เรื่อง :: บอกแล้วใช่ไหม ก่อนจีบให้ดูดีๆ ::
เขียน ::
ผู้ซึ่งหลงรักหญิงสาวในภาพวาด ::
บทที่ 21 : ถามผู้ชายเขาบ้างยัง
ผมงงๆอยู่พักใหญ่ว่าจะตอบใครก่อนดี เกิดมาก็เพิ่งเคยมีสาวๆทักมาหลายคน โดยที่ไม่ใช่แม่กับป้าด้วย
“เป็นอะไร หน้านิ่วคิ้วขมวด”
“กูกำลังคุยกับคุณแก้ว” ผมพูดโง่ๆ “แล้วเพียวก็ทักมาว่ะ”
ไอ้ฟักหัวเราะเสียงสูงราวกับมีเรื่องชื่นอกชื่นใจให้มันได้เล่นคลายความเบื่อ มันรีบถลาเข้ามานั่งไหล่ชิดกับผมก่อนจะชะโงกหน้ามาที่โทรศัพท์ทันที
“ถ้าไม่เสียดายมึง” มันพูดเสียงขึ้นจมูก ความจริงสำเนียงไอ้ฟักมันจะดูเหมือนคนลิ้นแปล้อยู่บ้าง เอาตามตรงคือตอนนี้มันกำลังกระแดะเพื่อกระแหนะกระแหนผม “ก็คงมีเรื่องให้ช่วย”
“ใคร”
“อีเพียวไง”
“อาฮะ”
ผมพยักหน้าแล้วก็เปลี่ยนเป็นส่ายหน้า ยังไม่ได้กดตอบหรือเปิดเข้าไปอ่านข้อความใดๆต่อ เนื่องจากต้องการเวลาคิดและไตร่ตรองให้ดีอยู่บ้าง “ตอบว่าไงดี”
“ตอบหล่อๆแบบมีความสุขไป ให้มันรู้ว่าไม่มีมึงกูก็อยู่ได้” ไอ้ฟักกระซิบข้างหูผม มันพยายามล่อลวงผมให้ทำตาม โดยที่ตัวเองรอดูผลลัพธ์อย่างสนุกสนาน ไอ้สัด แน่ๆเลย ไม่ได้เป็นห่วงเพื่อนสักนิด
ระหว่างที่นิ้วผมกำลังสาละวนอย่างลังเล ในที่สุดผมก็ส่ายหน้าอีกครั้ง “ไม่ดีกว่าว่ะ”
“ทำไมวะ” ไอ้ฟักเลิกคิ้ว มันดูเหมือนจะแอบหัวเสียนิดหน่อย แต่ก็แค่นิดเดียวก่อนจะยิ้มตามสไตล์ในเวลาที่มันพยายามจะขายของหรือต้องการบางอย่าง “ก็แล้วแต่มึงนะ”
“เออไง เดี๋ยวคุณแก้วมารู้ทีหลังเขาจะรู้สึกไม่ดี”
“แหม แหม แหม”
“ไปๆ กูจะคุยกับเมียกู โวะ” ผมไล่มันก่อนจะหันหนีแล้วพิมพ์ตอบคุณแก้ว โดยไม่ให้ฟักเห็น
“กูดูไม่ได้?”
“เสือก”
ป๊าบ!
“ไอ้ฟัก!” รอบนี้มันตบผมแรงจนร้องเสียงหลง มันสะบัดก้นดุ่ยๆไปนั่งอีกฝั่งแล้วทำเป็นไม่ได้ยินเสียงผม ราวกับไม่รู้จักกันมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีคนเดินผ่านไปผ่านมาด้วยแล้ว ความเก๊กแมนจึงยิ่งมากกว่าเดิม
สงสัยจะงอนจริงแต่ก็ช่างปะไร คนจะคุยกับเมีย เพิ่งหวานกันใหม่ๆ มันห้ามไม่ได้โว้ย
สรุปแล้วผมจึงเลือกไม่ตอบเพียวกลับไปแม้ไอ้ฟักจะพยายามกดดันทางอ้อมแค่ไหนก็ตาม ผมทักคุณแก้วไปอีกครั้งและคุยสัพเพเหระเรื่อยเปื่อยกับเธอจนลืมไปเลยว่าเพียวทักมา
“แฮ่!”
ผมเดินเข้าไปด้านหลังคุณแก้วแล้วแกล้งเธอให้ตกใจ ไหล่คุณแก้วเกร็งขึ้นมานิดนึงก่อนจะค่อยๆถอนหายใจอย่างโล่งๆแล้วตีผมเบาๆ “คุณต๊อบนี่”
“ไม่ตกใจเหรอครับ”
“ตกใจสิคะ” คุณแก้วทำหน้ามุ่ย “ถ้าแก้วเผลอต่อยคุณต๊อบขึ้นมาจะว่ายังไง”
ผมไปรับคุณแก้วหลังจากเธอเลิกงาน ตัวเธอเย็นเชียบจากการอยู่ในห้องแอร์ตลอดวัน คุณแก้วใช้นิ้วจิ้มแก้มผมเป็นรอยบุ๋มเข้าไป ความเย็นของปลายนิ้วตัดกับอุณหภูมิผิวแก้มผมอย่างสิ้นเชิง
“อ่อย กลัวแล้วครับ” ผมช่วยคุณแก้วถือกระเป๋าแล้วโอบหลังเธอไว้ก่อนจะซุกหน้าน้อยๆที่ข้างไหล่ กลิ่นหอมของผมนุ่มๆทำเอาผมเคลิ้ม ก่อนจะค่อยๆเนียนผละตัวเองออกเนื่องจากรู้สึกว่าระยะหลังๆจะหน้าด้านได้คืบเอาศอกจนเกินงาม
เมื่อกี้ออกจะเกินไปหน่อยไหมวะ
ฮึ่มฮั่ม
ยิ่งคำขู่น่ากลัวตัดกับภาพลักษณ์นางฟ้าของเธอ ยิ่งทำผมใจสั่นอยากจะโดนเข้าจังๆสักที
ต่อยตัวๆ เสื้อผ้าถอดหมดก็ได้ครับ
“วันนี้แก้วนัดร้านทำผมเอาไว้ เดี๋ยวเราไปหาอะไรกินแล้วคุณต๊อบกลับก่อนก็ได้นะคะ เพราะว่ามันน่าจะนานนะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้”
ผมพยักหน้าหงึกๆตอบโดยไม่ต้องคิดอะไร พูดด้วยใจบริสุทธิ์ คุณแก้วยิ้มพราว เธอกระพริบตา ดูเป็นเหมือนหงส์ตัวน้อยๆที่กำลังจ้องมองลูกเป็ด สีหน้าอิ่มเอมแฝงความซาบซึ้งไว้จางๆ
“จะดีเหรอ นานนะ คุณต๊อบเดินเล่นแถวๆนั้นก่อนก็ได้ เสร็จแล้วแก้วค่อยโทรเรียก อย่างนี้ดีมั้ยหื้อ”
ชาตินี้นอกจากไปร้านตัดผมลุงชาติ รองทรงเบอร์สองสมัยเรียนประถม ผมก็ไม่เคยเข้าอีกเลย มันก็ไม่น่าจะนานมากหรอกมาก ผมตามใจคุณแก้วเธอว่าอย่างไรก็อย่างนั้น จะขัดได้ยังไงกันครับ
ผมจูงคุณแก้วไปที่รถ ทว่าอีกสิ่งหนึ่งคือวันนี้ผมกลับไปเห็นเพียวเลย หรือว่าเธอจะกลับไปแล้ว แต่การมองหาผู้หญิงอื่นที่ไม่ใช่แฟนตัวเอง มันก็ค่อนข้างจะดูไม่ดี อีกอย่างผมก็ไม่ได้อะไรกับเพียวอีกแล้วจึงไม่ได้ลงความสนใจใดๆอีก
เราเดินหาร้านอาหาร เนื่องจากไม่รู้ว่าจะกินอะไรดี ความจริงกินอะไรก็ได้ ช่วงนี้ผมอิ่มหนำสำราญใจไปหมดแล้ว
