The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย  (อ่าน 81566 ครั้ง)

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
เชียร์ฟรานซ์สุดใจค่ะ

ออฟไลน์ morningflower

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 206
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ไม่ว่าจะอ่านยังไง พี่โอก็ไม่น่าจะรุกเขาใครได้นะพี่นะ

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
สนุกอ่ะ
ใครพระเอกนายเอกนะ

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
กรี๊ดดดด มัวแต่วุ่นๆ ไม่ได้เข้ามาหลายวัน
พลาดไปหลายตอนเลย (T_T)
โอกะฟรานน่ารักดีอ่ะ มุ้งมิ้งๆ ชอบค่ะ
แต่คาไลท์กัฟิลันนี่แลดูริบหรี่ 555

ออฟไลน์ mymine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • FaceBook
ตอนที่13

    
ตอนนี้ผมกำลังว่ายไปยังลานพิธีอย่างที่ทำเป็นประจำ และทวีความบ่อยเป็นพิเศษในช่วงนี้
   

นับตั้งแต่งานวันพิธีจนครึ่งเดือนเริ่มมีเงือกที่ตื่นขึ้นจากการหลับใหล นั่นทำให้ผมตื่นเต้น เฝ้ารอการเปลี่ยนแปลงที่จะได้พบจากฟิลันเช่นกัน
   

แต่ก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนไป แม้จะมีเงือกทยอยออกมาเรื่อยๆ ทว่ากลับไร้วี่แววคนที่ผมต้องการพบ จนถึงวันนี้ ผ่านไปเกือบสองเดือนแล้ว


ผมที่พึ่งว่ายไปถึงหน้าลานต้องเอี้ยวตัวหลบเงือกกำลังว่ายเซออกมาจากสถานที่ๆเงือกน้อยอายุสิบห้าหลับใหล ก่อนจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเป็นเปลี่ยนแปลง


เงือกที่เห็นตรงหน้าเท่าที่จำได้เป็นเงือกตัวเล็กผอมดูไม่ออกว่าเพศไหนกันแน่ ทว่าตอนนี้กลับกลายเป็นสาวน้อยหน้าหวานตาเป็นประกาย โครงหน้าเรียวยาวขึ้น เกล็ดที่หางทอประกายระยิบระยับ ร่ายกายเติบโตขึ้นในทุกสัดส่วน โดยเฉพาะ.....


นม!!


แน่นอนว่าครั้งแรกที่ผมเห็นต้องตกใจน้ำลายแทบไหลอยู่แล้ว แม้อีกฝ่ายจะเป็นเงือกน้อยอะไรๆเลยยังไม่เติบใหญ่นัก แต่ผมคิดว่าอีกไม่นานเถอะ พวกเธอจะต้องกลายเป็นสาวใหญ่(?)เต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจและคุณภาพคับแก้วอย่างแน่นอน


พี่โอจะรอดูนะจ๊ะ!
 

ผมมองส่งพร้อมกับเอาใจช่วยอีกฝ่ายในใจ เงือกที่พึ่งเติบใหญ่ว่ายออกมาท่าทางแลดูขัดๆ ด้วยไม่เคยชินกับสรีระที่เปลี่ยนไป ซึ่งผมก็ไม่ได้แปลกใจแต่อย่างใดหลังจากเห็นเงือกแทบทุกตัวที่ว่ายออกมาเซๆมึนๆโดนกระแสน้ำพัดไปมาแบบนี้ทุกตัว


แล้วถ้าเป็นฟิลันจะเป็นยังไงน้า


ผมละลุ้นให้เจ้าตัวออกมาเป็นเงือกสาวจริงๆ หน้าตาเจ้าตัวน่ารักอยู่แล้วรับรองว่าหัวกระไดวังไม่แห้งแหงๆ แล้วเวลามากอดมาคลอเคลียกับผมนะ


อู้ย คิดแล้วน้ำลายไหล


“ทำหน้าโรคจิต” เสียงเสียดสีที่ต้องได้ยินทุกวันจนผมชักจะคุ้นเคย จนคิดว่าวันไหนไม่ได้ยินอาจจะนอนไม่หลับดังออกจากปากเงือกน้อยที่ยืนทำตาขวางมองผมด้วยแววตาไม่สบอารมณ์


ใช่เลยคุณเดาถูก จะมีใครที่ปากดีแบบนี้ได้นอกจากไอ้เด็กเตี้ยคาไลท์ เจ้าตัวยังคงยืนอยู่ในตำแหน่งเดิม อดทนรอคอยอย่างสงบแม้บางครั้งจะแสดงความกระวนกระวายทางสีหน้าบ้าง


อย่างเช่นวันนี้


“ทำไมคิดถึงฟิลันรึ?” ผมที่ไม่มีอะไรจะทำเลยถือโอกาสแกล้งเจ้าเด็กตรงหน้าไปพลาง ทำเอาอีกฝ่ายได้แต่เบนหน้าหนี


“ข้าแค่คิดว่ามันนานเกินไปแล้ว”


“ทำไม? รอไม่ไหว? ไหนว่าเงือกตัวที่นานที่สุดที่เคยออกมาคือสามเดือนไง?”


“...ถ้าแค่นั้นก็ดีไป” คาไลท์พูดพร้อมกับก้มหน้า “แต่ข้าเคยได้ยินข่าวลือว่ามีเงือกบางตัวหลังจากจำศีลแล้วก็ไม่ตื่นขึ้นมาอีก...” สิ่งที่อีกฝ่ายพูดเริ่มทำให้ผมเครียด ถ้าเกิดฟิลันไม่ตื่นขึ้นมาจริงแบบไอ้หนูนี่ว่าล่ะ


“ไม่มีทาง ยังไงฟิลันก็ต้องกลับมา” ผมพูดด้วยท่าทางเชื่อมั่น แม้ปากจะพูดแบบนั้นแต่ในใจก็หวาดหวั่นเช่นกัน ในโลกนี้ยังมีเรื่องที่ผมไม่รู้อีกมาก รวมทั้งความลึกลับของภายในร่างกายเงือกทำให้ผมเองไม่อาจวางใจ


.


.


.


วันเวลาผ่านเลยไปพร้อมๆกับความหวาดหวั่นที่เพิ่มมากขึ้น พร้อมเงือกที่ยังคงหลับใหลลดจำนวนลงเรื่อยๆ จนกระทั่งวันนี้ เงือกหนึ่งในสองตัวสุดท้ายของพิธีในปีนี้ว่ายออกมา...


การเหลือเพียงเจ้าชายเงือกที่ยังคงหลับอยู่ด้านใน ยิ่งทำให้พวกผมร้อนใจมากขึ้น กระทั่งฟรานส์ก็ถูกผมลากมาด้วย


“ทำไมจนป่านนี้ฟิลันยังไม่ออกมาอีก ข้างในอาจจะมีปัญหาอะไรก็ได้ ฉันว่าเราน่าจะเข้าไปดูนะ” พูดแล้วผมก็ทำท่าจะว่ายเข้าไปที่ทางเข้า แต่เจอใครบางคนดึงมือไว้เสียก่อน “ไม่ได้นะ ตอนอยู่ในสภาพจำศีลเงือกจะเปราะบางมาก ถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาดขึ้นมาอาจจะทำให้ฟิลันไม่ตื่นขึ้นอีกเลยนะ”


“แต่ว่า...” ในขณะที่ผมกำลังเถียงอยู่กับฟรานส์นั่นเอง อยู่ดีๆก็มีเสียงเป่าแตร์ดังลั่น “เกิดอะไรขึ้น!”


ทว่าเสียงนั้นกลับทำให้คนที่กำลังจับข้อมือผมยิ้มกว้าง “พิธีสิ้นสุดแล้ว เงือกที่เข้าพิธีทั้งหมดตื่นขึ้นแล้ว”


งั้นก็หมายความว่า!!


คิดแบบนั้นผมก็ว่ายตรงไปยังปากทางเข้าทันที และตรงนั้นเองที่ผมได้เห็นใครบางคนว่ายออกมา


ผมสีทองหยักศกยาวสยายปลิวไปตามกระแสน้ำ นัยน์ตาสีฟ้าใสมองมาที่ผมพร้อมกับยิ้มกว้าง


“พี่โอ!!!”


ฟิลันตื่นขึ้นแล้ว แม้เสียงที่ได้ยินจะดูแหบต่ำกว่าเดิม แต่นั้นไม่ทำให้ผมชะงักเท่าสิ่งที่ผมพบ


คือ...ผมไม่เจอเจ้าตัวแค่3เดือน ไฉนเจ้าตัวถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนั้น โครงหน้ากลมน่ารักดูเรียวยาวขึ้น ร่างกายดูกำยำลั่นสันมากขึ้น ท่อนแขนและหางดูยึดยาวออกมาอย่างเห็นได้ชัด เงือกน้อยน่ารักไม่มีอีกแล้ว กลับกลายมาเป็นเงือกรูปงามร่างสูงใหญ่


ใช่ ฟิลันกลายเป็นเงือกหนุ่ม ตัวโตขึ้นจนผมตกใจ เท่าที่กะด้วยสายตาแล้ว น่าจะสูงกว่าเจ้าเด็กคาไลท์ เตี้ยกว่าผมและฟรานส์นิดเดียว


นี่มันอะไรกันเนี่ย!!


ไหนล่ะ!! เงือกสาวน้อยน่ารักตาโตแก้มป่อง โธ่ ความฝันของการโอบกอดสาวน้อยฟิลันของผมก็พังทลายดิ!! ฮือๆ


อีกฝ่ายว่ายโซซัดโซเซก่อนจะกระโจนเข้ามากอดผมอย่างที่เคยทำเป็นประจำ แต่มันไม่เหมือนเดิมแล้วไง ตัวใหญ่แบบนี้พอโถมมาผมก็เลยแทบจะหงายหลังลงไปกองกับพื้น


“ข้าคิดถึงพี่โอที่สุดเลย” ไม่พูดเปล่า เจ้าตัวก็หอมแก้มซ้ายขวาซุกไซ้แบบโคตรคิดถึง คือถ้ายังเป็นเงือกน้อยผมก็โอเคฟินๆไปไง แต่พอมาเป็นเงือกรูปงามร่างใหญ่แบบนี้เล่นเอาผมชะงักตกใจทำอะไรแทบไม่ถูก


อ๊าก อย่าจับตรงน้านน อย่าเลียตรงนั้นด้วยมันสยิวกิ้วว


“หยุดได้แล้วฟิลัน เจ้าจะปล้ำโอเชี่ยนตรงนี้หรือไง” ลงท้ายฟรานส์คงทนดูว่าที่สามีถูกน้องชายปู้ยี่ปู้ยำไม่ได้ก็เลยดึงตัวเจ้าตัวออกทำเอาฟิลันเบะปากขัดใจ “ท่านพี่อ่ะ ก็ข้าคิดถึงพี่โอนี่” พูดจบเจ้าตัวก็กระโจนกอดพี่ชายตัวเองบ้าง แต่ยังไม่วายบ่นหงุงหงิงๆไม่หยุด เออต้องแบบนี้สิถึงจะดูสมกับเป็นฟิลันหน่อย



“ทำไมข้าถึงนอนกับพี่โอไม่ได้เล่า!!” เสียงโวยวายซึ่งไม่ต้องเดาเลยว่าใครดังลั่นปราสาท ทำเอาบรรดาเงือกทหารสะดุ้งนึกว่าข้าศึกบุกกันใหญ่ “เมื่อก่อนเตียงข้าเล็กไปเลยนอนด้วยไม่ได้ ตอนนี้ก็เปลี่ยนแล้วนี่!!”


ฟิลันหลังจากตื่นปุ๊ปก็เริ่มงอแงเอาแต่ใจปั๊ป พอได้ที่นอนอันใหม่ใหญ่กว่าเดิมก็เลยคิดจะเอาผมไปเป็นหมอนข้างซะงั้น


“ไม่!!” ฟรานส์พูดประโยคเดิมอีกเป็นรอบที่ร้อยสิบ “อย่าเอาแต่ใจน่า รีบพักผ่อนซะ หลังจากนี้เราจะยิ่งยุ่งกว่าเดิมนะ ข้าต้องการคนมาช่วยงานเพิ่มไม่ใช่มาป่วน”


เอ้า นั่นเบะเข้าไป ปากฟิลันตอนนี้แบะออกซะจนผมขำ ไอ้ส่วนสูงกับความแมนที่เพิ่มขึ้นมาไม่ได้ช่วยให้ดูเท่ขึ้นเลย ฟิลันยังคงทำตัวงุ๊งงิ๊งไม่ต่างจากตอนเป็นเงือกน้อยซักนิด


“พี่โอ พี่ก็อยากนอนกับข้าใช่ไหม” เมื่อโวยวายไม่สำเร็จ เจ้าตัวเลยหันมาส่งสายตาปิ๊งๆกับผมแทน ไม่นะ ถึงพี่โอจะรักฟิลันมากแค่ไหน แต่การที่ทิ้งภรรยาสุดสวยไว้ในห้องแล้วหนีไปนอนกับน้องเมียนี่... พี่ก็เสียวหัวขาดเหมือนกันนะ แถมหลังการตื่นครั้งนี้ฟิลันดูจะมีออร่าเมะแปลกๆ สงสัยผมคิดมากไปเอง


“พี่ว่าฟิลันนอนคนเดียวจะสบายกว่านะ..” พูดจบก็หันไปทำเนียนเปลี่ยนเรื่องกับอีกคน ”งานยุ่งมากเลยหรือ? ให้ฉันช่วยไหมล่ะ?”


“มาก..” เจ้าตัวถอนหายใจเสียงดัง “ไหนจะบัตรเชิญยังเมืองทั้งหก ไหนจะสถานที่ ที่พัก อาหาร เตรียมการอารักขา” เท่าที่ฟังก็เยอะจริงวุ้ย จะมีประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนหรือไง “แล้วยังไงเจ้าก็ต้องร่วมอยู่แล้วในเมื่อเจ้าเป็นพระเอกของงานแบบนั้น”


อุ๊ย..พูดถูกใจ แน่นอนว่าเรื่องนี้ผมเป็นพระเอกอยู่แล้ว ....ว่าแต่งานอะไรวะ?


.


.


.


เปลี่ยนใจตอนนี้ทันไหมเนี่ย!!


หลังจากลากฟิลันไปช่วยงานได้สำเร็จ ฟรานส์ก็หันมาสั่งงานที่ผมควรจะทำ


ถ้าถามว่างานอะไรน่ะหรือ มันคือการเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับผืนทะเลทั้งหมด เมืองทั้ง7 ธรรมเนียมปฏิบัติ กริยามารยาท ข้อควรทำ บลาๆๆ ให้ดูดีมีชาติตระกูลสมฐานะของเจ้าชายเงือกไง โฮ


ผมดูสถุนขนาดนั้นเลยหรือฟระ!!


พ่อเจ้าชายตัวดีส่งเงือกตัวอื่นมาฝึกผม ส่วนตัวเองก็หนีไปประชุม ทำงานอื่นต่อ ซึ่งมันดูไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม เอาเข้าจริงมันก็ไม่มีหรอก นอกเสียจากว่ามันจะโคตรปวดหัว ก็เล่นโดนอัดความรู้ตั้งแต่เช้าจรดเย็นเยอะเสียยิ่งกว่าตอนสอบเข้ามหาลัย และเพราะเป็นการเรียนแบบตัวต่อตัว จะแอบหลับก็ไม่ได้ แถมคนสอนคือองค์รักษ์สุดล่ำของฟรานส์นาม ซิน เป็นบุคคลากรเงือกที่นิ่ง...นิ่งมาก


ไม่ว่าผมจะยิงมุขใส่ก็แล้ว ทำตัวปัญญาอ่อนก็แล้ว เจ้าตัวก็ยังคงใช้ความนิ่งสยบทุกสิ่ง คือหน้าพี่แกตอนนี้ไม่ต่างกับรูปสลัก พอจะงอแงโวยวายแบบฟิลันมั่งเจอแววตานิ่งๆของพี่แกส่งมา สุดท้ายผมก็ต้องยอมกลับไปนั่งเรียนต่อด้วยตาน้ำ ฮือๆ


“ทำไมตรูต้องมาเรียนเรื่องพวกนี้ด้วยยยย” ผมเริ่มเสียสติหลังจากโดนจับเรียนตัวต่อตัวเป็นวันที่สอง ขนาดประวัติศาสตร์ชาติตัวเองผมยังมั่ว แล้วไหงต้องมาเรียนประวัติของเงือกด้วยฟระ


ซินยังคงมองผมด้วยแววตานิ่งๆเหมือนเดิม เจ้าตัวว่ายออกไปหน้าประตู ก่อนจะสั่งเงือกแถวนั้นประโยคที่อีกฝ่ายพูดทำเอาผมอ้าปากค้าง


“ไปบอกท่านฟรานส์ ว่าท่านโอเชี่ยนสติแตกแล้ว ข้าบอกแล้วนะว่ายังไงเจ้าตัวก็ทนเรียนได้ไม่เกินสามวันหรอก” แล้วเจ้าตัวก็หันกลับมาจ้องผมตามเดิม “ถ้าอย่างนั้นเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นไหม?”


ผมรีบพยักหน้าหงึกหงัก จะให้ทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นขอแค่ไม่ใช่การอัดความรู้เข้าสมอง และนั่นทำให้ผมรู้สึกตัวว่า....ผมคิดผิดอีกแล้ว


ซินนำผมมาที่หลังปราสาท ซึ่งมีที่ๆเงือกทหารใช้ฝึกฝน  เป็นลานทรงกลมกว้างรายล้อมไปด้วยอาวุธปลายแหลมจำพวกหอก ทวน สามง่าม


“เลือกมาอันนึง”


“หา?”


“ข้าบอกให้ท่านเลือกอาวุธมาอันนึง” เมื่ออีกฝ่ายเห็นผมไม่ทำตาม เจ้าตัวเลยเลือกหอกยาวปลายแหลมอันนึงที่วางอยู่ปาพุ่งลงมาปักตรงหน้าผม “หยิบอาวุธของท่านขึ้นมาซะ”


“นี่มันอะไรวะ.. เฮ้ย”


“หยิบอาวุธขึ้นมาแล้วอย่าหนีสิ”


“ไม่หนีก็บ้าแล้วโว้ย!! นี่มันอะไรกันวะ!!!” ผมต้องว่ายหลบไปมาอย่างหวาดเสียวเพราะตอนนี้ไอ้เจ้าองค์รักษ์หน้าตายกำลังเอาหอกแทงเข้าหาผมอย่างเมามัน


“วิธีการสู้ของเราชาวเงือก ในฐานะเจ้าชายท่านต้องต่อสู้ปกป้องตัวเองได้” น้ำเสียงเจ้าตัวยังคงเป็นโทนเรียบเหมือนเดิม แต่ไอ้ที่อยู่ในมือนี่สิ...จะแทงอะไรนักหนาฮะ!!


“เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย เดี๋ยว อิ๊บก่อน อิ๊บก่อน ขอเวลานอกก่อนโว้ยย”


ผมว่ายไปมาจนสุดท้ายสามารถวนกลับไปหาไอ้หอกที่ซินปามาให้ เลยดึงติดมือมาหมายจะป้องกันตัว แต่...ทำไมไม่เห็นเหมือนในการ์ตูนเลยวะที่พระเอกพอได้อาวุธปุ๊ปก็ร่ายรำเหมือนช่ำชองมานาน ของผมนี่พอฟาดบ้างมันกลับกลายเป็นเชื่องช้า จนอาวุธ(ในตำนาน)ของผมกลายมาเป็นของเกะกะ สุดท้ายก็ต้องปาทิ้งใส่อีกฝ่ายแล้วว่ายหนีเหมือนเดิม


ฟรานส์ช่วยเค้าด้วยยย องค์รักษ์ของนายจะฆ่าฉานนนน


.


.


.


“ข้าก็พอจะรู้หรอกนะว่าเจ้าไม่เคยต่อสู้ แต่ไม่นึกว่าจะโง่แบบนี้” ฟรานส์ยืนกุมขมับท่าทางปวดหัวหลังจากมีทหารไปรายงานว่าได้ยินเสียงควายถูกเชือดอยู่ที่ลาน พอมาถึงก็ได้เห็นสภาพว่าที่สามีสุดหล่ออย่างผมว่ายหนีองค์รักษ์ของตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย


นี่เขาโดนไล่แทงไม่พอ ยังโดนหาว่าโง่อีกหรอ ซิกๆ


เจ้าชายเงือกกรอกตาขึ้นฟ้า ก่อนจะพุ่งเข้าหาองค์รักษ์ของตัวเองพร้อมกับคว้าหอก(อันที่ซินปามาหาผมนั่นล่ะ)ที่ปักอยู่ตรงไปด้วย


นั่นทำให้ผมได้เห็นฝีมือของว่าที่ภรรยาของผมว่ามันสุดยอดขนาดไหน


ฟรานส์แทงหอกเข้าที่หน้าอกของซินอย่างรวดเร็วซึ่งฝ่ายองค์รักษ์ก็รวดเร็วไม่ใช่น้อย เจ้าตัวเหวี่ยงหอกขึ้นมาตั้งฉากกับพื้นก่อนจะใช้มันปัดอาวุธที่มุ่งร้ายตนออกไป ก่อนจะพลิกเป็นฝ่ายแทงเจ้าชายเงือกบ้าง


“หอกน่ะเค้ามีไว้แทง ไอ้การเอามาเหวี่ยงๆใต้น้ำแบบนี้มีแต่คนโง่เท่านั้นล่ะที่คิดได้”


อู๊ย..เจ็บปวด


“แล้วหางของพวกเราก็ไม่ใช่อุปกรณ์ประดับ หรือเอาไว้ว่ายหนีศัตรูอย่างเดียว” พูดจบเจ้าตัวก็สะบัดหางใส่หน้าอีกฝ่ายเล่นเอาคู่ต่อสู้ต้องถอยหลบ


การต่อสู้ของทั้งคู่ทำให้ผมอ้าปากค้างด้วยความตื่นตา ตื่นเต้น ท่าทางของฟรานส์ที่เหมือนร่ายรำท่ามกลางสายน้ำทำให้ผมละสายตาไม่ได้ มันดูทั้งแข็งแรง สวยงาม และทรงพลัง


เงือกที่ผ่านไปมาทั้งเงือกทหารและนางเงือกรับใช้ต่างพากันหยุดดูทั้งสอง สีหน้าชื่นชม และปลาบปลื้มปรากฏอยู่บนใบหน้าแทบทุกคนที่ผมเห็น


‘ดูสิท่านฟรานส์กับท่านซินสู้กันอีกแล้ว ช่างเป็นการต่อสู้ที่งดงามจริงๆ’

‘ท่านฟรานส์นี่สุดยอด ข้าได้ยินว่าท่านได้ชื่อว่าเป็นเงือกที่เก่งที่สุดในอาณาจักรของเราเลยนะ’

‘ซักวันข้าจะเก่งอย่างท่านฟรานส์บ้าง’

‘น่าปลื้มใจนะ ที่เรามีเจ้าชายที่เก่งกาจขนาดนี้ เมืองอื่นถึงไม่กล้าสุ่มสี่สุ่มห้าโจมตีเมืองของเรา’
   
‘แน่นอนสิ ขืนเป็นเจ้าชายแต่ต่อสู้ไม่ได้เรื่อง แบบนี้จะปกป้องเมืองได้อย่างไร มีเจ้าชายแบบนั้นสู้มีเจ้าหญิงไม่ดีกว่ารึ’

   
ทำไมยิ่งฟังแล้วเหมือนทุกคนจะด่าผมชอบกล ฮืออ

   
สุดท้ายจบที่ปลายหอกหยุดลงตรงบริเวณลูกกระเดือกของฝ่ายตรงข้าม ซินชะงักพร้อมกับยกมือยอมแพ้และถอยออกมา
นั่นทำให้ผมเห็นเจ้าชายเงือกที่กำลังลอยตัวอยู่กลางลาน แสงแดงสะท้อนผมสีทองยาวที่พลิ้วไสวไปตามสายน้ำ นัยน์ตาสีฟ้าใสเต็มไปด้วยความมั่นใจ ภาพนั้นกลายเป็นภาพที่งดงามที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น และคงทำให้เงือกตัวอื่นๆไม่ว่าเพศไหนหลงรักได้ไม่ยาก ก่อนที่ดวงตาสีฟ้าใสหันมาสบกับผม นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา


ฟรานส์แย้มรอยยิ้มที่งดงามที่สุดในความคิดผมก่อนจะกลายเป็นรอยยิ้มสยองทันทีที่เจ้าตัวกล่าวออกมาว่า “ในอีกสองสัปดาห์ เจ้าต้องลงมาสู้กับข้าแบบเดียวกันนี้ และต้องเอาชนะข้าให้ได้” นั่นทำให้ผมตาโต “เพราะอย่างนั้นฝึกกับซินให้เต็มที่ซะ ข้าจะไม่ออมมือแน่นอน”

   
ไม่นะ จะให้ผมสู้กับฟรานส์ที่เก่งที่สุดในเมืองนี้น่ะหรอ ตายผมตายแน่ๆ
-----------------------------------------

Talk: สวัสดีค่ะ วันนี้เป็นวันแรกที่เราลงมาคุยกับนักอ่านเพราะปกติแล้วเราตะคุยไม่ค่อยเก่งออกจะเขินเล็กๆ

        ยังไงขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ เรื่องนี้ไม่มีดราม่าออกแนวตลกไร้สตินิดหน่อย ก็หวังว่าจะตลกกับมุขไม่ฮาพาเครียดของเราบ้าง lol

        ส่วนเรื่องสถานะของคู่นี้..... ต้องลุ้นดูค่ะ สงครามพึ่งเริ่มจะรีบนับศพทหารทำไมเนอะ :)

ออฟไลน์ rinny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 517
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
พี่โอสู้ๆ พี่โอสู้ตาย พี่โอไว้ลายโดนฟรานส์ซัดต้องไม่ตาย สู้ๆ :hao7:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
สนุกดีอ่ะ  o13

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :L1:   ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
สนุก ชอบ   :katai2-1:
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
เห็นแววออร่าเคะจากพี่โอร่ำไรๆ ยังไงก้ามะรู้ 55555
ชอบคะ แนวนี้น่ารักดีอ่านๆไปไม่ต้องคิดมาก แค่พี่โอออกมา
ก็ฮาละ สบายๆ ไม่เครียด  :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ someone0243

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
เชียร์ให้น่องโอเคะค่ะ รอตอนต่อไปน้า :katai5:

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
เชียร์ให้โอเคะค่ะ ออร่านางชัดขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว 5555

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
อร๊ายยยย รู้สึกหลงรักฟรานส์ไงไม่รู้ >///<

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
เราอยากได้เมะสวยคม เพราะฉะนั้นพี่โอจงเคะซะ  :laugh:

ออฟไลน์ mymine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • FaceBook
ตอนที่14


“ทางซ้ายเปิดโล่ง”


ผัวะ!!


“ขวามีช่องว่าง”


ผัวะ!!   


“ก้นยื่นออกมาทำไม”


ผัวะ!!


โว้ยยยยยยจะตีไปไหนวะครับ
   

ตอนนี้ผมกำลังน่วมเป็นลูกชิ้นปลาโดนโยนเข้าเครื่องบดๆๆ ก็พ่อคุณองค์รักษ์นี่เอะอะก็ทิ่มเอะอะก็ฟาด ไม่สงสารเงือกน้อยตาดำๆเลยสักนิด ฮือออ
   

“ลุกขึ้นมาท่านโอเชี่ยน ท่านเหลือเวลาไม่มากแล้วนะ อยากถูกเชือดต่อหน้าฝูงชนหรือไง”


ผัวะ!!
   

หันไปมองตามเสียงจากอีกเวทีแล้วก็ได้แต่กลืนน้ำลาย ฟิลันกำลังสู้กับองค์รักษ์ของตัวเอง ซึ่งดูแล้วอาจจะเหมือนกับการรักแกเด็กหน่อยๆ เจ้าเด็กคาไลท์ตอนนี้สูงแค่อกของฟิลันแล้ว จากเมื่อก่อนที่สลับกัน และตอนนี้เจ้าชายน้อยของเราก็กำลังฟาดเอาๆ
   

รุนแรงเกินไปหน่อยไหมนั่น...
   

ผัวะ!!
   

“เย้ๆ ข้าชนะแล้วพี่โอดูสิ” เจ้าของเสียงส่งยิ้มกว้างชี้ชวนให้ดูผลงานการของคู่นั้นน่ากลัวกว่าผมเยอะ ก็ลานโน้นสู้กันแบบไม่มีการออมมือสักนิด เพราะซินบอกว่าที่นี่เราสู้กันด้วยเกียรติ การอ่อยให้อีกฝ่ายก็เหมือนการดูถูกฝีมือคู่ต่อสู้ เพียงแค่ผมไม่แน่ใจว่าฟิลันตีด้วยอารมณ์ส่วนตัวไหม
   

แต่หลังจากผมลงไปกองเป็นรอบที่แปด ซินคงสำนึกได้ว่า การลงมือเต็มที่กับผมก็เหมือนการรังแกเด็กนี่ล่ะ...
   

เจ้าตัวส่ายหน้าระอา “ข้าจะบอกให้ว่า ท่านฟรานส์มือหนักกว่าข้าสิบเท่า และตอนต่อสู้ท่านไม่รู้จักคำว่าออมมือด้วยนะ” คำบอกเล่าที่ทำเอาผมอยากจะร้องไห้ เพราะนึกถึงภาพอีกฝ่ายตอนเชือดไอ้ปลาหมึกมาโซคิส ฟรานส์คงไม่ใจร้ายกับผมแบบนั้นหรอกใช่ไหม...


.


.


.


“อู้ย โอ้ย! เบาๆหน่อย...”
 

“ขอโทษทีข้ากะแรงไม่ค่อยถูกเท่าไหร่”


“โอ็ย อย่าโถมเข้ามาแบบนี้สิ สะโพกฉันเจ็บอยู่นะ!”


“แล้วแบบนี้ล่ะเป็นไงบ้าง”


“อืม อ๊า ดี แบบนี้แหละดี อื๊ออ”


   
เอ้า พวกคุณไม่ต้องจิ้นกันไปว่าพวกผมกำลังประกอบกิจกรรมเข้าจังหวะอยู่หรือเปล่า เอาเข้าจริงก็น่าจะเดากันได้อยู่แล้วนะ เพราะไม่มีทางที่ผมจะยอมให้อีกฝ่ายกดครางสยิวแบบนี้แน่ๆ


ตอนนี้ผมกับลังนอนให้ฟรานส์นวดอยู่นะสิ อีกฝ่ายก็แสนดี เห็นว่าที่สามีปวดสะโพกปวดหลังกลับมาที่ห้องทุกวัน เจ้าตัวเลยอาสานวดให้ เมียใครไม่รู้น่ารักจริงๆ แต่เสียอย่างเดียว…


กร๊อบ! นั่นไง เผลอๆพ่อคุณก็กะจะเชือดผมทิ้งซะงั้น


“จ๊ากกกกก!!”


“อ๊ะ...ข้าขอโทษ เดี๋ยวข้าดัดกลับให้นะ” มะ.. มะ. ไม่ต้อง


แกร๊บบ!


...


“ดีขึ้นไหม?”


“ด.. ดี... ดีมากๆเลย ฉันหายเมื่อยแล้ว... นายไม่ต้องนวดแล้วนะ” ผมบอกอีกฝ่ายด้วยความเกรงอกเกรงใจ เพราะเกรงว่ากระดูกสันหลังจะหายไปเลย


ได้ยินแบบนั้นฟรานส์ก็ทิ้งตัวลงนอนข้างๆ นัยน์ตาสีฟ้าใส่แจ๋วกำลังมองผมนิ่งนั่นทำให้ผมจ้องกลับอย่างไม่ยอมแพ้ 


“...” บรรยากาศดูจะเป็นใจ ผมยื่นมือเข้าไปสัมผัสแก้มอีกฝ่าย หน้าค่อยๆขยับเข้าใกล้เรื่อยๆ ตาเริ่มปรือลงช้าๆ


“แล้วผลการฝึกเป็นยังไงบ้าง”


“...”


