Sins : Greed -- [SP.1 : Wedding Night] pg.146 -- 13/4/61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Sins : Greed -- [SP.1 : Wedding Night] pg.146 -- 13/4/61  (อ่าน 1348367 ครั้ง)

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: Sins : Greed -- [Ch.57] pg.136 -- 2/10/60
«ตอบ #4080 เมื่อ02-10-2017 22:55:53 »

มีสติ หยุดคิด แล้วก็จะคิดได้

ชีวิตต้องเรียนรู้เนอะ

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.57] pg.136 -- 2/10/60
«ตอบ #4081 เมื่อ02-10-2017 23:57:42 »

โอ๊ยยย ดีงามมากค่ะ ปลื้มปริ่มมาก

น้องมาในเวลาที่พอดี แล้วมาลาไปบวชแบบนี้ ยิ่งปลื้ม
เด็กน้อยมาอยู่กับพี่กุนต์ มาเป็นกาวใจ ช่วยได้เยอะ พี่กุนต์สบายใจ ก็จิตใจบวก

ไผ่ก็ตลก แต่ระแวงไว้ก่อนก็ไม่แปลกเนาะ

อดีตก็คืออดีต จบแล้ว อนาคตเริ่มใหม่

คนเก่าของพี่กุนต์น่าสงสารทุกคน

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: Sins : Greed -- [Ch.57] pg.136 -- 2/10/60
«ตอบ #4082 เมื่อ03-10-2017 04:30:43 »

เรื่องกำลังดำเนินไปในทางที่ดีเนอะ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
Re: Sins : Greed -- [Ch.57] pg.136 -- 2/10/60
«ตอบ #4083 เมื่อ03-10-2017 08:21:34 »

หวังว่าจากนี้จะแฮปปี้กันนะ

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
Re: Sins : Greed -- [Ch.57] pg.136 -- 2/10/60
«ตอบ #4084 เมื่อ03-10-2017 08:32:22 »

ดีต่อใจ

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.57] pg.136 -- 2/10/60
«ตอบ #4085 เมื่อ03-10-2017 08:56:46 »

น้องอ้น น้องอุ้ม เป็นกาว เป็นไม้ ให้พี่โอ๊ตได้เยี่ยมมาก

ออฟไลน์ tomnub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
Re: Sins : Greed -- [Ch.57] pg.136 -- 2/10/60
«ตอบ #4086 เมื่อ03-10-2017 09:57:47 »

อยากขอฟาท อ้นอุ่มโต อีกจัง...อยากรู้น้องอุ่มคู่กับใคร..ใช่อาไผ่ใหมนะ..

ออฟไลน์ JellyKei

  • ✧٩(の❛ᴗ❛ の)۶
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.57] pg.136 -- 2/10/60
«ตอบ #4087 เมื่อ03-10-2017 10:20:15 »

อีกไม่นานคงได้ดีกันแล้วสินะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ Yundori

  • From where I stand...
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
Re: Sins : Greed -- [Ch.57] pg.136 -- 2/10/60
«ตอบ #4088 เมื่อ03-10-2017 10:58:48 »

พอพี่กุนต์ได้อยู่กะตัวเองแล้วเหมือนใจเย้นขึ้้น
แบบโอ้ตเองกลับมาก็คงเปลี่ยนด้วย
แต่สงสารน้องซํนเหมือนกันนา
ถ้าเลิกได้จะดี ไปเจอเสี่ยคนใหม่ที่ดีก็ดีไป
พี่กุนต์ตอนนี้คือ เมะมากกกก ไม่ใช่เคะอีกต่อไป
ถ้าไม่นับโพสิชั่นบนเตียง เผลอๆแมนกว่าโอ้ตไปอีก 555555555
นี่แหละค่ะ พี่กุนต์ของน้องงง ใจจะละลายยยยย  :mew1:

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
Re: Sins : Greed -- [Ch.57] pg.136 -- 2/10/60
«ตอบ #4089 เมื่อ03-10-2017 11:49:56 »

กอดพี่กุณต์อย่างอ่อนโยน

โอ๊ตไม่อยุ่จะทำอะไรก็ได้

คิคิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Sins : Greed -- [Ch.57] pg.136 -- 2/10/60
« ตอบ #4089 เมื่อ: 03-10-2017 11:49:56 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
Re: Sins : Greed -- [Ch.57] pg.136 -- 2/10/60
«ตอบ #4090 เมื่อ03-10-2017 13:25:25 »

พี่กุนต์ทำซึ้งอ่ะ T_T

ออฟไลน์ Y-Darkness

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.57] pg.136 -- 2/10/60
«ตอบ #4091 เมื่อ03-10-2017 13:29:13 »

 :pig4:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: Sins : Greed -- [Ch.57] pg.136 -- 2/10/60
«ตอบ #4092 เมื่อ03-10-2017 13:59:58 »

โอ๊ต คิดได้แล้วว่าพี่กุนต์คือคนสำคัญ
โอ๊ต รักพี่กุนต์

พี่กุนต์ ก็เริ่มตกตะกอนความคิดเมื่ออยู่คนเดียว
ว่าอะไร ใคร คือความสุขของตัวเอง

ดีกันได้แล้วนะ
โอ๊ต พี่กุนต์  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ว่าแต่คุณผไท ที่ไผ่สืบ อาจมีจริงไม่จริง
ก็ดูกันต่อไป
      :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
Re: Sins : Greed -- [Ch.57] pg.136 -- 2/10/60
«ตอบ #4093 เมื่อ03-10-2017 14:23:02 »

        ตอนนี้ถึงจะมีหน่วงๆตอนพี่โอ๊ตขอขมาบวชแต่โดยรวมแล้วรู้สึกอ่านแล้วมีความสุขนะค่ะโดยเฉพาะเวลาที่มีน้องๆอยู่กับพี่กุนต์จะอ่าแล้วมีภาพในหัวประกอบที่น่ารักมากเลยค่ะ
พี่โอ๊ตถึงจะไปบวชแต่ก็มีส่งตัวป่วนมาคุมพี่กุนต์ร้ายใช่เล่นเลยนะค่ะ
รออ่านตอนต่อไปนะค่ะรอความหวานกลับคืนมานะค่ะ

ออฟไลน์ myapril

  • Tomorrow
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1436
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-3
Re: Sins : Greed -- [Ch.57] pg.136 -- 2/10/60
«ตอบ #4094 เมื่อ03-10-2017 15:13:58 »

ละมุนมากให้ความรุ้สึกอบอุ่นใจ
ทุกอย่างกำลังจะดีขึันใช่ไหม

ออฟไลน์ jpjiraporn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
Re: Sins : Greed -- [Ch.57] pg.136 -- 2/10/60
«ตอบ #4095 เมื่อ03-10-2017 16:53:20 »

 :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ jpjiraporn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
Re: Sins : Greed -- [Ch.57] pg.136 -- 2/10/60
«ตอบ #4096 เมื่อ03-10-2017 16:54:48 »

 :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ NewYearzz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +346/-2
Re: Sins : Greed -- [Ch.57] pg.136 -- 2/10/60
«ตอบ #4097 เมื่อ03-10-2017 22:28:58 »

ตอนแรกเกร็ง ๆ พอเห็นว่าอัพแล้ว

พออ่านจบน้ำตาไหลเบา ๆ ปริ่ม ๆ

ขอบคุณนะครับ  :L2:

ออฟไลน์ ╰Äρρłәßәѓѓÿ╮

  • There can be miracles When you believe
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • Twitter
Re: Sins : Greed -- [Ch.57] pg.136 -- 2/10/60
«ตอบ #4098 เมื่อ05-10-2017 02:25:24 »

มาม่ายังอยู่แค่หายร้อนแล้ว

ออฟไลน์ gibebk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.57] pg.136 -- 2/10/60
«ตอบ #4099 เมื่อ05-10-2017 06:40:00 »

 :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Sins : Greed -- [Ch.57] pg.136 -- 2/10/60
« ตอบ #4099 เมื่อ: 05-10-2017 06:40:00 »





ออฟไลน์ Pam_ban

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-2
Re: Sins : Greed -- [Ch.57] pg.136 -- 2/10/60
«ตอบ #4100 เมื่อ06-10-2017 22:01:29 »

ดีใจที่ในที่สุดพี่กุนต์ก็บรรลุในสิ่งที่พี่โอ๊ตเคยบอก รอพระโอ๊ตสึกอยู่นะคะ จะได้มาเปิดใจกันอีกครั้ง


รอตอนต่อไปนะคะ


 :katai3:

ออฟไลน์ from_mars

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.57] pg.136 -- 2/10/60
«ตอบ #4101 เมื่อ07-10-2017 21:56:46 »

แยกกันทั้งที่ยังรัก สุดจะเจ็บเลย น้ำตาคลอไปอ่านไป
ความรักอย่างเดียวไม่พอ มันคือจุดเริ่มต้นอ่ะนะ จากนั้นมันยังต้องอาศัยเรื่องอื่นเสริมสร้กันไปอีก เข้าใจ ไว้ใจ ให้อภัย และทำใจ ฮาๆ

รออ่านต่อนะจ๊ะ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: Sins : Greed -- [Ch.57] pg.136 -- 2/10/60
«ตอบ #4102 เมื่อ08-10-2017 12:13:48 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Seeetnott

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.57] pg.136 -- 2/10/60
«ตอบ #4103 เมื่อ10-10-2017 07:04:02 »

พี่กุนยกโทษให้น้องแล้ว รอโอ้ตกลับมาง้อต่อ กลับมาหวานกันเหมือนเดิม ส่วนไผ่กับคุณไท คู่นี้ต้องลุ้น

ออฟไลน์ lovenadd

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-11
Re: Sins : Greed -- [Ch.57] pg.136 -- 2/10/60
«ตอบ #4104 เมื่อ17-10-2017 18:25:40 »

อิ่มบุญกับพระโอ๊ต

ออฟไลน์ nigiri-sushi

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1165/-8
    • Nigiri-Sushi Page
Re: Sins : Greed -- [Ch.58-60] pg.137 -- 21/10/60
«ตอบ #4105 เมื่อ21-10-2017 22:13:09 »





Chapter 58




น้องอุ้มนอนพังพาบอยู่ตรงพื้นไม้ระแนงข้างบ่อปลา เด็กชายยืมโทรศัพท์มือถือของพี่มาบันทึกชีวิตสัตว์โลก ตั้งชื่อคลิปวีดีโอว่า การเดินทางต้วมเตี้ยมของเต่าญี่ปุ่น ในขณะที่พี่อ้นกำลังตั้งใจวาดรูปต้นกกอียิปต์ที่พี่กุนต์เพิ่งซื้อมาลงเมื่อวาน
   
“ถ้าหนูเอานิ้วแหย่ คุณเต่าจะงับนิ้วหนูไหมพี่อ้น” อุ้มถาม
   
“งับไม่ปล่อยจนกว่าฟ้าจะร้องเลยแหละ” อ้นขู่ “ห้ามรังแกเต่านะ”
   
ไอ้ตัวเล็กทำปากยู่ พี่อ้นไม่ให้เอานิ้วแหย่ อุ้มเอาต้นกกเขี่ยหลังเต่าก็ได้
   
กนธียืนอยู่ที่ซุ้มด้านข้าง เขากำลังคุยกับไผท ส่วนตาก็เหลือบมองเด็กๆตลอดเวลา เล่นใกล้น้ำต้องระวัง พลัดตกลื่นล้มขึ้นมาจะได้ช่วยทัน
   
‘ผมจะไม่อยู่สักอาทิตย์ คงไม่ได้ไปร้าน แต่ไม่ต้องห่วง ให้ผู้จัดการดูแลแทนได้’ พออะไรอยู่ตัว พวกเขาก็จ้างคนที่เคยมีประสบการณ์มาช่วยบริหาร แค่กิจการร้านเล็กๆ หากต้องมาลงมือเองหมดก็ไม่ต้องไปทำอย่างอื่นกัน
   
“อ้อ..ได้สิครับ คุณไทจะไปไหนล่ะ” กนธีนั่งลงข้างน้องอ้น ชูนิ้วโป้งชมที่น้องวาดรูปได้สวยมาก ท่าทางจะมีพรสวรรค์ เด็กชายเลยหันมาฉีกยิ้มแฉ่ง
   
‘หมู่บ้านมูเซอ ที่ตาก’ ทางนั้นตอบ ‘ผมสนใจเพาะพันธุ์อะโวคาโด เลยจะไปศึกษาที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรของที่นั่น’
   
“ต้องไปถึงตากเลยหรือครับ แว่วว่าปากช่องก็มีสถานีวิจัย”
   
‘เขาเป็นแหล่งปลูกแหล่งใหญ่ ผมเลยอยากไปดูสักหน่อย’ ไผทบอก ‘อนาคตจะได้ขยายธุรกิจเกษตรของผม รู้สึกว่าจับงานนี้แล้วมีความสุขดี’
   
กนธีหัวเราะเบาๆ คุณไผทนี่เป็นหนุ่มชาวไร่ของแท้
   
“โอเคครับ เดินทางปลอดภัย”
   
‘อยากไปกับผมไหม..’ ทางนั้นเลียบเคียง
   
เขายิ้มบาง “ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวคุณไทจะคิดไปไกล”
   
‘เบรกผมหน้าทิ่มเลยนะคุณกุนต์’ อีกฝ่ายหัวเราะเฝื่อน
   
“ผมคิดยังไงก็แสดงออกอย่างนั้นแหละครับ คุณอยากเข้าหาก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่การที่เปิดโอกาส ผมก็มีจุดยืนของผมเองเหมือนกัน” กนธีพูดยิ้มๆ
   
‘โอเคๆ’ ไผทหัวเราะ ‘ผมว่าจะขึ้นตากพรุ่งนี้ คงไปแต่เช้าเลย นี่ว่าจะเอาขนมไปให้ พอดีเพื่อนผมเพิ่งกลับจากญี่ปุ่น วันนี้คุณได้เข้ามาที่ร้านไหม’
   
“ไม่ได้เข้าน่ะครับ ถ้ายังไงฝากแบ่งให้เด็กที่ร้านแทนได้ไหม”
   
‘แบ่งไปบ้างแล้ว แต่มีช็อกโกแลต Royce หลายถุงกับกระเป๋า Anello สองใบ’ ไผทพูดเสียงนุ่ม ‘ถ้าคุณเจอน้องอ้นกับน้องอุ้ม ผมอยากวานเอาให้เด็กๆด้วยน่ะครับ บอกว่าคุณอาไทตั้งใจซื้อมาฝาก’
   
กนธีครางในลำคอ รู้สึกเสียมารยาทที่พูดไปแบบนั้น “ขอบคุณมากๆนะครับที่คิดถึงน้อง เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมจะแวะเข้าไปวันนี้เลยแล้วกัน”
   
‘ไม่เป็นไร ผมขับรถเอาไปให้ที่บ้านดีกว่า คุณสะดวกหรือเปล่า’
   
ชายหนุ่มนิ่งไปนิด เขาไม่นิยมพาคนอื่นเข้าบ้านหลังนี้ มันเป็นที่สำหรับคนในครอบครัว แต่จะพูดไปตรงๆก็เสียน้ำใจของอีกฝ่าย เลยแบ่งรับแบ่งสู้
   
“เจอกันครึ่งทางก็ได้คุณ บ่ายโมงที่สตาร์บั๊คส์พารากอนนะครับ”
   
‘เข้าใจเลือก’ ทางนั้นพูดขำๆ ‘ร้านแรกที่เรานัดเจอกัน’
   
“ว่าไปนั่น” กนธีไม่ถือสา “ก่อนนัดคุณ ผมก็นัดโอ๊ตเหมือนกัน”
   
ไผทหัวเราะในลำคอ เดี๋ยวนี้กนธีปฏิเสธทุกประโยคเลย
   
‘โอเคครับ เจอกันบ่ายโมง แต่งตัวหล่อๆนะ’
   
“ก็เท่าที่ตาแก่คนหนึ่งจะหล่อได้นั่นแหละครับ” กนธียิ้มระอา กดวางสายไปพร้อมกับรับรู้ได้ว่ามีลูกตาสี่ดวงจ้องมาที่เขาแป๋วแหวว “มีอะไรครับลูก”
   
“พี่กุนต์จะไปเที่ยวไหนฮะ” น้องอุ้มถาม เจ้าหนูประคองคุณเต่ากลับลงบ่อ “คุณเขียวขจีกลับไปนอนกับคุณปลาก่อนนะ เดี๋ยวหนูจะมาเกาหลังให้ใหม่”
   
กนธีหัวเราะพรืด “อ๋อ..น้องเต่าชื่อเขียวขจีหรือ”
   
“แต่ยังไม่มีนามสกุลฮะ” อุ้มยิ้มตาเป็นขีด
   
“ให้ใช้นามสกุลพี่ก็ได้ ไม่คิดกะตังค์” เขาขบขัน “เขียวขจี สิงหนาท”
   
อ้นกับอุ้มหัวเราะชอบใจ อะไรในบ้านนี้เป็นสิงหนาทหมด แกงส้มกับสี่ถั่วก็ด้วย ถ้าคุณปลาคาร์ฟมีชื่อ ก็จะได้ใช้นามสกุลของพี่กุนต์เหมือนกัน
   
“พี่กุนต์จะไปไหนฮะ” อุ้มยังไม่ลืมคำถาม
   
“พี่จะแวะไปหาคุณอาไทครับ คุณอาฝากของมาให้พวกหนู”
   
อ้นเอียงคอมอง รู้สึกว่า คุณอาไท ก็คือ ‘คนที่หล่อน้อยกว่าพี่โอ๊ต’ อย่างที่พี่ชายกำชับมา นี่ก็ไม่รู้ว่าต้องตะโกนอย่างที่พี่สอนด้วยหรือเปล่า
   
“อ้นไปด้วย~” น้องขอ “อ้นกับน้องอุ้มจะไปเป็นอัศวินดูแลพี่กุนต์”
   
“โธ่..เด็กน้อย” กนธียิ้มขัน ดึงตัวน้องมากอดรัดแล้วจุ๊บหัวเหม่ง กอดน้องอุ้มที่ดูตื่นเต้นอีกคน “พี่ตั้งใจจะพาหนูไปเที่ยวห้างด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ”
   
“หนูจะไม่ดื้อๆ” อุ้มหน้าบาน รีบดึงเสื้อพี่อ้นไปอาบน้ำ
   
“ไปลูกไป เล่นจนเหงื่อตกเหงื่อแตกหมดเจ้าตัวซน” เขาเช็ดเหงื่อให้ ตีก้นกลมเบาๆ “พี่รอตรงนี้นะ อย่าเล่นกันในห้องน้ำ เดี๋ยวจะลื่นเอานะครับ”
   
น้องๆรับคำ จูงมือกันเข้าบ้านตามที่พี่กุนต์บอก พอคล้อยหลัง พี่อ้นก็หันมาคุยกับน้องน้อยที่เดินแคะเล็บดำปี๋เพราะไปขูดโดนตะไคร่ในบ่อ
   
“นี่..น้องอุ้มจำได้ไหมว่าพี่โอ๊ตบอกให้ดูแลพี่กุนต์”
   
“หนูจำได้ๆ” อุ้มพยักหน้าหงึก ล้วงมือเข้าไปเกาสะดือของตัวเอง
   
“พี่โอ๊ตบอกว่าคนที่ต้องระวังมากๆคือคุณอาไทใช่ป่ะ”
   
“จริงอ่ะ? หนูจำไม่เห็นได้เลย”
   
พี่อ้นทำคิ้วผูกโบว์ “น่าจะใช่น้า..”
   
“ไม่ใช่คุณอาไผ่หรือฮะ” อาไท อาไผ่ ชื่อคล้ายกันจัง
   
“ไม่ใช่สิ คุณอาไผ่เอาของมาให้เราตั้งเยอะ” พี่อ้นสังเกต
   
“แต่คุณอาไทก็ซื้อของมาให้ด้วยนะ พี่กุนต์บอกเองเลย”
   
“คุณอาไผ่ใจดีจะตาย ไม่ใช่หรอก ต้องเป็นคุณอาไทแน่ๆ”
   
“เรื่องนี้หนูจะไม่ยุ่ง” น้องอุ้มส่ายหัว “แล้วต้องทำไงฮะ”
   
อ้นทำเสียงฟึดขึ้นจมูก “พี่โอ๊ตบอกว่าอย่าให้ใครมาดึงมือพี่กุนต์ไปได้”
   
“งั้นหนูก็จับมือพี่กุนต์ข้างนึง พี่อ้นจับอีกข้าง ก็ดึงไปไม่ได้แล้วนี่”
   
พี่อ้นชูนิ้วโป้งเห็นด้วย “โอเค..พี่เอาข้างขวา”
   
“หนูเอาข้างซ้ายนะ” อุ้มตกลงกับพี่คนกลาง
   
“ได้เลย” อ้นพยักหน้า พาน้องไปอาบน้ำ “เลิกแคะสะดือซะที”

......


ไผทเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจที่เห็นกนธีเดินมากับน้องๆ มือขวาจูงน้องอ้น มือซ้ายจูงน้องอุ้ม ตามกันมาติดๆเหมือนคุณพ่อลูกอ่อนอย่างไรอย่างนั้น
   
“น้องมาอยู่กับคุณหรือครับ”
   
“ใช่แล้วครับ” กนธียิ้ม มองเด็กๆที่ละมือไปสวัสดีคุณอาไท แล้วกลับมาจับเขาใหม่ ตลกดีเหมือนกัน ตั้งแต่เข้าห้างนี่ไม่ยอมปล่อยเลย คงกลัวหลงกัน
   
“น่ารักเชียวนะ” ไผทหัวเราะ ย่อตัวลงให้ความสูงเท่าเด็ก “หวงพี่กุนต์หรือครับอ้น อุ้ม จูงไม่ยอมถอยกันเลย” เขาขยี้หัวเบาๆด้วยความเอ็นดู
   
อุ้มหัวเราะคิกคักเพราะชอบให้ผู้ใหญ่ยีหัว
   
“คุณอาเอาของมาฝาก” ไผทยื่นถุงช็อกโกแลตกับกระเป๋าเป้ให้ “สีน้ำเงินสวยดี เหมือนกันทั้งคู่จะได้ไม่งอนกัน ชอบไหมครับ”
   
พอเห็นของขวัญ ท่าทางเก๊กแบบอัศวินของอ้นกับอุ้มก็หายวับ
   
“ว้าว~” น้องอุ้มปล่อยมือพี่กุนต์ ขอช็อกโกแลตก่อนเพื่อน
   
พี่อ้นเองก็ตาวิบวับ ยกมือไหว้คุณไผทที่ยื่นกระเป๋าให้
   
“ขอบคุณครับคุณอาไท” อ้นกอด Anello แน่น “ดีใจจังเลย”
 
“ขอบคุณฮะ~” อุ้มเองก็โผเข้ากอดขาคุณอาที่หัวเราะถูกใจ
   
ร่างสูงยิ้ม “ชอบก็ใช้ด้วยนะครับ”
   
น้องๆตะเบ๊ะรับ ชื่นชมเสร็จแล้วถึงนึกหน้าที่ตัวเองออก ต้องหันกลับมาจูงมือพี่กุนต์ใหม่ เรียกเสียงหัวเราะจากผู้ใหญ่ที่ยืนมอง
   
“ผมมาแค่นี้แหละ” ไผทบอก “ไว้กลับจากตากค่อยเจอกัน”
   
“เดินทางดีๆนะครับ” กนธียิ้มให้ “อย่าขับเร็วนัก”
   
“ถ้าเปลี่ยนคำอวยพรเป็นจูบข้างแก้มจะดีใจมาก”
   
“อยากจูบน้องหรือครับ ได้เลย” กนธีส่งตัวเด็กให้
   
น้องอุ้มเงยหน้ามองคุณอาที่หัวเราะร่า แก้มกลมยุ้ยถูกนวดเล่นจนขึ้นสีเรื่อเหมือนมะเขือเทศ คุณไผทนั่งยองๆ ขอค่าช็อกโกแลตเป็นการฟัดแก้ม
   
“ได้ฮะได้” อุ้มไม่คิดกะตังค์หรอก ได้กินช็อกโก้ก็ดีใจแล้ว
   
ไผทขบขัน หอมแก้มเด็กน้อยไปฟอด จากนั้นก็แอบกระซิบบางอย่าง น้องอุ้มพยักหน้าหงึก เดินกลับไปยกสองแขนชูหาพี่กุนต์ที่ยืนงง
   
กนธีก้มลงมา น้องเลยเอาปากนุ่มนิ่มไปชนแก้ม เล่นเอามึนไปครู่
   
“คุณอาบอกว่า ฝากส่งต่อให้พี่กุนต์ด้วยฮะ”
   
อีกคนชะงัก ท้วงไม่ออกเพราะน้องดูดีใจที่ทำภารกิจของบุรุษไปรษณีย์เตี้ยป้อม ส่งต่อรอยจูบได้สำเร็จ เขาเลยได้แต่หัวเราะระอา “ให้ได้อย่างนี้สิ”
   
ไผทพอใจแล้ว แค่ได้แหย่นิดๆหน่อยๆ “ระหว่างนี้ก็ฝันถึงผมบ้างนะ”
   
“คงจะยากนะครับ” กนธีพูดยิ้มๆ “เพราะมีคนจองที่ไว้ก่อนแล้ว”
   
คนฟังหัวเราะแผ่ว ยิ่งปฏิเสธจริงจังมากขึ้นเท่าไร กนธียิ่งตรงไปตรงมาจนทำเอาเขาเจ็บจี๊ดเข้าไปทั้งใจเลย “ไปแล้วนะครับ ไว้เจอกัน”
   
น้องอุ้มโบกมือบ๊ายบาย พี่อ้นไหว้สวัสดีคุณอาแล้วถึงจะหันมาหาน้อง
   
“ไปรับจูบคุณอามาทำไมน้องอุ้ม”
   
“ก็คุณอาฝากมานี่นา” อุ้มพูดอย่างซื่อๆ
   
“ถ้าพี่โอ๊ตรู้ พี่โอ๊ตต้องโกรธแหง” อ้นกลุ้มใจม้ากมาก
   
“งั้นหนูต้องถอนจูบแบบเรื่องเจ้าชายกบ” อุ้มเคยได้ยินเพื่อนผู้หญิงพูด

“พี่กุนต์ไม่ใช่กบนะ” พี่อ้นแย้ง “ไม่ได้ถูกสาปด้วย”
   
“แต่พี่กุนต์เป็นเต่า” อุ้มเถียง “จูบเต่าได้ ไม่ได้ถูกสาปก็ไม่เป็นไร”
   
ยิ่งพูดยิ่งคนละเรื่อง กนธีก้มมองเด็กๆคุยกันท่าทางซีเรียส
   
“มีอะไรกันลูก..หิวหรือยัง กินอะไรดีครับ”
   
“พี่กุนต์ๆ หนูขอจูบแก้ม” อุ้มทำปากจู๋
   
“โตขึ้นจะเจ้าชู้ไหมนี่เรา” กนธีหัวเราะ ก้มหน้าให้น้องหอมแก้ม น้องอุ้มจูบที่เดิมเป๊ะๆ จากนั้นก็เอามือแตะปากแล้วขว้างออกไป “อะไรครับเด็กชาย”
   
“พี่อ้นกลัวว่าพี่โอ๊ตจะโกรธที่หนูเอาจูบจากคุณอาไทมาส่งให้พี่กุนต์”
   
“ว้าว..” ผู้ใหญ่ตรงหน้าพึมพำในลำคอ “หนูเลยเอาจูบคืนสินะ”
   
“ช่ายๆ” อุ้มพยักหน้าหงึก “ถอนจูบให้เจ้าชายเต่า”
   
กนธีหัวเราะพรืด น้องอ้นเห็นน้องอุ้มทำพิธีถอนจูบแล้วก็ยิ้มหน้าบาน
   
“น้องอุ้มเก่งมาก..พี่กุนต์จะได้ไม่ใจเต้นเวลาถูกคนอื่นจูบ”
   
“แสบกันจริง” เขาลูบผมเด็ก “ที่จริงถึงหนูไม่มาถอน จูบจากอาไทก็ไม่ทำให้พี่ใจเต้นหรอกครับ” เขาแตะที่อกของน้อง “เพราะหัวใจพี่ฝากไว้ตรงนี้แล้ว”
   
อ้นกับอุ้มปรบมือกันเกรียวกราว พี่กุนต์พูดอะไรก็เท่ระเบิดไปหมด
   
“ไปลูก..กินข้าวกัน” กนธีหัวเราะ จูงมือสองหน่อคนละข้างแบบเดิม
   
หลังจากพาเด็กน้อยไปหาอะไรถ่วงท้องแล้ว กนธีก็ชวนน้องมาเดินเล่นที่ร้านหนังสือ เพราะอยากปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้ตั้งแต่ยังเล็ก กำลังตัดสินใจอยู่ดีๆก็มีมือหนึ่งมาสะกิดหลัง เขาเลยหันไปมอง
   
ชายหนุ่มชะงักไปเล็กน้อย เพราะคนที่ยืนยิ้มให้ก็คือผู้หญิงที่เคยคบหาแบบผิวเผินเมื่อสมัยเรียน เขาเจอเธอครั้งล่าสุดที่งานวันเกิดเพื่อน
   
“ว่าไงคุณชายกนธี” เธอยิ้มสดใส
   
เจ้าของชื่อหลุบตาลงมองชุดคลุมท้องที่เธอใส่อยู่ เขาเซอร์ไพรส์ไม่น้อย
   
“ตั้งแต่คุยกับกุนต์ เราก็กลับไปคืนดีกับแฟนน่ะ” เธอบอก “เดือนถัดไปก็แต่งงานกันเลย นี่ก็เร่งมีน้องภายในปีนี้ เดี๋ยวแก่ขึ้นมาจะไม่ทันใช้”
   
อ้นกับอุ้มจ้องหน้าท้องกลมๆของพี่ผู้หญิงด้วยความสนใจ น้องอุ้มก้มดูพุงตัวเอง ป่องออกเหมือนกัน แต่ไม่รู้ข้างในเป็นขนมหรืออึอึ๊ที่ค้างไว้มาสองวัน
   
“ดีใจด้วยนะ” กนธีตื่นเต้นแทน ครอบครัวจะสมบูรณ์ขึ้นอีกก็ตอนที่มีโซ่ทองมาคล้องใจนี่แหละ “คลอดเมื่อไรส่งข่าวด้วย จะหาของรับขวัญหลาน”
   
“ทองห้าบาทขาดตัวย่ะ” เธอหัวเราะชอบใจเมื่ออีกฝ่ายทำท่าเหรอหรา “แล้วนี่มากับหนุ่มๆที่ไหนเนี่ย ควงคู่เชียวนะ แก้มกลมป่องน่าหยิกจัง”
   
น้องอุ้มยิ้มอวดรอยบุ๋มตรงแก้ม น้องรู้ว่าเสน่ห์พิชิตใจผู้ใหญ่คือเนื้อยุ้ยๆสองข้างใบหน้ากับลักยิ้มจิ๋วๆเลยมักจะยิ้มโชว์อยู่เรื่อย
   
“ลูกชายเราเอง คนนี้ชื่ออ้น คนนี้ชื่ออุ้ม” กนธีแนะนำ

เด็กๆไหว้สวัสดีท่าทางเรียบร้อย ไม่ต้องบอกกล่าวกันเลย
   
“แหม..ทำเป็นพูด” เธอขบขัน “แอบไปแต่งงานเมื่อไร”
   
“เป็นปีแล้ว” กนธียิ้ม
   
คนฟังตีไหล่ผู้ชายด้านหน้า “อีตานี่..เล่นมุกหน้าตาย แต่งปีเดียว ลูกวัยประถมขนาดนี้ เจ้าตัวเล็กอีกคน ไปเสกข้ามเวลามาจากไหนคะคุณ”
   
“เอ้า..” พูดความจริงก็ไม่มีใครเชื่ออีก “ไม่ใช่มุก เป็นลูกชายจริงๆ”
   
“จ้ะๆ” เธอหัวเราะ พอดีเพื่อนสนิทที่มาเดินห้างด้วยกันตามมาสมทบ เธอเลยเรียก ยกมือขึ้นโบก “ทางนี้ๆ” พอหญิงสาวอีกคนเดินเข้าใกล้ เธอก็รีบดึงแขนให้มารู้จักกับกนธี “ขอแนะนำให้รู้จักผู้ชายที่ดีที่สุดในโลก..กนธี สิงหนาท”
   
ชายหนุ่มยิ้มรับ ก้มหัวทักทายอย่างสุภาพ “สวัสดีครับ”
   
“คุณกุนต์นี่เอง..” อีกสาวยิ้มน้อยๆ “ยัยนี่เล่าถึงคุณบ่อยเชียวค่ะ”
   
“เอ๊ะ..ที่เล่านี่ไม่ได้พิศวาส เดี๋ยวสามีฉันก็เล่นงานหรอก” เธอแยกเขี้ยว

กนธีหัวเราะฮ่ะๆ หันไปถาม “เผาอะไรเราให้เพื่อนฟังไปบ้าง หือ..”

บุคคลที่สามยิ้มละไม “ไม่มีหรอกค่ะ แค่บอกว่าเป็นผู้ชายนิสัยดี สุภาพ ช่างเอาใจ เป็นหนุ่มโสดที่ทั้งหล่อ และมีน้ำใจมากๆ เพอร์เฟ็กต์ทุกอย่าง”

“รวยด้วย” อดีตกิ๊กกระซิบ “สิงหนาทนี่อย่าให้บรรยาย”

กนธีหัวเราะ “พูดเกินไป ไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอกครับ อย่าไปเชื่อเขา”

“ถ่อมตัวเข้าไป จะเชื่อไม่เชื่อก็คิดเอาเอง แต่เรื่องโสดนี่ของจริงนะ”

อีกหนึ่งสาวมองกนธีตาวิบวับ ดูก็รู้ว่ากิ๊กเก่าไปโฆษณาชวนเชื่อเอาไว้เสียเยอะด้วยความอยากจะแสดงตัวเป็นแม่สื่อ ของดีมีน้อย ต้องรีบแย่งชิง

อ้นกับอุ้มยืนฟังเป็นตัวแถมอยู่นาน พี่คนกลางเกิดระลึกถึงภารกิจจากพี่โอ๊ตขึ้นมาได้เลยยกมือขึ้น ขออนุญาตรายงานกับสาวที่เข้ามาจีบพี่กุนต์

“พี่กุนต์ไม่โสดครับ พี่กุนต์มีคุณแม่ของอ้นรออยู่ที่บ้าน”

สองสาวอ้าปากค้าง คนมาทีหลังเพิ่งสังเกตว่ามีเด็กเล็กอยู่ด้วยสองคน
   
“เอ๊ะ..นี่ลูกชายหรือคะ” เธอหันไปทางเพื่อน “ไหนบอกว่าโสดไง”
   
“บ้า..ก็โสดน่ะสิ สิงหนาทแต่งทั้งที ไม่มีเงียบกริบหรอก จริงไหมกุนต์”
   
กนธีหัวเราะ โอบไหล่อ้นกับอุ้มที่ทำหน้าที่ปกป้องเขาได้ดีเยี่ยม
   
“ก็พูดไปแล้วไม่เชื่อ” เขาตอบ “เรามีภรรยาแล้ว ขี้โมโหมากด้วย”
   
คนที่อยากเป็นแม่สื่อถึงกับหน้าแตกเพล้ง “จริงอ่ะ..ไปแต่งมาตอนไหน”
   
“ไม่ได้แต่งเป็นพิธี คุยๆกันแล้วก็รับเข้าบ้านเลย” กนธีสร้างเรื่อง
   
“ไม่นะ!” เธออยากกรีดร้อง “บอกมา! สาวที่ไหนชนะใจกุนต์ได้!”
   
“พี่โอ๊ตสั่งว่า ถ้าใครถาม ให้บอกว่าเมียพี่กุนต์ชื่อโอ๊ตฮะ~” น้องอุ้มยกมือหรา “ตัวสูงหยั่งงี้” ชูมือสูงๆขึ้นไป “ก้ามหยั่งงี้” น้องทำเสียงฮึด ทำท่าเบ่งแขน
   
“กล้ามลูกกล้าม มี ล.ลิง ด้วยครับ” กนธีกระซิบ..แต่ไม่ใช่ประเด็นนี่หว่า
   
“ห๊ะ?” ผู้หญิงสองคนมองหน้า “แฟนเป็นทอม? แล้วน้องลูกใคร?”
   
กนธีหัวเราะ โบกมือปัดๆก่อนที่เรื่องจะเกินเลย
   
“เอาเป็นว่าเราขอแนะนำอีกทีนะ” เขาลูบหัวน้องอ้น “นี่..เด็กชายอัครา สิงหนาท” แล้วลูบหัวน้องอุ้ม “เด็กชายอาศิร สิงหนาท..ยินดีที่ได้รู้จักพี่ๆครับ”
   
พวกเธอตะลึง อะไรยังไงไม่รู้ รู้แค่ว่าบุคคลปริศนารายนั้นกับเด็กๆที่อยู่ตรงนี้..เป็นคนของสิงหนาทแน่นอน
   
อ้นกับอุ้มอ้าปากค้าง เงยมองพี่กุนต์หน้าตื่น
   
“หนูได้ใช้นามสกุลของพี่กุนต์ด้วย~”
   
“อ้นเป็นลูกพี่กุนต์จริงๆหรือครับ” น้องอ้นทำตาโต
   
กนธียิ้ม ก้มกอดอ้นกับอุ้มและหอมแก้มท่ามกลางสายตาเพื่อน เป็นการบอกให้รู้ ไม่ว่าน้องจะเป็นใครมาจากไหน เด็กสองคนคือหัวใจทั้งดวงของเขา

“เอาไว้หลวงพี่สึกออกมา พี่กุนต์จะถามนะครับ” เขาคลึงปลายนิ้วเล็ก “ว่าหากพี่กุนต์จะขอรับอ้นกับอุ้มเป็นลูกบุญธรรม..หลวงพี่จะยอมไหม”

อ้นน้ำตาร่วงเผาะ โผเข้ากอดพี่กุนต์แน่น อุ้มก็กระโดดเข้าเกาะตาม

“อา..รู้สึกเป็นส่วนเกินซะแล้ว” หญิงสาวหัวเราะแผ่ว หันมาทางเพื่อนสนิท “ไว้เดี๋ยวฉันไถ่โทษ หาผู้ชายคนใหม่ให้นะเธอ แผ่นดินไม่ไร้เท่าใบพุทรา”

กนธีหัวเราะเบาๆ ยกมือบ๊ายบายสองสาวที่เดินจากไป

..อีกหน่อยต้องทำป้ายแขวนคอ ‘ภรรยาผมดุ’ กันไว้เสียแล้วสิ..

อ้นเอาหน้าซุกขาพี่กุนต์ กอดรัดไม่ปล่อย “อ้นอยากเป็นลูกพี่กุนต์ครับ”

“หนูด้วยๆ” น้องอุ้มกอดหมับอีกข้าง “คุณพ่อหนูหล่อที่สุดเลย~”

“พี่ก็อยากมีพวกหนูเป็นลูกชายเหมือนกัน” เขายิ้ม ลูบหัวเหม่งแล้วเช็ดน้ำตาให้เด็กๆ “ไปครับคนดี..กินไอศกรีมกันดีกว่า ร้องไห้มาก ขี้มูกโป่งน้า~”
   
น้องๆพยักหน้ารับ จูงมือ ‘คุณพ่อสุดหล่อ’ กันคนละข้าง
   
ระหว่างนั้น อ้นก็แอบครุ่นคิด นี่ไม่กี่วัน พี่กุนต์ก็มีคนมารอแย่งหลายคนแล้ว ถ้านานๆไป พี่กุนต์จะไม่ยิ่งมีคนมาต่อคิวยาวเป็นกิโลหรือ
   
..พาไปซ่อนไว้ที่ไหนสักที่ รอพี่โอ๊ตกลับมาดีไหม..

“พี่กุนต์ครับๆ” ไวเท่าความคิด อ้นเสนอทันที “ไปบ้านยายกันไหม”

“หนูอยากกลับบ้านหรือลูก”

“อ้นอยากพาพี่กุนต์ไปเที่ยวเฉยๆ อ้นอยู่ที่ไหนก็ได้ถ้ามีพี่กุนต์” 

“คารมดี” เขายิ้มขัน “เอางี้..ปิดเทอมเราไปอยู่บ้านอาไผ่ที่ปากช่องกัน”

น้องอุ้มพยักหน้ารัว “ชวนคุณอาไผ่ไปด้วยนะฮะ ไปกันๆ”

เขายิ้มรับ เอามือถือมาวีดีโอคอลหาน้อง ไม่นานนักมันก็กดรับ

“รอเดี๋ยวนะไผ่ลู่ลม มีหนุ่มหล่ออยากคุยด้วย”

พสิษฐ์เลิกคิ้ว พอพี่กุนต์ยื่นโทรศัพท์ให้ เขาก็เห็นแต่กลุ่มผมกระจุกใหญ่ จากนั้นก็เห็นหน้าผากเหม่งๆลอยไปลอยมา ‘ใครเอ่ย..หนูอุ้มหรือเปล่า’

น้องอุ้มเพิ่งจะหาท่าจับมือถือได้ถนัด เด็กชายจ้องตาโต พอเห็นคุณอาอยู่อีกฝั่งก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “คุณอาๆ ไปเที่ยวบ้านคุณอากันนะฮะ”

‘บ้านที่ไหนครับ’ พสิษฐ์มึนงง ‘ปากช่องน่ะหรือ..’

“ใช่ฮะใช่” อุ้มทำปากจู๋ใส่กล้อง “คุณอาเห็นลักยิ้มหนูไหม”

พสิษฐ์หัวเราะ ‘เห็นครับ ว่าแต่..จะไปกันวันไหนล่ะ’

“พรุ่งนี้เลย~”

‘โห..ยังไม่ทันเก็บของ’ คุณอานึกขำ ‘บอกลุงกุนต์ให้เตรียมตัวนะครับ’

“ขอเอาคุณเขียวขจีไปด้วยได้ไหมฮะ”

พสิษฐ์ร้องห๋า พอดีพี่กุนต์โผล่เข้ามา กระซิบบอกว่าเป็นเต่าญี่ปุ่น

‘ฮ่ะๆๆ คุณเขียวขจีต้องอยู่กับน้ำครับ ถ้าเอาไปเดี๋ยวจะเป็นลม เอาเป็นว่าเจอกันพรุ่งนี้ หยิบกางเกงว่ายน้ำไปด้วย คุณอามีสระว่ายน้ำอยู่หลังบ้าน’

อ้นกับอุ้มร้องไชโย แผนการลักพาตัวพี่กุนต์เริ่มขึ้นแล้ว

อย่างไรก็ตาม น้องไม่ทันฉุกคิดว่าการไปอยู่ที่บ้านปากช่องหลังนั้น มันคือการเปิดทางให้คุณอาไผทเข้ามาหาพี่กุนต์ได้อย่างเต็มที่ต่างหาก

......


พระบวชใหม่สองสามรูปกำลังยืนกวาดลานวัดที่มีใบต้นก้ามปูร่วงเกลื่อนกลาด ดอกสีชมพูคล้ายร่มของมันแตกเป็นเศษเสี้ยว กระจายอยู่บนอิฐตัวหนอน
   
“กวาดเท่าไรๆก็ไม่หมดสักที..” มีเสียงบ่นพึมพำตามด้วยเสียงไม้กวาดทางมะพร้าวครูดกับพื้น “ทำความสะอาดน่าจะเป็นกิจของเณรมากกว่า”
   
อินทัชได้ยินท่านหันมาคุยด้วยแต่ไม่ได้ร่วมโต้ตอบ ท่านเป็นลูกชายของร้านยาจีน พ่อแม่ขอให้มาบวช ไม่ได้อุปสมบทด้วยความเต็มใจนัก
   
หลวงตาที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเดินมา “ที่นี่ต้นไม้เยอะ เหนื่อยหน่อยนะ”
   
พระรูปเดิมถอนหายใจ ก้มกวาดพื้นต่อ อินทัชพยักหน้ารับคำหลวงตา งานแค่นี้ไม่ได้สร้างความเหนื่อยยาก ถ้าใจร้อนอยากเร่งทำให้เสร็จ เวลาลมพัดใบไม้ปลิวก็จะยิ่งหงุดหงิด แต่ถ้าควบคุมสติ มีสมาธิกับสิ่งที่ทำ ให้เวลาปัจจุบันไหลไปเรื่อย คิดว่าการกวาดลานวัดแบบนี้ก็มีประโยชน์เช่นกัน
   
“พวกท่านทราบไหมว่าเรามาเสียเวลากวาดพื้นกันทำไม” หลวงตาถาม

พระทุกรูปหยุดมือ หันมามอง ส่วนอินทัชยังคงกวาดต่อไป
   
“ทำความสะอาดไม่ให้ลานวัดสกปรกครับ”
   
หลวงตาพยักหน้า “ใจมนุษย์เราก็เหมือนกัน ต้องปัดกวาดเสียบ้าง”
   
พระหนุ่มฟังไว้แล้วพิจารณา หลวงตาพูดถูก การดำเนินชีวิตของเรา เต็มไปด้วยกิเลส การมาบวชเรียน เท่ากับเป็นการถือโอกาสชำระล้างจิตใจ
   
อินทัชรับผิดชอบบริเวณทำความสะอาดที่แบ่งสรรปันส่วนกับพระรูปอื่นเสร็จสิ้นแล้ว ท่านโกยใบไม้ไปสุมไว้ตรงโคนต้นก้ามปูและกลับเข้ามาช่วยพระรุ่นน้องที่ยังบ่นอยู่เนืองๆ ฝ่ายนั้นหันมาขอบคุณ ท่านก็ทำเพียงแต่ยิ้มรับ

หลวงตาไปพักเหนื่อยที่ลานเอนกประสงค์ ท่านจิบน้ำชาอยู่ตรงม้านั่งหินตอนที่มีหญิงวัยสาวเข้ามาขอพบ สีกาผู้นั้นเดินมาด้วยดวงตาแดงก่ำ
   
“โยมลูกสาวคนเล็กของหลวงตา ออกเรือนไปแล้ว เห็นว่าช่วงนี้มีปัญหากับครอบครัว” หลวงพี่ที่บวชพรรษานานกว่าอธิบาย ภิกษุใหม่จะได้ไม่แคลงใจ
   
“หลวงพ่อคะ” เธอพนมมือระหว่างพูด “ดิฉันมีเรื่องกลุ้มใจ ไม่เคยคิดว่าแต่งงานแล้วจะมีเหตุสารพัด นิดไม่เข้าใจ หน่อยก็ทะเลาะ ทำใจเย็นไม่ได้เลย”
   
หลวงตาพยักหน้า ไม่ได้โต้ตอบอะไรนอกจากให้โยมเล่าเรื่องจนจบ ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือความไม่เข้าใจกันของบุคคลสองคนที่มาอยู่ร่วมกัน มีปัญหาการปรับตัว ใช้อารมณ์ ยึดตัวตน ยึดทิฐิเป็นหลักด้วยถือว่าตัวเองมีดีจึงไม่ฟังใคร
   
“โยม..ครองเรือนให้ถือฆราวาสธรรม และหัดรักด้วยพรหมวิหาร”
 
อินทัชได้ยินบทสนทนานั้น เลยขอรับฟังด้วยความสนใจ
   
“ฆราวาสธรรม เป็นหลักธรรมสำหรับฆราวาส ไม่ใช่แค่ชีวิตครอบครัว คนทั่วไปก็ยึดหลักนี้ได้” หลวงตาสอน “ข้อแรก..สัจจะ แปลว่าความจริง ทำอะไรต้องทำแต่เรื่องจริง รักจริง..ไม่หลอกลวง พูดจริง..ไม่โกหก ทำจริง..ไม่บิดพลิ้ว และสิ่งสำคัญคือมีความจริงใจต่อคู่ชีวิต ซื่อสัตย์ ไม่ทรยศหักหลังอีกฝ่าย”
   
“ทมะ..แปลว่าการฝึกฝน มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐที่ฝึกตนได้..หัดฝึกจิตใจ นิสัย ปัญญา พัฒนาตัวเองไปในทางที่ดี ฝึกปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ปรับตัวเข้าหากัน เพราะไม่มีใครที่อยู่ร่วมกันแล้วจะเกิดการคล้อยตามกันหมดทุกอย่าง”
   
“ข้อที่สาม..ขันติคือความอดทน ต้องหัดมีความเข้มแข็งทางใจ อดทนต่อปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ฝ่าฝันไปด้วยกัน อดทนต่อสิ่งที่มากระทบใจ อดทนต่ออารมณ์ด้านลบที่เกิด และอดทนต่อกิเลสภายนอกที่เข้ามายั่วยุแต่ละฝ่าย”
   
หญิงสาวพนมมือฟังคำสอน แม้จะไม่เข้าใจนักแต่ก็พยายามคิดตาม
   
“ข้อสุดท้าย..จาคะ คือเสียสละได้เพื่ออีกฝ่าย เมื่อรักอย่างจริงใจ ย่อมมีความปรารถนาดีต่อกัน เราจะเสียสละให้คนของเราได้ เช่น เวลาเจ็บป่วย สละความสบายมาดูแล เวลาทุกข์ สละการหนีเอาตัวรอด เวลาอับจน สละความสุขส่วนตัวมาช่วยเหลือ สละตัวตนที่เรายึดมั่น สละตัวกูของกู เพื่อปรับเข้าหากัน”
   
อินทัชทำความเข้าใจกับเรื่องที่ได้ยิน หลักธรรมในศาสนานั้นคงอยู่และมีจริง ขึ้นกับคนจะตีความและน้อมรับมาปฏิบัติ ไม่ใช่เรื่องงมงายเหลวไหลถ้าหัดที่จะฟังและคิดวิเคราะห์ตามหลักกาลามสูตร เมื่อทำแล้วได้ผลค่อยเชื่อก็ไม่สาย
   
“หลวงพ่อ..ดิฉันจะพยายาม” เธอเช็ดน้ำตาของตัวเอง
   
หลวงตายิ้มรับ “ยึดฆราวาสธรรมแล้ว อย่าลืมรักด้วยพรหมวิหารสี่”
   
“เมตตา ปรารถนาให้เขาได้รับความสุข ไม่ว่าความสุขนั้นจะมีเราอยู่ด้วยหรือไม่ ก็ต้องหัดวางใจเอาไว้ หากวันใดวันหนึ่งเขาต้องการจะมีความสุขกับผู้อื่น ถ้าเรามีเมตตาแล้ว เราก็จะเข้าใจเขา”

“กรุณา..ปรารถนาให้เขาพ้นทุกข์ ไม่ซ้ำเติม คอยอยู่ข้างๆ มีใจหวังดีให้เขาคลายจากทุกข์ และหากว่าเขาอยู่กับเราแล้วเป็นทุกข์ การยินยอม ปล่อยมือไปจากการครอบครองเขาเอาไว้ก็คือทางที่ดี”

“มุทิตา..ยินดีเมื่อเขาได้ดี ไม่ชิงชัง อิจฉาริษยา คิดสนับสนุน รู้สึกร่วมไปกับความสุขที่เขาได้รับ วันหน้า หากคนของเรากลายไปเป็นของคนอื่น เมื่อเขาได้ดีมีสุขในแบบที่เขาพอใจ เราก็จะไม่ทุรนทุรายเพราะสูญเสียสิ่งที่รักไป”

“สุดท้าย..อุเบกขา รู้จักที่จะวางเฉย สร้างความสงบให้จิตใจ ทุกเรื่อง ทุกอย่าง ขอให้มีใจที่เป็นกลาง ทั้งต่อความสุขและความทุกข์ ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเกิดขึ้นกับเราหรือกับคู่ของเรา” ท่านสอนไว้เท่านี้ “พิจารณาเอานะโยม”

หลวงตาให้แง่คิดถึงการเป็นสามีภรรยา ไม่เพียงแต่หลักธรรมในการใช้ชีวิตร่วมกัน แต่รวมถึงการฝึกจิตฝึกใจเมื่อมีปัญหาบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง  กิเลสรอบด้านมีมาก ไม่มีอะไรยืนยันว่าจะได้เป็นคู่ผัวตัวเมียกันตลอดไป
   
..ทำให้ดีที่สุดเมื่ออยู่ร่วมกัน..
   
..แต่เมื่อถึงเวลาจากกัน ต้องรู้จักปล่อยวาง..
   
“ขอบพระคุณท่านมากๆค่ะ” เธอกระพุ่มมือไหว้ “ถึงแม้ว่าจะยาก แต่ดิฉันจะลองพยายามดู ไม่ว่าจะดีขึ้นหรือไม่ อย่างน้อยก็ได้ลงมือทำแล้ว”
   
อินทัชกวาดลานวัดเสร็จพอดีเมื่อหลวงตาปลีกตัวออกมา ตั้งใจจะไปจำวัด พระหนุ่มค้อมตัวลงเล็กน้อยด้วยความรู้สึกเคารพ
   
สายลมเย็นรื่นพัดผ่าน กลิ่นอายบริสุทธิ์ของอากาศที่ไร้สิ่งเจือปนทำให้ใจสงบ รู้สึกราวกับตะกอนขุ่นข้นในใจกำลังถูกชะล้าง
   
ยังมีเรื่องราวมากมายให้เรียนรู้และฝึกปฏิบัติ หากตั้งใจเปลี่ยนแปลงตนไปในทางที่ดี มนุษย์เราย่อมทำได้เสมอ




..................................................................




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-10-2017 22:22:13 โดย nigiri-sushi »

ออฟไลน์ nigiri-sushi

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1165/-8
    • Nigiri-Sushi Page
Re: Sins : Greed -- [Ch.58-60] pg.137 -- 21/10/60
«ตอบ #4106 เมื่อ21-10-2017 22:14:29 »





Chapter 59




เสียงหัวเราะสดใสของเด็กๆดังอยู่ทั่วบ้าน ไม่ว่าอ้นกับอุ้มจะวิ่งไปทางไหน กนธีรู้สึกมีความสุข และไม่เคยรู้สึกถูกเติมเต็มในชีวิตได้เท่านี้มาก่อน
   
พสิษฐ์เป็นพลขับที่ดีเยี่ยม เขาทำหน้าที่พาพี่ชายกับน้องสองคนไปช็อปร้านขายไม้ดอกไม้ประดับ พี่กุนต์เสนอจะเอาต้นไม้มาลงเพื่อให้สวนหลังบ้านที่แห้งแล้งดูสดชื่นขึ้นมาสำหรับการอยู่อาศัย เขาไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว เห็นดีด้วยซ้ำ
   
“จะเริ่มปลูกผักไฮโดรด้วย ไอ้ไผ่..ไปซื้ออุปกรณ์มา พี่อยากลอง”
   
“ครับๆ รับบัญชา” 
   
“ข้างหลังจะปลูกฟอร์เก็ทมีนอท เอาต้นนี้ด้วยนะ สีฟ้ามันสดชื่นดี” กนธีบอก “ถัดไปขุดแปลงผัก พี่อยากปลูกมะเขือเทศเชอร์รี่เพราะชอบกินมากๆ”
   
“ผมชอบกินหน่อไม้ฝรั่ง” ไม่มีใครถาม แต่น้องชายอยากบอก
   
“ก็เอาสิ ปลูกด้วยกัน แต่ของแกแปลงนู้น อย่ามายุ่งแปลงพี่”
   
“บ้านผมนะ..” พสิษฐ์บ่นอุบ
   
“แต่ที่ดินพี่โว้ย” กนธีถือสิทธิ์ขาด ให้ฟรีก็ดีนักหนาแล้ว! “เว้นที่เผื่อไว้ให้ด้วย ถ้าได้ไก่ไข่มาเลี้ยง คงได้กินไข่บ่อยๆ เหมาะกับสายชีวจิตอย่างพี่มาก”
   
“เอาวัวนมมาเลี้ยงด้วยเลยไหมล่ะ รีดปุ๊บกินปั๊บ รูดจากเต้า” เขาแหย่
   
“เอาสิ” กนธีชอบใจ “อยู่กรุงเทพทำไม่ได้ ทำที่บ้านของแกนี่แหละ”
   
“บ้านคนหรือหม้อจับฉ่ายวะ..” บ่นไปก็งั้นๆ เขารักและตามใจพี่อยู่แล้ว
   
บ้านพักตากอากาศหลังแรกของพสิษฐ์เลยดูมีชีวิตชีวาและมีเรื่องราวมากขึ้น อะไรทุกอย่างเป็นใจ ทั้งรอยยิ้มและคนรอบตัว จะยกเว้นแค่อย่างเดียว
   
“อ๋อ..อากาศดีกว่าปากช่องอีกหรือคุณไท” กนธีคุยโทรศัพท์ไป หยอดเมล็ดผักลงในฟองน้ำไป “ชวนผม? โห..ผ่านดีกว่าครับ แก่แล้ว นั่งรถนานไม่ไหว”
   
พสิษฐ์ทำเสียงหึในลำคอ ไอ้หมอนี่มันน่ารำคาญใจ เขาไม่เคยเจอคนที่ไหนทำหูทวนลม หลับหูหลับตาพุ่งชนเข้าจีบดะอย่างคุณไผทมาก่อนเลย
   
“เขาไม่รักไม่ชอบยังมาตื๊อไม่เลิก” คิดแล้วเลยพูดลอยๆ
   
กนธีหันมา เอาฟองน้ำขว้างหัวน้อง ทำนิ้วจุ๊ๆเป็นเชิงว่าเสียมารยาท
   
..คนแบบนี้ต้องมีมารยาทด้วยหรือ..ไม่จำเป็นมั้ง..
   
“ยิ่งคุยก็ยิ่งให้ความหวัง ตัดสายไปเลยพี่” เขากระซิบ
   
กนธีเขกหน้าผากอีกฝ่าย “ไปซื้อคาปูชิโนให้พี่แก้วหนึ่ง อยากกิน”
   
“แถวนี้มีที่ไหนล่ะ!”
   
“ขับไปสิ มีรถไม่ใช่หรือ” สั่งแล้วก็หันไปปลูกผักต่อ
   
พสิษฐ์บ่นพึมพำ จำใจหยิบกุญแจรถไปตามสั่ง เขาควรจะได้รางวัลน้องชายดีเด่น บ้านห่างไกลเป็นสิบกิโลยังพากเพียรเข้าไปถึงในเมือง!
   
ชายหนุ่มแวะซื้อกาแฟให้พี่ชายทีเดียวห้าถุง แยกน้ำแข็งเสร็จสรรพ ถ้าร้องจะกินอีก เขาจะเอามาห้อยคอพี่กุนต์ซะ! พอขากลับ เขาขับผ่านบ้านคุณไผท ไม่รู้นึกอย่างไรถึงได้เลี้ยวเข้าไปด้อมๆมองๆทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่อยู่
   
“มาทำอะไรหรือเปล่าครับ” คนงานโผล่มาถาม
   
พสิษฐ์อ้ำอึ้ง จะบอกว่ามาแอบสำรวจก็ไม่ดี เลยพูดว่ามีธุระกับคุณไผท เด็กหนุ่มนั่นท่าทางจะอยู่ในไร่ ไม่รู้ความอะไรนัก เลยชี้โบ๊ชี้เบ๊ให้เขาขับไปทางบ้านไม้หลังใหญ่ ให้ถามกับป้าแม่บ้านไม่ก็คนในนั้นเอาเอง
   
เขาจอดรถ เดินเข้าไปตามบอก แม่บ้านจำเขาได้เลยยกมือสวัสดี
   
“ผมมาหาคุณไผทครับ” พสิษฐ์ยิ้มให้ ถือโอกาสมองทุกอย่างในบ้าน
   
เขาเห็นภาพของไผทในวัยรุ่นถ่ายคู่กับชายอายุมากกว่า รูปนั่นใส่กรอบตั้งไว้ในตู้โชว์ เขามองอย่างสนใจ บางที..นี่อาจจะเป็นพ่อบุญธรรม    

“เจ้านายไม่อยู่น่ะค่ะ ไปดอยมูเซออาทิตย์หนึ่ง” แกเอาน้ำมาเสิร์ฟ
   
พสิษฐ์ทำท่ารับรู้ สวมรอยเป็นเพื่อนที่สนิทสนมกับฝ่ายนั้นได้แนบเนียน
   
“ขึ้นดอยเลยหรือครับ ขยันจริงๆ แล้วนี่เขาไปคนเดียวหรือไปกับใครล่ะ”
   
“คนเดียวค่ะ”
   
“อ้อ..ผมนึกว่าเขากลับไปเยี่ยมบ้านเสียอีก” ชายหนุ่มเลียบเคียง “ปกติคุณไทเขากลับไปหาครอบครัวเขาบ่อยหรือเปล่าครับ”
   
“เอ..ไม่นี่คะ เธอไม่ได้มีครอบครัวที่ไหน เป็นหนุ่มโสดค่ะ”
   
“บ้านพ่อกับแม่น่ะครับ” พสิษฐ์ลองหยั่งเชิงเผื่อจะได้อะไร
   
“เรื่องนี้ป้าก็ไม่ทราบเหมือนกัน เธอไม่เคยเล่าอะไรให้ฟังนะคะ รู้แต่ว่าคุณพ่อคุณแม่ของเธอเสียชีวิตแล้วทั้งคู่” แกพูด “ถ้าไปกรุงเทพก็ไปธุระมากกว่า”
   
ร่างสูงเลิกคิ้ว คุณไผทน่ะไม่มีพ่อแม่ ที่เสียไปก็มีแต่พ่อบุญธรรมสองคน
   
“จะให้ป้าเรียนไหมคะว่าคุณมาหา”
   
พสิษฐ์ส่ายหัว “ไม่เป็นไรครับ พอดีผมขับผ่านเลยแวะมา นึกว่าเขาอยู่ ยังไงเดี๋ยวผมโทรคุยกับเขาเองก็แล้วกัน” เขายิ้มให้แล้วกลับออกไปที่รถ
   
..ไอ้หมอนี่..อะไรก็เปิดเผย เว้นแต่อดีต..ดูลึกลับไปหมด..
   
รถโฟร์วีลคันใหญ่ค่อยๆเคลื่อนผ่านไร่องุ่น คนงานหลายช่วงอายุเดินให้ปุ๋ย บ้างก็สำรวจผลผลิตในแต่ละแปลง คนอีกกลุ่มกำลังช่วยกันเอาป้ายประกาศอันย่อมปักลงดิน เขาอ่านข้อความ ‘รับสมัครคนงานในไร่จำนวนมาก’

ชายหนุ่มมองอย่างครุ่นคิดก่อนจะขับเลยไปยังบ้านของตนเอง


…………………………………………………….


ฟอร์จูนเนอร์ที่เกรอะกรังไปด้วยรอยโคลนและดินสีแดงเลี้ยวเข้ามาในเขตไร่ ตอนนี้เกือบจะห้าทุ่มแล้ว ไผทกลับมาถึงปากช่องเลทกว่าที่คิด
   
ตอนที่จอดรถนิ่งสนิทอยู่หน้าบ้านพร้อมกับหาวหวอด สายตาก็เหลือบมองข้ามจากแนวรั้วองุ่นและที่ดินว่างเปล่าของเพื่อนบ้านไปเห็นแสงไฟอยู่ลิบๆ เขาเลิกคิ้ว แปลกใจที่บ้านของน้องชายคุณกนธีมีคนมาอยู่อาศัย
   
วันรุ่งขึ้น ไผทขับรถกอล์ฟไปดูหน้าบ้าน ภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอาเขาหลุดยิ้มออกมาเมื่อเห็นใครบางคนกำลังตีแบดมินตันอย่างเอาเป็นเอาตายกับเจ้าของบ้านตัวจริงอย่างคุณไผ่ลู่ลมโดยมีเด็กๆเป็นกองเชียร์ชนิดเต้นกันสุดใจ 
   
กนธีที่กำลังจะแพ้ในเกมที่สามหยุดพักหอบหายใจตอนที่เห็นแขกมาหา เขายกผ้าขนหนูขึ้นซับเหงื่อ “อ้าว..คุณไท กลับมาตั้งแต่เมื่อไร”
   
“เมื่อวานครับ” ไผทยิ้มให้ “พอดีคิดถึงคุณกุนต์เลยรีบกลับ”
   
พสิษฐ์ทำหน้าเนือยขึ้นมาทันที ในขณะที่พี่ชายเขาหัวเราะร่า
   
“ครบกำหนดหนึ่งอาทิตย์พอดีไม่ใช่หรือครับ มาคิดถึงอะไรกัน”   
   
ไผทหัวเราะชอบใจที่ถูกไล่ทัน เขาเดินเข้ามากลางวง พูดกับกนธี “เล่นกันน่าสนุกจังนะครับ ถ้ายังไงให้เกียรติผมเป็นคู่ซ้อมด้วยได้ไหม”
   
กนธีพยักหน้ารับ ยื่นไม้แบดให้ ส่วนตัวเองไปนั่งพักที่ม้าหิน

“เอาเลยครับคุณไท..ซัดน้องชายผมให้ร่วงลงไปกองได้เลย!”

ไผทชะงัก เขาไม่ได้อยากจะเล่นกับหมอนั่น เขาจะเล่นกับคุณกุนต์ แต่ไม่ทันได้อ้าปากบอก พสิษฐ์ก็ตีลูกขนไก่มาตกผัวะตรงหน้า เฉียดแบบเส้นยาแดง

“มาเลยครับคุณไท..ถ้าล้มผมได้ ผมยอมเลี้ยงข้าวคุณเลย”

..ท้าทายกันขนาดนี้..หนีหายไปก็ไม่ใช่ไผทแล้ว..

“หึ” ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก พับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นแล้วเดินเข้าหา “รับคำท้า”

กนธีนั่งยิ้ม พักเหนื่อยดูคนสองคนไล่หวดลูกฟาดใส่กันยิ่งกว่าตีเทนนิส ผัวะสองผัวะ ขนไก่ก็หลุดกระจายเหลือแต่แกน เขาหัวเราะ เหมือนเห็นหมีฟัดกัน

เวลาผ่านไปได้ครึ่งชั่วโมง อ้นกับอุ้มก็เลิกเป็นกองเชียร์ เพราะคะแนนสูสีจนลุ้นไม่ถูก น้องหันมาช่วยพี่กุนต์เล็มกิ่งต้นชาฮกเกี้ยนและทำสวนถาดแทน

“มีหนอนด้วยๆ” น้องอ้นจับมันออก

“ใส่เห็ดนะฮะ” น้องอุ้มชูเห็ดปลอม

“เอาเลยลูก” กนธีหาวแล้วหาวอีก บิดขี้เกียจระหว่างดูนาฬิกาข้อมือ นี่ชั่วโมงกว่าแล้ว สองคนนั้นยังเล่นเหมือนจะฆ่ากันให้ตายไปข้าง

ในที่สุด เมื่อเขาวางมอสปูพรมลงบนเนินดินอันจิ๋ว พสิษฐ์ก็หวดไม้แบดเป็นหนสุดท้าย กดลูกขนไก่ลงในคอร์ดของไผทและชนะฉิวเฉียดไปนิดเดียว

ไผทหัวเราะ ยกสองมือยอมแพ้ ตอนนี้เหงื่อเขาชุ่มโชกไปหมด “โอเค..คืนนี้ผมคงหลับเป็นตาย” เขาหอบเบาๆ หันมาทางกนธี “หิวน้ำจังคุณกุนต์”

เป็นพสิษฐ์ที่ไวกว่า เขาหยิบขวดน้ำดื่มแล้วโยนมาทางไผท ฝ่ายนั้นคว้าหมับก่อนจะหรี่ตามองที่เขาพุ่งเข้าไปเป็นก้างแบบไม่เปิดโอกาส

กนธียิ้มขัน วางขวดน้ำในมือลง พอดีกับที่น้องอุ้มร้องบอกว่าปวดฉี่

“โอเค..อ้นไปมั้ยครับ ไปหาขนมกินกันด้วย” เขาลุกขึ้นยืน จูงมือเด็กสองคนเข้าบ้าน “คุณไท..อยู่คุยกับไผ่ไปก่อนนะ เดี๋ยวผมมา”

ไผทเดินมานั่งพักที่โต๊ะหิน ยกสองมือตะเบ๊ะรับก่อนถลกเสื้อขึ้นมากองที่คอ แทบจะนอนพังพาบไปกับเก้าอี้ด้วยความหมดแรง

พสิษฐ์มองฝ่ายตรงข้าม “ถ้าเหนื่อยจะกลับไปพักที่บ้านก็ได้นะคุณ”

“หึๆ” ไผทวางแขนพาดขอบโต๊ะ แหงนคอไปด้านหลังอย่างเมื่อยขบ “บ้านผมไม่หนีไปไหนหรอก กลับเมื่อไรก็ได้ แต่ผมอยากคุยกับพี่ชายคุณก่อน”

พสิษฐ์นึกโมโห คนพรรค์นี้ตื๊อไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม เอาแต่ตัวเอง เขาไม่ได้มีใจก็ยังเทียวไล้เทียวขื่อ มันไม่ใช่ความรู้สึกรักที่รุนแรงอะไรหรอก

..ความเห็นแก่ตัวต่างหาก..

เขามองไผทที่นั่งตากลม ผิวสีแทนชุ่มไปด้วยเหงื่อ หมอนั่นคอยเหลือบมองไปทางประตูบ้านที่กนธีเดินหายเข้าไปกับเด็กๆโดยไม่คิดสนใจเขาสักนิด

พสิษฐ์นึกหมั่นไส้เลยพูด “คนไม่สนใจก็ยังตื๊อทรหดอยู่ได้นะครับ”

ไผททำหูทวนลมด้วยการหยิบฟ๊อกกี้มาฉีดชาฮกเกี้ยนในถาด

“คุณไท..ผมพูดกับคุณนะ”

“หนวกหู” ไผทขมวดคิ้ว “ด่าอะไรก็ด่าไปเถอะ”

พสิษฐ์ทำใจเย็น จงใจต่อล้อต่อเถียงด้วย เพราะอยากกระตุกหนวดเสือ

“นี่..คนมีแฟนแล้ว อย่าไปยุ่งกับเขาเลย” เขาเดินเข้ามา วางไม้แบดลงด้านข้าง “ถ้าอยากเอาชนะนัก เปลี่ยนจากพี่กุนต์มาจีบผมแทนก็ได้”

ไผทหรี่ตามอง “ขอโทษที่ผมไม่ได้ตาบอดและก็ออกจะเลือกคนอยู่”

พสิษฐ์ฉุนกึก สักพักก็หัวเราะหึ นึกอยากแหย่ ชายหนุ่มอาศัยจังหวะอีกคนเผลอ ยกสองแขนขึ้นคร่อมฝ่ายที่นั่งพิงกับโต๊ะหิน คุณไทหันมา ผงะไปนิด

“ถอนคำพูดเลยนะครับ” เสียงทุ้มกดต่ำ

“เอาแขนออก ขยะแขยง” เขาว่า “ผมไม่พิศวาสผู้ชายตัวยักษ์แบบคุณ”

“ผมก็ไม่ได้สนคุณหรอก แต่ถ้าอยากเอาชนะด้วยการสร้างความวุ่นวายให้ครอบครัวของพี่กุนต์ ผมจะลองเล่นกับคุณดูก็ไ...!”

ไผทหยิบฟ๊อกกี้มาฉีดฟึ้ดใส่หน้าอีกฝ่าย น้องแบมบูสะบัดหัวพรืด

“แสบๆๆ มีปุ๋ยหรือเปล่าเนี่ยคุณไท เล่นอะไรไม่ดู”

เขาก้มมองฟ๊อกกี้ในมือ เขย่าๆดูแล้วไม่มีตะกอนหรือกลิ่นเคมี เขายังไม่อยากถูกแจ้งข้อหาเพราะทำคนตาบอด “มีแต่ปุ๋ยขี้วัวมั้ง ไปล้างหน้าซะคุณไผ่”

ร่างสูงดึงเสื้อที่กองอยู่ตรงคอลงมาตามเดิม ลุกยืนบิดขี้เกียจ

“จะบอกอะไรให้อย่างนะ ผมไม่ได้อยากเล่นเกม โตๆกันแล้ว ผมแค่ทำตามความรู้สึกตัวเองเท่านั้น แพ้คือแพ้ ถ้าเขาไม่มีใจจริงๆ ผมจะไป”

พสิษฐ์ก่นด่าในลำคอ ไม่ได้ฟังหรอก เขากำลังเช็ดหน้าอยู่ ฉีดเข้ามาได้!

“คุณเองก็เลิกอุ้มพี่ชายคุณได้แล้ว ให้เขาตัดสินใจเองเถอะ” ไผทยกมือขึ้นเสยผมที่ปรกหน้า “อ้อ..อีกเรื่องหนึ่งที่อยากบอก..”

พสิษฐ์ขยี้ตายิก หันมอง

“อย่าลืมอาบน้ำให้สะอาดๆนะ” ไผทพูด “คุณเหม็นเหมือนช้างเน่า”

แขกไม่รับเชิญเดินกลับบ้านไปแล้ว แต่พสิษฐ์ยังช็อกค้างอีกหลายนาที จนน้องอุ้มเปิดประตูออกมา ถึงได้เห็นคุณอายืนเหม่อ

“คุณอา~” อุ้มน้อยโผเข้ากอดหมับที่ขา

พสิษฐ์ก้มลงมามองน้องที่เกลือกกลิ้งกอดเขา เสียเซลฟ์ไปเยอะ

“น้องอุ้ม..คุณอาตัวเหม็นไหมครับ”

เด็กน้อยเงยหน้ามอง ทำจมูกฟุดฟิด จากนั้นก็ฉีกยิ้มกว้าง ส่ายหัวหวือ

“ม่าย~ คุณอาไผ่หอมที่สุด หล่อที่สุด!”

พสิษฐ์กอดน้องหมับ “เด็กดี! คุณอาขอยกมรดกให้ครึ่งหนึ่ง!” เขาหอมแก้มยุ้ยฟอดใหญ่ น้องอุ้มหัวเราะชอบใจขณะที่คุณอามองไปทางเขตไร่อีกฝั่ง

..พูดกันดีๆไม่รู้เรื่อง ทำอะไรขึ้นมา อย่าด่าเขาทีหลังก็แล้วกัน..



…………………………………………………….



การที่กนธีมาอยู่บ้านปากช่องของพสิษฐ์กลายเป็นการช่วยอำนวยความสะดวกให้กับใครบางคน ไผทสบโอกาสเหมาะที่จะ ‘จีบ’ คุณกุนต์ได้อย่างสะดวก ไม่มีอะไรมาคอยขัด ถึงแม้ว่าจะมีก้างชิ้นใหญ่อย่างคุณน้องชายมาขวางอยู่เนืองๆ แต่ระยะหลังมานี้ ฝ่ายนั้นหายตัวไป คิดว่าคงจะมีธุระที่กรุงเทพ
   
“ไผ่น่ะหรือครับ” กนธียื่นน้ำให้คนที่มาช่วยทำคอกวัว “เห็นว่ามีงานด่วนเข้ามา ก็คงจะเรื่องคอนโดที่ทำกับคุณไอศูรย์ ภาษยวัตน่ะ”
   
“อ้อ..” ไผทพยักหน้า ยกแขนขึ้นเช็ดเหงื่อ แบกไม้มาวางกอง
   
“ทำไมหรือครับ คิดถึงน้องชายผมหรือ” กนธีถามยิ้มๆ
   
“ให้ผมกินขี้วัวเป็นมื้อเย็นแทนดีไหม” ไผทบ่น “คุณกุนต์ช่วยจับไม้ตรงนั้นที ผมจะตอกลงดิน เดี๋ยวทำเสาก่อนแล้วค่อยติดรั้ว วันสองวันก็เสร็จ”
   
“ลำบากคุณแย่ จริงๆแค่ช่วยหาคนงานให้ผมก็พอนะครับ” กนธีเกรงใจ
   
“ไม่เป็นไรหรอก ที่ผมลงทุนทำให้ก็เพราะอยากได้ใจคุณ”
   
การจีบในแบบของเขา มันไม่ใช่เขียนจดหมาย เอาดอกไม้มาฝาก หรือโทรศัพท์คุยกัน แต่เป็นการทำให้อีกฝ่ายเท่าที่เขาจะทุ่มเทแรงกายแรงใจลงไปได้
   
ไผทไม่ใช่คนเซอร์ไพรส์เก่ง ไม่ใช่ผู้ชายโรแมนติค เขาทื่อเหมือนท่อนไม้ ชอบอะไร อยากได้อะไรขอให้บอก ให้ได้หรือไม่ได้เดี๋ยวพิจารณาเอาเอง แต่ถ้าจะให้มานั่งเดาใจ เขาทำไม่ค่อยเป็น หนำซ้ำ เขายังดื้อด้านเหมือนม้าพยศ ถ้ายังไม่เหนื่อย เขาจะไม่หยุด จะวิ่งไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงจุดสิ้นสุดของตน
   
กนธีพอจะอ่านนิสัยเรื่องนี้ของอีกฝ่ายออก เขาถึงได้ปล่อยให้ไผทเข้ามาในชีวิต จงใจให้เจ้าตัวเหนื่อยและหยุดไปเอง ดีกว่าปฏิเสธรุนแรงให้เสียเพื่อน
   
เขายังคงไม่หวั่นไหว ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เอนเอียง ทุกครั้งที่ถูกพูดโอ้โลม เขาจะยิ้มและไม่โต้ตอบ คุณไทเป็นพวกรู้จังหวะ ถ้าเขานิ่ง ไผทจะหยุด
   
“เอาล่ะ..เสาเสร็จแล้ว มั่นคงแข็งแรง วัวกระโดดเตะยังไม่ล้มเลย”
   
“คุณนี่เก่งรอบด้านเลยนะคุณไท”
   
“ขอบคุณที่ชม” ไผทผละไปทำประตูรั้ว “แต่ก่อนก็ไม่รู้อะไรหรอก แต่บอกตัวเองว่าถ้าคนอื่นทำได้ ทำไมผมจะทำไม่ได้ มั่นใจในตัวเองซะอย่าง”
   
กนธียิ้ม เขาชอบจุดนี้ของไผท “ผมรู้มานานแล้วว่าคุณเซลฟ์จัด”
   
“คนเกลียดผมตั้งมากเพราะไอ้ความเซลฟ์นี่แหละ” เขายิ้ม “ตอนเรียน เพื่อนถาม สอบได้ไหม ผมตอบ มั่นใจว่าได้เต็ม มันหมั่นไส้ เกลียดผมกันทั้งชั้น”
 
คนฟังหัวเราะใหญ่ คุณไผทเป็นคนเปิดเผย “เป็นตัวของตัวเองดีครับ”
   
ชายหนุ่มยักไหล่ “คนส่วนใหญ่ไม่ชอบ เขาคิดว่าต้องถ่อมตัว อ้าว..ทำได้ก็ทำได้สิวะ ไอ้เรื่องไหนที่ทำไม่ได้ก็พยายามไปสิ จะมัวงอแงทำไม”
   
“เวลามีคนไม่ชอบ..ดูเหมือนคุณจะเฉยๆนะ ท่าทางคุณไม่แคร์”
   
“เคยแคร์ครับ” ไผทหัวเราะ “แต่มาคิดได้ว่าจะเสียเวลาอธิบายทำไม ถ้าเขาจะมองผมในแง่ลบตลอด พูดไป เขาจะหันมามองผมในแง่บวกหรือไง”

กนธีครางเบาๆ ถ้าเจ้าไผ่มาได้ยิน อาจมีจุกในคอกันบ้าง

“แต่ถ้าสุดท้ายไม่คิดจะใช้อคติมองกัน เขาก็คงเข้าใจผมได้เอง” ไผทตอบ “แล้วคุณล่ะคุณกุนต์..เกลียดผมไหม..ที่ผมเป็นคนแบบนี้”

กนธีมองยิ้มๆ “ผมไม่เกลียดคุณ แค่มันเขี้ยวเป็นบางเวลา”

ไผทหัวเราะร่า “เพราะแบบนี้ไง ผมถึงชอบคุณ”

เขาส่ายหัว ยิ้มขัน “ถามจริงๆเถอะคุณไท ความชอบของคุณที่มีต่อผม มันจำเป็นต้องไปให้สุดทาง ต้องพยายามให้เต็มที่เชียวหรือ” เขานึกสงสัย “ผมรู้ว่าคุณน่ะมีความพยายาม แต่จะว่าไป..มันก็ออกจะมากไปสักหน่อย”

ไผทก้มหน้าตอกตะปู ไม่ได้ตอบอะไรอยู่สักพัก กระทั่งติดไม้เสร็จ

“พักก่อนไหมครับ” กนธียื่นน้ำให้

ร่างสูงไม่ได้เงยหน้าขึ้นมารับน้ำใจนั้น เขาเพียงแต่พึมพำ

“ผมเคยรักผู้ชายคนหนึ่ง”

กนธีชะงัก เป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายเปิดเผยเรื่องราวในอดีตให้ได้ยิน

“เขาอายุมากกว่าผมเยอะ เป็นคนน่ารัก เป็นคนที่ทำให้ชีวิตที่อาจจะเรียกได้ว่า..โคตรบัดซบของผม..เห็นทางไป” ชายหนุ่มหันไปเลื่อยไม้

ผงฝุ่นเข้าตา เขาเพียงแต่ยกหลังมือขึ้นเช็ดแล้วทำต่อ

“เขาเป็นแสงสว่าง เป็นความอบอุ่นทั้งหมดที่ผมได้เจอ แต่ความรู้สึกของผมกับเขามันเป็นไปไม่ได้..เป็นอะไรที่เราต้องวางระยะห่างเอาไว้”

“คุณไท..” กนธีวางมือลงบนบ่ากว้าง

“เราไม่เคยคุยว่าเรารักกัน เราไม่เคยลงมือทำอะไรให้เป็นรูปธรรม แต่วันที่ผมกับเขาบอกความรู้สึกกัน เป็นวันที่เขา..” ไผทนิ่ง “ตายจากผมไป”

“ผมเสียใจที่ทำให้คุณคิดถึงเรื่องพวกนี้” กนธีบีบกระชับลาดไหล่ “ถ้าเล่าออกมาแล้วทำให้สบายใจขึ้นก็พูดได้นะครับ..มันจะเป็นความลับ”

“วันนั้นเป็นวันที่ผมขอแยกไปมีชีวิตส่วนตัว เขาเสียใจ ออกไปข้างนอก กินเหล้าเมา..มารู้อีกทีว่ารถที่เขาขับพลิกคว่ำอยู่ข้างทาง” ไผทลงมือทำงานต่อ “เขาไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล และคำสุดท้ายที่บอกกับผมก็คือ..เขารักผม”

“ผมเสียใจด้วยจริงๆ”

“ตอนนั้นถ้าผมกล้าสักนิด ซื่อสัตย์กับตัวเอง แคร์เรื่องสังคมให้น้อยลง ผมกับเขาคงมีความสุขด้วยกันไปแล้ว” เขาถอนหายใจ “หลังจากเขาตาย ผมก็คิดได้ว่า จากนี้ไปชีวิตของผม ถ้ารู้สึกอะไรก็ต้องทำตามหัวใจตัวเองไปจนจบ”

ไผทจับมือที่วางบนไหล่ “คุณกุนต์..คุณถามว่าความรู้สึกที่ผมมีต่อคุณ มันจำเป็นต้องพยายามให้เต็มที่ด้วยหรือ..ผมตอบคุณได้แค่ว่า ผมทำเพราะไม่อยากมารู้สึกเสียใจทีหลังเหมือนเรื่องที่ผ่านมาเท่านั้นเอง” 

“ผม..เข้าใจแล้วครับ” กนธีมองอย่างเห็นใจ

“ถึงตอนจบเมื่อไร ถ้าผมไม่ใช่คนที่ถูกเลือก ผมก็จะยอมรับมันด้วยดี”

......



จากวันนั้น ไผทก้าวเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกนธีกับเด็กๆได้อย่างกลมกลืน เขาคอยอยู่ข้างๆ ดูแลเท่าที่โอกาสอำนวย อาสาพาไปเที่ยวทุกที่ เชิญทุกคนไปบ้าน ทำอาหารเย็นให้ด้วยตัวเองเพราะไม่อยากให้กนธีลงมือทำลายครัวของน้องชาย
   
อ้นกับอุ้มเป็นเด็กกินจุ เขาชอบมากเวลาที่เห็นน้องกินเค้กโฮมเมดจากร้านอาหารที่เขาเป็นเจ้าของจนหมดเกลี้ยง แทบทุกวันจะต้องมีขนมติดไม้ติดมือมาฝากจนกนธีต้องบอกห้ามเพราะว่าน้องอุ้มพุงปลิ้นออกมาจนเสื้อเก่าใส่ไม่ได้
   
ไผทเริ่มสอนให้เด็กๆขี่ม้า แต่เขาไม่ได้พาขึ้นม้าตัวใหญ่ในฟาร์มหรอก ไปเช่าเอาม้าแคระให้น้องลองเล่น วันว่างก็พาไปไร่ทองสมบูรณ์ ขี่รถเอทีวีและนั่งสกายลิฟท์ ผลัดกันดูแลกับคุณกุนต์ อ้นกับอุ้มดูมีความสุขมาก
   
ถึงได้ไปเที่ยวบ่อยครั้ง แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาจะใช้ชีวิตในไร่มากกว่า น้องอุ้มท่าทางจะชอบงานเกษตร เห็นเล่าใหญ่ว่าที่บ้านมีทุ่งนา และโตขึ้น อุ้มจะกลับไปทำนาที่บ้าน เกี่ยวข้าวอร่อยๆมาให้ทุกคนกิน จะเอามาฝากอาไทด้วย
   
“อ้นกับอุ้มจะกลับน่าน แบบนี้ก็ทิ้งพี่กุนต์สิครับ” กนธีหน้าหมอง
   
“พี่กุนต์ไปอยู่กับพวกหนูนะ” อุ้มชวน “หนูไถทุ่งนี้ พี่กุนต์ไถทุ่งนู้น”

ไผทหัวเราะ “ไม่อยากเปลี่ยนจากทุ่งนาเป็นไร่องุ่นบ้างหรือครับ”

“ม่าย~” น้องอุ้มส่ายหัว “แต่ถ้าคุณอาไทให้มรดกองุ่น หนูก็เอา”

ไผทสำลักพรืด ส่วนกนธีก็หัวเราะตัวโยน คนที่พูดคำว่ามรดกให้น้องฟัง น่าจะเป็นคุณอาพสิษฐ์ที่หายกลับไปทำงานของตัวเองจนตอนนี้ยังไม่โผล่มา

“คุณอาไทมีลูกไหมครับ อ้นอยากเจอน้อง” อ้นที่กำลังดูดน้ำองุ่นถาม

“อาไทไม่มีลูกครับ” ร่างสูงตอบยิ้มๆ “แต่ถ้าแฟน..อาไทตามจีบอยู่”

“คนนี้ห้ามนะฮะ” อุ้มชี้ไปทางพี่กุนต์ “พี่โอ๊ตสั่งห้ามเพราะเมียพี่กุนต์ดุ!”

“เมียพี่กุนต์?” เขาเลิกคิ้ว มองกนธีที่หัวเราะชอบใจ

“พี่โอ๊ตบอกว่า เมียพี่กุนต์ชื่อโอ๊ตครับ” อ้นตอบแทน

ไผทชะงักค้าง เขาบอกว่าเด็กไม่โกหก แต่ถ้าจะให้เชื่อว่าคนคนนี้เป็นฝ่ายนำ เขาคงต้องทบทวนหลายรอบหน่อย “ไม่อยู่ในหัวมาก่อนเลย..”

กนธีกลั้นขำ “ของแบบนี้มันก็ไม่ได้ตายตัวนี่ครับ” เขาลดเสียงลง

“เว้นผมไว้สักคนเถอะนะ!”

“มันแหงอยู่แล้วคุณไท” กนธีหัวเราะ “คุณเป็นเพื่อนที่ดีของผมนะ”

ไผทห่อเหี่ยว เขาหมายความว่าไม่อยากเป็นฝ่ายรองรับให้กนธี แต่เจ้าตัวกลับปัดเขาไปอยู่เขตแดนของเพื่อนที่ดีเสียนี่ “ชัดเจนสุดๆ” จีบเท่าไรก็ไม่คืบ

กนธีนั่งยิ้ม หยิบมือถือขึ้นมากดอ่านไลน์ มีข่าวที่กรุงเทพจากคนนั้นคนนี้เต็มไปหมด เรื่องที่ร้าน เขาก็ฝากน้องสนให้ช่วยดู น้องเองก็ปิดเทอมเหมือนกัน

คราวงานบวชของอินทัช ปาลินไม่ได้ไปเพราะติดธุระกับพี่ชาย ได้แต่ร่วมทำบุญมา เขารับไว้ด้วยความเอ็นดูเพราะวางความคิดที่ทำให้ตัวเองไม่เป็นสุขลงได้แล้ว ทางแก้ของเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่ให้อินทัชยืนยันว่าไม่คิดอะไรกับปาลิน แต่ต้องจัดการที่ใจเขาด้วย เขายอมรับได้ถ้าน้องจะไป..ถ้ามันเป็นความสุขของน้อง เขาก็ไม่ขวาง ในเมื่อเรื่องร้ายที่สุดนั้นเรายอมรับได้ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลอีก

ความรัก..ขอให้รักอย่างเข้าใจ ไม่ใช่รักแบบครอบครอง ผูกมัด

กนธีอ่านไลน์ที่ปาลินส่งมาให้ นอกจากธุระเรื่องสต็อก เรื่องบัญชีกับใบเสร็จที่น้องถ่ายภาพส่งให้ตรวจแล้ว ยังมีเรื่องส่วนตัวอีกอย่าง

‘ผมมีเรื่องปรึกษาครับ..คือว่าเปิดเทอม อาจต้องขออนุญาตหยุดทำที่ร้าน ผมขอโทษจริงๆที่กะทันหัน แต่จะอยู่ทำจนกว่าพี่ๆจะหาคนใหม่ได้ครับ’

กนธีตกใจไม่น้อย ตอนแรกเขานึกว่าตัวเองทำท่าไม่ดีออกไปให้น้องสนคิดมาก แต่ดูเหมือนว่าสาเหตุการขอลาออกจะมาจากเรื่องอื่นมากกว่า

‘ผมได้ทำงานกับเพื่อนของพี่ศรครับ พี่เขาอยากให้ไปทำเต็มเวลา’

กนธีงุนงง ถามไปถามมา ได้ความว่าเพื่อนนิมมานคือ ภวินท์ ภาษยวัต แต่รู้มาว่ามีกิจการโรงแรม ไม่แน่ใจว่ารับเด็กศิลปกรรมไปทำตำแหน่งอะไร

‘คุณภวินท์นี่ใช่คนเดียวกันกับที่เราวาดรูปเขาหรือเปล่า’ เขาพิมพ์ถาม

‘ใช่ครับพี่..’

‘คบมานานหรือยัง’ กนธีตั้งใจจะถามว่าพอจะไว้ใจได้ไหมแค่นั้น

‘พี่กุนต์~~’ แต่คำตอบที่ได้มาเป็นการเฉลยทุกอย่างในตัว

“งี้นี่เอง..” กนธียิ้มเอ็นดู คุยอีกเล็กน้อยก็วางมือถือมาบอกหุ้นส่วน “เราคงต้องหาบัญชีคนใหม่แล้วคุณไท น้องสนเขามีธุระกับทางบ้าน ต้องขอออก”

ไผทเลิกคิ้ว “เดือดร้อนอะไรหรือเปล่า” ปกติเขาก็ไม่ได้เป็นคนละเอียดพอจะสนใจทุกข์สุขของลูกน้อง หากตั้งแต่คบหากนธี เขาก็ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นบ้าง

“เปล่าครับ แฟนเขาคงหวงน่ะ” กนธีพูดยิ้มๆ “วัยรุ่นนี่..สดชื่นดีจังน้า~”

“แฟนเขานี่ใครครับ” ไผทหยิบถุงขนมให้เด็กน้อยที่นอนนับดาวข้างๆ

“คุณภวินท์ ภาษยวัต” เขาตอบ หยิบฝรั่งมาเคี้ยว

“งั้นหรือ..ผมก็นึกว่า..” ไผทเงียบไป เห็นว่าอินทัชมีใจ นึกว่าสองคนนี้จะลงเอยกันเสียอีก ถ้าปาลินออกไปแบบนี้ เท่ากับหนทางของกนธีไม่มีอะไรแล้ว

“รู้ว่าคุณคิดอะไร” กนธียิ้ม “แต่น้องจะอยู่หรือไม่ ผมก็ไม่คิดมากแล้ว”

ไผทหัวเราะในลำคอ เอนหลังพิงเก้าอี้ที่ตั้งไว้ชมวิวบนดาดฟ้าบ้าน บนระเบียงของคืนนี้ เขามีกนธีเป็นเพื่อน “เหมือนช่องว่างระหว่างคุณกับเจ้าเด็กนั่น มันค่อยๆปิดลงแล้วนะ” เขาพึมพำ “ไม่เหลือที่ให้แทรกเข้าไปสักเท่าไร”

“เรายังเป็นเพื่อนกันได้นี่ครับ” กนธีหนักแน่นอย่างที่เป็น

ชายหนุ่มหันมอง ใบหน้านั้นอ่อนกว่าวัย เขาเห็นรอยยิ้มของผู้ชายที่กำลังปรับจิตใจและตัวตนเพื่อความสัมพันธ์ ไม่เป็นทุกข์และอิดโรยเหมือนก่อนหน้า เป็นคนที่มองโลกด้วยความเข้าใจ และด้วยความดีที่มีอยู่ติดตัว

“ขอผมถามโง่ๆหน่อย” ไผทพึมพำ “ถ้าผมกับเขาเกิดจมน้ำพร้อมกันขึ้นมา มีคุณคนเดียวที่จะช่วยได้ คุณจะเลือกเอื้อมมือไปหาใครก่อน”

“คุณไท..” กนธีส่ายหัว “ถ้าผมกับคนในอดีตของคุณจมน้ำพร้อมกัน..คุณจะเลือกช่วยเหลือใครครับ ผมคิดว่าผมรู้โดยที่ไม่ต้องถามคุณด้วยซ้ำ”

ร่างสูงนิ่งอึ้ง สุดท้ายเขาก็หลับตาลง

“ความหวังของผมกำลังจะถึงขีดศูนย์แล้วสินะ”

“เรื่องของความรู้สึก มันพูดกันยาก” กนธีตอบ

“นั่นสินะ น่าจะรู้นานแล้ว” เขายิ้ม “ตอนนี้ผมอยู่ในช่วงรอ..”

กนธีเลิกคิ้วแทนคำถาม ไผทหันหน้ามา แตะปลายนิ้วอีกฝ่าย

“รอให้ช่องว่างของคุณกับเขาปิดทับกันจนสนิท”

..ในเมื่อไม่มีที่ให้แทรก..คนพ่ายแพ้ต้องเป็นฝ่ายไป..

กนธีเพียงแต่ยิ้มบาง ดึงมือออกช้าๆ ไผทก็ไม่ได้ยึดรั้ง

“คุณจะอยู่ที่นี่จนถึงเมื่อไรครับ” ไผทถาม

“จนกว่าจะเปิดเทอมใหม่น่ะครับ..ก็อีกประมาณอาทิตย์”

“โอเค..เราก็คงจะห่างกันตามเคย หมดโอกาสทำคะแนน” 

กนธีหัวเราะ “คะแนนความเป็นแฟนของคุณไม่ได้ขึ้นมาสักนิด แต่ถ้าคะแนนความเป็นเพื่อนน่ะ..ผมมีให้คุณมานานแล้ว และมันมั่นคงกว่านะคุณไท”

ไผทยกสองมือแทนการใกล้จะยอมแพ้ พากเพียรเท่าไรก็ไม่ขยับสักที

มีเสียงเรียกเข้าดัง กนธีกดรับสาย เป็นพสิษฐ์ที่โทรมา

‘มะรืนนี้..พระได้ฤกษ์สึกนะ’

ใครอีกคนได้ยินเสียงนั้น เขาถอนใจ มองดาวบนฟ้า

..เรารู้ว่าดวงดาวนั้นสวยงาม..แต่มันมักจะไกลเกินเอื้อมเสมอ..





................................................................................



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-10-2017 22:31:09 โดย nigiri-sushi »

ออฟไลน์ nigiri-sushi

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1165/-8
    • Nigiri-Sushi Page
Re: Sins : Greed -- [Ch.58-60] pg.137 -- 21/10/60
«ตอบ #4107 เมื่อ21-10-2017 22:17:24 »




Chapter 60



กนธียอมรับว่าตื่นเต้น..เขาไม่ได้เจอหน้าอินทัชตลอดช่วงปิดเทอม ตอนที่เขาพาเด็กๆกลับกรุงเทพนั้นเป็นช่วงที่พระสึกออกมาอยู่ข้างนอกหลายวันแล้ว
   
เขาพาอ้นกับอุ้มกลับคอนโด ตอนเปิดประตูเข้าไป หัวใจเขาเต้นรุนแรงที่สุดเมื่อเห็นว่าไฟในห้องเปิดอยู่ ดูเหมือนว่าน้องจะมารออยู่ก่อน
   
กนธีจูงเด็กๆ ระงับความรู้สึกและเสียงในอกที่ดังหนวกหู เขาค่อยๆเดินผ่านครัวและมองไปทางห้องรับแขก..ผู้ชายที่คิดถึงยืนอยู่ตรงนั้น
   
เด็กหนุ่มหันมามอง ดวงตาคมปลาบจับจ้องอีกฝ่าย
   
เขากลั้นหายใจ คลี่ยิ้มด้วยความยินดี “โอ๊ต..”
   
“พี่โอ๊ตมา!” อ้นกับอุ้มร้องดังลั่น โผเข้ากอดคนที่ยืนอยู่กลางห้อง
   
อินทัชเซถอยไปเล็กน้อยเพราะแรงโถม เขาก้มลงกอดเด็กๆ ปล่อยให้มันหอมแก้มจนหน้ายับไปแถบหนึ่ง “เว่อร์ไปๆ..ทำเหมือนไม่เจอกันมาเป็นปี”
   
“พี่โอ๊ตตัดผมทรงนี้เท่จังเลย” น้องอุ้มยืนบิด ชมพี่ชาย
   
“ไม่ได้ตัด นี่เรียกว่าโกน” เขาหัวเราะ ตบก้นน้องเบาๆ “บิดทำไม”
   
“ปวดชิ้งฉ่องอ่ะ..พี่อ้นพาหนูไปฉี่หน่อย” อุ้มทำท่าขนลุกบรื๋อ
   
“ไปกันๆ พี่ก็ปวด” อ้นรีบจูงน้องเข้าห้องน้ำ ปล่อยพี่ๆไว้ด้านนอก
   
กนธีเดินเข้ามาใกล้ อดประหม่าไม่ได้ที่เจอหน้า “มานานหรือยัง”
   
อินทัชยิ้ม “มาอยู่ได้หลายวันแล้วครับ”
   
“อืม..” เขาเกร็งเล็กน้อย ไม่รู้จะชวนคุยอะไร มันตื่นเต้นไปหมด
   
“ผม..” ร่างสูงหลุบตาลงมองอีกฝ่าย
   
กนธีพยักหน้ารับ “มีอะไรหรือ”

“จะออกไปพรุ่งนี้นะครับ”
   
เขาชะงัก ในหัวพร่ามัวไปครู่หนึ่งก่อนที่จะระลึกได้ว่าก่อนบวช น้องขออะไรเอาไว้ “ที่จริง..ไม่ต้องหรอกนะ เราอยู่ด้วยกันหมดนี่แหละ” เขาพูดรัวเร็ว
   
“พี่กุนต์ครับ..” อินทัชแตะนิ้วเย็นวาบ “ขอโอกาสให้ผมได้พิสูจน์ตัวเอง”
   
“พี่ไม่ได้โกรธโอ๊ตนะ แล้วก็ไม่ได้อยากให้ทุกคนไปด้วย”
   
“ผมรู้” เขาตอบ “แค่อยากกลับไปตั้งต้นใหม่ เริ่มจากวันที่เราไม่รู้จักกัน”
   
“โอ๊ต..” กระบอกตาเขาร้อนผ่าว
   
“เสียใจหรือครับ”
   
“ถามออกมาได้”
   
“ถึงจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ผมก็ไม่ได้รักพี่น้อยลง และถ้าพี่เองยังรู้สึกดีๆกับผม ก็เท่ากับว่ามันไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย” เสียงทุ้มต่ำพูด “เราแค่ห่างกันเพื่อจะได้โตขึ้น ถ้าพี่เชื่อใจผม พี่ก็ไม่ต้องกังวลอะไร ไม่ดีหรือครับ..มันจะได้พิสูจน์ความมั่นคงที่ผมมีต่อพี่ยังไงล่ะ”
   
“ไอ้เด็กคนนี้..” เพียงแค่ไม่นาน อินทัชโตขึ้นเหมือนก้าวกระโดด
   
เขาเองเสียอีก..เป็นผู้ใหญ่ไร้วุฒิภาวะในความสัมพันธ์มาตลอดสี่สิบปี
   
“ผมจะทำให้ดูว่าผมจะเป็นผู้ใหญ่ได้มากพอไหม ถ้าเราคบกันต่อ ผมก็ไม่ต้องการให้พวกเราอยู่กับความแคลงใจ ไม่ต้องการให้อะไรมาเป็นตัวแทรก” 
   
กนธีพยักหน้าแม้ใจจะวูบโหวง แต่เขาก็เข้าใจสิ่งที่น้องสื่อ
   
“แล้วหลังจากนี้..ช่วงที่เราห่าง พี่ถามใจตัวเองดีๆนะครับ” เขาพึมพำ “พี่ยังต้องการ..ยังอยากให้คนที่ชื่ออินทัชเข้ามาอยู่ในชีวิตอีกไหม..”
   
“ต้องการผมที่เป็นผม ไม่ใช่ใครก็ได้ ไม่ใช่เลือกเพราะเหมือนใคร ไม่ได้ตัดสินใจเพราะความเหงา..แต่เพราะเป็นผมคนนี้ พี่ถึงอยากให้มาอยู่ข้างๆ” เขายิ้มให้ “เพราะผมคิดมาแล้ว..ว่าความรักของผมต้องเป็นพี่เท่านั้น ไม่ใช่คนอื่น”
   
คำตอบมีเพียงหนึ่งเดียว..ความรักของเขาคือคุณกนธี คนที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง..เป็นพ่อ..เป็นพี่..เป็นแสงสว่างในความมืด..เป็นสายน้ำหล่อเลี้ยงใจ

กนธีมองน้องด้วยสายตาพร่ามัว เจ้าเด็กนี่..คิดอะไรลึกซึ้งกว่าเขามาก

“และหากว่ายินดีจะมีผมอยู่ร่วมชีวิต เวลามีปัญหา พี่จะปล่อยมือ จะตัดใจจากผมอีกไหม จะยอมทิ้งทุกอย่างไปง่ายๆ หรือเราจะจับมือกันให้แน่นขึ้น ช่วยกันประคับประคอง ข้ามผ่านทุกเรื่องไปด้วยกัน”

กนธีพยักหน้า อีกฝ่ายพยายามมากมาย..เขาเองก็ต้องพยายามด้วย
   
อินทัชแตะใบหน้าได้รูป..เขารักคนคนนี้เหลือเกิน
   
“รู้ไหมครับ ผมคิดอยู่นาน..ทำยังไงถึงจะทำให้ชีวิตของพี่มีแต่ความสุข คิดแทบเป็นแทบตาย แต่สุดท้ายผมก็เข้าใจได้..” เขาพูดเสียงอ่อนโยน “ผมคงให้สัญญาไม่ได้จริงๆ ว่าการคบหากันของพวกเราในอนาคตจะมีแต่เรื่องดีๆ บางที..มันอาจจะมีช่วงที่พวกเราเอาอารมณ์เป็นใหญ่ อาจจะมีเรื่องที่ทำให้พี่เสียใจอีก” 
   
กนธีฟังอย่างตั้งใจ เขาคิดว่าพอจะรับรู้ได้ว่าน้องอยากพูดอะไร

“มันคงไม่ได้ราบรื่นไปตลอดรอดฝั่ง ผมขอโทษที่ผมรับรองอะไรให้ไม่ได้ แต่ผมบอกได้แค่ว่า..ผมจะเป็นผู้ชายที่ดีอย่างเต็มที่..เพื่อคุณกนธีของผม”
   
เจ้าของชื่อยิ้มทั้งดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยหยดน้ำ
   
“เหลือแต่พี่เท่านั้นว่าจะยอมร่วมทุกข์ร่วมสุขไปกับผมอีกไหม ลองเก็บไปคิดดูนะครับ” อินทัชกระซิบ “ถ้าตัดสินใจมีผมอยู่ข้างๆแล้วก็ขอให้เตรียมใจไว้ด้วย..เพราะผมจะไม่ปล่อยมือพี่ไปจนตลอดชีวิตที่เหลือของพวกเราเลย”
   
กนธีหันหน้าไปอีกทาง กลั้นความรู้สึกอุ่นซ่านในใจที่แทบจะล้นออกมา
   
..เขา..โชคดีจริงๆที่ได้เจออินทัช..
   
..โชคดีเกินกว่าใครๆ..
   
อ้นกับอุ้มออกมาจากห้องน้ำ เด็กๆยังหน้าระรื่นไม่หาย กนธีเห็นแล้วได้แต่ยิ้มหม่น มองน้องอ้นที่เลื่อนหน้าต่างออกไปสำรวจต้นไม้ที่ปลูกอยู่

“พี่กุนต์ๆ มีหอยทากเต็มต้นไม้เลย” น้องอ้นบอก
   
“โอ๊ะ..กางเกงในของหนู” เสียงอุ้มน้อยดังมาจากในห้องนอน น้องมุดเข้าไปใต้เตียง ดึงสไปเดอร์แมนที่ขดเป็นเลขแปดออกมา “ขึ้นร๊าขึ้นรา~”
   
เขาดูเด็กๆที่เดินวนในห้องก่อนจะเงยมองคนตรงหน้า รู้ชัดว่าอย่างไรน้องก็จะออกไปอยู่ข้างนอก เขาไม่มีอะไรให้ติดค้างในใจแล้ว เลยได้แต่ขอ
   
“ถ้ายังไง..โอ๊ตพาน้องไปอยู่ห้องเดิมที่เคยอยู่ได้หรือเปล่า” เขาหมายถึงห้องของศรัณย์ “เพิ่งจะหมดสัญญาเช่าไป ตอนนี้ว่างอยู่..ขอร้องเถอะนะ”
   
อินทัชไม่ได้หัวรั้นเกินไป เขารับคำอย่างง่ายดาย
   
อ้นกับอุ้มกำลังปรึกษากันว่าจะจับหอยทากตอนที่กนธีเรียกหา
   
ชายหนุ่มกลั้นน้ำตาเอาไว้ คุกเข่าลงกับพื้น “อ้น..อุ้ม มาหาพี่หน่อยลูก”
   
น้องหันมามอง จากนั้นก็แย่งกันวิ่งเข้ามากอด
   
“เด็กดี..” กนธีจูบหน้าผากทั้งสองคน “ไหน..เรียกว่าพ่อสักคำสิครับ”

“พ่อจ๋า” น้องอุ้มร้องหน้าแป้นแล้น
   
“คุณพ่อ..” น้องอ้นยิ้มตาปิด จับแก้มพี่กุนต์ “คุณพ่อของอ้นหล่อสุดๆ”
   
คนฟังน้ำตาคลอ กอดน้องๆแนบอก “พรุ่งนี้พี่โอ๊ตจะพาหนูไปอยู่ด้วยนะครับ..เราอาจจะห่างกัน แต่ยังไงก็เป็นเด็กดีนะลูก”
   
“แล้วใครจะช่วยพี่กุนต์ทิ้งหอยทากอ่ะครับ” อ้นสงสัย
   
“จะรอหนูกลับมาช่วย” กนธียิ้ม บิดจมูกเชิดรั้น “กลับมานะครับ”
   
..เราปล่อยมือกันวันนี้..เพื่อจะจับกันใหม่ให้แน่นกว่าเดิม..
   
..เขาจะรอ..



…………………………………………………….



เปิดเทอมใหม่ อินทัชกลับไปเรียนหนังสือตามเดิม อ้นกับอุ้มก็มีหน้าที่เรียน พวกเขาเดินทางด้วยรถมอเตอร์ไซค์และรถเมล์ จำกัดการใช้เงินอย่างที่เคยทำ น้องอ้นได้เงินวันละหนึ่งร้อย น้องอุ้มได้วันละห้าสิบ เหลือมาจับหยอดลงกระปุก
   
ห้องที่ใช้นอนแคบกว่าคอนโดของพี่กุนต์ ไม่ได้สบายกันแบบเดิม แต่น้องๆไม่ได้บ่นหรือโอดครวญ แรกๆอ้นกับอุ้มอาจจะไม่เข้าใจบ้างว่าทำไมต้องห่างกับพี่กุนต์ แต่พี่โอ๊ตบอกว่าเราอยู่ในช่วงฝึกตัวเองให้เข้มแข็ง เพื่อที่จะเป็นกำลังให้พี่กุนต์ได้..เด็กๆก็พยักหน้ารับอย่างแข็งขัน พร้อมพยายามเต็มที่
   
อินทัชเริ่มทำงานพิเศษเหมือนเดิม ช่วงกลางวันเป็นผู้ช่วยวิจัย รับคีย์ข้อมูล เก็บแบบสอบถามรับเงินรายชุดและวิเคราะห์ผล ทุกเย็นรับสอนพิเศษเด็กเป็นกลุ่ม แค่บอกชื่อมหาวิทยาลัยและโพสเน็ตก็มีคนสนใจแล้ว
   
ช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ เขาไปเป็นครูสอนว่ายน้ำและกีฬาอื่นๆ เด็กทุกคนติดเขามาก บรรดาพ่อแม่ก็ชอบให้เขาดูแลเพราะคุยกับเด็กรู้เรื่อง มีการจ้างไปสอนนอกรอบ ต้องยกความดีให้อ้นกับอุ้มที่เขาเป็นผู้เลี้ยงดูมาโดยตลอด
   
อินทัชเริ่มลงทุนโดยใช้เงินเก็บ เรียนรู้ตลาดหุ้น หา passive-income จากการสอนของคุณไผ่ อัตราดอกเบี้ยเงินฝากแบบออมทรัพย์นั้นน้อย เขาเลยแบ่งเงินออกไปซื้อกองทุนหลายอย่าง ทั้งอาศัยจังหวะราคาทองลงไปช่วงหนึ่ง ซื้อทองคำแท่งจำนวนสิบบาทฝากไว้กับบริษัทเพื่อเทรดทองเอากำไรระยะสั้น
   
แหล่งรายได้อีกทางของเขา มาจากการที่ราคาคอนโดในแถบที่พสิษฐ์สร้างกำลังขึ้น เป็นความใจดีของคุณไผ่ที่สอนให้เขาเรียนรู้การเป็นนายหน้าซื้อขายอสังหาริมทรัพย์แบบมือสมัครเล่น พสิษฐ์ให้อินทัชลองใช้คอนแทคที่มีสมัยทำงานที่ Vin Santo ขายห้องให้ได้แล้วรับเปอร์เซ็นต์ไป 

พอเงินเก็บมากขึ้น เขาก็ลองเล่นกับความเสี่ยง กู้เงินมาเพื่อซื้อใบจองคอนโดที่กำลังมีโปรเจ็คสร้างในย่านที่คนนิยม ผ่านไประยะหนึ่งก็ปล่อยขาย ตัดราคานายหน้าคนอื่นเล็กน้อย แน่นอนว่ามันสามารถทำเงินได้ในระยะสั้นๆ
   
หากว่าวันไหนมีเวลาว่างจากการเรียน เขาก็เดินสำรวจตลาด สอนให้อ้นกับอุ้มรู้จักขายของผ่านอินเทอร์เน็ต พอได้เสื้อผ้าเด็กผู้ชายมาจากย่านค้าส่ง เขาก็ให้เจ้าสองตัวเป็นนายแบบ ถ่ายรูปแล้วสร้างร้านในไอจี สร้างเพจในเฟซบุ๊ก แก้มกลมย้วย ลักยิ้มกับพุงป่องๆดึงดูดความสนใจจากลูกค้าให้เข้ามาซื้อ ลงทุนไม่กี่ชุด พอมีคนออเดอร์ก็ไปซื้อให้จากแหล่งแล้วส่งพัสดุทางไปรษณีย์ ส่วนเงินที่ได้มา เขาให้น้องๆสองคนเก็บไว้เป็นทุนส่วนตัว แค่อยากให้รู้จักทำงานเท่านั้น
   
วิธีหาเงินมีมากมาย ขึ้นอยู่กับว่าพยายามมากพอแล้วหรือยัง ที่แน่นอนกว่านั้น อินทัชไม่ได้กลับไปทำงานกลางคืนเหมือนที่ผ่านมาอีก
   
..เพราะกลัวคุณภรรยาช่างคิดมากของเขาจะเก็บไปกังวลวุ่นวาย..
   
อินทัชนั่งมองรายได้ในบัญชีที่ทยอยเพิ่มขึ้น เขายิ้มออกมา หากว่ายังมีเงินเข้าสม่ำเสมอ ไม่นานก็คงจะจ่ายหนี้สินที่ติดค้างกับพี่กุนต์ได้หมด
   
“พี่โอ๊ต..เมื่อไรจะกลับไปอยู่กับพี่กุนต์” เจ้าน้องคนกลางที่นั่งขัดสมาธิ เอาเสื้อใส่ถุงเตรียมส่งให้ลูกค้าบ่น “อ้นคิดถึ๊งคิดถึง ทำไมพี่โอ๊ตเล่นตัวจัง”
   
อุ้มพยักหน้าเห็นด้วย เด็กชายกำลังบรรจงแปะสก็อตเทปลงในรายชื่อผู้รับ อุ้มน้อยแอบวาดรูปหัวใจและเขียน ‘ขอบคุณคร้าบ’ ลงไปที่ซอง
   
“ของแบบนี้ต้องใจเย็นๆหน่อย” อินทัชตอบ ขยี้หัวสองแสบที่ทำงานขะมักเขม้น “ไหน..วันนี้ได้สักกี่ชุด” เขาพลิกดูออเดอร์เป็นสิบ “เก่งมาก..น้องพี่”
   
เด็กๆยิ้มแป้น พี่โอ๊ตให้น้องเรียนรู้ที่จะทำอะไรเองแบบเด็กฝรั่ง ให้หัดมีความคิด ลองแก้ปัญหา หาทางทำธุรกิจที่ไม่ได้ซับซ้อน จะได้รู้ว่าคุณค่าของเงินมันเป็นอย่างไร และสิ่งที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรง มันคือความภูมิใจแค่ไหน
   
“ได้เงินมา อ้นกับน้องอุ้มจะช่วยจ่ายค่ารักษาของยายด้วยนะ” อ้นบอก
   
“ไม่ต้องหรอก พี่จัดการได้” เขายิ้มให้ “นอนได้แล้ว พรุ่งนี้พี่ทำต่อให้”

เขาต้อนน้องๆขึ้นเตียง พอหัวถึงหมอนพวกมันก็ผล็อยหลับรวดเร็ว เห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ อ้นกับอุ้มไม่ค่อยได้เล่นเหมือนเด็กคนอื่น แต่แบบนี้ก็ทำให้น้องมีภูมิคุ้มกันชีวิตที่ดี คนเราต้องหัดลำบากก่อนแล้วค่อยสบายทีหลัง 
   
เด็กหนุ่มปิดไฟในห้อง สำรวจกลอนประตูหน้าต่างตามความเคยชิน พอกำลังจะล้มตัวลงนอน แสงไฟที่วาบขึ้นตรงหน้าต่างก็ทำให้เขาแหวกม่านดู
   
รถคันหนึ่งค่อยๆขับออกไปเชื่องช้า ไฟท้ายสีแดงส่องให้เห็นทะเบียนรถ บีเอ็มคันคุ้นตาเลี้ยวออกจากซอยแคบของอพาร์ทเมนท์เหมือนเต่าคลาน
   
อินทัชหลุดยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
   
“สตอล์กเกอร์” เขานึกขำ “แอบดูมากี่ครั้งแล้วเนี่ย”
   
“พี่โอ๊ตทำไมยังไม่นอน” เสียงน้องอุ้มร้องถาม
   
“กำลังจะนอนแล้ว แต่จับเต่าได้ตัวหนึ่ง” ขับช้าแบบนั้น เสียชื่อบีเอ็มเป็นบ้า “ช้าเป็นสล็อธ จะหนีพ้นสายตาใครได้”
   
“พี่โอ๊ตขี้บ่น” อ้นงัวเงีย ตบฟูกปุๆ “นอนๆ”
   
อินทัชหัวเราะเบาๆ กลับมาขึ้นเตียงแต่ยังหลับไม่ลง นึกถึงรถคันเมื่อครู่ที่ไม่รู้มาจอดในซอยตั้งแต่เมื่อไร แต่คงจะรอให้พวกเขาปิดไฟนอนแล้วค่อยกลับ
   
..ไม่รู้ว่ามาเพราะคิดถึง หรือมาดูให้แน่ใจว่าเขายังไม่มีใคร..
   
..แต่ไม่ว่าจะแบบไหนก็ทำเอาเขายิ้มเป็นบ้าเป็นหลังได้เหมือนกัน..
   
อินทัชนอนยิ้มอยู่ตามลำพัง คิดเรื่อยเปื่อยกระทั่งเรื่องวันนี้ที่มหา’ลัย เขาเรียนเช้าเสร็จแล้วเข้าวิชาเลือกบ่าย มีผู้หญิงต่างคณะที่ทำงานกลุ่มเดียวกันมาสารภาพว่าชอบ เขายอมรับว่าเธอน่ารักดี แต่มันก็แค่นั้น
   
“ผมมีแฟนแล้ว” เขาตอบไปตามความเป็นจริง
   
เธอดูเหงาหงอย “คนไหนหรือ..อยู่คณะเดียวกับโอ๊ตหรือเปล่า”
   
“ไม่ใช่หรอก” เขายิ้ม

“อยากเห็นหน้า..อยากรู้ว่าน่ารักแค่ไหน จะได้ตัดใจ”

“คงไม่มีภาพให้ดู แต่น่ารักที่สุดสำหรับเรา..”

   
“น่า..รักที่สุด..” อินทัชพลิกตัวนอนตะแคง ค่อยๆหลับตาลง “สุดที่รัก”
 
..หนูกุนต์ของพี่โอ๊ต..น่ารักให้มันน้อยๆหน่อย..
      
......


กนธีกลับถึงคอนโดตอนห้าทุ่มครึ่ง หาวแล้วหาวอีก คืนวันศุกร์ เด็กๆนอนดึกกันมาก เขาไปนั่งมองตั้งแต่สองทุ่ม กว่าจะปิดไฟหลับก็หลายชั่วโมง
   
ชายหนุ่มแอบเทียวไปเทียวมาดูอินทัชกับน้องๆแทบทุกวัน มีไปเจอบ้างแต่ไม่บ่อย เพราะไม่อยากให้เด็กที่กำลังพยายามยืนด้วยตัวเองรู้สึกอึดอัดและไม่อยากให้รู้สึกว่ากำลังถูกควบคุมชีวิตหรือตามจับผิดอยู่
   
เขาแค่แอบมองอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ แค่เห็นน้องกลับมาปลอดภัย กินอิ่ม นอนหลับ ไม่ได้เดือดร้อนอะไร เขาก็มีความสุขตามไปด้วยแล้ว
   
..คิดถึงนะ..แต่ต้องอดทน..
   
อินทัชขยันมากเหลือเกิน อ้นกับอุ้มก็เป็นผู้ใหญ่เกินตัว ทุกคนพยายามอย่างเต็มที่ ถึงแม้ว่าใจเขาอยากจะเข้าไปมีบทบาทด้วยแทบตาย แต่เขาก็ต้องไว้ใจ ให้เกียรติ และเชื่อมั่นในความคิดของเด็กๆว่าอยู่กันได้
   
หากว่ากลับมาเจอกัน มันจะไม่ใช่สถานะของการอุ้มชูอีกแล้ว เราจะพบกันเหมือนผู้ใหญ่ สานสัมพันธ์ในแบบของผู้ใหญ่..เคียงข้างและเข้าใจกัน
   
กนธียิ้มบาง อินทัชพยายามในส่วนของน้อง เขาก็ต้องทำในส่วนของตัวเอง การบ้านที่โอ๊ตให้มา เขาจะต้องส่งคำตอบให้ได้ในเร็ววัน
   
จะยอมรับที่น้องเป็นน้องไหม ไม่ใช่ใครก็ได้ ไม่ใช่เพราะเหงา ถ้าตกลงแล้ว จะไม่ถอดใจไปจากกันใช่ไหม จะอยู่กันไปจนตลอดชีวิตเลยหรือเปล่า
   
..คิดๆดูแล้ว แทบไม่ต่างอะไรกับ ‘คำขอแต่งงาน’ เอาเสียเลย..
   
กนธียิ้มตามลำพัง ทิ้งตัวลงนอนคว่ำกับเตียงแล้วหลับรวด
   
เขาฝันเป็นตุเป็นตะเลอะเทอะไปหมด แต่ที่จำได้ชัด คือตอนใกล้รุ่ง เขาครึ่งหลับครึ่งตื่น รู้สึกว่าฟูกด้านข้างยวบลง จากนั้นก็มีไออุ่นของช่วงตัวสูงใหญ่แทรกลงมาใกล้กัน เขาปรือตามอง ยิ้มให้ด้วยความดีใจ
   
“โอ๊ต..” อยากจะเขกหัวตัวเองว่าฝันอยู่หรือเปล่า แต่เขาขยับตัวไม่ได้เลย แขนขาหนักอึ้งไปหมด ไม่รู้เหน็บชาหรือว่าถูกผีอำ
   
“นอนขี้เซานะ” เสียงทุ้มต่ำพึมพำ ไล้ปลายนิ้วที่ไรผม
   
“อือ..” เขารับคำได้แค่นั้นแล้วหลับไปอีก จำได้เพียงเสียงหัวเราะแผ่วเบา กับสัมผัสอุ่นร้อนที่ทาบจูบลงมาบนแก้มและหน้าผาก
   
..อบอุ่น..อ่อนโยนเสียจนอยากกอดแน่นๆ ไม่ให้ไปไหน..
   
“ฝันดีครับ” น้องกระซิบ “อย่าตื่นสายมากล่ะ เดี๋ยวโจ๊กชืดหมด”

กนธีพยักหน้ารับ และเพราะว่าฝันถึงโจ๊ก ปาท่องโก๋ กับน้ำเต้าหู้ร้อนๆเป็นมื้อเช้า เขาเลยนอนละเมอว่า ‘อยากกินโจ๊ก’ จนแปดโมงเลย
   
ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาด้วยเสียงนาฬิกาปลุก แดดข้างนอกส่องผ่านม่านเข้ามาจนข้างในเริ่มระอุ พอหันมองรอบตัวแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจที่มีแต่ความว่างเปล่า ฝันเมื่อใกล้เช้าทำให้คิดถึงตอนที่อินทัชอุตส่าห์นั่งรถไปซื้อโจ๊กสามย่านมาให้เขา ทั้งที่จะซื้อจากไหนก็คงได้กินเหมือนกัน
    
“เอาใจเก่งแบบนี้ ถ้าพี่ให้ทิปบ่อยๆคงล่มจมแน่”
   
“แค่ยิ้มให้ผมทุกครั้งที่ผมตามใจพี่..ได้เท่านั้นก็พอแล้ว”

   
กนธีนั่งขำตัวเองที่เก้อเขินจนจมูกขึ้นสี จำได้ดีว่าเช้าวันนั้น พวกเขาจูบกันหลายต่อหลายหนทั้งที่ยังมีปาท่องโก๋อยู่ในปากทั้งชิ้น
   
เขาหัวเราะเบาๆ บิดขี้เกียจแล้วลุกจากเตียงไปทางห้องรับแขก
   
อะไรบางอย่างเด่นสะดุดตาอยู่ตรงเคาน์เตอร์ครัว พอเดินเข้าไปใกล้ หัวใจของเขาก็เต้นรัวแรง..มันคือถุงโจ๊ก ปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้และโน้ตหนึ่งแผ่น
   
‘กินด้วยนะครับ..โจ๊กสามย่านเจ้าเก่า ถ้าตื่นสายก็เอาไปอุ่นก่อน’
   
กนธีเผลอยกมือขึ้นจับหน้าผากตัวเอง ใจเต้นตึกเหมือนใครมาทุบกึงๆ
   
‘ส่วนค่าแรง..ผมขโมยมาแล้วเมื่อเช้ามืด..หอมเหมือนเดิม’
   
..เป็นความฝันเกี่ยวกับข้าวเช้าที่หวานเกินทน..

......



“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ทำอะไรตลกนะพี่กุนต์” พสิษฐ์ทักพี่ชายที่วิ่งอยู่บนลู่ วิ่งไปเอามือจับหัวตัวเองไป ไม่รู้เป็นอะไรนักหนา
   
“เมื่อเช้าโอ๊ตเอาโจ๊กมาให้พี่”
   
“ทีผมซื้อหูฉลามให้ ทำไมไม่ซาบซึ้งบ้าง ห๋า..”
   
กนธีหัวเราะชอบใจ “หมาหัวเน่าอย่าน้อยใจ เอาไว้เลี้ยงเกาลัดคืน” 
   
พสิษฐ์ส่ายหัวระอา วันนี้เขาอยู่กรุงเทพเลยมาออกกำลังเป็นเพื่อนพี่
   
“จะว่าไป แกตัวดำขึ้นหรือเปล่า” กนธีจับสังเกต “ไปทำอะไรมา”
   
“อาบแดดมา”
   
“แดดที่ไหนวะ” ไอ้ช่วงที่หายหัวไป สงสัยแอบไปเที่ยวฮาวาย
   
“แดดไร่องุ่นน่ะสิ” ร่างสูงพึมพำ ผละไปยกเวท
   
“อะไรนะ” กนธีมุ่นหัวคิ้ว “แล้วทำไมเดี๋ยวนี้ปล่อยหนวดรกหน้า”
   
“มันเป็นสไตล์ พี่ไม่เข้าใจหรอก” พสิษฐ์นอนลงแล้วยกน้ำหนัก
   
“พี่โกนให้ไหม” เขามองหาเลื่อย
   
“จะตัดคอหรือจะโกนหนวด!” คนน้องโวย “ไม่ต้องห่วงภาพพจน์ของผมหรอก เสร็จงานแล้วเดี๋ยวก็โกนทิ้งให้เรียบแปล้เองนั่นแหละ”
   
คนฟังหรี่ตามอง “แกจะทำอะไรไอ้ไผ่ลู่ลม”
   
“เถอะน่า” พสิษฐ์ไม่เล่า กลัวพี่กระโตกกระตาก “เอาเวลาไปสนใจแฟนเด็กเถอะ เป็นกำลังใจให้น้องหน่อย เผื่ออนาคตขึ้นมาเป็นนายหน้าคู่แข่งกับพี่”
   
“ไอ้หมาไผ่” กนธีหัวเราะ อยากเอาดัมเบลทุ่มหัวมันแต่ก็เกรงใจ “แต่ยังไงก็ขอบคุณมากนะที่ช่วยดูแลเด็กๆ น้องมันยืนได้ด้วยตัวเองคงสบายใจขึ้น”
   
มีเสียงไลน์แจ้งเตือน กนธีเปิดอ่าน อาทิตย์นี้ คุณไผทชวนเขาไปเข้าคอร์สอบรมสร้างบ้านดิน เขาสนใจเลยตกลง พสิษฐ์เห็นเข้าก็หัวเราะหึ
   
“แต่ผมไม่สบายใจ ตราบใดที่คนบางคนยังไม่ออกไปจากชีวิตพี่”
   
“พี่คบคุณไทเหมือนเพื่อน” กนธีย้ำ
   
“แล้วจะไปกับเขาไหม”
   
“เดี๋ยวชวนลุงๆที่บ้านไปเป็นเพื่อน” ทั้งคนขับรถทั้งคนสวน ขนไปให้หมด “แกจะไปด้วยก็ไม่เกี่ยงนะน้องรัก”
   
“ไม่ล่ะ” พสิษฐ์ปฏิเสธ “ผมลานานไม่ได้ เดี๋ยวหัวหน้าคนงานหักเงิน”
   
กนธีมึนงง..เล่นอะไรของมันวะเนี่ย!


…………………………………………………….



ทุกคืนที่ผ่านมา อินทัชคอยเปิดดูม่านหน้าต่างของตัวเองว่าจะมีบีเอ็มคันเดิมมาจอดรอเหมือนครั้งก่อนๆหรือเปล่า แต่ก็ไม่เห็นวี่แวว
   
..หรือว่าที่แอบเข้าห้องไปจูบวันนั้น พี่กุนต์จะตกใจ..
   
เด็กหนุ่มคิดมากจนคิ้วขมวด แกะถุงกับข้าวผิดๆถูกๆจนน้องทัก
   
“พี่โอ๊ต..นั่นถ้วยน้ำจิ้ม ใส่แกงไม่ได้น้า” น้องอุ้มทำปากยู่
   
อ้นเงยหน้ามอง กระซิบกับน้องเล็กว่าพี่โอ๊ตอาจจะทำงานหนักจนขาดสารอาหาร ดังนั้น..น้องๆต้องมีหน้าที่สละลูกชิ้นปลากรายให้พี่ชายกิน
   
“หยุดเลยไอ้ตัวดี ไม่ชอบก็ไม่ต้องเอามาใส่จานพี่” อินทัชเขกหัวเหม่ง
   
อ้นกับอุ้มหัวเราะชอบใจ โดนพี่โอ๊ตรู้ทันจนได้
   
“พี่โอ๊ตเหม่อทำไมอ่ะ” น้องอุ้มชวนคุย พอพี่เผลอก็ฉกไก่ทอดไปกินเอง
   
“สงสัยว่าทำไมพักนี้ไม่มีเต่ามาส่งเข้านอน” เขาถอนหายใจ
   
“คุณเต่าก็ต้องกินผักบุ้งอยู่ในบ่อสิพี่โอ๊ต จะมาส่งพี่โอ๊ตเข้านอนได้ไง”
   
“หรือว่าลุงเต่ามีหนุ่มมาจีบ” อินทัชหน้าหงิก ไม่ได้ฟังน้อง
   
ไอ้ที่พูดเท่ๆคูลๆน่ะมันก็พูดได้ แต่ให้ทำใจขึ้นมาจริง มันค่อนข้างยาก แต่ถามว่าถ้าสุดท้าย ความพยายามของเขาไม่เป็นผล ถ้าพี่กุนต์หมดรักแล้ว ถ้าอยากจะมีคนใหม่ หรือถ้าคำตอบไม่ใช่เขาคนนี้ เขาก็คงต้องยอมปล่อยมือ
   
บังคับอะไรก็พอทำได้ แต่บังคับให้รักกัน..มันเป็นไปได้ยาก
   
“กรรมตามสนองเป็นบ้า” ตอนนั้นก็ปล่อยให้กนธีรอความรักอยู่ตั้งนาน มาถึงคราวของเขาบ้าง ไม่เห็นรถของลุงไม่กี่วัน ใจเขานี่แกว่งไปถึงไหน
   
“พี่โอ๊ตบ่นอะไรตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” อ้นไม่เข้าใจ
   
“พรุ่งนี้ไปหาเต่ากันไหม” อินทัชเทข้าวลงจาน
   
“คุณเขียวขจีน่ะหรือฮะ” น้องอุ้มพยักหน้ารัว “หนูคิดถึงแกงส้มด้วย”    “ไม่ใช่คุณเขียวขจี” เขารู้ว่าพวกมันตั้งชื่อให้เต่าในบ่อปลาของพี่กุนต์ “ตัวนี้ไม่เหมือนใคร เพราะเป็นทั้งเต่า กระรอก แฮมสเตอร์ หนอน แล้วก็สล็อธ”
   
“ทำไมพี่โอ๊ตต้องว่าพี่กุนต์อ่ะ” อ้นยกนิ้วโป้งพี่ “นิสัยไม่ดีเลย”
   
“ไอ้คนที่เข้าใจตรงกันว่าเจ้าพวกนี้หมายถึงพี่กุนต์ก็แย่พอกันแหละว้า”
   
“ไปหาพี่กุนต์หรือพี่โอ๊ต!” น้องอุ้มชูสองมือ ร้องเย้ “คิดถึงๆๆ”
   
“อ้นจะฟ้องพี่กุนต์ว่าพี่โอ๊ตว่าพี่กุนต์เป็นเต่า เป็นสล็อธ เป็นหนอ..”
   
“เอาไปสองร้อย..ค่าปิดปาก” อินทัชยื่นเงินให้
   
อ้นยิ้มแหะ “ที่จริงแล้วพี่กุนต์น่ารักเหมือนหนูแฮมสเตอร์ต่างหากเนอะ”
   
พี่ชายคนดีน้ำตาจะไหล น้องมันโตมาเจ้าเล่ห์แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน
   

.

.

.



[ต่อด้านล่าง]



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-10-2017 22:35:39 โดย nigiri-sushi »

ออฟไลน์ nigiri-sushi

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1165/-8
    • Nigiri-Sushi Page
Re: Sins : Greed -- [Ch.58-60] pg.137 -- 21/10/60
«ตอบ #4108 เมื่อ21-10-2017 22:17:46 »





เย็นวันอาทิตย์ หลังกลับจากไปสอนว่ายน้ำให้เด็กๆแล้ว อินทัชก็มารับอ้นกับอุ้มที่ห้อง น้องแต่งตัวหล่อเช้ง หวีผมเรียบแปล้เพราะตั้งใจจะชวนพี่กุนต์ไปกินข้าวเย็นด้วยกัน เด็กน้อยตื่นเต้นกันมาก เพราะเป็นมื้อแรกที่จะเลี้ยงพี่ๆ
   
“เอาเงินใส่กระเป๋ากันแล้วใช่ไหม” อินทัชสำรวจเป้น้อง “ไม่เช็กให้ดี สั่งมาเต็มโต๊ะนี่ตัวใครตัวมันนะเว้ย ส่งไปล้างจานในครัวให้หมด”
   
“เราจะไปกินอะไรกันดีอ่ะพี่โอ๊ต”
   
“ไปแถวเยาวราช” อินทัชบอก “รับพี่กุนต์แล้วขึ้นแท็กซี่ไป”
   
“ตื่นเต้นจังเลย” น้องอุ้มตีปีกพั่บๆ “กินหูฉลาม เย้!”
   
“หัดประเมินเงินตัวเองซะบ้าง ไอ้เด็กบ้าพวกนี้” อินทัชส่ายหัวระอา ยิ้มขันไอ้พวกตัวเล็กแต่ใจใหญ่ “เอาเถอะ..ที่เหลือเดี๋ยวพี่ช่วยสมทบทุน”
   
เขาหยิบเสื้อมาสวมแล้วคว้าเป้ขึ้นสะพาย จูงมืออ้นกับอุ้มคนละข้างแล้วออกมาเรียกแท็กซี่ไปที่คอนโดดิแอดเดรสชิดลม โชคดีคืนนี้รถไม่ติด
   
ตอนที่เดินเข้าล็อบบี้ กำลังจะไปที่ลิฟท์ พวกเขาบังเอิญเจอกนธี
   
“เด็กๆ!” ชายหนุ่มร้อง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความดีใจ
   
อินทัชหันมามอง มุ่นหัวคิ้วไปเล็กน้อยที่เห็นผู้ชายด้านหลังอีกคน
   
“คุณไผท..” ผู้ชายคนนี้..ไม่ยอมไปไหนเลยจริงๆ 

แต่ให้ทำอย่างไรล่ะ ในเมื่อเขาถอนตัวออกมายืนในจุดใหม่ เริ่มต้นใหม่ทุกอย่าง เท่ากับข้างกายพี่กุนต์นั้นมีที่ว่างมากพอที่ใครต่อใครจะเข้าหา

..เขาจะพยายามให้เต็มที่..หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับคนกลาง..
   
กนธีก้มลงกอดรัดอ้นกับอุ้ม หอมแก้มคนละฟอดด้วยความคิดถึง พอเงยหน้ามองก็เห็นอินทัชยืนจ้องไผทนิ่งๆ เขานึกหวั่น กลัวน้องจะเข้าใจไปไกล
   
“คือ..” เขาลุกขึ้นยืน “พอดีพี่ไป..”
   
“สบายดีหรือครับคุณไท” อินทัชถามเสียงเรียบ อารมณ์นิ่งเย็นเหมือนสายน้ำ แม้จะมีคลื่นบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ร้อนระอุเหมือนที่ผ่านมา
   
กนธีนึกประหลาดใจที่น้องไม่โวยวายเหมือนเมื่อก่อน
   
ไผทมองตาอินทัช รู้สึกได้ว่าเด็กมันดูเป็นผู้ใหญ่ที่ควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น
   
“สบายดี..แล้วโอ๊ตมาทำอะไรที่นี่ล่ะ”
   
“ผมมาหาพี่กุนต์ครับ” อินทัชตอบ เขาตั้งใจเอาเงินค่ารักษายายมาคืนด้วย แล้วก็อยากจะนัดกินข้าวกัน “แต่ไม่แน่ใจว่าพี่จะสะดวกไหม”
   
“สะดวก!” กนธีโพล่งตอบแบบไม่มีมาด ผละจากไผทมาจูงมืออ้นกับอุ้มทันที “นี่พี่เพิ่งกลับมาจากไปเรียนทำบ้านดิน สนุกมากเลย”
   
อินทัชยิ้ม พี่กุนต์ยังตื่นเต้นกับอะไรใหม่ๆเหมือนเด็กอย่างเคย
   
“มิน่าล่ะ..” เขาจ้องมองด้วยดวงตาคมกล้า “ถึงไม่เห็นรถพี่ในซอย”
   
กนธีเลิ่กลั่ก “ห๊ะ..พูดอะไร” เขาไม่ใช่สตอล์กเกอร์นะ ก็แค่เป็นห่วง
   
อินทัชหัวเราะ หันมาทางคุณไผท “ผมว่าจะชวนพี่กุนต์ไปกินข้าวแถวเยาวราช ไม่แน่ใจว่าคุณมีธุระกับพี่กุนต์หรือเปล่า ยังไงจะไปด้วยกันก็ได้นะครับ”
   
ไผทชะงัก มองลึกเข้าไปในตาของเด็กมัน อยากรู้ว่าคิดอะไร แต่เขาไม่เห็นอย่างอื่นนอกจากความกล้าที่จะแข่งขันกันอย่างคนที่มีความมั่นใจในตัวเอง
   
อาการหึงหวงมักเกิดกับคนที่คิดว่าตนไม่มีดีอะไร
   
แต่เจ้าเด็กนี่มันเปลี่ยนไปมาก เหมือนพร้อมที่จะแข่งแบบแฟร์ๆ
   
ร่างสูงยิ้ม มันแสดงน้ำใจนักกีฬาออกมาโดยไม่กันท่า ขณะเดียวกันก็เหมือนบททดสอบความเป็นผู้ใหญ่ของเขาด้วยว่าจะมีมารยาทพอไหม ถ้าเขาตามไปก็ไม่ต่างอะไรกับไอ้ขี้ตื๊อไม่รู้จักเวลา และคงกลายเป็นวงนอกโดยสิ้นเชิง
   
“คงไม่ล่ะ” เขาตอบ “วันนี้เหนื่อยแล้ว” แค่สู้รบกับตาลุงแก่ๆ ทั้งคนสวน ทั้งคนขับรถที่กนธีหอบหิ้วไปด้วย เขาก็ล้าจะแย่ เล่นประกบข้างตัวตลอดเวลา ทำเหมือนคุณชายสิงหนาทเป็นเด็กแรกรุ่นที่จะถูกปีศาจอย่างเขาล่อลวงซะงั้น
   
“อ้าว..คุณอาไทไม่ไปหรือฮะ” น้องอุ้มเงยหน้ามอง “ไปกันเยอะๆสนุก”
   
“ไปมั้ยครับคุณอา” อ้นชวน “วันนี้อ้นกับน้องอุ้มจะเลี้ยงแหละ!”
   
ไผทยิ้มให้เด็กน้อยที่จูงมือพี่กุนต์แน่น ใสซื่อไร้เดียงสา ทั้งที่เขาจงใจเข้ามาแย่งพี่กุนต์ของเด็กๆไป เห็นแล้วก็อดกระดากใจไม่ได้เหมือนกัน
   
“คุณอาเหนื่อยมากเลย” เขานั่งยองๆ ขยี้หัวน้องสองคน “แต่ถ้าพี่กุนต์อยากให้ไป คุณอาจะลองคิดดูอีกทีนะ” เขาหันไปมองกนธี พูดแหย่ขึ้นมา
   
กนธียิ้ม “ขอบคุณที่มาส่งคุณไท วันนี้คุณคงเหนื่อยมาก ไปพักเถอะ”
   
ไผทหัวเราะในลำคอ คนเรานี่ก็แปลก รู้ทั้งรู้ว่าเขาคงตอบมาแบบนี้ก็ยังอยากจะถามให้ตัวเองเจ็บปวดเล่นๆ การถูกปฏิเสธซ้ำซากน่ะ ไม่ใช่เรื่องสนุกเลย
   
..บางที เขาคงหาเหตุผลในการเดินออกมาจากชีวิตกนธีล่ะมั้ง..
   
ไผทถอนหายใจ ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “ถ้างั้น..ผมขอกลับก่อน”
   
“ขอบคุณที่ชวนไปเป็นเพื่อนนะครับ” กนธีบอก “ขับรถดีๆล่ะ”
   
ชายหนุ่มพยักหน้ารับ หันมองอินทัชอีกครั้งเพื่อจะดูปฏิกิริยาของเด็ก หมอนั่นไม่ได้มีท่าทีสะใจอะไร ตรงข้าม กลับวางเฉยและก้มหัวให้เสียอีก
   
วินาทีนั้น..เขารู้ตัวเองชัดเจน..ว่าไม่มีหนทางที่จะชนะเด็กมันได้เลย
   
“ไว้ว่างๆไปเที่ยวน้ำตกกันนะ” ไผทชวน “ผมขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงส่ง”
   
กนธีฟังอย่างงุนงง มองตามไผทที่เดินกลับไปขึ้นรถ แต่เรื่องนั้นไม่ได้อยู่ในความสนใจของเขาเท่ากับเรื่องที่สะดุดหูเมื่อครู่ “ใครจะเลี้ยงใครนะครับ”
   
อุ้มหัวเราะรื่น แหวกเงินในกระเป๋าให้ดู “พวกหนูจะเลี้ยงพี่กุนต์”
   
“ลูกชาย..” กนธีกอดน้องๆแน่น “พี่ขอรับไว้แต่น้ำใจได้ไหมครับ”
   
อินทัชยิ้มขัน “ให้มันเลี้ยงเถอะพี่ พวกมันตั้งใจกันมาก”
   
“เอางั้นหรือ” ชายหนุ่มเกรงใจเงินจากการแพ็คของหลังขดหลังแข็งของเด็กๆเหลือเกิน “แล้วจะไปกินอะไรกันล่ะครับ..ชายสี่หมี่เกี๊ยว?”
   
“หูฉลาม~” อ้นกับอุ้มประสานเสียง “เงินไม่พอ พี่โอ๊ตจะล้างจานครับ!”
   
“เฮ้ยๆ อันนี้ไม่อยู่ในข้อตกลงนะ!”
   
กนธีหัวเราะตัวโยน เขารักน้องเหลือเกิน เด็กสองคนเป็นเหมือนสายน้ำที่เข้ามาชโลมจิตใจแห้งแล้งของเขา และอินทัช..ก็เหมือนกับความอบอุ่นที่ทำให้หัวใจเย็นชืดในอกซ้ายข้างนี้กลับมามีชีวิตชีวาอย่างแต่ก่อน
   
ทั้งหมดคือสายใย..ที่ทำให้ชีวิตว่างเปล่ากลับมามีความหมาย
   
“เอาล่ะ..ตัดสินใจได้แล้วก็ไปกันเลยครับ ไอ้หลามก็ไอ้หลาม” กนธียิ้ม “เงินหมดขึ้นมาจริงๆ พี่จะสั่งให้คุณอาไผ่มาช่วยพี่โอ๊ตล้างจานเอง เฮ้!”
   
พสิษฐ์จามสามครั้งติดเพราะพี่ชายฝากความคิดถึงมาให้

......



ถนนยามค่ำคืนที่เยาวราชเต็มไปด้วยแสงสี ตัวอักษรจีนและป้ายสีแดงติดตามร้านรวง ผู้คนเดินกันพลุกพล่าน แถวนั้นเป็นแหล่งขายผลไม้และของแห้ง มีร้านคั่วเกาลัดตั้งอยู่ประปราย บางร้านมีน้ำสมุนไพรใส่แก้วให้จ่ายเงินซื้อและยกดื่ม สองข้างทางมีรถเข็นขายอาหารกับโต๊ะตั้งเรียงราย ร้านซีฟู้ดมีลูกค้าแน่นขนัด ถัดลงไปที่ถนน รถราสวนกันขวักไขว่ เป็นชีวิตกลางคืนที่มีแต่สีสันครึกครื้น
   
“พี่จะต้องซื้อขนมปังเจ้าดังกลับไปกินให้ได้” กนธีหมายมั่น
   
“ไม่กลัวอ้วนหรือครับ” อินทัชถามยิ้มๆ จูงมือเจ้าอ้น
   
“ทำไม..อ้วนก็มีคนรักแล้วกัน” อีกคนพูด “ยังไงน้องอุ้มก็รักพี่เนอะ” 
   
เด็กหนุ่มหัวเราะ “ถามไอ้อุ้มทำไม ถามผมสิว่าอ้วนแล้วรักไหม”
   
กนธีใบหูร้อนผ่าว “นั่น..ร้านแกงกะหรี่นายโย่งที่ออกทีวี”
   
“เปลี่ยนเรื่อง” อินทัชว่าลอยๆ “แต่ไม่เป็นไร..ยังไงผมก็รัก”
   
“ใครถามวะ” เขาเดินหนี
   
“เดี๋ยวสิพี่” อินทัชขำ รั้งแขนอีกฝ่ายไว้ “เดินระวังๆหน่อย”
   
“ยังไม่แก่เว้ย มาจับแบบนี้ ทำเหมือนเป็นอาแป๊ะแปดสิบ”
   
“เปล่า..แค่กลัวพี่จะตกหลุมรักของผม”
   
เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ กนธีหันมามองอย่างคาดไม่ถึง จากนั้นก็รีบเดินลิ่วไปกับน้องอุ้ม เหลือแต่อ้นที่เงยหน้ามองพี่ชายด้วยสายตาบรรยายไม่ถูก   
   
“อะไรวะไอ้อ้น..พี่พูดแบบนี้ผิดตรงไหน”
   
“มุกนี้..เพื่อนในห้องอ้นเล่นกันอ่ะพี่โอ๊ต” อ้นบอก “แต่พี่โอ๊ตอยู่มหา’ลัยแล้วนะ” น้องอยากบอกว่ามุกเด็กประถมก็กลัวพี่จะริบเอาสองร้อยคืน
   
“เออ..ไอ้หนุ่มผู้เชี่ยวชาญ ไหนบอกซิว่าอ้นจะพูดยังไง”
   
“ก็บอกไปว่า..” น้องเอานิ้วโป้งกับนิ้วชี้ทำรูปมินิฮาร์ทแล้วยื่นให้ดู “ยังไงพี่กุนต์ก็ปลอดภัย เพราะว่าความรักของอ้นจะตามไปด้วยทุกที่”
   
“เน่าโคตรๆ” อินทัชเขกหัวน้อง หัวเราะใหญ่ “ไป..ไอ้แก่แดด”
   
น้องอ้นเอามือถือพี่ชายมาหาข้อมูล เห็นเขาบอกว่าร้านหูฉลามอยู่ใกล้สี่แยก ติดกับโรงแรมเซี่ยงไฮ้แมนชั่น ชื่อว่าภัตตาคารหูฉลามไชน่าทาวน์ สกาล่า
   
“มันเล่นของสูงกันเลยแฮะ” อินทัชกุมขมับ “หาที่ล้างจานรอไว้ด้วยนะ”
   
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ให้อาไผ่มาล้างเป็นเพื่อนพี่โอ๊ต” กนธีขบขัน ถึงเงินไม่พอจ่าย เขาก็ออกหน้าให้ได้สบาย “ไหนๆก็มาแล้ว อยากกินอะไรสั่งเลยครับ”
   
พวกเขาเลือกโต๊ะติดกับกระจก พนักงานเอาเมนูมายื่นให้ เด็กๆไม่เคยเข้าร้านแบบนี้ พอได้เงินของตัวเองก็อยากจะลองดู แต่ยังไม่กล้าสั่งแพงมากนัก
   
“หนูอยากกินหูฉลามกับกระเพาะปลา จะอร่อยไหมพี่อ้น” อุ้มกระซิบ
   
“พี่ก็อยากกิน แต่อุ้มแบ่งกับพี่นะ สั่งให้พี่กุนต์กับพี่โอ๊ตคนละชาม”
   
กนธีนั่งมองเด็กๆคุยกัน อุ่นซ่านไปทั้งใจที่น้องสองคนตกลงแบ่งกันกินแต่ยินดีจะให้เขากับพี่ชายอิ่มกันให้เต็มที่ เป็นความเสียสละที่น่ารักที่สุด

“สั่งอาหารหน่อยครับ” เขาเรียกบริกร ชี้บอกเมนูที่น้องๆคุยกันไว้มาคนละที่ สั่งกุ้งอบวุ้นเส้น คะน้าฮ่องกง กับกุ้งทอดครีมสลัด 
   
อ้นกับอุ้มตาโต รีบก้มลงนับเงิน ทำเอากนธีหัวเราะอย่างเอ็นดู
   
“เอาแบบนี้ดีไหมลูก อ้นกับอุ้มเลี้ยงพี่กุนต์กับพี่โอ๊ตคนละชาม ที่เหลือ พี่กุนต์กับพี่โอ๊ตจะเป็นคนเลี้ยงเด็กๆบ้าง ยังไงคนโตกว่าก็ต้องจ่ายมากกว่า”
   
“ได้คร้าบ” น้องปรบมือแปะ เท่านี้ก็กินกันได้อย่างสบายใจแล้ว
   
กนธีหยิกแก้มกลมด้วยความรัก เขาไม่ได้ให้น้องฟุ่มเฟือย แต่ก็สอนว่านานๆที เราต้องมีรางวัลให้ตัวเองบ้าง ถามว่าหลังการทำงานหนัก มันคุ้มค่ามากพอที่จะมอบอะไรดีๆเป็นของขวัญให้ตัวเราหรือไม่..เขาขอตอบว่า แน่นอน 
   
..เดินให้เป็นสายกลาง ไม่ฟุ่มเฟือยไป และไม่ตระหนี่เกินไป..
   
อินทัชนั่งมองคนตรงข้ามพูดกับน้องชายของเขา พวกมันนั่งฟังตาแป๋ว
   
“มองอะไร” กนธีคอแห้งกะทันหันเมื่อสบเข้ากับสายตาที่จ้องไม่ละ
   
“ไม่เอามุกเด็กประถมนะพี่โอ๊ต” อ้นรีบดักคอ
   
อินทัชเลยได้แต่หัวเราะหึๆ ไม่ตอบอะไรนอกจากมองต่อด้วยดวงตาที่สื่อความนัยลึกซึ้งเกินกว่าจะพูดออกมาให้เด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเข้าใจได้
   
..เขากำลังคิดว่าจะ ‘กลืนกิน’ หนูกุนต์ของเขาอย่างไรให้สมใจ..
   
กนธีเข้าใจสิ่งนั้น เลยยกแก้วชาขึ้นจิบครั้งที่ยี่สิบเพราะร้อนวูบไปทั้งตัว
   
หลังออกจากร้านอาหาร พวกเขาเดินเล่นตามฟุตปาธ ซื้อผลไม้กลับไปไว้ที่ห้อง ซื้อเห็ดสามอย่างกลับไปต้มน้ำกิน มีเก๋ากี้ไว้บำรุงสายตา และซื้อเกาลัดกลับไปแทะเล่น กนธีชอบกินมาก น้องอ้นเลยเรียกว่าเป็นกระรอกอยู่หลายครั้ง
   
“ข้ามไปฝั่งนู้นกันไหม” กนธีชวน รถมาจากทางซ้าย เขาให้อ้นกับอุ้มมาอยู่ขวามือ แต่พอจะเดิน อินทัชก็เข้ามาบังทางซ้าย เอาตัวกันรถให้อีกต่อหนึ่ง
   
“ส่งมาสิครับ” เด็กหนุ่มยื่นมือไปหา
   
“เอาไปสิ..” เขาเสหลบสายตา ส่งถุงผลไม้ให้

น้องหัวเราะ รับมาถืออีกมือ แต่มือที่เหลือยังไม่ละความตั้งใจ
   
“จะให้จูงดีๆ หรือจะให้บังคับ” ร่างสูงหลุบตามองคนที่หันหนี
   
กนธีจมูกแดงจัดตอนที่ขยับไปหา น้องเอื้อมมากอบกุมปลายนิ้วเขาไว้ บีบกระชับแน่นหนาพร้อมทั้งจับจูงกันอย่างมั่นคง
   
เขาหันมอง แผ่นหลังกว้างนั้นบดบังกันเกือบมิด อินทัชพาพวกเขาข้ามถนน ถึงจะมองอีกด้านไม่เห็น แต่เขาก็เชื่อใจ..และมั่นใจในตัวเด็กคนนี้
   
..ว่าจะไม่มีวันปล่อยมือและทิ้งให้เดินกันตามลำพัง..
   
สัมผัสร้อนระอุยังคงกุมมือไว้ ประสานกันแนบแน่นไม่ห่างไปไหน ถึงจะชื้นไปด้วยหยดเหงื่อ แต่มันก็ทำให้หัวใจทั้งดวงพลันอบอุ่นขึ้นมา
   
กนธียิ้มเหมือนคนบ้าอยู่ตามลำพัง
   
“ได้คำตอบหรือยังครับ” อินทัชที่เดินนำอยู่ก้าวหนึ่งถามขึ้น
   
“คำตอบอะไรล่ะ” เขาย้อนถามทั้งที่รู้ดี
   
“พร้อมจะมีผมไปตลอดชีวิตไหม”
   
กนธียิ้มแก้มปริ ยังไม่ได้ตอบอะไรเพราะน้องอุ้มกระตุกชายเสื้อ ขอกินโรตี เขาเลยพาน้องเดินไปซื้อ อินทัชได้แต่ส่ายหัวที่เขาตามใจเด็กอ้วน
   
“เท่าไรครับ” ร่างสูงหยิบเงินขึ้นมาจ่าย “พี่จะกินด้วยไหม”
   
“กิน..” กนธีพยักหน้า “แต่แบ่งคนละครึ่งกับโอ๊ตนะ”
   
“ก็ได้ๆ” อินทัชหัวเราะ
   
“อือ..แบ่งกัน” เขาพึมพำ “คนละครึ่งชีวิต..”
   
อินทัชชะงัก “อะไรนะครับ”
   
“โรตีไง” กนธียิ้มให้ “คนละครึ่งชิ้น”
   
อีกคนหรี่ตามอง เมื่อครู่ไม่ใช่คำนี้ แต่ช่างเถอะ..เขายังมีเวลาจีบกนธีอีกมาก จะใช้เวลานานเท่าไรก็ไม่ว่า แต่ถ้าเดินหน้าแล้ว..

..ขออย่าให้มีวันถอยหลังเลย..




...........................................................................




ใกล้จบแล้วจ้า อิๆ แต่ต้องผ่าน nc สุดท้ายไปก่อน ไม่งั้นนอนไม่หลับ 555



 :t3:





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-10-2017 22:40:06 โดย nigiri-sushi »

ออฟไลน์ bradpitt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: Sins : Greed -- [Ch.58-60] pg.137 -- 21/10/60
«ตอบ #4109 เมื่อ21-10-2017 23:00:17 »




 พี่กุนต์  โอ๊ต อ้น อุ้ม  เป็น สิงหนาท กันแล้วสินะ :กอด1:

 มีความครอบครัวอบอุ่น สุขสันต์มากเลย ..............หลังจากดรามามานาน


 :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven

 
 ขอบคุณ ข้าวปั้นมากกกก  มาที มาชุดใหญ่เลย

 ขอหวานๆๆๆ อีก สัก สิบตอน  :katai4:....อย่าเพิ่งรีบจบนะ ฮับ


  :hao3:  ดช.อาศิร เศรษฐีน้อยๆๆ / น้องอุ้ม คงจะได้ มรดก ทั้งไร่ อาไผ่ และ อาไท เลยนะเนี่ย 

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด