Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 20 ☼ [อัพ 1.05.60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 20 ☼ [อัพ 1.05.60]  (อ่าน 21136 ครั้ง)

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
ชอบคนนี้ เป็นคนนี้สินะหนูวา น่ารักจริงๆ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ shcheribrand

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 72
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ Vagenlada

  • Be True to who U R
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
-14-




   หลังจากเหตุการณ์ที่ทำให้หัวใจเต้นรัวเป็นจังหวะกลองยาวแล้ว ผมก็มานั่งสงบเสงี่ยมมองนู่นมองนี่ จิบเป๊ปซี่เย็นๆ บนเตียงผ้าใบ ถึงแม้ใจจริงเมื่อกี๊อยากได้เหล้าดีกรีแรงๆมากกว่าเป๊ปซี่ก็เหอะ แต่เพราะเฮียสั่งห้ามอย่างเด็ดขาดว่าต้องโนแอลกอฮอล์ในการรับน้องนอกสถานที่ เพื่อป้องกันเรื่องวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นตอนตอนเหล้ามันออกฤทธิ์และภาพลักษณ์อันดีของมหาวิทยาลัย


   “มึงหายไปไหนมาวะ?” นั่งได้ไม่นานเพื่อนตัวดีก็เดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าแปลกใจ


   “ไปคุยกับไอ้กำแพง” ผมตอบไปตามตรง แล้วขยับให้ไอ้สองคนนั้นนั่งด้วย


   “มิน่า กูก็อุตส่าห์เดินหาซะทั่ว ที่แท้ไปโดนเด็กมันปล้ำมานี่เอง” ไอ้เทียร์พูดออกมาแล้วยิ้มที่ดูก็รู้ว่าแม่งจงใจล้อ


   “ปล้ำมันไม่เต็มใจเว้ย นี่เพื่อนมึงสมยอมเขาชัดๆ ฮ่าๆๆๆๆ” พอไอ้ฟานพูดจบ มันสองตัวก็พร้อมใจกันระเบิดเสียงหัวเราะแบบมีความสุขสุดๆ แล้วนายวาทิตย์คนนี้จะไปทำอะไรได้…


   “ไอ้สัตว์! พวกมึงอย่าอยู่เลย!” นอกจากใช้ขาสั้นๆของตัวเองไล่เตะพวกมัน แต่ต่อให้ยืด เหวี่ยง ตวัดยังไง แม่งก็ไม่โดนสักป้าบ!


   “มึงหยุดให้กูเตะเดี๋ยวนี้เลยนะ!” ผมโวยวายแล้วยืนพิงต้นไม้แถวๆนั้นก่อนจะหอบออกมาอย่างหมดท่าเหมือนหมาหอบแดด


   “หยุดก็โง่ดิวะ มึงหายเหนื่อยแล้วก็บอกนะ เอ๊ะ หรือจะเหนื่อยกว่าเดิมวะ” มันสองตัวยิ้มแต่เป็นยิ้มที่มองแล้วไม่น่าไว้วางใจสักนิด ผมขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะแหกปากอุทานออกมาเสียงดังเพราะเอวถูกโอบรัดด้วยอะไรบางอย่างจากข้างหลัง


   “เหี้ย! งู! พวกมึงช่วยกูด้วย!” ผมตะเบ็งไปสุดเสียง หลับตาปี๋แล้วออกแรงดิ้น โดยไม่ได้ดูเลยว่าจริงๆแล้วงูมันคืออะไรกันแน่


   “จะเหี้ยหรือจะงูพี่ก็เอาสักอย่างสิครับ” แล้วน้ำเสียงทุ้มที่เจือเสียงหัวเราะก็ดังชิดริมหู ทำให้ผมสงบลงทันที ความแข็งแรงที่โอบรัดรอบเอวก็คลายออกหลวมๆ พอผมเงยหน้าขึ้นมองก็เจอกับใบหน้าที่คุ้นเคย


   ไอ้กำแพง ที่ตอนนี้ต้องเปลี่ยนมาเป็นต้นมะพร้าวกับงู!


   “ครั้งแรกที่เจอกันพี่ก็นึกว่าผมเป็นกำแพง ครั้งนี้ก็นึกว่าเป็นต้นไม้กับงูอีก นี่ผมไม่เหมือนคนขนาดนั้นเลยหรอ”


   “ถูกต้อง มึงมันราบๆทื่อๆหนาๆเหมือนกำแพงหรืออะไรสักอย่างที่พิงได้” ผมเชิดหน้า เบะปากสวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้


   “ผมว่าไม่ใช่” แต่คนโดนด่าเป็นกำแพงกลับยิ้มร้ายพร้อมกับก้มลงมาใกล้


   “แล้วอะไร?” ผมถามกลับไปเบาๆ เพราะถ้าพูดด้วยน้ำเสียงปกติปากเราสองคนได้ชนกันแน่ แม่งไม่เมื่อยคอรึไงวะ ส่วนสูงที่แตกต่างกันโคตรๆ แถมผมยังหดคอหนีแบบนี้ แต่เสือกก้มลงมาซะแทบชิด


   “มันถูกกำหนดไว้แล้วไง ว่าพี่ต้องเป็นของผม คิดดูนะ วันนั้นก็มีที่เยอะแยะ พี่ดันล้มมาทางผม แล้ววันนี้อีกรีสอร์ทมันตั้งกว้าง พี่ก็ยังวิ่งวนมาชนผม ‘เนื้อคู่ ’กันชัดๆ”


   เนื้อคู่…


   จริงสิ ผมลืมเรื่องนี้ไปซะสนิทเลย


   … ดวงตาเหมือนมีพระอาทิตย์วิบวับ เหมือนติ๊ก เจษฯ จมูกสวยเหมือนพี่ก้อง สหรัฐ รูปร่างกำยำ สมชายชาตรี เหมือนพี่เต๋า สมชาย…


   ดวงตาเหมือนพระอาทิตย์วิบวับงั้นหรอ ไอ้กำแพงให้ความรู้สึกร้อนแรงเหมือนพระอาทิตย์ตอนช่วงเที่ยงวัน แต่พี่สามเป็นพระอาทิตย์ตอนเช้าที่อบอุ่นและอ่อนโยน ส่วนลักษณะที่เหลือ ไม่ถือว่ามันเป็นคำทำนายแล้วกัน…


   วิบวับมันก็ใช้ได้กับดวงตาของทั้งสองคนนี้นะ


   “พี่วา…พี่วา…วา!”


   “ห๊ะ? อะ อะไรของมึง”


   ผมหลุดจากภวังค์ความคิดตัวเองเพราะเสียงของไอ้กำแพง ระหว่างรวบรวมสติให้เข้าที่ก็พึ่งระลึกได้ว่ายืนให้ไอ้เด็กนี่กอดตั้งนานสองนาน แถมไอ้เพื่อนตัวดีก็เผ่นหายไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ ผมเลยดันตัวออกเบาๆ ซึ่งมันก็ยอมปล่อยแต่โดยดี


   “เหม่ออะไรอยู่”


   “เรื่องของกู ไม่เสือกดิ” ผมสวนกลับไปทันควันแบบไม่ได้กลั่นกรองจากสมองแม้แต่น้อย จนมันขมวดคิ้วมุ่นถึงได้รู้ตัวแล้วเอ่ยปากขอโทษ


   “ขอโทษๆ กูเผลอไป มึงไม่โกรธกูนะ”


   “ไม่โกรธหรอก แต่แฟนก็เหมือนคนๆเดียวกันนะ เรื่องอะไรที่ทำให้พี่เครียด ผมมีสิทธิ์จะรู้นะครับ”


   “กูไปเป็นแฟนมึงตอนไหน!” ผมแหวขึ้นอย่างตกใจ แล้วมองมันด้วยสายตางุนงง


   “ยังไม่ได้เป็น แต่กำลังจะขอ เรามาคุยเรื่องนี้กันสักทีดีมั้ย?” ดวงตาสีนิลคู่นั้นมองสบมาด้วยความจริงจังมากกว่าครั้งไหนๆ ริมฝีปากได้รูปของมันกำลังคลี่ยิ้มอ่อนโยนที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา


   “คบกับผมนะ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มแต่จริงจังทำให้ก้อนเนื้อในอกผมกระตุก ริมฝีปากที่อ้าค้างเปลี่ยนมาเม้มแน่น แน่นอนว่าแววตาของผมก็ไม่สามารถซ่อนจากมันได้


   “ขอให้ผมได้ดูแลพี่เถอะครับ ผมไม่อยากปล่อยพี่ไป”


   “…” พอเงยหน้ามอง ก็เหมือนมันจะรับรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่


   “ถ้าพี่กำลังสับสน ผมจะทำให้มันชัดเจนเอง”


        “ไอ้รันต์” ผมเรียกชื่อมันด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา เพราะสิ่งที่มันพูดตรงกับสิ่งที่ผมเป็นในตอนนี้


       “ถ้าพี่ไม่แน่ใจ ผมก็จะทำทุกอย่างให้พี่มั่นใจว่าคนที่พี่รออยู่คือผม”

       ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ใบหน้าคมเข้มของคนที่บอกว่าผมกำลังรอเขาอยู่โน้มลงมาใกล้จนเห็นชัดเจน รวมถึงได้ยินน้ำเสียงจริงจังนั่นชัดทุกคำด้วย ดวงตาของมันเหมือนมีประกายแพรวพราวล้อกับแสงไฟสีส้มที่ประดับอยู่บนต้นไม้แถวนี้ มันทำให้ผมถอนสายตาออกมาไม่ได้เลย


        ยิ่งมองหัวใจก็ยิ่งกระตุก ยามที่อีกฝ่ายยังคงมีรอยยิ้มอ่อนโยนเคลือบอยู่ไม่จางหาย ผมหลุบตาลงต่ำ ใช้ความคิดกับตัวเอง หาเหตุผลร้อยแปดมาเป็นกำแพงสูงลิ่ว ความสับสนในใจยิ่งเพิ่มเป็นเท่าทวีคูณ แต่เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ จึงเอ่ยประโยคเดิมก็ทำลายทุกอย่างที่ผมเหนี่ยวรั้งจิตใจตัวเองเอาไว้พังครืน


        “วา…คบกับผมนะ”


        หมดแล้วจริงๆ


        ผมแพ้ผู้ชายคนนี้




ขอโทษที่หายไปนานค่ะ เเถมตอนนี้ก็ยังสั้นอีก TT สารภาพบาป  :o12:

ใช้เวลาไปจัดการหลายๆอย่างมาค่ะ

เเต่สุดท้ายก็ได้ตอนที่สิบสี่ตอนนี้

ยังไงก็ขอฝากนิยายเรื่องนี้ไว้ด้วยนะค้าาาา

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน มาคอมเม้นท์มากๆค่ะ  :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
ตกลงเลยเถอะครับ

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
ตกลงเลยหนูวา ใช้เวลาพิสูจน์เค้าดูนะ ถ้าใช่มันก็คือใช่

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
แล้วหมอหมาล่ะ ทำไงดี

ออฟไลน์ Vagenlada

  • Be True to who U R
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
-15-



       ไม่รู้ว่าตอบรับหรือปฏิเสธตอนไหน รู้ตัวอีกทีสัมผัสอุ่นจนเกือบร้อนก็แนบสนิทกับริมฝีปากผมแล้ว ความนุ่มหยุ่นนั้นเค้นเคลึงสำรวจกลีบปากบนล่างอย่างถี่ถ้วนทุกตารางนิ้ว ก่อนลิ้นร้อนๆจะไล้เลียระหว่างรอยต่ออย่างแผ่วเบา เหมือนขออนุญาต แต่ไม่ทันจะปิดปากลงต่อต้าน มันก็ถูกแทรกเข้ามาหยอกล้อกับลิ้นผมแบบรู้ทัน


   แค่จูบเดียวแข้งขาก็หมดแรง วงแขนแข็งแกร่งเลยโอบรัดผมแน่นจนจมเข้าไปในอ้อมกอดอบอุ่นทั้งตัว ฝ่ามือแข็งเลื่อนมาบีบบังคับท้ายทอยผมให้รับสัมผัส  ลิ้นที่สำรวจไปทั่วสลับกับการดูดดึงและเกี่ยวกระหวัดอย่างเอาแต่ใจ สมองผมขาวโพลนรับรู้เพียงความอบอุ่นที่แนบชิดและสิ่งที่ยืนยันความคิดของผม


   บอกแล้วใช่มั้ย ผู้ชายคนนี้อันตรายมาก!


   เมื่อริมฝีปากเราแยกออกจากกัน เสียงหอบหายใจของผมดังถี่กระชั้น ต่างกับไอ้คนฉวยโอกาสที่ยิ้มกริ่มแบบอารมณ์ดีสุดๆ แถมยังมีหน้าใช้ปลายนิ้วเกลี่ยผมงานที่บวมนิดๆจากฝีมือตัวเองอย่างพออกพอใจ


   “ไอ้เด็กนิสัยไม่ดี”


   ผมแยกเขี้ยวใส่มันเพราะเป็นสิ่งเดียวที่ทำได้ในตอนนี้ จูบแม่งสูบพลังได้ เชื่อไอ้วาเถอะ!


   “ไม่ดีตรงไหน ผมจูบเก่งจะตาย หรือพี่จะเถียง?” มันยียวนกลับมา


   “เถียง!”


   “เถียงอีกก็จูบอีก”


   “เฮ้ย!” ผมรีบยกมือดันหน้ามันแรงๆไว้ทัน ก่อนที่จะโดนฉวยโอกาสอีกรอบ


   แต่…ตอนนี้ห้ามได้ แล้วทำไมเมื่อกี๊กูไม่ห้ามวะ


   ทำไมมึงใจง่ายแบบนี้!


   “อย่ามาลามปามกับกู ทำอะไรอายคนอื่นเค้าบ้างเหอะ วันหลังห้ามทำแบบนี้อีก มันที่สาธารณะ ยังไงกูก็เป็นรุ่นพี่มึง”  พอนึกขั้นได้ว่าทำอะไรไปบ้าง ถึงที่นี่จะมืดแต่ยังไงก็ไม่สมควรอยู่ดี ผมเลยเทศนามัน ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ห้ามมันแท้ แต่มันเริ่มเพราะงั้นผมไม่ผิด


   “ครับๆ วันหลังจะไม่ทำในที่สาธารณะ เอาไว้อยู่กันสองต่อสอง มิดชิดๆแล้วทำเท่าไหร่ก็ได้ใช่ป่ะ”


   “ลามก!” ผมเสียงดังใส่มันทั้งที่หน้าแดงก่ำ ไอ้เด็กบ้านี่พาวกเข้าเรื่องนี้ตลอดเลย


   “วา”


   “กูเป็นพี่มึงนะ”


   “วา”


   “เอ๊ะ ไอนี่”


   “วา”


   “เออๆ วาก็วา” ถึงจะเถียงกลับแต่มันก็ยังพูดแบบเดิม ผมก็เลยอ่อนใจ ยอมให้วันนึงแล้วกัน


   “เป็นแฟนกันแล้วนะ”


   ถึงตรงนี้มันจะมืดก็เหอะ แต่ผมมองเห็นทุกอย่างชัดเจนเลยนะ โดยเฉพาะประกายวิบวับในดวงตาสีนิลคู่นั้นตอนที่ผมพยักหน้าเบาๆ


   “เออ”


   ไม่รู้เหมือนกันว่าอนาคตจะเป็นยังไง


   ผมกับมันจะไปกันรอดมั้ย


   แต่ลองดูก็ไม่น่าเสียหายอะไรนะ





   นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์หลากหลายชั้นปี แต่ส่วนมากก็คือบรรดาเฟรชชี่ปีหนึ่งกลับจากการรับน้องนอกสถานที่แล้ว


   ตอนนี้ทั้งหมดมารวมตัวเข้าแถวกันที่ลานหน้าคณะในชุดนักศึกษา รอคอยพิธีสำคัญ ‘การมอบรุ่น’


   จริงๆแล้วพวกเราเป็นพี่น้องกันตั้งแต่วันแรกที่ทุกคนก้าวเข้ามาในคณะวิศวกรรมศาสตร์แห่งนี้ แต่ในเมื่อต่างคน ต่างที่มา ต่างนิสัย มาอยู่ในที่เดียวกัน  พร้อมๆกัน จึงต้องมีกิจกรรมในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมสนุกๆจากพี่สันทนาการ หรือ ความโหดหินจากเหล่าพี่ว้าก

 
         ทุกอย่างล้วนมีความหมายในตัวมันเอง แต่แตกต่างกันที่รูปแบบในการถ่ายทอดเท่านั้น ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับผู้รับว่าจะเข้าใจ
มันได้มากขนาดไหน


        แต่ผมว่าทุกคนที่นี่เข้าใจ


        แววตาภาคภูมิใจที่ได้เป็นนักศึกษาเต็มตัวนั้น ส่งผ่านออกมาจนรับรู้ได้


        พิธีดำเนินไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์และมีมนต์ขลัง มีตัวแทนพี่ๆในการจัดกิจกรรมรับน้องมากล่าวอะไรเล็กน้อย แต่ที่ดูจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษก็คือเฮียยิ้ม เฮดว้ากประจำปีนี้ ที่ลดบทโหดลง จากหน้าตาเคร่งขรึมก็เหลือแค่รอยยิ้มน่ามองเหมือนชื่อเท่านั้น


        เสียงบูมประจำมหาวิทยาลัยดังกระหึ่มขึ้นทันทีที่เฮดว้ากกล่าวชื่อรุ่นของปีนี้จบ มันดังกระหึ่มและเปี่ยมไปด้วยความยินดีของทุกคนในที่นี้ และเมื่อบูมจบ เสียงหัวเราะปะปนไปกับเสียงเฮด้วยความยินดีก็ดังตาม รอยยิ้มมีความสุขกับแสงสีส้มตอนพระอาทิตย์ใกล้ตกดินเป็นภาพที่น่าดู จนผมยิ้มไม่หุบ


        “เราแก่กันแล้วว่ะมึง มีรุ่นน้องแล้ว” ไอ้ฟานเอ่ยทั้งที่หน้าเปื้อนยิ้ม


       “นั่นดิ ปีที่แล้วกูยังหัวเกรียนอยู่เลย”


        “แต่มึงไม่ต้องเครียดนะ แดกเด็กแล้วเป็นอมตะ ยังไงมึงก็ไม่เหี่ยวไม่ย่น” ผมหุบยิ้มแล้วแยกเขี้ยวขู่ฟ่อใส่ไอ้ฟาน 


        ตั้งแต่มันรู้ว่าผมคยกับไอ้กำแพงวันนั้น ประเด็นนี้ถูกหยิบยกมาเป็นหัวข้อในการแซะนิดแซะหน่อยทุกวัน ตอนแรกก็เถียงกลับบ้าน แต่ตอนนี้หรอ ขี้เกียจพูดให้เมื่อยปากแล้ว


   “เฮียยิ้มชวนไปแดกเหล้า เห็นบอกเก็บกดตั้งกะตอนไปทะเล จะไปด้วยกันป่ะ”


   “เอาดิ แต่ขอกลับไปอาบน้ำที่ห้องก่อนนะ”


   มันสองคนพยักหน้ารับรู้ ผมเลยแยกตัวออกมาก่อน
   



   ไลน์!


สองเมตร : พี่อยู่ไหนครับ


   ระหว่างเดินกลับห้อง เสียงไลน์ก็ดังขึ้น พอหยิบออกมาดูผมก็ยิ้มบางๆ แล้วพิมพ์ตอบ


วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : กำลังกลับห้อง


สองเมตร : ไม่อยู่รอผมหน่อยหรอ


วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : ไม่อ่ะ รีบ จะไปแดกเหล้า


สองเมตร : เด็กใจแตก


วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : ใจแตกอะไรล่ะ กูโตแล้ว ไม่ใช่เด็กด้วย


สองเมตร : เด็ก


วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : เด็กไร?


สองเมตร : เด็กผม :p


วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : ไอ้บ้า


   ถึงจะด่ามัน แต่ริมฝีปากมันกลับยิ้มซะแก้มตุ่ย หน้ากูแม่งยังไม่เข้าข้างกูเลยอ่ะ!


สองเมตร : เขินอ่ะดิ


วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : ไม่เขิน แล้วชื่อไลน์อะไรของมึงวะ?


   ไอ้กำแพงแม่งน่าไปออกรายการคนอวดหมี พูดอย่างกับตาเห็น ผมเลยเปลี่ยนเรื่องแทนโดยที่ไม่รู้ว่ากำลังขุดหลุมฝังตัว
เองชัดๆ


สองเมตร : วา


วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : ว่า?


สองเมตร : ไม่ได้เรียกพี่


วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : อะไรของมึง


สองเมตร : พี่ไงของผม


วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : มึงหยุดเลย


สองเมตร : อ่ะๆ ไม่กวนละ ก็พี่ชื่อวา  แล้วหนึ่งวาเท่ากับสองเมตร                                                     
จริงๆแล้วก็หมายถึงพี่นั่นแหละ


วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : ไอ้บ้า ไม่คุยกับมึงแล้ว


สองเมตร : ให้เวลาเขินก็ได้ 555555 กลับดีๆนะครับ


   พอมันบอกแบบนั้น ผมก็เก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า และไม่รู้ว่าบังเอิญหรืออะไร ตัวผมตอนนี้อยู่ตรงที่เดิม ที่เจอกับไอ้กำแพงและพี่สามครั้งแรก


   และพี่สามก็ยืนอยู่ตรงนั้น…ฝั่งตรงข้ามที่เขาไปช่วยมอมแมมไว้


   ผมเดินไปหยุดตรงข้ามกับเขา ท่ามกลางรถที่สัญจรไปมา แต่ความรู้สึกของพี่สามผมรู้สึกได้ดี


   บางทีนี่คงเป็นโอกาสดี


   พอสัญญาณไฟสีเขียวสำหรับคนข้ามสว่าง ผมเห็นผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งกำลังก้าวข้ามฝั่งมาอย่างมั่นคง ริมฝีปากได้รูปกำลังแย้มรอยยิ้มอ่อนโยนเช่นทุกครั้ง เหมือนกับดวงตาสีน้ำตาลที่ทอประกายอ่อนโยน
เหมือนครั้งแรกที่เราเจอกัน


       “หายไปนานเลยนะ สบายดีรึเปล่า?” ไม่มีคำกล่าวโทษที่ผมหนีหน้าเขา มีแต่คำถามด้วยความห่วงใย


      “สบายดีครับ”


     “ถ้าไม่บังเอิญเจอกันวันนี้ เราจะได้เจอกันอีกมั้ยเนี่ย” อีกฝ่ายพูดเจือหัวเราะ เหมือนมันเป็นเรื่องสบาย


     “ได้เจอสิครับ ผมก็ตั้งใจจะไปหาพี่อยู่พอดี” ผมตอบแล้วยิ้มบางๆส่งไปให้


     “หืม? มีเรื่องอะไรครับ”


     “พี่สาม…วามีแฟนแล้ว”

   
      ผมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เหมือนย้ำเตือนตัวเองว่าได้ตัดสินใจไปแล้ว


        คนฟังเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ ก่อนดวงตาคู่สวยนั้นจะหลุบลงต่ำ ซ่อนแววตาของความเสียใจไว้ แต่เหนือสิ่งอื่นใด ริมฝีปากนั้นก็ยังคงเคลือบรอยยิ้มอ่อนโยนอยู่ตลอดเวลา


       “อืม พี่เข้าใจ” น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นแผ่วเบา รอยยิ้มบางๆยิ่งกว้างขึ้น


       “วาขอโทษ” เสียงผมก็เบาไม่แพ้กัน สีหน้าแบบนั้น แววตาแบบนั้นมันทำให้ผมรู้สึกถึงความหน่วงหนักในอก


       “วาไม่ต้องขอโทษพี่หรอก มันเป็นสิทธิ์ของวาที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กับคนที่วาชอบ”


       “แต่ผมทำให้พี่รู้สึกไม่ดี”


       “ไม่ใช่รู้สึกไม่ดี พี่เจ็บ แต่มันก็เป็นสิ่งที่พี่เลือกเอง วาเองก็เลือกแล้วด้วย เพราะฉะนั้นไม่ต้องรู้สึกผิดนะ วาไม่ได้ทำร้ายพี่นะครับ”

       ภาพทุกอย่างที่ผมมองพร่ามัว เพราะหยดน้ำใสๆที่คลออยู่ พอมันกลั่นตัวลง ผมก็โผกอดคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย อีกฝ่ายก็ตอบรับกลับด้วยวงแขนอบอุ่น


       “วาขอโทษ” ผมเอาแต่พึมพำคำนี้ซ้ำไปซ้ำมา ทุกอย่างสั่งให้ผมขอโทษเขา เขาเป็นคนดี ดีจนให้อภัยตัวเองไม่ได้ที่ทำให้เขาเสียใจ


      “วาให้ความสัมพันธ์ในแบบที่พี่ต้องการไม่ได้ มันไม่ได้แปลว่าเราจะกลายเป็นคนไม่รู้จักกัน พี่ชายก็ได้ พี่ขอเป็นแค่พี่ชายก็ยังดี”


      “วาขอโทษ พี่สาม วาขอโทษ”


       “ไม่ต้องขอโทษแล้ว ไม่ร้องด้วย พี่ไม่อยากเห็นน้องตัวเองร้องไห้หรอกนะ”


      “ไม่ได้ร้อง” ผมเถียงออกไปข้างๆคูๆ พยายามสูดขี้มูกกลับเข้าแหล่งผลิต และปาดน้ำตาที่ยังเหลืออยู่ พี่สามคลายอ้อมกอดออก แล้วยิ้มให้ผมอย่างเอ็นดู


       “หน้าตาดูไม่ได้เลย กลับห้องไปอาบน้ำได้แล้วไป”


      “ครับ วาขอโทษนะพี่สาม”


       “บอกว่าไม่ต้องขอโทษไง กลับดีๆล่ะ”

     
        พออีกคนลับสายตาไป ดวงตาสีน้ำตาลของคนที่บอกว่าจะเป็นพี่ชาย ก็กลั่นหยดน้ำใสๆมาเคลือบไว้ ก่อนจะกลั่นตัวลงมาตามใบหน้าได้รูป แต่ริมฝีปากกลับยิ้มบางๆ ราวกับปลอบใจตัวเอง เขาพึ่งรู้ความจริงวันนี้


         เรื่องความรัก มันไม่มีอะไรแน่นอนจริงๆ


         ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ หรือ บางทีใช่ แต่มีอะไรที่ใช่กว่า






ตอนที่สิบห้ามาเเล้วค่ะ

สงสารพี่สามโฮกกกกกกก  :sad4:

เเต่งไปจิกมือตัวเองไปเเรงมาก

รู้สึกผิดกับพี่สามมากมาย

เเต่ยังไงก็ต้องเดินต่อไปค่ะ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน มาคอมเม้นท์มากๆค่ะ ทุกอย่างคือเเรงใจในการเเต่งจริงๆ

มีอะไรติชมได้เต็มที่เลยนะคะ จะพยายามพัฒนาให้ดีกว่านี้ค่ะ

ขอบคุณมากๆค่า

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
ส่งคนมาปลอบใจพี่สามด่วนเลย สงสาร
แต่ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่อ่ะนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
น่าสงสารมากครับ ความรักบังคับกันไม่ได้

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
พี่สามเรามีไหล่ให้ซบนะ มาซบได้

ออฟไลน์ Pittabird

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 796
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ดีแล้วจ้า. บอกไปตรงๆ.  ไม่ค้างคา. ไม่ให้ความหวัง. ชัดเจนดี

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

ออฟไลน์ Vagenlada

  • Be True to who U R
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
-16-



         “แดกโว้ยยยย แดกกกกก ไม่เมากูไม่เลิก!”  พอเท้าสัมผัสพื้นบ้านเฮียยิ้ม เสียงโวยวายของรุ่นพี่ก็ดังมาต้อนรับ แบบไม่ต้องมองหาเลยว่าอยู่ส่วนไหนของบ้าน พอเดินตัดผ่านตัวบ้านไปที่สวนด้านหลัง ก็เจอพลพรรคขี้เมาตั้งวงเหล้ากันเรียบร้อยแล้ว ผมหยิบเก้าอี้ไปนั่งข้างๆเพื่อนสนิททั้งสองคนที่ดูท่าว่าพึ่งจะเริ่มดื่ม แล้วยกเหล้าขึ้นซดรวดเรียวจนหมดแก้ว แต่ก็ดูเหมือนจะยังไม่สะใจ เลยคว้าของไอ้คนข้างๆมาซดจนหมดอีก


          “เฮ้ยๆ อะไรของมึงวะ ค่อยๆแดกก็ได้ไอ้วา” ไอ้ฟานที่เห็นผมจะคว้าอีกแก้วก็ห้ามไว้ก่อน ผมส่ายหัว แล้วเอื้อมมือไปคว้าแก้วเหล้าอีกครั้ง คราวนี้มันก็ยอมส่งให้ดีๆ


           รสชาติขมปร่าที่แผดเผาลำคอช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นได้จริงๆ พอผ่านไปสักพัก ผมก็ไปสูดอากาศหน้าบ้าน เพราะทุกอย่างในหัวกำลังตึง  พร่าเลือน แต่ใบหน้าผิดหวังกับรอยยิ้มอบอุ่นยังคงชัดเจน


           ผมเสียใจ


           เสียใจที่ปฏิเสธเขา


            และเสียใจ ที่รู้สึกผิดกับเขามากเกินไป


            ทำไมแค่เห็นสีหน้าแบบนั้นของพี่สาม มันถึงได้เจ็บขนาดนี้


            ขณะที่ทุกอย่างเงียบลง เละผมก็จมในอยู่ในภวังค์ของตัวเอง เสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้นทำลายความเงียบนั้น


           “ร้องไห้ทำไมครับ?”


           สัมผัสอุ่นๆที่วางลงบนกลุ่มผมนุ่ม ทำให้ผมลืมตาขึ้น แล้วก็เจอกับดวงตาคมที่สื่อออกมาว่าเป็นห่วงอย่างชัดเจน ไหนจะน้ำเสียงอ่อนโยนนั่นอีก ขอบตาที่ร้อนผ่าวก็กลั่นหยดน้ำลงมาจนได้ ผมเม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง ก้มหน้าลงซ่อนทุกอย่างไม่ให้อีกคนเห็น


           “ร้องมาเถอะ ถ้าพี่จะสบายใจขึ้น” แค่ประโยคเดียว ความอ่อนแอก็ถาโถมเข้าใส่ เหมือนที่ผมโถมตัวเข้าหาความอบอุ่น และระบายทุกอย่างออกไปผ่านน้ำตา ไม่รู้หรอกว่ามันมาได้ยังไง แต่ขอบคุณจริงๆที่มันอยู่ตรงนี้


            ทุกอย่างที่เป็นหิรันต์กำลังปลอบผม ไม่ต้องพูดอะไร แค่อ้อมกอดก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นได้ หลังจากสะอื้นได้สักพัก ผมก็ปาดน้ำตาทิ้งลวกๆ แล้วมองหน้าคนตัวสูงกว่าอย่างขอบคุณ


           “มีอะไรอยากบอกผมมั้ย” ปลายนิ้วอุ่นไล่เช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าผมอย่างอ่อนโยน จนต้องเอียงหน้าซบลงบนฝ่ามืออบอุ่น


            “กูเสียใจ”


            “ใครทำอะไรให้เสียใจครับ”


            “กูทำเขาเสียใจ” แค่นั้นก็ดูเหมือนอีกคนจะเข้าใจเรื่องราวทุกอย่าง คนตัวสูงยิ้ม แล้วเลื่อนมือจากใบหน้ามากอบกุมมือที่ตกลงข้างลำตัวของผมไว้ ก่อนจะออกแรงกระตุกเบาๆ เป็นเชิงให้เดินตาม ผมทำหน้าสงสัย แต่ขาก็ยอมก้าวตามไปแต่โดยดี


             แรงดึงหยุดลงหน้ารถมอเตอร์ไซค์คลาสสิกคุ้นตา แต่มีบางสิ่งเพิ่มขึ้นมาคือหมวกกันน็อคสีขาวที่ผมไม่เคยเห็นมัน จากครั้งแรกที่นั่ง แล้วคำถามในใจของผมก็ได้รับคำตอบ เมื่อเจ้าของหยิบมันมาสวมลงบนศีรษะพร้อมกับล็อคสายรัดเรียบร้อย พร้อมกับประโยคนี้


               “พึ่งซื้อมาไม่กี่วันก่อนเอง แล้วพี่ก็เก็บไว้เลยนะ”

 
               “ทำไมอ่ะ กูไม่ได้ขับ’มอไซค์ซะหน่อย”


               “พี่ไม่ได้ขับ แต่แฟนพี่ขับ แล้วผมก็อยากให้แฟนปลอดภัย ใส่ไว้เถอะครับ” อีกฝ่ายตัดบทสนทนาแค่นั้น แล้วก้าวไปคร่อมมอเตอร์ไซค์ ทำให้ผมต้องขยับไปนั่งซ้อนท้ายอีกฝ่าย


                รถมอเตอร์ไซค์คลาสสิกเคลื่อนตัวไปตามท้องถนนที่ตอนนี้รถเริ่มโล่งบ้างแล้ว เหมือนคนขับจะรู้ว่าผมไม่ค่อยชินกับการนั่งมอเตอร์ไซค์เท่าไหร่ เลยขับไปช้าๆแบบไม่รีบร้อน พอลมเย็นๆตีหน้าก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาก ตามองไปที่แผ่นหลังของคนขับ แล้วยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะสอดมือเข้ารัดรอบเอวไว้ แล้วซุกหน้าลงกับแผ่นหลังกว้าง


               สักพักรถที่เคลื่อนตัวก็หยุดลง ผมมองไปรอบๆ  มันเป็นทางเลียบริมแม่น้ำ ที่มองไปข้างหน้าก็เห็นสะพานข้ามแม่น้ำที่ประดับตกแต่งไฟอย่างสวยงามในเวลานี้ บรรยากาศรอบข้างก็เงียบสงบ มีแค่เสียงลมที่พัดให้ความเย็นเท่านั้น


               “เวลาผมไม่สบายใจ ผมชอบมาที่นี่ เลยคิดว่ามันจะช่วยพี่ได้บ้าง”


               ผมยิ้มให้แทนคำขอบคุณ อีกฝ่ายจับมือผมมานั่งที่ม้านั่งริมแม่น้ำ บรรยากาศดีๆทำให้ผมสบายใจ และคนข้างๆก็พร้อมจะรับฟังทุกอย่าง ผมคิดว่าผมคงต้องพูดให้ชัดเจน


               “รันต์ มึงรู้ใช่มั้ยว่ากูเสียใจเรื่องอะไร”


                 “รู้”


                “วันนี้กูบอกพี่สามว่ากูมีแฟนแล้ว มึง พี่เขาไม่โกรธ ไม่ว่ากู ไม่แม้แต่จะมองกูด้วยสายตาผิดหวังด้วยซ้ำ แต่เขายิ้ม ยิ้มให้กูและขอเป็นพี่ชาย กูรู้สึกว่ากูทำร้ายเขา กูสับสน กูไม่รู้ กูรู้แค่ตอนนั้นกูเสียใจมาก เสียใจมากๆที่ปฏิเสธเขา และกูก็โกรธตัวเองที่เสียใจมากขนาดนั้น กูมีแฟนแล้ว กูไม่ควรจะรู้สึกผิดขนาดนั้นเปล่าวะ กูไม่อยากเป็นคนโลเล ตอนกูผิดหวังเรื่องความรัก ก็ผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำอีก พอเริ่มมีเข้ามา ก็เข้ามาพร้อมๆกัน กูไม่เคยคบใคร กูไม่รู้ว่ากูควรทำยังไง และจัดการความรู้สึกบ้าๆนี้ยังไงดี” ทุกอย่างพรั่งพรูออกไปราวกับเขื่อนแตก ผมพูดออกไปหมดกับสิ่งที่ตัวเองกำลังเป็นอยู่ตอนนี้


               “กูหวั่นไหวกับพี่สาม และพอมึงเข้ามากูก็หวั่นไหวกับมึง กูไม่แน่ใจตัวเองเลยรันต์ กูเป็นคนโลเล แต่กูไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ กูคบกับมึง แต่ถ้าวันนึงความโลเลของกูทำให้กูไม่แน่ใจ แล้วระหว่างเรามันแย่ลงล่ะ กูไม่อยากทำให้ใครเสียใจอีกแล้ว กูคิดว่ากูต้องพูดให้มึงฟังเรื่อง ก่อนที่อะไรๆมันจะลึกไปกว่านี้”


                พอพูดจบผมก็เงียบ เช่นเดียวกันกับคนข้างๆที่เงียบสนิท ผมหันมองเสี้ยวหน้าด้านข้างแล้วก็ใจกระตุก ริมฝีปากเม้มแน่นเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว ดวงตาคู่คมนั้นไม่มีแววอะไรเลย ไม่แม้แต่จะเหลือบมอง


                “ขอบคุณที่พี่บอกผมตรงๆ แต่ผมก็พูดไปตั้งแต่แรกแล้วว่าผมชอบ ผมชอบพี่ และถ้าพี่ไม่มั่นใจ ผมก็จะทำให้พี่มั่นใจ มันอาจจะฟังดูเอาแต่ใจ แต่การปล่อยพี่ไปตอนนี้ก็เหมือนผมทิ้งโอกาสของตัวเอง ทั้งที่ยังพยายามไม่ถึงที่สุด อยู่กับผมเถอะครับ ให้โอกาสเราได้รู้จักกันก่อน”


                   “แต่กูต้องทำมึงเสียใจแน่ๆ”


                   “พี่ทำให้ทุกคนพอใจไม่ได้หรอก ถ้าพี่จะขอเลิกกับผม หรือเล่าเรื่องนี้เพื่อให้ผมเลิกกับพี่ นี่ก็ทำให้ผมเสียใจแล้ว ไม่ต้องสนใจคนอื่นได้มั้ย สนใจแค่เราได้มั้ยครับ” น้ำเสียงหนักแน่นของอีกฝ่ายทำให้ผมพยักหน้า แล้วเอ่ยคำพูดที่ผมอยากบอกที่สุดในตอนนี้


                   “ขอบคุณ”


                   ขอบคุณที่มา


                   ขอบคุณที่ปลอบ


                   และขอบคุณที่ไม่ทิ้งกัน






มาเเล้วค่าาาาาาา

ขอโทษที่หายไปนานโฮก  :hao5:

อาจจะไม่ได้อัพบ่อย เเต่จะพยายามให้มากที่สุดค่ะ

เเต่งไปเเต่งมาก็ขัดใจหนูวาเล็กน้อย ไอ้ความโลเลเนี่ยเเหละ เเต่ถ้าลองมองอีกเเง่หนึ่ง

มันก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ยากจะทำความเข้าใจจริงๆนะ

เเต่ไม่ว่ายังไง ถ้าเลือกเเล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุดค่ะ //เพ้ออัลไลของเธอ 5555555555

ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมากๆนะคะะะะะ   :impress2: :-[
   

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
มาแล้วววว
หายไปนานมากครับ,,,,

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
ใช้ความจริงใจของรันต์มาสยบความโลเลของวานะ

ออฟไลน์ Vagenlada

  • Be True to who U R
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
-17-


       “ลืมบอกไอ้พวกนั้นเลยว่าออกมากับมึง” หลังจากที่นั่งได้สักพักผมก็นึกขึ้นมาได้ ว่าออกมาโดยที่ไม่ได้บอกใครเลย กำลังจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร แต่คนที่นั่งข้างๆ ก็พูดขึ้นมาก่อน


   “พี่ฟานโทรมาหาผมเอง แล้วผมก็ไลน์ไปบอกแล้วครับว่าพี่อยู่กับผม” เออ เรื่องนี้ด้วย ผมกำลังจะถามพอดีว่ามันมายังไง สงสัยต้องกลับไปตกรางวัลให้ไอ้ฟานงามๆซะแล้ว


   “ดึกแล้วนะ พรุ่งนี้มีเรียนรึเปล่า” ผมหันไปถามอีกครั้งหลังจากดูเวลาในโทรศัพท์และพบว่าเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว


   “พรุ่งนี้วันเสาร์ครับ” พอพยักหน้ารับ เราก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก  แต่ในความเงียบนี้ ก็รู้สึกสบายใจเพราะรับรู้ว่ามีใครอยู่ข้างๆกัน


   “รันต์ ถามอะไรหน่อยสิ”


   “ครับ”


   “ชอบกูตรงไหนหรอ?”


   ไม่รู้อะไรดลใจ แต่ผมก็ถามมันไปแล้ว คนถูกถามมีสีหน้าประหลาดใจนิดหน่อย ก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ แล้วมองตาผมด้วยสายตาพราวระยับ


   “ชอบพี่”


   “ฮื่อ ถามว่าชอบตรงไหน ไม่ได้ให้บอกชอบ”


   “ก็ชอบพี่ไง ชอบทุกอย่างเลย” คนพูดขยับเข้ามาใกล้ จนผมเห็นดวงตาคู่สวยนั่นชัดเจน


   “ผม ตา จมูก แก้มผมก็ชอบ” พูดไป ฝ่ามือแข็งๆของอีกฝ่ายแต่กลับสัมผัสผมด้วยความอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ มันเกี่ยวปอยผมที่ระข้างแก้มออก ปลายนิ้วอุ่นลูบบริเวณหางตาอย่างแผ่วเบา จิ้มตรงปลายจมูกและแก้มทั้งสองข้าง ก่อนจะไล้มาสัมผัสริมฝีปากผมเบาๆ เคล้นคลึงมุมปากให้ผมผ่อนคลายช้าๆ ก่อนจะพูดออกมา


   “ปากนี่ก็ด้วย” สัมผัสที่อีกฝ่ายมอบให้ทำให้ผมเชิดหน้าขึ้น เผยอริมฝีปากตัวเองอย่างคนตกอยู่ในภวังค์ ซึ่งคนด้านบนก็ทาบทับริมฝีปากอุ่นจัดลงมาอย่างแผ่วเบา ไม่ได้ลุกล้ำอะไร แต่แค่นี้ก็ทำใจผมเต้นแรงกว่าครั้งไหนๆ


   “แต่ที่ชอบที่สุดก็ตรงนี้” พอสัมผัสอุ่นๆหายไป คนสร้างความปั่นป่วนก็วางฝ่ามือลงตรงหน้าอกข้างซ้ายของผม แล้วจ้องหน้ากัน ผมได้แต่หลบตามันเพราะไม่สามารถต้านทานสายตาแบบนั้นได้จริงๆ


   “ผมชอบพี่ ชอบจนจะบ้าตายอยู่แล้ว อย่าปฏิเสธผมอีกเลยนะพี่วา”


   “อื้อ แล้วก็กลับกันเถอะ ดึกแล้ว” ผมส่งเสียงตอบรับในลำคอ แล้วยิ้มให้ผู้ชายตัวโตๆที่ตอนนี้ซุกหน้าลงกับอกผมเหมือนเด็กๆ  สักพักถึงยอมขยับออกและพาผมกลับบ้าน





   วันนี้มันคงจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีถ้าไม่ใช่เพราะ…


   “ให้ผมนอนด้วยเหอะนะพี่” น้ำเสียงอ้อนสุดฤทธิ์กับสายตาลูกหมาถูกงัดมาใช้แบบไม่ยั้งตั้งแต่      สิบนาทีที่แล้ว ในสภาพที่ผมใช้กำลังทั้งหมดดึงประตูห้องไว้


   แต่ไอ้คนที่พยายามบุกรุกก็เอามือกันไว้ด้วยท่าทางสบายๆ เถียงกันปากเปียกปากแฉะด้วยหัวข้อเดิมๆคือ ขอนอนด้วย


   “ไม่! มึงกลับห้องมึงไปเลย”


   "โถ่ ผมเป็นห่วงพี่นะครับ ให้ผมนอนด้วยเหอะนะ" แต่ไอ้คนตื๊อก็ยังไม่ยอมแพ้งัดเอาเเม่น้ำทั้งห้ามาเกลี้ยกล่อม


   "มึงนอนกับกูเนี่ยแหละที่น่าเป็นห่วง!”


   “ใจร้ายจัง”


   "กลับห้องไปเลยไป ดึกแล้วเนี่ย"  ผมเอ่ยปากไล่อีกครั้ง จริงๆก็เป็นห่วงไม่อยากให้ขับรถตอนกลางคืนนะ แต่มันเขินนี่หว่า
ถ้าจะให้มันนอนด้วยอ่ะ!


   "ถ้าไม่อยากให้ผมกลับดึก พี่ก็ให้ผมนอนด้วยสิ จะได้กลับตอนเช้าไม่อันตรายไง ไม่เป็นห่วงผมหรอ"    นั่นไง เปิดทางให้ไม่ได้เลย การเถียงยาวนานทำให้ผมถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ทำหน้าปลง ก่อนจะปล่อยมือที่ยึดลูกบิดประตูไว้ออก


   อีกฝ่ายยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดี และกำลังจะแทรกตัวเข้ามา แต่ผมก็อาศัยตอนที่มันขยับตัวออกจากประตู ดันประตูปิดแล้วกดล็อคเรียบร้อย ด้วยสีหน้าของผู้มีชัยชนะ


   "เฮ้ย! ทำงี้ได้ไงอ่ะ" ผมหัวเราะออกมาเสียงดังทันทีที่คนข้างนอกโวยวาย สมน้ำหน้า ดื้อดีนัก!


   "ไม่ก็คือไม่เว้ย หึๆ ฝันดีนะที่ร้ากกก จุ๊บๆ อยากนอนกับเค้า ตัวเองก็หาทางเอานะ กร๊ากกกก" พูดจบผมก็ผิวปากส่งท้ายให้อีกฝ่ายเจ็บใจเล่น แล้วเข้าไปอาบน้ำอย่างอารมณ์ดีสุดๆ


   เสียงฝีเท้าและเสียงหัวเราะที่แสดงออกถึงความสะใจห่างออกไป แต่จิตใจของคนโดนหลอกหน้าห้องไม่ได้คลายความเจ็บแสบและคันยุบยิบเลย


   เห็นตัวเล็กๆแบบนั้น แตพลิกเกมได้อย่างรวดเร็ว ต้องแสบๆ ปากร้ายๆแบบนี้สิ ถึงจะสมกับเป็นพี่วา เศร้าๆแบบเมื่อกี๊ไม่เข้าเลยสักนิด


   สงสัยวันนี้คงต้องถอยทัพไปก่อนละมั้ง

   

   "อ้าว น้องรันต์ มาส่งไอ้วาหรอ?" แล้วก็เหมือนเทวดาจะเป็นใจส่งกุญแจเข้าห้องมาให้ได้พอเหมาะพอเจาะจริงๆ คนถูกเรียกยิ้มให้เจ้าของห้องอีกสองคนด้วยเเววตาอิดโรย


   "ครับ พี่วาเข้าห้องไปแล้ว ฮ้าวววว"  นี่ แถมการหาวยาวๆเป็นพร็อพ


   "แล้วนี่จะขับรถไหวหรอ ดึกแล้วนะ นอนนี่มั้ย" ประโยคที่ต้องการมาแล้ว ทำเอาห้ามปากตัวเองไม่ให้ยกยิ้มแทบไม่ทัน
ก่อนจะตีหน้าเศร้าน่าสงสาร


   "ขอพี่วาแล้วครับ แต่เขาไม่ให้นอนด้วย"


   "อ้าว ช่างหัวไอ้วามัน สงสัยเมนส์แม่งจะมา ป่ะ เข้ามาสิ" เจ้าของห้องทั้งสองขยับมากดรหัสผ่านอยู่ไม่นาน ประตูก็เปิดออก


    รอยยิ้มชั่วร้ายที่กักเอาไว้เมื่อกี๊ก็ผุดพรายขึ้นมา คนตัวสูงเดินไปนั่งที่โซฟากลางห้องก่อนจะแกล้งทำเป็นมองหาอุปกรณ์การนอนของตัวเอง เจ้าของห้องเห็นแบบนั้นก็เลยส่งผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ไปรื้อมาจากของอีกคนให้


   "ขอบคุณมากครับ เอ่อ พี่ฟานพอจะมีผ้าห่มให้ผมมั้ยครับ"


   "มีสิ ในห้องนู่นไง รู้น่า เข้าไปเหอะ ตื๊ออีกนิดเดี๋ยวมันก็ให้นอนด้วย ปากแข็งไปงั้นแหละ"  อีกฝ่ายตอบอย่างคนรู้ทัน ทำเอาเเขกพิเศษยิ้มกริ่ม แล้วเดินเข้าห้องเป้าหมายไปอย่างเงียบเชียบ





   ตัดภาพมาที่เป้าหมาย…


   ไอ้คนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกำลังยืนแต่งตัวอย่างอารมณ์ดีอยู่ในห้อง เห็นแสงไฟที่ส่องเข้ามาก็ไม่ได้เอะใจ จนกระทั่ง


   หมับ


   "เฮ้ย!"


   แรงกอดรัดจากทางด้านหลังทำเอาเจ้าของห้องขวัญกระเจิง แหกปากออกมาดังลั่น เตรียมตัวหยิบกระป๋องเเป้งในมือประทุษร้ายผู้บุกรุก แต่อีกฝ่ายแสดงตัวก่อนเลยรอดไป


   "ผมเอง"


   "เข้ามาได้ไง" หน้าเหวอ ตาโตๆ ริมฝีปากที่อ้าๆหุบๆอย่างคนประติดประต่อเรื่องราวไม่ได้ กับหัวฟูๆที่ยังไม่แห้งดีทำให้คนมองยิ้มแป้น


   ก็พี่วาน่ารักอีกแล้ว


   "พี่ฟานให้นอนนี่ครับ เขาบอกว่าไม่อยากให้ขับรถกลับดึกๆ" พอได้ยินประโยคนี้ คนน่ารักก็แบะปากออกอย่างหมั่นไส้ เพราะอะไรๆก็ดูจะเป็นใจให้อีกฝ่ายซะเหลือเกิน


   "แล้วตกลงให้ผมนอนด้วยรึเปล่าครับ?"คนตัวสูงถามย้ำพร้อมกับรอยยิ้ม แต่เจ้าของห้องก็เฉไฉไม่ตอบอีกจนได้


   "ไม่รู้ ไม่ตอบ"


   จุ๊บ


   ในเมื่อไม่ตอบดีๆก็คงต้องใช้กำลัง ด้วยการตีปาก ด้วยปากอ่ะนะ


   "ให้พูดใหม่"


   "ไอ้..."


   จุ๊บ


   "ไอ้อะไรครับ อ๊ะๆ ต่อไปไม่ใช่จุ๊บแล้วนะ"


   ถ้าใครได้เห็นสีหน้าของนายวาทิตย์ตอนนี้คงตลกพิลึก คิ้วเรียวขมวดมุ่น ริมฝีปากบางอ้าๆหุบๆอย่างตัดสินใจไม่ถูกว่าจะด่าหรือจะอนุญาติดี ถึงโดยรวมจะดูบึ้งตึง แต่แก้มขาวๆก็แดงก่ำอย่างน่ารัก
บอกแล้วว่าพี่วาน่ารัก น่ารักมากจริงๆ


   "เออ! จะนอนจะอะไรก็เรื่องของมึงเถอะ" พอรู้ว่าสู้ไม่ได้ก็เลยถอยทัพ สะบัดตัวออกจากวงแขนแล้วโดดลงเตียง คลุมโปงหนีเอาดื้อๆ แต่คนบุกรุกก็สรุปรวบว่าอนุญาติแล้ว เลยเข้าไปอาบน้ำอย่างสบายใจเฉิบ


   ร่างเล็กที่นอนกบดานแบบไม่ปลอดภัย ใจเต้นตุบตับ ใบหน้าก็แดงก่ำแบบห้ามไม่อยู่ ถ้าเพื่อนคนอื่นมานอนด้วยไม่เคยตื่นเต้นขนาดนี้ แต่เข้าใจมั้ยว่านี่แฟนมานอนด้วยอ่ะ แล้วมันจะ...


   "อ๊ากกกกก คิดเหี้ยอะไรของมึงเนี่ยไอ้วา!"


   "คิดอะไรหรอครับ?" เสียงนุ่มๆกระซิบที่ข้างหู พร้อมกับสัมผัสยวบยาบที่ข้างตัว เงาที่พาดทับลงมา ทำเอาใจรัวเป็นกลองเพล ได้แต่ซุกตัวกับผ้าห่มที่ดูเหมือนจะไม่ช่วยอะไรเท่าไหร่


   "ผ้าห่มแค่นี้ช่วยอะไรไม่ได้หรอกนะครับ หึๆ" แรงดึงเบาๆทำให้ผ้าห่มเปิดออก แล้วคนใต้ร่างก็ทำหน้าช็อคปนสยองขวัญ เมื่อเห็นดวงตาสีนิลคู่คมฉายแววเจ้าเล่ห์อย่างปิดไม่มิด


   น้ำลายเหนียวมาจ่ออยู่ที่คอ เมื่อไล่สายตาจากใบหน้าคมเข้มเรื่อยมาจนถึงหน้าท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามหนาหนั่นเกินวัย แต่ให้ตายเถอะ รอยสักลายไทยรูปใบหน้ายักษ์ที่ดุดันเข้ากันดีกับผิวสีน้ำผึ้งคร้ามแดดบริเวณขอบกางเกงทำให้คนมองกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น


   เด็กนี่มันกำลังทำให้เขาสติแตก!


   "ขยับออกไปเดี๋ยวนี้นะ" ประโยคเหมือนออกคำสั่ง แต่น้ำเสียงกลับสั่นพร่าแบบควบคุมไม่อยู่ คนโดนไล่ยกยิ้มและนิ่งเฉยอยู่กับที่ คนไล่เลยดันแผ่นอกอีกฝ่ายออกแรงๆ แต่กำแพงหนาๆนั่นก็ไม่สะเทือนสักนิด


   "อย่าไล่ผมสิครับ" น้ำเสียงออดอ้อนถูกงัดมาใช้อีกครั้ง ฝ่ามือร้อนกอบกุมมือบางไว้แล้วบังคับให้มาเกี่ยวประสานกันที่คอทั้งสองข้าง


   ระยะห่างที่ลดลงจนปลายจมูกชิดกัน ทำเอาคนตัวเล็กสะดุ้ง ไม่ทันจะได้ต่อว่าอะไร ริมฝีปากอุ่นจัดก็ทาบทับแนบสนิทลงบนริมฝีปากบาง ความร้อนลามเลียไปทั่วกลีบปากบนและล่างอย่างดุดัน ก่อนสัมผัสชื้นแฉะจะถูกแทรกเข้ามาหยอกล้อกับลิ้นเล็กภายในอย่างอ่อนโยนหากแฝงไปด้วยความเอาแต่ใจ จนเผลอตวัดเกี่ยวปลายลิ้นตอบรับ


   เมื่ออีกฝ่ายกวาดต้อนจนพอใจ ฟันคมก็ทำหน้าที่ขบกัดหยอกเย้ากลีบปากบางสลับกับดูดดึงจนเเดงก่ำ ฝ่ามือร้อนๆเลิกชายเสื้อนอนยืดย้วยขึ้น สัมผัสผิวนุ่มลื่นมือด้วยความร้อนรุ่ม


   การกระทำที่คนได้รับอ่อนระทวยเป็นขี้ผึ้งลนไฟ แต่ความอดทนของคนทำใกล้หมดลง ดวงตากลมโตที่ฉายแววดื้อรั้นอยู่เสมอ ตอนนี้กลับฉ่ำเยิ้ม หรี่ปรือมองคนรุกรานด้วยความสับสน แต่เชิญชวนโดยไม่ได้ตั้งใจ


   แก้มขาวๆที่ขึ้นสีแดงไม่รู้ว่าเพราะเขินหรืออะไรกันแน่ ริมฝีปากที่บวมแดงเผยอหอบหายใจ ไหนจะผิวขาวนวลเนียนโผล่พ้นชายเสื้อที่ถูกร่นขึ้นไปอยู่เหนืออกด้วยฝีมือเขา


   พี่วาในตอนปกติน่ารัก แต่ตอนนี้คงต้องบอกว่า 'น่าเอา'


   "จะทำให้ผมหลงไปถึงไหนวะ"


   คนด้านบนเค้นเสียงพูดอย่างทนไม่ไหว บดเบียดริมฝีปากลงบนกลีบปากบ่วมเจ่อแรงๆอีกที แล้วไล่เลียลงมาซอกคอขาว ที่อีกคนก็ให้ความร่วมมืออย่างดี เชิดใบหน้าขึ้นเปิดทางให้ คนทำยิ่งได้ใจ ดูดเม้มจนเกิดรอยแดง


   หิรันต์ระงับอารมณ์ตัวเองไม่อยู่แล้วตอนนี้


   "รันต์" เสียงที่เปล่งเรียกออกมาสั่นพร่าตามแรงอารมณ์


   "ครับ" มีเสียงตอบกลับเบาๆจากคนที่เริ่มจะรุกรานจุดอ่อนไหวบนแผ่นอก ที่แค่แตะเบาๆอีกฝ่ายก็บิดกายเร้ารัญจวน แต่ก่อนจะได้ก้มลงไปชิม คนตัวเล็กก็ผวามากอดรัดหยุดยั้งการกระทำทั้งหมดลง


   "ไม่เอานะ ไม่เอา"น้ำเสียงที่สั่นเหมือนจะร้องไห้ ทำใจคนอารมณ์พุ่งสูงใจตกไปที่ตาตุ่ม รีบรวบร่างเล็กกว่าเข้าสู่อ้อมกอดแน่น


   "ไม่ร้องนะครับ ผมขอโทษ" เสียงทุ้มปลอบประโลมที่ข้างหูพึมพำแต่คำว่าขอโทษ พลางโทษตัวเองในใจ แน่นอนว่าอารมณ์อยากทำน่ะมีแน่ๆ มีมากด้วย


   แต่การบังคับไม่ใช่เรื่องดี ถ้าคนที่เขารักไม่พร้อมเขาก็ยินดีหยุด ไม่ว่ากับเรื่องอะไร ถ้าพี่วาไม่ชอบ เขาก็จะไม่ทำ ขอเพียงแค่อีกฝ่ายเอ่ยปาก


   "ขอโทษนะ แต่กูกลัว"คนที่อยู่ในอ้อมกอดเงยหน้ามามองด้วยสายตารู้สึกผิดเต็มเปี่ยม หากอีกคนยิ้มให้อย่างอ่อนโยนแล้วบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

   

   "ผมอยากคบกับวาเพราะอยากดูแลครับ ไม่ได้อยากเอามาเป็นตุ๊กตายาง ผมจะไม่พูดว่าผมรอได้ เพราะพูดตรงๆผมเองก็ไม่อยากหยุด แต่ถ้าวาไม่ชอบ ผมก็จะไม่ทำ ขอแค่วาบอกผม ไม่ใช่กับเรื่องนี้         เรื่องอื่นหรืออะไรก็ตาม ที่วาไม่ชอบ ผมก็จะไม่ทำแน่ๆ"


   ความจริงใจถูกส่งผ่านมาทั้งคำพูดและแววตา คนตัวเล็กเอ่ยขอโทษอีกครั้งแล้วซุกหน้าลงกับแผ่นอกหนาอย่างอุ่นใจ


   มันจริงจังกับเขา มันไม่ได้หวังเเค่เซ็กซ์


   มันให้ความจริงใจมาเต็มร้อย ในขณะที่ผมให้มันได้แค่ความโลเล


   รอกูอีกนิดนะรันต์ กูจะเป็นคนที่ชัดเจนกับมึงให้ได้





มาเเล้วค่าาาาา รู้สึกถึงการรุกหนักของน้องรันต์ 55555555555

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมากนะคะะะะ

รักทุกคนค่ะ

จุ๊บๆ :impress2: :impress2: :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
รีบๆชัดเจนนะหนูวา

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
รอเวลาที่ชัดเจนกว่านี้,,,

ออฟไลน์ BankkunG23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 241
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
รีบกลับมาต่อนะครับ ^.^

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
น่ารักดีค่ะ รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ Vagenlada

  • Be True to who U R
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
-18-

 

       จริงๆผมไม่ใช่คนตื่นเช้า แต่วันนี้ดันตื่นเช้า และถามตัวเองว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วก็ชัดเจน คำตอบของเรื่องที่น่าจดจำเมื่อวานอยู่ข้างๆแบบหลับสนิทเชียวล่ะ


   บางทีก็หมั่นไส้ว่ะ โลกแม่งไม่ยุติธรรมเลย กูตื่นขึ้นมาสภาพอย่างซอมบี้ แต่ไอ้บ้านี่แค่นอนธรรมดายังดูดีเลย


   แดดอ่อนๆตอนเช้าลอดผ้าม่านบางๆ มากระทบกับผิวเข้มๆเหมือนเป็นออร่าวิ้งๆ เส้นผมสีดำที่อ่อนแสงลงเมื่อกระทบกับแดดขับให้ใบหน้าคมเข้มดูอ่อนโยนขึ้น มันทำให้ผมละสายตาไม่ได้ ทุกอย่างดูอบอุ่น เมื่อหน้าเราอยู่ห่างกันแค่คืบแบบนี้


   แล้วความคิดแบบนี้ก็เข้ามาในหัว


   เห็นหน้ามันทุกเช้าก็คงไม่เลว…


   ผมยิ้ม ก่อนจะขยับหน้าผากไปแตะหน้าผากมันเบาๆ บีบปลายจมูกโด่งอย่างหมั่นเขี้ยวอีกที แล้วเขย่าท่อนแขนที่พาดทับผมอยู่เป็นการปลุก


   “รันต์ ตื่นเถอะ เช้าแล้ว”


   “อือ ขออีกสิบนาทีครับ” เสียงทุ้มงัวเงียตอบกลับมาก่อนจะรวบร่างผมไปกอดแน่นกว่าเดิม


   “ไม่เอา ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลย” ผมเริ่มโวยวายพร้อมกับดิ้น แต่อีกฝ่ายก็เงียบประท้วง ผมเลยรวบรวมกำลังทุบอั้กลงไปที่แผ่นอกอีกฝ่าย


   “โอ๊ย! มันเจ็บนะพี่ นมผมแตกขึ้นมาทำยังไง”


   “ก็เรียกไม่ตื่นเอง กลับห้องไปได้แล้ว”


   “รีบไล่จังเลยนะครับ ขออยู่ด้วยก่อนไม่ได้หรอ” อีกฝ่ายทำหน้าอ้อนพร้อมกับเอาแก้มมาแนบแก้มผม แล้วจัดการ ถู…


   “นี่มึงคิดว่ามึงกี่ขวบแล้ว”


   “พูดไม่เพราะว่ะ” มันขมวดคิ้วทำหน้าดุใส่ผม


   “มึงก็พูดไม่เพราะ” ผมเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้


   “เรียกชื่อผมก่อน”


   “ไม่”


   “เรียก”


   “โอ๊ย! กูหายใจไม่ออก” พอผมเถียงไปทันควันมันก็ออกแรงรัดตัวผมแน่นขึ้นอีก แล้วขอโทษเถอะ ตัวผมแทบจมอยู่ในอกมันแล้ว


   “เรียกก่อน เดี๋ยวปล่อย”


   “ร รันต์”


   “จ๋าด้วย”


   “จ๋าพ่อง” ใครจะไปยอมวะ! อย่างกับผู้หญิง


   “งั้นรัดอีก”


   “เออๆ เรียกๆ พอๆไม่ต้องเลย กระดูกจะแตกอยู่แล้ว” พออีกฝ่ายทำท่าจะรัดอีก ผมก็โพล่งขึ้นขัด มองดวงตาคู่คมที่ดูจะแพรวพราวแถมจับจ้องมาอย่างใจจดใจจ่อ ความร้อนเริ่มกินพื้นที่ทั่วหน้า ผมเม้มปากนิดๆอย่างชั่งใจ ก่อนจะพูดออกไปเบาๆ


   “รันต์จ๋า”


   “ว่าไงครับน้องวา”


   “กวนตีน!” ผมทุบมันไปอีกที นี่ผมแก่กว่ามันตั้งปีนึงนะ มีลามปาม เด๊ะๆ


   “ไปอาบน้ำกัน” พูดจบร่างผมก็ลอยหวือขึ้นจากเตียงอย่างง่ายดาย ผมร้องออกมาเสียงดังอย่างตกใจ พร้อมกับเกี่ยวคอมันแน่น ก็อุ้มท่าธรรมดาซะที่ไหน ท่อนแขนแข็งแรงช้อนใต้ต้นขาผมทั้งสองข้าง ทำให้ผมต้องตวัดขารอบเอวมัน ท่าแม่งส่อชิบหาย…


   “เล่นอะไรของมึงเนี่ย ตกไปทำไง”


   “นิ่ม...”


   “ทะลึ่ง! ปล่อยกูลงเลยนะ” พอผมเริ่มดิ้น มันก็กระชับมือมาช้อนใต้สะโพกผมแทน แล้วขอโทษเถอะ แม่งเฉียดจุดยุทธศาสตร์กูไปนิดเดียว!


   ผมหยุดดิ้นทันทีแล้วมองหน้ามันด้วยแววตาตื่นๆ ดวงตาหิรันต์พราวระยับทำเอาใจเต้นแรง ผมขืนตัวออกมาหน่อย ใช้มือทั้งสองข้างประคองใบหน้าได้รูปให้เงยขึ้นมามอง เลื่อนข้างหนึ่งไปสางเส้นผมนิ่มอย่างเอาใจ กดจูบลงไปเบาๆบนริมฝีปากได้รูป แล้วยิ้มให้มันที่ดูตกใจกับการกระทำของผม


   “มองแบบนี้หมายความว่ายังไง”


   “ชอบจะตายห่าอยู่แล้ว ยังมาทำแบบนี้อีก แล้วผมจะไปไหนรอดวะ” ผมหัวเราะเบาๆ ห้ามตัวเองไม่ทันตอนที่ก้มลงไปจนปลายจมูกเราชิดกัน ผมยิ้ม มันยิ้ม แล้วไวเท่าความคิด ผมแตะริมฝีปากลงไปอีกครั้ง สำรวจบนและล่างอย่างใจเย็น


   ไม่รู้ว่านี่เป็นจูบที่เท่าไหร่แบบนี้เรียกว่าดีมั้ย ผมแค่สัมผัสตามที่ผมอยากสัมผัส ริมผีปากที่แนบชิดและเปลี่ยนความร้อน ความนุ่มหยุ่นที่บดเบียดอย่างยั่วเย้าและความชิ้นที่สำรวจไปทั่วโพรงปากของกันและกันอย่างช้าๆ


   เรื่องของผมกับมันเกิดขึ้นเร็ว แต่ตอนนี้เรากำลังค่อยๆเรียนรู้กัน…


   เราจูบกันอยู่นาน หลักฐานก็คือน้ำใสที่เชื่อมติดตอนที่ริมฝีปากแยกจากกัน เสียงหอบหายใจดังขึ้น ทำให้มันหัวเราะเบาๆ แล้วอุ้มผมเดินเข้าห้องน้ำ ปล่อยผมนั่งบนเค้าท์เตอร์แล้วแทรกตัวเข้ามาตรงกลาง


   “อาบน้ำกัน” เสียงทุ้มกระซิบข้างหูผมแผ่วเบา เหมือนมีมนต์สะกดให้พยักหน้าตกลงโดยง่ายดาย เราจูบกันอีกครั้ง ในขณะที่ไอ้กำแพงแกะกระดุมเสื้อผมทีละเม็ดช้าๆ ด้วยมือข้างเดียว อีกข้างเริ่มรุกไล้เข้าใต้บ็อกเซอร์ตัวบาง แรงบีบเค้นทำให้ผมได้สติผละริมฝีปากออกมา จ้องมันด้วยแววตาตื่นกลัว


   “ไม่ต้องกลัวนะ” คนรุกรานปลอบเสียงนุ่ม กดจูบเบาๆที่ซอกคอแล้วไล้เลียลงมาตรงแผ่นอกอย่างชำนาญ เมื่อเจอสิ่งที่ต้องการก็ไม่รอที่จะลิ้มลอง


   ความร้อนที่ครอบครองจุดอ่อนไหวทำให้ผมแอ่นตัวขึ้น เรียกร้องให้มันสัมผัสมากกว่านี้ และคำขอก็ถูกตอบรับด้วยการดูดคลึงและบีบเค้นตามแรงอารมณ์ที่เริ่มขึ้นสูง


   เสียงสั่นพร่าแปลกๆเปล่งออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ กับความกระสันที่ตีตื้นขึ้นในอก กางเกงผมถูกรั้งไปกองอยู่ที่หัวเข่า และก่อนมือร้อนจะแตะต้องเข้าที่ส่วนกลางกาย ผมก็ผวาไปกอดมันแน่นแล้วร้องบอกเสียงสั่น


   “ไม่ได้ อึก ไม่ได้จริงๆ” มันมองผมด้วยสายตาที่ผมเองก็อ่านไม่ออก ก่อนจะถอนหายใจหนักๆแล้วยิ้มออกมาบางๆ ให้ผมใจชื้นขึ้นนิด


   “ไม่ก็ไม่ครับ อาบน้ำกันจริงๆดีกว่าเนอะ” ผมพยักหน้าหงึกหงักทั้งที่ก็รู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย แต่มันกลัวไปหมด ไม่ใช่ว่าให้มันไม่ได้นะ แต่ผมกลัว ถ้าเสียร่างกายให้มันไปอีกอย่าง


   ผมกลัวจะควบคุมตัวเองไม่อีกเลย


   ครั้งแรกที่ผมเปิดรับใครบางคนเข้ามาในชีวิตนอกจากครอบครัวและเพื่อนสนิท


   ผมคิดผิดมั้ย ที่ไม่ยอมเพราะไม่อยากเสียมันไป…





มาเเล้วค่ะ ขอโทษค่ะ หายไปนานมากๆ ช้าโฮก  :sad4:

ตอนที่ 18 ก็เลยเเอบ 18+ รึเปล่า 5555555

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน มาเม้นท์มากๆนะคะ จะพยายามปรับปรุงหลายๆอย่างให้ดีขึ้นค่ะ(เริ่มจากการเเต่งเร็วๆ 5555555555)

ขอบคุณมากๆค่ะะะะ  :o8: :-[ :impress2:

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เปิดใจครั้งแรกก็ไม่เหลือความเป็นตัวเองแล้ววว

5555

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เพิ่งได้อ่านค่ะ สงสารพี่สามจัง ช่วยหาคู่ที่น่ารักๆ มาดามใจพี่สามหน่อยนะคะ อ่านตอนที่พี่สามเสียน้ำตาแล้วร้องไห้ตามเลยค่ะ สงสารพี่สามมากๆ

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
ลองเปิดใจแล้วอะไรๆมันจะดีขึ้นนะวา แค่นี้ก็ไม่เป็นตัวเองล๊าวววว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด