คิดถึงครั้งที่ 21
‘วันนี้มีพรีเซ็นต์งานไปก่อนนะ ซื้อข้าวต้มมาให้แล้วอยู่ในตู้เย็น’
โพสอิทแผ่นเล็กถูกแปะไว้บนหมอนแทนที่สิงห์ นายน์หยิบขึ้นมาอ่าน ลุกไปเอาข้าวต้มใส่ไมโครเวฟแล้วไปอาบน้ำ
นายน์อาบน้ำเสร็จก็กินข้าวต้มพลางอ่านหนังสือไปด้วย วันนี้นายน์ไม่มีเรียน อาจารย์สอนจบหมดแล้วจึงเหลือคาบว่างหนึ่งคาบ ผิดกับคณะของสิงห์ที่พรีเซ็นต์เสร็จอาจารย์ก็ขอเวลาสอนต่อในส่วนที่ยังไม่จบ
นายน์ใช้เวลาทั้งวันไปกับการอ่านหนังสือซ้ำไปซ้ำมา เขาอ่านแล้วก็สรุปเนื้อหา อ่านอีกรอบแล้วสรุป จากนั้นก็อ่านที่สรุปที่ทำแล้วก็ย่อสรุปอีกครั้ง มันอาจจะเป็นวิธีที่ยุ่งยากสำหรับใครหลายๆคนแต่มันเป็นวิธีที่ดีที่สุดของนายน์ก็ว่าได้ เพราะมิดเทอมที่ว่ายาก ยังไม่ได้ครึ่งของไฟนอลที่เขาจะต้องเจอ
4 โมงแล้ว เป็นเวลาปกติที่สิงห์เลิกเรียน
5 โมง เลยเวลาเรียนมาแล้ว แต่นายน์ยังไม่ได้รับการติดต่อจากสิงห์เลย
5 โมงสี่สิบ นายน์คิดว่าอาจารย์ของสิงห์คงจะกำลังเร่งส่วนที่สอนไม่จบอยู่
6 โมงกว่า บางทีอาจารย์เขาอาจจะติวเพิ่มให้ด้วยก็ได้
1 ทุ่มตรง... นายน์ตัดสินใจโทรหาสิงห์
(“ฮัลโหล ว่าไง”) รอสายไม่นานสิงห์ก็รับโทรศัพท์
“ยังเรียนไม่เสร็จอีกหรอ”
(“เสร็จเมื่อกี้เอง ออกจากห้องนายน์ก็โทรมาพอดีเลย มีอะไรหรอ”)
“กินอะไรยัง”
(“ยังๆ นี่ว่าจะไปกินร้านหลังมอ.กับเพื่อนอ่ะ นายน์อ่ะ กินอะไรยัง”)
“ยัง” นายน์รอกินพร้อมกันกับสิงหา
(“เฮ้ย! ทำไมยังไม่กินล่ะ หิวไหม ลงไปหาอะไรกินนะ เดี๋ยวสิงห์รีบกลับ”)
“อืม ไม่ต้องรีบหรอก เดี๋ยวลงไปหาอะไรกินข้างล่าง ไปกินข้าวกับเพื่อนเถอะ”
(“สิงห์จะรีบกลับนะ บาย”) สิงห์พูดแล้ววางสายไป นายน์ลงไปกินข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งใกล้ๆคอนโด ก่อนกลับก็แวะซื้อขนมขึ้นไปนิดหน่อยเผื่อเอาไว้กินตอนอ่านหนังสือตอนกลางคืน
นายน์เดินออกจากลิฟต์เมื่อมาถึงชั้นที่สิงหาอยู่ เขาถือถุงขนมด้วยมือเดียวแล้วล้วงหาคีย์การ์ดในกระเป๋ากางเกง
แกร๊ก!
ประตูเปิดออกโดยทีนายน์ยังไม่ได้ไปยุ่งกับมัน
“ไปไหนมาเนี่ย” เจ้าของห้องที่เป็นคนเปิดประตูถาม
“ไปกินข้าว สิงห์จะไปไหนหรอ”
“ว่าจะไปตามหาอยู่ กลับมาตั้งนานแล้วนะเนี่ย” สิงห์บ่น
“ทำไมกลับเร็วจัง” นายน์ถาม เขาคิดว่าตัวเองก็ไม่ได้กินข้าวช้านะ
“เพื่อนมันสั่งข้าวไว้ตั้งแต่อยู่ในห้องแล้ว ไปถึงก็ได้กินเลย อาจารย์เลี้ยงด้วย” นายน์มองคนขี้อวดอย่างขำๆแล้วเอาขนมไปเก็บไว้ในครัว
“ตั้งแต่พรุ่งนี้สิงห์ก็หยุดแล้ว ไปเที่ยวกัน เดี๋ยวค่อยกลับมาอ่านนะ” สิงห์ท้าวคางกับเคาท์เตอร์ครัวมองแฟนตัวเองจัดขนมในตู้เย็น
“เขาหยุดให้อ่านหนังสือ ไม่ได้ให้เที่ยวนะ” นายน์พูดเสียงเข้ม
“ก็ขี้เกียจนี่...” สิงห์ยู่ปาก
“อ่านหนังสือ!”
“ไปเดินห้างก็ได้ วันเดียว” สิงหายังไม่ยอมแพ้
“ถ้าจะไปแค่ห้างไปหลังสอบเสร็จก็ได้” ณภัทรก็เช่นกัน
“คลายเครียดไง แล้วค่อยอ่าน”
“ไปหลังสอบดีกว่า”
“.....”
“.....”
“นะ”
“ไม่!”
“.....”
“.....”
“ไม่ไปก็ได้ อ่านหนังสือก็ได้! ไปอาบน้ำนะ” สิงหาหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำ
ปัง!
แถมท้ายด้วยการปิดประตูเสียงดัง...
นายน์ถอนหายใจ สิงห์กำลังงอนเขาอีกแล้ว แต่ทะเลาะกันเรื่องแบบนี้เขาควรจะง้อจริงๆหรอ?
“ดึกแล้วไปอาบน้ำแล้วไปนอน” สิงห์ออกจากห้องน้ำด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่พันท่อนล่างไว้ คว้ารีโมททีวีไปกดปิดแล้วไล่นายน์ไปอาบน้ำ
นายน์รู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยที่โดนขัดตอนกำลังดูหนังเรื่องโปรดถึงแม้เขาจะเคยดูเรื่องนี้จบไปแล้วหลายรอบก็ตาม นายน์มองหน้าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนนิ่ง จ้องตาทำสงครามประสาทกันสักพักนายน์ก็ยอมแพ้แล้วเป็นฝ่ายเดินปึงปังเข้าห้องน้ำไปแทน
เขาไปทำอะไรให้? อยู่ดีๆก็มาปิดทีวีตอนคนอื่นเขากำลังดูอยู่
เขาไม่ผิดสักหน่อยที่ไม่ยอมไปเที่ยวด้วยพรุ่งนี้ ฝ่ายนั้นงอแงไม่เข้าท่าเองไม่ใช่รึไง?
นายน์เดินออกมาแต่งตัวข้างนอก สิงห์นอนหลับไปแล้ว... นอนหันออกนอกเตียงหรือก็คือหันหลังให้นายน์ด้วย นายน์ย่องเข้าไปข้างเตียง มือหยิบหมอนของตัวเองกะว่าจะออกไปนอนที่โซฟา
หมับ!
“จะไปไหน” สิงห์ที่คว้าแขนเล็กไว้ได้ทันถามเสียงห้วน
“ไปนอนข้างนอก” นายน์ก็ตอบกลับเสียงแข็ง
“นอนในนี้เนี่ยแหละ กว่าจะปรับโซฟาได้เสียงมันดัง”
“เสียงดังแค่แป๊บเดียวเอง ไม่ได้ดังมากด้วย ปล่อยได้แล้ว” นายน์พยายามบิดแขนตัวเองให้หลุดจากมือสิงหา
“งั้นสิงห์ออกไปเอง นายน์นอนในนี้ไป” สิงห์ยอมปล่อยมือแต่เป็นฝ่ายถือหมอนออกไปเอง
“เข้าไปนอนข้างใน” นายน์วิ่งตามออกมาเรียกเจ้าของห้องให้เข้าไป
“นายน์นั่นแหละไปนอน นอนโซฟามันไม่สบายหรอก”
“ไม่สบายแล้วนอนทำไม ลุก!” นายน์ดึงแขนคนที่นอนก้มหน้าให้ลุกขึ้น
“ถ้าสิงห์ลุกนายน์ก็จะมานอนแทน งั้นสิงห์นอนเอง” สิงห์ดึงแขนกลับ นายน์จึงยืนมองสักพักแล้วเดินเข้าห้องไป
“ทำอะไร” สิงห์ถามเมื่อเขาโยนหมอนไปตรงที่ว่างข้างๆ
“นอนด้วย” นายน์ตอบสั้นๆ
“เข้าไปนอนข้างใน” สิงห์จ้องหน้าเขา
“เข้าไปด้วยกัน” เขาเองก็จ้องกลับไป
“.....”
“.....”
“พอแล้ว สิงห์เรียนมาทั้งวันก็เหนื่อยพอแล้ว จะนอนก็ตามใจ” สิงห์ถอนหายใจแล้วหลับตา นายน์ขยับตัวนิดหน่อยแล้วก็หลับตาม
เช้าถัดมานายน์ตื่นก่อน เขาบิดตัวไล่ความเมื่อยเพราะนอนท่าเดียวทั้งคืน
แน่ล่ะ โซฟาตัวเล็กแค่นั้นแค่ขยับก็เกือบจะตกอยู่แล้ว...
นายน์เดินเข้าห้องไปอาบน้ำแล้วลงไปซื้อข้าวเช้า ขึ้นมาก็ไม่เจอคนที่นอนอยู่ตรงโซฟาแล้วคิดว่าน่าจะกำลังอาบน้ำอยู่
“ไปไหนมา” สิงห์ที่อาบน้ำเสร็จแล้วเดินออกมาถาม นายน์ไม่ได้ตอบอะไรแค่ชูถุงโจ๊กกับน้ำเต้าหู้ให้ดู
“กินดิ” นายน์เลื่อนชามโจ๊กให้
“......” สิงห์รับไปกินเงียบๆ
“.....” นายน์ก็นั่งลงฝั่งตรงข้าม เหล่มองคนพูดน้อยผิดวิสัยเป็นระยะ กินเสร็จสิงห์ก็เสนอตัวเป็นคนล้างจาน เพราะวันนี้นายน์เป็นคนออกไปซื้อข้าวเช้า
“เมื่อยไหม” นายน์ถาม
“ถามตัวเองก่อนไหม” สิงห์ย้อน
“แล้วเมื่อยป่ะล่ะ”
“อือ”
“ถ้างอนเรื่องที่ไม่ยอมไปเที่ยวด้วย ไม่ง้อนะ” นายน์บอกเสียงเรียบ เรื่องนี้ยังไงเขาก็ไม่ผิดสักหน่อย
“ไม่ได้งอน” คนไม่ได้งอนพูดเสียงห้วน
“แล้วเป็นอะไร”
“เปล่านี่ ไปอ่านหนังสือเถอะ เมื่อวานอาจารย์สอนอัดไปเลยเหนื่อยมั้ง” สิงห์หยิบชีทมานั่งอ่านที่โซฟา
“อ้ากกกกกกกก ขี้เกียจจจจจจจ” สิงห์ปาชีทไปทางทีวีแล้วเอามือขยี้หัวตัวเอง เดินไปค้นตู้เย็นหาของกิน
“อ่านจบแล้วหรอ” แล้วเดินกลับมาพร้อมขนมเต็มมือ
“อือ” นายน์ตอบเบาๆ พิงหัวกับโซฟาตัวยาว แล้วหลับตาเพื่อพักสายตา
“ว่างยัง” สิงห์ถามพลางเปิดขวดน้ำอัดลมในมือ
“ก็ว่างมั้ง” นายน์ยืดแขนบิดขี้เกียจ เขาอ่านจบทุกวิชาไปสองรอบแล้ว
“อ่านให้สิงห์ฟังหน่อยดิ” สิงห์บอกแล้วยื่นหนังสือเศรษฐศาสตร์เล่มหนามาให้
“อะไรนะ?!” นายน์ถามอย่างไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน แบบนี้คือหายงอนแล้วใช่ไหม?
“อ่านให้ฟังหน่อย เหมือนตอนที่จะสอบตอนนั้นไง” นายน์ขมวดคิ้ว นึกย้อนอดีตว่าเขาเคยไปทำอะไรแบบนั้นเมื่อไหร่
“สอบกันคนละวิชาเลยนะ” ถ้านายน์อ่านแล้วจำของสิงห์สลับกับของตัวเองจะทำยังไงล่ะ
“ไม่เป็นไรหรอก แค่รอบเดียวก็พอ นะๆ” สิงห์ยังไม่ยอมแพ้
“เล่มเดียวใช่ไหม” นายน์ถามแล้วมองไปที่กองชีทหนาเกือบเท่าหนังสือของอีกฝ่าย
“ชีทด้วยไม่ได้หรอ” สิงหาต่อรอง
“ไม่เอา!”
“แค่หนังสือก็หนังสือ ตั้งแต่หน้า 137 เอาเฉพาะที่ไฮไลท์แล้วก็เขียนเพิ่มนะ” สิงห์พูด มือเอื้อมไปหยิบหมอนบนโซฟามาวางบนตักนายน์แล้วทิ้งตัวลงนอน
“ไหนบอกให้อ่าน นอนทำไมเนี่ย” นายน์โวยวาย
“พักสายตา ไม่หลับหรอก อ่านได้แล้ว” คนตัวโตหลับตาเอามือก่ายหน้าผากรอฟัง นายน์ถอนหายใจแล้วเริ่มอ่าน
“จากทฤษฎีเศรษฐศาสตร์จุลภาคของ............” นายน์อ่านข้อความในที่สิงห์ไฮไลท์ไว้ เรียกคนที่นอนเป็นพักๆเพื่อยืนยันว่ายังไม่หลับ บางครั้งก็ส่งให้อ่านเองเพราะเขาอ่านลายมือรีบๆเจ้าของหนังสือไม่ออก เขาอ่านไปใจก็คิดถึงไปตอนมัธยมที่สิงห์ไม่ได้อ่านหนังสือมาก่อนสอบแถมยังมาสาย นายน์เลยต้องมาอ่านให้ฟังตอนอีกฝ่ายกินข้าวเช้า
เรื่องที่น่าแปลกคือสอบคราวนั้นสิงห์ได้เต็ม...
“จบแล้ว” นายน์ปิดหนังสือเล่มหนา ก้มมองคนที่ตัก “หลับป่ะเนี่ย”
“ไม่ได้หลับ” สิงห์ตอบกลับมา
“ลุกได้แล้ว มันหนัก” นายน์พูดพลางตีหมอนไปสองที
“ง่วง ขอนอนก่อน” สิงห์พลิกตัวนอนตะแคงหันหน้ามาทางนายน์ แต่คนง่วงกลับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นแทน
“ไหนบอกง่วง?”
“เบื่อเฉยๆก็...” สิงห์พูดแล้วเงียบไป
“เป็นอะไร”
“เปล่าๆ เบื่อไงเลยเล่นโทรศัพท์”
“อย่าอู้ เดี๋ยวอ่านไม่ทัน”
“ไม่เป็นไรหรอก เหลือเวลาอีกตั้งหลายวัน นี่ๆดูดิไอ้ไม้มันยังไปกินข้าวกับแฟนอยู่เลย” สิงห์ยื่นโทรศัพท์มาให้ดู
แต่นายน์กลับสนใจข้อความแชทที่เด้งเข้ามามากกว่า
APPLE Pie ‘พี่สิงห์เปิ้ลขอโทษ ตอบเปิ้ลหน่อยนะ’
“มีคนทักมาอ่ะ” นายน์ส่งโทรศัพท์คืน สิงห์รับไปมองแล้วปิดโทรศัพท์
“ไม่ตอบหรอ” นายน์มั่นใจว่าคนที่ทักมาน่าจะเป็นน้องเปิ้ล
“ขี้เกียจ” สิงห์ตอบแล้วขยับตัวนอนคว่ำแทน
“ยังโกรธน้องเขาอยู่หรอ”
“เปล่า” เสียงแข็งขนาดนี้คือไม่โกรธแล้วจริงหรอ
“น้องเขาก็รู้ตัวแล้วว่าทำผิด รับคำขอโทษเขาหน่อยเถอะ”
“นี่! น้องเขาทำตั้งขนาดนั้นนายน์ยังจะเข้าข้างเขาอีกหรอ” สิงห์ลุกขึ้นมานั่ง ตาคมจ้องเขานิ่ง
“น้องเขาก็จะซิ่วแล้วนี่ เสียเวลาชีวิตไปตั้งสองปี แค่นั้นก็พอแล้วป่ะ”
“มันไม่เหมือนกันอ่ะ น้องเขาตบหน้านายน์ด้วยนะเว้ย เขาขู่นายน์นะ!” สิงห์ตะคอก
“สิงห์... แค่ความเจ็บกับความกลัวแป๊บเดียวมันก็หายไปแล้ว แต่น้องเขาจะจบช้ากว่าเพื่อนไปสองปี เขาต้องเริ่มต้นใหม่นะ มันมากเกินไปด้วยซ้ำ” นายน์พยายามอธิบาย
“อันนั้นมันเป็นเพราะพ่อน้องเขาสั่ง นายน์ลองคิดดูสิถ้าน้องเขายังเรียนที่นี่ต่อ น้องเขาไม่ได้รับผลที่เกิดจากการที่ทำอย่างนี้เลยนะ”
“แต่นายน์ไม่ได้โกรธน้องเขาแล้ว สิงห์ก็อย่าไปโกรธน้องเขาดิ”
“ไม่ให้สิงห์โกรธได้ไง น้องเขาส่งจดหมายมาตั้งกี่ครั้ง แล้วโมเดลที่นายน์ทำทั้งวันทั้งคืนนั่นอีกอ่ะ!”
“ใจเย็นสิ เขาส่งมาให้นายน์ นายน์ไม่ได้โกรธ สิงห์มีสิทธิ์อะไรไปโกรธน้องเขาล่ะ”
“นายน์เก็บข้อความในจดหมายไปคิดมากจนสุดท้ายก็บอกเลิกสิงห์ไม่ใช่หรือไง มันจะไม่เกี่ยวกับสิงห์ได้ไงล่ะ ถ้าน้องเขาเป็นผู้ชายสิงห์กระทืบไปแล้ว”
“จะตะคอกทำไม? แล้วที่บอกเลิกตอนนั้นก็ไม่ใช่เพราะแค่เรื่องจดหมายด้วย สิงห์ก็รู้นิสัยพวกเรามันเป็นอย่างนี้อ่ะ ไปกันได้ที่ไหนล่ะ!”
“ก็นายน์เป็นอย่างนี้อ่ะ พูดแค่นิดเดียวใครจะไปรู้ล่ะ มีอะไรก็ไม่เล่า พอนายน์พูดเยอะทีไรก็เพราะทะเลาะกันทุกทีอ่ะ ลองมาเป็นฝ่ายชวนคุยอย่างเดียวดูบ้างไหมล่ะ!!”
“......”
“......”
“...ขอ...”
Rrrr… Rrrr…เสียงโทรศัพท์ของสิงหาดังจังหวะเดียวกับที่นายน์กำลังจะพูด
“ฮัลโหลว่าไงแอม มีอะไรหรอ... ได้ดิ ว่างๆ เดี๋ยวไปนะ.... อือๆ... แล้วเจอกัน” สิงห์กดวางสายแล้วเก็บชีทของตัวเอง
“สิงห์จะไปติวกับเพื่อน น่าจะค้างหอไอ้ไม้” สิงห์พูดโดยไม่มองหน้านายน์ ยัดชีทใส่กระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องไป
...ทีตอนจะพูดทำไมถึงไม่อยู่ฟังล่ะ
“แล้วมึงก็ปล่อยให้สิงห์ไป?” ไนซ์ซี่เลิกคิ้วถาม หลังจากที่สิงห์ออกไปสักพักไนซ์ซี่ก็โทรมาตามให้นายน์ไปติวด้วยกัน อ่านกันตั้งแต่บ่ายจนเริ่มมืดไนซ์ซี่ก็ชวนคุยนอกเรื่อง นายน์เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันวกมาเข้าเรื่องเขากับสิงห์ได้ยังไง
“อือ” เขาพยักหน้า
“จริงๆกูก็รู้สึกอ่ะนะว่ามึงกลับพูดน้อยเป็นแบบเดิม แต่เห็นมึงวุ่นๆกับโมเดลกูเลยปล่อยไป” แจมบอก
“กูว่าคราวนี้มึงผิดนะเว้ย ตามใจสิงห์เขาหน่อยก็ได้ ส่วนเรื่องน้องเปิ้ลกูโนคอมเม้นท์ค่ะ ความคิดใครความคิดมัน” ไนซ์ซี่
“ก็ไม่ใช่ว่าไม่โกรธ แต่น้องเขาต้องเริ่มต้นชีวิตมหาลัยใหม่เลยนะเว้ย แค่นั้นมันก็พอแล้วป่ะ เรื่องไปเที่ยวนั่นอีก จะสอบอยู่แล้วนะ ห้างมันจะไปตอนไหนก็ได้” นายน์อธิบาย
“แล้วตอนที่มึงคุยกับสิงห์ มึงอธิบายอย่างนี้ป่ะล่ะ” นนท์ถาม
“.....” ณภัทรก้มหน้าหลบสายตาเพื่อน
“ไม่ได้พูดใช่ไหม”
“...ก็สิงห์ไม่ยอมฟัง”
“มึงไม่พูดเองมากกว่า กูเชื่อว่าถ้ามึงพูดสิงห์เขาก็ยอมฟังเสมอแหละ หลงซะขนาดนั้น แต่เป็นกูกูก็เหนื่อย เป็นฝ่ายชวนคุยตลอดแบบนั้น” แจมพูด
“นิสัยคนเรามันเปลี่ยนกันยาก แต่ก็ใช่ว่าจะเปลี่ยนไม่ได้... ลองชั่งน้ำหนักดูละกันว่ามึงจะยอมเปลี่ยนตัวเองหรือจะเลิกกับสิงห์อีกครั้งอ่ะ... มึงลองถามใจตัวเองดูว่ามึงเปิดใจให้สิงห์หรือยัง” นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่รู้จักไนซ์ซี่มาก็ว่าได้ นายน์เพิ่งเคยได้ยินเพื่อนชายใจหญิงคนนี้พูดมีสาระกับเขาสักครั้ง
คำพูดของไนซ์ซี่ทำให้นายน์ได้คิด... เขายังจำได้ดีว่าตอนนั้นที่สิงห์ขอกลับมาคุยด้วยเขาดีใจมากขนาดไหน
...ทั้งๆที่ตอนนั้นตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนให้ดีขึ้นแท้ๆ สุดท้ายนายน์ก็ทำไม่ได้
เขาไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเลย และในที่สุดมันก็คงจบลงเหมือนเดิม... เลิกกันเหมือนเดิม
“ทะเลาะกันช่วงสอบแม่งโคตรเหี้ยอ่ะมึง ถ้าไม่รีบเคลียร์ให้จบก็ปล่อยไว้แล้วเคลียร์หลังสอบทีเดียว แต่กูแนะนำให้เคลียร์ก่อนนะเว้ย เดี๋ยวไม่มีสมาธิสอบจะแย่เอาทั้งคู่” แจมแนะนำ
ตืดดดดด... ตืดดดดด...“แม่มึง! อีดอก กูตกใจเสียงเตือน” ไนซ์ซี่เอามือทาบอก สบถเสียงดังเมื่อโทรศัพท์ของแจมเตือนว่าหมดเวลาที่พวกเขากำหนดไว้พัก
“มึงรักสิงห์ได้ไม่ถึงครึ่งที่สิงห์รักมึงหรอกนายน์ กูรู้แค่นี้แหละ” นนท์ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วเริ่มพูดเรื่องเนื้อหาที่จะสอบต่อ นายน์ก็ตั้งใจฟังที่เพื่อนติวให้ จดตามบางจุดที่เขาไม่รู้ แต่เนื้อหาที่อ่านทั้งหมดมันกลับไม่เข้าหัวเขาเลยสักนิด... ไม่แม้แต่นิดเดียว...
นายน์กลับมาที่คอนโดสิงห์ตอนสามทุ่มกว่าๆ เขามองหารอบห้องก็ยังไม่เจอสิงห์แม้แต่เงา
จริงสิ... สิงห์บอกว่าจะค้างหอไม้นี่
ค่อยคุยวันพรุ่งนี้ก็คงไม่สายหรอก...
คุยวันพรุ่งนี้ก็ได้ แต่นายน์นอนไม่หลับ!!
นายน์พยายามข่มตาให้หลับตั้งแต่กลับมาจนเวลาตอนนี้ล่วงเลยมาจนเกือบวันใหม่ เขาไม่หลับแม้แต่งีบเดียว
นายน์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายถึงสิงหา รอจนเวลาผ่านไปสักพักก็ยังไม่มีใครรับ ป่านนี้สิงห์คงจะหลับไปแล้วแน่ๆ เขาจะโทรไปทำไมกัน...
(“....”) นายน์เบิกตากว้างมองหน้าจอโทรศัพท์อย่างตกใจ! สิงห์รับสายแล้วแต่ไม่พูดอะไรออกมา
“...สิงห์...” นายน์ส่งเสียงเรียก
(“.....”) ปลายสายยังคงมีแต่ความเงียบ ไม่ใช่ว่าสิงห์จะมาละเมอรับสายเขาหรอกนะ?
“ได้ยินไหม... ฮัลโหล...”
(“.....”) ภายในใจของนายน์เริ่มเอนเอียงไปมากกว่าครึ่งแล้วว่าสิงห์ละเมอรับสาย
“...สิงห์ ขอโทษนะ”
(“ไอ้เชี่ยไม้ โทรศัพท์กู // สัด เตะกูทำไมเนี่ย // เอาคืนมา //หยุดนะเว้ย!”) เสียงดังโครมครามดังมาจากอีกฝั่งของสาย นายน์เลือกที่จะถือสายฟังเงียบๆ
(“....”) จนเสียงจากปลายสายเงียบลง
“สิงห์... ใช่ไหม” นายน์ถามหยั่งเชิง
(“อือ”) ปลายสายส่งเสียงตอบในลำคอ
“ยัง...ไม่นอนหรอ”
(“อืม”) นายน์เริ่มเข้าใจแล้วว่าคุยกับคนที่ถามคำตอบคำมันเหนื่อยขนาดไหน
“...ยังติวไม่เสร็จหรอ”
(“เสร็จแล้ว ทำไมยังไม่นอน โทรมาทำไม”)
“ขอโทษ...”
(“....”)
“สิงห์...”
(“เหมือนกัน ขอโทษเหมือนกันที่งี่เง่า”)
“ขอโทษที่ทำให้เหนื่อยใจนะ ...โกรธมากไหม”
(“แค่โทรมาก็หายแล้ว ตอนนั้นสิงห์อารมณ์ร้อนไปเอง พอไปคิดดีๆเรื่องน้องเปิ้ลนายน์ก็พูดถูกแหละ น้องเขาเองก็ต้องไปเริ่มใหม่ แค่นั้นก็พอแล้ว...”) สิงห์เงียบไปสักพักแล้วพูดต่อ (“สิงห์รักนายน์นะ อาจจะงี่เง่าไปบ้าง แต่จะพยายามทำตัวให้ดีขึ้น สัญญาเลย”)
นายน์ยิ้ม คิดถูกจริงๆที่โทรไป เขารวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีเพื่อจะพูดประโยคต่อไปนี้ ประโยคที่เคยได้รับแต่ไม่เคยได้พูดออกไป “...ร...เหมือนกัน”
(“ฮะ?! อะไรนะ?”) เสียงที่ออกไปมันช่างแผ่วเบาจนสิงห์ถามซ้ำ
คิดว่าเขาต้องใช้ความกล้าแค่ไหนกว่าจะพูดมันออกมาได้กัน? ยังจะให้พูดซ้ำอีกหรอ?
นายน์ใช้ความกล้าไปทั้งหมดแล้ว... ถ้าจะให้พูดอีกรอบ...
“รักเหมือนกันไง”คงต้องขอยืมความกล้าจากอนาคตแล้วล่ะ -\\\\-
(“......”) ปลายสายเงียบไป นายน์มองหน้าจอโทรศัพท์ คงไม่ใช่ว่าสายตัดไปแล้วอะไรหรอกใช่ไหม
“สิงห์...” นายน์ส่งเสียงเรียก
(“รู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกมา”) สิงห์ถาม
“อะ...อืม” นายน์ก้มหน้า สองเท้าเดินออกไปรับลมที่ระเบียง
(“รู้ไหมว่าสิงห์รอคำนี้มานานแค่ไหน รู้ไหมว่าตอนนี้สิงห์ยิ้มกว้างขนาดไหน”)“...ใครมันจะไปรู้เล่า ไม่ได้เห็นหน้าสักหน่อย”
(“งั้นนายน์รู้ไหมว่าตอนนี้สิงห์อยากจูบนายน์มากแค่ไหน... อยากกอด... อยากหอม... แล้วก็อยากทำนั่นด้วย”)ลมที่พัดมาไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเย็นเลยสักนิด กลับเป็นใบหน้าต่างห่างที่ร้อนมากจนน่ากลัว
“ฮัลโหล อะไรนะ ได้ยินไม่ชัดเลย” นายน์แกล้งตีมึนไม่ได้ยิน
(“สิงห์รักนายน์นะ รักมากๆด้วย”) สิงหาตะโกนใส่โทรศัพท์
“จะตะโกนทำไม เดี๋ยวข้างห้องเดินมาด่าหรอก!”นายน์ว่าแต่ปากยกยิ้ม
(“ไม่รู้ ฮ่าๆๆๆๆ มีความสุขอ่ะ มีความสุขมากมากกกกกก ฮ่าๆๆๆ”)
“ไปนอนได้แล้ว” นายน์ตัดบทก่อนที่สิงห์จะหัวเราะจนบ้าไปซะก่อน
(“ครับๆ ฝันดีนะ”)
“อือ ฝันดี”
สายตัดไปแล้วแต่นายน์ยังคงมองโทรศัพท์แล้วยิ้ม เหมือนกับอีกคนหนึ่งที่ยิ้มกว้างจนเหมือนคนบ้า...
******************************************
ฮัลโหลลลล ลืมกันไปรึยังคะ? ฮ่าๆๆๆ
สารภาพเลยว่าอู้ไปดูซีรี่ย์จบไปสองเรื่อง ถถถถ จะกลายเป็นนิยายรายสัปดาห์แล้วล่ะมั้ง
เราลบแก้หลายรอบมาก อ่านแล้วแปลกๆไหม? พยายามทำให้มันดูสมจริงมากที่สุดแล้วแต่ก็กลัวคนอ่านจะคิดว่าเขาคืนดีกันง่ายไป น้อมรับทุกคำติชมนะคะ
ปล.คู่หลักใกล้จบแล้วอีก 2-3ตอน (ยังแต่งไม่จบ ถ้ายืดได้ยาวก็น่าจะ 3 ตอน)
-รักคนอ่าน-