พิมพ์หน้านี้ - The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: mymine ที่ 12-04-2016 09:35:10

หัวข้อ: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: mymine ที่ 12-04-2016 09:35:10

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0)

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0)

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ


3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com (http://www.thaiboyslove.com)  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป


12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail


16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

สวัสดีค่ะ เอานิยายเรื่องใหม่มาฝาก เป็นแฟนตาซีมีหางที่ออกแนวเน้นหา แต่หาสาระไม่มี หวังว่าจะมีใครถูกใจบ้างนะคะ

The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก

สารบัญ...

0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53104.msg3356576#msg3356576)
1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53104.msg3357581#msg3357581)/2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53104.msg3358374#msg3358374)/3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53104.msg3358956#msg3358956)/4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53104.msg3359953#msg3359953)/5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53104.msg3360519#msg3360519)
6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53104.msg3361304#msg3361304)/7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53104.msg3362113#msg3362113)/8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53104.msg3362690#msg3362690)/9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53104.msg3365608#msg3365608)/10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53104.msg3366199#msg3366199)
11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53104.msg3369234#msg3369234)/12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53104.msg3369959#msg3369959)/13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53104.msg3370627#msg3370627)/14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53104.msg3371548#msg3371548)/15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53104.msg3372518#msg3372518)
16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53104.msg3373373#msg3373373)/17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53104.msg3377998#msg3377998)/18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53104.msg3378684#msg3378684)/19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53104.msg3381672#msg3381672)/20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53104.msg3382330#msg3382330)
21 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53104.msg3383310#msg3383310)/22 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53104.msg3385843#msg3385843)/23 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53104.msg3387070#msg3387070)/24 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53104.msg3387753#msg3387753)
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 12-4-59 : บทนำความวุ่ยวาย
เริ่มหัวข้อโดย: mymine ที่ 12-04-2016 09:40:01
บทนำ


ไม่มีใครไม่รู้จักนิยาย the little mermaid หรือเงือกน้อยผจญภัย กระทั่งตัวผมที่เป็นเด็กผู้ชายก็ตาม


เปล่าๆ ผมไม่ใช่ตุ๊ด


และก็ไม่ใช่ว่าผมเกิดอยากโซเดมาคอมกับนางเงือกขึ้นมา


โถ่ ก็แม่เงือกน้อยมันมีท่อนล่างที่ไหนเล่า!!


อ่ะ ลืมที่ผมบอกไปตะกี้ก่อน มันไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องของผมเลยสักนิด


สิ่งที่ผมกำลังจะบอกคุณต่อไปนี้ ผมไม่ได้โกหก มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง!


เรื่องจริงที่ผมกำลังประสบอยู่ตอนนี้ ทำเอาผมน้ำตาแทบไหล กดไลค์แทบไม่ทัน


ใครจะไปนึก ว่าแค่มาเที่ยวฉลองสอบเสร็จริมทะเล


ผมก็จะได้รับรู้เรื่องราวอันน่าเหลือเชื่อ


แถมดันเกิดกับตัวผมเองแบบ 4D คมชัดทั้งภาพเสียงและสัมผัสแบบนี้


เกิดอะไรขึ้นน่ะหรอ


เรื่องมันมีอยู่ว่า...





ดึบ ดึบๆ  ดึบๆๆ  ดึบๆๆๆๆๆๆๆ


ดิ้นยังไง สะบัดยังไง ส่วนที่ควรจะเป็นขาและปลายเท้าของผมก็ยังเป็นคงเป็นเกล็ดกับครีบหางยาวราวกับปลาทอง


เกิดอะไรขึ้น!!! ทำไมขาของผมหายไป!!!


ผมจำได้นะว่าผมมีขาแบบมนุษย์ปุถุชนทั่วไป ก็เมื่อวันก่อนยังวิ่งหนีผัวของสาวที่ผมเข้าไปสีอยู่เลย


หรือผมจะมีญาติเป็นพรานทะเล ไม่นะ ถ้าใช่จริงผมควรจะรวยไปแล้วในฐานะญาติของผู้ผลิตอาหารทะเลสดแช่แข็ง?


......... ลืมๆไอ้ที่ผมพิมพ์เมื่อตะกี้ไปซะนะ ก่อนที่ผมจะถูกจับข้อหาหมิ่นประมาทเอาสินค้าเขามาล้อเลียน


หรือว่านี่เป็นรายการล้อกันเล่น ถ้าอย่างนั้นผมก็ควรจะถอดมันออกได้สิ


หรือว่าผมฝัน แต่หยิกยังไงผมก็เจ็บอยู่ดี


หรือเพราะว่าผมเมา... ใช่แน่ๆ เพราะผมพึ่งก๊งเหล้าริมหาดกับบรรดาเพื่อนๆปากหมาของผม ผมคงเมาแน่ๆ


เฮ่อ พรุ่งนี้ผมตื่นขึ้นมา ผมก็คงจะได้เห็นท่อนล่างของผมตามปกติสินะ


เพราะขาหายไปมันไม่เท่าไหร่


แต่ไอ้หนูหายไปนี่โคตรปวดใจเลย... :dont2:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 12-4-59 : บทนำความวุ่ยวาย
เริ่มหัวข้อโดย: nattharinee ที่ 12-04-2016 19:58:05
 :sad4: :sad4: น่าอ่านมากๆเลย รอนะคะะ
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 12-4-59 : บทนำความวุ่นวาย
เริ่มหัวข้อโดย: mymine ที่ 13-04-2016 17:32:56
ตอนที่1


ผมนั่งมองส่วนที่ควรจะเป็นปลายเท้าของผมแล้วได้แต่ถอนหายใจ


มองยังไงมันก็ยังผิดปกติ ช่วงขาทั้งสองที่เคยเต็มไปด้วยขนอันแสนดกดำซึ่งพิสูจน์ความมาดแมนแฮนซั่ม(ในความคิดของผม ยิ่งขนเยอะยิ่งแมน!!) ตอนนี้ก็ดันติดกันเหมือนมีใครแอบเอากาวตราช้างมาหยอดไว้ แล้วถูกแปะทับด้วยเกล็ดสีขาววาวๆคล้ายกับผิวไข่มุก


อืม เอียงคอมองดีๆมันก็เห็นเป็นสีรุ้งเหมือนกันนะนี่ พวกคุณคิดว่าถ้าผมแซะเกล็ดพวกนี้ไปขายพวกชอบเครื่องประดับจะได้ราคาดีไหม? อ่า..ล้อเล่นน่า จะมีไอ้บ้าปัญญาอ่อนที่ไหนทำแบบนั้น เจ็บตัวเสียเปล่าๆ เพราะเมื่อกี้ผมลองแซะมาแล้ว เจ็บจี๊ดสมชายจรดปลายเท้า...หางเลยล่ะ


ส่วนฝ่าเท้าที่หนาสากเป็นใบพายของผม ตอนนี้ก็ดันกลายเป็นหางปลา มีครีบแผ่นบางๆโปร่งแสงสีมุกพลิ้วไสว


เมื่อรวมทั้งสองสิ่งแล้ว ผมกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเงือกใช่ไหมนี่


มันต้องไม่ใช่อย่างงี้ดิ!! เงือกนะโว้ย!!


เงือกมันต้องเป็นสาวน้อยอ้อนแอ้นปากนิดจมูกหน่อย ผมหยักศกสีทองสยาย


เงือกต้องมี(เปลือก)หอยแปะบนแตงโมสองลูก เอวคอด


เงือกต้องมีด้านล่างเป็นเกล็ดเหมือนปลาดิ!! ไม่ใช่มาล่ำเป็นนักมวยแบบผมนี่


หาผมพูดเวอร์ไป อืมก็ใช่ ผมไม่ได้ถึกเหมือนอย่างที่พูด แต่มันก็ห่างไกลกับคำว่าอ้อนแอ้นเยอะอยู่ดี


ว่าแต่ผมนั่งเวิ่นเว้อมาจะครบหน้ากระดาษแล้ว ผมก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ว่าทำไมผมถึงกลายเป็นแบบนี้วะ


เอาเถอะในระหว่างที่ยังหาสาเหตุไม่ได้ เรามาลองดูสภาพรอบตัวผมก่อนละกัน


ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งริมทะเล ซึ่งผมอาศัยนอนมาคืนนึงแล้ว ซึ่งตอนแรกผมก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะมี แล้วถามว่าทำไมถึงต้องมาหลบแบบนี้นะหรือ มันต้องมีเหตุผลอยู่แล้ว เดาซิว่าเพราะอะไร


1.ผมกลัวว่าจะโดนจับชำแหละทดลองและถูกแปรสภาพเป็นปลากระป๋อง


2.ผมกลัวมีชาวบ้านแห่แหนเข้ามาผูกผ้าสามสีขูดขอเลขเด็ด เงือกนะโว้ย ไม่ใช้ต้นกล้วย


3.ผมอายและกลัวจะโดนเพื่อนๆล้อ


4.ผมว่ายน้ำไม่เป็น


เอาล่ะครับ ส่งคำตอบมาที่ 1900-1900-999-XXX วุ้ยไม่ใช่ละ เอางี้ ผมพูดกับคุณตรงๆเลยละกัน….


เออ!! มันถูกทุกข้อเลยล่ะ


ไอ้2ข้อแรกนั่นเป็นเรื่องปกติของคนที่มีอะไรผิดปกติอยู่แล้ว แต่ต่างกันเล็กน้อยตรงที่ข้อหนึ่งน่ะสำหรับคนต่างชาติที่เวลาเห็นของแปลกจะต้องจับมาชำแหละแกะดูทั้งปี ส่วนข้อสองนั่นเพื่อคนไทยเน้นๆThailand only!!! ก็พี่แกเห็นอะไรแปลกประหลาดแล้วชอบมากราบไหว้ขอขูดหาเลขเด็ด


อ้า เห็นภาพอนาคตชาติไทยตงิดๆ


แต่เราควรจะเลี่ยงการคุยเรื่องดังกล่าวก่อนจะเกิดหลุมดำในนิยายเรื่องนี้ ไม่อย่างงั้นผมก็อดเป็นพระเอกอะดิ


เอาล่ะ กลับเข้าเรื่องเถอะ ถึงนิยายเรื่องนี้จะเกี่ยวกับเงือก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องออกทะเลทุกครั้งที่มีโอกาส


มาต่อกันที่ข้อสาม มันแสนจะปกติมากเลย คิดดูสิ หนุ่มหล่อสูงยาวเข่าดี กลายเป็นนายเงือกสะบัดหางพรืดๆ พวกเพื่อนผมมันได้ขำกันท้องขดท้องแข็งแน่ แล้วผมจะวิ่งไล่เตะมันก็ไม่ได้เพราะขาไม่มี หรือว่าผมควรฝึกเอาหางฟาดคอแบบไอ้นิยายเงือกเรื่องข้างๆดี เผื่อใช้เป็นอาวุธป้องกันตัวบ้าง


แล้วถ้าจะถามว่าขาผมหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ อืม... เรื่องนี้เล่ายากกว่าอีก เพราะอะไรนะหรอ..


เพราะผมไม่รู้ไง


เท่าที่จำได้คือ ผมกับเพื่อนๆกลุ่มใหญ่กำลังนั่งก๊งเหล้าริมหาด ซึ่งคงเมาเละเหมือนหมาพอดู เพราะตอนกินน่ะกินอยู่ชายหาดฝั่งนึง แต่ตอนตื่นผมกลับพบว่าตัวเองมีท่อนล่างเป็นปลาไปแล้ว และกำลังเกยตื้นอยู่ริมหาดอีกฝั่งหนึ่ง


ตรูมาได้ยังไงตั้งไกลวะ?


โชคดีที่ว่าบริเวณที่ผมอยู่ไม่ใช่ส่วนที่คนจะเข้ามาเที่ยวเล่น แต่ก็เป็นความโชคร้ายเช่นกันว่า ผมไม่สามารถกลับออกไปบริเวณที่เพื่อนอยู่ได้… ใช่คุณเดาถูก


มันคือเหตุผลข้อที่สี่ ผมว่ายน้ำไม่เป็น!!!!!!


ขืนออกทะเลไปตอนนี้ พรุ่งนี้เช้าคงได้เป็นศพเงือกเกยตื้นเพราะจมน้ำตายว่ายไม่เป็นแน่ๆ แต่ผมอาศัยจะอยู่แบบนี้ตลอดไปไม่ได้ แล้วจะทำยังไงดี


อ๊ะ ผมลืมไปได้ยังไง ก็ตอนเด็กๆผมมีโอกาสได้ดูแม่เงือกน้อยแอเรียลนี่หว่า พวกคุณเคยดูไหม เงือกน้อยที่ขึ้นจากทะเลมาตามล่าอาณานิคม สุดท้ายก็ลากผู้ชายกลับลงไปกินตับในทะเลอ่ะ


หา ผิดเรื่องหรอ เอาน่าคล้ายๆกัน เอาเป็นว่าผมเคยดูละกัน และเท่าที่จำได้... เงือกมันหายใจในน้ำได้นี่!! ใช่ไหมละ
แบบนี้ต้องทดลอง


คิดแบบนั้นผมก็เลยตะเกียดตะกายกลับไปริมน้ำใหม่ หายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะกลั้นใจเอาหน้าจุ่มลงไปในน้ำและเริ่มหายใจ


1


2


3


ถุย!


ทรายแมร่งเต็มปาก


รู้สึกว่าจะริมไปหน่อย คิดแบบนั้นผมก็เลยเคลื่อนตัวลงไปอีกนิด กะว่าพอให้ยืนถึงโดยไม่จมก็พอ จากนั้นผมก็ปล่อยมือจากโขดหินใกล้ๆ


ปุ๊งๆๆ! พรวด!!


แมร่ง ยังไงมันก็จมอยู่ดี ลืมไปขาผมไม่มีนี่หว่า


ทำไมชีวิตเรามันช่างอนาถอะไรอย่างนี้


และดูท่ายังดราม่าไม่พอ อยู่ดีๆคลื่นลูกใหญ่ก็ซัดใส่ผมดังโครมทำเอาหน้าชา หลังจากนั้นน้ำก็พัดพากวาดเอาทรายริมหาดรวมถึงเงือกที่ว่ายน้ำไม่เป็นอย่างผมลงไปด้วย


อ๊าคคคคค ตายตายแน่ ต้องจมน้ำตายแน่ๆ


ตัวผมที่ถูกพัดออกไปกำลังจมลงเรื่อยๆ


“ตายๆ!! กูตายแน่ ”


.


.


.


อะเด๊ะ?... เมื่อกี้เหมือนเราพูดออกไป? ทั้งที่เรากำลังอยู่ในน้ำ


“โหลๆ เฮ้ย พูดได้หายใจได้ วู้วว รอดตายแล้วโว้ย!!” นี่เป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ ผมหายใจในน้ำได้พูดในน้ำได้โว้ย!!!


แต่เอ๊ะถ้าผมกลายเป็นเงือกจริงมันก็ปกตินี่หว่า ก็เงือกมันเป็นสัตว์น้ำนี่... แล้วเมื่อกี้ผมตะโกนบ้าอัลไลล


.


.


ว่าแต่ผมว่าผมควรสนใจปัญหาใหม่ของตัวเองมากกว่า เพราะตอนนี้ผมลงไปนั่งกองอยู่ใต้ทะเล โดยมีปะการังรูปร่างหยึยๆคล้ายกับสมองทิ่มก้นผมอยู่


จะนั่งอยู่แบบนี้ไปตลอดคงไม่ดี แต่ไอ้ครั้นจะย้ายที่...


นี่แสดงว่าผมจะต้องพยายามเคลื่อนตัวไปไหนมาไหนด้วยหางของผมใช่ไหม?


คิดแบบนั้นผมก็เลยยืดหางตรง สูดหายใจลึกๆ และสะบัดหางอย่างเร็วทันที


โอ้ว มัน มันเคลื่อนที่แล้ว แต่มันพุ่งถอยหลังอย่างไวจนผมหงายหลังลื่นตกลงมาจากปะการัง


สลัด!! กูเจ็บตูดนะโว้ย


พอความเจ็บเริ่มลดลงผมก็สำเหนียกได้ว่าเมื่อกี้ตัวเองทำท่าผิดไปหน่อย เล่นนั่งแล้วตีขา...หาง มันก็ถอยทั้งๆที่นั่งอยู่สิ


งั้นต้องเปลี่ยนท่า ที่ถูกต้องตามหลักเงือกศาสตร์ ผมคงต้องทำตัวประหนึ่งซุปเปอร์แมนสินะ


คิดแบบนั้นผมก็เลยพยายามปีนขึ้นไปบนปะการังต้นที่สูงๆหน่อยก่อนจะพลิกตัวเองเอาท้องวางพาด ซึ่งมันก็แอบจักกะเดี๊ยมเล็กๆเพราะมีปลาการ์ตูนออกมาตอดพุง หลังจากนั้นผมก็ชูมือข้างขวาไปข้างหน้า มือซ้ายยกขึ้นพับแนบลำตัวไว้ สูดหายใจลึกๆ คราวนี้ผมมีประสบการณ์การพุ่งหลาวละ เลยเปลี่ยนเป็นค่อยๆตีก่อนจะเริ่มแรงขึ้น


ตัวผมค่อยๆเคลื่อนที่ก่อนจะพุ่งไปข้างหน้าจนเหมือนรถมอเตอร์ไซค์


โว้วนี่ผมว่ายน้ำได้แล้วจริงหรือนี่


ด้วยความดีใจผมก็เลยตั้งหน้าตั้งตาตีน้ำ ตาก็กวาดมองบรรยากาศรอบตัว ก็ผมไม่เคยลงใต้ทะเลมาก่อนนี่ ไม่น่าเชื่อว่ามันจะสวยมากขนาดนี้ โชคดีนะที่ผมมาทะเลภาคใต้ซึ่งได้รับการยืนยันว่าเป็นทะเลสวยที่สุด


ผมว่ายตรงไปเรื่อยๆเห็นปลาหน้าตาแปลกๆเยอะแยะ ปลาตัวใหญ่ทำปากพองลมลอยเอื่อยอยู่ตรงปะการัง ปลาตัวเล็กๆเป็นหมื่นๆตัวที่ว่ายตีคู่กับผม ปลากระเบนตัวแบนใหญ่ที่ผมเห็นละว่ายหนีทันที เพราะไม่รู้ว่ามันแทะเงือกเป็นของว่างหรือเปล่า
พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ผมก็ชักรู้สึกตัวว่าตอนนี้...ผมหิวว่ะ!!ถ้านับตามเวลาแล้วนอกจากเหล้าบวกกับแกล้มเมื่อคืน ผมก็ไม่ได้กินอะไรอีกเลย


ว่าแต่เงือกมันกินอะไรเป็นอาหารวะ? จับปลาที่ว่ายอยู่ข้างๆนี่กินได้หรือเปล่า? จะว่าไปถ้าผมว่ายไปแถวประเทศญี่ปุ่นได้ ที่นั่นมีปลาทูน่ากับปลาแซลมอนนี่หว่าพวกนั้นเป็นปลาที่ผมมั่นใจได้อย่างแน่นอนว่ากินดิบๆได้ด้วย ไม่ต้องพึ่งร้านอาหาร.....ฟู.ตู๊ด....และ ..โออิ.ตู๊ดด...ที่ฟันหัวผมแบะกับอิแค่ปลาเรียงอยู่บนน้ำแข็งแค่2-3ชิ้น


อืม..น่าจะดีเพียงแต่ว่า... ประเทศญี่ปุ่นมันไปทางไหนวะ ไม่สิ ตอนนี้ผมอยู่ที่ไหนผมยังไม่รู้เลย เพราะดันเมามันกับการตีหาง ผมเลยไม่รู้ว่าตัวเองออกมาอยู่ส่วนไหนของทะเลแล้ว แถมผมก็ไม่ได้พกกูเกิ้ลแมพมาด้วย แล้วแบบนี้อย่าว่าแต่ไปไหน ผมจะกลับฝั่งได้ยังไง ถ้าตัวผมไปโผล่ที่ประเทศเพื่อนบ้านอันไม่พึงประสงค์ขึ้นมา จะมีสนธิสัญญาส่งเงือกข้ามแดนไหมนี่


แบบนี้คงต้องหยุดว่ายให้หลงเพิ่มก่อน คิดอย่างนั้นผมเลยตัดสินใจหยุดการตีหางอย่างบ้าคลั่งเสียที


และทันทีที่ผมหยุด ตามกฎฟิสิกส์ว่าด้วยเมื่อมีแรงกระทำก็จะกลายเป็นผู้ถูกกระทำ…หา?ไม่ใช่หรือ? อย่ามองผมแบบนั้นดิก็ผมดันผ่านฟิสิกส์มาได้ด้วยความรู้รอบโต๊ะตอนนี้ก็เลยคืนความรู้ทั้งหมดไปแล้ว... เอาเป็นว่าพอผมหยุด จากการที่ไม่มีอะไรขับเคลื่อนตัวผมก็เลยชะงักไปด้วย แต่ดูเหมือนว่ากฎแรงโน้มถ่วงของนิวตันจะยังได้ผล


เพราะผมร่วงลงก้นทะเลอีกแล้วไง!!


ดีนะว่าอย่างน้อยก็ไม่ได้ร่วงไวแบบหล่นจากตึกมันค่อยๆร่วงแบบเอื่อยๆ จนสุดท้ายผมก็กลับลงไปนอนแปะก้นทะเลตามเดิม โดยมีปลาน้อยบางตัวว่ายตามลงมาด้วย


มาใกล้ๆเดี๋ยวกูจับกินแม่ม!!


ว่าแต่ทำไมพวกมันยังลอยตัวได้ทั้งที่หยุดว่ายฟระ


ในขณะที่กำลังนอนแผ่อยู่ก้นทะเล อะไรบางอย่างสีเขียวแก่ลอยไปลอยมาในรัศมีการมองเห็นของผม


สาหร่ายทะเล?


อ่า จริงสิ สาหร่ายก็น่าจะกินได้นี่นะ ก็ผมเห็นเขาเอาไปแปรรูปอบแห้งอยู่เลย คิดแบบนั้นผมก็คว้าหมับ กระชาก ก่อนจะส่งเข้าปากทันทีและเคี้ยวตุ้ยๆ


1


2


3


ถุ๊ย!! ไม่อร่อยเลยสักนิด


อิแบบนี้ผมคงต้องนอนเป็นศพเงือกอยู่ก้นทะเลนี้แล้วแน่ๆ เพราะตอนนี้ผมหิวจนแทบจะขยับตัวไม่ไหวแล้ว เปลือกตาของผมค่อยๆปิดลงทีละนิด จบในที่สุดมันก็ปิดสนิท


ฮึก..


ฮึกก..


ฮึก..


ใครมาสะอื้นแถวนี้วะ ใต้ทะเลมีผีด้วยหรือ อ่อจริงสินะ ลืมไปว่ามันมี ไม่งั้นจะมีคำพูดติดปากที่ว่า ผีทะเลได้ไง


...


โอเคมันไม่ขำ แต่เอาเข้าจริงก็ไม่คิดว่าจะมีใครมาร้องไห้ก้นทะเลแบบนี้นะ คิดแบบนั้นผมก็เลยพลิกตัวนอนคว่ำ


อืม... ไม่แน่อีกฝ่ายอาจจะเป็นอันตรายกับเรา เพราะอย่างนั้นปิดบังตัวหน่อยก็ดี


ผมเลยคว้าเอาสาหร่าย(ไอ้ต้นที่ผมดึงออกมาแทะนั่นแหละ) ออกมาพันๆรอบตัว ก็ขนาดว่าในป่าเค้ายังเอาใบไม้กิ่งไม้พลางตัวเลย เพราะอย่างนั้นใต้ทะเลแบบนี้ก็ต้องใช้สาหร่ายนั่นแหละ


ค่อยๆกระดึบไปตามต้นเสียง เริ่มได้ยินเสียงสะอื้นดังขึ้นๆ


ว่าแต่...ถ้าเป็นตัวอะไรที่เราคาดไม่ถึงจะทำยังไงวะ เออน่าคิด แล้วถ้าเจอคนขึ้นมาแบบนี้เรามิแย่หรอ


แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น สุดท้ายผมก็เลยค่อยๆแหวกกอสาหร่ายผสมดอกไม้ทะเลเข้าไป จนได้พบกับ...


เงือกเด็ก?


เงือกตัวเล็กสูงเพียงครึ่งเดียวของผมกำลังก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้น ผมหยักศกสีทองลอยล่องไปตามกระแสน้ำ ผมเห็นหน้าอีกฝ่ายไม่ชัดเพราะเจ้าตัวเอาแต่ก้มหน้า ทว่าสิ่งที่ผมสนใจกลับเป็นหยดน้ำตา


น้ำตาที่ไหลอาบลงมาตามแก้ม พอร่วงลงพื้นกลับกลายเป็นเม็ดกลมคล้ายกับไข่มุกซึ่งตอนนี้รอบๆตัวเด็กคนนั้นมีมากกว่าร้อยเม็ดแล้วแน่ๆ


อ้า นี่ถ้าเป็นของจริง แล้วผมจับมันไปผลิตไข่มุกคงร่ำรวยใช่เล่นเลยนะ


เพราะมัวแต่กำลังวาดฝันหวานวาดวิมานในอากาศอยู่ปรากฏว่าอีกฝ่ายจะหันมาสังเกตตรงที่ผมแอบอยู่ขึ้นมา “นั่นใคร...”


...บอกก็โง่ดิวะครับ


เจ้าตัวจึงค่อยๆลอยตัวตรงเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ทำเอาผมเริ่มลน เพราะถึงจะตัวเล็กและเด็กกว่าผมเยอะ แต่ด้านประสบการณ์การเป็นเงือกแล้วผมนี่พึ่งตั้งไข่ชัดๆ จะว่ายสู้ว่ายหนีผมก็ไม่รอดทั้งนั้นแหละ


คิดแบบนั้นผมเลยตัดสินใจ ถอยดีกว่า ไม่อาวดีกว่า ถอยไปตั้งหลักก่อนอีกฝ่ายจะจับได้ละกัน


แต่อนิจจา เพราะผมลืมไปว่านี่ใต้ทะเล และการถอยที่ดีควรเปิดไฟขอทางด้วย เพราะอย่างนั้นกันของผมเลยไปโดนอะไรเข้าอย่างจัง


หมับ!


.


.


.


“ว๊ากก เจ็บโว้ย!!!”อุ๊บ ผมต้องปิดปากกลั้นเสียงกรี๊ด พอเหลือบไปมองที่บั้นท้าย


แมร่ง!! ปูมันหนีบก้นผม!!!!


และดูเหมือนสถานการณ์จะวิกฤติไม่พอ เพราะไอ้เงือกที่ผมแอบดูก็ดันโผล่พรวดเข้ามา


ซวยแล้วๆๆ
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 13-4-59 : ตอนที่1
เริ่มหัวข้อโดย: มาม่าหมูสับ ที่ 13-04-2016 18:14:20
โอ๊ยยยย ฮา  :ling1:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 13-4-59 : ตอนที่1
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 13-04-2016 18:34:15
เป็นเงือกมือใหม่ก็อย่างนี้ล่ะค่ะ :pandalaugh:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 13-4-59 : ตอนที่1
เริ่มหัวข้อโดย: โซ อึน ที่ 13-04-2016 18:59:15
เงือกน้อยฝึกหัด ปูหนีบตูด ขรรมมมมมมหนัก :m20: :laugh:
ฝึกว่ายน้ำก่อนนะลูก
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 13-4-59 : ตอนที่1
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 13-04-2016 19:06:47
จะรอดไหมเนี่ย. อดตายก่อนล่ะมั้งเงือกน้อย
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 13-4-59 : ตอนที่1
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 13-04-2016 19:38:29
โอ้วแม่เงือกน้อย 55555555
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 13-4-59 : ตอนที่1
เริ่มหัวข้อโดย: peeranatyaikaew ที่ 13-04-2016 22:38:36
ต่อๆๆ น่าสนใจจจจจ ชอบแฟนตา :ling1:ซี
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 13-4-59 : ตอนที่1
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 13-04-2016 23:01:11
 :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 13-4-59 : ตอนที่1
เริ่มหัวข้อโดย: mymine ที่ 14-04-2016 19:13:47
ตอนที่2


ช่างเป็นการพบกันครั้งแรกที่แสนจะน่าประทับใจ


ไอ้เงือกเด็กนั่นโผล่พรวดออกมาในขณะที่ผมกำลังดิ้นพล่าน


“มัวแต่มองอยู่นั่นล่ะ มาช่วยกันเอาออกหน่อยดิโว้ย!!!” ไอ้เด็กที่กำลังร้องไห้เมื่อตะกี้อ้าปากค้าง ก่อนที่จะรีบว่ายเข้ามาดึงปูที่เกาะหนึบออกจากก้นผม ซึ่งกว่าจะหลุดได้เล่นเอาเกล็ดตรงก้นร่วงไปเป็นสิบ อู๊ย น้ำตาจะไหล ถ่ายรูปอัพขึ้นเฟสบุ๊คทันไหมนี่


“ไอ้ปูเวร เดี๋ยวพ่อจับมานึ่งกินซะเลย!!”


“เอ่อ คือ ท่านเป็นใครฮะ” เสียงใสทำเอาผมสะดุ้ง ลืมไปเลยว่ามีคนอื่นอยู่ใกล้ๆนี่หว่า หันกลับไปก็เจอกับเงือกตัวน้อยที่น้ำตาเหือดแห้งแล้ว กำลังจ้องผมตาแป๋วอยู่ เมื่อกี้ไม่ทันสังเกต แต่พอมามองระยะประชิดแบบนี้


น่าร้ากกอ่ะ


เฮ้ย!! อย่าหาว่าผมสะดิ้งเลยนะ ถ้าพวกคุณได้เห็นด้วยตาตัวเองรับรองต้องกรีดร้องแบบเดียวกับผม ก็อีกฝ่ายตัวเล็กแค่ครึ่งเดียว ผมสีทองหยักศกยาวจรดกลางหลัง นัยน์ตาสีฟ้าใส แก้มป่องแดงน่าหยิก ปากนิดจมูกหน่อย ริมฝีปากสีชมพูหวาน รูปร่างอ้อนแอ้น ท่อนล่างเป็นเกล็ดและหางสีขาวออกทองจางๆน่ารักสุดๆอ่ะ เสียอย่างเดียว ไม่มีนม


หือยังไม่ชัดพอหรอ เปล่าๆไม่ใช่ไม้กระดาน ไม่ใช่โลลิคอน ไม่มีคือไม่มีจริงๆ


คือ ถ้าให้เรียกคงเป็นโชตะคอน เด็กเงือกตรงหน้าผมมันเป็นตัวผู้!!


แหม เห็นผมหื่นแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหน้ามืดมองเพศสิ่งมีชีวิตตรงหน้าผิดนะโว้ย ก็มันพูดฮะอยู่แหมบๆและมันเป็นเรื่องแน่นอนว่าผมแมนมาก เลยไม่คิดพิศวาสเพศเดียวกันแน่ๆ


“เป็นอะไรหรือเปล่าฮะ” อีกฝ่ายเห็นว่าผมนั่งนิ่งไม่เคลื่อนไหวเพราะมัวแต่ทะเลาะกับคนอ่านในใจ เจ้าตัวเลยเคลื่อนที่เข้ามาใกล้พร้อมกับเอานิ้วจิ้มอย่างแผ่วเบาที่ต้นแขน แต่เล่นเอาผมสะดุ้ง


“อ้า เปล่าๆ พอดีคิดอะไรเพลินไปหน่อย แล้วเราล่ะมาแอบร้องไห้อะไรตรงนี้”


ได้ยินแบบนั้นไอ้หนูตรงหน้าก็สะดุ้ง แก้มสองลูกที่แต่เดิมก็แดงอยู่แล้วความนี้เลยยิ่งแดงขึ้นอีก โอ้ยน่ารักว่ะ จับมันปล้ำได้ไหมนี่(เดี๋ยวนะ ตะกี้ใครบอกว่าตัวเองแมน?)


“คือ ข้า.. โดนกล่าวหาว่าท่าทางอ่อนแอ ในอนาคตไม่พ้นจะต้องเป็นอิสตรีอย่างแน่นอน” แม้รูปประโยคจะดูแปลกๆ แต่ไม่อยากจะบอกเลยว่าผมแอบกดไลค์เห็นด้วยกับอีกฝ่ายสุดๆ“พอข้าเถียงพวกนั้นก็เลยท้าให้ข้าว่ายน้ำออกมานอกเขตแข่งกัน แล้ว........”


“แล้วก็หลง?” ผมตอบแทนเจ้าตัวที่เว้นช่องไข่ปลาไว้ ทำเอาอีกฝ่ายก้มหลบด้วยความอายซะจนใบหน้าจะแนบกับลำตัวอยู่แล้ว


“แล้วแบบนี้จะกลับบ้านยังไงล่ะ พอจะรู้ทางไหม? อยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกหรือแอตแลนติก?”


ไอ้เด็กตรงหน้าเอียงคอน้อยๆมองผมด้วยความแปลกใจ อย่าทำหน้าแบบนี้ได้ไหมวะ มันกระตุ้นต่อมศีลธรรมตรูจริงๆ “อะไรคือแปซิฟิก แอตแลนติก ข้าอาศัยอยู่ในอาณาจักรแฟริเซียร์” แล้วมันตรงไหนอยู่ของโลกฟระ “แล้วท่านมาจากอาณาจักรไหนล่ะ ข้าไม่เคยเห็นเกล็ดและครีบสีแปลกอย่างท่านมาก่อนเลย มันสวยมาก” ไม่พูดเปล่ามือของไอ้เด็กตรงหน้าก็ยื่นเข้ามาลูบเอวเขาเบาๆ อย่านะโว้ย อย่ามาทำตรูสยิว ตรูยังไม่อยากพรากผู้เยาว์นะเฟร้ย


“อ่า ก็ไม่รู้เหมือนกัน พอดีว่าพี่หลงทางมาน่ะ” จะให้บอกอีกฝ่ายว่าพอดีพี่เป็นมนุษย์ที่กินปลาแบบน้องเป็นอาหาร แต่โดนแม่มดใจร้ายสาปให้เป็นเงือกก็ไม่ได้ “ว่าแต่เราชื่ออะไรล่ะ”


“ข้าชื่อ ฟิลัน แล้วท่านล่ะ”


“พี่ชื่อโอเชี่ยน แต่เรียกโอก็ได้” แค่อย่าเรียกแบบเพื่อนพี่ก็พอ ถามว่าพวกมันเรียกอะไรน่ะหรือพวกคุณลองตัด ‘นอหนู’ ตัวท้ายออกจากชื่อผมสิ


ส่วนฟิลันพยายามจะเติมท่านนำหน้าชื่อผมให้ได้ทำเอาผมขนพองสยองเกล้า ก็อาจจะไม่แปลก เพราะเท่าที่ฟัง ไอ้หนูเงือกตรงหน้าจะพูดออกแนว ข้า เจ้า ท่าน ออกแนวไทยเดิมชอบกล แต่ผมไม่ชอบอ่ะ สุดท้ายก็เลยบังคับเด็กน้อยตรงหน้าเรียกแบบที่ต้องการจนได้


“พี่โอ?”


โอ้ย ได้ยินเสียงใสๆแบบนี้เรียกละฟินจริงให้ดิ้นตายสิน่า    


อยากจะคว้าตัวมาฟัดจริงๆ


จ๊อกกกก


...

ฉ่า....


เสียงอะไรไหม้ๆน่ะหรอครับ หน้าผมนี่ไง ต่อหน้าเด็กน่ารักแบบนี้ท้องเจ้ากรรมดันร้องออกมาได้แบบไม่เกรงใจเจ้าของซักนิด


“พี่โอหิวหรือฮะ” ฟิลันถามด้วยความเป็นห่วง ผมเลยได้แต่ยิ้มแหยๆส่งให้ “ข้าไม่ได้พกสาหร่ายสังเคราะห์มาด้วยสิ”


มันคืออะไรวะครับ? สาหร่ายเซินเจิ้นจากจีนเรอะ“ปกติเราไม่ได้กินสาหร่ายแบบนี้หรอ?” ปากพูดมือของผมก็คว้าสาหร่าย(ยังคงเป็นต้นเดิม) ที่พันตัวชูขึ้นมาให้อีกฝ่ายดู


“เงือกทั่วไปกินแบบนั้นฮะ แต่ไม่ใช่พันธุ์นี้ ต้นนี้แก่แล้วจะเหนียว”


...แล้วเอ็งไม่ใช่เงือกทั่วไปหรือวะ? หรือมาจากดาวนาเม็ก


“แต่สาหร่ายสังเคราะห์มันอร่อยมากเลยนะ มีหลากหลายรส เอาไว้กลับบ้านเมื่อไหร่ ข้าจะพาไปกิน พี่โอต้องชอบแน่ๆเลย”


ได้ก็ดี ถ้าผมไม่หิวตายหรือจับเงือกตรงหน้ากินแทนไปก่อนอะนะ


“เออแล้วจะว่าไป ผมของพี่โอสีแปลกดีเนอะ เส้นผมสีทอง แต่มีสีแดงแซมตรงปลาย” เด็กเงือกตรงหน้าเริ่มหันมาสนใจกบาลของผมแล้ว ผมไม่ได้บอกคุณใช่ไหมว่าผมเป็นลูกครึ่ง แม่เป็น...เอาเป็นว่าเป็นฝรั่งละกัน เพราะถามพ่อกี่ครั้งพ่อก็อ้ำอึ้งพอๆกับผมนี่ล่ะ ส่วนพ่อนั้นไซร้คนไทยแน่ๆ ผมเลยได้ดวงตาดำสนิทเหมือนพ่อแต่ได้ผิวขาวซีดและเส้นผมสีทองจากแม่ จากนั้นผมก็ห่ามด้วยการไปโกรกปลายให้เป็นสีแดงเพลิงซะ


แน่นอนว่าคนหล่อทำยังไงก็ยังหล่อ แม้สีตากับสีผมจะทำให้หน้าตาของผมออกมาครึ่งควบลูกแปลกๆก็ตามที


ว่าแต่...มันไม่ใช่เรื่องที่ควรเห็นก่อนอย่างอื่นหรอวะ เส้นผมนะเฟร้ย!คือมันงอกประจานลอยหน้าลอยตาอยู่บนหนังศีรษะตรูเลยเนี่ย! แล้วทำไมแทนที่จะทักตั้งแต่แรก เอ็งถึงไปทักเรื่องหางตรูก่อน!!


โอ้ย โอเชี่ยนมึน


ระหว่างที่ผมกำลังเวียนหัวกับไอ้เด็กเงือกตรงหน้า แสงสว่างที่เคยส่องทั่วผืนน้ำกลับเริ่มหายไป “พระอาทิตย์ตกแล้วหรอนี่ แย่ละสิ”


บรรยากาศรอบตัวเริ่มเงียบสงบ ปลาที่เคยแหวกว่ายเริ่มหยุดนิ่งฟิลันที่ตอนแรกวนเวียนว่ายไปมารอบตัวผม เริ่มกลัวและว่ายกระแซะเข้ามาหาผมเรื่อยๆ


“พี่โอ มันมืดมากเลย ข้ากลัว” จะบอกว่าตรูก็กลัวเฟร้ย แต่ด้วยความที่ว่าอีกฝ่ายเด็กกว่าแถมน่ารัก ผมก็เลยต้องพยายามทำตัวโชว์แมน “....ไม่เป็นไร อยู่กับพี่ไม่มีอะไรต้องกลัว”


“ฮึก... พี่โอ ข้าอยากกลับบ้าน” เอาแล้วไง ไอ้เด็กตรงหน้าเริ่มเป่าปี่อีกแล้ว อย่าร้องนะเฟร้ย ตรูก็อยากกลับเหมือนกัน


“ใจเย็นๆนะฟิลันนะ ว่าแต่เราพอจะคุ้นๆบ้างไหมว่าเรามาจากทางไหนหรือแถวบ้านเรามีอะไรเป็นจุดเด่น”


“ข้า ข้าจำได้ว่าออกจากประตูเมืองด้านใต้ ผ่านทุ่งปะการังแดง แล้วหลังจากนั้น...พวกนั้นก็เป็นคนนำทางข้าต่อ ฮืออ” แน๊ะ ยังจะร้องอีก เดี๋ยวร้องไห้แข่งกับมันซะดีไหม“ ฮือ ท่านพี่ ท่านพี่ ช่วยฟิลันด้วย”


ผมปลอบเด็กตรงหน้าและลอยตัวท่ามกลางกระแสน้ำ ซึ่งฟิลันสอนแล้วว่าทำยังไงผมถึงจะไม่จมลงไปกองใต้ทะเลแบบที่ผ่านๆมา โดยมีเงือกน้อยที่ยังร้องไห้สะอึกสะอื้นกุมมือไว้ไม่ห่าง


จากที่เดาเด็กคนนี้น่าจะมีพี่ ถ้าอีกฝ่ายกลับบ้านแล้วไม่เจอน้องตัวเอง อีกไม่นานน่าจะออกตามหา แต่ด้วยสภาพรอบตัวเป็นแบบนี้คงต้องรอเฉยๆให้ถึงตอนเช้าอย่างเดียวละมั้ง


ทว่ายังไม่ทันจะคิดจบ อยู่ดีๆกระแสน้ำก็พัดอย่างรวดเร็ว ผมที่เป็นเงือกป้ายแดงและยังไม่ทันตั้งตัวก็เลยถูกลากติดไปตามกระแสน้ำ โดยที่ผมยังคงจับมือฟิลันไว้แน่น


แรงเหวี่ยงของกระแสน้ำ ทำให้ผมเริ่มจะมึน บอกตรงๆว่ามันโคตรจะเวียนหัว เหมือนนั่งรถไฟเหาะตีลังกา แม้อย่างนั้นผมก็ยังกำมือเงือกน้อยข้างตัวไว้แน่นเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นยังดังอยู่ข้างหูไม่หยุด


ไม่รู้ผ่านไปนานขนาดไหน กว่าผมจะเริ่มตั้งสติได้ว่าไม่ควรปล่อยให้พวกเราทั้งคู่ถูกพัดไปตามกระแสน้ำแบบนี้ผมจึงพยายามหาทางรอด แรงเหวี่ยงของน้ำมีอนุภาพมากกว่าที่เห็น แม้ผมพยายามที่จะว่ายออกนอกกระแสน้ำหลายครั้งกลับไม่เป็นผลสำเร็จ
จนเมื่อมาถึงจุดๆหนึ่ง ผมพยายามถีบตัวให้หลุดออกจากกระแสน้ำที่เกรี้ยวกราดนี้อีกครั้ง ไม่อย่างนั้นอาจจะโดนพัดไปไกลมากกว่าเดิม


และในรอบนี้ผมทำสำเร็จ เราทั้งคู่หลุดออกจากกระแสน้ำได้ ทว่า...


มีชะง่อนหินขนาดใหญ่อยู่ตรงปลายทางที่ผมกับลังถูกเหวี่ยงออกไป


ด้วยความตกใจผมรีบดึงฟิลันมากอดไว้ ก่อนที่ช่วงไหล่จะไปกระแทกกับหินเข้าเต็มรัก


อึก!


“พี่โอ ฮือ พี่โอเป็นยังไงบ้าง”เด็กน้อยตรงเข้ามาเขย่าตัวผมใหญ่ ซึ่งผมอยากจะบอกมากเลยว่าอย่าเขย่ามากกูเมารถ(?)จะอ๊วกอยู่แล้ว


“..แขนพี่” ได้ยินแบบนั้นผมเลยเหลียวไปดูตรงแขน ช่วงไหล่ของผมกลายเป็นสีม่วงช้ำ ต่ำลงมาหน่อยโดนหินบาดเป็นรอยยาว เลือดสีแดงสดกับกลิ่นคาวเลือดไหลปะปนไปกับกระแสน้ำ


“ไม่เป็นไรนิดหน่อย” ฟิลันที่เห็นแผลจึงว่ายลงไปยังพื้นทะเลก่อนจะเลือกคว้าสาหร่ายยาวต้นหนึ่งขึ้นมาพันแขนให้ “ขอบใจนะ”


“พี่โอ ฮือ” ร้องอีกแล้ว ผมไม่รู้จะทำยังไงกับไอ้เงือกน้อยจอมดราม่านี่ดีเลยรั้งตัวเข้ามากอด ยกมือตัวหัวปุปุ


ในขณะที่บรรยากาศแสนจะเป็นใจ อยู่ดีๆแรงดันน้ำก็เปลี่ยน เหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างที่มีขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนที่เข้ามาใกล้


“พี่โอ!!” เสียงฟิลันตะโกนดังลั่น ในขณะที่ผมอ้าปากค้างไปแล้ว


ฉะ..ฉลาม  ปลาฉลาม ไอ้ตัวที่ผมเห็นว่าแด๊กมนุษย์ในเนชั่นแนลจีโอกราฟฟีนั่นล่ะ


มันมาทำอะไรแถวนี้!!!


เห็นแบบนั้นผมก็หมุนตัวคว้ามือฟิลันก่อนจะว่ายน้ำเผ่นหนี ผมพึ่งรู้นะว่าตัวเองว่ายได้เร็วขนาดนี้


แน่นอนว่าผมไม่เสียเวลาหันหลังไปดูแน่ว่าไอ้ตัวตะกี้มันตามผมมาไหม แม้จะสงสัยอยู่บ้าง แต่ดูท่าใครบางคนจะไม่ปล่อยให้ผมสงสัยนาน “พี่โอ มันว่ายตามมาเร็วมากเลย”


ชิบลอสสิวะครับ


“ฟิลัน ปกติฉลามนี่กินเงือกหรือเปล่า” ผมรีบตีหางว่ายลอดชะง่อนผาตรงนั้น หลบทุ่งสาหร่ายตรงนี้ โชคดีหน่อยที่พวกผมเป็นเงือกที่รูปร่างค่อนข้างเพรียว เลยทำให้ว่ายต่ำอาศัยพวกปะการังหลบตาได้บ้าง


แต่ทำไมมันยังตามมาไม่หยุดแถมตรงเข้ามาแบบไม่ลังเลแบบนั้นวะ


“ม มันเป็นศัตรูอันดับหนึ่งของพวกเราชาวเงือกเลย ยิ่งถ้าเงือกที่บาดเจ็บจะเรียกมันไวมากเพราะกลิ่นเลือด”


กลิ่นคาวเลือด... ได้ยินแบบนั้นผมก็หันขวับไปยังแผลตัวเอง เพราะอยู่ในน้ำทำให้แผลยังไม่สมานตัวมีเลือดซึมออกมาปะปนกับน้ำเรื่อยๆ


เลือดของผมเองใช่ไหมที่เป็นตัวเรียกมันมา


“ถ้าอย่างนั้นฟิลันเราต้องแยกกับพี่”


“ไม่นะพี่โอ” เงือกที่อยู่ข้างๆหันมาคว้าเอวผมแน่นทั้งที่เราทั้งคู่ยังว่ายตีหางหลบไปมา


“ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ!! มันตามเลือดพี่มา ถ้าเรายังอยู่กับพี่ลงท้ายก็ไม่พ้นถูกมันกินไปด้วยกันนี่ล่ะ” ผมกัดปากแน่นเพราะตอนนี้เด็กตรงหน้าเกาะผมไว้ ดึงยังไงก็ไม่ยอมปล่อย “ฟิลัน!!”


ผมต้องรีบสะบัดหางให้เร็วกว่าเดิมเพราะตอนนี้พวกผมว่ายพ้นบริเวณทุ่งปะการังมาแล้ว ข้างหน้าเป็นหุบเหวลึกดำมืดดูน่ากลัว และหมายความว่าพวกผมจะไม่มีที่ให้ซ่อนสายตาอีก    


“พี่โอ!!” เงือกน้อยส่งเสียงร้องอีกครั้งในขณะที่ผมก็ต้องเบรกหัวทิ่ม เพราะตรงหน้าผมกำลังมีสิ่งมีชีวิตอีกชนิดเคลื่อนที่เข้ามา


อะไรจะซวยได้ถึงขนาดนั้นวะ


ฉลามตัวที่สองกำลังตรงเข้ามาหาผม เท่าที่เห็นเหมือนจะเป็นคนละชนิดกับไอ้ตัวที่ตามมาข้างหลัง แต่ตอนนี้มันจะพันธุ์ไหนก็ไม่สำคัญแล้ว


หน้าก็ฉลามหลังก็ฉลาม


ในเมื่อไม่มีทางเลือก ผมจึงตัดสินใจรีบว่ายลงด้านใต้หุบเหวทันที ลึกลงไป ลึกลงไปเรื่อยๆ ลึกจนแม้แต่ผมเองก็รู้สึกหวาดกลัว บริเวณนั้นมีชะง่อนหินมากมาย แต่แทบไม่มีพืชน้ำขึ้นอยู่เลยสักนิด จนกระทั่งผมพบอะไรบางอย่าง


ซากเรืออับปางจมอยู่ ดูจากตะไคร่น้ำที่เกาะตามเรือแล้ว มันคงจะจมมานานพอสมควรแล้วล่ะ


ทว่าไม่มีเวลาให้ลังเล ในเมื่อพวกฉลามตามมาด้านหลังแล้ว อย่างน้อยที่สุดผมต้องพาเด็กตรงหน้าหนีไปให้พ้นได้


ผมพาฟิลันลอดเข้าไปบริเวณหน้าต่างของตัวเรือ เล็ดลอดลงไปเรื่อยๆจนไปโผล่บริเวณใต้ท้องเรือเสียงกระแทกโครมครามดังขึ้นเบื้องหลัง


นัยน์ตาของผมที่ตอนนี้ชินกับความมืดพอสมควรเริ่มสอดส่ายหาทางรอด


บริเวณที่ผมอยู่นี้น่าจะเคยเป็นห้องอาหารของเรือสำราญขนาดใหญ่มาก่อน ดูได้จากพื้นที่กว้างขวาง มีซากเหมือนโต๊ะกลมขนาดใหญ่ตั้งอยู่หลายอัน


ผมค่อยๆว่ายเข้าไปด้านใน พยายามหาจุดที่จะให้เงือกน้อยของผมซ่อนตัว พร้อมกับหาอะไรที่จะให้เป็นอาวุธป้องกันตัวได้บ้าง


เสียงตึงตังโครมครามตามมาด้านหลังทำให้ผมสะดุ้ง พวกนั้นคงพยายามกระแทกตัวเรือให้พังเพื่อหาช่องว่างว่ายลงมาแน่ๆ


“ฟิลันไปหลบตรงนี้!” ผมจับเด็กตรงหน้ายัดลงไปนั่งหลังกล่องไม้ขนาดใหญ่ใบหนึ่ง ใช้ผ้าปูโต๊ะที่ลอยอยู่แถวๆนั้นมาคลุม “พี่จะล่อมันไปแล้วกลับมารับ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นห้ามออกมาเข้าใจไหม!!”


ผมพูดแบบนั้นก่อนจะตีหางถอยหลัง ก่อนจะว่ายหนีไปทางประตูเล็กด้านหลัง จุดนั้นจะผ่านห้องครัวซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ผมเล็ง


ผมสอดส่ายสายตาหามีด ปังตอ หรืออะไรเถือกๆนี้ ที่น่าจะมีอยู่ในห้องครัว แต่ทว่าผมกลับไม่พบอะไรเลย


จะเอายังไงดีละนี่


คงต้องใช้ความเร็วอย่างเดียว ผมตัดสินใจก่อนจะเคลื่อนตัวออกจากห้องนี้ อย่างน้อยผมควรจะว่ายวนไปทางอื่นที่ไม่ต้องผ่านห้องอาหาร เกิดไอ้พวกฉลามนั่นเจอฟิลันหลบอยู่ในนั้น


ระหว่างนั้นนัยน์ตาของผมเหลือบไปเจอแสงสะท้อนของอะไรบางอย่าง ผมรีบว่ายเข้าไปคว้าเอาไว้อย่างรวดเร็ว


ทว่าในเวลาเดียวกันก็มีเสียงกรีดร้องดังมาจากห้องอาหาร นั่นทำให้ผมต้องรีบว่ายกลับไปอย่างไวโดยไม่ทันได้มองของในมือ ทันทีที่ผมโผล่มายังห้องอาหาร ผมก็ต้องตกตะลึง


ฉลามที่ตอนนี้เพิ่มจาก2เป็น3 กำลังว่ายไล่ตามฟิลันที่ลอดใต้โต๊ะหลบอย่างบ้าคลั่ง ก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป้าหมายหันเลี้ยวและพุ่งเข้ามาหาผมพร้อมๆกัน


ผมรีบหันหลังว่ายหนีกลับไปทางเดิมอย่างไว ซึ่งโชคดีหน่อยเพราะทางเดินภายในเรือไม่กว้างมากพอที่จะให้ฉลามหลายตัวว่ายตีคู่กัน มันจึงมีสภาพคล้ายๆรถไฟไล่ตามผมมา


ทว่า หลังจากการว่ายหนีอย่างต่อเนื่องและความเครียดทำให้แรงของผมเริ่มหมด ผมว่ายช้าลงจนฉลามตัวแรกสุดตามทัน แม้มันจะตัวใหญ่กว่าผมไม่มากเท่าอีก2ตัว แต่ฟันในปากมันนี่เรียงกันเป็นแผง


ผมพลิกตัวหลบตัวแรกที่พุ่งเข้าใส่จนว่ายตีอยู่ใกล้ๆปากของมัน ก่อนที่จะเอาอะไรในมือทิ่มเข้าไปตรงหน้า


ส้อมในมือของผมแทงเข้าตาของฉลามตัวแรกพอดี มันสะบัดตัวเร่าๆ เลือดจากลูกตาไหลออกมาจนน้ำในบริเวณนั้นถูกย้อมเป็นสีแดง ก่อนภาพตรงหน้าจะกลายเป็นความสยดสยอง


ฉลามที่ตามหลัง2ตัวตรงเข้ามาหาเพื่อนร่วมสายพันธุ์ทันที ฟันที่เรียงกันเป็นแผงยามมันอ้าปาก ภาพการฉีกกระชากทำเอาผมคลื่นไส้จนแทบทนไม่ไหว เลือดและกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้มไปจนทั่วบริเวณ


ผมอดทนกลืนความรู้สึกอยากอ๊วก อาศัยช่วงเวลานั้นว่ายกลับมาหาฟิลันอย่างรวดเร็ว


“ไปเร็ว! ตอนนี้เราต้องรีบหนี” ผมรีบความมืออีกฝ่ายแล้วพาเงือกน้อยว่ายลอดไปตามช่องเพื่อหนีออกจากเรือ ในขณะที่พวกมันกำลังกินกันเองผมต้องรีบหนีไปให้ไกลที่สุด


ทว่าทันทีที่ผมออกมาพ้นตัวเรือก็ต้องได้แต่ตกใจ


ฉลามอีก3ตัวกำลังว่ายวนอยู่เหนือเรืออับปาง และทันทีที่ผมปรากฏตัวขึ้นมันก็พุ่งตรงเข้ามาหาทันที


ผมต้องพาฟิลันซึ่งตอนนี้สลบไปแล้วจากความตกใจและความเหนื่อย ว่ายหลบซ้ายขวาไปมาอย่างยากลำบาก ที่ยังพอเอาตัวรอดได้เพราะไอ้ฉลาม3ตัวนั่นมันไม่ค่อยจะสามัคคีกันเท่าไหร่เลยยังพอหลบได้ ทว่าผมพลาดที่ว่ายหลบไปตรงชะง่อนหินซึ่งตอนแรกผมคิดว่ามันจะสามารถลอดผ่านไปได้ แต่มันกลับเป็นการพาตัวเองเข้าไปสู่ทางตัน


หมดทางหนี


ไม่รอดแน่ๆผมคิดแบบนั้น แม้จะหวังให้ฟิลันหนีไปซะในขณะที่ผมเอาตัวเข้าล่อเพราะยังไงมันก็ตามกลิ่นเลือดของผมอยู่ดี แถมเจ้าตัวดันสลบแบบนี้


ผมหลับตากอดเงือกในอ้อมแขนแน่น แม้คิดว่ายังไงก็คงไม่รอด แต่อย่างน้อยผมก็ไม่อยากที่จะเห็นภาพฝูงฉลามฉีกเนื้อเงือกตรงหน้า


อย่างเลวร้ายที่สุดมันคงจะฉีกเนื้อผมก่อนตามด้วยอีกฝ่าย


คงมาได้แค่นี้สินะ...


ทว่าในขณะที่หลับตาปี๋ ความแรงของคลื่นน้ำที่กระทบตัวเปลี่ยนไป ก่อนจะมีเสียงคำรามดังขึ้นทำให้ผมสงสัย เพียงแต่ไม่กล้าลืมตา จนสุดท้ายที่เสียงทั้งหมดเงียบลงผมค่อยๆลืมตาขึ้นก็ต้องตกใจ


ฉลามทั้งหมดหายไป ทิ้งไว้เพียงเลือดสีแดงปะปนกับน้ำ และกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง


เงาของสิ่งมีชีวิตบางอย่างมากกว่า10ตัวกำลังว่ายวนเวียนอยู่รอบตัวผม


นี่มัน...

หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 14-4-59 : ตอนที่2
เริ่มหัวข้อโดย: igaga ที่ 14-04-2016 19:22:08
เอาอีกๆๆๆๆนะ
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 14-4-59 : ตอนที่2
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 14-04-2016 19:26:12
 o13 o13 o13 o13 o13

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 14-4-59 : ตอนที่2
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 14-04-2016 19:45:07
ไอ้ย่ะ พระเอกหรือเปล่าาาาาาาาาาา :hao7:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 14-4-59 : ตอนที่2
เริ่มหัวข้อโดย: Littlesir ที่ 14-04-2016 19:57:51
มาต่อเร็วๆนะ ลุ้นนนน
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 14-4-59 : ตอนที่2
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 14-04-2016 20:13:17
ค้างแท้ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 14-4-59 : ตอนที่2
เริ่มหัวข้อโดย: มาม่าหมูสับ ที่ 14-04-2016 22:27:21
นี่มัน....
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 14-4-59 : ตอนที่2
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 14-04-2016 23:37:52
เอาอีกค้าาาา เขียนได้สนุกมากก  :call: :call:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 14-4-59 : ตอนที่2
เริ่มหัวข้อโดย: mymine ที่ 15-04-2016 16:20:09
ตอนที่3


สถานการณ์เลวร้ายสุดๆ


ผมซึ่งตอนนี้ได้แต่ลอยเอื่อยอยู่ในที่กุมขังเหมือนคุกใต้ดินทำจากหินแกร่ง ด้านนอกถูกเฝ้าด้วยฉลามตัวน้อย แต่ฟันไม่น้อยตาม


เออ ฉลามอีกแล้ว ทำไมกูถึงหนีฉลามไม่พ้นซักทีวะ หรือมันจะล้างแค้นที่ผมเอาหูมันมากิน


แต่ถ้าไม่นับเรื่องที่ผมโดนจับขังนี่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่เชียวล่ะ ไม่นึกว่าเงือกที่นี่จะใช้ศัตรูตัวเองเฝ้าคน... เงือกที่จับมาขังเอาไว้ โดยตอนแรกผมถูกพามาที่ห้องคล้ายห้องโถงทรงกลมที่ทำจากหิน มีช่องอยู่รอบๆหลายสิบช่อง และฉลามตัวนี้ก็ถูกขังอยู่ในช่องเช่นเดียวกัน แต่พอหลังจากเจ้าตัวเอาผมมายัดใส่รูและปิดประตูแล้ว พวกนั้นก็ปิดประตูใหญ่ที่ใช้เข้าโถงตรงหน้า ก่อนจะเปิดช่องประตูให้ฉลามตัวที่ว่าว่ายออกมาวนเวียนอยู่ตรงโถงแทน


และมันก็แยกเขี้ยวพยายามชนประตูช่องที่ขังผมอย่างเอาเป็นเอาตาย คงเพราะแผลยังไม่สมานดีและตัวผมยังมีกลิ่นเลือดติดอยู่นิดๆละมั้ง


หวังว่าประตูของพวกเอ็งคงจะแข็งแรงพอทนแรงกระแทกของฉลามได้นะ


หืออะไรนะ?ทำไมผมถึงโดนจับมานอนกับฉลามแบบนี้นะหรือ


เหอะ มันก็ไม่มีอะไรมากหรอก


แค่พวกที่โผล่มา มาเพื่อตามหาฟิลัน


แค่หนึ่งในนั้นเป็นพี่ชายของฟิลัน


แค่พวกเขานึกว่าผมหลอกลวงและจับตัวฟิลันมา


และแค่จริงๆ แล้วฟิลันเป็นเจ้าชายน้อยจากเมืองแฟริเซียร์ที่ผมกำลังถูกขังอยู่


เห็นไหมแค่นั้นเองจริงๆนะ


ผมนึกแล้วก็ได้แต่หัวเราะตัวเอง ปกป้องคนของเขาแทบตาย ลงท้ายโดนจับมาโยนใส่คุกเสียฉิบ


แต่ก็ยังดีหน่อย อย่างน้อยผมก็ยังไม่ตาย และที่นี่ก็มีอาหารให้กิน ถึงแม้จะเป็นสาหร่ายซึ่งผมดูแล้วหน้าตาไม่เห็นจะต่างจากต้นที่ผมดึงมากิน แต่รสชาติมันดีกว่ากันพอสมควร


หนังท้องตึง แต่หนังตาหย่อนไม่ลง เพราะยังมีฉลามว่ายวนเวียนคอยกระแทกกรง คอยปลุกเป็นระยะ นี่ดีขึ้นแล้วนะ ตอนแรกผมนี่ถอยกรูดตัวชิดผนังออกห่างจากปากประตูสุดชีวิตอ่ะ


ส่วนตอนนี้นะหรือ กลิ้งไปมา จนนึกอยากจะลองยื่นมือออกไปหามันแบบเวลาเด็กแกล้งแหย่หมีแล้ว


ไม่รู้พวกนั้นจะจับผมไว้อีกนานแค่ไหนกัน


และไม่รู้ฟิลันจะเป็นอะไรหรือเปล่า


ผมไม่เคยมีน้องนะ แม่มีผมแค่คนเดียว พอได้เด็กขี้อ้อนอย่างฟิลันมาเลยเหมือนกับว่าได้รับความรู้สึกแปลกใหม่มั้ง


ความรู้สึกค้ำคอร์อยากกดน้องชายตัวเอง? แฮ่ ไม่ใช่ละ


ในขณะที่ผมกำลังคิดเพลินๆกุศลบ้าง อกุศลบ้าง อยู่ดีๆฉลามน้อยนั่นก็พุ่งตรงกลับเข้ามุมของตัวเองก่อนที่ปากกรงฉลามจะเลื่อนปิดลง


ประตูโถงกลางเปิดขึ้นก่อนจะมีใครบางคนก้าว..ว่ายเข้ามา…


อีกฝ่ายเป็นเงือกหนุ่มรูปงามจนเรียกว่าสวยได้เลย ขนาดตัวใกล้เคียงแต่ช่วงหางสีทองประกายสั้นกว่าผมเล็กน้อย ผมสีทองตรงยาวสลวยจรดกลางหลัง นัยน์ตาคมสีฟ้าใสเขม่นมองผมอย่างไม่ปิดบังซักนิด


“เจ้าเป็นใคร มาจากไหนกันแน่”


“...ฉันหลงทางจนมาเจอกับฟิลัน” ผมเลือกที่จะตอบแบบเลี่ยงๆ เพราะจะให้ผมบอกตรงๆนะหรือว่า อ๋อ พอดีผมเป็นมนุษย์อยู่บนบกแล้วโดนสาปให้มีหางก่อนจะโยนลงน้ำมา


แบบนั้นมีหวังโดนบั่นคอก่อนแน่ๆ


“โกหก!! เจ้าหลอกลวงน้องข้าตั้งใจจะลักพาตัวสินะ บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าเมืองไหนส่งเจ้ามา!!”


เมืองไหนวะ ที่ตรูรู้จักตอนนี้ก็มีเมืองเอ็งเมืองเดียวนี่ล่ะ


“ไม่มีใครส่งฉันมาทั้งนั้นล่ะ บอกแล้วว่าหลงมา” ผมยักไหล่ส่ายหัวแบบไม่แคร์ ก่อนจะล้มตัวลงนอนตามเดิม


“เจ้า!!”


“นี่พ่อเจ้าชายเงือก!”ผมลุกขึ้นพร้อมกับว่ายไปหน้ากรงให้ระดับสายตาเท่ากับฝ่ายตรงข้าม “ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ได้ลักพาตัวน้องชายนาย ถ้าคิดว่าโกหกก็ไปลองถามฟิลันโน่น” ผมจ้องเขม็งแน่นอนว่าอีกฝ่ายก็สบสายตาผมอย่างไม่ยอมแพ้ “ต่อให้มีคำสั่งบ้าบออะไรจริงแต่ยังไงชีวิตของฉันต้องสำคัญกว่าอยู่แล้ว ถ้าคิดไม่ซื่อแต่แรกฉันไม่เลือกปกป้องเจ้าเด็กนั่นจนบาดเจ็บแบบนี้หรอก!!”


ได้ยินแบบนั้นอีกฝ่ายก็เหลือบมองไปยังต้นแขนที่ยังคงม่วงคล้ำ และยังคงมีเลือดที่ไหลออกมาผสมกับน้ำเบาบางและบางส่วนเกระกรังรอบแผล


ต้องบอกว่าตั้งแต่ที่ฟิลันเอาสาหร่ายพันไว้ให้ผมก็ไม่ได้ทำแผลอีก เอาตามจริงคือผมไม่รู้จะทำแผลยังไงมากกว่าเมื่ออยู่ในน้ำแบบนี้


และแม้จะไม่ได้พูดอะไรแต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่เจ็บไอ้แผลนี่ ถึงได้พยายามอยู่นิ่งๆ แต่ไอ้เงือกตรงหน้าก็ดันมาโวยวายคาดคั้นแบบนี้อีกเมื่อรวมกับความเครียดทั้งที่หลงมาในที่ๆไม่รู้จักด้วยสภาพแปลกประหลาดหาที่มาไม่ได้


มันทำให้ผมหงุดหงิดมาก


“ในเมื่อฉันอยู่ในกำมือนาย และนายก็ไม่เชื่อที่ฉันพูดอยู่แล้ว จะฆ่าจะแกงก็ลงมือ ไม่ใช่มายืนแว็ดๆใส่แบบนี้มันน่ารำคาญ!”


ตวาดอีกฝ่ายระบายจนจบผมก็หันหลังล้มตัวลงหลับตานอนต่อ เผื่ออีกฝ่ายตั้งใจจะเปิดกรงเข้ามาจ้วงแทงซะจะได้จบๆ 


ทว่าทุกอย่างกลับเงียบลง


แต่ผมไม่สนใจอีกแล้ว จะทำอะไรก็ทำ เมื่อคิดแบบนั้นผมก็เลยหลับตาลงและผล็อยหลับไป


.


.


.


“พี่โอ! พี่โอ!” เสียงใครบางคนที่คุ้นเคยดังขึ้นเรียกผม


เมื่อลืมตาขึ้นกลับต้องตาโตจุกที่ท้องจนแทบพูดไม่ออก


ฟิลัน ที่ไม่รู้มาจากไหนพุ่งเข้าหาพุงผมแบบอเมริกันฟุตบอลกระแทกใส่กันแบบไม่มีออมแรงซักนิด“ใจเย็นฟิลัน พี่หายใจไม่ออก”


เงือกตรงหน้าจึงค่อยรู้ตัวผ่อนแรงลงก่อนจะยิ้มหวานให้ ซึ่งจะดีมากถ้าไอ้หนูไม่ประทุษร้ายพี่ก่อน


“พี่โอเป็นยังไงบ้างเจ็บมากหรือเปล่า ข้าขอโทษที่สลบไป พี่โอเลยถูกท่านพี่จับพี่ขังแบบนี้”


แหมไอ้หนูนี่ยังน่ารัก น่าจับกดเหมือนเดิมเด๊ะ


“ฟิลัน ถอยออกมาได้แล้วข้าให้เจ้ามาเยี่ยมละนะ”


พ่อเจ้าชายเงือกนั่นเอง เจ้าตัวยืนอยู่หน้ากรงเขม่นมองผมแบบไม่คิดจะปิดบัง แต่ไม่สนไง เพราะน้องของอีกฝ่ายกอดเอวผมไว้แน่น “ไม่!! ข้าจะพาพี่โอไปด้วย ท่านพี่จับพี่โอมาขังแบบนี้ไม่ได้นะ”


“ฟิลัน!!”


“ข้าบอกแล้วว่าพี่โอช่วยชีวิตข้าไว้ แล้วจะให้ข้าทิ้งให้อยู่ในคุกแบบนี้นี่นะ” เงือกน้อยตรงหน้าแยกเขี้ยวใส่ แต่ตรูเห็นนะว่าตามันวาวๆน้ำตาปริ่มมาละ จะดราม่าอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย “ใครรู้เข้าคงได้ขายหน้า เจ้าชายของเมืองแฟริเซียร์ปฏิบัติกับผู้มีพระคุณเยี่ยงเชลยแบบนี้”


ดูท่าคำพูดนี้แม้แต่ตัวพี่ชายเองก็เถียงไม่ได้ เจ้าตัวกำมือแน่น จ้องมาที่ผมแบบกินเลือดกินเนื้อ “พาเขาออกมา!!” ก่อนจะหันหลังว่ายนำออกไป


เงือกน้อยตรงหน้ายิ้มกว้างก่อนจะฉุดมือผมให้ว่ายออกไปทันที ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่มีทางขัดแน่ๆ ใครมันจะไปอยากนอนกับฉลามเล่า


ฟิลันจูงผมว่ายออกมาตามทางมืดโดยมีพี่ชายว่ายนำหน้าและหันกลับมาเขม่นผมเป็นระยะๆ ผ่านบรรดาเงือกล่ำผิวสีแทน เอ่อ เงือกนี่มันอาบแดดกันด้วยหรอวะ?


จนเมื่อพ้นบริเวณมืดไปปรากฏเป็นปราสาทขนาดใหญ่สีฟ้าน้ำทะเลสวยงาม ตัวตึกเงาวับสะท้อนแสงระยิบระยับ จนเมื่อผมเข้าใกล้นั่นล่ะ จึงรู้ว่ามันทำจากแผ่นหินสีวางเรียงระดับสูงต่ำ บริเวณโดยรอบถูกจัดวางด้วยปะการังหลากสีหลายชนิด ดูสวยงามจนผมอ้าปากค้าง


“ไปกันเถอะ” ฟิลันยิ้มให้ก่อนจะกระตุกมือเร่งผม “ข้าจะพาไปที่ห้อง”


“ไม่ต้อง!!!” แต่เสียงตวาดก็ตามมาทันที “นี่จะได้เวลาเรียนของเจ้าแล้ว ไปซะ! ข้าให้คนเตรียมห้องพักตามที่เจ้าต้องการไว้แล้ว เดี๋ยวจะมีคนนำไป”


ฟิลันเบะปากไม่ชอบใจ เอ่อ..สรุปว่าจริงๆแล้วไอ้เงือกเด็กนี่อยากโดดเรียนเลยเอาผมเป็นข้ออ้างใช่ไหมละนี่


สุดท้ายเด็กหนีเรียนก็ต้องโดนท่านอาจารย์เงือกลากไปแต่โดยดี ทิ้งผมไว้กับบรรดาเงือกทหารล่ำบึ๊ก และท่านหัวหน้าเงือก


“ข้ายังไม่ไว้ใจเจ้าหรอกนะ” ทิ้งไว้แบบนั้นก่อนเจ้าตัวจะว่ายหนีไป แล้วปล่อยผมยืนฉีกยิ้มให้ทหาร ซึ่งแต่ละตัวก็นะ ยืนหน้าดำถือหอกสามง่าม ทำหน้าเหมือนจะเอาของในมือมาจิ้มผมอีก


จนเมื่อมีเสียงใสๆของใครบางคนดังขึ้น เมื่อผมหันไปมองก็ได้แต่ทำตาโตอ้าปากค้าง


เงือก!! นางเงือกของจริงโว้ยย


เงือกมันต้องแบบนี้สิ สาวๆสวยๆผมยาวดูนุ่มนิ่ม นัยน์ตาสดใส ปากนิดจมูกหน่อย แตงโมลูกใหญ่ชวนยั่วน้ำลาย เอวคอด สะโพกสวย


โอ๊ย นี่มันแม่ของลูกในอุดมคติชัดๆ (ยกเว้นหาง)


เจ้าตัวหัวเราะคิกคักก่อนจะนำผมไปห้องพัก และขอตัวจากไป


โถ่ อยู่ด้วยกันก่อนก็ไม่ได้


ผมมองอีกฝ่ายตาละห้อย ก่อนจะเปลี่ยนใจหันมาสำรวจห้องแทนที่จะสำรวจน้องเงือก ได้ยินว่านี่เป็นห้องพักที่อยู่ติดกับห้องของฟิลันตามที่เจ้าตัวรีเควสมา และมันจัดตกแต่งได้สวยมาก แม้ห้องนี้จะไม่มีหน้าต่างแต่ก็ไม่อึดอัดเลยสักนิด เตียงนอนทำจากเปลือกหอยขนาดใหญ่อ้าปากอยู่ เล่นเอาผมเสียวนิดหน่อยว่านอนไปแล้วมันจะปิดฝาจับผมทำไข่มุกหรือเปล่า ด้านในบุด้วยปะการังแบบขนฟูดูนุ่มนิ่ม มีหมอนหน้าตาเหมือนสาหร่าย(น่าจะคนละพันธุ์กับที่ผมกิน ไม่อย่างนั้นผมอาจจะแทะหมอนพลางๆได้) พันเป็นก้อนวางไว้หลายใบ


ระหว่างที่ผมกำลังสนุกอยู่กับการสำรวจโคมไฟ(?) ที่หน้าตาคล้ายฟองอากาศมีแมลงตัวเล็กเรืองแสงลอยตุบป่องๆอยู่ข้างใน ใครบางคนก็ว่ายเข้ามาในห้องของผมเรียบร้อย


“ทำอะไรของเจ้า?” ผมสะดุ้งเฮือกไม่คิดว่าจะมีคนอื่นอยู่ในห้องก่อนจะหันไปมองและถอนหายใจเฮือก


ไอ้คุณเจ้าชายเงือกนี่เอง นี่กะจะจองล้างจองผลาญผมไม่หยุดไม่หย่อนเลยใช่ไหมเนี่ย


“ก็..เปล่า แค่สนใจนิดหน่อย”


เจ้าตัวเลิกคิ้วก่อนจะว่ายลงไปนั่งตรงโซฟาหินกลางห้อง “มัวยืนบื้ออะไร มาสิ”


เอ่อ คุณมึงเรียกกูตอนไหนวะครับถึงผมจะคิดแบบนั้นแต่ก็ยอมว่ายเข้าไปใกล้อีกฝ่ายโดยดี และทันได้เห็นสิ่งที่อีกฝ่ายหยิบมาด้วย


สาหร่ายต้นยาวๆอีกแล้ว แล้วก็มีเม็ดอะไรบางอย่างหน้าตาไม่คุ้น ลักษณะเหมือนเป็นใบไม้บดๆตำๆให้เละอัดอยู่ในเม็ดฟองอากาศ


ผมหยิบขึ้นมาดูด้วยความสนใจ ก่อนจะถูกตีมือดัง เพียะ “อย่าซนนี่มันของหายาก”


บอกดีๆก็ได้ไม่เห็นต้องตีเลย แง่งง


เจ้าตัวดึงผมไปนั่งใกล้ๆก่อนจะค่อยๆแกะแผลที่ฟิลันทำไว้ให้ ซึ่งนั่นทำให้ผมประหลาดใจสุดๆ “ไม่คิดว่าเจ้าชายจะลดตัวลงมาทำแผลให้?”


อีกฝ่ายตวัดตาคมเหล่ผมจนตาแทบเข “ข้าไม่ไว้ใจให้คนอื่นมาทำ ถ้าเจ้าวางแผนทำร้ายลูกน้องข้าจะทำไง”


…คิดไปได้


แล้วทำไมไม่พาตรูมาส่งห้องเองเลยล่ะ แต่อ่อ ผมลืมไปว่าตลอดทางที่แม่เงือกน้อยพามามีพี่เงือกทหารยืนเฝ้าอยู่ตลอดทางแล้วแวปๆว่าจะเห็นยืนเฝ้าหน้าห้องด้วยตั้ง2ตัว


ทว่าในตอนที่เจ้าตัวควักอะไรบางอย่างขึ้นมาเล่นเอาผมตกใจร้องจ๊าก


นี่มัน!!


ปลาซักเกอร์หรือไอ้ปลาเทศบาล ที่ดูดจ๊วบๆอยู่ใต้ตู้ปลานั่นล่ะ!!


ไอ้คุณเจ้าชายเล่นเอาปลาซักเกอร์มาดูดแขนโผมม!!!!


ผมพยายามดึงแขนกลับแต่อีกฝ่ายกลับยื้อยุดไว้ เจ้าตัวจับปลาดูดๆตามแผลของผมจนเลือดหยุดไหลหลังจากนั้นจึงใช้สาหร่ายนุ่มถูแผลรอบๆจนเลือดและน้ำลายปลาที่ติดอยู่ออกจนหมด และนำสาหร่ายยาวพันมาที่แขน โดยวางไอ้เม็ดกลมๆเมื่อกี้ให้ตรงกับแผลพอดี แล้วเจ้าตัวก็เริ่มรัดสาหร่ายแน่นขึ้นเรื่อยๆ


เฮ่ย!นอกจากจะเอาปลามาดูดแล้วนี่กะจะทำร้ายผมเพิ่มหรือเนี่ย!!


จนเมื่อผมรู้สึกเย็นๆหยึยๆที่แผลนั่นล่ะ ถึงได้รู้ว่าไอ้ที่ต้องรัดแน่นเป็นเพราะจะทำให้ไอ้เม็ดพวกนั้นแตกลงบนแผลพอดีโดยใช้สาหร่ายพันไว้ไม่ให้มันหลุดลอยหายไปกับน้ำ


แม้จะสยองขวัญไม่ใช่น้อยแต่นี่ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ของผมเลยนะนี่โดยเฉพาะไอ้ปลาดูดๆนั่น***


สงสัยถ้าได้กลับขึ้นบกผมสามารถเขียนความรู้เรื่องเงือกศาสตร์ได้เลย ไม่แน่นะผมอาจจะได้รับรางวัลโนเบลสาขาสำรวจความรู้และเทคโนโลยีของเงือกก็ได้


ในขณะที่ผมกำลังเวิ่นเว้อกับตัวเอง “เสร็จแล้ว ถึงข้าจะให้พักที่นี่แต่ไม่ได้หมายความว่าเจ้าเป็นแขกนะ ข้าให้ทหารเฝ้าไว้แล้ว อย่าเที่ยวทำตัวอยากรู้อยากเห็นออกไปโน่นมานี่”


เออๆ ตรูรู้แล้ว ก็แค่อัพเลเวลห้องขังจากเวอร์ชั่นไพร่ขึ้นมาเป็นเวอร์ชั่นจ้าวแค่นั้นล่ะ


สั่งๆเสร็จเจ้าตัวก็ว่ายออกไปทิ้งให้ผมเบะปากตามหลัง ก่อนที่จะนึกสนุกโผล่หัวออกไปหน้าห้อง


แฮ่


โหย พี่ทหารเงือกทุกตัวจ้องเขม็งมาเป็นตาเดียวเลย ผมยิ้มแหยให้ก่อนจะค่อยๆมุดหัวกลับเข้ามาในห้องแต่โดยดี หลังจากวนเวียนไปสำรวจนั่นสำรวจนี่ทั่วห้อง ผมก็ทิ้งตัวนอนลงบนที่นอนหอยปล่อยให้ยาที่แขนมันออสโมซิสเข้ากับผิวหนัง


.


.


.


และอาจจะด้วยความสบายของที่นอน หรือเพราะแรงผมหมด สุดท้ายผมก็ผล็อยหลับไปเหมือนเดิม...

---------------------------------------
***อนึ่งมุขปลาดูดนั่นมีไว้กับเงือกเท่านั้นนะจ๊ะ ถ้ามนุษย์จะอยากไปลองบ้างคนเขียนไม่รับประกันความปลอดภัยเน่อ
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 15-4-59 : ตอนที่3
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 15-04-2016 16:59:13
สนุกกก
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 15-4-59 : ตอนที่3
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 15-04-2016 17:03:00
พี่โอจะเป็นเงือกกดหรือกดเงือกหนอ
ถ้ากดเงือกก็ พี่โอน้องฟิลัน
แต่ถ้าโดนเงือกกด ก็ต้องเป็น พี่ชายน้องฟิลันพี่โอ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 15-4-59 : ตอนที่3
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 15-04-2016 17:06:05
ฟิลันน่ารักโมเอ้สุดๆ ว่าแล้วเชียวว่าต้องเป็นองค์ชายน้อย  :mew1:
โอเชี่ยนน่าสงสารเนอะ แต่ก็ยังเกรียนได้ตลอดเวลา  :m20:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 15-4-59 : ตอนที่3
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 15-04-2016 17:21:51
 :hao7:

มันช่างแฟนตาซีอะไรเยี่ยงนี้


กร๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 15-4-59 : ตอนที่3
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 15-04-2016 17:27:54
เชียร์ทั้งพี่ทั้งน้องให้รุมกดพี่โอ.  กร้ากกกก
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 15-4-59 : ตอนที่3
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 15-04-2016 18:52:55
++ ให้กับความแฟนตาซี ^^
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 15-4-59 : ตอนที่3
เริ่มหัวข้อโดย: mermixx ที่ 15-04-2016 21:27:44
ว้าวว แฟนตาสีสุดๆ  :-[
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 15-4-59 : ตอนที่3
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 16-04-2016 12:30:41
นี่เรื่องพี่โอใช่ป่ะ? เราว่าเราเคยอ่านในอีกเว็ปนึงด้วยล่ะ เราชอบเรื่องนี้นะ
พี่โอน่ารักสุดๆ มาต่อตอนใหม่อีกไวๆเลยนะคะ รอน้า~
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 15-4-59 : ตอนที่3
เริ่มหัวข้อโดย: ้Sin.7 ที่ 16-04-2016 19:22:49
 :katai1: โอ้ยมาต่อไวๆได้โปรดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 15-4-59 : ตอนที่3
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 16-04-2016 20:40:26
มาต่อซักที สนุกมากค่าาาาาา
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 15-4-59 : ตอนที่3
เริ่มหัวข้อโดย: mymine ที่ 16-04-2016 22:40:28
ตอนที่4


“พี่โอ! พี่โอ!”เสียงคุ้นเคยที่ผมไม่ต้องเดาแล้วว่าเป็นใครดังขึ้นพร้อมกับแรงเขย่าตัวของผมอย่างเมามัน


“ใจเย็นฟิลัน พี่มึนหัว” ผมลืมตางัวเงียมองไปยังเงือกน้อยที่เขย่าผมหัวโยกหัวคลอน นี่คิดว่าตรูเป็นเหล้ารึ เขย่าได้เขย่าดี


เจ้าชายน้อยหลังจากเรียนจนก็รีบพุ่งมาหาผมที่ห้องทันที ตอนแรกเจ้าตัวบอกว่าเห็นผมหลับสบายไม่อยากรบกวน แต่ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วผมก็ยังไม่ตื่น
   

เลยมาโยกซะมันมือแบบนี้ไง
   

“มีอะไรหรือเปล่า?”
   

เด็กน้อยน่ารักยิ้มกว้าง “ออกไปทานอาหารกันเถอะ” ได้กินมันก็ดีอยู่หรอกแต่จะออกไปได้ยังไง


“อ่าพี่ชายของเราห้ามพี่ออกไปเพ่นพ่านนี่ เห็นทหารจ้องพี่ซะสยิวเลย”


ฟิลันได้ยืนแบบนั้นก็หัวเราะคิกคัก “เค้าชอบมองเพราะหน้าตาพี่ต่างหาก”


จะบอกว่าพี่หน้าตาดีใช่ไหม? เรื่องนี้มันแน่อยู่แล้ว


.


.


.


เดี๋ยวก่อน!! ทหารเงือกที่ยืนๆอยู่นั่นมันตัวผู้ทั้งนั้นเลยนี่หว่า


อีกฝ่ายจูงผมออกจากห้องพักโดยไม่มีเงือกตัวไหนเข้ามาขวาง แต่ว่ายไปก็เสียวตู...ไป แม้ตอนนี้จะไม่มีช่องใช้งานตามปกติก็เถอะ แต่พอมีใครมองตามไล่หลังมาก็แอบระแวงเหมือนกันนะ


“ท่านพี่ ข้าพาพี่โอมาแล้ว” ฟิลันว่ายนำผมเข้าไปในห้องขนาดใหญ่ ซึ่งมีเจ้าชายเงือกผู้งดงามกำลังนอนเลื้อยอยู่ในอ่างจากุชชี่ทรงกลม? มันมีขอบขึ้นมาเหมือนอ่างเอาไว้ใช้พิง หมอนสาหร่ายวางกองอยู่เต็มไปหมด และกลางอ่างมีแผ่นหินรูปวงกลมยกขึ้นมาเหมือนโต๊ะ


คือมันเป็นโต๊ะอาหารที่ดีไซน์แปลกๆเล็กน้อยสำหรับผมละกัน


เจ้าตัวเหล่มองผมเล็กน้อยก่อนจะกลับไปทำท่าไม่สนใจตามเดิม ฟิลันฉุดผมลงไปในอ่างเดียวกัน ดูแล้วเหมือนหม้อไฟรวมมิตรปลาทูชอบกลแฮะ ก่อนที่คุณเจ้าชายจะพยักหน้าให้เงือกใกล้ๆเสิร์ฟอาหาร


...


นี่มัน...ปลาดิบกับยา?


คืออาหารตรงหน้าของผมนอกจากปลาดิบไม่ทราบสัญชาติที่หั่นเป็นชิ้นสวยงามแล้ว อีกอย่างหนึ่งคือไอ้เม็ดยาใส่แผลที่ผมหยิบขึ้นมาแล้วถูกใครบางคนแถวนี้ตีมือ ด้านนอกยังคงเป็นฟองใสเหมือนเปลือกคลุมของภายในเอาไว้ ทว่าสิ่งที่อยู่ด้านในมันไม่ได้มีสีเขียวคล้ำแบบเดิม แต่ละเม็ดกลับมีหลายสีแตกต่างกัน เช่น สีเหลืองสด สีเหลืองอมน้ำตาล สีน้ำตาลเข้ม สีแดงคล้ำ สีขาว รวมถึงสีเขียวปกติของสาหร่ายด้วย


ในน้ำมีของประหลาดแบบนี้ด้วยหรือวะ


ฟิลันยิ้มกว้างก่อนจะชี้ชวนให้ผมลองไอ้เม็ดหน้าตรงหน้า เจ้าตัวบอกว่านี่คือสาหร่ายสังเคราะห์ที่เจ้าตัวพูดถึง


ผมมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างชั่งใจ เงยหน้าขึ้นไปก็เห็นคุณเจ้าชายกินแบบไม่รู้สึกผิดแปลก ผมจึงเลือกที่จะหยิบเม็ดที่มีสีเขียวธรรมชาติเม็ดหนึ่งขึ้นมาไว้ในมือ


กินแล้วจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมนี่ อยากจะลองเล็มๆดูเสียก่อน แต่ปรากฏว่าหันไปทางซ้ายฟิลันก็นั่งลุ้นตัวโก่ง หันไปทางขวา ไอ้คุณพี่ชายก็จ้องแบบจับผิดปนสงสัย  เลยตัดสินใจหลับตาโยนเข้าปากไปเลย ก่อนจะค่อยๆเคี้ยวอย่างไม่มั่นใจนัก


.


.


.


“อุ๊ป!! นี่มันรสพริกไทยนี่หว่า...” แถมดูท่าจะผสมลงไปแบบไม่ยั้งเลยด้วย


อ่อ..ผมไม่ได้บอกพวกคุณใช่ไหมว่า แม้ผมจะมีสายเลือดครึ่งหนึ่งเป็นคนไทย มีพ่อเป็นคนไทยแท้ แต่...ผมนี่กินเผ็ดไม่ได้เลย ขนาดส้มตำยังต้องล้างครก แม้จะเป็นแค่รสเผ็ดร้อนแบบพริกไทยนี่ก็ยังไม่ไหว จนไอ้บรรดาพวกเพื่อนตัวแสบหัวเราะเยาะเอาเรื่องนี้มาล้อบ่อยๆ


ผมต้องนั่งอ้าปากลิ้นห้อยให้น้ำรอบตัวไหลผ่านปากอยู่นาน จนเริ่มดีขึ้นจึงเริ่มสนใจสิ่งรอบตัว ปรากฏว่าผู้ร่วมโต๊ะทั้งสองคนมองตาผมด้วยแววตาคนละแบบ


“พี่โอ ไม่อร่อยหรอ?”ผมได้แต่หัวเราะแหะๆตอบแบบอ้ำอึ้งไป แสดงว่าในจานพวกนี้มันคือสาหร่ายผสมเครื่องเทศทั้งหมดใช่ไหม แล้วผมจะสุ่มโดนอันไหนที่มีรสเผ็ดอีกไหมนี่


นึกถึงเยลลี่เบอร์ตี้บอต ของแฮรรี่ตงิดๆแฮะ


“เจ้ารู้ได้ยังไงว่ามันเรียกว่าพริกไทย” เสียงคนที่ไม่คิดว่าจะสนใจกลับพูดขึ้นมา “เจ้าเคยเห็น เคยกินมันมาก่อน?”


“…ก็มันชื่อนี้ไม่ใช่หรอ?”ผมตอบไปแบบนั้นแต่นั่นกลับทำให้อีกฝ่ายมองผมด้วยแววตาไม่ไว้วางใจยิ่งกว่าเดิม “หรือว่าที่นี่เรียกมันว่าอย่างอื่น...นี่ คุณเจ้าชาย”


“เลิกเรียกข้าแบบนั้นเสียที”


...แล้วจะให้กระผมเรียกว่าอะไรวะครับ?


“คุณเจ้าชายจะให้ผมเรียกว่าอะไรล่ะครับ ในเมื่อคุณเจ้าชายไม่เคยแนะนำตัวเองเลย” ผมทำหน้าแบบหนูไม่รู้หนูไม่ผิด “หรือจะให้เรียกว่าคุณน้องสาวดีล่ะครับ? ไหนๆหน้าตาคุณเจ้าชายก็สวยงามพอจะได้อยู่นะ”


“เจ้า!!” อีกฝ่ายตวาดเสียงดังลั่น นั่นยังไม่น่าตกใจเท่า


พรึบ


เงือกหน้าตาฆาตกรกำลังล้อมผมไว้พร้อมกับหอกสามง่าม ส่วนปลายชี้ตรงมาที่คอเกือบ10อัน


ผมส่งยิ้มให้อีกฝ่ายแม้ในใจจะร้องตายแน่ๆ


“พวกเจ้าหยุดนะ!! ถอยออกไปให้หมด!!” คนที่ตวาดหยุดกลับเป็นเงือกน้อยที่นั่งข้างๆ “ท่านพี่จะโมโหอะไรเล่าในเมื่อท่านก็ไม่เคยแนะนำตัวจริงๆ” นี่โดนเด็กดุเลยสมน้ำหน้า “ส่วนพี่โอก็เหมือนกัน มาเรียกท่านพี่แบบนี้ได้ยังไง เห็นแบบนี้ท่านพี่ก็อายุมากกว่าพี่โอเยอะนะ”


ง่ะ เค้าก็โดนด้วยหรอ เพราะโดนฟิลันดุคราวนี้ทั้งผมทั้งไอ้คุณเจ้าชายเลยนั่งจ๋อยหงอยสงบเสงี่ยมเจียมตัวทั้งคู่เลย เราทั้ง3นั่งก้มหน้ากินไอ้ของตรงหน้าเงียบๆ


“....ฟรานส์”


“ชื่อของข้าคือ ฟรานส์ อโรวาเนีย รัชทายาทแห่งอาณาจักรแฟรีเซียร์” เจ้าชายที่นั่งเงียบอยู่ดีๆก็เอ่ยขึ้นอย่างเต็มยศ “แล้วเจ้าล่ะคนต่างถิ่น ชื่ออะไร มาจากไหน?”


ผมอ้าปากตกใจเพราะการแนะนำตัวของอีกฝ่าย และนอกเหนือจากนั้น


ผมจะแนะนำตัวยังไงดีละวะ ในเมื่ออีกฝ่ายระบุมาซะแบบนี้


ดูท่าอีกฝ่ายจะรู้ว่าผมลำบากใจ เพราะรอยยิ้มของเจ้านั่นดูจะเป็นต่อขึ้นทันที เจ้าตัวกอดอกมองตรงมาที่ผมทำท่าสนใจเต็มที่ “ว่ายังไงล่ะ”


“ผมชื่อ โอเชี่ยน....ส่วนมาจากไหน.....ไม่รู้เหมือนกัน”


“หา ตัวเองมาจากไหนก็ไม่รู้นี่นะ เจ้าเกิดจากปลิงทะเลหรือไง”


ปลิงทะเล ไอ้ตัวหน้าตาเหมือนหนอนดำๆอวบๆน่ากลัวนี่นะ จะบ้าหรอฟระ!!


“ก็มันจำไม่ได้ จะให้ตอบได้ยังไงเล่า!” ผมขุดวิธีเอาตัวรอดแบบหนังในทีวีทันที ซึ่งก็ได้ผลเพราะไอ้คุณฟรานส์เลิกคิ้วอย่างเห็นได้ชัด


“จำไม่ได้?”


“ใช่ บอกตรงๆ ขนาดเมืองของนายฉันยังไม่คุ้นเลย”


เจ้าตัวพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะกวักมือเรียกเงือกที่ยืนอยู่ด้านหลังเข้ามาใกล้ซึ่งผมก็พึ่งสั่งเกตว่าอีกฝ่ายดูโดดเด่นกว่าทหารเงือกตัวอื่นอย่างเห็นได้ชัด ผิวสีเงิน กับหน้าตาคมเข้ม คิ้วหนา ผมสีเทาเข้มถูกมัดรวบไว้ด้านหลัง


ฟรานส์กระซิบกับเงือกตัวนั้นก่อนที่ อีกฝ่ายจะสั่งให้เงือกที่เฝ้าอยู่ในห้องทั้งหมดออกไปรอด้านนอกรวมถึงฟิลันด้วย


“ข้ามีอะไรจะถามพี่โอของเจ้าสักหน่อย รับรองว่าเขาจะไม่เป็นอันตราย” ได้ยินแบบนั้นฟิลันจึงยอมออกไปจากห้องอาหารแต่โดยดี


พอเมื่อทั้งห้องเหลือเพียงพวกเรา3ตัว “เอาล่ะ! ซินบอกเจ้านั่นไปซิ”


“ส่วนผสมของสาหร่ายสังเคราะห์ มาจากเครื่องเทศหลากสี ซึ่งที่ท่านโอเชี่ยนพูดถึงนั้นมันถูกเรียกว่าพริกไทยอย่างที่ว่า แต่...................มันเป็นเครื่องเทศของมนุษย์” ผมพยักหน้าหงึกหงัก ก็ตรงตามที่ผมรู้นี่


“ในหมู่ชาวเงือกทั่วไปเราเรียกมันว่าเครื่องเทศสีเทา จะมีก็แต่คนที่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์เท่านั้นที่รู้ชื่อเต็มๆของมัน”ได้ยินแบบนั้นผมก็แทบสำลักน้ำลายตัวเอง


“แสดงว่าเจ้าต้องเกี่ยวข้องไม่ว่าทางใดทางหนึ่งกับราชวงศ์” ผมฟังแล้วก็ได้แต่กลืนน้ำลายดังเอือก “เอาล่ะมีอะไรจะพูดต่อไหม?”


จะให้พูดต่อยังไงละฟระ ตรูรู้จักราชวงศ์ใต้น้ำนี่ซะที่ไหน “ไม่รู้ เรื่องนั้นฉันไม่รู้จริงๆ”


“อ่อ แล้วข้าลืมบอกไปอีกอย่าง...” ฟรานส์ตอนนี้หันมายิ้มให้ผม ซึ่งดูแล้วมันเหมือนรอยยิ้มประหารมาก “สาหร่ายสังเคราะห์ถูกพัฒนาขึ้นมาเฉพาะในแฟริเซียร์จะมีเฉพาะในวังแห่งนี้ มันเป็นของที่หาได้จากที่นี่เท่านั้น”


ในหัวผมกำลังร่ำร้องอยู่คำเดียว ซวย ซวยชัดๆ ใครจะไปรู้ว่าไอ้เม็ดแมงลักยักษ์นั่นเป็นสินค้าโอทอปของเมืองนี้


“เอาล่ะ ตกลงบอกมาได้หรือยังว่าเจ้าเป็นสายให้เมืองไหน และใครเป็นสายลับในวังแห่งนี้!”


.


.


“ฉันไม่ได้เป็นสายลับให้เมืองไหนทั้งนั้น”


“โกหก!! อย่าคิดนะว่าฟิลันถูกใจเจ้าแล้วข้าจะไม่กล้าทำอะไร”


“ไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้น” ริมฝีปากเม้มแน่นด้วยความลำบากใจ ผมต้องเดิมพันกับประโยคที่กำลังจะพูดต่อไปนี้ว่ามันจะทำให้เรื่องดีขึ้นหรือยิ่งเลวร้ายลงกว่าเดิม “นายด้านหลังนั่นพูดเองว่า มันเป็นเครื่องเทศของมนุษย์”


“แล้วยังไง?”


“เพราะอย่างนั้น นอกจากเมืองของนายที่รู้ชื่อพวกนี้ สิ่งมีชีวิตอีกประเภทที่รู้จักพวกมันก็คือ มนุษย์ ไง”


...


สิ้นคำพูดความเงียบก็เข้าปกคลุม เงือกทั้งสองมองผมด้วยแววตาเบิกกว้าง


“หมายความว่า...” เสียงทุ้มของอีกฝ่ายค่อยๆเอ่ย “เจ้าซึ่งเป็นเงือกทรยศเผ่าพันธุ์เป็นสายให้กับมนุษย์!!”


โว้ยยยย ตีความออกอ่าวเปอร์เซียไปเลย


“จะบ้าหรอฟระ!!” ต่อให้ตรูเป็นคนจริงก็ไม่ได้บอกว่าจะขายเงือกให้ใครโว้ย “ตรูไม่เคยทรยศใคร!! แค่เคยกินเคยเห็น เลยรู้จักเข้าใจกันไหมโว้ยยย”


ผมยกสองมือขึ้นมาขยี้หัวจนยุ่ง ไม่รู้จะอธิบายให้ไอ้เงือกขี้ระแวงตรงหน้าทั้งสองตัวเข้าใจยังไงว่าผมไม่ได้คิดมาล้างเผ่าพันธุ์อะไรทั้งนั้นล่ะ ผมแค่หลงมา หลงแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วย


“ถ้าพวกนายไม่เชื่อ จะจับตาดูก็ทำไป หรือจะจับโยนเข้าคุกอีกทีก็ทำไป ชั้นขี้เกียจอธิบายแล้ว!!”
ทั้งคู่ดูอึ้งกับอาการฟิวส์ขาดของผม


“ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้น” ฟิลันชะโงกหน้าเข้ามาในห้อง อย่างไม่มั่นใจนัก และมองมายังผมที่นั่งกอดอกอยู่ แต่ ณ.เวลานั้นผมเลือกที่จะหลบตาอีกฝ่ายเพราะถ้าฟรานส์เลือกที่จะจับผมโยนเข้าไปในคุกอีกครั้งฟิลันต้องร้องไห้โวยวายแหง


ซึ่งบอกตรงๆว่าผมไม่อยากเห็น


“....ไม่มีอะไร มาพาเพื่อนเจ้ากลับห้องพักไปเถอะ” ผมมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็พอจะนึกได้ว่าเจ้าตัวคงใช้วิธีประนีประนอมด้วยการจับตาดูแทนที่จะสั่งขังแต่ช่างเถอะ จะทำอะไรก็ทำ


ฟิลันจูงมือผมว่ายกลับมาทางเดิม “พี่โอ มันเกิดอะไรขึ้น”


ผมได้แต่ส่ายหัว “ไม่มีอะไรหรอก พี่ของฟิลันแค่ถามอะไรพี่โอนิดหน่อย”


เงือกน้อยมองผมด้วยความสงสัย แต่ผมเลือกที่จะไม่ตอบอะไรทั้งนั้น ผมเหนื่อยใจเต็มทีตอนนี้ผมไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว


.


.


ปัจจุบันผมก็ยังนอนขดตัวกลมอยู่บนเตียงเปลือกหอยตามเคย ปล่อยให้เวลาไหลไปเรื่อยๆ


หลังจากวันนั้นผมก็เอาแต่ขลุกอยู่ในห้อง นอกจากเวลาอาหารแล้วผมแทบจะไม่ได้ออกไปไหน แม้แต่ฟิลันผมก็แทบไม่ได้พบ เจ้าตัวต้องเรียนมากขึ้นเพื่อประโยชน์สำหรับอนาคตในฐานะเจ้าชาย


ส่วนฟรานส์ก็ไม่ได้พูดอะไรเจ้าตัวจะเข้ามาทำแผลให้ผมวันละครั้ง ซึ่งก็พึ่งถูกแกะออกไปเมื่อวาน ผมคิดว่าคงจะไม่ต้องเจอหน้าอีกฝ่ายอีก เพราะถึงแม้เจ้าตัวก็ไม่ได้แสดงความเป็นปรปักษ์มากกว่าที่เคย แต่เจ้าตัวจะไม่ได้แสดงท่าทีเป็นมิตรกับผมนัก


เรียกว่าเสมอต้นเสมอปลายได้สุดๆเลยล่ะ


จะว่าไป มันก็ควรถึงเวลาที่ผมจะกลับไปยังที่ๆผมเคยอยู่เสียที ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมาอาศัยคนอื่นอยู่แบบนี้ แผลก็หายแล้ว ฟิลันก็กลับถึงบ้านพร้อมกับดูสงบลงได้เยอะดูจากวันแรกๆที่ติดผมเป็นตังเมแล้วและอีกไม่นานเจ้าตัวก็คงต้องทำหน้าที่ให้สมกับเป็นเจ้าชายที่ดี ไอ้เงือกลูกผีลูกคนอย่างผมก็ควรจะต้องไปเสียที


บางทีผมควรจะต้องขอแผนที่ ถามทิศทาง หรืออะไรที่ระบุทางที่ผมจะกลับขึ้นบกได้แล้ว แม้จะยังตอบตัวเองเรื่องหางไม่ได้ก็เถอะ


นึกแล้วมือก็ค่อยๆไล้ปลายหางสีไข่มุกที่เหมือนผ้าโปร่งเบาๆ


อะไรที่ทำให้ผมกลายสภาพมาเป็นแบบนี้


คิดจนปวดหัว แต่ในเมื่อยังทำอะไรไม่ได้ ผมก็กลับไปทำตัวประหนึ่งหอยขม ขดตัวเป็นก้อนกลมเหมือนเดิม ตาค่อยๆปรือลงช้าๆ ทว่าก่อนที่กำลังจะหลับผมสัมผัสได้ถึงฝ่ามืออุ่นลูบที่หัวของผมแผ่วเบา


มันคงจะเป็นความฝัน เพราะคนที่อ่อนโยนกับผมในเมืองแห่งนี้มีแค่ฟิลันเท่านั้น แต่ผมก็มั่นใจว่าฟิลันจะไม่โผล่มาในเวลานี้แน่
ช่างเถอะตอนนี้ผมขออาศัยไออุ่นนั่นสักพักแล้วกัน ก่อนที่ผมอาจจะต้องรบกับฟรานส์อีกครั้ง เพราะจะหาทางกลับบ้านตัวเองนี่ล่ะ
   
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 16-4-59 : ตอนที่4
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 16-04-2016 23:34:50
โถ พี่โอช่างอาภัพนัก แสดงว่ามนุษย์กลายร่างเป็นเงือกนี่ คงเป็นตำนานในหมู่เงือกสินะ

แม่มดในท้องทะเลอยู่ไหนเนี่ย
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 16-4-59 : ตอนที่4
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 17-04-2016 02:09:29
แม่ของโอเชี่ยนเป็นเงือกป้ะ? แล้วเจ้าตัวก็เป็นลูกครึ่ง พอครบรอบวันเกิดก็กลายเป็นเงือกอะไรแบบนี้  :z2:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 16-4-59 : ตอนที่4
เริ่มหัวข้อโดย: mymine ที่ 17-04-2016 20:38:56
ตอนที่5


ทำไมวันนี้ผมรู้สึกตามันกระตุกแปลกๆวะ…
   

เริ่มจากผมตื่นขึ้นมาตอนเช้าและทานอาหารเช้าร่วมกับเจ้าชายทั้งสองตามปกติ แต่สิ่งที่มันไม่ปกติเลยคืออยู่ดีๆฟิลันก็พูดขึ้นว่า “พี่โอวันนี้ออกไปเที่ยวในเมืองกันนะ”


ผมซึ่งกำลังเคี้ยวสาหร่ายสังเคราะห์หงับๆอยู่ต้องหันไปมองคนน้องด้วยความแปลกใจ ก่อนจะเหลือบตาไปมองคนหน้าบูดข้างๆ “พี่ออกไปได้หรือ?”


ฟิลันยิ้มกว้างน่ารักพยักหน้าหงึกหงัก “ฮะ วันนี้ข้าไม่มีเรียนแล้วก็ขอท่านพี่แล้ว ไม่มีใครกล้าขวางหรอก”


ได้ยินแบบนั้นผมก็หันขวับไปยังคนพี่ที่ตาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาจ้องเขม็งผม เฮ้ยๆอย่ามาโทษกันนะ เอ็งบังคับน้องตัวเองไม่ได้ไม่ใช่ความผิดตรูนะโว้ย


“แน่ใจหรือ..” ไอ้ผมก็นอนเบื่อมานานอยากไปเที่ยวเล่นอยู่แล้ว แต่ไอ้ครั้นจะเอาตัวเองฝ่าเงือกทหารออกไปก็ใช่ที่ แต่ละตัวล่ำๆทั้งนั้น
เงือกน้อยตรงหน้าไม่ตอบแต่ตรงเข้ามาดึงมือผมลากออกไปเลย “ท่านพี่ไว้ข้ากลับมาตอนเย็นๆนะ!” 


.


.


.


สงสัยผมจะคิดมากเกินไป


เพราะตอนนี้ผมพูดได้คำเดียว น่าตื่นตาตื่นใจโคตร!!!


คือไอ้ตอนผมมาถึงที่นี่ครั้งแรกดันมาแบบโดนหิ้วมาทั้งยังสลบอยู่อะนะ เลยไม่ได้เห็นอะไรเกี่ยวกับเมืองนี้นัก นอกจากในปราสาทกับคุก พอได้มาเดินในตัวเมืองแบบนี้


สุดยอด!!!........แม่สาวเงือกเต็มไปหมด!!!


หันไปทางซ้ายก็แตงโมเนื้องาม หัวไปทางขวาก็บั้นท้ายสวยสด โอ้ยฟินมาก


หรือจริงๆแล้วไอ้ฟรานส์ไม่ยอมให้ผมเข้ามาในเมืองเพราะห่วงสวัสดิภาพของประชากรเงือกสาววะ?


นี่โชคดีนะว่าอยู่ในน้ำอยู่แล้ว ไม่งั้นคงได้เห็นคนยืนน้ำลายยืดกันบ้างละน่า


“พี่โอเป็นอะไรทำไมทำหน้าแปลกๆ”


...


โอเค ผมรู้แล้วว่าถึงไม่มีน้ำลายหยดแต่หน้าผมมันก็คงจะหื่นน่าดู ผมเลยแก้เก้อด้วยการเปลี่ยนประเด็นอย่างไว “เมืองสวยนะนี่”


“แน่นอนฮะเมืองแฟรีเซียร์เป็นเมืองที่สวยที่สุดในเมืองทั้ง7เลย” ฟิลันยิ้มกว้างอย่างภาคภูมิใจยามพูดถึงเมืองตัวเองซึ่งแม้ผมจะไม่เคยเห็นเมืองอื่นๆแต่ก็พูดได้เต็มปากเลยว่าที่นี่สวยมากจริงๆดีไม่ดีจะสวยกว่าหลายๆที่บนบกด้วยซ้ำ


ที่พักอาศัยของชาวเงือกทำมาจากแผ่นหินวางเรียงต่อกันเป็นทรงคล้ายตึก บางหลังสูงมากกว่าหนึ่งชั้น บางแห่งถูกวางเล่นระดับจนมีลักษณะคล้ายหอคอย ภายนอกถูกตกแต่งด้วยหินสีและหินประหลาดขนาดเล็กที่มีแสงเรืองรอง ปะการังและต้นไม้ทะเลถูกวางแซมรอบๆ เมื่อรวมกับน้ำใสสีฟ้าและเหล่าปลาน้อยแหวกว่ายแล้วทำให้ภาพออกมาเหมือนฝัน


เงือกน้อยตัวข้างๆลากผมไปดูแผงตรงนั้นบ้างตรงนี้บ้าง ดูเหมือนชาวเมืองที่นี่จะนิยมชมชอบเครื่องประดับจำพวกกำไลข้อมือและสร้อยคอมากพอดู หินหลากหลายสีรวมถึงไข่มุกถูกเรียงร้อยต่อกันจนเป็นสร้อยสวย แต่น่าแปลกที่ๆนี่ไม่ยักกะมีแหวน


“ฟิลันเงือกที่นี่เขาไม่ใส่แหวนกันหรือ”


“แหวน? เราไม่นิยมเท่าไหร่ฮะ เพราะมันทำจากพวกสาหร่ายดูเรียบๆ ที่นี่เราชอบอะไรที่ออกจะแวววาวมากกว่า”


เห เงือกนี่รู้จักแหวนที่ทำจากสาหร่ายแค่นั้นหรอ?


ได้ยินแบบนั้นผมจึงหันไปขอซื้อหินสีจากคนขายเม็ดนึงและสายสร้อยที่มีลักษณะเหมือนลวดแบบเดียวกับที่ใช้ร้อยทำสร้อยคอ


ผมค่อยๆเอาลวดรัดตัวหินเอาไว้ให้แน่นหนากันหลุด หลังจากลองพลิกไปพลิกมาเห็นว่าแน่นดีแล้ว ผมก็หันไปดึงนิ้วของเงือกข้างตัวมาใกล้ๆ


นิ้วกลางละกัน ขืนไปพันนิ้วนางจะกลายเป็นว่าผมขออีกฝ่ายแต่งงานเปล่าๆ ฮา


คิดแบบนั้นผมก็เลยเอาลวดที่มีหินติดพันเข้าไปที่นิ้วของฟิลันกะเอาว่าไม่ให้รัดแน่นมากนักพอให้เจ้าตัวดึงถอดได้ “อ่ะ เรียบร้อย นี่ก็แหวนเหมือนกัน” อีกฝ่ายดูจะชอบใจและสนใจสิ่งที่ผมทำอย่างเห็นได้ชัดเห็นได้จากรอยยิ้มกว้างและแก้มที่อมชมพูมากกว่าเดิม


“สวยดีจังพี่โอ ข้าไม่นึกนะว่ามันจะเอามาทำแบบนี้ก็ได้”


เห็นฟิลันชอบใจแบบนั้นผมเลยยิ่งนึกสนุก กลายเป็นมหกรรมผลิตเครื่องประดับโอทอปแห่งชาติไป


จากแค่แหวนก็ลามออกมาเป็นที่ติดผม สร้อยข้อมือ สร้อยคอ สร้อยข้อเท้าหางตามแต่หัวผมจะครีเอตออกมาได้ เงือกสองตัวเล่นสนุกกันโดยไม่ได้มองเลยว่า เงือกที่อยู่รายล้อมเริ่มสนใจสิ่งที่เรากำลังทำ และเริ่มเข้ามาสุมหัวดูจนกลายเป็นเงือกมุงไปเสียฉิบ กว่าผมจะรู้ตัวก็มีเงือกสาวๆหุ่นเชฟบะมายื่นหินสีขอให้ช่วยพันให้บ้าง


ขอค่าทำเป็นหอมแก้มคนละจุ๊บได้ไหมเนี่ย


เงือกบางตัวตรงเข้ามาขอเรียนวิธีทำเองบ้าง พออีกหลายตัวเห็นก็ตรงเข้ามารุมมะตุ้มผมกันใหญ่ ไอ้เราก็นึกสนุกเลยอธิบายความหมายของเครื่องประดับแต่ละอันไปไม่น้อย ใส่สีตีไข่ซะก็เยอะ อย่างแหวนนี่ไว้สำหรับมอบให้คู่แทนใจ สร้อยข้อหาง(?)นี่เหมือนกับบอกว่าคุณเป็นของผม เงือกสาวแต่ละตัวเลยมีแววตาเป็นประกาย ดูท่าทางจะหมายมั่นปั้นมือว่าจะหาไปมอบให้หนุ่มที่หมายตา หรือไม่รู้ว่าจะบังคับให้หนุ่มสรรหามาให้ตัวกันแน่


ว่าแต่ไม่มีใครสนใจหมั้นคนสอนทำซักคนเลยหรือฟระ


ขณะที่กำลังสนุกอยู่กับชมรมแม่บ้านทหารบก นัยน์ตาของผมก็เหลือบไปเจอหินสีก้อนหนึ่งเป็นสีฟ้าใส พาลให้นึกถึงหน้าใครบางคนขึ้นมาตงิด เลยขอซื้อมาจากแม่ค้าเงือกอีกก้อน แต่เจ้าตัวกลับปฏิเสธและบอกว่าให้เลือกที่ชอบไปได้เลย ถือเป็นค่าสอนและค่าที่ทำให้เธอขายหินสีได้กำไรดีขนาดนี้


ผมก็เลยไม่ขัดศรัทธาด้วยการเลือกหินก้อนที่ว่ากับหินเล็กๆอีก2-3ก้อนกับลวดพันอีก2-3เส้น กะว่าจะพันให้มีลูกเล่นมากกว่าเดิมหน่อย


“พี่โอ! แอบทำอะไรอยู่”เสียงฟิลันดังขึ้นแบบกะทันหันทำเอาผมที่กำลังร้อยแหวนอยู่ดีๆสะดุ้งเฮือก


“โถ่...ฟิลันเสียงดังซะพี่ตกใจหมด”


“อั่นแน่ พี่แอบทำแหวนให้ใครหรือ”ฟิลันทำหน้ามีเลศนัยแปลกๆ “โอ๊ะ!แบบนี้สวยดีจัง สวยกว่าที่พี่โอทำให้ข้าอีก สีหินก็เหมือนดวงตาของท่านพี่ด้วย”


รู้อีกแหนะ เห็นตัวเล็กๆแบบนี้แต่ประมาทไม่ได้เลยนะนี่ ทั้งที่สองพี่น้องตาก็เป็นสีฟ้าเหมือนกัน ถึงจะต่างกันตรงที่สีตาของฟรานส์ดูจะใสและจางกว่า แต่ไอ้เด็กนี่เดาได้ไงว่าผมตั้งใจจะทำออกมาเพราะนึกถึงสีตาของฟรานส์


เฮ้ย!!ไม่สิ ผมไม่ได้กะจะให้อีกฝ่ายนะ ผมแค่ตั้งใจจะทำใส่เองต่างหาก


ผมเลยแก้เก้อด้วยการชวนเงือกตัวจิ๋วไปเดินเล่นตรงอื่นนอกจากตลาด ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมแต่โดยดี ฟิลันว่ายนำเข้าไปตรงนั้นตรงนี้พร้อมกับบรรยายจุดเด่นไปเรื่อย ดูแล้วก็สงบสุขดีไม่มีเหตุการณ์ระทึกอะไรใช่ไหมครับ


แต่ผมคิดผิด


ในขณะที่ฟิลันนำผมไปทุ่งปะการังแดงที่เจ้าตัวเคยผ่านเข้าไปก่อนที่จะหลงทางไปเจอผม เราทั้งคู่กลับต้องชะงักนิ่ง


รอบตัวพวกเราถูกรายล้อมไปด้วยเงือกหลายๆขนาด แต่ขนาดตัวเล็กกว่าผมทั้งหมด นั่นทำให้ผมเลิกคิ้วด้วยความสงสัย และเมื่อเหลือบมองสีหน้าของคนข้างตัวแล้ว...


ไอ้พวกนี้สินะที่หลอกพาฟิลันไปปล่อยกลางมหาสมุทร


“ไงละเจ้าชายไม่นึกว่าจะกลับมาได้อีกนะ” เงือกตัวที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มและดูเหมือนจะเป็นหัวโจกกล่าวยียวนขึ้น ทำเอาผมจ้องด้วยความสนใจ


ทั้งที่ฟิลันมีศักดิ์เป็นถึงองค์ชายแต่ทำไมพวกนี้กลับไม่ให้ความเคารพอย่างที่ควรจะเป็น


ฟิลันจ้องเขม็งอีกฝ่ายด้วยแววตาโกรธเกรี้ยว ไม่เหลือเค้าเงือกน้อยน่ารักที่ผมเห็นมาตลอดเลย “แล้วยังไงคาไลท์ ตอนนี้ข้าก็กลับมาได้แล้วไง แล้วพวกเจ้ายังมีอะไรข้องใจอีก”


ได้ยินแบบนั้นอีกฝ่ายก็ประสานเสียงหัวเราะ “กลับมาได้ เพราะมีคนไปรับนี่นะ ถ้าเจ้าชายฟรานส์ไม่ไปรับเจ้ากลับมา มีหรือเจ้าจะมายืนลอยหน้าลอยตาแบบนี้”


ฟิลันก้มหน้านิ่ง นั่นทำให้ผมไม่ชอบใจนัก ดูเหมือนไม่ว่าจะมนุษย์หรือเงือกก็ไม่ต่างกันสักนิด ถึงจะมีคำพูดว่าปลาใหญ่กินปลาเล็ก คนที่แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะอยู่รอดก็ตามทีเถอะ


แต่นี่มันยังเร็วเกินไปสำหรับเงือกที่ยังอายุไม่ถึง15ขวบแบบนี้


“เจ้าน่าจะสำนึกตัวเองได้ซักทีว่าตัวเองอ่อนแอแค่ไหน นี่ถ้าไม่มีท่านฟรานส์ที่เป็นพี่ชายคอยปกป้อง ป่านนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นยังไง”


เงือกน้อยข้างตัวกำมือแน่นจนเล็บแทบจะจิกลงไปในฝ่ามือ ผมเห็นสีหน้าเจ็บปวดจากคำพูดของอีกฝ่าย


และนั่นทำให้อะไรบางอย่างในหัวผมขาดผึ่ง


“นี่ไอ้พวกเด็กไม่มีหัวคิด...” ผมคว้ามือฟิลันมากุมไว้ “รู้หรือเปล่าว่าการพูดพล่อยๆของพวกแกทำให้เด็กคนนี้ต้องเจอกับอะไร...”


ไอ้กลุ่มเด็กตรงหน้าที่สนใจแต่จะรังแกฟิลันหันมาสนใจผมในที่สุด ดูเหมือนหัวโจกจะเห็นตำแหน่งมือของผม และเจ้าเด็กเงือกที่ชื่อคาไลท์มีสีหน้าท่าทางไม่พอใจมาก


“แกบอกว่าฟิลันอ่อนแอ แต่พวกแกรู้หรือว่าเปล่าว่าฟิลันช่วยคนที่บาดเจ็บไว้ พวกแกรู้หรือเปล่าว่าฟิลันไม่ยอมทอดทิ้งคนที่บาดเจ็บแม้จะถูกฝูงฉลามไล่เกือบตาย” ได้ยินแบบนั้นเงือกแต่ละตัวก็หน้าซีดพร้อมกับฟิลันที่บีบมือผมแน่นขึ้น แน่ล่ะ เงือกเด็กขนาดนี้ไม่น่าจะมีภูมิคุ้มกันในการเจอฉลามมากนักหรอก ขนาดมนุษย์ผู้ใหญ่ที่แสนทระนงกับเผ่าพันธุ์ของตัวเอง คนที่เอาตัวรอดจากสถานการณ์แบบนั้นได้ยังมีไม่มากเลย สำหรับผมฟิลันก็ถือว่ากล้าและคงสติได้ดีพอสมควรแล้ว


“ห หนวกหูน่า แล้วเจ้าเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย”


“เกี่ยวอะไรนะหรอ?” ผมเลิกคิ้วมองอีกฝ่ายด้วยท่าทางที่คิดว่ายียวนกวนบาทามากที่สุด “เพราะฉันคือที่ถูกฟิลันช่วยไง”


พูดเสร็จผมก็ช้อนตัวฟิลันขึ้นมาอุ้มไว้เหมือนอุ้มเด็กตัวเล็กๆ เจ้าตัวกอดคอผมแน่นซบหน้าลงกับไหล่น้ำตาไหลพราก แน่นอนว่าสิ่งที่ฟิลันเจอในวันนั้นสร้างความหวาดกลัวให้เจ้าตัวมาก และเจ้าตัวก็อุตส่าห์ทนจนผ่านพ้นมันไปได้แล้ว


แต่ไอ้เด็กพวกนี้กลับมารื้อฟื้น


ผมจ้องหน้าคาไลท์ที่ตอนนี้ยืนหน้าซีดกระสับกระส่าย เหลือบมองมาที่เงือกในอ้อมกอดด้วยแววตาเป็นห่วง สลับกับหันมาจ้องผมด้วยแววตาไม่เป็นมิตร


พฤติกรรมแปลกประหลาดนั่นทำให้ผมฉุกคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะแสยะยิ้มชั่วร้ายออกมา


ผมยกมือขึ้นลูบหัวฟิลันเบาๆก่อนจะหอมเข้าที่ข้างขมับ ‘ไม่เป็นไรนะพี่โออยู่นี่แล้ว’ ผมกระซิบบอกเงือกในอ้อมแขนเบาๆ และนั่นทำให้อีกฝ่ายทนไม่ได้


“ปล่อยเจ้านั่นเดี๋ยวนี้นะ!!”


ผมเลิกคิ้วก่อนจะยอมทำตามคำขออีกฝ่ายแต่โดยดี “ฟิลันลงก่อนนะ” ทว่าตัวเงือกในอ้อมแขนผมนี่ล่ะที่ไม่ยอม เจ้าตัวส่ายหน้าอู้อี้ทั้งที่ยังเกาะคอผมแน่น เดาว่าคงไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นน้ำตาและความอ่อนแอของตัวเอง


และนั่นยิ่งกระตุ้นอารมณ์หงุดหงิดของเจ้าคาไลท์เข้าไปใหญ่


“เจ้าเป็นใครกันแน่! อยู่ดีๆมาอยู่กับฟิลันได้ไง!!”


“ฉันนะหรือ... พอดีว่าเพราะใครบางคนที่นี่เป็นเด็กไม่ดี...เพราะใครบางคนที่นี่ปากกับใจไม่ตรงกัน... เพราะใครบางคนส่งคนที่ตัวเองชอบออกไปเผชิญอันตราย ฟิลันเลยเรียกฉันมาจากโลกภายนอกไง!”


“หมายความว่ายังไง” ไอ้เด็กตรงหน้ายืนหน้าซีดมองผมด้วยแววตาหวาดหวั่นซึ่งนั่นตรงกับความต้องการผมพอดี


“ฉันไม่ได้อยู่ที่เมืองแห่งนี้ ฉันมาจากที่แห่งหนึ่งซึ่งไกลแสนไกลและอันตราย รู้ไหมที่นั่นเขาจะลงโทษเด็กไม่ดี ด้วยวิธีเอาผ้าประหลาดสารพัดสีมามัดตามตัวตั้งแต่หัวจรดหางจนหายใจไม่ออก เอาน้ำข้นเหนียวสีแดงมาราดตามตัวจนมีแมลงเล็กๆมากัดไปทั่ว เอาไฟรมควันทำพิธีสาปแข่ง ขูดเนื้อเถือหนัง”...ใครจะเชื่อว่าทั้งหมดผมโม้ มันมีจริงซะที่ไหน!! ผมก็แค่เอาความเชื่อของประเทศสารขัณฑ์มาดัดแปลงให้มันดูน่าสยองขวัญแค่นั้นล่ะ อย่างการเอาผ้าสามสีพัน เซ่นไหว้ขูดขอเลขเด็ด


แน่นอนว่าไอ้พวกเด็กตรงหน้าย่อมไม่รู้หรอกว่ามันมีจริงหรือไม่ แต่ดูจากสีหน้าหวาดหวั่นแล้วดูเหมือนแต่ละคนจะเชื่อสิ่งที่ผมพูดอย่างไม่มีข้อแม้


“และตอนนี้ฉันก็เจอเด็กไม่ดีพวกนั้นแล้ว และฉันก็จะมาพาเจ้าตัวไป!!” ได้ยินแบบนั้นเด็กแต่ละก็ก็หนีกันกระเจิงร้องไห้เรียกหาแม่กันใหญ่ ผมหัวเราะกับท่าทางหวาดกลัวของอีกฝ่าย แต่เมื่อผมมองลงไปตรงอกของผม ผมกลับหัวเราะไม่ออก


ฟิลันที่เกาะอยู่กับอกผมกลับร้องไห้ตัวสั่นหนักกว่าเก่า เจ้าตัวดูจะหลงเชื่อคำพูดของผมเหมือนไอ้เด็กพวกนั้น


นี่เราก็เชื่อที่พี่โม้หรือเนี่ย!


แต่ยังไม่ทันที่จะดึงเจ้าตัวขึ้นมาอธิบาย ฟิลันก็สะบัดตัวหนีมือของผมเสียก่อน แรงกระแทกจากปลายหางที่สะบัดโดนข้างแก้มทำให้มือของผมชะงักอย่างช่วยไม่ได้


“ฟิลัน...”


“พี่โอ คือ...ข้า” อีกฝ่ายเริ่มรู้สึกตัวว่าตัวเองทำอะไร พยายามจะว่ายกลับเข้ามาหาผม ทว่ายังไม่ทันถึงตัวก็โดนฝ่ามือใครบางคนกระชากเสียก่อน


“ฟรานส์...”


“เจ้าทำบ้าอะไร!!” พูดเสร็จเจ้าตัวก็ฉุดกระชากผมให้ว่ายตามเจ้าตัวกลับปราสาท ผมที่กำลังอึ้งจึงถูกลากไปมาแต่โดยดี จน
กระทั่งกลับมาถึงห้องที่ผมพัก


ฟรานส์เหวี่ยงผมลงไปบนโซฟา ก่อนจะจ้องด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว “เจ้าไปเล่าอะไรบ้าๆให้น้องข้า ให้เด็กพวกนั้นฟัง!!”


ผมที่กำลังช็อกกับปฏิกิริยาตอบรับของฟิลัน คนๆเดียวที่ผมรู้สึกไว้ใจได้ในที่แห่งนี้ คนๆเดียวที่ยังคงปฏิบัติกับผมอย่างดี “ฉัน...แค่อยากจะขู่พวกนั้น อยากให้พวกนั้นเลิกรังแกฟิลัน”


ฟรานส์คว้าไหล่ของผมบีบจนแน่นจนเจ็บไปหมด “แล้วทำไมเจ้าต้องขู่ด้วยวิธีแบบนั้น!! รู้ไหมว่าสิ่งที่เจ้าพูดมันน่ากลัวแค่ไหน ....เจ้ากำลังทำตัวเหมือนมนุษย์ ปฏิบัติตัวน่ารังเกียจเหมือนพวกมันได้หน้าตาเฉยเจ้ารู้บ้างไหมว่าคนที่นี่เกลียดและกลัวมนุษย์แค่ไหนกัน!!”
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 17-4-59 : ตอนที่5
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 17-04-2016 21:47:57
ง่ะ เป็นเรื่องจนได้

อย่าบอกนะว่าเด็กไปฟ้องพ่อแม่อ่าาาาาาาา
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 17-4-59 : ตอนที่5
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 17-04-2016 21:48:44
โอน่าจะเป็นลูกครึ่งระหว่างมนุษย์กับเงือกละมั้ง ถึงได้กลายเป็นเงือกได้ด้วยเหตุบางอย่าง

ชั้นงง ทำไมเงือกเกลียดมนุษย์  :really2:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 17-4-59 : ตอนที่5
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 17-04-2016 21:52:46
ขำคำว่าประเทศสารขัณฑ์ คึคึ  :m20:
คาไลท์ชอบฟิลันแน่ๆๆ ยิ่งชอบก็ยิ่งแกล้งใช่มั้ยยย
เดาว่าที่เงือกเกลียดและกลัวมนุษย์ต้องเป็นเรื่องร้ายแรงแน่นอน  :a5:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 17-4-59 : ตอนที่5
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 17-04-2016 22:16:24
เอาล่ะสิ. ถ้าเกิดความลับแตกแย่แน่ๆเลย
กลัวหางหายกลายเป็นคนจังเลย

รอคลายปริศนากันต่อไป.  :mew1: 
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 17-4-59 : ตอนที่5
เริ่มหัวข้อโดย: Oo๐FosfoggY๐oO ที่ 18-04-2016 01:50:45
สนุกมากเลยค่า เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะจ้ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 17-4-59 : ตอนที่5
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 18-04-2016 09:10:37
โอคงไม่กลับร่างใต้น้ำนะ ^^
ตัดสินใจไม่ถูกจะสงสารโอเพราะคุณพี่หรือคุณน้อง
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 17-4-59 : ตอนที่5
เริ่มหัวข้อโดย: มาม่าหมูสับ ที่ 18-04-2016 11:42:13
เรื่องใหญ่แล้วววว  :ling3:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 17-4-59 : ตอนที่5
เริ่มหัวข้อโดย: mymine ที่ 18-04-2016 22:33:09
ตอนที่6


“รู้ไหมว่าคนที่นี่เกลียดและกลัวมนุษย์แค่ไหนกัน!!”

คำพูดที่ได้ยินทำให้ผมหน้าชา ความเป็นจริงที่ผมหลงลืมไปถูกตบลงบนหน้าผม ว่าภายนอกจะเป็นยังไงแต่ภายในผมก็ยังคงเป็นมนุษย์ ตัวตนที่น่ารังเกียจสำหรับที่นี่


ผมหัวเราะในลำคออย่างช่วยไม่ได้ นั่นสินะ มนุษย์จะไปอยู่ร่วมกับเงือกได้ยังไง คงเพราะผมอยู่ในสภาพนี้มาพักใหญ่เลยลืมสิ่งที่ตัวเองเป็น


“เจ้า..”


“ท่านฟรานส์... ท่านไลอาร์เชิญท่านไปพบนางโดยด่วนเลยครับ” เสียงทหารคนสนิทแทรกเข้ามาในจังหวะที่เจ้าตัวกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง นั่นทำให้คนตรงหน้าชะงัก เหลือบมองผมก่อนที่หันหลังว่ายออกจากห้องไป แต่ก่อนที่เจ้าตัวจะพ้นประตูห้อง


“จะบอกอะไรให้ฟังนะฟรานส์ ไอ้ที่บอกว่าฉันปฏิบัติตัวเหมือนมนุษย์น่ะ เรื่องนั้นไม่จำเป็นเลยสักนิด........”



“เพราะตั้งแต่แรก.... ฉันก็เป็นมนุษย์อยู่แล้ว”


ฟรานส์หันขวับกลับมามองผมด้วยแววตาไม่เชื่อ แต่ผมเพียงยักไหล่ก่อนจะหัวเราะ เจ้าตัวคงคิดว่าผมล้อเล่นจึงกระฟัดกระเฟียดสะบัดตัวออกจากห้องไป ทิ้งผมที่ยังคงหัวเราะสมเพชตัวเองนานพักใหญ่กว่าจะหยุด นัยน์ตากวาดมองไปรอบตัว สถานที่ๆผมอยู่มาเกือบ2อาทิตย์


มันเป็นแค่ความฝันเท่านั้นโอเชี่ยน และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่แกจะลืมตาตื่นได้แล้ว


ผมกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าที่ฝ่ามือ แต่น่าแปลกที่กลับไม่รู้สึกอะไร บางทีอาจจะเพราะมีส่วนอื่นที่เจ็บกว่าก็ได้


กระทั่งผมสังเกตแหวนที่อยู่บนนิ้ว แหวนที่ผมตั้งใจทำขึ้นมาเพราะนึกถึงใครบางคน


ในเมื่อจะไปก็ไม่ควรเหลืออะไรที่ทำให้นึกถึงที่นี่ไว้


ผมบรรจงถอดแหวนวงนั้นวางทิ้งไว้บนโต๊ะ ก่อนจะว่ายออกจากห้อง ในตอนแรกทหารทำท่าจะเข้ามาขวาง แต่เพราะวันนี้ฟิลันบอกว่าผมได้รับอนุญาตให้ออกไปไหนได้และยังไม่มีคำสั่งใหม่ ทหารเงือกจึงปล่อยให้ผมว่ายออกไปแต่โดยดี


หลังออกจากตัวปราสาท ผมยังคงสับสนว่าควรจะไปทางไหน จนมาตัดสินใจได้ยามนึกถึงสิ่งที่ฟิลันเล่าให้ฟัง


“ข้าจำได้ว่าออกจากประตูเมืองด้านใต้ ผ่านทุ่งปะการังแดง”


ผมเลยเลือกที่จะว่ายไปตามทางที่ฟิลันบอกไว้ จนกระทั่งถึงพื้นที่โล่งกว้าง ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆทั้งสิ้นนอกจากผืนทรายและหิน
แล้วจะไปทางไหนต่อดีล่ะ


ในขณะที่ผมกำลังหมุนหาทาง กลับมีเงือกหน้าตาไม่คุ้นจำนวนมากมาล้อมผมไว้ด้วยแววตาไม่เป็นมิตร


“ท่านพี่ เงือกตัวนั้นล่ะที่ว่ามันจะทำร้ายพวกข้า” เสียงเจ้าเงือกเด็กที่รังแกฟิลันดังขึ้น ดูเหมือนว่าบรรดาเงือกที่โดนผมขู่ไปจะกลับไปฟ้องครอบครัวของตัวเอง เลยยกโขยงมากันแบบนี้


“แหม พอโดนขู่นิดหน่อยก็แล่นไปฟ้องพี่ ตอนรังแกคนอื่นละไม่คิด”ผมหัวเราะเย้ยหยันในลำคอ “นายเป็นพี่ชายของไอ้เด็กนี่สินะ ทีน้องตัวเองไปหลอกฟิลันให้หลงจนเกือบตายทำไมไม่ลงโทษมัน“


แน่นอนว่าสิ่งที่ผมพูดไปทำให้เงือกแต่ละตัวหันไปค้อนพี่น้องลูกหลานตัวเอง เพราะยังไงฟิลันก็เป็นเจ้าชาย ผมเห็นแต่ละคนโดนคาดโทษต่างๆนานา ก่อนที่ทั้งหมดจะหันกลับมาหาผม


“เรื่องนั้นเราจะลงโทษเอง แต่มันคนละเรื่องกับการที่เงือกนอกรีตอย่างเจ้ามาอยู่ที่นี่”


หืมตั้งชื่อได้ดีแฮะ พวกเงือกก็มีหัวสร้างสรรค์เหมือนกันนะนี่


ผมหัวเราะในลำคอกับชื่อที่อีกฝ่ายเรียก “งั้นพวกนายก็สบายใจได้ เพราะฉันตั้งใจจะออกจากเมืองนี้อยู่แล้ว” ผมพูดพลางจะว่ายแหวกออกไป แต่ทว่าเงือกที่ล้อมผมอยู่กลับไม่เปิดทาง“มีอะไรอีกล่ะ?”


“ท่านพี่ห้ามปล่อยเจ้านั่นไป!! มันจะนำความโชคร้ายเข้ามาในเมืองของเราแน่ถ้าปล่อยให้มันยังมีชีวิต!!” เด็กที่ชื่อคาไลท์ยังคงไม่ยอมง่ายๆ ดูเหมือนว่าผมจะสร้างความเจ็บแค้นให้เจ้านั่นพอดูถึงได้กล่าวหากันส่งเดชแบบนี้


“หึ เป็นเสียแบบนี้ฟิลันถึงได้ไม่เคยสนใจแก เพราะไอ้นิสัยเสียน่าทุเรศแบบนี้ไง”


“จับมันเอาไว้เร็วซี่!!!” ไอ้เด็กนั่นหน้าแดงไปหมด ส่วนผมไม่โง่รอให้พวกนี้มาจับหรอก ผมตัดสินใจกระโจนว่ายหนีออกไปให้ไกลอย่างรวดเร็ว โดยมีเงือกฝูงใหญ่ไล่ตามมา


ผมว่ายออกไปไกลเมืองขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่เงือกตัวอื่นก็ติดตามผมอย่างไม่ลดละ จนกระทั่งหนึ่งในนั้นปาหอกสามง่ามเฉียดบริเวณสีข้าง ส่งผลให้เลือดสีแดงไหลออกมาปะปนกับกระแสน้ำ นั่นทำให้ความเร็วของผมตกลง จนพวกนั้นจับผมได้


ผมโดนล็อคแขนทั้งสองข้างลากกลับมากลางวง ในขณะที่เงือกแต่ละตัวมองหน้ากัน ดูเหมือนพวกนี้จะตัดสินใจไม่ได้ว่าจะจัดการผมด้วยวิธีไหน


‘จับโยนลงไปตรงหุบเหวราชันย์ไหม’ เงือกตัวหนึ่งในนั้นเสนอขึ้นและได้รับการตอบรับจากเงือกตัวอื่นๆ ผมถูกลากไปจนพบกับพื้นที่ชะง่อนผาขนาดใหญ่ ที่มีแรงกดกระแทกของน้ำรุนแรง


“กระแสน้ำนี่จะฆ่าแก เงือกทั่วไปไม่มีทางรอดแน่นอน” หนึ่งในนั้นพูดขึ้นก่อนจะลากตัวผมขึ้นไปตรงชะง่อนผาโดยที่มีเงือกตัวอื่นๆมองจากด้านล่าง


ในขณะที่ผมถูกผลักขึ้นปลายหน้าผา เสียงใครบางคนที่ผมไม่คิดว่าจะได้ยินอีกกลับดังขึ้น


“พี่โอ!! พวกเจ้าทำอะไรหยุดนะ!!!!” เสียงฟิลันตวาดพร้อมรีบว่ายน้ำพุ่งตรงมาหาผมทำให้ผมชะงักหันขวับไปหา แต่เจ้าคาไลท์เห็นแบบนั้นก็รีบว่ายขึ้นมาข้างๆก่อนจะผลักผมลงไปในวงกระแสน้ำ


ภาพทั้งหมดตรงหน้าเชื่องช้าลง ภาพฟิลันพยายามพุ่งเข้ามาหา แต่ติดที่มีเงือกตัวอื่นคว้าตัวเด็กคนนั้นไว้เสียก่อน ‘อย่าเข้าไปใกล้นะ ไม่งั้นจะโดนกระแสน้ำสูบไปด้วย!!’ แม้ฟิลันจะพยายามดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ


“พี่โอ!!!!” เสียงกรีดร้องของฟิลันดังขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ภาพเงือกตรงหน้าทั้งหมดจะหายไป…




หลังจากนั้นผมก็ได้รู้ว่านรกเป็นยังไง แม้จะอยู่ในสภาพเงือก ทว่าผมกลับหายใจแทบไม่ออก แรงดันน้ำที่อยู่รอบตัวทำให้ผมปวดหัวแทบจะระเบิด แรงเหวี่ยงของน้ำที่พาลให้เวียนหัวคอยย้ำซ้ำเติม แขนเหมือนถูกฉุดกระชาก ไม่แม้แต่จะขยับปลายนิ้ว เลือดที่หางไหลออกมาไม่หยุด ผมไม่มีทางจะหลุดออกจากกระแสน้ำนี่ได้เลย ได้แต่ปล่อยให้ตัวเองถูกพัดพาไปเรื่อยๆ พร้อมกับอาการปวดหัวแบบเดิมที่วนเวียนเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า


ผมภาวนาให้ตัวเองขาดใจตายเสียรู้แล้วรู้รอด กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดจนแทบไม่มีเสียง นานแค่ไหนไม่ทราบได้ แต่ในที่สุดภาพวุ่นวายที่วิ่งรอบตัวผมก็หยุดลง มีแต่ความมืดมิด


บางทีที่นี่อาจจะเป็นนรกก็ได้...


.


.


.


ปวด


ปวดหัว


ที่นี่ที่ไหนกัน


ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก อาการปวดหัวของผมยังมีอยู่มาก ผมค่อยๆเหลือบมองไปรอบตัว


บรรยากาศมืดอึมครึม ซากอะไรบางอย่างถูกทิ้งทับถมจำนวนมากและถูกปกคลุมด้วยตะไคร่น้ำสีเขียวแก่ เมื่อรวมกับน้ำทะเลสีเขียวขุ่น ทำให้ภาพตรงหน้าเหมือนมีอะไรบังตาอยู่ตลอด ผมค่อยๆขยับตัวก่อนจะเจ็บแปลบไปทั้งตัว ตรงแผลของผมก็ยังคงมีเลือดไหลไม่หยุด


ผมยังไม่ตาย


ทว่าในสถานการณ์นี้ตายหรือไม่ก็คงไม่แตกต่างกัน


ผมอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้และบรรยากาศก็แย่มาก ผมค่อยๆแหวกว่ายโซซัดโซเซไปตามพื้นหาพวกสาหร่ายทะเลหรืออะไรที่พอใช้ได้มาห้ามเลือดแบบที่ฟิลันทำ


แต่โชคไม่ดีที่บริเวณนี้กลับไม่มีสาหร่ายทะเลเลยสักนิด ไม่สิ จะต้องบอกว่านอกจากตะไคร่น้ำแล้วมันไม่มีพืชน้ำชนิดอื่นเลยมากกว่า จะมีก็แต่เศษซากขยะและกะโหลกคล้ายของมนุษย์


อาจจะเป็นศพคนหรือเงือกที่หลงเข้ามาแถบนี้ก็ได้


ผมในตอนนี้กำลังเจ็บแผลตรงสีข้างมาก มันทำให้อ่อนแรงและว่ายน้ำได้ช้าลงยิ่งกว่าเดิม จนตอนนี้ผมแทบจะลากตัวไปตามพื้นทะเลแทนที่จะว่ายแล้ว


จนสุดท้ายเหลือบไปเห็นพื้นที่ที่มีลักษณะคล้ายถ้ำ ผมจึงพยายามจะตะเกียกตะกายไปหา กระทั่งไปถึงด้านหน้าที่มีโครงกระดูกวางกองเรียงเยอะแยะและที่นั่นแรงของผมที่มีก็หมดลง ผมนอนกองกับพื้น พร้อมกับความรู้สึกสิ้นหวัง


อีกไม่นานผมก็คงจะมีสภาพเหมือนศพพวกนั้น


มาได้แค่นี้สินะ…


ไม่รู้ฟิลันที่ว่ายตามหลังมาจะเป็นอะไรหรือเปล่า...


แล้วยังใครอีกคนที่ไม่รู้ว่าจะดีใจแค่ไหนที่กำจัดผมออกมาได้


ในขณะที่ตาของผมเริ่มปรือลง นึกยอมแพ้ กลับมีอะไรบางอย่างพุ่งออกมาจากถ้ำ พันเข้าที่ปลายหางของผม และลากตัวผมเข้าไปในถ้ำอันมืดมิด โดยที่ผมไม่มีโอกาสแม้แต่จะอ้าปากหรือขยับตัวขัดขืน


.


จนเมื่อโดนลากเข้าไปถึงภายใน ผมจึงได้เห็นนัยน์ตาสีแดงสดสว่างคู่หนึ่งท่ามกลางความมืด มันกำลังจ้องตรงมาที่ผม ทว่าแทนที่จะตกใจกรีดร้อง ผมกลับเลือกที่จะหลับตาลง ยอมรับความตายตรงหน้าแต่โดยดี เพียงภาวนาว่าขออย่าทรมาณนานเกินไปก็พอ


.


.


.


แต่ผ่านไปซักพักแล้วก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากไอ้ความรู้สึกแปลกๆตรงเอวผม นี่มันคืออะไร มันเหมือนมีตัวอะไรดูดหนุบหนับอยู่ทำเอาผมจั๊กกะจี้


“นี่ จะนอนอีกนานไหม” เสียงทุ้มไม่คุ้นหูทำเอาผมที่ยังหลับตาเลิกคิ้วด้วยความงง ไอ้ตัวตรงหน้านี่มีการมาชวนคุยก่อนที่จะฆ่าอีกหรือ เป็นกุสโลบายของสัตว์น้ำแถบหรือเปล่า


มีอะไรบางอย่างนิ่มๆลื่นๆมาดึงหนังตาผม เหมือนพยายามที่จะให้ผมลืมตาขึ้น หรือว่าสิ่งมีชีวิตตรงหน้านิยมกินลูกตาเป็นอาหารละนี่ คิดแบบนั้นผมก็ยิ่งหลับตาแน่น


“วุ้ย ไม่ตื่นซักที แบบนี้ลักหลับซะดีไหม” ได้ยินแบบนั้นตาที่ปิดแน่นของผมก็ลืมโพลงขึ้นมาทันที ผมยอมตายแต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะยอมโดนอะซาดะเฮ่นะเว่ย ยิ่งเสียงอีกฝ่ายนี่ตัวผู้ชัดๆ


และทันทีที่ผมลืมตา ผมก็ต้องอ้าปากค้างจะกรีดร้องรอมร่อ ถ้าไม่มีบางสิ่งยัดเข้าปากผมก่อน มันคือ...


หนวด!!


ปลายหนวดของปลาหมึก!!


ไอ้สิ่งที่กอดรัดฟัดเหวี่ยงอยู่ตรงหน้าผมคือสิ่งมีชีวิตประหลาด ท่อนล่างเป็นปลาหมึกแปดหนวดสีดำม่วง ท่อนบนมีรูปร่างเหมือนคนปกติ เป็นชายหนุ่มร่างกำยำอุดมไปด้วยซิกแพ็ค ดวงตาสีฟ้าเทา ผมสีขาวยาวเคลียไหล่ผิวขาวซีด นั่นทำให้ผมที่ถูกปลายหนวด(ยัด)ปิดปากอยู่พูดไม่ออกเลย


ผมจึงพยายามขยับปากเพื่อบอกให้อีกฝ่ายเอาหนวดออกไปเสียที แต่ไม่สำเร็จผมเลยกัดหนวดของหมอนั่นซะ


“อ๊ะ...” เสียงปลาหมึกยักษ์ตรงหน้ามันฟังดูแปลกๆ มันดูเหมือนออกพร่ายังไงชอบกล


“อ อย่าทำแบบนั้น ข้าจะทนไม่ไหวแล้วนะ อร๊าง~”


ครางหาพ่องหรือวะ!!!


จากที่ผมกำลังหมดแรง ยอมพ่ายแพ้แต่โดยดี มาเจอปลาหมึกโรคจิตแบบนี้ แรงที่เหือดหายกลับล้นปรี่ประมาณคนเจอไฟไหม้ อารมณ์ถึงตายก็ไม่ยอมโว้ย!!!


คิดแบบนั้นไอ้ผมก็ดิ้นพล่านพยายามหาทางหนีจากมือปลาหมึกของอีกฝ่าย ดูท่าอีกฝ่ายจะชอบใจมากด้วยพี่แกเล่นทำหน้าเคลิ้ม


จนสุดท้ายพี่แกยอมดึงหนวดออกจากปากผมแต่ตอนที่ดึงออก กลับมีน้ำสีใสยาวยืดออกมาซะ


ใครก็ได้ช่วยผมที ผมขนลุกขนพองไปหมดแล้ว


“แฮ่กๆ ให้ตายเถอะ ใครจะนึกว่าแค่ชิวหาจะพาเพลินแบบนี้ เทคนิคเจ้าร้ายกาจจริงๆ”


“ใช่ที่ไหนเล่าโว้ย!!”


“เอาเถอะๆ เห็นแบบนี้ข้ารักนวลสงวนตัวนะ อย่ามาทำให้ข้าไขว้เขวจากสุดที่รัก ถึงแม้ข้าจะแอบติดใจฝีไม้ลายมือเจ้าก็เถอะ” แมร่งไอ้ปลาหมึกบ้านี่มันไม่ฟังที่ผมพูดเลยสักนิด เจ้าตัวยอมคลายหนวดที่พันอยู่รอบตัวก่อนจะวางผมลงบนโซฟาสีดำของอีกฝ่าย นั่นทำให้ผมมีเวลาสังเกตรอบตัวว่าตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ในถ้ำแล้ว แต่เป็นที่พักอาศัยรูปทรงประหลาดเหมือนเอาขยะมากองสุมๆ...“ว่าแต่เจ้าเป็นใคร แล้วโผล่มาที่รังรักของข้าได้ยังไง”


ผมที่กำลังตกตื่นใจอยู่ก็ได้แต่ชะงัก ความรู้สึกเจ็บปวดก่อนหน้านี้ย้อนกลับมา “ฉ ฉันหลงมา ที่นี่”


“หือ หลงมาที่นี่อะนะ เจ้าอย่ามาเล่นมุขหน่อยเลย ที่นี่ไม่ใช่ตลาดกลางเมืองที่นึกจะเข้าก็เข้ามาได้ง่ายๆนะ มีเงือกกี่ร้อยกี่พันตัวแล้วต้องสังเวยชีวิตเพราะกระแสน้ำนี้”


ได้ยินแบบนั้นผมก็ได้แต่นิ่งเงียบ เพราะผมเองไม่ได้อยากเข้ามาที่นี่เลยสักนิด และก็ผมตอบไม่ได้เช่นกันว่าตัวเองรอดชีวิตมาได้ยังไง


อีกฝ่ายคงเห็นสีหน้าผมจึงไม่ได้เซ้าซี้อะไรเพิ่ม นอกเสียจาก...“เจ้ามีแผลนี่“ พูดแบบนั้นก่อนจะเอาหนวดตรงเข้ารัดเอวผมอีกรอบ แต่ต่างจากเดิมตรงที่ปลายหนวดของเจ้าตัวกดแผลไว้ อีกฝ่ายค่อยๆเคลื่อนกายลากผมลึกเข้าไปด้านในซึ่งเป็นส่วนที่พักของเจ้าตัว



แผลของผมถูกรักษาเรียบร้อยด้วยฝีมือของอีกฝ่าย ก่อนเจ้าตัวจะหยิบอะไรบางอย่างที่อุ่นร้อนยื่นส่งให้ผม


“ดื่มซะ มันจะช่วยให้เจ้าหายไวขึ้น”


“ขอบคุณ...” ผมก้มหน้าลงดื่มของเหลวในแก้วจนหมด นั่นทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นมากขึ้น


แต่เอ๊ะ? ผมอยู่ในน้ำ... แล้วในน้ำผมจะดื่มอะไรที่มีลักษณะเป็นแก้วแบบนี้ได้ยังไง


เท่านั้นล่ะผมก็หันขวับไปยังอีกฝ่ายที่นั่งเอาหนวดเท้าคางมองหน้าผมอยู่ “ดูดีๆแล้วเจ้าก็น่ารักเหมือนกันนะ ถึงจะดูกะโปโล ท่าทางอ่อนแอ ติงต๊อง บ๊อง เซ่อซ่า บ้าบอ ปัญญาอ่อน ต่างจากที่รักของข้าที่ดูฉลาดหลักแหลม สูงส่ง สง่างาม และร้อนแรงก็ตามทีเถอะ”


เอ่อ พูดขนาดนี้เอามีดมาแทงกันเลยเถอะวะครับ


ไม่ใช่สิ สิ่งที่ผมสงสัยมันไม่ใช่เรื่องนั้น


“คุณทำแบบนี้ได้ยังไง” มนุษย์ปลาหมึกทำหน้าสงสัย ผมเลยชี้ลงไปที่แก้ว “ทำให้เครื่องดื่มมันอยู่ในแก้วแบบนี้ไม่ลอยปะปนไปกับน้ำ มันเหมือนกับ....” ที่คนทั่วไปกินกันบนบก โดยที่ไม่ต้องสนใจน้ำที่ลอยอยู่รอบตัว


แต่ปลาหมึกนั่นเพียงยกนิ้วชี้ขึ้นปิดริมฝีปาก “ความลับ นั่นเป็นเวทมนตร์ของข้า”


เวทมนตร์!! ได้ยินแบบนั้นผมก็ผุดลุกจากที่นั่งในทันที ถ้าเป็นแบบนี้ ปลาหมึกตรงหน้าอาจจะรักษาผมให้กลับมามีขาแบบเดิมก็ได้ใช่ไหม


ในขณะที่ผมกำลังจะอ้าปากขอร้องฝ่ายตรงข้าม เสียงตวาดดังลั่นก็ดังขึ้นทำเอาผมสะดุ้ง ทว่าปลาหมึกตรงหน้าผมกลับมีท่าทีตกใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง นัยน์ตาพราว และพุ่งตรงออกไปยังหน้าถ้ำอย่างรวดเร็วในขณะที่เสียงเดิมยังคงตะโกนซ้ำ


“ไซรัส!!!!”
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 18-4-59 : ตอนที่6
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 18-04-2016 22:49:35
คุณปลาหมึกกับภรรเมีย!!!!!!!!!!

อยากเห็นแล้ววววววววว ท่าทางจะโหดเอาเรื่องนะเนี่ย  :hao3:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 18-4-59 : ตอนที่6
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 18-04-2016 22:52:15
เริ่มงงละว่าโอเป็นรุกหรือรับ แล้วจะคู่กับใคร ไม่ใช่เปลี่ยนที่เปลี่ยนคนไปเรื่อยนะ
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 18-4-59 : ตอนที่6
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 18-04-2016 23:10:34
เริ่มงงละว่าโอเป็นรุกหรือรับ แล้วจะคู่กับใคร ไม่ใช่เปลี่ยนที่เปลี่ยนคนไปเรื่อยนะ

เดาว่าเป็นเมะ และพระเอกยังไม่ออกโรงจ้าาาาาาา

555555 :hao6:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 18-4-59 : ตอนที่6
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-04-2016 23:13:58
แปลก สนุก ฟรานส์ ใช่พระเอกหรือเปล่า :katai2-1:
มีตัวละครอื่น เพิ่มมาอีก  :hao3:
โอ จะได้เวทมนต์จากปลาหมึกหื่นไหมนะ
รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 18-4-59 : ตอนที่6
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 19-04-2016 01:20:24
คุณปลาหมึกนี่เคะหรือเมะง่ะ
เรามองโอเชี่ยนเคะไปแล้ววว ไม่ว่าอยู่กับใครก็เคะ โอ๊ยย 55555555555
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 18-4-59 : ตอนที่6
เริ่มหัวข้อโดย: igaga ที่ 19-04-2016 22:11:41
พี่หมึกมาเร็วเร็ว
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 18-4-59 : ตอนที่6
เริ่มหัวข้อโดย: mymine ที่ 20-04-2016 00:26:50
ตอนที่7


“ไซรัส!!!!” เสียงตวาดเรียกยังดังขึ้นต่อเนื่อง ผมจึงค่อยๆว่ายตามอีกฝ่ายที่กระโจนออกไปหน้าถ้ำอย่างรวดเร็ว ที่นั่นผมเห็นใครบางคนที่ไม่ควรจะมาอยู่ที่นี่...


หมอนั่นมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!!


“ในที่สุดเจ้าก็โผล่มาจนได้!!!” เสียงตะโกนดังขึ้นก่อนที่เจ้าปลาหมึกโรคจิตจะทำให้ผมอ้าปากค้าง


เจ้าตัวพุ่งเข้าหาฟรานส์ด้วยความรวดเร็ว หนวดทั้ง8กางออกเสมือนกำลังจะจับเหยื่อ ทว่าฟรานส์เพียงแค่ม้วนตัวหลบจนอีกฝ่ายพุ่งเลยหน้าทิ่มไปกับพื้น


“ชิ ไวจริงนะ” หนวดปลาหมึกพุ่งขยับไปมาอย่างรวดเร็วตรงเข้ารัดลำตัวของอีกฝ่าย แต่แทนที่จะพลาดท่า ฟรานส์กลับสะบัดช่วงหางท่อนล่างขึ้นมาตบแก้มอีกฝ่ายซ้ายขวาดังเพี้ยะๆๆๆ


อู๊ย เจ็บแทนเลยแฮะ


“พอๆหยุดดดดหยุดเสียที!!” เสียงกรีดร้องของอีกฝ่ายดังลั่น แต่ฟรานส์ก็ยังคงไม่สนใจ เขายังคงตบซ้ายๆขวาๆไปเรื่อยๆ


“พอเสียที.. ถ้ามากกว่านี้.. มากกว่านี้ข้าจะไม่ไหวแล้วนะ...........อ อร๊าง~”


....


#@%^%&$%^$%^


.


.


.


“เจ้าชายใจร้าย ทั้งที่ข้าแสนจะคิดถึงท่านกลับไม่มาหาข้าเลย พอโผล่มาก็ตบเอาๆ” ปลาหมึกที่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าชื่อไซรัสกำลังกุมแก้มตัวเองร้องไห้กระซิกๆ ทำเอาผมแอบสงสาร…


“อย่ามาเล่นลิ้นน่าไซรัส พูดความจริงมาดีกว่า”


“ข้าฟินมากเลย ไม่มีใครลงไม้ลงมือหนักหน่วง แม่นยำ ไร้ความปราณีเท่ากับเจ้าอีกแล้ว”


ถ้าไม่มีไอ้ประโยคหลังอะนะ ไอ้ปลาหมึกมาโซคิสต์เอ้ย


“ไซรัส!นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ข้ามาตามหาเงือกตัวหนึ่งที่ถูกโยนลงมาตรงผาราชันย์ ข้ามั่นใจว่าเจ้านั่นยังมีชีวิตอยู่ มันอยู่ที่นี่ใช่ไหม!!” ฟรานส์จับไหล่อีกฝ่ายเขย่าๆซะจนผมมึนแทน แต่สิ่งที่เจ้าตัวพูดทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจ


ไม่สิลึกๆแล้วผมดีใจว่าอีกฝ่ายมีท่าทีเป็นห่วงผม


ทว่าอีกใจนึงกลับสั่งว่าอย่าเชื่อ ยังไงเงือกก็รังเกียจมนุษย์อยู่วันยังค่ำ จริงๆแล้วฟรานส์อาจจะอยากมาเชือดผมให้จบๆไปเลยเสียมากกว่า


“ฮึ ไม่ยอมมาหาข้าหลายปี พอมาทีก็มาถามหาเงือกตัวอื่นนี่นะ”ไซรัสสะบัดหน้าพร้อมกับหนวดทั้งแปด “ข้าไม่รู้ไม่ชี้อะไรทั้งนั้น”


“ไซรัส!!...ได้! งั้นข้าหาเองก็ได้” ฟรานส์ลุกขึ้นทันที นั่นทำให้ปลาหมึกที่กำลังงอนอยู่กระโจนไปเกาะพันตัวอีกฝ่ายแน่น


“ไม่นะ! ข้าไม่ยอมให้เจ้าทิ้งข้าไปไหนหรอกนะ” ให้ตายเถอะไอ้ปลาหมึกนี่... นี่ถ้าไม่เห็นว่าอยู่ใต้ทะเลผมคงคิดว่ามันดูละครหลังข่าวมากเกินไปจนทำตัวเป็นนางร้ายวอนขอความรักพระเอกละนะ


ผมล่ะกลุ้มกับท่าทางของไอ้ปลาหมึกติงต๊องและทนดูไม่ได้เลยว่ายหนีฉากติดเรท18+ (โดนกระทืบเลือดสาด) ออกมาด้านหลัง เลือกที่จะไม่ประจันหน้ากับอีกฝ่าย กะว่าถ้าหาผมไม่เจอแล้วฟรานส์คงจะกลับไปแต่โดยดี ผมสำรวจหาทางออกไปเรื่อยๆ ว่ายอย่างช้าๆเพราะอาการปวดที่สีข้างทำให้ผมว่ายไม่ได้เร็วดังใจนัก


...รกชิบ


เหมือนภูเขาขยะขนาดย่อมเลย ขนาดผมที่ว่าซกมกแล้วก็ดูเหมือนเทียบกับอีกฝ่ายไม่ได้ซักนิด


ผมว่ายลดเลี้ยวไปตามเศษซากที่กองอยู่เกลื่อนกลาด บางอย่างที่ผมดูคุ้นตาถูกวางกองสุมๆเป็นระยะจนเมื่อหยิบขึ้นมาดู


นี่มัน...กระทะ?


ไอ้เจ้าปลาหมึกนั่นมันจะเก็บเอาไว้ทำพระแสงเลเซอร์อะไรวะ เอาไว้ทอดตัวเองหรือไง!!


ผมก็ได้แต่ส่ายหัว โยนของในมือทิ้งก่อนจะว่ายลัดเลาะกองขยะไปเรื่อยๆ เจอของบางอย่างที่ไม่น่าจะเจอด้วยอย่างรองเท้าส้นสูง


ว่าแต่ของพวกนี้มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง


ในขณะที่ผมหลบหลีกหางตาผมก็เหลือบไปเห็นแสงสว่างสีขาวนวลที่ไม่เข้าเลยสักนิดกับบรรยากาศในตอนนี้ ด้วยความสนใจผมเลยว่ายเข้าไปใกล้ๆแต่ยังไม่ทันที่จะถึงเป้าหมาย


หมับ! ฝ่ามือของใครบางคนจับหมับลงบนข้อมือพร้อมกับลากผมถอยออกห่างจากแสงนั่น “เจ้าเข้าไปตรงนั้นไม่ได้”


ที่นี่เป็นเขตสัมปทานของเมืองแฟริเซียร์ด้วยหรอวะ


ผมเหลียวไปมองคนที่กำลังกำข้อมือผมอยู่ ฟรานส์จ้องหน้าผมด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก มันคล้ายกับไม่แน่ใจ โกรธ โล่งใจ และสับสน


บางทีมันอาจจะเป็นความลับระดับโลกที่ไม่อยากให้คนนอกอย่างผมรู้ก็ได้


เพราะอย่างนั้นผมก็เลยยักไหล่ไม่แคร์ก่อนจะหมุนตัวว่ายไปยังอีกด้านที่ไม่มีแสง แต่แรงฉุดข้อมือกลับดึงผมไว้ “จะไปไหน”


“ไปจากที่นี่ไง...”


“...ข้ามารับเจ้ากลับไป ฟิลันเป็นห่วงเจ้ามาก ร้องไห้โวยวายไม่หยุด”


“หึ กลับไป? เพื่ออะไร? เจ้าชายเอาเงือกนอกรีตกลับเข้าเมืองตัวเองนี่นะคิดอะไรอยู่กันแน่” ผมได้แต่ยิ้มมุมปาก “หรือเพราะเห็นว่ายังไม่ตายคราวนี้เลยจะพากลับฆ่าให้เห็นกันแบบจะๆ”


“เจ้า!!”


ผมสะบัดมืออีกฝ่ายออก “ฉันไม่คิดจะกลับไปหรอกนะ ยังไงฉันก็ไม่ได้คิดจะอยู่ที่นั่นตลอดไปอยู่แล้ว...ส่วนเรื่องฟิลัน อีกไม่นานเจ้าหนูนั่นก็จะทำใจและลืมไปได้เอง”
   

ผมพยายามจะว่ายหนีอีกฝ่ายเหมือนเดิม แต่คราวนี้ต่างจากเดิมตรงที่อีกฝ่ายกระโจนเข้ามาล็อคคอกอดคอผมไว้จากด้านหลัง


“เฮ้ย!”


“เจ้าห้ามไปไหน!!”


แน่นอนว่าการที่อยู่ดีๆอีกฝ่ายมากอดแบบนี้ทำให้ผมตกใจมาก เพราะนอกจากการทำแผลแล้ว ไม่เคยมีสักครั้งที่ฟรานส์จะแตะต้องตัวผม และเพราะถึงพวกเราทั้งคู่ขนาดตัวพอๆกัน แต่ผมกำลังเจ็บอยู่ทำให้ดิ้นหนีอีกฝ่ายไม่ได้


“เป็นบ้าอะไรของแกเนี่ย!!”


“เจ้าต้องกลับไปกับข้า!!”


“อะไรวะเนี่ย!! ไอ้ตอนอยู่ก็อยากจะไล่ พอจะไปแล้วจะมาบังคับให้อยู่นี่นะ!! เอาแต่ใจเกินไปแล้วนะโว้ย!!”


ทว่าคำตอบของอีกฝ่ายกลับทำให้ตัวผมชะงัก


“ใครกล้าไล่เจ้า!!” ฟรานส์ปล่อยมือก่อนจะจับไหล่ผมหมุนมาประจันหน้าอย่างรวดเร็ว “ถ้าข้าไม่อนุญาตไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิไล่เจ้าทั้งนั้น!!!”


ก็แกเองนั่นล่ะโว้ย!!


อยากตะโกนแบบนั้นใส่หรอกนะ แต่ก็จริงที่ว่าเจ้าตัวไม่เคยเอ่ยปากไล่เลยสักครั้ง


มีแต่ไม่ไว้ใจกับด่าเรื่องพฤติกรรมแปลกๆจนผมคิดว่าเจ้าตัวคงรังเกียจกันแบบสุดๆ


ไม่ทันที่ผมจะอ้าปากเถียงเสียงกรี๊ดดังลั่นเหมือนนางร้ายในละครก็ดังลั่น พร้อมกับนิ้วและปลายหนวดทั้งแปดที่กรีดชี้ตรงมาที่ผม “มาแอบกกกอดกันอะไรตรงนี้!! นี่ใช่ไหมเจ้าชาย!!ที่ท่านมาตามหาเพราะไอ้เจ้านี่มันเป็นคู่รักของท่าน ที่ไม่สนใจปลาหมึกสุดเซ็กซี่อย่างข้าเพราะว่าท่านมีคู่ขาอยู่แล้วใช่ไม๊!!”


“จะบ้าหรอวะ!!/ใช่ที่ไหนเล่าโว้ย!!” เป็นครั้งแรกที่เราทั้งคู่ความคิดเห็นตรงกัน ฟรานส์ที่หน้าแดงก่ำเลยจัดการเอาหนวดแปดเส้นของไซรัสผูกมือมัดโยงไปมารัดกันมั่วไปหมดจนอีกฝ่ายกลายเป็นทาโกยากิไส้ปลาหมึกยักษ์แล้ว


เจ้าชายเงือกนี่ก็แอบซาดิสต์เหมือนกันนะ


‘อุ๊ย..ซื้ด.... แน่นดีจังเลย’ แล้วพออีกฝ่ายครางออกมาแบบนี้ ฟรานส์เลยใช้หางของตัวเองสะบัดตบบอลปลาหมึกกระเด็นไปซะไกลลิบ ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของอีกฝ่ายดังลั่น ‘ฟรานนนนนส์’


ขอให้แงะตัวเองกลับมาได้นะไอ้เงือกโรคจิตเอ้ย


ผมโบกมือลาอีกฝ่ายในใจพร้อมกับภาวนาให้เจ้าตัวไปสู่สุขติซักที หันกลับมาก็เจอเงือกอีกตัวยืนจ้องทำหน้าไม่ยอมแพ้


ให้ตายเถอะมาวันนี้ผมพึ่งรู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นพี่ชายของฟิลันแน่ๆ


ก็เล่นหัวดื้อไม่ต่างกับน้องชายเลย


“เอาจริงๆนะฟรานส์... ฉันกลับไปไม่ได้... ไม่ใช่เพราะงอนหรือเพราะโกรธอะไรใครทั้งนั้น”



“แต่เพราะจริงๆแล้วฉันเป็นมนุษย์..”


ความจริงที่ผมสารภาพออกไปทำให้คนฟังตกใจอ้าปากค้าง ดวงตาสีฟ้าใสเบิกกว้างเหมือนใส่บิ๊กอายซะจนผมแทบจะอยากเอานิ้วจิ้ม “โกหก...”


“ฉันพูดความจริง นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันรู้จักเครื่องเทศ แม้จะกินแทบไม่ได้ก็เถอะ รวมถึงการที่ฉันรู้วิธีปฏิบัติตัวน่ารังเกียจแบบมนุษย์...” ผมพูดพร้อมกับส่งยิ้มไปให้ แม้จะรู้สึกว่ามันฝืดเคืองเต็มที “เพราะฉันอยู่กับมันมาตั้งแต่เกิด”


‘ไม่จริง...เป็นไปไม่ได้ ก็ตามที่ท่านไลอาร์พูด...’ เจ้าตัวดูจะช็อกกว่าที่คิด ฟรานส์เอามือกุมหัวพึมพำอะไรบางอย่างกับตัวเองเบาๆ ผมไม่แปลกใจหรอกนะกับท่าทีอีกฝ่ายที่เป็นแบบนี้ ถ้าอยู่ดีๆมีศัตรูมาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้า แค่เจ้าตัวไม่หาหอกมาจิ้มผมก็เป็นพระคุณแล้ว


ผมเลยฉวยโอกาสที่ฟรานส์กำลังช็อกหันหลังว่ายกลับเข้าไปด้านใน ด้วยความหวังว่าจะเจอยาอะไรที่ทำให้ผมมีขาแบบมนุษย์ ถ้าไม่อย่างนั้นก็คงต้องรอให้ไซรัสกลับมาก่อน


แต่ดูแล้วข้อหลังนี่ท่าจะยากแฮะ


ผมว่ายตรงไปยังตู้เก็บของที่วางเรียงรายอยู่ริมกำแพง ขวดหน้าตาประหลาดถูกวางเต็มไปหมด และแน่นอนผมดูไม่ออกว่าขวดไหนใช้ทำอะไร มีประสิทธิภาพยังไง


สุดท้ายก็เลยต้องทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาปล่อยให้เวลาไหลไปเรื่อยๆ ภาวนาให้ไซรัสจะแกะตัวเองแล้วกลับมาที่บ้านได้ซักที...


จนกระทั่งมีใครบางคนกลับเข้ามาด้านในบ้าน


หรือไอ้หมึกนั่นจะกลับมาแล้ว!ผมมองไปยังทางเข้าบ้านอย่างมีความหวัง แต่ทว่าคนที่เข้ามากลับเป็นคนที่ไม่คิดว่าเจ้าตัวจะโผล่มาอีกหลังผมพูดความจริงออกไป


ฟรานส์ว่ายตรงเข้ามาลอยอยู่หน้า เราสบตากัน และยังไม่ทันได้อ้าปากถามอะไร เจ้าตัวก็ทำหน้าเครียดคว้าหมับเข้าที่ข้อมือก่อนจะลากผมตัวปลิวกลับออกไปตรงจุดเดิมที่เรายืนคุยกัน เพียงแต่ไม่หยุดแค่นั้น เจ้าตัวกลับลากผมตรงเข้าไปในส่วนที่ตอนแรกห้ามเข้า


“จะทำอะไรของ...นาย” ยังไม่ทันได้พูดจบประโยคดีผมก็ต้องแปลกใจกับสภาพรอบตัว


ก้อนหินเล็กใหญ่นับร้อยถูกวางจนเต็มลาน กลายเป็นเหมือนดงหินขนาดใหญ่ ซึ่งมันคงจะไม่มีอะไรแปลกถ้าหินแต่ละก้อนไม่เปล่งแสง


คุณอ่านไม่ผิดแน่ๆ มันส่องแสงขาวนวลเรืองรอง บางมุมสว่างจ้าเสียจนผมต้องหรี่ตามองด้วยซ้ำ ผมลองหยิบหินหนึ่งในนั้นขึ้นมาหมุนดู “ก็หินธรรมดา แล้วทำไมถึงส่องแสงได้”


“...มันเป็นของคู่บ้านคู่เมืองของเรา” คำอธิบายจากเงือกที่ผมไม่คิดว่าจะยอมพูดอะไรทำให้ผมหันขวับไปมองด้วยความตกใจ “หินนี่มีคุณสมบัติพิเศษหลายอย่าง แต่ที่เห็นได้ชัดที่สุดคือสามารถส่องสว่างได้นี่ล่ะ” ฟรานส์หยิบหินในมือผมโยนกลับลงไปในกอง “เมืองทั้งหลายต่างต้องการหินชนิดนี้ มันมีค่ามาก มากเสียจนยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มันไป”


“แล้วมาบอกความลับกันแบบนี้จะดีหรือ กับ..” มนุษย์ที่ตัวเองเกลียดนี่นะ ผมกลืนคำที่คิดจะพูดออกไปหลังจากอีกฝ่ายหันมาสบตา “ถือเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่เจ้าพูดความลับของตัวเองให้ฟัง คราวนี้เราต่างก็รู้ความลับกันแล้ว เพราะอย่างนั้นถือว่าเสมอกันใช่ไหม”


รอยแย้มยิ้มของอีกฝ่ายทำให้หัวใจที่เคยสงบเต้นผิดจังหวะไป ผมเคยบอกพวกคุณแล้วใช่ไหมว่าฟรานส์จริงๆแล้วเป็นเงือกที่หน้าตาสวยคมมาก ยิ่งพอเจ้าตัวยิ้มแบบนี้แล้ว


ให้ตายเถอะเอ็งเป็นอะไรวะโอเชี่ยน


ดูเหมือนอีกฝ่ายยังจะปล่อยหมัดฮุกไม่พอ เจ้าตัวดึงมือของผมไปและทำอะไรบางอย่าง จนเมื่ออีกฝ่ายคลายมือออก ผมถึงได้เห็น
   

แหวน แหวนที่มีหินเรืองแสงร้อยอยู่ด้านบนถูกสวมอยู่บนมือของผม
   

“นี่มัน...”
   

“แลกกัน” เจ้าตัวพูดสั้นๆก่อนจะยกมือซ้ายของเจ้าตัวขึ้น แหวนที่ผมทิ้งเอาไว้ในห้องพักถูกสวมอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของเจ้าตัว
   

เห็นแบบนั้นหน้าผมก็เห่อร้อนขึ้นอย่างน่าประหลาด เพราะนอกจากฟรานส์ดันเลือกใส่แหวนบนนิ้วที่เห็นแล้วชวนให้คิดลึกแค่นั้นยังไม่พอเจ้าตัวดันสวมแหวนให้ผมที่นิ้วเดียวกันอีก


‘การให้แหวนอีกฝ่ายหมายถึงการบอกว่าคุณเป็นของฉันแล้ว’
   

นี่มันเหมือนกำลังขอแต่งงานเลยนะโว้ย
   

แถมหันไปมองอีกฝ่ายแล้วก็ต้องชะงัก ปฏิกิริยาของฟรานส์ทำให้ผมรู้ว่าอีกฝ่ายต้องรู้ความหมายของแหวนที่ผมไปพูดให้เงือกตัวอื่นฟังแล้วแน่ๆ เห็นได้ชัดจากไอ้รอยริ้วสีแดงที่ข้างแก้มนั่น
   

ให้ตายเถอะ ตอนนี้หัวใจของผมเต้นแรงจนอยากจะคว้าเงือกตรงหน้ามากอดมากๆเลย
   

“พวกเจ้า!!อย่ากีดกันข้าออกจากวง แล้วมาสวีทสร้างโลกส่วนตัวกันเอาเองนะ!!” เสียงกรีดร้องคุ้นเคยที่หายไปซักพักนึงกลับมาอีกครั้ง ทำเอาฟรานส์ที่กำลังยิ้มอายๆอยู่หุบยิ้มฉับแทบไม่ทัน เจ้าตัวพุ่งตรงเข้าไปดึงทึ้งปลาหมึกตรงหน้าอย่างแรงจนเจ้าตัวร้องโอดโอยใหญ่
   

แต่ด้วยความเสียวซ่านนะ
   

“โอ๊ย อย่าๆดึงตรงนั้น  แตะตรงนี้ก็ไม่ได้ ไม่นะ ข้าจะทนไม่ไหวแล้วววอร๊างงงง~”
   

ไอ้ปลาหมึกโรคจิตเอ้ย!!
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 20-4-59 : ตอนที่7
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-04-2016 05:51:24
โอ ฟรานส์ แลกแหวนใส่กันด้วย :katai2-1:
รอตอนใหม่  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 20-4-59 : ตอนที่7
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 20-04-2016 06:10:24
ว้าววเขาแอบแลกแหวนกันแหละ
พยานก็คือพี่หมึกสุดเสียว5555
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 20-4-59 : ตอนที่7
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 20-04-2016 06:14:32
 :ling2:

รู้สึกเหมือนคู่เคะ*เคะ

หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 20-4-59 : ตอนที่7
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 20-04-2016 20:26:59
ฟิน~
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 20-4-59 : ตอนที่7
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 20-04-2016 22:17:46
มันน่ารักฟรุ้งฟริ้งอะไรแบบนี้  :m3: :m3: :m3:
ชอบอิปลาหมึกมาโซฯจริงๆ แกจะเสียวอะไรขนาดนั้นนน 55555555555
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 20-4-59 : ตอนที่7
เริ่มหัวข้อโดย: mymine ที่ 20-04-2016 22:21:33
ตอนที่8


“พวกเจ้าจะทิ้งข้าไว้ตัวเดียวอีกแล้ว อู้ย” ไซรัสนั่งตัดพ้อฟรานส์ที่กำลังนั่งกอดอกอยู่ข้างๆผม สีหน้าเจ้าตัวดูเบื่ออย่างเห็นได้ชัด


“ข้านะก็แสนจะเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย นานๆถึงจะมีใครลงมาหาซักที”


“น่าเบื่อน่ะไซรัส เจ้าก็รู้ว่าข้าอยู่ที่นี่กับเจ้าไม่ได้ข้าต้องดูแลเมือง”


“เจ้าก็พูดแบบนี้ทั้งปี”
   

“พอก่อนๆ ว่าแต่ที่นี่มันคือที่ไหนล่ะ” ผมถามขึ้นหลังจากที่พยายามหาช่องสอดแทรกมานาน ก็ไอ้สัตว์ทะเลตรงหน้าสองตัวไม่ปล่อยให้ผมพูดเลยซักนิด เจ้าตัวมัวแต่เถียงกันเรื่องทิ้งไม่ทิ้งอยู่นั่นล่ะ “มันอยู่ใกล้กับแฟริเซียร์มากเลยหรอ ฉันว่าฉันโดนพัดมานานมากเลยนะ จนนึกว่าจะตายกลางกระแสน้ำนั่นแล้ว”
   

ทั้งสองที่กำลังเถียงๆอยู่ชะงักหันขวับมาหาผม และก็เป็นไซรัสที่กรีดร้องใส่ผม “นี่เจ้าหลงเข้ามาโดยไม่รู้!! แล้วยังเอาชีวิตรอดมาได้อีก!!” ส่วนฟรานส์นั้นกุมขมับถอยกลับลงมานั่งเอนหลังบนโซฟาเหมือนเดิม
   

“ไม่หรอก เจ้านั่นไม่รู้ก็ไม่แปลก เล่นถูกโยนลงกระแสน้ำแบบไม่ทันตั้งตัว นี่รอดมาได้ก็ถือว่าเหลือเชื่อละ“ เจ้าตัวส่ายหัว “เป็นเพราะข้าควบคุมเงือกพวกนั้นให้เชื่อฟังไม่ได้ พวกเขาก็เลยทำตามใจตัวเอง ทั้งที่จริงแล้วควรจะแจ้งข้าก่อน”
   

อะไรกัน ทั้งที่ฟรานส์เป็นเจ้าชายนี่นะ จะว่าไปอีกฝ่ายก็ดูจะไม่เคารพฟิลันเท่าที่ควรดูออกจะทำอะไรตามใจตัวเองมากกว่า
   

“เจ้าคงสังเกตเห็นละสิว่าทำไมกระทั่งน้องข้าก็ถูกรังแก นั่นเพราะเราไม่ใช่เงือกที่มีสายเลือดที่เขาเคารพอย่างแท้จริง เป็นแค่เจ้าชายที่ถูกคัดเลือกขึ้นมาแทน...”
   

หมายความว่ายังไง หรือว่าฟรานส์เป็นกบฏยึดอำนาจ?
   

“ไม่ต้องมาทำหน้าอย่างนั้น อย่าเอาความคิดมนุษย์มาใช้กับพวกเรา สายเลือกของข้าถูกคัดเลือกขึ้นมาแทนรัชทายาทองค์สุดท้ายที่หายไปต่างหาก”
   

ความเงียบปกคลุมหลังจากที่ฟรานส์พูดออกมา แม้เจ้าตัวจะพูดธรรมดาดูสบายๆแต่ทำไมเขาฟังแล้วถึงรู้สึกเหมือนกับว่าเจ้าตัวเจ็บปวดไม่น้อย
   

“แม้เงือกส่วนใหญ่จะยอมรับแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีบางตัวไม่ยอมเชื่อฟังอยู่ดี พวกนั้นคิดว่าสายเลือดแห่งราชายังคงมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่งภายใต้ผืนน้ำแห่งนี้”
   

“แล้วยังไง ตราบเท่าที่เอาชีวิตรอดจากหุบเหวราชันย์ได้ ไม่ว่าใครก็ถูกยอมรับได้เหมือนกันไม่ใช่หรือ” น่าทึ่งที่อยู่ดีๆไซรัสก็พูดเป็นการเป็นงานไม่ล้อเล่นเช่นเดิม “มันเป็นกฎของแฟริเซียร์ด้วยซ้ำที่ไม่ว่าต่อให้สายเลือดตรงหรือไม่ก็ตามยังไงก็ต้องเอาชีวิตรอดให้ได้ หุบเหวนี่ไม่ได้มีดีแค่ชื่อหรอกนะ มันคร่าชีวิตเงือกและสัตว์ทะเลไปไม่น้อย ไม่สิ...แม้กระทั่งมนุษย์มันก็คร่าไปไม่น้อยแล้วเช่นกัน”
   

คำอธิบายนั้นทำเอาผมหันกลับไปมองปลาหมึกตรงหน้าด้วยความตกใจ ในเวลานั้นผมมองเห็นอีกฝ่ายดูเหมือนผ่านโลกมามาก “เจ้าเองก็ผ่านมาแล้วนี่? ไอ้พวกซากที่อยู่ด้านนอก กับกองขยะรอบๆบ้านข้า เจ้าคิดว่ามันคืออะไรล่ะ? คิดว่าข้าไปลากมันมาสะสมเรอะ”
   

จะบอกว่าใช่ ตรูคิดแบบนั้นจริงๆ
   

เห็นผมทำหน้าแบบนั้นเจ้าตัวก็เลยยืดหนวดมาดีดหน้าผากผม มันเจ็บนะเฟร้ย! “จะบ้าหรือ พวกนี้มันจมลงด้วยตัวเองทั้งนั้น เจ้าไม่รู้หรือว่ารอบนอกของพื้นที่นี้คือน้ำวนขนาดใหญ่ส่งผลให้ความแปรปรวนสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า ลึกลงสู่ใต้ทะเล เพราะอย่างนั้นมันถึงได้มีอะไรหลายๆอย่างจมลงก้นทะเลแบบนี้ไง”
   

หือ ถึงท้องฟ้าเลยหรอถ้ามีสถานที่แบบนั้นบนบกอย่างพวกผมก็ต้องเคยได้ยินบ้างสิ
   

“เฮ่อ ทำหน้าไม่เชื่ออีกละสิ เอาอย่างนี้ เจ้ารู้จักไอ้นี่ไหม” พูดเสร็จเจ้าตัวก็ยืดหนวดไปด้านหลังคว้าอะไรบางอย่างมาวางตรงหน้าผม
   

นี่มัน...หมวกนักบินสำหรับเครื่องบินรบ...
   

ถามว่าผมรู้ได้ยังไงว่ามันใช่น่ะหรอ คุณลองดูหนังเก่าเรื่องTopgun ที่ทอมครูซเล่นสิรับรองว่าจะคุ้นเหมือนผม แต่ว่าเรื่องนั้นไม่ใช่ประเด็น
   

สิ่งสำคัญอยู่ที่ ทำไมของที่สมควรจะอยู่บนเครื่องบินถึงมาอยู่ใต้น้ำ หมายความว่าตรงที่ผมอยู่นี่มีเครื่องบินจมลงด้วยหรือ?
   

“หน้าตาแบบนี้ไม่เชื่ออีกสินะ” ไซรัสทำหน้าเหม็นเบื่อมาก “ตามมา!” พูดจบเจ้าตัวก็ว่ายนำออกไปยังปากถ้ำที่ผมสลบอยู่ ปลาหมึกยักษ์ลอยตัวท่ามกลางน้ำทะเลสีเขียวขุ่น โครงกระดูก จนไปหยุดที่บรรดาซากปรักหักพังที่เต็มไปด้วยตะไคร่น้ำทั้งหลาย ของที่ก่อนหน้านี้ผมไม่มีเวลาใส่ใจว่ามันคืออะไรเพราะต้องเอาชีวิตรอด
   

ผมว่ายเข้าไปดูใกล้ๆและก็ต้องตกใจ
   

ที่ผมเห็นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของเศษซากที่กองอยู่เท่านั้น เมื่อขยับออกไปมากขึ้นจำนวนชิ้นส่วนและขนาดก็ยิ่งใหญ่โตขึ้นด้วย จนกระทั่งผมพบอะไรที่น่าตกตื่นใจยิ่งกว่านั้น


...ซากเครื่องบินรบ เครื่องบินขนส่ง เรือสำราญ และอีกหลายๆอย่างอยู่ตรงหน้าผมเต็มไปหมด แม้จะมองได้ไม่ชัดเจนนักแต่ผมมั่นใจว่าตัวเองเดาไม่ผิดแน่ๆ


ตกลงว่าที่นี่คือที่ไหนกันแน่


จะมีพื้นที่ของทะเลตรงไหนที่สามารถจมยานพาหนะของมนุษย์จำนวนมากขนาดนี้ไว้ที่จุดๆเดียวกัน


ไม่สิ...มีอยู่ที่หนึ่ง...


ที่ๆเป็นพื้นที่ลึกลับที่ไม่อาจพิสูจน์…


ที่ๆไม่มีมนุษย์คนไหนกล้าลองของ…



มันคือสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า



นี่ผมมาไกลขนาดนี้เลยหรอ


ผมหันไปหาเงือกที่ยังคงลอยอยู่ใกล้ๆ นัยน์ตาสีฟ้าใสของอีกฝ่ายกวาดตามองผ่านด้วยความเฉยเมย “ฟรานส์แฟริเซียร์อยู่ใกล้กับที่นี่มากเลยหรอ”


“ไม่ มันไกลจากกันมาก กระแสน้ำที่พัดเจ้ามาจะพาเจ้าเข้ามาด้วยความเร็วสูงสู่จุดนี้ ทว่ามันไม่ใช่แค่เส้นเดียว กระแสน้ำเส้นนี้เกิดจากกระแสน้ำหลายสายผสมกัน มันมีทั้งความร้อนและเย็น ทำให้เงือกส่วนมากทนไม่ไหวตายก่อนที่จะมาถึงจุดนี้”


บ้าไปแล้วทำไมไซรัสต้องมาอาศัยที่นี่ แล้วไหนยังจะไอ้การทดสอบของเงือก...


“...นายบอกว่าเงือกเจ้าชายทุกตัวต้องโดดลงมาในกระแสน้ำนี้...”


“...ใช่ ตัวข้าถูกส่งลงมาตั้งแต่อายุสิบสี่”


“บ้าน่า อะไรทำให้พวกนายต้องเสี่ยงขนาดนี้ ไม่รู้หรือว่าตรงจุดนี้สำหรับมนุษย์มันน่ากลัวแค่ไหน!!”


ฟรานส์ยิ้มให้หลังผมพูดจบ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นสีหน้าจนปัญญาของอีกฝ่าย “เพราะน่ากลัวน่ะสิถึงเป็นสถานที่ชั้นดี เป็นที่ๆปลอดภัยที่สุดสำหรับการซ่อนอะไรบางอย่าง ทั้งจากสายตามนุษย์และจากสายตาเงือกตัวอื่น”


ซ่อน! ของบ้าอะไรที่ทำให้เงือกต้องยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อซ่อนของพวกนี้


“เจ้าก็ได้เห็นแล้วนี่ หินพวกนั้นล่ะ” ฟรานส์ว่ายตรงเข้ามาดึงมือผมกลับไปทางเดิม “เจ้าชายทุกคนต้องผ่านจุดๆนี้ทั้งนั้น แต่ไม่ต้องกลัวหรอก ขาออกน่ะง่ายกว่าขาเข้าเยอะ”


หา? เป็นไปได้ยังไงตามหลักแล้วเข้ามันต้องง่ายกว่าออกสิ


ฟรานส์คงเห็นว่าหน้าตาของผมดูเห็นด้วยกับอีกฝ่ายม๊ากมาก “เอาไว้ตอนเจ้ากลับก็จะรู้เอง”


ผมพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ ต่างกับปลาหมึกข้างๆที่พอได้ยินคำว่ากลับปุ๊บเจ้าตัวก็กระโจนเข้าหาพวกผมทันที “ไม่เอาน้า อย่าทิ้งข้าไว้ตัวเดียว!!” คราวนี้เอ็งอัพเกรดขึ้นมามัดคู่หรอฟระ!!


มือปลาหมึกเลื้อยพันสะโพกของผมทันที ทั้งที่พยายามปัดก็แล้วยังจะมาตอดๆลูบๆคลำๆ เด๋วบัดตัดกินเสียหรอก “จะว่าไป ถ้าอย่างที่ฟรานส์บอกว่ารอดไปได้ก็ถือว่าเป็นเจ้าชาย แบบนี้ฉันมิเป็นไปด้วยหรอ?”


“อืมน่าคิด ข้าไม่เคยเจอเงือกที่ผ่านมาที่นี่ได้นอกจากพวกราชวงศ์เลยนะ พวกนั้นน่ะมีความแข็งแกร่งผิดชาวเงือกตัวอื่นๆอยู่แล้ว... นอกจากสายเลือดราชวงศ์ก่อนกับฟรานส์แล้ว ข้าก็ไม่เคยเห็นเงือกตัวไหนรอดชีวิตอีกเลย” ไซรัสทำท่านึก


“จะว่าไป นายอยู่ที่นี่มานานขนาดไหนแล้วล่ะเนี่ย”


“ความลับ~”


“หึหึ บอกไปก็สิ้นเรื่องว่าเจ้าอยู่มาหลายพันปีแล้ว” คำบอกของฟรานส์ทำให้ผมอ้าปากค้าง นี่ปลาหมึกมันอายุยืนขนาดนี้เลยหรือเนี่ยแบบนี้เงือกล่ะจะอยู่ได้ซักกี่ปี “ไม่ต้องมามองข้าแบบนั้น เงือกที่อายุยืนก็อยู่ได้แค่ไม่กี่ร้อยปีเท่ากัน”


นั่นก็เยอะแล้วโว้ย สำหรับมนุษย์เดินดินอย่างผม เออ จะว่าไปแล้ว... ”ไซรัส นายสามารถทำยาที่กินแล้วมีขาเหมือนมนุษย์ได้ไหม”


ปลาหมึกยักษ์ที่ตอนนี้เลื้อยกลับมานั่งบนโซฟาเหมือนเดิม “แหมถามมาได้ เรื่องนี้มันแน่นอนอยู่แล้วว่าข้าต้องทำด.. ทำไม่ได้!” ไหงแรกๆตอบซะดูมั่นใจแต่ลงท้ายทำไมเสียงมันแปร่งๆ หลบตาวูปแบบนั้นวะ หันไปมองเงือกข้างๆเห็นเจ้าตัวทำนิ่งปกติ
แต่แบบนี้ก็แสดงว่าผมยังกลับบ้านไม่ได้ละสิ


เฮ่อ หรือผมจะลองหาทางว่ายไปหาพ่อที่แท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติเลยดีหว่า แต่เจ้าพ่อบ้านั่นจะจับลูกตัวเองออกงานวัดไหมนี่
อ่อ ผมลืมอธิบายพวกคุณไป พ่อของผมทำงานอยู่แท่นขุดเจาะกลางทะเล นานๆถึงจะกลับบ้านซักที นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผมดูไม่ยี่หระเลยกับการอยู่ในน้ำนานๆแบบนี้ เพราะกลับไปที่บ้านก็ไม่มีคนอยู่


“แล้วพอจะมีวิธีไหม ถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากกลับไปเป็นแบบเดิมนะ ถ้านานเกินไปคนที่บ้านจะเป็นห่วง”


“อ่า เอ่อ คือว่าคือ.... เอาเป็นว่าข้าจะลองหาวิธีให้ละกัน ระหว่างนี้เจ้าก็อยู่กับข้าไปก่อน ไม่สิๆ เจ้าก็กลับไปแฟริเซียร์ก่อน ถ้าข้าหาวิธีได้แล้วจะติดต่อไปหาเจ้าทีหลัง” ปลาหมึกตรงหน้าเหล่มองก่อนจะพูดแบบลุกลี้ลุกลนจนน่าแปลก แล้วทำไมถึงหลบตาเหมือนกลัวอะไรบางอย่างแบบนั้น


หรือเจ้าตัวกลัวเพราะว่าผมเป็นมนุษย์กัน


“งั้นเรากลับกันเถอะ” ฟรานส์ลุกขึ้นก่อนจะลากตัวผมออกจากบ้านน่าแปลกที่เจ้าตัวดูอารมณ์ดีผิดปกติอมยิ้มเสียจนผมแปลกใจ
   

“จะทิ้งข้าไปอีกแล้วหรือ...” เสียงตัดพ้ออย่างน่าสงสารจากปลาหมึกตัวยักษ์ “นี่ข้าต้องถูกทิ้งให้เหลืออยู่ตัวเดียวอีกแล้ว”


“เอาเป็นว่าไว้ข้าจะหาเพื่อนมาให้เจ้าแล้วกัน” ฟรานส์พูดแบบนั้นก่อนที่ไซรัสจะลอยเข้าไปอยู่ตรงหน้า นัยน์ตาสีฟ้าเทาสบมองอีกฝ่ายด้วยแววตารักใคร่ ก่อนจะ...


เอาหนวดพันตัวแล้วลากอีกฝ่ายเข้าไปจูบดัง จ๊วบ! ทำเอาฟรานส์ตาโต
   

ผมเองก็ได้แต่ตาโตอ้าปากค้าง ก่อนจะรู้สึกตัวพุ่งเข้าไปช่วยดึงฟรานส์ออกจากไอ้ปลาหมึกลามก แต่ที่ไหนได้
   

“เจ้าอยากได้ด้วยก็ไม่บอก” ไซรัสหันมาสนใจผมแทน หนวด4-5เส้นพุ่งตรงเข้ารัดแขนกับหางผมจนไม่สามารถหนีได้
   

ไม่เอานะโว้ย ตรูยังไม่อยากถูกปลาหมึกยักษ์จูบนะโว้ย
   

ไซรัสทำปากจู๋และกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ ทำเอาผมส่ายหน้าแทบจะร้องไห้
   

“มามะ จู๊บ~ ”
   

“แย๊กกก!!!”
   

“ไซรัส!!” เสียงเหี้ยมหยุดการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายทัน ก่อนไอ้หมึกลามกจะถูกเจ้าชายเงือกกระชากเหวี่ยงกระเด็นไปไกล
   

“กล้าทำแบบนี้แสดงว่าไม่กลัวตายใช่ไหม” กร๊อบ เสียงหักข้อมือของเจ้าชาย ทำเอาไซรัสหน้าซีดก็แน่อยู่แล้วเล่นอยู่ดีๆลากเจ้าตัวเข้าไปจูบแบบนั้น
   

“ฟรานส์ ข้าล้อเล่น ข้ารักเจ้าตัวเดียวนะ...”
   

หลังจากนั้นผมขอไม่อธิบายนะ ไม่งั้นจะผิดกฎNC18+(ประเภทโหดเลือดสาด)ไปเสียก่อน เอาเป็นว่า เสียงโหยหวนของอีกฝ่ายดังขึ้นไม่หยุดเลยล่ะแต่มันไม่ได้มีเฉพาะเสียงโหยหวนนี่สิ
   

‘อว๊ากกก ยอมข้ายอมแล้วอย่าทำแบบนั้น อย่าดึงแบบน้านนน ข้าจะไม่ไหวแล้วว........... อ อร๊าง~’
   

ให้ตายเถอะยังไงปลาหมึกโรคจิตก็ยังคงเป็นปลาหมึกโรคจิตวันยังค่ำ
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 20-4-59 : ตอนที่8
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 20-04-2016 22:28:59
แหม่ อยากให้ไซรัสฟรานซ์จริงๆนะ คู่นี้นี่กิ่งทองใบหยก

ปอลอ ไซรัสทำยาได้ อืมมมมมมมมม

หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 20-4-59 : ตอนที่8
เริ่มหัวข้อโดย: มาม่าหมูสับ ที่ 20-04-2016 22:55:39
ชอบไซรัส  :hao7: นางฮามากกกก หื่นมากด้วย
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 20-4-59 : ตอนที่8
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 21-04-2016 07:00:42
ปลาหมึกเป็นรุก และน้องเงือกรับเหอะ 3p ไปเลย
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 20-4-59 : ตอนที่8
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 21-04-2016 07:09:48
พี่หมึกแกจะมีคู่มั้ยเนี่ย น่าจะคู่แบบกับอวครักษ์เจ้าชายซาดิสม์ๆ
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 20-4-59 : ตอนที่8
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 21-04-2016 08:42:37
 :laugh:  เบื้องบนช่วยส่งใครมารักกับพี่หมึกที เอ็นดูนาง
เอาความมาโซของนางออกมา อิอิ
เราแอบหวังให้เรื่องนี้จบแฮปปี้นะ สงสารเงือก สงสารโอเชี่ยน
ถ้าต้องกลับโลกไปเดินสองขาจริงๆแล้วจะรักกันกับเจ้าชายยังไงล่ะพี่โอ
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 20-4-59 : ตอนที่8
เริ่มหัวข้อโดย: เมื่อนั้นฝันว่า ที่ 21-04-2016 17:23:36
รอคู่ของไซรัส ชอบนาง นางฮา นางหื่นนน :z1:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 20-4-59 : ตอนที่8
เริ่มหัวข้อโดย: shannara ที่ 21-04-2016 22:08:01
อรั้ยยยย ชอบค่าาาา
 :hao7:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 20-4-59 : ตอนที่8
เริ่มหัวข้อโดย: YADA ที่ 22-04-2016 20:30:12
เจ้าปลาหมึกนี่น่าจับทุบตากแห้ง
เอาไปบดๆๆย่างแล้วจิ้มน้ำจิ้มนัวๆ


 :hao6:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 20-4-59 : ตอนที่8
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 23-04-2016 23:51:22
ไซรัสหมึกหื่นผู้ชอบแย่งซีนชาวบ้าน ขำนางแรงมาก55555555  :hao7:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 20-4-59 : ตอนที่8
เริ่มหัวข้อโดย: คนริมคลอง ที่ 24-04-2016 11:20:33
สนุกครับ ต่อๆ ชอบครับ
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 25-4-59 : ตอนที่9
เริ่มหัวข้อโดย: mymine ที่ 25-04-2016 00:07:19
ตอนที่9


สุดสายตาที่ผมมองเห็นอยู่ไกลลิบๆนั่นก็คืออาณาเขตของเมืองแฟริเซียร์แล้วล่ะหลังจากหายไปถึง1อาทิตย์พวกเรากลับมาถึงบ้านแล้ว


หาผมเล่าไวไปหรอ?
   

แหม พวกคุณนี่อยากรู้ละสิว่าช่วงที่เดินทางกันผมกับฟรานส์เราทำอะไรบ้าง สวีวี่วีหวานแหววกันแค่ไหน
   

เรื่องอะไรจะบอก!!
   

ของแบบนี้มันต้องงุบงิบทำกันสองคนสิ เรื่องบนเตียงเค้าไม่เอามาพูดเปิดเผยกันในที่สาธารณะหรอกนะ
   

เฮ้ยๆ ไม่ต้องกรี๊ด ไม่ต้องร้อง อย่าบีบคอผม! อย่าดึงหัวนมผมด้วย!! ผมล้อเล่น ผมโกหก อย่าคิดว่าผมจะมาโซเหมือนเจ้าไซรัสนั่นสิ
   

บอกก็ได้ๆ จะบอกว่ามันไม่มีอะไรเลยสักนิด
   

ไม่ ผมไม่ได้โกหก ไอ้ที่หายไปนานเพราะเสียเวลาเดินทางมากกว่า
   

คือขาไปเหมือนนั่งรถด่วนความเร็วสูงจนแทบจะขาดใจตาย ใช้เวลาแค่ไม่ถึงวันในการถึงที่หมายอย่างบ้านเจ้าปลาหมึกนั่น แต่ขากลับนี่สิ...
   

ผมต้องกลับมาด้วยการนั่งรถทัวร์ ไปต่อรถไฟ ต่อเรือข้ามฟาก ต่อรถโดยสาร ต่อสองแถว และต่อมอเตอร์ไซ คือมันหลายต่อหลายตอนมาก ใช้เวลากลับมาถึงนี่ตั้งสัปดาห์ นี่มาแบบทางลัดแถมว่ายไม่หยุดด้วยนะ ฟรานส์บอกว่าถ้ามาแบบปกติโน่น..... อีก2อาทิตย์อาจจะยังไม่ถึงด้วยซ้ำ


และอีกฝ่ายก็แสนจะสมกับเป็นว่าที่ภรรยาที่ดีในอนาคต เจ้าตัวบริการผมแทบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นตอนออกจากหุบเหวที่จับมือผมแน่นให้ความมั่นใจ คอยหาอาหารมาให้ผมทาน เมื่อมีปลาดุร้ายโผล่เขามาใกล้ฟรานส์ก็จะจัดการไล่ไปให้


เห็นไหมว่าอีกฝ่ายดูเหมาะจะเป็นแม่บ้านขนาดไหน


.


.


กลับมาปัจจุบันกันดีกว่า ทันทีที่เข้าเขตตัวเมืองผมก็ต้องผจญกับสายตานับร้อยคู่ประหนึ่งเซเลปที่ทำสาวท้องแล้วไม่ยอมรับ ดูเหมือนข่าวลือที่ว่าผมเป็นเงือกนอกรีตจะกระจายไปทั่วเมืองแล้ว ซึ่งนั่นทำให้ฟรานส์ที่ว่ายอยู่ด้านข้างคว้ามือผมไปกุมแน่นทันที เจ้าตัวเชิดหน้าส่งสายตาปรามใครก็ตามที่ทำท่าจะพุ่งเข้ามาหาผม


“โอ้ เจ้าชายฟรานส์ท่านกลับมาแล้ว” เสียงใครบางคนดังขึ้นเรียกความสนใจของพวกเรา เงือกชราท่าทางอายุไม่น้อยแต่คงร่วมร้อยปี ค่อยๆว่ายตรงเข้ามาหา ท่าทางนอบน้อมอย่างเห็นได้ชัด


“ท่านลุงนอส” เจ้าชายเงือกส่งเสียงทักอย่างไว้ตัว ผมมองเห็นท่าทางของอีกฝ่ายดูอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ดวงตาของเจ้าตัวลอกแลกมันคล้ายกับว่าไม่ชอบใจ ไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าขัดใจ


“ข้ามาขอให้ท่านปล่อยตัวคาไลท์...” สิ่งที่อีกฝ่ายพูดทำให้ผมตกใจหันไปมองฟรานส์ดังฉับ “ท่านควบคุมตัวเขาไว้ตั้งแต่ก่อนออกจากเมืองไป ถึงตอนนี้ก็ร่วมอาทิตย์แล้ว เด็กคนนั้นทำผิดอะไรท่านถึงต้องขังเขาเอาไว้แบบนั้น”

   
“เหอะ.. ท่านพูดหรือว่าเจ้านั่นทำผิดอะไร” เสียงฟรานส์เย็นชาขึ้น เหมือนกับอีกฝ่ายไปจุดไต้ตำตอเข้าพอดี “ท่านไม่รู้หรือว่าหลานชายของท่านทำอะไรไว้บ้าง ใช้ศาลเตี้ยตัดสินโทษเงือกตัวหนึ่งโดยไม่แจ้งข้าก่อน”
   

“นั่นเพราะว่าเจ้านั่น” เงือกชราตวัดนิ้วชี้ตรงมาที่ผม “มันเป็นเงือกนอกรีต มันพูดจาน่ากลัวราวกับจะสาปแช่งคนทั้งเมือง” เงือกหลายๆตัวอุทานอย่างตกใจและทำท่าหวาดกลัว ผมได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงตก นั่นเรียกว่าสาปแช่งที่ไหนเล่า
   

มันเรียกว่าขู่กรรโชกเฟร้ย
   

“เอาเข้าไปทั้งพี่ทั้งปู่ปกป้องมันเข้าไป”  ผมถอนหายใจปลง ไม่ว่าจะเผ่าไหนก็มีพวกพ่อแม่รังแกฉัน “นี่ตาแก่!! ก่อนจะตัดสินคนอื่นไปสั่งสอนลูกหลานตัวเองก่อนดีกว่า รู้ไหมหลานตัวเองทำอะไรไว้บ้างเนี่ย”
   

“หุบปาก!! เจ้าเงือกนอกรีต ห้ามมาว่าหลานข้านะ” เงือกชราหันมาตวาดผมอย่างเกรี้ยวกราดและทำท่าจะปราดเข้ามาทำร้ายด้วย ติดซะว่าฟรานส์ยกมือขึ้นมาห้ามไว้เสียก่อน
   

“ท่านบอกว่าเจ้านี่เป็นเงือกนอกรีต มีหลักฐานชัดเจนไหม?”
   

“แน่นอนเงือกทุกตนที่อยู่บริเวณนั้นเป็นพยานได้” เงือกชรายืดอกพูดอย่างมั่นใจ นั่นทำให้ฟรานส์พยักหน้า “แล้วหลานท่านเอาตำแหน่งอะไรไปตัดสินโทษเขา นั่นไม่ใช่หน้าที่ของทหาร หรือของข้าที่เป็นเจ้าชายหรอ?”
   

คำพูดนิ่งๆของเจ้าชายเงือกทำให้อีกฝ่ายสะอึก “ข้าจะบอกอะไรให้นะ ต่อให้ข้าไม่เอาโทษส่วนนั้น เจ้าเด็กคาไลท์ก็ต้องโดนลงโทษอยู่ดี หุบปาก!! อย่าพึ่งสอดแล้วฟังข้าให้จบ!! เจ้าเด็กนั่นหลอกฟิลันให้ออกไปหลงอยู่นอกเมืองจนเกือบตาย ถามหน่อยข้าควรจะลงโทษหลานเจ้ายังไงดี!!!!”
   

สายตาเย็นชาของฟรานส์ทำให้ทุกคนชะงัก เงือกชรานั่นเข่าอ่อนลงไปกองกับพื้น ตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด
   

“รู้ไหมว่าเจ้าเงือกนอกรีตนี่ล่ะที่ช่วยฟิลันไว้ เงือกตัวนี้ล่ะที่ทำให้หลานเจ้าไม่ถูกลงโทษ แล้วนี่คือการตอบแทนผู้มีพระคุณของพวกเจ้า!!ข้าจะบอกอะไรให้ ถ้าฟิลันเป็นอะไรขึ้นมา หลานเจ้านั่นล่ะที่จะต้องตายตกตามกัน!!!” น้ำเสียงของฟรานส์เย็นยะเยียบทำให้คนฝั่งหวาดกลัว โดยเฉพาะตาแก่ตรงหน้าที่สั่นเป็นเจ้าเข้า
   

“ข ข้า..”
   

   
“ข้ารู้นะว่าชาวเมืองไม่เคารพข้าเพราะข้าไม่ใช่เจ้าชายที่แท้จริง” ฟรานส์พูดพร้อมกับกวาดตามอง ซึ่งเงือกหลายๆตัวก็หลบตาวูบ บางตัวก้มหน้านิ่ง “ถึงอย่างนั้นข้าก็ได้ตำแหน่งมาด้วยวิธีที่ถูกต้อง ข้าพยายามทำทุกอย่างแทนรัชทายาทอย่างดี... แต่ข้านึกไม่ถึงว่าพวกเจ้าจะเกลียดข้าเกลียดน้องข้าขนาดอยากจะให้ตายแบบนี้..” 
   

“บางทีพวกเจ้าคงอยากให้ข้าปกครองบัลลังค์นี้ด้วยเลือดและความหวาดกลัว”
   

‘ไม่นะ เจ้าชาย’ เสียงกรีดร้องขอความเห็นใจอย่างน่าเวทนาดังขึ้น แต่เจ้าตัวไม่หยุดฟัง ฟรานส์กวาดตามองบรรดาเงือกที่ร้องห่มร้องไห้ พยายามจะว่ายเข้ามาหา ติดเสียว่าบรรดาเงือกทหารจำนวนมากมาถึงและตีล้อมไว้เสียก่อนทำให้ไม่มีใครกล้าขยับเข้าใกล้มากกว่านั้น
   

“นอส ในเมื่อท่านไม่อยากเห็นหลานตัวเองถูกขัง ก็จงตามข้ากลับไป ข้าจะตัดสินโทษของมันให้ในวันนี้นี่ล่ะ!”
   

“ท่านฟรานส์ ได้โปรด.. โปรดเมตตา.. ข้าขอร้อง”
   

“อ่อ แล้วอีกอย่าง..” อยู่ดีๆฟรานส์ก็ผลักผมไปใจกลางลาน ท่ามกลางสายตาของเงือกตัวอื่นที่มองมานับร้อย “เงือกที่ถูกพวกเจ้าโยนลงหุบเหวราชันย์ ตอนนี้เจ้าตัวสามารถรอดชีวิตกลับมาได้เพราะอย่างนั้นจะไม่มีเงือกนอกรีตที่นี่อีก”


“นามของเขาคือ โอเชี่ยน เขาคือคนที่จะก้าวขึ้นเป็นเจ้าชายตามกฎของแฟริเซียร์!!!”


“เอาล่ะใครยังมีคำถามอีก ก้าวออกมา!!” เจ้าตัวกวาดตามองนิ่งทว่ากลับไม่มีเงือกตัวไหนกล้าขยับ
เมื่อเห็นแบบนั้นเจ้าชายเงือกเลยว่ายตรงเข้ามาคว้าข้อมือก่อนที่จะลากผมที่ยังอึ้งมึนอยู่กลับปราสาทโดยมีเงือกแก่ว่ายตามหลังมาอย่างนอบน้อม พูดดีไป ท่าทางหวาดกลัวมากกว่า


แต่ใครจะสน


คนที่ผมสนใจคือคนที่กำลังจูงมือผมมากกว่า แม้ว่าผมจะไม่เห็นสีหน้าเพราะเจ้าตัวว่ายนำผมอยู่แต่เชื่อเถอะหมอนี่เจ็บปวดกับเรื่องนี้มากพอดูแม้ท่าทางจะดูเฉยชาไม่ยี่หระ


แน่ล่ะ ทั้งที่ตัวเองพยายามทำทุกอย่างเพื่อเมืองแต่ดูเหมือนคนส่วนใหญ่จะไม่คิดแบบนั้น


“ฟรานส์ นายเป็นอะไรหรือเปล่า” ผมว่ายขึ้นไปตีคู่อีกฝ่าย(ซึ่งยากสิ้นดี) ก่อนจะกระซิบถาม ซึ่งเจ้าตัวก็เพียงแค่หันมาส่งยิ้มจางๆให้


“ข้าไม่เป็นไรหรอก... จะสงสารก็แต่ฟิลันเจ้านั่นยังไม่คุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้เท่าไหร่”


ตลอดทางเราทั้งสองตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีการพูดคุย ไม่มีการหยอกล้อ พวกเราตกอยู่ในความคิดของตัวเอง และทันทีที่เรากลับมาถึงปราสาท ใครบางคนก็ว่ายออกมาอย่างรวดเร็ว เจ้าตัวกระโจนเข้ากอดผมแน่น


“พี่โอ!! พี่โอกลับมาแล้ว ข้าขอโทษ ข้า ฮึก” ไม่ว่าเมื่อไหร่ฟิลันก็ยังเป็นเงือกจอมดราม่าเช่นเดิม เจ้าตัวร้องไห้สะอึกสะอื้นทั้งที่ยังทำตัวเป็นโคอาล่า แต่ขอสารภาพว่าผมแอบนึกถึงไอ้ปลาดูดที่เกาะหนึบๆนั่นนิดหน่อย


“ใจเย็นฟิลันพี่ไม่เป็นไร ว่าแต่เราไม่คิดจะทักพี่เราหน่อยหรอ” ได้ยินแบบนั้นเจ้าตัวจึงยอมหลายอ้อมกอดลง ก่อนจะกระโจนไปหาฟรานส์ที่ยิ้มบางอ้าแขนรอรับอยู่แล้ว


“ท่านพี่ ฮึก ข้าตกใจแทบแย่..”


ผมอยากจะยืนชมภาพความประทับใจระหว่างพี่น้องไปเรื่อยๆอยู่หรอกนะ เพียงแต่ตาเงือกเฒ่านั่นก็ยังรออยู่


“ฟิลันลงก่อน ซิน เจ้าไปนำตัวคาไลท์มาที่ห้องโถง ข้าจะตัดสินโทษของเจ้านั่นเดี๋ยวนี้ล่ะ”


ฟรานส์ซึ่งตอนนี้กลับมาสวมหน้ากากเจ้าชายจูงมือเงือกตัวน้อยไปด้วย นั่นทำให้ผมคิดว่าถึงเวลาพักของตัวเองบ้างแล้ว ขอไถหัวไปนอนบนเตียงหอยนุ่มๆดีฟ่า


แต่ว่าแทนที่จะได้ไปแบบสบายๆ


“จะหนีไปไหน...” ผมทำตาปริบๆมองอีกฝ่ายที่จับข้อมือผมไว้ ประมาณว่าเกี่ยวกับหนูด้วยหรอหนูง่วงอยู่นะ “ห้ามหนี เรื่องนี้มันเกี่ยวกับเจ้าโดยตรง” แถมไม่ฟังอะไรทั้งนั้นเจ้าตัวก็ลากผมติดมือไปด้วย


อะโด่ รู้ทันซะงั้น


เจ้าชายทั้งสองลากผมมาตรงบริเวณโถงใหญ่ มีบัลลังก์ตั้งอยู่ตรงกลาง ฟรานส์ทรุดลงนั่งปล่อยฟิลันกับผมนั่งอยู่ด้านข้าง


เจ้าเด็กคาไลท์ที่ถูกพาตัวเข้ามายังอยู่ในสภาพปกติ แม้จะดูอิดโรยและผอมลงเล็กน้อย แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะถูกขังไว้เฉยๆก่อน
โดยไม่ได้โดนลงโทษเพิ่มเติม


ทันทีที่เจ้าเด็กนั่นเห็นผม เจ้าตัวตาโตก่อนจะกัดฟันกรอด “เจ้า!!”


“รักษามารยาทหน่อยคาไลท์เงือกที่เจ้าชี้นั่นสามารถผ่านหุบเหวราชันย์มาได้แล้วนะ” ฟรานส์กอดอกมองอีกฝ่ายด้วยแววตาดูแคลน “เจ้าน่าจะรู้ว่าถ้ารอดจากที่นั่นมาได้จะหมายถึงอะไร”


“แต่เจ้าเงือกนั่น..”


“คาไลท์!!! ต้องให้ข้าเตือนความจำหรือเปล่าว่าถ้าเงือกตัวไหนรอดมาจากหุบเหวนั่นแล้วจะเป็นยังไง อยู่ในฐานะอะไร!! หรือข้าควรจะจับเจ้าโยนลงไปพิสูจน์ด้วยตัวเองดี”


“ท่านฟรานส์!ข้าขอโทษแทนหลานข้า ได้โปรดเมตตาด้วย ข้าจะอบรมสั่งสอนเจ้านั่นให้ดีกว่านี้ไม่ให้มาแสดงกิริยาไม่ดีกับ.. กับท่านโอเชียนอีก” หุยท่าทางจะฝืนใจพูดสุดๆ


แม้ผมจะนึกแบบนั้นแต่ก็แอบเห็นใจไม่ได้ กฎของเงือกเมืองนี้ก็ดันดูแปลกๆด้วยที่ว่าแค่รอดชีวิตจากหุบเหวนั่นก็ได้เป็นเจ้าชายแล้ว แบบนี้มิมีเจ้าชายมากมายเป็นโหลหรือฟระ


“คนที่ควรขอโทษไม่ใช่เจ้า และคนที่ควรถูกขอโทษก็ไม่ใช่ข้า”


ฟรานส์พูดเสียงเรียบ นั่นทำให้เงือกแก่หันไปดุหลานตัวเองพยายามให้อีกฝ่ายขอโทษใหญ่


“ฟิลัน..... จ เจ้าชายฟิลัน” เจ้าเด็กนั่นค่อยๆเอ่ยออกมา แม้พริบตาเดียวจะต้องเปลี่ยนสรรพนามเพราะพี่มันจ้องตาเขม็งก็เถอะ “ข้าขอโทษ ที่แกล้งท่าน ที่ท้าท่านออกไปทำให้ท่านได้รับอันตราย”


ผมมองเด็กตรงหน้าด้วยความสนใจ เจ้าตัวไม่พูดอะไรต่อจงใจเมินผมอย่างเห็นได้ชัด แต่ช่างมันก่อนเถอะเพราะพอเหลือบไปมองฟิลัน เจ้าตัวกลับทำหน้านิ่ง ดูจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่


“เจ้าลืมใครไปหรือเปล่า?”


เจ้าชายบนบัลลังก์กระทุ้งความจำเด็กตรงหน้าอีกครั้ง คราวนี้หน้าของเจ้าตัวบิดเบี้ยวราวกับต้องฝืนใจทำสิ่งที่ยากลำบากที่สุด ก่อนที่ผมจะได้ยินเสียขอโทษแผ่วเบาไม่ต่างกับเสียงกระซิบ


“งั้นก็มาถึงบทลงโทษ..”


“แต่ท่านฟรานส์หลานข้าขอโทษท่านทั้งสองไปแล้ว”


“เจ้าคิดว่าแค่คำขอโทษจะชดเชยความผิดทั้งหมดที่เกือบทำให้เงือก2ตัวตายได้หรือ? ถ้าอย่างนั้นข้าโยนหลานเจ้าลงไปในหุบเหวบ้างและจะขอโทษเมื่อเจ้าหนูนั่นกลับมาก็แล้วกัน ดีไหม?”


โหดและเกรียนมาก!!


ฟรานส์นี่ต้องติดโรคซาดิสต์มาจากไซรัสแน่ๆ วิธีเอาคืนแบบนี้ไม่โหดจริงทำไม่ได้นะนี่


แอบสงสารไอ้เด็กตรงหน้าเหมือนกัน ไอ้นิสัยซึนเดเระแบบนี้คงใช้กับพี่น้องคู่นี้ไม่ได้ดูท่าทางจะได้ตายก่อนสมหวังแน่ แต่ก็นะ ผมก็ไม่ได้เกลียดนิสัยแบบนี้ของอีกฝ่ายเท่าไหร่


เพราะอย่างนั้น..


“ฟรานส์... ในฐานะที่ฉันเป็นผู้เสียหายโดยตรง ฉันขอเป็นคนกำหนดโทษเด็กนี่ได้ไหม” ผมถามเจ้าชายที่นั่งมองผมด้วยความฉงนอยู่บนบัลลังก์


“นั่นสิ เจ้าเป็นคนที่ได้รับผลกระทบนี่นะ ได้!ข้าอนุญาต”


คราวนี้ทั้งปู่ทั้งหลานหน้าซีดเป็นไก่ต้ม ซึ่งนั่นทำให้ผมแอบหัวเราะในลำคอ “บทลงโทษของเด็กคาไลท์ก็คือ...”


“ให้เจ้านั่นมาทำหน้าที่องค์รักษ์ของฟิลันซะ”


“หา!!”


คราวนี้ล่ะ เงือกทุกตัวประสานเสียงกันไม่เว้นกระทั้งสองเจ้าชาย แหม ผมพูดไม่ชัดตรงไหน


“หน้าที่ของนายคือดูแลอยู่กับฟิลันไม่ให้คลาดสายตา ถ้าเกิดเหตุการณ์อะไรไม่ดีเป็นอันตรายกับฟิลันอีก...นั่นเป็นสิ่งที่นายต้องรับผิดชอบด้วยชีวิต”


“เดี๋ยวนะพี่โอ ทำไมพี่ถึงให้เจ้านั่น...”


“จะเอาไม่เอา?” ผมไม่สนใจฟิลันที่ทำท่าทักท้วงหัวไปถามเจ้าเด็กเงือก ซึ่งเจ้าตัวก็อึ้งค้างอยู่ซักพัก ก่อนที่ปู่จะพยายามจับหลานตัวเองจะก้มโค้งให้รับคำสั่ง


“เจ้าจะเอาอย่างนั้นแน่หรือ?” ฟรานส์เลิกคิ้วหันมามองผม ซึ่งผมก็ยิ้มๆพยักหน้า “แบบนี้ล่ะดีแล้ว”


“แต่ข้าไม่อยากได้เจ้านั่นนี่” ฟิลันเบะปากหลังจากตัดสินโทษให้เด็กนั่นได้ ดูเหมือนคนโดนลงโทษเองก็ดูจะแปลกใจอยู่เหมือนกัน


ส่วนเด็กนั่นถูกกลับไปหาครอบครัวก่อนที่จะให้มารายงานตัวในวันพรุ่งนี้


“เอาน่าฟิลันจะได้มีเพื่อนเพิ่มด้วยไง พี่โอรู้นะว่าเราน่ะเหงา” ผมเอานิ้วดันเงือกน้อยหน้าหงายเล่นเอาเจ้าตัวบ่นอุบอิบ
แม้จะพยายามยังไงแต่อีกฝ่ายก็ยังเป็นแค่เงือกอายุไม่ถึง15 ก็ไม่น่าแปลกที่จะอยากได้เพื่อนเล่น ตอนผมนะยังดีดลูกแก้ว เขี่ยการ์ดกันอยู่เลย


“ช่างเจ้านั่นมันก่อนเถอะ ว่าแต่ท่านพี่ ท่านต้องเล่าให้ข้าฟังด้วยนะว่าออกไปเจออะไรบ้าง” หลังจากบ่นจนพอใจแล้วฟิลันก็หันมาส่งเสียงเจื้อยแจ้วไม่หยุด เจ้าตัวจูงมือว่ายไปกับฟรานส์แต่ไม่ลืมที่จะลากมือผมติดไปด้วยจนมาถึงห้องพัก


มองไปแล้วก็แอบเหมือนครอบครัวแสนสุขแฮะ


“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก”


“ไม่จริง ข้าจำได้นะตอนที่ท่านพี่ว่ายออกจากห้องพี่โอ แล้วตวาดทหารเสียงดังลั่นอ่ะ” ฟรานส์ตาเบิกกว้าง พร้อมทำหน้าดุ แต่เจ้าน้องชายก็ยังไม่ยอมหยุดพูด “แถมพอได้ยินข้าบอกว่าพี่ตกลงไปในหุบเหวนั่น ท่านพี่ก็สั่งทหารให้ควบคุมตัวพวกนั้นทันที จากนั้นตัวเองก็ดันกระโดดลงไปในกระแสน้ำ ทำเอาข้าตกใจแทบแย่ ดีนะที่ซินบอกเสียก่อนว่าท่านพี่ไม่เป็นอะไรแน่”


นัยน์ตาผมเหลือบไปมองฟรานส์ที่ตอนนี้หันไปพยายามไล่ปิดปากฟิลันใหญ่ ที่สำคัญผมเห็นว่าหน้าอีกฝ่ายแดงมากเลย


“ซินบอกว่าท่านพี่รู้สึกผิดที่ปล่อยให้ข้าพาพี่โอออกไปเที่ยว เห็นพี่เหงาอยู่ในห้องก็อยากให้เปลี่ยนบรรยากาศ แต่ดันไม่ได้บอกให้ระวังปากด้วย” จากที่อมยิ้มอยู่หุบฉับเลย สรุปว่ายังไงไอ้เจ้าชายเงือกก็คิดว่าผมปากไม่ดีใช่ไหมเนี่ย!!


‘เจ้าซิน..’เสียงลอดไรฟันออกจากปากฟรานส์ทำให้ผมนึกสยองนิดๆ และดูเหมือนฟิลันจะเห็นว่าพี่ชายตัวเองจะยังถูกเผาไม่มากพอ


“ซินยังบอกอีกว่าอยู่กับท่านพี่มาตั้ง20ปีแล้วแต่ไม่เคยเห็นท่านพี่ร้อนรนแบบนี้เลย”


“ฟิลัน!!”


เอิ่ม.. คิดว่าหลังจากนี้ไปไอ้องครักษ์เงือกนั่นจบชีวิตไม่สวยแน่


“ก็ได้ ข้าไปก็ได้~” เงือกตัวน้อยลากเสียงยานก่อนจะว่ายหนีออกจากห้องไปทิ้งผมให้อยู่กับฟรานส์


ผมพึ่งได้เห็นอีกมุมหนึ่งของสองพี่น้องนะนี่ แถมวันนี้ผมก็ได้รู้ว่า


ที่จริงแล้วฟิลันก็มีมุมแอบกวนตรี_อยู่เหมือนกันแฮะ
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 25-4-59 : ตอนที่9
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 25-04-2016 01:30:12
อร๊ายยยย เรืีองนี้สนุกมาก
ติดตามค่าาาาาา
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 25-4-59 : ตอนที่9
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 25-04-2016 07:08:46
ป๊าด ฟรานซ์จะลงจากตำแหน่งเหรอ??
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 25-4-59 : ตอนที่9
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 25-04-2016 07:28:27
 :katai2-1:    แบบนี้สิเลิศ. เจ้าชายโอเชี่ยนสุดเกรียน. และสนมทั้งสอง อะเปล่าเนี่ย 555
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 25-4-59 : ตอนที่9
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 25-04-2016 07:32:48
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 25-4-59 : ตอนที่9
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-04-2016 07:44:48
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 25-4-59 : ตอนที่9
เริ่มหัวข้อโดย: เมื่อนั้นฝันว่า ที่ 25-04-2016 15:57:28
โออ่ะ คือเจ้าชายเลยแหละ รัชทยาทที่หายไปอ่ะ คือโอแน่ๆ
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 25-4-59 : ตอนที่9
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 25-04-2016 17:03:03
พี่โอแกชิปคู่ฟิลันคาไลท์ใช่มะๆ ชงให้มาเป็นองค์รักษ์ขนาดนี้ ขำแปป5555555
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 25-4-59 : ตอนที่9
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 25-04-2016 17:12:18
ตาแก่นี่เหมือนมนุษย์ลุงเลยค่ะ  :เฮ้อ: เพลียยยยย
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 25-4-59 : ตอนที่9
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 25-04-2016 17:12:35
ทำไมแอบรู้สึกว่าหน้าตาไม่มีผลกับการกด ฟรานขี้ซึนอะ น่ารักกกกก~~ ปล.แอบเชียร์ให้โอเชี่ย(น)โดนกด :hao7:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 25-4-59 : ตอนที่9
เริ่มหัวข้อโดย: mymine ที่ 25-04-2016 22:15:10
ตอนที่10


“ทำไมเจ้าถึงได้ตัดสินใจแบบนั้น”
   

ฟรานส์ที่ตอนนี้ทิ้งตัวลงบนที่นอนหอยของผมถามขึ้น  ดูเหมือนเจ้าตัวจะสงสัยตั้งแต่แรก เพียงแต่เลือกที่จะมาถามผมทีหลังมากกว่าถามต่อหน้าฟิลันและเงือกตัวอื่นๆ
   

ผมเลยเล่ารายละเอียดรวมถึงความรู้สึกบางอย่างที่ผมจับได้จากเจ้าเด็กคาไลท์นั่นให้อีกฝ่ายฟัง และถ้ามันใช่อย่างที่ผมคิดจริง ฟิลันจะต้องได้รับการดูแลปกป้องอย่างดีแน่นอน
   

แต่ผมพลาดก็ตรงที่เล่าให้ฟรานส์ฟังนี่ล่ะ ทันทีที่เจ้าตัวทราบเหตุผล ก็ร่ำๆจะไปยกเลิกเปลี่ยนโทษเจ้าเด็กนั่นใหม่ซะ พี่ชายขี้หวงขนานแท้เลย
   

“เอาน่าเชื่อท่านโอเชี่ยนรับรองไม่ผิดหวัง”
   

“ก็เพราะเป็นความคิดเจ้านี่ล่ะถึงได้น่าห่วง” หมายความว่ายังไงฟระ! พูดแบบนี้งอนนะเฟร้ย
   

ผมแกล้งสะบัดก้นหนีทำตัวเหมือนสาวน้อยหันไปหยิบของบางอย่างที่นำกลับมาจากบ้านเจ้าไซรัสออกมา เดาซิว่าอะไร


หา! กระทะ ผมจะเอากลับมาทำอะไรเล่า!!


มันคือหินเรืองแสงต่างหาก ผมเห็นก้อนเล็กๆหลายก้อนก็เลยหยิบติดมากะว่าจะเอามาทำของฝากให้ฟิลัน เพียงแต่คงไม่ทำเป็นแหวนแล้ว เดี๋ยวใครบางคนแถวนี้จะน้อยใจ เลยกะว่าทำที่ติดผมน่าจะดีกว่า


“นี่เจ้า…เจ้าหยิบหินนี่กลับมาด้วยหรอ”


“อือ ตั้งใจว่าจะเอามาฝากฟิลัน”


ผมหยิบสายร้อยพันไปมาจนมีสภาพหน้าตาคล้ายดอกไม้ดอกใหญ่ก่อนที่จะมัดตรงกึ่งกลางเกสรด้วยหินที่จิ๊กกลับมา ดูๆไปมันก็สวยดีเหมือนกันนะ


“เสร็จแล้วเป็นยังไงบ้าง” ผมชูที่ติดผมขึ้นแต่พอหันไปมองคนข้างตัว ปรากฏว่าเจ้าตัวหนีไปนอนอยู่บนเตียงแล้ว อะไรกันหว่า


“ฟรานส์ ช่วยดูหน่อยสิว่าใช้ได้ไหม”


ผมว่ายไปหาเจ้าตัว แต่แทนที่อีกฝ่ายจะมองมากลับพลิกหันหนีไปอีกทางซะงั้น


“ฟรานส์? เป็นอะไรละนั่น”


“..เปล่า” อื้อหือ กล้าพูดนะว่าเปล่า เล่นสะบัดตรูดมาให้ดูแบบนั้นท่าทางเหมือนคนงอนไม่มีผิด


“ไม่บอกนี่คิดว่างอนนะนี่” ผมพูดอย่างขำๆแต่ปรากฏว่าอีกฝ่ายก็ยังนอนหันหลังให้ผมนิ่งอย่าบอกนะว่างอนผมจริงๆ...ว่าแต่อย่างฟรานส์จะงอนผมเรื่องอะไรล่ะ


หรือว่า...


“นายอิจฉาฟิลัน?” ผมทันเห็นอีกฝ่ายตัวกระตุกนิดนึง นิดเดียวจริงๆ แต่นั่นหมายความว่าข้อสันนิษฐานของผมถูกต้อง “นายอิจฉาน้องตัวเองนี่นะ”


“เปล่าซักหน่อย ข้าแค่สงสัยว่าเจ้าห่วงใยน้องข้าเสียเหลือเกิน คิดอะไรไม่ซื่ออยู่หรือเปล่า”


อุบ ผมได้ยินแบบนั้นแล้วอยากจะหัวเราะ เป็นเรื่องเหลือเชื่อจริงๆที่เจ้าชายเงือกหึงผมเนี่ย “นั่นสิน้า ก็แอบคิดอยู่บ้างแหละ”


“เจ้า!!” ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นฟรานส์ก็กระเด้งลุกขึ้นนั่งทันที ซึ่งก็เข้าทางผมอยู่แล้วเพราะผมนั่งอยู่ใกล้ๆอีกฝ่าย พอเจ้าตัวกระเด้งขึ้นมา หน้าเราทั้งสองเลยอยู่ใกล้กันมาก


“ก็ฉันไม่เคยมีน้องมาก่อนนี่ ได้เด็กขี้อ้อนแบบฟิลันมาเป็นน้องก็ดีเหมือนกัน” ผมยิ้มกริ่มให้อีกฝ่ายที่เสียรู้นั่งชะงักอ้าปากค้าง “แล้วพอดีว่าฉันฉกหินมา2ก้อน ไม่รู้ว่าคนแถวนี้อยากจะได้อะไรหรือเปล่า”


หน้าของฟรานส์ตอนนี้ทำเอาผมอดใจแทบไม่อยู่ เจ้าตัวก้มหน้าลงซ่อนแก้มสีแดงระเรื่อ


“...สร้อย” เสียวแผ่วเบาออกจากปากอีกฝ่าย นั่นทำให้ผมอมยิ้มก่อนจะรีบร้อยสร้อยตามคำสั่งว่าที่ภรรยาทันทีในขณะที่ฟรานส์ถือโอกาสถอยออกไปนั่งห่างๆ สร้อยเส้นสวยถูกร้อยขึ้นอย่างง่ายๆ ผมที่ตอนแรกยื่นสร้อยที่ทำเสร็จแล้วให้อีกฝ่าย แต่เปลี่ยนใจชักมือกลับมาเสียก่อน


“ฉันใส่ให้เอง” เจ้าชายเงือกตาโตอ้าปากค้าง “อ๊ะๆห้ามปฏิเสธตอนแหวนนายถือวิสาสะหยิบไปใส่เองโดยที่ฉันยังไม่ได้ให้เลย... เร็วขยับมาใกล้ๆ”


ฟรานส์ทำหน้าลำบากใจก่อนจะเอนตัวเข้ามาหา มือของอีกฝ่ายรวบเส้นผมสีทองที่ยาวพลิ้วจรดกลางหลังขึ้นให้ผมอ้อมมือไปรัดสายสร้อย หน้าเราสองคนเข้าใกล้กันอีกครั้ง ใกล้จนผมเห็นแพขนตายาวเรียงเป็นระเบียบสวย


อย่าถามนะว่าทำไมผมถึงไม่ให้ฟรานส์หมุนตัวหันหลังให้จะได้ใส่ง่ายๆเพราะผมว่าพวกคุณเดาได้ :P


หลังจากใส่เรียบร้อยก็ถอยออกมาชมผลงาน สร้อยร้อยจี้หินสีเรืองแสงวาวๆท่ามกลางบรรยากาศที่เริ่มสลัวลง นั่นทำให้ผมเห็นหน้าของอีกฝ่ายนุ่มนวลลงไปอีก ยิ่งเจ้าตัวหน้าแดงระเรื่อและกำลังคลี่ยิ้มให้แบบนี้แล้วด้วย


ทนไม่ไหวแล้วโว้ยย


ผมยื่นหน้าตัวเองเข้าไปใกล้อีกฝ่ายอีกครั้งแต่คราวนี้ไม่หยุดเฉยๆ ปลายจมูกของเราทั้งสองสัมผัสกัน ก่อนที่ริมฝีปากของผมจะทาบทับลงบนปากของอีกฝ่ายเบาๆ


หวาน เป็นสิ่งแรกที่ผมรู้สึก ริมฝีปากของฟรานส์ไม่ได้อ่อนนุ่มแบบผู้หญิง แต่กลับมีบางอย่างที่น่าดึงดูดจนถอนตัวไม่ได้


แน่นอนว่าคนโดนขโมยจูบต้องสะดุ้งตกใจอยู่แล้ว แต่แค่พริบตาเดียวเท่านั้นล่ะ เจ้าตัวก็เปลี่ยนมาเป็นฝ่ายโต้กลับรุกจนผมต้องครางอื้อในลำคอ


ว่าที่ภรรยาผมร้อนแรงสุดๆ!!


แต่เรื่องอะไรที่จะยอมแพ้ ตอนนี้เลยกลายเป็นศึกสังเวียนสวาท ลิ้นทั้งสองเกาะเกี่ยวกันจนแยกไม่ออก มือไม้ลูบคลำอย่างสะเปะสะปะไปทั่วร่างกายของอีกฝ่าย เราทั้งคู่ไม่มีใครยอมใคร จนกระทั่งผมอาศัยชัยภูมิได้เปรียบผลักฟรานส์ลงไปนอนแผ่กลางเตียง เผลอเงยหน้าสบตาอีกฝ่าย แม่เจ้าเลือดกำเดาเกือบพุ่ง


ฟรานส์ที่ตอนนี้มีสีหน้าเย้ายวนสุดๆ นัยน์ตาสีฟ้าใสหวานเยิ้ม ริมฝีปากบวมแดง เจ้าตัวยกฝ่ามือขึ้นมาไล้บริเวณแก้มผมเบาๆ


โฮ้กกกก ไม่ไหวแล้ว โอเชี่ยนจะไม่ทน!!


เราทั้งคู่ถูกดึงดูดเข้าหากันอีกครั้ง เรียกว่าโรมรันกันสุดๆ ผลักกันพลิกตัวขึ้นมาอยู่บนจนแทบจะตกเตียงหอย และแน่นอนว่าผมแมนมาก ผมจึงไม่ยอมอยู่ล่างแน่ๆนอกเสียจากอีกฝ่ายจะออนท็อป! ผมเลยพลิกกลับขึ้นมาอยู่บนร่างอีกฝ่ายอีกครั้ง และคราวนี้ตั้งใจว่าจะตะลุยขั้นต่อไปแล้ว


มือผมเลื้อยไปเรื่อยๆ ในขณะที่ริมฝีปากเราประกบเข้าหากัน จนกระทั่งผมสัมผัสถึงอะไรบางอย่าง... เป็นแผ่นเรียบลื่นเล็กๆเรียงเป็นระเบียบตรงบริเวณสะโพกของอีกฝ่าย…
   

มันคือเกล็ด


ผมลืมไปได้ไงวะว่าตอนนี้ทั้งผมและอีกฝ่ายเป็นเงือก!!


นั่นทำให้ผมชะงักการกระทำทุกอย่าง ไม่ใช่เพราะผมรังเกียจฟรานส์หรอกนะ แต่ประเด็นสำคัญคือ...คือ...เงือกมันโซเดมาคอมกันด้วยวิธีไหนวะ!!!ที่สำคัญ ตอนนี้ผมไม่มีน้องชายแล้วจะไปเสียบตรงไหน ต่อให้มีแล้วอีกฝ่ายจะมีช่องตรงไหนให้ผมเสียบ หรือถ้าตามที่เรียนมาสมัยเด็กมันใช้วิธีก่อหวอดใช่ไหม? แล้วผมต้องทำแบบนั้นด้วยหรือเปล่า แล้วถ้าเป็นตัวผู้เหมือนกันจะเป็นอะไรไหม
   

ทำไงดีวะ จะอ้าปากถามฟรานส์ก็ไม่ได้ด้วย ถ้าเกิดเจ้าตัวรู้ว่าผมไม่รู้วิธีแล้วจะพลิกกลับมากดผมเข้าจะทำไง
   

ผมเลิกๆลักๆชะงักค้างอยู่นานเพราะความไม่รู้ จนกระทั่งสังเกตอะไรบางอย่าง
   

ทำไมอีกฝ่ายยอมหยุดนิ่งรอผมดีๆ? คือ..ผมเองก็เป็นผู้ชายนะ ไอ้อารมณ์แบบนี้ไม่มีใครมาหยุดรออีกฝ่ายนานหรอกหื่นหน้ามืดจับปล้ำหมดแหละ จนเมื่อผมก้มหน้าสบตากับอีกฝ่าย
   

...ชัดเลย ไม่มีลูกตาดำ


ฟรานส์ที่อยู่ใต้ร่างผมหลับตาพริ้มลมหายใจสม่ำเสมอไปแล้ว เจ้าตัวหลับ!! ทำแบบนี้ได้ไงฟระ!!! นี่มันไคลแม็กนะเฟร้ย ฉากNC18+นะเฟร้ย!! ถึงผมจะคิดแบบนั้นแต่ในอีกใจผมก็โล่งอก เพราะถ้าเกิดทนไม่ไหวขึ้นมาแล้วถูกพลิกจับกดผมคงร้องแน่ๆ


คิดแบบนั้นแล้วมองหน้าอีกฝ่าย ค่อยๆเกลี่ยผมที่ปรกหน้าบางส่วนออก ใบหน้าของฟรานส์เต็มไปด้วยร่องรอยของความเหนื่อยล้า นั่นสินะ ไหนจะกระโจนลงในกระแสน้ำไปหาผม กว่าจะเดินทางกลับมาถึงที่นี่ แล้วยังจะต้องทำหน้าที่ของเจ้าชายอีก
ปล่อยให้พักสบายๆไปก่อนแล้วกัน..


ผมเลยพลิกตัวหงายลงไปนอนข้างๆ หันหน้าเข้าหาอีกฝ่ายที่เริ่มขยุกขยิกขยับตัวหาท่านอนที่สบายตัวที่สุด จนจบที่การคว้าหัวกับตัวผมไปกอดแทนหมอนข้าง แต่ไม่เป็นไรถือว่าผมกำไรแล้วกัน คิดแบบนั้นผมก็เอื้อมมือเข้าไปโอบอีกฝ่าย ไออุ่นนั่นทำให้ผมเริ่มเคลิ้มและหลับไปเช่นเดียวกัน…

++++++++++++++++++++++++++++++++++

สัมผัสวาบหวามและชื้นแฉะเกิดขึ้นในขณะที่ผมกำลังหลับอยู่ ปัดทิ้งก็แล้ว บิดตัวหนีก็แล้วมันก็ยังไม่จางหาย ความรู้สึกเสียวซ่านแผ่กระจายไปทั่วจนผมอดไม่ได้ที่จะต้องครางออกมาในลำคอ


มันเกิดอะไรขึ้น ใครมาขัดเวลานอนอันแสนสุขของผม


จนเมื่อผมปรือตาขึ้นมามองนั่นล่ะ จึงได้เห็นใครบางคนนอนทาบทับอยู่บนตัวผม


คิดว่าใคร ที่แท้ก็ฟรานส์ที่นอนข้างผมเมื่อคืนนั่นล่ะ เจ้าตัวกำลังแทะเล็มบริเวณแถวหน้าอกผมอยู่ พอเห็นหน้าอีกฝ่ายที่คุ้นเคยดีผมก็เลือกปิดตาหลับต่อ


.


.


.


เล็มหน้าอก..


ฟรานส์กำลังเลียนมผม...


เฮ้ย เดี๋ยวดิวะ!!


ผมสะดุ้งเฮือกกระเด้งขึ้นมานั่งหันขวับไปมองข้างตัวก่อนจะเป่าปากโล่งใจที่ว่าเจ้าชายเงือกยังนอนอยู่ที่เดิมที่ไม่ใช่บนตัวผม แล้วไอ้ความรู้สึกวาบหวิวสยิวกิ้วที่เกิดขึ้นนั่นผมฝันไปหรือฟระ นี่ผมหื่นขนาดเอาไปต่อในฝันเลยรึ!!
 

ในขณะที่ผมกำลังทบทวนความทรงจำ อะไรบางอย่างที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงปลายเตียงก็ทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นดูและตกใจแทบช็อค


ฟิลันที่มาจากไหนก็ไม่รู้กระโดดมานั่งอยู่บนตักผม และเจ้าตัวยื่นหน้ามาจ้องเพ่งเสียจนทำให้ผมตื่นตระหนกเหมือนตัวเองไปทำความผิดมีชนักติดหลัง


“ตกใจหมดฟิลันมานั่งจ้องอะไรเนี่ย!!”
   

“เมื่อคืนท่านพี่ไม่ได้กลับห้อง” ฟิลันพูดพร้อมหรี่ตาจับผิด “ที่แท้มานอนอยู่ห้องพี่โอนี่เอง”
   

ก ก็ใช่ไง เมื่อวานเจ้าตัวชิงหลับคาอกเสียก่อนก็เลยไม่ได้กลับห้องตัวเอง
   

“ฮ้าว~ มีอะไรกันหรอ” ฟรานส์ที่นอนอยู่ข้างๆค่อยๆบิดตัวลุกขึ้นมาอย่างเชื่องช้า ผมสีทองดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย เจ้าตัวปรือตามองซ้ายมองขวา ก่อนจะหันมาทำอะไรบางอย่างที่ทำให้ทั้งผมและฟิลันตาค้าง
   

เจ้าตัวยื่นหน้ามาหอมแก้มผมดังฟอดก่อนจะว่ายโซซัดโซเซออกจากห้องไป
   

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย” ฟิลันครางอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะตวัดมามองหน้าผม ทำท่าเหมือนคนพี่ตอนหวงน้องตัวเองไม่มีผิด “เมื่อวานท่านพี่ทำอะไรพี่โอ!!”
   

เดี๋ยวดิคำถามมันสลับตำแหน่งหรือเปล่าวะมันต้องกลัวว่าตรูจะไปทำอะไรพี่มันดิ
   

“เปล่านะ พี่ไม่ได้ทำอะไรพี่ชายของฟิลันเลย เราทั้งคู่แค่เหนื่อยมากจนเผลอหลับไปเท่านั้นล่ะ”
   

ได้ยินแบบนั้นอีกฝ่ายก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ แต่ไม่วายพึมพำเสียงเบา ‘ข้ากลัวท่านพี่จะทำอะไรมากกว่า ไม่ได้ละต้องรีบไปบอกก่อนว่าพี่โอน่ะของข้านะ’
   

เดี๋ยวนะมันไม่ใช่ละโว้ย ไอ้หนูนี่มันดูไม่ออกหรอฟระว่าใครแมนใครกด เดี๋ยวบัดทำให้ดูซะเลย
   

ยังไม่ทันพิสูจน์ทฤษฎีความแมน ผมก็โดนฟิลันลากออกจากห้องแล้ว พวกคุณไม่ต้องถามหาการอาบน้ำหรอกนะเพราะเราอยู่ในน้ำตลอดเวลาอยู่แล้ว มันเลยไม่สกปรก~ (?)
   

“รีบลากพี่ออกมามีอะไรเนี่ย” ผมถามเด็กน้อยที่กำลังรุนหลังอย่างตั้งอกตั้งใจ จนเมื่อเห็นใครบางคนนั่นล่ะถึงได้รู้
   

เจ้าเด็กคาไลท์กำลังยืนตัวลีบ ใกล้ๆกันมีฟรานส์กับซินยืนกดดันอยู่


“จะให้พี่ออกมาช่วยเจ้าหนูนั่นก็ไม่บอก”


แต่ฟิลันส่ายหัว “เปล่า ข้าอยากชวนพี่โอแกล้งหมอนั่นเอาคืนต่างหาก”


อื้อหือ พี่น้องสำเนาถูกต้องเด๊ะๆ


“พอๆทั้งพี่ทั้งน้องเลย ไอ้หนูนี่ของชั้นเฟร้ย” พูดจบก็ว่ายไปกอดคอเด็กน้อยตรงหน้า และกระชับแน่นขึ้นตอนที่เจ้าตัวพยายามดิ้นหนี ‘เออออตามไปก่อนซิวะ ไม่เห็นหรือว่ามีเจ้าทุกข์มารอรุมประชาทัณฑ์เพียบเนี่ย’


“โอเชี่ยน!!/พี่โอ!!”


“พอครับไอ้คุณเจ้าชายทั้งสอง ไปทำหน้าที่ให้สมกับภาษีที่ชาวเมืองจ่ายซะ ฟรานส์ก็ไปทำงานของนาย ส่วนฟิลันก็ไปเรียน วันนี้พี่ยืมตัวไอ้เด็กนี่ก่อน เอาไว้พร้อมแล้วจะศพส่งให้” ผมสะบัดมือไล่สองเจ้าชายก่อนจะลากไอ้หนูนี่ออกมา ต่อหน้าก็ยอมตามออกมาดีๆหรอก แต่พอพ้นพวกนั้น เจ้าตัวรีบสะบัดมือหนีแทบไม่ทัน


“นี่ อย่ามาทำสะดีดสะดิ้งเป็นสาวน้อยหน่อยเลย ถ้าฉันไม่ลากแกออกมามีหวัง แกโดน2พี่น้องนั่นแกล้งแน่ๆ” เจ้าตัวจ้องอย่างเคียดแค้นเสียจนถ้าฆ่าคนทางสายตาได้ผมคงตายไปแล้ว “ให้ตายเหอะ ถึงไอ้คาแรกเตอร์สายซึนเดเระมันเป็นที่นิยมแต่ก็เฉพาะกับสาวๆเท่านั้นนะโว้ย ไอ้หนูอย่างแกมาทำแล้วน่าขนลุก”


“เจ้าพูดบ้าอะไร คาแรคเตอร์ ซึนเดเระ มันคืออะไร”


ผมถอนหายใจก่อนจะหันไปมองซ้ายขวา เมื่อแน่ใจว่าไม่มีเงือกตัวไหนอยู่ในบริเวณนี้


“มันก็คือไอ้พฤติกรรมปัญญาอ่อนที่แกทำอยู่นี่ไงละโว้ย!! ไอ้มุขรังแกคนที่ตัวเองแอบชอบนี่มันมีแต่เด็ก5ขวบเท่านั้นล่ะที่จะทำเฟร้ย” อดรนทนไม่ไหวเลยจิ้มหน้าผากไอ้เงือกเด็กนี่ซะแทบหน้าหงาย “แล้วตอนนี้เป็นไงล่ะ พาลไม่ชอบหน้าทั้งพี่ทั้งน้อง รับรองเลยว่าแกต้องโดนเอาคืนแน่ๆ”


แม้ผมจะหมั่นไส้ไอ้เด็กตรงหน้าแค่ไหน แต่ผมก็แอบเห็นใจเด็กนี่ไม่น้อยยิ่งเป็นรักต่างชนชั้นแบบนี้ แต่ก็นะไอ้การเรียกร้องความสนใจแบบเด็กๆนี่มัน…


“แล้ว.. ข้าจะต้องทำยังไง”


“หมายถึงจะรอดจากการแกล้งของไอ้2พี่น้องนั่นหรอ” ผมส่ายหัวทำท่ายียวน “ทนลูกเดียว อย่างน้อยแกก็เด็กอยู่พวกนั้นคงแกล้งไม่นานนักหรอก อาจจะซัก2-3วัน”


“ไม่ใช่ ข้าหมายถึงทำให้ฟิ.. เจ้าชายฟิลันพอใจ”


“โอ๊ว เป็นคำถามที่ดีมาก สำหรับฟิลันนะ ง่ายๆเลย อย่าเถียง อย่าขัดใจ อย่าหาเรื่อง พูดกับเจ้าตัวดีๆหวานๆ ไม่มีใครชอบคนที่ดูถูกเราตลอดเวลาหรอกจำไว้!”


คาไลท์คิ้วขมวด “แล้วข้าจะรู้ได้ยังไงว่าที่เจ้าพูดมามันเป็นเรื่องจริง”


“ก็คนมันมีความสามารถอะนะ จะเชื่อหรือเปล่าก็ตามใจ แต่ลองดูเองเถอะว่าฟิลันติดฉันขนาดไหน”


“ไม่ใช่ว่าเจ้าแอบพึงพอใจฟิลันแล้วมาหลอกข้าหรอกนะ... เจ้าอย่ามาหัวเราะข้านะ!!!” ดูเหมือนความพยายามกลั้นขำของผมจะล้มเหลว เพราะเจ้าตัวจับได้ ผมเลยปล่อยก๊ากออกมาแบบไม่เกรงใจใครทำเอาเจ้าตัวยืนกระฟัดกระเฟียดหน้าแดงก่ำ


“โถ โถ น่าสงสาร จะบอกอะไรให้นะ ถ้าฉันสนใจฟิลันจริงป่านนี้เรียบร้อยไปนานแล้ว”


“...ก็ได้ข้าจะลองดู” เจ้าเด็กตรงหน้าตอบตกลงหลังจากคิดชั่งใจอยู่นาน และนั่นก็ทำให้ผมยิ้มกว้างตบหลังเจ้าเปี๊ยกตรงหน้าดังพลั๊ก


“มันต้องแบบนี้สิ เราเป็นสามีมันต้องสุภาพ อ่อนโยนกับว่าที่ภรรยาหน่อย” แล้วผมจะได้มีเวลาไปจู๋จี๋กับฟรานส์โดยไม่มีตัวขัดขวางซะทีชาลาลา


มันคือการตกลงร่วมเป็นพันธมิตรของสองเมะเพื่อที่จะจับกดเจ้าชายให้ได้


แต่ใครจะไปรู้ว่ามันจะผิดจากที่คาดไว้ จนผมนึกไม่ถึงสักนิด...
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 25-4-59 : ตอนที่9
เริ่มหัวข้อโดย: YADA ที่ 25-04-2016 22:16:26
โอเชี่ยนคือรัชทายาทที่หายไปหรอ

เอ้ย.. เจ้าชายสิ พี่โอเราได้เป็นเจ้าชายแล้ว

 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 25-4-59 : ตอนที่10
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 25-04-2016 22:26:18
แง่ม ถ้าโอเป็นเจ้าชาย พล็อตมันจำเจจังเลย

ว่าแต่

โอไม่มีออร่าเป็นพระเอกเบยยยย อย่าบอกนะว่าจะโดนฟรานส์กดแทน? เคะเคะซะเลยเรื่องนี้ 5555
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 25-4-59 : ตอนที่10
เริ่มหัวข้อโดย: mymine ที่ 30-04-2016 20:57:00
ตอนที่11


“ได้ไงอ่ะท่านพี่ข้าไม่ยอมนะ!!” เสียงโวยวายขององค์ชายน้อยแห่งแฟริเซียร์ดังลั่นไปทั่ว นั่นทำให้ผมปวดกบาลจนแทบจะอยากโดดลงผากลับไปหาไซรัสอีกรอบ


มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นน่ะหรือ
   

ดูเหมือนว่าผมจะประเมินความหื่นของว่าที่ภรรยาผมน้อยเกินไป เพราะในช่วงเย็นของวันผมก็ได้รับคำสั่งให้ย้ายห้องคือถ้าพวกคุณพอจะคุ้นๆบ้าง ในตอนแรกผมได้นอนห้องติดกับฟิลันในปราสาทใช่ไหม นั่นล่ะฟรานส์จะยกห้องนี้ให้เจ้าเด็กใหม่คาไลท์แทน เพราะว่าจะได้อารักขาเจ้าชายน้อยได้เต็มที่ เช่นเดียวกับซินที่มีห้องอยู่ใกล้ๆฟรานส์
   

แล้วปัญหามันอยู่ที่ตรงไหนน่ะหรือ
   

ฟรานส์ดันไม่ได้เตรียมห้องใหม่ให้ผมไง เจ้าตัวบอกง่ายๆว่า ‘เจ้าก็ไปนอนห้องข้าแล้วกัน’ โหย ให้ท่าสุดๆอ่ะ ไม่กลัวพี่โอเชี่ยนอดใจไม่ไหวสักนิด
   

แต่นั่นเป็นสิ่งทำให้ฟิลันงอแงอยู่ตอนนี้ เจ้าตัวอยากได้ผมไปนอนด้วยมากกว่า
   

ไอ้พี่น้องเงือกคู่นี้ เห็นผมเป็นหมอนข้างหรือไงวะครับ
   

“ฟิลัน... เตียงเจ้าเล็กกว่าตัวโอเชี่ยนตั้งครึ่ง จะให้ไปนอนขดบนที่นอนเจ้าไม่เห็นใจพี่เขาบ้างหรือ”ฟรานส์ยกเหตุผมที่ฟังดูแล้วสมเหตุสมผล....ตรงไหนฟระ ถ้าจะเอาจริงก็แค่หาเตียงมาเปลี่ยนให้ใหม่ก็จบแล้วนี่นา
   

แต่ผมไม่พูดไรหรอกเพราะเลือกได้ผมก็อยากนอนอีกห้องเหมือนกัน หุหึหุหึ


“แต่ว่า...” เจ้าชายน้อยเบะปากทำท่าจะร้องแล้ว นั่นทำให้ผมต้องรั้งเจ้าตัวเล็กมากอด “แค่ที่นอนเองฟิลัน พอเช้ามาพี่ก็ต้องมาอยู่กับเราอยู่ดี” คำพูดนั้นทำให้ฟิลันเงยหน้ามอง ก่อนจะยิ้มกว้าง


“จริงๆนะ”


แหงสิจ๊ะ กลางวันพี่ไปอยู่กับเมียพี่ได้ที่ไหน มีหวังโดนชู๊ตออกจากห้องข้อหาเกะกะการทำงาน


“งั้นก็ได้ แต่พวกพี่ห้ามทำอะไรกันนะ” นั่น...ไอ้หนูพูดออกอากาศมาได้ไม่แคร์สื่อซักนิดของแบบนี้มันควรต้องแอบๆกระซิบไม่ใช่เรอะ


“พี่รับรองว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่” ฟรานส์ตอบรับอย่างแข่งขัน แต่มันใช่หรอเว้ยเฮ้ย มันต้องผมที่เป็นคนยืนยันดิ


แต่จะว่าไปก็ดีอย่าง เพราะผมไม่ได้รับปากด้วยนี่ เพราะอย่างนั้นผมก็ทำได้ใช่ไหม คิคิ


สุดท้ายผมก็เลยเอาที่ติดผมที่ลืมให้ตั้งแต่ช่วงเช้าไปเป็นของปิดปากฟิลันซะ นั่นล่ะ ทำให้เหตุการณ์แย่งแหวน เอ้ย แย่งผมจึงจบลงโดยดี คนมันฮอตก็งี้แหละมีแต่สาวๆมารุมรัก(?)



ผมพึ่งมีโอกาสได้เข้าห้องพักของฟรานส์เป็นครั้งแรก นั่นทำให้ผมแอบตื่นเต้นไม่น้อย


และพอได้เข้าจริง ความรู้สึกแรกที่สัมผัสเลยคือ...อึ้ง


คือของภายในห้องของฟรานส์มันไม่ต่างกับที่ผมเห็นบนบกเลยสักนิด ทั้งโซฟา ตู้กระจก โต๊ะ ที่น่าแปลกตากว่านั้นก็คือเตียง ไม่ใช่เตียงธรรมดานะครับ


มันคือเตียงฟูกหรูคิงไซต์สีสันฉูดฉาดที่ใช้ในโรงแรมม่านรูด เพราะรูปร่างหน้าตาที่โฉบเฉี่ยวเหมือนเปลือกหอยมุกอ้าปาก มีหมอนเม็ดกลมๆกองอยู่เต็มที่นอน แต่..คือ...พวกเอ็งมีเปลือกหอยจริงๆใช้อยู่แล้วจะไปเอาของเลียนแบบมาทำอะไรฟระ


ที่สำคัญ....


เฮียไปหิ้วเอาของแบบนี้มาจากโรมแรมไหนวะครับ


ผมหันไปมองหน้าเจ้าของห้องด้วยความสับสนว่าตัวเองยังคงอยู่ในน้ำหรือบนบกกันแน่ และดูเหมือนเจ้าตัวจะเข้าใจสีหน้าหมางงของผม


“ข้าไปเก็บเอาจากพวกเรือที่จมลงมา” นั่นก็ช่วยขยายความเข้าใจของผมได้บ้าง แต่ที่แอบสงสัยต่อนั้นคือ มันดีถึงขนาดต้องไปลากออกมาจากเรือหรอฟระ “เอาน่า เจ้าน่าจะคุ้นเคยกับของพวกนี้ไม่ใช่หรือ อย่าเรื่องมากนอนๆซะไป”


ผมพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะกระโจนพุ่งลงเตียง จะว่าไปก็ไม่ได้นอนเตียงแบบนี้มานานแล้วแฮะ ผมมุดฝ่ากองหมอนลงไปก่อนจะโผล่หัวขึ้นมา “ว่าแต่ทำไมนายถึงต้องให้ฉันมานอนห้องนี้ด้วย”


ฟรานส์เลิกคิ้วด้วยความรู้สึกแปลกใจเล็กๆ เจ้าตัวคงไม่คิดหรอกว่าผมจะรู้จุดประสงค์อื่นที่เจ้าตัวแอบแฝงไว้ แหม ใครบอกว่าผมหื่นเป็นอย่างเดียวล่ะ


“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก... ข้าแค่อยากมั่นใจว่าเจ้าจะไม่หายไปไหนอีก” เจ้าตัวคลี่ยิ้มบางมาให้เล่นเอาหัวใจผมกระตุก
เย็นไว้โอเชี่ยน เย็นไว้เอ็งพึ่งสัญญากับฟิลันมานะโว้ย อย่าพึ่งหลุดตั้งแต่คืนแรก


“อีกอย่างไม่แน่ว่าเจ้าต่างหากที่สมควรจะนอนห้องนี้มากกว่าข้าด้วยซ้ำ”


“หมายความว่ายังไง?”


เจ้าตัวไม่พูดอะไรแต่หันมาลากผมลงไปนอนด้วยกัน ก่อนที่จะเริ่มทำเหมือนผมเป็นหมอนข้างโอบกอดแน่น “นอนซะ แล้วสักวันเจ้าจะได้รู้.... อีกไม่นานหรอก”


.


.


.


ถ้าพวกคุณๆจะหวังถึงเรื่อง...ของพวกผมล่ะก็ลืมมันไปได้เลย


ฟรานส์ดูจะยึดถือสัญญาที่ให้ไว้กับฟิลันมากกว่าที่ผมคิด เจ้าตัวไม่มีวี่แววจะแบบว่าชักชวนผมร่วมกิจกรรมเข้าจังหวะเลยสักนิด ไอ้ผมมันก็สุภาพบุรุษไง จะให้ปล้ำอีกฝ่ายก่อนก็ดูจะไม่ดี


หลายคืนผ่านไปผมเริ่มคุ้นชินกับการนอนในห้องของฟรานส์เอาเข้าจริงมันก็เหมือนนอนบนบกนั่นล่ะ ไม่ได้แตกต่างกันเลย
แต่สิ่งที่ทำให้ผมอึ้งทึ่งกว่าการไปนอนอยู่ในห้องของเจ้าชายก็คือผมพึ่งจะได้รู้ว่าความอาฆาตของฟิลันนี่มากกว่าที่ผมคิดเอาไว้เยอะ


ทั้งที่ตอนแรกผมกะว่าเจ้าตัวจะแกล้งเด็กคาไลท์นั่นแค่2-3วัน แต่นี่มันล่อมาเกือบอาทิตย์นึง ดูเหมือนเจ้าตัวจะเริ่มเคยชินกับกฎระเบียบในวังบ้างแล้วแม้จะยังโดนแกล้งไม่หยุด


และไม่รู้เจ้าตัวเล็กพูดอะไร บางครั้งเวลาเผลอ แววตาของอีกฝ่ายที่มองผมจะแฝงความเจ็บปวดมาด้วย จนผมอดรนทนไม่ไหว


“ฟิลัน เราไปแกล้งอะไรคาไลท์มันบ้างนี่” เจ้าตัวได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้วน่ารักใส่ผม “อะไร เจ้านั่นมาฟ้องพี่โอหรอ เดี๋ยวจะโดนมิใช่น้อย”


อึ๋ย นี่ฟิลันติดเชื้อซาดิสต์มาอีกคนแล้วหรือนี่


“ไม่ๆ พี่เห็นเจ้าตัวดูหงอยๆท่าทางก็ผอมลง” ผมมองเจ้าตัวที่ยืนหงออยู่ด้านหลัง “ถ้าไม่ต้องการเจ้าตัวจริงๆก็บอกมาพี่จะได้ให้ฟรานส์ส่งกลับบ้านไปซะ มาเห็นเจ้าตัวเป็นแบบนี้พี่รู้สึกผิดนะ ยิ่งพี่เป็นคนเสนอบทลงโทษอันนี้เองด้วย”


“ข้าสัญญาว่าจะแกล้งให้น้อยลงแล้วกัน.. เรื่องนั้นช่างมันเถอะ พี่โอเราออกไปเที่ยวข้างนอกกันดีกว่า”


“ท่านฟิลันแต่วันนี้ท่านมีเรียน..” องค์รักษ์ใหม่พยายามเรียกอีกฝ่าย แต่ดูเจ้าชายน้อยจะไม่สนใจ จงใจเมินอย่างเห็นได้ชัด เจ้าตัวพยายามฉุดผมให้ตามไปแต่..


“ฟิลัน....ได้ยินที่คาไลท์พูดแล้วไม่ใช่หรือ วันนี้เจ้ามีเรียนนะ” เสียงเข้มของเจ้าชายคนพี่ดังขึ้นทำให้ฟิลันเบะปากไม่พอใจ


“ท่านพี่ ข้าอยากออกไปเที่ยวกับพี่โอนี่นา”


“เอาไว้วันหลัง วันนี้พี่ต้องพาพี่โอไปทำธุระก่อน” แม้จะไม่ชอบใจแต่พอบอกจุดหมายที่ผมไม่รู้จักเท่านั้นล่ะ ฟิลันก็ยอมรามือแต่โดยดีแต่เจ้าตัวดันว่ายน้ำหนีทำให้คาไลท์ต้องเร่งว่ายตามติดเจ้าตัวไปด้วย


“ทำไมหลังๆชักรู้สึกว่าฟิลันหัวดื้อขึ้นว้า”


“เรื่องปกติ เจ้าต่างหากที่ไม่รู้อะไร” ฟรานส์พูดพร้อมกับส่ายหัวปลง “เอาล่ะเราไปกันได้แล้ว ข้ามีใครบางคนอยากให้เจ้าพบ อย่าช้าข้าไม่อยากให้นางรอนาน”


ฟรานส์จะพาผมไปพบใคร?


แม้จะสงสัยแต่ฟรานส์ไม่ได้พูดอะไรต่อ เจ้าตัวว่ายนำผมไปทางด้านหลังปราสาท ซึ่งผมเองก็พึ่งได้เข้ามาเป็นครั้งแรก บริเวณนี้ถูกจัดให้เป็นเหมือนปราสาทขนาดเล็กแยกออกจากตัวปราสาทหลักโดยสิ้นเชิง  รอบๆรายล้อมไปด้วยดอกไม้ทะเลสีสันสวยงาม มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังก้าวเข้าสู่บ้านไม้ที่ตั้งอยู่ในทุ่งดอกไม้ขนาดใหญ่


ด้านหน้ามีหญิงสาวรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นน่าหม่ำมาต้อนรับก่อนจะเชิญพวกเราเข้าไปรอที่ห้องโถง นั่นทำให้ผมอดตื่นตาตื่นใจไม่ได้


ภายในแม้จะมีห้องจำนวนไม่มากเท่ากับปราสาท แต่ก็น่าจะจัดอยู่ในกลุ่มบ้านของคนรวย เหนือโถงมีปะการังห้อยระย้าเป็นสาย แต่ละกิ่งมีแสงระยิบระยับของเพรียงทะเลสวยงามจับตา


ผมมัวแต่โชวบ้านนอกด้วยการแหงนคอมองเพดานไปเรื่อยๆ ไม่รับรู้สึกนิดว่ามีใครบางคนเข้ามาในห้องแล้วจนเมื่อฟรานส์สะกิดเสียจนเกือบจะใช้หางโบกหัวผมนั่นแหละ ผมถึงได้รับรู้


บนโซฟาสีขาวฟูนุ่มมีหญิงสูงวัยนั่งอยู่ ผมของนางเป็นสีขาวยาวจรดพื้น นัยน์ตาสีเขียวใส ครีบและหางเป็นสีเขียวอ่อน แม้ตอนนี้อาจจะเหี่ยวไปซักหน่อย แต่ผมสัมผัสเค้าความงามของเจ้าตัวได้ ในอดีตอีกฝ่ายต้องเป็นเงือกสาวที่สวยหาตัวจับยากอย่างแน่นอน


ฟรานส์ที่ยืนอยู่ระหว่างเราทั้งสองผายมือให้อีกฝ่าย “โอเชี่ยน นี่คือท่านไลอาร์” ผมก้มทำความเคารพอีกฝ่ายที่ดูจะมีศักดิ์สูงมากพอดูขนาดที่ฟรานส์ยังต้องสำรวม “ท่านคือผู้มีอำนาจสูงสุดของของแฟริเซียร์ในขณะนี้...เป็นราชินีคนปัจจุบัน...”
หา!!


ตาเหลือกเลยซิฟระ อยู่ดีๆพามาเจอกับราชินีตัวเป็นๆแบบนี้ แล้วท่านต้องการพบผมเรื่องอะไร หรือเพราะเรื่องเงือกนอกรีต แล้วผมต้องทำตัวไงวะ ทำอะไรผิดไปจะสั่งตัดหัวผมหรือเปล่า


“อย่าพูดอย่างนั้นเลย ข้าเป็นเพียงเงือกสูงวัยที่ใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆแค่นั้นล่ะ” อีกฝ่ายส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ “ฟรานส์เจ้าต่างหากที่เป็นอำนาจในการสั่งการทั้งหมด ข้าได้ส่งต่อให้เจ้าแล้ว”


ทั้งสองคุยกันในขณะที่ผมยืนมองกระสับกระส่าย จะเอาตัวเข้าไปคุยด้วยก็ไม่รู้เรื่อง แต่ไอ้ครั้นจะขอตัวออกไปก็เสียมารยาท แถมฟรานส์บอกว่าอีกฝ่ายต้องการพบผม คงจะมีเรื่องคุยด้วยละมั้ง


จนกระทั่งหญิงชราตรงหน้าหันกลับมามองผม “ดูสิ ข้าปล่อยให้แขกยืนรอตั้งนานได้ยังไง...ต้องขอโทษนะที่ต้องให้รอ ข้าอายุมากแล้วเจ็บก็เลยเจ็บป่วยบ่อย ไหนเจ้าช่วยขยับเข้ามาให้ข้ามองชัดๆหน่อยได้ไหม”


ผมหันไปมองคนข้างตัวอย่างขอความคิดเห็น และหลังจากฟรานส์พยักหน้าแล้ว ผมก็ค่อยๆกระดึบไปใกล้กับอีกฝ่าย
ท่านไลอาร์ดูจะพินิจพิเคราะห์ผมอย่างมาก มือขาวของอีกฝ่ายลูบแก้มสองข้างของผม ก่อนที่จะเลื่อนไปลูบบริเวณเกล็ดที่สะโพก “ซิลวาร์... เจ้ายังอยู่จริงๆ” อีกฝ่ายพึมพำเบาๆก่อนน้ำตาจะร่วงลงมาเป็นสาย กลายเป็นไข่มุกบริสุทธิ์ ส่วนผมน่ะหรือ หน้าซีดสนิทแล้ว


ผมทำราชินีร้องไห้ ตายๆกูตายแน่


“ผู้ให้กำเนิดเจ้า.. มีผมสีทองยาวสลวยและดวงตาสีเขียวใสถูกต้องไหม” คำถามแผ่วเบาของอีกฝ่ายทำให้ผมชะงัก ก่อนจะสบตากับอีกฝ่าย “ท่านรู้ได้ยังไงครับ”ผมถามอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจ


ถึงผมจะมีเชื้อลูกครึ่งจากแม่ มีผมสีทองเหมือนแม่แต่เพราะหน้าผมน่ะโคตรไทยเหมือนพ่อ ถึงจะดีหน่อยตรงที่ขาวก็เถอะ แต่ดวงตาของผมก็เป็นสีดำสนิทไม่ต่างกับพ่อเช่นกัน ทำให้คนทั่วไปนึกว่าผมไปย้อมผมสีเจ็บๆแค่นั้น


“แน่นอน ข้าดูไม่ผิดแน่ ดวงตาแบบนี้ ไหนจะสีครีบนี่อีก มีแค่บุตรของข้าเท่านั้นที่มีสีนี้ ทายาทคนสุดท้ายของข้า... รัชทายาทที่หายสาบสูญของแฟริเซียร์”


คำพูดของอีกฝ่ายทำให้ทั้งผมและฟรานส์เบิกตากว้างด้วยความตกใจ โดยเฉพาะผม


เรื่องนี้มันเป็นไปไม่ได้ ถึงแม่ผมจะตายตั้งแต่ผมยังเด็ก แต่ผมก็มั่นใจว่าเจ๊แกไม่มีครีบออกมาให้ผมลูบเล่นแน่ๆ แล้วจะมาบอกว่าเจ้าตัวเป็นเจ้าหญิงเงือกนี่นะ


“ท่านครับ ผมเข้าใจความสูญเสียของท่านดี แต่ยังไงท่านไม่มีทางเป็นคุณยายของผมได้แน่..”


“โอเชี่ยน!!เจ้าหยุดก่อน” ฟรานส์รู้ว่าผมหมายถึงอะไรและพยายามห้าม แต่ผมไม่คิดว่าการรู้เรื่องที่หลังจะเป็นเรื่องดี นอกจากจะยิ่งสิ้นหวังลงไปอีก


“ผมไม่มีทางเป็นหลานของท่านได้แน่นอนเพราะทั้งพ่อและแม่ของผมเป็นมนุษย์ครับ”


...


“และนั่นก็หมายความว่า... ผมที่อยู่ต่อหน้าท่านเองก็เป็นมนุษย์เช่นกัน”
สิ้นคำพูดหญิงชราตรงหน้าตาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย อีกฝ่ายนั่งนิ่งค้างไปจนทำให้ผมใจเสีย คิดว่าจะทำให้เงือกตรงหน้าช็อคไปแล้ว


“.. นั่นสินะ” เสียงหวานแผ่วเบาลอดออกมา “เราถึงไม่เคยหาซิลวาร์เจอ ...เจ้าลูกตัวแสบนั่นหนีขึ้นไปบนแผ่นดินนี่เอง”
ราชินีเงือกทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน มือบางค่อยๆสางผมสีขาวของตัวเองก่อนจะหันกลับมามาผม


“ต่อให้เจ้าปฏิเสธอย่างไรข้าก็มั่นใจว่าเจ้าต้องเป็นลูกของซิลวาร์แน่ ในผืนน้ำแห่งนี้มีเงือกสายเลือดเดียวเท่านั้นที่มีเกล็ดสีนี้... สายเลือดบริสุทธิ์ของราชันแห่งท้องทะเล สายเลือดเส้นเดียวกับลูกชายและสามีของข้า”


...


ปวดกบาล


ทำไมยายตรงหน้าไม่เชื่อผมเลยซักนิดว่าผมไม่ได้มีสายเลือดราชันอะไรนั่น ผมเป็นแค่เด็กเกรียนที่พึ่งเรียนจบมาฉลองกับเพื่อนเท่านั้นล่ะ จะไปเป็นลูกเจ้าหญิงที่ไหนได้ไง


...เดี๋ยวนะ


“ท่านไลอาร์ ผมคิดว่าเราอาจจะกำลังพูดคนละเรื่อง...” ผมประท้วงเรียกความสนใจจากเงือกทั้งสอง “จากเมื่อกี้ท่านบอกว่าลูกชายใช่คนเดียวกับที่หายไปและเป็นรัชทายาทใช่ไหม”


“ใช่ ข้ามีบุตรเพียงคนเดียวเท่านั้นคือซิลวาร์ เจ้าชายที่ถูกต้องของแฟรีเซียร์” คำยืนยันนั่นทำให้ผมยิ้มกว้าง


“งั้นผมก็ไม่มีทางที่จะเป็นลูกของลูกชายท่านแน่นอน เพราะคนที่ผมพูดถึงมาตลอดไม่ใช่พ่อครับ”



“แต่เป็นแม่”


แทนที่ทั้งสองจะมีปฏิกิริยากับสิ่งที่บอกไป แต่ที่ผมเห็นคืออาการนิ่งสนิทไม่มีแววตกใจใดๆ จนกระทั่งฟรานส์กระตุกแขนเรียกความสนใจจากผมเบาๆ


“โอเชี่ยน คือข้าก็ลืมไปว่าเจ้าเป็นมนุษย์มาก่อน” ฟรานส์ดูอึกอักที่จะพูด “แต่สำหรับชาวเงือกเราน่ะ ไม่ว่าเพศไหนก็ท้องได้นะ”
หา!!!


ช็อคสิครับ นี่เรากำลังนึกการท้องนะ อุ้มท้องโย้9เดือน นี่มันสิทธิเฉพาะของผู้หญิงไม่ใช่หรือไงวะ “สำหรับมนุษย์นี่อาจจะแปลก แต่ชาวเงือกเราเป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะยามเกิดมาเราไม่ได้มีเพศมาตั้งแต่ต้น สรีระภายในจึงไม่แตกต่างมากนัก และถึงเงือกเพศผู้จะตั้งท้องยากมากกว่าเงือกเพศหญิงก็ตาม แต่ไม่ได้หมายความว่าท้องไม่ได้”


แม่เจ้า สิ่งมหัศจรรย์อันดับ8ของโลก เงือกท้องได้หมด นี่มันเหลือเชื่อมากเลยนะแสดงว่าตลอดมาผมมีแม่เป็นตัวผู้ แล้วไอ้พ่อบ้านั่นไม่บอกเลยสักนิด


คอยดูนะกลับไปผมจะไปเค้นคอให้น่าดู


“เพียงแต่เป็นค่อนข้างอันตรายสำหรับเงือกเพศผู้ในการตั้งท้อง ส่วนมากแล้วเงือกเพศผู้มักจะมีทายาทได้เพียงหนึ่งเดียวและหลังจากนั้นแม่ก็จะอ่อนแอลงมาก” ฟรานส์ยิ้มแห้งให้ผม “แต่ถึงอย่างนั้นนั่นก็ยังไม่ใช่สาเหตุของการเสียชีวิตของท่านซิลวาร์...ข้าเดาว่าสาเหตุแท้จริงอยู่ที่การฝืนคลอดบุตรบนผืนดินต่างหาก หากเลือกกลับลงมาคลอดในน้ำก็คงจะไม่เป็นแบบนี้”
สิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวออกมายิ่งทำให้ผมชะงัก


“แต่ถ้าเลือกกลับลงมาคงจะยากที่จะได้กลับขึ้นไปบนแผ่นดินอีกเป็นครั้งที่สอง และที่สำคัญ ท่านซิลวาร์คงไม่แน่ใจว่าเจ้าจะมีชีวิตรอดในน้ำได้ไหมในเมื่อเป็นลูกครึ่งมนุษย์กับเงือก ถ้าเกิดออกมาแล้วไม่สามารถอยู่ในน้ำได้ทารกเช่นเจ้าก็คงจะต้องตายแน่นอน เพราะฉะนั้นก็เหลือทางเลือกเดียวสำหรับท่านซิลวาร์”


เรื่องราวตอนแรกว่าน่าตกใจแล้ว แต่สิ่งที่ฟรานส์พูดนั่นทำให้ผมตกใจยิ่งกว่า


ถ้าแม่ของผมเป็นตัวเดียวกับที่เงือกตรงหน้าทั้งสองของผมยืนยัน นั่นหมายความว่า



แม่ผมเป็นตัวผู้…


แม่ผมเป็นเจ้าชายและเป็นรัชทายาทของแฟริเซียร์...


แม่ผมหนีขึ้นบกจนไปรักกับพ่อ...


แม่มีผมเป็นลูกเพียงคนเดียว


และแม่อ่อนแอลงจนตายเพราะเลือกให้กำเนิดผมและเลือกที่จะอยู่กับผมและพ่อจนวินาทีสุดท้าย...
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 30-4-59 : ตอนที่11
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 30-04-2016 21:06:39
T T

แม่ท่านพี่โอช่างรักลูกยิ่งนัก

แอบเศร้าใจเล็กๆ
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 30-4-59 : ตอนที่11
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 30-04-2016 23:12:32
โธ่ พี่โอชีวิตรันทดจริง
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 30-4-59 : ตอนที่11
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 30-04-2016 23:51:59
โอ้ว!  โอมีสิทธิ์ท้องได้สินะ :katai5:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 30-4-59 : ตอนที่11
เริ่มหัวข้อโดย: เมื่อนั้นฝันว่า ที่ 01-05-2016 12:19:19
โอเคท้องได้ แล้วเขาได้กันทางไหนอันนี้ยังไม่รู้
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 30-4-59 : ตอนที่11
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 01-05-2016 17:37:28
สรุปพี่โอแกเป็นลูกครึ่งสินะ ครึ่งเงือกครึ่งมนุษย์ สงสารคุณแม่พี่โอจัง
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 30-4-59 : ตอนที่11
เริ่มหัวข้อโดย: YADA ที่ 01-05-2016 21:41:17
งื่ออ... อยากอ่านส่วนของซิลวาร์ด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 30-4-59 : ตอนที่11
เริ่มหัวข้อโดย: mymine ที่ 01-05-2016 22:18:45
ตอนที่12


“.. โอ... โอเชียน”
   

“หือ อะไรนะ” ผมเงยหน้าสบตากับฟรานส์ที่มองหน้าผมด้วยแววตาเป็นห่วง
   

หลังจากได้ยินเรื่องที่ว่าหัวผมก็หยุดการทำงาน เรียกว่าแทบไม่รับรู้สภาพรอบตัว ไม่รู้กระทั่งว่าฟรานส์จูงผมกลับออกมาจากที่พักของราชินีตั้งแต่เมื่อไหร่ และตอนนี้เราสองคนก็กลับมาอยู่ที่ห้องของตัวเองได้ยังไง
   

“เจ้าไม่เป็นอะไรนะ?”
   

จะบอกว่าไม่เป็นไรก็คงจะโกหก ผมบอกไม่ถูกเลยว่าตอนนี้ควรรู้สึกยังไง คำถามมากมายเต็มหัวไปหมด แต่หนึ่งในนั้นสิ่งที่แซงหน้าคำถามมากมายคือ
   

พ่อรู้เรื่องนี้หรือเปล่า


พ่อในความทรงจำของผมเป็นผู้ชายที่โคตรวัยรุ่น ทำตัวเหมือนเด็กอายุสิบแปด เป็นคนที่เหมือนจะฉลาดแต่สอนการบ้านผมไม่เคยถูกสักข้อ แต่ดันสามารถกระโจนลงมานั่งเล่น DOTA กับผมได้ทุกครั้งที่เจ้าตัวได้วันหยุดกลับมาอยู่บ้าน คนที่ออกไปเที่ยวกลางคืนพร้อมกับแย่งกันจีบสาวแข่งกับผม แม้แต่วิ่งหลบบาทาของผัวผู้หญิงที่เราแข่งกันหลี


คนที่เหมือนเพื่อนมากว่าพ่อ

   

พ่อรู้ไหมว่าแม่ไม่ใช่มนุษย์ เรื่องท้องได้คงจะรู้ตอนที่ตั้งท้องผมแน่
   
แล้วพ่อรู้ไหมว่าถ้าผมเกิดแม่จะต้องตาย...
   
เพราะพ่อไม่รู้เลยไม่รู้สึกอะไรหรือเปล่า คิดว่าแม่แค่ป่วยตายเฉยๆ

แล้วถ้ารู้แล้ว พ่อจะยังมองผมแบบเดิมอยู่หรือเปล่า

พ่อจะทำใจยอมรับลูกที่ทำให้แม่ตายได้ไหม

พ่อจะยินดีอยู่กับผมอีกหรือเปล่า



“โอเชียน!” ผมเงยหน้ามองเจ้าของเสียงที่เรียกผมอยู่ตอนนี้


“ฟรานส์.. ฉันอยากกลับบ้าน” ผมเงยหน้าสบตาอีกฝ่าย “ฉันอยากกลับไปหาไอ้พ่อบ้านั่น อยากรู้ว่าเจ้าตัวรู้เรื่องทั้งหมดแต่แรกหรือเปล่า”


“รอก่อนนะ ยังไม่ใช่ตอนนี้”


“แต่...” ยังไม่ทันพูดจบเจ้าตัวก็คว้าผมเข้าไปกอดซะแล้ว


“ข้าสัญญาว่าเจ้าจะได้กลับไปถามพ่อแน่ๆ ...แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้”


แม้ผมจะอึ้งเล็กๆและไม่เข้าใจว่าทำไมฟรานส์ถึงได้พูดแบบนั้นแต่ก็พยักหน้าตอบรับไป เพราะผมก็พึ่งนึกออกเหมือนกันว่าไอ้พ่อตัวดีของผมพึ่งกลับบ้านเมื่อเดือนที่แล้ว ตามปกติเจ้าตัวจะได้กลับบ้านประมาณทุกครึ่งปี


เพราะอย่างนั้นถึงผมกลับไปตอนนี้ก็คงจะยังไม่ได้เจอใครอยู่ดี


++++++++++++++++++++++++++

หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา ว่าที่ภรรยาผมดูจะเพิ่มเลเวลความเป็นห่วงว่าที่สามีอย่างผมมากมาย เพราะไม่ว่าเจ้าตัวจะไปไหน ก็จะลากผมไปด้วยเสมอ จนแม้แต่ฟิลันเองยังบ่นอุบอิบ แหมก็เข้าใจนะ คนมันหน้าตาดีก็มีสาวๆ(?)ติดใจเป็นธรรมดา
   

แต่2-3วันนี้ดูฟรานส์จะยิ่งยุ่งมากกว่าปกติ เจ้าตัวต้องเรียกประชุมเงือกบ่อยครั้งและในบางวันต้องออกไปภายนอกปราสาทด้วย คือไอ้ออกข้างนอกก็ดีอยู่หรอกเพราะผมได้เที่ยว ถึงจะต้องผจญกับสายตาของเงือกหลายๆตัวที่ยังแอบมองอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดหรือทำอะไรผมอีก แต่ไอ้ตอนประชุมนี่สิ...
   

หลับสนิทเลยล่ะ
   

โถ่ ก็พวกเงือกพูดเรื่องอะไรไม่รู้ แรกๆผมก็พยายามจับใจความหรอกนะ เห็นว่าเหมือนจะมีงานสำคัญอะไรบางอย่างประจำปี
   

อย่างวันนี้ก็เช่นกัน
   

“.. โอ... โอเชียน!!”
   

“ห๊ะ!!” ผมสะดุ้งตื่นพร้อมกวาดตาไปมองรอบๆด้วยความตกใจ ปรากฏว่าเงือกทั้งห้องจ้องผมกันเป็นตาเดียวรวมถึงฟรานส์ที่นั่งอยู่ข้างๆด้วย
   

“นี่เจ้าไม่ได้ฟังเลยใช่ไหม?”
   

“ฟังสิ” แถครับวินาทีนี้ต้องแถ เพราะสายตารอบๆที่ปกติแล้วดูจะไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ตอนนี้ยิ่งทวีมากขึ้นกว่าเดิม
   

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าคิดว่าควรจะเลือกแบบไหนดี แยกจัดงานคนละวันหรือรวมทั้งสองงานจัดในวันเดียวเลย?”
   

ชิบแล้วสิ แล้วไอ้สองงานนั่นมันมีอะไรบ้างฟระ
   

“เอ่อ....แยกออกเป็นสองงานดีกว่ามั้ง ดูคึกคักดี”
   

“ข้าก็คิดว่าแบบนั้น งานสถาปนาเจ้าชายทั้งทีเอาไปรวมกับพิธีก้าวสู้ความเป็นผู้ใหญ่ก็กะไรอยู่ จะได้รอบรรดาเงือกที่เข้าร่วมพิธีด้วย” ฟรานส์พยักหน้าให้ก่อนจะหันไปสั่งการลูกน้องต่อ
   

ว่าแต่พิธีอะไร? งานสถาปนาเจ้าชายที่ไหนวะ? หรือว่าฟิลัน?แต่ช่างมันเถอะ ไม่เกี่ยวกับผมนี่นา
   

คิดแบบนั้นแล้วก็ได้เวลาเข้าพระอินทร์ต่อ


คร่อก..

   


จนช่วงเย็นการประชุมทั้งหลายแหล่ก็จบลง ฟรานส์ที่กลับมายังห้องพักแผ่หลาลงไปบนที่นอน เล่นเอาหมดมาดเจ้าชายรัชทายาทไปเลยแฮะ
   

ผมที่ว่ายเข้าไปนั่งข้างๆและกำลังนึกสนุกคิดจะหาไม้เขี่ยศพอีกฝ่าย ก่อนจะต้องสะดุ้งเฮือกเพราะอยู่ดีๆเจ้าตัวก็ย้ายหัวมานอนซบตักผมซะอย่างนั้น
   

“งานยุ่งชะมัด ไม่มีเวลาพาเจ้าไปเที่ยวเลย” ฟรานส์พึมพำเสียงเบา แต่เล่นเอาผมยิ้มแก้มปริ ว่าที่ภรรยาผมนี่ใส่ใจสามีสุดๆเลยวุ้ย
   

“ไม่เป็นไรหรอก วันงานใกล้เข้ามาแล้วนี่นา”ผมพูดอย่างเข้าใจ พลางลูบผมอีกฝ่ายไปด้วย    
   

อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันพิธีก้าวสู้ความเป็นผู้ใหญ่แล้ว แม้ผมจะไม่ค่อยเข้าใจว่ามันคืออะไร มีพิธีการแบบไหน แต่จากที่ได้ยินมันคงจะสำคัญไม่น้อย ผมเดาว่าน่าจะเป็นคล้ายๆของญี่ปุ่นที่เหมือนกับยอมรับว่าอีกฝ่ายโตพอที่จะรับผิดชอบตัวเองหรือเปล่า แต่เพราะเมืองไทยไม่มีประเพณีแบบนี้ผมก็เลยเดาไม่ค่อยถูก จะถามเจ้าตัวก็เกรงใจเพราะเห็นสิ่งที่อีกฝ่ายทำทั้งเข้าประชุมและจัดเตรียมทุกอย่าง แค่นี้ก็วุ่นวายจะแย่อยู่แล้ว
   

แถมผมนั่งอยู่ข้างเจ้าตัวมาตลอด ขืนถามก็รู้หมดสิว่าไม่ได้ฟังเลยสักนิด...
   

คิดไปพอก้มลงมองอีกฝ่ายแล้วผมก็ต้องหลุดยิ้มบาง
   

เผลอแผลบเดียวลมหายใจของฟรานส์ก็สม่ำเสมอไปแล้ว เจ้าตัวดูจะหลับสบายทั้งที่มือทั้งสองยังแปะอยู่ตรงก้นผมเนี่ย
   

เดี๋ยวเหอะ เดี๋ยวพี่โออดใจไม่อยู่แล้วจะหนาว
   

....ว่าแต่เรายังไม่ได้หาวิธีโซเดมาคอมของเงือกเลยนี่หว่า
   

ถามฟิลันคงไม่ได้ ส่วนซินนี่ถามไปอาจจะโดนเอาสามง่ามจิ้มเสียก่อน เจ้าเด็กคาไลท์นั่นจะรู้ไหมนี่ สงสัยต้องแอบเลียบๆเคียงๆถามสักหน่อยแล้ว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
   
ไม่นานก็มาถึงวันงาน บรรยากาศดูคึกคักมากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
   

ผมซึ่งตอนนี้กำลังนั่งรอฟรานส์แต่งตัวอย่างเป็นทางการอยู่ ได้แต่สอดส่ายสายตามองเงือกที่ว่ายวุ่นผ่านหน้าไปตัวแล้วตัวเล่า แต่ละตัวดูจะจัดเต็มกันมากในวันนี้เครื่องประดับสารพัดถูกประโคมลงบนตัวเท่าที่จะมีที่ให้ใส่เลยเชียวล่ะ
   

“พี่โอ!!” เสียงใสที่คุ้นเคยมาพร้อมกับการปรากฏตัวของเจ้าชายฟิลัน เจ้าชายน้อยแห่งแฟริเซียร์ ซึ่งวันนี้เจ้าตัวถูกประดับประดาไปด้วยเครื่องประดับจนดูน่ารักยิ่งกว่าเดิม ผมยาวสีทองเป็นลอนถูกพันเก็บเรียบร้อย ประดับด้วยเครื่องประดับอันที่ผมใช้หินประจำเมืองทำให้ กลางหน้าผากมีจี้สีฟ้าใสห้อยอยู่ สร้อยคอและกำไลขยับไปตามการเคลื่อนไหว “วันนี้แต่งตัวน่ารักเชียวฟิลัน”
   

“จริงหรือเปล่า” เด็กน้อยหน้าแดงก่อนจะว่ายวนหมุนตัวไปมา ทำท่าเขินจนผมต้องหัวเราะ “ข้าตื่นเต้นมาเลยล่ะพี่โอ ไม่รู้ว่าหลังจากนี้ร่างกายจะเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างหรือเปล่า”
   

หมายความว่ายังไงหว่า?
   

แต่ยังไม่ทันจะถาม ใครบางคนที่ผมนั่งรออยู่ตั้งแต่เช้าก็ว่ายออกมา นั่นทำให้ผมอ้าปากค้าง
   

ฟรานส์วันนี้สง่างามมากกว่าทุกวัน ผมสีทองยาวถูกรวบขึ้นเป็นหางม้า ที่ผากมีจี้สีฟ้าใสห้อยอยู่เช่นเดียวกับฟิลัน ด้านหลังประดับประดาไปด้วยสร้อยเป็นชั้นๆ จนกระทั่งผมเหลือบไปมองอะไรบางอย่างที่คอและนิ้วของอีกฝ่าย
   

สร้อยกับแหวนที่ผมให้ดูจะด้อยค่าไปเลยเมื่อเทียบกับเครื่องประดับของเงือกตัวอื่น
   

“ทำไมไม่เปลี่ยนเครื่องประดับให้ดูสมฐานะหน่อย” ผมกระซิบถามอีกฝ่ายเสียงเบาเมื่อมีโอกาส คืออย่างน้อยฟรานส์ก็เป็นถึงรัชทายาทควรจะแต่งให้ดูดีมากกว่านี้ ไม่ใช้สร้อยกับแหวนกะโหลกกะลาของผม
   

“ข้าจะต้องการเครื่องประดับอื่นไปทำไมในเมื่อข้ามีของที่ดีที่สุดอยู่แล้ว” เสียงกระซิบที่อีกฝ่ายตอบมาแผ่วเบานั่นเมื่อรวมกับหน้าที่แดงจางๆทำให้ผมนึกอยากจะคว้าตัวอีกฝ่ายเข้ามาฟัดให้หายหมั่นเขี้ยวข้อหาทำตัวน่ารักชะมัด
   

ให้ตายเถอะ ขอลากเข้าห้องเลยได้ไหมเนี่ย!!
   

แต่ลงท้ายผมก็ไม่ได้ทำอย่างที่คิดหรอก เพราะว่าผมเป็นสุภาพบุรุษ(หรออ) เอาจริงคือถ้าประธานในพิธีหายแล้วงานมันจะเริ่มได้ยังไงเล่า
   

พิธีถูกจัดขึ้นที่ลานกลางมือ ตรงจุดนั้นจะมีกองหินรูปร่างคล้ายตึกทำจากก้อนหินสีขาวสว่างสูงขึ้นไปจนเกือบพ้นน้ำฟรานส์ยืนอยู่ตรงกลางก่อนจะกล่าวกับประชาชนเสียงดัง ซึ่งรายละเอียดนั่นผ่านๆไปเถอะ ผมจำได้ไม่หมด แต่ที่สะดุดคือประโยคหนึ่ง
   

“เพราะฉะนั้นขอให้เงือกที่มีอายุครบ 15 ปี ก้าวออกมาด้านหน้า”
   

เงือกตัวน้อยหลายตัวพากันกอดคนในครอบครัวแล้วว่ายออกมารวมอยู่ด้านหน้า นับดูแล้วราวๆ 25 ตัว ซึ่งถือว่าเยอะพอควร จะกระทั่งโดนใครบางคนสะกิด
   

“พี่โอๆ” ฟิลันนั่นเอง ผมเลยย่อตัวให้ระดับสายตาของเราเท่ากัน
   

“ฟิลันมีอะไรหรือเปล่า?”
   

เจ้าตัวไม่พูดพร่ำอะไรก็กระโจนเข้ามากอดผม “รอข้านะ ข้าจะต้องเงือกที่สง่างามให้ได้เลย” พูดจบเจ้าตัวก็ผละและว่ายเข้าไปรวมกับเงือกน้อยตัวอื่นๆ
   

หือ ฟิลันก็เข้าร่วมงานนี้ด้วยหรือ
   

ผมมองเงือกน้อยที่ว่ายเข้าไปรวมกับเงือกเด็กตัวอื่น ท่าทางดูตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด นั่นทำให้ผมหันไปหาคาไลท์ที่ยืนมองฟิลันตาละห้อย
   

“นี่ ไอ้หนู งานนี้มันยังไงกันแน่”
   

“อย่ามาเรียกข้าว่าไอ้หนูนะ!!” แน่นอนว่าอีกฝ่ายยังคงญาติดีกับผมเช่นเคยดูได้จากการพูด เจ้าตัวพ่นลมพรืดอย่างรำคาญ “เงือกอายุ15ปีจะถูกส่งเข้าไปในสถานที่พิเศษ ก่อนที่เจ้าตัวจะเข้าไปอยู่ในฟองด้วยสภาพจำศีล จนกระทั่งร่างกายเปลี่ยนแปลงจึงจะตื่นขึ้นมา”
   

“เปลี่ยนแปลง?” ยังไงหว่า หรือมามีเงี่ยงมีเดือยเพิ่ม
   

“ลักษณะเด่นด้อยจะฉายชัดในช่วงเวลาที่อยู่ในฟอง รวมถึงลักษณะเด่นของเพศด้วย”
   

“หมายความว่านายเคยผ่านมาแล้ว?”
   

“สองปี...” เจ้าตัวพูดเรียบๆ “ข้าเข้าพิธีเมื่อสองปีก่อน และวันนั้นเป็นวันแรกที่ข้าได้เจอเจ้าชายฟิลัน”
   

นัยน์ตาของอีกฝ่ายดูเป็นประกายยามนึกถึงอดีตทำให้ผมลอบยิ้ม หมายความว่าไอ้เด็กนี่แอบรักฟิลันมาสองปีแล้วสินะ
   

“โอเชี่ยน...”
   

ฟรานส์ว่ายตรงเข้ามาหาผมก่อนจะคว้ามือ “ไปข้างในกัน”
   

หา!
   

“ในนี้นี่นะ” อีกฝ่ายพยักหน้าให้ผมที่เอานิ้วชี้เข้าไปที่ตัวตึกที่เงือกตัวน้อยทั้งหลายว่ายเข้าไป “แต่เฮ้ย ฉันอายุ20แล้วนะ”
   

“ข้าไม่ได้ให้เจ้าเข้าไปจำศีลกับพวกนั้นด้วยนี้” ฟรานส์ยิ้มขำ “ที่เข้าไปคือตรวจความเรียบร้อยก่อนที่จะปิดเป็นพื้นที่พิเศษต่างหาก เงือกที่อยู่ในสภาพจำศีลน่ะเปราะบางพอสมควร หลังจากนี้จะไม่อนุญาตให้ใครเข้าอีกจนกว่าเงือกทั้งหมดจะตื่นจากการหลับใหล”
   

ฟรานส์อธิบายพร้อมกับลากผมตามหลังกลุ่มเงือกเด็กที่มีฟิลันว่ายนำหน้า
   

“ข้าคิดว่าฟิลันคงอยากให้เจ้าเป็นผู้ส่งเข้าสู่การจำศีล”ได้ยินแบบนั้นผมก็ยิ้มกว้างว่ายตามอีกฝ่ายเข้าไปแต่โดยดี
   

ข้างในเป็นห้องกว้างขนาดใหญ่ ตรงกลางมีต้นไม้น้ำขนาดยักษ์ที่มีฟองผุดพรายอยู่เรื่อยๆ รวมถึงรอบห้อง เงือกแต่ละตัวตรงเข้าจับจองพื้นที่ของตัวเอง
   

ผมว่ายตรงเข้าไปฟิลันที่มีท่าทางตื่นเต้น เจ้าตัวหมุนไปมาด้วยความไม่มั่นใจ “พี่โอ..”
   

“พี่มาส่งเราเข้านอน” คำพูดของผมเรียกรอยยิ้มกว้างน่ารักของอีกฝ่าย เจ้าตัวโผกอดผมแน่ไม่ยอมปล่อย ก่อนที่จะตกใจนัยน์ตาสีฟ้าเบิกกว้าง
   

เงือกน้อยที่ตอนแรกอยู่รอบๆห้องเริ่มมีฟองขนาดใหญ่เข้าคลุมตัว หลายคนดูกระสับกระส่ายแบบคนทำอะไรไม่ถูก ส่วนพวกที่เข้าไปอยู่ในฟองแล้ว แรกๆก็ดูท่าทางตกใจไม่น้อย แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็เริ่มขดตัวลงไปหลับ


“พี่โอ ข้ากลัว” เสียงฟิลันสั่นสะท้าน เจ้าตัวมองตามฟรานส์ที่ตรงเข้าตรวจความเรียบร้อยและเคลื่อนย้ายฟองแต่ละฟองให้ไม่อัดทับกัน
   

“ไม่ต้องกลัวนะ ดูสิเพื่อนๆเรายังไม่เป็นอะไรเลย” ผมได้แต่ปลอบเงือกน้อยในอ้อมกอด แม้จะไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายจะต้องเจออะไร แต่ดูจากท่าทางของฟรานส์แล้ว มันคงเป็นเรื่องปกติที่ไม่มีอะไรร้ายแรง
   

ตอนนี้ทั้งเงือกเด็กทั้งห้องพากันอยู่ในฟองหมดแล้วยกเว้นฟิลัน นั่นทำให้ผมต้องคลายอ้อมกอดตัวเอง แต่ทันทีที่ตัวผมออกห่างจากฟิลัน
   

ฟองใสไร้สีขนาดใหญ่ตรงเข้าครอบตัวอีกฝ่ายไว้ เจ้าตัวสะดุ้งตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว นัยน์ตาสีฟ้าใสกวาดมองไปทั่ว จนสุดท้ายก็พาตัวเองที่ยังไม่หลับมาแปะอยู่ริมฟองฝั่งเดียวกับผม
   

ผมเอามือทาบทับมือของอีกฝ่ายผ่านฟอง ฝ่ามือของผมบังฝ่ามือเล็กๆเสียมิด ดูเหมือนฟิลันจะอุ่นใจที่ผมนั่งอยู่ใกล้ๆ แม้จะไม่ได้ยินเสียง แต่ดูเหมือนรอยยิ้มของเจ้าตัวเริ่มจะกลับมาเหมืนเดิม
   

ไม่นานนักความง่วงดูจะเข้ามาเยือนเจ้าชายน้อยเช่นเดียวกับเงือกตัวอื่น แม้เจ้าตัวจะพยายามถ่างตาสู้
   

“ฟิลัน ยอมแพ้เถอะน่า” เพราะพูดพร้อมกับต้องกลั้นยิ้มไปด้วย สีหน้าของเจ้าตัวน้อยในตอนนี้ดูตลกมาก ตาที่ปรือลงเบิ่งขึ้นมาใหม่และก็กลับไปปรืออีก


“วางใจและหลับลงเถิด พี่กับพี่โอจะรอเราอยู่ข้างนอก” ฟรานส์ที่ว่ายมาอยู่ด้านหลังพูดอย่างอ่อนโยนทำให้เจ้าชายน้อยเริ่มยอมแพ้ นัยน์ตาสีฟ้าใสปิดลง ลมหายใจสม่ำเสมอ


เงือกน้อยทั้งห้องเข้าสู้สภาวะจำศีลแล้ว


หลังจากเจ้าชายเงือกเช็คความเรียบร้อยแล้ว เจ้าตัวก็ตรงเข้ามาจูงผมที่ยังคงนั่งแปะอยู่ที่เดิมมองหน้าฟิลันที่กำลังหลับอยู่ “เราออกไปกันเถอะ”


“ฟราน์อีกนานไหมกว่าฟิลันจะออกมา”


“ข้าเองก็ระบุแน่ชัดไม่ได้ ระยะเวลานั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่เท่าที่เห็น ไวสุดจะอยู่ที่ประมาณสามอาทิตย์และมากสุดเท่าที่เคยพบคือสามเดือน”


“นานขนาดนั้นเชียว...” พูดแล้วก็ได้แต่เหลียวหลังกลับไปมองบรรดาไข่เงือก(ผมเรียกเอาเอง)ที่กองอยู่เต็มห้อง แอบนึกใจหายเหมือนกันที่จะไม่ได้ยินเสียงใสๆของฟิลันอีกนานพอดู


เมื่อผมออกมาด้านนอก พบว่าเงือกส่วนใหญ่พากันแยกย้ายแล้ว ยกเว้นก็แต่เงือกทหารที่ทำหน้าที่เฝ้าสถานที่แห่งนี้


“แล้วระหว่างนี้เจ้าหนูนั่นจะทำอะไร” ผมพยักพเยิดไปที่เจ้าเงือกซึนเดเระ เจ้าตัวยืนสงบนิ่งใกล้กับตัวตึก


“ทำหน้าที่ของตัวเองไปตามปกติ..” ฟรานส์พูดพร้อมกับจูงผมว่ายไปเรื่อยๆ “คอยเฝ้าจนกว่าฟิลันจะออกมา ตอนข้า ซินก็มายืนเฝ้าแบบนี้เช่นกัน ถ้าจะไม่ผิดน่าจะประมาณเดือนครึ่ง”


เดือนครึ่ง!! นานโคตรเลยนะนั่น


หวังว่าเจ้าเด็กนั่นคงไม่เป็นลมล้มตึงไปก่อนล่ะ
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 1-5-59 : ตอนที่12
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 01-05-2016 23:45:56
แล้วโอนี่จะเพศอะไรน้าา? จะท้องได้ด้วยเหมือนกันหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 1-5-59 : ตอนที่12
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 02-05-2016 00:00:46
อื้มมมมมมม

โอเราไม่ต้องผ่านพิธีสินะ


อยากรุ้เหตุผลที่ฟรานซ์ไม่ยอมปล่อยโอกลับบ้านจริง

หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 1-5-59 : ตอนที่12
เริ่มหัวข้อโดย: YADA ที่ 02-05-2016 08:07:52
ฟิลันกลายเป็นน้องไข่ไม่มาคอยกวนพี่โอแล้วสินะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 1-5-59 : ตอนที่12
เริ่มหัวข้อโดย: เมื่อนั้นฝันว่า ที่ 02-05-2016 09:45:51
คือเราสงสัยอ่ะ สรุปใครกดใครเหรอ ทั้งสองคู่เลย เราไม่ไว้ใจฟิลันเลยอ่ะ เป็นเมะแน่เลย
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 1-5-59 : ตอนที่12
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 02-05-2016 10:11:52
เชียร์ฟรานซ์สุดใจค่ะ
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 1-5-59 : ตอนที่12
เริ่มหัวข้อโดย: morningflower ที่ 02-05-2016 11:14:49
ไม่ว่าจะอ่านยังไง พี่โอก็ไม่น่าจะรุกเขาใครได้นะพี่นะ
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 1-5-59 : ตอนที่12
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 02-05-2016 17:18:10
สนุกอ่ะ
ใครพระเอกนายเอกนะ
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 1-5-59 : ตอนที่12
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 02-05-2016 19:16:52
กรี๊ดดดด มัวแต่วุ่นๆ ไม่ได้เข้ามาหลายวัน
พลาดไปหลายตอนเลย (T_T)
โอกะฟรานน่ารักดีอ่ะ มุ้งมิ้งๆ ชอบค่ะ
แต่คาไลท์กัฟิลันนี่แลดูริบหรี่ 555
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 1-5-59 : ตอนที่12
เริ่มหัวข้อโดย: mymine ที่ 02-05-2016 19:38:48
ตอนที่13

    
ตอนนี้ผมกำลังว่ายไปยังลานพิธีอย่างที่ทำเป็นประจำ และทวีความบ่อยเป็นพิเศษในช่วงนี้
   

นับตั้งแต่งานวันพิธีจนครึ่งเดือนเริ่มมีเงือกที่ตื่นขึ้นจากการหลับใหล นั่นทำให้ผมตื่นเต้น เฝ้ารอการเปลี่ยนแปลงที่จะได้พบจากฟิลันเช่นกัน
   

แต่ก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนไป แม้จะมีเงือกทยอยออกมาเรื่อยๆ ทว่ากลับไร้วี่แววคนที่ผมต้องการพบ จนถึงวันนี้ ผ่านไปเกือบสองเดือนแล้ว


ผมที่พึ่งว่ายไปถึงหน้าลานต้องเอี้ยวตัวหลบเงือกกำลังว่ายเซออกมาจากสถานที่ๆเงือกน้อยอายุสิบห้าหลับใหล ก่อนจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเป็นเปลี่ยนแปลง


เงือกที่เห็นตรงหน้าเท่าที่จำได้เป็นเงือกตัวเล็กผอมดูไม่ออกว่าเพศไหนกันแน่ ทว่าตอนนี้กลับกลายเป็นสาวน้อยหน้าหวานตาเป็นประกาย โครงหน้าเรียวยาวขึ้น เกล็ดที่หางทอประกายระยิบระยับ ร่ายกายเติบโตขึ้นในทุกสัดส่วน โดยเฉพาะ.....


นม!!


แน่นอนว่าครั้งแรกที่ผมเห็นต้องตกใจน้ำลายแทบไหลอยู่แล้ว แม้อีกฝ่ายจะเป็นเงือกน้อยอะไรๆเลยยังไม่เติบใหญ่นัก แต่ผมคิดว่าอีกไม่นานเถอะ พวกเธอจะต้องกลายเป็นสาวใหญ่(?)เต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจและคุณภาพคับแก้วอย่างแน่นอน


พี่โอจะรอดูนะจ๊ะ!
 

ผมมองส่งพร้อมกับเอาใจช่วยอีกฝ่ายในใจ เงือกที่พึ่งเติบใหญ่ว่ายออกมาท่าทางแลดูขัดๆ ด้วยไม่เคยชินกับสรีระที่เปลี่ยนไป ซึ่งผมก็ไม่ได้แปลกใจแต่อย่างใดหลังจากเห็นเงือกแทบทุกตัวที่ว่ายออกมาเซๆมึนๆโดนกระแสน้ำพัดไปมาแบบนี้ทุกตัว


แล้วถ้าเป็นฟิลันจะเป็นยังไงน้า


ผมละลุ้นให้เจ้าตัวออกมาเป็นเงือกสาวจริงๆ หน้าตาเจ้าตัวน่ารักอยู่แล้วรับรองว่าหัวกระไดวังไม่แห้งแหงๆ แล้วเวลามากอดมาคลอเคลียกับผมนะ


อู้ย คิดแล้วน้ำลายไหล


“ทำหน้าโรคจิต” เสียงเสียดสีที่ต้องได้ยินทุกวันจนผมชักจะคุ้นเคย จนคิดว่าวันไหนไม่ได้ยินอาจจะนอนไม่หลับดังออกจากปากเงือกน้อยที่ยืนทำตาขวางมองผมด้วยแววตาไม่สบอารมณ์


ใช่เลยคุณเดาถูก จะมีใครที่ปากดีแบบนี้ได้นอกจากไอ้เด็กเตี้ยคาไลท์ เจ้าตัวยังคงยืนอยู่ในตำแหน่งเดิม อดทนรอคอยอย่างสงบแม้บางครั้งจะแสดงความกระวนกระวายทางสีหน้าบ้าง


อย่างเช่นวันนี้


“ทำไมคิดถึงฟิลันรึ?” ผมที่ไม่มีอะไรจะทำเลยถือโอกาสแกล้งเจ้าเด็กตรงหน้าไปพลาง ทำเอาอีกฝ่ายได้แต่เบนหน้าหนี


“ข้าแค่คิดว่ามันนานเกินไปแล้ว”


“ทำไม? รอไม่ไหว? ไหนว่าเงือกตัวที่นานที่สุดที่เคยออกมาคือสามเดือนไง?”


“...ถ้าแค่นั้นก็ดีไป” คาไลท์พูดพร้อมกับก้มหน้า “แต่ข้าเคยได้ยินข่าวลือว่ามีเงือกบางตัวหลังจากจำศีลแล้วก็ไม่ตื่นขึ้นมาอีก...” สิ่งที่อีกฝ่ายพูดเริ่มทำให้ผมเครียด ถ้าเกิดฟิลันไม่ตื่นขึ้นมาจริงแบบไอ้หนูนี่ว่าล่ะ


“ไม่มีทาง ยังไงฟิลันก็ต้องกลับมา” ผมพูดด้วยท่าทางเชื่อมั่น แม้ปากจะพูดแบบนั้นแต่ในใจก็หวาดหวั่นเช่นกัน ในโลกนี้ยังมีเรื่องที่ผมไม่รู้อีกมาก รวมทั้งความลึกลับของภายในร่างกายเงือกทำให้ผมเองไม่อาจวางใจ


.


.


.


วันเวลาผ่านเลยไปพร้อมๆกับความหวาดหวั่นที่เพิ่มมากขึ้น พร้อมเงือกที่ยังคงหลับใหลลดจำนวนลงเรื่อยๆ จนกระทั่งวันนี้ เงือกหนึ่งในสองตัวสุดท้ายของพิธีในปีนี้ว่ายออกมา...


การเหลือเพียงเจ้าชายเงือกที่ยังคงหลับอยู่ด้านใน ยิ่งทำให้พวกผมร้อนใจมากขึ้น กระทั่งฟรานส์ก็ถูกผมลากมาด้วย


“ทำไมจนป่านนี้ฟิลันยังไม่ออกมาอีก ข้างในอาจจะมีปัญหาอะไรก็ได้ ฉันว่าเราน่าจะเข้าไปดูนะ” พูดแล้วผมก็ทำท่าจะว่ายเข้าไปที่ทางเข้า แต่เจอใครบางคนดึงมือไว้เสียก่อน “ไม่ได้นะ ตอนอยู่ในสภาพจำศีลเงือกจะเปราะบางมาก ถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาดขึ้นมาอาจจะทำให้ฟิลันไม่ตื่นขึ้นอีกเลยนะ”


“แต่ว่า...” ในขณะที่ผมกำลังเถียงอยู่กับฟรานส์นั่นเอง อยู่ดีๆก็มีเสียงเป่าแตร์ดังลั่น “เกิดอะไรขึ้น!”


ทว่าเสียงนั้นกลับทำให้คนที่กำลังจับข้อมือผมยิ้มกว้าง “พิธีสิ้นสุดแล้ว เงือกที่เข้าพิธีทั้งหมดตื่นขึ้นแล้ว”


งั้นก็หมายความว่า!!


คิดแบบนั้นผมก็ว่ายตรงไปยังปากทางเข้าทันที และตรงนั้นเองที่ผมได้เห็นใครบางคนว่ายออกมา


ผมสีทองหยักศกยาวสยายปลิวไปตามกระแสน้ำ นัยน์ตาสีฟ้าใสมองมาที่ผมพร้อมกับยิ้มกว้าง


“พี่โอ!!!”


ฟิลันตื่นขึ้นแล้ว แม้เสียงที่ได้ยินจะดูแหบต่ำกว่าเดิม แต่นั้นไม่ทำให้ผมชะงักเท่าสิ่งที่ผมพบ


คือ...ผมไม่เจอเจ้าตัวแค่3เดือน ไฉนเจ้าตัวถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนั้น โครงหน้ากลมน่ารักดูเรียวยาวขึ้น ร่างกายดูกำยำลั่นสันมากขึ้น ท่อนแขนและหางดูยึดยาวออกมาอย่างเห็นได้ชัด เงือกน้อยน่ารักไม่มีอีกแล้ว กลับกลายมาเป็นเงือกรูปงามร่างสูงใหญ่


ใช่ ฟิลันกลายเป็นเงือกหนุ่ม ตัวโตขึ้นจนผมตกใจ เท่าที่กะด้วยสายตาแล้ว น่าจะสูงกว่าเจ้าเด็กคาไลท์ เตี้ยกว่าผมและฟรานส์นิดเดียว


นี่มันอะไรกันเนี่ย!!


ไหนล่ะ!! เงือกสาวน้อยน่ารักตาโตแก้มป่อง โธ่ ความฝันของการโอบกอดสาวน้อยฟิลันของผมก็พังทลายดิ!! ฮือๆ


อีกฝ่ายว่ายโซซัดโซเซก่อนจะกระโจนเข้ามากอดผมอย่างที่เคยทำเป็นประจำ แต่มันไม่เหมือนเดิมแล้วไง ตัวใหญ่แบบนี้พอโถมมาผมก็เลยแทบจะหงายหลังลงไปกองกับพื้น


“ข้าคิดถึงพี่โอที่สุดเลย” ไม่พูดเปล่า เจ้าตัวก็หอมแก้มซ้ายขวาซุกไซ้แบบโคตรคิดถึง คือถ้ายังเป็นเงือกน้อยผมก็โอเคฟินๆไปไง แต่พอมาเป็นเงือกรูปงามร่างใหญ่แบบนี้เล่นเอาผมชะงักตกใจทำอะไรแทบไม่ถูก


อ๊าก อย่าจับตรงน้านน อย่าเลียตรงนั้นด้วยมันสยิวกิ้วว


“หยุดได้แล้วฟิลัน เจ้าจะปล้ำโอเชี่ยนตรงนี้หรือไง” ลงท้ายฟรานส์คงทนดูว่าที่สามีถูกน้องชายปู้ยี่ปู้ยำไม่ได้ก็เลยดึงตัวเจ้าตัวออกทำเอาฟิลันเบะปากขัดใจ “ท่านพี่อ่ะ ก็ข้าคิดถึงพี่โอนี่” พูดจบเจ้าตัวก็กระโจนกอดพี่ชายตัวเองบ้าง แต่ยังไม่วายบ่นหงุงหงิงๆไม่หยุด เออต้องแบบนี้สิถึงจะดูสมกับเป็นฟิลันหน่อย



“ทำไมข้าถึงนอนกับพี่โอไม่ได้เล่า!!” เสียงโวยวายซึ่งไม่ต้องเดาเลยว่าใครดังลั่นปราสาท ทำเอาบรรดาเงือกทหารสะดุ้งนึกว่าข้าศึกบุกกันใหญ่ “เมื่อก่อนเตียงข้าเล็กไปเลยนอนด้วยไม่ได้ ตอนนี้ก็เปลี่ยนแล้วนี่!!”


ฟิลันหลังจากตื่นปุ๊ปก็เริ่มงอแงเอาแต่ใจปั๊ป พอได้ที่นอนอันใหม่ใหญ่กว่าเดิมก็เลยคิดจะเอาผมไปเป็นหมอนข้างซะงั้น


“ไม่!!” ฟรานส์พูดประโยคเดิมอีกเป็นรอบที่ร้อยสิบ “อย่าเอาแต่ใจน่า รีบพักผ่อนซะ หลังจากนี้เราจะยิ่งยุ่งกว่าเดิมนะ ข้าต้องการคนมาช่วยงานเพิ่มไม่ใช่มาป่วน”


เอ้า นั่นเบะเข้าไป ปากฟิลันตอนนี้แบะออกซะจนผมขำ ไอ้ส่วนสูงกับความแมนที่เพิ่มขึ้นมาไม่ได้ช่วยให้ดูเท่ขึ้นเลย ฟิลันยังคงทำตัวงุ๊งงิ๊งไม่ต่างจากตอนเป็นเงือกน้อยซักนิด


“พี่โอ พี่ก็อยากนอนกับข้าใช่ไหม” เมื่อโวยวายไม่สำเร็จ เจ้าตัวเลยหันมาส่งสายตาปิ๊งๆกับผมแทน ไม่นะ ถึงพี่โอจะรักฟิลันมากแค่ไหน แต่การที่ทิ้งภรรยาสุดสวยไว้ในห้องแล้วหนีไปนอนกับน้องเมียนี่... พี่ก็เสียวหัวขาดเหมือนกันนะ แถมหลังการตื่นครั้งนี้ฟิลันดูจะมีออร่าเมะแปลกๆ สงสัยผมคิดมากไปเอง


“พี่ว่าฟิลันนอนคนเดียวจะสบายกว่านะ..” พูดจบก็หันไปทำเนียนเปลี่ยนเรื่องกับอีกคน ”งานยุ่งมากเลยหรือ? ให้ฉันช่วยไหมล่ะ?”


“มาก..” เจ้าตัวถอนหายใจเสียงดัง “ไหนจะบัตรเชิญยังเมืองทั้งหก ไหนจะสถานที่ ที่พัก อาหาร เตรียมการอารักขา” เท่าที่ฟังก็เยอะจริงวุ้ย จะมีประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนหรือไง “แล้วยังไงเจ้าก็ต้องร่วมอยู่แล้วในเมื่อเจ้าเป็นพระเอกของงานแบบนั้น”


อุ๊ย..พูดถูกใจ แน่นอนว่าเรื่องนี้ผมเป็นพระเอกอยู่แล้ว ....ว่าแต่งานอะไรวะ?


.


.


.


เปลี่ยนใจตอนนี้ทันไหมเนี่ย!!


หลังจากลากฟิลันไปช่วยงานได้สำเร็จ ฟรานส์ก็หันมาสั่งงานที่ผมควรจะทำ


ถ้าถามว่างานอะไรน่ะหรือ มันคือการเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับผืนทะเลทั้งหมด เมืองทั้ง7 ธรรมเนียมปฏิบัติ กริยามารยาท ข้อควรทำ บลาๆๆ ให้ดูดีมีชาติตระกูลสมฐานะของเจ้าชายเงือกไง โฮ


ผมดูสถุนขนาดนั้นเลยหรือฟระ!!


พ่อเจ้าชายตัวดีส่งเงือกตัวอื่นมาฝึกผม ส่วนตัวเองก็หนีไปประชุม ทำงานอื่นต่อ ซึ่งมันดูไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม เอาเข้าจริงมันก็ไม่มีหรอก นอกเสียจากว่ามันจะโคตรปวดหัว ก็เล่นโดนอัดความรู้ตั้งแต่เช้าจรดเย็นเยอะเสียยิ่งกว่าตอนสอบเข้ามหาลัย และเพราะเป็นการเรียนแบบตัวต่อตัว จะแอบหลับก็ไม่ได้ แถมคนสอนคือองค์รักษ์สุดล่ำของฟรานส์นาม ซิน เป็นบุคคลากรเงือกที่นิ่ง...นิ่งมาก


ไม่ว่าผมจะยิงมุขใส่ก็แล้ว ทำตัวปัญญาอ่อนก็แล้ว เจ้าตัวก็ยังคงใช้ความนิ่งสยบทุกสิ่ง คือหน้าพี่แกตอนนี้ไม่ต่างกับรูปสลัก พอจะงอแงโวยวายแบบฟิลันมั่งเจอแววตานิ่งๆของพี่แกส่งมา สุดท้ายผมก็ต้องยอมกลับไปนั่งเรียนต่อด้วยตาน้ำ ฮือๆ


“ทำไมตรูต้องมาเรียนเรื่องพวกนี้ด้วยยยย” ผมเริ่มเสียสติหลังจากโดนจับเรียนตัวต่อตัวเป็นวันที่สอง ขนาดประวัติศาสตร์ชาติตัวเองผมยังมั่ว แล้วไหงต้องมาเรียนประวัติของเงือกด้วยฟระ


ซินยังคงมองผมด้วยแววตานิ่งๆเหมือนเดิม เจ้าตัวว่ายออกไปหน้าประตู ก่อนจะสั่งเงือกแถวนั้นประโยคที่อีกฝ่ายพูดทำเอาผมอ้าปากค้าง


“ไปบอกท่านฟรานส์ ว่าท่านโอเชี่ยนสติแตกแล้ว ข้าบอกแล้วนะว่ายังไงเจ้าตัวก็ทนเรียนได้ไม่เกินสามวันหรอก” แล้วเจ้าตัวก็หันกลับมาจ้องผมตามเดิม “ถ้าอย่างนั้นเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นไหม?”


ผมรีบพยักหน้าหงึกหงัก จะให้ทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นขอแค่ไม่ใช่การอัดความรู้เข้าสมอง และนั่นทำให้ผมรู้สึกตัวว่า....ผมคิดผิดอีกแล้ว


ซินนำผมมาที่หลังปราสาท ซึ่งมีที่ๆเงือกทหารใช้ฝึกฝน  เป็นลานทรงกลมกว้างรายล้อมไปด้วยอาวุธปลายแหลมจำพวกหอก ทวน สามง่าม


“เลือกมาอันนึง”


“หา?”


“ข้าบอกให้ท่านเลือกอาวุธมาอันนึง” เมื่ออีกฝ่ายเห็นผมไม่ทำตาม เจ้าตัวเลยเลือกหอกยาวปลายแหลมอันนึงที่วางอยู่ปาพุ่งลงมาปักตรงหน้าผม “หยิบอาวุธของท่านขึ้นมาซะ”


“นี่มันอะไรวะ.. เฮ้ย”


“หยิบอาวุธขึ้นมาแล้วอย่าหนีสิ”


“ไม่หนีก็บ้าแล้วโว้ย!! นี่มันอะไรกันวะ!!!” ผมต้องว่ายหลบไปมาอย่างหวาดเสียวเพราะตอนนี้ไอ้เจ้าองค์รักษ์หน้าตายกำลังเอาหอกแทงเข้าหาผมอย่างเมามัน


“วิธีการสู้ของเราชาวเงือก ในฐานะเจ้าชายท่านต้องต่อสู้ปกป้องตัวเองได้” น้ำเสียงเจ้าตัวยังคงเป็นโทนเรียบเหมือนเดิม แต่ไอ้ที่อยู่ในมือนี่สิ...จะแทงอะไรนักหนาฮะ!!


“เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย เดี๋ยว อิ๊บก่อน อิ๊บก่อน ขอเวลานอกก่อนโว้ยย”


ผมว่ายไปมาจนสุดท้ายสามารถวนกลับไปหาไอ้หอกที่ซินปามาให้ เลยดึงติดมือมาหมายจะป้องกันตัว แต่...ทำไมไม่เห็นเหมือนในการ์ตูนเลยวะที่พระเอกพอได้อาวุธปุ๊ปก็ร่ายรำเหมือนช่ำชองมานาน ของผมนี่พอฟาดบ้างมันกลับกลายเป็นเชื่องช้า จนอาวุธ(ในตำนาน)ของผมกลายมาเป็นของเกะกะ สุดท้ายก็ต้องปาทิ้งใส่อีกฝ่ายแล้วว่ายหนีเหมือนเดิม


ฟรานส์ช่วยเค้าด้วยยย องค์รักษ์ของนายจะฆ่าฉานนนน


.


.


.


“ข้าก็พอจะรู้หรอกนะว่าเจ้าไม่เคยต่อสู้ แต่ไม่นึกว่าจะโง่แบบนี้” ฟรานส์ยืนกุมขมับท่าทางปวดหัวหลังจากมีทหารไปรายงานว่าได้ยินเสียงควายถูกเชือดอยู่ที่ลาน พอมาถึงก็ได้เห็นสภาพว่าที่สามีสุดหล่ออย่างผมว่ายหนีองค์รักษ์ของตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย


นี่เขาโดนไล่แทงไม่พอ ยังโดนหาว่าโง่อีกหรอ ซิกๆ


เจ้าชายเงือกกรอกตาขึ้นฟ้า ก่อนจะพุ่งเข้าหาองค์รักษ์ของตัวเองพร้อมกับคว้าหอก(อันที่ซินปามาหาผมนั่นล่ะ)ที่ปักอยู่ตรงไปด้วย


นั่นทำให้ผมได้เห็นฝีมือของว่าที่ภรรยาของผมว่ามันสุดยอดขนาดไหน


ฟรานส์แทงหอกเข้าที่หน้าอกของซินอย่างรวดเร็วซึ่งฝ่ายองค์รักษ์ก็รวดเร็วไม่ใช่น้อย เจ้าตัวเหวี่ยงหอกขึ้นมาตั้งฉากกับพื้นก่อนจะใช้มันปัดอาวุธที่มุ่งร้ายตนออกไป ก่อนจะพลิกเป็นฝ่ายแทงเจ้าชายเงือกบ้าง


“หอกน่ะเค้ามีไว้แทง ไอ้การเอามาเหวี่ยงๆใต้น้ำแบบนี้มีแต่คนโง่เท่านั้นล่ะที่คิดได้”


อู๊ย..เจ็บปวด


“แล้วหางของพวกเราก็ไม่ใช่อุปกรณ์ประดับ หรือเอาไว้ว่ายหนีศัตรูอย่างเดียว” พูดจบเจ้าตัวก็สะบัดหางใส่หน้าอีกฝ่ายเล่นเอาคู่ต่อสู้ต้องถอยหลบ


การต่อสู้ของทั้งคู่ทำให้ผมอ้าปากค้างด้วยความตื่นตา ตื่นเต้น ท่าทางของฟรานส์ที่เหมือนร่ายรำท่ามกลางสายน้ำทำให้ผมละสายตาไม่ได้ มันดูทั้งแข็งแรง สวยงาม และทรงพลัง


เงือกที่ผ่านไปมาทั้งเงือกทหารและนางเงือกรับใช้ต่างพากันหยุดดูทั้งสอง สีหน้าชื่นชม และปลาบปลื้มปรากฏอยู่บนใบหน้าแทบทุกคนที่ผมเห็น


‘ดูสิท่านฟรานส์กับท่านซินสู้กันอีกแล้ว ช่างเป็นการต่อสู้ที่งดงามจริงๆ’

‘ท่านฟรานส์นี่สุดยอด ข้าได้ยินว่าท่านได้ชื่อว่าเป็นเงือกที่เก่งที่สุดในอาณาจักรของเราเลยนะ’

‘ซักวันข้าจะเก่งอย่างท่านฟรานส์บ้าง’

‘น่าปลื้มใจนะ ที่เรามีเจ้าชายที่เก่งกาจขนาดนี้ เมืองอื่นถึงไม่กล้าสุ่มสี่สุ่มห้าโจมตีเมืองของเรา’
   
‘แน่นอนสิ ขืนเป็นเจ้าชายแต่ต่อสู้ไม่ได้เรื่อง แบบนี้จะปกป้องเมืองได้อย่างไร มีเจ้าชายแบบนั้นสู้มีเจ้าหญิงไม่ดีกว่ารึ’

   
ทำไมยิ่งฟังแล้วเหมือนทุกคนจะด่าผมชอบกล ฮืออ

   
สุดท้ายจบที่ปลายหอกหยุดลงตรงบริเวณลูกกระเดือกของฝ่ายตรงข้าม ซินชะงักพร้อมกับยกมือยอมแพ้และถอยออกมา
นั่นทำให้ผมเห็นเจ้าชายเงือกที่กำลังลอยตัวอยู่กลางลาน แสงแดงสะท้อนผมสีทองยาวที่พลิ้วไสวไปตามสายน้ำ นัยน์ตาสีฟ้าใสเต็มไปด้วยความมั่นใจ ภาพนั้นกลายเป็นภาพที่งดงามที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น และคงทำให้เงือกตัวอื่นๆไม่ว่าเพศไหนหลงรักได้ไม่ยาก ก่อนที่ดวงตาสีฟ้าใสหันมาสบกับผม นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา


ฟรานส์แย้มรอยยิ้มที่งดงามที่สุดในความคิดผมก่อนจะกลายเป็นรอยยิ้มสยองทันทีที่เจ้าตัวกล่าวออกมาว่า “ในอีกสองสัปดาห์ เจ้าต้องลงมาสู้กับข้าแบบเดียวกันนี้ และต้องเอาชนะข้าให้ได้” นั่นทำให้ผมตาโต “เพราะอย่างนั้นฝึกกับซินให้เต็มที่ซะ ข้าจะไม่ออมมือแน่นอน”

   
ไม่นะ จะให้ผมสู้กับฟรานส์ที่เก่งที่สุดในเมืองนี้น่ะหรอ ตายผมตายแน่ๆ
-----------------------------------------

Talk: สวัสดีค่ะ วันนี้เป็นวันแรกที่เราลงมาคุยกับนักอ่านเพราะปกติแล้วเราตะคุยไม่ค่อยเก่งออกจะเขินเล็กๆ

        ยังไงขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ เรื่องนี้ไม่มีดราม่าออกแนวตลกไร้สตินิดหน่อย ก็หวังว่าจะตลกกับมุขไม่ฮาพาเครียดของเราบ้าง lol

        ส่วนเรื่องสถานะของคู่นี้..... ต้องลุ้นดูค่ะ สงครามพึ่งเริ่มจะรีบนับศพทหารทำไมเนอะ :)
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 2-5-59 : ตอนที่13
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 02-05-2016 20:12:29
พี่โอสู้ๆ พี่โอสู้ตาย พี่โอไว้ลายโดนฟรานส์ซัดต้องไม่ตาย สู้ๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 2-5-59 : ตอนที่13
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 02-05-2016 20:12:39
สนุกดีอ่ะ  o13
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 2-5-59 : ตอนที่13
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 02-05-2016 20:38:31
 :L1:   ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 2-5-59 : ตอนที่13
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-05-2016 21:47:46
สนุก ชอบ   :katai2-1:
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 2-5-59 : ตอนที่13
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 02-05-2016 22:04:35
เห็นแววออร่าเคะจากพี่โอร่ำไรๆ ยังไงก้ามะรู้ 55555
ชอบคะ แนวนี้น่ารักดีอ่านๆไปไม่ต้องคิดมาก แค่พี่โอออกมา
ก็ฮาละ สบายๆ ไม่เครียด  :L2:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 2-5-59 : ตอนที่13
เริ่มหัวข้อโดย: someone0243 ที่ 02-05-2016 22:35:45
เชียร์ให้น่องโอเคะค่ะ รอตอนต่อไปน้า :katai5:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 2-5-59 : ตอนที่13
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 03-05-2016 06:30:30
เชียร์ให้โอเคะค่ะ ออร่านางชัดขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว 5555
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 2-5-59 : ตอนที่13
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 03-05-2016 12:49:56
อร๊ายยยย รู้สึกหลงรักฟรานส์ไงไม่รู้ >///<
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 2-5-59 : ตอนที่13
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 03-05-2016 18:44:16
เราอยากได้เมะสวยคม เพราะฉะนั้นพี่โอจงเคะซะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 2-5-59 : ตอนที่13
เริ่มหัวข้อโดย: mymine ที่ 03-05-2016 21:35:44
ตอนที่14


“ทางซ้ายเปิดโล่ง”


ผัวะ!!


“ขวามีช่องว่าง”


ผัวะ!!   


“ก้นยื่นออกมาทำไม”


ผัวะ!!


โว้ยยยยยยจะตีไปไหนวะครับ
   

ตอนนี้ผมกำลังน่วมเป็นลูกชิ้นปลาโดนโยนเข้าเครื่องบดๆๆ ก็พ่อคุณองค์รักษ์นี่เอะอะก็ทิ่มเอะอะก็ฟาด ไม่สงสารเงือกน้อยตาดำๆเลยสักนิด ฮือออ
   

“ลุกขึ้นมาท่านโอเชี่ยน ท่านเหลือเวลาไม่มากแล้วนะ อยากถูกเชือดต่อหน้าฝูงชนหรือไง”


ผัวะ!!
   

หันไปมองตามเสียงจากอีกเวทีแล้วก็ได้แต่กลืนน้ำลาย ฟิลันกำลังสู้กับองค์รักษ์ของตัวเอง ซึ่งดูแล้วอาจจะเหมือนกับการรักแกเด็กหน่อยๆ เจ้าเด็กคาไลท์ตอนนี้สูงแค่อกของฟิลันแล้ว จากเมื่อก่อนที่สลับกัน และตอนนี้เจ้าชายน้อยของเราก็กำลังฟาดเอาๆ
   

รุนแรงเกินไปหน่อยไหมนั่น...
   

ผัวะ!!
   

“เย้ๆ ข้าชนะแล้วพี่โอดูสิ” เจ้าของเสียงส่งยิ้มกว้างชี้ชวนให้ดูผลงานการของคู่นั้นน่ากลัวกว่าผมเยอะ ก็ลานโน้นสู้กันแบบไม่มีการออมมือสักนิด เพราะซินบอกว่าที่นี่เราสู้กันด้วยเกียรติ การอ่อยให้อีกฝ่ายก็เหมือนการดูถูกฝีมือคู่ต่อสู้ เพียงแค่ผมไม่แน่ใจว่าฟิลันตีด้วยอารมณ์ส่วนตัวไหม
   

แต่หลังจากผมลงไปกองเป็นรอบที่แปด ซินคงสำนึกได้ว่า การลงมือเต็มที่กับผมก็เหมือนการรังแกเด็กนี่ล่ะ...
   

เจ้าตัวส่ายหน้าระอา “ข้าจะบอกให้ว่า ท่านฟรานส์มือหนักกว่าข้าสิบเท่า และตอนต่อสู้ท่านไม่รู้จักคำว่าออมมือด้วยนะ” คำบอกเล่าที่ทำเอาผมอยากจะร้องไห้ เพราะนึกถึงภาพอีกฝ่ายตอนเชือดไอ้ปลาหมึกมาโซคิส ฟรานส์คงไม่ใจร้ายกับผมแบบนั้นหรอกใช่ไหม...


.


.


.


“อู้ย โอ้ย! เบาๆหน่อย...”
 

“ขอโทษทีข้ากะแรงไม่ค่อยถูกเท่าไหร่”


“โอ็ย อย่าโถมเข้ามาแบบนี้สิ สะโพกฉันเจ็บอยู่นะ!”


“แล้วแบบนี้ล่ะเป็นไงบ้าง”


“อืม อ๊า ดี แบบนี้แหละดี อื๊ออ”


   
เอ้า พวกคุณไม่ต้องจิ้นกันไปว่าพวกผมกำลังประกอบกิจกรรมเข้าจังหวะอยู่หรือเปล่า เอาเข้าจริงก็น่าจะเดากันได้อยู่แล้วนะ เพราะไม่มีทางที่ผมจะยอมให้อีกฝ่ายกดครางสยิวแบบนี้แน่ๆ


ตอนนี้ผมกับลังนอนให้ฟรานส์นวดอยู่นะสิ อีกฝ่ายก็แสนดี เห็นว่าที่สามีปวดสะโพกปวดหลังกลับมาที่ห้องทุกวัน เจ้าตัวเลยอาสานวดให้ เมียใครไม่รู้น่ารักจริงๆ แต่เสียอย่างเดียว…


กร๊อบ! นั่นไง เผลอๆพ่อคุณก็กะจะเชือดผมทิ้งซะงั้น


“จ๊ากกกกก!!”


“อ๊ะ...ข้าขอโทษ เดี๋ยวข้าดัดกลับให้นะ” มะ.. มะ. ไม่ต้อง


แกร๊บบ!


...


“ดีขึ้นไหม?”


“ด.. ดี... ดีมากๆเลย ฉันหายเมื่อยแล้ว... นายไม่ต้องนวดแล้วนะ” ผมบอกอีกฝ่ายด้วยความเกรงอกเกรงใจ เพราะเกรงว่ากระดูกสันหลังจะหายไปเลย


ได้ยินแบบนั้นฟรานส์ก็ทิ้งตัวลงนอนข้างๆ นัยน์ตาสีฟ้าใส่แจ๋วกำลังมองผมนิ่งนั่นทำให้ผมจ้องกลับอย่างไม่ยอมแพ้ 


“...” บรรยากาศดูจะเป็นใจ ผมยื่นมือเข้าไปสัมผัสแก้มอีกฝ่าย หน้าค่อยๆขยับเข้าใกล้เรื่อยๆ ตาเริ่มปรือลงช้าๆ


“แล้วผลการฝึกเป็นยังไงบ้าง”


“...”


หมดกันบรรยากาศสีชมพูอมม่วง!! ดูถามมาได้!!!


ผมพลิกตัวหันหลังสะบัดตู_ให้ด้วยความงอน แม้จะสะดุ้งเพราะกระแทกถูกสะโพกก็เถอะ แต่เวลานี้โอเชี่ยนงอนครับงอน


“โอเชี่ยน?”


“...”


“มันแย่มากเลยหรอ?”


“ไม่หรอก มันดีๆมากๆเลย ฉันสนุกกับการฝึกม๊ากมาก”


“อย่างงั้นหรอ....ข้ากะว่าพรุ่งนี้จะให้เจ้าหยุดเพราะจะพาออกไปข้างนอก แต่ถ้าเจ้าสนุกขนาดนั้นงั้นข้าไ.......”


ผมสะบัดหน้าหันกลับลำแทบไม่ทัน “ไปด้วย นะ นะ” พูดจบก็ทำตาปิ๊งๆๆส่งให้ จนฟรานส์หัวเราะและขยี้หัวผมจนยุ่งไปหมด ก่อนที่เจ้าตัวจะลากผมกลับไปนอนกอดเหมือนเดิม ซึ่งมันก็ไม่อะไรหรอกนะ....แต่มือน่ะมือจะจับอีกนานไหม เจ็บก้นอยู่แบบนี้ไม่มีอารมณ์มาสยิวหรอกนะเฟร้ย..


.


.


.


“หืม..เขากำลังมีงานอะไรเนี่ย ดูคึกคักมากๆเลย”  ผมตาวาวด้วยความชอบใจที่ไม่ต้องสู้กับซิน...ไม่สิ ได้ออกมาเที่ยวกับฟรานส์ต่างหาก วันนี้เจ้าชายเงือกดูสวยกว่าทุกวัน แม้จะไม่ถึงวันงานพิธีที่ผ่านมา แต่ก็ดูดีจนเห็นได้ชัดว่างานที่อยู่ตรงหน้าเนี่ยต้องมีความสำคัญไม่น้อยแน่ๆ


ฟรานส์ไม่พูดอะไรแต่ส่งยิ้มให้ เจ้าตัวยื่นมือมาจูงมือผมก่อนจะพาว่ายตรงเข้าไปในงาน นั่นทำให้ผมขืนตัวเล็กน้อย ด้วยไม่แน่ใจว่าเจ้าของงานจะยินดีให้ผมเข้าไปด้วยหรือ ทว่าบรรยากาศของงานตรงหน้าทำให้ผมอ้าปากค้าง


หินสีสันสวยงามสะท้อนแสงแวววาวถูกนำมาประดับประดาทั่วบริเวณ พืชน้ำสีเขียวสด เมื่อรวมกับน้ำใสสีฟ้า แบบแสงแดดที่ตกกระทบลงมาแล้วมันทำให้ภาพตรงหน้าของผมเหมือนฝัน.. ฟรานส์ไม่สนใจใครลากผมเข้าสู่ใจกลาง บริเวณนั้นมีเงือกชายหญิงคู่หนึ่งกำลังส่งยิ้มกว้าง ทั้งสองย่อตัวทำความเคารพทันทีที่เข้าชายเงือกมาหยุดลงตรงหน้า


“ท่านฟรานส์”


“ข้ากับโอเชี่ยนมาแสดงความยินดี” เจ้าตัวพูดกับเงือกทั้งสองก่อนจะหันมาหาผม “วันนี้เป็นงานแต่งของทั้งคู่ ข้าเลยพาเจ้ามาเที่ยว”


ว้าว นี่งานแต่งงานของชาวเงือกหรือนี่ ผมมองเจ้าบ่าวเจ้าสาวด้วยความสนใจ สีหน้าของทั้งสองเต็มไปด้วยความสุข รอยยิ้มกว้างที่ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มตามด้วย “ยินดีด้วยนะ”


ทั้งคู่นอกจากจะไม่แสดงท่าทางรังเกียจแล้วยังส่งยิ้มมาให้ทำเอาผมเบาใจไม่น้อยเพราะไม่แน่ใจว่าเค้าจะกลัวผมทำงานล่มเป็นกาลกิณีกับพิธีหรือเปล่า ว่าแต่แหม พ่อหนุ่มเงือกนี่โชคดีจริงๆ เพราะเจ้าสาวตรงหน้าผมนี่น่าเจี๊ยมากๆ อกเป็นอกเอวเป็นเอว


“ปกติแล้วคู่ที่แต่งงานจะแจ้งเรื่องไปที่วัง แต่วันนี้ข้าอยากให้เจ้าเห็นพิธีด้วยก็เลยมาด้วยตัวเอง” สิ่งที่ฟรานส์พูดทำให้ผมมองด้วยความสงสัย ทำไมจะแต่งงานถึงต้องแจ้ง หรือทำสำมะโนทะเบียนประชากร? ทว่า ฟรานส์ก็ตอบผมด้วยการมอบของสิ่งหนึ่งให้คู่บ่าวสาว ซึ่งผมจำเจ้าของสิ่งนั้นได้ดี


“หินนั่น..”


“ใช่ มันคือหินที่เจ้าไปเจอที่บ้านของไซรัส” เจ้าชายเงือกพูดหลังจากพาผมถอยออกมาจากลานเพื่อให้พิธีเริ่ม “คู่แต่งงานทุกคู่จะต้องมาขอหินนี้กับทางวัง” คำอธิบายของฟรานส์ยิ่งทำผมงงไปกันใหญ่ ซึ่งเจ้าตัวคงจะเดาได้ ถึงหันมาทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่ผม “มันเป็นของที่ต้องใช้สำหรับ‘คืนเข้าหอ’ไง”


แล้วมันใช้ยังไงฟระ เอาไว้แทนไวเบร..ตรู๊ด...หรือไง?


“เอาไว้แต่งกันเมื่อไหร่เจ้าก็รู้เอง” พูดเสร็จเจ้าตัวก็หันหน้าหนี แต่ผมแอบเห็นนะว่าหน้าแดง แหม อยากจะชวนพี่โอเข้าห้องหอก็ไม่บอก พูดแบบนี้เรากลับไปเข้าพิธีกันเลยไหม!!


“แต่นั่นหมายความว่าเจ้าต้องเอาชนะข้าในอีกสองอาทิตย์ให้ได้เท่านั้นนะ”


มาพูดความจริงอะไรตอนนี้ ขอผมลืมๆมันก่อนได้ไม๊!!!
   

เดี๋ยวก่อนนะ แบบนี้ก็แปลว่าถ้าผมเอาชนะไม่ได้ก็อดแต่งด้วยหรอ เรื่องอะไรอ่ะ ผมจองฟรานส์แล้วนะ ใครมันจะยอมให้คนอื่นคว้าไปเล่า


แบบนี้ให้ตายผมก็ต้องเอาชนะให้ได้ ให้มันรู้ไปสิว่ามนุษย์ผู้แสนเจ้าเล่ห์อย่างผม จะเอาชนะเงือกไม่ได้ สู่ไม่ได้ด้วยฝีมือ ก็เอาด้วยกลโกงละฟระ!!!

   

เมื่อกลับถึงปราสาท ผมว่ายเข้าไปหาซินในลานด้วยความมุ่งมั่น เจ้าตัวเลิกคิ้วเล็กน้อย เมื่อเห็นผมลอยตัวอยู่ตรงหน้า


“บอกวิธีเอาชนะเจ้านายของนายมาสิ”   ผมพูดอย่างมั่นใจ “ฟรานส์มีจุดอ่อนหรือความเคยชินอะไรบ้าง บอกสิ่งที่นายรู้มาให้หมด!”


พริบตานั้นผมสาบานได้ว่าเห็นรอยยิ้มเล็กๆจากองค์รักษ์หนุ่ม “เป็นความคิดที่ไม่เลว มีแต่ไอ้โง่เท่านั้นล่ะที่สู้กับคนที่เก่งกว่าตัวเองมากๆโดยไม่หาข้อมูลอะไรเลย” นั่นทำให้ผมดีใจว่ามาถูกทางแล้ว “แต่ท่านฟรานส์ไม่มีจุดอ่อนหรอกนะ”


แป่ว


พูดแบบนี้ผมก็ต้องกลับไปวางแผนใหม่อะดิ


“ท่านฝึกต่อสู้มาตลอด เพราะอย่างนั้นถึงได้มีปฏิกิริยาไวมาก แค่มีใครสะบัดอาวุธเข้าไปใกล้ ท่านฟรานส์ก็จะรับรู้และหลบก่อนที่จะโต้กลับฝ่ายตรงข้ามออกมา”


อืม...ฟังแบบนี้แปลว่าฟรานส์อาจจะรับรู้ถึงจิตสังหารของคู่ต่อสู้ แล้วถ้าเราไม่ถืออาวุธใช้พลังกายล้วนๆล่ะ?


“ถ้าคิดที่จะใช้มือเปล่าบอกตรงๆว่าอย่า ท่านฟรานส์ไม่ได้ๆตำแหน่งเจ้าชายมาเพราะโชคช่วยนะ” คำพูดขัดอย่างคนรู้ทันของซินทำให้ผมนึกขึ้นมาได้ ก็ที่ไซรัสบอกว่าการจะไปถึงบ้านเจ้าตัวได้แปลว่าต้องแข็งแกร่งกว่าเงือกทั่วไป...


ไหนยังตอนจับไอ้ปลาหมึกนั่นพันเป็นก้อน...


หรือตอนที่แทบจะป่นกระดูกผม...


ทำไมไม่ว่ามองทางไหนผมถึงเห็นแต่คำว่าตายกับตายฟระ!!


ถ้าอย่างนั้น...



“ฟรานส์!!” ผมว่ายตรงเข้าไปหาเจ้าชายเงือกในห้องทำงาน รอบๆตัวของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยกองเอกสารที่ทำจากสาหร่ายอัดแผ่น “บอกมาเดี๋ยวนี้นะ!! ว่าจุดอ่อนของนายคืออะไร”


“หือ?” อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมามองผม เจ้าตัวเลิกคิ้วด้วยความสงสัย “เจ้าพูดว่าอะไรนะ”


“จุดอ่อนของเจ้าชายเงือกขั้นเทพอย่างนายคืออะไร บอกชั้นมาเดี๋ยวนี้!!”


ผมเชิดหน้าพูดอย่างมั่นใจ ในเมื่อไอ้เจ้าซินมันช่วยอะไรไม่ได้ ตรูว่ายมาถามเจ้าตัวเองก็ได้ฟระ!


แต่พอได้ยินแบบนั้น แทนที่อีกฝ่ายจะถวายคำตอบว่าที่สามีอย่างผมแต่โดยดี เจ้าตัวกลับก้มหน้าลงไปกองกับโต๊ะ ก่อนที่จะระเบิดเสียงหัวเราะดังสนั่นผิดวิสัยเจ้าชาย เล่นเอาผมหน้าชาเลย


หลังขำตัวสั่นอยู่นานฟรานส์ก็เงยหน้าขึ้นมองผมที่กำลังจะหนี “จะไปไหน” เจ้าตัวแย้มรอยยิ้มกว้าง ก่อนจะกวักมือเรียกผมไปใกล้ๆ แต่ความมั่นใจตรูไปหมดแล้วไง เรื่องอะไรจะเข้าไปหาให้อายกว่าเดิม ขอเผ่นไปตั้งหลักทำใจก่อนล่ะ


เมื่อเห็นผมนอกจากจะไม่ขยับมาหาแถมยังมีทีท่าจะเผ่นออกนอกห้อง เจ้าชายเงือกก็วางงานในมือลง ก่อนจะพุ่งมาหาผม คว้าข้อมือเป็นตัวประกันไว้ก่อนจะลากเราทั้งสองไปนั่งอยู่ที่โซฟาใกล้ๆ


“เอ้า ให้โอกาสถามใหม่อีกที”


ไม่ถงไม่ถามแล้วโว้ย เล่นขำตรูซะขนาดนี้ ผมมองอีกฝ่ายเลิกลัก ความมั่นใจตอนที่ว่ายเข้ามาหายไปกับสายน้ำหมดแล้ว
ฟรานส์จับข้อมือทั้งสองของผมเอาไว้กันหนี เจ้าตัวหรี่ตาเจ้าเล่ห์ก่อนจะเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้


เฮ้ยๆ ทำไมผมรู้สึกเหมือนกำลังถูกรุกเลยล่ะ ไม่เอาโมเม้นนี้นะโว้ย


เพียะ!!


“โว้ย เจ็บ..” ผมสบถหลังจากโดนปลายนิ้วขาวๆดีมาเต็มๆเน้นๆที่หน้าผาก เจ้าของมือสวยที่ตอนนี้ยอมปล่อยมือทั้งสองข้างของผมแล้ว แต่หันมาประทุษร้ายหน้าผากแทน


“เจ้าถามหาจุดอ่อนกับคนที่เจ้าต้องสู้ด้วยนี่นะ” ฟรานส์ยิ้มๆพร้อมส่ายหัว “ไม่บ้าจริงทำไม่ได้นะนี่”


ใช่สิ ตรูมันปัญญาอ่อนนี่


ฟรานส์เห็นผมสะบัดหน้าหนีก็ยิ้มขำ เสียงหัวเราะ หึหึ ลอยมาตามน้ำทำเอาผมโคตรนอยส์ ก็ผมเกิดมาแบบคนธรรมดานะเฟร้ย ไม่ได้เกิดมาแบบแฟนตาซีต้องมีวิทยายุทธติดตัว ใครมันจะไปเก่งเหมือนท่านเจ้าชายได้ล่ะ


“ข้าอุตส่าห์ส่งซินไปเป็นคู่ฝึกให้ ทำไมไม่ถามเจ้านั่นล่ะ”


“ก็เพราะถามแล้วไม่ได้คำตอบนี่ไงถึงได้บากหน้ามาหาเจ้าตัวเนี่ย..” ผมบ่นอุบอิบ


“โดนเจ้านั่นอำแล้วสิ ข้าจะบอกให้นะ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอก เราทุกคนต่างก็มีจุดอ่อนทั้งนั้น แม้กระทั่งข้าเองก็เถอะ”


“แล้ว..”


“อ๊ะๆ อย่าขี้โกงสิ นี่เป็นเรื่องที่เจ้าต้องหาคำตอบเอง” ฟรานส์ดักทางผมด้วยการเอานิ้วมาปิดปากเสียก่อน “ข้าว่าเจ้าควรเอาเวลาที่เหลือน้อยนี่ไปฝึกมากกว่าจะมางอแงใส่ข้านะ”


“ก็ทำไมนายไม่บอกชั้นตั้งแต่ตอนฟิลันอยู่ในไข่ล่ะ” ผมโวยใส่อีกฝ่ายเมื่อนึกขึ้นได้ ในช่วงที่ฟิลันจำศีลผมนี่ไร้สาระสุดๆ ถ้าเอาเวลาช่วงนั้นมารวมด้วย ผมคงจะมีทางออกมากกว่านี้


ทว่าฟรานส์กลับส่ายหัว “บอกไปเจ้าก็ไม่ทำหรอก”


“ไม่จริงเฟร้ย”


“งั้นข้าถามหน่อย ในระหว่างที่เจ้ากำลังรอฟิลันตื่นขึ้น เจ้าได้สนใจทำอะไรอย่างอื่นไหมล่ะ” เอิ่ม อยากถามว่าทำไหม~ ขอบอกเลยว่าไม่~ อารมณ์นั้นผมทั้งลุ้นทั้งห่วงฟิลัน วันๆก็วนไปแถวลานพิธีนั่นล่ะ “ใช่ไหมล่ะ ถึงข้าบอกไปเจ้าก็ห่วงฟิลันจนไม่เป็นอันฝึกอยู่ดี”


ชัดเจนจ้า เข้าใจนิสัยเสียๆของผมอย่างทะลุปรุโปร่งสมกับเป็นฟรานส์จริงๆ ฮือออ



ในเมื่อรู้เขาไม่ได้แถมโดนหัวเราะเยาะจนอับอายขายขี้หน้าแล้ว ผมก็เลยตัดสินใจหันมารู้เราไปพลางๆก่อน ผมพยายามนึกถึงข้อดีของตัวเองว่ามีอะไรบ้างที่สามารถเอาไปใช้ต่อกรกับฟรานส์ได้


หน้าตาหล่อเหลา(?)... อันนี้ช่วยอะไรไม่ได้เลย นอกจากจะเอาไปร้องเพลงฉันผิดเองแข่งกับ‘WHO’ สาบานได้ว่าผมไม่ได้ค่าตัวและค่าโฆษณาจากการกล่าวถึง แถมเสี่ยงที่จะโดนฟ้องอีกต่างหาก


ฉลาด เรียนเก่ง... ข้อนี่น่าจะไม่ดูจากผลการสอบและการที่ผมนึกอะไรไม่ออกว่าจะทำยังไงถึงจะชนะฟรานส์ได้
แข็งแรง...เอาเป็นว่าน้อยกว่าฟรานส์แน่ๆ


เร็ว... อืม ข้อนี้สำหรับผมน่าคิดที่สุด แม้ผมจะไม่เคยแข่งกับฟรานส์ซักที แต่จากที่ผ่านๆมาผมได้ฝึกปรือฝีมือจากการหลบบาทาพวกที่หาเรื่องเพราะไปหลีสาวบ่อยๆ ขนาดซินเองถ้าผมหนีจริงๆจังๆ หมอนั่นก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกันแม้สุดท้ายผมจะหมดแรงเสียก่อน แต่อย่างน้อยก็หนีได้เป็นหลายนาทีละฟระ

.

...........

....................

แล้วถ้าผมเอาแต่หนีจะเอาชนะฟรานส์ได้ยังไงล่ะเนี่ย ใครก็ได้ช่วยโอเชี่ยนที!!
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 3-5-59 : ตอนที่14
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 03-05-2016 21:51:10
 :m20:   พี่โอ ทำใจเถอะนะ
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 3-5-59 : ตอนที่14
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 03-05-2016 22:20:53
คู่น้องนิก็สลับกันอย่างเห็นได้ชัด แกล้งๆไปเดะก็รักกันเอง
แต่อิพิ่โอนิจะเอาดีทางนี้เลยชะมะ ออกมาที่นางทำฮา ตลอด :m20:
จะรอดหรือเปล่านั้น มีงงมีงอนดั๊ว 5555
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 3-5-59 : ตอนที่14
เริ่มหัวข้อโดย: mymine ที่ 05-05-2016 01:14:00
ตอนที่15


“วิธีนั้นก็ไม่ได้ วิธีนี้ก็ไม่ไหว จะทำยังไงถึงจะเอาชนะฟรานส์ได้ว้า...” ผมบ่นกับตัวเองในระหว่างที่นอนลอยคอเท้งเต้งอยู่ตัวเดียว


วันนี้ซินต้องออกไปตรวจนอกเมืองกับฟรานส์ เจ้าตัวก็เลยปล่อยให้ผมฝึกซ้อมเอง ซึ่งผมว่าฝึกให้ตายผมก็เก่งขึ้นภายในเวลาสั้นๆไม่ได้ สู้เอาเวลาซ้อมมาวางแผนว่าทำยังไงถึงจะเอาชนะพ่อเจ้าชายเงือกที่ได้ชื่อว่าเก่งที่สุดในเมืองนี้ได้ดีกว่า
   

จับมัดเอาไว้?... ไม่ได้แหง ใครมันจะยอมอยู่นิ่งๆให้มัด


วางยานอนหลับ?... ไม่ดีๆในน้ำจะเอายามาจากไหน
   

ใช้หุ่นสุดเซ็กซี่หลอกล่อแล้วจับซั่มให้หมดแรง?... แบบนั้นดูเหมือนคนที่หมดแรงน่าจะเป็นผมมากกว่า แหมก็ฟรานส์น่ากดขนาดนั้น พอได้เริ่ม อะไรๆมันก็หยุดไม่อยู่ใช่ไหม กลัวว่าจะกลายเป็นคู่แข่งมาลงแข่งไม่ได้เพราะคนนึงปวดสะโพก อีกคนฟ้าเหลืองน่ะสิ
   

“มีวิธีไหนอีกไหมว้า...”
   

“พี่โอ!!”


“เฮ้ย!!!” ผมสะดุ้งถอยแทบไม่ทันเมื่อใบหน้าของฟิลันในมุมกลับลอยมาอยู่ต่อหน้าผม แถมโผล่มาตรงหน้าเฉยๆไม่ได้ต้องตีลังกาด้วยนะ “ฟิลันเล่นอะไรเนี่ยพี่ตกใจหมดแล้วทำไมต้องกลับหัวแบบนี้!”
   

ฟิลันที่ตอนนี้รูปร่างสูงใหญ่ขึ้นมากกำลังลอยมาตรงหน้าผม เจ้าตัวกวาดตามองขึ้นลง “ข้าต่างหากที่จะถามพี่โอ ว่าพี่จะนอนผึ่งเป็นปลาแดดเดียวทำไม?”
   

อู้ย แววตาและคำพูดเธอช่างร้ายกาจ พี่โอก็แค่หาที่นอนดีๆไม่ได้เลยย้ายตัวเองมานอนบนหินก้อนใหญ่ เอาหัวห้อยไว้แค่นั้นเอง ไม่เห็นประหลาดตรงไหน แต่เมื่อกวาดตามองก็พบเงือกทหารหลายๆตัวมองผมด้วยแววตาหวาดระแวงนิดๆ เอ่อ...แบบนี้มันแปลกจริงหรอ
   

คิดแบบนั้นก็เลยค่อยๆหมุนตัวกลับมาแบบเดิม อู้ย..เลือดลงหัว มึนกันเลยทีเดียว ผมสะบัดหัวเรียกสติ ก่อนจะส่งยิ้มแหยให้เจ้าชายเงือกที่ยืนเท้าสะเอวมองผมอยู่
   

โตขึ้นแล้วบุคลิกเริ่มกวนขึ้นนะฟิลัน
   

“มาหาพี่มีอะไรหรือเปล่า”
   

“ก็มาเฝ้าพี่โอน่ะสิ ท่านพี่บอกว่าถ้าไม่มีใครจับตาดู รับรองว่าพี่ต้องชิวลันล้าหาโอกาสหนีการฝึกแหง” เจ้าชาย(เริ่มไม่)น้อย กอดอกเหล่มองเงือกที่กำลังลันล้าอู้งาน ทำเอาคนมีชนักอย่างผมส่งยิ้มแหยให้
   

แหม แบบว่ามัวแต่วางแผนน่ะ ไม่ได้อู้จริงๆนะ แต่จะว่าไป...
   

“เรามาก็ดีแล้ว มาช่วยพี่คิดหน่อยสิว่าฟรานส์มีจุดอ่อนหรือความเคยชินอะไรบ้างไหม” ผมลืมไปได้ยังไงว่ายังมีฟิลันที่น่าจะหาข้อมูลได้ แม้ในตอนแรกเพราะผมคิดว่าอีกฝ่ายยังเด็กเกินกว่าเรื่องการรบเรื่องต่อสู้แบบนี้เลยไม่ทันได้ถาม แต่แหมเขาพี่น้องกันต้องมีข้อมูลกันและกันบ้างล่ะน่า
   

เอาจริงๆคือตอนนี้ผมออกแนวจนตรอกแล้ว ถามใครได้ตรูถามหมด!!
   

เงือกตรงหน้าเอียงคอน้อยๆทำท่านึก “อย่างท่านพี่น่ะหรอ ไม่เห็นได้ยินว่ามีจุดอ่อนอะไรเลย ออกจะไร้เทียมทาน” ได้ยินแบบนั้นผมก็ห่อเหี่ยวสิ “แต่ที่ข้าจำได้อยู่อย่างนึงคือท่านพี่หาของเก่งมาก!”
   

หาของ???? คือยังไงฟระ??
   

หลังจากได้รับคำอธิบายแล้วผมก็ค่อยกระจ่างหน่อย คือฟิลันเคยทำหินสีที่สะท้อนแสงสวยๆหล่นหายในบริเวณดงปะการัง เจ้าตัวชอบหินก้อนนี้มากเลยพยายามงมหาท่ามกลางปะการังนับร้อยๆจนใกล้มืด ซึ่งฟรานส์ก็ไม่ยอมตามมาลากเจ้าตัวกลับปราสาทบอกว่าพรุ่งนี้จะหาให้ และในเช้าวันถัดมา ฟรานส์ก็สามารถหาหินนั้นได้รวดเร็วมากเสียด้วยสิ
   

ดูไม่ค่อยจะเกี่ยวเท่าไหร่เลยแฮะ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังตั้งใจฟังอีกฝ่ายเล่า เพราะเป็นครั้งแรกที่ผมได้รู้เรื่องราวอื่นๆของฟรานส์นอกจากที่ตัวเองเห็น
   

เราคุยกันจนเย็น แสงสว่างที่ทอดมาจากบนผิวน้ำเริ่มลดลง เงือกหลายตัวเริ่มแยกย้ายกลับกันแล้ว รวมถึงผมกับฟิลันด้วย แต่ในขณะที่กำลังจะกลับ เจ้าชายที่ถูกเราทั้งสองคนนินทาทั้งวันพร้อมองค์รักษ์ก็ปรากฏตัวขึ้นแต่ไกล แสงจากสร้อยที่ผมเคยให้สะท้อนแสงที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด
   

จะว่าไปหินนี่มันดีจริงๆนะ สมกับที่เป็นของคู่บ้านคู่เมือง ถ้าอยู่ในช่วงเวลามีแสง มันจะสะท้อนเป็นประกายงดงาม เอาเป็นว่าถ้าแดดจ้าหน่อยอาจทิ่มตาผมบอดเลยก็ได้ แต่ถ้าอยู่ในที่มืด มันกลับจะเรืองแสงนวลให้ความรู้สึกอบอุ่นแม้อยู่ท่ามกลางความมืดมิด
   

“สรุปว่าพากันอู้ทั้งคู่สินะ” ฟรานส์ส่ายหัวหลังจากเห็นสภาพพวกผม ที่ดูจะไม่เหน็ดเหนื่อยอะไรเลย ก็แน่ล่ะ เพราะเราสองตัวนอนคุยกันทั้งวัน ไม่ได้ว่ายไปไหนด้วยซ้ำ
   

“เปล่านะ ฉันกับฟิลันช่วยกันวางแผนล้มนายต่างหาก.. เนอะฟิลันเนอะ” ผมหันไปหลิ่วตาให้เจ้าชายน้อยซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าหงึกหงักตามน้ำกันแต่โดยดี น่ารักจริงๆ

   

หลายวันผ่านไป วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการฝึกแล้ว พรุ่งนี้จะถึงวันที่ผมต้องสู้ตัวต่อตัวกับฟรานส์ ซึ่งผลการฝึกตลอดสองอาทิตย์ดูจะได้ผลไม่น้อย ช่วงเวลาที่ผ่านมาผมตัดสินใจเน้นการฝึกหลบหลีก ถอยแล้วสู้ สไตล์ hit&run ซึ่งผมคิดว่าความเร็วในการหนีถือเป็นจุดเด่นที่สุดของผม ซินก็ไม่ได้เถียงอะไร เจ้าตัวบอกว่าก็มีเหมือนกันที่ใช้วิธีหนีพลางหาช่องว่างจากอีกฝ่ายแล้วค่อยโจมตี เพียงแต่ไม่วายที่เจ้าตัวจะเหน็บผมว่าแล้วจะหนีไปได้นานแค่ไหน? เพราะเทียบกับฟรานส์แล้วแม่ช่วงตัวผมจะยาวกว่าแต่ความอึดของผมน้อยกว่าอีกฝ่ายเยอะ


แต่ที่แน่ๆตอนนี้ผมมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ในวันหลังๆผมสามารถหาช่องแทงสวนอาวุธเข้าไปหาอีกฝ่ายได้บ้างแล้ว แม้จะช้าเกินไปจนซินทำหน้าเหนื่อยใจแต่อย่างน้อยก็ถือว่ามีพัฒนาการที่ดีขึ้นล่ะน่า คิดว่าในการสู้จริงผมน่าจะว่ายหลบหลีกฟรานส์ได้ซักห้านาที และในระหว่างนี้ก็ต้องหาทางฉวยโอกาสโจมตีอีกฝ่ายให้ได้


ทว่าในขณะกำลังซ้อมสู้กันอยู่ ผมซึ่งได้ยินเสียงฟรานส์นั่นทำให้ผมชะงัก ทว่าซินที่เป็นคู่ต่อสู้ได้สวนหอกเฉียดหน้าผมไปอย่างยั้งไม่อยู่ ปลายแหลมของมันกระแทกเข้าที่บริเวณมือจนแขนของผมสะบัดแทบจะกระเด็นไปไกล นั่นทำให้ผมตกใจมาก


“โอ๊ย!!!”
   

“โอเชี่ยน!” นั่นทำให้ฟรานส์ที่ตอนแรกโผล่มาแต่เสียงพุ่งเข้ามาหาผมอย่างรวดเร็ว เจ้าตัวประคองมือขึ้นมาอย่างทะนุถนอม มือและปลายนิ้วของผมชาดิก แต่เท่าที่มองแล้วดูจะไม่มีแผลอะไรร้ายแรงนัก   


เจ้าชายเงือกหันขวับไปจ้ององค์รักษ์ของตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย “ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าทำให้โอเชี่ยนบาดเจ็บ!!!” สีหน้าฟรานส์ดูน่ากลัวมากผมไม่เคยเห็นเจ้าตัวทำหน้าแบบนี้มาก่อน


“...ท่านโอเชี่ยนไม่มีสมาธิในการต่อสู้ ในสนามรบท่านก็น่าจะรู้ว่าการเผลอประมาทแม้เพียงนิดเดียวหมายถึงความตาย”


“เจ้า!!”


“เอาน่าเพราะฉันเหม่อเอง อีกอย่างนอกจากอาการชาแล้วก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรนี่ พักพอหายก็น่าจะดีขึ้น” ผมต้องกัดฟันปลอบฟรานส์ที่ตอนนี้ขู่แง่งๆใส่องค์รักษ์ของตัวเอง ถามว่าจริงๆผมเจ็บไหมก็ต้องบอกตรงๆว่าเจ็บไม่น้อยเชียวล่ะ แต่เรื่องเผลอก็เป็นความจริงเช่นกัน


เจ้าชายเงือกหันมาลากผมเข้าไปนั่งพัก จับมือผมพลิกดูราวกับว่าจะหาแผลได้ถ้าจ้องมากๆอย่างงั้นล่ะ “โอเชี่ยนแหวนเจ้าหายไปไหน..”
   

คำพูดแบบไม่มีที่มาของฟรานส์ทำให้ผมชะงักด้วยความตกใจ “แหวน!” บ้าน่า แหวนของผมใส่ติดตัวอยู่ตลอดนะไม่เคยถอดเลยสักครั้ง มองซ้ายขวาก็ไม่เจอ ช่วยกันหาตรงลานต่อสู้ก็ไม่มี
   

“หรือที่กระแทกเมื่อกี้จะกระเด็นไปไกล” ฟรานส์ตั้งข้อสังเกต “เพราะที่จริงข้านึกว่าเจ้าจะบาดเจ็บไปแล้ว” ใช่มันควรจะเป็นแบบนั้น แต่ดีนะว่าพ่อองค์รักษ์สังเกตทันเลยเบี่ยงเป้าหมายออกไปได้จึงไม่โดนจุดสำคัญ ไม่เช่นนั้นคงจะเป็นไหล่ผมที่ทะลุ


ฟรานส์สั่งให้เงือกที่อยู่ใกล้ๆพวกเราช่วยกันแยกย้ายหาแหวน ซึ่งในความคิดผมมันน่าจะหายากมากพอดู เลยลานต่อสู้ไปก็เป็นทุ่งสาหร่ายซึ่งมีพืชน้ำ หินและปะการังหนาแน่น กับแหวนที่ทำจากหินก้อนเล็กๆแบบนั้น น่าจะกลืนไปกับก้อนหินตามธรรมชาติหมดแล้ว แม้มันจะสะท้อนแสงก็ตามทีเถอะ แต่ไม่น่าที่จะมีใครหามันได้เร็ว... “เจอแล้ว!” แบบนี้
   

“ห๊ะ!! ” ฟรานส์ว่ายตรงเข้ามาสวมแหวนให้ผมเหมือนเดิมท่ามกลางสายตาเงือกนับสิบ เล่นเอาผมแอบหน้าแดง แหม จะขอแต่งงานกันต่อหน้าประชาชีแบบนี้เลยหรอ
   

ไม่สิ ไม่มีเจ้าสาวคนไหนขอเจ้าบ่าวแต่งงานแบบนี้ ไม่นะไม่
   

“เจ้าหน้าแดง...” ยังจะมาพูดอีก เพราะใครเล่าเฟร้ย
   

“..เปล่า”
   

“หึหึ ดีใจก็บอกมาเถอะ”
   

“บ้าน่า... ว่าแต่ทำไมหาเจอเร็วจัง” ทันใดนั้นผมก็นึกถึงที่ฟิลันเคยพูดไว้ว่าฟรานส์หาของเก่งมาก นี่ถ้าไม่เห็นกับตาผมคงนึกว่าเจ้าตัวเอาไปแอบซ่อนซะเองนะนี่
   

แต่เจ้าตัวเพียงยักไหล่แล้วบอกว่า ‘ข้าตาไวกับของที่สะท้อนแสงแวววาว’ อืม ก็ไม่น่าแปลกใจอะไร ยังไงสาวๆก็ชอบของที่มันเป็นประกายอยู่แล้ว แบบนี้พอแต่งงานไปผมต้องหาเงินมาซื้ออัญมณีให้สินะนี่
   

แววอนาคตยากจนรำไรแฮะ

   

สุดท้ายเพราะมือของผมเป็นแบบนี้ ฟรานส์เลยตัดสินใจว่าไม่ต้องฝึกมันแล้ว กลับเลยดีกว่า ถือเป็นการผ่อนคลายเพื่อจะได้สู้เต็มที่ในวันพรุ่งนี้ด้วย ได้พักมันก็ดีหรอกนะ แต่อารมณ์ผมตอนนี้เหมือนคนใกล้สอบอ่ะถึงหยุดแต่ก็ไม่ได้ผ่อนคลายลงเลยสักนิด


เราทั้งหมดพากันว่ายกลับเข้าไปในปราสาท ทว่าก่อนที่จะแยกย้ายเข้าห้อง ฟิลันที่ว่ายมาจากไหนก็ไม่รู้ตรงเข้ามาพูดกับผมว่า “พี่โอ ข้านึกออกแล้ว จุดอ่อนของท่านพี่ก็พี่โอไง ข้าไม่เคยเห็นท่านพี่หวง ห่วงใครมากเท่าพี่โอเลยนะ” ฟิลันพูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยท่ามกลางประชากรเงือกทหารก่อนจะว่ายหนีไป ทำเอาผมเหวอ คนถูกพาดพิงหน้าแดงอ้าปากค้าง กระทั่งซินยังเผลอหลุดขำ ก่อนจะรีบว่ายหนีเพราะฟรานส์เปลี่ยนเป้าหมายส่งสายตาเขียวปั๊ดใส่อีกฝ่ายแล้ว
   

แต่เฮ้ยๆ ฟิลัน พี่โออยากได้ข้อมูลก็จริง แต่ไม่ใช่ต่อหน้าเจ้าตัวแบบนี้ ไหงมาทิ้งทุ่นระเบิดแล้วหนีไปทิ้งพี่เผชิญชะตากรรมเล่า ขนาดซินยังหนี ทำไมไม่พาพี่ไปด้วยยยย
   

“จะหนีไปไหนหรือโอเชี่ยน” เสียงเรียกแบบเจาะจงเน้นชื่อทำให้ผมรู้สึกเหมือนเหงื่อแตกทั้งที่อยู่ในน้ำ ส่งยิ้มประจบไปให้อีกฝ่ายก็แล้ว “ก ก็กะว่าจะไปหาฟิลันหน่อยน่ะ....”
   

“หาทำไม ไม่ต้อง มีอะไรสงสัยมาถามข้านี่รับรองว่าข้าจะตอบคำถามของเจ้า ทุกคำถามเลย” พูดจบเจ้าตัวก็ตรงเข้ามาล็อคคอผมลากกลับไปยังห้องนอน แถมมีการมาเหวี่ยงผมลงบนเตียงอีกนะ
   

โสรยาทำไมเจ้ารุนแรงกับพี่นัก
   

เฮ้ยๆผิดเรื่อง แถมตอนนี้ไม่ใช่เวลานึกบ้าๆ เพราะฟรานส์ตอนนี้ปีนตัวขึ้นมาคร่อมผมแล้ว “ใจเย็นๆ!!ฟรานส์! ฟิลันแค่แซวเล่นน่ะ มีอย่างที่ไหน เงือกบ้าๆบอๆอย่างฉันนี้นะจะเป็นจุดอ่อนของเงือกขั้นเทพอย่างนาย” ฟราน์ใช้มือข้างเดียวยึดมือทั้งสองข้างของผมไว้เหนือหัว ให้ตายเถอะ มือผมยังชาอยู่นะ แบบนี้จะเอาอะไรไปขัดขืนเขา แถมสถานการณ์แบบนี้มันสถานการณ์เสียตัวในตำนานชัดๆ!!
   

“มันเป็นเรื่องจริง” ห๊ะ!! ผมกำลังพยายามดิ้นหนีอยู่ก็ต้องชะงัก “เจ้าเป็นจุดอ่อนของข้าจริงๆ”
   

ฟังแล้วน่าดีใจไหมนี่ จุดอ่อนที่ผมอยากรู้ก็ได้รู้แล้ว แต่...มันจะมีประโยชน์อะไรวะ!! มันไม่ได้ช่วยให้ผมเอาชนะฟรานส์ได้เลยนะ
   

“อึก!” บ้าชะมัด แค่เผลอนิดเดียวฟรานส์ก็ปล่อยมือของผมออกจากการยึดจับ เจ้าตัวค่อยๆจูบลงที่ปลายนิ้วนางที่สวมแหวน ก่อนจะเริ่มเลียไล้ไปตามนิ้วอื่น ความร้อนของปลายลิ้นและริมฝีปากทำให้ผมเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้น...
   

“อือ.. ด..เดี๋ยวก่อน” โมเม้นนี้มันไม่ใช่ ตำแหน่งนี้มันก็ไม่ใช่ ไม่เอานะเฟร้ยยย
   

หงับ!
   

“อึก!!.... โอ-เชี่ยน” ฟรานส์ชะงักหลังจากผมกัดลงบนคออีกฝ่าย เรื่องอะไรผมจะยอมให้รุกฝ่ายเดียวเล่า ผมเป็นสามีนะ ผมต้องเป็นฝ่ายรุกสิ!! หลังงับแล้วผมก็ค่อยๆเลียซ้ำลงบนแผลบริเวณต้นคอที่มีรอยฟันของผมประดับไว้ ทำให้ว่าที่ภรรยาของผมหน้าแดง ส่งเสียงครางฮือในลำคอ
   

หึหึ เรื่องต่อสู้อาจจะไม่ได้เรื่อง แต่เรื่องแบบนี้พี่โอมั่นใจมาก!
   

แต่ความมั่นใจผมก็ต้องถูกสั่นคลอนซ้ำ เพราะฟรานส์เอาคืนผมน่ะสิ เจ้าตัวกัดลงบริเวณเดียวกับที่ผมกัดอีกฝ่าย ก่อนจะขบเม้ม ทำเอาผมกลั้นเสียงแทบไม่ไหว


ให้ตายเถอะฟรานส์นี่เรียนรู้ไวเกินไปแล้ว


หลังการปล้ำไปมาอยู่หลายรอบโดยไม่มีใครยอมใคร สุดท้ายพวกผมก็นอนแผ่กันคนละฝั่งของเตียง บริเวณคอมีรอยสีกุหลาบกันคนละรอยสองรอย ให้ตายเถอะ ภรรายาผมนี่บทจะร้อนแรงก็ทำเอาสามีอย่างผมแทบระทวย


นี่ถ้าไม่ติดว่าพรุ่งนี้ต้องสู้นะ ผมจะจัดชุดใหญ่เอาไม่ให้ลุกจากเตียงเลย


.


.


.


และแล้วก็มาถึงวันชี้ชะตา ศึกวันทรงชัยมวยคู่เจ็ดสี ฝ่ายแดงฟรานส์ ป.ปลา VS. ฝ่ายน้ำเงินโอเชี่ยน โดนเจี๋ยนแน่ๆ





คิดซะว่าผมตื่นเต้นจนสติแตกแล้วละกันนะ


เอาเข้าจริงถึงจะไม่ใช่แต่ก็ใกล้เคียงพอดู นอกจากเรื่องต้องลงไปสู้แล้ว ไหนจะเรื่องเมื่อวานที่เหตุการณ์พาไปจนผมเกือบเสียงซิงประตูหลัง ...แต่มาคิดดูแล้ว ผมอาจจะโดนฟรานส์แกล้งหรือเปล่า เจ้าตัวดูโมโหง่ายผิดปกติ ไหนยังจะรุกซะจนผมตกใจ


“พี่โอ...คอพี่ไปโดนใครกัดมา” มือผมตะปบตำแหน่งที่โดนใครบางคนกัดคืนทันที นึกแล้วร้อนหน้าไปหมด


ฟิลันหรี่ตามองรอยที่ปรากฏขึ้นขณะกำลังช่วยรวบเส้นผมให้ แม้ผมจะบ่ายเบี่ยงก็ตามเถอะ แต่ดูสายตาเจ้าตัวแล้ว คงพอจะเดาได้ล่ะว่ารอยรัก(?) นี้มาจากไหน


“รอยแบบนี้ควรจะปล่อยผมลงมาปิดไหมนี่” ปลายนิ้วขาวจิ้มๆสะกิดๆตรงรอย นั่นทำให้ผมหันไปมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความสงสัย ทำไมต้องปิดด้วยมันก็เหมือนรอยยุงกัดธรรมดานี่นา “ส่วนมากเวลาพวกเราจะสู้แบบเป็นทางการจะรวบผมขึ้นให้เรียบร้อย เพราะมันเกะกะตอนสู้น่าดู ...เพียงแต่สภาพของพี่โอตอนนี้มันไม่เหมาะไง...คือถ้าเป็นเงือกทั่วไปก็คงไม่มีใครสนใจหรอก แต่ถ้าเป็นเจ้าชายแล้วมีรอยแบบนี้...มันดูไม่งามนะ”


คำอธิบายของเงือกข้างตัวทำเอาผมเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ ไหนยังจะรายละเอียดปลีกย่อยในการแต่งตัวนั่นอีก แค่จะตีกันนี่มันยุ่งยากขนาดนี้เลยหรือฟระ


แต่จะว่าไป...


“ฟิลัน ช่วยอะไรพี่สักหน่อยสิ” ผมหันไปส่งยิ้มให้เจ้าชายเงือกน้อยข้างๆ บางทีผมอาจจะได้ตัวช่วยที่ทำให้ผมเอาชนะฟรานส์มาไว้ในมือก็ได้

.

.

.

บริเวณลานตอนสู้หลังปราสาทในตอนนี้เต็มไปด้วยเงือกทหารหลายและเงือกสาวที่เป็นข้ารับใช้หลายสิบตัว ทั้งหมดพากันอยู่รอบๆวงถอยห่างจากบริเวณที่ใช้ต่อสู้ ณ.ตรงกลางนั้นปรากฏเงือกสองตัว คือซินที่ทำหน้าที่แทนกรรมการ และฟรานส์ที่อยู่ในสถานะรอต่อสู้ ผมยาวสีทองถูกมัดเข้าไปครึ่งหัว ปล่อยปลายผมส่วนที่เหลือพลิ้วไปตามสายน้ำ ในมือถืออาวุธพลองยาวตรงปลายมีสามง่าม


ทันทีที่ผมว่ายตรงเข้ามาก็เจอสายตาทิ่มแทงของเจ้าชายเงือกที่ดูจะมองมาที่ผมอย่างไม่ค่อยชอบใจนัก แน่ล่ะก็ในขณะที่ฟรานส์ต้องใช้เส้นผมมาบดบังรอยกัดที่เจ้าตัวมีไม่ต่างจากของผม แต่ผมขอให้ฟิลันรวบเส้นผมมัดมวยแบบสูง ตึงจนคอขาวเปิดโล่ง อะไรๆที่ควรจะแอบซ่อนเลยปรากฏต่อหน้าสายตาเงือกนับสิบ


“ทำไมถึงไม่หาอะไรปิด”


“ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่กะอีกแค่รอยกัดไม่กี่รอย” ผมพูดยั่ว “เห็นแบบนี้ก็เซ็กซี่ดีออก”


แต่ดูฟรานส์จะไม่ขำด้วยเท่าไหร่ เจ้าตัวทำหน้าดุ “ข้าไม่ชอบให้ใครเห็นของๆข้า”


อื้อหือ รักนวลสงวนตัวสมเป็นเจ้าสาวที่ดีมาก..



“เอ่อ.. ข้าว่าเราควรจะเริ่มการต่อสู้สักทีนะ แล้วท่านทั้งคู่จะหึงหวงกันต่อก็ไม่มีใครว่าแล้วล่ะ” อยู่ดีๆไอ้เจ้าองค์รักษ์ที่ทำหน้าที่กรรมการก็พูดแทรกเข้ามา เล่นเอาผมสะดุ้งกวาดตามองสภาพรอบตัว เห็นสายตาเงือกนับสิบที่รอชมการต่อสู้กำลังจ้องมาที่พวกเรา


ทว่าฟรานส์กลับไม่สนใจซักนิด เจ้าตัวหันไปค้อนคนของตัวเองตาแทบหลุด ก่อนจะสะบัดหน้ากลับมามองผม สีหน้าและแววตาสงบนิ่ง มือขยับอาวุธให้พร้อมอยู่ในสถานะตั้งรับ


เห็นแบบนั้นผมก็ขยับอาวุธในมือตัวเองบ้าง ดวงตาของเราทั้งสองประสานกัน


แววตาอย่างผู้ล่าที่ไม่มีใครยอมใคร


“3”


“2”


“เริ่มได้!” และคำพูดที่ตัดสินชะตาก็ได้เริ่มขึ้น...
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 5-5-59 : ตอนที่15
เริ่มหัวข้อโดย: มาม่าหมูสับ ที่ 06-05-2016 02:28:14
เอาแล้ววววว โอจะเป็นไงเนี่ย  :z10:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 5-5-59 : ตอนที่15
เริ่มหัวข้อโดย: et-file ที่ 06-05-2016 03:18:05
 :katai5:รออ่านต่อไป
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 5-5-59 : ตอนที่15
เริ่มหัวข้อโดย: mymine ที่ 06-05-2016 09:08:33
ตอนที่16


แม้จะได้ยินข่าวลือและเห็นกับตาเองว่าฝีมือของอีกฝ่ายดีแค่ไหน แต่นั่นไม่เทียบเท่าสิ่งที่ผมกำลังพบเจอด้วยตัวเองได้เลยสักนิด
   

ฝุบ!
   

อาวุธเพึ่งเฉียดหัวผมไปหมาดๆ!!
   

ฟรานส์บุกเข้ามาอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่วินาทีที่เจ้าซินพูดคำว่า’เริ่มได้’จบ ไม่มีการรีรออะไรทั้งนั้นทำเอาผมถอยแทบไม่ทัน และตอนนี้เจ้าตัวก็เริ่มสะบัดอาวุธฟาดลงที่ผมอีกแล้ว
   

จะเร็วไปไหน!!!


ฟรานส์ที่เป็นคู่แข่งแย้มรอยยิ้มชอบใจ แม้เจ้าตัวพึมพำประมาณว่า ‘ไวหยั่งกับปลาไหล’ ทว่าความเร็วของอาวุธกลับไม่ได้ลดลงสักนิด เจ้าตัวแทงซ้าย แทงขวา ตวัดไปข้างหน้า ดึงกลับมาข้างหลัง จนตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังโพสท่ารูปตัวเอสให้ชาวบ้านดูไปพลางๆเนี่ย
   

ทว่าถึงพวกคุณจะเห็นผมโวยวายบ้าบอแบบนี้ แต่เชื่อไหม ผมคิดว่าผมยังไหว เสียงร้องตะโกนด้วยความหวาดเสียวยามอาวุธลากผ่านหน้า เฉียดเส้นผมของผมไปแค่เซ็นเดียว อาวุธที่พุ่งตรงมาหาผมแม้จะรวดเร็วและรุนแรง แต่ผมหลบมันได้ทั้งหมด
   

ใช่ ความสามารถด้านแมลงสาปของผมอัพเลเวลอีกขั้นแล้ว วะฮะฮ่า
   

“โอเชี่ยน หลบเก่งอย่างเดียวเอาชนะไม่ได้หรอกนะ”
   

รู้น่า!! แต่มันหาทางสวนไม่ได้เฟร้ย!!
   

ผมได้แต่ตะโกนตอบฟรานส์ในใจ เพราะตอนนี้ต้องหลบอาวุธอีกฝ่ายเอาเป็นเอาตาย!!! แถมยังมีปัญหาใหญ่คือไม่มีโอกาสแทงสวนอีกฝ่ายเลย ฟรานส์เป็นเงือกที่แม้ความเร็วจะสู้ผมไม่ได้ แต่เจ้าตัวก็ไม่ปล่อยให้ผมตั้งตัว ยังคงรุกไล่แทงอย่างต่อเนื่อง จนตอนนี้ผมเริ่มจะหอบเหนื่อยแล้ว
   

บ้าเอ้ยแบบนี้ผมต้องหมดแรงก่อนแน่
   

เพราะอย่างนั้น ลองแผนนี้ดูละกัน ผมที่กำลังว่ายหนีหยุดกะทันหันก่อนจะกระโดดข้ามตัวเจ้าชายเงือกที่ว่ายพุ่งตรงเข้าหา ฟรานส์ที่ไม่คิดว่าผมจะหักหลบกะทันหันเลยเผลอชะงักนิดหน่อย แต่แค่นั้นมันไม่พอหรอก
   

“ฟรานส์!!! รอยบนคอเปิด!!” เท่านั้นล่ะ เจ้าชายเงือกก็ชะงักเอามือตะปบที่คออย่างรวดเร็ว ทำให้ผมมีโอกาสถอยและได้ช่องแทงสวนหาอีกฝ่ายครั้งแรก!!
   

ฟรานส์เอี้ยวตัวหนีอย่างรวดเร็วทว่ามันยังไม่พ้นปลายอาวุธสามง่ามของผมเลยเฉียดเข้าที่อีกฝ่ายครั้งแรก รอยแผลเป็นยาวประมาณหนึ่งนิ้วเกิดขึ้นที่บริเวณข้างแขนของอีกฝ่าย เสียงฮือฮารอบข้างดังขึ้น
   

ผมนึกสยองว่าเงือกรอบๆจะมารุมทึ้งผมไหมเพราะใช้วิธีที่เหมือนกับการโกงทำให้อีกฝ่ายชะงัก นั่นทำให้ผมเองก็หยุดเคลื่อนที่ตามไปด้วย


...ทว่ากลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากคู่ต่อสู้ของผมที่แย้มรอยยิ้มลึกลับขึ้น เจ้าตัวขยับแขนนิดหน่อยเพื่อดูว่ายังเคลื่อนที่ได้สะดวกเหมือนเดิมไหม


แผนแรกดูจะได้ผลแค่เล็กน้อย ฟรานส์แค่ชะงักนิดหน่อยเพราะตกใจ แต่ท่าทางจะคุมสติได้เร็วกว่าที่คิด


ถ้าเป็นแบบนี้ผมอาจจะต้องใช้แผนสอง... ว่าเข้าไปนั่น เอาจริงผมยังไม่แน่ใจเลยว่าสิ่งที่ผมสันนิษฐานจะถูกต้อง แต่ของแบบนี้มันต้องเสี่ยงกันหน่อยล่ะ


ผมว่ายพุ่งตรงเข้าหาอีกฝ่าย ในช่วงจังหวะที่จะถึงตัวผมก็เปลี่ยนทิศกะทันหันทำให้ตอนนี้กลายเป็นว่าผมว่ายวนรอบตัวอีกฝ่ายด้วยความเร็ว


ฟรานส์ดูจะมั่นใจในตัวเองมากแม้จะหยุดนิ่งรอดูท่าที นัยน์ตาสีฟ้าใสของเจ้าตัวก็ยังคงกลอกตามความเคลื่อนไหวของผม จนผมเห็นช่องว่างเล็กๆตอนว่ายอยู่ด้านหลังอีกฝ่าย


ตอนนี้ล่ะ!!


หอกสามง่ามพุ่งตรงเข้าแทงอีกฝ่าย แต่ทันทีที่เข้าใกล้ ฟรานส์กลับใช้อาวุธปัดมันออกได้ในทันที


บ้าเอ้ย มีตาหลังด้วยหรือเนี่ย


“ไม่ได้ผลหรอกน่าโอเชี่ยน”


“นั่นสิเนอะ..” ผมตอบอีกฝ่ายอย่างช่วงไม่ได้ ตาของฟรานส์ไวมากอย่างที่เจ้าซินบอกเป๊ะ แต่เพราะไวมากที่ล่ะ จะกลายเป็นจุดอ่อนของนาย!!


คิดแบบนั้นผมก็พุ่งตรงเข้าหาอีกฝ่ายอีกครั้ง พร้อมกับขว้างอะไรบางอย่างไปยังด้านซ้ายของคู่ต่อสู้

.

.

เสียงเงือกรอบๆดังขึ้นอีกครั้ง ผลที่ออกมาแม้กระทั่งฟรานส์ที่เป็นคู่ต่อสู้ยังตกใจ


“...บ้าน่า ..นี่มัน เจ้าคิดได้ยังไงเนี่ย”


อาวุธในมือขวาของผมแทงโดนอีกฝ่ายอีกครั้ง เพราะฟรานส์มัวใช้อาวุธในมือตัวเองรับการโจมตีของอะไรบางอย่างที่ผมส่งให้อีกฝ่าย บางสิ่งที่ฟรานส์คิดว่ามันคือหอกสามง่าม แต่ความจริงแล้วมันคือหินประจำเมืองที่ผมขอยืมฟิลันไว้


อย่างที่คิดไว้เลย ฟรานส์ไม่ได้รับรู้จิตสังหารหรืออาวุธอะไรเป็นพิเศษหรอก แต่อีกฝ่ายเป็นเงือกที่ตาไวต่อแสงมากต่างหาก


ดูจากตอนที่ฟิลันหรือผมทำแหวนหล่น เจ้าตัวสามารถหาของได้ไวมากในตอนกลางวันเพราะประกายที่สะท้อนแสงของมัน ไหนจะอาวุธของเผ่าเงือกก็มักเป็นโลหะที่มีความมันเงาเสียส่วนมาก เมื่อรวมกับลานต่อสู้จะต้องสว่างเป็นปกติอยู่แล้ว


นั่นทำให้ฟรานส์ดูเหมือนจะรับรู้ว่ามีอาวุธพุ่งเข้าหาตัวได้ไวมาก


เสียงฮือฮาดังขึ้นรอบตัวพวกเรา จนผมมารู้เอาทีหลังว่าสำหรับเงือกพวกนี้แล้ว เจ้าชายเงือกตรงหน้าถือเป็นสุดยอด ไม่เคยเงือกตัวไหนสร้างบาดแผลให้ฟรานส์ได้เลย แม้ตอนแรกโดนเล็กน้อยพวกนั้นพากันคิดว่าผมคงฟลุ๊ค แต่พอมาโดนจังๆอีกครั้ง...


“ข้าดีใจ” อยู่ดีๆฟรานส์ก็พูดขึ้น “ในช่วงเวลาสั้นๆเจ้ากลับก้าวหน้าได้มากขนาดนี้ แสดงว่าที่ผ่านมาเจ้าทำการบ้านมามากพอดูเลย ...เพียงแต่แค่นี้เอาชนะข้าไม่ได้หรอกนะ!” เท่านั้นฟรานส์ก็พุ่งเข้าหาผมเหมือนเดิม ตอนนี้ผมได้แค่ยกอาวุธขึ้นตั้งรับอีกฝ่าย พร้อมกับถอยไปด้วย ความไวของเจ้าตัวมากขึ้น จนผมไม่สามารถที่จะว่ายหนีได้แบบเดิมแล้ว
   

โคตรเก่ง ผมรู้สึกกลัวแต่ในขณะเดียวกันก็นึกชื่นชมคนตรงหน้า อีกฝ่ายเกิดมาเพื่อเป็นนักสู้โดยแท้   
   

แต่เรื่องยอมแพ้มันคนละเรื่องเฟร้ย!! ใครจะยอมให้ภรรายาเก่งกว่าสามีเล่า!!
   

คิดแบบนั้นผมก็เริ่มตอบโต้ แน่นอนว่าด้วยฝีมือของผม มันไม่พ้นที่จะได้แผลมาหลายแห่ง เจ็บไม่ใช่เล่นเลย แต่นั่นกลับทำให้ผมสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
   

ดูเหมือนฟรานส์จะจงใจไม่แทงเข้ามาในตำแหน่งที่สามารถจบการต่อสู้นี้ได้เลยทั้งที่มีโอกาสหลายครั้ง เจ้าตัวเลือกจะโจมตีจุดที่ทำให้ผมต่อสู้ไม่ได้มากกว่า ถ้าแบบนี้มันต้องเสี่ยงหน่อยล่ะ
   

ผมเอี้ยวตัวหมุนเข้าหาอีกฝ่ายอีกครั้ง เป็นการพุ่งแลกกันแบบไม่มีแผนพิเศษรองรับหรืออะไรเลย ถ้าสิ่งที่คิดไว้ถูก ฟรานส์จะชะงักจนผมอาศัยเวลานี้เอาชนะอีกฝ่ายได้ แต่ถ้าไม่...บางทีผมอาจจะต้องบาดเจ็บไม่น้อยเชียวล่ะ   
   

ภาพตรงหน้าผมกลายเป็นเชื่องช้า เราทั้งสองพุ่งตรงเข้าแลกกัน นั่นเป็นภาพสุดท้ายที่ผมเห็น
   
.

.

“...ผู้ชนะคือท่านฟรานส์!!”


เสียงโห่ร้องของบรรดาเงือกเรียกเอาสติที่หายไปของผมกลับมา หลังจากเห็นเพียงแววตาตื่นตกใจของเงือกตรงหน้า ปลายหอกของอีกฝ่ายหยุดห่างจากบริเวณลูกกระเดือกของผมไม่ถึงเซ็น...


น่าเสียดายที่ผมเดาความคิดอีกฝ่ายผิด สำหรับฟรานส์การต่อสู้นี่คือศักดิ์ศรี การที่ผมสู้กับเจ้าตัวอย่างเต็มกำลังเรียกเอาสัญชาติญาณนักสู้ของเงือกตรงหน้าออกมา โชคดีแค่ไหนที่อีกฝ่ายหยุดมือทัน ไม่งั้นบางทีผมคงไม่รอด


ฟรานส์เก่งมากสมกับเป็นเจ้าชายรัชทายาท ผมยิ้มให้กับอีกฝ่ายแม้ในใจจะรู้สึกหดหู่เล็กน้อย ในเมื่อการแข่งนี้ผมเป็นฝ่ายแพ้ บางทีผมอาจจะต้องตัดใจ


“ว้า แพ้จนได้...เล่นเอาชนะกันแบบนี้ฉันเลยไม่รู้จะไปต่อยังไงเลย” ผมหัวเราะแม้จะฝืดเคืองเต็มที “แล้วแบบนี้จะเป็นยังไงต่อล่ะนี่ ฉันต้องย้ายออกจากห้องนายวันไหน?”


“โอเชี่ยน... เจ้า”


เสียงตบมือดังขึ้นรอบตัวพวกเรา มองไปเห็นเงือกทหารหลายตัวกำลังมองผมด้วยแววตาชื่นชม แต่บางส่วนมองด้วยแววตาแปลก ดูน่าหนาววูปผิดปกติ นี่คงไม่กะล้างแค้นผมที่ทำเจ้าชายเป็นแผลใช่ไหมนี่


อยู่ดีๆฟรานส์ก็คว้าหมับที่ข้อมือ ลากผมพุ่งตรงกลับห้อง นี่ผมต้องรีบเก็บของออกจากห้องอีกฝ่ายไวขนาดนั้นเลยหรอ


ทันทีที่เข้ามาในห้องตัวผมโดนเหวี่ยงลงไปนั่งบนเตียง ฟรานส์ตรงเข้าคร่อมผมทั้งที่ยังนั่ง ทำเอาผมต้องท้าวแขนกับเตียงเอนตัวถอยหนีใบหน้าอีกฝ่าย “เจ้าพูดอะไรออกมา!”


ผมหลบสายตาอีกฝ่าย “ก็ฉันแพ้ ก็ต้องเปิดทางให้นายไม่ใช่หรอ”


“เปิดทาง?”


สีหน้าคาดคั้นของอีกฝ่ายทำให้ผมต้องพูดสิ่งที่คิดออกมาจนหมด “ก็อีกหน่อยนายก็ต้องสู้กับเงือกตัวอื่นใช่ไหม ถ้าแพ้นายก็ต้องแต่งกับเงือกตัวนั้น แล้วจะให้ฉันนอนอยู่กับนายแบบนี้ได้ยังไง แบบนี้ภาพลักษณ์นายเสียหายหมด”


ทั้งห้องตกอยู่ในความเงือกหลังผมพูดจบ ฟรานส์ไม่พูดอะไรเลย เจ้าตัวคงพึ่งนึกขึ้นได้ว่าถ้าผมแพ้แปลว่าอะไร ผมจะเอาสิทธิอะไรไปอยู่ข้างกายอีกฝ่าย

.

.

“...เจ้าโง่เอ้ย”


เสียงที่หลุดออกมาทำให้ผมหันควับกลับไปหาคนพูด ว่าใครโง่ฟระ!!!


ทว่าสิ่งที่เห็นก็คือสีหน้าโล่งใจกับแรงกอดรัดรอบตัว ฟรานส์ซุกหน้าลงบนไหล่ผม “การสู้กันของเราวันนี้คือการทำให้เงือกตัวอื่นยอมรับเจ้า... ไม่ใช่การหาคู่แต่งงานของข้า”


...เอ๋??


“แม้เจ้าจะได้ข้ายอมรับ ท่านไลอาร์ยอมรับ แต่กับทหารมันไม่ใช่ ...เจ้าต้องแสดงให้เห็นว่ามีความสามารถพอให้พวกเขาเคารพ ที่ผ่านมาแม้พวกนั้นจะไม่ได้แสดงท่าทางอะไร แต่ข้ารู้ดีว่าพวกเขาไม่ได้ยอมรับเจ้าด้วยใจจริง ในระยะยาวเจ้าจะลำบาก... ถ้าข้าปกป้องมากเกินไปจะยิ่งแย่ นั่นทำให้ข้าต้องลงมือเต็มที่” ฟรานส์เงยหน้าขึ้นมาสบตาผม แก้มถูกปลายนิ้วของอีกฝ่ายลูบแผ่วเบาด้วยความเป็นห่วง


สิ่งที่ฟรานส์พูดทำให้ผมเข้าใจถึงเจตนาของอีกฝ่าย นี่ผมเข้าใจผิดมาตลอดเลยหรือ ที่อีกฝ่ายให้ผมพยายามทุกอย่างเพื่อตัวผมเองทั้งนั้น


“แต่ว่าสุดท้ายฉันก็แพ้นี่”


“ไม่หรอก แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว” ฟรานส์ส่งยิ้มให้ “ดูจากปฏิกิริยาเมื่อกี้ เงือกพวกนั้นยอมรับเจ้าแล้ว”


ยอมรับทั้งที่แพ้นี่นะ ผมมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย ทว่าเจ้าตัวกลับไปสนใจเรื่องอื่นมากกว่า... เรื่องที่ผมบอกจะย้ายออกนั่นไง ฟรานส์คาดคั้นผมใหญ่ว่าไปเอาความคิดแบบนั้นมาจากไหน จ้องตาผมแทบไม่กะพริบแถมยังกำชับว่าหลังจากนี้ ห้ามคิด ห้ามทำ ห้ามพูดด้วย

   
ทว่าเหมือนพวกเราจะลืมอะไรไปบางอย่าง...จนกระทั่งเลิกมองหน้ากันนี่ล่ะถึงได้รู้ว่าเราทั้งคู่ยังไม่ได้ทำแผลเลย... ฟรานส์ถึงได้กุลีกุจอหาอุปกรณ์มาทำแผลตามร่างกายของผมแทน ทั้งที่เจ้าตัวควรจะห่วงแผลตัวเองก่อนแท้ๆ ฟังดูหวานชื่นเนอะ แต่ไม่เลย หลังจากทำแผลเจ้าตัวก็ทำหน้าดุบังคับให้ผมพักผ่อน ก่อนที่ฟรานส์จะบอกว่าต้องออกไปจัดการเชือดคู่แข่งทิ้งก่อน คู่แข่งที่ไหน? นี่นอกจากผมฟรานส์ยังมีนัดสู้กับใครอีกหรือนี่


จนกระทั่งวันถัดไป ผมถึงได้รู้เรื่องจากฟิลันว่าฟรานส์ไปไล่สู้กับเงือกอีกเกือบสิบตัวโดยไม่มีแผลเพิ่มเติม แต่เจ้าตัวทำหน้าเหี้ยมเหมือนโกรธอะไรใครมาอย่างนั้นล่ะ ถามซินเจ้าตัวก็บอกปัดว่าไม่รู้ แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่ารอยยิ้มมุมปากของไอ้เจ้าเงือกองค์รักษ์นี่ไม่น่าไว้วางใจชอบกล ส่วนพวกบรรดาเงือกทหาร ในสายตาพวกนั้นดูเหมือนผมจะกลายเป็นว่าที่เจ้าชายอีกคนที่มีฝีมือไม่น้อย แม้จะด้อยกว่าฟรานส์ แต่ก็ยังถึงว่ามีฝีมือสูงมากอยู่ดี


แม้อยากจะบอกว่าสิ่งที่เห็นมันไม่ใช่ แต่เอาเถอะ ปล่อยแบบนี้ต่อไปก็ดีเหมือกัน



“ในเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ข้าจะได้ส่งบัตรเชิญออกไปเสียที” หลังจากพักแค่วันสองวัน ฟรานส์จึงกลับมาเข้าโหมดบ้างานตามเดิม และเจ้าตัวก็ส่งซินมาอมรมบ่มนิสัยของผมให้ดูดีมีชาติตระกูลสมกับเป็นเจ้าชายเงือกเหมือนเคย


ฮือ ฮือ ตำราสูงท่วมหัว


ฮือ ฮือ ท่าทางการเคลื่อนที่และการกินอาหารแบบดูดี


ให้ผมกลับไปสู้อีกรอบเถอะผมขอร้องงง
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 6-5-59 : ตอนที่16
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 06-05-2016 11:14:52
นางยังมโนไม่เลิก โอ๊ย...ขำจนปวดกราม  :m20:
เสร็จพ่อฟรานเมื่อไรหวังว่าคงเลิกมโนนะจ๊ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 6-5-59 : ตอนที่16
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 06-05-2016 11:27:40
 :ling1:

ทำไมอ่านยังไงฟรานส์ก็เหมือนเคะจริงๆ
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 6-5-59 : ตอนที่16
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 06-05-2016 12:41:16
 :laugh:   :mew1: 
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 6-5-59 : ตอนที่16
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 06-05-2016 20:09:48
โอเชี่ยน นางตลกมากมาย 555++
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 6-5-59 : ตอนที่16
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 06-05-2016 23:27:58
อย่างพี่โอนี่เค้าเรียกว่าอยู่เป็น สู่ซึ่งๆหน้าไม่ได้ก็งัดทุกอย่างมาใช้เพื่อฟรานส์เลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 6-5-59 : ตอนที่16
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 12-05-2016 11:55:21
แหม่พี่โอที่ทุ่มเต็มที่นี่กลัวไม่ได้แต่งกับฟรานสินะ
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 6-5-59 : ตอนที่16
เริ่มหัวข้อโดย: mymine ที่ 12-05-2016 23:49:33
ตอนที่17


บริเวณทั่วทั้งเมืองตอนนี้กำลังคึกคักเป็นอย่างยิ่ง พื้นที่โดยรอบถูกประดับประดาอย่างสวยงามเต็มไปด้วยหินสีหลากหลาย เปลือกหอยทรงสวย ไม้น้ำสีเขียวสดใส และดอกไม้ทะเลสารพัดสีน่ารักน่าชม
   

อยากเห็นจังเลย…
   

คือไอ้ที่ผมเล่าๆมาข้างบนนั่นผมไม่ได้เห็นเองไง ฟิลันที่ออกไปเที่ยวเล่าให้ผมฟัง เพราะจนป่านนี้ผมยังถูกขังอยู่ในปราสาทเพื่อเรียน เรียน เรียนและก็เรียนอยู่เลย
    

ฮือๆ ชีวิตผมโดนทำร้าย
   

เจ้าองค์รักษ์หน้านิ่งนั่นยึดถือคำสั่งของฟรานส์มากสุดๆ โดยการพยายามเคี่ยวเข็ญให้เงือกสมองปลาทองอย่างผมเข้าใจทุกท่วงท่าและลีลาการเป็นเจ้าชายเงือกที่สมบูรณ์แบบ
   

อย่างวันนี้ผมก็ยังต้องมานั่งหน้าบูดใส่เจ้าเงือกหน้านิ่งเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือกองหนังสือท่วมหัวหายไป...
   

“วันนี้ไม่มีการสอน” เสียงโทนต่ำของซินสม่ำเสมอ “อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันงาน เวลาเท่านี้ด้วยสมองของท่านคงรับอะไรไม่ทันแล้ว”
   

ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนโดนด่าวะ...?? แต่แบบนี้แปลว่าไม่ต้องเรียนอะไรใช่ไหม ผมตาวาวด้วยความตื่นเต้น หรือว่าผมจะได้พักผ่อน ถ้าเป็นแบบนั้นจะได้ให้ฟิลันพาออกไปเที่ยวดูงาน.......
   

“วันนี้จึงต้องปรับปรุงสภาพภายนอกของท่านแทน” พูดจบก็กวาดตามองผมหัวจรดหาง
   

ตรูว่าละ
   

สุดท้ายก็ยังไปไหนไม่ได้อยู่ดี ผมหงายลงไปนอนกองอย่างห่อเหี่ยว แต่พริบตาเดียวก็กระเด้งลุกขึ้นมา ก็ไอ้ที่อีกฝ่ายพูดมันน่าจะหมายถึงพวกขัดผิว? สปา? นวดหน้า? อย่างที่เคยเห็นในละครเวลาจับนางเอกมาแปลงโฉม
   

แบบนั้นก็แสดงว่าจะมีเงือกมานวดลูบๆคลำๆให้ผมล่ะสิ แถมงานประเภทนี้มันต้องเป็นเงือกสาวแน่ๆ ผมจินตนาการถึงแล้วน้ำลายแทบหก
   

ผมทำท่ากระตือรือร้นสุดชีวิต พร้อมรับการดูแลบุคลิกภาพ รับรองว่าพอออกมา พี่โอเชี่ยนจะกลายเป็นโอปป้าให้บรรดาสาวเงือกกรี๊ดแตกแน่ตอน รอโอปป้าก่อนนะทุกคน~
   

.


.
   

“กรี๊ดดดดดดดดด!!”
   

เสียงกรีดร้องดังสนั่น แต่ไม่ใช่ของเงือกสาวที่ไหนนะ
   

ของผมนี่ล่ะ!!!
   

เงือกสาวที่ต้องมานวดผมอยู่ไหน เงือกน้อยอ่ะ สาวๆสวยๆขาวๆอวบๆ ทำไมเงือกที่มารอทำหน้าที่ขัดตัวผมถึงได้ล่ำบึ๊ก ผิวแทนมันเงาอย่างกับนักเพาะกายแบบนั้น
   

“อย่างอแงน่า นี่เป็นเงือกที่เก่งที่สุดของแฟริเซียแล้ว ท่านไม่มีเวลามากนักหรอกนะ”
   

ไม่เอานะ ไม่นะ ม่ายยยยยย


ผมพยายามตะเกียกตะกายคล้ายหนีออกจากดงซอมบี้ ปลายนิ้วจิกทึ้งต้นไม้น้ำบนพื้น โดนลากจนทิ้งรอยเล็บเป็นทางยาว แม้พยายามหลบหนีเท่าไหร่ ทว่าปลายหางก็ยังถูกดึงลากโดยคนเหล็ก ไม่สิพนักงานสปาเงือก เจ้าตัวค่อยๆสาวอย่างใจเย็นพร้อมกับแสยะยิ้ม (ผมเห็นแบบนั้นจริงๆ)
   

“มาซิครับเจ้าชาย รับรองว่าผมจะทำให้ท่านโอเชี่ยนเปลี่ยนเป็นคนใหม่ แบบที่ท่านฟรานส์ต้องอ้าปากค้างแน่นอน” พนักงานสปาเบอร์หนึ่ง
   

ให้ออกมาเหมือนเอ็งน่ะหรือฝันไปเถอะ!!
   

“ผิวท่านโอเชี่ยนนี่ลื่นมือดีเนอะแบบนี้แค่ลงน้ำมันนวดให้เงารับรองว่าต้องเซ็กซี่มากแน่ๆ” พนักงานสปาเบอร์สอง
   

เซ็กซี่บ้านเอ็งสิ!!
   

“ไม่ต้องกลัวนะท่านโอเชี่ยนรับรองว่าในฐานะดัชนีเทพจะพาท่านไปถึงสวรรค์แน่นอน” พนักงานสปาเบอร์สาม
   

ไม่ใช่แล้วโว้ย!! นี่พวกเอ็งจะทำอะร้ายยยย!!!
   

ไม่ไหวแล้ว ซิน ซินจ๋าช่วยด้วย ผมส่งสายตาเว้าวอนอย่างไม่อายไปยังเงือกองค์รักษ์ที่อยู่ไม่ไกล เจ้าตัวสบตาผมนิ่ง ก่อนที่จะได้เห็นรอยยิ้ม คือไม่ใช่ยิ้มมุมปากแบบที่มันชอบทำด้วย คือยิ้มเยาะเย้ยให้กูชัดๆเลย
   

“รอดมาให้ได้นะท่านโอเชี่ยน”
   

เจ้าตัวโบกมือให้ก่อนที่ผมจะถูกลากเข้าไปในห้อง ประตูที่ปิดลงพร้อมกับเสียงโหยหวนของผม
   

ม่ายยยยยยยยย
   

.
   

.
   

ซิก ซิก ผมโดนทำร้าย โดนปู้ยี่ปู้ยำ หมดกันความบริสุทธิ์ที่จะเก็บเอาไว้ในคืนแต่งงาน
   

“โอเชี่ยนเป็นยังไงบ้า.....” ฟรานส์ที่เปิดประตูเข้ามาถามผมอย่างเป็นห่วง คงได้ยินจากไอ้เจ้าองค์รักษ์นั่นล่ะสิว่าผมโหยหวนขนาดไหน หรือว่าเพราะผมกรีดร้องสาวแตกดังลั่นทั่วปราสาทก็ไม่รู้
   

แต่ทำไมเสียงเงียบไป ผมหันไปมองก็เป็นฟรานส์อ้าปากค้าง หมดมาดเจ้าชาย ทำไม นี่ผมแย่ขนาดนี้เลยหรือ
   

“อ่า ข้าว่าพวกนั้นทำงานดีเกินไปแล้ว” เจ้าชายเงือกหลบตาผม แก้มสองข้างขึ้นสีเล็กๆ ผมก้มมองร่างกายของตัวเองที่เกือบถูกถลกหนัง จะว่าก็ไม่ได้แปลกอะไรเท่าไหร่นี่
   

แค่ผิวของผมโดนขัดขี้ไคลออกเป็นกิโลพร้อมกับลงน้ำมัน(ยังไงพวกนั้นก็จะลงให้ได้)จนเงาลื่น เกล็ดแทบทุกอันบนตัวผมโดนเอาหินขัดจนแทบร่อนออกมาเป็นแผ่น ปลายหางถูกซักอย่างกับผ้าเช็ดเท้า
   

ด้วยความที่เดิมท่อนหางผมเป็นสีขาวประกายไข่มุกอยู่แล้ว พอเจอขัดบวกซักแบบนั้น ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าตัวผมขาวโอโม่มากเลย ขาวยิ่งกว่าฟรานส์เสียอีก
   

คิดแล้วน้ำตาไหลพรากๆ ถึงจะนวดหน้าบำรุงผม จนออกมาขาวขึ้นหล่อขึ้นก็เถอะ แต่โดนจับทุกตารางนิ้วบนตัวแบบนี้ไม่ไหวนะ มัน.. มันขัดให้ผมกระทั่ง.. หัวน....ดูสิออกมาสีชมพูสวยเชียว ฮือ โอเชี่ยนเป็นเจ้าบ่าวใครไม่ได้แล้ว
   

มืออุ่นตบลงบนหัวผม ปุปุ เหมือนรับรู้ว่าผมต้องเจอประสบการณ์สยองขวัญขนาดไหน เจ้าตัวอมยิ้มชอบใจ


“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้เราต้องเหนื่อยกันอีกมาก”


แม้ผมอยากจะงอแงต่ออีกหน่อย และนึกเถียงอีกฝ่ายในใจว่า คงไม่มีอะไรเหนื่อยไปกว่าวันนี้อีกแล้วล่ะ แต่ในฐานะว่าที่สามีที่ดี ก็ควรเชื่อฟังคำสั่งภรรยาในอนาคตใช่ไหม? ผมก็เลยพลิกหันไปมุดลงเตียง ยอมนอนแต่โดยดี..


เอ ทำไมผมถึงได้ยินคำว่ากลัวเมียลอยมาตามลมล่ะนี่…


.


.


.


คิดถูกแล้วที่ทำตามคำแนะนำของฟรานส์ เพราะพ่อเจ้าชายเงือกเล่นสะกิดผมแต่เช้าตรู่ จนผมคิดว่าอีกฝ่ายจะชวนทำกิจกรรมเข้าจังหวะ ที่ไหนได้... กลับพาผมมานั่งเป็นหุ่นจับแต่งตัวทำผม แต่คือผมยังไม่ตื่นดีไง อารมณ์ประมาณว่าใครจะทำอะไรก็ทำตรูหลับก่อนล่ะ


คิดแบบนั้นแล้วผมก็เข้าเฝ้าพระอินทร์ต่อทันที แต่ไม่ต้องกลัวนะครับ สาวๆเค้ายังคงปู้ยี่ปู้ยำหัวผมอย่างเมามันได้ตามเดิม เพราะผมมีสกิลเทพสามารถทำให้คอตั้งตรง หลับได้แม้ในวันมามาก แม้อาจารย์จะเพ่งยังไงก็จับไม่ได้ ทำให้ผมเรียบจบมัธยม6ปีและมหาวิทยาลัยอีก4ปีอย่างมีคุณภาพ


เอาง่ายๆคือผมหลับในห้องเรียนมาเกือบ10ปีแล้วอะนะ ยังทึ่งตัวเองอยู่เลยว่าเรียนจบมาได้ยังไง


“น...เชี่ยน..โอเชี่ยน” เสียงเรียกกับแรงเขย่าที่ไม่เบาประมาณ7.8ริกเตอร์ ทำเอาผมที่กำลังฝันดีสะดุ้งเฮือก กวาดตาไปก็เจอเงือกรอบๆรวมทั้งฟรานส์ชะงักมองนิ่ง อะไรนี่หรือผมเผลอหลับแล้วน้ำลายไหล ปาดดูก็ไม่เห็นจะมีอะไร


“พี่โอ!” เสียงตัวป่วนดังขึ้นพร้อมๆกับที่ร่างของฟิลันกระโดดเข้าใส่ผม ให้ตายเถอะเจ้าหนูนี่ลืมอะไรหรือเปล่า ตัวมันไม่ได้เล็กๆแบบเมื่อก่อนแล้วนะ กระโจนทีทำเอาผมแทบจะหน้าทิ่ม ไอ้ที่เงือกสาวแต่งให้มาหายหมด


ทว่ายังไม่ทันที่จะมีใครอ้าปากดุ ฟิลันก็ยิ่งตาโตส่งเสียงดังมากกว่าเดิมหลังจากเห็นหน้าผม “พี่โองามมากเลย!! แต่งงานกับข้านะ!!”


ห๊ะ!! ผมทำหน้าเหวอก่อนจะเอานิ้วชี้มาที่หน้าตัวเอง อย่างผมเรียกงามแล้วพวกเอ็งสองพี่น้องคืออะไร พูดจาไม่ได้ดูหนังหน้าตัวเองกับพี่ชายเลยใช่ไหมเนี่ย ถึงแบบนั้นก็แอบทำหน้าภูมิใจไม่ได้ ดูสิพี่โอป๊อปถึงขนาดมีเจ้าชายเงือกมาขอให้เป็นเจ้าบ่าวให้เลย แหมฟิลันนี่ตาถึงสุดๆ นี่ถ้าไม่ติดที่ฟรานส์นะ


...


ฟรานส์...


คิดได้แบบนั้นแล้วอยู่ดีๆด้านหลังของผมก็มีรังสีอมหิตพวยพุ่งออกมา และผมพอจะเดาได้ด้วยว่าใคร โฮ เค้าเปล่านะ ฟิลันมาเอง เค้าเปล่าชวนนะ ฟิลันมาเอง เค้าไม่ได้คิดจะเป็นพระยาเทครัวจริงๆนะ


“ฟิลันพอ อีกสักพักพวกนั้นจะมาแล้วนะ อย่ามัวแต่เล่น” เมื่อโดนพี่ชายดุทำให้เงือกคนน้องเบะปากด้วยความไม่ชอบใจ เจ้าตัวบ่นหงุงหงิงใหญ่ว่า ‘ข้าเอาจริงนะ’


แหม ฟรานส์เผลอแล้วเจอกันนะจ๊ะ


“โอเชี่ยน....”


“ว่าแต่ฟิลันทำไมบอกว่าพี่งาม ต้องบอกว่าพี่หล่อ เท่ มาดแมนอะไรแบบนั้นสิ” เปลี่ยนเรื่องให้ไวเลยครับ ก่อนจะโดนเชือด เสียงเจ้าชายเงือกเข้มมาเชียว


ได้ยินแบบนั้นบรรดาเงือกสาวรอบๆเลยช่วยกันยกก้อนหินที่ขัดจนมันเงามาตั้งตรงหน้าให้ผม ก่อนจะถอยออกห่างจับกลุ่มกันหัวเราะคิกคัก


ผมโดนเอาลิปสติกเขียนตาหรือเปล่าเนี่ย คิดพลางหันไปมองหินที่ใช้แทนกระจกด้วยความรู้สึกลุ้นๆ ทว่าเมื่อเห็นภาพตัวเองตรงหน้านั่นทำให้ผมอ้าปากค้าง


ใบหน้าของผมที่ตอนนี้ขาวเนียนเพราะสปาสยอง ถูกแต่งให้มีสีสันบางเบา ตัดกับดวงตาสีดำสนิทของผม ผมสีทองปลายแดงที่ย้อมเอาไว้นานแล้วก็ถูกรวบหลวมๆจนปอยผมบางส่วนตกลงระแก้ม ประดับไปด้วยหินสี ไข่มุก หน้าผากมีหินประจำเมืองเม็ดเล็กรูปหยดน้ำห้อยอยู่


คือจะบอกว่ายังไงดี มันดู...สาวมากเลย ตกลงเงือกที่นี่เขานิยมเปลี่ยนชายให้เป็นฉิงใช่ไหม


“เรียบร้อยแล้วเราก็ไปกันเถอะ” ฟรานส์พูดก่อนจะยื่นมือมาให้ผมจับ แต่ทำไมเค้าตัวต้องเบี่ยงหน้าหนีหลบตาแบบนั้น เอ๊ะๆสงสัยจะเขินผม คิดแบบนั้นแล้วผมก็ส่งยิ้มกรุ้มกริ่ม วางมือลงบนมือของอีกฝ่าย ยอมให้จูงออกไปแต่โดยดี


ตลอดทางผมกลายเป็นจุดสนใจเรียกสายตาเงือกทั้งหลาย ทำเอาผมไม่รู้จะฉีกยิ้มดีหรือจะหน้าบึ้งดี


ยิ้มเพราะเงือกสาวๆทั้งหลายแอบมอง แต่บึ้งเพราะเงือกทหารก็ดันจ้องเป็นตาเดียวด้วยนี่สิ แถมเพราะผมเป็นตัวผู้เหมือนกัน เพราะอย่างนั้นเลยอ่านความรู้สึกจากแววตาออก เล่นทำเอาผมขนตรูดลุกชัน รู้สึกสยิวที่ประตูหลังบอกไม่ถูก แม้ประตูมันจะไม่มีอยู่ในตอนนี้ก็ตามทีเถอะ


“ว่าแต่ จะพาฉันไปไหนล่ะนี่” เพราะมัวแต่สยองบั้นท้ายเลยไม่ทันได้ถามจุดหมายของอีกฝ่าย ฟรานส์ลากผมออกมาบริเวณหน้าปราสาทเป็นลานกว้างที่ตกแต่งรอบๆด้วยพืชน้ำและดอกไม้ทะเล สองข้างทางเต็มไปด้วยทหารเงือกตั้งแถวเรียงเป็นระเบียบ


“มารับแขกต่างเมืองสิ” ไม่ทันขาดคำเบื้องหน้าผมก็เซ็งแซ่ไปด้วยเสียง เงาดำของอะไรบางอย่างกลุ่มใหญ่กำลังพุ่งตรงมาที่พวกเรา
   

มันใกล้เข้ามาแล้ว นี่มัน...
   

เต่า!!
   

เต่ายักษ์ขนาดเท่ารถยนต์กระป๋อง5ตัวว่ายลงมาหยุดตรงหน้าพวกเรา นั่นทำให้ผมกระโดดถอยหลังแทบไม่ทันเพราะกลัวโดนเต่าทับ! ติดแต่ว่ามือใครบางคนยืดเอาไว้ เหมือนรู้ล่วงหน้าว่าผมจะกระโดดหนี
   

บนหลังเต่าตัวกลางที่ถูกล้อมรอบไปด้วยเต่าอีก4ตัวมีใครบางคนนั่งอยู่ เจ้าตัวค่อยๆขยับเยื้อย่างลงมา
   

“ข้าเข้าใจว่าเจ้าน่าจะจำที่เรียนกับซินได้ใช่ไหม” ฟรานส์ส่งเสียงเบา ซึ่งผมก็ได้แต่ส่งยิ้มแหยไปให้อีกฝ่าย
   

“ยินดีต้อนรับเจ้าหญิงโยมิ แห่งอควาเรีย” เสียงประกาศดังทั่วบริเวณ ส่งผลให้ทหารทั้งหมดพร้อมใจกันโน้มตัวทำความเคารพ
   

“การเดินทางเรียบร้อยดีใช่ไหมเพคะ” เจ้าชายเงือกตรงเข้าไปทักทายอีกฝ่าย ซึ่งหญิงสาวที่มีเกล็ดสีดำแดงตรงหน้าก็เพียงพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนที่ฟรานส์จะหันมาแนะนำผมที่อยู่ทำอะไรไม่ถูกอยู่ด้านข้าง “ข้าขอแนะนำ นี่ท่านโอเชี่ยน ทายาทหนึ่งเดียวของท่านซิลวาร์”
   

คำแนะนำนั้นทำให้เจ้าหญิงหันมาสนใจผมครั้งแรก อีกฝ่ายเป็นเงือกสาวผมยาวตรงสีดำ ใบหน้างดงามเรียบเฉย นัยน์ตาสีดำแดงมองผมด้วยความสนใจ “ยินดีที่ได้รู้จัก ข้า โยมิแห่งอควาเรีย”
   

ผมส่งยิ้มให้หลังจากพยายามนึกอยู่นานว่าคุ้นตาอีกฝ่ายจากอะไร อควาเรียเป็นเมืองที่อยู่ใกล้เขตโซนภูเขาไฟ หรือถ้าพูดให้ชัดเจนคือ เงือกสาวตรงหน้ามาจากเมืองที่อยู่ไม่ห่างจากประเทศญี่ปุ่นนัก เพราะอย่างนั้นลักษณะภายนอกของอีกฝ่ายทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังมองตุ๊กตาญี่ปุ่นหน้าตาน่ารักอยู่ “ยินดีเช่นกันครับ ผมโอเชี่ยน”
   

หลังจากแนะนำตัวกันจบฟรานส์ก็เชิญอีกฝ่ายเข้าไปพักก่อน จะมายืนรอเงือกจากเมืองอื่นๆ
   

ไม่นานเมืองอื่นก็เริ่มทยอยเดินทางมา เริ่มจาก เจ้าชายลูคัสแห่งเรมเดล ที่มาพร้อมกับพาหนะเป็นปลาปากดาบ เจ้าตัวท่าทางเหมือนคุณชายดูนุ่มนวลไปหมดทั้งท่าทางการพูดการจา รัชทายาทราซันแห่งแอตแลนติส ที่อายุยังไม่เท่าไหร่น่าจะมากกว่าฟิลันไม่กี่ปี ท่าทางหยิ่งๆเชิดๆนั่นน่าเขกกะโหลกชะมัด เจ้าตัวมาพร้อมปลาแองเกอร์ พาหนะหน้าตาน่ากลัวที่พอผมเห็นแวปแรกแทบจะกระโดดกลับเข้าปราสาท
   

อาจจะสงสัยว่าทำไมผมถึงให้ความสนใจกับพาหนะของแต่ละเมือง คือสำหรับผมมันน่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ แต่ละเมืองก็ใช้สัตว์เป็นพาหนะไม่ซ้ำแบบเหมือนจะอวดแข่งกันเล็กน้อยด้วย พอถามฟรานส์ว่าเมืองของเราล่ะใช้อะไร เจ้าตัวกลับยักไหล่ตอบง่ายๆว่าปลาโลมา แหมน่ารักน่าชังเชียว ผิดกับเมืองอื่นที่จะดูเท่ๆข่มๆ จนกระทั่งเมืองต่อไปนี่ล่ะ เล่นเอาผมถอยกรูดด้วยความฝังใจ
   

จะอะไรเสียอีก ก็เจ้าชายชาร์คแห่งเมอร์ริด้า นอกจากชื่อแกจะสิ้นคิดแปลตรงตัวว่าฉลามแล้ว พี่แกดันขี่ฉลามมาร่วมงานนี่สิ


ปลามีตั้งเยอะทำไมต้องเป็นไอ้ตัวนี้!!


อีกฝ่ายก็เป็นเงือกรูปร่างสูงใหญ่ ล่ำบึ๊กประมาณอาโนล ผมยาวสีน้ำเงินหยักศกเล็กน้อย ตาคมเข้มเรียวยาว โดยรวมคือหน้าดุ แถมยังรวมทุกอย่างที่น่ากลัวเอาไว้ในตัวคนๆเดียวอีก กว่าจะเชิญพี่แกเข้าไปพักผ่อนได้ เล่นเอาเหงื่อผมแตกแล้วแตกอีก นี่ถ้ามีขาตามปกติคงเห็นผมยืนขาสั่นโชว์กันมั่งล่ะ


ทว่าทั้งที่ยังไม่หายตกใจจากเมอร์ริด้า ผู้มาใหม่ก็มาเยือนเสียก่อน แต่นั่นก็ทำเอาผมอ้าปากค้างไม่แพ้กัน


เพราะอะไรน่ะหรือ


เพราะมีปลาวาฬออก้าตัวใหญ่ลากเลื่อนมาหยุดตรงหน้าผมไง เงือกที่ค่อยๆลงมาจากเลื่อนเป็นเงือกที่...จะเรียกว่ายังไงดี คำจำกัดความของเงือกตรงหน้าคือคำว่าขาว...


คืออีกฝ่ายเป็นเงือกรูปงามที่ขาวไปทั้งตัวตั้งแต่เส้นผมจรดปลายหางเลย


“ยินดีต้อนรับท่านสวอร์น” ฟรานส์ค้อมตัวให้อีกฝ่าย “ไม่ได้พบท่านนานมากเลย”


อีกฝ่ายเพียงส่งยิ้มบางให้ก่อนจะหันมาสนใจผมพร้อมกับขยับเข้ามาใกล้ “นี่หรือลูกชายของซิลวาร์” ปลายนิ้วขาวค่อยๆลูบแก้ม “ตาของเจ้าเหมือนผู้ให้กำเนิดมาก”


“คุณรู้จักแม่ของผมด้วยหรือครับ”


ดวงตาของอีกฝ่ายเบิ่งกว้างขึ้นเล็กน้อย “แม่หรือ” ก่อนที่จะกลายเป็นเสียงหัวเราะ นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่า อีกฝ่ายเป็นเงือกที่งดงามมากจริงๆ “เจ้าเด็กแสบนั่นสุดท้ายก็เลือกเส้นทางนี้หรือ”


ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังหน้าเหรอหรา คำพูดของอีกฝ่ายดูแปลกๆยังไงบอกไม่ถูก จนฟรานส์กระซิบบอกนั่นล่ะ ถึงได้รู้ว่าความผิดปกติมันคืออะไร “โอเชี่ยนระวังหน่อย ท่านสวอร์นอายุพอๆกับท่านไลอาร์”


ห๊ะ!!!


เงือกหนุ่มรูปงามตรงหน้าแก่พอๆกับย่าผม!! หน้าตาแบบนี้นี่นะ คือจะบอกว่าอีกฝ่ายดูหน้าอ่อนกว่าผมเสียอีก หรือจะบอกว่าผมหน้าแก่ดีวะนี่


สุดท้ายฟรานส์ก็เชิญคุณปู่แอ๊บเด็กเข้าไปพักผ่อนก่อน ซึ่งอีกฝ่ายก็หันมาลูบหัวผมอย่างผู้สูงอายุที่เอ็นดูลูกหลาน(ซึ่งพอเห็นพฤติกรรมแล้วผมเลยชักเชื่อว่าอีกฝ่ายแก่แล้วจริงๆ) ก่อนจะบอกว่าแล้วมาคุยเรื่องแม่กันทีหลัง ซึ่งนั่นทำให้ผมยิ้มกว้าง เพราะแม่ผมตายตั้งแต่ผมเล็กๆผมเลยมารู้เรื่องของท่านมากนัก จะถามไอ้พ่อตัวแสบก็ชอบทำหน้าดราม่าใส่เลยไม่อยากจะถามเท่าไหร่


ในขณะที่ผมกำลังคิดว่าจะขอให้อีกฝ่ายเล่าเรื่องอะไรดี เงาของอะไรบางอย่างที่มีขนาดใหญ่ก็โฉบลงมาใกล้ๆ เสียงหวานใสกรีดร้องพร้อมกับการปรากฏตัวของใครบางคนที่กระโจนเข้าไปหาเงือกข้างตัวผมอย่างรวดเร็ว


“คิดถึงจังเลยฟรานส์!”
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 12-5-59 : ตอนที่17
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 13-05-2016 01:29:43
น่ารัก อ่านแล้วฮาโอเชี่ยนหลายฉาก
แต่มันมีปมในใจอยู่เรื่องคือฉากแรกการกลายเป็นเงือกของโอเชี่ยน คือแบบมาเที่ยวทะเลกับเพื่อนๆ
แล้วอยู่หายไป เพื่อนไม่ห่วง พ่อเป็นไงบ้าง แล้วดุโอเชี่ยนชิวกับชีิวิตเงือกเกินไปอย่างไรไม่รู้
แต่รวมๆแล้วสนุกมาก อ่านแล้วฮาโอเชี่ยนจริง ไม่รอดแน่ๆ
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 12-5-59 : ตอนที่17
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 13-05-2016 10:38:28
สนุกมากจ้า ชอบฟิลันจังเลย ฟรานก็ชอบ :mew5:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 12-5-59 : ตอนที่17
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 13-05-2016 10:43:27
 :katai2-1:   :mew1:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 12-5-59 : ตอนที่17
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 13-05-2016 13:47:54
งานหึงต้องมาเชื่อเถอะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 12-5-59 : ตอนที่17
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 13-05-2016 14:57:01
ติดตาม  :katai4:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 12-5-59 : ตอนที่17
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 13-05-2016 15:05:33
แม่ของพี่โอเป็นเงือกใช่ป่าววววว แล้วไอ้เสียงเรียกฟรานส์ตอนสุดท้ายคือใคร????
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 12-5-59 : ตอนที่17
เริ่มหัวข้อโดย: มาม่าหมูสับ ที่ 13-05-2016 23:31:11
หวังว่าเสียงนั่นคงไม่ใช่เจ้หมึกยักษ์หรอกนะ 55555
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 12-5-59 : ตอนที่17
เริ่มหัวข้อโดย: mymine ที่ 13-05-2016 23:43:04
ตอนที่18

   
ภาพเงือกสาวผมแดงกำลังกอดและหอมแก้มฟรานส์ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
   

นั่นมันของๆผมนะโว้ย
   

แถมฟรานส์ดูเหมือนจะคุ้นเคยกับการปฏิบัติตัวของอีกฝ่ายหรือยังไง นอกจากจะไม่ว่าแล้ว ยังยิ้มหวานทักทายอย่างเป็นกันเองต่อหน้าผม
   

แบบนี้มันประกาศสงครามกันชัดๆ
   

แล้วดูเหมือนเราสองคนจะคิดแบบเดียวกัน เพราะทันทีที่ฟรานส์หันมาแนะนำผม ดวงตาสีแดงสดของแม่เจ้าหญิงเงือกตรงหน้าก็ตวัดมามอง ท่าทางของอีกฝ่ายดูจะไม่ชอบใจผมอย่างเห็นได้ชัด
   

“นี่หรือฟรานส์... บุตรของท่านไลอาร์ ฮึ จะเอาหมอนี่มาเป็นรัชทายาทแทนฟรานส์นี่นะ ท่าทางเหลาะแหละไม่เห็นจะได้เรื่องเลย”
   

“ฟิโอล่า!” เสียงปรามของฟรานส์ดังขัด นั่นทำให้ผมชะงัก การที่อีกฝ่ายแม้จะเป็นเจ้าหญิงแต่กลับเรียกชื่อกันง่ายๆแสดงว่าคงสนิทสนมเป็นการส่วนตัวไม่ใช่น้อย ไหนยังจะความในใจของเจ้าหล่อนที่พูดใส่ผมเต็มสองรูหูอีก
   

“โอเชี่ยน นี่เจ้าหญิงฟิโอล่า”
   

“...”


“โอเชี่ยน”


“ช่างเถอะ ข้าก็ไม่อยากรู้จักเจ้าชายที่ไร้มารยาทเท่าไหร่หรอก”


“โอเชี่ยน!!” เสียงฟรานส์เข้มขึ้น ดวงตาสีฟ้าใสเขม้นมองเป็นเชิงบอกให้ผมแนะนำตัว อย่าทำให้แฟริเซียขายหน้า


“ช่างเถอะฟรานส์ ข้าอยากพักแล้ว อยากเจอฟิลันด้วยพาข้าไปหน่อยนะนะ” เงือกสาวตรงหน้าออดอ้อนก่อนจะลากเงือกตรงหน้าผมไป แม้ดูท่าเจ้าตัวคงอยากซัดผมซักหมัดสองหมัดก่อนแต่ก็ยังเลือกตามเจ้าหญิงนั่นไป ทิ้งผมยืนอยู่หน้าทางเข้าเพียงลำพัง



หลังจากนั้นงานเลี้ยงรับรองก็กลายเป็นเหมือนสงครามเย็น ผมเลือกที่จะนั่งแยกตัวให้ห่างจากทั้งคู่ เพราะผมไม่มั่นใจว่าจะอดทนการพูดจากระทบกระเทียบของอีกฝ่ายได้หรือเปล่า แล้วยิ่งอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง จะให้ผมไปเถียงมันก็ดูจะน่าเกลียดเกินไป ว่าแต่เจ้าตัวไปเอามาจากไหนว่าผมจะแย่งตำแหน่งรัชทายาท น้ำหน้าอย่างผมนี่นะจะเอาอะไรไปบริหารเมือง ขืนทำสิมีหวังล่มจม


ทว่าในระหว่างที่กำลังคิดเพลินๆนิ้วขาวก็ดีดหน้าผากผมดังป๊อก!


“ปล่อยให้คนแก่พูดแล้วไม่ฟังหรือ” คุณปู่แอ๊บเด็กทำปากพองน่ารักอยู่ข้างๆ ผมเลี่ยงมานั่งเนียนอยู่กับท่านสวอร์นนี่ล่ะ จะได้ถือโอกาสฟังเรื่องแม่ไปด้วย แต่ดันเผลอไปคิดถึงเรื่องอื่นจนได้


ไม่ได้การล่ะ ผมต้องตั้งสติให้ดี นานๆจะได้ฟังเรื่องแม่แบบนี้สักที ปล่อยสองคนนั้นทำตามใจไปละกัน


ผมกลับมาสนใจสิ่งที่คุณปู่เล่า ทว่ายิ่งฟังสีหน้าผมก็ยิ่งกระอักกระอ่วน คือตกลงที่กำลังเล่านี่แม่ผมแน่หรือ ทำไมห่ามซะ แถมโคตรเจ้าชู้ พ่อผมเอาความสามารถจากไหนกดแม่ผมได้ล่ะนี่


“เพราะแบบนั้น ท่านปู่ของเจ้าเลยประกาศไปทั่วว่าถ้าใครเอาชนะมันได้จะได้เป็นคู่หมั้น เท่านั้นล่ะแม่เจ้าก็เหวี่ยงเงือกรอบตัวทิ้งไปหมดเลย กระทั่งองค์รักษ์และปู่มันเอง” เอ่อ มันไม่ขำเลยนะปู่ เล่นหัวเราะเอิ้กอ๊ากซะหมดมาด หน้างามๆเสียหายหมด


“ใครจะรู้ว่าพอประกาศให้หมั้นกับทางเรมเดล เจ้าซิลวาร์ก็โวยวายบอกไม่ยอมเป็นภรรยาและก็หนีไปไม่กลับมาอีก... และเพราะแม่เจ้าคือทายาทสายตรงเพียงหนึ่งเดียว สุดท้ายการดองระหว่างเมืองทั้งสองก็เลยถูกยกเลิกไป ใครจะนึกว่าสุดท้าย เจ้านั่นก็ยังไม่พ้นที่จะกลายเป็นแม่และให้กำเนิดเจ้าขึ้นมา” เรื่องที่หลุดปากทำเอาผมเบิกตาโต นี่แม่เคยจะถูกจับคลุมถุงชนก็เลยหนีขึ้นบกไปเจอพ่องั้นหรือนี่ กระทั่งฟิลันที่นั่งคลอเคลียใกล้ๆก็ตาโตกับวีรกรรมของท่านแม่ของผม ทำเอาแอบรู้สึกผิดกับทางเมืองเรมเดลเล็กๆที่แม่ตัวเองไปทำเรื่องไว้แสบสันต์มาก


ในขณะที่กำลังคุยๆความรู้สึกเหมือนมีสายตาอาฆาตจ้องมาจนขนลุกเกรียว ผมรีบหมุนตัวหันไปมองหาที่มา จนเมื่อสบตากับอีกฝ่ายนั้นล่ะ


จะใครเสียอีกก็แม่เจ้าหญิงฟิโอล่าที่ผมพยายามไม่สนใจอยู่นั่นไง เจ้าหล่อนนั่งอยู่ระหว่างฟรานส์และเจ้าชายลูคัส ผมเลิกคิ้วเอียงคอด้วยความสงสัย แต่ก็เลือกละสายตาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว เพราะสายตาไม่ชอบใจของเจ้าชายข้างตัวพุ่งมาที่ผมแบบไม่คิดปิดบัง


ผมทำอะไรผิดอีกล่ะ


“ท่าทางท่านหญิงฟีโอล่าจะไม่ชอบพี่โอเท่าไหร่นะ” ฟิลันที่นั่งอยู่อีกข้างของผมพูดขึ้น ก่อนจะยักไหล่ “แต่ก็ไม่น่าแปลกใจ ท่านหญิงทำอะไรตามใจตัวเองมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว ไม่สนใคร ไม่เห็นหัวใคร มีดีแค่ที่หน้าตา แต่มารยาทติดลบ”


แน่นอนว่าผมอ้าปากค้างไปแล้วหลังจากที่ได้ฟังคำนินทา เพราะหนึ่งอีกฝ่ายเป็นเจ้าหญิงเป็นแขก นี่เอาความกล้ามาจากไหน แถมที่สำคัญ เสียงเจ้าตัวก็ไม่ได้พูดเบาๆเลยสักนิด


“ฟิลัน!!”


“ทำไมล่ะท่านพี่ มันน่าแปลกตรงไหน พอมีเวลาว่างท่านหญิงก็จะรีบแล่นมาที่นี่อยู่แล้ว เจ้าหญิงดีๆที่ไหนเค้าว่างงานแล่นมาหาบุรุษได้ทุกเดือน”


“ที่ข้ามาเพราะเจ้าด้วยนะ ทำไมถึงได้พูดแบบนั้น...” ฟีโอล่าหันไปพยายามพูดเสียงหวานกับเงือกน้อยข้างตัวผม แต่เจ้าตัวไม่มีอารมณ์ร่วมไง ทำไมผมรู้สึกว่าฟิลันกำลังหงุดหงิดแบบแปลกๆ


“มาหาข้าหรือ.. น่าขำ!!ใครใช้ให้มาล่ะ ทำตัวตามติดเป็นเหาฉลาม รู้ไหมว่ามันน่ารำคา....!!!!” ตายครับตายปล่อยให้พูดหมดวันนี้ต้องมีคนตายแน่ๆ อารามด้วยความกลัวเลือด ผมเลยพุ่งตรงเข้าปิดปากฟิลันจนเหลือแต่เสียงบ่นก่นด่าดังอู้อี้ๆ  ก่อนจะส่งยิ้มแหยให้แขกรอบๆ “เชิญตามสบายนะ ยังไงขอตัวก่อนเลยละกัน” ก่อนจะลากเงือกในอ้อมแขนออกจากห้องซึ่งต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากเพราะอีกฝ่ายตัวไล่เลี่ยกับผมแล้ว


จนเมื่อมาถึงสวนด้านหลังผมถึงได้ปล่อยมือ “พี่โอปิดปากข้าทำไมล่ะ!”


“ฟิลัน..” ผมกุมขมับอย่างอ่อนใจ “ต่อหน้าแขกเยอะแยะ รักษาหน้าบ้างเถอะ แถมอีกฝ่ายก็เป็นผู้หญิงด้วยนะ”


“ทำไมข้าต้องอายในเมื่ออีกฝ่ายไม่เห็นสนใจ” เจ้าตัวกระฟัดกระเฟียดทิ้งตัวลงนั่งบนก้อนหินใกล้ๆ “เพราะเป็นสตรีถึงสามารถจิกกัดบุรุษได้โดยห้ามตอบโต้? เพราะเป็นสตรีถึงจะสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นก็ห้ามสนใจ? สำหรับข้าไม่ว่าจะบุรุษหรือสตรีแต่ถ้าทำตัวไม่ดี มันก็สมควรด่าทั้งนั้นล่ะ!!!”


ค้างครับ อ้าปากค้าง ไม่นึกว่าฟิลันจะมีมุมแบบนี้ด้วย คือปกติผมจะเคยเห็นแต่เงือกน้อยขี้อ้อน จะมีเกรียนๆบ้างก็ตอนอยู่กับเจ้าเด็กคาไลท์ แต่ไม่เคยเห็นมาก่อนว่าจะเจ้าสำบัดสำนวนคารมคมคายแบบนี้ แนวคิดของฟิลันนี่คือความเท่าเทียมโดยแท้


“ที่สำคัญ เพราะยัยนั่นทำให้ท่านพี่ไม่มีเวลาว่างให้ข้าเลย แถมยังชอบไล่ข้าให้ไปห่างๆด้วย จะให้ข้าดีด้วยยังไงไหวเล่า!!”


...สรุปแล้วคือ ไอ้เด็กตรงหน้าผมมันแค่หวงพี่ชายมันใช่ไหมนี่


ผมปล่อยให้ฟิลันบ่นไปเรื่อยจนเจ้าตัวเหนื่อย ซึ่งกว่าจะหยุดก็เล่นใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง ทำเอาผมอึ้งกับมุมมืดของเจ้าชายเงือกน้อยตรงหน้า


เงยหน้ามองท้องฟ้า ในตอนนี้แสงสว่างที่ส่องลงบนผิวน้ำหายไปหมดแล้ว เหลือเพียงแสงจากหินที่ประดับตามจุดต่างๆของสวน ผมเลยตัดสินใจชวนฟิลันกลับห้อง ผมคิดว่าแต่ละคนคงแยกย้ายกันไปพักผ่อนแล้ว


แต่ดูเหมือนผมจะคิดผิด


เราสองคนชะงักเมื่อมีใครบางคนยืนอยู่หน้าห้องของผม ไม่สิต้องเรียกว่าห้องฟรานส์ที่ผมพักอยู่ด้วย และจากตอนแรกที่ผมคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องอาหารเลวร้ายแล้ว นั่นยังเทียบไม่ได้กับเหตุการณ์ตรงหน้าเลยด้วยซ้ำ


ฟรานส์กำลังกอดกับเงือกสาวตัวนั้น


“ท่านพี่!!!” เสียงตวาดของฟิลันเรียกเอาความสนใจจนทั้งสองตวัดมองมาทางที่พวกผมยืนอยู่ บางอย่างในตัวผมเหมือนถูกฉีกกระชาก และก่อนที่เงือกข้างผมจะกระโจนเข้าไปทำอะไร มือของผมก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือของฟิลันก่อน


“พี่โออย่าห้ามข้า!!!…” คำพูดของฟิลันกลืนหายไปหลังจากสบตากับผม ผมเองก็ไม่รู้ว่าในขณะนี้ตัวเองทำหน้าตายังไง แต่ผมเลือกที่จะเงยหน้าสบตาคนทั้งคู่ที่ถอยออกจากกันแล้ว “อ่า ขอโทษทีที่ขัดจังหวะ แต่อย่างน้อยพวกนายก็ควรเข้าห้องให้เรียบร้อยก่อนจะทำอะไรมากกว่านี้นะ”


“โอเชี่ยนเดี๋ยว..” เสียงของฟรานส์ดังขึ้นแต่ผมไม่นึกอยากจะฟังสักนิด ผมหันหลังจูงกึ่งลากฟิลันออกจากตรงนั้นจนไปหยุดที่หน้าห้องนอนของเจ้าตัว ดังอีกฝ่ายเข้าห้องก่อนจะกำชับให้พักผ่อนซะแล้วอย่าออกไปเถลไถลที่ไหน จากนั้นผมก็ว่ายโซซัดโซเซออกมา


ภาพของทั้งคู่ติดตาจนผมรู้สึกอยากจะหาอะไรควักออกซะ ภาพที่ผมไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เห็น และที่แย่กว่านั้น


ผมรู้สึกว่าภาพตรงหน้ามันดูสวยงาม


เอาเข้าจริงๆถ้าไม่นับเรื่องปาก อีกฝ่ายก็เป็นเงือกที่สวยแบบเซ็กซี่ปราดเปรียวมาก เส้นผมสีแดงหยักศกทิ้งตัวยาวจนถึงบั้นท้าย ผิวสีน้ำผึ้งอย่างคนที่อาศัยอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร(จากการเทียบตำแหน่ง ผมเดาว่าอีกฝ่ายอาศัยอยู่แถวฮาวาย) ตาโตหวานนัยน์ตาสีแดงใสแจ๋ว รีมฝีปากอวบอิ่ม ไหนยังจะหุ่นเซ็กซี่ไดนาไมท์นั่นอีก เมื่อมาอยู่ข้างฟรานส์ที่หล่อสง่างาม


ทั้งคู่ดูเหมาะสมกันมาก มากจนทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินที่อยู่ดีๆก็โผล่ขึ้นมา


ผมมาทำอะไรที่นี่กัน?...


ผมว่ายย้อนกลับไปยังห้องพักและเกือบจะถึงอยู่แล้วถ้าผมไม่ได้เกิดนึกอะไรขึ้นมาได้เสียก่อน


ถ้าทั้งคู่ยังอยู่ด้านในล่ะ?


ไม่ดีแน่ถ้าผมจะโผล่เข้าไปกลางวง แต่คืนนี้ผมจะไปอยู่ที่ไหนดีล่ะ ถึงในปราสาทนี้จะมีห้องไม่น้อยแต่เพราะ2-3วันนี้ต้องรับแขกต่างเมืองรวมถึงผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก ซึ่งไม่แน่ว่าจะเหลือห้องให้ผมพักหรือเปล่า เปิดสุ่มๆไปเจอใครจะเป็นอะไรไหม


ที่สำคัญผมไม่อยากอยู่คนเดียวในเวลานี้


จะกลับไปหาฟิลันหรือ ผมไม่อยากทำแบบนั้นเพราะอีกฝ่ายต้องถามแน่นอนว่าทำไมผมถึงย้อนกลับมา แต่จะให้ไปนอนห้องอื่น...


ไม่สิมีอีกห้องที่ผมน่าจะนอนได้


ผมว่ายกลับไปทางห้องฟิลันเช่นเดิม แต่แทนที่จะตรงไปที่ห้องอีกฝ่าย ผมกลับหยุดลงตรงหน้าประตูห้องข้างๆ


“เจ้ามาทำอะไรที่นี่!” คาไลท์หน้ายู่ทันทีที่เห็นผม เจ้าตัวเบะปากอย่างไม่ชอบใจ “ข้าจะพักผ่อนเพราะอย่างนั้นเจ้าก็กลับไปนอนห้องตัวเองได้แล้ว”


“ก็ถ้านอนที่เดิมได้ฉันจะมาที่นี่หรือ” พูดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ “เอาน่าไหนๆก็คนกันเอง ขอฉันนอนด้วยซักพักรับรองว่านอนไม่ดิ้น”


แน่นอนว่าพวกเราญาติดีกันมาก เจ้าเด็กตรงหน้ายังไงก็ยืนกรานไม่ยอมให้ผมนอนด้วย จนสุดท้ายผมเลยต้องงัดไม้ตายที่เก็บเอาไว้ออกมา “ก็ได้... ถ้าอย่างนั้นฉันไปขอนอนห้องฟิลันก็ได้”


ปฏิกิริยาอีกฝ่ายชะงักอย่างที่คิดไว้ และหลังจากที่เจ้าตัวโวยวายอีกสองสามครั้ง ผมก็ได้นอนห้องนี้แต่โดยดี


.


.


“นี่”


“...”


“หลับหรือยัง”


“...”


ผมได้แต่ถอนหายใจเสียงดัง นึกอิจฉาเงือกที่นอนอยู่ข้างๆที่หลับได้อย่างสบาย


“หนวกหู...นอนได้แล้ว” ผมเลิกคิ้วหลังจากรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้หลับจริง


“เราคิดว่าฉันจะได้เป็นรัชทายาทแทนฟรานส์หรือ” ผมพูดไปเรื่อยๆ ไม่สนใจว่าเจ้าหนูข้างๆจะฟังอยู่ไหม แต่ถ้าเจ้าตัวยังไม่หลับก็คงได้ยินแหละน่า “ทำไมเจ้าหญิงฟีโอล่าถึงได้คิดแบบนั้น ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะมีความสามารถพอจะบริหารเมืองนี้นะ ....หรือว่ามี?”


“...ฝันไปเถอะ ใครจะไปยอม”


“ใช่ไหมล่ะ! แล้วทำไมเจ้าหญิงนั่นถึงได้คิดว่าฉันจะไปแย่งตำแหน่งฟรานส์นะ” ผมตบมือฉาด


“เฮ่อ..” ไอ้เด็กตรงหน้าลุกขึ้นมานั่ง เจ้าตัวขยี้หัวจนฟูยุ่ง “เจ้าคิดว่าคนจากเมืองอื่นจะรู้เรื่องภายในเมืองเราแค่ไหนกัน นี่ไม่นับว่าเป็นเรื่องภายในวังด้วย”


เอ่อ ก็จริงแฮะ


“ถ้ามองด้วยสายตาภายนอก การที่เจ้าที่เป็นทายาทเพียงคนเดียวของราชินีองค์ก่อนก็ย่อมมีสิทธินี้มากกว่าใคร..” ฟังคำวิเคราะห์ของเงือกตรงหน้าแล้วทำให้ผมต้องมองอีกฝ่ายใหม่ เจ้าเด็กนี่ไม่เล่นๆเลยนะ “แต่ถ้าจะให้พูดความจริง เงือกเมืองนี้เค้ารู้เช่นเห็นชาติเจ้าหมดแล้ว ขืนให้เป็นเจ้าเมืองก็พากันล่มจมสิ!!”


อู้ย...เจ็บปวด ถึงจะคิดแบบนั้นแต่ก็ทำให้ผมหลุดยิ้มบางออกมา แม้คาไลท์จะเคยคิดร้ายกับผมมาก่อนก็ตาม แต่เจ้าหนูนี่คิดถึงสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อเมืองจริงๆ


และบางทีสิ่งที่ดีกว่านั้น ก็คือการที่ผมไม่ได้ปรากฏตัวที่นี่ตั้งแต่แรก


ความรู้สึกหนักอึ้งทำให้มือของผมไขว่คว้าความอบอุ่น และตอนนี้มือของผมก็ปะอยู่กับร่างของเงือกที่นอนอยู่ข้างๆ


รู้ว่าไม่ชอบแต่ขอหน่อยละกัน


คิดแบบนั้นผมก็ลากเงือกข้างตัวมากอด เป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายต้องโวยวายดิ้นหนี แต่ผมตัวใหญ่กว่าเยอะไง เพราะอย่างนั้นสุดท้ายพวกเราทั้งคู่ก็เลยหลับไปทั้งที่ยื้อกันแบบนั้นล่ะ


.


.


เช้าวันถัดมา สำหรับผมไม่ค่อยจะสดใสเท่าไหร่ เพราะเมื่อเนื้อเมื่อยตัวจากสงครามเมื่อคืนและยังเมื่อเช้าอีกรอบ


“อู้ย... ไอ้เด็กบ้าถีบมาได้” ขณะที่กำลังว่ายโซซัดโซเซไปทางห้องอาหาร ทว่าข้อมือของผมก็ถูกคว้าโดยใครบางคนเสียก่อน…
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 13-5-59 : ตอนที่18
เริ่มหัวข้อโดย: มาม่าหมูสับ ที่ 14-05-2016 08:43:59
ฟรานนนนนน  :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 13-5-59 : ตอนที่18
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 14-05-2016 12:13:41
ป๊าดดดด

คาไลท์ไม่มีขา ไม่น่าจะถีบได้นะคะ

ปอลิง อยากเจอป๊ะป๋าโอเชี่ยนแล้วววววววว แอบย่องไปหาป๊าเถอะๆๆ
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 13-5-59 : ตอนที่18
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 14-05-2016 13:44:54
เรื่องจะยุ่งยากเพิ่มขึ้นอีกไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 13-5-59 : ตอนที่18
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 15-05-2016 07:04:08
ตายละ ต่างฝ่ายต่างหึงใช่ไหมเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 13-5-59 : ตอนที่18
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 15-05-2016 20:44:59
ค้างค่า ฮือ อยากอ่านต่อแล้ว
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 13-5-59 : ตอนที่18
เริ่มหัวข้อโดย: yaoisamasang ที่ 15-05-2016 22:58:40
งานงอนต้องมา หาคำง้อดีๆนะฟราน
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 13-5-59 : ตอนที่18
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 17-05-2016 23:00:59
ตัวป่วนตัวแม่โผล่มาแล้วสิ โหยๆ เรื่องยุ่งๆต้องตามมาอีกเป็นขบวนแน่เลย
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 13-5-59 : ตอนที่18
เริ่มหัวข้อโดย: mymine ที่ 18-05-2016 09:02:10
ตอนที่19


เจ็บ...


ข้อมือของผมกำลังถูกเงือกตรงหน้าบีบแน่น... ฟรานส์ทำหน้าเคร่งเครียด ตาคมดูดุท่าทางเหมือนจะกินหัวผม
   

“มีอะไรหรือ”
   

“เมื่อคืนเจ้าไปนอนที่ไหนมา ทำไมถึงไม่กลับมานอนที่ห้อง ปล่อยให้ข้าตามหาไปทั่ว!!” ผมมองสบตากับอีกฝ่ายด้วยท่าทางไม่เข้าใจ บรรยากาศแบบนั้นให้ผมเดินเข้าห้องอีกฝ่ายเพื่ออะไร? ที่เห็นเมื่อคืนยังไม่ชัดเจนพอหรือ
   

“ฉันคิดว่ามันคงจะเป็นการรบกวน ถ้าฉันเปิดไปแล้วเจอพวกนายกำลังทำอะไรอยู่” ผมพูดพร้อมกับบิดมือออกจากอีกฝ่าย “ส่วนเรื่องที่นอนไม่ต้องกลัวหรอก อย่างน้อยฉันก็ยังมีความคิดบ้าง แค่กลับไปนอนห้องเก่าตัวเองเท่านั้น” ผมพยายามอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ว่าไม่ต้องห่วง ยังไงผมก็ยังรักษาหน้าตาให้เมืองนี้ เพราะถ้าไม่อย่างนั้นผมอาจจะไปขอนอนห้องคุณปู่สวอร์นก็ได้
   

ทว่าผลที่ได้ดูเหมือนจะตรงกันข้าม ฟรานส์ทำหน้าทะมึนปล่อยรังสีอมหิตแบบไม่ปิดบังเลยสักนิด “เจ้าไปนอนห้องเก่าตัวเอง? ห้องที่เจ้าเด็กคาไลท์มันนอนอยู่นี่นะ!!!” ผมพยักหน้าให้อีกฝ่ายหงึกหงัก “เจ้า!!!”
   

“ฟรานส์~” เสียงหวานที่สามโผล่ขึ้นมา ทำเอาพวกผมทั้งคู่ชะงัก เจ้าหญิงฟีโอล่าว่ายตรงเข้ามาหาก่อนจะส่งยิ้มหวานให้เงือกข้างผม เจ้าตัวจงใจว่ายมาหยุดขวางระหว่างเราทั้งคู่
   

ผมเห็นแบบนั้นจึงยอมถอยออกมาให้ ไม่มีประโยชน์ที่จะคุยอะไรกันตอนนี้ ถ้าเรายังใช้แต่อารมณ์ทั้งคู่คงท้ายคงได้แต่ทะเลาะกัน เพราะอย่างนั้นถอยก่อนดีกว่า
   .
.

.

“ท่านโอเชี่ยนมาทำอะไรแถวนี้” เสียงนุ่มของใครบางคนเรียกความสนใจในขณะที่ผมกำลังว่ายไปเรื่อยเปื่อย หันไปก็เจอกับเจ้าชายลูคัสที่ส่งยิ้มมาให้


“คือ.. ว่าจะไปเดินเล่นนิดหน่อย” ผมส่งยิ้มแห้งๆ ให้อีกฝ่าย เพราะผมยังไม่เคยชินกับเงือกตรงหน้านัก แถมยังรู้สึกผิดเรื่องแม่ตัวเองอีก


“ที่ไหนหรือให้ข้าไปด้วยได้ไหม?” ไม่รู้นึกอะไรเงือกตรงหน้าถึงขอตามมา ไอ้ผมก็ไม่ใช่ไกด์ที่ดีเสียด้วยสิ ลงท้ายก็เลยต้องตอบอ้อมแอ้มว่าจะไปดูพวกพาหนะของเมืองอื่นนี่ล่ะ ผมจำได้ว่ามีตัวแปลกๆ หลายตัว ทว่าอีกฝ่ายก็ยังยืนยันว่าจะไปด้วยอีก สุดท้ายปฏิเสธไม่ได้ผมก็เลยว่ายตามเจ้าชายตรงหน้าไป

.

.


มองใกล้ๆ แล้วน่าตื่นตาตื่นใจดีจริง ผมมองดูบรรดาสัตว์ที่แต่ละเมืองใช้เป็นพาหนะบางตัวน่ารักน่ากอดอย่างเจ้าออก้าที่ภายนอกมีสองสีเหมือนหลินปิง หรือตัวที่ผมเองก็บอกไม่ถูกว่าจะน่ารักหรือน่ากลัวดีอย่างปลาปากดาบ ปลากระเบนและเต่าทะเล แต่ที่แน่ๆ ปลาแองเกอร์น่ากลัวมากกก มันทำท่าจะมุดออกจากกรงมาแทะหางผมตลอดเลย


นี่ยังไม่รวมเจ้าฉลามคู่รักคู่แค้นของผม


เจ้าชายลูคัสทำหน้าที่ไกด์ที่ดีคอยบอกรายละเอียดสัตว์แต่ละตัวใหญ่ จนผมสงสัยว่าตกลงใครเชิญใครมาเป็นแขกกันแน่


“ท่านโอเชี่ยน ข้าขอถามอะไรหน่อยได้ไหม” เสียงของเงือกข้างตัวเรียกความสนใจจากผมที่กำลังเอามือแหย่ออก้า “เรื่องที่ท่านคุยกับท่านสวอร์นเป็นเรื่องจริงหรือ... คือข้าขอโทษ เพียงแต่มันได้ยินเองข้าไม่ได้ตั้งใจแอบฟังนะ”


ผมส่ายหัว “ฉันสิต้องเป็นฝ่ายขอโทษ ทางเราต่างหากที่ทำผิดกับเมืองของนาย”


“ไม่หรอก ว่าแต่...ท่านซิลวาร์ตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้ว ข้าได้ยินว่าเมื่อก่อนท่านเป็นหนุ่มรูปงามที่เนื้อหอมมากๆ เลย” นึกถึงเรื่องแม่แล้วสีหน้าของผมก็สลดลง


“แม่ของฉันเสียไปเกือบ20ปีแล้ว”


“...ข้าขอโทษ” หน้าตาของฝ่ายตรงข้ามเจื่อนลง “แบบนี้ก็เท่ากับว่าท่านโอเชี่ยนคือทายาทที่ถูกต้องเพียงหนึ่งของท่านซิลวาร์และท่านไลอาร์ใช่ไหม เช่นนั้นในอนาคตตำแหน่งรัชทายาทก็อาจจะกลายเป็นท่านสินะ”


“ไม่หรอก” ผมได้แต่ยิ้มเจื่อน ทำไมเมืองอื่นๆถึงคิดกันไปเองว่าผมจะต้องได้ตำแหน่งรัชทายาทแทนฟรานส์นะ “ฉันไม่มีความสามารถพอหรอก ให้ฟรานส์เขาเป็นต่อไปดีแล้ว”


อีกฝ่ายทำหน้าไม่เชื่อและบอกว่าผมมีความสามารถมากกว่านั้น ซึ่งผมยิ้มแต่ไม่ได้ตอบอะไรออกไปอีก ไม่มีประโยชน์ที่จะอธิบายเรื่องนี้ ใครจะมารู้ดีไปกว่าตัวผมเอง


ผมไม่มีความสามารถและไม่มีความรักต่อที่นี่ลึกซึ้งเท่าฟรานส์ เพราะอย่างนั้นจึงควรปล่อยทุกสิ่งให้มันอยู่ในที่ๆควรอยู่เถอะ อย่างที่ในอนาคตผมจะต้องกลับไปเป็นมนุษย์ตามเดิม

.

.

ผ่านไปอีกสองวันรู้สึกว่าสถานการณ์ระหว่างผมกับฟรานส์ดูจะไม่ได้ดีขึ้นเลย ฟีโอล่าเกาะติดอีกฝ่ายแน่นเหมือนอย่างที่ฟิลันว่า นั่นทำให้ผมเลือกที่จะเลี่ยงเงือกทั้งสองทุกครั้งที่มีโอกาส เพียงแต่วันนี้ไม่อาจเลี่ยงได้อีก เพราะเป็นวันที่ผมต้องขึ้นทำพิธีรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ


ชุดที่ใช้ในพิธีแบบเต็มยศทำให้ผมอึ้งแบบพูดไม่ออก นอกจากบรรดาเครื่องประดับสารพัดที่ต้องประโคมลงบนตัวของผม ยังมีปลอกแขน และเกราะที่อยู่รอบเอวคล้ายเข็มขัดมีลวดลายสวยงาม ทั้งหมดเป็นสีขาวสว่าง ดีนะที่ไม่มีหลายสีนัก เพราะไม่อย่างนั้นผมต้องนึกว่าตัวเองเป็นพระเอกลิเกแน่ๆ


ฟรานส์นั่งอยู่ในห้องเดียวกับผมเพื่อให้เงือกตัวอื่นช่วยแต่งตัวเช่นกัน อีกฝ่ายแทบไม่มองหน้าผมเลยเพราะคืนที่ผ่านมาผมก็ยังคงหนีไปนอนห้องคาไลท์ จะแตกต่างจากเดิมก็ตรงที่ฟิลันดันรู้เรื่องที่ผมตระเวนไปนอนห้องอื่น เจ้าตัวพยายามลากผมไปนอนกับตัวเอง แต่เมื่อผมเห็นสายตาเจ้าของห้องที่ผมมานอนด้วย ผมเลยตัดสินใจว่านอนห้องเดิมดีแล้ว ลงท้ายฟิลันเลยมานอนรวมกับพวกผมด้วยจนกลายเป็นปลากระป๋องอัดสาม โชคดีที่เตียงหอยมันค่อนข้างใหญ่ นอนสามคนเลยไม่อึดอัดมากเท่าไหร่   



พิธีการเริ่มขึ้นท่ามกลางความตื่นเต้นของผม ยามเมื่อเห็นสายตาเงือกนับร้อยบริเวณห้องโถงของวัง ตรงหน้าบัลลังค์มีท่านไลอาร์คุณย่าของผมนั่งอยู่ วันนี้ท่านแต่งตัวเต็มยศสวยสง่ามากจนผมเผลอมองตาค้าง ทำให้ฟรานส์ที่ว่ายคู่มาคว้าเอามือผมไปจับ มืออุ่นและสายตาที่คล้ายจะบอกว่าไม่มีอะไรต้องกังวลทำให้ผมรู้สึกตัวและเคลื่อนตัวเข้าหาราชินีของแฟรีเซียร์


แน่นอนว่าด้วยความจำระดับปลาทองอย่างผม เมื่อรวมกับความตื่นเต้นแล้วทำให้ผมจำอะไรไม่ได้เลยสักนิด มารู้ตัวอีกที ก็ในตอนที่ฟรานส์หมุนตัวเข้าหาฝูงชน ก่อนจะกล่าวว่าในตอนนี้ผมคือเจ้าชายของแฟรีเซียร์อย่างเป็นทาง ด้านนอกเต็มไปด้วยเสียงประชาชนโห่ร้อง งานฉลองเริ่มขึ้นทั่วทั้งเมืองเต็มไปด้วยงานรื่นเริง ส่วนในวังเองก็มีจากจัดเลี้ยงเช่นกัน เงือกที่มาร่วมงานถูกเชิญไปที่ห้องอาหาร ซึ่งตอนนี้มีโต๊ะนั่งนับสิบ วางเรียงรายอยู่โดยรอบ เงือกสาวหลายตัวคอยทำหน้าที่เสริฟอาหารและบริการ
ผมต้องนั่งลงโต๊ะเดียวกับท่านไลอาร์ในฐานะเจ้าภาพของงาน ซึ่งเป็นโต๊ะที่รวมบรรดาเชื้อพระวงศ์ทั้งหลายด้วย


ในขณะที่กำลังทานอาหารพร้อมกับนั่งคุยอยู่นั้นเอง จู่ๆเจ้าหญิงฟีโอล่าก็พูดโพล่งขึ้นมากลางโต๊ะอาหาร “ท่านไลอาร์เพคะ หม่อมฉันอยากทราบว่า ทางแฟรีเซียร์จะมีการเปลี่ยนแปลงตัวรัชทายาทไหมคะ”


เสียงคุยที่ดังเซ็งแซ่อยู่นั้นหายไปในพริบตา ทุกอย่างกลายเป็นความเงียบ มีเพียงเสียงฟรานส์ที่ปรามอีกฝ่ายเสียงเบา
ท่านไลอาร์ที่กำลังนั่งหัวเราะกับท่านสวอร์นชะงักก่อนส่งยิ้มหวานมาให้เจ้าหญิงอายุคราวหลาน “อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่ไม่นอน เรื่องนั้นเรายังไม่ได้ตัดสินใจ”


“แต่ท่านคะ ถึงจะบอกว่าท่านโอเชี่ยนเป็นหลานแท้ๆของท่าน แล้วความเป็นธรรมกับฟรานส์ที่ดูแลเมืองนี้มาตลอดล่ะคะ”
ฟีโอล่ายังรุกอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่องนั่นทำให้ผมมองอีกฝ่ายด้วยความตื่นตระหนกปนปวดใจ


อีกฝ่ายใจกล้ามากที่ถามเรื่องแบบนี้ออกมา มันไม่ใช่สิ่งที่ควรถามต่อหน้าคนหมู่มากแบบนี้สักนิด แสดงให้เห็นเลยว่าฟรานส์สำคัญสำหรับอีกฝ่ายมากจริงๆ


ผมพยายามจะอ้าปากบอกอีกฝ่ายว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมก็ไม่มีทางได้เป็นราชาของเมืองนี้แน่นอน แต่ข้อมือของผมถูกจับเอาไว้เสียก่อน ท่านสวอร์นส่ายหน้าราวกับเดาได้ว่าสิ่งที่ผมคิดอยู่คืออะไร


“แน่นอนว่าเราย่อมให้ความเป็นธรรมแน่ ทั้งคู่ต่างก็เป็นลูกหลานของเรา เราย่อมรู้ว่าควรทำอะไร” ผู้สูงอายุส่งยิ้มเอ็นดูให้ “และเราก็หวังว่าท่านจะรู้หน้าที่ของตัวเองเช่นกัน”


“อึก..ข้า ข้าต้องรู้ดีอยู่แล้ว แต่ท่านโอเชี่ยนล่ะรู้ดีแค่ไหน?” ...แล้วทำไมผมถึงได้กลายเป็นหัวข้อสนทนาของอีกฝ่ายด้วยละนี่ “ในเมื่อทายาทที่ถูกต้องของท่านกลับมาแล้ว แบบนี้สัญญาระหว่างแฟรีเซียร์กับเรมเดลก็น่าจะมีผลใช่ไหม?” ได้ยินแบบนั้นผมก็หันขวับไปทางเจ้าชายลูคัสที่ถูกลากลงหลุมไปพร้อมกัน เจ้าตัวทำหน้าเจื่อนแบบนี้กลืนไม่เข้าคายไม่ออก


ทว่าผมเองก็ใช่จะมีสีหน้าดีไปกว่ากัน ถ้าคุณย่าของผมตกลงก็หมายความว่าผมต้องไปเป็นเขยเมืองเรมเดลนี่นะ...


“ท่านต้องการทวงสิทธินี้ด้วยหรือท่านลูคัส?” ท่านไลอาร์หันไปถามอีกฝ่าย


“ข้า... คือข้า”


“แต่ถึงท่านจะต้องการเช่นนั้นข้าก็ต้องขออภัยว่าเราคงต้องขอปฏิเสธ...” ราชินีแห่งแฟรีเซียร์ค้อมหัวลงเล็กน้อยเป็นเชิงขอโทษ “สัญญาของเราทั้งสองตกลงกับไว้ที่ซิลวาร์และบิดาของท่าน สัญญานั้นไม่ได้รวมมาถึงหลานของเรา ตอนที่ซิลวาร์หายไปข้าเจ็บปวดมาก และข้าไม่อยากพบเหตุการณ์นั้นอีก... ถ้าในอนาคตจะมีการแต่งงานเกิดขึ้นก็ขอให้เป็นความสมัครใจของทั้งสองเมืองเถิด”


“แต่ว่ามันไม่ยุติธรรมนี่!!!”


“ท่านหญิงฟีโอล่า!!” เสียงเฉียบขาดของท่านไลอาร์ทำให้อีกฝ่ายหยุดชะงัก “ข้าขอบคุณสำหรับความหวังดีที่ท่านมีให้เมืองของเรา แต่ขอยืนยันอีกครั้ง นี่คือเรื่องของแฟรีเซียร์กับเรมเดล คงไม่จำเป็นที่จะต้องให้ท่านทวงสิทธิให้แทนหรอกใช่ไหม!”


หน้าเจ้าหญิงแห่งอันเมดีสซีดแล้วซีดอีก ดูเหมือนฟิโอล่าจะล้ำเส้นเกินไป “อย่าคิดว่าข้าเป็นแค่หญิงชราวันๆอาศัยอยู่แต่ในวังด้านในไม่รับรู้เรื่องราวภายนอก การที่ข้าไม่พูดไม่ได้หมายความว่าข้าไม่รู้ พฤติกรรมของท่านสร้างความหนักใจให้บิดาของท่านมานานแล้ว อย่าลืมเสียว่าที่นี่ไม่ใช่อันเมดีส...ข้าพูดแค่นี้ท่านคงเข้าใจนะ...”


ผมกลืนน้ำลายอย่างฝืดเคืองหลังจากเห็นการปะทะระหว่างผู้หญิงสองคนที่ต้องบอกว่า น่ากลัวสุดๆ ปกติแล้วผมไม่ค่อยจะได้คุยกับท่านย่าของผมเท่าไหร่ พอมาเจอวันนี้เข้า ผมสัญญากับตัวเองว่าจะไม่หาเรื่องให้อีกฝ่ายหนักใจเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นศพผมอาจจะไม่สวยก็เป็นได้


ผิดกับฟิลัน รายนั้นยิ้มชอบอกชอบใจออกนอกหน้า หลังจากเสียงปะทะคารมเงียบลง เจ้าตัวเป็นรายแรกที่ทำท่าร่าเริงกุลีกุจอส่งอาหารไปให้ท่านไลอาร์ ท่ามกลางสายตาหวาดหวั่นของเงือกโดยรอบ


แต่พอเห็นอีกฝ่ายยิ้มอ่อนโยนรับอาหารที่ส่งให้แต่โดยดีบรรยากาศจึงค่อยผ่อนคลายลง และเริ่มมีเสียงคุยกันตามเดิม
“ท่านกาไลค์คงต้องหนักใจกับบุตรสาวไม่น้อย...” เสียงคุณปู่ข้างๆรำพันออกมา “ในอันเมดีสคงไม่มีใครสามารถกำราบนางได้แล้วนางถึงได้เอาแต่ใจตนเองเยี่ยงนี้... เจ้าก็จำไว้นะว่าการจะพูดอะไรกับใครต้องดูโอกาสด้วย” ลงท้ายหันมาสั่งสอนผม เอ...หรือจริงๆ แล้วท่านสวอร์นกำลังบอกผมอ้อมๆ หรือเปล่าว่าผมปากไม่ดีเนี่ย...


หลังจบงานแต่ละคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน ผมที่ยังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะไปขออาศัยนอนห้องคาไลท์ดี หรือจะกลับไปนอนห้องฟรานส์เหมือนเดิมดี...

.

.

กลับดีกว่า ผมว่าเราปล่อยเวลาล่วงเลยนานแล้ว ตอนนี้แต่ละคนก็คงจะใจเย็นลงพอที่จะคุยให้ชัดเจน ถ้าฟรานส์คิดจะคบกับฟีโอล่าจริงๆผมจะได้แยกห้องออกไปให้ถูกต้องเสียที...


ในขณะที่กำลังว่ายกลับ สายตาผมเหลือบมองไปเจอใครเสียก่อน เจ้าชายลูคัสว่ายตรงเข้ามาหาผม ผมหยุดรออีกฝ่าย “เจอท่านโอเชี่ยนพอดีเลย ข้ามีเรื่องอยากจะคุยกับท่านเป็นการส่วนตัวสักครู่”


คงจะเป็นเรื่องที่เป็นประเด็นกลางโต๊ะอาหารสินะ ผมพยักหน้าก่อนจะให้อีกฝ่ายว่ายนำไป


คืนนี้เป็นคืนเดือนมืดมีแสงไฟจากหินสีสะท้อนมาเพียงรำไร ลูคัสหยุดลงตรงบริเวณสวนด้านหลังใกล้กับที่พักของกลุ่มคณะเดินทางของเมืองอื่น คิดว่าคงเริ่มทยอยกลับกันตั้งแต่วันพรุ่งนี้


“ข้าอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นยังไงเกี่ยวกับสิ่งที่ฟีโอล่าพูด” ท่าทางอีกฝ่ายดูจะคิดมากในเรื่อง นี้สีหน้าของลูคัสดูจะซีเรียสขึ้น “ข้าไม่นึกว่านางจะใช้เรื่องราวในอดีตมาเป็นประเด็น...”


ผมยิ้มเข้าใจอีกฝ่ายดี แค่นั่งเฉยๆก็โดนลากเข้าไปพัวพันแล้ว “ไม่ต้องคิดมากหรอก เรื่องนี้ฉันไม่ได้คิดอะไร แถมยังต้องขอโทษนายต่างหากที่ทำให้โดนพาดพิงไปด้วย...”


“ไม่เลยข้าเต็มใจ...” หา ผมหันหน้าขวับไปมองอีกฝ่ายตาค้าง เจ้าตัวทำก้มหน้าลงไม่สบตากับผม “ใจนึงข้าเองก็หนักใจ แต่อีกใจข้าก็หวังว่าท่านจะยอมตกลง...”


คดีพลิกเว้ย! ไหงเงือกตรงหน้าผมทำท่าเหมือนอยากจะแต่งกับผมแบบนี้ ผมแอบยืดนิดๆ แสดงว่าเรานี่มีเสน่ห์ใช้ได้เหมือนกันนะ เพียงแต่...


“ขอโทษนะ แต่ฉันมีคนที่แอบชอบอยู่แล้ว”


“....ท่าน....จะบอกได้ไหมว่าเงือกผู้โชคดีนั้นคือใคร”


“ขอไม่บอกละกันนะ เพราะบางทีฉันก็อาจจะอกหักก็ได้” ผมหัวเราะแห้งๆ


“ไม่เป็นไรหรอกเพราะข้าพอจะเดาได้” อีกฝ่ายพูดยิ้มๆ แต่นั่นทำให้ผมรู้สึกขนลุกขึ้นมา รอยยิ้มอีกฝ่ายมันมีอะไรแปลกๆ คิดแบบนั้นผมก็เลยตัดสินใจว่าถึงเวลาที่ควรกลับห้องแล้ว จึงลาอีกฝ่ายและว่ายออกมา


มือของอีกฝ่ายโบกลาไหวๆในความมืด ผมว่ายลัดเลาะผ่านบริเวณกำแพงหิน ซึ่งเป็นทางลัด พ้นตรงช่วงนี้ไปก็จะเจอกับทหารเฝ้าวังแล้ว


แต่พริบตาหลังคอก็เกิดครามรู้สึกเจ็บจิ๊ดๆ ก่อนภาพตรงหน้าจะมัวลง


เงามืดที่ทอดยาวลงบนตัวผม... เงือกรูปร่างสูงใหญ่... นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมได้เห็น ก่อนภาพตรงหน้าจะมืดไป....
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 13-5-59 : ตอนที่18
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 18-05-2016 09:15:22
 :z3:  ช่วยโอเชี่ยนด้วย
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 13-5-59 : ตอนที่18
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 18-05-2016 10:57:34
อ้าวไหงงั้นอะ เกิดไรขึ้นคะ  :z3:
 :katai1:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 13-5-59 : ตอนที่18
เริ่มหัวข้อโดย: mymine ที่ 19-05-2016 10:19:44
ตอนที่20


ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นพร้อมกับเกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรง

นี่ที่ไหนกัน... กวาดตามองโดยรอบ แต่สิ่งที่พบมีเพียงความมืด ผมไม่ได้ถูกมัดตาจึงมองเห็นเงาดำเลือนลาง เดาว่าอาจจะถูกจับใส่อะไรซักอย่าง ความรู้สึกกระเทือนเล็กน้อยตรงพื้นที่ผมนอนอยู่ คิดว่าน่าจะกำลังเคลื่อนที่


ลองสำรวจร่างกาย มือถูกมัดไว้... ไม่ได้รับบาดเจ็บนอกจากหลังคอ


มันเกิดอะไรขึ้นล่ะนี่...


จำได้ว่าผมคุยกับเจ้าชายลูคัสจนมืดแล้วพอลาอีกฝ่ายกลับมาที่ตัวปราสาท หลังจากนั้นผมก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย
   

ทว่าถ้าเดาจากสภาพในตอนนี้ คงจะต้องบอกว่าผมถูกลักพาตัวมาสินะ...


ลองใช้ปลายนิ้วที่ถูกมัดคลำไปรอบตัว ดูเหมือนผมจะอยู่ในกล่องไม้ขนาดไม่ใหญ่นักพอให้ผู้ชายตัวโตลงไปนอนขดได้ ไม่มีรูระบายอากาศแต่ยังหายใจได้แม้จะอึดอัดพอสมควร ลองดันแผ่นไม้เหนือหัวแล้วเปิดไม่ออก ผมไม่แน่ใจว่าด้านบนคือฝาหรือเปล่า แต่ผมไม่กล้าเสี่ยงให้เกิดเสียงดังนักด้วยความกลัวว่าอะไรบางอย่างที่จับผมมาจะรู้ว่าผมตื่นแล้ว


พยายามฟังเสียงที่เกิดขึ้นด้านนอก ซึ่งต้องบอกว่ามันไม่ค่อยจะได้ผลเท่าไหร่ ผมแทบไม่มีทางรับรู้สภาพด้านนอกเลยนอกเสียจากว่าอีกฝ่ายจะเปิดกล่องเอาตัวผมออกไป ซึ่งอาจจะเป็นช่วงเวลาที่อีกฝ่ายหยุดพัก ถ้าอีกฝ่ายต้องพักนะ...
   

ระหว่างที่ทำอะไรไม่ได้ผมมาลองนึกๆ ดู ถึงผมจะเป็นคนใหม่ที่นี่ แต่โดยศักดิ์แล้วถือว่าผมเป็นเจ้าชายของเมืองแฟรีเซียร์คนหนึ่งเหมือนกัน ใครกันที่กล้าทำถึงขนาดนี้ อย่างน้อยก็น่าจะมีความเกรงกลัวบ้าง...
   

อีกฝ่ายไม่รู้ว่าผมเป็นเจ้าชาย? เป็นไปไม่ได้ งานรับตำแหน่งพึ่งถูกจัดขึ้นยังไม่พ้นวันดีเลย แถมจุดที่ถูกจับตัวก็ยังอยู่ในบริเวณพื้นที่ของปราสาทแท้ๆ
   

คนใน? ไม่น่าจะเป็นไปได้ ถ้าคิดจะจับตัวผมคงไม่รอจนได้ตำแหน่งแบบนี้ คงพาไปไกลตั้งแต่ที่ผมมาถึงเมืองนี้วันแรกแล้ว
   

คนนอก? ยิ่งเป็นไปได้ยาก ถึงวังจะไม่ใช่ที่หวงห้าม แต่การป้องกันก็มีมากพอสมควร การจะพาผมออกมาไม่น่าจะใช่เรื่องง่ายๆ นอกเสียจาก...
   

คนนอกที่มีตำแหน่งมากพอที่ทหารจะเกรงใจ...ก็ไม่พ้นพวกที่มาร่วมงานฉลองของผม
   

แต่ใครกันล่ะ...
   

ที่น่าสงสัยผมคงนึกออกแค่คนเดียว คนที่ไม่ยินดีสักนิดกับการคงอยู่ของผม แต่อีกฝ่ายเป็นผู้หญิง ไม่น่าจะทำอะไรรุนแรงมากขนาดนี้... ไม่สิอีกฝ่ายเป็นถึงเจ้าหญิง คนที่อยู่ในตำแหน่งพวกนี้ส่วนมากจะเด็ดขาดอยู่แล้ว
   

นอกเหนือจากนั้นคงจะเป็นลูคัส แต่ท่าทางจะเป็นไปได้ยาก เพราะผมพึ่งแยกจากอีกฝ่ายมา ถ้าคิดจะจับตัวผมเจ้าตัวน่าจะลงมือเลยตอนที่พาผมไปใกล้กับขบวนของตัวเอง
   

ใครกันที่ทำแบบนี้ ไม่คิดถึงผลที่จะตามมาบ้างหรือไง ถ้ามันกลายเป็นสงครามระหว่างทั้งสองเมืองล่ะ


ผมมีอะไรที่อีกฝ่ายต้องการ ถึงขนาดที่ว่าอีกฝ่ายยอมเสี่ยงจับตัวผมมา?...... แน่นอนว่าไม่ ถ้ามีของสำคัญขนาดนั้นควรจะอยู่ที่ฟรานส์มากกว่าผม หรือจะจับผมเป็นตัวประกัน อันนี้น่าคิด แต่ถ้าอย่างนั้นอีกฝ่ายไม่เลือกจับฟิลันที่เด็กกว่าน่าจะจับง่ายกว่า... หรือเพราะผมมาใหม่ ยังไม่ทันรู้เล่ห์เหลี่ยมของแต่ละเมือง ก็อาจจะเป็นได้ ดูจะเป็นตัวเลือกดีที่สุดในตอนนี้
   

ไม่สิ สิ่งสำคัญตอนนี้ก็คือ ผมถูกจับมานานแค่ไหนแล้ว... มีใครรู้บ้างหรือยังว่าผมหายไป... และทำยังไงผมถึงจะหนีออกไปได้ อย่างน้อยก็ออกจากล่องบ้านี่จะได้เห็นสภาพรอบตัวบ้าง
   
.
   
.
   
ผมหลับตื่นๆอยู่ในกล่องนานแค่ไหนไม่ทราบ มารู้ตัวอีกครั้งก็เมื่อมีเสียงกุกกักเหนือหัวของผม ฝาด้านบนถูกเปิดออกพร้อมกับเงือกหลายตัวจ้องมองผมด้วยแววตาไม่ไว้วางใจ เช่นเดียวกับผมที่สำรวจอีกฝ่าย ผมไม่สามารถระบุได้ว่ามาจากเมืองไหนเพราะมีเงือกหลายพันธุ์รวมกันอยู่ สังเกตได้จากสีครีบและหาง แต่ละเมืองจะค่อนข้างมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง
   

หนึ่งในนั้นพาผมออกจากกล่องมานั่งอยู่ใกล้กับก้อนหินในบริเวณนั้น ที่พักของพวกนี้อยู่ในที่ค่อนข้างรกทึบ สาหร่ายและดอกไม้ทะเลขึ้นสูงท่วมหัว “อย่าคิดหาเรื่องใส่ตัว พวกข้าไม่อยากทำร้ายท่าน”
   

พวกนี้รู้ฐานะผมแน่นอน ดูจากความเกรงใจในคำพูดและน้ำเสียง
   

“นายของพวกแกคือใคร!! จับฉันมาทำไม ถ้าทางแฟรีเซียร์รู้พวกแกซวยแน่”
   

พวกนั้นไม่สนใจสิ่งที่จะคุยกับผม แต่ก็มีหลายตัวที่หัวเราะขบขันสิ่งที่ผมพูด แสดงถึงความมั่นใจว่าสามารถพาผมหนีไปได้แน่นอน
   

ในกลุ่มเงือกที่จับผมมาไม่มีใครที่ผมคุ้นตา หมายความว่าเจ้าตัวไม่ได้มาด้วย? จะให้พวกนี้พาไปถึงปลายทาง?หรือจะตามมาทีหลัง? ยังไงก็ช่าง แต่โอกาสแบบนี้หาได้ไม่มากนัก ผมจึงเลือกที่จะทำทีเชื่อฟังอีกฝ่ายโดยดี ให้นั่งตรงไหนก็นั่ง นอนตรงไหนก็นอน ทำตัวว่าง่ายๆ ให้พวกนั้นเบาใจและหย่อนการคุมเข้มลง
   

การเดินทางในวันต่อมาผมคอยมองสังเกตรอบตัว ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะหาจุดเด่นเป็นเครื่องหมายบอกทางเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็พยายามเอาก้อนสาหร่ายพันรวมกันดอกไม้ทะเลที่ผมแอบดึงมาสะสมไว้ตอนกลางคืน คอยหย่อนตามทางที่พวกเราผ่าน ซึ่งต้องใช้ความระมัดระวังมากเพราะถ้าอีกฝ่ายพลาดเห็นเพียงนิดเดียวก็จะเดาได้ทันที และนอกเหนือจากนั้น ผมยังต้องภาวนาให้ปลาแถวนี้ไม่กินหินบอกทางจำเป็นของผมก่อน
   

ผมถูกจับนั่งอยู่บนหลังปลากระเบน นี่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสงสัย ปลากระเบนที่เป็นพาหนะผมเห็นเมืองเดียวที่นำมาก็คืออันเมดีส เมืองของฟีโอล่า


แต่นั่นก็ไม่อาจฟันธงได้ทันทีว่าเมืองที่จับผมมาจะใช่อีกฝ่ายหรือเปล่า เพราะในท้องน้ำแห่งนี้ไม่ได้มีปลากระเบนอยู่เมืองเดียว อาจจะเป็นเมืองอื่นก็ได้เช่นกัน แต่อย่างน้อยผมก็ขอสงสัยไว้ก่อน 
   

เราเดินทางต่อเนื่องจนถึงเวลาใกล้ค่ำ แสงสว่างที่ส่องลงกระทบผิวน้ำเริ่มลดลง ตอนนี้บรรยากาศรอบตัวผมเต็มไปด้วยความลึกลับ ดูเหมือนเงือกพวกนี้จะนิยมพักบริเวณที่มีสาหร่ายทะเลหนาทึบ คงใช้ประโยชน์จากมันในการซ่อนตัว
   

เพราะทำตัวเป็นเด็กดี พวกที่จับผมมาเลยทำตัวสบายๆ ไม่เคร่งเครียดนัก ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ผมหวังไว้อยู่แล้ว เพื่อสร้างโอกาสหลบหนี เพียงแต่สิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างแรกก็คือ ตัดเชือกที่มัดระหว่างข้อมือทั้งสองของผมกับกล่องสมบัติข้างๆ ก่อน ผมลากไอ้กล่องนี่หนีไปด้วยไม่ไหวหรอกนะ
   

ทว่าเป็นเรื่องยากพอสมควร พวกนี้เก็บอาวุธไว้ใกล้ตัวตลอด ไม่มีโอกาสที่ผมจะขโมยมาซักนิด
   

จนกระทั่งถึงเวลาที่ต้องพักผ่อน หลังจากได้ทำเลเหมาะๆ ผมก็ทำท่าจะทิ้งตัวลงนอน ทว่ากลับถูกไล่ที่จากเงือกหนึ่งในนั้น เพราะผมพยายามจะนอนใกล้กับปลากระเบนที่ผมนั่งบนหลังมันทั้งวัน
   

ชิ เจ้าพวกนั้นเดาได้หรือว่าผมหวังอาศัยเจ้าตัวนี้พาหนี
   

สุดท้ายแล้วผมก็โดนลากตัวไปพร้อมกล่องทิ้งอยู่ข้างโขดหินใหญ่มีดอกไม้ทะเลอยู่ประปราย เมื่อทำอะไรไม่ได้ผมเลยทิ้งตัวลงนอน กะว่าดึกกว่านี้สักหน่อยจะลองกระดึบไปหาน้องเบนอีกรอบ แต่ทว่า...
   

เจ็บ!! อะไรบางอย่างทิ่มก้นผม!!
   

ผมลูบบั้นท้ายตัวเองด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะก้มลงมองบนพื้น หาสาเหตุของการประทุษร้ายร่างกายผม จนได้ผมกับก้อนหินก้อนไม่ใหญ่ประมาณเหรียญสิบ นอนหงายหน้าเอาปลายแหลมชี้ขึ้นฟ้า ตำแหน่งเดียวกับที่วางก้นผมเมื่อครู่
   

เห็นแบบนั้นผมก็แทบแยกเขี้ยวใส่ คิดดูว่าดวงผมตกขนาดก้อนหินยังไม่ละเว้น ผมใช้มือข้างหนึ่งคว้าหินก้อนนั้นขึ้นมาก่อนจะทำท่าเขวี้ยงไปให้ไกลสุดแรงเกิด ทว่าอะไรบางอย่างที่แวปเข้ามาทำให้ผมชะงัก ก่อนจะล้มตัวลงนอนอย่างสงบเสงี่ยม...
   
.
   
.
   
เมื่อย.. คือสิ่งเดียวที่ผมนึกออกในตอนนี้ ทำไมในละครผมเห็นเค้าเอาหินมาถูๆ สองทีก็ขาดแล้ว ผมนี่ถูจนเลขจะขึ้นมาครึ่งคืนแล้วก็ยังไม่เห็นจะขาดเสียที แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะตอนนี้ที่นอนสุดแจ่มที่ผมเล็งไว้ตั้งแต่ทีแรกก็ถูกเงือกตัวอื่นจับจองไปแล้ว.. เพราะอย่างนั้นคงต้องใช้แผนสำรองกันต่อไป....
   
.
   
.
   
ขอบคุณสวรรค์!! ที่เห็นใจลูกข้างและทำให้ไอ้เชือกบ้านี่หลุดเสียที...
   

ผมแทบจะถอนสายบัวในยามที่เชือกหนาหลุดออกจากมือผม หลังใช้ความพยายามตัดมันทั้งคืน...
   

ใช่ทั้งคืน เพราะตอนนี้ผมคิดว่ารอบตัวเริ่มสว่างมากขึ้นแล้ว... แต่โชคดีหน่อยที่เงือกพวกนี้ไม่เดินทางเช้านัก จากเมื่อวานต้องรอสว่างเต็มที่พวกนี้ถึงจะตื่นกัน เพราะอย่างนั้นนี่คือโอกาสทองของผม!!
   

ผมค่อยๆ ลุกขึ้นและเคลื่อนตัวออกจากเงือกกลุ่มนั้นช้าๆ พยายามให้ไม่มีการสั่นไหวของน้ำมากผิดปกติ นัยน์ตาคอยจับจ้องท่าทางการนอนของพวกนั้นว่ามีการขยับเขยื้อนไหม
   

ผมชะงักเมื่อเงือกตัวหนึ่งพลิกตัว ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกเพราะอีกฝ่ายหลับต่อ ผมเริ่มกระดึบออกอีกครั้ง
   

ผมชะงักเป็นรอบที่สอง แต่รอบนี้เกือบจะหยิบหินเขวี้ยงแทนเนื่องจากอีกฝ่ายแค่กรนจนมีฟองอากาศผุดออกมา
   

ฮ่วย!! ทำเอาตกใจหมด
   

จนเมื่อผมคิดว่าได้ระยะผมก็พุ่งตัวออกด้วยความเร็ว!! ได้เวลาโกยเถิดโยมแล้ว!!
   

โชคดีที่ผมฉลาดโปรยสัญลักษณ์ไว้ตลอดทาง ทำให้เดินทางย้อนไม่ยากนัก แม้สาหร่ายของผมจะหายไปเป็นจุดๆ ช่วงๆ ต้องคอยเพ่งหา แต่อย่างน้อยก็พอให้ผมเดาทิศทางได้ล่ะ
   

เสียงเอะอะโวยวายดังลั่นขึ้น ซึ่งนั่นไวกว่าที่ผมคิดไว้มาก เงือกพวกนั้นตื่นแล้ว และรับรู้ว่าผมหนีแล้วด้วย
   

ไม่ได้การต้องรีบว่ายให้ไวที่สุด
   

ผมว่ายๆๆ อย่างเอาเป็นเอาตาย คิดว่าอย่างไรก็ต้องหาทางกลับบ้านให้ได้ การเดินทางของผมถือว่าไวกว่าเงือกกลุ่มนั้นไม่น้อย เพราะตัวคนเดียวสามารถตัดสินใจง่ายกว่า ทว่าความเหนื่อยนี่ไม่แพ้กันเลยอาจจะมากกว่าเสียด้วย ผมแทบจะคลานแทนการว่ายน้ำอยู่แล้ว
   

เวลาตอนนี้เป็นช่วงเย็น ยังพอมีแสงสีทองสะท้อนลงมารำไร ผมทิ้งตัวลงบนก้อนหินที่พวกเราพักค้างคืนในวันแรกที่ผมออกมาจากกล่อง เพราะป้ายบอกทางของผมสิ้นสุดที่ตรงนี้...จากนี้ไปจะเป็นของจริงแล้วว่า ผมจะสามารถกลับบ้านได้ไหม หรือจะต้องหลงทางและอดตายอยู่ในมหาสมุทรที่ไม่มีป้ายบอกทิศทางแบบนี้


แต่หลังจากพักได้เพียงครู่เดียว ผมก็ต้องรีบกระเด้งตัวขึ้นมา แม้อีกฝ่ายจะถูกทิ้งห่างตอนผมหนี แต่ไม่นานก็คงไล่ทัน ถ้าไม่หนีต่อเลยก็ควรจะหาที่ซ่อนก่อน ซึ่งผมเลือกอย่างหลัง ตอนนี้ผมล้าเต็มทนแล้ว
   

ผมว่ายไปต่อเล็กน้อย บริเวณนั้นมีหินก้อนใหญ่น้อยตั้งเรียงรายไม่ห่างกันมาก ผมมองแล้วน่าจะพอซ่อนตัวได้จึงว่ายอ้อมไปอีกด้าน ขนพวกสาหร่ายและดอกไม้ทะเลเอามาวางจัดคลุมเอาไว้เหมือนเป็นซุ้ม ส่วนตัวเองก็มุดเข้าไปอยู่ด้านในเหมือนทหารพราน ถ้ำชั่วคราวของผมไม่ได้กว้างนัก ทำให้ต้องนอนขดมากหน่อยแต่อย่างน้อยก็ถือเป็นที่ซ่อนตัวชั้นดี กะว่าหลบพักแถวนี้ไปก่อน
   

จ๊อกก
   

... คงต้องหาอะไรกินก่อนจะอดตาย โชคดีเหลือหลายที่ตอนนี้ผมมีความรู้เรื่องอาหารของเงือกบ้างแล้ว ทำให้ผมเลือกสาหร่ายที่กินได้จริงๆ ถูกต้น แม้รสชาติจะอร่อยสู้ในวังไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้ท้องอิ่มมีแรงละกัน


หลังจากทานอิ่มผมก็เริ่มเลื้อยกลับไปนอนหลุมหลบภัยต่อ แสงสว่างบนพื้นน้ำค่อยๆหมดไปพร้อมกับอารมณ์ที่เริ่มดิ่งลง ผมขดตัวเป็นก้อนกลมพยายามปิดตานอน ทว่าในหัวเต็มไปด้วยความคิดหลายอย่างตีกันจนพันยุ่งไปหมด


พรุ่งนี้ผมจะเดินทางไปทางไหน?


ผมจะหนีรอดไหม?
   

ฟรานส์จะรู้สึกอะไรหรือเปล่ากับการหายตัวไปของผม?
   

ผมจะได้กลับบ้าน จะได้เจอกับอีกฝ่ายหรือเปล่า?
   

“เลิกคิดแล้วนอนได้แล้วโอเชี่ยน พรุ่งนี้แกยังต้องใช้สมองอีกเยอะนะ” ผมบอกตัวเองแบบนั้นพร้อมกับพยายามสะกดจิตตัวเองให้หลับ ซึ่งหลังจากการใช้ความพยายามเป็นเวลานาน ในที่สุดตัวผมก็เริ่มเคลิ้ม..
   

แต่แทนที่จะได้หลับดีๆ กลับมีเสียงคุยของสิ่งมีชีวิตจำนวนไม่น้อยดังขึ้นก่อน นั่นทำให้ผมสะดุ้งรู้สึกตัวอย่างรวดเร็ว ดวงตามองฝ่าเข้าไปท่ามกลางความมืด ใจนึกภาวนาอย่าเป็นกลุ่มเงือกที่จับผมมาเลย
   

ไม่ใช่!!
   

เท่าที่ผมดูแล้ว น่าจะเป็นคนละกลุ่มกัน... ปัญหาก็คือ อีกฝ่ายเป็นมิตรหรือศัตรู...
   

ผมเดาไปเรื่อยจนกระทั่งเจอใครบางคนที่คุ้นตา ฟีโอล่ารวมอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย ท่าทางเจ้าหล่อนหัวเสียไม่ใช่น้อย   ผมเฝ้าสังเกตอีกฝ่ายจนกระทั่งพบอะไรบางอย่างที่น่าตกใจ เงือกกลุ่มแรกที่จับผมมาตามผมมาทันแล้ว และตอนนี้ทั้งสองกลุ่มก็กำลังประจันหน้ากัน จุดที่ผมอยู่ห่างจากเจ้าหล่อนเกินไป แม้อีกฝ่ายก็ไม่เห็นผมแต่ผมก็ไม่สามารถรับรู้ข้อมูลอะไรได้เลย ทว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจว่าควรฉวยโอกาสหนีก็คือกระเบนของทั้งสองกลุ่มที่เหมือนกันมาก และการคุยเหมือนรู้จักกัน
   

ทั้งสองกลุ่มต้องเป็นพวกเดียวกันแน่นอน
   

ผมมุดออกจากถ้ำอาศัยช่วงเวลาที่ทั้งหมดไม่สนใจสิ่งรอบตัว ค่อยๆว่ายออกจากบริเวณให้เงียบที่สุด จนมั่นใจว่าห่างจากอีกฝ่ายมากพอแล้ว จึงพุ่งไปยังเส้นทางที่กลุ่มฟีโอล่าใช้ทันที ซึ่งเป็นโชคดีในความโชคร้ายของผม เพราะถ้าอีกฝ่ายไม่ผ่านมา ผมย่อมลังเลแน่นอนว่าต้องเดินทางไปทางไหน
   

ผมหนีๆๆ จนกระทั่งผมคิดว่าทั้งหมดคงจะตามมาไม่ทันแล้ว ถึงเริ่มรับรู้ว่า ตอนนี้ผมมาไกลแค่ไหนและอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเพียงใด
   

ตอนนี้ผมอยู่จุดไหนไม่แน่ชัด แม้จะหนีเงือกพวกนั้นมาได้ แต่บรรยากาศรอบตัวเต็มในตอนนี้ไปด้วยความวังเวงจนน่าหวาดหวั่น แม้ผมยังคงต่อว่ายน้ำไป แต่ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกโลเลที่ว่า อยากได้ยินเสียงอะไรบ้างหรือควรปล่อยให้ทุกอย่างเงียบสงบแบบนี้ดี คือถ้าเงียบก็แสดงว่ารอบตัวปกติไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม แต่ไอ้การอยู่ในที่มืดๆ เงียบๆ แบบนี้ก็ทำให้ผมสติแตกได้เหมือนกัน...
   

เปรี๊ยะ
   

เสียงอะไรบางอย่างเรียกความสนใจของผม มันเป็นเสียงที่คุ้นเคยมากจนผมสงสัย ผมเพ่งมองท่ามกลางความมืด มีอะไรบางอย่างกำลังสู้กันอยู่ไม่ไกลนัก ลางสังหรณ์บอกให้ผมอย่าสนใจและรีบว่ายไปให้ไวที่สุด แต่ความอยากรู้อยากเห็นกลับสั่งให้ผมเข้าไปไกล ผมมั่นใจว่าที่อยู่ข้างหน้านั้นไม่ใช่เงือก เงาของมันมีขนาดเล็กเกินไป แต่จะเป็นอะไรนี่สิ...
   

เปรี๊ยะ
   

เสียงเดิมดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ผมขยับเข้าไปใกล้อีกหน่อย จนเมื่อเห็นภาพตรงหน้าชัดแล้วตาของผมเบิกกว้างก่อนจะรีบหันหลังและพุ่งหนีทันที
   

งูทะเลกำลังสู้กับปลาไหลอยู่ คือ...ถ้ามันเป็นปลาไหลธรรมดาผมคงจะไม่ตกใจแบบนี้ แต่ที่ผมต้องรีบเผ่นให้ไวเป็นเพราะว่า
   

ไอ้ที่ตีกันอยู่นั่นคือปลาไหลไฟฟ้า!! ผมก็ว่าเสียงมันคุ้นๆหู เสียงของกระแสไฟฟ้าเวลาช๊อตนี่เอง!!
   

อั๊ก!!


บ้าเอ้ย!! ผมยังไวไม่พอ กระแสไฟที่ปล่อยมาเมื่อกี้โดนผมบางส่วนด้วย เล่นเอาซะตัวชาแทบจะจมลงไปก้นทะเล เพราะความอยากรู้อยากเห็นแท้ๆ
   

แต่ไม่มีเวลาให้หยุดนาน ยังไงผมก็ต้องว่ายต่อ ถ้ามันปล่อยกระแสไฟฟ้าอีก ครั้งหน้าผมอาจจะกลายเป็นอาหารให้ปลาแถวนี้ก็ได้ ผมทนว่ายต่อไปด้วยความเร็วต่ำระดับเต่าคลาน อาการชาที่ปลายหางของผมยังไม่หายดีนัก ตอนนี้ได้แต่ภาวนาอย่าให้มีตัวประหลาดอะไรโผล่ขึ้นมาก็แล้วกัน
   
.
   
.
   
อืม..ไม่ประหลาดจริงๆด้วย แต่แบบนี้ไม่เอาโว้ย!!!


ผมได้แต่บ่นในใจแต่จะเสียเวลาพูดไม่ได้! หยุดว่ายก็ไม่ได้! ผมสลัดความรู้สึกชาทิ้งไปจนหมด ตั้งหน้าตาตั้งตาตีน้ำเพราะไอ้ตัวที่ตามหลังผมมาอย่างไม่ลดละ จะอะไรเสียอีกก็พ่อฉลามคู่รักคู่แค้นของผมไง!! นี่ขนาดเป็นตัวเล็กนะ ยังตามติดแบบกัดไม่ปล่อย ถ้าเป็นตัวพ่อมาจะขนาดไหน!!
   

จะหันไปสู้มันก็ไม่ได้เพราะผมไม่มีอาวุธติดตัวเลยได้แต่หนีไปเรื่อยๆโดยไม่รู้ทิศทาง และตอนนี้ผมก็เหนื่อยมากจนเริ่มจะหมดแรงตีน้ำแล้ว ที่ยังไหวอยู่ตอนนี้เพราะพลังใจล้วนๆ


ผมกัดฟันว่ายจนกระทั่งเห็นอะไรบางอย่างตรงหน้า ด้วยความหวังว่าจะมีอะไรที่ช่วยชีวิตผมได้ตอนนี้จึงพุ่งเข้าไปหามันแบบไม่ลังเล


เงือก!! ตรงหน้าผมเป็นกลุ่มเงือกกำลังเดินทางอยู่ ผมหน้าเสียทันที นี่ผมย้อนกลับมาเจอพวกนั้นหรือ


ในขณะที่กำลังคิดว่าจะปล่อยให้ฉลามข้างหลังมันกินผมเสียแต่โดยดี หรือจะให้เงือกข้างหน้าจับตัวผมกลับไป ผมได้ยินเสียงที่ทำให้ผมใจชื้นขึ้น


“ท่านโอเชี่ยน!!”


เงือกตรงนั้นมัน ลูคัส!! รอดตายแล้วโว้ย


ทันทีที่อีกฝ่ายเห็นผมพาน้องฉลามมาด้วย เจ้าชายตรงหน้าก็รีบสั่งคนของตัวเองทันที “ฉลาม!! พวกเจ้า!ช่วยท่านโอเชี่ยนเร็ว”
   

ผมแทบจะกระโดดหอมแก้มอีกฝ่ายที่โผล่มาได้จังหวะพอดี ทันทีที่ฉลามตรงหน้าตายลง ผมก็ทิ้งตัวลงไปกองกับพื้นทะเล
   

“ท่านโอเชี่ยนเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมท่านมาอยู่ที่นี่ แล้วใครจับตัวท่านมา รู้ไหมว่าท่านฟรานส์ห่วงท่านแค่ไหน”
   

“ใจเย็นๆ ทีละคำถาม” กลายเป็นว่าผมต้องบอกให้เงือกตรงหน้าใจเย็นแทน ลูคัสทำหน้าอึ้งๆตอนที่ผมเล่าให้ฟัง
   

“สรุปแล้วท่านถูกกลุ่มเงือกไม่ทราบพวกจับตัวมา” ผมพยักหน้า “แล้วท่านก็หนีออกมาได้” ผมพยักหน้าอีก “แล้วท่านก็เจอกับเงือกอีกกลุ่มหนึ่ง แต่ท่านไม่ไว้ใจก็เลยหนีต่อ” ผมพยักหน้าอีกครั้ง ไม่รู้ว่าตัวเองคิดอะไร ถึงได้เลือกละส่วนสำคัญที่สุดไว้ว่าพวกนั้นเป็นกลุ่มเดียวกัน และมีใครบางคนอยู่ในกลุ่มนั้น แต่เห็นว่าไหนๆก็ผ่านแล้วก็เลยทำเนียนไปเลย “สุดท้ายท่านหนีมาจนเจอฉลามแล้วก็มาเจอพวกข้า” จะให้ผมพยักหน้าอีกกี่ทีนี่ “ขอบอกว่าท่านโชคดีมาก ที่ไม่หลงไปทางอื่นและไม่ถูกตัวอะไรจับกินเสียก่อน”
   

“ฉันก็คิดว่าอย่างนั้นแหละ”
   

“ไม่ต้องกลัวนะ ข้าจะพาท่านกลับเอง ระหว่างนี้ท่านก็พักผ่อนก่อนเถิด” ผมแทบจะน้ำตาไหลด้วยความปลาบปลื้ม ทีนี้ผมจะได้กลับบ้านเสียที
   

ผมก็เลยตามอีกฝ่ายไปแต่โดยดี
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 19-5-59 : ตอนที่20
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 19-05-2016 10:30:54
 :hao7:  ไอ้นี่ก็ยังไม่น่าไว้ใจอยู่ดี
ผจญภัยต่อไปค่ะโอเชี่ยน
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 19-5-59 : ตอนที่20
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 19-05-2016 14:52:24
พวกไหนเป็นพวกไหนกันแน่เนี้ย
โอ๊ย...พี่โอแย่แล้ว
กว่าจะได้หวานแหวนนิอีกนานมั้ยคะ  :mew6:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 19-5-59 : ตอนที่20
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 19-05-2016 20:29:41
กลายเป็นเกมวิ่งไล่จับกันอยู่
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 19-5-59 : ตอนที่20
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 19-05-2016 21:01:28
ลูคัสพาโอเชี่ยนกลับไปหาฟรานส์นะไม่ใช่พากลัมเมืองตัวเอง
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 19-5-59 : ตอนที่20
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 20-05-2016 17:22:32
โอเชี่ยน ในที่สุดก็รอดแล้ว  :katai2-1:

กลับไปหาทรานส์ดีๆเถอะนะ อย่างอนกันอีกเลย
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 19-5-59 : ตอนที่20
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 20-05-2016 18:12:03
เราว่าลูคัสนางไม่ได้มาดี ต้องมีอะไรในกอไผ่แน่นอน :katai1:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 19-5-59 : ตอนที่20
เริ่มหัวข้อโดย: มาม่าหมูสับ ที่ 20-05-2016 19:36:13
หื้มมมมมมม มีพิรุธธธธธธธธธธ  :z10:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 19-5-59 : ตอนที่20
เริ่มหัวข้อโดย: mymine ที่ 20-05-2016 19:37:19
ตอนที่21


ผมตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกสดใสและโล่งใจ พวกเราพากันออกเดินทางเพื่อกลับไปยังแฟรีเซียร์ แน่นอนว่าด้วยจำนวนเงือก ทำให้เดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น ผิดกับเมื่อวานคนละเรื่องเลยทีเดียว
   

คิดแล้วนึกถึงฟีโอล่า ไม่รู้ว่าเจ้าตัววางแผนจะทำอะไรหรือไม่ จะไล่ผมมาทันไหม เวลาว่างที่มีมากจนเกินไปของผมทำให้ในหัวมันคิดเรื่อยเปื่อยไม่หยุด
   

พวกเราเดินทางไปเรื่อยๆ ผมนั่งอยู่ข้างเจ้าชายลูคัสบนราชรถ ซึ่งด้วยความที่ผมไม่ต้องว่ายน้ำเองจึงว่างมาก สายตาก็เลยมองนั่นมองนี่ไปเรื่อยๆอย่างไร้ทิศทาง...


จะว่าไปแล้วในน้ำนี่ไม่เหมือนบนบกเสียเลย คืบก็ทะเล ศอกก็ทะเล ถ้าไม่ใช้พวกที่เดินทางบ่อยจนคุ้นเคย จะดูยังไงว่าที่นี่ที่ไหน นอกจากจะทำป้ายบอกทางเหมือนผม
   

คิดแล้วผมก็ก้มลงมองพื้นทะเลที่มีปะการังขึ้นประปราย ปลาหลายตัวว่ายลัดเลาะไปตามดอกไม้ทะเล และหลายตัวกะลังรุมกินสาหร่ายทะเลที่ปั้นเป็นก้อนกลมๆ
   

แหม มีคนคิดวิธีทำป้ายบอกทางที่ชาญฉลาดเหมือนกับผมด้วย
   

...
   

...
   

!!!
   

ผมเพ่งมองก้อนสาหร่ายทะเลอีกครั้ง นั่นมันของที่ผมทำขึ้นนี่ หมายความว่ายังไง พวกเรากำลังเดินทางกลับไปทางเดิมหรือ
   

ผมมองหน้าลูคัสด้วยแววตาเปลี่ยนไป บางสิ่งทำให้ผมนึกทบทวนความน่าจะเป็นอีกอย่างที่ผมลืมนึกไป
   

หรือทั้งคู่จะเป็นพวกเดียวกัน
   

ผมในตอนแรกผมสนใจแค่ว่าใครเป็นตัวบงการ ฟีโอล่า ลูคัส หรือคนอื่น แต่ผมลืมนึกไปว่า ไม่จำเป็นที่คนที่คิดร้ายกับผมจะมีเพียงแต่หนึ่ง อาจจะเป็นการร่วมมือระหว่างสอง สาม หรือมากกว่านั้นก็ได้ทั้งนั้น กลายเป็นว่าตอนนี้ผมต้องหนักใจมากกว่าเดิม ว่ามีใครอีกบ้างที่อาจจะร่วมมือกับอีกฝ่ายได้บ้าง ปู่สวอร์นนั่นตัดไปได้เลย จะเหลือก็แต่ โยมิ ซาร์ค ราซัน พวกนี้เดาใจยากเพราะไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์อะไรกับผมนัก เรียกว่าหลังจากวันแรกที่แนะนำตัวเราไม่ได้คุยกันเลยมากกว่า
   

ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว ผมเปลี่ยนใจมาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก่อนดีกว่า
   

“เจ้าชายลูคัส นายมีพี่น้องบ้างไหม” อีกฝ่ายยิ้มก่อนจะบอกว่ามีพี่ชายต่างมารดาอีกหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันเจ้าตัวอยู่ในตำแหน่งรัชทายาท
   

“ท่านพี่ไม่ได้ตั้งใจจะไม่มาร่วมงานของท่านหรอกนะ เพียงแต่ท่านมีภารกิจเข้ามาพอดีจึงส่งข้ามาเป็นตัวแทน”
   

ผมพยักหน้าเหมือนรับรู้ แต่ในหัวกำลังวางแผนหาทางหนีจากอีกฝ่ายอย่างด่วน ถ้ากลุ่มนี้เป็นพวกเดียวกับสองกลุ่มก่อนหน้าจริง ถ้าเมื่อไหร่ทั้งหมดรวมตัวกันได้ ผมคงหมดสิทธิกลับแฟรีเซียร์แน่
   

“นายว่าเรากำลังหลงทางหรือเปล่า” ลูคัสหันหน้ามามองเหมือนจะขอคำอธิบาย “ฉันว่าแถวนี้มันคุ้นๆเหมือนกับที่ผ่านมาเมื่อคืนเลย”
   

“ข้าว่าท่านคงจะจับสลับกันแล้วล่ะ เมื่อคืนอาจจะมืดมาก และทางมันก็คล้ายๆกันหมด แต่นี่พวกเรากำลังเดินทางไปแฟรีเซียร์นะ” อีกฝ่ายยังคงทำหน้าไม่รู้ คงจะคิดว่าผมดูทางไม่ออกสินะ
   

“งั้นหรือ ฉันคงจำผิดไปเองล่ะ” ผมทำทีเออออไปกับอีกฝ่ายก่อน ถ้าเจ้าตัวรู้ว่าผมจับได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาช่วยด้วยความบังเอิญแล้ว ผมคงต้องกลับไปถูกล่ามเหมือนเดิมแน่ ในเมื่อถ้าเจ้าตัวคิดแบบนั้นแล้วผมเป็นอิสระ ผมก็ขอฉวยโอกาสนั้นไว้ก่อนแล้วกัน
   

เราเดินทางกันจนค่ำจึงได้หาที่พักผ่อน ผมมองอีกฝ่ายที่จัดที่นอนให้ผมอย่างดี เสียแค่มันอยู่ติดเจ้าตัวเลยนี่สิ…
   

ผมทำทีเป็นล้มตัวลงและหลับแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวในขณะที่หูฟังทุกการเคลื่อนไหว ผมนอนรออย่างใจเย็น รอเวลาให้เงือกทุกตัวหลับ แล้วผมจะได้เผ่นเสียที
   
.

.

กลางดึกผมลืมตาตื่นขึ้นมามองรอบๆ บรรยากาศรอบตัวตอนนี้เงียบสงัด เงือกทั้งหลายพากันหลับไปแล้ว


โชคดีที่ไม่หลับเพลิน


...


โอเค แค่จะบอกว่าระหว่างรอให้พวกนั้นหลับผมก็เผลอเคลิ้มๆ หลับไปบ้างแค่นั้นเอง โชคดีนะที่สะดุ้งตื่นขึ้นมาเสียก่อน ไม่อย่างนั้นคงตื่นอีกทีเช้าตรู่โน่น


ผมค่อยๆ พลิกตัวหันมามองไอ้เงือกข้างๆ ผม เจ้าตัวยังหลับสนิทดี ผมเลยค่อยๆ เคลื่อนตัวช้าๆ ค่อยๆ ลากตัวออกห่าง


กระดึบ.


กระดึบ..


กระดึบ…
   

“จะไปไหนหรือท่านโอเชี่ยน....”
   

ซวยแล้ว!!
   

ผมหันหัวกลับไปมองอีกฝ่ายอย่างเร็ว แล้วพบว่า ไม่ใช่เฉพาะลูคัสเท่านั้นที่ตื่นแต่เงือกที่มาพร้อมกันยังไม่มีใครหลับเลยสักตัว
   

ผมถูกหลอก!!
   

“ข้านึกอยู่แล้วว่าท่านจะรู้ตัวสักวัน แต่ไม่คิดว่าจะไวขนาดนี้” ลูคัสยังคงส่งยิ้มอ่อนโยนให้ผม แต่พฤติกรรมมันไม่ใช่ไง
   

“ตกลงว่านายพาตัวฉันมาเพื่ออะไร เป็นตัวประกันหรือ? ต้องการอะไรจากแฟรีเซียร์!!”
   

เจ้าชายตรงหน้าส่ายหัว “ท่านคิดมากเกินไปแล้ว ข้าก็แค่อยากจะเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างเราทั้งสองเมืองเท่านั้นเอง”
   

“ด้วยการจับตัวฉันมานี่นะ!!!” ใครเชื่อก็บ้าแล้วเฟร้ย บอกว่าจะชวนกินข้าวหลังจากเอามีดจ่อคอคนอื่นนี่นะ
   

“ท่านไม่เข้าใจข้าเลย ข้าแค่ทวงสิทธิที่เราเรมเดลควรจะได้รับ การเชื่อมสัมพันธไมตรีด้วยการแต่งงาน มันควรจะถูกจัดตามกำหนดการเดิมมิใช่หรือ ในเมื่อทายาทที่ถูกต้องของแฟรีเซียร์กลับมา”
   

ผมขมวดคิ้วฉับ คือนี่อีกฝ่ายยังหวังว่าจะมีการแต่งงานเกิดขึ้นอีกหรือ ในเมื่อท่านย่าปฏิเสธตรงๆ ขนาดนั้นแล้ว
   

ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเดาออกว่าผมคิดอะไร เจ้าตัวส่งยิ้มมาให้อีกครั้ง “ถึงทางท่านไลอาร์อาจจะไม่เห็นด้วย แต่ถ้าเจ้าชายแห่งแฟรีเซียร์รวมหอกับเจ้าชายแห่งเรมเดลแล้ว จะยังปฏิเสธได้หรือ” ไอ้หมอนี่!! กะจะทำให้ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกแล้วมัดมือชกเลยหรือ ใครจะยอมฟระ ยังไงตำแหน่งภรรยาเพศชายของผมก็มีฟรานส์นั่งจับจองแล้วเฟร้ย “ไม่ต้องกลัว ข้าไม่ทำอะไรท่านหรอก รับรองว่าข้าจะเป็นสามีที่ดี รักและให้เกียรติภรรยาอย่างท่านด้วย” อ อะ ไอ้เงือกตรงหน้าว่าอะไรนะ!!! ใครจะเป็นภรรยาใครจะเป็นสามี ไม่เอาเฟร้ย!!! ให้ตายผมก็ไม่ยอมแน่ “แต่ตอนนี้ข้าว่าท่านทำตัวดีๆ ไม่หาทางหนีเถิด ข้าไม่อยากมัดท่านใส่กล่องแบบขามานะ”
   

ผมชะงักเพราะเงือกรอบตัวค่อยๆ ล้อมเข้ามาหาแล้ว จะเอายังไง จะให้ยอมไปเป็นเมียมันหรือไม่มีทาง แต่ไอ้ครั้นจะหาทางหนี ผมเองก็ยังไม่เห็นว่าจะรอดได้ยังไง “ถามหน่อยสินายมีผู้สมรู้ร่วมคิดหรือเปล่า” ผมโพล่งถามออกไปนั่นทำให้เงือกทั้งหมดชะงัก ลูคัสมองผมด้วยความแปลกใจนิดๆ “ครั้งแรกที่ฉันออกจากกล่อง ฉันอยู่บนกระเบนซึ่งเป็นพาหนะของเจ้าหญิงฟีโอล่า กลุ่มเงือกที่ฉันเจอก่อนที่จะหนีมาเจอพวกนายก็คือกลุ่มของเจ้าหญิงฟีโอล่า”    
   

อีกฝ่ายชะงักหลังจากได้ยินชื่อเจ้าหญิงเงือก แต่แค่พริบตาก็หันมายิ้มอ่อนโยนซึ่งผมมองว่าเสแสร้งมาให้ “นั่นสินะ ต้องบอกว่าเราทั้งสองมีผลประโยชน์ร่วมกันมากกว่า ข้าได้ท่านมาในขณะที่ท่านฟีโอล่าก็จะได้ท่านฟรานส์ไป เห็นไหมทุกอย่างดูลงตัวเหมาะสมที่สุดแล้ว” อีกฝ่ายยกมือขึ้นเป็นเชิงให้เงือกรอบๆเคลื่อนที่เข้าหาผมอีกครั้ง “เพราะอย่างนั้นท่านก็เลิกขัดขืนแล้วยอมตามข้ากลับไปเรมเดลเสียแต่โดยดีเถอะ”
   

จะทำยังไงดี ผมถอยพลางคิดหาทางออก ที่ดูจะริบหรี่เหลือเกิน “ฟรานส์ต้องรู้แน่ว่านายเป็นตัวการ อีกไม่นานเค้าจะตามมาแน่ ฉันว่าพวกนายต่างหากควรรีบหนีไปซะ”
   

ลูคัสหลุดขำออกมาเหมือนสิ่งที่ผมพูดมันไร้สาระมาก “เป็นไปไม่ได้หรอกท่านโอเชี่ยน อย่าถ่วงเวลาเลย ท่านคิดว่าข้าเดินทางออกจากแฟรีเซียร์โดยไม่วางแผนล่วงหน้าหรือ ...จะบอกอะไรให้นะ ป่านนี่ท่านฟรานส์คงจะตามกลุ่มของท่านฟีโอล่าไปถึงไหนแล้ว”
   

ผมฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูดกลับยิ่งงุนงง “หมายความว่ายังไงกัน” ก็ในเมื่อผมเจอกลุ่มฟีโอล่าเมื่อวานนี้ ไม่เห็นมีฟรานส์อยู่ในนั้น แปลว่ายังมาไม่ถึง? แล้วทำไมฟรานส์ถึงต้องไล่ตามกลุ่มนั้นด้วย
   

ดูเหมือนเจ้าชายตรงหน้าจะเดาออก “เพราะเงือกทั้งแฟรีเซียร์คิดว่านางเป็นตัวการที่จับเจ้ามาไง...”
   

เรื่องมันยังไงกันแน่ แสดงว่าเงือกที่จับตัวผมกับฟีโอล่าเป็นคนละกลุ่มกันงั้นหรือ แล้วทำไมตอนที่ผมเจอพวกนั้นถึงได้.. “ตกลงพวกนายไม่ใช่พวกเดียวกัน?” ถ้าไม่ใช่ ตอนนั้นผมจะหลบอีกฝ่ายมาเพื่ออะไร...
   

“ข้าบอกแล้วว่าเรามีผลประโยชน์ร่วมกัน” ลูคัสส่ายหัว “ต่อให้ตอนนี้ท่านฟรานส์จับตัวท่านฟีโอล่าและได้ทราบความจริงแล้ว แต่ยังไงก็ตามมาช่วยท่านไม่ทันแล้วแน่นอน เลิกถามแล้วยอมแพ้แต่โดยดีเถิด”

.

.
   
“ฟรานส์อาจจะตามมาไม่ทัน แต่ข้านี่ล่ะที่ตามเจ้าทัน!!” เสียงตวาดที่ผมไม่คิดว่าจะได้ยินโผล่มาอีกครั้ง พร้อมกับใบหน้าถมึงทึงของเงือกสาวตรงหน้า ทำเอาทั้งผมและลูคัสตกใจอ้าปากค้าง เจ้าหญิงฟีโอล่าพร้อมเงือกอีกเกือบสิบชีวิตกำลังล้อมพวกเราอีกรอบ เจ้าหล่อนหันหน้ามามองผมด้วยแววตากินเลือดกินเนื้อ “เจ้า!! เพราะเจ้าตัวเดียว ทำข้าเดือดร้อน!!! ต้องออกมาตระเวนไล่ตามหาแบบนี้!!” เอาแล้วไง ตกลงว่าเจ้าหล่อนไม่ได้ตามมาจัดการผมใช่ไหม ทำไมท่าทางอีกฝ่ายยังแยกเขี้ยวพร้อมจะฉีกเนื้อผมแบบนี้


“เธอมาตามหาฉัน?”


“ไม่!!!ข้ามาตามหากระเบนของข้าต่างหาก” อ้าว...แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผมวะครับ
   

ดูเหมือนลูคัสจะตั้งสติได้ไวกว่า “เจ้าหญิงฟีโอล่านี่เอง เห็นท่านรีบเดินทางออกจากแฟรีเซียร์ข้ายังนึกเป็นห่วงอยู่ว่าเกิดเหตุร้ายอะไรหรือไม่ แล้วทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ”
   

“ก็ถ้ากระเบนของข้าไม่ถูกขโมย ข้าจะโดนใส่ร้ายว่าเป็นตัวการลักพาตัวเจ้าเงือกหน้าปลิงทะเลมาหรือยะ!!” เสียงหวีดสูงของหญิงสาวทำเอาบรรดาเงือกรวมทั้งผมทั่งอยู่ขนลุก ว่าแต่ผมนี่หน้าตาแย่เหมือนไอ้หนอนทะเลตัวดำๆหรือ ฮือ “พอข้าตามจับตัวการมาได้ ทรมานจนมันสารภาพว่าใครเป็นตัวการ แล้วรู้ไหมท่านลูคัสว่าเจ้าพวกนั้นบอกข้าว่าใคร?...” ฟีโอล่าชี้หอกสามง่ามใส่หน้าอีกฝ่าย เส้นผมสีแดงสดสยายของเจ้าตัวดูพองเหมือนปลาปักเป้า “เจ้าโยนความผิดให้ข้า!!!”
   

“ข้านะหรือ?” ลูคัสทำหน้างงซึ่งผมต้องบอกว่า ถ้าไม่ได้ยินเรื่องราวว่าอีกฝ่ายวางแผนโยนความผิดให้มาก่อน ผมคงจะหลงเชื่อคำพูดอีกฝ่ายเต็มเปาแล้ว “ท่านแน่ใจได้ยังไงว่าเงือกพวกนั้นพูดความจริง พวกมันอาจจะถูกสั่งให้ป้ายความผิดมาให้ข้าก็ได้”
   

“หึ แบบที่เจ้าทำสินะ อย่านึกว่าข้าไม่รู้นะว่า ตอนอยู่ในแฟริเซียร์เจ้าบอกอะไรกับฟรานส์ไปบ้าง...” สีหน้าของเงือกสาวตรงหน้าบิดเบี้ยวเหมือนอยากจะฉีกลูคัสเป็นชิ้นๆ “เจ้าคอยย้ำเตือนที่ข้าเกลียดไอ้เจ้าเงือกนี่ เรื่องที่ข้าพูดถึงเรื่องการแต่งงานระหว่างเรมเดลนั่นเป็นความต้องการของข้าเท่านั้น ทั้งที่ผู้ที่เสนอให้ยกข้ออ้างนี้ขึ้นมาคือเจ้าชัดๆ !! แล้วยังจะเรื่องกระเบนของข้าอีก เจ้าให้ลูกน้องของตัวเองไปอ้างกับลูกน้องของข้าว่าข้าสั่ง? บอกยามเฝ้าประตูว่าข้าต้องการส่งของกลับอันเมดีสโดยด่วน ไอ้แผนง่ายๆ ตื้นๆ นั่นทำให้ผู้อื่นเข้าใจว่าข้ารีบพาเจ้าเงือกนั่นหนี ทำให้ข้าต้องรีบติดตามหาหลักฐานมายืนยันความบริสุทธิ์ เจ้าใช้ข้าล่อคนของฟรานส์ให้ติดตามไปอีกทางถ้าข้าไม่ใช้ลูกน้องหลอกหมอนั่นไปทางอื่นก่อน ข้าคงถูกจับในฐานะกบฏไปแล้ว!!”


ทั้งสองตะโกนคุยกันข้ามหัวผม ลืมพระเอกของเรื่องไปเสียสนิท จนผมคิดว่าจะอาศัยช่วงเวลานี้หนีฝ่าออกไปดีไหม แต่สุดท้ายแล้วก็เลือกยืนฟังอีกฝ่ายต่อไปเพราะอยากรู้เรื่องราวทั้งหมด
   

“หือ ท่านรู้เรื่องราวเยอะมากเลย มากกว่าที่ข้าจะคาดคิดเสียอีก” ลูคัสยังคงทำหน้าประหลาดใจเช่นเดิม “แต่ถ้าท่านฉลาดท่านก็ควรจะหลบไปเงียบๆปล่อยให้เหตุการณ์มันดำเนินไปในทางนี้เรื่อยๆ ไม่ใช่หรือ เพราะพอข้าร่วมหอกับท่านโอเชี่ยนเมื่อไหร่ ทางแฟริเซียร์ก็น่าจะเข้าใจเองว่าตัวท่านไม่น่ามีส่วนรู้เห็น หลังจากนั้นท่านก็จะได้อยู่กับท่านฟรานส์ตามเดิม แถมยังได้กำจัดท่านโอเชี่ยนที่ท่านแสนเกลียดอีก ทุกอย่างเหมาะสมไม่ใช่หรือ”


“หึ” แทนที่ฟีโอล่าจะยอมรามือเจ้าตัวกลับยกอาวุธในมือขึ้นมาอยู่ในท่าเตรียมพร้อม “น่าขำ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้แผนชั่วของเจ้า ถ้าข้าไม่ตามมาเจอ ผลจะเป็นอย่างไร ถ้าเจ้านี่โง่มันก็จะคิดว่าข้าเป็นผู้บงการ แต่ถ้ามันฉลาดหน่อยเจ้าก็จะปิดปากมัน ผลสุดท้ายไม่ว่ายังไงข้าก็จะกลายเป็นผู้ผิด ส่วนเจ้า! ก็จะกลายเป็นผู้มีพระคุณ เวลานั้นต่อให้ไม่ต้องการ ก็ไม่มีใครสามารถปฏิเสธเจ้าได้แล้ว ทั้งในฐานะผู้มีพระคุณและฐานะคู่ครองของเจ้าชายแห่งแฟริเซียร์”


ทั้งสองสบตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ฟีโอล่าจ้องมองอีกฝ่ายด้วยแววตาวาววับ


“เฮ่อ ทั้งที่รอเฉยๆ ปล่อยให้ข้าจัดการก็ดีอยู่แล้วแท้ๆ” ลูคัสถอนหายใจก่อนจะรับอาวุธจากเงือกที่ลอยตัวอยู่ด้านข้าง “น่าดีใจที่ท่านฉลาดหลอกท่านฟรานส์ไปทางอื่นก่อน ตัวข้าที่เดินทางออกมาได้พบตัวผู้บงการที่กำลังเดินทางหลบหนี ข้าจึงช่วยเหลือท่านโอเชี่ยนและจัดการสำเร็จโทษแทนแฟริเซียร์ซะ!” สิ้นคำพูดลูคัสก็พุ่งตรงเข้าหาเงือกสาว บรรดาเงือกทั้งสองฝ่ายต่างตะลุมบอนกันเละเทะ


เฮ้ยๆ แล้วตรูล่ะ


ผมอ้าปากค้างด้วยความตกใจเพราะตอนนี้เงือกทั้งหมดกำลังสู้กับแบบชุลมุนวุ่นวาย เงือกที่มีเกล็ดและครีบสีเขียวกับแดงผสมกันมั่วจนมองแทบไม่ออกว่าตัวไหนฝั่งไหน แล้วแบบนี้ผมควรจะหนีหรือช่วยฟีโอล่าก่อนดี แม้ผมจะไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะช่วยผมไปด้วยไหม แต่ที่แน่ๆ ในตอนนี้ผมคิดว่าฟีโอล่าเชื่อถือได้มากกว่าอีกฝ่าย เจ้าหล่อนคิดอะไรก็แสดงออกมาตรงๆ ข้อนี้ผมมั่นใจได้


และความต้องการของเจ้าหล่อนในตอนนี้ก็คือเชือดเจ้าลูคัสนั่นไง


แต่ไม่ทันให้คิดก็มีเงือกตัวหนึ่งพุ่งเข้ามาแทงผม โชคดีที่ผมเคยรับมือเงือกที่โคตรเก่งทำให้สามารถหลบได้ไม่ยากนัก


ผัวะ!!


ผมใช้มือหนึ่งจับหอกที่อีกฝ่ายแทงเข้ามาก่อนจะกระชากอาวุธเข้าหาตัวทำให้อีกฝ่ายเสียหลักถูกลากเข้าหาผมเลยฉวยโอกาสซัดหมัดเน้นๆ ไปเต็มหน้าทำเอาเจ้าตัวปลิวไปตามกระแสน้ำ เหลือหอกให้ผมดูต่างหน้า


มีอาวุธแล้วแบบนี้ก็สวยสิ


เงือกหลายตัวเห็นผมได้อาวุธก็รีบรุมเข้ามากะจะหยุดผม แต่ถ้าเทียบกับเจ้าชายบวกองค์รักษ์ซาดิสต์ของแฟรีเซียร์แล้ว พวกนี้ก็แค่เด็กน้อยเท่านั้นล่ะ!!


ทางซ้ายเปิดโล่ง!


ผัวะ!


ทางขวามีช่อง!


ผัวะ!


ก้นยื่นนะตัวเอง


ผัวะ!


ด้วยความชุลมุนจนไม่สามารถแยกแยะเป้าหมาย ตอนนี้ผมจึงไล่ตีเงือกทั้งสองอย่างเมามันฝั่งจนเหลือจำนวนไม่เท่าไหร่ มองไปเห็นลูคัสกับฟีโอล่ากำลังสู้กันอย่างสูสี ทำเอานึกทึ่งว่าเงือกสาวตรงหน้าก็เก่งกาจไม่แพ้ผู้ชายเลย


แต่ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็ยังเป็นผู้หญิง


ช่วงจังหวะหนึ่งที่เงือกสาวเสียหลัก ลูคัสถือโอกาสแทงอาวุธเข้าบริเวณช่วงอกของอีกฝ่าย “บ้าเอ้ย!!” ผมที่อยู่ใกล้ๆไม่มีทางเลือกต้องพุ่งเข้าขวางระหว่างอีกฝ่ายทันที ท่ามกลางความตกใจของทั้งสองฝ่าย


“เจ้า!! มาช่วยข้าทำไม!!”


นั่นสิ ผมจะช่วยอีกฝ่ายทำไม ในเมื่อตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอเจ้าหล่อน ผมก็เดือดร้อนตลอดจนบัดนี้ “ผู้ชายดีๆ ที่ไหน เห็นผู้หญิงตรงหน้ามีอันตรายแล้วไม่ช่วยกันเล่า!”


“เจ้า... เจ้ามันทั้งโง่ทั้งบ้าเลย!!” เอ้า ผมช่วยละยังจะมาด่าผมอีก


ฝีมือลูคัสดีกว่าที่ผมคิดไว้เยอะ แม้จะเทียบฟรานส์ไม่ได้ แต่นี่ไม่ใช่การซ้อมรบเพราะอย่างนั้นจึงไม่มีการออมมือกัน ทำให้ผมโดยอาวุธของอีกฝ่ายเฉียดตามท่อนแขน สีข้างไปไม่น้อย "ยอมแพ้เถิดท่านโอเชี่ยน ข้าไม่อยากลงมือกับท่านเท่าไหร่หรอกนะ” นี่ขนาดไม่อยากนะ แทงเอาๆ จนตัวผมมีแต่รอยแผลแล้วเนี่ย


เสียงแตรดังขึ้นทำให้ผมกับฟีโอล่าชะงักด้วยความตกใจ “กำลังเสริมมาแล้วสินะ” ยิ่งฟังสิ่งที่ลูคัสพูดกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าแล้วทำให้ผมรู้เลยว่าคงจะหนีไม่รอดแล้ว


บรรดาเงือกจำนวนมากเริ่มล้อมกรอบพวกเรา ลูกน้องของฟีโอล่าถูกจับต้อนไปอยู่อีกฝั่งจนหมด จนเหลือเพียงแต่กับเงือกสาว ซึ่งผมต้องหาทางให้เจ้าหล่อนหนีไปก่อนให้ได้ สถานภาพของผมกับฟีโอล่าต่างกัน ของผมอย่างมากก็แค่ถูกจับไปก่อนแต่อีกฝ่ายคงถูกสังหารทันทีข้อหารู้มากไปแน่ “เธอ หนีไปซะ!!”


“จะให้หนีไปไหนเล่า! เจ้าปลิงทะเล” เงือกสาวที่ตอนนี้หลบอยู่หลังผมสวนเข้าให้ ให้ตายเถอะเวลาน่าสิ่วน่าขวานแบบนี้ยังจะมีแก่ใจตะโกนด่าผมอีก


“จะหนีไปทางไหนก็ช่างเถอะน่า!! เดี๋ยวฉันขวางเอาไว้ให้!!” ผมเร่งอีกฝ่ายที่ยังคงเกาะอยู่ด้านหลัง แต่เจ้าตัวยังคงนิ่งไม่ขยับ


“บอกให้ไปก็รีบไปสิ!!!!”

.

.

“ไม่ต้องหรอก” เสียงเงือกสาวด้านหลังพูดขึ้นมาสงบลง ไม่มีวี่แววของความตื่นตระหนกหรือร้อนรนเมื่อครู่หลงเหลืออยู่ “เพราะกำลังเสริมของข้าก็มาแล้วเช่นกัน”


พริบตาก็มีเงือกจำนวนหนึ่งปรากฏตัวด้านหลังกลุ่มของพวกเรา จากรูปทรงและสีของครีบของผู้มาใหม่ ทำให้ผมรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร


“เอาล่ะคราวนี้ก็พูดใหม่ได้แล้ว ใครแพ้ใครกันแน่” ฟีโอล่าแสยะยิ้มทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่า


พวกเจ้าหญิงเจ้าชายนี่ไว้ใจไม่ได้ซักคน....
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 20-5-59 : ตอนที่21
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 20-05-2016 19:41:09
ขอเชื่อและรอฟรานซ์มาช่วยนะ
ขอบคุณค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 20-5-59 : ตอนที่21
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 20-05-2016 19:49:09
ว่าละ เฮ้อ...เห็นด้วยกะพี่โออย่างแรงเลย ไม่น่าไว้ใจสักคน  :mew5:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 20-5-59 : ตอนที่21
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 20-05-2016 20:23:16
เห็นด้วยกับโอเชี่ยนเลย พวกเจ้าชายเจ้าหญิงนี่ร้ายจริงๆ  :mew5:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 20-5-59 : ตอนที่21
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 20-05-2016 21:36:16
โอเชี่ยนรีบอาศัยจังหวะชุลมุนหลบออกไปเถอะ

หายไปนานฟรานส์เป็นห่วงนะ :katai1:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 20-5-59 : ตอนที่21
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 22-05-2016 19:39:25
ขอให้เป็นฟรานส์ อย่ามาทำนองพระเอกมาสายเสมอนะ
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 20-5-59 : ตอนที่21
เริ่มหัวข้อโดย: mymine ที่ 23-05-2016 22:36:50
ตอนที่22


เงือกจำนวนไม่น้อยปรากฏตัวขึ้น โดยมีผู้นำอย่างรัชทายาทแห่งแฟริเซียร์ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ นั่นทำให้ผมยิ้มด้วยความโล่งใจ จนกระทั่ง...
   

“ฟรานส์!” เสียงเรียกของฟีโอล่าเรียกเอาความทรงจำก่อนหน้านี้กลับมาอีกครั้ง และเผลอคิดไปว่าบางทีที่อีกฝ่ายตามมา อาจจะเพราะเงือกสาวข้างตัวผม
   

“ท ท่านฟรานส์.. ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่...” ลูคัสมองอีกฝ่ายด้วยความตกตะลึง “ไหนท่านฟีโอล่าบอกว่า...”
   

“บอกว่าข้าตามล่านางไปอีกทางสินะ หึ” แววตาของอีกฝ่ายวาววับเหมือนสัตว์ป่าเวลาล่าเหยื่อ “ถ้าข้าไม่ให้นางบอกแบบนั้นเจ้าจะสารภาพอะไรออกมาเยอะแยะหรือ”
   

“ท่านเชื่อนาง? ทั้งที่ท่านฟีโอล่าเกลียดท่านโอเชี่ยนมากขนาดนั้น นางอาจจะโกหกอะไรท่านก็ได้นี่”
   

“ใช่” ฟรานส์ตอบง่ายๆ “ฟีโอล่าอาจจะโกหกข้าก็ได้... เพียงแต่ผู้ที่ข้าเค้นข้อมูลไม่ใช่นาง... แต่เป็นเงือกกลุ่มที่ลักพาตัวโอเชี่ยนมาต่างหาก”
   

หมายความว่ายังไงกัน...
   

“หึ ก่อนข้าจะมาเจอเจ้านี่ ข้าเจอกับพวกที่เอากระเบนของข้าไปก่อน แล้วระหว่างที่ข้าสอบสวนพวกมัน ฟรานส์ก็โผล่มาเอาตัวไปสอบสวนเพิ่มเท่านั้นล่ะ” เงือกสาวข้างตัวผมแสยะยิ้มชอบใจ “เพราะอย่างนั้นคำสารภาพที่ออกมาจึงมิได้ออกจากปากข้า แต่ออกจากปากลูกน้องของเจ้าเองทั้งนั้น!! แล้วยิ่งพอข้าหลอกให้เจ้าพูดความจริงอีกสักหน่อย... ใครจะนึกว่าเจ้าจะสารภาพด้วยตัวเองจนหมดเปลือก”
   

ลูคัสทำท่าตกใจมาก เจ้าตัวกวาดตามองเงือกโดยรอบ จนกระทั่งเห็นกำลังเสริมของตัวเองที่อยู่ห่างไปไม่ไกล นั่นทำให้เจ้าตัวแสยะยิ้ม “ต่อให้รู้ความจริงแล้วจะมีอะไร ในเมื่อคนของพวกเจ้าแม้จะรวมกันแล้วจำนวนก็ยังสู้กำลังเสริมของข้าไม่ได้สักนิด ถ้าข้ากำจัดเจ้าไปด้วยทางแฟริเซียร์ก็จะไม่มีรัชทายาทอีก แบบนี้ท่านโอเชี่ยนก็จะเป็นผู้สืบบัลลังค์แน่นอน หึหึ”
   

คำพูดนั้นให้ผมเหลียวมองโดยรอบ และก็ตรงกับที่อีกฝ่ายพูดจริงๆ
   

ตอนนี้เงือกที่อยู่โดยรอบส่วนมากจะเป็นเงือกของทางเรมเดล ดูจากครีบและสีเขียวใสอันเป็นเอกลักษณ์ แม้จะมีเงือกจำนวนหนึ่งที่ติดตามฟรานส์มาด้วย แต่ก็ไม่มีทางที่จะรับมือเงือกพวกนี้หมดแน่นอน...
   

ทว่าฟรานส์กลับไม่มีท่าทีตื่นตระหนก เจ้าตัวเพ่งมองอีกฝ่ายด้วยแววตาเหยียดหยามซึ่งนั่นทำให้เจ้าชายเงือกแห่งเรมเดลทนไม่ได้
   

“ข้าจะให้พวกเจ้าตายอยู่ที่นี่ล่ะ ทหาร จัดการพวกมันซะ เหลือไว้เฉพาะเจ้าเงือกสีขาวนั่น!!!” ผมสะดุ้งกระชับอาวุธในมือเตรียมกับคลื่นการโจมตีทันที ตาก็เหลือบมองฟรานส์ด้วยความเป็นห่วง แต่ดูเหมือนผมจะคิดผิด เจ้าตัวยังคงยืนนิ่ง ในขณะที่ลูคัสกลับตวาดเสียงดัง “พวกเจ้า!!! ทำไมข้าสั่งแล้วไม่ทำตาม!!”
   

“พวกนั้นไม่ทำตามคำสั่งเจ้าอยู่แล้วล่ะ” ฟรานส์เอ่ยปากหลังจากมองอีกฝ่ายด้วยแววตาสมเพช “เจ้าลองมองให้ดีๆ ว่าในกลุ่มพวกนั้นมีผู้ใดที่เจ้าคุ้นตาหรือเปล่า”
   

ลูคัสหันไปเพ่งมองกลุ่มกำลังเสริมก่อนจะตกใจ เจ้าตัวอ้าปากค้าง แววตาสั่นระริก
   

ใคร? ใครที่ทำให้เจ้าตัวทำสีหน้าแบบนี้ ผมมองตามสายตาของอีกฝ่าย ตรงกลางของกำลังเสริมแหวกเป็นช่อง มีเงือกตัวหนึ่งว่ายออกมา เป็นเงือกรูปร่างสูงใหญ่ เกล็ดเป็นเงางามสีเขียวใสเช่นเดียวกับลูคัส หน้าตาคมเข้ม
   

“นั่นใครกัน” ด้วยความอยากรู้ผมเลยหัวไปกระซิบถามเงือกที่อยู่ใกล้ตัวของผมที่สุด ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก...


“...นี่เจ้าโง่ ไม่คิดจะหัดเรียนรู้เรื่องราวของเมืองอื่นบ้างเลยรึ?” ฟีโอล่ากัดผมมาอีกดอก ก่อนจะยอมเฉลยให้ฟัง “นั่นรัชทายาทของเรมเดล พี่ชายของลูคัส”


ผมจะถือว่าผู้หญิงด่าแปลว่าผู้หญิงรักละกัน ฮือๆ


ตรงหน้าผมกลายเป็นศึกทะเลาะระหว่างพี่กับน้องชาย ดูเหมือนลูคัสจะไม่ยอมรับว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นเป็นเรื่องไม่สมควร ผมมองดูอีกฝ่ายแล้วท่าทางทั้งคู่จะไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่ อาจจะเพราะเรื่องความอิจฉาริษยา สิทธิในการสืบทอดตำแหน่ง หรือเรื่องอื่นที่พวกผมไม่รู้


“ทั้งที่ข้ากำลังจะทำให้เมืองของเราก้าวล้ำเมืองอื่นแล้ว เจ้ากลับมาขวาง เจ้ามันก็แค่อิจฉาที่ข้าจะได้ความดีความชอบเท่านั้นล่ะ!!!”


“เจ้านี่มัน...” รัชทายาทแห่งเรมเดลหลับตาลง เหมือนเหลืออดกับอีกฝ่าย “เจ้ารู้บ้างไหม เพราะอะไรข้าถึงต้องออกมาด้วยตนเอง... ข้ารึอุตส่าห์พยายามเปลี่ยนความคิดเจ้า.. ให้ท่านฟรานส์เห็นว่าเจ้าสำนึกผิด.. หวังว่าท่านจะยอมเห็นแก่สัมพันธ์อันดีระหว่างเมืองทั้งสองยอมละเว้นให้...” แววตาของอีกฝ่ายกร้าวขึ้นหลังจากลืมตาอีกครั้ง กระทั่งผมเองยังรู้สึกสยองทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้มองมาที่ผมเลยสักนิด “ท่านฟรานส์เข้าไปพบกับท่านพ่อเรียบร้อยแล้วก่อนที่เจ้าจะมาถึง... และท่านก็ได้ตัดสินใจเรื่องของเจ้าแล้ว...”


“โทษของการลักพาตัวและคิดจะสังหารเจ้าชายของเมืองอื่น เจ้าจะถูกไล่ออกจากเรมเดลและจะถูกท่านฟรานส์พาตัวกลับไป ทางแฟริเซียร์จะเป็นผู้ตัดสินโทษของเจ้าเอง”


“เจ้าโกหก!!! ท่านพ่อไม่มีทางทำแบบนี้กับข้า” คนเป็นพี่เขวี้ยงอะไรบางอย่างให้น้องชายตัวเอง ซึ่งมองแล้วผมคิดว่าน่าจะเป็นจดหมายหรืออะไรที่ใช้แทนคำสั่ง เพราะทันทีที่ลูคัสกวาดตามอง "ไม่ ไม่จริง..”


กว่าอีกฝ่ายจะยอมรับก็ใช้เวลานานพอดู แต่สุดท้ายลูคัสก็ถูกทหารของแฟริเซียร์พาตัวไป ปิดคดีลักพาตัวผมอย่างเป็นทางการ
ในขณะที่คนน้องถูกพาตัวไป คนพี่กลับว่ายตรงเข้าหาผม แม้จะเห็นไกลๆ แล้วว่าอีกฝ่ายตัวใหญ่ขนาดไหน แต่พอเข้ามาใกล้ผมยิ่งต้องอ้าปากค้าง


ที่บ้านให้กินอะไรเป็นอาหารวะ


อีกฝ่ายตัวสูงกว่าผมมาก ยิ่งฟีโอล่าที่ลอยอยู่ใกล้ๆแล้ว เหมือนพ่อกับลูกสาวเลย


ว่าแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายมีอะไรจะพูดกับผม?


“ข้ารู้ว่าสิ่งที่กำลังจะกล่าวอาจจะเป็นการขอที่มากเกินไป แต่ท่านโอเชี่ยน ข้าขอร้องโปรดละเว้นโทษตายแก่น้องข้าด้วย..”


หา ถึงตายเลยหรือ ผมชะงักเพราะสิ่งที่อีกฝ่ายพูดดูจะเป็นการลงโทษที่ร้ายแรงมาก แต่ผมไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นคนตัดสินโทษหรอก “นาย เอ่อ ท่านน่าจะเอาเรื่องนี้ไปบอกกับฟรานส์มากกว่านะ”


“ไม่หรอก ถ้าท่านเป็นผู้พูด ท่านฟรานส์จะต้องฟังท่านแน่นอน” เจ้าตัวยืนยันหนักแน่น ก่อนจะคว้ามือผมไปกุมไว้ “ได้โปรดท่านโอเชี่ยน...” จะช่วยหรือไม่ช่วยไม่รู้ แต่ทำไมมือ...มือเอ็งต้องไวแบบนั้นด้วย นี่มันมุกหลอกจับมือสาวนี่หว่า อย่านึกว่าคนอย่างโอเชี่ยนไม่เคยใช้นะเฟร้ย!!


แล้วที่สำคัญน้ำหน้าสุดหล่ออย่างผมนี่มันน่าหลอกจับมือตรงไหน?? ตอบ!


“เอ่อ..คือ มือ..” ยังไม่ทันได้พูดจบประโยคมือของผมก็ถูกดึงออก โดยใครบางคนที่ไม่รู้พุ่งมาจากไหน


ฟรานส์ดึงผมไปอยู่ด้านหลัง ส่วนตัวเองจ้องหน้าอีกฝ่ายทั้งที่ตัวเล็กกว่าเค้าไม่ต่างจากผม อารมณ์เหมือนแมวกำลังแยกเขี้ยวขู่หมาเลย “ไม่ทราบว่าท่านมีปัญหาอะไรกับคนของข้าหรือลูเซียส”


รัชทายาทที่ผมพึ่งจะได้รู้ชื่อยกมือขึ้นเป็นเชิงยอมแพ้ “ข้าก็แค่อยากจะสร้างความสนิทสนมกับเจ้าชายของแฟริเซียร์เท่านั้นเอง” เจ้าตัวพูดยิ้มๆ “ท่านโอเชี่ยนสนใจที่จะทำตามสัญญาในอดีตแทนผู้ให้กำเนิดบ้างไหม” พี่แกหันมาพูดกับผมที่ยังทำหน้าพูดไม่ออกบอกไม่ถูก แต่เมื่อเจ้าตัวเห็นสีหน้าฟรานส์ที่ทำท่าจะกระโจนไปกัดแล้ว “โอเคๆ ข้าไม่หยอกท่านละ เลิกทำหน้าเหมือนจะงับหัวข้าเสียที... แต่ ฟรานส์ สิ่งที่ข้าพูดกับท่านโอเชี่ยนข้าพูดจริงนะ” อีกฝ่ายกลับมาทำท่าทางซีเรียสตามเคย แต่ดูเหมือนว่าคนที่กุมมือของผมจะอารมณ์ไม่ดีไปแล้วไง เจ้าตัวหันหนีเตรียมออกทันทีโดยไม่ตอบคำถามอีกฝ่าย


“แล้วเรื่องลูคัสล่ะ? ..ฟรานส์..” ผมแย้งขึ้นเพราะอีกฝ่ายลากๆ ผมไปเรื่อยโดยไม่มีวี่แววจะตอบคำถาม เรื่องนี้ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน.. แม้ผมจะเจ็บไม่น้อยและแอบแค้นอีกฝ่ายอยู่บ้าง แต่ผมก็ไม่ได้อยากให้อีกฝ่ายถึงตายนะ


“เรื่องน้องชายของท่านข้าไม่ใช่ผู้เดียวที่มีสิทธิตัดสิน ต้องปรึกษาท่านไลอาร์ด้วย” ฟรานส์ถอนหายใจหลังจากคนเซ้าซี้เพิ่มจากหนึ่งเป็นสอง “ข้าจะลองพูดให้แต่ไม่รับปากละกัน...” พอพูดจบ เจ้าตัวก็ลากผมออกจากวงเป็นการปิดการสนทนา จนกระทั่งห่างออกจากบรรดาเงือกทั้งหลายพอสมควร อีกฝ่ายหันมามองผมเต็มตา ก่อนจะเริ่มเอามือคลำไปทั่วตัวผม


เฮ้ยๆ อยู่ดีๆ ทำไมมาลูบมาคลำกันแบบนี้


“โล่งอกไปที...” เจ้าตัวจับจนพอใจแล้วจึงดึงผมเข้าไปกอดแน่น.. “ข้าตกใจแทบแย่ตอนเจ้าหายตัวไป” ร่างกายของอีกฝ่ายสั่นสะท้าน “ข้านึกว่าจะไม่ได้เจอเจ้าอีกแล้ว” ผมยกมือขึ้นกอดอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกไม่แตกต่างกันนัก ตอนที่ผมกำลังหนี ผมเฝ้าภาวนาให้ฟรานส์ออกมาตามหาเหมือนตอนที่ผมถูกโยนลงไปในกระแสน้ำ แม้จะรู้ว่าแทบเป็นไปไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะตามหาผมเจอท่ามกลางมหาสมุทรที่กว้างใหญ่


แต่อีกฝ่ายก็หาผมเจอจนได้


ฟรานส์ค่อยๆใช้ปลายนิ้วไล้ไปตามแก้ม แววตาที่มองมาสื่อทุกอย่างออกมาโดยไม่ต้องมีคำพูด ผมสบตาอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกไม่แตกต่างกันนัก ใบหน้าของเราค่อยๆ เลื่อนหากันช้าๆ

   
“...อะแฮ่มๆ”
   

ใครขัดจังหวะวะ!! ผมหันไปมองอีกฝ่ายก่อนจะชะงัก ฟีโอล่ากำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนกำลังขัดใจ ไม่ชอบใจอะไรบางอย่าง


ผมลืมอีกฝ่ายไปได้อย่างไร ในเมื่อทุกอย่างมันยังค้างคาแบบนี้


“อะไรอีกล่ะฟีโอล่า” ฟรานส์เป็นฝ่ายเอ่ยปากทักก่อน แต่ทำไมผมถึงรู้สึกถึงความไม่พอใจบางอย่างที่แผ่ออกมาจากเจ้าตัว


“ไม่เหมาะ... มองยังไงก็ไม่เหมาะจริงๆ” เจ้าตัวพึมพำเสียงไม่เบานัก นั่นทำให้ผมก้มหน้าหลบตา มือที่โอบเงือกตรงหน้าอยู่ขยับมาดันอีกฝ่ายออกห่างจากตัว


แต่ดูเหมือนฟรานส์จะไม่ยอม เจ้าตัวรัดผมแน่นยิ่งกว่าเดิม และผมเริ่มจะจุก! เจ้าตัวลืมไปไหมว่าตัวเองแรงเยอะเนี่ย “ข้าบอกไปแล้วนะว่าโอเชี่ยนเป็นคนรักของข้า เป็นผู้ที่ข้าเลือกเองและข้าไม่ได้ขอความเห็นเจ้า!” สิ่งที่อีกฝ่ายพูดทำให้ผมหันควับทันที อีกฝ่ายว่าอะไรนะ?


แต่ดูเหมือนเงือกสาวตรงหน้าจะยังไม่พอใจ เจ้าตัวบ่นเสียงขรม “ทำไมเจ้าจะหาคู่ทั้งทีไม่เอาที่เหมาะกับเจ้าหน่อยเล่า! เจ้าเงือกนี่งามก็ไม่งาม มาเป็นภรรยาให้เจ้าหรือก็ไม่เหมาะ สามีอะไรงามกว่าภรรยา แต่จะให้เป็นสามี เจ้าปลิงทะเลนี่ก็แมนไม่พอ โอ้ย!! ดูยังไงฟิลันก็ดีกว่าตั้งเยอะ..”


หมายความว่ายังไงฟระ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฟิลัน?


“ฟีโอล่า...” ฟรานส์ดูอดกลั้นมากที่จะพูดกับอีกฝ่าย “ยังไงข้ายืนยันคำเดิมว่าต่อให้ข้าไม่มีใคร ข้าก็ไม่คิดจะทำตามความคิดเจ้าอยู่ดี เจ้าก็เลิกหาทางจับคู่ระหว่างข้ากับฟิลันได้แล้ว”


หาอะไรนะ? จับคู่กับฟิลัน? เจ้าตัวเป็นพี่น้องแท้ๆกับเงือกตรงหน้าไม่ใช่หรือ ผมหรือตกข่าวอะไรไป?


“เชอะ! ไม่ได้ดังใจเลย ...แต่จะว่าไปเมื่อวันก่อนข้าเห็นท่านชาร์คอุ้มท่านราซันขึ้นพาดไหล่ แหมโมเม้นต์แบบนั้นก็ไม่เลวนะ... ข้าลองหันไปเชียร์คู่นี้บ้างดีกว่าเผื่อจะได้คู่ใหม่” พูดจบเงือกสาวตรงหน้าก็หันมาชี้นิ้วใส่ผม “ข้าล่ะเกลียดเจ้าจริงๆ เลย ทำเอาคู่จิ้นของข้าเสียหมด!!” อีกฝ่ายบ่นๆๆ ก่อนจะว่ายหนีไป คาดว่าคงจะไปหาคู่จิ้นใหม่อะไรนั่นทิ้งผมให้อ้าปากค้างกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด


“ฟรานส์นี่มัน...”


เจ้าตัวถอนหายใจ “ฟีโอล่ามีรสนิยมชอบจับคู่ที่เจ้าหล่อนถูกใจน่ะ โดยเฉพาะก่อนหน้านี้พยายามจับคู่ข้ากับฟิลันบอกว่าเป็นคู่รักต้องห้ามอะไรนั่น พอมีเจ้าเข้ามาเลยคิดว่าโดนแทรกคู่ในอุดมคติของเจ้าหล่อน เจ้าตัวเลยไม่ชอบใจ”


“แล้วที่หอมแก้มกับฟีโอล่าล่ะ”


“นั่นปกติของเจ้าหล่อน ก่อนหน้านี้ฟิลันก็โดน”


“แล้วที่กอดกันหน้าห้องพักล่ะ”


“นั่นข้าพูดแบบเมื่อครู่ออกไปแล้วเจ้าตัวไม่ยอมรับ โวยวายร้องไห้บอกเสียของแล้วก็กระโจนมาหาข้านี่ล่ะ”


“...งั้นที่ที่ฟิลันบอกว่า พอนางมาเจ้าก็ทิ้งน้อง”


“ข้าพยายามจะให้นางเลิกคิดแบบนั้นเลยเลี่ยงการอยู่ใกล้ฟิลัน เพราะยิ่งอยู่ใกล้นางก็จะยิ่งชอบใจ”


“แล้วฟิลันรู้เรื่องนี้ไหม?”


“รู้สิเจ้าตัวถึงได้ออกอาการเกลียดเจ้าหล่อนออกนอกหน้าแบบนั้น”


..........................................


สรุปว่าทั้งหมดผมคิดไปเอง งอนไปเองคนเดียว? ให้ตายเถอะ อับอายขายขี้หน้า ผมในตอนนี้ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ความจริงเรื่องฟีโอล่าทำให้ผมอายเสียจนอยากจะมุดลงรูมากเลย มีรูไหนใหญ่พอให้พี่โอมุดลงบ้าง...

-------------------------------------------------------

TalK...เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าได้ริจมเรือสาวY ........
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 23-5-59 : ตอนที่22
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 23-05-2016 22:48:24
เงือกก็มีสายวายได้ แหม่ สายนี้นี่ประมาทไม่ได้จริงๆ

ตอนแรกโผล่มานี่ปรปักษ์กับโอเชี่ยนเต็มที่เลยนาาาา  :mew4:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 23-5-59 : ตอนที่22
เริ่มหัวข้อโดย: เฉื่อย ที่ 23-05-2016 23:38:19
ความวายนีาสามารถแพร่ไปไกลยันเมืองเงือกเลยเจ้าค่ะ//ยิ้มกริ่ม
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 23-5-59 : ตอนที่22
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 24-05-2016 06:44:21
มุดกับอกฟรานเลยจ้าน่าจะดีสุดๆ เค้าหนับหนุน
สาววายจงเจริญคะ แหมๆ หลงผิดไม่ชอบนางมาตั้งนานที่แท้พวกเดียวกันกะเค้า 55555
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 23-5-59 : ตอนที่22
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 24-05-2016 08:12:33
ฟรานส์xโอเชี่ยน
คู่เมียชนเมีย5555555555555
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 23-5-59 : ตอนที่22
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 24-05-2016 08:46:14
 o13   :mew1:  ฟรานซ์xโอเชี่ยน 
ชูป้ายไฟเชียร์เต็มที่
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 23-5-59 : ตอนที่22
เริ่มหัวข้อโดย: isuloveU Soly ที่ 24-05-2016 13:16:53
เรื่องนี้น่าติดตามากกก สนุกอ่านไม่มีเบื่อเลย o13 :-[
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 23-5-59 : ตอนที่22
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 25-05-2016 16:03:44
นึกว่าฟิโอล่าเป็นคนไม่ดี :mew5:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 23-5-59 : ตอนที่22
เริ่มหัวข้อโดย: mymine ที่ 25-05-2016 19:22:32
ตอนที่23


พวกเราทั้งหมดกลับถึงแฟริเซียร์ในอีก2วันต่อมา ทันทีที่ก้าวเข้าไปในปราสาท ฟิลันก็กระโจนมาหาผมด้วยแรงคิดถึง(?) จนหัวทิ่มทันที
   

บอกหลายทีแล้วนะเฟร้ยว่าตัวเองไม่ใช่เงือกตัวเล็กๆ แล้ว
   

พอท่านไลอาร์ทราบก็รีบให้เงือกมาเชิญพวกผมไปหา พอเจอหน้าไม่พูดพร่ำทำเพลงท่านยายก็รวบตัวผมเข้าไปกอดทำเอาผมเหวอเล็กน้อย แต่ดูจากอาการสั่นแล้ว การที่ผมหายไปคงทำให้ท่านนึกถึงแม่ของผมขึ้นมา
   

พอท่านหายตกใจแล้วเราก็มาพูดกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น อย่างที่คาดไว้ ดูท่านย่าจะไม่พอใจมากและต้องการให้อีกฝ่ายได้รับโทษในระดับสูงสุด แม้ผมจะขอร้องแล้วแต่ดูเหมือนท่านย่าจะไม่ไว้วางใจกลัวอีกฝ่ายจะกลับมาอีก
   

“เด็กคนนั้นมีนิสัยทะเยอทะยาน ข้าไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะยอมเลิกราไปหรอก”
   

แล้วจะปล่อยให้อีกฝ่ายต้องตายไปจริงๆ หรือ มัน...ดูรุนแรงเกินไป ในเมื่อเถียงเองไม่ได้จึงได้แต่ลอบขอร้องฟรานส์ด้วยสายตา ผมคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะมีวิธีดีๆเพียงแต่ไม่เอ่ยปากขึ้นมาเองก็เพราะเจ้าตัวเองก็แค้นเคืองไม่ใช่น้อย เลือกได้ก็คงอยากจะกำจัดอีกฝ่ายทิ้งไปซะ
   

เงือกข้างตัวรับรู้สายตาของผม เจ้าตัวถอนหายใจเล็กน้อย “ท่านไลอาร์ข้ามีเรื่องจะแจ้งให้ท่านทราบ...” สิ่งที่ฟรานส์เอ่ยออกมาจำให้ราชินีเงือกละสายตากลับมาหาตน “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้าเองก็ไม่ชอบใจ และหวังให้ลงโทษไม่ละเว้นเช่นกัน... แต่ในความจริงแล้วเราไม่ควรทำเช่นนั่น มันจะทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งมากกว่า ถ้าเป็นไปได้ท่านก็ไม่อยากบาดหมางกับอีกฝ่ายใช่หรือไม่”
   

“แล้วเจ้าคิดว่าเราอยากทำหรือ? ...แน่นอนต้นเหตุจากเรื่องนี้มาจากทางเรา แต่สำหรับเด็กคนนี้...เขาไร้เดียงสาเกินไป แล้วถ้า...ถ้าเกิดเหตุการณ์น่ากลัวแบบนี้ขึ้นอีกครั้งข้าจะทนได้เช่นไร”
   

หยดน้ำตาที่ไหลลงอาบแก้มกลายเป็นไข่มุกกระทบลงบนตักของอีกฝ่าย นั่นทำให้ผมรู้สึกผิด ที่ทำให้อีกฝ่ายเป็นห่วงผมมากขนาดนี้ ผมจึงเคลื่อนตัวเข้าไปหาอีกฝ่าย ย่อตัวลงลงซบหน้าลงบนตัก ความรู้สึกที่อีกฝ่ายมีให้ทำให้ผมอบอุ่นแม้จะมีไข่มุกหล่นลงกระทบหัวเป็นระยะ
   

ให้ตายเถอะขัดอารมณ์ซึ้งเสียจริง
   

ฟรานส์เคลื่อนตัวมานั่งเคียงข้าง แต่เจ้าตัวเหมือนจะรู้ทันเลือกดึงมือหญิงชราผู้กุมตำแหน่งสูงสุดของแฟริเซียร์แทนที่จะทำแบบผม “ท่านอย่าได้กังวล ข้าให้สัญญาว่า หลังจากนี้จะไม่มีใครทำอันตรายโอเชี่ยนได้อีก... เพราะอย่างนั้น ปล่อยเรื่องนี้ให้ข้าจัดการได้หรือไม่” คุณย่าสะอึกสะอื้นราวกับเด็ก นั่นทำให้ไข่มุกยิ่งหล่นมามากขึ้น คือมันก็ไม่ได้เจ็บหรอกนะครับ แต่ผมก็ยังลังเลใจระหว่างให้ท่านหยุดร้องเพราะผมรู้สึกไม่ดีที่ทำคนแก่ร้องไห้ หรือจะปล่อยให้ร้องต่อไปเพราะจะได้ไข่มุกไปขาย น้ำตาไข่มุกของฟิลันที่เจอในตอนแรกว่าสวยแล้ว แต่ของท่านย่านี่ยิ่งสวยกว่า เม็ดใหญ่กลมเกลี้ยงสะท้อนแสงเป็นประกายแวววาว นี่ถ้าผมเอาไปขายบนบกต้องได้หลายตังแน่นอน
   

ว่าแต่มันใช่เวลาไหมเนี่ย
   

“เอาเถิด ถ้าเจ้ามั่นใจเช่นนั้นก็จัดการได้เลย”
   

ฟรานส์พยักหน้าพร้อมส่งยิ้มให้อีกฝ่ายเพื่อความมั่นใจ “แน่นอนแม้จะละเว้นโทษตายให้แต่โทษเป็นยังอยู่ จะข้าใช้กรณีนี้เป็นตัวอย่างให้ผู้อื่นเห็นว่าการที่ประสงค์ร้ายกับเจ้าชายแห่งแฟริเซียร์แล้วจะมีจุดจบยังไง”
   

อ่า ผมกำลังจะบอกว่าฟรานส์นี่ก็อ่อนโยนเหมือนกันนะ แต่เจอคำพูดนี้เล่นเอากลืนความคิดกลับลงคอแทบไม่ทัน
   

“และข้าก็มีอีกเรื่องที่อยากจะแจ้งให้ท่านทราบ” เงือกข้างตัวดึงมือผมไปกุมเอาไว้ “ข้ารักโอเชี่ยน” สิ่งที่ฟรานส์พูดทำเอาผมอ้าปากค้างหน้าเห่อร้อนไปหมด ที่เจ้าตัวพูดเรื่องนี้ต่อหน้าผู้ใหญ่ได้อย่างไม่มีอาการเขินอาย
   

ทว่าผู้อาวุโสตรงหน้ากลับไม่ได้มีสีหน้าเปลี่ยนไป ท่านย่าสบตากับฟรานส์นิ่งอยู่นาน จนกระทั่งท่านถอนหายใจออกมา “ข้าพอจะรู้อยู่แล้ว... เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะใช้ช่วงเวลาแบบนี้ในการบอกข้า”
   

“ไม่หรอกท่านไลอาร์ เพราะเป็นช่วงเวลานี้ต่างหากจึงเหมาะสม” เจ้าตัวดึงมือผมไปกุมไว้ “เวลาที่ท่านรับรู้ว่าภายใต้ผืนน้ำแห่งนี้ไม่ปลอดภัยสำหรับโอเชี่ยนเลยสักนิด เขาประสบการณ์น้อยเกินไป แน่นอนว่าข้าย่อมรู้ดีว่าท่านมีความต้องการที่จะให้เขาอยู่กับท่านแบบนี้ไปเรื่อยๆ แต่ถ้าเกิดเหตุร้ายขึ้นอีก โอกาสที่โอเชี่ยนจะเป็นอันตรายหรือเลือกกลับไปอยู่กับบิดาของเจ้าตัวก็เป็นไปได้มาก... เพราะอย่างนั้นยกเขาให้ข้าเถิด ข้าขอรับรองด้วยชีวิตว่าจะไม่มีใครหน้าไหนมาทำร้ายเขาได้อีก...”
   

ผมเหลือบไปมองหน้าฟรานส์ที่กุมมือผมอยู่ เจ้าตัวสบตากับอีกฝ่ายนิ่ง แววตามั่นคงที่สะท้อนออกมาทำเอาความรู้สึกของผมปั่นป่วนไปหมด ดีใจ ปลื้มใจ ระคนสับสน งุนงง
   

ก็คนที่ควรไปสู่ขอมันต้องเป็นผมไม่ใช่หรือวะ ทำไมว่าที่ภรรยาของผมพูดเอาๆ
   

ท่านย่าดูท่าทางไม่เห็นด้วย แต่ดูเหมือนคารมของฟรานส์จะดีไม่ใช่น้อย กล่อมจนสุดท้ายอีกฝ่ายก็ต้องยอมแพ้ ทั้งเรื่องผมและเรื่องลูคัส ส่วนว่าคุยอะไรบ้างผมขอละไว้แล้วกัน เพราะมัวแต่ปลื้มก็เลยไม่ได้ตั้งใจฝั่งเท่าไหร่
   

ใช้เวลาหลายชั่วโมงท่านย่าถึงได้ปล่อยพวกผมกลับไปพัก ตลอดเวลาที่คุยกันจนถึงตอนนี้ ฟรานส์ยังไม่ยอมปล่อยมือของผมเลยจนกระทั่งมาถึงห้อง ผมกระตุกมือเรียกอีกฝ่ายให้หันมามอง “ฟรานส์แล้วตกลงนายจะทำยังไงกับลูคัส”
   

เจ้าตัวเลิกคิ้วก่อนจะดุผมว่า “แทนที่เจ้าจะถามเรื่องของเรา เจ้าดันถามเรื่องเจ้านั่นก่อน ข้าควรจะรีบสั่งเชือดมันทิ้งซะดีไหม” อู้ย โหดด้วย ผมไม่ได้ไม่สนใจเรื่องนั้นนะ แต่บอกตรงๆ ผมเขินวะ เกิดมาไม่เคยมีโมเม้นมีคนมาสู่ขอแบบนี้ ความรู้สึกคงจะคล้ายๆ กับหนุ่มอินเดียที่ให้เจ้าสาวเป็นคนสู่ขอ
   

“เรื่องของเรา?”
   

ฟรานส์ทำหน้าประมาณว่า ‘ตรูรักไอ้โง่นี่ไปได้ยังไง’ เจ้าตัวลากผมไปที่เตียงก่อนจะเหวี่ยงผมลงไปแบบไม่เบาแรงนะ
   

โอ้ย!! โสรยา ทำไมรุ่นแรงกับพี่แบบนี้
   

ว่าแต่จำเลยรักเวอร์ชั่นไหนที่นางเอกทุ่มพระเอกลงเตียงเนี่ย...
   

แต่ทว่ายังไม่ทันได้อ้าปากถามโสรยา เอ้ย ฟรานส์ก็เข้าประชิดตัวผมแล้ว เจ้าตัวคร่อมผมที่นั่งกองอยู่บนเตียง กักผมไว้ด้วยแขนทั้งสองข้าง แต่พวกคุณๆทั้งหลายลืมโมเม้นต์สบตาหวานชื่นกลืนกินไปได้เลย... เพราะตอนนี้พ่อเงือกตรงหน้ากำลังทำหน้าดุแววตาที่พร้อมจะฆาตกรรมผม...
   

ผมทำอะไรผิดเนี่ย!!
   

ผมมองอีกฝ่ายด้วยแววตาตื่นๆ ระคนสงสัย ว่าอีกฝ่ายโมโหโกรธาอะไร ใยเจ้าทำหน้าเยี่ยงสตรีวันแดงเดือดเช่นนี้...
   

“คำตอบละ...”
   

คำตอบอะไรวะครับ ขอประธาน กริยาด้วยสิเฟร้ย อย่ามาแต่กรรม(ของผม)
   

ในใจคิดแบบนั้นนะ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผมได้แต่พยายามทำท่าน่ารักด้วยการเอียงคอนิดๆ ทำหน้าประหนึ่งสาวน้อยใสซื่อ แบบคำตอบอะไร หนูไม่รู้เรื่อง “คำตอบอะไรหรือ?”
   

ไม่น่าตอบไปแบบนั้นเลย.. ทันทีที่พูดจบ หน้าฟรานส์ที่น่ากลัวอยู่แล้วยิ่งเพิ่มระดับความน่ากลัวมากไปอีก จนขนแขนพากันลุกชันหมดแล้ว
   

“ข้าพึ่งจะขอเจ้าแต่งงาน... แต่เจ้ากลับจำไม่ได้แถมสนใจแต่เจ้าลูคัสนี่นะ!” ผมสะดุ้งคืออันนั้นขอกับย่าผมไม่ใช่หรือ เจ้าตัวขอผมตอนไหนวะ แล้วที่สำคัญ.... “คำตอบล่ะ!” เป็นการขอแต่งงานที่ดูข่มขู่มาก...
   

“...ไม่”
   

คำตอบนั้นทำให้ฟรานส์ชะงัก เจ้าตัวถอยหลังออกไปเล็กน้อย เพ่งมองผมด้วยแววตาไม่เชื่อ “เจ้าไม่ต้องการแต่งกับข้า? เจ้าไม่ได้รักข้าหรือ...”
   

“ไม่ได้ดิ! ฉันต้องเป็นคนขอนายสิ!” มีอย่างที่ไหนภรรยามาเป็นฝ่ายทำเท่ขอแต่งงาน มันต้องให้สามีทำสิ
   

“.........อ๋อ สรุปว่าเจ้าอยากเป็นฝ่ายขอความรัก?” ได้ยินแบบนั้นเงือกตรงหน้าก็เลยถอยตัวไปนั่งบนเก้าอี้ ทำท่าประหนึ่งราชินีที่มีข้าทาสคลานเข่ามาขอให้ลงโทษ จะบอกว่าผมเหมือนเห็นภาพอีกฝ่ายนั่งไขว่ห้างกระดิกเท้าด้วย “ตกลงเอายังไง จะขอหรือไม่ขอ?”


มีการมาเร่งด้วยนะ
   

ทำไมไม่ว่าสถานะไหนผมก็ดูจะเป็นฝ่ายถูกข่มขู่ละนี่...
   

ผมว่ายไปคุกเข่าตรงหน้าอีกฝ่าย “ฟรานส์..คือ คือว่า...”
   

“...ตกลง”
   

“เฮ้ย!! ยังไม่ได้พูดอะไรเลย!”
   

“ขืนรอเจ้าชาตินี้คงไม่ต้องแต่ง..” ดูเจ้าตัวพูด “ให้โอกาสเจ้าอีกรอบ ถ้ายังไม่ได้อีกข้าจะฉุดแทนนะ”


ผมสูดหายใจลึก ก่อนจะยืดตัวขึ้นเพื่อให้สบตากับอีกฝ่าย กุมมือของเจ้าตัวไว้ “ฟรานส์... ฉันรักนาย” ทันทีที่พูดจบแก้มของอีกฝ่ายแดงก่ำขึ้น นัยน์ตาสีฟ้าใสของฟรานส์เบิกกว้าง ก่อนแววตาจะเปลี่ยนเป็นพราวระยับ “รับรองว่าฉันจะเป็นสามีที่ดี ไม่ทำให้นายเสียใจอีก เพราะอย่างนั้นได้โปรดแต่งงานกับฉันนะ”


“หือ?” ฟรานส์ทำท่าเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ ก่อนเจ้าตัวจะยิ้มหวาน เคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้จนริมฝีปากของเราสัมผัสกันแผ่วเบา... “ตกลง หึหึ”
   

ทั้งที่ดูอ่อนหวาน แต่ทำไมผมถึงรู้สึกหนาววูปกับรอยยิ้มของอีกฝ่ายชอบกลวะ


   
ฟรานส์จัดการทุกอย่างรวดเร็วสมกับที่ทำงานมานาน แค่ไม่กี่วันการตัดสินโทษของลูคัสก็ถูกจัดขึ้น และโทษก็ถูกกำหนดขึ้นโดยเร็วจนผมยังไม่ทันถามเลยว่าจะลงโทษอีกฝ่ายยังไง รู้ตัวอีกทีก็ได้ยินแค่ว่าโทษของอีกฝ่ายคือถูกจองจำในสถานที่แห่งหนึ่งตลอดชีวิตถูกส่งตัวไปเรียบร้อยแล้ว

   

จนกระทั่งหลายวันต่อมา... ฟรานส์ก็ว่ายเข้ามาหาพร้อมยื่นของในมือให้
   

ในมือของอีกฝ่ายมีลูกแก้วใสกลมเกลี้ยงใหญ่ราวฝ่ามือ ผมมองของตรงหน้าสลับกับมองหน้าอีกฝ่าย พลางเลิกคิ้วถามว่า มันคืออะไร
   

“ของฝาก” ฟรานส์บอกสั้นๆ ก่อนจะยัดใส่มือผม “เห็นเจ้าอยากรู้เรื่องลูคัสนี่ ข้าก็เลยเอามาให้ดู” เจ้าตัวพูดติดประชดพร้อมทำหน้างอนๆ เพราะผมสนใจเรื่องผลการลงโทษมากกว่าถามความคืบหน้าเรื่องงานแต่ง เอ้า พอผมจะช่วยเจ้าตัวก็กลัวทำงานยุ่งวุ่นวายเพิ่ม นอกจากจะบังคับให้ผมไปนวดไปขัดตัว(กับไอ้เงือกน่าสยองกลุ่มเดิม)แล้ว ก็ไม่เห็นว่าจะยอมให้ผมทำอะไรอีก
   

“ลูคัส?” ได้ยินอย่างนั้นผมก็เลยเพ่งมองลูกแก้วในมือ แก้วที่ใสจนมองได้ทะลุค่อยมีควันขุ่นมัวขึ้นมา โอ้โห นี่มันลูกแก้วดูดวงหรือนี่...
   

จนเมื่อควันหายไปจนหมด ผมก็ได้เห็นอะไรบางอย่างชวนสยองขวัญ
   

มันคือริมฝีปากที่กำลังทำปากจู๋ใส่ลูกแก้วในระยะประชิดติดขอบจอ “ฟรานส์คิดถึงจังเลย มามะ จ๊วบๆ” เสียงคุ้นเคยที่ดังลอดออกมาทำให้ ผมต้องรีบโยนมันคืนฟรานส์ด้วยความรู้สึกสยอง ซึ่งอีกฝ่ายก็ยกมือรับงงๆ แต่พอเห็นว่าข้างในฉายภาพอะไรเท่านั้น เจ้าตัวก็ทำท่าจะเขวี้ยงไอ้ลูกแก้วในมือทิ้งทันที “อย่าทิ้งข้านะ~ พอๆ !!ข้าเลิกแล้ว แค่ทักทายนิดหน่อยทำมาเป็นโยนข้าทิ้ง รู้ไหมว่าเจ้าเนี่ยมันหายากแค่ไหน”
   

แน่นอนว่ามีหรือฟรานส์จะฟัง เจ้าตัวทำหน้าเหม็นเบื่อมากตอนที่ไซรัสบ่นตัดพ้อต่อว่าหงุงหงิงๆ
   

ใช่แล้ว ไอ้เจ้าของภาพและเสียงสยองนั่นคือเจ้าปลาหมึกมาโซคิสต์
   

“เลิกออกนอกเรื่องได้แล้ว ไม่อย่างนั้นข้าจะเอามันไปฝังดิน หรือเอาไปโยนในดงปลิงทะเลดี?”
   

ไซรัสทำท่าค้อนปะหลับปะเหลือก ก่อนจะพูดด้วยท่าทางอารมณ์ดีลันล้าว่า “เจ้าเงือกนั่นเดินทางมาถึงแล้วนะ แต่สลบไป และข้าก็ปฐมพยาบาลแบบถึงเนื้อถึงตัวแล้ว แม้จะสู้ที่รักของข้าอย่างเจ้าไม่ได้ แต่ก็หายเหงาดี” สิ่งที่ไซรัสพูดทำให้ผมงง ฟรานส์ส่งใครไปหาอีกฝ่าย “อ๊ะ เจ้าตัวจะหนีอีกแล้ว ไม่เข็ดเลยน้า~ เอาเป็นว่าข้าไปไล่จับก่อน เกิดออกไปผิดทางกลายเป็นอาหารสัตว์ทะเลแถวนี้ข้าคงเหงาแย่ เจ้าอุตส่าห์ส่งมาให้อยู่เป็นเพื่อนข้าทั้งที ไปละนะจ๊ะที่รัก จุ๊บๆ” ไซรัสหายไปจากจอแต่ภาพและเสียงยังคงอยู่แม้จะดูค่อนข้างห่าง ดูเหมือนเจ้าตัวจะลืมปิดกล้อง


‘จะหนีไปไหน~ เจ้าไม่มีทางหนีออกจากที่นี่ได้หรอก’


‘มาหาข้าซะดีๆมามะ...’


‘ว้าย!! อย่าดึงหนวดข้าแบบนั้นสิ ข้าจะทนไม่ไหวเอานะ’


‘อร๊างงง ชอบแบบรุนแรงก็ไม่บอก’


ผมกลืนน้ำลายดังเอือกทำหน้าสยองขวัญ พร้อมกับหันไปสบตาฟรานส์เชิงถามว่า นายส่งใครไปหาอีกฝ่าย จนกระทั่งนึกถึงสิ่งแรกที่ฟรานส์บอกก่อนหน้านี้ “...สถานที่ขังลูคัสคือที่อยู่ของไซรัสงั้นหรือ?” ซึ่งเจ้าตัวก็เพียงแต่ส่งยิ้มปริศนาแทนคำตอบ
ผมควรจะสงสารไซรัสหรือไว้อาลัยให้ลูคัสดี...
----------------------------------------
Talk:
       - ตอนหน้าก็จะจบแล้ว จะได้รู้แล้วค่ะว่าตกลงใครรุกรับกันแน่ (แต่คิดว่าก็คงจะเดากันได้)
       - ส่วนฟีโอล่านี่ได้แนวคิดมาจากเวลาดูเด็กๆตีกันตอนเชียร์ดารา นักร้องวงที่ตัวเองชอบ มันช่างเป็นสงครามที่น่ากลัวแท้....
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 25-5-59 : ตอนที่23
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 25-05-2016 19:55:15
 :a5: จะจบแล้ว!!!  ทำไมตอนจบมาไวจัง
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 25-5-59 : ตอนที่23
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 25-05-2016 20:06:16
แอบวจหายที่จบไวค่ะ

รอนะคะ    :L1:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 25-5-59 : ตอนที่23
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 25-05-2016 20:34:33
เค้าขอแต่งงานกันแล้วค่ะแม่!!!!! ฟินมาก ในที่สุดก็จะได้แต่งสักที
ลั่นแรงมากตอนไซรัสโผล่มา คือนางเกิดมาเพื่อแย่งซีนโดยแท้5555
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 25-5-59 : ตอนที่23
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 25-05-2016 22:07:06
ห๊ะ

เดี๋ยวนะๆ นี่เราเคลียร์ปมทั้งหมดแล้วเหรอ?? เหลือขาดอะไรอีกไหม??
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 25-5-59 : ตอนที่23
เริ่มหัวข้อโดย: มาม่าหมูสับ ที่ 26-05-2016 11:16:50
ฉันรักเธอ ฟิโอล่า  :hao7: รอตอนต่อไป อิอิ  :hao6:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 25-5-59 : ตอนที่23
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 26-05-2016 13:02:24
ขอแต่งงานแระ แต่น้องโอเข้าใจไรผิดไปป่าวลูก ตื่นๆ จากมโนได้ละนะ
สงสัยได้เข้าใจถูกในคืนส่งตัวแน่ๆ รอลุ้นๆ :hao3:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 25-5-59 : ตอนที่23
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 26-05-2016 18:05:19
จะจบแล้วหรอ!!!

รู้สึกใจหาย ชอบเรื่องนี้นะ สนุกดี

งั้นขอตอนพิเศษเยอะๆหน่อยนะ :mew2:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 25-5-59 : ตอนที่23
เริ่มหัวข้อโดย: mymine ที่ 26-05-2016 19:18:00
ตอนที่24 บทส่งท้าย

   
ในที่สุดก็ถึงวันนี้ วันที่ผมกับฟรานส์จะได้แต่งงานเป็นของกันและกันโดยสมบูรณ์ พวกคุณไม่รู้หรอกว่า ผมรอวันนี้มานานแค่ไหน ผมอยากจะเล่ารายละเอียดพิธีที่มากมายให้พวกคุณฟังหรอกนะ แต่ผมก็รู้ว่าพวกคุณไม่สนใจมันเท่าไหร่หรอก


พวกคุณสนแต่การเข้าหอของพวกผมเท่านั้นล่ะ ไม่ต้องมาทำเนียน อย่าคิดว่าผมไม่รู้


อย่าว่าแต่พวกคุณเลย แม้แต่ผมก็แอบสนใจเช่นกัน ว่าเงือกนี่มันเข้าหอด้วยวิธีไหนฟระ? แต่ช่างมันเถอะเพราะผมกำลังจะได้พิสูจน์ในอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้แล้ว


ตอนนี้พวกผมอยู่ในงานเลี้ยงที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม เงือกส่วนมากยินดีและคิดว่าการแต่งงานของพวกผมนั้นเหมาะสมที่สุดแล้ว


ยกเว้นก็แค่ใครบางคน


หนึ่งในนั้นก็คือฟิลันที่ร้องไห้สะอึกสะอื้น ไข่มุกไหลแทบจะท่วมห้องพัก เจ้าตัวกอดผมแน่นไม่ยอมให้ผมออกไปทำพิธี นัยน์ตาสีเขียวใสตัดพ้อผม ทำเอาผมรู้สึกผิด “ข้าเจอพี่โอก่อนแท้ๆ ฮึก...” จนกระทั่งงานจะเริ่มอยู่รอมร่อ ลงท้ายฟรานส์ก็เลยต้องลากน้องชายตัวเองออกไปปรับทัศนคติ ก่อนที่เจ้าตัวจะกลับมาด้วยสภาพที่สงบลง ยังคงมีแต่ดวงตาที่แดงก่ำเท่านั้น


ส่วนอีกหนึ่ง จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากแม่สาวฟีโอล่า เจ้าหล่อนยึดคอนเซปต์ไม่ชอบหน้าผมจนวินาทีสุดท้าย แม้จะแอบเห็นเจ้าตัวหันไปทำตาเป็นประกายใส่ชาร์คกับราซัน แต่พอมีโอกาสเจ้าตัวก็หันกลับมาจ้องจิกกัดผมเช่นเดิม


กวาดตามองบรรยากาศโดยรอบ ผมได้ประสบการณ์จากที่นี่มาเยอะจริงๆทั้งสุขและทุกข์ทั้งที่พึ่งมาอยู่ใต้น้ำแค่ไม่กี่เดือน และหลังจากวันนี้ ที่นี่คงจะกลายเป็นบ้านหลักของผม


พูดแล้วใจหายนิดๆ แม้ปกติแล้วผมจะอยู่คนเดียวเป็นส่วนมาก แต่ยังไงพ่อก็ยังกลับมาหาทุกครั้งที่ได้วันหยุด แล้วถ้าผมมาอยู่ที่นี่ ใครจะอยู่รอพ่อเล่า


มืออุ่นของเงือกข้างตัวกุมมือผมไว้ ฟรานส์ที่วนเวียนไปคุยกับแขกหลายๆท่านมองผมด้วยแววตาสงสัย เจ้าตัวเลิกคิ้วถามเป็นเชิงว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือเปล่า


“ไม่มีอะไรฉันแค่คิดถึงพ่อ” ผมพูดเสียงเบา


“ข้าได้ยินเจ้าบอกว่านานๆ พ่อเจ้าจะกลับบ้านสักที” ผมพยักหน้าให้อีกฝ่าย “งั้นครบกำหนดเมื่อไหร่เราไปเยี่ยมท่านกัน”


“จริงๆ นะ” อีกฝ่ายส่งยิ้มแทนคำมั่นสัญญาก่อนจะโดนลากไปที่อื่นอีก แต่นั่นเพียงพอแล้ว สำหรับผมการได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับคนที่ตัวเองรักนั่นก็ถือว่ามีความสุขที่สุดแล้ว



หลายชั่วโมงกว่างานเลี้ยงจะเลิก ผมถูกฟรานส์ว่ายไปส่งที่หน้าห้องๆหนึ่งก่อน เจ้าตัวบอกว่ามีเรื่องต้องจัดการอีกเล็กน้อย ระหว่างนี้ให้ผมเข้าไปคอยด้านในก่อน ไม่ทันให้ผมประท้วงอะไร เจ้าตัวก็ว่ายหนีไปแล้ว


มีอย่างที่ไหนเจ้าสาวทิ้งเจ้าบ่าวไว้ในห้องหอเนี่ย!


ผมยู่ปากเล็กน้อย จะบ่นอีกฝ่ายก็ไม่อยู่ให้บ่นแล้ว ก็เลยหันหน้าเข้าห้องตามคำสั่งอีกฝ่าย พลางคิดว่าเข้าไปก่อนก็ดี เผื่อจะทำเซอร์ไพรส์อะไรอีกฝ่าย


ที่ไหนได้คนที่ถูกทำเซอร์ไพรส์กลับเป็นผม


แทนที่ห้องที่ผมผ่านเข้าไปจะเต็มไปด้วยน้ำเหมือนห้องอื่นๆที่ผ่านมา มันกลับว่างเปล่า ไม่มีน้ำแม้สักหยดในห้องนั้น เหมือนผมหลุดเข้ามาในยานอวกาศที่มีการกักกันออกซิเจนไว้ในห้องเป็นอย่างดี


และที่น่าตกใจที่สุด.. คือขาที่หายไปของผมกลับมาแล้ว ผมเซเล็กน้อยก่อนที่จะยืนตั้งหลักได้ มองลงไปยังท่อนล่างพบผ้าคาดเอวทอจากเกล็ดสีไข่มุก คลุมต้นขาที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของผมและซ่อนเจ้าหนูที่หายทำเอาผมแทบจะหลั่งน้ำตาด้วยความปลื้มปริ่ม อยากจะยกมือกอดรับขวัญลูกชายแต่ดูจะอุจาดไปหน่อยถึงผมจะอยู่ในห้องคนเดียวก็ตาม


ผมลองก้าวขยับเดิน ดูจะขัดๆในตอนแรก แต่สักพักผมก็สามารถวิ่งกระโดดไปมาได้ห้องได้อย่างสบายสมกับที่มีขามาตั้งแต่เกิด
“ทำอะไรของเจ้า?” เสียงของฟรานส์ดังขึ้นที่ตรงประตูทำเอาผมที่กระโดดเด้งเป็นลิงต้องเบรกหน้าแทบจะทิ่มลงพื้น หันไปมองอีกฝ่ายด้วยความอายเล็กๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นช็อคแทน


ฟรานส์ยืนอยู่ที่หน้าประตูด้วยสภาพไม่ต่างกับผมนัก เจ้าตัวมีผ้าคาดเอวเป็นเกล็ดสีทองคลุมอย่างหมิ่นเหม่อยู่บนสะโพกสอบทำเอาผมกลืนน้ำลายแทบไม่ทัน ตอนเป็นเงือกว่าน่ากินแล้ว ตอนมีขายิ่งทำให้ฟรานส์ดูน่ากินกว่าเดิมอีก แต่ทว่าผมกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกไป ภาพฟรานส์ตอนมีขาเหมือนมนุษย์ดูต่างจากตอนเป็นเงือก ผมวนเวียนจ้องมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า ซึ่งเจ้าตัวก็ยืนส่งยิ้มปริศนาพร้อมกับยืนให้ผมจ้องแต่โดยดี


“จะจ้องข้าให้ทะลุเลยไหม แค่มีขายาวๆ สองข้างขึ้นมานี่นะ” เจ้าตัวพูดกลั้วหัวเราะ นั่นทำให้ผมสังเกตได้ทันที


ฟรานส์ตอนเป็นมนุษย์สูงกว่าผมเกือบ10เซ็นต์!!! เป็นไปได้ยังไง ก็ตอนเป็นเงือกหางผมยาวกว่าตั้งเยอะ!!


ผมจริงตรงหน้าทำให้ผมเริ่มแอบหวั่น จากที่เคยได้ยินมา ส่วนมากฝ่ายรุกมันจะตัวใหญ่กว่ารับด้วยสิ แถมแววตาอีกฝ่ายตอนนี้ก็เหมือนสัตว์ที่กำลังจะล่าเหยื่อ ถ้านัยน์ตาของฟรานส์เป็นกล้อง ก็คงจะแสกนแทะเล็มผมไปทั้งตัวไม่ต่างจากที่ผมทำเมื่อครู่เลยสักนิด ผมเริ่มชะงักว่าจะรุกต่อหรือวิ่งหนีอีกฝ่ายก่อนดี


แต่เอะ ผมลืมอะไรไปอย่าง ถ้าเทียบกับผมที่มีขาสองข้างมาตั้งแต่เกิด กับฟรานส์ที่มีขาเพื่อมาประกอบกิจกรรมเข้าจังหวะแบบนี้ ความสามารถในการใช้ประโยชน์จากอวัยวะชิ้นนี้ย่อมต้องต่างกันอยู่แล้ว


ขอแค่ผมกดอีกฝ่ายลงบนเตียงได้ การจะพลิกกลับย่อมเป็นไปได้ยากแน่ หุหึหุหึ


คิดแบบนั้นผมก็ยิ้มกริ่ม ค่อยๆนั่งลงบนเตียง ยกขาขึ้นไขว่ห้าง โดยมีดวงตาสีเขียวใสจับจ้องตาแทบจะไม่กระพริบ ผมยิ้มยั่วอีกฝ่ายที่ยังคงยืนนิ่งหน้าประตู


“ทำไมไม่เดินมาหืม หรือว่าฉันต้องไปอุ้มเจ้าสาวมาส่งถึงเตียง”


“นั่นสินะ... เจ้าก็มาอุ้มข้าหน่อยสิ”


ได้ยินแบบนั้นก็ก็รับลุกขึ้นตรงเข้าหาอีกฝ่าย ยื่นริมฝีปากไปสัมผัสกับอีกฝ่ายแผ่วเบา และเร่งเร้าความร้อนแรงขึ้น สองแขนของผมกระชากอีกฝ่ายเข้าหาตัว ก่อนจะชะงักเล็กๆ ฟรานส์ยืนได้มั่นคงมากไม่มีเซตามแรงดึงของผมเลยสักนิด แต่นั่นไม่สำคัญ ร่างกายของเราตอนนี้เสียดสีกันจนร้อนระอุและผมคิดว่าถึงเวลาอุ้มเจ้าสาวขึ้นเตียงแล้ว แต่ทว่า...


หนัก! ตัวฟรานส์ตอนเป็นมนุษย์นี่หนักใช่เล่น ผมอุ้มจนเรียกว่าแทบจะแบกอีกฝ่ายแล้ว ก็ดูจะไม่ได้ผล จนกระทั่งผมต้องละริมฝีปากของตัวเองออกก่อนมาใช้กำลังทั้งหมดในการยกตัวอีกฝ่ายขึ้น


นัยน์ตาของฟรานส์ที่กำลังร้อนแรงปรากฏร่องรอยขบขัน เจ้าตัวไม่ได้ขัดขวางแต่ก็ไม่ให้ความช่วยเหลือผมสักนิด จนกระทั่งผมหน้ามุ่ยนั่นล่ะ เจ้าตัวถึงได้หัวเราะ


“อุ้มข้าไม่ไหวหรือ”


“นายกินอะไรแทนอาหารเนี่ยตัวหนักชะมัด” เจ้าตัวไม่ตอบแต่ส่งรอยยิ้มไม่น่าไว้ใจมาให้ นั่นทำให้ผมรู้สึกตื่นตัวอย่างประหลาด เหมือนกระต่ายกำลังโดนหมาป่าจ้องจับกิน


“ถ้าเจ้าไม่ไหวงั้นข้าอุ้มเองละกัน”


พูดจบไม่ทันให้ผมได้อ้าปากประท้วง เจ้าตัวก็ก้มลงช้อนผมในท่าอุ้มเจ้าสาว เฮ้ย!! มันอุ้มผมได้สบายๆ เลยหรือนี่ ไม่พอเจ้าตัวยังเดินฉับๆ ไปที่เตียงทำเอาผมช็อคตาค้างไปแล้ว


“เฮ้ย!!! หยุ๊ดดด ทำไมนายเดินคล่องแบบนี้วะ” ผมประท้วงอีกฝ่ายที่โยนผมลงเตียงและขึ้นคร่อมผมแล้ว mayday! mayday! ช่วยผมด้วย สถานะมันสลับกันแล้ว!!


“คล่อง? ไม่เห็นแปลก ข้าไม่เคยบอกเจ้าหรือว่าข้าเคยมีขามาก่อน”


“ห๊ะ!!! มีตอนไหน ใช้แบบวันนี้หรือ แปลว่านายแต่งงานมาแล้ว?” หน้าเสียสิผม นอกจากสถานการณ์เป็นอันตรายกับประตูหลังแล้ว นี่ฟรานส์ยังเคยมีคนรักมาก่อนหรือ


“คิดไปไหน” เจ้าตัวทำท่าจะดีดมะกอกผม ดีนะว่าเอามือขึ้นมาปิดเหม่งทัน “ข้าเคยมีขาเพราะข้าเคยขึ้นไปอาศัยอยู่บนบกไม่ต่างจากเจ้านะสิ”


!!!!!


“อะไรนะ อาศัยบนบก ที่ไหน ยังไง อึก!! หยุดมือนายก่อน ลิ้นนายด้วย อืออ” อีกฝ่ายเริ่มไม่ฟังแล้ว เจ้าตัวเริ่มรุกเร้าผมจนต้องประท้วง ผมยังไม่รู้เรื่องเลย แถมมันต้องเป็นผมรุกสิโว้ย ไม่ใช่มันมาเล้าโลมแล้วหรือผมอยู่นี่จนผมจะระทวยอยู่แล้ว


ฟรานส์ถอนหายใจนิดๆ ”วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิทยาศาสตร์ทางทะเล...ข้าเรียนจนจบได้ปริญญามาแล้ว เพราะอย่างนั้นคิดว่าข้าจะเดินได้ไหม”


What  The F_ck!!!!!


ฟรานส์จบปริญญาตรีมาแล้ว แถมชื่อปริญญาแบบนั้นมันของประเทศไทยอีกอีก นี่ผมถูกหลอกหรือเนี่ย!


 “ข้าไม่ได้หลอกอะไรเจ้านะ แต่เจ้าไม่เคยถามเอง” อีกฝ่ายอมยิ้มหลังจากเห็นสีหน้าผม “แต่ตอนนี้หมดเวลาถามแล้ว อยากรู้อะไรเอาไว้หลังจากละกัน... ถ้าเจ้ายังมีแรงถามอยู่นะ”


“ห๊ะ เดี๋ยวก่อน ขอเวลานอก อิ๊บก่อน อิ๊บก่อนโว้ย!! อุ๊บบ” ตายๆ นี่ผมถูกหลอกมาตลอดเลยหรือเนี่ย แถมตอนนี้ฟรานส์ ก็ไม่ยอมให้ผมพูดอะไรทั้งนั้นเพราะเจ้าตัวจูบปิดปากผมแล้ว ทั้งมือและลิ้นเจ้าตัวประสานงานกันดีจนนึกว่าว่าอีกฝ่ายอาจจะเรียนวิธีมือไวมือปลาหมึกจากเจ้าไซรัสหรือเปล่าเนี่ย


แต่ไม่นะไม่ ใครก็ได้ช่วยผมที ม่ายยยยย


กว่าทั้งคู่จะได้ออกจากห้องก็ในอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา และไม่ว่าเงือกตัวไหนเข้าไปใกล้ห้องหอ ก็จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ได้ยินเสียงครางดังลั่นไม่หยุดตลอดทั้งอาทิตย์เลย เอวัง....

----------------------------------------------END

เรื่องหลักก็จบลงเพียงแต่เท่านี้ ขอบคุณที่ติดตามอ่านเงือกบ๊องๆมาตลอดค่ะ ส่วนเรื่องที่ยังไม่กระจ่าง ส่วนใหญ่จะมีบอกเป็นนัยๆไม่ได้เฉลยชัดเจนเอาไว้ ซึ่งบางข้อจะมีขยายความมากขึ้นในตอนพิเศษค่ะ

แต่ที่มีตรงไหนติดใจมากๆ ถามมาได้เลยค่ะ อาจจะมีบางจุดที่เราพลาดเองด้วย
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 26-05-2016 19:37:25
 :m20: โหอุตส่าห์เกาะขอบหน้าต่างได้ยินแต่เสียง เซ็งเลย รบกวนเปิดหน้าต่างให้ส่องหน่อยนะคะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 26-05-2016 19:49:06
 :m20:    ฟรานส์ ถึงโอเชี่ยนจะไม่ต้องเดินแต่ก็เบาๆหน่อยสิจ๊ะ
ขอบคุณมากๆค่ะ น่ารักมาก รอตอนพิเศษนะคะ.  :impress2:   
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 26-05-2016 21:26:01
 :pig4: :pig4: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: shannara ที่ 27-05-2016 00:09:05
อายยย นี้ดดด สเปเชียล ชาปเต้อออออ



หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 27-05-2016 06:33:21
อ่านแบบรวดเดียวจบ สนุกมากค่ะ แต่จบห้วนไปหน่อย รอตอนพิเศษนะคะ  :z1:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 27-05-2016 09:56:26

น่ารักอ่ะ

แหมโอเชี่ยนนี่ฮาได้จนหยดสุดท้ายจริงๆ

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

ปล. ท่านฟรานจบสาขาเดียวกับข้าเจ้าเลย

หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: มาม่าหมูสับ ที่ 27-05-2016 11:26:18
โอ้ยยยยย สงสารโอ  :hao7: ว่าแต่ แง้มประตูไว้นิดนึงได้มั้ยคะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 27-05-2016 11:29:09
สงสารโอเชี่ยนจัง คิดว่าตัวเองเป็นรุกมาโดยตลอด กลับเป็นฝ่ายโดนจิ้มซะเอง :hao7:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: love noon ที่ 15-06-2016 17:18:58
คือ ดีงามมาก ชอบบบบบแนวนี้สุด
.
.
.
แต่
.
.
.
แอบเสียดายฉากเข้าหออ่ะ
อยากบอกว่า คาดหวังมาก
คนเขียนทำร้ายเค้า :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: naya-devil ที่ 15-06-2016 22:55:45
ชอบมากกกกกก 

 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 16-06-2016 16:37:57
กรี๊ดดดดดดดดด
ขอตอนพิเศษ
อยากอ่านตอนพอเศษ #ที่สุด #ฟิน
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: neno.jann ที่ 16-06-2016 18:25:06
อยากอ่านฉากเข้าหอออ จะบอกมารอมาตลอดดด
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: boworange ที่ 17-06-2016 00:05:53
 :pig4:  รอตอนพิเศษ.  :L1:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 17-06-2016 11:05:44
อ่านไป ขำพี่โอไป เป็นสีสันของเรื่อง 555 เสียดายตอนจบห้วนไปนิดนึง

ตอนที่แซวว่า เอาหางตบเหมือนเงือกเรื่องข้างๆดีไหม เรน่าฮามาก เผอิญอ่านเรื่องนั้นอยู่พอดี เลยเก็ต 555

ขอตอนพิเศษ 3 ตอนจ้า

1. จริงๆอันนี้ควรเป็นบทส่งท้ายมากกว่า เล่าซะหน่อยว่าชีวิตพี่โอเป็นไงต่อ เป็นมนุษย์มา 20 ปี อยู่ๆต้องใช้ชีวิตที่เหลือเป็นเงือก แถมแต่งงานได้สามีมาอย่างมึนๆอีก อยากรู้ว่าพี่โอจะเบื่อ จะอึดอัด หรือจะลันล้า เที่ยวกระจาย ฯ แล้วที่สำคัญ จะท้องมั้ยยยย

2. อยากอ่านคู่น้องฟิลัน มีแนวโน้มว่าจะ SM กรี๊ดๆ

3. อยากอ่านคู่พ่อแม่ ว่าจะอารมณ์ดีเหมือนคุณลูก หรือจะเศร้าเคล้าน้ำตา  :hao3:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: ~ ฤดูใบไม้ผลิ ~ ที่ 17-06-2016 13:23:33
อ่านแล้วเหมือนได้ไปอยู่ในทะเลกับโอเชี่ยนด้วยเลย  :mc4:
แต่ยังคาใจต้นสายปลายเหตุอยู่ๆโอเชี่ยนมาเป็นเงือกได้ไง กับคุณพ่อที่จะว่าไงที่ลูกชายกลายมาเป็นเงือก  :mew3:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 17-06-2016 15:44:45
หวังว่าจะมีตอนพิเศษ :)
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: pearl9845 ที่ 17-06-2016 21:25:32
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: Nunnaly ที่ 18-06-2016 11:00:05
อยากรู้ว่าพ่อพี่โอรู้รึป่าวว่าแม่เป็นเงือก
แล้วจะว่ายังไงถ้ารู้เรื่องที่เกิดกับพี่โอ
 :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 18-06-2016 14:14:49
 :pighaun:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 18-06-2016 14:40:21
555555 ทั้งอาทิตย์เลยหรอ

รอตอนพิเศษ :mew1:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: yokibear ที่ 18-06-2016 20:32:27
ตลกอ่ะะะ โอเชี่ยน มโนว่าจะได้รุกแน่ๆมาตลอด
พลาดนะคะ555555555 เรารอตอนพิเศษน้า เยิ้บๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: kyosake ที่ 19-06-2016 12:38:04
โอเชี่ยนมีบุคคลิกเคะที่เด่นชัดมาก ถึงแม้จะไม่บอบบางแต่นางเกรียนและฮาได้ใจมาก
ฟรานซ์ ถึงหน้าจะสวยและเขินง่ายในช่วงแรก แต่นิสัยคือเมะมาก
ฟิลัน หนูทำทุกคนช็อคมาก เคะอยู่ดีๆ กลายร่างเป็นเมะซะงั้น แต่หนูงอแงได้น่ารักสุด
ใจจริงมันยังไม่สุดในความรู้สึก อยากได้ตอนบนโลกมนุษย์มาเจอพ่อของโอบ้าง และที่ขาดไม่ได้คือบทอัศจรรย์คืนเข้าหอ เราอยากอ่านมากเลย ฮรึกกก
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: MIwEMInE ที่ 19-06-2016 14:24:21
พี่โอน่ารัก ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 20-06-2016 17:27:18
สนุกมากเลย..อ่านตอนเดียวจบเลยจ้า.. :heaven :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 21-06-2016 14:10:18
จบแรม้วนเดียวจบเลย  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 21-06-2016 14:34:26
อ่านรวดเดียวจบเลยยังไงก็จะรอตอนพิเศษยาวๆนะครับ
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: popular ที่ 21-06-2016 17:00:47
 :o8: อยากได้ฉากเข้าหอเพิ่มครับ  :o8:

 :กอด1: ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารัก ๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 21-06-2016 19:11:40
และแล้วพี่โอก็เสร็จฟรานส์จนได้ แต่งงานแล้วเข้าหอแล้วตอนพิเศษจะท้องไหม  :-[
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: Ciin ที่ 23-06-2016 11:58:48
55555 น่ารักจังเรยค่า
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 23-06-2016 22:31:47
 o13
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 24-06-2016 09:34:45
 :pig4: สนุกมากค่ะ รอตอนพิเศษค่ะ
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 24-06-2016 16:58:00
มันควรมีต่อสิ  :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: ♥MPEGz♥ ที่ 02-07-2016 00:22:09
ชื่อเรื่องชวนตามต่อมากค่ะ แต่เราขอปักไว้ก่อนนะ
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: mouymai ที่ 03-07-2016 22:20:24
รอตอนพิเศษคะ :pighaun:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: aommyga40 ที่ 18-07-2016 10:51:10
รอตอนพิเศษ สู้ๆอยากอ่านตอนพบพ่อ  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 18-07-2016 23:25:08
สนุกมากค่ะ
อยากรู้เรื่องของพ่อกับแม่โอ
รอตอนพิเศษนะคะ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: nutae or ที่ 20-07-2016 23:19:01
ตอนพิเศษๆๆๆๆ.......... :katai5: #น่ารักมาก....รักกันแบบมึนๆ 555
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: ติชิลา ที่ 21-07-2016 14:32:23
คือแบบว่าฮามากอะ โอเชี่ยนจะว่าน่าสงสารก็น่าสงสาร จริงๆ ก็เดาว่านางน่าจะโดนกดตั้งแต่คุณน้องโตมาล่ำบึ้กแล้ว

 :hao7: :hao7: :hao7:

ว่าแต่ โอเชี่ยนไม่ฟ้าเหลืองว่ายไม่เป็นกันมั่งหรือนี่ เสียงมีหายแหงๆ เลยร้องทั้งอาทิตย์แบบนี้อะ

 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 22-07-2016 15:59:00
สนุกมากๆเลยค่าาา. มาต่อตอนพิเศษเถอะนะคะ อยากได้แบยความรู้ของฟรานซ์ตั้งแต่แรกที่เจอโอเชี่ยน จนรัก แล้วเข้าหอด้วยกันอ่ะ ขอได้ไหมค่ะ พาร์ทฟรานซ์  :impress2:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: ployspy ที่ 23-07-2016 16:26:18
อะงืออออออออออ
รอตอนพิเศษน๊า
ชอบมากกกก
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: gasia ที่ 24-07-2016 01:06:34
มีตอนพิเศษมั้ยคะะะะ ><
พี่โอจะท้องมั้ยเนี่ย แล้วจะได้ขึ้นไปเจอพ่อยังไง
คู่นี้ยังหวานกันไม่พอเลย เอาอีกๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 26-07-2016 22:31:21
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:รอตอนพิเศษนะ
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: Rong ที่ 05-08-2016 13:17:00
ขอบคุณค่ะ สำหรับนิยายสนุก ๆ

แต่อยากรู้จักปะป๊า นู๋โอจัง
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: munoy ที่ 05-08-2016 20:00:18
ในที่สุดหนูโอก็เป็นฝั่งเป็นฝา :-[ อยากรู้ว่าฟรานส์กับหฯูโอจะมีเบบี๋ันไหม อิอิ

หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 04-09-2016 16:39:10
สนุกมาก
แต่มีประเด็นเรื่องมีขาได้ตอนจบนี่ละ
และก็ฟรานไปอยู่บนบก
จะรอเฉลยในตอนพิเศษนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: SWIM ที่ 10-09-2016 03:04:42
อร๊ายยยยย รอตอนพิเศษจ้าาาา
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: yin ที่ 11-09-2016 15:12:00
สนุกและฮามาก แอบสงสัยว่ามีมุมไหนที่พระเอกเฉลยว่าเคยไปเป็นคนบนบกมาก่อน.....ชอบเรื่องนี้มาก555
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 29-11-2016 18:45:42
น่าร้ากกกก มารอตอนพิเศษ
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: Kisa ที่ 11-03-2017 12:38:23
 :m20: อะไรกันเนี่ยยยย มันยังไงทำไม ฟรานเคยเป็นมนุษย์ล่าาา แถมยังเคยหาว่ามนุษย์น่ารังเกียจ แต่ตัวเองไปเรียนมหาลัยมนุษย์!! โอ้ก็อดดดด 555555 จบห้วนไปนิด แต่โอเชี่ยนก็ยังฮาจนวินาทีสุดท้าย เราอ่านทีเดียวจบเลย

ยังไม่เจอพ่อด้วยซ้ำ คาใจว่าเพื่อนของเฮียโอ ไม่ห่วงอะไรเหรอ เพื่อนหายเนี่ย
แต่มันก็สนุกมากๆ เรื่องนี้ไม่เน้นดราม่า ก็อ่านเพลินดีค่ะ

(เคยแอบจิ้น.... ฟิลัน x โอเชี่ยน อยู่น้าาาา คงเป็นสามีมุ้งมิ้งน่าดู)
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: MADWHALE ที่ 23-03-2017 18:17:42
สรุปเปลี่ยนบทกันซะงั้น สงสารโอ 5555555555
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: funland ที่ 25-03-2017 13:32:49
 :m20:  ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 27-03-2017 01:14:17
ขอบคุณเรื่องราวดีค่ะ
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 29-03-2017 08:53:13
ชอบมากอยากอ่านอีกอ่าาา
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: kkolk10 ที่ 30-03-2017 01:20:41
ตอบตอน1 2 3  ในเม้นเดียวเลยละกัน
แงงงง ฉนุกอ่ะ เงือกตัวนี้กวนตรีนดีจัง อยากจับไปขอดเกล็ดให้หายหมั่นเขี้ยว มุก5บาท10บาทก็เล่นได้ตลอด ดีอ่ะ 555555555
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: kkolk10 ที่ 30-03-2017 13:22:03
จนถึงตอนนี้เราก็ยังสรุปไม่ได้ว่าใครอยู่ตำแหน่งไหน 5555555555 ช่างมันเถอะเดี๋ยวฉากนั้นก็รู้เอง เรื่องแม่ของโอเชี่ยนนี่ดูเหมือนจะดราม่าเลยอ่ะงือออออ
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-03-2017 14:21:35
ฮืออ......ไรท์ ทำไมปิดประตู
คนอ่าน ไม่ได้เห็น nc เลยซักกะนิด :z3: :z3: :z3:
เสียงก็ไม่ได้ยิน มีแต่พวกเงือกได้ยิน
แต่คนอ่าน ทั้งภาพทั้งเสียง อดหมด  :sad4:
แม้แต่ไซรัส กับลูคัส ก็ไปหมด :serius2:
ขอตอนพิเศษเยอะๆ นะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: kkolk10 ที่ 30-03-2017 14:38:14
โอ้ย สมน้ำหน้า โดนเขาจับกด 555555555555555 พอรู้ความจริงแล้วก็รู้สึกเอ็นดูฟิโอลาขึ้นมาน้อยๆเลย
สนุกมากค่าาาาาา ขอบคุณน้าาา :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 30-03-2017 15:35:15
สนุกจังเลย o13
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: -Otto- ที่ 22-04-2017 17:38:54
สนุกมากเลยอ่านรวดเดียวจบ ประทับใจมากกก :mew1: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 24-04-2017 20:50:55
อยากได้ตอนพิเศษอย่างฉากพบกันระหว่างพ่อตา VS ลูกเขยอะไรแบบนี้ จังเลย
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 28-04-2017 11:47:58
 :z13:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: Praykanok ที่ 16-06-2017 12:39:15
ตลกกกกกก 55555555
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 23-07-2017 13:02:24
อยากได้ตอนพิเศษษ :ling1:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 24-07-2017 07:26:02
หวังลึกๆจะมีตอนพิเศษ จนมาหน้าสุดท้าย แว้บ 55555
ฮาโอมากอ่ะ อิ๊บก่อน
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 24-07-2017 13:45:43
ขอตอนพิเศษ ห :katai1:ลายๆๆ ตอนเลยจ้า :hao7:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: kistun ที่ 26-07-2017 21:47:31
 :hao6:  ถ้าได้ตอบพิเศษเยอะ จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งเลยค่า  :hao7: :hao7: :hao7: รอฉากฟินๆ กับฉากเจอพ่อตาบ้าง แล้วถ้ามีฉากโอท้องด้วยนะจะดีเป็นอย่างมากเลยค่ะ  ปักรอเลยนะคะ o18
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 01-11-2017 17:42:38
คือสนุกมากกกกก แถมคนที่คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกก็โดนกดซะนี่

ไหนตอนพิเศษ เค้าอยากอ่าน  :L2:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: frayfay ที่ 03-11-2017 22:06:07
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณนิยายสนุก ๆ ฮาดีค่ัะไม่เครียด พี่โอนี่เรียกว่าติงต๊องได้เปล่า555 อยากอ่านเอ็นซีแบบเต็มๆจังค่ะ  :hao7: แล้วก็มีเรื่องนึงที่รู้สึกขัด ๆ ตอนหลัง ๆ คำว่า 'อีกฝ่าย' มันเยอะและซ้ำซ้อนมากเลยค่ะ อารมณ์เหมือนตอนได้ยินเก้า จิรายุพูดว่า 'ไรงี้ครับ' ใน the mask singer ยังไงรอติดตามผลงานเรื่องต่อไปนะคะอัพเดตด้วยน๊า :mew1:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 05-11-2017 19:26:43
อ่านรวดเดียวจบเลย
ไม่อยากให้จบอ่ะ  :mew6:
ขอต่อได้ไหม  :mew2:
รักพวกนาง  :hao5:
หัวข้อ: Re: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: zysygy ที่ 12-01-2018 08:26:17
 :mew1: