ตอนที่17
บริเวณทั่วทั้งเมืองตอนนี้กำลังคึกคักเป็นอย่างยิ่ง พื้นที่โดยรอบถูกประดับประดาอย่างสวยงามเต็มไปด้วยหินสีหลากหลาย เปลือกหอยทรงสวย ไม้น้ำสีเขียวสดใส และดอกไม้ทะเลสารพัดสีน่ารักน่าชม
อยากเห็นจังเลย…
คือไอ้ที่ผมเล่าๆมาข้างบนนั่นผมไม่ได้เห็นเองไง ฟิลันที่ออกไปเที่ยวเล่าให้ผมฟัง เพราะจนป่านนี้ผมยังถูกขังอยู่ในปราสาทเพื่อเรียน เรียน เรียนและก็เรียนอยู่เลย
ฮือๆ ชีวิตผมโดนทำร้าย
เจ้าองค์รักษ์หน้านิ่งนั่นยึดถือคำสั่งของฟรานส์มากสุดๆ โดยการพยายามเคี่ยวเข็ญให้เงือกสมองปลาทองอย่างผมเข้าใจทุกท่วงท่าและลีลาการเป็นเจ้าชายเงือกที่สมบูรณ์แบบ
อย่างวันนี้ผมก็ยังต้องมานั่งหน้าบูดใส่เจ้าเงือกหน้านิ่งเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือกองหนังสือท่วมหัวหายไป...
“วันนี้ไม่มีการสอน” เสียงโทนต่ำของซินสม่ำเสมอ “อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันงาน เวลาเท่านี้ด้วยสมองของท่านคงรับอะไรไม่ทันแล้ว”
ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนโดนด่าวะ...?? แต่แบบนี้แปลว่าไม่ต้องเรียนอะไรใช่ไหม ผมตาวาวด้วยความตื่นเต้น หรือว่าผมจะได้พักผ่อน ถ้าเป็นแบบนั้นจะได้ให้ฟิลันพาออกไปเที่ยวดูงาน.......
“วันนี้จึงต้องปรับปรุงสภาพภายนอกของท่านแทน” พูดจบก็กวาดตามองผมหัวจรดหาง
ตรูว่าละ
สุดท้ายก็ยังไปไหนไม่ได้อยู่ดี ผมหงายลงไปนอนกองอย่างห่อเหี่ยว แต่พริบตาเดียวก็กระเด้งลุกขึ้นมา ก็ไอ้ที่อีกฝ่ายพูดมันน่าจะหมายถึงพวกขัดผิว? สปา? นวดหน้า? อย่างที่เคยเห็นในละครเวลาจับนางเอกมาแปลงโฉม
แบบนั้นก็แสดงว่าจะมีเงือกมานวดลูบๆคลำๆให้ผมล่ะสิ แถมงานประเภทนี้มันต้องเป็นเงือกสาวแน่ๆ ผมจินตนาการถึงแล้วน้ำลายแทบหก
ผมทำท่ากระตือรือร้นสุดชีวิต พร้อมรับการดูแลบุคลิกภาพ รับรองว่าพอออกมา พี่โอเชี่ยนจะกลายเป็นโอปป้าให้บรรดาสาวเงือกกรี๊ดแตกแน่ตอน รอโอปป้าก่อนนะทุกคน~
.
.
“กรี๊ดดดดดดดดด!!” เสียงกรีดร้องดังสนั่น แต่ไม่ใช่ของเงือกสาวที่ไหนนะ
ของผมนี่ล่ะ!!!
เงือกสาวที่ต้องมานวดผมอยู่ไหน เงือกน้อยอ่ะ สาวๆสวยๆขาวๆอวบๆ ทำไมเงือกที่มารอทำหน้าที่ขัดตัวผมถึงได้ล่ำบึ๊ก ผิวแทนมันเงาอย่างกับนักเพาะกายแบบนั้น
“อย่างอแงน่า นี่เป็นเงือกที่เก่งที่สุดของแฟริเซียแล้ว ท่านไม่มีเวลามากนักหรอกนะ”
ไม่เอานะ ไม่นะ ม่ายยยยยย
ผมพยายามตะเกียกตะกายคล้ายหนีออกจากดงซอมบี้ ปลายนิ้วจิกทึ้งต้นไม้น้ำบนพื้น โดนลากจนทิ้งรอยเล็บเป็นทางยาว แม้พยายามหลบหนีเท่าไหร่ ทว่าปลายหางก็ยังถูกดึงลากโดยคนเหล็ก ไม่สิพนักงานสปาเงือก เจ้าตัวค่อยๆสาวอย่างใจเย็นพร้อมกับแสยะยิ้ม (ผมเห็นแบบนั้นจริงๆ)
“มาซิครับเจ้าชาย รับรองว่าผมจะทำให้ท่านโอเชี่ยนเปลี่ยนเป็นคนใหม่ แบบที่ท่านฟรานส์ต้องอ้าปากค้างแน่นอน” พนักงานสปาเบอร์หนึ่ง
ให้ออกมาเหมือนเอ็งน่ะหรือฝันไปเถอะ!!
“ผิวท่านโอเชี่ยนนี่ลื่นมือดีเนอะแบบนี้แค่ลงน้ำมันนวดให้เงารับรองว่าต้องเซ็กซี่มากแน่ๆ” พนักงานสปาเบอร์สอง
เซ็กซี่บ้านเอ็งสิ!!
“ไม่ต้องกลัวนะท่านโอเชี่ยนรับรองว่าในฐานะดัชนีเทพจะพาท่านไปถึงสวรรค์แน่นอน” พนักงานสปาเบอร์สาม
ไม่ใช่แล้วโว้ย!! นี่พวกเอ็งจะทำอะร้ายยยย!!!
ไม่ไหวแล้ว ซิน ซินจ๋าช่วยด้วย ผมส่งสายตาเว้าวอนอย่างไม่อายไปยังเงือกองค์รักษ์ที่อยู่ไม่ไกล เจ้าตัวสบตาผมนิ่ง ก่อนที่จะได้เห็นรอยยิ้ม คือไม่ใช่ยิ้มมุมปากแบบที่มันชอบทำด้วย คือยิ้มเยาะเย้ยให้กูชัดๆเลย
“รอดมาให้ได้นะท่านโอเชี่ยน”
เจ้าตัวโบกมือให้ก่อนที่ผมจะถูกลากเข้าไปในห้อง ประตูที่ปิดลงพร้อมกับเสียงโหยหวนของผม
ม่ายยยยยยยยย
.
.
ซิก ซิก ผมโดนทำร้าย โดนปู้ยี่ปู้ยำ หมดกันความบริสุทธิ์ที่จะเก็บเอาไว้ในคืนแต่งงาน
“โอเชี่ยนเป็นยังไงบ้า.....” ฟรานส์ที่เปิดประตูเข้ามาถามผมอย่างเป็นห่วง คงได้ยินจากไอ้เจ้าองค์รักษ์นั่นล่ะสิว่าผมโหยหวนขนาดไหน หรือว่าเพราะผมกรีดร้องสาวแตกดังลั่นทั่วปราสาทก็ไม่รู้
แต่ทำไมเสียงเงียบไป ผมหันไปมองก็เป็นฟรานส์อ้าปากค้าง หมดมาดเจ้าชาย ทำไม นี่ผมแย่ขนาดนี้เลยหรือ
“อ่า ข้าว่าพวกนั้นทำงานดีเกินไปแล้ว” เจ้าชายเงือกหลบตาผม แก้มสองข้างขึ้นสีเล็กๆ ผมก้มมองร่างกายของตัวเองที่เกือบถูกถลกหนัง จะว่าก็ไม่ได้แปลกอะไรเท่าไหร่นี่
แค่ผิวของผมโดนขัดขี้ไคลออกเป็นกิโลพร้อมกับลงน้ำมัน(ยังไงพวกนั้นก็จะลงให้ได้)จนเงาลื่น เกล็ดแทบทุกอันบนตัวผมโดนเอาหินขัดจนแทบร่อนออกมาเป็นแผ่น ปลายหางถูกซักอย่างกับผ้าเช็ดเท้า
ด้วยความที่เดิมท่อนหางผมเป็นสีขาวประกายไข่มุกอยู่แล้ว พอเจอขัดบวกซักแบบนั้น ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าตัวผมขาวโอโม่มากเลย ขาวยิ่งกว่าฟรานส์เสียอีก
คิดแล้วน้ำตาไหลพรากๆ ถึงจะนวดหน้าบำรุงผม จนออกมาขาวขึ้นหล่อขึ้นก็เถอะ แต่โดนจับทุกตารางนิ้วบนตัวแบบนี้ไม่ไหวนะ มัน.. มันขัดให้ผมกระทั่ง.. หัวน....ดูสิออกมาสีชมพูสวยเชียว ฮือ โอเชี่ยนเป็นเจ้าบ่าวใครไม่ได้แล้ว
มืออุ่นตบลงบนหัวผม ปุปุ เหมือนรับรู้ว่าผมต้องเจอประสบการณ์สยองขวัญขนาดไหน เจ้าตัวอมยิ้มชอบใจ
“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้เราต้องเหนื่อยกันอีกมาก”
แม้ผมอยากจะงอแงต่ออีกหน่อย และนึกเถียงอีกฝ่ายในใจว่า คงไม่มีอะไรเหนื่อยไปกว่าวันนี้อีกแล้วล่ะ แต่ในฐานะว่าที่สามีที่ดี ก็ควรเชื่อฟังคำสั่งภรรยาในอนาคตใช่ไหม? ผมก็เลยพลิกหันไปมุดลงเตียง ยอมนอนแต่โดยดี..
เอ ทำไมผมถึงได้ยินคำว่ากลัวเมียลอยมาตามลมล่ะนี่…
.
.
.
คิดถูกแล้วที่ทำตามคำแนะนำของฟรานส์ เพราะพ่อเจ้าชายเงือกเล่นสะกิดผมแต่เช้าตรู่ จนผมคิดว่าอีกฝ่ายจะชวนทำกิจกรรมเข้าจังหวะ ที่ไหนได้... กลับพาผมมานั่งเป็นหุ่นจับแต่งตัวทำผม แต่คือผมยังไม่ตื่นดีไง อารมณ์ประมาณว่าใครจะทำอะไรก็ทำตรูหลับก่อนล่ะ
คิดแบบนั้นแล้วผมก็เข้าเฝ้าพระอินทร์ต่อทันที แต่ไม่ต้องกลัวนะครับ สาวๆเค้ายังคงปู้ยี่ปู้ยำหัวผมอย่างเมามันได้ตามเดิม เพราะผมมีสกิลเทพสามารถทำให้คอตั้งตรง หลับได้แม้ในวันมามาก แม้อาจารย์จะเพ่งยังไงก็จับไม่ได้ ทำให้ผมเรียบจบมัธยม6ปีและมหาวิทยาลัยอีก4ปีอย่างมีคุณภาพ
เอาง่ายๆคือผมหลับในห้องเรียนมาเกือบ10ปีแล้วอะนะ ยังทึ่งตัวเองอยู่เลยว่าเรียนจบมาได้ยังไง
“น...เชี่ยน..โอเชี่ยน” เสียงเรียกกับแรงเขย่าที่ไม่เบาประมาณ7.8ริกเตอร์ ทำเอาผมที่กำลังฝันดีสะดุ้งเฮือก กวาดตาไปก็เจอเงือกรอบๆรวมทั้งฟรานส์ชะงักมองนิ่ง อะไรนี่หรือผมเผลอหลับแล้วน้ำลายไหล ปาดดูก็ไม่เห็นจะมีอะไร
“พี่โอ!” เสียงตัวป่วนดังขึ้นพร้อมๆกับที่ร่างของฟิลันกระโดดเข้าใส่ผม ให้ตายเถอะเจ้าหนูนี่ลืมอะไรหรือเปล่า ตัวมันไม่ได้เล็กๆแบบเมื่อก่อนแล้วนะ กระโจนทีทำเอาผมแทบจะหน้าทิ่ม ไอ้ที่เงือกสาวแต่งให้มาหายหมด
ทว่ายังไม่ทันที่จะมีใครอ้าปากดุ ฟิลันก็ยิ่งตาโตส่งเสียงดังมากกว่าเดิมหลังจากเห็นหน้าผม “พี่โองามมากเลย!! แต่งงานกับข้านะ!!”
ห๊ะ!! ผมทำหน้าเหวอก่อนจะเอานิ้วชี้มาที่หน้าตัวเอง อย่างผมเรียกงามแล้วพวกเอ็งสองพี่น้องคืออะไร พูดจาไม่ได้ดูหนังหน้าตัวเองกับพี่ชายเลยใช่ไหมเนี่ย ถึงแบบนั้นก็แอบทำหน้าภูมิใจไม่ได้ ดูสิพี่โอป๊อปถึงขนาดมีเจ้าชายเงือกมาขอให้เป็นเจ้าบ่าวให้เลย แหมฟิลันนี่ตาถึงสุดๆ นี่ถ้าไม่ติดที่ฟรานส์นะ
...
ฟรานส์...
คิดได้แบบนั้นแล้วอยู่ดีๆด้านหลังของผมก็มีรังสีอมหิตพวยพุ่งออกมา และผมพอจะเดาได้ด้วยว่าใคร โฮ เค้าเปล่านะ ฟิลันมาเอง เค้าเปล่าชวนนะ ฟิลันมาเอง เค้าไม่ได้คิดจะเป็นพระยาเทครัวจริงๆนะ
“ฟิลันพอ อีกสักพักพวกนั้นจะมาแล้วนะ อย่ามัวแต่เล่น” เมื่อโดนพี่ชายดุทำให้เงือกคนน้องเบะปากด้วยความไม่ชอบใจ เจ้าตัวบ่นหงุงหงิงใหญ่ว่า ‘ข้าเอาจริงนะ’
แหม ฟรานส์เผลอแล้วเจอกันนะจ๊ะ
“โอเชี่ยน....”
“ว่าแต่ฟิลันทำไมบอกว่าพี่งาม ต้องบอกว่าพี่หล่อ เท่ มาดแมนอะไรแบบนั้นสิ” เปลี่ยนเรื่องให้ไวเลยครับ ก่อนจะโดนเชือด เสียงเจ้าชายเงือกเข้มมาเชียว
ได้ยินแบบนั้นบรรดาเงือกสาวรอบๆเลยช่วยกันยกก้อนหินที่ขัดจนมันเงามาตั้งตรงหน้าให้ผม ก่อนจะถอยออกห่างจับกลุ่มกันหัวเราะคิกคัก
ผมโดนเอาลิปสติกเขียนตาหรือเปล่าเนี่ย คิดพลางหันไปมองหินที่ใช้แทนกระจกด้วยความรู้สึกลุ้นๆ ทว่าเมื่อเห็นภาพตัวเองตรงหน้านั่นทำให้ผมอ้าปากค้าง
ใบหน้าของผมที่ตอนนี้ขาวเนียนเพราะสปาสยอง ถูกแต่งให้มีสีสันบางเบา ตัดกับดวงตาสีดำสนิทของผม ผมสีทองปลายแดงที่ย้อมเอาไว้นานแล้วก็ถูกรวบหลวมๆจนปอยผมบางส่วนตกลงระแก้ม ประดับไปด้วยหินสี ไข่มุก หน้าผากมีหินประจำเมืองเม็ดเล็กรูปหยดน้ำห้อยอยู่
คือจะบอกว่ายังไงดี มันดู...สาวมากเลย ตกลงเงือกที่นี่เขานิยมเปลี่ยนชายให้เป็นฉิงใช่ไหม
“เรียบร้อยแล้วเราก็ไปกันเถอะ” ฟรานส์พูดก่อนจะยื่นมือมาให้ผมจับ แต่ทำไมเค้าตัวต้องเบี่ยงหน้าหนีหลบตาแบบนั้น เอ๊ะๆสงสัยจะเขินผม คิดแบบนั้นแล้วผมก็ส่งยิ้มกรุ้มกริ่ม วางมือลงบนมือของอีกฝ่าย ยอมให้จูงออกไปแต่โดยดี
ตลอดทางผมกลายเป็นจุดสนใจเรียกสายตาเงือกทั้งหลาย ทำเอาผมไม่รู้จะฉีกยิ้มดีหรือจะหน้าบึ้งดี
ยิ้มเพราะเงือกสาวๆทั้งหลายแอบมอง แต่บึ้งเพราะเงือกทหารก็ดันจ้องเป็นตาเดียวด้วยนี่สิ แถมเพราะผมเป็นตัวผู้เหมือนกัน เพราะอย่างนั้นเลยอ่านความรู้สึกจากแววตาออก เล่นทำเอาผมขนตรูดลุกชัน รู้สึกสยิวที่ประตูหลังบอกไม่ถูก แม้ประตูมันจะไม่มีอยู่ในตอนนี้ก็ตามทีเถอะ
“ว่าแต่ จะพาฉันไปไหนล่ะนี่” เพราะมัวแต่สยองบั้นท้ายเลยไม่ทันได้ถามจุดหมายของอีกฝ่าย ฟรานส์ลากผมออกมาบริเวณหน้าปราสาทเป็นลานกว้างที่ตกแต่งรอบๆด้วยพืชน้ำและดอกไม้ทะเล สองข้างทางเต็มไปด้วยทหารเงือกตั้งแถวเรียงเป็นระเบียบ
“มารับแขกต่างเมืองสิ” ไม่ทันขาดคำเบื้องหน้าผมก็เซ็งแซ่ไปด้วยเสียง เงาดำของอะไรบางอย่างกลุ่มใหญ่กำลังพุ่งตรงมาที่พวกเรา
มันใกล้เข้ามาแล้ว นี่มัน...
เต่า!!
เต่ายักษ์ขนาดเท่ารถยนต์กระป๋อง5ตัวว่ายลงมาหยุดตรงหน้าพวกเรา นั่นทำให้ผมกระโดดถอยหลังแทบไม่ทันเพราะกลัวโดนเต่าทับ! ติดแต่ว่ามือใครบางคนยืดเอาไว้ เหมือนรู้ล่วงหน้าว่าผมจะกระโดดหนี
บนหลังเต่าตัวกลางที่ถูกล้อมรอบไปด้วยเต่าอีก4ตัวมีใครบางคนนั่งอยู่ เจ้าตัวค่อยๆขยับเยื้อย่างลงมา
“ข้าเข้าใจว่าเจ้าน่าจะจำที่เรียนกับซินได้ใช่ไหม” ฟรานส์ส่งเสียงเบา ซึ่งผมก็ได้แต่ส่งยิ้มแหยไปให้อีกฝ่าย
“ยินดีต้อนรับเจ้าหญิงโยมิ แห่งอควาเรีย” เสียงประกาศดังทั่วบริเวณ ส่งผลให้ทหารทั้งหมดพร้อมใจกันโน้มตัวทำความเคารพ
“การเดินทางเรียบร้อยดีใช่ไหมเพคะ” เจ้าชายเงือกตรงเข้าไปทักทายอีกฝ่าย ซึ่งหญิงสาวที่มีเกล็ดสีดำแดงตรงหน้าก็เพียงพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนที่ฟรานส์จะหันมาแนะนำผมที่อยู่ทำอะไรไม่ถูกอยู่ด้านข้าง “ข้าขอแนะนำ นี่ท่านโอเชี่ยน ทายาทหนึ่งเดียวของท่านซิลวาร์”
คำแนะนำนั้นทำให้เจ้าหญิงหันมาสนใจผมครั้งแรก อีกฝ่ายเป็นเงือกสาวผมยาวตรงสีดำ ใบหน้างดงามเรียบเฉย นัยน์ตาสีดำแดงมองผมด้วยความสนใจ “ยินดีที่ได้รู้จัก ข้า โยมิแห่งอควาเรีย”
ผมส่งยิ้มให้หลังจากพยายามนึกอยู่นานว่าคุ้นตาอีกฝ่ายจากอะไร อควาเรียเป็นเมืองที่อยู่ใกล้เขตโซนภูเขาไฟ หรือถ้าพูดให้ชัดเจนคือ เงือกสาวตรงหน้ามาจากเมืองที่อยู่ไม่ห่างจากประเทศญี่ปุ่นนัก เพราะอย่างนั้นลักษณะภายนอกของอีกฝ่ายทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังมองตุ๊กตาญี่ปุ่นหน้าตาน่ารักอยู่ “ยินดีเช่นกันครับ ผมโอเชี่ยน”
หลังจากแนะนำตัวกันจบฟรานส์ก็เชิญอีกฝ่ายเข้าไปพักก่อน จะมายืนรอเงือกจากเมืองอื่นๆ
ไม่นานเมืองอื่นก็เริ่มทยอยเดินทางมา เริ่มจาก เจ้าชายลูคัสแห่งเรมเดล ที่มาพร้อมกับพาหนะเป็นปลาปากดาบ เจ้าตัวท่าทางเหมือนคุณชายดูนุ่มนวลไปหมดทั้งท่าทางการพูดการจา รัชทายาทราซันแห่งแอตแลนติส ที่อายุยังไม่เท่าไหร่น่าจะมากกว่าฟิลันไม่กี่ปี ท่าทางหยิ่งๆเชิดๆนั่นน่าเขกกะโหลกชะมัด เจ้าตัวมาพร้อมปลาแองเกอร์ พาหนะหน้าตาน่ากลัวที่พอผมเห็นแวปแรกแทบจะกระโดดกลับเข้าปราสาท
อาจจะสงสัยว่าทำไมผมถึงให้ความสนใจกับพาหนะของแต่ละเมือง คือสำหรับผมมันน่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ แต่ละเมืองก็ใช้สัตว์เป็นพาหนะไม่ซ้ำแบบเหมือนจะอวดแข่งกันเล็กน้อยด้วย พอถามฟรานส์ว่าเมืองของเราล่ะใช้อะไร เจ้าตัวกลับยักไหล่ตอบง่ายๆว่าปลาโลมา แหมน่ารักน่าชังเชียว ผิดกับเมืองอื่นที่จะดูเท่ๆข่มๆ จนกระทั่งเมืองต่อไปนี่ล่ะ เล่นเอาผมถอยกรูดด้วยความฝังใจ
จะอะไรเสียอีก ก็เจ้าชายชาร์คแห่งเมอร์ริด้า นอกจากชื่อแกจะสิ้นคิดแปลตรงตัวว่าฉลามแล้ว พี่แกดันขี่ฉลามมาร่วมงานนี่สิ
ปลามีตั้งเยอะทำไมต้องเป็นไอ้ตัวนี้!!
อีกฝ่ายก็เป็นเงือกรูปร่างสูงใหญ่ ล่ำบึ๊กประมาณอาโนล ผมยาวสีน้ำเงินหยักศกเล็กน้อย ตาคมเข้มเรียวยาว โดยรวมคือหน้าดุ แถมยังรวมทุกอย่างที่น่ากลัวเอาไว้ในตัวคนๆเดียวอีก กว่าจะเชิญพี่แกเข้าไปพักผ่อนได้ เล่นเอาเหงื่อผมแตกแล้วแตกอีก นี่ถ้ามีขาตามปกติคงเห็นผมยืนขาสั่นโชว์กันมั่งล่ะ
ทว่าทั้งที่ยังไม่หายตกใจจากเมอร์ริด้า ผู้มาใหม่ก็มาเยือนเสียก่อน แต่นั่นก็ทำเอาผมอ้าปากค้างไม่แพ้กัน
เพราะอะไรน่ะหรือ
เพราะมีปลาวาฬออก้าตัวใหญ่ลากเลื่อนมาหยุดตรงหน้าผมไง เงือกที่ค่อยๆลงมาจากเลื่อนเป็นเงือกที่...จะเรียกว่ายังไงดี คำจำกัดความของเงือกตรงหน้าคือคำว่าขาว...
คืออีกฝ่ายเป็นเงือกรูปงามที่ขาวไปทั้งตัวตั้งแต่เส้นผมจรดปลายหางเลย
“ยินดีต้อนรับท่านสวอร์น” ฟรานส์ค้อมตัวให้อีกฝ่าย “ไม่ได้พบท่านนานมากเลย”
อีกฝ่ายเพียงส่งยิ้มบางให้ก่อนจะหันมาสนใจผมพร้อมกับขยับเข้ามาใกล้ “นี่หรือลูกชายของซิลวาร์” ปลายนิ้วขาวค่อยๆลูบแก้ม “ตาของเจ้าเหมือนผู้ให้กำเนิดมาก”
“คุณรู้จักแม่ของผมด้วยหรือครับ”
ดวงตาของอีกฝ่ายเบิ่งกว้างขึ้นเล็กน้อย “แม่หรือ” ก่อนที่จะกลายเป็นเสียงหัวเราะ นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่า อีกฝ่ายเป็นเงือกที่งดงามมากจริงๆ “เจ้าเด็กแสบนั่นสุดท้ายก็เลือกเส้นทางนี้หรือ”
ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังหน้าเหรอหรา คำพูดของอีกฝ่ายดูแปลกๆยังไงบอกไม่ถูก จนฟรานส์กระซิบบอกนั่นล่ะ ถึงได้รู้ว่าความผิดปกติมันคืออะไร “โอเชี่ยนระวังหน่อย ท่านสวอร์นอายุพอๆกับท่านไลอาร์”
ห๊ะ!!!
เงือกหนุ่มรูปงามตรงหน้าแก่พอๆกับย่าผม!! หน้าตาแบบนี้นี่นะ คือจะบอกว่าอีกฝ่ายดูหน้าอ่อนกว่าผมเสียอีก หรือจะบอกว่าผมหน้าแก่ดีวะนี่
สุดท้ายฟรานส์ก็เชิญคุณปู่แอ๊บเด็กเข้าไปพักผ่อนก่อน ซึ่งอีกฝ่ายก็หันมาลูบหัวผมอย่างผู้สูงอายุที่เอ็นดูลูกหลาน(ซึ่งพอเห็นพฤติกรรมแล้วผมเลยชักเชื่อว่าอีกฝ่ายแก่แล้วจริงๆ) ก่อนจะบอกว่าแล้วมาคุยเรื่องแม่กันทีหลัง ซึ่งนั่นทำให้ผมยิ้มกว้าง เพราะแม่ผมตายตั้งแต่ผมเล็กๆผมเลยมารู้เรื่องของท่านมากนัก จะถามไอ้พ่อตัวแสบก็ชอบทำหน้าดราม่าใส่เลยไม่อยากจะถามเท่าไหร่
ในขณะที่ผมกำลังคิดว่าจะขอให้อีกฝ่ายเล่าเรื่องอะไรดี เงาของอะไรบางอย่างที่มีขนาดใหญ่ก็โฉบลงมาใกล้ๆ เสียงหวานใสกรีดร้องพร้อมกับการปรากฏตัวของใครบางคนที่กระโจนเข้าไปหาเงือกข้างตัวผมอย่างรวดเร็ว
“คิดถึงจังเลยฟรานส์!”