หลงสุดท้าย : ก้าวต่อไป [END]
Page : Cuteboy
Status : ความรักดีๆ เกิดที่คิวท์บอย #แฟนหมอ #แฟนนิเทศ #ลุ้นแทบตายสุดท้ายก็ได้กัน
- Comment -
‘กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด’
‘#หมอมีแฟนหล่อบอกต่อด้วย’
‘#ทีมยิมปาย #ทีมปายยิม’
‘ทีมน้ำตาเช็ดหัวเข่า’
‘ตายอย่างสงบศพสีชมพู’
‘ไปค่ะ ไปแต่งงานกันเลย ฮืออออ’
‘ผัวทั้งสองทำไมทำกับเมียเช่นนี้ ต่อไปนี้เมียคงต้องกินน้ำตาแทนข้าว ถถถถถถ’
[ยิม]
“ไอ้หน้าด้าน”
ไอ้โอ๊คเงยหน้าจากจอแท็ปเท็ตที่ปรากฏภาพเพจๆ หนึ่งที่แคปภาพจากโปรแกรมการโพสรูปส่วนตัวของผมกับหมอไปโพส มันเลื่อนดูไปมาก่อนจะหันมาด่าผมอย่างขบขัน
“มึงนี่มันช่างกล้า” มันยังแซวต่อเนื่อง “นี่คงไปบังคับให้หมอลงด้วยสินะ”
ผมแค่หัวเราะ อยากจะตอบว่าเปล่าเลย ตอนแรกกะจะแค่หยอกหมอเล่นใครจะไปคิดว่าหมอจะสวนกลับเร็วขนาดนี้ แต่ไม่รู้ทำไมมันเป็นการรู้ทันกันที่ผมโคตรชอบเลย จริงอย่างที่หมอปายบอกผมว่าเขาไม่เคยคิดปิดบังเรื่องเราคบกันเลย เพราะในเมื่อมีใครถามหมอก็ตอบ แต่ต่อไปนี้คงไม่ต้องตอบแล้วเพราะเล่นประกาศผ่านสื่อกันขนาดนี้
ผมยิ้มอย่างครึ้มอกครึ้มใจตอนที่มารับหมอที่คณะแพทยศาสตร์พร้อมกับไอ้โอ๊ค จริงๆ แล้วต่างคนต่างก็มารับคนของตัวเอง เหมือนผมจะลืมเล่าอะไรไปบางอย่าง ผมลืมบอกไปว่าตอนนี้เพื่อนผมทั้งสองมันกระชับสัมพันธ์แนบแน่นด้วยการก้าวข้ามความเป็นเพื่อนไปเรียบร้อยแล้ว
“กูอนุญาตให้มึงเอาไปลองเล่นกับเนมมันดู”
“เออเข้าท่าดี”
ไอ้โอ๊คทำท่าทำทางเห็นด้วย แต่สีหน้าแววตามันโคตรเจ้าเล่ห์เห็นแล้วนึกกลัวแทนเพื่อนตัวน้อยของผมจัง ไอ้ห่านี่ยิ่งชอบทำอะไรสัปดนๆ อยู่ ไม่รู้คบกันอิท่าไหนผมเห็นเนมมันเดินขาเป๋มาเรียนได้เกือบทุกวัน ผมคิดแล้วได้แต่ส่ายหน้าพอดีที่นิสิตแพทย์สามคนเดินทำหน้าเหนื่อยอ่อนมาแต่ไกล
ผมอมยิ้มเมื่อเห็นสภาพของหมอที่ตาแทบจะปิดอยู่แล้ว ยิ่งท่าทางอิดโรยแบบนั้นเห็นแล้วชวนสงสารเพราะตั้งแต่เปิดเทอมมาผมเห็นหมอเรียนหนักทุกวัน เวลาว่างส่วนใหญ่จะหมดไปกับการนอนนิ่งๆ ที่คอนโดมากกว่าการออกไปเที่ยวด้วยกันตามประสาคนรัก
“ไหวมั้ยครับเนี่ย”
หมอพยักหน้าหงึกหงัก โบกมือลาหมออั้มกับหมอหยกที่สภาพไม่ต่างกัน แล้วสองคนนั้นก็เดินลับไปยังลานจอดรถ ทันได้เห็นหมอหยกเดินเซไปมาจนหมออั้มต้องโอบเอาไว้ ผมเหลือบตามองหมอปายที่ยิ้มเสียกว้างเมื่อเห็นภาพนั้นทั้งๆ ที่ตัวเองตาจะปิดอยู่แล้ว
“งั้นกูไปหาเนมก่อนนะมึง”
คราวนี้ไอ้โอ๊คก็ลาไปอีกคนหลังจากทักทายกับหมอเรียบร้อยแล้ว หลังจากพาตัวเองเข้ามาในห้องโดยสารได้หมอก็หลับสนิททันทีจนผมต้องปรับเบาะให้เอนลงเพื่อหมอจะได้นอนสบายหน่อยแล้วผมจึงได้หันกลับไปสนใจกับถนนต้องหน้า ผมใช้เวลานานพอสมควรเนื่องจากตอนเย็นเป็นเวลาเลิกงาน พาหนะบนท้องถนนถึงได้ติดแน่นจนไม่ขยับ แต่ดีอย่างเพราะรถติดนานๆ ทำให้ผมได้หันมาสังเกตใบหน้าหลับพริ้มของหมอ คงจะเหนื่อยจริงๆ เพราะเห็นนอนไม่ขยับเปลี่ยนท่าทางเลย
ผมเกลี่ยปลายนิ้วไปใบหน้าและริมฝีปากอย่างเบามือเพราะกลัวจะไปรบกวนการนอนของหมอ เสียงเพลงเบาๆ จากวิทยุที่เปิดคลอในห้องโดยสารทำให้บรรยากาศโดยรอบดูสบายขึ้นทั้งที่รถติดกันแน่นขนาดนี้ ผมนั่งฮัมเพลงคลอไปพลางมองหน้าหมอไปพลาง ในหัวก็กำลังคิดว่าวันนี้จะทำอะไรกินดี ทุกวันนี้ผมแทบจะไปขลุกอยู่ในห้องหมอแทน นับครั้งได้ที่ไปนอนห้องตัวเองคิดแล้วก็ขำ ดีว่าเก็บห้องไว้ให้น้องสาวที่ไปขอพ่อกับแม่ว่าถ้าสอบเข้ามหาวิทยาลัยติดจะย้ายมาอยู่คอนโด ไม่งั้นผมคงขายไปไม่ก็ปล่อยให้เช่าแทน เพราะสภาพห้องทุกวันนี้เหมือนร้างยังไงก็ไม่รู้
ผมใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงฝ่าการจราจรมาถึงคอนโดที่ห่างจากมหาลัยเพียงไม่ถึงสิบกิโล พอรถจอดสนิทได้สักพักหมอก็เริ่มขยับตัวตื่นขึ้นพอดี
“ถึงแล้วเหรอ”
“ครับ”
หมองัวเงียคว้าเอากระเป๋าแล้วเดินมาวางมือผมที่ยื่นรอท่าอยู่ แล้วพวกเราก็เดินกุมมือเดินเคียงข้างกันไป
“แล้วนี้กินอะไรดีครับ”
หมอทำท่านึกๆ ก่อนจะยิ้มออกมา “วันนี้กูจะทำสปาเก็ตตี้แกงเขียวหวาน”
“จริงเหรอครับ?”
“อืม”
“งั้นผมจะรอกิน”
ผมพูดยิ้มๆ จำได้ว่าเคยพนันกับหมอว่าถ้าผมชนะผมอยากกินของโปรดฝีมือหมอ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีโอกาสสักทีเพราะหมอยุ่งเหลือเกินจนคิดว่าหมอลืมมันไปแล้วซะอีก อยู่ๆ หมอมาพูดว่าจะทำให้กินแบบนี้ในอกผมมันเลยรู้สึกอุ่นๆ บอกไม่ถูก
ตั้งแต่พวกเราตกลงเป็นแฟนกัน ถึงภายนอกจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป แต่เรารับรู้กันเองว่าภายในใจต่างหากที่เปลี่ยนไป เราคงไม่สังเกตว่าต่างฝ่ายต่างพยายามปรับตัวเข้าหากันให้มากขึ้น เรียนรู้ตัวตนของอีกฝ่ายและพร้อมจะทำให้เรื่องของตัวเองเป็นเรื่องของเราสองคน หมอไม่ใช่คนที่ชอบพูดแต่การกระทำของหมอมันชัดเจนเสมอและมันทำให้ชีวิตรักของเราดำเนินไปอย่างเรียบง่าย
พอมาถึงห้องหมอรีบวางกระเป๋าก่อนจะสวมผ้ากันเปื้อนแล้วเดินเข้าครัวไป ผมอมยิ้มยืนมองแผ่นหลังหมอขยับไปมารอบๆ ครัว ไม่รู้ทำไมภาพตรงหน้าถึงทำให้ผมมีความสุขนัก ไม่นานกลิ่นหอมของอาหารก็โชยมาจนผมต้องขยับเข้าไปยืนซ้อนหลังพ่อครัววันนี้ ผมวางมือข้างหนึ่งที่สะโพกของหมอแล้วบีบเบาๆ หมอแค่หันมาก่อนจะใช้ช้อนตัวอาหารที่กำลังร้อนๆ อยู่ในกระทะขึ้นมาเป่าแล้วส่งให้ผมชิม
“ร้อนนะระวังหน่อย”
หมอเอ่ยเตือนทั้งๆ ที่ตัวเองเป่าให้มันเย็นอยู่ตั้งนานกว่าจะส่งให้ผมได้ชิม ผมอมยิ้มแล้วก้มไปงับอาหารในช้อน รสสัมผัสแรกที่โดนลิ้นนุ่มละมุนจนเผลอยิ้ม
“อร่อยครับ”
“ไปจัดโต๊ะรอเลย”
“ครับ”
รับคำแล้วก็ก้มลงไปกดจูบต้นคออีกฝ่ายเสียหน่อย หมอก็เร็วพอตัวเพราะพอผมเงยจากคอขาวๆ นั่นฝ่ามือหมอก็กระทบอกผมเต็มๆ
“ไอ้ห่านี่”
“ก็ผมมันเขี้ยว”
“กูคนไม่ใช่ตุ๊กตายางที่มึงจะขยี้ขยำยังไงก็ได้นะ”
“ถ้าเป็นตุ๊กตายางจริงๆ ผมแทงไปนานแล้ว”
...พลั๊ว...
“ไอ้ห่านี่ในหัวมีแต่เรื่องแบบนี้รึไงวะ” หมอทำเสียงเขียว “มึงนี่มันเสื่อมจริงๆ”
“ผมก็คิดทุกครั้งที่ใกล้หมอนั่นแหละ ผมพูดจริงนะหมอได้สักครั้งผมจะตั้งใจเรียนเลยเอา”
ผมยืดอกรับแมนๆ เพราะตั้งแต่คบกันมามากสุดก็แค่กอดจูบ ผมรู้ว่าหมอพยายามบ่ายเบี่ยงถึงจะไม่ปฏิเสธผมตรงๆ ผมก็พอจะรู้ที่หมอไม่ให้คงเพราะยังกังวลอยู่ ก็แหงล่ะในเมื่อต่างฝ่ายต่างไม่มียอมเป็นฝ่ายถูกกระทำ พออารมณ์ถึงขีดสุดกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มมันก็พังไม่เป็นท่าไปเสียทุกครั้ง
นึกแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
“มึงก็ยอมกูสิ เดี๋ยวกูจัดให้เลย”
“หมอทำไหวเหรอ หัวถึงหมอนก็นอนหลับสนิทขนาดนั้น” ผมเอ่ยแซวจนอีกฝ่ายหน้าแดงก่ำ “ผมว่าหมอนอนเฉยๆ ดีกว่า ผมทำเอง”
“มึงแม่ง”
“ผมไม่ทำหมอเจ็บหรอกเชื่อสิ”
“ไอ้ตอแหล”
“หมอใจร้ายว่ะ ผมทำใจลำบากนะโว้ยอยู่กับแฟนแทบจะตลอดเวลา ไม่คิดก็แปลกแล้วครับก็หมอทำตัวน่ารักทำไม”
“น่ารักพ่องมึงดิ”
หมอหน้าแดงเตะขาผมแรงๆ “ไปเลยไสหัวไปจัดโต๊ะเลย ไม่งั้นไม่ต้องแดกข้าว”
“ไม่กินข้าวแต่กินหมอแทนได้มั้ย”
หมอสบถ “กินตีนกูนี่” แล้วยกเท้าให้ผมเสร็จสรรพ
“โธ่หมอ”
เป็นอันว่าเรื่องนี้ก็ตกไปเมื่อถึงเวลาทานข้าว หลังจากนั้นผมกับหมอก็แยกไปทำงานของตัวเองคนละมุม ผมเงยหน้าขึ้นมาอีกทีอีกสี่ทุ่มกว่าแล้วดีว่าพรุ่งนี้เป็นวันหยุดเลยรู้สึกดีหน่อยไม่ต้องเร่งรีบเข้านอนเหมือนวันธรรมดา ผมเดินไปรินน้ำในห้องครัวก่อนเยี่ยมหน้าไปแถวโต๊ะหนังสือของหมอแต่กลับไม่เห็นเจ้าตัว ปกติผมไม่ค่อยอยากกวนเวลาที่หมออ่านหนังสือเพราะเข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการสมาธิ แต่เสียงน้ำจากห้องน้ำที่ไหลเอื่อยๆ บ่งบอกว่าหมอกำลังอาบน้ำอยู่ นั่นแหละทำให้ผมนึกอยากทำอะไรแผลงๆ อย่างครึ้มอกครึ้มใจ
ผมปลดเสื้อผ้าออกจากตัวก่อนจะเดินอย่างเงียบเชียบเข้าไปในห้องน้ำ หมอมีนิสัยอย่างหนึ่งที่ไม่ชอบล็อกประตูห้องน้ำซึ่งมันเป็นนิสัยที่ผมโคตรชอบเลย อาจจะเพราะเสียงน้ำจากฝักบัวที่ดังพอสมควรทำให้หมอไม่รู้ว่าผมมายืนมองหมอเปลือยกายอยู่ด้างหลัง
ผมชอบสรีระของหมอจริงๆ ให้ตายเถอะ หมอเป็นผู้ชายร่างสูงโปร่งมีกล้ามเนื้อในส่วนที่สมควรมีถึงแม้รูปร่างไม่ต่างจากผมมากนัก จะห่างก็แค่ส่วนสูงที่ผมสูงกว่าเล็กน้อย และสีผิวที่หมอขาวกว่ามากเนื่องจากผมเป็นคนชอบเล่นกีฬากลางแจ้งทำให้ผิวที่เคยขาวกลับคล้ำลง ผมก้าวเข้าไปเรื่อยจนไปยืนอยู่ใต้ฝักบัวเช่นเดียวกับหมอนั่นแหละหมอถึงเพิ่งรู้ตัว
“ไอ้หมายิม”
“ครับ”
“มึงเข้ามาได้ยังไง”
“ ก็หมอไม่ได้ล็อกนี่”
หมอทำหน้าเหมือนกินยาขม
“มึงออกไปก่อนไปกูใกล้จะเสร็จแล้ว” ผมอมยิ้มมือเลื้อยไปตะปบเอวอีกฝ่าย หมอหน้าตื่นผลักอกผมออกทันทีแต่ไม่ทันเสียแล้วเพราะผมดันหมอเข้าข้างกำแพงแล้วแล้วประกบจูบอีกฝ่ายทันที
“อื้ม”
“หมอครับ”
“ปล่อย ปล่อยก่อน”
ผมไม่ฟังปากก็ทำหน้าที่บดคลึงไปทั่วใบหน้า มือก็ลูบไล้ร่างกายอีกฝ่ายโดยเฉพาะบริเวณบั้นท้ายผมจับคีบเนื้อแถวๆ บีบคลึงอย่างมันมือ รู้สึกได้เลยว่าคนในอ้อมแขนตัวสั่นขึ้น หมอทุบอกผมแรงๆ เพราะถูกจูบจนหายใจไม่ทันพอถอนจูบออกมาหมอถึงกับเซจะล้มดีว่าผมคว้าตัวไว้ทัน
“......”
“ไอ้ห่ายิม ไม่เอา”
“เอาเหอะหมอ ผมไม่ไหวแล้ว”
“เอากับผีน่ะสิ”
“เอากับหมอนี่แหละ”
หมอยกขาเตรียมกระแทกกึ่งกลางลำตัวผม แต่ขอโทษครั้งนี้ผมซ้อมมาดีเพราะเตรียมการเอาไว้แล้ว หมอเลยเสยลมวืดอย่างหัวเสีย ผมจึงได้โอกาสคว้าขาหมอข้างนั้นแล้วดึงให้สูงขึ้นแยกจากอีกข้าง ก่อนจะก้าวไปสอดตัวอยู่ที่หว่างขาอีกฝ่าย สังเกตว่าหมอหน้าแดงก่ำทั้งยังกระหน่ำทุบผมอย่างเอาเป็นเอาตาย ผมเลยจัดการด้วยการงับปากหมอแรงๆ มือข้างหนึ่งเค้นคลึงร่างกายหมอมันมือ อีกข้างก็เลื่อยไปยุ่มย่ามตามสะโพกและบั้นเอวอีกฝ่าย หลังจากสู่รบกันพักนึงสุดท้ายหมอถึงกับหอบหายใจไม่ทัน ลมหายใจสั่นสะท้ายดูเหนื่อยอ่อน สุดท้ายหมอเลยซบใบหน้าลงที่แผ่นอกอย่างยอมจำนน
“ยอมยัง”
“......”
“อะไรนะครับ?”
เสียงหมองึมงำอยู่ในอกจนต้องถามย้ำอีกครั้ง หมอผงกหัวจากอกผมแล้วมองตาขวาง
“จะทำอะไรก็ทำไอ้เหี้ย”
“ โธ่แล้วก็ไม่พูดดังๆ ไอ้ผมก็นึกว่าเหนื่อยที่แท้ก็เสียวอยู่”
“กูเกลียดมึงฉิบหายไอ้หมานี่”
หมอตะโกนเสียงดังลั่นจนขี้หูผมแทบเต้น ซ้ำยังซัดหมัดมาอีกตุบ แล้วพิงแผ่นหลังกับผนังห้องน้ำท่าทางราวกับจะหลับเสียให้ตาย
“เฮ้ยหมอหลับไม่ได้นะ เรายังไม่บรรลุวัตถุประสงค์กันเลย”
ผมขยับไปอุ้มอีกฝ่ายทันที ก่อนจะค่อยๆ พาไปยังที่เตียงในห้องนอน หมอปรือตาขึ้นมาสีหน้าเหมือนอยากจะด่าผมเต็มแก่ เมื่อแผ่นหลังหมอสัมผัสกับเตียงนอนหมอก็ขยับไปซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ผมสังเกตว่าทั้งใบหน้าและลำคอของหมอแดงเรื่อยโคตรน่ามอง ผมอมยิ้มขยับไปหยิบของสำคัญที่ซื้อเตรียมไว้ตรงลิ้นชักข้างเตียงนานแล้ว เสียงฉีกซองทำเอาคนในผ้าห่มสะดุ้งโหยง ก่อนที่หมอจะค่อยๆ โผล่หน้าออกมาจากผ้าห่ม
“เอาจริงเหรอวะ”
หมอถามเสียงอ่อย “ไว้วันหลังไม่ได้เหรอวะ วันนี้กูง่วงอยากนอน ”
“รีบทำรีบนอนไงหมอ”
หมอสบถในลำคอแล้วกลับมาทำตาขวางใส่ผมอีกครั้ง “เออ ไอ้เหี้ย”
ผมหัวเราะก๊ากขยับไปสอดตัวในผ้าห่มผืนเดียวด้วยท่าทางที่คร่อมทับอีกฝ่าย ผมโน้มไปไซร้คออีกฝ่ายแต่หมอยกฝ่ามือดันอกผมเอาไว้ ผมเลยเลิ่กคิ้วถาม
“สัญญากับกูก่อน”
“ครับ”
“นอกใจกูเมื่อไหร่มึงตาย”
“ครับ”
“ทำให้กูเสียใจเมื่อไหร่มึงตาย”
“อ่าฮะ”
“ยอมเป็นรับให้กูเถอะ ถ้าไม่อยากตาย”
“อะ”
เอ๊ะ เดี๋ยวนะ ขณะที่กำลังจะตกปากรับคำอย่างคล่องปากก็รู้สึกเอะใจในคำพูดของหมอ ดีว่าไหวตัวทันไม่งั้นสถานการณ์พลิกผลันสบายตูดแน่กู ผมหรี่ตามองจับผิดหมอซึ่งอีกฝ่ายสบถอย่างหัวเสียที่ผมดันรู้ทัน
“หมอนี่ร้ายชะมัด”
“ถ้าไม่รีบทำก็ลงไปจะนอน” หมอพูดเสียงดังดูมีน้ำโห
“หมอนับ 1 2 3 เลย”
หมอสบตาผมนิ่งแล้วเริ่มนับ “1 2 3”
“โอ้ย”
หมอร้องลั่นจิกหนังศีรษะผมอย่างจนหน้าหงาย ดีว่าผมประคองตัวทันไม่งั้นโดนพลิกแน่
“1 2 3 เริ่มสิโว้ย ไม่ใช่ 1 2 3 แทง”
ผมหัวเราะร่วนก่อนจะจูบหน้าผากหมอเบาๆ “ไม่นับแล้วเสียเวลา เอาจริงเลย”
“ไอ้เหี้ย”
ผมโอบประคองหมอเอาไว้ในอ้อมแขน พร้อมกับกดจูบที่หน้าอกข้างซ้ายตรงหัวใจอีกฝ่าย และพร่ำบอกหมอว่าหมอไม่ต้องกังวลใดๆ หรอก เพราะผมบอกตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าตั้งแต่วันที่หมออยู่ในสายตาของผม ผมไม่มีทางมองเลยหมอไป ความรู้สึกของผมตั้งแต่วันนั้นจนถึงตอนนี้ไม่เคยเปลี่ยนไป หมอที่ผมเจอในวันแรกกับหมอที่อยู่ในอ้อมกอดผมเป็นเจ้าของไข้ของผมแล้ว
หมอเป็นของผมแล้ว
เราเป็นเจ้าของกันและกัน จริงๆ แล้วการพบเจอของคนสองคนก็เป็นเรื่องน่าประหลาดใจ บางครั้งก็พบเจอรู้จักเพื่อที่จะจากลาไป บางครั้งความรู้สึกก็นำพาให้ข้องเกี่ยวกันจนเกิดเป็นความรัก ผมไม่รู้ว่ากาลเวลาจะทำให้เรื่องราวเปลี่ยนไปหรือเปล่า ผมรู้แค่ว่าวันนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้รับความรักดีๆ ของหมอ
“ผมรักหมอครับ”
“แต่กูเกลียดมึง โอ้ย”
ผมบอกหมอแล้วว่าผมอ่ะ
“หลงกาว(น์)” และผมตอนนี้ผมก็หลงหมอที่สุด หมอปายของผมแม่งโคตรน่ารักเลยว่ะ ผมหอมหน้าผากหมอแล้วก้มลงไปกระซิบข้างหูหมอว่า
‘เป็นแฟนผมแม่งโคตรดี เอวสี่จีซอยก็ถี่แถมยังชอบเบิ้ล’
- END -
บทส่งท้ายแล้วนะคะ สุดท้ายก็สามารถอดทนฝ่าฝันมาจนถึงตอนนี้ 5555++++
ขอบคุณทุกความคิดเห็น ทุกกำลังใจที่มีให้กันมาตลอด

หลงกาว(น์) เริ่มเขียนตอนกำลังเริ่มทำทีสีสลากยาวมาจนกระทั่งเรียนจบ (ยาวนานมาก)
เรียกได้ว่าเป็นการเขียนที่ผลุบๆโผล่ๆมาตลอด หายไปนานๆจนรู้สึกท้อต่อไม่ติด
แต่ต้องขอบคุณนักอ่านที่รอคอยกัน ให้กำลังใจกัน ทำให้มีวันนี้จนได้ ขอบคุณจริงๆนะคะ
แล้วเจอกันเรื่องหน้าค่ะ 