แอบรัก ตอน15
(มิน)
ผมรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของที่กอดผมอยู่ข้างหลัง เหมือนมีหยดน้ำอะไรสักอย่างไหลซึมผ่านเสื้อยืดตัวบางที่ผมสวมอยู่ ผมแค่ไม่อยากจะเชื่อเท่านั้นเองว่าเขาร้องไห้เพราะผมเหรอ เพื่ออะไรล่ะ ทำไมถึงมารู้สึกผิดเอาตอนนี้ ทำไมถึงปล่อยให้ทุกอย่างมันสายจนไม่มีทางที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม
ถ้อยคำที่เขาพร่ำบอกว่ารักผม จนตอนนี้ผมยังไม่คิดจะเชื่อเลยด้วยซ้ำว่ามันออกมาจากปากของผู้ชายเย็นชาคนนั้นจริงๆ เขารักผมตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วถ้ารักจริงๆ ทำไมถึงทำกับผมแบบนี้มาตลอดสิบกว่าปี หรือว่าเขาแค่ต้องการปั่นหัวคนอย่างผมเล่นกัน มันเจ็บที่ทุกอย่างต้องเป็นแบบนี้ แม้พยายามที่จะเข้มแข็งมาตลอด แค่คำว่ารักที่เขาเอ่ยออกมาให้ได้ยินแค่คำเดียว กลับทำให้ผมอยู่ไม่สุขเหมือนจะเป็นบ้า คำที่ผมไม่เคยคิดว่าจะได้ยินมันเลยในชาตินี้ ผมนั่งทบทวนเหตุการณ์ที่เขาทำกับผมมาตลอดหลายอาทิตย์
‘ทำไมผมจะไม้รู้ว่าขนมที่เขาซื้อมาให้แม่นั้นที่จริงเป็นของผม เพราะมันมีแต่ของที่ผมชอบทั้งนั้น’
‘ทำไมผมจะไม่รู้ว่าเขาตามผมกับพี่ทิมไปห้าง เพราะรถของเขาแอบอยู่ตรงพุ่มไม้’
‘ทำไมผมจะไม่รู้ว่าเขบอกให้คุณย่าทำบัวลอยมาให้เพราะผมชอบทาน’
แม้ว่าเขาจะพยายามทำหลายๆ อย่างเพื่อผม แต่มันก็คงไม่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้ว เพราะผมตั้งใจที่จะเดินตรงไปข้างหน้า มองแค่อนาคตที่จะเกิดขึ้น ไม่อยากหันไปมองอดีตที่แสนจะเจ็บปวดแล้ว และตอนนี้ผมก็มีความสุขที่มีพี่ทิมเป็นพี่ชายที่แสนดี คอยรับฟังช่วยเหลือผมตลอดเวลา
วันที่เขาตามผมกับพี่ทิมไปที่ห้าง ผมรูว่าพี่ทิมก็เห็นเหมือนกัน ผมเห็นเขาแอบเหล่อยู่หลายครั้ง แล้วยังทำตัวรุ่มร่ามกับผมจนเกินพอดี อีกทั้งรอยยิ้มร้ายๆ ตรงมุมปากของพ่อเทพบุตรที่บางครั้งเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มซาตานโดยไม่รู้ตัว แต่พี่ทิมแสร้งตีหน้านิ่งขรึมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนผมยังอดหมั่นใส้ไม่ได้ แต่เพราะผมทำเป็นไม่รู้เลยไม่อยากจะแซวพี่ทิม นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยโดยที่ไม่ลืมโทรขอร้องแกมบังคับให้พี่ทิมมารับผม รายนี้ก็ใจดีตลอด ไม่รู้ว่าจะรำคาญผมบ้างรึเปล่าไม่เคยถาม คราวนี้สงสัยต้องถามจริงจัง เพราะยังไงพี่ทิมก็เป็นคนอื่น ถึงแม้ว่าจะบอกว่ารักผมเหมือนน้องชายก็เถอะ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าพี่ทิมต้องมาเดือดร้อนกับเรื่องของผมตลอดเวลา
เช้าวันใหม่ที่แสนสดใส พี่ทิมคนเดิมเพิ่มเติมคือความน่ารักก็ยังมารับผมตามคำบัญชาของน้องชายนอกใส้อย่างผม แต่วันนี้มาแปลก พาเด็กหนุ่มหน้าใส วัยน่าจะไม่เกินมอปลายมาด้วย น้องตัวสูงแต่ก็ยังเตี้ยกว่าพี่ทิม วินาทีแรกที่ผมเปิดประตูรถด้านข้างคนขับถึงกับตกใจ ที่อยู่ๆ ก็มีคนนั่งตรงนั้นไปซะแล้ว ก่อนที่ผมจะรีบถอยกรูดมานั่งด้านหลังในทันที
รถสปอร์ตคันเดิมก็ยังคอยขับตามรถพี่ทิมมาติดๆ ผมลอบมองผ่านกระจกหลายครั้ง เขาทำแบบนี้มาตลอดหลายอาทิตย์ ตอนแรกผมก็ไม่มั่นใจ แต่พอสังเกตุดีๆ หลายๆ วัน ทำให้ผมเริ่มแน่ใจแล้วว่าเป็นเขาอย่างแน่นอน เขายังคงขับรถตามผมทุกเช้า วันไหนที่ผมนั่งไปเอง เขาก็ขับช้าๆ ตามรถเมล์ทุกวัน นี่เขากำลังทำอะไรของเขากันแน่
"เอ่อ...พี่นั่งหน้าดีกว่าครับ เดี๋ยวเก้าจะนั่งด้านหลังเอง" เสียงเรียกของเก้าทำให้ผมเลิกสนใจคนๆ นั้นทันที เก้าคือชื่อเด็กหนุ่มคนนี้เหรอ ชื่อคุ้นๆ แห๊ะ
"ไม่เป็นไรๆ พี่นั่งหลังนั่นแหละ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาลำบากเปล่าๆ”
"น้องมินมานั่งคู่กับพี่น่ะดีแล้ว" พี่ทิมพูดขึ้น น้องเก้าหันไปหาที่ทิมนิดนึง สายตาน้อยใจปนตัดพ้อนั่นคืออะไร ผมได้แต่เก็บความสงสัยไว้อย่างนั้น ก่อนที่จะเปิดประตูลงมานั่งข้างหลัง ผมขี้เกียจจะทะเลาะให้เสียเวลาจึงรีบย้ายตัวเองไปนั่งด้านหน้าคู่กับพี่ทิม
"เดี๋ยวพี่แนะนำให้รู้จักกันนะ" พี่ทิมยื่นมือมาลูบหัวผมเบาๆ ราวกับเอ็นดูอะไรนักหนาอย่างนั้น แต่ผมแอบเห็นสายตาเจ้าเล่ห์ที่ส่งไปน้องเก้าที่นั่งด้านหลัง คู่นี้มีอะไรทะแม่งๆ แล้วสิ
"คนนี้พี่มินที่พี่เคยบอกเก้าจำได้ไหม มินเป็นแฟนพี่ ส่วนคนที่นั่งข้างหลังนั่นน้องเก้า น้องข้างบ้านพี่เอง วันนี้น้องขอติดนรถไปด้วย มินคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมครับ” พี่ทิมร้ายกาจมาก ผมเริ่มจะรู้แล้วว่าน้องเก้าคือเด็กข้างบ้านที่พี่ทิมชอบ แล้วนี่คงเอาผมมาเป็นตัวแปรอย่างที่เคยบอกไว้ล่ะสิ ท่าทางจะได้ผลซะด้วย เพราะน้องเก้าดูหน้าเสียในทันทีที่รู้ว่าผมเป็นแฟนพี่ทิม แต่ก็ยังคงเก็บอาการเอาไว้อย่างนั้น
"ไม่เป็นไรครับ น้องพี่ทิมก็เหมือนน้องมิน" เล่นกับเขาหน่อย รู้หรอกว่าที่พูดแบบนี้ต้องการดูปฏิกริยาน้องเก้าที่นั่งนิ่งอยู่ด้านหลัง
"ดีครับ ทั้งสองคนจะได้สนิทกันไว้" มีแอบเหล่มองน้องเก้าผ่านกระจกด้วย ส่วนอีกคนก็นั่งนิ่งเงียบจนน่ากลัว อีกทั้งยังดูเศร้าๆ ยังไงไม่รู้ สงสารน้องจังเลยที่โดนพี่ทิมแกล้งแบบนี้
พี่ทิมชวนผมคุยไปเรื่อยจนอาจทำให้น้องรู้สึกอึดอัดแน่เลย น้องเป็นผู้ชายผิมขาว หน้าตาหล่อใสเหมือนหนุ่มเกาหลี ตัวค่อนข้างสูง หุ่นดี เพียงแต่อาจจะยังไม่เต็มหนุ่มเลยยังไม่มีกล้ามเนื้อเหมือนพี่ทิม
"เก้าอายุเท่าไหร่เหรอครับ" ผมหันไปถามน้องเพราะกลัวว่าเขาจะอึดอัด
"สิบเจ็ดย่างสิบแปดครับ" น้องตอบนิ่งๆ สีหน้าไร้ความรู้สึก
"ว้าว! ยังเด็กอยู่เลย เข้ามาหาวิทยาลัยปีนี้แล้วสินะครับ แค่คิดก็นึกถึงเรื่องสนุกๆ สมัยเรียนแล้ว" ผมหวังจะให้น้องคลายความตึงเครียดลงไปบ้าง
"....." น้องเก้ายิ้มใหผมแต่ก็ยังไม่ยอมพูดอะไร
“น้องเก้าจะเรียนอะไรเหรอครับ” ผมหันไปถามน้องอีกครั้ง
“เก้าเขาสอบเข้าสถาปัตย์มหาวิทยาลัย XXX ได้น่ะ เขาเรียนเก่ง สอบเข้าได้อันดับหนึ่งด้วยนะ วันที่รู้ว่าตัวเองสอบติดนี่วิ่งมาหาพี่ถึงบ้านเลย” พี่ทิมตอบแทนน้องเก้าที่กำลังอ้าปากจะพูด แหมท่าทางดูจะภูมิใจแทนน้องมากเลยนะครับ หน้าบานยิ่งกว่าตัวเองสอบได้เองเลยล่ะสิ หมั่นใส้พี่ทิมจริงๆ เลย
“เก่งจริงๆ เลยครับ” การพูดคุยยังคงผูกขาดอยู่ที่ผมกับพี่ทิมแค่สองคน โดยที่น้องเก้านั่งเงียบๆ อยู่ด้านหลัง ตอบคำถามผมบ้างเวลาที่ผมคุยกับเขา ก่อนที่พี่ทิมจะจอดรถยังสถานที่ๆ น้องเก้ามาในวันนี้ เป็นร้านเล็กๆ ที่ดูไม่ออกว่าขายอะไร ก่อนที่น้องเก้าจะเอ่ยลาเราสองคนแล้วเดินเข้าไปข้างใน โดยมีคนน่าหมั่นใส้อย่างพี่ทิมมองตามตาละห้อย
“มองขนาดนั้นไม่ตามลงไปส่งเลยล่ะครับ”
“น้องมินหึงพี่เหรอเนี่ย หึๆ” พี่ทิมยังมีหน้ามาล้อเล่นกับผมอีกนะครับ
“น้องเก้าหล่อดีนะครับ ตกลงเนี่ยพี่ทิมจะรุกหรือรับน้องเนี่ย” ผมทำใจกล้าถามออกไปอย่างนั้นเอง เพราะน้องเก้าก้ออกจะแมนซะขนาดนั้น ท่าทางคงไม่ยอมให้ใครรุกได้ง่ายๆหรอกมั้ง ส่วนพี่ทิมก็หล่อ ขี้เล่น นึกภาพไม่ออกเลยว่าจะเป็นยังไง
“สู่รู้ ก็พี่น่ะสิรุก ส่วนเก้าต้องเป็นรับให้พี่อย่างเดียว” พี่ทิมเอ่ยอย่างมาดมั่น แต่ผมนี่แหละที่ดูไม่มั่นใจว่าพี่ทิมจะมีโอกาสได้รุกน้องเก้ารึเปล่า ดูท่าทางอีกไม่เกินปีสองปีคงตัวใหญ่กว่าพี่ทิมแน่นอน
“แล้วมินจะคอยดู”
“ไม่ต้องมาสนเรื่องของพี่หรอกน่า แล้วเราน่ะจะเอายังไงกับไอ้ผู้ชายที่ทำตัวเป็นสโตร๊กเกอร์ขับรถตามเราทุกวันอยู่อย่างนี้ อย่าบอกน่ะว่าเรายังไม่รู้เรื่อง เพราะไอ้บ้านั่นมันตามโจ่งแจ้งมาก” ผมทำเป็นลืมๆ ไปแล้ว แต่พี่ทิมก็ยังมาพูดให้คิดอีก ใครจะไม่รู้ว่ามีผู้ชายบ้าๆ มาตามผมตลอดเวลา โดยไม่รู้จุดประสงค์ของเขา จะให้เชื่อคำรักที่เขาเอ่ยเมื่อวันก่อนก็ดูจะง่ายไป
“ช่างเขาเถอะครับพี่ทิม แค่ไม่มายุ่งกับมินให้มากกว่านี้ก็พอแล้ว”
“แต่พี่ว่ามันจะไม่จบแค่นี้น่ะสิ ดูท่าทางครั้งนี้เขาจะจริงจังมากเลยนะ” ผมรู้แหละว่าคนอย่างเขาคงไม่ยอมตามผมแบบนี้ไปเรื่อยๆหรอก ไม่นานเขาอาจจะทำอะไรบางอย่างที่ผมก็ไม่รู้ว่าคืออะไร คนอย่างเขาจะอดทนได้สักกี่น้ำ นอกจากจะใจร้อน ปากร้าย แถมยังชอบดูถูกคนอื่น
“มินไม่กลัวหรอก ลองเขาทำอะไรมินดูสิ มินจะฟ้องคุณย่าจริงๆ แล้วคราวนี้เขานั่นแหละจะเป็นคนที่เดือดร้อนที่สุด” ผมจะทำแบบนั้นจริงๆ ครับ ถ้าเขาทำอะไรไม่ดีกับผมขึ้นอีกครั้ง รับรองว่าเขาจะไม่มีทางได้เห็นหน้าผมอีกเลยแน่นอน
“จะดีเหรอมิน ทั้งเราแล้วก็เขาต่างก็เจ็บปวดมากพอแล้วนะ”
“ก็เพราะมันเจ็บปวดเกินไปไงครับ เลยต้องทำให้มันจบ จะได้ไม่ต้องมาทนเจ็บซ้ำๆ แบบเดิมอีก”
“แต่พี่ว่า ถ้าเราลองให้โอกาสเขา อาจจะไม่มีใครต้องเจ็บเลยสักคนนะ เพราะพี่ดูจากสายตาที่เขามองมาที่มิน มันบอกได้ว่าเขารักมินมากแค่ไหน”
“ตกลงพี่ทิมจะเข้าข้างใคร มินหรือคนๆ นั้น ถ้ายังเห็นมินเป็นน้องอยู่อย่าพูดแบบนี้อีก”
“ครับๆ น้องชาย โหดจริงๆ เลยวันนี้”
“ก็พี่ทิมเข้าข้างคนอื่น”
“โอเคๆ พี่เข้าข้างน้องชายตัวน้อยของพี่คนเดียว พอใจรึยัง”
“ยัง ถ้าจะให้พอใจจริงๆ เย็นนี้พี่ทิมต้องมารับมิน พาไปทานข้าวเย็น แล้วก็พาน้องเก้ามาด้วยนะครับ”
“ทำไมต้องพาเก้ามาด้วย”
“ก็มินจะสังเกตุอาการของน้อง ว่าจะหึงพี่ทิมรึเปล่า ทำตามเถอะน่า”
“ครับๆ คุณชาย” พี่ทิมจอดรถที่หน้าร้านพอดี ก่อนที่ผมจะก้าวลงจากรถ โดยไม่ลืมกำชับให้เขาพาน้องมาด้วยในตอนเย็น น่าสนุกดีแหะ
ผมลงจากรถ่กอนที่จะก้าวตรงไปยังร้านเค้กที่ตอนนี้เริ่มจะมีน้องๆ ทยอยมาทำความสะอาดอยู่หน้าร้าน แต่กลับมีรถอีกคันมาจอดเทียบกับรถพี่ทิมพอดี ผมว่าแล้วว่าคนอย่างเขาคงอดทนไม่พอ นี่คงจะมาหาเรื่องพี่ทิมอีกล่ะสิ ผมยืนมองคนที่ก้าวลงจากรถสปอร์ตคันหรู ก่อนที่จะเดินตรงมาทางเดียวกันกับผม จนผมต้องรีบหันกลับแล้วเดินเข้าไปในร้านให้เร็วที่สุด นี่ผมคิดผิดหรือเนี่ย
ผมรีบนำของไปเก็บที่ด้านใน สวมผ้ากันเปื้อนลวกๆ ตรงดิ่งเข้าไปในครัวทันที วันนี้ทั้งพี่พาย และบราวนี่ยังไม่เข้าที่ร้าน พี่พายคุณคิณคงจะมาส่ง ส่วนบราวนี่น่าจะขับรถมา ผมพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญ หน้ากับเขา เพราะไม่อยากมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นในร้าน
“ทำไมมินไม่รอพี่ ทั้งๆ ที่พี่บอกว่าจะมาส่ง” เสียงของคนที่ผมไม่อยากได้ยินดังอยู่ชิดใบหูเล็กของผมจนผมเผลอสะดุ้งทันที
“เราไม่ได้ตกลงกันอย่างนั้น ผมบอกคุณแล้วว่าพี่ทิมจะมาส่ง” เสียงของผมกำลังสั่นเพราะความกลัว แต่ก็ยังพยายามทำตัวให้นิ่งที่สุดไม่ให้เขาจับได้
“แต่พี่...อยากมาส่งมิน มินไม่ให้โอกาสพี่เลย” คำพูดราวกับว่าเขาน้อยใจผม นี่มันอะไรกัน เขาเสแสร้งหรืออะไร ทั้งๆ ที่บอกไปแล้วว่าต่างคนต่างอยู่แล้วทำไมยังตามมาวอแวอยู่แบบนี้
“ผมไม่มีโอกาสอะไรที่จะให้คุณ กลับไปซะเถอะ ผมจะรีบทำงาน” ผมไม่อยากเปิดโอกาสให้เขาได้อยู่กับผมสองต่อสอง เพราะมันไม่ดีกับทั้งหัวใจและความรู้สึกของผม แม้ปากผมจะบอกกับเขาไปอย่างนั้น แต่ใจของผมก็ยังไม่เข้มแข็งพอ ไม่ใช่ว่าผมจะใจอ่อนให้กับเขาหรอก แต่มันแค่ยังเจ็บที่ต้องมาเจอเรื่องเดิมๆ ไม่รู้จักจบจักสิ้นก็เท่านั้น
“ตอนเย็นพี่มารับได้ไหม”
“ไม่ครับ ผมมีนัดทานข้าวกับพี่ทิม”
“ให้พี่ไปด้วยได้รึเปล่า” หลังจากที่เขาเงียบไปสักพัก แล้วกลับเอ่ยคำที่ผมไม่คิดว่าเขาจะพูดออกมา ด้วยสีหน้าที่ไม่บ่งบอกคความรู้สึกว่าเขาคิดยังไง แต่สายตาที่ส่งมาให้ราวกับว่ามันเป็นคำขอร้องอ้อนวอนให้ผมเห็นใจ
“คุณจะไปทำไม ผมนัดดินเนอร์กับแฟนของผม”
“พี่รู้...ขอโทษที่ทำให้มินรำคาญ” สายตาที่บ่งบอกว่าเขาไม่ได้โกหก แต่ผมต้องทำเหมือนไม่สนใจ ต้องใจแข็งทั้งๆ ที่ก็เจ็บเหมือนกัน เขาเดินกลับออกไปแล้ว เหลือก็เพียงแต่ผมที่ยังยืนนิ่ง มองตามหลังของคนที่ผมปฎิญาณกับตัวเองแล้วว่าจะไม่มีวันกลับไปเป็นแบบเดิมอีก
‘ทำไมพี่ต้องกลับมา ทำไมพี่ต้องทำเหมือนรักผมทั้งๆ ที่มันไม่ใช่ ผมเจ็บเกินไปแล้วรู้รึเปล่า ในเมื่อไม่เคยรัก แล้วทำไมไม่อยู่แบบเดิมๆ เหมือนที่ผ่านมา ทำไมไม่ทำเหมือนกับว่าเราไม่รู้จักกัน จะพยายามทำแบบนี้เพื่ออะไร’
ผมก้มหน้าก้มตาทำเค้กตลอดทั้งวัน เพื่อให้ลืมเรื่องบ้าๆ ที่ผ่านมา ผมต้องพยายามมากแค่ไหนเพื่อที่จะทำใจแข็ง ผมไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่ผมถึงจะเลิกเจ็บเพราะผู้ชายคนนั้น ทำเค้กจนลืมเวลาทานข้าว จนพี่พายต้องเข้ามาเรียก ทานข้าวเสร็จก็พยายามหาอะไรทำเพื่อให้ตัวเองยุ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในครัวไม่มีอะไรให้ทำแล้ว แต่ก็ยังเข้าไปล้างทำความสะอาดอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งๆ ที่มันยังสะอาดดี ทำงานเหมือนคนบ้า ไม่ยอมหยุดพักเหมือนที่ผ่านๆ มา ผมไม่อยากว่าง เพราะพอว่างแล้วสมองผมก็วกกลับไปคิดเรื่องเดิมซ้ำๆ จนพี่พายตองเข้ามาสะกิด บราวนี่ก็คงรู้ว่าผมผิดปกติ จึงพยายามชวนผมคุยเล่นหัวเราะไปเรื่อยเปื่อย แต่ทั้งสองคนกลับไม่ได้ถามอะไรผมเลยสักนิด และมันก็เป็นสิ่งดีที่ไม่ทำให้ผมต้องอึดอัดเพราะต้องตอบคำถามที่ไม่อยากจะบอกใคร
“หมูน้อยยยย....” มินร้องเรียกเสียงดัง ทั้งๆ ที่เรานั่งอยู่ด้วยกัน จนผมสะดุ้งด้วยความตกใจ
“เรียกเสียงดังทำไมเนี่ย นั่งอยู่ด้วยกันแท้ๆ” ผมหันไปว่าเพื่อนที่เอาแต่หัวเราะแหะๆ อยู่ข้างๆ บราวนี่ไม่ใช่คนคิดมาก เขาเป็นคนที่ร่าเริงตลอดเวลา คงไมรู้ว่าจะปลอบหรือคุยกับผมยังไงที่เอาแต่นั่งเหม่อใจลอยก็เลยทำแบบนี้
“ก็หมูน้อยไม่คุยกับเค้า ชวนคุยตั้งนานแต่กลับไม่พูด” น้ำเสียงติดงอนเล็กๆ จนผมถึงกลับต้องหัวเราะออกมา นี่กลายเป็นว่าผมผิดเหรอเนี่ยที่ไม่ยอมคุยกับบราว
“เรื่องอะไร”
“เย็นนี้ชวนไปทานข้าวที่บ้าน คุณย่าให้ไป”
“โกหกอีกล่ะสิ เมื่อวานมินพึ่งคุยกับคุณย่า ท่านไม่ได้ว่าแบบนั้นสักหน่อย” บราวนี่ชอบชวนผมไปทานข้าวที่บ้านเสมอ โดยเอาคุณย่ามาอ้าง แรกๆ ผมก็เชื่ออยู่หรอก แต่นานๆ ไปเริ่มจะรู้แล้วว่าเป็นเขาเองนั่นแหละที่สร้างเรื่องโกหก
“โธ่! รู้ทันอีก”
“ใครเขาจะไม่รู้ล่ะ ก็ตัวเองเล่นมุกนี้มากี่รอบแล้ว” ผมส่ายหัวให้กับเพื่อนที่ชอบทำนิสัยแบบเด็กๆ ทั้งๆ ที่อายุก็ไม่ต่างจากผม แต่บราวนี่ก็ทำให้ผมคลายเครียดเพราะนิสัยแบบนี้ของเขานี่แหละ เรานั่งคุยเล่นกันไปเรื่อยทำให้ผมลืมเรื่องของตัวเองไปชั่วขณะ
ผมนั่งทานข้าวที่ร้านอาหารไทยชื่อดังในห้าง วันนี้พี่ทิมเลี้ยงอีกตามเคย ทั้งๆ ที่ผมอยากจะเป็นฝ่ายเลี้ยงเขาบ้างแต่อีกคนกลับทำฟึดฟัด บอกว่าคนเป็นพี่ต้องดูแลน้อง หลังจากนั้นผมเลยไม่เคยได้จ่ายค่าอาหารเวลาที่มาทานด้วยกันอีกเลย แอบเกรงใจพี่ทิมอยู่เหมือนกัน แต่ก็ดีที่ไม่ต้องจ่ายค่าอาหารแพงๆ
น้องเก้าก็มาทานกับเราด้วย ตามคำบัญชาของผม เพราะผมรู้ว่าพี่ทิมคงอยากจะออกมาทานกับน้องเก้าบ้างเหมือนกัน เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ดูเหมือนจะเย็นชาเหลือเกิน มองเผินๆ เหมือนไร้ความรู้สึก ผมสังเกตุเขาแทบจะตลอดเวลา จนบางครั้งสายตาของเราปะทะกัน เป็นผมเองที่ต้องยอมหลบสายตาเขาเอง
ถ้าผมมองไม่ผิดเขาคงจะหึงผมกับพี่ทิมแน่นอน แต่ทำไมเขาถึงทำเป็นนิ่ง ไม่รู้สึกรู้สา ทั้งๆ ที่พี่ทิมก็เคยแสดงออกว่ารักเขาออกขนาดนั้น ทั้งๆ ที่ทั้งสองคนใจตรงกัน ทำไมน้องเก้าถึงปล่อยให้เรื่องเป็นแบบนี้
“ทานนี่ครับมิน ของโปรดไม่ใช่เหรอ”
“รู้ใจมินจริงๆ เลยครับ” ก่อนที่ผมจะตักอาหารใส่จานให้พี่ทิมบ้าง น้องเก้าก็ยังก้มหน้าก้มตาทานอาหารเงียบๆ คนเดียว ก่อนที่เขาจะขอไปเห้องน้ำ
“ร้ายเหมือนกันนะเรา”
“ไม่เท่าพี่ทิมหรอกมั้งครบ”
“ใครอยากให้เขาทำเหมือนคนไร้หัวใจล่ะ ในเมื่อยากให้พี่เป็นแค่พี่ชายข้างบ้านก็ต้องทำแบบนี้แหละ”
“แต่มินว่าน้องเก้ารักพี่ทิมนะ”
“เอาอะไรมาพูด”
“ความรู้สึกไงครับ แล้วก็สายตาที่เขามองพี่ทิม”
“รู้ดีจริงๆ เด็กคนนี้” พี่ทิมยกมือขึ้นมาขยี้หัวผมเบาๆ ส่งยิ้มมาให้ผมอีกที
“แล้วก็รู้อีกอย่างด้วย ว่าพี่ทิมจะต้องโดนน้องเก้าจับกินแน่นอน” สีหน้าพี่ทิมตอนนี้ตลกมากเลยครับ เขาเหวอไปชั่วคราว ก่อนที่จะมองหน้าผมอย่างคาดโทษ
“วันนี้ทำไมคุณซองเขาไม่ตามมินมานะ” หลังจากที่นั่งมาสักพัก พี่ทิมก็คงสังเกตุเหมือนกัน แทบจะทุกครั้งที่ผมไปไหนมาไหนกับพี่ทิมเขาจะคอยตามตลอด แต่วันนี้กลับไม่เห็นแม้แต่เงา
“ก็ดีแล้วนี่ครับ น่ารำคาญจะตายไป”
“หรือว่าเขาจะหมดความอดทนเลิกงอนง้อน้องชายพี่แล้วนะ”
“ช่างเขาสิ พี่ทิมไม่ต้องมาพูดแบบนี้เลย”
“.....” พี่ทิมเงียบ แต่มุมปากกระตุกขึ้นด้วยความเจ้าเล่ห์ ซาตานชัดๆ ขอให้โดนน้องเก้าจับกินในเร็ววัน ได้แต่แอบแช่งพี่ชายนอกใส้ในใจก่อนที่จะทำเป็นสนใจอาหารตรงหน้า แต่แท้ที่จริงแล้วกลับไม่ใช่
ถ้าเขาเลิกตามผมแล้วจริงๆ ผมควรจะดีใจใช่ไหม แต่ทำไมคราวนี้ผมกลับรู้สึกใจหายแปลกๆ เพราะผมไล่เขาเอง ทำไมผมถึงต้องเจ็บเองแบบนี้ล่ะ เมื่อไหร่จะผ่านเรื่องบ้าๆ แบบนี้ซะที ผมควรยิ้มและดีใจมากๆ สิถึงจะถูก
*****************
ตอนนี้ไม่เครียดหรอกเนอะ มีพี่ทิมกับน้องเก้ามาแทรกนิดหน่อย ดราม่าของคู่หลักก็ดูซอฟลงแล้วด้วย เฮียซองคนโหดไม่มีแล้ว เหลือแต่เฮียซองคนที่สำนึกผิด พยายามต่อไปนะเฮีย หวังว่าน้องมินจะใจอ่อนในเร็ววัน
TBC.