ตอนที่.2
“ไปแล้ว..นะครับคุณลุง... หวัดดีครับแม่”
“นัท...ดูแลน้องให้ดีนะลูกอย่าทิ้งน้อง” ลุงนนท์สั่งไอ้พี่นัท ตั่งแต่ลุงนนท์เข้ามาในชีวิตของพวกเรา แม่กับผมก็มีความสุขกันมาก แกใจดีกับผม ตามใจผมทุกอย่าง คงเพราะผมเรียบร้อย และ ชอบอ้อน แกกับแม่อยู่บ่อยๆละมั๊ง
“ครับ....พ่อ ไปแล้วครับคุณน้า” แล้วพวกเราก็ไปโรงเรียนกัน ผมตื่นเต้นน่าดู โรงเรียนใหม่ของผมนั้นเป็นโรงเรียนเอกชนที่ใหญ่และมีชื่อเสียง ที่นี่เค้าให้นักเรียนไว้ผมรองทรงได้ ผมเองก็เริ่มไว้มาตั่งแต่จบม.3 ผมมองดูตัวเอง กางเกงสีน้ำเงินสด เข้ากับเสื้อสีขาวตัดกับตัวหนังสือสีแดง แม่กับลุงบอกว่าผมใส่เครื่องแบบแล้วน่ารักมาก.....และในที่สุดพวกเราก็มาถึงหน้าโรงเรียน โอ้โห! คนเยอะมากๆ ตอนที่ผมเดินเข้ามาในโรงเรียน มีคนหันมามองพวกเรากันใหญ่ ผมเองรู้สึกว่าตัวเองสั่นๆเลยเดินก้มหน้าตามหลังไอ้พี่นัทของผม
“เฮ้ย...ไอ้นัท”เสียงตะโกนของเพื่อนพี่นัท ทำให้ผมหันไปมอง โห...น่ารักมาก พี่เค้าสูงพอๆกับพี่นัท เลย แล้วแกก็มาหยุดแล้วจ้องมาที่ผม
“นี่น้อง..รอน ที่เอ็งเล่าให้ข้าฟังเปล่าว่ะ...น่ารักกว่าที่คิดเยอะเลยนะ หวัดดีครับพี่ชื่อ วานะครับ”
พี่วายิ้มหวานมาหั้ย ผมรู้สึกเขินๆ เลยได้แต่ยิ้มแบบอายๆให้แก
“รอนเดี๋ยว นายเดินไปรายงานตัวที่ห้องประชุมเลยนะ แล้วตอนเที่ยงพี่จะมารับไปกินข้าว”
แล้วไอ้พี่นัทก็เดินกอดคอพี่วา ทิ้งผมไปเลย ผมเลยก้มหน้าก้มตาเดินไปรายงานตัว
หลังจากผมเข้าปฐมนิเทศตอนเช้าเราก็ต้องมาเข้าห้องเรียน โดยที่อาจารย์เค้าได้ประกาศให้เรารู้แล้วว่าเราอยู่ห้องไหนกันบ้าง ผมเดินหาอยู่นานมากกว่าจะเจอ พอเดินเข้ามาในห้องก็มากันเกือบครบแล้ว ส่วนมากที่มากันช้าจะเป็นเด็กใหม่ทั้งนั้น แต่ห้องผมส่วนใหญ่จะเป็นเด็กเก่าที่เรียน ม.ต้นที่นี่
ทันทีที่ผมเดินเข้ามามีเสียง ฮือฮา และต่างก็มองมาทางผม ผมเองหาที่ว่างได้ก็รีบเดินไปนั่ง สักพักพอนักเรียนมากันครบ อาจารย์ที่ปรึกษาของห้องเราก็มาแนะนำและบอกระเบียบอะไรมากมาย แล้วก็ให้พวกเราออกมาแนะนำตัวกันที่ละคน ส่วนใหญ่นักเรียนที่นี่จะเป็นลูกของคนมีฐานะ เลยมีแต่น่ารักทั้งนั้น ผมเองรู้สึกว่ามีคนมองผมอยู่แต่ก็ไม่กล้าหันไปมอง แล้วอาจารย์ก็ปล่อยให้พวกเราทำความรู้จักกันเอง หลายคนเดินเข้ามาคุยกับผม คงเพราะส่วนใหญ่เค้าเป็นเด็กเก่ากันเลยรู้จักกันบ้างแล้ว พวกผู้หญิงส่วนใหญ่ก็ถามว่าผมเป็นอะไรกับไอ้พี่นัทเห็นตอนเช้าเดินลงมาจากรถพร้อมกัน คุยไปสักพักผมก็เพิ่งรู้ว่า พี่นัท กับพี่วา ฮ๊อตมาก แกเป็นนักกีฬาของโรงเรียนด้วย หมั่นไส้ไอ้พี่นัทจัง
“นาย...ไปกินข้าวกัน” มีเสียงหนึ่งเรียกผม เลยหันไปมอง อ้อ..คนที่ชื่อ ภีม นั่นเองผมจำได้ตอนแนะนำตัว ก็น่ารักขนาดนี้ ภีมสูงกว่าผมนิดหน่อย แต่ไม่ขาวเท่าผม แต่ก็ถือว่าขาว แต่จมูกสวยมาก
และที่สำคัญ ตาคมมากมองที่ผมสั่นๆเลยล่ะ ผมเองก็เริ่มมีเพื่อนบ้างแล้ว ก็กลุ่มของภีมนั่นแหละ แต่ตอนที่ผมคุยกันภีมไม่ค่อยคุยเท่าไหร่
“ขอบใจนะ แต่ว่าพี่เราบอกว่าจะมารับน่ะ” ผมเห็นหน้าเค้าผิดหวังนิดๆ
“เหรอ...น่าจะไปกินด้วยกัน จะได้รู้จักกับเพื่อนๆในกลุ่มเรามากขึ้นน่ะ” ผมคิดดูแล้วก็จริงนะเลยตอบตกลง แล้วผมก็โทรไปบอกไอ้พี่นัทว่าจะไปกินข้าวกับเพื่อน
“พี่นัท..เดี๋ยวรอนไปกินข้าวกับเพื่อนนะ ไม่ต้องมารับก็ได้”
“ทำมั๊ยล่ะ ไม่อยากมากินกับพี่เหรอ”แกทำเสียงดุๆ
“เปล่าครับ แต่พอดีเพื่อนๆชวนน่ะ จะได้ทำความรู้จักกันให้มากขึ้น”
“แล้วมีเพื่อนแล้วเหรอ ผู้หญิง หรือ ผู้ชายล่ะ”
“เออน่า มีแล้วกัน”แล้วผมก็วางไปเลย ผมเห็น ภีมมองอยู่เลยยิ้มๆให้
“พี่นายนี่ท่าทางหวงน้องน่าดู แต่อย่างว่าถ้าเรามีน้องอย่างนาย เราก็คงหวงเหมือนกัน แต่นายกับพี่นี่หน้าไม่ค่อยเหมือนกันเลยนะ พี่นายออกจะเหมือนฝรั่ง” ผมเองก็ไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่ยิ้มตามเคย
ตอนนี้กลุ่มผมเริ่มที่จะสนิทกันมากขึ้นแล้ว(ความจริงเค้าสนิทกันอยู่แล้ว) กลุ่มผมมี ผม,ภีม,เจน,อั้ง
แต่ละคนก็น่ารักกันทั้งนั้น อั้งเป็นลูกคนจีน ก็ขาวตี๋ แต่เวลายิ้ม มีสักยิ้มด้วย เจนเป็นคนใต้ พ่อมีโรงแรม กับสวนยาง อยู่ที่โน้น แต่คนใต้อะไรไม่รู้ ขาวได้ใจมั๊กๆ คิ้วเข้ม ตาโต เลยทำให้กลุ่มผมเป็นที่สนใจของคนข้างๆ
“เออ..ไอ้ภีม มึงจะเอายังงัยว่ะ ไอ้ตาร์มันไปออสเตเลียแล้ว อย่างนี้วงเราก็ขาดนักร้องนำดิว่ะ” ไอ้เจนพูดขึ้น
“ก็ ให้ไอ้รอนมันร้องแทนดิ อย่างมันนะ สาวๆคงกรี๊ดกันทั้งโรงเรียน”ไอ้อั้งพูดเสริม
“เฮ้ย.....รัยว่ะเราไม่เห็นรู้เรื่องเลย ร้องอะไร”ผมทำหน้างง
“พอดีพวกเราตั้งวงกันเล่นๆน่ะ นายมาเป็นนักร้องให้หน่อยดิ” ภีมมันข้อร้องผม
“เราไม่เคยน่ะ อย่างมากก็คาราโอเกะที่บ้านน่ะ ไอ้พี่นัทยังบอกเลยว่า ฟังดนตรีเปล่าๆยังเพราะกว่าให้เราร้องอีก”
“ไม่หรอก ภีมฟังรอนพูด ก็ว่าเสียงดีนะ การเว้นวรรค การหายใจก็สม่ำเสมอดี”
“เออ..ลองดูก็ได้เราก็ชอบร้องเพลงนะ แต่โดนพี่แซวบ่อยๆ พักหลังเลยไม่ค่อยได้ร้องเพลง”ผมตอบตกลง วันนั้นเราก็ไม่ค่อยได้เรียนกันเท่าไหร่ อาจารย์แจกตารางสอน แล้วก็ปล่อยให้เราคุยกันมากกว่า วันนั้นพวกเราเลยสนิทกันมากขึ้น ก่อนกลับกลุ่มผมเราก็มาแลกเบอร์โทรกัน....
ตอนเย็นผมก็มานั่งรอพี่นัทที่โต๊ะม้าหินอ่อนข้างสนามบาส ภีมกันไอ้เจนมานั่งรอเป็นเพื่อนเราก็คุยกันไปเรื่อยๆ ตอนคุยกัย ภีมชอบมาลูบหัวผมเล่นผมเองก็ไม่ถืออะไรสักพักพี่นัทก็เดินมา
“ไป...รอนกลับบ้าน” เสียงดุมาเชียว ผมเลยหันไปลาเพื่อนๆ ระหว่างที่ไอ้พี่นัทขับรถอยู่ ผมก็พูดนั่นพูดนี่ไปเรื่อยๆ เอ๊ะ...ทำมั๊ยไอ้พี่นัทมันเงียบๆว่ะ
“พี่นัท วันนี้เพื่อนผมมันชวนให้ผมไปเป็นนักร้องนำวงพวกมันด้วย”ผมรู้สึกว่ารถมันกระตุกนิดหน่อย
“ไม่ได้...”พี่นัทพูดเสียงดัง
“ทำมั๊ยล่ะ ผมชอบร้องเพลงนะ ไม่รู้ล่ะ ผมจะร้อง”
“นายต้องไปอยู่ชมรมเดี๋ยวกับพี่ แล้วเพื่อนคนไหนชวน”
“ก้อคนที่นั่งด้วยกันเมื่อเย็นงัย”
“อ้อ..โดนมันลูบหัวหน่อย หัวอ่อนตามมันไปเลยนะ”
“ไม่เห็นจะเกี่ยวเลย แล้วจะให้ผมเข้าชมรมอะไรเหรอ”
“ชมรม ดาราศาสตร์ น่ะ แต่ถ้านายไม่อยากจะมาดูดาวกับพี่พี่ก็ไม่ว่าอะไรหรอก”เสียงพี่นัทเศร้ามาก
ผมรู้สึกแปลกๆ ไม่อยากได้ยินเสียงเศร้าๆแบบนี้เลย
“พวกผมซ้อมดนตรีกันวันหยุด เดี๋ยวผมไปเข้าชมรมเดี๋ยวกับพี่นัทก็ได้ ผมก็อยากดูดาวดวงเดียวกับพี่นัทเหมือนกัน”
“ดีมาก เพราะไม่ว่ายังงัยพี่ก็จะลากนายมาอยู่ข้างๆพี่อยู่ดี”พี่นัทยิ้มแล้วเอามือมาขยี้หัวผมเบาๆ
แล้วเราก็คุยเล่นกันมาตลอดทางกับบ้าน
“รอน...เดี๋ยวคืนนี้ไปนอนที่ห้องพี่นะ”
“อ้าว..มั๊ยล่ะ” ผมหันมาถาม
“ก็ พี่จะสอนนายดูดาวก่อนงัย ที่ระเบียงห้องพี่มันเห็นชัดกว่าห้องนาย เอ่าน่าอย่าถามมาก”
คืนนั้นผมเลยต้องไปนอนที่ห้องไอ้พี่นัท แล้วพี่นัทก็สอนผมดูดาว ผมมีความสุขมากเวลาเราดูหน้าผมกับของพี่นัทจะสัมผัสกัน คืนนี้มองเห็นดาวเยอะพอสมควร ผมเองก็เพิ่งรู้ว่าการดูดาวมันมีความสุขแบบนี้เอง ในระหว่างที่ผมดูอยู่พี่นัทก็เอาผ้าห่มมาห่มให้ผมด้วย ตอนนี้พี่นัทยืนกอดผมจากข้างหลัง เราสองคนอยู่ในผ้าห่มผืนเดียวกัน ผมเองก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะพี่นัทชอบกอดผมอยู่บ่อยๆ
“รอน รู้มั๊ยทำมัยพี่ชอบดูดาว”
“ไม่รู้ซิครับ ทำมัยละ”
“ไม่ว่า เราจะไปอยู่ที่ไหน แค่เราเงยหน้าขึ้นไปมอง เราก็สามารถมองเห็นมันได้ เค้าบอกว่าคนเราเมื่อตายไปจะมีดาวเพิ่มขึ้นมาแทนคนนั้น พี่เองก็กำลังมองแม่ของพี่อยู่ ....ถ้าสักวันพี่ต้องจากนายไป นายต้องพยายามหาพี่ให้เจอนะ”พี่นัทพูดเสียงเศร้าๆ และแกก็มาหอมแก้มผม ผมรู้สึกอบอุ่นมากเลยเอนหัวไปพิงกับอกของพี่นัท ...................
*************************************