Until You [อัพเดท ตอนที่ 19] 17-07-2016
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Until You [อัพเดท ตอนที่ 19] 17-07-2016  (อ่าน 16378 ครั้ง)

ออฟไลน์ ClearHeart

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 8 (2/2)] 12-04-2016
«ตอบ #30 เมื่อ13-04-2016 18:31:04 »

ช่วง : Talk to Writer

Q : kkmm >> มาต่ออีกนะครับขอบคุณมาก
A : ขอบคุณที่ติดตามเช่นกันครับ

Q : Janny >> มาอ่านรวดเดียวเลยค่ะ ฮือออ น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกก ไไม่รู้หลังจากนี้จะมีดราม่ารึเปล่า แต่ท่าที่อ่านมานี่น่ารักจนหุบยิ้มไม่ได้เลยค่ะ นี่พี่มาร์ทแอบมองน้องมาจากมอเตอร์โชว์หลายงานแล้วใข่ไหมคะ(เอ๋? อันนี้ไม่รู้สิครับ ต้องรอเจ้าตัวมาตอบเอง ฮ่าๆ) ไม่รู้ที่มาเจอที่โชว์รูมนี่บังเอิญหรือพี่แกแอบสืบแล้วตามมานะคะ แล้วแบบ ตะล่อมน้องมากอ่ะ เราว่าตอนแรกน้องแม็คหมั่นไส้ แต่ไปๆมาๆ เพราะพี่มาร์ทรู้เรื่องรถเยอะรึเปล่า น้องแม็คเลยติดกับเลย(ใครติดกับใครกันแน่ครับ?? ^_^) ตอนพี่มาร์ทไปต่างประเทศครึ่งปีรั่นก็เป็นแผนให้น้องคิดถึงตัเองมากๆและรักษาระยะห่างให้น้องไม่เผลอคิดไปว่าเป็นพี่ชายรึเปล่าคะ 5555555(เอ่อ...ขนาดนั้นเลยเหรอครับ อันนี้ผมไม่เคยคิดเลยแฮะ?) แต่พอกลับมาก็ไม่ได้ดูห่างกันเลยนะคะ นี่คือทำให้มีช่วงที่คิดถึงแล้วก็ดีใจที่ได้เจออีกครั้งสินะคะ คืออ่านไปก็คดในใจตลอดเลยค่ะ พี่มาร์ทร้ายกาจ คนเจ้าเล่ห์ มีแผนอะไรอยู่แน่ๆ(อ่า... พูดขนาดนี้พี่มาร์ทของผม?ได้ยินเข้าคงเสียใจแน่เลย จุ๊ๆ) ฮืออออ แต่เราชอบนะคะ คือพี่มาร์ทมาช่วยติวหนังสือให้น้องแม็คด้วยอ่ะ เป็นคนเจ้าเล่ห์ที่น่ารักค่ะ ให้อภัย ถือว่าคิดถึงอนาคตของน้อง(ฟังเหมือนจะดี? ฮ่าๆ) พูดถึงตอนพี่แม็คกลับมา โอ๊ยยยยย คือชวนไปบ้าน บอกว่าชอบ ไปดูหนัง กินข้าว นี่แฟนรึเปล่าถามจริงๆ เหมือนมาก พี่มาร์ทไม่ต้องขอเป็นแฟนแล้วค่ะ นี่ก็เหมือนใช่แล้ว(เดี๋ยวๆ ใจเย็นคร้าบบบ ยังไม่ถึงขั้นนั้นเลย ต้องขอก่อนดิถึงเป็นแฟน ฮ่าๆ) แต่ก็เนอะ ดูน้องไม่รู้ตัวอ่ะ เราก็ไม่รู้ว่าน้องแม็คคิดอะไร น้องคงอยากให้แน่ใจที่สุดอ่ะค่ะ ถ้าตกลงเลยน้องก็อาจจะกลัวว่าต้องเลิกกันสักวัน แต่ถ้าปฏิเสธก็กลัวพี่มาร์ทจะหายไป มันก็ตัดสินใจยากนะคะ แต่เราว่าพี่มาร์ทคงไม่ยอมเลิกหรอกค่ะน้องแม็ค น้องอย่ากังวลค่ะ เขาเอาเปรียบน้องขนาดนี้แ้วนะคะ ทั้งจับมือ หอมแก้ แล้วล่าสุดยังจูบอีกนะคะ โอ๊ยยยยย จำเป็นต้องระบุสถานะแล้วค่ะ(ผมว่าไม่ระบุดีกว่าครับ เดี่ยวผมอดโสดกันพอดี ฮ่า) แต่จริงๆ น้องแม็คอย่าไปจูบพี่เขามากนะคะ (เห็นด้วยครับ จูบมากไม่ดี แต่จูบดีๆต้องจูบนานๆสินะ กร๊ากก) เดี๋ยวพี่เขาหน้ามืดจับน้องกดทำไงคะะะะ (น้องแม็คบอกก็ถีบแล้วกระทืบซ้ำไง 5555555 >> กระทืบพี่มาร์ทได้ไงละครับ งี้เรื่องผมก็ขาดพระรองกันพอดี) เรารอติดตามตอนต่อไปนะค้าาา ขอบคุณสำรับทุกตอนค่า(ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคร้าบบบ)
A : อ่านตรงสีแดงเอานะครับ

Q : Janny >> ทำไมเราขำ น้องแม็คคคคค นี่คือทำพี่มาร์ทน้อยใจไม่รู้ตัวอ่ะ แต่เราอยากบอก น้องแม็คอย่าไปบ้านพี่เขาบ่อยนะคะ เราว่าไว้ใจไม่ค่อยได้ 5555555555 ยิ่งอยู่กันสองต่อสองด้วยอ่ะ ถ้าน้องไปทำขนมให้เขาที่บ้านเขามันก็จะดูเป็นศรีภรรยาด้วยนะคะ อันตรายมากอ่ะ แต่ตอนนี้พี่มาร์ทก็มีของมาล่อน้องแม็คเพิ่มอีก 2 อย่างนะคะ ทั้งเตาอบทั้งรถ น้องแม็คไปปไหนไม่รอดแล้วค่ะ
A : ศรีภรรยา!!!! ใจเย็นครับ ใจเย็น ผมยังไม่พร้อม เฮ้ย ไม่ใช่ พี่มาร์ทต่างหากที่สมควรได้ตำแหน่งนั้น เพราะมีเตาอบในบ้าน กร๊ากก(มุขนะครับ แซวขำๆ)

Q : panitanun >> ทำไมขำ555555เเมคคือกินเยอะมากจริงๆตกใจ5555555
A : ก็กระเพาะผมมันย่อยเร็วนี่ครับ (เอานิ้วจิ้มกัน)

Q : lnudeel >> น่ารักอะ ชอบหนูแมค แมนๆ //หนูแมคตกะมากค่ะ หวงของกิน
A : คอนเม้นต์แรกเลยนะครับนี่ที่ชมว่า แมน ขอบคุณมากๆเลยครับ แต่จะดีกว่านี้ถ้าไม่ชมประโยคหลังต่ออะ ฮ่า

Q : lnudeel >> พี่มาร์ทเขาหึงไง เห็นแววรำไร แอบบริหารสเน่ห์นะเนี่ยหนูแมค ไม่เบาๆ
A : ผมเปล่าทำไรเลยนะครับ หนุ่มๆ?เขามากันเอง (ยักคิ้ว)


ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นนะครับ
แมค

ออฟไลน์ Janny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-2
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 8 (2/2)] 12-04-2016
«ตอบ #31 เมื่อ13-04-2016 18:46:25 »

ต่อไปพี่มาร์ทต้องประกบติดนะคะ มีคนมาจีบน้องแล้วววว 55555 :mew3:

ออฟไลน์ ClearHeart

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 9 (1/3)] 13-04-2016
«ตอบ #32 เมื่อ13-04-2016 23:21:17 »


Until You


ตอนที่ 9 (1/3)

          ครบรอบอาทิตย์นึงพอดีที่ผมมีสภาพไม่ต่างอะไรกับหุ่นยนต์ลืมหยอดน้ำมัน เวลาเดินมันรู้สึกฝืดชอบกล ดวงตาจะปิดไม่ปิดแหล่ อยากกินแต่ของหวานๆ และตอนนี้ผมกำลังหาวเป็นรอบที่สามสิบแปดของวันในตอนหกโมงเคารพธงชาติเย็นพอดี แล้วนี่ผมต้องบ้าตามเพื่อนที่ลุกขึ้นยืนตามเสียงเพลงชาติช่วยพี่ยามชักธงลงจากเสาด้วยไหมนี่?
                    “เฮ้ย พวกมึง กูแก้ได้แล้ว” ทุกคนในที่นั้นหันขวับมาทางผมคอแทบหักกันเป็นแถบ “คร่อก” ผมบอกทิ้งท้ายก่อนก้มลงฟุบหน้ากับโต๊ะ
                    “แก้ผ้าโชว์” ใครสักคนเอ่ยขึ้น จึงถูกเขวี้ยงขวดน้ำเข้าใส่เสียงดังปึ๊ก ผมก็เห็นด้วยนะ มุขแป่กสุดๆ
                    “จริงด้วยวะ แหม แสนรู้สมกับที่กูให้ข้าวให้น้ำทุกวัน” ผมผงกหัวขึ้นมามองต้นเสียง เห็นพวกมันมีลูบหัวลูบหางกันอย่างสนุก
                    “แต่เหลืองานอีก phase ไม่ใช่เหรอที่อาจารย์แนะให้เพิ่มนะ” ผมบอกอดทำหน้าเซ็งไม่ได้ “แล้ว UI ใหม่อะ แก้ยัง?”
                    “แก้อะไรยังไงอะ?”
                    “ส่งให้เมื่อคืนทางเมล์แล้วไง เปิดดูยัง” ถ้าไม่ได้เปิดดูนะ ผมจะใช้แรงเฮือกสุดท้ายอาละวาดละ คืนก่อนโน้นผมก็ออกแบบแก้งานอยู่คนเดียวถึงเที่ยงคืนกว่าจะได้นอน บอกจะอยู่หน้าคอมเป็นเพื่อนผมกันทั้งแก็งค์รอจนผมทำเสร็จ พอผมทำเสร็จทักกลับไปแม่งก็หายเงียบ ออฟไลน์บ้าง หนีไปเล่นเกมส์ออนไลน์กันบ้าง
                    “เห็นแล้วๆ กำลังทำอยู่ มึงอย่างเครียดดิวะ แมค”
                    “ใช่ นี่ก็เหลือแค่เอางานแต่ละส่วนมาประกอบกัน เทสต์ผ่านก็จบแล้ว”
                    “จบไร document อีกอะ” แม้จะถอนหายใจหลังบอกเสร็จเรื่องงานเอกสาร ผมก็ต้องเป็นคนร่างและพิมพ์เองอยู่ดี ใครแม่งจะเหนื่อยหัวสมองเท่าผมอีก ไม่มีละ
                    “พวกมึงๆ ทำงานๆ ทุ่มนึงไปร้านหลังมอกัน คลายเครียดๆ”

          ผมละส่ายหน้าให้กับพวกเพื่อนบ้าพลังกลุ่มนี้จริงๆ โปรเจ็คมีเวลาทำแค่สองอาทิตย์เร่งกันซะขนาดนี้ มันยังมีอารมณ์จะไปดื่มเหล้ากันอีกนะ แต่เอาเถอะครับ ก็ถือว่าคลายเครียดตามที่อ้างมา เพราะตอนนี้งานแต่ละส่วนก็ยังอยู่ในเพลนเวลาที่ได้วางเอาไว้ แม้จะมีเลทไปวันนึง เพราะเพิ่งแก้ bug ได้ ผมก็ถือว่ายังตามเพลนอยู่ดี เพราะงานออกแบบหน้าเว็ปe-commerce ทำเสร็จล่วงหน้าอยู่ก่อนหลายวัน แม้จะมีตามแก้บ้าง แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในกรอบเวลาที่วางเอาไว้ ส่วนงานเอกสารที่เหลืออยู่ก็มีแค่แก้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษกับแปะภาพที่ได้จากการรันโปรแกรมและเพิ่มเติมเนื้อหาอีกบทสองบท สำหรับงานเทสต์โปรแกรมตรวจทานเคสนั้น ผมก็คิดเคสเงื่อนไขต่างๆไว้เป็นแนวทางบ้างละ รอเพื่อนสองสามคนที่กำลังเขียนโปรแกรมอีกส่วนเสร็จก็เอามารวมกันแล้วเทสต์ตามเคสให้ครบก็เสร็จสมบูรณ์ละครับ คุ้มค่ากับการทุ่มเทจริงๆ เว้นแต่ว่า...

                    “แมคๆ พี่เราเอากล้องวีดีโอไปใช้ที่บ้านต่างจังหวัดอะ ทำไงดี”
                    “เอ่อ...” นั่นละครับ ปัญหามาเลย จะส่งงานอาทิตย์หน้ายังไม่ได้ถ่ายวีดีโอตัดต่อกราฟฟิคกันเลย ผมยิ่งไม่คล่องอยู่ด้วยสิงานมัลติมีเดียนี่ “เดี่ยวเรายืมที่ทำงานพ่อมาให้ ไว้วันศุกร์ค่อยถ่ายละกัน ตอนนี้พ่อคงถึงบ้านละ”
                    “งั้นระหว่างนี้ ให้พวกเราทำอะไรละ?” สิ้นคำถาม ผมก็หันมองเพื่อนอีกสองชีวิตที่ต้องการคำตอบ ใจนึงผมก็อยากตอบว่าไปดูดนมแม่รอมั้ง แต่ก็กลัวจะรุนแรงกับเพื่อนสาวๆจากตระกูลผู้ดีมากเกินไป จึงพูดออกไปว่า
                    “ก็ไปติดต่อขอคิวห้องถ่ายละกัน ได้เวลาไหนของวันศุกร์ก็โทรมาบอก แล้วก็ระหว่างนี้ศึกษาโปรแกรมตัดต่อภาพที่ให้ไปว่าใช้ยังไง? ถ้าทำเป็นแล้วก็สร้างแต่ละเฟรมรอไว้เลย เราส่งตัวอย่างกับแบบร่างแต่ละฉากให้แล้วอะทางเมล์ ได้ยัง?”
                    “อ้อ เห็นละ แค่นี้ใช่ไหม”
                    “อืม สู้ๆนะ” ผมยิ้มส่งให้เพียงเล็กน้อยพอ เพราะไม่เต็มใจจะพูดแบบพระเอกเท่าไหร่
                    “งั้นเรากลับก่อนนะ คนขับรถมารอละ”

          ถอนหายใจอีกรอบจะแก่ขึ้นอีกปะไหมนี่ โปรเจ็คทำเว็ปไซด์กำลังไปได้สวยจนน่าชื่นชม โปรเจ็คทำโฆษณาผลิตภัณฑ์แอปเปิ้ลก็ทำท่าจะล่มอยู่ร่อมร่อ เพราะดันดวงซวยจับฉลากได้มาเจอคุณหนูถึงสองคน คิดแล้วเครียด ชักเห็นด้วยกับการไปดื่มคืนนี้ละ





                    “แมคๆ”
                    “เออว่าไง?” ผมเอ่ยถามไม่ได้หันไปมองหน้า เพราะกำลังจ้วงข้าวหมูแดงเข้าปากกลางวงเหล้า
                    “แม่กูโทรมาตามบอกว่าให้รีบกลับราชบุรีด่วนวะ เหมือนที่บ้านจะมีปัญหา”
                    “อืมๆ พรุ่งนี้เช้านะเหรอ ไปเถอะ งานเหลือไม่เยอะแล้วไม่ต้องห่วง”
                    “เปล่า คืนนี้”
                    “ห๊ะ!” ถึงกับต้องรวบช้อนข้าวหันไปมองหน้า “แล้วจะให้กูไปนอนไหนอะ กูไม่นอนห้องพวกมันนะ แออัดจะตาย 4 คนห้องนิ๊ดเดียว” เวรของกรรมจริงๆ คืนนี้ผมดันขออนุญาตที่บ้านว่าจะมาค้างหอเพื่อนสักระยะ เพื่อทำงานโปรเจ็คให้เสร็จ คืนแรกดันมีปัญหาซะละ
                    “นอนห้องกูเหมือนเดิมก็ได้ แต่มึงต้องอยู่คนเดียวนะ” ให้ใช้น้ำใช้ไฟทั้งที่เจ้าของห้องไม่อยู่นี่นะ มันเสียมารยาทชอบกลนะครับ ผมว่า
                    “ไม่เป็นไร” ผมยื่นกุญแจห้องคืนไป “เดี่ยวกลับไปนอนบ้านก็ได้ แต่...เอ๊ะ...แป็บนะ” ผมมีไอเดียดีๆแล้ว
                    (ว่าไงครับแมค)
                    "ฮัลโหลครับ พี่มาร์ทใช่ปะ คืนนี้ผมขอไปค้างคอนโดพี่นะครับ"
                    (เฮ้ย!!! ล้อเล่นเปล่า)
                    "จริงพี่ เพื่อนผมมันกลับบ้านด่วน คืนนี้ไม่มีที่นอนนะครับ นะน้าขอค้างคืนนึง" ทำไมผมต้องพูดเชิงอ้อนด้วยวะ สงสัยจะเมาหมูแดง
                    (ครับได้ ตอนนี้แมคอยู่ไหน)
                    "แถวๆมหาลัยครับ"
                   (พี่กำลังจะเลิกงานพอดี เดี่ยวไปรับ)
                    "ไม่ต้องๆ พี่จะย้อนมาทำไม เจอกันกลางทางสะดวกกว่า" ผมบอกออกไป อันที่จริงก็อยากให้มารับนะครับ ประหยัดเงินค่ารถเมล์ แต่ดูท่าจะไม่เหมาะเท่าไหร่ พี่มาร์ทก็ทำงานเลิกดึกขนาดนี้ ผมไปขออาศัยนอน แค่นี้ก็รบกวนมากพอละ เกิดไม่พอใจขึ้นมา ผมคงได้นอนข้างทางแน่ๆ
                    (อืม ตามใจละกัน)
                    "ใกล้ๆแล้วผมโทรหานะครับ"
   

          พอกดวางสายแหงนมองท้องฟ้าก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงจากผืนฟ้าสีดำสนิทเป็นสีออกแดง หมู่เมฆลอยเกาะกลุ่มกันรวมตัวกันหนาขึ้นทุกทีๆ จนผมชักหวั่นใจว่า ฝนคงจะตกในไม่ช้า พอจ่ายเงินค่าอาหารมื้อดึกเสร็จผมจึงรีบชวนผองเพื่อนปั่นจักรยานกลับกัน ระหว่างทางก็แยกย้ายกันกลับเป็นสองคณะ พวกที่อยู่หอในมหาลัยก็ไปทางเดียวกัน ผมกับเพื่อนอีกสองคนก็มุ่งหน้าไปยังคอนโด ล็อกรถเสร็จสรรพเป็นที่เรียบร้อยก็รีบวิ่งกดลิฟท์ขึ้นไปเอากระเป๋าเป้ใส่เสื้อผ้ากับรีบคว้าเอากระเป๋าโน๊ตบุ๊คติดมือมาด้วย รีบตั้งหน้าตั้งตาออกจากมาให้ไว้ที่สุด เพราะลมพัดแรงขึ้นเรื่อยๆจนเห็นม่านปลิวสไว

                    “จะไปไหนกันอีกอะ ฝนมาแล้วนะโว้ย” ผมถามออกไป เมื่อเห็นพวกมันรีบวิ่งไปที่จักรยาน
                    “ไปส่งมึงหน้ามอไง เดินไปไม่ทันฝนแน่มึง”

          ผมพยักหน้ารับน้ำใจของเพื่อน รีบนั่งซ้อนท้ายในทันที หวังเป็นอย่างว่าลมแรงนี่จะหอบเอาฝนไปตกที่อื่นซะจะได้ไม่เปียกปอน แต่แรงขาหรือจะสู้แรงธรรมชาติ ฝนเริ่มหยดมาเม็ดสองเม็ด ผมก็รู้ได้ทันที่ว่ามันคงหนีไม่พ้นแน่ๆ จึงถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกเอามาหุ้มกระเป๋าโน๊ตบุ๊คเอาไว้กันเปียก พลางเร่งคนขับจักรยานยิกๆ ซึ่งมันก็ทั้งด่ากลับทั้งเร่งถีบไปในตัว ปั่นเกือบจะถึงที่หมายอีกห้าสิบเมตรข้างหน้า สายฝนก็ถาโถมลงมาราวกับฟ้ารั่ว พอลงรถได้ผมรีบบอกขอบคุณวิ่งเข้าไปหลบฝนที่ป้ายรถเมล์ ส่วนเพื่อนผมมันก็ปั่นหน้าตั้งฝ่าฝนกลับหอไป ทั้งที่ห่วงมันก็ห่วง แต่ดูท่าไอ้เพื่อนบ้าพวกนี้ มันขี่วนไปวนมาคล้ายจะเล่นกันมากกว่ากลัวเปียก
          รออยู่นานรถเมล์สายที่ต้องการก็ไม่โผล่มาซะที สายฝนก็ดูจะหนักขึ้นอีกไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงในเวลาอันสั้น ใจผมเองก็เร่งรีบเกินกว่าจะทนรอได้นานกว่านี้ ว่าแล้วจึงตัดสินใจฝ่าฝนออกไปโบกเรียกแท็กซี่ แต่พอรถจอดเทียบเท่านั้น รถเมล์ขสมก.แบบยูโรทูกลับดันมาจอดต่อท้าย ผมผงกหัวกล่าวขอโทษคนขับแล้ววิ่งขึ้นรถเมล์ไปด้วยความงก กว่าจะเดินหาที่นั่งได้ทำเอาสั่นขนลุกไปทั้งร่าง เพิ่งรู้ว่าแอร์รถเมล์ยูโรยามฝนตกนี่ มันหนาวสะท้านจริงๆ
          พอลงรถเมล์ตรงที่นัดหมายได้ก็มองซ้ายมองขวาเห็นรถจาร์กัวร์คันนึงเปิดไฟเลี้ยวซ้ายจอดคอยอยู่ ด้วยไม่แน่ใจผมจึงยืนรอแอบฝนที่ใต้ต้นไม่ใหญ่ เพราะไม่อยากไปยืนเบียดกันที่ในป้ายรถเมล์ร่วมกับคนอื่นๆ ทันใดนั้นเองรถคันดังกล่าวก็กระพริบไฟหน้าเหมือนจะเรียกผมพร้อมกับมือถือดังขึ้นและหน้าต่างฝั่งเบาะนั่งข้างคนขับเปิดออก ผมมองลอดเข้าไปเห็นเจ้าของรถลางๆจึงรีบตัดสินใจเปิดประตูรถเข้าไปนั่ง วางของบนเบาะหลังรถในทันที ทั้งที่ในใจออกจะสับสนว่าควรจะทำอะไรระหว่างเอาชายเสื้อเช็ดหยดน้ำเปียกที่เบาะหนัง หรือโน้มตัวไปหยิบเสื้อในกระเป๋ามาเช็ดดีกว่ากัน

                    "เอ้า เช็ดซะ เดี๋ยวเป็นหวัด" พี่มาร์ทหยิบผ้าขนหนูส่งให้และขับรถออกไป พร้อมทั้งหรี่แอร์เบอร์เบาสุด
                    "ขอบคุณครับ"
                    "ให้พี่ไปรับก็หมดเรื่อง จะได้ไม่เปียกอย่างนี้"
                    "พี่ไป ผมก็เปียกอยู่ดี จะมาตกก็ตอนซ้อนจักรยานเพื่อนนี่แหละ เซ็งเลย" ซับผ้าตามผิวกายและยีผมพอมาดแล้ว ผมก็เอี้ยวตัวไปเปิดกระเป๋าออกมาเปิดดู โชคดีครับที่ของกระเป๋ากันน้ำได้ดีในระดับนึง ถ้าโน๊ตบุ๊คช๊อตไปผมคงรู้สึกแย่เลย
                    "อืม" พี่มาร์ทตอบรับในลำคอและส่งกระเป๋าพลาสติกใบย่อมมาให้ ผมจึงถือวิสาสะรูดซิบเปิดออกดูก็พบเสื้อยืดและเสื้อโปโลสำหรับใส่เล่นกีฬา แล้วยังมีผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่อีกผืน อันที่จริงผมอยากจะถอดเสื้อนักศึกษาออกเปลี่ยนเป็นเสื้อตัวใหม่อยู่เหมือนกันครับ แต่ติดที่ยังมีสามัญสำนึกของความเขินอายอยู่บ้าง แม้จะรู้จักกันมาสักระยะ ผมก็ยังรู้สึกไม่คุ้นชินอยู่ดี ดังนั้นจึงเลือกวิธีเอาผ้าห่มคลุมกันหนาวแทนจะเหมาะกว่า
                    "ให้พี่ปิดแอร์ไหม"
                    "ไม่อะ หายใจไม่ออกตายคารถจะว่าไง"
                    "เกินไปมั้ง" พี่มาร์ทหัวเราะ "กลับบ้านไหม พี่แวะไปส่งได้นะครับ"
                    "ไม่เอาอะ ไม่กลับบ้าน อยากนอนที่อื่นบ้าง นานๆจะได้ออกมาข้างนอกที" ผมบอกออกไป เห็นอีกฝ่ายทำหน้าสงสัยจึงเสริมต่อว่า "ถ้าไม่นับว่าต้องไปเข้าค่ายละก็ การได้มาค้างหอเพื่อนนี่ครั้งแรกเลยครับ"
                    "จริงเหรอ?"
                    "แล้วผมจะโกหกไปทำไม โกหกได้ตังค์ดิ จะทำ" เห็นพี่มาร์ทขมวดคิ้วแล้วผมก็อดยักคิ้วล้อเลียนไม่ได้
                    "มาค้างห้องพี่ ไม่กลัวพี่ทำอะไรเหรอครับ" ชะงักเลย? นั่นสิครับ ผมคิดอะไรอยู่กันแน่ถึงได้ไปขอนอนด้วยแบบนั้น รู้สึกจุกในอกชอบกล “พี่ขอโทษ พี่แค่หยอกเล่นอย่าคิดมากเลยนะแมค” พี่มาร์ทยิ้มเจือนหันหน้าไปมองถนนต่อ
                    "คือผมก็...ก็มีคิดบ้างแหละ แต่ผมเชื่อใจพี่ละกัน" ผมยิ้มรับไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองกล้าพูดจาหวานเลี่ยนแบบพระเอกในหนังออกไปได้ไงกัน แต่เอาเถอะครับ มันถอนตัวไม่ทันแล้วนี่มาซะขนาดนี้แล้ว
                    “ขอบคุณครับ ฟอดด”
                    “พี่... เอ่อ...ชิ” กี่ครั้งแล้วที่ผมต้องหน้าร้อนตอนโดนหอมแก้มนี่ เมื่อไหร่ผมจะชินกับความรู้สึกนี่สักทีนะ อยากชินจังเลยครับ จะได้ไม่ต้องทำเมินหน้าหนีอยู่แบบนี้


                TBC
                 -----------------------------------------------------------------------------------------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-04-2016 15:39:44 โดย ClearHeart »

ออฟไลน์ ClearHeart

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 9 (2/3)] 14-04-2016
«ตอบ #33 เมื่อ14-04-2016 22:40:11 »


Until You


ตอนที่ 9 (2/3)


          มาค้างห้องพี่ ไม่กลัวพี่ทำอะไรเหรอครับ
          มาค้างห้องพี่ ไม่กลัวพี่ทำอะไรเหรอครับ
          มาค้างห้องพี่ ไม่กลัวพี่ทำอะไรเหรอครับ


          กลัว ถามมาได้ เผลอนึกย้อนทีไรพาลจะกินบัตเตอร์เค๊กตรงหน้าไม่ลงทุกที กินมาจนเหลือคำสุดท้ายเสียงนี่ดันโผล่มาก้องในหัวซะได้ แถมยังวนราวกับกลอเทปซ้ำซะอย่างนั้น พอวางช้อนเอนหลังหันไปมองรอบกายกลับยิ่งตระหนกหนักกว่าเดิมเสียอีก ผมกำลังอยู่ในห้องของพี่มาร์ท หมอนอิงที่หยิบมากอดในอ้อมแขนก็ยังคงเป็นของพี่มาร์ท เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นของใช้ของกินทุกอย่าง แม้กระทั่งนมสดในแก้วกับขนมในท้องไม่พ้นเป็นของพี่มาร์ทอีก อยู่ในถิ่นของเขาแบบนี้ หากว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไรไม่ซื่อกับผมขึ้นมาจริงๆ ผมจะหนีรอดไปได้อย่างไร? เอาละสิ คิดหนักเลย มองไปทางหน้าต่างโดดลงไปจากชั้นนี้มีแต่ตายกับเดี้ยง ครั้นมองไปทีประตูอาศัยจังหวะวิ่งหนี เกิดวิ่งเท้าเปล่าออกไปเหยียบพื้นถนนพยาธิได้ชอนไชฝ่าเท้าแน่ แถมไปตัวเปล่าจะเอาเงินที่ไหนจ่ายค่าแท็กซี่ งั้นก่อนออกไป ผมต้องหยิบกระเป๋าเงิน มือถือ โน๊ตบุ๊ค สวมรองเท้าผูกเชือกอีก คิดแล้วไม่น่าจะหนีรอดเลย โอย...เครียด

                    “แมค”
                    “ครับ!!” น้ำเสียงฟังดูตกใจไปนิ๊ด กระแอมสักทีสองทีเปลี่ยนเสียงก่อน “ว่าไงครับ”
                    “คิดอะไรอยู่ เรียกทีสะดุ้งเชียว” คิดเรื่องพี่ปล้ำผมอยู่อะครับ บอกตรงๆได้ไหมอะ
                    “ก็แบบว่า...เอ่อ...น้ำฝักบัวตอนฝนตกเย็นจนผมขนลุกซู่เลย” ฉีกยิ้มอีกหนึ่งทีกันมีพิรุธ
                    “ไม่เปิดน้ำอุ่นอาบละ” พี่มาร์ทเอ่ยถาม “ทานยายัง พี่เตรียมไว้ให้แล้วเห็นไหม? อยู่ตรงแก้วน้ำอุ่นที่พี่เทไว้ให้ในครัว” ผมส่ายหน้าพึบพับ อีกฝ่ายส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วจึงหยิบมาส่งให้
                    “ขอบคุณครับ” รับยามาถือไว้ในมอง พลางมองอย่างชั่งใจอยู่ไม่นานผมก็ตัดสินใจกินไทลินอลเข้าไปเม็ดนึง ดูแล้วเป็นยามียี่ห้อไม่น่าใช่ยามอม ว่าแต่ว่าผมจะคิดอกุศลมากเกินไปไหม ไม่ไหวเลย
                    “เอาไดร์ฟเป่าผมไหม นอนผมเปียกๆเดี่ยวไม่สบายเอาจะยุ่ง”
                    “ก็ดีครับ งั้นผมไปล้างจานเก็บแก้วก่อนนะ”

          พออีกฝ่ายรับคำเดินเข้าห้องนอนไป ผมก็ลุกขึ้นเดินไปยังห้องครัวทำกิจที่บอกเมื่อครู่จนเสร็จก็เดินออกมาเห็นพี่มาร์ทกดรีโมทเปลี่ยนช่องจากข่าวภาคดึกมาดูบอลนัดอุ่นเครื่องแทน ผมเดินไปหยิบเอาไดร์ฟเป่าผมขึ้นมาถือไว้เดินหาเต้าเสียบปลั๊กอยู่ไม่นานก็เจอ ตลอดเวลาที่นั่งยีผมปัดไปมาให้แห้งสายตาของผมจับจ้องอยู่เพียงสิ่งเดียวเท่านั้น

                    “แมคมีไรกับพี่เปล่า?”
                    “ไม่มี! ไม่มีครับ” ถามมาทีใจหายใจคว่ำหมด ใครให้ถามคำถามแบบนี้ตอนคนกำลังคิดมากวะ เปลี่ยนเรื่องดีกว่า "พี่มาร์ทกินอะไรมายัง"
                    "เรียบร้อยแล้วครับ เมื่อเย็นมีเลี้ยงอาหารญี่ปุ่นลูกค้านะ"
                    “อะครับ” ผมรับคำในลำคอไม่อยากเสริมอะไร เกรงจะเกิดเหตุตอบไม่ทันคิดแบบเมื่อกี้อีก ดีนะครับที่คำตอบของคำถามนี่ สามารถตอบได้เพียงอย่างเดียว
                    “ง่วงยัง?”
                    “ยังครับ แต่ผมว่าผมจะไปนอนละ วันนี้เพลียสมองมาทั้งวัน” ผมยิ้มรับ ถอดปลั๊กเตรียมเอาไดร์ฟเป่าผมไปเก็บ “พี่มาร์ทเห็นกระเป๋าเป้ของผมไหม ผมว่าก่อนอาบน้ำ ผมเอามาวางไว้ตรงโซฟานี่นะ”
                    "พี่เอาไปไว้ในห้องนอนแล้วครับ"
                    "เอาไปทำไมอะครับ ไว้ตรงนี้ก็ดีอยู่แล้ว เกิดดึกๆผมหิวขึ้นมาจะได้หยิบขนมกินสะดวก"
                    "พูดอย่างกับจะนอนนี่แหละ" ถามแปลกๆ ผมก็ต้องนอนโซฟาห้องรับแขกถูกแล้วไม่ใช่เหรอ ห้องพี่มาร์ทไม่ได้มีสองห้องนอนสักหน่อย “นี่เอาจริง?”
                    "ใช่สิครับ ผมจะนอนโซฟาตัวที่นั่งอยู่นี่แหละ" โซฟาตัวนี้ยาวพอจะพาดขาได้ จะนั่งหรือจะเอนนอนดูไม่น่ามีปัญหาออกจะรู้สึกสบายเสียด้วยซ้ำ แต่ก่อนนอนผมว่าจะตบเบาะปัดฝุ่นอีกรอบเพื่อความสะอาด “ผมขอยืมหมอนใบนึงนะครับ หมอนอิงหนุนไม่พอดีหัวเลย”
                    "เข้าไปนอนในห้องด้วยกันดีกว่า เตียงพี่ใหญ่พอ" ผมส่ายหน้าปฏิเสธทันควัน ตอบกลับไปด้วยความเกรงใจว่า
                    "ไม่เอาละครับ รบกวนพี่เปล่าๆ"
                    "รบกวนอีกแล้ว เมื่อไหร่แมคจะเลิกใช้คำนี้ซะที"
                    "ก็มันจริงนี่ครับ พี่อายุมากกว่าผม แถมยังทำงานแล้วด้วย ผมก็ต้องให้เกียรติพี่สิครับ..." นี่ก็แปลกคนทำไมต้องขึ้นเสียงใส่ผมด้วยก็ไม่รู้
                    "ทั้งที่เราจูบกันแล้วนี่นะ ยังจะคิดเล็กน้อยอยู่อีก"
                    "เฮ้ย!!! มันคนละเรื่องกันครับ" อุตส่าห์ทำลืมไปแล้ว ยังจะขุดคุ้ยให้สมองผมจินตนาการภาพแต่ละซ็อตอีกนะ
                    "คนละเรื่องเดียวกันสิไม่ว่า" ชักอยากจะยกมือขึ้นมาเกาหัวซะแล้วสิครับ ตกลงประเด็นที่เราเถียงกันนี่มันคืออะไรกันแน่ "แมคจะปฎิเสธเหรอว่า ที่จูบกันเป็นแค่เรื่องล้อเล่น"
                    “พี่มาร์ท!” ฟังแล้วมันปึ๊ดครับมันปรี๊ด
                    “เอ่อ...แมค?”
                    “เรียกทำไม!” ยอมให้เพศเดียวกันจูบปากมันแค่เรื่องเล่นๆงั้นเหรอ? ต่อยสักหมัดให้เลือดกลบปากสักทีดีไหมนี่ แก่กว่าแล้วไง อย่าคิดว่าผมไม่กล้านะ ถ้าพูดไม่เข้าหูอีกรอบโดนเสยแน่
                    “พี่ว่าแมคกำลังเข้าใจความหมายของพี่ผิดอยู่ ฟังพี่อธิบายก่อนอย่าเพิ่งหงุดหงิดใส่พี่นะครับ” ผมพยักหน้ารับทั้งที่ในใจกำลังครุกรุ่น “พี่ไม่เคยคิดว่า เรื่องจูบเป็นเรื่องล้อเล่นเช่นกัน”
                    “อ้าว?” ตกลงจะเอาไงกันแน่วะนี่ ชักงง
                    “โอเค พี่ขอโทษที่พี่พูดไม่ชัดเจน พี่อยากจะบอกแมคว่า ทุกครั้งที่เราจูบกัน พี่ตั้งใจทุกครั้ง
                    “ห๊ะ! พี่นี่มัน ฮึ่ย!! ผมไม่พูดด้วยละ” บอกได้คำเดียวว่าเครียด ใครก็ได้เอาผู้ชายตรงหน้าผมไปเก็บที ผมเริ่มจะไม่ไหวกับเขาละ “กล้าพูดได้ไงเนี๊ยะ”
                    “แมค”
      “ครับ?”


          จุ๊บ... โดนเข้าให้ไม่ทันระวังตัวอีกตามเคย ผมถลึงตาใส่คนตรงหน้าเป็นการเตือนแต่กลับถูกริมฝีปากคู่นั้นทาบทับลงมาอีกสองทีติดๆ พออ้าปากจะตอบโต้ดันส่งยิ้มหวานกลบเกลื่อนความผิดมาให้ซะงั้น คนอะไรก็ไม่รู้แค่มองก็ชวนให้หงุดหงิดได้เลย แต่เอาเถอะครับผมเองก็ไม่อยากท้าวความยาวสาวความยืดแต่อย่างใด เพราะเถียงไปก็แพ้อยู่ดีเสียเวลานอนเปล่าๆ ช่วงเวลาแบบนี้การพักผ่อนเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับผมเป็นอย่างมาก เดี่ยวแปรงฟันเสร็จแล้ว ต้องไปส่องกระจกดูว่าตาบวมหรือเปล่า ถ้าขอบตาคล้ำจะได้เอาแตงกวาฝานมาปิดตา ถ้าหมดหล่อสาวไม่แลหนุ่มไม่หันมอง นี่ยอมไม่ได้เลยนะครับ ว่าแต่ว่า...อีกนานไหมกว่าพี่มาร์ทจะปล่อยแขนผมนี่?

                    “ผมง่วงละอะ ขอไปนอนก่อนนะ... เย้ย ยื่นหน้ามาทำไม?” เล่นพุ่งเข้ามาประชิดติดตัวจนต้องผงะถอยหลังขนาดนี้ ผมจะกั้นท่าไหนต่อดีละนี่ “อะไรเล่า เอาหน้าไปห่างๆเลย ฮือ...อย่าเข้ามาไง”
                    "แมค?" หยุดเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงแหบแฝงความนัยแปลกๆเดี่ยวนี้เลยนะครับ แล้วก็เลิกจ้องปากของผมด้วย มองราวกับจะตรงเข้ามาดูดลิ้นชิมรสฟัดปากให้จมเขี้ยวด้วยความอยากขนาดนี้ ผมชักกลัวขึ้นมาละ
                    "อะ...อะไร๊?" พอแสร้งเบี่ยงตัวหลบซ้ายทีขวาทีอีกฝ่ายก็ยังตามมาไม่เลิก จนในที่สุดผมเลยโดนตะปบเข้าที่ไหล่ให้นั่งเฉยๆ แต่ใครจะทนนั่งนิ่งเป็นเหยื่อรอถูกตะครุบกันเล่า ลุกหนีดีกว่า
                    "จะไปไหนครับ? หืม?"
                    “ไม่ไปแล้วไง เลิกจ้องผมได้แล้ว” มองซะจนพรุนไปทั้งร่างแล้วมั้งนี่
                    “อืม?” อยากจะพูดอะไรกันแน่ครับ ทำแบบนี้ผมก็ยิ่งรู้สึกแปลกๆหวั่นใจอย่างบอกไม่ถูก ร้อนตั้งแต่แผ่นอกไล่ขึ้นมาใบหน้าจนรู้สึกแดงไปหมดทั้งตัวแล้วเห็นไหม? ต้องเห็นแน่ๆ ดูรอยยิ้มมุมปากนั่นสิครับแล้วยังมีสายตาวิบวับนั่นอีก เห็นแล้วยังจะเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้อีกทำไม ถอยออกไปเลยนะ
                    "พ...พี่..."

          รู้ตัวอีกทีริมฝีปากล่างของผมก็ถูกครอบครองโดยสัมผัสนุ่มที่กำลังขบเม้มขยับไปมาอ้อยอิ่งอยู่นานสองนานก่อนถอนออกไป ผมสะบัดหน้าหนีแต่กลับถูกฝ่ามือหนาทั้งสองช้อนพวงแก้มดึงโน้มเข้าไปใกล้ทาบทับริมฝีปากลงมาบดขยี้อีกครั้งจนตัวโยน สิ่งที่ทำได้มีเพียงกระพริบตาปริบๆพยายามทำตัวนิ่งแสร้งไม่รับรู้ความรู้สึกใดๆที่อีกฝ่ายอยากจะสื่อ แต่ยิ่งฝืนก็เหมือนหลอกความรู้สึกตัวเอง ณ เวลานี้ สำหรับคนตรงหน้าแล้ว ไม่มีอารมณ์อื่นใดที่อยากสื่อออกมามากไปกว่าความต้องการจะสัมผัสผมมากไปกว่านี้อีกแล้ว ผมมองออกและพร้อมเปิดปากตอบรับในทันทีที่ถูกรุกเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีแม้เสี้ยววินาทีที่ผมขัดขืน พี่มาร์ทงับริมฝีปากของผมอีกครั้งในขณะที่ผมเองก็ทำไม่ต่างจากเขามากนัก เราผลัดรุกผลัดกันรับดูคล้ายจะยั่วกันและกันมากกว่าจะเป็นการจูบที่อ่อนหวานอย่างทุกที ผมไม่รู้ว่าอะไรทำให้ผมยิ้มทั้งที่ริมฝีปากเราแนบชิดกันอยู่หรือผมไปทำอะไรให้ เขาจึงกระตุกยิ้มให้ผมอยู่อย่างนี้

                    “ไม่เอาแล้ว พี่มาร์ท” ผมยกมือห้าม ตั้งใจว่าจะรอจนกว่าเสียงหอบของอีกฝ่ายแผ่วเบาจนเป็นปกติก่อน แล้วผมถึงจะพูด แต่ดูท่าคงจะรอไม่ไหว
                    “หึๆ โอเค” พี่มาร์ทหัวเราะในลำคอวางฝ่ามือประคองแก้มทั้งสองของผมไว้ พลางเลื่อนใบหน้าเข้ามาชิดจนหน้าผากชนกันได้ยินแม้เสียงลมหายใจที่หอบรัว “I love you”
                    "อ๊ะ"

          ไม่อยากจะยอมรับว่า เขิน ทุกครั้งที่ได้ยินประโยคนี้ แต่อาการที่เป็นอยู่ก็แสดงออกชัดเจนจนยากจะปฏิเสธได้ เพราะหัวใจของผมมันเต้นแรงขึ้นทุกขณะที่ริมฝีปากนุ่มทาบทับลงมา แต่คราวนี้สิ่งที่ได้รับกลับไม่ใช่ความหวาน หากแต่เป็นความเร่าร้อนจากการบดเบียดลงมาเต็มแรงพร้อมกับฝ่ามือที่ขยุ้มเส้นผมตรงด้านหลังต้นคอ ทำใจผมกระตุกวาบด้วยเป็นจุดอ่อนไหวที่ไม่มีใครได้สัมผัส เผลอชะงักเปิดปากรับปลายลิ้นที่สอดเข้ามาประสาน ผมไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรอีกต่อไป  ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลิ้นที่เกาะเกี่ยวพันกันอยู่นี่จะดูดดึงหยอกล้อกันอย่างไร เสียงลมหายใจหอบถี่ทั้งร่างที่สั่นรัวนี่จะยุติลงเมื่อใด ผมรับรู้แต่เพียงว่าคนตรงหน้าก็รู้สึกไม่ต่างกันกับผมมากนัก สัมผัสได้จากแผ่นอกกว้างที่กำลังกระเพื่อมขึ้นลงถี่กว่าทุกครั้งจนอดคิดไม่ได้ว่าคนตรงหน้าดูตื่นตระหนกร้อนรนกว่าทุกที สองแขนยกขึ้นโอบรอบคอกดท้ายทอยอีกฝ่ายให้โน้มลงมาจนแนบชิด ทั้งฝ่ามือหนายังลากผ่านต้นคอไล้เข้าไปลูบไล้ผิวกายของผมผ่านชายเสื้อที่เปิดออก ทุกสัมผัสที่ได้รับกำลังมอมเมาให้ผมคล้อยตาม รู้ทั้งรู้ว่ากำลังโดนกล่อมให้เอนกายลงนอนราบลงกับโซฟาทั้งที่ริมฝีปากของเราไม่ได้ละห่างกันอาจจะเป็นกับดัก แต่ผมกลับไม่สนใจจะห้าม เผลอไผลยอมรับทุกอิริยาบทจนกระทั่งสัมผัสจากแผ่นหลังชักคล้อยมาตรงเอวหยุดลงที่ขอบกางเกง เหมือนมันกำลังถูกนิ้วเกี่ยวดึงลง ผมจึงออกแรงดันเขาออกไปในทันที

                    “เหวอ!”
                    “แมค!” แต่ดันกลิ้งหนีจนตกโซฟาซะเอง ขายหน้าชะมัด เจ็บหลังอีกตั้งหาก “เป็นอะไรไหม?”
                    “เจ็บอะดิ ถามมาได้”
                    “มาครับ พี่ช่วย” พี่มาร์ทก้าวขาคร่อมตัวผมไว้ยื่นมือมาให้จับเป็นหลัก แต่รอจนแล้วจนเล่าก็ไม่เห็นจะออกแรงดึงผมขึ้นไปสักที เอาแต่ยืนนิ่งจ้องท่าเดิมไม่ขยับไปไหน ตกลงจะเอายังไงกับผม
                    "พี่มาร์ท...อึก...หยุดเลยนะ" ผมเรียกชื่ออีกฝ่ายไว้เตือนสติไม่ให้เข้าใกล้มากกว่าที่เป็นอยู่ สองมือยกขึ้นดันไหล่กว้างรั้งไว้ให้หยุดแค่องศานี้ เพราะผมมองออกว่า มันจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ จะว่าผมเดาหรือกลัวไปเองก็ได้ แต่ผมยังไม่อยากแม้แต่คิดจะเตรียมใจกับเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น
                    “น้องแมคครับ” ผมพยักหน้ารับคำ พยายามกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ สบตามองอีกฝ่ายทั้งที่รู้สึกราวกับว่าลมหายใจใกล้จะขาดช่วงขนลุกชันไปทั้งร่าง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรดลใจยอมโอนอ่อนปล่อยให้ร่างที่ใหญ่โตกว่าดึงเข้าไปในอ้อมกอด เอ่ยเสียงกระซิบหนักแน่นด้วยความมั่นใจว่า 
                    “พี่ขอนะครับ ได้ไหม?”
   
         
          ทันที่คำขอสิ้นสุดลง สายตาของผมเสหลุบมองต่ำลงกับพื้นพรมในทันที ริมฝีปากเม้มเข้าหากันอย่างหนักใจ ใช่ว่าผมจะไม่เคยคิดเรื่องนี้ ผมเคยคิด ผมยอมรับว่ามีบ้างที่คิดเกินเลยกว่าจูบ แต่ก็ไม่ได้เตรียมใจว่า จะถูกขอกันโต้งๆแบบนี้ ในคืนแรกที่ผมจะค้างที่นี่เสียด้วย
                    “ได้ไหม ถ้าไม่พร้อม แมคจะปฏิเสธพี่ก็ได้นะครับ”
                    “เอ่อ...” ถ้าคำว่า ไม่ได้ มันพูดออกไปได้ง่ายๆ ผมคงพูดออกไปแล้วละครับ
                    “ค่อยๆคิดนะครับ คนดี” พี่มาร์ทพูดด้วยรอยยิ้มอบอุ่นพลางลูบแก้มผมอย่างอ่อนโยน ยิ่งทำแบบนี้มากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งกังวลเกินกว่าจะตัดสินใจอะไรได้ในตอนนี้ ผมกลัว ผมกลัวจริงๆนะครับ หากว่าทำตามใจตัวเองไปแล้วนั้น ผมจะทำพลาดหรือไม่และอนาคตต่อจากนี้ ผมจะเป็นอย่างไร?
                    “พี่มาร์ท...ผม...คือผม...”
                    “พี่รักแมคนะครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่พี่ก็รอได้ ถ้าแมคไม่อยากทำ พี่ก็ไม่อยากฝืนใจ”  อย่าครับ อย่าพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยอีกเลยครับ แค่นี้หัวใจของผมมันก็หนักอึ้งราวกับยกภูเขามาไว้กลางอกแล้ว ผมเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าพี่มาร์ทแบบเต็มตา สีหน้านี้นี่ละที่ผมหนักใจ สีหน้าที่ยอมรับในการเลือกของผมทุกอย่าง
                    “พี่มาร์ท” ผมอยากบอกพี่เหลือเกินว่า ผมนะ รักพี่มากแค่ไหน ชอบทุกอย่างที่พี่ทำให้มากแค่ไหน และต้องการพี่มากแค่ไหน ผมอยากพูดออกไปให้ดังๆให้พี่รับรู้ หากว่าไม่รู้สึกเหมือนมีอะไรค้ำคออยู่แบบนี้
                    “ครับ?” แววตาที่มองก้มลงมาทั้งสัมผัสอุ่นที่กุมมือของผมไว้หมายให้กำลังใจ กำลังกัดกินหัวใจของผมทีละน้อย ค่อยๆคืบคลานเข้ามาต่อต้านความคิดขัดแย้งในหัวของผม

          ... ถอนหายใจ ...

          นั่นสินะ... จะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ผมมองลึกเข้าไปในดวงตาสีเทาคู่นี้ ภาพที่สะท้อนออกมาก็มีเพียงผมคนเดียว พี่มาร์ทไม่เคยโกหก ไม่เคยผิดคำพูดแม้แต่ครั้งเดียว หากเขาบอกว่าทำได้ นั่นคือคำมั่นสัญญา ผมเชื่อว่า ไม่ว่าผมจะตัดสินใจอย่างไร อีกฝ่ายก็พร้อมจะเคียงคู่ไปกับผมในทุกเรื่อง ในเมื่ออีกฝ่ายซื่อสัตย์จริงใจกับผมมากขนาดนี้ แล้วผมจะไม่เชื่อมั่นในตัวเขาได้อีกเหรอ
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลร้อยแปดประการอะไรที่ค้ำคอผมอยู่ก็ตาม ตอนนี้ผมยอมละทิ้งได้ทุกอย่าง ขอเพียงแค่ได้อยู่ด้วยกัน... ได้ใกล้ชิดกัน.... ได้เป็นของกันและกัน... และได้รักกัน... แค่ได้รู้ว่าคนที่รักเข้าใจเรามากกว่าใครๆ ผมก็มีความสุขแล้วละครับ ดูท่าคงแพ้ซะแล้วละ ก็ในเมื่อพี่มาร์ทอุตส่าห์ทุกกำแพงปราการหนาหลายชั้นที่เป็นเกราะกำบังหัวใจน้อยๆดวงนี้ จนพังทลายไม่เหลือชิ้นดีขนาดนี้แล้ว ผมควรจะเปิดประตูหัวใจสักทีสินะครับ... น่าขำนะครับ อุตส่าห์ทุบซะร้าวมาตั้งสองปีแล้วนี่

                    "อืม" ผมตอบรับเบาๆ สองแขนยกขึ้นโอบรอบคอของพี่ชาย ประทับริมฝีปากแทนคำสัญญา   ก่อนจะละริมฝีปากออกกอดพร่ำเรียกชื่อคนตรงหน้าด้วยเสียงสั่นๆ “ผม...ผมไม่เคยทำนะครับ”
                    "พี่รู้" รู้อะไร? "อนุญาตให้พี่ทำนะครับ"
                    “ขนาดนี้ แล้วยังจะถามอีก บ้าเปล่า” ผมมองค้อนเบินหน้าหนี แต่กลับถูกขโมยหอมแก้มอีกแล้ว "เดี๋ยวครับ เขาว่ามันเจ็บนะ จริงไหม"
                    "ไม่รู้ แต่คงจริง พี่จะทำเบาๆละกันครับ" พี่มาร์ทหัวเราะร่วน
                    "ไม่ต้องมาพูดเลย" ผมเบ้ปาก

          แม้จะไม่มีพระจันทร์มาเป็นพยานรัก แต่ก็มีดาวดวงน้อยนับร้อยนับพันดวงคอยส่องสว่างนำทางความรักของเรา... ผมเผลอมองหน้าต่างผ่านกระจกออกไปยังระเบียง ก่อนจะหันมายิ้มให้กับพี่ชาย...สุดที่รักของผม


                TBC
                 -----------------------------------------------------------------------------------------


ออฟไลน์ panitanun

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 9 (2/3)] 14-04-2016
«ตอบ #34 เมื่อ15-04-2016 00:22:56 »

เหยยยอะไรยังไงอะเหยยยย
จิตตกถึงขนาดที่ไทลินอลก็สามารถทำให้ระเเวงได้55555

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 9 (2/3)] 14-04-2016
«ตอบ #35 เมื่อ15-04-2016 01:13:47 »

โอ้โฮ่!!!~ น้องแมคผู้คิดจะขายอ้อย(?) ทำไมหนูซุ่มซ่ามขนาดนี้คะ สะดุดความหล่อมากของพี่มาร์ททำน้องแมค เอ้ย! อ้อยทั้งกระจาดกระเด็นกระดอนเข้าปากพี่มาร์ท. หวานปากพี่มาร์ทสิคะ น้องแมคป้อนอ้อยเข้าปากให้ด้วยความไม่ได้ตั้ง(จริงหรออออ~~~). อร่อยและฟินเลยสิคะพี่มาร์ท น้องแมคเอาตัว-เอ้ย! ผิดอีกและๆ(ตีปากแปะๆ) อ้อยมาให้แดกถึงที่~~~  ถถถถ~~แซะด้วยเอ็นดูหวังอ่านฉากดูเอ็- แค่กๆ :hao6:. #พี่มาร์ทคนรวยกับน้องคนแมน(?)

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 9 (2/3)] 14-04-2016
«ตอบ #36 เมื่อ15-04-2016 18:31:04 »

รู้จักกันมาก็นาน ไว้ใจพี่มาร์ทเถอะ  :mew1:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 9 (2/3)] 14-04-2016
«ตอบ #37 เมื่อ15-04-2016 19:34:00 »

 :z1:     :hao6: 

ออฟไลน์ ClearHeart

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 9 (3/3)] 15-04-2016
«ตอบ #38 เมื่อ15-04-2016 21:20:17 »


Until You


ตอนที่ 9 (3/3)

          เสื้อยืดตัวบางถูกถอดออกทางศีรษะเมื่อครู่ปลิวไปตกข้างๆโทรทัศน์ตามแรงเหวี่ยง ผมมองแล้วถึงกับอึ้ง เพราะนั่นไม่ใช่เสื้อของผม แต่เป็นเสื้อของพี่มาร์ท คนที่กำลังโน้มตัวลงมาคร่อมผมแบบเปลือยท่อนบน ไร้เสื้อผ้าสักชิ้นปกคลุม มีเพียงแผงอกล่ำผิวขาวเนียนเต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างนักกีฬาโชว์เต็มสองตาของผมอยู่ เคยคิดว่ามองแล้วคงชวนให้ใจเต้นตึกแบบในการ์ตูน แต่พอเอาเข้าจริงผมดันรู้สึกเหงื่อตกถึงขั้นวิกฤติในจิตใจมากกว่า สัมผัสจากปลายนิ้วเรียวที่ลากผ่านจากลำคอลงมายังแผ่นอกหยุกลงตรงหน้าท้อง ทำเอาผมเกร็งไปทั้งร่างอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันทั้งร้อนเหมือนจะเป็นไข้ หนาววูบวาบจนขนลุกเหมือนจะแพ้อากาศ แถมหัวใจดันเต้นแรงเหมือนจะทะลุออกมานอกร่าง ใครก็ได้ช่วยผมที บอกผมว่าผมเป็นอะไรกันแน่

                    “พี่มาร์ท ผม...ฮือ...ผมหายใจไม่ออก”
                    “ใจเย็นๆนะแมคนะ ใจเย็นๆ” พี่มาร์ทว่า “ค่อยๆผ่อนลมหายใจนะครับ หายใจเข้า หายใจออก...” ผมพยักหน้ารับพยายามทำอย่างที่ได้ยิน ควบคุมลมหายใจจนเป็นปกติ “ทีนี้ก็ลืมตามองพี่”
                    “ผมไม่...” โอเค ผมต้องทำให้ได้ เรื่องแค่นี้ผมทำได้ ต้องชนะความกลัวนี่ให้ได้
                    “ดีมาก อย่างนั้นละ” พี่มาร์ทยิ้มให้ ขณะที่ผมเองยังไม่ผ่อนแรงบีบมือของอีกฝ่าย “ทีนี้ แมคฟังพี่นะครับ พี่อยากให้แมคมองหน้าพี่ตอนทำ” ถึงกับอึ้ง คืออยากให้ผมมองตอนมีอะไรกัน? ผมทำไม่ได้ รับไม่ได้ๆ “ส่ายหน้าทำไมครับ หืม? พี่อยากให้แมคจดจำภาพของพี่แทนการสร้างภาพลวงในจินตนาการขึ้นเอง มองด้วยดวงตาคู่นี้ แล้วแมคจะเห็นเองว่า สิ่งที่ทำไม่ใช่สิ่งควรกลัวเลยแม้แต่น้อย”
                    “...” หรือผมควรเชื่อพี่มาร์ทดี? บางทีอาการที่เป็นอาจเกิดจากความคิดของผมเอง หากยิ่งกลัว ร่างกายก็ยิ่งต่อต้านอยู่แบบนั้น
                    “ปล่อยความคิดปล่อยใจให้สบาย อย่างนั้นละครับ” อีกฝ่ายยิ้มให้เอื้อมมือมาเกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้าของผมออก “มองพี่ด้วยดวงตาคู่นี้และยอมรับมัน พี่เชื่อว่าทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี เรื่องนี้พี่ทำคนเดียวไม่ได้ รู้ไหมครับ”

          เมื่อใจผมเปิดรับ ริมฝีปากจึงเปิดอ้ารับสัมผัสนุ่มที่ทาบทับลงมา เป็นจูบที่อ่อนโยนกว่าครั้งไหนๆที่ผมเคยได้รับ ไม่เคยคิดเลยว่ารสสัมผัสของคนตรงหน้าจะอ่อนหวานเย้ายวนถึงเพียงนี้ หากแต่ครั้งนี้พี่มาร์ทไม่ได้ลุกล้ำเข้ามา เขาทำเพียงแค่ประทับรอยจูบบนกลีบปากของผมเนิ่นนานกว่าจะละออก  กดริมฝีปากลงตรงปลายคางเรื่อยไปยังแอ่งชีพจรบริเวณต้นคอ ซุกไซไล้ลงมายังเนินไหล่กดซ้ำๆดูดเม้มจนผมอดคิดไม่ได้ว่า พี่มาร์ทอยากทำรอยคิสมาร์กบนตัวของผมหรือเปล่า?

                    “พี่รักแมคนะ” น้ำเสียงแหบพร่าตรงกกหูที่เล็ดลอดผ่านเข้ามา ทำให้ผมรู้สึกว่าอุณหภูมิในร่างกายตัวเองสูงขึ้นอีกรอบ “ขอบคุณที่เชื่อใจพี่นะครับ”

          ผมเม้มปากตอบรับด้วยหัวใจโหยหาไม่แพ้กัน ยามนี้ผมอยากพูดออกไปเหมือนกันว่า ผมเองก็รู้สึกไม่ต่าง แต่มันคงยากที่จะเอ่ย เมื่อกลุ่มผมสีน้ำตาลเข้มห่างจากแผ่นอกอันเปลือยเปล่าของผมไม่กี่คืบ ใกล้ชนิดสัมผัสถึงลมหายใจของอีกฝ่าย นี่เสื้อผมถูกถลกขึ้นมาตอนไหน? อ๊ะ!...ร่างกายผมเด้งขึ้นทันทีที่ถูกปลายนิ้วเขี่ยโดนตุ่มนูนบนแผ่นอก ผมยกมือขึ้นปิดปากเบินหน้าหนีด้วยความเขินอายอย่างไม่เคยเป็น ใจอยากสั่งให้มือหนาหยุดการกระทำอันจาบจ้วง แต่ร่างกายตรงส่วนนั้นกลับตอบสนองปลายนิ้วจนแข็งเป็นไต ผมยกมือขึ้นปัดป้องอีกฝ่ายหมายให้ออกไป แต่ใบหน้าคมกลับเลื่อนเข้ามาแทนที่ ปลายลิ้นเรียวไล้เลียสลับกับดูดเม้มตรงแผ่นอกซ้าย ในขณะที่แผ่นอกขวาก็โดนดึงบีบเบาๆที่หัวนมไม่ต่างกัน ทำให้ร่างกายของผมร้อนวาบขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุโดยเฉพาะส่วนล่าง ผมกำมือแน่นบิดกายอันร้อนเร่าหลีกหนีฝ่ามือหนาที่ไล้วนแถวเอวด้วยไม่อาจจะทนความร้อนจากฝ่ามือที่สัมผัสมาโดนผิวได้อีกต่อไป
          ร่างสูงกว่าเงยหน้าเลื่อนตัวขึ้นมาจุ๊บปากของผมทีนึงพลางลูบเส้นผมและส่งยิ้มให้คลายกังวล ผมมองสบตาด้วยความรู้สึกสับสนในหลายๆอย่าง ใจอยากสั่งให้ปากเอ่ยถามแต่น้ำเสียงกลับที่เล็ดลอดออกมากลับเป็นเสียงอุทานเมื่อริมฝีปากของคนด้านบนทาบประทับรอยจูบลงบนหน้าท้องพร้อมกางเกงนอนที่ถูกกระชากดึงออกจนพ้นข้อเท้าทั้งสองข้าง ผมผวาขึ้นมาดื้อๆคว้าชายกางเกงจับยึดไว้แต่ไม่ทันการณ์ สองมือจำต้องยกขึ้นปิดซ่อนไม่ให้อีกฝ่ายเห็นใบหน้าแดงก่ำอยู่ครู่ใหญ่ จนรู้สึกได้ถึงบรรยากาศความเงียบที่เข้ามาปกคลุม นิ้วทั้งห้าจึงค่อยๆกางออกพอให้มองลอดมองผ่านไปได้ และนั่นทำให้ผมได้รู้ว่าสายตาคมจับจ้องอยู่ที่ใด? ฝ่ามือละจากดวงตาแทบจะในทันทีตะครุบลงกลางลำตัว รีบเขยิบออกห่างลุกขึ้นนั่งชันเข่าพิงกับโซฟากอดเอาไว้หลวมๆลอบมองด้วยความรู้สึกกล้าๆกลัวๆ พี่มาร์ทมองเป้ากางเกงผมอะ? ฮือ...อยากร้องไห้

                    “ผมไม่ทำต่อแล้วได้ไหม?” ผมบอกออกไปก้มหน้างุด รอจนแล้วจนเล่าก็ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน “ผมอายอะ”
                    “มาถึงขั้นนี้แล้วนะครับ แมค” พี่มาร์ทพูดขึ้นในที่สุด “พี่ขอโทษที่ต้องบอกว่า พี่ถอยไม่ได้แล้ว”
                    “ฮือ...” ผมครางในลำคอเบะปากอย่างขัดใจ ผมรู้ ผมเองก็คงอึดอัดไม่ต่างกันถ้าต้องหยุดอยู่เพียงเท่านี้ “งั้นปิดไฟได้ไหมครับ”
                    “โอเคครับ” พี่มาร์ทว่าพลางเลื่อนมือมาแตะขอบกางเกงในของผม เล่นเอาสะดุ้งโหย่ง
                    “ผมขอถอดเองละกัน” อย่างน้อยทำเองคงเขินน้อยกว่า

          แสงสว่างในห้องดับลง กางเกงชั้นในชิ้นสุดท้ายก็ถูกปลดยออกจากตัวเสร็จพอดี ไอร้อนจากฝ่ามือใหญ่แตะเข้ายังต้นแขน ผมหลับตาปี๋อยู่ครู่รู้สึกเหมือนร่างกายตัวเองห่อตัวจนลีบเล็กลงกว่าเดิมสองเท่า พยายามทำตัวเป็นปกติไม่ใส่ใจสัมผัสจากคนที่โอบกอดตัวผมไว้จากทางด้านหลัง แต่ยิ่งคิดสัมผัสก็ยิ่งเด่นชัด แค่เพียงฝ่ามือหนาลากผ่านช่วงเอวขยับไปทางด้านหน้าตรงเข้ากุมน้องชายของผมเอาไว้เต็มฝ่ามือ ผมก็สะดุ้งตัวโยน เผลอเปิดปากส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ ทำให้ปลายนิ้วกลางที่กำลังลูบไล้กลีบปากล่างสอดเข้าไปในโพรงปากหยอกล้อกับปลายลิ้นลึกขึ้นจนน้ำตาเล็ด ผมขบฟันลงบนนิ้วที่ถูกใส่เข้ามาเพิ่มเพราะรู้สึกเริ่มอึดอัดคล้ายสะอึก หันเสี้ยวหน้าไปมองอีกฝ่ายส่งสายตาอ้อนวอนให้เขาหยุด แต่ใบหน้าเนียนกลับก้มลงแนบริมฝีปากกับต้นคอทั้งที่ฝ่ามือเร่งจังหวะลูบไล้แท่งร้อนของผมไปมา ความเสียวเล่นวาบจากเบื้องล่างขึ้นมายังท้องน้อยเร็วเกินกว่าผมจะตั้งตัว ยิ่งถูกหยอกล้อขบเม้มติ่งหูพร้อมกับส่วนปลายที่ถูกเล็บจิก ผมยิ่งเสียวซ่านบิดเกร็งจนตัวงอไปหมดเผลอขบฟันเข้าหากันอย่างไม่ได้ตั้งใจ โชคดีที่ปลายนิ้วทั้งสามชักออกจากไปได้ทัน
          ผมเฝ้ารอคำขอโทษอย่างทุกครั้งแต่กลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน เว้นเสียแต่เสียงฮึดฮัดครางต่ำจากในลำคอราวกับถูกขัดใจ ฝ่ามือหนายึดปลายคางของผมไว้แน่นออกแรงบีบกรามจนต้องเปิดอ้ารับริมฝีปากที่ก้มลงมาบดเบียด ผมผวาเขยิบตัวถอยหนีแต่แขนกลับถูกยกขึ้นคล้องคอให้ร่างสูงกว่าโน้มลงมาตักตวงกอบโกยแย่งชิงลมหายใจของผมได้ถนัดขึ้นจนปริ่มแทบจะขาดใจตาย ฝ่ามือที่พอมีแรงจึงทุบแผ่นหลังแกร่งเชิงประท้วงระคนขอร้องให้อีกฝ่ายผ่อนแรงลง แม้สายตาคมจะรับรู้แค่เพียงแค่เหล่มอง แต่สุดท้ายก็ยอมเลื่อนใบหน้าออกพอให้ผมได้สูดลมหายใจเข้าทางปากทั้งที่ลิ้นยังเกี่ยวพันไล้ต้อนกันไม่ห่าง ก่อนจะประกบปากลงมาทาบทับอีกครั้งขยี้ซ้ำเต็มแรงฉุดให้ผมจมดิ่งสู่เพลิงอารมณ์ที่กำลังโหมกระหน่ำจนยากเกินทานทน เผลอใจยอมตอบรับการปรนเปลอทั้งบนล่างแทบแยกไม่ออกควบคุมตัวเองไม่ได้ ร่างทั้งร่างร้อนผ่าวอึดอัดระคนอัดอั้นจนแทบระเบิด อยากทึ้งจิกร่างกายนี้กระชากออกเป็นเสี่ยงๆรับสัมผัสที่มันร้อนแรงขึ้น หนักหน่วงขึ้น รุนแรงขึ้น ดิบเถื่อนขึ้น จนในที่สุด... อือ...ซี๊ดส์สสสสส อึก... ร่างทั้งร่างของผมสั่นกระตุกเกร็งตัวเด้งเอวกระแทกเข้ากับฝ่ามือที่กำลังเกาะกุม เรียกกระแสไฟแล่นปลาบจากทั่วทุกส่วนพุ่งปรี๊ดไปรวมกันตรงจุดกลางของลำตัว ผมกัดฟันทนระงับเสียงร้องทันทีที่รู้ตัวว่ากำลังปลดปล่อยของเหลวหนืดออกมาด้วยอาการหอบแฮก แต่ไม่ทันจะได้ผ่อนลมหายใจ ฝ่ามือหนาก็ขยับเคลื่อนไหวอีกครั้งจนผมผวากัดฟันแน่นระงับความเสียวซ่านที่ก่อตัวขึ้น ปลายเล็บจิกลงกับพื้นขูดลากจนได้ยินเสียงครูดขณะที่ส่วนล่างกำลังถูกรีดน้ำเหนียวข้นของออกจนไม่มีอะไรให้ออก

                    “พ...พี่...อ๊า....”

          ปลายนิ้วที่กำลังลูบไล้ผ่านรอยแยกทางด้านหลังทำให้ผมสะดุ้งอีกครั้ง รู้สึกถึงน้ำเหนียวๆตรงปากทางเข้า ผมรู้ได้ในทันทีว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ สองขาที่พอมีแรงเริ่มเขยิบหนีแต่คงช้าเกินไม่พ้นถูกยึดเอวไว้ในท่าคลานก้มตัว ก่อนบางอย่างจะสอดเข้ามารู้สึกลึกแค่เพียงข้อนิ้ว แต่ก็เจ็บจนต้องร้องออกมา

                    “พี่ขอโทษ! เจ็บมากไหม” อีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน แต่ผมกลับส่ายหน้า “พี่ไม่คิดว่าทำจริงจะแน่นขนาดนี้?”
                    “พี่มาร์ท!!!” ผมร้องประท้วงกับประโยคที่ได้ยิน ใครเขาให้พูดออกมากันนี่ ร้อนฉ่าไปหมด “อ๊ะ...”
                    “เดี่ยวพี่ไปหยิบเจลแป็บนะ” ถึงกับต้องเบ้หน้าหนี คนอะไรก็ไม่รู้ คิดจะสอดก็สอด คิดจะถอนก็ถอนออกไปง่ายๆนี้เลยเหรอ? ทำไมไม่คิดถึงร่างกายกับความรู้สึกของผมบ้าง แล้วแบบว่า...มีเจลในห้อง? เจลหล่อลื่นเพื่อเรื่องอย่างว่า? โอเค...ผมหนีตอนนี้ทันไหม? มีพร้อมขนาดนี้ เตรียมการณ์มาแล้วนี่หว่า?
                    “โว๊ย!” ลุกหนีไม่ไหวครับ ปลายเท้าชาจนไม่มีแรงพยุงตัวยืนเลย
                    “จะไปไหนละ? โอ๊ย! ตีพี่ทำไมนี่?” ผมเบินหน้าหนีไม่อยากจะพูดด้วยเลย หลวมตัวโดนหลอกซะได้ “อย่าทำงอนสิครับ ทำท่านี้ยิ่งน่ารักรู้ไหม” พี่มาร์ทว่า “ต่อกันเถอะ” 
                    “เฮ้ย!”

          ความเย็นวาบจากเนื้อเจลตรงช่องทางด้านหลังทำเอาผมเบิกตาโพลงพยายามคลานหนีอย่างลนลาน แต่เอวกลับถูกมือแกร่งยึดไว้แน่นสอดปลายนิ้วเรียวกดแทรกเข้ามาอีกครั้งรวดเร็วและรุนแรงกว่าเดิมจนต้องขบฟันลงบนริมฝีปากด้านในอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ รสชาติแปร่งของหยดเลือดที่ไหลซึมออกมาผสานการเคลื่อนไหวจากด้านล่างทำให้ร่างกายของผมร้อนรุ่มตอดตุ๊บๆบีบรัดสัมผัสนุ่มแข็งที่สอดลึกเข้ามาเต็มทุกข้อจนถึงโคนนิ้วเรียกหยดน้ำให้ไหลปริมซึมออกมาจากหางตา ก่อนจะต้องผวาขบกรามเข้าหากันแน่นป่ายมือควานหาหมอนที่ตกอยู่ใกล้เข้ามากอดจิกปลายเล็บลงไปเมื่อความรู้สึกเจ็บแทบฉีกถาโถมเข้ามาซ้ำตรงช่องทางเดิมยัดเยียดความอึดอัดคับแน่นจากสองนิ้วที่กำลังควงสว่านสลับชักเข้าออกเร่งจังหวะถี่ขึ้นจนผมหายใจหอบแฮกทิ้งกายลงนอนขดกับพื้นด้วยสภาพหมดแรงเกินกว่าจะขยับอวัยวะส่วนใดไหว
          ร่างสูงก้มลงจูบซับรอยเปียกชื้นตรงหางตาปลอบโยนผมด้วยคำพูดสารพัดกล่อมให้ใจของผมโอนอ่อนผ่อนตามซ้ำยังกระซิบเสียงนุ่มตรงข้างหูเอื้อนเอ่ยถ้อยคำหวานประชิดปลายคาง จนผมต้องเม้มปากเข้าหากันสนิทหลบสายตาคมที่ก้มมองลงมาพยายามปรับอาการเกร็งมวลท้องให้อึดอัดน้อยลงทั้งที่ใจกำลังสับสนหวาดหวั่น เมื่อนิ้วเรียวถูกดึงออกไปขาซ้ายก็ถูกยกสูงขึ้น ผมสะดุ้งเฮือกรู้ได้ในทันทีว่ามีบางสิ่งที่ใหญ่กว่าเตรียมจ่อเข้ามาตรงทางเข้าด้านหลัง สมองสั่งการให้เขยิบหนีแต่ยิ่งดิ้นน้องชายของอีกฝ่ายก็ยิ่งเด้งสั่นสู้เสียดสีกับผิวหนังมากยิ่งขึ้น ไอร้อนแผ่ซ่านขึ้นทั่วใบหน้าทันทีที่ท่อนแข็งภายใต้ถุงยางผิวเรียบบางถูไถเข้ากับช่องทางเล็กแคบเบื้องล่างของผม นิ้วชี้และนิ้วกลางแตะเข้าที่ส่วนลับจับแยกออกกว้างพร้อมสอดส่วนแข็งขืนเข้ามาเริ่มจากส่วนปลายค่อยๆกดลึกดันเพิ่มมาทีละน้อยๆ ขณะที่ผมทำได้เพียงกัดฟันกรีดร้องทุบกำปั้นลงพื้นระงับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นส่งเสียงสะอื้นซ่อนน้ำตาที่กำลังเอ่อล้นมองอีกฝ่ายด้วยสายตาตัดพ้อระคนเจ็บช้ำ ใจอยากตะโกนต่อว่าแต่ริมฝีปากล่างกลับถูกเม้มงับกั้นเสียงที่กำลังเล็ดลอด ร่างสูงกว่าส่งปลายลิ้นเรียวสอดแทรกเข้ามาในโพรงปากไล่ต้อนลิ้นเล็กของผมที่พยายามหลบหลีกดูดดึงนัวเนียจนหมดทางสู้ ได้แต่ยอมให้อีกฝ่ายปลนเปลอทั้งบนล่างทั้งที่น้ำตาไหลลงอาบแก้ม
          ใบหน้าคมผละออกเพียงครู่ไล้สายตาลงต่ำลากปลายนิ้วแตะตรงส่วนปลายที่กำลังชูชันกุมท่อนแข็งของผมไว้ในกำมือหลวมๆรูดขึ้นลง ก่อนขยับเอวเสียดสีภายในกายเด้งกระแทกผนังแคบจนเจ็บจุกปลุกไอร้อนในตัวผมให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง ความรู้สึกแปลกประหลาดแล่นวาบไปรวมกันตรงจุดที่ถูกเสียดสีกระตุ้นจุดกระสันภายในกายจนร่างทั้งร่างงบิดเกร็งส่ายไปมาสอดประสานบีบรัดเป็นจังหวะเดียวกันจนต้องร้องคราง ฉีกทึ้งหมอนนุ่มในกำมืออ้าปากฝังคมเขี้ยวกัดลงไประงับความเสียวซ่านที่แผ่ขยายไปตามจุดตื่นตัวของร่างกาย พยายามข่มใจอดทนต้านความรู้สึกวูบวาบวาบหวามที่กำลังแล่นปราบไปทั้งร่าง อ้าปากกอบโกยสูดอากาศเข้าปอดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนลมหายใจนี้จะขาดช่วง

                    “พ...พี่...อือ...มาร... ฮือ... อ๊ะ...อ้า...”
                    “That’s great! Call my name.”
                    “ฮือ... ไม่...ผมไม่...อ๊ะ...ไหว” ใจอยากร้องบอกความต้องการ แต่เสียงที่เปร่งออกมากลับฟังไม่ได้ศัพท์ “ฮือ...พี่มาร์ท”
                    “ซี๊สส์...Mac...” ผมกำหมัดแน่นส่งแรงที่ผมมีอยู่ต่อยเข้าตรงต้นแขนเตือนอีกฝ่ายที่กำลังมัวเมา ให้อีกฝ่ายลดแรงที่กำลังถาโถมลงบ้าง พี่มาร์ทก้มลงมองหน้าผมกดจูบลงฟัดทาบทับริมฝีปากที่กำลังบวมเจ่ออีกครั้งเร่งจังหวะขึ้นอีกเป็นเท่าตัวจนร่างของผมถึงกับสั่นไปตามแรงโยก พร่ำบอกคำภาษาอังกฤษมากมายข้างหูผม ผมไม่อยากแปล ผมไม่อยากรับรู้อะไรทั้งสิ้น ฮือ...พอแล้ว อ๊ะ... ใกล้แล้วๆ อืม...
                    “พี่มาร์ท!!!!!!!” ผมร้องลั่นเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างยั้งตัวเองไม่อยู่ จิกปลายเล็บลงบนแผ่นอกแน่นทั้งที่ฝ่ามือหดเกร็งชาวาบกระตุกสั่นไปทั้งร่างปลดปล่อยน้ำเหนียวข้นล้นทะลักออกเต็มฝ่ามือ ปรือตามองภาพเบลอตรงพื้นห้องผ่านม่านน้ำตาที่กำลังสั่นไหวเหล่มองใบหน้าคมที่ก้มลงมาจูบปิดปากด้วยแววตาอันเหม่อลอย
                    “You’re so sexy boy.”
                    “อือ...พี่มาร์ท” ผมเอ่ยเสียงแหบในสภาพรู้สึกหมดแรงพยายามเรียกสติบอกความต้องการออกไป “ผมหิวน้ำ?”
                    “ค่อยๆดื่มนะครับ เดี่ยวสำลัก” พี่มาร์ทส่งขวดน้ำเปล่าที่ไม่รู้ว่าหยิบมาจากไหนส่งให้ดื่มแล้วบอกน้ำเสียงเปร่งๆว่า “ง่วงก็หลับไปเลย พี่ไปห้องน้ำแป็บ”
                    “อืม” ผมพยักหน้ารับหันมองตามร่างสูงกว่าเดินห่างออกไปและหลับลงในที่สุดด้วยความเพลียอ่อนแรง


                TBC
                 -----------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 9 (3/3)] 15-04-2016
«ตอบ #39 เมื่อ15-04-2016 21:35:41 »

 o13.  โอ๋เดํกน้อยน่ารัก.  กู้ดจ้อบนะเนี่ย
ฟินกำลังดี

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 9 (3/3)] 15-04-2016
« ตอบ #39 เมื่อ: 15-04-2016 21:35:41 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 9 (3/3)] 15-04-2016
«ตอบ #40 เมื่อ15-04-2016 21:54:41 »

 :katai2-1:  :impress2:

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 9 (3/3)] 15-04-2016
«ตอบ #41 เมื่อ16-04-2016 00:46:23 »

พี่มาร์ททททททททท~~~!!!! ไหนแกบอกน้องว่าทำเบาๆอ่อนโยนไง แล้วไอ้ที่กระแทกเอาๆซะน้องน้ำตาพรากนี่คืออะไร!!  จะร้อนแรงอะไรขนาดนั้น เบาๆหน่อยซี่ นั่นครั้งแรกของน้องแมคนะ เคืองๆ :hao3: #ตะโกนเรียกพี่มาร์ทดังๆ

ออฟไลน์ ClearHeart

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 10 (1/2)] 16-04-2016
«ตอบ #42 เมื่อ16-04-2016 21:35:10 »


Until You


ตอนที่ 10 (1/2)


          7 โมงครึ่ง

          ไม่รู้ว่าผมจะผงกหัวเพ่งสายตามองนาฬิกาดิจิตอลบนโต๊ะหัวนอนทำไม ในเมื่อเช้านี้ผมคงลุกไปช่วยเพื่อนทำโปรเจ็คที่มหาวิทยาลัยไม่ไหวอยู่ดี คิดแล้วก็รู้สึกปวดหัวเพลียกายชะมัดยาก ถ้ารู้ว่ายินยอมพร้อมใจแล้วร่างกายโทรมขนาดนี้ รอไว้ใจอ่อนหลังจากนี้อีกสักสิบปีข้างหน้าดีกว่า โอย...ขยับทีระบมไปหมดทั้งตัว ตาลายหน้ามืด แถมยังหิวน้ำอีกต่างหาก ดีนะที่เตียงนอนนุ่มอยู่ ผมเลยไม่เจ็บมากมายตอนพลิกมานอนหงาย เอิ่ม...เตียงนอน? เตียงใครวะ? คิดก่อนๆเมื่อคืนผมไม่ได้กลับบ้านเพราะทำเรื่องอย่างว่า แล้วจะย้ำทำไม ข้ามๆฉากนี้ไปดิ โอย มึน คิดถึงไหนแล้ววะ? เตียงนอน? อืม... เตียงนอนงั้นเหรอ? งั้นนี้ก็เป็นห้องนอนของ...ของ...ของ?

                    “พี่มาร์ท! โอ๊ย!” ใครจะไปคิดละว่า ตื่นมาจะเจอคำตอบนั่งจ้องหน้าอยู่แบบนี้
                    “เป็นอะไรไหม? ค่อยๆลุกสิครับร่างกายยังไม่หายดีเลย” ฟังพูดเข้า นี่ถ้าเป็นเวลาปกติผมตอบโต้กลับไปหน้าหงายละ แต่เสียดายใจจะขาด เพราะสังขารไม่อำนวย “จะลุกไปห้องน้ำเหรอ?"
                    "เปล่าๆ แค่อยากลุกนั่งเปลี่ยนท่า" พี่มาร์ทพยักหน้ารับหยิบหมอนมาสอดรองตรงช่วงเอว เข้าใจว่าคงให้ผมพิงหลังตอนขยับขึ้นนั่ง ก่อนเอ่ยถามเรื่องโปรเจ็คแล้วจึงส่งแก้วน้ำให้ดื่ม “อึก... ก็ปกติครับ ทำอยู่เรื่อยๆ”
                    “งั้นหยุดพักสักวันได้ไหมครับ พี่ไม่อยากให้แมคฝืนร่างกายไปไหนมาไหนเลย"
                    "คงไม่ไปอะครับ เดี่ยวกินข้าวเสร็จจะโทรบอกเพื่อน แล้วพี่ไม่ไปทำงานเหรอ? "
                    "ลาวันนึง" พี่มาร์ทตอบรับสั้นๆ รับแก้วเปล่าจากมือผผ เอี้ยวตัวไปวาบนโต๊ะเขยิบตัวมานั่งข้างๆ "แมคเป็นขนาดนี้ จะให้อยู่คนเดียวได้ไง พี่ต้องรับผิดชอบการกระทำของพี่สิครับ" ไม่พูดเปล่ายังกุมมือผมยกขึ้นไปจรดริมฝีปากอีก เล่นเอาขนลุกซู่จนต้องรีบสะบัดมือทิ้งเลยครับ
                    “พี่มาร์ททำอะไรนี่?”
                    “แสดงความรัก” ฟังแล้วอยากร้องจ๊ากให้ได้ยินไปถึงเขตปริมณฑลซะจริง
                    “ออกไปห่างๆเลย พูดไรหวานเลี่ยนแต่เช้าก็ไม่รู้”
                    “เขินพี่เหรอครับ หืม?”
                    "ใครเขิน? พี่มาร์ทมั่ว" ผมโวยวายลั่น แต่กลับได้รอยยิ้มมาแทน "ไม่ต้องมายิ้มเลยนะ ถ้ารู้ว่าพี่จะกลายร่างเป็นหมาป่าสุดโฉดแบบนี้ ผมปฏิเสธซะก็ดี แล้วนี่จ้องอะไรผมนักหนาห๊ะ!" ถามครับถาม เห็นมองตั้งแต่เส้นผมยันพุงแฟ่บๆไม่เลิกสักที เอิ่ม...หรือเพราะผมไม่ได้ใส่เสื้อวะ ดึงผ้าห่มมาปิดหน่อยดีกว่า เพื่อความปลอดภัย
                    "แมค"
                    "อะไร?"
                    "น่ารัก!"
                    "หา!!!"


          พูดยังไม่ทันขาดคำ คนตัวโตกว่าโถมทับคร่อมร่างของผมไว้เกือบทั้งตัว สองแขนกั้นคร่อมคล้ายจะกลัวผมลุกหนี ทั้งที่ความเป็นจริง แค่ขยับก็เสียวแปล่บซะขนาดนี้แล้ว คงกระโดดหนีทันหรอก เอามองเข้าไป จ้องเข้าไป จะทำไรก็ทำสักอย่างสิครับ อยู่แบบนี้ผมอึดอัด...อึดอัดใจ ไม่ใช่อึดอัดอย่างอื่นนะครับ อย่าช่วยผมจิ้นไกลสิ เดี่ยวคิดไปไกลอะไรที่ควรล้มมันจะลุกขึ้นมาละก็ ซวยแน่ๆ

                    "อืม" ได้ยินพี่มาร์ทพึมพำเบาๆในลำคอ แต่ก็ยอมลุกออกไปเสียที
                    “พี่...อุ๊บส์” ผมเบ้ปากหลบสายตาไปมองข้างเตียงแทน คนอะไรเอาเปรียบได้ทุกเวลา คิดจะจุ๊บก็จุ๊บเฉยเลย ไม่มีปี่มีขลุ่ย กะจะทำให้ผมอายไปถึงไหน ถึงจะพอใจก็ไม่รู้ สงสัยต้องลองปั้นหน้าหงิกบ้างละ
                    “อย่าขมวดคิ้วสิครับ เดี่ยวหน้าย่นนะ”
                    “พี่มาร์ท!”
                    “หืม?” ตอบรับทีไซร้คอสองที มันจะเกินไปละนะ
                    “พอได้แล้วพี่มาร์ท”
                    “อืมๆ ฟอด...” บอกตกลง แต่ทำไมยังจะหอมแก้มผมไม่เลิกอีก “พี่ไปอุ่นโจ๊กมาให้ทานดีกว่า แมคคงหิวแย่ละ จุ๊บๆ”

                    ถึงกับต้องถอนหายใจออกมาเลยครับ บอกจะไปแต่ก็ยังไม่วายทิ้งรอยบนริมฝีปากของผมอีกสองทีติด ตรงกับสำนวนที่ว่า ข้าวใหม่ปลามันซะจริงนะครับ แต่มาคิดๆดู คงใช้กับผมไม่ได้เต็มปากหรอก เพราะต่อจากนี้คงไม่มีครั้งที่สองในเร็ววันนี้แน่ ไข้ขึ้นซะขนาดนี้

                    “ฝากหยิบมือถือให้หน่อยได้ไหมครับ ผมจะโทรบอกเพื่อน”
                    “เอาอะไรอีกไหม?” พี่มาร์ทเอ่ยถาม พร้อมจะพุ่งตัวเข้ามาหาอีกรอบ แต่ผมยกแขนขึ้นกั้นไว้ ทำเอาอีกฝ่ายหัวเราะร่วน
                    “ผมอยากอาบน้ำแล้วอะครับ เหนียวตัวละ”
                    “เมื่อคืนพี่เช็ดตัวให้แล้วนะ ทำไมยังเหนียวตัวได้ละ คราบเหงื่อไคล ไม่มีแล้วนะ”
                    “เช็ดตัว เช็ดตรงไหน?” ผมถึงกับต้องเอ่ยถามยกแขนขึ้นมาดม จะว่าไปก็ไม่ได้เหม็นหึ่งอย่างพี่มาร์ทว่าก็จริง แต่ผมว่า เช้ามาคนเราก็ต้องตื่นมาอาบน้ำชำระร่างกาย แค่เอาผ้าชุบน้ำเช็คตัวให้ ความรู้สึกต่างกันมากมาย
                    “ถามแปลกๆ ก็เช็ดทั้งตัวสิครับ”
                    “ห๊ะ!” พระเจ้าช่วยกล้วยทอด หมดกันชีวิตอันใสสะอาดในวัย 19 ปีของผม โดนเห็นจนหมดซะได้
                    “ตกใจอะไรนักหนา เมื่อคืนตอนมีเซ็กส์กัน พี่ก็เห็นหมดแล้ว” ตรงมากจนอยากเอาหัวเตียงตายให้รู้แล้วรู้รอดมากๆ แล้วนี่อมยิ้มอะไรไม่ทราบ
                    “พี่มาร์ทอย่ามามั่ว ตอนนั้นไฟปิดอยู่ จะเห็นได้ไง คิดจะหลอกให้ผมอายใช่ไหมครับ”
                    “พี่พูดจริง คลำเอาเห็นชัดกว่ามองด้วยตาซะอีก”
                    “โอเค” ผมบอกหน้าตาย “ฝากเปิดน้ำอุ่นลงอ่างด้วยนะครับ ขอบคุณ” ยามนี้ขอมุดหน้าเข้าผ้าห่มก่อนละครับ ไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆ

          รอจนเสียงปิดประตูห้องนอนดังขึ้น ผมจึงค่อยๆโผล่หน้าออกมาถอนหายใจด้วยความโล่งอก ค่อยๆเขยิบเลื่อนตัวยกขามาวางพาดข้างเตียง ด้วยความรู้สึกแสนทรมานราวกับมีหินมาถ่วงแขนขาเอาไว้ ยิ่งเมื่อก้มมองตัวเองแล้วยิ่งรู้สึกอนาจใจยิ่งกว่า เพราะทั้งตัวไม่มีอะไรปกคลุมร่างกายสักอย่าง ครั้นจะลุกไปหยิบผ้าเช็ดตัวก็ไกลแสนไกล จะให้เดินโทงๆผ่านหน้าต่างมันก็กระไรอยู่ แม้จะอยู่คอนโดโซนสูงก็เถอะ

                    "แล้วตูจะเดินไปห้องน้ำไหวไหมนี่ ม่านก็ไม่ปิดอีกนะ" บ่นไปเรื่อยละครับตอนนี้
                    “แมค ใส่ขิงไหม?” นี่ก็อีกคน อยู่ๆก็เปิดประตูผลัวะเข้ามาเฉยเลย แต่ก็นะ ห้องนอนเขานี่ ใครจะไปห้าม
                    "ยังไงก็ได้ครับ" ผมตอบสบสายตากับเจ้าของห้องที่ยืนพิงประตูมองตรงมาที่ผมไม่พูดอะไรต่อ “แล้วไม่ไปดูอาหาร ป่านนี้โจ๊กไหม้หมดละมั้ง”
                    “พี่ยังไม่ได้เปิดเตา”
                    “อ่า...” จะทำไงให้พี่มาร์ทออกไปจากห้องดี จ้องอยู่แบบนี้ใครจะกล้าเดินเปลือยไปห้องน้ำกันเล่า “ขอผ้าเช็ดตัวผืนนึงสิครับ”
                    "นึกว่าจะไม่พูดซะแล้ว หึๆ" พี่มาร์ทกระตุกยิ้มเดินอาดๆเข้ามาใกล้ ช้อนแขนเข้าที่แผ่นหลังและใต้หัวเข่าทั้งสองข้างยกขึ้นแนบอก พาเดินก้าวมุ่งหน้าไปห้องน้ำ
                    "เฮ้ย! ปล่อยๆ เดี๋ยวก็หลังหักหรอก ผมเดินเองได้ ถ้าจะช่วยแค่ยืมไหล่ก็พอแล้ว"
                    "รอให้แมคเดินเอง กว่าจะถึงคงบ่ายพอดี" พี่มาร์ทพูดขึ้นพร้อมกับประคองตัวผมวางลงในอ่างอาบน้ำอย่างเบามือ หันหลังเดินไปปิดประตูกดล็อกห้อง เล่นเอาผมตาโตเกาะขอบอ่างด้วยอาการลนลาน
                    "ไม่เอาแล้วนะ ผม... ผม..."
                    "คิดไรนี่?" สถานการณ์ที่เป็นอยู่นี่ ไม่ใช่ว่าส่ออยู่หรอกเหรอครับ "แค่จะอาบน้ำให้เฉยๆ สัญญาว่าจะไม่ทำอะไร"
                    "ผมอาบเองได้น่า โตขนาดนี้แล้ว ขืนให้พี่มาช่วยก็เปียกหมดพอดี"
                    "เปียกก็อาบใหม่ได้" สิ้นคำ พี่มาร์ทก็พร้อมถอดเสื้ออวดหุ่นเฟริ์มออกในทันที "พี่ช่วยจะได้สะอาดๆ"
                    "ไม่เอาๆ"
                    "อย่าดื้อสิครับ พี่ช่วยดีแล้ว จะได้ไปทานโจ๊กกันไวๆ" พี่มาร์ทยิ้มปิดท้าย "รู้เหรอว่า ต้องล้างตรงไหนบ้าง"
                    "รู้ดิ ผมไม่ได้เวอร์จิ้นสักหน่อย บ้าเปล่า"

                TBC
                 -----------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 10 (1/2)] 16-04-2016
«ตอบ #43 เมื่อ16-04-2016 21:48:53 »

 :z1:   สะอาดแน่ๆ.  :impress2:

ออฟไลน์ panitanun

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 10 (1/2)] 16-04-2016
«ตอบ #44 เมื่อ17-04-2016 00:17:47 »

ไม่ได้เวอร์จิ้นคือไรอะเดี๋ยวๆ555555

ออฟไลน์ membermind

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 10 (1/2)] 16-04-2016
«ตอบ #45 เมื่อ17-04-2016 00:57:02 »

ประโยคสุดท้ายพี่มาร์ทมีสะเทือนนะคะอย่างนี้5555 :hao7:

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 10 (1/2)] 16-04-2016
«ตอบ #46 เมื่อ17-04-2016 10:10:37 »

ประโยคสุดท้ายคืออะไร  55

ออฟไลน์ Janny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-2
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 10 (1/2)] 16-04-2016
«ตอบ #47 เมื่อ17-04-2016 11:09:47 »

เราเผลอแป๊บเดียว... น้องแมคโดนกินไปล้าวววว แต่เดี๋ยวนะคะ ไม่เวอร์จิ้นคือไรร แต่ 2 ตอนก่อนน้องบอกว่าน้องไม่เคยนะคะ 555 แต่เราว่าตอนนี้พี่มาร์ทสติหลุดไปแล้ว ว่าไปก็สงสารเขานะคะ แต่น้องแมคไม่ปล่อยพี่มาร์ทกังวลนานหรอกค่ะ น้องออกจะรักพี่มาร์ทขนาดนั้น แต่ว่าก็ว่าเถอะค่ะ มาค้างคืนแรกก็โดนจับกินเลยอ่ะ พี่มาร์ทคะ เดี๋ยวน้องไม่กล้ามาค้างอีกนะคะ  :hao3:

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 10 (1/2)] 16-04-2016
«ตอบ #48 เมื่อ17-04-2016 14:17:51 »

หนูแมคไม่จิ้น!??  ครั้งแรกตอนไหน พี่มาร์ท?  หรือไง ท้ิงระเบิดลงไปตุ้ม!เลย :hao7:

ออฟไลน์ ClearHeart

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 10 (1/2)] 16-04-2016
«ตอบ #49 เมื่อ17-04-2016 15:38:38 »

ช่วง : Talk to Writer

Q : Janny >> ต่อไปพี่มาร์ทต้องประกบติดนะคะ มีคนมาจีบน้องแล้วววว 55555
A : เขามาแล้วก็จากไปนะสิครับ เศร๊าเศร้า

Q : panitanun >> เหยยยอะไรยังไงอะเหยยยย จิตตกถึงขนาดที่ไทลินอลก็สามารถทำให้ระเเวงได้55555
A : ก็ไม่ขนาดนั้นสักหน่อย เอานิ้วจิ้วกัน

Q : lnudeel >> โอ้โฮ่!!!~ น้องแมคผู้คิดจะขายอ้อย(?) ทำไมหนูซุ่มซ่ามขนาดนี้คะ สะดุดความหล่อมากของพี่มาร์ททำน้องแมค เอ้ย! อ้อยทั้งกระจาดกระเด็นกระดอนเข้าปากพี่มาร์ท. หวานปากพี่มาร์ทสิคะ น้องแมคป้อนอ้อยเข้าปากให้ด้วยความไม่ได้ตั้ง(จริงหรออออ~~~). อร่อยและฟินเลยสิคะพี่มาร์ท น้องแมคเอาตัว-เอ้ย! ผิดอีกและๆ(ตีปากแปะๆ) อ้อยมาให้แดกถึงที่~~~  ถถถถ~~แซะด้วยเอ็นดูหวังอ่านฉากดูเอ็- แค่กๆ :hao6:. #พี่มาร์ทคนรวยกับน้องคนแมน(?)
A : ว่าพี่มาร์ทเป็นช้างเหรอครับ (ฮา ตบโต๊ะ)

Q : donutnoi >> รู้จักกันมาก็นาน ไว้ใจพี่มาร์ทเถอะ
A : คำแนะนำนี้เริ่มคิดหนักเลย

Q : ❣☾月亮☽❣ >> :z1:     :hao6:
A : อีโมดูสะใจชอบกลนะครับ

Q : ❣☾月亮☽❣ >> โอ๋เดํกน้อยน่ารัก.  กู้ดจ้อบนะเนี่ย ฟินกำลังดี
A : กรอกตา ขอบคุณครับ

Q : donutnoi >> :katai2-1:  :impress2:
A : ขอบคุณครับ

Q : lnudeel >> พี่มาร์ททททททททท~~~!!!! ไหนแกบอกน้องว่าทำเบาๆอ่อนโยนไง แล้วไอ้ที่กระแทกเอาๆซะน้องน้ำตาพรากนี่คืออะไร!!  จะร้อนแรงอะไรขนาดนั้น เบาๆหน่อยซี่ นั่นครั้งแรกของน้องแมคนะ เคืองๆ :hao3: #ตะโกนเรียกพี่มาร์ทดังๆ
A : อย่าใช้คำว่า แก สิครับ ไม่สุภาพเลย(#ออกรับแทน) ขอบคุณที่เคืองแทนนะครับ#น้ำตาไหลพราก

Q : ❣☾月亮☽❣ >>  :z1:   สะอาดแน่ๆ.  :impress2:
A : ผมรักความสะอาด? เป็นปกติอยู่ละ

Q : panitanun >> ไม่ได้เวอร์จิ้นคือไรอะเดี๋ยวๆ555555
A : ก็ความหมายตามนั้นละครับ

Q : membermind >> ประโยคสุดท้ายพี่มาร์ทมีสะเทือนนะคะอย่างนี้5555 :hao7:
A : ตอนที่พูดออกไป ไม่เห็นมีอะไรสะเทือนกลับมาเลยครับ

Q : insomniac >> ประโยคสุดท้ายคืออะไร  55
A : ก็ความหมายตามนั้นละครับ

Q : Janny >> เราเผลอแป๊บเดียว... น้องแมคโดนกินไปล้าวววว แต่เดี๋ยวนะคะ ไม่เวอร์จิ้นคือไรร แต่ 2 ตอนก่อนน้องบอกว่าน้องไม่เคยนะคะ 555 แต่เราว่าตอนนี้พี่มาร์ทสติหลุดไปแล้ว ว่าไปก็สงสารเขานะคะ แต่น้องแมคไม่ปล่อยพี่มาร์ทกังวลนานหรอกค่ะ น้องออกจะรักพี่มาร์ทขนาดนั้น แต่ว่าก็ว่าเถอะค่ะ มาค้างคืนแรกก็โดนจับกินเลยอ่ะ พี่มาร์ทคะ เดี๋ยวน้องไม่กล้ามาค้างอีกนะคะ
A : สงสารผมบ้างสิครับ? ใครบอกผมรัก ไม่มี ไม่เคยพูด (กอดอกเชิดหน้า)

Q : lnudeel >> หนูแมคไม่จิ้น!??  ครั้งแรกตอนไหน พี่มาร์ท?  หรือไง ท้ิงระเบิดลงไปตุ้ม!เลย :hao7:
A : ก็ก่อนเที่ยงคืนก็...ครั้งแรก ผ่านมาก็เช้าวันถัดไป มันจะไปเวอร์จิ้นได้ไงละครับ


จบการตอบคำถามละครับ

สุดท้ายนี้ก็อยากฝากบอกคนอ่านและคนเม้นต์ทุกท่านว่า

ชีวิตจริงกับชีวิตจิ้นมันก็ต่างกันแค่เชือกเส้นบางๆ
มองให้ลึก มองให้เข้าใจ ไตร่ตรองด้วยเหตุผล และให้เกียรติซึ่งกันและกัน
ผมเชื่อว่า...หากคุณยอมรับและพร้อมจะปรับเปลี่ยนในจุดนี้ได้ ไม่ว่าชีวิตจริงหรือชีวิตจิ้น คุณก็จะมีอิสระไม่ต่างกันหรอกครับ
ชีวิตจริงไม่ได้โหดร้ายจนต้องหลีกหนีไม่กล้าเผชิญหน้า ชีวิตจิ้นก็ไม่ได้หลอกลวงจนต้องยอมเชื่อไปซะทุกเรื่อง
จงใช้ชีวิตทั้งสองโลกอย่างสงบสุขด้วยการมองและคิดอย่างเป็นกลางดีกว่าครับ
แล้วคุณจะพบว่า ความรักและความใคร่ไม่ใช่คำตอบที่ทำให้คนสองคนอยู่ด้วยกันจนย่างเข้าปีที่สิบเพียงอย่างเดียวหรอกครับ
สิ่งที่ทำให้เกลียวเชือกรัดเกาะเกี่ยวพันกันแน่นยิ่งขึ้นนั้น เป็นมากกว่าคำสองคำที่ผมได้เอ่ยออกไป
ซึ่งนั่นคือสิ่งที่แฝงเอาไว้ในเรื่องที่ผมอยากบอกในทุกตัวอักษรที่สื่อความออกไป...

ขอบคุณสำหรับการติดตามเรื่องนี้นะครับ
แมค

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 10 (1/2)] 16-04-2016
« ตอบ #49 เมื่อ: 17-04-2016 15:38:38 »





ออฟไลน์ ClearHeart

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 10 (2/2)] 17-04-2016
«ตอบ #50 เมื่อ17-04-2016 20:50:05 »


Until You


ตอนที่ 10 (2/2)

          11 โมงครึ่ง

          หลังจากหลับไปอีกรอบด้วยฤทธิ์ยาเป็นเวลาสองชั่วโมงกว่า ผมก็ตื่นขึ้นในเวลาใกล้เที่ยง พร้อมกับเสียงท้องร้องโครกครากเป็นสัญญาณความหิว คงต้องยอมรับนะครับว่าการได้นอนพักเต็มอิ่มนี่ทำให้ร่างกายของผมฟื้นตัวดีขึ้นมาก เรียกว่าตอนเดินนี่ไม่มีอาการเดินเซให้เห็นละ ทว่า...พอผมเปิดประตูเดินออกมานอกห้องสบตากับพี่มาร์ทตรงหน้าทีวีไม่ถึงสามวินาทีก็เป็นอันต้องสะดุ้ง เพราะคนตัวโตกว่ารีบสาวเท้าเดินเข้ามาใกล้โอบเอวพาดแขนช่วยพยุงเฉยเลย

                    "เป็นไงบ้าง ดีขึ้นยัง" พี่มาร์ทวางมือเบาๆบนหน้าผากผมเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง "ไม่มีไข้แล้วนี่"
                    "ครับ" ผมตอบรับพยายามแกะมืออีกฝ่ายออกอย่างสุภาพ แต่ไม่ออกแถมยังโดนมองเหมือนจะดุด้วย “ผมเดินเองได้จริงๆนะครับ เกือบหายแล้ว”
                    “ระวังไว้ก่อนดีกว่า พี่ไม่อยากเสี่ยงให้แมคเป็นอะไรไปในตอนนี้”
                    “อืมๆ” บางทีพี่มาร์ทก็ดูห่วงผมมากไป ผมคิดว่านะ
                    “พี่ซื้อผัดไทมาให้ทานกำลังร้อนๆเลย" ผมพยักหน้ารับคำยอมให้พี่มาร์ทพยุงไปนั่งตรงโซฟาแทนที่จะเป็นโต๊ะรับประทานอาหารสำหรับสองคนอย่างทุกที “เดี๋ยว! อย่าเพิ่งนั่ง” ถึงกับชะงักร้องซะผมตกใจเลย ครั้นพอจะถามพี่มาร์ทกลับเดินออกไปยังนอกชานและหยิบหมอนรองนั่งติดมือมาด้วย “นั่งได้ละ” ถึงกับอึ้งเมื่อหมอนใบโตถูกวางไว้บนพื้นโซฟาอีกทีเพื่อให้ผมนั่งทับ ทั้งที่โซฟาก็นุ่มอยู่แล้ว เรียกว่าดูแลดีซะจนผมทึ่งไปเลย “รอนี่ก่อนนะ เดี่ยวพี่ไปหยิบจานกับส้อมมาให้ จะได้ทานพร้อมกัน”

          ผมนั่งมองเจ้าของห้องเดินไปมาสลับระหว่างห้องครัวกับโซนรับแขกแล้วรู้สึกเหนื่อยแทน พี่มาร์ทหยิบจานมาแล้ว แต่กลับลืมช้อนส้อม พอเอามาครบเทผัดไทลงจานเสร็จก็ดันหาถังขยะใบย่อมไม่เจอ จึงต้องเดินไปทิ้งในครัว หย่อนก้นลงนั่งยังไม่ทันถึงพื้นก็ลุกเดินไปหยิบแก้วน้ำ ตักน้ำแข็งเปิดฝาเทน้ำอัดลมมาสองแก้ววางตรงหน้า ครั้นพอมองหน้าผมสลับกับนาฬิกาดันเกิดเปลี่ยนใจเอาแก้วน้ำเย็นมาให้แทน แต่พอผมคว้าแก้วตั้งใจหยิบน้ำขึ้นมาดื่มกลับมีมือปริศนาคว้าแก้วตัดหน้าผมไปซะงั้น ทั้งยังพูดขึ้นว่า

                    “ไม่สบายต้องทานน้ำอุ่น”
                    “เดี่ยวครับพี่มาร์ท” ผมร้องขึ้นดึงชายเสื้ออีกฝ่ายให้ลงนั่งตามเดิม “ไม่ต้องเปลี่ยนหรอกครับ กว่าผมจะกิน น้ำก็หายเย็นละ”
                    “อืม”
                    “พี่มาร์ทเป็นอะไรหรือเปล่า?” ผมตั้งใจถามออกไป ดูจากปฏิกริยาแล้ว วันนี้พี่มาร์ทดูลนลานเป็นพิเศษจนผมอดเป็นห่วงไม่ได้ “ถ้าเป็นเรื่องต้องดูแลผม พี่มาร์ททำปกติเถอะครับ ผมไม่เป็นอะไรมากจริงๆนะ ดูผมสิ เดินได้แล้ว ขยับได้ด้วย พี่มาร์ทไม่ต้องกังวลหรอกครับ อีกไม่กี่วันก็หายละ”
                    “ถึงแมคจะว่างั้น แต่พี่ก็อดห่วงไม่ได้ เมื่อคืนพี่ก็เอาแต่ใจตัวเองเกินไปด้วย”
                    “อย่าคิดมากสิครับ ผมเป็นผู้ชายนะ เรื่องแค่นี้ฟื้นตัวเร็วจะตาย ผมไม่ใช่ผู้หญิงนะครับ จะได้ต้องมาห่วงอะไรมากมายเกินเหตุ”
                    “ถ้าเป็นผู้หญิง พี่จะไม่ห่วงเลย แต่เพราะแมคเป็นแมค พี่เลยกังวล” ประโยคที่ได้ยินทำเอาผมแสดงสีหน้าไม่ถูกเลย “ถ้าไม่สบายหรือเจ็บตรงไหนบอกพี่นะครับ พี่จะได้ให้หมอมาตรวจ”
                    “เอ่อ...ครับ ทานกันเถอะครับ เดี่ยวผัดไทเย็นหมด พี่มาร์ทดูสิ กุ้งตัวโต๊โต”
                    “ชอบทานเหรอ พี่ให้”
                    “อ่าครับ ขอบคุณ” ทำไรไม่ถูกเหมือนกันครับตอนนี้ ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า แต่ผมรู้สึกว่ามีฟิลล์หวานอบอวลอยู่รอบตัวตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ผมว่าทานเงียบๆดีกว่านะครับเวลานี้

          เสร็จจากการรับประทานอาหารกลางวัน ผมก็ไม่มีอะไรทำต่อจึงได้เปิดคอมพิวเตอร์คุยสไกล์กับเพื่อนสอบถามเรื่องงานที่ทำกันอยู่ ส่วนพี่มาร์ทก็เปิดคอมพิวเตอร์สลับกับอ่านเอกสารอยู่ไม่ห่างเช่นเดียวกัน ทำอยู่สักพักก็มักจะหันมาถามเรื่องอาหารการกินและกิจวัตรประจำวันต่างๆที่ฟังดูแล้วเหมือนจะอยากทำให้ผมซะมากกว่า เช่น ทานผลไม้ไหม? จะไปห้องน้ำให้บอกพี่นะ? หิวยัง ดื่มน้ำแอปเปิ้ลเปล่า? เย็นนี้ทานอะไรดี? เบื่อไหม ดูทีวีเปล่า? เมื่อยตรงไหนบ้าง ให้พี่นวดให้ไหม?และอีกต่างๆมากมายจนผมบรรยายไม่หมด ครั้นเวลาล่วงเลยมาถึงเย็น พี่มาร์ทก็ละมือจากงานที่ทำอยู่แวะเข้าครัวทำพาสต้าซอสมะเขือเมศง่ายๆมาเสิร์ฟเป็นมื้อเย็น ก่อนจะพาผมไปอาบน้ำหลังจากมื้ออาหารเย็นจบลง

                    "พี่มาร์ท ไม่เบื่อบ้างหรืออไงครับ" ผมเอ่ยถามขึ้นมองเจ้าของห้องที่กำลังเช็ดผมไป หยิบรีโมทขึ้นมากดเปลี่ยนช่องนั่งลงข้างๆ
                    "เรื่อง?"
                    "ไอ้นี่อะ" ผมเอานิ้วจิ้มๆไปที่มือที่กำลังโอบไหล่ผมเข้าไปใกล้ นี่ไม่ใช่ครังแรกหรอกนะครับ แต่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ในช่วงที่ผ่านมานี้ ซึ่งอันที่จริงพี่มาร์ทก็ทำหลายอย่างมากทั้ง...โผเข้ามากอดเอวตอนผมล้างจาน หอมแก้มซ้ายขวาก่อนจะส่งผมไปอาบน้ำ ให้ยืมแขนหนุนนอนเล่นพักผ่อนยามกลางวันหลายครั้ง แถมจะเดินไปไหนมาก็เข้ามาโอบเอวโอบไหล่พาเดิน และสุดท้ายก็คงเป็นเรื่องป้อนข้าวป้อนน้ำนี่ละครับ เรียกได้ว่าประคบประหงมอย่างกับลูกแกะ
                    "ไม่เบื่อ ทั้งกอดทั้งหอมทั้งจุ๊บ ได้ทั้งวันแหละ" พี่มาร์ทพูดและทำตามที่ประโยคก่อนหน้าอีกครั้ง "แมครำคาญเหรอ"
                    "เปล่านิ แต่จริงๆพี่ไม่ต้องดูแลกันดีขนาดนี้ก็ได้ครับ ผมหายแล้ว"
                    "ถ้าแมคไม่รำคาญ พี่อยากดูแลแมคไปชั่วชีวิต" คำพูดทำเอาผมค้างนิ่งไปสามวิ มองอีกฝ่ายด้วยหางตาก่อนจะเมินหน้าหนีไปอีกทาง
                    "น้ำเน่า...เอาไว้ไปพูดกับภรรยาพี่ในอนาคตเถอะครับ ไม่ใช่ผมสักหน่อย"
                    "แม่หนูงอนพ่อนะลูก บอกให้แม่เขายิ้มซะบ้างสิ" พี่มาร์ทพูดขึ้นพลางลูบท้องของผมว่ากระทบ
                    "บ้าเหรอ ใครเป็นแม่เป็นพ่อ พูดให้ดีๆนะ" ผมมองจ้องดึงมืออีกฝ่ายออกไปให้พ้นตัว "ทำแค่นี้ไม่ถึงกับท้องหรอก ผมเป็นผู้ชายนะ"
                    "งั้นจะทำจนกว่าจะท้องเลยดีไหม"
                    "เฮ้ย!!"
                    "หึๆ"
                    "ไม่พูดด้วยแล้ว นอนดีกว่า" เถียงไม่เคยชนะเลย เซ็งตัวเอง
                    "เดี๋ยว กินอิ่มแล้วอย่าเพิ่งไปนอน เดี๋ยวกรดไหลย้อน เข้าใจไหม" นี่ก็ไม่ว่าเปล่า มีดึงรั้งไม่ให้ผมล้มตัวไปไปนอน คนอะไรก็ไม่รู้ดุชะมัด

          แต่ครั้นจะให้ผมนั่งดูข่าวเฉยๆมันก็ไม่ใช่นิสัยของผม งั้นต้องลองมองหากิจกรรมอย่างอื่นทำแทน ซึ่งพอมองไปรอบตัวแล้วก็เจอแต่กิจวัตรเดิมๆเช่น ดูทีวี เล่นคอม อ่านหลังสือ เล่นมือถือ ทำบ่อยจนเบื่อแล้ว อยากจะออกไปข้างนอกนั่งชมวิวก็คงไม่ได้ เพราะหัวค่ำแบบนี้คงไม่พ้นโดนยุงหาม พอหันกลับไปมองคงข้างๆดันนั่งเงียบฟังข่าวซะงั้น โอยเซ็งและเบื่อเป็นอันมาก งั้นผมควรทำไรดีครับ แกล้งคน? เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมไม่เบา งั้นต้องเริ่มด้วยการเขยิบตัวเอนหลังพิงกับไหล่ของคนตัวโตกว่าก่อน แต่เหมือนอีกฝ่ายยังนิ่ง ผมก็เลื่อนๆไปนั่งบนตัก คราวนี้ละครับ หันกลับมามองในทันใด

                    "เล่นไรนี่"
                    "ควานหาความอบอุ่น" ตอบพร้อมยิ้มหวานอยู่เลยครับ
                    "เหรอ...ลุกไปนั่งดีๆไป” ไล่กันซะงั้น นึกว่าจะชอบซะอีก แต่จะให้ผมเลิกลาในยามนี้ คงยาก
                    "ไม่เอาๆ เค้าคิดถึงพี่ชายนี่หน่า" ต้องดัดเสียงเป็นเด็กๆด้วยจะได้สมจริง
                    "แมค"
                    "ให้เค้านั่งนี่นะ นะน้า” เพิ่มออฟชั่นกอดคอแถมด้วยครับ ดูสิว่าพี่มาร์ทจำยังไงต่อ
                    "อ้อนขนาดนี้ อยากได้อะไรละ"
                    "พี่มาร์ท" ผมบอกออกไปด้วยสีหน้าและแววตาระดับดาราออสการ์มาสิงร่าง ฮ่าๆ
                    "พูดแบบนี้พี่คิดลึกนะครับ" แค่คิดเองเหรอครับ ดูท่าจะไม่แค่นั้นซะละมั้ง เพราะแขนแกร่งดันมาโอบเอวผมเข้าให้แบบนี้เขาเรียกว่าหื่นไม่ตรงกับปากซะละมั้ง
                    "ก็พูดให้คิดนะสิ พี่มาร์ทไม่ชอบผมเหรอครับ"
                    "ชอบสิ รักมากด้วย" ได้ฟังแบบนี้ตรงหน้า พร้อมแรงกระชับกอดที่มากขึ้น ทำให้ผมชักรู้สึกเขินเองอยู่รึเปล่า? "แต่พี่ไม่อยากทำแมคเจ็บอีก..."
                    "..." คำพูดทำเอาผมอึ้งถึงขั้นจุกขึ้นมาถึงลำคอไม่พอ ยังรู้สึกเหมือนโดนกำปั้นแสกเข้าจังตรงสันจมูก ผมเม้มปากรับก้มมองมือของตนแทนที่จะเป็นใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยความกังวลระคนหนักใจก่อนจะเลื่อนตัวลงมานั่งตามเดิมด้วยอาการสุภาพ ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นสบตาคนนั่งข้างกาย ผมไม่คิดว่าพี่มาร์ทจะจริงจังและเป็นห่วงผมขนาดนั้น ทั้งที่ความจริงผมแค่เห็นเป็นเรื่องเล่นๆ
                    "เป็นอะไร หงอยเชียว"
                    "ขอโทษนะครับ" ผมเอ่ยขึ้นด้วยเสียงค่อนข้างเบาอย่างคนสำนึกผิด
                    "คิดมากน่า พี่ยังไม่ได้ว่าอะไรเราสักหน่อย" แม้จะลูบผมด้วยความเอ็นดูกับถูกดึงเข้าไปกอดจรดริมฝีปากลงกลางขมับ ผมก็ยังไม่รู้สึกดีขึ้นสักเท่าไหร่เลย "แมคทำหวานใส่ พี่ก็ชอบนะครับ เมื่อกี้เกือบเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่เลย” พูดจบยังมีหัวเราะร่วนอีก “แต่ถึงงั้นพี่อยากให้แมคหายดีซะก่อน"
                    "แล้วถ้าหาย พี่มาร์ทจะทำอะไรอะ"
                    "จัดให้ไม่ยั้ง เอาให้ลุกไม่ขึ้นเลย ทบของเก่าวันนี้ด้วย"
                    "เหวอ..."
                    "ล้อเล่นน่า" สาธุ ขอให้เป็นตามนั้นจริงเถอะครับ  เพราะถ้าเป็นความจริงขึ้นมา ผมคงได้ถูกหามส่งโรงพยาบาลแน่

                TBC
                 -----------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ Janny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-2
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 10 (2/2)] 17-04-2016
«ตอบ #51 เมื่อ17-04-2016 21:07:35 »

แล้วตกลงเรื่องเวอร์จิ้นไม่เวอร์จิ้นนี่ยังไงค้าาา มองตาแล้วรู้ทันมุกกันเลยป่ะ ไม่ต้องพูด 55555555 แต่พี่มาร์ทนี่ดีนะคะ ได้น้องแล้วก็ดูแลดีถึงพี่มร์ทจะมีจุดประสงค์แอบแฝงว่าพอหายจะได้...ต่อก็ตาม มองเห็นอนาคตว่าน้องแมคได้มีคนดูแลตลอดชีวิตแล้วล่ะค่ะ  :mew3:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 10 (2/2)] 17-04-2016
«ตอบ #52 เมื่อ17-04-2016 22:25:19 »

ละมุนมาก ยินดีกับแมคด้วยนะเจอคนรักจริง

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 10 (2/2)] 17-04-2016
«ตอบ #53 เมื่อ17-04-2016 22:52:30 »

เกือบได้โดนจนท้อง(?)และหนูแมค :hao7:

ออฟไลน์ ClearHeart

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 11 (1/2)] 18-04-2016
«ตอบ #54 เมื่อ18-04-2016 22:18:30 »


Until You


ตอนที่ 11 (1/2)

   โอ๊ะโอ...มองนาฬิกาข้อมือแล้วถึงกัต้องอุทานคำนี้ออกมาเลย ปกติแล้วคลาสพวก coding กว่าจะเลิกก็ปาไปเที่ยงกว่า บางทีลากยาวไปเกือบบ่ายโมง แต่เช้าวันนี้ผมสุขขีสุขโขเป็นที่สุด เพราะอาจารย์ปล่อยคลาสตั้งแต่สิบโมงเช้าไปประชุมด่วน แบบนี้จะให้ไม่ให้ร้องเสียงประหลาดได้ที่ไหน แต่ในเมื่อเช้านี้ผมว่าง ไม่ติดงานอะไร และไม่ต้องรีบกลับบ้าน งั้นผมควรทำอะไรดีหว่า?

                    “สวัสดีครับ คนหล่อน้อยกว่าผม” เอ่ยเสียงใสไปหรือเปล่าหว่า เดี่ยวรู้หมดว่าผมจะแกล้งอะไร
                    (“อืม สวัสดี”) แปลกแฮะ ปกติพี่มาร์ทรับสายได้เฮฮากว่านี้นี่ แถมถ้าผมกวนแบบนี้มีตอกกลับละ
                    “เป็นอะไรอะครับพี่ ทำไมเสียงไม่ซู่ซ่าเลย”
                    (“พักแล้วเหรอ ยังไม่ 10 โมงครึ่งเลย”)
                    “เปล่าครับ อาจารย์ปล่อยคลาสเร็ว มีธุระ”
                    (“อืม”)
                    “ว่างปะครับ ไปหาไรกินแก้เครียดไหม ผมเลี้ยงก็ได้น้า”
                    (“อืม ไปสิ ลงมาไวๆละกัน")
                    “พูดอย่างกับว่ารออยู่หน้าตึกคณะผม”
                    (“ไม่เชิง พี่อยู่ลานจอดหลังอาคารเรียนแมคนะ”)
                    “ห๊ะ!! พี่มาทำอะไรแต่เช้า? มานานยัง”
                    (“ตั้งแต่ 9 โมงได้ละมั้ง”)
                    “โอเคๆ เดี่ยวผมเก็บของเสร็จ จะรีบลงไป” คนอะไรทำผมตกใจได้ไม่เว้นวันเลยครับ ดูท่าน้ำเสียงอ่อยๆแบบนี้ คงมีเรื่องให้ทุกข์ใจแน่นอน มารอเช้าแบบนี้คงไม่ได้ไปทำงานแน่ๆ ผมเองก็ไม่เก่งเรื่องปลอบคนซะด้วยสิครับ ไม่รู้จะทำได้ดีแค่ไหนเหมือนกัน

          ทว่า...พอได้เจอหน้าและฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้น กลับเป็นผมเองที่รู้สึกอยากร้องไห้ยิ่งกว่า เพราะสิ่งที่พี่มาร์ทบอกดันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผมโดยตรงเสียได้ ซึ่งนั่นก็คือ คุณแม่ของพี่มาร์ทเชิญผมไปพบที่บ้านของครอบครัว เป็นใครก็ต้องตกใจกันทั้งนั้นละครับ ถามว่าเคยเจอกันไหม ก็ไม่? เคยได้ยินชื่อไหม ก็ไม่อีก? ยิ่งถามว่ารู้จักผมได้ไง อันนี้ยิ่งตอบไม่ได้ใหญ่เลยครับ เพราะผมเองก็ไม่เคยถามเรื่องครอบครัวพี่มาร์ทเลยสักครั้ง สิ่งที่ผมรู้เกี่ยวกับพี่มาร์ทมีเพียงคอนโดมิเนียม รถยนต์ สถานที่ทำงานและตัวตนของเขาเท่านั้นเอง ดังนั้นการที่คุณแม่ของพี่มาร์ทไปเอ่ยชื่อผมออกมา เริ่มทำให้ผมรู้สึกกลัวขึ้นมาซะแล้วสิครับ
    
                    “ตกลงว่าเรื่องมันเป็นไงมาไงอะครับ”
                    "น่าจะเริ่มจากเมื่อวานตอนแม่พี่ไปเยี่ยมที่คอนโด เห็นบางอย่างในห้องเข้าก็เลยถาม?"
                    “เห็นอะไรอะ?” ขอคำตอบดีๆนะครับ ผมจะเตรียมตัวถูก
                    “พูดยาก พี่เล่าตั้งแต่ต้นเลยดีกว่า” ผมพยักหน้ารับตั้งใจฟัง “แมคคงยังไม่รู้เหตุผลที่พี่ย้ายมาอยู่ข้างนอกใช่ไหม? ส่วนนึงก็มาจากแม่ของพี่ด้วย แต่พี่ขอเล่ารายละเอียดอีกทีวันหลังนะครับ ปกติแล้วพี่ไม่ค่อยได้เจอกับแม่ เพราะกว่าพี่จะเลิกงานกลับถึงคอนโดก็มืดค่ำ แต่เมื่อคืนแม่มาดักรอพี่อยู่ที่ลานจอดรถ จะเลี่ยงก็คงยาก พี่เลยต้องพาขึ้นไปบนห้องตามมารยาท มาถึงก็แบบเดิมๆ เอาแต่ถาม เอาแต่พูด จนพี่หงุดหงิด อย่างเรื่องทำไมไม่กลับมาอยู่บ้านสักที พี่ก็ตอบไปว่า อยู่คอนโดสบายใจกว่า" พี่มาร์ทเล่าราวกับเป็นเรื่องทั่วไป ทั้งที่ผมพยายามทำความเข้าใจ เพราะพื้นฐานครอบครัวของผมดูจะให้ความเคารพญาติผู้ใหญ่กว่านี้
                    “อืมครับ”
                    "นอกนั้นก็มีถามว่า อยู่นี่กินอะไร ทำกับข้าวเป็นแล้วเหรอ มีของสดเต็มตู้เลย..."
                    "ครับ แล้วไงอีก"
                    "พี่ก็บอกว่า ก็ทำได้เรื่อยๆ ทำเองบ้างซื้อทานบ้าง ส่วนผักผลไม้นี่มีคนซื้อมาให้ พอพูดแบบนั้น แม่ก็ถามขึ้นมาเลยว่าใคร? พี่เลยตอบไปตามตรงว่าเป็นรุ่นน้องชื่อแมค" แล้วทำไมไปตอบแบบนั้นเล่า จริงอยู่ว่าผมแนะนำให้ซื้อมาทำทานเองดีกว่าซื้อสำเร็จรูปมาทาน เพราะมีแต่ผงชูรส แต่พี่มาร์ทก็ไม่น่าไปตอบอย่างนั้นเลย "แล้วแม่ก็เดินมาตรงโซฟาถามว่า ใครจัดดอกไม้ พี่ก็บอกว่าแมค"
                    "...เอ่อ..." ผมเห็นช่อดอกไม้ที่พี่มาร์ทได้รับมาจากตอนไปงานเลี้ยงวางกองไว้ก็อดสงสารไม่ได้ ครั้นจะปล่อยให้เหี่ยวแห้งไปก็ใช่ที่ ผมเลยยกมาปักแจกันซะเลย วันนั้นหาแก้วทรงสูงอยู่ตั้งนานเลยกว่าจะหาอันที่พอดีมาใส่ได้
                    "นอกนั้นก็มีเรื่องความสะอาดในห้อง พี่เลยตอบไปว่า แมคปัดกวาดให้ เพราะแม่บ้านมาอาทิตย์ละครั้ง"คิดแล้วก็คงเป็นดวงซวยของผมหรือเปล่าก็ไม่รู้นะครับ เพราะเมื่อสองวันก่อน ผมเกิดขยันระหว่างรอพี่มาร์ทกลับห้องมาผมก็ทำความสะอาดห้องฆ่าเวลา รู้ตัวอีกทีก็สะอาดเอี่ยมอ่องทั้งห้องเลย "หลังจากนั้นแม่ก็เดินไปเทอร์เรส ถามต่ออีกว่า คิดจะปลูกต้นไม้แต่เมื่อไหร่ ใครซื้อมาให้ พี่ตอบไปว่า ผมซื้อ แต่แมคแนะนำ" ถูกต้องที่สุด ตึกมันต้องมีสีเขียวบ้างจะได้สดชืนมองไปทางไหนก็รื่นรมณ์จริงไหมละครับ มองต้นไม้มองวิวทำให้ใจเย็นขึ้นเยอะ
                    "สรุปว่าแม่พี่ถามอะไร ผมก็มีส่วนร่วมไปทุกงานว่างั้น"
                    "จริงๆก็แปลกอยู่นะ ของที่แมคไม่ได้มีส่วนรวม แม่ไม่เห็นถามเลย"
                    "เออ ผมมันคงดวงตกสินะครับ" ดูท่าคงเป็นคราวเคราะห์ของผมเอง "พี่มาร์ทนัดแม่ไว้กี่โมง"
                    "แม่อยากให้ไปทานข้าวเที่ยงด้วย แต่พี่เลี่ยงไปว่า แมคเรียนเช้า ดังนั้นเราก็ไปช่วงบ่ายละกันครับ แมคจะได้มีเวลาเตรียมตัวด้วย"
                    "งั้นไปทานข้าวห้างแล้วแวะซื้อชุดใหม่กันก่อนละกัน ช่วยผมเลือกชุดด้วยนะ ไม่รู้ว่าแบบไหนจะถูกใจแม่พี่บ้าง"
                    “ขอบคุณที่ทำเพื่อพี่นะครับ” พี่มาร์ทว่ายิ้มๆกดริมฝีปากลงข้างแก้มของผม

                TBC
                 -----------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ ClearHeart

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 11 (2/2)] 19-04-2016
«ตอบ #55 เมื่อ19-04-2016 23:54:33 »


Until You


ตอนที่ 11 (2/2)

          หลังจากกินข้าวกลางวันด้วยความทุกข์และได้สวมชุดใหม่ด้วยความหนักใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  พี่มาร์ทก็พาผมเดินทางทางไปยังบ้านของเขา ซึ่งผมคาดการณ์เอาไว้แล้วว่าลักษณะบ้านที่ผมกำลังจะไปเยือนนี้ต้องสวยหรูและดูเลิศเลอกว่าทุกแบบบ้านที่จินตนาการอยู่ในหัวของผมตอนนี้แน่ๆ นั่นก็เพราะพี่มาร์ทได้บอกผมกับผมว่า คุณแม่ของเขานั้นท่านมีศักดิ์เป็นหม่อมหลวงหรือหม่องราชวงศ์สักอย่าง แค่ได้ฟังก็ยิ่งทำให้ผมตระหนกเครียดกับการเผชิญหน้าครั้งนี้เข้าไปใหญ่ แต่ถึงยังไงผมก็คงจะเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี เอาเป็นว่าต่อแต่นี้ ผมจะเรียกคุณแม่ของพี่ชายคนนี้ของผมว่า คุณหญิงแม่ละกันครับ
                    "เป็นไรเปล่า ดูเงียบๆ" พี่มาร์ทเอ่ยถามขึ้น ขณะขับรถ
                    "บอกตามตรงเลย ผมรู้สึกกลัวยังไงก็ไม่รู้ครับ"
                    "พี่ก็เกร็งอยู่เหมือนกันว่า คราวนี้แม่จะมาไม้ไหนอีก" ฟังพูดเข้า นี่กะจะแกล้งให้ผมกลัวเพิ่มใช่ไหม?


          เมื่อรั้วอัลลอยบานใหญ่เปิดออกเพื่อให้รถเคลื่อนตัวเข้าไป ผมถึงกับต้องอ้าปากค้างในความใหญ่โตอลังการเกินกว่าที่จินตนาการไว้สามเท่า แม้พี่มาร์ทจะบอกล่วงหน้าก่อนมาแล้วว่าเปลี่ยนสถานที่นัดพบมาเป็นบ้านแถบชานเมืองหลังเล็ก เพื่อให้ผมรู้สึกเกร็งน้อยลง แต่คำว่า เล็ก ของพี่มาร์ทนี่ใช้อะไรเป็นมาตราฐานการวัดขนาดครับ ผมละอยากจะถามเสียจริง เพราะดูจากพื้นที่ตัวบ้านขนาดสองชั้นครึ่งกับสนามหญ้านี่ก็มีขนาดไม่ต่ำกว่า 400 ตารางวา มองแล้วก็อยากได้แบบนี้สักหลังเหมือนกัน แต่คงสู้ราคาเลขศูนย์ต่อท้ายไม่ไหว ดูนั่น! มีโรงรถไว้เก็บรถด้วยครับ

                    “เชิญครับคุณผู้ชาย” คุณพระ!! ผมได้เลื่อนขั้นเป็นคุณชายแล้วเหรอครับนี่
                    “อ่าครับ...” ถึงกับนิ่งค้างไปสักเล็กน้อย ก่อนจะรีบบอกขอบคุณและก้าวออกจากรถอย่างรีบเร่ง เมื่อประตูรถด้านข้างถูกเปิดออกรอผมลงอยู่ครู่ใหญ่
                    "กลับมาอยู่บ้านแล้วเหรอครับ” ประโยคนี้ชายวัยใกล้หกสิบไม่ได้ถามผมหรอกครับ เขาถามบุคคลที่ยืนเลยผมไปโน่น
                    "เปล่า แค่จำเป็นต้องแวะมา" นี่ก็ตอบตีหน้านิ่งจนผมยังอดแปลกใจไม่ได้เลย "คุณแม่อยู่ข้างในใช่ไหม"
                    "ครับ" น้ำเสียงแผ่วลงผิดกับคำทักทายแต่แรกเมื่อได้ยินคำตอบของคนข้างกายผมเข้า "ท่านให้เรียนว่า ถ้าคุณมาร์ทมาแล้ว ให้ไปรอที่ห้องรับแขกด้านริมสวนครับ"
                    "อืม" รับคำในลำคอเสร็จสรรพก็จับข้อศอกผมพาลากเดินไปเฉยเลย ไม่รู้จะรีบร้อนไปไหน ผมยังสอดส่ายสายตาหามุมสวยของบ้านหลังนี้ไม่ทั่วถึงเลย ว่าจะจำไปวาดแปลนบ้านในอนาคตสักหน่อย


          ห้องรับแขกริมสวนเป็นห้องขนาดกลางตกแต่งสไตล์ยุโรปตะวันตกกึ่งโมเดิร์นโทนสีชมพูอ่อนดูต่างออกไปจากตัวบ้านที่เห็นผ่านตาเมื่อครู่ โซฟาหลุยส์กึ่งนอนขอบทองปักลายนูนบุลายกุหลาบกึ่งร่วมสมัยในเนื้อผ้าถูกตั้งวางตรงกลางห้องขนาบข้างด้วยเก้าอี้หลุยส์เข้าเซตฝั่งละสองตัวเยื้องกันหันด้านข้างออกคงตั้งใจให้แขกผู้มาเยี่ยมเยียนได้ชมสวนสวยติดสระว่ายน้ำทางด้านนอก เหนือขึ้นไปบนผนังเป็นภาพเขียนสีน้ำมันแสดงถึงทิวทัศน์อันสวยงามของยุโรปตะวันออกที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าและฝูงแกะรับกับโคมระย้าชินเนอเรียลายดอกกุหลาบซ้อนเป็นพุ่มเรียงขึ้นไปสูงถึงสามชั้นไล่สีแดงสลับชมพูอ่อน ดูสวยงามและหรูหราราวสมกับเป็นคฤหาสน์หลังโตเสียจริง

                    "แมค?" เสียงเรียกเบาราวกระซิบทำให้ผมละสายตาหันไปมองร่างสูงกว่าที่กำลังชักชวนผมให้ผมนั่งลงบนเก้าอี้ราคาแพงตรงหน้าข้างกายเขา แต่ผมกลับยิ้มรับแล้วค่อยๆก้าวเท้าย่ำลงบนพรมปูพื้นสีขาวประดุจไข่มุกขนยาวนุ่มด้วยอาการเก้กังๆกลัวจะเปื้อน ซึ่งดูท่าจะช้าเกินจนร่างสูงกว่าต้องเอื้อมแขนมาดึงให้นั่งลง ทว่า...ร่างของผมกลับเซเล็กน้อยจนชนเข้ากับตู้ไม้ลายสลักที่ตั้งวางโคมไฟขนาดเล็กข้างเก้าอี้เบาะนั่ง ผมรีบสะบัดตัวออกจากฝ่ามือหนาตรงเข้าตะครุบโคมไฟหลังคาผ้าสีชมพูอ่อนตัดลายสีหวานด้วยโครงเหล็กยึดกลางสีชมพูเข้มคล้ายโดมเครื่องเล่นม้าหมุนในสวนสนุกก่อนมันจะเอนล้มลงแตกเป็นเสี่ยงๆ
                    "เกือบไปแล้ว" ผมถึงกับพ่นลมออกมาจากปากอย่างโล่งอก ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ข้างกันส่งรอยยิ้มให้กับแม่บ้านที่ยกย้ำดื่มเย็นมาบริการ
                    "น...น้ำค่ะ คุณ...คุณมาร์ท" แม่บ้านเอ่ยเสียงสั่นเครือ เมื่อเจ้าของชื่อตวัดสายตามามอง จนผมอดไม่ได้ที่จะแอบถองศอกไปทีนึง ก็ดูสิครับใครๆต่างก็อยากพูดดีทักทายด้วยความคิดถึงดันทำนิสัยเสียใส่ซะได้
                    "คุณแม่มาถึงนานแล้วใช่ไหม ไปเร่งให้ที ผมไม่ว่างมานั่งคอยทั้งวัน"
                    "เอ่อ...คือ..." ฟังแล้วอยากตบมือกลางหน้าผาก  คิดได้ไงให้ลูกจ้างเร่งนายจ้าง? ตกงานกันพอดี "คือว่า...คือ... เอ่อ...."
                    "ผมรอได้ครับพี่มาร์ท บ่ายนี้ผมไม่มีธุระที่ไหน?"
                    "แต่พี่..."
                    "อยู่ๆจะมารีบร้อน ไม่ดูตื่นตูมไปหน่อยเหรอมาร์ท" เสียงหนึ่งดังขึ้นจากมุมทางเข้าห้องเอ่ยทำลายความอึดอัด ซึ่งผมคิดว่า น่าจะเรียกชวนอึดอัดขึ้นซะมากกว่าดูจากการเปลี่ยนท่านั่งของพี่มาร์ทจากสบายๆมาเป็นวางขาลงตามปกติ ส่วนผมก็ยกมือไหว้ตามมารยาทพร้อมเอ่ยสวัสดี แต่ได้รับการตอบกลับเพียงการพยักหน้ารับคำเท่านั้น
                    "การเดินทางเป็นอย่างไรบ้าง?"
                    "ดีครับ รถไม่ติด" พี่มาร์ทตอบ
                    "ชื่อแมคใช่ไหมเรานะ"
                    "ครับ" ผมตอบรับพลางหยักหน้าสำทับอีกรอบ รู้สึกอยากจะนั่งพับเพียบตอบให้สมฐานะของตัวเองมากเลยครับยามนี้ แต่ดูท่าว่าหากทำลงไปจริงๆ ผมคงได้โดนตะเพลิดไล่กลับบ้านก่อนได้พูดคุยอะไรแน่ๆ เพราะดูแล้วคุณหญิงแม่น่าจะเป็นคนเจ้าระเบียบใช่เล่น สังเกตเอาจากทรงผมรวบเกล้าซ้อนขึ้นถักเปียรวบเก็บซ่อนปลายเรียบร้อยชนิดไม่มีผมหลุดลงมาสักเส้น โครงหน้าเรียวงดงามได้รูปถูกแต่งแต้มเครื่องสำอางค์โทนสีอ่อนทำให้ดูเด่นขึ้น ผิวพรรณนี่ไม่ต้องพูดถึงเลยครับ ขาวเนียนใสมีออร่ามากเลยครับ ยิ่งมาปรากฏกายในชุดเดรสยาวครึ่งเข่าแขนกุด คลุมไหล่ด้วยผ้าสีเทาดำมีพู่ห้อยประดับชายทั้งผืน ยิ่งทำให้ดูงามขึ้นไปอีก      
                    "เป็นรุ่นน้องมาร์ทสมัยเรียนที่ Berkeley Munich ..." ถึงกับอึ้ง? ผมรู้จักเมืองเหล่านี้เพราะชอบดูสารคดีกับข่าว แต่ไม่มีวาสนาได้ไปเหยียบให้เป็นบุญเท้าหรอกครับ ค่าเครื่องบินมันแพงกว่าเงินพาร์ทไทม์ของผมมากโขและอีกประการคือ พี่มาร์ทจบมากี่สถาบันครับนี่
                    "ไม่ใช่ครับ"
                    "หืม แล้วรู้จักกันได้ไงละ? มาร์ทบอกว่าเป็นรุ่นน้อง...หรือว่าไม่ใช่?" คำว่าไม่ใช่ ทำไมต้องหรี่ตามองกันด้วยละครับ ตอบยากเลยงานนี้
                    "รุ่นน้องไม่จำเป็นต้องจบที่เดียวกันนี่ครับ แมคเป็นเพื่อนน้องชายเพื่อนผม" คำตอบนี้เล่นเอาสายตาของคุณหญิงแม่ละจากผมไปจับจ้องใบหน้าของลูกชายแทนละครับ
                    "คนไหน?"
                    "คุณแม่ไม่จำชื่อเพื่อนผม แล้วจะทราบไปทำไมละครับ" ฟังแล้วอยากจะกลับขึ้นมาก่อนสงครามจะเกิดเลยครับ แม้ยามนี้จะไม่มีฝ่ายใดเอ่ยปากแต่ผมก็รู้สึกเหมือนว่า บรรยากาศรอบตัวร้อนขึ้นมาหลายองศาทีเดียว ยิ่งเห็นอาการกระตุกยิ้มบนใบหน้างามของคุณหญิงแม่ ยิ่งรู้สึกเสียวสันหลังแทนพี่มาร์ทขึ้นมาชอบกล แต่ดูท่าพี่ชายของผมคนนี้จะไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย ทั้งยังคงเอ่ยคำถามออกไปอีกว่า "คุณแม่จะเริ่มเวลา Tea Time ยังครับ"
                    "อีกกว่าครึ่งชัวโมง แม่ยังทักทายรุ่นน้องไม่เรียบร้อยเลย" แล้วจะย้ำทำไมละครับ คำว่า รุ่นน้อง นี่
                    "บ้านนี้สวยดีนะครับ เอ่อ...ออกแบบเองเหรอครับ"
                    "จ๊ะ พวกของประดับในห้องรับแขกนี่ซื้อมาจากเวนิชบางชิ้นเป็นของเก่าแก่มากสมัยช่วงสงครามที่เหลือรอดมาได้"
                    "..." หมดคำถามในบัดดล ไม่รู้ จะชวนคุยอะไรต่อดีเลยครับ เลยต้องส่งยิ้มให้ทุกท่านๆแทน
                    "เรียนอยู่หรือว่าทำงานแล้ว"
                    "เรียนอยู่ปี1ที่มหาวิทยาลัยMครับผม" เรื่องนี้ผมตอบด้วยความภาคภูมิใจเลย เพราะสอบตรงเข้ามาได้
                    "เก่งนะ"
                    "คุณแม่เข้าเรื่องเลยดีกว่าครับ" พี่มาร์ทพูดขัดอีกครั้ง แต่ดูท่าคราวนี้คุณหญิงแม่จะไม่ถือสาหาความอะไร กลับเปลี่ยนเรื่องเข้าประเด็นเอ่ยคำถามที่ผมเองยังมองไม่เห็นคำตอบเลยว่า
                    "คิดว่ามาร์ทเป็นยังไง" เป็นผู้ชาย? ยัง...ยังไม่ได้ตอบออกไปครับ ถ้าตอบไปนี่ดูท่าคงจะโดนไล่ตะเพิดออกจากคฤหาสน์หลังงามนี้แน่ๆ ครั้นพอหันไปหาตัวช่วยเพียงหนึ่งเดียวกลับกดมือถืออยู่ไม่เงยหน้าหันมาสบตาเลย แล้วผมจะพูดอะไรออกไปดีหว่า? เป็นคนดี อันนี้ก็ตอบหลอกลวงเกินไป เป็นคนหล่อ อันนี้ก็ตอบเข้าข้างไปนิ๊ด เป็นคนไทย อันนี้ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่ เพราะดูจากหน้าตาแล้วมีเค้าต่างชาติหน่อยๆ เป็นคนรวย อันนี้คงรู้ๆกันอยู่ เป็นคนอะไรดีน้า? คิดๆๆ
                    "เออ...คงเป็นคนแปลกมั้งครับ อุ๊ย" จ้องทำไมกันละนี่ หันมามองพร้อมกันอีกตั้งหาก "คือผมหมายถึงว่าพี่มาร์ทเป็นคนโดดเด่นมากครับ แล้วก็ไม่ค่อยจะเหมือนใคร" แล้วนี่จะแอบอมยิ้มทำไม ไม่ได้คิดจะชมจากใจสักหน่อย
                    "งั้นรึ?"
                    "ครับ"
                    "ตอนอยู่คอนโดด้วยกันเป็นไงบ้าง" นี่แค่คำถามธรรมดาหรือจะลองเชิงผมกันแน่?
                    "ผมไมได้ไปบ่อยขนาดนั้นครับ นานๆจะแวะไปที ไปไม่นานก็กลับละครับ"
                    "เห็นว่า ช่วยทำอะไรหลายอย่างเลยนี่ อะไรบ้าง?"
                    "ก็มีจัดของที่ไม่เป็นระเบียบ ปัดกวาดอะไรเล็กน้อยๆนะครับ" นอกเหนือกว่านั่น ผมยังไม่อยากเอ่ยถึงในสถานการณ์ตอนนี้ ซึ่งผมชักไม่แน่ใจประเด็นที่โดนเรียกมาแล้วละครับ? ตอบอะไรกลางๆไว้จะดีกว่า
                    "นั่นมันงานแม่บ้านไม่ใช่เหรอ" พูดงี้มีขึ้นเลย!
                    "จริงๆแล้วก็ไม่มีอะไรแบ่งแยกหรอกครับ ว่างานนั้นงานนี้ควรอยู่ในงานรับผิดชอบของใคร ผมคิดเสมอว่า บ้านเราเราเป็นคนอาศัย เราเป็นคนอยู่ เราก็ควรจะทำเอง การหวังพึ่งพาคนอื่น ไม่ก่อให้เกิดผลดีใดๆ เหมือนกับเราเอาชีวิตเราไปผูกกับเขามันก็เสียเวลาเปล่า อย่างพระท่านว่า มนุษย์เราเกิดมาก็ตัวคนเดียวจะตายก็ตายคนเดียว" ถามอีกดิ ถามมาเลย จะตอบให้ฟังทุกข้อสงสัย แล้วนี่จะทำหน้าอึ้งกันทำไม?
                    "ทำอาหารเก่งเหรอ"
                    "พอทำได้ครับ คุณแม่ผมสอนทำ"
                    "ปกติอยู่บ้านทำอะไร"
                    "ช่วยคุณพ่อคุณแม่ทำงานทั่วๆไป ถ้าว่างแล้วก็ชอบอ่านหนังสือหรือไม่ก็ดูหนังครับ"
                    "หนังประเภทไหน"
                    "ซีรีย์ต่างประเทศ และก็มีหนังพวกสืบสวนสอบสวนและไซไฟครับ"
                    "อ้าว เห็นกระแสหนังไทยมาแรง ไม่สนใจบ้างเลยเหรอ"
                    "ก็ต้องขึ้นอยู่กับเนื้อหาและสาระด้วยครับ อะไรดี ผมก็ดู อะไรไม่ดี(เสื่อม)ผมก็ไม่แลครับ" เรื่องนี้ถูกต้องที่สุดครับ ถ้าของไม่ดี จะเสียเงินแพงไปดูทำไม ใช่ว่าราคาตั๋วหนังจะห้าบาทสิบบาทสักหน่อย
                    "คุณแม่ครับ ผมว่า..."
                    "มาร์ท แม่ยังไม่คุยไม่เสร็จดี อย่าเพิ่งแทรก" / "ใช่ครับพี่มาร์ท"
                    "รู้เรื่องการแต่งสวนบ้างไหม"
                    "ไม่ได้เรียนมาโดยตรง แต่เคยอ่านจากนิตยสารมาบ้างครับ"
                    "ต้น..."
                    "ขออนุญาตครับ" พี่มาร์ทพูดเสียงดัง พร้อมกับยื่นมือถือให้ "สายจากคุณพ่อครับ"
                    "อะ ทำไมไม่บอกแม่ละ" เจอคำพูดนี้เข้าไป พี่มาร์ทถึงกับเผลอหลุดสีหน้าเพลียออกมา แต่เพียงครู่ก็กลับเป็นหน้านิ่งสงวนท่าทีตามสไตล์  "ขอตัวไปคุยธุระสักครู่นะจ๊ะ"
                    "อะครับ" โล่งอกขึ้นมาราวกับยกเทือกเขาออกจากอก ผมรอจนคุณหญิงแม่เดินลับตาไปจึงได้หันไปบอกพี่มาร์ทว่า “ขอน้ำอีกแก้วได้ไหมอะ คอแห้ง”
                    “หึๆ” เรียกแม่บ้านมาเติมน้ำให้ก็พอแล้ว ไม่ต้องเพิ่มออฟชั่นหัวเราะลำคอใส่ผมหรอก ขำอะไรก็ไม่รู้แปลกคน ใช้เสียงมากก็หิวน้ำเป็นธรรมดานี่ “ดื่มน้ำเสร็จแล้วไปทานของว่างกันเลยไหม พี่จะได้ให้แม่บ้านตั้งโต๊ะรอ”
                    “มีขนมด้วยเหรอครับ ไปครับไป”





          ชุดโต๊ะเก้าอี้นั่งเล่นสำหรับสี่คนนั่งในสวนสวยที่ตอนแรกมีเพียงกระถางต้นเฟิร์นประดับบนโต๊ะ บัดนี้เต็มไปด้วยขนมมากมายหลายชนิดและเซดน้ำชาสีขาวสะอาดดูหรูหราเกินกว่าที่ผมจะเคยพบเห็นในชีวิต Afternoon Tea Set ประกอบไปด้วยขนมหวานน่ารับประทานเต็มไปหมด ประกอบไปด้วยมาการองต์ชาเขียวสอดไส้ด้วยครีมช็อกโกแลต สโคนลูกเกดเสิร์ฟพร้อมแยมสตอเบอรี่สีสัดสดใส แซนวิชแซลมอนรมควันพันเบคอนราดซอสเพรสโต้ บัตเตอร์เค๊กวัลนิลลาผสมช็อกโกแลตชิพในเนื้อหั่นชิ้นเล็กพอดีคำ มาพร้อมกับคุ๊กกี้อัลมอนโรยหน้าด้วยเลมอนครีม และปิดท้ายด้วยพุดดิ้งผลไม้รวมในแก้วใบเล็กจัดวางเรียงมาในจานสองชั้นคล้ายเชิงเทียน ที่เห็นแล้วอดน้ำลายไหลไม่ได้ ข้างกันมีชุดน้ำชาสไตล์วินเทจรอยัลสลักลายขอบทองวิจิตรสวยงามสำหรับสองคนดื่มวางตั้งไว้คู่กัน

                    "ขอบคุณครับ" แต่ช่วยรินไวกว่านี้ได้ไหมครับคุณแม่บ้าน ผมละอยากจิบชามะลิเต็มแก่ละ รู้ได้ไงว่าชาชนิดนี้เหรอครับ ก็กลิ่นลอยมากระทบจมูกนั้นค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์แบบนี้ไม่ใช่ชาอื่นใดแน่นอน
                    "ขอไซรัปกับนมด้วย" พี่มาร์ทที่นั่งเงียบมานานเอ่ยขึ้น ช่างรู้ใจผมเป็นที่สุด
                    “ขอบคุณครับ” รอจนแม่บ้านถอยห่างออกไป ผมจึงหันไปยิ้มให้พี่ชายข้างกายที่พยักหน้าให้ผมลองลิ้มชิมรสชาติชาอุ่นๆจากแก้วชาในมือได้ กลิ่นหอมชวนจิบจากใบชาลอยอบอวลขึ้นแตะจมูกตอกย้ำว่า ผมเดาไม่ผิด ยิ่งเมื่อยามแนบริมฝีปากเข้ากับถ้วยชาขอบบางสลักลายสีทองมุก ผมบอกได้คำเดียวครับว่า มัน...อืม...รสชาติมัน...อ่า...
                    “เป็นไงบ้าง พี่ว่าแมคน่าจะชอบชารสอ่อนมากกว่าชา....”
                    “ร้อน!!” จนอยากจะบ้วนทิ้ง แต่บ้วนไม่ได้เลยต้องกลืนลงคอ ก่อนจะลิ้นจะพอง “โอย คอผมๆ เอ้า พี่มาร์ทขอน้ำหน่อยครับ มัวแต่ขำผมอยู่นี่ละ แค่กๆ”
                    “เอาน้ำเปล่ามาแก้ว ไป” กว่าจะพูดได้ผมปากพองห้อยยันคางแล้วมั้ง
                    “น...น้ำค่ะ คุณผู้ชาย" แม่บ้านสาวยื่นแก้วน้ำให้ออกอาการมื่อสั่นอย่างเห็นได้ชัด ดูท่าจะตกใจไม่น้อย เห็นรีบลนลานเติมน้ำส่งมาให้
                    “ไม่ต้องละครับ ค่อยยังชั่วละ” ผมบอก หยิบแก้วชามาเป่าก่อนจิบอีกครั้ง ต้องยอมรับว่าเป็นชากลิ่นหอมที่รสชาติดีทีเดียว
                    “ชอบไหม?” ผมพยักหน้าหยิบขนมปังมากัดไปคำสลับกับดื่มน้ำชาเงียบๆ ด้วยไม่รู้จะพูดอะไรต่อ พี่มาร์ทเองก็ทำไม่ต่างกันมากนัก เพียงแต่เขามีมาดคุณชายมากกว่าผมตรงที่ สองมือยกแก้วชาพร้อมจานรองขึ้นมาประคองไว้ขณะขานั่งไขว้ห้าง รอจนอุ่นได้ที่จึงจรดปากลงจิบด้วยอาการสุภาพนุ่มนวล จนผมอดที่จะจิกกัดทางสายตาด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้ คนอะไรหล่อดูดีทุกระเบียดนิ้วซะจริง
                    "ออกไปก่อนไป มีอะไรแล้วจะเรียก"
                    "ครับ / ค่ะ"
                    "เป็นไง สบายใจขึ้นยัง"
                    "ผมนะเหรอ ทำไม? ก็ปกตินี่"
                    "แน่ใจ?" พี่มาร์ทกระตุกยิ้มมุมปากวางถ้วยชาลงกับโต๊ะ "นั่งเกร็งซะขนาดนั้น"
                    "เมื่อกี้พี่มาร์ทก็เงียบนะครับตอนเจอคุณแม่นะ" พูดจบต้องยิ้มหวานส่งให้ปิดท้ายด้วย
                    "ยอกย้อนนัก นี่แนะ"
                    "โอ๊ย ดีดปากเค้าทำไมอะ เจ็บนะ"
                    "มีคนมา"

          พี่มาร์ทเอ่ยขึ้นเบาๆพลางกระทุ้งศอกเตือนผม ให้นั่งเรียบร้อยตามมารยาท ผมพยักหน้ารับพลางหันมองตรงประตูทางเข้าที่เปิดออกพร้อมร่างสูงระหงส์เดินนวยนาดเข้ามา คุณหญิงแม่โบกมือให้สัญญาณกับแม่บ้านสาวคนนึงที่ยืนห่างออกไปช่วงตัว เธอโค้งรับพร้อมสั่งให้คนยกเซตน้ำชาส่วนตัวเข้ามา

                    "เมื่อครู่คุยกันถึงเรื่องสวนใช่ไหมจ๊ะ"
                    "ค...ครับ" ผมเอ่ยรับ ไม่คิดว่าคุณหญิงแม่จะมีความจำดีขนาดนี้ ซึ่งอันที่จริงลืมไปก็ได้นะครับ เพราะอันที่จริงแล้วผมไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย
                    "ต้นไม้...."
                    "คือ...ขอโทษนะครับ" ผมยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ทำเอาหญิงสาวเพียงคนเดียวในห้องชะงักคงตกใจที่ผมไหว้ พี่มาร์ทเองก็แสดงอาการไม่ต่างกันเท่าไหร่ "คือผมขออนุญาตเปลี่ยนเรื่องคุยได้ไหมครับ คือผมไม่ถนัดเรื่องสวนเลยจริงๆครับ"
                    "ได้สิจ๊ะ ทำไมจะไม่ได้" คุณหญิงแม่ยิ้มขำถึงขั้นต้องยกมือขึ้นมาปิดปาก "ขอโทษที่เสียมารยาทนะจ๊ะ แต่อดไม่ได้จริงๆ มาร์ทไปเจอเราได้ยังไง คำพูดคำจาทั้งกริยามารยาทช่างน่ารักจริงๆ ผิดกับมีทเลยนะ ทั้งที่เป็นสาวแต่แก่นแก้วน่าดูน้องสาวมาร์ทนะจ๊ะ ตอนนี้เรียนอยู่ที่ England” ผมยิ้มรับ คุณหญิงแม่จึงพูดต่อว่า "มีอะไรขอให้พูดออกมาตรงๆเลยนะจ๊ะ ดูจริงใจดี... ชอบชาไหม ชิมหรือยัง?"
                    "อร่อยและหอมมากเลยครับ ซื้อมาจากไหนหรือครับ"
                    "ไม่ได้ซื้อหรอก ชามะลิที่ให้ชิม มาจากสวนทางเหนือของน้าเอง ถ้าชอบเติมได้นะ"
                    "ชามะลิกับชาใบหม่อนต่างกันยังไงครับ?"


          เสร็จจากการพูดคุยยามบ่าย ทำให้ผมรู้สึกว่าแท้จริงแล้ว คุณหญิงแม่ท่านไม่ได้มีท่าทีรังเกียจผมหรือน่ากลัวเจ้าเล่ห์อย่างที่พี่มาร์ทเล่าแม้แต่น้อย ผมกลับคิดว่าการที่ท่านดูเหมือนจะดุหรือเคร่งมารยาทเป็นเพราะการวางตัวของท่านมากกว่า

                    "เสียดาย คุณพ่อมาไม่ได้นะมาร์ท ไม่งั้นคงสนุกกว่านี้" พี่มาร์ทยิ้มรับ แต่เป็นยิ้มไม่สดใสเท่าไหร่ "วันหลังมาทานข้าวนะจ๊ะ แมค"
                    "ครับ" กลับเป็นผมเองที่ยิ้มได้ร่าเริงมากกว่าเสียอีก
                    "ขับรถกลับคอนโดดีๆละลูก"
                    "สวัสดีครับ" ผมยกมือไหว้ แต่คุณแม่ท่านกอดผมไว้หลวมๆ
                    "มาร์ท ส่งน้องถึงบ้านดีๆละ... อย่าให้ผิดหวัง"

                TBC
                 -----------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ Ferin1A

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 11 (2/2)] 19-04-2016
«ตอบ #56 เมื่อ22-04-2016 01:12:46 »

ผ่านด่านคุณหญิงแม่แล้วววว
 o18

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 11 (2/2)] 19-04-2016
«ตอบ #57 เมื่อ22-04-2016 07:47:45 »

โอ้วววว~~~ ฉลุยเลย :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 11 (2/2)] 19-04-2016
«ตอบ #58 เมื่อ22-04-2016 14:20:59 »

 :katai2-1:   :mew1:  แมคสู้ๆนะ

ออฟไลน์ ClearHeart

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Until You [อัพเดท ตอนที่ 12 (1/2)] 23-04-2016
«ตอบ #59 เมื่อ23-04-2016 21:18:51 »


Until You


ตอนที่ 12 (1/2)

          แผ่นหลังกว้างที่เคยแอบมองไม่ต่ำว่าวันละสองครั้ง ต้นแขนล่ำที่เคยแอบซบยามเอนกายลงนอน แผงอกอุ่นที่เคยแอบลูบตีเนียนเผลอไปจับตอนดูหนังและริมฝีปากนุ่มที่มากกว่าคำว่าเคยสัมผัส บัดนี้อยู่ตรงหน้าเต็มตาชนิดกระแทกเข้าไปในใจเลยด้วยซ้ำ ทำไมต้องเข้ามาใกล้ชนิดได้กลิ่นหอมกรุ่นจากโคโลญน์ขนาดนี้ก็ไม่รู้ด้วย?

                    "เหม่ออะไรครับ? พี่เหรอ?"
                    “อะไรๆ ไม่ได้มองสักหน่อย แบร่” ผมอดแลบลิ้นปลิ้นตาส่งกลับไปไม่ได้ “แล้วมายืนทำไมตรงนี้ ไปยกเวทตรงโน้นเลย”
                    “มายืนให้แมคมองใกล้ๆจะได้ไม่ต้องเพ่งสายตาไงครับ หึๆ”
                    “ใครมองอะไร พี่มาร์ทมั่ววะ ผมปั่นจักรยานอยู่ไม่เห็นเหรอครับ เสียสมาธิชะมัด” ผมตะโกนบอกสองขาก็ยังคงออกแรงปั่น spin bike ต่อไป "โน่นมุมโน้นเลย ไม่ต้องมาแซวผม ชิ"
                    “พี่ว่าพี่ยกดัมเบลตรงนี้ดีกว่า จะได้คอยดูแลแมคด้วย”
                    "จะมาดูแลอะไรผม แค่ปั่นจักรยานนี่นะ" ผมร้องขึ้น แต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะขึ้นจมูกแทน "ก็ตามใจ"


          พี่มาร์ทว่าจบก็หย่อนก้นลงบนเก้าอี้ม้านั่งสำหรับบริหารร่างกายช่วงท้อง หยิบถุงมือผ้าสีดำเสริมซิลิโคนชนิดนุ่มตัดลายหนังสีเทาเข้มตรงหลังมือของแบรนด์ดังอย่าง Nike Elite ขึ้นมาสวมใส่ตรงหน้าแท่นวางเซตดัมเบลหลายขนาด ร่างสูงกางนิ้วทั้งห้าออกและขยับมือไปมาเพื่อความกระชับก่อนพิจารณาเลือกขนาดและน้ำหนักที่พอดีกับฝ่ามือ เขาชั่งใจอยู่สักพักแล้วจึงหยิบดัมเบลขนาดเท่าต้นแขนออกมาลองยกเล่นๆสองสามที แล้วจึงวางลงที่เดิมเปลี่ยนมาเป็นขนาดใหญ่ขึ้นอีกเล็กน้อย

                    “ถามได้ปะครับว่า มันหนักกี่กิโลอะ”
                    “นี่นะเหรอ? อึบ... 10 กิโลกรัม วันนี้พี่จัดเบาๆก่อนไม่ได้ซ้อมมาพักนึงละ” พี่มาร์ทเอ่ยตอบรับสั้นๆ ขณะที่ฝ่ามือหนาจับดัมเบลไว้แน่นออกออกแรงยกงอศอกจนข้อพับแนบชิดลำตัวสลับข้างกันไปเรื่อยๆจนผมนับได้ห้ารอบ เอ๊ะ แล้วผมรู้ได้ไงหว่า? ว่านับไปเท่าไหร่กัน เดี่ยวนะ...ตะกี้พี่มาร์ทบอกว่าเท่าไหร่นะครับ?
                    “10 โล!!!” ถึงกับร้องเสียงหลง ขนาดถุงข้าว 5 โลยกมือเดียวยังไม่ขึ้นเลย คิดแล้วอนาจใจได้แต่ก้มมองท่อนแขนของตัวเอง
                    “สนใจเหรอ? สำหรับแมค ลองสัก 3 กิโลก่อนดีกว่ามั้งครับ พี่ว่านะ”
                    “เห็นด้วยครับ แต่วันนี้ไว้ก่อนละกัน” ผมบอกเริ่มหายใจหอบถี่ เพราะปั่นไปร่วมห้านาทีจนครบรอบเครื่องส่งสัญญาณเตือนตามที่ได้ตั้งไว้ “ผมยังมีลู่วิ่งไฟฟ้าอีกอันอะ”
                    “อืม เสร็จแล้วนั่งพักรอพี่ละกันนะ พี่ขอไปซ้อมตรงเครื่อง Strength ก่อน” ผมพยักหน้ารับคำ ขณะที่พี่มาร์ทเองก็เดินไปยังเครื่องรูปร่างเหมือนที่จับโยกสองแขนอะไรสักอย่างและมีเบาะนั่งตรงกลาง ดูแล้วท่าจะหนักไม่เบาเพราะด้านหลังมีแท่งเหล็กวางเป็นชั้นเลย ส่วนผมก็เดินไปยังลู่วิ่งไฟฟ้าที่วางอยู่ใกล้ๆกัน


          แผงอกล่ำได้รูปภายใต้เสื้อคอวีแขนกุดสีเทาแนบลำตัวขยับขึ้นลงช้าๆเป็นจังหวะตามการหายใจเข้าออกของเจ้าของร่างสูง ไหล่กว้างค่อยๆกางออกและหุบเข้าตามวงรอบของการโยกแท่นจับจนเห็นกล้ามเนื้อแน่นช่วงแขนและหลังอย่างชัดเจน โดยเฉพาะตรงต้นแขนแกร่งที่มองเห็นมัดกล้ามเนื้อสวยรับกับลำคอและแผ่นหลังกว้างชวนสัมผัสจนอยากเอาหน้าไปซบคลายความเหนื่อยล้าเสียจริง นี่ถ้าพี่มาร์ทจับชายเสื้อขึ้นมาเช็ดเหงื่อบนใบหน้า คงได้เห็นวิวเชิญชวนกว่านี้แน่ๆ พูดละอยากกัดริมฝีปากระงับความอยากยามได้มองกล้ามเนื้อสวยได้รูปตรงช่วงท้องของพี่มาร์ท ตอนกำลังซิทอัพโชว์ซิกแพ็กซะจริงๆ

                    “เฮ้ย!”
                    “คุณแมคระวังด้วยครับ”
                    "อุ๊บส์" ผมกระโดดขึ้นกลางอากาศแล้วปล่อยขาลงในท่ากางออกด้านข้าง ก่อนที่เทรนส์เนอร์หนุ่มจะกดหยุดเครื่องกระทันหัน “ขอโทษครับ คุณบอม” ผมยิ้มรับแห้งๆให้กับเทรนส์เนอร์หนุ่มอารมณ์ดีที่คว้าผมเอาไว้ได้ทันก่อนที่ผมจะไถลลื่นหน้าขะมำไหลไปตามพื้นลู่วิ่งกองท่าทุเรศกับพื้น
                    “ต่อไหวไหมครับ อีก 3 นาทีก็ได้พักละ”
                    “ไหวครับไหว ตะกี้ผมเผลอคิดเรื่องอื่นเพลินไปหน่อย ตอนนี้ไม่เป็นไรละครับ ขอบคุณคุณบอมนะครับที่ช่วยตะกี้”
                    “ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี ถ้ามีอะไรเรียกนะครับ ผมขอไปดูลูกค้าท่านอื่นก่อน” ผมพยักหน้ารับ “ถ้าครบเวลาแล้ว คอร์สวันนี้สำหรับคุณแมคก็ไม่มีอะไรแล้วครับ”


          ผมพยักหน้ารับรอปั่นจนครบเวลาแล้วจึงเดินไปยังเก้าอี้สำหรับนั่งพักผ่อน เปิดฝาขวดน้ำออกยกขึ้นกรอกปากปล่อยให้น้ำไหลเปรอะลงมาตามคางแบบไม่คิดจะเช็ด พร้อมกับคว้าขนหนูสีขาวเนื้อละเอียดขึ้นมายีหัวอย่างไม่ไหวจะเคลียร์กับสภาพน่าอนาจของตัวเองในวันนี้มากๆ คิดแล้วก็น่าถอนหายใจ คนแมนๆอย่างผมต้องมาจิ้นเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างหุ่นผู้ชายล่ำๆจนเกือบทำตัวเองบาดเจ็บนี่นะ? คนที่เคยบอกว่าชอบได้ทั้งหญิงชายเป็นไบโอเช็กส์ชัวอย่างผมกำลังล้ำเส้นความเป็นกลางอยู่รึเปล่า? หรือผมกำลังจะกลายเป็นเกย์เต็มตัว ไม่มีทางเด็ดขาด แค่เสียความบริสุทธ์ไปครั้งสองครั้งทำเอาผมเป็นได้ขนาดนี้เลยเหรอ มันต้องไม่ใช่อย่างนี้สิวะ ไม่ใช่และไม่มีทางจะเป็นไปได้ด้วย

                    "โธ่เว้ย!"
                    "เกือบโดนพี่นะแมค" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นติดอารมณ์ค่อนข้างไม่พอใจ เพราะผมปาขวดน้ำเกือบไปโดนเขาอย่างจัง โชคดีที่รับไว้ได้ "เมื่อกี้เป็นอะไรมากเหรอเปล่า?"
                    "ไม่ครับ ปกติ" ผมตอบพร้อมกับดึงผ้าขนหนูที่คลุมหัวออกเผยให้เห็นใบหน้าหงุดหงิด
                    "ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว แค่พลาดเล็กน้อยไม่ต้องเก็บมาใส่ใจหรอก" พี่มาร์ทว่ายื่นมือมายีหัวผมเล่น แต่ยิ่งพูดผมก็ยิ่งรู้สึกขุ่นเคืองมากขึ้นเท่านั้น แต่จะโทษอีกฝ่ายอย่างเดียวก็ไม่ถูก ในเมื่อคนก่อเรื่องก็คือตัวผมเอง "ไปอาบน้ำกันเถอะ"
                    "เสร็จแล้วไปไหนต่อเหรอเปล่าครับ"
                    "พี่ว่าจะพาแมคไปยิงปืน" ผมถึงกับเบ้หน้า แต่พี่มาร์ทกลับหลุดขำ "มันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นหรอกน่า ฝึกไปเรื่อยๆเดี่ยวก็เก่งเอง"
                    "กว่าจะเก่ง ผมคงหูแตกตาย" ก่อนหน้านี้พี่มาร์ทเคยชวนผมไปสนามยิงปืนและให้ผมลองยิง แค่ครั้งแรกเสียงก็ดังสนั่นลั่นแก้วหูแถมยังยิงพลาดเป้าไปตั้งไกล ใครจะไปคิดละว่า ตอนยิงแรงอัดจะมากขนาดนี้ อุตส่าห์เก็กท่าหล่อตามหนังแต่ยิงไม่ถูก มันน่าขายหน้าสุดๆ "อีกอย่างลูกปืนก็แพง กว่าจะยิงเก่ง ผมคงต้องไปทำพาร์ทไทม์ 7-11 เก็บเงินมาจ่ายพี่"
                    "หึๆ โอเค ถ้าไม่ชอบปืน แมคอยากเล่นอะไร"
                    "ผมอยากยิงธนู จะทำเท่ห์แบบโรบินฮู๊ด" พูดแล้วก็หัวเราะ "ธนูน่าสนใจกว่าอีก เงียบกว่าด้วยครับ"
                    "แต่คันธนูไม่ได้หาง่าย ราคาสูง แถมสนามยังหาซ้อมยากกว่าปืนอีก"
                    "งั้นไม่เล่นละ กลับบ้านไปนอนดีกว่า" ผมบอกออกไปประจวบเหมาะกับมือถือสั่นในกระเป๋ากางเกงพอดี "อ้าวแม่ หวัดดีครับ"
                    (กลับมากินข้าวบ้านตอนเย็นไหม)
                    "กินๆ นี่ก็ว่าจะกลับละ" ผมตอบพลางเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายที่อยู่ๆเกิดจับข้อศอกผมไว้แต่กลับไม่พูดอะไรสักคำ
                    (ออกกำลังกายเสร็จแล้วเหรอ?)
                    "ครับ"
                    (งั้นแค่นี้นะแมค)
                    "เดี่ยวแม่ๆ ถ้าแมคชวนรุ่นพี่ไปกินข้าวเย็นด้วยได้ไหม" ไม่รู้ทำไมผมถึงถามออกไปก็ไม่รู้ อ้าว เฮ้ย แล้วพี่มาร์ทเดินหนีไปไหนแล้วนี่?
                    (ทำไมจะไม่ได้ มากันกี่คน แม่จะได้หุงข้าวเผื่อ)
                    "คนเดียวครับ แต่ตัวโตคงจะกินเยอะ" ผมยิ้มกริ้มกรุ่มเมื่อจินตนาการภาพใครบางคนเติมข้าว
                    (อืม แม่วางนะไม่รู้ใครโทรเข้าโทรศัพท์บ้าน)
                    "ครับๆ" กดวางสายเป็นที่เรียบร้อยแล้วผมก็วิ่งจั๊มอ้าวไปขวางทางประตูห้องน้ำที่กำลังจะถูกมือหนาผลักเข้าไป "เมื่อกี้จะพูดอะไรทำไมไม่พูดละครับ"
                    "ก็ไม่มีอะไรนี่" พี่มาร์ทเอ่ยเสียงเรียบ พร้อมกับผลักผมออกให้พ้นทาง
                    "เดี่ยวสิครับ ตกลงพี่มาร์ทไปกินข้าวบ้านผมนะ"
                    "ไม่ไป" ผมถึงกับหวอไม่คิดว่าจะได้รับคำปฏิเสธ "แมคมีคนกินข้าวด้วยแล้ว พี่จะไปทำไม"
                    "ใครอะ? ไหนก่อนมาบอกสัญญาจะกินข้าวเย็นด้วยกันไงครับ? ผมอุตส่าห์บอกแม่ว่าให้ทำเผื่อแล้วด้วย" ไม่รู้ทำไมพี่มาร์ทเกิดเปลี่ยนใจก็ไม่รู้สิครับ สงสัยจะติดธุระสำคัญ "งั้นถ้าไม่กินบ้านผม พี่มาร์ทจะไปกินที่ไหน"
                    "ก็คงทำอะไรทานที่คอนโด แมคไม่ต้องใส่ใจพี่หรอก กลับบ้านไปกินข้าวแม่เถอะ"
                    "อ้าว ตกลงว่าพี่มาร์ทมีหรือไม่มีธุระกันแน่ ผมงงไปหมดแล้ว"
                    "ไม่มี" พี่มาร์ทเอ่ยเสียงเรียบ พร้อมกับผลักผมออกให้พ้นทาง แต่ผมรั้งเขาไว้
                    "งั้นก็ไปกินข้าวบ้านผมสิครับ จะได้ไม่ต้องทำ นี่อุตส่าห์ชวนเลยนะนี่" ผมบอก "ขนาดเพื่อนผมยังไม่เคยชวนใครไปบ้านเลย" หรือชวนแล้วไม่มีใครไปหว่า เพราะบ้านผมอยู่แถบชานเมือง
                    "แล้วรุ่นพี่?"
                    "ก็พี่มาร์ทนั่นละ จะให้ผมไปชวนใครอีกเล่า เล่นกล้ามจนเบลอเหรอครับ ฮ่าๆ"
                    "แซวพี่เหรอ? มานี่เลย"
                    "อะไร ไม่ไป ไม่เข้า อ้าวเฮ้ย ถอดเสื้อออกทำไม"
                    "อาบน้ำ ฝากล็อกประตูให้ด้วย" ไม่พูดเปล่ายังเปิดน้ำจากฝักบัว พร้อมกับถอดกางเกงออกจนผมปิดตาแทบไม่ทัน เหลือบเห็นขนอ่อนที่ต้นขาขาวรำไรด้วย
                    "อาบไปคนเดียวเลย ผมจะไปอาบห้องข้างๆ"
                    "กลัวอะไรพี่เหรอครับ น้องแมค" มีท้าๆ งี้ต้องชนซะละ
                    "ผมนะเหรอกลัว? อาบก็อาบสิ แต่ต่างคนต่างอาบนะ" แค่อาบน้ำทั้งเสื้อผ้ากลัวอะไร?
                    "ไม่ถอดแล้วจะอาบสะอาดเหรอครับ?"
                    "เรื่องของผม" ตอบไปงั้น แต่สองเท้ากับสองแขนเตรียมผลักประตูออกในทันที จะอยู่ทำไมให้ซวยละครับจริงไหม?

                TBC
                 -----------------------------------------------------------------------------------------

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด