มาแล้วจ้าาาา ไม่นานเนอะ พยายามรีบปั่นให้เสร็จเลยนะเนี่ย555 ฝากตอนที่ 6 ด้วยจ้าาาาEP.6
ผมยอมให้ไอ้พี่เหมจีบ…
พยายามคิดทบทวนในหลายๆสิ่งดูแล้วคำตอบที่ผุดขึ้นมาในใจก็มีแค่คำตอบนี้
ผมไม่ได้รังเกียจไอ้พี่เหมนั่นเป็นสิ่งที่แน่นอน แค่ลองคิดว่าเปลี่ยนจากไอ้พี่เหมเป็นผู้ชายคนอื่นมาจีบผมใจมันก็ปฏเสธทันทีอย่างไม่มีการลังเล ผมจึงสรุปได้ว่าต้องเป็นแค่ไอ้พี่เหมคนเดียวเท่านั้นที่ผมยอมให้จีบได้
แค่ยอมให้จีบนะครับ! จีบติดไม่ติดก็อีกเรื่องนึง
แล้วหลังจากวันที่พี่มันมาส่งผมที่คณะวันนั้น ไอ้พี่เหมมันก็คอยมารอรับผมหลังเลิกเรียนได้อาทิตย์นึงแล้ว…วันไหนที่ผมเลิกเร็วแล้วพี่มันเลิกช้าก็จะบอกให้ผมไปนั่งรอที่คณะวิศวะ แต่วันไหนที่ผมเลิกช้าแล้วพี่มันเลิกเร็วก็จะมานั่งรอผมที่คณะมนุษย์แทน เป็นแบบนี้มาได้อาทิตย์นึงจนผู้คนทั้งสองคณะเริ่มจะชินแล้วที่เห็นผมไม่ก็ไอ้พี่เหมมานั่งเสนอหน้าอยู่ที่ใต้คณะ แรกๆก็มีมองมาอย่างให้ความสนใจบ้าง ส่วนตอนนี้…
ก็ยังมีคนมองเหมือนเดิม!
เฮ้อออออออ
ผมเองก็ขี้เกียจจะโวยวายแล้วด้วย เพราะว่าตัวผมก็ยอมให้ไอ้พี่เหมคอยมารับหลังเลิกเรียนแบบนี้จะแย้งอะไรไปก็คงไม่มีคนเขาเชื่อหรอก ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย
HEM : อาจารย์ปล่อยหรือยัง?PLUM PLUM : ใกล้แล้ว
HEM : กูรออยู่ข้างล่างแล้วนะPLUM PLUM : คร้าบบบบบ
กดปิดแชทไลน์แล้วหันสนใจอาจารย์ต่อ ทุกครั้งก่อนที่ผมจะเลิกเรียนไอ้พี่เหมมันจะทักมาถามตลอด ผมเองเวลาไปรอมันที่คณะก็ส่งไลน์ไปบอกมันเหมือนกัน ไม่รู้ว่ากลายเป็นแบบนี้ไปได้ไง แต่รู้แค่ว่าต้องทำทุกครั้งที่ผมไปรอมันจนกลายเป็นความเคยชินเล็กๆน้อยๆ ส่วนตอนปกติไอ้พี่เหมมันก็แค่ทักมาบอกฝันดีก่อนนอน ส่วนผมก็ได้แต่บอกฝันดีตอบไม่ก็ส่งสติ๊กเกอร์กลับไปแค่นั้นไม่ได้คุยเรื่องอะไรอื่นๆกันอีก
ผมลองพยายามนึกดูแล้วว่าเคยรู้จักกับไอ้พี่เหมมาก่อนหรือเปล่า แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก ในความทรงจำของผมไม่เคยรู้จักคนชื่อเหมมาก่อน แถมถ้ารู้จักคนหน้าตาดีแบบไอ้พี่เหมมาก่อนผมก็ต้องจำได้แน่นอน แต่นี่กลับจำไม่ได้เลยสักนิด
แต่ยังไง…
ความรู้สึกของผมก็บอกว่าไอ้พี่เหมมันต้องรู้จักผมมาก่อนอย่างแน่นอน
ถ้าถามพี่มันไปมันจะยอมบอกหรือเปล่านะ?
“วันนี้พอแค่นี้นะคะนักศึกษา เจอกันอาทิตย์หน้าค่ะ”
เสียงอาจารย์บอกเลิกคลาส ผมเลยเก็บอุปกรณ์การเรียนใส่กระเป๋ากำลังจะเดินออกจากห้องแต่ก็รู้สึกเหมือนโดนอะไรบางอย่างรั้งคอเสื้อเอาไว้เสียก่อน
“จะรีบไปไหนเพื่อนพลัม”
ไอ้วิทย์…
จะว่าไงดีล่ะ อืมมมมมม มันก็เป็นเพื่อนที่ผมสนิทด้วยคนนึงในสาขาล่ะนะ ไปไหนมาไหนด้วยกันก็บ่อยอยู่แต่หลังจากที่ผมมีข่าวกับไอ้พี่เหมก็ไม่ค่อยได้คุยกับมันสักเท่าไร
“มึงมีไร?”
หันไปถาม ไอ้วิทย์มันเลยปล่อยคอเสื้อผมยกมือขึ้นกดอกตีหน้าซีเรียส
“นี่มึงลืมไปแล้วใช่ไหมไอ้พลัม”
“เรื่องอะไร?”
“จริงๆเลยไอ้พลัม มีผัวแล้วลืมงานเลยนะมึง”
“ผัวพ่อง!” ตะโกนด่ากลับไปทันที ผัวเผออะไรของมึ๊งงงงงง
“แล้วมึงจะบอกว่าคนที่มารอรับมึงทุกครั้งหลังเลิกเรียนในอาทิตย์ที่ผ่านมาไม่ใช่ผัวมึงหรือไง?”
“ก็ไม่ใช่น่ะสิ!”
“แล้วเค้าเป็นใครล่ะ?”
“เอ่อ…” จะบอกว่าไงดีล่ะว่ะ? คือตอนนี้ผมกับไอ้พี่เหมก็เป็นแฟนกันแค่ในนามไง สถานะจริงๆก็คงประมาณว่า
คนตามจีบล่ะมั๊ง?
“เออๆ ช่างมันเหอะ กลับมาเข้าเรื่อง วันพุธนี้พวกเรามีนัดทำงานของอาจารย์พรรณีกันที่ห้องของไอ้ป๋วยมึงคงจะไม่ได้ลืมใช่ไหม?”
ลืมสนิทเลยต่างหากจ้า
คือช่วงนี้มันมีแต่เรื่องของไอ้พี่เหมเข้ามาไง เรื่องอื่นๆเลยไม่ค่อยได้สนใจสักเท่าไรเลยกลายเป็นลืมไปซะงั้น
“ทำหน้าแบบนี้ลืมจริงๆด้วยสินะมึง” ไอ้วิทย์ว่าเสียงโหด คือไอ้วิทย์มันเป็นคนจริงจังกับงานไง เห็นผมลืมนัดแบบนี้มันก็คงจะไม่พอใจอยู่หรอก
“กูขอโทษษษษษษ” แทบจะยกมือขึ้นไหว้อ่ะบอกเลย หน้าไอ้วิทย์ตอนนี้แม่งอย่างกับยักษ์
“กูจะให้อภัยมึงก็ได้”
“จริงนะมึง?”
“แต่!”
นั่นไง กูว่าแล้วว่ามึงต้องไม่ยอมง่ายๆ
“วันนั้นมึงต้องเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำพื่อนทุกคน”
“อะไรนะ? กูแค่ลืมนัดเองนะมึงงงงงง ถึงกับให้กูต้องควักเนื้อตัวเองมาเลี้ยงข้าวพวกมึงเลยหรือไง?” งานนี้เป็นงานกลุ่มหกคน ดูเหมือนจะเป็นจำนวนคนที่ไม่เยอะเท่าไร แต่หารู้ไม่ว่าไอ้พวกห้าคนที่ตัดผมออกแล้วแม่งแดกเก่งกันชิบหาย แทบจะเรียกหาของกินทุกๆหนึ่งชั่วโมง ไอ้วิทย์นี่ตัวดีเลยมันบอกว่าต้องใช้สมองเลยต้องกินเยอะๆเข้าไว้
เกี่ยวกันด้วยเหรอว่ะ?
“มึงลืมในครั้งนี้ ครั้งต่อๆไปมึงก็จะลืมอีกเพราะฉะนั้นใช้วิธีนี้แหละเป็นการดัดนิสัยที่ดีที่สุด” ไอ้วิทย์มันว่า
ถุย!
“มึงอยากแดกข้าวฟรีก็บอกมาเถอะ”
“ถูก เพราะฉะนั้นมึงก็จัดการเรื่องนี้ด้วยล่ะกัน โอเคนะ” พูดเสร็จมันก็สะบัดตูดไปเก็บของใส่กระเป๋าต่อปล่อยให้ผมยืนเอ๋ออยู่คนเดียวโดยที่ยังไม่ทันได้ตอบโต้อะไรมันสักคำ
กูขอแช่งให้มึงอ้วนเป็นหมูเลยไอ้วิทย์ ไอ้สาดดดดดด!
“ทำไมช้าล่ะ?”
ไอ้พี่เหมถามขึ้นทันทีที่ผมเดินเข้าไปหามันที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะหินอ่อนใต้คณะ
“เพื่อนรั้งตัวไว้คุยงานนิดหน่อย”
“อื้ม มึงหิวไหม?”
“พี่จะถามผมทำไม ปกติพี่ก็ลากผมไปกินข้าวด้วยตลอด”
“หึหึ แสนรู้นะมึง”
ทุกครั้งที่ไอ้พี่เหมมันถามผมว่าหิวไหม? นั่นแสดงว่ามันต้องการที่จะไปแดกข้าวซึ่งต่อให้ผมปฏิเสธยังไงมันจะลากผมไปแดกให้ได้อยู่ดี เลยกลายเป็นว่าผมต้องไปนั่งกินข้าวกับพี่มันทุกครั้งไปโดยปริยาย
“จะกินที่ไหนดีล่ะ?”
“แล้วแต่พี่เลย”
“งั้นไปกินข้างนอกล่ะกัน กินเสร็จจะได้เลยไปส่งมึงที่หอเลย”
ไอ้พี่เหมเสนอเสร็จก็เดินนำออกไป ผมก็เลยต้องเป็นฝ่ายเดินตามมันแทนแต่ยังไม่ทันที่จะเดินออกไปพ้นคณะก็มีเสียงทักไอ้พี่ดังมาจากด้านหลังเสียก่อน
“เฮ้ย ไอ้เหม!”
ผมกับไอ้พี่เหมหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นไอ้พี่วินมหาประลัยที่เคยสั่งให้ผมไปบอกรักไอ้พี่เหมเมื่อสัปดาห์ก่อน หลังจากนั้นก็หมดรับน้องพอดีไอ้พี่วินมันก็เลยหายหน้าหายตาไปเลย นี่ผมก็เพิ่งจะเจอพี่มันนี่แหละ
“มึงมีไรไอ้วิน?” ไอ้พี่เหมถาม
“แหม ไม่มีธุระนี่กูจะทักมึงไม่ได้เลยหรือไงครับ กลัวกูมาขัดจังหวะหรือไง?” ไอ้พี่วินทำหน้ากวนตีนตอบ ผู้ชายหน้านิ่งเสียงโหดเมื่อตอนรับน้องได้หายไปแล้วเหลือก็แต่ไอ้พี่วินที่กำลังยิ้มกวนตีนใส่ไอ้พี่เหมอยู่ เรียกได้ว่าเปลี่ยนจากหลังมือเป็นหลังตีนเลยครับ ผมยังจำตอนที่มันกดดันผมตอนล่ารายเซ็นรุ่นพี่ไม่ครบได้อยู่เลย
น่ากลัวชิบหายอ่ะตอนนั้น
“ถ้าไม่มีธุระอะไรกูก็ขอตัว” ไอ้พี่เหมพูดพร้อมกับทำท่าจะเดินออกไปจนไอ้พี่วินรีบพูดรั้งเอาไว้แทบไม่ทัน
“แหมๆ มึงหนิ จะรีบไปไหนนักหนากูรบกวนเวลามึงไม่นานหรอกน่า”
“ว่ามา”
“ก็หลังจากที่กูสั่งให้ไอ้พลัมไปบอกรักมึงก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย กูเลยจะถามว่าเป็นไงมั่งไง” ไอ้พี่วินพูดพรางเหลือบมองผม ผมเองหลังจากที่ตะโกนบอกรักไอ้พี่เหมไปแล้วก็ไม่ได้คุยอะไรกับไอ้พี่วินเหมือนกัน ตอนนั้นโกธรพี่มันมากที่สั่งให้ผมไปทำอะไรแบบนั้น
“ก็ดี”
“กูไม่คิดว่ามึงจะตอบตกลงนะเนี่ย นึกว่ามึงจะเดินมาด่าซะอีกดันตอบตกลงเฉย”
ผมเองก็คิดเหมือนพี่ครับ งงมากเลยตอนนั้น
“เรื่องของกู”
“ครับๆ แล้วนี่มึงกับพลัมจะไปไหนกันอ่ะ?”
“เรื่องของกู” พี่เหมตอบคำเดิม
“กวนตีนนะมึง”
“พวกเรากำลังจะไปกินข้าวกันครับพี่วิน” ผมตอบแทนไอ้พี่เหมซึ่งพี่มันก็หันมามองนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
“อ๋ออออ พี่ไปด้วยคนสิ”
“ไม่ได้” พี่เหมรีบพูดขัดขึ้นมา
“ทำไม”
“เกะกะ”
“เรื่องของกู” ไอ้พี่วินพูดพลางยักคิ้วจึกๆเป็นการเอาคืนซึ่งผมก็แอบเห็นไอ้พี่เหมคิ้วกระตุกเหมือนกัน และผมว่าคงไม่ใช่แค่คิ้วเท่านั้นที่กระตุก ตีนไอ้พี่เหมก็คงจะกระตุกด้วยเหมือนกัน
“ว่าไงพลัม พี่ไปด้วยได้ไหม?” ไอ้พี่วินหันมาถามผมแทน
ผมอึกอัก มองไปทางไอ้พี่เหมเพื่อขอการตัดสินใจแต่พี่มันก็เสือกมองไปทางอื่นอยู่ซะงั้น พอมองไปทางไอ้พี่วินมันก็ยิ้มหล่อส่งสายตาอ้อนวอนมาให้อยู่
“ก็ได้ครับ…”
ตอบไปแบบอ้อมแอ้ม ไอ้พี่เหมหันมามองหน้าผมแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกเดินนำต่อทันที ส่วนไอ้พี่วินก็เอ่ยปากขอบคุณผมซะใหญ่โต
เอ่อ ไอ้พี่วิน…บางครั้งพี่มึงก็เล่นใหญ่ไปนะ…
แล้วไหนมึงบอกว่ารบกวนเวลาไม่นานไง แต่นี่คุณมึงกำลังจะไปแดกข้าวกับพวกกูเลยนะครับ...
ไอ้พี่เหมเลือกกินร้านอาหารตามสั่งแถวมอ พอจอดรถเสร็จก็เดินตรงดิ่งไปนั่งที่โต๊ะด้านในสุดทันที อ่อ ผมบอกไปหรือยังว่าไอ้พี่เหมแม่งขับบิ๊กไบค์อ่ะ ขี่ไปไหนมาไหนโคตรเท่เลย มีแต่คนมอง เล่นเอาเวลาผมซ้อนท้ายมันนี่ดับไปเลย
ไอ้พี่วินขับรถมาจอดข้างๆ แล้วเดินเข้าไปในร้านพร้อมผม พอเห็นผมเดินเข้าไปไอ้พี่เหมมันตบเก้าอี้ข้างๆมันเป็นสัญญาณให้ผมไปนั่งตรงนั้น ผมส่ายหน้าปฏิเสธ ปกติก็นั่งกันคนล่ะฝั่งนี่ ทำไมจู่ๆพี่มันถึงได้บังคับให้ผมไปนั่งข้างมันล่ะเนี่ย แล้ววันนี้พี่มันเป็นอะไรของมันว่ะ? ตอนแรกก็ยังดีๆอยู่เลยแต่พอเจอไอ้พี่วิน ไอ้พี่เหมก็ดูแปลกไปทันที พี่มันดูพูดน้อยลงกว่าเดิมจนแทบจะกลายเป็นเงียบเลยก็ว่าได้
พอผมส่ายหน้าปฏิเสธไปไอ้พี่เหมก็ไม่ได้บังคับผมเหมือนทุกครั้ง พี่มันแค่พยักหน้ารับรู้แล้วหันไปหยิบกระดาษมาจดรายการอาหารแทน
แปลกจริงๆด้วย…
ปกติถ้าไอ้พี่เหมมันต้องการให้ผมทำอะไรมันก็ต้องบังคับจนผมยอมทำแต่นี่กลับพยักหน้าตกลงง่ายๆซะงั้น
ผมนั่งลงที่หัวโต๊ะส่วนไอ้พี่วินก็นั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามไอ้พี่เหม
“มึงจะกินอะไร?” ไอ้พี่เหมหันมาถามผม
“กะเพราหมูสับ”
ไอ้พี่เหมก้มลงไปจดรายการตามที่ผมบอก
“กูเอาคะน้าหมูกรอบ”
ไอ้พี่วินบอกแต่ไอ้พี่เหมกลับยื่นกระดาษไปให้พี่วินมันจดเอง แถมยังสั่งให้ลุกเอาไปส่งให้แม่ค้าอีกต่างหาก
“เขียนเสร็จแล้วเอาไปส่งด้วยไอ้วิน”
“โห่ ไรว๊า จดให้กูหน่อยไม่ได้หรือไง?”
“ไม่”
ไอ้พี่วินทำปากขมุบขมิบแต่ก็ยอมเขียนเองแล้วลุกเดินเอารายการอาหารไปให้แม่ค้า
เหลือบมองไปทางไอ้พี่เหมก็เห็นว่ามันกำลังก้มเล่นโทรศัพท์อยู่ ไม่รู้ทำไมในใจมันถึงได้รู้สึกว้าวุ้นแปลกๆ รู้สึกกังวลกับท่าทีของไอ้พี่เหมชะมัด แล้วจู่ๆไอ้พี่เหมก็เงยหน้าขึ้นมามองผมจนเสสายตาหลบแทบไม่ทันพี่มันก็ไม่ได้พูดอะไรก้มลงไปเล่นโทรศัพท์ต่อ เป็นผมเองที่เริ่มนั่งไม่ติด สุดท้ายก็เลยตัดสินใจย้ายเก้าอี้ไปนั่งข้างไอ้พี่เหมแม่งเลยเพื่อความสบายใจ
“ย้ายมาทำไม?” ไอ้พี่เหมถาม
“เรื่องของผม” กูเอามั่งครับมุกนี้
“หึหึ” ไอ้พี่เหมหัวเราะพร้อมกับเอื้อมมือมาลูบหัวผมเบาๆ จนผมรีบปัดมือออกแทบไม่ทันคือตอนนี้นั่งอยู่ในร้านอาหารไงครับ ลูกค้านั่งอยู่เต็มไปหมดเดี๋ยวเค้าก็เห็นกันพอดี ครั้งที่แล้วที่ยอมให้ลูบเพราะผมกำลังสับสนอยู่ต่างหาก อย่าหวังเลยว่าครั้งนี้จะยอมง่ายๆ
“มาลูบทำไมเนี่ย!? ไม่ใช่หมานะ”
“กูก็ไม่ได้บอกว่ามึงเป็นหมาสักหน่อย”
“แล้วพี่เห็นผมเป็นอะไรล่ะ?”
“เป็นแฟนกูไง”
“ฮ่วย! ไม่คุยกับพี่แล้ว!”
เจอตอบกลับมาแบบนี้เถียงไม่ได้จริงๆครับ ไอ้พี่เหมมันก็ขยันย้ำจังเลยว่าผมเป็นแฟนมัน ก็บอกแล้วไงว่าเป็นแค่ในนามมมมมม ไม่ได้เป็นจริงๆโว้ย!
ถึงผมจะยอมให้มันจีบก็เถอะ แต่ตอนนี้คือยังไม่ได้เป็นไง!
“แหมๆ กูไม่อยู่แค่แปปเดียวทำไมมดมันขึ้นเต็มโต๊ะไปหมดเลยว่ะ”
ไอ้พี่วินเดินกลับมาพร้อมกับถือแก้วน้ำในมือมาสามใบ ที่มันหายไปนานนี่ก็คงจะไปตักน้ำมาให้สินะ ผมรีบรับน้ำมาจากมือของไอ้พี่วินเพื่อช่วยพี่มันพราะดูท่าทางแล้วน้ำจะหกอยู่รอมร่อ ถือมาพร้อมกันสามแก้วคงลำบากเอาการอยู่
“ขอบคุณครับ” รับมาพร้อมกับขอบคุณก่อนที่จะยื่นแก้วนึงให้ไอ้พี่เหมไป
“ขอบคุณ” พี่เหมพูดขึ้นมาสั้นๆ
“ไม่เป็นไรๆ แต่เมื่อกี๊กูเห็นนะ หวานออกสื่อชะมัดเลยมึงไอ้เหม” ไอ้พี่วินยิ้มล้อไอ้พี่เหม
“กูขอบคุณพลัมต่างหาก”
“ไอ้ห่า กูเป็นคนไปตักมาให้นะ! ต้องขอบคุณกูซี่!”
ไอ้พี่เหมไม่ได้ตอบอะไรส่ายหน้าเอือมๆ ก่อนที่ก้มลงไปเล่นโทรศัพท์ต่อ
“ไอ้เหม! ไอ้เพื่อนเนรคุ๊ณณณณณ!”
ไอ้พี่วินยกนิ้วชี้หน้าไอ้พี่เหมทำหน้าน้อยอกน้อยใจราวกับสาวน้อยวัยใสโดนขัดใจ
…ใครก็ได้บอกผมที่ว่าไอ้คนมุ้งมิ้งปัญญาอ่อนตรงหน้าผมตอนนี้มันคือคนเดียวกับไอ้โหดที่พวกปีหนึ่งต่างพากันเกรงกลัวเมื่อช่วงรับน้อง
ผมพอจะเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมไอ้พี่เหมมันถึงดูเงียบๆไปเมื่อเจอกับไอ้พี่วิน…
เพราะแม่งพูดอะไรไปบางครั้งไอ้พี่วินมันก็จะเล่นใหญ่ตอบกลับมา จนบางทีผมก็รู้สึกว่า…
ไอ้พี่วินครับ…มึงเยอะมากบอกเลย
รออยู่พักนึงอาหารที่สั่งก็ทยอยมาเสิร์ฟจนครบพวกผมสามคนก็ลงมือกินไม่ได้คุยอะไรกันอีก ต่างคนต่างกิน
อ่อ ผมลืมบอกทุกคนไปอย่างนึงครับ
จริงๆแล้ว…
ผมไม่แดกผัก
มันเป็นปัญหาโลกแตกของผมมาก แม่ผมก็พยายามบังคับขู่เข็ญมาตั้งแต่เด็กๆแล้วว่าให้กินผักๆ แต่คนมันไม่ชอบก็คือไม่ชอบอ่ะครับ ต่อให้พยายามยังไงมันก็แดกไม่ได้อยู่ดี กินได้มากสุดก็พวกผักกาด แตงกวา ฝักทอง เห็ด ผักอะไรก็ได้ที่มันไม่ขมอ่ะ นอกนั้นเซย์โน คือใจจริงก็อยากจะสั่งผัดกะเพราไม่ใส่ผักนะ แต่มันก็กระไรอยู่ คือขึ้นชื่อว่าผัดกะเพรามันก็มีแค่กะเพราไง ขืนสั่งไม่ใส่ผักมันก็เหมือนกับว่าผมแดกหมูผัดนั่นแหละ ค่อยมานั่งเขี่ยเอาทีหลังก็ได้
นั่งเขี่ยใบกะเพราอยู่พักนึงไอ้พี่วินก็พูดขึ้นมา
“ไอ้พลัมมึงไม่กินกะเพราเหรอ?”
“ไม่ใช่แค่กะเพราหรอกพี่ ผักอย่างอื่นก็ไม่กิน กินได้แค่บางอย่างอ่ะ” ตอบไอ้พี่วินไปทั้งที่ยังก้มหน้าเขี่ยใบกะเพราออกจากหมูสับอยู่
“งั้นเอามาให้กูมา เดี๋ยวกูกินให้เองเสียดายของ”
ไอ้พี่วินเสนอผมเลยใช้ช้อนตักใบกะเพราที่เขี่ยออกมาแล้วก่ะว่าจะไปวางไว้ที่จานของไอ้พี่วินแต่จู่ๆไอ้พี่เหมมันก็ยื่นจานของมันมาให้ผมซะก่อน
“อะไรของพี่?”
“เอามาให้กูแทน เดี๋ยวกูกินให้เอง”
“เฮ้ย! ได้ไงไอ้เหมกูขอก่อนนะ!” ไอ้พี่วินโวยวายขึ้นมาทันที
“ของมึงก็คะน้าเต็มจานแล้ว แดกให้หมดก่อนเถอะ”
“แต่ก็อยากกินใบกะเพราะด้วย!”
เอ่อ…พี่ๆครับ พวกคุณมึงเถียงกันเพราะแย่งกันแดกใบกะเพราเนี่ยนะ!?
ผมเลยตัดปัญหาโดยการแบ่งใบกะเพราเป็นสองฝั่งเท่าๆกัน ตักใส่จานไอ้พี่เหมครึ่งนึง จานไอ้พี่วินครึ่งนึง ไอ้พี่วินพอได้ใบกะเพราไปก็ยิ้มดีอกดีใจแถมยังมีการหันไปยักคิ้วจึกๆกวนตีนไอ้พี่เหมอีก
ส่วนไอ้พี่เหมก็ไม่ได้พูดอะไรพี่มันก็ดึงจานข้าวกลับไปไว้เหมือนเดิม แต่ก่อนที่พี่มันจะลงมือกินข้าวต่อก็ขยับตัวเข้ามาใกล้ผมแล้วกระซิบเสียงเบาให้ได้ยินกันแค่สองคน
“กูหึงนะ”
ฟวยยยยยยยย
หึงอะไรของมึงครับ!?
แค่ใบกะเพราเองสาดดดดดดด!
แต่ยังไม่จบแค่นี้ ไอ้พี่เหมมันยังกระซิบต่ออีกว่า
“อย่าเอาใจคนอื่นมากกว่ากูสิ”
ห่าน!!!
คือกูก็แบ่งให้คุณมึงไหมล่ะ? แล้วอีกอย่างไอ้พี่วินแม่งก็แค่เสนอตัวว่าอยากแดกกูเลยจะตักให้แค่นั้น แบบนี้เรียกว่าเอาใจ? ถ้าจะเอาใจจริงก็ต้องที่กูยอมย้ายมานั่งข้างมึงนี่!
ผมไม่ได้ตอบอะไรไอ้พี่เหมก้มหน้าก้มตากินผักกะเพราะที่ไม่มีใบกะเพราะสักใบ ไอ้พี่เหมพอเห็นว่าผมไม่ได้ตอบอะไรก็ขยับไปนั่งเหมือนเดิม
“มึงหน้าแดงนะ”
แต่ก็ไม่วายพูดแบบนี้ออกมาเบาๆ
แดงอะไร!? ไม่แดงโว้ย! มึงอย่าคิดไปเองสิครับ
“อ่ะแฮ่ม! คือกูยังนั่งอยู่ตรงนี้ด้วยเผื่อว่าพวกมึงสองคนจะลืมไปแล้ว”
ไอ้พี่วินกระแอมขึ้นมา แสดงว่าพี่มันต้องได้ยินที่ผมกับไอ้พี่เหมแอบกระซิบกันแหงมๆ แต่ก็ไม่แปลกใจล่ะนะก็โต๊ะมันก็เล็กแค่นี้กระซิบยังไงก็คงได้ยินอยู่ดี
ผมก็ทำเป็นไม่สนใจก้มหน้าแดกผัดกะเพราต่อไป หลังจากนั้นพวกเราก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีกจนกระทั่งกินเสร็จก็จ่ายตังค์ ซึ่งผมตกลงกับไอ้พี่เหมเอาไว้แล้วว่าจะผลัดกันจ่าย คราวที่แล้วผมจ่าย คราวนี้ไอ้พี่เหมก็เลยป็นคนออกค่าข้าวให้แทน
“อะไรอ่ะไอ้เหม มีตังค์จ่ายให้ไอ้พลัมได้ทำไมจ่ายให้กูบ้างไม่ได้?” ไอ้พี่วินพูดพลางทำหน้อยใจ ซึ่งไอ้พี่เหมก็หาได้สนใจเดินไปจ่ายตังค์กับแม่ค้าทันที
“คือผมกับพี่เหมจะผลัดกันจ่ายน่ะครับ” เลยเป็นผมต้องเป็นฝ่ายอธิบายแทน
“งั้นเหรอ เสียดายชะมัด ก่ะจะให้มันเลี้ยงข้าวสักหน่อย” นี่คือจุดประสงค์ที่แท้จริงของมึงสินะครับไอ้พี่วิน
หลังจากนั้นผมกับไอ้พี่เหมแล้วก็ไอ้พี่วินก็แยกย้ายกัน โดยไอ้พี่เหมก็ขับรถมาส่งผมถึงที่หน้าหอเหมือนทุกครั้งที่พี่มันมาส่งผม พอถึงหน้าหอก็ลงจากรถถอดหมวกกันน็อคออกแต่ก็ยังไม่ได้ยื่นคืนไปให้ไอ้พี่เหมที่ยื่นมือมารอรับอยู่
“เป็นอะไร?”
ไอ้พี่เหมมันคงจะเห็นว่าผมไม่ยอมยื่นหมวกกันน็อคไปให้มันสักทีเลยถามขึ้นมา
“คือผม…”
“?”
“…”
“มีอะไรอยากจะถามกูหรือไง?”
ผมนิ่งก่อนที่จะพยักหน้าตอบกลับไป
“จะถามเรื่องอะไรล่ะ?”
“…”
“ว่าไง?”
“…ระหว่างผมกับพี่เราเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า?”
TBC. N.EP
------------------------------------------------------------------------->TALKKKKKKKKKKKKK : ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะลงพรุ่งนี้แต่คิดๆดูแล้วแทบจะไม่มีเวลาว่างเลย คนเขียนก็เลยลงให้วันนี้ไปเลยแล้วกัน เอาแล้วๆ อิพลัมยังไง? ทำไมยอมให้จีบง่ายจัง?55555 หลังจากนี้คนเขียนก็คงจะต้องหายเข้ากลีบเมฒไปอีกหลายวัน งานมันเยอะจริงๆ จะบ้าตายมากๆ555 แต่จะพยายามหาเวลาแต่งแน่นอนจ้า ใครชอบก็คอมเม้นได้น๊าาาาาา
แปะเพจ
https://www.facebook.com/NAY_Y_Story-1576364292675202/?fref=tsใครชอบนิยายเรื่องนี้ก็ไปกดติดตาม พูดคุย หรือทวงนิยายได้ที่เพจเลยเน้ออออ
เจอกันตอนหน้าค่ะ^^