Until You
ตอนที่ 15 (2/2) เมื่อคุณลุงชาติคนขับรถดับเครื่องยนต์และลงมาเปิดประตูฝั่งคนนั่งออก ชายหนุ่มออกท่าทางตุ๊งติ๊งเล็กน้อยรีบก้าวออกมาจากล็อบบี้ตรงเข้ามายังรถของผมที่จอดคอยอยู่ เขาปัดผมเรียบแปร่กระชับเสื้อสูทเข้ารูปและเอ่ยทักทายพี่มาร์ทที่ก้าวลงจากรถเป็นคนแรก พร้อมกับแนะนำตัวว่าเป็นผู้จัดการโรงแรมอันใหญ่โตและหรูหราแห่งนี้ ด้วยสายตาแทบจะกลืนกินพี่ชายของผมไปทั้งตัว
“สวัสดีครับคุณภิมุข ยินดีต้อนรับสู่โรงแรมของเราครับท่าน” นึกว่าจะพูดค่ะขาซะอีก “โรงแรมของเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง...”
“ร้อน” พี่มาร์ทพูดแสกหน้ากลับไปตรงๆทำเอาคนฟังเหวอ แต่ผมกลับแอบหัวเราะสะใจ เพราะไม่ถูกชะตากับเกย์สาวเป็นทุนเดิม “รถกอล์ฟอยู่ไหน”
“อะ...อยู่นั่นครับ ให้ผมนำไปไหมครับ นายช้างมารับกระเป๋าแขกสิ ให้ไวๆ”
“ไม่ต้อง” พี่มาร์ทพูดสั้นๆ หันมาบอกผมว่า “แมคไปรอที่รถกอล์ฟก่อนก็ได้ครับ เดี่ยวพี่เช็คอินท์แล้วจะตามไป"
“ครับผม” ยิ้มหวานส่งให้พี่ชายหนึ่งที เพราะน้ำเสียงอ่อนละมุนผิดกับที่พูดกับอีกคน อ้าว แล้วจะจิกสายตามองผมทำไมละครับนั่น “ไม่ตามคุณภิมุขไปเหรอครับ คุณผู้จัดการ”
“อืม...ห๊ะ....รอด้วยครับ คุณท่าน” โอยวิ่งสี่คูณร้อยก็ไม่ทันหรอกครับ โน่นพี่มาร์ทก้าวฉับๆไปถึงเคาน์เตอร์แล้ว
"ลุงชาติพักที่นี่กับเราด้วยไหมครับ"
"เดี่ยวผมกลับไปนอนโรงแรมเดิมนั่นละครับ ไว้คุณมาร์ทกลับเมื่อไหร่ผมค่อยมารับเข้ากรุงเทพ"
"นี่ลุงไม่รู้กำหนดการเหรอครับ" ผมถามออกไปตรงๆ แต่ผู้ฟังทำเพียงยิ้มเจือนส่ายหัว ผมว่าชักยังไงๆแล้วนะครับพี่ชายผมคนนี้
"ลุงชาติกลับได้เลย นี่เอาไว้ใช้ช่วงที่พักโรงแรมนะ" พี่มาร์ทเปิดกระเป๋าเงินหยิบแบงค์ม่วงส่งให้จำนวนหนึ่ง "ไว้ผมจะโทรบอกคุณสา ถ้าผมจะใช้บริการจากลุง ขอบใจมาก"
"ขอบคุณครับ"
"แมคพร้อมแล้วใช่ไหม ไปกัน พี่เริ่มร้อนละ"
รถกอล์ฟขนาดสามตอนขับพาผมกับพี่มาร์ทมาตามทางเส้นเล็กขนาดรถมอเตอร์ไซด์วิ่งสวนกันได้ด้วยความเร็วไม่มาก เข้าใจว่าคงจะให้แขกเข้าพักชื่นชมกับบรรยากาศรอบข้างที่ตกแต่งประดับดาสวนและก้อนหินใหญ่ไปตลอดทาง ผมสอดสายตามองโดยรอบด้วยความตื่นตาตื่นใจ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้มาพักในโรงแรมที่มีแต่บ้านเดี่ยวภายในรั้วรอบขอบชิด ทั้งที่ปกติจะได้พักแต่ในห้องโรงแรมบนตึกสูงเท่านั้น
ไม่นานรถกอล์ฟก็จอดหยุดลงหน้าบ้านหลังหนึ่งที่มีป้ายชื่อเขียนว่า Villa ตามด้ายชื่อต้นไม้มงคลและตัวเลข ผมชอบแนวคิดนี้ครับใช้ไม้สลักดูคลาสสิคไม่น้อย ว่าแล้วก็จัดภาพเก็บไว้ในกล้องอีกสักช็อต
"เชิญครับคุณผู้ชาย" ศัพท์หรูหรามาอีกแล้วครับ สงสัยจะเป็นถูกอบรมมาแบบนี้ "ระวังพื้นไม่เท่ากันด้วยครับ" เขาเอ่ยเตือนเพราะพื้นถนนที่นี่เป็นพื้นปูนใช้การแต่งแบบเล่นระดับทำให้ดูแตกต่างจากที่อื่นๆ
"แล้วกระเป๋า?" ผมถามขึ้นลอยๆ
"เดี่ยวผมดูแลให้ครับ เชิญเข้าวิลล่าเลยครับ" เขาผลักประตูไม้สองบานเปิดเข้าไปภายในวิลล่า ซึ่งทำเป็นทางเดินขั้นบันไดสามขั้นสลับกับทางเดินยาว ขนาบข้างด้วยต้นไม้ประดับตลอดสองข้างทาง ซึ่งแน่นอนว่ามันดูร่มรื่นมาก แต่ผมไม่ค่อยเข้าใจการออกแบบเท่าไหร่ว่า จะทำทางให้มันโค้งไปมาให้ผมสับสนทำไม นี่จากประตูบ้านตรงเข้ามาสุดทางนึกว่าจะถึง เปล่าเลย ผมต้องเดินเลี้ยวขวาหนึ่งแยกก่อนจะเดินตรงไปถึงประตูทางเข้าที่พักอีกบาน ณ. ที่ตรงนี้มีพนักงานสาวในชุดล้านนาสองคนยืนต้อนรับด้วยรอยยิ้มพร้อมน้ำพันซ์และขนมชิ้นเล็กสามอย่างรอคอยอยู่แล้ว แอบว้าวในใจไปแล้วนะครับนี่ บริการดีเลิศประเสริฐศรีจริงๆที่นี่
"ยินดีต้อนรับค่ะท่าน เชิญทางนี้เลยค่ะ" เมื่อพนักงานสาวรับหน้าที่ต้อนรับแทนแล้ว พนักงานขับรถหนุ่มจึงได้ขอตัวเดินไปจัดการยกสัมภาระต่อ "รับเครื่องดื่มที่ไหนดีค่ะท่าน ในห้องรับแขกหรือสระว่ายน้ำ"
"ในบ้านละกัน ผมร้อนละ" พี่มาร์ทตอบอย่างไว ในขณะที่ผมอยากตอบว่าสระว่ายน้ำมากกว่า สระว่ายน้ำแบบส่วนตัวครั้งแรกในชีวิตผมเลยนะครับ พลาดได้ไง? พี่มาร์ทก็ไม่บอกว่าวิลล่ามีสระว่ายน้ำด้วย อ้าว เดินกันไปไม่รอผมอีกละนะ เดี่ยวแอบกินน้ำพันซ์แก้วพี่มาร์ทแก้แค้นซะเลย ทว่า... พอเข้ามาในตัวบ้านโซนห้องรับแขก ผมถึงกับผงะกับลมแอร์ที่เป่ามาปะทะใบหน้าเย็นฉ่ำสมใจผมจริงๆ งั้นผมไม่แกล้งคืนแล้วก็ได้
"น้ำพันซ์กับขนมเค๊กโฮมเมดจากทางโรงแรมค่ะท่าน" ทั้งสองพูดขึ้น "ชิ้นนี้เป็นเค๊กมะพร้าว ชิ้นนี้เป็นบราวนี่ช็อกโกแลต ส่วนชิ้นนี้เป็นคุ๊กกี้อัลมอนค่ะ หวังว่าท่านจะชื่นชอบกับการคัดสรรของทางเรานะค่ะ หากไม่มีอะไรให้รับใช้แล้ว ขอตัวนะค่ะ ขอให้ท่านทั้งสองมีความสุขและผ่อนคลายการต้อนรับจากโรงแรมของเราค่ะ"
"อืม" พี่มาร์ทรับปากสั้นๆ ก่อนจะหันไปบอกชายหนุ่มที่ยกกระเป๋ามาให้ "ไม่ต้องจัดเข้าตู้ เดี่ยวผมจัดการต่อเอง เสร็จแล้วใช่ไหม"
"ครับ / ค่ะ" ทั้งสามเดินมารับทิป ก่อนจะออกไปพร้อมกับปิดประตูให้เรียบร้อย ผมเหลือบตามองรอจนทุกคนออกไปหมดจึงหย่อนก้นนั่งลงบนโซฟาเบดรีบใช้นิ้วคีบเค้กเข้าปากในทันที แต่กลับโดนพี่มาร์ทตีมือดังเพี๊ยะ นั่งเก้าอี้ตัวเดียวแถมยังมีโต๊ะไม้กั้นกลางยังเอื้อมมือมาตีผมได้อีกนะ คิดดู
"ใช้ส้อมสิ มือไม่สะอาด" เซ็งเลย ขี้บ่นระวังจะแก่เร็วนะครับ
"รู้แล้วน่า แค่แกล้งหยิบเล่นลองเชิงพี่มาร์ทเฉยๆเอง" ผมบอกอย่างคนกระล่อนพลางฉีกยิ้ม
"พี่ไม่เชื่อ" ตอกกลับไม่พอยังจะหัวเราะใส่ผมอีก "ชอบขนมขนาดนี้ พี่สั่ง Afternoon Tea Set ให้เอาไหม?"
"จริงสิครับ" ตาลุกวาวเลยครับงานนี้ "แต่ไม่เอาดีกว่า เดี่ยวผมกินนานแล้วแขกพี่มาร์ทมาเห็น มันดูไม่สุภาพเท่าไหร่ ว่าแต่นัดใครมาเหรอครับ เลือกซะหรูเชียว"
"ยังคิดว่าพี่มาทำธุระอยู่เหรอ" ผมพยักหน้ารับ แต่พี่มาร์ทกลับถอนหายใจเบาๆ "ถ้าพี่บอกว่า พี่ไม่ได้มาเรื่องงานละ แมคจะเชื่อไหม"
"หือ?" เป็นงงเลยครับทีนี้
"พี่พามาพักผ่อนนะ ที่เลือกที่นี่ก็เพราะสงบและเป็นส่วนตัวดี" ง่ายๆงี้เลยเนอะ เหตุผลของคนเรา
"โอเค สรุปว่าพี่มาร์ทจะนอนที่นี่และไม่มีแขกมาเยือนใช่หรือไม่?" อีกฝ่ายผงกศีรษะรับคำน้อยๆยกน้ำพันซ์ขึ้นจิบ "ถ้าใช่ งั้นผมไปโดดน้ำแล้วนะครับ"
"เดี๋ยว!" เรียกไม่พอยังรั้งแขนผมไว้อีก "แดดแรงขนาดนี้ อย่าเพิ่งออกไปว่ายน้ำเลย เดี่ยวไม่สบายเอา"
"งั้นเดินรอบๆสระได้ไหมอะ" ผมชะเง้อมองออกไปตามรอยแยกของม่านพับคล้ายบานเกล็ด เห็นสระว่ายน้ำกระทบแสงแดดส่องประกายอยู่รำไร มีเก้าอี้อาบแดดสองตัวทางด้านซ้ายและโต๊ะดินเดอร์หนึ่งชุดสำหรับสองคนนั่งในศาลาขนาดเล็กทางด้านขวาด้วย อยากไปทัศนาจะแย่ละ
"ไม่ได้ ข้างนอกไม่มีร่มเลยเห็นไหม รอเย็นกว่านี้ก่อน"
"งั้นเดินสำรวจบ้านได้ไหมอะ ตรงสวนหย่อมอะ มีต้นไม้บังแดดด้วยนะ ผมอยากถ่ายรูป"
"ไม่ได้ เจอไอแดด เดี่ยวไข้ขึ้น"
"งั้นเดินในบ้านก็ได้ ปล่อยสิ" หลังบานประตูตรงหน้าน่าจะเป็นห้องนอน ดูท่าน่าจะมีประตูกระจกเชื่อมจากห้องนอนไปข้างนอกได้เหมือนกัน หรือจะวกเข้าไปทางประตูห้องน้ำซ้ายมือผมดี เท่าที่เคยดูพวกรายการทีวีมา ผมว่าโรงแรมหรูพวกนี้มันมีประตูเชื่อมกันหลายบาน เข้าทางนั้นออกทางนี้ก็ได้เหมือนกัน
"ไม่ได้"
"อะไรๆก็ไม่ได้ พี่มาร์ทจะอ้างอะไรอีก ในบ้านไม่มีแดดสักหน่อย" ผมสะบัดแขนออกจนหลุดยืนจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างหาเรื่อง แต่จ้องนานเมื่อยขาละ ผมนั่งกอดอกจิบน้ำรอดีกว่า
"เงียบเชียว" ไม่อยากพูดด้วยละ ทำหูทวนลมดีกว่า "แมคอย่าดื้อสิครับ ไว้เย็นกว่านี้ก่อนพี่จะไม่ห้ามเลย พี่พาแมคมาเที่ยวนะครับอย่าทำหน้าบูดสิ แบบนี้ไม่น่ารักเลย"
"ก็พี่มาร์ทไม่ให้ผมทำอะไรสักอย่างอะ จะให้นั่งเฉยๆยัน 5 โมงเย็น ผมเบื่อแย่"
"ทนหน่อยน่า ตากแดดนานๆ ไม่สบายอดเที่ยวไม่รู้ด้วย"
"ถึงผมจะบึกน้อยกว่าพี่มาร์ท แต่ผมก็ถึกพอควรนะ" ถ้าบอกไม่เชื่อเดี่ยวเบ่งกล้ามให้ดูซะเลย "ไม่ให้ทำอะไร งั้นผมนอนก็ได้"
พูดจบผมก็ลุกขึ้นยืนเดินไปยังกระเป๋าเดินทางของตัวเองหิ้วขึ้นสะพานบ่า ก้าวฉับๆไปยังประตูที่ผมคาดว่าจะเป็นห้องนอน และเมื่อเปิดเข้าไปผมถึงกับผงะกับภาพที่แสนคุ้นเคย ใช่ว่าจะเคยมาที่นี่หรอกนะครับ ผมหมายถึงว่าเตียงนอนขนาดคิงส์ไซด์ปูด้วยผ้าปูเตียงสีขาวนี่มีมุ้งที่ถูกรวบเอาไว้ด้านข้างด้วยครับ มองแล้วคิดถึงตอนเป็นเด็กชะมัด ได้นอนในมุ้งกันยุงเปิดพัดลมปลิวไสวอากาศถ่ายเทกำลังดี นอนแล้วเย็นสบายมากๆเลย
"ชอบไหม?" พี่มาร์ทเอ่ยเสียงเบากระซิบข้างใบหู
"ชอบ" ผมตอบเบินหน้าหันข้างไปมองฟูกและหมอนสามเหลี่ยมบนพื้นตรงปลายเตียง
"ชอบพี่เหรอ พูดจาน่ารักอีกละนะ" พี่มาร์ทว่าพลางกดริมฝีปากลงข้างแก้มผม
"พี่มาร์ทมั่ว ผมบอกตอนไหนว่าชอบพี่ ผมหมายถึงห้องนอนต่างหาก"
"เหรอครับ พี่ก็นึกว่าแมคบอกรักพี่ซะอีก"
"โว๊ย ไม่คุยด้วยละ งงบวกงอน" ดูดิครับ ผมว่าแล้วยังมีหัวเราะเยาะผมอีก นิสัยแย่วะพี่ชายผมนี่
"ไหนบอกจะนอนเล่นไง"
"เก็บกระเป๋าก่อนสิครับ เดี่ยวเสื้อผ้ายับ ตู้อยู่ไหนนี่" เข้ามาในห้องนี้มีแต่เตียง โต๊ะโคมไฟกับโซฟายาวตัวนึง ไม่เห็นมีตู้เสื้อผ้าเลย
"เอาน่าๆ มาเอนกัน เสื้อผ้าเรียงมาดีแล้วไม่ยับหรอก" พี่มาร์ทพูดขึ้นพลางจับมือผมพาไปยังเตียงนอน แต่ผมว่า อารมณ์นี้มันชักยังไงๆแล้วนะครับ "วันว่างทั้งทีมานอนคุยเล่นกันดีกว่า"
"แค่นอน?"
"หรือจะทำอย่างอื่น? พี่ไม่ขัดนะครับ" ยิ้มได้เจ้าเล่ห์มากๆ
"งั้นนอนกัน" บอกเสร็จก็หยิบหมอนมากั้นกลางครั้บ ก่อนจะล้มตัวลงนอนเพื่อความปลอดภัยในหัวใจและร่างกายของผมเอง
"หลับจริง?"
"หลับตาอยู่นี่ไง"
"แล้วพูดตอบพี่ได้ไง" เอ๊ะ...ตกลงจะให้ผมนอนปะนี่ พูดจากกวนชะมัด
"มัวแต่พูดแล้วผมจะหลับได้ไง เงียบๆสิครับ"
"ก็จริง" พี่มาร์ทขำน้อยๆ "พี่ชอบการตกแต่งและการบริการของที่นี่นะ สงบดีเหมาะสำหรับพักผ่อนคิดอะไรเงียบๆคนเดียว..."
"คนเดียวจริงอะ" ผมแกล้งถาม
"หรือแมคอยากมาด้วย พี่ก็ไม่ขัดนะครับ ที่สำหรับเรา รู้กันแค่สองคนก็พอแล้ว"
"น้ำเน่า" ผมลืมตามองด้วยหางตาก่อนจะปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง "อย่างพี่มาร์ทนะเหรอจะมาเที่ยวสถานที่แบบนี้คนเดียว"
"ทำไมพี่จะมาคนเดียวไม่ได้ละ หืม?" มีหางเสียงตลอดนะครับช่วงนี้
"บรรยากาศเหมาะกับการฮีนนีมูนขนาดนี้ มาคนเดียวเสียดายแย่" ผมพูดขึ้นเลย แต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะลอดเข้าหู "ขำอะไรละนั่น วิลล่าสวยขนาดนี้ มาคนเดียวจะให้นอนเล่นเฉยๆเหรอครับ?"
"ฮันนีมูนเหรอ ฮ่าๆๆ" พี่มาร์ทว่า "พี่ยังไม่ได้แต่งงานนะครับ จะมีช่วงเวลาฮันนี่มูนได้ไง"
"คือผมหมายความว่า พาแฟนมาเที่ยว มาเดทไรงี้"
"พี่ยังไม่เคยคบใครนาน ขนาดต้องพาไปเปิดตัวที่ไหนหรอก" พูดงี้ผมหันขวับเลยครับ แล้วสาวๆที่ผมเห็นควงไปไหนมาไหนนั่นอะ "อีกอย่าง พี่ยังไม่มีแฟน แล้วพี่ก็ไม่เคยคบใครจริงจังขนาดต้องใช้คำศัพท์นี้"
"ถามแค่นี้ ทำไมต้องทำเสียงจริงจังด้วยละ"
"พี่ไม่อยากให้แมคเข้าใจผิด"
"ผมจะเข้าใจอะไรผิดมิทราบครับ" ถามแค่นี้ทำไมต้องพลิกมานอนตะแคงจ้องหน้าผมด้วยก็ไม่รู้ "ไม่คุยด้วยละ นอนดีกว่า" นอนหันหลังให้ดีกว่าครับ คุยกับพี่มาร์ทมากๆไม่ได้หลับกันพอดี
ทันใดนั้นเองผมกลับรู้สึกอุ่นขึ้นอย่างประหลาดจนต้องแขม่วพุงถดหนีต้นแขนที่โผเข้ามากอดรัด แต่ไม่พ้นทั้งยังถูกรวบเอวเข้าไปกอดเต็มอ้อมแขนอีก สายตาของผมจ้องมองไปยังกลางลำตัวค่อยๆออกแรงดึงต้นแขนล่ำออกอย่างเบามือ แต่ยิ่งแกะกลับยิ่งแน่น ซ้ำฝ่ามือหนายังเอื้อมมาบิดคางผมให้หันกลับไปรับริมฝีปากที่จรดมาแนบชิด
"เรื่องอดีตมันจบไปแล้ว ตอนนี้พี่มีแมคคนเดียว"
"ไม่ได้ถามเรื่องนั้นสักหน่อย" ผมตอบเสียงอ่อยก้มหน้างุด
"ไม่ต้องถาม พี่มองตาเราก็รู้ละว่าคิดอะไร"
"มั่วชัดๆ งั้นตอนนี้ผมคิดอะไร?" จ้องมาเลยครับ หันมองให้เต็มตาเลย ตาใสๆสีน้ำตาลเข้มของผมบอกอะไร บอกมาเลย "ว่าไงครับพี่ชาย"
"อืม?...พี่ควงสาวกี่คน?"
"เฮ้ย รู้ได้ไง? อุ๊บส์!" ปิดปากแทบไม่ทัน "คือไม่ได้จะถามตรงแบบนั้น ผมสงสัยว่าอยู่ๆพี่มาร์ทมาชอบผมได้ไง สาวๆมีตั้งเยอะ อย่างคนที่เจอกันที่มอเตอร์โชว์สวยออก"
"ก็แมคไม่สวยไง"
"ครับ ผมมันหล่อ หล่อกระแทกใจพี่จนไม่มองคนอื่นเลยใช่ไหมละ" ผมพูดย้อนกลับไปบ้างอย่างคนหมั่นไส้
"ช่างพูดเกินไปแล้ว" พี่มาร์ทว่ายิ้มๆฝังจมูกแรงๆลงกับแก้มผม "พี่ชอบแมค เพราะเหตุผลอย่างอื่น"
"พอเลย" ผมยกมือห้าม บางทีการไม่รู้ความจริงอาจจะทำให้ผมนอนหลับได้สนิทมากกว่า "มัวแต่คุยอยู่นี่เมื่อไหร่จะได้นอน นอนกันเถอะครับ"
TBC
-----------------------------------------------------------------------------------------