หมดกันบรรยากาศสีชมพูอมม่วง!! ดูถามมาได้!!!


ผมพลิกตัวหันหลังสะบัดตู_ให้ด้วยความงอน แม้จะสะดุ้งเพราะกระแทกถูกสะโพกก็เถอะ แต่เวลานี้โอเชี่ยนงอนครับงอน


“โอเชี่ยน?”


“...”


“มันแย่มากเลยหรอ?”


“ไม่หรอก มันดีๆมากๆเลย ฉันสนุกกับการฝึกม๊ากมาก”


“อย่างงั้นหรอ....ข้ากะว่าพรุ่งนี้จะให้เจ้าหยุดเพราะจะพาออกไปข้างนอก แต่ถ้าเจ้าสนุกขนาดนั้นงั้นข้าไ.......”


ผมสะบัดหน้าหันกลับลำแทบไม่ทัน “ไปด้วย นะ นะ” พูดจบก็ทำตาปิ๊งๆๆส่งให้ จนฟรานส์หัวเราะและขยี้หัวผมจนยุ่งไปหมด ก่อนที่เจ้าตัวจะลากผมกลับไปนอนกอดเหมือนเดิม ซึ่งมันก็ไม่อะไรหรอกนะ....แต่มือน่ะมือจะจับอีกนานไหม เจ็บก้นอยู่แบบนี้ไม่มีอารมณ์มาสยิวหรอกนะเฟร้ย..


.


.


.


“หืม..เขากำลังมีงานอะไรเนี่ย ดูคึกคักมากๆเลย”  ผมตาวาวด้วยความชอบใจที่ไม่ต้องสู้กับซิน...ไม่สิ ได้ออกมาเที่ยวกับฟรานส์ต่างหาก วันนี้เจ้าชายเงือกดูสวยกว่าทุกวัน แม้จะไม่ถึงวันงานพิธีที่ผ่านมา แต่ก็ดูดีจนเห็นได้ชัดว่างานที่อยู่ตรงหน้าเนี่ยต้องมีความสำคัญไม่น้อยแน่ๆ


ฟรานส์ไม่พูดอะไรแต่ส่งยิ้มให้ เจ้าตัวยื่นมือมาจูงมือผมก่อนจะพาว่ายตรงเข้าไปในงาน นั่นทำให้ผมขืนตัวเล็กน้อย ด้วยไม่แน่ใจว่าเจ้าของงานจะยินดีให้ผมเข้าไปด้วยหรือ ทว่าบรรยากาศของงานตรงหน้าทำให้ผมอ้าปากค้าง


หินสีสันสวยงามสะท้อนแสงแวววาวถูกนำมาประดับประดาทั่วบริเวณ พืชน้ำสีเขียวสด เมื่อรวมกับน้ำใสสีฟ้า แบบแสงแดดที่ตกกระทบลงมาแล้วมันทำให้ภาพตรงหน้าของผมเหมือนฝัน.. ฟรานส์ไม่สนใจใครลากผมเข้าสู่ใจกลาง บริเวณนั้นมีเงือกชายหญิงคู่หนึ่งกำลังส่งยิ้มกว้าง ทั้งสองย่อตัวทำความเคารพทันทีที่เข้าชายเงือกมาหยุดลงตรงหน้า


“ท่านฟรานส์”


“ข้ากับโอเชี่ยนมาแสดงความยินดี” เจ้าตัวพูดกับเงือกทั้งสองก่อนจะหันมาหาผม “วันนี้เป็นงานแต่งของทั้งคู่ ข้าเลยพาเจ้ามาเที่ยว”


ว้าว นี่งานแต่งงานของชาวเงือกหรือนี่ ผมมองเจ้าบ่าวเจ้าสาวด้วยความสนใจ สีหน้าของทั้งสองเต็มไปด้วยความสุข รอยยิ้มกว้างที่ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มตามด้วย “ยินดีด้วยนะ”


ทั้งคู่นอกจากจะไม่แสดงท่าทางรังเกียจแล้วยังส่งยิ้มมาให้ทำเอาผมเบาใจไม่น้อยเพราะไม่แน่ใจว่าเค้าจะกลัวผมทำงานล่มเป็นกาลกิณีกับพิธีหรือเปล่า ว่าแต่แหม พ่อหนุ่มเงือกนี่โชคดีจริงๆ เพราะเจ้าสาวตรงหน้าผมนี่น่าเจี๊ยมากๆ อกเป็นอกเอวเป็นเอว


“ปกติแล้วคู่ที่แต่งงานจะแจ้งเรื่องไปที่วัง แต่วันนี้ข้าอยากให้เจ้าเห็นพิธีด้วยก็เลยมาด้วยตัวเอง” สิ่งที่ฟรานส์พูดทำให้ผมมองด้วยความสงสัย ทำไมจะแต่งงานถึงต้องแจ้ง หรือทำสำมะโนทะเบียนประชากร? ทว่า ฟรานส์ก็ตอบผมด้วยการมอบของสิ่งหนึ่งให้คู่บ่าวสาว ซึ่งผมจำเจ้าของสิ่งนั้นได้ดี


“หินนั่น..”


“ใช่ มันคือหินที่เจ้าไปเจอที่บ้านของไซรัส” เจ้าชายเงือกพูดหลังจากพาผมถอยออกมาจากลานเพื่อให้พิธีเริ่ม “คู่แต่งงานทุกคู่จะต้องมาขอหินนี้กับทางวัง” คำอธิบายของฟรานส์ยิ่งทำผมงงไปกันใหญ่ ซึ่งเจ้าตัวคงจะเดาได้ ถึงหันมาทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่ผม “มันเป็นของที่ต้องใช้สำหรับ‘คืนเข้าหอ’ไง”


แล้วมันใช้ยังไงฟระ เอาไว้แทนไวเบร..ตรู๊ด...หรือไง?


“เอาไว้แต่งกันเมื่อไหร่เจ้าก็รู้เอง” พูดเสร็จเจ้าตัวก็หันหน้าหนี แต่ผมแอบเห็นนะว่าหน้าแดง แหม อยากจะชวนพี่โอเข้าห้องหอก็ไม่บอก พูดแบบนี้เรากลับไปเข้าพิธีกันเลยไหม!!


“แต่นั่นหมายความว่าเจ้าต้องเอาชนะข้าในอีกสองอาทิตย์ให้ได้เท่านั้นนะ”


มาพูดความจริงอะไรตอนนี้ ขอผมลืมๆมันก่อนได้ไม๊!!!
   

เดี๋ยวก่อนนะ แบบนี้ก็แปลว่าถ้าผมเอาชนะไม่ได้ก็อดแต่งด้วยหรอ เรื่องอะไรอ่ะ ผมจองฟรานส์แล้วนะ ใครมันจะยอมให้คนอื่นคว้าไปเล่า


แบบนี้ให้ตายผมก็ต้องเอาชนะให้ได้ ให้มันรู้ไปสิว่ามนุษย์ผู้แสนเจ้าเล่ห์อย่างผม จะเอาชนะเงือกไม่ได้ สู่ไม่ได้ด้วยฝีมือ ก็เอาด้วยกลโกงละฟระ!!!

   

เมื่อกลับถึงปราสาท ผมว่ายเข้าไปหาซินในลานด้วยความมุ่งมั่น เจ้าตัวเลิกคิ้วเล็กน้อย เมื่อเห็นผมลอยตัวอยู่ตรงหน้า


“บอกวิธีเอาชนะเจ้านายของนายมาสิ”   ผมพูดอย่างมั่นใจ “ฟรานส์มีจุดอ่อนหรือความเคยชินอะไรบ้าง บอกสิ่งที่นายรู้มาให้หมด!”


พริบตานั้นผมสาบานได้ว่าเห็นรอยยิ้มเล็กๆจากองค์รักษ์หนุ่ม “เป็นความคิดที่ไม่เลว มีแต่ไอ้โง่เท่านั้นล่ะที่สู้กับคนที่เก่งกว่าตัวเองมากๆโดยไม่หาข้อมูลอะไรเลย” นั่นทำให้ผมดีใจว่ามาถูกทางแล้ว “แต่ท่านฟรานส์ไม่มีจุดอ่อนหรอกนะ”


แป่ว


พูดแบบนี้ผมก็ต้องกลับไปวางแผนใหม่อะดิ


“ท่านฝึกต่อสู้มาตลอด เพราะอย่างนั้นถึงได้มีปฏิกิริยาไวมาก แค่มีใครสะบัดอาวุธเข้าไปใกล้ ท่านฟรานส์ก็จะรับรู้และหลบก่อนที่จะโต้กลับฝ่ายตรงข้ามออกมา”


อืม...ฟังแบบนี้แปลว่าฟรานส์อาจจะรับรู้ถึงจิตสังหารของคู่ต่อสู้ แล้วถ้าเราไม่ถืออาวุธใช้พลังกายล้วนๆล่ะ?


“ถ้าคิดที่จะใช้มือเปล่าบอกตรงๆว่าอย่า ท่านฟรานส์ไม่ได้ๆตำแหน่งเจ้าชายมาเพราะโชคช่วยนะ” คำพูดขัดอย่างคนรู้ทันของซินทำให้ผมนึกขึ้นมาได้ ก็ที่ไซรัสบอกว่าการจะไปถึงบ้านเจ้าตัวได้แปลว่าต้องแข็งแกร่งกว่าเงือกทั่วไป...


ไหนยังตอนจับไอ้ปลาหมึกนั่นพันเป็นก้อน...


หรือตอนที่แทบจะป่นกระดูกผม...


ทำไมไม่ว่ามองทางไหนผมถึงเห็นแต่คำว่าตายกับตายฟระ!!


ถ้าอย่างนั้น...



“ฟรานส์!!” ผมว่ายตรงเข้าไปหาเจ้าชายเงือกในห้องทำงาน รอบๆตัวของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยกองเอกสารที่ทำจากสาหร่ายอัดแผ่น “บอกมาเดี๋ยวนี้นะ!! ว่าจุดอ่อนของนายคืออะไร”


“หือ?” อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมามองผม เจ้าตัวเลิกคิ้วด้วยความสงสัย “เจ้าพูดว่าอะไรนะ”


“จุดอ่อนของเจ้าชายเงือกขั้นเทพอย่างนายคืออะไร บอกชั้นมาเดี๋ยวนี้!!”


ผมเชิดหน้าพูดอย่างมั่นใจ ในเมื่อไอ้เจ้าซินมันช่วยอะไรไม่ได้ ตรูว่ายมาถามเจ้าตัวเองก็ได้ฟระ!


แต่พอได้ยินแบบนั้น แทนที่อีกฝ่ายจะถวายคำตอบว่าที่สามีอย่างผมแต่โดยดี เจ้าตัวกลับก้มหน้าลงไปกองกับโต๊ะ ก่อนที่จะระเบิดเสียงหัวเราะดังสนั่นผิดวิสัยเจ้าชาย เล่นเอาผมหน้าชาเลย


หลังขำตัวสั่นอยู่นานฟรานส์ก็เงยหน้าขึ้นมองผมที่กำลังจะหนี “จะไปไหน” เจ้าตัวแย้มรอยยิ้มกว้าง ก่อนจะกวักมือเรียกผมไปใกล้ๆ แต่ความมั่นใจตรูไปหมดแล้วไง เรื่องอะไรจะเข้าไปหาให้อายกว่าเดิม ขอเผ่นไปตั้งหลักทำใจก่อนล่ะ


เมื่อเห็นผมนอกจากจะไม่ขยับมาหาแถมยังมีทีท่าจะเผ่นออกนอกห้อง เจ้าชายเงือกก็วางงานในมือลง ก่อนจะพุ่งมาหาผม คว้าข้อมือเป็นตัวประกันไว้ก่อนจะลากเราทั้งสองไปนั่งอยู่ที่โซฟาใกล้ๆ


“เอ้า ให้โอกาสถามใหม่อีกที”


ไม่ถงไม่ถามแล้วโว้ย เล่นขำตรูซะขนาดนี้ ผมมองอีกฝ่ายเลิกลัก ความมั่นใจตอนที่ว่ายเข้ามาหายไปกับสายน้ำหมดแล้ว
ฟรานส์จับข้อมือทั้งสองของผมเอาไว้กันหนี เจ้าตัวหรี่ตาเจ้าเล่ห์ก่อนจะเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้


เฮ้ยๆ ทำไมผมรู้สึกเหมือนกำลังถูกรุกเลยล่ะ ไม่เอาโมเม้นนี้นะโว้ย


เพียะ!!


“โว้ย เจ็บ..” ผมสบถหลังจากโดนปลายนิ้วขาวๆดีมาเต็มๆเน้นๆที่หน้าผาก เจ้าของมือสวยที่ตอนนี้ยอมปล่อยมือทั้งสองข้างของผมแล้ว แต่หันมาประทุษร้ายหน้าผากแทน


“เจ้าถามหาจุดอ่อนกับคนที่เจ้าต้องสู้ด้วยนี่นะ” ฟรานส์ยิ้มๆพร้อมส่ายหัว “ไม่บ้าจริงทำไม่ได้นะนี่”


ใช่สิ ตรูมันปัญญาอ่อนนี่


ฟรานส์เห็นผมสะบัดหน้าหนีก็ยิ้มขำ เสียงหัวเราะ หึหึ ลอยมาตามน้ำทำเอาผมโคตรนอยส์ ก็ผมเกิดมาแบบคนธรรมดานะเฟร้ย ไม่ได้เกิดมาแบบแฟนตาซีต้องมีวิทยายุทธติดตัว ใครมันจะไปเก่งเหมือนท่านเจ้าชายได้ล่ะ


“ข้าอุตส่าห์ส่งซินไปเป็นคู่ฝึกให้ ทำไมไม่ถามเจ้านั่นล่ะ”


“ก็เพราะถามแล้วไม่ได้คำตอบนี่ไงถึงได้บากหน้ามาหาเจ้าตัวเนี่ย..” ผมบ่นอุบอิบ


“โดนเจ้านั่นอำแล้วสิ ข้าจะบอกให้นะ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอก เราทุกคนต่างก็มีจุดอ่อนทั้งนั้น แม้กระทั่งข้าเองก็เถอะ”


“แล้ว..”


“อ๊ะๆ อย่าขี้โกงสิ นี่เป็นเรื่องที่เจ้าต้องหาคำตอบเอง” ฟรานส์ดักทางผมด้วยการเอานิ้วมาปิดปากเสียก่อน “ข้าว่าเจ้าควรเอาเวลาที่เหลือน้อยนี่ไปฝึกมากกว่าจะมางอแงใส่ข้านะ”


“ก็ทำไมนายไม่บอกชั้นตั้งแต่ตอนฟิลันอยู่ในไข่ล่ะ” ผมโวยใส่อีกฝ่ายเมื่อนึกขึ้นได้ ในช่วงที่ฟิลันจำศีลผมนี่ไร้สาระสุดๆ ถ้าเอาเวลาช่วงนั้นมารวมด้วย ผมคงจะมีทางออกมากกว่านี้


ทว่าฟรานส์กลับส่ายหัว “บอกไปเจ้าก็ไม่ทำหรอก”


“ไม่จริงเฟร้ย”


“งั้นข้าถามหน่อย ในระหว่างที่เจ้ากำลังรอฟิลันตื่นขึ้น เจ้าได้สนใจทำอะไรอย่างอื่นไหมล่ะ” เอิ่ม อยากถามว่าทำไหม~ ขอบอกเลยว่าไม่~ อารมณ์นั้นผมทั้งลุ้นทั้งห่วงฟิลัน วันๆก็วนไปแถวลานพิธีนั่นล่ะ “ใช่ไหมล่ะ ถึงข้าบอกไปเจ้าก็ห่วงฟิลันจนไม่เป็นอันฝึกอยู่ดี”


ชัดเจนจ้า เข้าใจนิสัยเสียๆของผมอย่างทะลุปรุโปร่งสมกับเป็นฟรานส์จริงๆ ฮือออ



ในเมื่อรู้เขาไม่ได้แถมโดนหัวเราะเยาะจนอับอายขายขี้หน้าแล้ว ผมก็เลยตัดสินใจหันมารู้เราไปพลางๆก่อน ผมพยายามนึกถึงข้อดีของตัวเองว่ามีอะไรบ้างที่สามารถเอาไปใช้ต่อกรกับฟรานส์ได้


หน้าตาหล่อเหลา(?)... อันนี้ช่วยอะไรไม่ได้เลย นอกจากจะเอาไปร้องเพลงฉันผิดเองแข่งกับ‘WHO’ สาบานได้ว่าผมไม่ได้ค่าตัวและค่าโฆษณาจากการกล่าวถึง แถมเสี่ยงที่จะโดนฟ้องอีกต่างหาก


ฉลาด เรียนเก่ง... ข้อนี่น่าจะไม่ดูจากผลการสอบและการที่ผมนึกอะไรไม่ออกว่าจะทำยังไงถึงจะชนะฟรานส์ได้
แข็งแรง...เอาเป็นว่าน้อยกว่าฟรานส์แน่ๆ


เร็ว... อืม ข้อนี้สำหรับผมน่าคิดที่สุด แม้ผมจะไม่เคยแข่งกับฟรานส์ซักที แต่จากที่ผ่านๆมาผมได้ฝึกปรือฝีมือจากการหลบบาทาพวกที่หาเรื่องเพราะไปหลีสาวบ่อยๆ ขนาดซินเองถ้าผมหนีจริงๆจังๆ หมอนั่นก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกันแม้สุดท้ายผมจะหมดแรงเสียก่อน แต่อย่างน้อยก็หนีได้เป็นหลายนาทีละฟระ

.

...........

....................

แล้วถ้าผมเอาแต่หนีจะเอาชนะฟรานส์ได้ยังไงล่ะเนี่ย ใครก็ได้ช่วยโอเชี่ยนที!!

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :m20:   พี่โอ ทำใจเถอะนะ

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
คู่น้องนิก็สลับกันอย่างเห็นได้ชัด แกล้งๆไปเดะก็รักกันเอง
แต่อิพิ่โอนิจะเอาดีทางนี้เลยชะมะ ออกมาที่นางทำฮา ตลอด :m20:
จะรอดหรือเปล่านั้น มีงงมีงอนดั๊ว 5555

ออฟไลน์ mymine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • FaceBook
ตอนที่15


“วิธีนั้นก็ไม่ได้ วิธีนี้ก็ไม่ไหว จะทำยังไงถึงจะเอาชนะฟรานส์ได้ว้า...” ผมบ่นกับตัวเองในระหว่างที่นอนลอยคอเท้งเต้งอยู่ตัวเดียว


วันนี้ซินต้องออกไปตรวจนอกเมืองกับฟรานส์ เจ้าตัวก็เลยปล่อยให้ผมฝึกซ้อมเอง ซึ่งผมว่าฝึกให้ตายผมก็เก่งขึ้นภายในเวลาสั้นๆไม่ได้ สู้เอาเวลาซ้อมมาวางแผนว่าทำยังไงถึงจะเอาชนะพ่อเจ้าชายเงือกที่ได้ชื่อว่าเก่งที่สุดในเมืองนี้ได้ดีกว่า
   

จับมัดเอาไว้?... ไม่ได้แหง ใครมันจะยอมอยู่นิ่งๆให้มัด


วางยานอนหลับ?... ไม่ดีๆในน้ำจะเอายามาจากไหน
   

ใช้หุ่นสุดเซ็กซี่หลอกล่อแล้วจับซั่มให้หมดแรง?... แบบนั้นดูเหมือนคนที่หมดแรงน่าจะเป็นผมมากกว่า แหมก็ฟรานส์น่ากดขนาดนั้น พอได้เริ่ม อะไรๆมันก็หยุดไม่อยู่ใช่ไหม กลัวว่าจะกลายเป็นคู่แข่งมาลงแข่งไม่ได้เพราะคนนึงปวดสะโพก อีกคนฟ้าเหลืองน่ะสิ
   

“มีวิธีไหนอีกไหมว้า...”
   

“พี่โอ!!”


“เฮ้ย!!!” ผมสะดุ้งถอยแทบไม่ทันเมื่อใบหน้าของฟิลันในมุมกลับลอยมาอยู่ต่อหน้าผม แถมโผล่มาตรงหน้าเฉยๆไม่ได้ต้องตีลังกาด้วยนะ “ฟิลันเล่นอะไรเนี่ยพี่ตกใจหมดแล้วทำไมต้องกลับหัวแบบนี้!”
   

ฟิลันที่ตอนนี้รูปร่างสูงใหญ่ขึ้นมากกำลังลอยมาตรงหน้าผม เจ้าตัวกวาดตามองขึ้นลง “ข้าต่างหากที่จะถามพี่โอ ว่าพี่จะนอนผึ่งเป็นปลาแดดเดียวทำไม?”
   

อู้ย แววตาและคำพูดเธอช่างร้ายกาจ พี่โอก็แค่หาที่นอนดีๆไม่ได้เลยย้ายตัวเองมานอนบนหินก้อนใหญ่ เอาหัวห้อยไว้แค่นั้นเอง ไม่เห็นประหลาดตรงไหน แต่เมื่อกวาดตามองก็พบเงือกทหารหลายๆตัวมองผมด้วยแววตาหวาดระแวงนิดๆ เอ่อ...แบบนี้มันแปลกจริงหรอ
   

คิดแบบนั้นก็เลยค่อยๆหมุนตัวกลับมาแบบเดิม อู้ย..เลือดลงหัว มึนกันเลยทีเดียว ผมสะบัดหัวเรียกสติ ก่อนจะส่งยิ้มแหยให้เจ้าชายเงือกที่ยืนเท้าสะเอวมองผมอยู่
   

โตขึ้นแล้วบุคลิกเริ่มกวนขึ้นนะฟิลัน
   

“มาหาพี่มีอะไรหรือเปล่า”
   

“ก็มาเฝ้าพี่โอน่ะสิ ท่านพี่บอกว่าถ้าไม่มีใครจับตาดู รับรองว่าพี่ต้องชิวลันล้าหาโอกาสหนีการฝึกแหง” เจ้าชาย(เริ่มไม่)น้อย กอดอกเหล่มองเงือกที่กำลังลันล้าอู้งาน ทำเอาคนมีชนักอย่างผมส่งยิ้มแหยให้
   

แหม แบบว่ามัวแต่วางแผนน่ะ ไม่ได้อู้จริงๆนะ แต่จะว่าไป...
   

“เรามาก็ดีแล้ว มาช่วยพี่คิดหน่อยสิว่าฟรานส์มีจุดอ่อนหรือความเคยชินอะไรบ้างไหม” ผมลืมไปได้ยังไงว่ายังมีฟิลันที่น่าจะหาข้อมูลได้ แม้ในตอนแรกเพราะผมคิดว่าอีกฝ่ายยังเด็กเกินกว่าเรื่องการรบเรื่องต่อสู้แบบนี้เลยไม่ทันได้ถาม แต่แหมเขาพี่น้องกันต้องมีข้อมูลกันและกันบ้างล่ะน่า
   

เอาจริงๆคือตอนนี้ผมออกแนวจนตรอกแล้ว ถามใครได้ตรูถามหมด!!
   

เงือกตรงหน้าเอียงคอน้อยๆทำท่านึก “อย่างท่านพี่น่ะหรอ ไม่เห็นได้ยินว่ามีจุดอ่อนอะไรเลย ออกจะไร้เทียมทาน” ได้ยินแบบนั้นผมก็ห่อเหี่ยวสิ “แต่ที่ข้าจำได้อยู่อย่างนึงคือท่านพี่หาของเก่งมาก!”
   

หาของ???? คือยังไงฟระ??
   

หลังจากได้รับคำอธิบายแล้วผมก็ค่อยกระจ่างหน่อย คือฟิลันเคยทำหินสีที่สะท้อนแสงสวยๆหล่นหายในบริเวณดงปะการัง เจ้าตัวชอบหินก้อนนี้มากเลยพยายามงมหาท่ามกลางปะการังนับร้อยๆจนใกล้มืด ซึ่งฟรานส์ก็ไม่ยอมตามมาลากเจ้าตัวกลับปราสาทบอกว่าพรุ่งนี้จะหาให้ และในเช้าวันถัดมา ฟรานส์ก็สามารถหาหินนั้นได้รวดเร็วมากเสียด้วยสิ
   

ดูไม่ค่อยจะเกี่ยวเท่าไหร่เลยแฮะ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังตั้งใจฟังอีกฝ่ายเล่า เพราะเป็นครั้งแรกที่ผมได้รู้เรื่องราวอื่นๆของฟรานส์นอกจากที่ตัวเองเห็น
   

เราคุยกันจนเย็น แสงสว่างที่ทอดมาจากบนผิวน้ำเริ่มลดลง เงือกหลายตัวเริ่มแยกย้ายกลับกันแล้ว รวมถึงผมกับฟิลันด้วย แต่ในขณะที่กำลังจะกลับ เจ้าชายที่ถูกเราทั้งสองคนนินทาทั้งวันพร้อมองค์รักษ์ก็ปรากฏตัวขึ้นแต่ไกล แสงจากสร้อยที่ผมเคยให้สะท้อนแสงที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด
   

จะว่าไปหินนี่มันดีจริงๆนะ สมกับที่เป็นของคู่บ้านคู่เมือง ถ้าอยู่ในช่วงเวลามีแสง มันจะสะท้อนเป็นประกายงดงาม เอาเป็นว่าถ้าแดดจ้าหน่อยอาจทิ่มตาผมบอดเลยก็ได้ แต่ถ้าอยู่ในที่มืด มันกลับจะเรืองแสงนวลให้ความรู้สึกอบอุ่นแม้อยู่ท่ามกลางความมืดมิด
   

“สรุปว่าพากันอู้ทั้งคู่สินะ” ฟรานส์ส่ายหัวหลังจากเห็นสภาพพวกผม ที่ดูจะไม่เหน็ดเหนื่อยอะไรเลย ก็แน่ล่ะ เพราะเราสองตัวนอนคุยกันทั้งวัน ไม่ได้ว่ายไปไหนด้วยซ้ำ
   

“เปล่านะ ฉันกับฟิลันช่วยกันวางแผนล้มนายต่างหาก.. เนอะฟิลันเนอะ” ผมหันไปหลิ่วตาให้เจ้าชายน้อยซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าหงึกหงักตามน้ำกันแต่โดยดี น่ารักจริงๆ

   

หลายวันผ่านไป วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการฝึกแล้ว พรุ่งนี้จะถึงวันที่ผมต้องสู้ตัวต่อตัวกับฟรานส์ ซึ่งผลการฝึกตลอดสองอาทิตย์ดูจะได้ผลไม่น้อย ช่วงเวลาที่ผ่านมาผมตัดสินใจเน้นการฝึกหลบหลีก ถอยแล้วสู้ สไตล์ hit&run ซึ่งผมคิดว่าความเร็วในการหนีถือเป็นจุดเด่นที่สุดของผม ซินก็ไม่ได้เถียงอะไร เจ้าตัวบอกว่าก็มีเหมือนกันที่ใช้วิธีหนีพลางหาช่องว่างจากอีกฝ่ายแล้วค่อยโจมตี เพียงแต่ไม่วายที่เจ้าตัวจะเหน็บผมว่าแล้วจะหนีไปได้นานแค่ไหน? เพราะเทียบกับฟรานส์แล้วแม่ช่วงตัวผมจะยาวกว่าแต่ความอึดของผมน้อยกว่าอีกฝ่ายเยอะ


แต่ที่แน่ๆตอนนี้ผมมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ในวันหลังๆผมสามารถหาช่องแทงสวนอาวุธเข้าไปหาอีกฝ่ายได้บ้างแล้ว แม้จะช้าเกินไปจนซินทำหน้าเหนื่อยใจแต่อย่างน้อยก็ถือว่ามีพัฒนาการที่ดีขึ้นล่ะน่า คิดว่าในการสู้จริงผมน่าจะว่ายหลบหลีกฟรานส์ได้ซักห้านาที และในระหว่างนี้ก็ต้องหาทางฉวยโอกาสโจมตีอีกฝ่ายให้ได้


ทว่าในขณะกำลังซ้อมสู้กันอยู่ ผมซึ่งได้ยินเสียงฟรานส์นั่นทำให้ผมชะงัก ทว่าซินที่เป็นคู่ต่อสู้ได้สวนหอกเฉียดหน้าผมไปอย่างยั้งไม่อยู่ ปลายแหลมของมันกระแทกเข้าที่บริเวณมือจนแขนของผมสะบัดแทบจะกระเด็นไปไกล นั่นทำให้ผมตกใจมาก


“โอ๊ย!!!”
   

“โอเชี่ยน!” นั่นทำให้ฟรานส์ที่ตอนแรกโผล่มาแต่เสียงพุ่งเข้ามาหาผมอย่างรวดเร็ว เจ้าตัวประคองมือขึ้นมาอย่างทะนุถนอม มือและปลายนิ้วของผมชาดิก แต่เท่าที่มองแล้วดูจะไม่มีแผลอะไรร้ายแรงนัก   


เจ้าชายเงือกหันขวับไปจ้ององค์รักษ์ของตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย “ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าทำให้โอเชี่ยนบาดเจ็บ!!!” สีหน้าฟรานส์ดูน่ากลัวมากผมไม่เคยเห็นเจ้าตัวทำหน้าแบบนี้มาก่อน


“...ท่านโอเชี่ยนไม่มีสมาธิในการต่อสู้ ในสนามรบท่านก็น่าจะรู้ว่าการเผลอประมาทแม้เพียงนิดเดียวหมายถึงความตาย”


“เจ้า!!”


“เอาน่าเพราะฉันเหม่อเอง อีกอย่างนอกจากอาการชาแล้วก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรนี่ พักพอหายก็น่าจะดีขึ้น” ผมต้องกัดฟันปลอบฟรานส์ที่ตอนนี้ขู่แง่งๆใส่องค์รักษ์ของตัวเอง ถามว่าจริงๆผมเจ็บไหมก็ต้องบอกตรงๆว่าเจ็บไม่น้อยเชียวล่ะ แต่เรื่องเผลอก็เป็นความจริงเช่นกัน


เจ้าชายเงือกหันมาลากผมเข้าไปนั่งพัก จับมือผมพลิกดูราวกับว่าจะหาแผลได้ถ้าจ้องมากๆอย่างงั้นล่ะ “โอเชี่ยนแหวนเจ้าหายไปไหน..”
   

คำพูดแบบไม่มีที่มาของฟรานส์ทำให้ผมชะงักด้วยความตกใจ “แหวน!” บ้าน่า แหวนของผมใส่ติดตัวอยู่ตลอดนะไม่เคยถอดเลยสักครั้ง มองซ้ายขวาก็ไม่เจอ ช่วยกันหาตรงลานต่อสู้ก็ไม่มี
   

“หรือที่กระแทกเมื่อกี้จะกระเด็นไปไกล” ฟรานส์ตั้งข้อสังเกต “เพราะที่จริงข้านึกว่าเจ้าจะบาดเจ็บไปแล้ว” ใช่มันควรจะเป็นแบบนั้น แต่ดีนะว่าพ่อองค์รักษ์สังเกตทันเลยเบี่ยงเป้าหมายออกไปได้จึงไม่โดนจุดสำคัญ ไม่เช่นนั้นคงจะเป็นไหล่ผมที่ทะลุ


ฟรานส์สั่งให้เงือกที่อยู่ใกล้ๆพวกเราช่วยกันแยกย้ายหาแหวน ซึ่งในความคิดผมมันน่าจะหายากมากพอดู เลยลานต่อสู้ไปก็เป็นทุ่งสาหร่ายซึ่งมีพืชน้ำ หินและปะการังหนาแน่น กับแหวนที่ทำจากหินก้อนเล็กๆแบบนั้น น่าจะกลืนไปกับก้อนหินตามธรรมชาติหมดแล้ว แม้มันจะสะท้อนแสงก็ตามทีเถอะ แต่ไม่น่าที่จะมีใครหามันได้เร็ว... “เจอแล้ว!” แบบนี้
   

“ห๊ะ!! ” ฟรานส์ว่ายตรงเข้ามาสวมแหวนให้ผมเหมือนเดิมท่ามกลางสายตาเงือกนับสิบ เล่นเอาผมแอบหน้าแดง แหม จะขอแต่งงานกันต่อหน้าประชาชีแบบนี้เลยหรอ
   

ไม่สิ ไม่มีเจ้าสาวคนไหนขอเจ้าบ่าวแต่งงานแบบนี้ ไม่นะไม่
   

“เจ้าหน้าแดง...” ยังจะมาพูดอีก เพราะใครเล่าเฟร้ย
   

“..เปล่า”
   

“หึหึ ดีใจก็บอกมาเถอะ”
   

“บ้าน่า... ว่าแต่ทำไมหาเจอเร็วจัง” ทันใดนั้นผมก็นึกถึงที่ฟิลันเคยพูดไว้ว่าฟรานส์หาของเก่งมาก นี่ถ้าไม่เห็นกับตาผมคงนึกว่าเจ้าตัวเอาไปแอบซ่อนซะเองนะนี่
   

แต่เจ้าตัวเพียงยักไหล่แล้วบอกว่า ‘ข้าตาไวกับของที่สะท้อนแสงแวววาว’ อืม ก็ไม่น่าแปลกใจอะไร ยังไงสาวๆก็ชอบของที่มันเป็นประกายอยู่แล้ว แบบนี้พอแต่งงานไปผมต้องหาเงินมาซื้ออัญมณีให้สินะนี่
   

แววอนาคตยากจนรำไรแฮะ

   

สุดท้ายเพราะมือของผมเป็นแบบนี้ ฟรานส์เลยตัดสินใจว่าไม่ต้องฝึกมันแล้ว กลับเลยดีกว่า ถือเป็นการผ่อนคลายเพื่อจะได้สู้เต็มที่ในวันพรุ่งนี้ด้วย ได้พักมันก็ดีหรอกนะ แต่อารมณ์ผมตอนนี้เหมือนคนใกล้สอบอ่ะถึงหยุดแต่ก็ไม่ได้ผ่อนคลายลงเลยสักนิด


เราทั้งหมดพากันว่ายกลับเข้าไปในปราสาท ทว่าก่อนที่จะแยกย้ายเข้าห้อง ฟิลันที่ว่ายมาจากไหนก็ไม่รู้ตรงเข้ามาพูดกับผมว่า “พี่โอ ข้านึกออกแล้ว จุดอ่อนของท่านพี่ก็พี่โอไง ข้าไม่เคยเห็นท่านพี่หวง ห่วงใครมากเท่าพี่โอเลยนะ” ฟิลันพูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยท่ามกลางประชากรเงือกทหารก่อนจะว่ายหนีไป ทำเอาผมเหวอ คนถูกพาดพิงหน้าแดงอ้าปากค้าง กระทั่งซินยังเผลอหลุดขำ ก่อนจะรีบว่ายหนีเพราะฟรานส์เปลี่ยนเป้าหมายส่งสายตาเขียวปั๊ดใส่อีกฝ่ายแล้ว
   

แต่เฮ้ยๆ ฟิลัน พี่โออยากได้ข้อมูลก็จริง แต่ไม่ใช่ต่อหน้าเจ้าตัวแบบนี้ ไหงมาทิ้งทุ่นระเบิดแล้วหนีไปทิ้งพี่เผชิญชะตากรรมเล่า ขนาดซินยังหนี ทำไมไม่พาพี่ไปด้วยยยย
   

“จะหนีไปไหนหรือโอเชี่ยน” เสียงเรียกแบบเจาะจงเน้นชื่อทำให้ผมรู้สึกเหมือนเหงื่อแตกทั้งที่อยู่ในน้ำ ส่งยิ้มประจบไปให้อีกฝ่ายก็แล้ว “ก ก็กะว่าจะไปหาฟิลันหน่อยน่ะ....”
   

“หาทำไม ไม่ต้อง มีอะไรสงสัยมาถามข้านี่รับรองว่าข้าจะตอบคำถามของเจ้า ทุกคำถามเลย” พูดจบเจ้าตัวก็ตรงเข้ามาล็อคคอผมลากกลับไปยังห้องนอน แถมมีการมาเหวี่ยงผมลงบนเตียงอีกนะ
   

โสรยาทำไมเจ้ารุนแรงกับพี่นัก
   

เฮ้ยๆผิดเรื่อง แถมตอนนี้ไม่ใช่เวลานึกบ้าๆ เพราะฟรานส์ตอนนี้ปีนตัวขึ้นมาคร่อมผมแล้ว “ใจเย็นๆ!!ฟรานส์! ฟิลันแค่แซวเล่นน่ะ มีอย่างที่ไหน เงือกบ้าๆบอๆอย่างฉันนี้นะจะเป็นจุดอ่อนของเงือกขั้นเทพอย่างนาย” ฟราน์ใช้มือข้างเดียวยึดมือทั้งสองข้างของผมไว้เหนือหัว ให้ตายเถอะ มือผมยังชาอยู่นะ แบบนี้จะเอาอะไรไปขัดขืนเขา แถมสถานการณ์แบบนี้มันสถานการณ์เสียตัวในตำนานชัดๆ!!
   

“มันเป็นเรื่องจริง” ห๊ะ!! ผมกำลังพยายามดิ้นหนีอยู่ก็ต้องชะงัก “เจ้าเป็นจุดอ่อนของข้าจริงๆ”
   

ฟังแล้วน่าดีใจไหมนี่ จุดอ่อนที่ผมอยากรู้ก็ได้รู้แล้ว แต่...มันจะมีประโยชน์อะไรวะ!! มันไม่ได้ช่วยให้ผมเอาชนะฟรานส์ได้เลยนะ
   

“อึก!” บ้าชะมัด แค่เผลอนิดเดียวฟรานส์ก็ปล่อยมือของผมออกจากการยึดจับ เจ้าตัวค่อยๆจูบลงที่ปลายนิ้วนางที่สวมแหวน ก่อนจะเริ่มเลียไล้ไปตามนิ้วอื่น ความร้อนของปลายลิ้นและริมฝีปากทำให้ผมเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้น...
   

“อือ.. ด..เดี๋ยวก่อน” โมเม้นนี้มันไม่ใช่ ตำแหน่งนี้มันก็ไม่ใช่ ไม่เอานะเฟร้ยยย
   

หงับ!
   

“อึก!!.... โอ-เชี่ยน” ฟรานส์ชะงักหลังจากผมกัดลงบนคออีกฝ่าย เรื่องอะไรผมจะยอมให้รุกฝ่ายเดียวเล่า ผมเป็นสามีนะ ผมต้องเป็นฝ่ายรุกสิ!! หลังงับแล้วผมก็ค่อยๆเลียซ้ำลงบนแผลบริเวณต้นคอที่มีรอยฟันของผมประดับไว้ ทำให้ว่าที่ภรรยาของผมหน้าแดง ส่งเสียงครางฮือในลำคอ
   

หึหึ เรื่องต่อสู้อาจจะไม่ได้เรื่อง แต่เรื่องแบบนี้พี่โอมั่นใจมาก!
   

แต่ความมั่นใจผมก็ต้องถูกสั่นคลอนซ้ำ เพราะฟรานส์เอาคืนผมน่ะสิ เจ้าตัวกัดลงบริเวณเดียวกับที่ผมกัดอีกฝ่าย ก่อนจะขบเม้ม ทำเอาผมกลั้นเสียงแทบไม่ไหว


ให้ตายเถอะฟรานส์นี่เรียนรู้ไวเกินไปแล้ว


หลังการปล้ำไปมาอยู่หลายรอบโดยไม่มีใครยอมใคร สุดท้ายพวกผมก็นอนแผ่กันคนละฝั่งของเตียง บริเวณคอมีรอยสีกุหลาบกันคนละรอยสองรอย ให้ตายเถอะ ภรรายาผมนี่บทจะร้อนแรงก็ทำเอาสามีอย่างผมแทบระทวย


นี่ถ้าไม่ติดว่าพรุ่งนี้ต้องสู้นะ ผมจะจัดชุดใหญ่เอาไม่ให้ลุกจากเตียงเลย


.


.


.


และแล้วก็มาถึงวันชี้ชะตา ศึกวันทรงชัยมวยคู่เจ็ดสี ฝ่ายแดงฟรานส์ ป.ปลา VS. ฝ่ายน้ำเงินโอเชี่ยน โดนเจี๋ยนแน่ๆ





คิดซะว่าผมตื่นเต้นจนสติแตกแล้วละกันนะ


เอาเข้าจริงถึงจะไม่ใช่แต่ก็ใกล้เคียงพอดู นอกจากเรื่องต้องลงไปสู้แล้ว ไหนจะเรื่องเมื่อวานที่เหตุการณ์พาไปจนผมเกือบเสียงซิงประตูหลัง ...แต่มาคิดดูแล้ว ผมอาจจะโดนฟรานส์แกล้งหรือเปล่า เจ้าตัวดูโมโหง่ายผิดปกติ ไหนยังจะรุกซะจนผมตกใจ


“พี่โอ...คอพี่ไปโดนใครกัดมา” มือผมตะปบตำแหน่งที่โดนใครบางคนกัดคืนทันที นึกแล้วร้อนหน้าไปหมด


ฟิลันหรี่ตามองรอยที่ปรากฏขึ้นขณะกำลังช่วยรวบเส้นผมให้ แม้ผมจะบ่ายเบี่ยงก็ตามเถอะ แต่ดูสายตาเจ้าตัวแล้ว คงพอจะเดาได้ล่ะว่ารอยรัก(?) นี้มาจากไหน


“รอยแบบนี้ควรจะปล่อยผมลงมาปิดไหมนี่” ปลายนิ้วขาวจิ้มๆสะกิดๆตรงรอย นั่นทำให้ผมหันไปมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความสงสัย ทำไมต้องปิดด้วยมันก็เหมือนรอยยุงกัดธรรมดานี่นา “ส่วนมากเวลาพวกเราจะสู้แบบเป็นทางการจะรวบผมขึ้นให้เรียบร้อย เพราะมันเกะกะตอนสู้น่าดู ...เพียงแต่สภาพของพี่โอตอนนี้มันไม่เหมาะไง...คือถ้าเป็นเงือกทั่วไปก็คงไม่มีใครสนใจหรอก แต่ถ้าเป็นเจ้าชายแล้วมีรอยแบบนี้...มันดูไม่งามนะ”


คำอธิบายของเงือกข้างตัวทำเอาผมเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ ไหนยังจะรายละเอียดปลีกย่อยในการแต่งตัวนั่นอีก แค่จะตีกันนี่มันยุ่งยากขนาดนี้เลยหรือฟระ


แต่จะว่าไป...


“ฟิลัน ช่วยอะไรพี่สักหน่อยสิ” ผมหันไปส่งยิ้มให้เจ้าชายเงือกน้อยข้างๆ บางทีผมอาจจะได้ตัวช่วยที่ทำให้ผมเอาชนะฟรานส์มาไว้ในมือก็ได้

.

.

.

บริเวณลานตอนสู้หลังปราสาทในตอนนี้เต็มไปด้วยเงือกทหารหลายและเงือกสาวที่เป็นข้ารับใช้หลายสิบตัว ทั้งหมดพากันอยู่รอบๆวงถอยห่างจากบริเวณที่ใช้ต่อสู้ ณ.ตรงกลางนั้นปรากฏเงือกสองตัว คือซินที่ทำหน้าที่แทนกรรมการ และฟรานส์ที่อยู่ในสถานะรอต่อสู้ ผมยาวสีทองถูกมัดเข้าไปครึ่งหัว ปล่อยปลายผมส่วนที่เหลือพลิ้วไปตามสายน้ำ ในมือถืออาวุธพลองยาวตรงปลายมีสามง่าม


ทันทีที่ผมว่ายตรงเข้ามาก็เจอสายตาทิ่มแทงของเจ้าชายเงือกที่ดูจะมองมาที่ผมอย่างไม่ค่อยชอบใจนัก แน่ล่ะก็ในขณะที่ฟรานส์ต้องใช้เส้นผมมาบดบังรอยกัดที่เจ้าตัวมีไม่ต่างจากของผม แต่ผมขอให้ฟิลันรวบเส้นผมมัดมวยแบบสูง ตึงจนคอขาวเปิดโล่ง อะไรๆที่ควรจะแอบซ่อนเลยปรากฏต่อหน้าสายตาเงือกนับสิบ


“ทำไมถึงไม่หาอะไรปิด”


“ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่กะอีกแค่รอยกัดไม่กี่รอย” ผมพูดยั่ว “เห็นแบบนี้ก็เซ็กซี่ดีออก”


แต่ดูฟรานส์จะไม่ขำด้วยเท่าไหร่ เจ้าตัวทำหน้าดุ “ข้าไม่ชอบให้ใครเห็นของๆข้า”


อื้อหือ รักนวลสงวนตัวสมเป็นเจ้าสาวที่ดีมาก..



“เอ่อ.. ข้าว่าเราควรจะเริ่มการต่อสู้สักทีนะ แล้วท่านทั้งคู่จะหึงหวงกันต่อก็ไม่มีใครว่าแล้วล่ะ” อยู่ดีๆไอ้เจ้าองค์รักษ์ที่ทำหน้าที่กรรมการก็พูดแทรกเข้ามา เล่นเอาผมสะดุ้งกวาดตามองสภาพรอบตัว เห็นสายตาเงือกนับสิบที่รอชมการต่อสู้กำลังจ้องมาที่พวกเรา


ทว่าฟรานส์กลับไม่สนใจซักนิด เจ้าตัวหันไปค้อนคนของตัวเองตาแทบหลุด ก่อนจะสะบัดหน้ากลับมามองผม สีหน้าและแววตาสงบนิ่ง มือขยับอาวุธให้พร้อมอยู่ในสถานะตั้งรับ


เห็นแบบนั้นผมก็ขยับอาวุธในมือตัวเองบ้าง ดวงตาของเราทั้งสองประสานกัน


แววตาอย่างผู้ล่าที่ไม่มีใครยอมใคร


“3”


“2”


“เริ่มได้!” และคำพูดที่ตัดสินชะตาก็ได้เริ่มขึ้น...

ออฟไลน์ มาม่าหมูสับ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เอาแล้ววววว โอจะเป็นไงเนี่ย  :z10:

ออฟไลน์ et-file

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :katai5:รออ่านต่อไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mymine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • FaceBook
ตอนที่16


แม้จะได้ยินข่าวลือและเห็นกับตาเองว่าฝีมือของอีกฝ่ายดีแค่ไหน แต่นั่นไม่เทียบเท่าสิ่งที่ผมกำลังพบเจอด้วยตัวเองได้เลยสักนิด
   

ฝุบ!
   

อาวุธเพึ่งเฉียดหัวผมไปหมาดๆ!!
   

ฟรานส์บุกเข้ามาอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่วินาทีที่เจ้าซินพูดคำว่า’เริ่มได้’จบ ไม่มีการรีรออะไรทั้งนั้นทำเอาผมถอยแทบไม่ทัน และตอนนี้เจ้าตัวก็เริ่มสะบัดอาวุธฟาดลงที่ผมอีกแล้ว
   

จะเร็วไปไหน!!!


ฟรานส์ที่เป็นคู่แข่งแย้มรอยยิ้มชอบใจ แม้เจ้าตัวพึมพำประมาณว่า ‘ไวหยั่งกับปลาไหล’ ทว่าความเร็วของอาวุธกลับไม่ได้ลดลงสักนิด เจ้าตัวแทงซ้าย แทงขวา ตวัดไปข้างหน้า ดึงกลับมาข้างหลัง จนตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังโพสท่ารูปตัวเอสให้ชาวบ้านดูไปพลางๆเนี่ย
   

ทว่าถึงพวกคุณจะเห็นผมโวยวายบ้าบอแบบนี้ แต่เชื่อไหม ผมคิดว่าผมยังไหว เสียงร้องตะโกนด้วยความหวาดเสียวยามอาวุธลากผ่านหน้า เฉียดเส้นผมของผมไปแค่เซ็นเดียว อาวุธที่พุ่งตรงมาหาผมแม้จะรวดเร็วและรุนแรง แต่ผมหลบมันได้ทั้งหมด
   

ใช่ ความสามารถด้านแมลงสาปของผมอัพเลเวลอีกขั้นแล้ว วะฮะฮ่า
   

“โอเชี่ยน หลบเก่งอย่างเดียวเอาชนะไม่ได้หรอกนะ”
   

รู้น่า!! แต่มันหาทางสวนไม่ได้เฟร้ย!!
   

ผมได้แต่ตะโกนตอบฟรานส์ในใจ เพราะตอนนี้ต้องหลบอาวุธอีกฝ่ายเอาเป็นเอาตาย!!! แถมยังมีปัญหาใหญ่คือไม่มีโอกาสแทงสวนอีกฝ่ายเลย ฟรานส์เป็นเงือกที่แม้ความเร็วจะสู้ผมไม่ได้ แต่เจ้าตัวก็ไม่ปล่อยให้ผมตั้งตัว ยังคงรุกไล่แทงอย่างต่อเนื่อง จนตอนนี้ผมเริ่มจะหอบเหนื่อยแล้ว
   

บ้าเอ้ยแบบนี้ผมต้องหมดแรงก่อนแน่
   

เพราะอย่างนั้น ลองแผนนี้ดูละกัน ผมที่กำลังว่ายหนีหยุดกะทันหันก่อนจะกระโดดข้ามตัวเจ้าชายเงือกที่ว่ายพุ่งตรงเข้าหา ฟรานส์ที่ไม่คิดว่าผมจะหักหลบกะทันหันเลยเผลอชะงักนิดหน่อย แต่แค่นั้นมันไม่พอหรอก
   

“ฟรานส์!!! รอยบนคอเปิด!!” เท่านั้นล่ะ เจ้าชายเงือกก็ชะงักเอามือตะปบที่คออย่างรวดเร็ว ทำให้ผมมีโอกาสถอยและได้ช่องแทงสวนหาอีกฝ่ายครั้งแรก!!
   

ฟรานส์เอี้ยวตัวหนีอย่างรวดเร็วทว่ามันยังไม่พ้นปลายอาวุธสามง่ามของผมเลยเฉียดเข้าที่อีกฝ่ายครั้งแรก รอยแผลเป็นยาวประมาณหนึ่งนิ้วเกิดขึ้นที่บริเวณข้างแขนของอีกฝ่าย เสียงฮือฮารอบข้างดังขึ้น
   

ผมนึกสยองว่าเงือกรอบๆจะมารุมทึ้งผมไหมเพราะใช้วิธีที่เหมือนกับการโกงทำให้อีกฝ่ายชะงัก นั่นทำให้ผมเองก็หยุดเคลื่อนที่ตามไปด้วย


...ทว่ากลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากคู่ต่อสู้ของผมที่แย้มรอยยิ้มลึกลับขึ้น เจ้าตัวขยับแขนนิดหน่อยเพื่อดูว่ายังเคลื่อนที่ได้สะดวกเหมือนเดิมไหม


แผนแรกดูจะได้ผลแค่เล็กน้อย ฟรานส์แค่ชะงักนิดหน่อยเพราะตกใจ แต่ท่าทางจะคุมสติได้เร็วกว่าที่คิด


ถ้าเป็นแบบนี้ผมอาจจะต้องใช้แผนสอง... ว่าเข้าไปนั่น เอาจริงผมยังไม่แน่ใจเลยว่าสิ่งที่ผมสันนิษฐานจะถูกต้อง แต่ของแบบนี้มันต้องเสี่ยงกันหน่อยล่ะ


ผมว่ายพุ่งตรงเข้าหาอีกฝ่าย ในช่วงจังหวะที่จะถึงตัวผมก็เปลี่ยนทิศกะทันหันทำให้ตอนนี้กลายเป็นว่าผมว่ายวนรอบตัวอีกฝ่ายด้วยความเร็ว


ฟรานส์ดูจะมั่นใจในตัวเองมากแม้จะหยุดนิ่งรอดูท่าที นัยน์ตาสีฟ้าใสของเจ้าตัวก็ยังคงกลอกตามความเคลื่อนไหวของผม จนผมเห็นช่องว่างเล็กๆตอนว่ายอยู่ด้านหลังอีกฝ่าย


ตอนนี้ล่ะ!!


หอกสามง่ามพุ่งตรงเข้าแทงอีกฝ่าย แต่ทันทีที่เข้าใกล้ ฟรานส์กลับใช้อาวุธปัดมันออกได้ในทันที


บ้าเอ้ย มีตาหลังด้วยหรือเนี่ย


“ไม่ได้ผลหรอกน่าโอเชี่ยน”


“นั่นสิเนอะ..” ผมตอบอีกฝ่ายอย่างช่วงไม่ได้ ตาของฟรานส์ไวมากอย่างที่เจ้าซินบอกเป๊ะ แต่เพราะไวมากที่ล่ะ จะกลายเป็นจุดอ่อนของนาย!!


คิดแบบนั้นผมก็พุ่งตรงเข้าหาอีกฝ่ายอีกครั้ง พร้อมกับขว้างอะไรบางอย่างไปยังด้านซ้ายของคู่ต่อสู้

.

.

เสียงเงือกรอบๆดังขึ้นอีกครั้ง ผลที่ออกมาแม้กระทั่งฟรานส์ที่เป็นคู่ต่อสู้ยังตกใจ


“...บ้าน่า ..นี่มัน เจ้าคิดได้ยังไงเนี่ย”


อาวุธในมือขวาของผมแทงโดนอีกฝ่ายอีกครั้ง เพราะฟรานส์มัวใช้อาวุธในมือตัวเองรับการโจมตีของอะไรบางอย่างที่ผมส่งให้อีกฝ่าย บางสิ่งที่ฟรานส์คิดว่ามันคือหอกสามง่าม แต่ความจริงแล้วมันคือหินประจำเมืองที่ผมขอยืมฟิลันไว้


อย่างที่คิดไว้เลย ฟรานส์ไม่ได้รับรู้จิตสังหารหรืออาวุธอะไรเป็นพิเศษหรอก แต่อีกฝ่ายเป็นเงือกที่ตาไวต่อแสงมากต่างหาก


ดูจากตอนที่ฟิลันหรือผมทำแหวนหล่น เจ้าตัวสามารถหาของได้ไวมากในตอนกลางวันเพราะประกายที่สะท้อนแสงของมัน ไหนจะอาวุธของเผ่าเงือกก็มักเป็นโลหะที่มีความมันเงาเสียส่วนมาก เมื่อรวมกับลานต่อสู้จะต้องสว่างเป็นปกติอยู่แล้ว


นั่นทำให้ฟรานส์ดูเหมือนจะรับรู้ว่ามีอาวุธพุ่งเข้าหาตัวได้ไวมาก


เสียงฮือฮาดังขึ้นรอบตัวพวกเรา จนผมมารู้เอาทีหลังว่าสำหรับเงือกพวกนี้แล้ว เจ้าชายเงือกตรงหน้าถือเป็นสุดยอด ไม่เคยเงือกตัวไหนสร้างบาดแผลให้ฟรานส์ได้เลย แม้ตอนแรกโดนเล็กน้อยพวกนั้นพากันคิดว่าผมคงฟลุ๊ค แต่พอมาโดนจังๆอีกครั้ง...


“ข้าดีใจ” อยู่ดีๆฟรานส์ก็พูดขึ้น “ในช่วงเวลาสั้นๆเจ้ากลับก้าวหน้าได้มากขนาดนี้ แสดงว่าที่ผ่านมาเจ้าทำการบ้านมามากพอดูเลย ...เพียงแต่แค่นี้เอาชนะข้าไม่ได้หรอกนะ!” เท่านั้นฟรานส์ก็พุ่งเข้าหาผมเหมือนเดิม ตอนนี้ผมได้แค่ยกอาวุธขึ้นตั้งรับอีกฝ่าย พร้อมกับถอยไปด้วย ความไวของเจ้าตัวมากขึ้น จนผมไม่สามารถที่จะว่ายหนีได้แบบเดิมแล้ว
   

โคตรเก่ง ผมรู้สึกกลัวแต่ในขณะเดียวกันก็นึกชื่นชมคนตรงหน้า อีกฝ่ายเกิดมาเพื่อเป็นนักสู้โดยแท้   
   

แต่เรื่องยอมแพ้มันคนละเรื่องเฟร้ย!! ใครจะยอมให้ภรรายาเก่งกว่าสามีเล่า!!
   

คิดแบบนั้นผมก็เริ่มตอบโต้ แน่นอนว่าด้วยฝีมือของผม มันไม่พ้นที่จะได้แผลมาหลายแห่ง เจ็บไม่ใช่เล่นเลย แต่นั่นกลับทำให้ผมสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
   

ดูเหมือนฟรานส์จะจงใจไม่แทงเข้ามาในตำแหน่งที่สามารถจบการต่อสู้นี้ได้เลยทั้งที่มีโอกาสหลายครั้ง เจ้าตัวเลือกจะโจมตีจุดที่ทำให้ผมต่อสู้ไม่ได้มากกว่า ถ้าแบบนี้มันต้องเสี่ยงหน่อยล่ะ
   

ผมเอี้ยวตัวหมุนเข้าหาอีกฝ่ายอีกครั้ง เป็นการพุ่งแลกกันแบบไม่มีแผนพิเศษรองรับหรืออะไรเลย ถ้าสิ่งที่คิดไว้ถูก ฟรานส์จะชะงักจนผมอาศัยเวลานี้เอาชนะอีกฝ่ายได้ แต่ถ้าไม่...บางทีผมอาจจะต้องบาดเจ็บไม่น้อยเชียวล่ะ   
   

ภาพตรงหน้าผมกลายเป็นเชื่องช้า เราทั้งสองพุ่งตรงเข้าแลกกัน นั่นเป็นภาพสุดท้ายที่ผมเห็น
   
.

.

“...ผู้ชนะคือท่านฟรานส์!!”


เสียงโห่ร้องของบรรดาเงือกเรียกเอาสติที่หายไปของผมกลับมา หลังจากเห็นเพียงแววตาตื่นตกใจของเงือกตรงหน้า ปลายหอกของอีกฝ่ายหยุดห่างจากบริเวณลูกกระเดือกของผมไม่ถึงเซ็น...


น่าเสียดายที่ผมเดาความคิดอีกฝ่ายผิด สำหรับฟรานส์การต่อสู้นี่คือศักดิ์ศรี การที่ผมสู้กับเจ้าตัวอย่างเต็มกำลังเรียกเอาสัญชาติญาณนักสู้ของเงือกตรงหน้าออกมา โชคดีแค่ไหนที่อีกฝ่ายหยุดมือทัน ไม่งั้นบางทีผมคงไม่รอด


ฟรานส์เก่งมากสมกับเป็นเจ้าชายรัชทายาท ผมยิ้มให้กับอีกฝ่ายแม้ในใจจะรู้สึกหดหู่เล็กน้อย ในเมื่อการแข่งนี้ผมเป็นฝ่ายแพ้ บางทีผมอาจจะต้องตัดใจ


“ว้า แพ้จนได้...เล่นเอาชนะกันแบบนี้ฉันเลยไม่รู้จะไปต่อยังไงเลย” ผมหัวเราะแม้จะฝืดเคืองเต็มที “แล้วแบบนี้จะเป็นยังไงต่อล่ะนี่ ฉันต้องย้ายออกจากห้องนายวันไหน?”


“โอเชี่ยน... เจ้า”


เสียงตบมือดังขึ้นรอบตัวพวกเรา มองไปเห็นเงือกทหารหลายตัวกำลังมองผมด้วยแววตาชื่นชม แต่บางส่วนมองด้วยแววตาแปลก ดูน่าหนาววูปผิดปกติ นี่คงไม่กะล้างแค้นผมที่ทำเจ้าชายเป็นแผลใช่ไหมนี่


อยู่ดีๆฟรานส์ก็คว้าหมับที่ข้อมือ ลากผมพุ่งตรงกลับห้อง นี่ผมต้องรีบเก็บของออกจากห้องอีกฝ่ายไวขนาดนั้นเลยหรอ


ทันทีที่เข้ามาในห้องตัวผมโดนเหวี่ยงลงไปนั่งบนเตียง ฟรานส์ตรงเข้าคร่อมผมทั้งที่ยังนั่ง ทำเอาผมต้องท้าวแขนกับเตียงเอนตัวถอยหนีใบหน้าอีกฝ่าย “เจ้าพูดอะไรออกมา!”


ผมหลบสายตาอีกฝ่าย “ก็ฉันแพ้ ก็ต้องเปิดทางให้นายไม่ใช่หรอ”


“เปิดทาง?”


สีหน้าคาดคั้นของอีกฝ่ายทำให้ผมต้องพูดสิ่งที่คิดออกมาจนหมด “ก็อีกหน่อยนายก็ต้องสู้กับเงือกตัวอื่นใช่ไหม ถ้าแพ้นายก็ต้องแต่งกับเงือกตัวนั้น แล้วจะให้ฉันนอนอยู่กับนายแบบนี้ได้ยังไง แบบนี้ภาพลักษณ์นายเสียหายหมด”


ทั้งห้องตกอยู่ในความเงือกหลังผมพูดจบ ฟรานส์ไม่พูดอะไรเลย เจ้าตัวคงพึ่งนึกขึ้นได้ว่าถ้าผมแพ้แปลว่าอะไร ผมจะเอาสิทธิอะไรไปอยู่ข้างกายอีกฝ่าย

.

.

“...เจ้าโง่เอ้ย”


เสียงที่หลุดออกมาทำให้ผมหันควับกลับไปหาคนพูด ว่าใครโง่ฟระ!!!


ทว่าสิ่งที่เห็นก็คือสีหน้าโล่งใจกับแรงกอดรัดรอบตัว ฟรานส์ซุกหน้าลงบนไหล่ผม “การสู้กันของเราวันนี้คือการทำให้เงือกตัวอื่นยอมรับเจ้า... ไม่ใช่การหาคู่แต่งงานของข้า”


...เอ๋??


“แม้เจ้าจะได้ข้ายอมรับ ท่านไลอาร์ยอมรับ แต่กับทหารมันไม่ใช่ ...เจ้าต้องแสดงให้เห็นว่ามีความสามารถพอให้พวกเขาเคารพ ที่ผ่านมาแม้พวกนั้นจะไม่ได้แสดงท่าทางอะไร แต่ข้ารู้ดีว่าพวกเขาไม่ได้ยอมรับเจ้าด้วยใจจริง ในระยะยาวเจ้าจะลำบาก... ถ้าข้าปกป้องมากเกินไปจะยิ่งแย่ นั่นทำให้ข้าต้องลงมือเต็มที่” ฟรานส์เงยหน้าขึ้นมาสบตาผม แก้มถูกปลายนิ้วของอีกฝ่ายลูบแผ่วเบาด้วยความเป็นห่วง


สิ่งที่ฟรานส์พูดทำให้ผมเข้าใจถึงเจตนาของอีกฝ่าย นี่ผมเข้าใจผิดมาตลอดเลยหรือ ที่อีกฝ่ายให้ผมพยายามทุกอย่างเพื่อตัวผมเองทั้งนั้น


“แต่ว่าสุดท้ายฉันก็แพ้นี่”


“ไม่หรอก แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว” ฟรานส์ส่งยิ้มให้ “ดูจากปฏิกิริยาเมื่อกี้ เงือกพวกนั้นยอมรับเจ้าแล้ว”


ยอมรับทั้งที่แพ้นี่นะ ผมมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย ทว่าเจ้าตัวกลับไปสนใจเรื่องอื่นมากกว่า... เรื่องที่ผมบอกจะย้ายออกนั่นไง ฟรานส์คาดคั้นผมใหญ่ว่าไปเอาความคิดแบบนั้นมาจากไหน จ้องตาผมแทบไม่กะพริบแถมยังกำชับว่าหลังจากนี้ ห้ามคิด ห้ามทำ ห้ามพูดด้วย

   
ทว่าเหมือนพวกเราจะลืมอะไรไปบางอย่าง...จนกระทั่งเลิกมองหน้ากันนี่ล่ะถึงได้รู้ว่าเราทั้งคู่ยังไม่ได้ทำแผลเลย... ฟรานส์ถึงได้กุลีกุจอหาอุปกรณ์มาทำแผลตามร่างกายของผมแทน ทั้งที่เจ้าตัวควรจะห่วงแผลตัวเองก่อนแท้ๆ ฟังดูหวานชื่นเนอะ แต่ไม่เลย หลังจากทำแผลเจ้าตัวก็ทำหน้าดุบังคับให้ผมพักผ่อน ก่อนที่ฟรานส์จะบอกว่าต้องออกไปจัดการเชือดคู่แข่งทิ้งก่อน คู่แข่งที่ไหน? นี่นอกจากผมฟรานส์ยังมีนัดสู้กับใครอีกหรือนี่


จนกระทั่งวันถัดไป ผมถึงได้รู้เรื่องจากฟิลันว่าฟรานส์ไปไล่สู้กับเงือกอีกเกือบสิบตัวโดยไม่มีแผลเพิ่มเติม แต่เจ้าตัวทำหน้าเหี้ยมเหมือนโกรธอะไรใครมาอย่างนั้นล่ะ ถามซินเจ้าตัวก็บอกปัดว่าไม่รู้ แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่ารอยยิ้มมุมปากของไอ้เจ้าเงือกองค์รักษ์นี่ไม่น่าไว้วางใจชอบกล ส่วนพวกบรรดาเงือกทหาร ในสายตาพวกนั้นดูเหมือนผมจะกลายเป็นว่าที่เจ้าชายอีกคนที่มีฝีมือไม่น้อย แม้จะด้อยกว่าฟรานส์ แต่ก็ยังถึงว่ามีฝีมือสูงมากอยู่ดี


แม้อยากจะบอกว่าสิ่งที่เห็นมันไม่ใช่ แต่เอาเถอะ ปล่อยแบบนี้ต่อไปก็ดีเหมือกัน



“ในเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ข้าจะได้ส่งบัตรเชิญออกไปเสียที” หลังจากพักแค่วันสองวัน ฟรานส์จึงกลับมาเข้าโหมดบ้างานตามเดิม และเจ้าตัวก็ส่งซินมาอมรมบ่มนิสัยของผมให้ดูดีมีชาติตระกูลสมกับเป็นเจ้าชายเงือกเหมือนเคย


ฮือ ฮือ ตำราสูงท่วมหัว


ฮือ ฮือ ท่าทางการเคลื่อนที่และการกินอาหารแบบดูดี


ให้ผมกลับไปสู้อีกรอบเถอะผมขอร้องงง

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
นางยังมโนไม่เลิก โอ๊ย...ขำจนปวดกราม  :m20:
เสร็จพ่อฟรานเมื่อไรหวังว่าคงเลิกมโนนะจ๊ะ  :hao3:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4062
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :ling1:

ทำไมอ่านยังไงฟรานส์ก็เหมือนเคะจริงๆ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
โอเชี่ยน นางตลกมากมาย 555++

ออฟไลน์ rinny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 517
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
อย่างพี่โอนี่เค้าเรียกว่าอยู่เป็น สู่ซึ่งๆหน้าไม่ได้ก็งัดทุกอย่างมาใช้เพื่อฟรานส์เลยทีเดียว

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
แหม่พี่โอที่ทุ่มเต็มที่นี่กลัวไม่ได้แต่งกับฟรานสินะ

ออฟไลน์ mymine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • FaceBook
ตอนที่17


บริเวณทั่วทั้งเมืองตอนนี้กำลังคึกคักเป็นอย่างยิ่ง พื้นที่โดยรอบถูกประดับประดาอย่างสวยงามเต็มไปด้วยหินสีหลากหลาย เปลือกหอยทรงสวย ไม้น้ำสีเขียวสดใส และดอกไม้ทะเลสารพัดสีน่ารักน่าชม
   

อยากเห็นจังเลย…
   

คือไอ้ที่ผมเล่าๆมาข้างบนนั่นผมไม่ได้เห็นเองไง ฟิลันที่ออกไปเที่ยวเล่าให้ผมฟัง เพราะจนป่านนี้ผมยังถูกขังอยู่ในปราสาทเพื่อเรียน เรียน เรียนและก็เรียนอยู่เลย
    

ฮือๆ ชีวิตผมโดนทำร้าย
   

เจ้าองค์รักษ์หน้านิ่งนั่นยึดถือคำสั่งของฟรานส์มากสุดๆ โดยการพยายามเคี่ยวเข็ญให้เงือกสมองปลาทองอย่างผมเข้าใจทุกท่วงท่าและลีลาการเป็นเจ้าชายเงือกที่สมบูรณ์แบบ
   

อย่างวันนี้ผมก็ยังต้องมานั่งหน้าบูดใส่เจ้าเงือกหน้านิ่งเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือกองหนังสือท่วมหัวหายไป...
   

“วันนี้ไม่มีการสอน” เสียงโทนต่ำของซินสม่ำเสมอ “อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันงาน เวลาเท่านี้ด้วยสมองของท่านคงรับอะไรไม่ทันแล้ว”
   

ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนโดนด่าวะ...?? แต่แบบนี้แปลว่าไม่ต้องเรียนอะไรใช่ไหม ผมตาวาวด้วยความตื่นเต้น หรือว่าผมจะได้พักผ่อน ถ้าเป็นแบบนั้นจะได้ให้ฟิลันพาออกไปเที่ยวดูงาน.......
   

“วันนี้จึงต้องปรับปรุงสภาพภายนอกของท่านแทน” พูดจบก็กวาดตามองผมหัวจรดหาง
   

ตรูว่าละ
   

สุดท้ายก็ยังไปไหนไม่ได้อยู่ดี ผมหงายลงไปนอนกองอย่างห่อเหี่ยว แต่พริบตาเดียวก็กระเด้งลุกขึ้นมา ก็ไอ้ที่อีกฝ่ายพูดมันน่าจะหมายถึงพวกขัดผิว? สปา? นวดหน้า? อย่างที่เคยเห็นในละครเวลาจับนางเอกมาแปลงโฉม
   

แบบนั้นก็แสดงว่าจะมีเงือกมานวดลูบๆคลำๆให้ผมล่ะสิ แถมงานประเภทนี้มันต้องเป็นเงือกสาวแน่ๆ ผมจินตนาการถึงแล้วน้ำลายแทบหก
   

ผมทำท่ากระตือรือร้นสุดชีวิต พร้อมรับการดูแลบุคลิกภาพ รับรองว่าพอออกมา พี่โอเชี่ยนจะกลายเป็นโอปป้าให้บรรดาสาวเงือกกรี๊ดแตกแน่ตอน รอโอปป้าก่อนนะทุกคน~
   

.


.
   

“กรี๊ดดดดดดดดด!!”
   

เสียงกรีดร้องดังสนั่น แต่ไม่ใช่ของเงือกสาวที่ไหนนะ
   

ของผมนี่ล่ะ!!!
   

เงือกสาวที่ต้องมานวดผมอยู่ไหน เงือกน้อยอ่ะ สาวๆสวยๆขาวๆอวบๆ ทำไมเงือกที่มารอทำหน้าที่ขัดตัวผมถึงได้ล่ำบึ๊ก ผิวแทนมันเงาอย่างกับนักเพาะกายแบบนั้น
   

“อย่างอแงน่า นี่เป็นเงือกที่เก่งที่สุดของแฟริเซียแล้ว ท่านไม่มีเวลามากนักหรอกนะ”
   

ไม่เอานะ ไม่นะ ม่ายยยยยย


ผมพยายามตะเกียกตะกายคล้ายหนีออกจากดงซอมบี้ ปลายนิ้วจิกทึ้งต้นไม้น้ำบนพื้น โดนลากจนทิ้งรอยเล็บเป็นทางยาว แม้พยายามหลบหนีเท่าไหร่ ทว่าปลายหางก็ยังถูกดึงลากโดยคนเหล็ก ไม่สิพนักงานสปาเงือก เจ้าตัวค่อยๆสาวอย่างใจเย็นพร้อมกับแสยะยิ้ม (ผมเห็นแบบนั้นจริงๆ)
   

“มาซิครับเจ้าชาย รับรองว่าผมจะทำให้ท่านโอเชี่ยนเปลี่ยนเป็นคนใหม่ แบบที่ท่านฟรานส์ต้องอ้าปากค้างแน่นอน” พนักงานสปาเบอร์หนึ่ง
   

ให้ออกมาเหมือนเอ็งน่ะหรือฝันไปเถอะ!!
   

“ผิวท่านโอเชี่ยนนี่ลื่นมือดีเนอะแบบนี้แค่ลงน้ำมันนวดให้เงารับรองว่าต้องเซ็กซี่มากแน่ๆ” พนักงานสปาเบอร์สอง
   

เซ็กซี่บ้านเอ็งสิ!!
   

“ไม่ต้องกลัวนะท่านโอเชี่ยนรับรองว่าในฐานะดัชนีเทพจะพาท่านไปถึงสวรรค์แน่นอน” พนักงานสปาเบอร์สาม
   

ไม่ใช่แล้วโว้ย!! นี่พวกเอ็งจะทำอะร้ายยยย!!!
   

ไม่ไหวแล้ว ซิน ซินจ๋าช่วยด้วย ผมส่งสายตาเว้าวอนอย่างไม่อายไปยังเงือกองค์รักษ์ที่อยู่ไม่ไกล เจ้าตัวสบตาผมนิ่ง ก่อนที่จะได้เห็นรอยยิ้ม คือไม่ใช่ยิ้มมุมปากแบบที่มันชอบทำด้วย คือยิ้มเยาะเย้ยให้กูชัดๆเลย
   

“รอดมาให้ได้นะท่านโอเชี่ยน”
   

เจ้าตัวโบกมือให้ก่อนที่ผมจะถูกลากเข้าไปในห้อง ประตูที่ปิดลงพร้อมกับเสียงโหยหวนของผม
   

ม่ายยยยยยยยย
   

.
   

.
   

ซิก ซิก ผมโดนทำร้าย โดนปู้ยี่ปู้ยำ หมดกันความบริสุทธิ์ที่จะเก็บเอาไว้ในคืนแต่งงาน
   

“โอเชี่ยนเป็นยังไงบ้า.....” ฟรานส์ที่เปิดประตูเข้ามาถามผมอย่างเป็นห่วง คงได้ยินจากไอ้เจ้าองค์รักษ์นั่นล่ะสิว่าผมโหยหวนขนาดไหน หรือว่าเพราะผมกรีดร้องสาวแตกดังลั่นทั่วปราสาทก็ไม่รู้
   

แต่ทำไมเสียงเงียบไป ผมหันไปมองก็เป็นฟรานส์อ้าปากค้าง หมดมาดเจ้าชาย ทำไม นี่ผมแย่ขนาดนี้เลยหรือ
   

“อ่า ข้าว่าพวกนั้นทำงานดีเกินไปแล้ว” เจ้าชายเงือกหลบตาผม แก้มสองข้างขึ้นสีเล็กๆ ผมก้มมองร่างกายของตัวเองที่เกือบถูกถลกหนัง จะว่าก็ไม่ได้แปลกอะไรเท่าไหร่นี่
   

แค่ผิวของผมโดนขัดขี้ไคลออกเป็นกิโลพร้อมกับลงน้ำมัน(ยังไงพวกนั้นก็จะลงให้ได้)จนเงาลื่น เกล็ดแทบทุกอันบนตัวผมโดนเอาหินขัดจนแทบร่อนออกมาเป็นแผ่น ปลายหางถูกซักอย่างกับผ้าเช็ดเท้า
   

ด้วยความที่เดิมท่อนหางผมเป็นสีขาวประกายไข่มุกอยู่แล้ว พอเจอขัดบวกซักแบบนั้น ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าตัวผมขาวโอโม่มากเลย ขาวยิ่งกว่าฟรานส์เสียอีก
   

คิดแล้วน้ำตาไหลพรากๆ ถึงจะนวดหน้าบำรุงผม จนออกมาขาวขึ้นหล่อขึ้นก็เถอะ แต่โดนจับทุกตารางนิ้วบนตัวแบบนี้ไม่ไหวนะ มัน.. มันขัดให้ผมกระทั่ง.. หัวน....ดูสิออกมาสีชมพูสวยเชียว ฮือ โอเชี่ยนเป็นเจ้าบ่าวใครไม่ได้แล้ว
   

มืออุ่นตบลงบนหัวผม ปุปุ เหมือนรับรู้ว่าผมต้องเจอประสบการณ์สยองขวัญขนาดไหน เจ้าตัวอมยิ้มชอบใจ


“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้เราต้องเหนื่อยกันอีกมาก”


แม้ผมอยากจะงอแงต่ออีกหน่อย และนึกเถียงอีกฝ่ายในใจว่า คงไม่มีอะไรเหนื่อยไปกว่าวันนี้อีกแล้วล่ะ แต่ในฐานะว่าที่สามีที่ดี ก็ควรเชื่อฟังคำสั่งภรรยาในอนาคตใช่ไหม? ผมก็เลยพลิกหันไปมุดลงเตียง ยอมนอนแต่โดยดี..


เอ ทำไมผมถึงได้ยินคำว่ากลัวเมียลอยมาตามลมล่ะนี่…


.


.


.


คิดถูกแล้วที่ทำตามคำแนะนำของฟรานส์ เพราะพ่อเจ้าชายเงือกเล่นสะกิดผมแต่เช้าตรู่ จนผมคิดว่าอีกฝ่ายจะชวนทำกิจกรรมเข้าจังหวะ ที่ไหนได้... กลับพาผมมานั่งเป็นหุ่นจับแต่งตัวทำผม แต่คือผมยังไม่ตื่นดีไง อารมณ์ประมาณว่าใครจะทำอะไรก็ทำตรูหลับก่อนล่ะ


คิดแบบนั้นแล้วผมก็เข้าเฝ้าพระอินทร์ต่อทันที แต่ไม่ต้องกลัวนะครับ สาวๆเค้ายังคงปู้ยี่ปู้ยำหัวผมอย่างเมามันได้ตามเดิม เพราะผมมีสกิลเทพสามารถทำให้คอตั้งตรง หลับได้แม้ในวันมามาก แม้อาจารย์จะเพ่งยังไงก็จับไม่ได้ ทำให้ผมเรียบจบมัธยม6ปีและมหาวิทยาลัยอีก4ปีอย่างมีคุณภาพ


เอาง่ายๆคือผมหลับในห้องเรียนมาเกือบ10ปีแล้วอะนะ ยังทึ่งตัวเองอยู่เลยว่าเรียนจบมาได้ยังไง


“น...เชี่ยน..โอเชี่ยน” เสียงเรียกกับแรงเขย่าที่ไม่เบาประมาณ7.8ริกเตอร์ ทำเอาผมที่กำลังฝันดีสะดุ้งเฮือก กวาดตาไปก็เจอเงือกรอบๆรวมทั้งฟรานส์ชะงักมองนิ่ง อะไรนี่หรือผมเผลอหลับแล้วน้ำลายไหล ปาดดูก็ไม่เห็นจะมีอะไร


“พี่โอ!” เสียงตัวป่วนดังขึ้นพร้อมๆกับที่ร่างของฟิลันกระโดดเข้าใส่ผม ให้ตายเถอะเจ้าหนูนี่ลืมอะไรหรือเปล่า ตัวมันไม่ได้เล็กๆแบบเมื่อก่อนแล้วนะ กระโจนทีทำเอาผมแทบจะหน้าทิ่ม ไอ้ที่เงือกสาวแต่งให้มาหายหมด


ทว่ายังไม่ทันที่จะมีใครอ้าปากดุ ฟิลันก็ยิ่งตาโตส่งเสียงดังมากกว่าเดิมหลังจากเห็นหน้าผม “พี่โองามมากเลย!! แต่งงานกับข้านะ!!”


ห๊ะ!! ผมทำหน้าเหวอก่อนจะเอานิ้วชี้มาที่หน้าตัวเอง อย่างผมเรียกงามแล้วพวกเอ็งสองพี่น้องคืออะไร พูดจาไม่ได้ดูหนังหน้าตัวเองกับพี่ชายเลยใช่ไหมเนี่ย ถึงแบบนั้นก็แอบทำหน้าภูมิใจไม่ได้ ดูสิพี่โอป๊อปถึงขนาดมีเจ้าชายเงือกมาขอให้เป็นเจ้าบ่าวให้เลย แหมฟิลันนี่ตาถึงสุดๆ นี่ถ้าไม่ติดที่ฟรานส์นะ


...


ฟรานส์...


คิดได้แบบนั้นแล้วอยู่ดีๆด้านหลังของผมก็มีรังสีอมหิตพวยพุ่งออกมา และผมพอจะเดาได้ด้วยว่าใคร โฮ เค้าเปล่านะ ฟิลันมาเอง เค้าเปล่าชวนนะ ฟิลันมาเอง เค้าไม่ได้คิดจะเป็นพระยาเทครัวจริงๆนะ


“ฟิลันพอ อีกสักพักพวกนั้นจะมาแล้วนะ อย่ามัวแต่เล่น” เมื่อโดนพี่ชายดุทำให้เงือกคนน้องเบะปากด้วยความไม่ชอบใจ เจ้าตัวบ่นหงุงหงิงใหญ่ว่า ‘ข้าเอาจริงนะ’


แหม ฟรานส์เผลอแล้วเจอกันนะจ๊ะ


“โอเชี่ยน....”


“ว่าแต่ฟิลันทำไมบอกว่าพี่งาม ต้องบอกว่าพี่หล่อ เท่ มาดแมนอะไรแบบนั้นสิ” เปลี่ยนเรื่องให้ไวเลยครับ ก่อนจะโดนเชือด เสียงเจ้าชายเงือกเข้มมาเชียว


ได้ยินแบบนั้นบรรดาเงือกสาวรอบๆเลยช่วยกันยกก้อนหินที่ขัดจนมันเงามาตั้งตรงหน้าให้ผม ก่อนจะถอยออกห่างจับกลุ่มกันหัวเราะคิกคัก


ผมโดนเอาลิปสติกเขียนตาหรือเปล่าเนี่ย คิดพลางหันไปมองหินที่ใช้แทนกระจกด้วยความรู้สึกลุ้นๆ ทว่าเมื่อเห็นภาพตัวเองตรงหน้านั่นทำให้ผมอ้าปากค้าง


ใบหน้าของผมที่ตอนนี้ขาวเนียนเพราะสปาสยอง ถูกแต่งให้มีสีสันบางเบา ตัดกับดวงตาสีดำสนิทของผม ผมสีทองปลายแดงที่ย้อมเอาไว้นานแล้วก็ถูกรวบหลวมๆจนปอยผมบางส่วนตกลงระแก้ม ประดับไปด้วยหินสี ไข่มุก หน้าผากมีหินประจำเมืองเม็ดเล็กรูปหยดน้ำห้อยอยู่


คือจะบอกว่ายังไงดี มันดู...สาวมากเลย ตกลงเงือกที่นี่เขานิยมเปลี่ยนชายให้เป็นฉิงใช่ไหม


“เรียบร้อยแล้วเราก็ไปกันเถอะ” ฟรานส์พูดก่อนจะยื่นมือมาให้ผมจับ แต่ทำไมเค้าตัวต้องเบี่ยงหน้าหนีหลบตาแบบนั้น เอ๊ะๆสงสัยจะเขินผม คิดแบบนั้นแล้วผมก็ส่งยิ้มกรุ้มกริ่ม วางมือลงบนมือของอีกฝ่าย ยอมให้จูงออกไปแต่โดยดี


ตลอดทางผมกลายเป็นจุดสนใจเรียกสายตาเงือกทั้งหลาย ทำเอาผมไม่รู้จะฉีกยิ้มดีหรือจะหน้าบึ้งดี


ยิ้มเพราะเงือกสาวๆทั้งหลายแอบมอง แต่บึ้งเพราะเงือกทหารก็ดันจ้องเป็นตาเดียวด้วยนี่สิ แถมเพราะผมเป็นตัวผู้เหมือนกัน เพราะอย่างนั้นเลยอ่านความรู้สึกจากแววตาออก เล่นทำเอาผมขนตรูดลุกชัน รู้สึกสยิวที่ประตูหลังบอกไม่ถูก แม้ประตูมันจะไม่มีอยู่ในตอนนี้ก็ตามทีเถอะ


“ว่าแต่ จะพาฉันไปไหนล่ะนี่” เพราะมัวแต่สยองบั้นท้ายเลยไม่ทันได้ถามจุดหมายของอีกฝ่าย ฟรานส์ลากผมออกมาบริเวณหน้าปราสาทเป็นลานกว้างที่ตกแต่งรอบๆด้วยพืชน้ำและดอกไม้ทะเล สองข้างทางเต็มไปด้วยทหารเงือกตั้งแถวเรียงเป็นระเบียบ


“มารับแขกต่างเมืองสิ” ไม่ทันขาดคำเบื้องหน้าผมก็เซ็งแซ่ไปด้วยเสียง เงาดำของอะไรบางอย่างกลุ่มใหญ่กำลังพุ่งตรงมาที่พวกเรา
   

มันใกล้เข้ามาแล้ว นี่มัน...
   

เต่า!!
   

เต่ายักษ์ขนาดเท่ารถยนต์กระป๋อง5ตัวว่ายลงมาหยุดตรงหน้าพวกเรา นั่นทำให้ผมกระโดดถอยหลังแทบไม่ทันเพราะกลัวโดนเต่าทับ! ติดแต่ว่ามือใครบางคนยืดเอาไว้ เหมือนรู้ล่วงหน้าว่าผมจะกระโดดหนี
   

บนหลังเต่าตัวกลางที่ถูกล้อมรอบไปด้วยเต่าอีก4ตัวมีใครบางคนนั่งอยู่ เจ้าตัวค่อยๆขยับเยื้อย่างลงมา
   

“ข้าเข้าใจว่าเจ้าน่าจะจำที่เรียนกับซินได้ใช่ไหม” ฟรานส์ส่งเสียงเบา ซึ่งผมก็ได้แต่ส่งยิ้มแหยไปให้อีกฝ่าย
   

“ยินดีต้อนรับเจ้าหญิงโยมิ แห่งอควาเรีย” เสียงประกาศดังทั่วบริเวณ ส่งผลให้ทหารทั้งหมดพร้อมใจกันโน้มตัวทำความเคารพ
   

“การเดินทางเรียบร้อยดีใช่ไหมเพคะ” เจ้าชายเงือกตรงเข้าไปทักทายอีกฝ่าย ซึ่งหญิงสาวที่มีเกล็ดสีดำแดงตรงหน้าก็เพียงพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนที่ฟรานส์จะหันมาแนะนำผมที่อยู่ทำอะไรไม่ถูกอยู่ด้านข้าง “ข้าขอแนะนำ นี่ท่านโอเชี่ยน ทายาทหนึ่งเดียวของท่านซิลวาร์”
   

คำแนะนำนั้นทำให้เจ้าหญิงหันมาสนใจผมครั้งแรก อีกฝ่ายเป็นเงือกสาวผมยาวตรงสีดำ ใบหน้างดงามเรียบเฉย นัยน์ตาสีดำแดงมองผมด้วยความสนใจ “ยินดีที่ได้รู้จัก ข้า โยมิแห่งอควาเรีย”
   

ผมส่งยิ้มให้หลังจากพยายามนึกอยู่นานว่าคุ้นตาอีกฝ่ายจากอะไร อควาเรียเป็นเมืองที่อยู่ใกล้เขตโซนภูเขาไฟ หรือถ้าพูดให้ชัดเจนคือ เงือกสาวตรงหน้ามาจากเมืองที่อยู่ไม่ห่างจากประเทศญี่ปุ่นนัก เพราะอย่างนั้นลักษณะภายนอกของอีกฝ่ายทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังมองตุ๊กตาญี่ปุ่นหน้าตาน่ารักอยู่ “ยินดีเช่นกันครับ ผมโอเชี่ยน”
   

หลังจากแนะนำตัวกันจบฟรานส์ก็เชิญอีกฝ่ายเข้าไปพักก่อน จะมายืนรอเงือกจากเมืองอื่นๆ
   

ไม่นานเมืองอื่นก็เริ่มทยอยเดินทางมา เริ่มจาก เจ้าชายลูคัสแห่งเรมเดล ที่มาพร้อมกับพาหนะเป็นปลาปากดาบ เจ้าตัวท่าทางเหมือนคุณชายดูนุ่มนวลไปหมดทั้งท่าทางการพูดการจา รัชทายาทราซันแห่งแอตแลนติส ที่อายุยังไม่เท่าไหร่น่าจะมากกว่าฟิลันไม่กี่ปี ท่าทางหยิ่งๆเชิดๆนั่นน่าเขกกะโหลกชะมัด เจ้าตัวมาพร้อมปลาแองเกอร์ พาหนะหน้าตาน่ากลัวที่พอผมเห็นแวปแรกแทบจะกระโดดกลับเข้าปราสาท
   

อาจจะสงสัยว่าทำไมผมถึงให้ความสนใจกับพาหนะของแต่ละเมือง คือสำหรับผมมันน่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ แต่ละเมืองก็ใช้สัตว์เป็นพาหนะไม่ซ้ำแบบเหมือนจะอวดแข่งกันเล็กน้อยด้วย พอถามฟรานส์ว่าเมืองของเราล่ะใช้อะไร เจ้าตัวกลับยักไหล่ตอบง่ายๆว่าปลาโลมา แหมน่ารักน่าชังเชียว ผิดกับเมืองอื่นที่จะดูเท่ๆข่มๆ จนกระทั่งเมืองต่อไปนี่ล่ะ เล่นเอาผมถอยกรูดด้วยความฝังใจ
   

จะอะไรเสียอีก ก็เจ้าชายชาร์คแห่งเมอร์ริด้า นอกจากชื่อแกจะสิ้นคิดแปลตรงตัวว่าฉลามแล้ว พี่แกดันขี่ฉลามมาร่วมงานนี่สิ


ปลามีตั้งเยอะทำไมต้องเป็นไอ้ตัวนี้!!


อีกฝ่ายก็เป็นเงือกรูปร่างสูงใหญ่ ล่ำบึ๊กประมาณอาโนล ผมยาวสีน้ำเงินหยักศกเล็กน้อย ตาคมเข้มเรียวยาว โดยรวมคือหน้าดุ แถมยังรวมทุกอย่างที่น่ากลัวเอาไว้ในตัวคนๆเดียวอีก กว่าจะเชิญพี่แกเข้าไปพักผ่อนได้ เล่นเอาเหงื่อผมแตกแล้วแตกอีก นี่ถ้ามีขาตามปกติคงเห็นผมยืนขาสั่นโชว์กันมั่งล่ะ


ทว่าทั้งที่ยังไม่หายตกใจจากเมอร์ริด้า ผู้มาใหม่ก็มาเยือนเสียก่อน แต่นั่นก็ทำเอาผมอ้าปากค้างไม่แพ้กัน


เพราะอะไรน่ะหรือ


เพราะมีปลาวาฬออก้าตัวใหญ่ลากเลื่อนมาหยุดตรงหน้าผมไง เงือกที่ค่อยๆลงมาจากเลื่อนเป็นเงือกที่...จะเรียกว่ายังไงดี คำจำกัดความของเงือกตรงหน้าคือคำว่าขาว...


คืออีกฝ่ายเป็นเงือกรูปงามที่ขาวไปทั้งตัวตั้งแต่เส้นผมจรดปลายหางเลย


“ยินดีต้อนรับท่านสวอร์น” ฟรานส์ค้อมตัวให้อีกฝ่าย “ไม่ได้พบท่านนานมากเลย”


อีกฝ่ายเพียงส่งยิ้มบางให้ก่อนจะหันมาสนใจผมพร้อมกับขยับเข้ามาใกล้ “นี่หรือลูกชายของซิลวาร์” ปลายนิ้วขาวค่อยๆลูบแก้ม “ตาของเจ้าเหมือนผู้ให้กำเนิดมาก”


“คุณรู้จักแม่ของผมด้วยหรือครับ”


ดวงตาของอีกฝ่ายเบิ่งกว้างขึ้นเล็กน้อย “แม่หรือ” ก่อนที่จะกลายเป็นเสียงหัวเราะ นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่า อีกฝ่ายเป็นเงือกที่งดงามมากจริงๆ “เจ้าเด็กแสบนั่นสุดท้ายก็เลือกเส้นทางนี้หรือ”


ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังหน้าเหรอหรา คำพูดของอีกฝ่ายดูแปลกๆยังไงบอกไม่ถูก จนฟรานส์กระซิบบอกนั่นล่ะ ถึงได้รู้ว่าความผิดปกติมันคืออะไร “โอเชี่ยนระวังหน่อย ท่านสวอร์นอายุพอๆกับท่านไลอาร์”


ห๊ะ!!!


เงือกหนุ่มรูปงามตรงหน้าแก่พอๆกับย่าผม!! หน้าตาแบบนี้นี่นะ คือจะบอกว่าอีกฝ่ายดูหน้าอ่อนกว่าผมเสียอีก หรือจะบอกว่าผมหน้าแก่ดีวะนี่


สุดท้ายฟรานส์ก็เชิญคุณปู่แอ๊บเด็กเข้าไปพักผ่อนก่อน ซึ่งอีกฝ่ายก็หันมาลูบหัวผมอย่างผู้สูงอายุที่เอ็นดูลูกหลาน(ซึ่งพอเห็นพฤติกรรมแล้วผมเลยชักเชื่อว่าอีกฝ่ายแก่แล้วจริงๆ) ก่อนจะบอกว่าแล้วมาคุยเรื่องแม่กันทีหลัง ซึ่งนั่นทำให้ผมยิ้มกว้าง เพราะแม่ผมตายตั้งแต่ผมเล็กๆผมเลยมารู้เรื่องของท่านมากนัก จะถามไอ้พ่อตัวแสบก็ชอบทำหน้าดราม่าใส่เลยไม่อยากจะถามเท่าไหร่


ในขณะที่ผมกำลังคิดว่าจะขอให้อีกฝ่ายเล่าเรื่องอะไรดี เงาของอะไรบางอย่างที่มีขนาดใหญ่ก็โฉบลงมาใกล้ๆ เสียงหวานใสกรีดร้องพร้อมกับการปรากฏตัวของใครบางคนที่กระโจนเข้าไปหาเงือกข้างตัวผมอย่างรวดเร็ว


“คิดถึงจังเลยฟรานส์!”

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
น่ารัก อ่านแล้วฮาโอเชี่ยนหลายฉาก
แต่มันมีปมในใจอยู่เรื่องคือฉากแรกการกลายเป็นเงือกของโอเชี่ยน คือแบบมาเที่ยวทะเลกับเพื่อนๆ
แล้วอยู่หายไป เพื่อนไม่ห่วง พ่อเป็นไงบ้าง แล้วดุโอเชี่ยนชิวกับชีิวิตเงือกเกินไปอย่างไรไม่รู้
แต่รวมๆแล้วสนุกมาก อ่านแล้วฮาโอเชี่ยนจริง ไม่รอดแน่ๆ

ออฟไลน์ Jessiebier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
สนุกมากจ้า ชอบฟิลันจังเลย ฟรานก็ชอบ :mew5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด