ตอนที่ 4 : STALKER แบบโต๊ะๆ“เหี้ยโต๊ะ ลูกชิ้นกู” ส้มผู้มัวแต่มองตามผู้ชายก้ามใหญ่ที่เดินผ่านไป จนลืมตั้งป้อมปราการอันแข็งแกร่งรอบชามก๋วยเตี๋ยว
เหมือนทุกครั้ง ทำให้ผมสามารถขโมยลูกชิ้นมันมาได้อย่างง่ายดาย
“เอาสุดที่รักกูคืนมา” นี่คือลูกชิ้นปลาฮ่องเต้ เจ้าของร้านจะใส่ให้แค่ชามละลูกเท่านั้น ที่เหลือเป็นลูกชิ้นปลาธรรมดา
“ไม่มีทาง”
“ไอ้โรคจิต”
“ขอบใจที่ชม” ผมคีบสุดที่รักของส้มขึ้นมาโชว์ แหมขาวอวบน่ากิน
“หมาโต๊ะ”
“หมาก็ดี มันฉลาดกูชอบ” ผมยังคีบลูกชิ้นร่อนไปมา ทำท่าจะเอาเข้าปากหลายครั้งให้เจ้าของมันหัวใจวายเล่น
“ไอ้.....” ส้มยังพยายามจะด่าผมเพื่อให้ปล่อยตัวประกันแต่ผมไม่แคร์
“ไอ้หัวแม่มือ” ผมสะดุ้งโหยง มือไม้อ่อน ปล่อยให้ลูกชิ้นตกจากตะเกียบลงสู่ชาม ส้มรีบคีบสุดที่รักของมันคืนไป
กองหนุนของส้มมันร้ายกาจจริงๆ เล่นเอาผมเจ็บไปถึงลิ้นปี่
“อะไรของมึงคะไอ้เจ้า ไอ้หัวแม่มือมึงเนี่ย” เรื่องเสือกๆ เดซี่ไม่เคยพลาดครับ
ไอ้เจ้าหัวเราะเบาๆ มันยกมือขึ้นเอานิ้วโป้งแตะเข้ากับปากตัวเอง เท่านั้นแหล่ะ
“ฮ่าๆๆๆๆๆ เหี้ยโต๊ะ ไอ้หัวแม่มือ”“อื้อหือ จี๊ดใจไอ้โต๊ะมาก ผมเห็นชะตากรรมตัวเองเลย ต่อจากนี้ไอ้หัวแม่มือคงอยู่กับไอ้โต๊ะไปอีกนาน
นี่สินะ ที่เขาบอกยิ่งเกลียดยิ่งเจอ เจอจนเบื่อแน่เลยกู
“แล้วมึงนัดส่งรูปพี่เหนือหรือยังวะ ตอนเช้ากูเจอพี่เทพเห็นถามอยู่”
“จะเอาไปส่งวันนี้แหล่ะ”
“แหมๆ ไอ้คุณโต๊ะนัดตัวผู้ไว้ไม่บอกกล่าวพวกกูเลยนะ กลัวไปแอบดูหรือไงมึง” ใช่ มึงแอบดูแน่เดซี่ กูรู้
“เปล่า กูยังไม่ได้นัด เดี๋ยวจะไปหาพี่เหนือที่คณะ พี่มันเลิกเรียนบ่ายๆ” ไม่มีใครถามว่าผมรู้ได้อย่างไรเพราะมันขี้เกียจฟัง
“เกิดพี่เหนือไม่อยู่ล่ะ มึงโทรไปบอกพี่มันก่อนดีกว่า” ก็จริงของส้ม ผมชะล่าใจเพราะตลอดเวลาที่เฝ้าตามพี่เหนือไม่เคยโดดเรียน
แต่ในเมื่อผมมีเบอร์แล้วนัดไว้ก็ไม่เสียหายนี่นา จะได้อัดเสียงพี่มันด้วย โหย ไอ้โต๊ะลืมคิดไปได้ไง
ผมรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรหาพี่เหนือสุดที่รักทันที
“สวัสดีครับพี่เหนือ”
“ผมจะเอาไฟล์รูปเข้าไปให้นะครับ ทำเสร็จแล้ว”
“อ้าว เหรอครับ”
“ฝากไว้ที่พี่สกาย ไม่ได้!!..ไม่ได้ครับ..คือผมจะเปิดให้พี่ดูด้วยเผื่ออยากให้แก้ตรงไหน งานจะได้เรียบร้อย”
“ตอนเย็นว่างครับ..ไม่ได้ไปไหนครับ..ที่หอผม?..คนนอกขึ้นได้ครับ..”
“ได้ครับ..เดี๋ยวเจอกันครับ..สวัสดีครับ”
โอ้ยยย เสียงพี่เหนือทุ้มกินใจไอ้โต๊ะเหลือเกิน หลงเสน่ห์เสียงพี่มันสุดๆ แค่ฟังก็เคลิ้มแล้ว
“มึงเคลิ้มมากใช่ไหมคะโต๊ะ” เสียงกระแทกแดกดันของเดซี่ ทำไมเพื่อนๆ ที่รักทำหน้าอย่างนั้นกันวะ
ผสมผสานระหว่าง ความละเหี่ยใจ ความเซ็ง และอยากด่า
“เป็นไรกันวะ”
“ไม่รู้จริงๆ เหรอโต๊ะ” ไอ้เจ้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ สีหน้าแต่ละคนเริ่มอิดหนาระอาใจ
“มึงนัดพี่เหนือที่ไหน” ส้มเริ่มหมดความอดทน เมื่อให้เวลาคิดแล้วผมก็ยังทำหน้าโง่ๆ เหมือนเดิม
“นัดที่...” ผมนัดพี่เหนือไว้ที่...
“ฉิบหาย!!!”
“เอ่อ สมพรปากล่ะมึง มัวแต่เคลิ้มตาลอยคล้อยตามพี่มัน สติสตังไม่มี”
“ทำไงดีวะกูตายแน่” ผมเลิ่กลั่กลนไปหมด ก๋วยเตี๋ยวชามโปรดเลิกสนใจครับ ในหัวมีแต่คำว่า ตายแน่ ตายแน่
“โทรไปบอกพี่เขาดิว่ามึงไม่ว่างแล้ว หรือนัดเจอที่อื่นแทน” ส้มช่วยออกความคิดเห็น
“กูไม่อยากผิดคำพูดกับพี่เหนือ นัดแรกก็เรื่องมากแล้ว” ผมไม่นับที่ไปทำงานบ้านพี่เหนือครับ
นี่เป็นครั้งแรกที่จะได้เจอกันแค่สองคน ผมจะเรียกมันว่าการเดทแรกของเรา
“มึงไม่อยากผิดคำพูดหรือมึงกลัวไม่ได้เจอพี่เหนือคะคุณโต๊ะ” เกลียดพวกรู้ทัน
“เอาไงก็รีบคิดเข้าโต๊ะ”
“นั่นดิเอาไงอะ ช่วยกูคิดหน่อย นะนะ” ผมใช้ลูกอ้อนเข้าสู้ ตอนนี้หัวตีบตันมากครับ พอเป็นเรื่องพี่เหนือผมคิดอะไรไม่ค่อยออก
“ลองโทรไปเปลี่ยนที่นัดดูก่อน เดี๋ยวค่อยว่ากัน”
“เออๆ” ผมรีบกดโทรศัพท์หาพี่เหนืออีกครั้ง
“สวัสดีครับพี่ ผมจะขอเปลี่ยนที่นัดเย็นนี้”
“เหรอครับ..อืม..งั้นที่หอผมก็ได้ครับ..ครับพี่เหนือ..สวัสดีครับ”
“เหี้ยโต๊ะอะไรของมึง”
“พี่เหนือบอกว่าไม่รู้จะเสร็จกี่โมง นัดเวลาไม่ได้กลัวกูต้องไปรอนาน ถ้าที่หอพี่มันได้ไม่ต้องเกรงใจ
กูไม่อยากเลื่อนเลยตกลงเหมือนเดิม” ผมทำหน้าจ๋อยเรียกร้องความสงสาร
“มึงแม่งชอบหาเหาใส่หัว แล้วทีนี้ทำไงวะ”
“มึงอย่าเพิ่งหงุดหงิดดิวะส้ม ช่วยกูคิดก่อน ที่กูไม่เลื่อนเพราะอีกหน่อยเกิดพี่มันจะแวะอีกกูปฏิเสธทุกครั้งก็ตลกปะ”
ไม่เข้าท่าหรอกครับ แต่ชั่วโมงนี้สีข้างถลอกก็ต้องยอม
“อย่าเถียงกันเลย ไปห้องโต๊ะจัดกวาดเก็บกวาดให้มัน ช่วยกันหลายๆ คนเดี๋ยวก็เสร็จ” เจ้าช่วยตัดสินใจยุติสงครามกลางโต๊ะ
“โดดเรียนอีกแล้วกู” เดซี่ทำเสียงเบื่อหน่ายแต่เก็บกระเป๋าอย่างไว มึงขี้เกียจเรียนก็บอกเหอะ
“แต่กูไม่เก็บศิลปะบนฝาผนังนะ กว่าจะสวยงามขนาดนั้นกูใช้เวลาตั้งห้าหกเดือน”
ผมรีบบอกก่อน กลัวใครจะไปรื้อของรักของหวงผมเข้า
“เหี้ยโต๊ะ!!” แหมๆ ไม่เข้าชมรมคอรัสกันซะเลยล่ะพวกมึง พร้อมเพรียงเชียว
“เออๆ รีบๆ ไปเถอะ เดี๋ยวค่อยดูว่าทำอะไรได้บ้าง” ไอ้เจ้าเริ่มต้อนพวกผมลุกออกจากโต๊ะ
“ไปรถส้มนะ เจ้าไม่ได้เอารถมา”
“อ้าว แล้วเมื่อเช้าพวกมึงมากันยังไง”
“เอ่อ...” ไอ้เจ้าไม่ยอมตอบ ผมเลยรีบสาระแนทันที
“เมื่อเช้ามีสารถีไปรับ เขาจีบกันอยู่”
“พี่สกายน่ะนะ กรี๊ดดดด กูอิจฉา” เดซี่เต้นเป็นเจ้าเข้า
“พี่มันเอาจริงเหรอวะ” ส้มดูแปลกใจ คงนึกว่าพี่มันเล่นกันขำๆ
สองคนนี้รู้เรื่องตั้งแต่เมื่อคืน พวกผมฮอตไลน์สายด่วนกันเรียบร้อย ไอ้เจ้ามันไม่อยากเล่าหรอกครับ แต่ผมฝอยเสียหมดเปลือก
“อืม กลุ่มนี้เขาเล่นกันจริงๆ พี่คู่หนึ่งเป็นแฟนกันยังไม่คุยกันตั้งอาทิตย์” ไอ้เจ้าอธิบายไป มือก็กดพิมพ์ในโทรศัพท์ไปด้วย
“พิมพ์ไรวะ” บอกแล้วเรื่องสอดรู้สอดเห็นไม่มีใครเกินน้องเดซี่
“เย็นนี้ไม่ต้องมารับครับ...ทำไม?....จะกลับพร้อมเพื่อนครับ..เดี๋ยวพี่ไปส่งเอง...ไม่ต้องจะกลับแล้ว...
โดดเรียน?..ยุ่ง...รออยู่นั่นพี่ไปรับเอง...ไม่ต้องครับเรียนไปเถอะ..ผมกลับเดี๋ยวนี้แล้ว..”
“กรี๊ดดด นี่ว่าที่แฟนหรือผู้บังคับบัญชาคะ ต้องรายงานตัวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยเหรอคะน้องเจ้าของพี่สกาย”
“ยุ่ง” ไอ้เจ้ารีบแย่งมือถือออกจากมือเดซี่ เดินนำลิ่วๆ ไม่รอใคร แหม ใครว่าข้าวเจ้าเสียอาการไม่เป็น เป๋เลยครับ
“เชื่อกูไหม เล่นๆ อย่างนี้เดี๋ยวมีเฮ”
“กูไม่ชอบลุ้น กูชอบชงเอง สามีเพื่อนดีเป็นศรีแก่กู” ฟังบทสนทนาระหว่างส้มกับเดซี่แล้ว ผมแม่งกลุ้มใจแทนข้าวเจ้า
มันจะได้เฮหรือจะหายนะ ผมชักไม่แน่ใจ
“ไปโต๊ะ เอาเรื่องของมึงก่อน กูเป็นเพื่อนที่ดี เดี๋ยวกูจัดให้ตามลำดับ”
ไอ้เจ้าอย่าโกรธกูเลยนะ ตอนนี้กูต้องพึ่งไอ้สองคนนี้ด้วย กูแก้ต่างให้มึงไม่ได้ กูขอโทษษษษษ
“ติดแบบนี้โอเคไหม”
“ซ้ายอีกนิด เออๆ..ตรงนั้นแหล่ะ” นี่คือความโกลาหลที่เกิดขึ้นในห้องผม ผมกับไอ้เจ้าช่วยกันเก็บคอลเลคชั่นอันล้ำค่าใส่กล่อง
ส้มกับเดซี่ช่วยกันติดผ้าสีน้ำเงินเข้มพิมพ์ลายดาวเล็กๆ ที่ไปหาซื้อกันมาทับไปบนรูปพี่เหนือบนฝาผนัง
“เก็บขอบด้วยมึง”
“ระวังโดนรูปพี่กู” ผมรีบร้องห้ามตอนส้มจะติดกาวสองหน้าลงบนผนัง
“กูติดเลยออกมาแล้ว ร้องทำเหี้ยไร กูตกใจเกือบแปะไปบนหน้าพี่มึง”
“มึงก็เผื่อตอนกูแกะออกมั้งดิ เดี๋ยวพี่กูเสียโฉม”
“ไอ้โรคจิต” ขอบใจมึงกูรู้ตัวดี ไม่ต้องชม
“เรียบร้อย เหนื่อยฉิบ” ส้มมันบ่นแต่ก็ช่วยกวาดตามองไปรอบห้องว่ามีอะไรหลุดรอดไปอีกไหม
“ไปหาอะไรกินกัน กูหิว มึงเลี้ยงด้วย”
“ได้ๆ เต็มที่เพื่อน กูมีงบ 300 ที่เหลือต้องหยอดกระปุกให้ลูกรักตัวใหม่กู”
ผมหมายถึงเลนส์ตัวใหม่ที่เล็งไว้มาหลายเดือนแล้ว
“ค่ะ กูเห็นแก่มึงสัญญาว่าถอยมาแล้วจะให้กูยืม ไม่งั้นไม่ยอม”
“ไปๆ” ผมรีบกวาดต้อนเพื่อนออกจากห้อง หันกลับไปมองให้แน่ใจอีกที โอเค พร้อม
“ทานอะไรหรือยัง พี่ซื้อชูครีมมาฝาก ไม่รู้โต๊ะชอบของหวานไหม” พี่เหนือชูกล่องขนมให้ผมดู
ระหว่างผมพาเดินจากชั้นล่างขึ้นไปที่ห้อง
“ชอบครับ ผมทานหมดแหล่ะพี่ โดยเฉพาะของฟรี”
“พี่ก็ชอบ” ก็เพราะพี่ชอบไงครับ ผมถึงชอบ ฮิ้วววว
“ห้องโต๊ะน่าอยู่ดีนะ ปกติสะอาดแบบนี้หรือจัดเพราะพี่จะมา”
ผมสะดุ้งเฮือก มันมีพิรุธอะไรหรือเปล่าวะ ทำไมพี่มันถามแบบนั้น มันวิตกไปหมด ทั้งที่พี่มันคงชวนคุยไปอย่างนั้นเอง
“ก็รกบ้างนิดหน่อยพี่เวลาทำงาน” ผมตอบกึ่งรับกึ่งปฏิเสธ
“พี่เหนือนั่งพื้นได้ไหมครับ ผมไม่มีโต๊ะเก้าอี้ ใช้แต่โต๊ะญี่ปุ่นวางกับพื้นเอา”
“อ๋อ ตัวที่โต๊ะแนะนำให้พี่รู้จักนะเหรอ” ฮ่าๆๆๆ ยังจำได้ สงสัยจะฝังใจ
“ตัวนั้นแหล่ะพี่” ผมเอาโต๊ะญี่ปุ่นมากางออก วางคอมแล้วเสียบทรัมไดรฟ์ที่เตรียมไว้ให้พี่เหนือ
“พี่ถอดเสื้อนะโต๊ะ วันนี้ร้อนชะมัด” ห้องผมไม่มีแอร์ครับ มีแต่พัดลม
พี่เหนือถอดแจ็คเก็ตออก เหลือแค่เสื้อกล้ามสีขาว ไอ้โต๊ะเอ๊ย ทำไมโง่แบบนี้ ไม่ควรเปิดพัดลมเลย
ถ้าร้อนกว่านี้อีกนิด พี่มันจะถอดเสื้อกล้ามด้วยไหมวะ ฮือ น้องโต๊ะอยากเห็น
“โต๊ะ”
“ครับ”
“เป็นอะไร จ้องพี่ทำไม”
“หา!! เปล่าๆ เอ่อ..จ้องครับ..เอ๊ยไม่ใช่..” ผมสับสนทางความคิด อยู่ใกล้ๆ กันแบบนี้เหมือนสติจะหลุด
“หึๆ อิจฉาหุ่นพี่เหรอ โต๊ะก็ผอมไป”
อย่า โปรดอย่าจินตนาการผมเป็นชายหนุ่มเอวบางร่างน้อยคล้ายผู้หญิงน่ารัก โปรดจงนึกถึงเด็กน้อยผู้หิวโหย
จะเห็นภาพความผอมของผมได้ชัดเจนมากขึ้นครับ
“พี่หุ่นดี” ผมอุบอิบเบาๆ ก่อนทำเป็นหันมาสนใจเปิดรูปให้พี่เหนือดู
“พี่เหนือกดไปเรื่อยๆ นะครับ อยากให้ปรับภาพไหนก็บอก”
“อืม” พี่เหนือขยับมานั่งข้างๆ ผม ข้างจริงๆ ครับ ต้นขานี่สีกันเลย ขนไอ้โต๊ะลุกเกรียว เหงื่อแตกพลั่กๆ
“เป็นอะไร ร้อนมากเหรอ แว่นเปียกแล้ว”
พี่เหนือหยิบแว่นออกจากหน้าผม ดึงชายเสื้อกล้ามสีขาวขึ้นมาเช็ดเหงื่อออกให้
ถึงผมสายตาสั้นแต่ไม่มาก ใกล้ๆ แค่นี้มองเห็นได้สบาย

ไอ้โต๊ะขอตายอย่างสงบครับ เลือดแทบหมดตัว ลอนคลื่น มัดกล้าม โอโม่ความขาวผ่อง
ไรขนอ่อนๆ วีเชฟที่โผล่พ้นขอบกางเกงยีนส์ออกมา
อ๊ากกก ใครก็ได้ส่งผมไปโรงพยาบาลที
“โต๊ะ”
“ครับ”
“เลือดกำเดาไหล”“เหี้ย!!” ผมรีบใช้มืออุดจมูกเอาไว้ เลือดกำเดาไหลจริงๆ ด้วย
“ร้อนมากสิเรา ทั้งเหงื่อ ทั้งเลือดกำเดา ทำไมไม่เช่าหอที่มีแอร์”
พี่เหนือหันตัวเข้าหาผม ยกชายเสื้อขึ้นทำท่าเหมือนจะเช็ดเลือดออกให้ แต่เพราะความสูงผมไม่ใช่น้อย
พี่เหนือเลยต้องเลิกเสื้อขึ้นสูงอีกนิด จังหวะก่อนที่ชายเสื้อจะถึงจมูกผม
ห....หัว...หัวนมในระยะประชิด 
“เฮ้ย!! โต๊ะ”
ผมหงายหลังตึง ไม่ไหวแล้วครับ มันดีกับใจเกินไป หัวใจผมเต้นเร็วจนเครื่องอาจวัดค่าไม่ทัน
ฮึบ พี่เหนือใช้สองแขนช้อนอุ้มผมขึ้นไปวางบนเตียง
ท่านี้มัน อ๊ากกกก ทำไมลืมติดกล้องไว้ในห้อง ฮือๆ พลาด โต๊ะพลาดหลายอย่างเหลือเกิน
“โต๊ะเป็นไงบ้าง ไปหาหมอไหม”
ผ้าเย็นๆ ตกลงมาบนหน้าของผม ผมรีบหยิบออกดู มันเป็นผ้าขนหนูผืนเล็กที่พาดอยู่ในห้องน้ำ
“มาพี่เช็ดให้ โต๊ะนอนพักไปก่อน” พี่เหนือหยิบผ้าออกจากมือผม ค่อยๆ บรรจงเช็ดหน้าเช็ดคอให้
ผมปลื้มมากครับ พี่เหนือเป็นห่วงผมน่าดูขนาดเราเพิ่งรู้จักกัน
ผมจะจดจำวินาทีนี้เอาไว้ วินาทีที่พี่เหนืออ่อนโยนกับผม
วินาทีที่พี่เหนือบรรจงเอาผ้าเช็ดโต๊ะที่ไอ้เจ้ามันซักตากไว้ในห้องน้ำ เช็ดไปทั่วหน้า คอ แขนให้ยิ่งตอนที่พี่มันซับไปใต้จมูกและบนปากเพื่อเช็ดเลือดที่หยดออกมา น้ำตาไอ้โต๊ะแทบไหล
ไอ้เจ้ามันเช็ดอะไรไปมั้งวะ หัวเตียง ขาเตียง โต๊ะญี่ปุ่น รู้สึกมันจะเอามาเช็ดที่พื้นด้วยนิดหน่อย
ไอ้เจ้ามันเพิ่งค้นมาได้จากตู้เสื้อผ้าผม ใหม่เสียจนพี่เหนือคงคิดว่าเป็นผ้าเช็ดหน้า
ทำถูกแล้วครับพี่ พี่เหนือทำอะไรก็ไม่ผิด
“ดีขึ้นไหมโต๊ะ”
“ครับ ขอบคุณครับพี่เหนือ”
“ไม่เป็นไร ช่วยๆ กัน โต๊ะนอนเงยหน้าไว้อีกนิด เดี๋ยวพี่เปิดรูปดูเอง เลือดหยุดแล้วค่อยลงมา”
“ครับ”
พี่เหนือนั่งเปิดดูรูปไปเรื่อยๆ ผมก็แอบมองพี่เหนือไปเรื่อยๆ ไม่อยากคิดเลยว่าพี่มันจะนั่งอยู่ตรงนี้ในห้องของผม
“แชะ” ผมยกโทรศัพท์ขึ้นกด
พี่เหนือหันมามอง ผมไม่ทันได้คิดอะไร มือมันไปของมันเอง ผมรีบลุกขึ้นนั่ง มือลูบท้ายทอยไปมา
พี่เหนือมองผมเหมือนมีคำถาม ผมเลยตอบไปเท่าที่จะคิดได้
“เอ่อ..ผมขออนุญาตนะครับ อยากถ่ายรูปลูกค้าคนแรกเก็บไว้”
“ได้สิ ต่อไปโต๊ะต้องมีลูกค้าอีกเยอะแน่ ถ่ายสวยมากพี่ชอบนะ คิดว่าไม่มีอะไรต้องแก้หรอก พี่เอาไปได้เลยใช่ไหม”
“ครับ” พี่เหนือถอดทรัมไดรฟ์ออกจากคอมฯ
“นี่เงินสำหรับค่าถ่ายรูป ขอบใจมากนะโต๊ะ” พี่เหนือยื่นแบงค์พันมาให้ผม
“พี่ให้เจ็ดพันนะ ฝากให้เจ้าด้วย”
“เยอะไปครับพี่เหนือ เอาแค่ห้าพันพอ” ผมรีบยื่นแบงค์พันคืนให้พี่เหนือสองใบ
“ไม่เป็นไร เหนื่อยกันตั้งแต่เย็นยันดึก โต๊ะเก็บไว้เถอะ”
“ขอบคุณครับ”
“พี่เหนือหยิบแจ็คเก็ตขึ้นมาใส่ คงจะกลับแล้ว
“พี่เหนือครับ”
“ว่า?”
“พี่มีแบงค์ย่อยไหมครับ แบงค์ร้อย แบงค์อะไรก็ได้ ผมขอแลกพันนึง” ผมยื่นแบงค์พันคืนให้พี่เหนือหนึ่งใบ
พี่เหนือมองผมงงๆ แต่ก็ยอมเปิดกระเป๋าตังค์ดูให้
“แบงค์ร้อยกับแบงค์ห้าร้อยได้ไหม”
“ได้ครับ” ผมยื่นมือไปแลกเงินกับพี่เหนือ ก่อนเอามารวมไว้กับแบงค์พันที่เหลือ
“พี่ไปก่อนนะ ขอบใจมาก”
“ครับ ฝากขอบคุณน้องลันด้วยนะครับ”
ผมลุกขึ้นจะเดินไปส่งพี่เหนือ
“ไม่ต้องๆ โต๊ะพักเถอะ ร้อนมากก็อาบน้ำซะ อย่าให้ความร้อนขึ้น เดี๋ยวพี่กลับเอง”
“งั้นก็สวัสดีครับพี่” พี่เหนือพยักหน้าให้ผม
ผมรอจนพี่เหนือเปิดประตูออกจากห้องไปแล้ว ถึงรีบไปเปิดตู้หยิบกล่องคอลเลคชั่นของผมออกมา
เปิดกระป๋องสำหรับเก็บของชิ้นเล็กๆ ออก หยิบโพสอิทมาเขียนวันที่ เขียนว่ามาจากไหน
แล้วแปะไปบนแบงค์ร้อยใบที่ดูใหม่ที่สุด ก่อนหยอดลงกระป๋อง
ของสะสมชิ้นใหม่ของผม มีความสุขจริงๆ เลยไอ้โต๊ะ
ว่าแต่..รู้ใช่ไหมครับว่าทำไมผมต้องแลกตังค์
แหะๆ เห็นใจคนกำลังอยากได้เลนส์ใหม่เถอะครับ แบบว่าแบงค์พันมันใหญ่ไปนิ้ด
....................................................TBC........................................................
ตอนนี้มีพล็อตเรื่องที่ถูกตัดทิ้ง มันคือที่มาของชื่อเรื่อง STOKER คน.แอบ.รัก ชื่อแรกที่เราตั้งขึ้น
เพราะความเว่อร์วังบางอย่างของโต๊ะ เพื่อนๆ จึงพากันลงความเห็นว่าโต๊ะไม่ใช่ STALKER แต่เป็น STOKER ต่างหาก
(มาจากเรื่อง STOKER ที่นิโคล คิดแมนเล่น)
แล้วโต๊ะก็ได้ค้นพบความจริงว่าตัวเองนั้นไม่ใช่ STALKER ธรรมดาเหมือนคนอื่น จึงเรียกตัวเองว่า STOKER แทน
**แต่เนื่องจากกว่าเราจะเฉลย คนอ่านจะงงกับชื่อเรื่องจนเกินไป เลยตัดพล็อตที่คิดอันนี้ออก
**เขียนไว้เผื่อใครที่เห็นชื่อเรืองตอนแรกแล้วสงสัยค่า
** ขอบคุณคุณ JANNY นะคะ ^^
Darin ♥ FANPAGE