บทที่ 28
แท็กซี่คันหนึ่งแล่นมาจอดที่หน้าบ้านจิระมนตรี หลานชายคนรองของเจ้าของบ้านเดินจับมือสิตางศุ์ให้เข้าไปข้างใน เช้านี้รัชพลรีบตื่นและพาสิตางศุ์มาที่นี่ก่อน เขาไม่อยากพาสิตางศุ์ไปที่อื่น ไม่อย่างนั้นคงหนีไม่จบไม่สิ้น เขายินดีจะคุยกับย่าของสิตางศุ์ตรงๆ ถ้าเธอยอมน่ะนะ
“ตารัช!” พอเข้ามาก็เจอริลณีกอดอกยืนรออยู่ก่อนแล้ว สีหน้าของริลณีทำให้รู้ว่าเธอไม่พอใจแค่ไหน
“สวัสดีครับคุณย่าณี” สิตางศุ์ยกมือขึ้นไหว้ ริลณีรับไหว้นั้นก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟา สิตางศุ์กับรัชพลก็ไปนั่งตาม
อัคคีกับคุณรุจไปทำงานแล้ว เพลิงนภาก็ไปเรียนแต่เช้า เหลือเพียงแค่ริลณีและพิมพ์นภาที่อยู่บ้าน ผู้อาวุโสกว่าสองคนมองสิตางศุ์และรัชพลอย่างตำหนิ โดยเฉพาะพ่อหลานชายที่ไปฉุดหลานเค้ากลางงานแบบนั้น
“มีอะไรจะพูดมั้ยตารัช” ริลณีพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด รัชพลกับสิตางศุ์ก้มหน้าลงอย่างสำนึกผิด
“ผมรักสิตางศุ์ครับ” รัชพลพูดกับยายของตัวเอง
“รักสิตางศุ์แต่รัชก็ไม่มีสิทธิ์ไปทำแบบนั้น ย่าของสิตางศุ์ไม่พอใจมากแค่ไหนรัชรู้มั้ย ทำไมไม่ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ทำแบบนั้นเค้ายิ่งไม่พอใจรัช” เป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่ริลณีถอนหายใจเพราะรัชพล หากเธอจะอายุสั้นลงก็คงเป็นเพราะพ่อหลานชายคนนี้แหละ
“แล้วย่าของสิตางศุ์เค้าฟังที่ไหนล่ะครับ คุณยายก็รู้ สิตางศุ์ต้องทนอยู่แบบนั้นผมทนไม่ได้ ผมรักสิตางศุ์ ผมแค่อยากให้สิตางศุ์มีความสุข” รัชพลกำมือสิตางศุ์ไว้แน่น ร่างเล็กนั้นได้แต่นั่งนิ่งไม่ยอมพูดอะไร สิตางศุ์เห็นว่าการนิ่งเงียบนั้นเป็นการดีที่สุด
“แล้วมันไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้แล้วเหรอรัช ฟังนะรัชพล ไม่มีใครเค้าชอบหรอกที่อยู่ๆจะพาตัวหลานเค้าหายไปดื้อๆแบบนี้ ถ้ารัชรักสิตางศุ์จริงรัชก็ต้องทำให้ถูกต้อง บอกครอบครัวของสิตางศุ์ให้รับรู้ ยายยินดีจะไปเจรจาให้ ตอนนี้เรื่องมันบานปลายไปมากแล้ว สิ่งแรกที่รัชต้องทำก็คือไปขอโทษคุณหญิงพิมลซะก่อน เข้าใจมั้ย” ริลณีพยายามสงบสติอารมณ์แล้วค่อยๆพูดกับรัชพล ถ้าเกิดพากันอารมณ์ร้อนเรื่องจะแย่ไปกว่านี้
เฮ้อ... ทำไมเธอต้องมาคอยจัดการเรื่องรักๆใคร่ๆของพวกหลานๆล่ะเนี่ย ตอนนั้นก็น้องริน ตอนนี้ก็ตารัช เรื่องมันวุ่นวายซะไม่มี ใครจะคิดว่าเรื่องมันจะยากจะเย็นขนาดนี้
“พากันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไป เดี๋ยวยายพาไปบ้านคุณหญิงพิมลเค้า” ริลณีไล่ก่อนจะเอายาดมมาสูดเข้าปอด เธอภาวนาให้เรื่องมันจบเร็วๆ ก่อนที่จะเป็นลมตายวันละหลายๆรอบ
“ครับ” รัชพลรับคำแล้วจึงพาสิตางศุ์ขึ้นไปชั้นบนตามคำสั่ง
“ได้เรื่องว่ายังไง” คุณหญิงพิมลที่ไม่ได้นอนเกือบทั้งคืนถามชัชที่เดินเข้ามาหลังจากเธอทานอาหารเช้าเสร็จ
“จากกล้องวงจรปิดเราพบว่านายรัชพลพานายน้อยขึ้นรถสองแถวออกไปทางหลังโรงแรมครับ ตอนนี้ให้คนไปตามสืบ ได้ข้อมูลใหม่มาว่าทั้งสองคนอยู่ที่บ้านของคุณริลณีครับ ส่วนเรื่องของคุณมินตราและคุณทัศนั้นตอนนี้โชติจัดการให้ทั้งสองคนออกนอกประเทศเรียบร้อยแล้วครับ” ชัชรายงานเรื่องทั้งหมดที่เพิ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เรื่องราวมากมายผ่านไปไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ
“บ้านริลณีเหรอ เหอะ... คิดว่าหนีไปที่นั่นแล้วฉันจะไม่กล้ารึไง” คุณหญิงพิมลแสยะยิ้มอย่างดูแคลน ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่มีทางให้สิตางศุ์ต้องคบกับนายรัชพลอะไรนั่นหรอก จะบ้ารึไง เป็นผู้ชายแล้วยังทำไร่ทำสวนอีก หลานเธอไม่ต้องไปตกระกำลำบากเหรอถ้าต้องไปคบกับหมอนั่น
“ตอนนี้เราให้คนไปเฝ้าดูอยู่ครับ เหมือนกับว่าคุณริลณีจะพานายรัชพลและนายน้อยออกไปไหนซักที่ ผมเดาว่าน่าจะตรงมาที่นี่” ชัชพูดต่อ นั่นทำให้คุณหญิงพิมลแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็กระตุกยิ้มอย่างพอใจ
“ดี” เธอลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปที่ห้องรับแขกเพื่อรอพบริลณีและหลานชายนอกคอกนั่น
ไม่นานรถของบ้านจิระมนตรีก็แล่นเข้ามาจอดในบ้านศิรินทรา ริลณีเดินนำหลานๆเข้าไป ชัชที่รออยู่ก่อนแล้วเชิญทั้งหมดเข้าไปหาพิมลที่รออยู่ในห้องรับแขก เมื่อเห็นหน้าพิมล ริลณีก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาโดยทันที แต่เธอก็ต้องทำเป็นไม่สนใจ เธอมาที่นี่เพื่อมาเจรจา ไม่ได้มาทะเลาะ
“มาได้แล้วเหรอ ฉันรออยู่ตั้งนาน” คุณหญิงพิมลพูดแล้วจ้องไปที่รัชพลกับสิตางศุ์ที่เดินตามหลังเข้ามา สิตางศุ์หลบตาวูบ ไม่กล้ามองหน้าย่าของตัวเอง
“วันนี้ฉันอยากมาคุยกับเธอดีๆนะพิมล เรื่องของหลานฉันและหลานของเธอ” ริลณีนั่งลงตรงข้ามแล้วเริ่มประเด็น
“มีอะไรก็ว่ามาสิ ฉันรอฟังอยู่” นายเหนือแห่งบ้านศิรินทรากอดอกแล้วเชิดหน้าขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นฉันคงไม่ต้องอ้อมค้อม ตารัชหลานฉันกับสิตางศุ์หลานของเธอ เค้ามีความรักที่จริงใจต่อกัน ฉันขอเป็นตัวแทนรัชพลมาพูดเรื่องที่จะให้เค้าทั้งสองคนคบหากัน ฉันหวังว่าเธอคงจะไม่มีปัญหาอะไร” ริลณีไม่อ้อมค้อม เข้าประเด็นอย่างรวดเร็ว
“เธอคงผิดหวังแล้วล่ะ เรื่องอะไรฉันจะยอมให้สิตางศุ์ไปคบกับคนที่ทำให้เค้าโดนยิงเกือบตายแบบนั้น” คุณหญิงพิมลตวัดสายตามองริลณี
“แต่คุณย่าครับ เรื่องนั้นพี่รัชไม่ได้เป็นคนผิดนะครับ ผมเองที่ทะเล่อทะล่าออกไป” สิตางศุ์รีบแย้งขึ้น เขาไม่ยอมให้รัชพลถูกมองว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องเจ็บตัวแบบนั้น
“แล้วใครล่ะไปมีเรื่องกับพวกนักเลงพวกนั้น ไม่ใช่รัชพลของหลานเหรอสิตางศุ์” คุณหญิงพิมลเริ่มที่จะขึ้นเสียง
“ผมยอมรับครับว่าผมผิดที่ดูแลสิตางศุ์ไม่ดี และเป็นต้นเหตุที่ทำให้สิตางศุ์ต้องเจ็บตัวแบบนั้น แต่ผมขอโอกาส ผมรักสิตางศุ์จริงๆ และผมก็ไม่มีทางให้สิตางศุ์ต้องเจ็บตัวแบบนั้นอีกแน่นอน” รัชพลที่เงียบอยู่นานพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“เธอจะพูดอย่างเดียวไม่ได้หรอกนะ ฉันไม่มั่นใจว่าการที่เธอคบกับหลานฉันเธอจะทำให้สิตางศุ์มีความสุขได้อย่างที่พูดรึเปล่า ไร่น้ำรินของเธอนั่นก็ชอบไปมีเรื่องกับนักเลงท้องถิ่น แล้วถ้าคบกับเธอหลานฉันต้องไปตากแดดในไร่ฉันยอมไม่ได้ และฉันก็ไม่เห็นว่าการที่สิตางศุ์คบกับเธอนั้นมันไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรเลย” คุณหญิงพิมลมองหน้ารัชพลด้วยสายตาที่เหยียดหยาม นั่นทำให้รัชพลกำมือแน่นแล้วกำลังจะตอกกลับ แต่ริลณีห้ามไว้ก่อน
“นี่พิมล มันก็จริงที่หลานฉันคบกับหลานเธอแล้วไม่ได้สร้างผลประโยชน์ทางธุรกิจเหมือนกับที่เธอทำกับลูกชายและลูกสะใภ้ของเธอ แต่ฉันมั่นใจว่ารัชพลทำให้สิตางศุ์มีความสุขแน่นอน เอาตรงๆเลยนะ ฉันเองไม่ใช่คนในครอบครัวเธอ แต่ฉันยังดูออกว่าหลานเธอต้องการอะไร สิตางศุ์ต้องการความสุขและความรักซึ่งรัชพลให้ได้ สิตางศุ์ต้องการอิสระที่ไม่ต้องมาอยู่ในกรอบที่เธอวางไว้ ต่อให้เขาไปอยู่กลางไร่สิตางศุ์ก็ยังจะยินดีมากกว่าอยู่ที่นี่” ริลณีร่ายยาว ทำไมพิมลหัวรั้นขนาดนี้นะ เหมือนเธอกำลังพูดอยู่กับเด็กยังไงอย่างนั้น
“ริลณี!” เจ้าของบ้านศิรินทราตวาดกร้าวเมื่อถูกต่อว่าอย่างนั้น
“ที่คุณย่าณีพูด มันก็จริงนะครับคุณย่า...” สิตางศุ์แทรกขึ้นมา เขามองไปยังคุณหญิงพิมลด้วยสายตาที่ตัดพ้อ
“หมายความว่ายังไงสิตางศุ์”
“ที่ผ่านมาผมไม่เคยพูดหรือไม่เคยขออะไรคุณย่าเลย ตอนนี้ผมโตแล้วผมอยากเลือกชีวิตเองบ้าง ผมไม่อยากเหมือนคุณพ่อที่ต้องมากลับบ้านเดือนละไม่กี่ครั้งเพราะต้องทำงานตลอดเวลา ต้องเหมือนคุณย่าที่ทำงานหนักและไปพบปะสมาคมกับคนนั้นคนนี้ไปทั่ว ผมแค่อยากมีชีวิตอิสระเป็นของตัวเอง สองเดือนที่ผมไปอยู่ไร่น้ำริน ผมมีความสุขมาก คุณรัชเค้ามีและคนที่นั้นดีกับผม แม้ว่าผมจะเป็นคนแปลกหน้าที่ไปขออาศัยอยู่ก็ตาม และผมก็ได้พบกับความรักที่จริงใจ พบกับครอบครัวที่แสนอบอุ่นของคุณรัช นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ผมต้องการ คุณย่าครับ ผมขอได้มั้ยครับ ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ผมจะขออะไรจากคุณย่า” สิตางศุ์มองหน้าย่าของตัวเอง สายตาที่แน่วแน่นั้นจับจ้องพิมลไม่วางตา
พิมลรู้สึกเบือนหน้าหนี เธอไม่กล้าสบตาหลานชาย เป็นครั้งแรกที่สิตางศุ์พูดกับเธอแบบนี้ เป็นครั้งแรกที่สิตางศุ์บอกความต้องการของตัวเองออกมา เพราะทุกครั้งสิตางศุ์คอยทำตามสิ่งที่เธอต้องการอยู่เสมอ คำพูดเหล่านั้นทำให้พิมลพูดไม่ออก
เธอปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่สิตางศุ์อยู่กับเธอนั้นไม่มีความสุข แม้ว่าจะเป็นคนในครอบครัวก็ตาม แต่กลับห่างเหินกันเหลือเกิน สิตางศุ์กับพ่อแม่เหมือนเป็นคนแปลกหน้าต่อกันและกัน สิตางศุ์กับเธอเหมือนเจ้านายกับลูกน้องที่ต้องคอยทำตามคำสั่งตลอดเวลา ตอนนี้เธอแอบรู้สึกผิดแต่เธอก็ทำใจให้สิตางศุ์ไปมีชีวิตไปของตัวเองไม่ได้ เพราะศิรินทราของเธอต้องการสิตางศุ์
“ชัช พาคุณสิตางศุ์ขึ้นไปข้างบน ส่วนเธอริลณี ขออนุญาตเสียมารยาทพูดว่ากลับไปพร้อมกับหลานเธอได้แล้ว วันนี้ฉันอยากพักผ่อน” พูดจบคุณหญิงพิมลก็ลุกไปจากตรงนั้นเสียดื้อๆ
“คุณย่าครับ!” สิตางศุ์ตะโกนตามหลังแต่คุณหญิงพิมลก็ยังไม่หันมามอง
“ขอเชิญข้างบนครับนายน้อย” ชัชพูดกับสิตางศุ์ที่ยังคงจับมือรัชพลไว้แน่น
“ไม่ได้ สิตางศุ์ถ้าย่าของสิตางศุ์ไม่ยอมก็หนีไปกับพี่” รัชพลไม่ฟังอะไรพิมลทั้งนั้น ยังไงเขาก็ไม่ยอมแน่หากคุณหญิงพิมลไม่ยอมให้เขาคบกับสิตางศุ์แบบนี้
“แต่คุณย่าท่านจะยิ่งโกรธนะครับ” สิตางศุ์แอบค้าน ยังไงสิตางศุ์ก็ยังคิดว่าการที่ค่อยๆพูดกับย่าของเขานั้นเป็นการดีกว่า น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน เพียงแต่รัชพลนั้นรอหินกร่อนจากน้ำไม่ไหว
“แล้วย่าของสิตางศุ์ยอมฟังที่พวกเราพูดมั้ยล่ะ” รัชพลโมโหหนัก
“ที่สิตางศุ์พูดน่ะถูกแล้ว ยิ่งทำแบบนั้นพิมลยิ่งจะไม่พอใจ ตอนนี้ให้สิตางศุ์อยู่ที่นี่น่ะถูกแล้ว อย่างนั้นพิมลก็มีท่าทีที่อ่อนลงแล้ว” ริลณีต้องปรามหลานชาย ขืนปล่อยรัชพลทำตามใจตัวเองแบบนี้อีกมีหวังชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่สมหวังหรอก
“คุณยาย” รัชพลหันมาทำเสียงตัดพ้อริลณี ทำไมทุกคนต้องคิดว่าการที่สิตางศุ์อยู่ที่นี่เป็นเรื่องดี ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็เห็นด้วยกับเขา
“ฟังยาย ไป กลับบ้านเรา แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่” ริลณีลุกขึ้นก่อนจะพยายามดึงแขนรัชพลให้เดินตามเธอ
“เชิญครับนายน้อย” ชัชเองก็เร่งสิตางศุ์ให้เดินขึ้นไปชั้นบนของบ้านตามที่คุณหญิงพิมลสั่งไว้
“ไม่ต้องห่วงนะสิตางศุ์ พรุ่งนี้พี่จะมาหาใหม่” รัชพลให้คำมั่นก่อนจะยอมเดินตามริลณีไป
“ผมจะรอนะพี่รัช” สิตางศุ์ตอบกลับแล้วเดินตามชัชขึ้นไปข้างบนตามคำสั่ง รัชพลได้แต่มองตามตาละห้อย
น้ำหยดลงหินอะไร ไม่มีทางทันใจเขาหรอก อย่างนี้มันต้องเอาสว่านมาเจาะ!
“นั่นไง มาแล้วค่ะ” พิมพ์นภาเรียกบุรินทร์เมื่อพบว่าริลณีและรัชพลเดินเข้าบ้านมาแล้ว
“พ่อ” รัชพลแปลกใจไม่น้อยที่อยู่ๆก็เห็นบุรินทร์มาอยู่ที่นี่ เดี๋ยวๆ พ่อของเขามาได้ไง
“มาแล้วเหรอพ่อลูกเขย รู้มั้ยว่าลูกชายแกน่ะไปทำเรื่องอะไรไว้” มาถึงไม่ทันไรริลณีก็ชิงด่าบุรินทร์เสียแล้ว เธอเดินมานั่งที่โซฟาแล้วหยิบยาดมเข้ามาสูด พิมพ์นภาเดินมานั่งข้างๆแม่สามีแล้วช่วยพัดให้
“ก็พอจะรู้แหละครับ ตารัชมันเป็นคนยังไงคุณแม่ก็รู้ เรื่องนี้เองผมก็ยังห้ามมันไม่ได้เลย” บุรินทร์ว่า
“แล้วยังไงล่ะ ไปมีเรื่องกับใครไม่มี ไปมีเรื่องกับคุณหญิงพิมล แล้วยังไม่ฉุดหลานเค้ามาอีก เพิ่งจะเอาไปส่งเมื่อกี้นี้เอง ไม่โดนยิงตายก็บุญเท่าไหร่แล้ว”
“แล้วผมจะรู้มั้ยครับว่าสิตางศุ์เป็นลูกหลานใคร รู้แค่ว่าเป็นเพื่อนรินก็แค่นั้น และอีกอย่างผมมั่นใจว่าลูกผมทำแบบนั้นก็เพราะมีเหตุผล ตารัชไม่ใช่คนที่ทำอะไรโดยไม่มีเหตุผล และที่สำคัญ ตารัชรักสิตางศุ์จริง” บุรินทร์เถียงกลับ
“แล้วแกมาบอกฉันมันจะมีประโยชน์มั้ยล่ะ นู่น ไปบอกครอบครัวสิตางศุ์นู่น” ริลณีเริ่มเหนื่อย เถียงกับพิมลไม่พอ เธอต้องมาเถียงกับบุรินทร์อีกระลอกหนึ่ง
“ใจเย็นๆกันนะคะ อย่าเพิ่งทะเลาะกันตอนนี้ มาช่วยกันแก้ปัญหาก่อนดีกว่า อย่าทะเลาะกันเองเลย” พิมพ์นภารีบห้ามก่อนที่ลูกเขยกับแม่ยายคู่นี้จะทะเลาะกันแรงขึ้น เพราะยิ่งกว่านี้เธอก็เจอมาแล้ว
“พ่อกับคุณยายอย่าเพิ่งทะเลาะกันเลยครับ ตอนนี้เราต้องช่วยกันคิดก่อนว่าจะทำยังไงให้บ้านของสิตางศุ์ยอมรับผม” รัชพลทำหน้าเครียด เขาเครียดเรื่องสิตางศุ์แล้วยังต้องมาฟังพ่อกับยายทะเลาะกันแบบนี้อีกเหรอ
“ถ้ามันยากมากก็เอาขันหมากไปสู่ขอเลย ดูซิคราวนี้จะยอมมั้ย” บุรินทร์โพล่งขึ้นด้วยความโมโห แต่รัชพลกลับหันขวับไปมองหน้าบิดาอย่างเห็นทางสว่าง
“ก็ดีเหมือนกันนะพ่อ ในเมื่อพูดดีๆไม่ยอม จะพาหนีก็ไม่ได้ ก็ไปขอตรงๆเลย” รัชพลยิ้ม
“จะบ้าหรือไงตารัช” ริลณีทำสีหน้าไม่เห็นด้วย
“ไม่บ้าล่ะครับ ผมทำจริง!” ทุกคนหันมามองหน้ารัชพลอย่างไม่เข้าใจ งานนี้มีวิธีไหนที่คิดว่าทำแล้วรุ่งก็ต้องทำ คุณหญิงพิมลยิ่งเป็นคนมีหน้ามีตาอยู่ รัชพลจะได้ไปต่อรึเปล่าก็ต้องมาดูกันคราวนี้ล่ะ
สิตางศุ์นั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีดำเรียบร้อย เขายังไม่รู้ว่าจะเอายังไงต่อไปดี เพราะพูดตรงๆย่าของเขาก็ยังไม่ยอมอยู่ดี สิตางศุ์ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีแล้ว
“สิตางศุ์... อยู่มั้ยลูก” เสียงเรียกหนึ่งดังขึ้นหน้าห้องพร้อมกับเสียงเคาะประตู สิตางศุ์ลุกขึ้นไปเปิดประตูนั้นแล้วพบว่าเป็นอนันต์ที่ยืนอยู่หน้าห้องด้วยชุดทำงานเต็มยศ
“คุณพ่อ” นานๆทีอนันต์จะกลับบ้านครั้งนึง เฉลี่ยเดือนละไม่กี่ครั้ง ทุกครั้งสิตางศุ์จะเจออนันต์ในตอนกินข้าวก็เท่านั้น ไม่บ่อยครั้งนักที่อนันต์จะมาหาเขาถึงห้องแบบนี้
“พอดีพ่อมีเรื่องอยากจะคุยด้วยหน่อยน่ะ” อนันต์ยิ้มให้ลูกชายก่อนจะเดินเข้าไปในห้องแล้วนั่งบนเตียงนอนของสิตางศุ์ สิตางศุ์เองก็เดินมานั่งตาม
“คุณพ่อมีอะไรรึเปล่าครับ” สิตางศุ์ถามด้วยความแปลกใจ ตั้งแต่เกิดมานั้นเขามีเรื่องคุยกับพ่อตัวเองแค่ไม่กี่เรื่องเท่านั้น
“พ่อรู้เรื่องเมื่อตอนกลางวันแล้วนะ” คำพูดของอนันต์ทำให้สิตางศุ์ต้องหันไปมองหน้าบิดา
“หึ.. คุณย่าท่านไม่ยอมรับฟังผมหรอก” สิตางศุ์ก้มหน้าลง เขารู้ว่ายังไงแล้วย่าของเขาก็ไม่มีทางรับฟังความเห็นใคร
“ที่คุณย่าทำน่ะมีเหตุผลนะลูก”
อนันต์เอื้อมมือไปโอบไหล่ลูกชายไว้ แล้วดันหัวสิตางศุ์ให้ซบลงบนไหล่เขา สิตางศุ์แอบตกใจเล็กน้อย เขาไม่เคยถูกปฏิบัติแบบนี้จากคนเป็นพ่อเลย
“คุณย่าน่ะท่านตั้งความหวังกับศิรินทราไว้มากเพราะท่านต้องเจองานหนักเมื่อตอนที่รับช่วงต่อจากคุณปู่ พ่อเองก็ถูกท่านเลือกทางเดินชีวิตให้ จนมันกลายเป็นแบบนี้ พ่อรู้ว่ามันไม่มีความสุขแค่ไหนแต่ก็ต้องยอมเพราะพ่อไม่อยากให้ย่าของลูกต้องผิดหวัง” อนันต์พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง แต่สิตางศุ์สัมผัสได้ถึงความสั่นเครือนั้น
“คุณพ่อเคยมีความฝันบ้างมั้ยครับ” ไม่รู้อะไรดลใจให้สิตางศุ์ถามแบบนั้น
“มีสิ... ใครๆก็ต้องเคยมีความฝัน แต่พ่อลืมมันไปตั้งแต่ตอนที่รู้ว่าตัวเองต้องรับช่วงต่อที่บ้านแล้ว”
เรื่องใหม่ที่สิตางศุ์ไม่เคยรู้ ไม่เคยรู้เลยเกี่ยวกับพ่อตัวเอง เขารู้ว่าความรู้สึกนี้เป็นยังไง พ่อของเขาเองก็คงไม่ต่างกัน
“แล้วสิตางศุ์ล่ะลูก ลูกฝันอยากจะทำอะไร” คราวนี้เป็นอนันต์ที่ถามกลับ
“ผมอยากมีชีวิตเป็นของตัวเอง ผมอยากไปได้ทุกที่ตามที่ต้องการ โดยไม่ต้องมีคนของคุณย่าคอยแอบตามตลอดเวลา ไม่ต้องมีถูกกำหนดว่าให้กลับบ้านตอนไหนและอยากทำอย่างที่ใจตัวเองต้องการ” นั่นคือสิ่งเดียวที่สิตางศุ์ปรารถนาในตอนนี้ อนันต์ยกยิ้มเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่สิตางศุ์บอกความต้องการกับเขาแบบนี้
“ทำไมมันซะลูก... ทำอย่างที่ใจสิตางศุ์ต้องการ พ่อรู้ว่าตอนนี้สิตางศุ์มีใครมากกว่าพ่อและคุณย่า ถ้าเค้าทำให้สิตางศุ์มีความสุข สิตางศุ์ก็ไปหาความสุขนั้น” อนันต์หันมายิ้มให้ลูกชาย
ความสุขที่สิตางศุ์ต้องการ เขายินดีที่จะให้ เพราะเขาไม่มีทางให้สิตางศุ์ได้ เขายินดีจะปล่อยสิตางศุ์ไปหาความสุขนั้น ความสุขที่สิตางศุ์ไม่เคยได้รับมาตลอดยี่สิบสี่ปี
“...คุณพ่อ” สิตางศุ์มองบิดาอย่างไม่เข้าใจ
“พ่อจะไม่ห้าม ไม่ห้ามสิตางศุ์ไม่ให้รักใคร พ่อให้ความสุขกับสิตางศุ์ไม่ได้ สิตางศุ์ก็จงไปหามัน ตอนนี้ลูกโตแล้ว ลูกมีสิทธิ์ที่จะเลือกทางเดินชีวิตของตัวเอง ถ้าวันหนึ่งสิตางศุ์ต้องเป็นเหมือนพ่อ พ่อคงยอมไม่ได้”
สิตางศุ์มองอนันต์ไม่วางตา แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาไม่รู้ตัวก่อนจะโผกอดบิดาเต็มแรง เป็นครั้งแรกที่อนันต์รับฟังเขา เป็นครั้งแรกที่สิตางศุ์รู้สึกว่าเขาเป็นลูกของอนันต์จริงๆ
“พ่ออาจจะเป็นพ่อที่ดีที่สุดไม่ได้ พ่อทำให้สิตางศุ์ต้องเป็นเด็กที่เก็บตัวและร้องไห้ตลอดเวลา พ่อไม่มีเวลาดูแลสิตางศุ์ พ่อขอโทษ พ่อพยายามทำมันแล้ว แต่พ่อก็ทำไม่ได้ พ่อทิ้งงานไม่ได้ ถ้ามีสิ่งไหนที่พ่อจะทดแทนได้ พ่อก็ยินดีถ้ามันจะทำให้สิตางศุ์ของพ่อมีความสุข” อนันต์กอดร่างเล็กของลูกชายไว้แน่น สิตางศุ์สะอื้อไห้แล้วมุดลงกับเสื้อสูทราคาแพงนั้นของบิดา
“ขอบคุณครับ ขอบคุณนะครับพ่อ”
“พ่อจะช่วยคุยกับคุณย่าให้ ตอนนี้ลูกก็นอนพักผ่อนก่อนนะ อย่าคิดมาก แผลยังไม่หายดีเลย” อนันต์ดันสิตางศุ์ออกแล้วลุกขึ้น เขาลูบหัวลูกชายที่ยังคงสะอื้นอยู่
“พ่อรักสิตางศุ์นะ แม้ว่าพ่อจะไม่เคยทำให้สิตางศุ์รู้ว่าพ่อรักสิตางศุ์ แต่พ่อไม่เคยคิดที่จะทิ้งลูก พ่ออยากเห็นสิตางศุ์มีความสุข”
“ผมก็รักพ่อนะครับ” คำพูดที่สิตางศุ์ไม่เคยพูดกับบิดา วันนี้เขาสามารถพูดมันได้อย่างไม่เคอะเขินอีกต่อไป คนแปลกหน้าในบ้านเดียวกันตอนนี้กลับกลายเป็นพ่ออย่างที่ควรเป็น
บางทีสิตางศุ์ก็คิดว่า เขาควรบอกความต้องการขอตัวเองมาตั้งนานแล้ว ไม่ควรเก็บมันไว้อย่างนี้ ไม่เช่นนั้นเรื่องมันคงไม่แย่มาจนถึงทุกวันนี้ อาจจะเป็นครั้งแรกที่สิตางศุ์สัมผัสได้ถึงคำว่าครอบครัวที่แท้จริง
**********************************************************************************
แต่งงานกันเด้อ เด้อ เด้อ นางเดอ~ แมรี่มี เด้อแมรี่มี เมียซื้อเงินสด รถซื้อเงินผ่อน อะ อะ อยากแต่งงานนนนนนน~