คิดถึงครั้งที่ 22
การสอบผ่านพ้นไปได้ด้วยดีทั้งสิงห์แล้วก็นายน์ พวกเขาใช้เวลาหนึ่งวันหลังสอบไปกับการนอนกลิ้งอยู่บ้านเพื่อพักฟื้นพลังชีวิต เช้าวันที่สองถึงได้คุยตกลงกิจกรรมกันเป็นเรื่องเป็นราว...
“ไปทะเล!” สิงหาเสนอ
“ร้อนขนาดนี้ ไปน้ำตกดีกว่า” นายน์เถียง
“ร้อนก็ต้องทะเลสิ”
“คนอื่นก็คิดอย่างนั้น ไปตอนนี้คนก็เยอะ น้ำตกดีกว่า”
“น้ำตกก็มีคนเหมือนกันนั่นแหละ ไปสวนน้ำเลยไหมล่ะ”
“สวนน้ำมีแต่เด็ก คนเยอะกว่าแน่ๆ”
“ทะเลก็ดีที่สุดแล้ว!”
“ร้อนอย่างนี้นอนอยู่บ้านดีกว่า!”
“วางแผนไปเที่ยวนะ ใจคอจะเที่ยวที่บ้านหรอ”
“แล้วจะเอาไง” นายน์ถามอย่างจำยอม เถียงกันสองคนคงไม่มีใครแพ้ใครชนะแน่ๆ
“ไปถามแม่สิงห์ไหม เขาไปเที่ยวบ่อย” สิงห์เสนอทางออก
“ก็ได้ ถามเมื่อไหร่อ่ะ” นายน์เองก็เห็นด้วย
“วันนี้แหละ ไปเถอะ ลุก! ไปบ้านสิงห์กัน” สิงห์ลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ฮะ!?”
นายน์คิดว่าบทสนทนาก่อนหน้ากับเรื่องไปบ้านสิงห์ไม่เกี่ยวกันเลยแม้แต่น้อย ขอยกความดีความชอบทั้งหมดให้กับคนหน้ามึนที่กำลังขับรถพลางผิวปากอย่างอารมณ์ดีคนนี้เลย นายน์ไม่เคยไปบ้านของสิงห์มาก่อน เขารู้แค่ว่าอยู่แถบชานเมืองกรุงเทพแค่นั้น สิงห์ขับรถมาสักพักก็จอดรถข้างทางหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง
“แวะซื้ออะไรกินหน่อย ลงไหม?” สิงห์ถาม นายน์พยักหน้าบอกว่าจะลงไปด้วย เขาหยิบขนมกินมาสองอย่างก็เอาไปรวมกับของสิงห์
“ทำอะไรหรอ” นายน์ถามคนที่ยืนจ้องชั้นวางของหน้าตาเคร่งเครียด
“สีฟ้ากับสีอื่นนี่มันต่างกันยังไงหรอ” สิงห์ถาม นายน์มองสินค้าที่อยู่บนชั้นวางของก็พบกับ... เอ่อ... ถุงยาง?
“มะ... ไม่รู้” นายน์ตอบ ก้าวถอยหลังไปสองก้าวแล้วก้มหน้าหลบสายตาพนักงานที่มองมาอย่างสนอกสนใจ
ลูกค้าก็มีตั้งเยอะคิดเงินให้เขาไปสิ มามองทางนี้ทำไม!
“ไม่เคยใช้หรอ” สิงห์ขมวดคิ้วท่าทางคิดหนัก
“มะ...ไม่เคย”
“ยาดมเนี่ยนะ? นั่นสิ นายน์ยังไม่แก่นี่” สิงห์พยักหน้าอย่างเข้าใจ นายน์แอบเห็นพี่พนักงานทำหน้าเหวอด้วย
“ยาดม?” เขาทวนคำ
“ใช่ ทำไม ยาดมนี่ไง สีฟ้า สีเขียว สีม่วง มันต่างกันยังไงหรอ” สิงห์ถามหน้าซื่อ นิ้วยาวชี้ไปที่ชั้นยาดมซึ่งอยู่ข้างล่างถุงยาง
“ไม่ต่าง เขาแค่ทำมาหลายๆสีไง” นายน์พยายามตอบให้ปกติที่สุด
“ก็รู้นี่ แล้วเมื่อกี้เป็นอะไร”
“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร เลือกสีที่ชอบแล้วไปคิดเงินเถอะ คนว่างแล้ว” สิงห์พยักหน้า ยื่นแขนไปหยิบยาดมแล้วชะงัก
“อ๋อออ...” สิงห์ส่งเสียงในลำคอมองคนข้างๆด้วยแววตากรุ่มกริ่ม
“ไปคิดเงิน!” นายน์ดันไหล่คนตัวโตให้ไปที่เคาท์เตอร์คิดเงินด้วยความยากลำบาก เสร็จแล้วก็เดินหนีออกมาปล่อยให้สิงห์รอเงินทอนคนเดียว
“รีบไปไหน กุญแจรถอยู่ที่สิงห์” นั่นคือความจริงที่นายน์ลืมคิดถึง สิงห์วิ่งตามมากดรีโมทปลดล็อครถแต่ไม่ยอมเดินไปฝั่งคนขับ
“หื่นเหมือนกันนะเราอ่ะ” สิงห์ยิ้มขำ
“อะไร ใครจะไปคิดว่าจะซื้อยาดม แล้วซื้อไปทำไมล่ะ”
“ไม่บอก... แต่ว่า สิงห์ก็ไม่ชอบใช้หรอกนะ... ถุงยางอ่ะ” สิงห์แลบลิ้นเลียริมฝีปากพลางเอามือมาลูบเอวบางขึ้นลงจนนายน์ขนลุกซู่
“ไปขับรถ!” นายน์ตะโกนสั่งหน้าแดง อาศัยจังหวะที่สิงห์ตกใจกับเสียงตะโกนเปิดประตูแล้วหมุดหนีเข้าไปในรถ ฝ่ายคนขับก็ยิ้มกว้างขับรถฮัมเพลงไปจนถึงบ้านตัวเอง...
ถึงจะเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ม.ปลายแต่นายน์ก็ไม่เคยมาบ้านสิงห์เลยสักครั้ง เพราะบ้านสิงห์ห่างจากโรงเรียนค่อนข้างไกลด้วยเวลาทำงานกลุ่มก็จะไปบ้านเพื่อนที่อยู่ใกล้กว่าตลอดแทน บ้านของสิงห์เป็นบ้านสองชั้นขนาดค่อนข้างใหญ่ ตัวบ้านสีฟ้าอ่อน หน้าบ้านมีสวนดอกไม้แล้วก็ต้นไม้ใหญ่ทำให้บ้านดูร่มรื่นหน้าอยู่
“พร้อมไหม” สิงห์ถาม
“ไม่” นายน์ส่ายหัว
“งั้นก็ลง เดี๋ยวแม่รอ” สิงห์เดินลงรถแล้วอ้อมมาเปิดประตูฝั่งนายน์ กึ่งลากกึ่งจูงพานายน์เข้ามาในบ้านได้สำเร็จ
“แม่ ผมกลับมาแล้ว” สิงห์ตะโกนบอก
“ได้ยินแล้วจ้า รู้ตั้งแต่เสียงเปิดประตูแล้ว” น้ำเสียงใจดีตอบกลับมา ก่อนที่ร่างของผู้สูงวัยจะเดินออกมาจากหลังประตูบานใหญ่
“อ่าว?! นั่นใครล่ะ” แม่ของสิงห์ถาม
“สวัสดีครับ” นายน์ยกมือไหว้
“นี่นายน์ครับ” สิงห์แนะนำเขากับแม่ “แฟนผมเอง”
“!!” แม่ของสิงห์เบิกตากว้าง ก่อนจะยิ้มขำ “ล้อเล่นอะไรของเราเนี่ย”
“ผมไม่ได้ล้อเล่น นี่แฟนผมจริงๆ”
“เขาเป็นผู้ชายไม่ใช่หรอ” แม่ของสิงห์กวาดตามอง
“ใช่ครับ แล้วเขาก็เป็นแฟนผมด้วย”
“สิงห์... แฟน... ผู้ชาย...” แม่สิงห์ยิ้มค้างก่อนจะทรุดลง
“พิมพ์!” ผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งเข้ามารับเธอได้ทันพอดี
“ป้าแพร ยาดมครับ” สิงห์แกะห่อยาดมแล้วส่งให้ผู้หญิงคนนั้น แต่ดูเหมือนไม่ทันใจแม่สิงห์เลยหยิบไปดมเองเรียบร้อย
“ขอแม่เรียบเรียงหน่อยนะ... นั่นแฟนลูกจริงๆใช่ไหม แฟนเป็นผู้ชายจริงๆใช่ไหม” แม่สิงห์ถามพลางสูดยาดมเข้าปอด
“ครับ” สิงห์ตอบ
“ชื่ออะไรนะ”
“นายน์ครับ” นายน์ตอบ
“คบกันนานหรือยัง”
“เคยคบกันตอนม.ปลายแล้วก็กลับมาคบกันอีกรอบครับ” สิงห์บอก
“หิวกันไหม ไปกินข้าวกันก่อนแล้วค่อยมาคุยต่อนะ” แม่สิงห์ชวน
“นายน์ชอบกินต้มยำไหม ลองชิมสิป้าแพรทำอร่อยนะ” น้าพิมพ์เลื่อนชามต้มยำทะเลมาตรงหน้านายน์
“นายน์แพ้อาหารทะเลครับแม่”
“อ้าวหรอ ขอโทษนะแม่ไม่รู้ แพ้อะไรอีกไหมจ๊ะ”
“แพ้แค่อาหารทะเลครับ” นายน์ก้มหน้าตอบ เขาไม่เคยกินข้าวแล้วรู้สึกอึดอัดขนาดนี้มาก่อน น้าพิมพ์ชวนเขาคุยถามนู่นถามนี่ เลื่อนอาหารมาให้เขาลองชิมตลอด เหมือนจะดีแต่ก็เหมือนโดนสอบสวนทางอ้อมมากกว่า
“นายน์ทานของหวานไหม” น้าพิมพ์ถามหลังจากที่กินข้าวกันเสร็จแล้ว
“ไม่เป็นไรครับ ผมอิ่มแล้ว” นายน์ตอบอย่างที่คิดว่าสุภาพมากที่สุด เอาจริงๆคือเขาอึดอัดจนกินไม่ลงต่างหาก ปกติพ่อแม่ถ้ารู้ว่าลูกตัวเองชอบเพศเดียวกันจะทำตัวปกติขนาดนี้เลยหรอ?