“อาหารเวียดนามดีมั้ยคะ ลดสิบห้าเปอร์เซ็นด้วย ดูสิ” คุณแก้วชี้ที่ป้ายหน้าร้านให้ผมดู เธอน่าจะชอบกินสลัดแล้วก็พวกผัก ซึ่งอาหารเวียดนามผักเยอะอยู่แล้ว ผมจึงพยักหน้าช้าๆเพราะรู้ว่าคุณแก้วชอบ
“เอาสิครับ”
“คุณต๊อบกินได้หรือเปล่า” เธอถามผมอย่างห่วงใย เนื่องจากกลัวผมอาจจะไม่ชอบ คุณแก้วควงแขนผมหลวมๆเข้าไป เราเดินไปเลือกที่นั่งแล้วจึงค่อยสั่งอาหาร ผมยิ้มตอบไม่ได้ปฏิเสธ
“เอายำหมูยอนนะคะ”
ระหว่างที่เราคุยเล่นกัน กระทั่งพนักงานมารับออเดอร์ คุณแก้วสั่งก่อนจะชะงัก เสียงเธอแหบเล็กน้อย คุณแก้วปรับรอยยิ้ม ผมเลิกคิ้ว ยิ้มอ่อนโยนแล้วจึงวางมือไว้บนหลังมือของเธอก่อนจะกุมเบาๆ แล้วจึงค่อยสั่งอาหารต่อ “คุณแก้วเอาอะไรอีกมั้ยครับ”
เธอส่ายหน้าน้อยๆ แต่ไม่ได้ตอบ ผมเห็นเมนูตั้งโต๊ะอยู่เป็นไอติมผมจึงหันไปสั่งให้เพิ่ม “มีไอติมด้วยเหรอครับ งั้นเอาไอติมชาเย็นกับชาเขียวนะครับ”
ถึงอย่างนั้น แม้เราจะพยายามไม่สนใจ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้ว่าคุณแก้วอาจจะโดนมาบ่อยก็คือสายตาที่คอยมองมาและเสียงซุบซิบ ซึ่งผมไม่รู้ว่าเธอทนมาได้ยังไง
แต่ผมก็ไม่สนหรอก ผมหมายถึงผมโคตรจะภูมิใจเลย
“ไม่เอาสิครับ” ผมหยอกเธอ พอเห็นคุณแก้วซึมลงแม้จะพยายามฝืนยิ้มอยู่ “ยิ้มหน่อย เดี๋ยวไม่สวย ผมทิ้งนะ”
คุณแก้วหลุดหัวเราะ เธอหยิกมือผมเบาๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงไม่มีวันกล้าพูดอย่างนี้กับเธอแน่นนอน เอาแค่ทักทายปกติก็คงเขินตายละลายอยู่กับพื้น ผมเพียงต้องการให้เธอกลับมาร่าเริง ใครจะกล้าทิ้งจริงๆกัน ผมไม่โง่นะครับ
ราวกับมีข้อความวิ่งผ่าน เราสบตาอย่างรู้กันแม้ไม่พูดอะไร
ตอนเด็กๆผมเคยเห็นไอ้ฟักโดนล้อโดนแกล้ง ทำให้ผมไม่ใช่คนที่ชอบรังแกคนอื่น ยิ่งมาตอนนี้คุณแก้วเป็นคนพิเศษของผม ผมจึงยิ่งเข้าใจความรู้สึกของเธอมากขึ้น
“ว่าแต่คุณแก้วจะปล้ำผมจริงๆเหรอครับ” ผมนึกย้อนไปถึงข้อความที่เราคุยกันก่อนหน้านี้ คุณแก้วเดี๋ยวนี้ยิ่งชอบพูดจาทะลึ่งตึงตัน มันก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ผมคิดว่าพอคุณแก้วทำแล้วน่ารักจังเลย ฮี่ๆ
“จริงสิ” คุณแก้วพูดอย่างมีเลศนัย แต่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ดวงตาสวยคู่นั้นมองผมเหมือนจะสาปให้หยุดหายใจกันไปข้าง “แก้วจะหลอกคุณต๊อบทำไมกัน”
“ผมไม่กล้าออกนอกลู่นอกทางเลย”
“อย่าให้แก้วรู้เชียวนะ” คุณแก้วแกล้งขู่เสียงจริงจัง “แก้วเอาตาย”
“หน้าตาแบบนี้ นอกจากคุณแก้วก็ไม่มีใครหลงเข้ามาอีกแล้วครับ”
“ไม่จริงเลย แฟนแก้วออกจะน่ารัก” เธอยีแก้มผม ดูหมั่นเขี้ยว ไม่วายยังแกล้งวนๆที่ลำคอผมช้าๆ ปลายนิ้วนุ่มนิ่มลูบข้างแก้ม คุณแก้วสบตาผมก่อนจะลากมองไปตามจุดใบหน้าต่างๆ “หล่อใจสั่น”
“จริงเหรอครับ”
“อือ”
เธอลากนิ้วย้อนกับหนวดบนปลายคาง มันสากมือราวกับได้ยินเสียงครูดอยู่ใกล้ๆหูตลอดเวลา
ผมกลืนน้ำลาย ลูกกระเดือกกระเพื่อมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คุณแก้วหลุดหัวเราะอีกครั้งแล้วปล่อยมือเมื่ออาหารมาที่โต๊ะ
ผมพยายามจะไม่ยิ้ม หรือกลับไปเป็นไอ้ต๊อบคนก่อน ไอ้คนที่ขี้แพ้ผู้หญิงหน่อยๆ แต่จนแล้วจนรอดก็เสือกทำไม่ได้
เชี้ย
มันเขินไง
ลำคอผมมันร้อนผ่าวๆ จุดที่คุณแก้วลูบผ่านไป เหมือนทิ้งอะไรบางอย่างไว้ที่ผมก็ยังหาสาเหตุไม่ได้
หลังจากกินอาหารเสร็จ เราจึงไปร้านทำผมของคุณแก้วต่อ คนไม่ค่อยเยอะมาก คุณแก้วควงแขนผมเข้าไปในร้านก่อนจะมีพนักงานต้อนรับ ดูเหมือนคุณแก้วจะเป็นแขกประจำอยู่แล้ว ฉิบหาย ขนาดตัดผมยังต้องมีโทรนัด ผมเพิ่งรู้กับเขา!
“เดี๋ยวผมถือกระเป๋าให้นะครับ”
“ขอบคุณนะคะ” คุณแก้วยิ้มหวานให้ผม กระโปรงเธอพลิ้วมากในการก้าวเดินแต่ละครั้ง เสียงส้นสูงก็ดังเป็นจังหวะ
“แฟนเหรอคะหนู”
ผมเห็นพนักงานกระซิบกระซาบคุยกับคุณแก้ว แล้วก็อมยิ้มหัวเราะคิกคักอยู่ตรงนั้น ผมจึงยิ้มตาหยีๆให้อย่างงงๆแต่ก็ดูรู้ตัวว่าอาจจะถูกพูดถึงอยู่ คุณแก้วโบกมือให้ผมไปนั่ง แต่ก็ไม่วายส่งยิ้มล้อเลียนให้ พวกสาวๆดูสนิทสนมกัน ผมจึงเดาเอาว่าคุณแก้วคงมาเป็นประจำจนมีพนักงานรู้จักส่วนตัว
“หาได้ดีนะคะ”
“ขอบคุณค่ะพี่” คุณแก้วยกมือไหว้ก่อนจะวางมือไว้บนอก ผมยังไม่เคยเห็นเธอทำงั้นมาก่อน นั่นทำให้ผมนึกถึงไอ้ฟักตอนมันพยายามล้อเลียนหรือคุยเล่นเลยทีเดียว
นอกจากกลิ่นหอมๆร้อนๆในร้านตัดผมแล้ว ผมก็ออกจะรู้สึกกดดันอยู่บ้าง มันเหมือนกับว่าผมเป็นชายหนุ่มคนเดียวที่ดูจะไม่เข้ากับสถานที่ ทุกอย่างมันดูชมพูวิ้งๆไปหมด
หลังจากคุณแก้วสระผมเสร็จ ผมนั่งกอดอก เห็นคุณแก้วนั่งอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ ผมจึงขยับกาย พยายามส่งสายตาให้เธอผ่านกระจกบานนั้น คุณแก้วขมวดคิ้ว ก่อนจะพยายามหุบยิ้ม เธอส่งสายตาเป็นคำถามให้ผมว่ากำลังจะทำอะไร
ผมแลบลิ้น ก่อนจะทำตาเหล่ เสร็จแล้วเลยหลุดขำซะเอง
ไอ้ร้านทำผม เสริมสวยอะไรสักอย่างที่ว่านี้ ตอนแรกผมก็ไม่ได้ถามว่าคุณแก้วจะทำอะไร ตัดหรือว่าทำสี แต่ผมเห็นว่าเขากำลังเกล้าผมคุณแก้วขึ้น ทำให้ด้านหลังผมเห็นลำคอขาวๆของเธอชัดเจน
จะว่าคอยาวระหงก็ใช่ แต่ก็ดูแข็งแรงดุดันอย่างบอกไม่ถูก
แต่แน่นอนว่าสวยครับสวย ขนาดแค่มองด้านหลังยังสวย
ผมโบกมือให้คุณแก้ว ให้รู้ว่าผมยังอยู่ตรงนี้ เธอขยับมากไม่ค่อยได้ ผมจึงมีโอกาสได้สำรวจอีกฝ่ายมากขึ้น
เสียงในนี้ดังมาก แต่ในร้านก็มีเพลงเปิดอยู่ และนิตยสารกับโซฟานิ่มๆราวกับรู้ว่าจะมีไอ้คนอย่างผมมานั่งรอ
แต่ไม่นานผมก็เสือกหลับ มาตื่นอีกทีตอนที่โทรศัพท์สั่น ผมสะดุ้งหน่อยๆ กระพริบตาช้าๆ เห็นคุณแก้วยังนั่งอยู่ที่เดิม ความคืบหน้าระหว่างก่อนหน้านี้ผมไม่ทราบว่าแม่งต่างกันยังไง อย่างน้องเวลาผมไปร้านตัดผมลุงชาติ สามนาทีต่อมามันก็ต้องเห็นหนังหัวกันบ้างแล้วล่ะ
ด้วยความมาเป็นครั้งแรก และเพื่อคุณแก้วด้วยแล้ว ผมจึงไม่พยายามหาเหตุผลกับมันมา ผมทำปากยู่ยี่ผ่านกระจกที่ตรงหน้าคุณแก้วอีกครั้งเพื่อแกล้งเธอ คุณแก้วดูเหมือนอยากจะลุกขึ้นมาบีบแก้มผมเล่นอยู่ตลอดเวลา เธอทำเป็นเหล่มองอย่างคาดโทษแล้วเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ผมหัวเราะไม่มีเสียง แล้วค่อยๆเปิดโทรศัพท์ดู
เพียว : พี่ต๊อบ…โกรธอยู่ใช่มั้ย?
