Until You [อัพเดท ตอนที่ 19] 17-07-2016
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Until You [อัพเดท ตอนที่ 19] 17-07-2016  (อ่าน 16377 ครั้ง)

ออฟไลน์ ClearHeart

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 16 (1/2)] 13-06-2016
«ตอบ #90 เมื่อ13-06-2016 21:26:06 »


Until You


ตอนที่ 16 (1/2)

          สระว่ายน้ำส่วนตัวภายในวิลล่าเป็นสระขนาดยาวสิบเมตรและลึกราวหนึ่งเมตรห้าสิบเซนติเมตร เป็นสระว่ายน้ำที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวบ้านที่ผมพักอาศัยอยู่ในขณะนี้ โครงสร้างสระว่ายน้ำเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าลึกเท่ากันทุกด้านปูพื้นด้วยกระเบื้องหินสีเทาเข้มยาวตลอดจนถึงขอบสระ พื้นโดยรอบทำเป็นไม้ระแนงเรียงกันเป็นซี่ๆ และที่สำคัญมีระบบไอน้ำพ่นอยู่ในสระด้วยครับ เป็นอะไรที่สุดยอดมากเลย

                    "ไม่ลงมาว่ายน้ำเหรอครับ" ผมโผล่หน้าขึ้นมาจากน้ำยกมือขึ้นลูบหยดน้ำที่บดบังม่านตาออกเอ่ยถามเสียงดัง "น้ำเย็นน่าว่ายมากๆเลยครับ"
                    "พี่วอร์มแป็บ เดี่ยวตามลงไป" พี่มาร์ทพูดขึ้นค่อยๆปลดสายรัดชุดคลุมอาบน้ำออก เผยให้เห็นผิวขาวเนียนเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ ดูเป็นหุ่นนักกีฬาที่เฟิร์มสุดๆ "มองอะไรครับ พี่อุตส่าห์เลือกชุดปกติมาแล้วนะ ไม่โอเคอีกเหรอ"
                    "โอครับโอ" ผมตอบหน่ายๆ มองกางเกงว่ายน้ำสามส่วนสีน้ำเงินที่อีกฝ่ายสวมมาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะว่ายน้ำไปอีกทาง นึกว่าคราวนี้จะใส่บิกินี่มาซะอีก "พี่มาร์ทมาว่ายน้ำแข่งกัน"
                    "เดี่ยวนี้กล้าท้าพี่แล้วเหรอ?"
                    "เขาไม่เรียกท้า เรียกเชิญชวน" ขยิบตาวิบวับส่งให้ประกอบคำพูดซะหน่อย แต่กลับโดนน้ำสาดใส่หน้าแทน น้ำเข้าตาเลยไม่ทันระวัง "แกล้งเค้าเหรอ"
                    "คิดว่าไงละ?"
                    "เหรอครับ นี่แนะๆ" ตีน้ำใส่ซะเลย สมน้ำหน้าเปียกครึ่งตัว เฮ้ย พี่มาร์ทลงน้ำมาแล้ว หนีสิครับจะอยู่ให้โดนแกล้งหรือไร
                    "มาให้พี่จับซะดีๆ"
                    "เรื่องดิ บุ๊งๆ" แต่ด้วยแขนขาที่ยาวกว่าผมเริ่มเสียเปรียบละ ว่ายหนีมาหลายรอบ มุดหนีก็หลายตลบ ผมชักเหนื่อยละคาดว่าถ้าว่ายต่อไปผมต้องเป็นลมหรือไม่ก็โดนจับแน่ๆ หนีขึ้นบกดีกว่า รู้งี้ออกกำลังกายบ่อยกว่านี้ก็ดี
                    "พักก่อน" ผมตะโกนบอกเสียงหอบ ดันตัวขึ้นจากขอบสระว่ายน้ำตรงไปหยิบขวดน้ำที่วางอยู่ตรงเก้าอี้อาบน้ำขึ้นมาดื่ม "พี่มาร์ทเอาปะ เดี่ยวผมไปหยิบให้ ขวดนี้ผมกินหมดละ"
                    "เอาครับ" ผมพยักหน้ารับ หยิบผ้าขนหนูที่วางพาดไว้มาซับหยดน้ำ ก่อนจะก้าวเข้าไปในบ้านเปิดตู้เย็นหยิบมาขวด แต่พอกลับออกมา สระว่ายน้ำกลับโล่ง "อ้าว ไปไหนซะละ"
                    "แบร่"
                    "เฮ้ย!!” ไม่ทันระวัง ลื่นพรืดหัวเกือบฟาดขอบเก้าอี้ โชคดีที่พี่มาร์ทเอื้อมมาจับไว้ได้ทัน
                    "ไม่นึกว่า จะตกใจง่ายๆ"
                    "ก็พี่อะ เล่นไร บ้าๆ" ผมมองค้อน แต่อีกฝ่ายกลับเชยคางผมขึ้นไปจูจุ๊บ กดซะแรงเลย
                    "โอมเพี้ยง หายยัง"
                    "แมคไม่ใช่เด็กนะ บ้าเปล่า" ว่าแล้วยังยิ้มมุมปากอีกนะ "น้ำครับ จะดื่มไหม"
                    "อะ"
                    "เปิดกินเองดิ" คนอะไรอ้าปากรออย่างกับลูกนก จะให้ผมป้อนเหรอ ไม่มีวันซะหรอก
                    "หึๆ เล่นงมเหรียญกันไหมครับ" พี่มาร์ทว่า "สลับกันโยน ใครหยิบได้ก่อน ต้องทำตามที่อีกคนขอนะ"
                    "ได้เลย" วิธีการเล่นก็แสนง่าย ดำลงไปหยิบที่ก้นสระ ใครหยิบได้ก็โดนอีกคนเข้ามาแย่ง ต้องกันและหลบหลีกพอดู กว่าจะรอดมาเหนือน้ำได้ รวมๆก็สนุก แต่เหนื่อยใช่ย่อยเลย ด้วยพละกำลังที่ต่างกัน"พอๆ ขอเวลานอก" ผมหอบแฮ่กๆ แทบจะคลานขึ้นจากสระว่ายน้ำ ไปนอนแปะแผ่สามสลึงบนเก้าอี้ ถอดหมวกว่ายน้ำกับแว่นตาโยนทิ้งข้างๆ
                    "อะไรเหนื่อยแล้วเหรอ พี่ยังไม่เหนื่อยเลย" พี่มาร์ทที่กำลังเกาะขอบสระพูดขึ้น
                    "ไม่ต้องมาแกล้งเลย ถ้าจะนอน ไปๆไปนอนเตียงโน้น" ผมยกแขนชี้ไปเตียงข้างๆ เริ่มหายใจหอบพูดตระกุดตระกักละ
                    "ได้ไงเล่า มาด้วยกันก็ต้องนั่งด้วยกันสิครับ" ไม่พูดเปล่า เพราะตอนนี้พี่มาร์ทเดินเข้ามาใกล้หย่อนก้นลงนั่งตรงเก้าอี้ข้างกันพร้อมกับดึงผมไปนั่งตรงหว่างขา สองแขนประสานกอดเอวผมไว้จากด้านหลัง รู้สึกถึงน้ำหนักจากคางที่วางบนไหล่ของผมเลย เราสองคนหันมาสบตากันแล้วผละออกในชั่วเวลาอันสั้น ไม่มีใครพูดอะไรต่อจากนั้นอีกเลย มีเพียงเสียงลมที่พัดผ่านไป จนขนเริ่มตั้งชันผมจึงได้พูดขึ้นว่า
                    "อาบน้ำกันเถอะครับ ผมเริ่มหนาวละ"
                    "อาบด้วยกัน?"
                    "คือผมชวนอาบน้ำ ไม่ได้บอกว่าต้องอาบด้วยกันสักหน่อย"
                    "ก็นะ" พี่มาร์ทยิ้มหยิบนาฬิกาข้อมือขึ้นบนโต๊ะมาส่องดู "จะ 5 โมงเย็นละ รีบอาบน้ำกันดีกว่า"
                    "พี่มาร์ทอาบก่อนก็ได้นะครับ เดี่ยวผมค่อยอาบต่อก็ได้"
                    "อืม ฟอดดด"
      
                TBC
                 -----------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 16 (1/2)] 13-06-2016
«ตอบ #91 เมื่อ13-06-2016 21:45:05 »

มีเชิญชวนด้วย :hao7:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 16 (1/2)] 13-06-2016
«ตอบ #92 เมื่อ13-06-2016 21:51:58 »

 :impress2:   อยากฟินยาวๆอ่า.  :pig4:

ออฟไลน์ Sweettemp

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 16 (1/2)] 13-06-2016
«ตอบ #93 เมื่อ14-06-2016 10:01:17 »

มาต่อเร้ววว จะได้ฟินกันต่อ  :-[

ออฟไลน์ ClearHeart

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 16 (2/2)] 22-06-2016
«ตอบ #94 เมื่อ22-06-2016 22:51:18 »


Until You


ตอนที่ 16 (2/2)


          เมื่อประตูห้องน้ำเยื้องกับเตียงนอนเปิดออก ผมจึงเดินสวนเข้าไปในห้องน้ำบ้าง แสงสีส้มภายในห้องส่องสว่างทำให้ผมเห็นการตกแต่งภายในที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ขวามือของห้องน้ำขนาดใหญ่แห่งนี้ถูกจัดสรรเป็นพื้นที่สำหรับทำธุระส่วนตัว มีบานกระจกกั้นโซนห้องอาบน้ำฝักบัวและชักโครกเอาไว้อย่างชัดเจน ทั้งยังมีประตูบานหนาอีกบานสำหรับให้แขกที่มาพักเปิดออกไปอาบน้ำฝักบัวแบบ Open Air ทางด้านนอกห้องในสวนติดกำแพงได้อีกด้วย ออกแบบได้น่าสนใจมากเลยครับ แต่ผมขอผ่านก่อนดีกว่า ออกไปอาบน้ำข้างนอกตอนนี้โดนยุงหามแน่ ดังนั้นผมจึงเลือกเดินไปทางซ้ายมือเพื่อไปแช่ตัวในอ่างอาบน้ำจาร์กุซซี่สีขาวมุกทรงรีดูจะเหมาะกว่า ก่อนอื่นเลยต้องเปิดน้ำอุ่นรอก่อน ระหว่างรอผมล้างหน้าและปิดม่านอาบน้ำเป็นการส่วนตัวดีกว่า


          อาบน้ำเสร็จสรรพหอมฉุยด้วยครีมอาบน้ำแบบสปาของทางโรงแรมแล้ว ผมก็ออกมาแต่งตัวสวมชุดกางเกงขาสั้นเสื้อยืดใส่สบายที่ติดเอามาจากบ้าน สอดส่ายสายตามองหาพี่ชายผู้ร่วมห้อง ไม่รู้ว่าตอนนี้หายไปไหนแล้วละครับ ที่สำคัญท้องผมร้องครวญครางแล้วละครับ พี่มาร์ทอยู่ไหนนี่จะได้ออกไปหาอะไรกิน

                    "Stop!" ถึงกับหยุดกึก ไม่กล้าก้าวเดินพ้นประตูห้องนอนเลยเชื่อมไปยังห้องรับแขกเลย
                    "ทำไมอะ เดี่ยวค่อยกลับมาแกล้งผมได้ไหมอะ ผมหิวแล้ว ออกไปหาข้าวกินกันเถอะ"
                    "หิวแล้วเหรอ? งั้นหลับตาก่อน"
                    "งง?"
                    "ทำสิครับ เร็วเข้า หิวไม่ใช่เหรอไง"
                    "ก็ได้ๆ ทำอย่างกับจะเสกอาหารออกมาให้กินตรงหน้าได้งั้นละ"
                    "หึๆ" พี่มาร์ทหัวเราะในลำคอตามสไตล์ ก่อนจะเดินมาจับมือผมพาเดินไปไหนสักที่ "ข้างหน้าพื้นไม่เท่ากันค่อยๆก้าวละ อืม อย่างนั้นละ เดินไปอีกนิ๊ดถึงแล้วละครับ"
                    "เล่นอะไรเนี๊ยะพี่มาร์ท"
                    "ลืมตาได้"


          อย่างกับภาพในหนังเพราะตรงหน้าผมคือศาลาริมสระถูกเนรมิตเป็นสถานที่สำหรับดินเนอร์สุดหรู ถามว่าหรูยังไง มันก็หรูแบบไปกินโรงแรมไงละครับ เริ่มจากเนรมิตศาลาไม้ธรรมดาเป็นศาลาที่มีม่านสีขาวห้อยระย้าย้อยมาตากเสาค้ำ โต๊ะไม้ถูกคลุมด้วยผ้าเนื้อดีสีขาวล้วน มีชุดแก้วน้ำ จานชามและช้อนส้อมวางเรียงกันตรงหน้า ดอกกุหลาบสีแดงแซมด้วยดอกสแตติสสีม่วงและดอกคัตเตอร์สีขาวท่ามกลางใบเล็บครุฑและใบเฟิร์นในแจกกันทรงเตี้ย ทำให้โต๊ะอันแสนเรียบง่ายมีสีสันขึ้นมาถนัดตา

                    "เชิญครับ" พี่มาร์ทเลื่อนเก้าอี้ให้ผมนั่งเสร็จ ก็เดินไปนั่งฝั่งตรงข้าม "ชอบไหม พี่ให้ทางโรงแรมเตรียมให้เมื่อครู่นี้เอง
                    "ถึงว่าอาบน้ำก่อนผม" ไม่อยากจะยิ้มหรอก แต่มันอดไม่ได้ "ชอบไหมไม่รู้ ขอกินก่อนแล้วจะบอก"
                    "รับไวน์แดงเลยไหมครับ" เสียงหนึ่งแทรกขึ้นข้างกาย ผมหันไปมองจึงได้เห็นเชพหมวกสูงในชุดสีขาวเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม มาตอนไหนครับนี่ ผมไม่ยักกะเห็นตะกี้เลย แต่พี่มาร์ทกลับพยักหน้ารับคำแทนผม เชฟหนุ่มจึงหยิบไวน์จากในถีงแช่เปิดออกรินใส่แก้ว
                    "เสิร์ฟคอร์สได้เลย" พี่มาร์ทเอ่ยสั้นๆ รอเพียงอึดใจ พนักงานหนุ่มในชุดสูทจึงเข็นรถเดินเข้ามาจากทางหน้าวิลลาที่พัก ผมเองจึงหยิบผ้ากันเปื้อนแกะออกวางบนตักอย่างที่พี่มาร์ททำบ้าง
                    "เมนูสำหรับค่ำคืนนีจะมีด้วยกันทั้งหมด 3 คอร์สและปิดท้ายด้วยขนมหวานนะครับ" เชฟหนุ่มแนะนำและผายมือให้กับผู้ช่วย "อะโวคาโดสลัดเสิร์ฟพร้อมกั้งและ...คาเวียร์ครับ" นี่ตักกันสดๆให้เห็นตรงหน้าเลยครับ เม็ดเล็กสีน้ำผึ้งแกมทองนี่นะที่เขาว่าแพงนักแพงหนา "ส่วนอีกท่านเป็นการ์ลิคครีมซุปนะ พร้อมขนมปังอบกรอบครับ" แม้เมนูผมจะดูธรรมดากว่ามากแต่แค่เห็นผมก็แทบจะน้ำลายหกลงไปในถ้วยซุปแล้วนะครับ กลิ่นหอมชวนทานมาก
                    "ทานเลยได้ไหมครับพี่มาร์ท"
                    "เอาสิ" หิวแต่ก็ต้องจ้วงอย่างสุภาพหน่อย เพราะดูท่าเชฟจะรอพวกผมทานเสร็จก่อนจะยกจานออกเปลี่ยนเมนูใหม่มาให้แทน
                    "สำหรับ Second course วันนี้ผมได้คัดสรรเมนูขึ้นชื่อของทางโรงแรมให้กับคุณผู้ชายท่านนี้ นั่นก็คือริซอตโต้ฟัวกราส์กับหน่อไม้ฝรั่งขาว" เคยได้ยินมานานละครับชื่อตับห่านนี่ ของจริงเล็กกว่าที่คิดแฮะ "และสำหรับอีกท่านเป็น ราวิโอลี่บีทรูทไส้เนื้อปู" ว้าว พาสต้าของโปรดผมเลยครับ หม่ำๆอีกจาน
                    "รสชาติเป็นไงบ้าง"
                    "อืม อร่อยครับพี่มาร์ท"
                    "ปลาหิมะย่างซอสทรัฟเฟิล สเต็กเนื้อริบอายราดซอสไวน์แดงกับสเต็กกุ้งแม่น้ำอบเนยกระเทียม เป็น Main Dish ในวันนี้นะครับ เชิญทานให้อร่อยนะครับ"
                    "ทรัฟเฟิลเป็นขื่อเห็ดใช่ไหมครับ" ผมหันไปถามเชฟหนุ่มด้วยความอยากรู้ ทั้งที่จานตัวเองไม่ได้มีเห็ดที่ว่านี่เลยครับ
                    "ใช่แล้วครับ ทรัฟเฟิลที่ใช้สำหรับปรุงอาหารในจานนี้เป็นทรัฟเฟิลสีดำหั่นบางๆแทรกในเนื้อสเต็ก"
                    "Dessert เป็นอะไร?" พี่มาร์ทเอ่ยถามแทรกขึ้นมา
                    "ช็อกโกแลตมูส กับ สตอเบอรี่เชอร์เบสครับ"
                    "ถ้าพร้อมแล้วก็เสิร์ฟได้เลย อีกสักชั่วโมงค่อยมาเก็บละกัน ขอบใจมาก" พี่มาร์ทบอกตัดบทและรอเชฟหนุ่มพร้อมพรรคพวกเดินจากไป จึงได้ลงมือรับประทานต่ออย่างเงียบๆสักพัก ก่อนจะเอ่ยว่า "อยากให้แมคมานั่งตักจัง" พี่พูดแล้วท้าวคางมองผมง่ายๆงี้เลย
                    "เมื่อบ่ายก็นั่งแล้วไงครับ"
                    "นั่นนั่งหว่างขา ไม่ใช่นั่งตักสักหน่อย"
                    "มันก็โดนขาพี่มาร์ทเหมือนกันละน่า" ผมบอกปัด ใช้ส้อมจิ้มพาสต้าเข้าปาก
                    "ใจร้ายชะมัด ทำเพื่อพี่หน่อยก็ไม่ได้"
                    "บ่นเป็นหมีกินผึ้งเชียวนะครับ" ผมยิ้มขำแต่อีกฝ่ายกลับขมวดคิ้ว "สุภาษิตไทยไงครับ แปลว่า ขี้บ่นมาก"
                    "..." พี่มาร์ทมองผมหน้านิ่ง ผมเองก็มองกลับไปหน้านิ่งเช่นกัน ดูซิว่าใครจะจบเกมส์จ้องตานี่ได้ก่อนกัน แต่ของผมไม่ได้มองอย่างเดียวนะครับ มองไปจิ้มอาหารเข้าปากไปด้วย มองอย่างเดียวมันเสียเวลาแถมท้องก็ไม่อิ่ม ทันใดนั้นเอง กุ้งตัวโตที่กำลังโดนผมเล็งเป็นคำต่อไปกลับถูกส้อมปริศนาจิ้มหายไปต่อหน้าต่อตา
                    "เฮ้ย อันนั้นไม่ได้นะ ของชอบผม เอาคืนมา"
                    "หึๆ ตัวประกัน" พี่มาร์ทว่ายิ้มๆค่อยๆเอามีดจ่อเปลือกกุ้งเตรียมชำแหละ แค่เห็นหัวใจผมก็สะท้านแล้วครับ "จะมานั่งไหม ให้เวลาคิด 5 วิ เริ่มนับ 5 4 3..."
                    "ไปแล้วๆ" แทบวางส้อมไม่ทันกันเลยทีเดียว นั่งปุ๊บก็ใช้ช้อนตักกุ้งคืนจานตัวเองเรียบร้อยก็ลุกขึ้นสิครับ ช้าอยู่ใย "เฮ้ย พี่มาร์ทปล่อยผม"
                    "แสบนักนะ" เซ็งเลยครับดิ้นไม่หลุดจากแขนล่ำที่กอดเอวผมอยู่ "ดีที่พี่ไหวตัวทัน"
                    "ปล่อยได้แล้ว กอดแน่นแบบนี้ผมจะกินได้ไงเล่า"
                    "อะ นั่งตรงนี้ละ" พี่มาร์ทพูดขึ้นเอี้ยวตัวไปคว้าจานพาสต้าของผมมาวางให้ตรงหน้า ผมหันข้างไปมองตาขวางแต่อีกฝ่ายกลับไม่รู้สึกอะไร ยังคงจิ้มชิ้นสเต็กเข้าปากได้ตามปกติด้วยมือข้างเดียวด้วยครับ "หิวไม่ใช่เหรอ ทานสิ"
                    "ชิ"
                    "ขอพี่ชิมบ้างได้ไหม?" ไม่ให้ได้ปะละ
                    "อะ" ผมตักราวิโอลีชิ้นโตด้วยช้อนยื่นไปตรงปากของคนตรงหน้า พี่มาร์ทยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะอ้าปากรับ "ไม่ให้ละนะ เดี่ยวหมด"
                    "หมดก็สั่งใหม่ได้" พี่มาร์ทว่าใช้นิ้วปาดซอสออกจากมุมปากของผม 
                    "ไม่เอาอะ แค่นี้ก็พอละครับ ของแพงแถมยังน้อยอีก เปลืองเงินเปล่าๆ"
                    "อืม ครับ" ทำไมประโยคสั้นๆนี่ลากเสียงยาวจัง น้ำเสียงชักแหม่งๆแล้วนะครับผมว่า "... แมค"
                    "ฮึ่ย..." สะดุ้งโหย่งเลยครับ เรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงแหบพร่า แถมมือที่กอดเอวผมอยู่เลื่อนลงไปตรงต้นขาด้านใน ดีที่ผมหุบขาไว้ได้ทัน  "ไม่เอา ไม่เล่นน่าพี่มาร์ท"
                    "พี่คิดจริงจังตั้งหาก" ไม่ว่าเปล่า มีก้มลงจุ๊บต้นคอผมด้วยละ เล่นเอาขนลุกซู่จนต้องหดคอหนี
                    "กินกันก่อนสิครับ"
                    "อืม พี่ก็กินอยู่นี่ไง" มันกินความหมายไหนครับนั่น ไล้ริมฝีปากไปตรงไหล่ผมแล้วเนี๊ยะ
                    "ม...เมาไวน์ปะครับ" ผมบอกดันตัวลุกขึ้นยืนเดินห่างออกมา "เอาน้ำเปล่าไหม ผมจะได้เดินไปเอาให้" พี่มาร์ทไม่ตอบเอาแต่จ้องผมไม่วางตา เล่นเอารู้สึกร้อนๆหนาวๆชอบกล "ผ...ผมไปเอาให้ดีกว่า ร..รอ รอแป็บนะครับ"
                    "ไม่ต้อง พี่ไปเอาเอง" พี่มาร์ทลุกขึ้นยืนรีบเดินเข้าไปในบ้านทันที ปล่อยให้ผมทานอาหารคนเดียวต่อจนหมดด้วยความสงสัย

