คาบที่ 2 - เพื่อน
***********
ขุนเขาโบกมือตรงหน้าฟากฟ้าด้วยความงุนงง
เด็กชายมีสีหน้าตกตะลึงไม่น้อย
เห็นดังนั้นหญิงสาวที่ชื่อพลอยจึงยกมือตบท้ายทอยเด็กหนุ่มดังปึ่ก
"โอ๊ย ทำอะไรเนี่ย"
"พูดอะไรไม่เข้าเรื่อง" เธอบ่น "พี่ไม่คิดสั้นขนาดไปคบกับเด็กมัธยมต้นหรอกนะ ให้ตายสิ จะทำให้ชาวบ้านเข้าใจผิดไปถึงไหนกัน" ว่าแล้วใช้มือข้างที่ประทุษร้ายอีกฝ่ายเขย่าตัวฟากฟ้าเบา ๆ
เด็กชายตื่นจากภวังค์มองซ้ายทีขวาที
"กลับมาแล้ว"
"เป็นยังไงบ้าง"
"เอ่อ ไม่เป็นไรครับ" ฟากฟ้าเกิดอาการเลิ่กลั่ก เขาไม่นึกชอบเป็นจุดสนใจ แน่นอนว่าต่อให้อีกฝ่ายจะมีกันเพียงแค่สองคนก็ตาม
ยอมรับว่าเหนือความคาดหมาย ขุนเขามีแฟนแล้วอย่างนั้นหรือ ไม่แปลกนี่ถ้าจะมีแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะเป็นรุ่นมหาลัย อีกทั้งยังสวยขนาดนี้ เพราะความมั่นใจที่ได้สาวงามขนาดนี้มาครองหรือเปล่าเลยทำให้ขุนเขามั่นใจในตัวเองและยื่นมือช่วยเหลือให้เขาจีบสาวสวยประจำโรงเรียน
แต่ต้นทุนของพวกเขาไม่เหมือนกันสักหน่อย
ขุนเขาเห็นสีหน้าฟากฟ้าออกเดาทันทีว่าคำแก้ตัวของพลอยไม่เข้าหัวแม้แต่น้อย
เด็กหนุ่มหันไปมองหญิงสาวแล้วพยัดเพยิดหน้าไปทางฟากฟ้า
"พ่อพลอยบอกแล้วว่าจะคุยกับที่บ้านผมให้นี่"
"ขุน" น้ำเสียงหญิงสาวเย็นเฉียบ "ถ้าวันนี้ยังไม่กลับบ้านอย่าหาว่าพี่ใจร้ายนะ"
"เฮ้ อะไรกันน่ะ ผมยัง...."
"ไม่มีข้ออ้างใด ๆ ทั้งสิ้น !" เธอเอ่ยอย่างเหลืออด "อย่ามาทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาหน่อยเลย เจ้าเด็กสิ้นคิด !"
พูดจบหญิงสาวก็คว้าคอเสื้อของเด็กหนุ่มให้ออกจากห้อง ด้วยความสูงที่มีเหนือกว่าทำให้ลากไปได้ไม่ยากเย็น เมื่อเห็นดังนั้นแล้วฟากฟ้าพลันรู้ตัวว่าตนไม่ควรนั่งอยู่กับที่ เขาหยิบหนังสือประมวลกฎหมายอาญาติดมือมาแล้วรีบเดินตามออกไป
"เฮ้ เดี๋ยว พลอย เดี๋ยว !"
แต่หญิงสาวกลับไม่ฟัง ไม่รู้ผู้หญิงตัวแค่นี้มีแรงสู้ผู้ชายวัยรุ่นตอนต้นได้ยังไง ร่างขุนเขากะเผลกไปตามแรงดึงลงไปข้างล่าง
เฮียวิทย์ยืนรอพร้อมลูกน้องหัวทอง
ลูกสาวจึงแหวไปยังบิดาทันที
"พ่อก็ตามใจขุนมันอยู่เรื่อย ! ไล่กลับบ้านไปเลยค่ะ เด็กแบบนี้เอาใจมากมีแต่จะเหลิง เราเป็นเจ้าบ้านอย่าได้เกรงใจ ดีซะอีกที่ลูกชายเค้าจะได้กลับบ้าน" เธอเทศนาให้บุพการีฟังเป็นชุด เจ้าของอู่ซ่อมมอเตอร์ไซค์ได้แต่ถอนหายใจพลางส่วนศีรษะอย่างระอา
ไม่รู้เหนื่อยใจกับฝ่ายไหนดี
พลอยโยนขุนเขากลับไปยังมอเตอร์ไซค์คู่ใจแล้วบอกว่า
"ไปส่งเพื่อนด้วย"
"เดี๋ยวก่อน !.. พลอย เดี๋ยว .. !" ขุนเขาร้องเรียกได้แค่นั้น ทว่าหญิงสาวไม่สนใจ เธอสะบัดหน้าหนีแล้วหมุนตัวออกจากจุดเกิดเหตุเดินขึ้นบ้านชั้นสองไปอย่างรวดเร็ว
เด็กหนุ่มอ้าปากค้าง หันมามองฟากฟ้าพลางยิ้มแห้ง
"เอ่อ ..."
"ไม่ต้องโทรบอกที่บ้านแล้วใช่ไหม"
ฟากฟ้าถามเพียงแค่นั้นก่อนจะไปหยิบหมวกกันน็อคสีชมพูประจำตำแหน่งออกมา
ฟากฟ้าคิดว่าบทเรียนจะมีประสิทธิพลต่อเมื่อทำแบบฝึกหัด ดังนั้นแล้วในระหว่างที่ชีวิตเขายังปกติสุขจึงพยายามลองฝึกฝน
ส่วนขุนเขาหลังจากวันนั้นก็ทำตัวเป็นเด็กดีขึ้นหนึ่งในสี่ส่วน กล่าวคืออยู่ในห้องเรียนมากขึ้นแม้จะแอบหลับหรือแอบทำอะไรกับสมุดโนต (คงไม่ใช่จดที่อาจารย์บรรยายแน่นอน ฟากฟ้ามั่นใจ)
บทเรียนต่อไปจะเริ่มหลังจากบทเรียนแรกประสบความสำเร็จ ฉะนั้นจึงสร้างความกดดันให้กับฟากฟ้าเพิ่มขึ้นเท่าตัว เพราะเขาคิดไม่ออกว่าจะเอาไปใช้กับพวกนั้นในตอนไหน
ทว่าเพียงแค่คิดแบบนี้ไปได้ไม่กี่ชั่วโมง บททดสอบครั้งสำคัญก็ถูกประเคนให้ตรงหน้า
ฟากฟ้าถูกชุนเรียกไปคุยที่หลังห้อง
การกระทำอุกอาจโดยไม่เกรงกลัวสายตาครูบาอาจารย์ ระหว่างพักเที่ยงเด็กชายถูกกักตัวไม่ให้ไปรับประทานอาหารพร้อมเพื่อนในห้อง
ชุนขนาบข้างมาด้วยลูกน้องตัวยักษ์อีกสองคน
เหมือนมัลฟอยที่มีแครบและกอยล์อยู่เคียงข้าง
"ไง คราวก่อนมีพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยไว้ แต่คราวนี้อย่าคิดว่าจะรอดได้อีกล่ะ"
น้ำเสียงของชุนช่างยโสเต็มที ทว่ามันคงเป็นจริงดังนั้นเมื่อทันทีที่ออดพักเที่ยงดังร่างของขุนเขาพลันหายวับไปกับตา แม้อีกฝ่ายจะบอกว่าเขาคือเพื่อน แต่ตอนกลางวันกลับไม่อยู่ทานข้าวด้วย ทำให้ความรู้สึกถึงว่าขุนเขาคือเพื่อนนั้นช่างบางเบาเหมือนกระดาษ
ยักษ์วัดแจ้งสองตนมองฟากฟ้าราวกับว่าเขาคือเหยื่ออันโอชะ บางทีพวกนี้อาจไม่ได้กินข้าวอย่างที่เด็กม.ต้นควรทำ
ความกดดันจากทั้งสามทำให้คำพูดขอเด็กชายจุกอยู่ในลำคอ เงาทาบลงมาบนศีรษะเกิดเป็นความมืดล้อมรอบตัว
บอกแล้วว่าต้นทุนมันต่างกัน แค่สรีระเขายังแพ้ทางหลุดรุ่ย เรื่องคิดจะต่อกรคงเป็นเรื่องเพ้อฝัน
เท้าขวาก้าวถอยหลังตามด้วยเท้าซ้าย พวกนั้นตามมาจนหลังชิดผนัง ไร้ทางต่อเขายิ่งมืดแปดด้าน
หลักสูตรบ้าบออะไรไม่เห็นได้ผลสักนิด ! ฟากฟ้าเริ่มโวยวายในใจพลางโทษทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว ทั้งที่คิดว่าการที่ได้รู้จักกับขุนเขาจะทำให้มันดีขึ้น แต่เปล่าเลย ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงทั้งนั้น
มีแต่เขาที่ทึกทักไปเอง
ชุนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอวดดีว่า
"โดนไอ้ขุนเป่าหูอะไรมาไม่ใช่หรือไง งัดเอามาใช้ซะสิ"
แม้จะเป็นพวกชอบใช้กำลังแต่ชุนถือว่าเป็นเด็กฉลาดพอตัว นั่นเพราะชุนแทบไม่ต้องลงมือต่อยตีเอง ลูกน้องในสังกัดเยอะ จึงไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงในการวิวาทแต่ละครั้ง
ทว่าคำพูดของชุนทำให้ฟากฟ้านึกขึ้นได้
ที่ขุนเขากระซิบข้างหูนั่น
คำเรียบง่ายและบ้าบิ่นจนคิดว่านี่เอาจริงแล้วใช่ไหม
เสียงของขุนเขาดังขึ้นในห้วงความจำ
"สู้ ๆ นายทำได้อยู่แล้ว"
หน้าของชุนเข้ามาใกล้ อีกไม่กี่วินาทีคงได้เจ็บตัว
ฟากฟ้าสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วจ้องมองไปในดวงตาของอีกฝ่าย
ชุนหยุดชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงของเด็กขี้แยตรงหน้า
"อ..อะไร ?"
"น...นี่นายไม่รู้จริง ๆ หรือว่าการทำร้ายร่างกายผู้อื่นด..โดยเจตนาเป็นความผิด ?" น้ำเสียงตะกุกตะกัก มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่นข้างลำตัว ฝีเท้าหยุดนิ่ง คอยสะกดจิตบอกตัวเองว่ามั่นเข้าไว้
"หา ?"
ชุนมองสิ่งมีชีวิตชั้นล่างสุดของห่วงโซ่อาหารราวกับไส้เดือนที่ริบังอาจชูแผงคอขึ้นเประหนึ่งตนมีกระดูกสันหลัง
"เพ้อเจ้ออะไรของนาย"
"ม..ไม่รู้เหรอว่าพวกเรา..ม..มีกฎหมายเยาวชนใช้อยู่ เด็กที่อายุ10-15 ปีโทษขั้นสูงสุดคือส..ส่งสถานกักกัน" ฟากฟ้ารู้สึกได้ว่าคำพูดของตนนั้นห่างจากการบลัฟที่แท้จริงเหมือนฟ้ากับเหว
แต่มันคุ้มค่าพอที่ทำให้จิตใจของอีกฝ่ายสั่นไหว
"พูดไม่รู้เรื่อง" ทว่าแววตากลับแสดงอาการเล็กน้อย
ยักษ์สองตนจ้องมองหน้ากันแบบงุนงง
เกิดความเงียบ
จู่ ๆ ชุนแสยะยิ้ม ฟากฟ้าพลันขนลุกซู่
"นายลองมองดูรอบตัวนายตอนนี้สิฟ้า" ชุนเอ่ย "มีใครนอกเหนือจากพวกเราสี่คนอย่างนั้นเหรอ"
ชุนกลับมาถือไพ่เหนือกว่าอีกครั้ง การตักเตือนจากฟากฟ้าด้วยกฎหมายไม่ได้ผล เด็กชายมั่นใจว่าโดยทั่วไปเด็กทุกคนมักกลัวสิ่งที่เรียกว่าตำรวจและกฎหมายเพราะเป็นสิ่งที่ตนไม่รู้ ทว่ากับชุนนั้นไม่ใช่ เขาคลุกคลีกับเรื่องแบบนี้มานับตั้งแต่จำความได้
ฟากฟ้าส่ายศีรษะแทนคำตอบ ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากพวกเขาสี่คน
ดังนั้นแล้วชุนจึงเฉลยให้ด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ
"นายจะเอาหลักฐานมาจากไหนเมื่อพยานแวดล้อมก็เป็นคนของฉัน"
พลาดเข้าจังเบอร์
ฟากฟ้าอ้าปากค้างเล็กน้อยด้วยความตกใจ ถ้ายักษ์สองตนนี้เป็นลูกน้องที่รับฟังตามคำสั่งของชุนอย่างเดียวแล้วคงไม่แคล้วถูกบังคับให้รูดซิปปากสนิทแน่ ซ้ำยังจะกุเรื่องให้เขาเป็นฝ่ายผิดได้ด้วย
เบื้องหน้ามืดสนิทอีกครั้ง รอยยิ้มของชุนยามนี้น่ากลัวยิ่งกว่าสิ่งใด เด็กชายหลุบตาลงต่ำมองพื้น หากหงายการ์ดขนาดนี้แล้วคงหยิบกลับมาใช้ไม่ได้อีก เพราะจะสยบชุนนั้นย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย
ทั้งสามสาวเท้าเข้ามาใกล้ ชุนโน้มหน้าเข้าหาเด็กขี้แยด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ร้อน
"หมดไม้ตายแล้วเหรอ"
ฟากฟ้าไม่ตอบ น้ำตาเริ่มคลอเบ้า
สุดท้ายแล้วเขาก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้เลย ป้อมปราการที่ใหญ่สุดได้ทำลายความเชื่อมั่นลงในพริบตา แบบนี้คงไม่ต้องพูดเรื่องสมหวังกับเธอคนนั้น พาลแต่จะยิ่งแย่หนักกว่าเดิม
เพราะชอบผู้หญิงคนเดียวกันทำไมถึงต้องรังเกียจรังแกกันขนาดนี้ ทำไมถึงสู้กันแฟร์ ๆ ไม่ได้ ยังไงภาษีของชุนย่อมดีกว่าคนแบบเขาอยู่แล้ว
ฟากฟ้าทำใจว่าหมัดเจ้ายักษ์คู่นี้คงหนักน่าดู พวกมันไม่ต่อยหน้า ไม่ทำร้ายในจุดที่คนภายนอกเห็น
ชุนเป็นนักเลงที่มีมันสมองอย่างแท้จริง
ในขณะที่การรุมทำร้ายเพื่อนร่วมชั้นจะเกิดขึ้น สิ่งหนึ่งได้หยุดคนทั้งสี่เอาไว้
ฟากฟ้าขอเรียกมันว่าเสียงสวรรค์
"ถ้าถามหาหลักฐานล่ะก็ ฉันว่าฉันมีนะ"
ที่ประตูห้องร่างของขุนเขายืนจังก้าอยู่ด้วยรอยยิ้มเอกลักษณ์เช่นทุกที ท่าทางยังคงท้าทายชุนไม่เปลี่ยนแปลง
ชุนหรี่ตามองอย่างจับผิด
"หลักฐานที่ว่าคือนายน่ะเหรอ พวกเดียวกันจะดีเหรอ"
"ใครบอกพวกเดียวกัน ?" ขุนเขาว่า "ฉันมันคนกลาง คนที่สาม และคนที่เดินผ่านมาเท่านั้น" เด็กหนุ่มว่าพลางยักไหล่แล้วเดินเข้ามาหา สรีระของขุนเขากับชุนไม่ต่างกันมาก ทั้งคู่สามารถจ้องมองตากันได้อย่างสูสี
ไม่มีใครยอมใคร
ทุกคนรู้ดีว่าชุนพยายามท้าทายขุนเขาอยู่หลายครั้ง แต่ผลที่ได้คือมักยอมแพ้โดยที่ตัวเองยังไม่สู้อยู่ร่ำไป ขนาดที่ว่าลูกน้องคนที่เก่งเรื่องต่อยตีที่สุดยังไม่สามารถทำอะไรขุนเขาได้ ชุนคงรู้ผลแพ้ชนะของตัวเองแล้ว
แต่หากเป็นเรื่องของการบลัฟปะทะคารมยอมรับว่าบางครั้งสองคนนี้ค่อนข้างเฉือดเชือน
"ช่างกล้าประกาศตัวจังนะ ทั้งที่ช่วยหมอนี่มาแล้ว"
"เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ฉันไม่เคยช่วยเหลือใคร"
"อ้อ นายไม่มีเพื่อน"
"แล้วถ้าฉันมีเพื่อนนายจะเลิกรังแกเพื่อนของฉันหรือเปล่าล่ะ" ข้อเสนอดังกล่าวทำให้ฟากฟ้าถึงกับหูผึ่ง เด็กชายหันไปมองขุนเขาอย่างไม่เชื่อสายตา
อีกครั้งที่ขุนเขาออกตัวว่าเป็นเพื่อนด้วย
ทว่าชุนกลับแค่นหัวเราะ
"เพื่อนของนายหรือจะพี่น้องของนายหากมันผู้นั้นมาขวางทางฉันล่ะก็ไม่มีทางเก็บไว้"
"ต่อให้ต้องมีเรื่องกับฉันก็ตามน่ะนะ"
ชุนสะอึกเล็กน้อย ดวงตาเบิกกว้างเสี้ยววิก่อนจะปรับสีหน้าปกติเช่นเดิม จากนั้นหันไปมองฟากฟ้าที่ยืนตัวสั่นหลังติดผนังห้องเหมือนลูกหมาหิวโซ
"นายจะลดตัวไปช่วยคนพรรค์นี้ทำไม"
"เพื่อนฉันไง ยังบอกนายไม่ชัดเจนอีกเหรอ"
สีหน้าของชุนไม่ค่อยเชื่อในคำพูดนั้นเท่าไหร่ เพราะรอยยิ้มของขุนเขายังไม่แสดงให้เห็นถึงความจริงแม้แต่เสี้ยว
เป็นคนเดาความคิดยาก และคงไม่คิดเผยไต๋ออกมาง่าย ๆ
ชุนขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด มองกองกำลังของตนอย่างพิจารณาก่อนจะหันไปหาฟากฟ้าที่เหมือนยืนตัวแข็งไปเสียแล้วอย่างขุ่นข้องใจ
คนแบบนี้มีอะไรให้น่าปกป้อง
อย่าบอกนะว่า ..?
"นายชอบหมอนี่เหรอขุน" ถามพลางชี้ไปยังเด็กขี้ขลาด
ทว่าขุนเขากลับหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
"อย่ายัดเยียดรสนิยมแบบนั้นมาให้ฉันสิ นายเองก็รู้จักฉันดีไม่ใช่หรือไง"
จริงดังที่เด็กหนุ่มว่า แต่ชุนมองไม่เห็นเหตุผลใดที่จะให้ขุนเขาออกตัวเพื่อหมอนี่ได้เลย
หรือเป็นเพื่อนกันจริง ๆ ?
เกิดความเงียบรอบตัว ชุนเริ่มคิดหนักขึ้น แต่กลับไม่พบสาเหตุได้เลย สุดท้ายจึงยกธงยอมแพ้
"เอาเถอะ คราวนี้ฉันจะยอมยกให้นายก็ได้" ชุนกล่าวในที่สุด "แต่อย่าลืมนะว่านายไม่สามารถคุ้มกันหมอนี่ได้ตลอด สักวันหนึ่งหากพลาดขึ้นมาแล้วฉันไม่แม้แต่จะให้เวลาพูดคำว่าขอโทษจนจบด้วยซ้ำ" สมเป็นลูกชายตำรวจ หนักแน่นและแน่วแน่ มีการตัดสินใจที่แม่นยำและรัดกุม
ขุนเขายิ้มกว้าง
"แสดงว่านายยอมรับว่าหมอนี่เป็นคู่แข่งแล้วสินะ"
ชุนหัวเราะขึ้นจมูกอย่างดูแคลน มองฟากฟ้าด้วยหางตาตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า
"เอาสิ ถ้าคนของนายมีปัญญา"
ชุนทิ้งไว้แค่นั้นแล้วบอกยักษ์ข้างกายออกจากห้องเรียนไปในที่สุด
เหลือเพียงเด็กหนุ่มและเด็กชายเพียงสองคน
เมื่อทุกอย่างเหมือนจะจบลงแล้วเรี่ยวแรงของฟากฟ้าพลันหมดไปดื้อ ๆ เขานั่งลงไปกองกับพื้น น้ำตาไหลอาบแก้ม
"เฮ้ ! นายร้องไห้ทำไม"
ขุนเขาร้องเสียงหลงเมื่อเห็นหยาดน้ำใสไหลจากเบ้า ขนตาเปียกชื้นเป็นแพ ฟากฟ้าช้อนตามองขุนเขาด้วยใบหน้าที่เหยเก
"
ฮืออออออออออ"
อีกแล้วเรอะ ...
ทว่าเรื่องที่่ทำให้ฟากฟ้าหลั่งน้ำตากลับไม่ใช่เรื่องเดียวกับที่ขุนเขาเข้าใจ
"ยอมรับฉันเป็นเพื่อนของนายแล้วใช่ไหม
ฮืออออออ จริง ๆ ใช่ไหม"
ประโยคนั้นทำเอาขุนเขารู้สึกแปลกใจไม่น้อย ร้องไห้เพราะตนบอกว่าเป็นเพื่อนกันเนี่ยนะ ? ไม่เห็นจะเข้าใจเลย
ทว่าเมื่อลองมองย้อนกลับไปตั้งแต่อยู่ห้องเดียวกันมาเหมือนฟากฟ้าจะอยู่คนเดียวตลอด ขนาดโดนพวกชุนแกล้งยังแอบไปร้องไห้คนเดียวที่ห้องน้ำตึกเก่าเลยนี่นา
ดีใจที่เป็นเพื่อนกับคนอย่างเขาอย่างนั้นเหรอ ?
เด็กเกที่ทุกคนต่างไม่อยากจะข้องเกี่ยวเนี่ยนะ ?
จู่ ๆ ขุนเขาพลันรู้สึกเขินเอาดื้อ ๆ เขาหันหน้าไปทิศตรงข้ามกับเจ้าเด็กขี้แยแล้วเกาแก้มตัวเองเบา ๆ
"อ..อือ แต่วางใจไม่ได้หรอกนะ ฉันรู้ว่าเจ้าชุนเป็นพวกกัดไม่ปล่อย"
ฟากฟ้าตอบด้วยเสียงสะอื้นดังฮึก
ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา
ท่ามกลางพวกเขามีเพียงความรู้สึกที่แปลกใหม่
'เพื่อน' ที่ทั้งคู่ต่างยังไม่เคยสัมผัส
Talk with M@medaZ-s :
ทั้งคู่เป็นเพื่อนกันแบบมึน ๆ แล้วนะคะ ฮาาาาาา
ชุนเริ่มมีบทบาทมากขึ้น ขอถามนิดหนึ่งค่ะ ชุน กับขุนเขา อ่านยากกันไหมคะ ?
ชื่อน้องชุนนี่คิดเพียงชั่ววูบน่ะค่ะ ดันไปซ้ำเสียงสระกับตัวสะกดเดียวกับน้องขุนเข้าเสียได้
อย่าเพิ่งหมั่นไส้น้องชุนไปเสียก่อนนะคะ
เพราะทางคนแต่งชักหลงรักน้องไปแล้วล่ะค่ะ ฮาาาา
ขอบคุณสำหรับการติดตามเช่นเคยนะคะ จะพยายามต่อไปค่ะ