Side Story ( แซม X จัสมิน ) 1 ผม ‘จัสมิน’ ครับ เป็นแวร์แคทโชคร้ายที่บรรลุนิติภาวะแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถควบคุมการกลายร่างของตัวเองได้ดีเหมือนกับแวร์แคทคนอื่นๆ เลยกลายเป็นว่าผมถูกประคบประหงมเป็นพิเศษ ทำให้ตลอดช่วงอายุเกือบยี่สิบปีของผม ผมแทบไม่ได้ก้าวออกจากบ้านของตัวเองโดยที่ไม่มีคนมาด้วยเลยสักครั้ง
ถามว่าอึดอัดไหม มันก็มีบ้างนิดหน่อย แต่ผมก็เข้าใจครับเพราะว่าผมไม่เหมือนคนอื่น ตอนนี้ก็ดีขึ้นมาบ้างแล้วเพราะผมได้ออกมาเรียนมหาวิทยาลัยเหมือนกับคนอื่นในวัยเดียวกันถึงจะแอบให้เส้นสายนิดหน่อยก็เถอะนะแต่ก็นับเป็นเรื่องที่ดี เพราะผมได้รู้จักกับคนอื่นๆนอกจากคนในครอบครัวและอาจารย์พิเศษแล้วครับ
แต่ตอนนี้ผมกำลังเกิดปัญหา วันนี้หลังเลิกเรียนผมออกมาเดินเที่ยวเล่นตากแอร์ในห้างกับเพื่อนๆตามประสาวัยรุ่นทั่วไป แต่อาจจะสนุกจนเพลินหรือเล่นมากไปหน่อยรู้ตัวอีกทีผมก็มาอยู่ในร่างแมวแล้ว ดีที่ตอนนั้นอยู่ในห้องน้ำเลยไม่มีใครเห็น ผมเดินหลบผู้คนออกมาจากห้างพยายามหาทางกลับบ้าน เผลออีกทีบรรยากาศโดยรอบก็ถูกปกคลุมด้วยความมืด สถานที่แปลกตาให้ความรู้สึกไม่คุ้นเคยจนผมนึกกลัว ป้ายรถเมล์ที่มีแสงสว่างจึงเป็นที่ที่ผมเลือกที่จะนอนหมอบอยู่บนนั้น
“แมวน้อย หลงทางหรอ?” มือใหญ่อบอุ่นที่ยื่นเข้ามาลูบหัวผมเบาๆทำให้ผมสะดุ้งในตอนแรก ก่อนจะค่อยๆสงบลงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีทีท่าว่าจะทำร้ายอะไร เด็กหนุ่มที่น่าจะอายุมากกว่าผมอยู่ในชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งซึ่งเป็นคนล่ะที่กับผม ทำให้ผมพอจะเดาออกว่าตัวเองอยู่แถวไหน
เมี๊ยววว ~~
ท่าทางใจดีทำให้ผมวางใจที่จะตามเขาไปที่พัก เพื่อหาที่นอนให้ตัวเองในคืนนี้
ใช้เวลาไม่นานผมก็ถูกอุ้มมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องๆหนึ่ง ก่อนจะมีผู้ชายอีกคนเปิดประตูออกมาด้วยท่าทางงัวเงีย ร่างสูงใหญ่เปลือยอกอยู่ในชุดกางเกงบ๊อคเซอร์สีเข้มตัวเดียว ทำเอาผมซุกหน้าเข้าอ้อมแขนของคนที่กำลังอุ้มผมอยู่ ให้ตายเถอะ ! คนบ้าอะไรไร้ยางอายชะมัด แก้ผ้าเดินร่อนไปทั่วได้ยังไงกัน
“แมว ?” เสียงทุ้มเอียงคอพูด พร้อมกับเอามือมาเคาะหัวผมสองที เล่นเอามึนไปเลยฮะ
“พี่แซม! ไปตีน้องทำไม ไหนดูซิเจ็บไหม?” คนตัวเล็กกว่าหันไปเอ็ดร่างสูงที่ชื่อแซม ก่อนจะมาลูบหัวลูบหางดูอาการผม ทำเอาคนโดนด่าหน้าหงิกเลยครับ ฮ่าๆ คนอะไรตัวใหญ่แต่ขี้น้อยใจชะมัด
ร่างเล็กอุ้มผมเดินเข้าไปห้องขนาดใหญ่ ผมสำรวจโดยรอบทันที เป็นคอนโดแบบสองห้องนอน หนึ่งห้องครัว หนึ่งห้องนั่งเล่น รวยใช้ได้แฮะ
“กัสไปเก็บแมวตัวนี้มาจากไหนครับ ?” อ่อ คนที่อุ้มผมชื่อกัสนี่เอง
“กัสเจออยู่ที่ป้ายรถเมล์แถวๆหน้าม.น่ะฮะ เหมือนจะหลงทาง”
“เอามาแบบนี้แล้วถ้าเกิดเจ้าของเขามาหาแล้วไม่เจอล่ะ จะทำยังไง?”
“กัสคิดว่าไม่น่าจะมีเจ้าของนะฮะ เพราะไม่มีปลอกคอด้วย ดูสิ” มือเล็กจับผมพลิกไปมา ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร
“ไม่มีเจ้าของยิ่งแล้วใหญ่ แมวจรจัดแบบนี้เป็นโรคหรือเปล่าก็ไม่รู้” อ่าว ไอ้พี่นี่ปากเสีย ขนสวยสุขภาพดีแบบผมจะไปเป็นโรคได้ยังไงกัน !
“คิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไรนะฮะ ดูสะอาดขนาดนี้ไม่น่าจะเป็นโรค” นับว่าตาถึงมาก
“แล้วจะเอายังไง?”
“แหะๆ ก็...พี่แซมก็รู้ว่าที่บ้านกัสไม่ให้เลี้ยงสัตว์” เอ๊ะ ! ที่บ้านไม่ให้เลี้ยงสัตว์แล้วคืนนี้ผมจะไปนอนที่ไหนล่ะ
“....”
“คือ...กัสจะฝากเจ้าเหมียวไว้ที่นี่ได้ไหมฮะ” กระจ่างเลยครับ ผมเงยหน้ามองคนสองคนสลับกันไปมา ผมว่าอีตาพี่แซมท่าทางเจ้าชู้ขนาดนี้ ลองโดนอ้อนมาแล้วคงไม่แคล้วต้องทำตาม
แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆครับ
นับจากวันนั้นผมก็เลือกที่ลองใช้ชีวิตนอกบ้านดูสักครั้ง ถึงจะไม่ค่อยชอบใจที่ต้องมาอยู่กับไอ้พี่แซมเจ้าชู้นี่ก็เถอะ แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะผมยังมีพี่กัส หลังจากที่ทดลองอยู่มาสองสามวันผมก็รู้ว่า จริงๆแล้วพี่กัสกับไอ้พี่แซมเป็นคนรักกันครับ พี่แซมน่าจะรุ่นเดียวกันกับพี่ชายผมส่วนพี่กัสดูท่าจะเป็นพี่ผมปีเดียว ทั้งสองคนไม่ได้อยู่ด้วยกันครับเพราะพี่กัสต้องกลับบ้านจะมีบ้างแค่บางวันที่มาค้างที่นี่ แล้วคืนนั้นผมก็จะถูกระเห็จให้ออกมานอนที่โซฟา
“มะลิ เมี๊ยวๆๆๆ” อย่าตกใจครับ ชื่อเชยๆนี่เป็นชื่อใหม่ของผมเอง แล้วจะถูกตั้งโดยใครไปไม่ได้ นอกจากไอ้พี่แซม
วันนี้พี่กัสไม่มาครับและผมคิดว่าไอ้พี่แซมมันต้องหาอะไรมาแกล้งผมอีกแน่ๆ พี่มันขยันสรรหามาสารพัดครับ ล่าสุดคือหนูยางที่ทำออกมาได้เหมือนของจริงมากๆ อย่าเข้าใจผิดนะครับถึงผมจะเป็นแมวแต่ผมก็ไม่ได้มีรสนิยมชมชอบไอ้หนูหน้าตาน่าเกลียดนั่น
ผมจำได้ว่าวันนั้นไอ้พี่แซมมันก็เรียกผมแบบนี้แหละบอกมีของขวัญมาให้ ผมก็ไม่เฉลียวใจอะไรเลย พอเดินเข้าไปใกล้เท่านั้นแหละ พี่มันโยนหนูยางตัวใหญ่สีดำเมี่ยมเด้งดึ๋งๆใส่ผม ผมกระโดดหนีร้องเสียงหลงเลยครับ ตกใจมากจนคิดว่าตัวเองจะช็อคซะแล้ว ส่วนตัวการน่ะหรอ หัวเราะท้องคัดท้องแข็งไม่สนใจผมที่ขู่ฟ่อๆเลยแม้แต่น้อย สะใจพี่มันแหละครับ ยังมีการมาว่าผมว่า เกิดมาเสียชาติแมวเพราะดันกลัวหนู ดูพี่มันสิครับ -..-
“มะลิ มานี่มา” ผมนอนนิ่งไม่สนใจ พี่มันก็เรียกซ้ำแล้วยังเดินเข้ามาใกล้ๆอีก
“งอนอะไร วันนี้ไม่ได้จะแกล้งนะ” ผมชะงักนิ่ง เมื่อเสียงทุ้มนุ่มๆมาดังอยู่ใกล้ๆ มือลูบหัวผมเบาๆ เห็นพี่มันเป็นแบบนี้แต่ก็ต้องยอมรับเรื่องหนึ่งเลยว่าพี่แซมเป็นคนที่มีเสน่ห์มาก ทั้งรูปร่างหน้าตาฐานะถือว่าเกิดมาพร้อมสุดๆคนนึง คิดว่าคงเป็นดังพอตัวเพราะเห็นทุกคืนจะต้องคุยโทรศัพท์จ๊ะจ๋ากับคนนั้นคนนี้ไปทั่ว นึกแล้วอยากจะฟ้องพี่กัสจริงๆ คิดแล้วก็น่าโมโหเพราะผมเองก็ดันเผลอใจเต้นไปกับพี่มันด้วยเหมือนกัน
“ไม่ได้พาไปอาบน้ำหลายวัน ไหนดมซิเหม็นยัง” ไม่พูดเปล่า พี่มันยื่นหน้าหล่อๆเข้ามาใกล้ผมก่อนจะกดจมูกลงบนหัวผมเบาๆ แต่ผมนี่ชะงักค้างไปแล้วครับ รู้สึกหัวใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาจากอกอยู่แล้ว
“ยังไม่เหม็น แต่ไม่เป็นไร วันนี้อยากอาบให้ ไปกัน”
หวือ ~~~
ร่างผมถูกช้อนอุ้มขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง ก่อนที่ร่างสูงจะพาเดินเข้าห้องนอน เดี๋ยวนะ เมื่อกี้ถ้าผมจำไม่ผิดพี่มันบอกว่าจะอาบน้ำให้ผมงั้นหรอ ไม่นะ ตั้งแต่ผมมาอยู่ที่นี้พี่มันหรือแม้แต่พี่กัสไม่เคยอาบน้ำให้ผมเลยด้วยซ้ำ ส่วนมากจะพาไปร้าน บางทีตอนกลางวันที่ไม่มีใครอยู่ผมก็จะอาบเอง แล้ววันนี้มันเกิดอะไรขึ้น ไม่เอาน๊า ~~
เมี๊ยววว ~~~~!
ซ่า ~~ !
ผมพยามดิ้นๆ หนีจากน้ำฝักบัวที่พี่แซมเปิดราดหัวผม ใครเขาสั่งสอนให้อาบน้ำให้แมวแบบนี้ !
“เป็นแมวหรือหมาบ้ากันแน่ถึงได้กลัวน้ำเนี่ย หืม?” มือใหญ่ๆสองข้างล็อคช่วงเอวของผมเอาไว้แน่นทำให้ผมไม่สามารถหนีไปไหนได้นอกจากดิ้นแด่วๆอยู่แบบนั้น
“ฮ่าๆ พอเปียกน้ำแล้วเหมือนเอเลี่ยนเลยว่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ” ผมหยุดดิ้น หันหน้าไปมองค้อนใส่คนตัวโตที่นั่งเอามือกุมท้องขำข้างหนึ่ง อีกข้างยกชี้หน้าผม ผมก็พอเข้าใจครับ ลองนึกภาพแมวสีขาวขนฟูมากๆแล้วเวลาเปียกน้ำขนจะแนบลู่ไปกับตัวอันน้อยนิดของมันสิ คงเหมือนเอเลี่ยนไม่ต่างจากผมหรอก
“แป๊บๆ นะมะลิอยู่นี่ก่อน” พี่แซมยกตัวผมไปวางไว้ในอ่างอาบน้ำ ก่อนจะเดินออกไปนอกห้องน้ำ ผมได้แต่ชะเง้อคอมองตามด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่มีปัญญาออกจากอ่างน้ำนี่ไปได้ เลยต้องนั่งแปะอยู่แบบนั้น
“มาแล้วๆ ไหนๆ มะลิยิ้มหน่อย ^_^” ชัดเลยครับ ดูความโรคจิตของพี่มันสิ
พี่แซมกลับมาพร้อมโทรศัพท์มือถือในโหมดถ่ายภาพ กดแชะๆๆๆ เปลี่ยนเป็นมุมนั่นทีมุมนี้ที ผมก็ได้แต่ร้องเมี๊ยวๆพยายามหลบ ร้อยวันพันปีไม่เคยถ่ายรูปผมสักรูป สงสัยวันนี้ต้องวันซวยของผมแน่ๆ
“เขินกล้องหรอ มานี่มาๆ”
เมี๊ยวววววว
พี่มันอุ้มผมทั้งที่ตัวเปียกๆนั่นแหละครับ เอามาวางแหมะลงบนตักตัวเอง ก่อนจะเปลี่ยนโหมดกล้องมือถือเป็นกล้องหน้า มือใหญ่ช้อนตัวช่วงบนของผมขึ้นจนเหมือนยืนสองขาได้ ใบหน้าหล่อทะเล้นขยับเข้าแนบชิดกับหน้าผมเพื่อไม่ให้หลุดเฟรมก่อนจะยิ้มจนตาหยี แล้วกดแชะๆอีกครั้ง
กึก !
ผมชะงัก เมื่อริมฝีปากหนาของพี่แซมที่ผมเห็นขยับยิ้มเปลี่ยนไปมาผ่านกล้องกำลังแนบลงบนแก้มผม เสียงแชะรัวเร็วที่ดังขึ้นไม่สามารถดึงความสนใจของผมได้อีกแล้ว ความรู้สึกร้อนวูบแล่นไปทั่วร่าง หัวใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาจากอก รู้สึกประหม่าจนไม่กล้าที่จะขยับตัว
“ไง เริ่มรักกันบ้างหรือยัง ?” ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่อาบน้ำเสร็จ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มือใหญ่ๆกำลังจับผ้าขนหนูเช็ดน้ำตามตัวให้ผมอยู่ แต่เหมือนจะไม่ทันใจพี่แซมเลยหันไปเปิดพัดลมเบอร์แรงสุด แล้วอุ้มผมขึ้นไปจ่อตรงหน้าพัดลมที่กำลังเป่าลมเย็นหวือๆใส่หน้าผม เหมือนปัดเอาความรู้สึกไหววูบของผมเมื่อตอนก่อนหน้าให้หายไปด้วย
เมี๊ยวววว !
ผมพยายามหนีแต่เหมือนอีกคนจะเห็นเป็นเรื่องสนุก แต่ผมไม่ชอบนะ ไดร์อ่ะไดร์เป่าผม มีไหม?
“หนาวหรอ ?”
ผมมองค้อนขวับไม่ตอบ ให้หัดคิดเองบ้าง เปิดแอร์ตั้งกี่องศากัน แล้วยังจับผมที่ตัวเปียกซกไปจ่อพัดลม นี่มันอากาศขั้วโลกชัดๆ หนาวแค่ไหนถามใจดู TT
พอเริ่มเงียบ ผมก็หันไปมองพี่แซมที่ปิดพัดลมไปแล้วเรียบร้อย มือข้างหนึ่งยังคงใช้ผ้าขนหนูเช็ดขนผมอยู่ อีกข้างกดโทรศัพท์ยิกๆ หน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนเจอเรื่องปวดหัว สักพักก็ลุกขึ้นไปไหนไม่รู้ ผมเลยเดินเข้าไปดูโทรศัพท์ที่พี่มันวางเอาไว้
วิธีอาบน้ำให้แมว
แค่เห็นข้อความที่พี่มันถามอากู๋ หน้าเว็บที่อธิบายการอาบน้ำเป่าขนให้แมว แค่นั้นผมก็อยากจะยิ้มให้กว้างๆ แต่ติดที่ผมยังเป็นแมวเลยยิ้มไม่ได้ แต่ก็แยกเขี้ยวได้ล่ะนะ ^_____^
“มะลิ เขาว่าใช้ไอ้นี่แทนได้ มาลองหน่อยไหม ? วันหลังจะไปซื้อที่เป่าขนมาให้” พี่แซมยืนถือไดร์เป่าผมด้วยท่าทางที่ไม่มั่นใจ ยังมีการมาถามความสมัครของผมอีก ผมเลยเดินเอาหัวไปถูๆขาพี่มัน เห็นหน้าหล่อๆยิ้มกว้างแล้วใจกระตุกรุนแรงอย่างบอกไม่ถูก
“ฮ๊า~ ง่ายกว่าเห็นๆ” หลังจากเป่าขนเสร็จสรรพผมก็ถูกจับให้ขึ้นมานอนทับบนอกกว้างๆของพี่มัน ที่กำลังนอนเอานิ้วเขี่ยจมูกเขี่ยปากผมเล่น ผมก็พยายามไล่งับแต่ไม่ทันเลยต้องเอามือไล่ตะปบ แง่มๆ
“ฮ่าๆ จะสู้หรอๆ นี่ๆๆๆ” เออครับ พี่แซมมุมปัญญาอ่อน ไม่เข้ากับหน้าหล่อๆเลยสักนิด
“มะลิ ถ้าอยู่กันแค่นี้จะเหงาไหม...” คำถามสั้นๆที่ผมไม่อาจเข้าใจในความหมายถูกเอ่ยขึ้นเบาๆ ผมเงยหน้าเอียงคอมองคนที่เพิ่งแกล้งผมเมื่อครู่ นัยน์ตาที่เคยคมกริบและฉายแววสนุกสนานเมื่อได้แกล้งผม ตอนนี้มันทั้งดูสับสนและเสียใจ แต่สิ่งที่แสดงออกชัดเจนมากกว่านั้นคือความเจ็บปวดและหวาดกลัว
ผมอยากจะถามเหลือเกินว่าเกิดอะไรขึ้น ?
แล้วผมก็อยากจะถามตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมผมถึงรู้สึกเจ็บหน่วงในอกแบบนี้ ?
ผมเดินย่ำแผ่นอกกว้างขึ้นไปจนหน้าเราอยู่ระดับเดียวกัน ก่อนจะแลบลิ้นเลียริมฝีปากหนาเป็นการปลอบโยนทั้งตัวเองและพี่แซมด้วย ก่อนที่ผมจะนอนหมอบลงบนอกพี่มันแล้วซุกหัวเล็กๆของตัวเองไว้ใต้คางที่มีไรหนวดสากๆ สัมผัสอบอุ่นของมือใหญ่ที่ลูบบนตัวผมไปมาเริ่มทำให้ทุกอย่างผ่อนคลาย
“อย่าทิ้งกันไปอีกคนนะ...”
เมี๊ยวววว ~~~~
TBC ++++++++++++++++++++++++++++++TALK ....
เเวะเอาเรื่องราวของจัสมินกับพี่เเซมมาฝาก อิ้อิ้ น้องมะลิไม่ได้หนีออกจากบ้าน๊าาา เเค่อยากเจอโลกกว้าง