-7-
[/size]
“แล้วนี่วาจะไปไหนต่อมั้ย?” พี่สามถามขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากพวกเรานั่งกินขนมกันเงียบๆไปสักพัก
“คงกลับคอนโดอ่ะครับ พี่มีอะไรรึเปล่า?”
“เปล่าหรอก กะจะชวนไปหามอมแมมเฉยๆ แต่ถ้าวาไม่ว่าง เอาไว้วันหลังก็ได้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าพร้อมกับทำหน้าหมาหงอยใส่ผม ผมนิ่งไปนิด แต่สุดท้ายตาสีน้ำตาลอ้อนๆนั่นก็ทำผมแพ้ทางอีกจนได้
“แล้วมอมแมมอยู่ที่ไหนครับ”
“อยู่ที่บ้านพี่เองครับ น้องวาจะไปหรอ” พี่สามดูมีความหวังขึ้นมาทันที ผมว่าผมเห็นหูบนหัวพี่เขาอ่ะ…
“แวะไปหน่อยก็ได้มั้งครับ” ผมยิ้มนิดๆ ดูดน้ำปั่นให้หมดแก้ว แล้วลุกไปจ่ายตังค์ แต่สายตาก็ดันเหลือบไปมองทางมุมร้าน ไอ้กำแพงนั่นยังนั่งอยู่ที่เดิมและมองมาทางผมด้วยสายตาเรียบนิ่ง นี่ผมไปทำผิดอะไรไว้นักหนารึไงเนี่ย!
น้องกำแพงมันทำผมคิดมากแล้วนะ มันเดินมาขอเอา ตามมาร้านขนม(คิดว่านะ) แล้วไอ้คำว่าใจร้ายกับสายตานั่นอีก ผมไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร แค่อยากแกล้งเล่นเฉยๆ หรือว่า…
“วา….วา….น้องวา”
“คะ ครับ” เสียงนุ่มทุ้มของพี่สามทำให้ผมหลุดจากความคิดเพ้อเจ้อของตัวเอง ใบหน้าได้รูปของเขาอยู่ห่างจากผมแค่คืบ ทำให้ผมตกใจผงะไปด้านหลัง
“เหม่ออะไรอยู่ครับ จะถึงแล้วนะ ป่ะ ข้ามถนนกัน”
พอหันไปมองรอบๆผมก็ต้องตกใจ เมื่อพบว่าตัวเองเดินมาอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แต่ก่อนจะเอ่ยปากถามอะไร ฝ่ามือของพี่สามก็กระชับเข้าที่มือผม แล้วออกแรงดึงเบาๆให้ผมเดินตามเขาไป
ความอบอุ่นที่ส่งผ่านฝ่ามือนั้น ทำให้ผมยิ้มออกมาบางๆ พอเราทั้งคู่มาอยู่อีกฝั่งนึงของถนนเรียบร้อย พี่เขาก็หันมาพูดอะไรสักอย่างกับผม แต่จับใจความไม่ได้ เพราะความสนใจของผมอยู่ที่รอยยิ้มอ่อนๆที่ฉาบบนริมฝีปากพี่เขาตลอดเวลา ผมชอบจริงๆนะ ตอนที่พี่เขายิ้มแบบนี้
“เดินไปอีกนิดก็ถึงแล้ว” พี่สามเดินต่อไปทั้งที่ยังเนียนจับมือผมไม่ปล่อย จนผมต้องกระแอมขึ้นมาดังๆ แต่ไอ้คนเนียนก็ยังทำหน้าตาไม่รู้เรื่อง
“ไม่สบายหรอ บ้านพี่มียาแก้เจ็บคอนะ”
“มือน่ะ มือ” ผมเอามืออีกข้างตีมือพี่สามเบาๆ ก่อนจะเบะปากใส่เขาอย่างหมั่นไส้
“ไม่จับก็ได้ครับ” พี่สามปล่อยมือผมแต่โดยดี แต่ผมเห็นนะ ไอ้รอยยิ้มชั่วร้ายของพี่อ่ะ!
“ถึงแล้ว”
พอพี่สามเปิดประตูไม้สีขาวออก ผมก็ต้องเบิกตาค้างเพราะมีตุ๊กแกตัวเท่าควายเกาะอยู่!!!
ไม่ใช่ละ….
ผมตะลึงในความสวยของบ้านตะหาก บ้านของพี่สามเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ที่ตกแต่งด้วยโทนสีขาวสไตล์วินเทจ ล้อมรอบด้วยสวน ทำให้บ้านนี้ร่มรื่นและตัดความวุ่นวายจากเมืองหลวงได้เป็นอย่างดี
เมื่อเดินเข้ามาอีกนิดจะพบกับสะพานไม้สีขาว เป็นทางเชื่อมเข้าสู่ตัวบ้าน ด้านล่างเป็นบ่อบัวที่ตอนนี้ออกดอกหลายกอ บ้านหลังนี้ทำให้ผมรู้สึกสงบและอบอุ่นเหมือนกับเจ้าของบ้านเลย
“บ้านสวยดีนะครับ”
“ถ้าวาชอบก็มาอยู่ได้นะ”
“มอมแมมอยู่ไหนน้า” พอพี่สามเริ่มหยอดมุข ผมก็เฉไฉไปเรื่องอื่น แล้วเดินนำเขาเข้าไปในบ้าน เพื่อหาไอ้ตัวเล็กที่ผมไม่
ได้เจอหน้าเลยตั้งแต่วันนั้น
พอผมเดินเข้าไปในตัวบ้าน ก้อนพลังงานสีขาวก็วิ่งเข้ามาหา พร้อมกับใช้หัวเล็กๆถูกับขาผมไปมา ผมย่อตัวลงไปเล่นกับมันอย่างคิดถึง จากหมามอมแมมวันนั้น กลายเป็นลูกหมาหน้าตาน่ารัก ตัวกลมดิ๊กไปซะแล้ว
“ดูดิ พอวามามันก็ลืมพี่เลยอ่ะ” พี่สามนั่งลงข้างๆ แล้วเกาพุงไอ้ตัวเล็กอย่างหมั่นเขี้ยว
“ถามจริงนะพี่ นี่เอาหมาหลอกผมมาบ้านใช่ป่ะ?” ผมเงยหน้ามองแววตาอบอุ่นของเขาอย่างจริงจัง แสดงตนอย่างชัดเจนว่าผมไม่ได้ถามเล่นๆ
“ถ้าตอบแบบสุภาพบุรุษก็ไม่ แล้วพี่ก็ไม่ใช่สุภาพบุรุษ ก็ต้องตอบว่าใช่ครับ”
“แล้วหลอกผมมาบ้านทำไม”
“อยากรู้จริงๆหรอครับ” พี่สามระบายรอยยิ้มออกมานิดๆ แต่ดวงตาคู่สวยของเขากลับแวววาวขึ้นอย่างไม่น่าไว้ใจ แต่ผมก็ยังใจดีสู้เสือ เชิดหน้าและตอบกลับ
“อยากรู้ ทั้งหมดด้วย” ผมเน้นเสียงคำว่าทั้งหมด แล้วจ้องลึกลงไปในดวงตาของเขา
“ถ้าวาอยากรู้ พี่ก็จะบอก”
ใบหน้าได้รูปที่ตอนนี้ดูอ่อนโยนกว่าทุกที เพราะเจ้าของระบายรอยยิ้มน้อยๆ ดวงตาสีน้ำตาลนั่นก็ทอประกายอบอุ่น ทุกอย่างสะกดให้สายตาของผมไม่สามารถละไปไหนได้ แล้วระยะห่างระหว่างเราก็ลดลงเรื่อยๆ
ใกล้…จนผมเกือบหยุดหายใจ
บ๊อก!!
เสียงเจ้าตัวเล็กในมือผมเห่าขึ้น ทำให้พวกเราขยับตัวออกจากกันทันที สถานการณ์เสี่ยงเมื่อครู่แทนที่ด้วยความกระอักกระอ่วนแทน มือไม้ของผมพันกันวุ่นเหมือนไม่รู้ว่าจะเอาไปวางไว้ตรงไหนดี ส่วนพี่สามก็นั่งนิ่ง(สันนิษฐานว่าช็อตไปแล้ว) ทั้งที่หน้าแดงหูแดงไปหมดไม่ต่างจากผม
“ผม…เอ่อ ผม” เป็นผมที่ทำลายบรรยากาศแปลกๆระหว่างเรา
“พี่…ขอโทษนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ”
“ไม่เป็นไรจริงๆนะ” พี่สามมองผมด้วยแววตาสำนึกผิด จนผมต้องยิ้มให้เขาถึงดูคลายกังวลลงมาได้บ้าง
“ถ้าน้องวาไม่เป็นไร งั้น…”
“หืม?”
“เอาใหม่ได้ป่ะ เมื่อกี๊ตกใจมอมแมมอ่ะ”
“พี่สาม!!!”
ผมโวยวายเสียงดังแล้วทุบไอ้คนทะลึ่งไม่หยุดมือ แต่คนโดนก็ยังไม่สลด หัวเราะลั่น พร้อมส่งสายตาเจ้าเล่ห์ใส่ผม
“หยุดหัวเราะเลยนะพี่สาม!!”
“ครับๆ หยุดแล้ว……5555555555555555555”
“มันหยุดตรงไหนเนี่ย!!” เพราะเริ่มโมโห ผมเลยอุ้มมอมแมมแล้วเดินหนี แต่อีกฝ่ายไหวตัวเร็วกว่า คว้าแขนผมไว้ทัน แล้วเงยหน้ามองด้วยสายตาสำนึกผิด แต่ปากกลับยิ้มร่าอย่างมีความสุขสุดๆ!
“วา” อีกฝ่ายเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แถมด้วยการทำหน้าจริงจัง
“แกล้งอะไรผมอีกล่ะ”
“ไม่ได้แกล้ง ครั้งนี้จริงจังมากๆด้วย”
มือของพี่สามเลื่อนจากแขนลงมากระชับมือผมไว้หลวมๆ ดวงตาสีน้ำตาลที่ผมจดจำได้เป็นอย่างดีตั้งแต่วันแรก ตอนนี้ทอประกายอบอุ่นกว่าครั้งไหนๆ ดวงตาคู่นั้นจ้องมองผมเพื่อสื่อความหมายบางอย่าง
“พี่ชอบวานะ”
ตอนที่เจ็ดมาเเว้ววววว
หมอหมารุกเเรงมากกกกกก
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะะะะะะ