หลานคุณย่า 25
พาย(Part)
"เดม่อนมาแต่งตัวก่อนครับ" ผมเรียกลูกชายตัวน้อย ที่ตอนนี้สนใจเจ้าหุ่นย์ตัวยักษ์ที่พี่ซองซื้อรับขวัญหลาน เห็นเป็นคนเย็นชาแบบนั้น แต่ความจริงก็อ่อนโยนเหมือนกันนะครับ เวลาเจอหลานที่ไรเขาจะน่ารักอย่างที่ไม่เคยเป็น เล่นกับเดม่อนจนทุกวันนี้เรียกหาแต่ลุงซอง จนคนป็นพ่ออย่างคุณคิณยังบ่นว่าน้อยใจ
"คร้าบบ" เด็กตัวน้อยรับคำ วิ่งมาหาผม ก่อนที่ผมจะจัดการหยิบเสื้อคอตั้ง แขนยาวสีครีมทอง ติดกระดุมด้านหน้าสี่เม็ด โจงกระเบนผ้าตาดดิ้นสีทองดำ สวมให้เจ้าตัวน้อยที่ยืนนิ่งให้จัดการกับตัวเขา หยิบผ้าคาดเอวสีเดียวกันกับโจงกระเบนมาผูกเอวให้กับเขา
"ปาป๊าคับ" ผมเงยหน้ามองเดม่อน ขณะที่มือก็จัดการกับชุดที่ใส่ให้กับเขา มองสีหน้างงแกมสงสัยของเจ้าตัวน้อย
"ว่าไงครับ"
"ทำไมต้องแต่งแบบนี่" เขาคงจะสงสัยกับการแต่งตัวแปลกๆ ของเราสองคน เพราะผมก็ใส่แบบเดม่อนเหมือนกัน สีเดียวกัน แบบเดียวกัน แต่ผ้าที่ใช้คาดเอวเอามาพาดบ่าแทน
"นี่เขาเรียกว่าชุดไทยครับ เอาไว้ใส่เวลามีงานสำคัญๆ เข้าใจไหมครับ"
"อ้อ! วันสำคัญ ที่แดดดี๊แต่งงานกับปาป๊า" ผมไม่รู้ว่าเขาเข้าใจรึเปล่า กับสิ่งที่ผมบอก แต่เดม่อนก็พยักหน้าหงึกๆ เหมือนรู้เรื่อง เจ้าตัวน้อยจับแก้มผมสองข้าง จ้องมองอยู่อย่างนั้น
"ใช่ครับ วันนี้ลูกชายป๊าน่ารักที่สุดเลย"
"เดม่อนน่าร้ากกกที่ซู๊ด แล้วปาป๊าก็ต้องน่าร้ากกเหมือนกัน" มือน้อยๆ ลูบแก้มผมทั้งสองข้าง ผมก็ปล่อยให้เขาทำไป ดูท่าทางจะมีความสุขมากเลยไม่อยากจะขัด
"หึๆ.." ผมยืดตัวไปจุ๊บแก้มเจ้าตัวน้อยหลังจากแต่งตัวให้เขาเสร็จ
"เลิกคุยกันได้แล้วค่ะสองแม่ลูก" เสียงชะเอมดังมาจากข้างหลัง วันนี้เพื่อนรักของผมมาช่วยแต่งหน้าเซตผมให้ โดยมีน้องบราวกับกับมินคอยช่วย แต่ตอนนี้สองหนุ่มน้อยกำลังพากันเปลี่ยนชุดอยู่ สองคนนั้นพากันไปเลือกชุดกันเองบอกว่าจะใส่เหมือนกัน แถมยังเก็บไว้เป็นความลับอีก
"บ้ารึเปล่าเอมเราผู้ชายนะ" ผมแหวชะเอมเสียงดัง แต่ก็ไม่ได้โกรธอะไรแค่รู้สึกแปลกๆ ที่กับคำพูดแบบนี้
"เป็นผู้ชาย แต่เขามาขอไปเป็นสะใภ้ ก็ต้องเป็นแม่เดม่อนน่ะถูกแล้ว" ยังไม่หยุดครับ จะให้ผมเป็นแม่ให้ได้
"ช่ายเดม่อนก็ยากเรียกมามี๊"
"เดม่อน! " ผมร้องเสียงหลงที่เด็กน้อยพูดแบบนี้ ไม่รู้ว่าคิดเองหรือมีใครสอนมา สงสัยคงต้องไปเค้นถามกับคุณคิณซะแล้ว
"ค้าบบ"
"ห้ามเรียกแบบนี้อีกนะ ไม่งั้นป๊าจะโกรธ" ผมขู่ไปอย่างนั้นแหละครับ เพราะไม่มีทางที่จะโกรธเขานานหรอก รายนี้อ้อนเก่ง ไม่รู้ว่าได้คุณคิณมาหรือเปล่า นิสัยเหมือนกันมาก
"แดดดี๊ก็บอกแบบนี่เหมือนกัน ว่าอย่าเรียกให้ปาป๊าได้ยิน ให้เหรียกเวลาอยู่กับแด๊ดแค่ฉองคน" รู้แล้วว่าใครสอนมา คงไม่ต้องไปถามหาความจริงเองให้เมื่อยแล้ว เดี๋ยวจะจัดการทีหลัง
"เดม่อนฉลาดจังเลย แด๊ดก็สอนดี้ดี" ชะเอมก็รู้เห้นเป็นใจไปกับเขาด้วย
"พอแล้วเอม"
"จ๊ะๆ มาหนุ่มน้อยมาหาน้ามา เดี๋ยวแต่งหน้าให้หล่อๆ เลย" ชะเอมจับเดม่อนมาทาแป้งเด็ก แล้วเซตผมให้เป็นทรง ไม่ได้แต่งอะไรให้เยอะแยะหรอก เพราะลูกผมเป็นผู้ชายนี่นา ถ้าจะจับแต่งหน้า พอกแป้งคงไม่ไหว
ผมกับชะเอมคุยกันแล้วครับสำหรับเรื่องที่ผ่านมา ชะเอมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ผมฟัง ว่าเธอก็มีส่วนผิดที่ทำให้ผมตกอยู่ในอันตรายแบบนั้น แต่ก็ยังดีใจที่คุณคิณเข้าไปช่วยไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นคงจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต ถ้าถามผมว่าทำไมให้อภัยเพื่อนเร็วจัง ผมตอบได้เลยว่าไม่เร็วไปหรอก สำหรับความเป็นเพื่อนของเราตลอดสิบกว่าปี ชะเอมหัวอ่อนเกินไป เชื่อคนง่ายเกินไป ชะเอมเป็นคนโทรมาหาผมเอง ก่อนที่เราจะนัดคุยกัน เธอเล่าเรื่องทุกอย่าง และสารภาพผิดกับผม ตอนแรกๆ ผมทั้งโกรธและตกใจว่าทำไมเพื่อนถึงเชื่อคนที่พึ่งจะคบกัน เมื่อเทียบกับผมแล้ว โมโหจนเผลอด่าชะเอมไปเยอะเลย แต่เธอกลับเอาแต่ร้องให้พร่ำบอกว่าขอโทษผมอยู่อย่างนั้น จนคุณคิณที่ไปด้วยในวันนั้นบอกให้ผมยกโทษให้ชะเอม เพราะถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ในวันนั้น ผมกับคุณคิณก็ไม่ได้เจอกัน
อีกเรื่องที่เราสองคนคุยกันก็คงไม่พ้นเรื่องไอ้คุณบอยอะไรนั่น ชะเอมบอกว่าเลิกกับเขามาสักระยะแล้ว เพราะยายน้ำหวาน แต่ผมว่าก็ดีแล้วเพื่อนผมจะได้หลุดพ้นจากคนเลวๆ ทั้งสองคนซะที อีกทั้งยังลาออกจากบริษัทนั้นแล้วด้วย ตอนนี้ได้งานใหม่ เงินเดือนเยอะขึ้น งานก็สบายมากขึ้นกว่าเดิมเยอะ เพราะไม่ต้องทนรับงานที่น้ำหวานคอยโยนให้ตลอดเวลา
“แท่น แทน แท้นนนน” เสียงบราวนี่ดังมาแต่ไกล พร้อมกับเสียงเปิดประตูเข้ามาในห้อง ผมหันไปมองน้องสองคนที่แต่งตัวเหมือนกัน เซตผมเหมือนกัน ตัวเล็กพอกัน ราวกับฝาแฝด แต่ดูจากชุดแล้วคนที่เลือกน่าจะเป็นบราวนี่ ส่วนมินคงเป็นแค่ผู้ตามที่โดนบังคับอย่างน่าสงสาร
“ว้าว! อาบราวนี่กับอามินน่ารักจังเล้ย” เดม่อนวิ่งเข้าไปหาตบมือแปะๆ เหมือนกับถูกใจที่มีคนแต่งตัวคล้ายๆ ตัวเอง ทั้งสองใส่เสื้อคล้ายๆของผม โจงกระเบนผ้าตาดดิ้นสีชมพูทอง ผ้าคาดเอวสีเดียวกัน หวานไปไหมน้องชายผม
“เดม่อนของอาก็น่ารักที่สุดเลยครับ” มินนี่เอ่ยกับหลานชายที่ตอนนี้ยิ้มแป้นเต็มดวงหน้า ส่วนน้องบราวก็ได้แต่ยืนยิ้มเฉยๆ เพราะรายนี้เล่นกับเด็กไม่เป็น เข้าหาเด็กไม่เก่งเอาซะเลย
“แต่งตัวกันเสร็จหมดแล้วเนอะ” ชะเอมเยถามพวกเราที่ตอนนี้พร้อมกันแล้ว
วันนี้เป็นวันสำคัญของผมกับคุณคิน เราสองคนแต่งงานกัน และตอนนี้ผมก็ถูกจับให้อยู่ในห้องนอนของตนเอง เพราะงานถูกจัดขึ้นที่บ้านของผม เชิญแขกไม่ถึงร้อยคน เป็นญาติคนสำคัญของผมและคุณคิณ
ส่วนคุณคิณน่าจะไปเตรียมตัวแห่ขันหมาก วันนี้เป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายของลูกผู้ชายอย่างผม ไม่เคยคิดเลยว่าต้องให้ใครมาสู่ขอราวกับตัวเองเป็นผู้หญิง มันตื่นเต้นแปลกๆ ระคนกับความดีใจที่แม้ความรักของเราจะไม่ได้เหมือนชายหญิงทั่วไป แต่ผมก็มั่นใจว่าเราสองคนมั่นคงในรักไม่แพ้ชายหญิงปกติแน่นอน
ผมอยู่กับน้องๆ แล้วก็ลูกชายตัวน้อยที่นั่งยิ้มแป้นแล้นอยู่ข้างๆ เดม่อนสดใสร่าเริงจริงๆ แม้ว่าแม่ของเขาจะกลับไปเป็นเดือนแล้ว อาจจะมีช่วงแรกๆ ที่ดูเศร้าๆ เพราะคงคิดถึงแม่ของเขา แต่ผมก็พยายามไม่ให้เจ้าตัวน้อยอยุู่คนเดียว เป็นเพื่อนเล่นเขาตลอดเวลา และตอนนี้เด็กน้อยของผมก็ร่าเริงมากซะด้วย
เมื่อเช้าเราพึ่งทำพิธีสงฆ์ไป ตอนใส่บาตรผมจับทัพพีเหนือคุณคิณด้วย เพราะคุณแม่มากระซิบบอกว่าให้ทำอย่างนั้น แต่ผมก็ไม่ให้ความสำคัญกับการที่ใครต้องอยู่เหนือใครหรอก เพราะทุกวันนี้คุณคิณก็ให้เกียรติผมมากพอแล้ว
“ปาป๊า...แดดดี๊ไปไหน”
“แด๊ดไปเตรียมตัวแห่ขันหมากเดม่อนอยู่กับป๊าเข้าใจไหมครับ”
“ขันมากคืออะไร” คำถามนี้อธิบายยากจริงๆ จะตอบยังไงให้เด็กตัวน้อยๆ เข้าใจ ผมหันไปมองทั้งเพื่อนและน้องอีกสองคนอย่างขอความช่วยเหลือ แต่ทุกคนกลับส่ายหน้ารัวๆ เพราะไม่สามารถอธิบายได้เหมือนกัน ภาระจึงตกอยู่กับผม ที่ต้องมาอธิบายให้เด็กลูกครึ่งวัยสี่ขวบเข้าใจ
“ขันหมากคือ....เอ่อการที่แด๊ดแต่งงานกับป๊า แล้ววันก็เป็นขั้นตอนการแต่งงานของเราสองคน เข้าใจไหมครับ”
“ไม้เข้าใจเลย” เด็กน้อยส่ายหน้ากับคำอธิบายทื่อๆ ของผม ก่อนที่จะนั่งรอฟังคำตอบใหม่จากผม พยายามนึกหาคำพูดที่จะทำให้เขาเข้าใจแต่ก็นึกไม่ออก จนเสียงโห่ดังมาจากข้างล่าง จึงทำให้เดม่อนหันไปสนใจเสียงนั้นมากกว่า
“เสียงอาไรเหรอคับ”
“นี่แหละครับเสียงแห่ขันหมากไง” มินเป็นคนตอบแทนผมแล้วครับ ดีจริงๆ ไม่ต้องอธิบายแล้วให้เขาเห็นเองจะได้เข้าใจ
“เดม่อนยากเห็น” เด็กน้อยลุกขึ้นทำท่าจะวิ่งไปเปิดประตูแต่น้องบราวจับไว้ซะก่อน
“เดี๋ยวแด๊ดก็ขึ้นมารับครับ รออยู่นี่กับป๊านะ” ชะเอมพูดกับเดม่อนที่ตอนนี้มีท่าทื้อดึงจะลงไปให้ได้ เขาคงอยากจะเห็นว่าทำไมเสียงข้างล่างจึงดังขนาดนี้ ทำให้ผมลืมความตื่นเต้นไปเลยครับ เพราะการป่วนของเจ้าตัวน้อย
“ก็ได้” หน้างอๆ เดินกลับมานั่งข้างๆ ผมแล้วครับ จนผมต้องลูบหัวลูกชายตัวน้อยปลอบโยนที่เขาไมได้ลงไป
“หน้างอจังลูกป๊า ไม่อยากอยู่กับป๊ารึไงครับ” เด็กน้อยส่ายหน้ารัวๆ แทนคำปฏิเสธ ตอนนี้คงไม่อยากพูดกับใคร แล้วครับลูกชายของผม
ผ่านไปไม่นานเสียงดังเซงแซ่จากข้างล่างก็เงียบลง ก่อนที่ประตูห้องนอนผมจะเปิดออกพร้อมกับคุณคิณที่ในมือถือช่อดอกไม้ยิ้มให้กับผม เดินมาหยุดตรงหน้าผมกับเดม่อน เพราะตอนนี้เราสองคนนั่งอยู่บนเตียงนอน
“แดดดี๊” เดม่อนทำท่าจะพุ่งไปหาพ่อของเขา แต่ผมดึงไว้ก่อนที่จะกระซิบให้เขานั่งอยู่กับผมก่อน คุณคิณคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้นพร้อมกับยื่นช่อดอกไม้ให้กบผม
“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มให้คุณคิณก่อนที่จะรับช่อดอกไม้มาถือไว้
“แด๊ด” เด็กน้อยเรียกพ่อเขาเบาๆ พร้อมกับยื่นมือออกไปทำท่าเหมือนเวลาที่เขาจะให้คุณคิณอุ้ม ร่างสูงของคุณคิณอุ้มเดม่อนขึ้นด้วยแขนข้างเดียว ส่วนอีกข้างก็เดินจูงมือผมออกจากห้อง
“งอแงรึเปล่าเนี่ย หน้ามุ่ยแบบนี้”
“ตอบแด๊ดสิครับ ว่าวั้นนี้เดม่อนงอแงรึเปล่า”
“งอแง” เสียงอ่อยๆ ของเจ้าตัวน้อยทำให้ผมนึกขำกับท่าทางสำนึกผิด จนผมต้องยกมือขึ้นลูบแก้มป่องๆ ของลูกชาย
“งอแงนิดหน่อยครับ ไม่เยอะหรอก” เจ้าตัวน้อยเงยหน้าจากอกพ่อของเขา ก่อนที่จะหันมามองผม
“ปาป๊า ถ้าเดม่อนดื้อจารักเดม่อนไหม”
“เดม่อนเป็นลูกป๊าไม่รักเดม่อนแล้วจะให้รักใครครับ” วันนี้เขางอแง แล้วก็ดื้อนิดหน่อยคงจะกลัวผมเบื่อแล้วก็รำคาญเขา แต่มันไม่มีทางที่จะเป็นแบบที่เจ้าตัวน้อยคิดหรอก ผมรักเขามากเกินกว่าที่จะเกลียดเด็กตัวน้อยคนนี้ อาจจะโมโหบ้างเวลาที่เขาทำผิด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมไม่รักเขา
“เดม่อนก็รักปาป๊า”
“แล้วแด๊ดล่ะครับ”
“แด๊ดก็รัก รักฉองคนเท่าๆกัน” เราสามคนคุยกันไปตามทางเดินเรื่อยๆ จนลงมาถึงห้องโถงข้างล่างจึงหยุดบทสนทนา เพราะผู้ใหญ่รออยู่เยอะเลย คุณคิณส่งเดม่อนให้ไปอยู่กับพวกน้าและก็อาๆ ของเขา แต่ผมกลับเห็นเขาวิ่งไปหาพี่ซอง สงสัยจะติดลุงของเขาไม่น้อยเลย
แหวนแต่งงานถูกบรรจงสวมเข้านิ้วนางขางซ้ายของผม มือผมสั่นจนคุณคิณต้องพยายามจับให้นิ่งๆ เราสองคนสบตากัน ก่อนที่คุณย่าจะบอกให้ผมไหว้คุณคิณหลังจากสวมแหวนเสร็จ คุณคิณรับไหว้ก่อนที่จะยิ้มให้ผมเหมือนอย่างเคย
คุณย่าส่งแหวนให้ผมสวมให้กับคนตัวโตตรงหน้าที่วันนี้แต่งชุดไทยไม่ต่างจากผม ผู้ชายลูกครึ่งตัวโตๆ เวลาใส่ชุดไทยแบบนี้ก็น่ารักไปอีกแบบนะครับ ผมเผลอคิดจนคุณคิณ สะกิดมือผมเบาๆ ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองต้องสวมแหวนให้คุณคิณ
พิธีการต่างๆ ผ่านไปเรียบร้อย ได้เวลาส่งตัวเข้าหอ เราจัดงานแค่ช่วงเช้าถึงเที่ยง ดังนั้นการส่งตัวเข้าหอจึงต้องทำให้เสร็จตามฤกษ์ที่วางไว้
“ย่าฝากพ่อคิณดูแลน้องด้วยนะ ส่วนน้องพายก็เชื่อฟังพี่เขาด้วย มีอะไรก็ให้คุยกัน อย่าเก็บเอาไว้กับตัว แต่ต้องคุยด้วยเหตุผลอย่าใช้อารมณ์” ผมกับคุณคิณยกมือไหว้คุณย่าพร้อมกัน รู้สึกเหมือนน้ำตากำลังไหลอย่างนั้นแหละ จนมือหนาๆ ของคนข้างๆ ยกมาปาดเช็ดน้ำตาให้
“แม่ก็ขอฝากหนูพายดูแลพี่เขาด้วยนะครับ ส่วนตาคิณก็รักน้องให้มากๆ อย่าทำให้น้องเสียใจ ถ้าพี่เขาออกนอกลู่นอกทางบอกแม่ เดี๋ยวจัดการให้” แม่คุณคิณพูดที่เล่นทีจริง จนผมยังอดขำไม่ได้
“ส่วนแด๊ดก็ไม่มีอะไรมาก ลูกทั้งสองก็ทำตามที่แม่เขาบอกแล้วกัน” แด๊ดเรียกเสียงหัวเราะจากเราทุกคน ไม่คิดจะพูดเยอะกว่านี้สักหน่อยเหรอเนี่ย
“ถ้าอย่างนั้นพวกย่าไปก่อนนะ” ทุกคนตั้งท่าจะลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก แต่เจ้าตัวน้อยหน้างอที่จะไม่ได้อยู่กับผมและคุณคิณ
“เดม่อนจาอยู่ด้วย” เจ้าตัวน้อยสะบัดมือจากพี่ซองก่อนจะวิ่งมาหาผมกับคุณคิณที่นั่งอยู่บนเตียง จนผมรับไว้แทบไม่ทัน
“ไม่ได้ครับ ออกมากับย่ามา” แม่คุณคิณตรงเข้ามาหาเจ้าตัวน้อย ที่ตอนนี้เริ่มเบะปาก กลั้นสะอื้นจนตัวโยน
“ฮึกๆเดม่อนน้อยของผมน่าสงสารจริงๆ ผมอุ้มเขามานั่งบนตักลูบหลังเบาๆ เจ้าตัวน้อยมุดหน้าเข้ากับอกผม ร้องให้อยู่อย่างนั้น
“ไม่ได้นะครับเดม่อน ไปกับคุณย่านะครับ” แทนที่คุณคิณจะปลอบลูกกับ ไล่ให้ลูกออกไป คราวนี้จากที่สะอื้นเบาๆ กลายเป็นร้องให้จ้าจนผมอดสงสารไม่ได้
“ให้เดม่อนอยู่ด้วยไม่ได้เหรอฮะคุณย่า” ผมหันไปถามย่า เพราะสงสารลูกชายที่วันนี้จะไม่ได้นอนกับผมและคุณคิณ
“ไม่ได้” เสียงคุณคิณดังแทรกขึ้นมา ทั้งๆ ที่คุณย่ายังไม่ได้ตอบเลยด้วยซ้ำ
“แงๆๆ ฮึก ฮือๆๆ” เดม่อนร้องให้เสียงดังกว่าเดิมอีกครับ กอดผมไว้แน่นจนแทบหายใจไม่ออก
“เอาไงดีล่ะทีนี้แม่ปิ่น” คุณย่าขอความเห็นจากแม่ของคุณคิณ
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ถ้าเดม่อนอยู่มันก็ผิดธรรมเนียม แต่ถ้าเดม่อนร้องให้อยู่แบบนี้ปิ่นก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้วค่ะ” ทุกคนก้มมองเจ้าตัวน้อยที่เอาแต่ร้องให้ไม่สนใจใคร ไม่ว่าผู้ใหญ่รอบข้างจะเกลี้ยกล่อมยังไงก็ไม่สน พี่ซองเอาหุ่นยนต์ที่เขาชอบมาล่อยังเมินเลย ทั้งๆ ที่บอกว่าจะซื้อให้ตัวโต แล้วก็คอลเล็คชั่นใหม่ด้วยแต่เขาก็ไม่เอา
“ไม่...ฮึก..เอา ฮือออ”
“ไปอยู่กับลุงซองกับย่า กับอาๆ ก่อนนะครับลูก แค่คืนนี้คืนเดียว” ใช้ไม้แข็งไม่สำเร็จ ก็เริ่มจะใช้ไม่อ่อนเหมือนเดิม แต่เจ้าตัวน้อยก็ยังไม่ยอม ร้องให้เป็นเผาเต่าจนตาบวมหมดแล้ว
“ให้ลูกอยู่ด้วยได้ไหมครับ สงสารลูกคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง” ผมหันไปถามคุณคิณ ก่อนที่จะหันไปถามผู้ใหญ่ที่ยืนมองเหตุการณ์อย่าง
“แต่วันนี้เราต้องเข้าหอนะครับ” คุณคิณงอนผมแล้วครับ เพราะเขารอเวลานี้มานาน แต่จะให้ผมทำยังไงในเมื่อผมสงสารลูกนี่นา
“ย่าก็ไม่รู้แล้ว ผิดธรรมเนียมก็ช่างมัน ให้เดม่อนอยู่นี่แหละ” ทั้งย่าและคนอื่นๆ พากันเดินออกไปหมดแล้ว เหลือเพียงบรรยากาศอึมครึมของเราสามคนที่อยู่ในห้อง เดม่อนหยุดร้องทันทีที่รู้ว่าตัวเองได้อยู่กับผมแล้วก็คุณคิณ ผมเงยหน้ามองพ่อของเขาที่กำลังมองผมด้วยสายตาตัดพ้อ
“พายสงสารลูกนี่ครับ”
“แต่วันนี้มันเป็นวันสำคัญของเรา” คุณคิณหน้ามุ่ย ก่อนที่จะลุกเดินไปตรงระเบียง
“แดดดี๊โกรธเดม่อน” เดม่อนก็เสียงอ่อยไม่แพ้กัน ไม่รู้ว่าจะง้อยังไงดีทีนี้ ทั้งพ่อทั้งลูกหันหน้าไปคนละทาง
“เดม่อนไปง้อแด๊ดสิครับ บอกแด๊ดว่าทำไมเดม่อนจึงอยากอยู่ด้วย” ผมนั่งมองเดม่อนเดินไปหาพ่อของเขาอยางกล้าๆ กลัวๆ ก่อนที่มือน้อยๆ จะจับมือใหญ่เขย่าเบาๆ
“แดดดี๊โกรธเดม่อนเหรอคับ”
“เปล่า”
“เดม่อนยากอยู่กับปาป๊ากับแดดดี๊เพราะเดม่อนร้ากมากๆ” เด็กตัวน้อยก้มหน้าก้มตาพูดไม่รู้ว่าเผลอร้องให้ออกมาอีกรึเปล่า
“แด๊ดไม่ได้โกรธเดม่อนเลยครับ” คุณคิณนั่งยองๆ คุยกับลูกที่ตอนนี้ก้มหน้าร้องให้อีกแล้ว
“แต่แด๊ด...ฮึก ไม่ยากอยู่กับเดม่อน”
“อยากอยู่สิครับ เอาเป็นว่าวันนี้เราอยู่กันสามคนเลยเนอะ”
“ค้าบบบ” เสียงใสขึ้นมาทันทีครับลูกชายผม ยิ้มออกแล้วครับหลังจากที่ร้องให้จนตาบวม เจ้วตัวเล็กเดินจูงมือคุณคิณกลับเข้ามาด้าในอีกครั้ง แต่คนตัวโตยังหน้าบึ้งใส่ผมไม่ยอมเปลี่ยน
“แดดดี๊อย่างอนปาป๊านะคับ” เดม่อนเขย่าแขนคุณคิณที่นั่งมองผมเคืองๆ
“นะครับอย่างอนพายเลย” ผมเขย่าแขนคุณคิณอีกข้างแบบที่เจ้าตัวน้อยทำ แต่คุณคิณก็ยังหน้าบึ้งไม่เปลี่ยน ทำไมคนตัวโตๆ ถึงงอนได้ตลกแบบนี้เนี่ย ไม่คิดจะอายเลย ยิ่งทำหน้าบึ้งๆ งอๆ ยิ่งตลก แต่ผมก็ไม่กล้าหัวเราะหรอก กลัวเขาจะงนผมมากกว่าเดิม
“แดดดี๊..ฉงฉารปาป๊า”
“ถ้าจะให้แด๊ดหายต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”
“อะไรเหรอคับ”
“บอกปาป๊าใหตอบตกลงข้อเสนอของแด๊ดก่อน”สายตาเจ้าเล่ห์ไม่มีใครเกิน ต้องคิดอะไรเจ้าเล่ห์อยู่น่เลยครับ
“ปาป๊าตกลงก่อนสิคับ” เดม่อนกระโดดลงจากเตียงอีกฝั่งเดินมาหาผมก่อนที่จะทำหน้าอ้อน จนผมแอบใจอ่อนไปแล้ว ทั้งๆ ที่รู้ว่านี่คือแผนของคุณคิณก็ตาม
“ก็ได้ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นเดม่อนปิดหูก่อน” เจ้าตัวน้อยยกมือขึ้นปิดหูงงๆ ก่อนที่จะหันไปมองคุณคิณสลับกับผม
“หลังจากลูกหลับ พายต้องให้คิณกินพายจนกว่าจะพอใจ” ผมมองคุณคิณตาแทบถลนออกมาจากเบ้า ดูเขาพูดสิครับ ต่อหน้าลูกก็ไม่เว้นถึงแม้ลูกจะไม่ได้ยินก็เถอะ
“........”
“ตกลงไหมครับ”
“อือ”
“เดม่อนเอามือออกได้ยังคับ”
“ได้แล้วครับ” คุณคิณดึงมือป้อมๆออกจากหูทั้งสองข้าง คงจะมีผมเพียงคนเดียวที่ทำตัวไม่ถูกกับสถานการณ์ตรงหน้า
“แดดดี๊จะกินปาป๊าเหรอครับ ไม่เอาเดม่อนกลัวปาป๊าตายอย่ากินนะ” ห๋า! เดม่อนได้ยินเหรอเนี่ย ตายแน่ๆ เลยงานนี้ ผมนั่งอึ้งไปไม่เป็นแล้วครับลูกได้ยินหมดเลย
“ไม่ตายแน่นอนครับแด๊ดรับรอง”
“จริงเหรอคับปาป๊า” แล้วจะหันมาถามผมทำไมเนี่ย ลูกหนอลูก
“ไม่ตายแน่นอนครับ แถมจะมีความสุขอีกต่างหาก” อย่าคิดว่านี่คือคำตอบของผม เปล่าเลยครับ คุณคิณต่างหาก หน้าไม่อาย
“พอแล้วครับคุณคิณ”
“ปาป๊าไม่ตายจริงๆ นะคับ”
“ครับๆ” ผมตอบรับเจ้าตัวน้อยเพราะเขาคะยั้นคะยอให้ผมตอบให้ได้
และคืนนี้ก็จบด้วยการที่คุณคิณจับผมกินครั้งแล้วครั้งเล่า จนผมได้แต่หอบหายใจถี่ๆ อย่าถามว่าเราทำกันที่ไหน เพราะแทบจะทุกที่ไม่เว้นแม้แต่ใกล้ๆ ตรงที่ลูกชายนอนอยู่ หรือแม้กระทั่งในห้องน้ำก็ไม่เว้น บอกให้หยุดก็ไม่ยอม จนขาผมแทบทรุด แต่งงานกับคนหื่นก็แบบนี้แหละครับ ต้องทำใจ
**************************
TBC.