เช้ามืดวันเสาร์ กนธีสั่งให้พสิษฐ์ขับรถมาหาเขาที่คอนโดแล้วค่อยไปรับเด็กๆ มันบ่นเป็นหมีกินผึ้ง บอกว่าหนีงานมาอีกแล้ว หัวหน้าเขม่นมันแทบแย่
“แกก็ลาออกมาซะ เล่นอะไรพิลึก” เขามองหน้าน้อง “โกนหนวดแล้วนี่”
พสิษฐ์ทำหน้าบอกบุญไม่รับ “แล้วผมก็ต้องเสียเวลาไว้ใหม่”
กนธีไม่อยากเค้นถามว่ามันยังเล่นเป็นเชอร์ล็อกโฮล์มส์อยู่อีกหรือเปล่า เพราะอ้นกับอุ้มที่ใส่ชุดเอี๊ยมหมีออกมายืนรอหน้าปากซอยดึงดูดความสนใจเขา
“ขึ้นมาเลยสุดหล่อ” ชายหนุ่มปลดล็อครถ ให้สามพี่น้องขึ้นมานั่ง
อินทัชสวัสดี ‘น้องภรรยา’ ที่อายุมากกว่าอย่างคุณพสิษฐ์
“ขอบคุณที่มานะครับคุณไผ่” เขายิ้มให้ สบตากับอีกฝ่าย
พสิษฐ์หัวเราะในลำคอ เพราะรับปากไว้ว่าจะกันท่าคุณไผทให้ เวลาเด็กมันขอ เขาเลยต้องโผล่มาเป็นผู้ช่วยพระเอกเรื่อย ไอ้หนุ่มนี่มันเจ้าเล่ห์จริงๆ
อ้นกับอุ้มดูตื่นเต้น วันนี้เป็นทริปน้ำตกที่คุณไผทขอเป็นเจ้ามือ แต่ฝ่ายนั้นจะขับรถไปต่างหาก ไว้ไปเจอกันที่เมืองกาญจน์
“เราจะค้างกันหรือเปล่าครับพี่กุนต์” อ้นเอาชุดมาเยอะแยะ มีเสื้อยืดมาเปลี่ยน มีกางเกงว่ายน้ำด้วย พี่โอ๊ตบอกว่าที่น้ำตกสวยมาก ปลาก็แยะ
“ไปเช้าเย็นกลับครับลูก” กนธียิ้มให้ ส่งแซนด์วิชทำเองให้เด็กๆกิน ผักล้นออกมาจนแทบจะบังขนมปังมิด “ไว้ปิดเทอมพี่จะพาเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลาน”
น้องอ้นตะเบ๊ะรับ ส่วนอุ้มน้อยกำลังตื่นเต้นจนหัวใจดังตุบๆ
“พี่โอ๊ตบอกว่าปลาเยอะมากฮะ” น้องดูภาพมา “ปลาจะกินหนูไหมอ่ะ”
“ปลาพลวงไม่กินเด็กอ้วนหรอก” อินทัชตอบ ขำไอ้อุ้มที่ค้อนปะหลับปะเหลือก “แต่ถ้าปิรันย่าก็ไม่แน่ เอาไว้พี่จะโยนเราลงไปให้มันชิมดู”
“แหย่น้อง” กนธีหัวเราะ อุ้มทำหน้าเบ้ เอาหัวมาซบไหล่เป็นการฟ้อง
“น่าแปลกนะที่คุณไผทเป็นคนชวนมาทั้งครอบครัวแบบนี้” พสิษฐ์คิด “ปกติแล้วเขาต้องมองว่าโอ๊ตเป็นคู่แข่งไม่ใช่หรือ ไม่น่าเชิญมาเป็นก้าง”
“เขาบอกว่าเลี้ยงส่ง” กนธีตอบแทน “ไม่เข้าใจเหมือนกัน”
คนน้องยักไหล่ เขาไม่ค่อยเชื่อน้ำยาคุณไทนัก
ช่วงสาย พวกเขาขับรถถึงกาญจนบุรี ไผทนัดที่ร้านอาหาร จริงๆแล้วในอุทยานสามารถพักกินข้าวได้ เผื่อจะชมวิวไปด้วย แต่เขากลัวไม่สะดวก