“งั้นนายน์ไปเดินเล่นกับแม่ไหม เดี๋ยวแม่พาไปเดินดูบ้าน”
“ผมไปด้วย” สิงห์เสนอตัว
“ว่างก็ไปหาป้าแพรหน่อย ป้าเขาคิดถึงสิงห์มากนะ แม่จะคุยกับนายน์”
“ครับๆ พ่อกลับกี่โมงอ่ะแม่”
“สี่โมงกว่าๆก็กลับแล้วมั้ง แต่ธันวันนี้น่าจะกลับดึก” ธันคือพี่ชายคนเดียวของสิงห์ ตอนนี้ทำงานแล้ว สิงห์เคยบ่นให้นายน์ฟังบ่อยๆว่าพี่ธันนิสัยไม่ดี
“มันยังไม่ตายอีกหรอ” สิงห์ถามหน้าเอือม
“เดี๋ยวเถอะ ทำเป็นพูดดี ถ้าไม่มีธันแกจะเอาเงินที่ไหนกิน”
“เรียนอีกปีก็จบแล้วครับแม่ จะหางานให้ดีกว่าไอ้ธันให้ดู” สิงห์พูดอย่างหมายมั่น
“จ้า พ่อคนเก่ง นายน์ไปเดินเล่นกับแม่ดีกว่า” ท้ายประโยคน้าพิมพ์หันมาพูดกับนายน์
“ครับ” นายน์ลุกขึ้นเดินตามน้าพิมพ์ออกไป สิงห์ยิ้มให้เขาแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาใครสักคน
“รู้จักกับสิงห์ตั้งแต่เมื่อไหร่หรอ” น้าพิมพ์เปิดบทสนทนาเมื่อพวกเขามาถึงบริเวณสวนหน้าบ้าน ถึงแม้จะเป็นตอนกลางวันแต่ต้นไม้ใหญ่ก็ช่วยบังแดดให้อย่างดีทำให้ไม่รู้สึกร้อนมาก
“ม.ปลายเรียนที่เดียวกันครับ”
“แล้วคบกันตั้งแต่ตอนนั้นเลยหรอ” น้าพิมพ์พยักหน้ารับแล้วถามต่อ
“เปล่าครับ คบกับตอนช่วงม.6”
“อยู่ห้องเดียวกับสิงห์ใช่ไหม เหมือนแม่เคยได้ยินชื่อเราอยู่”
“ครับอยู่ห้องเดียวกัน”
“...”
“...”
“นายน์รักลูกของแม่ไหม” น้าพิมพ์หยุดเดินแล้วจ้องหน้าเขา
“....รักครับ” นายน์ตอบเสียงเบา กับสิงห์เขายังไม่กล้าพูดเลยนี่จะให้มาพูดต่อหน้าแม่สิงห์อีก
“นายน์พูดน้อยจังนะ เวลาอยู่กับสิงห์พูดน้อยขนาดนี้ไหม”
“กำลังเปลี่ยนอยู่ครับ”
“อืม อย่าฝืนล่ะ แม่ฝากดูแลลูกแม่ด้วยนะ สิงห์มันเอาแต่ใจไปหน่อย เพราะมีพ่อแล้วก็พี่ที่คอยตามใจเสมอ มีปัญหาอะไรก็คุยกันดีๆนะลูก”
“ครับ”
“ตรงนี้เป็นสวนที่แม่ปลูกเองเลยนะ มีป้าแพรพี่สาวแม่คอยช่วยดูแลด้วย” น้าพิมพ์ชี้ให้ดูสวนดอกไม้อย่างภูมิใจ “เริ่มร้อนแล้วเราเข้าไปดูในบ้านกันดีกว่า”
น้าพิมพ์พานายน์เดินรอบบ้านชี้บอกตำแหน่งของห้องต่างๆจนมาจบที่ห้องครัวที่สิงห์กับป้าแพรอยู่
“ทำอะไรกันอยู่คะคุณป้าคุณหลาน” น้าพิมพ์เอ่ยแซว
“พี่ว่าจะทำบัวลอยน่ะ เราชื่อนายน์ใช่ไหม มาทำด้วยกันไหม” ป้าแพรชวนเขา
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่เคยทำ จะไปช่วยให้ยุ่งกว่าเดิมมากกว่า”
“มาปั้นแป้งเป็นกลมๆแค่นั้นเองลูก ไม่ยาก เราทำกินเองไม่ต้องสวยมากหรอก ดูสิงห์สิปั้นแต่ละอันกลมที่ไหน ไม่ได้เรื่องเลย”
“อ้าว?อะไรเนี่ย นั่งอยู่เฉยๆแท้ๆ เดี๋ยวผมไม่ช่วยเลย” สิงห์ว่าอย่างงอนๆ
“ไปไหนก็ไปเลย ป้ามีนายน์มาช่วยแล้ว ชิ่วๆ” ป้าแพรโบกมือไล่สิงห์ คนตัวโตแล้งงอนเอามือเลอะแป้งไปกอดน้าพิมพ์เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้เป็นอย่างดี
เวลาผ่านไปเร็วมากในความคิดของนายน์ พวกเขาช่วยป้าแพรทำบัวลอยจนเสร็จก็มานอนดูทีวีกันที่ห้องนั่งเล่นจนพ่อของสิงห์กลับมา
“พ่อหวัดดี” สิงห์ยกมือไหว้ผู้เป็นพ่อ นายน์ก็ยกมือไหว้ตาม
“หวัดดีๆ แล้วนั่นใครล่ะ” พ่อสิงห์ถามพลางมองมาที่นายน์
“นี่นายน์ครับ แฟนผมเอง” สิงห์ตอบพร้อมรอยยิ้ม
“อ๋อ... แฟนหรอ อืมๆ” พ่อสิงห์พยักหน้า
“...”
“ฮะ!? แฟน?”
“ครับ”
“...สาวเปรี้ยวหรอตัดผมสั้นเชียว”
“นั่นผู้ชายพ่อ”
“อ๋อ...เป็นผู้ชายนี่เอง” พ่อสิงห์ลูบคางตัวเอง “ผู้ชาย? สิงห์ก็เป็นผู้ชาย? ชายกับชาย?...”
“พ่อไหวไหม” สิงห์ถามอย่างเป็นห่วง
“ไหวๆ ไหนมาใกล้พ่อสิ ทั้งสิงห์ทั้งนายน์เลย” พ่อสิงห์พูด นายน์กับสิงห์หันมามองหน้ากันก่อนจะลุกเดินไปหาพ่อ “เอาเป็นว่าพ่อจะพยายามเข้าใจแล้วกัน โลกมันหมุนไวดีเนอะ พ่อก็เริ่มจะเวียนหัวแล้ว ฮะๆๆๆ” พ่อสิงห์หัวเราะแห้ง
“ผมจริงจังนะ” สิงห์บอกพ่อตัวเอง
“อืมๆ ที่บริษัทพ่อก็มี พ่อจะพยายามเข้าใจ ไม่มีปัญหาหรอก ยังไงก็มีธันไว้สืบสกุลสักคนก็พอแล้ว เดี๋ยวผมไปอาบน้ำก่อน ไปตั้งโต๊ะทานข้าวเถอะคุณ” ท้ายประโยคพ่อสิงห์หันไปพูดกับภรรยา
“สิงห์โทรตามธันให้หน่อยสิ เดี๋ยวแม่ไปจัดโต๊ะก่อน” น้าพิมพ์บอกลูกชาย สิงห์พยักหน้าแล้วเดินไปหยิบโทรศัพท์มาต่อสายหาพี่ชาย ส่วนนายน์เดินตามน้าพิมพ์ไปช่วยจัดโต๊ะอาหาร
“มันบอกว่าอีกยี่สิบนาทีถึงกินก่อนก็ได้” สิงห์เดินเข้ามาบอกแม่ในครัว
“งั้นยังไม่ต้องตักข้าวแล้วกันรอธันก่อน” น้าพิมพ์เสนอ ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยแล้วยกไปแค่กับข้าว ผ่านไปไม่นานพ่อสิงห์ก็เดินลงมา
“รอธันมาก่อนนะคะ” น้าพิมพ์บอกสามี
“ได้ๆ คุณมาช่วยผมดูงานหน่อยสิ พี่แพรด้วย” พ่อสิงห์เรียกคนอื่นๆออกไปหมดจนเหลือแค่นายน์กับสิงห์สองคน
“เขาจะคุยเรื่องเราใช่ไหม” นายน์ถามสิงห์
“ไม่รู้สิ ช่างมันเถอะ แล้วบ้านสิงห์เป็นไงบ้าน ชอบไหม”
“อือ สวยดี ดูอบอุ่นดี”
“คนในบ้านล่ะ?”
“น้าพิมพ์กับป้าแพรก็แลดูใจดี พ่อสิงห์ก็ด้วย”
“น้าพิมพ์? แม่ให้เรียกอย่างนั้นหรอ?”
“เปล่าๆ นายน์เรียกเองทำไมหรอ”
“แม่ชอบให้เรียกว่าแม่มากกว่านะ ไอ้ไม้ยังเรียกแม่เลย”
“อืม จะจำไว้” นายน์พยักหน้า
“แล้ว...”
“กลับมาแล้ว ไปไหนกันหมดเนี่ย” เสียงตะโกนจากหน้าบ้านทำเอาทั้งนายน์ทั้งสิงห์สะดุ้งกันทั้งคู่
“จะตะโกนทำไมวะ” สิงห์ตะโกนกลับไป
“กูอุตส่าห์รีบกลับมามึงพูดกับพี่มึงอย่างนี้หรอวะ” เสียงเดิมดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเจ้าของเสียงเดินเข้ามาในครัว
“สวัสดีครับ” นายน์ยกมือไหว้ คนๆนี้คือธันพี่ของสิงห์แน่ๆ ถอดพิมพ์เดียวกันมาขนาดนี้ พี่ธันอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้า กางเกงสแล็คเรียบๆแต่ก็ดูดี นายน์เห็นแล้วก็นึกถึงสิงห์ตอนจบไปทำงานคงไม่ต่างกันเท่าไหร่
“แฟนสิงห์หรอ” พี่ธันหรี่ตามองนายน์แล้วถามออกมา
“เอ่อ... ครับ” นายน์พยักหน้า
“หน้าคุ้นๆ ขอดูหน้าชัดๆหน่อยสิ” พี่ธันเดินมาใกล้ จับไหล่ทั้งสองข้างของเขา
“.....” นายน์พยายามหลบตา
“...คนเดียวกับเมื่อตอนม.ปลายป่ะวะสิงห์” ธันวาหันไปถามน้องชาย
“เออ ปล่อยได้แล้ว” สิงห์ดึงมือพี่ธันออกจากไหล่ของนายน์
“อืมๆ น่าเสียดายจริงๆ น้องไม่น่ามาคบกับไอ้บ้านี่เลย” พี่ธันกอดอกส่ายหน้าไปมา
นายน์ควรจะตกใจกับรีแอคชั่นของคนบ้านนี้ไหม ทำไมตกใจกันแค่นี้เอง รับได้ง่ายๆขนาดนั้นเลยหรอ?
“แล้วคนอื่นไปไหน” พี่ธันถามสิงห์
“ห้องนั่งเล่นมั้ง ไม่รู้สิ”
“กูหิวละ เดี๋ยวกูไปตามก่อนมึงตักข้าวสิ” พี่ธันสั่ง
“เออๆ” สิงห์ตอบรับเหมือนตัดรำคาญ นายน์ช่วยสิงห์ตักข้าวแล้วก็เทน้ำรอทุกคนมา
“ห้านาทีแล้ว มันไปตามที่ไหนมันวะ” สิงห์บ่น
“บ่นไรมึง” เสียงพี่ธันดังมาก่อนที่พี่ธันและคนอื่นๆจะเข้ามาในครัว
“ข้าวเย็นหมดแล้ว”
“ก็นี่ก็กำลังจะกินข้าวเย็นป่ะ” พี่ธันพูดหน้าตาย คนอื่นๆยิ้มขำแล้วเริ่มลงมือกินข้าว นายน์ที่นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างสิงห์กับพี่ธันก็เลยโดนลากเข้าไปร่วมสงครามประสาท
“นายน์กินนี่สิ อร่อยนะ” พี่ธันตักผัดผักมาใส่จานเขา
“อย่าเยอะดิธัน” สิงห์ดุพี่ตัวเอง
“หืม?”
“นั่นแฟนกู”
“สิงห์พูดกับพี่เพราะๆหน่อย” พ่อสิงห์ดุ
“ช่างมันเถอะพ่อ มันโดยตามใจมาตั้งแต่เด็กก็งี้แหละ”
“เราก็ตามใจน้องไม่ใช่หรือไง” แม่สิงห์พูดขึ้นบ้าง
“ผมนี่นะตามใจมัน? ตลกแล้วแม่” พี่ธันปฏิเสธ
“ผ่อนรถให้นี่ไม่ตามใจเลยจ้า แค่สอบติดมหาลัยก็ได้รถเนี่ย” ป้าแพรพูดยิ้มๆ
“มันตื่นสายบ่อยเดี๋ยวไปสายไงป้า” พี่ธันเถียง
“จ้าๆ” ทุกคนพยักหน้าเหมือนเข้าใจ
หลังจากนั้นทุกคนก็เริ่มเล่าเรื่องของสิงห์เรื่อยๆ ทั้งเรื่องที่ตอนเด็กๆสิงห์ติดหมามากจนให้หมามานอนด้วยแทนที่พี่ธัน เรื่องสิงห์งอนทุกคนในบ้านไปสามวันจนพ่อต้องซื้อโมเดลการ์ตูนให้ เรื่องสิงห์ปีนต้นไม้ สิงห์ลงไปเล่นกับปลาในบ่อ แม้เรื่องที่พี่ธันเล่าจะบิดเบือนความจริงไปบ้าง แต่มื้ออาหารนั้นก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
“แล้วสิงห์บอกว่ามีเรื่องจะปรึกษา คือเรื่องอะไรหรอ” แม่สิงห์ถาม ตอนนี้คนอื่นๆเข้านอนหมดแล้วเหลือแค่สิงห์ นายน์แล้วก็แม่ล้างจานกันอยู่ในครัว
“ใช่ๆ พวกผมว่าจะไปเที่ยวกันแต่ตกลงไม่ได้ แม่คิดว่าน้ำตกกับทะเลที่ไหนดีกว่า”
“ถามแม่หรอ... แม่ว่าแม่ชอบทะเลนะ แต่ไปน้ำตกก็ดีเหมือนกัน เย็นดีด้วย...”
“เอาแค่ที่เดียวสิแม่”
“ทะเลแล้วกัน แม่ชอบเสียงคลื่น มันเพราะดี”
“เย้!” สิงห์ชูกำปั้นดีใจ
“อ้าวสิงห์เลือกทะเลหรอ งั้นแม่เปลี่ยนเป็นน้ำตกข้างนายน์ดีกว่า”
“ไม่ได้สิแม่ เลือกทะเลแล้วนะ ไปทะเลนะนายน์นะ” สิงห์หันมาถามเขา
“อือ ทะเลก็ทะเล” นายน์ก็ไม่ได้ยึดมั่นในน้ำตกมากมายอะไร ไปทะเลก็ดีเหมือนกัน แค่ไปเที่ยวกับสิงห์แค่นั้นก็ดีแล้วล่ะ...
*******************************************************
ไอแอมคัมแบค!! วู้กลับมาแล้วค่าาาาา
คนอ่านหนีกันไปหรือยังเอ่ย? ตอนหน้าตอนจบแล้วนะยู ถ้าขยันจะมีตอนพิเศษอีกสามตอนที่คิดไว้คร่าวๆแล้ว แต่ถ้าขี้เกียจก็คงดองไว้ ถถถถถ
จะพยามยามแต่งให้จบภายใจสัปดาห์หน้าค่ะ ต่อจากนั้นคงไม่ค่อยว่างแล้ว
-รักคนอ่าน ขอบคุณทุกคนมากนะคะที่อ่านมาจนถึงตอนนี้-