Sins : Greed -- [SP.1 : Wedding Night] pg.146 -- 13/4/61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Sins : Greed -- [SP.1 : Wedding Night] pg.146 -- 13/4/61  (อ่าน 1445524 ครั้ง)

ออฟไลน์ NewYearzz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +346/-2
Re: Sins : Greed -- [Ch.54] pg.133 -- 10/9/60
«ตอบ #4020 เมื่อ12-09-2017 06:22:01 »

นี่สินะ บทลงโทษของคนผิดคำสาบานที่จะจะไม่อ่าซีรี่ย์เรื่องนี้อีกหากยังลงไม่จบ

หลายเสียงมาบอก "นิวๆ เรื่องนี้สนุก" เพราะรู้ว่าสนุกแต่ค่อนข้างมั่นใจในฝีมือของนักเขียนท่านนี้มาก ๆ จากเรื่องที่ผ่าน มันเจ็บปวด กรีดแทง เป็นนิยายที่เต็มไปด้วยรอยแผลหนักของตัวละคร จนทำให้นึกกลัว เพราะชีวิตจริงก็พยายามเข้มแข็งจนเหนื่อย แต่นะ ... อ่านจนได้

แล้วที่ต้องมาหน่วงในใจแบบค้าง ๆ คา ๆ นี่เป็นบทลงโทษจริง ๆ

ขอบคุณครับ  :L2:

ออฟไลน์ ToeyTato

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-1
Re: Sins : Greed -- [Ch.54] pg.133 -- 10/9/60
«ตอบ #4021 เมื่อ12-09-2017 07:41:45 »

หน่วงแบบบบบบบ อกจะระเบิด

ออฟไลน์ jaejae

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: Sins : Greed -- [Ch.54] pg.133 -- 10/9/60
«ตอบ #4022 เมื่อ12-09-2017 09:46:25 »

สำหรับเรา..เราเข้าใจพี่กุนต์นะ......เพราะว่าพี่กุนต์เจ็บมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  จึงต้องถอยห่างออกมา  เพราะไม่อยากให้ความอิจฉา  ความน้อยใจ  มาทำลายความรุ้สึกดีๆ  ที่มีให้กับโอ๊ต  และน้องสน  ( เพราะว่าพี่กุนต์รุ้ดีว่า  โอ๊ตกับสน ไม่ได้ทำผิดอะไร   แต่ผิดที่พี่กุ้นต์เลือกที่จะมายืนจุดนี้เอง  แต่พอถึงจุดนั้นจริงๆ พี่กุนต์ก้อไม่สามารถห้ามความเสียใจไว้ได้ จึงต้องถอยห่างออกมา) 

กับคนที่เราทุ่มเท หวังดี  ถึงแม้จะบอกว่าไม่คาดหวังอะไร  แต่พอมาวันนึง  ถูกทำให้รุ้สึกว่าตัวเอง  เป็นคนอื่น  เข้ามาก้าวก่ายในครอบครัว  ก้อต้องรุ้สึกเสียใจอยู่แล้ว  แล้วสิ่งที่พี่กุนต์ได้พูดบอกไปครั้งนึงเกี่ยวกับคุณยาย  โอ๊ตไม่ฟัง แต่กับน้องสน  โอ๊ตกับฟัง  เป็นใครๆ ก้อต้องเสียใจ  ต้องล่าถอยอยู่แล้ว  (ถึงแม้พี่กุนต์จะเข้าใจโอ๊ตแค่ไหน  รุ้ในเหตุผลต่างๆ แต่ก้อไม่อาจห้ามความเสียใจ  น้อยใจได้อยู่ดี  )

โอ๊ตไม่ผิดอะไร......เพราะโอ๊ตชัดเจนในแง่ความรู้สึกมาโดยตลอด  ตรงไปตรงมา  แต่คำบอกรักมาในวันที่ความรู้สึกของพี่กุนต์ได้ถูกบั่นทอนลงไปแล้ว  .....

โอ๊ตต้องทำให้พี่กุนต์รุ้สึกถึงความรักที่โอ๊ตมีให้มากกว่าสนี้แล้วหละ

สำหรับเรา  สงสารพี่กุนต์นะ.....

ปล.  คนแต่งบอกว่าไม่ดราม่างัยคะ




ออฟไลน์ Bahanamy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.54] pg.133 -- 10/9/60
«ตอบ #4023 เมื่อ13-09-2017 00:21:39 »

รอนะคะ พี่กุนต์อย่าใจร้ายมากสิ :hao5: :hao5: :mew6:

ออฟไลน์ Pam_ban

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-2
Re: Sins : Greed -- [Ch.54] pg.133 -- 10/9/60
«ตอบ #4024 เมื่อ13-09-2017 17:28:32 »

ตอนแรก ๆ ก็โกรธพี่โอ๊ตที่พูดเกินไปกับพี่กุนต์  แต่มาตอนนี้แล้วสงสารพี่โอ๊ตจับใจเลย ความหน่วงนี้ช่างโหดร้ายนัก


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:

ออฟไลน์ Patar1728

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.54] pg.133 -- 10/9/60
«ตอบ #4025 เมื่อ13-09-2017 19:01:13 »

 :sad4:

ออฟไลน์ Leelev

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.54] pg.133 -- 10/9/60
«ตอบ #4026 เมื่อ16-09-2017 23:44:39 »

รอไปเถอะ บอกวันเสาร์ ตายยยยยยยยย

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
Re: Sins : Greed -- [Ch.54] pg.133 -- 10/9/60
«ตอบ #4027 เมื่อ18-09-2017 13:58:01 »

ทีมพี่กุตณ์ค่ะ พี่กุณณ์ว่าไงก็ว่างั้น

แต่อยากให้พี่กุตณ์ค่อยๆคิดนะคะ


อ่านแล้วนึกถึงเรื่องของตนเอง


เบนกับแฟนรักกันดี ไม่ค่อยทะเลาะครบกันมาตั้งแต่มัธยม สิบกว่าปีได้ ชีวิตดีค่ะ

จนกระทั้งช่วงที่กำลังประคับประคองชีวิต สุนัขที่เลี้ยงกันมาหลายปี พาไปหาหมอทุกวันหลังเลิกงาน ขับรถจากสมุทรปราการไปโรงบาลจุฬาทุกวัน  กลับถึงบ้านตี3-4 ทุกวัน แล้วต้องไปทำงานต่อ

มันเหนื่อยมาก เสียเงินเยอะมาก เบนหมดเป็นแสนๆกับระยะเวลาประมาณ 6 เดือน เหนื่อยกาย เหนื่อยใจ


แฟนเบนพอเนื่อยแล้วเริ่มเหวี่ยง พูดจาบางทีทำร้ายจิตใจ แต่เค้าไม่ได้บ่นเรื่องพาหมามานะคะ เค้ายอมเค้ารักของเค้า


แต่เบนไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาบ่น มาพูดจาทำร้ายจิตใจกันด้วย  เค้าโกธรและเหวี่ยงมาก


เช่นเรื่องไม่ใช่เรื่อง อย่างที่ไม่โทรไปปลุกจนเค้าตื่นสายไปทำงานไม่ทัน

ปกติเราไม่เคยโทรปลุกกันอยุ่แล้ว เพราะอยุ่คนละที่ แค่จะบอกว่าถึงที่ทำงานแล้วนะ โดยการส่งแมสเซสไป

เบนงงมาก แต่ก็ไม่ว่าไร


เค้าเป็นแฟนที่ดีมากมาตลอด แต่อารมณ์ตอนนั้น มันคงแย่ทั้งกายทั้งใจ เรายื้อกันมานาน จนสุดท้ายสุนัขของเราก็ไม่รอด เค้าจากไปอย่างสงบ  เบนร้องไห้แทบบ้า แต่พอทุกอย่างผ่านไป เบนกับเค้าก็กลับมาเหมือนเดิม


มันเป็นอารมณ์ช่วงนั้นจริงๆค่ะ ทุกอย่างมันดิ้งมาก ลงเหวสุดๆ ถ้าตอนนั้นเบนไม่อดทนแล้วผ่านมันไป คงทะเลาะแล้วเลิกกันไปแล้ว





เบนอึดอัดค่ะ ไม่เคยเล่าให้ใครฟังเลย แฟนเบนก็ไม่ได้บอก   แต่มันเป็นเรื่องที่ติดค้างในใจจริงๆ แม้มันจะผ่านมาสักพักใหญ่แล้วก็ตาม

ออฟไลน์ MamyPoko

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.54] pg.133 -- 10/9/60
«ตอบ #4028 เมื่อ19-09-2017 14:49:14 »

ชอบอ่ะ พี่กุนต์น่ารักเต็มๆ :z13: น้องอ้น กะ น้องอุ้ม ก็น่ารัก ว่าแต่เรื่องราว ดราม่าจัง กว่าจะรักกันได้

ออฟไลน์ nigiri-sushi

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1165/-8
    • Nigiri-Sushi Page
Re: Sins : Greed -- [Ch.55-56] pg.135 -- 24/9/60
«ตอบ #4029 เมื่อ24-09-2017 16:55:32 »





Chapter 55




สอบปฏิบัติวันสุดท้าย อินทัชกลับมาด้วยใบหน้าบวมช้ำ วันนี้กนธีไม่ได้ออกไปหาลูกค้า พอเห็นน้องเข้ามาในสภาพนั้นก็ตกใจ
   
“เกิดอะไรขึ้น” เขาเดินไปหา จับหน้าน้องให้เงย
   
อินทัชหันหลบ ซีกหน้าข้างหนึ่งบวมร้อนเหมือนจะปริแตกได้ เขาถอดรองเท้าออก สวัสดี ‘พี่ชายร่วมห้อง’ “แค่หลบลูกบาสไม่ทันเท่านั้นแหละครับ”
   
ปกติแล้วเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้อย่างมาก อินทัชเป็นคนว่องไว และไม่ว่าจะกีฬาประเภทไหนก็เก่งจนเพื่อนๆยอมให้ ยิ่งกับการสอบ ไม่น่าจะพลาด
   
“ผมเหม่อไปหน่อย” เขาหัวเราะหึ “เมื่อคืนก็ไม่ได้นอนเลย”
   
เพราะประโยคนั้น ‘ให้พวกเรา..หยุดกันไว้แค่นี้’
   
กนธีเป็นกังวล เขาให้น้องไปล้างหน้าล้างตาแล้วมาทำแผล
   
“ผมทำเองได้ครับ ไม่เป็นไร” เขาเซื่องซึม “ของแค่นี้..ไกลหัวใจเยอะ”
   
“โอ๊ตครับ..อย่าดื้อได้ไหม” คนอายุมากกว่าขอร้อง
   
“ผมไม่ได้ดื้อ..ก็แค่ตอนนี้รู้สึกเจ็บมากเท่านั้น” อินทัชตัดพ้อ “ผมไม่รู้ว่าพี่จะเข้าใจผมได้ไหม ในเมื่อตอนนี้สิ่งที่พวกเราคิดมันสวนทางกันไปหมด”
   
“โอ๊ต..พี่ขอโทษ” เขาละอายใจ “ที่จริงพี่ไม่ควรพูดในช่วงที่เราจะสอบ”
   
“ไม่ว่าตอนไหนมันก็เหมือนกันอยู่ดี..เพราะพี่อยากจะเลิกกับผม”
   
กนธีเดินตามไปที่ห้องนอนของพวกเขา อ้นกับอุ้มกำลังนอนกลางวัน เขาไม่อยากส่งเสียงให้เด็กๆตื่นขึ้นมา เมื่อคืนที่คุยไม่มีการทะเลาะ แต่ก็ไม่ได้ขยายความนอกเหนือไปจากประโยคสั้นๆที่เขาบอก เพราะอินทัชหุนหันออกไป ไม่รับฟัง ปิดการรับรู้ทุกอย่าง เขาเลยให้น้องใจเย็นลงก่อน
   
อินทัชนั่งลงปลายเตียง ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตรงที่บวมแดง
   
“ให้พี่ทำให้เถอะนะ” กนธีขอ ดึงผ้าไปจากมืออีกฝ่าย
   
เด็กหนุ่มยอมปล่อย ดวงตาทั้งคู่จับจ้องใบหน้าได้รูปด้วยความเศร้าซึม เขาไม่รู้ว่าอะไรเจ็บปวดกว่ากัน ระหว่างเลิกร้างแล้วทำเหมือนคนแปลกหน้า กับยังใกล้ชิดกัน แต่มีกำแพงกั้นความสัมพันธ์ให้กลายเป็นอย่างอื่นแทน
   
..แต่ไม่ว่าจะแบบไหน เขาก็สงบนิ่งเหมือนที่พี่กุนต์ทำไม่ได้..
   
“พี่คิดอะไรอยู่กันแน่” เขาถามอย่างหมดแรง “ในใจพี่ตอนนี้คิดอะไร”
   
กนธีเงียบกริบ ค่อยๆเช็ดหน้าให้แล้วผละไปเอาแผ่นเจลมาประคบ
   
“พี่ไม่รู้สึกอะไรจริงๆหรือ..ทั้งที่ใกล้กันขนาดนี้”
   
เขามองน้อง เกลี่ยเส้นผมที่ตกระหน้าผากออกให้
   
“รู้สึกสิ” กนธีวางผ้าลงบนโต๊ะ “รู้สึกชัดเจน..ทั้งความสุข ความทุกข์ ความกลัว ความระแวง ความผิดหวัง ความน้อยใจ เสียใจ ทุกอย่างที่ผ่านมา..”
   
อินทัชนั่งเงียบ เขาเข้าใจว่าพี่กุนต์รอเขามานาน และถ้าไม่เกิดเรื่องพวกนั้น พี่กุนต์ก็คงจะยังรอต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
   
ใจคนรอท้อถอยได้อยู่แล้ว เมื่อถูกทำร้ายความรู้สึกก็คิดหยุดขึ้นมา
   
“พี่มันขี้ขลาด..โอ๊ต” เขามองน้อง “พี่อาจจะรักและรอเราได้ แต่พี่ก็มีขีดจำกัดของพี่มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ถ้าพี่ไม่ไหว..พี่จะพอ”
   
“โดยไม่บอกให้ผมรู้ตัว ไม่ยอมให้ผมแก้ตัวสักนิดเลยหรือ” เขาเสียใจ “สุดท้าย..ที่พี่เตือนผมไว้ก็เกิดขึ้นจริง ความรักของพี่มันคงจะเริ่มต้นที่ร้อยแล้วติดลบลงมา แต่กับผม..ถึงมันจะเริ่มจากศูนย์ แต่รู้ไหมว่ามันกำลังมากขึ้นทุกวัน”
   
กนธีหลบสายตา “ถ้าเรากลับมาเป็นเหมือนก่อนหน้า เป็นเพื่อน เป็นพี่น้องที่ไม่คาดหวังอะไรจากกัน พี่ว่ามันคงมีความสุขกว่า โอ๊ตเองก็ไม่จำเป็นต้องดูแลพี่อีกแล้ว” เขาพึมพำ “ขอโทษที่พี่เป็นคนเริ่ม ทั้งสัญญา ทั้งกฎงี่เง่านั่น..”
   
อินทัชหัวเราะ แต่ดวงตาของเขากลับมีหยดน้ำไหลลง
   
“โอ๊ต..” เขาดึงตัวน้องมากอดปลอบ เด็กหนุ่มยอมโอนอ่อนตามคล้ายคนหมดแรงใจ “ถึงเราจะไม่ได้เกี่ยวข้องกันแบบนั้น แต่พี่ก็ยังอยู่กับพวกเรานะ”
   
อินทัชขบกรามแน่น น้ำตาไหลเงียบเชียบจนชุ่มเสื้ออีกฝ่าย

เขาอยากถามว่าพี่กุนต์ใจแข็งขนาดนี้ได้อย่างไรกัน แต่เขาก็ต้องถามตัวเองด้วย ว่าก่อนหน้านี้ เขาใจแข็งกับอีกฝ่ายมานานแค่ไหนแล้ว

“ไม่ต้องห่วงคนดี” เขาลูบผมน้อง “พี่สัญญา..พี่ยังดูแล ยังรับผิดชอบพวกเราทุกคนอย่างเดิม ทุกคนเป็นน้องชายที่พี่รัก เรายังเป็นครอบครัวเดียวกัน” 
   
“ผมไม่ห่วงหรอกว่าพี่จะยังดูแลพวกผมไหม ผมไม่ต้องการอะไรจากพี่สักอย่าง เงินสักบาทก็ไม่อยากได้” อินทัชผละออกห่าง “ผมต้องการแค่ความรักของพี่..ความรักในแบบคู่ชีวิต พี่ให้ผมได้ไหมครับ”
   
กนธีไม่ตอบ มีเพียงแววตาที่ไหวสั่น
   
อินทัชหัวเราะหึ “อะไรที่ทำให้พี่เอาคำว่ารักของพี่คืน..คุณไผทใช่ไหม”
   
“ไม่เกี่ยวกับเขา” ชายหนุ่มตอบทันที “ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีโอ๊ต พี่ก็ไม่คิดจะคบหากับคุณไท เขาเป็นแค่เพื่อน เป็นหุ้นส่วน คนบางคนเกิดมา ไม่ว่าจะดีแค่ไหนก็เป็นได้แค่เพื่อนกัน และถ้าพี่ไม่ได้รัก ก็ไม่มีทางเกินเลยไปมากกว่านี้”
   
“ถ้าไม่เกี่ยวกับคนนอก แล้วทำไมพี่จะให้โอกาสผมไม่ได้ หรือว่าพี่กลัว”
   
กนธีหลบหน้า ใช่..ลึกๆแล้ว เขากำลังกลัว “ถ้าเราไปกันต่อ มันอาจจะยิ่งแย่ลง แต่ถ้าหยุดในตอนที่ยังรู้สึกดีต่อกัน เราก็ยังเป็นพี่น้องกันได้”
   
“พี่น้องที่ไหนมีอะไรกันได้เป็นปี” อินทัชไม่อยากรับคำอ้างที่ว่า “พี่บอกผมเลยดีกว่าว่าพี่รับตัวตนผมไม่ได้ รับข้อเสียผมไม่ได้และไม่คิดจะทน”
   
“ถ้าเราต้องฝืนกันทั้งคู่..” กนธีถาม “แล้วเราจะดำเนินต่อทำไม”
   
“มันต้องฝืนทนเลยหรือ” เด็กหนุ่มถามอย่างเสียใจ “เรามาคุยกัน ปรับความเข้าใจกัน มาช่วยกันทำให้ความสัมพันธ์นี้ไปรอดไม่ได้หรือไง ของเสียหาย พี่จะไม่ยอมซ่อมมันหรือครับ คิดจะโยนทิ้งอย่างเดียวเลยใช่ไหม”
   
กนธีไม่ตอบคำถามของน้อง ทำได้เพียงนั่งนิ่งเฉย
   
“พี่จะเอายังไงกับผม” อินทัชถาม “จะเลิกกันไปเลย เก็บข้าวของออกไปจากชีวิตพี่ หรือจะให้ห่างออกมา รอเวลาให้คิดได้แล้วค่อยกลับมาเริ่มกันใหม่”
   
“พี่ไม่ได้อยากให้โอ๊ตออกไปจากชีวิตพี่” เขาตอบ “ก็แค่..ถอยออกจากความสัมพันธ์ที่มันเกินเลยต่อกัน ต่างคน..ต่างใช้ชีวิตกันไป”
   
“แล้วอนุญาตให้ผมมีคนใหม่ได้ไหม” เขาถามประชด
   
กนธีเงยหน้ามอง จากนั้นถึงได้หลบสายตาลง “พี่..คืนอิสระให้โอ๊ต ถ้าเราจะมีคนรักคนใหม่..พี่ก็เข้าใจ ถือว่าพี่ถอยออกมาจากที่ของพี่แล้ว”
   
อินทัชส่งเสียงหึในลำคอ เขาไม่เข้าใจกนธี อย่างไรก็ไม่เข้าใจ
   
“หากว่าวันไหนมีโอกาสเริ่มต้นใหม่ ได้เจอคนที่รัก เจอคนที่เหมาะสมกว่า โอ๊ตก็ไปได้เลย ไม่ต้องห่วงพี่ ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น”
   
เขาน้อยใจจนเจ็บหน่วงในอก กนธีตัดใจจากเขาได้ง่ายดายเหลือเกิน
   
“ใครกันล่ะที่พี่คิดว่าเหมาะสมกับผม? แขกที่มาซื้อตัวผมหรือ”
   
“โอ๊ต..” กนธีมองอย่างขอร้อง “พี่ไม่อยากทะเลาะด้วยนะ เรานั่งคุยกันด้วยเหตุผลได้ไหม ในเมื่อโอ๊ตถาม พี่ก็ตอบ วางอารมณ์ลงก่อนได้หรือเปล่า”
   
อินทัชยอมรับว่าเขาใช้อารมณ์ประชดประชัน แต่จะให้เขานั่งเปิดใจคุยกัน ตัดความรู้สึกทิ้งแล้วพูดมาด้วยสีหน้าราบเรียบเหมือนพี่กุนต์ เขาทำไม่ได้
   
..ความรักของเรามันสวนทางกัน..คนเจ็บ..คือคนที่รักมากกว่า..
   
“พี่ไม่ได้ตั้งใจทำให้เราคิดเรื่องแขกพวกนั้น” กนธีอธิบาย “พี่แค่อยากจะพูดถึง..คนที่อยู่ในใจเรามาตลอด..” เขาเงยหน้ามอง “ปาลิน” 
   
อินทัชนิ่งอึ้ง ตกใจยิ่งกว่าอะไร “พี่รู้?”
   
“คนที่เป็นเหมือนเงา..คนที่จะรักแม้ว่าเขาจะไม่ให้อะไร” กนธีจำได้
   
“พี่กุนต์..”
   
“ลืมไปแล้วหรือไง..เขาคนนั้นที่ให้ห้าร้อย ส่วนพี่ก็ให้ได้ห้าพัน..แม้ว่าเราจะไม่ได้ตั้งใจเปรียบเทียบ” กนธียิ้ม “ความรักที่ไม่ต้องสมบูรณ์แบบ จะบกพร่อง คลอนแคลนก็ไม่เป็นไร เพราะเราจะเว้าแหว่งไปด้วยกัน แค่ไม่ปล่อยมือกันก็พอ”
   
อินทัชพูดไม่ออก คำทั้งหมดย้อนกลับมากรีดหัวใจ “พี่รู้ตั้งแต่เมื่อไร..” 
   
“สำคัญด้วยหรือ” เขายกมือขึ้นปัดผ่าน “ตั้งแต่ที่ไปปากช่องนั่นแหละ แต่พี่ไม่ได้จะต่อว่า ถึงก่อนหน้าจะเจ็บในอกเหมือนถูกบีบแค่ไหนก็เถอะ”
   
“ผม..” เขาอ้ำอึ้ง
   
“พี่พูดถูกใช่ไหม” กนธีถาม “เรา..รักปาลิน”
   
อินทัชเงียบกริบ อับจนคำตอบ แต่ในเมื่อถามกันตรงๆ เขาก็กล้าบอก
   
“ใช่..คนที่ผมชอบมาตลอดคือสน” เขาพูด “แต่มันจบไปแล้ว ผมเลิกรู้สึกกับเขาตั้งแต่รู้ตัวว่ารักพี่ แล้วทำไมสนถึงมาเกี่ยวกับเรื่องของเราสองคนได้”
   
“เพราะว่าพี่รู้สึก..ว่าปาลินสำคัญกับเราจริงๆ และสำคัญมากกว่าพี่”
   
อินทัชชะงัก “พี่เอาอะไรมาพูด”
   
“เราอาจจะไม่รู้ตัวว่าทุกครั้งเราเลือกที่จะทำดีกับเขาทุกอย่าง ในขณะที่กับพี่..โอ๊ตมีทางเลือกที่จะแสดงออกให้ดีเหมือนกันก็ได้ แต่เรากลับไม่ทำ”
   
เขานิ่งไป ถึงจะอยากแย้งแค่ไหน แต่มันคือความจริง
   
“พี่เข้าใจว่าโอ๊ตไม่พอใจนิสัยพี่หลายอย่าง พี่เข้าใจว่าในช่วงที่คุณยายไม่สบาย โอ๊ตหงุดหงิด ทำอะไรไม่ถูก พี่ไม่ได้บอกว่าโกรธไม่ได้ แต่พี่ไม่รู้ว่าทำไมโอ๊ตถึงเอาอารมณ์นั้นมาลงที่พี่..เพราะว่าพี่เป็นคนใกล้ตัวกว่าอย่างนั้นหรือ”
   
“ผม..” เขาพูดไม่ออกจริงๆ
   
“กับน้องสน..โอ๊ตเข้าใจเขาทุกอย่าง รู้ว่าเขาคิดยังไง แต่กับพี่..โอ๊ตกลับไม่มองความในใจที่พี่มีให้ ไม่มองความหวังดี ไม่มองความรู้สึก ความทุ่มเทของพี่ที่มีให้เรา พี่เองเป็นแค่คนคนหนึ่ง..รัก โลภ โกรธ หลง เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับอีกคนได้ ถ้าคนของเราแสดงท่าทีออกมาให้เราคิด”
   
กนธีพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขาไม่ได้ต่อว่า ก็แค่เล่าให้ฟัง
   
“รู้ไหมว่าทุกครั้งที่มีเรื่องแบบนี้..พี่เกลียดตัวเองที่คิดมาก ไม่ชอบที่ใจคับแคบ และพี่ก็ไม่อยากรู้สึกแย่กับตัวเองไปมากกว่านี้อีกแล้ว”
   
อินทัชรู้สึกหัวใจถูกถ่วงจนหนักอึ้ง เขายอมรับผิดทุกอย่าง
   
“ผมขอโทษที่หงุดหงิดใส่ ผมยอมรับ หลายครั้งผมคาดหวังกับพี่มากไป หลายครั้งผมเอาแต่ใจ ทำอะไรด้วยอารมณ์ เพราะคิดว่าพี่เป็นคนใกล้ตัว เป็นคนในครอบครัวผม” เขาถึงเผลอมั่นใจ ว่าต่อให้ทำตัวแย่แค่ไหน อีกฝ่ายก็ไม่ทิ้งเรา 
   
“พี่เข้าใจ” กนธีไม่ถือโทษ “แต่ก็ยอมรับว่าเสียใจ เพราะถ้าเราวางพี่ไว้เป็นคนในอย่างที่พูดจริงๆ วันนั้นเราคงเปิดใจให้พี่มากกว่านี้ใช่ไหม”
   
“ผม..” ใช่..เขามองข้ามความรู้สึกกนธีอย่างไม่น่าให้อภัย

“พี่ไม่ได้จะรื้อฟื้นขึ้นมาตำหนิ เพียงแต่เล่าในส่วนของพี่ แล้วก็แค่อยากให้โอ๊ตลองคิดดูอีกสักเรื่อง..” เขาพูด “กับคนในครอบครัว พอโกรธขึ้นมา จะต่อว่า พูดให้เจ็บช้ำใจยังไงก็ได้อย่างนั้นหรือ ไม่ใช่ว่าคนในครอบครัว ควรเป็นคนที่เราจะรัก ถนอมน้ำใจ และให้เกียรติที่สุดหรือ..หรือเห็นว่าเป็นคนกันเอง จะพูดยังไงก็ได้ คงไม่ถอดใจ ไม่หายไปไหนอย่างนั้นหรือ”
   
อินทัชร้องไห้ เขาคุกเข่าลงตรงหน้าพี่กุนต์ “ผมขอโทษ..”
   
“พี่ไม่ได้โกรธโอ๊ตเลย” กนธีก้มลงกอดน้อง “พี่แค่ขี้ขลาดและเห็นแก่ตัว”
   
เขาเงยหน้ามอง พี่กุนต์เช็ดน้ำตาให้แผ่วเบา
   
“พี่ขอเวลาสำหรับรักตัวเองบ้างได้ไหม” กนธีถาม “พี่คนนี้..ก็เสียใจเป็น เหนื่อยและท้อเป็น การหมดแรงใจมันมากกว่าหมดแรงกาย..เรารู้บ้างไหม”
   
“พี่กุนต์..” เขามองอย่างเจ็บปวด

“พี่อยากอยู่กับความรู้สึกดีๆทั้งกับตัวเองและกับโอ๊ต ไม่อยากเต็มไปด้วยอารมณ์ทางลบมากไปกว่านี้” กนธีรู้สึกว่าเขามาถึงเส้นที่ขีดไว้แล้ว “พี่ไม่อยากมองโอ๊ตในแง่ลบแม้แต่การเริ่มต้น ถ้าไม่เข้าใจกัน หยุดทุกอย่างตอนนี้ก็เป็นทางที่ดีกว่า..มันไม่มีอะไรรับรองได้ว่าพวกเราจะไม่ทำร้ายความรู้สึกกันซ้ำๆ”

เขาเห็นแก่ตัว หนีปัญหา รักตัวเอง ส่วนน้องยังเด็ก ยังไม่พร้อมกับการรับรู้ว่าความรักจะต้องประกอบไปด้วยอะไร และเพราะว่าเขาไม่คาดหวัง เขาถึงได้ไม่บอกให้อินทัชปฏิบัติตัวอย่างไร ของแบบนี้เมื่อถึงเวลา น้องจะรู้ได้เอง

“หยุดตอนที่ยังรัก ดีกว่าหยุดตอนที่รักน้อยลงไม่ใช่หรือ”

อินทัชหันหนี ซ่อนน้ำตาที่ไหล “คำว่ารักของผมมันไม่มากพอให้เราไปด้วยกันต่อเลยหรือครับ” เขามองอย่างขอร้อง “ผมไม่ได้ชอบ ไม่ได้รักสนอีกแล้ว ผมมีแต่พี่คนเดียว หลังจากนี้ก็จะรักพี่คนเดียว..พี่ให้โอกาสผมอีกครั้งได้ไหม”

“คำว่ารัก..มันไม่พอหรอกโอ๊ต ถ้าเป็นแต่ก่อนก็คงใช่ พี่ยอมได้ทุกอย่างเพื่อให้โอ๊ตพูดคำนี้” กนธีมองคนตรงหน้า ดวงตาพร่าเลือน “แต่ตอนนี้ ทุกอย่างที่เกิดมันทำให้พี่ได้คิด..ว่าพี่โลภเกินกว่าจะพอใจกับแค่คำๆเดียวแล้ว”

“พี่อยากได้อะไร ผมจะพยายาม” เขาไม่เคยมีความรักที่จริงจัง ไม่เคยคบหากับใคร ไม่มีแม้แต่ตัวแบบให้จดจำ ไม่มีความศรัทธาในรักมาก่อน

..แต่พี่กุนต์เป็นคนแรกที่สอนเขาในทุกๆเรื่อง..

..พี่จะไม่ให้อภัยคนโง่เขลาคนนี้ของพี่เลยหรือ..

“ไว้วางใจ ให้เกียรติ เคารพอีกฝ่าย เชื่อมั่นกันและกัน มั่นคง หนักแน่น จริงใจ ซื่อสัตย์ ยอมลงให้กัน” กนธีตอบ “เข้าใจ เอาใจเขามาใส่ใจเรา คิดถึงใจกัน รักษาน้ำใจ ให้ความสำคัญต่อกัน เพราะคำว่า ‘ครอบครัว’ เป็นคำศักดิ์สิทธิ์สำหรับพี่ ไม่ใช่คำอนุญาตให้มองข้ามความรู้สึกกันทั้งที่หลีกเลี่ยงมันได้” 

เขามองหน้าอีกฝ่าย “พี่เรียกร้องขนาดนี้..เราสองคนจะให้กันได้ไหม”

..คำตอบก็คือ..ไม่แน่ใจเลย..

“มันเกินขอบเขตของวัยเราที่จะให้พี่ได้ และตัวพี่เองก็ยังนิ่งไม่พอ ยังมั่นคงไม่มากพอที่จะให้โอ๊ตได้ทุกเรื่องเหมือนกัน พี่ถึงคิดว่า..เราควรถอยออกมา หยุดยืนอยู่ในจุดที่ไม่คาดหวังต่อกันจะดีกว่า”

อินทัชเสียใจยิ่งกว่าอะไร “แล้วถ้าผมโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้มากกว่านี้..ถ้าผมจะขอกลับมาหา พี่จะยังยินดีต้อนรับผมหรือเปล่า”

“อย่าพูดอะไรที่จะผูกมัดตัวเองดีไหม” กนธีตอบ “อนาคตเป็นเรื่องของอนาคต รู้ไว้แค่ว่า..พี่ไม่ได้รังเกียจ ไม่ได้เกลียดหรือปิดทางของโอ๊ต”

“หมายความว่าพี่ยอม..”

“ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ก็แล้วกัน”

อินทัชหลับตานิ่ง ที่จริงแล้ว เขาคิดว่าเขายังดิ้นรนต่อได้ ยังพอบีบคั้น ขอร้อง กดดัน อ้างเหตุผลต่างๆนานา แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำไปเพื่ออะไร

..ถ้าพี่กุนต์จะตัดใจ ให้เขารั้งอย่างไรหรือ..

“แล้วหลังจากนี้จะทำยังไง” เด็กหนุ่มถามเสียงพร่า “เราคงอยู่ด้วยกันไม่ได้ใช่ไหม ที่นี่เป็นที่ของพี่..สำหรับคนสำคัญของพี่ แต่ผม..ไม่ใช่”

“เรายังอยู่ด้วยกันได้ ดูแลกันได้เหมือนพี่น้อง พี่ไม่ได้จะให้โอ๊ตออกไป”

“ขอร้องเถอะครับ” เขาลุกขึ้นยืนหันหลัง เรียกความเข้มแข็งของตัวเองกลับมา “พี่ทำได้ แต่ผมทำไม่ได้หรอก ให้เห็นหน้าพี่ทุกวัน เห็นเมียผมทุกวัน แต่จะบังคับไม่ให้รู้สึกอะไรเลย..มันเป็นไปได้หรือไง”

กนธีนิ่งเงียบ เขารู้ว่าเขาเรียกร้องมากไปที่จะตัดความสัมพันธ์แต่ก็ยังจะดึงรั้งให้ทุกคนอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม

“แล้วผมก็ไม่รับปาก ว่าถ้าเห็นผู้ชายคนใหม่ของพี่ ผมจะแสร้งทำตัวเป็นน้องชายที่แสนดีของพี่ได้” เขาพูดอย่างเจ็บปวด “ผมขอออกไปเองแล้วกัน”

“โอ๊ต..” กนธีไม่ได้หวังให้ออกมาในรูปแบบนี้ “ออกไปข้างนอกแล้วเราจะอยู่กันยังไง อ้นกับอุ้มล่ะ น้องจะอยู่ได้ยังไง..พี่ยอมไม่ได้”

“ก่อนหน้าที่จะเจอพี่กุนต์ พวกเราก็อยู่กันได้ ไม่เป็นไรครับ”

“ไม่ได้..พี่ให้เรื่องนี้ไม่ได้” เขากังวลขึ้นมาทันที

“ถ้าพี่จะเลือกตัดอะไรบางอย่างออกไป มันก็ต้องมีเรื่องอื่นตามมา พี่ควบคุมทุกอย่างไม่ได้หรอกครับ และผมก็คงให้อ้นกับอุ้มแยกจากผมไม่ได้ด้วย”

“โอ๊ตกับน้องๆอยู่กันที่นี่ได้” กนธีเสนอ “พี่ยกห้องให้ คอนโดที่ชิดลมกับรถคันนั้น พี่ตั้งใจจะให้พวกเราอยู่แล้ว..ขอแค่อยู่ในสายตาพี่ก็พอ”

อินทัชส่ายหัว ยิ้มระอา “คอนโด รถ เงินสด มีอะไรจะให้อีกไหมครับ”

“ที่จริง..พี่คิดไว้ในใจเรื่องหุ้นส่วนร้านอาหารที่ทำกับคุณไท” เขาบอก “พี่อยากให้เราไว้เป็นทุนส่วนตัว อย่างน้อยก็เป็นการขอบคุณที่ดูแลพี่อย่างดี”

เด็กหนุ่มหัวเราะด้วยความปวดร้าว น้ำตาไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่

“ผมเข้าใจว่าการให้ในครั้งนี้ เป็นเพราะพี่หวังดีกับพวกผม พี่เป็นห่วงและรักพวกเรามาตลอด แต่ผมจะบอกอะไรให้..” อินทัชมองอีกฝ่าย “ผมอาจจะไม่ค่อยเข้าใจว่าคำว่ารักสำหรับพี่มันต้องมีอะไรมากมาย แต่สำหรับผมแล้ว..การแลกเปลี่ยนความรักกัน เงินและทรัพย์สิน มันไม่ใช่คำตอบสุดท้าย”

กนธีนิ่งเงียบ ทุกคำของน้องกรีดใจเขาจนปวดแปลบ

“ที่ผมเจ็บในวันนี้ ก็เพราะผมพยายามยื่นความจริงใจไป แต่หลายครั้งพี่ก็ไม่ได้รับฟัง พี่บอกว่าพี่เป็นผู้ใหญ่ พร้อมจะให้มากกว่า แต่ในเมื่อพี่ไม่เลิกให้สักที แล้ววันไหนล่ะครับ..พี่ถึงจะรู้ได้ชัดเจนว่าใครรักพี่จากหัวใจ”

น้ำตาของคนฟังร่วงหล่นโดยไร้เสียง

“ผมขอโทษที่พูดไม่ดี แต่รับรองว่าผมรู้ว่าพี่ทำไปเพื่อพวกเรา” อินทัชบอก “และเพราะว่าผมรักพี่ทั้งหัวใจ ผมถึงกล้าที่จะปฏิเสธของที่พี่ให้”

“โอ๊ต..”

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ถึงผมไม่รับปากว่าจะอยู่ที่นี่ต่อ แต่ผมยังไม่พาน้องไปไหนเร็วๆนี้แน่ คงต้องรบกวนพี่อีกสักพัก” 

อาทิตย์หน้า เขาได้ฤกษ์บวชมาจากหลวงพ่อที่วัด ที่จริงพอจะสงบใจได้บ้างแล้ว แต่เรื่องนี้ทำให้เขาอยู่ไม่นิ่ง จำเป็นต้องห่างกันเพื่อตั้งสมาธิใหม่

“บางที..ถ้ากลับมา ผมว่าเราคงคิดอะไรได้ดีขึ้น”

“ถ้าอย่างนั้นพี่ขอให้เป็นครั้งนี้ได้ไหม” กนธีรั้งเอาไว้ “พี่ขอเป็นฝ่ายไป แล้วถ้าโอ๊ตกลับมา โอ๊ตยังยืนยันที่จะไปอยู่ด้วยตัวเอง พี่ก็จะยอม”

อินทัชรับฟังเมื่อพี่กุนต์มองเขาอย่างขอร้อง

..คำว่ารัก ก็คือการยอมลงให้อีกฝ่ายไม่ใช่หรือ..

..พบกันคนละครึ่งทาง..เขาคิดว่าพอจะเข้าใจอะไรได้เลาๆ..

“ขอบคุณนะ” กนธียิ้มให้ด้วยความหม่นหมอง เขาลุกขึ้นยืน ก้าวเข้าหา

เพียงชั่วระยะเวลาเกือบปีที่อยู่ด้วยกัน อินทัชเติบโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เขาแทบไม่เคยสังเกตมาก่อนว่าแผ่นหลังที่เขากำลังจะถอยห่างออกไปนั้น ดูสูงตระหง่าน กว้างใหญ่ และแข็งแกร่งมากแค่ไหน

แต่ในเสี้ยววินาทีหนึ่ง ช่วงไหล่ที่มั่นคงกลับห่อลู่ลงคล้ายกับคนสิ้นหวัง หากเพียงแค่กะพริบตา ทุกอย่างก็กลับเป็นปกติ

กนธีชะงักฝ่ามือที่เอื้อมไปหาเมื่อน้องเป็นฝ่ายเดินเลี่ยงหนีไป อึดใจนั้นในอกของเขาวูบโหวง ไออุ่นร้อนที่แผ่กระจายโอบล้อมกันเวลาที่ฝ่ายนั้นคอยอยู่เคียงข้างพลันห่างหาย มันคือความหนาวเยือกของการอยู่ตามลำพัง

..แต่เขาเป็นคนเลือกเอง..เขาถึงต้องยอมรับในการตัดสินใจของตน..

ชายหนุ่มถอนหายใจ ไม่ได้พูดคุยอะไรอีกเมื่อออกมาข้างนอก อินทัชไม่ได้หันมอง เขาเลยเดินเงียบๆไปที่ห้องนอนของอ้นกับอุ้ม

เด็กๆนอนหลับไม่รู้เรื่อง แต่น้องอ้นเป็นฝ่ายปรือตามองขึ้นก่อนตอนที่เขาก้มลงจูบหน้าผาก น้องยิ้มให้ตาปิด ยกสองมือขึ้นจับแก้มเขา

“พี่กุนต์~” อ้นดึงหลังมือของพี่ชายที่แสนดีมาแนบแก้ม

“ว่าไงสุดหล่อ” กนธียิ้มให้ ลูบผมน้องอย่างรักใคร่เอ็นดู เขาค่อยๆนั่งลงข้างเตียง หอมแก้มซ้ายขวาของอ้น “ลูกชายครับ..ฟังพี่นะ”

อ้นเอียงคอมองด้วยความสงสัย นิ้วเล็กเอื้อมแตะเปลือกตาอีกฝ่าย

“พี่กุนต์ร้องไห้หรือครับ ไม่สบายหรือเปล่า”

“เปล่าลูก พี่สบายดี” กนธีลูบผมน้องแผ่วเบา “พี่แค่จะมาบอกอ้นว่า อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ พี่จะไปทำงานต่างจังหวัด คงไม่ได้อยู่ด้วยนะครับ”

อ้นมีสีหน้าหงอยเหงา “อ้นไปด้วยไม่ได้หรือครับ”

“อ้นอยู่กับน้องอุ้มกับพี่โอ๊ตก่อนนะครับ พอพี่กลับมา พี่สัญญาว่าจะพาพวกหนูไปเที่ยว อยากไปไหนจะพาไปหมดเลย ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเยอะๆ”

“เย้~ สัญญากับอ้นแล้วนะ” เด็กชายชูนิ้วก้อยมาเกี่ยว

กนธียิ้มรับ มีเสียงกรนเบาๆจากน้องอุ้มที่นอนพุงป่อง น้องละเมอเสียงงึมงำในคอ จากนั้นก็พลิกตัวหาพี่ชาย คว้าแขนมานอนก่ายไว้เหมือนหมอนข้าง

เขาก้มลงหอมแก้มน้องอุ้ม “ฝากบอกหมูอ้วนให้พี่ด้วยนะครับ”

“อ้นกับน้องอุ้มจะเป็นเด็กดีรอพี่กุนต์กลับมา” น้องพูดอย่างหนักแน่น

กนธีพยักหน้า เขารักทุกคนเหลือเกิน อยากอยู่ด้วยกันทั้งสี่คนเหมือนที่คิดหวัง แต่เขาเรียกร้องมากเกินไป เป็นอย่างที่อินทัชบอก ถ้าเลือกจะตัดอย่างใดอย่างหนึ่ง เขาจะต้องเสียสิ่งอื่นตามมา ไม่มีอะไรที่ควบคุมได้ดั่งใจ

“พี่ไปแล้วนะ” เขาบอก “อย่าดื้ออย่าซนนะลูก เดี๋ยวพี่ก็มา”

“พี่กุนต์ครับ..อ้นให้นี่” อ้นลุกขึ้นนั่ง ทำมือกลมๆแถวหัวใจแล้วส่งก้อนอากาศไปให้ผู้ใหญ่ตรงหน้า “ความรักของอ้น..พี่กุนต์จะได้เดินทางปลอดภัย”

กนธีกลั้นน้ำตาขณะกอดน้องไว้แนบอก ห่วงหาและหวงแหนคนทุกคน

ถ้าอยากได้อะไรไว้สักอย่าง เขาก็ต้องกล้าเสี่ยงกับอนาคต เพราะหากเดินต่อ ไม่มีใครบอกได้ว่าจะสุขหรือทุกข์มากกว่า มันคือความไม่แน่นอน

แต่ถ้าคิดอยากจะห่อหุ้มหัวใจเอาไว้ในเปลือกไข่ หวาดกลัวกับการปริแตกแม้เพียงน้อยนิด เขาก็คงจะต้องซุกซ่อนความรู้สึกเอาไว้ในนั้นตลอดไป

เรื่องดีมีเพียงอย่างเดียว คือไม่มีใครจะมาทำร้ายจิตใจเขาได้ทั้งนั้น

สุดท้าย ทุกคนมีสิทธิ์เลือกหนทางของตัวเอง เลือกตามความรู้สึกและจิตใจของตนเอง แต่ที่สำคัญ..ต้องกล้าที่จะยอมรับผลที่ตามมา

..แล้วเขา..เลือกทางที่ถูกต้องหรือยัง..




………………………...........................…………………………….





[ต่อด้านล่าง]



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2017 17:01:55 โดย nigiri-sushi »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Sins : Greed -- [Ch.55-56] pg.135 -- 24/9/60
« ตอบ #4029 เมื่อ: 24-09-2017 16:55:32 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nigiri-sushi

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1165/-8
    • Nigiri-Sushi Page
Re: Sins : Greed -- [Ch.55-56] pg.135 -- 24/9/60
«ตอบ #4030 เมื่อ24-09-2017 16:55:56 »





สามวันแล้วที่กนธีไม่อยู่ เวลาเพียงแค่ไม่นาน แต่ใครบางคนกลับรู้สึกว่าแต่ละช่วงมันผ่านไปอย่างเชื่องช้า เต็มไปด้วยความอ้างว้างของการอยู่ตามลำพัง
   
อินทัชนั่งเหม่ออยู่ในห้องรับแขก บนโซฟาน้องๆกำลังนอนกลางวัน เขาเพิ่งจะทำความสะอาดห้องและเก็บข้าวของที่วางเกะกะให้เข้าที่
   
เด็กหนุ่มถอนหายใจแผ่วเบา เมื่อคืนตื่นขึ้นกลางดึก เขาก็ยังไม่เคยชิน ยังคงป่ายมือไปด้านข้างอย่างที่ชอบทำ หวังจะดึงตัวคนนอนใกล้มากอด แต่พอจับได้แค่ความว่างเปล่า เขาก็หลับต่อไม่ลง ต้องเข้าไปนอนเบียดน้องๆจนถึงเช้า
   
เขายังไม่ได้ติดต่อกับพี่กุนต์เลย ทางนั้นก็ไม่ได้ถามไถ่อะไร ทุกอย่างดูคล้ายกับว่าพวกเราตัดขาดกันแล้ว..ยุติความสัมพันธ์ลงไปโดยสิ้นเชิง
   
อินทัชหลับตาลง ไล่ความคิดฟุ้งซ่านที่รบกวนใจ

เขาวางแผนชีวิต หลังจากที่สึกออกมา เขาคงจะต้องหาห้องเช่าใกล้มหาวิทยาลัย พาอ้นกับอุ้มไปอยู่ด้วยกันและเริ่มต้นทำงานพิเศษอย่างที่ตั้งใจไว้เหมือนเดิม เขายังติดค้างพี่กุนต์เรื่องเงินค่ารักษาพยาบาล ไหนจะค่ากินค่าอยู่ ค่าเทอมของตัวเองกับน้องๆ ทุกอย่างต้องเริ่มต้นกันใหม่
   
เขาไม่ได้ห่วงเรื่องการทำงานหนัก เพราะมันเป็นสิ่งที่เขาจะต้องทำอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าการได้พบเจอกนธีนั้น ทำให้เขาและครอบครัวสบายขึ้น แต่จะอย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยลืมว่าแท้จริงแล้วต้นทุนของเขามีมาน้อยแค่ไหน

..ก็แค่กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมๆเหมือนหนึ่งปีก่อนหน้านี้..

จะว่าไป หากเล่าให้คนอื่นฟังคงหาว่าเขามันช่างโง่เง่า ยึดทิฐิและอีโก้ เอาความรู้สึกตัวเองเป็นหลัก หากมองทางหนีทีไล่สักนิด เขาควรจะโอนอ่อนตามที่พี่กุนต์ขอ ตกลงใจใช้ชีวิตแบบครอบครัวสี่คนแม้จะถูกลดสถานะของคนรักเหลือแค่พี่น้อง หากทำได้ทุกอย่างก็จะจบ ไม่ต้องดิ้นรน ไม่ต้องตีตัวออกห่าง  ซ้ำยังมีโอกาสในการอยู่ใกล้ชิดกว่าคนอื่น มีสิทธิ์ได้เข้าหากนธีใหม่โดยง่าย
   
อินทัชหัวเราะในลำคอ ยกมือขึ้นลูบใบหน้าอย่างอ่อนล้า
   
วันนี้เขาทิ้งสิทธิ์นั้นไปแล้ว ที่จริงจะเปลี่ยนใจ ขอกลับมาอยู่ด้วยกันก็ได้ พี่กุนต์คงยินดี แต่เขาก็ไม่คิดจะทำ เพราะนี่เป็นโอกาสดีที่จะแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้หวังอะไรอย่างอื่นจากกนธี..นอกเหนือไปจากเรื่องของหัวใจ
   
การยอมอยู่ด้วยกันต่อไปอาจจะสะดวกกับการใช้ชีวิต แต่พวกเขาสองคนคงจะไม่มีวันแยกออกระหว่างการอยู่ด้วยความรัก กับการอยู่ด้วยความสบาย มีเงินให้ใช้ มีคอนโดให้อยู่ มีรถให้ขับ จบลงด้วยการวนเวียนกลับไปอย่างเดิม
   
จะต่างอะไรจากการเป็นเด็กเลี้ยง..เป็นเด็กในอุปการะของกนธีตรงไหน เมื่อคิดย้อนไปถึงข้อเสนอที่กนธีอยากจะให้ เขาคิดว่าตัวเองทำถูกแล้วที่ตัดสินใจก้าวออกมาแล้วกลับไปเริ่มต้นใหม่จากศูนย์ ปฏิเสธทุกอย่างที่อีกฝ่ายพร้อมจะยกให้เป็นทุนรอนไปตั้งตัว การทำอย่างนี้มีผลดี..อย่างน้อยก็เพื่อบอกให้รู้ว่าไม่คิดหวังจะมาตักตวง และถึงแม้ต้องลำบากยิ่งกว่าที่เคย เขาก็ไม่เกี่ยง

พวกเขาอาจเริ่มต้นด้วยผลประโยชน์ ด้วยกฎและข้อตกลงแลกเปลี่ยน หากตั้งแต่วันที่เขาผูกใจกับกนธี เขาก็ไม่ได้อยู่ด้วยเพราะเงินทองอีกต่อไป 

หลังจากนี้ วันไหนที่เขากลับมาหา นั่นเพราะว่าเขาต้องการแค่ความรัก ไม่ได้ต้องการอย่างอื่นที่เป็นปัจจัยภายนอก 

เรื่องเดียวที่รบกวนจิตใจ คือหลังจากที่เขาออกมาจากที่ของตัวเองแล้ว จะมีใครเข้าหากนธีบ้าง และฝ่ายนั้นจะลืมเขา สานสัมพันธ์กับคนใหม่ทันทีหรือเปล่า ตอนนั้นเขาก็พูดได้ ว่าไม่อยากอยู่เห็นหน้าแล้วทนดูผู้ชายคนอื่นให้เจ็บช้ำใจเล่น ทำเหมือนกับว่าแค่ปิดการรับรู้แล้วจะช่วยให้หายทรมาน

..แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่เลย..ตอนนี้เขาร้อนอยู่ในอกยิ่งกว่าเดิม..

ถ้าเป็นไปได้ เขาไม่อยากให้กนธีมีใคร อยากให้อยู่คนเดียว รอวันที่เขาจะเข้าหาใหม่อีกครั้ง แต่เขาจะควบคุมเรื่องตรงนี้ได้อย่างไรกัน

น่าขำ..เขาบอกอีกฝ่ายว่าถ้าเลือกตัดอย่างใดอย่างหนึ่งก็ต้องเสียอย่างอื่นตามมา ตอนนี้เขาเลือกตัดความใกล้ชิดลง แต่กลับไม่อยากเสียพี่กุนต์ให้ใคร 

..ความรู้สึกที่เรียกว่า ‘รัก’ ทำไมมันช่างซับซ้อนแบบนี้..

