บทที่ 34
โฮเซียเดินไปตามโถงทางเดิน ใบหน้าเจือไปด้วยรอยยิ้มบาง ๆ เมื่อนึกถึงคนไข้ของเขาที่รออยู่ ถามว่าทำไมเขาถึงสนใจพรีมนะหรอ ตอบแบบตรงไปตรงมาก็คงเพราะสนใจในรูปลักษณ์ของอีกคน ยิ่งได้ยินเรื่องราวของเจ้าตัวจากคนรอบข้างยิ่งรู้สึกชอบยิ่งขึ้น พรีมเหมาะกับรอยยิ้มมากว่าสีหน้าที่เศร้าสร้อย อยากให้คนไข้คนนี้ยิ้มและหัวเราะออกมาจากใจไม่ใช่เพื่อตบตาให้คนรอบข้างรู้สึกดี
"อรุณสวัสดิ์ครับ" คนเป็นหมอกล่าวทักทาย แต่คนถูกทักกลับนิ่งเฉยราวกับไม่ได้ยิน ดวงตาสีฟ้าเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ขอบตาช้ำโรยบอกให้รู้ว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ร่างสูงมองมื้อเช้าที่ยังวางอยู่โต๊ะข้างเตียงที่ยังไม่ถูกแตะต้องก็ได้แต่ถอนใจ ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาก็เป็นแบบนี้ตลอด คนไข้ไม่ให้ความร่วมมือแบบนี้เขาก็แย่นะสิ
การเอาชีวิตไปผูกไว้กับใครซักคน บางครั้งมันก็อาจทำร้ายตัวเราเองเหมือนที่พรีมกำลังเป็นอยู่ตอนนี้ โฮเซียสะกิดไหล่คนที่กำลังเหม่อเบาๆ พรีมสะดุ้งหันกลับมามอง ดวงตาสีฟ้าหม่นแสงและว่างเปล่า จนร่างสูงพลอยรู้สึกหดหู่ไปด้วย
"อาหาร ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการฟื้นฟูร่างกายของคนเรา" คนโตกว่าว่าพลางเอาชามข้าวต้มที่เย็นชืดมาถือไว้ก่อนจะนั่งลงข้างเตียงอย่างถือวิสาสะ พรีมมองชามกระเบื้องที่ขึ้นไอร้อนจางๆ จากพลังเวทย์ที่ส่งผ่านจากมือใหญ่ บอกให้รู้ว่าเจ้าตัวคงไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาแน่
"เอ่อ...ผมยังไม่หิว"
"ไม่หิวก็ต้องกิน จะได้กินยา วันนี้คุณมีทำกายภาพ ถ้าไม่ไหวผมคงต้องยกเลิกไป"
"ไม่ได้นะ"
"งั้นก็ต้องกินข้าวกินยาซะ จะได้มีเเรง" ร่างสูงตัดก่อนจะตักข้าวต้มทำท่าจะป้อนให้อีกคน
"ผมกินเองได้" มือขาวเอื้อมไปจับช้อน แต่อีกคนกลับดึงหลบ
"เดี๋ยวป้อน เอ้ากินซะ อยากหายไวๆ ก็ทำตามที่บอก" พรีมตีหน้ายุ่ง นี่เขากำลังถูกบังคับใช่ไหมเนี่ย จากที่คิดว่าจะกินคำสองคำให้มันจบไป กลับถูกคุณหมอบังคับป้อนให้กินจนหมดชาม ตามด้วยน้ำและยา
"เราไปกันได้หรือยัง" พรีมถามขึ้น
"ไปไหน..." คนเป็นหมอถามกลับหน้ามึน
"ก็ผมต้องไปทำกายภาพนิ"
"อืมก็ใช่"
"แล้วจะให้ไปที่ไหนละ"
"ก็ที่นี่ไง" นี่พรีมอุส่าตั้งใจรอ เขาอยู่ในห้องนั่งๆ นอนๆ มาหลายวัน บอกตามตรงว่าฟุงซ่านสุดๆ
"ที่ไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ ขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง" โฮเซียว่า พลางเอาไม้ค้ำ ไปพิงไว้อีกมุมของห้อง "เอาละ ไหนลองลุกขึ้นยืนซิ"
เด็กหนุ่มถอนหายใจแบบเซ็ง ๆ ก่อนจะขยับลงจากเตียง สองเท้าแตะลงบนพื้นช้าๆ แต่พอทิ้งน้ำหนักตัวลงไป ความเจ็บแปลบก็เล่นริ้วไปทั้งขาจนแทบทรุดหากไม่มีลำแขนเกร่งประคองไว้
"ไหวไหม"
"ผม ไม่เป็นไร" พรีมปฏิเสธ กัดฟันข่มความเจ็บปวดแล้วพยายามยืนให้ได้ด้วยตัวเอง หากแต่สองขากลับแทบไม่มีแรง ก็พอจะรู้ตัวเองเพราะตั้งแต่ฟื้นมาเขาแทบจะไม่ได้ลุกจากเตียง ส่วนหนึ่งก็เพราะไม่สามารถเดินได้เลยหากปราศจากไม้ค้ำ จะไปทำธุระส่วนตัวก็อาศัยเพื่อนๆ ที่มาเยี่ยมคอยช่วย
"ค่อยๆ นะอย่าฝืน" โฮเซียเตือน เพราะหากขยับร่างกายมากเกินไปจะทำอาจทำให้แผลตรงต้นขาที่เย็บไว้ปริได้
"ไม่ได้ฝืน ผมทำได้ ปล่อยเลย" พรีมเถียงพร้อม ผลักร่างสูงออกห่างตัว พอเดินไปไม่กี่ก้าวกลับล้มพับลงกับพื้น ทำให้ต้นขาขวามีเลือดสีเข้มซึมเนื้อผ้าเป็นวงกว้าง คนเจ็บกลับไม่สนใจพยายามฝืนลุกยืนแต่ก็ล้มลงไปอีกครั้ง จนคนเป็นหมอต้องเข้ามาห้ามไว้ ก่อนจะแย่ไปกว่านี้
"พรีมใจเย็น ๆ"
"ปล่อยผม ผมไม่เป็นไร" เด็กหนุ่มยังคงดื้อดึง หงุดหงิดเหลือเกินกับสภาพที่อ่อนแอของตน
"เป็นสิ แผลปริหมดแล้วนี่" โฮเซียแย้ง พลางช้อนอุ้มคนที่นั่งอยู่บนพื้นขึ้นมานั่งบนเตียงดังเดิม
คำบ่นทั้งหลายถูกกลืนหายไป เมื่อน้ำใสๆ ไหลออกจากดวงตาสีฟ้าช้าๆ แม้พรีมจะเบือนหน้าหนีแต่ก็ไม่อาจหลุดพ้นสายตาของร่างสูงไปได้ คุณหมอนั่งลงบนเตียงข้างคนเจ็บก่อนจะรั้งตัวอีกคนเข้ามากอดไว้แนบอก พลางลูบเรือนผมสีทองนุ่มมืออย่างปลอบโยน ร่างโปร่งไม่มีท่าทีขัดขืนโฮเซียเลยถือโอกาสช้อนตัวอีกคนมาไว้บนตักอย่างแนบเนียน
"หมอ..." พรีมที่นิ่งเงียบไปคู่ใหญ่ เอ่ยเรียก
"ครับ"
"ผมจะเป็นแบบนี้อีกนานไหม" คนเจ็บถามเสียงแผ่ว ในใจหวาดหวั่นไปหมด ถ้าเขาพิการถ้าเดินไม่ได้ตลอดไปแล้วจะสู้พวกฟอสโกได้อย่างไร เด็กหนุ่มสบตาอีกคนอย่างสิ้นหวัง
"ไม่นานหรอก เดี๋ยวก็หาย แต่ต้องรักษาตัวเองดีๆ อย่าทำอะไรเกินตัวแบบวันนี้อีก" ดวงสีรัตติกาลมองตอบคนถามอย่างจริงจัง "ไหน ขอดูขาหน่อยซิ"
"เฮ้ย!! หมอจะทำอะไรผม" พรีมโวยวาย เมื่อคุณหมอทำท่าจะจับถอดกางเกง พึ่งนึกได้ว่านั่งอยู่บนตักอีกคน
"ก็จะดูแผลให้ไง เลือดออกเยอะขนาดนี้" โฮเซียว่า พลางกอดเอวไว้ไม่ให้หนี
"หมอ ผมก็อายเป็นนะเฮ้ย"
"อายทำไมผู้ชายด้วยกัน ถอดเสื้อด้วย เช็ดตัวทีเดียวเลย" ร่างสูงตัดบท พลางจับคนเด็กกว่าลอกคราบก่อนจะยกลงไปนั่งบนฟูกดังเดิม ส่วนตัวเองก็ลุกขึ้นไปเตรียมอุปกรณ์มาทำแผลและเช็ดตัว พรีมได้แต่นั่งเหวอก่อนจะคว้าเอาผ้าห่มมาปิดส่วนสำคัญไว
โฮเซียหอบอุปกรณ์ทั้งหมดมาวางที่โต๊ะข้างเตียง ก่อนจะจัดการรวบผมยาวๆ ของตัวเองให้เรียบร้อย ลงมือเช็ดตัวให้คนเจ็บ ทั่วทั้งตัวยังคงมีรอยช้ำและบาดแผลเล็กๆ ประปายยิ่งทำให้ร่างสูงต้องระมัดระวังเบามือเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังต้องคอยข่มจิตข่มใจกับภาพตรงหน้า เพราะผิวกายขาวและรูปร่างที่แข็งแรงพองามไม่ถึงกับผอมบาง ไหนจะใบหน้าหล่อเหลาซึ่งล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีทอง เมื่อรวมกับดวงตาสีฟ้าสดยิ่งทำให้ดูเป็นคุณชายผู้สูงศักดิ์ ดูมีเสน่ห์จนไม่อาจละสายตา
"อ๊ะ!! " พรีมสะดุ้งเมื้อผ้าเย็นไล้ขึ้นมาตามเรียวขาสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำเอาขนลุกซู่ไปทั้งตัว ท่าทีประหม่าและใบหน้าแดงๆ ทำให้รู้สึกอยากแกล้ง ร่างสูงจึงแกล้งเลื่อนผ้าซับขึ้นไปจนเฉียดกับส่วนที่ถูกผ้าปิดไว้อย่างหมิ่นเหม่
"หึๆ" เสียงทุ้มหัวเราะชอบใจที่ได้แกล้ง ทำเอาคนที่กำลังอายค้อนให้อย่างหมั่นไส้
"หมอ ถามจริง โรคจิตเปล่าเนี่ย"
"ก็นิดนึง" โฮเซียว่ายิ้มๆ พลางจับจ้องริมฝีปากบางตรงหน้า ได้จูบซักทีคงดีไม่น้อย แต่เอาไว้ก่อนเดี๋ยวเด็กตื่น
"เสร็จยังเนี่ยผมหนาวนะ"
"ครับๆ" ร่างสูงตอบรับ ต่อปากต่อคำได้ ก็ดีกว่าเศร้าแบบก่อนหน้านี้ละนะ คุณหมอเก็บอุปกรณ์เช็ดตัวก่อนจะลงมือจัดการแผลที่ต้นขาขวา แผลที่ถูกเย็บไว้ ปริออกจนเลือดไหล เห็นแบบนี้ร่างสูงถึงกับถอนใจเพราะมันคงจะทิ้งร่องรอยไว้บนเรียวขาสวยๆ นี่เป็นแน่
...เฮ้อ เซ็ง... วันนี้ดูเหมือนอะไรที่วางไว้จะถูกระงับไปเสียทุกอย่างเมื่อคนไข้ดื้อจนได้เลือด โฮเซียยังคนวนเวียนอยู่ในห้อง อ่านหนังสือบ้าง แหย่พรีมบ้าง แถมตอนกลางคืนยังหอบผ้าหอบผ่อนมานอนห้องเขาอีก จนชักสงสัยว่าคุณหมอผู้นี้ต้องการอะไรกันแน่ มันจำเป็นต้องเฝ้าตลอดเลยหรือไง พรีมได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงๆ คุณหมอหน้ามึนคนนี้ไล่ยังไงก็คงไม่ไปแน่ คิดได้แบบนั้นจึงล้มตัวลงนอนพร้อมหันหลังให้
"ฝันดีครับ" โฮเซียว่า พร้อมดับไฟแล้วล้มตัวนอนลงบนโซฟายาว
ดวงตาสีฟ้าเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง วันนี้พระจันทร์เต็มดวง ชวนให้นึกถึงผู้หญิงที่ทำร้ายเขาปางตาย เซียชอบแสงของดวงจันทร์ เธอบอกว่าสีของมันอ่อนโยนและนุ่มนวล ทุกคืนที่พระจันทร์เต็มดวงเซียจะขอให้เขาเปิดม่านไว้ แล้วทั้งคู่ก็จะนอนมองมันจนหลับไป จนถึงตอนนี้พรีมยังไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าเธอจะยอมทำร้ายทั้งเขาและฟาเรสเพื่อพวกสารเลวนั่น มันยากเหลือเกินที่ข่มตาหลับ เหมือนในคืนที่ผ่านๆ มา เด็กหนุ่มนอนคู้ตัวในความมืด เอาหมอมากอดพลางซุกหน้าสะอื้น พยายามที่จะไม่ส่งเสียงใดๆ เพราะยังมีใครอีกคนหลับอยู่ไม่ไกล
"ไม่ต้องกลั้นก็ได้ ร้องออกมาเถอะ" น้ำเสียงทุ้มนุ่มมาพร้อมกับฝ่ามือใหญ่ที่วางลงบนไหล่ที่สั่นไหว ทำเอาพรีมสะดุ้งสุดตัว เพราะคิดว่าอีกคนน่าจะหลับไปแล้ว เขารับรู้ได้ถึงแรงยวบของที่นอนก่อนที่ร่างจะถูกรั้งไปกอดไว้ในวงแขนใหญ่
"ทุกอย่างจะดีขึ้น" โฮเซียว่าพลางกระชับกอดให้แน่นยิ่งขึ้น รู้สึกใจหายไปวูบหนึ่งเมื่อพรีมขืนตัวจนเขาต้องคลายแขนออก ทั้งที่คิดว่าเด็กหนุ่มจะลุกหนีแต่กลับเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามเมื่อพรีมพลิกตัวเข้าหาพร้อมซุกหน้าลงกับอกเขาแล้วหลับตาลงและนิ่งไป
โฮเซียยิ้มกับตัวเองในความมืด ถึงมันจะดูไม่แฟร์ที่เข้าหาอีกฝ่ายในตอนที่อ่อนแอ แต่เขาก็มีเจตนาดี(มั้ง) เอาเป็นว่าจะรักษาให้หายทั้งกายและใจเลยก็แล้วกัน
แม้ว่าการที่ถูกคนรักหักหลัง และต้องเป็นศัตรูกับคนครอบครัว จะทำร้ายจิตใจของพรีมอยู่มาก แต่ก็ไม่ได้เจ็บปวดทรมานเกินไปนัก เพราะเขายังมีเพื่อนที่คอยให้กำลังใจและเเวะเวียนมาหาอยู่ไม่ขาด ไหนจะมีหมอโฮเซียที่คอยมาก่อกวนวุ่นวายจนแทบไม่มีเวลาให้ฟุ้งซ่าน และไ่ม่ว่าใครเมื่อสุขภาพจิตดีสุขภาพกายก็ดีตาม ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา อาการของพรีมจึงดีขึ้นเรื่อยๆ พวกเพื่อนก็พลอยเบาใจไปด้วย พรีมเองอาจจะยังไม่รู้ตัว หากแต่ทุกคนก็สังเกตุได้ว่าเจ้าตัวค่อนข้างร่าเริงเวลาที่มีโฮเซียอยู่ใกล้
.................................................................
ในช่วงที่รอพรีมพักฟื้นพวกของเวลอร์ได้ใช้เวลานี้ ตามหาและกวาดล้าง แหล่งที่อยู่ของพวกฟอสโก้ซึ่งกระจายอยู่โซนของเคลวิชและเดสเซนท์ ทำให้รู้ว่าในช่วงสิบกว่าปีที่เขาถูกผนึกไว้ ริคัทโต้ได้เรียกเหล่าไวโซลเข้ามาในเอสทีเรียดมากกว่าที่คิด จนไม่อยากจะนึกเลยว่าปีศาจเดินดินพวกนี้หากหลุดจากการควบคุมไปแล้วจะสร้างความเดือดร้อนมากแค่ไหน แต่ดูเหมือนทางนั้นจะเริ่มไหวตัวทัน เพราะบางที่ที่ไปก็ว่างเปล่า เพราะพวกฟอสโก้หลบหนีไปก่อนหน้าแล้ว ส่วนทางด้านมอร์แกนดูแลเรื่องอาวุธยุธโธปกรณ์ที่กำลังสร้างโดยกลุ่มพวกดวอร์ฟ อยู่ที่เควิช ซึ่งทางนี้หากพรีมหายดีก็จะเดินทางไปสมทบกับเธอที่นั่นและมุ่งหน้าไปที่อิเวียโนพร้อมกัน
"หวังว่าวันนี้คงไม่เสียเปล่าอีกวันนะ" ฟาเรส บ่นหน้ายุ่ง ตอนนี้พวกเขากำลังเดินเท้าเข้าไปในป่าลึกของเขตดิเมียร์ เป้าหมายครั้งนี้ก็คือ เหมืองคริสตัลขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ในความดูแลของครอบครัวเซีย เขาได้ข้อมูลที่ตั้งเหล่านี้มาจากพรีม และคิดว่าต้องได้อะไรจากที่นี่บ้างเพราะครอบครัวของเซียทำงานให้กับพวกฟอสโกมานาน
"ช่วยไม่ได้นิ ริคัทโตเองก็ไม่ใช่คนโง่ เจ้านั่นคงไม่ปล่อยให้เราโจมตีฝ่ายเดียวหรอก" เวลอร์บอก เขาเองก็รู้สึกว่าวิธีนี้เริ่มไม่ได้ผล ดูเหมือนเจ้านั่นจะเรียกพวกตัวเองกลับไปตั้งรับที่อินเวียร์โนบางส่วนแล้ว เพราะท้ายทีี่สุดพวกเขาก็ต้องบุกไปที่เมืองแห่งนั้นอยู่ดี
เดินเท้ามาไม่นาน เมื่อเข้าใกล้พื้นที่ของเหมือง ทุกคนจึงหาที่กำบังและสังเกตุการอยู่รอบนอก
"มันเงียบเกินไปหรือเปล่า" โอซี่ว่าพลางใช้กล้องส่องทางไกลมองไปยังเป้าหมาย
"ก็คงเหมือนทุกทีละมั้ง มาช้า พวกนั้นชิ่งไปก่อน" ครึ่งเอลฟ์ว่าแบบเซ็ง ๆ เขาน่าจะเชื่อลูนเพราะก่อนเดินทางมาที่นี่เจ้าแมวดำบอกว่าไม่อยากให้มาคงเพราะแบบนี้ละมั้ง
"งั้นเข้าไปดูข้างในกันเถอะ เผื่อจะได้อะไรบ้าง" เจ้าชายครึ่งออคเสนอ ทุกคนจึงออกจากที่กำบังแล้วมุ่งหน้าเข้าไปยังตัวเหมือง
ดูจากเครื่องไม้เครื่องมือที่ยังใหม่ บอกให้รู้ว่าที่นี่ไม่ได้ถูกทิ้งร้าง พวกเขาที่มากันเกือบสามสิบคนจึงกระจายกันไปตามทางเดินซึ่งแยกออกไปหลายทาง เวลอร์ได้กลิ่นเลือดจางๆ มาจากทางหนึ่งจึงเดินนำไป ยิ่งลึกกลิ่นคาวยิ่งรุนแรง จนเข้ามาถึงโถงใหญ่ ดวงตาสีอำพันกวาดมองในแสงสลัวจากคบเพลิงที่ติดผนัง คิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างหนักใจกับภาพตรงหน้า โถงถ้ำ และพื้นถูกย้อมด้วยเลือดจากศพของมนุษย์มากมาย ซึ่งถูกฉีกเป็นชิ้นๆ กระจายอยู่เต็มพื้น บางร่างบิดเกร็งจากความทรมาน บางร่างเละจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม บ่งบอกถึงความโหดร้ายป่าเถือนที่เกิดขึ้นก่อนหน้าในห้องนี้
"นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน" ฟาเรสว่า ใบหน้าซีดเผือดกับสิ่งที่เห็น รู้สึกคลื่นไส้กับกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้ง
"ฟาร์ อย่ามอง" เวลอร์ว่า ดึงร่างบางมากอดพร้อมเอามือปิดตาไว้
"ทหารของเอแวนการ์ดกำลังเข้ามาที่นี่" โอซี่ที่ตอนแรกแยกไปอีกทาง วิ่งมาหาพวกเขา บอกเสียงตื่น
"ดูเหมือนเราจะติดกับแล้วละ" คิเมร่าหนุ่มบอกเสียงเครียด ศพอยู่ตรงหน้าขนาดนี้ ดูยังไงก็ฝีมือพวกเขาอย่างแน่นอน
"ท่านเวลอร์ เอายังไงดีครับ" คนอื่นๆ ที่แยกไปอีกทาง เข้ามารวมตัวกัน
"มีทางออกอื่นไหม"
"จากที่ดูพิมพ์เขียว ก็มีอยู่ ตามฉันมา" โอซี่ว่า พร้อมนำออกไปอีกทาง โดยเวลอร์ไม่ลืมที่จะใช้พลังเวทย์สร้างกำแพงน้ำแข็ง ขว้างกันไว้ตามทางเดินที่ผ่าน แม้การหนีไปจากที่นี่จะไม่ยากเกินความสามารถของพวกเขา หากแต่สิ่งที่สำคัญคือเขาต้องบอกให้เอเบรียนและพวกที่ฐานออกไปจากที่นั่นโดยไว เพราะดูเหมือนมีสิ่งที่ต้องรับมือเพิ่มขึ้นเสียแล้ว
...............................
- กลับมาแล้วค่ะ หลังจากนี้น่าจะลงตัวแล้วค่ะ คงมีเวลาเขียนเรื่องนี้มากขึ้น คนอ่านหลายท่านคงเริ่มนอยกับควาไม่ต่อเนื่องของเเรา ทางเราเองต้องขออภัยด้วยค่ะที่หายหน้า นั่นเพราะ จัดการเรื่องภาพประกอบในเล่มของ Night Knight และตอนนี้เสร็จไปแล้ว เปิดพรีแล้วนะเออ กำหนดส่งสินค้ากลางเดือนพย. ค่ะ ไปดูรายละเอียดในนี้ได้เลยค่ะ
http://www.whybooksth.com/ - เรื่องนี้ไม่เกิน 45 บทค่ะตามที่แพลน บวกลบ ตอนพิเศษตามสมควร