Chapter 37
“วันนี้จะเข้าร้านกับพี่ไหม” กนธีถามอินทัชระหว่างที่กำลังกลัดกระดุมเสื้อเชิ้ต เขาเหลือไว้แต่สองเม็ดบนเพราะอากาศร้อน
อินทัชชะงักมือที่กำลังเช็ดผม “ไม่เข้าดีกว่าครับ”
เขาก้มลงหยิบผ้าขนหนูที่พี่กุนต์วางไว้ระเกะระกะขึ้นมาตาก เมื่ออยู่ร่วมกันนานเข้าก็เริ่มเห็นนิสัยของแต่ละฝ่ายชัดเจนขึ้น เขาค่อนข้างเจ้าระเบียบ ในขณะที่พี่กุนต์จะเป็นคนง่ายๆ ใช้อะไรวางทิ้งไว้ตรงนั้นให้คอยตามเก็บ
แต่เขาคิดว่าแบบนี้ก็น่ารักดี ไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องแย่อะไร ซ้ำเคยชินเสียแล้วกับข้าวของที่วางเกลื่อนกลาด เช่น ถุงเท้า เสื้อ กางเกง เข็มขัด ผ้าเช็ดหน้า แต่กับบางเรื่องก็ทำเองจนเรียบร้อย อย่างพับผ้าห่ม หรือถอดชั้นใน ฝ่ายนั้นจะใส่ไว้ในตะกร้า พับสองทบเหมือนยังไม่ได้ใช้จนเขาที่เป็นคนซักให้เกิดสับสนบ่อยๆ
ปกติแล้วพี่กุนต์จะเอาชั้นในไปซักร่วมกับผ้าชิ้นอื่นในเครื่อง แต่พอเขารู้เข้าก็อาสาทำเองเพราะไม่อยากให้แม่บ้านหัวใจวายและมันจะได้ไม่ย้วยเร็วด้วย ชั้นในของพี่กุนต์มียี่ห้อ ใช่ของถูกๆข้างทางตัวละยี่สิบสามสิบบาทเสียที่ไหน
“โอเค..ถ้าไม่เข้า วันนี้พี่อาจจะกลับช้าหน่อยนะ” กนธีเดินมาหวีผมหน้ากระจก ฉีดน้ำหอมกลิ่นโปรดตรงซอกคออย่างเคยชิน
“แต่งหล่อแบบนี้ มีนัดหรือครับ” เขาพาดผ้าเช็ดตัวผืนเล็กที่ใช้เช็ดผมที่ราว จากนั้นก็ปลดผ้าอีกผืนที่พันเอวไว้หลวมๆออก เดินเปลือยต่อหน้าอีกฝ่าย
คนมองกระแอมในลำคอ ไม่เคยชินสักทีกับความหน้าทนของเด็ก
“พอดีน้องสนชวนพี่ไปกินข้าวที่บ้านน่ะ พี่ชายเขาทำมื้อเย็นไว้ให้”
อินทัชเลิกคิ้ว หยิบชั้นในกับกางเกงยีนส์มาสวม พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นพี่กุนต์ติดกระดุมสลับกันก็ส่ายหัว เข้ามาช่วยติดให้ใหม่ “จริงๆเลยนะพี่เนี่ย”
กนธีหัวเราะเก้อเขิน อุตส่าห์แต่งตัวหล่อเนี้ยบอย่างดี ดันตาฝ้าฟาง ติดกระดุมผิดตำแหน่งเสียได้ “จะบอกว่าไม่ต้องรอกินข้าวนะ”
“ไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไรครับ”
“สนิทกันทุกวันแหละน่า” เขายิ้ม อินทัชไม่ค่อยเข้าร้านวันธรรมดา จะรู้ได้อย่างไรว่าเขากับปาลินคุยเรื่องอะไรบ้าง “ทำไม? หวงเพื่อนหรือ”
คนฟังหัวเราะ “ทำอะไรก็ทำเถอะครับ ผมก็มีเรื่องไปทำเหมือนกัน”
“อะไรน่ะ ทำเป็นมีความลับ”
“มันก็ต้องมีกันบ้างสิพี่” อินทัชอมยิ้ม หยิบเสื้อมาสวม “เห็นกระเป๋าเงินผมไหมครับ” เขาหันซ้ายหันขวา พออีกคนชี้ให้ดูตรงโต๊ะข้างหัวเตียงก็ร้องอ้อ
เมื่อคืนเขาร่วมรักกับพี่กุนต์ แต่ถุงยางในลิ้นชักหมดแล้วเลยเอาจากกระเป๋าเงินมาใช้ก่อน ที่เขาพกติดตัวไม่ใช่ว่าจะไปใช้กับใครอื่นหรอก เอาไว้เผื่อแอคซิเดนท์กับคนตรงหน้าต่างหาก..เรื่องนอกกายน่ะไม่อยู่ในความคิดแน่
“ให้พี่ไปส่งไหม” กนธีช่วยจัดเสื้อของเจ้าโอ๊ตให้เรียบก่อนหยิบกุญแจรถมาถือ เมื่อวานมันมาขอค้างที่ห้อง เห็นว่าวันนี้มีธุระแต่ก็ไม่ยอมบอกว่าธุระอะไร
“ไม่เป็นไรครับ” เขาเช็กแบตโทรศัพท์เห็นว่าเต็มเปี่ยมดี “พี่ไปร้านเถอะ”
“อืม..แล้วคืนนี้เราเอาไง..จะกลับบ้านใหญ่หรือจะนอนที่นี่”
อินทัชคิดอย่างชั่งใจ “ดูก่อนพี่ ไว้จะโทรบอกแล้วกัน”
“โอเคครับ ขึ้นรถลงเรือก็ระวังล่ะ” กนธีบอกประสาคนแก่ “เออ..เงินเราพอไหม ติดในกระเป๋าสักสามสี่พันแล้วกัน” เขายื่นแบงค์พันให้
“ไม่เอาครับ” เด็กหนุ่มปฏิเสธ “ธุระนี้ต้องใช้เงินผมเท่านั้น”
“จะไปเที่ยวอาบอบนวด?”
“พี่กุนต์..” อินทัชถอนหายใจ “มุกนี้ผมไม่ซื้อ”
“ยอมๆ” กนธีหัวเราะ ยกสองมือยอมแพ้ ไอ้เด็กนี่มันแหย่อะไรทำนองนี้ไม่ได้เลย เครียดติดหมัดขึ้นมาทันที “แค่จะบอกว่าถ้าจะไปก็ชวนพี่บ้างนะ”
“เมื่อคืนสู้กันขนาดนั้น ยังคิดว่าไหวหรือครับ” เขาถามยิ้มๆ
“อย่าดูถูกนะว้อย” กนธีเข่นเขี้ยว มัวแต่เถียงกับมันเดี๋ยวเขาได้เข้าสายพอดี “เออ..ไปล่ะ ไว้คุยกัน มีอะไรก็โทรมานะ เงินไม่พอก็รูดบัตรได้เลย”
อินทัชส่ายหัวระอากับคนที่ออกจากห้องไป พี่กุนต์ไว้ใจเขาที่สุด ขนาดทำบัตรเครดิตเสริมให้โดยไม่คิดไตร่ตรองสักนิด ซ้ำไม่มีข้อแม้หรือข้อตกลงอะไรสักข้อ เรียกว่าถ้าอยากใช้เงินก็รูดได้เลย บิลเรียกเก็บเป็นหน้าที่ของพี่กุนต์ที่จะจ่ายให้เอง แน่นอนว่าตั้งแต่ที่ได้มาเมื่อไม่กี่วันก่อน เขายังไม่ได้ใช้ และคิดว่าจะไม่ยอมใช้เด็ดขาด ถึงจำเป็นต้องรูดก็จะเอาเงินมาคืนให้ได้
..ทุ่มเทให้มากขนาดนี้..โดนเด็กหลอกมากี่ครั้งกี่หนแล้วนะ..
คล้อยหลังอีกฝ่ายได้สักพัก พอมั่นใจว่าพี่กุนต์น่าจะออกไปแล้ว เขาก็หยิบกระเป๋าเป้ขึ้นพาดบ่า สำรวจไฟและเตาไฟฟ้าในห้องว่าปิดเรียบร้อยดี
มะรืนนี้จะเป็นวันเกิดพี่กุนต์ เขาเลยวางแผนไปเดินตลาดต้นไม้จตุจักรเพื่อหาซื้อพันธุ์ไม้สวยๆให้ น่าจะเป็นของขวัญที่ถูกใจคนรักธรรมชาติที่สุด เขาเสิร์ชหาชื่อไม้ดอกไม้ประดับที่ต้นไม่ใหญ่มาก พอจะปลูกที่ระเบียงได้เอาไว้แล้ว
ตอนลงมาถึงล็อบบี้ มือถือในเป้ก็แผดเสียงจ้าจนเขาสะดุ้ง หน้าจอเป็นเบอร์ไอ้น้องคนกลางที่หากไม่จำเป็น มันจะไม่ใช้มือถือเพราะกลัวเปลืองเงิน
ร่างสูงงุนงง ไอ้อ้นโทรหาเขาทำไม พอกดรับ เสียงโวยวายของไอ้แสบก็ดังขึ้น เรียกว่าต้องยกโทรศัพท์ออกห่างจากหูกันเลย
‘พี่โอ๊ต!!’ อ้นร้อง ‘อ้นรู้นะว่าพี่โอ๊ตจะไปหาของขวัญให้พี่กุนต์!’
..มันรู้ได้ยังไงวะ..
‘ก็อ้นเห็นพี่โอ๊ตจ้องคอมที่ห้องรับแขกอ่ะ จะไปซื้อต้นไม้ใช่ไหม’
คำตอบเล่นเอาคนฟังกุมขมับ เมื่อวานตอนบ่ายก่อนออกมาหาพี่กุนต์ที่คอนโด เขาดูเว็บต้นไม้จริงๆ ไอ้อ้นก็มาป้วนเปี้ยนแถวนั้นแต่ไม่คิดว่ามันจะตาไว
‘อ้นจะไปด้วย~ อ้นก็จะซื้อของขวัญให้พี่กุนต์เหมือนกัน’
มีเสียงง้องแง้งอีกเสียงแทรกเข้ามา ไอ้อุ้มก็เอากับพี่มันด้วย
‘หนูก็อยากไป อยากป๊ายย~’
อินทัชขยี้หัวตัวเองยิกๆ “ไปไม่ได้” บอกแค่นั้นมันก็แผดเสียงคูณสอง “ฟังก่อนไอ้ตัวดี จตุจักรแดดร้อน พี่หิ้วของเยอะ ไม่มีเวลาดูแลหรอก ห้องน้ำก็เข้าลำบาก ห้องแอร์ก็ไม่มี ของกินก็หายาก วันนี้มันวันขายต้นไม้ ไม่สนุกหรอก”
‘พี่โอ๊ตไม่ต้องดูแลอะไรอ้นเลย อ้นจะดูแลตัวเองกับน้องอุ้ม’
“เชื่อก็มีลูกเป็นแฮมสเตอร์แล้ว!”
‘แง้~ หนูจะไปด้วย’ น้องอุ้มร้องซิกๆ ฟังดูก็รู้ว่าแกล้ง ‘พี่โอ๊ตไม่อยากให้หนูให้ของขวัญพี่กุนต์ หนูจะฟ้องพี่กุนต์ หนูเก็บเงินค่าขนมวันละสิบบาทเลยนะ’
“กลับไปรับพวกเราก็ยิ่งช้าน่ะสิ ทำไมไม่บอกตั้งแต่เมื่อวาน” อินทัชถอนหายใจ แล้วก็ได้คำต่อว่ากลับมาว่าทำไมเขาอุบอิบไว้ ไม่ยอมเล่า..ดูมันย้อนสิ
‘ถ้าพี่โอ๊ตไม่มารับ น้องอุ้มบอกว่าจะไม่ยอมกินข้าวเย็น’
“แต่จะกินขนมใช่ไหม?” เขาส่ายหัว ออกมายืนรอแท็กซี่ คิดว่าคงต้องเสียเวลาย้อนกลับไปบ้านใหญ่แล้วเพราะกลัวไอ้ตัวเล็กจะกินขนมแทนข้าว
‘ถ้าพี่โอ๊ตไม่มา อ้นจะรื้อกระเป๋าพี่โอ๊ต เอาหมากฝรั่งมาเป่าให้หมด’
“หมากฝรั่ง?” เขาย่นหัวคิ้ว เขาเคี้ยวหมากฝรั่งที่ไหนกัน “อะไรวะ”
มีเสียงไอ้สองแสบคุยกัน ‘ซองนี้ใช่ป่ะพี่อ้น..ฉีกเลยมะ’
..ซอง..หมากฝรั่ง..
“หยุดเดี๋ยวนี้ไอ้อ้นไอ้อุ้ม!” อินทัชห้ามเสียงหลง “พี่กำลังจะไปหา ออกจากห้องแล้วไปนั่งรอข้างล่าง ถ้าพี่ไปแล้วไม่เจอ อดเที่ยว!”
‘คร้าบ~ ไปแล้วครับ’ สองหน่อหัวเราะคิกคักแล้วก็วิ่งตึงๆลงบันได
ร่างสูงกุมขมับ รีบขึ้นแท็กซี่ก่อนบอกปลายทางด้วยความเหนื่อยใจ
..ถ้าฟาดก้นพวกมันคนละตุบสองตุบ ยายจะด่าเขาไหมเนี่ย..
ตอนมาถึงบ้านใหญ่ ไอ้อ้นไอ้อุ้มแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว คนพี่ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ คนน้องใส่เอี๊ยมสีน้ำเงินลายเป็ด มีหมวกติดหัวคนละใบ สะพายเป้พร้อม ด้านข้างพกขวดน้ำเตรียมไว้ด้วย อินทัชเห็นแล้วทั้งเอ็นดูทั้งมันเขี้ยว
“อยากไปดีนัก ถ้าแดดร้อนห้ามโวยนะเว้ย” เขาขู่ มองพวกมันส่ายหัวดิก ชูนิ้วก้อยป้อมๆสัญญาว่าจะไม่ดื้อ “ห้องน้ำไม่มีด้วย อั้นฉี่ให้ล้นถึงคอเลย”
น้องอุ้มสะดุ้งเฮือก “หนูฉี่มาสามรอบแล้ว ขอไปฉี่รอบที่สี่ก่อนฮะ”
อินทัชหัวเราะ “พี่ล้อเล่น” เห็นแก่ความตั้งใจขนาดจะยอมกลั้นฉี่ เขาจะโกหกไอ้พวกแสบต่อได้ยังไงล่ะ “แต่วันนี้วันธรรมดา ของกินหายาก ไม่ล้อเล่น”
อ้นรื้อห่อแครกเกอร์ออกมาให้ดู ยอมพวกมันเลย..เสบียงพร้อมสรรพ
“ทีหลังพกเต้นท์ไปด้วยนะ จะได้กางนอน” เขาส่ายหัวระอา ยื่นมือให้น้องๆจับก่อนพาไปขึ้นแท็กซี่ บอกปลายทางจตุจักร “พกเงินมาเท่าไรกัน”
อ้นนับแบงค์หลายรอบแล้ว เด็กชายมีอยู่ห้าร้อยบาทแน่ะ ส่วนน้องอุ้มมีเงินอยู่สองร้อยบาท เป็นพ็อกเก็ตมันนี่ที่ได้จากการทำงานเล็กๆน้อยๆให้พี่กุนต์ เพราะพี่โอ๊ตขอไว้ว่าจะไม่มีการให้ค่าขนมแบบเปล่าๆโดยไม่มีอะไรแลกเปลี่ยน
“จะซื้ออะไรให้พี่กุนต์” เขาพับเงินให้ไอ้อุ้มแล้วรูดซิปปิด กำชับให้คอยจับเอาไว้ ไม่อย่างนั้นถ้าหายขึ้นมาคงต้องนั่งเช็ดน้ำตาท่วมทุ่งให้มันแน่ๆ
“ซื้อต้นไม้แหละ” อ้นตอบ
“แหงล่ะเอ็ง เขามีขายแต่ต้นไม้ทั้งนั้น” อินทัชโยกหัวน้องคนกลาง คลี่กระดาษรายชื่อให้ดู “พี่เล็งมาแล้ว แต่อ้นกับอุ้มน่ะจะเอาอะไร”
“เดินดูก่อนได้ไหมอ่า” น้องอุ้มมีเงินนิดเดียว ถ้าให้ซื้อต้นไทรพร้อมผ้าเจ็ดสีให้พี่กุนต์ก็คงจะไม่พอ “ถ้าหนูบ๋อแบ๋ ขอยืมพี่โอ๊ตก่อนน้า~”
“ได้..” เขายิ้ม “ดอกร้อยละสามสิบ นี่กันเองๆเลย”
เด็กๆไม่เข้าใจคำว่าดอกเบี้ย เลยพยักหน้ารับแบบขันแข็ง
วันพุธแบบนี้เป็นวันขายต้นไม้ เริ่มเช้าตรู่เจ็ดโมงถึงห้าโมงเย็น บางคนมาเลือกซื้อไปตั้งแต่คืนวันอังคารซึ่งเป็นช่วงที่ทางร้านเอาของมาลง ส่วนตลาดนั้นจะมีถึงวันพฤหัสประมาณบ่ายแก่ก่อนที่คนขายจะเริ่มทยอยขนกลับ
โชคดีที่แดดไม่ร้อน อากาศกำลังสบายและคนมาซื้อก็ไม่ได้มีเยอะ สองข้างทางของตลาดที่ปกติจะคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวหลายชาติในตอนนี้มีแต่ต้นไม้วางเรียงราย มีพวกสนและปรงสำหรับตกแต่ง ไปจนถึงไม้ประดับจำพวกใบล้วนกับไม้ดอก ทั้งแบบแขวนและแบบกระถาง กระทั่งบรรดาแคคตัสและพืชจิ๋วใช้จัดสวนเทอราเรียม บางส่วนก็เป็นพันธุ์ไม้ใหญ่ที่พ่อค้าขนใส่กระบะมาขาย
“รู้แบบนี้น่าจะชวนพี่กุนต์มาด้วย” อินทัชพึมพำ ขนาดเขาไม่ได้เป็นคนรักต้นไม้อะไรนักยังอยากซื้อไล่ดะไปหมด ถ้าพี่กุนต์เห็นจะต้องดีใจมากแน่นอน
น้องอุ้มลากพี่อ้นไปแหงนคอดูไม้พุ่มที่มีดอกอยู่สามสีปะปนในต้นเดียว ทั้งสีขาว สีม่วงเข้มและสีม่วงอ่อน ถ้าซื้อให้พี่กุนต์ก็จะได้แบบทรีอินวัน
“ใช่ต้นที่มีหนอนแว่นป่ะพี่โอ๊ต” อุ้มหมายถึงแพงพวยที่มักจะมีหนอนมากินใบ อุ้มเลยหยิบมากลิ้งเล่นบนฝ่ามือบ่อยๆ แต่พี่โอ๊ตบอกว่าไม่ให้รังแกสัตว์
“ไม่ใช่ครับ” อินทัชส่ายหัว “นี่ต้นพุดสามสี” เขาอ่านจากป้ายเอา
“หนูอยากได้ต้นนี้” อุ้มชี้มือ แต่ราคาไม่ใช่ร้อยสองร้อยเลย
“เดี๋ยวๆ ไปเดินดูก่อนแล้วค่อยตัดสินใจไอ้แสบ” พี่คนโตถอนใจระอา ใจร้อนเหมือนใครวะไอ้เตี้ยนี่ “พี่ว่าอุ้มเลือกแค่ตะบองเพชร เดฟกระเป๋า หรือเอาต้นในกระถางราคาสักสิบยี่สิบบาทก็พอแล้ว ตรงนั้นมีขายเต็มเลย พี่จะพาไป”
น้องอุ้มพยักหน้าหงึก เอามือตบกระเป๋าเงินในเป้แล้ววิ่งตุบตับตามพี่ๆ
ใกล้ๆร้านขายไม้ประดับสวนแนวตั้ง มีร้านขายกระถางดินเผา ท่อนไม้ และพืชคลุมดินจำพวกมอส อ้นไปยืนเมียงมอง เด็กชายไม่รู้จะซื้ออะไร มีแต่ใจที่อยากจะเนรมิตสวนทั้งสวนมาให้พี่กุนต์..ซึ่งก็คงทำให้ล้มละลายไปจนรุ่นหลาน
“ว่าไงจ๊ะหนู สนใจอะไรบอกป้าได้” คนขายหันมายิ้มให้ขณะฉีดฟ็อกกี้ใส่มอสให้ชุ่มฉ่ำ “อยากได้แบบไหนล่ะ เดี๋ยวแนะนำให้”
“อยากจัดสวนต้นไม้ให้คนสำคัญครับ” อ้นตอบไม่เหนียม เลียนแบบพระเอกในทีวี “แต่ว่าผมมีเงินไม่พอ..มีแค่ห้าร้อยเองครับ”
ป้าหัวเราะชอบใจ กวักมือให้มาดูกระถางขนาดสองมืออุ้ม มันคือสวนบอนไซที่มีชาฮกเกี้ยนแผ่กิ่งก้านปกคลุมเหมือนไม้ใหญ่ในหุบเขา ข้างล่างเป็นกระท่อมดินเผา มีแนวรั้วกั้น ตั้งอยู่บนเนินดินคลุมด้วยมอส รอบด้านมีพันธุ์ไม้จิ๋วประดับ ถัดลงไปคือลำธารกรวดสีฟ้า มีสะพานข้าม แต่งด้วยกระต่ายและนก
“แบบนี้โอเคไหมจ๊ะพ่อรูปหล่อ ตัวแค่นี้มีกิ๊กแล้ว” แกตีความเรียบร้อยว่าอ้นจะซื้อให้แฟน “ป้าคิดสองร้อยห้าสิบแล้วกัน ลดให้สุดๆ แถมเห็ดให้ด้วย”
“เอาครับเอา” อ้นยิ้มตาปิด ยกมือไหว้ขอบคุณก่อนรับเห็ดดินอันจ้อยมาจากคุณป้า อ้นจำได้ว่าพี่กุนต์ชอบกินเห็ด ดังนั้นก็ควรจะมีเห็ดอยู่ใกล้ๆบ้าน
“ชื่ออะไรล่ะจ๊ะเรา” แกหยิบเงินทอนให้หลังจากรับแบงค์ร้อยมาสามใบ
“ชื่ออ้นครับ”
“อย่าบอกนะว่ามาคนเดียว” เอากระถางบอนไซใส่ถุงแล้วบอกวิธีดูแล
“มากับพี่โอ๊ต กับน้องอุ้มครับ” อ้นถูกใจของชิ้นนี้มาก
“เป็นผู้ชายโรแมนติกนะเนี่ย ซื้อต้นไม้ให้แฟน” แกยิ้ม “แฟนชื่ออะไรล่ะ อยู่ชั้นเดียวกันหรือเปล่า อย่างหนูนี่น่าจะอยู่ประถมใช่ไหม”
“เอ่อ..” เด็กชายเกาหัว พอดีได้ยินพี่โอ๊ตเรียก “เขาเป็นพี่..ชื่อพี่กุนต์ครับ ขอบคุณคุณป้ามากๆครับ ไว้ผมจะมาอีก” หยิบได้กระถางก็เดินตัวปลิวออกไป
ป้าได้แต่ยืนอ้าปากค้าง “เด็กสมัยนี้คบแฟนรุ่นพี่ด้วยหรือนี่!”
อินทัชก้มลงมองถุงที่เจ้าอ้นประคองมาด้วยสองมือ เห็นว่าเป็นกระถางบอนไซ ไม่คิดเลยว่ามันจะหาของขวัญได้เร็วกว่าเขา “ชาฮกเกี้ยน? น่ารักดี”
“คนให้น่ารัก คนรับน่ารัก ของก็ต้องน่ารักสิพี่โอ๊ต”
“ไอ้แก่แดด” เขาโยกหัวมัน หันมาทางไอ้อุ้มที่กำลังเล็งไม้กระถางอันจิ๋ว “เดฟกระเป๋าน่ารักดีนะ” ต้นนี้จะมีกระเปาะใบเล็ก ดอกเป็นสีชมพูยิบย่อย “หรือจะเอาเดฟกระดุม อันใบกลมๆ นั่นเดฟหัวใจที่ใบแหลมๆ”
อุ้มส่ายหัวดิก เอาแต่ก้มมองใบไม้ใบเดียวที่ชำอยู่ในกระถางพลาสติก ที่โดดเด่นคือใบของมันเป็นรูปหัวใจหนึ่งดวง ขนาดประมาณฝ่ามือน้อยๆ
“ต้นนี้โฮย่าใบหัวใจจ้ะหนู” คนขายยิ้มให้ “เรียกว่าโฮย่าหวานใจก็ได้”
น้องอุ้มเปิดกระเป๋าเงิน ต้นละสิบบาทแบบนี้..หวานหมู “หนูอยากได้”
อินทัชเลิกคิ้ว ไอ้สองแสบมันเลือกของขวัญเก่งจริงๆ “ก็เอาไปสิ”
“เอาต้นนี้ฮะ” เด็กชายเลือกใบสีเขียวสดได้ต้นหนึ่ง มีคราบน้ำเล็กน้อยแต่เอาไปเช็ดใหม่ก็สะอาดเอี่ยม “สิบบาท~” จ่ายเงินแล้วรับต้นไม้มากอด
“ไม่ต้องจูบ เยอะไป” พี่ชายเอามือมากันปากไม่ให้มันจุ๊บใส่โฮย่า
สรุปว่าอ้นกับอุ้มได้ของแล้ว เหลือแต่พี่โอ๊ตที่ต้องพาน้องๆเดินถึงสองรอบกว่าจะได้ต้นไม้ที่ลิสต์ชื่อมา ซ้ำยังเสียเงินเพิ่มกับบางต้นที่ติดใจเองด้วย
ตอนแรกอินทัชคิดว่าจะซื้อไม้มงคลอย่างต้นเศรษฐีพันล้าน แต่หาชื่อแล้วงงมากกับตระกูลเศรษฐี ทั้งเศรษฐีเรือนนอก เศรษฐีเรือนใน เศรษฐีเงินหนา เศรษฐีก้านทอง เศรษฐีกอบทรัพย์ ว่านรวยไม่เลิก ว่านกวักนางพญามหาเศรษฐี สุดท้ายเขาก็ยอมแพ้และเปลี่ยนใจหาต้นไม้ตามสีที่พี่กุนต์น่าจะชอบแทน
ที่คอนโดมีปลูกราชาวดีกับแก้วพวงดวงใจ แสดงว่าพี่กุนต์น่าจะชอบไม้ขาวมีกลิ่นหอม เขาเลยเลือกต้นโมกพวงกับแก้วหิมาลัยสำหรับปลูกที่ระเบียงมาอย่างละต้น นอกจากนั้นก็ซื้อสร้อยระย้า บุหงาส่าหรี และต้นลดาวัลย์ที่เป็นพืชไม้เลื้อยสำหรับลงที่บ้านใหญ่ให้ด้วย
มองไปมองมามีแต่สีขาวอย่างเดียว อินทัชเลยซื้อไม้ดอกสีไปให้แต่เลือกเอาต้นที่สีไม่ฉูดฉาดเกินไป ได้เป็นไข่มุกอันดามันกับเอื้องไอยเรศมาเพิ่ม ตบท้ายด้วยไม้กระถางโทนสีม่วง คือต้นแววมยุรา ม่วงเทพรัตน์ และลานไพลินสำหรับปลูกในบ่อปลาเพราะเป็นไม้น้ำ
“แท็กซี่จะยอมให้ขึ้นรถหรือเปล่า..” หันมาอีกที รอบตัวก็มีแต่ต้นไม้เต็มไปหมด ไอ้อ้นกับไอ้อุ้มแทบจะจมหายไปในพุ่มสีเขียวเลย
“พี่โอ๊ตซื้อเยอะแบบนี้ เอาเปรียบพวกอ้นนี่นา” อ้นเบะปากใส่ “มีตั้งสิบต้น ยังไงก็ต้องมีสักต้นที่พี่กุนต์ชอบแหละ”
“หนูมีใบเดียวเอง” น้องอุ้มคอตก รู้สึกเหมือนถูกพี่ชายข่มด้วยปริมาณ
อินทัชหัวเราะ “นี่..ของขวัญน่ะ จะมีกี่อย่างก็ตาม ขอให้มาจากใจพอ แล้วตกลงว่าพวกเราอยากให้ของขวัญพี่กุนต์ หรืออยากจะแข่งกันเองครับ”
“ไม่แข่งๆ ขอให้พี่กุนต์มีความสุขก็พอแล้ว” อ้นตั้งปณิธานไว้แบบนั้น
“ดีมาก” เขายิ้ม รถคันที่สามผ่านไปเมื่อเห็นกองของ เล่นเอาปวดหลังหนึบๆ “เอ้า! ไอ้อุ้มไปเรียกแท็กซี่มาให้ได้แล้วพี่จะเลี้ยงไอติม”
“เรียกยังไงอ่ะพี่โอ๊ต” น้องอุ้มทำคิ้วชนกัน
“เต้นไก่ย่างไง ไก่ย่างถูกเผา” อินทัชนั่งยองๆ ปวดเมื่อยเป็นบ้า “เต้นดิ”
เด็กชายเกาหัวแกรก ลังเลอยู่อึดใจก็เริ่มส่ายไปมา ทำท่าตีปีกพั่บๆ
“ไก่ย่างถูกเผา ไก่ย่างถูกเผา” น้องโยกหัว “มันจะถูกไม้เสียบ อ๊า~”
อินทัชกลั้นขำแทบแย่ เขาแอบบันทึกคลิปวิดีโอตั้งแต่ต้นจนจบ เดี๋ยวจะอัพโหลดลงโน้ตบุ๊คแล้วตั้งชื่อไฟล์ ‘พาไก่ย่างเที่ยวจตุจักร’ ไว้เป็นที่ระลึก
เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืน โบกเรียกแท็กซี่คันที่สี่แล้วรถก็จอด ตกลงปลายทางเสร็จสรรพพี่แกยอมไปส่ง นับว่ามนต์ไก่ย่างได้ผลเหมือนกัน
พอสองหน่อขึ้นรถมาได้ พวกมันก็ผล็อยหลับอย่างรวดเร็ว คงทั้งเหนื่อยและล้ากันน่าดู เสบียงที่พกมาก็ไม่ได้กิน น้ำก็ไม่ได้ดื่ม เหงื่อไหลเต็มตัวอีก
“อย่าลืมไอติมนะพี่โอ๊ต” น้องอุ้มยังไม่วายกำชับ
อินทัชยิ้ม ถ่ายรูปพวกมันที่นอนคอพับคออ่อนเก็บไว้ คิดว่าของขวัญน่ะไม่เท่าไรหรอก แต่ความพยายามในวันนี้..น่าจะทำให้พี่กุนต์ซึ้งใจมากที่สุด
.
.
.
[ต่อด้านล่าง]