                TBC
                 -----------------------------------------------------------------------------------------


ออฟไลน์ ClearHeart

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 17 (1/2)] 02-07-2016
«ตอบ #95 เมื่อ02-07-2016 22:54:25 »


Until You


ตอนที่ 17 (1/2)


   ผมจำได้ว่าผมเปิดไฟในห้องนอนเอาไว้ก่อนจะออกมาทานข้าวเย็น ทำไมตอนนี้ตัวบ้านเว้นโซนสระว่ายน้ำมันถึงได้มืดสนิทขนาดนี้ก็ไม่รู้ ชักยังไงๆแล้วนะครับ ลองเดินอ้อมไปดูตรงทางเข้าวิลล่าประตูก็ปิดสนิทดี ซ้ายขวาเป็นพุ่มไม้ทรงเตี้ยยากจะมีใครซ่อนตัวได้ แต่ถึงยังไงระวังไว้ก็ไม่เสียหาย ดังนั้นผมจึงค่อยๆเดินกลับไปที่โต๊ะอาหารคว้าช้อนส้อมที่ยังไม่ได้ใช้มาคู่นึงติดมือไว้เป็นอาวุธก่อนจะเข้าบ้าน อย่างน้อยปลายส้อมก็พอเจาะคอหอยได้ ส่วนช้อนเอาไว้ปาหัวกับง้างปากเป็นอาวุธสำรอง
          แอ๊ด...
          ประตูไม้ที่ไหนไม่ดังบ้างครับ ผมจะได้ไปซื้อมาใช้บ้าง ดังขนาดนี้เกิดมีโจรมาคงรู้ทันผมหมด
          ปัง...
          แล้วประตูกระจกนี่ทำไมไม่ทำบานเลื่อนให้มันดีๆ ตกร่องแล้วไม่ซ่อมแซมอีก ป่านนี้โจรมันคงไหวตัวแล้ว
   
                    "ไฮ..." เหวออ ใครอุ้มผมตัวลอยเลยวะ หรือโจรจะมีจริง!
                    "นี่แนะ ย๊ากกก" เอาส้อมจิ้มตาแม่งเลย
                    "เฮ้ย แมค"
                    "โอ๊ย!" ทำไมโจรมันรู้ชื่อผมด้วย? ยังทิ่มไม่ทันโดนเลย ปล่อยผมร่วงลงพื้นได้ไง เจ็บก้นเลย
                    "พี่เองๆ" ไฟสว่างขึ้นพร้อมข้อมือผมที่ถูกจับเอาไว้แน่นพร้อมอาวุธสามง่ามในมือ "สอนเทคนิคป้องกันตัวให้ ไม่ได้จะให้ใช้กับพี่หรอกนะ"
                    "ก็นึกว่าโจร"
                    "มันจะมีได้ไงเล่าโจร โรงแรมนี้ขึ้นชื่อเรื่องความปลอดภัยมาก ดูหนังมากไปแล้ว" พี่มาร์ทบ่นอุบ
                    "แล้วจะปิดไฟทำไมเล่า" ผมสะบัดข้อมือออกจากการถูกจับกุมได้สำเร็จ
                    "ก็อยากทำหวานบ้าง ไม่นึกว่าจะกลายเป็นฉากฆาตกรรมซะได้"
                    "หวานยังไงอะ?" จุดเทียนเป่าเค้กวันเกิดก็ยังไม่ถึงวันสักหน่อย
                    "แบบในละครไง นางเอกโดนผีหลอก ตกใจกลับเลยหันไปซบพระเอก" พี่มาร์ทพูดไปยิ้มไป มองแล้วหมั่นไส้เลยสวนหมัดชกไปกลางแผ่นอกเบาๆ
                    "ว่าผมดูหนังมาก พี่มาร์ทก็ดูละครมากไปเหมือนกัน" ว่าแล้วยังหัวเราะอีกนะคนเรา "อีกอย่างใครนางเอกใครพระเอก?"
                    "เปิดเจอเมื่อวันก่อนตอนช่องกีฬาพักครึ่ง ว่าละต้องไม่ได้ผล"
                    "มันต้องไม่ได้ผลอยู่ละ ผมไม่ใช่ผู้หญิงนะครับ"
                    "อืม พี่รู้ละแมคไม่ใช่ผู้หญิง" แค่พูดก็ได้ ทำไมต้องเลื่อนสายตามาโฟกัสกลางลำตัวผมด้วย ทะลึ่ง "แล้วเข้ามาทำอะไรตั้งนานสองนานในบ้านละครับ"
                    "อิ่มแล้วเหรอ?" ประจำเลยชอบเลี่ยงคำถามผมอะ ผมถามอย่างกลับถามมาอีกอย่าง
                    "อิ่มแล้ว พี่มาร์ทยังไม่ตอบผมเลยนะ" มองหน้าผมแล้วหวยขึ้นหน้าผากเหรอไง เย็นมานี้เอาแต่จ้องผมทำหน้าครุ่นคิดหลายครั้งละนะ ไม่พูดงั้นผมไปเองก็ได้ "ออกไปทานต่อก็ได้นะ ผมไปล้างหน้าแปรงฟันละ"
                    "อย่าเพิ่งไปได้ไหม?" ถึงกับชะงักเท้าหยุดกึกในทันใด ปกติแล้วจะต้องรั้งแขนผมไว้หรือจับผมไว้อะไรสักอย่างไม่ใช่เหรอไง น้ำเสียงดูอมทุกข์ชอบกลแถมยังพูดขึ้นลอยๆอีก
                    "โอเคครับ" ผมหันกลับไปมองแววตาของผู้พูดพลางถอนหายใจ ในขณะที่อีกฝ่ายมองเสี้ยวหน้าของผมแล้วหลบสายตา "พี่มาร์ทมีอะไรก็พูดออกมาตรงๆดีกว่าครับ ผมเห็นพี่เลี่ยงมาตั้งแต่เมื่อวานละ"
                    "แมครู้?"
                    "ผมไม่ได้ตาบอดนี่จะได้ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงนะ" ทำไมผมต้องให้ผมเป็นคนเริ่มพูดด้วยก็ไม่รู้ "เมื่อวานตอนหลังผมอาบน้ำเสร็จ พี่มาร์ทก็เดินหนีผมไปเฉยๆ ทั้งที่ปกติแล้วพี่มาร์ทต้อง...เอ่อ...อืม? ต...ตอดผม"
                    "ตอด? ปลา?"
                    "ไม่ใช่ๆ คำเปรียบเทียบต่างหาก ใช้คำว่าไรดี อืมๆ แทะเล็ม"
                    "เล็ม?"
                    "โว๊ย!" อยากยีหัวตัวเองมากๆวินาทีนี้ ทำไมภาษาไทยตรงตัวมันพูดยากจังวะ "คือแปลว่าพี่มาร์ทต้องปู้ย่ำปูยีผมอะ เฮ้ย ไม่ใช่ ลวนลามผมนะ"
                    "ห๊ะ! โทษที พี่กลั้นไม่ไหวละ" นั่นไงเอามือปิดปากกุมท้องเลยวุ๊ย "ขอพี่ขำเต็มสตรีมหน่อยเถอะ ฮ่าๆๆๆ"
                    "ไม่ลงไปกลิ้งซะเลยละ" หรี่ตามองแล้วยังไม่หยุดอีก "พอได้แล้ว ตกลงพี่เป็นอะไรกันแน่"
                    "อะแฮ่มๆ ขอโทษๆ หึๆ" ถ้าไม่เลิกหัวเราะเจอกำปั้นแน่ "สงสัยต้องให้แมคสอนภาษาไทยเพิ่มซะละ"
                    "ว่างๆจะสอนให้ แต่อย่ามาเปลี่ยนเรื่องนะครับ" ผมบอก "พูดมาเลยครับ แมนๆ ผมรอฟัง"
                    "โอเค ตั้งใจฟังนะ" พยักหน้ารับเป็นหมั้นเหมาะเรียบร้อย พี่มาร์ทเองก็บีบไหล่ผมทั้งสองข้างไว้แน่น "พี่อยากมีเซ็กส์กับแมคอีกครั้ง แต่พี่กลัวแมครับไม่ได้... พี่กลัวแมคปฏิเสธ... พี่กลัวว่าแมคไม่พร้อม... พี่...เฮ้ย! แมค"


          เข่าอ่อนเลยครับนาทีนี้ ได้แต่นั่งเอามือปิดหน้า รุ้สึกมือผมมันเล็กไปปิดไม่มิดเลยต้องนั่งกอดเข่าเอาหน้าซุกขาแทน ไม่ไหวแล้วครับ ใครก็ได้เอาผมออกไปจากอาณาบริเวณนี้ทีหรือไม่ก็เอาพี่มาร์ทไปยัดตู้เสื้อผ้าที่ไหนก็ได้ ผมไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับใครทั้งนั้นบนโลกใบนี้ ให้ตายเถอะอายุจะยี่สิบปีแล้วเพิ่งรู้สึกไม่กล้าพูดกับใครวันนี้วันแรก ประโยคแรกประโยคเดียวทำเอาผมร้อนหูดับตับไหม้แดงเถือกไปทั้งหน้าจนผมสีดำสนิทของผมอาจจะเปลี่ยนเป็นสีแดงไปแล้วก็ได้

                    "แมคเป็นอะไร" เลิกเขย่าผมสักทีสิครับ ตาจะลายละ
                    "เปล่าๆ" ผมยื่นมือออกไปมั่วซัวข้างนึงเพื่อดันร่างสูงออกห่างจากตัว ส่วนมืออีกข้างจะทำอะไรได้ละครับ นอกจากมีไว้ปิดจมูกปิดปากตัวเองเบินหน้าหนี แต่พี่มาร์ทกลับประคองมือข้างที่ปะเข้ากับแผงอกล่ำไว้บีบเบาๆให้กล้ามเนื้อคลายตัวลดความเย็นก่อนกดริมฝีปากลงกลางฝ่ามือกุมไว้แน่น ชิบลอสซะแล้ว!!! ใครให้ใช้ท่านี้แอ๊กแท๊กผม
                    "ไม่ต้องคิดมากนะครับ พี่เคยบอกละไงว่า ถ้าแมคไม่อนุญาต พี่ก็จะไม่ทำ"
                    "ไม่ใช่เรื่องนั้นแล้ว"
                    "อะไรนะครับ พี่ได้ยินไม่ชัด" พูดอย่างเดียวก็ได้ครับ ไม่ต้องเชยคางผมไปสบตาก็ได้ ใจมันสั่นแล้ว "เอามือออกสิ พี่ไม่ทำอะไรแล้ว จริงๆ"
                    "อืมๆ เรื่องนั้นผมรู้" ผมบอกปัดนิ้วเรียวที่เลื่อนเข้ามาใกล้ ค่อยๆเงยหน้าขึ้นสบตาทั้งที่ใบหน้าร้อนผ่าว
                    "แมค...หน้าแดง"
                    "ไม่ใช่สักหน่อย" ลุกหนีดีกว่าครับแบบนี้อันตรายเกินไปแล้ว "ผมจะไปห้องน้ำแล้ว พี่มาร์ทไปกินข้าวต่อละกัน อาหารเย็นหมดแล้ว ไปดิ จะมายืนรออะไรผมเล่า"
                    "อืม"


          รับปากผมแล้วแทนที่จะเดินไปข้างนอกกลับเดินไปที่โทรศัพท์สายในเฉยเลย แต่ช่างเถอะครับ ผมไม่อยากสนใจละ ไปทำให้หน้าเย็นก่อนดีกว่า ยามนี้ผมรู้สึกทำหน้าไม่ถูกชอบกลคนอะไรพูดมาได้ไม่อายปากแถมพูดไม่รู้ตัวอีก รู้ตัวนี่หว่างั้นต้องใช้คำว่าหน้าฉาบซีเมนต์ละ ไม่คิดต่อดีกว่าแปรงฟันล้างหน้านอนจะได้ผ่านอีกคืนไป พรุ่งนี้จะไปไหนยังไม่รู้เลยครับ เดี่ยวก่อนนอนผมโทรคุยกับแม่ดีกว่า จะได้ไม่ห่วง มีแต่เรื่องจบลืมโทรไปรายงานเลย

          ซ่า...ซ่า... น้ำเย็นนี่หว่า ลืมหมุนก็อกน้ำอุ่นได้ไง เขาว่าล้างหน้าต้องใช้น้ำอุ่นนี่นะ มาโรงแรมหรูทั้งทีต้องใช้ของเขาให้คุ้ม ว่าแต่ว่าผ้าขนหนูอยู่ในกระเป๋าเป้นี่หว่า แล้วจะเดินออกไปเอายังไง ช่างเถอะ เอาแขนเสื้อเช็ดก็ได้เดี่ยวก็นอนละ

                    "อะ" ผ้าขนหนูผืนสีเนื้อถูกยื่นมาตรงบ่า ผมรับมาซับหน้าพลางเอ่ยขอบคุณ แต่ผ้ามันมาได้ไง?
                    "เฮ้ย!!" ผมไม่ได้กลัวผี แต่ผมกลัวคนนี่ละ "มาตอนไหน กินเสร็จแล้วเหรอ"
                    "อืม" นี่ก็ยังไม่เลิกประหยัดคำพูดอีก แล้วอืมคือกินเสร็จแล้วหรือยังไม่เสร็จ
                    "พนักงานมาเก็บจานไปแล้วเหรอครับ ผมยังไม่ได้ยินเสียงเลย"
                    "พี่ให้เขามาเก็บตอนเช้าแทน" พูดอย่างเดียวก็ได้ ทำไมต้องโน้มตัวมาคร่อมผมกับขอบอ่างล้างมือจนเห็นเงาสะท้อนในกระจกเลย เสียวๆชอบกลแฮะ "แปรงฟันแล้วเหรอ?"
                    "อืมดิ จะนอนแล้ว" ยิงฟันใส่แล้วยังไม่ยอมเอาหน้าออกไปห่างๆหน้าผมอีก ผลักออกแล้วยังเข้ามาใกล้อีกนะ "อือๆ พี่มาร์ทก็แปรงฟันนอนได้แล้ว"
                    "อยากให้พี่แปรงฟัน แมคก็แปรงให้พี่สิครับ"

                TBC
                 -----------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ ClearHeart

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 17 (2/2)] 09-07-2016
«ตอบ #96 เมื่อ09-07-2016 23:24:49 »


Until You


ตอนที่ 17 (2/2)


          ยังไม่ทันได้ถามอะไรกลับ ฝ่ามือหนาทั้งสองข้างเปลี่ยนจากขอบอ่างมาเป็นซ้อนทับมือของผมเอาไว้หลวมๆ บังคับให้มือซ้ายของผมเอื้อมไปหยิบหลอดยาสีฟันออกแรงกดปลายนิ้วชี้กับนิ้วโป้งตรงกลางหลอดให้ครีมข้นล้นทะลักออกมาหยดลงบนขนแปรงนุ่มที่มือขวาของผมยกขึ้นไปรับไว้ได้ทันพอดิบพอดี ผมเอียงคอหันกลับไปมองอีกฝ่ายทางด้านหลังด้วยสายตาไม่พอใจเท่าไหร่นักที่โดนทำเหมือนกับเป็นตุ๊กตาหุ่นเชิด แต่ทว่าพี่มาร์ทกลับมีท่าทีไม่สนใจทั้งยังแอบอมยิ้มเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้แก้มแนบชิดกัน ผมเบี่ยงตัวหลบเพราะกลัวผิวหน้าสกปรกอีกทั้งที่เพิ่งจะล้างหน้าไปหมาดๆ แต่ยิ่งเสออกข้างเท่าไหร่อีกฝ่ายก็ตามมาจนผมอดไม่ได้ที่จะกระทืบเท้ากลับไปเป็นการเตือน

                    "โอ๊ย!" ร้องเสียงได้น่าหมั่นไส้มากๆ ทั้งที่ผมยังไม่ได้ขยี้เท้าเต็มแรงสักหน่อย "แค่ช่วยพี่แปรงฟันหน่อยเดียวเองนะครับ น้า"
                    "มีมือก็ทำเองสิครับ"
                    "แต่มือพี่ไม่ว่าง แมคก็เห็นอยู่ นี่ไง" มียกมือผมชูใส่กระจกอวดอีกนะ
                    "งั้นก็ปล่อยมือสิ"
                    "แมคก็รู้ว่า พี่ปล่อยมือไปจากแมคไม่ได้" รู้สึกเหมือนผมไหมว่า คำพูดนี้มันสองแง่สองง่ามชอบกล
                    "เออๆ แปรงก็แปรง ยิงฟันสิ...อ้าปากด้วย...ลิ้นหดเข้าไปสิ จะยื่นออกมาทำไม"
                    "อ๊ะๆ ได้ยัง"
                    "ไม่ถนัดเลย แปรงเองละกัน" เหนื่อยใจจริงๆมีมือก็ไม่ทำเองนะคนเรา ลำบากผมไม่พอยังมียื่นหน้าเปื้อนยาสีฟันมาแหย่ผมอีก เดี่ยวสิวก็ขึ้นหน้าพอดี "ไม่เอาไม่เล่นน่าพี่มาร์ท"
                    "หึๆ" ก็บ้วนน้ำไปสิจะเงยหน้ามองผ่านกระจกทำไม
                    "เสร็จแล้วก็ปล่อยมือผมสักทีสิครับ"
                    "ก็บอกแล้วไงว่า พี่ไม่อยากปล่อย" ยิ้มเข้าไปแกล้งผมเข้าไป
                    "แต่ผมจะฉี่ ปล่อยได้ยัง!!!"
                    "มาๆ พี่รูดซิบให้"
                    "เฮ้ย!" สะดุ้งโหย่งสุดตัวรีบกุมเป้าในทันใด หันไปเผชิญหน้าแล้วยังไม่ยอมถอยไปอีกนะ มัวแต่ขำผมอยู่นั่นละ "ไม่ต้องเลย ถอยไป ผมจะไปโถอะ"
                    "แมคช่วยพี่ พี่ก็อยากช่วยแมคตอบแทนบ้างสิครับ"
                    "เรื่องพรรค์นี้ใครเขาขอให้ช่วยกัน" ละเหี่ยใจกับคนตรงหน้าซะจริง "ถ้าอยากช่วยจริงๆ งั้นก็ทำหน้าหื่นให้น้อยลงกว่าที่เป็นอยู่หน่อยก็ดี"
                    "ตรงไหน ไม่มี" มีจับคางตัวเองหมุนไปมากับกระจกอย่างกับสำรวจหนวดเคราบนหน้าไม่พอ ยังมีเก็กหล่อให้กระจกอีกนะ
                    "ก็ตรงที่ยิ้มมุมปากนั่นละครับ" ดูท่าว่าจะเถียงอีกนานกว่าจะจบ ผมไปนอนรอเดี่ยวกว่า ไว้ปวดกว่านี้ค่อยตื่นมาเข้ากลางดึก "ไม่คุยกับพี่มาร์ทละ เหนื่อย"
                    "เดี่ยวสิครับ"


          ทันใดนั้นร่างของผมก็ถูกยกขึ้นนั่งบนพื้นที่ว่างใกล้อ่างล้างหน้าจนเท้าไม่ได้สัมผัสกับพื้นห้องน้ำ ผมผวาพยายามดันตัวลงแต่กลับถูกร่างหนากว่าโน้มตัวลงเท้าแขนกับอ่างหินกั้นไม่ให้ผมขยับไปไหนได้ แต่ใช่ว่าจะขยับไม่ได้สักทีเดียวเพราะด้านหลังผมยังมีพื้นที่ให้ถอยอีกเกือบเมตรก่อนจะชนกระจก แต่ไม่รู้จะถอยไปให้จนมุมทำไม มุดออกช่องว่างใต้รักแร้ไปแค่ส่วนหัวอีกฝ่ายก็ยกแขนลงกั้นช่วงตัวก่อนจะลอดพ้น ผมเม้มปากเข้าหากันสนิทอย่างใช้ความคิดพลางเบี่ยงตัวหลบไปพร้อมๆกัน แต่ดูท่าจะไม่ได้ผลเท่าไหร่ ยิ่งหนีเหมือนจะยิ่งถูกต้อนให้จนมุมกับใบหน้าคมที่โน้มเข้ามาใกล้ทุกขณะ พยายามดันเท่าไหร่ร่างหนาก็ไม่ขยับเคลื่อนไปไหน งั้นผมควรจะ....โน้มคอพี่มาร์ทมาจูบให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

                    "ฮึ.." ไม่ใช่เสียงใครอื่นนอกจากเสียงคนตรงหน้าที่ดูอึ้งไปชั่วครู คงไม่คิดว่าจะถูกผมรุกก่อนละสิ ดูถูกผมคนนี้เกินไปละ ผ่อนแรงลงเมื่อไหร่ผมจะผลักให้กระเด็นไปติดขอบชักโครกโน่นเลย นี่ถ้ารู้ว่าปากชนปากทำให้อีกฝ่ายเคลิ้มได้ขนาดนี้ ผมทำไปนานละไม่อยู่เถียงให้เสียเวลาหรอก โอ๊ะ...โอกาสมาละครับ
                    "อืม...อ่า...." เปิดปากออกเมื่อไหร่โกยหนีเมื่อนั้น
                    "อัม..." เฮ้ยๆแบบนี้ผิดแผนละ ผ่อนแรงแล้วก็ต้องเอาแขนที่กั้นออกไปสิ ไม่ใช่เปลี่ยนมาลูบเอวผมพร้อมกับขยี้ปลายคางให้ต้องอ้าปากตอบรับปลายลิ้นที่พยายามสอดเข้ามาแบบนี้ แต่ยอมหน่อยคงไม่เสียหายละมั้ง ก็แค่ยอมเผลอใจตามทำไมร้อนผ่าวตั้งแต่ริมฝีปากลามไปทั้งใบหน้าแบบนี้ ลีลาเด็ดไม่มีใครเกินจริงๆ ให้ตายเถอะ อืม...จะว่าไปลิ้นก็นุ่ม ก็ตอด ดูดกับลิ้นผมเหมือนเดิม แต่รสชาติแปร่งๆแฮะ
                    "ด...เดี่ยว" ผมออกแรงผลักอีกฝ่ายออกไป ทั้งยังดันลิ้นที่เข้ามาสอดสำรวจโพลงปากของผมออกไปด้วย แต่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เพราะพี่มาร์ทไล่ต้อนเอาซะทุกมุม จนผมชักทนไม่ไหวออกแรงดันสุดตัวจนกระเด็นออกไปเกือบวา  พร้อมกับบอกออกไปว่า "แหวะ!!!"
                    "แมค!!!!" ถึงกับตะโกนใส่หน้าผมด้วยแววตาโกรธเกรี้ยวขนาดนี้ ก็ไม่แปลกหรอกครับ เพราะผมเล่นโก่งคออ๊วกให้เห็นกันจะๆตรงหน้านี่ละ สุดจะทนกับรสชาติในปากนี่ละ
                    "ขอโทษครับ แต่ไม่ไหวจริงๆ" บ้วนน้ำทิ้งจะหายไหมนี่
                    "จูบพี่มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ" พี่มาร์ทบอกเสียงแข็งทั้งแววตาดุดันที่จ้องลงมา
                    "ใช่" ผมเองก็ตอบออกไปทันควันเหมือนกัน จนถูกดึงแขนขึ้นจากอ่างล้างหน้าให้หันมาสบตา "แต่ก็ไม่"
                    "แมค!!" เรียกชื่อผมบ่อยจังแต่ก็ยังดีที่ลดเลเวลน้ำเสียงดุลงมาหน่อย ดูท่าว่าถ้าผมไม่อธิบายให้ชัดเจน คงไม่พ้นถูกงับหัวแน่ๆ
                    "คือลีลาพี่นะไม่แย่ แต่รสจูบพี่มันห่วยมาก" จ้องได้จ้องดีนะคนเรา "คือผมหมายความว่า รสชาติยาสีฟันผสมกับน้ำยาบ้วนปากคนละแนว แถมยังรสมินต์ที่ผมแสนจะเกลียดเพิ่มมาอีก ถามจริงพี่ไม่รู้สึกไรเลยเหรอครับ"
                    "ไม่ มันก็คล้ายๆเดิม" พี่มาร์ททำหน้าฉงนขณะที่ผมเองแอบอมยิ้มในใจ ตอนเข้าเอามือป้องปากทดสอบกลิ่น หลอกง่ายเหมือนกันแฮะ
                    "ลิ้นชาหมดแล้วละสิ"
                    "หึ แสบนักนะ"
                    "อะไร ตรงไหน ไม่มี" ผมยิ้มแฉ่งเพราะงานนี้ได้ทั้งด่าทั้งแขวะสมใจอยาก ทั้งที่ความจริงรสชาตินี้มันก็พอทนได้นะครับ "นอนกันเถอะเนอะ ดึกละ"
                    "งั้นพี่จะพาไปส่งเอง แมคจะได้ไม่ต้องเดิน" ปรายตามองผมเพียงครู่ก็ออกแรงยกตัวผมขึ้นพาดบ่า
                    "เฮ้ย!! ปล่อยผมลง"
                    "อยู่เฉยๆ ไม่เงียบเดี่ยวตีก้นซะเลย" อยู่เฉยๆผมก็เสร็จดิครับ อย่างน้อยขอต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีหน่อยก็ยังดี แม้ว่ามันจะไม่ได้ผลเลยก็ตาม
                    "อย่าทำไรน้องน้า" กระพริบตาปริบๆทันทีที่ก้นสัมผัสเตียงนอน
                    "เปลี่ยนท่าที่เชียวนะ หึๆ" ผมลอบยิ้มในใจหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามันจะได้ผล "แต่พี่ไม่เชื่อแมคแล้ว"
                    "งั้นจะให้ทำไงเล่า แหย่แค่นี้ทำโกรธ"
                    "อืม... งั้นทำอะไรดี" จะไปรู้เหรอ? เอาหน้าออกไปห่างๆผมเลย "พี่ล้างหน้าแปรงฟันแล้วนะครับ แมคจะอ้างไรอีกไหนว่ามาสิ"
                    "ไม่ว่าอะไรทั้งนั้นละ จะนอนแล้ว" ผมเบหน้าหันข้างพร้อมกับคว้าหมอนที่วางอยู่มากอดซุกหน้าลงแนบด้วยความรู้สึกเขินเล็กน้อย ย้ำว่าแค่เล็กน้อยเท่านั้น
                    “แมค?” เรียกอีกละ ไม่รู้จะเรียกชื่อผมทำไมนักหนา
                    “ว่าไง... เฮ้ย อย่านะ ไม่เอาไม่เล่น” อยู่ๆคิดพิเรนทร์อะไรไม่รู้ ก้าวมาคร่อมไม่พอ ยังมีแสยะยิ้มทำนิ้วยุกยิกด้วยครับ ราวกับว่าจะลงมือจี้เอวผมงั้นละ
                    “หึๆ ช้าไปละ”
                    “จ๊ากก... อุ๊บส์” กัดฟันเต็มที่เลยครับ ผมจะทำเฉยนิ่งๆ พุทโธๆ ไม่บ้าจี้ๆ
                    “อ้าว ไม่เป็นเหรอ” ผมพยักหน้ากลั้นขำเอาไว้เต็มที่ จี้เอวนิ้วสองนิ้วแค่นี้ ผมทนได้สบาย แต่แล้วพี่มาร์ทกลับกระตุกยิ้มแทน ทำเอาผมขมวดคิ้วด้วยความสงสัยรู้สึกเหมือนจะโดนรู้ความลับเข้าให้ 
   

          ปลายนิ้วยาวไล้ไปตามรอยตะเข็บด้านข้างจากช่วงอกลงมายังเอวสอดแทรกผ่านรอยแยกของผืนผ้าที่เปิดออกโดยไม่ได้ตั้งใจตอนที่พลิกตัวเมื่อครู่ ผมเผลอกลั้นหายใจไปชั่วครู่เมื่อรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คนตรงหน้าของแสยะยิ้มร้ายกาจส่งมาให้แนบริมฝีปากเข้ากับใบหูของผมและเอ่ยเสียงราวกับกระซิบว่า เสร็จแน่ ยังไม่ทันได้ออกแรงดันร่างใหญ่โตกว่าให้พ้นทาง ร่างของผมก็ดันถูกจู่โจมด้วยนิ้วเรียวทั้งสิบที่ขยับยุกยิกราวกันเป็นแมงมุมตัวโตนับสิบไต่ยั้วเยี่ยะไปตรงเอวเรื่อยไปยังหน้าท้องขึ้นลงจนนับจำนวนครั้งไม่ได้ ผมกัดฟันทนจนขนลุกชันไปทั้งตัวอยากจะขำก็กลัวเสียฟอร์มแต่จะทนอยู่ก็ดูจะไม่ได้นานไปกว่านี้ เพราะต่อมอดทนใกล้จะพุ่งถึงขีดสุดแล้ว ซ้ำร้ายยังถูกจู่โจมด้วยริมฝีปากนุ่มยุกยิกยุบยับไปทั่วทั้งคอ
                    "ฮ่าๆๆ พอแล้ว ไม่เอา ฮ่าๆ" แพ้ทางอีกจนได้
                    "หึๆ นี่แนะๆ"
                    "อย่า... หยุดดิ... อ๊ะ....ฮ่าๆๆ เอิ๊กๆๆ ฮ่าๆๆ" หัวเราะจนน้ำตาไหลออกทางหางตาแล้วนะ หยุดสักทีสิ "อุ๊ๆ เอิ๊ก ฮ่าๆ พอๆ ไม่เล่น ฮ่าๆ" จะตกเตียงแล้ว เหวออ
                    "แมค!" โอย หยุดสักที เกือบตาย "จะดิ้นไปไหนเล่า เดี่ยวก็ตกเตียงหรอก"
                    "ก็พี่มาร์ทอะ... อึก" ผมตัดพ้อปาดน้ำตาออกจากใบหน้า มองอีกฝ่ายทั้งที่ยังมีหยาดน้ำตาเหลืออยู่ "แกล้งอยู่ได้ ร้องไห้เลยเห็นไหม"
                    "...หน้าแดงด้วย..."
                    "ก็คงใช่มั้ง" มองแล้วก็ไม่พูดอีกละ "พ...พี่มาร... อือ...."


          อยู่ดีๆริมฝีปากของผมก็ถูกแนบประกบปิดทั้งที่ยังไม่ได้ทันได้เตรียมใจ ลิ้นเรียวสอดแทรกเข้ามาในโพรงปากของผมแตะเข้าตรงโคนลิ้นส่งผ่านความรู้สึกวาบหวามจนร่างกายช่วงท้องของผมเกร็งตัวขึ้น สองมือแปะเข้าที่ต้นแขนล่ำยามที่โน้มตัวลงมาแนบร่างกายของผมจนชิด ท่อนแขนแกร่งตวัดเอวของผมเข้าไปใกล้จนรู้สึกราวกับถูกนาบด้วยไฟร้อนยามเมื่อส่วนกลางลำตัวของผมปะทะกับของอีกฝ่าย ผมรู้ได้ในทันทีว่ามันมีอะไรบางอย่างกำลังคับแน่นๆพอๆกับที่ริมฝีปากของเราทั้งคู่ต้องการเติมเต็มกันและกันมากไปกว่านี้ ทั้งที่รู้ว่าใจอยากแต่ผมไม่มีทางยอมให้ราคะมาเหนือสติของผมแน่ๆ

                    "พ..." ผมพยายามดันลิ้นของอีกฝ่ายออกไปจากการถูกล่วงล้ำและปิดริมฝีปาก พี่มาร์ทมีท่าทีฮึดฮัดแต่ก็ยอมรอฟังคำที่ผมจะเอ่ย "ผมรู้ว่าพี่อยาก แต่ปิดไฟก่อนได้ไหม"
                    "แค่ไฟ ไม่ต้องสนใจหรอกน่า" พูดสั้นๆก่อนจะก้มลงมางับใบหูของผมลากลิ้นลงต่ำคงหมายจะหยอกล้อกับติ่งหูของผม แต่ไม่โดน เพราะผมเบินหน้าหนีได้ทัน "พี่ล็อกประตูแล้วน่า อืม....อ่า..."
                    "ไม่เอา พี่มาร์ทปิดไฟก่อนสิครับ แบบนี้ผมทำหน้าไม่ถูก" อีกฝ่ายจ้องมา ผมก็จ้องตอบไป "ถ้าจะทำ ก็ต้องปิดไฟ...นะครับ"
                    "โอเค" พี่มาร์ทยอมตอบรับในที่สุด เดินไปปิดไฟนีออนสีขาวในห้อง ก่อนจะเดินกลับมาเตียงและกดเปิดสวิทซ์ตรงหัวเตียง ทำให้หลอดไฟสีส้มบนเพดานสามหลอดโดยรอบติดขึ้น "พี่รับปากแค่ปิดไฟ อย่าลืมสิ"
                    "ขี้โกง" ผมโต้ทั้งที่ในใจเผลอเขิน "จะเปิดให้มันเปลืองทำไมเล่า"
                    "ก็พี่อยากเห็นแมคเซ็กซี่บ้างนี่" พูดงี้เอาฝ่ามือไปกินสักสามป๊าบเลย "ไม่ต้องไปสนใจหรอกครับ มองหน้าหล่อๆของพี่ดีกว่า" อะโห พูดได้ไม่อายปากเลย
                    "หลงตัวเอง"   
                    "อืม หลงคนนี้ด้วย" กดจูบลงบนปลายจมูกผมด้วยรอยยิ้มแบบนี้ ผมจะไปไหนรอดละครับ....

                TBC
                 -----------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ ClearHeart

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 18 (-/-)] 17-07-2016
«ตอบ #97 เมื่อ17-07-2016 10:45:48 »


Until You


ตอนที่ 18 (-/-)


์NC  ขอติดไว้ก่อนนะครับ กลัวเลือดทะลักท่วมหน้าจอ ฮ่าๆๆ

ช่วงที่ผ่านมาผมติดงานเลยไม่ค่อยมาอัพนิยายให้นะครับ เพือนก็งามท่วมจะตัวบวม?ตาโหล?พอกัน เลยทำให้ไม่ได้อัพนิยายตามเวลา ซึ่งผมก็ขอโทษในเรื่องนี้ด้วยนะครับ

หลังจากนี้ก็จะพยายามยามมาอัพให้ได้ตามปกตินะครับ

ขอบคุณนะครับ
แมค

ปล. เรื่องตอบคำถามคอมเม้นต์ ไว้จะมาตอบย้อนหลังให้นะครับ

ออฟไลน์ ClearHeart

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 19)] 17-07-2016
«ตอบ #98 เมื่อ17-07-2016 11:02:15 »


Until You


ตอนที่ 19


                    ("ไปเที่ยวสนุกไหม?")
                    "ก็ดีพ่อ แต่ร้อนไปหน่อย พ่ออะทำไรอยู่ แม่ทำกับข้าวอยู่เหรอ?"
                    ("อ่านหนังสือพิมพ์ จะคุยกับแม่ไหม? กำลังทอดปลานิลอยู่ เธอๆลูกจะคุยด้วย")
                    "ไม่ต้องพ่อ ไม่เป็นไร พอดีแมคจะโทรมาบอกพ่อว่า แมคอาจจะกลับถึงกรุงเทพค่ำหน่อยนะพ่อ"   
                    ("เย็นจะกินข้าวมาเลยใช่ไหม")
                    "ใช่ครับ แล้วพ่อจะเอาของฝากไรบ้าง ก่อนกลับพี่มาร์ทแวะร้านของฝากให้นะ"
                    ("เอากระปิ กุ้งแห้ง ปลาหมึกแห้งตัวเล็กๆ อะไรนะ? มาคุยเองเลยมา เร็วๆลูกรออยู่") สงสัยจะออเดอร์แม่ผมซะละมั้ง
                    "แม่ฝากซื้อของฝาก จดให้หน่อยครับ" ผมป้องมือถือกันเสียงคุยเล็ดลอด สะกิดบอกให้คนตรงหน้ารับหน้าที่แทน พี่มาร์ทหยักหน้ารับหยิบทิชชู่และปากกาในกระเป๋าเสื้อออกมาเตรียมพร้อม “ขอบคุณครับ”


          เสร็จจากชิมของว่างยามบ่ายของทางโรงแรมที่จัดมาต้อนรับแล้ว ผมกับพี่มาร์ทก็ไม่มีกิจกรรมอื่นใดให้ทำอีก เราสองคนจึงนั่งคุยกันสบายๆในห้อง Executive Lounge พร้อมเครื่องดื่มค็อกเทลผสมแอลกอฮอล์ อืม...พูดถึงเครื่องดื่มนี่ขอผมติหน่อยเถอะครับ นี่ถ้าพี่มาร์ทไม่ใช้ให้ผมหยิบกางเกงส่งให้แม่บ้านซักเพราะเปื้อนซ๊อสมะเขือเทศ ผมคงไม่รู้ว่ามีวอชเชอร์เครื่องดื่มฟรีในกระเป๋ากางเกงอยู่ด้วย พอผมทักท้วงออกไป พี่มาร์ทกลับยักไหล่บอกเพียงแค่ว่า ลืม คิดแล้วมันน่าให้เลี้ยงค็อกเทลอีกสักแก้วสองแก้ว

                    “เย็นนี้กินไรอะ”
                    “เพิ่งจะ 4 โมงกว่าถามถึงมื้อเย็นละ หึๆ”
                    “ทำไม ถามไม่ได้อะ? จะทำอะไรเราต้องคิดล่วงหน้าสิครับ”
                    “อืม พี่ว่าจะพาไปร้านที่เพื่อนพี่แนะนำ เป็นร้านอาหารริมทะเลเพิ่งเปิดได้ไม่นาน”
                    “จริงดิ อยากกินซีฟู๊ดพอดีเลย ไปกันเลยไหมครับ เดี่ยวต้องแวะซื้อของฝากอีก”
                    “วางแผนเสร็จสรรพเลยนะ ถามพี่ยัง? หึๆ” ยังมีหน้ามาหัวเราะผมอีก  นี่ถ้าไม่อยู่ในที่สาธารณะผมจะกัดต้นแขนล่ำๆนั่นให้เป็นรอยฟันเลย มองแล้วน่าหมั่นไส้ปนอิจฉาชะมัด ผมเองก็อยากมีกล้ามแน่นๆจนคับแขนเสื้อบ้างจัง ยิ่งตอนหยิบมือถือยกมากดแป้นพิมพ์ยิ่งชวนมอง “ไปกันเลยไหม รถมารอแล้ว”
                    “ไปครับ...โอ๊ย!”
                    “แมค!” พี่มาร์ทรีบถลามารับ แต่ผมยกมือห้ามไว้ก่อน สงสัยว่าจะลุกขึ้นเร็วไปหน่อยเจ็บแปลบร้าวไปทั้งเอวเลย
                    “ไหวครับ ไม่เป็นไร” ส่งยิ้มให้พี่มาร์ทไปทีเพื่อเบรคให้เขายืนอยู่กับทีด้วยกลัวจะมีพิรุธ แม้ในห้องจะไม่มีใครแต่เพื่อความปลอดภัย ฝึกไว้ให้ชินกับภาพลักษณ์จะดีกว่า “แล้วไม่เดินนำผมไปเหรอครับ ผมจะรู้หรอกว่ารถจอดอยู่ไหนอะ”
                    “คงเป็นตรงล็อบบนี้” ผมพยักหน้ารับรอให้อีกฝ่ายออกเดินไปก่อนอยู่สักพัก แต่เขาก็ไม่ขยับ ผมจึงต้องเป็นฝ่ายล่วงหน้าไปก่อนเองทั้งที่ใจก็ยังกังวลว่าพี่มาร์ทจะผิดคำสัญญาที่ให้ไว้ก่อนจะออกมาจากห้องว่า
ห้ามแสดงอาการหวงและห่วงจนเกินเหตุ   



          ทันทีที่ประตูรถ Mercedes Benz Vito คันเดิมเปิดออกและผมก้าวออกมายืนนอกรถข้างพี่มาร์ทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมก็หันมองซ้ายขวาด้วยความสงสัยว่าในสถานที่นี้จะมีห้องอาหารระดับเพื่อนพี่มาร์ทมากินได้อย่างไร เพราะตลอดทางที่เลี้ยวเข้ามาจากถนนสุขุมวิทไม่มีแม้แต่ไฟทาง ถนนในซอยเป็นถนนเลนเดียว พื้นถนนยังเป็นกรวดหินขนาดรถวิ่งยังมีฝุ่นขลุ้ง ลานจอดเหมือนแค่เอาหินมาเทเป็นหลุมบ่อประปรายแถมยังจอดกันไม่เป็นระเบียบอีกด้วย สองข้างทางมีแต่ป่าโดยรอบถ้ากลางคืนคงดูน่ากลัวพิลึก
                     “มาผิดที่ปะครับพี่มาร์ท”
                    “คิดว่าไม่ผิด ก่อนมาพี่ถามโรงแรมละ เขาก็บอกว่าที่นี่ พิกัดก็ตรงกัน”
                    “แน่ใจ?”
                    “เดินไปดูข้างในก่อนดีกว่า เห็นป้ายทางเข้าอยู่ตรงโน้น”

          เมื่อก้าวขึ้นไปตามบันไดไม้ที่พาดเอาไว้เป็นทางเดินจนถึงขั้นบนสุด แสงสว่างก็ปรากฏแก่สายตาทำให้ผมมองภาพและบรรยากาศเบื้องหน้าตาลุกวาว หลอดไฟนับร้อยถูกประดับประดาไว้บนกิ่งไม้โดยรอบเหมือนหมู่ดาวดวงเล็กส่องประกายระยิบระยับรับกับชุดเก้าอี้ไม้สีขาวนับสิบที่วางเรียงรายเป็นแถวตรงพื้นที่ส่วนกลางของร้าน ขนาบข้างด้วยชุดโซฟารูปตัวแอลลายทางขาวน้ำเงินติดริมระเบียงใต้ต้นสนสูงใหญ่ นอกจากนั้นยังมีเรือนกระจกขนาดย่อมที่เคยเห็นบ่อยๆในสารคดีพันธุ์พืชถูกย่อส่วนลงและปรับเปลี่ยนเป็นคาเฟ่ขนมหวานที่พรั่งพร้อมไปด้วยเค้กและไอศครีมหลากหลายรสเต็มตู้โชว์ มีชุดโต๊ะเก้าอี้สองชุดสำหรับลูกค้าที่อยากจะใช้เวลาสองต่อสองแบบคู่รักท่ามกลางบรรยากาศหวานสุดโรแมนติกที่ดูอบอุ่นเคล้ากลิ่นหอมของเค้กอบใหม่ในห้องแอร์เย็นฉ่ำ
                    “ขอไปดูเค้กตรงไหนได้ไหมครับ” ผมกระตุกแขนเสื้อคนข้างกายให้หันมามองพร้อมกับชี้นิ้วไปยังสถานที่เป้าหมายแต่พี่มาร์ทกลับบอกว่า
                    “หาโต๊ะนั่งทานข้าวกันก่อนดีกว่า เดี่ยวค่อยมาดู” แม้จะถูกขัดใจแต่ผมก็ยอมพยักหน้ารับมองไปรอบร้านหามุมที่อยากนั่งแต่ไม่พบ “ตรงโซฟาลายทางนั่นไหม?”
                    “ตรงใต้ต้นสนนะเหรอครับ? ไม่เอาอะ เดี่ยวมดกับใบไม้ตกใส่จานข้าว”
                    “งั้นเอาเก้าอี้ไม้ตรงกลางไหม?” พี่มาร์ทเอ่ยถามผมอีกครั้ง แต่ผมกลับรู้สึกไม่ชอบ แม้เก้าอี้ไม้สีขาวทั้งชุดโต๊ะเก้าอี้จะดูน่านั่งกว่า แต่แสงแดดก็ยังคงส่องลงมาลอดช่องว่างของกิ่งไม้ใหญ่ได้อยู่ดี ครั้นจะเอาข้างๆมุมก่อนหน้าที่มีระเบียงไม้ระแนงทำเป็นเพดานบังแดด ก็มีหนุ่มสาวคู่หนึ่งเดินมานั่งตรงพื้นที่ว่างไปโต๊ะนึงละ
                    “สวัสดีค่ะ สองท่านนะค่ะ เชิญทางนี้เลยค่ะ” พนักงานสาวในชุดเครื่องแบบผ้ากันเปื้อนผูกเอวลายทางคาดน้ำตาลสลับขาวกล่าวต้อนรับพร้อมกับผายมือออกให้เดินตามเธอไปยังโซนโซฟายาวบนระเบียงริมหาดที่ผมปฏิเสธในใจไปเมื่อครู่
                    “พี่มาร์ทๆ เรานั่งโซฟาด้านนอกนั่นดีไหมครับ” ผมเดินนำพลางชี้นิ้วเลยระเบียงพื้นไม้ออกไปยังพื้นที่ว่างซึ่งยังไม่มีใครจับจอง เป็นพื้นที่ริมหาดบนพื้นทราย มีชุดเก้าอี้โซฟาผ้าสีสันสดใสตั้งวางอยู่ แม้จะไม่มีแอร์ มีแสงแดดส่องบ้าง แต่ก็ยังดีกว่าโซนบนระเบียงต้นสนที่เธอเสนอ เพราะคู่รักมาใหม่นั่นกำลังสวีทเกิดหน้าเกินตาแล้ว
                    “ผมขอนั่งข้างนอกละกัน” พี่มาร์ทพูดสำทับความคิดผมเป็นการตัดบท ก่อนจะเดินนำผมไป ผมเสตามองลูกค้ามาใหม่ของร้านก็พลางคิดในใจว่า ถ้าต้องมานั่งข้างๆโต๊ะนั่น ผมคงกินไรไม่ลงแน่ นั่งจีบกันจนแทบจะเกยตักกันอยู่ละ แถมฝ่ายหญิงยังใส่เสื้อเกาะอกอวดคัพซีที่แทบจะล้นออกมานอกเสื้ออีก นี่ถ้าสั่งฝ่ายชายสั่งมะพร้าวอ่อนมากินแทนเบียร์สด คงแยกไม่ออกว่าอันไหนที่ควรดื่ม ฮ่าๆ “ขำอะไรอะแมค?”
                    “อ้อ...ฮึๆ เปล่าครับไม่มีอะไร”
                    “นี่เมนู” พี่มาร์ทพูดขึ้น “สั่งน้ำก่อนไหม”
                    “เอาสตอเบอร์รี่ปั่นครับ ไม่เอาๆ ขอมะนาวโซดาดีกว่า แล้วก็แพนเค้กเนยสด เพิ่มไซรัปด้วยนะครับ” เห็นของหวานแล้วอยากขึ้นมาทันใด กว่าอาหารจะมา ผมจะได้มีอะไรกินรอ แต่พี่มาร์ทส่ายหน้าอมยิ้มทำไมมิทราบ
                    “ผมเอาน้ำแร่เย็นขวด ไม่เอาน้ำแข็ง กับผัดไทห่อไข่ แมคเอา Seafood Plattler ไหม เป็นเซตอาหารทะเลเผารวมๆนะ”
                    “ไหนๆ หน้าไหนครับ” มีจริงด้วยแฮะ แต่ดูไม่คุ้มชอบกล “เอาแค่กุ้งกับปลาหมึกได้ไหมอะครับ”
                    “กุ้งเผาจาน ปลาหมึกย่างจาน เอาไรอีกไหม?”
                    “ข้าวผัดปูจานเล็ก ผมเอาแค่นี้ก่อนครับไม่พอค่อยสั่งใหม่”

          รออยู่ไม่นานแพนเค้กถูกยกมาเสิร์ฟเป็นจานแรกพร้อมเครื่องดื่มเย็นสองแก้ว ผมรอจนพนักงานหนุ่มเดินจากไปแล้วจึงลงมือตัดแบ่งแพนเค้กทั้งสองแผ่นเป็นสี่ส่วนได้ทั้งหมดแปดชิ้น แล้วจึงใช้ส้อมจิ้มชิ้นนึงยื่นไปให้คนตรงหน้า พี่มาร์ทอ้าปากยิ้มรับไปทานพร้อมรอยยิ้มแค่สองชิ้นก็ส่ายหน้าปฏิเสธ สงสัยโรคแขยงของหวานของคนวัยนี้จะแก้ไม่หายนึกแล้วก็อดขำขึ้นมาไม่ได้จนโดนมะเหวกเข้ากลางหน้าผาก เจ็บเหมือนกันแต่ใครจะสน ยามนี้ของหวานสุดโปรดวางอยู่ตรงหน้ารอผมลิ้มรสจนจะเย็นหมดละ ว่าแล้วก็ได้ฤกษ์หยิบน้ำผึ้งด้วยมือซ้ายและไซรัปด้วยมือขวาเทราดพร้อมกันจนเนื้อแป้งเปียกชุ่มไปทั้งแผ่น ท่ามกลางความตกตะลึงของอีกฝ่าย
                    "เคยตรวจเบาหวานบ้างไหม?" พี่มาร์ทเอ่ยแซวทำหน้าปุเลี่ยน
                    "เคยแต่ไม่เป็น ฮ่าๆ ชิมไหมครับ อร่อยน้า"
                    "เชิญเถอะ" ขนมนะครับไม่ใช่ไส้เดือนทำหน้าแหยงซะ
                    "พี่มาร์ทไม่สู้?" ผมยักคิ้ว
                    "เคสนี้พี่ขอยอมแพ้" ดูทำหน้าเข้ามองอย่างกับเห็นผี ชุ่มๆหวานๆอร่อยจะตาย "ผัดไทพี่มาพอดีเลย"
                    “อืม” พี่มาร์ทรับคำของผมแล้วจึงหยิบส้อมขึ้นมาเตรียมพร้อมรับประทาน ในขณะที่ผมหันหน้าออกทะเล สายลมเย็นหอบพัดกลิ่นเกลือมาตามเกลียวคลื่นเคล้าบรรยากาศยามอาทิตย์ลับขอบฟ้า แม้จะไม่ใช่กลิ่นที่คุ้นเคยและสดชื่นมากนักสำหรับคนเมืองกรุงอย่างผม แต่ก็พอจะทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้ไม่น้อย อยู่พัทยามาก็หลายวันเพิ่งรู้สึกเหมือนได้พักกับธรรมาชาติเอาก็วันนี้ กินไปชมธรรมาชาติไปไม่นานอาหารตรงหน้าก็หมดจาน พี่มาร์ทเองก็เงยหน้าขึ้นมองผมพลางยกแก้วค็อกเทลขึ้นจิบเลื่อนจานผัดไทกับข้าวผัดของผมที่ไม่เหลือแม้แต่เม็ดข้าวสักเม็ดออกห่างจากตัวไปวางไว้ขอบโต๊ะรอพนักงานมาเก็บไป ผมเองก็วางส้อมที่เพิ่มจิ้มกุ้งเข้าปากลงกับโต๊ะมองหน้าอีกฝ่ายตอบกลับไปเช่นกันด้วยไม่รู้จะมองไปไหน
                    “เอ่อ...พี่มาร์ทมีตาสีเทามานานยัง?” ถามออกไปแล้วก็อยากตบปากตัวเอง เป็นการชวนคุยที่ไร้สาระที่สุดเท่าที่ผมจำความได้
                    “คงมีมาตั้งแต่เกิด หึๆ”
                    “ขำอะไรเล่า ก็แค่ไม่รู้จะพูดอะไรเท่านั้นเอง” ผมบอกพลางก้มลงดูดน้ำในแก้วดูท่าว่าน้ำแข็งละลายจนมะนาวจะกลายเป็นน้ำเปล่าแทนโซดาซะละ หมดแก้วนี้แล้วสั่งใหม่ดีกว่า
                    “หายเจ็บตูดยัง”
                    “ห๊ะ! แค่กๆ” เกือบสำลักน้ำ ดีที่กลืนลงไปก่อน “ถามบ้าอะไรอะพี่มาร์ท”
                    “Butt ก็หมายถึงตูดไม่ใช่เหรอ หรือมีคำสุภาพกว่านี้” พูดได้หน้าตาเฉยมากจนผมต้องเป็นฝ่ายสูดลมหายใจเข้าลึกๆเอง กลุ้มใจจริงให้ตายเถอะ “ดีขึ้นไหม ถ้าไม่หายจะได้ให้ชาติแวะซื้อยา?”
                    “ไม่ต้องซื้ออะไรทั้งนั้นละ ผมดีขึ้นแล้ว” แม้จะรู้สึกแสบตอนโดนน้ำบ้างแต่ก็ไม่ถึงกับเจ็บอย่างคราวก่อน
                    “แต่พี่เห็นแมคเจ็บตอนลุกจากเก้าอี้นี่?”
                    “นั่นมันเอว ไม่ใช่ก..กะ...ก้น เออ อะไรนั่นละ เลิกถามได้แล้วพี่มาร์ท”
                    “แน่ใจนะว่าไม่ต้องทายาหรือกินยานะ”
                    “ถ้าไม่หยุด ผมจะโป้งพี่ละนะครับ” ผมบอกด้วยสีหน้าจริงจัง จนอีกฝ่ายลอบถอนหายใจและไม่คิดจะเอ่ยอะไรต่ออีก ผมเองก็นั่งเงียบๆใช้ส้อมกับช้อนค่อยๆแงะเปลือกกุ้งออกด้วยไม่อยากเปรอะมือ ทันใดนั้นเองกุ้งในจานของผมก็ถูกใครบางคนหยิบไป สงสัยจะทนเห็นท่าแกะพิศดารของผมไม่ไหว พี่มาร์ทเลยใช้มือแกะใส่จานให้แทน "ขอบคุณครับ"
                    "เอาอีกไหม?"
                    "พี่มาร์ทแกะตัวในมือเสร็จก็พอละครับ เดี่ยวอีกสองตัวผมแกะเองก็ได้” พี่มาร์ทพยักหน้ารับตามคำผมบอก “ไปล้างมือเถอะครับ อีกเดี่ยวผมก็กินหมดละ จะได้เช็คบิลกลับกรุงเทพกัน” คนนั่งตรงข้ามถึงกับชะงักหยิบกระดาษชำระบนโต๊ะมาเช็ดมือที่เปื้อนแล้วเอ่ยถามคำถามว่า
                    “พี่พาแมคมาลำบากหรือเปล่า?” ผมส่ายหน้าในทันควันเป็นคำตอบพร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
                    “ลำบากอะไรตรงไหนละครับ กินอิ่มนอนสบายจะตาย หรูกว่าโรงแรมที่ผมเคยไปกับเพื่อนอีก”
                    “แล้วทำไมรีบร้อนจะกลับ?”
                    “อ้อ ขับรถดึกๆอันตรายนะครับ เผื่อรถติด มีด่านตรวจอีก อะไรมันก็ไม่แน่นอนนะครับ” จิ้มกุ้งตัวสุดท้ายเข้าปากหมดจานพอดี อร่อย “หรือพี่มาร์ทมีเพลนจะไปไหนต่อ? ถ้ามีจะได้รีบเช็คบิล แล้วรีบไปกันต่อ”
                    “Check Bill” น้ำเสียงพี่มาร์ทดูแข็งกร้าวชอบกลจนผมนิ่วหน้า
                    “ได้ค่ะ รอสักครู่นะค่ะ” พนักงานสาวที่เดินผ่านโต๊ะผมไปเสิร์ฟน้ำโต๊ะข้างๆถึงกับสะดุ้ง เธอรับคำเสร็จก็เดินไปยังเคาน์เตอร์
                    “จะเข้าห้องน้ำก่อนกลับไหม ต้องนั่งรถอีกนาน”
                    “เข้าสิครับ งั้นผมไปก่อนนะ อึก...” จะลุกขึ้นยืนทั้งทียังต้องจับเอวไม่ต่างกับคนแก่เลย “อ่อย” ผมบอกเสียงหน่ายๆจะขยับทีเดินทีรู้สึกติดขัดชะมัด
                    “มาๆพี่ช่วย?” พี่มาร์ทลุกขึ้นเดินมาหาโอบแขนรอบเอวของผมช่วยพยุงตัวขึ้น แต่ผมกลับอีกฝ่ายออกไปเบาๆไม่คิดว่าจะทำให้ร่างหนาเซไปทางด้านหลังได้ พอผมเอ่ยปากขอโทษกลับได้ยินคำพูดสวนกลับมาว่า “นอนคอนโดพี่ไหม สภาพนี้แมคไม่น่าไหวนะครับ”
                    “ผมไหว พี่มาร์ทไม่ต้องห่วง” ผมบอกปฏิเสธอีกครั้ง พยายามปรับเสียงให้เป็นปกติไม่อยากให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าในใจของผมชักเริ่มครุกรุ่นขึ้นมาเหมือนกัน
                    “ขอพี่พูดตรงๆนะครับ ถึงแม้แมคจะพยายามเดินตัวตรงยังไง คนมันก็มองออกอยู่ดี กลับคอนโดกับพี่ดีกว่า พักอีกวันพรุ่งนี้ก็น่าจะดีขึ้น เรื่องที่บ้านเดี่ยวพี่โทรบอกพ่อแม่ให้ก็ได้ ถ้าแมคไม่สะดวกใจจะพูดเอง”
                    “มันเรื่องของผม พี่มาร์ทไม่ต้องยุ่ง ผมบอกว่าไหวก็ไหวสิ” ผมบอกเสียงกร้าว
                    “อย่าขึ้นเสียงกับพี่ พี่ไม่ชอบ”
                    “ผมไม่ได้ขึ้นเสียง แต่พี่มาร์ทพูดไม่รู้เรื่องเอง” ผมตอบกลับทันควันจ้องอีกฝ่ายไม่ละสายตา “กลับกันเถอะครับ ผมไม่อยากทะเลาะกับพี่นะ”
                    “บางครั้งแมคก็ดื้อเกินไป” หันขวับไปมองต้นเสียงในทันที พูดงี้หมายความว่าไง? “ทำเยอะจนลุกไม่ขึ้นมาต่อปากต่อคำซะก็ดี”
                    “พี่มาร์ท!” ผมกัดฟันแน่นจ้องอีกฝ่ายตาลุกวาว “เลิกพูดเรื่องพวกนี้ซะที ผมบอกกี่ครั้งแล้วว่า ผมไม่ใช่ผู้หญิงเลิกห่วงเลิกหวงผมซะที แล้วก็หยุดดูถูกผมได้ละ ผมก็ไม่ชอบที่พี่มาร์ททำอย่างกับว่าผมอ่อนแอเหมือนกัน” ผมพูดทิ้งท้ายก่อนจะก้าวเดินออกมาจากบริเวณนั้นตรงไปห้องน้ำด้วยความรู้สึกหงุดหงิด เพื่อล้างหน้าล้างตาปรับสภาพอารมณ์ก่อนจะเดินไปที่รถ แต่พอออกมาก็สวนเข้ากับอีกฝ่ายที่เข้ามาล้างมือเช่นกัน ผมเองทำเป็นมองผ่านแต่ถูกฝ่ามือหนาจับแขนไว้บอกว่า ให้รอไปพร้อมกัน
                    “อ้าว คุณมาร์ท คุณแมค ให้ลุงสตาร์ทรถรอเลยไหมครับ” ลุงชาติเองก็เดินออกมาจากห้องน้ำอีกห้องทักขึ้น พี่มาร์ทจึงพยักหน้ารับบังคับให้ผมยืนรอใบหน้าบูดบึ้ง พอทำธุระเสร็จสรรพผมจึงเดินตามไปขึ้นรถและไม่มีอะไรจะพูดต่อจากนั้นอีกเลยจนกระทั่งหลับไป



                TBC
                 -----------------------------------------------------------------------------------------


ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 19] 17-07-2016
«ตอบ #99 เมื่อ17-07-2016 14:41:21 »

น้องนอยแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 19] 17-07-2016
« ตอบ #99 เมื่อ: 17-07-2016 14:41:21 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด