หลานคุณย่า21
คิณ(Part)
เป็นอีกวันที่ผมต้องนั่งประชุมประชุมตั้งแต่เช้า พร้อมกับคุณรตีอีกตามเคย มันเป็นอะไรที่น่าเบื่อนะครับที่ต้องนั่งพูดเรื่องงานเดิมซ้ำๆ ซากๆ เพราะความไม่เข้าใจของหุ้นส่วนอีกคน จนผมคิดอยากจะล้มเลิกโครงการที่ทำร่วมกันไปซะเลย จะเรียกค่าเสียหายเท่าไหร่ผมก็ยินดีจะจ่าย แต่ตอนนี้ผมยังพอที่จะทนได้อยู่ ลองทนอีกสักตั้ง
ผมนัดพายให้ทำอาหารเที่ยงมาให้ทานครับ บังคับให้เขาเอามาให้ที่บริษัทก่อนมื้อเที่ยงของผม แต่ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาเที่ยงครึ่งแล้ว ผมยังไม่ได้ออกจากห้องประชุมเลย นั่งมองนาฬิกาหลายต่อหลายครั้ง ก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะเลิกประชุม
ก่อนจะหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมาดูว่ามีใครโทรเข้ามาบ้างรึเปล่า แต่กลับไม่มีเบอร์ของคนที่ผมต้องการที่จะเจอ กว่าที่จะตกลงกันได้ก็เกือบบ่ายโมง ทั้งๆ ที่คิดว่าวันนี้แค่จะมาฟังสรุปผลการประชุมครั้งที่แล้วนิดๆ หน่อย แต่กลับเสียเวลาไปเยอะ
ผมรีบลุกจากเก้าอี้อย่างรีบเร่ง มืออีกข้างก็พยามกดหมายเลขของคนรักของผม ไม่รู้ว่าตอนนี้พายอยู่ที่ไหน มาถึงแล้วรึยัง แล้วทำไมเขาไม่โทรหาผม
“คะ...คุณคิณคะ” ผมยกมือเป็นเชิงห้ามไม่ให้คุณรตีพูด เพราะผมรีบ ไม่มีเวลาฟังเรื่องไร้สาระหรอก
“อยู่ไหนครับ” แค่ปลายสายเอ่ยทักทายมาแค่นั้นแหละผมก็หัวเสียทันที
“พายอยู่ข้างล่าง ตรงประชาสัมพันธ์” ทำไมพายถึงไม่ขึ้นมาห้องผมไปนั่งอยู่ตรงนั้นทำไม
“รออยู่ตรงนั้นนะครับเดี๋ยวไปรับ” ผมรีบวางสายทันที ก่อนที่จะตรงไปที่ลิฟท์ของผู้บริหาร เป็นห่วงพายที่ต้องอยู่ข้างล่างคนเดียว ทั้งๆ ที่มันเป็นบริษัทผมแท้ๆ เพียงไม่นานสัญญาณลิฟท์ก็เตือนเมื่อถึงชั้นที่ผมต้องการที่จะไป
ผมเห็นเขาแต่ไกล ผู้ชายตัวเล็กๆ ผิวขาวๆ แต่ไม่ซีด ตากลมโตก้มลงมองมือตัวเอง ไม่ได้คิดจะสนใจคนที่เดินผ่านไปผ่านมาเลยสักนิด
“พายครับ” ผมพยายามระงับอารมณ์โมโหขงตัวเอง ทำไมพนักงานไม่ให้พายขึ้นไปรอผมข้างบนทั้งๆ ที่ผมก็สั่งไว้เรียบร้อยแล้ว
“มาแล้วเหรอครับ” พายส่งยิ้มให้ผม ก่อนที่จะยื่นกล่องข้าวที่เตรียมมาให้ผมดู แม้ว่ารอยยิ้มจะทำให้ผมผ่อนคลายลง แต่ก็ไม่ได้คลายอารมณ์โกรธของผมลงเลยสักนิด
“รอนานไหม มาตั้งแต่กี่โมง”
“ก็....ไม่นานครับ” เสียงตอบนี่แผ่วไปนะ โกหกกันอยู่ใช่ไหม
“มารอตั้งแต่กี่โมง” ผมเน้นคำพูดให้ชัดเจนมากขึ้น เพราะต้องการคำตอบจากเขา ไม่ใช่ว่าเลี่ยงอย่างเดียว
“สิบเอ็ด เอ้ย...ไม่ใช่ๆ เกือบเที่ยงครับ” โกหกกันล่ะสิคราวนี้ลนลานเชียว
“ผมจะพยายามเชื่อนะครับ แม้จะรู้ว่าพายโกหกก็ตาม” ผมรับกล่องอาหารมาถือไว้เอง มืออีกข้างก็ยื่นไปจับมือบางของอีกคนให้เดินตามมา
“สวัสดีค่ะบอส” ประชาสัมพันธ์สาวทั้งสองคนลุกขึ้นเอ่ยทักทายผม
“ใครเป็นคนรับโทรศัพท์ผมเมื่อเช้า” ผมถามเสียงเข้มจนหญิงสาวทั้งสองคนหน้าซีดเผือดลงไปนิดนึง
“วารีเองค่ะ”
“แล้วเธอจำได้ไหมว่าผมสั่งว่ายังไง” ตาผมยังคงจ้องประชาสัมพันธ์สาวไม่วางตา
“บอสบอกว่าคนรักจะมาทานข้าวเที่ยงด้วย ถ้ามาถึงแล้วให้พาขึ้นไปบนห้องบอสค่ะ” เธอพยายามตอบเสียงนิ่งทั้งๆ ที่ก็ยังสั่นไม่หาย
“แล้วนี่อะไร แฟนฉันรอตั้งกี่ชั่งโมง”
“พอเถอะครับคุณคิณ เธอไม่ผิดหรอก” พายเป็นคนชอบสงสารคนอื่นไม่ว่าเขาจะดีกับตนเองหรือไม่
“ได้ยังไงล่ะ ก็ผมสั่งไว้แล้ว นี่คำพูดของผมพวกคุณไม่ใส่ใจกันเลยใช่ไหม” ผมโมโหมากเลยครับ นี่ถ้าพายไม่ได้อยู่ด้วย ผมคงไล่ตะเพิดเธอไปแล้ว
“วารีขอโทษค่ะบอส วารีไม่คิดว่า...คนที่บอสพูดถึงจะเป็นผู้ชาย” เธอยกมือไหว้ผมยกใหญ่ สงสัยจะกลัวถูกไล่ออก
“เลิกว่าเธอเถอะครับ เธอคงไม่คิดว่าพายจะเป็นแฟนคุณ”
“พวกเธอสองคนจำไว้เลยนะ ว่าถ้าพายมาหาผมเมื่อไหร่ให้พาขึ้นไปรอที่ห้องผม ไม่ใช่ให้มานั่งอยู่ตรงนี้” คราวนี้ผมจะไม่ทำโทษเพราะพายขอร้องไว้ แต่ถ้ามีคราวหน้าผมไล่ออกแน่ครับ
“ค่ะบอส/ค่ะบอส” ทั้งสองคนเอ่ยออกมาพร้อมกัน ก่อนที่ผมจะดึงมือพายออกไป ยังมีหน้าหันไปส่งยิ้ม แล้วเอ่ยขอโทษพนักงานสองคนนั้นอีกนะคนเรา
ผมดึงคนตัวเล็กไม่ค่อยจะเบานักให้เดินตามมาก่อนที่ประตูลิฟท์จะเปิดออก ปรากฏร่างของหญิงสาวที่ผมไม่คิดอยากจะเจอเลยถ้าไม่จำเป็น
“คุณคิณจะไปไหนเหรอคะ” เธอเหล่มองพายนิดนึง ก่อนที่จะหันมาส่งยิ้มหวานให้ผม
“ไปทานข้าวครับ”
“พอดีเลยค่ะ รตีก็กำลังจะไปทาน ให้รตีทานด้วยนะคะ”
“พายทำกับข้าวมาให้ผม ผมจะขึ้นไปทานข้างบนครับ”
“ทานด้วยกันก็ได้นะครับ พายทำมาเยอะ” ผมบีบมือเล็กของคนที่ใจดีเกินเหตุ เพื่อให้เขารู้ว่าผมไม่พอใจ
“ถ้าอย่างนั้นรตีไม่รับกวนคุณคิณดีกว่าค่ะ เพราะอาหารแบบนี้ถ้ารตีทานเข้าไปมีแต่จะท้องเสียเปล่าๆ” ดูเธอพูดสิครับไม่คิดจะให้เกียรติพายเลยสักนิด
“งั้นก็เชิญคุณตามสบาย” ผมรีบดึงมือพายเข้ามาในลิฟท์ก่อนที่จะกดปิด ไม่มีแม้คำกล่าวลาจากปากของผม เพราะผมค่อนข้างจะโมโหมากจนแทบจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ไหว
“คุณคิณทำไมพูดกับเธอแบบนั้นล่ะครับ”
“พายก็อีกคน จะใจดีอะไรนักหนา” ผมเผลอตวาดเสียงดังทั้งๆ ที่มือก็ยังเกาะกุมมือบางไว้ แต่ผมรู้สึกได้ถึงแรงขยับยุกยิกของอีกคน พยายามที่จะดึงมือออก ผมมองคนตัวเล็กที่ตอนนี้เอาแต่ก้มหน้าไม่หันมามองผมสักนิด ยอมรับว่าผมควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่จนเผลอตะคอกเสียงดัง
เราสองคนไม่ได้คุยอะไรกันเลยตลอดทางที่เดินมายังห้องทำงานของผม พายเพียงแค่เดินตามแรงดึงของผมเท่านั้น
ผมรีบเปิดประตูห้องทำงานก่อนที่จะผลักคนตัวเล็กให้เดินเข้าไปข้างใน ผมไม่ปลอบเขาหรอก เพราะเขาก็ผิดที่ทำอะไรไม่นึกถึงใจผมบ้าง รู้รึเปล่าว่าผมเป็นห่วงขนาดไหน
“เป็นอะไร”
“เปล่า” ตอบเพียงเท่านั้นแต่ก็ยังยืนอยู่จุดเดิม
“มีความผิดอย่ะครับ ผมไม่ง้อหรอก อยากจะร้องก็ร้องไปเลย” พายกำมือแน่นราวกับจะระบายไม่ให้น้ำตามันไหลออกมา เขาพยายามกลั้นสะอื้นเพื่อไม่ให้ผมได้ยิน
“....ฮึก....” แรงสะอื้นเริ่มดังมาขึ้นจากการที่ร้องให้ไม่ยอมหยุด น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าหล่นใส่หลังมือเนียนสวย
“เป็นอะไร ร้องให้ทำไม คิณว่าเพราะเป็นห่วง” ผมเดินเข้าไปหาคนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาร้องให้อยู่อย่างนั้น
“........”
“รู้ไหมว่าทำไมคิณถึงโกรธมาก” เวลาที่ผมโมโห ผมจะแทนชื่อตัวเองกับเขาเพื่อให้มันดูไม่รุนแรงเกินไป เหมือนกับเวลาที่ผมอยากจะอ้อนผมก็แทนชื้อตัวเองเหมือนกัน
“.........”
“พายมาถึงไม่โทรหาคิณ กี่ชั่วโมงที่นั่งรอข้างล่าง คิณนั่งประชุมแทบจะไม่รู้เรื่องเพราะกลัวพายมาแล้วไม่เจอ”
“พาย... คิดว่าถ้าคุณคิณประชุมเสร็จก็คงโทรมาเอง พายไม่อยากรบกวนเวลางานของคุณ” นิ้วโป้งของผมไล่เกลี่ยคราบน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้ม
“แล้วถ้าคิณไม่โทร พายก็จะนั่งอยู่อย่างนั้น” ผมโมโหกับความคิดของเขาจริงๆ เลย เขากับผมเป็นอะไรกันทำไมกลัวที่จะรบกวน
“พายคิดว่ายังไมคุณประชุมเสร็จก็ต้องโทรหาพายอยู่แล้ว”
“มั่นใจขนาดนั้น” ผมดึงพายให้ตามมานั่งที่โซฟาตัวใหญ่ ดึงร่างเล็กให้มานั่งคร่อมบนตักผม
“ครับ”
“แล้วถ้าคิณไม่โทรล่ะ”
“ไม่รู้” เสียงอ่อยๆ เวลาตอบกลับไม่มองหน้าผมเลยสักนิด
“เห็นไหมครับ ว่าพายเป็นคนผิด อย่างนี้ต้องโดนลงโทษ” พายทำหน้างงๆ ที่อยู่ดีๆ ผมก็เปลี่ยนอารมณ์กระทันหัน จากที่เมื่อกี้โกรธอยู่ตอนนี้มีอารมณ์อื่นมาแทนที่
“ลงโทษยังไง” ผมหมั่นเขี้ยวว่ะ ยื่นริมฝีปากใปใกล้ๆ แก้มใส ก่อนที่จะตั้งใจกัดแรงๆ ไปทีหนึ่ง
“อื้อ....เจ็บอ่ะ เป็นหมารึไง”
“ว่าอะไรนะครับ ใครเป็นหมา”
“เปล่า...”
“เปล่าอะไรได้ยินเต็มสองหู กล้าว่าผัวเป็นหมาเหรอ ได้หมาตัวนี้จะกัดให้พรุนไปทั้งตัวเลย”
“อือ..เอ็บ”ผมเคลื่อนริมฝีปากมาบดเบียดริมฝีปากบางของคนตัวเล็ก ที่ดิ้นหาทางเอาตัวรอดจากเงื้อมือของเสือร้ายอย่างผม แต่ไม่มีทางรอดหรอกครับงานนี้ ผมค่อยๆ ลากลิ้นไปตามสันกราม ก่อนที่จะตรงมาหยุดอยู่ที่ใบหูเล็ก ทั้งดูดเม้มสลับกับกัดเบาๆ จนพายครางออกมาเสียงเบาหวิว ยิ่งสัมผัสร่างเล็กมากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งตื่นตัวมากขึ้น
ผมบังคับให้มือเล็กของพายลูบไล้แก่นกายที่กำลังขยายใหญ่ขึ้นตามอารมณ์ของผม ร่างเล็กก็ทำตามแต่โดยดี ไม่ใช่แค่ผมที่เริ่มจะมีความต้องการ แต่คนตัวเล็กก็ไม่ต่างกัน เพราะอะไรๆที่อยู่กึงกลางเรียวขาที่คร่อมผมอยู่กำลังดุนดันที่เอวแกร่งของผมเหมือนกัน ร่างน้อยๆ บิดเร่าบนตักของผม ดวงตาฉ่ำน้ำที่ส่งมาให้กันนี่ช่างเย้ายวนใจจนผม แทบจะทนไม่ไหว จับปล้ำตรงนี้เลยจะดีไหม
“อึก....อืม” เสียงครางหวานของพายทำให้ผมเร่งริมฝีปากที่บดเบียดใบหัวเล็กให้รุนแรงมากขึ้น ลิ้นร้อนยังคงสาละวนอยู่กับการสัมผัสติ่งหูเล็กของเขา
“พะ...พอก่อนครับ อึก....มะไม่ทานข้าวเหรอ”
“อือ...ทานพายก่อนดีกว่า อร่อยกว่าตั้งเยอะ” ผมไม่เปิดโอกาสให้พายได้โต้ตอบกับผมอีก กดริมฝีปากหนาลงไปตรงปากบางอย่างรุนแรงอีกครั้ง คราวนี้มือของผมเริ่มที่จะลูบไล้แก่นกายเล็กที่ตื่นตัวรอรับสัมผัสของผม ก่อนที่จะรูดซิบกางเกงของเขาลง ดึงพายน้อยแสนน่ารักออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์
“ใช้มือให้คิณหน่อยครับ” ผมจับมือเขาให้สัมผัสมันอีกครั้ง ก่อนที่มือเล็กจะรูดซิบกางเกงผมลงเช่นก่อน กลางกายของผมเด้งสู้ทันที จนพายที่นั่งมองอยู่ถึงกับหน้าแดง
“อายอะไรครับที่รัก เห็นกันมาหมดแล้ว” ผมก้มลงจูบซับเหงื่อกาฬที่หน้าผากมน
“ไม่เข้าในตัวพายได้ไหม” เหมือนเขาจะคิดอยู่นานก่อนที่จะตัดสินใจพูดมันออกมา
“ครับ เสร็จข้างนอก” ผมหยิบทิชชู่มาเตรียมไว้ ก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จ เสียงพายครางดังระงมทั่วห้อง ดีนะครับที่มันเป็นห้องเก็บเสียง ไม่อย่างนั้นคนที่เดินผ่าไปผ่านมาคงได้ยินแน่นอน
ผมรวบจับทั้งของผมและของพายเข้าด้วยกัน ก่อนที่จะเริ่มรูดรั้ง เร็วบ้างช้าบางตามความต้องการของเราสองคน หน้าของพายเวลานี้โคตรเซ็กซี่เลย ยิ่งกว่าพวกนางเอกหนังเอวีซะอีก ร่างเล็กยังเด้งสะโพกสวนผมมาตามจังหวะที่ผมดึงเข้าออก
“คุณคิณอึก....พายจะไปแล้ว เร็วหน่อยได้ไหมครับ” ได้เลยครับที่รักผัวจัดให้
“ระ..แรงอีก”
“หึๆ” เสียงเล็กๆ เรียกร้องได้อย่างน่ารักจนผมต้องรีบรูดรั้งความเป็นชายของเราสองคนเร็วและรงขึ้น จนพายปลดปล่อยน้ำรักออกมาเต็มมือ แต่ผมยังไม่เสร็จจึงจับมือบางให้มาจัดการกับคิณน้อยให้เสร็จ เพียงไม่นานผมก็ถึงจุดหมายไม่ต่างกัน
เสียงหอบของร่างน้อยๆ บนตักผม ช่างน่าสงสารเสียจริง ผมดึงทิชชู่ออกมาทำความสะอาดให้เราทั้งสองคน เพราะพายเอาแต่กอดผมไว้อย่างเดียว ก่อนที่จะดึงเขาไปเข้าห้องน้ำด้วยกัน ล้างมือ ล้างหน้าเพื่อให้พายสดชื่นขึ้น
“แค่นี้เหนื่อยเหรอครับ ยังไม่ได้เข้าไปในตัวพายเลยนะ”
“พอเลย ไม่ต้องมาพูด ทำบ้าอะไรก็ไม่รู้”
“บ้าที่ไหน มีความสุขจะตาย” ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับคนที่หน้างอมองผมอยู่ เขาไม่กล้าว่าอะไรผมมากหรอกครับ เพราะเขารู้ตัวดีว่าตนเองก็ต้องการมันไม่ต่างจากผม
“คุณคิณ!” ตาโตๆ ถลึงมองผมผ่านกระจก ร้องเสียงดังจนผมตกใจ
“ครับ”
“มันมีรอยอ่ะ” มือบางชี้ไปที่ต้นคอตอนนี้ที่มีรอยสีกุหลาบจางๆ เขาหน้าเสียไปแล้วครับ
“ไม่เป็นไรนะครับ เล็กๆ เอง ไม่สังเกตุดีๆ ก็ไม่เห็นหรอกเนอะ” ที่จริงมันไม่ได้เล็กอะไรเลย แต่สีมันจางๆ ผมแค่พูดให้เขาสบายใจขึ้นก็เท่านั้น
“แต่คนอื่นเห็นมันจะไม่ดี”
“ไม่เห็นหรอกครับ นี่ไงคอเสื้อปิดพอดี” พายใส่เสื้อคอปกครับ ส่วนรอยที่เกิดอยู่ช่วงที่คอปกขอเสื้อปิดได้พอดี ถ้ายืนนิ่งๆ ก็มีมีใครเห็นหรอก แต่ถ้าขยับก็มีเห็นบ้างแน่นอน
“จริงนะครับ” ผมยกมือลูบหัวพาย ก่อนที่จะจูงมือร่างบางมานั่งที่โซฟาตัวเดิม แต่ผมเช็ดทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว
“กับข้าวเย็นหมดแล้ว” ผมเปิดกล่องอาหารที่พายเตรียมมาให้
“เพราะใครล่ะ แล้วมีที่อุ่นอาหารไหมครับ”
“มีครับ เดี๋ยวผมเรียกเลขาเอาไปอุ่นให้”
“พายเอาไปเองก็ได้”
“ไม่อายเขารึไงครับ”
“อือ..ไม่ไปแล้ว” ไม่นานเลขาผมก็เดินมาเอาอาหารทั้งหมดไปอุ่น เธอส่งยิ้มให้พายนิดๆ ก่อนที่พายจะส่งยิ้มกลับ ทั้งยังยกมือไหว้เลขาผมด้วย อายุเธอสามสิบปลายๆ แล้วครับ ผมเล่าเรื่องของพายให้เธอฟังบ่อย เธอยังบอกว่าอยากเห็น อยากรู้ว่าจะน่ารักขนาดไหน
ไม่นานอาหารที่พายทำมาให้ก็ถูกนำกลับมาพร้อมกับกลิ่นหอมฉุย เธอวางอาหารลงแอบมองพายนิดนึงก่อนที่จะหันมาแซวผม
“น่ารักน่าชังจริงค่ะ สมกับที่บอสโม้ไว้เลย”
“ใช่ไหมล่ะครับพี่อิง”
“ชื่ออะไรนะคะ” เธอหันไปถามคนที่นั่งนิ่งฟังผมกับพี่อิงคุยกัน
“ชื่อพายครับ” พายยิ้มเขินให้กับคนตรงหน้า
“หน้าตาน่ารัก ชื่อยังน่ารักอีก มีข่าวดีเมื่อไหร่อย่าลืมบอกพี่นะคะ”
“เร็วๆนี้แหละครับ”
“จริงเหรอคะ อ้อ! พี่ชื่ออิงนะคะ เรียกพี่อิงก็ได้ แล้วน้องพายมาหาบอสบ่อยๆ นะคะ” พูดจบเธอก็เดินออกไป ไม่เปิดโอกาสให้พายได้พูดบ้างเลย ผมได้แต่นั่งอมยิ้มมองคนที่นั่งทำหน้างงๆ อยู่ข้างๆ
“ทานข้าวได้แล้วครับ”
“พี่อิงเขาน่ารักดีนะครับ” พายหันมาพูดกับผม ก่อนที่เราสองคนจะนั่งทานอาหารกันอิ่ม วันนี้พายต้องรอกลับพร้อมผมเพราะผมให้เขานั่งแท็กซี่มาหาผมที่บริษัท
ทานข้าวเสร็จสักพักเขาก็หลับสงสัยคงจะเพลียจากการที่โดนผมดูดพลังงานไป ผมกลับไปทำงานต่อ เงยหน้าขึ้นมามองพายบ้างเป็นระยะ แต่ร่างเล็กก็หลับสนิทจนผมไม่กล้ากวน สงสารคนที่ถูกรังแก เมียผมน่ารักใช่ไหมล่ะครับ
***************************
TBC.