❤ หลงกาว(น์) ll Love Addict ❤ [END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤ หลงกาว(น์) ll Love Addict ❤ [END]  (อ่าน 425795 ครั้ง)

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
สงสารปาย :hao5:
ถึงตอนนี้จะมีความเป็น ยิมปาย แต่เราอยากให้เป็นปายยิม :-[

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
พี่หมอปายน่าสงสารจัง น้องยิมช่วยดูแลด้วยนะ

ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17




      หลงที่ 7 : เสียงหัวใจที่แปลกไป







         [โอ๊ค]




       
      “ ไง”

      “ ไม่ไง”

      “ หึ”

      “ อะไร”

      “ เสียใจเหรอที่คนที่มาไม่ใช่ไอ้ยิม” โอ๊คสัพยอกอีกฝ่ายที่ทำหน้าบึ้งตังทันทีที่เห็นหน้ากัน  ฝ่ายนั้นค้อนให้อย่างไม่จริงจังนัก เนมหรี่ตามองคนที่ไม่ได้รับเชิญซึ่งมันมาทรุดตัวลงนั่งเบียดเขาอย่างจงใจ

      “ ขยับออกไป”

      “ ก็กูอยากนั่งตรงนี้”

      “ เก้าอี้มีตั้งเยอะแยะ” เนมทำหน้างอชี้นิ้วไปรอบๆซึ่งมีเก้าอี้ว่างเรียงรายอยู่มากมาย แต่ไอ้คนจอมกวนนี่ดันมานั่งเบียดอยู่ได้

      “ แล้วไง” โอ๊คยักไหล่ “ กูพอใจจะนั่งตรงนี้”

      “ งั้นกูไปเอง”

      “ เดี๋ยว”

       เนมสะบัดข้อมือซึ่งอีกฝ่ายกอบกุมอยู่

       “ อะไร”

       “ รถมึงล่ะจอดอยู่ไหน”

       เนมถอนหายใจกับกิริยาสอดส่ายสายตาหาของโอ๊ค

       “ บริษัทประกันมาลากไปแล้ว”

       “ เสียหายหนักเหรอ”

       “ อืม”

       นิสิตแพทย์ตัวขาวทำเสียงอือออในลำคอ “ด้านหน้ายุบ”

       “ หึ”

       “ อะไร”

       “ ถามจริง” โอ๊คเหลือบตามอง “ เพิ่งได้ใบขับขี่มารึไง”


        ฝ่ายที่ถูกถามหน้านิ่วก่อนจะทำหน้าบึ้งเมื่อโดนจี้จุดอย่างจัง เออสิ ใบขับขี่เพิ่งได้มายังไม่ถึงเดือนเลย ใครจะไปคิดว่ากะระยะผิดนิดหน่อยรถจะยุบไปทั้งแถบ คิดแล้วก็ได้คลึงขมับถ้าหากป๊าม๊ารู้เรื่องคงหมดหวังที่จะได้จับรถคันนั้นอีก

       “ งั้นไป”

       “ ไปไหน”

       “ กลับสิวะ เดี๋ยวกูไปส่ง”

       “ กูรอกลับพร้อมยิม”

       “ งั้นเหรอ” โอ๊คกระตุกยิ้มมุมปาก “ งั้นมึงคงต้องรอเก้อละมั้ง”

       “ หมายความว่าไง”

       “ มันไม่ว่างเลยวานให้กูมาดูมึงแทน” โอ๊คพูดยิ้มๆ “ ทำไมผิดหวังเหรอที่มันไม่มา” สีหน้าขาวนั่นซีดเผือดลงแม้เพียงแวบเดียวแต่โอ๊คก็สามารถจับสังเกต นิสิตแพทย์หลุบตาลงก่อนจะทำเฉยราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

       “ พูดอะไร”

       “ มึง” โอ๊คมองใบหน้าขาวนั่นตรงๆก่อนที่นิ้วเรียวยาวจะชี้ใส่คนที่นิ่งอึ้ง “ เสียใจที่มันไม่มา”

       “ ไม่ใช่”

       “ หึ” โอ๊คยักไหล่ “ จะยังไงก็แล้วแต่มึงต้องกลับกับกู”

       “ กูกลับเองได้”

       “ ก็แล้วทำไมก่อนหน้านี้ไม่กลับล่ะ”


        เนมหน้าเจื่อนเมื่อสบเข้ากับสายตารู้ทันของคนตรงหน้า ฝ่ายนั้นมองนิ่งก่อนจะยิ้มราวกับว่าพบเจอเรื่องน่าสนใจ สีหน้าแววตาของอดีตนักเรียนไฮสคูลบ่งบอกว่ารู้ชัดแจ้งทุกความรู้สึกของเขา

        นิสิตแพทย์เบือนหน้าหลบก่อนจะผุดลุกขึ้นแต่ติดที่มือหนาคว้าข้อมือเขาไว้แน่น

        “ รถกูอยู่ทางโน้น”

        “ กูจะกลับเอง”

        “ กูไม่ชอบพูดอะไรซ้ำซาก” โอ๊คพูดนิ่งๆด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แววตาดุดันอย่างไม่เคยที่พบเห็นมาก่อน “ และกูไม่ได้ใจดีเหมือนไอ้ยิมของมึง ฉะนั้นอย่ายวนกูมากนัก”

        โอ๊คยิ้มแต่เป็นการแสยะยิ้มจนคนมองเสียวสันหลัง เนมยืนอึ้งอย่างคาดไม่ถึงเพราะไม่เคยพบเห็นท่าทางแบบนี้มาก่อน ปกติโอ๊คที่รู้จักมันเป็นคนขี้เล่นถึงจะกวนตีนไปบ้างแต่ไม่ใช่บุคลิกที่ยิ้มเย็นๆแต่แววตาดุดันแบบนี้เลย


        “ นำไปสิ”

        “ ก็แค่นั้น”

        เนมก้มหน้าเดินตามอีกฝ่ายเงียบๆ จึงไม่ทันเห็นใบหน้าคมคายของคนนำที่หลุดขำด้วยรอยยิ้มกว้าง

        “ โอ๊ะ”

        “ หยุดแล้วทำไมไม่บอกวะ”

        เนมกุมจมูกตัวเองที่กระแทกแผ่นหลังอีกฝ่ายเต็มๆเมื่อไอ้คนตรงหน้ามันดันหยุดเดินเอาซะดื้อๆ โอ๊คเอี้ยวตัวหันมามองไอ้นีออนเดินได้ที่ทำท่าหัวฟัดหัวเหวี่ยงอย่างขำๆ

        “ มึงก็เดินมองทางบ้างสิ ก้มหน้าหาเห็บอยู่รึไง”

        “ เออ” เนมสวนกลับ “ เห็บที่กระเด็นจากตัวมึงอ่ะ”

        “ ว่าไงนะ”

        โอ๊คหรี่ตามอง เนมเผลอขยับถอยหลังหนี

        “ มึงว่ากูเป็นหมางั้นเหรอ”

        “ มึงพูดเองนะ”

        “ หึ”

        “ โอ้ย”

        เนมอุทานตกใจเมื่อไอ้แรงควายตรงหน้ากระชากเขาให้กลิ้งหลุ่นๆเข้าไปปะทะอกอีกฝ่าย

        “ ไอ้เชี่ย กูเหม็น”

        นิสิตแพทย์กุมจมูกทำท่ารังเกียจเมื่อใบหน้าตัวเองไปซุกอยู่ใต้รักแร้อยู่ฝ่ายเพราะถูกแกล้ง ยิ่งขยับตัวหนีไอ้คนขี้แกล้งยิ่งจับใบหน้าเขาให้มุดไปใต้รักแร้แบบที่ไม่สามารถขยับไปไหนได้ จมูกจึงถูกอัดให้สูดดมกลิ่นกายอีกฝ่ายอย่างช่วยไม่ได้

        “ ไอ้โอ๊คปล่อยกู”

        “ รังเกียจกูงั้นเหรอ”

        “ ไอ้เชี่ยปล่อยกู”


        โอ๊คหัวเราะขำกับอาการดิ้นรนหนีตายของคนตัวเล็ก มันชกไหล่เขาถูกบ้างไม่ถูกบ้างและพยายามเบี่ยงตัวหนีแต่ยิ่งหนีเขายิ่งกดใบหน้ามันแนบชิดยิ่งกว่าเดิมจนสุดท้ายนึกสงสารใบหน้าแดงจมูกแดงๆของมันจึงปล่อยให้เป็นอิสระ  เนมมันเซถอยหลังไปหัวเหอยุ่งเหยิงไปหมดสีหน้าก็เบ้หนัก แววตาของมันที่จ้องมองกลับมาดูโมโหไม่น้อยแต่แปลกที่ท่าทางเหล่านั้นทำให้คนมองยิ่งขำหนัก 

        เนมมันจะรู้ตัวมั้ยว่าเป็นผู้ชายที่ประหลาดก็เพราะไอ้ท่าทางค้อนลมค้อนแรงไปเรื่อยเนี่ยถ้าผู้ชายทั่วไปทำเขาคงแทบจะขย้อนอาหารในกระเพาะออกมา  แต่พอมันทำแล้วนอกจากไม่น่าเกียจมันยังดูออกจะน่ามอง

       หึ แปลกดีแท้

       เนมมันชกไหล่เขาแรงๆก่อนจะวิ่งนำหนีไป ส่วนคนที่ถูกทำร้ายร่างกายแค่หัวเราะขำก่อนจะยกแขนขึ้นแล้วก้มหน้าไปดมจักแร้ตัวเอง

       ...กลิ่นดีใช้ได้...

        เจ้าตัวยักไหล่ขำๆ เมื่อนึกได้ว่าตั้งแต่ซ้อมบอลเสร็จก็รีบรุดไปช่วยรุ่นพี่สตูฯ ไม่ได้อาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยซ้ำถือว่าเป็นโชคดีของไอ้นีออนเดินได้นั่นแล้วกัน โอ๊คยิ้มมุมปากก่อนจะเดินตามนิสิตแพทย์ที่วิ่งหน้าตูมนำไปไกลแล้ว


       “ ปวดขี้รึไง”

        เนมแยกเขี้ยวใส่คนที่เอ่ยทักเมื่อทั้งคู่เข้ามาอยู่ห้องโดยสารในรถแล้ว คนแกล้งถามยิ่งขำหนักเมื่อฝ่ายตรงข้ามทำหน้าเหม็นเบื่อซ้ำยังทำปากขมุบขมิบราวกับบ่นว่าเขาไม่เลิก

        “ พูดออกเสียงด้วยดิ กูจะได้รู้ด้วยว่ามึงด่าอะไรกูบ้าง” โอ๊คยักคิ้ว “ ไม่ต้องทำตาขวาง ถ้าอึดอัดมากด่าออกมาเป็นคำพูดเหอะ”

        “ ไอ้บ้า”

        โอ๊คขำก๊ากเมื่อฝ่ายตรงข้ามเหมือนจะหมดความอดทนก่อนจะระเบิดคำว่าเขาแต่ฟังยังไงก็ไม่เจ็บปวดสักกะนิด

        “ นี่หยาบสุดแล้ว”

        เนมเบ้ปากค้อนตาคว่ำ

        “ ไอ้สกปรก”

        โอ๊คกุมท้องขำ “ กูโครตเจ็บปวดกับคำด่ามึงเลยว่ะให้ตายเถอะ” ว่าแล้วก็เอี้ยวตัวไปเบาะหลังก่อนจะคว้าเสื้อกีฬาที่กองๆอยู่แถวนั้นติดมือมาด้วยหมายจะเปลี่ยนไอ้ตัวเน่าๆที่ใส่อยู่นี่ออก

        “ มึงจะทำอะไร”

        “ อะไร”

        “ ถอดเสื้อทำไม”

       เนมทำหน้าตื่นใบหน้าขาวซีดขึ้นสีตรงแก้มก่อนจะอ้าปากค้างเมื่อเจ้าของรถนอกจากไม่ให้คำตอบอะไรแล้วยังถอดเสื้อโชว์ซิกแพ็คท่าทางชิวๆ

       “ โอ้ย”

       โอ๊คคว้าม้วนกระดาษทิชชู่ที่ฝ่ายนั้นปาใส่ได้ทัน

       “ เป็นเชี่ยอะไรของมึง”

       “ ก็มึงถอดเสื้อทำไมล่ะ”

       โอ๊คเลิกคิ้วมองอาการประหลาดของคนตรงหน้า มันทำปากพะงาบๆหลุบตามองตักตัวเอง แต่แววตาดูหลุกหลิกบ่งบอกว่ามันกำลังขัดเขินอะไรบางอย่าง

       ...เขินงั้นเหรอ...

       โอ๊คกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะโน้มใบหน้าไปใกล้ๆมัน เนมหน้าตื่นถอยหลังทำตัวลีบจนแทบจะรวมร่างไปกับประตูรถ

       “ ออกไปไกลๆกู” เนมพูดเสียงหลง

       “ มันเป็นอะไร”

       “ กูเหม็นมึง”

       “ งั้นเหรอ” โอ๊คยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะโน้มหน้าผากไปชิดกับหน้าผากอีกฝ่าย “ กูเหม็นจริงเหรอ ไม่ใช่ว่ามึงเขินกูอยู่เหรอ”

       “ ไม่ใช่”

        ตอบไปก็พยายามไปมองแผ่นอกของมันซึ่งกระแทกเบ้าตาเต็มๆ ไม่เห็น ไม่เห็นอะไรเลย เนมบอกตัวเองแบบนั้น แต่ว่านะกล้ามมันแน่นมากไอ้หกลูกตรงหน้าก็โครตเด่นเลย มันเป็นร่างกายที่เขาปรารถนาอยากจะเป็นมาตลอด แต่ออกกำลังกายแค่ไหนมันก็ไม่มีผลเลย

        “ จริงอ่ะ”

        “........”

        เนมยื่นมือดันแนอกเปล่าเปลือยอีกฝ่าย แววตาพวกเขาทั้งคู่สบกันนิ่ง ในระยะใกล้ชิดที่ได้ยินแม้แต่ลมหายใจของกันและกัน

       “ เขินกูเหรอ”

       “.......”

       “ มึงเขินกูเหรอเนม” เสียงกระซิบประชิดใบหู


        ...Rrrrrrrrr...

        เนมสะดุ้งโหยงเมื่อเครื่องมือสื่อสารในกระเป๋าสั่นระรัว นับว่าเป็นระฆังช่วยชีวิตเนมลนลานควานหามันก่อนจะชะงักเมื่อเห็นรายชื่อที่ปรากฎบนหน้าจอ เขานิ่งเงียบลังเลใจว่าจะรับสายดีรึเปล่าพอดีหางตาเหลือบไปมองต้นเหตุที่ทำเขาปั่นป่วนวันนี้ มันกำลังสวมเสื้อตัวใหม่อยู่พอดี

        เนมถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะกดรับ

       ‘ครับ’

       ‘รับสายฉันได้แล้วเหรอ’

       เพียงแค่เอาโทรศัพท์แนบหูก็ได้ยินเสียงแหลมดังทะลุมาตามสาย เนมสะดุ้งทำหน้าแหยรีบเบี่ยงหูหนีจนฝ่ายที่จ้องมองอยู่ขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ

       ‘ครับ’

       ‘ไปตามยิมมารับสายฉัน’

       ‘เอ่อ’ เนมทำท่าอึกอักยิ่งโอ๊คทำไม้ทำมือเป็นเชิงถามว่าปลายสายคือใคร
 
       ‘ยิมไม่ได้อยู่กับผมครับ’

       ‘ถ้าไม่ได้อยู่กับนายแล้วทำไมถึงติดต่อไม่ได้ ปกติเขาไม่เคยไม่รับสายฉันถ้าไม่ใช่ว่าเขาอยู่กับนาย’

       ‘ยิมไม่ได้อยู่กับผมจริงๆครับ’

       ‘ฉันไม่เชื่อ นายโกหก ไปตามยิมมารับสายฉันเดี๋ยวนี้’

       สีหน้าลำบากใจของเนมทำเอาคนที่นิ่งฟังแล้วรู้สึกคุ้นหูกับเสียงที่ลอดมาจนต้องถือวิสาสะคว้าไปคุยเสียเอง

        ‘นายบอกฉันมาเดี๋ยวนี้ อย่าโกหกตอแหลจนเคยตัวแบบนี้ไอ้ตัวซีด’

        โอ๊คทำหน้านิ่งเมื่อได้ยินทุกถ้อยคำที่ลอดมาตามสาย เขาเหลือบตาเจ้าของมือถือที่ก้มหน้าหลบก่อนจะกรอกเสียงไปตามสาย

        ‘ยิมไม่ได้อยู่กับเนมหรอกนัตตี้’

        ‘อะ โอ๊ค’

        ปลายสายเหมือนจะชักงักไปพักนึงก่อนจะตอบเสียงอ่อยๆ

        ‘ผมกล้ายืนยันได้ว่ายิมไม่ได้อยู่กับเนม ตอนนี้มีแค่ผมกับเนม ส่วนไอ้ยิมมันกลับคอนโดไปตั้งแต่เย็นแล้ว’

        ‘จริงเหรอ’

        ‘ผมจะโกหกนัตตี้ทำไม ในเมื่อมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย แล้วอีกอย่างนะนัตตี้คุณโทรมาถามเนม คุณควรใช้คำพูดที่ดีกว่านี้สักหน่อย คุณมาขอความช่วยเหลือเขาควรจะทำกิริยาที่มันสมเหตุสมผลที่เขาจะให้ความช่วยเหลือหน่อย’

        ‘คำพูดคำจาบางอย่างมันบ่งบอกถึงกิริยาการศึกษา ซึ่งแน่นอนว่าคุณคงรู้ดีกว่าใครและที่คุณต้องรู้อีกอย่างคือเนมมันคือเพื่อนคนสำคัญของไอ้ยิม และยิมมันเป็นคนรักเพื่อนมันคงไม่พอใจเท่าไหร่ถ้าคุณจะพูดจาแบบนี้กับเพื่อนของมัน ’

        เนมนั่งอึ้งมองเจ้าของรถที่พูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆเรื่อยๆแต่ท่าทางไม่ได้สอดคล้องกับคำพูดเลย ไม่รู้ว่าปลายสายตอบกลับว่าอย่างไรเพราะพอพูดจบโอ๊คมันก็กดวางสาย แต่ก่อนวางสายโอ๊คจ้องหมายเลขที่โทรเข้าอย่างแปลกใจ

        ทำไมเหมือนเบอร์ที่โทรภายในประเทศทั้งๆที่ฝ่ายนั้นอยู่คนละซีกโลก


       “อ่ะ”

       โทรศัพท์เครื่องบางเฉียบยื่นมาตรงหน้า

       “ เนม”

       “ หืม”

       “ มึงเคยไปแย่งใช้เครื่องสำอางค์กับนัตตี้ป่าววะ”

       “ อะไรนะ” เนมทำหน้างง

       “ เขาดูไม่ชอบขี้หน้ามึงขนาดนี้ แสดงว่ามึงเคยคิดจะแย่งของเธอแน่ๆ”

       เนมนั่งอึ้งยิ่งแววตาของโอ๊คมองมาตรงๆก็ได้แต่นิ่งเงียบ เขาไม่อยากคิดอะไรไม่อยากคิดว่าในประโยคนั้นมีนัยยะอะไรแอบแฝง

       “ กูไม่เคยคิดจะแย่งของใคร”

       “ กูก็ว่างั้น” โอ๊คยักไหล่

       “ ทำไมมึงถึงเชื่อกูล่ะ”

       “ กูไม่ได้เชื่อ” โอ๊คพูดยิ้มๆ “ แต่กูรู้สึกได้ว่าน้ำหน้าอย่างมึงแย่งอะไรกับใครเค้าไม่เป็นหรอก”

       “ อ้าว”

       “ เพราะมึงเหมาะกับการถูกแย่งมาครอบครองมากกว่า”

        โอ๊คหันมาพูดแล้วสบตากับอีกฝ่ายตรงๆก่อนจะหันไปบังคับพวงมาลัยมุ่งสู่ถนนเบื้องหน้า ทิ้งให้ผู้โดยสารนั่งกุมมือแน่น ด้วยใบหน้าร้อนผ่าวๆซ้ำข้างในอกยังคันยุบยิบแปลกๆ





      .

      .

      .



     [ยิม]



 


       “ อื้อ”

       “ หืม”

       “ เหี้ย”

       ...โครม...

       “เหี้ยอะไรวะ”



        ผมสถบออกมาอย่างหัวเสียเมื่อรู้สึกถึงแรงกระทำที่รุนแรงส่งผลให้ไปตื่นอยู่บนพื้นอย่างไม่ทันตั้งตัว หลังจากขยี้ตาจนหายมึนงงจึงเห็นสภาพตัวเองที่นั่งกุมขมับอยู่ข้างเตียง ส่วนเจ้าของห้องมันนั่งหน้าบูดทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่บนเตียง

        “ เกิดอะไรขึ้น”

        “ กูถีบมึงลงไปเอง”

       ห่ะ


       ฝ่ายนั้นทำหน้าแค้นๆใส่ผมจนจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูก

       “ นี่คุณทำไมโหดร้ายจังวะ”

       “ ก็มึง...”

       ไอ้หมอปายทำเสียงอึกอักก่อนจะยกมือกุมเป้าตัวเองอย่างเผลอตัว ท่าทางแบบนั้นทำเอาผมมองตามอาการแบบนั้นทำให้นึกถึงอาการครึ่งหลับครึ่งตื่นของตัวเองก่อนหน้า จำได้ว่าใบหน้าผมซุกกับอะไรสักอย่างนุ่มนิ่มคล้ายๆกับว่ามันทั้งนุ่มและลื่นซ้ำยังเด้งไปมาอีกถึงอย่างนั้นก็ให้ความรู้สึกที่โครตดี


       ...แต่เดี๋ยวก่อน...

       หวังว่าคงไม่ใช่ ผมทำหน้าตื่นจ้องตากับมันที่นั่งกุมเป้านิ่งแต่ใบหน้าขาวค่อยๆซีดลงต่างจากใบหูทั้งสองข้างที่แดงก่ำ

       “ ไอ้เชี่ย”

       “ โอ้ย”

        ผมหน้าหงายเมื่อหมอนใบโตปลิวมากระแทกหน้าอย่างจังก่อนที่มันจะวิ่งตึงตังเข้าห้องน้ำไป

        มึนไปมั้ยล่ะมึง ผมคลึงขมับตัวเองก่อนจะสถบในลำคอ แม่งแค่นอนซุกเป้าแค่นี้เองถึงขนาดยันเขาลงมาจากเตียงไหนจะหมอนที่ปลิวกระแทกหน้าอีก โหดร้ายเกินไปแล้วไอ้หมอปาย

        “ กี่โมงแล้ววะ”

        ผมสะบัดหัวไปมาไล่ความมึนงงก่อนจะควานหาโทรศัพท์มือถือของตัวเองเพื่อดูเวลา เมื่อเปิดเข้าไปก็ยิ่งแปลกใจเมื่อปรากฏสายที่ไม่รับเกือบยี่สิบสาย แค่เฉพาะของแฟนสาวก็สิบกว่าแล้ว นอกนั้นก็เป็นเบอร์ทางไกลจากต่างประเทศครอบครัว และอื่นๆก็เป็นเบอร์เพื่อนสนิททั้งสองคน

        โอ้โหปิดสั่นคืนเดียวนี่คนคิดถึงขนาดนี้เลยเหรอวะ

        ผมทำหน้ามึนงงสงสัยพอดีกับที่มือถือในมือสั่นและหน้าจอสว่างวาบ รายชื่อที่ปรากฎคือยัยเด็กแสบเขาจึงรีบกดรับพร้อมกับเปิดกล้อง หลังจากเหลือบตามองนาฬิกาที่บ่งบอกเวลาสายโด่งแล้วดังนั้นช่วงเวลาที่ซีกโกลนั่นคงดึกดื่นพอควรแล้ว



       ‘ว่าไงตัวแสบ’

       ‘พี่ยิมหายไปไหนมา’

       ‘อ๋อ พอดีพี่หลับแล้วดันเปิดมือถือสั่น’

       ‘โธ่เอ้ยไอ้เราก็นึกเป็นห่วง คุณพ่อคุณแม่เป็นห่วงมากนะโทรหาพี่แล้วไม่รับสาย  แล้วยัยพี่นัตตี้ยังโทรมากวนคุณแม่อีกว่าพี่ไม่รับโทรศัพท์วุ่นวายไปหมด คุณพ่อเพิ่งพาคุณแม่ไปนอนเมื่อกี้เอง’

       น้องสาวผมเหมือนว่าอัดอั้นมากพอผมรับสายเธอถึงได้พรั่งพรูคำพูดใส่ผมอย่างไม่หยุดด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ผมถอนหายใจเมื่อได้ยินว่าแฟนสาวผมไปรบกวนบิดามารดาอีกแล้วเวลาที่โทรหาผมไม่ติด และก็รู้สึกผิดไม่น้อยที่ไม่ได้รับสายครอบครัวซึ่งโทรคุยกับผมทุกวัน

        “ พี่ขอโทษ” ผมยอมรับผิด “ พอดีวันนี้ดื่มนิดหน่อยรู้อีกทีเมาหลับไปเลย”

        “......” ตัวแสบถอนหายใจแรงๆ

        “ พี่ยิม”

        “ ว่าไง”

        “ คุณพ่อคุณแม่เป็นห่วงพี่มากนะ” สายตาน้องสาวผมแสดงออกชัดเจนว่าห่วงใยผมไม่ต่างจากบิดามารดา

        “พี่รู้...พี่ขอโทษนะใยบัวที่ทำให้เป็นห่วง”

        “ อืม”

        “ รอให้ที่โน่นเช้าก่อนพี่จะโทรไปขอโทษคุณพ่อคุณแม่”

        “.......”


         ยัยแสบยิ้มกว้างทำหน้าแป้นแล้นจนนึกอยากจะหอมเหม่งนั่นแรงๆ

        “ กรี๊ดดดดดดด”


         ผมสะดุ้งโหยงแทบจะทำโทรศัพท์มือถือร่วง ภาพในจอคือน้องสาวผมร้องเสียงดังชี้นิ้วใส่ผมแล้วดิ้นเร่าๆจนผมตกใจ

        “ ใยบัวเป็นอะไร”

        “ กรี๊ดดดด”

        “ ใยบัวตอบพี่หน่อย เป็นอะไร”

        ภาพในจอหลังจากที่ใยบัวดิ้นเร่าๆหล่อนก็ผุดลุกขึ้นมานั่งบิดตัวไปมาด้วยท่าทางเขินอาย สาวเจ้ากัดปากแล้วเผยอน้อยๆก่อนจะชี้ไม้ชี้มือไปข้างหลังผม

        “ นั่นมันพี่หมอปาย พี่หมอปายของน้อง”

         ผมมองตามนิ้วมือของน้องสาวทันเห็นมันถือผ้าขนหนูซับหน้าเดินออกมาจากห้องน้ำ มันมองผมงงๆส่วนผมก็แค่ยักไหล่ก่อนจะหันมาสนใจสาวน้อยที่ทำหน้าเคลิ้มฝันไปในโลกจินตนาการแล้ว

        “ พี่หมอปายขา”

        “ อะไรนะ”

        “ พี่หมอคนนี้ไงที่น้องบอกว่าเค้าคือคิวท์บอยในตำนาน” พูดไปยิ้มไป “ ว่าแต่พี่ยิมรู้จักพี่เค้าได้ยังไงอ่ะ”

         สีหน้าใคร่รู้ของเจ้าแสบดูจะทำเอาตอบแทบไม่ถูก

        “ ไปรู้จักกันยังไง แล้วทำไมอยู่ห้องเดียวกัน”

        “ เอ่อ”

        “ หรือว่าพี่ยิมกับพี่หมอปาย”

        ใยบัวชูนิ้วชี้ทั้งสองข้างแล้วเคลื่อนมาชนกันทั้งยังทำหน้าทำตาตื่นเต้นไปอีก

        “ พอๆเลิกมโน”

        น้องสาวผมหุบยิ้มก่อนจะค้อนให้

        “ แล้วทำไมพี่เค้ามาอยู่กับพี่ได้ แล้วพี่เค้าตัวจริงเป็นยังไงบ้าง หล่อมั้ยแล้วนิสัยดีรึเปล่า แล้ว..”

        “ พอๆ...ถ้าอยากรู้ก็คุยกันเองแล้วกัน”


         ผมส่ายหัวอย่างขำๆก่อนจะเดินดุ่มไปยัดโทรศัพท์มือถือใส่มือมัน หมอปายทำหน้ามึนงงยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยถามอะไรผมก็ชิ่งหนีเข้าห้องน้ำแทนที่มันเลย

        ผ่านไปหลายนาทีเหมือนกันกว่าผมจะทำธุระส่วนตัวเสร็จ แต่พอออกจากห้องน้ำดันได้ยินเสียงหัวเราะขบขันของใครบางคน ผมขมวดคิ้วประหลาดใจเมื่อเห็นภาพมันกำลังหัวเราะน้อยๆกับหน้าจอโทรศัพท์ ไม่ต่างจากน้องสาวตัวเองที่หัวเราะเสียงใส

        ...คุยอะไรกัน...

        ผมสาวเท้าเข้าไปใกล้ๆด้วยความสงสัย “ หัวเราะอะไรกัน”

        คู่สนทนาทั้งคู่ไม่ตอบได้แต่อมยิ้มจนผมต้องยอมแพ้ไม่สนใจไปเอง ไม่นานหลังจากนั้นใยบัวก็หาววอดๆผมถึงได้ไล่ให้ไปนอนเพราะเวลานี้ในอีกซีกโลกคงดึกมากแล้ว

        “ ท่าทางคุณกับน้องสาวผมจะเข้ากันดี”

        “ น้องสาวมึงน่ารัก” หมอปายพูดยิ้มๆสีหน้าแววตาคงจะเอ็นดูยัยแสบไม่น้อย

        “ แล้วพี่มันล่ะ”

        ผมยักคิ้วแกล้งถามอย่างกวนๆ มันแสยะยิ้มกอดอกพิงเคาน์เตอร์โซนครัวแล้วยักไหล่

       “ มึงก็กล้าถามเนอะ”

       “ แล้วผมเป็นยังไงในสายตาคุณ”

       “ กวนตีน”  หมอปายพูดนิ่งๆ แต่ผมขำพรืด

      หมอยักไหล่ก่อนหันไปสนใจอาหารตรงหน้าคาดว่าคงจะเอาออกมาเวฟช่วงที่ผมเข้าห้องน้ำ ถึงว่าน้ำย่อยในกระเพาะถึงเริ่มทำงานเพราะหอมหวลที่ยั่วน้ำลายตรงหน้านี่เอง

       “ กินด้วยสิ”

       หมอปายเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะบุ้ยปากไปยังตู้เย็น “ อาหารแช่แข็งอยู่ในตู้อยากกินก็เวฟเอา”

       “ ผมอยากกินอันนี้นี่”


       อันนี้ที่ว่าคือ ‘สปาเก็ตตี้แกงเขียวหวาน’ อาหารที่ผสมผสานความเป็นไทยและสากลที่จัดวางอยู่ในจานอย่างสวยงาม มันเขม่นมองผมก่อนจะคว้าจานหนีผมทันที

        “ อันนี้ไม่ได้”

        “ แค่นี้ก็หวงด้วย”

        “ แค่เฉพาะอันนี้”

        “ ผมไม่แย่งคุณกินก็ได้”

        ผมส่ายหน้าขำเมื่อเห็นภาพร่างสูงซ้อนทับกับภาพของเด็กน้อยที่หวงของกิน  หลังจากพวกเราจัดการกับอาหารเช้าอย่างรวดเร็วแล้วก็เตรียมตัวกลับห้องพอดีเสียงสั่นของโปรแกรมไลน์เข้ามาพอดี  ผมเปิดอ่านข้อความที่ส่งมาก่อนจะยิ้มขำ


       “ ผมกลับห้องก่อนนะ”

       “ อืม”

       “ เฮ้ย”

       “ เชี่ย มึงทำอะไร”


        หมอปายชกไหล่ผมแรงๆ ดีว่าไม่เอาเข่ากระแทกผมด้วยและแรงหมัดเต็มเหนี่ยวนั่นก็โดนจังๆทำเอาเจ็บเหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ปล่อยอ้อมแขนที่โอบกอดมันเอาไว้

       “ มึงเป็นเกย์รึไง”

       “ คุณสิเป็นเกย์” ผมสวนกลับนึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่มันเริ่มจูบผมก่อนทั้งยังเรื่องที่มันมีเพื่อนชายมาแอบชอบ มันพ่นลมหายใจแรงๆก่อนจะดิ้นผละหนีแรงๆ

       “.........”

      “ น้องสาวผมฝากกอดคุณ”


         แรงที่ดิ้นหนีกลับหยุดนิ่ง มันยืนนิ่งปล่อยให้ผมโอบกอดเอาไว้ “ ใยบัวบอกผมว่าให้กอดคุณแน่นๆแล้วบอกว่าสู้ๆนะ”

         ผมรู้สึกได้ถึงตัวมันแข็งเกร็งขึ้นก่อนจะผ่อนคลายลงในที่สุด เมื่อนั้นผมถึงได้รู้สึกฝ่ามือมันลูบไล่ผมเบาๆเสมือนการกอดตอบ ผมรับรู้ได้ว่ามันยอมรับอ้อมกอดนี้อย่างค่อยเป็นค่อยไป


        “ ฝากบอกน้องสาวมึงด้วย”

        “.....”

        “ กูคงไม่มีอะไรตอบแทนความหวังดีของเค้าได้นอกจากคำว่า ‘ขอบคุณ’ ขอบคุณมาก”

         ผมกลับมาที่ห้องตัวเองแล้วทรุดตัวลั่งนั่งที่โซฟากลางห้อง ผมนิ่งเงียบพยายามฟังเสียงบางอย่างที่สั่นระรัว และก็ได้ตำตอบว่าเสียงหัวใจตัวเองกำลังเต้นอย่างรุนแรง








หายไปนานค่ะ พอดีช่วงสงกรานต์คอมฯเสียเพิ่งซ่อมเสร็จจ้า เอามาเสิร์ฟดึกหน่อยน้า สดๆร้อนๆเลย :hao5:
ตอนนี้เริ่มหลงกันยังน้อ ไม่รู้ใครจะหลงใครเนอะ แต่เค้าหลงกันแล้วล่ะดูเอาสิ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
#หนึ่งความคิดเห็นคือหนึ่งกำลังใจนะจ้า #เจอกันตอนหน้าจ้า
:bye2:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-05-2017 21:24:56 โดย [Karnsaii] »

ออฟไลน์ [x]-SayHi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
อาการละเมอ ครึ่งหลับครึ่งตื่นนี่มันเพลินดีแท้นะคับ ^^-

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อียิม. หยอดหมอแยมตลอดๆ. อิอิ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
สนุกกกมากอย่าหายไปอีกนะ :hao5: :hao5: :hao5:
ซื้อคอมสำรองเลย :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
เริ่มหวั่นไหวกันแล้ว~

ออฟไลน์ ::UsslaJlwaJ::

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1012
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-4
สนุกมากกกกก ติดตามจ้าาาาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
สนุกมากค่ะ เกือบจำตัวละครไม่ได้..

ออฟไลน์ benicezii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ Maree

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0

ออฟไลน์ chisarachi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1021
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-1
เกลียดดดดด. เกลียดตัวเองนี่แหละ ว่าจะรอใกล้ๆจบค่อยอ่าน
แต่ทนเสียงหัวใจไม่ไหวเลยต้องอ่าน55555
รักกกก รักน้องยิมมากกกก
ชอบผู้ชายแบบนี้. แบบนี้แหละถึงจะดูแลพี่หมอได้
เวลาพระเอกเรียกปายเฉยๆชอบง่าาา
รู้สึกถึงความพิเศษ
รอวันที่น้องจะทำให้คนพี่แทนชื่อตัวเองน่ารักๆนะ5555

ออฟไลน์ Psycho

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 388
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
ฝากให้กอดก็กอด ถ้าฝากให้กดจะกดมั้ย

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1090
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
ปายเริ่มประทับใจขึ้นมาบ้างแล้วเนอะ
ตอนนึ้ลุ้นอีกคู่ก่อนค่ะ สงสารเนม ไม่รู้ว่าโดนฤทธิ์เพื่อนแฟนมานานขนาดไหน

ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1050
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11
ใครเมะใครเคะเดาไม่ถูกเบย :laugh:
เนมกับโอ้ตก็น่ารักค้า เชียร์ๆๆ :hao7:

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
โอ๊คเนมก็น่ารัก ยิมปายก็ฟิน
จะรออ่าตอนต่อไปนะ สู้ๆค่ะ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
หมอปายน่าสงสารจัง แม่เลี้ยงหมอปายคงไม่ใช่คนรักเก่าของหมอหรอกนะ
แล้วไหนเลยถึงกลายเป็นเมียพ่อไปได้ล่ะ แล้วพ่อของหมอไม่รู้เลยเหรอ
ว่านั่นน่ะคนรักของลูกตัวเองน่ะ หรือมันมีอะไรมากกว่านั้น และไหนน้องชายของหมออีก
คงเป็นลูกที่เกิดกับแม่เลี้ยงใช่มั้ย ปายถึงรับไม่ได้ยั้งงี้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ใครจะรุกใครเนี่ย ลุ้นปายยิมได้มั้ยอ่ะ

ปล.เอายัยโรคจิตนัตตี้ไปเก็บไกลๆได้มั้ยคะ น่ารำคาญมากกกกกกกกก :mew5:

ออฟไลน์ pipoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 326
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • https://twitter.com/dokpeepo
สนุกกกๆๆๆดันๆชอบ

ออฟไลน์ G-NaF

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
อย่างนี้ต้องยืมมือน้องช่วยเป็นสะพานเชื่อมนะยิม

ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
ปายยิม ปายยิม ปายยิม ปายยิม

ออฟไลน์ {TN}

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อ่านแล้วขอเชียร์ยิมปายนะ
กิกิกิ

รอมาอัพต่อนะคะ ><

ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17



         หลงที่ 8 : รักสามเศร้า



         

         [ยิม]





        “ ยังติดต่อไม่ได้หรอวะ”


         ผมถอนหายใจก้มมองปลายสายที่เพียรโทรหาซึ่งอยู่กันคนละทวีปก่อนจะส่ายหน้าแทนคำตอบที่ไอ้โอ๊คมันถาม มันยักไหล่พร้อมทำหน้าเบื่อหน่าย

        “ ติดแต่ไม่มีคำรับ”

        “ งั้นก็หมายความว่าเขาไม่อยากรับสายมึง”

        ใช่ เห็นจะเป็นอย่างที่มันกล่าวอ้างนั่นแหละ

        ผมคลึงขมับตัวเองแน่นแล้วถอนหายใจรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน ผมพยายามติดต่อกลับไปหาแฟนสาวเพื่อขอโทษเรื่องที่เมื่อคืนปล่อยให้เธอโทรตามกว่าสิบสายแต่พยายามเท่าไหร่ความพยายามของผมก็ไม่สำเร็จผลสักที นั่นหมายความว่าเธอโกรธผมมากแน่นอน


        “ใจเย็น” มันตบบ่าผม

        “ อืม”

        “ ปล่อยไปก่อนให้ใจเย็นกว่านี้ก่อนค่อยคุยกันไม่ดีกว่าเหรอ”

        “ แต่กู”

         ผมถอนหายใจอย่างปลงๆนึกห่วงความรู้สึกของเธอไม่น้อย ยิ่งอยู่ห่างไกลกันคนละซีกโลกเวลาจะพูดคุยทำความเข้าใจก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ ขนาดอยู่ใกล้กันกว่าจะง้อได้แต่ละครั้งก็เล่นเอาหืดขึ้นคอ ผมทราบดีว่าตลอดเวลาที่คบกันมาเธอเป็นคนที่ค่อนข้างเอาแต่ใจและแสนงอนเป็นที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นนัตตี้ก็เป็นผู้หญิงที่น่ารักเพราะเวลาเธอดีก็ดีแสนดีซ้ำทุกการกระทำที่
แสดงออกว่าเธอรักผมมากมันทำให้ผมละอายใจที่ผมรักเธอได้ไม่เท่ากับที่เธอรักเลย

         คิดถึงความสัมพันธ์ตลอดสามปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ที่ดูเหมือนจะนาน เหมือนว่าเรารู้จักกันและกันเป็นอย่างดี แต่ในความเป็นจริงแล้วเราแทบจะไม่รู้จักกันเลยหรือแท้จริงแล้วเราแทบไม่รู้จักกัน

         ผมวางมือถือลงเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณฝากข้อความจากปลายสาย...สุดท้ายเธอก็ปิดมือถือหนีผม

         “ เฮ้ย”

        บางทีผมก็ง้อจนเหนื่อย

        ยิ่งห่างไกล...ยิ่งเหมือนใจจะเลือนราง

        ผมเหม่อมองไปเบื้องหน้าในหัวเต็มไปด้วยความคิดหลากหลาย แน่นอนว่ามีเรื่องของเธออยู่ในนั้นแต่แปลกไปคือช่วงแวบ นึงผมกลับเห็นภาพของเพื่อนข้างห้องหลุดเข้ามาในห้วงแห่งความคิด ผมมองเห็นภาพของหมอปายยิ้มให้ เป็นรอยยิ้มสว่างไสวก่อนที่เราจะแยกกันเมื่อเช้า

        “ มึงนั่งกุมอกทำไมวะ”

        โอ๊คมันทำหน้าแปลกๆที่เห็นผมยกมือข้างนึงกุมหน้าออกของตัวเอง

        “ เช็คน่ะ”

        “ เช็คอะไรวะ”

        “ กูรู้สึกว่าหัวใจมันเต้นแปลกๆ”

        “ มึงเป็นโรคหัวใจเหรอ”  ไอ้โอ๊คทำหน้าตื่นจนผมยิ้มขำ

         “ น้ำหน้าอย่างมันเป็นโรคหัวใจขาดรักน่าจะเหมาะกว่า”


        พี่หนึ่งซึ่งนั่งดื่มอยู่ใกล้ๆเอ่ยแซวทำเอาลูกทีมซึ่งประกอบไปด้วยทั้งเพื่อนและรุ่นพี่ผมที่ไปช่วยพี่แกที่สตูฯเกือบสิบคนเป่าปากแซวมันกันใหญ่ “ อย่าเศร้าไปไอ้น้องแค่แฟนไม่รับสายแค่นี้”

        “ เชื่อกูหล่อๆอย่างมึงเดี๋ยวกูหาสาวๆมาดามใจให้”

        “ หาให้ผมด้วยดิพี่”

        “ แล้วที่เรียงคิวไปให้มึงป้อหลังซ้อมบอลนั่นล่ะกูว่าแค่นั้นก็ยาวเป็นหางว่าวแล้วมั้ง”

        พี่หนึ่งสวนไอ้โอ๊คซึ่งสอดปากขึ้น มันยักไหล่ขำๆ “เค้าเรียกว่าใช้ชีวิตคนโสดให้คุ้มค่าพี่”

        “ คุ้มมากไอ้ห่า งั้นแบ่งมาเผื่อเพื่อนมึงด้วย”

         โอ๊คมันโบกมือปฏิเสธ


        “ ไอ้ห่ายิมมันคนดี มันพ่อพระไม่เคยออกนอกลู่นอกทางหรอกพี่ ขนาดพาไปปาร์ตี้ขากลับเค้าได้สาวไปเป็นคู่ๆ ไอ้ห่านี่เสือกพาเค้าไปส่งบ้านแล้วกลับออกมาเฉยๆ”

        “ สุภาพบุรุษสุดตีน”

        ผมส่ายหน้าอย่างไม่ใคร่จะยอมรับคำปรามาสนั่นเท่าไหร่ก็จะให้ทำอะไรแบบนั้นได้เล่าในเมื่อเขามีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้ว ไอ้เรื่องนอกกายนอกใจมันถึงไม่มีอยู่ในสมองเลย

        “ ไอ้ห่าที่เทวดามาเกิดรึไงวะ” พี่หนึ่งแซว “ กูอยากรู้นักว่ามันจะมีใครมาทำให้พ่อพระนี่ตบะแตกคิดอยากจะนอกกายนอกใจแฟนบ้างวะ”

        “ คงยากพี่”

        ไอ้โอ๊คยักคิ้วหลิ่วตามาทางผม “เพราะมันตายด้าน”

         “ อ้าวๆไอ้โอ๊ค”

        ผมสถบก่อนจะถีบเก้าอี้มันแรงๆ โดยที่รอบข้างต่างสงเสียงแซวกันดังลั่นร้านเหล้าหลังมหาวิทยาลัย ผมส่ายหน้าพอดีกับสายตาหันไปเห็นกลุ่มคนจำนวนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาในร้าน

        หัวใจผมกระตุกวาบ

        เพราะหนึ่งในนั้นคือคนที่เพิ่งนึกถึงไปก่อนหน้านี้ หมอปายกับเพื่อนของมันกำลังเดินมาทางนี้ บ่าของมันถูกเพื่อนที่ชื่ออั้มพาดแขนแสดงถึงความสนิทสนมของทั้งคู่ใกล้กันนั้นมีผู้ชายร่างเล็กตัวออกจะขาวซีดก้าวตามมาติดๆ นอกนั้นก็น่าจะเป็นนิสิตแพทย์รุ่นพี่อีกสี่ห้าคนเดินพูดคุยหัวเราะกันเข้ามา

         ผมจ้องมองภาพนั้นนิ่งทั้งที่ในใจมีความรู้สึกที่แปลกไป

         “ กูอยากรู้นักว่ามันจะมีใครมาทำให้พ่อพระนี่ตบะแตกคิดอยากจะนอกกายนอกใจแฟนบ้างวะ”

         ไม่แน่หรอกอาจจะมีใครบางคนที่ทำให้ผมผิดบาปด้วยการนอกใจแฟนตัวเอง

         แค่คิดก็ผิดแล้วไอ้ห่ายิม...ผมคิดในใจ


         “ จ้องขนาดนั้นมึงรู้จักรึไง” ไอ้โอ๊คก้มลงมากระซิบกระซาบ

         “ .......”

         “ เฮ้ยปาย”

         “ อ้าวไงวะหนึ่ง”

         ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบเพื่อนสนิทพี่หนึ่งแกก็ตะโกนเรียกชื่อเพื่อนข้างห้องผมอย่างดัง ฝ่ายนั้นเอี้ยวตัวหันมามองด้วยความแปลกใจก่อนที่มันจะหันไปดูอะไรไม่รู้กับเพื่อนมันแล้วผละมาทางโต๊ะผม

         “ ไง”

         “ สบายดีมึงล่ะ”

         “ ก็ดี” หมอปายเหลือบตามองผมแวบหนึ่งก่อนจะกวาดตาไปรอบๆ จังหวะนั้นที่ผมเองกดยิ้มมุมปาก

         “ ไม่เห็นไปช่วยงานอบจ.เลยวะ”

         “ กูไม่ค่อยว่างช่วงนี้ขึ้นราวน์วอร์ด”

         “ อ๋อ”

         “ คงเรียนหนักสิมึง”

        “ อืม มึงก็ใกล้จบแล้วสิ”

        “ เออ ช่วงนี้ทำโปรเจ็คหนังสั้นได้น้องๆพวกนี้มาช่วย” พี่หนึ่งผายมือมาที่พวกเรา “โดยเฉพาะไอ้ยิมนี่มือหนึ่งตัดต่อเชียวล่ะ” พี่แกชี้นิ้วมาทีผม หมอปายมองตามมือพี่หนึ่งมาที่ผม

       เราสบตากันนิ่ง

       มันยิ้มมุมปากก่อนจะรับคำในลำคอ “ อืม”

       “ กูไปก่อนนะไว้ๆว่างไปแดกเหล้ากัน”

       “ อืม”

       ผมเงี่ยหูฟังบทสนทนาระหว่างมันกับพี่หนึ่งเงียบๆ ก่อนที่มันจะขอตัวผละออกไป

       “ ใครเหรอพี่”

        เพื่อนผมคนนึงในโต๊ะถามขึ้น พี่แกเหลือบตามองก่อนจะหัวเราะขำ “นี่พวกมึงไม่รู้จักคิวท์บอยในตำนานรึไง”

        “ อ๋อ” เจ้าเดิมทำหน้าเหมือนคุ้นเคย “ ใช่ที่เค้าว่าเรียนหมอรึเปล่าพี่”

        “ อืม ไอ้หมอปายรุ่นเดียวกับกูนี่แหละ สมัยมันเข้ามาปีหนึ่งใหม่ๆนะหน้าใสกิ๊กโครตเกาหลี เค้าจะให้มันประกวดเดือน  มหาลัยด้วยแต่เสือกไม่เอานี่ขนาดมันไม่ได้ตำแหน่งอะไรนะสาวๆนี่ตามหากันให้ควั่ก”

        “ ขนาดนั้นเลย” พวกนั้นทำหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

        “ แล้วพี่ไปรู้จักได้ไงอ่ะ”

        พี่หนึ่งยิ้มๆก่อนจะตอบ “เคยทำงานให้สภามหาวิทยาลัยตอนปีหนึ่งด้วยกัน”

        “ ข่าวว่าโครตลึกลับจริงป่าวพี่”

        คราวนี้ทั้งโต๊ะต่างพร้อมกันอยากรู้ประวัติของหมอปาย คนตอบจึงขมวดคิ้วนิดๆ ส่วนผมแค่นั่งจิบเบียร์ไปตามเรื่องตามราว

        “ นี่พวกมึงปราวารนาตัวเป็นแฟนคลับมันรึไง”

        “ เปล่าพี่ๆ” เพื่อนเขาโบกมือปฏิเสธ

        “เก็บข้อมูลเอาไว้เวลาคุยกับสาวๆจะได้รู้เรื่อง” เพื่อนๆเขาพูดไปหัวเราะไป “ ช่วงนี้สาวๆในคณะพูดถึงแต่เรื่องหมอปายกัน รู้ไว้จะได้มีเรื่องชวนคุยกับสาวๆเค้า”

        “ เออ ความคิดพวกมึงเข้าท่าเนอะ” พี่หนึ่งสัพยอก

        “ ว่าก็ว่าเถอะนะ พี่หมออะไรนั่นเรียนเก่งแล้วแม่งยังเสือกหล่ออีก พี่เค้าจะเพอร์แฟ็คอะไรขนาดนั้นวะ”

        “ เออจริง”


        บทสนทนาเหล่านั้นเข้าหูผมก่อนจะผ่านเลยไป คนอย่างหมอปายนะเหรอน่าอิจฉา คนอย่างมันนะเหรอที่แสนจะเพอร์แฟ็ค คงไม่มีใครรู้ว่าลึกลงไปผู้ชายที่เก่งกาจไปรอบด้านซึ่งชอบทำหน้านิ่งเฉยกับทุกเหตุการณ์แท้จริงแล้วมันกำลังทำเฉยเพื่อผ่านเลยเหตุการณ์ที่แสนเจ็บปวดไปให้ได้ การที่มันดูนิ่งเฉยนั้นบางทีข้างในมันอาจจะร้องไห้อยู่ก็ได้ใครจะไปรู้ได้ แต่นั่นละเรื่องนั่นผมบังเอิญก้าวเข้าไปร่วมรับรู้ด้วย

         คนที่แสนจะสมบรูณ์แบบกลับมีมุมเด็กๆอย่างการหวงของกินและเขินอายทุกครั้งที่มีคนแสดงความห่วงใย

         หึ แท้จริงแล้วหมอปายมันไม่ได้เพอร์แฟ็คหรอกแต่เพราะมันเป็นของมันแบบนั้น ใครต่อใครต่างกล่าวขวัญถึงเพราะมันมีในสิ่งที่หาได้ยากคือเสน่ห์ในแบบของไอ้หมอปาย

         เสน่ห์ที่ทำให้คนมองเพียงแรกพบกลับหลงใหลและพอได้รู้จักชิดใกล้กลับเป็นความรู้สึกถอนใจไม่ได้เลย









                                                   **********************************




          [หมอปาย]



         “ โทษทีนะพี่ผมไม่มีของอะไรติดมือมาให้เลย”

         “ ไม่เป็นไร”

         พี่รหัสในสายโบกมือปฏิเสธอย่างไม่ใส่ใจ

         “ แค่ปายมาก็ดีแล้ว”

         “ พูดเหมือนผมหาตัวยากขนาดนั้น”

         รุ่นพี่ผู้หญิงปีห้าหัวเราะร่วนพาให้ทุกคนในโต๊ะหัวเราะตาม “ ก็ใครต่อใครพูดกันว่าปายหาตัวยากนิ”

         “ หาไม่ยากหรอกพี่อยู่ที่ว่าปายมันอยากจะมารึเปล่า”

         อั้มมันสัพยอกผม

         “ โอ้โห้ปกป้องคู่จิ้นตัวเองซะด้วย”

         รุ่นพี่ผู้หญิงแซวพร้อมกับยักคิ้วหลิ่วตาใส่ผมกับอั้ม ผมแค่ยิ้มอ่อนๆนึกถึงเรื่องราวของผมกับอั้มที่ถูกจับให้เป็นประเด็นด้วยกันตั้งแต่ปีหนึ่งเพราะสนิทกันมากตัวติดกันแทบจะตลอดเวลาจริงๆไม่เชิงว่าอยู่ด้วยกันสองคนหรอกมีหยกอยู่ด้วยอีกคน  แต่เพราะพอถูกแซวทีไรอั้มมันชอบออกรับแทนเลยไม่แปลกที่รุ่นพี่ในสายเขาจะจับประเด็นแซวกันขำๆแบบนี้ ยิ่งวันนี้เป็นวันรวมตัวกันของสายรหัสเขาเนื่องจากเป็นวันเกิดของรุ่นพี่ปีห้าที่เอ่ยแซวก่อนหน้านี้


         “ คู่จิ้นอะไรล่ะพี่”

         “ แหน่ะมีอาการ”

         “ โธ่พี่”

         “ หึ”

        อั้มขยับมาโอบบ่าผมไว้เป็นการแกล้งเล่นเรียกเสียงเฮจากรุ่นพี่ผู้หญิงที่พร้อมใจกันปิดปากแล้วทำเสียงเล็กเสียงน้อย ผมยิ้มขำก่อนจะโบกมือปฏิเสธเมื่อเหลือบไปเห็นเพื่อนสนิทอีกคนนั่งเงียบตั้งแต่ก้าวเข้ามาในร้าน

        “ หยก”

        “ หืม”

        ใบหน้าขาวซีดยิ้มรับ “อะไรเหรอ”

        “ เห็นบ่นอยากกินตั้งแต่กลางวันไม่ใช่เหรอ” ผมยื่นจานทอดมันให้

        “ อ๋อ”

        หยกสะดุ้งเมื่อเพิ่งนึกขึ้นได้ใบหน้าขาวดูเจื่อนลง ผมถอนหายใจก่อนจะเอื้อมมือไปแตะหลังมือมันเอาไว้

        “ หยก”

        “ กูไม่เป็นไร”

        มันพึมพำเสียงแผ่ว

        “ มีอะไรรึเปล่า”

        อั้มมันถามขึ้นเมื่อเห็นผมก้มลงไปกระซิบกระซาบกับหยกอยู่สองคน ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นขมวดมุ่นก่อนจะเหลือบมองหยกนิ่งทำให้อีกฝ่ายเบือนหน้าหนีไปทางอื่น

        ผมแกล้งถองศอกใส่ท้องอั้มแรงๆจนมันสะดุ้งแล้วเขม่งมองหน้ามันแล้วบุ้ยปากไปที่จานทอดมันตรงหน้า อั้มถอนหายใจก่อนจะคว้าของกินดังกล่าวยื่นไปตรงหน้าหยก


       “ อ่ะ”

       หยกทำหน้าอึ้ง

       “ กินสิ”

       “.......”

        “ ช่วงนี้มึงไม่ค่อยกินข้าว หาอะไรใส่ท้องบ้างเดี๋ยวจะไม่สบาย”

        จบประโยคยืดยาวของอั้ม หยกมันก็จิ้มของกินตรงหน้าเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ ใบหน้าขาวซีดดูสดใสมากขึ้น ผมมองภาพนั้นแล้วยิ้มออกมา

        อย่างน้อย

        อย่างน้อยก็อยากจะรักษาความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนของพวกเราไปให้นานที่สุด ถ้าเปรียบอั้มเป็นเพื่อนรัก หยกก็คือเพื่อนแท้ของผม ผมไม่อยากต้องเสียใครคนใดคนหนึ่งไปในวันที่ความรู้สึกของพวกเราคนใดคนหนึ่งเปลี่ยนไป

        ถึงความรู้สึกของใครบางคนอาจจะไม่เหมือนเดิมแต่ผมไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของพวกเราเปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดี


        “ นั่งเหงานานแล้วอ่ะ ไหนๆคู่จิ้นขึ้นไปร้องเพลงให้ฟังหน่อยสิ”

        “ เอาจริงเหรอพี่”

        “ เออดิ” รุ่นพี่ทำหน้าจริงจังก่อนจะพยักพเยิดมาทางพวกผม “นี่อุตส่าห์ปิดโซนฝั่งนี้เพื่ออยากได้ความเป็นส่วนตัวเลยนะเนี่ย”

        ผมมองไปรอบๆร้านอาหารกึ่งบาร์ซึ่งแบ่งเป็นโซนและแต่ละมุมความเป็นส่วนตัวซ้ำยังเวทีเล็กๆพร้อมเครื่องดนตรีไม่กี่ชิ้นสำหรับเฉลิมฉลองกันแบบไม่จริงจังนัก

        “ ผมขอตัวพี่ให้อั้มมันร้องเลย”

        “ อะไรว้า”

        “ .....” ผมส่ายหน้าไปมา สุดท้ายอั้มมันเลยขึ้นไปนั่งเกลากีตาร์เบาๆอยู่ตรงเวทีเล็กๆคนเดียว

        “ ไม่เอาเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์นะน้องอั้ม อารมณ์นี้พี่ขอหวานๆเลย”

        “ จัดไปครับพี่”



        อินโทรเสียงกีต้าร์ขึ้นเบาๆเรียกเสียงปรบมือจากคนทั้งโต๊ะ พร้อมกับเสียงโห่แซวที่พร้อมใจกันส่งมาให้ผม ผมกับหยกสบตากันอย่างประหลาดใจพอดีกับที่เนื้อเพลงถูกขับกล่อมออกมา


**อยากรู้ ใจเธอมีฉันหรือเปล่า
อยากรู้ ว่าเธอได้ยินบ้างไหม**



       “ ฮิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

       “ เฮ้ยๆ นี่พวกมึงจีบกันออกสื่อเลยเรอะ”

        ทั้งโต๊ะเป่าปากแซวอย่างขบขัน ผมนิ่งเงียบอยากจะหลับตานิ่งเพราะรู้สึกได้ถึงอาการสั่นสะท้านของเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ใกล้ๆกัน  ผมเหลือบตามองอั้มนั่งเกลากีต้าร์พร้อมกับปล่อยเสียงทุ้มนุ่มหูออกมาให้ฟัง แววตาคู่นั้นของมันจดจ้องมาที่ผมอย่างแน่นอน



**ก็เสียงใจมันบอก ว่ารักเธอมากมาย
ร่ำร้องเรียกภายในใจเท่านั้น**



         ผมเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ผมไม่อยากสบตากับมัน ผมไม่อยากเห็นว่ามีกระแสบางอย่างมันถูกถ่ายทอดออกมาจากแววตาคู่นั้น ผมรู้ดี รู้มาตลอดว่ามันคิดยังไงทั้งคำพูดและการกระทำทุกอย่างบ่งบอกมันคิดกับผมเกินเพื่อน อั้มคือเพื่อนสนิทตั้งแต่จำความได้ผมไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ความรู้สึกของมันเปลี่ยนไป

        ความรู้สึกของเรากำลังสวนทางกันในขณะที่มันรักผมเกินกว่าเพื่อน แต่ผมรักมันมากเกินกว่านั้นไม่ได้ ผมไม่มีวันรู้สึกกับมันเปลี่ยนไป

        “ กูไปเข้าห้องน้ำนะ”

        หยกมันผุดขึ้นก่อนจะรวบรัดบอกผมเสียงแหบพร่า ผมหลับตานิ่งรู้สึกได้ถึงหัวใจที่วูบโหวงก่อนจะผุดลุกขึ้นตามหยกออกไป รุ่นพี่ในโต๊ะทำหน้ามึนงงที่เห็นผมลุกพรวดพราดตามหยก วินาทีนั้นผมเหลือบตามองคนบนเวทีที่มองตามมา แววตามันดูเจ็บปวด

        กูขอโทษ...ได้แต่บอกมันในใจก่อนจะก้าวตามเพื่อนสนิทอีกคนออกไป

        ผมไม่รู้หรอกว่ามันร้องเพลงนั้นจบมั้ย

        ผมไม่รู้หรอกว่ามันรู้สึกยังไง

        ผมขอโทษเพราะรู้ว่ามันจะเสียใจกับการกระทำที่ผมลุกออกมาดื้อๆแบบนี้ แต่ผมทำไม่ได้ในเมื่อยังมีเพื่อนอีกคนกำลังร้องไห้อยู่ตอนนี้


       “ หยก”

       “ ....”

        ผมวิ่งตามไปคว้าแขนของหยกตอนที่คนตัวซีดเดินสะโหลสะเหลอยู่แถวๆข้างร้าน คนตรงหน้าผมนิ่งเงียบแต่เนื้อตัวสั่นเทาผมได้ยินเสียงสะอื้นที่เบาแสนเบาแต่ฟังแล้วโครตเจ็บปวด

      “ ไม่เป็นไร”

       “ หยก”

       “ กูไม่เป็นไร”

         ผมสวมกอดหยกเอาไว้แน่น มันหันมาซุกใบหน้ากับอกผมแล้วปล่อยน้ำตาไหลอย่างอัดอั้นตันใจ ผมได้แต่ลูบไล้แผ่นหลังมันเบาๆระหว่างเราไม่มีคำพูดใดๆ หยกมันกัดฟันแน่นสีหน้าดูเจ็บช้ำทั้งแววตาที่แดงก่ำยังดูเศร้าสร้อยเหลือเกิน

        “ ร้องออกมาเถอะ ร้องออกมาให้หมด”

        “ ฮือ”

        หยกมันปล่อยโฮอย่างสุดกลั้น

        “ ไม่เป็นไร” มันกระซิบบอกผมเสียงแผ่ว “ กูไม่เป็นไร”

        ผมกอดมันแน่นในใจมันเจ็บแปลบอย่างบอกไม่ถูก ท่าทางหยกมันอดทนอดกลั้นอย่างสุดกำลัง ผมรู้ดีว่ามันกำลังไม่ไหว ไหล่น้อยๆของมันกำลังแบกรับความเจ็บช้ำอย่างแสนสาหัส

        “ มึงเสียใจได้หยก” ผมบอกมัน “ แต่มึงหยุดรักตัวเองไม่ได้”

       มันพยักหน้าร้องไห้อยู่กับอกผม

        “ เดี๋ยวพรุ่งนี้มันจะดีขึ้น” ผมหลับตานิ่ง “ มันต้องดีขึ้น”

        มันร้องไห้กับอกผมอยู่นาน

        นานมากจนรู้สึกได้ว่าเข็มนาฬิกาขยับเวลาไปเกือบชั่วโมงแล้ว หยกค่อยๆโผล่หน้าออกจากอกผม มันเช็ดน้ำตาตัวเองก่อนจะค่อยๆส่งยิ้มให้

        “ ขอบคุณมากปาย อย่างน้อยกูก็มีมึง”

        “ อืม”

        หยกมันผุดลุกขึ้น “ วันนี้น้องชายมารับ” มันบอกผมก่อนจะพยายามทำหน้าร่าเริงทั้งที่ดูฝืนเหลือเกิน

        “ กูปล่อยมึงไปเองได้ใช่มั้ย”


        หยกพยักหน้ารับรัวๆนัยน์ตายังแดงก่ำแต่สีหน้าดูสดใสขึ้นถึงแม้แววตาจะเศร้าจับใจ ผมเดินไปส่งมันพอดีกับที่น้องชายมันมารอรับกลับ ผมมองตามรถมันไปก่อนจะเดินมาหยุดอยู่จุดเดิมที่ปลอบประโลมหยกอยู่นานสองนานก่อนหน้านี้


        “ ออกมาเถอะ”

        “......”

        “ กูรู้มึงอยู่แถวนี้”

         ผมกวาดตามองไปรอบๆก่อนจะถอนหายใจเมื่อเห็นร่างของนิสิตแพทย์ที่ใส่แว่นขยับตัวออกมาจากเงามืด

        “ อั้ม”

        “ กูขอร้อง” ผมสบตากับอั้มนิ่ง “ถ้ามึงไม่รัก...ขอร้องอย่าถึงขนาดต้องทำร้ายกัน”

        อั้มมันยืนนิ่งแต่เบือนหน้าหนีไปทางอื่น

        “ กูไม่คิดเคยคิดทำร้ายมัน”

        “ แต่สิ่งที่มึงทำอยู่คือการทำร้ายมัน”

        “ มันต้องยอมรับความจริง” อั้มพูดเสียงเรียบแววตาก็นิ่งไม่ต่างจากน้ำเสียง “ ความจริงที่กูไม่ได้รักมัน แต่กูรักมึง”
ผมหลับตานิ่งรู้สึกได้ถึงฝีเท้าของมันที่ขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

        “ ขอร้อง” ผมพึมพำ “ กูขอร้องอย่าทำร้ายมัน”

        มันเอื้อมมือมาเกลี่ยปอยผมที่หน้าผากผมเบาๆ “ กูไม่มีวันรักหยก”

        “ อั้ม”

         ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้ากับทุกอย่างที่ประดังประเดเข้ามา


        “ กูรู้สึกกับมึงไม่ต่างจากความรู้สึกที่มึงมีต่อหยกหรอก”

        มันทำหน้าอึ้ง ส่วนผมเบือนหน้าหนีก่อนจะผละออกมาแต่มันก้าวเข้ามาโอบหลังผม ผมนิ่งไปก่อนจะเอื้อมมือไปปลดข้อมือที่กุมเอวผมอยู่แล้วเดินออกมาโดยที่ไม่หันกลับดูมันด้วยซ้ำ

        ผมใจร้ายใช่มั้ย

        ผมทำลายความรู้สึกดีๆที่เพื่อนมีต่อผมลงแล้วใช่มั้ย

        น่าตลกกับความสัมพันธ์ประหลาดของพวกเรา เหมือนว่าเราอยู่ในวงกลมเดียวกันโดยที่หยกมองไปอั้ม ส่วนอั้มมองมาที่ผม แล้วผมล่ะควรจะมองไปทางไหนดี

        ผมนั่งกุมขมับแล้วหลับตานิ่งเสมือนปิดการรับรู้แต่เพียงไม่นานก็รู้สึกเหมือนใครสักคนหย่อนตัวลงนั่งใกล้ๆกัน


       “ รักสามเศร้างั้นเหรอ”

       “......”

       “ คุณนี่มันแน่จริงๆหมอปาย”

       ผมสบถเบาๆก่อนจะเปิดเปลือกตามาเห็นรอยยิ้มกวนประสาทของไอ้ตัวป่วนข้างห้อง ใบหน้าคมคายส่งยิ้มสว่างไสวมาให้ก่อนจะเลิกคิ้วมองผมเป็นเชิงถาม

        “ ไปไกลๆตีนกู” ผมโบกมือไล่มัน

        มันทำหน้ายิ้มๆก่อนจะก้มมองปลายเท้าผมแล้วขยับหนีไปประมาณสองก้าวได้ นี่คือกวนตีนใช่มั้ย

        ผมกำหมัดแน่นอารมณ์ที่ไม่คงที่อยู่แล้วทำให้ขึ้นง่ายกว่าทุกครั้ง อาจจะเพราะขาดสติถึงได้ผุดลุกขึ้นเตรียมยกเท้าถีบอีกฝ่ายเสียแต่ว่ามันก็ไวเหลือเกินถึงได้ผุดลุกหนีพร้อมกับปล่อยเสียงหัวเราะร่วน  รอยยิ้มของมันทำให้ผมโกรธควันออกหูเตรียมวิ่งไปจัดการไอ้ตัวป่วนนี่ซะหน่อย


       “ เฮ้ย”

       “.....”

       “ ระวัง”

       “ โอ้ย”


        เพราะยืนชิดริมฟุตบาธริมถนนพอมันถอยหลังหนีขาข้างหนึ่งจึงก้าวพลาดลงถนนอย่างไม่ได้ตั้งใจ เป็นจังหวะที่รถเตอร์ไซค์คันหนึ่งขับมาอย่างรวดเร็วเฉี่ยวมันจนล้มลงไปกองกับพื้น ก่อนที่มอเตอร์ไซค์คนนั้นจะบิดหนีหายไปในความมืด

        ผมตะลึงตอนที่มันล้มลงไปแขนข้างหนึ่งได้เลือดทันที ภาพเลือดตรงหน้าซ้อนทับกับภาพเหตุการณ์อุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน หัวใจผมสั่นระรัวด้วยความรู้สึกที่ห่างหายไปนาน

       ผมกำลังหวาดกลัว

       กลัวว่ามันจะเกิดเหตุการณ์เหมือนวันนั้น

       “ มึง”

       “ หมอปาย” มันทำหน้าเหย “ ช่วยพยุงผมที”

        ผมตั้งสติได้ตอนที่เสียงมันร้องขอความช่วยเหลือ พอพามันขึ้นมาจากถนนได้ถึงได้มีโอกาสสำรวจเนื้อตัวมันอย่างละเอียด

       “ มึง”

       “ สงสัยเป็นคราวซวยชนแล้วหนีซะด้วย” มันบ่นน้ำเสียงไม่จริงจังนักทั้งๆที่เลือดอาบแขนจนหยดลงพื้น ผมยืนนิ่งเนื้อตัวแข็งทื่อ เปล่าเลยผมไม่ได้กลัวเลือด แต่มันเป็นความกลัวที่ว่าใครสักคนจะหายไป

       “ ผมไม่เป็นไรหมอปาย”

       “ เลือดมึงออก”

       “ ไม่เป็นไร ผมไม่เป็นไรหมอปาย” มือข้างที่ไม่เจ็บของมันสอดเข้ามากุมมือผมไว้แล้วบีบเบาๆ ความรู้สึกอบอุ่นค่อยๆแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย

        ผมถอนหายใจก่อนจะช่วยประคองมันไปที่รถก่อนจะคว้าเอาเสื้อยืดหลังรถมาซับเลือดแล้วพันประคองไว้เป็นการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ดีว่าแถวนี้อยู่ใกล้โรงพยาบาลแถวมหาวิทยาลัย

        ค่ำคืนนี้เป็นครั้งแรกที่ผมขับรถมือเดียว เพราะอีกมือหนึ่งกุมมือข้างที่ไม่เจ็บของมันไว้

        มือเรากุมกันอยู่นั้น

        น่าแปลกมั้ยที่ผมลืมความรู้สึกอึดอัดก่อนหน้านี้ไปหมดแล้ว แต่มันกลับแทนที่ด้วยความรู้สึกประหลาดอะไรบางอย่าง ทั้งๆที่เหงื่อจากฝ่ามือของผมซึมออกมาแต่มันกลับกุมมือผมเอาไว้แน่นกว่าเดิม









มาแล้วๆ หานหัวไปนานเช่นเคย แหะๆ
ขอบคุณทุกเสียงที่ตามไปทวงนิยายนะฮะ เสียงของคุณดังถึงเราแล้ว หุหุ :laugh:
ตอนนี้ทีมใครไม่รู้ทีมใครละเนอะ ลุ้นกันยาวๆ หุหุ 
**เครดิตเพลงคนไม่มีสิทธิ์ ของคุณฮิวโก้ นะจ๊ะ**
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-05-2016 21:15:56 โดย [Karnsaii] »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
คิดถึงหมอปายมากเลยค่ะ :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ fahsida

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
ไม่รู้เรารู้สึกไปเองมั้ย คือหมอปายเองก็พยายามรักษาความรู้สึกเพืื่อนทั้งสองฝ่าย

แต่อั้มก็พยายามทำให้ความรู้สึกตัวเองชัดเจน แบบไม่สนใจความรู้สึกใครอีก

หยกก็พยายามบอกตัวเองว่าไม่เป็นไรไปพร้อมกับพยายามสื่อความรู้สึกตัวเองถึงอั้ม

แต่สุดท้ายคำพูดการกระทำของอั้มมันใจร้ายกับหยกมาก มากจนเราคิดว่าที่ปายทำมันยังไม่ใจร้ายเท่าเลย

แต่ทำสำคัญและฟินกว่าคือ ยิมๆ ได้จับมือกับปายด้วย แถมดูเหมือนจะมีความสำคัญกับปายอีก เฮ้อออ ฟินนนน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด