Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 20 ☼ [อัพ 1.05.60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Unlucky soulmate มึงเนี่ยนะ เนื้อคู่กู?! ☼ บทที่ 20 ☼ [อัพ 1.05.60]  (อ่าน 21139 ครั้ง)

ออฟไลน์ Vagenlada

  • Be True to who U R
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
-9-




            หลังจากวันนั้นชีวิตของผมก็กลับเข้าสู่วงจรปกติเหมือนที่มันเคยเป็นมาก่อนหน้านี้ ตื่น กิน ไปเรียน นอน วนเวียนมาได้อาทิตย์หนึ่งแล้ว ไม่มีเสียงไลน์ ไม่มีรูปมอมแมมส่งมาตอนเช้าๆ เพราะเจ้าของมันบอกว่าต้องการให้เวลาผมในการคิดเรื่องของ ‘เรา’

         ถึงเขาบอกว่าจะรอ จะให้เวลาผมคิด แต่เล่นเงียบหายไปเป็นอาทิตย์แบบนี้จะสบายใจได้ยังไงกัน
แล้วอีกอย่าง ไอ้เด็กกำแพงนั่นก็ทำท่าทีแปลกๆใส่ผม ปกติต้องเข้ามากวนมาวุ่นวาย แต่หลังจากวันที่เจอกันที่ร้านขนม มันก็หายไปเลย ถึงจะเจอกันที่ห้องเชียร์บ้าง แต่มันก็เหลือบมามองแค่หางตา แล้วสะบัดบ็อบใส่(อันนี้เติมเอง มันไม่ได้ตัดผมบ็อบ) เหมือนผมไปทำอะไรผิดกับมันนักหนา โว้ยยยยยยยยยย

              พี่สามแม่งใจร้าย!

          ไอ้กำแพงแม่งก็บ้า!

          ทุกคนรอบตัวผมแม่งบ้าหมดนั่นแหละ!

          ผมยกมือขึ้นขยี้หัวตัวเองอย่างบ้าคลั่ง ระบายอารมณ์ปั่นป่วนภายในใจ เรื่องของพี่สามกับการกระทำแปลกๆของไอ้กำแพงรบกวนผมทุกครั้งที่ว่าง

           ผมไม่รู้จะทำยังไงกับเรื่องของพี่สาม…

           ผมพยายามคิดหาคำตอบเกี่ยวกับตัวเอง แต่จนแล้วจนรอดมันก็ไม่มี ผมรู้สึกดีกับพี่สามนะ แต่มันอาจจะเป็นความรู้สึกแบบพี่ชายก็ได้

           ผมไม่กล้าตอบ ผมกลัวพี่เขาเสียใจ

            ไลน์!!

           เสียงไลน์ดังขึ้น ทำให้ผมหยุดทึ้งหัวตัวเอง แล้วรีบเปิดโทรศัพท์อ่านข้อความ

ข่มขืนแล้วยืนยิ้ม : วา ไอ้ฟานมันมีปัญหาอะไรกับไอ้เทียร์ป่าววะ

วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : ก็ไม่นะ ไมอ่ะเฮีย

ข่มขืนแล้วยืนยิ้ม : ไอ้ฟานมันหอบข้าวหอบของมานอนบ้านกู แถมเมาเป็นหมา พอกูจะโทรเรียกไอ้เทียร์มารับแม่งก็โวยวายไม่
ให้กูโทร แม่งเอากันพลากูเป็นตัวประกันด้วย มึงมาเคลียร์ให้กูหน่อย จะหักคามือแม่ง อยู่แล้ว TT

       
วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : แป๊ปๆ เดี๋ยววารีบไป

            ผมยัดโทรศัพท์ลงกระเป๋าแล้วรีบก้าวเท้าเดินให้เร็วที่สุด พลางคิดไปว่ามันจะทะเลาะอะไรกัน สองสามวันมานี้ยังปกติกันอยู่เลยนี่

           “รีบไปไหน”

           เสียงเรียบๆที่คุ้นเคยดังขึ้น ทำให้ผมหันไปมอง ไอ้น้องกำแพงยืนทำหน้านิ่งกอดอกจ้องผมอยู่

           “…” ผมไม่ตอบอะไรกลับไป แต่รีบก้าวเท้าให้เร็วขึ้นอีก เอาคืนที่มันทำท่าหยิ่งๆใส่ผมมาหลายวัน

           ฟึ่บ!

           “ผมถามว่าพี่รีบไปไหน” แรงดึงจากข้างหลังทำให้ผมต้องหยุดเดิน แล้วหันมาจ้องหน้าอย่างหาเรื่อง

           “ทำไมต้องตอบ ปล่อยด้วย” พอออกแรงดึงแขน ไอ้กำแพงก็ยิ่งจับแน่นขึ้น

           “พี่ดูรีบ เผื่อผมช่วยอะไรได้”

           “กูช่วยตัวเองได้ ปล่อยโว้ย!” ผมดึงแขนตัวเองออกมาอีกครั้ง แล้วครั้งนี้ก็สำเร็จ แต่ไอ้กำแพงแม่งกลับยิ้มกริ่ม

           “งั้นผมไม่ช่วยแล้วดีกว่า อยากดูพี่ช่วยตัวเอง”

           “ไปดูหมาที่บ้านมึงเหอะ!” ผมชูนิ้วกลางอัดหน้ามัน แล้วเดินหนี แต่ก็ต้องหยุดเพราะมันดึงแขนผมไว้อีกรอบ

            “อะไรอีกล่ะ กูรีบ!”

            “จะไปไหน เดี๋ยวไปส่ง” พูดจบมันก็ลากผมไป โดยไม่ฟังการคัดค้านของผม ช่างแม่ง เอาก็เอาวะ อย่างน้อยก็ไม่ต้องเดิน

             มันลากผมมาหยุดหน้ามอเตอร์ไซค์คลาสสิกคันหนึ่ง ผมมองรถแล้วมองหน้าไอ้กำแพงอย่างชั่งใจว่ามันจะพาผมไปถึงที่หมายจริงๆหรอ

              “ตัวโครงของเก่า แต่เครื่องไปโมมาแล้ว ไม่ต้องห่วง” มันพูดเหมือนรู้ความคิดผม แล้วส่งหมวกกันน็อคมาให้ ผมรับมาใส่ รอมันขึ้นรถ ก่อนจะขยับไปนั่งซ้อนท้ายแบบเก้ๆกังๆ

                    คือรถมันสูง ทุกคนต้องเข้าใจผม รถผิด ผมไม่ผิด!

                   ไอ้กำแพงค่อยๆออกรถช้าๆ ซึ่งดีแล้วเพราะผมไม่ชินกับการนั่งมอเตอร์ไซค์เท่าไหร่

                   “ไม่เคยซ้อนมอ’ไซค์หรอ?”

                    “เคย แต่ไม่ได้นั่งบ่อย”

                   “วันหลังต้องขึ้นให้เป็นนะ”

                   “ทำไม?”

                   “ต่อไปพี่คงต้องซ้อนมอ’ไซค์บ่อยๆ” ไอ้กำแพงพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ ทำให้ผมขมวดคิ้วอย่างสงสัย แต่ก่อนจะตีความประโยคของมันต่อ มันก็ขัดขึ้นมาก่อน

                   “แล้วจะให้ไปส่งที่ไหน?”

                   “บ้านเฮดว้ากอ่ะ เดี๋ยวบอกทางให้”

                   “เปิด GPS ให้ผมดูหน่อย เสียงเครื่องมันดัง พูดแล้วไม่ได้ยิน” พอมันบอกแบบนั้นผมก็รีบหยิบโทรศัพท์แล้วยื่นไปให้มันดู

                   “อยู่ไกลขนาดนั้นจะมองเห็นได้ไง” มันบ่นออกมาอีก แล้วจับมือผมที่ตอนแรกอยู่ข้างๆตัว ให้อ้อมลอดเอวไปวางแหมะบนหน้าขามัน

                    แบบนี้ มันเหมือนผมกอดมันเลยไม่ใช่หรอ…

                    “อยู่นิ่งๆสิ” พอผมทำท่าจะขยับมือออก มันก็เอามือข้างหนึ่งมายืดมือผมไว้ให้อยู่กับที่

                    ท่าทางที่ดูแปลกๆ ทำเอาผมรู้สึกร้อนวูบวาบที่ใบหน้าขึ้นมาดื้อๆ ริมฝีปากเม้มเข้าหากันอย่างอายๆกับบรรยากาศแปลกๆที่ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองคนเดียวรึเปล่า

                    ถึงจะดูแผนที่เสร็จแล้ว แต่มันก็ยังไม่ปล่อยมือผมสักที แถมยังเอามือผมอีกข้างมาจับเสื้อมันไว้ ด้วยเหตุผลที่ว่า

                    “ลูกระนาดมันเยอะ เดี๋ยวตก”

                    ไอ้กำแพงแม่งเนียนว่ะ
   

                หลังจากขับเข้าซอยมาได้สักพักก็เจอกับบ้านเฮียยิ้ม ผมลงจากรถ ถอดหมวกกันน็อคคืน แล้วรีบหมุนตัวเข้าบ้าน แต่ก็โดนมือมือเดิมดึงเอาไว้อีกแล้ว

                “มาส่งทั้งที่ ไม่มีค่าตอบแทนเลยหรอ?”

                “ไหนว่าช่วยไง แบบนี้เค้าไม่เรียกช่วยนะ” ผมเถียงกลับ แล้วเบะปากใส่อีกฝ่าย

                “ก็ช่วย แต่ผู้รับที่ดีควรจะมีการตอบแทนนะ”

                “ขอบคุณ” พูดจบผมก็หันหลังให้มัน แต่ก็โดนรั้งไว้อีก

               “ไม่พอใจ พูดดีๆดิ”

               ได้ จะเอาอย่างงี้ใช่มั้ย ได้เลยกำแพง ด้ายยยยยยย

                “ขอบคุณมากนะ ขับรถกลับดีๆด้วยนะครับ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน พร้อมกับคลี่ยิ้มละมุนละไมเป็นของแถม แล้วเดินเข้าบ้านเฮียยิ้มไป

               ไอ้วาคนนี้พูดเลย ยิ้มแบบนี้ไม่เคยมีใครทนได้หรอก วะฮ่าฮ่าๆ


               “ไอ้วาเพื่อนร้ากกกกก” พอเท้าผมก้าวเข้าประตูบ้านมาปุ๊บ เสียงยานคางของไอ้ฟานก็ดังขึ้นมาทักทาย

              “เป็นอะไรของมึง” ผมเดินไปนั่งข้างๆมันที่ตอนนี้ตาเยิ้ม เสียงยาน เสื้อผ้าย้วยๆ สองมือกอดกันพลาสุดรักของเฮียยิ้มไว้

              “ไอ้เทียร์แม่งใจร้าย นิสัยไม่ดีด้วย กูไม่อยากอยู่กับมันแล้วววว” พอผมถาม มันก็เริ่มเบะปากแบบจะร้องไห้ แล้วไถลตัวมาพิงผม

               “มึงอย่าไปถามมันเลย กูถามอะไรไปมันก็ตอบแค่นี้” เฮียยิ้มที่พึ่งออกมาจากห้องครัวส่ายหัวแบบระอา

              “เดี๋ยวผมเอามันกลับเอง ขอบคุณที่ช่วยดูมันนะครับ”

              “ไม่เอา ไม่กลับบบ กลับไปไหนนน ไม่กลับว้อยยย” พอได้ยินคำว่ากลับมันก็เริ่มโวยวาย จนผมต้องตีปากมันเบาๆให้เงียบ และพยายามกดโทรศัพท์หาไอ้เทียร์

               “มึงหนีเก่งมากเลยนะ หนีมาบ้านเฮียเนี่ย คิดได้ไง?” แต่คนที่ผมโทรหาก็มาปรากฏตรงหน้าพอดี ขอบคุณพระเจ้า กูไม่ต้องเคลียร์เองแล้ว

               “พวกมึงมีอะไรก็เคลียร์กันไปนะ เคลียร์ให้จบอ่ะ กูไปรอข้างนอก เสร็จแล้วเรียกด้วย” ผมจัดการโยนซากของไอ้ฟานให้ไอ้เทียร์รับผิดชอบต่อ หวังว่ามึงจะคุยกับคนเมารู้เรื่องนะ กูไปล่ะ เรื่องผัวเมีย ไม่อยากยุ่ง อุ๊บส์!

               “มันจะคุยกันรู้เรื่องหรอวะ” เฮียยิ้มถามขึ้นแล้วเกาหัวอย่างงงๆ

              “ไม่รู้เรื่องเดี๋ยวก็รู้เรื่องเองแหละเฮีย” ผมยิ้มให้เฮียเป็นเชิงว่าไม่ต้องคิดมาก ก่อนเราจะนั่งอยู่ข้างนอกกันเงียบๆ รอเวลาให้ไอ้พวกนั้นเคลียร์กัน

               ไลน์!

               เสียงไลน์ผมดังขึ้นอีกครั้ง พอกดดูก็ทำให้ผมต้องเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

Run รัน รันต์ : sent a sticker


Run รัน รันต์ : สงสัยใช่ป่ะ ว่าได้มาได้ยังไง


Run รัน รันต์ : อยากรู้ก็รับแอดสิ : P


   ไอ้กำแพง แม่งมีไลน์ผมได้ยังไง!





ตอนที่เก้ามาเเล้ววว
น้องรันต์กลับมามีบทบาทอีกครั้งค่ะ อิอิ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมากๆนะคะะะ  :impress2: :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
มาแล้ววว กำแพงมาแล้ววว

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
ต้องอย่างนี้สิรันต์ รุกหนักๆ 5555

ออฟไลน์ Vagenlada

  • Be True to who U R
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
-10-



   ผมมองหน้าจอโทรศัพท์อย่างลังเลว่าจะกดรับดีหรือไม่  ไอ้อยากรู้มันก็อยากรู้นะ แต่อีกใจนึงก็กลัวว่าพอรับแล้ว มันจะส่งอะไรมาแกล้งผมรึเปล่า

   แต่คิดมากไปก็เท่านั้น เพราะมือมันดันกดรับไปแล้ว…

Run รัน รันต์ : อยากรู้ถึงขนาดยอมรับเลยหรอ?

วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : เออ
Run รัน รันต์ : พูดเพราะๆสิ เอาเหมือนตอนขอบคุณอ่ะ

วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : ไม่

Run รัน รันต์ : พี่แม่งน่ารักว่ะ

วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : …กูเป็นผู้ชาย

Run รัน รันต์ : ก็น่ารักได้นี่ ทีพี่หมอหมายังชอบพี่เลย

   ผมชะงักไปนิดนึงเมื่อไอ้กำแพงมันตอบมาแบบนี้  นี่มันรู้เรื่องนี้ด้วยหรอ ผมยังไม่ได้บอกใครเลยนะ แม้แต่ไอ้พวกที่เคลียร์
กันอยู่ในบ้านก็ยังไม่รู้ แล้วมึงรู้ได้ยังไง!

วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : มึงรู้ได้ยังไง
Run รัน รันต์ : คนมีจุดประสงค์เดียวกันเค้าดูกันออก

   หา?

   จุดประสงค์เดียวกัน

   อย่าบอกนะว่ามึง…

วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : มึงชอบกูรึไง

   ผมตัดสินใจพิมพ์ประโยคนั้นไป แล้วหลับตาปี๋อย่างไม่อยากยอมรับ ไม่ว่ามันจะตอบอะไรมา จิตใจผมตอนนี้ก็ไม่พร้อมจะเจออะไรแบบนี้เท่าไหร่

Run รัน รันต์ : ไม่บอกหรอก รู้แค่ผมจะทำให้พี่ชอบผมก็พอ

วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : กูเป็นผู้ชาย

Run รัน รันต์ : ไม่เห็นต้องแคร์

วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : กูกลัวโจร

Run รัน รันต์ : ยังไง

วาบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ : หน้ามึงเหมือนโจร        แค่หน้าตากูยังไม่ไว้ใจมึงเลย จะชอบมึงได้ยังไง
Run รัน รันต์ : เจอกันพรุ่งนี้ที่ ม.ครับ

   ผมขมวดคิ้วกับประโยคของมัน อะไรวะ นี่ขนาดด่าหน้าเหมือนโจรแล้วมันยังไม่สะทกสะท้านอีกหรอ ถ้าเป็นกู โดนด่าหน้า
โจรกูบล็อกไลน์แล้วไปโดดน้ำตายแล้ว

   ลางสังหรณ์บางอย่างบอกผมว่าพรุ่งนี้ต้องมีอะไรให้ผมตกใจอีกแน่…
   





   ผมเดินเอื่อยๆเข้ามหา’ลัยพร้อมกับเพื่อนสนิททั้งสองคน วันนี้ทุกอย่างดูขมุกขมัวไปหมด เริ่มตั้งแต่ท้องฟ้ามืดครึ้ม  เหมือนฝนจะตก แถมไอ้สองคนนั่นยังแผ่รังสีแปลกๆใส่กัน ทำให้บรรยากาศยิ่งแย่ลงไปอีก ทั้งที่เมื่อวานก็ให้โอกาสเคลียร์กัน แต่ดูเหมือนจะไม่สำเร็จ

   เดินมาได้สักพัก ผมก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้แถวๆโรงอาหารของคณะ ที่ตอนเช้าแบบนี้มีผู้คนพลุกพล่าน ทำให้จิตใจที่แห้งเหี่ยวของผมมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง

   “กูไปซื้อข้าวนะ มึงเอาไรมั้ย?” ไอ้ฟานลุกขึ้นทันที ตอนที่ไอ้เทียร์เลือกนั่งข้างๆมัน มันถามผมนะ แต่แค่ถาม แล้วก็เดินไป
ทันที...มึงถามเพื่อจะเอาคำตอบหรือถามเพราะมารยาทครับ

   แล้วพอไอ้ฟานลุก ไอ้เทียร์ก็ลุกตามแบบไม่พูดไม่จาอะไรกับผม สรุป…แม่งทิ้งกูอยู่คนเดียว…

   ผมหยิบโทรศัพท์มานั่งกด แล้วยัดหูฟัง เผื่อเพลงบีตหนักๆจะช่วยผมได้ นั่งไปได้สักพัก ผมก็รู้สึกถึงเงาอะไรบางอย่างที่
ทาบทับลงมาบนหัว เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบกับสิ่งที่เพิ่มความมีชีวิตชีวาให้ผมเป็นอย่างดี

   ดีจนน่าตกใจเลยล่ะ!

   ใบหน้าคมเข้มของผู้ชายคนหนึ่งอยู่ห่างผมไม่ถึงคืบ จมูกโด่งเป็นสันของเขาเกือบชิดกับปลายจมูกเล็กของผม ริมฝีปากเป็นกระจับเคลือบด้วยรอยยิ้มน่ามอง คงเป็นเพราะผมทำหน้าเหวอใส่เขาแน่ๆ แต่จะให้ทำยังไง ในเมื่อผมละสายตาจากดวงตาสีนิลคู่คมนั่นไม่ได้เลย

   “คะ…ใคร?” กว่าผมจะหาเสียงตัวเองเจอก็ไม่รู้ว่าจ้องกันไปนานเท่าไหร่แล้ว พอได้ยินเสียงแผ่วๆของผม เขาก็หัวเราะออกมาเบา พร้อมกับดวงตาที่ฉายแววขี้เล่นขึ้น ทำให้ใบหน้าคมเข้มน่ามองนั่นสะกดผมจนอยู่หมัด ความร้อนจากทุกส่วนพร้อมใจกันมากองรวมที่บริเวณแก้ม

   “จำไม่ได้หรอ” อีกฝ่ายถามพร้อมกับยืดตัวขึ้นยืนตรง มันทำให้ผมสำรวจเขาได้ชัดเจนขึ้น ผมตัดสั้นเผยให้เห็นศีรษะสวย รูปร่างสูงโปร่งที่แม้อยู่ในชุดนักศึกษาก็ยังไม่สามารถปกปิดความ ‘ลงตัว’ ของผู้ชายคนนี้ได้ ผมว่าผมไม่เคยรู้จักคนแบบนี้นะ…

   ผมส่ายหัวแทนคำตอบ ทำให้อีกฝ่ายยิ่งขยับรอยยิ้มมากขึ้น

   “ผมอุตส่าห์บอกให้พี่จำชื่อผมดีๆแล้วนะ หิรันต์ไงครับ”

   “เฮ้ย!!” พออีกฝ่ายเอ่ยชื่อนั้นออกมา ผมก็สะดุ้งสุดตัว ภาพในหัวตีกันมั่วไปหมด ไอ้โจรป่าไว้หนวดไว้เคราน่ากลัวกับผู้ชายที่หาที่ติเรื่องรูปร่างหน้าตาไม่ได้คนนี้เนี่ยนะ!?

   “ตกใจขนาดนั้นเลยหรอ” ไอ้กำแพงเวอร์ชั่นพัฒนาแล้วโน้มใบหน้าลงมาผมอีกครั้ง ทำให้ผมผงะไปด้านหลัง แต่มันก็ยังตามติดเหมือนบังคับให้ผมต้องสบกับดวงตาสีนิลนั่นจนได้

   “ออกไปไกลๆกูเลย”

   “ไม่”

   “กวนตีน” ผมด่ามันพร้อมกับพยายามทำเสียงแข็งใส่ แต่อย่าคิดว่ามันจะสะทกสะท้าน เพราะมันจับมือผมไปวางบนโครง
หน้ามัน แล้วใช้สายตาที่คงทำให้ผู้หญิงสักคนเขินแทบบ้าจ้องผม แน่นอน ขนาดผู้หญิงยังแพ้ ผมจะไม่แพ้ได้ยังไง

   “เมื่อวานพี่บอกว่าพี่ไม่มีทางชอบผม เพราะผมหน้าเหมือนโจร”

   “ก็ใช่..”

   “ผมก็เปลี่ยนเพื่อพี่แล้ว พี่ล่ะ” มึงไม่ต้องเปลี่ยนก็ได้นะ มึงลุคใหม่ไม่ดีกับใจกูเลย TT

   “อะไร”

   “พี่จะให้อะไรตอบแทนความทุ่มเทของผม?”

   “เอ๊ะ กูไม่ได้ขอให้มึงทำสักหน่อย”

   “งั้นพี่ก็เตรียมตัว เพราะผมจะเอาในสิ่งที่ผมควรได้จากพี่”

   “อะไรของมึงเนี่ย” ผมขมวดคิ้วมุ่นแล้วมองมันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย มันจะเอาอะไร ผมมีอะไรให้มันรึไง

   “สิ่งที่พี่ต้องให้ผมคือทุกอย่างของพี่นั่นแหละ” พอพูดจบ ใบหน้าของกำแพงก็ฉกวูบลงมาอย่างรวดเร็ว ผมหลับตาปี๋อย่าง
ไม่รู้จะทำอะไรที่มันดีกว่านั้น ก่อนจะลืมตาขึ้น เมื่อสัมผัสได้ถึงความนุ่มหยุ่นที่แตะผ่านแก้มบางเบา

   ร่างสูงๆของไอ้กำแพงขยับออกห่างไปแล้ว มันยิ้มให้ผมอีกครั้ง แล้วเดินขึ้นตึกคณะไป แต่เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมรู้สึกร้อนๆ
หนาวๆแบบบอกไม่ถูก

   ผมฟุบไปกับโต๊ะอย่างโล่งอก หัวใจเต้นรัวจนต้องเอามือมากุมไว้ ความร้อนฉาบไปทั่วใบหน้าอย่างห้ามไม่อยู่

   อันตราย…

   ผู้ชายคนนี้อันตรายมาก!



ตอนที่สิบมาเเว้ววววววว

ช่วงนี้ให้โอกาสน้องรันต์เค้าทำคะเเนนไปก่อน เดี๋ยวพี่สามมาเเน่นอนค่ะ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมากๆนะค   :impress2: :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ wnkth

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
หนูวาเสร็จแน่ หุๆ

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
รุกหนักๆเลยนะรันต์ หนูวาก็นะ ทีกับพี่สามไม่มีอาการแต่กับน้องรันต์นี่ใจเต้นแรงเลยชิม่ะ??
#ทีมหิรันต์

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
น้องกำแพงหล่อแล้ว 555+
วาโดนน้องรุกหนักแน่ๆ

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
ว๊าว!!  มาทำคะแนนอย่างต่อเนื่อง

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อีกำแพงสู้ๆๆๆๆ

ออฟไลน์ ปุกปิกกุกกิกไปตามสไต

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คนนนี้เเน่เลยเนื้อคู่คือหิรันต์ :z1:จิ้มครเขียน :z13: :z13:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
รู้สึกมีซัมติงรอง เชียร์3pแทนได้ไหมคะ อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน

ออฟไลน์ littlegift

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
นี่เชียร์กำแพงสุดใจขาดดิ้นเลยอ่ะ อิอิ  :katai1:

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
หิรันต์หล่อแรงงงง จะเอาคนนี้55555

ออฟไลน์ Vagenlada

  • Be True to who U R
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
-11-


   “ใครอ่ะมึง?” ไอ้ฟานเดินกลับมาพร้อมกับมองตามหลังไอ้กำแพงไป มันเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะหันมาทำหน้าเหวอใส่ผม


   “กูรู้แล้ว! ไอ้วา กูรู้แล้วๆๆๆ” มันตรงเข้ามาเขย่าแขนผมอย่างตื่นเต้นแบบปิดไม่มิด


   “อะไรของมึงเนี่ย” ผมขมวดคิ้วเป็นรอบที่ล้านของวันใส่มัน แต่ไอ้เพื่อนตรงหน้าก็ยังไม่หยุดแสดงอาการตื่นเต้น


   “น้องคนนั้นไง น้องคนนั้นอ่ะ คนที่กูให้มึงดูไง ที่เค้าลือว่าแซ่บสุดในบรรดาปีหนึ่งเราไงมึง อ๊ากกกกก แล้วน้องเค้ามีธุระอะไรกับมึงวะ มึงติดต่อให้กูหน่อยดิ กูชอบบบบบ” ผมพยายามนึกตามคำพูดของมัน ก่อนจะร้องออกมาเพราะนึกขึ้นได้
จริงๆด้วย! ไอ้เด็กนั่นก็คือคนเดียวกับไอ้กำแพงอัพเกรด


   “แล้วตกลงว่าไง น้องเค้ามีธุระอะไรกับมึงวะ”


   “มึงจำคนที่กูยืนพิงเค้า ตอนเจอพี่สามได้ป่ะวะ” มันทำหน้าคิดนิดนึงก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงให้เล่าต่อ


   “คนเดียวกัน”


   “ห๊ะ!!!” ไอ้ฟานตะโกนออกมาเสียงดังอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง มันเอามือทาบอกอย่างตกใจ ก่อนจะย้ายร่างมานั่งข้างๆผมแล้วส่งสายตาคาดคั้น


   “กูรู้นะไอ้วา ช่วงนี้มึงมีเรื่องเครียด แต่ที่กูไม่เค้นกับมึงเพราะกูอยากให้มึงเล่าเองมากกว่า เพื่อนไม่ได้มีไว้ชวนแดกเหล้าอย่างเดียวนะ เราคบกันมากี่ปี มึงเครียดกูก็เครียด ปัญหาของมึง ถ้ารับมันไม่ไหวแบ่งมาให้พวกกูบ้างก็ได้นะ” น้ำเสียงจริงจังของ
มันทำให้ผมยิ้มให้มันบางๆ แทนคำพูดว่าผมไม่เป็นไรและยังไหวอยู่


   “มาๆ ชาร์จแบตกัน กูรู้มึงไม่โอเคนักหรอก กูก็ด้วย” ไอ้ฟานโผเข้ามากอดผมเหมือนที่ผมก็กอดตอบมัน


   ไม่มีใครมีความสุขตลอดเวลาหรอก ทุกคนมีปัญหาด้วยกันทั้งนั้น


   แต่ผมเชื่อว่าผมจะผ่านมันไปได้ เพราะผมไม่ได้เผชิญมันคนเดียว


   ผมมีเพื่อน





   ตอนเย็น


   ผมเดินออกมาจากห้องด้วยสภาพที่เรียกได้ว่าใกล้ตาย…เนื้อหาการเรียนที่หนักโคตรๆแถมติดต่อกัน อีกทั้งน้ำเสียงอันไพเราะเกินไปของอาจารย์ที่ดึงหนังตาผมตกลงมาเรื่อยๆ แต่ที่แย่คือ หลับไม่ได้…


   จริงอยู่ที่การเรียนในมหาลัยคุณจะสนใจเรียนแค่ไหนก็ได้ ไม่มีใครมาคอยปาแปรงลบกระดานใส่หัวหรือเดินมาดึงหูเวลาคุณแอบนอน คุณต้องรับผิดชอบตัวเอง และทุกคำพูดของอาจารย์นั้นสำคัญทุกคำ


   “วันนี้ทำสุกี้กินกันเหอะนะ กูอยาก” ไอ้ฟานที่สภาพไม่ต่างจากผมเท่าไหร่เดินเอาหัวมาวางแหมะบนไหล่ผม แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆแบบเด็กขอขนมกิน


         ผมมองแล้วก็ยิ้มออกมา แต่ดูเหมือนเพื่อนอีกคนจะไม่ได้ยิ้มตามไปด้วย


   “ไปบอกไอ้เทียร์นู่น กูไม่ใช่คนทำ” ไอ้ฟานมองค้อนใส่ผมแล้วเดินสะบัดสะบิ้งไป ผมหันไปมองไอ้เทียร์แล้วส่งสายตาแทนคำถาม


   “เมื่อไหร่พวกมึงจะดีกัน”


   “มันงอนกูไม่นานหรอกน่ะ ไปซื้อของกันเหอะ” พอตอบแบบปัดๆเสร็จ ไอ้เทียร์ก็เดินไปทันที ทิ้งให้ผมถอนหายใจแบบปลงตก


   “ไอ้วา! ว่าที่ผัวมึงมาอ่ะ” เสียงโวยวายของไอ้ฟานที่เดินก่อนทำให้ผมขมวดคิ้ว ว่าที่ผัวอะไรวะ?


   ผมรีบสาวเท้าเดินไปตรงที่มันอยู่ ก็เจอกับผู้ชายคนหนึ่งที่มักจะมาพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่นเสมอ


   พี่สาม…


   ถึงจะไม่ได้เจอกันอาทิตย์กว่าๆ พี่สามก็ยังดูเหมือนเดิม ใบหน้าได้รูป ดวงตาอ่อนโยนสีน้ำตาลใส และริมฝีปากที่ยิ้มอบอุ่น
อยู่เสมอ ตอนนี้เขาก็กำลังยิ้มให้ผม


   “จะกลับห้องกันใช่ป่ะ วันนี้พี่เอารถมา ไปส่งให้มั้ย?” เมื่อผมเอาแต่ยืนเงียบ พี่สามเลยทำลายความเงียบด้วยการหาเรื่อง
คุยกับไอ้สองคนนั่น


   “กำลังจะไปซื้อของทำสุกี้กินกันครับ พี่พาไอ้วาไปส่งห้องก่อนก็ได้” ไอ้เทียร์พูดขึ้น ทำให้ผมอ้าปากจะเถียง แต่ไอ้ฟานก็
เถียงแทนผมเรียบร้อย


   “มึงจะให้มันไปกับ อุ๊บ!” แต่พูดยังไม่จบประโยคก็โดนปิดปากลากออกไป แล้วผมก็ถอนหายใจรอบที่ล้านของวัน


   “วันนี้ดูเหนื่อยๆนะ”


   “ครับ” ผมมองหน้าเขาและตอบไปแค่นั้น ผมคิดเรื่องของพี่สามมาหลายวันมาก คิดในหลายๆเรื่อง รวมทั้งคำตอบที่เขาถามไว้วันนั้นด้วย


   “ไม่เจอกันตั้งอาทิตย์นึง คิดถึงพี่ป่ะ?” แม้คำถามจะฟังดูเหมือนแหย่เล่นตามปกติ แต่แววตาที่ส่งผ่านออกมานั้นไม่ได้แสดงออกถึงความล้อเล่นเลยสักนิด


   “…….”


   ผมไม่ได้ตอบอะไร แต่พี่สามก็ยิ้มกว้างขึ้นอีก เขาเดินเข้ามาหยุดตรงหน้า มันใกล้พอที่ผมจะสังเกตเห็นแววตาที่วูบไหว
ของเขา


   “วารู้ใช่มั้ยว่าพี่มาเพราะอะไร”


   “รู้ครับ” ผมตอบไปเสียงแผ่วๆ


   “รู้แล้วก็ไปสิ พี่หิว”


   คำพูดของพี่สามทำเอาผมชะงักกึก แล้วเงยหน้า อ้าปากค้างขึ้นมองอย่างไม่เข้าใจ


   “มาหานี่จะชวนไปกินข้าวด้วย แต่พวกวาจะทำสุกี้กินกันใช่ป่ะ กินด้วยนะ”


   หา?


   “แล้วเรื่องที่พี่ถามผมไว้ล่ะ!” ผมตะโกนขึ้นมาอย่างหัวเสีย นี่พี่แม่งจริงจังรึเปล่าเนี่ย!


   “ไม่ต้องตอบแล้ว”


   “ฮะ?!”


   “พี่ไม่ต้องการคำตอบแล้ว” พี่สามย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แววตาของเขาไม่มีอะไรบ่งบอกว่าล้อเล่นอยู่สักนิด


   “บ้ารึเปล่าวะ! พี่รู้มั้ยว่าผมคิดมากแค่ไหน แล้วมาทำเป็นล้อเล่นแบบนี้ สรุปจริงจังรึเปล่าเนี่ย! นิสัยไม่ดี ไอ้คนบ้า ไอ้บ้า!”
ผมโวยวายไม่หยุดพร้อมกับระดมทุบตีพี่เขาเท่าที่จะทำได้ พี่สามก็ไม่คิดห้าม เขาเอาแต่กัน จนผมเหนื่อยและหยุดไปเอง


   “วาฟังพี่นะ”


   “อะไรอีกล่ะ!!” ผมมองเขาด้วยแววตาที่สั่นระริก ภาพทุกอย่างพร่ามัวเพราะน้ำตาที่คลออยู่ มันกลั่นตัวจากความเครียดและ
ความสับสนที่เล่นงานผมมาอาทิตย์กว่าๆ ตอนนี้ความเข้มแข็งของผมหมดลงแล้ว


   “ใจเย็นก่อนนะครับ”


   ฝ่ามืออบอุ่นของเขาเกลี่ยเบาๆที่ใต้ดวงตาผมเพื่อปาดคราบน้ำตา ไล่ลงมาจนถึงแก้ม และริมฝีปากที่เม้มแน่นไม่ให้สะอื้นออกมา ปลายนิ้วอุ่นเกลี่ยเบาๆอย่างอ่อนโยนทำให้มันคลายออกอย่างง่ายดาย


   “ที่พี่หายไปพี่ไม่ได้ต้องการจะปั่นหัววา พี่ต้องการให้วาและพี่ได้คิด และที่บอกว่าไม่ต้องการคำตอบแล้ว มันหมายถึงพี่จะไม่เร่งรัดวา”


   “ไม่เข้าใจ”


   “ก็พี่ถามวาว่าจะลองคุยกับพี่มั้ย คนจะคุยกันได้เขาต้องมีความรู้สึกดีๆให้กันก่อน แต่คนที่ชอบวาคือพี่ การที่พี่ถามแบบนั้น มันก็เหมือนกับการบังคับเราไม่ใช่หรอครับ”


   “แล้วหลังจากนี้ล่ะ?”


   “พี่จะจีบวา”


   “เมื่อก่อนคือไม่ได้จีบ?”


   “เปล่า นั่นแค่อ่อย”


   “พี่มันบ้าว่ะ” ผมว่าแล้วหัวเราะเบาๆ พี่สามลูบแก้มผมเบาๆ ก่อนจะยิ้มกว้างออกมา


   “ยิ้มแล้วๆ”


   “ผมร้องไห้แล้วน่าเกลียดหรอ?”


   “เปล่า น่าอย่างอื่นมากกว่า หึๆ” พี่สามยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วมองผมด้วยสายตาวิบวับ หางกับหูก็งอกมาอีกแล้ว


   “ทะลึ่ง!”


   “อะไร พี่หมายถึงน่าแกล้ง คิดอะไรอยู่หรา”


   “เอ๊ะ!”


   “ไปเหอะ หิวแล้ว” พี่สามตัดบทผมแล้วเดินไปที่รถที่จอดอยู่ใกล้ๆ ผมมองตามแผ่นหลังของเขาด้วยความรู้สึกหลายๆอย่าง สบายใจขึ้นมั้ย มันก็ใช่ เพราะผมไม่ต้องคาดคั้นและกดดันตัวเองมากเท่าเดิม เพราะพี่เขาไม่ต้องการคำตอบอีกแล้ว


   แต่บอกว่าจะจีบ    มันก็เหมือนกับที่ไอ้กำแพงบอก แสดงว่าตอนนี้…นายวาทิตย์ผู้ดวงจู๋ช้ำรักจากสาวทุกคน มีคนมาจีบถึงสองคน และเป็นผู้ชายทั้งคู่!


        อะไรบางอย่างบอกผมว่าต้องมีเรื่องเกิดขึ้นอีกแน่ๆ
       

        ผมถอนหายใจอีกรอบ แล้วเดินไปขึ้นรถพี่สาม  จะเกิดอะไรก็เอาเถอะ ตอนนั้นค่อยว่ากัน


       
         คอนโด


        “พี่นั่งรอนี่ก่อนนะ ผมไปช่วยพวกมันเตรียมของก่อน” พอมาถึงห้อง ผมก็บอกให้พี่สามนั่งรอตรงห้องรับแขก ก่อนจะวางของแล้วเปลี่ยนชุดไปช่วยสองคนนั้นเตรียมของในครัว


        “มึง พี่สามมากินด้วยนะ” ผมบอกแล้วเริ่มหยิบผักมาหั่น  ไอ้ฟานกับไอ้เทียร์ทำแค่พยักหน้ารับ ก่อนจะลงมือเตรียมของต่อไป


         สักพักหนึ่งพวกเราก็ยกผักและเนื้อที่เตรียมไว้ออกมา ผมวางของไว้บนโต๊ะญี่ปุ่น แล้วเดินไปเปิดประตูระเบียงเพื่อระบายอากาศ ดีที่วันนี้ไม่ร้อนเท่าไหร่ ลมเลยพัดมาเป็นระยะๆพอเย็นสบาย


         ผมกลับมานั่งที่แล้วเริ่มต้นลงมือกินสุกี้ พอมีของกินผมก็เริ่มรู้สึกดีขึ้น ไอ้เทียร์นี่กุ๊กประจำแก๊งพวกผมเลยนะ มันทำอาหารได้หลายประเภทตั้งแต่กับแกล้มคู่วงเหล้าไปจนถึงอาหารฝรั่ง เรียกได้ว่าที่มีชีวิตรอดไม่อดสูเรื่องอาหารการกินก็เพราะมันเนี่ยแหละ


        “ปกติ อยู่กันสามคนแบบนี้หรอ” พี่สามคงเห็นว่าพวกผมจริงจังกับการกินมาเกินไป เลยเอ่ยทำลายความเงียบ


        “ครับ กิน นอนด้วยกันแบบนี้ตั้งแต่ปี 1 แล้ว” ไอ้ฟานเป็นคนตอบแล้วมันก็ร่ายยาวเรื่องการคบกันของพวกเรา พี่สามเองก็นั่งฟังอย่างสนอกสนใจ โดยเฉพาะเรื่องเปิ่นๆของผมที่ดูจะมีความสุขมากเป็นพิเศษที่ได้ฟัง



        ก๊อกๆๆๆ


         เสียงเคาะประตูขัดจังหวะการพูดคุย พวกผมสามคนมองหน้ากันแล้วขมวดคิ้ว ด้วยความคิดเดียวกัน ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว จะว่าเพื่อนที่คณะหรือพวกเฮียยิ้มก็ไม่ใช่ เพราะถ้าพวกนั้นจะมามันจะโทรบอกก่อน


         “พี่ไปเปิดให้มั้ยครับ?” พี่สามที่เห็นพวกผมนั่งเงียบทำท่าจะลุกไป แต่ผมก็ลุกห้ามไว้ แล้วไปเปิดเอง


        “ใครครับ? เฮ้ย! มึงมาได้ไงเนี่ย”



         งานนี้บอกได้คำเดียวว่ายุ่งแน่ๆ…




พี่สามคัมเเบ็คเเล้วค่ะ 55555555

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะะะะ  :impress2: :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อีน้องกำแพงมาแน่ๆๆ เอาแล้วๆๆๆๆ จะมีมวยไหม อิอิ ทีมน้องกำแพง 55555555

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
ทั้งพี่สาม ทังน้องกำแพง ยุ่งมากแน่ๆงานนี้

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
น้องวาเสน่ห์แรงนะเนี่ย

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
หิรันต์สู้ๆ #ทีมหิรันต์ ชูป้ายไฟ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
น้องกำแพงมาแน่ๆ มาจีบอย่างที่บอกไว้  พี่สาม ก็อยู่
มาจีบพร้อมกันสองคน แสดงว่า วาต้องน่ารักมากแน่ๆ  :mew1:
หน้าตาดี อบอุ่น ทั้งคู่ เชียร์ทั้งสองคนละกัน  :กอด1:
ชอบ รอ  :katai2-1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Vagenlada

  • Be True to who U R
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
-12-



   “ไลน์ไปทำไมไม่ตอบ?” เสียงทุ้มที่ดูหงุดหงิดเอ่ยขึ้น ทำให้สามคนในห้องหันมามองอย่างสนใจ


   “ใครวะ” ไอ้ฟานทำท่าจะลุกมาดู


   “ไม่มีอะไรมึง เขามาผิดห้องอ่ะ เดี๋ยวกูไปบอกทางเขาแป๊บนะ กินกันต่อเลย” ผมพูดรัวๆแล้วแทรกตัวออกจากห้อง ก่อนจะจับมือไอ้แขกยามวิกาลที่ไม่ได้รับเชิญไปคุยกันไกลๆห้องผม


   “มึงมาได้ยังไงเนี่ย”


   “เก่ง” ใบหน้าคมเข้มของมันยิ้มมุมปากนิดๆอย่างภูมิใจที่มันมาห้องผมถูก


   “เอาดีๆ อย่ากวนตีน” ผมกอดอกแล้วจ้องหน้ามันอย่างคาดคั้นเอาคำตอบ ที่เป็นคำตอบ


   “ถึงเรายังไม่ได้เอากัน แต่รับรองว่าผมเอาดีนะ” มันพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ พร้อมกับใช้แววตาแพรวพราวจ้องมาที่ผมแล้วโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ จนต้องขยับออกห่างแล้วใช้มือดันหน้ามันแรงๆ


   “อย่ามาลามปามได้มั้ยวะ กูไม่ตลกนะ”


   “ครับๆ ก็ถามจากพวกเพื่อนๆพี่อ่ะแหละ ไม่เห็นยากเลย”


   “แล้วมาทำไม”


   “พี่ไม่ตอบไลน์ผม ดูดิ” มันส่งโทรศัพท์ที่ปรากฏแชทของผม ที่มันทิ้งข้อความเอาไว้ตั้งแต่ตอนเช้าจนถึงช่วงเย็น


   “แค่กูไม่ตอบไลน์เนี่ยนะ เลยมาหากูถึงห้อง”


   “อืม ก็ปกติพี่ตอบ เป็นห่วงนึกว่าเป็นอะไร”


   “กูก็ไม่ว่างบ้างป่ะวะ”


   “ก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่เป็นห่วงเฉยๆ” ถึงมันจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ก็ทำเอาก้อนเนื้อในอกผมกระตุก จนต้องก้มหน้าลงบอกมันด้วยเสียงที่พยายามทำให้แข็ง


   “รู้ว่าไม่เป็นอะไรก็กลับไปได้แล้วไป”


   “ไม่กลับ”


   “แล้วมึงจะอยู่หาอะไรล่ะ”


   “หิวข้าว ขอข้าวกินหน่อยดิ เดินหาพี่ทั่วมหา’ลัย ยังไม่ได้กินอะไรเลย” พูดจบมันก็รีบก้าวขายาวๆของมันกลับไปที่ห้อง จนผมร้องเฮ้ยออกมา แล้วรีบดึงแขนรั้งมันไว้


   “หึ”


   เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นเบาๆ ก่อนใบหน้าคมจะหันมามองผมอย่างเจ้าเล่ห์ เหมือนรอจังหวะนี้อยู่แล้ว มันหันกลับมา พลิกแขนข้างที่ผมจับอยู่ แล้วกระชากแขนข้างนั้นเข้าหาตัว ส่งผลให้ตัวผมลอยหวือเข้าอ้อมกอด ตามด้วยวงแขนแข็งแกร่งอีก
ข้างที่กดทับเอวของผมให้แนบสนิทกับลำตัวของมัน


   “ทำบ้าอะไรของมึง!” ผมเริ่มออกแรงดิ้นทั้งที่ก็รู้ว่าไม่หลุด แต่ก็ดีกว่ายืนนิ่งๆให้มันกอด


   “ผมเปล่านะ พี่ดึงผมเอง มันเป็นผลมาจากกฎข้อที่สามของนิวตันไงครับ”


   “มันไม่ใช่แบบนี้ว้อย! ปล่อยกูเดี๋ยวนี่เลยนะ!” พอคนตัวสูงกว่าแถข้างๆคูๆผมก็ยิ่งโมโห แล้วออกแรงทุบตีมัน


   “อยู่นิ่งๆสิ เดี๋ยวก็ตื่นหมดพอดี” มันทำเสียงมีลับลมคมใน


   “อะไรตื่น?” ผมขมวดคิ้วใส่ แล้วเงยหน้ามองอย่างสงสัย


   “ลูกชายผมข้างล่าง พี่ถูไปถูมาแบบนี้ไม่ปลอดภัยนะ” ผมเลื่อนสายตาลงไปตามก็พบว่าหน้าท้องของผมแนบสนิทอยู่กับอวัยวะอันตรายของอีกฝ่ายพอดี


   “ไอ้โรคจิต มึงปล่อยกูเดี๋ยวนี้เลยนะ!”


   “ขอสามนาที อยู่นิ่งๆเดี๋ยวปล่อย”


   “ไม่!!”


   “สองก็ได้อ่ะ” ไอ้กำแพงต่อรองอีก แต่ผมก็แหกปากใส่หูมันแล้วยืนยันคำเดิม


   “ไม่ว้อย!”


   “นาทีนึง เดี๋ยวปล่อย แล้วผมกลับเลย แต่ถ้าพี่ยังไม่ตกลงอีก ผมจะยืนกอดอยู่แบบนี้แหละ คนผ่านไปผ่านมาก็ไม่ปล่อย ผมไม่อายหรอกนะ เพราะผมไม่ได้อยู่ที่นี่ และแน่นอนว่าพูดจริงทำจริง” คนตัวสูงกว่าพูดออกมาเรื่อยๆเหมือนมันคือเรื่องสบายๆ แต่ดวงตาสีนิลคู่นั้นที่มองลงทำให้ผมรู้ว่ามันทำจริงแน่


   “ก็ได้ นาทีเดียวนะ” ผมตอบรับออกไปเสียงแผ่วๆ แล้วก้มหน้าหลบรอยยิ้มของอีกฝ่าย วงแขนที่รัดแน่นคลายออกหลวมๆพอให้ผมหายใจหายคอสะดวก ใบหน้าไอ้กำแพงโน้มลงมาใกล้เรื่อยๆจนผมต้องหลับตาปี๋ เม้มปากแน่น


   “หึๆ ไม่ได้จะจูบหรอกน่า” เสียงทุ้มพูดอย่างอารมณ์ดี ก่อนสัมผัสบนไหล่จะทำให้ผมลืมตาขึ้นมอง หัวทุยๆของมันซุกอยู่กับไหล่แค่นั้น


   “วันหลังอย่าเงียบไปแบบนี้นะ ผมเป็นห่วงจริงๆ พี่จะมองว่าผมวุ่นวายมากเกินไปก็ได้ แต่คนมันชอบ เรื่องแค่นี้มันก็เป็นเรื่องใหญ่นะครับ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มพูดข้างๆหูผม คำพูดทุกคำผมได้ยิน  รวมทั้งความรู้สึกของอีกฝ่ายด้วย มันชัดเจนจนหัวใจผมเต้นแรง


   เป็นห่วงงั้นหรอ


   เป็นคำพูดที่ฟังแล้วอบอุ่นดีนะ


   “วันหลังจะตอบ” ผมตอบกลับไปเบาๆ ไม่ใช่ว่าผมตั้งใจไม่ตอบไลน์มันนะ แต่เมื่อเช้ามันเล่นงานผมซะตั้งตัวไม่ทัน ยอมรับเลยก็ได้ ว่าเขินมากจนไม่กล้าคุยด้วย


   “ครับ” มันถอนหายใจเบาๆ แล้วซุกหน้ากับไหล่ผมต่อ จนต้องสะกิดเตือน


   “ครบนาทีแล้วนะ”


   “ชิ จะเนียนซะหน่อย” มันจิ๊ปากอย่างขัดใจ ก่อนจะปล่อยวงแขนออกจากเอวผม


   “ไปได้แล้วไป มันดึกแล้ว”


   “ครับๆ ฝันดีนะ” ไอ้กำแพงยิ้มกว้างอีกครั้ง ก่อนจะก้มลงมาแตะปลายจมูกกับแก้มผมตอนเผลอ


   “เฮ้ย!!!” ผมร้องขึ้นมาเสียงดัง แต่กว่าจะตั้งตัวได้ ร่างสูงๆก็เดินไปไกลแล้ว


   บอกแล้วไง แม่งเนียน!
   




   “ทำไมไปนานจังวะ?” พอกลับเข้าห้องมา ไอ้ฟานก็ทักผม พอกวาดตามองไปรอบๆห้องก็ต้องแปลกใจ เมื่อเห็นว่าพี่สามไม่อยู่แล้ว


   “พี่สามล่ะ?” ผมไม่ได้ตอบคำถามมัน แต่ถามกลับแทน


   “กลับไปนานแล้ว เห็นบอกจะไปตามมึง แต่แป๊บนึงก็กลับเข้ามาเอาของแล้วขอตัวกลับก่อน  ไม่เจอกันหรอวะ?”


   “อ่ะ อ่อ ก็เจอ” ผมตอบตามน้ำไป แล้วกลับไปกินต่อ ก่อนจะปะติดปะต่อเรื่องราวในหัว พี่สามบอกว่าออกจะไปตามผม  แต่ผมไม่เห็นพี่สาม ทั้งที่เปิดประตูมาก็เจอแล้ว ถึงผมจะยืนอยู่ไกล แต่ก็พอมองเห็น นอกจาก…จะเห็นตอนหนึ่งนาทีนั่นพอดี


   “เวรแล้วกู” ผมพึมพำออกมาเบาๆ


   “อะไรเวรวะ?” แต่ไอ้เทียร์ก็หูดีพอจะได้ยิน


   “เปล๊า กูอิ่มแล้วอ่ะ พวกมึงอิ่มยัง เดี๋ยวกูล้างเอง” ผมเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง ก่อนจะยกชามทั้งหมดไปล้างแบบไม่รอฟังคำตอบ พวกมันทำหน้าเหวอๆ ก่อนจะเลยตามเลย ช่วยกันเก็บกวาดจนสะอาดเหมือนเดิม


   ผมคิดว่าพี่สามเห็น แต่ผมไม่อยากให้เขาคิดมาก


   ผมไม่อยากทำร้ายความรู้สึกใคร


   แต่ปล่อยให้มันคาราคาซังแบบนี้ไม่ได้


   ผมควรทำยังไงดี…





ตอนที่สิบสองมาเเล้วว

หายไปนานเลย TT ขอโทษนะคะ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมากๆนะคะ  :impress2: :-[ :o8:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อร๊ายยยย อีกำแพงชะนะเลิศ. ด้านเข้าวะ อิอิ อีก_แพงคะแนนนำโด่งเลยตอนนี้ อิอิ กำแพงสู้ๆๆๆๆ

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
หิรันต์มาวินค่ะ

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
ไม่รักไม่ชอบก็บอกพี่สามไปเลยสิ

ออฟไลน์ monday012

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
รักพี่เสียดายน้องหรอ. ไม่ดีนะครับ

ออฟไลน์ Vagenlada

  • Be True to who U R
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
-13-


   หนึ่งอาทิตย์แล้ว…


   หลังจากวันนั้นที่พี่สามมากินสุกี้ที่ห้องและไอ้กำแพงหนึ่งนาที นี่ก็ครบอาทิตย์แล้ว ที่ผมพยายามหลบหน้าทั้งสองคนนั่น


   หลบไอ้กำแพงโดยการไปมหา’ลัยเช้าๆ แล้วกลับเร็วๆ


        หลบพี่สามที่พยายามมาหาผมที่คอนโด หรือมหา’ลัย


        ปิดตายไลน์ตัวเอง…ผิดสัญญากับไอ้กำแพงและทำตัวไม่ดีกับพี่สาม


         ใช่ ผมกำลังหนี…


   ผมหนีสองคนนั่นได้ แต่หนีความรู้สึกสับสนในใจตัวเองไม่ได้


   ผมยอมรับว่าหวั่นไหวกับไอ้กำแพง แม้มันจะเข้ามาในเวลาสั้นๆ แต่เรารู้สึกดีกับคนสองคนพร้อมกันไม่ได้ สิ่งที่แย่กว่าการปฏิเสธใครสักคน คือการไม่รู้ใจตัวเอง


   ผมไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้


   ผมต้องการเวลาในการหาทางออกให้กับทุกอย่าง


   แต่เวลามันหมดลงแล้ว…ยังไงผมก็ต้องพบกับความจริง


   วันนี้เป็นวันรับน้องนอกสถานที่ของคณะวิศวกรรมศาสตร์ ในสถานที่ยอดนิยมอย่างทะเลที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก


   ตอนนี้ผมยืนอยู่ในทะเลลึกแค่เข่า ปล่อยให้สายลมที่พัดมาช่วยลดความวุ่นวายในหัวสมองผม น้ำทะเลเย็นๆขัดกับแสงแดดที่สาดลงมาอย่างร้อนแรงทำให้ผ่อนคลายลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ


   “ทำเอ็มวีอะไรของมึงวะ” เสียงที่คุ้นเคยกับแรงกดที่ไหล่ทั้งสองข้าง ทำเอาผมสะดุ้งนิดหน่อยด้วยความตกใจ แต่พอมองผมก็ยิ้มออกมา เพราะมันคือเพื่อนรักของผมทั้งสองคน


   พวกมันสองคนยิ้มตอบ ก่อนจะกระชับท่อนแขนที่วางบนไหล่ผมคนละด้านให้แน่นขึ้น


   “ไม่ได้ทำเอ็มวี กูยืนอ่อยฝรั่งอยู่ นู่น กล้ามอย่างแน่นอ่ะมึง”


   “ไม่ยักรู้ว่าเดี่ยวนี้มึงหัดทำตัวแรด” ไอ้เทียร์ที่มีปากมีเสียงน้อยสุดในกลุ่ม แต่พูดทีก็ทำเอาเสียศูนย์เหมือนกัน


   “แรดตามไอ้ฟาน แต่มึงก็ชอบแรดแบบนี้ไม่ใช่หรอวะ?” พอผมสวนกลับเรื่องที่เป็นจุดอ่อนของพวกมันสองคน มันก็พร้อมใจกันหุบปากฉับ แล้วมองนกมองทะเลเป็นทองไม่รู้ร้อน


   “กูมีเรื่องจะบอกพวกมึงว่ะ” ผมยิ้มอ่อนๆ แล้วหันไปมองหน้าพวกมันทีละคน สองคนนั้นมองหน้าผมแล้วยิ้มตอบอย่างเข้าใจ


   เวลาที่เราสามคนมีเรื่องทุกข์ใจ จะไม่ค่อยบอกกัน จนกว่าจะแน่ใจว่าแบกมันคนเดียวไว้ไม่ไหวจริงๆ ถ้าบอกก็แปลว่า ได้พยายามแก้ไขเรื่องนั้นอย่างสุดความสามารถแล้ว


   “เล่ามาสิ”


   เรื่องราวทั้งหมดถูกถ่ายทอดอย่างใจเย็น เริ่มต้นตั้งแต่ตอนเจอพี่สาม เจอไอ้กำแพง จนถึงเหตุการณ์ที่กินสุกี้วันนั้น พวกมันก็รับฟังเงียบๆอย่างใช้ความคิด


   “กูไม่อยากทำร้ายใคร” ผมถอนหายใจออกมาอีกครั้งเมื่อเล่าจบ


   “มึงไม่ทำร้ายใครไม่ได้หรอกไอ้วา เพราะตอนนี้มึงก็ทำร้ายทั้งเขาสองคนและตัวเองอยู่” ไอ้ฟานพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสบายๆ


         “สิ่งที่มึงควรทำตอนนี้คือ ถามความรู้สึกตัวเองให้ดีๆ พอได้คำตอบมึงก็บอกไปตรงๆ ถ้าสองคนนั่นชอบมึงจริง เขาต้องยอมรับการตัดสินใจของมึงได้ จริงอยู่ที่มันคงเจ็บถ้าโดนปฏิเสธ แต่ดีกว่ามึงยื้อต่อไป จนถอนตัวไม่ได้ มันไม่เท่ากับว่ามึงทำร้ายพวกเขาหนักกว่าเดิมหรอวะ”


   “ที่มึงพูดมันถูก แต่กูไม่เคยมีความรักจริงๆจังๆสักครั้ง กูไม่รู้อะไรเลย แม้กระทั่งความรู้สึกตัวเอง”


   “ถ้าหนึ่งมันใช่ จะไม่มีสอง” ไอ้เทียร์พูดขึ้นเรียบๆ แต่ก็ทำให้ผมเงียบลง แล้วใช้ความคิดกับตัวเองอีกครั้ง


   “กูกลัว” สุดท้ายสาเหตุจริงๆมันก็มาจากเหตุผลเดียว มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะผิดหวังกับความรัก แต่ผมว่าผมผิดหวังมา
มากเกินไป จนกลัว…


   “กูเข้าใจว่าที่ผ่านมามันไม่ค่อยดี แต่อย่าเอาอดีตมาทำร้ายปัจจุบันสิวะ เริ่มใหม่ได้แล้ว”ไอ้ฟานยิ้ม ทำให้ผมยิ้มตาม


   “ ไว้ผัวทิ้งก็วิ่งมาซบพวกกูได้” ไอ้เทียร์พูดแล้วหัวเราะออกมา สำทับด้วยไอ้ฟานที่ประสานเสียงด้วย แล้วผมก็หลุดหัวเราะออกมาบ้าง


   “เลิกทำหน้าเครียดสักทีเหอะ พวกกูเป็นห่วง” พวกมันสองคนยิ้มกว้าง ผมก็ยิ้มตอบไปแบบกว้างๆ


   “อืม ขอบคุณนะพวกมึง”


   “ไม่ต้องหรอก ก็เราเป็นเพื่อนกัน” พูดจบพวกเราสามคนก็กอดกันเป็นวงกลม หรือมีศัพท์ที่เรียกกันเองว่า ‘การชาร์จแบต’


   ถึงความรักผมจะล้มเหลวมากี่ครั้ง แต่ผมไม่เคยล้มเหลวจากการรักพวกมัน




   ตอนเย็น


   เสียงเพลงอะคูสติกฟังสบายจากพี่ปีสามดังคลอไปกับเสียงคลื่น ช่วยให้บรรยากาศในการรับน้องนอกสถานที่เต็มไปด้วยความผ่อนคลาย เหมือนกับเป็นการพักผ่อนของปีหนึ่ง หลังจากเจอศึกหนักจากพวกพี่ว้าก ที่พอหมดเวลาโหดก็เข้าสู่โหมดติ๊งต๊องกันเต็มที่


   อย่างในตอนนี้ที่เฮดว้ากอย่างเฮียยิ้มกำลังโดนเหล่าพี่ว้ากหามลงทะเล ท่ามกลางเสียงเชียร์ของบรรดาปีหนึ่ง พอมันขึ้นมาได้ก็วิ่งไล่เตะเพื่อนตัวเอง แต่สังขารไม่อำนวยเท่าไหร่ เลยต้องมานั่งเหนื่อยๆข้างผม


   “แก่แล้วดิเฮีย วิ่งแค่นี้หอบ” ผมเหน็บไปเบาๆ ก่อนจะส่งน้ำเปล่าในมือให้ เฮียยิ้มมองผมด้วยหางตาแบบคาดโทษไว้ก่อน แล้วรับน้ำไปดื่ม


   “ว่ากูแก่ มึงเหอะทำหน้าเครียดจนหน้าแก่กว่ากูอีก ชีวิตมันดราม่ามากหรอวะ” เฮียมันว่าพร้อมกับขยี้หัวผมแรงๆ


   “อย่าดิเฮี๊ย! แม่งเซ็ตนานนะเว้ยกว่าจะหล่อแบบนี้” ผมปัดมือมันออก  แล้วขยับหนี แต่เฮียยิ้มแม่งก็ล็อคคอแล้วสะบัดๆน้ำใส่


   “โว้ยยยยย มันเปียกนะเว้ย พวกมึงช่วยกูด้วย!” ผมแหกปากเรียกไอ้เทียร์กับไอ้ฟานที่ยืนคุยกันอยู่ไม่ไกล มันสองคนหันมาโบกไม้โบกมือแล้วคุยกันต่ออย่างไม่สนใจใยดีผมสักนิก  ไอ้เพื่อนนิสัยไม่ดี!


   แปะ!


   “โอ๊ย! อะไรวะ”


   เสียงวัตถุกระทบหน้าผากเฮียยิ้มดังแปะ แต่เป็นแปะที่ฟังแล้วเจ็บแทน พอมองหาก็พบว่าเป็นผลของต้นอะไรสักอย่างที่ผม
ไม่รู้จัก คาดว่าน่าจะหล่นมาจากบนหัว


   “เวรกรรมที่เฮียแกล้งผมอ่ะแหละ แบร่” พอได้จังหวะ ผมก็วิ่งหนี ทิ้งให้เฮียผู้โชคร้ายนั่งคลำหัวป้อยๆต่อไป


   เดินไปไม่กี่ก้าว สายตาผมก็เจอเข้ากับซุ้มอาหารเล็กๆ ที่ทางบ้านพักจัดไว้ให้ เป็นแบบบุฟเฟ่ต์เลือกตักทานเองได้เต็มที่ เป็นอาหารจำพวกอาหารทะเลย แน่ล่ะ มาทะเลจะให้นั่งกินข้าวซอยก็แปลกไปหน่อย


        ในขณะที่กำลังถือจานเลือกอาหารอย่างอารมณ์ดี ข้อมือของผมก็ถูกใครบางกระชากไว้


   แล้วก็ไม่ต้องสงสัย


   ไอ้กำแพง…


   “หนีไม่ได้แล้วนะ” ดวงตาสีนิลคู่นั้นมองมาด้วยความรู้สึกที่ยากจะเดาออก ก่อนจะออกแรงลากผมไปริมทะเลที่ไม่ค่อยมีคน


   “ผมต้องการคำอธิบายจากพี่”


   “….” แต่ผมก็ให้คำตอบมันด้วยความเงียบ


   “พี่วา!” พอมันเริ่มเสียงดัง ผมก็สะดุ้ง แล้วขยับถอยหลังไปอีกก้าว สัมผัสได้เลยว่าอีกฝ่ายน่ากลัวแค่ไหนในเวลานี้ ดวงตาคมดุวาวโรจน์ด้วยโทสะจากความเงียบของผม


   “วา!!” มันเสียงดังอีกครั้ง แล้วเอื้อมมือมากระชากแขนผมทั้งสองข้างเข้าไปหาตัวอย่างแรง


   “มึงจริงจังแค่ไหนกันวะ” เสียงที่ออกมาแผ่วเบา แต่ดวงตาผมเต็มไปด้วยความจริงจัง มันถึงเวลาที่ผมต้องเผชิญหน้าสักที


   “อะไร?” จากความโกรธที่เต็มเปี่ยมเปลี่ยนเป็นความงุนงงทันที แรงบีบที่ต้นแขนทั้งสองข้างก็ค่อยๆคลายลง


   “เรื่องกู มึงจริงจังแค่ไหนกัน รันต์กูถามจริงๆเถอะนะ มึงแค่อยากหาอะไรใหม่ๆเล่นรึเปล่า มึงชอบกูจริงๆหรือแค่ถูกใจ” ผมพูดในสิ่งที่ตัวเองสงสัยและกลัวอยู่ออกไปหมด


   “…” มันเงียบ ความเงียบมันน่าอึดอัดแบบนี้นี่เอง มิน่าล่ะ ไอ้กำแพงถึงได้โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่ผมไม่เปิดปากพูดอะไร
เมื่อกี๊


   แต่ความเงียบก็คือคำตอบรูปแบบหนึ่ง


   “กูเข้าใจแล้ว” ผมพูดแค่นั้นก่อนจะฝืนยิ้มให้มันบางๆ แล้วหันหลังกลับ แต่เสียงถอนหายใจยาวๆก็ดังขึ้น พร้อมกับวงแขนแข็งแรงที่กอดรัดจากด้านหลัง


   “เข้าใจว่าอะไร” น้ำเสียงนุ่มทุ้มแบบเดิมถูกงัดมาใช้ ใบหน้าได้รูปของคนข้างหลังกดลงบนบ่าของผมเบาๆ


   “ก็มึงเล่นๆไง พอเถอะเลิกได้แล้ว อย่ามายุ่งกับกู” ผมใช้แรงที่มีพยายามแงะแขนมันออก แต่ก็ชัดเจนอีกคนมันแข็งแรงกว่ามาก


   “คนที่ต้องเสียใจมันเป็นผมนะ”


   “มึงจะเสียใจอะไรล่ะ! ไม่ได้แคร์อยู่แล้วนี่!” ผมตวาดใส่มันทั้งที่จมูกกับตาเริ่มร้อนผ่าว


   “พี่ไม่ตอบไลน์ หลบหน้าผม แล้วก็ดูถูกความรู้สึกของผมด้วย” อ้อมแขนแข็งแรงค่อยๆคลายออก ก่อนอีกฝ่ายจะจับผมให้หันมามองหน้ากันดีๆ


   “จะให้กูเชื่อได้ยังไง มึงเข้ามาเร็วมาก มึงรุกกูหนักมากด้วย มันเร็วจนเหมือนล้อเล่น” ยิ่งพูดเสียงผมก็ยิ่งสั่นแบบห้ามไม่อยู่ ภาพทุกอย่างเริ่มพร่ามัวเพราะม่านน้ำตาที่ก่อตัวขึ้น


   “นี่ไงถึงได้บอกว่าผมควรจะเสียใจ  ที่พี่มองไม่เห็นความจริงจังของผม รู้มั้ยกว่าจะทำใจกล้าหน้าด้านไปกวนตีนพี่ เนียนเอา
ไลน์ หาที่อยู่ อ่อย หรืออะไรก็ตามให้พี่สนใจมันยากขนาดไหน แต่ขอให้เชื่อเถอะว่าผมไม่เคยทำเพราะอยากล้อเล่นกับพี่เลยสัก
นิด ผมชอบพี่ก็คือชอบพี่ ทุกอย่างที่ทำไปก็เพื่อให้พี่รู้สึกแบบเดียวกันทั้งนั้น”


   ถึงน้ำเสียงนุ่มทุ้มนั้นจะเอ่ยออกมาอย่างสบายๆ ริมฝีปากได้รูปนั่นจะยกยิ้ม แต่ดวงตาสีนิลที่มักจะระยิบระยับอยู่เสมอกลับแสดงออกชัดเจนว่ามันจริงจังแค่ไหน


   “เข้าใจหรือยัง?” มันถามอีกครั้ง ผมก็ทำได้แค่พยักหน้ารับหงึกหงัก ปาดขี้มูกที่ย้อยๆออก จนมันหัวเราะเบาๆแล้วส่งปลายนิ้วอุ่นมาไล้คราบน้ำตาที่ยังหลงเหลือออกอย่างอ่อนโยน


   ผมกระพริบตาถี่ๆ ก่อนจะผงะเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าคมนั่นโน้มเข้ามาใกล้ ดวงตาสีนิลอยู่ใกล้จนมองเห็นใบหน้าเหรอหราของตัวเองจากในนั้น อีกฝ่ายคลี่ยิ้มบางๆ แล้วออกแรงที่วงแขนรัดเอวให้แน่นขึ้นเมื่อผมเริ่มต่อต้าน


   “ถ้าหนีอีก ผมจะจับล่ามโซ่จริงๆนะ” ไอ้กำแพงพูดแบบทีเล่นทีจริง แต่ก็ทำให้ผมหยุดดิ้นแล้วมองหน้ามันอย่างเอาเรื่อง


   “ก็ลองดูสิ ถ้ามึงทำได้ก็เอาเลย”


   “ครับๆ ไม่ทำหรอกครับ น่ารักขนาดนี้ใครจะไปทำลง” มันพูดพร้อมกับหัวเราะแผ่วๆ


   “ปล่อยกูได้แล้ว” ผมพยายามขืนตัวอีกครั้ง ทั้งจิกไปลงบนแผ่นอกแข็งแรงเกินหน้าเกินตา มืออีกข้างก็ข่วนไปทั่ว


   “ชอบผมบ้างรึยังครับ?” พอมันถามก้อนเนื้อในอกก็กระตุก ความร้อนแล่นไปรวมกันบนใบหน้า ผมเม้มริมฝีปากแน่นอย่าง
ทำอะไรไม่ถูก ตรงข้ามกับคนถามที่เลื่อนมือไปบีบท้ายทอยผมเบาๆแล้วบังคับให้เงยหน้าขึ้น


   ณ เวลานี้หนียังไงก็คงไม่รอดแล้ว สู้เผชิญหน้าไปเลยดีกว่า


   “ไม่รู้” ผมตอบเสียงแผ่วๆ แต่มันก็ยังคงยิ้ม


   “พี่ชอบผม”


   “กูบอกว่าไม่รู้”


   “พี่ชอบผมแน่ๆ”


   “เอ๊ะ! กูบอกว่ากูไม่รู้!” พอมันเริ่มพูดประโยคเดิมมากๆเข้า ผมก็เริ่มหงุดหงิดเลยเผลอโวยวายออกไปเสียงดัง


        แต่ก่อนจะได้พูดอะไรต่อ สัมผัสอุ่นๆก็ประทับลงบนริมฝีปากที่เผยอจะพูดต่อของผมอย่างรวดเร็ว มันค้างอยู่นานพอที่จะสัมผัสได้ถึงความนุ่มหยุ่นและความชื้นนิดๆจากปลายลิ้นอีกฝ่ายที่ไล้เลียกลีบปากบนและล่างอย่างแผ่วเบา ก่อนจะถอนออกแล้วยิ้มใส่ตาผมที่ยังช็อคอยู่


   “ชอบยัง?” ไอ้คนฉวยโอกาสยักคิ้วใส่อย่างกวนตีน


   “ไม่ชอบว้อย!” ไม่รู้ว่าเพราะแรงจากการโมโหหรือเขินกันแน่ แต่ก็ทำให้ผมดิ้นจนหลุด แล้วประเคนฝ่าเท้าเบอร์ 38 ใส่หน้าแข้งให้มันไป ก่อนจะจ้ำออกจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด ทิ้งไว้แค่เสียงร้องโอดโอยปนเสียงหัวเราะขำของคนโดนทำร้ายไล่ตามหลังมา






หายไปนานเลย TT
อารมณ์อะไรหลายๆอย่างยังไม่คงที่ค่ะ
เเต่งไปก็ตบตีกับตัวเองไป 5555555
มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายยากนะคะ ถ้าใครอยู่ในสถานการณ์อะไรเเบบนี้
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน มาคอมเม้นท์ มากๆนะคะ  :impress2: :impress2: :impress2:


ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
กำแพงคือพระเอกใช่ป่าวครับ

ออฟไลน์ Tumz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 448
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-4

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ชอบ ก็บอกว่าชอบสิ วา :katai2-1:
วา ปากแข็ง
รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
สงสารพี่สาม แต่นางไม่วิน งือออหมอๆซบอกเราก็ได้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด