเดินไปเดินมาอย่างครุ่นคิด
   
"ฮึก.." ซึ่งจังหวะที่เธอกำลังเดินไปเดินมาเหมือนกำลังนึกถึงเวทมนตร์ที่จะใช้ทำลายเส้นด้ายในแต่ละครั้งนั้น ผมก็จะร้องไห้.. ผมมักจะนั่งอยู่บนเตียงนอน แล้วมองเส้นด้ายสีแดงสดที่ถอดยาวผ่านประตูออกไป
   
มันทั้งสุขและเศร้าใจ.. ที่ได้รู้ว่าสุดปลายทางของเส้นด้ายเส้นนี้.. มีคนที่ผมรักรอคอยอยู่ เพียงแต่..ผมแค่ยังไม่มีโอกาสได้เจอกับเขาเท่านั้น..
   
"จะร้องอะไรกันนักหนา จะร้องให้ได้ทุกครั้งที่ฉันมาเลยหรือไง!?" พอพี่วิสกี้หันมาเห็นว่าผมร้องไห้เหมือนกันทุกรอบ เธอก็จะแผดเสียงลั่น ก่อนที่จะเริ่มโจมตีเส้นด้ายซ้ำแล้วซ้ำเหล้า ทว่า..ก็ยังไม่เคยทำลายได้สำเร็จเลยสักครั้ง
   
กระทั่งใช้เวทมนตร์จนเหนื่อยหอบนั่นแหละ พี่วิสกี้ถึงจะยอมแพ้ และตั้งท่าจะจากไปโดยไม่กล่าวคำลา
   
"พี่วิสกี้ครับ เหล้ารัม..สบายดีมั้ยครับ?" แต่ก่อนที่เธอจะจาก ผมก็ไม่วายถามด้วยคำถามแบบเดิมๆ เหมือนกันแทบจะทุกครั้ง
   
"..." ทั้งที่..ไม่เคยได้รับคำตอบอะไรจากพี่วิสกี้กลับมาเลย หรืออย่างมากสุดก็คงจะมีแค่เธอหันมามอง..แล้วก็เดินจากไปเท่านั้น..
   
แล้วพอเธอจากไป ผมก็จะเริ่มวิ่ง.. วิ่งเหมือนคนโง่.. เพื่อวิ่งไปตามทางที่เส้นด้ายทอดยาวออกไป ถึงแม้จะรู้ว่าระยะทางของอีกคนนั้นมันช่างห่างไกลเหลือเกิน.. ฮึก.. แต่ผมก็ยังวิ่ง.. วิ่งไปด้วยใจที่โหยหาคนที่ผมรัก..
   
แต่ก็วิ่งได้เพียงไม่นานนักหรอก เพราะภายหลังจากนั้น เส้นด้ายก็จะค่อยๆ จางหายไป ปล่อยให้ผมล้มลงร้องไห้ในระหว่างทาง..
   
"สวัสดี ไม่ได้เจอกันนานเลยนะวาฬ"
   
"จะ..เจ้าชาย!?"
   
จนกระทั่งเข้าสู่สัปดาห์ที่สามที่พี่วิสกี้หมั่นมาหาผม ชีวิตที่เคยเหี่ยวแห้งก็กลับมามีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง เมื่อได้พบว่าเจ้าชายเบเนดิกต์มาเยี่ยมเยียนถึงที่บ้าน พะ..พร้อมกับ..
   
"รับไปสิ จดหมายนี้เขียนถึงคุณนะ"
   
...จะหมายของเหล้ารัม!

   
จดหมายฉบับที่หนึ่ง..ถึงวาฬ
   
ผมรู้นะว่าคุณกำลังร้องไห้ ไม่รู้ว่าเพราะคิดถึงผม หรือสงสารที่ผมไม่ได้มีโอกาสไปเดินเล่นห้างฯ ในโลกมนุษย์กันแน่ แต่ถ้าเกิดว่าเป็นอย่างหลังล่ะก็ ผมบอกได้เลยว่าคุณคงไม่ต้องห่วงผมแล้ว เพราะความเป็นอยู่ที่นี่ของผมค่อนข้างดีมาก วีไอพีระดับโรงแรมห้าดาวเห็นจะได้ ไม่ได้มืดและหนูเยอะเหมือนที่คุณกำลังจินตนาการหรอก
   
แต่ก็ใช่ว่ามันจะดีจนผมอยากจะอยู่ไปตลอดหรอกนะ ผมยังพยายามหนีออกจากที่นี่เสมอ เพราะถึงแม้ว่าความเป็นอยู่ของผมจะดีแค่ไหนก็ตาม แต่มันก็ยังมีอยู่สองอย่างที่ผมหาจากที่นี่ไม่ได้
   
คือหนึ่ง..อาหารฝีมือคุณ
   
และสอง..ตัวคุณ
   
เพราะฉะนั้น คุณช่วยร้องไห้ให้น้อยลงหน่อยนะ เพราะว่าถ้าผมรู้ว่าคุณร้องไห้น้อยลงแล้ว ผมก็จะได้มีกำลังใจในการแหกคุกมากขึ้นไง โอเคมั้ย : )
   
ป.ล. คิดถึงหมึกผัดไข่เค็มฝีมือคุณจัง


รักคุณทุกวัน
และยังคิดถึงอยู่เสมอ
ลงชื่อ.. เหล้ารัม

   
ผมอ่านมันทั้งน้ำตา ทั้งๆ ที่เขาก็บอกอยู่ว่าอยากให้ผมช่วยร้องไห้ให้น้อยลงกว่านี้ แต่มันยากนะ.. มันอยากจริงๆ ที่ผมจะควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเรื่องนั้นเกี่ยวข้อกับเหล้ารัม
   
เพราะว่าผมคิดถึงเขามาก.. คิดถึงเขามากจริงๆ..
   
"ขอบคุณนะครับเจ้าชาย" ผมปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆ ก่อนที่จะยกมือไหว้ขอบคุณเจ้าชายเบเนดิกต์จากใจจริง เพราะรู้ดีว่าพระองค์คงเหน็ดเหนื่อยมากกว่าที่จะนำเจ้าสิ่งนี้มาให้ผมได้ ถึงแม้ว่าจดหมายจะถูกแกะอ่านก่อนหน้าแล้ว (ซึ่งคงจะไม่พ้นมือผู้คุมขัง) แต่เท่านี้ก็มากพอเหลือเกิน ที่จะช่วยต่อลมหายใจของผมให้อยู่อย่างมีความหวังต่อไป
   
หวังที่จะอดทนรอ จนกว่าจะได้เจอ 'ทางที่สาม' อย่างที่ไอ้เอกมันว่า
   
"ด้วยความยินดี เอาเป็นว่าถ้าอยากส่งจดหมายหาไอ้เหล้ารัม ก็ฝากฟาเรเนียไปก็แล้วกันนะ รายนั้นรู้ดีว่าจะจัดการยังไง อ้อ แล้วถ้าเกิดว่ามีจดหมายใหม่มาอีก ผมจะเป็นคนนำมาให้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องเป็นห่วง"
   
"ขอบคุณนะครับ ขอบคุณมากจริงๆ"
   
สิ้นสุดคำขอบคุณจากผม เจ้าชายเบเนดิกต์ก็ขอตัวลา แล้วนับจากนั้น การเขียนจดหมายโต้ตอบระหว่างผมกับเหล้ารัมจึงเริ่มต้นขึ้น..

   
จดหมายฉบับที่สอง..ถึงวาฬ
   
หมึกผัดไข่เค็มอร่อยมาก! (ผมขอขึ้นต้นแบบนี้เลยก็แล้วกันนะ)
   
ได้ข่าวว่าช่วงนี้คุณใกล้สอบไฟนอลแล้ว งานคงเยอะมากแน่ๆ แล้วไอ้เอกกับไอ้บอยก็คงจะดราม่าเพราะคิดงานกันไม่ออกเหมือนเคย (คราวนี้ผมคงอยู่ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว) แต่คุณไม่จำเป็นต้องอิจฉาผมนะ ที่ผมขาดเรียนจนหมดสิทธิ์ส่งงานรวมถึงหมดสิทธิ์สอบแล้ว เพราะว่าการอยู่ที่นี่น่ะ ผมเจอหนักยิ่งกว่างานที่อาจารย์คณะคุณสั่งซะอีก คุกบ้าอะไรก็ไม่รู้แหกยากชิบ! แต่ถึงอย่างงั้นผมว่าผมก็เก่งนะ เพราะว่ายิ่งแหกก็ยิ่งหนีไปได้ไกลขึ้น เสียแต่ว่ายังไม่ใกล้คุณสักทีเนี่ยสิ ไม่งั้นปานนี้คงไปขโมยจุ๊บแก้มคุณแล้ว
   
แต่ไม่เป็นไรนะ ถึงจะยังไม่ได้เจอกันตอนนี้ก็อย่างเพิ่งเศร้าไป ขอให้อดใจรอผมอีกหน่อย รับรองว่ายังไงผมก็จะต้องไปหาคุณให้ได้
   
ป.ล. คุณพาเพื่อนไปปั่นงานกับอ่านหนังสือที่คอนโดผมได้นะ คอนโดผมก็เหมือนคอนโดคุณนั่นแหละ คุณมีกุญแกอยู่แล้วนี่ : )


ลืมคุณคือสิ่งสุดท้ายที่ผมจะทำ
ลงชื่อ.. เหล้ารัม

   
ซึ่งภายหลังจากที่ผมได้ทำการส่งหมึกผัดไข่เข้มไปพร้อมกับจดหมายตอบกลับของจดหมายฉบับแรก เหล้ารัมก็ได้ส่งจดหมายฉบับที่สองมาให้ผมอีกครั้ง ถึงแม้ว่าจะเป็นจดหมายที่ค่อนข้างจะดีเลย์ และมาในช่วงที่ผมกำลังอยู่ในช่วงมรสุมก่อนสอบไฟนอลอันหนักหน่วงก็ตาม แต่มันกลับทำให้ผมยิ้มจนแก้มปริทั้งน้ำตาได้เลย.. ที่รู้ว่าหมึกผัดไข่เค็มฝีมือผมยังคงถูกใจเขา..
   
แต่ในขณะเดียวกัน ผมเองก็เป็นห่วงเหล้ารัมเรื่องแหกคุกด้วย เพราะว่าไอ้การ 'แหกคุกไม่สำเร็จ' ที่อีกฝ่ายเขียนมา มันอาจจะหมายถึงว่าเขาได้รับบาดเจ็บก็ได้ เพียงแต่นายพ่อมดเหล้าแค่ไม่อยากให้ผมกังวล ก็เลยไม่เขียนมา
   
แต่ก็นะ ในเมื่อเหล้ารัมพยายามจะไม่ทำให้การสนทนาผ่านจดหมายของเราดราม่า งั้นผมก็จะตอบกลับไปแบบขำๆ เหมือนกับที่เขาส่งมาก็แล้วกัน
   
เพราะว่าถ้าเขาเห็นว่าผมไม่ดราม่า เหล้ารัมก็จะได้ไม่ดราม่าไปด้วยไง : )
   
"วาฬ เหล้ารัมฝากส่งให้คุณน่ะ" ในขณะที่จดหมายฉบับที่สามนี้ถูกส่งมาค่อนข้างห่างจากฉบับที่สองมาก จากที่คราวก่อนผมยังอยู่ในช่วงหัวปั่นกับไฟนอลอยู่เลย แต่ว่าตอนนี้ผมเข้าสู่ช่วงปิดเทอมแล้วล่ะ
   
"อ้าว ทำไมเป็นคุณมาส่งจดหมายล่ะครับ?" แถมคราวนี้คนที่มาส่งจดหมายก็เป็นคุญวินเซนต์ด้วย ทำเอาผมรู้สึกกังวลใจไม่น้อยเหมือนกัน ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?
   
"ไอ้เจ้าชายมันไม่ว่างมาน่ะ แล้วเห็นว่าจดหมายนี่ก็ดองไว้อาทิตย์นึงแล้ว เลยให้ผมมาส่งให้แทน"
   
"อ๋อ แบบนี้นี่เอง ขอบคุณนะครับ"
   
"ไม่เป็นไป ผมไปล่ะ"
   
"ครับ ขอบคุณอีกครั้งนะครับ" ผมตั้งท่าจะเดินไปส่ง แต่คุณวินเซนต์ยกมือห้าม ผมก็เลยเปลี่ยนทิศทางเดินกลับมานั่งอ่านจดหมายบนเตียงแทน

   
จดหมายฉบับที่สาม..ถึงวาฬ
   
จบหมายฉบับนี้ไม่ค่อยมีอะไรมาก แต่พอดีนอนๆ อยู่ แล้วผมก็ดันคิดถึงเพลงของมนุษย์ที่เคยฟังขึ้นมา.. มันเป็นเพลงเก่าแล้วแหละ แต่ว่ามันตรงกับสิ่งที่อยู่ในใจผมจริงๆ

   
I love you
   
I have loved you all along
   
And I miss you
   
Been far away for far too long
   
I keep dreaming you'll be with me
   
and you'll never go
   
Stop breathing if
   
I don't see you anymore
   
--Far Away : Nickelback

   
นี่เราห่างกันนานขนาดไหนแล้วนะ? ทำไมผมถึงได้โหยหาคุณขนาดนี้?
   
ป.ล. รูปคราวก่อนที่วาดมานี่ระดับมาสเตอร์พีซเลยนะ : )


อยากกินคุณอีก
อยากทำมากว่ากอดคุณจัง
ลงชื่อ.. เหล้ารัม

   
คราวนี้ผมรู้สึกใจหายแฮะ.. รู้สึกว่าฉบับที่สามนี้ค่อนข้างคนละอารมณ์กับสองฉบับแรก เพราะไม่ค่อยจะไปในเชิงขำขันสักเท่าไหร่นัก ถึงแม้ว่าตรง ป.ล. กับตรงก่อนลงชื่อจะมีการแอบแกล้งผมเล็กๆ น้อยๆ ก็เถอะ แต่โดยรวมแล้วก็ดูจริงจังมากทีเดียวน่ะนะ
   
จนจากตอนแรกที่ผมทำเป็นลืมๆ ไปแล้วว่ากำลังห่างไกลจากเหล้ารัม พอได้อ่านจดหมายฉบับนี้.. มันเลยทำให้ผมกลับมาคิดถึงเขาอย่างนักอีกครั้ง.. ถึงขนาดที่ว่าต้องไปเปิดหาเพลงเพื่อแทนความรู้สึกของผมในตอนนี้ให้เขาบ้าง..

/ ต่อด้านล่าง /
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบ...วาฬ || อัพเดท : 15/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 15-09-2016 18:37:18
(http://67.media.tumblr.com/ec886cbb021ca0037a1006ec31031ae6/tumblr_ngt7ymrT7m1qhodd8o3_1280.gif)

* * * * * * *

การส่งจดหมายของผมกับเหล้ารัมยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่พี่วิสกี้เองก็ยังคงหาทางทำลายด้ายแห่งพันธะสัญญาไม่เลิกเช่นกัน
   
ซึ่งยอมรับนะว่าหลังๆ มานี้ ผมแทบจะไม่ไม่มีน้ำตาเหมือนเมื่อก่อนแล้ว อาจจะเพราะว่าหนึ่ง..จดหมายของแฟนผมถูกตอบกลับมาเร็วขึ้น ในขณะที่สองคือ..ผมว่าผม 'ชิน' กับชีวิตแบบนี้ไปเสียแล้ว
   
คือแบบ..จะอธิบายยังไงดีล่ะ.. ก็..ไม่ใช่ว่าไม่โหยหาคนที่ผมรักหรอกนะ.. เพียงแต่ว่าด้วยความที่ผมต้องอยู่ต่อไปให้ได้โดยที่ไม่ทำตัวเป็นคนบ้าระเบิดร้องไห้ออกมาต่อหน้าพ่อหน้าแม่อย่างยากจะควบคุม มันก็มีเพียงแค่ต้องทำใจให้ชินกับการไม่มีเค้า แล้วก็เฝ้ารออย่างใจเย็นก็เท่านั้น
   
นอกจากนี้ เวลาว่างของการปิดเทอม ผมก็เลือกที่จะเอาไปโฟกัสกับการช่วยงานพ่อที่บริษัทหมด มันก็เลยเหมือนกับว่าผมทำตัวให้ตัวเองยุ่งๆ จนลืมวันลืมคืนไปโดยปริยาย
   
กระทั่ง..
   
ติ๊ง!

‘ขอให้วันเกิดปีนี้เป็นปีที่ดีที่สุดที่มึงเคยเจอมา และขอให้มึงกับไอ้เหล้ารัมเจอ 'ทางออกที่สาม' ได้ในเร็วๆ นี้ มึงจะได้กลับมาเป็นเพื่อนที่มีแต่ความสุขของกูสักที –เอก’

   
..ผมได้รับข้อความจากไอ้เอกในเวลานี้
   
ถึงได้รู้ว่า.. ผมมีอายุยี่สิบเอ็ดปีเต็มเสียแล้ว..
   
"..." ผมนั่งอ่านข้อความของเอกซ้ำอีกสามถึงสี่รอบ.. แล้วส่งข้อความขอบคุณตอบกลับมันไป
   
ก่อนที่หลังจากนั้นผมจะนอนมองเพดานนิ่ง.. คิดทบทวนถึงสิ่งต่างๆ ที่ผ่านมา..
   
แล้วผมก็ได้พบว่า.. มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อจริงๆ ที่ผมสามารถกลายมาเป็นผมอย่างในทุกวันนี้ได้.. จากคนๆ นึงที่คิดว่ายังไงซะก็คงจะต้องตายแน่ แต่กลับมี 'พ่อมดที่โคตรดี' เข้ามาในชีวิต และมอบของขวัญที่ดีที่สุดให้  ซึ่งสิ่งที่ว่านั้นก็คือ 'ความรักที่ยิ่งใหญ่' จากเขา
   
ถึงขนาดที่ผมต้องบอกกับตัวเองเลยว่า..ผมนี่ช่างโชคดีเหลือเกิน ที่ชีวิตนี้เกิดมาครั้งเดียว นอกจากจะมีพ่อแม่และเพื่อนที่แสนดีแล้ว ผมยัง..ได้ถูกรักโดยคนรักที่พร้อมจะเสียสละเพื่อผมอย่างเหล้ารัมด้วย.. ซึ่งมันหายากแล้วในยุคแบบนี้
   
จะเหลือก็แต่... ค้นพบทางออกที่จะทำให้เราได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขก็เท่านั้นนั่นแหละ...
   
'3:24’
   
ใจจริงผมอยากนอนพักจนกว่าจะถึงตีสี่นะ แล้วถึงจะค่อยลงไปช่วยงานในครัว เพราะรู้ดีว่าวันนี้ทุกคนจะต้องวุ่นๆ กันแน่ แต่เพราะคืนนี้มีสิ่งที่วิ่งวนอยู่ในหัวมากจนเกินไป.. มันจึงทำให้ผมไม่สามารถข่มตาหลับลงได้เลย
   
ผมพลิกตัวไปมาอยู่นานมาก จนสุดท้ายก็ตัดสินใจลุกขึ้นมาดูนาฬิกาดิจิตอลที่ตั้งอยู่ตรงหัวเตียง ก่อนจะพบว่า..เป็นเวลาที่ไม่เร็วไปนัก หากจะลงไปทำอาหารสำหรับใส่บาตรในครัวตอนนี้
   
"ตื่นมาทำอะไรตอนนี้คะคุณวาฬ?" แต่แทนที่ครัวจะว่างเปล่า กลับกลายเป็นว่าในเวลานี้มีพี่ฟ้าตื่นมาเตรียมหุงข้าวเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็ดี มีเพื่อนอยู่ด้วยกันแบบนี้ ผมจะได้ไม่เหงา
   
"ก็วันนี้วันเกิดผมนี่ครับ จะไม่ให้ลงมาช่วยได้ยังไงกัน : )"
   
พอได้ยินผมพูดแบบนั้น พี่ฟ้าก็ยิ้มรับ ก่อนที่จะส่งลิสต์รายการอาหารที่แม่ของผมสั่งไว้ให้พี่ฟ้าทำสำหรับใส่บาตรในเช้านี้มาให้ ดู โดยเกือบทั้งหมดเป็นเมนูที่ผมชอบ เพราะมาจากความเชื่อของแม่ผมที่ว่า.. "เราควรใส่บาตรของกินที่เราชอบในวันเกิดของเราเอง พอชาติหน้าเกิดมาเราจะได้กินแต่ของที่เราชอบไงจ๊ะ" ซึ่งผมมองว่า มันก็เป็นความคิดของแม่ที่น่ารักดีเหมือนกัน : )
   
เมื่อรู้ลิสต์ของอาหารแล้ว พี่ฟ้ากับผมก็ช่วยกันลงมือทำอย่างขะมักเขม้น ก่อนที่จะมีแม่บ้านอีกสองสามคนมาช่วยตักของใส่ถุงแบ่งเป็นชุดๆ ให้
   
หลังจากที่หยิบนั่นจับนี่กันจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว พ่อกับแม่ผมก็ลงมาข้างล่างตอนประมาณตีห้าครึ่ง ซึ่งดูพวกท่านจะประหลาดใจไม่น้อย แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะกล่าวคำอวยพรให้ ก่อนที่เราทั้งหมดจะยกพลกันไปที่วัด เพื่อดักรอใส่บาตรพระกันตั้งแต่หน้าประตู
   
จนภารกิจช่วงเช้าเสร็จสิ้นและกลับมาถึงที่บ้าน ผมสั่งให้ลุงช้างพาพี่ฟ้าไปซื้อวัตถุดิบในการทำเค้กจำนวนมากมาให้ เนื่องจากทำเนียมในวันเกิดของผมตั้งแต่อายุสิบสามเป็นต้นมา คือผมเลิกจัดการวันเกิดอีกตลอดไปแล้ว เพราะนั่นเท่ากับว่าจะเป็นการฉลองที่ตัวเองได้เข้าใกล้ความตายเร็วขึ้นอีกปี (ก็ตอนนั้นยังไม่เจอเหล้ารัมนี่หน่า) แต่เลือกที่จะทำเค้กส่งไปให้แต่ละบ้านในรั้วของอลิชาแทน
   
ผมง้วนอยู่กับการทำเค้กปอนด์ใหญ่ๆ อยู่ครึ่งค่อนวัน จนพ่อเอ่ยแซวว่าผมควรเปิดร้านเบเกอรี่เพื่อหารายได้พิเศษให้กับครอบครัว ในขณะที่แม่พูดว่า "นี่มันโรงงานนรกชัดๆ!" ซึ่งแม่พูดถูกจริง เพราะกว่าที่ทุกอย่างจะเสร็จสิ้นตามจำนวนที่ตั้งใจไว้ก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายแล้ว ไหนจะเดินแจกจ่ายตามบ้านอีก เท่ากับว่าวันนี้ทั้งวันผมก็ไม่ต่างอะไรจากการอยู่ในโรงงานเค้กนรกอย่างที่แม่ว่านั่นล่ะ ฮ่าๆๆ~
   
"คุณวาฬคะ เค้กสองอันนี้ทำเกินหรือเปล่าคะเนี่ย?"
   
"ไหนครับพี่ฟ้า" ผมหลุดออกจากความคิดของตัวเอง เมื่อได้ยินพี่ฟ้าถามถึงเรื่องเค้กที่เกินจำนวนมา ถึงได้เห็นว่า.. "อ๋อ สองอันนี้สำหรับคนพิเศษครับ : )" ..มันคือเค้กต่างรสชาติอย่างละครึ่งปอนด์ที่ผมทำเตรียมไว้สำหรับคืนนี้นั่นเอง

* * * * * * *

      
วันเกิดของผมปีนี้ตรงกับคืนวันศุกร์.. ซึ่งนั่นหมายความว่าพี่วิสกี้จะต้องมาหาผมเพื่อทำลายด้ายแห่งพันธะสัญญาอย่างแน่นอน เนื่องจากว่าคืนวันศุกร์จะเป็นคืนที่เธอไม่เคยขาดเลยตั้งแต่ช่วงที่เริ่มมา
   
แล้วโดยปกติแล้วเนี่ย ผมมักจะรอให้ใกล้ถึงเวลาสามทุ่มก่อน ถึงจะมานั่งรอให้ห้องนอนของตัวเองเพื่อให้พี่วิสกี้ได้มาเจอกันแบบพอดิบพอดี แต่ไม่ใช่สำหรับวันนี้.. ที่ผมนั่งรอพี่สาวของเหล้ารัมอย่างใจจดใจจ่อตั้งแต่สองทุ่ม เพราะมีสองเรื่องใหญ่ๆ ที่อยากจะคุยกับเธอ
   
ก๊อกๆๆ!
   
ซึ่งพอถึงสามทุ่มปุ๊บ เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นปั๊บแบบตรงตามเวลาเป๊ะ
   
"เข้ามาเลยครับ" ก่อนที่ผู้มาเยือนจะเดินทะลุประตูเข้ามาอย่างที่ชอบทำเมื่อได้ยินเสียงตอบรับจากผมแล้ว
   
"สวัสดี"
   
"สะ..สวัสดีครับ" ผมรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่สีหน้าของพี่วิสกี้ดูอ่อนแรงลงจากช่วงที่เราเจอกันแรกๆ.. จนผมแทบอยากจะถามเธอว่าอยากดื่มอะไรก่อนมั้ย แต่อีกใจก็คิดว่าถามไปก็คงจะโดนดุกลับมาตามเดิม เพราะฉะนั้นผมว่าผมปล่อยเลยตามเลยจะดีกว่า
   
"มาเริ่มกันเลยเถอะ"
   
ทว่า.. "เดี๋ยวครับ" ทันทีที่เห็นว่าพี่วิสกี้กำลังจะเผยด้ายแดงของผมกับเหล้ารัมออกมา ผมก็รีบร้องห้ามอย่างสุภาพ เรียกความสนใจแบบ 'ตาขวาง' จากพี่วิสกี้ได้แบบฉับพลัน "เอ่อ.. คือผมมีเรื่องอยากจะขอร้องน่ะครับ" แต่ผมชินเสียแล้วกับความดุดันของพี่วิสกี้ในโหมดนี้ ก็เลยกล้าพอที่จะพูดเรื่องแรกที่อยู่ในใจออกไป ถึงแม้ว่าหน้าตาของอีกฝ่ายจะดูไปค่อยสบอารมณ์ก็ตาม
   
"อะไร?"
   
"คือ.. วันนี้เป็นวันเกิดปีที่ยี่สิบเอ็ดของผมครับ ผมก็เลย..อยากจะขอให้พี่วิสกี้ค่อยมาทำลายเส้นด้ายพรุ่งนี้ได้มั้ย เพราะ..ถ้าเกิดว่าพี่เกิดทำลายได้สำเร็จวันนี้ ผมก็..จะต้องตายทันทีครับ"
   
"..." พอได้ยินแบบนั้น พี่วิสกี้ก็ดูจะนิ่งไปนิดนึง.. ก่อนที่จะถอนหอยใจออกมาเสียยืดยาว พร้อมกับคำถามที่ผมไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากของคนอย่างพี่วิสกี้ "วันนี้วันเกิดนายอย่างงั้นหรอ?" ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงการถามทวนในสิ่งที่ผมได้พูดไปแล้วก็ตาม
   
"ครับ"
   
"เฮ้ออออออ โอเค ฉันจะยอมให้นายวันนึงก็ได้ เพราะเดี๋ยวเกิดนายตายไป น้องชายฉันคงไม่มองหน้าฉันอีกเลย" พูดจบแค่นั้น พี่วิสกี้ก็ยินยอมตามคำขออย่างง่ายๆ
   
ซึ่ง...เป็นอะไรที่ผมก็ไม่ค่อยจะแปลกใจเท่าไหร่นัก เพราะว่าช่วงหลังๆ มานี้ นอกจากผมที่จะเริ่มชินกับชีวิตมากขึ้น ผมว่าผมเองก็สังเกตนะว่าพี่วิสกี้เองก็มีความอ่อนลงกว่าตอนแรกๆ เหมือนกัน
   
อย่างครั้งนึง ผมเคยถามออกไปว่า.. "พี่วิสกี้ครับ ผมขอถามอะไรอย่างนึงได้มั้ยครับ?"
   
"อะไร?"
   
"มันไม่มีทางออกอื่นแล้วหรอครับ ที่จะทำให้เราทั้งสองฝ่ายสามารถพบกันครึ่งทางได้ อย่างเช่น.. ไม่ต้องถอนพันธะสัญญา แต่ทำให้ผมกลายเป็นภูตผีปีศาจเพื่อที่จะได้มีอายุขัยยืนยาวเหมือนกับเหล้ารัมอะไรแบบนั้น"
ซึ่งก้อนความคิดนี้มันไม่ใช่สิ่งที่ผมมโนขึ้นมาเองนะ แต่มันมาจากครั้งนึงที่เหล้ารัมเคยบอกว่าเขามีทางที่จะทำให้ผมอายุยืนยาวแบบพ่อมดได้ เพียงแต่ว่าหลังจากนั้น..อาการเจ็บปวดใจก็กำเริบขึ้นมาซะก่อน เลยทำให้ยังไม่ได้รู้ความ
   
"..." แล้วผลก็คือ.. พี่วิสกี้ไม่ได้ตอบอะไรกลับมาทั้งนั้น ทว่า..นัยน์ตาสีม่วงเข้มภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่งกลับสั่นไหวรุนแรง.. ก่อนที่เธอจะรีบกลับหลังหันเหมือนรู้สึกตัวว่าได้แสดงมุมอ่อนแอออกมา.. แล้วเดินจากไปอย่างเชื่องช้าและเงียบงันไม่ต่างจากตอนนี้เลย..
   
"เดี๋ยวก่อนครับพี่วิสกี้" แต่กับคราวนี้ผมยังไม่ยอมปล่อยให้พี่วิสกี้จากไปง่ายๆ หรอกนะครับ เพราะผมยังมีอีกเรื่องที่อยากจะขอร้อง
   
"อะไรอีก?" ทำเอาพี่วิสกี้ต้องหันกลับมาถามด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายใจ
   
"คือ.. ผมขอฝากเค้กไปให้เหล้ารัมหน่อยจะได้มั้ยครับ?" ผมจึงรีบก้าวยาวๆ ไปหยิบถุงเค้กสองถุงที่วางเตรียมไว้อย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะหงุดหงิดกว่านี้จนไม่สามารถคุยได้ "ผมทำเตรียมไว้แต่เช้าแล้ว ถุงนี้เป็นรสเค้กรสนมของเหล้ารัม ส่วนถุงนี้..ผมทำเอาไว้ให้พี่วิสกี้ครับ เป็นรสช็อกโกแลต เพราะจำได้ว่าเหล้ารัมเคยบอกว่าพี่วิสกี้ชอบ"
   
"..."
   
ตึกตัก ตึกตัก
   
ผมรู้สึกว่าใจของตัวเองเต้นแรงขึ้น เมื่อพี่วิสกี้นิ่งไปนิดนึง.. ก่อนที่เธอจะก้มลงมองถุงเค้กสองถุงสลับไปมา แล้วเงยหน้ามาหยุดสายตาอยู่ที่หน้าผมอีกครั้ง...
   
"..." พอเห็นว่าอีกฝ่ายจ้องมองเข้ามาในตา.. ผมก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากจ้องตากลับไปด้วยสายตาอ้อนวอน
   
ก็เลยกลายเป็นว่าเราสองคนยื่นนิ่งกันอยู่ในความเงียบนานนับนาที ก่อนที่ไหล่ของพี่วิสกี้จะห่อลงเล็กน้อย แล้วผลที่ตามมาก็คือ..
   
"ก็ได้" ..พะ..พี่วิสกี้รับเค้กสองถุงจากไปถือไว้..ยะ..อย่างที่ผมแทบจะไม่เชื่อสายตาของตัวเอง!
   
"ฮึก.." ม่านน้ำตาบดบังการมองเห็นของผมทันทีที่รับรู้ได้ว่าพี่วิสกี้มีบางอย่างที่เปลี่ยนไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง..
   
"สุขสันต์วันเกิดนะ..วาฬ" ..เมื่อเธอกล่าวคำอวยพรผมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าเดิมเกือบเท่าตัว
   
"ขอบคุณนะครับพี่วิสกี้.. ฮึก.. ขอบคุณมากจริงๆ ครับ"
   
ก่อนที่หลังจากนั้นพี่วิสกี้จะเดินจากไป.. แล้วปล่อยให้ผมพร่ำบอกคำขอบคุณไล่หลังเธอทั้งน้ำตา..

(http://pic.pimg.tw/demona/1405329580-1468390043.gif)

จบตอนที่ 20

*พูดคุยที่ทวิตเตอร์กันได้ โดย #พ่อมดเหล้า นะครับ

มายเพจ : #แฮมสเตอร์ (https://www.facebook.com/hamsterisanauthor)

 :hao5:

หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบ...วาฬ || อัพเดท : 15/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 15-09-2016 20:35:34
พี่วิสกี้ทำไมยังต้องขัดขวาง เหล้ารัมบอกว่ามีทางแก้อีกนี่นา

ว่าแต่ ฝ่ายวาฬที่เป็นมนุษย์ไม่สามารถทำอะไรพ่อมดแม่มดได้เลยงั้นเหรอ? ดูเหมือนชีวิตนางเอกหลังข่าวจริง
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบ...วาฬ || อัพเดท : 15/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 15-09-2016 20:37:31
เอียนกลายเป็นคนที่น่าทุเรศได้ยังไง ความเอ็นดูที่เคยมีให้วาฬอย่างน้อยที่สุดก็ในฐานะน้องชายน่ะ ไม่เหลือเลยเหรอ... คนอะไร น่ารังเกียจขนาดนี้ วิสกี้ใจอ่อนเร็วๆก็ดีนะ สงสารเหล้ารัม
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบ...วาฬ || อัพเดท : 15/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: kiolkiol ที่ 15-09-2016 20:41:42
 :sad4:พี่วิกกี้ใจอ่อนแล้ว สู้ๆนะวาฬ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบ...วาฬ || อัพเดท : 15/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 15-09-2016 21:23:04
เอาเอียนมาทำไม...
อ่านแล้วร้องไห้เลย สงสาร
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบ...วาฬ || อัพเดท : 15/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-09-2016 22:53:17
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบ...วาฬ || อัพเดท : 15/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 15-09-2016 23:14:46
วันเกิดก็ไม่ได้อยู่ฉลองกันต้องฝากเค้กของเหล้ารัมให้วิสกี้ถือไปให้แทน :mew4: :mew4: :mew4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบ...วาฬ || อัพเดท : 15/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 16-09-2016 00:54:28
โอ๊ยยยย น้ำตาท่วมแล้วววว นี่เราอยากรู้เรื่องเอียนมากเลยล่ะ :katai1:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบเอ็ด...เหล้ารัม || อัพเดท : 16/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 16-09-2016 17:05:43

บทที่ 21
{ เหล้ารัม }

(http://66.media.tumblr.com/35e118f0722f1992ea4ee3e669f2de68/tumblr_ngt7ymrT7m1qhodd8o2_1280.gif)

- Rum’s Part -
   
ผมคงเป็นคนเดียวในคุกต้องห้ามนี้ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย นอกจากการรักใครคนนึงจนหมดหัวใจ..
   
ห้องขังที่ผมได้ค่อนข้างหรูหราและอัดแน่นไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน ซึ่งแตกต่างอย่างมากเมื่อนำไปเทียบกับภาพในหัวที่จินตนาการไว้ ว่าจะต้องมืดมน อับชื้น และมีหนูมากมายบุกรุกเข้ามา
   
ซึ่งสาเหตุที่ได้ห้องระดับวีไอพีขนาดนี้ ก็ด้วยเหตุที่ผมบอกไปข้างต้น ว่าผมไม่ได้ทำความผิดอะไรเลย และที่ต้องมาอยู่ที่นี่ก็เป็นเพียงแค่การ ‘ฝากขัง’ โดยผู้นำสูงสุดของตระกูลอัครวรกุลพิชิต (พี่วิสกี้) เท่านั้น ถึงได้ยังคงกินอิ่มนอนหลับเพราะยังมีเตียงนุ่มนอนสบายแบบนี้
   
แต่ถึงแม้ว่าที่นี่จะดีสักแค่ไหน ผมก็ไม่ได้เอาแต่นั่งๆ นอนๆ อยู่เฉยๆ ไปวันๆ หรอกนะครับ เพราะถึงยังไง...ใจผมมันก็โหยหาคนที่ผมรักอยู่เสมอ ขนาดที่ว่า..ผมเกือบจะนอนร้องไห้เป็นเด็กๆ อยู่หลายต่อหลายครั้งแล้ว.. แต่ติดตรงที่ว่าผมจะเอาเวลาไปทำแบบนั้นไม่ได้ ผมต้องเข็มแข็งเข้าไว้ ต้องคอยคิดถึงเวลาที่วาฬพยายามทำให้ผมยิ้มเพื่อที่จะได้มีกำลังใจหาทางออกของปัญหาต่อไป
   
เพราะว่าถ้าผมเกิดอ่อนแอขึ้นมาซะเอง แล้วจะเอาอะไรไปทำให้วาฬมั่นใจได้ล่ะ ว่าผมสามารถที่จะปกป้องเขาจากอันตรายทั้งหลายได้ ถูกมั้ยครับ?
   
ดังนั้น สิ่งที่ผมควรจะทำที่สุดก็คือ..การหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้!
   
แต่มันไม่ง่ายเลย.. เพราะว่าระบบความปลอดภัยของที่นี่แน่นหนามาก ถึงขนาดที่ว่าไม่เคยมีพ่อมดแม่มดที่เป็นนักโทษคนได้ถูกควบคุมการใช้เวทมนตร์ในคุกต้องห้ามนี้แม้แต่คนเดียว เนื่องจากผู้คุมขังทุกคนมั่นใจว่าต่อให้ใช้เวทมนตร์ที่เก่าแก่และเก่งกาจขนาดไหน ก็ยังไม่สามารถเอาชนะระบบรักษาความปลอดภัยจากที่นี่ได้
   
ซึ่งจริง เพราะว่าผมลองหนีออกไปจากห้องสี่เหลี่ยมๆ นี่หลายครั้งแล้ว แล้วผลก็คือ..ผมได้พบกับความอันตรายมากมายเกินกว่าที่พ่อมดแม่มดคนนึงจะจินตนาการได้ ตั้งแต่คำสาปเล็กๆ ไปจนถึงมังกรยักษ์ที่พร้อมจะแผดเผาคุณด้วยไฟ ซึ่งที่พูดนี่คือแค่เท่าที่ผมเจอนะ เพราะพอไปได้ถึงจุดหนึ่ง ผมก็พลาดท่าและโดนกระชากกลับมายังห้องขังของตัวเองในสภาพยับเยินเสียก่อนทุกที จนช่วงหลังๆ มานี้ ผมว่าผมชักจะเริ่มเสพติดความเจ็บปวดขึ้นมาเสียแล้ว..
   
แต่ถึงจะเจ็บปวดสักแค่ไหน ผมก็ดีใจนะ ที่ทุกครั้งที่ผมพยายามแหกคุกออกไป ผมก็จะหนีไปได้ไกลขึ้น ไกลจนหวังว่าสักวัน..จะไปจนถึงสุดทางของด้ายแห่งพันธะสัญญา..
   
“นายควรบอกพี่สักที ว่ามันมีอะไรที่จะทำให้พี่ถอนพันธะสัญญาของนายสองคนได้บ้าง!?” พี่วิสกี้เป็นคนที่แวะมาหาผมบ่อยที่สุดในบรรดาผู้คนที่ผมรู้จัก ซึ่งเธอก็มักจะพูดแต่เรื่องเดิมๆ จนผมไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาประชดประชันเธอแล้ว ก็เลยเลือกที่จะทำเมิน แล้วถามเรื่องของวาฬกลับไปแทน
   
“วาฬเป็นยังไงบ้างครับพี่?”
   
“นี่นายไม่ได้ฟังพี่เลยใช่มั้ยเนี่ย!?”

   
ซึ่งนอกจากที่พี่สาวของผมจะไม่ตอบแล้ว ยังมีการโวยวายใส่ด้วย ผมเลยมักจะเปลี่ยนเรื่องคุยให้เธอเย็นลง โดยการโน้มน้าวให้พี่วิสกี้ ‘ไปในอีกเส้นทาง’ ที่เราสองคนต่างก็รู้ดีว่ามันจะกลายเป็นทางออกที่ดีสำหรับทุกฝ่าย
   
แต่คำตอบที่มักจะได้รับอยู่เป็นอาจิณก็คือ ”ไม่!” ก่อนที่เธอจะหนีกลับไปเลย...
   
“เฮ้ย เป็นไงบ้างวะไอ้เหล้ารัม กินอิ่มนอนหลับดีมั้ย?” โชคดีอยู่อย่างที่ถึงจะต้องอยู่ในนี้นานสักแค่ไหน แต่วินเซนต์กับเบเนดิกต์ก็มักที่จะแวะเวียนนำข่าวของวาฬมาบอกผมเสมอ ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นเรื่องเดิมๆ..คือวาฬเอาแต่ร้องไห้..
   
ในขณะที่ถ้าผมเลือกได้ ผมคงไปซับน้ำตาให้วาฬแล้ว.. แต่ไอ้คุกนี่สิ แม่งโหดหินซะเหลือเกิน! จนผมอยากบ้าตายอยู่แล้วที่ไม่ได้เจอหน้าวาฬสักที!
   
“เอางี้มั้ย ในระหว่างที่แกยังหนีออกไปจากที่นี่ไม่ได้ ก็เขียนจดหมายไปหาวาฬก่อน เผื่อว่าถ้าเขาได้อ่านสิ่งที่แกเขียน อาจจะช่วยให้เขาดีขึ้นก็ได้” ด้วยความที่ยังไม่สามารถออกไปได้ ไอ้เจ้าชายก็เลยออกไอเดียเรื่องจดหมายขึ้นมา โดยมันจะอาสาเป็นคนไปส่งด้วยตัวเอง ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมได้ฟังในตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้เลย : )
   
จดหมายฉบับแรกที่ผมเขียนไปหาวาฬ เป็นจดหมายที่ตั้งใจจะบอกให้เขา ‘อย่าร้องไห้’ ซึ่งก็รู้นะว่าช่วยอะไรไม่ได้มากนักหรอก แต่อย่างน้อยก็อาจจะทำให้รู้สึกดีขึ้นได้กว่าที่เขาเป็น แล้วผลที่ได้รับจากจดหมายฉบับแรกที่ตอบกลับมาก็คือ..

   จดหมายฉบับที่หนึ่ง..ถึงเหล้ารัม
   ผมคิดถึงคุณนะ แล้วก็ดีใจมากด้วย ที่ได้รู้ว่าห้องขังของคุณวีไอพีแค่ไหน
   แต่ก็อย่างที่คุณว่า ยังไงที่นั่นก็ไม่น่าอยู่นานนักหรอก เพราะถ้าคุณไม่มีผมคอยสร้างปัญหาให้ มันจะไปสนุกอะไร จริงมั้ย?
   ส่วนเรื่องที่คุณอยากให้ผมร้องไห้น้อยลง ผมพยายามอยู่นะ เมื่อวานนี้ก็ไปดูหนังตลกมา ก็พอช่วยได้บ้าง แต่คงจะดีกว่านี้.. ถ้าผมได้ป้อนป๊อบคอร์นคุณในระหว่างที่ดูหนังไปด้วย เพราะว่าดูคนเดียวกินคนเดียวมันไม่ค่อยจะแฮปปี้สำหรับผมเท่าไหร่ อ้อ แล้วก็อยากมีคุณมาคอยซบไหล่ผมด้วย หนังคงน่าดูขึ้นอีกเยอะ
   ป.ล. ผมฝากหมึกผัดไข่เค็มมาให้ด้วย หวังว่ารสชาติจะยังถูกใจคุณเหมือนเดิม


อย่าลืมกันนะ
ลงชื่อ.. วาฬ
   
..ผมร้องไห้
   
ถึงจะบอกตัวเองว่าต้องเข็มแข็งแค่ไหน แต่เมื่อได้เห็นลายมือและสิ่งที่วาฬตอบกลับมา มันก็ทำให้ผมเหมือนถูกทุบกำแพงที่สร้างลงจนแตกสลาย..
   
ยิ่งอ่านก็ยิ่งคิดถึงตอนที่เราสองคนไปดูหนังด้วยกัน.. ตอนนั้นผมรู้ตัวนะว่าผมรบกวนสมาธิในการดูหนังของวาฬมากๆ แต่ผมก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ เพราะไม่เคยทำอะไรแบบนั้นกับใครมาก่อน มันก็เลย..รนๆ แบบที่ไม่ค่อยจะเป็นตัวของตัวสักเท่าไหร่ และสัญญากับตัวเองว่าคราวหน้า ผมจะปรับปรุงการดูหนังกับแฟนของผมให้ดีขึ้น
   
อ้อ แล้วก็ไม่ใช่เท่านั้นนะ จดหมายฉบับนี้ยังมีหมึกผัดไข่เค็มของโปรดผมส่งกลับมาด้วย ซึ่งเป็นอะไรที่อร่อยมาก! ผมแทบหยุดกินไม่ได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว ไม่เสียแรงเลยสักนิดที่เขียนบ่นว่าอยากกินลงไปแบบนั้น : )

   จดหมายฉบับที่สอง..ถึงเหล้ารัม
   ขอโทษที่จดหมายฉบับนี้ตอบกลับมาช้า.. ก็อย่างที่คุณรู้ ช่วงนี้ผมค่อนข้างยุ่งมาก ซึ่งข้อดีก็คือ..มันทำให้ผมร้องไห้น้อยลงอย่างที่คุณต้องการแล้ว แต่ว่าไอ้ข้อเสียเนี่ยสิ..คือขอบตาผมมันดำจนกลายเป็นแพนด้าแล้ว!

(https://scontent.fbkk2-2.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/14355655_1086934738093710_5403433870280864947_n.jpg?oh=f08ef8ad63ac4a28c4587145234cf562&oe=587C2564)

   ผมวาดรูปสภาพหน้าผมตอนนี้มาให้คุณดูด้วย เป็นไงล่ะ? เหมือนแพนด้าอย่างที่ผมว่ามั้ย!?
   ยังไงคุณก็รีบกลับมานะ มาใช่เวทมนตร์อะไรกับผมก็ได้ให้ผมหายขอบตาดำสักที ทนอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว!!!!
   ป.ล. ขอให้คุณโชคดีกับการแหกคุกนะครับ
   ป.ล.2 พอไม่มีคุณอยู่ด้วย คอนโดมันดูกว้างจนเหงาเลยอะ[/i]

   
อยากกอดคุณจัง
เผื่อว่าจะได้รับพลังเพิ่ม
ลงชื่อ.. วาฬ
   
ส่วนจดหมายที่สองที่ได้รับตอบกลับมาค่อนข้างทิ้งช่วงนานพอสมควร ซึ่งส่วนหนึ่งมันก็เป็นเพราะผมเองด้วยที่เขียนจดหมายฉบับที่สองส่งไปให้ค่อนข้างช้า เนื่องจากการหลบหนีครั้งล่าสุดทำเอาแขนของผมใช้การไม่ได้ไปหลายวัน
   
แต่พอได้เห็นรูปที่วาฬวาดมาแบบนี้ มันก็ทำให้ผมยิ้มได้ แล้วก็มีกำลังใจมากขึ้นไปอีก จนคิดว่าต่อให้ต้องบาดเจ็บเจียนตาย ผมก็จะออกไปหาเจ้าของลายมือนี้ให้จงได้!

   จดหมายฉบับที่สาม..ถึงเหล้ารัม
   คราวก่อนคุณส่งเพลงแทนความรู้สึกของคุณมาให้
   คราวนี้คงถึงตาผมบ้างแล้ว..

   When you’re gone
   The pieces of my heart are missin’ you
   When you’re gone
   The face I came to know is missin’, too
   When you’re gone
   The words I need to hear
   To always get me through the day
   And make it okay
   I miss you
   --When You’re Gone : Avril Lavigne

   ไม่รู้ว่าคุณจะหาฟังได้มั้ย?
   ป.ล. อยากให้คุณกลับมาสักที


I miss you
ลงชื่อ.. วาฬ

   
ส่วนจดหมายฉบับที่สามนี่เกิดจากความดราม่าของผมเอง.. คือ.. มันมีอยู่วันนึง ในขณะที่ผมกำลังนอนรอเพื่อให้แผลจากการหลบหนีหายดีพอที่จะหนีต่อได้ ผมก็ดันนึกถึงเนื้อเพลงของมนุษย์เพลงนึงที่ผมเคยฟังนานมากแล้ว
   
ซึ่งเมื่อก่อนนี้ผมไม่เคยอินกับมันเลยนะ จนมาถึงวันนี้.. ผมถึงได้รู้ว่า.. ความหมายของความรักที่ห่างไกลและโหยหากันมันทรมานขนาดไหน.. ถึงได้เขียนเนื้อเพลงส่งไปให้แทนความรู้สึกในใจของตัวผมเอง
   
แล้วผลที่ได้คือ.. เนื้อเพลงแทนใจของวาฬที่ทำเอาหัวใจผมแกว่งไปเลยเหมือนกัน..
   
ฟึ่บ!

/ ต่อด้านล่าง /

หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบเอ็ด...เหล้ารัม || อัพเดท : 16/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 16-09-2016 17:06:07
ผมรีบเก็บจดหมายเกินกว่าสามฉบับที่ได้รับตอบกลับมาของวาฬลงกล่อง เมื่อเห็นว่ากำแพงห้องขังเปิดออกเป็นวงกว้าง ก่อนที่พี่วิสกี้จะก้าวเดินเข้ามา พร้อมกับถือถุงอะไรบางอย่างมาด้วย?
   
“ทำไมวันนี้มาดึกจัง?”
   
“ก็ที่นี่มันเปิดยี่สิบสี่ชั่วโมง พี่จะมาตอนไหนมันก็ได้ทั้งนั้นแหละ”
   
“โอเค” ผมยกมืออย่างยอมแพ้ เพราะไม่อยู่ในอารมณ์ที่อยากทะเลาะกับพี่วิสกี้เท่าไหร่นัก “ว่าแต่.. ไอ้นั่นอะไรน่ะ?” ก่อนจะเบี่ยงความสนใจไปที่ถุงในมือพี่สาวของผมแทน
   
“คือ..” แต่น่าแปลกที่วิสกี้กลับดูอ้ำอึ้งไป ดูไม่เป็นตัวของตัวเองเลยสักนิด?
   
“คือ?” ผมก็เลยเลือกที่จะถามซ้ำอีกครั้ง พี่วิสกี้ถึงได้ยอมพูดออกมา
   
“คือ.. วาฬฝากเค้กมาให้นายน่ะ” ไม่พูดเปล่า เธอส่งถุงที่บอกว่าเป็นเค้กจากวาฬให้ผมถุงนึง “พอดีวันนี้ตั้งใจจะแวะไปทำลายด้ายแห่งพันธะสัญญา แค่ดันเป็นวันเกิดของนายนั่น ก็เลยเว้นไว้ก่อน เพราะถ้าเกิดฉันทำลายสำเร็จแล้ววาฬตาย นายคงเกลียดฉันไปตลอดชีวิตแน่”
   
“...” ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ทำเพียงแค่ยิ้ม..เมื่อรู้สึกว่าภายในใจมันเต็มตื้นไปด้วยความรู้ดีๆ ที่เห็นว่าพี่วิสกี้ยอมรับเค้กจากวาฬมา
   
แล้วที่สำคัญกว่านั้นคือ..ผมดีใจมากเหลือเกินที่เมื่อพ้นวันเกิดปีที่ยี่สิบเอ็ดนี้ไป วาฬก็จะไม่ต้องตายเพราะคำสาปบ้าๆ นั่นอีกแล้ว : )
   
“สรุปว่าจะดีใจหรือเสียใจกันแน่ เดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวน้ำตาคลอ ทำตัวเป็นเด็กๆ ไปได้!”
   
จนได้ยินเสียงดุๆ จากอีกฝ่ายนั่นแหละ ถึงได้ทำให้ผมรู้ว่าตัวเองกำลังมีน้ำตา.. อะไรกันเนี่ย? ผมนี่ชักอ่อนไหวเป็นผู้หญิงเข้าไปทุกวันแล้วนะ
   
สงสัยงานนี้คงติดมาจากวาฬแหง : )
   
“แล้วนั่น?” แต่ในขณะที่ผมกำลังจะตอบอะไรพี่วิสกี้กลับไป ก็เกิดสะดุดใจกับอีกหนึ่งถุงที่อยู่ในมือของพี่สาวผมขึ้นมาซะก่อน เลยปัดน้ำตาออกอย่างลวกๆ ก่อนจะพยักพเยิดไปที่ถุงที่ว่านั่นแทน
   
“ของพี่..” พี่วิสกี้เว้นจังหวะนิดนึงเพื่อก้มลงมองสิ่งที่ผมถาม “วาฬเขาทำให้พี่น่ะ เป็นรสช็อกโกแลต เขาบอกว่าเขาจำได้ว่าพี่ชอบ เพราะว่านายเป็นคนบอก”
   
“พี่..” ผมถึงกับพูดออกไปได้แค่นั้น เมื่อรู้สึกถึงก้อนความรู้สึกบางอย่างที่มันขึ้นมาจุกอยู่ที่อกผมในตอนนี้..
   
เพราะมันแปลกมาก.. แปลกมากที่พี่สาวผมดูอ่อนลงเรื่องวาฬ จนใจผมมันพองโตอย่างมีความหวังว่านั่นอาจจะเป็น..สัญญาณที่ดีสำหรับเรื่องที่กำลังเป็นปัญหาอยู่นี่ก็ได้
   
“พี่วิสกี้ ผมอยากไปหาวาฬ” เลยตัดสินใจเกริ่นนำร่องไปก่อน เผื่อว่าความ ‘อ่อนลง’ ของพี่วิสกี้ที่ผมสัมผัสได้ อาจจะเป็นเพียงแค่ความเข้าใจผิดเท่านั้น
   
“เฮ้อออออ นายก็รู้ว่าพี่ยังปล่อยนายไปไม่ได้ จนกว่านายจะยอมถอนพันธะสัญญาจากวาฬหลังจากวันนี้” ซึ่งผลที่ได้รับก็คือผมถูกปฏิเสธเหมือนเดิมนั่นแหละ เพียงแต่..กลับเป็นการปฏิเสธที่ดูจะมีท่าทีอ่อนลงกว่าทุกครั้งจริงๆ.. 
   
จนพอผมเอาไปรวมกับเรื่องที่พี่วิสกี้รับเค้กจากวาฬมา.. มันยิ่งทำให้ผมแอบคิดว่า.. บางทีนะ พี่สาวผมอาจจะมีความคิดที่เปลี่ยนไป..
   
“แต่พี่ก็รู้นี่ ว่าผมจะไม่ยอมถอนพันธะสัญญาเด็ดขาด” เพราะขนาดว่าผมพูดแบบนี้ เธอยังไม่เถียงอะไรกลับมาเลย
   
“...” ทำเพียงแค่ก้มลงมองถุงที่อยู่ในมือเท่านั้น
   
“พี่วิสกี้.. ช่วยผมเถอะนะ พี่เองก็รู้ดีว่ามันยังมีอีกหนึ่งทางออกที่ดีกับเราทุกฝ่าย ขอแค่พี่ช่วย ผมสัญญาว่าผมจะไม่ขออะไรจากพี่อีกเลย.. นะพี่” พอเห็นว่าบรรยากาศระหว่างเราสองพี่น้องต่างไปจากหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา ผมจึงจัดสินใจขยี้ต่ออีกนิด
   
และถ้าเธอตกลงช่วย ชีวิตนี้ผมจะไม่ขออะไรจากพี่สาวของผมอีกเลย
   
“เหล้ารัม..” พี่วิสกี้ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นจากถุงเค้ก “นายไม่คิดบ้างหรอ ว่าบางที..นายก็ขอพี่มากเกินไป.. นายจะเอาแต่ได้กับได้ โดยที่นายไม่แคร์พี่บ้างเลยอย่างงั้นน่ะหรอ?”
   
ใช่.. ผมรู้ว่าที่ผ่านมาผมก็มีความต้องการหลายอย่างในชีวิต ด้วยความที่ไม่มีทั้งพ่อและแม่ พี่วิสกี้จึงเป็นคนเดียวที่คอยสรรหาทุกอย่างมาให้ จนบางครั้ง..ผมก็ลืมนึกไปเลยว่า ผมนี่ช่างเอาแต่ใจตัวเองเหลือเกิน..
   
“ผมยอมรับนะ ว่าที่ผ่านมา ผมเอาแต่ใจตัวเองเป็นที่หนึ่ง แถมยังขัดใจพี่ก็แทบจะทุกเรื่อง แต่นั่นก็เพราะว่า..ผมอยากได้รับอิสระเพื่อตามหาสิ่งที่ผมต้องการ ซึ่งก็คือ..ความรัก”
   
“...”
   
“ซึ่งในวันนี้ผมได้เจอในสิ่งที่ผมตามหาแล้ว นั่นก็คือวาฬ..คนที่ทำให้หัวใจผมมันหยุดอยู่กับที่ ไม่ต้องออกเดินทางตามหาความรักเหมือนหลายปีที่ผ่านมาอีกต่อไป”
   
“...”
   
“ผมไม่รู้นะว่าพี่จะเข้าใจความรู้สึกของผมมั้ย แต่ผมรักวาฬมาก.. เขาคือคนแรกและคนเดียวที่ทำให้ผมรักคนอื่นนอกจากคนในครอบครัวได้มากขนาดนี้”
   
“...”
   
“เขาคือคนที่..ทำให้ผมพร้อมที่จะละทิ้งความเห็นแก่ตัวทุกอย่างเพื่อให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปได้”
   
“...”
   
“จริงๆ ผมเองก็เข้าใจเหตุผลที่พี่พยายามจะตัดขาดพันธะสัญญาของเรานะ แต่ผมก็อยากให้พี่เขาใจด้วยว่าความรักของผมกับวาฬมันเดินทางมาไกลมากเกินกว่าที่จะถอยหลังกลับแล้ว เพราะฉะนั้น ผมถึงได้บอกว่านี่จะเป็นคำขอสุดท้ายจากผม”
   
“...”
   
“ขอเพียงแค่ความช่วยเหลือจากพี่ให้ผมได้อยู่กับเขาไปอีกนานแสนนานเท่านั้น”
   
“น่ะ..นายจะทำอะไร?” มาถึงตรงนี้ ผมตัดสินใจคุกเข่าลงต่อหน้าพี่สาวของตัวเอง เลยทำให้เธอค่อนข้างตกใจเล็กน้อย
   
“นะพี่” ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่ามันเว่อไปก็ได้ แต่ผมแค่อยากให้พี่วิสกี้เห็นว่า..นี่คือคำขอร้องอย่างจริงจังจากผม และมันจะเป็นคำขอสุดท้ายอย่างที่ผมได้พูดไปจริงๆ
   
ทว่า.. “พอเถอะ วันนี้พี่เหนื่อยมาก ไม่อยากจะต้องมาคุยเรื่องนี้อีกแล้ว” พี่วิสกี้รีบยกมือห้าม
   
“แต่พี่..”
   
“พี่กลับล่ะ”
   
พูดจบแค่นั้น พี่วิสกี้ก็เดินออกจากห้องขังไป ปล่อยผมให้นั่งคุกเข่ามองตามแผ่นหลังของเธอไป..ด้วยอารมณ์ที่แยกออกเป็นสองทาง..
   
คือหนึ่ง..ผมแอบเสียใจนิดหน่อยที่พี่วิสกี้ยังไม่ยอมตกปากรับคำว่าจะช่วย
   
แต่สอง.. ผมรู้สึกดีใจนะ ที่แวบนึง..ผมได้มีโอกาสเห็นความสั่นไหวภายนัยน์ตาของพี่สาวผม.. ซึ่งนั่นบ่งบอกว่า..อาจจะเป็นสัญญาณที่ดีหลังจากนี้ก็ได้
   
“เฮ้อออออออ” ผมค่อยๆ ลุกขึ้นพลางถอนหายใจกับตัวเองที่ยังต้องติดอยู่ในห้องขังนี้ต่อไป ทั้งๆ ที่ก็เป็นเป็นวันเกิดของคนที่ผมรักแท้ๆ
   
แต่เอาเถอะ ยังไงซะวันนี้ก็มีเค้กฝีมือวาฬอยู่เป็นเพื่อนผมด้วย คงเป็นคืนที่ไม่เหงานักหรอกมั้ง : )
   
คิดได้ดังนั้น ผมก็นำเค้กไปใส่จานในโซนครัว ถึงได้เห็นว่ามันเป็นเค้กรสนมหน้าตาน่ากิน พร้อมกับที่มีกระดาษโน๊ตติดมาบนฝากล่องด้วย..

   
‘ขอบคุณที่ทำให้ผมมีชีวิตอยู่ต่อไป รักคุณนะเหล้ารัม -วาฬ’

   
ผมอมยิ้มออกมาเลยเมื่อได้เห็นข้อความแบบนั้น เพราะว่าผมเองก็อยากที่จะขอบคุณวาฬเหมือนกัน ที่มีชีวิตอยู่เพื่อให้ผมได้รักเขาต่อไป : )
   
ทว่า..
   
เคร้ง!
   
ในขณะที่ผมกำลังจะหยิบช้อนมาตักเค้ก.. ลางสังหรณ์บางอย่างที่ผุดขึ้นภายในใจก็ทำเอาช้อนหลุดมือ!
   
“วาฬกำลังตกอยู่ในอันตราย!”
   
ตึกตัก ตึกตัก
   
จะ..ใจของผมเต้นแรงมากเมื่อปากมันร้องออกมาในสิ่งที่ใจคิด.. ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้ลางสังหรณ์บ้าๆ นี่มันมาจากไหน แต่มันกลับส่งผลรุนแรงเสียจนผมนั่งไม่ติดอีกต่อไปแล้ว!
   
ตู้มมมมมมมม!!
   
ไวเท่าความคิด ผมหันไประเบิดกำแพงห้องขังจนกลายเป็นวงกว้าง ก่อนที่จะฝ่าฟันอันตรายด้านนอกเอาไปอย่างไม่กลัวเกรง
   
เพราะต่อให้การหนีครั้งนี้มีค่าเท่ากับตาย ก็ขอให้ผมไปตายตอนที่ได้เห็นว่าวาฬปลอดภัยดีก็แล้วกัน!

(http://pic.pimg.tw/demona/1405329580-1468390043.gif)

จบตอนที่ 21

สำหรับตอนต่อไป จะเป็นตอนจบนะครับ
ซึ่งตอนจบ+บทส่งท้าย..จะอัพในวันที่ 30 ก.ย. 2016 นะครับ
ขอบคุณทุกคนที่ยังตามอ่านกันครับ

*พูดคุยที่ทวิตเตอร์กันได้ โดย #พ่อมดเหล้า นะครับ

มายเพจ : #แฮมสเตอร์ (https://www.facebook.com/hamsterisanauthor)

 :hao5:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบเอ็ด...เหล้ารัม || อัพเดท : 16/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 16-09-2016 17:14:48
มีลางว่าต้องเกี่ยวกับเอียน
รอตอนต่อไปน้าาาาา
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบเอ็ด...เหล้ารัม || อัพเดท : 16/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 16-09-2016 18:09:13
รู้สึกว่ามันสั้นๆ เหมือนตัดจบเลยอ่าค่ะ T T
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบเอ็ด...เหล้ารัม || อัพเดท : 16/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 16-09-2016 19:08:32
วาฬเป็นอะไรอีกล่ะ ไหนว่า พันธสัญญาสำเร็จแล้ว
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบเอ็ด...เหล้ารัม || อัพเดท : 16/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 16-09-2016 19:54:21
ลุ้นๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบเอ็ด...เหล้ารัม || อัพเดท : 16/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: kiolkiol ที่ 16-09-2016 20:25:27
วาฬฬฬฬฬ :ling1:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบเอ็ด...เหล้ารัม || อัพเดท : 16/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 16-09-2016 20:57:40
ค้างงงง
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบเอ็ด...เหล้ารัม || อัพเดท : 16/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 17-09-2016 08:43:38
ขอให้วาฬปลอดภัยนะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบเอ็ด...เหล้ารัม || อัพเดท : 16/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 17-09-2016 09:48:09
เหยยยย เกิดอัลลัยยยยย
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบเอ็ด...เหล้ารัม || อัพเดท : 16/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 22-09-2016 14:05:33
เกิดอะไรขึ้น
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 30-09-2016 13:43:49
บทที่ 22
{ ทางออกสุดท้าย }

(http://66.media.tumblr.com/35e118f0722f1992ea4ee3e669f2de68/tumblr_ngt7ymrT7m1qhodd8o2_1280.gif)

- Wan’s Part –
   
คำอวยพรวันเกิดและท่าทีที่เปลี่ยนไปของพี่วิสกี้ทำให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้นกว่าในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ถึงขนาดที่ว่ารีบล้างหน้าล้างตาแล้วเปิดประตูออกจากห้องเพื่อจะนำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ไปเล่าให้พ่อกันแม่ฟัง
   
“อ้าว ยังไม่นอนอีกหรอคะคุณวาฬ” แต่ในขณะที่เปิดประตูออกไป ก็เจอกับพี่ฟ้าที่กำลังถือถาดวางแก้วนมผ่านหน้าห้องนอนของผมไป
   
“ยังครับ ว่าจะลงไปคุยกับคุณพ่อคุณแม่สักหน่อย”
   
“โอเคค่ะ งั้นเดี๋ยวพี่ขอตัวเอานมนี่ไปให้นายเอียนก่อนนะคะ”
   
“เดี๋ยวครับ” ผมถึงกับต้องเบรคพี่ฟ้าเอาไว้ทันที เมื่อได้ยินชื่อของคนที่ไม่คิดว่าจะกินนมในเวลาแบบนี้ได้ “พี่ฟ้าคิดไงเนี่ยจะเอานมไปให้เอียน เขาไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะครับ?”
   
“เปล่านะคะคุณวาฬ พี่ไม่ได้คิดเองนะคะ แต่นายวาฬเขาเดินลงไปขอพี่เองต่าง”
   
“เอียนเนี่ยนะขอเอง?” ผมถึงกับขมวดคิ้วมุ่นกว่าเดิมเมื่อได้ยินแบบนั้น
   
คือ.. ก็ไม่ได้ไม่เชื่อในสิ่งที่พี่ฟ้าพูดหรอกนะ เพราะยังไงก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่พี่ฟ้าจะต้องโกหกผมอยู่แล้ว เพียงแต่แค่..การขอรีเควสนมจากแม่บ้านของเอียนมันเป็นอะไรที่แปลกมากจริงๆ นั่นแหละ
   
“ใช่ค่ะ เขาลงไปขอกับพี่เองเลย ตอนแรกพี่ก็งงๆ นะคะ แต่ไม่กล้าถามอะไรมาก เดี๋ยวนี้หมอนี่ยิ่งอารมณ์ร้ายๆ อยู่ด้วย ไม่เห็นจะจะน่ารักเหมือนเมื่อก่อนเลย”
   
“...” นั่นสินะ.. ถ้าลองเป็นเมื่อก่อน เอียนคงสุภาพกับทุกคนในบ้านมากกว่า แต่ก็อย่างว่าแหละ เขาเองก็คงเจออะไรมาหนักหนาไม่น้อย ตั้งแต่วันที่หนีหายไป.. “งั้นเอามานี่ครับ เดี๋ยววาฬเอาไปให้เอียนเอง”
   
“อุ๊ย จะดีหรอคะ เขายิ่ง..”
   
“เอามาเถอะครับ วาฬจัดการได้” พูดจบแค่นั้น ผมก็หยิบแก้วนมมาถือไว้ ก่อนจะบอกให้พี่ฟ้ามีอะไรทำก็ไปทำได้ตามสบาย
   
ก๊อกๆๆ!
   
พอเห็นว่าพี่ฟ้าเดินลงไปแล้ว ผมก็เดินย้อนกลับมาที่หน้าห้องของเอียนเพื่อเคาะเรียกเขา
   
“...” ซึ่งไม่นานนัก เขาก็เปิดออกมา ก่อนจะมองผมสลับกับแก้วนมที่อยู่ในมือโดยไม่พูดอะไร
   
“คือ.. ฉันอาสาเอานมมาให้แทนพี่ฟ้าน่ะ หวังว่านายคงจะไม่ว่าอะไรนะ?” ผมเลยรีบพูดถึงสาเหตุที่ผมมาเคาะ เพราะถ้าไม่อย่างงั้น เขาอาจจะปิดประตูใส่หน้าผมเหมือนที่ผ่านๆ มาก็ได้
   
“...” แล้วก็เป็นอะไรที่แปลกมาก.. ที่วันนี้เขาไม่ปิดประตูใส่หน้าผมอย่างที่คิด แถมยังยื่นมือออกมารับแก้วนมด้วย จนผมคิดว่านี่น่ะ..ต้องเป็นสัญญาณที่ดีที่ผมกับเขาได้ปรับความเข้าใจกันแน่ๆ!
   
เพราะฉะนั้น.. “นี่” ก่อนที่เขาจะปิดประตูลง “ขอเข้าไปหน่อยได้มั้ย ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับนายน่ะ” ผมเลยบอกความต้องการของตัวเองออกไป
   
แอ๊ดดดดด~
   
แล้วใครจะคิดครับ ว่าเรื่องน่าประหลาดใจจะเกิดขึ้นอีกครั้ง จากตอนแรกที่รับแก้วนมจากมือของผมไปแล้ว ตอนนี้เอียนยังเปิดประตูออกกว้างขึ้นเพื่อให้ผมเข้าตามคำขออีกด้วย!
   
แปลก แปลกมาก! แปลกที่สุด!!
   
“ขอบคุณนะ” แต่ถึงจะแปลกยังไง ผมก็ไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไปหรอก เอียนอุตส่าห์เปิดประตูให้ขนาดนี้ แล้วผมจะมัวรออะไรอยู่ล่ะ
   
ปัง!
   
“อ๊ะ!” ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเสียงปิดประตูไล่หลังของเอียนค่อนข้างแรงมาก จนผมเผลอคิดไปในด้านลบว่า..เขาอาจจะจู่โจมในขณะที่ผมหันหลังอยู่ก็ได้!
   
แต่ผลคือ.. “โทษที..ที่ทำให้ตกใจ” นอกจากที่เอียนจะไม่จู่โจมผมแล้ว เขายังกล่าวคำขอโทษผมด้วย ราวกับว่าเอียนที่เคยส่งสายตาชิงชังมาให้..พลันหายไปแล้วเสียอย่างงั้น?
   
“ไม่ต้องขอโทษหรอก”
   
ซึ่งพอผมบอกเขาว่าไม่ต้องขอโทษ เอียนก็พยักหน้าหนึ่งที แล้วเงียบไป.. ปล่อยให้ผมยืนงงๆ ว่าจะสามารถจัดวางตัวเองเอาไว้ตรงไหนของห้องๆ นี้ได้บ้าง คือไม่ใช่ว่ามันรกหรืออะไรหรอกนะ ในทางตรงกันข้ามคือมันแทบจะไม่มีร่องรอยของการใช้ชีวิตเลยด้วยซ้ำ เพียงแต่แค่..พอความผูกพันที่เคยมีมันหายไป อะไรๆ มันก็ดูจะวางตัวลำบากไปเสียหมด
   
“...” แต่ก็เพียงไม่นานนัก เอียนที่ตอนแรกเอาแต่ยืนเงียบก็เริ่มขยับร่างกายไปยังโต๊ะข้างเตียง ก่อนที่เขาจะวางแก้วนมลงบนนั้น พร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งกับพื้น เอาหลังพิงกำแพง
   
“...” ในขณะที่ผมยืนชั่งใจอยู่เกือบนาที ก่อนที่จะตัดสินใจเดินไปนั่งในแนวเดียวกับเขา เพียงแต่เว้นระยะห่างแบบที่สามารถให้คนมานั่งตรงช่องว่างระหว่างพื้นที่ได้ถึงสองคน
   
คือ..ก็ไม่ได้อยากจะทำตัวตีสนิทอะไรหรอกนะ เพียงแต่แค่คิดว่า ถ้าจะต้องคุยกันจริงๆ ผมก็ไม่อยากจะยืนค้ำหัวเขา หรือว่านั่งห่างกันมากจนเกินไปอะไรแบบนั้น
   
“มีอะไรจะพูด ก็พูดมาสิ” แล้วเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเรื่องที่สามก็เกิดขึ้น เมื่อผมที่ไม่รู้จะเริ่มต้นการสนทนาในครั้งนี้ยังไงดี กลับได้ตัวช่วยเป็นเอียนที่จู่ๆ ก็ถามขึ้นมา ถึงน้ำเสียงจะดูไร้อารมณ์อย่างมาก แต่ก็ดีกว่าที่เขาไม่พูดอะไรกับผมเลยน่ะนะ
   
“คือ.. ก่อนอื่นเลย ฉันอยากจะขอโทษนายนะเอียน ขอโทษ..สำหรับทุกเรื่องที่เกิดขึ้นกับนาย โดยเฉพาะ..เรื่องในคืนนั้น..”
   
“...”
   
“ฉันเสียใจมากจริงๆ นะ ไม่ได้ตั้งใจให้ทุกอย่างเป็นแบบนั้นเลย เพียงแต่ถ้าแค่ตอนนั้นนายฟังฉัน...”
   
“ขอโทษหรอ?”
   
“วะ..ว่าไงนะ?”
   
ตอนแรกทุกอย่างดูจะไปได้สวยนะ คืออย่างน้อยๆ เอียนก็ยอมนั่งฟังผมแต่โดยดี แต่พอถึงตอนที่ผมจะเริ่มอธิบายเนี่ยสิ เขาก็ดันถามขัดขึ้นมา ก่อนที่แค่นหัวเราะในลำคอ จนผมถึงกับต้องหันไปถามซ้ำ เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงต้องขัดขึ้นมาแบบนี้ด้วย
   
“นายรู้สึกผิดกับเรื่องนี้จริงๆ น่ะหรอวาฬ?”
   
“กะ..ก็ต้องรู้สึกผิดอยู่แล้ว ในเมื่อ..”
   
“ถ้ารู้สึกผิดแล้วทำไมถึงทำให้ฉันต้องกลับมาติดอยู่กับนายด้วย!?”
   
“...”
   
“ทำไมถึงไม่ปล่อยฉันไปสักที!!?”
   
แล้วเอียนก็ทำเอาผมอึ้งไปเลย เมื่อจู่ๆ เขาก็หันมาเขย่าตัวผมแรงๆ อย่างบ้าคลั่ง จนความกลัวเข้าครอบคลุมหัวใจผมในช่วงเวลาอันรวดเร็ว
   
สะ..สายตาเกลียดชังของเอียนมันกลับมาอีกแล้ว!
   
“เอียน...” แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ยังใจดีสู้เสือนะ พยายามที่จะเรียกชื่อเขาเพื่อให้ฟังผมบ้าง
   
แต่กลับกลายเป็นว่า.. “ไม่ต้องมาเรียกชื่อฉัน!” ..ยิ่งทำให้เขาเขย่าตัวผมแรงยิ่งกว่าเดิม!
   
“...”
   
“ฉันเคยคิดว่าเราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ ทั้งๆ ที่ฉันเกลียดการที่ต้องมาอยู่ทำพันธะสัญญายังกับทาสของมนุษย์ แต่ฉันก็ยังเฝ้าอุตส่าห์ดูแลนายสารพัด แทบจะไม่ต่างจากนายชายในไส้!”
   
“...”
   
“แล้วนายตอบแทนฉันยังไงวาฬ.. ตอบแทนด้วยการจูบอย่างงั้นน่ะหรอ ไอ้คนผิดเพศ!!”
   
“เอียน.. ปล่อย..” แรงบีบที่มาพร้อมคำด่าของเอียนเริ่มทำให้ผมรู้สึกเจ็บที่หัวไหล่ทั้งสองข้างมากขึ้นเรื่อยๆ พยายามจะขอให้เขาปล่อยแล้วนะ แต่กลายเป็นว่าเขายิ่งบีบแรงขึ้น จนผมต้อง.. “บอกให้ปล่อยไงเล่า!” ..ผลักเขาออกไปให้ห่างจากตัว!
   
ทำให้เอียนหงายหลังไปชนกับขอบเตียงอย่างรุนแรง “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ~” แต่แทนที่เขาจะโวยวาย กลับหัวเราะราวกับว่าสะใจในความเจ็บที่เกิดขึ้นยังไงยังงั้น ยะ..ยังกับพวกคนบ้า!
   
“ฟังฉันนะเอียน ฉัน..”
   
“ฉันจะไม่ฟังอะไรจากปากนายทั้งนั้นแหละ!”
   
“แต่นายต้องฟัง!”
   
“...”
   
“นายควรได้รู้เรื่องจูบนั่น ว่าที่จริงแล้วฉันแค่ต้องการพิสูจน์ความรู้สึกที่มีต่อนายก็เท่านั้น และผลก็คือฉันไม่ได้ชอบนายเลยสักนิด มันเป็นแค่ความสับสนในวัยเด็ก นายเข้าใจฉันมั้ย!” ผมยืนหอบหายใจทันทีเมื่ออธิบายทุกอย่างจบลงอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าเดี๋ยวเอียนก็จะหาเรื่องขัดขึ้นมาอีก
   
“...” ซึ่งผลคือ..เอียนดูนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย เหมือนว่าเขากำลังตกใจกับสิ่งที่ผมพูด “นี่แสดงว่าที่ผ่านมา..ฉันเข้าใจนายผิดมาตลอดเลยอย่างงั้นหรอ?” ไม่เพียงเท่านั้น.. เขายังพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูเศร้า คล้ายกับคนที่กำลังตกอยู่ในอาการรู้สึกผิดจากสิ่งที่เข้าใจผิดมาอย่างยาวนาน..
   
“เอียน..” ด้วยความเห็นใจ ผมจึงรีบก้าวยาวๆ เข้าไปหาเอียน ตั้งใจจะช่วยดึงตัวให้ลุกขึ้น และหมายจะปลอบโยนเขาเท่าที่ผมจะสามารถทำได้ ทว่า.. “เอียน!”
   
ปึก!
   
แทนที่เขาจะเศร้าอย่างที่แสดงออก เอียนกลับผลักผมจนล้มลงนอนกับพื้น ก่อนที่เขาจะตามเข้ามากดไว้ พร้อมกับระเบิดหัวเราะใส่หน้าผมด้วยสีหน้าของคนที่เสียสติไปแล้ว!
   
“มาบอกตอนนี้มันก็สายไปแล้ว! เพราะถึงยังไงนายก็เป็นเกย์ ได้ยินมั้ย นายเป็นเกย์! ไอ้พวกสิ่งมีชีวิตน่าสมเพช!”
   
“...”
   
“ฉันน่ะ..ขยะแขยงไอ้พวกผิดเพศอย่างนายเต็มทนแล้ว! ฮ่าๆๆๆๆๆๆ~ นายไม่รู้หรอกว่าฉันต้องยอมโดนอะไรบ้าง เพื่อให้พวกพ่อมดเกย์พวกนั้นมันช่วยปิดบังเรื่องของฉันน่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ~”
   
“ฮึก..”
   
“น่ะ..นี่นายร้องหายหรอ!? โอ๋ๆๆ ไม่เอาสิ จุ๊ๆๆ อย่าร้องนะ เพราะถ้ายิ่งนายร้อง ยิ่งนายขอความเมตตา พวกมันก็จะยิ่งทำกับนายเหมือนสัตว์ เหมือนกับที่มันทำกับฉันไง!”
   
“ฮึก..” ผมรู้นะว่าเวลาแบบนี้ควรที่จะต้องเข้มแข็งเอาไว้เพื่อหาทางรอด เพราะการแสดงออกของเอียนเข้าขั้นจิตวิปริตไปแล้ว แต่ว่า.. พอฟังจากสิ่งที่เขาเล่า.. ผมก็อดที่จะร้องไห้ไม่ได้จริงๆ เพราะมันทำให้ผมได้รู้ว่า.. ฮึก.. เขาเจอเรื่องเลวร้ายอะไรมาบ้าง ถึงได้ส่งผลต่อจิตใจของเขาจนมันผิดเพี้ยนไปขนาดนี้..
   
“นี่โชคยังดีนะ ที่ตระกูลพยอนช่วยฉันไว้ ฉันถึงได้อยู่อย่างปลอดภัยตลอดหลายปีที่ผ่านมา แล้วยังไงต่อรู้มั้ย?”
   
“ฮึก..”
   
“แล้วไอ้ความรักผิดเพศของนายกับไอ้พ่อมดนั่นก็ทำให้ฉันต้องกลับมาเดือดร้อนอีกครั้ง!”
   
“ฮึก..”
   
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ~ ได้ยินมั้ยวาฬ!”
   
“ฮึก..”
   
“ความรักของนายทำให้ฉันเดือดร้อน ได้ยินมั้ย!!?”
   
“เอียน!” เอียนเขย่าตัวผมอย่างบ้าคลั่ง ก่อนที่เขาจะดึงผมให้ลุกขึ้นมา แล้วโยนกลับไปนอนกองกับพื้นตามเดิม
   
ซึ่งมันเจ็บมาก.. แต่ผมไม่มีเวลามาสำออยอะไรทั้งสิ้น เพราะต้องใช้จังหวะนั้นหนีออกจากห้องไปให้เร็วที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้
   
ทว่า..
   
ปึก!
   
“อื้อ!” ผมกลับล้มลงนอนคว้าหน้ากับพื้น เมื่อเอียนใช้เวทมนตร์เสกเชือกขึ้นมามัดมือมัดเท้าของผมไว้ รวมถึงเสกผ้ามามัดปากผมด้วย!
   
“จะหนีไปไหนล่ะ ไหนว่ามีเรื่องจะคุยกับฉันไม่ใช่หรอ ฉันรอฟังอยู่นะ” ก่อนที่เอียนจะตามมาลากผมกลับไปกลางห้อง แล้วจับพลิกให้นอนหงาย
   
“อื้อ!” ผมร้องเสียงหลงเลยเมื่อจู่ๆ นายเอียนก็ขึ้นคร่อมร่างของผมเอาไว้ เพราะถ้าเป็นตอนที่เขาปกติดี ผมจะไม่คิดไปในเรื่องใต้สะดือเลย แต่พอเขาเสียสติแบบนี้แล้ว... เขาอาจจะทำอะไรกับผมก็ได้นั้น!
   
“จุ๊ๆ อย่าร้องสิ ฉันไม่ได้จะทำอะไรนายสักหน่อย”
   
“...”
   
“ฉันแค่อยากจะเป็นอิสระจากเรื่องนี้ก็เท่านั้นเอง นายเข้าใจฉันใช่มั้ย..นายตัวเล็ก”
   
“...”
   
ผมรู้สึกสะเทือนใจกับคำเรียกนายตัวเล็กของเอียนมาก เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อน มันคือความเอ็นดูในแบบของพี่ชาย แต่กับตอนนี้..ตอนที่เขาค่อยๆ เอามือลูบหัวผมพร้อมทั้งฉีกยิ้มจนผิดธรรมชาติ มะ..มันกลับทำให้ผมชักไม่แน่ใจ.. ว่าเขาต้องการจะทำอะไรกับผมกันแน่!?
   
“และทางเดียวที่ฉันจะหลุดพ้นจากนายได้ก็คือ.. นายจะต้องตายซะ!!!”
   
“อื้อ!!!”
   
โดยที่ไม่ทันให้ตั้งตัว สองฝ่ามือใหญ่ๆ ของเอียนก็ตรงเข้าบีบคอผมอย่างแรง จนผมต้องพยายามดิ้นพล่านเพื่อเอาชีวิตรอด
   
“ฮึก.. อย่าโกรธกันเลยนะ ฮึก.. ฉัน.. ฮ่าๆๆๆๆๆๆ~ ฉัน.. ฉันไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ!”
   
“อึก..” แต่ก็อย่างที่ผมเคยได้บอกไปแล้ว ว่าเอียนน่ะตัวใหญ่กว่าผมมาก เพราะฉะนั้นจึงไม่มีทางเลยที่ผมจะสู้แรงของเขาได้..
   
ผมรู้สึกว่าทุกอย่างมันชาไปหมดหลังจากนั้น.. รู้สึกเหมือนว่าตัวเองไม่หลงเหลืออากาศให้หายใจอีกต่อไป.. รวมถึงแรงที่ดิ้นรนต่อสู้ก็น้อยลงเรื่อยๆ ตามไปด้วย
   
จนในวินาทีนั้น.. ผมเริ่มคิดถึงหน้าพ่อกับแม่.. ตามด้วยพวกเพื่อนๆ ก่อนที่จะจบท้ายด้วย..เหล้ารัม..
   
“อึก..” ใจจริงผมก็ไม่ได้อยากจะยอมแพ้แค่นี้หรอกนะครับ แล้วก็ไม่ได้อยากจะให้ทุกอย่างมันจบลงแบบนี้ด้วย เพียงแต่.. ผมคงทนต่อไปอีกไม่ไหวแล้วจริงๆ..
   
“นี่มันอะไรกัน?” แต่ในขณะที่ผมกำลังจะหมดลมหายใจอยู่ในเสี้ยววินาทีนั้น.. จู่ๆ เอียนก็ดันปล่อยมือของเขาออก!? ก่อนที่เขาจะจับมือที่ถูกมัดอยู่ของผมชูขึ้น และชี้ไปยังด้ายแห่งพันธะสัญญาที่ปรากฏขึ้นมา..
   
เพล้งงงง!!
   
ทว่ายังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไรกลับไป หน้าต่างห้องที่เคยปิดทึบก็ถูกระเบิดออก พร้อมกับใครอีกคนที่พุ่งตัวเข้ามา..
   
คนที่...อยู่อีกฝั่งของเส้นด้ายระหว่างเรา!
   
“แกนี่เอง! ตายซะ!” แต่ยังไม่ทันที่ผมกับเหล้ารัมจะได้พูดอะไรต่อกัน เอียนก็ระเบิดเสียงดังลั่น ก่อนที่จะพุ่งเข้าหาเหล้ารัมทันที!
   
เพล้ง!
   
แรงชนของทั้งเหล้ารัมและเอียนส่งผลให้หลอดไฟด้านบนแตกละเอียด จนห้องที่เคยสว่างไสวกลับมืดลงจนมองไม่เห็นสิ่งใด
   
ก่อนที่หลังจากนั้นไม่นาน...
   
ตู้มมมมมมมมมม!
   
ฟิ้วววววว!
   
ฟิ้วววว!
   
ตู้มมมมมมมม!!
   
...แสงสีเสียงตระการตาจากพลังเวทมนตร์ก็ถือกำเนิดขึ้น!
   
ตู้มมมมมมมมมมมมมม!!!
   
“อ๊ากกกกกกกกกกกก!”
   
ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะคลานไปหลบตรงมุมๆ ห้อง เพื่อที่ว่าจะได้ไม่โดนลูกหลงจากการปะทะกันของพ่อมดทั้งสอง แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ทำอย่างที่ใจคิด เสียง ‘ตู้ม’ สุดท้ายก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียงร้องที่ต่อจากนั้นที่ผมเองก็ไม่ค่อยจะแน่ใจนักว่าเป็นของใคร
   
พรึ่บ!
   
จนกระทั่งหลอดไฟที่เคยแตกไปแล้วกลับมาสว่างไสวอีกครั้งนั่นแหละ ผมถึงได้พรั่งพรูน้ำตาออกมา.. ฮึก.. ดะ..ด้วยความดีใจ.. ที่ได้เห็นว่าคนที่นอนจมกองเลือดอยู่ก็คือเอียน ในขณะที่เหล้ารัมยืนหอบหายอยู่เหนือร่างนั้นอย่างผู้ชนะ!
   
“วาฬ!” แต่พอเขาหันมาเห็นว่าผมมองอยู่ ก็รีบตรงรี่เข้ามาแกะทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นพันธนาการออกให้ แล้วเริ่มถามในสิ่งที่ทำเอาผมถึงกับน้ำตาพรั่งพรู “เป็นยังไงบ้าง เจ็บอะไรต้องไหนมั้ย แล้วมันทำอะไรคุณรึเปล่า!?”
   
“ฮึก..”  จริงๆ คือช่วงคอของผมที่โดนเอียนบีบมันก็มีความเจ็บอยู่นะ แต่เมื่อเทียบกับบาดแผลตามร่างกายของเหล้ารัมที่โคตรจะยับเยินแล้ว ผมก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออกเลยสักนิด..
   
นี่เขา.. ฮึก.. เคยห่วงตัวเองมากกว่าผมบ้างมั้ยเนี่ย!?
   
“คุณนี่มัน..” และเพราะว่าหมดคำจะพูด ผมเลยเลือกที่จะดึงอีกฝ่ายเข้ามาจูบหนักๆ เพื่อบอกผ่านทุกความรู้สึกที่อยู่ในใจ
   
“อ๊ะ!” ซึ่งตอนแรกเหล้ารัมก็ดูจะชะงักไปเล็กน้อยนะ คงเพราะไม่คิดว่าจู่ๆ ผมก็จะส่งสัมผัสอันหนักหน่วงผ่านทางริมฝีปากให้เขาแบบนี้ แต่พอเขาเริ่มตั้งตัวได้เท่านั้นแหละ เลยสลับกลับกลายเป็นฝ่ายผมที่อ่อนระทวยเสียจนต้องให้เหล้ารัมประคองร่างกายเอาไว้แทน
   
ปัง!
   
ผมกับเหล้ารัมเราแทบจะไม่มีทีท่าว่าจะผละออกจากกันและกันเลยนะ เพราะยิ่งจูบกันเท่าไหร่ เราทั้งคู่ก็ดูจะยิ่งโหยหากันมากขึ้นเท่านั้น จนในช่วงขณะหนึ่ง..มันเกินเลยไปถึงขั้นที่สอดผ่านมือเข้าไปในส่วนใต้ร่มผ้ากันแล้ว..
   
“วาฬ นี่มันเกิดเราเรื่องอะไรขึ้น!?”
   
แต่ทำไงได้ล่ะ ถึงไม่อยากผละก็ต้องผละน่ะนะ เมื่อในเวลาต่อจากนั้น ประตูห้องก็ถูกกระชากเปิดออกอย่างแรง พร้อมกับผู้คนที่พากันกรูเข้ามา ทั้งเหล้ารัมและผมจึงต้องผละออกจากกันอย่างเลี่ยงไม่ได้
   
“เหล้ารัม นี่นายหนีออกมาจากคุกต้องห้ามได้ยังไงเนี่ย!? นี่ถ้าเกิดทางคุกไม่แจ้งว่านายหนีมาที่นี่ ฉันไม่ทางเชื่อหูตัวเองจริงๆ ด้วย” แต่ยังไม่ทันที่ใครจะได้รับคำอธิบายจากสิ่งที่เกิดขึ้น พี่วิสกี้ที่ตามเข้ามาทีหลังก็แผดเสียงนำหน้ามาซะก่อน
   
ซึ่งพอเห็นว่าพี่สาวของตัวเองเดินเข้ามา สิ่งแรกที่เหล้ารัมทำก่อนตอบคำถามก็คือคว้าผมเข้าไปกอดไว้แน่น ก่อนที่จะถอยออกให้ห่างจากพี่วิสกี้ ราวกับกลัวว่าเธอจะพรากเราสองคนออกจากกันอีกครั้ง.. “คือ.. ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่แวบนึง..เหมือนลางสังหรณ์มันบอกผมว่า..วาฬกำลังตกอยู่ในอันตราย ผมก็เลย..ตัดสินใจแหกคุกออกมาช่วยเขา”
   
“แล้วก็สำเร็จเนี่ยนะ!?”
   
“ใช่ครับ ผมถึงได้ยับเยินแบบนี้ไงพี่”
   
“นายนี่มัน.. บ้ามาก!” พี่วิสกี้ถึงกับตีหน้าผากตัวเองไปทีนึงเลยเมื่อได้ยินคำยืนยันจากน้องชายของตัวเองถึงเรื่องของการแหกคุกต้องห้ามแบบนั้น ราวกับว่าไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยินเลยแม้แต่นิดเดียว
   
“แล้วทำไมคุณถึงได้มีลางสังหรณ์ว่าผมกำลังตกอยู่ในอันตรายล่ะครับ?” ผมเลยอาศัยจังหวะที่พี่วิสกี้กำลังเดินไปเดินมา ถามถึงเรื่องลางสังหรณ์อันแม่นยำของเหล้ารัม
   
“ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะ” แล้วผลก็คือ.. คนที่กอดผมอยู่ก็ดูจะไม่ค่อยแน่ใจเช่นกัน ว่าลางสังหรณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมาจากอะไรกันแน่ “แต่อาจจะเป็นเพราะ.. สายใยในการทำพันธะสัญญาครั้งที่สองของเราก็ได้” มีแต่เพียงแค่การสันนิษฐานเท่านั้น
   
แต่รู้อะไรมั้ย ผมว่าผมเชื่อในการสันนิษฐานครั้งนี้ของเหล้ารัมนะ เพราะดูอย่างตอนที่ผมยังไม่รู้เรื่องอะไรสิ ยังฝันว่าเหล้ารัมบอกว่าจะตายไปพร้อมกับผมเลย แล้วเป็นไง มันก็กลายเป็นแบบนั้นจริงๆ คล้ายกับลางบอกเหตุยังไงยังงั้น
   
ซึ่งผมว่า..มันน่าจะเกี่ยวข้องกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่งนั่นแหละ..
   
“แล้วนี่ทำไมนายเอียนถึงได้มาจมกองเลือดอยู่ตรงนี้เนี่ย!?” แล้วจากนั้นคำถามของพี่วิสกี้เรียกความสนใจจากทุกคนอีกครั้ง ผมถึงได้เห็นว่าเธอกำลังหันไปหาคำตอบจากคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ในห้องแทน โดยมี.. พ่อผม แม่ผม พี่ฟ้า ฟาเรเนีย แล้วก็มะม่วง  รวมทั้งสิ้นห้าชีวิต
   
จะ..จนผมเองยังงงเลยว่าทำไมถึงได้ขนกันมาเยอะแยะขนาดนี้?
   
กระทั่งได้ยินคำตอบจากพ่อที่กล้าพอจะหันไปตอบคำถามพี่วิสกี้ “พ่อเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น ได้ยินแต่เสียงดังโครมครามจากในห้อง แต่พยายามช่วยกันเปิดประตูเท่าไหร่ก็เปิดไม่ออกสักที ก็เลยไปตามฟาเรเนียมาช่วยเปิดให้ ถึงได้เข้ามาได้ แต่ยังไม่ทันที่พ่อจะได้ถามอะไรให้รู้ความ คุณก็ดันมาซะก่อนนี่ไง” ถึงได้เข้าใจเรื่องราวราวที่เกิดขึ้นด้านนอก
   
ซึ่งพอพี่วิสกี้ได้ยินแบบนั้น เธอจึงหันมาทางผม เหมือนต้องการคำตอบที่ดีกว่าคำว่า ‘ไม่รู้’ จากคำถามเดิมที่ได้ถามไปแล้ว
   
ผมก็เลยเริ่มเล่าทุกสิ่งทุกอย่างให้ทุกคนฟัง จนถึงตอนที่เหล้ารัมมาช่วยนั่นแหละ
   
“นี่มันบีบคอคุณงั้นหรอเนี่ย!?” แต่แทนที่พี่วิสกี้ซึ่งเป็นคนที่ต้องการคำตอบจะมีปฏิกิริยาอะไรบ้าง กลับเป็นเหล้ารัมที่ตั้งท่าจะเดินไปจัดการเอียนซ้ำ เลยร้อนถึงพี่วิสกี้ที่ต้องรีบเข้ามาห้ามน้องชายของตัวเอง
   
“พอได้แล้วเหล้ารัม อยากติดคุกข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนาหรือไง!?”
   
“...” ผมรู้สึกโล่งใจที่เหล้ารัมยอมหยุดตามคำเตือนของพี่วิสกี้ แต่ที่แย่คือ..พอพี่วิสกี้เข้ามาใกล้ นายพ่อมดเหล้าก็ทำการคว้าตัวผมแล้วรีบถอยห่างออกมาอีก จนถึงขนาดที่ว่าพี่วิสกี้ดูจะชะงักไปเลย..
   
ก๊า!
   
..ห้องทั้งห้องเกือบจะตกอยู่ในความเงียบ ถ้าไม่ได้เสียงจากกาของฟาเรเนียที่ร้องขึ้นมา ก่อนที่เจ้าของของมันจะเดินเข้าไปใกล้ร่างเอียน แล้วหันมาถามเสียงเรียบ
   
“ให้พาคนเจ็บไปส่งโรงบาลก่อนมั้ย?”
   
“ก็ดี แต่พาไปโรงพยาบาลในคุกนะ จะได้ขึ้นทะเบียนนักโทษไปทีเดียวเลย”

ก๊า!
   
เป็นอีกครั้งที่อีกาบนไหล่ของฟาเรเนียส่งเสียงขึ้น คล้ายต้องการจะตอบรับคำของพี่วิสกี้แทนเจ้านาย
   
ฟึ่บ!
   
ก่อนที่หลังจากนั้นฟาเรเนียจะก้มลงแตะตัวเอียน แล้วทั้งคู่ก็พลันหายตัวออกจากห้องนี้ไป..
   
ลาก่อนนะ..เอียน
   
“ส่วนนาย ฉันขอคุยกับนายเป็นการส่วนตัวจะได้มั้ย?” ซึ่งพอหลังจากที่เคลียร์เรื่องร่างนองเลือดของเอียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว คนต่อไปที่พี่วิสกี้ต้องการจะเคลียร์ก็คือ..ผม
   
ทว่า.. “ไม่!” กลับเป็นเหล้ารัมที่ปฏิเสธ แล้วเบี่ยงตัวมาบังเพื่อให้ผมซ่อนอยู่ด้านหลังของเขาแทน
   
ซึ่งถ้าเป็นปกติ พี่วิสกี้คงแผดเสียงใส่น้องชายของเธอไปแล้ว แต่กับคราวนี้.. “เหล้ารัม.. ถ้านายอยากได้ทางออกของปัญหานี้ นายต้องยอมให้พี่คุยกับวาฬเป็นการส่วนตัว”
   
“แต่ว่า..”
   
“จงเชื่อใจพี่”
   
“...”
   
“เพราะถ้าไม่อย่างงั้น ก็อย่าหวังว่าจะได้ในสิ่งที่นายต้องการ”
   
“...”
   
พอเจอคำพูดแบบนั้นของพี่วิสกี้ เหล้ารัมก็หันมองหน้าผม เหมือนต้องการให้ผมเป็นอีกหนึ่งเสียงที่จะตัดสินใจ
   
“ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวผมจะเป็นคนไปคุยกับพี่วิสกี้เอง”
   
แล้วมันจะมีเหตุผลอะไรที่ผมจะไม่คุยล่ะ ในเมื่อตลอดระยะเวลาตั้งแต่ที่โดนจับได้เรื่องพันธะสัญญาครั้งที่สอง พี่วิสกี้ก็แทบจะไม่เคยเปิดโอกาสให้เราได้เจรจากับเธออย่างเป็นทางการเลยกันสักครั้ง
   
แถมครั้งนี้สัญญาณที่พี่วิสกี้ส่งมาก็ดูจะดีกว่าทุกครั้งด้วย ผมจะไม่ยอมให้โอกาศดีๆ แบบนี้หลุดลอยไปเด็ดขาด!
   
“งั้นพี่จะไปรอข้างนอกนะ” พอพูดจบ พี่วิสกี้ก็เดินออกจากห้อง เลยเหลือก็แต่เหล้ารัมเท่านั้นที่ต้องตกลงว่าควรจะเอายังไง?
   
และผลก็คือ..
   
“โอเค” เหล้ารัมยอมตกลง ..เยส!
   
“งั้นเดี๋ยวผมมานะครับ : )” ผมเลยรีบเดินตามพี่วิสกี้ไป ด้วยหัวใจที่เต้นแรง..

/ ต่อด้านล่าง /
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 30-09-2016 13:46:16
(http://67.media.tumblr.com/ec886cbb021ca0037a1006ec31031ae6/tumblr_ngt7ymrT7m1qhodd8o3_1280.gif)

* * * * * * *

ตึกตัก ตึกตัก
   
ผมรู้สึกว่าตัวเองใจเต้นแรงมาก เมื่อพี่วิสกี้พาเราย้ายจากห้องเอียนเพื่อมาคุยกันที่ห้องผมแบบตามลำพัง..
   
"พี่วิสกี้มีอะไรอยากจะคุยกับผมหรอครับ?" แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ยังพยายามทำใจดีสู้เสือนะ เพราะต่อให้พี่วิสกี้พูดอะไรมา ผมก็จะต้องรับมือให้ได้ ห้ามแสดงความกลัวให้เธอได้เอากลับมาใช้เล่นงานผมเด็ดขาด..
   
"ฉัน.. ขอโทษ.."
   
"วะ..ว่าไงนะครับ?" น่ะ..นี่ผมหูฝาดไปหรือเปล่าเนี่ย!?
   
"ฉันบอกว่าฉันขอโทษ" พี่วิสกี้เนี่ยนะขอโทษผม!? "ขอโทษที่วิธีการของฉันทำให้นายเกือบตาย และ..ขอโทษที่แยกนายกับน้องชายฉันออกจากกันด้วย"
   
"..."
   
สีหน้ารู้สึกผิดของพี่วิสกี้ที่ผมไม่คิดเลยว่าจะได้เห็น..กลับส่งผลรุนแรงต่อจิตใจ.. เพราะว่ามันน่าใจหายมากทีเดียวนะ ที่ได้เห็นคนที่เคยแข็งอย่างพี่วิสกี้แสดงด้านอ่อนแอออกมามากมายขนาดนี้..
   
ทว่าอีกใจหนึ่งก็รู้สึกดี.. ที่นั่นเท่ากับว่า พี่วิสกี้เองอาจจะเริ่มเปลี่ยนใจเรื่องผมกับนายพ่อมดเหล้าขึ้นมาแล้วก็ได้
   
"นายยังจำตอนที่นายถามฉันว่า.. ยังมีทางอื่นอีกมั้ย ที่จะทำให้เราทั้งสองฝ่ายพบกันคนละครึ่งทางน่ะ?" แต่กลับกลายเป็นว่า คำพูดที่จู่ๆ ก็ชวนให้ผมนึกถึงอดีตที่เคยพูด ก็ทำเอาผมแอบงงไปเหมือนกัน
   
"จำได้ครับ" แต่ผมก็ยังจำได้นะ ที่ตอนนั้นผมบอกว่า..อาจจะมีทางอะไรที่ทำให้ผมอายุไขยาวนานได้เหมือนกับเหล้ารัม โดยที่..อาจจะเปลี่ยนผมให้กลายเป็นภูติผีปีศาจอะไรแบบนั้น
   
ทำไมกันนะ? มันมีอะไรอย่างงั้นหรอ?
   
หรือว่าพี่วิสกี้สามารถช่วยให้ผมกลายเป็นภูตผีปีศาจได้จริงๆ?
   
"จริงๆ มันก็พอจะมีอยู่อีกทางนะ ทางที่เหล้ารัมเองก็พยายามขอร้องให้ฉันเลือก"
   
"..."
   
"แต่ฉันเองก็พยายามที่จะปฏิเสธตลอด เพราะอยากให้มันเป็นทางออกสุดท้ายที่ฉันจะทำ"
   
"แล้ว.. มันคือ?"
   
"มันก็คือ.. การเปลี่ยนนาย"
   
"เปลี่ยนผม?" ปะ..เปลี่ยนผมเนี่ยนะ เปลี่ยนไปเป็นอะไรกัน?
   
"ใช่ เปลี่ยนนาย เปลี่ยนให้กลายเป็น..ปีศาจ"
   
"..."
   
พอได้ยินคำว่า 'ปีศาจ' มันเหมือนปลดล็อคความสงสัยถึงสิ่งที่เหล้ารัมพยายามจะพูด ว่ายังมีอีกหนึ่งทาง ที่จะช่วยให้ผมอายุไขเท่ากับพ่อมดแม่มดได้ นายพ่อมดเหล้าถึงได้ยังยื้อเรื่องของพันธะสัญญาครั้งที่สองเอาไว้นานขนาดนี้ เพราะในความคิดของผมนะ..สำหรับเหล้ารัมน่ะ การตายไปพร้อมกันก็เรื่องนึง แต่ความปรารถนาสูงสุดของเขา ก็คือการให้ผมมีชีวิตยืนยาวเกินกว่าอายุไขของมนุษย์ต่างหาก
   
เพียงแต่ว่า.. ในขณะเดียวกัน คำว่าปีศาจมันก็ทำให้ผมเกิดความกังวลขึ้นมาในใจ.. เพราะภาพในหัวของผมตอนนี้ มีแต่อสูรกายร้ายที่พร้อมจะไล่ฆ่าผู้คนอย่างหิวกระหายเลือด แล้วถ้าเป็นแบบนั้นจริง ผะ..ผมจะอยู่ร่วมกับคนอื่นๆ ได้ยังไงกัน?
   
"นายคงจะกำลังคิดถึงภาพน่ากลัวๆ เกี่ยวกับปีศาจอยู่ใช่มั้ย? แต่ฉันบอกได้เลยนะ ว่ามันไม่ใช่อย่างที่นายคิดหรอก เพราะว่าปีศาจยุคใหม่น่ะ เขามีหน้าตาและการดำลงชีวิตเหมือนกับอย่างเราๆ เนี่ยแหละ ไม่ได้จ้องไล่ฆ่าคนเหมือนยุคก่อนการล่มสลายอีกต่อไปแล้ว เพียงแต่แค่พวกเขามีพลังพิเศษและมีร่างที่เป็นอสูรกายให้ใช้งานได้ในยามที่พวกเขาต้องการจะใช้ก็เท่านั้น" แต่เหมือนว่าพี่วิสกี้จะรู้ ก็เลยอธิบายเรื่องของปีศาจเพิ่มตาม ทำให้ผมค่อนข้างโล่งใจขึ้นมาก ที่ถ้าเกิดว่าต้องเปลี่ยนไปเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าปีศาจจริง ผมยังจะได้สามารถอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้ ไม่ใช่อสูรกายร้ายที่เดินไปไหนมาไหนผู้คนก็พากันกรีดร้องวิ่งหนีแบบนั้น
   
"แบบนี้นี่เอง"
   
"ใช่ มันเป็นแบบนั้นแหละ และฉันก็สามารถช่วยให้นายกลายเป็นปีศาจได้ตามที่เหล้ารัมขอด้วย เพียงแต่.."
   
"เพียงแต่?" มันยังมีปัญหาอะไรอีกงั้นหรอ?
   
"ฟังฉันให้ดีนะวาฬ" พี่วิสกี้เดินเข้ามาจับไหล่ผมไว้ ก่อนที่จะปรับเข้าสู่โหมดที่จริงจังมากขึ้น "นายอาจจะคิดว่า นายสามารถเปลี่ยนเป็นปีศาจได้เพื่อคนที่นายรัก เพราะว่าขนาดเหล้ารัมยังเสียสละชีวิตยาวนานเพื่อทำพันธะสัญญาที่สองกับนายเลย ถูกมั้ย?"
   
"ก็.. ใช่ครับ" จริงๆ แอบยอมรับว่าผมไม่ได้คิดอะไรแบบนี้มาก่อนนะ เพราะว่าเพิ่งจะมารู้เรื่องการเปลี่ยนเป็นปีศาจเมื่อกี้นี้เอง แต่พอพี่วิสกี้ถาม ผมก็เริ่มคิดตามไป และ..คำตอบมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
   
คือผมพร้อมที่จะเปลี่ยนเป็นปีศาจทันที หากมันจะทำให้ผมได้อยู่กับคนที่ผมรักต่อไม่อยากไร้ปัญหาน่ะ
   
"แต่นายก็ต้องเข้าใจ ว่าฉันเองก็มีเหตุผลผลของฉัน ที่ไม่สามารถทำตามคำขอของน้องชายฉันได้ง่ายๆ"
   
"..."
   
"เพราะว่านายลองคิดดูสิ ว่าถ้าเกิดวันนึงพวกนายสองคนค้นพบว่า..รักที่มันเกิดขึ้นระหว่างเหล้ารัมกับนาย เป็นเพียงแค่รักชั่ววูบ มันจะส่งผลเสียยังไงกับพวกนายบ้าง?"
   
"..."
   
"อย่าง.. ถ้าวันใดนายหมดรักน้องชายฉันขึ้นมา เหล้ารัมก็จะไม่สามารถฉุดรั้งนายไว้ได้ เพราะนายกลายเป็นปีศาจที่มีอายุยืนยาวไปแล้ว ก็คงไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งพาเหล้ารัมอีก กลับกัน ถ้าเกิดว่าวันนึงน้องชายฉันเป็นฝ่ายหมดรักนายขึ้นมาบ้าง นอกจากนายจะกลับมาเป็นมนุษย์อีกไม่ได้แล้ว นายยังต้องมีชีวิตยืนยาวต่อไปเพื่อดูคนที่นายรักค่อยๆ ทยอยล้มหายตายจาก โดยที่สุดท้าย..นายก็จะไม่เหลือใครคอยอยู่เคียงข้างอีกต่อไป นายรับเรื่องนั้นได้อย่างงั้นน่ะหรอ?"
   
"..."
   
"แล้วที่พูดเนี่ย ก็ไม่ใช่เพราะว่าฉันอยากกีดกันนายหรือว่าต้องการจะทำให้นายรู้สึกกลัวจนล้มเลิกความตั้งใจหรอกนะ เพราะว่าที่ผ่านมา..จนถึงวันนี้.. มันทำให้ฉันได้รู้แล้วว่า นายกับเหล้ารัมต้องการกันและกันมากแค่ไหน แต่ว่า..ฉันแค่อยากให้นายลองคิดทบทวนให้ดี ก่อนที่นายจะตัดสินใจ"
   
"..."
   
"เพราะเมื่อตัดสินใจอะไรลงไปแล้ว ก็จะไม่สามารถย้อนกลับมาแก้ไขอะไรได้อีก"
   
"..."
   
"แล้วนาย..จะตัดสินใจยังไงล่ะ? หรือว่า.. อยากจะขอเวลาคิดก่อนดี?"
   
ก็จริงของพี่วิสกี้นะ ที่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ต้องผ่านกระบวนการคิดอย่างถี่ถ้วน ห้ามเอาอารมณ์ชั่ววูบมาใช้ในเรื่องแบบนี้เด็ดขาด เพราะว่า.. เมื่อตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแล้ว ก็จะไม่สามารถก้าวถอยหลังได้อีกเลย
   
ซึ่งผมก็คิดนะ แต่คิดได้ไม่นานนัก.. "ไม่ต้องขอเวลาคิดหรอกครับ เพราะผมตัดสินใจแล้ว ว่าผมจะเปลี่ยน..เพื่อเหล้ารัม : )" ..ก็ตัดสินใจตอบตกลงกลับไปในเวลานั้น
   
"นะ..แน่ใจหรอ?" จนพี่วิสกี้เองยังต้องถามย้ำอีกรอบเพื่อความแน่ใจ เพราะเธอคงจะคิดว่าผมด่วนสรุปเร็วเกินไปแน่
   
แต่ไม่เลย ในเมื่อผมมีเหตุผลที่ดีที่สุดในการตัดสินใจครั้งนี้เตรียมไว้แล้ว.. "แน่ใจครับ เพราะถึงแม้ว่ามนุษย์อย่างผม จะไม่ได้มีรักที่มั่นคงและยืนยาวเท่ากับพ่อมดแม่มด แต่การได้มาเจอกับผู้ชายคนนึงที่รักผม เสียสละเพื่อผม และต่อลมหายใจให้ผมแบบเหล้ารัม ผมก็ไม่คิดว่าชีวิตนี้.. ผมจะต้องการใครไปมากกว่าเขาอีกแล้ว"
   
และในทันทีที่ผมพูดจบ..ด้วยความมั่นคงและหนักแน่นภายในใจ พี่วิสกี้ก็ค่อยๆ เผยรอยยิ้มของเธอออกมา พร้อมกับ..น้ำตาหนึ่งหยดก็ล่วงหล่นหล่นลงมาด้วย..
   
คล้ายว่าเธอกำลังตื้นตันใจในสิ่งที่ผมตอบออกไปอย่างมาก.. ซึ่ง.. ฮึก.. ผมเองก็อยากจะบอกว่าผมตื้นตันใจไม่แพ้กัน ฮึก.. ที่ได้เห็นในสิ่งที่ผมกำลังเห็นอยู่ในขณะนี้
   
ก่อนที่พี่วิสกี้จะปิดประโยคสุดท้ายของบทสนทนาว่า..
   
"งั้นฉันก็จะให้ในสิ่งที่นายสองคนต้องการ : )"

/ ต่อด้านล่าง /
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 30-09-2016 13:49:42

บทส่งท้าย
{ THE END }

(http://66.media.tumblr.com/35e118f0722f1992ea4ee3e669f2de68/tumblr_ngt7ymrT7m1qhodd8o2_1280.gif)

สองอาทิตย์ต่อมา
   
ผมลืมตาตื่นขึ้น.. เมื่อถูกปลุกด้วยเสียงตีบอกเวลาดังสิบสองครั้ง.. ซึ่งนั่นหมายถึง..เวลาเที่ยงคืน..
   
มันมืดมาก.. ที่ที่ผมนอนอยู่ตอนนี้ก็ช่างแคบเหลือเกิน.. แถมยังลำบากในการหายใจอีกด้วย..
   
แต่ผมจะบ่นอะไรได้ ในเมื่อนี่คือสิ่งที่ผมเลือกเอง..
   
กึก!
   
แต่แล้วความคิดผมก็สะดุดลง เมื่อได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้นจากด้านบน คล้ายกับ..เสียงดับเครื่องยนต์อะไรแบบนั้น?
   
และเพื่อความแน่ชัดของความอยากรู้ ผมจึงหลับตาลง แล้วมองด้วย ‘จิต’ แทน.. โอเค.. ผมเริ่มเห็นแล้ว..
   
กึก!
   
มีชายคนหนึ่งกำลังลงจากรถที่เพิ่งจะดับเครื่อง.. ผมไม่แน่ใจหรอกนะว่าเขาคือใคร เนื่องจากเห็นหน้าไม่ชัด แต่เป็นผู้ชายรูปร่างสูง ใส่รองเท้าผ้าใบ กางเกงยีนส์ และเสื้อกล้าม
   
เขาเดินไปยังหลังรถกระบะที่เขาขับมา ก่อนจะหยิบ..เอ่อ.. อ๋อ~ จอบ ใช่ เขาหยิบจอบแล้วเดินตรงมาหยุดอยู่บนตัวผม ก่อนที่จะ..
   
ฉึก!
   
..ลงมือขุดดินลงมา
   
ตึกตัก ตึกตัก
   
ผมรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นกว่าเดิมเมื่อเริ่มเดาได้แล้วว่าผู้ชายที่กำลังขุดดินอยู่ตอนนี้คือใครกันแน่ แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ยังไม่ได้ส่งเสียงเรียกชื่อเขาออกไปนะ เพราะอยู่ลึกขนาดนี้ ยังไงเขาก็ไม่มีทางได้ยินแน่
   
ปึก!
   
ซึ่งภายหลังจากที่รอเกินกว่าสิบนาที จอบก็ถูกทิ้ง เมื่อผู้ชายบนนั้นสามารถขุดลงมาจนเจอโลงศพของผมแล้ว เขาจึงเปลี่ยนวิธีการ โดยกระโดดลงมาเขี่ยดินออก แล้วหยิบค้อนที่ใส่เอาไว้ที่กระเป๋นหลังกางเกงยีนส์ออกมางัดตะปูออกแทน
   
และเพียงไม่นานนัก..
   
“สวัสดี : )”
   
..ฝาโลงก็ถูกเปิดออก
   
พร้อมกับแสงจันทร์และใบหน้าเปื้อนยิ้มของเขาที่ฉายชัดเต็มตา
   
“สวัสดี.. ฮึก..” ความดีใจที่ท่วมท้นเต็มอกเริ่มทำให้ผมร้องไห้ ก่อนที่สมองจะเริ่มนึกทบทวนถึงครั้งสุดท้ายที่เจอกัน
   
ก็.. สองอาทิตย์นั่นแหละ.. ที่ผมต้องอยู่ในหลุมศพหลุมนี้ ภายหลังจากที่ตกปากรับคำของพี่วิสกี้แล้ว
   
“นี่พี่จะช่วยผมจริงๆ ใช่มั้ยพี่!?” ซึ่งคนที่ดีใจที่สุดก็เห็นจะเป็นเหล้ารัม ในขณะที่ผมต้องอธิบายเรื่องราวการตัดสินใจทั้งหมดให้พ่อกับแม่ได้รับรู้ ซึ่งผลก็คือ..
   
“ขอแค่ลูกมีความสุข พ่อกับแม่ก็ยินดี” ..ท่านทั้งสองไม่ค้านอะไรทั้งสิ้น
   
นั่นเลยทำให้พี่วิสกี้พาผมไปหา ’โฟเบีย’ ที่โลกปีศาจในเช้าวันถัดไป..
   
ถามว่าโฟเบียคือใครน่ะหรอครับ? อ๋อ.. เขาเป็นราชาปีศาจที่หล่อมาก! แถมมีผมสีเขียวอมฟ้าน้ำทะเลน่าหลงใหลด้วย จนพี่วิสกี้ต้องตีผมอยู่หลายครั้ง ที่มีคนรักอยู่แล้วแท้ๆ แต่กลับเสียจริตให้ราชาโฟเบียยังกับพวกคลั่งไคล้ดารา
   
และสาเหตุที่ทำให้พี่วิสกี้พาผมไปหาราชาโฟเบียก็คือ.. ”ช่วยเปลี่ยนผู้ชายคนนี้ให้กลายเป็นปีศาจที” ..ขอความช่วยเหลือพระองค์ในสิ่งที่ผมและเหล้ารัมต้องการ
   
แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่ได้จบลงโดยง่าย ผมต้องเล่าถึงเรื่องราวความรักของผมอันเป็นแรงผลักดันอันยิ่งใหญ่ที่ทำให้ผมตัดสินใจเลือก ‘ทางที่สามนี้’ ต่อหน้าราชา ราชินี รวมถึงเหล่าขุนนางปีศาจในราชสำนัก
   
ใช้เวลาในการประชุมอย่างยืดเยื้ออยู่เกือบสามชั่วโมง ก่อนที่ราชินีเพนนี (ชื่อของพระองค์) จะลุกขึ้น และตัดสินใจเด็ดขาดเดี๋ยวนั้นว่า.. ”เราตัดสินใจแล้ว เราอนุญาตให้ราชาเปลี่ยนชายคนนี้ให้ปีศาจได้ เพื่อเห็นแก่ความรักของเขาทั้งคู่ รวมถึงสายสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างราชาโฟเบียกับแม่มดวิสกี้ที่มีมาอย่างยาวนาน” ..เป็นการปิดประชุม
   
ซึ่งคนที่ช่วยในการทำพิธีกรรมทั้งหมดก็คือราชินีนั่นเอง โดยการหาดวงจิตปีศาจอันบริสุทธิ์มาให้ แล้วนำมาฝังรากไว้ในใจผม ก่อนที่จะมาถึงขั้นตอนสุดท้าย และนั่นก็คือการถูกฝังอยู่ในสุสานหลวงเป็นเวลาสิบสี่ราตรี
   
แล้วลองคิดดูเถอะ ว่าผมจะต้องนอนอยู่ในหลุมแบบนี้มาทั้งหมดสิบสี่คืน โดยที่ใครก็เข้ามายุ่งไม่ได้ จนกว่าที่จะครบเวลาตามที่กำหนดไว้ มันช่าง..โดดเดี่ยวเสียจนผมต้องนอนร้องไห้แทบจะทุกคืน..
   
ทว่า..
   
“จับมือผมไว้นะวาฬ เดี๋ยวผมจะดึงคุณขึ้นมาเอง”
   
..ต่อจากนี้คงไม่ต้องโดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว
   
“คิดถึงคุณจัง” ผมรีบบอกเขา เมื่อเหล้ารัมช่วยให้ผมขึ้นมาจากหลุมได้สำเร็จ
   
“คิดถึงเหมือนกันนั่นแหละ”
   
ก่อนที่หลังจากนั้นเราทั้งคู่จะตรงเข้าจูบกันอย่างดูดดื่ม ราวกับว่า..โหยหากันและกันอย่างยากที่จะต้านทานพลังแรงดึงดูดของอีกฝ่ายได้.. ซึ่งก็เหมือนเดิม.. เมื่อใดที่ได้จูบเหล้ารัมแบบนี้ การจูบของเราก็จะยิ่งหนักหน่วงและยาวนานขึ้น จนผมรู้สึกจริงๆ ว่าถ้าผมกับเหล้ารัมเป็นของเหลวสองชนิดล่ะก็ ป่านนี้เราทั้งคู่คงจะหลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันไปแล้ว
   
“ผมสาบานเลยนะว่า ต่อจากนี้ผมจะไม่ยอมให้คุณห่างจากผมไปไหนนานๆ อีกแล้ว” พอหลังจากที่จูบกันไปได้สักพัก เหล้ารัมก็ค่อยๆ ผละริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง.. ก่อนจะพูดในสิ่งที่ตรงกับใจผมเช่นกัน..ว่าไม่อยากให้เหล้ารัมจากผมไปไหนนานๆ แบบนี้อีกแล้ว
   
“จริงหรอ?” แต่ด้วยความที่ผมอยากเห็นรอยยิ้มขึ้นเล่นจากเขาแบบที่ไม่ได้เห็นมานาน ผมเลยแกล้งทำเป็นถามด้วยน้ำเสียงยียวนเหมือนไม่อยากเชื่อ ซึ่งเหล้ารัมเองก็คงจะดูออกนั่นแหละว่าผมแกล้ง
   
“จริงสิ : )” ผมเลยได้เห็นอย่างที่อยากเห็นสมใจ “เว้นเสียแต่ว่าคุณจะอยากจะจากผมไปน่ะนะ” ก่อนที่เขาจะรีบเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วมุ่น เหมือนรอฟังคำตอบว่าผมต้องการอย่างที่เขาพูดมั้ย?
   
ซึ่งแน่นอนว่า.. “ไม่มีทางแน่”
   
“ตอบได้ดี : )”
   
เหล้ารัมก็เลยดึงผมเข้าไปจูบอีกครั้ง โดยที่คราวนี้มือของเขาเริ่มล่วงเกินมากขึ้น จากที่ตอนแรกก็แค่โอบเอว ทว่าตอนนี้..กลับล้วงเข้าไปในเสื้อด้วย!
   
“ดะ..เดี๋ยว..” ผมเลยต้องรีบผละออกอย่างรวดเร็ว จนได้เห็นสีหน้าหงุดหงิดราวกับเด็กโดนขัดใจของอีกฝ่าย
   
“อะไร? หรือว่า..กังวลเรื่องสถานที่?” ไม่พูดเปล่า นายพ่อมดเหล้าหันมองไปรอบๆ ด้วย จนจากตอนแรกที่ผมไม่ได้คิดอะไร จึงเริ่มคิด
   
ว่า.. ตอนนี้เราอยู่ในสุสานนี่นา!?
   
“กะ..ก็มีส่วนอยู่หรอก..” อย่างน้อยๆ เขาก็ควรที่จะเคารพคนที่ตายไปแล้วบ้าง “แต่ว่า..”
   
“แต่ว่า?”
   
แต่ว่าเรื่องสถานที่ก็ยังไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่ผมผลักนายพ่อมดผมบลอนด์ออกหรอกนะ แต่เป็น.. “แต่ว่า..อีกสาเหตุที่ผมห้ามคุณ ก็เพราะว่าผมมีเรื่องที่อยากจะถามน่ะ”
   
“อะไรหรอ?” เหล้ารัมขมวดคิ้วมุ่นทันทีแบบที่ไม่ใช่การแกล้งทำ
   
จนผมต้องรีบถามออกไป เพราะไม่อยากให้เขาสงสัยอะไรมากไปกว่านี้ “คือ.. ตอนนี้ผมก็กลายเป็นปีศาจอย่างสมบูรณ์แล้ว ก็เท่ากับว่า..พันธะสัญญาครั้งที่สองคงจะไม่จำเป็นอีกต่อไป แล้วคุณ..จะถอนพันธะสัญญาจากผมรึเปล่า?”
   
พอได้ยินผมถามแบบนั้น จากตอนแรกที่กำลังทำหน้าสงสัย เหล้ารัมเลยเปลี่ยนมาเป็นยิ้มหวานแทน
   
“ไม่หรอก : )”
   
“ทำไมไม่ล่ะ?”
   
“ก็เพราะ.. ในเมื่อมันคือจุดเริ่มต้นของความรักเรา ผมก็อยากให้มันเป็นสิ่งสุดท้ายของความรักเราด้วย : )”
   
“แต่ว่า.. ถ้าผมเกิดตายขึ้นมา คุณก็จะตายตามผมไปทันทีเลยนะ มันจะคุ้มกันหรือไง?” ผมยังคงถามต่อ
   
“วาฬครับ ถ้าผมกลัวเรื่องนั้น ผมจะทำพันธะสัญญากับคุณตั้งแต่แรกทำไม จริงมั้ย : )”
   
“...”
   
“เว้นเสียแต่ว่า.. คุณจะอยากถอนพันธะสัญญาจากผมน่ะนะ?”
   
แน่นอนว่าผมต้องส่ายหน้าปฏิเสธอยู่แล้ว “ไม่ครับ ผมไม่อยากถอน” เพราะที่ถามมาทั้งหมดเนี่ย ก็เพราะกลัวว่าเขาจะถอนจากผมมากกว่า
   
“ถ้างั้นก็เก็บไว้ เป็นสิ่งแสดงความจริงใจของผมที่มีให้คุณก็แล้วกัน : )”
   
คำพูดของเขาทำให้ผมถึงกับยิ้มแก้มปริออกมาเลย ก่อนที่จู่ๆ.. ปากผมมันก็อยากที่จะส่งผ่านความรู้สึกออกไปให้ผู้ชายดีๆ ที่อยู่ต่อหน้าผมได้รับรู้.. “เหล้ารัม.. ผม.. รักคุณนะ” โดยการบอกรักเขา ทว่า..กะ..กลับรู้สึกเขินซะเอง.. อาาา~..
   
“...” แล้วพอได้ยินแบบนั้น เหล้ารัมก็ยิ้มแก้มปริออกมาบ้าง จนผมถึงกับต้องถามกลับไปเลย เพราะไม่แน่ใจว่าทำไมเขาถึงได้ยิ้มมากขนาดนี้?
   
“ทะ..ทำไมทำหน้าแบบนี้ล่ะ?”
   
“ก็ผมดีใจสุดๆ ไปเลยนี่” เหล้ารัมเว้นจังหวะเพื่อขยับเข้ามาใกล้ จนผมแทบจะไม่มีพื้นที่ให้หายใจแล้ว..! “คุณรู้มั้ยวาฬ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะ ที่คุณบอกรักผมต่อหน้าแบบนี้เนี่ย : )”
   
จะ..จริงด้วย! นี่เป็นครั้งแรกของคำบอกรักจากปากผมเลยนี่นา!?
   
แต่ว่า..
   
“ใช่ นี่เป็นครั้งแรกของผม แต่ว่าคุณน่ะ ยังไม่เคยบอกรักผมบ้างเลยนะ”
   
..เขาเองก็ไม่เคยพูดคำว่ารักออกมาต่อหน้าเหมือนกันนั่นแหละ!
   
“จะ..จริงดิ?” เหล้ารัมทำหน้าครุ่นคิด ก่อนที่ไม่นานนักหลังจากนั้นเขาจะยิ้มแห้งๆ แล้วยกมือขึ้นเกาหัวตัวเองแก้เก้อ “จริงด้วยแฮะ”
   
“แล้ว?” พอเขารู้ตัวแล้วว่าไม่เคยบอกรักผม ผมเลยทำเป็นขมวดคิ้ว อย่างต้องการจะถามว่า..แล้วถ้าเป็นอย่างงั้น เขาควรจะต้องทำยังไง?
   
เหล้ารัมก็เลยหัวเราะอย่างเข้าใจ “วาฬครับ ผมรักคุณนะ รักคุณมากจริงๆ : )” ก่อนที่จะพูดคำว่ารักออกมา
   
เฮ้อออออ รู้สึกดีจังแฮะ : )
   
“ผมก็เหมือนกันนั่นแหละ”
   
“อืม.. แต่ผมว่าผมรักคุณมากกว่านะ : )” พอได้ยินว่าผมตอบกลับไปอีกครั้ง เหล้ารัมก็เลยทำเป็นพูดเกทับซะเลย ซึ่งผมก็โอเคที่จะเป็นฝ่ายแพ้อยู่แล้ว ถะ..ถ้าไม่ติดว่า..การเกทับนั้นจะมาพร้อมกับมือของเหล้ารัมที่เอื้อมลงไปบีบก้นผมด้วย!
   
“บ้า!” แล้วด้วยความที่ผมเขินไง ผมเลยดันอกของเขาเหมือนกับในหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา ทว่า..!
   
“เฮ้ยยยยยยย!!”
   
ตู้มมมมมมมมมมมมม!!
   
ระ..รอบนี้มันกลับไม่เป็นอย่างที่เคยเป็นน่ะสิ!
   
“เหล้ารัม!”
   
ผมรีบวิ่งไปหาเหล้ารัมที่ผมผลัก ‘กระเด็น’ ไปนอนกองกับพื้นอยู่ในที่ที่ไกลจากจุดที่เราเคยยืนอยู่
   
แต่พอวิ่งไปถึงตัวเขา ผะ..ผมกลับชะงักมือคืนกลับมา.. พะ..เพราะดูเหมือนว่ามือผมตอนนี้..จะมีพลังที่ควบคุมไม่ได้เสียแล้ว!
   
“มือคุณหนักจัง : )” แต่โชคดีนะที่เหล้ารัมไม่เป็นอะไรมาก แม้จะลุกขึ้นมาอย่างเปื้อนฝุ่น แต่ก็ยังหล่อและยังยิ้มอยู่ได้..
   
“ผมขอโทษ” ผมเลยรู้สึกสบายใจที่จะเดินเข้าไปใกล้เขามากขึ้น
   
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ ก็คุณไม่ใช่มนุษย์เหมือนเมื่อก่อนแล้วนี่เนอะ : )”
   
“เฮ้อออออ~ ดูเหมือนว่าผมคงต้องใช้เวลาอีกสักพักเลยนะ กว่าจะสำรวจว่าร่างกายที่กลายเป็นปีศาจไปแล้วนี่มันสามารถทำอะไร... เฮ้ย! น่ะ..นี่คุณจะทำอะไรน่ะเหล้ารัม!?” ผมถึงกับร้องเสียงหลงทันที ที่ยังไม่ทันจะพูดจบ เหล้ารัมก็เข้ามาช้อนตัวผมขึ้นอุ้มซะแล้ว!
   
“ก็เมื่อกี้ผมได้ยินคุณพูดว่าคุณต้องสำรวจตัวเองไม่ใช่หรอ? ผมเลยกะว่าจะพากลับไปช่วยสำรวจต่อที่คอนโดไง : )”
   
“ผะ..ผมหมายถึงว่าผมจะสำรวจตัวของผมเอง ไม่ใช่ให้คุณมาช่วยสักหน่อย!” ยะ..อย่ามาร้ายนะ!
   
“ได้ไงกัน? ของแบบนี้มันต้องให้คนอย่างผมสำรวจสิ ถึงจะถูก : )”
   
“ละ..เหล้ารัม..”
   
“กลับคอนโดเลยมั้ย หรือว่า..คุณยังไม่อยาก : )”
   
“กะ..ก็ไปสิ..”
   
โอ๊ยยยยย ขะ..เขินนะครับที่ต้องมาตอบคำถามสองแง่สองง่ามของนายพ่อมดเหล้าแบบนี้เนี่ย!
   
แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ เราสองคนห่างจากกันมานานมากแล้วจริงๆ เพราะฉะนั้น.. ผมก็เลยไม่อยากที่จะเล่นตัวอะไรอีกต่อไปแล้ว..
   
“โอเค : )” ..ก็เลยปล่อยให้เหล้ารัมพาผมกลับไปยังคอนโดของเขา.. ไม่สิ คอนโดของเรา
   
และเตรียมใจไว้แล้วด้วยว่า.. คงโดนนายพ่อมดเหล้าสำรวจร่างกายจนถึงเช้าแน่!

(http://pic.pimg.tw/demona/1405329580-1468390043.gif)

FIN


แฮมสเตอร์
ในที่สุดก็จบลงแล้วนะครับสำหรับนิยายเรื่องนี้
ยอมรับตามตรงนะครับว่ารู้สึกใจหายมาก แต่ในขณะเดียวกันก็โล่งใจมากเช่นกัน ที่ในที่สุดก็ทำมันออกมาเสร็จจนได้
‘พ่อมดเหล้า’ นี่คือเรียกได้ว่าเป็นนิยายวายเรื่องยาวเรื่องที่สองในชีวิตเลยก็ว่าได้ครับ ที่สามารถเขียนจนจบบริบูรณ์
(เราจะไม่พูดถึงเรื่องแรกนะครับ ฮ่าๆๆๆๆ~)
แถมยังเป็นนิยายที่มีความหนามากที่สุดเท่าที่แต่งมา ก็คือ 295 หน้า ซึ่งทุกครั้งที่มองจำนวนหน้าตรงนี้
ก็ยังถามตัวเองอยู่เลยว่า…เขียนไปได้ยังไงวะเนี่ย?
เพราะโดยส่วนตัวเป็นคนที่ค่อนข้างขี้เบื่อมาก เขียนแค่ 120 หน้าก็คือลิมิตสำหรับตัวเองแล้ว
แต่ก็อย่างว่าน่ะนะ นิยายเรื่องนี้มันพิเศษไม่เหมือนกับเรื่องไหนๆ จริงๆ
เพราะนอกจากที่มันจะทำให้แฮมสเตอร์รู้สึกถึงความเติบโตแล้ว ก็ยังทำให้แฮมสเตอร์ได้เรียนรู้ และลองผิดลองถูกอะไรอีกหลายๆ อย่างด้วย

ซึ่งจุดนี้ แฮมสเตอร์ก็อยากจะขอขอบคุณนักอ่านทุกคนมากนะครับ
ทั้งคนที่ติดตามมาตั้งแต่ต้น (แล้วหายไป แงงงงงง) ทั้งคนที่ยังคงตามกันอยู่ รวมถึงคนที่แวบมาเหมือนขาจรตามร้านอาหารต่างๆ ด้วย
ขอบคุณมากจริงๆ ครับ
นิยายเรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่ง่ายเลยสำหรับผม มันผ่านช่วงเวลาทั้งดีและร้ายมาอย่างหนักหน่วง
บางครั้งก็รู้สึกว่าตัวเองอยากจะลงมันสามตอนรวด แต่บางครั้งก็นอนนิ่งๆ แล้วบอกตัวเองว่า..ไม่อยากแต่งมันอีกแล้ว..ก็มี
ทว่า..เพราะกำลังใจจากนักอ่านทุกคน ก็ทำให้นิยายเรื่องนี้จบลงจนได้
ขอบคุณนะครับ ขอบคุณมากจริงๆ
แล้วก็ต้องขอโทษด้วย หากนิยายทั้ง 22 ตอนที่ผ่านมานี้ อาจจะทำให้ใครหลายคนรู้สึกไม่ดี หรือไม่พึงพอใจไปบ้าง
แฮมสเตอร์จะพยายามนำข้อเสียต่างๆ ไปปรับปรุงครับ
และหวังว่าเราจะได้เจอกันอีกในเรื่องหน้า

ขอบคุณครับ

ป.ล. ฝาก #พ่อมดเหล้า หากต้องการพูดคุยถึงนิยายเรื่องนี้ เพื่อเป็นการสั่งลาครั้งสุดท้ายถึงเหล้ารัมและวาฬกันนะครับ

มายเพจ : #แฮมสเตอร์ (https://www.facebook.com/hamsterisanauthor)

 :heaven
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 30-09-2016 14:17:37
อยากไปช่วยเหล้ารัมกับวาฬสำรวจพลังด้วย :hao6:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Natsuki-ChaN ที่ 30-09-2016 14:37:39
อยากไปแอบหลบอยู่ใต้เตียงดูเค้าสำรวจกัน ~~ :hao6:
เหล้ารัม เอะอะ มือล้วงตลอดเลยนะยะะ  :-[ มีความหมั่นใส้หนักมากก
จบซะแล้ว ขอตอนพิเศษ ช่วงหลังจากนี้ต่อได้ไหมค๊า ยังไม่รู้เลยว่าวาฬเป็นปีศาจอะไรอ่าา
แอบสงสารเอียนเบาๆเหมือนกันแหะ แสดงว่าต้องเจอเรื่องร้ายๆมา T-T อยากเห็นโมเม้นทเอียน กลับมารักดูแลน้องวาฬเหมือนเดิม   มีโหมดหวงน้องชายค่ะ จะมีไหมมม :hao5:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 30-09-2016 15:05:19
อยากแอบดูเขาสำรวจร่างกายกันอ่ะ ขอมีส่วนร่วมด้วยได้มั้ยยยยยยยยยยยยยยยย :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: shannara ที่ 30-09-2016 16:11:46
จาอาว จาอาวตอนพิเศษ
 :mew6:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 30-09-2016 16:28:50
ในที่สุด วาฬก็รู้ตัวและคิดที่จะอยู่เพื่อเหล้ารัมบ้าง พี่วิสกี้ก็ดูใจดีขึ้น หรืออาจจะเป็นคนปากร้ายแต่ใจดีก็ได้ ดีใจที่เหล้ารัมมีความสุขเสียที
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 30-09-2016 16:43:44
 :hao5:

เหมือนโดนตัดจบ แต่พี่วิสกี้ถ้าเป็นงี้ทีแรกก็ไม่น่าจะโมโหร้ายขนาดนี้นะ พูดให้วาฬคิดดีๆตั้งแต่แรกก็โอเคแล้วนี่นา
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Ryu7801 ที่ 30-09-2016 17:20:40
ดีใจที่ทั้งสองได้อยู่ด้วยกัน o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: kiolkiol ที่ 30-09-2016 18:28:35
 :mew1: ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะ เหล้ารัมออกแนวรักของนกเงือกมากค่ะ แต่นางน่ารักจริงๆนะคะ ส่วนวาฬตอนแรกก็ยังไม่ชินกับเหล้ารัมแต่ว่าทั้งสองก็รู้จักหันเข้าหากันค่ะ น่ารักมากกก ชอบตอนนางจีบกันจริงๆค่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 30-09-2016 23:07:13
จะเป็นปีศาจอะไรน้ออออออออ จะมีร่างเป็นอะไร ต้องจินตนาการต่อไป
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 01-10-2016 09:57:23
 :z1: :pig4: อยากดูสองคนนี้สำรวจกันและกันจัง
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 02-10-2016 20:25:43

และแล้ว.......

ก็สมหวัง

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-10-2016 23:58:46
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: BBnuna ที่ 03-10-2016 21:13:07
จบแล้วอ่ะะะ ชอบเรื่องนี้  สนุกดี พลอตเรื่องแนวเรื่องแปลกดี แต่แบบเหมือนมันค้างคาประมานว่าเรื่องเอียนที่ดูแบบเหมือนจะสำคัญก็มับทจริงๆนิดเดียวประมานนี้ คือคิดว่าเรื่องที่มีสองสามโลกสเกลมันกว้างมาก เรื่องนี้ดูสั้นไปเลย เหมาะจะมีภาคต่อสุดๆ555
ปล.ขอบคุณมากที่แต่งนิยายดีๆให้อ่าน<3
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 04-10-2016 00:22:03
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
สนุกมากกกกกกกกกกอ่านจบแล้วรู้สึกเหล้ารัมนี่จะหื่นขึ้นนะส่วนวาฬนี่ก็นะพัฒนาความน่ารักน่ากดได้ทุกตอนจริงๆๆๆ
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: TuiLoveKhaKing ที่ 04-10-2016 12:49:17
สนุกมากกก หลงรักเหล้ารัมสุดหัวใจ แถมยังแอบใส่เพลง Far away ที่เราชอบลงไปด้วยอ่ะะ กรี๊ดมากกก ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆ แบบนี้นะคะ เก็บรายละเอียดดีมากเลย ถ้ามีเรื่องใหม่ก็อย่าลืมแจ้งข่าวนะคะ จะติดตามม  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: en foo ที่ 05-10-2016 01:00:34
 :mew1:ชอบเหล้ารัมมาก
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 05-10-2016 10:21:33
ปกติไม่ชอบอ่านแฟนซีนะ แต่เรื่องนี้สนุกมากจริงๆ
ใครที่ยังลังเลก็อยากชวนให้มาอ่าน

ขอบคุณผู้แต่งสำหรับเรื่องสนุกๆ หวังว่าจะได้อ่านเรื่องต่อๆไปนะครับ
จะติดตามอ่านเรื่องอื่นๆต่อไป
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: k_keenny ที่ 06-10-2016 14:01:17
สนุกมากค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 07-10-2016 00:07:31
ว้าววว แฮปปี้ค่าาา  :mew1: ในที่สุดทางที่สามดีเริ่ด ขอบคุณคนเขียน สนุกมากค่า เป็นกำลังใจให้ ในเรื่องต่อไปของคนเขียนนะคะ เอาจบแบบแฮปปี้เหมือนเดิมน่าา  :mew2:  :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 07-10-2016 14:53:14
  :hao7:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: MIwEMInE ที่ 08-10-2016 01:23:37
เหล้าน่ารักมากค่ะ
วาฬก็ด้วย
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Kio ที่ 08-10-2016 03:40:18
จบซะแล้ว จะมีตอนพิเศษไหมคะเนี่ย อยากรู้ว่าวาฬเป็นปีศาจอะไร รวมถึงเรื่องหลังจากนี้ด้วย จะมีทายาทอย่างที่พี่วิสกี้ต้องการไหม?

อะไรนะ ขอมากไปเหรอคะ ไม่ใช่เรื่องที่จะขอกันฉันเข้าใจ ไม่ใช่เรื่องที่จะขอแล้วให้กั--- #ผิดส์

พล็อตถูกใจมาก รักพระเอกมากเช่นกัล อยากแย่งจากวาฬตั้งหลายครั้ง อินี่ริษยาค่ะ55555555555 พ่อคุณแสนดีมาก แม่ขา หนูอยากได้พี่เขา

แต่บทบรรยายความรู้สึกตัวละครนี่เยอะไปนิดนึงนะคะ มันมีบางช่วงที่คิดว่าไม่จำเป็นต้องบรรยายเพิ่มหรอก เลยเกิดความรู้สึกว่ามันดูเยิ่นเย้อไปนิดนึง //ซึ่งอาจเป็นแค่เราที่รู้สึก แต่โดยรวมคือดีงามค่ะ คำผิดก็ไม่ค่อยเจอหรืออาจไม่มีเลย ปริ่ม

ขอบคุณที่สร้างพระเอกอย่างเหล้ารัมมาให้เราหวีดตั้งสามคืนนะคะ รัก ♡

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 08-10-2016 14:56:07
ขอบคุณเรื่องราวดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 10-10-2016 00:33:46
ยังไม่ได้อ่านค่ะ
แต่ขอมากรี้ดดดเบนจามินจาวิสสตรงหน้าสารบัญก่อนน
ชอบบนางมากกกกก. งืออออ ><
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 10-10-2016 19:25:14
เพิ่งจะได้ตามมาอ่าน...ขอบคุณค้าบบบ เรื่องดี จบดี
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 10-10-2016 21:32:32
 :hao7:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 11-10-2016 23:42:56
สนุกดีค่ะ
นึกว่าซองซูกับวิสกี้จะไม่ค่อยขัดขวาง
แต่นี่จัดเต็มมาก
นึกว่าจะมีตอนพิเศษเพิ่ม
แต่ไม่มีก็โอเคค่า
จบสมบูรณ์แล้ว
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 12-10-2016 11:58:40
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ ชอบมากกกก
เป็นแนวเรื่องที่ไม่ค่อยเจอแนวนี้ค่ะ
ภาษาก้อ่านเพลินๆ ลื่นๆ
โดยที่ไม่ต้องใช้ศัพท์สูงหรือภาษาพรรณนามากมายอะไร
ชอบพล้อตเรื่องและบุคลิคตัวละครมากค่ะ
สนุกและมีความชัดเจน บุคลิกไม่แกว่ง
ได้เห็นถึงพัฒนาการด้านความรู้สึกของตัวละคร
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้ออกมานะคะ
และก้ขอบคุณที่เลือกนำมาแบ่งปันในเล้าค่ะ
รอติดตามผลงานต่อๆไปนะคะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 12-10-2016 21:22:51
ขอบคุณค่ะ
สารภาพว่าหายไประหว่างทาง เพราะตอนแรกรู้สึกว่านิสัยวาฬไม่น่ารักเท่าไหร่ และกลัวว่าจะค้าง
พอเห็นว่าจบแล้วเลยถือโอกาสเข้ามาอ่าน
ต้องขอขอบคุณคนเขียนอีกครั้งที่เขียนเรื่องนี้จนจบ และขอโทษที่หายไปค่ะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Chadaswin ที่ 13-10-2016 22:33:45
อ่านถึงหน้าที่7ปุปหยุดอ่านเลยจ้า
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 15-10-2016 16:57:09
น่ารักอะไรเบอร์นี้ ขอบคุณสำหรับนิยายนะ ^^
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 15-10-2016 17:05:37
อีกอย่างที่ชอบคือ :)  :(  :D  นี่แหละ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 15-10-2016 19:54:18
ขอบคุณค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 16-10-2016 03:56:55
เพิ่งอ่านจบตอนที่ 1 ค่ะ อดใจไม่ไหวขอมาเม้นก่อน

ปกติไม่ชอบอ่านแนวแฟนตาซีเลย แต่เกิดเบื่อๆเลยหานิยายแปลกๆอ่านดูบ้าง เลยกดเข้ามาอ่าน

ปรากฏว่าชอบภาษากับพระเอกมากเลย5555555

คาแรกเตอร์ตัวละครตรงไปตรงมาดี ชอบบบ อ่านสบายๆ เนื้อเรื่องก็ดูมีเรื่องมีราวดีค่ะ ชอบค่ะ

ขอไปอ่านต่อก่อนนะคะ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 14-11-2016 16:42:24
 :pig4: :pig4: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ บทที่ยี่สิบสอง + บทส่งท้าย [ THE END ] || อัพเดท : 30/9/2016
เริ่มหัวข้อโดย: miwmiwza ที่ 17-11-2016 06:17:19
น่าจะมีภาคต่อนะ ชีวิตรักหลักเป็นปีศาจของวาฬ น่าติดตามจริงๆ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ จบแล้ว + Special Story of Rum || อัพเดท : 12/21/2016
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 08-01-2018 07:56:48
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ จบแล้ว + Special Story of Rum || อัพเดท : 12/21/2016
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-01-2018 21:09:04
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ จบแล้ว + Special Story of Rum || อัพเดท : 12/21/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 21-01-2018 14:00:47
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ จบแล้ว + Special Story of Rum || อัพเดท : 12/21/2016
เริ่มหัวข้อโดย: TheGraosiao ที่ 28-01-2018 13:06:03
ขอบคุณครับ

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ จบแล้ว + Special Story of Rum || อัพเดท : 12/21/2016
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 01-02-2018 00:01:11
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ จบแล้ว + Special Story of Rum || อัพเดท : 12/21/2016
เริ่มหัวข้อโดย: abc_b ที่ 18-03-2018 05:08:35
เอาเป็นว่าจากใจนักอ่านเลยนะคะ รู้สึกเรื่องนี้ไม่ค่อยเมคเซ้นทั้งเรื่องของเอียนแล้วก็เรื่องของวิสกี้เลยอะ อย่างเอียนนี่ไม่มีปูพื้นเรื่องอะไรเท่าไหร่ อยู่ๆแค่โดนน้องจุ๊บก็โวยวายแล้วหนีหายไป อ่านๆอยู่นี่แบบ ห๊ะ แล้วสุดท้ายก็เอาตัวไม่รอดอยู่ดี คือมองว่ามะนสะใจมากกว่าจะสงสาร กับพี่น้องเหล้านี่ก็แปลกตอนเด็กก็เหมือนไม่มีปัญหาอะไรแต่ตอนโตเรื่องแค่นี้ช่วยน้องไม่ได้ทั้งที่มาถามความรู้สึกหันแต่แรกก็ไม่ต้องมัวแหกคุกแล้ว กับมุมมองความคิดของวาฬก็ย้ำเหลือเกินเอะอะก็เดี๋ยวก็ตายแล้ว เดี๋ยวก็ผมมีชีวิตได้อีกไม่นานหรอก ซึ่งมันเป็นความคิดของคนจิตตกมากอะ ไอคนที่มาขอดวลกับเหล้ารัมก็ดูจิตไม่ปกติเห็นคนจะตายแต่ไม่ช่วยแล้วตอนหลังก็มาขอโทษเนี่ยนะมันกูไม่ได้ช่วยเลย กลุ่มเพื่อนอีกคือพอวาฬจะเป็นปีศาจก็ไม่ดูไม่แคร์อะไรโลกมนุษย์แล้วเลย ไหนว่ามีเพื่อนสนิทไง บุคลิกของเหล้ารัมก็ดูไม่ชัดเจนอะยังไม่นับเรื่องเงินที่เอามาใช้อีกว่ามาจากไหนอะไรยังไง เวลาอ่านแล้วมันขัดๆไงไม่รู้
รวมๆแล้วสำหรับเราเรื่องนี้วางพล็อตหลวมอะ หลายๆจุดมันไม่สอดคล้องกับหลักความคิดจริงๆของคนเท่าไหร่ ในส่วนของแฟนตาซีนี่แปลกใหม่ดี น่าสนใจ ปูเรื่องมาตอนแรกดูปมมันใหญ่อะคือเรื่องเฉยนี่เซ็งเลย แบบกะแค่เอียนแอนตี้เกย์เนี่ยนะ
ที่เม้นอันนี้เราไม่มีเจตนาจะว่าอะไรคุณคนเขียนนะคะ ถ้าไม่ชอบเรื่องนี้คงไม่อ่านจนจบแล้วมาเม้น เราไม่รู้ว่าที่เราเม้นไปจะเป็นการติเพื่อก่ออย่างที่ตั้งใจไว้มั้ย ถ้าทำให้คุณหมดกำลังใจหรือนอยด์ก็ต้องขอโทษมา ณ ที่นี้

ขอบคุณสำหรับนิยายที่ทำให้ติดจนเปิดอ่านรวดเดียวจบ  :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ จบแล้ว + Special Story of Rum || อัพเดท : 12/21/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 28-04-2019 17:30:13
 :katai2-1: :katai2-1:

ดีค่ะดีๆ ขอบคุณนะค่ะสำหรับนิยาย  o13 o13 :bye2:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ จบแล้ว + Special Story of Rum || อัพเดท : 12/21/2016
เริ่มหัวข้อโดย: LonelyBoiZ ที่ 02-05-2019 01:45:18
สนุกมากเลยครับบ
ขอบคุณมากนะครับ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ จบแล้ว + Special Story of Rum || อัพเดท : 12/21/2016
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 03-07-2019 21:15:53
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ จบแล้ว + Special Story of Rum || อัพเดท : 12/21/2016
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 03-07-2019 21:39:41
ดีใจล่วงหน้ากับน้องวาฬด้วยค่ะ คิดว่ามารักกับเหล้ารัมคงไม่ผิดหวัง อิอิ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ จบแล้ว + Special Story of Rum || อัพเดท : 12/21/2016
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 03-07-2019 22:09:55
 o13 o13
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ จบแล้ว + Special Story of Rum || อัพเดท : 12/21/2016
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 03-07-2019 23:01:14
คิคิ
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ จบแล้ว + Special Story of Rum || อัพเดท : 12/21/2016
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 03-07-2019 23:45:57
งู้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ จบแล้ว + Special Story of Rum || อัพเดท : 12/21/2016
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 13:55:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ จบแล้ว + Special Story of Rum || อัพเดท : 12/21/2016
เริ่มหัวข้อโดย: habanice ที่ 05-05-2021 12:37:17
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ จบแล้ว + Special Story of Rum || อัพเดท : 12/21/2016
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 11-05-2021 15:06:40
 :z13:
หัวข้อ: Re: #พ่อมดเหล้า ★ จบแล้ว + Special Story of Rum || อัพเดท : 12/21/2016
เริ่มหัวข้อโดย: BoJit ที่ 15-09-2021 01:07:55
ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ อ่านแล้วทั้งยิ้มทั้งหัวเราะและร้องไห้