อินทัชผ่อนลมหายใจออก คิดจนปวดหัวก็ไม่ได้คำตอบ สุดท้ายก็ต้องนับหนึ่งถึงร้อยเพื่อทำใจให้สงบ ตอนนี้เขาต้องตั้งใจท่องบทสวดขอบวชให้ได้

เขาเชื่อในวาสนาระหว่างกัน..ถ้าเขากับกนธีผูกพันกันมาจริงๆ

..ก็ขอให้มีอะไรมาช่วยทำให้อุปสรรคคลี่คลายลง..

อินทัชสูดลมหายใจ หยุดคิดสะระตะแล้วยกบทสวดขึ้นมาท่อง “เอสาหัง ภันเต สุจิระปะรินิพพุตัมปิ ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คัจฉามิ..”

ตอนนั้นเองที่เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้น เขาหันไปมองก่อนจะลุกขึ้นไปดู อ้นกับอุ้มรู้สึกตัวตื่น เจ้าแสบสองตัวหาวหวอดกันใหญ่

เด็กหนุ่มมองลอดตาแมว เห็นผู้ชายตัวสูงยืนรออยู่ข้างหน้า “คุณไผ่..”
   
อินทัชเปิดประตู ยกมือสวัสดีคุณพสิษฐ์ที่มาหาถึงคอนโด
   
“เป็นไงกันบ้าง..แล้วลุงไปไหนล่ะ” พสิษฐ์ยื่นถุงขนมให้ เขาซื้อของกินมาฝากเด็กๆเพียบ “มีเค้กด้วยนะ พี่คิดว่าน้องอุ้มน่าจะชอบกิน”
   
“ขอบคุณมากครับ” อินทัชปิดประตูตามหลัง “คุณไผ่จะมาหาพี่กุนต์หรือครับ..ช่วงนี้เขาไม่อยู่ เห็นว่าจะไปต่างจังหวัดสักอาทิตย์ แต่ก็ไม่ได้คุยกัน”
   
ชายหนุ่มเลิกคิ้ว รู้สึกไม่ชอบมาพากลนัก “ไม่เห็นพี่กุนต์บอกพี่เลย”
   
“ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปไหน” อินทัชมองคุณไผ่ สารภาพอย่างตรงไปตรงมา “พวกเรา..อยู่ในช่วงตัดสินใจพักความสัมพันธ์ไปก่อนน่ะครับ”
   
พสิษฐ์ถึงกับเงียบไปครึ่งนาที พอตั้งสติได้ก็ขอคุยกันเป็นการส่วนตัว
   
อินทัชไม่ได้ปิดบัง เขาเล่าทุกอย่างให้ฟังอย่างซื่อๆ อะไรที่ทำไม่ดีเอาไว้ เขาก็เล่าหมด รวมทั้งการตัดสินใจแยกไปอยู่ตามลำพังกับน้องๆในครั้งนี้ด้วย
   
พสิษฐ์ถอนหายใจ ลูบท้ายทอยด้วยความเหนื่อยใจแทน
   
“ก็รักกันทั้งคู่แท้ๆ..ทำไมเรื่องมันต้องยุ่งยากมาถึงขั้นนี้ด้วยนะ”
   
“ผมผิดเองครับ ถ้าผมไม่ชักช้า ถ้าผมรู้จักถนอมน้ำใจพี่กุนต์ ถ้าผมใส่ใจเขามากกว่านี้ เข้าใจความรู้สึกของเขามากกว่านี้ เรื่องก็คงไม่จบลงง่ายๆ”
   
พสิษฐ์มองหน้าเด็ก พึมพำ “มันไม่จบลงง่ายๆอย่างนั้นหรอกน่า”
   
“ผมเองก็ไม่คิดจะให้จบไปทั้งอย่างนี้เหมือนกัน”
   
คนฟังยิ้มบาง “ถามอะไรหน่อยได้ไหม..ถามตรงๆแบบลูกผู้ชาย”
   
อินทัชพยักหน้ารับ เขาพร้อมตอบทุกอย่างอยู่แล้ว
   
“ระหว่างปาลิน กับกนธี..เรารักใครมากกว่ากัน”
   
เด็กหนุ่มเงยหน้ามอง “ไม่ได้รักใครมากกว่ากัน เพราะมันเปรียบเทียบกันไม่ได้” เขาตอบ “ผมรักสนแบบเพื่อน แต่รักพี่กุนต์แบบคู่ชีวิต ถ้าคุณไผ่ถามผมใหม่ ว่ารักในแบบคู่รัก ผมรักใคร..ผมก็จะตอบแค่ชื่อพี่กุนต์คนเดียวเท่านั้น..”
   
พสิษฐ์ยิ้ม “แล้วเรารักพี่กุนต์ได้มากแค่ไหน”
   
“รักอย่างที่หวังจะมีเขาเป็นคนสุดท้ายในชีวิต รักที่เขาเป็นเขา ทั้งข้อดีข้อเสียทุกอย่างที่ผ่านมา” อินทัชตอบ “ถึงเขาจะอายุมากกว่า ดื้อด้าน ช่างงอแง ปากหนัก เก็บความรู้สึกเก่ง บทจะทิ้งก็ทิ้งกันง่ายๆ แต่ผมก็ยังรักเขาทั้งหมด รักแม้ว่าเขาจะไม่ได้ให้อะไร รักแม้เขาจะถอดใจจากกัน”
   
พสิษฐ์นึกขำ “ถ้าพี่กุนต์ได้ยินจากปาก เขาคงดีใจ”
   
“เขาได้ยินแล้วว่าผมรัก แต่เขาไม่รู้สึกอะไร”
   
คนอายุมากกว่าส่ายหัว “แล้วเราจะยอมแพ้หรือ?”
   
“ไม่ยอมหรอกครับ” อินทัชพึมพำ “ผมก็แค่อยู่ในช่วงเว้นระยะห่าง ให้เขาเย็นลง ให้ผมเย็นลง จะได้หยุดคิด ได้ทบทวน ได้ทำใจด้วยกันทั้งคู่”
   
พสิษฐ์ฟังแล้วนึกชอบไอ้หนุ่มคนนี้ขึ้นมากกว่าเก่า
   
“ถามว่าผมกลัวไหม ผมกลัวนะ การไปจากกันครั้งนี้ ผมไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วผมจะตื๊อดื้อด้านอยู่คนเดียวหรือเปล่า และมันจะทำให้พี่กุนต์ยิ่งห่างไปหรือเปล่า” อินทัชเล่าให้ฟัง “ถ้าสุดท้าย..เขาคิดว่าอยู่ได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีผม มันก็คงจะจบลงอย่างนั้น ผมจะไปทำอะไรได้ล่ะ ตบมือข้างเดียวมันไม่ดัง”
    
“เรื่องนี้พี่ก็บอกไม่ได้หรอก” พสิษฐ์ตบบ่าเด็ก “แต่เชื่อไหมว่า ถ้าคนเราเป็นของกันและกันจริง ห่างกันไปแค่ไหน ยังไงก็จะกลับมาเจอกัน และการอยู่โดยไม่มีกัน จะบอกได้ว่าเรากับพี่กุนต์รักกันมากน้อยแค่ไหน”
   
อินทัชนิ่งเงียบ คิดตามคำพูดนั้นไปด้วย

“อะไรที่เป็นของของเรา เขาก็จะกลับมาเป็นของเราแน่นอน จำไว้นะไอ้น้องชาย..” เขายิ้มให้ “Whatever is in store for us will be for us.”

อินทัชยิ้มออกมาได้ รู้สึกมั่นใจขึ้นมากกว่าเก่า
   
“ผมน่ะ..รักเขาเต็มหัวใจ ให้เขาหมดรักผมยังไง ผมก็ไม่ลืมเขาง่ายๆ”
   
“ดีแล้ว..”
   
“และผมก็ไม่คิดจะเลิกล้มความรู้สึกด้วย เพียงแต่ว่า ตอนนี้เขายังไม่พร้อม ผมก็จะเว้นช่วงให้เขาทำใจ จะไม่ตื๊อ ไม่ดันทุรังให้เขารู้สึกแย่”
   
..ห่างกันออกไป แต่เขาไม่คิดจะปล่อยมือจากกนธี..
   
..นานแค่ไหนก็ไม่คิดจะปล่อย..
   
“รอให้เขาเย็นลงกว่านี้ ผมจะเข้าหาเขาใหม่” เด็กหนุ่มพูดอย่างหนักแน่น “สักวันผมจะทำให้เขาเชื่อใจ จะเป็นผู้ชายที่ดีพอสำหรับเขาให้ได้ ถ้าตัวเขาเองไม่หมดรักผม ผมก็พร้อมจะตามไปทั้งชีวิต จะรอจนกว่าเขาจะยอมรับและเลิกกลัว จนกว่าเขาจะไว้ใจให้ผมกลับเข้ามาใหม่อีกครั้ง”
   
“เป็นคนยึดติดเหมือนกันนะเราน่ะ” พสิษฐ์ยิ้มบาง “แต่คงไม่ต้องถึงกับใช้เวลาทั้งชีวิตหรอกมั้ง..ในเมื่อพี่กุนต์ก็ไม่ได้เลิกรักเราไปนี่”
   
อินทัชฟังอย่างมีความหวัง
   
“พี่จะบอกอะไรให้นะ” พสิษฐ์ลดเสียงลง “พี่กุนต์น่ะ..ถึงจะใจแข็ง ตัดได้ง่าย แต่ลุงก็ใจอ่อนได้ไม่ยากเหมือนกัน แค่ต้องอาศัยความสม่ำเสมอเข้าช่วย”   อีกคนรู้สึกใจชื้นขึ้น ความว่างเปล่าในอกถูกแทนที่ด้วยความอบอุ่น
   
“เขาน่ะกลัวนะ แต่ก่อนกลัวศรัณย์ไม่รักจนฝืนตัวเอง ยอมได้ทุกอย่างจนแทบไม่มีความสุข มาวันนี้ พี่คิดว่าเขาก็ยังกลัวสารพัด หนึ่งในนั้นก็คือกลัวว่าความรู้สึกดีๆที่มีให้เราจะหายไป” พสิษฐ์เล่า “เพราะอย่างนี้ เราถึงมีภาษีดีกว่าคนอื่น ตรงที่เขาถอยเพื่อรักษาความรู้สึกที่เขายังมีให้เรา..ไม่ใช่ว่าถอยไปเพราะความเกลียด เพราะฉะนั้นถ้ายังอยากมีเขาอยู่ต่อ เราก็ต้องให้ความมั่นใจ” 
   
“ผมยอมทำทุกอย่างเพื่อจะมีเขาอยู่ในชีวิต” อินทัชแน่ใจในความรู้สึกของตัวเอง ถึงมันจะช้า..แต่ก็เป็นไปอย่างมั่นคง
   
..และไม่มีวันถอยหลัง..
   
พสิษฐ์มองด้วยความพอใจ เขาทำหน้าที่ของน้องชายเป็นครั้งสุดท้าย

“พี่รู้ว่าโอ๊ตรักพี่กุนต์ พี่ก็ดีใจ แต่คิดให้ดีๆนะ..ได้ลุงกลับมา ก็แค่ตาแก่ดื้อๆคนหนึ่ง คงไม่ได้ดั่งใจ ไม่ชุ่มชื่นใจเหมือนมีแฟนเป็นคนวัยเดียวกัน” เขาพูดให้โอกาส “นี่เป็นจังหวะดีที่จะถอยออกมาได้โดยไม่ต้องรู้สึกผิด”
   
“ผมไม่ถอย” อินทัชมองอีกฝ่าย “รักแล้วรักเลย ไม่มีเปลี่ยนแปลง”
   
พสิษฐ์ยกสองมือเป็นสัญลักษณ์ว่ายอมรับ..ด้วยความแพ้ใจ

“ถ้าอย่างนั้นพี่ก็ขอเอาใจช่วย แต่ก็คงไม่มีอะไรน่าห่วงล่ะมั้ง”

“มีครับ” เด็กหนุ่มตัดสินใจออกปาก “ผมเองจะห่างไปก็ยังกังวล ที่จริงช่วงนี้ผมกำลังจะบวช ไม่อยากให้มีอะไรรบกวน แต่ก็เอาออกจากใจไม่ได้”

“เรื่องอะไรล่ะ ถ้าพี่ช่วยได้ก็จะช่วย”

“ผมอยากจะขอฝากพี่กุนต์ไว้กับคุณไผ่ด้วย”

พสิษฐ์เลิกคิ้ว “ฝากในที่นี้คืออะไร ฝากดูแลน่ะหรือ..ได้อยู่แล้ว”

“ฝากไม่ให้ใครเข้ามายุ่มย่ามด้วยน่ะครับ..โดยเฉพาะคุณไผท” อินทัชพูดอย่างไม่อ้อมค้อม “ผมเชื่อว่าเขาไม่อะไรกับคุณไท แต่ผมไม่วางใจอีกฝ่าย หมอนั่นทำได้ทุกอย่างเพื่อความพอใจของตัวเอง ผมเลยอยากฝากพี่ดูแล”

พสิษฐ์หันนิ้วโป้งเข้าหาตัวเอง ดูงุนงง “เอางั้นเลยหรือ”

อินทัชพยักหน้า “ไม่มีทางอื่นแล้วครับ..”

ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ เห็นว่าไม่หนักหนาเลยรับปาก “โอเคๆ..เพื่อพี่กุนต์ เพื่อเรา..เจ้าโอ๊ต พี่จะคอยจับตาดูคุณไทให้” หวังว่าการลงทุนลงแรงของเขาครั้งนี้ จะทำให้พี่กุนต์ลงเอยกับเด็กได้อย่างไม่มีอุปสรรค

..พี่ชายเขาเป็นคนน่ารัก..เพราะฉะนั้นก็ขอสักครั้งเถอะ..

..ให้พี่ได้มีความรักดีๆกับคนอื่นสักที..






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2017 17:04:21 โดย nigiri-sushi »

ออฟไลน์ nigiri-sushi

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1165/-8
    • Nigiri-Sushi Page
Re: Sins : Greed -- [Ch.55-56] pg.135 -- 24/9/60
«ตอบ #4031 เมื่อ24-09-2017 16:56:36 »






Chapter 56





กนธีไม่ได้ไปต่างจังหวัดอย่างที่บอกกับน้องอ้น เขาเพียงแต่กลับมาอยู่ที่บ้าน..บ้านหลังใหญ่ที่เป็นได้แค่คำว่า ‘House’ แต่ไม่สามารถใช้คำว่า ‘Home’ ได้อย่างเต็มปาก เมื่อขาดสมาชิกในครอบครัวไป 

ความสวยงามที่ใช้ตกแต่งให้ความรู้สึกชืดชา บริเวณกว้างขวางร่มรื่นไม่ได้ให้ความรู้สึกสดชื่น ชุ่มฉ่ำในใจเหมือนอย่างที่เคยเมื่อขาดเสียงหัวเราะ และความใหญ่โตของอาณาเขตก็เป็นได้แค่เพียงกำแพงคอยกักขัง

กนธีปิดหนังสือนวนิยายแนวสืบสวนเล่มโปรด เขาเคยใช้เวลาไม่นานก็อ่านจบ แต่ตอนนี้กลับนั่งเหม่ออยู่ร่วมชั่วโมงเพื่อจะอ่านหนึ่งย่อหน้าให้ผ่านไป

ชายหนุ่มถอดแว่นสายตา มองเลื่อนลอยออกไปยังหน้าต่างบานกว้าง จากมุมที่นั่ง เขาเห็นซุ้มไม้ระแนงในสวนได้ถนัด ภายใต้ความเดียวดายซึมเซา เขานึกภาพเด็กน้อยสองคนวิ่งเล่นด้วยกัน น้องอ้นมักจะสนใจปลาคาร์ฟ น้องอุ้มเป็นเด็กที่ชอบต้นไม้ ส่วนคุณยายที่น่ารักก็นั่งหัวเราะอยู่ที่นั่น เขาคอยอยู่ข้างๆ คะยั้นคะยอให้ท่านลองกินเมนูอาหารที่มีประโยชน์แต่รสชาติไม่เป็นสับปะรดนัก

..ใกล้ๆกันนั้น..ผู้ชายคนที่เขารักหันมายิ้มให้..

“พี่กุนต์..” เสียงทุ้มต่ำเรียกหา..ได้ยินจนคุ้นชิน
   
กนธีเบือนหน้าหนี ในหัวยังปรากฏภาพความอบอุ่นของเมื่อวันเก่า
   
ความทรงจำของเขาผุดขึ้นจากทั่วทุกพื้นที่ ใต้ร่มเงาของสร้อยอินทนิล พวกเขาสองคนกอดกันแนบแน่น บดเบียดจูบลึกซึ้ง..ขบกัด ดูดคลึง ล่วงล้ำจนชุ่มฉ่ำ ได้รับความหวังจนเผลอใจเมื่อใครคนหนึ่งสารภาพว่า ‘หวงแหน’
   
ความหวานชื่นฝังตรึงในความรู้สึก ทั้งความเอาใจใส่ ความทุ่มเทที่แฝงอยู่ในการกระทำ ความพยายามที่จะเอาใจ..ถูกเปลี่ยนให้เป็นความงอกงามของพันธุ์ไม้ที่หยั่งราก เจริญเติบโตอยู่ในสวนที่เขารัก
   
ลานไพลินออกดอกแซมต้นกก ลดาวัลย์ผลิใบสะพรั่ง สร้อยระย้าทิ้งตัวลงใกล้บุหงาส่าหรี และไข่มุกอันดามันก็ชูช่อเบ่งบาน แต่แววมยุราและม่วงเทพรัตน์คงทอดดอกซบเซา เคียงข้างกลีบขาวของโมกพวงและแก้วหิมาลัยที่จากมา กระทั่งเอื้องไอยเรศที่เขานึกรักเหลือเกินก็คงจะขาดชีวิตชีวาและคนดูแล

“ชอบหรือไม่ชอบต้นไหนบ้างครับ”

เขาหัวเราะ “ถามกันตรงๆเลยหรือ”

“ไม่ต้องตอบก็ได้ เอาเป็นว่าถ้าชอบต้นเดียวก็หอมแก้มผมหนึ่งที” คนคนนั้นพูดหน้าตาย “ถ้าชอบทุกต้น หอมแก้มผมสิบครั้ง..”


กนธียิ้มจาง บางต้นงดงาม แต่ปลายใบก็เริ่มร่วงโรย..เหมือนใจเขา

..ต้นรักนั้นปลูกได้..แต่ต้องใช้เวลาและการดูแลถึงจะมีชีวิตรอด..
   
เขาถอนหายใจ จมจ่อมกับเรื่องเดิมกระทั่งแม่บ้านมาเคาะประตู เธอเชิญให้เขาไปรับมื้อเที่ยง แต่เขาส่ายหัวปฏิเสธ ไม่นึกหิวขึ้นมาเลย
   
“วันนี้ป้าแกทำต้มฟักมะนาวดองให้คุณกุนต์ เดือนก่อนมะนาวในสวนติดผลเยอะ แกเลยดองใส่โหล..กำลังอร่อยเชียวค่ะ ไม่ทานสักหน่อยหรือคะ”
   
“กินข้าวหรือยังครับ” อินทัชหอบข้าวของมาหา หยดเหงื่อผุดซึมจนชุ่ม “เห็นพี่อยากกินต้มฟักมะนาวดอง ผมเลยซื้อมะนาวที่ตลาดมาให้”

กนธียิ้มอย่างหม่นเศร้า จำภาพเด็กหนุ่มที่นั่งรถเมล์มาหาถึงคอนโดได้ดี น้องเอาอกเอาใจอย่างซื่อตรง ขอแค่เขาเอ่ยปากก็พร้อมจะทำให้ทุกอย่าง 

อินทัชเป็นคนที่สองรองจากศรัณย์ที่ทำอะไรแล้วนึกถึงเขาอยู่เสมอ บางครั้งหลงลืมกระทั่งเรื่องของตนเอง แต่น่าแปลกที่ไม่เคยลืมเขาสักครั้งเลย
   
“ไม่เห็นต้องลำบาก ไว้วันหยุดพี่กลับบ้านใหญ่ค่อยทำให้กินก็ได้”
   
“เจอกันอาทิตย์ละสองสามวันไม่พอหรอก ถ้าพี่ไม่ไป ผมมาเองก็ได้”

   
มันคือความสุขในวันเก่า..แต่ยิ่งยึดติดความสุข..ก็ทำให้เขายิ่งทุกข์

กนธีลุกขึ้นยืน เดินออกจากห้องหนังสือของตัวเอง

เขาคิดวนเวียนมากมาย ทุกๆที่ ทุกๆการมีอยู่ของสิ่งของรอบตัว มีกลิ่นอายของการใช้ชีวิตร่วมกันสอดแทรกจนไม่เหลือพื้นที่ว่าง
ตลอดทาง เขาเห็นทุกคนเดินไปมา ห้องชั้นล่างยังคงหลงเหลือร่องรอยของคุณยายที่เขารัก ถัดไปอีกห้อง..เด็กๆวิ่งเล่นซุกซน ตรงโซฟาตัวนั้น เด็กหนุ่มตัวสูงใหญ่นอนหนุนตัก ซุกใบหน้าแนบแผ่นอก

ในห้องรับแขก ด้านหลังม่านยาว ข้างนอกสลัวลง เขาถูกใครคนหนึ่งดึงตัวเข้าไป เด็กหนุ่มตวัดผ้าผืนหนาตรงบานเลื่อนมาบัง ฝ่ามือใหญ่กำม่าน อีกมือโอบกระชับอ้อมกอด กดปากสัมผัสแผ่วเบา

“จูบหน่อยครับ” เสียงนุ่มนวลกระซิบข้างหู..ชวนให้หวามไหว

เขาผละถอยด้วยความอับอาย ยังจำไอร้อนที่แล่นลามขึ้นบนใบหน้า เสียงทุ้มต่ำหัวเราะในลำคอ ตามติดมากอดรัด ตอกย้ำถึงภาพที่เคยใกล้ชิดกัน

กนธีเหม่อมอง ตัดใจเดินเลยผ่านไป ชายหนุ่มหยุดยืนที่ห้องอาหาร ทุกอย่างเงียบเชียบ วูบโหวงและหงอยเหงา ไม่มีเสียงอะไรเลยนอกจากลมหายใจ

เขามองที่โต๊ะ ยังเห็นภาพทุกคนนั่งด้วยกัน กับข้าววางเรียงราย จานข้าวห้าใบ ผลัดกันดูแล ผลัดกันตักอาหาร พูดคุยเรื่องไร้สาระและยิ้มให้กัน อ้นกับอุ้มผลัดกันเล่าเรื่องที่โรงเรียน โต๊ะอาหารครึกครื้นเพราะเสียงพูดไม่หยุด

“พี่กุนต์จ๋า วันศุกร์นี้มีประชุมผู้ปกครองน้า” อ้นร้องเตือน

“พี่ไม่ลืมแน่นอนครับ เคลียร์งานแล้ว ถึงมีสงครามโลก พี่ก็จะไปประชุมผู้ปกครองให้อ้นแน่ๆ” เขาบอกด้วยดวงตาเป็นประกาย


น้องอ้นมัวแต่เกี่ยวก้อยสัญญากับเขา น้องอุ้มเลยเอาส้อมเสียบหอยจ๊อชิ้นสุดท้ายของพี่อ้นมากิน อินทัชเห็นเข้าก็แกล้งขโมยกุ้งในจานมาเข้าปาก เกิดความวุ่นวายขึ้นเล็กๆบนโต๊ะแต่ก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ

กนธีนิ่งงัน ในเวลานี้..มีแต่เขาเท่านั้นที่อยู่เพียงลำพัง ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า รสชาติอาหารโปรด ฝืดเฝื่อนจนกลืนไม่ลง

‘วันนี้กลับดึกไหมครับ ไอ้อ้นเพิ่งมาบอกว่าพี่กุนต์อยากกินซาลาเปาผัก ผมเลยทำไว้ให้ แล้วก็..คะน้าน้ำมันหอยที่สัญญาจะเลี้ยง ผมก็ทำให้แล้ว’ 
   
“วันนี้ว่าจะเคลียร์บัญชีที่ร้านน่ะ แต่พี่จะพยายามไม่ให้เกินสามทุ่มนะ”
   
‘ให้ผมเอากับข้าวใส่ปิ่นโตไปให้ที่ร้านไหม’
   
“ที่นี่ก็มีข้าวกิน” 
   
‘แต่ไม่มีผมไง’


..เหงา..และเดียวดาย..

“คุณกุนต์..” แม่บ้านที่คอยดูแลมองอย่างเป็นห่วงเมื่อเจ้านายทานข้าวเพียงสองสามคำแล้ววางช้อนลง “ไม่สบายหรือเปล่าคะ”

“ผมไม่เป็นไรครับ..มันยังอิ่มๆอยู่น่ะ แต่แกงจืดอร่อยมากเลย ฝากขอบคุณคุณป้าด้วย” กนธียิ้มให้ ลุกจากโต๊ะ “ผมจะแวะไปที่ร้านสักหน่อย ถ้ากลับดึกก็ไม่ต้องรอนะครับ เข้านอนกันเลย ผมเปิดรั้วเองได้”

“ไปหาหมอสักหน่อยไหมคะ” แกท้วง “คุณหน้าซีดจัง”

“อ้อ..เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับเฉยๆ แต่สบายหายห่วงครับ” เขาชูนิ้วโป้งให้ ไม่อยากให้ใครมาเป็นกังวล “ฝากด้วยนะครับป้า”

หญิงวัยกลางคนมองตามแผ่นหลังของอีกฝ่ายแล้วได้แต่ถอนใจ เธอรู้ว่าเจ้านายรู้สึกอย่างไรในบ้านหลังใหญ่..ที่ไม่มีชีวิตชีวาเอาเสียเลย

กนธีกลับเข้าไปในห้อง หยิบกระเป๋าเงิน กุญแจรถ เขาทนอยู่ในบ้านต่อไม่ได้ ทุกอย่างรบกวนจนใจไม่เป็นสุข..เป็นเหมือนสมัยที่ศรัณย์เพิ่งจากไป

เขาหยุดยืนมองภาพถ่ายของคนรักเก่าที่วางไว้ตรงตู้โชว์

ศรัณย์คนดีจากตาย..ในขณะที่อินทัช ความรักครั้งที่สอง..จากเป็น

“ผมอาจจะไม่เข้าใจว่าคำว่ารักสำหรับพี่ต้องมีอะไรมากมายแต่สำหรับผม..การแลกเปลี่ยนความรักกัน เงินและทรัพย์สิน ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย”

“ที่ผมเจ็บ..เพราะพยายามยื่นความจริงใจไปแต่หลายครั้งพี่ก็ไม่รับฟัง”


กนธีหัวเราะแผ่วเบา ยอมรับกับคำตำหนิของเด็ก

“อย่างที่รัณย์เคยว่า..พี่มันคนหัวรั้น” เขาพึมพำ “ไม่เคยเปลี่ยนแปลงตัวเองเลย ถึงจะใจเย็นขึ้น ถึงจะสงบมากขึ้น แต่พี่ก็ยังมองอะไรพื้นๆเหมือนเดิม”

“ในเมื่อพี่ไม่เลิกให้สักที แล้ววันไหนพี่ถึงจะรู้ว่าใครรักพี่จากใจ”

เขามองผู้ชายคนเดิม..ผู้ชายที่ยังส่งรอยยิ้มของความรักและความหวังดีให้อย่างเคยแม้จะไม่มีตัวตนอยู่ข้างกัน..และมันยังคงเป็นอย่างนั้นเสมอมา
   
“พี่แก่แล้วรัณย์ เป็นลุงหัวดื้อ เป็นไม้แก่ดัดยาก..ก็ไม่รู้ว่าจะมีใครทนได้อีกมากน้อยแค่ไหน” กนธีพูดกับความว่างเปล่า “พี่ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะลงเอยยังไง อนาคตจะเกิดอะไร แต่ถ้าผ่านมันไปได้..พี่ก็หวังให้ทุกอย่างดีขึ้นนะ”

ที่แล้วมา เขาก็เหมือนม้าที่ห้อตะบึงไปในทะเลทราย ตรงไปข้างหน้าด้วยแรงใจ มีแหล่งน้ำใหญ่เป็นของรางวัลคอยล่อ ได้จิบพอประทังเป็นครั้งคราว ทุกครั้งที่เหมือนจะเข้าใกล้ แหล่งน้ำก็กลายเป็นภาพลวงตา แต่มันยังคงวิ่งต่อ ยิ่งพยายาม ยิ่งทุ่มเท ยิ่งกระหาย พอหมดแรงล้มลง มันถึงรับรู้ว่าสิ่งที่ต้องการอยู่เบื้องหน้า แต่ว่าตอนนั้น..แค่น้ำอย่างเดียว ไม่ได้ทำให้มันอยู่ต่อได้

แหล่งน้ำเพียงแหล่งเดียวตรงนี้เป็นที่พึ่ง ถ้ามันเข้มแข็งพอ ไม่ช้าไม่นานมันก็จะลุกแล้วเดินต่อไป แต่แน่นอน..ว่ามันย่อมมีความกลัว

..กลัวว่าทางข้างหน้า..จะไม่มีอาหาร ไม่มีความอบอุ่น ไม่มีที่พักพิงให้..

หากว่าอ่อนวัยกว่านี้ กำลังยังมี ใจเด็ดขาดและไม่กลัวอะไร ก็คงจะลองออกวิ่ง เสียดายแค่ว่าเจ้าม้าตัวนี้..ในตอนนี้มันล้าเต็มทน

“เจ้าม้าแก่..ขี้ขลาดแล้วยังโง่เง่า” กนธีหัวเราะแผ่วเบาตามลำพัง

..แต่สักวัน..ถ้าเขากล้าเดินต่อ..เขาสัญญาว่าจะพยายามกว่าที่เป็น..

..แค่ช่วงนี้..ขอเขาใช้เวลาหยุดพักก่อนได้ไหม..

กนธีมองภาพที่ยังวางอยู่ที่เดิม ซบหน้าลงกับกรอบกระจก

“พี่รู้ว่าพี่ขอมากเกินไป..แต่รัณย์ช่วยเป็นกำลังใจให้พี่ทีนะ”

รับรู้ได้ว่าดวงตาอ่อนโยนของศรัณย์คงกำลังมองเขาจากที่ไหนสักแห่งบนสวรรค์ เขารู้ดีว่าศรัณย์เองก็หวังให้เขามีความสุขกับชีวิตที่เหลืออยู่
   
..และจะเป็นแรงใจให้เขา..จนกว่าจะถึงตอนจบของเรื่องราว..



…………………………......................………………………….




ไผทมุ่นหัวคิ้วเมื่อได้ยินจากปากลูกน้องว่า ‘หุ้นส่วน’ ของเขามาอาศัยชั้นบนของร้านเป็นที่พักได้สองคืนแล้ว ถ้าเขาไม่ลงมาจากปากช่องก็คงจะไม่รู้แน่
   
“คุณกุนต์..” เขาเขย่าไหล่คนที่นอนฟุบกับโต๊ะทำงานเบาๆ “คุณกุนต์”
   
กนธีค่อยๆเงยหน้ามอง ใบหน้ายับไปแถบหนึ่งเพราะหนุนแขนตัวเอง มือขวาของเขาชาดิกจากเหน็บกิน “อ้าว..มาได้ไงคุณไท”
   
“ถ้าผมไม่มา ผมจะเห็นไหมว่ามีใครทำตัวประหลาด” ไผทยืดตัวขึ้นเต็มความสูง “บ้านก็มี มานอนขดในห้องนี้ทำไมครับ หรืออยากเปลี่ยนบรรยากาศ”
   
ใครอีกคนหัวเราะแผ่ว ยกมือขึ้นขยี้ผมที่ยุ่งเหยิง “ขอโทษทีครับ พอดีผมเห็นว่าคุณไม่อยู่ เลยทำตัวตามสบายไปหน่อย” เขามองไปตรงโซฟาตัวยาว มีหมอนใบเล็ก มีผ้าห่มแบบพกพาวางจุกอยู่ด้านหนึ่ง “ผมจะเก็บเดี๋ยวนี้แหละ”
   
“ไม่เป็นไร ผมไม่ได้ว่าอะไร” ไผทจับไหล่ลาดให้นั่งลง เขาเดินไปที่เบาะแล้วพับผ้าห่มให้แทน “ถึงจะขยันยังไงแต่ก็ไม่ต้องมานอนที่นี่ก็ได้นะครับ”
   
กนธียิ้มจาง เขาไม่ได้ขยัน..ก็แค่ไม่อยากกลับไปนอนที่บ้าน
   
..ตรงนั้น..มีแต่กลิ่นอายของทุกคนอยู่เต็มไปหมด..
   
“คุณลงมาทำอะไรครับ ไม่เห็นโทรบอกก่อนเลย” เขาถาม
   
ไผทเดินไปแหวกม่านดูชั้นล่าง ตอนนี้ทุ่มครึ่ง แขกทยอยมาเต็มร้าน
   
“ผมมาคุยงานน่ะ” เขาบอก “กำลังขยายกิจการ ผมดึงพื้นที่ส่วนหนึ่งมาทำสวนผักในมุ้ง จะส่งขายให้ร้านสลัดที่กรุงเทพ เลยมาดีลงานกันหน่อย”
   
“น่าสนใจนี่ครับ” กนธีมีใจชอบงานเกษตรอยู่แล้ว
   
“วัตถุดิบที่เหลือก็ส่งมาที่ร้านนี้ด้วย ลดต้นทุนดี อัฐยายซื้อขนมยาย”
   
คนฟังยิ้มรับ หาวหวอดไปหน่อยเพราะเพลียเหลือเกิน
   
“คุณได้นอนบ้างหรือเปล่า” ไผทเดินไปเปิดตู้เย็นในห้องแล้วหยิบน้ำดื่มให้ “ขอบตาเป็นวงเลยนะครับ เหมือนคนนอนไม่หลับมาหลายวันได้”
   
กนธีหัวเราะ คุณไผทเดาเก่งจริงๆ
   
“ผมว่าแล้วเชียว” ร่างสูงถอนใจ “คืนนี้กลับไปนอนบ้านนะคุณ อย่าดื้อ”
   
ใครอีกคนนั่งเหม่อ “กลับไปก็อยู่คนเดียว..”
   
แน่นอนว่าคำพูดนั้นไม่ได้หลุดลอดไปจากการได้ยินของไผทสักนิด เขาเดินเข้ามานั่งตรงพนักโซฟา จ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่งๆก่อนเปิดปากถาม
   
“เจ้าเด็กนั่น..อินทัชน่ะ เป็นยังไงบ้าง” ตั้งแต่วันที่คุณกุนต์โทรมาแจ้งการลาออกแทน เขาก็ไม่รู้ความเคลื่อนไหวอะไรเท่าไร จะรู้ก็แค่เรื่องของคุณยายที่เสียชีวิตแล้วเท่านั้น ตรงนี้เขารู้สึกเสียใจด้วยจริงๆแต่ก็ไม่มีโอกาสไปร่วมงาน
   
“ก็..ไม่มีอะไรนี่ครับ” กนธียกน้ำขึ้นดื่ม ไม่สบสายตา
   
“ถามจริงๆเถอะครับ” ไผทมองหน้า “คุณเลิกกับน้องมันแล้วใช่ไหม”
   
ชายหนุ่มนิ่งเงียบ ไม่ตอบคำถามนั้น
   
ไผทไม่ได้รู้สึกสมใจ หรือยินดีที่คู่แข่งหายไปได้ เขาเฉยๆ และออกจะแคร์ความรู้สึกของคุณกุนต์มากกว่าเสียด้วยซ้ำ นี่คงจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กนธีไม่ยอมกลับไปนอนที่บ้าน มาทนทรมานตัวเองอยู่ตามลำพังหลายคืน
   
“รู้สึกกับเขามากขนาดนี้เชียวหรือครับ”
   
กนธีชะงัก สีหน้าลำบากใจ “คุณไท..”
   
ไผทยกสองมือยอมแพ้ เขาก้าวก่ายเกินไปแล้ว “ผมไม่ถามก็ได้ แต่คืนนี้คุณควรจะกลับไปพักผ่อน ถ้าไม่ไป ผมจะยัดคุณใส่รถไปส่งถึงที่เอง”
   
อีกคนหัวเราะฝืดเฝื่อน ไม่ได้โต้ตอบอะไรอีก
   
เสียงเพลงแว่วมาจากข้างล่าง ไผทเดินอ้อมโต๊ะทำงานไปดูที่หน้าต่าง นักดนตรีที่เขาจ้างมาแทนอินทัชเริ่มเล่นกีต้าร์และร้องเพลงแล้ว หน่วยก้านดีไม่แพ้กัน แต่เขาก็อดยอมรับไม่ได้ว่า เจ้าเด็กเมื่อวานซืนร้องเพลงได้ลึกซึ้งกว่ามาก
   
“นักร้องใหม่หรือครับ” กนธีถาม ได้ยินเพลง Hotel California
   
“อืม..พอใช้ได้ไหม”
   
“เพราะดีครับ” เขาชอบฟังเพลงสากลยุคเก่า..รสนิยมคนแก่ก็เป็นแบบนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะยังมีเด็กวัยรุ่นนิยมชมชอบเพลงรุ่นคุณลุงได้
   
“ดีแล้ว ลูกค้าจะได้ไม่ลุกหนี” ไผทกลับมานั่งที่ ฮัมเพลงตามเมื่อทำนองเก่าจบลง และดนตรีเพลงใหม่บรรเลงขึ้น คิดว่าถ้าเพิ่มเปียโนขึ้นมาคงจะดีกว่านี้
   
ใครอีกคนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะนิ่งงันเมื่อทำนองเพลงที่สองแว่วมา
   
“เพลงนี้..” กนธีขมวดคิ้ว
 
เสียงปรบมือดังก้องในหัวเมื่อนึกภาพเวทีบนตึกสูงระฟ้า เสียงกีต้าร์ดังคลอไปกับสายลมในท่วงทำนองอะคูสติก ร่างสูงใหญ่ของใครบางคนนั่งอยู่บนสตูลสูง กีต้าร์โปร่งวางบนตัก ปลายนิ้วไล่ตามสาย ใบหน้าหล่อเหลาและอ่อนวัยทอดสายตามองตรงมา รอยยิ้มบางส่งมาให้เป็นการทักทายเมื่อแรกพบ

“It's late in the evening; she's wondering what clothes to wear. She puts on her make-up and brushes her long blonde hair.” เสียงทุ้มต่ำนุ่มละมุน  “And then she asks me, Do I look all right?”

กนธีหลับตาลง ปวดหน่วงในหัวใจจนเผลอขยุ้มอกเสื้อ

ดวงตาคมกล้าจ้องมองกันมาเป็นครั้งแรก

“And I say, Yes, you look wonderful tonight.”
   
..กุหลาบดอกนั้น..แสดงความยินดีที่ได้รู้จักกัน..

I feel wonderful because I see the love-light in your eyes.

And the wonder of it all is that you just don't realize

..how much I love you..

หยดน้ำอุ่นร้อนร่วงลงจากดวงตา มันกระทบกับโต๊ะไม้แข็งกระด้าง
   
ไผทขมวดคิ้ว “คุณกุนต์..”
   
กนธีรีบยกหลังมือขึ้นปัดน้ำตาทิ้ง เขาไม่รู้ตัวเลยจริงๆ “ขอโทษครับ”
   
“จะขอโทษทำไม” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน แตะแขนข้างหนึ่ง “ผมว่าคุณดูไม่ดีเลย ไปเถอะครับ..ผมจะขับรถไปส่งที่บ้าน”
   
“ไม่เป็นไร ผมกลับเองได้” เขาลุกขึ้นทันที เซถอยไปหน่อยเพราะรู้สึกวูบ ต้องยืนนิ่งๆไล่ความมึนงงอยู่พักหนึ่ง “ผมโอเคดี ยังไงขอตัวก่อนนะครับ”
   
ไผทไม่วางใจนัก เขาตามลงมาส่งด้านล่าง
   
กนธีสูดลมหายใจ รู้สึกคัดในจมูก บางทีเขาอาจจะเป็นภูมิแพ้ก็ได้
   
“แล้วเจอกันนะ” เขาลดกระจกลงมาคุย
   
“คุณกุนต์” ไผทเป็นห่วงจริงๆ “ปลดเบรคมือก่อนครับ”
   
“อ้อๆ..โอเค” เขาเหม่อไม่รู้เรื่อง “ปลดแล้ว..เข้าเกียร์ด้วย”
   
ร่างสูงเดินออกมา ช่วยดูตอนกนธีถอยรถออกจากลานจอด แต่ยังไม่ทันได้พ้นเขตรั้ว บีเอ็มคันงามก็เอาด้านข้างไปครูดกับขอบกำแพงเสียแล้ว
   
“คุณกุนต์! เป็นอะไรหรือเปล่า!” เขาวิ่งไปดู รีบเปิดประตูด้านข้างเข้าไปแล้วจัดการดับเครื่องยนต์ให้ กนธีดูไม่ไหวจริงๆอย่างที่คิด
   
“ผม..” คนขับนวดคลึงหว่างคิ้ว “รู้สึกหน้ามืด..”
   
“เจ้าคนดื้อด้าน!” ไผทพยุงอีกฝ่ายออกมา ตอนนี้แค่จะเดินยังดูไม่รอด “ไปหาหมอเถอะ เมื่อกี้นี้กระแทกโดนอะไรบ้างไหม”
   
“ไม่โดนครับ..แค่นอนสักหน่อยก็น่าจะดี” เขาพูดอย่างอิดโรย
   
“ผมจะพาไปหาหมอ” ไผทไม่รอฟังความเห็น เขาขับรถพากนธีไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเอกชนใกล้ๆ อย่างไรสุขภาพก็ต้องมาก่อน

ผลออกมา อาการไม่ได้หนักอะไรนัก ก็แค่นอนให้น้ำเกลือสักคืนเพราะอ่อนเพลีย พักผ่อนไม่พอ อาหารไม่ทานตามปกติเมื่อถึงมื้อ

ชายหนุ่มอยู่เฝ้าคนที่หัวถึงหมอนก็หลับลึกไปอย่างรวดเร็ว

“เกินตัว” เขาพึมพำ ลูบเส้นผมที่ปรกหน้าให้ “เลิกทำอะไรเกินตัวสักที”
   
ไผทอยู่ข้างๆกนธีตลอดเวลา เขาตั้งใจนอนเป็นเพื่อน แต่ก็เห็นควรว่าน่าจะบอกคนใกล้ตัวอีกฝ่ายสักหน่อย เลยหยิบมือถือคนป่วยมาดูเบอร์ฉุกเฉิน
   
ตอนนั้นเขาถึงได้เห็นว่าสิบนาทีก่อนมีสายโทรเข้าและมีข้อความขึ้นอยู่ตรงหน้าจอสามถึงสี่ประโยคสั้นๆจากผู้ใช้ที่ตั้งชื่อไลน์ว่า ‘Bamboo Beer Bar’
   
‘พี่อยู่ไหน ไม่รับสาย โทรกลับด้วย’
   
‘ทะเลาะกับเด็ก ห้ามไปกินเหล้า’
   
‘ไม่ใช่ว่าอยู่กับไอ้ตึ๋งหนืดเจ้าของไร่เกลือนั่นใช่ไหม’
   
ไผทหน้านิ่ง คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันช้าๆ..ไอ้ตึ๋งหนืด..เจ้าของไร่เกลือ
   
..เข้าใจเรียกได้ดีนี่..
   
ชายหนุ่มหัวเราะหึ “น้องแบมบู..” เขายิ้มมุมปาก กดโทรฉุกเฉินที่เป็นชื่อของพสิษฐ์ สิงหนาทเพื่อจะรายงานว่าพี่ชายสุดที่รักนั้นอยู่กับใคร
   
‘พี่กุนต์..กว่าจะโทรกลับได้นะ เมาใช่ไหม!’
   
“ขอโทษครับ” เสียงทุ้มต่ำกรอกไปตามสาย “ผมไผท..”
   
อีกฝั่งหนึ่งดูจะเงียบลงไป จากนั้นเสียงที่ดูไม่ค่อยยินดีนักก็ถามกลับมา
   
‘พี่ชายผมอยู่ไหน แล้วคุณใช้โทรศัพท์เขาได้ยังไง’
   
ถ้าเป็นเวลาอื่น ไผทคงจะแกล้งไปแล้ว เขาชอบนักเชียว ไอ้พวกขี้หวงไม่ดูตาม้าตาเรือ “คุณกุนต์ไม่ค่อยสบาย นอนให้น้ำเกลืออยู่ หมอให้พักคืนหนึ่ง”
   
พสิษฐ์ท่าทางเป็นกังวลขึ้นมาทันที รีบถามว่าอยู่โรงพยาบาลอะไร
   
“ไม่ต้องมาก็ได้ พรุ่งนี้ก็ออกแล้ว มีผมอยู่ทั้งคน” เขายังไม่วายแหย่
   
‘ไม่เป็นไร ผมไม่รบกวน’ ทางนั้นพูดรัวเร็ว ‘อีกครึ่งชั่วโมงก็ถึง’
   
ไผทไหวไหล่ ตัดสายแล้วกลับมานอนเล่นบนโซฟา อาการของกนธีแค่นอนพักให้มากๆก็ดีขึ้นแล้ว แต่เขาก็เข้าใจน้องชายที่แสนดี มีพี่น่ารักแบบนี้ไม่ให้ห่วงได้อย่างไรล่ะ ยิ่งมารู้ว่าอยู่กับเขา ป่านนี้คุณเยื่อไผ่คงจะร้อนใจน่าดู


.

.

.



[ต่อด้านล่าง]






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2017 17:09:34 โดย nigiri-sushi »

ออฟไลน์ nigiri-sushi

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1165/-8
    • Nigiri-Sushi Page
Re: Sins : Greed -- [Ch.55-56] pg.135 -- 24/9/60
«ตอบ #4032 เมื่อ24-09-2017 16:58:36 »

.

.

.



ยี่สิบนาทีให้หลัง พสิษฐ์ก็เคาะประตูหน้าห้อง ไผทออกปากเชิญแล้วลุกขึ้นยืน ผู้ชายตัวใหญ่รีบผลุนผลันเข้ามา ทำเอาทั้งห้องแคบลงถนัด
   
“พี่กุนต์โอเคไหมครับ..เกิดอะไรขึ้นถึงมานอนที่นี่ได้”
   
“เขาหน้ามืดเพราะพักผ่อนน้อยเลยขับรถไปชนรั้วของที่ร้านเข้า อาการไม่เป็นอะไรมากหรอก คุณหมอให้นอนให้น้ำเกลือสักคืนก็กลับได้”
   
พสิษฐ์เป็นห่วงพี่ยิ่งกว่าอะไร ไอ้ลุงนี่น่ะ..ดื้อด้านสุดๆ
   
“ยังไงก็ขอบคุณคุณมากนะ..เรื่องรั้วที่พี่ชนพัง ผมจะจ่ายให้..”
   
ไผทเลิกคิ้วข้างหนึ่ง เขายืนล้วงกระเป๋า เอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มเล่น
   
..ไม่ได้พูดถึงค่าเสียหายสักคำ..น่าหมั่นไส้ชะมัดไอ้หมอนี่..
   
“ไม่ต้องจ่ายหรอกครับ คนกันเอง” เขาตอบ “คุณห่วงพี่คุณ ผมก็ห่วงเขาเหมือนกัน บอกจะไปส่งก็ไม่ยอม คนรั้น ดื้อไม่เข้าเรื่อง น่าจับตีหลายๆรอบ”
   
พสิษฐ์ตีหน้าปุเลี่ยน คำพูดว่าประหลาดแล้ว สายตาที่ไผทมองพี่กุนต์ยิ่งชวนให้ไม่ไว้วางใจเข้าไปใหญ่ “เอาเป็นว่าขอบคุณอีกที..คืนนี้ผมเฝ้าเขาเอง”
   
ไผทหรี่ตามอง มาถึงแล้วคิดจะไล่เขากลับทันทีเลยหรือ..ไม่ง่ายหรอก
   
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ผมว่าจะอยู่เป็นเพื่อนคุณกุนต์พอดี”
   
“....” พสิษฐ์ไม่รู้จะพูดอย่างไรถึงจะชัดเจนและตรงประเด็น ว่าเขาไม่ได้อยากให้คุณไผทมายุ่มย่ามกับกนธีเลยสักนิด “เขาเป็นพี่ผม..ผมจัดการเอง”   
   
“การอยู่ดูแลคนที่ผมมีใจให้ก็เป็นหน้าที่ของคนมาจีบเหมือนกันนะ”
   
“คุณ!” เขาพูดไม่ออกเลย เพิ่งเคยเห็นคนแบบนี้หนแรก
   
ไผทหยักยิ้ม เขายกมือขึ้นกอดอก เริ่มรู้สึกสนุกกับการเย้าแหย่
   
“ผมถามจริงๆเถอะ..คุณเป็นอะไร หืม..คุณเยื่อไผ่ จู่ๆก็มาเกลียดขี้หน้าผม ชาติก่อนผมขับรถไปเหยียบเท้าคุณมาหรือว่าท่าทางผมมันกวนบาทาคุณ”
   
พสิษฐ์ถึงกับนึกคำตอบไม่ทัน โต้ได้อย่างเดียว “คุณไผท..ผมชื่อไผ่”
   
“อ้อ..คุณก็รู้นี่ว่าผมชื่อไผท..แล้วทำไมเรียกไอ้ตึ๋งหนืดล่ะ”
   
ชายหนุ่มแทบจะสำลัก ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเห็นข้อความนั้น
   
“นี่..คุณน้องชาย จะบอกอะไรให้นะ” ไผทเดินเข้ามาหา ยกมือวางบนบ่ากว้าง ถึงอีกฝ่ายจะสูงกว่าเขาเล็กน้อยแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการเอื้อม “ถ้าคุณเกลียดหน้าผมเพราะผมเข้ามาจีบพี่ชายคุณ ขอบอกไว้เลยว่าถึงผมจะดูไม่น่าไว้ใจ แต่ก็ไม่ได้มาตัวเปล่าๆ ยังไงผมก็ไม่ทำให้พี่คุณเสียดุลการค้าหรอก”
   
พสิษฐ์ขมวดคิ้ว “หมายความว่ายังไงครับ”
   
“คุณคิดดูนะ คุณเชียร์ให้พี่คุณได้กับเด็กคนอื่น มีแต่เสียกับเสีย แต่ถ้าหันมาเชียร์ฝั่งผม เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน เรามาช่วยกันไม่ดีกว่าหรือครับ”
   
ร่างสูงหน้าตึง “คุณนี่คิดเป็นแต่เรื่องเงินหรือไง..ความรักล่ะ”
   
“ความรักทำให้พี่คุณลงไปนอนแบบติดเตียงอยู่นี่ไงล่ะ” ไผทบุ้ยใบ้ “ผมรู้ว่าความรักเป็นเรื่องที่ดี แต่คุณไม่คิดหรือว่าความเหมาะสมต่างหากที่สำคัญ”
   
..ไปเอาความมั่นใจผิดๆมาจากไหนกันวะ..ไอ้หมอนี่..
   
“ผมว่านะ..ทางออกที่ดีที่สุด คือคุณเลิกยุ่งกับพี่กุนต์ไปเลยดีกว่า”
   
ไผทยิ้มบาง “ผมมันคนหน้าด้าน..คุณใบไผ่”
   
“ไผ่..เฉยๆ..” พสิษฐ์นับหนึ่งถึงสิบ “ไม่ว่าคุณจะคำนวณผลประโยชน์ไว้มากน้อยแค่ไหน ผมขอร้องให้อยู่ห่างๆพี่กุนต์เถอะ เขาไม่ใช่คนที่จะมานั่งบวกลบว่าต้องลงทุนไปเท่าไรกับความสัมพันธ์แล้วถึงจะได้กำไรกลับมาแบบคุณ”
   
“คุณกำลังด่าว่าผมหน้าเงินสินะ” ไผทไม่ยี่หระ “พูดอ้อมอยู่ได้”
   
“ไม่อ้อมก็ได้” พสิษฐ์พูดตรงบ้าง “ผมไม่โอเคกับคุณ ไม่คิดจะเชียร์ทางคุณด้วย คนอย่างพี่ผมควรจะได้เจอคนที่ทุ่มเทให้กันทั้งหัวใจ ไม่ใช่คนที่เข้าหาเพราะสนผลประโยชน์ที่จะได้..ถ้าคุณแคร์เรื่องเงิน คุณก็ไปจีบเศรษฐีคนอื่นสิ”
   
“ผมไม่ได้แคร์เรื่องเงินอย่างเดียวสักหน่อย ถ้าผมสนแต่เรื่องนั้น ผมจีบคุณไปนานแล้วคุณพสิษฐ์ สิงหนาท..ลูกชายคนเดียวของคุณหญิงวรรณรี ภริยาอดีตเอกอัครราชทูต เจ้าของบริษัทนำเข้าส่งออกสินค้ารายใหญ่ แจกแจงรายชื่อสินทรัพย์ หุ้น กับอสังหาในมือ ผมว่าคุณรวยกว่ากนธี สิงหนาทอยู่มากนะ”
   
พสิษฐ์รู้สึกหูดับไปครึ่งนาทีกับคำว่า ‘ผมจีบคุณไปนานแล้ว’    

พอตั้งสติได้ เขาก็เพิ่งจะระลึกว่าถูกไผทร่ายประวัติเหมือนอีกฝ่ายทำการบ้านมาเป็นอย่างดี ช่วยสนับสนุนสมมติฐานว่าไอ้หมอนี่ไม่น่าไว้ใจและเป็นไอ้หน้าเงินของแท้ ถ้าคนคนนี้มาดีจริง มีหรือจะหาข้อมูลมาก่อน

..จงใจเข้าหาอย่างมีวัตถุประสงค์ชัดๆ..

“ทำสายตาระแวงโจ่งแจ้งจังนะครับ” ไผทหัวเราะ “ก็อย่างที่บอก..ผมรู้จักพวกคุณ แต่ถ้าผมหวังแต่เงินอย่างเดียว ผมคงจีบคุณก่อนที่จะจีบพี่ชายคุณเสียอีก แต่เพราะว่าผมชอบคุณกุนต์ที่ความน่ารักแล้วก็เป็นคนดี ผมถึงเข้าหาไง”
   
..เหตุผลนี้ไม่ได้ช่วยให้เขาเบาใจลงเลยแม้แต่นิดเดียว!..
   
“ยังไงก็แล้วแต่ คุณจะเบื่อขี้หน้าผมก็ช่าง ผมถือว่าถ้าพี่คุณไม่ได้ออกปากไล่ผมไปไหน ผมก็มีสิทธิ์เข้าไปจีบคุณกุนต์อย่างเต็มที่” ไผทยิ้มมุมปากก่อนจะมองสบตาอีกฝ่าย “แฟร์ๆหน่อยคุณไผ่..”
   
“พี่กุนต์รักอินทัช..ไม่ใช่คุณ” พสิษฐ์พูดตรง

“แต่ตอนนี้คนที่เขารักไม่ได้มาอยู่ที่นี่..ตรงนี้..ในเวลาที่เขาดูแลตัวเองไม่ได้ นั่นแปลว่าเขาตัวคนเดียวและไม่มีใคร หรือผมเข้าใจผิด?”
   
คนฟังนิ่งอึ้ง เขาหงุดหงิดไอ้เจ้าของไร่นี่ชะมัด!
   
“ดีๆกันไว้ดีกว่าน่าน้องชาย” ไผทยื่นมือไปหา ชวนเชคแฮนด์ “เผื่อว่าวันไหนคุณกุนต์ตกลงปลงใจกับผม คุณจะได้มาเป็นน้องแฟนที่น่ารักไง”
   
..ฝันไปเถอะวะ! ให้อาเจียนออกมาเป็นลูกอ๊อดก็ไม่มีวัน!..
   
พสิษฐ์มองนิ่ง ไม่แสดงท่าทียินดีต้อนรับแม้แต่นิดเดียว ไผทเห็นแล้วก็ได้แต่หัวเราะในลำคอ ลดมือข้างนั้นลงแต่ยังมีสีหน้ากวนอารมณ์เหมือนเคย
   
“ไม่ชอบผมก็ตามใจ แต่ถ้าได้ผมเป็นพี่เขยเมื่อไร อย่าโวยวายแล้วกัน”
   
พสิษฐ์สาบานว่าตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเจอคนที่มีความมั่นใจทะลุออกนอกโลกได้เท่านี้มาก่อน “คิดได้แฟนตาซีมากครับ ขอพี่กุนต์แต่งงานซะเลยสิ”
   
“อ้าว..ได้นะ ไม่ว่ากัน สมัยนี้เขาไม่ถือกันแล้ว”
   
ร่างสูงก่นด่าในใจ เขาว่าไอ้หมอนี่จงใจกวนประสาทเขาแน่นอน
   
ชายหนุ่มเบื่อจะโต้เถียง ขืนอยู่ต่อมีหวังว่าคงไม่ได้สงบปากคำ คิดได้แบบนี้เลยตั้งใจจะแยกตัวไปสงบสติ เอาไว้อีกสักชั่วโมงค่อยกลับมาใหม่
   
พสิษฐ์หยิบมือถือของพี่กุนต์คืนมา ยืนเงียบๆ กดดูอะไรอยู่สักพักก็วางคว่ำลงกับโต๊ะกินข้าวตรงปลายเตียง จากนั้นก็เดินล้วงกระเป๋าออกจากห้องไป
   
ไผทมองตามหลังคนที่ไม่พูดไม่จา เขาหัวเราะในลำคอ
   
“ทะเลาะอะไรกับใครครับคุณไท..” เสียงแผ่วเบาดังมาจากด้านหลัง
   
เขาหันไปมอง เห็นกนธีค่อยๆปรือตาขึ้น ท่าทางจะตื่นเพราะการพูดคุยที่ไม่ได้ออมเสียงกันนัก เขาเข้าไปประคองอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง 

“ขอโทษที หนวกหูสินะ”

“เพิ่งตื่นตอนได้ยินเสียงคุณเถียงใครสักคนนี่แหละครับ” กนธีนวดคลึงหว่างคิ้ว “เหมือนเสียงของเจ้าไผ่เลย..มันมาที่นี่หรือเปล่า”
   
“น้องชายคุณไง ไม่ใช่ใครหรอก” ไผทเล่า พฤติกรรมน่าโมโหหายไป

เขาจะกวนกับคนที่ชวนให้แหย่มากกว่า คิดว่าคุณไผ่คงไม่ได้เอนมาทางเขาสักเท่าไร แต่เพิ่งรู้วันนี้ว่าไม่ใช่แค่ไม่เข้าข้าง แต่ยังจงใจขัดขวางและดูเกลียดขี้หน้ากันด้วย คำเรียกลับหลังถึงได้แสดงความเอ็นดูเขาถึงขนาดนี้
   
“ทะเลาะอะไรกันล่ะครับ”
   
“ไม่ได้ทะเลาะหรอกคุณ แค่คุยกันนิดหน่อย” ไผทบอก “เขาหวงคุณมาก ถึงกับบอกให้ผมเลิกยุ่ง พอผมไม่ฟัง เขาเลยบอกว่าผมเป็นพวกแฟนตาซี” เขาทำนิ้ววนๆที่หัว “แล้วก็พูดให้ผมขอคุณแต่งงานซะเลย”
   
กนธีหัวเราะเสียงเบา “อย่าไปแหย่มันเลยครับ ไผ่มันเป็นของมันแบบนี้ เราสนิทกันมาก น้องมันเลยกังวลเรื่องผมไม่น้อย ผมรักใคร ไผ่ก็อยากให้สมหวัง แล้วมันก็คงไม่อยากให้คุณมาคอยผมด้วย จะเสียเวลาเปล่าๆ”
   
ไผทยิ้ม “ปฏิเสธชัดเจนจริงๆ”
   
กนธีมองอย่างขอโทษ เขาพึมพำเสียงเบา “ผมรักโอ๊ตครับ..คุณไท”
   
“ก็คงงั้น..”
   
“ไม่รู้ว่าจะเอายังไงต่อกับเรื่องข้างหน้า แต่ที่แน่ๆ ผมคิดว่าผมคงไม่เปิดใจรับคนใหม่ คุณไทอย่าโกรธเลยนะ..ผมว่าเราเป็นเพื่อนกันจะดีกว่า”
   
“เรื่องนั้นผมเข้าใจ” เขามองคนที่หันไปเอื้อมหยิบแก้วน้ำข้างเตียง

ไผทแตะแขนอีกฝ่าย จับให้เอนหลังลงไปพัก จัดการหยิบน้ำขวดใหม่มาให้ แกะหลอดและส่งให้คุณกุนต์ดื่ม เขามองคนป่วยนิ่งๆอยู่อึดใจก็พูดขึ้น

“ผมยอมรับว่าเคยคิดแช่งชักหักกระดูกเจ้าเด็กโอ๊ตนั่นให้ไปไกลๆ ผมจะได้เข้าไปเสียบสักที ตอนนี้ก็ยังรู้สึกว่าถึงตาผมเข้าหาคุณบ้างแล้ว..แต่รับรองว่าไม่ได้สะใจอะไรเลยที่คุณต้องมาทรมาน ป่วยกายป่วยใจขนาดนี้”

กนธีนิ่งเงียบ มองคนที่ดึงปลายนิ้วเขาไปจับ ไผทจะทำมากกว่านั้นก็ได้ แต่ดูท่าทีแล้วก็ยังพยายามรักษาระยะห่างไว้ในขอบเขตที่พอเหมาะ

“ผมไม่อยากฝืนให้คุณเสียความรู้สึกหรอกนะ แต่บอกตรงๆ..ใจผมมันก็ยังรู้สึกชอบคุณมากอยู่ดี เพราะฉะนั้น..” เขารับขวดน้ำคืน “ผมขอสักครั้งในช่วงที่คุณอยู่ตัวคนเดียว ให้ผมได้ลองพยายามเข้าหาคุณได้ไหม”

“คุณไท..” กนธีรับรู้ถึงสิ่งที่อีกฝ่ายพยายามจะสื่อ

พูดให้สะบั้นลงเลย ทั้งมิตรภาพทั้งความหวังลางเลือนย่อมทำได้ แต่เพราะเขาเข้าใจ และเขารู้ดี ว่าการอยากให้คนที่รักที่ชอบหันมามอง มันทรมานใจแค่ไหน เขาถึงไม่อยากพูดตัดรอนให้รู้สึกแย่กันทั้งคู่

..ถ้าเขามีหัวใจ..ไผทก็มีหัวใจเหมือนกัน..ใจเขา..ใจเรา..

ถึงไผทจะดูหัวดื้อไปหน่อย แต่เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง เขาเชื่อว่าไผทจะยอมหยุด เหมือนเขานั่นแหละ..ดันทุรังวิ่งไปข้างหน้า พอคิดว่าพอ..มันก็จะพอไปเอง

ไม่มีใครเฝ้ารอความรักจากใครได้ตลอดชีวิต..มันต้องมีสักวันที่เหนื่อยและท้อ ขึ้นอยู่กับว่าหลังจากนี้ จะถอยไปเลย..หรือจะใจกล้าก้าวต่อไป

“คุณกุนต์..” ไผทยกมือขึ้นแตะปลายผมที่ยุ่งเหยิง “ให้โอกาสผมได้ลองพยายามดูสักครั้ง ไม่อย่างนั้นผมคงคาใจไปตลอดชีวิตว่ายังทำได้ไม่เต็มที่”

“ผม..” กนธีก้มหน้ามองฝ่ามือตัวเอง

“ตอนนี้คุณไม่มีใคร ผมเองก็ไม่มีใคร อย่างน้อยให้ผมได้ลองอยู่ข้างๆ ได้ลองดูแลคุณ ถ้าคุณรู้สึกว่าการมีผมอยู่มันก็ไม่ได้เลวร้าย วันข้างหน้า..คุณอาจจะยอมใจอ่อนรับผมเป็นเพื่อนร่วมทาง..ร่วมชีวิตคุณไปก็ได้”

“คุณไม่พูดถึงความรักเลยสักคำ” กนธียิ้มบาง “คุณบอกว่าผมอาจจะใจอ่อนยอมรับคุณ แต่ไม่มีสักคำที่บอกว่าความรักของพวกเราจะเกิดขึ้นมาได้”

“ความรักเป็นปัจจัยหนึ่งในความสัมพันธ์ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด” ไผทบอก “เราอาจจะไม่ได้เป็นคู่ที่รักกันสุดใจ แต่ผมรับรองว่าเราจะเป็นคู่ที่ให้เกียรติ ให้ความเคารพกัน ดูแลกันและกันเหมือนเพื่อนคู่คิดที่ดี ความสัมพันธ์แบบผู้ใหญ่ ไม่ได้ต้องการรักโรแมนติคไม่ใช่หรือครับ..ความเข้าใจกันต่างหากที่เป็นตัวนำ”

คนฟังเงียบไปครู่ คำเรียกร้องที่เขาอยากได้จากอินทัชสะท้อนในหัว

“แต่ถ้าไม่สบายใจ ผมคงต้องพูดอะไรเชยๆอย่างเช่นว่า..อยู่ๆกันไปก็รักกันได้เอง เหมือนพวกปู่ย่าตาทวดของพวกเราไงล่ะครับ”

กนธีส่ายหัว “ไม่รู้จักยอมแพ้ง่ายๆเลยนะคุณ”

“ตอนนี้ยัง..” ไผทบอก จ้องมองด้วยดวงตาวาววาม “ให้โอกาสผมนะ..”

ใครอีกคนได้แต่ยิ้มอย่างระอา “ตามใจ..” เขามองคนที่มีสีหน้าลิงโลด

กนธียิ้มหม่น ไม่ได้โต้ตอบอะไรอีกนอกจากมีคำตอบไว้ในใจเงียบๆแล้ว

..ไม่ช้าไม่นาน..คุณไผทจะรู้ว่าคนที่เป็นได้แค่เพื่อน..

..ก็จะเป็นได้แค่เพื่อนอยู่วันยังค่ำ..

.

.

.



อีกด้านหนึ่งของห้องพักฟื้น พสิษฐ์ยืนนิ่งค้างอยู่ตรงทางเดินด้านนอก มือที่จับโทรศัพท์แนบหูรู้สึกอ่อนแรง เขาได้ยินทุกประโยคสนทนาในห้อง
 
ก่อนออกมา เขาเอามือถือพี่กุนต์โทรเข้าเครื่องของเขา ทำทีล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วกดรับสาย พอพ้นสายตาก็หยิบขึ้นฟัง เผื่อว่าจะได้ยินอะไรหลังจากที่เขาออกไป เช่นว่า คุณไผทอาจจะด่าเขาไล่หลัง หรือพึมพำแผนการมีลับลมคมใน ประโยคอะไรก็ตามที่จะทำให้เขาจับได้ไล่ทัน
   
..ใครจะไปรู้ว่าสิ่งที่ได้ยินอยู่เหนือความคาดหมายเอามาก..
   
“ให้โอกาสผมนะ”
   
“ตามใจ”

   
..บ้าไปแล้วหรือพี่กุนต์!..
   
พสิษฐ์อยากกลับเข้าไปบีบคอพี่ให้รู้แล้วรู้รอด คิดอะไรอยู่ถึงตอบแบบนั้น! ไอ้หมอนี่มันช่างตื๊ออยู่แล้ว ไปเผลอพูดให้โอกาส มันก็ยิ่งไม่ถอยเลยน่ะสิ!
   
เขาเดินวนไปมา คิดตัดสินแค่ว่ายอมไม่ได้ 

คนที่เอาผลประโยชน์มาเป็นปัจจัยชี้วัดความสัมพันธ์แบบคู่ชีวิต เขาตีความว่าความจริงใจที่ให้มา มันมีไม่ถึงร้อยเปอร์เซ็นต์

พสิษฐ์มุ่นหัวคิ้ว สักพักก็เอาโทรศัพท์มาโทรหาใครคนหนึ่ง รอไม่นาน ทางนั้นก็รับสาย ที่จริงแล้วเขาไม่อยากรบกวน แต่คิดว่าอีกฝ่ายคงรู้จักคนเยอะ

“คุณหมูครับ..ผมไผ่นะ” เขาพูด “ผมอยากได้นักสืบที่ไว้ใจได้สักคน”



…………………........................………………………………….



ไอศูรย์มาตามนัดหมาย คุณพสิษฐ์ชวนเขามาดินเนอร์ที่โทนี่โรมาส์
   
เมื่อมาถึง คุณไผ่ก็นั่งรออยู่มุมในสุดของร้านก่อนแล้ว อีกฝ่ายยิ้มให้ ผายมือเชิญเขานั่ง ยื่นเมนูให้ดูก่อนหันไปสั่งไวน์แดงจากบริกร
   
“ผมสั่งสตริปลอยน์แบบมีเดียมแรร์ แล้วก็เบบี้แบ็คริบส์ขนาดกลางไป คุณหมูอยากทานอะไร สั่งได้เลยครับ” มื้อนี้เขาขอเป็นเจ้ามือ
   
“ทานกับคุณก็ได้คุณไผ่ ผมไม่ค่อยหิว” ไอศูรย์ยิ้ม ยื่นซองเอกสารให้
   
พสิษฐ์เปิดดูข้อความในนั้นเล็กน้อยแล้ววางข้างตัว คุณหมูหยิบมือถือออกมา กดหมายเลข รอฟังเสียงปลายสายสักพักก็ส่งให้
   
“ลองคุยกับเด็กของผมดู ให้เขาเล่าคร่าวๆให้ฟังก่อน” ไอศูรย์เพียงแต่เป็นคนจัดหานักสืบให้ ไม่ได้เข้าไปวุ่นวายอยากรู้อยากเห็นเรื่องราวอะไร
   
พสิษฐ์ยิ้มรับ กรอกเสียงลงไป “สวัสดีครับ”
   
‘สวัสดีครับคุณพสิษฐ์ ผมเป็นลูกน้องของคุณไอศูรย์ เจ้านายบอกให้ผมรายงานประวัติของคนที่ชื่อไผทให้คุณฟัง..’
   
“โอเคครับ ว่ามาได้เลย” เขานิ่งเงียบ
   
‘ประวัติเท่าที่สืบได้ คุณไผทไม่มีพ่อแม่หรือญาติที่ไหน เขามีรายชื่ออยู่ในมูลนิธิสงเคราะห์เด็ก ได้เรียนถึงชั้นประถมสามด้วยเงินบริจาครายเดือน พอขึ้นชั้นประถมสี่..มีคนขอรับอุปการะไปเลี้ยงดู ทำเรื่องให้เป็นบุตรบุญธรรม’
   
“โอเค..แล้วไงต่อครับ”
   
‘คนขอรับเลี้ยงเป็นเศรษฐีย่อมๆของจังหวัด อายุราวหกสิบปี ไม่มีลูก มีแต่ภรรยา คุณไผทเคยใช้นามสกุลผู้ชายคนนี้จนพ่อบุญธรรมเสียชีวิตช่วงที่เขาจบมัธยมปลาย จากนั้น..ไม่รู้เพราะอะไรเขาถึงย้ายไปอยู่กับผู้ชายวัยสี่สิบอีกคน รายนี้ทำงานเป็นนายธนาคารตำแหน่งใหญ่โต ไม่มีลูกเมียคล้ายกัน ตอนหลังเขาเปลี่ยนไปใช้นามสกุลของคนนี้แทน มีการส่งเสียให้เรียนจนจบปริญญาตรี’
   
พสิษฐ์ไม่คิดว่าคุณไผทจะย้ายครอบครัวบ่อย

‘เขาได้มรดกส่วนหนึ่งจากครอบครัวแรก ซึ่งก็เหมือนจะเป็นเรื่องยื้อยุดกับทางภรรยาของเศรษฐีวัยพ่ออยู่เหมือนกัน แต่ทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมายเพราะเขาเป็นบุตรบุญธรรม ทรัพย์สินที่ได้มาถูกระบุไว้ในพินัยกรรมจริงๆ’
   
ร่างสูงขมวดคิ้ว รู้สึกว่าความคิดของตัวเองเริ่มมีเค้าลาง
   
‘และที่มากกว่านั้น..’ อีกฝั่งเล่า ‘คุณไผทได้มรดกทั้งหมดจากพินัยกรรมของนายธนาคาร..พ่อบุญธรรมคนที่สองของเขาด้วยครับ รายนี้เสียชีวิตตอนอายุสี่สิบห้าด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์..สาเหตุเมาแล้วขับ’
   
“มีอะไรที่น่าสนใจอีกไหมครับ” พสิษฐ์ทดทุกอย่างไว้ในใจ
   
“ผู้ชายสองคนที่รับเลี้ยงเขา เป็นเพื่อนกัน” 
   
ชายหนุ่มมุ่นหัวคิ้วกับความสัมพันธ์ซับซ้อน แต่ที่แน่ๆ เขาได้ข้อสรุปว่า ไผทไม่ได้มีเงินเพราะการตั้งตัวอย่างพากเพียร แต่มีเงินทุนสำรองมาจากมรดก

..ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการให้ด้วยความพิศวาสทั้งสิ้น..
   
..ได้ทรัพย์สินมาจากสองครอบครัว..แล้วจะมีครอบครัวที่สามอีกไหม..
   
จู่ๆ พสิษฐ์ก็รู้สึกไม่ดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
   
“ถึงผมไม่น่าไว้ใจแต่ก็ไม่ได้ตัวเปล่าๆ ไม่ทำพี่คุณเสียดุลการค้าหรอก”
   
“คุณคิดดูนะ ถ้าหันมาเชียร์ฝั่งผม เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน”

   
‘หลักฐานที่ว่ามา ผมพอจะหาได้บ้าง เจ้านายคงส่งต่อให้คุณพสิษฐ์แล้ว เรื่องที่นอกเหนือจากนี้ เกินความสามารถของผมแล้วครับ..’
   
“ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ” พสิษฐ์ถอนใจ ตัดสายแล้วส่งมือถือคืน
   
ไอศูรย์เก็บโทรศัพท์ลง เขาไม่ถามถ้าคุณไผ่ไม่เล่า คิดว่าคงเป็นเรื่องในครอบครัว บางทีอาจจะเป็นความลับที่ไม่ควรเข้าไปยุ่มย่ามก็ได้
   
“ดูคุณกังวลอะไรอยู่นะคุณไผ่” เขาชวนคุย

“นิดหน่อยครับ” พสิษฐ์ยิ้ม “บางเรื่องก็ยังคาใจอยู่”

“ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกผมนะ”

“ขอบคุณมากคุณหมู” เขาตัดชิ้นสเต็กให้คนตรงหน้า “ขอบคุณอีกครั้งที่ช่วยเป็นธุระให้นะครับ เรามาคุยเรื่องอื่นกันดีกว่า..เช่นว่า คุณดินสบายดีไหม”

ไอศูรย์สำลักเบาๆ ไวน์แดงขึ้นจมูกจนมันกลายเป็นสีจาง

“ก็โอเคครับ..เรื่อยๆ”

“ฝากบอกเขาทีว่าผมแกะหอยแครงได้คล่องแล้ว ไม่งัดกระเด็นแล้ว”

อีกคนหัวเราะชอบใจ พูดคุยเรื่อยเปื่อยไร้สาระจนลืมเวลา

พสิษฐ์นั่งยิ้ม ฟังไอศูรย์เล่าชีวิตการเดินทางไปมาระหว่างกรุงเทพกับกระบี่ เขาคิดว่าความรักที่ต้องอาศัยระยะทางมันค่อนข้างยาก และคู่นี้ก็ดูจะผ่านอะไรมาด้วยกันไม่น้อย แบบนี้ต่างหาก..ที่จะทำให้เขาเชื่อ

..ไม่ใช่ปุบปับเข้าหา อยากได้ไปร่วมชีวิตเหมือนใครบางคน..

ชายหนุ่มคิดใคร่ครวญก่อนตัดสินใจ

บางที..เรื่องหลังจากนี้เขาอาจจะต้องลงมือด้วยตัวเอง




....................................................................................







Talk : แง.....ดองนาน ครั้งนี้ลงทีเดียว 2 ตอนเลยเน้ออ พอจบเรื่องนี้ จะเปลี่ยนชื่อเป็น Spin-Off : Greed แทนน้า เพราะอันนี้มันไม่ใช่เรื่องหลัก 5555+ เรื่องหลักคือเรื่องคุณไผท ไอ้ตัวบาปของจริง  :really2:

ปล.  คุณ EoBen ขอบคุณที่แชร์เรื่องราวจ้า  :mew2: ส่วนตัวเค้าคิดว่า ถ้ามีอะไรอึดอัด ลองคุยกันดูมั้ยน้อ คือถ้าลืมก็ดี แต่ถ้าเก็บเป็นตะกอนมันก็จะค้างคา ในอนาคตเราไม่รู้ว่าจะมีแบบนี้อีกไหม ถึงตอนนั้นความรู้สึกมันจะยิ่งเพิ่มขึ้น

ยังไงก็ตาม ขึ้นกับทีท่าอีกฝ่ายด้วยว่าเขายอมคุยหรือเปล่า และถ้าคุยแล้ว เขาจะยอมรับ+ปรับปรุงตัวเองไหม เรื่องนี้มันยากจริงๆ กับเรื่องเล็กๆที่บางครั้งมันก็เซ้นซิทีฟอ่ะเนอะ เป็นกำลังใจให้จ้าา


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2017 18:29:09 โดย nigiri-sushi »

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.55-56] pg.135 -- 24/9/60
«ตอบ #4033 เมื่อ24-09-2017 17:35:12 »

อัพจุใจ แทนหายไปนาน ให้อภัย อิอิ

ออฟไลน์ hikkie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.55-56] pg.135 -- 24/9/60
«ตอบ #4034 เมื่อ24-09-2017 18:54:38 »

คุณผไท คนบาปของจริง นี่รออ่านเลยท่าทางดูไม่ใช่ย่อย

ออฟไลน์ Y-Darkness

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.55-56] pg.135 -- 24/9/60
«ตอบ #4035 เมื่อ24-09-2017 19:05:10 »

 :pig4:

ออฟไลน์ JellyKei

  • ✧٩(の❛ᴗ❛ の)۶
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.55-56] pg.135 -- 24/9/60
«ตอบ #4036 เมื่อ24-09-2017 19:37:04 »

คุณไผทเงื่อนงำมาเต็มมาก :katai1: :katai1: :katai1:
เข้าใจพี่กุนต์และเข้าใจเจ้าโอ๊ตนะ ต่างคนต่างมีเหตุผลของตัวเอง หวังว่าจะดีกันเร็วๆนะ  :hao5:

ออฟไลน์ ujen

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-13
Re: Sins : Greed -- [Ch.55-56] pg.135 -- 24/9/60
«ตอบ #4037 เมื่อ24-09-2017 20:01:24 »

 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ กุหลาบเดียวดาย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 812
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
Re: Sins : Greed -- [Ch.55-56] pg.135 -- 24/9/60
«ตอบ #4038 เมื่อ24-09-2017 20:01:39 »

 :3125: :3125: :3125:.    :pig4:

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
Re: Sins : Greed -- [Ch.55-56] pg.135 -- 24/9/60
«ตอบ #4039 เมื่อ24-09-2017 20:12:06 »

ไม่เคยผิดหวังกับดราม่าจากคุณข้าวปั้นจริงๆ มันหน่วงและบีบหัวใจได้แบบสะท้อนชีวิตจริงมาก พี่กุนต์คิดเยอะก็ไม่ผิดเพราะพี่กุนต์ก็ไม่ใช่เด็กๆแล้ว อีกทั้งสิ่งที่ผ่านมาในชีวิตพี่กุนต์ก็ทำให้พี่กุนต์ต้องเลือกวิธีนี้  ส่วนโอ๊ต โอ๊ตคิดน้อยก็ด้วยวัย ถึงชีวิตจะต่อสู้บากบั่นมายังไงแต่ประสบการณ์ชีวิตกับเรื่องของ "คน" ก็คงยังน้อย และเข้าใจได้ไม่ลึกซึ้งมากพอเท่าพี่กุนต์ต้องการ

เชียร์ข้างไม่ออกเลย เห็นใจทั้ง 2 ฝ่าย เหมือนที่ไผ่ว่า "ทั้งๆที่รักกันทั้ง 2 ฝ่ายแล้วแท้ๆ"  ตามลุ้นกันต่อไปค่ะ

ไผท !! ปูมหลังนายมันน่าจิ้นต่อเป็นเรื่องต่อไปของคุณข้าวปั้นมากกกก เนอะๆๆๆๆ  :mew4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Sins : Greed -- [Ch.55-56] pg.135 -- 24/9/60
« ตอบ #4039 เมื่อ: 24-09-2017 20:12:06 »





ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.55-56] pg.135 -- 24/9/60
«ตอบ #4040 เมื่อ24-09-2017 20:14:01 »

 :เฮ้อ:

 :L1: :pig4: :L1:

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: Sins : Greed -- [Ch.55-56] pg.135 -- 24/9/60
«ตอบ #4041 เมื่อ24-09-2017 20:41:15 »

ขอยาดรำพี่กุนต์เรื่องอิคุณไผทหน่อยได้ไหมคะ
รู้แหละค่ะว่ายังไงไผทก็เป็นได้แค่เพื่อน แต่ทำไมไม่พูดให้ชัดเจนไปเลยละคะ ใจดีในเรื่องที่ไม่ควรใจดีเลยค่ะ แต่ก็ดูสมเป็นพี่กุนต์อะนะ อ่านตอนที่พี่กุนต์กะโอ๊ตคุยกันคือร้องไห้เลยค่ะ สงสารทั้งคู่เลย กลับมาดีกันไวๆเถอะ :hao5:

ออฟไลน์ mamacub

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1034
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.55-56] pg.135 -- 24/9/60
«ตอบ #4042 เมื่อ24-09-2017 20:49:39 »

ทีตาไผทยังให้โอกาส แล้วโอ๊ตที่ตัวเองบอกว่าเป็นครอบครัวหล่ะ เบื่อกับตรรกะของลุงแกจริงๆ  :z6:

#ทีมโอ๊ตตั้งแต่ต้นยันจบ#

ปล. ไม่ชอบตาไผท แต่ชอบคุณไผ่ติดตามตั้งแต่ดินหมู กำลังคิดว่าจะติดตามต่อดีมั้ย :ling1: :ling1: งงใจ

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
Re: Sins : Greed -- [Ch.55-56] pg.135 -- 24/9/60
«ตอบ #4043 เมื่อ24-09-2017 21:35:49 »

คุณผัดไทนี่เคยทำอะไรมา แล้วกำลังจะทำอะไร ต้องให้โคนันไผ่ลู่ลมรีบสืบความจริงแล้ว 555

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: Sins : Greed -- [Ch.55-56] pg.135 -- 24/9/60
«ตอบ #4044 เมื่อ24-09-2017 21:50:29 »

ปวดใจ

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.55-56] pg.135 -- 24/9/60
«ตอบ #4045 เมื่อ24-09-2017 22:38:19 »

 :sad4: จัดเต็มมากค่ะ จุกอก เดาออกว่าโอ๊ตทำใจอยู่ด้วยไม่ได้หรอก
พี่กุนต์ช้ำหนักเลย แถมไม่มีใครด้วย ไผ่ก็ไม่ได้อยู่ด้วยตลอด อย่าเป็นอะไรไปมากกว่านี้ก็พอ
พี่กุนต์ชัดเจนแล้วนะ ไผทก็พยายามดี ก็ให้โอกาส แต่ไม่มีพลิกนะคุณไผท

โอ๊ตเอ้ย เอาใจช่วยนะ เพราะโอ๊ตก็พลาดจริงๆ ถึงแม้พี่กุนต์จะพลาดไม่ต่างกันก็เหอะ
อ้นอุ้มจะเป็นไงล่ะ ช่วงโอ๊ตไปบวชคือจะได้อยู่กับพี่กุนต์ตลอดเลยนะ ถ้าต้องแยกกันไป เด็กน้อยจะไหวไหม

ไผ่คะ รุกคืบมากค่ะ เค้ามาดี ก็ไประแวงเค้า ตอนนี้ก็ได้ระแวงหนักสมใจเลย

บอกเลยอ่านแล้วน้ำตาไหลพรากค่ะ สงสารทั้งคู่ สงสารพี่กุนต์หนักมาก

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: Sins : Greed -- [Ch.55-56] pg.135 -- 24/9/60
«ตอบ #4046 เมื่อ24-09-2017 22:39:52 »

ปวดใจแทนพี่กุนต์แล้วก็โอ๊ต แต่ก็เข้าใจนะแค่ความระกอย่างเดียวมันไม่พอ
ตอนวัยรุ่นเราจะใช้รักขับเคลื่อนทุกๆอย่าง แต่เมื่อผ่านช่วงเวลานึงเราจะรุ้สึกถึงช่องว่างของหลายๆอย่าง และมันจะเติมเต็มได้ถ้าเรายอมลงให้กัน มองอีกด้านนึงบ้าง
แต่ก็นะเคลียร์กันแบบนี้ก็ดี มันจะได้ไม่เป็นปัญหาสะสมในใจอีก
จากนี้ไปก็อยู่ที่โอ๊ตแล้วว่าจะเรียกความเชื่อใจกลับมาได้แค่ไหน

อิตาไผทนี่ตอนแรกๆก็เชียร์นะ แต่ดูจากประวัติแล้ว มันแหม่งๆ พลาดจากพี่กุนต์ไปก็อย่ามาคู่กับไผ่เลย

ออฟไลน์ Pam_ban

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-2
Re: Sins : Greed -- [Ch.55-56] pg.135 -- 24/9/60
«ตอบ #4047 เมื่อ24-09-2017 22:51:03 »

ความรู้สึกของพี่โอ๊ตกับพี่กุนต์เริ่มจะชัดเจนมากขึ้นแล้วว่าขาดกันไม่ได้ค่อนข้างแน่นอน รู้สึกสงสารทัั้งสองคน  แต่ก็ชอบความหน่วงแบบนี้  มันเจ็บดี  พอต่างคนต่างเจ็บมาก ๆ   แต่เมื่อได้มาพบกันอีกครั้ง  ก็จะได้รู้ว่าความสุขของการได้มีกันและกันอยู่นั้นมีค่ามากแค่ไหน


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:

ออฟไลน์ ╰Äρρłәßәѓѓÿ╮

  • There can be miracles When you believe
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • Twitter
Re: Sins : Greed -- [Ch.55-56] pg.135 -- 24/9/60
«ตอบ #4048 เมื่อ25-09-2017 03:29:16 »

ปูทางเรื่องไผทแล้ววว กรี๊ดดด
แต่พี่กุนต์ให้โอกาสไผทดีแล้วโอ๊ตจะได้มีคู่แข่งบ้าง สนุกดี555

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4982
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: Sins : Greed -- [Ch.55-56] pg.135 -- 24/9/60
«ตอบ #4049 เมื่อ25-09-2017 10:31:19 »

 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด