บทที่ 26
รอบที่สี่ที่สิตางศุ์กดโทรหารัชพลจากเบอร์ที่ภูวดลให้ไว้ เขาเริ่มไม่มั่นใจว่านี่คือเบอร์ของรัชพลจริงหรือเปล่า ถ้าเกิดว่าใช่แล้วทำไมรัชพลไม่ยอมรับโทรศัพท์ของเขา สิตางศุ์หน้าเจื่อนลง เขาโทรไปตั้งหลายรอบแต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบกลับจากอีกคน สุดท้ายร่างบางก็จำใจต้องหยุด สิตางศุ์ปิดโทรศัพท์แล้วล้มตัวลงนอน วงจรชีวิตของเขาน่าเบื่อกว่ายุงเสียอีก
“สิตางศุ์ อยู่มั้ยลูก” เสียงเรียกหน้าห้องพร้อมกับเสียงเคาะประตูทำให้สิตางศุ์ต้องลุกไปเปิดประตูห้อง
“มีอะไรเหรอครับคุณย่า” สิตางศุ์ตอบด้วยน้ำเสียงเนือยๆ
“ไปดูชุดกับย่า วันนี้ต้องไปทานข้าวกับคุณสินีนุช พรุ่งนี้มีงานวันเกิดคุณวิเชียรอีก” คุณหญิงพิมลในชุดผ้าไหมสีเข้มพร้อมกับหน้าผมที่ถูกจัดอย่างเต็มยศพร้อมออกไปข้างนอกพูดกับสิตางศุ์ที่สภาพเหมือนเพิ่งจะตื่นนอน
“คุณย่าครับ ผมไม่อยากไป” สิตางศุ์รู้สึกเบื่อ เขาเพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาลได้แค่วันเดียวเท่านั้น แผลก็ใช่ว่าจะหายดี แต่คุณย่ากับลากเขาไปออกงานนู่นนี่
“ไม่อยากไปก็ต้องไป คนอื่นเค้าอยากเจอหลานจะแย่ ไม่เคยจะออกงานสังคมบ้าง อีกหน่อยก็ต้องรับช่วงต่อแล้ว เรียนรู้งานไว้แต่เนิ่นๆ”
ทุกวันนี้เธอต้องคอยยิ้มและบอกกับคนในวงสังคมตลอดว่าหลานชายของเธอนั้นยังไม่พร้อมที่จะมาเจอทั้งๆที่อายุอานามก็เหมาะสมที่จะเข้าทำงานแล้ว ลูกหลานบ้านอื่นเค้าไปงานนู้นงานนี้ตั้งแต่เด็ก จะมีก็แต่สิตางศุ์ที่ทำตัวแปลกแยก
“แต่ผมยังไม่หายดีนะครับคุณย่า”
“แต่มันก็หายแล้วนิ ไม่รู้ล่ะ ยังไงก็ต้องไป ย่าจะไปรอข้างล่าง เร็วๆด้วยล่ะ” พูดจบคุณหญิงพิมลก็เดินลงไปชั้นล่างโดยที่ไม่ฟังคำคัดค้านของสิตางศุ์
ร่างบางได้แต่ถอนหายใจ ทำไมเขารู้สึกเหนื่อยไปทุกวัน ต่อให้บอกความต้องการของตัวเองไปยังไง ย่าของเขาก็ไม่เคยฟังอยู่ดี บางทีเขาไม่อยากเกิดมาเป็นสิตางศุ์ ศิรินทราเลยด้วยซ้ำ
สุดท้ายสิตางศุ์ก็จำใจเดินเข้าห้องไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปข้างนอกตามความต้องการของคุณหญิงพิมล
“เสร็จแล้วครับคุณยาย” รัชพลกลบดินเป็นการปิดท้ายก่อนจะถอดถุงมือออก ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเย็น ต้นไม้ของริลณีถูกนำลงดินครบทุกต้น โดยฝีมือของหลานชายคนเก่ง
“ขอบใจมากลูก ถ้ายายทำเองเดือนนี้ก็ไม่เสร็จ ไปอาบน้ำแต่งตัวเร็ว เปื้อนดินเปื้อนโคลนหมด” ริลณียิ้มกว้าง เรื่องใช้กำลังนี่ขอให้บอกรัชพลเค้าล่ะ แรงเยอะอย่าบอกใคร
เธอมองหลานชายคนรองแล้วแอบท้อใจ ถ้าอยู่กับเธอนะ รัชพลไม่มีทางตัวดำคร้ามแดดแบบนี้หรอก ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกโกรธพ่อลูกเขยตัวดี ถ้าตอนนั้นแย่งหลานมาเลี้ยงได้หมด เธอจะรู้สึกดีกว่านี้
รัชพลยิ้มให้ผู้อาวุโสก่อนจะเดินเข้าบ้านแล้วตรงไปยังห้องของตัวเอง อาบน้ำอาบท่าเสร็จก็ลงมาข้างล่างเพื่อเอาของขึ้นไปเก็บ แล้วก็พลันเห็นแจ้งเตือนในโทรศัพท์
ไม่ได้รับห้าสาย จากเบอร์แปลก...
“ใครกัน” รัชพลงงเล็กน้อย ปกติเบอร์ของเขาไม่มีใครรู้นอกเสียจากคนที่สนิทจริงๆหรือไม่ก็มีงานที่ต้องทำร่วมกัน คิดได้ดังนั้นจึงกดโทรกลับ เผื่อว่าคนที่โทรมาจะมีธุระด่วน
รออยู่นานแต่ก็ยังไม่มีคนรับ รัชพลเลยตัดสินใจไม่โทรต่อ ถ้าคนที่โทรมามีธุระจริงๆเดี๋ยวก็คงโทรมาอีกรอบนั่นแหละ
โทรศัพท์เครื่องเล็กที่กระพริบอยู่บนเตียงนอนนั้นดับไป สิตางศุ์ลืมไว้ก่อนจะออกไปพร้อมกับคุณหญิงพิมล...
วันงานมาถึง งานนี้เป็นงานการกุศลที่คุณอรนุชจัดขึ้นเป็นประจำโดยร่วมกับสมาคมของเธอ จัดขึ้นในโรงแรมใหญ่ใจกลางเมือง คุณหญิงพิมลมาร่วมงานในฐานะผู้ร่วมจัดงาน งานนี้เธอต้องการจะเปิดตัวหลานชายคนเดียวที่กำลังจะมาสืบทอดกิจการต่อ
สิตางศุ์ที่ยังคงเจ็บแผลอยู่วันนี้ใส่ชุดสีขาวซึ่งเข้ากับชุดของคุณหญิงพิมล เขาทำหน้าเบื่อๆ งานนี้เป็นงานของคุณย่าและป้านุชก็จริง ใช่ว่าเขาไม่อยากมาร่วม แต่เขาเบื่อกับการที่ย่าของเขาพาไปเจอคนนู้นคนนี้ต่างหาก สิตางศุ์ได้แต่ยิ้มแห้งๆแล้วยกมือไว้ไปก็เท่านั้น เขาไม่รู้จักใครเลย แน่ล่ะ เคยออกงานเสียที่ไหน
อีกด้านหนึ่งบ้านจิระมนตรีก็มาร่วมงานเช่นกัน วันนี้คุณริลณีมากับอัคคีและเพลิงนภา รวมทั้งรัชพลที่ติดสอยห้อยตามมาด้วย จากพ่อหนุ่มบ้านไร่ตอนนี้ถูกคุณยายจับเชตผม ใส่สูทสีเข้มมาเป็นลูกหลานตระกูลจิระมนตรีเรียบร้อย ค่อยพอไปวัดไปวากับเขาได้บ้าง รัชพลในชุดที่ดูสุภาพภูมิฐานก็ดูดีไม่น้อยเลยทีเดียว สมแล้วที่เป็นหลานของเธอ
“ใส่เน็กไทด์ให้มันดีๆสิลูก ตาอัคดูน้องยังไง น้องแต่งตัวไม่เรียบร้อยเนี่ย” คุณริลณีตรวจสอบความเรียบร้อยของหลานชายอีกรอบก่อนจะพาเข้างาน อัคคีกับเพลิงนภาแอบขำเล็กน้อยกับท่าทางเก้กังของรัชพลนั้น
“สวัสดีค่ะ คุณพี่ณี” คุณอรนุชเข้ามาทักทายเมื่อเห็นริลณีเดินเข้ามาในงาน
“สวัสดีค่ะคุณน้องนุช จัดงานใหญ่เหมือนกันนะคะเนี่ย” ริลณีทักทายตามประสาคนรู้จักกัน
“พอดีให้ตาภูเป็นคนจัดการน่ะค่ะ ต้องยกความดีความชอบให้ลูกชายคนนี้ ยังไม่ได้ทักทายหลานๆเลย เป็นไงบ้างพ่ออัค เริ่มทำงานกับพ่อเขาแล้ว” อรนุชถามอัคคีที่อยู่ข้างหลังริลณี
“เริ่มจะลงตัวแล้วครับน้านุช” อัคคีตอบ
“ดีแล้วลูก นี่ตาภูก็เข้าทำงานแล้วเหมือนกัน ว่าแต่นั่นใครกันล่ะนั่น ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน” อรนุชเพิ่งจะสังเกตเห็นรัชพลที่ยืนอยู่ข้างๆอัคคีกับเพลิงนภา
“อ๋อ ลืมแนะนำไปเลย นี่ตารัชหลานพี่เองแหละ ลูกยัยดาน่ะ เพิ่งมาจากเชียงราย” ริลณียิ้มกว้างเมื่อแนะนำหลานชายคนรองของตัวเอง
“สวัสดีครับ” รัชพลยกมือไหว้ เพลิงนภาบอกเขาว่าเจ้าของงานวันนี้คือแม่ของภูวดล ท่าทางแล้วดูเป็นคนใจดีไม่น้อยเลยทีเดียว
“ไหว้พระเถอะลูก” อรนุชยิ้มรับ เธอพอจะทราบว่าลูกสาวของริลณีนั้นเสียไปเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีลูกโตขนาดนี้แล้ว
“ถ้าอย่างนั้นขอตัวก่อนนะคะ ว่าจะไปหาพิมลเสียหน่อย” ริลณีตัดบท เธอมีภารกิจที่ต้องทำ ภารกิจช่วยหลานชายตัวดีของเธอนี่แหละ ไม่รู้ว่าจะไปได้ซักกี่น้ำกันเชียว
“เชิญเลยค่ะ” อรนุชพูด
หลังจากเข้างานมาอัคคีกับเพลิงนภาก็ขอแยกตัวออกไปเมื่อมีคนเข้ามาทัก ริลณีจึงพาแค่รัชพลเดินไปหาคุณหญิงพิมลที่กำลังยืนคุยกับลูกค้าคนสำคัญของศิรินทราอยู่ ข้างๆมีสิตางศุ์ที่ดูเหมือนจะไม่สนใจโลก เพียงเท่านั้นหัวใจของรัชพลก็พองโตขึ้นมา
หลายวันที่ไม่เจอกันมานี้สิตางศุ์ของเขาดูซูบลงไปมาก แล้วแผลหายดีแล้วหรือไงถึงได้มาออกงานแบบนี้ เรื่องนี้รัชพลแอบเป็นห่วงไม่น้อยเลยทีเดียว ใบหน้าที่ซีดจางและท่าทางเบื่อหน่ายนั้นทำให้รัชพลรู้ว่าสิตางศุ์ไม่มีความสุขที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ สิตางศุ์ที่น่ารักของเขากลับกลายมาเศร้าเหมือนเดิม ยิ่งเห็นรัชพลก็ยิ่งทนไม่ได้
“สวัสดีจ้ะพิมล ตามหาตั้งนาน” ริลณีทักเพื่อนสมัยเรียน คุณหญิงพิมลที่กำลังคุยอย่างออกรสออกชาติต้องหันมามอง รวมทั้งสิตางศุ์ด้วย
สิตางศุ์ตาโตแล้วแปลกใจไม่น้อยที่เห็นรัชพลอยู่ตรงหน้า บทสนทนาของคุณหญิงพิมลและริลณีไม่เข้าหัวเขาเลยสักนิด ตอนนี้สิตางศุ์นิ่งงัน มองคนตรงหน้าด้วยหัวใจที่เต้นระส่ำ
รัชพล รัชพลจริงๆด้วย แม้ว่าผมที่เคยปล่อยให้ดูรกๆตอนนี้ถูกเซตอย่างดี เสื้อผ้าที่เคยใส่เข้าไร่เข้าโรงบ่มก็ถูกเปลี่ยนเป็นสูทหรู แต่ภาพลักษณ์ภายนอกก็ไม่สำคัญเท่ากับตอนนี้ที่รัชพลมายืนอยู่ตรงหน้าเขา
“นี่ตารัชจ้ะ รัชพล หลานชายฉันเอง เพิ่งมาจากเชียงราย” ริลณีจับที่หัวไหล่ของรัชพลแล้วแนะนำให้คุณหญิงพิมลรู้จัก
“สวัสดีครับ” ร่างสูงเบนสายตามามองหญิงชราตรงหน้า แล้วยกมือไหว้ก่อนจะหันกลับไปมองสิตางศุ์เหมือนเดิม
“สะ..สวัสดีจ้ะ รัชพลเหรอ เพิ่งมาจากเชียงราย” คุณหญิงพิมลทำหน้างง รัชพลที่เพิ่งมาจากเชียงราย ชื่อนี้มันจำติดในหัวเธอยู่ตลอด คนที่ทำให้สิตางศุ์ต้องเจ็บตัว ไอ้เด็กชาวไร่นั่นอยู่ๆกลับมาเป็นหลานของริลณีเนี่ยนะ!
“ใช่แล้ว ตารัชไม่ค่อยได้มากรุงเทพฯหรอก มาปีละครั้งสองครั้งเอง มาครั้งนี้เลยถือโอกาสพามาออกงานด้วย” ริลณีพยายามพูดให้รัชพลดูดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่หลานชายของเธอนี่สิกลับไม่มองหน้าคุณหญิงพิมล เอาแต่จ้องสิตางศุ์อยู่นั่น
“อ้อ...” คุณหญิงพิมลพูดไม่ออก จะว่ารัชพลตรงนี้ก็ดูจะเป็นการเสียมารยาทกับริลณีเกินไป ถึงเธอจะไม่ชอบรัชพลแต่เธอก็รู้ว่าควรไว้หน้าริลณี
“ให้หลานๆคุยกันดีกว่า สิตางศุ์กับตารัชจะได้สนิทๆกันไว้เนอะ” ไม่พูดเปล่าริลณียังดันรัชพลให้เข้าไปใกล้สิตางศุ์อีกด้วย
“กะ...ก็ดีค่ะ” คุณหญิงพิมลกัดฟันพูด แม้ว่าเธอจะไม่ชอบหน้ารัชพลมากแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจจะปฏิเสธริลณีได้
เมื่อได้เข้าใกล้สิตางศุ์แล้วรัชพลก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ร่างสูงจับข้อมือเล็กแล้วพาเดินออกไปจากตรงนั้น สิตางศุ์เองก็เดินตามอย่างเต็มใจ ทิ้งให้หญิงชรามองตาม ริลณีแอบถอนหายใจเล็กน้อย แต่คุณหญิงพิมลกลับทำหน้าท่าไม่พอใจ
รัชพลพาสิตางศุ์เดินออกมานอกงาน เมื่อพ้นสายตาคนรัชพลก็ก้มลงจูบสิตางศุ์โดยที่อีกคนไม่ทันจะตั้งตัว สิตางศุ์ได้แค่หลับตาแน่นแล้วกอดร่างนั้นไว้ เนิ่นนานกว่าที่รัชพลจะยอมปล่อยให้คนตัวเล็กเป็นอิสระ
“พี่คิดถึงสิตางศุ์มากรู้มั้ย พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจทำให้สิตางศุ์ต้องเจ็บตัวแบบนี้” รัชพลยกมือขึ้นลูบหน้าของสิตางศุ์เบาๆ
“อย่าโทษตัวเองเลยพี่รัช พี่ไม่ได้เป็นคนผิด มันเป็นเพราะผมเองที่ทะเล่อทะล่าออกไปแบบนั้น จนกลายเป็นเรื่องบานปลายขนาดนี้” สิตางศุ์พูดให้อีกคนสบายใจ รัชพลไม่ผิดอะไรเลย เขาเองที่เป็นต้นเหตุให้ตัวเองต้องเจ็บตัวแบบนี้ เป็นเขาเองที่เดินออกไปหารัชพลทั้งๆที่รู้ว่ามันอันตราย
“แต่พี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้สิตางศุ์ต้องโดนยิง พี่คิดถึงสิตางศุ์มากรู้มั้ย พี่มาที่นี่ก็เพื่อสิตางศุ์ พี่อยากมาขอโทษ และมาเพื่อพาสิตางศุ์กลับไปไร่น้ำรินกับพี่” คำพูดของรัชพลทำให้สิตางศุ์ยิ้มออกมา
ร่างบางโผเข้ากอดรัชพลแน่น เขาอยากได้ยินคำนี้ คำว่าที่ว่ารัชพลจะพาเขาไปอยู่ด้วย รัชพลยังรู้สึกดีๆกับเขาไม่เคยเปลี่ยน และยิ่งไปกว่านั้นรัชพลไม่กลัวที่จะต้องสู้กับย่าของเขา
“พี่รู้นะสิตางศุ์ว่าคุณย่าของสิตางศุ์ไม่ยอมแน่ๆ แต่พี่ก็จะทำให้ท่านเห็นว่าพี่จริงใจกับสิตางศุ์มากแค่ไหน พี่อยากดูแลสิตางศุ์ พี่รักสิตางศุ์นะครับ” รัชพลซบหน้าลงกับไหล่บางนั้นพร้อมกับลูบแผ่นหลังของคนรัก
“ผมก็รักพี่รัชเหมือนกัน”
เป็นครั้งแรกที่สิตางศุ์พูดว่ารักกับรัชพล นั่นยิ่งทำให้รัชพลกอดอีกคนแน่นขึ้น เขาก้มลงจูบที่หน้าผากนั้นอย่างสุดรัก แค่นี้ก็พอแล้ว แค่นี้รัชพลก็มีกำลังใจสู้ต่อแล้ว
“พี่รัชไม่ต้องกลัวเรื่องคุณย่า ผมจะช่วยพูดให้ ท่านยังคิดว่าพี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมยังเจ็บตัวอยู่ ส่วนเรื่องที่เราจะคบกันนั้น ผมไม่รู้ว่าท่านจะยอมรับได้มั้ย มันยากที่จะทำให้ท่านเข้าใจ” สิตางศุ์แอบกังวลเรื่องของพิมลไม่น้อยเหมือนกัน เขารู้ว่าย่าของเขานั้นไม่ยอมง่ายๆแน่นอน แต่ถ้าเขาและรัชพลรักกันด้วยใจจริงมันก็น่าจะผ่านไปได้
“ต่อให้คุณย่าของสิตางศุ์ไม่ยอมพี่ก็จะพาสิตางศุ์กลับไปกับพี่ให้ได้ ทุกคนที่ไร่น้ำรินรอสิตางศุ์อยู่ พี่รู้ว่าสิตางศุ์ไม่มีความสุขที่จะอยู่ที่นี่”
เวลานี้ไม่มีใครเข้าใจสิตางศุ์ดีไปกว่ารัชพลอีกแล้ว ร่างเล็กแอบมีน้ำตา แม้แต่คนในครอบครัวเองยังไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร เขาต้องการอิสระ ต้องการชีวิตที่เป็นของตัวเองหลังจากที่มันเป็นของคุณย่ามาทั้งชีวิต เขาต้องการหนีเรื่องวุ่นวายที่นี่ และกลับไปยังไร่น้ำริน ที่เงียบสงบและมีความสุข และยังมีรัชพล คนที่รักเขาและเข้าใจเขาที่สุด
“ขอบคุณนะครับพี่รัช ขอบคุณที่เข้าใจผม” สิตางศุ์ซบหน้าลงกับไล่กว้าง น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว รัชพลกอดร่างน้อยไว้แนบกาย ให้ความรู้สึกของเขาส่งผ่านไปให้สิตางศุ์แล้วโอบกอดร่างนั้นไว้
ครู่ใหญ่กว่าที่รัชพลจะพาสิตางศุ์กลับเข้างาน กลับมาก็เจอคุณหญิงพิมลหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ สาเหตุก็มาจากคนที่ใส่ชุดสีแดงเข้มจนเป็นจุดเด่นที่มาพร้อมกับสามีที่อ่อนวัยกว่า คุณหญิงพิมลได้แต่เชิดหน้า เธอไม่อยากมองหน้าอดีตลูกสะใภ้ให้เป็นเสนียดตา
“คุณแม่” สิตางศุ์เรียกเบาๆ เป็นธรรมดาที่ย่าและแม่ของเขาจะออกงานแล้วเจอกันบ้าง แต่ทุกครั้งทั้งสองคนก็พยายามรักษาหน้าตัวเองโดยการไม่ด่าทอกันกลางงานได้เป็นอย่างดี
“แหม ลูกชายฉันเพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลมาไม่เท่าไหร่ก็พามาออกงานแล้วหรือนี่ จะไม่รอให้หายก่อนรึไงกัน โถๆลูก สิตางศุ์ของแม่” มินตราตรงเข้ามากอดลูกชายเมื่อเห็นว่าสิตางศุ์เดินมาในงาน
กิริยานั้นทำให้คุณหญิงพิมลไม่พอใจ เธอเหมือนถูกหักหน้ากลางงานทำได้เพียงนิ่งไว้เท่านั้น แต่คนรอบๆตัวเธอกลับรู้ดีว่าตอนนี้คุณหญิงพิมลเริ่มจะโมโหแล้ว
“คุณแม่ดูแลลูกมินไม่ดีเหรอคะ ถึงปล่อยให้ลูกมินต้องโดนยิงเจ็บตัวแล้วยังจะพามาออกงานแบบนี้อีก” มินตราหันไปว่าคุณหญิงพิมล คนในงานดูจะตกใจไม่น้อยกับข่าวใหม่ที่ได้รับรู้และพากันจ้องมองคุณหญิงพิมลอย่างไม่วางตา นั่นทำให้ฟางเส้นสุดท้ายขาดลง
“อย่ามาว่าฉันนะ ไม่ใช่เพราะหล่อนเหรอที่ทำให้ลูกฉันต้องหนีไป แถมยังคบชู้สู่ชายอีก” เธอพูดแล้วมองมินตราอย่างเหยียดหยามแถมยังเผื่อแผ่สายตาไปหาทัศอีกด้วย
ตอนนี้สายตาทุกคนมองไปยังมินตราแทน สิตางศุ์ยืนนิ่งไม่พูดอะไร รัชพลมองความวุ่นวายนั้นก็ทำให้รู้ได้เลยว่าทำไมสิตางศุ์ถึงต้องหนีมา ครอบครัวที่เป็นแบบนี้ใครจะอยากอยู่ด้วยกัน ทั้งแม่ทั้งย่าไม่มีใครคิดถึงจิตใจสิตางศุ์เลยสักคน ยิ่งแม่ของสิตางศุ์พาผู้ชายคนนั้นมาด้วยยิ่งแล้วใหญ่ ไอ้ผู้ชายที่เกือบทำร้ายคนรักของเขา
รัชพลรู้สึกคิ้วกระตุกเมื่อมองหน้าทัศ ทัศเองก็มองกลับเมื่อรู้ว่ามีคนมองอยู่ แค่มองตาก็สัมผัสได้ถึงความไม่ถูกชะตาด้วย ผู้ชายอายุห่างจากเขาไม่มากแต่มีเมียคราวแม่ขนาดนั้น ดูก็รู้ว่าเกาะผู้หญิงกิน แล้วยังจะมายุ่งกับลูกเค้าอีก ยิ่งมองยิ่งน่าสมเพช
“คุณแม่จะพูดอะไรก็ได้ แต่ตอนนี้มินจะพาลูกมินกลับ ไป สิตางศุ์กลับกับแม่เดี๋ยวนี้” ไม่พูดเปล่ามินตราเดินมาจับแขนสิตางศุ์ไว้ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อรัชพลจับแขนของสิตางศุ์อีกข้าง “แกเป็นใคร ปล่อยมือลูกฉันเดี๋ยวนี้!” มินตรามองหน้ารัชพลอย่างไม่พอใจ
“ผมเป็นใครไม่สำคัญหรอกครับ แต่ผมไม่ปล่อยให้สิตางศุ์ไปกับคุณแน่ คิดยังไงถึงเชื่อคนที่พยายามจะข่มขืนลูกตัวเองมากกว่าลูกแท้ๆ” รัชพลเริ่มจะเดือดดาล แค่เขาเห็นไอ้เหี้ยนั่น รวมทั้งแม่ของสิตางศุ์เขาก็เก็บอารมณ์ไม่อยู่ เผลอพูดสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป สิตางศุ์หันมามองหน้ารัชพลอย่างรวดเร็ว
“พี่รัช” ร่างเล็กจับแขนรัชพลไว้แน่น สิตางศุ์อายไม่น้อยที่รัชพลพูดเรื่องแบบนี้ต่อหน้าคนทั้งงาน แต่คนที่อึ้งที่สุดเห็นจะเป็นคุณหญิงพิมลเสียมากกว่า
“เธอว่าอะไรนะ นี่นังมินตรา แกปล่อยให้ไอ้ขี้ครอกนั่นมาทำกับหลานฉันแบบนี้เหรอ” คุณหญิงพิมลตลาดกร้าวพร้อมกับตบหน้ามินตราอย่างจัง
“ไม่ใช่นะครับพี่มิน สิตางศุ์ต่างหากที่ยั่วผมก่อน” ทัศแก้ตัวเมื่อเห็นท่าไม่ดี นั่นทำให้รัชพลโมโหมากขึ้น
“ไอ้เหี้ยเอ้ย!” ร่างสูงสบถพร้อมกับกระโดดถีบยอดอกของทัศ รองเท้าหนังที่อัคคีเพิ่งซื้อให้ใหม่แนบไปกับสูทราคาแพงของทัศเต็มๆ จนเซไปชนกับโต๊ะล้มระเนระนาดกองกันอยู่ตรงนั้น
“พี่รัช!” สิตางศุ์รีบจับตัวรัชพลไว้ก่อนที่ตามไปกระทืบซ้ำ มินตราปรี่เข้าไปช่วยทัศ ร่างเล็กเบือนหน้าหนี แค่นี้สิตางศุ์ก็รู้ว่าแม่ของเขาเลือกใครมากกว่า
“ใครรู้จักสิตางศุ์ดีก็จะรู้ว่าสิตางศุ์ไม่ใช่คนแบบนั้น! ทำไมสังคมไฮโซมันถึงได้สกปรกโสมมแบบนี้นักวะ ไม่ใช่แค่สิตางศุ์ที่ทนไม่ไหว ไอ้รัชก็ทนไม่ไหวเหมือนกันโว้ย! ไป สิตางศุ์ ไม่อยากอยู่ก็ไม่ต้องอยู่” พูดจบก็ลากสิตางศุ์ออกจากงานไป ทิ้งให้คนทั้งงานอึ้งอยู่อย่างนั้น
“เดี๋ยว นี่แกจะพาหลานฉันไปไหน” คุณหญิงพิมลตะโกนตามหลังพร้อมกับเดินตามแต่ริลณีที่มองเหตุการณ์อยู่รีบวิ่งเข้ามาจับไว้ก่อน
“เดี๋ยวๆพิมล ใจเย็นๆ” ริลณีขับแขนของเพื่อนไว้แน่น เธอแอบกร่นด่าพ่อหลานชายตัวดี บอกว่าอย่าทำอะไรกระโตกกระตาก เป็นเรื่องแล้วมั้ยล่ะ
“เย็นได้ยังไง! ชัชให้คนตามสิตางศุ์ไป โชติจับตัวนังแพศยากับไอ้ขี้ครอกนี้ไว้ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!” คุณหญิงพิมลสะบัดแขนออกจาริลณีแล้วเดินออกไปจากงานอย่างไม่สบอารมณ์
ริลณีแทบจะเป็นลมจนอัคคีและเพลิงนภาต้องเข้ามาช่วยพยุงไว้ เป็นเรื่องแล้วไงตารัชเอ้ย เล่นมาฉุดหลานเค้าต่อหน้าต่อตาแบบนี้ โอ้ย! แค่นี้ก็ยากแล้ว มาทำแบบนี้คิดว่ามันจะง่ายขึ้นรึไง
“ตาอัค ยัยเพลิง ใครก็ได้โทรหาพ่อตารัชด่วนเลยนะ ย่าเอาไม่อยู่แล้ว” ริลณีคว้ายาดมในมือของอัคคีมาสูดเข้าเต็มปอด
คุณหญิงพิมลก็ขิง ตารัชก็ข่า ร้อนแรงกันทั้งคู่ เรื่องที่เริ่มจะง่ายๆตอนนี้ยากขึ้นเป็นเท่าตัว ตารัชนะตารัช!
***********************************************************************
เรื่องเกือบดีละพี่รัช เกือบจะไปได้สวย ค่อยๆเป็นค่อยๆไป แต่พี่แกตัดฉับซะอย่างนั้น ชะเออเอิงเอย~
ตัวใครตัวมันแล้วล่ะคราวนี้ ฝากติดตามด้วยนะคะ รักคนอ่านทุกท่านค่ะ