ผมขมวดคิ้ว หรี่ตาน้อยๆ ไม่ทันได้ตอบอะไรพี่ที่กำลังทำผมให้คุณแก้วอยู่ก็เรียกผมไปหา อีกอย่างเธอรู้ชื่อผมได้ไงวะ “น้องต๊อบบบ”
“ครับผมครับ” ผมเลิกคิ้ว ถือโทรศัพท์กับกระเป๋าคุณแก้วเดินเข้าไป ผมคุณแก้วยาวสลวย มันเป็นลอน แถมยังดูนุ่ม ทำให้ผมนึกถึงโฆษณาแชมพูสักตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเธอหอมมาก
“สวยหรือยังคะ”
พี่เขาถามผม ส่วนคุณแก้วก็ทำหน้าเหมือนจะยิ้มไม่ยิ้มเหล่ผมอยู่
ไหนคือความแตกต่าง ถึงผมจะหาจุดที่ต่างจากเดิมไม่ได้ แต่พอเห็นคุณแก้ว ปากนิดๆจมูกหน่อยๆ อีกทั้งยังแก้มชมพูของเธอ ปากผมมันก็ละเมอออกไปเอง “สวยแล้วครับ”
“อิจฉา” พี่เขาพูดขึ้นแล้วถาม “พี่ทำผมให้สวย หรือว่าใครสวยคะ” พวกเธอๆหัวเราะคิกคัก
ผมรู้สึกเกร็งๆ เลยหัวเราะแห้งๆแล้วตอบกลับหน้าดำๆ ตาหลุกไปหลุกมา ไอ้ห่า ไม่ชินกับสถานการณ์ผู้หญิ๊งหญิงนี้อย่างรุนแรง “ทั้งสองอย่างเลยครับ”
“โกหกชัดๆ หน้าตาดูไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังพูดเรื่องอะไร” คุณแก้วพูดเสียงงอแง เธอแกล้งบึ้งงอน จี้ถามผมต่อ
“อะไร รู้นะครับ” เชี้ย นี่ผมไม่ได้ร้อนตัวเลยนะ
“ไม่จริง คุณต๊อบทำหน้างงๆ”
“อะ ถ้าหมายถึงว่าแฟนผมสวยหรือเปล่า ก็เรื่องจริงอีกนั่นแหละ”
“ฮึ”
ปากคุณแก้วเบ้นิดๆ แต่แก้มเธอกลับเปล่งปลั่ง ดูมีความสุข โดยเฉพาะตอนที่ผมบอกว่าเธอสวย เราคุยเล่นขำๆกันแปบหนึ่ง พี่ผู้หญิงคนนั้นจึงทำผมให้คุณแก้วต่อ ผมก็นึกว่าเสร็จแล้ว แต่ดูเหมือนเธอกำลังเก็บรายละเอียด
ผมมองซ้ายขวา ก่อนจะถามต่อ “อันนี้คือเสร็จแล้วใช่มั้ยครับ”
“อ๋อยังค่ะ อีกนิดนึง แปบเดียวเท่านั้น”
“คุณแก้วงั้นผมไปเข้าห้องน้ำแปบนึงนะครับ”
“ได้สิคะ” คุณแก้วพยักหน้า เธอดึงแขนผมเข้าไปใกล้ๆ “เดี๋ยวแก้วถือกระเป๋าให้ โทรศัพท์ด้วย”
คุณแก้วถือคืนไป เธอหยิบโทรศัพท์ผมไว้อย่างปกติไม่ได้มีทีท่าว่าจะเปิดดูแล้ววางไว้หน้ากระตก ถ้าผมจำไม่ผิด ห้องน้ำมันน่าจะอยู่ทางขวา ยังรู้สึกมึนนิดหน่อยเหมือนไม่ตื่นดี กะว่าจะไปล้างหน้าด้วย ผมกระซิบคุยกับคุณแก้วเบาๆแต่ก็ไม่วายเล่นนั่นเล่นนี้กับเธอเหมือนเด็กๆ อย่างเช่นแอบดึงผมนุ่มๆนั่นไปสักที “เอ๊ะ”
“ฮี่ๆ”
“คุณต๊อบ”
พอคุณแก้วพูด เธอแตะนิ้วผมเบาๆก่อนจะแกล้งแตะริมฝีปากลงมา ผมเลยแกล้งเธอคืน เสียงดังจุ๊บๆ จนลืมไปว่าเราไม่ได้อยู่กันสองคน ผมรู้สึกร้อนที่คอและหน้า ก่อนจะรีบเดินก้มหน้าก้มตาออกไปจากร้านทันทีโดยไม่มองไปด้านหลังเด็ดขาด ผมเดินอย่างไม่คิดจะเหลียวหลัง แม่งกู ทำไปได้!
“ว้ายๆๆ น่ารักจังเลย ไปขุดมาจากไหนน้องแก้ว”
“ซื่อๆดีค่ะ แต่อร่อย”
รอยยิ้มหวานสะท้อนทางกระจก โทรศัพท์สั่นอีกครั้ง มือหนึ่งเลื่อนดูช้าๆ
เพียว : เพียวแค่อยากจะมาขอโทษ
เพียว : เพียวรู้แล้วว่าใครที่ดีกับเพียวจริงๆ
ไม่นาน หลังจากเข้าห้องน้ำ ผมรีบกลับมาเพราะกลัวว่าคุณแก้วจะทำผมเสร็จแล้วต้องมารอ พอมาถึงผมก็เห็นคุณแก้วกำลังลุกขึ้นด้วยท่วงท่าที่ทำผมใจสั่นเล็กๆ เธอเพิ่งละจากกระจก จากการทาปากและปัดแก้มเพิ่ม “อ้าว คุณต๊อบ เร็วจังเลย”
“ผมกลัวคุณแก้วรอครับ”
ผมเดินยิ้มๆเข้าไป เสร็จแล้วก็ดูว่ามีอะไรอีกไหม คุณแก้วยิ้ม ริมฝีปากของเธอค่อยๆคลี่ออกช้าๆเป็นจังหวะที่ดูนุ่มนวล “นานกว่านี้แก้วก็รอมาแล้วนะ”
“หือ”
ผมขมวดคิ้วงงๆ พาลนึกไปว่าเคยทำให้คุณแก้วรอนานตอนไหนบ้างวะ ย้อนไปตั้งแต่เจอกันครั้งแรกเลย เชี้ย หรือว่าเธอจะหมายถึงเดตแรกที่ผมไปที่หลัง แต่มันก็ไม่สายไม่ใช่เหรอ หรือว่าสายวะ
คุณแก้วหัวเราะ เธอเข้ามากอดแขนผมแน่นแล้วพูดต่อ อย่างไม่คิดจะใส่ใจในประโยคเมื่อครู่อีก “ไปกันดีกว่าค่ะ”
“วันนี้อยากไปเดินดูของอะไรมั้ยครับ”
คุณแก้วคลี่ยิ้มหวาน เธอกอดแขนผมแล้วเอียงซบไว้ก่อนจะทำหน้านึกน่ารักๆ “ไปดูของกินกัน”
“แล้วค่าทำผม”
“แก้วจ่ายแล้วเมื่อกี้เอง”
เราเดินออกจากร้านท่ามกลางสายตาที่ผมไม่ทันสังเกต คุณแก้วหันไปมองก่อนจะรีบยิ้มอีกครั้งเมื่อคุยกับผม เราเดินไปโซนล่างที่จัดงานของกินต่างๆ
“นี่โทรศัพท์คุณต๊อบค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
ผมรับมาแล้วใส่กระเป๋า ไม่ได้คิดจะเช็กดูอะไรอีก เกือบลืมไปเลยว่าฝากโทรศัพท์ไว้กับเธอ คุณแก้วเบียดผม เธอดูจะขี้อ้อนกว่าเดิมมาก ผมนุ่มๆคลอเคลีย ผมนึกขึ้นได้ว่าเพียวทักมาอีกครั้ง ขณะที่กำลังจะลองเปิดโทรศัพท์ดูดีหรือไม่ คุณแก้วก็ทักขึ้นมา “คุณต๊อบ…”
ปลายนิ้วขาวๆชี้ทางด้านหน้า ดวงตาประกาย สีหน้าดูดีใจ คุณแก้วรีบเดินเข้าไปโดยที่ไม่ปล่อยแขนผมสักนิด กลับกันเธอกอดแน่นกว่าเดิม “อยากกิน อยากกิน นะ นะๆๆ”
“ไหนครับ”
“นั่นไง”
เธอลากผมไปดูขนมกับวุ้นที่ตั้งขายอยู่ สุดท้ายผมก็เลยลืมเรื่องโทรศัพท์ไปอีก
ส่วนข้อความลับที่เพิ่งหายไปเมื่อสักครู่นี้
‘ไม่ยุ่งกับเมียพี่เนาะ’
TBC
[27/08/2559]