ไผทเป็นฝ่ายบริการทุกอย่าง เขาบอกแล้วว่าครั้งนี้จะเป็นเจ้ามือ
“ที่จริงถ้าค้างคืนได้ก็น่าจะดี แต่วันจันทร์ผมต้องขึ้นเหนือก็เลยไม่ค่อยสะดวก” เขาเล่า รินน้ำให้ทุกคน “เอาไว้ถ้ามีโอกาสจะชวนใหม่นะครับ”
พสิษฐ์มองอย่างจับผิด “จะชวนพี่กุนต์คนเดียว หรือชวนทุกคนล่ะครับ”
ไผทหัวเราะในลำคอ ไม่ได้เถียงต่อ ที่จริงเขาอยู่ในช่วงเนือยๆเพราะว่าที่ไร่องุ่นมีปัญหาแมลงลง ปกติเขาก็ยึดเอาเรื่องงานเป็นหลัก รักเป็นรองอยู่แล้ว มาเจอด่านหินมากเข้า มันก็ต้องท้อกันบ้าง ไหนจะต้องเดินทางไปหลายที่ เวลาเข้าหาไม่มี เวลาจีบก็ไม่คืบ คุณกุนต์ตั้งการ์ดกับเขาเต็มที่ คู่แข่งคนสำคัญอย่างอินทัชก็กลับมาอย่างเต็มตัว ต่อให้ทู่ซี้อย่างไร คนเราก็ต้องรู้จักถอยฉาก
“แล้วแต่คุณจะคิดแล้วกันคุณไผ่” เขาตอบ
พสิษฐ์เลยเลิกต่อล้อต่อเถียง “กลุ้มใจเรื่องเพลี้ยไฟหรือคุณไท”
ไผทชะงัก หันมามองพลางขมวดคิ้ว “คุณรู้ได้ยังไง”
คนหลุดปากเลยอ้ำอึ้งเล็กน้อย เขายกน้ำขึ้นจิบ “ก็..ผมเองก็อยากทำไร่ เลยศึกษามาเหมือนกันว่าช่วงเดือนนี้มันอาจจะมีศัตรูพืช พวกเพลี้ย พวกหนอน”
ไผทนิ่งไปครู่หนึ่ง “ไหนบอกผมหน่อยว่าจะกำจัดยังไง”
“เอ่อ..เชื้อ NPV ไม่ก็แลคโตบาซิลลัส”
“NPV นั่นผมใช้กับหนอนเจาะสมอฝ้ายแล้วก็หนอนกระทู้หอม” ไผทยิ้มเล็กน้อย “ส่วนแลคโตบาซิลลัส..ผมว่ามันอยู่ในยาคูลท์นะครับ”
พสิษฐ์หัวเราะแก้เก้อ “ผมคงต้องไปอ่านใหม่แล้วสิ”
อีกคนมองนิ่งๆสักพัก ไม่ได้พูดอะไรนอกจากทักว่า “คุณผิวแทนขึ้นนะ”
ร่างสูงเกือบสำลักน้ำเปล่า ต้องไอพักใหญ่
ไผทหยิบทิชชูให้ เขากินเสร็จแล้ว กำลังรอเด็กๆกินขนมให้หมด “อ้นกับอุ้มเอากางเกงว่ายน้ำมาหรือเปล่าครับ น้ำตกชั้นหนึ่งกับสองลงเล่นได้สบายเลย”
เด็กน้อยยกมือหรา ถ้าเอาเป็ดเหลืองมาจากบ้านได้คงหิ้วมาด้วย
เอราวัณมีทั้งหมดเจ็ดชั้น ชั้นบนมีเวลาปิดเพราะถึงจะอยู่ในความดูแลของอุทยานแต่อย่างไรก็มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เวลากลางคืน ทางขึ้นลงมีความชันแต่ไม่ได้มากเกิน ถ้าแค่เล่นน้ำสบายๆจะหยุดอยู่แค่ชั้นหนึ่งกับสองก็ยังได้
พวกเขาเดินเท้าเข้าไปในอุทยาน ระหว่างทางมีแอ่งน้ำตกให้ถ่ายรูป มันเป็นบ่อหินคล้ายปามุคคาเล่ของตุรกีเพียงแต่เป็นสีน้ำตาล ชั้นน้ำที่ไหลลดหลั่นตกกระทบพื้นด้านล่างสาดกระเซ็นเป็นสาย เห็นละอองและฟองพรายเหมือนปุยสำลี ม่านน้ำที่ทิ้งตัวในระยะสั้นเป็นสีขาวตัดกับผืนป่าเขียวชอุ่มด้านหลังชัดเจน
“พี่กุนต์คร้าบ หันมายิ้มให้อ้นหน่อย” เด็กชายยกกล้องขึ้นรอ
กนธีจัดให้ตามเสียงเรียก เจ้าตัวดึงน้องอุ้มมากอด อ้นชอบมองพี่กุนต์ยิ้ม โลกดูสว่างสดใส น้ำตกที่ว่ามีเสน่ห์ก็สู้พี่กุนต์ของอ้นเวลามีความสุขไม่ได้
“ไปยืนด้วยกันสิครับ ผมถ่ายให้” ไผทชวน
พสิษฐ์เหล่มอง คิดว่าคุณไผทอาจจะเล่นมุกถ่ายติดมาแต่หัวของพี่กุนต์ อย่างที่เพื่อนของเขา..คุณดิน เคยเล่นไปแล้วเมื่อคราวที่ไปเที่ยวกับคุณหญิง
แต่ปรากฏว่าไผทถ่ายมาได้ครบคน และสวยเสียด้วย
พสิษฐ์พอจะเห็นความดีของอีกฝ่ายขึ้นมาได้บ้าง
“คุณไทเอาบ้างสิ ผมถ่ายให้” กนธีพยักพเยิด “เอาซีนนี้เลย”
“ขอถ่ายรูปคู่กับคุณกุนต์ได้ไหมล่ะ”
จนได้ พสิษฐ์หัวเราะหึ..เขาเพิ่งจะมองหมอนี่ในแง่ดีเมื่อนาทีที่แล้วนี่เอง
กนธีหัวเราะเบาๆ หันมองอินทัชอย่างเกรงใจ น้องไม่ได้โวยวายอะไร มีแต่ยิ้มให้ด้วยความใจเย็น เขาเลยเดินไปหาคุณไท ยืนข้างกันแต่รักษาระยะห่าง
“จะถ่ายรูปกับผม ต้องขออนุญาตเขาด้วยหรือครับ” ไผทถามเสียงเบา
“ถ้าผมตัวคนเดียวก็ไม่ต้องหรอกครับ” กนธีบอก ชวนให้เดินต่อไปยังน้ำตกชั้นที่หนึ่ง “แต่ตอนนี้ผมมีเขาอยู่ข้างๆทั้งคน..ทำอะไรก็ควรจะขอกันบ้าง”
พวกเด็กๆตามมาด้านหลัง มีพสิษฐ์กับอินทัชคอยดูแล น้องดูตื่นเต้นกับน้ำสีฟ้าใสและเสียงนกร้องเป็นระยะ อ้นถึงกับเอามือถือมาถ่ายวีดีโอเอาไว้เลย
“สรุปว่าตกลงใจคบกันจริงจังแล้วสินะครับ” ไผทถามคนที่เดินนำ
กนธีหันมอง ร้อนขึ้นจนต้องกระพือเสื้อ คุณไทส่งผ้าเช็ดหน้าให้ แต่เขาส่ายหัวยิ้มๆ หยิบของตัวเองมาใช้แทน “สารภาพว่ายังไม่ได้ตกลงกันจริงจัง”
“แปลว่าผมยังพอมีหวังอยู่บ้างหรือเปล่า”
“จะว่าไปแล้ว..ผมคงต้องพูดให้ชัดเจนขึ้นอีกหน่อย” กนธีพึมพำ เหยียบลงบนดินชื้นแฉะที่เต็มไปด้วยใบไม้ “จะมีหรือไม่มีโอ๊ต ผมก็รักคุณแบบเพื่อน”
ไผทหัวเราะในลำคอ..เขามันบ้าจริงๆที่กล้าถาม
“สถานะของผมกับเขาตอนนี้มันมากกว่าเมื่อก่อน เหลือแค่ว่าจะตกลงใจกลับมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวอีกครั้งตอนไหน..”
“ถ้าคุณรักเขา จะรออะไรล่ะครับ” ไผทถาม
“รอจังหวะเวลาให้ทุกอย่างมันตกผลึก..” กนธีบอก “เป็นคำว่าคู่ชีวิต”
คนฟังยิ้มหม่น ไม่ได้ว่าอะไรต่อ
พวกเขาหยุดถ่ายรูปเป็นพักๆ ตกลงกันแล้วว่าจะเดินให้ถึงชั้นสี่หรือห้าก่อนแล้วค่อยเล่นน้ำ เพราะเวลาขาขึ้นมันใช้เวลามากกว่าขาลง
ระหว่างเดิน ทางชันขึ้น กนธีเหลียวหาที่ยึด แต่คุณไทยื่นมือมารอ เขายิ้มให้ ปฏิเสธอย่างสุภาพด้วยการคว้าเอาต้นไม้แถวนั้นแล้วดึงตัวขึ้นไปแทน
ทุกอย่างอยู่ในสายตาของพสิษฐ์โดยตลอด
..เมื่อไรจะยอมแพ้โดยดีสักทีนะคุณไท..
เวลาเที่ยง พวกเขาขึ้นมาถึงชั้นที่ห้า ระยะทางที่ร้อนอบและชื้นแฉะไปด้วยน้ำกลายเป็นเรื่องเล็กเมื่อเห็นความสวยงามของน้ำตกที่ซ่อนตัวอยู่กลางป่า
แนวหินน้อยใหญ่เป็นชั้นสูงลดหลั่น มีต้นไม้ขึ้นประปราย แอ่งน้ำสีฟ้าอมเขียวสะท้อนกับแดดที่ส่องทะลุคาคบไม้ บ่อหินเหมือนอ่างอาบน้ำธรรมชาติที่มีปลาแหวกว่ายเป็นฝูง ธารน้ำตกสู่พื้นที่รองรับ เห็นละอองตัดกับแดดเป็นสีรุ้ง
“เพิ่งเคยมาครั้งแรก” กนธียิ้ม “สวยมากจริงๆ”
อ้นกับอุ้มไม่รอช้า เด็กน้อยรีบเปลี่ยนเสื้อแล้วชวนพวกผู้ใหญ่ลงเล่น พสิษฐ์ตามไปดูแลน้องสองคน ส่วนอินทัชเป็นคนเอาสัมภาระไปวางใต้ต้นไม้ ถอดเสื้อนอกเหลือแต่เสื้อกล้ามสีเข้มกับกางเกงขาสั้น
“ลงไหมพี่กุนต์” อินทัชชวน “ไหนๆก็มาแล้ว”
กนธีตกลงอย่างว่าง่าย บนชั้นหินมีพวกฝรั่งกับเด็กวัยรุ่นทั้งกลุ่มเล่นน้ำกันท่าทางสนุก ส่งเสียงเอะอะโวยวาย หัวเราะกันดังลั่น
ไผทสวมเสื้อยืดกับกางเกงแค่เข่า เขาตามมา “ระวังด้วยนะเด็กๆ”
มีคนกระโดดตีลังกาลงน้ำดังตูม เขาหันหนี ขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะการเล่นจนรบกวนคนอื่นมันค่อนข้างเสียมารยาท แต่อ้นกับอุ้มกลับอารมณ์ดี
“คุณอาไทยิ้มหน่อยฮะ มาเที่ยวต้องยิ้มๆเข้าไว้น้า” อุ้มลอยตุ๊บป่อง
ไผทยิ้มออกมาได้ น้องๆว่ายวนเล่นกับปลา มีพวกผู้ใหญ่คอยดูแลใกล้ชิด สักพักก็โผเข้าหาคุณไผ่ สักพักก็ไปหาพี่ชาย ไม่ก็มาหาเขากับกนธี
ฝูงปลาหลายตัวเข้ามาตอดปลายเท้า เด็กน้อยหัวเราะคิกคัก จั๊กจี้จนต้องหดตัวหนี น้องอุ้มปีนไปเกาะหลังไผท เขาหัวเราะ ยกน้องขึ้นนั่งบนบ่า
กนธีมองภาพนั้น ยิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะหันมองพสิษฐ์ เขาขยับเข้าไปหาน้องชาย “ที่จริงคุณไทเขาเป็นคนดีนะ แค่มาผิดที่ผิดทางไปบ้าง”
“ถ้ารู้จักเลิกไปตั้งแต่ตอนที่พี่ไม่เล่นด้วย เขาจะดีกว่านี้” พสิษฐ์ว่า
อินทัชนั่งแช่อยู่ในน้ำ เขาเอาเคสมือถือกันน้ำได้มาใส่โทรศัพท์ ระหว่างที่น้องชายวุ่นวายกับสองคุณอา เขาก็ถือโอกาสถ่ายภาพน้ำตกมาหลายสิบรูป
แต่ดูเหมือนว่าทุกภาพจะมีตัวละครเอกอยู่ด้วยเสมอ
กนธีหันไปมองใครบางคนที่แอบถ่ายรูปเขาอยู่นานแล้ว ชายหนุ่มมองเขม่น ว่ายเข้าไปหาแล้วตั้งใจจะแย่งโทรศัพท์ แต่เจ้าโอ๊ตกลับยื้อหนี
“เห็นผมหงอกหรือเปล่า” น้ำตกสวยๆ ดันเอาคนแก่มาร่วมเฟรม
“เห็น” อินทัชหัวเราะ มันเขี้ยวคนที่ดูน่าแกล้ง เขายกมือถือขึ้นเหนือหัว แขนอีกข้างโอบรัดเอวฝ่ายตรงข้าม “แต่ไม่ต้องห่วง ยังไงพี่ก็น่ารักอยู่แล้ว”
“อายเขาบ้างไหมไอ้น้องโอ๊ต” กนธีบีบน้ำใส่หน้ามัน
เสียงหัวเราะชอบใจดังแว่ว สองคนพูดคุยท่าทางสนิทสนม ไม่มีช่องว่างหรือร่องรอยบาดหมางอื่นใดจนไผทเห็นภาพทุกอย่างในสายตา
“คุณอาหนักหรือฮะ งั้นหนูลงก็ด้าย~” อุ้มน้อยปีนฮึบลงจากบ่า
“คุณอาไม่ได้หนักครับ คุณอาแค่เหนื่อย” ไผทยิ้มให้ ขยี้หัวเล็ก
“เหนื่อยเพราะหนูอ้วน..” อุ้มดูจะช็อกเล็กๆ เจ้าหนูหันขวับไปทางอาไผ่ หาตัวช่วยทันที “คุณอาไผ่ หนูอ้วนหรือเปล่า หนูอ้วนแต่หนูไม่หนักนะฮะ”
พสิษฐ์อยู่ใกล้ๆ เขาได้ยินแล้วนึกขัน “ครับๆ..หนูไม่อ้วนและหนูไม่หนัก”
ไผทหัวเราะตาม เด็กสองคนไปเกาะคออาไผ่แทน ส่วนกนธีกับอินทัชก็คุยกันอยู่สองคน เขาเลยเดินขึ้นจากน้ำ ไปหาวิวถ่ายรูปที่ชั้นน้ำตกอีกด้าน
กนธีหันมอง อดรู้สึกไม่ได้ว่าทำให้คุณไทกลายเป็นส่วนเกินมากไป
“ไปคุยกับเขาก็ได้นะพี่ ผมไม่ว่า” อินทัชบอก
คนฟังเลิกคิ้ว “ใจกว้างขนาดนั้นเลย”
“ตลอดทางที่เดินขึ้นมา พี่ก็ปฏิเสธเขาให้ผมได้ยินอยู่สองสามชั่วโมงแล้ว นี่แค่ไม่กี่นาที..ไม่เป็นไรหรอก” เด็กหนุ่มกระซิบ “เพราะผมจะตามไปด้วย”
“ไอ้เด็กคนนี้” เขาส่ายหัวระอา มันอัพเลเวลความเจ้าเล่ห์ขึ้นด้วยสินะ
กนธีเดินขึ้นจากน้ำแล้วตามไป ไผทกำลังเลาะชั้นหินไปตรงกลางน้ำตก เขาถ่ายรูปม่านน้ำที่ตกลงในบ่อก่อนจะไหลเป็นชั้นตามแนวก้อนดิน
“คุณไท..” เขาค่อยๆวางเท้าตามหินที่ลื่นด้วยตะไคร่
ไผทหันมามอง ยื่นมือไปรับ “ระวังนะคุณกุนต์”
แอ่งน้ำด้านหลังมีพวกวัยรุ่นเล่นสาดน้ำกันอยู่ ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวหนวกหู กนธีมองแล้วได้แต่หัวเราะ คิดว่าจะชวนเดินขึ้นไปอีกชั้นจะดีไหม เผื่อคนน้อย
“ตรงนี้ถ่ายรูปสวย ผมว่าจะเก็บสักสองสามภาพเป็นที่ระลึก” ไผทพูดก่อนหันมามองคนข้างกาย “ไหนๆคุณก็มาแล้ว ให้เกียรติกันสักหน่อยได้ไหม”
กนธียิ้มเล็กน้อย “ผมขอโทษนะถ้าคำพูดก่อนนี้จะทำให้คุณรู้สึกแย่”
“ความจริงก็คือความจริงนั่นแหละครับ คงโกหกตัวเองไม่ได้” เขายักไหล่ ชี้มือบอกว่าจะให้หันหน้ามา จะใช้ชั้นน้ำตกด้านหลังเป็นฉาก
กนธีขยับเล็กน้อย หยั่งเท้าลงกับก้อนหินเพื่อทรงตัวแล้วยิ้มให้กล้อง
“คุณอยู่ตรงนั้นนะ ผมจะถ่ายรูปคู่” ไผทบอก เห็นอินทัชกำลังตามมา
“ห่างกันขนาดนี้เรียกว่ารูปคู่หรือครับ” ถึงอย่างนั้นก็ยกนิ้วโป้งขึ้นชู
ร่างสูงถ่ายจากมุมด้านบนด้วยกล้องหน้า ติดหัวเขามาครึ่งหนึ่ง ที่เหลือเป็นภาพกนธีที่ยืนอยู่เบื้องหลังกับฉากน้ำตกเอราวัณที่สวยจับใจ
กลุ่มวัยรุ่นกระโดดน้ำดังตูม พวกนั้นปีนขึ้นไปบนก้อนหินแล้วทิ้งตัวลงมาแข่งกัน หินตรงไหนที่มีน้ำไหลและกลมมนก็ถูกใช้เป็นสไลเดอร์ พอกระโดดได้ทีหนึ่งก็ส่งเสียงเฮกันทีหนึ่ง วงที่เล่นเริ่มขยับเข้ามาใกล้พวกเขาทุกที
“เราไปกันดีกว่า” ไผทชวน ค่อยๆเดินเลาะน้ำตก
อินทัชตามมาถึงกลางลาน เห็นกนธีกับไผทกำลังจะกลับ “อ้าว..”
“ผมว่าเราย้ายที่ดีกว่าไหม” ไผทเอียงหลบน้ำที่สาดมาโดน
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ ยื่นมือมาหากนธี แต่อีกฝ่ายบอกว่าไม่เป็นไร เขาเลยหันกลับจะขึ้นฝั่ง ค่อยๆเดินเพราะพื้นลื่น แต่เด็กพวกนั้นไม่ได้กลัวอะไรเลย
มีเสียงน้ำดังตูมเพราะการกระโดดแข่งกัน หนึ่งในนั้นหัวเราะร่า ทะลึ่งตัวพรวดขึ้นจากน้ำด้วยความคึกคะนองก่อนจะกระโดดม้วนหลังเอามือยันพื้น
กนธีรีบเดินหลบ ตรงนี้กระแสน้ำไหลแรงและพื้นก็ลื่น หากแต่ช้าไปกับร่างที่ทรงตัวไม่อยู่ หมอนั่นล้มฟาด ไพล่มากระแทกเข้ากับเขาที่ห่างไปเพียงนิด
ฝ่าเท้าที่หยั่งไม่ติดดินลื่นพรืด กนธีเสียหลักหล่นจากแอ่งน้ำตก
อินทัชรีบคว้าตัวไว้ฉับพลัน แทบจะพร้อมกับไผท แต่ปฏิกิริยาที่ไวกว่ามาจากเด็กหนุ่ม เขากระชากตัวคนรักเข้ามากอดแน่น สองแขนกันช่วงศีรษะของอีกฝ่าย ไผทก็คว้าแขนกนธีแต่ไม่ทัน น้ำหนักของสองคนดึงเขาตกลงไปอีกคน
พื้นที่รองรับไม่ใช่บ่อน้ำ แต่เป็นแนวหินที่ลดหลั่นกันเป็นชั้น ตัวพวกเขาไถลลื่นและครูดไปกับขอบแข็งก่อนจะหล่นลงสู่ธารน้ำอีกชั้น
เกิดความโกลาหลขึ้น คนที่อยู่ใกล้รีบเข้ามาช่วย โชคดีที่น้ำตกในแถบนี้ไม่ได้เป็นกระแสน้ำเชี่ยวและชั้นหินก็ไม่ได้อยู่สูง ถึงอย่างนั้นเมื่อแต่ละฝ่ายขึ้นมาบนฝั่งได้แล้ว ตามตัวก็มีรอยช้ำและจ้ำเลือดที่แตกซิบไปไม่น้อย
“เป็นอะไรหรือเปล่าพี่กุนต์!” พสิษฐ์รีบเข้ามาหา จูงอ้นกับอุ้มตามมา
พวกกลุ่มวัยรุ่นหน้าซีดเผือด วิ่งเข้ามาขอโทษขอโพยผู้ใหญ่ที่พลอยได้รับอับุติเหตุไปด้วยเพราะความเล่นคะนอง แต่ทุกคนไม่ได้ถือสา..เว้นแค่ไผท
“โง่หรือโง่วะไอ้พวกเวรนี่!” ไผทด่า “นี่มันที่สาธารณะ ถ้าจะเล่นเฉียดตายก็ไปเล่นตัวคนเดียว! ไม่ใช่ประมาทจนทำคนอื่นเดือดร้อน มันน่านัก!”
กนธีไอแค่ก โบกมือไปมา “ช่างเด็กเถอะคุณไท..ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” เขายกหลังมือขึ้นเช็ดจมูก มองอินทัชด้วยความเป็นห่วง “โอ๊ต..เป็นอะไรไหม”
อินทัชนิ่วหน้า สีข้างเขากระแทกหินเพราะเอาตัวเข้าไปรับแทนพี่กุนต์ ต้องละมือมาคลำชายโครง ไม่มีอะไรแตกหักก็ดีไป มีแค่แขนถลอกจนได้เลือด
“ลงไปด้านล่างไหวไหม เดี๋ยวพี่ทำแผลให้” กนธีกังวล หยิบผ้ามาเช็ดหยดน้ำตามใบหน้าได้รูปของเด็กหนุ่มอย่างห่วงใย “ทำอะไรบ้าดีเดือดนะเรา”
อินทัชหัวเราะแผ่ว จุกไม่น้อย “ก็พี่จะหล่นนี่..ผมไม่ได้คิดอะไรหรอก”
“หล่นก็หล่นสิ อย่างน้อยก็หล่นคนเดียว เราก็ไม่ต้องเจ็บตัว” กนธีลูบผมที่เปียกชุ่มของน้อง สำรวจว่าเจ็บตรงไหนอีก “อย่าทำแบบนี้อีกนะ”
“ไม่เอาหรอก” ร่างสูงปฏิเสธ นอนแผ่กับดินพลางกุมด้านข้างไว้ เห็นชั้นน้ำตกไม่สูง แต่ถ้าล้มปะทะก็เอาเรื่องเหมือนกัน ยังดีที่มีน้ำลดแรงเอาไว้
“ไม่เอาอะไรไอ้ตัวแสบ” กนธีเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับเลือดที่ไหลซิบ
“ถ้าจะให้พี่เจ็บ ผมขอเจ็บเองดีกว่า”
เขาเงยหน้ามองเด็ก ดวงตาไหวสั่น
อินทัชนอนยิ้มเผล่ “จำได้ไหม..พี่เคยปกป้องผมยังไงตอนไปเกาะช้าง”
กนธีนิ่งอึ้ง สุดท้ายก็หัวเราะออกมา เขาขยับเข้าไปหา เอาหน้าผากชนเบาๆกับหน้าผากอีกฝ่าย จูบปลอบบนจมูกโด่งรั้นโดยไม่สนสายตาคนอื่น
“เด็กดีของพี่..” เขากระซิบ ลูบหัวมัน “ขอบคุณนะครับ”
ไผทนั่งพิงกับโขดหิน มองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้มฝืดเฝื่อน อ้นกับอุ้มเข้าไปช่วยดูแลพี่ๆสองคน ในขณะที่เขานั่งอยู่ตามลำพังพร้อมกับหยดเลือดที่ซึมมาจากหางคิ้ว เพราะตอนหล่นน้ำ หน้าผากเขากระแทกขอบหินค่อนข้างแรง
..เขาเองก็คว้ามือกนธีไว้เหมือนกัน แต่ช้าเกินกว่าเจ้าเด็กนั่น..
และเรื่องคราวนี้ก็ทำให้รู้ ว่าหากมีเหตุคับขัน คนที่พร้อมจะทุ่มลงสุดตัวโดยไม่คิดก็คืออินทัช ต่อให้เขามีความห่วงใย แต่มันก็ไม่มากมายเท่าใครอีกคน
สิ่งสำคัญ..คือพวกเขาให้ความช่วยเหลือพร้อมๆกัน แต่การกระทำที่อยู่ในสายตาของกนธี มีแต่เด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคนนั้น..คนเดียว
ไผทถอนหายใจ เอานิ้วแตะเลือดแล้วยกชายเสื้อขึ้นซับอย่างลำบาก
“คุณเลือดออก” พสิษฐ์พูด ดึงดูดความสนใจจากคนที่เหลือ
กนธีเพิ่งจะหันมาเห็น เขาตกใจ “เรียกเจ้าหน้าที่เถอะครับ”
ไผทโบกมือปัดๆ มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรนัก แค่กระแทกเล็กน้อย ไม่ได้ล้มจนเอาหน้าฟาดพื้นเสียความทรงจำสักหน่อย “ผมยังโอเค”
เด็กๆขวัญเสียกันหมด สุดท้ายแล้ว วันนั้นก็ไม่ได้เล่นน้ำกันเต็มที่อย่างที่วางแผนไว้ ต้องล้มเลิกลงไปปฐมพยาบาลกันด้านล่างด้วยความทุลักทุเล
ระหว่างที่ขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยทำแผล ไผทก็นั่งมองกนธีทายาให้คนรัก
“คุณไทได้เลือดแบบนี้ จะขึ้นเหนือไปทำงานไหวไหม” กนธีดูแลน้องไป ชวนคนด้านหลังคุยไป “ขับรถคนเดียวได้หรือครับ เลื่อนไปก่อนก็ดีนะ”
ไผทพยักหน้า “ผมแค่คิ้วแตก ไม่ได้เลอะเลือนนะคุณ”
คนฟังหัวเราะ “ยังไงก็ระวังด้วยนะครับ วันนี้มาเที่ยว..ยังเจ็บตัวจนได้” เขายิ้มให้เพื่อนผู้หวังดี “ขอบคุณคุณมากๆที่ช่วยผม..”
ชายหนุ่มยิ้มบาง “แต่ก็ช้ากว่าน้องมัน” เขายอมรับโดยดีว่าสู้ไม่ไหว
“จะช้าจะเร็ว ยังไงก็ขอบคุณมากนะคุณไท คุณเป็นเพื่อนที่ผมรักจริงๆ”
ไผทหัวเราะแผ่ว เจ็บตัวขนาดนี้ ยังเข้าไปได้แค่ขอบเขตของเพื่อนเลย
อินทัชนิ่งเงียบ มองสำลีชุบยาแดงที่แต้มลงบนรอยแผลเบาๆ พี่กุนต์ขะมักเขม้น หมกมุ่นอยู่กับเขาจนละเลยคุณไผทไปหมด..ก็น่าน้อยใจอยู่หรอก
จังหวะหนึ่ง ดวงตาของสองหนุ่มสบกัน ไผทจ้องนิ่งๆ ก่อนจะยกมือขึ้น
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ” เจ้าหน้าที่ถาม
“เปล่าครับ” ไผทพึมพำ มองอินทัช “แค่จะบอกว่า..ผมยอมแพ้แล้ว”
“ยอมแพ้แล้วหรือคะ ขึ้นไปถึงชั้นบนสุดหรือยัง” เธอชวนคุย
“ยังไม่ถึงครับ” ไผทยิ้มให้ “แต่ถ้าไม่ไหว..ก็ต้องรู้จักถอย”
อินทัชได้ยินทุกคำพูด เขาไม่ได้ว่าอะไร แค่พยักหน้ารับเล็กน้อย
ไผทเพียงแต่หัวเราะแผ่วเบา ส่ายหัวให้กับการตัดสินใจของตัวเอง เขาได้พยายามมากพอแล้ว ถึงจุดที่จะต้องหยุดและเดินไปเส้นทางอื่นสักที
..หัวใจของคนเรา เป็นชั้นน้ำตกที่สูงชันมากที่สุด..
..และมันมักจะมีผู้เดินขึ้นไปถึง..เพียงหนึ่งเดียว..
Ch. 62 อยู่หน้า 140 จ้า