พิมพ์หน้านี้ - หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.10 10/05/59 [P.6]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: NAY_nay ที่ 18-03-2016 20:36:21

หัวข้อ: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.10 10/05/59 [P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: NAY_nay ที่ 18-03-2016 20:36:21
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


*********************************************************************************


นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องราวที่แต่งขึ้น เพื่อสนองความนีดของตัวเอง5555 ฝากติดตามนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ กราบงามๆ U.U

คนเขียนมีเพจแล้วน๊าาาาาาา ใครชอบนิยายเรื่องนี้ก็ไปกดถูกใจได้เลยจ้า ตามจิกตามทวงนิยายเมื่อคนเขียนดองได้เลย5555


https://www.facebook.com/NAY_Y_Story-1576364292675202/?fref=ts (https://www.facebook.com/NAY_Y_Story-1576364292675202/?fref=ts)



นิยายอีกเรื่องของ NAY
 - [___หัวใจ ♥ พยัคฆ์___] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52844.0)





หัวใจ ♥ ไวต่อรัก




บทนำ






ในชีวิตของคนเราสักคนหนึ่งจะมีเรื่องที่ทำให้อับอายเกิดขึ้นได้มากมายแค่ไหนกันนะ?

สำหรับคนอื่นผมไม่รู้หรอกว่าชีวิตของพวกเขาเหล่านั้นต้อองผ่านกับความอับอายมามากน้อยแค่ไหน…

แต่สำหรับผม…ผมเจอกับมันมาตั้งแต่จำความได้…









สมัยอนุบาล…


“นี่รถของพลัมนะ! เติ้ลอย่ามามั่วสิ!”

“พลัมนั่นแหละอย่ามั่ว! นั่นมันของเติ้ลต่างหาก!” เสียงของเด็กทั้งสองคนทะเลาะกันดังมากจนทำให้เพื่อนๆที่อยู่บริเวณโดยรอบหยุดทำกิจกรรมต่างๆแล้วหันมามอง

“ทั้งสองคนเกิดอะไรขึ้นจ๊ะ? ทำไมถึงเถียงกันได้ล่ะ?” คุณครูผู้ดูแลเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเข้ามาห้ามปรามเด็กทั้งสองคน

“เติ้ลเค้าหาว่าผมแย่งรถของเขาไปครับคุณครู”

“นั่นมันรถของเติ้ลต่างหาก!”

“ของพลัม!”

“ของเติ้ล!”

“ก็บอกว่าของพลัมยังไงล่ะ!”

“ของเติ้ลต่างหากไม่เชื่อดูที่ใต้รถได้เลย เติ้ลให้คุณแม่เขียนชื่อเติ้ลไว้!”

“ไหนน้องพลัมลองดูใต้รถสิค่ะว่ามีชื่อน้องเติ้ลอยู่ไหม?”

เด็กชายพลัมค่อยๆหงายรถขึ้นมาอย่างช้าๆ…

…ก่อนที่จะส่งยิ้มแหะๆกลับไปให้เด็กชายเติ้ลและคุณครู

“ของเติ้ลจริงๆด้วยครับ”

หลังจากเหตุการณนี้ก็ทำให้เด็กคนอื่นๆเล่นกับเด็กชายพลัมน้อยลง แถมเด็กชายพลัมยังได้ฉายาว่า ‘พลัมขี้มโน’ ไปจนจบชั้นอนุบาล








สมัยประถม…

“พลัม ตื่นๆๆ นี่มันชั่วโมงเรียนนะ อย่ามาหลับในห้องเรียนสิ” หัวหน้าห้องผมเปียแต่ไม่ได้ใส่แว่นที่นั่งข้างเด็กชายพลัมสะกิดเรียกให้เด็กชายพลัมตื่นเมื่อเห็นว่าเขากำลังจะแอบบหลับในชั่วโมงเรียน

“ขอแอบงีบหน่อยสิหัวหน้าห้อง อย่าบอกคุณครูนะ” ว่าแล้วเด็กชายพลัมก็หลับไปทันที





ในขณะที่หลับ





เด็กชายพลัมฝัน…






ฝันว่าตนเองกำลังเดินไปที่ชักโครก…





ถอดกางเกงแล้วขึ้นไปนั่งบนนั้น…





ปลดปล่อยของเหลวสีเหลืองที่เรียกว่า ‘ฉี่’ ออกมาอย่างเต็มที่…





‘อา…สบายจริงๆ’ เด็กชายพลัมคิดในความฝัน





“กรี๊ดดดดดด! คุณครูค่ะ! พลัมฉี่แตก! พลัมฉี่แตกกลางห้องเรียนค่า!!!”

หลังจากวันนั้นเด็กชายพลัมก็ได้ฉายาว่า ‘พลัมฉี่ราด’ ไปจนจบชั้นประถม…








สมัยมัธยมต้น…

เด็กชายพลัมได้เป็นคนนำร้องเพลงชาติ สวดมนต์ บลาๆ หน้าเสาธง…




แต่!




“ไอ้วัฒ…กูปวดขี้ว่ะ” เด็กชายพลัมสมัยหัวเกรียนกางเกงขาสั้นเอ่ยขึ้นมากับเพื่อนที่ทำหน้าที่เป็นคนชักธงขึ้นสู่ยอดเสาในเช้าวันหนึ่ง

“ไอ้ห่า! มาปวดอะไรตอนนี้ ไม่ทันแล้วมึง! อาจารย์หน้าเสาธงจ้องมายิกๆแล้วนั่น อั้นไว้ก่อนล่ะกัน”

เด็กชายพลัมและวัฒเดินขึ้นไปบนหน้าเสาธงพร้อมกับดาวที่เป็นคนชักธงผ่ายหญิง


เพลงชาติผ่านพ้นไปด้วยดี…


สวดมนต์ก็ผ่านไปได้ด้วยดี…


จนกระทั่ง…ยืนสงบนิ่ง


“ขอเชิญทุกคนยืนสงบนิ่งเป็นเวลาหนึ่งนาที ขอเชิญครับ”

เด็กชายพลัมปวดท้องขี้หนักขึ้นมาก แต่กว่าจะเสร็จจากหน้าเสาธงคงใช้เวลาอีกพักใหญ่ ทางเดียวที่จะช่วยให้อาการปวดขี้นี้เบาลงไปได้ก็คือ…

การตด…

ใช่แล้ว…การตดนั่นเอง

เด็กชายพลัมพยายามที่จะปล่อยลมออกมาให้เบาที่สุด และเงียบที่สุด…

แต่เด็กชายพลัมคงจะลืมไปว่าเมื่อเช้านี้ตนกินแกงสตอเป็นอาหารเช้า…

เด็กชายพลัมคงจะลืมไปแล้วว่าไมค์ที่ตนเองถืออยู่นั้นยังไม่ได้ปิด…

และเด็กชายพลัมคงจะลืมไปแล้วว่าท่ายืนสงบนิ่งนั้นจะต้องเอามือประสานกันไว้ด้านหน้า…





ปู้ด!!!






เสียงตดของเด็กชายพลัมดังลอดเข้าไปในไมค์จนกลายเป็นการกระจายเสียงไปทั่วทั้งโรงเรียน แถมกลิ่นตดที่ตามมานั้นก็ทำให้คุณครูสมศรีครูเวรหน้าเสาธงที่ยืนอยู่ข้างหลังเด็กชายพลัมพอดีถึงกับหมดสติไป

โอ้ไม่นะ...

...เด็กชายพลัมอยากจะหายตัวออกไปจากตรงนี้จริงๆ

จากตอนแรกที่เด็กชายพลัมตั้งใจจะผายลมให้เบาที่สุดกลับกลายเป็นว่าเป็นการผายลมที่ดังจนทุกคนในโรงเรียนพร้อมใจกันตั้งฉายาให้กับเด็กชายพลัมว่า ‘พลัมตดพิฆาต’ ไปจนเด็กชายพลัมจบมัธยมต้น…







สมัยมัธยมปลาย…

เด็กชายพลัม…ไม่สิ นายพลัมช่วงนี้กำลังแตกเนื้อหนุ่ม ด้วยความที่เป็นคนขาว หน้าตาก็หล่อน่ารักเกาหลีโอปป้าสไตล์ แถมยังสูงแค่อยู่ม.5ก็ปาไป 178 แล้ว ทำให้นายพลัมค่อนข้างที่จะป็อปในหมู่รุ่นพี่และรุ่นน้องอยู่พอสมควร

และด้วยความที่นายพลัมเป็นคนอารมณ์ดีคารมเป็นเลิศ ทำให้ให้นายพลัมสอยดาวโรงเรียนมาเป็นแฟนได้ ซึ่งนั่นทำให้ผู้ชายเกือบทั้งโรงเรียนอิจฉาและหมั่นไส้เขา

แต่ใครจะสนล่ะ...

ก็คนมันมีดีอ่ะนะ หึหึ

ทุกๆเย็นนายพลัมจะปั่นจักรยานให้นางสาวอิ้งดาวโรงเรียนซ้อนท้ายออกจากโรงเรียนทุกวันท่ามกลางสายตาอิจฉาของเหล่านักเรียนชายและคนที่ไม่มีคู่ทั้งหลาย

แต่นายพลัมก็หาได้แคร์อยู่ดีล่ะนะ

ดีซะอีกจะได้เป็นการอวดไปในตัวเลยด้วยว่าตนเองนั้นมีแฟนสวยขนาดไหน

แต่แล้วก็มีอยู่วันหนึ่ง...

ขณะที่นายพลัมกำลังปั่นจักยานให้นางสาวอิ้งคนสวยซ้อนท้ายออกจากโรงเรียน ทั้งสองคนคุยกันกระหนุงกระหนิง หยอกล้อกันอย่างน่ารักน่าชังโดยไม่ได้สนใจสายตาของนักเรียนมัธยมผมเปียทั้งหลายแหล่ที่มองมาเลยสักนิด

“พลัมอย่าแกล้งอิ้งสิ~” นางสาวอิ้งบอกเมื่อนายพลัมแกล้งส่ายรถจักรยานเป็นแผนให้นางสาวอิ้งเกาะเอวของตนแน่นมากขึ้น

“อิ้งก็เกาะผมเอาไว้สิจะได้ไม่หล่นลงไปในหัวใจของผม”

‘เสี่ยว’

นั่นเป็นความคิดของใครหลายๆคนที่ได้ยินประโยคโคตรน้ำเน่าของนายพลัม

“บ้าาาา พลัมอ่ะเล่นอะไรก็ไม่รู้ ไม่อยากให้อิ้งหล่นลงไปอยู่ในใจของพลัมเหรอ?”

‘นี่ก็พอกัน มิน่าล่ะถึงคบกันได้’

“อยากสิครับ แต่พลัมกลัวอิ้งกลับขึ้นมาไม่ได้” ไม่พูดเปล่านายพลัมยังหันกลัมมายักคิ้วจึกๆให้สาวเจ้าได้อายเล่นอีก

“พลัมล่ะก็~ อิ้งก็ไม่ได้อยากจะกลับขึ้น-”

โครม!!!

ครับ...ตอนนี้ทั้งนายพลัมและนางสาวอิ้งคงจะหล่นจริงๆแล้วล่ะ...



ไม่ใช่หล่นลงไปในหัวใจห่าเหวอะไรนั่นหรอกนะ...



แต่หล่นลงจากจักรยานต่างหาก...

เนื่องจากว่านายพลัมมัวแต่หันไปยักคิ้วหลิ่วตาใส่นางสาวอิ้งทำให้ไม่เห็นว่าข้างหน้านั้นเป็นฟุตบาท จักรยานที่ทั้งสองคนนั่งมาจึงเสยเข้าไปที่ฟุตบาทเต็มๆ

ท่ามกลางสายตานับร้อยคู่ที่กำลังเดินออกจากโรงเรียน...

นายพลัมน่ะไม่เท่าไรเพราะแค่ล้มลงไปหน้าทิ่มแค่นั้น

แต่นางสาวอิ้งนี่สิ...

ทันทีที่จักรยานชนเข้ากับฟุตบาทดังโครม นางสาวอิ้งก็เสียหลักหล่นลงจากจักรยานดัง พลั่ก! ล้มลงไปนอน เอาหน้าแนบกับพื้นถนนก้นโด่งขึ้นมา

เท่านั้นยังไม่พอ...

กระโปรงนักเรียนของเธอยังเปิดขึ้นมาจนเห็นกางในลายสตอเบอร์รี่ย้วยๆที่เธอใส่มาตั้งแต่สมันมัธยมต้น

นั่น... มีคนยกยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปด้วย

‘อับอาย...อับอายจนไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ตรงไหน’

นี่คือความในใจของนางสาวอิ้ง

“อิ้งเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” นายพลัมเข้ามาช่วยพยุงนางสาวอิ้งให้ลุกยืนขึ้นพร้อมกับสำรวจความเสียหายของร่างกายเจ้าหล่อน

เพี๊ยะ!

นางสาวอิ้งสะบัดมือใส่หน้าของนายพลัมเต็มแรงซะจนนายพลัมถึงกับหน้าหัน

นี่คงจะเป็นที่มาของคำว่า ‘ตบหน้าหัน’ สินะ...

“อิ้งตบหน้าผมทำไม?”

“ยังจะถามอีกเหรอ? ไม่เห็นหรือไงว่าพลัมทำให้อิ้งอับอายแค่ไหน!?”

“ผมไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย”

“ไม่ได้ตั้งใจ? เหอะ! แล้วถ้าพลัมไม่เอาแต่หันมาหยอดมุขปัญญาอ่อนๆนั่นเรื่องแบบนี้มันก็คงจะไม่เกิดขึ้นหรอก!”

“อิ้งพูดแบบนี้จะบอกว่าเป็นความผิดของพลัมคนเดียวอย่างงั้นเหรอ!?”

“เออดิ!”

“อิ้งเองก็ผิดที่รับมุขปัญญาอ่อนของผมเหมือนกันนั่นแหละ!”

“พลัมจะโทษว่าเป็นความผิดของอิ้งอย่างงั้นเหรอ?”

“เออ!”

“พลัม!!”

หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ยืนทะเลาะกันอยู่นานจนฝ่ายปกครองต้องเข้ามาเคลียร์ให้


แน่นอนว่าทั้งสองเลิกกันทันที...


จากคู่รักที่ทั้งโรงเรียนต่างพากันอิจฉา...


กลายเป็นคู่รักที่ทั้งโรงเรียนลงความเห็นว่าปัญญาอ่อนที่สุด...

แล้วชีวิตช่วงมัธยมปลายที่เหลือของนายพลัมก็ไม่เคยมีแฟนอีกเลย...

พร้อมกับมีฉายาประจำตัวว่า ‘พลัมจั๊กดุ้ง’ ซึ่งเป็นฉายาที่ทำให้ไม่มีใครกล้ามาเป็นแฟนกับนายพลัมนั่นเอง...










ครับ...











เด็กชายนายพลัมอะไรนั่น...











มันคือผมเอง...


และตอนนี้ความอับอายในช่วงชีวิตมหาวิทยาลัยของผมกำลังจะเริ่มขึ้น...








“พี่เหมครับ!!! ผมชอบพี่! เป็นแฟนกับผมนะครับ!”






อยากจะถามเหลือเกิน...


...ไอ้พี่เหมที่ว่ามันเป็นครายยยยย???


กูไม่รู้จักมึงงงงงง


ฮือออออ แล้วทำไมกูต้องมาตะโกนบอกรักมึงท่ามกลางสายตาประชีเป็นร้อยด้วยว่ะเนี่ย!?





TBC. N.EP ------------------------------------------------------------------------->





TALKKKKKKKKKKKKK : เอาแค่บทนำไปก่อนเนอะ เดี๋ยวตอนที่ 1 จะตามาทีหลัง ขอเวลาปั่นแปป เจอกันตอนหน้าค่าาาา




หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : บทนำ 18/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 18-03-2016 21:01:50
วีรกรรมแต่ละอย่าง อ่านครบทุกอย่างแล้วต้องร้อง อื้อหือ เลยทีเดียว
แต่สงสัยว่าอันล่าสุดนี่จะทำให้ชีวิตเปลี่ยนเลยนะพลัม
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : บทนำ 18/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 18-03-2016 21:11:33
อือหือ แต่ละอย่างสงสารนายพลัมเบาๆ5555555555555
พี่เหมมม พระเอกใช่ม้ายยยยย
ติดตามค่า
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : บทนำ 18/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 18-03-2016 21:17:32
เว่ยๆๆๆๆๆๆๆๆ อินโทรสนุกอะ
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : บทนำ 18/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: kamontipsaii ที่ 18-03-2016 21:38:13
สภาพไม่ไหวเลยนายพลัม 555
วีรกรรมแบบสุดๆอ่ะ กราบงามๆ 3 ที
รอค้ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : บทนำ 18/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: littlegift ที่ 18-03-2016 22:24:13
ก๊ากกกกก ถ้านายพลัมจะมีช่วงชีวิตที่น่าจดจำเช่นนี้  :m20:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.1 19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: NAY_nay ที่ 19-03-2016 13:00:10
มาแล้วจ้าาาาาาา ขอบคุณทุกคอมเม้นมากๆเลยนะคะ เป็นกำลังใจให้คนแต่งได้ดีมากๆ เลยปั่นคืนเดียวเสร็จเลย5555



EP.1






ก่อนที่ผมจะไปตะโกนแหกปากบอกรักใครก็ไม่รู้นั้นต้องย้อนเหตุการณ์กลับไปนีสสสนึง…











เอ่อ…ไม่นีสสสอ่ะ












ย้อนกลับไปสักเดือนก่อน…

วันนั้นรุ่นพี่ปีสองของคณะผมเรียกรวมปีหนึ่งทั้งหมด ซึ่งแม่งงงงง ก็ปาไปหลายร้อยคน เพราะคณะผมเป็นคณะที่รับน้องไม่โหดแต่คนโคตรรรรรเยอะเลยครับ

ถามว่าคณะอะไรน่ะเหรอ

คิดว่าคนหล่อหน้าตาดีอย่างผมคนนี้จะเรียนคณะอะไรได้บ้างล่ะครับ?

คณะแพทย์เหรอ?

โนวววววว เกรดมัธยมผมก็จบมาแบบเส้นยาฝ่าไฟแดงเลยล่ะครับ จะให้ไปเข้าคณะนั้นคงจะไม่ไหวหรอก

อะไรนะ วิศวะเหรอ?

บอกแล้วไงคร้าบบบบบ เกรดผมนี่หมายังเมินเลยน่ะ ไม่ไหวๆ

นิเทศ?

อยากจะเข้าอยู่ครับ แต่ที่บ้านไม่ชอบ กลัวเรียนจบไปแล้วถูกทาบทามให้ไปเป็นดารา


ถุย!


ว่าไงครับ? ยังมีคณะอื่นอีกไหม?

คณะเกษตร?

ที่บ้านผมขายข้าวราดแกงครับ ไม่ได้มีสวน มีไร่ จะเรียนไปทำมายยยยยย

บริหาร?

ทอนงินลูกค้าหลักสิบผมยังทอนผิดเลยยยยย ขืนเรียนจบคณะนี้ไปแล้วไปเข้าทำงานที่ไหนบริษัทนั้นคงได้ชิบหายวายวอดเพราะผมกันพอดี


วู้วววววว


ผมตอบให้ก็ได้…

คณะที่ผมเรียนอยู่นั้นก็คือคณะมนุษย์นั่นเองครับ

อ๊ะๆ อย่าเพิ่งบ่นผมนะครับ สำหรับผมมีปัญญาเข้าคณะนี้มาได้ก็ถือว่าบุญสุดๆแล้วล่ะครับ

โอเค เรานอกเรื่องกันไปไกลล่ะ กลับมาด่วน

คือวันนั้นพวกพี่ปีสองเรียกรวมปีหนึ่งทั้งหมด เพื่อที่จะแจกแจงให้ทราบเกี่ยวกับ…การล่าลายเซ็น

ใช่แล้วล่ะครับมันคือกิจกรรมที่โคตรหฤหรรษ์สำหรับรุ่นพี่แต่มันคือหฤโหดสำหรับรุ่นน้องตาดำๆอย่างพวกผม พี่ปีสองแกก็อธิบายว่าจนกว่าจะจบรับน้องซึ่งก็คืออีกหนึ่งเดือนข้างหน้าทุกคนจะต้องมีลายเซ็นรุ่นพี่ในคณะอย่างน้อย 200


WTF! มากครับ


200 ลายเซ็นใครมันจะไปทำได้ว่ะ? แต่ตอนนั้นรุ่นพี่ก็มิได้ฟังคำโอดครวญของเหล่ารุ่นน้องแต่อย่างใด แถมยังบอกอีกว่าพี่ในคณะมีเป็นพันคน 200 ลายเซ็นนี่น้อยไปด้วยซ้ำ

ครับ…เอาที่พี่สบายใจเถอะ…

หลังจากนั้นพี่แกก็โยนสมุดล่าลายเซ็นลงมาให้โครมใหญ่ ประกาศปาวๆว่าจะตรวจลายเซ็นทุกๆอาทิตย์และพวกผมก็ต้องมีลายเซ็นอยู่ในสมุดให้ได้ตามที่กำหนดของแต่ล่ะอาทิตย์ ใครที่มีไม่ถึงตามที่กำหนดก็จะโดนทำโทษไปตามระเบียบ ถ้าครบ 1 เดือนตามที่กำหนดแล้วพวกผมยังล่าลายเซ็นไม่ครบ 200 ลายเซ็นก็จะโดนทำโทษเช่นกัน

เป็นการทำโทษแบบไหนนั้นพี่เค้าไม่ได้บอก รู้แค่ว่าเป็นการทำโทษที่ดูจะร้ายแรงกว่าตอนตรวจลายเซ็นรายอาทิตย์ก็แค่นั้น

ไอ้ผมมันก็เป็นคนหน้าด้านหน้าทนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วกับอิแค่โดนรุ่นพี่แกล้งนิดๆหน่อยๆก่อนให้ลายเซ็นถือว่าเป็นเรื่องจิ๊บๆ







อาทิตย์แรกตรวจแค่ 30 ลายเซ็น ปอกกล้วยเข้าปากมากเลยขอบอก









…ถึงแม้ว่าผมจะโดนสั่งให้ไปบอกรักถังขยะที่อยู่รอบคณะก็เถอะ








อาทิตย์ที่สอง 80 ลายเซ็น เหอะ! ง่ายดาย เบๆมากครับ









…ถึงแม้ว่าผมจะโดนสั่งให้ไปรำระบำชาวเกาะรอบหอประชุมของมหาวิทยาลัยท่ามกลางนักศึกษาหลากหลายคณะที่ไปเรียนที่ตึกนั่นก็เถอะ








อาทิตย์ที่สาม 130 ลายเซ็น หืดเริ่มขึ้นคอ แต่ก็ยังไหวอยู่









…ถึงแม่ว่าผมจะโดนสั่งให้ไปเรียกหาแม่ปลาบู่ที่สระน้ำของมหาวิทยาลัยจนคนที่ผ่านไปผ่านมาเค้านึกว่าผมเป็นบ้า!

เฮ้ย! ผมได้เป็นนนนนนน นี่มันแค่การแสดงโว้ย!

และแล้วมันก็ถึงจุดไคลแม็กซ์ในอาทิตย์ที่สี่หรือก็คืออาทิตย์สุดท้ายของการล่าลายเซ็น…

ช่วงนั้นผมกำลังติดเกมส์ครับ ติดชนิดที่ว่าติดเหี้ยๆติดแบบแทบจะไม่ได้ลุกออกจากหน้าจอคอมเลยก็ว่าได้

เลิกจากรับน้องตอนเย็นผมก็ตรงดิ่งไปที่ร้านเกมส์ทันที เล่นมันยันตีสองตีสาม กลับหอไปอาบน้ำนอนตอนตีสี่ ตื่นมาเรียนตอนแปดโมงเช้า เย็นก็เข้ารับน้องเหมือนเดิม เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆจนจะครบอาทิตย์

เรียกได้ว่าตอนนั้นผมใช้ชีวิตได้แบบสตรองมาก…

สตรองซะจนขอบตาดำคล้ำ หน้าโทรมเพราะไม่ค่อยได้กินข้าวแถมยังนอนไม่ค่อยพออีก ช่วงนั้นความหล่อของผมเลยหดหายไปตามสภาพการใช้ชีวิต

แล้วผมก็เพิ่งมาสำเหนียกได้ว่าพี่จะตรวจลายเซ็นในอีกสามวัน เลยลด ละ เลิกเกมส์ไปก่อน หันมาตั้งหน้าตั้งตาล่าลายเซ็นแบบเอาเป็นเอาตาย










แต่สุดท้าย…

ผมก็ล่ามาได้แค่ 167 ลายเซ็น…

“ทำไมถึงล่ามาได้แค่นี้!”

นี่คือประโยคแรกที่พี่วินพี่ประธานเชียร์ของคณะมนุษย์พูดขึ้นมาหลังจากที่พี่แกเปิดดูสมุดล่าลายเซ็นของผม

“ปกติคุณเป็นคนที่กระตือรือร้นในการล่าลายเซ็นของรุ่นพี่มากกว่าใครเลยไม่ใช่เหรอ…คุณพิชญะ?”

น่านนนนนน รู้จักชื่อจริงกูด้วยยยยยย

“เอ่อ คืออาทิตย์นี้ผมติดธุระนิดหน่อยน่ะครับ เลยทำให้ไม่ค่อยมีเวลาว่างสักเท่าไร”

“ธุระอะไรของคุณ!”

“เอ่อ…”

จะให้บอกว่าไรดีว่ะ?

‘ขอโทษครับพอดีผมติดเกมส์อย่างงั้นเหรอ?’ คงได้โดนพี่มันถีบเข้าให้

“คือ…”

อย่าจ้องมากดิว้า กดดันนะเว้ยยยยยย

“หึ สรุปว่าคุณไม่มีเหตุผลอันสมควรที่จะมาบอกผมสินะ”

ตามนั้นแหละครับ จนปัญญาจริงๆ

“ดี! งั้นคุณตามผมมา!”

“ห๊ะ!?”

“ตามผมมา!”

“เอ่อ พี่จะพาผมไปไหนงั้นเหรอ?” ผมถามขึ้นมาอย่างงงๆ เชื่อว่าปีหนึ่งอีกหลายร้อยชีวิตที่นั่งอยู่ก็คงสงสัยไม่แพ้ผม คือปกติถ้าลายเซ็นไม่ครบพี่วินแกจะทำโทษตรงนี้เลยครับ ไม่ได้พาไปทำโทษที่อื่นอย่างที่กำลังจะทำอยู่นี่

“ก็จะพาคุณไปทำโทษยังไงล่ะ”

“เอ่อคือ แล้วทำไมพี่ไม่ทำโทษผมตรงนี้เลยล่ะครับ?”

“นี่คุณลืมที่ผมบอกไปเมื่อวันแรกที่ผมแจกสมุดลายเซ็นให้ไปแล้วหรือไง!?”

ลืม? พี่มันบอกอะไรมาว่ะ? ตอนนั้นผมก็ฟังมั่งไม่ฟังมั่งซะด้วยสิ

“ทำหน้าแบบนี้คงจะลืมจริงๆด้วยสินะ ดีเลย! ผมจะได้ลงโทษคุณหนักๆ!”

“เฮ้ยไม่เอา!”

“คุณพิชญะ! ผมเป็นพี่คุณนะ พูดอะไรก็ระวังเอาไว้ด้วย!”

แม่งงงงง ทำไมต้องทำหน้าโหดด้วยเล่า แค่เผลออ่ะ แค่เผลอน่ะเข้าใจไห๊ม???

“ขอโทษครับ…”

หงอยเลยกู

“คราวหลังก็ระวังเอาไว้ด้วย ไปกันได้แล้ว”

ไอ้พี่วินมันพูดเสร็จก็เดินฉับๆออกไปเลย

เดี๋ยว รอกูด้วย ไอ้พี่วินนนนนน















“เอ่อ พี่วิน…ผมขอถามพี่สักคำถามจะได้ไหมครับ?”

“ว่ามา”

“คือเรามาทำอะไรกันที่คณะวิศวะแห่งนี้กันหรือครับ?”

ใช่แล้วครับ ตอนนี้กระผมนายพลัมคนหล่อและพี่วินคนโหดกับรุ่นพี่ปีสองอีกสามสี่คนกำลังมายืนหน้าเสร่อ เอ้ย! เสนอหน้าอยู่ที่หน้าคณะวิศวกรรมศาสตร์นั่นเอง

ถามว่าเดินไกลไหม?

ไม่ไกลหรอกครับ เพราะคณะมนุษย์กับคณะวิศวะมันอยู่ติดกัน เดินแปปเดียวก็ถึง

“เมื่อกี๊ผมก็บอกแล้วไงว่าจะพาคุณมาทำโทษ”

ขอบคุณสำหรับคำตอบ…

ถุย!

ส้นตีนสิไอ้พี่วิน! คำตอบของคุณมึงไม่ได้ช่วยให้ความสงสัยกูกระจ่างเลยสักนิดครับ

“เอาน่า เดี๋ยวคุณก็รู้เองแหละ แต่ตอนนี้ผมขอบอกเหตุผลที่ผมทำโทษคุณให้ฟังก่อนก็แล้วกัน อันดับแรกเลยคือคุณล่ารายเซ็นรุ่นพี่ไม่ครบถูกไหม?”

“ครับ”

“นั่นจึงเป็นเหตุผมว่าทำไมผมต้องลงโทษคุณ อันดับสองคุณลืมเรื่องที่ผมเคยเตือนไปแล้วเมื่อวันที่แจกสมุดลายเซ็น วันนั้นผมเตือนไปว่าถ้าใครลายเซ็นไม่ครบผมจะทำโทษหนักกว่าครั้งที่ผ่านมา”

อ่อ นึกออกแล้ว ก็ว่าคุ้นๆอยู่

“ที่จริงผมก็ไม่อยากจะลงโทษคุณด้วยเหตุผลแบบนี้หรอก แต่นี่ก็เพื่อให้คุณรู้ตัว แล้วมีความรับผิดชอบให้มากกว่านี้ ใส่ใจกับสิ่งรอบข้างให้มากขึ้น ไม่ใช่เอาแต่สนใจตนเอง ยังมีเพื่อนอีกหลายร้อยคนที่กำลังจะเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของคุณนะ อย่าลืมซะล่ะ”

โอ้โห…

พูดซะกูรู้สึกผิดเลยวุ้ย!

“ขอโทษครับ”

“ทำผิดแล้วรู้จักขอโทษก็ดีอยู่หรอก แต่ตอนนี้ได้เวลาลงโทษคุณแล้วล่ะ ไม่ต้องห่วง ผมไม่ให้คุณทำอะไรที่มันอันตรายหรอก”

 “เอ่อพี่วิน แล้วคนอื่นที่รายเซ็นไม่ครบล่ะครับ ทำไมพี่ถึงไม่พามาลงโทษด้วย” ถามนี่เพราะความสงสัยล้วนๆ ก็จู่ๆเล่นให้เดินตามออกมาเดี่ยวๆแบบนี้ก็หัวเดียวกระเทียมลีบซิครับ อย่างน้อยมีเพื่อนให้อุ่นใจบ้างก็ยังดี

“พวกนั้นผมให้คนอื่นจัดการลงโทษแทนแล้วล่ะ”

“แล้วทำไมผม…”

“คุณน่ะกรณีพิเศษ”

บอกตรงๆ รู้สึกไม่ดีกับไอ้ ‘กรณีพิเศษ’ นี้โคตรๆ เห็นแววความซวยของตัวเองลอยมาแต่ไกล

ชิบหายเอ้ยยยยย

กูไม่น่าติดเกมส์เลยเว้ยยยยยยย!

คำคมประจำวันนี้…

‘ติดเกมส์นี้หนา พาชีวิตล่มจม’

จำเอาไว้ให้ดีนะครับ…แล้วอย่าทำตามผมล่ะ ด้วยความรักและปราถนาดี

อาเมน…

“เอาล่ะ การลงโทษของคุณไม่ใชเรื่องยาก ผมแค่จะให้คุณตะโกนบอกรักคนๆนึงตามที่ผมบอก”

“เอ่อ…”

พี่วินมันจะให้ผม…ตะโกนบอกรักใครก็ไม่รู้…

ตรงนี้เนี่ยนะ!?

ชิบหายวายปวงมากอ่ะบอกเลย ก็ตรงนี้น่ะมันหน้าลานวิศวะที่คนเดินผ่านไปมาตลอดเวลาแถมยังมีนักศึกษานั่งกันอยู่ใต้ตึกอีกตรึม

และที่สำคัญ…

ตอนนี้คณะวิศวะเค้าก็กำลังรับน้องกันอยู่เหมือนกับคณะผม…

ดังนั้นปีหนึ่งเกือบทั้งชั้นปีของขณะวิศวะจึงกำลังนั่งหน้าสล่อนกันอยู่เต็มลานวิศวะ...

พ่วงด้วยรุ่นพี่ที่คอยคุมน้องๆอีกกว่าสิบชีวิต…

แล้วจะให้ผมตะโกนบอกรักตรงนี้!?

เหี้ยมากกกกกกก ขอบอก

คือถึงผมจะพบเจอกับเรื่องน่าอับอายมาตั้งแต่ยังเด็กหรือหน้าด้านหน้าทนขนาดไหนก็เถอะ แต่จะให้มาตะโกนบอกรักตรงนี้คงไม่ไหวมั๊ง

กูก็อายเป็นนะครับ

ดูแล้วไม่แคล้วผมจะได้ฉายาใหม่เร็วๆนี้…

ส้นตีนนนนนน

ไม่เอานะเว้ยยยยย!

“ผมไม่ทำได้ไหมอ่ะพี่วิน ให้ผมลุกนั่ง ปั่นจิ้งหรีด เก้าอี้ลมอะไรก็ได้ แต่ไม่เอาแบบนี้อ่ะ” หันไปทำหน้าแบ็วๆใส่พี่วินเผื่อพี่มันจะใจอ่อน

“ไม่ได้ ถ้าไม่อยากทำโทษทำไมคุณไม่พยายายามล่ารายเซ็นให้ครบตั้งแต่แรกล่ะ”

โอ๊ยยยยยยย ถ้ารู้ว่าต้องถูกทำโทษแบบนี้นะ กูจะรีบล่าให้ครบแม่งตั้งแต่อาทิตย์แรกเลยครับพี่ท่าน

“นะๆพี่วิน ให้ผมทำอย่างอื่นเถอะ”

“ผมตัดสินใจไปแล้วว่าจะทำโทษคุณแบบไหน ดังนั้นจะไม่มีการเปลี่ยนการลงโทษเด็ดขาด เรียกแม่ปลาบู่คุณก็ทำมาแล้วไม่ใช่หรือไงแค่นี้คงไม่ยากอะไรสำหรับคุณหรอกใช่ไหม

มาทำเองไหมล่ะห่าพี่วิน!

ถ้ากูทำได้จะลงทุนอ้อนมึงแบบนี้เหรอครับ แม่งงงงง

“เอาล่ะ ฟังที่ผมกำลังจะบอกให้ดีๆ เพราะคุณจะต้องพูดตามที่ผมกำลังจะบอกต่อไปนี้”

ส่ายหน้าดิกๆ

ไม่เอา ผมยังไม่พร้อมมมมมม

“คุณต้องตะโกนออกไปว่า…”

ไอ้พี่วิน ไอ้หน้าเลือดดดดดด

“พี่เหมครับ ผมชอบพี่ เป็นแฟนกับผมนะครับ แบบนี้เข้าใจไหม”

“เฮ้ย! เดี๋ยวนะพี่! ไหนพี่บอกว่าแค่ตะโกนบอกรักไงแล้วจะขอเป็นแฟนทำซากอะไร!? แล้วเดี๋ยวนะ! ‘เหม’ นี่มันชื่อผู้ชายไม่ใช่เหรอพี่!?”

“คุณพิชญะ ระวังครับพูดหน่อย”

กูล่ะอยากจะสาดหมาในปากใส่หน้าไอ้พี่วินมากตอนนี้

เหี้ยยยยยย มันเป็นการทำโทษที่เลวร้ายสำหรับผมมากอ่ะ ให้ผมไปตะโกนบอกรักผู้ชายไม่พอ ยังจะให้ขอเป็นแฟนอีก

ฟัคยู้ววววววววว

ไอ้พี่วินแม่งคิดขึ้นมาได้ไงว่ะเนี่ย?

เกลียดพี่มันโว้ยยยยยยยยยยยย

“ทำหน้าแบบนั้นคงจะด่าผมอยู่ในใจสินะ”

เออ!

“จะด่าจะว่าผมก็ให้หมดรับน้องไปก่อนล่ะกัน แต่ตอนนี้คุณต้องทำหน้าที่ของคุณให้เสร็จเสียก่อนการรับน้องของวันนี้ยังไม่จบหรอกนะ เดี๋ยวเราต้องรีบกลับไปรวมตัวกับคนื่นๆที่คณะอีก”

“…”

เงียบใส่แม่ง!

“ถ้าคุณไม่ตอบผมจะลงโทษคุณให้หนักกว่านี้”

“คร้าบบบบบบ”

พอใจยังครับพี่ท่าน!

“เดี๋ยวผมจะไปยืนอยู่ตรงนู้น”

พี่มันชี้ไปที่ทางเชื่อมระหว่างคณะมนุษย์กับคณะวิศวะ

ส้นตีนนนนน

นั่นมันโคตรไกลเลยครับ นี่ก่ะจะให้ได้ยินไปถึงคณะมนุษย์เลยหรือไงครับพี่

“คุณจะต้องตะโกนมาให้ผมกับรุ่นพี่สี่คนนี้ได้ยิน”

ครับๆ ผมมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธด้วยเหรอ?

“แล้วก็…”

อะไรอี๊กกกกกกกกก

“คุณจะต้องตะโกนไปเรื่อย…จนกว่าคนชื่อเหมจะออกมาให้คำตอบกับคุณ”

เหี้ยยยยยย!

คือให้กูตะโกนบอกรักขอเป็นแฟนไม่พอ ยังต้องให้ไอ้ห่าเหมนี่ออกมาบอกคำตอบอีกอย่างงั้นเหรอ?

ดูปากนายพลัมนะครับ…

ฟัคยูว!

ไอ้พี่วินนี่มึงเกลียดกูมาแต่ชาติปางไหนหรือเปล่าเนี่ย!? จองล้างจองผลาญกูงจัง

“ถ้างั้นเดี๋ยวผมเดินไปถึงตรงนั้นคุณก็เริ่มตะโกนได้เลยนะ” พี่วินพูดทำท่าจะหันหลังเดินออกไป

“เดี๋ยวๆๆ เดี๋ยวครับพี่วิน” รีบเข้าไปเกาะแขนพี่มันแทบไม่ทัน

“มีอะไรอีกล่ะคุณ”

“แล้วผมจะรู้ได้ยังไงว่าคนที่ชื่อเหมเค้าจะได้ยินที่ผมตะโกนอ่ะ”

เกิดไอ้พี่เหมอะไรนั่นไม่ได้อยู่ที่นี่ตอนนี้ผมไม่ต้องตะโกนจนปากฉีกเลยเหรอ

“ไม่ต้องห่วง เหมมันเป็นหนึ่งในคนที่ยืนคุมน้องอยู่ตอนนี้นั่นแหละ”

หันไปมองทางพวกรุ่นพี่ที่ล้อมน้องปีหนึ่งอยู่

แม่งแต่ล่ะคนจะตีหน้าโหดไปไหนว่ะ!? แค่เห็นกูก็กลัวแล้วครับ

ไอ้พี่เหมอะไรนั่นก็เป็นหนึ่งในนั้นใช่ไหม?

นี่ถ้าผมตะโกนออกไปแล้วคงจะไม่โดนอัดสินะ

ฮืออออออ อยากจิร้องไห้

ไม่ทำได้ไหม๊!?

“อย่าลืมนะพอผมเดินไปถึงแล้วก็เริ่มตะโกนได้เลย”

ไอ้นี่ก็กำชับจังเลยวุ้ย! ขอเวลาทำใจแปปนึงเด้!

ไอ้พี่วินกับรุ่นพี่ปีสองอีกสี่คนเดินไปที่ทางเชื่อมระหว่างคณะ ทิ้งให้ผมโดดเดี่ยวเดียวดายอยู่คนเดียว

เคว้งเลยครับทีนี้

เอาไงดีๆ

นี่ผมต้องทำจริงๆใช่ไหม?

ชิ๊!

จำไว้เลยนะไอ้พี่วิน! แค้นนี้มันต้องชำระ!

ผมเหลือบไปมองไอ้พี่วินก็พบว่ามันกับรุ่นพี่ที่เหลือเดินไปถึงทางเชื่อมแล้วครับ

นั่น มีพยักหน้าสั่งให้ผมรีบทำอีก

เหอะ! ไอ้คนสั่งมันก็สั่งได้น่ะสิ ไม่มายืนอยู่จุดนี้ไม่เข้าใจหรอกเว้ยยยยยยยย

ยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองเพื่อเรียกความมั่นใจ ผ่านเหตุการณ์อันหน้าอับอายมาก็หลายครั้งแต่ครั้งนี้ดูจะเป็นครั้งที่หนักหนาสาหัสกับผมมากที่สุดแล้วล่ะ

เอาว่ะ!

ซูดดดดดดดดด










“พี่เหมครับ!!! ผมชอบพี่! เป็นแฟนกับผมนะครับ!”










กริบ…












ครับ…เงียบกริบกันทั้งบาง ไอ้พวกพี่ว๊ากที่กำลังตะคอกน้องอยู่ปาวๆถึงกับหยุด คนที่ที่เดินผ่านไปมาถึงกับชะงัก สายตาหลายร้อยคู่ต่างก็จับจ้องมาที่ผมเป็นตาเดียว

อย่ามองครับ กูอายยยยยยยย

สัมผัสได้เลยว่าหน้าตัวเองมันจะต้องแดงมากแน่ๆ ใครมาทำแบบผมแล้วไม่อายนี่นับถือมากๆเลยครับเพราะคนๆนั้นมันจะต้องหน้าด้านแบบเหี้ยๆเลยอ่ะ

“พี่เหมครับ!!! ผมชอบพี่! เป็นแฟนกับผมนะครับ!”

ต้องตะโกนต่อไปเพราะไอ้ห่าพี่เหมอะไรนั่นมันยังไม่โพล่หัวออกมาเลยครับ

ไอ้พี่เหมครับ มีงรีบออกมาเถอะ กูขอร้องงงงงง!












อีกด้านหนึ่ง

“เฮ้ยไอ้เหม ไอ้หน้าหล่อนั่นมันมาตะโกนบอกรักมึงอ่ะ” ต้นเพื่อนของเหมสะกิดบอกเหมที่กำลังมองไปทางเด็กปีหนึ่งตัวขาวที่กำลังตะโกนบอกรักเขาอยู่หน้าลานวิศวะ

คงจะโดนรุ่นพี่ที่ไหนแกล้งมานั่นแหละ

“พวกคุณมองอะไรกัน! ผมสั่งให้คุณหันไปมองอย่างงั้นเหรอ!? เค้าอยากแหกปากก็ปล่อยให้เค้าแหกปากต่อไป! ไม่ต้องไปสนใจ!”

ไก่ที่เป็นพี่ว๊ากตะคอกขึ้นมาเมื่อเห็นว่าปีหนึ่งหันไปสนใจทางพลัมกันเสียหมด เล่นเอาปีหนึ่งที่กำลังมองพลัมตะโกนบอกรักอยู่ถึงหันกลับมาแทบไม่ทัน

“พี่เหมคร้าบบบบบ!!! ผมชอบพี่! เป็นแฟนกับผมนะครับ!”

เสียงของพลัมยังคงดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจนกิจกรรมไม่ไปถึงไหนเพราะปีหนึ่งที่นั่งอยู่คอยแต่จะกันไปมองพลัม จนไก่ถึงกับต้องเดินมาบอกกับเหมที่ยืนอยู่ไม่ไกลกัน

“ไอ้เหมมึงไปจัดการหน่อยดิ๊ ขืนให้ไอ้เด็กนั่นมันตะโกนแบบนี้ต่อไปไอ้พวกเด็กปีหนึ่งนี่ได้สมาธิแตกกันหมดพอดี”

เหมไม่ตอบไก่ เพียงแต่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านดูข้อความจากไลน์ที่ส่งมาจากเพื่อนสนิทที่เรียนอยู่คณะข้างๆ



‘รุ่นน้องกูเอง กำลังทำโทษมันอยู่ รบกวนมึงหน่อยล่ะกัน’



เหมเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า เดินออกไปทางที่ไอ้เด็กตัวขาวนั่นกำลังตะโกนบอกรักเขาอยู่






ทุกสายตาต่างก็จดจ้องไปที่เหมที่กำลังเดินเข้าไปหาพลัม…


ไม่เว้นแม้แต่ไก่ที่เป็นพี่ว๊าก…


“พี่เหมคร้าบบบ!!! แค่ก ผมชอบพี่! รีบออกมาเถอะครับ! คอกูจะแตกอยู่แล้ว!”

พลัมตะโกนออกมาอย่างเหลืออด นี่เขายืนตะโกนบอกรักไอ้ห่าพี่เหมนั่นมาได้สักพักแล้วนะ ใจคอมันจะปล่อยให้เขาตะโกนแบบนี้ไปจนคอแตกเลยหรือไง?

เจ็บคอโว้ยยยยย!

ท่าทางของพลัมทำให้เหมหลุดขำ นับถือไอ้เด็กนี่จริงๆที่ยอมทำตามคำสั่งบ้าๆบอๆของเพื่อนเขา ยิ่งพอเดินเข้ามาใกล้ก็พบว่าไอ้เด็กที่กำลังตะโกนบอกรักเขาอยู่นั้นมันขาวจริงๆนั่นแหละ เพราะแบบนี้เลยเห็นใบหน้าที่ขึ้นสีแดงระเรื่อได้อย่างชัดเจน

มันคงจะทั้งโกธรทั้งอายล่ะนะ

“พะ-”

พลัมชะงักเสียงที่กำลังจะเปล่งออกมาเมื่อเห็นว่ามีผู้ชายคนนึงกำลังเดินตรงมาที่ตนเอง

เดี๋ยวนะ…

อย่าบอกนะว่าไอ้หน้าหล่อโคตรๆนี่คือไอ้พี่เหม?

เห็นชื่อเหมกูก็นึกว่าจะถึกๆ เถื่อนๆ ที่ไหนได้กลับเป็นไอ้หล่อหน้าใสกิ๊งเนี่ยนะ!?

ไม่สิ…

ไอ้นี่อาจจะไม่ใช่ไอ้พี่เหมอะไรนั่นก็ได้!

กำลังจะตะโกนเรียกไอ้พี่เหมอีกครั้งแต่ไอ้หน้าหล่อบรมนี่มันดันเดินมาถึงตัวผมก่อนเลยต้องชะงักแล้วเงยหน้ามองมัน

ใช้คำว่าเงยหน้าถูกแล้วครับ…

ก็ไอ้หล่อทำลายล้างนี่มันดันสูงกว่าผมที่สูงเกือบร้อยแปดสิบเซ็น…

คือมึงจะสูงไปไหน?

“พี่เป็นใคร?”

“แล้วมึงกำลังบอกรักใครอยู่ล่ะ?”

“พี่เหม…อย่างงั้นเหรอ…?”

พี่มันไม่ได้สนใจสีหน้าอันงงงวยของผมพูดต่อขึ้นมาว่า

“กูมาให้คำตอบมึง”

“ห๊ะ!?”

เดี๋ยวๆ สรุปคือมึงเป็นไอ้พี่เหมจริงๆใช่ไหม?

แล้วห่าเอ๊ย!

ไอ้พวกที่อยู่รอบๆนี่มึงไม่ต้องสนใจกูขนาดนั้นก็ได้ครับ ยืนอยู่ตรงนี้ยังรับรู้ได้ถึงสายตาอยากรู้อยากเห็นที่ทิ่มแทงมา








“กูตกลง”








“ห๊ะ!?” นี่วันนี้กูห๊ะไปกี่รอบแล้วว่ะเนี่ย?








“กูตกลงที่จะเป็นแฟนกับมึง”








บ้าไปแล้ววววววววววว!?








TBC. N.EP ------------------------------------------------------------------------->







TALKKKKKKKKKKKKK : เอาตอนที่หนึ่งมาเสิร์ฟแล้วค่าาาาาา ตอนต่อไปอาจจะอัพช้านิดนึงนะคะ งานท่วมหัวมากตอนนี้ สามสีงานที่พอกหางเอาไว้555 อยากจะบอกว่าเหตุการณ์ 'จั๊กดุ้ง' มันเกิดขึ้นจริงกับเพื่อนคนเขียนค่ะ ไม่ได้เห็นเองกับตาแต่เพื่อนมาเล่าให้ฟังอีกที เลยอดไม่ได้ที่จะเอามาดัดแปลงลงนิยาย อิพลัมเลยซวยไป5555 เจอกันตอนหน้าค่าาาา ^^




หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.1 19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 19-03-2016 13:15:28
โอ๊ย พี่เหม
อย่าแกล้งน้อง
 o18 :laugh:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.1 19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 19-03-2016 14:15:31
จากนั้นจะเป็นไงต่อนะ
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.1 19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 19-03-2016 14:53:21
ว๊ายยยยยย เขินแทนอ้ะะะะะะะะ
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.1 19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: polkadot ที่ 19-03-2016 16:16:44
นึกว่าจะเดินมาด่าซะอีก กลายเป็นตอบตกลงซะงั้น หักมุมนะเนี้ย 5555
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.1 19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 19-03-2016 16:21:21
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.1 19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 19-03-2016 17:27:34
รอตอนต่อไป อยากรู้ว่าทำไมพี่เหมตกลงง่ายจัง หุหุ

ปล. ไม่ชอบชอบการรับน้องแบบนี้เลย โชคดีสมัยเรียนคณะเรารับน้องน่ารัก ไม่งั้นพวกรุ่นพี่เจอเราโหมดบิทชี่เหวี่ยงกลับแน่ๆ 555555
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.1 19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 19-03-2016 19:02:39
ทำไมขำ555555
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.1 19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 19-03-2016 21:33:20
กลั้นขำทั้งตอน 5555555555555
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.1 19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 20-03-2016 00:23:50
โอ้ยยยยย ขำแรง
ขำวีรกรรมของน้องพลัมตั้งแต่สมัยอนุบาล กลายเป็นเด็กขี้มโน โผล่มาประถมดันนอนฉี่แตกในห้องเรียน ม. ต้น ตดพิฆาตหน้าเสาธง อ.ถึงกับหมดสติ มาม. ปลายก็ดันพาสาวไปวัดพื้น 5555+ น้องจะฮาไปไหน :laugh:  :laugh:

พอมหาลัยนี่ก็ยังไม่พ้น  :laugh3:
แต่แบบ พี่เหมตอบตกลงนี่สิ แอร๊ยยย ฟิน :haun5: :give2:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.1 19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 20-03-2016 01:21:36
รอค่ะ น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.2 20/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: NAY_nay ที่ 20-03-2016 22:33:42
ตอนแรกตั้งใจว่าจะยังไม่รีบแต่ง แต่พอดีเคลียร์งานเสร็จไปบ้างแล้วเลยมีเวลาว่างมาแต่งอิพลัมต่อ555 ฝากตอนที่ 2 ด้วยน๊าาาา




EP.2





“ไง เพื่อนพลัม”

เสียงไอ้เติ้ลทักผมขณะที่นั่งกินข้าวอยู่ที่โรงอาหารของคณะ

ทุกคนยังจำเติ้ลได้ไหมครับ?

ไอ้คนที่ผมไปแย่งของเล่นมันมาแล้วมโนว่าเป็นของตัวเองเมื่อสมันอนุบาลนั่นแหละ เป็นเพื่อนกับมันได้ยังไงผมยังงงอยู่เลย แต่จะเรียกว่าเพื่อนสมัยเด็กก็ได้มั๊ง เพราะว่าตั้งแต่อนุบาลยันมัธยมปลายไอ้ห่าเติ้ลมันก็เรียนที่เดียว ห้องเดียวกับผมมาตลอดจนกระทั่งมหาลัยมันก็ยังเข้าที่เดียวกับผม

อ่อ แล้วนอกจากไอ้เติ้ลแล้ว บุคคลในความทรงจำของผมทั้งหลายแหล่ต่างก็ยกขบวนมาเป็นเพื่อนผมหมดเลยครับ

ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหน้าห้องที่เคยนั่งข้างผมเมื่อสมัยประถม ที่จริงเธอชื่อว่าพิมครับ แต่ผมติดเรียกเธอว่าหัวหน้าห้องมาตลอดจนกระทั่งขึ้นมหาลัยแล้วก็ยังเรียกอยู่แบบนี้ ส่วนอีกคนก็คือไอ้วัฒ ไอ้นี่มันลั่นวาจาเลยว่าจะติดตามผมไปตลอด ผมไปไหนมันไปด้วย เพราะงั้นตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยไอ้วัฒมันก็เลยเลือกสอบที่เดียวกับผม

สรุปแล้วพวกเราสี่คนก็ดันสอบเข้ามหาลัยเดียวกันหมดซะงั้น

ผมถึงบอกไงว่าเป็นเพื่อนกับพวกมันได้ยังไงก็ไม่รู้

เพราะว่ารู้ตัวอีกที

…พวกมันก็อยู่เคียงข้างผมมาตลอด









เป็นไง ซึ้งม่ะ?









ซึ้งสัดๆอ่ะบอกเลย







อะไรนะ? แล้วอิ้งล่ะไปไหนงั้นเหรอ?

เธอก็ไปกับแฟนใหม่เธอโน่นนนนนน ไม่สนใจไอ้คนที่ทำเธออับอายขายหน้าคนทั้งโรงเรียนหรอก







“มึงมาหากูมีไร?”

“เมื่อวานนี้มึงใจกล้ามาก”

“สัด! อย่าพูด! เดี๋ยวข้าวมันไก่กูหมดความอร่อย”

พูดถึงเรื่องเมื่อวานแล้วอยากจะกระโดดขาคู่ใส่ไอ้พี่วินสักครั้งที่เป็นคนคิดการทำโทษแบบนั้น แล้วก็อยากจะแจดหมัดตรงให้ไอ้พี่เหมสักหมัดที่ดันตอบตกลงเป็นแฟนกับผมเฉยเลย

คืองี้ครับ

หลังจากที่บักพี่เหมมันพูดออกมาว่าตกลงจะเป็นแฟนกับผม รอบข้างก็มีเสียงซุบซิบต่างๆมากมายเกิดขึ้นทันที

ส่วนผมก็ได้แต่ อึ้ง มึน งงในหัวตอนนั้นคิดออกแค่ว่า ‘เหี้ยไรว่ะเนี่ย!?’

ก่อนที่จะได้สติ รีบหันไปด่าไอ้พี่เหม

‘ตกลงเหี้ยอะไร? กูไม่เป็นแฟนมึงโว้ยยยยย’

‘ก็มึงขอกูเป็นแฟนไม่ใช่เหรอ?’ ไอ้พี่เหมมันตีหน้ามึนถามกลับมา

ถามจริงเหอะ นี่พี่มันโง่หรือแกล้งไม่รู้ว่ะ

ว่านี่มันคือการทำโทษษษษ

‘กูโดนทำโทษให้มาบอกรักคุณมึงครับ ไม่ได้ชอบ ไม่ได้อยากเป็นแฟนกับคุณมึงเลยสักนิดเดียว’

‘งั้นเหรอ?’

‘เออดิ!’

‘แต่กูตอบตกลงเป็นแฟนกับมึงไปแล้ว’

‘แล้วไง?’

‘กูก็ต้องเป็นแฟนกับมึงดิ’

กูอยากจะบ้า!

‘ก็บอกแล้วไง! มันเป็นการทำโทษ! มันไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงแล้วมึงจะมาเป็นแฟนกับกูทำไม!?’

‘พูดไม่เพราะ’

นี่พี่มันฟังกูบ้างไหมเนี่ย?

‘ทำไม? ก็พอใจที่จะพูดแบบนี้อ่ะ’

‘ถ้ายังพูดไม่เพราะอยู่แบบนี้ กูจะหอมแก้มมึงตรงนี้แหละ’

ฟวยยยยยยยยยยย

‘กูทำจริงนะ’

ว่าแล้วไอ้พี่เหมมันก็ขยับเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นเล่นเอาผมถอยหลังหนีแทบไม่ทัน

‘หนีทำไม?’

‘ก็มึง เอ้ย! พี่จะทำอะไรอ่ะ’

‘ก็ไม่ได้ทำอะไร แค่จะขยับเข้าไปหาเฉยๆ’

กูไม่เชื่ออออออ

‘ชิ๊ ช่างเหอะ เอาเป็นว่าเรื่องเมื่อกี๊ไม่เคยเกิดขึ้นล่ะกัน มันเป็นแค่การลงโทษ ตกลงตามนี้นะ บาย’

หลังจากนั้นผมก็เดินออกมาทันที ไม่ได้หันไปสนใจไอ้พี่เหมอีกเลย










จนกระทั่งเมื่อเช้า!!!










“นั่นไงแฟนพี่เหมวิศวะปีสองอ่ะ”

ไม่ใช่โว้ย!








“ได้ข่าวว่าไปบอกรักถึงคณะเลยนะ”

กูโดนทำโทษต่างหากล่ะครับ








“ไม่น่าเชื่อเลยเนอะว่าจะชอบผู้ชาย”

คือกูก็ไม่ได้ชอบผู้ชายอยู่แล้วครับ







“แต่ก็ดูเหมาะสมกันดีเนอะ”

ฟัคยูว!




และอีกมากมายกายกองของคำซุบซิบที่หาว่าผมไปสารภาพรักไอ้พี่เหมแล้วมันก็เสือกตอบตกลงจนตอนนี้ในสายตาคนอื่นเห็นว่าผมกับไอ้พี่เหมกลายเป็นแฟนกันไปเรียบร้อยแล้วครับ

เดินไปไหนก็เจอแต่คนซุบซิบชี้หน้าชี้ตา


‘นั่นไงแฟนพี่เหม’ บ้างล่ะ


‘นั่นใช่ไหมแฟนเหม’ บ้างล่ะ


อยากตะโกนให้ได้ยินกันทั่วทั้งมหาลัยเลยว่า







กูไม่ได้เป็นแฟนไอ้พี่เหมโว้ยยยยยย!!!!







“หึหึ เข้ามหาลัยมายังไม่ทันจะถึงเทอมก็รีบมีผัวเลยนะมึง”

“ผัวพ่อง! ถ้าจะมากวนตีนกูล่ะก็กลับไปเลยไป”

ไอ้เติ้ลหัวเราะก่อนที่จะนั่งลงตรงข้ามผม  ไอ้เติ้ลมันเรียนคณะวิศวะครับดังนั้นมันจึงเห็นเหตุการเมื่อวานทั้งหมดตั้งแต่ต้นยันจบ แต่ก็แปลกใจว่าทำไมมันถึงเพิ่งมาคุยกับผมเอาตอนนี้ ปกติถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นไอ้เติ้ลมันจะเป็นตัวนำในการเสือกแล้วก็จะได้ไอ้วัฒเป็นคู่ให้กับมัน

ผมกับหัวหน้าห้องเลยแอบตั้งฉายาให้ไอ้สองคนนี้ว่า

‘คู่หูคู่เสือก’

“แล้วทำไมมึงถึงเพิ่งโพล่หัวมาเนี่ย เมื่อวานกูนึกว่ามึงจะรีบมาหากูทันทีเพื่อเสือกเสียอีก”

“ตอนแรกกูก็ก่ะจะทำแบบนั้นอยู่หรอก แต่พอกูกลับถึงหอแล้วเสือกเผลอหลับอ่ะดิ รู้สึกตัวอีกทีก็เช้าเลย”

มิน่าล่ะ ก็ว่าอยู่เรื่องแบบนี้ไอ้เติ้ลมันไม่น่าพลาด

“มึง ไอ้พี่เหมมันเป็นเกย์เหรอว่ะ? ทำไมมันถึงยอมตกลงคบกับกูง่ายๆแบบนี้อ่ะ” ผมถามไอ้เติ้ล คิดว่ามันน่าจะพอรู้อะไรเกี่ยวกับไอ้พี่เหมบ้าง

“ไม่แน่ใจ แต่เท่าที่ได้ยินมารู้สึกว่าพี่แกจะได้ทั้งผู้หญิงแล้วก็ผู้ชายมั๊ง”

“แล้วทำไมมันถึงตกลงคบกับกูว่ะ กูดูน่ารักจนถึงขนาดอยากจะเป็นแฟนด้วยเลยหรือไง”

“อืมมมมมม ถ้าถามว่ามึงน่ารักไหมก็นิดนึงอ่ะนะ”

“กูหล่อครับ ไม่ใช่น่ารัก”

“เออๆ นั่นแหละ คือกูก็บอกไม่ถูกว่ะ แต่มึงมีเสน่ห์แบบแปลกๆอ่ะ”

“ยังไงว่ะ”

“อืมมมม ประมาณว่าเห็นแล้วอยากอยู่ใกล้ๆอะไรประมาณนี้มั๊ง ไม่งั้นทั้งกู ไอ้พิม ไอ้วัฒคงจะไม่มาเป็นเพื่อนกับมึงได้หรอก ก็มึงน่ะนิสัยหมาจะตายไป”

“สรุปนี่มึงชมหรือด่ากู?”

“ทั้งสอง”

“ฟวย!”

“แล้วนี่พิมกับไอ้วัฒรู้เรื่องยัง?” ไอ้เติ้ลถามขึ้นมา

“ไม่รู้ดิ แต่ก็อย่ารู้เลยมันไม่ใช่เรื่องจริงสักหน่อย เดี๋ยวคนเค้าเห็นว่าไม่มีอะไรก็เลิกเม้าท์กันไปเองนั่นแหละ”

“แล้วถ้ามันมีอะไรอ่ะ”

“อะไรของมึง?”

ไอ้เติ้ลไม่ตอบแต่บุ้ยปากไปทางข้างหลังผมแทน ผมก็เลยหันไปมองตาม








เหี้ยยยยยยยย!






นั่นมันไอ้พี่เหม!

มันมาทำไมที่นี่???

ขอร้องล่ะมึงอย่ามาหากูเลยนะ แค่นี้กูก็ชิบหายวายวอดพอแล้ว ฮืออออออ

ดูเหมือนว่าคำขอร้องของผมมันจะไม่เป็นผลเพราะไอ้พี่เหมมันเล่นเดินตรงมาที่ตะที่ผมนั่งอยู่เลย

“มึงพามันมาใช่ไหม๊!?” หันขวับไปถามไอ้เติ้ลทันที

“เฮ้ย! กูไม่รู้เรื่อง!”

“ถ้าไม่ใช่แล้วไอ้พี่เหมมันจะมาได้ไง มันไม่รู้ตารางเรียนสักหน่อย”

“มึงก็ถามพี่เค้าเอาล่ะกัน”

ไอ้เติ้ลพูดจบเป็นจังหวะเดียวกับที่ไอ้พี่เหมเดินมาถึงโต๊ะพอดี

ทุกสายตาส่วนใหญ่ในโรงอาหารต่างก็จับจ้องมาที่พวกผม ตามมาด้วยเสียงซุบซิบที่ผมโคตรเกลียด




‘นั่นพี่เหมนี่ มาหาพลัมด้วยล่ะ’




‘มาหากันแบบนี้แสดงว่าที่เค้าลือกันว่าสองคนนี้เป็นแฟนกันก็คือเรื่องจริงสินะ’




‘น่ารักเนอะ มีการมาหากันด้วย’





คือถ้าพวกคุณๆจะซุบซิบซะดังจนกูได้ยินแบบนี้ทำไมไม่พูดออกมาตรงๆเลยล่ะครับ จะมาซุบซิบกันทำไม?

“พี่มาทำอะไร?”

ไอ้พี่เหมไม่ตอบนั่งลงข้างผมแทน คือจะนั่งก็ไม่ได้ว่าหรอกนะ แต่ที่ว่างข้างไอ้เติ้ลก็มีทำไมไม่ไปนั่ง!? แล้วคุณมึงจำเป็นต้องนั่งซะชิดกูขนาดนี้ไหม? ถ้าจะนั่งใกล้ขนาดนี้นั่งตักไปเลยไหมล่ะ?



กูประชดนะ



อย่าเสือกทำจริงล่ะ!



“พี่เหมขยับออกไปหน่อย พี่นั่งใกล้ผมไปแล้วนะคนอื่นเค้าคิดว่าผมกับพี่เป็นแฟนกันไปหมดแล้วเนี่ย”

“แล้วเราไม่ได้เป็นแฟนกันเหรอ?”

“ก็ไม่ใช่น่ะสิ!”

“กูมีเรื่องจะถามมึง”

โอ๊ยยยยยยย ไอ้ห่าพี่เหมแม่งโคตรหน้ามึนเลย ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว พูดอะไรไปแม่งก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาตลอด คุยกับพี่มันแล้วโคตรปวดหัว แม่งแค่เรื่องเมื่อวานคนเค้าก็คิดว่าผมกับพี่มันเป็นแฟนกันพออยู่แล้ว แล้วนี่ไอ้พี่เหมเสือกมาหาผมถึงคณะแถมยังนั่งกันซะติดจนแทบจะเกยตักขนาดนี้คนเค้าคงจะเชื่อกันอย่างปักใจไปแล้วมั๊งว่าผมกับพี่มันเป็นแฟนกันจริงๆ

หมดกันภาพพจน์ที่ผมสั่งสมมา

ฮืออออ นี่กูจะยังหาเมียได้อยู่ไหม?

“แค่มีเรื่องจะถามผมถึงกับต้องถ่อมาหาถึงคณะเลยหรือไง!?”

“ถ้าไม่มาหามึงแล้วจะให้กูไปถามหมาที่ไหนล่ะ?”

กวนตีน!

“พี่กำลังกวนตีนผม”

“เปล่าสักหน่อย”

“ก็เห็นอยู่ ใช่ไหมไอ้เติ้ล!” หันไปหาแนวร่วมที่นั่งเงียบตั้งแต่ไอ้พี่เหมเดินมาถึงโต๊ะ มึงต้องเข้าข้างกูนะไอ้เติ้ล กูเป็นเพื่อนกับมึงมาตั้งแต่อนุบาลห้ามเสร่อไปเข้าข้างไอ้พี่เหมที่เพิ่งเจอกับมึงแค่ไม่กี่เดือนล่ะ

“เอ่อ…”

“ตอบมาสิ”

“จะไปบังคับเพื่อนทำไม?”

เรื่องของกูครับ

“ว่าไงไอ้เติ้ล มึงจะอยู่ข้างใคร?”

“คือ…”

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมเลี้ยงเหล้าคุณล่ะกันคุณไตรภพ” เฮ้ย! ติดสินบนนี่หว่าแบบนี้

“กูอยู่ข้างพี่เหม!”

“ไอ้เติ้ล!!”

ไอ้เพื่อนหะเรี่ย! นี่มึงเห็นเหล้าดีกว่าเพื่อนที่คบกันมาเป็นสิบปีเนี่ยนะ!? แล้วไอ้พี่เหมมึงก็เข้าใจจับจุดของไอ้เติ้ลเนอะ! ไอ้ห่านี่แม่งชอบของฟรี ยิ่งเหล้าฟรีมันยิ่งชอบใหญ่ไม่แปลกใจหรอกทำไมมันยอมง่ายๆ แต่คือมึงจะไม่หยุดคิดสักนิดเลยเหรอไอ้เพื่อนห่ารากกกกกกก

“กูขอตัวก่อนแล้วกัน เพิ่งนึกได้ว่านัดเพื่อนไว้ที่คณะ บาย”

บายพ่อง! นี่มึงจะทิ้งให้กูอยู่กับไอ้พี่เหมสองคนท่ามกลางสายคนทั้งโรงอาหารเหรอ? มึงทำได้ลงคอเหรอ? ความเป็นเพื่อนที่ผ่านมามันไม่มีค่าเลยใช่ไหม?

ไอ้เติ้ลมันหาได้สนใจคำตัดพอในใจของผม สะบัดตูดเดินหนีออกไปทันที

ฟวยยยยยยยยยยย



เคร้ง!

ไม่ดงไม่แดกมันแล้วข้าว โดนมองขนาดนี้ใครมันจะไปแดกลง ลุกขึ้นเอาจานไปเก็บแต่ไอ้พี่เหมมันก็ไม่วายเดินตามผมต้อยๆ
อะไรของพี่มันว่ะเนี่ย!?

“พี่ต้องการอะไร?” ถามขึ้นทันทีที่เดินออกมาจากโรงอาหารแล้วหามุมที่ไม่ค่อยมีคนเพื่อคุยกับไอ้พี่เหม

“กูมีเรื่องจะถามมึง”

“เรื่องอะไร?”

“มึงชื่ออะไร?”

ห๋าาาาาาาาา???

“นี่พี่ลงทุนมาหาผมถึงนี่…เพื่อมาถามชื่อผมเนี่ยนะ!?” แล้วคุยกันมาตั้งนานนี่แม่งยังไม่รู้จักชื่อผมอีก!?

“เออ”

“โอ๊ยยยยยย นี่พี่โง่หรือพี่บื้อหรือว่าอะไรว่าเนี่ย เรื่องแค่นี้ถามไอ้พี่วินเอาก็ได้ไม่ใช่เหรอ? พี่สองคนรู้จักกันไม่ใช่หรือไง? ทำไมต้องถ่อมาถึงนี่ให้เรื่องมันแย่ลงด้วยเล่า!”

ไม่ไหว หมดความอดทนกับพี่มันแล้วจริงๆ อะไรกันนักกันหนาก็ไม่รู้ ทำไมผมต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ด้วยว่ะเนี่ย!

“ใจเย็นๆสิ” ไอ้พี่เหมพูดขึ้นมาพร้อมกับเอนหลังพิงกำแพงตึกยกมือขึ้นมากอดอกมองมาทางผม




ชิ๊! คิดว่าหล่อมากไง๊?





เออหล่อ!





แต่กูหล่อกว่าโว้ย!





“กูแค่อยากได้ยินจากปากของมึงก็แค่นั้น”

“ได้ยินอะไร?”

“ชื่อไง”

นี่กูควรจะดีใจสินะที่คุณมึงให้ความสำคัญกับกูจนถึงกับต้องถ่อมาฟังชื่อกูจากปากแบบนี้

ฮ่วย! มันใช่เรื่องไหมนี่

“ผมชื่อพลัม พอใจยัง! ถ้าพอใจก็กลับไปได้แล้ว! ชิ๊วๆ”



เพี๊ยะ!



“โอ๊ย!”

ไอ้พี่เหมแม่งเอื้อมมือมาตีมือผมที่โบกขึ้นมาไล่มันชิ๊วๆเมื่อกี๊นี้

“กูไม่ใช่หมา”

“เอ้าเหรอ นึกว่าใช่มาตั้งนาน แหมๆ ต้องขอโทษด้วยนะครับ” ได้ทีต้องเอาคืนครับ การเอาคืนของผมก็คือการกวนตีนพี่มันกลับเนี่ยล่ะ ให้มันรู้ซะบ้างว่านี่ใคร นายพลัมเลยนะครับ นายพลัมผู้มีชื่อเสียงละบือไกลเรื่องความกวนตีนเป็นอันดับหนึ่ง

“เดี๋ยวมึงจะโดน”

“ทำไม! พี่จะต่อยผมเหรอ? เอาดี๊ มาเลยมาผมพร้อมเสมอ” ว่าแล้วก็ตั้งการ์ดเตรียมพร้อม แต่ไอ้พี่เหมนอกจากจะไม่มีท่าทีพร้อมสู้แล้วยังมองผมด้วยสายตาเอือมๆอีก

มองผมแบบนั้นหมายความว่าไงว่ะครับ?

อย่ามาดูถูกกันนะเว้ย! เห็นแบบนี้สมัยมัธยมผมก็มีประสบการณ์การชกต่อยพอสมควรเลยนะ!




“กูไม่ต่อยมึงหรอก” จู่ๆพี่มันก็พูดขึ้นมา




“…”




“แต่กูจะ…” ไอ้พี่เหมมันละไว้ซึ่งในคำพูดแล้วเดินตรงเข้ามาหาผม




“อะ…อะไร พี่จะทำไรผม?” เผลอก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว




“ก็ทำแบบนี้ยังไงล่ะ”

ควับ!

“เฮ้ย!”

ไอ้เหี้ยพี่เหมแม่งกระชากแขนผมเข้าหาตัวมันก่อนที่จะผลักผมจนถอยหลังไปชนเข้ากับกำแพง รวบมือทั้งสองข้างของผมขึ้นเหนือหัวไว้ด้วยมือข้างเดียว ส่วนมืออีกข้างก็ยกขึ้นมายันกำแพงเอาไว้ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้กับผมจนระยะห่างระว่างใบหน้าของเราสองคนเหลือแค่ไม่กี่เซ็น


เดี๋ยวววววววว


สต๊อป!!!!


ท่านี้มันคืออัลไร???


ทำไมกูดูสาวขนาดเน้!!!   

“ทำอะไรของพี่เนี่ย!? ถอยไปเลยนะเว้ย!” พยายามดิ้นให้มือหลุดออกจากมือของไอ้พี่เหม แต่แม่งงงงงง นี่มือคนหรือคีมเหล็กว่ะเนี่ย แน่นชิบหาย ดิ้นไม่หลุดเลยวุ้ย! พอยกขาจะถีบ ไอ้พี่เหมแม่งเสือกรู้ทันรีบเอาขาเข้ามาแทรกกลางหว่างขาผม ทำให้ตอนนี้ผมกับไอ้พี่เหมแนบชิดกันยิ่งกว่าเดิมอีก

“ก็จะแสดงให้ดูไง ว่ากูจะทำอะไรกับมึงได้บ้าง”

“ปล่อยกูนะเว้ย! ไอ้เหี้ยพี่เหม!”

“พูดไม่เพราะแบบนี้ทำโทษซะเลยดีไหม?” ว่าแล้วไอ้เหี้ยพี่เหมมันก็ขยับหน้าเข้ามาใกล้มากขึ้นจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจของพี่มัน

พอแล้วววววววววว กูกลัวแล้วคร้าบบบบบบบบ ปล่อยกูไปเถ๊อะ!

“โอเคผมผิดเอง! ขอโทษที่พูดไม่เพราะครับ!”

“หึหึ”

หึหึพ่อง!

ได้แต่ด่าอยู่ในใจ ฮืออออออ ทำไมไอ้พี่เหมมันแรงเยอะอย่างงี้ว่ะ? พอทำท่าจะดิ้นพี่มันก็บีบมือผมแรงขึ้นอีก


เจ็บข้อมือไปหมดแล้วสาดดดดดด


นี่กูยังเป็นผู้ชายอยู่ไหม?


ทำไมถึงได้ถูกผู้ชายจับกดง่ายขนาดนี้!?


“ผมยอมแล้วไง พี่ก็ปล่อยผมสักทีดิ”

พูดเตือนสติไอ้พี่เหม เผื่อพี่มันจะลืมว่าตอนนี้เราสองคนอยู่ในท่าทางที่ล่อแหลมขนาดไหน นี่ถ้ามีใครผ่านมาเห็นคงได้มีการเข้าใจผิดเกิดขึ้นกันบ้างล่ะ

“ตัวมึงหอมจัง” แม่งไม่ได้ฟังกูเล๊ยยยยยย! แล้วหอมเหี้ยไรของมึงไอ้พี่เหม! กูไม่ได้ใส่น้ำหอมสักหน่อยแล้วตัวกูจะหอมได้ยังง๊ายยยยย??




จุ๊บ!




เหี้ยยยยยยยยย!

ไอ้พี่เหมมันจุ๊บลงตรงซอกคอของผม! มันจุ๊บคอผมมมมมมมม เล่นเอาผมถึงกับขนลุกไปหมดเลย

ฮือออออออออ หมดกัน! เป็นเจ้าบ่าวไม่ได้แล้วกู

ใครก็ได้ช่วยกูด้วยยยยยย นี่กูคงจะไม่โดนไอ้พี่เหมมันข่มขืนกูตรงนี้ใช่ไหม?

“พะ…พี่เหม ปล่อยผมเถอะ” กูขอร้องล่ะนะ พลีสสสสสสส!!!

“คราวหลังห้ามพูดไม่เพราะกับกูอีกเข้าใจไหม?” ไอ้พี่เหมมันถอนหน้าออกไปแล้วเอ่ยถามผม



ซึ่งกูรีบพยักหน้าแทบไม่ทัน



ยังไงก็ได้อ่ะ ขอแค่ให้ตอนนี้ไอ้พี่แม่งปล่อยกูออกจากท่านี้สักทีเถอะ!

ไอ้พี่เหมมันก็ยอมปล่อยผมแต่โดยดี แล้วทันทีที่พี่มันปล่อยมือออกจากแขนของผม ผมก็รีบกระโดดออกห่างมายืนไกลๆมันเลย ไม่ไว้ใจมันสุด! เกิดมันโมโหผมจับผมปล้ำขึ้นมาตรงนี้จะทำไง?

“ไม่ต้องกลัวกูขนาดนั้นก็ได้”

ไม่ให้กลัวได้ไงล่ะสาดดดดด เผลอแปปเดียวก็ล็อคกูซะขยับตัวไม่ได้แล้ว

“เรื่องของผม แค่กๆ!”

“เป็นไร?”

ไอ้พี่เหมถามหลังจากที่จู่ๆผมก็ไอขึ้นมา

ที่ผมจู่ๆผมก็ไอขึ้นมานั่นก็เป็นเพราะว่ามีคนมาสูบบุหรี่อยู่ตรงหัวมุมตึกที่ผมกับไอ้พี่เหมยืนอยู่แล้วลมมันก็เลยพัดเอาควันบุหรีลอยมาทางนี้ ผมที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเลยเผลอสูดหายใจเข้าไป คือผมแพ้บุหรี่น่ะครับ แค่เผลอสูดหายใจเข้าไปนิดเดียวก็ไอแล้ว

“ควัน แค่ก! บุหรี่…ผมแพ้”

ไอ้พี่เหมหันไปมองทางหัวมุมตึกที่มีควันบุหรี่มันลอยออกมา

ดีนะเนี่ยที่ไอ้พวกนั้นมันไม่ได้เดินมาสูบตรงนี้ไม่งั้นล่ะคงจะเห็นฉากที่ไอ้พี่เหมมันล็อคผมเมื่อกี๊แน่ๆ

“พี่จะไปไหน?”

ผมถามไอ้พี่เหมที่ทำท่าจะเดินไปที่มุมตึก

“ก็ไปบอกให้พวกนั้นเลิกสูบไง”

“เฮ้ยไม่ต้อง!”

“ก็มึงแพ้”

“เรื่องนั้นแค่เดินออกห่างควันบุหรี ปล่อยทิ้งไว้สักพักก็หายแล้ว แค่กๆ”

“งั้นเหรอ?”

“เออ เอ้ย! ครับ”

ไอ้พี่เหมมองหน้าผมก่อนที่จะควักเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋ากางเกง หยิบขวดน้ำจากพื้นที่มีน้ำเหลืออยู่ประมาณครึ่งขวดออกมาเทน้ำลงบนผ้าเช็ดหน้าจนชุ่ม ก่อนที่จะยื่นผ้าเช็ดหน้ามาโปะลงบนจมูกผมจนผมรีบจับแทบไม่ทัน

“โปะเอาไว้ เผื่อมันจะช่วยได้” ไอ้พี่เหมมันก็จับข้อมือของผมแล้วจูงให้เดินออกห่างจากสิงห์รมควันที่นั่งดูดบุหรี่กันอยู่ตรงมุมตึก




คือผมควรจะขอบใจไอ้พี่เหมใช่ไหม? ที่พี่มันช่วยผมเอาไว้








แต่ไอ้พี่เหมครับ…








มึงเอาน้ำที่ใครก็ไม่รู้แดกทิ้งไว้มาใช้โปะหน้ากูเนี่ยนะ!?


ฟวยยยยยยยยยย!








แล้วนี่สรุปพี่มึงมาถึงนี่เพื่อมาถามชื่อกูจริงๆอ่ะนะ???


เพื่ออออออออออ?????






TBC. N.EP ------------------------------------------------------------------------->





TALKKKKKKKKKKKKK : อาจจะมีคำหลายเยอะไปบ้าง ต้องเข้าใจอิพลัมมันหน่อยเนอะ5555 ส่วนอิพี่เหมนี่ก็หน้ามึงจ๊างงงงงง หลังจากนี้จะอัพช้าลงจริงๆแล้วค่ะ มีงานใหญ่ที่อาจารย์นัดส่งอยู่ มัวแต่มาแต่งอิพลัมจนแทบจะไม่ได้ทำงาน555 ยังไงก็ฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ เจอกันตอนหน้าค่าาาาาา ^^
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.2 20/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 20-03-2016 22:57:19
คุณพี่เหมมาสร้างกระแสสินะ
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.2 20/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 20-03-2016 23:27:21
กรี๊ดดดดมาเร็วเคลมเร็วค่ะดิชั้นชอบบ
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.2 20/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: daadaadaa ที่ 20-03-2016 23:30:47
พี่เหมมือไว 555
 :hao7:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.2 20/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: littlegift ที่ 20-03-2016 23:51:17
5555 อ่านไปหัวเราะไป อยากอ่านต่อแล้วววว
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.2 20/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Jitsupa_milk ที่ 21-03-2016 00:27:05
พี่เขม อย่าแกล้งน้องงงงงง
น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.2 20/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 21-03-2016 01:04:41
นึกว่าจะได้จ๊วบบบบน้องซะและ แหม่ะ เสียดาย
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.2 20/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: mmello07 ที่ 21-03-2016 01:45:17
ต้องขนาดนั้นเลยรึพี่เหมมมมม :hao3:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.2 20/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 21-03-2016 03:11:39
ไม่ค่อยจะเร็วเลยนะพี่เหม กลัวน้องพลัมหายเหรอครับ ^^
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.2 20/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 21-03-2016 10:50:31
โอ๊ย น้องพลัมกับพี่เหมน่ารักจัง
 :mew1: :L2: :-[
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.2 20/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 21-03-2016 11:09:16
พี่เหมทำดี o13 o13

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.2 20/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 21-03-2016 11:13:43
พี่เหมรุกเร็วใช่ย่อย  :o9:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.3 22/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: NAY_nay ที่ 22-03-2016 21:18:22
ตอนที่สามมาแล้วจ้าาาาาา ตอนนี้รีบแต่งมากไปหน่อยเวลาไม่ค่อยมี เลยอาจจะออกมาไม่ค่อยดีเท่าไร อย่าว่ากันนะคะ แล้วก็ขอบคุณทุกๆคอมเม้นมากเลยเน้ออออ เป็นกำลังใจได้ดีจริงๆ555 ไปอ่านตอนที่สามกันเล๊ยยยยย




EP.3




หลังจากที่ไอ้พี่เหมมันเล่นถ่อมาหาผมถึงที่คณะ เช้าวันรุ่งขึ้นก็เกิดทอล์กออฟเดอะทาวน์ขึ้นมาทันทีเมื่อมีคนเอารูปตอนที่ไอ้พี่เหมมันกำลังจูงข้อมือผมให้เดินออกห่างจากตรงที่มีควันบุหรี่ ส่วนผมก็กำลังยกผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำที่ไอ้พี่เหมมันให้ขึ้นมาปิดจมูกไปลงในเพจ ‘อยากให้ผู้ชายรักกัน’ อะไรก็ไม่รู้และเพราะว่าตอนนั้นผมไอจนน้ำหูน้ำตาไหลในรูปมันเลยออกมาเหมือนกับว่าผมกำลังร้องไห้แล้วเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำตาอยู่

แถมคำแคปชั่นบรรยายรูปที่ผมเห็นมันดันเขียนเอาไว้ว่า

'อะไร? ยังไง? พี่เหมทำน้องพลัมร้องไห้?'

ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้!?

คอมเม้นใต้รูปก็ตามมาอย่างถล่มถลายจนไล่อ่านไม่หวัดไม่ไหว ซึ่งผมก็ทนอ่านไม่ไหวเหมือนกัน ก็แต่ละคอมเม้นแม่งงงงง




‘พี่เหมทำไรน้องพลัม? ไปง้อน้องเดี๋ยวนี้เลยนะ!’

กูไม่ได้เป็นไรไม่ต้องมาง้อกูวววววว





‘น้องพลัมเป็นอะไรค่ะ? พี่เหมแกล้งอะไรบอกเจ้มาได้เลย’

อิเจ้รูปโปรมึงหน้ากลัวกว่าไอ้พี่เหมอีก!





‘อย่าทะเลาะกันเลยนะ เป็นแฟนกันเราต้องพยายามทำความเข้าใจซึ่งกันและกันนะคะ’

กูไม่ได้เป็นแฟนกับไอ้พี่เหมวุ้ย! แล้วก็ไม่ได้ทะเลาะอะไรกับพี่มันด้วย!





และคอมเม้นอื่นๆอีกบลาๆๆ

น้องพลัมอย่างงู้น พี่เหมอย่างงี้

ฟวยยยยยยย

กูไปเป็นน้องของพวกคุณๆตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วอะไรคือการที่แม้แต่รุ่นเดียวกันก็ยังเรียกผมว่าน้อง!?

ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าไอ้คนที่เอารูปนี้ไปลงมันต้องการอะไรหรือว่าเป็นใคร

แต่ห่านเอ๊ย!

มันเล่นแท็กเฟชของผมลงไปในรูปนั้นด้วยอ่ะ! มันรู้เฟชผมได้ไงว่ะ? แม่งทำให้เฟชของผมเด้งแทบจะตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนใหม่เพื่อนเก่าหรือแม้แต่คนที่ไม่รู้จักที่ทักข้อความมาถามเกี่ยวกับรูปนั้นแถมยังมีคนแอดเฟชผมขึ้นมาตั้งหลายสิบคน ตอนที่เรียนอยู่ก็รู้สึกเหมือนโดนจ้องอยู่ตลอดเวลาเล่นเอาผมเรียนแทบไม่รู้เรื่องรีบเผ่นกลับห้องทันทีที่อาจารย์ปล่อยคลาส


แต่แปลกอยู่อย่างหนึ่ง...


คือผมก็ไม่ได้หลงตัวเองหรือว่าอะไรหรอกนะครับ แต่เรื่อง(เข้าใจผิด)ของผมกับไอ้พี่เหมตอนนี้ก็เรียนได้ว่าเป็นเรื่องที่คนแทบจะทั้งมหาลัยให้ความสนใจเลยก็ว่าได้

แต่ทำไมเพื่อนผมอีกสองคนซึ่งก็คือหัวหน้าห้องแล้วก็ไอ้วัฒถึงยังไม่ได้ติดต่อมาเสือก เอ้ย! มาสอบถามถึงความความสัมพันธ์ของผมกับไอ้พี่เหมก็ไม่รู้ อย่างที่ผมเคยบอกไปตั้งแต่ตอนแรกแล้วว่าถ้าเรื่องเสือกต้องยกนิ้วให้ไอ้เติ้ลกับไอ้วัฒ แล้วยิ่งเป็นเรื่องที่ผมดันไปมีแฟนเป็นผู้ชายอีก(ซึ่งจริงๆแล้วไม่ได้เป็นนะเว้ย!) มันไม่น่าจะพลาดได้ ไอ้เติ้ลมันมาแสดงตัวแล้วเมื่อวานแต่ไอ้วัฒกับหัวหน้าห้องนี่สิยังไม่เห็นหัว





ก็อกๆๆ

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นในตอนเย็น ผมเลยละมือจากเกมส์ที่กำลังเล่นอยู่แล้วเดินไปเปิดประตู

“แฮร่!!!”

“เหี้ย!”

“ฮ่าๆๆๆ กูว่าแล้วมึงต้องตกใจ”

ไอ้เหี้ยวัฒ!

มันแอบอยู่ข้างประตูแล้วพอผมเปิดประตูมันก็พุ่งออกมาแฮร่ใส่

ผมจะไม่ตกใจเลยถ้าไอ้วัฒมันไม่ได้ใส่หน้ากากผีอยู่!

จุดอ่อนของผมอีกอย่างหนึ่งก็คือผมกลัวผีครับ กลัวแบบโคตรๆของโคตรๆอ่ะ ชีวิตนี้เคยดูหนังผีอยู่ไม่กี่ครั้งและทุกครั้งที่ดูก็หลอนนอนไม่หลับไปเป็นอาทิตย์ ลำบากพวกมันนี่ล่ะที่ต้องมานอนเป็นเพื่อนผม

“กูถ่ายวีดีโอเอาไว้เรียบร้อยแล้วไอ้วัฒ”

เสียงของหัวหน้าห้องดังขึ้นมาจากขอบประตูอีกข้างหนึ่งในมือถือโทรศัพท์เอาไว้อยู่ ดูแล้วมันท่าจะถ่ายวีดีโอเอาไว้จริงๆ

อ๋อออออ นี่มึงสองคนทำกันเป็นกระบวนการ!?

“เล่นเหี้ยอะไรของพวกมึง!”

“ฮ่าๆๆ พอดีกูได้ข่าวว่ามึงทะเลาะกับแฟนไง กลัวมึงคิดมากเครียดอยู่คนเดียวเลยมาช่วยคลายเครียดไง” ไอ้วัฒตอบพร้อมกับถอดหน้ากากผีออกแล้วยิ้มกวนตีนส่งมาให้

คลายเครียดห่าอะไรล่ะ!

ทำให้กูเครียดมากกว่าเดิมล่ะสิไม่ว่า

“แฟนห่าอะไรของมึง?” แกล้งมึนไปก่อนทั้งๆที่รู้แล้วล่ะว่ามันหมายถึงใคร

“ก็พี่ปีสองที่เรียนอยู่วิศวะไง ที่ชื่อเหมอ่ะ ตอนแรกที่พวกกูได้ยินข่าวนะตกใจม๊ากมาก ไม่คิดว่าเพื่อนตัวเองจะมีผัวเร็วขนาดนี้” ไอ้หัวหน้าห้องจีบปากจีบคอพูด

“ผัวบ้านมึงน่ะสิ! กูไม่ได้เป็นอะไรกับพี่มันสักหน่อย”

ด่าเสร็จก็หลีกทางให้พวกมันสองคนเข้ามาในห้อง หัวหน้าห้องกับไอ้วัฒเลยหันไปหยิบถุงซุปเปอร์มาเก็ตสี่ห้าถุงที่วางทิ้งไว้ข้างประตูเดินตามเข้ามา

“แต่กูได้ข่าวว่ามึงไปขอพี่เค้าเป็นแฟนถึงที่คณะเลยหนิ” ไอ้วัฒถามขณะที่เดินเอาของเข้าไปวางในครัว

ห้องนี้ที่ผมอยู่ค่อนข้างจะกว้างพอสมควร มีห้องครัวให้หนึ่งห้อง ห้องน้ำกับห้องนอนอีกอย่างละหนึ่งแล้วก็มีห้องนั่งเล่นตรงกลางซึ่งพวกมันสามตัวชอบมาสุมหัวสังสรรค์กันที่ห้องผมบ่อยๆ ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพวกมันชอบมาที่ห้องของผมทั้งๆที่ห้องของไอ้เติ้ลแม่งหรูกว่าผมอีกหลายเท่าตัว

ส่วนเงินค่าเช่าห้องนี้พี่ชายผม พี่พีชเป็นคนออกเงินให้ พี่พีชเรียนจบนานแล้วครับตอนนี้ทำงานอยู่ในบริษัทแห่งหนึ่ง ด้วยความที่พี่ผมเป็นคนเก่งและขยันทำให้แค่ไม่กี่ปีก็สามารถก้าวขึ้นไปในตำแหน่งดีๆได้แล้ว

ผมมีพี่สาวอีกคนชื่อว่าพี่แพร์ตอนนี้ก็เปิดร้านเค้กเป็นของตัวเองอยู่ใจกลางเมือง ไม่อยากจะบอกเลยว่าฝีมือการทำเค้กของพี่แพร์นั้นสุดยอดของสุดยอดมากๆ อร่อยโคตรๆ ผมยังไม่เคยกินเค้กร้านไหนอร่อยไปกว่าที่พี่สาวผมทำเลย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมร้านของพี่แพร์ถึงได้เป็นที่ถูกอกถูกใจของลูกค้านัก ออกรายการโทรทัศน์ไปหลายรายการแล้วด้วย เคยมีคนลงทุนมาจากต่างหวัดเพื่อมาซื้อเค้กร้านพี่ผมก็เคยมาแล้ว แถมรู้สึกว่าพี่แพร์กำลังจะเปิดสาขาสองในอีกไม่นานนี้ด้วย

“นั่นกูโดนทำโทษต่างหากล่ะ” ตอบเสร็จก็กลับไปเล่นเกมส์ในห้องนอนต่อ

“แต่เมื่อวานพี่เค้าก็ไปหามึงถึงคณะเลยไม่ใช่เหรอ? แถมมีรูปที่เค้าทำมึงร้องไห้ออกมาด้วยหนิ ทะเลาะอะไรกันเหรอ?” ไอ้หัวหน้าห้องเดินตามมายืนข้างหลังผมสายตาก็มองมาที่ผมราวกับจะเค้นหาความจริง

“กูไม่ได้ร้องไห้สักหน่อย แล้วก็ไม่ได้เป็นแฟน ไม่ได้ทะเลาะอะไรกับพี่มันด้วย นั่นกูแพ้บุหรี่ต่างหาก มึงก็รู้นี่ว่าเวลากูแพ้บุหรี่ก็จะไอจนน้ำตาไหลแบบนั้นแหละ”

“งั้นเหรอ”

“เออดิ มึงอย่าเพิ่งกวนกูได้ไหมอ่ะ กำลังจะตีบอสแล้วเนี่ย”

“หืมมมมมม” ไอ้หัวหน้าห้องไม่ได้ตอบอะไร




แต่รู้สึกว่ามันจะเดินไปข้างๆโต๊ะคอม…




พรึ่บ!




สาดดดดดดดดดด!

ไอ้หัวหน้าห้องมันดึงปลั๊กคอมผมมมมมมมมมม!

 “ทำอะไรของมึงว่ะหัวหน้าห้อง!”

“ก็ปกติกูเห็นมึงเล่นแต่ที่ร้านเกมส์นี่ ก็เลยช่วยมึงประหยัดไฟไง”

“เหตุผลส้นตีน”

“เดี๋ยวกูตบปากแตก ออกมาข้างนอกได้แล้ว พวกกูอุตส่าห์มาหาทั้งทีจะปล่อยให้แขกนั่งกันอยู่สองคนแล้วเจ้าของห้องหมกตัวเล่นเกมส์อยู่แต่ในห้องเนี่ยนะ?”

“ปกติไม่จำเป็นต้องมีกูพวกมึงก็อยู่กันได้ไม่ใช่หรือไง แล้วอุตส่าห์มาหาอะไรของมึง? กูเห็นว่างทีไรก็มาหมกอยู่ห้องกูตลอด มาบ่อยซะจนกูคิดว่าพวกมึงเป็นเจ้าของห้องไปแล้วเนี่ย”

“อย่าบ่นๆ ก็วันนี้มันไม่ปกติไง วันนี้กูกับไอ้วัฒก่ะเมา”

“เมา?”

“เออ เหล้าพร้อมกับแกล้มพร้อมพวกกูแวะซื้อกันมาเรียบร้อยแล้ว”

นี่พวกมึงถามเจ้าของห้องอย่างกูสักคำหรือยังครับ?

แย้งอะไรไม่ได้หรอกครับ ได้แต่เดินตามเจ้แกไปต้อยๆ พอออกมาข้างนอกก็เห็นว่าไอ้วัฒมันเคลียร์พื้นที่เตรียมพร้อมแดกเรียบร้อย โต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กถูกนำออกมากางไว้ที่กลางห้อง บนโต๊ะเต็มไปด้วยเหล้าโซดาและกับแกล้มหลากหลายอย่าง

“นี่พวกมึงอดอยากมาจากไหน?”

“แหม นานๆทีน่ะมึง” ไอ้วัฒตอบ

“แล้วไอ้เติ้ลไปไหน?” ผมถามเพราะว่าเรื่องแดกเหล้าแบบนี้ไอ้เติ้ลมันไม่น่าพลาด ไอ้นี่มันสายแดก

“โทรชวนแล้ว แต่มันบอกว่าวันนี้รุ่นพี่ที่คณะเลี้ยงเหล้ามันเลยมาไม่ได้” ไอ้วัฒตอบ

รุ่นพี่ที่คณะเลี้ยงเหล้า?

หึ ไอ้พี่เหมแหงมๆ

ว่าแต่พี่มันเลี้ยงจริงๆเหรอว่ะ? นึกว่าแค่พูดไปงั้นๆซะอีก

“แล้วพวกมึงเป็นอะไร ทำไมจู่ๆก็อยากกินเหล้าเมาแต่หัววัน” เดินไปนั่งลงตรงโต๊ะญี่ปุ่นที่ไอ้วัฒเตรียมไว้ก่อนที่ไอ้หัวหน้าห้องจะเดินมานั่งด้วยกันอีกคน

“ก็ไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ ถ้ามีก็คงจะเป็นฉลองให้กับมึงที่จู่ๆก็มีแฟนล่ะนะ” ไอ้วัฒตอบพร้อมกับชงเหล้าแจกให้ไอ้หัวหน้าห้อง

“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ใช่แฟน มันไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ”

“งั้นเอานี่ไปดูป่ะ”

ไอ้หัวหน้าห้องยื่นโทรศัพท์ของมันมาให้ผมดู หน้าจอที่เปิดค้างเอาไว้ก็คือรูปของผมกับไอ้พี่เหมที่ถูกเอาไปลงเพจบ้าบอนั่นแหละครับ แต่ที่ไอ้หัวหน้าห้องมันให้ผมดูก็คือคอมเม้นคอมเม้นหนึ่ง



‘ตอนนี้ปรับความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้วครับ’



ไอ้พี่เหม!!!

ไอ้พี่ห่านั่นมันไปเม้นใต้รูป!

แล้วอะไรคือการปรับความเข้าใจกันแล้ว?

จนถึงตอนนี้กูยังงงในตัวคุณมึงอยู่เลยครับ

แล้วมาบอกว่าปรับความเข้าใจอะไรของมึงไม่ทราบบบบบบ?

“เหี้ยอะไรของพี่มันว่ะเนี่ย!?”

“มึงจะบอกว่ามึงไม่รู้เรื่องงั้นเหรอ?” ไอ้หัวหน้าห้องถาม

“เออดิ หลังจากนั้นก็ก็ไม่ได้คุยอะไรกับพี่มันอีก มันก็กลับคณะของมันไปส่วนกูก็กลับไปเรียนต่อยังไม่ได้คุยกันสักแอะ” พูดไปก็ไล่อ่านคอมเม้นที่มาเม้นตอบไอ้พี่เหมไป แม่งคนกดไลค์คอมเม้นมันโคตรเยอะ

“พี่เหมเค้าชอบมึงเหรอว่ะ?” ไอ้วัฒถามขึ้นบ้าง

“กูจะไปรู้เหรอ แม่งก็บอกไปแล้วว่ามันเป็นการลงโทษพี่มันก็ไม่ฟังทึกทักว่ากูเป็นแฟนมันอยู่นั่นแหละ แล้วทำไมมึงไม่ชงเหล้าให้กูบ้าง? มาแดกห้องกูแล้วยังจะให้กูชงเองอีกเหรอ” เงยหน้าขึ้นไปถามไอ้วัฒเพราะหลังจากที่มันยื่นเหล้าให้หัวหน้าห้องเสร็จก็หันไปชงให้ตัวเองทันที

แล้วของกูล่ะครับ?

“กูก็บอกไปแล้วไงว่าวันนี้กูกับไอ้วัฒจะเมา”

“แล้ว?”

“มึงยังอยากให้ห้องอยู่ในสภาพที่ดีหรือเปล่าล่ะ? ถ้าไม่ก็แดกกับพวกกูก็ได้ไม่ได้ว่าอะไร”

เหี้ยยยยย งั้นผมขอไม่แดกดีกว่า

หลายคนอาจจะสงสัยว่าที่ไอ้หัวหน้าห้องพูดมันหมายความว่าไง

เดี๋ยวอีกสักพักก็เห็นครับ แต่จะเล่าให้ฟังคร่าวๆก่อนก็ได้

คือในกลุ่มพวกเราสี่คนมีลำดับความคออ่อนไม่เท่ากันครับ คนที่แดกเหล้าได้เก่งและคอทองแดงมากที่สุดก็คือไอ้เติ้ล แม่งแดกจนชินไปแล้ว รองมาก็คือผม แม้ว่าผมจะไม่ค่อยได้กินเหล้าบ่อยแต่เมื่อสมัยมัธยมผมถูกพ่อจับกรอกปากฝึกให้กินบ่อยๆเลยกลายเป็นว่ามีภูมิต้านทานไปซะงั้น รองลงมาก็ไอ้หัวหน้าห้อง ไม่น่าเชื่อว่าไอ้วัฒจะคออ่อนกว่าไอ้หัวหน้าห้องที่เป็นผู้หญิง แต่มันก็เป็นเรื่องจริงครับ เพราะงั้นเวลาไปกินเหล้าด้วยกันทีไรไอ้วัฒจะถูกพวกผมสามคนมอมเหล้าบ่อยสุดแล้ว

แล้วก็เพราะไอ้วัฒกับไอ้หัวหน้าห้องที่มีความคออ่อนมากที่สุดในกลุ่มนี่แหละ พวกมันสองตัวจึงเมาบ่อยมาก และทุกครั้งที่พวกมันสองตัวเมาล่ะก็ไม่ว่าตอนนั้นจะแดกเหล้าอยู่ที่ไหนก็ตามมีเละเทะกันบ้างอ่ะ



เพราะพวกมันสองตัวจะร่วมมือกันรั่วแบบไม่เกรงใจใคร…



ลำบากใครล่ะครับ?



ถ้าไม่ใช่ผมกับไอ้เติ้ล

แล้วตอนนี้ไอ้เติ้ลก็ไม่อยู่ ดังนั้นขืนผมดื่มจนเมาไปด้วยล่ะก็ ห้องผมคงจะเละแบบไม่เหลือซาก

อาจจะหาว่าผมเวอร์ แต่รอดูอีกสักพักก็จะรู้เองครับ…

ปกติพวกผมไม่ค่อยจะมาดื่มเหล้าที่ห้องสักเท่าไร ที่บอกว่าชอบมาสังสรรค์ที่ห้องไปตอนแรกนั้นคือสังสรรค์พวกน้ำอัดลมขนบขบเคี้ยวธรรมดาต่างหาก ถ้าจะแดกเหล้าส่วนใหญ่จะไปที่ร้านนั่งชิลแทน เวลาพวกมันสองตัวเมาผมกับไอ้เติ้ลก็จะคอยคุมไม่ให้มันสองตัวไปทำข้าวของเค้าเสียหาย เป็นแบบนี้ซะเป็นส่วนใหญ่

แต่วันนี้ไอ้เติ้ลไม่อยู่ ผมต้องรับมือคนเดียวทางที่ดีไม่ดื่มจะดีสุดแล้วครับ







หลังจากนั้นพวกเราก็นั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อย เรื่องเรียนบ้าง อะไรบ้าง ไอ้วัฒกับหัวหน้าห้องก็ยกดื่มๆกันแบบไม่กลัวเมา จนกระทั่งสักประมาณสามทุ่ม ทั้งไอ้และหัวหน้าห้องก็เริ่มออกลายแล้วครับ ปกติไอ้วัฒจะเมาก่อนใครแต่วันนี้ส่วนใหญ่มันจะคุยมากกว่าอัตราการดื่มเลยน้อยกว่าหัวหน้าห้องนิดนึง คราวนี้พวกมันสองตัวจึงเมาพร้อมๆกัน







ชิบหายแน่กู…







“อ้ายพลัมมมมมมม กูหิวน้ามมมมมมม” ไอ้หัวหน้าห้องครับ

“เดี๋ยวกูลุกไปเอามาให้”

“ไม่ต้อง! เดี๋ยวกูลุกไปเอาเองงงงงงง กูยังหวายยยยยยยย”

นี่ขนาดมึงไหวเสียงมึงยังยานซะขนาดนี้ ถ้ามึงไม่ไหวแล้วนี่คงจะกลายเป็นสลอตเลยมั๊งห่า

“เออๆ เดินดีๆล่ะมึง”

“รับทราบค่าาาาา”

แล้วมันก็โงนเงนลุกขึ้นยืนเดินโซซัดโซเซไปทางห้องครัว ก็ยังถือว่าพอไหวอยู่ล่ะนะ

หันมาหาไอ้วัฒ ก่ะจะดูว่ามันเป็นยังไงบ้าง แต่พอหันมาเท่านั้นแหละ…

ไอ้วัฒแม่งไม่ได้นั่งอยู่ที่เดิมแล้ว!

หายไปไหนของมันว่ะ!?




จ๋อม!

เสียงเหมือนอะไรตกน้ำเลยหันไปมองทางตู้ปลาทองที่ผมลงทุนขนมาจากบ้านเอามาไว้ที่นี่ด้วยก็พบกับไอ้ห่าวัฒ







ซึ่งมัน…







มันกำลังพยายามจะจกปลาทองออกมาจากตู้!!







รีบลุกขึ้นไปห้ามมันเอาไว้แทบไม่ทัน

คือตู้ปลาทองผมมันไม่มีฝาปิดอ่ะ เอาแค่ออกซิเจนหย่อนลงไปแค่นั้น

“ทำห่าไรของมึงเนี่ยไอ้วัฒ!?”

“กูอยากแดกปลาย่างงงงงงงง เอิ๊ก”

พ่องมึงเซ่!!

ปลาทองมันแดกได้ที่ไหนกันเล่า!

แล้วนี่มึงคิดจะจกปลาทองกูออกมาเสียบไม้ย่างหรือไง!?

ฟวยยยยยยยยย

โครม!

เสียงดังโครมใหญ่ดังออกมาจากในครัวที่ไอ้หัวห้องมันเดินเข้าไป

กุมขมับเลยกู…

ไอ้หัวหน้าห้องมันทำอะไรอีกว่ะนั่น!?

แค่ไอ้วัฒจะจกปลาทองกูแดกนี่ก็รับมือแทบจะไม่ไหวแล้วนะโว้ยยยยยย!

“ไอ้วัฒมึงมานั่งนี่มา นั่งอยู่เฉยๆเข้าใจไหม?” พามันเดินมานั่งลงที่โซฟาแล้วสั่งกำชับให้มันนั่งอยู่กับที่

“คร้าบบบบบบบบ”

พอไอ้วัฒรับคำก็รีบวิ่งเข้าไปในครัวทันที และพอเข้าไปถึงก็ถึงกับต้องอ้าปากค้าง

ไอ้หัวหน้าห้องมันเดินชนจนเก้าอี้ที่ใช้นั่งกินข้าวล้มระเนราด!

แต่ที่ต้องอ้าปากค้างไม่ใช่เพราะเก้าอี้หรอก…



“อ้าววววว ไอ้พลัมมมมม มาพอดี ทำไมตู้เย็นมึงไม่เห็นเย็นเลยว๊า ไม่มีน้ำเลยซ๊ากกกกขวด”



มันจะไปเย็นหรือมีน้ำได้ยังไงกันล่ะห่าน!







ก็ที่มึงเปิดอยู่นั่นมันตู้ไมโครเวฟ!







มันคงจะมีน้ำให้มึงแดกหรอก







“หัวหน้าห้องมึงมานั่งนี่ก่อนมา เดี๋ยวกูหาน้ำให้มึงแดกเอง” หยิบเก้าอี้ที่ล้มอยู่ขึ้นมาแล้วไปลากไอ้หัวหน้าที่ยืนหน้าหงิกอยู่ตรงตู้ไมโครเวฟให้มันมานั่งตรงนี้ก่อน

พอจะหันไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำออกมาให้หัวหน้าห้องจู่ๆก็มีเสียงเพลงดังขึ้นมาจากห้องนั่งเล่น

‘อามี อามี กาฟรื้อ!! เดซิโก๊ะ เดจิ นาโบ กาโว๊ะ กาโว กาโว กาโว~~’

ไอ้วัฒ!!

แม่งเปิดเครื่องเล่นเพลงขึ้นมา! แล้วคือเพลงนี้มันเป็นเพลงที่พวกผมเคยไลท์ลงแผ่นแล้วเสียบแผ่นคาเครื่องเอาไว้ตั้งนานแล้ว พอมาอยู่มหาลัยก็ขนมันมาทั้งเครื่องเล่น แผ่นเพลงมันก็เลยติดมาด้วย

แล้วประเด็นคือมันเปิดดังมาก!

ไม่แคล้วว่าคนข้างห้องก็คงได้ยิน

ห่านเอ๊ยยยยยย!

“ไอ้พลัมมมมม น้ำกูอยู่หนายยยยยย?”

หันมาสนใจไอ้หัวหน้าห้องที่เริ่มเบะปากราวกับตัวเองเป็นเด็กตัวเล็กๆที่จะร้องไห้เวลาไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ

ผมรีบรินน้ำส่งให้ไอ้หัวหน้าห้องยื่นให้มันแล้วรีบเดินออกไปหาไอ้วัฒที่กำลังเต้นกาโวอยู่บนโซฟา

“อามี อามี กาฟรื้อออออออ เดซิโก๊วววววว เดจิ นาโบบบบบบบ กาโว๊ะ กาโววว กาโวว กาโว~~”

ไอ้วัฒแหกปากร้องเพลงไปด้วยเต้นไปด้วยจนผมรีบเดินไปปิดเครื่องเล่นแทบไม่ทัน คือเมื่อก่อนพวกผมสี่คนชอบเพลงนี้กันมากเลยฟังจนร้องตามได้อ่ะ

“ไอ้พลัมมมมม มึงปิดเพลงทำมายยยยย เปิดเดี๋ยวนี้เลยน๊า”

“เดี๋ยวข้างห้องเค้าก็ออกมาด่าหรอกมึง นั่งแดกเหล้าไปเงียบๆไม่ได้หรือไง?”

“ไม่ได้! กูจะเต้นกาโว มึงรีบเปิดให้กูววววว เลยนะ”



“ท่านนนนนน กามลาง เข้าสู่บริการรับฝากกกกกก หัวจายยยยยย~~”

เสียงไอ้หัวหน้าห้องร้องเพลงหญิงลีดังลั่นออกมาจากห้องครัว วิ่งเข้าไปดูก็พบว่ามันเอาขวดน้ำปลามาทำเป็นไมค์แล้วแหกปากร้องแบบไม่เกรงใจใคร

“โว้ยยยยยย ไมค์เสียงไม่ดีเลยยยยยย เปลี่ยนๆ” ว่าเสร็จไอ้หัวหน้าห้องก็ทำท่าจะเขวี้ยงขวดน้ำปลาในมือทิ้งจนต้องรีบเข้าไปขว้าเอาไว้ก่อนที่มันจะได้เขวี้ยง

อย่านะโว้ยยยยยยย!

ขืนมึงเขี้ยงขวดแตกล่ะก็ห้องกูต้องได้เหม็นเจ็ดวันเจ็ดคืนแน่ๆ   



“อ้ายยยยพลัม กูอยากดูแฮร์รี่คัดดดดดเตอร์!!” เสียงไอ้วัฒตะโกนออกมาจากห้องนั่งเล่น

พอตเตอร์โว้ย!

คัดเตอร์นั่นกูจะเอามาแทงมึงนั่นแหละห่าน!

โอ๊ยยยยยย แต่ละคน!

เล่นเอาซะกูปวดหัว!

ไอ้เติ้ลมึงอยู่ไหนรีบกลับมาช่วยกูด่วนเลย

กูจะบ้าตายแล้วสาดดดดดด!









ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนพอดี ไอ้หัวหน้าห้องกับไอ้วัฒสลบไปเรียบร้อยแล้ว แต่กว่าจะยอมสงบได้นี่ก็เล่นเอาซะผมวิ่งล่อกไปทั่วห้อง ผมให้หัวหน้าห้องนอนบนโซฟาดีๆส่วนไอ้วัฒก็ปล่อยให้มันนอนไปที่พื้นข้างโซฟานั่นแหละ เผื่อมันสองตัวอ้วกจะได้ไม่ลำบากในการเก็บซากมากนัก

ผมสัญญากับตัวเองแล้วว่าคราวหน้าจะไม่ยอมให้พวกมันสองตัวมาแดกเหล้าที่ห้องผมอีกเป็นอันขาด!

ไม่ไหวจริง จะบ้าตาย!


Rrrrrrr Rrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่ในห้องนอนดังขึ้นผมเลยละจากไอ้ขี้เมาสองตัวเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูชื่อคนโทรเข้าก็พบว่าเป็นไอ้เติ้ล

(ฮัล-)

“ไม่ต้องมาฮัลลงฮัลโหลเลยสัด! มึงปล่อยให้กูรับมือกับไอ้สองตัวนั่นคนเดียว!”

(ฮ่าๆ ก่ะแล้วว่ามึงต้องด่ากู แต่ทำไงได้ว่ะก็พี่เหมเค้าเลี้ยงเหล้ากูอ่ะ กูก็ต้องเลือกเหล้าฟรีก่อนดิ)

“ฟวย!”

(น่าๆ กูก็ก่ะจะโทรมาถามนี่ล่ะว่าเป็นยังไงกันบ้าง)

“เละน่ะสิถามได้! ไอ้วัฒแม่งเกือบจะจกปลาทองกูออกมาเสียบไม้ย่างอยู่แล้วเนี่ย!”

(ฮ่าๆๆ มันหิวขนาดนั้นเลยหรือไง?)

“ไม่ต้องมาขำเลยมึง คราวหน้ากูจะปล่อยให้มึงรับมือกับมันสองตัวคนเดียวบ้าง!”

(เอาน่าๆ)

“ชิ๊”

(เออ แล้วที่กูโทรมาหามึงเนี่ยก็มีอีกเรื่องนึง)

“เรื่องอะไร?”

(มีคนอยากคุยกับมึง)

“ใคร?”

(เอาไปคุยเองก็แล้วกัน) หลังจากที่ไอ้เติ้ลพูดเสร็จก็ได้ยินเสียงเหมือนมันส่งโทรศัพท์ให้กับใครบางคน

“…”

(ไงคุณแฟน)

เหี้ย!

“ไอ้พี่เหม!”

(ไม่มี‘ไอ้’สิ)

ไม่สนเว้ย! มึงไม่ได้อยู่ใกล้กูตอนนี้ไม่กลัวหรอก

“พี่มีไรจะคุยรีบคุยมาเลยดีกว่าเดี๋ยวผมต้องไปดูแลเพื่อนอีก”

(เพื่อนเป็นไร?)

“เมา”

(แล้วมึงเมาด้วยหรือเปล่า?)

“ถ้าเมาจะมาคุยโทรศัพท์กับพี่ได้เสียงใสขนาดนี้เหรอ”

(กวนตีน)

“เปล่าสักหน่อย” จริงๆก็กวนตีนพี่มันนั่นแหละ

(งั้นเหรอ)

“เออ”

(หึหึ ก็ไม่มีไรหรอกแค่อยากคุยด้วยเฉยๆ)

“นี่พี่เหม ผมถามพี่จริงเลยนะ พี่ชอบผมหรือไงถึงได้มายุ่งวุ่นวายกับผม?”

(…)

“ว่าไงล่ะ?”

(ก็ไม่รู้สินะ)

“กวนตีน” เอาคำมันมาใช้แม่งเลย

(เปล่าสักหน่อย) น่านนนนน มีการก็อปประโยคมาเอาคืน

“ดูแลเพื่อนผมด้วยอย่าปล่อยให้มันเมาล่ะ”

(อื้ม พลัมเดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ/เหมคุยกับใครอยู่เหรอ? ทำไมไม่สนใจโมนาเลยล่ะ?)

จู่ๆตอนท้ายคำพูดของไอ้พี่เหมก็มีเสียงผู้หญิงแทรกเข้ามาในสาย
 
“เสียงใคร-”

ตู๊ดๆๆ

กำลังจะถามว่าเสียงใครสายก็ตัดไปซะก่อน

อะไรอ่ะ? นี่ไอ้พี่เหมมันอยู่กับผู้หญิงอย่างงั้นเหรอ?   




“อ้ายพลัมมมมม กูจาอ้วกกกกกกกกกก อุ๊บ!” เสียงไอ้วัฒดังขึ้นมาจากห้องนั่งเล่นทำให้ผมต้อนหันไปสนใจตรงนั้นแทน

“เฮ้ย! ไอ้วัฒอย่าเพิ่งอ้วก!”

“อุ๊ แหว๊ะ!”







จบกัน…






คราวหลังมึงอย่ามาแดกเหล้าห้องกูอีกเลย…






ข้อร้องล่ะ





พลีสสสสสสส!








TBC. N.EP ------------------------------------------------------------------------->






TALKKKKKKKKKKKKK : คือตอนนี้รีบแต่งมากจริงๆค่ะ มันเลยอาจจะออกมาไม่ดีสักเท่าไร อาจมีคำผิดอยู่บ้าง ยังไงก็ต้องขอภัยไว้ ณ ที่นี้ คือคนเขียนก็ยังงานเยอะเหมือนเดิม แต่จิตใจมันอยากแต่งอิพลัมจนไม่เป็นอันทำงานสักเท่าไร5555 ยังไงก็ฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยน๊าาาาา เจอกันตอนหน้าค่าาาาาา ^^

หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.3 22/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 22-03-2016 21:33:06
รออีพี่เหมเคลียร์เรื่องชะนีอ่ะ อะไรยังไง
พี่เหมอ้อยใส่น้องเหรอ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.3 22/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 22-03-2016 21:49:25
พี่เหมคงไม่ได้ชอบน้องหรอกมั้ง แค่แกล้งเฉย ๆ รึเปล่า
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.3 22/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: daadaadaa ที่ 22-03-2016 21:50:13
มียัยน้องนีอยู่แล้วมายุ่งกับพลัมทำไม
มีอะไรแอบแฝงรึเปล่าพี่เหม
 :katai4:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.3 22/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 22-03-2016 22:07:20
ไว้อาลัยให้น้องพลัม เพื่อนน้องเมาทีกากมาก  :laugh: ไอพี่เหมนี่ก็นะ ได้ทีตู่เอาน้องเป็นแฟนไปซะแล้ว แต่รู้สึกกลิ่นไม่ค่อยจะดีชะนีโมนาคือใคร มีชะนีโผล่มาเมื่อไร มีเรื่องเมื่อนั้น

รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.3 22/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: naisojill ที่ 23-03-2016 07:19:22
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.3 22/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 23-03-2016 13:28:09
ทั้งพลัมกับคนรอบข้างมีสีสันหมดเลย มิน่าทำไมชีวิตพลัมวุ่นวายขนาดนี้ 555
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.3 22/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-03-2016 03:44:01
วุ่นวายดีแท้
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.3 22/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 24-03-2016 14:51:07
ขำเพื่อนพลัม เหยถ้าจะเมาแล้วเรื้อนขนาดนั้นล่ะก็นะ 5555
พี่เหมคิดไรกับพลัมป่าววววว อิอิ
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.3 22/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Janny ที่ 24-03-2016 16:45:49
เราขำอ่ะ นั่งอ่านแรกๆก็ยังไม่อะไรนะคะพลัมน่ารักดีค่ะ ดูเป็นคนบ้าๆดี พี่เหมนี่เราว่าต้องมีอะไรแน่ๆ พี่แกชอบน้องแล้ววางแผนให้เพื่อนเอาเด็กมาถวายรึเปล่าคะเนี่ย แลดูมีแผนมาก น้องพลัมนี่คือซวยมาตลอดเสมอต้นเสมอปลายมาก ตั้แต่เด็กยันโตเลย แต่พี่เหมนี่อาจเป็นเรื่องดีๆในชีวิตนะคะ ลองเปิดโอกาสให้พี่เหมดูบ้างนะคะ 5555555 มาตอนล่าสุดค่ะ คือคุณหัวหน้าห้องกับนายวัฒนี่แบบ ไม่ไหวมากๆ เมาแล้วจะกินปลาทองย่างคืออะไรรรรรรรรรรรร ฮืออออ สงสรปลาทอง สงสารน้องพลัมเวลาต้องมาเก็บห้องด้วย ฮืออออ ป่ะ กลับไปพูดเรื่องพี่เหมต่อ ความจริงถ้าบอกว่าพี่เหมชอบน้องพลัมมานานแล้วนี่มันจะตรงประเด็นมากเลยนะคะ อาจจะชอบตั้งแต่ไปเรียกหาแม่ปลาบู่ก็ได้นะคะ 55555555 คือพี่เหมชัดเจนในการกระทำมาก คือดูแกไม่ค่อยพูดนะคะ ลงมือทำเลย หลายๆอย่างอ่ะค่ะ แต่ตอนที่มาถามชื่อด้วยตัสเองนี่ตกลงแกไม่ได้รู้จักน้องมาก่อนใช่ป่ะ หรือแกรู้จักหน้าไม่รู้จักชื่อ? ไม่หรอก ควาจริงหาเรื่องมาหาเฉยๆ คิดถึงก็บอก หลังจากนี้เรามีความเชื่อว่าพี่เหมจะต้องมากกว่านี้แน่ๆ ดูดิ น้องพลัมน้อยใจแล้วนะคะ ไปกับผู้หญิงอ่ะ อะไรนะ? ไม่ได้น้อยใจ? นั่นแหละ น้องไม่พอใจแล้วนะคะ รีบมาเคลียร์เร็วค่ะ  :ruready
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.4 25/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: NAY_nay ที่ 25-03-2016 02:53:06


มาแล้วจ้าาาาาา ยังมีใครรอเอิพลัมกับพี่เหมอยู่บ้างไหมคะเนี่ย?5555 ตอนนี้อาจจะไม่มีบรรยายอะไรมาก ยังไงก็ฝากตอนที่ 4 ด้วยนะคะ




EP.4






Hem Talk :



“ทำห่าอะไรของมึงไอ้มนัส”

ผมพลักไอ้มนัสหรืออีกชื่อนึงที่มันสถาปนาขึ้นมาเองก็คือโมนาออกห่างไปจากตัว ก่อนที่จะหันไปยื่นโทรศัพท์ให้ไอ้เติ้ลเด็กปีนึ่งสุดเกรียนที่กำลังนั่งดวลเหล้ากับเพื่อนผมอย่างเมามัน

“ต๊ายยยยยย มนัสบ้านมึงสิคะอิเหม กูชื่อโมนาค่ะโมนา”

“อ้าว คุยกับไอ้พลัมเสร็จแล้วเหรอพี่?”

เติ้ลหันมาถามแต่ในมือนี่ก็ถือแก้วเหล้าพร้อมดื่ม

ไอ้เด็กเติ้ลมันคอแข็งมากครับ นั่งดื่มกันมาจะเข้าชั่วโมงที่สองแล้วมันยังไม่เมาเลย แค่หน้าแดงตามปกติของคนกินเหล้าแค่นั้นเอง แต่สติมันยังครบถ้วนแถมดูแล้วมันยังจะไปได้อีกไกลในขณะที่เพื่อนผมหลายคนเริ่มคอพับคออ่อนกันแล้ว

“แบตมึงหมด”

เมื่อกี๊ที่กำลังคุยกับไอ้เด็กพลัมตัวขาวอยู่ก็สังเกตุเห็นว่าแบตโทรศัพท์ของไอ้เติ้ลเหลือแค่ 1 เปอร์เซ็น กำลังจะเอ่ยปากบอกว่าแค่นี้ก่อนแบตมันจะหมด ไอ้มนัสมันก็ดันเข้ามาพูดแทรกเสียก่อนเป็นจังหวะเดียวกับที่โทรศัพท์ดับพอดี



ไม่รู้ว่าป่านนี้ไอ้เด็กตัวขาวนั่นมันจะเข้าใจผิดหรือเปล่า



“เออว่ะพี่ ลืมชาร์จแบตมาเลย โทษทีนะพี่”   

“ไม่เป็นไร”

ผมบอก เติ้ลมันเลยรับโทรศัพท์ไปยัดลงใส่กระเป๋ากางเกงแล้วหันไปดวลเหล้าต่อ

“นี่อิเหม! มึงสนใจกูหน่อยค่ะ กูนั่งหัวโด่อยู่เนี่ยเห็นไหม?”

ไอ้มนัสจิกตาใส่ผม

“เห็น”

“โอเคค่ะงั้นมึงก็ตอบกูมาได้แล้วว่าเมื่อกี๊มึงคุยกับใครค่ะ? ทำไมถึงได้คุยไปยิ้มไป”

มนัสมันเป็นกระเทยครับ เป็นกระเทยที่สวยมากๆ ตัวเล็ก ผิวขาว ปากอมชมพูใครที่ไม่รู้จักมันแล้วเห็นครั้งแรกนี่มีเข้าใจผิดกันบ้างหล่ะ ขนาดผมตอนเข้ามาปีหนึ่งใหม่ๆก็คิดว่ามันเป็นผู้หญิงเลย แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ปิดบังอะไรประกาศออกมาด้วยซ้ำว่าตนเองไม่ใช่ผู้หญิง แต่ก็ไม่มีคนเกลียดมันนะ กลับกันมีแต่คนชอบมันซะมากกว่า ก็ไอ้มนัสมันเป็นคนเฟรนลี่ ยิ้มง่าย มีกิจกรรมอะไรขอให้บอกไอ้มนัสทำหมด มันเลยกลายเป็นที่รักของทุกคนไปไม่เว้นแม่แต่อาจารย์เพราะว่าไอ้มนัสมันเรียนเก่งด้วยล่ะ ขยัน มีความรับผิดชอบอาจารย์หลายๆท่านเลยชอบมัน

อ่อ แล้วไอ้มนัสมันก็เป็นกระเทยที่ดัดเสียงได้เหมือนผู้หญิงมากๆเลยครับ คือถ้าฟังแค่เผินๆก็จะเหมือนเสียงของผู้หญิงทั่วไปแต่ถ้าลองตั้งใจฟังดีๆแล้วก็จะรู้เลยว่าบางครั้งก็จะมีเสียงที่เหมือนเสียงดัดปนมาด้วย

“ไม่มีอะไร”

“อย่ามาโกหกมดเท็จ กูไม่เชื่อมึงหรอกค่ะอิเหม!”

“ไม่เชื่อก็อย่าเชื่อสิ”

“หน๊อย กวนตีนกูเหรอคะ”

ไอ้นมัสมึนพูดพร้อมกับเอื้อมมือมาหยิกแก้มผมแล้วดึงหันซ้ายหันขวา

ผมปัดมือมันออกก่อนที่หยิบเหล้าขึ้นมาดื่ม กินไม่เยอะหรอกครับวันนี้เพราะไม่ได้ตั้งใจว่าจะมากินตั้งแต่แรกอยู่แล้วเหตุผลจริงๆแล้วก็แค่จะมาเลี้ยงเหล้าไอ้เด็กเติ้ลเท่านั้น แต่พอดีเพื่อนผมมันได้ยินกันว่าผมจะมากินเหล้าเลยยกขบวนตามกันมาเป็นสิบและไอ้มนัสก็เป็นหนึ่งในนั้น

จริงๆแล้วผมก็สนิทกับมันพอสมควร ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกันแต่เพราะมีงานกลุ่มที่ต้องทำร่วมกันอยู่หลายครั้งเลยทำให้ผมกับมันสนิทกันไปโดยปริยาย

“ชิ๊! มีแฟนแล้วก็บอกกูมาซะดีๆ คิดว่ากูไม่รู้ ไม่เห็นข่าวของมึงกับไอ้เด็กปีหนึ่งนั่นเหรอคะ?”

“แล้วไง?”

“ก็ไม่แล้วไงไงค่ะ แต่แค่อธิบายมาให้กูคนนี้เข้าใจทีว่าอะไรทำให้ผู้หนุ่มที่ไม่ชอบเด่นชอบดัง ไม่ชอบออกสื่ออย่างมึงถึงกับแสดงตัวชัดเจนว่าเป็นแฟนกับเด็กคนนั้น”

“หึหึ”

“กูให้ตอบค่ะ ไม่ใช่ให้มาหัวเราะหึหึใส่กู แล้วไอ้อาการที่คุยโทรศัพท์ไปยิ้มไปเหมือนคนพี้ยาแบบนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นกับมึงค่ะ เพราะฉะนั้นบอกกูมาซะดีๆ ว่าเรื่องมันเป็นมาอย่างไง”

“ก็ไม่เห็นจะมีอะไร”

“กูไม่เชื่อ!”

“เรื่องของมึง”

“โอ๊ยยยยยย อิเหม! กูล่ะเกลียดนิสัยที่ชอบทำเป็นมีลับลมคมในของมึงจริงๆ”

ไอ้มนัสส่ายหัว เพราะมันรู้ดีว่าถ้าผมบอกว่าไม่ก็คือไม่จะไม่มีการรู้อะไรไปมากกว่านี้ เพราะผมจะไม่ยอมบอกอะไรเพิ่มเติมไปอีกแน่นอน

“ผมก็อยากรู้นะว่าทำไมพี่ถึงได้ตอบตกลงเป็นแฟนกับไอ้พลัม มันก็บอกพี่แล้วไม่ใช่เหรอว่าที่มันไปสารภาพรักกับพี่วันนั้นมันเป็นการลงโทษ”

ไอ้เด็กเติ้ลวางแก้วเหล้าลงหันมาคุยกับผมด้วยสีหน้าจริงจัง ถึงแม้ว่ามันจะทำเป็นเฮฮาดื่มเหล้ากับพวกเพื่อนผมแต่หูมันก็คงจะเก็บรายละเอียดที่ผมกับไอ้มนัสคุยกันเมื่อกี๊








ผมรู้







มันเป็นห่วงเพื่อนมัน





มันคงจะเป็นห่วงไอ้เด็กพลัมกลัวว่าผมจะไปหลอกไอ้เด็กตัวขาวนั่นแล้วทำให้มันเสียใจสินะ





ผมยิ้มให้มัน








เป็นยิ้มที่ไม่ใช่แบบที่ยิ้มให้ไอ้มนัสเมื่อกี๊








เป็นยิ้มที่ผมยิ้มออกมาจากใจจริงๆ




“ไม่ต้องห่วง กูจริงจังกับเพื่อนมึงแน่”

ไอ้เด็กเติ้ลชะงักก่อนที่จะถามด้วยสีหน้าที่แสดงออกถึงความสงสัย

“พี่หมายความว่าไง? พี่ชอบเพื่อนผมเหรอ?”

“ใช่แล้ว! หมายความว่ายังไงอิเหม!?” ไอ้มนัสถามแทรกขึ้นมา

ผมส่ายหน้าไม่ตอบ ยกแก้วเหล้าในมือขึ้นจิบ

“พี่เหมพี่หมายความว่าไง?” ไอ้เด็กเติ้ลถามย้ำ

“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่กูจะต้องมาพูดให้มึงได้ยิน”

“ทำไมผมจะฟังไม่ได้ผมเป็นเพื่อนไอ้พลัมนะ เพื่อนตั้งแต่สมัยเด็กเลยด้วย!” มันตวาดขึ้นมาจนเพื่อนๆของผมหันมามอง  คงจะเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ด้วยล่ะที่ทำให้มันอารมณ์ขึ้นง่ายกว่าปกติ







“แต่มึงก็ไม่ใช่พลัมนี่”






“…”






“กูคงจะพูดอะไรมากไม่ได้หรอก เพราะว่า…”





“…”






“…กูจะพูดให้เพื่อนมึงฟังแค่คนเดียวเท่านั้น”









“พี่เหม…”






“…”






“…นี่พี่ชอบเพื่อนผมจริงๆด้วยสินะ”

“หึ ก็แล้วแต่มึงจะคิด กูขอตัวก่อนนะ มึงก็นั่งกินต่อไปก็ได้ ค่าเหล้าไม่ต้องห่วงกูบอกแล้วว่าจะเลี้ยง แล้วก็ดูแลตัวเองด้วยอย่าเมามากล่ะไอ้พลัมมันเป็นห่วง”

พูดเสร็จก็ลุกออกจากโต๊ะ เรื่องเงินไม่ต้องห่วงผมจ่ายให้กับทางร้านตั้งแต่ที่เริ่มดื่มแล้ว แต่ยังไม่ทันที่จะเดินออกไปพ้นโต๊ะเสียงของไอ้เด็กเติ้ลก็ทำให้ผมชะงัก

“พี่ต้องห้ามทำมันเสียใจนะ!”

“…”

“สัญญาสิ!”

“หึ กูบอกแล้วไงว่าไม่ต้องห่วง…”

“…”

“ที่ควรจะเสียใจน่ะมันกูมากกว่า”

“พี่หมายคว่ายังไง?”

ผมไม่ตอบเดินออกมาจากร้านทันที









ใช่แล้วล่ะ…









ที่ควรเสียใจมันควรจะเป็นผมสิ…









…ก็ไอ้เด็กพลัมมันดันลืมผมไปซะสนิทเลยนี่น่า









วันนี้ผมมีเรียนแค่ช่วงเช้า เรียนเสร็จก็ก่ะว่าจะกลับหอไปนอน แต่พอลงมาจากตึกเรียนก็เจอเข้ากับ…




ไอ้เด็กพลัมตัวขาว…




ทำไมมันมาอยู่ที่นี่ได้?

พลัมมันยืนพิงเสา ก้มหน้าเขี่ยปลายเท้าเล่นเหมือนกับว่ามันกำลังรอใครสักคนอยู่ แล้วพอมันเงยหน้าขึ้นมาก็สบตาเข้ากับผม




เด็กนั่นกลับสะดุ้ง




ผมยิ้มขำกับท่าทางแบบนั้นของมัน เดินตรงเข้าไปหา ไอ้เด็กพลัมทำหน้าตาเหรอหรา มองซ้ายมองขวาก่อนจะทำท่าเหมือนจะหมุนตัวเดินกลับ แต่ผมเข้าไปรั้งแขนเอาไว้ได้ทันเสียก่อน

“เฮ้ยพี่! ทำอะไรเนี่ย!?”

พลัมพยายามจะงัดแขนของตัวเองออกจากมือของผม แต่เพราะผมจับเอาไว้แน่นแถมตอนนี้คนก็เริ่มหันมาสนใจที่เราทั้งคู่ มันคงจะอายเลยไม่ค่อยแสดงท่าทีต่อต้านอะไรมากนัก ปล่อยให้ผมจับแขนมันต่อไป แต่หน้านี่หงิกจนผมล่ะอยากจะเอามือไปดึงแก้มขาวๆนั่นสักที

“มาทำอะไรที่นี่”

“มาหาไอ้เติ้ล!”

“แล้วทำไมต้องหลบหน้ากูด้วยล่ะ”

“เปล่าสักหน่อย”

“จริงเหรอ?”

“เออ”

“หืม?”

“ครับ!”

หึหึ ไม่คิดว่ามันจะยอมฟังที่ผมเคยบอกนะ จริงๆแล้วไอ้เรื่องคำหยาบผมไม่ค่อยซีเรียสอะไรมากหรอก แต่ก็อยากให้มันพูดเพราะๆด้วยเพราะยังไงผมก็เป็นพี่มัน ตอนนั้นเลยแกล้งจุ๊บคอมันแล้วบอกว่าเป็นการลงโทษเรื่องพูดไม่เพราะกับผม

สงสัยมันจะฝังใจเพราะหลังจากนั้นดูเหมือนว่ามันจะระมัดระวังคำพูดมากกว่าเดิม แต่ก็ยังมีหลุดออกอยู่บ้างซึ่งผมก็ไม่ได้อะไรแค่อยากแกล้งให้ไอ้เด็กพลัมมันหน้าแดงแค่นั้นเอง

เพราะตอนที่พลัมหน้าแดง…







มันน่ามองมากๆเลยน่ะสิ







ถึงแม้ว่าจะหน้าแดงเพราะความโกธรหรืออะไรก็ตาม



ยังไงมันก็น่ามองมากสำหรับผมอยู่ดี



“ไปกินข้าวด้วยกันหน่อยสิ”

ผมเอ่ยชวนพร้อมกับออกแรงดึงแขนพลัมให้มันเดินตามผมไปที่โรงอาหารด้วย

“เฮ้ยไม่ไป! ผมมาหาไอ้เติ้ลนะ ไม่ได้จะมากินข้าวกับพี่สักหน่อย!”

พลัมมันก็พยายามยื้อไม่เดินตามมา ผมเลยหยุดเดินแล้วหันไปมองหน้ามัน

“มึงไม่ได้จะมาหากูหรอกเหรอ?”

“ไม่ใช่สักหน่อย พี่เหมอย่าคิดไปเองดิ”

“กูนึกว่ามึงอยากจะมาถามกูเรื่องของโมนาซะอีก”

แม้ว่ามันจะพยายามทำเป็นไม่สนใจอะไรแต่ผมก็เห็นว่าเมื่อกี๊มันแอบชะงักนิดหน่อยตอนที่ผมเอ่ยชื่อของไอ้มนัสขึ้นมา

“แล้วทำไมผมต้องมาถามเรื่องของคนที่ชื่อโมนากับพี่ด้วยล่ะ?”

“ไม่ใช่ว่ามึงหึงกูเหรอ?”

“ห๋า!? แล้วผมจะไปหึงพี่ทำไมเล่า! เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”








“แต่สำหรับกู…ตอนนี้มึงคือแฟนของกูนะ”





“…”

“ไปกันเถอะ กูหิวแล้ว”

ผมจูงมือให้มันเดินตามมาอีกครั้งและคราวนี้มันก็ยอมเดินตามผมมาง่ายๆ

ผมแอบยิ้ม









‘ถ้ามึงหึงกูจริงๆก็ดีน่ะสิ’









จริงๆนะ









Plum Talk :

ตอนนี้ผมโคตรงงกับตัวเองเลย…

งงมากกกกกกก

งงโคตรๆ!

งงเหี้ยๆ!

งงว่าทำไมผมถึงได้ยอมเดินตามไอ้พี่เหมต้อยๆแบบนี้ แล้วก็งงด้วยว่าทำไมตัวเองต้องถ่อมาถึงคณะวิศวะเพียงเพราะแค่ค้างคาใจกับเสียงผู้หญิงในโทรศัท์ของไอ้พี่เหมเมื่อวานนี้ หลังจากที่สายมันตัดไปผมก็รู้สึกเหมือนในใจมันมีอะไรสักอย่าง สงสัย อยากรู้ คาใจจนกระทั่งเช้ารู้ตัวอีกทีก็เดินมาถึงคณะนี้แล้ว กำลังชั่งใจว่าจะกลับดีไหมก็เจอกับไอ้พี่เหมเข้าพอดี เลยอ้างว่ามาหาไอ้เติ้ลแทนแต่ดูเหมือนว่าพี่มันจะไม่เชื่อแถมยังพูดชื่อ ‘โมนา’ ขึ้นมาอีก



ยิ่งคาใจเข้าไปใหญ่เลยวุ้ย!



แล้วอะไรคือการที่พี่มันยิ้มอ่อนโยน เอ่ยเสียงอ่อนบอกว่ากูเป็นแฟนมันว่ะ

แม่ง! เล่นเอาซะไปไม่เป็นจนเผลอเดินตามพี่มันมาจนถึงโรงอาหารเนี่ย!

“มึงจะกินอะไรไหม เดี๋ยวกูไปซื้อให้”

“อยากกินข้าวมันไก่”

ในเมื่อเสนอตัวไปซื้อให้กูก็สนองล่ะนะ เพราะว่าตั้งแต่เช้าก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย พอเดินเข้ามาในโรงอาหารเท่านั้นแหละ กระเพราะก็เสือกหิวขึ้นมาทันที

“นั่งรออยู่นี่แหละ”

ไอ้พี่เหมมันให้ผมเฝ้าโต๊ะกับกระเป๋า ส่วนตัวพี่มันก็เดินไปต่อแถวร้านข้าวมันไก่ ผมเผลอมองตามไอ้พี่เหมไปอย่างไมรู้ตัวจนพี่มันหันมามองนั่นแหละถึงได้สติ รีบก้มหน้าหลบแทบไม่ทัน



อีกแล้ว!? นี่ผมเป็นอะไรไปว่ะเนี่ย?



หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นจะได้ไม่ต้องคิดอะไรมาก รอข้าวมันไก่จากไอ้พี่เหมสักพักพี่มันก็เดินกลับมานั่งพร้อมกับข้าวมันไก่สองจาน

“ไปซื้อน้ำให้กูหน่อยสิ”

“ทำไมต้องเป็นผมด้วยอ่ะ?”

จะเป็นเพราะหิวหรือว่าอะไรก็ไม่รู้หรอกนะ แต่ไม่รู้ว่าทำไมข้าวมันไก่มันถึงได้น่ากินอย่างนี้ น่ากินจนอยากจะหยิบช้อนมาตักเข้าใส่ปากเร็วๆ ถ้าไม่ติดว่าไอ้พี่เหมมันใช้ให้ผมไปซื้อน้ำให้อ่ะนะ

“ก็กูซื้อข้าวมาให้แล้วไง มึงก็ไปซื้อน้ำบ้าง สลับกัน”

“ก็ได้ๆ เอาตังค์มาดิ”

แบมือไปตรงหน้าไอ้พี่เหม พี่มันก็มองมือผมก่อนที่จะเอื้อมมือมาจับเข้าที่มือผมแล้วลูบเบาๆ

“ทำบ้าอะไรของพี่อ่ะ!” รีบชักมือกลับมาทันที

“ก็นึกว่าอยากจับมือด้วย”

“บ้านพี่น่ะสิ จะเอาตังค์ต่างหาก”

“ออกให้หน่อยสิ กูออกค่าข้าวให้มึงแล้วนะ”

“ไม่ได้ใช้ให้ออกตังค์ให้สักหน่อย”

“ถ้างั้นระหว่างค่าข้าวกับค่าน้ำจะเลือกอะไร?”

“ค่าน้ำก็ได้! แล้วเอาน้ำอะไร?”

“ลองเดาดูสิ”

ท่าเยอะ! จะแดกน้ำอะไรก็บอกๆมาเถอะ จะทำเป็นเล่นตัวทำไมว่ะเนี่ย? แล้วกูจะไปตรัสรู้กับคุณมึงไหมว่าอยากจะแดกน้ำอะไร ขืนซื้อมาไม่ถูกใจเดี๋ยวก็ไม่แดกอีก

“ซื้อๆมาเถอะ กูชอบกินเหมือนมึงนั่นแหละ”

เหมือนผม?

ผมทำหน้างงแต่ก็ยอมลุกออกจากโต๊ะไปซื้อนมเย็นจากร้านน้ำมาสองแก้ว

“อ่ะ เอาไป”

“มึงชอบกินนมเย็นเหรอ?” ไอ้พี่เหมถามเมื่อผมยื่นแก้วนมเย็นไปตรงหน้ามัน

ผมไม่ตอบแต่พยักหน้าแทน

“ชอบอย่างกับเด็ก”

“พี่เองก็ชอบไม่ใช่หรือไง? ไหนบอกว่าชอบกินเหมือนกับผมแล้วแล้วจะมาบ่นทำไม”

“ก็ไม่มีอะไร”

“งั้นก็กินๆ-”

“แต่กูนึกว่ามึงชอบชาเย็นมากที่สุดเสียอีก”

ผมชะงักทันทีที่ไอ้พี่เหมพูดเสร็จ ส่วนตัวพี่มันก็เริ่มกินข้าวโดยที่ไม่ได้สนใจท่าทางประหลาดใจของผม






ทำไม?






ทำไมไอ้พี่เหมมันถึงรู้ได้…






ทำไมพี่มันถึงรู้ว่าจริงๆแล้วผมชอบชาเย็นมากที่สุด…



“ทำไม…”

“ไอ้เติ้ลมันบอก” พี่เหมตอบเหมือนกับรู้ว่าผมจะถามว่าอะไร

“งั้นเหรอ?”

“เออดิ รีบๆกินได้แล้ว”

ผมได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจแล้วเริ่มลงมือกินข้าว พอคำแรกเข้าปากเท่านั้นแหละ…

อร่อยยยยยยยยยย!

อร่อยอ่ะ ทำไมข้าวมันไก่คณะผมมันไม่อร่อยแบบนี้มั่งว่ะ อร่อยจนอยากจะมากินอีกบ่อยๆ

“ค่อยๆกินก็ได้กูไม่แย่งมึงแดกหรอก”

“ก็มันอร่อยนี่พี่ทำไงได้”

เคี้ยวไปด้วยพูดไปด้วยแบบไม่สนใจมารยาท แต่ไอ้พี่เหมมันก็ไม่ได้ว่าอะไรแถมยังยิ้มแปลกๆส่งมาให้อีก



ยิ้มที่เหมือนกับตอนที่พี่มันบอกว่าผมเป็นแฟนมันเมื่อกี๊นี้…



ฮ่วย! อย่ายิ้มแบบนี้ได้ไหมเนี่ย!

มันทำตัวไม่ถูกเว้ยยยยยยย!

“เป็นอะไร?”

“เปล๊า”

“หึหึ เสียงสูงทำไม”

“เสียงสูงอะไร ผมหิวน้ำต่างหาก” ว่าแล้วก็หยิบนมเย็นขึ้นมาดูดอึกใหญ่

“อร่อยมากเลยเหรอ? ข้วมันไก่นี่”

“มากกกกก”







“ถ้างั้นทำไมไม่มากินบ่อยๆล่ะ”






“…”







“เดี๋ยวกูพามึงมากินเอง”


วันนี้ไอ้พี่เหมมันเป็นอะไร?????

ทำไมมันถึงได้ดูใจดีแปลกๆแถมยังยิ้มได้เยิ้มดีอีก ไม่ใช่ยิ้มแบบกวนตีน มันเป็นยิ้มที่ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ไม่ชินเลยเว้ย! แล้วไอ้ประโยคมื่อกี๊ทำไมฟังๆแล้วเหมือนพี่มันกำลังอ่อยผมอยู่เลยอ่ะ

นี่พี่มันคงจะไม่ได้กำลังจีบผมอยู่หรอกนะ?

เป็นไปไม่ได้หรอก! ถึงไอ้พี่เหมจะหญิงก็ได้ชายก็ดีแต่พี่มันคงจะไม่ได้ชอบผมหรอก…มั๊ง?

“พี่ชอบผมเหรอ?”

การกระทำไปตามความคิด พอคิดว่าไอ้พี่เหมมันอาจจะชอบผมก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกไป ทั้งๆที่เมื่อวานก็ถามพี่มันผ่านโทรศัพท์ไปแล้วครั้งนึง แต่ผมอยากได้ยินจากปากของพี่มันตรงๆมากกว่า

“มึงคิดว่าไงล่ะ?”

“ผมจะไปรู้กับพี่หรือไง? พี่คิดจะทำอะไรก็ทำไม่ถามความเห็นผมสักคำ ชอบบังคับนู่นนี่แล้วพี่จะบอกว่าทั้งหมดนี้ที่พี่ทำไปเป็นเพราะพี่ชอบผมอย่างงั้นเหรอ?”

“ถ้ากูบอกว่าเป็นแบบนั้นล่ะ มึงจะทำยังไง?”

“นี่พี่…ชอบผมจริงๆ…เหรอ?”

“เรื่องนั้นต่อจากนี้การกระทำของกูจะเป็นการพิสูจน์เอง มึงก็เตรียมใจเอาไว้ให้ดีๆล่ะ” พูดเสร็จไอ้พี่เหมก็ก้มหน้าลงไปกินข้าวต่อ

เดี๋ยวนะ!

ตอนนี้ผมงงไปหมดล่ะ

ขอประมวลแปป…

ไอ้พี่เหมมันบอกว่าการกระทำจะเป็นการพิสูจน์…

หรือก็คือมันกำลังจะลงมือจีบผมอะไรทำนองนี้หรือเปล่าว่ะ?




ฮ่วย! ไม่รู้เว้ย! เลิกคิดๆ




แล้วถ้าพี่มันจะจีบผมจริงๆล่ะ…




ผมจะทำอย่างไงดี?




โว้ยยยย! เลิกคิด!

ลงมือโซ้ยข้าวมันไก่ก่อนล่ะกันตอนนี้ เดี๋ยวปล่อยทิ้งไว้นานแล้วมันจะไม่อร่อย

นั่งกินกับไอ้พี่เหมไปเรื่อยๆโดยที่ไม่ได้พูดอะไรกันจนข้าวมันหมดเกลี้ยงทั้งจานของผมแล้วก็ไอ้พี่เหม กำลังนั่งย่อยอาหารดูดนมเย็นสบายๆ จู่ๆก็มีเสียงดังขึ้นมาจากทางข้างหลังผม

“นี่น่ะเหรอ? แฟนของเหม”




ใครว่ะ???






TBC. N.EP ------------------------------------------------------------------------->





TALKKKKKKKKKKKKK : เนื้อเรื่องดำเนินไวไปไหม? หรือยังไง?55555 เนื้อเรื่องก็ตามชื่อเรื่องนั่นแหละค่ะ ช่วงนี้มรสุมงานได้ผ่านพ้นไปแล้วอาจจะอัพได้บ่อยขึ้นแล้วแต่อารมณ์คนเขียน555 แต่ก็จะพยายามอัพให้นะ เจอกันตอนหน้าค่าาาาาา ^^
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.4 25/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-03-2016 05:40:58
รู้จักมาก่อนแน่ๆ
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.4 25/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 25-03-2016 06:10:56
แสดงว่าเคยมีความทรงจำร่วมกันมาก่อนสินะ พี่เหมกับพลัมแต่พลัมเสือกจำไม่ได้ อิอิ
แหน่พลัมเริ่มหึงพี่เหมแล้วอ่าเด้
พี่เหมตอนนี้คือละมุน งืออออ
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.4 25/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 25-03-2016 07:23:13
พี่โมนา?
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.4 25/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 25-03-2016 07:34:50
 :impress2:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.4 25/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 25-03-2016 08:42:57
พี่เหมชอบพลัมจริงๆ o13 o13 o13
แถมยังรู้จักรู้ใจพลัมเสียอีก พลัมก็จำพี่เหมให้ได้เร็วๆนะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.4 25/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 25-03-2016 08:53:45
หืม งานนี้พลัมจะได้รู้จักโมนาแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.4 25/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: mmello07 ที่ 25-03-2016 09:43:52
เดินหน้าจีบแบบเต็มแม็กซ์เลยค่าคุณพี่เหม :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.4 25/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 25-03-2016 09:51:26
สรุปเยังไม่มีชะนีโผล่มา ไอเราก็ตกใจ สรุปเจ้มนัสนี่เอง :laugh: ไอตอนท้ายนี่คงเป็นเจ้แกป่ะ

พี่เหมนี่เคยรู้จักน้องมาก่อนแน่ๆ รู้อีกว่าน้องชอบชาเย็น :o9:

รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.4 25/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 25-03-2016 11:10:51
พี่เหมเล็งน้องไว้นานแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.4 25/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Janny ที่ 25-03-2016 12:01:41
โอ๊ยยยยยยยยย พี่เหมคะะะะ เด็กเริ่มติดพี่แล้วค่ะ รุกต่อไปนะคะะะะะ พี่เหมนี่รู้จักน้องพลัมมาก่อนจริงๆด้วยอ่ะ แล้วเค้าไปรู้จักกันยังไงหนอ อย่าบอกนะคะว่ารู้จักกันตอนเด็กมาก 55555 น้องจำไม่ได้ก็ไม่แปลกป่ะคะพี่ แต่น้องพลัมนี่ยังค่ะ ยังไม่รู้ใจตัวเอง พี่เหมเช้าถึงเย็นถึงกบบนี้น้องจะไม่หวั่นไหวได้ไงอ่ะ กต่เราแอบคาใจนิดนึงเติ้ลนี่ไม่ได้คิดอะไรกับพลัมเกินเพื่อนใช่ป่ะคะ ไม่เอานะคะ ไม่อยากให้ใครเศร้า เพราะน้องพลัมต้องเป็นของพี่เหมคนเดียวว ฮืออออ นี่คือพี่แกฉวยโอกาสที่คนอื่นสอดรู้สอดเห็นประกาศตัวแล้วนะคะว่าคนนี้ของข้า ใครห้ามแตะ แต่น้องเขาถามพี่ก็ตอบสิคะ นี่จีบจริงจังมากครับ พี่ชอบน้องพลัมนะครับแบบเนี่ย 5555555555 คนที่มาใหม่นี่พี่โมนารึเปล่าคะ เจ้าของเสียงนั้นที่น้องไม่กล้าถามมมม  :mew3:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.4 25/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 25-03-2016 14:58:03

ชอบจัง สนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.4 25/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 25-03-2016 16:12:42
อ่านเรื่องนี้แล้วสงสารอิน้องพลัมมาก
อะไรจะเจอมรสุมแห่งความอับอายขนาดน้านนน  :hao7:
การเจอพี่เหมคงเป็นเรื่องที่ดีในชีวิตน้องแหละ

พี่เหมคงเคยสัญญาอะไรกับน้องตอนเด็กๆใช่ป่ะ แต่อิน้องมันดันลืม
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.5 26/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: NAY_nay ที่ 26-03-2016 22:29:39


มาแล้วจ้าาาาา ตอนนี้สั้นหน่อยเน้อ ยังไงก็ฝากตอนที่ 5 ด้วยนะคะ





EP.5





“นี่น่ะเหรอ? แฟนของเหม”




ผมหันไปตามเสียงที่ได้ยินมาจากข้างหลังก็ต้องพบเข้ากับ

สาวสวย…

ผู้หญิงตัวเล็ก ผิวขาวผมยาวดัดลอนหน้าตาสะสวยกำลังยืนกอดอกหรี่ตามองมาที่กับไอ้พี่เหม? ลางสังหรณ์ของผมบอกว่าผู้หญิงคนนี้จะต้องเป็นคนเดียวกับเจ้าของเสียงที่แทรกเข้ามาในโทรศัพท์เมื่อวานนี้แน่ๆ

โมนา…สินะ

“มีอะไรไอ้ม-”

“สต๊อป! หยุดเดี๋ยวนี้เลยเหม ห้ามพูดชื่อนั้นออกมานะ”

ไอ้พี่เหมที่กำลังจะพูดอะไรสักอย่างโดนคนที่ผมคิดว่าน่าจะชื่อโมนาขัดขึ้นมา เธอทำหน้าไม่พอใจก่อนที่จะเดินมายืนอยู่ข้างๆโต๊ะที่ผมกับไอ้พี่เหมนั่งอยู่

ให้ตายสิ ยิ่งดูใกล้ๆยิ่งสวย…

“ขอนั่งด้วยคนได้ไหม?”

เธอถามแต่ไม่รอคำตอบเดินไปนั่งลงข้างไอ้พี่เหมทันที แถมยังมองทางผมด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรสักเท่าไร

เดี๋ยวนะ

แล้วทำไมเธอถึงมองผมด้วยสายตาแบบนั้นล่ะ?

หรือว่าเธอจะชอบไอ้พี่เหมอยู่แล้วพอพี่มันมีข่าวกับผมก็เลยไม่พอใจอย่างงั้นเหรอ?

“ทำไมเหมถึงมากินข้าวโดยที่ไม่บอกโมนาเลยล่ะ?”

ชื่อโมนาจริงๆด้วย…

พี่โมนาหันไปถามไอ้พี่เหมด้วยท่าทีงอนๆ ทำให้เธอยิ่งดูน่ารักมากขึ้นไปอีก แต่ไอ้พี่เหมกลับดูไม่ได้สนใจในท่าทางน่ารักๆของเธอ ถอนหายใจแล้วหันไปถามพี่โมนาด้วยสีหน้าเอือมๆ

“เล่นอะไรของม-”

“จุ๊ๆๆ ไม่เอาสิเหม พูดกับโมนาไม่เพราะเลย”

พี่โมนาเอานี้ชี้ไปแตะไว้ที่ปากของไอ้พี่เหมเบาๆ เป็นทำนองว่าให้หยุดพูด พี่เหมก็เงียบไม่ได้พูดอะไรขึ้นมาอีก ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าทั้งโต๊ะเกิดความเงียบขึ้นมาทันที

“เอ่อ…”

“อ่อ จริงด้วยสิ ลืมไปเลยว่าน้องนั่งอยู่ด้วย พี่ขอโทษนะ”

พี่โมนาหันมาพูดกับผม แต่ดูแล้วเหมือนจะเป็นการจงใจเมินผมมากกว่า นี่ผมคงโดนพี่เค้าเกลียดขี้หน้าเข้าจริงๆแล้วสินะ

“ไม่เป็นไรครับ”

“ชื่ออะไรเหรอเราน่ะ?”

“พลัมครับ”

“น้องเป็นแฟนของเหมอย่างงั้นเหรอ?”

“เอ่อ…คือเรื่องนั้น”

“ว่าไงล่ะจ๊ะ?”

“คือ…ก็ไม่ได้เป็น…”

“ถ้าไม่ได้เป็นแฟนกันแล้วจะมายุ่งกับเหมทำไม อยากได้เหมมากขนาดนั้นเลยเหรอ?” พี่โมนาพูดเสียงด้วยเหน็บแนม สายตาจิกมาที่ผมแสดงออกชัดเจนเลยว่าไม่ชอบผม



จนผมเองก็เริ่มที่จะไม่ชอบขี้หน้าพี่โมนาแล้วเหมือนกัน




เจอทั้งคำพูด ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าเข้าไปขนาดนี้ผมก็เริ่มโกธรขึ้นมาแล้วเหมือนกันนะ คือผมไปทำอะไรให้พี่เขาอ่ะ? มาถึงก็แสดงท่าทีแบบนี้ใส่ ไม่รู้จักกันสักหน่อย ต่อให้สวยขนาดไหนแต่นิสัยแบบนี้ผมก็ไม่ไหวหรอก

“มันเรื่องของผมไม่ใช่เหรอครับ”

“ปากดี” พี่โมนาเริ่มหน้าบึ้งเมื่อเห็นว่าผมเริ่มตอบโต้เธอกลับ

“พี่เองก็นิสัยแย่”

“ว่ายังไงนะ!”

“ก็ตามที่ได้ยิน”

“นี่!”

ปัง!

พี่โมนาตวาดขึ้นมา ลุกขึ้นตบโต๊ะเสียงดังลั่น

“พอได้แล้ว”

เสียงของพี่เหมดังขึ้นมาขัดจังหวะ ทำให้พี่โมนาชะงักไป เธอหันไปมองค้อนพี่เหมก่อนที่จะหันกลับมามองผมด้วยสายตาที่เปลี่ยนจากเดิม คราวนี้เธอไม่ได้มองผมด้วยสายตาที่จิกกัดหรือว่าอะไรแล้ว กลับกัน ผมรู้สึกว่าสายตาที่เธอใช้มองผมตอนนี้เหมือนกับกำลังถูกใจอะไรสักอย่างซะมากกว่า



“โดนใจเจ๊มากกกกกกกกก เถียงเก่งๆแบบนี้เจ๊ล่ะช๊อบชอบ!”



ห๊ะ!?

“อิเหมมึงไม่น่ารีบขัดกูเลย ฟีลกำลังมาเลยห่าน”

“เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง” พี่เหมพูด

“เอ่อ…นี่มันอะไรกันเหรอครับ?”

“อุ๊ย พี่ต้องขอโทษน้องพลัมด้วยนะจ๊ะที่เผลอทำตัวไม่ดีใส่”

“…ไม่เป็นไรครับ”

คือตอนนี้มีใครพอจะบอกผมได้ไหมว่าพี่โมนาคนที่จิกกัดทางสายตาและคำพูดเมื่อกี๊หายไปไหน ทำไมถึงได้กลายเป็นคนที่ยิ้มแย้มแจ่มใสสายตาเป็นมิตรคนนี้แทน แล้วจู่ๆพี่โมนาก็ลุกออกจากฝั่งไอ้พี่เหมมานั่งข้างผม เธอเอื้อมมือมาจับปลายคางผมหันซ้ายหันขวาราวกับกำลังสำรวจอะไรบางอย่าง

“หน้านี่ใส๊ใส ผิวนี่ก็ขาวมากกกกก น่ารักจริงๆ”

น่ารัก?

โฮ่ยพี่ครับ! ผมหล่อครับ ไม่ใช่น่ารัก!

“น่ารักอะไรกันล่ะพี่ ผมออกจะหล่อ” พูดแล้วก็แจกยิ้มหล่อท่าประจำตัวแถมไปให้อีกที

“ต๊ายยยยยย อย่าทำท่าทางแบบนี้สิจ๊ะ พี่เขินแย่หมด”

“อย่าเวอร์ไอ้มนัส” พี่เหมพูดขัดขึ้นมา

“อิเหม! กูบอกแล้วไงว่าอย่าเรียกกูแบบนี้อีก!”

“มนัสนี่ชื่อพี่โมนาเหรอครับ?” ทำไมชื่อเหมือนผู้ชายจังว่ะ?

“เอ่อ…ก็ใช่นั่นแหละจ่ะ” พี่โมนายิ้มแหยๆส่งมาให้

“ทำไม-”

“หยุ๊ดดดดดด”

กำลังจะเอ่ยปากถามเรื่องชื่อแต่ก็โดนพี่โมนาขัดเสียก่อน

“พี่รู้ว่าน้องพลัมกำลังจะถามอะไร เอาเป็นว่าพี่ขอรีบบอกก่อนแล้วกันเนอะ จริงๆแล้วพี่เป็นกระเทยจ่ะ”

กระเทย?

จริงอ่ะ?

“ไม่อยากจะเชื่อสินะ ก็พี่ออกจะสวยขนาดนี้ใช่ไหมล่ะ?” พยักหน้าหงึกๆ เห็นด้วยกับคำพูดของพี่แก พี่โมนาก็สวยจริงๆนั่นแหละ เสียงก็ยังเหมือนผู้หญิงมากอีกต่างหาก ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นกระเทย

“โอ๊ยยยยย น่ารักจริงจริ๊ง ไม่น่ามาเป็นแฟนไอ้เหมได้เลย”

พี่โมนาเอื้อมมือมาหยิกที่แก้มของผมเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว ผมก็ไม่ได้ปัดออกปล่อยให้พี่แกหยิกไปเพราะเห็นว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ไอ้พี่เหมมันกลับเอื้อมมือมาปัดมือของพี่โมนาออกจากแก้มของผมแทน ทำเอามั้งผมแล้วก็พี่โมนาหันมอง ผมมองประมาณว่าทำอะไรของพี่มันแต่พี่โมนานี่สิหันไปยิ้มล้อๆใส่ก่อนที่จะพูดออกมา

“แหมๆ นิดๆหน่อยๆก็หวงนะมึง”

“รู้แล้วก็อย่าทำอีกล่ะ”

อะไรของมึงไอ้พี่เหมมมมมม???

“ไม่รับปากย่ะ!” สะบัดเสียงใส่ไอ้พี่เหมเสร็จก็หันมาพูดกับผมต่อทันที

“น้องพลัมมีเรียนต่อไหมจ๊ะ?”

“มีครับ มีเรียนบ่าย”

“นี่ก็จะบ่ายแล้วนี่! อีกแค่สิบห้านาทีเอง ไปๆ เดี๋ยวก็ขึ้นเรียนไม่ทันกันพอดี”

พี่แกตบหลังผมปุปๆให้ลุกขึ้นก่อนที่จะหันไปสั่งไอ้พี่เหม

“อิเหมเดินไปส่งน้องด้วย”

เฮ้ย เดี๋ยว!

“เอ่อ พี่โมนา คณะผมอยู่แค่นี้เอง ไม่ต้องให้พี่เหมเดินไปส่งหรอกครับผมเดินไปเองได้”

พอพี่โมนาได้ยินผมพูดแบบนี้ก็หันมาตาขวางใส่ทันที

“ไม่ได้สิจ๊ะ! น้องพลัมไม่รู้อะไรซะแล้วว่าชะนีคณะมนุษย์น่ะจ้องจะงาบอิเหมขนาดไหน หนูยอมไม่ได้นะคะลูก เราต้องแสดงความเป็นเจ้าของให้ชะนีเหล่านั้นเห็นไปเลยว่าอิเหมมันมีแฟนแล้ว”

“คือผมกับพี่เหมไม่แป็นแฟนกันนะครับ”

ผมเอ่ยย้ำ เผื่อพี่แกจะลืมที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้ไปแล้ว

“โอ๊ยยยยยย ไม่ต้องมาเฉไฉหรอกจ่ะน้องพลัม อิเหมมันแสดงออกขนาดนี้แล้ว ปกติมันเวลามันมีคนที่คุยด้วยก็ไม่เห็นจะสนใจอย่างน้องพลัมเลย แถมน้องพลัมยังเป็นคนแรกเลยด้วยล่ะมั๊งที่มันยอมรับอย่างเต็มปากเต็มคำว่าเป็นแฟน เพราะฉะนั้นถึงน้องพลัมจะบอกว่าไม่ได้เป็นแฟนกับอิเหม พี่ก็ไม่เชื่อหรอกจ่ะ พี่เชื่อเพื่อนของพี่มากกว่า”


ฟวยยยยยยยย!



แบบนี้เค้าเรียกว่าไม่ยุติธรรมนี่แล้วเจ๊! ฟังแต่ไอ้พี่เหมไม่ฟังกูเลยยยยยยยย



“ไปกันได้ยัง”

ไอ้พี่เหมถามขึ้นมาพร้อมกับลุกขึ้นเอาจานไปเก็บ นี่คือพี่มันจะไม่แย้งอะไรที่พี่โมนาพูดออกมาหน่อยหรือไง จะบอกว่ามันเป็นจริงอย่างที่พี่เเค้าบอกอย่างงั้นเหรอ?

“ไปได้แล้วน้องพลัม เดี๋ยวจะเข้าเรียนไม่ทันซะก่อน เอาไว้เจอกันใหม่คราวหน้าเนอะ”



เอาความจริงนะพี่โมนา…



ผมไม่อยากเจอพี่อีกเลยว่ะ รู้สึกเหมือนโดนยัดเยียดความเป็นเมียให้ไอ้พี่เหมตลอดเวลาที่อยู่กับพี่จริงๆ











ตลอดทางระหว่างเดินจากคณะวิศวะไปจนถึงคณะมนุษย์ผมกับไอ้พี่เหมก็ไม่คุยอะไรกัน พี่มันเงียบผมก็เงียบ

ไม่รู้สิ ผมแค่รู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างผมกับไอ้พี่เหมมันเปลี่ยนไปนิดหน่อยตั้งแต่ที่พี่มันบอกว่าจะพิสูจน์ให้ผมเห็นถึงความรู้สึกของพี่มันผ่านการกระทำ คือไอ้พี่เหมมันก็ยังนิ่งๆกวนตีนเหมือนเดิมแต่ในความกวนตีนนั้นมันดูเหมือนกับพี่มันมีอะไรบางอย่าง



อะไรบางอย่างที่ผมก็พอจะรู้…



ผมก็ไม่ได้ใสซื่อถึงขนาดที่ดูไม่ออกหรอกว่าพี่มันรู้สึกอะไรกับผม



แต่ที่ผมงงก็คือไอ้พี่เหมกับผมเพิ่งจะรู้จักกันแค่ไม่กี่วันเองนะ แล้วอะไรทำให้พี่มันรู้สึกแบบนั้นกับผมได้ล่ะ?



แถมผมเองก็ไม่ได้โวยวายอะไรออกไปเท่าที่ควรด้วย นี่ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกแปลกใจ เพราะปกติถ้ามีผู้ชายมาชอบผมล่ะก็แน่นอนว่าผมต้องปฏิเสธทันที แต่นี่นอกจากจะไม่โววายแล้วยังไม่รู้สึกรังเกียจพี่มันอีก

นี่ผมเป็นอะไรไปว่ะ?

เมื่อไม่กี่วันก่อนผมยังรู้สึกไม่ชอบใจที่พี่มันมายุ่งวุ่นวายอยู่เลย

“เป็นอะไร”

ไอ้พี่เหมหยุดเดินแล้วหันมาถามผม

“ไม่ได้เป็นอะไรนี่ครับ”

“ทำหน้าเครียด คิดเรื่องอะไรอยู่?”

เรื่องของคุณมึงนั่นแหละครับ!

“เรื่องหยุมหยิมน่ะพี่” ผมตอบเลี่ยงๆ

“พลัม” ไอ้พี่เหมเรียก

“ครับ”

“อยากจับมือ”

“ไม่ได้โว้ย!” เรื่องอะไรจะยอมให้พี่มันจับ คือถึงจะไม่ได้โวยวายอะไรแต่ก็ใช่ว่าจะยอมให้ทำอะไรได้ง่ายๆนะเว้ย! ถึงแม้จะแค่จับมือก็เถอะ แต่คนอื่นเค้าเห็นเค้าจะคิดยังไง ผู้ชายสองคนเดินจับมือมือด้วยกันเนี่ยนะ!? แล้วอีกอย่างนี่มันก็มหาลัยนะ จะให้มาเดินจับมือถือแขนกันก็ใช่เรื่อง



เดี๋ยวสิ!



นี่ผมคิดแบบนี้แสดงว่าถ้าไม่ใช่ที่มหาลัยก็จะยอมให้ไอ้พี่เหมมันจับหรือไง?

ฟวยยยยยยยยย!

“อยากจับ”

“ไม่!”

“นะ”

“ไม่! พี่ส่งแค่นี้แหละผมเดินต่อเองได้”

พอจะเดินผ่านตัวไอ้พี่เหมพี่มันก็รั้งแขนผมเอาไว้ ก่อนที่จะค่อยๆเลื่อนมือลงมากุมมือผมไว้

“พี่ทำอะไรเนี่ย!? ปล่อยมือเดี๋ยวนี้เลยนะ!” พยายามที่จะสะบัดมืออกแต่ไอ้พี่เหมมันก็จับเอาไว้แน่น

“ป่ะ ไปกันเหอะ”

“พี่เหม!”

ไอ้พี่เหมหาได้สนใจเสียงของผม รั้งมือผมให้เดินตามไปผมพยายามที่จะสะบัดมืออกแต่มันก็ไม่เป็นผลจนสุดท้ายก็ต้องปล่อยให้พี่มันจับมืออยู่แบบนั้น คนที่เดินผ่านไปผ่านมาเค้าก็มอง ผมเลยเดินก้มหน้าแม่ง! พยายามไม่สนใจอยากมองก็ปล่อยให้มองไป

“มึงจะก้มหน้าทำไม?”

“ก็คนแม่งมองกันอ่ะ พี่ก็ปล่อยมือผมได้แล้วคนมันจะได้เลิกมองกันสักที” ว่าแล้วก็พยายามจะสะบัดมืออีกแต่ผลก็เป็นเหมือนเดิม

“เค้าอยากมองก็ปล่อยให้มองไปสิ”

แหม คุณมึงก็พูดได้สิครับ

“เออๆ รีบเดินไปสักทีสิ เอื่อยแบบนี้แล้วเมื่อไรจะถึง ผมจะขึ้นเรียนไม่ทันแล้วเนี่ย” เหลืออีกแค่ 5 นาทีเองครับ ดีวิชานี้เป็นวิชาที่อาจารย์ไม่ค่อยเคร่งเลยยังพอจะเข้าช้าได้บ้าง นี่ถ้าเป็นวิชาที่อาจารย์โหดๆนะไม่มัวมาเดินเอื่อยเฉื่อยอยู่แบบนี้หรอก

วิ่งเท่านั้นที่ช่วยได้...

“พลัม” ไอ้พี่เหมเรียก

“อะไรอีก”

“กูยังไม่มีเบอร์โทรศัพท์มึงเลย”

“แล้วไง?”

“เอาโทรศัพท์มึงมาสิ”   

“ไม่ให้! มีไรไหม?”

“ถ้าไม่ให้กูจะหอมแก้มมึงตรงนี้แหละ”

“รอแปปนึง”

รีบลวงมื้อไปหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมากดรหัสผ่านแล้วยัดใส่มือไอ้พี่เหมแทบไม่ทัน เพราะผมเชื่อว่าถ้าผมไม่ให้โทรศัพท์กับไอ้พี่เหมล่ะก็ พี่มันจะต้องทำอย่างที่ปากพูดแน่ๆ

ไอ้พี่เหมใช้มืองข้างที่ว่างกดโทรศัพท์จึกๆ ส่วนมืออีกข้างก็ยังจับมือกับผมเอาไว้

“ปล่อยมือผมก่อนก็ได้มั๊ง”

“จับเอาไว้แบบนี้แหละ มึงจะได้ไม่หายไปอีก”



อะไรของพี่มันว่ะ?



…พูดอย่างกับผมเคยรู้จักกับพี่มันมาก่อนอย่างงั้นแหละ



…เรื่องที่ผมชอบชาเย็นเมื่อกี๊ก็ด้วย



หรือว่าผมกับไอ้พี่เหมจะรู้จักกันมาก่อน?

“กูเมมเบอร์ของกูเอาไว้แล้ว ห้ามลบทิ้งเด็ดขาดเข้าใจไหม?”

ไอ้พี่เหมส่งโทรศัพท์คืนมาให้ผม ผมรับมาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรรีบยัดลงใส่กระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม

“กูถามว่าเข้าใจไหม?”

“คร้าบบบบ พอใจยั๊ง?”

“หึหึ ดีมาก”




แล้วผมกับไอ้พี่เหมก็เดินจับมือกันมาจนถึงใต้ตึกคณะพี่มันถึงยอมปล่อยมือออกจากมือผม

แม่ง! นี่ผมกับไอ้พี่เหมจับมือกันจนถึงกับมีเหงื่อซึมออกมาเลยอ่ะ นี่ก็เป็นเพราะไอ้พี่เหมมันจับมือผมเอาไว้ซะแน่นไม่ยอมปล่อยนั่นแหละ

“เลิกเรียนกี่โมง?”

“ห้าโมงเย็น”

“จริงเหรอ?”

“ครับ”

“ให้ตอบอีกครั้ง”

“ชิ๊! สี่โมงเย็น”

ไอ้พี่เหมมันต้องรู้ตารางเรียนผมแน่ๆ

“เรียนเสร็จแล้วก็โทรหา เดี๋ยวเย็นนี้กูมารับ”

“พี่จะมารับผมทำไม?”

“กูก็บอกแล้วไงว่าให้มึงเตรียมตัวเอาไว้ให้ดี…”

“…”

“เพราะต่อจากนี้กูจะเริ่มเอาจริงแล้ว”

ผมนิ่งไม่ได้พูดอะไร



ไอ้พี่เหมมันจะจีบผม…



แล้วตัวผมล่ะ?



ผมก็จะยอมให้มันจีบอย่างงั้นเหรอ? ผมที่เป็นผู้ชายที่ชอบผู้หญิงมาตลอด แล้วจู่ๆก็จะยอมให้ผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันแค่ไม่กี่วันมาจีบน่ะเหรอ? เรื่องที่โดนผู้ชายมาจีบก็ใช่ว่าจะไม่เคย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมลังเล…



เป็นครั้งแรกที่ลังเลว่าจะยอมปล่อยให้พี่มันจีบไปแบบนี้หรือจะปฏิเสธไปเลยดี



ทำไมผมถึงได้ลังเลล่ะ คำตอบมันก็น่าจะแน่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอว่าต้องปฏิเสธ



แล้วทำไม…



นี่มันหมายความว่าผมกำลังจะเป็นเกย์อย่างงั้นเหรอ?



ผมจะทำยังไงดี?



“พลัม” ไอ้พี่เหมเรียก

“…”

ผมไม่ตอบแต่เงยหน้ามองพี่มันแทน

“ไม่ต้องคิดมาก”

ไอ้พี่เหมเอื้อมมือมาลูบหัวผมอย่างอ่อนโยนคล้ายกับจะปลอบ เสี้ยววินาทีนั้นเองที่หัวใจของผมมันก็เต้นผิดจังหวะไป รู้สึกว่ามันเต้นรัวและแรงขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

“กูก็แค่อยากจะทำในสิ่งที่อยากทำ ถ้ามันฝืนใจมึงก็ขอโทษด้วย…” ผมนิ่งไม่ได้ปัดมือพี่มันออก

“…”

“แต่กูไม่ยอมหยุดหรอกนะ”

“…”

“พลัม?”

“…อื้ม”

“หึหึ ไปขึ้นเรียนได้แล้ว เลิกแล้วอย่าลืมโทรหาล่ะ”

ไอ้พี่เหมยิ้ม ผละมือออกจากหัวของผม

ผมเลยรีบหันหลังแล้วเดินขึ้นตึกไปทันที

นี่ผมเป็นอะไรไปกันแน่นะ…ทำไมถึงเผลอใจเต้นไปกับพี่มันได้?













“นักศึกษาคนไหนที่เข้าสายในวันนี้ครูจะหักคะแนนจิตพิสัยนะคะ”

ฮืออออออออ อาจารย์ ~~





TBC. N.EP ------------------------------------------------------------------------->





TALKKKKKKKKKKKKK : อิพลัมเป็นคนใจง่ายยยยย ช่วงนี้พลัมมันก็สับสนหน่อยเนอะ ปล่อยมันไปก่อน55 หลังจากที่มรสุมงานระลอกที่แล้วผ่านไป ระลอกใหม่ก็ตามาทันทีอย่างกับอาฟเตอร์ช็อคหลังเกิดแผ่นดินไหว5555 หลังจากนี้คนเขียนก็อาจจะหายหน้าหายตาไปอีกแปปนึง แต่ก็จะพยายามหาเวลาว่างมาแต่งอิพลัมแน่นอน ยังไงก็ฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ อย่าทิ้งน้องพลัมกับอิพี่เหมเลยน๊าาา :sad4: คอมเม้นช่วยเป็นกำลังใจให้คนเขียนได้ ใครชอบก็เม้นได้นะคะ

แล้วก็! (วันนี้Talkยาวหน่อย55) คนเขียนมีเพจแล้วจ้าาาาา เพิ่งสร้างเลย ใครชอบนิยายเรื่องนี้อยากติดตาม พูดคุย หรือทวงนิยายก็อย่าลืมไปกดถูกใจกันน๊าาา

https://www.facebook.com/NAY_Y_Story-1576364292675202/ (https://www.facebook.com/NAY_Y_Story-1576364292675202/)

เจอกันตอนหน้าค่าาาาา^^

หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.5 26/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 26-03-2016 22:49:24
น้องพลัมโดนหัก 5 คะแนนแล้วสินะ 5555
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.5 26/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 26-03-2016 23:09:39
พี่เหม น้องโดนหักคะแนนเลย
มารับผิดชอบเดี๋ยวนี้น้า  :impress2:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.5 26/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 26-03-2016 23:37:14
อยากรู้อ่ะพี่เหมกับพลัมไปรู้จักกันตอนไหน
รู้สึกพี่เหมจะรักพลัมมากอ่ะ คือรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับพลัม
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.5 26/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: askmes ที่ 26-03-2016 23:56:08
สนุกกกกกกกกก.. ชอบอะ.. รอติดตามมมม
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.5 26/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 27-03-2016 00:15:43
พี่โมนา ฮามาก

พี่เหมมือถึงตลอดนะคะ
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.5 26/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-03-2016 01:31:43
ดีแหะ พลัมมันมีสะกิดใจเรื่องแบบนี้ด้วย  ต้องรู้จักกันมาก่อนแน่ๆ
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.5 26/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 27-03-2016 02:02:58
น้องพลัมมม
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.5 26/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 27-03-2016 11:10:27
ฮืออน่ารักน่าเอ็นดูค่า55555555
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.5 26/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Janny ที่ 27-03-2016 11:50:10
พี่โมนา ประเคนน้องให้เพื่อนให้ได้นะคะ เนี่ย น้องหวั่นไหวมากแล้ว มันต้องเป็นผลจากอดีตแน่ๆ สรุปเขาเจอกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ฮือออ รออ่านนะค้าาา พี่เหมนี่ก็ น้องพลัมน่าจะเป็นของพี่แน่ๆเลย พยายามต่อไปนะคะ!  :mew3:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.5 26/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 27-03-2016 12:34:46
ถูกหักคะแนนไหมน้องพลัม ^^
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.5 26/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 27-03-2016 12:56:14
ติดผู้จนโดนหักคะแนน5555
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.5 26/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-03-2016 16:04:11
อร๊ายยยย พี่เหมดีงามอะ ว่าแต่พี่เหมเคยเจอพลัมมาก่อนแน่ๆเลย แต่ทำไมพลัมจำพี่เหมไม่ได้หว่า
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.5 26/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: ketekitty ที่ 27-03-2016 16:45:53
คืองานดี แค่ชื่อพระเอกคือชนะ พูดเลย
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.5 26/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: daadaadaa ที่ 27-03-2016 18:01:47
พี่เหมมมมม
ตอนที่แล้วแอบว่าพี่ไป ความจริงพระเอกมากกก
สองคนนี้ต้องเคยเจอกันมาก่อนแน่เลย
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.5 26/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 27-03-2016 21:54:27
มันต้องเป็นเรื่องที่น่าอายสักอย่างที่พลัมมันลืมไปแน่ๆเลย
พี่เขมมมม เลิฟฟ รุกหนักๆ เดี๋ยวพลัมมันก็ยอมเอง ฮ่าาาา
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.5 26/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 27-03-2016 22:58:05
พี่เหมสู้สู้ น้องพลัมใจอ่อนเร็วๆ นะลูก
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.5 26/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 28-03-2016 00:27:57
ทำไมน้องพลัมดูจำพี่เหมไม่ได้เลย
รู้จักกันตอนเด็กมากๆ หรือยังไงนะ
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.5 26/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 28-03-2016 03:20:50
น้องพลัมพี่เหม น่ารักกกกกกก  :hao7:

รอตอนต่อไปค่า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.5 26/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 28-03-2016 13:25:36
น้องพลัมน่ารักจัง
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.5 26/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 28-03-2016 22:01:32
ชอบน้องพลัมมมม ตลกกกก
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.6 29/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: NAY_nay ที่ 29-03-2016 00:20:46


มาแล้วจ้าาาา ไม่นานเนอะ พยายามรีบปั่นให้เสร็จเลยนะเนี่ย555 ฝากตอนที่ 6 ด้วยจ้าาาา





EP.6






ผมยอมให้ไอ้พี่เหมจีบ…

พยายามคิดทบทวนในหลายๆสิ่งดูแล้วคำตอบที่ผุดขึ้นมาในใจก็มีแค่คำตอบนี้

ผมไม่ได้รังเกียจไอ้พี่เหมนั่นเป็นสิ่งที่แน่นอน แค่ลองคิดว่าเปลี่ยนจากไอ้พี่เหมเป็นผู้ชายคนอื่นมาจีบผมใจมันก็ปฏเสธทันทีอย่างไม่มีการลังเล ผมจึงสรุปได้ว่าต้องเป็นแค่ไอ้พี่เหมคนเดียวเท่านั้นที่ผมยอมให้จีบได้



แค่ยอมให้จีบนะครับ! จีบติดไม่ติดก็อีกเรื่องนึง



แล้วหลังจากวันที่พี่มันมาส่งผมที่คณะวันนั้น ไอ้พี่เหมมันก็คอยมารอรับผมหลังเลิกเรียนได้อาทิตย์นึงแล้ว…วันไหนที่ผมเลิกเร็วแล้วพี่มันเลิกช้าก็จะบอกให้ผมไปนั่งรอที่คณะวิศวะ แต่วันไหนที่ผมเลิกช้าแล้วพี่มันเลิกเร็วก็จะมานั่งรอผมที่คณะมนุษย์แทน เป็นแบบนี้มาได้อาทิตย์นึงจนผู้คนทั้งสองคณะเริ่มจะชินแล้วที่เห็นผมไม่ก็ไอ้พี่เหมมานั่งเสนอหน้าอยู่ที่ใต้คณะ แรกๆก็มีมองมาอย่างให้ความสนใจบ้าง ส่วนตอนนี้…

ก็ยังมีคนมองเหมือนเดิม!

เฮ้อออออออ

ผมเองก็ขี้เกียจจะโวยวายแล้วด้วย เพราะว่าตัวผมก็ยอมให้ไอ้พี่เหมคอยมารับหลังเลิกเรียนแบบนี้จะแย้งอะไรไปก็คงไม่มีคนเขาเชื่อหรอก ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย

HEM : อาจารย์ปล่อยหรือยัง?

PLUM PLUM : ใกล้แล้ว

HEM : กูรออยู่ข้างล่างแล้วนะ

PLUM PLUM : คร้าบบบบบ

กดปิดแชทไลน์แล้วหันสนใจอาจารย์ต่อ ทุกครั้งก่อนที่ผมจะเลิกเรียนไอ้พี่เหมมันจะทักมาถามตลอด ผมเองเวลาไปรอมันที่คณะก็ส่งไลน์ไปบอกมันเหมือนกัน ไม่รู้ว่ากลายเป็นแบบนี้ไปได้ไง แต่รู้แค่ว่าต้องทำทุกครั้งที่ผมไปรอมันจนกลายเป็นความเคยชินเล็กๆน้อยๆ ส่วนตอนปกติไอ้พี่เหมมันก็แค่ทักมาบอกฝันดีก่อนนอน ส่วนผมก็ได้แต่บอกฝันดีตอบไม่ก็ส่งสติ๊กเกอร์กลับไปแค่นั้นไม่ได้คุยเรื่องอะไรอื่นๆกันอีก

ผมลองพยายามนึกดูแล้วว่าเคยรู้จักกับไอ้พี่เหมมาก่อนหรือเปล่า แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก ในความทรงจำของผมไม่เคยรู้จักคนชื่อเหมมาก่อน แถมถ้ารู้จักคนหน้าตาดีแบบไอ้พี่เหมมาก่อนผมก็ต้องจำได้แน่นอน แต่นี่กลับจำไม่ได้เลยสักนิด



แต่ยังไง…



ความรู้สึกของผมก็บอกว่าไอ้พี่เหมมันต้องรู้จักผมมาก่อนอย่างแน่นอน



ถ้าถามพี่มันไปมันจะยอมบอกหรือเปล่านะ?



“วันนี้พอแค่นี้นะคะนักศึกษา เจอกันอาทิตย์หน้าค่ะ”

เสียงอาจารย์บอกเลิกคลาส ผมเลยเก็บอุปกรณ์การเรียนใส่กระเป๋ากำลังจะเดินออกจากห้องแต่ก็รู้สึกเหมือนโดนอะไรบางอย่างรั้งคอเสื้อเอาไว้เสียก่อน

“จะรีบไปไหนเพื่อนพลัม”

ไอ้วิทย์…

จะว่าไงดีล่ะ อืมมมมมม มันก็เป็นเพื่อนที่ผมสนิทด้วยคนนึงในสาขาล่ะนะ ไปไหนมาไหนด้วยกันก็บ่อยอยู่แต่หลังจากที่ผมมีข่าวกับไอ้พี่เหมก็ไม่ค่อยได้คุยกับมันสักเท่าไร

“มึงมีไร?”

หันไปถาม ไอ้วิทย์มันเลยปล่อยคอเสื้อผมยกมือขึ้นกดอกตีหน้าซีเรียส

“นี่มึงลืมไปแล้วใช่ไหมไอ้พลัม”

“เรื่องอะไร?”

“จริงๆเลยไอ้พลัม มีผัวแล้วลืมงานเลยนะมึง”

“ผัวพ่อง!” ตะโกนด่ากลับไปทันที ผัวเผออะไรของมึ๊งงงงงง

“แล้วมึงจะบอกว่าคนที่มารอรับมึงทุกครั้งหลังเลิกเรียนในอาทิตย์ที่ผ่านมาไม่ใช่ผัวมึงหรือไง?”

“ก็ไม่ใช่น่ะสิ!”

“แล้วเค้าเป็นใครล่ะ?”

“เอ่อ…” จะบอกว่าไงดีล่ะว่ะ? คือตอนนี้ผมกับไอ้พี่เหมก็เป็นแฟนกันแค่ในนามไง สถานะจริงๆก็คงประมาณว่า

คนตามจีบล่ะมั๊ง?

“เออๆ ช่างมันเหอะ กลับมาเข้าเรื่อง วันพุธนี้พวกเรามีนัดทำงานของอาจารย์พรรณีกันที่ห้องของไอ้ป๋วยมึงคงจะไม่ได้ลืมใช่ไหม?”

ลืมสนิทเลยต่างหากจ้า

คือช่วงนี้มันมีแต่เรื่องของไอ้พี่เหมเข้ามาไง เรื่องอื่นๆเลยไม่ค่อยได้สนใจสักเท่าไรเลยกลายเป็นลืมไปซะงั้น

“ทำหน้าแบบนี้ลืมจริงๆด้วยสินะมึง” ไอ้วิทย์ว่าเสียงโหด คือไอ้วิทย์มันเป็นคนจริงจังกับงานไง เห็นผมลืมนัดแบบนี้มันก็คงจะไม่พอใจอยู่หรอก

“กูขอโทษษษษษษ” แทบจะยกมือขึ้นไหว้อ่ะบอกเลย หน้าไอ้วิทย์ตอนนี้แม่งอย่างกับยักษ์

“กูจะให้อภัยมึงก็ได้”

“จริงนะมึง?”

“แต่!”

นั่นไง กูว่าแล้วว่ามึงต้องไม่ยอมง่ายๆ

“วันนั้นมึงต้องเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำพื่อนทุกคน”

“อะไรนะ? กูแค่ลืมนัดเองนะมึงงงงงง ถึงกับให้กูต้องควักเนื้อตัวเองมาเลี้ยงข้าวพวกมึงเลยหรือไง?” งานนี้เป็นงานกลุ่มหกคน ดูเหมือนจะเป็นจำนวนคนที่ไม่เยอะเท่าไร แต่หารู้ไม่ว่าไอ้พวกห้าคนที่ตัดผมออกแล้วแม่งแดกเก่งกันชิบหาย แทบจะเรียกหาของกินทุกๆหนึ่งชั่วโมง ไอ้วิทย์นี่ตัวดีเลยมันบอกว่าต้องใช้สมองเลยต้องกินเยอะๆเข้าไว้

เกี่ยวกันด้วยเหรอว่ะ?

“มึงลืมในครั้งนี้ ครั้งต่อๆไปมึงก็จะลืมอีกเพราะฉะนั้นใช้วิธีนี้แหละเป็นการดัดนิสัยที่ดีที่สุด” ไอ้วิทย์มันว่า

ถุย!

“มึงอยากแดกข้าวฟรีก็บอกมาเถอะ”

“ถูก เพราะฉะนั้นมึงก็จัดการเรื่องนี้ด้วยล่ะกัน โอเคนะ” พูดเสร็จมันก็สะบัดตูดไปเก็บของใส่กระเป๋าต่อปล่อยให้ผมยืนเอ๋ออยู่คนเดียวโดยที่ยังไม่ทันได้ตอบโต้อะไรมันสักคำ

กูขอแช่งให้มึงอ้วนเป็นหมูเลยไอ้วิทย์ ไอ้สาดดดดดด!








“ทำไมช้าล่ะ?”

ไอ้พี่เหมถามขึ้นทันทีที่ผมเดินเข้าไปหามันที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะหินอ่อนใต้คณะ

“เพื่อนรั้งตัวไว้คุยงานนิดหน่อย”

“อื้ม มึงหิวไหม?”

“พี่จะถามผมทำไม ปกติพี่ก็ลากผมไปกินข้าวด้วยตลอด”

“หึหึ แสนรู้นะมึง”

ทุกครั้งที่ไอ้พี่เหมมันถามผมว่าหิวไหม? นั่นแสดงว่ามันต้องการที่จะไปแดกข้าวซึ่งต่อให้ผมปฏิเสธยังไงมันจะลากผมไปแดกให้ได้อยู่ดี เลยกลายเป็นว่าผมต้องไปนั่งกินข้าวกับพี่มันทุกครั้งไปโดยปริยาย

“จะกินที่ไหนดีล่ะ?”

“แล้วแต่พี่เลย”

“งั้นไปกินข้างนอกล่ะกัน กินเสร็จจะได้เลยไปส่งมึงที่หอเลย”

ไอ้พี่เหมเสนอเสร็จก็เดินนำออกไป ผมก็เลยต้องเป็นฝ่ายเดินตามมันแทนแต่ยังไม่ทันที่จะเดินออกไปพ้นคณะก็มีเสียงทักไอ้พี่ดังมาจากด้านหลังเสียก่อน

“เฮ้ย ไอ้เหม!”

ผมกับไอ้พี่เหมหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นไอ้พี่วินมหาประลัยที่เคยสั่งให้ผมไปบอกรักไอ้พี่เหมเมื่อสัปดาห์ก่อน หลังจากนั้นก็หมดรับน้องพอดีไอ้พี่วินมันก็เลยหายหน้าหายตาไปเลย นี่ผมก็เพิ่งจะเจอพี่มันนี่แหละ

“มึงมีไรไอ้วิน?” ไอ้พี่เหมถาม

“แหม ไม่มีธุระนี่กูจะทักมึงไม่ได้เลยหรือไงครับ กลัวกูมาขัดจังหวะหรือไง?” ไอ้พี่วินทำหน้ากวนตีนตอบ ผู้ชายหน้านิ่งเสียงโหดเมื่อตอนรับน้องได้หายไปแล้วเหลือก็แต่ไอ้พี่วินที่กำลังยิ้มกวนตีนใส่ไอ้พี่เหมอยู่ เรียกได้ว่าเปลี่ยนจากหลังมือเป็นหลังตีนเลยครับ ผมยังจำตอนที่มันกดดันผมตอนล่ารายเซ็นรุ่นพี่ไม่ครบได้อยู่เลย

น่ากลัวชิบหายอ่ะตอนนั้น

“ถ้าไม่มีธุระอะไรกูก็ขอตัว” ไอ้พี่เหมพูดพร้อมกับทำท่าจะเดินออกไปจนไอ้พี่วินรีบพูดรั้งเอาไว้แทบไม่ทัน

“แหมๆ มึงหนิ จะรีบไปไหนนักหนากูรบกวนเวลามึงไม่นานหรอกน่า”

“ว่ามา”

“ก็หลังจากที่กูสั่งให้ไอ้พลัมไปบอกรักมึงก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย กูเลยจะถามว่าเป็นไงมั่งไง” ไอ้พี่วินพูดพรางเหลือบมองผม ผมเองหลังจากที่ตะโกนบอกรักไอ้พี่เหมไปแล้วก็ไม่ได้คุยอะไรกับไอ้พี่วินเหมือนกัน ตอนนั้นโกธรพี่มันมากที่สั่งให้ผมไปทำอะไรแบบนั้น

“ก็ดี”

“กูไม่คิดว่ามึงจะตอบตกลงนะเนี่ย นึกว่ามึงจะเดินมาด่าซะอีกดันตอบตกลงเฉย”   

ผมเองก็คิดเหมือนพี่ครับ งงมากเลยตอนนั้น

“เรื่องของกู”

“ครับๆ แล้วนี่มึงกับพลัมจะไปไหนกันอ่ะ?”

“เรื่องของกู” พี่เหมตอบคำเดิม

“กวนตีนนะมึง”

“พวกเรากำลังจะไปกินข้าวกันครับพี่วิน” ผมตอบแทนไอ้พี่เหมซึ่งพี่มันก็หันมามองนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร

“อ๋ออออ พี่ไปด้วยคนสิ”

“ไม่ได้” พี่เหมรีบพูดขัดขึ้นมา   

“ทำไม”

“เกะกะ”

“เรื่องของกู” ไอ้พี่วินพูดพลางยักคิ้วจึกๆเป็นการเอาคืนซึ่งผมก็แอบเห็นไอ้พี่เหมคิ้วกระตุกเหมือนกัน และผมว่าคงไม่ใช่แค่คิ้วเท่านั้นที่กระตุก ตีนไอ้พี่เหมก็คงจะกระตุกด้วยเหมือนกัน

“ว่าไงพลัม พี่ไปด้วยได้ไหม?” ไอ้พี่วินหันมาถามผมแทน

ผมอึกอัก มองไปทางไอ้พี่เหมเพื่อขอการตัดสินใจแต่พี่มันก็เสือกมองไปทางอื่นอยู่ซะงั้น พอมองไปทางไอ้พี่วินมันก็ยิ้มหล่อส่งสายตาอ้อนวอนมาให้อยู่

“ก็ได้ครับ…”

ตอบไปแบบอ้อมแอ้ม ไอ้พี่เหมหันมามองหน้าผมแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกเดินนำต่อทันที ส่วนไอ้พี่วินก็เอ่ยปากขอบคุณผมซะใหญ่โต

เอ่อ ไอ้พี่วิน…บางครั้งพี่มึงก็เล่นใหญ่ไปนะ…

แล้วไหนมึงบอกว่ารบกวนเวลาไม่นานไง แต่นี่คุณมึงกำลังจะไปแดกข้าวกับพวกกูเลยนะครับ...









ไอ้พี่เหมเลือกกินร้านอาหารตามสั่งแถวมอ พอจอดรถเสร็จก็เดินตรงดิ่งไปนั่งที่โต๊ะด้านในสุดทันที อ่อ ผมบอกไปหรือยังว่าไอ้พี่เหมแม่งขับบิ๊กไบค์อ่ะ ขี่ไปไหนมาไหนโคตรเท่เลย มีแต่คนมอง เล่นเอาเวลาผมซ้อนท้ายมันนี่ดับไปเลย

ไอ้พี่วินขับรถมาจอดข้างๆ แล้วเดินเข้าไปในร้านพร้อมผม พอเห็นผมเดินเข้าไปไอ้พี่เหมมันตบเก้าอี้ข้างๆมันเป็นสัญญาณให้ผมไปนั่งตรงนั้น ผมส่ายหน้าปฏิเสธ ปกติก็นั่งกันคนล่ะฝั่งนี่ ทำไมจู่ๆพี่มันถึงได้บังคับให้ผมไปนั่งข้างมันล่ะเนี่ย แล้ววันนี้พี่มันเป็นอะไรของมันว่ะ? ตอนแรกก็ยังดีๆอยู่เลยแต่พอเจอไอ้พี่วิน ไอ้พี่เหมก็ดูแปลกไปทันที พี่มันดูพูดน้อยลงกว่าเดิมจนแทบจะกลายเป็นเงียบเลยก็ว่าได้

พอผมส่ายหน้าปฏิเสธไปไอ้พี่เหมก็ไม่ได้บังคับผมเหมือนทุกครั้ง พี่มันแค่พยักหน้ารับรู้แล้วหันไปหยิบกระดาษมาจดรายการอาหารแทน



แปลกจริงๆด้วย…



ปกติถ้าไอ้พี่เหมมันต้องการให้ผมทำอะไรมันก็ต้องบังคับจนผมยอมทำแต่นี่กลับพยักหน้าตกลงง่ายๆซะงั้น

ผมนั่งลงที่หัวโต๊ะส่วนไอ้พี่วินก็นั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามไอ้พี่เหม

“มึงจะกินอะไร?” ไอ้พี่เหมหันมาถามผม

“กะเพราหมูสับ”

ไอ้พี่เหมก้มลงไปจดรายการตามที่ผมบอก

“กูเอาคะน้าหมูกรอบ”

ไอ้พี่วินบอกแต่ไอ้พี่เหมกลับยื่นกระดาษไปให้พี่วินมันจดเอง แถมยังสั่งให้ลุกเอาไปส่งให้แม่ค้าอีกต่างหาก

“เขียนเสร็จแล้วเอาไปส่งด้วยไอ้วิน”

“โห่ ไรว๊า จดให้กูหน่อยไม่ได้หรือไง?”

“ไม่”

ไอ้พี่วินทำปากขมุบขมิบแต่ก็ยอมเขียนเองแล้วลุกเดินเอารายการอาหารไปให้แม่ค้า

เหลือบมองไปทางไอ้พี่เหมก็เห็นว่ามันกำลังก้มเล่นโทรศัพท์อยู่ ไม่รู้ทำไมในใจมันถึงได้รู้สึกว้าวุ้นแปลกๆ รู้สึกกังวลกับท่าทีของไอ้พี่เหมชะมัด แล้วจู่ๆไอ้พี่เหมก็เงยหน้าขึ้นมามองผมจนเสสายตาหลบแทบไม่ทันพี่มันก็ไม่ได้พูดอะไรก้มลงไปเล่นโทรศัพท์ต่อ เป็นผมเองที่เริ่มนั่งไม่ติด สุดท้ายก็เลยตัดสินใจย้ายเก้าอี้ไปนั่งข้างไอ้พี่เหมแม่งเลยเพื่อความสบายใจ

“ย้ายมาทำไม?” ไอ้พี่เหมถาม

“เรื่องของผม” กูเอามั่งครับมุกนี้

“หึหึ” ไอ้พี่เหมหัวเราะพร้อมกับเอื้อมมือมาลูบหัวผมเบาๆ จนผมรีบปัดมือออกแทบไม่ทันคือตอนนี้นั่งอยู่ในร้านอาหารไงครับ ลูกค้านั่งอยู่เต็มไปหมดเดี๋ยวเค้าก็เห็นกันพอดี ครั้งที่แล้วที่ยอมให้ลูบเพราะผมกำลังสับสนอยู่ต่างหาก อย่าหวังเลยว่าครั้งนี้จะยอมง่ายๆ

“มาลูบทำไมเนี่ย!? ไม่ใช่หมานะ”

“กูก็ไม่ได้บอกว่ามึงเป็นหมาสักหน่อย”

“แล้วพี่เห็นผมเป็นอะไรล่ะ?”

“เป็นแฟนกูไง”

“ฮ่วย! ไม่คุยกับพี่แล้ว!”

เจอตอบกลับมาแบบนี้เถียงไม่ได้จริงๆครับ ไอ้พี่เหมมันก็ขยันย้ำจังเลยว่าผมเป็นแฟนมัน ก็บอกแล้วไงว่าเป็นแค่ในนามมมมมม ไม่ได้เป็นจริงๆโว้ย!



ถึงผมจะยอมให้มันจีบก็เถอะ แต่ตอนนี้คือยังไม่ได้เป็นไง!



“แหมๆ กูไม่อยู่แค่แปปเดียวทำไมมดมันขึ้นเต็มโต๊ะไปหมดเลยว่ะ”

ไอ้พี่วินเดินกลับมาพร้อมกับถือแก้วน้ำในมือมาสามใบ ที่มันหายไปนานนี่ก็คงจะไปตักน้ำมาให้สินะ ผมรีบรับน้ำมาจากมือของไอ้พี่วินเพื่อช่วยพี่มันพราะดูท่าทางแล้วน้ำจะหกอยู่รอมร่อ ถือมาพร้อมกันสามแก้วคงลำบากเอาการอยู่

“ขอบคุณครับ” รับมาพร้อมกับขอบคุณก่อนที่จะยื่นแก้วนึงให้ไอ้พี่เหมไป

“ขอบคุณ” พี่เหมพูดขึ้นมาสั้นๆ

“ไม่เป็นไรๆ แต่เมื่อกี๊กูเห็นนะ หวานออกสื่อชะมัดเลยมึงไอ้เหม” ไอ้พี่วินยิ้มล้อไอ้พี่เหม

“กูขอบคุณพลัมต่างหาก”

“ไอ้ห่า กูเป็นคนไปตักมาให้นะ! ต้องขอบคุณกูซี่!”

ไอ้พี่เหมไม่ได้ตอบอะไรส่ายหน้าเอือมๆ ก่อนที่ก้มลงไปเล่นโทรศัพท์ต่อ

“ไอ้เหม! ไอ้เพื่อนเนรคุ๊ณณณณณ!”

ไอ้พี่วินยกนิ้วชี้หน้าไอ้พี่เหมทำหน้าน้อยอกน้อยใจราวกับสาวน้อยวัยใสโดนขัดใจ




…ใครก็ได้บอกผมที่ว่าไอ้คนมุ้งมิ้งปัญญาอ่อนตรงหน้าผมตอนนี้มันคือคนเดียวกับไอ้โหดที่พวกปีหนึ่งต่างพากันเกรงกลัวเมื่อช่วงรับน้อง




ผมพอจะเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมไอ้พี่เหมมันถึงดูเงียบๆไปเมื่อเจอกับไอ้พี่วิน…

เพราะแม่งพูดอะไรไปบางครั้งไอ้พี่วินมันก็จะเล่นใหญ่ตอบกลับมา จนบางทีผมก็รู้สึกว่า…




ไอ้พี่วินครับ…มึงเยอะมากบอกเลย




รออยู่พักนึงอาหารที่สั่งก็ทยอยมาเสิร์ฟจนครบพวกผมสามคนก็ลงมือกินไม่ได้คุยอะไรกันอีก ต่างคนต่างกิน

อ่อ ผมลืมบอกทุกคนไปอย่างนึงครับ

จริงๆแล้ว…

ผมไม่แดกผัก

มันเป็นปัญหาโลกแตกของผมมาก แม่ผมก็พยายามบังคับขู่เข็ญมาตั้งแต่เด็กๆแล้วว่าให้กินผักๆ แต่คนมันไม่ชอบก็คือไม่ชอบอ่ะครับ ต่อให้พยายามยังไงมันก็แดกไม่ได้อยู่ดี กินได้มากสุดก็พวกผักกาด แตงกวา ฝักทอง เห็ด ผักอะไรก็ได้ที่มันไม่ขมอ่ะ นอกนั้นเซย์โน คือใจจริงก็อยากจะสั่งผัดกะเพราไม่ใส่ผักนะ แต่มันก็กระไรอยู่ คือขึ้นชื่อว่าผัดกะเพรามันก็มีแค่กะเพราไง ขืนสั่งไม่ใส่ผักมันก็เหมือนกับว่าผมแดกหมูผัดนั่นแหละ ค่อยมานั่งเขี่ยเอาทีหลังก็ได้

นั่งเขี่ยใบกะเพราอยู่พักนึงไอ้พี่วินก็พูดขึ้นมา

“ไอ้พลัมมึงไม่กินกะเพราเหรอ?”

“ไม่ใช่แค่กะเพราหรอกพี่ ผักอย่างอื่นก็ไม่กิน กินได้แค่บางอย่างอ่ะ” ตอบไอ้พี่วินไปทั้งที่ยังก้มหน้าเขี่ยใบกะเพราออกจากหมูสับอยู่

“งั้นเอามาให้กูมา เดี๋ยวกูกินให้เองเสียดายของ”

ไอ้พี่วินเสนอผมเลยใช้ช้อนตักใบกะเพราที่เขี่ยออกมาแล้วก่ะว่าจะไปวางไว้ที่จานของไอ้พี่วินแต่จู่ๆไอ้พี่เหมมันก็ยื่นจานของมันมาให้ผมซะก่อน

“อะไรของพี่?”

“เอามาให้กูแทน เดี๋ยวกูกินให้เอง”

“เฮ้ย! ได้ไงไอ้เหมกูขอก่อนนะ!” ไอ้พี่วินโวยวายขึ้นมาทันที

“ของมึงก็คะน้าเต็มจานแล้ว แดกให้หมดก่อนเถอะ”

“แต่ก็อยากกินใบกะเพราะด้วย!”

เอ่อ…พี่ๆครับ พวกคุณมึงเถียงกันเพราะแย่งกันแดกใบกะเพราเนี่ยนะ!?

ผมเลยตัดปัญหาโดยการแบ่งใบกะเพราเป็นสองฝั่งเท่าๆกัน ตักใส่จานไอ้พี่เหมครึ่งนึง จานไอ้พี่วินครึ่งนึง ไอ้พี่วินพอได้ใบกะเพราไปก็ยิ้มดีอกดีใจแถมยังมีการหันไปยักคิ้วจึกๆกวนตีนไอ้พี่เหมอีก

ส่วนไอ้พี่เหมก็ไม่ได้พูดอะไรพี่มันก็ดึงจานข้าวกลับไปไว้เหมือนเดิม แต่ก่อนที่พี่มันจะลงมือกินข้าวต่อก็ขยับตัวเข้ามาใกล้ผมแล้วกระซิบเสียงเบาให้ได้ยินกันแค่สองคน



“กูหึงนะ”



ฟวยยยยยยยย

หึงอะไรของมึงครับ!?

แค่ใบกะเพราเองสาดดดดดดด!

แต่ยังไม่จบแค่นี้ ไอ้พี่เหมมันยังกระซิบต่ออีกว่า



“อย่าเอาใจคนอื่นมากกว่ากูสิ”



ห่าน!!!

คือกูก็แบ่งให้คุณมึงไหมล่ะ? แล้วอีกอย่างไอ้พี่วินแม่งก็แค่เสนอตัวว่าอยากแดกกูเลยจะตักให้แค่นั้น แบบนี้เรียกว่าเอาใจ? ถ้าจะเอาใจจริงก็ต้องที่กูยอมย้ายมานั่งข้างมึงนี่!

ผมไม่ได้ตอบอะไรไอ้พี่เหมก้มหน้าก้มตากินผักกะเพราะที่ไม่มีใบกะเพราะสักใบ ไอ้พี่เหมพอเห็นว่าผมไม่ได้ตอบอะไรก็ขยับไปนั่งเหมือนเดิม



“มึงหน้าแดงนะ”



แต่ก็ไม่วายพูดแบบนี้ออกมาเบาๆ

แดงอะไร!? ไม่แดงโว้ย! มึงอย่าคิดไปเองสิครับ

“อ่ะแฮ่ม! คือกูยังนั่งอยู่ตรงนี้ด้วยเผื่อว่าพวกมึงสองคนจะลืมไปแล้ว”

ไอ้พี่วินกระแอมขึ้นมา แสดงว่าพี่มันต้องได้ยินที่ผมกับไอ้พี่เหมแอบกระซิบกันแหงมๆ แต่ก็ไม่แปลกใจล่ะนะก็โต๊ะมันก็เล็กแค่นี้กระซิบยังไงก็คงได้ยินอยู่ดี

ผมก็ทำเป็นไม่สนใจก้มหน้าแดกผัดกะเพราต่อไป หลังจากนั้นพวกเราก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีกจนกระทั่งกินเสร็จก็จ่ายตังค์ ซึ่งผมตกลงกับไอ้พี่เหมเอาไว้แล้วว่าจะผลัดกันจ่าย คราวที่แล้วผมจ่าย คราวนี้ไอ้พี่เหมก็เลยป็นคนออกค่าข้าวให้แทน

“อะไรอ่ะไอ้เหม มีตังค์จ่ายให้ไอ้พลัมได้ทำไมจ่ายให้กูบ้างไม่ได้?” ไอ้พี่วินพูดพลางทำหน้อยใจ ซึ่งไอ้พี่เหมก็หาได้สนใจเดินไปจ่ายตังค์กับแม่ค้าทันที

“คือผมกับพี่เหมจะผลัดกันจ่ายน่ะครับ” เลยเป็นผมต้องเป็นฝ่ายอธิบายแทน

“งั้นเหรอ เสียดายชะมัด ก่ะจะให้มันเลี้ยงข้าวสักหน่อย” นี่คือจุดประสงค์ที่แท้จริงของมึงสินะครับไอ้พี่วิน





หลังจากนั้นผมกับไอ้พี่เหมแล้วก็ไอ้พี่วินก็แยกย้ายกัน โดยไอ้พี่เหมก็ขับรถมาส่งผมถึงที่หน้าหอเหมือนทุกครั้งที่พี่มันมาส่งผม พอถึงหน้าหอก็ลงจากรถถอดหมวกกันน็อคออกแต่ก็ยังไม่ได้ยื่นคืนไปให้ไอ้พี่เหมที่ยื่นมือมารอรับอยู่

“เป็นอะไร?”

ไอ้พี่เหมมันคงจะเห็นว่าผมไม่ยอมยื่นหมวกกันน็อคไปให้มันสักทีเลยถามขึ้นมา

“คือผม…”

“?”

“…”

“มีอะไรอยากจะถามกูหรือไง?”

ผมนิ่งก่อนที่จะพยักหน้าตอบกลับไป

“จะถามเรื่องอะไรล่ะ?”

“…”

“ว่าไง?”

“…ระหว่างผมกับพี่เราเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า?”







TBC. N.EP ------------------------------------------------------------------------->






TALKKKKKKKKKKKKK : ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะลงพรุ่งนี้แต่คิดๆดูแล้วแทบจะไม่มีเวลาว่างเลย คนเขียนก็เลยลงให้วันนี้ไปเลยแล้วกัน เอาแล้วๆ อิพลัมยังไง? ทำไมยอมให้จีบง่ายจัง?55555 หลังจากนี้คนเขียนก็คงจะต้องหายเข้ากลีบเมฒไปอีกหลายวัน งานมันเยอะจริงๆ จะบ้าตายมากๆ555 แต่จะพยายามหาเวลาแต่งแน่นอนจ้า ใครชอบก็คอมเม้นได้น๊าาาาาา

แปะเพจ

https://www.facebook.com/NAY_Y_Story-1576364292675202/?fref=ts

ใครชอบนิยายเรื่องนี้ก็ไปกดติดตาม พูดคุย หรือทวงนิยายได้ที่เพจเลยเน้ออออ

เจอกันตอนหน้าค่ะ^^
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.6 29/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 29-03-2016 00:28:11
มีหึงด้วย


 :-[
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.6 29/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-03-2016 03:13:48
ขี้ห่วง
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.6 29/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: askmes ที่ 29-03-2016 07:19:44
ป๊าดดดด.. มาแล้ววววววว รอๆติดตามต่อไป
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.6 29/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 29-03-2016 08:11:49
พี่เหมหึงพลัมด้วยอ่า พลัมก็เริ่มชอบพี่เหมนิดๆใช่ม้าาามีห่วงมีว้าวุ่นด้วย
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.6 29/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: ketekitty ที่ 29-03-2016 08:37:11
มีหึง มีหวง....
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.6 29/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 29-03-2016 10:11:48
พี่เหมคนจริง ทำจริง จีบจริง หึงจริง  อิพี่วินเปลี่ยนไป 555


อยากให้คนเขียนลงหัวเรื่องว่าแต่ละ ep. อยู่หน้าไหนด้วย
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.6 29/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Janny ที่ 29-03-2016 14:36:33
ทำไมต้องน่ารักทุกตอนเราไม่เข้าใจจจ ดูค่ะดูเอา มีมามุ้งมิ้งงอนบ้างน้อยใจบ้าง หึงบ้าง นี่อะไรรรร น้องพลัมก็ตามง้อนะคะ ฮือออ ที่บอกว่ายอมให้พี่เหมจีบคนเดียวก็รู้ตัวเถอะค่ะว่าเริ่มชอบเขาแล้ว แต่เราก็อยากรู้นะคะ พี่เหมนี่รู้จักน้องมาก่อนแน่ๆ ขอบคุณน้องพลัมที่ถามค่ะ ดูเราเป็นคนขี้เสือกมากอ่ะ ไปยุ่งอะไรเรื่องชาวบ้านฮะ 55555555 พูดถึงพี่เหมบ้าง คนนี้นี่ไม่เหมือนคนน้อยใจจริงๆอ่ะค่ะ เราว่ามันเป็นแผน พี่แกกำลังลองใจน้องพลัมแน่ๆ แต่หึงนี่คงจริง พี่หึงอะไรกับใบกะเพราาา นี่อยากให้อ่านใจน้องพลัมได้ ถ้าเอาใจนี่ต้องตอนย้ายมานั่งกับพี่นี่ แงงงงง พี่เหมแกให้อารมณ์เหมือนค่อยๆแทรกซึมเข้าไปในชีวิตน้องพลัมอ่ะค่ะ เดี๋ยวน้องพลัมรู้ตัวอีกทีก็ขาดพี่เหมไม่ได้แล้ว ฮิ้ววว พี่เหมคะ เดี๋ยวน้องต้องไปทำงานกับเพื่อนด้วยค่ะ เพื่อนให้น้องเลี้ยงข้าวด้วย พี่เหมสนใจเสนอตัวมาเลี้ยงแทนไหมคะ สงสารน้อง น้องไม่ค่อยมีเงิน ติดเกมอยู่ แงงงง  :mew3:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.6 29/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 29-03-2016 15:05:06
พี่เหมมีหึง รอเมื่อไหร่น้องพลัมจะรักพี่เขาซะที

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.6 29/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-03-2016 19:07:23
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.6 29/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 29-03-2016 19:21:37
โอ๊ยยย น่ารักอะไรขนาดนี้
อ่านแล้วอมยิ้มอ่ะ
เหม-พลัม จงเจริญญญญญญ
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.6 29/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 29-03-2016 21:19:54
น้องพลัมน่ารักมากกกกก
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.6 29/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 30-03-2016 00:07:18
พี่เหมมมม
 :hao7: :serius2:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.6 29/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 30-03-2016 01:01:27
เอาเเล้วไงง
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.6 29/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 31-03-2016 15:17:11
รู้จักกันมาก่อนแน่เลยๆๆ
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.6 29/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 31-03-2016 15:26:48
พี่เหม ต้องรู้จักมาก่อน แน่ๆๆเลย
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.6 29/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: daadaadaa ที่ 31-03-2016 15:33:42
พี่เหมช่วยหลังๆทำไมน่ารักขนาดนี้
 :hao7:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.7 02/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: NAY_nay ที่ 02-04-2016 14:48:16
มาแล้วจ้าาาาา หายไปนานเลย ยังมีใครรออิพลัมกับพี่เหมอยู่บ้างไหมเนี่ย?555 ตอนนี้จะเฉลยอดีตอิพี่เหมแล้วน๊าาาา ฝากตอนที่ 7 ด้วยเน้อ ^^




EP.7






Hem Talk :


“…ระหว่างผมกับพี่เราเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า?”



พลัมถามผม สายตาเต็มไปด้วยความเคลือบแคลงใจ สงสัย อยากรู้

ผมยิ้มให้มัน ก่อนที่จะถาม

“อยากรู้เหรอ?”

พลัมไม่ตอบแต่พยักหน้ารัวๆแทน จนผมอดที่จะหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้

“อยากรู้อะไรขนาดนั้น”

“ก็พี่ทำเหมือนรู้จักผมเลยนี่น่า มันก็ต้องสงสัยเป็นธรรมดานั่นแหละ” พลัมบอกพร้อมกับยัดหมวกกันน็อคใส่มือผมแรงๆคล้ายกับหมั่นไส้

หึหึ

เด็กจริงๆ

ผมแขวนหมวกกันน็อคไว้กับแฮนด์ก่อนที่จะลงมายืนข้างๆรถ มองตรงไปที่พลัม มันเองก็กำลังมองมาที่ผม เราสองคนจ้องหน้ากันอยู่แบบนั้นพักนึงราวกับว่ากำลังแข่งกันอยู่ว่าใครจะเป็นฝ่ายที่หลบตาก่อน แต่สุดท้ายผมก็เป็นฝ่ายหลุดยิ้มออกมาแล้วเสหน้าหลบออกมาก่อน

“ยิ้มอะไร?” พลัมถาม

“ยิ้มให้มึงนั่นแหละ”

“ยิ้มให้ผม? ยิ้มทำไม?”

“ก็อยากยิ้ม”

“กวนตีน” ผมยกนิ้วชี้หน้าพลัมเป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่าพูดไม่เพราะกับผม แต่เจ้าเด็กนั่นก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เสมองไปทางอื่น

“อยากรู้เหรอ?” ผมเลยไม่ได้สนใจแล้วตั้งคำถามกับมันแทน

“…”

“ว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า…”

“…อื้ม” พลัมตอบออกมาเบาๆ







6 ปีก่อน


ชื่อจริงของผมคือเหมันต์…

ที่บ้านชอบเรียกชื่อจริงมากกว่าที่จะเรียกชื่อเล่น…

ไม่ได้หล่อ หน้าตาดีมีเงินเหมือนในตอนนี้…

เมื่อก่อนผมผอมอย่างคนที่ไม่ชอบออกกำลังกายหน้าก็เต็มไปด้วยสิวจนมีแต่คนบอกว่าผมอาจจะไม่ใช่ลูกจริงๆของพ่อก็ได้

เพราะพ่อผมหน้าตาดี…

พี่ชายผมเองก็หล่อ…

มีแต่ผมนี่แหละที่หน้าตาด้อยที่สุดในครอบครัว…

เมื่อก่อนนี้ผมอาศัยอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งแถบชานเมือง ช่วงนั้นเรียกได้ว่าเป็นช่วงที่ย่ำแย่ของบ้านผมเลยก็ได้ พ่อกับแม่ต่างก็มัวแต่ทำงานจนไม่มีเวลาให้กัน แถมยังชอบทะเลาะกันบ่อยๆให้ผมเห็นอีกต่างหาก พี่ชายผมก็ดีหน่อยพอขึ้นมหาลัยก็ออกไปอยู่หอเลยไม่ต้องกลับบ้านมาเจอพ่อกับแม่ทะเลาะกันทุกวันแบบนี้

ทุกๆวันพ่อกับแม่จะชอบทะเลาะกันโดยไม่ได้สนใจเลยว่าผมที่เป็นลูกนั้นจะรู้สึกอย่างไร กลับมาจากโรงเรียนก็ไม่มีใครอยู่บ้าน พอตกดึกทั้งคู่กลับบ้านก็จะชอบหาเรื่องมาถกเถียงกันราวกับว่าวันนึงถ้าไม่มีเรื่องเถียงกันสักเรื่องจะนอนไม่หลับ

แรกๆผมก็พยายามที่จะห้ามไม่ให้ทั้งสองคนทะเลาะกันแต่ก็โดนตะคอกใส่กลับมาว่าไม่ใช่เรื่องของเด็ก ช่วงหลังๆมานี้เวลาที่ทั้งสองคนทะเลาะกันผมก็จะปล่อยไป เพราะอีกเดี๋ยวก็หยุดเถียงกันไปเอง



จากตอนแรกที่ผมรู้สึกแย่เวลาที่เห็นพ่อกับแม่ทะเลาะกัน มันกลับแปรเปลี่ยนเป็นความเฉยชาและเคยชิน



ตอนนั้นผมกำลังเรียนอยู่ชั้นม.2พอดี เรียกได้ว่าเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เกเรียน แอบดื่มเหล้าสูบบุหรี่โดยที่ไม่ให้พ่อกับแม่รู้

แต่ความลับไม่มีในโลก…

แม่จับได้ว่าผมแอบสูบบุหรี่…

เธอเข้าไปทำความสะอาดห้องของผมแล้วก็เจอเข้ากับบุหรี่ที่ผมแอบซ่อนเอาไว้ วันนั้นทันทีที่ผมกลับมาจากโรงเรียนก็โดนซักเรื่องนี้ซะยกใหญ่จนผมเผลอหลุดปากออกไปอีกว่ากินเหล้าด้วย

“เหมันต์! ทำไมลูกถึงได้ทำตัวเหลวไหลแบบนี้!”

แม่ตะโกนใส่เขาด้วยความโกธร

เขาเองก็อารมณ์ร้อนไม่แพ้ผู้เป็นแม่

“ผมจะทำตัวแบบไหนมันก็เรื่องของผม! แม่จะมาสนใจทำไม!? ปกติก็ไม่เห็นจะสนใจเลยนี่ว่าผมจะเป็นตายร้ายดียังไง วันๆก็เอาแต่ทะเลาะกับพ่อ!”

“เหมันต์!!”

แม่โกธรมาก…

เธอขว้าไม้แขวนเสื้อที่อยู่ใกล้มือที่สุดในตอนนั้นฝาดมาที่ผมทันที…

เพี๊ยะ!

ผมเจ็บจนอยากจะร้องไห้…

แต่คำสอนของพ่อเมื่อสมัยเด็กๆก็ผุดขึ้นมา

‘เราเป็นลูกผู้ชายต้องเข็มแข็ง ห้ามร้องไห้ให้ใครเห็นเด็ดขาด’

ผมได้แต่กลั้นน้ำตาเอาไว้ แม่ที่เหมือนจะเพิ่งรู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไปก็รีบปล่อยไม้แขวนทิ้งรีบเขามาดูแขนผมที่ขึ้นแนวไม้แขวนเสื้อแนวใหญ่

เลือดซิบเล็กน้อยตามรอยแนวที่ถูกฝาดลงมา

ถึงแม้ว่าผมจะเคยถูกแม่ตีมาบ้างเพราะความดื้อตามประสาเด็ก…

แต่นี่เป็นครั้งแรกที่แม่ตีผมด้วยอารมณ์โกธร ไม่ถามเหตผลผมเลยว่าทำไมผมถึงได้ทำตัวแบบนั้น…

ผมรู้ว่าผมทำตัวแย่ เป็นลูกที่ไม่ดี แต่นั่นก็เพราะผมอยากจะให้พวกท่านหันมาสนใจผมบ้าง…

ไม่ใช่เอาแต่ทะเลาะทุกวี่ทุกวันจนลืมไปแล้วว่าบ้านหลังนี้ยังมีผมอยู่อีกคน…

“เหมันต์แม่ขอโทษ…” แม่ลูบที่รอยแนวเบาๆราวกับกลัวว่าผมจะเจ็บ มือของเธอสั่นเทา น้ำตาคลอหน่วย แต่อารมณ์น้อยใจในตอนนั้นทำให้ผมสะบัดมือของแม่ออก หันหลังวิ่งออกไปจากบ้านทันที

“เดี๋ยวก่อนเหมันต์!”

ผมไม่ฟังเสียงเรียกของแม่ วิ่งออกจากบ้านไปให้ได้ไกลที่สุด ไกลเท่าที่จะทำได้…



ผมไม่อยากอยู่แล้วบ้านแบบนี้…



ไม่อยากอยู่แล้ว…



รู้สึกตัวอีกทีผมก็มาอยู่หน้าสวนสาธารณะของหมู่บ้านแล้ว รู้สึกเจ็บแปลบๆที่เท้า พอก้มลงไปมองก็พบว่าตัวเองวิ่งออกมาทั้งที่ไม่ได้ใส่รองเท้า…

แต่วินาทีนั้นผมไม่สนใจหรอกว่าแผลที่เท้าจะเป็นอย่างไร…เพราะตอนนั้นผมเจ็บที่ใจต่างหาก…

หยาดน้ำตาค่อยๆไหลรินออกมาจากดวงตาของผม…นึกน้อยใจในครอบครัวของตัวเอง

ทำไมผมต้องเกิดมาในครอบครัวแบบนี้ด้วย…

หยดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลออกมาอย่างหยุดไม่อยู่ มันเหมือนทุกอย่างที่อั้นอั้นมานานได้ปะทุออกมา ผมปล่อยให้น้ำตาไหลไปเรื่อยๆโดยที่ไม่คิดแม้แต่จะยกมือเช็ด

ใครจะเห็นน้ำตาผมก็ไม่สนแล้วตอนนั้น…

ขอแค่ให้ผมได้ร้องไห้ออกมาบ้าง…

จึกๆ

แต่จู่ๆผมก็รู้สึกเหมือนมีใครมากระตุกชายเสื้อนักเรียนของผมเบาๆ พอหันกลับไปก็พบเข้ากับ

ไอ้เด็กข้างบ้าน…

ผมไม่รู้จักมันหรอก รู้แค่ว่ามันเป็นลูกของคนข้างบ้านแล้วก็อายุน้อยกว่าผมปีนึง เคยเห็นมันแค่ไม่กี่ครั้งเอง

ให้ตายสิ…

ทำไมต้องเป็นมันที่มาเห็นผมในสภาพนี้ด้วยนะ…

“พี่เป็นอะไรอ่ะ? ร้องไห้ทำไม?”

“เสือก!” อดไม่ได้ที่จะตะคอกกลับไป ไอ้เด็กข้างบ้านสะดุ้งโหยงตกใจเสียงตะคอกของผม แต่มันก็ยังทำหน้ากวนตีนหยักไหล่อย่างไม่แคร์ เป็นผมเองที่ต้องเดินหนีมัน…

ผมเดินเข้าไปในสวนสาธารณะหย่อนตัวนั่งลงบนม้านั่งตัวหนึ่งใต้ต้นไม้ใหญ่ สายลมเย็นๆที่พัดมาทำให้ใจของผมเย็นลง

“ผู้ชายอะไรขี้แยจัง?”

เสียงไอ้เด็กบ้ายังตามาหรอกหลอน กำลังจะหันไปเอ่ยปากด่าเจ้าตัวกลับรีบกระโดดมานั่งข้างผมแทน

“มานั่งข้างกูทำไม? ลุกออกไป!”

“ไม่”

“อย่าหาว่ากูไม่เตือน” ผมกดเสียงลงเผื่อหวังให้มันจะกลัวแล้วยอมทำตาม แต่แทนที่มันจะกลัวแบบที่ผมหวังเอาไว้มันกลับยิ้มใส่ผมซะงั้น

“ผมไม่กลัวหรอก…”

“…”

“เพราะหน้าตาของพี่ตอนนี้มันไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิด…”

“…”

“พี่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่แบบนี้…แล้วผมจะไปกลัวพี่ได้ยังไง?” ไอ้เด็กข้างบ้านยิ้มให้ผมเหมือนกับเข้าอกเข้าใจผมดี จนผมเผลอโมโหขึ้นมาจนเผลอตะโกนใส่ไอ้เด็กข้างบ้านที่นั่งอยู่ข้างๆ

“อย่างมึงจะมาเข้าใจอะไรกู! บ้านมึงรักกันดีนี่! ลองมาเป็นกูสิ! แล้วมึงจะไม่พูดแบบนี้!”

พอพูดเสร็จก็ได้สติ ผมไม่ควรจะมาพาลแบบนี้…

เด็กนี่มันไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย…

ลูบหน้าลูบตาให้อารมณ์เย็นลงแล้วเอ่ยปากขอโทษไอ้เด็กข้างบ้านที่ดูจะเสียขวัญที่ผมโมโหใส่

“ขอโทษ…กูไม่ควจจะมาพาลใส่มึง…”

“มะ…ไม่เป็นไร ผมเองก็ผิดที่ทำเหมือนรู้ดี…ผมน่ะได้ยินบ่อยๆนั่นแหละ…เวลาที่บ้านพี่ทะเลาะกัน”

“…”

“แม่บอกไม่ให้ไปสนใจ แต่ผมก็อดไม่ได้…เวลาที่ผมเห็นพี่เดินออกจากบ้านด้วยสีหน้าที่อมทุกข์แบบนั้นผมอยากจะเข้าไปคุยกับพี่ บอกว่าผมยังเป็นเพื่อนคุยให้พี่ได้นะ…”

“…”

“แต่ผมก็ไม่กล้า…ได้แต่คอยดูพี่อยู่ห่างๆ แต่วันนี้เป็นวันแรกที่ผมเห็นพี่ร้องไห้…ปกติต่อให้พี่ถูกดุถูกว่ามาแบบไหนพี่ก็ไม่เคยร้องไห้…”

“…”

“ผมเลยตัดสินใจได้ทันทีว่าวันนี้แหละจะต้องเข้าไปคุยกับพี่ให้ได้”

ไอ้เด็กข้างบ้านมันลุกขึ้นยืนก่อนที่จะเดินมายืนอยู่ตรงหน้าผม…แล้วค่อยๆเอื้อมมือมารั้งตัวผมเข้าไปกอด…



ทันใดนั้นน้ำตาที่เคยหยุดไหลไปแล้วก็พลั่งพลูออกมาอีกครั้ง…



ผมร้องไห้…แต่กลับไม่มีเสียงสะอื้น…



“ร้องออกมาให้พอเลยนะพี่…แล้วหลังจากนี้พี่ต้องสัญญากับผมว่าจะไม่ร้องไห้อีก…”

ไอ้เด็กข้างบ้านลูบหลังเขาเบาๆเหมือนเป็นการปลอบ

ผมซุกหน้าลงกับหน้าท้องของไอ้เด็กข้างบ้าน

ปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาเงียบๆ…

ถึงแม้ว่าผมจะรู้สึกไม่ชอบใจมัน…แต่ก็อยากจะขอบคุณมันไปในคราวเดียวกันด้วย…

ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนกันในเวลาแบบนี้…









“พี่ต้องไปขอโทษแม่ของพี่ด้วยรู้ไหม”

ไอ้เด็กข้างบ้านที่ถามชื่อมาแล้วว่าชื่อพลัมบอกกับผมขณะที่เราสองคนกำลังเดินกลับบ้าน สรุปแล้วผมก็นั่งร้องไห้เป็นเด็กๆให้เด็กพลัมคอยปลอบซะนาน กินเวลาไปก็เกือบสองชั่วโมง

“ทำไมกูต้องขอโทษด้วย?”

“เอ้า! ก็พี่ทำให้เขาเป็นห่วง ก็ต้องไปขอโทษเขาสิ”

“เขาน่ะเหรอจะมาเป็นห่วงกู?” ถามไอ้เด็กพลัมพร้อมกับยิ้มสมเพชให้ตัวเอง

“เป็นห่วงสิ ท่านน่ะพยายามจะวิ่งตามพี่นะ แต่วิ่งไม่ทันผมเลยวิ่งตามมาแทนไง” พลัมบอก ส่งยิ้มมาให้ผม

น่าแปลกที่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ผมยังรู้สึกไม่ชอบในรอยยิ้มของมันอยู่เลย…

แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกว่ารอยยิ้มที่ไอ้เด็กพลัมส่งมาให้นั้นเป็นกำลังใจให้กับผมได้เป็นอย่างดี…

“ก็ได้…”

“หืม?”

“กูขะไปขอโทษแม่”

“ดีมากๆ” ไอ้เด็กพลัมตบหลังผมปุบๆ จนผมต้องโบกหัวมันไปทีนึง

พลั่ก!

“โอ๊ย!"

“ลามปามนะมึง”

“แหะๆ”

เราสองคนเดินมาเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่รั้วบ้านผม…มองเข้าไปในตัวบ้านก็พบกับรถเก๋งของพ่อ…

แม่คงจะโทรบอกพ่อสินะ…

ถ้าแค่แม่คนเดียวผมยังพอจะสู้หน้าไหว…แต่ถ้าพ่ออยู่ด้วย…

“ไม่เป็นไรพี่…ผมยังอยู่ข้างๆพี่นะ”

เสียงไอ้เด็กพลัมดังขึ้นข้างตัวทำให้ผมต้องหันไปมอง สายตามันส่งกำลังใจมาให้ผมจนผมต้องยิ้มน้อยๆส่งไปให้มัน

“มึงกลับบ้านไปได้แล้ว…”

“แต่…”

“กูไม่เป็นไรหรอกเชื่อใจกูสิ”

“…”

“กูสัญญากับมึงแล้วไงว่าจะไม่ร้องไห้อีก”

“…ก็ได้”

ไอ้เด็กพลัมตอรับเสียงละห้อยค่อยๆหันหลังเดินกลับบ้านไป แต่ก็ไม่วายหันกลับมามองผมอยู่ดี จนผมต้องโบกมือไล่มันนั่นแหละถึงได้ยอมเข้าไปในบ้านดีๆ



ถึงเวลาที่ผมต้องเผชิญหน้ากับครอบครัวของตัวเองแล้วสินะ…



“เหมันต์! ลูกหายไปไหนมา? แม่เป็นห่วงแทบแย่”

แม่รีบโผเข้ามากอดผมทันทีที่ผมเดินเข้ามาในบ้าน เหลือบมองไปทางด้านหลังแม่ก็เห็นพ่อนั่งตีหน้าขรึมอยู่บนโซฟา

“เมื่อกี๊เจ็บไหมลูก? ฮึก แม่ขอโทษนะ”

แม่ผละออกจากอ้อมกอดถามผมด้วยสีหน้าห่วงใย หยดน้ำตาไหลออกมาทั่วใบหน้าที่แก่ชราไปตามกาลเวลาความห่วงใยของแม่ส่งผ่านมาจนผมรู้สึกได้

นี่ผมมองข้ามสิ่งสำคัญไปได้ยังไง…

น้ำตาพาลจะไหลอีกครั้ง แต่ก็สัญญากับไอ้เด็กพลัมเอาไว้แล้วว่าจะไม่ร้องไห้อีกเลยพยายามกลั้นเอาไว้

“เหมขอโทษนะครับแม่…”

ผมบอกแม่พร้อมกับยกมือขึ้นพนมกราบลงไปบนอกของท่าน

“เหมันต์…”

“เหมขอโทษ…ที่เป็นลูกที่ไม่ดีของแม่กับพ่อ…”

“…”

“ขอโทษสำหรับที่ผ่านมา…ทุกๆอย่าง”

“...”

“ขอโทษจริงๆครับ”

แม่คว้าตัวผมเข้าไปกอดแน่น น้ำตาของแม่ซึมลงมาบนไหล่จนผมรู้สึกได้

“แม่เองก็ต้องขอโทษเหมันต์เหมือนกัน แม่…ฮึก แม่เองก็เป็นแม่ที่ไม่ดี” ผมซุกหน้าลงกับไหล่บางของแม่ นานแค่ไหนแล้วนะที่แม่ไม่ได้กอดผม…

นานจนผมลืมไปแล้วว่ากอดจากครอบครัวเป็นอย่างไร…

“เหมันต์”

เสียงพ่อเรียกดังขึ้นมา

แม่ผละกอดออกแต่น้ำตายังคงไม่หยุดไหลจนผมต้องเอื้อมมือไปเกลี่ยให้ท่านเบาๆ

“หยุดร้องได้แล้วครับแม่”

“ฮึก เหมันต์ แม่ขอโทษจริงๆนะลูก”

“ครับ”

ผมตอบรับคำแม่ก่อนที่จะเดินไปนั่งลงข้างๆพ่อบนโซฟา



เพี๊ยะ!



“คุณตบลูกทำไม!?”

ผมยกมือขึ้นกุมใบหน้าซีกซ้ายที่โดนพ่อตบ นึกน้อยใจพ่อขึ้นมาชั่ววูบแต่พอเงยหน้าขึ้นไปมองท่านก็ต้องชะงัก

บนใบหน้าของพ่อเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา…

พ่อที่ไม่เคยร้องไห้ให้ผมเห็นเลยสักครั้ง…

กำลังร้องไห้ต่อหน้าผม…

“คราวหลังอย่าหุนหันออกไปแบบนั้นอีก! ถ้าเกิดแกเป็นอะไรขึ้นมาแล้วจะทำยังไง!?”

“…”

“พ่อกับแม่เป็นห่วงแกมากนะรู้ไหม!?”

สภาพของพ่อตอนนี้ยังสวมสูทเต็มยศอยู่เลย…แสดงว่าท่านต้องรีบขับรถมาทันทีที่แม่โทรไปบอก…

“ขอโทษ…ขอโทษครับพ่อ…”

ยกมือกราบลงไปที่อกของพ่อด้วยอีกคน

พ่อคว้าตัวผมเข้าไปกอดก่อนที่ท่านจะพูดต่อ

“คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ พ่อเป็นห่วงแกมากรู้ไหม…”

“ครับ…”

“เหมันต์…”

“ครับ?”

“ที่ผ่านมาพ่อขอโทษนะ…พ่อเองก็เป็นพ่อที่แย่…วันๆเอาแต่ทำงานจนละเลยต่อครอบครัว”

“…”

“จนมารู้สึกตัวก็ตอนที่แม่โทรไปบอกว่าแกหุนหันออกจากบ้านไปนั่นแหละ…”

“…”

“ตอนนั้นหัวใจของพ่อตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม เอาแต่คิดว่าถ้าแกเป็นอะไรขึ้นมาพ่อจะไม่ให้อภัยตัวเองเลย…”

“…”

“พ่อขอโทษจริงๆนะ…”

“ฮึก แม่ก็ด้วย”

แม่เขามาสวมกอดผมด้วยอีกคน



นี่ผมทำอะไรลงไป…ทั้งๆที่ผมมีครอบครัวที่รักผมถึงมากมายขนาดนี้อยู่แล้ว…



แต่กลับเอาแต่คิดถึงแต่ตัวเอง ตัดพ้อ หาว่าพวกท่านไม่รัก ไม่สนใจผมจนเผลอทำในสิ่งที่แย่ๆลงไป



ถ้าวันนี้ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น…



ถ้าวันนี้ผมไม่ได้เจอกับไอ้เด็กพลัม…



ผมก็คงจะไม่ได้สัมผัสถึงความอบอุ่นของครอบครัวที่ไม่ได้สัมผัสมานานแบบนี้…



ต้องขอบคุณมึงจริงๆนะ ไอ้เด็กพลัม…






หลังจากนั้นพ่อกับแม่ก็ทะเลาะกันน้อยลงพวกท่านเปลี่ยนมาใช้เหตุผลคุยกันแทนการเอาแต่ตะคอกกันไปมา จนช่วงหลังๆพวกท่านก็ไม่เคยทะเลาะกันอีกเลย พอชายผมที่ทราบเรื่องก็ดีอกดีใจใหญ่ เพราะพี่มันเองก็อยากให้พ่อแม่เลิกทะเลาะกันได้สักที พักหลังๆมานี้พี่มันถึงกลับบ้านมากินข้าวที่บ้านบ่อยขึ้นจนพ่อกับแม่ยิ้มหน้าบานเพราะปกติแล้วพี่ชายผมมันจะไม่ค่อยกลับมาบ้านสักเท่าไรเหตุผลก็เพราะพ่อกับแม่เอาแต่ทะเลาะกันนั่นแหละ

ส่วนผมกับไอ้เด็กพลัมหลังจากนั้นก็เจอกันเกือบทุกวัน ผมพามันมาแนะนำให้พ่อกับแม่แล้วก็พี่ชายรู้จักจนมันกลายเป็นลูกรักของบ้านผมไปอีกคน เข้าออกบ้านผมได้ราวกับบ้านของตนเอง

ถึงแม้ว่าผมจะเรียนคนละโรงเรียนกับไอ้เด็กพลัม แต่แทบจะทุกวันหลังเลิกเรียนไม่ผมก็ไอ้เด็กพลัมจะต้องไปหมกอยู่บ้านใครคนใดคนหนึ่ง ไม่เล่นเกมส์ ก็อ่านการ์ตูน ดูบอลตามประสาเด็กผู้ชายทั่วไป แต่จนถึงทุกวันนี้มันก็ยังไม่รู้ชื่อเล่นของผม เพราะที่บ้านจะเรียกผมด้วยชื่อจริง ส่วนชื่อเล่นส่วนใหญ่เพื่อนผมจะเป็นคนเรียกซะมากกว่าแถมมันก็ยังไม่เคยเจอเพื่อนผมเลยด้วย

ผมก็ไม่ได้อยากจะปิดบังนะ…

แต่ผมก็ชอบเวลาที่มันเรียกผมว่า ‘พี่เหมันต์’ ซะด้วยสิ

ผมสนิทกับมันจนกระทั่งรู้ว่ามันชอบแล้วก็ไม่ชอบอะไร

สนิทจนกระทั่งกลายเป็นรักไปเมื่อไรก็ไม่รู้…



ผมรักไอ้เด็กพลัม…


ผมไม่สนหรอกว่ามันจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง…

รู้แค่ว่าผมรักมันมากๆ มันเป็นคนที่ช่วยให้ชีวิตของผมกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง…

แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่ผมไม่อยากจะให้อภัยตัวเองเกิดขึ้น…

ตอนนั้นผมขึ้นชั้นม.3แล้ว ส่วนไอ้เด็กพลัมก็อยู่ม.2 ช่วงนั้นผมกำลังติดเพื่อนสุดๆ เพื่อนชวนเที่ยวไหนผมไปหมด แต่ก็ไม่ได้กลับไปกินเหล้าสูบบุหรี่อีกเพราะผมสัญญากับครอบครัวเอาไว้แล้วว่าจะไม่ทำอีก พ่อบอกว่าไว้รอให้อายุถึงก่อนค่อยว่ากัน

มีอยู่วันหนึ่งที่เพื่อนในกลุ่มมันชวนไปเที่ยวหัวหินกันยกกลุ่มเพราะเห็นว่าใกล้จะเรียนจบแล้วเลยอยากจะไปเที่ยวด้วยกันสักครั้ง
ผมตื่นเต้นมาก…

ผมไม่เคยไปเที่ยวต่างจังหวัดแบบค้างคืนกับเพื่อนมาก่อน ดังนั้นผมจึงตื่นเต้นและดีใจมากเกินไปจนไม่ทันได้สังเกตุท่าทีที่เปลี่ยนไปของไอ้เด็กพลัม…

ช่วงนี้ไอ้เด็กพลัมดูซึมๆ พูดน้อยลง แถมยังมาบ้านผมบ่อยขึ้นแต่ว่าผมก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้านสักเท่าไรเพราะชอบไปหมกอยู่บ้านเพื่อนอีกคนมากกว่า

ผมได้คุยกับมันน้อยลงจากที่อาทิตย์นึงเจอกันเกือบทุกวันกลับกลายเป็นว่าเจอกันแค่ครั้งสองครั้ง

จนกระทั่งก่อนวันเดินทางไปหัวหิน…

ไอ้เด็กพลัมมันมาหาผมที่บ้าน ตอนนั้นผมก็มัวแต่ยุ่งกับการจัดกระเป๋าอยู่เลยไม่ได้สนใจอะไรมันมากมายนักบอกให้มันนั่งรอในห้องนั่นแหละ

“มึงมาหากูมีอะไร?” ผมถามพร้อมกับจัดกระเป๋าไปด้วย ไอ้เด็กพลัมมันไม่ยอมเข้ามาในห้องหยุดยืนอยู่แค่ประตูห้องนอนของผม

“พี่เหมันต์…”

“หืม?”

“คือ…ผมมีเรื่องจะบอกพี่…”

“อะไรเหรอ?”

“คืออีกสองวัน-”


Rrrrrrrr Rrrrrrrr

เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นขัดจังหวะ ผมมองหน้าไอ้เด็กพลัมเป็นเชิงว่าขอรับโทรศัพท์ก่อน มันก็พยักหน้าน้อยๆเป็นเชิงอนุญาติ
พอรับก็ปรากฏว่าเป็นเพื่อนของผมในกลุ่มคนนึงมันอยากให้ผมไปเป็นเพื่อนซื้อของเตรียมเดินทางพรุ่งนี้ด้วย ผมก็ตกลงไปเพราะเห็นว่ากระเป๋าของตัวเองก็จัดใกล้เสร็จแล้ว

“เมื่อกี๊มึงจะพูดว่าอะไรเหรอ?” ผมถามไอ้เด็กพลัมหลังจากที่วางสายแล้ว

“…”

“หืม ว่าไง?”

“เปล่าครับ…”

“เอ้า มึงหนิ อ้ำๆอึ้งๆแล้วก็บอกว่าไม่มีอะไร งั้นเอาไว้ค่อยคุยกันก็แล้วกัน เดี๋ยวกูจะออกไปห้างอยากกินอะไรไหม? เดี๋ยวซื้อมาฝาก”

ไอ้เด็กพลัมส่ายหน้า ผมเลยเดินไปกอดคอมันพาเดินลงไปชั้นล่างหลังแล้วเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีกมันก็กลับบ้านของมันไปส่วนผมก็นั่งรถออกไปหาเพื่อนที่ห้างตามที่นัดกันไว้

วันรุ่งขึ้นผมก็ออกเดินทาง

ตลอดทริปการเที่ยวนี้ผมสนุกมาก
 
พวกผมใช้เวลาในการเที่ยวทั้งหมดสามวัน พอวันที่สามก็นั่งรถตู้กลับบ้านกัน

พอกลับถึงบ้านก็รีบเอาสัมภาระไปเก็บแล้วหยิบของฝากที่ซื้อมาจากหัวหินก่ะว่าจะเอาไปให้ไอ้เด็กพลัมแต่ก็สวนเข้ากับแม่ที่กำลังออกมาจากห้องครัวพอดี

“อ้าวเหมันต์จะรีบไหนล่ะลูก?”

“จะรีบเอาของฝากไปให้พลัมมันน่ะแม่” ผมตอบ

“นี่เหมันต์ยังไม่รู้เหรอ?”

“เรื่องอะไรเหรอครับแม่?”

“ก็บ้านของน้องพลัมเค้าย้ายบ้านไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว น้องพลัมไม่ได้บอกลูกเหรอ?”



ทันทีที่ได้ยินคำพูดของแม่ เหมือนกับเวลาได้หยุดเดินไปชั่วขณะ



ผมยืนนิ่งหัวใจหวูบโหวง ภาวนาให้แม่พูดล้อเล่นกับเขา



“พลัม…ย้ายบ้านไปแล้วเหรอครับ?...”

“ใช่จ่ะ เห็นน้องพลัมบอกว่าเพราะงานของทางบ้านเลยทำให้ต้องย้ายไป แต่ก็ยังอยู่ในกรุงเทพนี่แหละแต่น้องพลัมเขาก็ไม่ได้บอกว่าย้ายไปอยู่ตรงไหนนะ”

แต่คำภาวนาของผมก็ไม่ได้เป็นจริง เมื่อแม่ยืนยันมาอีกครั้ง ผมไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองวิ่งออกไปตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็มาหยุดอยู่หน้ารั้วบ้านพลัม มองเข้าไปก็ไม่เห็นข้าวของเครื่องใช้ที่เคยวางอยู่หน้าบ้านแล้วเป็นสัญญาณตอกย้ำให้ผมรู้ว่าพลัมย้ายบ้านไปแล้วจริงๆ



‘พี่เหมันต์…’

‘หืม?’

‘คือ…ผมมีเรื่องจะบอกพี่…’

‘อะไรเหรอ?’

‘คืออีกสองวัน-’



คำพูดของไอ้เด็กพลัมเมื่อสามวันที่แล้วย้อนกลับเข้ามาในหัว

ทำไม…

ทำไมตอนนั้นผมถึงไม่ฟังในสิ่งที่พลัมมันกำลังจะพูด…

ทำไมผมถึงไม่ได้สังเกตุเลยว่าหมู่นี้ไอ้เด็กพลัมมันดูแปลกไป…

ทำไมผมถึงไม่ได้สังเกตุเลย…



ว่าวันนั้นไอ้เด็กพลัมมันทำหน้าเศร้าขนาดไหน…



“เหมันต์…”

เสียงแม่ดังขึ้นเบาๆข้างตัวผม ท่านคงจะวิ่งตามผมออกมา

“เหมันต์…ร้องไห้ทำไมลูก…”

ฝ่ามืออุ่นของแม่ลูบใบหน้าของผมเบาๆ ตอนนั้นเองที่ผมเพิ่งรู้สึกตัวว่าน้ำตาตัวเองกำลังไหล…

“แม่…ผมมันแย่มาก…พลัมพยายามจะบอกผม แต่ผมไม่ได้ใส่ใจจะฟังเค้า…”

“เหมันต์ไม่ผิดหรอกลูก น้องพลัมเค้าก็คงจะไม่ได้ว่าอะไรเหมันต์หรอก”

“ผม…”

“…”

“…อยากเจอพลัม”

อยากเจอมากจริงๆ…

อยากเจอ อยากคุยด้วย อยากขอโทษที่ไม่ได้ฟังมันสิ่งที่มันอยากจะพูด…

กูขอโทษนะพลัม…

ขอโทษที่ผิดสัญญากับมึง…

สัญญาที่ว่ากูจะไม่ร้องไห้อีก แต่ตอนนี้กูห้ามน้ำตาของตัวเองไม่ได้จริงๆ…








หลังจากที่พลัมย้ายบ้านไปได้ไม่นานบริษัทของพ่อผมก็ประสบความสำเร็จใหญ่โตจนกลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ พวกเราสามคนย้ายออกจากบ้านหลังนั้นมาอยู่ในบ้านหลังใหม่ที่กว้างขวางกว่าเดิม

แต่ผมก็ไม่เคยมีความสุขเลย…

หลังจากนั้นก็ผ่านมา 5 ปี ผมกับพลัมก็ไม่เคยได้เจอกันอีกเลย แต่ในใจของผมไม่เคยลืมมันได้เลยสักวัน พยายามจะมองหามันท่ามกลางผู้คนมากมายในกรุงเทพ แต่ก็ไม่เคยได้เจอ…

ผมรู้ว่ามันไม่ง่าย…

แต่ก็อดหวังไม่ได้ว่ามันจะมีความบังเอิญเกิดขึ้น

จนกระทั่งผมขึ้นมหาวิทยาลัยปีสอง

คำปราถนาของผมก็เป็นจริง…

วินาทีที่ผมเห็นมันมาตะโกนบอกรักหน้าลานวิศวะ ผมจำมันได้ทันที…

แม้ว่ามันจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหนก็ตาม…

แต่ผมก็ไม่เคยลืมใบหน้าของคนที่มอบชีวิตใหม่ให้ผม ใบหน้าของคนที่ผมรักมาตลอด 5 ปี…

แต่พลัมมันจำผมไม่ได้…

ก็ไม่แปลกหรอก ผมเปลี่ยนไปมาก พอขึ้นม.ปลายผมก็เริ่มหันมาดูแลตัวเองมากยิ่งขึ้นจนตอนนี้ผมหล่อขึ้น สูงขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ถ้าแค่ปีสองปีก็อาจจะพอจำได้บ้าง แต่ผมกับมันไม่ได้เจอกันถึง 5 ปีเต็ม แถมมันก็ไม่รู้จักชื่อเล่นผมด้วย มันจะจำผมไม่ได้ก็ไม่แปลก แต่ใจมันก็แอบหวังให้มันจำผมได้บ้างสักนิดก็ยังดี

ส่วนพลัมมันไม่ได้เปลี่ยนไปเลย พลัมมันก็ยังเป็นพลัมอยู่วันยังค่ำ…



ผมตัดสินใจแล้ว…



คราวนี้ผมจะไม่ยอมปล่อยให้มันหายไปจากชีวิตของผมอีกเด็ดขาด…



ผมขอสัญญาเลย…





TBC. N.EP ------------------------------------------------------------------------->






TALKKKKKKKKKKKKK : บอกตรงๆเลยค่ะว่าไม่ถนัดเขียนดราม่า555 ต้องเข้าใจเนอะว่าตอนนั้นพี่เหมยังเด็กเลยเผลอทำตัวไม่ดีลงไป ขี้น้อยอกน้อยใจ5555 อดีตของพี่เหมก็เปิดเผยออกไปแล้วจากนี้ไปจะเป็นอย่างไรต่อไปน๊าาาา รอติดตามกันต่อไป

เรื่องนี้คงมีแค่สิบกว่าตอนจบดังนั้นเนื้อเรื่องหรือความสัมพันธ์ของตัวละครมันอาจจะดำเนินเร็วไปบ้าง อาจทำให้เสียอรรถรสในการอ่านนิดหน่อย ต้องขออภัยคนอ่านไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

ช่วงนี้ก็จะอัพช้าหน่อยงานเยอะมากจริงๆค่ะ
ช่วงนี้คนเขียนต้องสตรอง!555

 NAY_Y_Story (https://www.facebook.com/NAY_Y_Story-1576364292675202/?fref=ts)

แปะเพจจ้า เข้าไปกดถูกใจ ติดตาม พูดคุย หรือทวงนิยายได้ที่เพจนี้เลยเน้อ

เจอกันตอนหน้าค่าาาา ^^
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.7 02/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: Janny ที่ 02-04-2016 15:06:15
นี่ขนาดไม่ถนัดเขียนดราม่าน้ำตาเรายังไหลเลย อ่อนไหวง่ายเหลือเกินเรา ฮือออออ พี่เหมสมัยก่อนนี่แบบ... เราก็เข้าใจอารมณ์ประชดพ่อแม่นะ สงสารพี่เหมมม แต่พี่ยังโชคีมากนะคะที่พี่ได้เจอน้องพลัมแล้วพ่อกับแม่พี่ก็รักพี่มากจริงๆ ทุกอย่างมันเลยดีขึ้นได้แบบนี้ แต่เราว่าพี่ก็ทำตัวเองอ่ะ ไม่สนใจน้อง เป็นไงล่ะ พอเสียเขาไปก็เพิ่งมาเสียใจ นี่พี่มีโอกาสอีกครั้งแล้วก็รักษาน้องพลัมไว้ดีๆนะคะ คราวนี้ถ้าหลุดมือไปอีกพี่อาจจะไม่ได้คืนแล้วนะคะ  :mew6:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.7 02/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 02-04-2016 15:07:06
แล้วพี่เหมจะบอกน้องไหมนี่ หรือจะพยายามกระตุ้นให้น้องนึกได้แทน
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.7 02/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 02-04-2016 15:36:11
น้ำตาไหลกับอดีตของพี่เหมเลย  :hao5:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.7 02/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: ketekitty ที่ 02-04-2016 15:55:43
ชีวิต ดราม่า มากค่ะพี่เหม
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.7 02/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 02-04-2016 15:55:59
อดีตผ่านไปแล้ว....เริ่มต้นใหม่นะ...พี่เหมันต์ เอาใจช่วยคะ
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.7 02/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 02-04-2016 16:00:37
พี่เหมก็เคยมีอดีตที่น่าสงสารเหมือนกัน แต่ห่างหายกันไป 5 ปี  พี่เหมคงต้องหาทางกระตุ้นให้น้องพลัมจำพี่เหมันต์ให้ได้เร็วๆ

แนะนำว่าพี่เหมคงต้องต้องลองเรียกตัวเองว่าพี่เหมันต์ เผื่อน้องมันจะระลึกได้   
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.7 02/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-04-2016 16:02:02
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.7 02/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 02-04-2016 19:58:28
เริ่มใหม่พี่เหม จีบน้องพลัมให้ติดนะ :ped149: :ped149:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.7 02/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-04-2016 21:08:32
ซึ้ง
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.7 02/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 02-04-2016 22:05:32
อ่านตอนนี้น้ำตาจะไหล  :mew4:  พี่เหมมมมมมมมม เชียร์พี่ละค่ะ   :mew1:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.7 02/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 02-04-2016 23:18:29
ปัญหาครอบครัวพี่เหมแก้ได้ด้วยน้อง(แบบโครตอ้อมๆ)


แอบดีใจ~
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.7 02/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 03-04-2016 01:05:13
โอโหพี่เหมมม
เปลี่ยนไปขนาดนั้น ก็ไม่แปลกหรอกจำไม่ได้อยู่แล้ว
ถ้าพลัมรู้จะน้อยใจไหมเนี่ย ตอนนั้นพี่เหมไม่ฟังนี่นาา
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.7 02/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 03-04-2016 03:56:49
 :mew3:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.7 02/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 03-04-2016 06:04:31
สุดยอดเลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.7 02/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 03-04-2016 08:43:41
แบบนี้จีบให้ติดไว้ๆ นะ
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.7 02/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 03-04-2016 12:11:48
น้องพลัมเด็กชายข้างบ้านนิเอง
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.7 02/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 03-04-2016 13:51:40
 :hao5:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.7 02/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: daadaadaa ที่ 03-04-2016 17:28:52
สงสารพี่เหมในอดีตมากๆ
หวังว่าพลัมจะจำพี่เหมได้
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.7 02/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 04-04-2016 10:24:29
เขามีอดีตร่วมกันแบบนี้นี่เอง โหยยยย พี่เหมจะบอกพลัมไหมอ่า
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.7 02/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 04-04-2016 20:47:28
พี่เหมต้องง้อน้องน่ะตัวเองติดเพื่อนจนลืมน้องเองช่วยไม่ได้ 5555ถือว่าที่น้องจำตัวเองไม่ได้เป็นบทเรียนและการเอาคืนเล็กๆแล้วกันเน๊อะ
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.8 05/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: NAY_nay ที่ 05-04-2016 01:26:04
มาแล้วจ้าาาา สั้นๆค่ะตอนนี้ เป็นตอนปรับความเข้าใจกัน ไปอ่านกันได้เล๊ย ^^




EP.8





“พี่เหม…”

“…”   

“พี่เหม”

“…”

“ไอ้พี่เหม!”

ผมตะโกนเรียกไอ้พี่เหมเสียงดังเมื่อเห็นว่าพี่มันนิ่งไปไม่ยอมบอกอะไร ท่าทางพี่มันดูเหม่อๆ คิดอะไรอยู่ว่ะ?

“ว่าไง?”

“ยังจะมาถามอีก ตกลงพี่กับผมเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า? แล้วพี่เป็นอะไรจู่ๆก็เงียบไป”

ไอ้พี่เหมยิ้มให้ผม

วันนี้พี่มันเป็นอะไรว่ะ? จะยิ้มบ่อยเกินไปล่ะ

“พลัม…”

“?”

“กูดีใจชะมัด…”

“อะไรของพี่?” ยิ้มให้ผมแล้วก็มาบอกว่าดีใจเนี่ยนะ!? พี่มึงเมากาวหรือเปล่าครับ?

หมับ!

“เฮ้ย! ทำไรของพี่เนี่ย!?”

จู่ๆไอ้พี่เหมมันก็ดีงตัวผมเข้าไปกอด พยายามจะพลักออกแต่ก็ไม่เป็นผล พี่มันกอดผมแน่นมาก…

แล้วคือแบบตอนนี้มันเป็นช่วงเย็นพอดีไง เป็นช่วงที่คนเค้ากำลังออกจากหอไปหาอะไรกินกันพอดีดังนั้นการที่ไอ้พี่เหมมันยืนกอดผมอยู่นี่เลยกลายเป็นเป้าสายตาให้คนที่ผ่านมาผ่านไปมองกันสนุกเลย

“พี่เหม…ปล่อยผมก่อน คนเค้ามอง”

“ก็ปล่อยให้มองไปสิ”

โฮ่ย! ทำไมพี่มึงหน้าด้านจังครับ

“ไม่เอา ปล่อย-”

“กูกับมึงเคยรู้จักกันมาก่อน” ไอ้พี่เหมกระซิบเสียงเบาข้างหูผมทำให้ผมที่กำลังจะเอ่ยปากบอกให้พี่มันปล่อยชะงักทันที

“…จริงเหรอ?” ผมถาม

“อื้ม”

ไอ้พี่เหมถอดกอดออกไป ก่อนที่จะถามออกมา

“ไปเดินเล่นกันหน่อยไหม?”

ไม่ต้องรอให้ผมตอบไอ้พี่เหมก็จับมือผมแล้วออกแรงดึงให้เดินตามไปด้วยกัน เราเดินกันไปเรื่อยๆโดยที่ไม่มีบทสนทนาใดๆเกิดขึ้นจนกระทั่งพี่มันพาผมไปแวะตรงสนามเด็กเล่นเล็กๆที่อยู่ในละแวกนั้น มีเด็กที่กำลังเล่นอยู่ในนั้นประมาณสี่ถึงห้าคน ไอ้พี่เหมจูงมือผมไปนั่งที่ม้านั่งตัวหนึ่งที่ไม่ไกลจากชิงช้ามากนัก พี่มันนั่งลงผมก็เลยนั่งลงตาม

โดยที่พวกเรานั้นยังไม่ได้ปล่อยมือออกจากกัน…

“เมื่อกี๊ที่พูดหมายความว่ายังไงเหรอ?” เป็นผมที่อดถามออกมาไม่ได้ เพราะไอ้พี่เหมมันเอาแต่มองไปข้างหน้าไม่คิดจะพูดอะไรเลยสักคำ

“ก็ตามที่ได้ยินนั้นแหละ”

“ตอนไหนเหรอ? พี่บอกได้หรือเปล่า?” ผมถามเพราะนึกไม่ออกจริงๆว่าเคยรู้จักกับไอ้พี่เหมตอนไหน

“…ตอนที่กูกำลังแย่ล่ะมั๊ง แล้วตอนนั้นมึงก็เข้ามาช่วยกูเอาไว้ได้พอดี”

“…”

“ถึงแม้ว่ามึงแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลยก็เถอะ”

“อ้าว”

ยังไงว่ะ? ไหนพี่มันบอกว่าผมเคยช่วยมันไว้ แต่ก็บอกว่าผมแทบไม่ได้ทำอะไร งงสัดๆ?

“แต่คำพูดกับรอยยิ้มของมึง…”

“…”

“เคยช่วยกูเอาไว้จริงนะ”

“คำพูด? รอยยิ้ม?”

“หึหึ นึกไม่ออกจริงๆเหรอ?”

“ก็นึกไม่ออกนี่ไงถึงได้ถาม”



เป๊าะ!



“โอ๊ย!”

ไอ้พี่เหมมันดีดหน้าผากผม! อะไรของพี่มัน? นี่กูทำอะไรผิดครับ?

“พี่ดีดหน้าผากผมทำไมเนี่ย?” ถามพร้อมกับยกมือข้างที่ว่างขึ้นมาลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ

“อยากดีด”

ฟวยยยยยยย!

“งั้นถ้าผมอยากต่อยพี่มั่งคงจะไม่เป็นไรสินะ”

“ลามปามนะมึง”

กึก!

คุ้น…

ทำไม…จู่ๆผมถึงรู้สึกเหมือนกับว่าเคยได้ยินประโยคแบบนี้มาก่อนเลยนะ…

หรือไอ้พี่เหมมันจะเคยพูดกับผมมาก่อน?

“เป็นอะไร?” ไอ้พี่เหมถามเมื่อเห็นว่าผมเงียบไป

“พี่เคยพูดประโยคอะไรทำนองนี้กับผมหรือเปล่า?”

ไอ้พี่เหมชะงัก และถ้าผมไม่ได้ตาฝาดไปเมื่อกี๊ผมเห็นแววตาของพี่มันแสดงออกถึงความดีใจออกมาวูบหนึ่ง…

“อื้ม กูเคยพูดกับมึง”

“จริงเหรอ? ทำไมผมจำไม่ได้เลยว่ะ?”

“ไม่แปลกหรอก ก็กูเปลี่ยนไปมาก”

“งั้นพี่ก็บอกมาสักทีสิว่าเราเคยรู้จักกันได้ยังไง” ผมบอกเพราะเห็นว่าไอ้พี่เหมมันไม่ยอมพูดวามจริงออกมาสักมี อ้อมไปอ้อมมาอยู่นั่นแหละ

“กูกลัวมึงจะโกรธกู…ถ้ามึงรู้ความจริง”

ไอ้พี่เหมพูด สีหน้าไม่ได้ยิ้มอีกต่อไป…แต่กลับแสดงออกถึงความกังวล…

“หึหึ พี่เคยทำอะไรไม่ดีกับผมไว้หรือไง?” พยายามพูดติดตลก บีบมือพี่มันเบาๆเพื่อให้พี่มันคลายความกังวลลง

“มึงยังจำผู้ชายที่ชื่อเหมันต์ได้ไหม?”



เหมันต์…



อย่างงั้นเหรอ?...



ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ…



พี่ชายข้างบ้านที่ผมอยากเป็นเพื่อนด้วยมาโดยตลอด…คอยเป็นห่วงพี่เค้าเวลาที่ครอบครัวของเขาทะเลาะกัน เพราะเวลาที่ครอบครัวของเค้าทะเลาะกันนั้น พี่เหมันต์จะทำหน้าเศร้า…แววตาของเขาไม่สดใสจนผมอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้…

“พี่จะบอกว่า…”

“…”

“พี่คือ..."

"..."

"พี่เหมันต์?”

“ใช่แล้วล่ะ”

“…”

“ชื่อจริงของกูคือเหมันต์”

“พี่ล้อผมเล่นหรือเปล่า?...”   

“กูไม่ได้โกหก”

“ล้อเล่นแบบนี้ผมโกรธนะพี่เหม”

ก้มหน้าหลบสายตาของไอ้พี่เหม รู้สึกได้เลยว่าเสียงของตัวเองกำลังสั่น ความทรงจำเมื่อห้าปีที่แล้วย้อนกลับมาในหัวราวก็เครื่องเล่นที่ถูกกรอกลับ



ตอนนั้น…



ผมรู้สึกดีกับพี่เหมันต์มากๆ…

ผมก็บอกไม่ถูกหรอกว่าความรู้สึกนั้นมันคืออะไร…

รู้แค่ว่าผมเป็นห่วงพี่มันเวลาที่ครอบครัวของเขาทะเลาะกัน…

รู้สึกดีที่พี่มันมันยิ้มให้…

รู้สึกดีเวลาที่พี่เหมันต์ลูบหัว…

รู้สึกน้อยใจที่พี่มันให้ความสนใจกับเพื่อนมากกว่าผม…

ผมเพิ่งมาเข้าใจเอาตอนหลังว่าความรู้สึกทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นอาจจะเป็นเพราะว่า…

ผมอาจจะชอบพี่เหมันต์ไปแล้วก็ได้…

แต่รู้ตัวว่าชอบแล้วยังไงล่ะ? ยังไงผมกับพี่มันก็ไม่มีทางมาเจอกันได้อีกอยู่ดี…ผมเลยพยายามมองข้ามความรู้สึกนั้นไปแล้วหันมาสนใจผู้หญิงแทน และมันก็ได้ผล…

ผมลืมความรู้สึกนั้นไปได้และเริ่มมีแฟนตอนม.5 ซึ่งนั่นก็คืออิ้ง แน่นอนว่าผมกับอิ้งจบกันไม่สวย แต่ก็ต้องขอบคุณเธอที่ทำให้ผมลืมความรู้สึกชอบนั้นไปได้



แต่ตอนนี้…



ความรู้สึกนั้นกลับถูกดึงกลับขึ้นมาทันทีที่ได้ยินชื่อเหมันต์…



“กูไม่ได้ล้อเล่น” พี่เหมย้ำ

“...”

“พลัม…”

“จริงเหรอ?...”

“…”

“พี่คือพี่เหมันต์จริงๆเหรอ?”

“อื้ม”

“…”

“มึงโกธรกูหรือเปล่า…ที่ตอนนั้นกูไม่ได้สนใจฟังในสิ่งที่มึงกำลังจะบอก ไม่ได้ใส่ใจความรู้สึกของมึงเลย…”

ยอมรับว่าตอนนั้นผมรู้สึกแย่มาก…พี่เหมันต์ที่ปกติจะรีบกลับบ้านมาเล่นกับผมติดเพื่อนจนแทบจะไม่ได้เจอหน้ากัน แล้วช่วงนั้นเป็นช่วงที่แม่บอกว่าครอบครัวของเรากำลังจะย้ายบ้าน…ผมช็อคมากตอนที่ได้ยินแม่บอก



ไม่อยากจากกับพี่เหมันต์…



นั่นเป็นความรู้สึกแรกที่ผุดขึ้นมา…แต่ผมก็แย้งอะไรไม่ได้จึงพยายามไปบ้านพี่เหมันต์บ่อยๆเพราะอยากจะอยู่กับพี่มันให้นานขึ้น แต่กลับไม่เจอ…

เพราะพี่มันเอาแต่ไปอยู่ที่บ้านเพื่อน…

เจอหน้ากันทีก็กลายเป็นแค่คำทักทายถามไถ่กันแค่นั้น…

จนกระทั่งก่อนที่พี่เหมันต์จะเดินทางไปเที่ยวหัวหินซึ่งตรงกับวันที่ผมย้ายบ้านพอดี ผมพยายามที่จะไปบอกพี่เค้าแต่พอเห็นสีหน้าท่าทางที่ดูตื่นเต้น ดีใจของพี่เหมันต์ที่จะได้ไปเที่ยวกับเพื่อนนั้น



ผมก็บอกไม่ลง…



เพราะเรื่องของผมมันอาจจะทำให้พี่เหมันต์หมดสนุกก็ได้…



“ผม…ไม่ได้โกธรพี่เลย…”

ใช่…ผมก็ไม่เคยโกธรพี่มันเลย…เพราะผมก็เป็นฝ่ายผิดเองด้วยที่ไม่ยอมบอกเรื่องนี้กับพี่เหมันต์ตั้งแต่แรกแถมยังจากมาโดยที่ไม่ได้บอกลาเลยสักคำ

“…”

และยิ่งพอห่างกันแล้วผมกลับรู้สึก

คิดถึง…

“แต่ผมรู้สึกคิดถึงพี่เหมันต์มากๆเลยต่างหาก…”

“พลัม…”

“ผมได้แต่คิดว่าทำไมตอนนั้นผมถึงไม่ยอมบอกพี่ไปนะ…”

“…”

“ถ้าผมบอกพี่ออกไป…บางทีตอนนั้นเราอาจจะไม่ได้จากกันแบบนี้ก็ได้”

“…”

“แต่ก็ได้แต่คิดไง พราะมันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว…”

“…”

“ไม่คิดเลยว่าจะได้กลับมาเจอพี่อีกครั้ง…พี่เหมันต์”

ไอ้พี่เหมค่อยดึงผมเข้าไปกอดอีกครั้งและคราวนี้ผมก็ไม่ได้พลักออกแต่อย่างใด…

“กูขอโทษนะ…ที่ตอนนั้นทำตัวไม่ดีกับมึง”

“…ก็จริงนั่นแหละ”

“หึหึ มึงรู้ไหมว่ากูรู้สึกผิดมาตลอด…”

“…”

“ตอนที่เห็นมึงอีกครั้งตอนที่มาสารภาพรักกับกูตอนนั้นกูดีใจโคตรๆ อยากจะเข้าไปคว้าตัวมึงมากอดแบบนี้แต่ทำไม่ได้ เพราะกูรู้ว่ามึงคงจำกูไม่ได้หรอก” พี่เหมพูด ผมแอบยิ้มกับคำพูดของพี่มัน

“พี่หล่อขึ้นตั้งเยอะ…”

“หึหึ”

“มิน่าล่ะว่าทำไมพี่ถึงตอบตกลงคบกับผมง่ายๆ ตอนนั้นเล่นเอาผมงงไปหมด”

“ตอนนี้ก็หายงงแล้วไง”

“ปล่อยผมได้แล้ว”

ไอ้พี่เหมยอมปล่อยผมง่ายๆ แต่ก็มิวายคว้ามือผมมากุมเอาไว้เหมือนเดิม ปลายนิ้วเรียวยาวของพี่มันเกลี่ยมือผมเล่นเบาๆ ผมมองไปที่มือของผมกับไอ้พี่เหมที่จับกันอยู่ ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาผมจะพยายามทำเป็นไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก แต่ในใจลึกๆของผมมันก็ร่ำร้อง…

…ว่าต้องการเจอกับพี่เหมันต์อีกครั้ง

ไม่คิดว่าบทจะเจอก็เจอได้ง่ายๆ



ทั้งตกใจ…



และก็ดีใจชะมัด…



“นี่พลัม…” เสียงไอ้พี่เหมเรียก ผมเลยหันไปมองก็พบว่ามันกำลังมองมาที่ผมอยู่

“หืม?”

“มึงพอจะรู้ความรู้สึกของกูที่มีต่อมึงใช่ไหม?”

“…”

“แล้วมึงล่ะรู้สึกยังไงกับกู?”

“ผมเอง…ก็ยังไม่รู้หรอก…ถึงแม้ว่าเราจะเคยรู้จักกันมาก่อนแต่นั่นมันก็นานมากแล้วนะ ถ้าในฐานะพี่เหมไม่ใช่ฐานะพี่เหมันต์ ผมเองก็เพิ่งจะรู้จักพี่ได้แค่อาทิตย์กว่าเอง”

“ก็จริงของมึง”

“แต่ว่านะ…ที่ผมยอมให้พี่จีบ…ยอมให้จับมืออยู่แบบนี้ อีกไม่นานผมก็อาจจะรู้สึกแบบเดียวกับพี่ก็ได้”

“หึหึ อย่าพูดให้ความหวังกูสิ”

“เปล่าสักหน่อย”

เพราะผมเองก็เคยชอบพี่ต่างหากล่ะ ความรู้สึกเมื่อตอนนั้นมันยังไม่ได้หายไปจากใจของผมหรอกนะ…

“กลับกันได้แล้วมั๊งพี่ นี่ก็ห้าโมงกว่าแล้ว”

ผมบอก ไอ้พี่เหมก็พยักหน้าตกลงก่อนที่จะเดินมาส่งผมที่หน้าหอเหมือนเดิม พอมาถึงหอพี่มันค่อยยอมปล่อยมือของมันออกจากมือผม

“พลัม” พอผมจะหันหลังเดินขึ้นหอไอ้พี่เหมก็เรียกเอาไว้อีก

“หืม?”

“กูรักมึงนะ”

“พะ พูดอะไรของพี่เนี่ย!?”

จู่ๆไอ้พี่เหมก็บอกรักผมเล่นเอาผมทำตัวไม่ถูก ได้แต่รีบเดินเข้าไปเอามือปิดปากพี่มันไว้ แต่ไอ้พี่เหมก็เอามือของผมที่ปิดปากตัวเองอยู่ออก ก่อนที่จะพูดต่อ



“มึงเองก็รีบๆรักกูได้แล้ว”



ไอ้พี่เหมพูดยิ้มๆพร้อมกับเอามือลูบหัวผมเบาๆ แล้วผละออกเดินตรงไปที่รถของตัวเองแต่ก็ยังหันมายิ้มให้ส่งท้ายก่อนที่จะสตาร์ทรถขับออกไป ปล่อยให้ผมยืนนิ่งไม่ได้ขยับไปไหนพร้อมกับใบหน้าที่เห่อร้อนจนตัวเองยังรู้สึกได้

นี่ผมต้องหน้าแดงแน่ๆเลย…

ไอ้พี่เหมใครใช้ให้มึงแอทแทคใส่กูวววววววว!




TBC. N.EP ------------------------------------------------------------------------->





TALKKKKKKKKKKKKK : ตอนนี้สั้นมากกกกก พอดีคนเขียนง่วงนอนมาก เบลอๆ แต่ก็อยากแต่งให้จบตอนเลยไม่อยากค้าง ก็เลยได้ออกมาเท่านี้ เป็นตอนปรับความเข้าใจไปแล้วกันเนอะ5555 ตอนนี้ก็เฉลยความรู้สึกของทั้งสองฝ่ายไปแล้วนะคะ ตอนต่อๆไปทั้งสองก็จะเริ่มสวีทวีดวิ้ว(คือไร?)กันมากขึ้น555

ขอบคุณคนอ่านทุกท่านที่ติดตามมาจนถึงตอนล่าสุด เป็นนิยายเรื่องแรกที่เขียนออกมาได้ขนาดนี้ ต้องขอบคุณทุกคนจริงๆค่ะ อาจจะยังออกมาได้ไม่ดีเท่าไรนักแต่คนเขียนก็จะพยายามปรับปรุงให้ดีขึ้นแน่นอนค่ะ กราบงามๆอีกสักครั้ง U.U

 NAY_Y_Story  (https://www.facebook.com/NAY_Y_Story-1576364292675202/)

แปะเพจ

เจอกันตอนหน้าค่าาาา ^^

หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.8 05/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-04-2016 01:52:38
ใจตรงกัน
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.8 05/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 05-04-2016 07:01:21
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.8 05/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 05-04-2016 08:46:08
รับรักพี่เหมเร็ว ๆ นะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.8 05/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-04-2016 08:53:53
 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.8 05/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: Janny ที่ 05-04-2016 08:57:55
นั่นนนน น้องพลัมไปไหนไม่รอดแน่ๆ มาเจอกับรักแรกทั้งที่ยังลืมเขาไม่ลงแบบนี้อ่ะ แอร๊ยยยยย พี่เหมคะ รุกเต็มสปีดได้เลยค่ะ ฮืออออ นี่คือให้ความหวังมากๆ พี่เหมไปไหนไม่รอดแน่ๆ ความจริงเขาก็ยังรักกันอยู่เนอะ พัดอีกนิดถ่านไฟเก่าก็ลุกพรึ่บ 555555 เราไม่ต้องกังวลแล้วมั้งคะว่าพี่เหมจะไม่ได้ใจน้องไป แต่น้องพลัมควรแก้แค้นพี่เหมอีกเล็กน้อยนะคะที่ตอนนั้นกล้าเมินน้องได้ อิอิ แต่ตอนนี้เรามีความสุขอ่ะค่ะ ดีใจที่เขาจำเรื่องที่ผ่านมาได้กัน ฮือออออ แบบนี้ไม่ใช่เนื้อคู่แลวจะเป็นอะไรร  :mew3:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.8 05/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 05-04-2016 10:17:45
อ่านทีเดียว 4ตอนรวด แอร๊ยยยย ฟินเว่อร์
ในที่สุดน้องพลัมก็จำพี่เหมได้แล้ว  :-[
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.8 05/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 05-04-2016 11:55:52
พลัมยอมเป็นแฟนพี่เค้าเถอะ 555
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.8 05/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 05-04-2016 12:56:37
พี่เหมบอกรักไปแล้วอะ อิย๊ะะะะ เขิลลลลล
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.8 05/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 05-04-2016 13:08:59
โกรธ<<< เขียนงี้จ้า
ฝากแก้ไขด้วยนะคะ


แอบดีใจ ทั้งสองคนใจตรงกัน อื้อออออออ
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.8 05/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 05-04-2016 13:15:44
เขารักกันแหละเธอ เขารักกันแหละอ๊ายยยย
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.8 05/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 05-04-2016 13:32:46
พี่เหมมาเร็ว เคลมเร็วมาก  พอน้องพลัมจำได้เท่านั้น รีบบอกรักน้องทันที  สงสัยกลัวน้องเปลี่ยนใจ

หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.8 05/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 05-04-2016 14:15:22
บอกอะไรตรงน้านนนน ได้ขึ้นทอปิกร้อนประจำเพจแน่ ๆ 5555555
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.8 05/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 05-04-2016 21:39:20
พี่เหมรุกสุดๆ เลย
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.8 05/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-04-2016 22:17:12
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.8 05/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 06-04-2016 20:47:48
หน่อวววว ต่อไปก็ลุยจีบบบบบบบบ
ติดง่ายขึ้นด้วยยย เพราะมีทุนดี
รอน้องพลัมใจอ่อนนนน
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.8 05/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 06-04-2016 22:41:42
พึ่งมาอ่านจร้าาาาา
ตอนสารภาพรัก >>> เขิล! >\\\\\\<
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.8 05/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 07-04-2016 01:23:39
พลัมเอ้ยยยยยไม่รอดแน่ ๆ
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.8 05/04/59 [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 08-04-2016 06:42:25
เขาจีบกันน่ารักอ่าาาา
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.9 08/04/59 [P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: NAY_nay ที่ 08-04-2016 23:47:42


เอาตอนที่เก้ามาส่งค่ะ ^^




EP.9





“ไอ้พลัมน้ำอัดลมหมดแล้วลงไปซื้อมาดิ๊”

“กูทำงานอยู่มึงไม่เห็นหรือไงไอ้ป๋วย”

“นี่มึงลืมหน้าที่ของตัวเองไปแล้วหรือเยี่ยงไร”

ผมเขวี้ยงดินสอใส่ไอ้ป๋วยที่กระแดะเอามือทาบออกทำหน้าตกใจโอเวอร์จนอยากจะแจกถีบให้มันอีกสักป้าบ เห็นผมโดนไอ้วิทย์ใช้ให้เป็นคนออกค่าของกินให้หน่อยนี่สั่งกันจัง แม่งสั่งกันไม่ดูกระเป๋าตังค์กูเลย ตอนนี้ผมกำลังทำงานอยู่ที่ห้องของไอ้ป๋วย ตอนก่อนมาถึงนั้นไอ้วิทย์มันโทรสั่งให้ผมซื้อพวกน้ำอัดลมขนมมากินเล่นระหว่างทำงานไปแล้วรอบนึง แต่พอนั่งไปได้ชั่วโมงกว่าๆ…

ขนมที่ซื้อมาก็หมด…ตัวแดกหลักคือไอ้วิทย์กับไอ้ป๋วย

ไอ้วิทย์มันเลยใช้ให้ผมลงไปซื้อมาเพิ่ม ผมเลยต้องจำใจเดินลงไปซื้อขนมมาเพิ่มจากเซเว่นที่อยู่ไม่ไกลหอไอ้ป๋วยเท่าไรนัก และคราวนี้น้ำอัดลมดันหมดทั้งๆที่เพิ่งทำงานมาได้แค่สองชั่วโมง!

และผมก็เพิ่งเดินลงไปซื้อมาเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว!

ผมจะไม่โวยวายอะไรเลยถ้าห้องของไอ้ป๋วยมันอยู่ชั้นหนึ่ง…

แต่นี่!

ห้องของไอ้ป๋วยมันเสือกอยู่ชั้นห้า! แถมยังอยู่ห้องริมสุด แล้วแม่งหอมันดันไม่มีลิฟท์!

แม่งงงงง เข้าใจไหมว่ากูก็เมื่อยเป็นไอ้พวกห่านนนนน

“ไอ้พลัมลงไปซื้อน้ำมาเร็วววว กูอยากกินเปปซี่” ไอ้ป๋วยเข้ามาเขย่าแขนผมทำอย่างกับเด็กเวลาอ้อนขอของเล่นกับพ่อแม่ แต่โทษทีเหอะ เห็นหน้ามึงแล้วกูอยากถีบมากกว่าที่จะใจอ่อน

“กูเพิ่งลงไปมาเมื่อกี๊”

“เมื่อกี๊ที่ไหน ตั้งครึ่งชั่วโมงที่แล้ว” ไอ้ป๋วยแย้ง

“กูเมื่อย”

“โฮ่ พลัมอ่า ลงไปซื้อให้หน่อยยยย”

“งั้นมึงลงไปกับกู”

“ไม่!”

“งั้นกูก็ไม่ลง”

“ไอ้วิทย์ ดูไอ้พลัมดิ๊ แม่งไม่ยอมลงไปซื้อน้ำอ่ะ”

ไอ้ป๋วยหันไปฟ้องไอ้วิทย์ที่กำลังนั่งพิมพ์งานอยู่ไม่ไกล ซึ่งไอ้วิทย์ก็เพียงแค่หันมามองแวบนึงก่อนที่หันกลับไปพิมพ์งานต่อ

“ไอ้วิทย์” ไอ้ป๋วยทำเสียงงอแงซึ่งไม่ได้เข้ากับหนังหน้าที่ราวกับอยู่ปีสี่ของมันเลย

“โอ๊ย รำคาญโว้ย ไอ้ป๋วยมึงเลิกปัญญาอ่อนสักที”

ไอ้แมวเพื่อนผู้หญิงในกลุ่มที่กำลังหน้าดำคร่ำเครียดกับการรวบรวมข้อมูลเพื่อที่จะพิมพ์รายงานหันมาโวยใส่ไอ้ป๋วยที่นอกจากมือจะไม่ทำงานแล้ว ยังเสือกทำตัวแบ็วรบกวนชาวบ้านเขาอีก

“อะไรไอ้แมว มึงจะบอกว่ามึงไม่อยากแดกเปปซี่หรือไง เมื่อกี๊กูยังเห็นมึงบนว่าอยากกินอยู่เลย” ไอ้ป๋วยพูด

“อยาก! แต่มึงก็เลิกทำตัวแบ๊วสักทีเหอะค่ะ มันรบกวนสมาธิกูอย่างแรง”

“ไอ้แมว!”

“มึงเงียบ” ไอ้แมวสั่งเสียงโหด ไอ้ป๋วยหุบปากฉับไม่กล้าแย้งอะไรออกมาอีก

“แล้วไอ้พลัม”

“เกี่ยวอะไรกับกูอีกอ่ะ”

“มึงลงไปซื้อน้ำมาเดี๋ยวนี้”

“ห๊ะ!? ทำไมกูต้องลงไปด้วย?”

“หน้าที่มึง ลงไป ณ บัดนาว!”

“หน้าที่กูคือออกค่าของกินนะ ไม่ใช่ลงไปซื้อให้สักหน่อย เอาตังค์กูไปแล้วให้ไอ้ป๋วยไปซื้อมาก็ได้” ผมบอก ขี้เกียจลงไปอ่ะเข้าใจไหม กูเชื่อว่าพวกมึงก็ขี้เกียจถึงได้ใช้ให้กูลงไปยิกๆอยู่นี่ไง

“หน้าที่ในการทำงานของมึงในวันนี้คืออะไร?” ไอ้แมวถามผม

“รวบรวมงานจากพวกมึง”

“ถูก แล้วตอนนี้พวกกูยังทำไม่เสร็จเพราะฉะนั้นตอนนี้มึงว่างสุด”

“ไอ้ป๋วยก็ว่าง”

“มันไม่ว่างแต่เสือกทำตัวว่าง” ไอ้แมวพูดพร้อมกับหันไปจิกตาใส่ไอ้ป๋วย ซึ่งไอ้ป๋วยก็ได้ยิ้มแหะๆส่งมาให้ไอ้แมว

“สรุปคือยังไงก็ก็ต้องลงไปซื้อให้พวกมึงใช่ไหม?”

“ถูก!!!”

คราวนี้ไม่ใช่แค่ไอ้แมว แต่อีกสี่ชีวิตที่เหลือแม่งประสานเสียงกันขึ้นมาเป็นเสียงเดียวจนผมได้แต่ถอนหายใจอย่างจำยอม

“โอเคๆ” ผมถอนหายใจยอมแพ้ ลุกขึ้นไปหยิบกระเป๋าตังค์กับโทรศัพท์เดินไปใส่รองเท้าที่หน้าห้อง



“ไอ้พลัมกูขอฟุตลองสองอันนะ อยากแดก” ไอ้โต๋ตะโกนสั่ง

“กูขออิชิตันด้วยนะ จะเอามาลุ้นเบ้น” ไอ้ปิ๊งเพื่อนผู้หญิงอีกคนตะโกนเสริมขึ้นมา

ไอ้ห่า แดกขวดเดียวคงจะได้หรอกเบ้นมึงอ่ะ ถ้าได้นี่โชคคงจะเข้าข้างมึงแบบสุดๆ

“กูอยากกินเลย์อ่ะ ซื้อมาเพิ่มด้วยนะ” ไอ้วิทย์สั่งแต่มือก็ยังคงพิมพ์งานอยู่

“กูขอเปปซี่ขวดใหญ่ล่ะกัน น้ำแข็งด้วยนะ” อันนี้ไอ้แมว

“กูเอา-”

“พอ!” ไอ้ป๋วยกำลังจะอ้าปากสั่งด้วยอีกคนแต่ผมรีบยกมือห้ามเอาไว้ก่อน ไอ้พวกนี้หนิ เห็นกูเป็นเบ๊ของพวกมึงกันเลยใช่ไหมเนี่ย!

“อะไรไอ้พลัม กูยังไม่ได้สั่งเลยนะ” ไอ้ป๋วยรีบแย้งขึ้นมา แต่ผมเลือกที่จะเมินมันแล้วเดินออกจากห้องมาเลย ก็เพราะมันนั่นที่ทำให้ผมโดนจิกหัวใช้ลงมาซื้อของอยู่เนี่ย ไอ้ตอนเดินลงมันยังไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไรหรอก แต่ตอนขึ้นนี่สิ…แค่เดินขึ้นเฉยๆก็ว่าเหนื่อยแล้ว แต่นี่ยังต้องแบกของกินทั้งหลายที่พวกเจ้านายสั่งอีก เหนื่อยเชี่ยๆอ่ะบอกเลย

ผมเดินฝ่าแดดร้อนนรกแตกของเมืองไทยไปที่เซเว่นที่เพิ่งจะมาไปเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ผมว่าอีกเหตุผลหนึ่งที่พวกมันไม่ยอมลงมาซื้อของก็เพราะแดดที่กำลังส่องเปรี้ยงลงมาจนหัวผมแทบไหม้นี่แหละ

พอเข้ามาในเซเว่นได้ก็ถึงแอบปาดเหงื่อ หยิบตะกร้าแล้วเดินไปหยิบพวกขนมกับเครื่องดื่มใส่ไปไม่ยั้งพวกแม่งจะได้ไม่โหยหวนอยากแดกกันอีก ขณะที่กำลังเลือกๆของกินอยู่นั้นโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงก็สั่นขึ้นมา



Rrrrrrr Rrrrrrr

‘ไอ้พี่เหม’

ผมแปลกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่ไอ้พี่เหมมันโทรหาผม…

ลังเลอยู่แปปนึงก่อนที่จะตัดสินใจกดรับ

“ว่าไงพี่” ผมถือโทรศัพท์ไว้ในมือข้างนึงส่วนอีกข้างก็เลือกรสเลย์ของไอ้วิทย์ไปด้วย

(อยู่ไหน?)

“หอเพื่อน”

(ทำงานเหรอ?)

“อื้ม”

(ไม่ใช่ว่ากำลังอยู่ในเซเว่นเหรอ?)

ผมชะงัก ไอ้พี่เหมมันรู้ได้ไงว่ะ?

“พี่รู้ได้ไง”

ผมหันซ้ายหันขวาพยายามมองหาพี่มัน พอมองออกไปข้างนอกก็พบกับไอ้พี่เหมมันกำลังยืนมองมาที่ผมในมือถือโทรศัพท์อยู่

พี่มันมาอยู่ที่นี่ได้ไงอ่ะ?

“พี่มาอยู่นี่ได้ไง?” ปากถามออกไปพร้อมกับความคิดที่อยู่ในหัว

(หึหึ แอบตามมึงมา)

“พูดจริง?”

(ล้อเล่น คอนโดกูอยู่ตรงข้ามนี้เอง กำลังจะออกไปหาอะไรกินก็เห็นมึงเข้าพอดี) ไอ้พี่เหมบอกพร้อมกับเดินเข้ามาข้างใน พอเดินเข้ามาถึงตัวผมพี่มันก็วางสายผมเลยเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงบ้างก่อนที่หันไปเลือกเลย์ต่อ

“ทำไมซื้อเยอะจัง?” ไอ้พี่เหมถาม

“เพื่อนแม่งใช้”

“อู้งานหรือไงถึงได้โดนใช้มา”

“ใช่ที่ไหนล่ะ แม่งงงงง ผมแค่ลืมว่าพวกมันนัดทำงานวันนี้ พวกมันก็เลยลงโทษผมโดยการให้ออกค่าของกินกับโดนใช้ให้ลงมาซื้อของเนี่ย แล้วห้องแม่งก็อยู่ตั้งชั้นห้า หอก็ไม่มีลิฟท์ เมื่อกี๊ผมก็ลงมาแล้วรอบนึง นี่ก็โดนใช้ลงมาอีกล่ะ” เผลอระบายออกมาให้พี่เหมฟัง พี่มันก็แค่รับฟังยิ้มๆ เอื้อมมือมายีหัวผมเบาๆ

“แล้วมึงลืมวันนัดได้ยังไงล่ะ?”

“ก็เพราะพี่นั่นแหละ”

“เพราะกู?”

“เพราะมัวแต่…” คิดเรื่องของคุณมึงนั่นแหละครับถึงเลืมเรื่องงานไปซะสนิท…ใครจะไปกล้าบอกว่ะ!

“มัวแต่?”

“ไม่มีอะไร แล้วนี่พี่กำลังจะออกไปกินข้าวไม่ใช่เหรอ? มายืนคุยกับผมแบบนี้ไม่หิวหรือไง?”

“หิว…แต่เห็นหน้ามึงก็อิ่มแล้ว” มือที่กำลังจะหยิบเลย์รสบาร์บีคิวชะงัก หันไปหาไอ้พี่เหมที่กำลังมองมาที่ผมพร้อมกับยิ้มหล่อมาให้

เออ หล่อจริงนั่นแหละ

แต่เพิ่งรู้ว่าไอ้พี่เหมแม่งก็เล่นมุขเสี่ยวๆแบบนี้เป็นด้วย…แล้วทำไมผมถึงได้เผลอใจเต้นไปกับมุขเสี่ยวๆของพี่มันได้ว่ะเนี่ย!?

“หึหึ ทำหน้าเอ๋อแบบนี้หมายความว่าไงหืม?” ไอ้พี่เหมเอื้อมมือมายีหัวผมอีกครั้ง

“เอ๋ออะไรของพี่ ผมออกจะหล่อ” ผมบอกพร้อมกับปัดมือไอ้พี่เหมออก ซึ่งพี่มันก็ไม่ได้ว่าอะไรยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย

“ครับๆ หล่อครับ” ผมเลิกสนใจไอ้พี่เหมเดินไปดูขนมอย่างอื่นแทน แต่พี่มันก็ยังเดินตามมาอยู่ดี

“พี่จะตามมาทำไมเนี่ย?” ผมหยุดเดินแล้วหันไปถามไอ้พี่เหม

“กูจะไปกับมึง”

“ไปกับผม? ไปไหนอ่ะ?”

“ก็ไปหอเพื่อนมึงไง”

“เฮ้ย! พี่จะไปทำไม?”

“ก็อยากอยู่กับมึง”

ตาย…

ผมนี่แหละตาย…ไอ้พี่เหม! ได้ทีนี่ขยันหยอดกูจัง!

เห็นแบบนี้กูก็อายเป็นนะครับ

“พี่จะไปทำไม พวกผมทำงานกันอยู่นะ”

“จะบอกว่ากูไปรบกวนพวกมึงใช่ไหม?” ไอ้พี่เหมพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ

เอ่อ…

นี่ไอ้พี่เหมแม่งกำลังน้อยใจผมใช่ไหม?

หึหึ ตลกชะมัด ไม่คิดว่าไอ้พี่เหมก็มีมุมแบบนี้เหมือนกัน

“มึงยิ้มอะไร?” ไอ้พี่เหมถามหน้าบึ้ง

“ก็ตลกพี่นั่นแหละ น้อยใจผมเหรอ?”

“น้อยใจอะไร? เปล่าสักหน่อย”

“แน่ใจเหรอ?”

“เออ”

“คือมันเป็นห้องเพื่อนผมไง จะพาพี่ไปด้วยผมก็เกรงใจมันแถมพี่เองก็ไม่รู้จักกับเพื่อนผมเดี๋ยวจะกลายเป็นพี่อึดอัดขึ้นมาเสียปล่าๆ”

“…”

“พี่เหม…”

“…” ไอ้พี่เหมยังคงเงียบ

“…”

“…”

“เมื่อก่อนตอนที่พี่เอาแต่สนใจเพื่อนผมก็รู้สึกแบบเดียวกับพี่ตอนนี้นี่แหละ” ผมบอก ก่อนที่จะเดินไปจ่ายตังค์ที่เคาท์เตอร์เพราะคิดว่าของในตะกร้าตอนนี้ก็เยอะพอแล้วคงจะพอยาไส้ของพวกมันได้บ้างล่ะ

หมับ…

แต่ไอ้พี่เหมมันรั้งแขนของผมเอาไว้ซะก่อน…

“ขอโทษ…”

ไอ้พี่เหมพูดออกมาเสียงเบา ผมหันกลับไปมองก็พบว่าพี่มันกำลังมองมาที่ผมสายตาแสดงออกถึงความรู้สึกผิด ใบหน้าตอนนี้เป็นใบหน้าที่ผมไม่คิดว่าจะได้เห็นจากพี่มัน…

ใบหน้าเหมือนกับคนที่กำลังอ้อนวอนให้ยกโทษให้…

ทันทีที่ผมเห็นใบหน้านั่นใจผมมันก็อ่อนยวบลงอย่างง่ายดาย…



‘มึงรู้ไหมว่ากูรู้สึกผิดมาตลอด…’



คำพูดของไอ้พี่เหมเมื่อสองวันก่อนที่สนามเด็กเล่นย้อนกลับเข้ามาในหัว ผมรู้สึกผิดขึ้นมาทันที เพราะที่ผมพูดออกไปเมื่อกี๊ก็แค่ก่ะจะพูดตอบกลับไปเล่นๆเพราะเห็นว่าพี่มันที่เอาแต่เงียบแค่นั้นเอง ไม่คิดเลยว่าไอ้พี่เหมมันจะจริงจังขนาดนี้ ผมค่อยๆดึงแขนข้างที่ถูกไอ้พี่เหมจับอยู่ออก พี่มันหน้าเสียพยายามที่จะพูดอะไรบางอย่างแต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรผมก็เอื้อมมือไปจับมือของพี่มันเอาไว้ซะก่อน…

ไอ้พี่เหมมองหน้าผม ผมเลยส่งยิ้มไปให้พี่มัน…

“บอกแล้วไงว่าผมไม่ได้โกรธอะไรพี่…”

“…”

“เพราะฉะนั้นเลิกทำหน้าแบบนี้ได้แล้ว”

“พลัม…” ไอ้พี่เหมกระชับมือผมแน่นขึ้น

ผมยิ้มให้พี่มันอีกครั้งก่อนที่จะจูงมือพี่มันไปจ่ายตังค์ ตอนนี้ไอ้พี่เหมไม่ต่างจากเด็กตัวเล็กๆที่เดินตามผมต้อยๆเลยสักนิด

“จ่ายตังค์ให้ผมด้วย” ได้ทีเลยใช้ให้พี่มันจ่ายตังค์แม่งเลย เพราะแค่ขนมรอบเช้ากับที่ลงมาซื้อไปเพิ่มเมื่อกี๊ก็ทำเอากระเป๋าผมแฟบไปหลายร้อยบาท ไอ้พี่เหมมันก็ไม่ได้แย้งอะไรยอมควักกระเป๋าตังค์ขึ้นมาจ่ายให้อย่างงายดาย

“นี่พี่จะไม่แย้งอะไรหน่อยเหรอ?” ถามเพราะเห็นว่าพี่มันยอมจ่ายให้ง่ายเกิน

“อยากให้กูแย้งไหมล่ะ?”

“ไม่อ่ะ” ผมรีบตอบทันที

“หึหึ มึงนี่มัน…”

“ทำไม? ผมทำไม?” แม่งต้องด่าว่าผมเห็นแก่เงินผมแน่ๆ

“…”

“บอกมาสิพี่เหม”

“น่ารักชะมัด…”

ผิดคาด…นอกจากจะไม่ด่าผมแล้วยังพูดอะไรที่ทำให้ใจผมแอบเต้นผิดจังหวะไปเล็กน้อย…

ไอ้พี่เหมมมมมมมม มึงพูดอะไรเกรงใจพนักงานผู้หญิงตรงหน้าด้วย!

แล้วนี่เจ๊จะหน้าแดงทำไม?

กูนี่ควรจะเขิน…แต่แม่งงงงง เขินจริงๆนั่นแหละ

ไอ้พี่เหมวันนี้มึงแอทแทคใส่กูหลายรอบล่ะ

“ฮู้ววววว พูดอะไรของพี่เนี่ย? จ่ายตังค์ไปเลยไป” ไอ้พี่เหมยิ้ม ยื่นตังค์ไปให้กับพนักงาน







“ไอ้พลัม…” ไอ้ป๋วยกระซิบข้างผมเสียงเบาในขณะที่ผมกำลังรวมไฟล์งานที่เพื่อนๆทยอยส่งมาให้แล้วบางส่วน

“ทำไม…พี่เหมคนดังของวิศวะถึงได้มากับมึงได้?”

ผมติดสินใจพาไอ้พี่เหมมาหอไอ้ป๋วยด้วย พอมาถึงห้องพวกมันก็ตะลึงกันไปตามๆกัน ใครจะไปคิดล่ะว่าจู่ๆผมจะพาพี่มันมาด้วย ไอ้พี่เหมพออยู่ต่อหน้าเพื่อนผมพี่มันก็เงียบไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่เอ่ยปากขออนุญาตไอ้ป๋วยเจ้าของห้องเท่านั้น ส่วนไอ้ป๋วยมันก็พยักหน้าแบบเอ๋อๆส่งมาให้ ไอ้พี่เหมแยกตัวออกไปนั่งโซฟาที่อยู่ไม่ไกลจากที่พวกผมสุมหัวทำงานกันมากนัก ไอ้ป๋วยพอเห็นว่าผมแยกตัวออกมาจากไอ้พี่เหมแล้วก็รีบกระโดดมานั่งข้างๆแล้วกระซิบถามทันที

“บังเอิญเจอกัน”

“แล้วเขาก็ตามมึงมาเนี่ยนะ?”

“มึงก็ไปถามพี่มันเองสิ”

“ใครจะไปกล้าว่ะ นิ่งซะขนาดนั้น” ไอ้ป๋วยพูดพลางแอบเหลือบมองไปทางไอ้พี่เหม ผมเองก็เพิ่งจะสังเกตว่าไอ้พี่เหมเวลาอยู่ต่อหน้าคนที่ไม่สนิทพี่มันจะนิ่งๆ ไม่ค่อยพูดอะไรมากเลยทำให้ดูเข้าหายาก แต่เวลาที่อยู่กับผมพี่มันก็ขยันกวนตีน ขยันหยอดผมจัง ไม่เห็นเหมือนตอนนี้เลยสักนิด ผมเหลือบมองไอ้พี่เหมซึ่งพี่มันก็เงยหน้าขึ้นมาพอดี มียักคิ้วจึกๆส่งมาให้ผมแล้วก้มลงไปเล่นโทรศัพท์ต่อ

“ไอ้เหี้ย เท่สัด…” ไอ้ป๋วยพูดออกมาเบาๆ มันเองก็เห็นช็อตยักคิ้วเมื่อกี๊

ผมเลิกสนใจไอ้ป๋วยก้มหน้าทำงานต่อ มันเองก็ย้ายกลับที่ไปทำงานของตัวเองเหมือนกัน



พวกเรานั่งทำงานกันไปเงียบๆ มีพูดคุยปรึกษากันบ้างตรงส่วนที่ไม่แน่ใจจนกระทั่งเที่ยงกว่าไอ้ป๋วยก็บ่นหิวจนทุกคนต้องหยุดมือแล้วหาอะไรกินกัน ทุกคนลงความเห็นว่าให้ลงไปซื้อที่ร้านข้าวใต้หอข้างล่างขึ้นมากินข้างบนนี้เพื่อประหยัดเวลาและไม่ยุ่งยากด้วย แต่คราวนี้ไอ้โต๋กับไอ้ปิ๊งมันอาสาลงไปซื้อมาให้ บอกสงสารผมที่ขึ้นลงหลายรอบแล้ว

แหม กูประทับใจจัง…แต่ทีเมื่อกี๊ล่ะสั่งไม่เกรงใจกูเลยนะ…

“พลัม”

ไอ้พี่เหมเรียกผมเลยหันไปมอง พี่มันกวักมือเรียกให้ผมเข้าไปหา ลังเลอยู่แปปนึงก่อนที่จะลุกเดินไปหา

“มีอะไรเหรอพี่?” ผมถาม

“มานั่งนี่มา” ไอ้พี่เหมตบที่นั่งข้างๆตัวเองเป็นสัญญาณว่าให้ผมนั่งลงตรงนี้ ผมเหลือบมองเพื่อนที่เหลืออยู่ในห้อง ไอ้วิทย์กับไอ้แมวกำลังจมอยู่กับหน้าจอคอมของตัวเองส่วนไอ้ป๋วยกำลังมองมาที่ผมกับไอ้พี่เหมแต่ผมหาได้สนใจสายตาของมันหย่อนตัวลงนั่งข้างไอ้พี่เหม

“พี่อึดอัดป่าว?” ผมถามเพราะว่าตั้งแต่พี่มันเข้ามาในห้องไอ้ป๋วยก็ยังไม่ได้พูดอะไรเลย

“ไม่หรอก นั่งดูมึงทำงานเพลินดี”

“ทำเป็นพูดไป มาช่วยผมทำเลย”

“งานมึงไม่ใช่เหรอ?”

“งานผมแต่พี่ก็ช่วยได้นะ”

“เรื่องสิ”

“อะไรว๊า”

“หึหึ ทำๆไป จะเสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ?” ไอ้พี่เหมหัวเราะเอามือมาบีบจมูกผมเบาๆ

“ฮื่อออ ปล่อยเลย” ผมจับมือไอ้พี่เหมออก พี่มันก็หัวเราะในลำคอเหมือนกับสะใจที่แกล้งผมได้

“อะแฮ่ม!” ไอ้ป๋วยกระแอมไอขึ้นมา พอหันไปมองก็พบว่าไอ้วิทย์กับไอ้แมวที่ตอนแรกจมอยู่กับหน้าจอคอมกำลังมองมาที่ผมกับไอ้พี่เหม ไอ้วิทย์ทำหน้าประหลาดๆเหมือนจะกำลังอึ้งอยู่ก็ไม่เชิง ส่วนไอ้แมวก็ทำหน้าแปลกๆ เหมือนจะเขินๆชอบกล หน้ามันแอบแดงเล็กน้อย ส่วนไอ้ป๋วยนี่ทำหน้าทำตาล้อเลียนส่งมาให้ผมเต็มที่



เดี๋ยวๆ



“พวกมึงเป็นอะไรกัน?” ผมถาม

“เปล๊า!” พวกมันสามตัวตอบพร้อมกันเป็นเสียงเดียว

“ทำหน้าแปลกๆกันนะพวกมึง”

“ทำหน้าแปลกอะไร? พวกกูก็ทำหน้ากันแบบนี้เป็นปกติอยู่แล้วนี่” ไอ้ป๋วยตอบ

มึงนั่นแหละตัวดีเลยไอ้ป๋วย

“ทำไมกูรู้สึกว่ามึงดูเคะขึ้นว่ะไอ้พลัม?” ไอ้แมวบอก



เคะ?



“เคะอะไรของมึงว่ะไอ้แมว?”

“หึหึ” ไอ้พี่เหมหัวเราะขึ้นมาเบาๆ

“อะไรพี่? เข้าใจที่ไอ้แมวมันพูดเหรอ?”

“เปล่า”

“โกหก บอกมาเลยนะว่ามันหมายความว่าไง”

“ไม่บอก แต่กูเห็นด้วยกับน้องแมวนะ”



น้องแมว?



“ทำไมเรียกไอ้แมวว่าน้องอ่ะ?”

“ก็น้องแมวเป็นน้อง”

“แล้วผมล่ะ?” ทำไมไม่เห็นเรียกน้องเลย…

“มึงก็พิเศษกว่าคนอื่นไง…กูยิ้มแบบนี้ให้มึงคนเดียวนะ” พูดแล้วพี่มันก็ส่งยิ้มที่ไม่ใช้ยิ้มมุมปากหรือแสยะยิ้มแบบที่ไอ้พี่เหมมันชอบยิ้มเป็นประจำ แต่เป็นยิ้มที่ทั้งแววตาและริมฝีปากยิ้มตามไปด้วย

เป็นยิ้มที่สื่อให้รู้ถึงความรู้สึกของไอ้พี่เหมได้เป็นอย่างดี…



‘รัก’



ยิ้มของพี่มันทำให้ผมรู้สึกแบบนี้จริงๆนะ…



“เหี้ยยยย”

“กูเขินแทน…”

เสียงแรกเป็นของไอ้ป๋วย เสียงที่สองเป็นของไอ้แมว ส่วนไอ้วิทย์ไม่ได้พูดอะไรแต่มองจากสีหน้ามันแล้วก็คงจะแอบตะลึงอยู่ไม่น้อย



ส่วนผมน่ะเหรอ?...



นั่งหน้าร้อนอยู่นี่ไง…



ไอ้พี่เหม…มึงขยันอ่อยกูเกินไปไหมสาดดดดดดดดด




แม่งงงงงง เห็นแบบนี้กูก็หวั่นไหวเป็นนะครับ…






TBC. N.EP ------------------------------------------------------------------------->






TALKKKKKKKKKKKKK : อ่อย อ่อยเข้าไป อ่อยได้อ่อยดี เดี๋ยวอิพลัมมันก็ยอมเป็นแฟนเองนั่นแหละ

 NAY_Y_Story  (https://www.facebook.com/NAY_Y_Story-1576364292675202/?fref=ts)

เข้าไปพูดคุยกันได้ที่เพจค่ะ เจอกันตอนหน้าค่า ^^
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.9 08/04/59 [P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 09-04-2016 00:11:57
เขินนนน
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.9 08/04/59 [P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: Petalkiss ที่ 09-04-2016 00:32:13
เขินมากกกกกกกก โอ๊ยยยยยยยยย
นึกถึงรอยยิ้มของพี่เหมที่มีให้ร้องพลัมคนเดียว โอโห ระเบิดตัวเองตายในทันใด
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.9 08/04/59 [P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 09-04-2016 00:47:57
มาขนาดนี้
อ่อนยวบเลย
ไม่แคร์สื่อด้วย โหยยย เพื่อนๆช่วยผลักดันเร็ววว กร๊ากกกก
กี่วันกันพลัมถึงจะกลับมาตกหลุมรักพี่เหมอีกครั้ง
เราว่าอีกไม่นาน ฮิ้ววว
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.9 08/04/59 [P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-04-2016 00:55:38
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.9 08/04/59 [P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-04-2016 01:37:45
ขยันหยอดจริงๆ
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.9 08/04/59 [P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 09-04-2016 03:57:20
โอ้ยยย...พี่เหมมมม ขยันอ่อยจังเลย เขิลลล แทนพลัม ละ ^^
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.9 08/04/59 [P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 09-04-2016 07:13:15
 :-[
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.9 08/04/59 [P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 09-04-2016 07:41:35
พี่เหมมมมมม อย่าทำให้น้องเสียใจนะ :D

แบบนี้ต้องเอาแหวนไปเสียบนิ้วนางข้างซ้ายซะเลย มัดตัวกันดื้อๆงี้ล่ะ
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.9 08/04/59 [P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 09-04-2016 08:44:41
พี่เหมขยันหยอดแบบนี้ อีกไม่นานได้พลัมเป็นแฟนชัวร์  แต่ถ้าให้ชัวร์ลองติดสินบนเพื่อนพลัมดูดิ โดยเฉพาะ ป๋วย กับน้องแมว รับรองยกเพื่อนให้ฟรีๆ เลย
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.9 08/04/59 [P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 09-04-2016 08:50:34
 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:

หยอดบ่อยๆน้องพลัมจะได้หวั่นไหวเยอะๆ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.9 08/04/59 [P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: Janny ที่ 09-04-2016 10:57:46
อะไรคือการที่บังเอิญเจอกันแล้วพี่เหมถึงกับตามไปเฝ้าน้อง เราเริ่มไม่เชื่อว่านี่คือความบังเอิญ 555555 แล้วนี่คืออะไร ไม่มีค่ะ ความเกรงใจต่อเจ้าของห้องเป็นศูนย์มาก มาจีบอะไรกันตรงนี้ ฮืออออ นี่ถ้าน้องพลัมไม่หลงก็จิตใจแข็งแกร่งเกินไปแล้วล่ะค่ะ โดนอ่อยซะขนาดนี้ ความจริงพี่เหมอยากมาทำความรู้จักกับเพื่อนน้องเป็นการเข้าใกล้น้องไปอีกก้าวรึเปล่าคะ แล้วพอพี่เหมมานั่งเฝ้านี่เพื่อนน้องไม่กล้าใช้ไปซื้อข้าวเลยอ่ะ อำนาจมืด 5555555555 นี่ถ้าน้องพลัมบอกว่าพี่เหมจ่ายให้อีกนี่คงจบอ่ะค่ะ ไม่มีใครกล้าใช้น้องละ พอ โอ๊ยยย นี่มาเฝ้าจริงๆสินะคะพี่เหมมม
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.9 08/04/59 [P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 09-04-2016 14:24:11
กรี๊ดดดดดดด พี่แหมน่ารักอ่า >\\\\\<
หยอดขนาดนี้พลับไปไหนไม่รอดแน่
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.9 08/04/59 [P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 10-04-2016 00:15:00
แอร๊ยยยย เขิน อิพี่เหมอ่อยน้องแรงมาก
 :-[
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.9 08/04/59 [P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 13-04-2016 20:25:02
เราเขินด้วยยยยย
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.9 08/04/59 [P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: aoraor ที่ 13-04-2016 21:35:48
ตะหู งานอ่อยแรง 555555
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.9 08/04/59 [P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 26-04-2016 16:06:43
แพ้คนขี้อ่อยยยยย เขินแทนยัยพลัม :o8: พลัมเอ้ย ไม่ใช่แฟนก็ปั๋วละหละ55555
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.9 08/04/59 [P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 02-05-2016 00:58:49
มาน้าาาา เค้าคิดถึง เหมือนตามดูการเลี้ยงน้องให้เติบโตขึ้นอีกครั้ง เรื่องนี้อบอุ่นมากๆ ขอบคุณคร้าบบบบ
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.9 08/04/59 [P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: bluerose ที่ 02-05-2016 07:47:12
คิดถึงน้องพลัม กับเหมแล้ว :)
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.9 08/04/59 [P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: Sweettemp ที่ 02-05-2016 23:12:09
พี่เหมอ่อยแบบนี้ พลัมจะไปไหนรอดดดด หึหึหึ
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.9 08/04/59 [P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: NAY_nay ที่ 10-05-2016 19:42:04
มาแล้วจ้าาาาา ห่างหายกันไปนาน กราบขอโทษอย่างงามๆ U.U; ใครจำเนื้อเรื่องไม่ได้แนะนำให้ย้อนกลับไปอ่านตอนที่แล้ว555



EP.10




“พี่เหม”

“หืม?”

“นี่พี่ไม่คิดจะอ่านหนังสือสอบหน่อยเหรอ?” ผมถามไอ้พี่เหมขณะที่พวกเรากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัย ต้องบอกว่าผมเป็นคนอ่านส่วนไอ้พี่เหมก็นั่งเรื่อยเปื่อยไปมากกว่า ช่วงนี้ใกล้สอบกลางภาคแล้ว นักศึกษาส่วนใหญ่จึงเริ่มอ่านหนังสือกันบ้างแล้ว จริงๆผมก็ยังไม่อยากอ่านหรอกนะ แต่พอดีว่าช่วงว่าช่วงสอบมันจะเป็นช่วงที่อาจารย์สั่งงานมามากมายก่ายกอง ประดั่งประเดกันเข้ามาทีเดียวเลยทำให้ต้องแบ่งเวลาดีๆ ผมเลยต้องรีบอ่านตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่งั้นเดี๋ยวจะอ่านไม่ทัน

“อ่านไปบ้างแล้ว” ไอ้พี่เหมตอบมือยังคงกดเกมส์ในโทรศัพท์ไม่เลิก ไม่น่าเชื่อว่าชิลๆแบบมันจะเริ่มอ่านหนังสือไปแล้ว ท่าทางพี่มันเหมือนพวกที่อ่านเอาไม่กี่วันก่อนสอบเลยอ่ะ

“ขยันเนอะ” ผมเองก็คงต้องรีบอ่านบ้างเหมือนกัน

“ไม่หรอก ถ้าไม่รีบอ่านกูก็ไม่มีเวลามาหามึงอ่ะดิ”

แม่งงงงงง เล่นกูอีกแล้ว

“เวอร์ล่ะ”

“กูพูดจริง” ไอ้พี่เหมหยุดเล่นเกมส์แล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม ทำให้ผมต้องเป็นฝ่ายที่หลบสายตาพี่มันแทน

เห็นแบบนี้กูก็เขินเป็นนะเว้ย!

“พี่นี่ก็ชอบหยอดผมจัง” พูดออกไปเสียงเบา หนังสือตรงหน้าอ่านไม่เข้าหัวผมอีกต่อไปเพราะตอนนี้สมองผมเต็มไปด้วยหน้าของไอ้พี่เหมแทน

แม่งเอ้ย! ไม่น่าบอกพี่มันว่าวันนี้จะมาอ่านหนังสือที่ห้องสมุดเลย

คืองี้ครับ…

วันนี้ตอนเช้าไอ้พี่เหมมันโทรมาหาผมครับถามว่าวันนี้จะไปไหนหรือเปล่า ไอ้ผมก็ไม่ได้คิดอะไรเลยตอบไปว่าจะมาอ่านหนังสือที่ห้องสมุดหลังจากนั้นก็คุยอะไรกันนิดหน่อยพี่มันก็วางสายไป เดี๋ยวนี้ไอ้พี่เหมมันเปลี่ยนมาโทรหาผมแทนที่จะคุยผ่านไลน์กันเหมือนเดิม เห็นพี่มันบอกว่าคุยไลน์มันเร็วไม่ทันใจ ครับ…หลังจากที่ผมมาถึงห้องสมุดยังไม่ถึงสิบนาที ไอ้พี่เหมมันก็โพล่มาเลย แถมยังตรงมานั่งกับผมโดยที่ไม่ได้สนใจสายตาของใครต่อใครที่มองมาเลยสักนิด ผมเองก็เริ่มชินที่โดนมองแล้วด้วยเลยไม่ว่าอะไรเริ่มหนังสือสอบวิชาแรกที่เตรียมมา ส่วนไอ้พี่เหมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นแต่พอเริ่มอ่านไปได้สักพักก็เริ่มเกิดความสงสัยขึ้นมา…

นี่ตกลงคุณมึงมาทำอะไรว่ะครับ?

ก็เลยเอ่ยปากถามพี่มันไปจนโดนหยอดกลับมาเนี่ย หลังจากที่เหตุการณ์ที่ผมไปทำงานที่หอของไอ้ป๋วยแล้วบังเอิญเจอไอ้พี่เหมจนพี่มันตามไปถึงห้องของไอ้ป๋วยนั้นก็ผ่านมาจะเกือบสองอาทิตย์แล้ว และแน่นอนว่าผมกับไอ้พี่เหมเจอกันเกือบทุกวันซึ่งส่วนใหญ่ไอ้พี่เหมจะเป็นฝ่ายมาหาผมมากกว่า มีแค่บางครั้งที่ผมไปนั่งรอมันเลิกเรียนที่ใต้คณะแล้วก็ไปกินข้าวด้วยกันหลังจากนั้นพี่มันก็ไปส่งผมที่หอ

ถ้าถามว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับไอ้พี่เหมเป็นยังไง? ก็คงจะตอบได้ว่าไม่ใช่แฟนแต่ก็ไม่ใช่แค่รุ่นพี่กับรุ่นน้อง ผมเองก็อธิบายไม่ถูก ผมเองก็หวั่นไหวกับสิ่งที่ไอ้พี่เหมมันพูดและกระทำนะ แต่ผมแค่รู้สึกว่ายังไม่พร้อมที่จะเป็นแฟนกับพี่มันตอนนี้

ผมเองก็ไม่รู้…

เมื่อก่อนผมเคยชอบพี่มันก็จริง…แต่นั่นมันก็ต้อง 5 ปีมาแล้วนะ…

5 ปีที่ไม่เคยเจอกันอีกเลย…พอกลับมาเจอกันอีกครั้งแล้วจู่ๆจะให้ยอมเป็นแฟนพี่มันเลยมันจะไม่แปลกเหรอ?

ฮ่วยยยยย ทำไมผมถึงได้รู้สึกสับสนแบบนี้นะ?

“คิดอะไร? ทำไมถึงทำหน้าเครียดแบบนั้นล่ะ?”

คิดเรื่องคุณมึงนั่นแหละครับ!

สงสัยว่าผมจะคิดมากไปหน่อยเลยเผลอแสดงออกไปทางสีหน้าให้ไอ้พี่เหมเห็น

“ไม่มีอะไรหรอก” ผมตอบ ก้มลงไปอ่านหนังสือต่อพยายามทำเป็นไม่สนใจไอ้พี่เหมที่กำลังมองมา ไอ้พี่เหมไม่ได้พูดอะไรอีก ผมก็อ่านหนังสือไปเรื่อยๆ พอดูเวลาอีกทีก็ 5 โมงกว่าแล้ว นี่ผมอยู่ที่ห้องสมุดตั้งสี่ชั่วโมงกว่าเลยเหรอเนี่ย? ถ้าตัวผมตอนมอปลายมาเห็นคงจะต้องแปลกใจมากแน่ๆ ก็ห้องสมุดสำหรับผมตอนมอปลายมันก็คือห้องหลบร้อน หลบเรียนดีๆนี่เอง ไม่เคยจะใช้อ่านหนังสือจริงๆจังๆแบบนี้เลยสักครั้ง

เหลือบไปมองทางไอ้พี่เหมก็พบว่าพี่มันฟุบหน้าลงกับโต๊ะหลับไปเป็นที่เรียบร้อย เฮ้ออออ นับถือพี่มันเลยจริงๆ แค่ให้ได้มาเจอผมถึงกับยอมมานั่งเฉยๆที่ห้องสมุดตั้งสี่ชั่วโมงกว่า ถึงแม้ว่าห้องสมุดมันจะมีแอร์เย็นๆก็เถอะแต่ถ้ามาแล้วไม่มีอะไรให้ทำเป็นผมนี่เบื่อตายห่าเลย แต่น่ไอ้พี่เหมกลับไม่บ่นอะไรสักคำแถมยังนั่งเงียบๆไม่ได้รบกวนผม แต่ผมว่าพี่มันก็คงจะเบื่อมั่งนั่นแหละถึงได้ฟุบหลับอยู่แบบนี้ไง

แล้วแบบนี้จะไม่ให้ผมหวั่นไหวได้ยังไง…

รออีกไม่นานหรอกนะพี่เหม…ขอเวลาให้ผมได้คิดทบทวนอะไรนิดหน่อยนะ…

ผมเอื้อมมือไปจับที่กลุ่มผมของไอ้พี่เหมก่อนที่จะลูบเบาๆเพราะกลัวว่าพี่มันจะตื่น ปกติมีแต่พี่มันที่ชอบลูบหัวผม พอลองมาจับแบบนี้แล้วรู้เลยว่าทำไมไอ้พี่เหมมันถึงชอบมาลูบหัว ก็เพราะว่าผมของไอ้พี่เหมมันนุ่มสุดๆไปเลยน่ะสิ ผมไม่รู้หรอกนะว่าผมของตัวเองนุ่มแบบนี้หรือเปล่า แต่ผมของไอ้พี่เหมนี่ลูบแล้วเพลินมือดีชะมัด

“อืมม…” ไอ้พี่เหมขยับตัว ผมเลยชักมือกลับ พี่มันก็ค่อยๆลุกขึ้นมานั่งดีๆเหมือนเดิม หน้าตาง่วงงุนบ่งบอกว่าเพิ่งตื่นมาหมาดๆ นี่แสดงว่าพี่มันหลับจริงจังเลยสินะเนี่ย

“ตื่นแล้วเหรอ?” ผมเอ่ยถามพลางยิ้มล้อๆที่พี่มันเผลอมานอนหลับแบบนี้

“อื้อ” ไอ้พี่เหมตอบในลำคอพลางยกมือขึ้นมาขยี้ตา หัวฟูๆ หน้าตาง่วงๆนี่ก็ทำให้ไอ้พี่เหมดูดีไปอีกแบบนะ ผมเชื่อว่าใครหลายๆคนก็คงจะคิดแบบผมไม่เชื่อลองมองไปที่ผู้หญิงโต๊ะข้างๆสิ ผมเห็นเธอมองมาที่ไอ้พี่เหมตาค้างตั้งแต่ที่พี่มันลุกขึ้นมานั่งแล้ว หึหึ

“พี่นี่ทำอะไรก็ดูดีไปหมดเลยเนอะ” อันนี้พูดชมจริงๆนะ ไม่ได้แขวะแต่อย่างใด

“หลงเสน่ห์กูล่ะสิ?”

“หึหึ มั๊ง”

“ไอ้พลัมเดี๋ยวมึงจะโดนดี”

“อ้าว ผมทำอะไรผิด?”

“โทษฐานอ่อยกูไง”

“โหหหห เอาอะไรมาพูด พี่ต่างหากที่อ่อยผม” ผมบอกมือก็เก็บอุปกรณ์ลงกระเป๋า

“แล้วนี่มึงจะกลับหอเลยไหม?”

“อืมมมม ผมว่าจะแวะไปตลาดนัดก่อนกลับอ่ะพี่” วันนี้เป็นวันศุกร์พอดี ทุกๆวันศุกร์มหาวิทยาลัยของผมจะมีตลาดนัดมาตั้งครับ คนที่เดินส่วนใหญ่ก็จะเป็นนักศึกษาภายในมอนี่ล่ะ ผมเองก็ไม่ได้ไปเดินนานแล้วด้วยครั้งสุดท้ายที่ไปก็ตั้งแต่ช่วงรับน้องนู่น วันนี้เลยว่าจะไปเดินคลายเครียดสักหน่อย

“คนเยอะ” ไอ้พี่เหมบ่น

“พี่ก็ไม่ต้องไปสิ ผมไปคนเดียวก็ได้”

“ไม่เอา กูจะไปด้วย”

“เอ้า แล้วบ่นทำไมเนี่ย?”

“อยากบ่น”

“ครับๆ ว่าแต่จะไปด้วยกันใช่ไหม?”

“อื้ม”






ผมกับไอ้พี่เหมมาถึงตลาดนัดก็หกโมงเย็นพอดี คนกำลังเยอะเลยช่วงนี้ ส่วนใหญ่ก็ออกมาเดินหาของกินนั่นแหละครับ ไม่อยากจะโม้แต่ของกินที่นี่แต่ละอย่างน่ากินมาก ราคาก็ไม่แพงจนเกินไป น่าเสียดายที่ผมไม่ค่อยได้แวะมาเท่าไร มาคราวนี้ผมเลยแวะเกือบทุกร้านที่เดินผ่านจนไอ้พี่เหมต้องบอกให้ผมหยุดซื้อได้แล้ว

“มึงซื้อเยอะขนาดนี้จะกินหมดเหรอว่ะ?” ไอ้พี่เหมถามผมที่กำลังกินลูกชิ้นที่เพิ่งซื้อมาเมื่อสักครู่ นับแล้วก็ถือได้ว่าเป็นของกินร้านที่สี่ที่ผมแวะล่ะนะ

“หมดดิ”

“กูจะรอดูก็แล้วกัน”

พวกเราเดินดูของกินไปเรื่อยๆ คนที่ผ่านไปผ่านมาก็มองไอ้พี่เหมบ้างทั้งชายและหญิง แหงล่ะ ไอ้พี่เหมมันหล่อนี่ คนจะมองก็คงไม่แปลก

“พี่เหมอยากกินอะไรป่าว?”

ผมถามเพราะว่าตั้งแต่เดินมามีแต่ผมฝ่ายเดียวที่เป็นคนซื้อ ไอ้พี่เหมยังไม่ได้อะไรสักอย่าง

“เดี๋ยวกูกินกับมึงก็ได้”

“เฮ้ยอะไร จะมาแย่งผมกินเหรอ?”

“เชื่อสิว่ามึงต้องให้กูช่วยกิน” ไอ้พี่เหมพูดพลางมองถุงของกินในมือผม หลังจากร้านลูกชิ้นเมื่อกี๊ตอนนี้ในมือผมก็มีของกินเพิ่มมาอีกสองอย่างแล้วครับ

คิดไปคิดมาก็รู้สึกว่ามันชักจะเยอะล่ะ พอแค่นี้ก่อนดีกว่ามั๊ง

“งั้นเราไปเดินดูของอย่างอื่นกันไหม?”

“มึงชวนกู?”

“เอ้า! ก็อยู่กับพี่สองคนจะให้ชวนใครล่ะ” บ้าป่าว

“หึหึ แบบนี้มันก็เหมือนกับมาเดทกันเลยเนอะ” ไอ้พี่เหมยิ้ม เดินนำหน้าผมออกไป


เดี๋ยวนะ…


เดท?...


เฮ้ย!


“ไม่ใช่แล้วววววว ไอ้พี่เหมอย่ามั่ว” รีบวิ่งไปดักหน้าพี่มันเอาไว้ ไอ้พี่เหมหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ นี่แสดงว่าพี่มันจงใจแกล้งผมงั้นสินะ

“หึ ไม่ใช่ก็เหมือนใช่นั่นแหละ”

“?”

“ก็ตอนนี้เราเป็นแฟนกันไม่ใช่หรือไง?”

“ใช่ที่ไหนล่ะ!”

“แต่คนอื่นเค้าคิดว่าเราเป็นแฟนกันนี่ มาเดินตลาดนัดด้วยกันสองคนแบบนี้ก็เหมือนกับมาเดทนั่นแหละ”

เถียงไม่ออกเลยวุ้ย! จะว่าไปก็จริง… ถึงว่า…ทำไมถึงรู้สึกว่ามีคนมองน้อยลงจากช่วงแรกๆ ถ้าเป็นช่วงแรกๆที่ผมรู้จักกับไอ้พี่เหมนะ ไปไหนมาไหนก็มีแต่คนมอง มองแล้วก็มอง มองจนผมแทบจะบ้าตาย! แต่นี่ถึงแม้ว่าจะมีคนมองบ้างแต่ก็ไม่ได้เยอะเท่ากับตอนนั้น

นี่แสดงว่าทุกคนเค้าเชื่อกันสนิทใจเลยสินะว่าผมกับไอ้พี่เหมเป็นแฟนกัน!?

“เดทอะไร? ไม่ใช่สักหน่อย ว่าแต่พี่จะไปเดินดูของด้วยกันไหมเนี่ย?”

“ไปสิ”

“งั้นก็ห้ามพูดอะไรเดทๆแบบนี้อีก เรายังไม่ได้เป็นอะไรกันเว้ย!” พูดเสร็จก็หันหลังเดินออกมาเลย ไม่สนใจแม่งล่ะ เดี๋ยวจะเข้าตัวเองซะเปล่าๆ

“ปากแข็ง…”

“ผมได้ยินนะ!”

“อยากจะลองสัมผัสด้วยปากจัง…ว่าแข็งจริงหรือเปล่า”

“ไอ้พี่เหม!” กูได้ยินนะโว้ยยยยยย

พูดอะไรดูหน้ากูด้วย!

…แดงหมดแล้วมั๊งเนี่ย! ห่านนนนนนน





เราสองคนเดินดูของกันไปเรื่อยๆ ไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันหรอกครับเพราะผมก่ะจะมาซื้อของกินอย่างเดียว ส่วนของอย่างอื่นแค่ดูอย่างเดียวก็พอ

“พลัม”

“ว่า?”

“อยากได้เสื้อไหม?” ไอ้พี่เหมพูดขณะที่พวกเรากำลังเดินผ่านร้านขายเสื้อร้านหนึ่ง พอพี่มันถามผมก็เลยหยุดเดินมองเข้าไปในร้านก็มีเสื้อที่ถูกใจผมอยู่เหมือนกันเลยหันกลับไปถามไอ้พี่เหม

“พี่จะซื้อให้ผมเหรอ?”

“อยากได้หรือเปล่าล่ะ?”

“ก็ไม่นะ”

“งั้นเข้าไปดูกัน” พูดเสร็จพี่มันก็ทำท่าจะลากผมเข้าไปดูเสื้อในร้าน

“เฮ้ยพี่! ผมบอกว่าไม่อยากได้ไง” ผมพยายามยื้อตัวเอาไว้

“แต่กูอยากได้อ่ะ”

“งั้นพี่ก็ซื้อของตัวเองไปดิ”

“กูอยากซื้อให้มึงด้วย”

“แล้วพี่จะมาซื้อให้ผมทำไม?”

“ก็อยากให้ใส่เหมือนๆกันไง…”

“ห๊ะ!?”

“…ไม่ได้เหรอ?” ไอ้พี่เหมถามหน้าหงอยๆ โฮ่ยยยยยย เดี๋ยวนี้รู้สึกว่าคุณมึงจะอัพสกิลในการอ้อนเข้าไปทุกที ณ จุดๆนี้ผมจะทำอะไรได้ล่ะครับ นอกจาก…

“ก็ได้…แต่! ผมขออกตังค์เองครึ่งนึง” ผมไม่ชอบรับของมาฟรีๆครับ ของแบบนี้ถ้าออกเงินได้ก็ควรจะออกเงินเอง ไอ้พี่เหมเลิกทำหน้าหงอยจ้องหน้าผมนิ่งผมเองก็จ้องพี่มันกลับเหมือนกัน แสดงให้เห็นเลยว่าถ้าไม่ยอมให้ผมจ่ายผมก็จะไม่ซื้อเด็ดขาด

“เฮ้อออ ก็ได้”

“โอเค ถ้างั้นเราเข้าไปดูเสื้อกันเหอะ”

พอผมสองคนเดินเข้าไปในร้านคนขายก็ออกมาต้อนรับอย่างดี ผมว่าส่วนหนึ่งคงจะมาจากคนข้างๆตัวนี่แหละ… ไม่อยากจะยอมรับหรอกแต่ไอ้พี่เหมมันก็หน้าตาดีจริงๆนั่นแหละ แม่ค้าถึงได้มองมันตาเยิ้มซะขนาดนี้

นี่เจ้คงจะลืมผมไปเลยสินะ…

ผมเองก็หล่อนะเว้ย! มามองข้ามผมไปแบบนี้ได้ไง แต่ที่หมั่นไส้สุดก็คงจะเป็นไอ้พี่เหมนี่ล่ะ โดนจ้องอย่างกับจะจับกินซะขนาดนี้ยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เลือกเสื้อสบายใจเชิบ

“พลัมอยากได้แบบไหน?”

ไอ้พี่เหมถามผม ทำให้ผมได้สติ ละสายตาจากเจ้าของร้านกลับมาที่ไอ้พี่เหม มองไปรอบๆร้านก็รู้สึกถูกใจอยู่แค่ตัวเดียวคือเสื้อยืดสีขาวธรรมดาที่สกีนตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวพี่เล็กๆบริเวณหน้าอกข้างซ้าย ผมเป็นคนที่ชอบแต่งตัวง่ายๆครับ เสื้อผ้าไม่ต้องหวือหวาราแพงอะไรมากแค่นี้ก็โอเคแล้ว ผมเลยชี้ไปที่เสื้อตัวที่ถูกใจ

“ผมชอบตัวนี้อ่ะ เรียบๆดี”

“อืมมมม” ไอ้พี่เหมเดินเข้าไปดูเสื้อที่ผมบอกว่าชอบ เปิดๆดูเสื้อตัวที่อยู่ข้างหลังก็พบว่ามีตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวอื่นๆอีก ไอ้พี่เหมหยิบเสื้อออกมาสองตัวคือเสื้อที่สกีนตัวอักษรตัวพีที่เป็นตัวย่อชื่อเล่นภาษาอังกฤษของผมกับตัวเอชที่เป็นตัวย่อของไอ้พี่เหมแล้วหันไปถามเจ้าของร้านที่กำลังเพ้อมองหน้าพี่มันอยู่

“มีตัวนี้ไซส์ L กับตัวนี้ไซส์ XL ไหมครับ?”

เจ้าของร้านได้สติรีบรับเสื้อจากไอ้พี่เหมไปดู

“รอสักครู่นะคะ” เธอบอกก่อนที่จะไปค้นไซส์เสื้อในกล่องที่อยู่หลังร้าน

“ทำไมพี่ถึงจะเอาไซด์นั้นอ่ะ?”

ผมถามเพราะว่าไซส์เสื้อที่สกีนตัวเอชไอ้พี่เหมมันดันถามหาไซส์ L แทนที่จะเป็นไซส์ XL ที่น่าจะเป็นไซส์ของพี่มันมากกว่า ส่วนเสื้อที่สกีนตัวพีพี่มันกลับถามหาไซส์ L แทน

“ก็จะเอามาให้มึงใส่ไง” ไอ้พี่เหมตีหน้ามึนตอบกลับมา

“?”

“เสื้อที่สกีนตัวเอชมึงก็ใส่ ส่วนเสื้อที่สกีนตัวพีกูก็ใส่ไง ไม่เห็นจะสับสนอะไร”


เดี๋ยวนะ…


แบบนี้มันก็เหมือนเสื้อคู่เลยอ่ะดิ!?


“แบบนี้มันก็เหมือนเสื้อคู่เลยดิพี่!”

“ถูก ก็เสื้อคู่ไง”

“เสื้อคู่อะไรของพี่ บอกแล้วไงว่าตอนนี้ผมกับพี่เรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน”

ไอ้พี่เหมยกยิ้ม ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจของพี่มัน

“ตอนนี้ยังไม่ได้เป็น…”

“…” ก่อนที่จะเลื่อนใบหน้าไปข้างหูผมแล้วกระซิบเบาๆ

“แต่อีกไม่นานหรอก…มึงก็รีบใจอ่อนกับกูสักทีสิ”


จุ๊บ!


ไอ้พี่เหมพูดจบก็จุ๊บไปที่แก้มของผมเบาๆแล้วผละออกไปอย่างรวดเร็วจนผมได้แต่ยืนอึ้ง


อะ…ไอ้พี่เหม!


ฟัคยูววววววว!!


นี่มันตลาดนัดที่คนพลุกพล่านเดินผ่านไปมานะเว้ย! นี่คุณมึงทำอะไรลงปายยยยยย


“พี่ทำบ้าอะไรเนี่ย!?” ผมตวาดใส่ตัวต้นเหตุที่ตอนนี้ทำหน้ามึนไม่รู้ไม่ชี้อยู่ มองไปข้างนอกร้านก็ไม่มีใครมองอยู่แสดงว่าคงจะไม่มีใครเห็นสินะ

“ทำอะไรน่ะเหรอ? ก็จุ๊บไง”

“เรื่องนั้นรู้แล้วโว้ยยยย แต่พี่ทำแบบนี้ทำไมต่างหาก ที่นี่มันตลาดนัดนะ!”

“ก็ตลาดนัดน่ะสิ”

“พี่อย่ากวนดิ ไม่รู้ล่ะ พี่ห้าม! ทำแบบนี้อีกเข้าใจไหม?” ผมถามแต่เจ้าตัวกลับไม่ได้สนใจมองออกไปนอกร้านแทน

หน๊อย! อยากต่อยคนโว้ยยยย!

“ไอ้พี่เหม!”

“อะ…เอ่อ เสื้อที่ให้หาไซส์…ได้แล้วนะคะ…” เสียงของคนขายทำให้ผมเผลอสะดุ้งเบาๆได้สติกลับมาก่อนที่จะรีบหันไปมองที่เธอทันที

ชิบลอส….เมื่อกี๊นี้เจ้แกเห็นหรือเปล่าว่ะ?

แต่…ดูจากสีหน้าที่ติดจะแดงๆกับน้ำเสียงตะกุกตะกักแบบนี้แล้วไม่แคล้วว่าเจ้แกจะเห็นชัวร์ๆ

ส้นตีนมากกกกก!

“ทั้งหมดเท่าไหร่ครับ?” ไอ้พี่เหมถามเตรียมควักตังค์จ่าย

“320 บาทค่ะ”

“นี่ครับ แยกถุงให้ด้วยนะครับ” ไอ้พี่เหมยื่นแบงค์ห้าร้อยให้คนขาย พอรับตังค์ทอนกับถุงเสื้อเสร็จก็จูงมือผมออกจากร้าน

“พี่เหม มืออ่ะ” ไอ้พี่เหมไม่ตอบทำเป็นไม่ได้ยิน ผมเลยได้แต่ถอนหายใจเบาๆปล่อยให้พี่มันจูงไปเพราะแย้งไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เพราะเวลาไปไหนมาไหนไอ้พี่เหมก็ชอบเอามือผมไปจูงตลอด ตอนแรกผมก็พยายามจะชักมือกลับหาเหตุผลร้อยแปดมาเถียงกับพี่มันแต่ยังไงไอ้พี่เหมมันก็ไม่ยอมปล่อยอยู่ดี พี่มันจะจับจนกว่าจะพอใจนั่นแหละหลังๆมานี้ผมเองเริ่มชินแล้วด้วย

"เรื่องค่าเสื้อเอาไงอ่ะพี่?" ผมยังไม่ได้ให้พี่มันเลยอ่ะ

“เดี๋ยวค่อยให้ทีหลังก็ได้แล้วนี่จะกลับหอเลยไหม?”

“พี่อยากได้อะไรอีกไหมล่ะ?”

“ไม่แล้วล่ะ”

“งั้นกลับเลยก็ได้ พี่จะได้ไปช่วยผมกินไอ้พวกนี้ด้วย” ผมชูถุงของกินห้าหกถุงในมือให้ไอ้พี่เหมดู พี่มันหัวเราะเบาๆ ก่อนที่จะยิ้มล้อผม

“ไหนตอนแรกกลัวกูแย่งกินไง”

“ก็ตอนนี้มันอิ่มแล้วนี่” พอเดินดูนู่นดูนี่ไปสักพักก็เริ่มลืมความหิว ก่อนหน้านี้ก็มีกินเล่นไปแล้วบ้างตอนนี้ก็เลยรู้สึกอิ่มๆ ดีนะที่ไม่เผลอซื้อเยอะไปมากกว่านี้

“ไปกินที่หอมึงล่ะกัน”

“จะไปห้องผมเหรอ?”

“ไปได้ป่ะล่ะ?”

“ไม่” ผมตอบทันทีอย่างไม่ลังเล ไอ้พี่เหมหัวเราะอีกแล้วก่อนที่จะเอื้อมมือมาดึงแก้มผมเบาๆ

“หึหึ กลัวกูทำอะไรมึงหรือไง?”

“เออ” เบือนหน้าหนีมือพี่มัน จะว่าไงดีล่ะครับ…ก็คงจะอย่างที่ไอ้พี่เหมบอกนั่นแหละ ถึงผมจะเป็นผู้ชายแต่ดูจากที่ผ่านๆมาถ้าไอ้พี่เหมมันคิดจะทำอะไรผมขึ้นมาคงจะทำได้อย่างไม่ยาก

เพราะฉะนั้นทางที่ดีให้พี่มันอยู่ห่างห้องผมนั่นแหละดีแล้ว

“ครับๆ งั้นไปนั่งกินที่ใต้หอมึงก็ได้” ก็ดี ใต้หอผมมีโต๊ะหินอ่อนเอาไว้ให้พวกนักศึกษานั่งเล่น หรือทำกิจกรรมอะไรก็ว่ากันไป ผมเห็นด้วยกับพี่มันเลยพยักหน้าตกลงไป





หลังจากนั้นไอ้พี่เหมก็มาส่งผมที่หอเหมือนเดิมแต่คราวนี้พี่มันเดินตามลงมาด้วยเพราะจะมานั่งกินของกินที่ซื้อมาจากตลาดนัด พอเอาของกินมากองรวมกันแบบนี้แล้วรู้สึกกลัวตัวเองตอนหิวชิปเป๋ง นี่เรียกได้ว่าซื้อดะเจออันไหนถูกใจก็ซื้อ รู้ตัวอีกทีก็แดกไม่หมด ผมเชื่อว่าใครหลายๆคนก็เป็นเหมือนผมเวลาหิวแล้วมีของกินให้เลือกซื้อจนเลือกกินไม่ถูก

“พี่เหมกินขนมเบื้องไหม?” ผมถามไอ้พี่เหมที่กำลังกินผัดมาม่าอยู่ๆ ในมือก็แกะถุงขนมเบื้องไปด้วย ร้านนี้เคยกินแค่ครั้งเดียว ผมว่าก็อร่อยดีคราวนี้เลยเผลอซื้อมาอีก

“ไม่ล่ะ มึงกินไปเหอะ”

“เยอะขนาดนี้ผมกินไม่หมดหรอก” เยอะจริงครับ เกือบครึ่งถุง กินหลายคนก็คงจะหมดอยู่แต่ถ้าคนเดียวก็มีเลี่ยนหวานกันบ้างแหละ

“แล้วซื้อมาทำไม?”

“ก็อยากกิน”

“เฮ้ออออ ชินเดียวพอนะ” ไอ้พี่เหมถอนหายใจตอบตกลงแบบปลงๆ

“ห้าชิ้น” ชิ้นเดียวก็แถบจะไม่ต่างจากเดิมน่ะสิ ในถุงมีตั้งสิบกว่าชิ้นได้ล่ะมั๊งเนี่ย ให้ผมกินที่เหลือคนเดียวก็ไม่ไหวมั๊ง แล้วก็ไม่อยากปล่อยให้มันเหลือข้ามคืนด้วยเดี๋ยวจะไม่อร่อยกันพอดี

“ไม่เอามันเลี่ยน”

“พี่ไม่ชอบกินหวานเหรอ?”

“อื้ม ชิ้นเดียวพอ”

“สามชิ้น”

“ไม่”

“สองก็ได้ นะๆ”

“…”

“พี่เหม~”

“หอมแก้มกูสิเดี๋ยวช่วยกินสามชิ้นเลย” ไอ้พี่เหมพูดทำหน้าเจ้าเลห์

“ใครจะไปทำ! ชิ้นเดียวก็ชิ้นเดียวที่เหลือเดี๋ยวเก็บไว้กินพรุ่งนี้ก็ได้” กูไม่หลงกลมึงหรอกเว้ย

“หึหึ ล้อเล่นน่า เดี๋ยวช่วยกินให้สามชิ้น”

“ถ้าไม่ชอบผมก็ไม่ได้บังคับนะ ชิ้นเดียวก็ได้” ถ้าเป็นของที่ไม่ชอบเป็นผมก็ไม่อยากฝืนกินอ่ะ

“เอาน่า บอกว่ากินก็คือกิน โอเค?”

“อื้ม”

พรึบ

ไอ้พี่เหมมันลูบหัวผมอีกแล้ว…

“งั้นกูขอกินผัดมาม่านี่ให้หมดก่อนล่ะกัน” ว่าแล้วพี่มันก็ผละไปกินผัดมาม่าต่อ ผมเองก็ลงมือกินขนมเบื้องกับของกินอื่นๆเหมือนกัน สุดท้ายของกินทั้งหมดก็ถูกผมกับไอ้พี่เหมจัดการจนเกลี้ยง นั่งย่อยของกินคุยอะไรเรื่อยเปื่อยกับไอ้พี่เหมไปเรื่อยจนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปจนเกือบสามทุ่มไอ้พี่เหมถึงขอตัวกลับ ผมเลยเอาขยะไปทิ้งลุกเดินตามไปส่งพี่มันไปที่รถ

“นี่พลัม” ไอ้พี่เหมหันมาเรียกผมหลังจากที่ขึ้นคร่อมไปบนรถมอเตอร์ไซด์แล้ว

“?”

“พรุ่งนี้มึงว่างไหม?” พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ลองนึกดูว่าพรุ่งนี้มีธุระอะไรที่ไหนไหมก็ไม่มีเลยตอบไป

“ก็ว่างนะ”

“ไปที่คอนโดกูไหม?”

ว่าไงนะ?

“คอนโด…พี่?”

“เออ ก็มึงไม่ให้กูขึ้นห้องมึงนี่ ก็เลยให้ไปหากูที่คอนโดแทน”

ฟวยยยยย แบบนี้มันก็ไม่เห็นจะต่างกันเลยน่ะสิ

“ไม่ไป”

“ไปเหอะ กูไม่ทำอะไรมึงหรอก”

“ไม่เชื่อโว้ยยยยย”

“เชื่อกูสิ เดี๋ยวทำอาหารให้กินด้วยก็ได้” อย่าเอาของกินมาล่อออออ

“…” เพราะเดี๋ยวกูจะชะงัก…

“นะพลัม”

มานงมานะ เดี๋ยวกูก็ใจอ่อนหรอกเฟ้ย!

“…”

“กูแค่อยากอยู่กับมึงให้มากขึ้นแค่นั้นเอง…ไม่ได้เหรอ?”

โอเคกูยอม!

“ก็ได้ แต่! พี่ห้ามทำอะไรแปลกๆกับผมนะ สัญญาสิ” ยื่นนิ้วไปให้พี่มันเกี่ยวก้อย จะหาว่าผมเป็นเด็กก็ช่าง ผมแค่รู้สึกว่าการทำแบบนี้เหมือนเป็นการยืนยันให้มั่นใจแค่นั้นเอง

“หึหึ แปลกนี่คือยังไงเหรอ? ไม่บอกไม่เกี่ยวก้อยนะ” กวนตีนนนน

“ถ้าพี่ไม่เกี่ยวก้อยสัญญาผมก็จะไม่ไปเหมือนกัน” เอาดิ ให้มันรู้ซะมั่งว่าใครแน่กว่ากัน

“หึ ครับๆ สัญญาๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้เก้าโมงไปรอกูตรงเซเว่นที่เจอกันครั้งที่แล้วนะ” ไอ้พี่เหมยิ้ม ยื่นมือมาเกี่ยวก้อยกับผม พอนัดแนะสถานที่กับเวลาเสร็จก็ขับรถออกไป

ผมมองตามไปจนลับสายตาก่อนที่จะก้มลงมามองนิ้วก้อยข้างขวาที่ถูกไอ้พี่เหมเกี่ยวเมื่อกี๊นี้


เฮ้ออออ…


เวลาที่ผมต้องยอมรับพี่มันคงจะเร็วกว่าที่คิดซะแล้วสิ…


ขนาดแค่วันนี้วันเดียวไอ้พี่เหมยังทำให้ผมใจเต้นได้ตั้งหลายครั้ง ถ้าผมยังทนต่อไปได้ก็คงจะเป็นพวกตายด้านแล้วมั๊งเนี่ย หึหึ


เอาเถอะ…ผมเองก็ไม่อยากจะฝืนความรู้สึกของตัวเองไปมากกว่านี้แล้วด้วย…


ความรู้สึกที่ว่าผมเองก็ชอบไอ้พี่เหมเหมือนกัน…







TBC. N.EP ------------------------------------------------------------------------->





TALKKKKKKKKKKKKK :มาแบบมุ้งมิ้ง555 กลับมาต่อให้แล้วนะคะ ขอโทษทีหายไปนาน ใครที่ยังรอเรื่องนี้อยู่ก็ขอบคุณมากๆเลยนะคะ เจอกันตอนไปค่ะ^^

NAY_Y_Story (https://www.facebook.com/NAY_Y_Story-1576364292675202/?fref=ts)
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.10 10/05/59 [P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 10-05-2016 19:53:17
 :jul3:

น้องพลัมแพ้พี่เหมทุ๊กที

มะไหร่จะใช้ลูกอ้อนชนะพี่เหมบ้างงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.10 10/05/59 [P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 10-05-2016 20:07:53
เมื่อไหร่น้องพลัมจะใจอ่อนยอมให้พี่เหมขึ้นห้องหนอ :katai2-1: :katai2-1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.10 10/05/59 [P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-05-2016 20:42:36
ยินดีที่ได้เจอกันอีก
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.10 10/05/59 [P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 10-05-2016 22:34:22
ก็รับเป็นแฟนสักทีสิ

 :give2:

หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.10 10/05/59 [P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-05-2016 23:31:15
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.10 10/05/59 [P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: Janny ที่ 13-05-2016 22:24:37
ตอนใหม่มาตั้งแต่เมื่อไรรรรรรรร กรี๊ด เราพลาด T_T

พี่เหมมมมม รุกแรงไปแล้ววว น้องตกหลุมหมดแล้วค่ะเนี่ย ดูค่ะดู มานั่งเฝ้างี้ ไปเดทงี้ เสื้อคู่งี้ หอมแก้มอีก โอ๊ยยยย นี่ขนาดที่สาธารณะนะคะ เราจะรอดูค่ะว่าไปห้องพี่เหมจะเกิดอะไรขึ้นนนน ส่วนน้องพลัม ลองทบทวนตัวเองดูค่ะว่าถ้าพี่เหมหายไปอีกจะรู้สึกยังไง ถ้าน้องทนไม่ได้ก็คบกับพี่เหมเถอะค่ะ เราไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นนะคะ ทำอะไรได้ก็รีบทำดีกว่าค่ะ น้องจะได้มีความสุขมากๆไม่ต้องมาเสียดายทีหลังเนอะ กอดดดด เรารักน้องพลัมมมม  :mew3:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.10 10/05/59 [P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 14-05-2016 08:46:34
กรี๊ดดดดด พี่เหมเริ่ดมากกกกก
รุกดีงาม สกินชิปฝุดๆ
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.10 10/05/59 [P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 17-05-2016 21:23:42
 :z13:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.10 10/05/59 [P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: naya-devil ที่ 30-05-2016 00:21:35
 :-[ :-[ :-[ :-[

ละลายแล้วววว รักมั่นเหลือหลาย 5 ปีแหนะ  วีรกรรมพลัมก็สุดยอดคะ แต่อย่างอนาถมาก =___=

 :call: :call:
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.10 10/05/59 [P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: PookPick ที่ 30-05-2016 01:28:22
น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.10 10/05/59 [P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: lukYRKM ที่ 22-06-2016 10:37:15
พี่เหมมมมมมมมมมมมม รุกได้รุกใหญ่เลย ส่วนพลัมน่ารักมากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: หัวใจ ♥ ไวต่อรัก : EP.10 10/05/59 [P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: Sunset and Eeyore ที่ 15-03-2023 03:52:49
น่ารักมากเลย