กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)  (อ่าน 136539 ครั้ง)

ออฟไลน์ greensnake

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +920/-14
สงสัยคงกลัวว่าพี่ปอกับน้องเลิฟจะสงบสุขมากเกินไป
พี่ชายกับพ่อน้องเลิฟก็เลยกลับมาสร้างสีสันให้ทั้งสองคน
มาคราวนี้ท่าทางจะเอาจริง ถึงกับบุกมาถึงบ้านเชียว
แล้วน้องเลิฟจะปฏิเสธได้ยังไง รักครอบครัวขนาดนั้น :เฮ้อ:
จะไปก็ไม่ว่า แต่ขอให้กลับมาแบบปกติสุขเถอะนะ
อย่าได้มีอะไรบุบสลายหรือเจ็บเนื้อเจ็บตัวกลับมาอีกล่ะ
ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเป็นอย่างนั้นพี่ปอจะเป็นยังไง
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :กอด1:
+1และเป็ดค่ะ
ป.ล.อิจฉาคนที่ได้อ่านหนังสือจังเลย :hao5:

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
สงสัยคงกลัวว่าพี่ปอกับน้องเลิฟจะสงบสุขมากเกินไป
พี่ชายกับพ่อน้องเลิฟก็เลยกลับมาสร้างสีสันให้ทั้งสองคน
มาคราวนี้ท่าทางจะเอาจริง ถึงกับบุกมาถึงบ้านเชียว
แล้วน้องเลิฟจะปฏิเสธได้ยังไง รักครอบครัวขนาดนั้น :เฮ้อ:
จะไปก็ไม่ว่า แต่ขอให้กลับมาแบบปกติสุขเถอะนะ
อย่าได้มีอะไรบุบสลายหรือเจ็บเนื้อเจ็บตัวกลับมาอีกล่ะ
ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเป็นอย่างนั้นพี่ปอจะเป็นยังไง
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :กอด1:
+1และเป็ดค่ะ
ป.ล.อิจฉาคนที่ได้อ่านหนังสือจังเลย :hao5:

ไม่ต้องอิจฉา ลงจบจะเปิดจองรอบสองจ้า
แต่วันนี้ไม่แน่ใจจะได้อัพมั้ย ไฟดับ
ตะเตือนไตตตต

ออฟไลน์ imvodka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-4
ยังไม่กล้าอ่านกลัวมาม่าแล้วจิตตก

รออ่านรวดเดียวหลังฝน(?พายุ) เลยดีกว่า
 :hao4:

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
ยังไม่กล้าอ่านกลัวมาม่าแล้วจิตตก

รออ่านรวดเดียวหลังฝน(?พายุ) เลยดีกว่า
 :hao4:

ไม่มาม่า อย่ากลัว นิยายรักมุ้งมิ้ง ใสๆ

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กับดักที่
- 48 -



   ความเงียบโรยตัวปกคลุมคนทั้งหมดทันทีที่ใครบางคนปรากฎตัว บรรยากาศโดยรอบชวนอึดอัดและไร้เสียงพูดคุยใดๆทั้งสิ้น มีเพียงรอยยิ้มเยาะเย้ยแบบสะใจของรุตเท่านั้นที่ส่งออกมา ใบหน้าขาวของเลิฟซีดเผือดจนแทบไม่เห็นสีเลือดฝ่ามือเล็กมีเหงื่อไหลซึมออกมาจนชุ่ม ดวงตากลมโตสั่นระริกด้วยความกังวลก้มหน้าลงกัดปากตัวเองแน่นจนเลือดซิบ

   “สวัสดีครับ” ปอยกมือไหว้ผู้ชายวัยกลางคนตรงหน้าอย่างนอบน้อม อีกฝ่ายเองก็ยกมือขึ้นรับไหว้ปอแต่ไม่ได้พูดอะไร ดวงตาภายใต้แว่นกรอบหนามองปออย่างพิจารณา

   ปอยืนนิ่งให้อีกฝ่ายสำรวจอย่างไม่คิดจะหลบ คนตรงหน้าเขาเป็นผู้ชายวัยกลางคนที่ดูภูมิฐานอายุน่าจะพอๆกับพ่อเขา  ใบหน้าเรียบเฉยและแววตาที่นิ่งสงบทำให้ดูเป็นคนใจเย็นและไม่มีส่วนไหนที่คล้ายไอ้ตัวเล็กของเขาเลย

   ปอสัมผัสได้ถึงความเครียดที่แผ่ออกมาจากคนข้างตัว จนเขาต้องเอื้อมไปจับมือเล็กขึ้นมาบีบมันเบาๆ เพื่อให้อีกคนคลายความกังวลและรับรู้ว่าเขายังอยู่ตรงนี้

   “กลับบ้าน” เสียงเรียบเรื่อยเปล่งออกมาจากปากชายตรงหน้า สายตาที่มองยังคงนิ่งสนิทไม่แสดงอะไรออกมา

   เลิฟสบตากับคนเป็นพ่อเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหัวไปมารัวเร็วเป็นการปฏิเสธ เอาตัวเองไปซ่อนด้านหลังของปอมือเล็กขยุ้มลงบนเสื้อแน่น

   “ไปเก็บเสื้อผ้าแกควรกลับบ้านได้แล้ว มารบกวนเพื่อนแบบนี้แกไม่เกรงใจเขารึไง” พ่อของเลิฟพูดขึ้นมาอีกครั้ง แต่เน้นหนักคำว่าเพื่อนในประโยคเป็นพิเศษ

   “ไม่รบกวนหรอกครับแค่เพื่อนคนเดียวผมดูแลได้” ปอโต้ตอบกลับด้วยท่าทางนิ่งๆเช่นกัน พร้อมทั้งเน้นเสียงหนักคำว่าเพื่อนเหมือนที่อีกฝ่ายทำ เพราะเขารู้ว่าผู้ชายตรงหน้าจงใจทำแบบนั้น และมั่นใจด้วยว่าอีกฝ่ายน่าจะรู้ว่าเขากับไอ้เลิฟไม่ใช่เพื่อนกัน

   “แกไม่ได้ยินที่ฉันสั่งรึไงไปเก็บของกลับบ้าน” พ่อเลิฟสั่งเสียงเข้มขึ้นกว่าเดิมแต่ยังคงความสุขุมไว้อยู่

   “ผมไม่กลับ” เลิฟยอมปริปากพูดออกมาในที่สุดและนี้เป็นครั้งแรกที่เขากล้าขัดคำสั่งคนเป็นพ่อ

   “ยังไงเราก็ต้องกลับเดี๋ยวนี้!!!” รุตตะคอกออกมาอย่างเหลืออด เอื้อมมือไปกระชากเลิฟให้ออกมาจากข้างหลังปอเต็มแรง ส่วนเลิฟด้วยความตกใจก็ผวาไปตามแรงดึงโดยง่าย

   “ปล่อย!!!!” ปอตะคอกเสียงดังลั่นไม่แพ้กันคว้าตัวเลิฟมากอดเอาไว้แน่นจ้องมองรุตด้วยสายตาดุดัน

   ผัวะ!!!

   รุตซัดกำปั้นเข้าที่หน้าปอเต็มแรงจนถึงกับเซเผลอปล่อยแขนออกจากตัวเลิฟ เป็นจังหวะให้รุตเข้ามาประชิดตัวเลิฟแล้วกระชากเข้าหาตัวเอง ก่อนจะเหวี่ยงร่างบางของน้องชายต่างแม่ไปให้พ่อที่ยืนอยู่

   “พ่อพาน้องกลับก่อนเลยครับเดี๋ยวผมตามไป แล้วพวกมึงจะยืนเฉยทำไมวะจับมันไว้เร็ว” รุตบอกพ่อแค่นั้นแล้วหันมาสั่งเพื่อนตัวเองที่ยืนมองอยู่

   ปอที่ตั้งหลักได้รีบลุกขึ้นด้วยความเร็ว ก้าวขาจะวิ่งตามร่างบางของเลิฟที่โดนลากไปขึ้นรถที่จอดอยู่ไม่ไกล แต่ก็ไปได้แค่ไม่กี่ก้าวเพราะมีคนมาขวางทางเขาเอาไว้

   “ปอ!!! ฮึก...ปล่อยผมนะ” เลิฟตะโกนเรียกปอเสียงดังลั่นพยายามขัดขืนดิ้นรนให้หลุดจากมือของพ่อ แต่ไม่ว่าจะทำยังไงก็ดิ้นไม่หลุดจนเขานึกเกลียดความอ่อนแอของตัวเอง ทำไมเขาถึงไม่ได้เรื่องแบบนี้นะ

   “หลีกไป!!!” ปอตะคอกสั่งคนที่ขวางทางเสียงเหี้ยมแววตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธ ใจเขามันร้อนรนอยากไปให้ถึงตัวเลิฟโดยเร็วที่สุด

   “สัสเอ้ย!! ผัวะ!!” ปอสบถลั่นซัดกำปั้นใส่หน้าคนที่ขวางทางจนลงไปนอนหมอบแล้วยกขาถีบอีกคนที่วิ่งเข้ามาขวางเต็มแรง ก้าวขาวิ่งตามไปได้ไม่ไกลก็เป็นอันต้องล้มกลิ้งเพราะโดนกระโดดถีบจากทางด้านหลัง

   ปอลุกขึ้นมาได้ก็หันกลับไปหาคนที่ทำร้ายตัวเอง แล้วง้างหมัดอัดใส่หน้ามันจนได้เลือด จากนั้นก็จับหัวของมันกระแทกกับเข่าเต็มแรง ก่อนจะปล่อยให้ร่วงลงไปกองกับพื้น กำลังจะยกตีนกระทืบซ้ำแต่อีกคนที่เหลือวิ่งมา ล็อกตัวเอาไว้ เป็นจังหวะให้ไอ้คนที่นอนกองอยู่ลุกขึ้นมาซัดกำปั้นหลุนๆใส่หน้า

   ปอสัมผัสได้ถึงความเค็มปร่าของเลือดในปาก ใบหน้าซีกที่โดนชกเกิดอาการชาอย่างช่วยไม่ได้ ขณะที่อีกฝ่ายง้างหมัดจะชกลงมาซ้ำปอก็ยกขาแล้วถีบออกไปเต็มแรงจนอีกฝ่ายเซไปไม่เป็นท่า จากนั้นก็เหวี่ยงคนที่ล็อกตัวเองลงพื้นไปกองกับเพื่อนมัน และไม่ให้เสียเวลามากไปกว่านั้นปอยกตีนกระทืบซ้ำๆลงไปไม่ยั้งจนอีกฝ่ายร้องโอดครวญไม่เป็นภาษา เมื่อแน่ใจว่าคงไม่มีทางลุกขึ้นมาขวางได้อีกปอก็ออกตัววิ่งไปหาเลิฟด้วยความเร็ว

   “คุณจะพามันไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น” ปอกระชากเลิฟเข้าหาตัวเต็มแรง มองคนตรงหน้าด้วยสายตาดุดัน พ่อเมียก็พ่อเมียสิวะถ้าจะเอาตัวมันไปก็ข้ามศพเขาไปก่อน

   “ปล่อยมือจากลูกชายฉันเดี๋ยวนี้” พ่อเลิฟพยายามพูดกับปอด้วยความใจเย็น

   “ไม่” ปอปฏิเสธเสียงแข็งไม่มีทางที่เขาจะส่งตัวเลิฟให้คนตรงหน้าแน่ๆ เพราะพนันได้เลยว่าถ้าอีกฝ่ายได้ตัวเมียเขาไป มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะไม่ได้เจอหน้ามันอีก ถ้าหากอีกฝ่ายมาพามันกลับไปดีๆเขาคงยอมให้มันไปแต่นี่มันไม่ใช่อีกฝ่ายพยายามที่จะแยกมันออกจากเขา และมีท่าทีคุกคามอย่างเห็นได้ชัด

   ปอไม่รู้ว่าพ่อของเลิฟต้องการอะไรกันแน่ ที่จู่ๆถึงดึงดันจะเอาตัวมันไปทั้งๆที่ไม่เคยสนใจใยดี มองยังไงมันก็แปลกเกินไป ไหนจะสายตาที่ใช้มองเขานั่นอีก มันไม่ใช่สายตาของคนรังเกียจหรือไม่ยอมรับ แต่มันเป็นสายตาที่หวาดหวั่นต่ออะไรบางอย่าง และนั่นมันคือเหตุผลที่ทำให้เขากลัว

   ปอบีบมือของเลิฟแน่นอย่างลืมตัว จนเจ้าตัวนิ่วหน้าด้วยความเจ็บแต่ไม่กล้าทักท้วงอะไร มองปอกับพ่อของตัวเองสลับกันไปมาด้วยความกังวล ดวงตากลมโตฉ่ำวาวด้วยน้ำใสๆ

   “ปล่อยมือจากลูกชายฉันเดี๋ยวนี้แล้วก็เลิกยุ่งเกี่ยวกันซะ” คำพูดของพ่อที่เปล่งออกมาเหมือนมีแส่ฟาดลงบนตัวเลิฟอย่างจัง ร่างกายชาดิกเหมือนขาดเลือดไปหล่อเลี้ยง สบตาคนเป็นพ่อด้วยความไม่เข้าใจ

   ผลั่ก!!!!

   แล้วในจังหวะที่ทุกคนเผลอก็มีของแข็งฟาดลงบนต้นคอปอเต็มแรง จนทรุดตัวลงไปนั่งกองกับพื้นด้วยความเจ็บ

   “ปอ!!!” เลิฟตะโกนเรียกดังลั่นด้วยความตกใจ ถลาเข้าไปหาหมายจะพยุงคนรักขึ้น แต่ยังไม่ทันได้ทำอย่างใจนึกร่างก็ลอยหวือตามแรงกระชาก แล้วโดนลากถูลู่ถูกังไปขึ้นรถ

   “อั่ก....เหี้ย!!!!” ปอกัดฟันกรอดเอามือจับที่ต้นคอตัวเองสะบัดหัวเล็ก น้อยไล่ความมึนงง สายตาคมเหลือบมองไปที่เลิฟตั้งท่าจะลุกขึ้นตามไป แต่มีอันต้องลงไปกองอยู่กับพื้นถนนอีกครั้ง เพราะโดนรุตเตะอัดเสยไปที่ปลายคาง จากนั้นก็มีสัมผัสหนักๆกระทบลงบนตัวด้วยความแรง

   รุตและเพื่อนช่วยกันรุมกระทืบปออย่างสนุกสนาน เตะอัดไปตามสีข้างและลำตัวจนปอนอนคุดคู้ด้วยความเจ็บ แขนสองข้างถูกยกขึ้นตั้งการ์ดป้องกันส่วนหัวของตัวเองไว้ รุตมองภาพตรงหน้าด้วยความสะใจยกขากระทืบลงบนตัวปอซ้ำๆอย่างเอาคืน

   ปอไม่รู้ว่ากี่ตีนที่รุมกระทืบเขาอยู่ตอนนี้เพราะไม่ได้ใส่ใจมอง ในใจอยากจะลุกขึ้นเอาคืนฝ่ายตรงข้าม แต่ไม่มีช่องว่างหรือจังหวะให้ทำอย่างนั้นได้เลยสักนิด ความรู้สึกเจ็บปวดทางร่างกายที่ได้รับอยู่ตอนนี้เทียบไม่ได้เลยกับความรู้สึกทางใจที่เป็นอยู่ มันเหมือนหัวใจกำลังโดนบีบด้วยมือที่มองไม่เห็นจนเจ็บแปลบ ยิ่งมองเห็นใบหน้าเปื้อนน้ำตาของคนรักมันยิ่งเจ็บ อยากลุกขึ้นไปเช็ดน้ำตาอยากดึงเข้ามากอดปลอบก็ทำไม่ได้ ความรู้สึกในตอนนี้คือโคตรทรมาน

   “ปอ!!! ปล่อยนะหยุดเดี๋ยวนี้!!!” เลิฟตะโกนห้ามเสียงดังลั่นพยายามสะบัดตัวเองให้หลุดจากการถูกจับ น้ำตาไหลนองเต็มใบหน้าอยากเข้าไปช่วยคนรักที่โดนรุมทำร้ายแต่ทำไม่ได้ สภาพปอที่นอนคุดคู้โดนรุมกระทืบยิ่งทำให้น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด เขาทรมานแทบขาดใจอยากเป็นฝ่ายโดนทำร้ายแทน เพราะเขาคนเดียวปอถึงต้องมาอยู่ในสภาพนี้

   “พอได้แล้วเดี๋ยวมันตาย” รุตสั่งเพื่อนทุกคนให้หยุดหลังจากทำร้ายปอจนพอใจแล้ว

   “สภาพมึงแม่งเหมือนหมาเลยว่ะ” รุตก้มลงมองปอด้วยสายตาดูถูก

   “สุดท้ายกูก็แยกมึงสองคนได้อยู่ดี” รุตนั่งลงแล้วกระชากหัวปอขึ้นมากระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย ก่อนจะปล่อยให้ร่วงลงกระแทกกลับพื้น จากนั้นก็ลุกเดินไปขึ้นรถแล้วขับออกไปด้วยความเร็ว

   “เลิฟ...อย่าไป...อย่าเอามันไป” ปอเค้นเสียงออกมาอย่างอ่อนแรง สายตามองตามหลังรถไปอย่างเจ็บปวด พยายามพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งในสภาพสะบักสะบอม

   คนในละแวกบ้านยืนมุงดูปออยู่ห่างๆ แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วย เพราะต่างก็พากันกลัวโดนลูกหลง และไม่อย่างยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทะเลาะวิวาท เนื่องจากไม่ใช่เรื่องของตัวเอง

   “เฮ้ย!! คุณปอ” ลูกน้องของคุณปรีชาที่ถูกส่งให้มาดูแลปอห่างๆ ร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจก่อนจะรีบวิ่งมาพยุงปอขึ้น พวกเขาแค่คลาดสายตาจากลูกชายคนเล็กของเจ้านายไปแป๊บเดียว กลับมาดันเจออีกฝ่ายโดนทำร้ายจนเลือดอาบ นี่ไม่รู้เลยว่าพวกเขาจะอธิบายเจ้านายยังไงถ้าได้เห็นลูกชายสภาพนี้

   “เหี้ยเอ้ย!!!” ปอที่โดนคนของพ่อช่วยพยุงให้ลุกขึ้นสบถในลำคอด้วยความโมโห สะบัดหัวไปมาเพื่อไล่ความมึนงง เขาพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย เพราะมัวแต่กลัวว่าเลิฟจะโดนพาตัวไป เขาเลยลืมป้องกันตัวเองลืมสนใจสิ่งรอบข้างจนโดนรุม และที่น่าเจ็บใจที่สุดคือเขาตอบโต้อะไรไม่ได้ นอกจากนอนเป็นกระสอบทรายรองรับตีนเล่น

   “ตามรถคันนั้นไป” ปอสั่งลูกน้องพ่อเสียงเข้มมองตามหลังรถที่เห็นอยู่ไกลๆด้วยแววตาวาวโรจน์

...
...
   
   เลิฟโดนฉุดกระฉากลงจากรถและลากเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ บ้านที่เขาไม่ได้มาเหยียบเป็นปีหลังจากขึ้นมหา’ลัย บ้านที่มีแต่ความทรงจำแย่ๆเต็มไปหมด

   “ฉันสั่งห้ามแกเลยนะว่าต่อไปนี้อย่าไปเจอเด็กคนนั้นอีก” พ่อเลิฟบอกเสียงเข้มหลังจากปล่อยแขนเลิฟแล้ว

   “ทำไมผมต้องทำตามที่พ่อสั่ง” เลิฟหันมาถามพ่อด้วยเสียงสั่นๆ

   “คำสั่งก็คือคำสั่งและแกต้องทำตาม” คนเป็นพ่อไม่ได้อธิบายเหตุผลอะไรเพิ่มเติม นอกจากออกคำสั่งที่โหดร้ายสำหรับคนเป็นลูก

   “ผมต้องการรู้เหตุผลว่าทำไม” เลิฟมองพ่อตัวเองด้วยความสับสน และไม่เข้าใจในการกระทำครั้งนี้

   “แกไม่ต้องรู้เหตุผลอะไรทั้งนั้น” พ่อเลิฟบอกเสียงเรียบแล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง

   “อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับเพื่อนแกคนนี้อีก” ยังไม่วายกำชับคำสั่งเดิม

   “ไม่มีทาง ต่อให้พ่อมีเหตุผลอะไรผมก็ไม่มีทางทำตาม และผมก็จะกลับไปเดี๋ยวนี้” เลิฟพยายามบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่น หันหลังเดินไปทางหน้าบ้าน แต่ก็ไม่สามารถไปไหนได้เพราะมีรุตยืนขวางอยู่

   “หลีก!!!!” เลิฟตวาดดังลั่นมองที่พี่ชายตัวเองด้วยแววตาแข็งกร้าว จนรุตสะอึกกับท่าทางของเลิฟไปเล็กน้อย

   “ทำตามที่พ่อสั่ง” รุตบอกน้องชายอย่างใจเย็น

   “แกจะขัดคำสั่งฉันใช่ไหม!!!” พ่อเลิฟตวาดดังลั่นแบบที่ไม่เคยทำกับลูกชายมาก่อน จนเลิฟสะดุ้งและชะงักเท้ายืนอยู่กับที่

   “ฉันไม่รู้ว่าแกไปรู้จักกับเด็กนั้นได้ยังไง และไปผูกพันอะไรกันขนาดไหนจนแกกล้าแข็งข้อกับฉัน แต่ถ้าแกไม่ฟังที่ฉันบอกเราขาดกัน!!!” คำพูดของพ่อที่ลั่นวาจาออกมา ทำให้น้ำตาที่เลิฟพยายามกลั้นเอาไว้ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

   “ฮึก...คุณทำแบบนี้ทำไม...ฮึก” เลิฟหันมาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง แววตาเต็มไปด้วยความตัดพ้อ สรรพนามที่ใช้เรียกขานคนเป็นพ่อเปลี่ยนไป

   “ฉันทำทุกอย่างเพื่อตัวแกทั้งนั้น” คนเป็นพ่อบอกลูกชายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง

   “ทำเพื่อผมงั้นเหรอ” เลิฟยกยิ้มเยาะเย้ยให้ตัวเอง

   “คุณมาทำเพื่อผมอะไรตอนนี้” สบตาพ่อด้วยความเจ็บปวด

   “ทั้งๆที่คุณไม่เคยเหลียวแลแล้วตอนนี้คุณมาสนใจทำไม” คำพูดที่อัดอั้นในใจตลอดระยะเวลาสิบปีไหลออกมาเรื่อยๆ

   “มาสนใจทำไมตอนนี้ตอนที่ผมเจอที่อยู่ของตัวเองแล้ว” เสียงแผ่วเจือสะอื้นอัดแน่นไปด้วยความเจ็บปวด น้อยใจ และความเสียใจที่มากมายเกินกว่าจนทนรับทุกอย่างเฉยๆได้อีก

   “ถ้าคุณจะหันมาสนใจผมเพื่อที่จะทำให้ผมเสียใจ คุณทิ้งผมไว้เหมือน เดิมไม่ต้องสนใจ เหมือนที่คุณทำมาตลอดชีวิตของผมก็ได้” เลิฟมองคนตรง หน้าด้วยความทรมานใจ มองคนที่เขาเรียกว่าพ่อมองคนที่เขาพยายามเรียก ร้องให้สนใจมาตลอดอย่างเจ็บปวด

   นี่คงเป็นครั้งแรกในชีวิตก็ว่าได้ที่เลิฟได้คุยกับพ่อนานขนาดนี้ เป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายมองหน้าเขาจริงๆจังๆทั้งที่ไม่เคยคิดจะมอง มันเป็นวันที่เขาเคยอยากให้เกิดขึ้นมาตลอด แต่วันที่รอคอยกลับกลายเป็นวันที่ทำร้ายเขาอย่างร้ายกาจที่สุด

   เลิฟหลอกตัวเองมาตลอดตั้งแต่วันที่แม่ตาย คิดเข้าข้างตัวเองมาเสมอว่าต่อให้ต้องเจออะไร ถูกโดนทิ้งให้เหมือนอยู่คนเดียวบนโลก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในชีวิตเขาก็ทนมันได้ เพราะคิดเสมอว่าที่พ่อทำตัวห่างเหินไม่ใช่ว่าไม่รัก แค่รักเขาน้อยไปหน่อยเท่านั้น จนวันนี้เขาก็ได้รู้ว่าคนเป็นพ่อที่เขาโหยหาอ้อมกอดมาตลอด...ไม่ได้รักเขาเลย เพราะถ้ารักพ่อคงไม่ทำร้ายเขาซ้ำซากแบบนี้ และครั้งนี้ทำร้ายอย่างโหดร้ายที่สุด โดยการพยายามควักหัวใจเขาทิ้ง

   “คุณมาสนใจทำไมตอนนี้ตอนที่ผมไม่ต้องการมันแล้ว ตอนที่ผมเจอที่อยู่ของผม...” น้ำเสียงตัดพ้อและใบหน้าอาบไปด้วยน้ำตา ทำเอาหัวใจคนเป็นพ่อสั่นไหวไม่น้อย

   “ฉัน...มันก็แค่อารมณ์ชั่ววูบ ชีวิตแกต้องเจอใครอีกเยอะเดี๋ยวแกก็ลืมได้เอง” พ่อเลิฟเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ตัดสินใจพูดเปลี่ยนเรื่องแทน

   เลิฟมองคนตรงหน้าที่นับวันยิ่งเหมือนคนแปลกหน้าสำหรับเขาด้วยความเสียใจ มองคนที่กำลังดูถูกความรักของเขาเหมือนของไร้ค่า มันเจ็บปวดจนไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูด ทั้งๆที่ในใจเขาอยากตะโกนใส่หน้าคนๆนี้ให้หายโกรธแต่เขากลับทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง

   “ผมทำทุกอย่างด้วยความรัก ผมทำทุกอย่างด้วยหัวใจ แล้วคุณมีสิทธ์อะไรมาทำลายมัน” เสียงที่เค้นออกมาของเลิฟมันเหมือนคนใจจะขาด

   “ถ้าคุณจะตัดขาดผมเพราะเรื่องนี้ผมยอม แต่ผมจะไม่ยอมทำตามคำสั่งคุณ” เลิฟพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ยกมือปาดน้ำตาออกจากหน้าหันหลังเตรียมเดินออกจากบ้าน

   “รุต!!! จับน้องไว้แล้วพาขึ้นไปบนห้อง” พ่อเลิฟสั่งเสียงเข้ม

รุตที่ได้รับคำสั่งก็ตรงเข้ามาล็อกตัวเลิฟทันที ก่อนจะลากน้องชายตัวเองขึ้นไปข้างบนบ้าน เหวี่ยงร่างเล็กของเลิฟเข้าไปในห้อง แล้วจัดการปิดประตูคล้องกุญ แจล็อกห้องจากข้างนอกอย่างแน่นหนา

   “พี่จะไม่ให้เรากลับไปหามันอีก” รุตตะโกนบอกเลิฟจากนอกห้องมองไปยังประตูที่ปิดสนิทด้วยแววตาอ่านไม่ออก

   “เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ บอกให้เปิดไงวะ” เลิฟทุบประตูห้องด้วยแรงทั้งหมดที่มี

   โครม!!!!

   เสียงเก้าอี้ถูกเขวี้ยงใส่ประตูดังสนั่นด้วยฝีมือของเลิฟ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงกระทบหนักๆมากมายที่ดังขึ้นไม่ขาดสาย

   “แฮ่กๆๆ ยังไงพี่ก็ขังผมไม่ได้ตลอดหรอก” เลิฟหอบหายใจด้วยความเหนื่อย ตะโกนบอกคนข้างนอกอย่างสุดเสียง ก่อนจะเดินมานั่งลงบนเตียงปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอีกครั้ง

   ‘ยังไงเขาก็ต้องออกไปจากที่นี้ให้ได้ กลับไปอยู่ในที่ของเขา ที่ๆเขามีตัวตนสำหรับใครบางคน ที่ตรงนั้นที่หัวใจเขาฝากเอาไว้’



2 Be Con...

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กับดักที่
- 49 -



   รักษ์ รักษ์ฐานันท์ศัลยแพทย์อนาคตไกล ชายผู้ยอมทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ประสบความสำเร็จในชีวิต แลกได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อเสียงและความก้าวหน้าทางหน้าที่การงาน ยอมทำแม้กระทั่งแต่งงานกับคนที่ตัวเองไม่ได้รัก เพียงเพราะอีกฝ่ายเป็นทายาทเพียงหนึ่งเดียวของโรงพยาบาลใหญ่

   งานแต่งงานถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โตโอ่อ่าสมฐานะ บ่าวสาวมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าตลอดเวลา ยืนรับคำอวยพรจากแขกเหรื่อที่ทยอยมาร่วมงานอย่างชื่นมื่น พร้อมทั้งสร้างความอิจฉาให้กับแขกในงานไปในตัว เพราะบ่าวสาวต่างสวยหล่อสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก

   รักษ์ทำหน้าที่คุณหมอและสามีได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องให้เกียรติและดูแลภรรยาเป็นอย่างดี จนคนพูดกันปากต่อปากว่าหมอรักษ์รักภรรยามาก แต่ความเป็นจริงแล้วรักษ์ไม่เคยรักผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าภรรยาเลยสักนิด รักษ์แค่ทำทุกอย่างตามหน้าที่ทำทุกอย่างตามสมองที่คิดประมวลผลแล้ว ว่าสิ่งไหนจะส่งผลดีต่ออนาคตของเขาที่สุดไม่เคยมีใครล่วงรู้เหตุผลจริงๆข้อนี้ เพราะทุกอย่างถูกเก็บไว้ภายใต้หน้ากากของคุณหมอแสนดี

   แต่แล้วทุกอย่างมันก็เดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดจนได้ เขาเริ่มเบื่อหน่ายกับการเสแสร้งและหน้ากากคนดีที่ตัวเองใส่เอาไว้ เริ่มอยากหันหลังให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่พยายามไขว้คว้ามาไว้ในมือ และในตอนที่ความรู้สึกกำลังจมลึกลงไปเขาก็บังเอิญได้เจอกับ ‘น้ำริน’ สาวสวยจากเมืองเหนือ  นักศึกษาวิชาพยาบาลที่มีเขาเป็นผู้สอน

   จากความใกล้ชิดและนิสัยอ่อนหวานไร้การเสแสร้งของน้ำริน ทำให้ความรู้สึกในใจของทั้งคู่ก่อตัวขึ้นอย่างกู่ไม่กลับ จนมันเลยเถิดและกลายเป็นความรักต้องห้ามในที่สุด ทั้งๆอย่างนั้นเขาก็ยังคงปิดบังคนรักมาตลอดเรื่องที่ตัวเองแต่งงานมีภรรยาแล้ว เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะหนีห่างหากรู้ความเป็นจริง เลือกเห็นแก่ตัวที่จะรั้งทุกอย่างไว้ในมือทั้งความรักและความสำเร็จในชีวิต

   ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีมาตลอดภายใต้การควบคุมได้ของรักษ์ จนเกิดปัจจัยที่เหนือความควบคุมขึ้นมา ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขาตั้งครรภ์ วินาทีที่เขารับรู้เรื่องราวมันเหมือนมีใครเอาค้อนมาฟาดลงหนักๆบนหัว ความ รู้สึกในตอนนั้นไม่มีความดีใจเลยสักนิด มีแค่ความคิดในหัวที่หมุนวนตลอด เวลาว่าเขาจะจัดการเรื่องนี้ยังไง

   จากการที่ภรรยาตั้งท้องทำให้รักษ์มีเวลาไปหาน้ำรินน้อยลง เพราะต้องใช้เวลาส่วนมากในการดูแลภรรยา ถึงแม้เขาจะไม่ได้รักใคร่ใยดีในตัวเมียแต่งคนนี้ แต่เด็กที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาบนโลกใบนี้คือลูกของเขา เด็กที่ไม่ได้เกิดมาจากความรักแต่เกิดมาจากความเห็นแก่ตัว

   อย่างที่หลายคนเคยพูดความลับไม่มีในโลก ในที่สุดน้ำรินก็รู้ว่าเขาแต่งงานมีภรรยาแล้ว อีกฝ่ายร้องไห้ออกมาน้ำตาแทบเป็นสายเลือดตอนที่รู้ความจริง ไม่ว่าเขาจะยกเหตุผลอะไรมาอธิบายมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยในวินาทีนั้น และสุดท้ายน้ำรินก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยไม่มีแม้กระทั่งคำล่ำลา

   รักษ์ใช้ชีวิตหลังจากนั้นเหมือนคนตายทั้งเป็น ใช้ชีวิตเหมือนหุ่นยนต์ที่ทำทุกอย่างตามหน้าที่เท่านั้น จนวันหนึ่งได้มีคนมาพบเขาพร้อมกับแจ้งข่าวที่น่ายินดี ว่าเขามีลูกชายอีกคนที่เกิดกับน้ำริน พร้อมข่าวร้ายที่สุดในชีวิตว่าคนที่เขารักและตามหามาตลอดสิบกว่าปี ได้จากเขาไปอย่างไม่มีวันกลับ

   รักษ์ไปรับลูกชายที่หน้าตาแทบจะถอดแบบคนรักมาเลี้ยงดู และสัญญากับน้ำรินในใจว่าจะดูแลลูกให้ดีที่สุด แต่ทุกอย่างมันไม่ได้ง่ายอย่างใจนึกเมื่อภรรยาของเขาไม่ยอมรับ เธอกรีดร้อง โวยวายต่อว่าเขาอย่างหนัก สุดท้ายเธอก็ยอมภายใต้เงื่อนไขที่ว่าเลิฟต้องอยู่ในการดูแลของเธอ ซึ่งนั้นเป็นข้อตกลงที่รักษ์ยอมรับและกระโดดตะครุบโดยไม่ลังเลทันที ไม่ได้คิดถึงอะไรที่จะตามหลังจากนั้น

   การเป็นหมอเป็นผอ.โรงพยาบาลใหญ่ทำให้เขาไม่มีเวลา ชีวิตวันๆนึง อยู่แต่กับโรงพยาบาลแทบจะไม่ได้เจอหน้าลูก ช่วงเวลาที่ได้กลับบ้านมักสวนทางกับเวลาที่อีกฝ่ายไปเรียนเสมอ หากวันไหนที่บังเอิญได้เจอหน้ากันก็เป็นเขาที่เบือนหน้าหนีจากอีกฝ่าย เพราะเวลาที่มองใบหน้านี้ทีไรจะต้องหวนนึกถึงใครอีกคนทุกครั้งไป ความรู้สึกมันเจ็บปวดรู้สึกผิดกับเรื่องในอดีตจนกลายเป็นไม่กล้ามองหน้า ไม่กล้าสบตาและกลายเป็นการหลบหน้าลูกไปโดยไม่รู้ตัวในที่สุด

   ระยะห่างระหว่างเขาที่มีกับลูกเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆภายใต้ความสงบที่ดูไม่มีอะไร เขาไม่เคยมีเวลาให้ลูกไม่เคยพูดคุยไม่เคยทำอะไรๆแบบที่คนเป็นพ่อควรทำ สิ่งที่เขามอบให้ลูกมีแค่สิ่งของนอกกายและการศึกษาในโรงเรียนดีๆ กับความรักที่มาพร้อมกับความห่างเหิน

   ทุกครั้งที่มีโอกาศจะได้พูดคุยกับลูก เขาจะสัมผัสได้เสมอว่าเลิฟเป็นเด็กเรียบร้อย อ่อนโยน ว่านอนสอนง่ายเหมือนคนเป็นแม่ไม่มีผิด นับวันสิ่งที่ลูกชายคนเล็กของเขาเป็น ยิ่งสะท้อนให้เห็นภรรยาอีกคนผู้ล่วงลับ และบทสนทนาประจำสำหรับทั้งคู่คือเรื่องการเรียนไม่มีอะไรที่มากไปกว่านั้น ด้วยสิ่งที่เลิฟแสดงออกมาทำให้เขาวางใจและนึกขอบคุณภรรยาแต่งในใจเสมอ ที่ถึงแม้จะไม่ยอมรับแต่ก็ช่วยดูแลเลิฟเป็นอย่างดี ในขณะที่เขาซึ่งเป็นพ่อแท้ๆไม่ได้ทำอะไร

   แต่นั้นมันคือภาพลวงตาที่คนโง่อย่างเขาไม่เคยรู้ วันนึงเลิฟถูกหามเข้าโรงพยาบาลเนื่องจากเกิดสภาวะช็อคขั้นรุนแรง เพราะถูกภรรยากักขังหน่วงเหนี่ยวและทำร้ายร่างกาย เพื่อนสนิทของน้ำรินต่อว่าต่อขานเขาอย่างหนักถึง กับลั่นวาจาจะเอาเลิฟไปเลี้ยงเอง ซึ่งตัวเขาเองไม่ได้โต้แย้งอะไรทั้งนั้นนอกจากน้อมรับ แต่สุดท้ายลูกก็ยังเลือกอยู่กับเขา

   เหตุการณ์ร้ายๆที่เกิดขึ้นทั้งหมดเขาไม่ได้ต่อว่าอะไรภรรยาสักคำ เพราะถ้าคิดจะโทษใครสักคนต้นเหตุทั้งหมดคือเขาเอง เขาผิดที่ทุ่มเทความใส่ใจที่มีให้กับลูกชายคนเล็กมากเกินไป ถึงแม้จะไม่ได้พูดคุยโดยตรงแต่ถามความเป็นไปตลอดเวลา ลืมใส่ใจดูแลภรรยาและลูกชายอีกคนจนทำให้เกิดเรื่องขึ้น

   หลังจากที่เลิฟออกจากโรงพยาบาล เขาทิ้งระยะห่างกับลูกมากกว่า เดิมเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย ทำเป็นไม่สนใจและเลี้ยงด้วยเงินเหมือนที่เลี้ยงลูกชายคนโตมาตลอด มันเป็นวิธีแก้ปัญหาที่แย่แต่อย่างน้อยลูกชายเขาก็ไม่อยู่ในอันตราย

   “คุณผู้ชายคะมีคนมาขอพบค่ะ” เสียงของสาวใช้ในบ้านทำให้คุณรักษ์หลุดออกจากภวังค์ที่จมอยู่กับอดีตของตัวเอง

   “ใคร?” ถามออกไปด้วยความแปลกใจ เพราะในบ่ายวันธรรมดาแบบนี้ไม่น่าจะมีใครมาหา และอีกอย่างด้วยอาชีพการงานที่ทำไม่มีทางที่จะมีคนรู้ว่าท่านหยุดอยู่บ้าน

   “เขาบอกว่าเป็นเพื่อนคุณหนูแต่มีเรื่องจะคุยกับคุณผู้ชายค่ะ ดิฉันเลยให้คุณเขานั่งรอที่ห้องรับแขก”

   “ขอบใจมากเดี๋ยวฉันออกไป” คุณรักษ์พยักหน้าน้อยๆให้สาวใช้ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปห้องรับแขก

   “เธอมาที่นี่ทำไม” คุณรักษ์ถามบุคคลที่นั่งรออยู่เดียวเสียงเรียบนิ่ง ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เห็นอีกฝ่ายมาหา ถึงแม้จะผ่านมาสามวันแล้วก็ตาม

   “สวัสดีครับผมมา.....” ปอลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและยกมือไหว้ผู้อาวุโสกว่าอย่างนอบน้อม แต่ยังไม่ทันได้พูดถึงจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้ของตัวเองก็มีเสียงนึงดังแทรกขึ้นมาซะก่อน

   “พ่อครับผม...มึงมาทำไม” รุตตะคอกถามปอเสียงแข็งกร้าวใบหน้าดุดันเตรียมพร้อมจะหาเรื่องเต็มที่

   “รุตแกเงียบเดี๋ยวนี้” คุณรักษ์หันไปปรามลูกชายคนโตเบาๆ

   “แต่ว่ามัน...” รุตไม่ยอมง่ายๆหันมาหาพ่อด้วยความไม่พอใจ

   “แกมาหาฉันทำไมถ้าไม่ใช่ธุระสำคัญก็ออกไปก่อน ฉันมีเรื่องจะคุยกับเพื่อนน้องแก” คุณรักษ์ออกปากไล่ลูกชายตัวเอง
   “พ่อ!!!” รุตขึ้นเสียงดังใส่พ่อด้วยความไม่พอใจที่โดนไล่ แล้วหันไปมองปอด้วยท่าทางฉุนเฉียว

   “ออกไปได้แล้ว” คุณรักษ์เอ่ยปากไล่อีกครั้งจนรุตได้แต่ฮึดฮัดเดินออกไปแต่ก็ไม่วายหันมาชี้หน้าเอาเรื่องปอ

   “นั่งลงสิ” คุณรักษ์บอกปอแล้วก็นั่งลงบนโซฟาด้วยท่าทางสบายๆ

   “ต้องขอโทษแทนลูกชายฉันด้วยนะที่เสียมารยาท รวมทั้งขอโทษแทนในส่วนที่เขาทำร้ายเธอด้วย แต่ฉันหวังว่าเธอจะไม่ติดใจเอาความอะไร ถือซะว่าหายกันกับที่เธอทำลูกชายฉันเข้าโรง’บาลแล้วกัน” คุณรักษ์พูดเรื่อยๆด้วยท่าทางสุขุมใจเย็นตามแบบฉบับคนเป็นหมอ

   “ครับ” ปอรับคำแล้วนั่งลงตามคำเชื้อเชิญจากการที่ได้พูดคุยกับผู้ ชายตรงหน้าไม่กี่คำ ปอก็พอจะมองออกว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามกดดันเขาอยู่ ด้วยท่าทางนิ่งๆเหมือนไม่มีอะไรนั่น

   “ว่าธุระของเธอมาสิแต่ให้ฉันเดาคงไม่พ้นเรื่องลูกชายฉัน” คุณรักษ์พูดเข้าประเด็นทันทีแบบไม่อ้อมค้อม

   “ผมมารับเลิฟกลับ” ปอเองก็เลือกที่จะบอกจุดประสงค์ของตัวเองออกไปตรงๆเหมือนกัน ถ้าอีกฝ่ายพูดมาขนาดนี้คงไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องอ้อมค้อมอะไร

   “ฉันคิดว่าเธอน่าจะได้ยินที่ฉันพูดวันนั้นแล้วนะว่าฉันจะไม่ให้ลูกชายฉันกลับไป”

   “ผมได้ยินครับแต่ผมไม่ได้บอกว่าจะทำตาม และถ้าคุณไม่ลืมผมไม่ได้ยินยอมกับเรื่องที่คุณพาตัวมันมาเลยสักนิด”

   “นั่นมันเรื่องของเธอแต่ฉันพูดคำไหนคือคำนั้น ลูกชายฉันจะไม่กลับ ไปอยู่กับเธออีก” คุณรักษ์พูดต่อเรื่อยๆเหมือนคุยเรื่องทั่วไป ใบหน้ายังคงนิ่งเฉยไม่ไหวติง

   “ถึงคุณจะพูดแบบนั้นยังไงผมก็ต้องพาแฟนผมกลับให้ได้” ปอเองก็ตอบกลับไปด้วยท่าทีสบายๆเหมือนกัน จนคุณรักษ์ที่มองปออยู่อดนึกชมอีกฝ่ายในใจ กับท่าทางที่ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าอายุและการควบคุมอารมณ์ที่ดี สมแล้วกับที่เป็นทายาท...

   “เธอมันดื้อด้านกว่าที่ฉันคิดไว้ และฉันคิดว่าต่อให้พูดอะไรไปเธอก็คงจะไม่ฟัง ดันทุรังจะเอาให้ได้เพราะอย่างนั้นเธอกลับไปเถอะ” คุณรักษ์ตัดสินใจหยุดบทสนทนาและออกปากไล่ปอ ก่อนจะลุกขึ้นยืนหันหลังเพื่อที่จะเดินออกจากห้อง

   “ทำไมครับ...เหตุผลอะไรที่คุณไม่ยอมให้ลูกชายคุณอยู่กับผม ทั้งๆที่คุณก็ไม่ได้สนใจอะไรมันมาตั้งนานแล้ว หรือเป็นเพราะว่าเราเป็นผู้ชายทั้งคู่แต่ผมคิดว่ามันไม่น่าใช่” ปอยังนั่งอยู่กับที่ไม่ได้ขยับไปไหน เอ่ยปากถามในสิ่งที่เขาสงสัยตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอหน้าพ่อของเลิฟ ยิ่งมารวมกับการที่อีกฝ่ายดูจะไม่ตกใจเลยตอนเขาบอกว่าเป็นอะไรกับลูกชาย มันยิ่งทำให้เขาสงสัยและอยากจะรู้เหตุผล

   “นี่คงเล่าให้ฟังหมดเลยสินะ...ลูกชายฉันคงจะรักเธอมาก” คุณรักษ์ชะงักเท้าที่จะเดินออกไปแล้วหันกลับมาเผชิญหน้ากับปออีกครั้ง

   “ใช่...เรารักกัน...หรือว่าคุณคิดว่าผมไม่ได้รักลูกชายคุณจริง...คุณเลยทำแบบนี้” ปอลองพูดในอีกข้อสันนิฐานที่เขาคิด แต่เหตุผลมันก็ยังดูอ่อนเกินไปอยู่ดี

   “พวกเธอยังเด็กยังต้องเจออะไรอีกเยอะแยะในชีวิต รวมทั้งคนที่จะผ่านเข้ามาในชีวิตเธอด้วย แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่ฉันแยกเธอสองคนหรอกนะ” คุณรักษ์ส่งยิ้มบางๆให้ปอ

   “งั้นเพราะอะไร” ปอขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ มันจะมีเหตุผลอะไรอีกถ้าไม่ใช่สองเหตุผลนี้

   “เพราะสิ่งที่เธอเป็นต่างหากที่ทำให้ฉันต้องพาลูกฉันกลับมา” คำตอบของคุณรักษ์ทำให้ปอขมวดคิ้วเข้าหากันยิ่งกว่าเดิม มองคนตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ

   “ฉันรู้ว่าบ้านเธอทำอะไรฉันรู้จักตระกูลหลี่ และรู้ว่าฮวงหลงเป็นอะไร” คำตอบต่อมาของพ่อเลิฟทำให้ปอเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ความเครียดเริ่มมีมากขึ้น เพราะคิดไม่ถึงจริงๆว่าทุกอย่างจะเป็นเพราะปัญหาข้อนี้

   คุณรักษ์มองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเครียดแล้วถอนหายใจออกมา ท่านรับรู้มาโดยตลอดว่าลูกชายคบหาอยู่กับเพศเดียวกัน ทั้งจากคนที่สั่งให้ไปดูลูกชายบ้างในบางครั้ง ทั้งจากลูกชายคนโตที่มารายงานตลอดเวลา แต่ถึงอย่างนั้นท่านก็ยังนิ่งเฉยแม้ตกใจอยู่บ้างแต่ไม่ได้นึกรังเกียจ เพราะถ้ามันเป็นความ สุขของลูกท่านก็ไม่อยากเข้าไปยุ่ง

   จนกระทั่งรุตเอารูปของแฟนเลิฟมาให้ท่านดู วินาทีนั้นมือไม้ของท่านเย็นเฉียบ ใจมีแต่ความวิตกกังวลเมื่อรู้ว่าคนในภาพเป็นใคร สัญชาตญาณในตัวมันร้องบอกแค่ว่าลูกท่านกำลังตกอยู่ในอันตรายอีกครั้ง และครั้งนี้ท่านจะไม่ยอมให้เหตุการณ์มันเกิดขึ้นก่อนแล้วค่อยมาตามแก้อีกแล้ว

   มันอาจจะดูคิดมากและวิตกกังวลมากเกินไปสำหรับคนอื่น แต่ถ้าใครได้มารู้จักและเคยทำงานให้ตระกูลหลี่แบบท่าน ก็จะรู้เหตุผลว่าทำไมถึงควรจะอยู่ให้ห่างจากตระกูลหลี่และฮวงหลง

   “แต่มันไม่เกี่ยวกับผม” ปอที่พึ่งหาเสียงตัวเองเจอพูดขึ้นอีกครั้ง

   “ตอนนี้น่ะใช่แต่เธอจะพูดคำว่าไม่เกี่ยวได้อีกนานแค่ไหน” แววตาของคนสูงวัยมองปอด้วยความหวั่นวิตกจนเจ้าตัวรู้สึกได้
   “ถ้าคุณรู้ขนาดนั้นคุณก็น่าจะรู้ ว่าพ่อไม่ได้ให้พวกผมยุ่งเกี่ยวกับฮวงหลง นอกจากงานที่เราทำให้ฮวงหลงอยู่ตอนนี้”

   “ถ้าอย่างนั้นการที่มีชื่อของเธอไปเป็นหนึ่งในทายาทของฮวงหลงมันหมายความว่ายังไง” คำพูดของคุณรักษ์ทำให้ปอตกใจไม่น้อย เพราะเขาไม่เคยรู้มาก่อนกับเรื่องนี้

   “ผมไม่รู้เรื่อง” ปอครางออกมาแผ่วเบา ตอนนี้เขาเบลอไปหมดเหมือนมีอะไรมาทุบที่หัวแรงๆ

   “งั้นเธอรู้เรื่องที่ฮวงหลงกำลังขัดแย้งกันภายในรึเปล่า” คุณรักษ์ตัด สินใจทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาอีกครั้งแล้วมองปออย่างหนักใจ

   “คุณรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง” ปออดที่จะถามไม่ได้เพราะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องภายในของแก็งส์ ขนาดเขาที่เป็นหลานปู่คนที่เรียกได้ว่าเป็นคนในแท้ๆยังไม่รู้ แล้วพ่อของเลิฟไปรู้มาได้ยังไงไปรู้มาจากไหน

   “เรื่องนั้นช่างมันเถอะถือว่าฉันขอแล้วกัน ถ้าเธอรักลูกชายฉันจริงเลิกยุ่งเกี่ยวกับลูกชายฉันซะ” เสียงเรียบนิ่งพร้อมด้วยแววตาแกมข้อร้องที่ส่งมาทำให้ปอหวั่นไหวไม่น้อย

   “ผมปล่อยมันไปไม่ได้” ปอสบตาคนตรงหน้าด้วยแววตาแน่วแน่และยืนยันความจริงใจ

   “มันคงจะดีกว่านี้ถ้าเธอไม่ได้เป็นเธอ ถ้าเธอเป็นแค่เด็กผู้ชายวัยรุ่นธรรมดาๆคนนึง”

   “ผมคงเปลี่ยนในสิ่งที่ผมเป็นไม่ได้ แต่ถึงยังไงผมก็รักลูกชายคุณ”

   “ฉันเองก็รักลูกฉันเหมือนกัน ถึงฉันจะเป็นพ่อที่แย่และลูกฉันอาจจะต้องเกลียดฉันมากกว่าเดิม แต่ฉันเองก็ไม่ยอมให้ลูกฉันไปเสี่ยงกับเธอเหมือน กัน แค่ครั้งเดียวที่เขาเกือบตายมันเกินพอแล้วสำหรับฉัน เธอกลับไปซะแล้วอย่ามาที่นี่อีก” คุณรักษ์เอ่ยปากไล่อีกครั้งและครั้งนี้ปอก็ยอมถอยโดยดี    เพราะรู้ว่าดันทุรังต่อไปยังไงเขาก็ไม่ได้ตัวเลิฟกลับไปแน่ๆ เหตุผลที่พ่อของเลิฟจับเขาสองคนแยกกันมันมีน้ำหนักเกินไปจนเขาเถียงไม่ได้

   “งั้นผมรบกวนฝากของให้มันด้วย” ปอก้มลงหยิบตะกร้าใบโตที่วางข้างโซฟามาส่งให้พร้อมโทรศัพท์มือถือของเลิฟ

   “แล้วผมจะมาใหม่นะครับ” ปอยกมือไหว้ก่อนจะเดินออกมาด้วยความเร็วเพื่อกลับบ้านไปคุยกับพ่อเรื่องที่เขาได้รับรู้ในวันนี้
   
...
...

   “ไงมึงทำหน้าเหมือนคนใกล้ตาย” เสียงทักดังขึ้นเบาๆทำให้ปอที่กำลังนอนมองควันบุหรี่ ที่ลอยเอื่อยๆในอากาศอยู่บนกระโปรงรถ เหลือบตา

ไปมองเล็กน้อย พอเห็นว่าเป็นต้าเขาก็หันหน้ากลับไปเหมือนเดิม

   “สักนิดไหมวะ” ต้าหย่อนตัวลงนั่งข้างๆปอพร้อมกับยื่นกระป๋องเบียร์ให้

   “ยังไม่ตาย...แต่เกือบละ” ปอลุกขึ้นมานั่งดีๆพร้อมรับกระป๋องเบียร์จากต้าขึ้นมาดื่ม

   “ไอ้พวกนั้นเป็นไงบ้าง” ปอถามต้าถึงลูกน้องสองคนของพ่อที่ถูกส่งให้มาเฝ้าเขาปากก็พ่นควันบุหรี่ไปเรื่อยๆ

   “ไม่ถึงตายแค่นอนโรง’บาล” ต้าเองก็ตอบเหมือนเรื่องปกติ

   “อืม...แล้วมึงล่ะ” ปอพยักหน้ารับรู้หันมามองหน้าที่เต็มไปด้วยรอยช้ำเป็นจุดๆของเพื่อน

   “สบาย...นี่ยังน้อยไปด้วยซ้ำกับความผิดพลาดของพวกกู” ต้าบอกด้วยท่าทีสบายๆ เหมือนว่าการที่ตัวเองโดนลงโทษจนแผลเต็มตัวมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆเมื่อเทียบกับความหละหลวมของพวกเขา ถ้าเรื่องที่ไอ้ปอโดนรุมกระทืบไม่ใช่แค่เรื่องเด็กตีกัน นั่นหมายความว่าพวกเขาทำให้ทายาทคนสำคัญของแก็งส์เสี่ยงตาย และจุดจบคงไม่พ้นไปลอยอืดแถวอ่าวไทยแน่นอน

   “หึ กูแม่งเบื่อกับเรื่องพวกนี้เมื่อไหร่มันจะจบวะ” ปอพูดด้วยความหงุดหงิดใจ

   “เอาน่าไอ้โหด...ว่าแต่เรื่องเมียมึงยังไงวะ” ต้าชวนเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากให้เพื่อนหงุดหงุดกว่าเดิม

   “ไม่ยังไง...กูกำลังคิดว่าจะฉุดมันวันไหน” ปอตอบหน้าตาย ต้าเลยหน้าเหวอไปเพราะไม่รู้ว่าปอพูดจริงหรือพูดเล่น แต่เปอร์เซนต์พูดจริงมีสูงมาก

   “ไอ้เหี้ย...พ่อตามึงเขายิ่งไม่เอามึงอยู่ ขืนไปฉุดลูกเขามึงไม่ได้เห็นหน้าเมียอีกแน่ๆ” ต้ายิ้มขำ

   “ทำไมมันไม่เป็นผู้หญิงวะถ้าแม่งท้องเรื่องจะได้ง่ายๆ” ปอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เพราะหนักใจ ส่วนต้าได้แต่ส่ายหัวให้กับความคิดเพี้ยนๆที่นานๆจะมีทีของเพื่อน

   “เมียกูแท้ๆกูนอนเอาของกูอยู่ทุกวัน โคตรเหี้ย...” ปอสบถออกมาแล้วกระดกเบียร์ขึ้นกินจนหมดกระป๋อง ก่อนจะเขวี้ยงออกไปสุดแรงเพื่อระบายอารมณ์

   Tru…Tru…Tru…

   เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ปอหยิบออกมาดูก่อนจะใจเต้นระรัวเมื่อเห็นว่าเบอร์ใครโทรเข้ามา เขาลองวัดใจเอาโทรศัพท์ยื่นให้พ่อเลิฟตรงๆและนั่งรอโทรศัพท์จนถึงตอนนี้ ไม่คิดเลยจริงๆว่าอีกฝ่ายจะยอมเอาโทรศัพท์ให้มัน

   “.........” ปอกดรับโทรศัพท์แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป ต้าที่เห็นว่าใครโทรมาก็เดินเลี่ยงไปอีกทาง

   “(ปอ....)” เสียงสั่นๆของเลิฟดังออกมาตามสาย

   “.........”

   “(ปอ...ได้ยินเลิฟรึเปล่าอย่าเงียบได้ไหม)” เสียงหวานที่ไม่ได้ยินมาหลายวันดังขึ้นไม่ขาดสาย

   “ร้องไห้ทำไม” ปอถามออกไปเพราะรับรู้ว่าคนปลายสายกำลังร้องไห้

   “(ก็ถ้าได้ยินทำไมไม่พูดเล่า)” เลิฟทำเสียงเหวี่ยงมาตามสายจนปออดที่จะยิ้มไม่ได้

   “กูขี้เกียจพูด” ปอบอกกวนๆ

   “(ไอ้บ้าปอ ไอ้โรคจิตเล่นอะไรวะ รู้ไหมว่าคิดถึงจะตายอยู่เล่า)” เลิฟว่าเสียงกระเง้ากระงอด

   “กูก็คิดถึง” เสียงที่เปล่งออกไปของปอเต็มไปด้วยความโหยหา จนแม้แต่เลิฟที่อยู่ในสายยังสัมผัสมันได้ดี

   “(อื้อ)” เลิฟตอบรับเสียงหงอยๆ

   “ตอนนี้อยากกอดมึงฉิบหาย”

   “(ก็มากอดดิมาตอนนี้เลย)” เลิฟบอกด้วยเสียงเศร้าๆ

   “เดี๋ยวกูไปรับแต่มึงต้องรอก่อน”

   “(แล้วต้องรอนานไหมไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว)” เลิฟกลับมาพูดด้วยเสียงที่เริ่มสั่นอีกครั้ง

   “ทำไม...ถ้าช้ามึงจะหอบผ้าหนีตามกูรึไง...เดี๋ยวนี้หัดแรดเหรอวะคิดจะหนีตามผู้ชาย” ปอพูดหยอกล้อเพื่อให้เลิฟคลายความเศร้า

   “(ไอ้เหี้ย...)” เลิฟด่าปอเสียงแผ่วพูดมาได้ว่าเขาแรด ถึงจะมีผัวแต่ก็เป็นผู้ชายเหอะจะแรดได้ไงวะ

   “กูได้ยิน” ปอว่าเสียงเรียบส่วนเลิฟที่อยู่ปลายสายนั่งหน้างอง้ำอยู่

   “ดึกแล้วไปอาบน้ำนอนได้ละ แล้วก็อย่าคิดทำอะไรบ้าๆ รอเฉยๆเดี๋ยวกูไปรับ” ปอสั่งเสียงเรียบแล้วเตรียมที่จะวางสาย เพราะต้าเดินมาบอกว่าพ่อเขามีเรื่องจะคุยด้วย

   “(อื้อ...ปอเองก็เหมือนกันอย่านอนดึกนะ อย่าออกไปแรดหาสาวที่ไหนด้วย)”

   “หึ” ปอยิ้มขำให้กับคำยอกย้อนของเลิฟ

   “กูรักมึง” ปอพูดออกไปด้วยความงง ตัวเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงพูดคำนี้...รู้แค่ว่าอยากพูด

   “(รักเหมือนกัน)” เลิฟเองก็ตอบกลับด้วยเสียงที่สั่นไหว

   “ไปนอนได้แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้กูโทรหา” ปอบอกแค่นั้นก่อนจะกดตัดสายทิ้งและเดินเข้าบ้านไปหาพ่อ

...
...

   เลิฟมองโทรศัพท์ในมือด้วยแววตาเศร้าๆ ก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำเตรียมเข้านอนอย่างที่ปอสั่ง ใช้เวลาไม่นานเขาก็จัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย อุ้มเอาไอ้แมวอ้วนโมกขึ้นมาบนเตียงล้มหัวลงหมอน เตรียมตัวจะนอนก็มีเสียงเตือนข้อความดังขึ้นมา

   ตึ้ง!!

   เลิฟคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูด้วยความสงสัย ก่อนจะเห็นว่าเป็นปอที่ส่งข้อความเข้ามาโดยเป็นลิงค์อะไรสักอย่าง เขาเลยตัดสินใจกดเข้าไปดูก่อนที่เสียงเพลงจะดังขึ้นแผ่วเบา


‘They don’t know about the things we do
( พวกเขาไม่รู้เรื่องสิ่งที่เราทำหรอกนะ )

They don’t know about the "I love you”
( พวกเขาไม่รู้เรื่องที่ว่า "ฉันรักเธอ" หรอกนะ )

But I bet you if they only knew
( แต่ฉันเดาว่าหากเพียงแต่เขารู้ )

They would just be jealous of us,
( พวกเขาจะต้องอิจฉาเราแน่ๆ )

They don’t know about the up all nights
( พวกเขาไม่รู้เรื่องที่เราอยู่กันทั้งคืน )

They don’t know I've waited all my life
( พวกเขาไม่รู้ว่าฉันรอมาทั้งชีวิตของฉันหรอก )

Just to find a love that feels this right
( แค่เพียงพอหาความรักที่มันรู้สึกว่าใช่ )

   เลิฟนอนฟังเพลงที่ปอส่งมาด้วยน้ำตาที่ไหลเปื้อนเต็มใบหน้า แต่ปากกลับยิ้มออกมาอย่างมีความสุข เขากดเล่นเพลงเดิมและฟังอยู่อย่างนั้นซ้ำๆโดย ไม่มีทีท่าว่าจะเบื่อ

   ‘ไอ้บ้าปอ...ทำแบบนี้ได้คิดถึงตายกันพอดี’



2 Be Con...

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กับดักที่
- 50 -



   สายตาของผู้สูงวัยกว่าสองคู่กำลังจ้องมองกันด้วยความรู้สึกที่แตก ต่าง ฝ่ายนึงมองด้วยสายตาเรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยความกดดัน ส่วนอีกฝายมองกลับมาด้วยสายตาที่สะท้อนความหวาดหวั่นแบบปิดไม่มิด

   “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับหมอรักษ์” คุณปรีชาส่งยิ้มให้กับคนคุ้นเคยที่ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เจอกันอีกในรูปแบบนี้และด้วยเรื่องๆนี้

   “น่าจะเกือบ 20 ปีได้ละมั้งที่เราไม่เจอกันเลย” คุณปรีชายังคงพูดต่อเรื่อยๆด้วยท่าทีสบายๆ แตกต่างกับอีกคนที่ปรากฎความเครียดบนใบหน้าอย่างเห็นได้ชัด

   “นี่คุณไม่คงไม่คิดจะคุยกับผมทั้งๆที่เรายืนกันหน้าบ้านอย่างนี้หรอกนะ” คุณปรีชาท้วงขึ้นด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ แต่มันไม่ได้ทำให้คุณรักษ์สบายใจเลย เพราะท่านรู้จักตัวตนของอีกฝ่ายดีถึงจะไม่ได้รู้จักกันแบบเพื่อน แต่ก็รู้จักกันในเรื่องงานที่เกี่ยวพันถึงชีวิต

   ในอดีตคุณรักษ์เคยมีโอกาสได้ช่วยชีวิตหัวหน้าแก็งส์ฮวงหลงด้วยความบังเอิญ ทำให้คุณรักษ์เกี่ยวข้องและพัวพันกับฮวงหลงอยู่ระยะเวลาหนึ่ง ก่อนที่จะแยกตัวออกมาหลังเสร็จสิ้นการรักษา

   “สวัสดีครับ...ขอโทษที่ผมเสียมารยาทเชิญด้านในครับ” คุณรักษ์มองสองพ่อลูกด้วยสายตาที่เรียบนิ่ง แล้วเชื้อเชิญทั้งคู่เข้าไปในบ้านก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เพื่อโทรบอกคนที่โรงพยาบาลว่าจะเข้าสาย เพราะดูท่าแล้วคงจะมีเรื่องให้คุยกันอีกยาว

   คุณปรีชาเดินตามเข้าไปด้านในและทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาด้วยท่าทางสบายๆ ท่านตั้งใจจะเข้ามาคุยกับหมอรักษ์หลายวันแล้วแต่ยังไม่มีเวลา อันที่จริงตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยมีเวลาแต่จำเป็นต้องเบียดเวลาหั่นงานบางอย่างทิ้งไปเพราะกลัวลูกชายหัวเพชรหัวทอง (แก้วแหวนมันน้อยไป) จะขาดใจตายและคิดทำอะไรบ้าๆ ที่มีความเป็นไปได้สูงอย่างฉุดลูกชายบ้านนี้ซะก่อน
 
   ถ้าถึงตอนนั้นท่านคิดว่าคงจะได้คุยกันยาวและยุ่งยากกว่านี้ เพราะดูจากท่าทางของอีกฝ่ายที่ถึงแม้จะเกรงๆท่าน แต่ไม่ได้คิดจะอ่อนข้อลงเลยซึ่งก็หวังว่าคงจะไม่ได้ใช้ไม้แข็งคุยกัน เนื่องจากท่านนิยมใช้วิธีละมุนละม่อมที่แกมบังคับมากกว่า

   “ขอโทษที่ให้รอนะครับ” คุณรักษ์เดินเข้ามานั่งฝั่งตรงข้ามแล้วเอ่ยปากขอโทษอีกฝ่ายที่ปล่อยให้รอ

   “ไม่เป็นไรครับทางผมก็ต้องขอโทษที่มากะทันหัน ปอออกไปก่อนพ่อขอคุยกับพ่อตาแกแป๊บนึง” คุณปรีชาส่งยิ้มให้คุณรักษ์น้อยๆแล้วเอ่ยปากบอกลูกชายที่นั่งอยู่ข้างๆเสียงเบา

   “ครับพ่อ” ปอเองก็รับคำอย่างว่าง่ายแต่หลุดยิ้มขำออกมานิดๆอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะลุกเดินออกไปตามคำสั่ง ส่วนคุณรักษ์ที่ถูกพาดพิงถึงกับหน้าตึงไปไม่น้อย

   “คุณไม่ควรยัดเยียดตำแหน่งนั้นให้ผม ทั้งๆที่ผมยังไม่ได้ตกลงยอมรับอะไร” คุณรักษ์บอกเสียงเรียบ

   “ต้องขอโทษที่ทำให้คุณไม่พอใจ งั้นผมขอเข้าเรื่องเลยละกันเพราะผมคิดคุณหมอน่าจะรู้ดีว่าผมมาทำไม” คุณปรีชาเปิดประเด็นการพูดคุยทันทีเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เพราะยังไงต่างฝ่ายต่างรู้จุดประสงค์ซึ่งกันและกันดีอยู่แล้ว

   “งั้นคุณก็น่าจะทราบจากลูกชายคุณแล้วเหมือนกันว่าผมตอบไปยังไง และต่อให้คุณมาหาผมถึงนี่ผมก็ยังยืนยันคำตอบเดิมที่ให้ไป” คุณรักษ์ยังคงยืนยันคำเดิมที่เคยบอกปอไป และไม่มีทีท่าจะยอมอ่อนข้อให้ง่ายๆแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครก็ตาม

   “คุณก็รู้ว่าเด็กมันรักกันคุณจะไปขวางให้มันได้อะไรขึ้นมา มันบาปนะคุณหมอทำลูกเต้าเสียใจน่ะ” คุณปรีชายังยิ้มขำไม่ได้เดือดร้อนกับท่าทีจริงจังปนสุขุมของอีกฝ่ายเลยสักนิด

   “ผมยอมบาปถ้ามันจะทำให้ลูกชายผมอยู่ไกลๆครอบครัวคุณ” คุณรักษ์ยังคงดื้อดึงยืนยันคำตอบเดิมของตัวเอง

   “คุณห่วงอะไรคุณหมอ...ห่วงที่พวกเราเป็นฮวงหลงหรือเพราะจริงๆคุณรับไม่ได้ที่ลูกชายมีแฟนเป็นผู้ชาย” คุณปรีชาลองพูดยั่วอารมณ์อีกฝ่ายไปอย่างนึกสนุก

   “ถ้าคุณคิดจะยั่วโมโหผมก็หยุดเถอะครับ ยังไงคำตอบผมมันก็คือคำตอบเดียวอยู่ดี” คุณรักษ์บอกคุณปรีชาด้วยท่าทางสุขุมเหมือนเดิม

   “คุณเป็นคนหัวแข็งเกินไปรู้ตัวบ้างไหมคุณหมอ เรื่องนี้มันไม่ได้มีทางออกที่ซับซ้อนยุ่งยากอะไรเกินไปเลย แค่คุณปล่อยให้เด็กเขารักกัน” คุณปรีชายังคงส่งยิ้มให้ด้วยท่าทางเป็นมิตร ไม่มีท่าทีคุกคามแต่อย่างใด

   “ยังไงผมก็ไม่มีทางปล่อยลูกผมไปอยู่กับคนอันตรายแบบพวกคุณ ไม่ว่าคุณจะยกเหตุผลอะไรขึ้นมาก็ตาม”  คุณรักษ์ยังคงยึดมั่นกับความคิดตัวเอง

   “ผมเข้าใจความรู้สึกคุณนะเพราะผมเองก็เป็นพ่อเหมือนกัน อยากปกป้องดูแลลูกไม่ได้ต่างกัน แต่คุณคิดว่าคุณทำแบบนี้มันดีแล้วเหรอ” คุณปรีชาพยายามเกลี่ยกล่อมด้วยความใจเย็น

   “ผมรู้นะว่าคุณเองไม่ได้รังเกียจอะไรลูกชายผม จากสายตาที่คุณใช้มองถ้าผมไม่คิดเข้าข้างตัวเองเกินไป คุณค่อนข้างพอใจในตัวเขาด้วยซ้ำ ถ้าจะมีอะไรที่คุณไม่สบายใจก็คงจะมีแค่เรื่องเดียวใช่ไหมครับ” คุณปรีชายกแก้มน้ำขึ้นมาดื่มและชวนคุยด้วยท่าทางสบายๆ

   “ใช่...คุณพูดถูกทุกอย่าง ลูกชายคุณบ้านไหนได้ไปเป็นเขยก็ดีทั้งนั้น แต่ผมคงต้องขอสละสิทธิ์”

   “มันเป็นเรื่องเดียวจริงๆสินะที่คุณมีปัญหา ซึ่งทางผมเองก็คงจะให้คำมั่นสัญญาอะไรคุณไม่ได้เหมือนกัน ว่าลูกชายคุณจะไม่เจออันตรายอะไรเลยในอนาคต แต่ขอให้เชื่อเถอะลูกชายผมเขาคงไม่ยอมให้แฟนเขาเป็นอะไรหรอก”

   “คำพูดใครๆก็พูดได้และถ้าคุณเข้าใจผมจริง ถือว่าผมขอร้องได้ไหม อย่าให้ลูกชายคุณมาวุ่นวายกับลูกชายผมอีก พวกเขายังเด็กทั้งคู่สักพักพวกเขาก็ลืม”

   “คุณกลัวเขาจะเจอเรื่องร้ายๆในอนาคตถ้าให้คบกับลูกชายผม แต่คุณไม่ได้กลัวอันตรายในปัจจุบันที่มันเกิดขึ้นกับลูกชายคุณเป็นประจำเลยสินะ” คุณปรีชาส่งยิ้มอ่อนๆให้อีกฝ่าย

   “คุณหมายความว่ายังไงลูกชายผมเจอเรื่องอะไร” คุณรักษ์ถามกลับด้วยน้ำเสียงร้อนรนมีอะไรที่ท่านไม่เคยรู้อย่างนั้นเหรอ ในเมื่อลูกชายคนโตของท่านรายงานให้ฟังตลอดว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แล้วมันจะไปมีเรื่องอะไรได้ยังไงกัน

   “คุณเคยรู้ในสิ่งที่ลูกชายคนโตของคุณทำกับลูกชายอีกคน ที่คุณเฝ้าหวงนักหวงหนามาตลอดระยะเวลาหลายปีนี่บ้างรึเปล่า” คำพูดของคุณปรีชาที่เอ่ยออกมา ทำให้ใบหน้าของคุณรักษ์เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม มันคงมีอะไรที่ท่านคิดว่ารู้แต่ไม่เคยรู้อยู่สินะ

   คุณปรีชาสบตากับคนตรงหน้าเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจเล่าในสิ่งที่ปอเคยบอกให้อีกฝ่ายฟัง พูดในทุกๆเรื่องที่รู้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง พร้อมกับลอบสังเกตุอาการอีกฝ่ายไปในตัว

   จริงๆท่านไม่ได้ตั้งใจจะมาพูดเรื่องนี้กับหมอรักษ์เลย เพราะมันเป็นเรื่องภายในครอบครัวของคนอื่น แต่จะให้ทำยังไงได้ในเมื่ออีกฝ่ายยังคงดื้อดึง มันก็คงไม่น่าจะผิดอะไรเท่าไหร่ที่จะเล่นวิธีสกปรกไปบ้าง ในเมื่ออีกฝ่ายมีจุดอ่อนอยู่ที่ไหนก็ควรเอาเรื่องนั้นมาโจมตี หลักจิตวิทยาง่ายๆที่ใช้ได้ผลกับทุกคนบนโลก

   หลังจากนั้นท่านก็แค่นั่งรอเวลากับผลที่จะได้ตามต้องการ แต่ถ้ามันเกิดพลิกล็อกขึ้นมา ถึงตอนนั้นท่านคงต้องช่วยลูกชายฉุดเมียจริงๆ

   สิ่งที่คุณรักษ์ได้ยินทำให้ท่านถึงกับมือไม้อ่อนและสับสนเป็นอย่างมาก พร้อมๆกับรับรู้ว่าท่านเป็นพ่อที่ไม่ได้แค่แย่แต่โคตรเลว  คิดมาตลอดว่าตัวเองกันลูกออกจากเรื่องเลวร้ายได้แล้ว แต่ความจริงมันแค่ผลักอีกฝ่ายให้ออกจากจุดเดิม เพื่อไปหาเรื่องแย่ๆในจุดอื่นแทนต่างหาก มิหนำซ้ำยังเกิดจากคนใกล้ตัวที่ท่านไว้ใจ

   ท่านพยายามจะกันลูกออกจากคนอันตราย ลงทุนทำร้ายจิตใจอย่างโหดร้าย แต่กลายเป็นว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด ถ้าสิ่งที่ได้ฟังทั้งหมดไม่ใช่เรื่องโกหก รุตจะทำแบบนั้นกับน้องไปทำไมทำมันไปเพื่ออะไรกัน ในเมื่อทุกครั้งเวลาที่ท่านถามถึงเลิฟ ลูกชายคนโตของท่านจะพูดถึงน้องชายด้วยท่าทางมีความสุข หรือที่ว่าทั้งหมดมันเป็นแค่การแสดงเพื่อหลอกลวงท่านเท่านั้น ยิ่งคิดท่านก็ยิ่งไม่เข้าใจ

   “ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อแล้ว อยู่กับผมลูกก็คงต้องเจอเหมือนๆเดิม ให้เขากลับไปอยู่กับลูกคุณผมก็ขอบอตรงๆว่าผมไม่สบายใจ” คุณรักษ์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงและสับสนเต็มที

   “คุณสังเกตุเห็นสร้อยคอบนตัวลูกชายคุณบ้างรึเปล่าคุณหมอ” คำพูดที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรเลยกับบทสนทนาของคุณปรีชา ทำให้หมอรักษ์ขมวดคิ้วผูกกันเป็นปมด้วยความสงสัย เพราะไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่ออะไร

   “จี้ที่อยู่บนสร้อยสามารถทำให้คนของฮวงหลงทุกคน ตายแทนเจ้า ของมันได้” คำพูดต่อมาของคุณปรีชายิ่งสร้างความงุนงงมากว่าเดิมให้คุณรักษ์

   “คุณต้องการจะบอกอะไรผมกันแน่” คุณรักษ์ตัดสินใจถามออกไปตรงๆ เพราะตอนนี้สมองของท่าไม่สามารถจะคิดตาม หรือประมวลผลอะไรได้ทั้งนั้น เรื่องที่พึ่งรับรู้ทำให้ช็อคไปพอสมควร

   “ผมแค่ต้องการบอกคุณว่าลูกชายคุณอยู่กับลูกผมคงได้เจอเรื่องอันตราย แต่จะมีคนของฮวงหลงที่จะเป็นกันชนรับทุกอย่างก่อนที่มันจะถึงตัวลูกชายคุณ และผมมั่นใจว่าลูกชายผมตายแทนลูกคุณได้” คุณปรีชาบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แอบอวยลูกชายตัวเองเพื่อช่วยทำคะแนนกับพ่อตาไปในตัว ท่านก็ไม่รู้หรอกว่าลูกชายท่านมันจะทำแบบที่ท่านโม้ได้ไหม แต่เอาเถอะตอนนี้โชว์อะไรได้ต้องรีบโชว์ทุบเหล็กมันต้องทุบตอนร้อนๆ

   “ผมมั่นใจว่าลูกคุณจะปลอดภัยจากเรื่องของฮวงหลง และอีกอย่างเหมือนที่คุณเองพึ่งจะพูดไปพวกเขายังเด็กทั้งคู่ ตอนนี้เขารักกันแต่อนาคตเราก็ไม่รู้พวกเขาอาจจะไม่ได้คบกันนานขนาดนั้น ทำไมคุณหมอไม่ลองให้ลูกชายเราคบหากันเหมือนเดิมดูละครับ อย่างน้อยเราก็ยังรับรู้และอยู่ในสายตา ดีกว่าไปขวางซึ่งอาจจะส่งผลที่มันแย่กว่าเดิม” คุณปรีชาพยายามเกลี่ยกล่อมเรื่อยๆ และก็สังเกตเห็นว่าอีกฝายดูอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด อาจจะเพราะเรื่องสุดช็อกเกี่ยวกับพฤติกรรมลูกชายคนโตที่ทำให้หมอรักษ์ลดกำแพงฑิฐิลง

   “ผมขอคุยกับลูกชายคุณหน่อยได้ไหม” หมอรักษ์เอ่ยปากออกมาหลังจากที่เงียบไปสักพักใหญ่ๆ

   “คุณลุงมีอะไรจะพูดกับผมครับ” ปอที่ยืนแอบฟังอยู่ด้านนอกตลอด เดินเข้ามาทันทีที่อีกฝ่ายเอ่ยปาก

   “หึ...นี่แอบฟังมาตลอดเลยสินะ” คุณรักษ์ส่งยิ้มน้อยๆแต่ดูอ่อนแรงให้ปอ ส่วนคุณปรีชาได้แต่ส่ายหัวหน่ายๆให้ลูกชาย ปกติลูกท่านมันไม่มีนิสัยแอบฟังใครคุยกันหรอก เพราะมันเป็นคนไม่สนใจใครเรียกว่าไม่สนใจโลกก็ยังได้ แต่นี่มันคงอยากจะรู้มากจริงๆ

   “เธอรักลูกชายฉันรึเปล่า” คุณรักษ์ลองถามอีกฝ่ายเพราะอยากเห็นอะไรบางอย่าง

   “รักครับ” ปอตอบออกไปทันทีด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแบบไม่ต้องคิด

   “ถ้าเธอบอกว่ารักงั้นฉันขอให้เธอเลิกยุ่งกับลูกชายฉันได้ไหม”

   “ไม่ได้ครับ” ปอตอบปฏิเสธทันควัน ในหัวกำลังวางแผนฉุดเลิฟอย่างจริงจัง

   “ฉันคงต้องยอมแพ้เธอจริงๆสินะ....มีใครอยู่แถวนี้บ้างพาคุณปอขึ้นไปพบคุณหนูข้างบนหน่อย” คุณรักษ์ส่งยิ้มให้จางๆและเรียกหาแม่บ้านเสียงดัง

   “ขอบคุณครับ” ปอยกมือไหว้ขอบคุณพร้อมกับรอยยิ้มยินดีอย่างปิดไม่มิด

   “ขอบคุณครับพ่อ” ปอหันมากอดคุณปรีชาแน่น ก่อนจะผละออกเพื่อเดินตามแม่บ้านขึ้นไปข้างบน

   “เห็นคุณกับลูกชายแล้วผมก็อดมองที่ตัวเองไม่ได้ ทั้งๆที่ก็เป็นพ่อคนเหมือนกันแต่ทำไมผมถึงเป็นพ่อที่ดีแบบคุณไม่ได้นะ” คุณรักษ์พึมพำออกมาแผ่วเบา มองตามแผ่นหลังปอด้วยแววตาหม่นหมอง ยิ่งเห็นคุณปรีชากับลูกชายยิ่งสะท้อนความเลวของท่านได้ชัดเจน

   เด็กก็เหมือนผ้าขาวผืนหนึ่งที่ผู้ใหญ่จะต้องแต่งแต้มสีสันลงไป ลูกของท่านควรมีสีสันที่สวยงามสดใส แต่เพราะความเห็นแก่ตัวของท่านเองที่ทำให้ผ้าขาวทั้งสองผืนเต็มไปด้วยสีที่หม่นหมอง

   ความทุกข์ใจมหาศาลกำลังซัดสาดและวิ่งพล่านไปทั่วอก ถ้าจะถามหาว่าใครเป็นคนทำร้ายลูกท่านมากที่สุด มันคือตัวท่านเองที่ทำร้ายลูกมาตลอด ด้วยคำว่ารักที่มีแต่ลมปากและคำว่าพ่อที่เป็นคำเรียก แต่ไม่เคยทำตัวให้เหมาะสมกับคำที่ยิ่งใหญ่คำนี้

...
...
   
   ตอนนี้ปอมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูไม้บานหนึ่ง ที่ถูกล็อกเอาไว้อย่างแน่นหนาด้วยแม่กุญแจขนาดใหญ่ เขามองมันอย่างไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากยืนรอแม่บ้านไขกุญแจให้ด้วยความใจเย็น

   แกร๊ก!!!

   ปอเปิดประตูเข้าไปในห้องแล้วเดินเข้าไปข้างในช้าๆ ก่อนจะหันมาปิดประตูลงเบาๆและจัดการล็อกให้เรียบร้อย เขามองร่างเล็กที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงด้วยความโหยหาและคิดถึงอย่างรุนแรง

   เกือบอาทิตย์นึงที่เขากับมันแยกกัน ระยะเวลาอาจจะไม่นานเท่าตอนที่มันหนีไป แต่ค่าความทรมานมันต่างกันมากมาย ครั้งนั้นมันเป็นแค่เรื่องของเราสองคนแต่ครั้งนี้มันไม่ใช่ ความกังวลในใจของเขามันเลยมากกว่าครั้งที่แล้ว มากจนในหัวคิดแต่อะไรบ้าๆเต็มไปหมด

   ปอเดินมาหยุดที่ข้างเตียงและมองคนตัวเล็กที่ยังนอนคว่ำหน้า ไม่สนใจว่าใครจะเข้ามาในห้องโดยที่ไม่พูดอะไร ยืนฟังเจ้าตัวด่าเขาให้ไอ้แมวอ้วนฟังเงียบๆ แต่เขาไม่รู้สึกโกรธเลยสักนิดกลับรู้สึกดีด้วยซ้ำที่ได้ยินมันอีกครั้ง

   “ไอ้บ้าปอ ไอ้เลว ไหนบอกจะรีบมารับวะหายหัวไปเฉยเลย โทรไปก็ไม่รับสายแถมไม่โทรมาอีก อย่าให้เจอนะมึง....” เลิฟนอนว่าปอด้วยความหงุด หงิดปนน้อยใจ ใบหน้าหวานงอง้ำแนบลงไปกับที่นอน ปากอิ่มกำลังจะพ่นคำสรรเสริญเยินยอปออีก แต่ก็ต้องหยุดชะงักและสะดุ้งด้วยความตกใจเพราะสัมผัสที่ข้างแก้ม ก่อนจะหันไปมองด้วยความเร็ว

   ฟอดดดดด

   “ปอ...” เลิฟเรียกชื่อปอออกมาด้วยความตะลึง แววตาสั่นไหวรุนแรงด้วยความไม่แน่ใจ

   “กูจะดีใจกว่านี้นะถ้ามึงเปลี่ยนเสียงด่าเป็นเสียงครางแทน” ปอกระตุกยิ้มนิดๆส่งให้เลิฟ ทรุดตัวนั่งลงข้างๆและโน้มตัวคร่อมเลิฟเอาไว้

   “ปอจริงๆด้วย” เลิฟพลิกตัวกลับมานอนหงายและยกมือขึ้นไล่สัมผัสทั่วใบหน้าของปอ ก่อนที่ดวงตากลมโตจะคลอไปด้วยน้ำใสๆ และไหลออกมาในที่สุด

   “ร้องไห้อีกแล้ว” ปอยกมือขึ้นมาเกลี่ยน้ำตาออกจากใบหน้าเนียนแผ่วเบา

   “กูมารับแล้ว...กลับบ้านเรากัน” ปอส่งยิ้มบางๆให้เลิฟมือหนาลูบแก้มใสเล่นอย่างเบามือ

   “ช้า...นึกว่าจะไม่มาแล้ว” เลิฟตัดพ้อเสียงสั่น

   “ก็มาแล้วนี่ไง” ปอบอกเสียงนุ่มแบบที่ไม่ค่อยได้ใช้นัก

   “อื้อ...กลับบ้านเรานะกลับบ้านเรากัน” เลิฟยิ้มออกมาทั้งน้ำตาและลุกขึ้นกอดปอเอาไว้แน่นด้วยความคิดถึงทั้งหมดที่มี ห่างกันแค่อาทิตย์เดียวแต่ความรู้สึกเหมือนห่างกันเป็นปี

   ปอเองก็กอดตอบด้วยความคิดถึงที่มากมายไม่แพ้กัน มือหนาลูบหัวลูบหลังคนตัวเล็กเพื่อปลอบโยน ก่อนจะดันอีกฝ่ายออกห่างเล็กน้อยแล้วกดจูบจูบลงบนหน้าผากเนียนแผ่วเบา เลื่อนลงมาจูบที่เปลือกตาทั้งสองข้างไล่ลงมาที่แก้มใส และประทับลงบนปากอิ่มเป็นที่สุดท้าย

   ปอดูดเม้มริมฝีปากอีกฝ่ายแผ่วเบาหยอกล้อ ก่อนจะส่งลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากนุ่ม เกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กไปมาอย่างนุ่มนวล ไม่ได้มีความร้อนแรงแต่เต็มไปด้วยความอ่อนหวานและอ่อนโยน

   ปอดันตัวของเลิฟลงบนที่นอน ในขณะที่ปากยังคงเฝ้าจูบวนเวียนอยู่ไม่ห่าง ก่อนจะผละออกมาซุกไซร้ที่ลำคอระหงแทน มือหนาเลื่อนเข้าไปลูบไล้ผิวเนียนใต้เสื้อยืดตัวบางและเลิกมันขึ้นสูงจนเห็นยอดอกเล็ก ปอก้มลงดูดดึงจุกเล็กทั้งสองข้างอย่างหิวกระหาย

   “อ๊ะ...อื้อ” เลิฟครางออกมาผะแผ่วเพราะถูกกระตุ้น

   “แม่งเอ้ย” ปอสบถงึมงำในลำคอแล้วหยุดการกระทำของตัวเอง นอนซบหน้าอยู่กับอกของเลิฟนิ่ง หายใจเข้าออกหนักๆเพื่อระงับอารมณ์ เขาอยากเอามันใจจะขาดแต่ทำไม่ได้ เพราะถ้าขืนทำต่อตอนพามันลงไปข้างล่าง ในสภาพสะโหลสะเหลที่ยังไงก็ดูออกแน่ๆว่าทำอะไรมา พ่อตาเขาคงได้ทวงลูกคืนอีกและเหตุผลสำคัญอีกอย่างคือ เขาอยากฟัดมันนานๆไม่ใช่รีบร้อนจำกัดเวลาแบบนี้

   ดวงตาฉ่ำปรือของเลิฟมองปอด้วยความไม่เข้าใจ เผลอช้อนตามองปออ้อนๆอย่างไม่รู้ตัว ปากสีแดงสดเผยอขึ้นเล็กน้อยเพราะอารมณ์ค้าง

   “อย่ามองกูแบบนี้” ปอจัดการดึงเสือของเลิฟลงให้เข้าที่เข้าทาง ก้มลงจูบข้างขมับเบาๆแล้วดึงอีกฝ่ายที่ยังงงอยู่ให้ลุกขึ้น สาบานได้เลยว่าถ้ากลับถึงบ้านเขาจะจัดให้สมกับที่อดมาเป็นอาทิตย์

   “ปอ...”  เสียงเรียกแผ่วเบาและแรงดึงน้อยๆทำให้ปอต้องหันกลับมามอง   

   “มีอะไร” ปอมองคนที่นั่งก้มหน้ามองพื้นด้วยความสงสัย

   “กลับไปคราวนี้พ่อจะไปพาตัวเลิฟกลับมาอีกรึเปล่า เลิฟยังต้องกลับ มาที่นี่อีกไหม” เสียงที่เปล่งออกมาเต็มไปด้วยความกังวลจนปอรู้สึกได้ เขาเลยนั่งยองๆลงต้องหน้าของอีกฝ่าย และจับใบหน้าที่ก้มมองพื้นอยู่ให้เงยขึ้นมาสบตา

   “พ่อมึงเขาให้เราอยู่ด้วยกันแล้ว จะไม่มีใครพามึงกลับมาอีกถ้ามึงไม่เต็มใจ” ปอบอกอีกฝ่ายให้คลายความกังวล

   “อื้อ” เลิฟพยักหัวหงึกหงักและส่งยิ้มบางๆให้ปอ

   “ลงไปข้างล่างได้แล้วผู้ใหญ่รอ” ปอลุกขึ้นยืนเต็มความสูงกำลังจะหันหลังเดิน แต่โดนเลิฟกอดเอาไว้แน่นใบหน้าเนียนใสซบอยู่ที่หน้าท้องแกร่ง

   “เลิฟรักปอนะ” พูดออกไปด้วยความเขินพร้อมกับถูไถใบหน้าไปมาเบาๆ

   “กูรู้” ปอว่ายิ้มๆและลูบหัวของเลิฟเล่น

   “ปอรักเลิฟป่ะ” เลิฟเงยหน้าช้อนตามองปออ้อนๆ

   “มึงไม่รู้” ปอย้อนถามกวนๆ

   “รู้...แต่อยากได้ยินไง” เลิฟบอกเสียงอ้อมแอ้ม

   “รัก” ปอว่าด้วยเสียงหนักแน่นพร้อมก้มลงหอมหัวเล็กๆของเลิฟ

   “เลิกอ้อนกูได้แล้วจะกลับไหมบ้าน” ปอผละออกเล็กน้อยแล้วเดินไปเปิดประตูห้อง

   “กลับ!!” เลิฟพูดเสียงดังและรีบลุกขึ้นด้วยความเร็ว ก่อนจะอุ้มโมกขึ้นมาแล้วเดินตามปอออกไป
   ระหว่างทางเดินไม่มีการพูดคุยอะไรทั้งนั้น มีเพียงมือของทั้งคู่ที่เกาะกุมกันไว้แน่น เพื่อเป็นการยืนยันให้ทั้งคู่รับรู้ว่าพวกเขายังอยู่ด้วยกันตรงนี้ และจะไม่หายไปไหนอีก

   “โอ๊ย!!! หยุดเดินทำไมอ่ะ” เลิฟบ่นออกมากระปอดกระแปดเพราะจู่ๆปอก็หยุดเดินกระทันหัน จนเลิฟที่เอาแต่ก้มหน้าเดินตามแรงจูงของปอชนเข้ากับหลังกว้างเต็มแรง

   ใบหน้าของเลิฟงอง้ำอ้าปากเตรียมจะด่าปอ แต่ก็ต้องหุบลงทันควัน และยืนเงียบเมื่อรู้ว่าปอหยุดเดินทำไม ตามองหน้าต้นเหตุที่ยืนขวางทางด้วยความระแวง

   ปอจ้องใบหน้าขาวออกหวานนิดๆของอีกฝ่ายเขม็ง เขาละไม่เข้าใจจริงๆว่าชาติที่แล้วไปทำเวรทำกรรมอะรับมันไว้รึเปล่า ทำไมพออะไรกำลังจะดีเขาต้องเจอไอ้เหี้ยนี่ขวางทุกที สังสัยเขาคงจะได้ออกกำลังกับมันก่อนพาเมียกลับบ้าน


2 Be Con...

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
รออยู่เลย 

ออฟไลน์ greensnake

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +920/-14
ได้รู้สาเหตุของคุณพ่อที่ไม่สนใจน้องเลิฟแล้วก็ได้แต่ถอนใจ :เฮ้อ:
มันใช่เรื่องที่น้องเลิฟต้องเจอมั๊ยเนี่ย เรื่องของผู้ใหญ่แท้ๆ
คุณพ่อดูอ่อนลงแต่ก็มาติดตรงพี่ชายนี่อีก สู้ๆนะทั้งสองคน
ต่อสู้กับอุปสรรคเพื่อที่จะพบกับความสุขที่แสนหวาน
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :กอด1:
+1และเป็ดค่ะ



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กับดักที่
- 51 -



   ปอกับรุตยืนจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ก่อนจะเป็นฝ่ายรุตที่เบือนสายตาออกและหันไปมองเลิฟแทน ยกมือขึ้นช้าๆหมายจะยื่นไปจับใบหน้าของน้องชาย แต่ปอที่ยืนอยู่ใกล้ๆไวกว่าคว้าเอามือของรุตไว้ได้ทันแล้วบีบลงไปเต็มแรง   
           
   รุตยืนมองหน้าเลิฟด้วยสีหน้าเรียบเฉยแล้วหันมามองปอด้วยแววตาว่างเปล่า ความเงียบของรุตที่ไร้ท่าทางกวนประสาททำเอาปอแปลกใจไม่น้อย เขาพยายามจ้องมองเข้าไปในตาของอีกฝ่ายอย่างค้นหาแต่ก็ไม่ได้อะไร รุตบิดแขนตัวเองออกจากมือปอช้าๆแล้วเดินเข้าไปประชิดตัวปอเล็กน้อย พร้อมกับส่งเสียงกระซิบลงที่ข้างหูปอเบาๆเพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคน

   “กูไม่ให้มันจบง่ายๆแค่นี้แน่...น้องเป็นของกู คนมาที่หลังอย่างมึงไม่มีสิทธิ์” รุตพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาก่อนจะเดินผ่านทั้งคู่ขึ้นไปบนห้องเงียบๆ

   ปอมองตามหลังของรุตด้วยความตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน จากที่รับรู้เรื่อง ราวทั้งหมดระหว่างเลิฟกับรุตมาโดยตลอด เขาไม่เคยคิดถึงข้อนี้และคิดไม่ถึงจริงๆ นี่สินะเหตุผลที่มันแสดงอาการหวงเมียเขาขนาดนั้น ต่อไปนี้เขาคงต้องเฝ้าไอ้ตัวเล็กให้ดีๆเพราะดูท่าไอ้รุตมันจะไม่ยอมจบง่ายๆ

   “พี่รุตคุยอะไรกับปออ่ะ” เลิฟถามน้ำเสียงร้อนรนมองตามรุตด้วยความระแวง

   “ไม่มีอะไร...ไปหาพ่อมึงได้ละ” ปอบอกปัดและจูงมือเลิฟเดินไปห้องนั่งเล่น

   "ถ้าไม่มีอะไรปอจะทำหน้าแบบนี้ทำไม" เลิฟถามหน้ายุ่งขืนตัวไว้ไม่ให้ไปตามแรงดึง มองหน้านิ่งๆของปออย่างต้องการคำตอบ ถึงปอจะทำหน้าตายเหมือนไม่มีอะไร แต่กับคนที่อยู่ด้วยกันทุกวันเป็นปีแบบเขา ทำไมจะดูไม่ออกว่าปอกำลังปิดบังอะไรบางอย่างอยู่

   "พี่มึงมันก็กวนส้นตีนเหมือนเดิมนั่นแหละ" ปอตอบเลี่ยงๆเพื่อไม่ให้เลิฟถามต่อ แต่เหมือนเจ้าตัวจะไม่ค่อยเชื่อเขาเท่าไหร่ยังคงมองมาด้วยสายตาเคลือบแคลง

   "เลิกสงสัยได้แล้ว" ปอยกมือขยี้หัวเลิฟเบาๆแล้วจูงมือคนตัวเล็กให้เดินต่อ

   แต่พอมาถึงที่หมายเลิฟก็หยุดชะงักเท้าอยู่แค่หน้าทางเข้า สบตากับคนเป็นพ่อเล็กน้อยและต่างฝ่ายต่างก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา เลือกที่จะเงียบอยู่แบบนั้นจนบรรยากาศเริ่มจะอึดอัดขึ้นมา

   ปอพยายามดึงเลิฟให้เข้าไปข้างในแต่เจ้าตัวฝืนเอาไว้ส่ายหัวเบาๆเป็นการปฏิเสธ เพราะเลิฟไม่รู้จริงๆว่าจะคุยกับพ่อว่าอะไรไม่รู้จริงๆว่าจะต้องทำตัวแบบไหน เขายังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับพ่อตอนนี้

   “จะกลับกันเลยใช่ไหมครับผมเองก็ต้องรีบเข้าโรงพยาบาลเหมือน” เป็นฝ่ายคุณรักษ์เองที่พูดทำลายความเงียบออกมา และลุกขึ้นเตรียมตัวไปทำงาน

   “ใช่ครับทางผมต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คุณหมอเสียเวลา” คุณปรีชาเอ่ยปากขอโทษอีกฝ่ายและลุกขึ้นยืนบ้าง

   “พูดอะไรกับพ่อหน่อยไหม” ปอก้มลงกระซิบบอกข้างหูเลิฟแต่เจ้าตัวเลือกที่จะเงียบเหมือนเดิม จนปอได้แต่ถอนหายใจออกมาหนักๆ เขาอยากให้เลิฟพูดอะไรกับพ่อตัวเองบ้างแต่ก็รู้ว่ามันคงไม่พร้อม เขาเลยไม่อยากบังคับอะไร

   "ผมลานะครับคุณลุง" ปอยกมือขึ้นไหว้ผู้สูงวัยกว่าด้วยความนอบน้อม เมื่ออีกฝ่ายกำลังเดินผ่านหน้าเขา

   คุณรักษ์ชะงักเท้าลงและหันมามองหน้าปอ เหลือบไปมองเลิฟที่ยืนก้มหน้าอยู่ข้างๆเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาหาปอเพื่อพูดบางอย่าง

   "ฝากด้วยนะ" คุณรักษ์บอกกับปอสั้นๆพร้อมรอยยิ้มบางๆหันหลังเตรียมจะเดินต่อ แต่ก่อนจะไปท่านหันหน้ามาหาลูกชายที่ยืนก้มหน้าอยู่ วางฝ่ามือลงบนหัวเล็กแล้วลูบไปมาเบาๆ

   "ดูแลตัวเองดีๆนะลูก" น้ำเสียงของคุณรักษ์เต็มไปด้วยความอ่อนโยน สายตาภายใต้แว่นกรอบหนาก็อ่อนโยนไม่แพ้กัน คุณรักษ์ลูบหัวเลิฟแค่ครู่เดียวท่านก็ผละออกแล้วเดินจากไป

   เลิฟเงยหน้ามองตามหลังพ่อด้วยความตะลึง ฝ่ามือเล็กยกขึ้นมาจับที่หัวตัวเองสัมผัสของฝ่ามือเมื่อกี้ยังคงอยู่ ถึงแม้พ่อจะไม่ได้พูดอะไรออกมามาก มายเป็นแค่คำสั้นๆ แต่คนฟังอย่างเขากลับอุ่นวาบไปทั้งใจความตะขิดตะขวงใจที่มีแทบจะหายไปพร้อมฝ่ามือเมื่อกี้

   "วันหลังเราค่อยมาหาพ่อมึงพร้อมกัน" ปอก้มลงกระซิบบอกเลิฟ

   "อื้อ" เลิฟส่งยิ้มกว้างให้ปอเขาไม่รู้ว่าเหตุการณ์เมื่อกี้จะเรียกว่าเป็นสัญญาณที่ดีระหว่างเขากับพ่อได้ไหม แต่อย่างน้อยเขาก็รู้สึกได้ว่าระยะห่างของเรามันแคบลง ถึงเขาจะยังไม่พร้อมที่จะคุยอะไรกับพ่อตอนนี้ แต่เขาดีใจที่อย่างน้อยก็สัมผัสได้ถึงบางอย่างที่พ่อจะสื่อ

   เขาไม่ได้เกลียดไม่ได้โกรธพ่อก็จริง แต่ความน้อยใจและแผลที่ได้รับมันมีมากเกินไป เกินกว่าที่มันจะรักษาได้ง่ายๆเพราะแก้วที่มันร้าวมาตลอดไม่มีทางประกอบติดได้ในวันเดียว ความรู้สึกคนก็เหมือนกันมันอาจจะต้องใช้เวลาบ้างสำหรับทั้งคู่ แต่เวลาจะเป็นตัวเยียวยาและทำทุกอย่างให้ดีขึ้น

...
...

   รุตยืนมองรถยนต์คันหรูที่แล่นออกจากบ้านไปด้วยความโกรธ มือกำผ้าม่านหน้าต่างห้องแน่นจนแทบจะหลุดคามือ ความรู้สึกเกลียดรุนแรงกำลังปะทุเผาไหม้อยู่ในอก มันมากมายจนเขาอยากจะทำลายทุกอย่างให้พังพินาศ

   เขายังจำได้จนถึงทุกวันนี้วันที่รู้ว่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวบนโลกห่วยๆ วันที่รู้ว่าตัวเองมีคนในครอบครัวอีกคน วันที่ได้เห็นดวงตาซุกซนกลมโตคู่นั้นและรอยยิ้มสว่างสดใสเหมือนพระอาทิตย์ วันที่เขารู้ว่าตัวเองมีน้องชาย

   เด็กตัวเล็กๆนิสัยขี้อ้อนที่ตื่นผู้คน เด็กที่เต็มไปด้วยความเหงาทำให้เขาอยากปกป้องและดูแล มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขในชีวิตที่มีน้องชายคอยเดินตามคอยเรียกหา ‘พี่รุตๆ’ คอยรอเรากลับบ้านเห็นว่าเราเป็นคนสำคัญและมีตัวตน คนๆเดียวในบ้านหลังใหญ่ที่เป็นแสงดวงเล็กๆแต่สว่างไสวที่สุดในชีวิต

   เขาพยายามปกป้องดูแลอยู่ข้างๆน้อง คิดว่าตัวเองทำมันได้ดีมาโดยตลอด จนกระทั่งวันนั้นที่เขาไม่อยู่บ้านและน้องเกือบตาย มันทำให้เขารู้ได้ทันทีว่าตัวเองเป็นแค่เด็กอายุสิบสี่ที่ไม่มีปัญญาทำอะไรเลย ตั้งแต่วันนั้นมาเขาให้ สัญญากับน้องว่าจะดูแลน้องและไม่ทิ้งไปไหน

   เขาตั้งใจเรียนหนังสืออย่างหนักเพื่อจะเป็นจิตแพทย์ ไม่ใช่เพราะจะสืบทอดงานที่บ้านแต่เพื่อรักษาอาการป่วยของน้อง เขารู้ว่าแม่ไม่รักษาน้องต่อและเขาทำอะไรไม่ได้การตั้งใจเป็นหมอจึงเป็นทางเดียวที่ทำได้ แต่เพราะมัวเอาแต่เรียนมันเลยเกิดช่องว่างระหว่างเขากับน้องขึ้น

   ในวันหนึ่งตอนช่วงม.4 น้องพาเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักมาที่บ้าน และแนะนำกับเขาว่าคือแฟนพร้อมรอยยิ้มที่มีความสุข ตอนนั้นเหมือนเขาโดนอะไรหนักๆมาทุบลงบนหัวแรงๆ หูมันอื้อสมองมันเบลอไปหมดสิ่งเดียวที่รับรู้คือน้องกำลังจะทิ้งเขาไปอีกคนทิ้งให้เขาอยู่คนเดียวอีกครั้ง แต่สิ่งที่เขาทำได้คือยิ้มและยอมรับ เพราะน้องมีความสุขเขาก็ควรมีความสุข ส่วนเขาก็แค่ใช้ชีวิตและทำหน้าที่ตัวเองต่อไป

   ทุกอย่างมันควรจะเป็นอย่างนั้น น้องชายเขาควรมีความสุขแต่มันไม่ใช่ เด็กผู้หญิงคนนั้นแค่ใช้น้องเป็นสะพานเพื่อที่จะได้เข้าหาเขา และพยายามยั่วยวนจนเขาต้องไล่ตะเพิดไป

   แต่ทุกอย่างมันไม่จบแค่นั้นหลังจากเด็กผู้หญิงคนนั้น คนอื่นๆที่เป็นแฟนน้องก็ไม่ต่างกัน เขาเลยลองใจแฟนน้องชายทุกคน ผลที่ได้คือทุกคนทิ้งน้องไม่มีใครรักน้องจริง เพราะฉะนั้นมันคงไม่ผิดใช่ไหม ถ้าเขาจะกันคนพวกนั้นให้ห่างน้อง ให้น้องเป็นของเขาคนเดียว และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด

   เขากลายเป็นคนที่ชอบแย่งแฟนน้องในสายตาคนอื่น เขาอยากอธิบายให้น้องเขาใจว่าเรื่องราวเป็นยังไง แต่สายตาที่น้องมองมาที่เขามันเปลี่ยนไปแล้ว น้องไม่ได้มองมาที่เขาแบบพี่ชายแสนดีอีกต่อไป

   น้องไม่ยอมมองหน้าเขาและพูดคุยเหมือนเดิม แถมน้องยังแอบไปทำงานกลางคืนซึ่งมันทำให้เขาไม่พอใจ คิดหาทางให้น้องเลิกทำเพราะที่โสมมแบบนั้นมันไม่เหมาะกับน้องเลยสักนิด

   แล้วจู่ๆก็มีข่าวลือว่าน้องเสียๆหายๆออกมา ต้นตอของเรื่องไม่ใช่ใครแต่เป็นเพื่อนสนิทของเขาเอง ตอนนั้นยอมรับว่าโกรธที่เพื่อนทำแบบนั้นแต่แล้วสมองมันก็คิดขึ้นมาได้ว่า ถ้าเขาบีบน้องในเรื่องนี้น้องอาจจะเลิกทำงานนั่น เลยกลายเป็นว่าเขาช่วยเติมเชื้อไฟให้เรื่องมันลุกลาม

   น้องไม่เลิกทำงานแถมยังมีแฟนใหม่ทั้งๆที่ไม่มีมานาน ทำให้เขารู้สึกเหมือนโดนค้อนทุบหัวอีกครั้ง ทั้งที่เขาบีบให้น้องไม่เหลือใครแล้วทำไมน้องถึงไม่กลับมาหาเขา ทำไมน้องยังไปมีคนอื่นได้อีก ทำไมน้องไม่เข้าใจว่าไม่มีใครรักน้องนอกจากเขา

   เขาตามจีบผู้หญิงที่ชื่อแยมอยู่นานจนเกือบถอดใจ เผลอคิดไปแล้วว่าคนนี้คงรักน้องจริงและเขาควรหยุด แต่สุดท้ายก็เหมือนเดิมผู้หญิงที่ชื่อแยม...เลือกเขา

   เรื่องทุกอย่างระหว่างเขากับแยมน่าจะจบได้ง่ายๆเหมือนทุกครั้ง แต่เรื่องมันกลับไม่เป็นแบบนั้น เมื่อมันเกิดเหตุการณ์แย่ๆที่เข้าขั้นเลวร้ายขึ้น แยมโดนพวกแฮครุมโทรมในคอนโดของเขา นั่นมันยิ่งทำให้น้องเกลียดเขาและเขาแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่เขาไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเรื่องแบบนี้เลยจริงๆ

   หลังจากเกิดเรื่องแยมเขาก็แทบจะหายไปจากชีวิตน้อง เคลียร์เรื่องข่าวลือแย่ๆให้น้องแล้วก็ไม่ไปตามวุ่นวายอีก ส่วนแฮคเขายังคบกันเป็นเพื่อนอยู่เหมือนเดิม ไม่รู้ว่าทำไมถึงยังคบแต่เพื่อนก็คือเพื่อนอยู่ดี

   เวลาผ่านไปเขาก็ได้ข่าวว่าน้องมีแฟนเป็นผู้ชาย พยายามจะไม่สนใจเพราะไม่อยากโดนเกลียดมากไปกว่านี้ แต่สิ่งที่ได้รู้มาคือไอ้ปอมันเหี้ยและน้องไม่ควรอยู่กับคนเหี้ยๆแบบมัน เขาสั่งห้ามน้องให้เลิกยุ่งเกี่ยว แต่น้องไม่ยอมและเราทะเลาะกัน

   เขาโมโหจนตบหน้าน้องโกรธที่ต้องมารับรู้ว่าน้องกำลังรักผู้ชายคนนี้มากกว่าทุกๆคนที่น้องรัก กลัวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นว่าผู้ชายคนนี้พิเศษกว่าทุกคน ผู้ชายคนนี้กำลังจะเอาน้องไปจากเขาตลอดกาล มันทำให้เขายอมไม่ได้และรู้ว่าจริงๆแล้วเขารู้สึกยังไง
   เขารักน้องมันคือความรักที่บอกไม่ได้เหมือนกันว่ารักแบบไหน รู้แค่ว่าอยากให้มาอยู่ข้างๆอยากได้มาครอบครอง แต่ไม่ได้มีความรู้สึกทางเพศอยู่ในนั้น

   เขาจะทำทุกอย่างและทุกทางให้ได้น้องกลับมา ไอ้ปอมันไม่มีสิทธิ์มันเป็นคนมาทีหลังมันไม่ควรจะได้ทุกอย่างไป น้องเป็นของเขาและเขาจะไม่ยอมยกให้ใคร



2 Be Con...

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กับดักที่
- 52 -



   เลิฟนั่งหน้ามุ่ยเท้าคางอยู่ที่โต๊ะกลางสวน ตากลมโตมองไปทางหน้าบ้านตลอดเวลา ตั้งแต่กลับมาจากบ้านพ่อปอก็พาเขามาทิ้งไว้ที่บ้านตัวเอง แล้วก็หายตัวไปพร้อมกับพ่อปรีชา พี่ป้อง พี่ปิง ไอ้พี่ต้า ไม่ได้บอกอะไรกับเขาสักคำว่าจะไปไหน ปล่อยให้เขานั่งเล่นกับสาวๆที่บ้าน จนตอนนี้จะเที่ยงคืนแล้วก็ยังไม่โผล่หัวมา

   "เข้าบ้านเหอะเลิฟดึกแล้ว ยุงกัดหมดแล้วเนี่ย" ปรางบ่นกระปอดกระ แปดมือก็ปัดไล่ยุงที่บินตอมตัวเองไปมา
 
   "ปรางเข้าไปก่อนก็ได้เดี๋ยวเลิฟรอปออีกแป๊บนึง" เลิฟหันมาบอกปรางอย่างเกรงใจ เพราะปรางออกมานั่งรอปอตากยุงเป็นเพื่อนเขานานแล้ว

   "โหยยย ไม่เอาอ่ะถ้าเลิฟไม่เข้าปรางก็ไม่เข้า ขืนทิ้งเลิฟไว้ข้างนอกคนเดียว คุณชายปอจะมาแหกอกปรางเอาข้อหาดูแลเมียพี่ไม่ดี" ปรางทำหน้าทะเล้นล้อเลียนเลิฟ จนเจ้าตัวหน้าขึ้นสีเพราะเขินกับคำพูดห่ามๆของปราง

   "เมียอะไรล่ะปราง" เลิฟอ้อมแอ้มเถียงกลับเสียงเบาก้มหน้างุดเพื่อซ่อนหน้าแดงๆของตัวเอง คุยกับคนอื่นเรื่องนี้ก็อายจะตายอยู่แล้ว ยิ่งมาคุยกับปรางเขายิ่งอายไปกันใหญ่ มันตะขิดตะขวงใจและรู้สึกแปลกๆทุกครั้ง

ก็เขาเคยตามจีบปรางอยู่ตั้งนาน ใครจะไปคิดว่าวันนึงจะมาเป็นแฟนพี่ชายของคนที่เคยจีบ แถมเจ้าตัวยังมานั่งแซวเขาหน้าตาเฉย

   "งั้นเลิฟจะบอกว่าเป็นผัวพี่ชายเราเหรอ...ไม่เชื่ออ่ะ" ปรางทำหน้าตาไม่เชื่ออย่างที่พูดใส่เลิฟ

   "ขอได้ไหมเนี่ยเลิกแซวแบบนี้ซะทีเหอะ" เลิฟโอดครวญออกมาแล้วซุกใบหน้าแนบไปกับโต๊ะ

   "ฮ่าๆเขินเหรอเลิฟยิ่งเขินปรางก็ยิ่งอยากแกล้งดิ" ปรางหัวเราะออกมาอย่างชอบใจจิ้มนิ้วลงไปที่แก้มของเลิฟเล่นเบาๆ พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่ชายหน้าตายของเธอถึงได้รักเลิฟ ก็ผู้ชายอะไรหน้าตาท่าทางน่ารักขนาดนี้ มันดูน่าปกป้องน่าทะนุถนอม อยู่ใกล้กันทุกวันไม่เขวบ้างก็ให้มันรู้ไป แถมเลิฟยังขี้อ้อนอีกด้วย ชักรู้สึกเสียดายที่ตอนนั้นปฏิเสธเลิฟไป แย่งกลับมาตอนนี้จะทันไหม

   "เลิฟเป็นกิ๊กเราไหม" ปรางทำสีหน้าจริงจังใส่เลิฟ

   "ห๊ะ!" เลิฟทำหน้างงใส่ปรางเพราะคิดว่าตัวเองหูฝาด

   "กิ๊กเราไหม" ปรางทวนคำช้าๆชัดให้เลิฟฟังอีกครั้ง

   "เฮ้ย!!" เลิฟร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ มองปรางตาโตจนแทบจะถลนออกจากเบ้า

   "ฮ่าๆๆโอ๊ย!! ล้อเล่น...ดูทำหน้าดิ ขืนไปยุ่งกับของรักของหวงคุณชายปอนี่ตายได้ง่ายๆเลยนะ" ปรางหัวเราะดังลั่นแล้วทำหน้าตาขึงขังใส่เลิฟ

   "ไม่ได้หวงซักหน่อย" เลิฟว่าเสียงเบา

   "จ้า...ไม่หวงเลยพกใส่กระเป๋าได้เหมือนเงินปอคงทำไปแล้วแหละ" ปรางเบ้หน้าใส่ด้วยความหมั่นไส้

   "เอาเป็นว่าตอนนี้เข้าบ้านเหอะเลิฟยุงมันเยอะจริงๆนะ กัดจนจะเป็นไข้เลือดออกแล้วเนี่ย" ปรางโวยวายออกมายกมือขึ้นตบยุงอย่างหงุดหงิด

   "แต่..." เลิฟอ้าปากจะค้านแต่ก็โดนขัด

   "ไม่แต่แล้วเลิฟเข้าบ้าน" ปรางยื่นคำขาดและลุกขึ้นยืนลากแขนเลิฟเดินเข้าบ้าน เจ้าตัวเลยจำใจต้องเดินตามเข้าไปอย่างช่วยไม่ได้ แต่ก่อนจะกลับเข้าไปข้างในสายตายังอดที่จะมองกลับไปหน้าประตูรั้วไม่ได้ ปอไปไหนนะ...

...
...
   
   ปอเปิดประตูเข้าไปในห้องตัวเองอย่างเบามือที่สุดเพราะกลัวว่าจะทำให้คนในห้องตื่น เดินมาที่เตียงกว้างก็เห็นร่างสองร่างนอนอยู่ด้วยกัน ร่างหนึ่งคือไอ้ตัวเล็กของเขาที่นอนหลับตาพริ้มไม่รู้เรื่องรู้ราว ส่วนอีกร่างคือน้องสาวของเขาเอง

   ปอขมวดคิ้วมุ่นเล็กน้อยด้วยความสงสัย ทำไมยัยปรางถึงได้มานอนในห้องเขาแถมยังนอนหลับอย่างสบายใจซะด้วย

   ปอทรุดตัวลงนั่งข้างเตียงแล้วก้มลงหอมแก้มใสแผ่วเบา ก่อนจะเอื้อมมือไปสะกิดน้องสาวที่นอนข้างกันเพื่อปลุกให้ตื่น

   "ปราง...ปราง" ปอส่งเสียงเรียกไม่ดังมากนัก สักพักร่างบางของน้อง สาวก็รู้สึกตัวตื่น

   "อ้าว...ปอมาแล้วเหรอ" ปรางงัวเงียลุกขึ้นนั่งผมเผ้ากระเซิงไปหมด

   "ทำไมมานอนที่นี่ไม่นอนห้องตัวเอง" ปอถามเสียงเรียบ

   "ทำไมหึงเหรอที่น้องนอนกับเลิฟอ่ะ...ไม่ต้องห่วงนะเลิฟไม่ได้ทำอะไรน้องหรอก" ปรางบอกด้วยท่าทางทะเล้น ปอเลยหันกลับมามองหน้าน้องสาวนิ่งๆ

   "พี่ไม่ได้ห่วงว่าเลิฟมันจะทำอะไรเราแต่ห่วงว่าเราจะทำอะไรมันต่าง หาก" ปอทำหน้าตายใส่

   "ปอ!! คิดได้ไงเนี่ยนี่น้องสาวนะ" ปรางขึ้นเสียงใส่พี่ชายแต่ไม่ต่างอะไรกับเสียงกระซิบ

   "ออกไปคุยข้างนอกกันเดี๋ยวมันตื่น" ปอตัดสินใจชวนปรางออกไปข้างนอก เพราะเห็นคนตัวเล็กเริ่มขยับตัวขยุกขยิกไปมา

   "แหม...ก็ได้ๆหมั่นไส้จริงๆ" ปรางเบ้หน้าใส่ปอเล็กน้อยก่อนจะเดินนำออกไปนอกห้อง ปอก้มลงหอมแก้มเนียนของเลิฟอีกครั้งแล้วเดินตามปรางออกไป

   "ทำไมปอพึ่งกลับเอาตอนนี้ล่ะงานมีปัญหาเหรอ" ปรางถามด้วยความเป็นห่วง ตาก็เหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลาใกล้เช้าเข้าไปทุกที

   "นิดหน่อยแต่พ่อเคลียร์แล้ว" ปอบอกน้องให้สบายใจปรางเลยพยักหน้าเบาๆรับรู้

   "แต่ปอก็น่าจะโทรมาบอกรู้ป่ะ เลิฟนั่งตากยุงรอปออยู่นอกบ้านจนดึก กว่าจะลากเข้าบ้านได้แทบจะเป็นไข้เลือดออก" ปรางบ่นกระปอดกระแปดทำหน้างอใส่พี่ชาย จนปออดที่จะยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูไม่ได้

   "พี่ขอโทษละกันว่าแต่มันอยู่นี่เป็นไงบ้าง" ปอถามยิ้มๆเอามือยีหัวปรางจนยุ่งกว่าเดิม

   "อือหือ...ลูกสะใภ้ตัวอย่าง นู้นเลยเข้าครัวช่วยคุณนายแม่ทำกับข้าว ออกมานั่งจัดดอกไม้เป็นเพื่อนอีก เกือบจะถามแล้วนะว่าผู้ชายจริงรึเปล่า ปรางนี่โคตรอาย" ปรางเล่าให้ปอฟังด้วยสีหน้าอึ้งๆเธอก็รู้นะว่าเลิฟน่ารัก แต่ก็เห็นกวนๆเหมือนผู้ชายปกติจนมาเจอวันนี้แหละทำเอาอึ้งไม่หาย ใครจะไปคิดว่าจะเก่งงานบ้านงานเรือนขนาดนั้น คุณนายแม่นี่ยิ้มไม่หุบเหมือนได้ลูกสาวอีกคน

   ปอเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ ปกติเวลาอยู่ด้วยกันเลิฟมันก็ทำบ้าง แต่ก็ไม่ได้ขนาดที่ปรางเล่า สงสัยมันจะว่างจัดเลยหาอะไรทำ

   "ปอ...พี่เล่าเรื่องบ้านเราให้เลิฟฟังรึยัง" ปรางถามในสิ่งที่สงสัยมานานออกมาแต่ปอกลับยืนเงียบไม่พูดอะไร

   "ไม่กลัวเลิฟรู้เองทีหลังเหรอ ปอปิดไม่ได้ตลอดหรอกนะ" ปรางพูดต่อด้วยความเป็นห่วง

   "ถึงเวลาเดี๋ยวมันก็รู้เองแหละ" ปอบอกด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ

   "หวังว่าจะถึงเวลาสักที ไปนอนดีกว่ารำคาญพวกขี้เก๊ก" ปรางว่าเหน็บปอเบาๆแล้วเดินเข้าห้องไป

   ปอมองตามหลังน้องสาวแล้วส่ายหัวนิดๆ ยืนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่นอกห้องจนเห็นแสงแรกของวัน ถึงได้เดินกลับเข้าห้องเพื่อไปปลุกคนตัวเล็กที่นอนอยู่ เพราะวันนี้เขาตั้งใจจะพามันไปเที่ยวต่างจังหวัด

...
...

   "พี่โชน!!" เลิฟร้องเสียงใสแล้ววิ่งไปหาพี่รหัสตัวเองด้วยความเร็ว ก่อนที่ทั้งคู่จะกอดกันกลมดิก

   "ไม่เจอกันตั้งนานน้องเลิฟของพี่น่ารักขึ้นนะเนี่ย" โชนจับเลิฟหมุนไปมาอย่างสำรวจ

   "ไปนั่งตรงนู้นดีกว่า" เลิฟชี้นิ้วไปตรงจุดที่ตัวเองปูเสื่อนั่งเล่นกับโมกอยู่ ก่อนจะเดินจูงมือโชนให้ไปตรงนั้น

   "มึงปล่อยเมียมึงไปกับเมียกูแบบนั้น ไม่กลัวเมียกูทำอะไรเมียมึงเหรอวะ" ต้าที่ยืนมองคนตัวบางทั้งคู่อยู่กับปอเอ่ยถามกวนๆ ก็อย่างที่รู้ๆกันไอ้โชนเคยจีบน้องเลิฟ แล้วไอ้ปอก็วางมวยกับไอ้โชนเพราะหึงเมียมาแล้ว เจอมันกอดกันต่อหน้าต่อตาแบบนี้ไม่รู้สึกอะไรก็แปลกล่ะ

   "ถ้าเมียมึงทำอะไรเมียกู มึงเตรียมตัวเป็นเมียกูอีกคนได้เลย" ปอพูดด้วยท่าทางนิ่งๆ

   "มึงไม่ได้จริงจังใช่ป่ะ" ต้าถามด้วยความระแวง ปอเลยกระตุกยิ้มนิดๆส่งให้แล้วหันหลังเดินเข้าไปในบ้านพัก ทิ้งให้ต้ายืนมองตามด้วยความผวาขนลุกชันไปทั้งตัว แค่คิดว่าจะโดนไอ้ปอเสียบก็สยองล่ะ ทางที่ดีเขาควรไปนั่งเฝ้าเมียไม่ให้มันทำอะไรไอ้น้องเลิฟ เพื่อความปลอดภัยของเมียรักและเอกราชทางด้านหลังของเขาจะดีกว่า

   ตอนเช้าของวันนี้ในขณะที่เลิฟกำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียงกว้าง จู่ๆเขาก็โดนรบกวนการนอนจากคนที่หายหัวไปทั้งวัน บังคับให้เขาอาบน้ำแล้วลากออกมาจากบ้านโดยที่ไม่บอกอะไรสักคำ เสื้อผ้าสักชุดก็ไม่มีที่คว้าติดตัวมาด้วยได้ก็แค่โทรศัพท์มือถือกับโมก พอรู้ตัวอีกทีเขาก็มาโผล่ที่บ้านพักตากอา  กาศแถวปากช่องแล้ว

   "มันเข้าบ้านไปนอนแล้ว" ต้าบอกยิ้มๆเมื่อเห็นว่าเลิฟชะเง้อคอมองหาใคร เขาพึ่งตามมาสบทบกับไอ้ปอหลังจากที่แยกย้ายกันไปไม่นาน จู่ๆไอ้ห่าปอก็ไม่หลับไม่นอนลากเมียมันมาที่ปากช่องแบบไม่บอกใครสักคน ถ้าคนดูแลที่นี่ไม่โทรบอกก็ไม่มีใครรู้เดือดร้อนเขาต้องรีบแจ้นมาหามันถึงที่ แถมต้องลากไอ้โชนมาด้วยไม่งั้นเมียโกรธวุ่นวายฉิบหาย เพราะแม่งคนเดียวเลย

   "เข้าไปหามันก็ได้นะครับพี่อยู่คนเดียวได้" โชนบอกเลิฟอย่างอ่อนโยนเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายลุกลี้ลุกลนมองเข้าไปในตัวบ้านเป็นระยะ

   "ไม่ดีกว่าครับเลิฟนั่งเล่นเป็นเพื่อนพี่โชนอยู่นี่แหละ" เลิฟส่งยิ้มให้จางๆ อยากเข้าไปหาอยู่หรอกแต่เห็นปอเพลียๆปล่อยให้นอนน่าจะดีกว่า

   "นี่เลิฟ..." โชนเรียกด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์เพราะคิดอะไรสนุกๆออก ส่วนเลิฟก็มองพี่รหัสของตัวเองด้วยความสงสัย

...
...

   เลิฟที่อยู่ในสภาพเสื้อเชิ้ตตัวเดียวกับบ๊อกเซอร์ของปอ ยืนอวดขาเรียวขาวขมวดคิ้วพันกันยุ่งเหยิงคิดถึงเรื่องที่คุยกับโชนเมื่อตอนกลางวัน

   ฟอดดดดด

   "คิดอะไร" ปอที่พึ่งอาบน้ำเสร็จเดินมากอดเอวบางของเลิฟ แล้วก้มลงหอมแก้มเนียนแรงๆ

   "ปะ...เปล่า" เลิฟปฏิเสธอึกอักขืนให้ปอรู้ว่าคิดอะไรอยู่เป็นเรื่องแน่ๆ

   "หึ ไม่ใช่ว่าคิดหาวิธีกดกูอยู่รึไง" ปอว่าอย่างรู้ทันเพราะไอ้ต้ามันไปได้ยินเมียมันวางแผนพิเรนๆอยากเปลี่ยนตำแหน่งขึ้นมา มันเลยรีบมาบอกเขา ตอนนี้ก็น่าจะกำราบเมียมันอยู่

   "ทำไม...มึงอยากกดกูบ้างเหรอวะ" ปอลองถามยิ้มๆ

   "ก็เปล่า...แต่มันก็มีคิดบ้าง" เลิฟอ้อมแอ้มตอบเสียงเบา

   "ก็ได้นะกูเองก็อยากลอง" ปอว่าด้วยท่าทางสบายๆแล้วหันหลังเดินไปที่เตียง

   "ห๊ะ!!! พูดจริงดิ" เลิฟร้องเสียงหลงทำตาโตใส่ปอ

   "อืม...คืนนี้กูจะให้มึงอยู่ข้างบน" ปอกระตุกยิ้มมุมปากแล้วถอดเสื้อออกช้าๆ พร้อมกับเดินขึ้นไปนอนรอบนเตียง

   "ห๊าาาาา" เลิฟแหกปากเสียงดังมองปออย่างเหลือเชื่อ

   'นี่เอาจริงเหรอวะแล้วดูนั้นถอดเสื้อไปนอนรอบนเตียงคืออะไร'

   "อ่อยเหรอปอ" เลิฟหรี่ตามองอย่างหมั่นไส้ในท่าทางของปอ

   "ถ้ากูอ่อยแล้วมึงจะทำยังไง มาโชว์ลีลาเวลามึงฟันหญิงดิ๊" ปอยิ้มยั่วให้เลิฟ

   'มีกระดิกนิ้วเรียกแถมยังมายิ้มเยาะ รู้จักเสือเลิฟน้อยไปซะแล้วจะเอาให้ครางเลย' เลิฟเข่นเขี้ยวในใจแล้วคลานขึ้นไปบนเตียง นั่งทับลงบนกลางตัวปอสบตาคมที่มองมาอย่างท้าทายด้วยความหมั่นไส้ ลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้!!

   เลิฟโน้มตัวลงประกบจูบปอส่งลิ้นเล็กเข้าไปหยอกล้อกับลิ้นหนา เกี่ยวกระหวัดแลกเอนไซม์กันอย่างดุเดือด โดยมีปอให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ก่อนที่เลิฟจะเป็นฝ่ายผละออกมาแล้วจูบตามแนวสันกรามของใบหน้าหล่อ จูบไล่ลงมาเรื่อยๆตามลำคอจนถึงแผ่นอกกว้าง

   "อืม..." ปอครางออกมาในลำคออย่างพอใจ เมื่อปากและลิ้นเล็กๆของเลิฟกำลังละเลงหยอกล้อบนยอดอกเขา

   เลิฟเหลือบมองหน้าปอด้วยความพอใจในผลงาน ก่อนจะจูบซับไล่ลงมาเรื่อยๆตามลอนกล้ามสวย มือเล็กเลื่อนมาปลดกางเกงผ้าออกสะโพกสอบ จับแก่นกายขนาดใหญ่ที่เริ่มตื่นตัวมาไว้ในมือ ขยับขึ้นลงช้าๆแล้วครอบริมฝีปากลงไป
 
   "ซี๊ดดด อย่างนั้นแหละ" ปอครางอย่างถูกใจมองเลิฟที่กลืนกินตัวตนของเขาด้วยแววตาหื่นกระหาย ปากแดงๆของเลิฟขยับขึ้นลงดูดเม้มท่อนลำของปอจนขยายเต็มปาก ลิ้นเล็กเลียไปทั่วแก่นกายและละเลงลงบนรอยหยักส่วนหัวจนชุ่มน้ำลายไปหมด พร้อมทั้งกัดลงเบาๆอย่างหมันเขี้ยว

   "มึงนี่มัน..." ปอเข่นเขี้ยวออกมาในลำคอเบาๆกับความแสบของเลิฟ ส่วนเจ้าตัวก็ยิ้มออกมาอย่างถูกใจที่แกล้งปอได้ ก่อนจะก้มลงดูดดึงแก่นกายของปอต่อ

   มือหนาของปอขยุ้มลงบนเส้นผมของเลิฟเบาๆ บังคับศีรษะเล็กให้ขยับตามแรงอารมณ์ สะโพกสอบสวนเข้าโพรงปากนุ่มอย่างเป็นจังหวะ มืออีกข้างเลื่อนลงไปที่สะโพกบางและสอดเข้าไปในกางเกงบ๊อกเซอร์

   "อื้อ" เลิฟหลุดครางออกมาเสียงเบาเผลอปล่อยแก่นกายของปอออกจากปาก เมื่อสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่สอดแทรกเข้ามาทางด้านหลัง

   "อ๊ะ...อื้อ" เลิฟครางออกมาอีกครั้งเมื่อนิ้วซุกซนของปอขยับเข้าออกจนไปโดนจุดไวสัมผัสภายใน ใบหน้าเนียนแดงก่ำไปหมดด้วยความซ่าน ปอเพิ่มจำนวนนิ้วเข้าไปและขยับเข้าออกจนคิดว่าเตรียมพร้อมพอแล้ว

   "เลิกเล่นได้ล่ะ" ปอบอกเสียงพร่ากระชากเลิฟขึ้นมาบนตัวด้วยมือเดียว แล้วจับตัวอีกฝ่ายให้กดลงบนท่อนลำแข็งขืนของตัวเองทีเดียวจนมิดด้าม

   "อ๊าาาาาา" เลิฟครางเสียงดังด้วยความเจ็บเสียดปนเสียวที่ช่องทางด้านหลัง เนื่องจากต้องรับแก่นกายขนาดใหญ่ของปอในทีเดียว

   ปึ่ก!!

   เลิฟทุบลงบนอกปอเต็มแรง ดวงตากลมโตที่คลอไปด้วยน้ำตา มองค้อนปอน้อยๆด้วยความเคือง

   "มันเจ็บนะไอ้คนโกหก" เลิฟตัดพ้อออกมาเพราะเสียรู้ปออีกแล้ว

   "โกหกอะไร มึงก็อยู่ข้างบนแล้วนี่ไง" ปอยิ้มขำส่งให้เลิฟอย่างเอ็นดู

   "นิสัยเสียแล้วทำไมต้องทำให้เจ็บเล่า" เลิฟว่างอนๆด้านหลังยังปวดตุ๊บๆอยู่เลย

   "มึงจะได้จำไงว่าไม่มีใครเหมาะกับตำแหน่งเมียกูเท่ามึงแล้ว" ปอว่าเสียงเข้มแล้วขยับสะโพกน้อยๆ

   "อื้อ"

   "ขยับหน่อยที่รัก" เสียงทุ้มแหบพร่าของปอกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหู ทำเอาเลิฟหน้าแดงไปหมดด้วยความเขิน ช่วงล่างที่เชื่อมต่อกันบดเบียดขยับเล็กน้อยอย่างยั่วเย้า มือหนาปลดกระดุมเสื้อออกจนหมด ก้มลงละเลงลิ้นหยอกล้อยอดอกเล็กวกขึ้นมาขบเม้มติ่งหูเบาๆ มือหนาลูบไล้บีบเค้นทั่วผิวขาวเนียนแล้วประกบจูบอย่างเร่าร้อน

   เลิฟขยับตัวขึ้นลงช้าๆส่ายร่อนรับสะโพกหนาที่แทงสวนเข้ามา ปากยังคงวนเวียนแลกลิ้นกับอีกฝ่ายไม่ห่าง ช่วงล่างกระแทกกระทั้นเข้าหากันอย่างรุนแรง

   "อ๊ะๆๆๆ" เสียงหวานครางระงมลั่นห้อง แข่งกับเสียงเนื้อกระทบกันของสงครามบนเตียงที่กำลังเร่าร้อนลุกเป็นไฟ

   "อ๊ะๆ อ๊าาา" เม็ดเหงื่อเกาะพราวไปทั่วตัวทั้งคู่ พร้อมกับแรงตอดรับถี่ยิบ ที่เป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าคนตัวเล็กใกล้จะแตะขอบสวรรค์

   "อ๊าาาา" ร่างบางกระตุกน้อยๆพร้อมกับปลดปล่อยออกมาในที่สุด แล้วฟุบหน้าลงกับไหล่กว้างของปออย่างหมดแรง ปอขยับตัวเองเน้นหนักเข้าออกแรงๆอีกสองสามครั้ง ก่อนจะปลดปล่อยตามเลิฟในเวลาไม่นาน

   ปอกดจูบลงข้างขมับของเลิฟลูบหัวลูบหลังอย่างปลอบโยน เลิฟผงกหัวขึ้นมาสบตาปอเล็กน้อย ก่อนที่ปากของทั้งคู่จะประกบจูบกันอย่างเร่าร้อน พร้อมๆกับแก่นกายที่เสียบคาอยู่กำลังขยายขนาดเพื่อเริ่มรบอีกครั้ง




2 Be Con...

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กับดักที่
- 53 -



   แสงแดดของวันใหม่สาดส่องกระทบเข้ากับร่างสูงที่นอนหลับสบายอยู่บนเตียงกว้าง ดวงตาคมดุปิดสนิทใบหน้าหล่อเหลาจมหายไปกับหมอนใบโต มีแค่เสี้ยวหน้าและจมูกโด่งๆส่วนนึงเท่านั้นที่โผล่มาให้เห็น

   เลิฟนั่งมองใบหน้าที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบของคนรักอย่างหลงใหล มือเล็กยกขึ้นลูบไปตามโครงหน้าได้รูปเบาๆ แตะนิ้วลงบนริมฝีปากที่คล้ำเล็ก น้อยเพราะเจ้าตัวสูบบุหรี่จัด ก่อนจะกดจมูกลงบนแก้มของคนตรงหน้าเต็มแรง

   ฟอดดดดด

   "ปอ...ตื่นเร็วเช้าแล้ว" เสียงเรียกเบาๆที่ดังอยู่ข้างหู กับแรงเขย่าน้อยๆ ทำให้ปอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

   "กี่โมง" ปอถามออกมาเสียงงัวเงียแต่ยังไม่ยอมลืมตาขี้นมา

   "7 โมง" เลิฟตอบเสียงใสแต่ปอขมวดคิ้วพันกันยุ่ง

   "มึงตื่นมาทำอะไรแต่เช้า" สุดท้ายก็ปอยอมลืมตาขึ้นมามองก็เห็นดวงตากลมโตซุกซนของเลิฟมองเขาอยู่ก่อนแล้ว

   "ไปเที่ยวกัน" เลิฟเอ่ยปากชวนด้วยแววตาเป็นประกาย

   "เที่ยว?" ปอทำหน้างงใส่

   "อือ...ลุกเร็วเดี๋ยวสาย" เลิฟพยายามดึงแขนคนขี้เซาให้ลุกขึ้น

   "ใครบอกจะพามึงเที่ยว" ปอขืนตัวเอาไว้ไม่ให้ลุกขึ้นตามแรงดึงของคนตัวเล็ก

   "อ้าว...ก็ปอไง พามาถึงนี่ไม่ได้พามาเที่ยวเหรอ" กลายเป็นเลิฟที่งงแทน

   "เปล่า...พามาเปลี่ยนที่เอา" ปอตอบหน้าตาย

   "ห๊ะ! พูดเล่นใช่ป่ะ" เลิฟพยายามมองหน้าปอเพื่อหาความล้อเล่นในนั้น แต่เท่าที่มองดูไอ้ที่พูดมาข้างบนนั่นแหละจริงจัง

   "โอ๊ย!! ชีวิตคิดเรื่องอื่นเป็นไหมเนี่ย หรือเห็นว่าเลิฟมีค่าแค่ให้อ้าขาเอาวะ" เลิฟนั่งใบหน้างอง้ำปากยื่นใส่ปอด้วยความเคือง

   "คิดเป็น...แต่อยู่กับมึงกูคิดจะเอาอย่างเดียว อีกอย่างกูเอาเมียผิดตรงไหน หรือมึงจะให้กูไปเอาคนอื่น" ปอว่าอย่างไม่ใส่ใจหันหลังเอาหน้าซุกลงหมอน

   "ช่างเหอะว่าแต่จะพาไปเที่ยวไหมเนี่ย" เลิฟว่าอย่างเหนื่อยใจไม่รู้เขาจะงอนไปทำไม งอนไปไอ้บ้านี่ก็ไม่รู้ตัวถึงรู้มันก็ไม่ง้อ แล้วถ้าง้อก็เขาเนี่ยเปลืองตัว ดูก็รู้แล้วคุณชายต้องเคยง้อใครที่ไหน

   "อยากไป? กระเป๋าตังกับกุญแจอยู่บนโต๊ะมึงขับรถไปเองเลย" ปอพูดทั้งๆที่ไม่หันมามองเลิฟจะนอนต่อท่าเดียว

   "จะบ้าเหรอเลิฟขับรถเป็นที่ไหนเล่า แล้วก็ให้พาไปไม่ได้บอกจะไปเอง" เลิฟว่าอย่างหงุดหงิดแล้วกระโดดทับปอทั้งตัว พร้อมกับเอามือดึงหูปอแรงๆด้วยความหมั่นไส้

   "โอ๊ย!!! พอได้แล้วมึงเป็นหมารึไงวะ" ปอโวยวายออกมาดังลั่นเพราะนอกจากจะโดนทับโดนดึงหู ไอ้ตัวเล็กมันยังกัดไหล่เขาซะจมเขี้ยว

   "มึงมานี่เลย" ปอกระชากเลิฟลงมาบนที่นอนแล้วเอาตัวเองคร่อมไว้

   "ตกลงจะพาไปไหม" เลิฟทำหน้าเหวี่ยงใส่ปอ เพราะตอนนี้เริ่มจะไม่พอใจจริงๆแล้ว

   ปอมองใบหน้าหวานที่งอง้ำของเลิฟแล้วนึกขำในใจ ที่จริงเขาตั้งใจจะพามันมาเที่ยวอยู่แล้ว แต่การแกล้งมันคือความบันเทิงอย่างนึงในชีวิตของเขา เห็นมันทำหน้างอถลึงตาใส่แล้วโคตรมีความสุข

   "มึงไปไหว" ปอก้มลงสูดความหอมที่แก้มเนียนใช้ปลายจมูกโด่งคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง เมื่อคืนถึงจะไม่ได้จัดมันหนักแต่รับรองว่าไม่น้อยเหมือนกัน แล้วทำไมมันยังมีแรงลุกขึ้นมาแต่เช้า สงสัยจะมีแรงฮึดเพราะอยากไปเที่ยว

   "ก็ไหวแหละ" เลิฟอ้อมแอ้มตอบเสียงเบามันก็รู้สึกขัดๆบ้างเวลาเดินแต่ก็ไม่แย่เท่าไหร่นี่ล่ะมั้งที่เขาเรียกว่าชิน

   "ถ้าอยากไปไหนลองอ้อนกูดิ๊" ปอบอกยิ้มๆแล้วขบเม้มปากแดงๆของเลิฟเล่น

   "ไม่อ้อนแล้วเร็วๆดิลุกเดี๋ยวสาย" เลิฟทำหน้ามุ่ยใส่ปอ

   "อยากว่ะ" ปอมองเลิฟหื่นๆตาคมดุเป็สประกายแวววาว

   "มาอยากอะไรเล่า...อื้อ..." เสียงโวยวายของเลิฟถูกกลืนหายไปเพราะปอก้มลงจูบปิดปากเลิฟอย่างรวดเร็ว แทรกลิ้นร้อนเข้าไปเกี่ยวกระหวัดหยอกล้อในโพรงปากนุ่ม ดูดดึงลิ้นเล็กอย่างเร่าร้อนรุนแรงจนแทบจะขาดคาปาก

   "อื้อ...แฮ่กๆๆพอได้แล้ว" เลิฟหอบหายใจเหนื่อยๆยกมือขึ้นดันหน้าปอไว้ ใบหน้าขาวตอนนี้แดงก่ำไปหมด

   "เอามือออก" ปอใช้ปากงับนิ้วมือเรียวที่ยกขึ้นดันหน้าเขาไว้แผ่วเบา จนเลิฟต้องรีบชักมือออกเพราะความเขินกับสิ่งที่ปอทำ

   "ปอ...อยากไปเที่ยวจริงๆนะ" เลิฟช้อนตามองอ้อนๆกระพริบตาปริบๆเสริมให้ดูน่าสงสาร

   "แต่กูอยาก" ปอบอกเสียงเรียบจ้องตาโตๆของเลิฟอย่างกดดัน

   "คืนนี้ได้ไหม" เลิฟพยายามบ่ายเบี่ยง เพราะถ้าขืนตามใจเขาไม่ได้ออกไปเที่ยวแน่ๆ เผลอๆไม่ได้ออกจากห้องด้วยซ้ำ

   "ตอนนี้" ปอพูดอย่างเอาแต่ใจ

   "น๊าาา คืนนี้เหอะเดี๋ยวกลับมาออ...ท๊....ให้" เลิฟเสตาหลบพูดเสียงเบาในตอนท้ายประโยค

   "พูดดังๆกูไม่ได้ยิน" ปอขมวดคิ้วเพราะไม่ได้ยินในสิ่งที่คนตัวเล็กพูด ก็เล่นงุมงำอะไรไม่รู้อยู่ในคอ

   "เดี๋ยวออนท๊อปให้" เลิฟพูดเสียงแผ่วกัดปากตัวเองแน่นด้วยความเขิน

   "หึ มึงพูดเองนะ" ปอพลิกลงไปนอนข้างล่างแล้วให้เลิฟนอนเกยอยู่บนตัว เขาไม่ได้อยากอะไรหรอกก็แค่แกล้งมันเหมือนเคย แต่ไอ้เลิฟก็พาซื่อเชื่อเขาได้ทุกครั้งเหมือนกันทั้งๆที่เขาก็แกล้งหลอกมันเรื่องเดิมๆ ความซื่อและความเป็นคนดีเกินไปของมันทำให้เขาเป็นห่วง กลัวว่าสักวันจะมีใครมาใช้ประโยชน์จากมันในเรื่องนี้

   สิ่งที่ตัวเลิฟเป็นมันคือข้อดีและข้อเสียอย่างที่สุดเหมือนกัน มันเชื่อใจคนง่ายและไม่เคยมองใครในแง่ร้าย พร้อมที่จะให้อภัยทุกคนที่ทำร้ายมันเสมอขอแค่เอ่ยปากขอโทษ ไม่อย่างนั้นเขาเองคงไม่ได้มันกลับมาง่ายขนาดนี้ ทั้งที่ทำกับมันไม่ใช่น้อยเหมือนกัน

   และนี้ก็เลยเป็นเหตุผลใหญ่สุด ที่เขายังไม่บอกมันเรื่องครอบครัวตัวเอง ไม่ใช่ว่ากลัวมันรับไม่ได้แต่กลัวมันเอ๋อกว่าเดิม เขายังไม่อยากมีเมียงี่เง่า งอแงแล้วพ่วงความติ๊งต๊องเข้าไปอีก แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว

   "ตกลงจะพาไปไหมเนี่ย" เลิฟถามออกมาอีกครั้งหลังจากที่เห็นปอนอนเงียบอยู่นาน เจ้าตัวเลยเหลือบตามองนิดๆแล้วพยักหน้าให้ เลิฟยิ้มกว้าอย่างดีใจแล้วดันตัวเองขึ้นหอมแก้มปอ

   ฟอดดดดด

   "งั้นลุกขึ้นอาบน้ำ" เลิฟดึงปอลุกขึ้นมานั่งได้สำเร็จ

   "มึงใส่เสื้อผ้าใคร" ปอมองด้วยความสงสัยหลังจากพึ่งได้สังเกตุคนตัวเล็กชัดๆ เขาจำได้ว่าตอนพามันมาไม่ได้เก็บเสื้อผ้ามาสักชุด ส่วนของเขาที่มีอยู่มันก็ไม่น่าจะใส่ได้

   "ของพี่โชนอ่ะ" เลิฟก้มลงมองชุดตัวเองเล็กน้อย เมื่อเช้าพี่ต้าเอาชุดพี่โชนมาให้เขายืมที่ห้อง ถึงใส่แล้วจะหลวมนิดหน่อยเพราะพี่โชนสูงกว่าเขา แต่ตัวไม่ได้หนากว่ามากมายอะไร

   "งั้นเดี๋ยวแวะซื้อเสื้อผ้าให้มึงด้วยออกไปรอข้างนอกไปกูอาบน้ำก่อน" ปอก้มลงหอมแก้มเนียนแล้วลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไป ส่วนเลิฟก็ออกไปรออยู่ข้างนอก

...
...

   Tru...Tru...Tru...

   เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้ปอที่ยืนแต่งตัวอยู่หน้ากระจกหันไปมองตามเสียงเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปหยิบขึ้นมาดูแล้วกดรับเมื่อเห็นว่าใครโทรมา

   "ครับพ่อ"

   "(ไอ้ต้าไปถึงรึยัง)"

   "ถึงแล้วครับ"

   "(แล้วมึงจะกลับวันไหน)"

   "ว่าจะอยู่ยาวพ่อมีอะไรรึเปล่า"

   "(มึงห้ามอยู่ยาวเมียกูบ่นคิดถึงลูกสะใภ้)"

   "เดี๋ยวผมบอกมันโทรหา"

   "(เออ!! ดูแลตัวเองดีๆไปไหนมาไหนเสือกไม่บอก)"

   "ครับพ่อ" ปอกดวางสายยิ้มให้โทรศัพท์น้อยๆ หยิบของแล้วเดินออกไปสบทบกับคนข้างนอก

   "โทรหาแม่หน่อย" ปอยื่นโทรศัพท์ให้เลิฟซึ่งเจ้าตัวก็รับไว้แล้วเดินเลี่ยงออกไปคุยที่อื่น ส่วนปอก็นั่งลงกินอาหารเช้าง่ายๆที่แม่บ้านเตรียมไว้ให้

   "พวกลูกคุณหนูนี่มันไม่รู้จักมารยาทแบบนี้ทุกคนป่ะวะ ถึงปล่อยให้คนอื่นเขารอ" โชนแขวะปอที่มาช้าด้วยความหมั่นไส้ เจ้าตัวเลยเหลือบตามองอีกฝ่ายนิดๆ

   "เมื่อคืนมึงจัดมันเบาไปเหรอวะถึงอดอยากจนมากัดชาวบ้าน" ปอหันไปพูดกับต้าหน้าตายแล้วลงมือกินข้าวต่อ ทิ้งให้โชนอ้าปากพะงาบๆเพราะไม่คิดว่าปอจะสวนกลับ ส่วนต้าได้แต่ส่ายหัวหน่ายๆ ไอ้ปอมันไม่ค่อยพูดก็จริงแต่ไม่ใช่ด่าใครไม่เป็น เพราะถ้ามันได้อ้าปากหมานี่ออกมาวิ่งกันทั้งฟาร์ม

...
...

   ต้าขับรถออกจากปากช่องมาถึงสระบุรีแล้วเลี้ยวรถเข้าไปจอดในฟาร์มชื่อดังของจังหวัด ซึ่งเปิดเป็นร้านอาหาร รีสอร์ต และที่เที่ยวแบบครบวงจรตามคำสั่งของปอ

   "มาทำอะไรที่นี่อ่ะ" เลิฟมองไปรอบๆด้วยความแปลกใจ

   "มานี่มา" ปอลากแขนเลิฟเดินไปทางประชาสัมพันธ์ของฟาร์ม

   "โทษนะครับตอนนี้ทางฟาร์มจัดโปรแกรมเที่ยวอะไรบ้าง" ปอถามประชาสัมพันธ์สาวสวยด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่สาวเจ้ายืนเขินหน้าแดงอายม้วนเพราะนานๆทีจะมีลูกค้าหล่อๆมาเที่ยว ส่วนมากจะเป็นครอบครัวที่พาลูกหลานมา

   "ตอนนี้ทางฟาร์มเราจัดโปรแกรมนำเที่ยว...." ปราะชาสัมพันธ์สาวแนะนำปอเสียงหวานปอเองก็ตั้งใจฟังไม่ได้สนใจอะไร ส่วนเลิฟยืนหน้าบึ้งไม่ได้สนใจฟังอะไรทั้งนั้น

   "มึงเอาไง" ปอหันมาความเห็นเลิฟที่ยืนอยู่ข้างๆ แต่เจ้าตัวยืนหน้างอลูบหัวลูกแมวที่อุ้มอยู่ในมือเล่นไม่ได้ยินที่ปอถาม
   "เลิฟ" ปอเรียกอีกครั้งจนเลิฟสะดุ้งน้อยๆหันมาก็เจอปอยืนมองดุๆอยู่

   "อะไรอ่ะ" เลิฟถามเสียงอ่อยพร้อมส่งยิ้มแหยๆให้ปอเลยยื่นโบชัวนำเที่ยวให้ดู

   "ทำทุกอย่างเลยได้มะ" เลิฟถามตาเป็นประกายเพราะมีแต่อะไรที่เขาไม่เคยทำทั้งนั้น ทั้งป้อนนมแกะ รีดนมวัว ขี้ม้า เยอะแยะเต็มไปหมด

   "เอาตามที่แฟนผมบอกละกันครับ" ปอหันไปบอกพนักงานแล้วยื่นโบชัวคืนให้ สาวเจ้าก็ยื่นมือมารับคืนแล้วมองหน้าปอกับเลิฟด้วยความอึ้ง พร้อมส่งยิ้มเจื่อนๆให้ทั้งคู่ ส่วนเลิฟก็ได้แต่ก้มหน้าเขินกับคำพูดของปอ

   สักพักพนักงานนำเที่ยวก็พาทุกคนขึ้นหลังม้าเดินชมฟาร์ม ก่อนจะพาแวะไปดูวิธีรีดนมวัวแล้วเรียกให้ทุกคนไปลองทำดู

   "ลองได้ป่ะ" เลิฟหันมาขอปอเพราะเห็นว่าน่าสนุก

   "ใครจะอุ้มแมวให้มึง" ปอมองแมวที่อยู่ในมือเลิฟและแสดงออกชัดๆว่าไม่ยอมอุ้มให้แน่ๆ

   "ไอ้พี่ต้าไง" เลิฟฉีกยิ้มกว้างแล้วโบ๊ยไปทางต้าทันที

   "อ้าว...ผัวมีมึงก็ใช้ผัวมึงอุ้มสิครับ" ต้าปฏิเสธทันควัน

   "ชิส์...พี่โชนนนน อุ้มโมกให้เลิฟหน่อย" เลิฟเปลี่ยนเป้าหมายไปอ้อนพี่รหัสตัวเองแทน ซึ่งโชนผู้รักน้องรหัสยิ่งชีพก็พยักหน้ารับปากทันที

   "ไอ้ต้ามึงมาอุ้มแมวให้น้องดิ๊" โชนสั่งเสียงเข้มต้าถึงกับหน้าเหวอไปแล้วเดินคอตกมาอุ้มแมวให้เลิฟอย่างจำยอม คำสั่งเมียขัดได้ที่ไหนล่ะเดี๋ยวมันจะเกิดปัญหาครอบครัว

   "คิกๆ" เลิฟหัวเราะอย่างชอบใจหันมาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ต้า แล้วรีบวิ่งไปลองรีดนมวัวอย่างเร็วพร้อมกับลากโชนไปด้วย

   "เมียมึงแม่งกวนตีน" ต้ายืนบ่นด้วยความเซ็งปอเองก็ได้แต่ยิ้มขำไม่ได้พูดอะไร และไม่คิดจะช่วยเพื่อนอุ้มแมวเลยสักนิด

   หลังจากที่รีดนมวัวเสร็จพนักงานก็พาทุกคนมาที่ส่วนของฟาร์มแกะ แล้วปล่อยให้ทุกคนเข้าไปเล่นกับแกะในคอก ส่วนต้าก็รับหน้าที่พี่เลี้ยงแมวไปอย่างสมบูรณ์

   เลิฟวิ่งไล่ฝูงแกะกับหมาที่ทางฟาร์มเลี้ยงไว้เพื่อต้อนแกะโดยเฉพาะอย่างสนุกสนาน ก่อนจะมานั่งป้อนนมให้ลูกแกะแล้วอุ้มมันเดินมาหาปอ

   "น่ารักเนอะ" เลิฟยิ้มกว้างแล้วยื่นลูกแกะให้ปอดู

   "อือ" ปอยิ้มกับท่าทางมีความสุขของเลิฟน้อยๆ ยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อบนใบหน้าขาวที่แดงระเรื่อเพราะความร้อนให้

   "อยากเอากลับไปเลี้ยงอ่ะ" เลิฟก้มลงลูบลูกแกะในอ้อมแขนอย่างเอ็นดู

   "ชอบแกะเหรอวะ" ต้าที่ยืนอยู่ใกล้ๆถามออกมาบ้างเพราะเห็นว่าเลิฟดูจะถูกอกถูกใจกับลูกแกะเหลือเกิน

   "อือ...น่ารักกว่าในทีวีตั้งเยอะ" เลิฟส่งยิ้มกว้างให้ต้า

   "พึ่งเห็นตัวเป็นๆครั้งแรกเหรอ" ต้าถามด้วยความแปลกใจซึ่งเลิฟก็พยักหน้าส่งให้น้อยๆ

   "แล้วเคยมาเที่ยวแบบนี้รึเปล่า" ต้ายังถามต่อเพราะสงสัย เลิฟเลยส่ายหัวไปมาเบาๆ

   "ไม่เคยมาหรอกไม่มีใครพามา" เลิฟตอบด้วยท่าทางปกติพร้อมส่งยิ้มซื่อให้ แต่กลายเป็นต้าที่ยิ้มเจื่อนๆออกมาแล้วหันไปสบตากับปอ

   "เดี๋ยวไอ้ปอมันก็พาเที่ยวบ่อยๆ" ต้ายกมือลูบหัวเลิฟอย่างเอ็นดู

   "จริงเหรอปอ" เลิฟหันมาถามปอด้วยท่าทางตื่นเต้น

   "อือ...พรุ่งนี้กูพาไปดูตัวอัลปาก้า" ปอพูดอย่างอ่อนโยนเอานิ้วเกลี่ยแก้มใสเล่นเบาๆ

   "ไอ้ตัวคอยาวๆหน้าเหมือนอูฐอ่ะนะ" เลิฟถามด้วยความสนใจเต็มที่

   "ใช่หน้ามันเหมือนมึงเลย" ปอว่าขำๆแต่เลิฟขมวดคิ้วมุ่น

   "เหมือนไงอ่า" เลิฟถามหน้ายุ่ง

   "เหมือนตรงที่ทำคอยาวๆทำหน้าตื่นๆหันซ้ายหันขวาสนใจทุกอย่างแบบมึงไง"

   "ถ้าบอกว่าคอยาวเป็นยีราฟก็ได้เหอะ" เลิฟเถียงหน้างอ

   "เป็นยีราฟไม่ได้...มึงเตี้ย" ปอทำหน้าจริงจังใส่

   "ไม่ได้เตี้ยเว้ย" เลิฟเถียงอย่างไม่ยอมรับ

   "คนเราควรยอมรับความจริง" ต้าพูดเสริมคำพูดของปอ

   "พี่โชนนน เลิฟเตี้ยเหรอ" เลิฟหันมาถามพี่รหัสเสียงอ้อน

   ".........." แต่โชนเงียบแล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง เพราะถึงเขาจะเตี้ยกว่าต้ากับไอ้ปอแต่ก็สูงกว่าเลิฟอยู่ดี

   "เออ!!! อย่าให้สูงบ้างแล้วกัน" เลิฟพูดออกมาอย่างขัดใจที่ไม่มีใครเข้าข้างแล้วสะบัดหน้าเดินหนีไปอีกทาง ทิ้งให้สามคนที่เหลือมองตามด้วยความขำแกมเอ็นดู

...
...

   หลังจากที่ออกจากฟาร์มปอก็พาทุกคนแวะทานข้าว ซื้อของใช้เสื้อผ้าให้เลิฟรวมทั้งอาหารของโมก กว่าจะพากันกลับถึงบ้านก็ดึกพอสมควร

พอมาถึงเลิฟก็วิ่งแจ้นเข้าไปอาบน้ำทันทีเพราะเหนียวตัว ก่อนจะเดินออกมาทิ้งตัวนอนแผ่หลาบนเตียงกว้างแล้วก็หลับไปในเวลาไม่นาน

   ปอที่พึ่งเดินเข้ามาในห้องมองร่างเล็กที่นอนหลับบนเตียงด้วยความขำ พอเดินเข้าไปใกล้ๆก็คนว่าเจ้าตัวนอนกอดตุ๊กตาแกะแน่น มีไอ้แมวอ้วนนอนหลับอยู่ใกล้ๆ

   "นี่กูมีเมียหรือมีลูกวะไปเที่ยว กินอิ่ม นอนหลับ เด็กฉิบหาย" ปอทรุดตัวลงนั่งข้างๆคนตัวเล็ก

   "ออนท๊อปกูล่ะวะ" ปอเอ่ยถามกับคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องแล้วอดขำตัวเองไม่ได้ ก้มลงหอมแก้มเนียนแผ่วเบาแล้วผละออก เพื่อไปอาบน้ำเตรียมตัวมาเข้านอนบ้าง เพราะพรุ่งนี้เขาต้องพาเด็กเที่ยวอีกทั้งวัน



2 Be Con...
++++++++++++
อีก 10 ตอนจบนะแจ๊ะ
ไม่แน่วันนี้ดึกๆจะมาลงให้อีก
และพุ่งเน้ลงให้จบ
วันหยุดน่าจะมีเวลาอ่านกันเนอะ
อ่านให้ตาแฉะเลย 55

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกดีอ่ะ
ปอชอบแกล้งเลิฟ

ออฟไลน์ hmmm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตามทันล่ะ :hao6:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
รักเด็กหลงเด็ก

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กับดักที่
- 54 -



   เลิฟกำลังสาละวนจัดดอกไม้มือเป็นระวิงเพราะต้องเร่งทำให้เสร็จทันงานพรุ่งนี้ หลังกลับจากปากช่องได้ไม่กี่วันพี่เมย์ก็โทรมาหาเขา ขอให้มาช่วยจัดดอกไม้เนื่องจากคนขาด แล้วงานนี้ก็เป็นงานใหญ่เลยต้องให้คนมีประสบ การณ์มาช่วย

   อันที่จริงเลิฟเลิกทำงานพิเศษกับเมย์มาได้สักพักแล้ว ตามคำสั่งของคนที่คุณก็รู้ว่าใครที่ไม่รู้นึกเฮี้ยนอะไรถึงห้าม แต่เขาก็ยังวนเวียนมาช่วยงานเมย์เรื่อยๆเวลาว่าง หรือเวลามีงานด่วนเข้ามาแบบนี้

   "เสร็จแล้วเหรอเลิฟ" เมย์ที่เดินมาดูความเรียบร้อยของงานถามขึ้นด้วยความแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าเลิฟจะทำงานเสร็จเร็วกว่ากำหนดขนาดนี้

   "โอ้โห้! นอกจากเสร็จเร็วงานยังสวยเป๊ะสมเป็นเราเหมือนเดิมเลย พี่ก็นึกว่าจะฝีมือตกลงเพราะไปดูแลแฟนซะอีก" เมย์ก้มลงมองดอกไม้ที่เลิฟจัดอย่างพอใจพร้อมเอ่ยแซวไปด้วย จนเลิฟเขินหน้าแดงไปหมดและไม่เคยชินสักทีเวลาโดนแซว

   "แล้วนี่เราจะกลับเลยรึเปล่ากลับยังไงให้พี่ไปส่งไหม" เมย์ถามด้วยความเป็นห่วงเพราะตอนนี้ค่อยข้างดึกพอสมควร เนื่องจากงานต้องเตรียมกันในเวลากลางคืน

   "ไม่เป็นไรครับพี่เดี๋ยวผมรอปอมารับ" เลิฟปฏิเสธเมย์ไปด้วยความเกรงใจ

   "โอเคแล้วนี่เราโทรบอกปอให้มารับรึยัง"

   "ยังเลยครับ" เลิฟส่งยิ้มแหยๆให้เมย์

   "นั่นไงรีบโทรเดี๋ยวนี้เลย" เมย์ส่งสายตามองเลิฟดุๆ

   "งั้นผมขอตัวไปโทรศัพท์แป๊บนึงนะครับ" เลิฟบอกเมย์แล้วเดินเลี่ยงไปโทรศัพท์อีกด้านนึงของห้อง รอสัญญาณไม่นานอีกฝ่ายก็รับสาย

   "(ว่าไง)"

   "เสร็จงานแล้วมารับหน่อย"

   "(ทำไมเสร็จเร็วไหนมึงบอกดึก)"

   "ก็คนมันเก่ง" เลิฟอวดตัวเองกับคนในสายพร้อมมองนาฬิกาบนข้อมือไปด้วย ตอนนี้กำลังจะสามทุ่มเร็วกว่าเวลาที่นัดกับปอไว้เกือบ 2 ชั่วโมง

   "(หึ หึ ขี้โม้นะมึงแล้วนี่อยู่กับใคร)"

   "อยู่กับพวกพี่เมย์แหละงานมันยังไม่เสร็จแต่ส่วนของเลิฟทำเสร็จแล้ว" เลิฟเล่าให้ปอฟังเรื่อยๆตาก็มองทุกคนที่กำลังขมักเขม้นทำงานอยู่ ที่จริงเขาก็อยากช่วยแต่พี่เมย์สั่งห้ามเพราะอยากให้คนอื่นหัดทำบ้าง จะได้ไม่ต้องมากวนเขาบ่อยๆ

   "(อีกชั่วโมงกูไปรับรอได้รึเปล่า ไม่งั้นเดี๋ยวให้ไอ้ต้าไปรับมานี่)"

   "ไม่ต้องกวนพี่ต้าหรอกเลิฟรอได้ว่าแต่งานยังไม่เลิกเหรอ" เสียงของคนคุยกันดังลอดเข้ามาในสายให้ได้ยินเป็นระยะ วันนี้ปอไปงานเลี้ยงกับที่บ้านแต่งตัวใส่สูทผูกไทด์ซะหล่อเลย (แอบถ่ายรูปอัพลงไอจีด้วยยอดไลค์เพียบ)

   "(ยังไม่เลิกคงอีกสักพัก)"

   "งั้นให้เลิฟกลับเองก็ได้นะปอจะได้ไม่เสียเวลา" เลิฟบอกด้วยความเป็นห่วง ไม่อยากให้อีกคนต้องเหนื่อยมารับเขาอีก

   "(ไม่ต้อง! เดี๋ยวกูไปรับ)"

   "แต่ว่า..." เลิฟพยายามค้าน

   "(พูดให้ฟังนะเลิฟ)"

   "รู้แล้วน่า...สั่งเหมือนพ่ออยู่ได้" เลิฟทำหน้ามุ่ยใส่คนในสาย

   "(ไม่ใช่พ่อกูเป็นผัว)"

   "ไอ้บ้าแค่เปรียบเปรยเว้ย" เลิฟโวยวายเล็กน้อยใส่ปอ

   "(หึ แค่นี้นะกูต้องวางสายแล้วพ่อเรียก)"

   "อือ"

   "(ใกล้ถึงแล้วกูโทรหา)"

   เลิฟเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าหลังจากที่ปอวางสายไป แล้วเดินมาหาเมย์ที่ยืนสั่งงานลูกน้องอยู่

   "ผมกลับแล้วนะครับพี่เมย์" เลิฟยกมือไหว้ลาอย่างนอบน้อม

   "จ้า...ว่าแต่ปอมาถึงแล้วเหรอ" เมย์ถามด้วยความแปลกใจเพราะพึ่งจะไปโทรศัพท์หากันเมื่อกี้อะไรจะมาถึงรวดเร็วปานนั้น

   "ยังหรอกครับคงอีกสักพักผมว่าจะออกไปรอที่หน้าล็อบบี้"

   "อ้าว...รอในนี้ก็ได้นะเลิฟไม่เห็นต้องออกไปข้างนอกเลย"

   "อย่าเลยครับพี่เกะกะคนอื่นเขาทำงาน"

   "ตามใจเราละกันแต่ถ้าปอมารับแล้วโทรหาพี่ด้วยนะ" เมย์บอกด้วยความเป็นห่วง

   "ครับ" เลิฟรับคำแล้วเดินออกจากห้องจัดเลี้ยงเพื่อไปนั่งรอปอที่ล็อบบี้โรงแรม ไม่รู้ว่าปอกับพี่เมย์จะห่วงอะไรเขานักหนา ทำเหมือนเขาเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆไปได้ ถึงจะมีแฟนเป็นผู้ชายด้วยกันเขาก็ยังเป็นผู้ชายที่มองนมมองตูดผู้หญิงอยู่นะ แล้วใครที่ไหนมันจะมาทำอะไรผู้ชายแบบเขา

   เลิฟเดินไปตามทางเดินของโรงแรมช้าๆไม่ได้รีบร้อนอะไร ก้มหน้าพิมข้อความส่งไปหาปอ แต่เป็นเพราะเดินไม่มองทางเลยทำให้ชนเข้ากับคนที่เดินสวนมา จนโทรศัพท์ในมือร่วงลงกระแทกกับพื้นเพราะแรงปะทะ

   "ขอโทษนะครับที่เดินชน" เลิฟละล่ำละลักขอโทษอีกฝ่ายเป็นการใหญ่ ยกมือไหว้ปะหลกๆหลับตาปี๋ แต่อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรนอกจากก้มลงไปเก็บโทรศัพท์ให้ ก่อนจะยื่นมันคืนมาให้เลิฟ

   "ขอบคุณมากนะครับที่..." เลิฟชะงักมือที่จะยื่นไปรับโทรศัพท์ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าตัวเองเดินชนใคร

...
...

   ปอกวาดสายตามองไปรอบๆงานเลี้ยงด้วยความเหนื่อยหน่าย ก้มมองดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือเป็นระยะ ยกแก้วเครื่องดื่มในมือขึ้นมาจิบแก้เซ็ง

เขาไม่ค่อยชอบออกงานสังคมแบบนี้เท่าไหร่ นับครั้งได้เลยที่เขาจะมาส่วนมากจะเป็นไอ้ป้องกับไอ้ปิง ที่จริงพี่ชายเขามันก็ไม่ได้ชอบแต่เพราะความเป็นลูกชายคนโต และความเป็นลูกที่ดีของพวกมันนั่นแหละเลยทำให้เลี่ยงไม่ได้ ต่างจากเขาที่ทำอะไรตามใจตัวเองมาแต่ไหนแต่ไร

   วันนี้ปอจำใจต้องมางานเลี้ยงกับที่บ้านอย่างช่วยไม่ได้ เพราะคุณปรีชาอยากให้วงสังคมรู้จักทายาทอีกคนของตัวเอง และแน่นอนว่าปอกลาย เป็นจุดสนใจของงานทันที ด้วยรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่นไม่แพ้พี่น้องของตัวเอง การศึกษาในมหาวิทยาลัยมีชื่อระดับประเทศ ความเป็นทายาทอีกคนของกลุ่มเงินทุนขนาดใหญ่ และหลานชายของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่อย่าง พล.ต.อ.อธิป อัศวเทพ มันดึงดูดคนให้เข้าหาได้ไม่ยากจริงๆ

   "ไงวะพระเอกของงาน" ต้าเอ่ยแซวอย่าขำๆ

   "หึ กูเข้าใจละว่าทำไมไอ้สองตัวนั้นมันถึงดีใจที่กูเป็นคนมา" ปอพูดด้วยความเซ็งสุดขีดมั่นใจว่าพี่ชายตัวเองคงเคยเจอเหตุการณ์ไม่ต่างกัน ต้องมาคอยปั้นหน้ายิ้มรับใครก็ไม่รู้ที่มาชวนคุยตลอดเวลา มันโคตรจะทำให้เขารู้ตัวเลยว่าไม่เหมาะกับอะไรแบบนี้ อย่างเขาไปนั่งคุมผับคุมบ่อนเหมือนทุกวันนี้ดีที่สุด

   "กูกลับก่อนนะต้องไปรับไอ้เลิฟบอกพ่อให้กูด้วย" ปอวางแก้วในมือลงและรีบเดินตรงดิ่งไปที่รถตัวเองทันที เพราะตอนนี้เวลาสี่ทุ่มกว่าเข้าไปแล้วเลยเวลานัดกับไอ้ตัวเล็กมาเกือบครึ่งชั่วโมง ตอนนี้นั่งรอเขาหน้างอปากยื่นแล้วล่ะมั้ง

   Tru...Tru...Tru...

   คิดได้ไม่เท่าไหร่เสียงเรียกเข้าที่ตั้งไว้เฉพาะก็ดังขึ้น ปอรีบกดรับสายแบบที่ไม่ต้องมองหน้าจอเลยทันที

   "กูกำลังไปอย่าพึ่งโวยวาย" ปอรีบพูดดักคอคนในสายทันที

   "(กูไม่โวยวายก็ได้แต่มึงควรรีบมานะ)" เสียงที่ไม่ใช่เลิฟตอบกลับมาทำเอาปอขมวดคิ้วมุ่น

   "นั่นใคร" ปอถามกลับเสียงเข้ม

   "(ลืมพี่เมียแบบนี้ไม่ดีเลยนะมึง)" อีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงยียวน

   "ไอ้รุต!! มึงทำเหี้ยอะไร" ปอถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน

   "(กูไม่ทำอะไรน้องกูหรอกน่าแค่จับตัวไว้ไม่ให้มึงตุกติกเพราะคนที่กูจะทำน่ะมึงต่างหาก)"

   "มึงจะเอายังไงว่ามา" ปอพยายามคุยกับอีกฝ่ายอย่างใจเย็น

   "(โกดังแถวท่าเรือxxมาให้กูทดสอบความอึดหน่อย ถ้าทนได้กูจะเลิกยุ่งกับมึงแล้วอย่าพาใครมาล่ะมึงคนเดียวนะน้องเขย)"
 
   ปอกำโทรศัพท์ในมือแน่นจนแทบแหลกด้วยความโมโห ก่อนจะรีบขึ้นรถและขับออกไปด้วยความเร็ว มือก็กดโทรศัพท์เพื่อโทรออกไปด้วย

   "(มีไรวะ)"

   "ตามกูไปที่โกดังตรงท่าเรือxxพาคนไปด้วยนะ"

   "(มีเรื่องเหี้ยไรวะ)" ต้าถามด้วยความตกใจ

   "กูจะพาไปกระทืบเหี้ย" ปอว่าแค่นั้นแล้วกดตัดสายเพราะขี้เกียจอธิบายเยอะ เขาไม่จำเป็นต้องทำตามคำสั่งไอ้รุตเพราะเขาไม่ใช่พระเอกที่จะต้องเอาตัวเองไปรับตีนเรียกดราม่าโชว์ความแมน อยากกระทืบเขามันควรทำแบบรอบที่แล้วได้ผลกว่าเยอะ เพราะครั้งนี้คนที่เสียเปรียบไม่ใช่แค่เขาแต่รวมถึงตัวมันด้วย มันไม่กล้าทำอะไรไอ้เลิฟแน่ๆแล้วเขาต้องไปยอมโดนกระทืบฟรีๆทำไม

...
...

   "พี่จะทำอะไร" เลิฟถามเสียแข็งหลังจากปากได้รับอิสระ ส่วนมือสองข้างโดนมัดไขว้หลังไว้ ตามองคนจำนวนไม่ต่ำกว่าสิบด้วยความระแวง

   "แฟนเรามันกวนตีนแค่จะสั่งสอนนิดหน่อยไม่มีอะไรหรอก" รุตบอกให้เลิฟสบายใจ เขาแค่เรียกไอ้ปอออกมากระทืบไม่ได้จะทำอะไรมากกว่านั้น หลัง จากที่นอนคิดหาวิธีอยู่นานแต่คิดไม่ออก พอดีกับที่ไอ้แฮคมันอยากเอาคืนไอ้ปอแผนวันนี้ก็เลยเกิด

   "มึงโทรหาไอ้เหี้ยปอยังวะ" แฮคเดินเข้ามาถามด้วยเสียงกวนประสาท ตาก็มองที่เลิฟอย่างโลมเลีย

   "ทำไมวะ" รุตไม่ได้ตอบแต่ถามกลับแทน

   "เปล่าแค่จะบอกมึงว่าอย่าพึ่งโทรกล้องยังตั้งไม่เสร็จ" แฮคพูดไปเรื่อยๆมือก็ลูบไล้ไปตามโครงหน้าสวยของเลิฟ ซึ่งเจ้าตัวก็พยายามหันหน้าหนีเต็มที่ด้วยความขยะแขยง

   "กล้อง? กล้องอะไร" รุตกระชากไล่เพื่อนให้หันกลับมาคุยกันให้รู้เรื่อง

   "กูเปลี่ยนแผนนิดหน่อยว่ะ" แฮคหันมาบอกพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

   "เปลี่ยนแผนอะไร" รุตยังคงไม่เข้าใจในสิ่งที่เพื่อนบอก

   "กูคิดขึ้นมาได้ว่าอย่างไอ้ปอแค่กระทืบคงไม่พอ จะทำให้มันเจ็บไปจนตายคงต้องทำอะไรมากกว่านั้น" แฮคแววตาวาวโรจน์ไปด้วยความแค้นเวลาพูดถึงปอ เขายังจำความอับอายที่มันมอบให้ทุกครั้งได้ไม่ลืม พยายามหาวิธีเอาคืนมันมาตลอดแต่ไม่เคยทำสำเร็จ วันนี้แหละที่ทุกอย่างจะเป็นไปอย่างที่เขาต้อง การสักที

   "มึงจะทำอะไร" รุตเริ่มมองแฮคด้วยสายตาไม่ไว้ใจเอาตัวเองมายืนบังเลิฟไว้ตามสัญชาตญาณ

   "มึงบอกเองไม่ใช่เหรอว่าไอ้ปอมันรักน้องมึงมาก กูเลยจะส่งคลิปเด็ดๆที่มีพวกเราเป็นพระเอกกับเมียมันเป็นนางเอกไปให้" แฮคพูดด้วยหน้าตาบิดเบี้ยวพร้อมรอยยิ้มชั่วร้าย

   "กูจะพาน้องกูกลับ" รุตพูดแค่นั้นแล้วหันไปแกะเชือกที่มัดแขนของเลิฟออก

   "พี่ขอโทษนะครับเดี๋ยวพี่ไปส่งบ้านนะ" รุตบอกเลิฟอย่างรู้สึกผิดมือก็แกะเชือกไปด้วย เขายอมรับว่าอยากกระทืบไอ้ปอเพราะไม่ชอบขี้หน้า แต่ไม่ได้มีความคิดเหี้ยๆแบบนี้ในสมองเลยสักนิด

   "มึงจะไม่ร่วมมือกับกูเหรอวะ" แฮคถามด้วยน้ำเสียงยียวน

   "ร่วมมือกับมึงรุมโทรมน้องกูเนี่ยนะมึงคิดได้ไงวะไอ้เหี้ย!!" รุตตะคอกใส่แฮคเสียงดังลั่น มองหน้าเพื่อนด้วยความผิดหวัง เขารู้ว่าไอ้แฮคมันเลวแต่ไม่คิดว่าจะระยำได้ขนาดนี้

   "ทำเหมือนมึงไม่เคยไปได้ว่ะรุต ตอนอีแยมเมียเก่ามึงไง" แฮคทำสีหน้าเยาะๆ

   "กูไม่ได้ทำกับมึงอย่าเอาความเหี้ยของมึงมาเหมารวมกับกู" รุตตวาดเสียงแข็ง และก็คิดในใจว่าคงต้องเลิกคบแฮคเป็นเพื่อนแล้วจริงๆ

   "กลับเถอะเลิฟ" รุตหันมาหาน้องแล้วดันหลังให้อีกฝ่ายรีบเดินออกจากที่นี่ ซึ่งเลิฟเองก็เดินตามสั่งอย่างเร็วที่สุดเพราะแค่ได้ยินสิ่งที่แฮคพูด ขนทั่วตัวของเขาก็ลุกขึ้นตั้งไปหมดด้วยความกลัวและขยะแขยง ถ้าจะต้องนอนกับผู้ชายด้วยกันนอกจากปอเขาคงได้ฆ่าตัวตาย

   แต่ในขณะที่ทั้งคู่จะเดินพ้นประตูโกดัง ก็มีกลุ่มคนจำนวนนึงเดินมาขวางทางเอาไว้ไม่ยอมให้ออกไปง่ายๆ

   "มึงคิดว่ากูจะปล่อยให้มึงพาน้องมึงกลับง่ายๆเหรอวะ" รุตหันหลังกลับไปมองหน้าแฮคทันทีจ้องอีกฝ่ายด้วยความโกรธ รับรู้ได้เลยว่าตัวเองคิดผิดจริงๆที่อยากทำเรื่องเลวๆจนพาน้องมาซวยไปด้วย

   "เลิฟฟังพี่นะพี่จะเอาตัวเองกันมันไว้ให้ แล้วเราวิ่งให้เร็วที่สุดออกไปให้ถึงถนนใหญ่ พี่ว่าไอ้ปอน่าจะใกล้มาถึงแล้ว" รุตกระซิบบอกเลิฟด้วยความเป็นห่วง สิ่งที่คิดได้ในหัวตอนนี้คือทำยังไงก็ได้ให้น้องออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด

   "แล้วพี่รุตล่ะ" เลิฟเองถึงจะกลัวแต่ก็ห่วงพี่ชายตัวเองเหมือนกัน เพราะจำนวนคนที่ล้อมอยู่ตอนนี้รุตไม่มีทางสู้ไหวแน่ๆ ส่วนเขาคนเดียวก็เต็มกลืนแล้วมั้ง

   "ไม่ต้องห่วงพี่หรอก" รุตหันมาสบตากับน้องชายเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าเป็นการส่งสัญญาณให้เลิฟวิ่ง

   "วิ่ง!!!" เลิฟวิ่งหนีสุดฝีเท้าอย่างไม่รอช้า ส่วนรุตเองก็แลกหมัดนัวเนียกับคนที่เคยเรียกว่าเพื่อนเต็มที่ พยายามขวางสุดกำลังเพื่อเปิดทางให้น้องหนีไปให้ไกลที่สุด แต่แล้วน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟรุตสู้ได้ไม่นานก็โดนจับล็อกให้นอนราบไปกับพื้น

   "ไปตามจับน้องมันมา...แสบนักนะมึง" แฮคหันไปสั่งลูกน้องอย่างเกรี้ยวกราดและหันมามองรุตด้วยความโมโห

   "มึงนี่ยังไงวะรุตนึกเหี้ยอะไรเสือกอยากเป็นพี่ที่ดีขึ้นมา มึงเกลียดไอ้ปอไม่ใช่เหรอวะแค่ทำตามกูก็จบ" แฮคบีบปลายคางของรุตแน่นบังคับให้อีกฝ่ายมองหน้าตัวเอง

   "ถุ้ย...กูไม่ชอบไอ้ปอแต่ไม่ได้หมายความกูจะทำระยำกับน้องตัวเอง" รุตถ่มน้ำลายใส่หน้าแฮคแล้วจ้องอีกฝ่ายกลับด้วยแววตาแข็งกร้าว

   "มึง!!" แฮคยกมือเช็ดย้ำลายออกจากหน้าตัวเองด้วยความโมโห เงื้อมือขึ้นสูงตั้งใจจะตบลงบนหน้าอีกฝ่ายเพื่อระบายความโกรธ ก่อนจะหยุดชะงักแล้วส่งยิ้มเจ้าเหล่ออกมา

   "ดูดีๆหน้ามึงก็สวยไม่แพ้น้องเลยนี่หว่า" แฮคเชยคางของรุตขึ้นเพื่อมองหน้าชัดๆ ก่อนจะยิ้มแบบที่ชอบทำเวลานึกอะไรชั่วๆออกมา

   "มึงมองหน้ากูแบบนั้นทำไม" รุตถามเสียงสั่นมองแฮคด้วยความระแวง เริ่มหวาดหวั่นกับท่าทีของอีกฝ่ายพยายามดิ้นให้หลุดจากการถูกจับ

   "ระหว่างรอลูกน้องกูไปตามจับน้องมึงมา เรามาหาอะไรเล่นฆ่าเวลากันดีกว่าว่ะ" แฮคพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันแล้วกระชากรุตขึ้นแรงๆ ลากอีกฝ่ายไปโยนลงบนโต๊ะขนาดใหญ่กลางโกดัง

   ทันทีที่ได้รับอิสระรุตก็รีบลุกขึ้นวิ่งหนี เพราะรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเอง แต่ก็ไปไม่ได้ไกลเพราะโดนกระชากที่หัวอย่างแรง และเหวี่ยงกลับลงไปที่เดิม

   "ฤทธิ์เยอะนะมึงจับมันไว้!!" แฮคสั่งลูกน้องเสียงเข้มด้านรุตเองก็พยายามสู้สุดชีวิตดิ้นรนหนีเอาตัวรอด แต่ก็โดนลูกน้องของแฮคจับเอาไว้แน่น

   "มึงจะทำอะไรปล่อยกูไอ้เหี้ย!!" รุตโวยวายดังลั่นขัดขืนด้วยกำลังที่มีทั้งหมดแววตาที่มองแฮคเต็มไปด้วยความกลัว

   แฮคย่างสุมเข้ามาหารุตแบบช้าๆไม่รีบร้อน ทำตัวเหมือนเสือที่จ้องตะครุบเหยื่อ และเหยื่อตัวนั้นก็คือเพื่อนตัวเอง

   แคว่กกกกก

   แฮคกระชากเสื้อของรุตเต็มแรงจนขาดคามือ ก้มลงมองแผ่นอกขาวเนียนที่มีกล้ามเนื้อน้อยๆ กับยอดอกสีชมพูสวยด้วยแววตาหื่นกระหาย ส่วนรุตตอนนี้ร่างทั้งร่างสั่นไปหมดด้วยความกลัวปนขยะแขยง ในใจภาวนาให้ตัวเองรอดจากเหตุการณ์บัดซบนี่

   "สวยอย่างที่คิด...จริงๆกูก็เล็งมึงมานานแล้วเหมือนกัน แต่แม่งไม่มีโอกาสสักที" แฮคกระซิบบอกเสียงพร่า

   "มึงอย่าทำอะไรกูนะแฮคกูเป็นเพื่อนมึงนะ" รุตหาข้ออ้างโน้มนาวใจแฮคเพื่อให้ตัวเองรอดแต่แฮคกระตุกยิ้มชั่วร้ายส่งให้

   "โทษทีว่ะกูไม่เคยเห็นมึงเป็นเพื่อน" แฮคพูดเสียงเหี้ยมแล้วถอดกางเกงของรุตออกอย่างรวดเร็ว ดึงตัวเองออกมาแล้วสวมถุงอย่างอนามัยเรียบร้อย ก่อนจะกดตัวเองเข้าไปที่ช่องทางด้านหลังของรุตทีเดียวจนมิดด้าม

   "อ๊ากกกกกก" รุตร้องโหยหวนออกมาด้วยความเจ็บ ช่วงล่างเหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ มันทรมานจนต้องดิ้นพล่านเพื่อให้หลุดพ้น

   "อ่าาา แน่นฉิบ" แฮคขยับโยกเข้าออกอย่างรุนแรง ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุขสม ไม่ได้สนใจรุตที่ต้องเป็นฝ่ายรองรับเลยสักนิด

   "หูยยย พี่แฮคเห็นแล้วเงี่ยนว่ะ" ลูกน้องของแฮคที่ยืนอยู่ใกล้ๆพูดออกมาด้วยความหื่นกระหาย เอามือล้วงเข้าไปจับแก่นกายตัวเองแล้วชักขึ้นลง

   "เออแป๊บ...กูจะเสร็จแล้ว" แฮคขยับโยกตัวเองเร็วขึ้นก่อนจะปลด ปล่อยออกมาเต็มถุงยาง

   "ตามึง" แฮคถอนแก่นกายตัวเองออกมาแล้วถอดถุงยางทิ้งลงพื้นอย่างไม่ไยดี เช็ดทำความสะอาดตัวเองแล้วยัดกลับเข้าไปในกางเกงอย่างเรียบร้อย

   "อย่าทำกู" รุตขอร้องเสียงสั่นด้วยความกลัวพยายามกระทดตัวหนีลูกน้องของแฮคที่เข้ามาแทนที่

   "อ๊ากกกก" แต่คำขอร้องของรุตไม่เป็นผลเพราะลูกน้องของแฮคดันแก่นกายเข้ามาทันที ก่อนที่อีกฝ่ายจะขยับโยกอย่างรุนแรงบนตัวเขา

   รุตไม่รู้ว่าตัวเองจะหลุดพ้นจากเรื่องระยำแบบนี้ตอนไหน และต้องรองรับความหื่นกระหายของพวกมันอีกกี่คน น้ำตาใสๆไหลลงมาอาบแก้มไม่ขาดสายภาพที่แยมโดนข่มขืนผุดขึ้นมาให้เห็นอีกครั้ง ตอนนั้นเขาไม่ได้ร่วมมือกับแฮคก็จริงแต่เขาเองก็ไม่ได้เข้าไปช่วย เลือกที่จะปิดประตูห้องแล้วเดินหนีออกมาทิ้งให้ผู้หญิงตัวเล็กๆคนนึงเผชิญกับความกักขฬะของเดนมนุษย์ ถ้าจะบอกว่าเหตุการณ์แบบนี้ทำไมถึงเกิดขึ้นกับเขา สิ่งที่นึกขึ้นได้คงมีแต่คำว่ากรรมจิงๆ

...
...

   เลิฟวิ่งออกมาจนถึงถนนใหญ่พยายามมองหาคนเพื่อจะได้พากลับเข้าไปช่วยพี่ชาย แต่ไม่เห็นรถหรือสิ่งมีชีวิตอะไรเลยสิ่งที่มองเห็นตอนนี้คือตู้โทรศัพท์สาธารณะที่ตั้งอยู่ไม่ไกล เลิฟวิ่งตรงดิ่งไปที่มันทันทีเบอร์เดียวที่นึกขึ้นได้ตอนนี้คือเขาต้องโทรหาตำรวจ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไรลูกน้องของแฮคก็ตามมาทันและจัดการลากเลิฟกลับไปทันที

   "พี่รุต" เลิฟครางออกมาเสียงแผ่วพร้อมๆกับน้ำตาที่ไหลออกมา เมื่อเห็นว่าพี่ชายตัวเองอยู่ในสภาพไหน

   "มึงทำอะไรพี่กู" เลิฟถามแฮคเสียงแข็งมองอีกฝ่ายด้วยความเกลียดสุดขั้วหัวใจ

   "อย่าพึ่งโวยวายคนสวยเพราะมึงก็จะโดนไม่ต่างจากพี่มึง" แฮคพูดเสียงเหี้ยมแล้วลากเลิฟเดินไปยังโต๊ะที่รุตนอนหมดสภาพอยู่ แฮคกระชากรุตลงจากโต๊ะเต็มแรงจนไปกองอยู่กับพื้นแล้วเหวี่ยงเลิฟขึ้นไปแทนที่

   "อย่ามายุ่งกับกู" เลิฟพยายามปัดป้องดิ้นรนจากแฮคที่ขึ้นมาคร่อมตัวเองเต็มที่

   เพี๊ยะ!!!

   "อย่าดิ้น!! ยังไงมึงก็ไม่รอดลองมีผัวเป็นหนูท่อแบบกูหน่อยเป็นไง" แฮคฟาดฝ่ามือลงบนหน้าเลิฟเต็มแรง แววตาที่มองเต็มไปด้วยความแค้นที่โดนอีกฝ่ายปฏิเสธและหักหน้าให้อาย

   "อย่าทำอะไรน้องกูเลยกูไหว้ล่ะแฮค" รุตกระเสือกกระสนพาตัวเองมาดึงขาแฮคไว้ ยอมก้มลงกราบอีกฝ่ายอย่างไม่ห่วงศักดิ์ศรีอะไรทั้งนั้น ขอแค่มันทำให้น้องเขารอดก็พอ

   "มาเอามันไปไกลๆดิ๊" แฮคสั่งลูกน้องด้วยความหงุดหงุด ยกเท้าถีบรุตให้ออกไปห่างๆอย่างไม่แยแส

   แคว่กกกกก

   แฮคฉีกเสื้อของเลิฟออกจนขาดวิ่น มองร่างกายของคนที่อยากได้มาตลอดด้วยความปราถนา ก่อนจะสะดุดกับรอยสักบนอกของเลิฟ

   "รักกันจริงนะมึง" รุตพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

   "กูอยากจะรู้นักถ้ามึงกลายเป็นเมียกูด้วยมันจะทำหน้ายังไง" แฮคพูดเสียงเหี้ยมพร้อมกับกระชากกางเกงขาสั้นของเลิฟออก

   เลิฟพยายามดิ้นรนหนีสัมผัสหยาบโลนของแฮคด้วยความรังเกียจและขยะแขยงสุดขั้วหัวใจ ก่อนจะสัมผัสได้ถึงนิ้วแข็งๆของอีกฝ่ายที่สอดแทรกเข้ามาทางด้านหลัง พร้อมๆกับน้ำตาที่ไหลพรากออกมาด้วยความกลัว

   'ปอ...ช่วยเลิฟดัวย'




2 Be Con...

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กับดักที่
- 55 -



   ปอขับรถมาถึงโกดังเก็บสินค้าแถวท่าเรือxxหลังจากที่วางสายจากรุตได้ไม่นานนัก ดวงตาคมดุมองไปรอบบริเวณด้วยความแปลกใจ ระหว่างทางที่ขับรถมาเขาคิดว่าคงมีคนรอต้อนรับเยอะแน่ๆ แต่เรื่องกลับไม่กลายเป็นแบบนั้นเพราะทั่วพื้นที่มีแค่ความว่างเปล่ากับสายลมเย็นที่พัดเอื่อยๆปะทะผิวกายเท่านั้น สิ่งมีชีวิตเพียงหนึ่งเดียวที่อยู่ตรงนี้คือเขาท่ามกลางความเงียบที่ผิดปกติ

   ‘หรือว่าไอ้รุตมันจะแค่ป่วนประสาทเขาแต่เบอร์ที่มันใช้โทรมาคือเบอร์ไอ้เลิฟแน่ๆ ถ้าอย่างนั้นตัวมันอยู่ที่ไหนแล้วเมียเขาอยู่ไหน’

   ปอรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆเหมือนมันจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ตัดสินใจเปิดประตูรถอีกครั้งเพื่อควานหาปืนที่เก็บไว้ แต่ก็มานึกขึ้นได้ว่าตัวเองพึ่งเอาออกจากรถไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ปอสบถด่าตัวเองด้วยความหงุดหงิดคว้าเอาสนับมือที่ยังติดอยู่ในรถมาแทน พร้อมกับถอดเสื้อสูทและเนคไทด์ออกเก็บไว้กำลังจะเดินไปตรงโกดังที่เห็นแสงไฟลอดออกมา ก็มีรถยนต์จำนวนหนึ่งเคลื่อนตัวมาจอดใกล้ๆกับรถเขา

   "ถึงนานยังวะแล้วพวกมันล่ะ" ต้ารีบเดินมาสบทบกับปอแล้วกวาดตามองรอบๆก็ไม่เห็นคนอื่นนอกจากเพื่อนตัวเอง

   "นั่นดิกูไม่เห็นมีใครเลย" กิงว่าขึ้นมาบ้างในมือถือไม้เบสบอลที่ทำจากเหล็ก แววตาไม่ได้มีความขี้เล่นเหมือนทุกครั้ง ส่วนฝุ่นไม่ได้พูดอะไรยืนรวม กลุ่มอยู่กับพวกอาร์ต ซึ่งแต่ล่ะคนอยู่ในสภาพพร้อมมีเรื่องเต็มที่

   "กูก็ไม่รู้แต่คิดว่าน่าจะอยู่ในนั้น" ปอพยักหน้าไปทางที่ตัวเองตั้งใจจะไปทีแรก แล้วออกตัวเดินนำทุกคนทันทีเพราะไม่อยากเสียเวลามากไปกว่านี้

   เมื่อเดินมาถึงปอก็เข้าไปข้างในโกดังอย่างไม่ลังเลด้วยความร้อนใจ เดินลึกเข้าไปเรื่อยๆปอก็ต้องหยุดชะงักฝ่าเท้า พร้อมกับทุกคนที่หยุดกับที่แบบไม่ได้นัดหมาย

   "พี่รุต!!!" กั้มเป็นคนเดียวในกลุ่มเพื่อนเลิฟที่ตามมา ตะโกนขึ้นอย่างสุดเสียงแล้ววิ่งไปหาพี่ชายเพื่อนด้วยความเร็ว

   ร่างโปร่งของรุตถูกทิ้งให้นอนสลบไสลอยู่กับพื้นของโกดัง ร่างกายเปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้า บนลำตัวขาวเต็มไปด้วยรอยแดงจ้ำ ขาเรียวทั้งสองข้างเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำกามจำนวนมาก สภาพที่ไม่ต้องถามให้มากความก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

   "ระยำ!!" กลอนสบถออกมาอย่างเดือดดาล รู้สึกเวทนาผู้ชายที่พึ่งเคยเห็นอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะเดินตรงดิ่งไปหาร่างที่ไม่รู้สึกตัวนั่นแล้วถอดเสื้อของตัวเองสวมให้ จัดการอุ้มอีกฝ่ายขึ้นแล้วหันกลับมาหาคนที่เหลือ

   "เดี๋ยวกูโทรเรียกรถพยาบาลกับตำรวจ" กลอนบอกแค่นั้นแล้วอุ้มรุตเดินออกจากโกดังโดยที่มีกั้มกับน๊อตตามออกไปด้วย ทุกคนมองตามหลังกลอนโดยที่ไม่ทีใครคิดจะค้านอะไร เพราะจากสิ่งที่เห็นเรื่องมันน่าจะเกินกว่าแค่ยกพวกตีกันแล้ว

   ปอมองภาพของรุตด้วยหัวใจที่สั่นไหวรุนแรง ความกังวลพุ่งขึ้นแตะระดับแบบวัดค่าไม่ได้ ขาสองข้างออกวิ่งไปตามทางเดินที่อยู่ลึกเข้าไปเขาไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรระหว่างทางที่เขามา แต่การที่ไอ้รุตอยู่ในสภาพนั้นแสดงว่าคนของเขาคงกำลังแย่และภาวนาขอให้ไม่เกิดอะไรที่เลวร้ายขึ้น

   ภาพที่ปอเห็นทันทีที่เข้ามาถึงด้านในสุดของโกดังทำเอาร่างกายทุกส่วนชาวาบเหมือนโดนน้ำเย็นสาด เลิฟที่อยู่ในสภาพโดนจับขึงอยู่บนโต๊ะไม้ เสื้อขาดวิ่นท่อนล่างเปลือยเปล่า มีแฮคคร่อมทับซุกไซร้ร่างขาวอยู่

   ร่างกายไปเร็วกว่ากว่าความคิดปอตรงดิ่งเข้าไปด้วยความเร็ว ยกเท้าขึ้นถีบแฮคจนอีกฝ่ายหงายหลังนอนแผ่หลากับพื้น แล้วหันมาหาเลิฟด้วยความเป็นห่วง

   "เลิฟ" ปอตบหน้าคนตัวเล็กที่สลบอยู่เบาๆเพื่อเรียกสติ ฝ่ามือหนาที่สั่นเล็กน้อยลูบไปตามโครงหน้าหวานและลำตัวขาวผ่องที่เต็มไปด้วยรอยแดงจ้ำของอีกฝ่าย ก่อนจะรีบถอดเสื้อตัวเองใส่ให้อย่างหวงแหน

   ระหว่างที่ปอกำลังวุ่นวายอยู่กับเลิฟ แฮคที่พยุงตัวเองลุกขึ้นมาได้ก็คว้าไม้หน้าสามที่อยู่ใกล้ๆ ยกมันขึ้นมาฟาดลงที่หลังของปอเต็มแรง

   "อึ่ก!! สัส!!" ปอสบถออกมาเพราะความเจ็บที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน ก่อนที่ร่างสูงจะทรุดลงไปกองกับพื้น

   "มึงตาย!!!" แฮคตะโกนออกมาอย่างโกรธแค้นและยกไม้ขึ้นจะฟาดซ้ำอีกครั้ง แต่โดนถีบกระเด็นออกไปอีกฝั่งจนไม้หลุดจากมือ

   "อย่าพึ่งตายนะมึง" โชนที่ตามหลังมาติดๆเห็นจังหวะที่แฮคจะทำร้ายปอพอดี เขาเลยเข้าไปช่วยสกัดไว้และหันมาพยุงอีกฝ่ายขึ้น ก่อนจะผละออกไปดูน้องรหัสตัวเองที่นอนสลบอยู่

   "ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวกูดูให้" โชนหันมาบอกเสียงหนักแน่นให้อีกฝ่ายหายห่วง ปอเหลือบมองคนตัวเล็กในอ้อมกอดของโชนเล็กน้อย ก่อนจะเดินตรงไปหาแฮคด้วยท่าทางคุกคาม

   "โชนมึงพาน้องออกไปก่อน" ต้าที่ตามมาทีหลังสั่งเสียงเข้มแล้วหันไปแลกหมัดกับฝ่ายตรงข้าม ไม่ต่างกับคนที่เหลือซึ่งอยู่ในสภาพพอๆกัน

   โชนจัดการช้อนตัวเลิฟแล้วอุ้มขึ้นพาอีกฝ่ายเดินออกจากบริเวณนี้โดยเร็ว เพื่อออกไปสมทบกับกลอนที่พารุตออกไปก่อนหน้านี้แล้ว

   ปอเดินเข้าไปหาแฮคช้าๆแววตานิ่งสงบเดาอารมณ์ไม่ได้ มือขวาล้วงเข้าไปในกางเกงแล้วเอาสนับมือที่พกขึ้นมาใส่
   ด้านแฮคก็แสยะยิ้มมองปออย่างไม่กลัวเกรง คว้าเอาไม้ที่หลุดมือไปมาถือไว้อีกครั้งเดินพุ่งเข้าหาปอ แล้วง้างฟาดไม้ในมือลงมาด้วยความเร็วและแรงทั้งหมดที่มี

   ปอยกมือขึ้นรับไม้ที่ฟาดลงมาด้วยมือข้างเดียวแล้วกำมันไว้แน่น อัดกำปั้นข้างที่ใส่สนับมือลงบนหน้าของแฮคด้วยแรงทั้งหมดที่มี จนอีกฝ่ายใบหน้าอาบไปด้วยเลือดแค่เพียงหมัดเดียว ก่อนจะกระชากเอาไม้หน้าสามในมือแฮค แล้วเป็นคนฟาดมันลงไปบนตัวอีกฝ่ายจนหักคามือ

   ร่างของแฮคร่วงลงไปนอนกองกับพื้นอย่างหมดสภาพ แต่ปอยังไม่หยุดแค่นั้นตามมากระทืบลงไปบนร่างนั้นซ้ำๆอย่างไม่ยั้งแรง ความโกรธที่มันมากมายมหาศาลถูกระบายออกด้วยการทำร้ายอีกฝ่าย

   ปอเตะอัดลงบนตัวแฮคไม่ต่างอะไรจากเตะลูกฟุตบอลจนอีกฝ่ายได้แต่นอนคุดคู้อยู่แบบนั้น ไม่มีคำว่าออมแรง เห็นใจ หรือปราณีใดๆทั้งสิ้น สิ่งที่ต้องการเห็นคือไอ้สารเลวนี่ตายตรงหน้า ปอยกเท้าขึ้นสูงแล้วเหยียบลงบนหน้าแฮคก่อนจะนั่งยองๆลงตรงหน้า แล้วใช้มือกระชากผมอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นมา

   “มึงกล้านะที่ทำอะไรระยำๆแบบนี้” ปอถามเสียงเหี้ยมใบหน้าดุดันแววตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธจัด แต่ยังคงพยายามคุมสติตัวเองให้นิ่งที่สุดและไม่รู้ว่ามันจะหลุดตอนไหน

   “แล้วทำไมกูจะไม่กล้ามึงมีอะไรให้กูกลัววะ” แฮคยังคงแสยะยิ้มกวนประสาทใส่ปออย่างไม่เกรงกลัว น้ำเสียงที่เปล่งออกมากระท่อนกระแท่นแทบไม่เป็นคำ เพราะเจ็บบริเวณสันกรามที่โดนเหยียบ มองปอด้วยสายตาท้าทายไม่ยอมแพ้

   “กูเคยบอกมึงแล้วว่าอย่ายุ่งกับคนของกู คราวที่แล้วที่มึงโดนไปมันไม่ได้ทำให้มึงเข็ดใช่ไหม” ปอกระชากผมของแฮคแรงกว่าเดิม

   “หึ เมียมึงตอดกูโคตรดีเลยว่ะมันฉิบหาย” แฮคพูดด้วยน้ำเสียงยียวนมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโมโหของปออย่างสะใจ ก่อนจะหน้าสะบัดเพราะแรงกระแทกที่อัดเข้ามา

   “มึงตาย!!!!” ปอกระหน่ำชกหมัดข้างที่ใส่สนับมือไม่ยั้งสติที่มีขาดผึงอย่างห้ามไม่อยู่ ชกจนใบหน้าของแฮคแตกยับปูดโปนเละไปหมดก็ยังไม่ยอมหยุด ทำให้ต้าที่อยู่ไม่ไกลรีบวิ่งมากระชากตัวปอออกเพราะกลัวว่าเพื่อนจะฆ่าคนตาย

   “มึงปล่อยกู!!!” ปอตวาดต้าดังลั่นสะบัดตัวแรงๆก่อนจะพุ่งเข้าไปหาแฮคอีกครั้ง เดือดร้อนอาร์ตต้องวิ่งมามาดึงปอไว้อีกคน

   “มึงพอแล้วไอ้เหี้ยเดี๋ยวแม่งตาย” อาร์ตพยายามดึงปอไว้เต็มที่ด้วยแรงทั้งหมด เพราะจากอารมณ์ตอนนี้ของรุ่นน้องไอ้เวรนั่นได้ตายจริงๆแน่ รู้จักกันมาเป็นปีเขาก็ไม่เคยเห็นไอ้เด็กหน้าตายนี่หลุดได้ขนาดนี้เหมือนกัน

   “ไอ้สัส!! ตำรวจมา” กิงที่กำลังจัดการพวกที่เหลือตะโกนมาบอกเสียงดังทำให้อาร์ตเผลอปล่อยตัวปอ และจังหวะนั้นเองที่ปอคว้าเอาปืนที่เห็นว่าต้าพกมาแล้วเล็งมันไปที่หัวของแฮค ซึ่งกำลังพยายามพยุงตัวเองลุกขึ้นมานั่งในสภาพอ่อนแรง

   “ไอ้ปอ!!!” ทุกคนตะโกนเรียกปอเป็นเสียงเดียวกันด้วยความตกใจ ในตอนนี้ไม่มีใครเดาอะไรออกทั้งนั้น ได้แต่มองใบหน้าดุดันของปอกับมือที่จับปืนไว้แน่นจนเส้นเลือดขึ้นด้วยความหวั่นใจ เพราะเจ้าตัวมีสิทธิ์ที่จะลั่นไกฝังกระสุนลงบนหัวแฮคได้อย่างไม่ลังเล

   “มึงอย่านะปอ” ต้าพยายามเอ่ยปากห้ามตาก็มองปอไม่กระพริบ

   “กูจะฆ่ามัน” ปอพูดเสียงเย็นไม่ได้สนใจอะไรแล้วทั้งนั้น

   “แต่ตำรวจกำลังมา” ต้าพยายามเกลี่ยกล่อม

   “ช่างแม่ง!!!” ปอตวาดตอบอย่างดุดันมือเตรียมเหนี่ยวไก

   “ถ้ามันตายมึงก็ติดคุกคิดหน่อยดิวะ” ต้าเองก็ตวาดกลับเสียงดังไม่แพ้กัน

   “กูบอกแล้วไงว่าช่างแม่ง!!” ปอเลิกสนใจต้าและตัดสินใจจะยิงสักที

   “แล้วเมียมึงจะอยู่กับใคร!!!” ต้าตัดสินใจตะโกนเอาชื่อเลิฟมาอ้าง และมันก็ได้ผลเพราะปอหยุดการกระทำของตัวเองลงทันที แต่ยังถือปืนเล็งไปทางแฮคแววตาที่ใช้มองยังคงแข็งกร้าวอยู่

   “มึงรู้ตัวดีนะปอไม่มีมึงน้องมันก็ไม่เหลือใครแล้ว” ต้าพูดออกไปตามความรู้สึกและสิ่งที่เห็นและได้รับรู้มาโดยตลอด ต่อให้มีคนพร้อมจะอยู่เคียงข้างเลิฟมากมายแค่ไหน แต่มันแทนที่เพื่อนเขาไม่ได้แน่ๆเขามั่นใจ

   ปอหันกลับมามองต้าด้วยสายตาเจ็บปวด ขบกรามแน่นจนขึ้นสันนูน เหมือนพยายามระงับอะไรบางอย่างที่มันกำลังปะทุอยู่ภายใน ก่อนจะง้างมือขึ้นสูงแล้วใช้ด้ามปืนฟาดลงไปบนหน้าแฮค

   “แม่งเอ้ย!!” ปอตะโกนร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและเกลียดตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ เขาอยากยิงไอ้สารเลวนี่ให้ตายไปเดี๋ยวนี้อยากฆ่ามันด้วยมือของเขาเอง แต่มันจริงอย่างที่ต้าว่าเขาทำไม่ได้ถ้าลั่นไกออกไปยังไงชีวิตที่เหลือต่อจากนี้เขาต้องก้าวขาเข้าคุกแน่ๆ เพราะพยาน หลักฐานมันแน่นหนาและตำรวจก็กำลังมา ถึงบ้านเขาจะใหญ่แค่ไหนแต่ถ้าทุกอย่างมันมัดแน่นเขาเองก็ไม่มีทางรอด

   เขาไม่ได้กลัวการฆ่าคนตายไม่ได้กลัวเลยกับชีวิตที่ต้องอยู่ในคุก แต่เพราะอีกคนต่างหากที่มันทำให้เขาต้องหยุดการกระทำของตัวเอง ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่และตอนไหนที่ชีวิตของตัวเองผูกไว้กับใครอีกคน ทุกสิ่งที่ทำและต้องตัดสินใจมันมีอีกคนอยู่ในเหตุผลนั้นเสมอ และครั้งนี้ก็เหมือนกันเขาลั่นไกไม่ได้

   “ถุ้ย...มึงก็ได้แค่นี้แหละวะ” แฮคถ่มน้ำลายผสมเลือดออกจากปากแล้วมองปออย่างดูถูก จนเจ้าตัวเดินไปถีบลงบนใบหน้าอีกฝ่ายแรงๆด้วยความโมโห เดือดร้อนอาร์ตต้องรีบไปกระชากตัวออกมาและกอดไว้แน่น ป้องกันไม่ให้ปอเดินเข้าไปทำร้ายแฮคอีก

   “หึ หึ มึงไม่ค่อยได้เอาเมียเหรอวะขนาดแค่เอานิ้วแหย่เข้าไปแม่งยังฟิตฉิบหาย” แฮคยังคงปากดีไม่เลิกส่งเสียงเยาะเย้ยปอต่อและคราวนี้ปอไม่ต้องดิ้นออกจากการดึงรั้งของอาร์ตให้เปลืองแรง เพราะเจ้าตัวจงใจปล่อยแขนให้รุ่นน้องไปกระทืบไอ้เหี้ยนั้นได้เต็มที่ ก็ไม่รู้ว่าจะห้ามไปทำไมถ้ามันจะวอนตายกันขนาดนั้น

   “หึ นิ้วเหรอวะ” ปอแสยะยิ้มเหี้ยมให้แฮคแล้วกระชากตัวอีกฝ่ายขึ้น ก่อนจะเหวี่ยงไปบนโต๊ะ จับหัวของแฮคกระแทกลงไปแรงๆและกดเอาไว้แน่นไม่ให้กระดิกได้

   “ต้า...มึงมาจับมันไว้” ปอว่าสั่งเพื่อนเสียงเรียบ

   “มึงจะทำอะไร” ต้าถามกลับด้วยความระแวงเพราะถ้าบอกว่าไอ้ปอน่ากลัวเวลาสติหลุด ตอนที่มันสติครบถ้วนและคิดอะไรได้แบบนี้ต่างหากที่น่ากลัวกว่า ยิ่งมันดูใจเย็นเท่าไหร่นั้นหมายความว่ายิ่งอันตราย

   “ไม่จับกูยิง” ปอจ่อปืนลงที่หัวแฮคและกดปลายกระบอกปืนลงไปเป็นการบังคับเพื่อน

   “จะทำเหี้ยอะไรก็รีบทำเดี๋ยวกูไปถ่วงเวลาตำรวจให้” ฝุ่นบอกออกมาด้วยความหนักใจและร้อนรนกลัวว่าตำรวจจะเข้ามาก่อน แล้วรีบวิ่งไปถ่วงเวลาให้เพื่อนตามที่บอก

   “เวรเอ้ย!!!” ต้าสบถอย่างหงุดหงิดแล้วมาจับตัวแฮคไว้ให้ด้วยความจำยอม ก็เขามันขัดอะไรได้ที่ไหนทั้งในฐานะเพื่อนและฐานะลูกน้อง

   “ไอ้กิงมึงเอามีดพกมาด้วยรึเปล่า” ปอเก็บปืนไปเหน็บไว้ที่กางเกงด้านหลังและหันมาถามหาในสิ่งที่ตัวเองต้องการ

   “เอาไปไอ้สัส!! และช่วยรีบๆด้วย” กิงโยนมีดพกประจำตัวให้ปอมองไปทางด้านนอกด้วยความกังวล

   “มึงใช้นิ้วมือข้างไหน” ปอมองแฮคด้วยสายตาว่างเปล่ากดปุ่มให้มีดพับเด้งออกมา แล้วกระชากเอามือแฮคออกมาที่กลางโต๊ะ

   “มึงจะทำเหี้ยอะไร” แฮคถามปอเสียงแข็งและมองด้วยความระแวง

   “อ๊ากกกกกกกก ไอ้สัส!! มือกู” แฮคร้องออกมาเสียงหลงทันทีเพราะปอไม่ได้ตอบคำถาม แต่แทงมีดลงไปบนหลังมือของแฮคเต็มแรง ก่อนจะดึงมีดออกช้าๆมีเลือดไหลตามออกมาเป็นทางยาว

   “ข้างไหน” ปอถามต่อด้วยท่าทีนิ่งเฉยเหมือนไม่ได้ทำอะไรลงไป พร้อมกระชามืออีกข้างของแฮคออกมา ส่วนต้าก็พยามกดตัวแฮคไว้ไม่ให้ดิ้นหลุด

   “เหี้ยเอ้ย!! มึงปล่อยกู” แฮคโวยวายดังลั่นมือข้างที่โดนแทงเจ็บไปหมด เลือดยังคงไหลออกจากบาดแผลไม่หยุด

   “อ๊ากกกกกกก” เสียงร้องโหยหวนของแฮคดังออกมาอีกครั้งด้วยความเจ็บปวด เพราะปอแทงมีดลงไปอีกครั้งและดึงออกจนแฮคได้แต่ดิ้นไปมา

   “นิ้วมือมึงมันทำแต่เรื่องเหี้ยๆกูว่าอย่ามีมันเลยดีกว่า” ปอพูดเสียงเหี้ยมเย็นเข้าไปถึงขั้วหัวใจคนฟัง ก่อนจะจับมือของแฮคข้างที่เขาพึ่งแทงไปให้กางออก แล้วเอามีดไปวางระหว่างโคนนิ้วชี้ส่วนแฮคก็ได้แต่พยายามดิ้นขลุกขลักด้วยความกลัว

   “อย่านะไอ้สัส!! อย่า!! อ๊ากกกกกก” เสียงร้องโหยหวนที่พึ่งเงียบไปดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อปอกดมีดลงไปบนนิ้วและตัดมันจนขาด ขยับปลายมีดไปที่นิ้วกลางและกดมันลงอีกครั้ง ก่อนที่นิ้วจะขาดตามนิ้วชี้ออกมาติดๆกำลังจะตัดลงไปที่นิ้วนางอีกนิ้ว แต่ต้ายกมือขึ้นผลักอกปอออกแรงๆเพื่อห้าม ทำให้แฮคพ้นจากการเกาะกุมลงไปนอนดิ้นทุรนทุรายอยู่กับพื้น

   “พอแล้วไอ้เหี้ย” อาร์ตเดินมาดึงแขนปอไว้เพื่อช่วยห้ามอีกแรง ปอเองก็ไม่ได้ดิ้นรนขัดขืนอะไรเก็บมืดพับไว้แบบเก่าแล้วโยนมันคืนไปให้กิง คว้าเอานิ้วมือที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาแล้วเดินไปนั่งลงตรงหน้าแฮค

   “มึงอยากได้นิ้วมึงคืนไหม” ปอยื่นนิ้วมือไปตรงหน้าแฮคที่กำลังมองกลับมาอย่างโกรธแค้น ก่อนที่ปอจะกระตุกยิ้มเย็นแล้วเอามือล้วงไปที่กระเป๋ากางเกง คว้าเอาไฟแช็คที่พกติดตัวไว้เนื่องจากตัวเองสูบบุหรี่ออกมา จุดไฟขึ้นแล้วจ่อที่นิ้วมือทั้งสองนิ้วลนมันช้าๆจนเกรียมแล้วโยนมันคืนให้แฮค

   “มึง!!!” แฮคจ้องหน้าปอด้วยดวงตาวาวโรจน์แค้นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้

   “กูคืนให้” ปอพูดด้วยเสียงเยาะเย้ยแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แต่ก่อนจะเดินจากไปก็หันมากระทืบลงบนใบหน้าอีกฝ่ายแรงๆเป็นการทิ้งท้าย จนแฮคที่ร่างกายบอบช้ำและเสียเลือดถึงกับสลบไปในที่สุด

   “มึงไปก่อนเลยไอ้โชนโทรมาบอกว่าตอนนี้น้องมันอยู่โรง’บาลแล้ว ทางนี้กูจัดการให้” ต้าตบไหล่เพื่อนเบาๆแต่ปอไม่ยอมไปตายังจ้องไปที่ร่างของแฮคเขม็ง

   “ปล่อยให้ตำรวจจัดการขนาดนี้แล้วมันไม่รอดหรอก” ต้าพูดกำชับให้ปอวางใจเพราะตำรวจไม่น่าจะปล่อยไอ้แฮคไป รวมทั้งตัวไอ้ปอเองด้วยที่ไม่น่ารอดเพราะสร้างเรื่องขนาดนี้ คงต้องคิดหาวิธีกันเอาทีหลังว่าจะทำยังไงต่อ

   ปอสูดลมหายใจเข้าออกหนักๆเลือกจะเชื่อในสิ่งที่เพื่อนบอก ก่อนจะเดินออกมาขึ้นรถและขับออกไปด้วยความเร็ว เพราะห่วงอีกคนที่ถึงแม้จะถึงมือหมอแล้วแต่ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง

...
...
   
   ใช้เวลาไม่นานรถยนต์คันหรูของปอก็ขับทะยานมาถึงที่โรงพยาบาล ซึ่งไม่ใช่ที่ไหนไกลแต่เป็นโรงพยาบาลของพ่อตาเขาเอง ปอถอนหายใจหนักๆหลับตาสงบสติอารมณ์อยู่ในรถสักพัก ก่อนจะหยิบเอาเสื้อสูทขึ้นมาสวมเพราะตอนนี้เขาไม่ได้ใส่เสื้อ จัดผมเผ้าตัวเองให้เรียบร้อยแล้วก้าวขาเดินลงจากรถเข้าไปข้างใน

   ปอออกจากลิฟท์และเดินตรงไปเรื่อยๆตามทางเดินของโรงพยาบาล มุ่งตรงไปยังห้องพักคนไข้ตามที่ต้าบอกมา เขาหยุดยืนที่บานประตูห้องที่เป็นจุดหมายเอื้อมมือจะเปิดประตูเข้าไป แต่มีคนจากทางด้านในเปิดประตูสวนออกมาซะก่อน

   “ผมขอโทษครับ” ปอยกมือไหว้ขอโทษด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง เมื่อเห็นว่าคนที่เปิดประตูออกมาเป็นใคร คุณรักษ์มองสภาพของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกเขยเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจออกมาหนักๆ   

   “มีอะไรจะพูดกับฉันอีกไหม” คุณรักษ์ถามด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยแต่ทำให้ปอใจแกว่งไปไม่น้อย เพราะเงื่อนไขหลักๆที่อีกฝ่ายขอในการคบกันของเขาสองคนคือเลิฟต้องไม่เจอเรื่องอะไรที่อันตรายถึงชีวิต

   “ไม่มีครับ” ปอเลือกที่จะไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้ถึงเรื่องทั้งหมดจะไม่ได้เกิดเพราะเขา แต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกอย่างมันไม่เกี่ยวกับเขา

   “ฉันนึกว่าเธอจะถามเรื่องอาการลูกฉันซะอีก” คุณรักษ์พูดด้วยรอยยิ้มน้อยๆ

   “ฉันได้ยินเรื่องทั้งหมดจากปากเพื่อนเธอแล้ว เรื่องนี้ฉันไม่โทษเธอหรอกนะ ถ้าจะมีใครสักคนที่ผิดจริงๆคงเป็นตัวฉันเองที่เลี้ยงลูกไม่เป็น” คุณรักษ์พูดออกมาอย่างอ่อนแรงและไม่ได้โกรธอะไรปอเลยจริงๆ

   “ขอบคุณครับแล้วมันเป็นยังไงบ้าง” ปอมองข้ามไหล่ของผู้สูงวัยกว่าไปที่ประตูห้อง

   “มีแผลฟกช้ำตามตัวพอสมควรแต่ไม่ได้ร้ายแรงอะไร ที่สลบไปคงเพราะสภาวะกดดันและเหนื่อยจากการต่อสู้” คุณรักษ์อธิบายต่อเสียงเรียบ

   “แล้ว.....” ปอเว้นคำพูดไว้แค่นั้นไม่กล้าเอ่ยปากถามอะไรออกมาอีก หวนคิดถึงคำพูดและใบหน้าเยาะเย้ยของแฮครวมทั้งภาพที่ไปเจอ มันทำให้ใจของเขากลัวไปหมดว่าจะเกิดอะไรขึ้น

   “ไม่ต้องห่วงเธอไปทัน” จบคำพูดของคุณรักษ์ปอถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก สิ่งที่กลัวและกังวลในใจหายไปทันทีเพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นอย่างที่คิด เขาบอกตรงๆเลยว่ารับไม่ได้และไอ้ตัวเล็กของเขาก็เหมือนกัน ไม่ใช่ว่ารังเกียจที่มันกลายเป็นของคนอื่นแต่เขาคงมองหน้ามันไม่ติด เพราะแค่นี้เขาก็ไม่รู้จะพูดอะไรแล้วกับการเป็นคนรักที่ดูแลมันไม่ได้และไม่ดีพอ

   “ตอนนี้ฉันฉีดยานอนหลับให้ไปคงจะหลับยาวถึงเช้า ฉันขอตัวก่อนนะ” คุณรักษ์ส่งยิ้มให้บางๆแล้วเดินจากไป

   ปอเปิดประตูเข้าไปในห้องพักแผ่วเบาแล้วเดินตรงเข้าไปที่เตียง ซึ่งตอนนี้เลิฟกำลังนอนหลับตาพริ้มมีสายน้ำเกลือห้อยระโยงระยางอยู่ใกล้ๆ

   “กูว่ามึงไปอาบน้ำให้ตัวเองสดชื่นก่อนเหอะว่ะแล้วค่อยออกมาดูน้อง เสื้อผ้ามึงอยู่นั่นคนที่บ้านมึงเขาพึ่งเอามาให้” โชนออกปากไล่ปอให้ไปอาบน้ำซึ่งปอก็พยัดหน้าเล็กน้อย แล้วคว้าเอาเสื้อผ้าเดินเข้าไปในห้องน้ำแต่โดยดี ไม่ได้มีการต่อล้อต่อเถียงใดๆเหมือนที่เคยทำ

   ผ่านไปสักพักปอก็ออกมาในชุดใหม่สภาพดูดีกว่าเมื่อตอนที่พึ่งมาถึง หลังจากโดนน้ำเย็นๆเข้าไปสมองของปอก็โล่งขึ้นเยอะ ก่อนที่จะเดินมาทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียง

   “งั้นกูกลับก่อนนะแล้วพรุ่งนี้จะมาใหม่” โชนเอ่ยปากบอกเบาๆแล้วลุกขึ้นเตรียมตัวกลับบ้าน

   “ขอบใจมึงนะ” ปอพูดด้วยเสียงหนักแน่นส่งสายตาที่แสดงว่าขอบ คุณจริงๆไปให้โชน

   “เออ!!!” โชนกระแทกเสียงเล็กน้อยแก้อาการเขินของตัวเอง เห็นกันมาตั้งนานทำไมพึ่งมาเห็นว่ามันเท่ตอนนี้วะ

   ปอมองท่าทางของโชนด้วยความงงแล้วส่ายหัวเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาหาเลิฟและใช้สายตาสำรวจไปทั่วตัวอย่างละเอียด แววตาที่ใช้มองคนรักเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและรู้สึกผิด นิ้วมือเรียวยาวไล่แตะลงไปตามแผลฟกช้ำแผ่วเบา ตอนอยู่ในโกดังเขาไม่ได้มีเวลาสังเกตุอะไรมากเลยไม่เห็นว่าไอ้ตัวเล็กของเขาได้แผลเยอะขนาดนี้

   “กูขอโทษที่รัก....กูขอโทษ....” ปอพึมพำบอกคนนอนหลับด้วยเสียงแผ่วเบาราวกับกระซิบ กดริมฝีปากแนบลงหน้าผากเนียนยกมือเล็กขึ้นมาจูบที่หลังมือแล้วบีบเอาไว้เบาๆ ก่อนจะฟุบตัวลงนอนทั้งอย่างนั้นโดยที่มือยังจับมือของคนรักไว้แน่น



2 Be Con...

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 55 (21/02/2016)
« ตอบ #169 เมื่อ: 21-02-2016 14:58:59 »





ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กับดักที่
- 56 -



   เลิฟยิ้มออกมาจางๆเมื่อเห็นว่าใครนอนหลับอยู่ข้างเตียง มือเล็กลูบลงไปบนศีรษะได้รูปของคนรักแผ่วเบา ไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงแล้วเพราะในห้องค่อนข้างมืดเนื่องจากผ้าม่านถูกปิดไว้สนิท เลยทำให้เห็นแค่แสงแดดลอดเข้ามาเล็กน้อยเท่านั้น แต่ที่แน่ๆเขาน่าจะนอนอยู่ที่โรงพยาบาลรอยเข็มให้น้ำเกลือที่อยู่บนแขนมันบอกได้อย่างดี ตากลมโตสั่นไหวเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเหตุการ์ณเมื่อคืนรีบดึงมือที่ลูบหัวอีกฝ่ายอยู่กลับทันที

   เขาจำเหตุการณ์หลังจากนั้นไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง รู้แค่ว่าตัวเองขัดขืนจนหลุดออกมาได้ครั้งนึงแล้วอีกฝ่ายก็ตามมากระชากเขากลับไป ก่อนที่จะชกลงมาเต็มแรงรู้สึกตัวอีกทีเขาก็มาฟื้นอยู่ที่นี่แล้ว

   สัมผัสจากปลายนิ้วของคนอื่นที่เข้ามาในตัวเขายังจำมันได้ดี รู้สึกขยะแขยงสะอิดสะเอียนจนอยากจะอาเจียนออกมา ความหยาบโลนจากริมฝีปากที่ซุกไซร้ลงมาตามตัวมันทำให้ขนทั้งตัวลุกชัน

   ระหว่างที่เขาสลบไปไม่รู้ว่าโดนทำอะไรบ้างแต่ความปวดเมื่อยตามตัวโดยเฉพาะช่วงล่าง มันทำให้เขารู้สึกกลัวและรังเกียจตัวเองน้ำตาเอ่อล้นและไหลลงเรื่อยๆไม่อยากรับรู้ว่าตัวเองเจออะไรมา

   ปอรู้สึกตัวตื่นขึ้นเพราะได้ยินเสียงสะอื้นดังแว่วๆ ลืมตามองหาที่มาก็เห็นว่าเลิฟกำลังนอนร้องไห้อยู่ มือเล็กทั้งสองข้างของเจ้าตัวกำเอาไว้แน่นจนเกร็งเห็นเส้นเลือด

   "ชู่...ร้องไห้ทำไม" ปอรีบลุกขึ้นมาด้วยความตกใจดึงตัวเลิฟเข้ามาในอ้อมแขนลูบหัวลูบหลังเบาๆเพื่อปลอบ

   "มัน...มัน..." เลิฟพยายามจะเล่าให้ปอฟังแต่ไม่รู้จะเริ่มเล่าตรงไหนและเริ่มบอกยังไง เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะรังเกียจตัวเอง

   "ไม่มีอะไรแล้วมึงไม่เป็นอะไร" ปอกระซิบบอกคนในอ้อมกอดให้คลายความกังวล

   "แต่..." เสียงหวานเอ่ยสั่นๆพอๆกับตากลมโตที่ไหวระริกไม่แพ้กัน

   "กูไปทันเลิฟ" ปอดึงคนตัวเล็กออกจากอกแล้วจ้องไปในตากลมโตที่มองเขาอย่างไม่เชื่อนิ่งๆ

   "มึงยังเป็นของกูของกูคนเดียว" ปอบอกด้วยเสียงหนักแน่นมือหนาเช็ดน้ำตาออกจากหน้าเนียนให้แผ่วเบา

   "แต่มันปวดตัวข้างล่างก็เจ็บไปหมดเลยนะ" เลิฟงอแงน้ำตาไหลพรากไม่เชื่อในสิ่งที่ปอบอกเพราะคิดว่าอีกฝ่ายหลอกให้ตัวเองรู้สึกดี

   "งั้นพิสูจน์" ปอจัดการอุ้มคนตัวเล็กขึ้นแล้วพาเดินเข้าไปในห้องน้ำ

   "อื้อ" เลิฟส่งเสียงประท้วงออกมาเล็กน้อยเพราะโดนจูบปิดปาก

   "ไม่ได้นะปอโรง'บาล" เลิฟเอ่ยห้ามเสียงสั่นทันทีที่ปากได้รับอิสระ มือเล็กดันแผ่นอกกว้างให้ออกห่างจากตัวเล็กน้อยความคิดแย่ๆเมื่อกี้ถูกพัดหาย ไปสนิท เพราะมันถูกแทนที่ด้วยความกังวลกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดตอนนี้แทน ถ้าโดนทำอะไรที่นี่มันไม่สนุกเลยนะ

   "ก็พิสูจน์ไงว่ามันไม่ได้เกิดอะไรแบบที่มึงคิด" ปอพูดด้วยสีหน้าและท่าทางจริงจัง

   "ชะ..ชะ..เชื่อแล้วออกไปกันนะ" เลิฟเขย่าแขนปอเบาๆส่งเสียงอ้อนให้พาออกไป

   "เชื่อง่ายไป" ปอก้มลงเม้มใบหูเล็กเบาๆจนเลิฟต้องหดคอหนีเพราะขนลุก

   "เชื่อแล้วจริงๆนะ" เลิฟกระพริบตาปริบๆใส่ปอตอนนี้เขายอมเชื่อที่ปอบอกอย่างสนิทใจ เพราะถ้ามีอารมณ์มาหื่นใส่เขาขนาดนี้ก็ไม่น่าจะมีอะไรแล้วล่ะ เขาควรเลิกฟุ้งซ่าน

   "อย่าพึ่งเชื่อดิวะให้กูพิสูจน์ก่อน" ปอบอกเสียงแหบพร่านัยน์ตาส่งประกายวิบวับ

   "ไปพิสูจน์ที่บ้านได้ไหม" เลิฟบอกเสียงอ้อมแอ้มใบหน้าแดงซ่านไปหมด ความคิดฟุ้งซ่านประสาทแตกของเขาถูกพัดหายเพราะความหื่นของคนตรงหน้าหมดแล้ว

   "หึ ออกจากโรง’บาลมึงโดนหนักแน่" ปอจูบปากอิ่มเร็วๆแล้วอุ้มร่างบางกลับมาวางที่เตียง

   "แต่ทำไมมันปวดตัวไปหมดเลยล่ะ" เลิฟถามออกมาด้วยความสงสัย ถึงจะบอกว่าเชื่อปอแต่ถ้าไม่เคลียร์ความสงสัยข้อนี้ เขาเองก็เชื่อไม่สนิทใจเหมือนกัน

   ปอชะงักมือที่กำลังรูดผ้าม่านลงหันมามองหน้าเลิฟเล็กน้อย แล้วเดินกลับมาที่เตียงก่อนจะนั่งลงข้างๆ ยกมือขึ้นแตะที่รอยฟกช้ำบนหน้าหวาน

   "มึงจำได้รึเปล่าว่าได้แผลพวกนี้มายังไง" ปอถามเสียงเรียบมือไล่แตะไปตามรอยแผลบนตัว

   "จำได้" เลิฟพยักหน้าหงึกหงักประกอบไปด้วย ใครจะจำไม่ได้ทั้งโดนเหวี่ยง โดนตบ โดนชก

   "กูคิดว่าคงเป็นเพราะแผลตามตัวมึงเนี่ยแหละที่ทำให้เจ็บ แล้วมันเจ็บมากรึเปล่าจะได้ตามหมอ" ปอถามด้วยความเป็นห่วง
   "ไม่เป็นไรแค่ปวดนิดหน่อย" เลิฟส่ายหน้าหวือปฏิเสธ

   "งั้นนอน" ปอค่อยๆดันตัวเลิฟลงนอนพร้อมกับจุมพิตที่หน้าผากเนียน

   "ไม่ต้องคิดอะไรแล้วพ่อมึงบอกกับกูเองว่ามึงไม่ได้โดนทำอะไรมากกว่านั้นหรือมึงไม่เชื่อใจหมอ" ปอพูดกำชับให้เลิฟมั่นใจอีกทีเพราะดูจากหน้าแล้วเลิฟยังไม่เชื่อเท่าไหร่

   "อืม...ปอ...พี่รุตล่ะ" เลิฟบีบมือปอเบาๆเสียงที่เปล่งออกมาเศร้าสร้อย ของเขาน่ะปอมาทันแต่พี่รุตล่ะคงไม่มีใครมาช่วยทันแน่ๆ ไม่รู้ป่านนี้พี่ชายจะเป็นยังไงบ้าง

   "อยู่ห้องข้างๆ" ปอหันกลับมาสบตากับเลิฟที่นอนหน้าเศร้าอยู่

   "พาไปหาได้ไหม"

   "มึงหายดีก่อนค่อยไปอีกอย่างพี่มึงคงยังไม่ฟื้น"

   "พี่รุตเป็นอะไรมากรึเปล่า" เลิฟถามด้วยความเป็นห่วงจากใจจริงๆ

   "พ่อมึงบอกว่าร่างกายไม่เป็นอะไรมากแล้ว แต่สภาพจิตใจยังบอกไม่ได้ต้องรอดูตอนฟื้น" ปอเกลี่ยแก้มใสของเลิฟเล่นน้ำเสียงที่ใช้บอกค่อนข้างหนักใจ

   "เพราะจะช่วยเลิฟแท้ๆพี่รุตถึงเจอแบบนั้น" เลิฟพูดด้วยความเศร้าหมอง

   "ไม่ใช่เพราะมึงพี่มึงเองก็ไม่มีทางโทษมึงเชื่อกูสิ" ปอพูดไม่ให้เลิฟคิดมากไปกว่านี้ ในใจนึกอยากผ่ากะโหลกสวยๆของเมียตัวเองเปิดดูสักที ขนาดพี่มันเป็นคนทำให้มันเจอเรื่องแบบนี้แท้ๆ นอกจากจะไม่สมน้ำหน้ามันยังเป็นห่วงแถมโทษตัวเองอีก ถ้าไม่ได้มาอยู่ด้วยกันทุกวันแบบเขาคงได้มีคนบอกว่ามัน แอ๊บเข้าสักวัน

   "อื้อ...แต่อย่าลืมพาไปหาพี่รุตนะ" เลิฟพึมพำเสียงแผ่วดึงมือปอมาแนบแก้มตัวเองแบบที่ชอบทำ ก่อนจะผล่อยหลับไปในเวลาไม่นาน ปอค่อยๆดึงมือตัวเองออกมาแล้วห่มผ้าให้คนตัวเล็กดีๆ ยืนมองหน้าหวานที่หลับตาพริ้มแล้วถอนหายใจหนักๆ

   "มึงหัดห่วงตัวเองบ้างได้ไหมเห็นแก่ตัวบ้าง ถ้าขืนมึงยังเป็นแบบนี้คนที่จะตายน่ะมันกู" ปอพึมพำบอกคนหน้าหวานที่หลับไม่รู้เรื่องด้วยความหนักใจ

...
...

   "จะไปได้รึยัง" ปอถามเลิฟที่นั่งหน้ายุ่งบีบมือตัวเองอยู่บนเตียง พ่อตาเขาพึ่งเดินเข้ามาบอกก่อนหน้านี้ไม่นานว่าไอ้รุตมันฟื้นแล้ว พอได้ยินแบบนั้นไอ้ตัวเล็กมันของเขามันก็กระตือรือร้นจะไปหา แต่ถึงเวลาจะพาไปจริงๆมันดันไม่กล้าไปขึ้นมาซะเฉยๆ

   "ถ้ายังไม่พร้อมก็ไว้ไปวันหลัง" ปอลองเสนอทางเลือกให้อีกทางแต่เลิฟก็ส่ายหน้าปฏิเสธ

   "ปอว่าพี่รุตจะด่าเลิฟป่ะ" เหมือนถามเอาฮาแต่หน้าคนถามอย่างเลิฟจริงจังสุดๆ

   "ถ้ามันด่ามึงกูจะกระทืบให้" ปอเองก็บอกเลิฟด้วยเสียงจริงจัง

   "จะบ้าเหรอห้ามทำนะถ้าพี่รุตจะด่าก็ให้เขาด่าเข้าใจไหม" เลิฟถลึงตาใส่ปอดุๆ

   "เออๆจะไปได้รึยังก่อนที่พี่มึงมันจะหลับอีก" ปอรับคำเลิฟแกนๆถ้าไอ้รุตมันไม่สำนึกแล้วด่าเมียเขาคงได้กระทืบกันจริงๆนั่นแหละ

   "อื้อ" เลิฟสูดลมหายใจเข้าปอดเรียกความกล้า ก่อนจะก้าวขาเดินนำปอไปที่ห้องพักข้างๆ

   เลิฟหยุดยืนที่หน้าห้องสักพักยังไม่กล้าที่จะเปิดประตูเข้าไป ไม่รู้ว่าจะคุยกับพี่ชายตัวเองยังไงไม่รู้จะทักอะไรเป็นคำแรก และไม่รู้จะต้องทำตัวแบบไหนในสถาณการณ์แบบนี้

   "ถ้ายังไม่พร้อมจะเจอก็ยังไม่ต้องเข้าไป" ปอบีบไหล่เลิฟเบาๆเขาเองยังไม่อยากให้เลิฟเจอไอ้รุตตอนนี้ เพราะถึงจะบอกว่ามันฟื้นขึ้นมาแล้วไม่ได้แสดงอาการอะไรแต่จะมีอะไรมารับประกัน ว่าถ้ามันเห็นหน้าไอ้เลิฟแล้วมันจะไม่อาละวาดในเมื่อตัวมันก็ยิ่งบ้าๆอยู่

   "ไม่เป็นไรหรอก" เลิฟหันมาส่งยิ้มให้ปอจางๆ

   "ให้กูเข้าไปเป็นเพื่อนไหม" ปอดึงมือที่กำลังจะเปิดประตูของเลิฟไว้

   "ขอเลิฟเข้าไปคนเดียวนะ" เลิฟบอกปอด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแล้วหันหลังกลับไปเปิดประตู และตัวปอเองก็ไม่ได้ห้ามอะไรอีกนอกจากยืนรออยู่นอกห้อง

   แกร๊ก...

   เสียงเปิดประตูที่ดังขึ้นแผ่วเบาไม่ได้ทำให้คนที่นั่งเหม่ออยู่ในห้องรู้สึกตัว เลิฟยืนมองแผ่นหลังของพี่ชายตัวเองด้วยความเจ็บปวด นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้มองพี่ชายตัวเองเต็มตาแบบนี้ แผ่นหลังที่เขาเคยเห็นครั้งสุดท้ายมันดูกว้างและใหญ่กว่านี้ มันไม่ได้ดูเล็กและบอบบางไม่ต่างจากเขาแบบนี้ เลิฟก้าวขาเดินเข้าไปหารุตช้าๆและหยุดนิ่งอยู่ข้างเตียง ยื่นมือที่สั่นเทาของตัวเองไปกุมมือที่ใหญ่พอๆกับเขาไว้

   เฮือก!!

   รุตสะดุ้งสุดตัวเพราะตกใจกับสัมผัสที่จู่ๆก็มาโดนตัว หันไปก็เห็นว่าเป็นเลิฟที่ยืนแววตาสั่นระริกกัดริมฝีปากตัวเองแน่น เหมือนน้องชายตัวน้อยๆในอดีตของเขาไม่มีผิด

   "เป็นไงบ้างดีขึ้นแล้วเหรอ" รุตส่งยิ้มจางๆให้เลิฟยกมืออีกข้างมาขึ้นลูบหลังมือน้องชายที่กุมมือตัวเองเบาๆ

   "พี่ว่าจะไปเยี่ยมกลายเป็นเรามาหาก่อนซะได้" รุตพูดเรื่อยๆไม่ได้มีท่าทางโกรธแค้นอะไรมีเพียงรอยยิ้มอ่อนโยนที่ส่งให้ ทำให้เลิฟที่พยายามกลั้นน้ำตาไว้ร้องไห้ออกมาในที่สุด

   "ร้องไห้ทำไม" รุตยังคงส่งยิ้มให้น้องใบหน้าซีดเซียวพยายามฝืนตัวเองให้นิ่งที่สุด

   "พี่รุต...เลิฟขอโทษ...ฮึก...ขอโทษนะ" เลิฟปล่อยโฮออกมาในที่สุดยกแขนขึ้นกอดพี่ชายตัวเองแน่น ที่เขาบอกว่าขอโทษไม่ใช่ขอโทษกับเรื่องที่พึ่งเกิด แต่เขาขอโทษกับทุกๆเรื่องในอดีตที่ผ่านมาต่างหาก ถ้าจะบอกว่าพี่รุตเห็นแก่ตัวเขาเองก็ไม่ต่างกันหรอก

   เขาเอาแต่โทษเอาแต่เสียใจในสิ่งที่ตัวเองโดนกระทำ ขวนขวายมองหาความรักเพื่อทดแทนสิ่งที่ตัวเองขาด พอเริ่มได้มันมาเขาก็ลืมมองคนข้างหลัง ลืมมองพี่ชายคนนี้ที่อยู่ข้างเขาในวันที่ไม่มีใคร ลืมสนใจใส่ใจคนที่ขาดความรักไม่ต่างจากเขา ในขณะที่เขาเจอคนมากมายที่อยู่ข้างๆเขากลับทิ้งพี่ชายตัวเองให้อยู่คนเดียวอยู่แบบไม่มีใคร

   แขนตัวเองที่ยกขึ้นกอดพี่ชายในวันนี้มันทำให้เขาได้รู้ ว่าพี่ชายที่เคยตัวโตและแข็งแกร่งในสายตาเขามาตลอด ความจริงแล้วไม่ได้เข้มแข็งอะไรเลย ก็แค่ผู้ชายตัวเล็กๆคนนึงที่ต้องการความรักไม่ต่างกัน

   เขามันโง่เองที่ดูไม่เคยออกคิดแค่ว่าอีกฝ่ายจะทำร้าย ถ้ามันไม่เกิดเรื่องบ้าๆนี่ขึ้นเขาก็คงคิดแบบนี้ทั้งชีวิต เพราะมันคงไม่มีคนที่เกลียดกันคนไหน ยอมทำขนาดนี้เพื่อช่วยอีกคนให้รอด

   รุตนั่งตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่คิดว่าน้องชายจะกอดตัวเอง แขนสองข้างยกขึ้นมาช้าๆและกอดน้องชายอย่างกล้าๆกลัวๆ ไม่แน่ใจว่ามันคือความฝันหรือความจริง แต่สัมผัสที่ได้รับมันทำให้เขากระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น น้ำตาเอ่อล้นและไหลลงมาอาบแก้มไม่ขาดสาย

   "พี่ต่างหากต้องขอโทษ...ขอโทษนะครับ" รุตกอดเลิฟแน่นกว่าเดิมเขาคิดเข้าข้างตัวเองได้ใช่ไหม คิดได้ใช่ไหมว่าน้องไม่ได้เกลียดเขาแล้ว เขาได้น้องชายตัวเองคืนมาแล้วใช่ไหม...

...
...

   "ไปไหนมาวะแล้วเมียมึงล่ะ" ต้าที่มารอปออยู่ที่บ้านถามด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นว่ามีแค่เพื่อนตัวเองที่เดินมา

   "มันไปอยู่เป็นเพื่อนพี่มัน" ปอบอกเซ็งๆแล้วเดินนำต้าไปที่ห้องนั่งเล่น

   "ถึงว่ากูได้กลิ่นเหม็นๆ" ต้ากระตุกยิ้มมุมปากนิดๆแล้วนั่งลงที่โซฟาใกล้ๆปอ

   "เหม็นเหี้ยอะไรของมึง" ปอขมวดคิ้วด้วยความงงเพราะตัวเองไม่ได้กลิ่นอะไร

   "กลิ่นหมาหัวเน่าแถวนี้ไงวะ" ต้าหัวเราะออกมาด้วยความสะใจหลัง จากพูดจบ

   "สัส!!" ปอด่าด้วยความหงุดหงิดเพราะคำพูดต้าค่อนข้างแทงใจดำ เพตั้งแต่เลิฟปรับความเข้าใจกับรุตเจ้าตัวก็ไปอยู่เป็นเพื่อนอีกฝ่ายที่โรง'บาลทุกวัน รักษาตัวจนหายเลิฟก็ยังตามไปอยู่เป็นเพื่อนพี่ชายที่บ้าน ส่วนกับพ่อความ สัมพันธ์ก็ดีขึ้นเรื่อยๆกับแม่เลี้ยงถึงจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแต่ไม่ได้แย่ลง และปอก็ใกล้จะเป็นหมาหัวเน่าแบบที่ต้าว่าเข้าไปทุกที ยังดีหน่อยที่เลิฟยังกลับมานอนบ้านทุกวันแถมเซอร์วิสดีทุกคืน

   "แล้วมึงมีไร" ปอถามต้าเพราะดูแล้วอีกฝ่ายเหมือนมีอะไรจะคุยด้วย

   "เรื่องไอ้แฮค" คำพูดของต้าทำให้ปอขรึมลงทันที

   "มันได้ประกันตัว" ต้าบอกเสียงเครียดพอควรเพราะเดาอารมณ์ปอต่อจากนี้ออก

   "ไหนมึงบอกว่าตำรวจจัดการได้" ปอถามเสียงเข้มโทสะวิ่งขึ้นมาเป็นริ้วๆ

   "เส้นสายทางบ้านมันก็ใหญ่พอๆกับทางเรา..." ต้าพยายามอธิบายอย่างใจเย็นแต่พูดไม่ทันจบปอก็ตะคอกสวนขึ้นมา

   "ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่แม่งเส้นใหญ่หรือพ่อมันใหญ่แค่ไหน แต่มึงบอกให้กูรอเพราะตำรวจจัดการได้แล้วนี่มันเรื่องเหี้ยอะไรวะ!!" ปอตะคอกเสียงดังลั่นด้วยความโมโห

   "กูก็ไม่ได้คิดว่าเรื่องมันจะกลายเป็นแบบนี้" ต้ายังพยายามพูดด้วยความใจเย็นที่สุด

   "ไม่คิดงั้นเหรอถ้ามึงไม่ห้ามกูยิงมันไปแล้ว!!" ปอเดือดดาลอย่างถึงที่สุดเขาไม่น่าเชื่อไอ้ต้าเลยถ้ายิงแม่งให้ตายห่าไปตั้งแต่วันนั้นก็ดีแล้ว

   "มึงจะโทษว่ากูผิดที่ห้ามไม่ให้มึงฆ่าคนเหรอวะ!!" ต้าเองก็ตะคอกกลับด้วยความโมโหเช่นกัน

   "เสียงดังเหี้ยอะไรกัน" ป้องที่เดินผ่านมาเห็นพอดีถามขึ้นเสียงเข้มแต่ทั้งปอและต้าต่างเงียบทั้งคู่

   "มึงเป็นอะไรปอ" ป้องตวัดสายตามามองน้องชายดุๆ

   "ทำไมไอ้แฮคมันหลุดคดี" ปอถามเสียงเรียบพยายามคุมอารมณ์ตัว เองให้นิ่งที่สุด ถ้าการที่ไอ้แฮคได้ประกันตัวมันก็ไม่ต่างจากรอดหรอก

   "ตามที่ไอ้ต้าบอก" ป้องกลับมาพูดด้วยโทนเสียงปกติเมื่อเห็นว่าน้อง ชายกลับมาอารมณ์ปกติแล้ว

   "เหตุผลส้นตีน" ปอมองพี่ชายอย่างไม่เชื่อเขาเองก็พอรู้ว่าไอ้แฮคมันก็ใหญ่พอควร ไม่งั้นระยำระดับมันไม่รอดมาถึงทุกวันนี้หรอก แต่คดีนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆที่จะได้ประกันตัวง่ายๆ ต่อให้เส้นใหญ่แค่ไหนมันต้องมีเหตุผลอย่างอื่นด้วยแน่ๆ

   "ข้อต่อรองมันเยอะกว่าเรา" ป้องนั่งลงบ้างและสบตาน้องนิ่งๆ

   "หมายความว่าไง" ปอถามด้วยความไม่เข้าใจอะไรคือข้อต่อรองมันเยอะกว่า

   "ถ้าเราไม่ยอมจบที่ให้มันเป็นแค่เรื่องทะเลาะวิวาท มันจะซัดทอดไอ้รุตและลากเข้าคุกด้วยกัน" คำตอบของป้องทำเอาปอจุกและพูดไม่ออก หมาย ความว่าเขาทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว เพราะถ้าดันทุรังจะเอาไอ้แฮคเข้าคุกแปลว่าไอ้รุตต้องติดคุกด้วยข้อหาสมรู้ร่วมคิด และไอ้เลิฟมันคงไม่ยอมแน่ๆ

   "พ่อว่าไงบ้าง" ปอถามถึงพ่อที่เป็นทางออกสุดท้ายหวังในใจว่าพ่ออาจจะมีหนทางอะไรบ้าง

   "ทั้งพ่อตามึงทั้งพ่อเห็นตรงกันว่ายอมจบเรื่อง" คำตอบของป้องทำให้ปอยิ่งกว่าหมดแรงมือสองข้างกำเข้าหากันแน่น ความรู้สึกหลายอย่างมันอัดกันแน่นและอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้

   "และอีกเหตุผลที่เราต้องยอมทางนั้นเขาจะแจ้งความมึงกลับข้อหาพยายามฆ่า" ป้องพูดต่อเสียงเรียบ

   "แม่งเอ้ย!!" ปอสบถออกมาด้วยความเจ็บปวดแล้วนั่งเงียบจมอยู่กับความคิดตัวเอง

   "อย่าคิดจะยืมมือฮวงหลงนะปอ" คำพูดที่เหมือนเข้ามานั่งในใจของพี่ชายทำให้ปอเม้มปากตัวเองแน่น เขาเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าไอ้ป้องกับเขา เหมือนกันมากในหลายๆความหมาย ไม่ใช่แค่รูปร่างหน้าตาแต่มันรวมถึงความคิดด้วย

   "ให้มันจบแค่นี้แล้วหยุดความคิดของมึงตอนนี้ซะ มึงรู้ดีว่าถ้ามึงเลือกที่จะก้าวขาเข้าไปชีวิตที่มึงเป็นตอนนี้จะหายไป อย่าทำอะไรที่ทำให้ความพยายามของพ่อที่กันเราออกมาเสียเปล่าเข้าใจที่กูบอกใช่ไหม" ป้องพูดกับปอด้วยน้ำเสียงและท่าทางจริงจังแบบที่น้อยครั้งจะทำ
 
   ทุกวันนี้ทุกคนในครอบครัวได้ชื่อว่าเป็นคนของฮวงหลงก็จริง แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องในเรื่องลึกๆของฮวงหลงมากนัก ที่ได้รับรู้ได้สัมผัสบ้างเพราะในฐานะลูกและหลานเท่านั้น

   ที่ปู่ยังไม่วุ่นวายหรือบังคับอะไรพวกเขาเหมือนบ้านลุง เพราะมันเป็นข้อตกลงระหว่างปู่กับพ่อ ตราบใดที่ทางเราไม่ล้ำเส้นยืมมือของฮวงหลงปู่ก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกเราและเราจะยังอยู่ในสถานะนี้ไปเรื่อยๆ

   เขารู้ว่าน้องชายรู้สึกยังไงถ้าเกิดขึ้นกับคนของเขาบางทีเขาอาจจะทำมากกว่าที่น้องทำด้วยซ้ำ แต่ถ้าตัวเขาหรือน้องเขาเป็นคนล้ำเส้นที่ขีดไว้มันจะเข้าทางปู่ทุกอย่าง เพราะปู่อยากได้ตัวเขากับไอ้ปอไปช่วยงานจะตาย

   "กูรู้แล้ว" ปอลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาหยุดตรงหน้าต้า

   "โทษทีว่ะมึง" ปอตบไหล่ต้าเบาๆ

   "เออ...ไปทำให้หัวมึงเย็นลงก่อนเหอะเมียมึงกลับมาผวาตายห่า เดี๋ยวตอนเย็นกูไปรับให้เอง" ต้าเองก็ตบไหล่เพื่อนกลับเบาๆซึ่งปอก็พยักหน้ารับแล้วเดินออกไป

...
...

   "อ้าวไอ้พี่ต้า...ปออ่ะ" เลิฟถามด้วยความแปลกใจที่เห็นต้าเป็นคนมารับแทนที่จะเป็นปอ

   "มันหนีไปกกชู้ว่ะ" ต้ายักคิ้วให้เลิฟกวนๆเลยโดนอีกฝ่ายค้อนตาคว่ำใส่

   "ปากหมาว่ะเดี๋ยวจะฟ้องพี่โชน" เลิฟเอาชื่อโชนมาขู่ต้าแล้วก็ได้ผลเพราะต้าหน้าเสียไปเลย

   "กูกราบเลยเมียเพื่อนนั่นดุกว่าแม่กูอีกนะ" ต้าโอดครวญออกมาทำหน้าเหมือนจะตายยกมือท่วมหัวไหว้เลิฟ

   "โหยยย ป๊อดว่ะกลัวเมียเหรอวะ" เลิฟหัวเราะคิกคักชอบใจที่แกล้งต้าได้

   "เมียกูมันไม่ได้กลัวผัวเกรงใจผัวแบบมึงนี่หว่า" ต้าแขวะเลิฟกลับไปบ้าง

   "ก็ผัวพี่โชนมันไม่มีปัญญาคุมเมียเอง" เลิฟเองก็แขวะกลับอย่างไม่ยอมแพ้

   "นอกจากผัวมึงกับเมียกูคงไม่มีใครตาบอดเห็นว่ามึงน่ารักแน่ๆ" ต้าส่ายหัวหน่ายๆขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับเลิฟ เปิดประตูหนีขึ้นไปนั่งรอบนรถแทน

   "อ้าว...นั่นพี่กลอนนี่หว่าแกมาทำอะไรแถวนี้" ต้าพึมพำออกมาด้วยความสงสัยที่เห็นรุ่นพี่ตัวเองมาอยู่แถวนี้

   "อ๋อ..เลิฟชวนพี่กลอนมาเที่ยวบ้านเองแหละ" เลิฟไขข้อข้องใจให้ต้า เพราะเขาตั้งใจจะให้พี่กลอนมาเป็นเพื่อนกับพี่ชายตัวเอง เหตุผลเพราะพี่กลอนแกเป็นคนอัธยาศัยดี ใจเย็น น่าจะอยู่กับพี่รุตได้แบบไม่อึดอัด

   "อ้อ" ต้าพยักหน้ารับรู้แล้วขับรถพาเลิฟกลับ

   พอลงจากรถเลิฟก็ตรงดิ่งไปทางสนามซ้อมยิงปืนตามที่ต้าบอก เดินมาถึงก็เห็นปอตั้งหน้าตั้งตาซ้อมยิงปืนอยู่ ขยับเข้าไปใกล้ๆก็ต้องตะลึงกับสิ่งที่เห็น

   "โหหหห แม่นขนาดนี้ไปลงแข่งทีมชาติเหอะ" เลิฟส่งเสียงชมออกมาจ้องไปที่เป้ากระดาษไม่วางตา บนเป้ามีรอยกระสุนอยู่แค่จุดๆเดียวคือส่วนหัว แต่จำนวนปลอกกระสุนปืนที่กองอยู่บนพื้น มันทำให้เดาได้ไม่ยากเลยว่าทุกนัดที่ยิงเข้าไปที่จุดเดียวหมด

   "กูยิงปืนตั้งแต่สี่ชวบแล้วนี่ถึงนานรึยัง" ปอวางปืนในมือลงแล้วหันมาสนใจเลิฟแทน

   "มาเมื่อเห็นเนี่ยแหละ" เลิฟยักคิ้วตอบปอกวนๆ

   "หึ มานี่มา" ปอหัวเราะในคอเล็กน้อยก่อนจะกวักมือเรียกเลิฟให้เข้ามาหา

   "ไรอ่ะ" เลิฟทำหน้างงใส่ปอแต่ก็ยอมเดินเข้าไปหาง่ายๆ

   "มายืนนี่" ปอดึงเลิฟไปยืนแทนที่ตัวเองแล้วย้ายมายืนซ้อนด้านหลังแทน

   "กูจะสอนมึงยิงปืน" ปอหยิบปืนขึ้นมาแล้วยื่นให้เลิฟถือไว้

   "ทำไมต้องหัดยิงอ่ะทำเหมือนเลิฟเป็นเมียเจ้าพ่อเลย" เลิฟถามขำๆไม่ได้คิดอะไรแต่ปอถึงกับชะงักไปเล็กน้อย
   "แล้วถ้าผัวมึงเป็นเจ้าพ่อจริงๆล่ะ" ปอถามเสียงเรียบ

   "ฮ่าๆก็ต้องเลยตามเลยแล้วล่ะกลับตัวตอนนี้คงไม่ทัน จะเป็นเจ้าพ่อ เป็นตำรวจ เป็นโจร ทำได้แค่ยอมรับแหละก็รักไปแล้วนิ" เลิฟหันมายิ้มกว้างให้ปอ

   "จำคำมึงไว้ให้ดีๆนะ" ปอว่ายิ้มๆ

   "อือ...แต่หัดไว้ก็ดีนะจะได้ยิงคนแถวนี่เวลาเจ้าชู้" เลิฟทำเสียงขู่ปอ

   "ยิงให้มันเข้าเป้าก่อนไหมค่อยโม้ถ้ามึงยิงแม่นกูหาปืนให้พกเลย"

   "โหยย ดูถูกว่ะปอ" เลิฟถลึงตาใส่ปอแล้วทำปากยื่นออกมาอย่างงอนๆ ปอเลยก้มลงกัดปากแดงๆนั่นอย่างหมันเขี้ยวพร้อมกดจูบลงไปแรงๆอีกที

   "อื้อ...มาหัดเลยมาเดี๋ยวอึ้ง" เลิฟดันหน้าปอออกจากตัวเอง ถือปืนเล็งไปที่เป้าด้วยสายตามุ่งมั่นจนปอได้แต่ยิ้มขำ

   แล้วปอก็ได้อึ้งอย่างที่เลิฟบอกจริงๆเพราะหมดกระสุนไปเกือบร้อยนัด เป้าที่ใช้ซ้อมยิงสะอาดเอี่ยมเหมือนทีแรกทุกอย่าง บางทีเขาคงคิดผิดที่จะให้เมียยิงปืน



2 Be Con...

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กับดักที่
- 57 -
   


   ปอควานมือไปมารอบๆที่นอนเพื่อหาคนแต่สิ่งที่สัมผัสได้คือความว่างเปล่าและความเย็นของผ้า ปอลืมตาตื่นทันทีแล้วลุกขึ้นนั่งพร้อมใช้สายตามองไปรอบๆห้อง ก่อนจะคว้าเอากางเกงนอนที่ข้างเตียงมาใส่เดินเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าแปรงฟันให้ตัวเองสดชื่น

   เสียงของเครื่องเรือนที่ดังกระทบกันให้ได้ยินแว่วๆ ทำให้ปอเปลี่ยนเป้าหมายจากสวนหน้าบ้านเป็นห้องครัวแทน เดินมาถึงก็เห็นคนตัวเล็กยืนฮัมเพลงทำอาหารอยู่หน้าเตา ในสภาพสวมเสื้อเชิ้ตตัวเดียวโชว์ขาเรียวขาวอยู่

   ฟอดดดดด

   "ทำอะไรกิน" ปอโอบเอวบางไว้แล้วก้มถามชิดแก้มเนียน

   "ฟอดดดด ข้าวต้มกุ้งชิมป่ะ" เลิฟหันกลับมาหอมแก้มปอคืนพร้อมกับตักข้าวต้มในหม้อเป่าไล่ความร้อนให้ แล้วยื่นให้ปอชิมซึ่งเจ้าตัวก็อ้าปากรับแต่โดยดี

   "อร่อย" ปอเอ่ยปากชมจนเลิฟยิ้มกว้างอย่างดีใจ

   "เสร็จรึยัง" ปอถามและชะโงกหน้าไปดูหม้อข้าวต้มที่กำลังเดือดอยู่

   "เสร็จละหิวแล้วดิ" เลิฟเอื้อมมือไปปิดเตาแก๊สกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบชามก็ถูกพลิกตัวกลับกระทันหัน

   "อื้อ" เลิฟส่งเสียงประท้วงในลำคอเล็กน้อยเนื่องจากถูกจูบแบบไม่ทันตั้งตัว

   "แฮ่กๆๆ เล่นไรเนี่ย" เลิฟสูดอากาศหายใจเข้าปอดทันทีที่ปากได้รับอิสระใบหน้าแดงก่ำมองค้อนปอตาคว่ำ

   "เอาจริง" ปอพูดเสียงหื่นขบเม้มปากอิ่มของเลิฟเล่น

   "ไหนบอกหิว" เลิฟทำตาโตใส่ปอพึ่งตื่นมาทำไมหื่นได้ล่ะ

   "กำลังจะกินนี่ไง" ปอใช้ปลายจมูกซุกไซร้ลงมาตามซอกคอระหงสลับกับดูดเม้มจนขึ้นรอยแดงจ้ำ มือก็ปลดกระดุมเสื้อไปด้วยอีกข้างก็ล้วงเข้าไปในเสื้อทางด้านหลัง

   "ปออออ หื่นอะไรแต่เช้าเนี่ย" เลิฟพยายามดึงหัวปอออกจากซอกคอตัวเอง

   "หืม...ข้างล่างไม่ใส่อะไรแบบนี้มึงยั่วชัดๆ" ปอบ่นงึมงำวกขึ้นมากัดใบหูเล็กเบาๆ มือหนาบีบเค้นที่สะโพกนุ่มนิ่มปลายนิ้วลูบวนช่องทางรักไปมา ก่อนจะดันนิ้วเรียวเข้าไปช้าๆด้านในตัวเลิฟเองก็ตอดรัดนิ้วร้อนเบาๆ

   "อื้อ...ปะ ปอห้องครัว" เลิฟเอ่ยปากห้ามเสียงสั่นเพราะยังนึกขึ้นได้ว่าตัวเองอยู่ในครัว

   "อายอะไรที่รักสระหน้าบ้านก็ลองมาแล้ว" คำพูดของปอทำเอาเลิฟหน้าแดงแปร้ดเพราะความอาย ตอนนั้นอารมณ์มันพาไปนิแล้วดูเหมือนตอนนี้อารมณ์กำลังจะพาไปอีกรอบ

   ปึ่ก!!

   "โอ๊ย!!" เขินจนทำอะไรไม่ได้เลยทุบลงบนอกของอีกฝ่ายเต็มแรง แล้วก็ต้องร้องเสียงหลงเพราะปอกัดลงบนยอดอกจนขึ้นรอยฟัน ลิ้นร้อนเลียวนไปรอบๆอ้างับดูดดึงจนแข็งเป็นไต นิ้วมือซุกซนด้านล่างก็ขยับเข้าออกอยู่แบบนั้น

   ปออุ้มเลิฟขึ้นแล้ววางลงบนโต๊ะไม้ตัวใหญ่กลางห้องครัว ยืนมองเลิฟที่นอนตัวอ่อนระทวยด้วยแววตาหื่นกระหายแบบไม่ปิดบัง ยิ่งแววตากลมโตที่ปรือขึ้นมามองกับปากแดงๆที่เจ้าตัวกัดไว้ มันชวนกระตุ้นอารมณ์ดิบให้เพิ่มมากขึ้น

   ปอแหวกสาบเสื้อออกกว้างจนเห็นแผ่นอกเนียนและยอดอกสีชมพูสวย มองไปที่คนตัวเล็กด้วยสายตาโลมเลียจนเลิฟต้องกลืนน้ำลายลงคอเสียงดัง แล้วส่งลิ้นออกมาเลียรอบริมฝีปากตัวเองอย่างลืมตัว

   ปอที่มองการกระทำของเลิฟก็ยิ่งเพิ่มความร้อนรุ่ม ไม่รู้ว่าจงใจหรือทำมันแบบไม่รู้ตัวแต่ไอ้ท่าทางแบบนี้มันยั่วกันดีๆนี่เอง ปอโน้มตัวลงประกบจูบอีกฝ่ายด้วยความรุนแรงส่งลิ้นเข้าไปในโพร่งปากนุ่ม ไล่เลียสำรวจไปตามไรฟันที่เรียงตัวสวยก่อนจะกวาดต้อนลิ้นเล็กไปทั่วแล้วเกี่ยวกระหวัดดูดดึงหยอกล้อไปมา

   มือเล็กของเลิฟขยุ้มเส้นผมของปอไว้แน่นลำตัวแอ่นขึ้นเล็กน้อย บดเบียดเสียดสีไปมากับแผ่นอกกว้าง จนยอดอกของตัวเองถูไถไปมากับอีกฝ่าย สัมผัสได้ถึงอุณหภูมิของร่างกายที่กำลังพุ่งขึ้นสูง

   ปอผละริมฝีปากตัวเองออกมาแล้วเลื่อนมาจูบที่ข้างแก้ม ไล่ลงมาที่ซอกคอเลื่อนต่ำลงมาเรื่อยๆจนถึงยอดอกทั้งสองข้าง แล้วอ้าปากงับลงไปดูดดึงหยอกล้อส่วนอีกข้างก็ใช้มือสะกิดเขี่ยบีบขยี้แรงๆจนจุกนมบวมแดงขึ้นมาเล็ก น้อย จากนั้นก็สับเปลี่ยนหยอกล้อไปมาจนมันแข็งขึ้นเป็นไต

   “อ๊ะ...อ๊าาาา...อื้อ” เลิฟรู้สึกเจ็บที่ยอดอกทั้งสองข้างไม่น้อย แต่มันเป็นความเจ็บปนเสียวจนต้องหลุดเสียงครางออกมา หน้าท้องหดเกร็งทันทีเมื่อปอลากลิ้นไล่ลงไปแล้วยังเลียวนไปทั่วสะดือ

   ปอจับขาของเลิฟขึ้นตั้งฉากแล้วแยกมันออกเล็กน้อย ครอบปากลงบนส่วนอ่อนไหวกลางลำตัวแล้วขยับรูดรั้งช้าๆ ใช้ปลายลิ้นไล่ตั้งแต่ฐานถึงส่วนปลายเลียวนจนมีน้ำใสๆซึมออกมา ปอผละใบหน้าตัวเองออกมาเล็กน้อยดันขาของเลิฟไปข้างหน้าจนสะโพกบางลอยขึ้นจากโต๊ะ เผยให้เห็นช่องทางรักสีสวยที่กำลังขมิบถี่ๆเหมือนรอคอยอะไรบางอย่าง ปอจัดการก้มลงละเลงลิ้นที่ส่วนนั้นทันทีอย่างไม่รอช้า

   “อึก...อ๊ะ...อ๊าาาา” เสียงหวานครางออกมาเป็นระยะเพราะความเสียวซ่าน มือเล็กดึงทึ้งเส้นผมของปอจนแทบจะหลุดออกมา ช่องทางรักขมิบถี่รัวยิ่งปลายลิ้นร้อนของอีกฝ่ายที่แยงเข้ามา ด้านในของเลิฟยิ่งตอดรัดมากกว่า เดิมจนลิ้นของปอขยับไม่ถนัดแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก เพราะความชำนาญของคนตัวโตลิ้นร้อนเลยยังขยับพริ้วไหว จนสะโพกบางส่ายรับเป็นจังหวะ

   ปอดึงตัวเองออกมาแล้วเดินไปหยิบเอาน้ำมันมะกอกมาเพื่อใช้แทนเจลล่อลื่น เทชโลมลงไปทั่วนิ้วของตัวเองแล้วดันมันเข้าไปที่ช่องทางด้านหลัง ปากก็ยื่นไปประกบจูบแลกลิ้นอย่างดุเดือดกับคนตัวเล็ก นิ้วมือด้านล่างขยับเข้าออกเป็นจังหวะก่อนจะเพิ่มจำนวนเข้าไป จนมั่นใจว่ามันคลายตัวมากพอปอก็จัดการดึงนิ้วทั้งหมดออกมา พร้อมกับดึงตัวเลิฟให้ลงมายืนที่พื้นด้านล่างพลิกตัวอีกฝ่ายให้คว่ำหน้าเข้าหาโต๊ะ จับสะโพกบางให้โก่งขึ้นเล็กน้อยแล้วดันแก่นกายที่ชโลมด้วยน้ำมันเข้าไปจนมิดด้าม

   “อ๊าาาาาาาา” เลิฟครางเสียงดังเพราะแรงเสียดสีจากด้านหลังมันเจ็บและจุกแต่เสียวแทบขาดใจ ปากอิ่มสั่นระริกช่องทางหลังตอดรัดแก่นกายใหญ่ โตจนมันปวดหนึบไปหมด ปอแช่ตัวเองทิ้งไว้สักพักก่อนจะออกมาจนเกือบสุดความยาวแล้วดันกับเข้าไปแรงๆ ขยับเข้าออกช้าๆแต่เน้นหนักในทุกจังหวะ

   เอี๊ยด! เอี๊ยด!

   “อ๊ะๆๆๆ อ๊าาาาาา” เสียงครางดังระงมเพราะจังหวะรักที่เชื่องช้าในทีแรกกำลังเปลี่ยนเป็นรัวเร็ว ใบหน้าหวานส่ายสะบัดไปมาเพราะความสุขสมที่ได้รับ ตัวของเลิฟสั่นคลอนไปหมดเพราะแรงกระแทกที่ใส่เข้ามาไม่ยั้ง โต๊ะไม้ตัวใหญ่ที่ถูกใช้เป็นฐานรองรับน้ำหนักเองก็ไม่ต่างกัน มันโยกไหวเสียดสีกับพื้นดังลั่นเอี๊ยดอ๊าด

   “อ๊าาาาาา” ไม่นานเลิฟก็ปลดปล่อยตัวเองออกมาจนเลอะไปทั่ว ปอจับขาของเลิฟยกขึ้นข้างนึงท่าทางนี้ยิ่งทำให้เขาเข้าไปได้ลึกกว่าเดิม จัดการอัดสะโพกเข้าออกรัวเร็วและแรงจนในที่สุดก็ปลดปล่อยตามเลิฟไปติดๆ ฉีดพ่นความอุ่นร้อนเข้าไปจนเต็มช่องทางรัก

   ปอโน้มตัวจูบซับไปทั่วแผ่นหลังเนียนแล้วดึงใบหน้าของคนตัวเล็กให้หันมาจูบ ก่อนจะถอนแก่นกายตัวเองออกช้าๆจนเลิฟเบ้หน้าออกมาเล็กน้อยเพราะความแสบ มีน้ำรักสีขาวขุ่นไหลย้อนออกมาเปรอะเปื้อนขาเรียวเล็กน้อย

   “กินข้าวไหมวะ” ปอจับตัวเลิฟพลิกกลับมาพร้อมยิ้มกวนๆ

   “กวนตีน” เลิฟขมุบขมิบปากด่าด้วยความหมั่นไส้ คนนอกอาจจะมองว่าปอเป็นคนนิ่งๆเย็นชาดูเป็นพวกไร้อารมณ์ แต่ได้ลองมาอยู่ด้วยกันเหมือนเขาจะรู้เลยว่าไอ้ภายนอกที่เห็นน่ะ มันใช้กลบเกลื่อนความกวนตีนที่เจ้าตัวมีล้วนๆนับวันยิ่งเห็นชัดขึ้นแล้วเป็นคนที่กวนได้หน้าตายสุดๆ จนบางครั้งอยากเอามีดฟันหน้าหล่อๆทิ้ง (ถ้าไม่ติดว่าเสียดาย)

   “งั้นไปอาบน้ำ” ปอจัดการอุ้มคนตัวเล็กขึ้น

   “ไม่ต่อนะปอต้องไปเรียน” เลิฟเอ่ยปากห้ามเสียงเบาก้มหน้างุดด้วยความเขิน

   “เออๆไม่ต่อ” ปอเองก็รับคำแล้วพาอีกคนไปอาบน้ำ ส่วนหม้อข้ามต้มกุ้งที่เลิฟแหกขี้ตาตื่นขึ้นมาทำแต่เช้าก็คงเป็นหมันไปตามระเบียบ

...
...
   
   เลิฟก้าวขาลงจากรถในสภาพค่อนข้างทุลักทุเล ใบหน้าหวานเบ้เล็กน้อยเพราะความเสียดทางด้านหลัง เรียกว่ากว่าจะเอาตัวเองออกจากรถให้มายืนดีๆได้ก็เกือบตาย แถมไอ้ตัวต้นเหตุยังไม่มีท่าทีจะสนใจหรือคิดจะเหลียวแลเลยสักนิด เดินตัวปลิวนำหน้าเข้าคณะไปนู้นแล้ว

   "ยืนนิ่งทำไมไม่เข้าเรียนรึไง" ปอที่เดินนำออกมาได้สักพักแต่ไม่เห็นอีกคนเดินมาด้วย เลยหยุดแล้วหันหลังกลับไปมองเจออีกฝ่ายกำลังหน้างอมองเขาอยู่

   "........." เลิฟไม่ตอบอะไรยืนหน้าบึ้งอยู่แบบนั้นด้วยความเคือง

   "นี่มึงกำลังงอนกูอีกแล้วใช่ไหม" ปอเดินกลับมายืนตรงหน้าเลิฟ ซึ่งเจ้าตัวก็ยังคงเงียบแยกเขี้ยวใส่ปอแล้วสะบัดหน้าหนีคอแทบหัก

   ปอหรี่ตามองเล็กน้อยแล้วตัดสินใจอุ้มเลิฟขึ้นพาดบ่า ออกเดินตรงไปที่ห้องเรียนไม่สนสายตาทุกคนที่มองอย่างสนใจ ส่วนเลิฟก็ได้แต่ดิ้นขลุกขลักไปมาเพื่อให้ปอปล่อยตัว

   "โอ๊ย!!! อะไรของมึง" ปอหลุดเสียงร้องออกมาเพราะโดนเลิฟทุบลงที่กลางหลังเต็มแรง

   "ปล่อยอายคน" เลิฟพึมพำที่ข้างหูก้มหน้าฝังลงกับไหล่ ปอเหลือบมองนิดๆก็เห็นว่าใบหูของอีกฝ่ายแดงไปหมด เลยยอมปล่อยคนตัวเล็กให้ลงมายืนที่พื้น

   "งั้นมึงก็เดินเองดีๆ" ปอว่าเสียงเรียบเลิฟเลยมองค้อนสะบัดหน้าหนีตามสเต็ปเดิมเมื่อกี้เป๊ะๆ

   ปอส่ายหน้าหน่ายๆกับความงอนที่ชอบมาได้ตลอดเวลาของเลิฟ ยิ่งอยู่กันไปยิ่งงอแงแสนงอนขึ้นทุกวันบางทีก็พ่วงความงี่เง่า ถ้าไม่ติดว่ารักกันไปแล้วเขาคงตบอีกฝ่ายคอหลุด

   "หวัดดีพี่ปอแล้วนี่มึงงอนเหี้ยอะไรวะ" พีททักทายปอแล้วหันมามองเพื่อนตัวเองที่ยืนหน้างออยู่ ไม่รู้มันงอนอะไรพี่ปออีกขี้เกียจจะเดาเพราะไอ้เลิฟมันสามารถงอนได้ทุกเรื่องทุกเวลา นับวันยิ่งแต๋วแตกสาวน้อยเข้าไปทุกทีถ้ามันไม่ได้หน้าตาน่ารักแบบนี้นะ บอกเลยว่าไอ้ที่ทำอ่ะโคตรน่าเกลียด

   ทุกวันนี้ไอ้เลิฟโคตรจะงี่เง่าจนเขาที่เป็นเพื่อนยังต้องส่ายหัว แต่จะโทษใครได้ก็พี่ปอตามใจเพื่อนเขาซะขนาดนั้น ชนิดที่ทำให้พวกเขาลืมไปเลยว่าตอนแรกคู่นี่กัดกันแทบตาย แถมขยันหวานออกสื่อให้คนอิจฉาตาร้อนได้ตลอด คู่รักคนดังของมหา'ลัยเลยล่ะ

   "กูไม่ได้งอน" เลิฟหันมาเหวี่ยงพีทที่ดูเข้าข้างปอ เขาไม่ได้งอนนะไม่ได้เป็นอะไรเลยสักนิดเหอะ

   "เออๆงั้นก็ไปเรียนอย่ามายืนรอให้ผัวง้อ" พีทส่ายหัวด้วยความรำคาญแล้วกระชากเลิฟให้เดินไปเรียน

   "โอ๊ย!! ไอ้เหี้ยพีทอย่าลากดิวะแม่ง!! กูเจ็บ" เลิฟโวยวายดังลั่นไปตลอดทาง แต่พีทก็ไม่ได้สนใจยังคงตั้งหน้าตั้งตาลากแขนเพื่อนต่อไป

   ปอยืนมองเลิฟจนลับสายตาแล้วถึงเดินไปเรียนคลาสของตัวเองบ้าง ระหว่างทางก็มีรุ่นน้องเข้ามาทักทายเป็นระยะ ตอนนี้เขาเรียนอยู่ชั้นปีที่ 2 และอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าก็จะขึ้นปี 3 ชีวิตช่วงนี้ของเขาก็เรื่อยๆไม่มีเหตุการณ์อะไรพิเศษเกิดขึ้น มาเรียน ช่วยงานที่ผับ พาไอ้เลิฟเที่ยว เรียกได้ว่าวนเวียนกันอยู่แค่นั้น

   ถ้าจะมีเรื่องอะไรทำให้เขาประสาทเสียบ้างก็มีแค่เรื่องเดียว คือเรื่องที่มีไอ้พวกไม่กลัวตายจ้องจะแดกเมียเขาและมีมาได้ตลอดไม่ขาด ทั้งที่ในมหา’ลัยมีผู้หญิงสวยๆให้เกลื่อนเสือกไม่ยุ่งกัน ขยันมาวุ่นวายกับไอ้เลิฟที่เป็นผู้ชายเนี่ยแหละ

   ส่วนไอ้แฮคตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งนั้นก็ไม่มีใครเห็นมันอีกเลย มันหายตัวไปแบบไร้ร่องรอยเหมือนไม่มีตัวตน จนมารู้กันทีหลังว่ามันถูกส่งให้ไปอยู่เมืองนอกเพื่อไม่ให้ก่อปัญหาเพิ่ม ซึ่งเขาก็โล่งอกไปในระดับนึงแต่ไม่ได้วางใจทั้ง หมดเพราะไม่รู้ว่ามันจะกลับมาแก้แค้นรึเปล่า  คิดอะไรเรื่อยเปื่อยก็เดินมาถึงห้องเรียนพอดี ปอเลยต้องหยุดความคิดตัวเองไว้แค่นั้นแล้วเดินเข้าห้องเรียนไป

...
...
   
   “แล้วมึงคิดดูนะกูอ่ะอุตส่าห์แหกขี้ตามาทำข้าวให้แดก แม่ง!!!” เลิฟบ่นงึมงำหน้างอง้ำอย่างใส่อารมณ์ ตอนแรกก็อายไม่ได้อยากจะเล่าเรื่องในมุ้งแต่พอโดนบังคับให้เล่า เขาเลยเล่ายาวเพราะไหนๆก็ได้อายกันแล้วถือเป็นการระบายอารมณ์ไปในตัว

   “อย่ามาอวดผัวให้กูฟังค่ะอีเลิฟเดี๋ยวตบ” โดมนั่งมองเพื่อนตัวเองบ่นแฟนด้วยความอิจฉา
 
   “กูอวดตรงไหนนี่กูกำลังด่านะแล้วมึงเรื่องใครอีกูเป็นผู้ชาย” เลิฟถลึงตาใส่โดมดุๆ ตอนนี้พ่อหนุ่มโดมเดือนคณะสุดหล่อกลายเป็นเจ้โดมมี่เต็มตัวแล้วเพราะตัดสินใจบอกกับที่บ้านเรื่องตัวเอง กลายเป็นว่าทางบ้านไม่ได้ตกใจอะไรเนื่องจากเขารู้กันมานานแล้ว สรุปคือแอ๊บแมนฟรีๆพอเปิดเทอมมาเลยจัดเต็มช็อคตาตั้งกันทั้งมหา’ลัย

   “ค่ะ!! ผู้ชายที่มีผัวเป็นตัวเป็นตนแถมหาได้ดีกว่าเก้งกวางบ่างชะนีแถวนี้ ที่สำคัญมึงกำลังอวดผัวตัวเองค่ะไม่ได้ด่า” โดมจีมปากจีบคอด่าเลิฟด้วยความหมั่นไส้เอื้อมมือไปจิ้มหน้าผากแรงๆอีกที

   “กูอวดอะไร” เลิฟเถียงกลับไม่ยอมแพ้คนด่าอยู่ชัดๆมาหาว่าอวดอีก

   “ก็ที่กูฟังมาเนี่ยมึงกำลังบอกกูว่าผัวมึงรักมึงมากหลงมึงมากชัดๆ” โดมจิ้มหน้าผากเลิฟแรงๆอีกครั้งเพราะความหมั่นไส้และอิจฉา ไม่รู้ว่าเพื่อนหน้าหวานตัวเองทำบุญด้วยอะไรถึงได้เทพบุตรเดินดินมาเป็นผัว

   “ชิส์...ว่าแต่ทำไมคนมองกูจังวะ” เลิฟที่รู้ว่าตัวเองเถียงไม่ชนะก็เริ่มสนใจคนรอบข้าง จริงๆก็สังเกตุมาสักพักแล้วว่าตัวเองโดนมองแถมแต่ละคนมองแล้วส่งยิ้มให้นิดๆทำเอางงไปพอควร

   “เออว่ะกูก็พึ่งสังเกตุ” โดมที่เห็นเพื่อนถามก็เลยมองไปรอบๆบ้าง

   “ช่างเถอะคงตะลึงกับความสวยกูว่าแต่อีพีทไปไหน” โดมถามหาเพื่อนอีกคนเพราะเห็นหายไปนานตั้งแต่เลิกคลาส เอาเลิฟมาทิ้งไว้แล้วเจ้าตัวก็หายไปเลย

   “หาผัว” เลิฟก็ตอบไปงั้นไม่รู้หรอกว่าเพื่อนไปหาพี่อาร์ตจริงไหม แต่ปกติถ้าหายหัวไปนานๆแบบนี้ก็ไปหาพี่เขานั่นแหละ

   “กูเบื่อพวกได้ผัวหล่ออย่าให้กูมี” โดมบ่นกระปอดกระแปดค้อนลมค้อนแล้งไปเรื่อย เลิฟเลยได้แต่มองแล้วส่ายหัวหน่ายๆมือก็หยิบผลไม้เข้าปากเรื่อยๆ ไม่อยากจะขัดความฝันเพื่อนแต่บางทีก็อยากจะบอกมันว่า มันคงหาผัวที่หล่อกว่าตัวเองยากหน้าแบบมันหาเมียจะรุ่งกว่า

   “พี่เลิฟฟฟฟฟฟ” เสียงเรียกที่ดังมาจากด้านหลังพร้อมกับคนที่วิ่งถลาเข้ามานั่งข้างๆ ทำเอาเลิฟตกใจไม่น้อยแต่พอตั้งสติแล้วมองดีๆถึงรู้ว่าเป็นน้องรหัสปอ

   “ว่าไงเมนี่” เลิฟทักทายรุ่นน้องพร้อมรอยยิ้ม

   “น้องอิจอ่ะบอกเลยหาแบบพี่ปอให้น้องบ้าง” เมนี่น้องรหัสหน้าหมวยตัวเล็กของปอที่อยากผันตัวเป็นน้องรหัสเลิฟใจจะขาด นั่งหน้าแดงบิดซ้ายบิดขวาด้วยความเขินที่ไม่รู้ว่าเขินอะไร

   “นี่ใจเย็นๆค่ะชะนีน้อยหอยสังข์มีอะไรคะ” เป็นโดมที่ถามขึ้นมาแทนเพราะงงกับพฤติกรรมของรุ่นน้อง

   “อ้าว...นี่เจ้โดมมี่ไม่รู้เหรองั้นพี่เลิฟก็ยังไม่เห็นอ่ะดิ” เมนี่หันมาถามด้วยความแปลกใจ

   “เห็นอะไร” เลิฟเองก็แปลกใจพ่วงความสงสัยเข้าไปด้วย

   “นี่ไง” เมนี่รีบควักเอาโทรศัพท์ตัวเองออกมาแล้วกดอยู่สองสามทีก่อนจะยื่นให้เลิฟดู พอเจ้าตัวเห็นสิ่งที่อยู่ในจอก็นั่งหน้าแดงแปร้ดนิ่งเงียบ ทำเอาโดมร้อนใจเพราะความอยากรู้กระชากโทรศัพท์ของเมนี่มาดูบ้าง

   “กรี๊ดดดดดดด อีเลิฟกูอิจค่ะอิจแรง!!!” ทันทีที่เห็นโดมก็กรี๊ดออกมาดังลั่นมองเลิฟด้วยไฟอิจฉาที่ลุกท่วม

   “ใช่มะเจ้น้องอยากด้ายยยยย” เมนี่หันไปกรี๊ดผสมโรงกับโดมอีกเสียงจนเลิฟยิ่งก้มหน้าหงุดเพราะความเขิน นี่ละมั้งที่เป็นสาเหตุทำให้คนมองเขาจนจะทะลุ

   สิ่งที่ทำให้โดมกรีดร้องออกมาก็ไม่มีอะไรมากเป็นแค่ภาพๆนึงจากไอจีพ่อหนุ่มฮ็อตนามว่าปอ ที่เจ้าตัวพึ่งเปิดเป็นสาธารณะให้คนตามได้ง่ายเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของเมีย ภาพที่ว่าคือถาพเจ้าตัวถ่ายรูปคนรักทีเผลอเหมือนทุกครั้งแล้วก็แท็กหาคนในภาพเป็นปกติ แต่มันพิเศษตรงที่ภาพๆนี้คนถูกถ่ายอยู่ในสภาพนอนตะแคงข้างมีมือของใครอีกคนแนบแก้ม ห่มผ้าในสภาพหมิ่นเหม่มีรอยแดงจ้ำกระจายเป็นจุดๆ ที่เด็ดสุดคงจะเป็นรอยสักคำว่า ‘POR’ บนอกข้างซ้าย พร้อมแคปชั่นเก๋ๆว่า ‘My Everything’

   “กูขอถามค่ะมึงทำบุญด้วยอะไรถึงได้แบบนี้ กูจะไปทำบ้างชาตินี้ไม่ได้เผื่อชาติหน้ากูจะได้” โดมยังคงกรีดร้องด้วยความอิจฉาที่ไม่น่าจะหมดลงง่ายๆ เพราะเพื่อนเธอกับพี่ปอขยันหวานออกสื่อกันประจำ ยิ่งเวลาอยู่ด้วยกันนี่สร้างโลกส่วนตัวกันเลยทีเดียว

   “นี่พี่เลิฟรู้มะเขาคุยกันให้ทั่วมอแต่ละคนอิจฉาพี่กันทั้งนั้น” เมนี่หันมาบอกเลิฟด้วยใบหน้าเคลิ้มฝัน สิ่งที่เธอพูดไม่ได้เกินจริงเลยเพราะตอนนี้หัวข้อหลักในการเมาท์ก็เป็นเรื่องภาพนี้แหละ ด้วยความที่ทั้งคู่จัดว่าเป็นคนดังของมหา’ลัยเลยมีพวกที่ติดตามชีวิตเยอะ

   “เลิกพูดได้แล้วน่าาาา” เลิฟเกาท้ายทอยตัวเองเบาๆแก้เขินใบหน้าแดงซ่านไปหมด

   “หูยยยย ดูดิเขินซะน่ารักถึงว่าพี่ปอโคตรหลง” เมนี่พูดด้วยความชื่นชมเพราะเจ้าตัวชอบเลิฟมาก ยิ่งรู้ว่าเป็นแฟนพี่รหัสตัวเองเจ้าตัวยิ่งปลื้มเข้าไปใหญ่

   “เลิฟ” เสียงเรียกที่ดังขึ้นกระทันหันทำให้เลิฟเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนเจ้าตัวจะตาเบิกกว้างด้วยความตกใจลุกขึ้นยืนอัตโนมัติ ลืมความอายทั้งหมดที่มีทันทีเมื่อเจอคนที่ไม่คาดฝัน

   ระหว่างที่เลิฟกำลังตะลึงอยู่นั้นก็มีแรงปะทะเข้ามา พร้อมกับแขนสองข้างที่โอบกอดเขาแน่น แผ่นอกของตัวเองสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้น

   “แยม” เลิฟครางออกมาสมองมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่เจ้าตัวจะยกมือขึ้นลูบแผ่นหลังบอบบางของหญิงสาวเบาๆเพื่อปลอบ แต่ความตกใจของเลิฟยังไม่จบอยู่แค่นั้นเมื่อใครบางคนที่เขานั่งรออยู่เดินมาถึงพอดี

   “ฉิบหายแล้วเลิฟพ่อมึงมา” โดมที่งงๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอุทานออกมาเสียงดัง

   เลิฟยืนสบตากับปอที่จ้องมาที่ตัวเองเขม็งอย่างทำอะไรไม่ถูกกลืนน้ำลายลงคอเสียงดัง รู้สึกเหมือนคอตัวเองแห้งผากบรรยากาศมันร้อนอบอ้าวแต่กลับรู้สึกเย็นยะเยือกแถวแผ่นหลังและต้นคอ

   ‘ช่วยบอกเขาที่ว่าตอนนี้ระหว่างหน้าเขากับกระดาษอะไรมันซีดกว่ากัน’




2 Be Con...

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กับดักที่
- 58 -


   
   “อะ...กินน้ำเย็นๆก่อนจะได้สดชื่น” เลิฟยื่นขวดน้ำในมือให้คนตรง หน้าแล้วนั่งลงข้างๆ เขาพาแยมแยกตัวออกมาที่หลังคณะและยังไม่ได้อธิบายอะไรกับปอสักคำ แต่เห็นว่าไอ้กั้มที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนกระซิบบอกอะไรบางอย่างกับอีกฝ่าย เจ้าตัวเลยเหลือบมองเขาเล็กน้อยแล้วเดินหันหลังออกไป เห็นแบบนั้นเขาก็แอบใจหายเหมือนกันแต่คิดว่าปอคงไม่ได้โกรธมาก อาจจะแค่เคืองเพราะไม่อย่างนั้นเจ้าตัวคงมาลากเขาไปด้วยแล้ว

   “ขอบใจนะ” แยมยื่นมือมารับขวดน้ำแล้วส่งยิ้มบางๆให้เลิฟ

   “แล้วนี่ร้องไห้ทำไมดูดิหน้าเปื้อนหมดแล้ว” เลิฟเช็ดน้ำตาที่ยังเหลืออยู่บนหน้าให้อีกฝ่ายอย่างเบามือ

   “ฮ่าๆก็มันดีใจที่ได้เจอเลิฟนิ” แยมหัวเราะน้อยๆพร้อมรอยยิ้มสดใส เลิฟที่นั่งมองก็อดยิ้มตามไม่ได้ยกมือขึ้นลูบหัวอีกฝ่ายเหมือนที่เคยทำในอดีต

   “แยมไม่เปลี่ยนไปเลยนะ” เลิฟส่งยิ้มให้ด้วยความหมองเศร้ามองรอยยิ้มของอีกฝ่ายแล้วสะท้อนใจ รอยยิ้มนี้เคยเป็นรอยยิ้มที่ทำให้เขาตกหลุมรัก รอยยิ้มที่เคยพลิกโลกทั้งใบของเขามาแล้ว

   “ไม่เคยมีใครไม่เปลี่ยนไปหรอกนะเราเองก็ไม่เหมือนเดิมเลิฟเองก็เหมือนกันจริงไหม” แยมจับมือที่เลิฟลูบหัวตัวเองมากุมไว้แล้วสบตาเลิฟอย่างสื่อความหมาย

   ต่างฝ่ายต่างเงียบและไม่มีใครพูดอะไรออกมา เลิฟเองก็ไม่รู้จะเริ่มต้นประโยคต่อไปยังไงเพราะเรื่องราวระหว่างเรามันมีอะไรเกิดขึ้นมากมาย ความทรงจำทั้งดีและร้ายมันไหลย้อนกลับคืนมาเหมือนห่าฝน มันกำลังถูกขุดขึ้นมาตอกย้ำและทำร้ายให้เจ็บทั้งๆที่เคยคิดว่าลืมไปแล้ว

   ภาพครั้งสุดท้ายที่เขาได้เจอคนตรงหน้ามันยังติดอยู่ในความทรงจำไม่เคยลืม เป็นภาพของผู้หญิงตัวเล็กๆที่ถูกมัดกับเตียงในสภาพคลุ้มคลั่ง และเป็นผู้ป่วยในแผนกจิตเวช

   “อย่าทำหน้าแบบนี้สิเราไม่ได้มาหาเพื่อให้ทำหน้าแบบนี้นะ” แยมยกมือตัวเองขึ้นไปแนบลงบนแก้มของอดีตคนรัก

   “ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม” เลิฟถามเสียงเศร้า

   “อือ...เราหายนานแล้วล่ะ ทำไม? กลัวเราสติแตกลุกขึ้นมาบีบคอเลิฟเหรอ” แยมพูดกลั้วเสียงหัวเราะด้วยท่าทางสบายใจเหมือนตัวเองไม่เคยป่วยอะไรร้ายแรง ทั้งๆที่กว่าจะรักษาอาการทางจิตได้ก็ใช้เวลานานหลายปี

   “ขอโทษนะ” เลิฟพูดในสิ่งที่ตัวเองเคยอยากจะบอกกับอีกฝ่ายมาตลอดแต่ไม่เคยมีโอกาสสักครั้ง เพราะทุกครั้งที่โผล่หน้าไปเยี่ยมจะต้องโดนแม่ของแยมไล่ตะเพิดออกมา แล้วสุดท้ายอีกฝ่ายก็ย้ายโรงพยาบาลที่รักษาไปจนเขาหาไม่เจออีกเลย

   “กะแล้วว่าจะพูดแบบนี้ เลิฟไม่จำเป็นต้องขอโทษอะไรเลยนะ เลิฟไม่ได้ผิดอะไรเลยเลิกโทษตัวเองได้แล้ว” แยมพูดให้เลิฟคลายความรู้สึกผิด

   “แต่ถ้าไม่ใช่เพราะผมแยมคงไม่...” เลิฟหยุดคำพูดตัวเองลงแค่นั้น สาเหตุมันมาจากเขาถ้าไม่เป็นเพราะเขาเรื่องคงไม่เกิด

   “ฟังเรานะเลิฟมันก็คงจริงที่เลิฟเป็นสาเหตุ แต่เรายืนยันนะว่ามันไม่ใช่ความผิดของเลิฟ” แยมบีบมือเลิฟเบาๆก่อนจะพูดต่อ

   “แต่มันเป็นเพราะเราต่างหากเป็นเราที่ดิ้นรนจะไป เป็นเราที่เลือกแบบนั้นและเป็นเราที่ทิ้งเลิฟ เราต่างหากที่ต้องขอโทษที่ทำให้เลิฟเสียใจ ทั้งๆที่เราเคยสัญญาไว้ว่าจะไม่ทำเหมือนคนอื่น เราขอโทษนะขอโทษจริงๆ” แยมสัมผัสได้ถึงแรงบีบจากมือของอีกฝ่ายที่ตัวเองจับไว้ ไม่ใช่แค่เลิฟที่รู้สึกผิดเธอเองก็ไม่ต่างกัน และเพราะอยากพูดคำๆนี้ที่ถึงแม้จะเคยพูดไปแล้วแต่มันยังคงติดค้างในใจ จนเธอต้องกลับมาเพื่อเอ่ยมันอีกครั้งในวันนี้

   “เรื่องของเรากับเลิฟมันจบลงตั้งแต่วันที่เราเลือกจะไป สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเลิฟเลย มันเป็นเรื่องระหว่างเรากับพี่รุตและไอ้สารเลวนั่น” แยมพูดประโยคนี้ด้วยแววตาและน้ำเสียงที่โกรธแค้น ก่อนที่เจ้าตัวจะสูดหายใจเข้าลึกๆพยายามยามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แล้วเหม่อมองออกไปเบื้องหน้าแบบไร้จุดหมาย

   “ก่อนหน้าที่เราจะมาหาเลิฟเราไปเจอพี่รุตมา” คำพูดหลังจากที่เงียบไปนานของแยมทำเอาเลิฟหันหน้ามองอีกฝ่ายด้วยความตกใจ

   “เรารู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้วนะ” แยมหันกลับมามองเลิฟด้วยสีหน้าเรียบเฉย เจ้าตัวเองก็พยักหน้ารับรู้

   “แล้ว...” เลิฟไม่กล้าจะพูดในสิ่งที่คิดในใจออกมาเขาหวังอย่างเห็นแก่ตัวว่าแยมจะให้อภัยพี่ชายตัวเอง

   “รู้ไหมว่าเรารู้สึกยังไงตอนที่ได้ยิน” แยมพูดเสียงสั่นน้ำตาไหลลงมาช้าๆแต่ไม่ใช่เพราะความเศร้า มันเป็นแววตาที่แสดงความสะใจ

   “เชื่อไหมว่าเราไม่นึกสงสารเลยสักนิดเราสะใจและสมน้ำหน้ากับสิ่งที่พี่รุตเจอ เราอยากจะร้องตะโกนให้คนทั้งโลกได้ยินว่าในที่สุดสิ่งที่เรารอมาตลอดหลายปี วันที่เราได้เห็นความฉิบหายของคนที่มันทำกับเราก็เกิดขึ้นสักที    ตอนนั้นเราสู้อำนาจเงินไม่ได้เรื่องที่เกิดกับเรามันถึงได้หายไปกับสายลม พร้อมกับเศษเงินของคนรวยที่ใช้ฟาดหัวเพื่อให้เรื่องมันจบ มันเลยทำให้เรารู้ว่าคุกมีไว้ขังคนจนกับหมา” น้ำเสียงของแยมเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

   “แต่อย่างน้อยกฎแห่งกรรมมันก็ทำงานอย่างซื่อตรง ถึงจะไม่ได้ครึ่งนึงกับสิ่งที่เราเจอแต่มันก็ยังดีที่พวกเขาได้รู้สึกบ้าง” น้ำตาของแยมไหลลงมาไม่ขาดสายเมื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวเองต้องเจอ ฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนทุกครั้งที่หลับตามันทรมานจนอยากจะตายให้พ้นๆ

   “เรารู้ว่าเลิฟอยากให้เราทำยังไงแต่เราทำให้ไม่ได้ เราไม่ใช่คนดีมากพอที่จะให้อภัยกับคนที่ทำร้ายเราโดยเฉพาะคนที่เราให้ทั้งตัวและทั้งใจ แต่เราจะพยายามนะเราจะพยายาม มันคงมีสักวันที่เราคงทำตามในสิ่งที่เลิฟต้องการได้ แต่ตอนนี้เราทำให้ไม่ได้จริงๆ” แยมบีบมือเลิฟแน่นจนตัวเองเจ็บมือไปหมด เธอไม่ได้อยากมาพูดอะไรแบบนี้กับอีกฝ่าย แต่พอได้พูดแล้วสิ่งที่อัดอั้นในใจมาตลอดมันก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เธอทั้งรักทั้งแค้นพี่ชายของเลิฟจนถึงขนาดที่เคยคิดจะฆ่าให้ตายและฆ่าตัวตายตาม

   ทุกวันนี้เธอยังจำไม่เคยลืมถึงรุตจะไม่ได้ลงมือทำเรื่องระยำแบบนั้น แต่สายตาว่างเปล่ากับแแผ่นหลังที่เดินจากไปมันยังคงติดในความทรงจำ และไม่รู้ว่าชีวิตนี้ทั้งชีวิตเธอจะให้อภัยอีกฝ่ายได้ไหม

   “ไม่เป็นไรผมเข้าใจ” เลิฟดึงแยมเข้ามากอดปลอบและลูบหลังอีกฝ่ายเบาๆ เขารู้และเข้าใจว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะลืมหรือให้อภัยกันง่ายๆในเวลาไม่กี่ปี

   “ขอโทษนะไม่ได้ตั้งใจจะมาพูดอะไรแบบนี้ขอโทษที่ทำให้รู้สึกแย่” แยมดันตัวเองออกจากอกของเลิฟหลังจากร้องไห้ไปได้สักพัก ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากหน้าแล้วส่งยิ้มให้ ซึ่งเลิฟเองก็ส่ายหัวน้อยๆให้รู้ว่าไม่เป็นไร

   “คุยกันแต่เรื่องแยมแล้วเลิฟเป็นยังไงบ้าง” แยมพยายามชวนคุยเรื่องอื่นเพื่อผ่อนคลายจากความตึงเครียดที่เกิด

   “ก็เรื่อยๆแหละดีบ้างไม่ดีบ้าง” เลิฟเองก็ยอมเปลี่ยนเรื่องคุยตามที่อีกฝ่ายต้องการ

   “ดีแล้ว..ที่จริงเราจะทักตั้งแต่แรกแล้วนะว่าเลิฟดูสวยขึ้น” แยมจ้องหน้าเลิฟเขม็งยิ่งมองยิ่งเห็นชัดว่าไม่ได้คิดไปเอง อดีตคนรักดูสวยขึ้นแถมมีออร่าแบบแปลกๆ ตัวก็บางลงกว่าที่เคยกอดในอดีต

   “จะบ้าเหรอแยมผมเป็นผู้ชายจะสวยได้ยังไง” เลิฟปฏิเสธเสียงหลงรู้สึกขัดเขินแบบแปลกๆที่มีผู้หญิงมาชมว่าสวย แถมผู้หญิงคนนั้นยังเป็นอดีตคนรัก

   “ไม่นะจริงๆแต่ก่อนเลิฟก็เป็นคนหน้าหวานอยู่แล้ว แค่ไม่ได้ดูสวยจนเห็นชัดแบบตอนนี้” แยมยังคงยืนยันความคิดของตัวเอง

   “ผมว่าเราเปลี่ยนเรื่องคุยกันเถอะ” เลิฟทำหน้าเหมือนโดนบังคับให้กินยาพิษ จนแยมต้องหลุดเสียงหัวเราะออกมา

   “ฮ่าๆเลิฟนี่ยังเหมือนเดิมเลยนะ ไม่เคยจะยอมรับว่าตัวเองหน้าหวานสักที...นี่ถามจริงมีแฟนรึยัง” แยมถามไปยิ้มไป

   “มีแล้ว” เลิฟอ้อมแอ้มตอบเสียงเบาเกาท้ายทอยตัวเองแก้เขิน

   “จริงดิ...เป็นไงสวยเท่าแยมป่ะ” แยมตาโตด้วยความสนใจไม่ได้รู้สึกอะไรที่รู้ว่าอีกฝ่ายมีแฟนใหม่ ดีใจด้วยซ้ำที่มีคนมาอยู่ข้างๆเจ้าตัว

   “ไม่มีอะไรที่ใกล้เคียงคำว่าสวยเลยแหละ” เลิฟนึกถึงหน้าปอขึ้นมาทันที เจ้าตัวหาที่สวยไม่ได้จริงๆนะแต่ถ้าถามว่าหล่อไหม บอกได้เลยว่าหล่อวัวตายควายล้ม

   “เหรอ...ว่าแต่ตอนที่เรายืนกอดเลิฟตรงหน้าคณะอ่ะ มีผู้ชายคนนึงที่จ้องเรากับเล็ฟเขม็งเลยเขามีปัญหาอะไรกับเลิฟรึเปล่า” แยมถามด้วยความเป็นห่วง เพราะจังหวะที่เลิฟยืนตัวแข็งทื่อเธอหันไปเจอเข้าพอดี

   “ไม่มีหรอกคือที่จริง...คนนั้นน่ะแฟนเรา” เลิฟก้มหน้าหลบสายตาแยมเพราะความเขินและไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกยังไง ที่อดีตแฟนแบบเขาไปคบกับผู้ชายด้วยกันแถมดูก็รู้ว่าอยู่ในตำแหน่งไหน

   “เฮ้ย!! จริงดินั่นผู้ชายนะ” แยมตกใจจนถามออกมาเสียงหลง

   “อื้อ...ไม่ใกล้เคียงคำว่าสวยเลยใช่ไหมล่ะ”

   “ฮ่าๆเออจริงไม่สวยเลยแต่เราพอเข้าใจแหละว่าทำไมเลิฟสวยขึ้น” แยมส่งสายตาล้อเลียนให้เลิฟทำเอาเจ้าตัวหน้าแดงไปหมด

   “ไม่รู้สึกแปลกๆเหรอที่ผมคบผู้ชายเป็นแฟน” เลิฟถามด้วยความสงสัยเพราะแยมดูไม่แปลกใจเท่าไหร่

   “ไม่หรอกแค่ตกใจนิดหน่อยที่เลิฟคบผู้ชายเหมือนกัน ก็เห็นแต่ก่อนเกลียดผู้ชายที่เข้ามาจีบจะตาย แต่ดีแล้วเพราะแบบเลิฟน่าจะมีคนดูแลมากกว่าไปดูแลเขา” แยมหัวเราะออกมานิดๆ

   “แต่ก่อนเราก็ดูแลแยมนะ” เลิฟทำหน้างอใส่แยมด้วยความลืมตัวเพราะติดนิสัยที่ชอบทำใส่ปอเวลาไม่พอใจ

   “เฮ้ย!! เดี๋ยวนี้มีงอนด้วยน่ารักนะเนี่ย แต่เรายืนยันนะว่าเมื่อก่อนเราดูแลเลิฟไม่ใช่เลิฟดูแลเรา” แยมหยิกแก้มเลิฟอย่างหยอกล้อ

   “ว่าแต่ว่าแฟนเลิฟคงไม่หึงเรานะ” แยมพูดอย่างนึกขึ้นมาได้เห็นอีกฝ่ายจ้องเธอเขม็งแบบนั้นแล้วนึกสยองแทน

   “คิดว่าไม่น่าจะละมั้ง” เลิฟตอบด้วยความไม่แน่ใจ

   “เอาเป็นว่าเราขอโทษนะแล้วเขาดีกับเลิฟไหม” แยมทำหน้าแหยใส่แล้วเปลี่ยนมาถามด้วยสายตาอ่อนโยน

   “ดีสิดีมากเลยล่ะ” เลิฟตอบพร้อมรอยยิ้มมีความสุข

   “โอ๊ย!!! อย่ามาทำให้อิจฉา...ฮึบ!” แย้มโวยวายออกมาเสียงดังพร้อมกับลุกขึ้นยืน

   “ไปส่งเราขึ้นรถหน่อยสิเลยเวลานัดกับแม่มานานแล้ว” แยมยื่นมือไปตรงหน้าเลิฟซึ่งเจ้าตัวก็ยื่นมาจับเอาไว้แล้วลุกขึ้นยืน จากนั้นทั้งคู่ก็เดินจูงมือกันไปตามถนนเงียบๆไม่ได้พูดอะไร เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในวันที่ทั้งคู่เคยมีความสุขด้วยกัน

   “ส่งแค่นี้ก็พอเดี๋ยวเราโบกแท็กซี่กลับเอง” แยมปล่อยมือเลิฟลงแล้วหันหน้าไปทางถนน ก่อนจะหันกลับเข้ามากอดเลิฟแน่นเลิฟเองก็กอดตอบเช่นกัน

   “ที่จริงเรามาลาและไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เจอกันอีกไหม เราขอโทษและขอบคุณสำหรับทุกๆอย่างดูแลตัวเองด้วยนะเลิฟ เราขอให้เลิฟมีความสุขและเจอแต่สิ่งดีๆในชีวิต ขอให้รักครั้งนี้ของเลิฟอยู่กับเลิฟไปตลอดไป ไม่ทำร้ายหรือทำให้เสียใจเหมือนที่เลิฟเคยเจอ” คำพูดแผ่วเบาที่ออกมาจากปากของแยมทำให้เลิฟอุ่นซ่านไปทั้งใจ

   “ขอบคุณนะแยมผมเองก็ขอให้แยมเจอแต่สิ่งดีๆในชีวิตเหมือนกัน” เลิฟอวยพรออกมาจากใจแล้วดันอีกฝ่ายออกจากตัวเองก่อนจะกดริมฝีปากลงบนหน้าผากเนียน ไม่ได้จูบในฐานะคนรักเหมือนแต่ก่อนแต่จูบในฐานะเพื่อนที่ดีต่อกัน
 
   ทั้งคู่ส่งยิ้มกว้างให้กันอย่างมีความสุข เรื่องบางเรื่องมันยังคงเป็นแผลในใจที่อาจจะไม่มีวันหายไปจากทั้งคู่ แต่อย่างน้อยความสุขที่ได้รับมันก็อาจจะช่วยให้ทุกอย่างเบาบางลง และสุดท้ายมันก็จะถูกเก็บไว้เป็นความทรงจำที่สวยงามตามกาลเวลา

   เลิฟมองหน้าอดีตผู้หญิงที่เขาเคยรักมาก คนที่เคยเข้ามาทำให้โลกของเขาสดใส พยายามจดจำใบหน้าที่มีความสุขตอนนี้ของอีกฝ่ายไว้ อย่างที่เจ้าตัวบอกนั่นแหละไม่รู้ว่าต่อจากนี้เขาทั้งคู่จะได้เจอกันอีกรึเปล่า เพราะฉะนั้นเขาอยากจะมองอีกฝ่ายให้นานที่สุด

   “มาจูบหน้าผากกันแบบนี้ระวังเหอะแฟนจะบีบคอเอา” แยมเอามือลูบหน้าผากตัวเองน้อยๆแล้วพูดขู่เลิฟ จนเจ้าตัวหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ

   “เราไปนะ” แยมกอดเลิฟอีกครั้งเบาๆก่อนจะโบกรถแล้วหันมาโบกมือลาเป็นครั้งสุดท้าย เธอไมได้รู้สึกรักเลิฟเหมือนคนรักอีกแล้วแต่รักในฐานะเพื่อนคนนึง และจะจดจำวันนี้กับมิตรภาพดีๆที่ทั้งคู่มีต่อกันไว้ในใจตลอดกาล   

   เลิฟยืนมองตามหลังรถแท็กซี่จนมันหายลับไปจากสายตาแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ บางครั้งคนเราก็รู้สึกโหยหาความรักและความทรงจำที่ผ่านพ้นมา แต่ต่อให้เราคิดถึงหรือโหยหาคนในอดีตมากแค่ไหน สุดท้ายเราก็ต้องกลับมาอยู่กับความเป็นจริงในวันนึง เพราะเขาเจอความเป็นจริงที่มีตัวตนและอยู่ข้างๆแล้วตอนนี้ คนที่ทำให้เขารักจนเรียกว่าให้ได้ทั้งชีวิต รักจนรู้ว่ารักใครไม่ได้อีก

   ปี้น! ปี้น!

   เสียงแตรรถที่ดังอยู่ใกล้ๆทำให้เลิฟสะดุ้งสุดตัวพอหันไปมอง หน้าเขาก็ซีดจนเป็นไม่เห็นสีเลือดรถหรูแบบนี้ในมหา’ลัยมีไม่กี่คันหรอก ยิ่งสีเขียวแสบตาแบบนี้ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ารถใคร เขารีบวิ่งไปเปิดประตูแล้วเข้าไปนั่งข้างในอย่างรวดเร็ว

   ปอขับรถออกไปทันทีที่อีกฝ่ายเข้ามานั่งเรียบร้อย ไม่ได้พูดอะไรออกมาปล่อยให้เกิดความเงียบกดดันเล่นๆ จนเลิฟได้แต่มองด้วยความระแวง

   “มาตอนไหนอ่ะ” เลิฟถามเสียงแหยๆ

   “ตั้งแต่มึงยืนกอดกับเมียมึง” ปอบอกเสียงเรียบและตั้งหน้าตั้งตาขับรถโดยที่ได้หันมามองอีกฝ่ายเลยสักนิด

   “แยมไม่ใช่เมียเลิฟสักหน่อย” เลิฟก้มหน้าก้มตาเถียงเสียงแผ่วไอ้กลัวก็กลัวนะแต่มันเถียงจนเป็นนิสัยไปแล้ว

   “มึงจะบอกว่านอนจับมือกับแฟนใสๆไม่เคยแตะต้อง ทั้งๆที่มึงบอกกูว่าเคยมีเมียมาแล้วเนี่ยนะ” ปอยังคงโต้ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบเดาอารมณ์ไม่ได้

   “ก็เอออ่ะดิเข้าใจคำว่าโม้ไหมไม่เคยมีเมียมีแต่ผัว” เลิฟยอมบอกในสิ่งที่ตัวเองเก็บเป็นความลับมานาน ที่เขาเคยบอกไปคือโม้ทั้งนั้นแหละก็มันรู้สึกเสียเชิงชายนี่หว่า เกิดมาไม่เคยได้แอ้มสาวดันถูกแอ้มอีกต่างหาก ปอหันขวับมามองหน้าเลิฟทันทีก่อนจะหันกลับไปมองถนนต่อ

   “หึ กูว่าแล้วได้สอนกันทุกอย่าง” ปอพึมพำออกมาเบาๆคิดอยู่แล้วว่าไอ้ตัวเล็กมันโม้ คนเคยเอากับคนอื่นถึงจะเปลี่ยนตำแหน่งมันก็น่าจะเป็นงานกว่านี้

   “เออ!!! ไม่พอใจก็ไม่ต้องมาแตะ” เลิฟสะบัดหน้านี้ด้วยความงอนทันที

   “มึงอย่ามางอนกลบเกลื่อนนะเลิฟ” ปอว่าอย่างรู้ทันอีกฝ่าย

   “ปอโกรธเลิฟจิงดิแค่กอดในฐานะเพื่อนเองนะ” เลิฟเปลี่ยนโหมดมาอ้อนทันทีเพราะรู้แล้วว่ามุกเมื่อกี้ไม่ได้ผล

   “แต่มึงคงไม่จำเป็นต้องไปจูบหน้าผากเพื่อนหรอกมั้ง” ปอว่าเสียงเย็นและนั่นทำให้เลิฟรู้ชะตากรรมของตัวเอง

   “กลับไปมึงโดนหนักแน่” ปอว่าอย่างคาดโทษ

   “ง่าาาา ยื่นอุทธรณ์ได้ไหมอ่ะ” เลิฟทำตาปริบๆใส่ปอขอร้องเสียงหงอย

   “กูเป็นพวกนอกกฎหมาย” ปอว่าอย่างไม่ใส่ใจ เลิฟเลยได้แต่ทำหน้าเซ็ง

   “แล้วเป็นยังไง” ปอยกมือลูบหัวเลิฟเบาๆด้วยความเป็นห่วง ตอนแรกที่เห็นมันกอดกับผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ยอมรับว่าโกรธ แต่พอเพื่อนมันมาบอกว่าอีกฝ่ายเป็นใครและมาทำไมเขาเลยเดินหนี ปล่อยให้มันไปจัดการกับเรื่องในอดีตให้จบ

   “ไม่มีอะไรแล้วไม่ต้องห่วงนะ” เลิฟดึงมือของปอลงมากุมไว้ที่ตักแล้วลูบเล่น

   “ปอ” เลิฟส่งเสียงเรียกแผ่วเบา

   “อะไร” ปอเหลือบสายตามามองเล็กน้อย ไหนบอกว่าไม่มีอะไรแล้วทำเสียงแบบนั้นทำไมวะ

   “ไม่ทำโทษได้ไหมอ่ะพรุ่งนี้เลิฟมีเรียนเช้านะๆ” เลิฟหันมาอ้อนต่อเพราะสมองยังคิดเรื่องนี้อยู่ ทำเอาปอส่ายหัวเบาๆที่ตัวเองคิดมาก

   “หยุด” ปอตอบสั้นๆแต่เป็นประกาศิต เลิฟเลยได้แต่นั่งคอตกทำหน้าหงอยเพราะรู้ว่าขัดใจอีกฝ่ายไม่ได้ คงได้แต่โทรไปหาไอ้พีทให้มันจดเลกเชอร์เผื่อแค่นั้น





2 Be Con...
+++++++++++
อีก 5 ตอนจบแล้ว
สัก 2-3 ทุ่มจะแว๊บมาลงให้
พร้อมกับเปิดจองหนังสือนะคะ

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
อ่านกันยาวเลย

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กับดักที่
- 59 -
   


   “มองตามขนาดนั้นกูว่ามึงไปลากน้องมันกลับมาเหอะว่ะ ถ้ามึงจะเป็นขนาดนี้จะให้ไปทำไมตั้งแต่แรกวะ” อาร์ตที่นั่งมองอาการหวงเมียของรุ่นน้องแล้วก็ได้แต่ส่ายหัวหน่ายๆ

   “หวงเหี้ยอะไรขนาดนั้นวะกูก็ไม่เคยเห็นน้องแม่งนอกลู่นอกทาง” อาร์ตยังคงว่าต่อมือก็ยกแก้วขึ้นชนกับปอที่หันกลับมา
   “ยังงี้แหละพี่พวกฟันแล้วทิ้ง พอมีเป็นตัวเป็นตนแม่งเลยหวงฉิบหาย” ต้ายกแก้วขึ้นมาชนบ้างพร้อมยักคิ้วกวนๆส่งให้ปอ ซึ่งปอก็ไม่ได้ว่าอะไรนอก จากกระตุกยิ้มน้อยๆ   

   วันนี้ทุกคนมามารวมตัวกันเลี้ยงฉลองที่ผับใกล้ๆคอนโดของพีทเนื่องจากเป็นวันเกิดอาร์ต ส่วนเลิฟตั้งแต่เหยียบเข้ามาในผับก็โดนพีทลากออกไปวาดลวดลายอยู่กลางฟลอร์ ซึ่งปอเองก็ปล่อยให้ไปแต่มองตามตาไม่กระพริบ

   ระหว่างที่ปอมัวแต่มองตามร่างเล็กซึ่งอยู่ไกลๆอยู่นั้น ก็มีความนุ่มนิ่มมาเบียดชิดกอดรัดที่แขนของเขา พอหันกลับมามองก็เจอสาวสวยจัดคนนึงอยู่ในชุดเกาะอกรัดรูป โชว์เนินอกอวบขาวผ่องที่ล้นทะลักออกมาจากเสื้อ

   “ไม่เจอกันนานเลยนะคะพี่ปอ” หญิงสาวส่งยิ้มยั่วยวนให้ปอมือเรียวก็ลูบแผ่นอกแกร่งไปมาเบาๆ ปอมองคนตรงหน้าด้วยความสงสัยเพราะจำไม่ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

   “ทำหน้าแบบนี้จำเค้กไม่ได้ใช่ไหมคะเนี่ยน้อยใจจัง” หญิงสาวพูดด้วยท่าทางงอนๆแบบมีจริตจะก้าน มือก็ยังคงลูบไล้แผ่นอกหนาไปมาเบาๆ ส่วนปอก็พยายามทบทวนความจำตัวเองว่าคนตรงหน้าเป็นใคร ก่อนจะนึกขึ้นได้ในที่ สุดเค้กก็เป็นหนึ่งในบรรดาสาวๆหลายๆคนที่เขาเคยคั่ว ตอนที่เอากับไอ้เลิฟแรกๆเขาก็ยังคั่วกับเค้กอยู่ เพราะอีกฝ่ายค่อนข้างถึงใจเขาในเรื่องบนเตียงพอ สมควร

   “เพื่อเป็นการปลอบใจคืนนี้ไปต่อกันไหมคะ” เค้กเชิญชวนอย่างเปิด เผยทันทีของมันเคยๆกันอยู่แล้วไม่รู้จะทำอายไปทำไม อีกอย่างขนาดผ่านมาหลายปีแล้วเธอยังจำบทรักร้อนแรงของอีกฝ่ายได้อยู่เลย แค่จินตนาการถึงอดีตเธอก็รู้สึกร้อนไปทั้งตัวแล้ว

   ปอกระตุกยิ้มมุมปากนิดๆตาก็ไล่มองไปตามรูปร่างของหญิงสาวอย่างจาบจ้วง เขาเองก็ผู้ชายธรรมดาๆคนนึงที่ยังมองรูปร่างผู้หญิงยังอยากลากขึ้นเตียง แต่นั้นมันก็เมื่อก่อนตอนที่เขายังไม่มีใคร สาบานเลยว่ามาอ่อยกันขนาดนี้ได้เสียน้ำกันพอควร

   เสียงอึกทึกคึกโครมเสียงดังภายในผับไม่สามารถดึงความสนใจของเลิฟออกจากคนรักได้ ตากลมโตจ้องมองไปที่โต๊ะเขม็งใบหน้าหวานบูดบึ้งง้อง้ำด้วยความไม่พอใจ จากที่ตั้งใจว่าจะออกมาสนุกอยู่กลางฟลอร์กับเพื่อนต้องกลายเป็นหงุดหงิดใจแทน ก่อนที่ขาเรียวทั้งสองข้างจะพาตัวเองเดินกลับไปที่โต๊ะด้วยความเร็ว

   เขาออกมาเต้นกับไอ้พีทแค่แป๊บเดียวพอหันกลับไปอีกที เจอผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ยืนแนบชิดจนแทบจะเอานมทิ่มหน้าแฟนเขาอยู่ แล้วที่สำคัญไอ้หล่อของเขามันดันนั่งเฉยให้เขาเอานมเบียดอยู่ได้

   “ปอ!!” เลิฟเรียกเสียงแข็งมองปอตาขวางด้วยความไม่พอใจ

   “ไม่เต้นแล้วรึไง” ปอหันมาถามด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อน

   “ไม่มีอารมณ์” เลิฟกระแทกเสียงตอบใบหน้าบึ้งตึง

   “ตอบดีๆ” ปอดึงมือเลิฟให้เข้ามาใกล้พร้อมส่งเสียงว่าดุๆ

   “พี่ปอคะตกลงคืนนี้ว่ายังไงคะ” เค้กที่จู่ๆก็โดนลืมพูดขัดจังหวะคนทั้งคู่ขึ้น ก่อนจะจับปอให้หันมาหาโดยจงใจให้หน้าของปอซุกตรงหน้าอกพอดี

   เลิฟตาเบิกกว้างกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนจะมองปอกับหญิงสาวสลับกันไปมา ยิ่งเห็นปอชะงักนิ่งไม่ไหวติงยิ่งเพิ่มความไม่พอใจ ดวงตากลมโตสั่นไหวสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของปอแล้วเดินออกจากบริเวณนั้นทันที

   “เลิฟ!!!” ปอตะโกนเรียกตามหลังเสียงดัง แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้สนใจเดินทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ

   “พี่ปอจะไปไหนคะ” เค้กดึงแขนปอไว้ทันทีเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายลุกขึ้น

   “ปล่อย” ปอหันบอกเสียงเข้มเมื่อกี้เขาไม่ได้ตั้งใจ ที่ชะงักไปเพราะตกใจที่จู่ๆนมก็ทิ่มหน้าไม่ได้พิศวาสหรือคิดอะไรมากไปกว่านั้นเลย

   “แต่ว่าเรานัดกันแล้วนะคะ” เค้กรีบโมเมตีคลุมเข้าข้างตัวเองว่าปอตกลงรับนัด

   “ปล่อย!!! กูจะไปตามเมีย” ปอบอกเสียงเรียบแล้วสะบัดแขนออกจากมือของอีกฝ่าย ทิ้งให้เค้กยืนหน้าเหวอมองตามด้วยความไม่เข้าใจ

   ปอรีบวิ่งตามหลังเลิฟออกมาจนถึงหน้าผับ ก่อนจะคว้าคนตัวเล็กที่กำลังจะโบกรถเข้าหาตัวเองเต็มแรง จัดการลากจนมาถึงรถที่จอดอยู่มีเจ้าตัวคอยดิ้นรนขัดขืนเป็นระยะ เปิดประตูรถได้ก็ดันอีกฝ่ายเข้าไปข้างในแล้วเข้าไปตามกดล็อกรถเสียบกุญแจเพื่อเปิดแอร์ ก่อนจะหันไปดึงร่างบางขึ้นมานั่งบนตัก แล้วกอดเอวบางเอาไว้หลวมๆ

   “ไม่ต้องมากอดเลยไปเอาหน้าซุกนมนู้นไป” เลิฟสะบัดหน้าหนีไปอีกทางอย่างฉุนเฉียว

   “มึงก็เห็นว่าน้องเขาจับหน้ากูหันไป” ปออธิบายแบบไม่ใส่ใจเท่าไหร่

   “เออเห็น!! เต็มสองตาเลยว่าเคลิ้มน่ะ” เลิฟกระแทกเสียงใส่พร้อมกับมองค้อนไม่พอใจ

   “ก็นิดนึง” ปอยกยิ้มกวนๆส่งให้จนอีกฝ่ายมองตาโต

   “ไอ้ปอ!!!” เลิฟดึงหูปอทั้งสองข้างแรงๆด้วยความโมโห

   “ทำไมถึงเป็นคนกวนประสาทแบบนี้เนี่ยฮึ่ย...” ใบหน้าหวานงอง้ำสะบัดหนีไปอีกทาง

   “คิดมากทำไมวะมันไม่มีใครเอากูไปจากมึงได้หรอกนะถ้ากูไม่คิดจะไป และที่สำคัญกูไม่มีทางที่จะไป” ปอบอกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมกับหอมลงที่แก้มเนียน

   “ก็มันหึงนี่” เลิฟว่าเสียงกระเง้ากระงอดหันกลับมากอดปอไว้แน่น ซุกใบหน้าของตัวเองลงบนแผ่นอกกว้างเขารู้และเชื่อใจปอ เพราะแม้ในอดีตอีกฝ่ายจะมีผู้หญิงเยอะแยะรอบตัว แต่พอตกลงจริงจังกับเขาเจ้าตัวก็หยุดทุกอย่าง

   แต่มันก็มีบางครั้งที่รู้สึกหวั่นไหนในเมื่ออีกฝ่ายเป็นผู้ชายที่เรียกได้ว่าเพอร์เฟค ทั้งรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติมันก็เลยแอบคิดขึ้นมาบ้าง ว่าจะดีกว่านี้ไหมถ้าปอคบกับผู้หญิงแบบผู้ชายปกติทั่วไป

   “นิสัยเสียของมึงมันแก้ไม่หาย จะคิดมากทำไมวะยังไงกูก็รักมึงคนเดียว” ปอกดจูบหนักๆลงบนหัวเล็กด้วยความรัก

   คำพูดของปอเหมือนเข้ามานั่งอยู่กลางใจเลิฟ จนเจ้าตัวเม้มปากแน่นกระชับอ้อมกอดมากกว่าเดิม อีกฝ่ายเป็นแบบนี้มาตลอดจะต้องนึกถึงเขาก่อนทุกครั้ง ถึงจะไม่พูดแต่การกระทำมันชัดเจน แถมตามใจทุกอย่างจนเขาเคยตัว เอาแต่ใจงี่เง่าใส่พาลไปเรื่อยเวลาไม่พอใจ

   รู้ทั้งรู้ว่าทำแบบนี้อีกคนต้องเหนื่อย แต่เขาก็เหมือนมนุษย์ทั่วไปที่มีอยู่หลายล้านคนบนโลก ยิ่งรู้ตัวว่าสำคัญยิ่งได้รับความรักก็ยิ่งโลภอยากได้มันมากกว่าเดิม ทั้งที่เมื่อก่อนได้แค่อยู่ข้างๆก็พอใจแท้ๆ แต่ทำไมตอนนี้ทั้งที่ได้มากกว่านั้นตั้งเยอะมันถึงยังไม่พอ ทุกวันนี้เขาเลยกลายเป็นคนนิสัยเสียแบบที่ไอ้พีทชอบด่าไปแล้ว

   “หายงอนรึยัง” เสียงทุ้มกระซิบถามอ่อนโยนชิดใบหู

   “ไม่” เลิฟส่ายหัวไปมากับแผ่นอกกว้าง

   “งั้นกูง้อ” ปอดึงคนตัวเล็กออกจากอกแล้วกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งให้ ซึ่งเลิฟตาเบิกกว้างทันทีเพราะรู้ดีว่าปอจะง้อแบบไหน ถึงเขาจะบอกว่าปอตามใจทุกอย่างแต่ต้องยกเว้นเรื่องนี้ที่เป็นเขาต้องตามใจปอ เพราะต่อให้ทำยังไงถ้าอีกฝ่ายจะเอาก็ต้องเอาให้ได้

   “ปอไม่เอาตรงนี้นะ” เลิฟพยายามดันตัวเองลงจากตักเพื่อกลับไปนั่งเบาะรถอีกข้าง ตากลมโตมองไปทั่วลานจอดรถที่ค่อนข้างมืดด้วยความระแวง รู้ว่าขัดใจไม่เคยได้แต่ให้มาทำตรงนี้ในรถ แถมเป็นที่ๆไม่รู้ว่าคนจะโผล่มาตอนไหนแบบนี้ก็ไม่ไหวหรอก

   “ไม่มีใครออกมาเห็นหรอก” ว่าแค่นั้นปอก็ประกบจูบปิดปากเลิฟทันที

   ลิ้นร้อนแทรกเข้าไปเกี่ยวกระหวัดหยอกล้อกับลิ้นเล็กที่พยายามหดตัวหนี แต่สุดท้ายอีกฝ่ายก็ต้องยอมแพ้และให้ความร่วมมือในที่สุด มือหนาเลื่อนลงไปปลดกระดุมกางเกงของร่างบางออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะคว้าเอาท่อนลำขนาดเล็กมากุมไว้แล้วขยับขึ้นลงช้าๆ ใช้นิ้วหัวแม่มือหมุนวนที่ส่วนหัวเพื่อหยอกล้อพร้อมทั้งกดเน้นย้ำแรงๆ

   “อื้อ” เลิฟส่งเสียงครางออกมาเล็กน้อยทันทีที่ปากได้รับอิสระ สะโพกบางส่ายร่อนไปตามการชักจูงของฝ่ามือหนา แผ่นอกเนียนแอ่นเข้าหาริมฝีปากร้อนที่กำลังดูดดึงยอดอกอย่างหิวกระหาย

   ปอเลื่อนฝ่ามือบีบเค้นไปทั่วลำตัวอีกฝ่ายจนผิวขาวขึ้นรอยแดง อีกข้างก็ทำหน้าที่อย่างแข็งขันขยับข้อมือรัวเร็วจนเลิฟแทบขาดใจ ริมฝีปากก็ทำ งานได้ดีไม่น้อยหน้าเฝ้าบดจูบดูดเม้มไปทั่วผิวเนียน

   “อ๊ะ...อื้อแฮ่กๆ” เลิฟตัวเกร็งและกระตุกเบาๆก่อนจะปลดปล่อยหยาดน้ำสีขาวขุ่นออกมาเต็มฝ่ามือของปอ เจ้าตัวออกอาการหอบเล็กน้อยแล้วเซซบที่อกกว้าง

   ปอก้มลงดูดเม้มเข้าที่ซอกคอของอีกฝ่าย ใช้มือข้างที่เปื้อนน้ำรักของคนตัวเล็กเลื่อนมันไปที่สะโพก แล้วกดนิ้วเข้าไปในช่องทางรักจนสัมผัสได้ถึงการตอดรัดที่มากกว่าปกติ มืออีกข้างก็ปลดกางเกงตัวเองลงเพื่อให้สิ่งที่กำลัง ขยายขนาดออกมา

   “ถุงยางอยู่ในกระเป๋าตัง” ปอกระซิบบอกเสียงพร่าปากยังวนเวียนดูดเม้มทั่วกายขาว นิ้วมือยังคงขยับเข้าออกพร้อมกับเพิ่มจำนวนเข้าไปด้วย เขาจำเป็นต้องใช้ถุงยางเพราะมันนอกสถานที่และอยู่ในรถ ทั้งๆที่ตัวเองชอบเสียบสดมากกว่า เวลาสัมผัสกันตรงๆมันได้อารมณ์กว่าเยอะ แต่ตอนนี้คงต้องยอมไปก่อน

   เลิฟเลื่อนมือเข้าไปในกางเกงของปอเพื่อหยิบกระเป๋าตัง แล้วเปิดมันออกเพื่อเอาในสิ่งที่ต้องการ ก่อนจะหน้าแดงเล็กน้อยเมื่อเห็นว่านอกจากปอจะพกถุงยางไซส์ของตัวเอง เจ้าตัวยังอุตส่าห์พกถุงยางไซส์ของเขาด้วย

   “ใส่ให้ถูกไซส์นะมึง” ปอยิ้มขำแล้วกดจูบที่ปากอิ่มเบาๆ ก่อนจะถอยออกมานั่งดูอีกฝ่ายสวมถุงยางลงบนแก่นกายของเขาและของเจ้าตัว

   ปึ่ก!!

   “ก็แค่เนี่ยทำเป็นอวด” เลิฟกำหมัดทุบลงที่อกกว้างด้วยความหมั่นไส้ตามองแก่นกายของปออย่างดูถูก รู้น่ะว่าใหญ่กว่ายาวกว่าแม่งข่มกันอยู่ได้ ปอหรี่ตามองกระตุกยิ้มมุมปากนิดๆแล้วจัดการยกร่างบางขึ้น ก่อนจะกดตัวลงมาให้ด้านหลังกลืนกินตัวตนของเขาทันทีในครั้งเดียว

   “โอ๊ย!! ซี๊ดดด” เลิฟร้องเสียงหลงลั่นรถเพราะความเจ็บที่ได้รับกระทันหัน

   “ปากดี” ปอกัดปากเลิฟเต็มแรงจนเลือดซิบก่อนจะใช้ลิ้นเลียเลือดที่ริมฝีปาก บดจูบแลกลิ้นอย่างดุเดือดสะโพกก็กระแทกสวนขึ้นเน้นๆจนเลิฟจุกท้องน้อยไปหมด

   “อ๊าาาา อึ่ก เบาๆปอมันจุก” เลิฟเอามือดันหน้าท้องของปอไว้เพื่อให้อีกฝ่ายผ่อนแรง แต่กลายเป็นว่าปอเพิ่มแรงกระแทกกระทั้นยิ่งกว่าเก่า

   “ก็แค่เนี่ยเองมึงจะจุกทำไม” ปอย้อนคำของเลิฟหน้าตายแล้วขยับสะโพกรัวเร็ว

   “อ๊ะ อะ..ไอ้บ้าก็แค่ล้อเล่นอ๊าาา” เลิฟเถียงพร้อมๆกับครางเสียงสั่นแขนสองข้างกอดปอไว้แน่น ตัวสั่นคลอนไปหมดตามแรงขยับเข้าออกด้านล่างและคิดว่ารถอาจจะสั่นไปทั้งคัน

   “อื้อปะ...ปอ” เลิฟมองปอตาฉ่ำปรืออย่างไม่เข้าใจเพราะใกล้จะปลดปล่อยอยู่แล้ว แต่ปอก็หยุดเคลื่อนไหวเอาดื้อๆแถมเอามือมาบีบท่อนลำของเขาไว้แน่น

   “ขยับ” ปอสั่งเสียงพร่ามือข้างที่ว่างก็เลื่อนมาบี้ยอดอกสีสวยเล่น

   เลิฟมองค้อนปออย่างไม่พอใจแต่ก็ยอมทำตามโดยดี จับไหล่ของปอไว้แน่นเพื่อพยุงตัวขึ้นก่อนทิ้งน้ำหนักลงมาครอบครองแก่นกายอีกฝ่าย ทำแบบนั้นซ้ำๆจนเข้าที่เข้าทางสะโพกบางก็ขยับรัวเร็ว ส่ายร่อนไปมาบดขยี้ลงไปอย่างเอาใจ จนปอทนไม่ไหวกระชากคอเลิฟลงมาหาแล้วแลกลิ้นกันเร่าร้อน พร้อมๆกับแทงสะโพกสวนขึ้นไปอย่างหนักหน่วงและถี่ยิบ

   “อ๊ะๆๆ อ๊าาาาา” เลิฟครางระงมลั่นรถตัวสั่นคลอนไปตามแรงกระแทก ผนังด้านในตอดรัดท่อนลำของปอถี่ยิบเป็นสัญญาณให้รู้ว่าใกล้ถึงจุดหมายเต็มที

   “อ๊าาาาาา” เลิฟหน้าแหงนเงยไปด้านหลังปลดปล่อยตัวเองออกมาเต็มถุงอย่าง พร้อมกับส่งเสียงครางออกมาด้วยความสุขสม ปอเองก็เร่งจังหวะโหมสะโพกกระหน่ำแทงด้วยความเร็วและแรงมากกว่าเดิม ก่อนจะเน้นหนักอีกสองสามทีและปลดปล่อยออกมาตามคนตัวเล็กติดๆ

   “แฮ่กๆๆ” เลิฟซบลงที่ไหล่ของปออย่างหมดแรงลมหายใจหอบเหนื่อยถี่กระชั้น มันเหนื่อยกว่าทุกครั้งที่เคยทำเรื่องอย่างว่า อาจจะเป็นเพราะตลอด เวลาเขานึกระแวงว่าจะมีใครเดินผ่านมา แต่คิดแล้วหัวใจจะวายแค่โดนชักจูงนิดหน่อยก็กล้าทำเรื่องแบบนี้ ในที่ๆไม่มีความส่วนตัวเลยสักนิด

   ปอยังแช่แก่นกายไว้ในตัวของเลิฟ รอจนปรับลมหายใจเข้าที่เขาถึงดึงตัวเองออกมา แล้วยกคนตัวเล็กที่ตัวอ่อนระทวยไปวางที่เบาะนั่งข้างๆ

   ระหว่างที่กำลังจะทำความสะอาดให้ตัวเอง สายตาก็สังเกตเห็นว่ามีน้ำสีแดงๆติดอยู่ที่ถุงยางเล็กน้อย ทำเอาปอตกใจและรีบจัดการตัวเองด้วยความเร็ว ก่อนจะหันไปหาร่างบางจับขาอีกฝ่ายแยกออกกว้าง พร้อมกับยกสะโพกบางขึ้นสูงจนเห็นช่องทางหลัง

   “อื้อ...เจ็บ” เลิฟบอกเสียงแผ่วพร้อมขมิบเบาๆด้วยความแสบ เพราะปอเอานิ้วแตะลงมาที่ด้านหลังของตัวเอง

   “สัส!! เจ็บมากไหมวะ” ปอถามออกมาด้วยความเป็นห่วงตามองที่ช่องทางรักของเลิฟอย่างกังวล ถึงเลือดมันจะไม่ได้ออกมามากมายเหมือนครั้งแรกที่เอากันแต่มันก็ได้เลือด ผิดที่เขาเองดันไปบังคับมันให้รับเข้าไปทีเดียวทั้งๆที่ตัวช่วยอะไรก็ไม่มี นอกจากน้ำของมันที่เขาเอาไปป้ายด้านหลังแค่นั้น

   เลิฟส่ายหัวเล็กน้อยพร้อมส่งยิ้มจางๆให้ปอ มีไม่บ่อยนักหรอกที่เขาจะได้เลือดแบบนี้เพราะปอเป็นคนค่อนข้างระวัง แต่ครั้งนี้มันสุดวิสัยจริงๆด้านหลังเขามันค่อนข้างฝืดเพราะไม่มีเจลล่อลื่น พอต้องรับเข้าไปครั้งเดียวจนมิดด้ามมันเลยได้เลือดเป็นธรรมดา

   ฟอดดดด

   “กลับบ้านกูทายาให้” ปอหอมหน้าผากเนียนปลอบโยนแล้วทำความสะอาดให้อีกฝ่าย จัดการแต่งตัวให้เหมือนเดิมแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก เพื่อบอกพวกอาร์ตว่าตัวเองจะกลับบ้านเลย

   เลิฟเหลือบตามองปอเล็กน้อยก่อนจะหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน ประสบการณ์ครั้งแรกในรถของเขามันน่าจดจำจริงๆ เพราะได้ทั้งน้ำสีขาวและน้ำสีแดง




2 Be Con...

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กับดักที่
- 60 -
   


   วันเดือนเลื่อนผ่านไปเป็นปีอย่างรวดเร็ว จนอีกสองปีข้างหน้าเลิฟกับปอก็จะเรียนจบแล้ว แต่ถึงจะผ่านไปนานแค่ไหนความรักของทั้งคู่ที่มีให้กัน ก็ไม่เคยลดน้อยลงมีแต่มันจะเพิ่มขึ้นทุกวันอย่างไม่มีสิ้นสุด

   ในช่วงบ่ายของวันมาเรียนปอที่มีเรียนไปแล้วในช่วงเช้า รีบขับรถไปรับคนตัวเล็กที่มีเรียนในช่วงบ่ายด้วยความเร็ว แต่พอไปถึงอีกฝ่ายยังคงนอนหลับชนิดที่ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นง่ายๆ ผลสุดท้ายก็เกือบมาเรียนไม่ทันตอนนี้เลยแทบจะเหาะเอาเพราะกลัวเข้าสาย

   “ปอ!!! เร็วๆดิสายแล้ว” เลิฟหันมาเรียกคนที่เดินตามหลังเสียงดัง เพราะอีกฝ่ายเดินทอดน่องไม่เดือดร้อนเลยสักนิด ปอสบตากับเลิฟเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้คิดจะเดินเร็วขึ้น ในเมื่อคนที่ต้องเข้าเรียนมันไม่ใช่เขาสักหน่อย

   “ปออออออ” เลิฟหยุดเดินแล้วหันมาเรียกเสียงยานคาง ใบหน้าหวานงอง้ำเพราะไม่ได้รับความร่วมมือจากอีกฝ่าย

   “เออๆ” ปอบอกหน่ายๆแล้วเร่งฝีเท้าขึ้นไปเดินตีคู่ ยกมือขึ้นล็อกคออีกฝ่ายเข้าหาตัวแล้วขยี้ผมจนยุ่งไปหมด จากนั้นก็เลื่อนไปกุมมือแล้วจูงคนตัวเล็กเดิน

   “ก็ทำแบบเนี่ยแล้วจะให้เลิกรักได้ยังไง” เลิฟพึมพำเสียงแผ่วก้มลงมองมือของตัวเองกับปอที่จับกันแล้วอมยิ้มอย่างมีความสุข เล่นตามใจเอาใจกันทุกอย่างแบบนี้เขาจะไปไหนรอด กลับกันถ้าอีกฝ่ายทิ้งเขาขึ้นมาคงได้ตายแน่ๆ

   “หึ กูทำให้รักได้มากกว่านี้อีกนะ” ปอกระซิบบอกอย่างกวนๆเลยได้ค้อนวงโตจากคนตัวเล็กกลับมา

   “ให้ขึ้นไปส่งไหม” ปอถามด้วยความเป็นห่วงเพราะถ้าให้ไปคนเดียว อีกฝ่ายคงขึ้นบันไดไม่มีทางขึ้นลิฟท์คนเดียวแน่ๆ

   “ไม่เป็นไรชั้น 2 เอง” เลิฟส่งยิ้มให้แล้วรีบเดินขึ้นบันไดเพราะจะเข้าเรียนไม่ทันแล้ว ปอเลยพยักหน้าส่งให้เล็กน้อยก่อนจะเดินกลับไปหาเพื่อนตัวเองบ้าง

   Tru…Tru…Tru…

   เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้เลิฟชะงักเท้า แล้วหยิบขึ้นมากดรับสายเมื่อเห็นว่าเป็นโดมโทรมา สงสัยคงจะโทรมาตามเขาเข้าเรียน

   “เออว่าไง...ได้ๆเดี๋ยวกูไปช่วย” เลิฟตัดสายทิ้งและเปลี่ยนเป้าหมายไปทางหน้าคณะแทน เพราะต้องไปช่วยไอ้โดมถือชีทสรุปบทเรียน ซึ่งเจ้าตัวบ่นกระปอดประแปดไม่หยุดว่าหนักถือเองคนเดียวไม่ได้ และกำลังรอให้เขาไปช่วยถืออยู่ฟากถนนตรงข้ามหน้าคณะ ตั้งแต่เปิดตัวว่าเป็นอะไรความถึกของไอ้โดมนี่คือหายเกลี้ยง   

   “เร็วๆค่ะมึงกูร้อนมากและหนักมาก” โดมแหกปากตะโกนเรียกเลิฟเสียงดังมือก็โบกไปมาไม่หยุด

   “เออๆ” เลิฟตะโกนตอบเพื่อนแล้วรีบข้ามถนนไปหาด้วยความเร็ว

   “เลิฟ!!! ระวัง!!!” โดมตะโกนบอกเสียงดังใบหน้าแสดงความตกใจ เลิฟเองก็หยุดชะงักอยู่กับที่เพราะตกใจไม่แพ้กัน แล้วหันไปมองด้านข้างช้าๆก่อนจะตาโตเบิกกว้าง เมื่อเห็นว่ามีรถขับเข้ามาหาด้วยความเร็วและกำลังจะปะทะเข้ากับเขาในอีกไม่ช้า

   เอี๊ยด!!! โครม!!!

   ‘ปอ’
   
...
...

   ปอหันกลับไปมองทางที่ตัวเองพึ่งเดินจากมาด้วยความรู้สึกแปลกๆ เขาเหมือนได้ยินเสียงไอ้ตัวเล็กมันเรียกเขา แต่พอหันไปก็ไม่เห็นใครสงสัยเขาจะหูแว่วปอเลยส่ายหัวให้กับตัวเอง เขาท่าจะเป็นเอามากเดี๋ยวนี้ถึงกับขนาดหูแว่วได้ยินว่ามันเรียก

   “สัส!!” ปอสบถออกมาเพราะจังหวะที่หันกลับ ดันชนเข้ากับคนอื่นพอดี

   “ว๊าย!! หนูขอโทษนะคะพี่ปอ” รุ่นน้องในคณะยกมือขึ้นไหว้ปอปลกๆด้วยความกลัว เพราะตอนที่เดินสวนกันเจ้าตัวเองมัวแต่คุยกับเพื่อนแล้วเดินไม่ดูทาง จนเดินชนรุ่นพี่สุดหล่อแต่โคตรโหดคนนี้เข้าอย่างจังนับว่าเป็นความซวยปนโชคดีแท้ๆ

   “เป็นไรไหมคะพี่เฮ้ย!! เลือด!!” อีกฝ่ายร้องออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ หน้าเสียไปนิดเมื่อเห็นที่หูของของปอมีเลือดซึมออกมา

   ปอที่ได้ยินรุ่นน้องทักแบบนั้นเลยยกมือขึ้นมาจับหูตัวเอง สัมผัสได้ถึงของเหลวที่ซึมออกมาเล็กน้อย ถึงว่าสิทำไมเขาถึงรู้สึกเจ็บที่หูได้แผลนี่เอง

   “ไม่เป็นไรแค่แสบ...น้องไปได้ละ” ปอหันไปบอกรุ่นน้องแล้วก้มลงเก็บต่างหูที่หล่นลงบนพื้นขึ้นมา ตอนที่เดินชนกันเมื่อกี้ผมของอีกฝ่ายคงเกี่ยวเข้ากับต่างหูเขาพอดีมันเลยหลุดออกมา

   “ไปห้องพยาบาลไหมค่ะพี่” รุ่นน้องถามด้วยสีหน้าเป็นห่วงเต็มที่

   “ไม่ต้องน้องไปเถอะ” ปอเอ่ยปากไล่อีกครั้ง

   “หนูขอโทษอีกครั้งนะคะพี่” อีกฝ่ายยกมือขึ้นไหว้แล้วรีบเดินออกไปทันที

   ตาคมดุมองต่างหูในมือด้วยความกังวลก่อนจะเก็บมันใส่กระเป๋าไว้ ตั้งแต่วันที่ได้มันมาจนถึงตอนนี้เขาไม่เคยถอดออกเลยสักครั้ง เพราะคนที่ให้มันมาเคยขอเอาไว้และเขาก็ทำตามมาโดยตลอด อยู่ๆเขาก็รู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกรู้สึกในอกมันวูบโหวงและใจหายแบบแปลกๆ ความรู้สึกเดียว กับตอนนั้นไม่มีผิดตอนที่เลิฟหนีเขาไป แต่ตอนนี้ความรู้สึกที่ว่ามันรุนแรงกว่าจนเทียบไม่ติด
      
   “ว๊าย!!! กรี๊ดดดดด ช่วยด้วย!!! คนโดนรถชน” เสียงตะโกนกรีดร้องโวยวายดังสนั่นขึ้นที่หน้าคณะ ทำให้ปอหันไปมองด้วยความแปลกใจ

   ‘รถชน’ ปอเดินออกไปด้วยความเร็วใจมันเต้นระส่ำไปหมดโดยที่ไม่รู้สาเหตุ หัวใจมันเจ็บขึ้นมาทั้งๆที่ไม่ได้ไปทำอะไรจนต้องเอามือกุมไว้

   ทันทีที่เดินมาถึงที่หมายปอก็เจอกลุ่มคนจำนวนมากกำลังมุ่งดูอะไรบางอย่าง จังหวะที่จะแทรกตัวเองเข้าไปด้านในบ้างสายตาก็เข้าไปปะทะกับร่างๆหนึ่งที่เขาไม่ได้เห็นมานานหลายปี

   “ไอ้แฮ็ค” ปอพึมพำออกมาด้วยความแปลกใจพร้อมกับความรู้สึกกังวลที่ถาโถมเข้ามา ยิ่งอีกฝ่ายกระตุกยิ้มมาให้เหมือนเยาะเย้ยรวมทั้งสายตาที่แสดงความสะใจ มันยิ่งทำให้ปอรู้สึกสังหรณ์ใจว่ามันจะเกิดเรื่องอะไรที่เลวร้ายขึ้น

   "น้องเลิฟ!!!" เสียงร้องตะโกนด้วยความตกใจของใครบางคน ทำให้ปอละสายตาและหันไปมองตามทันที แล้วรีบเบียดกลุ่มคนที่มองอยู่เข้าไปด้านใน

   ภาพแรกที่ปอเห็นคือใบหน้าของโชนที่ดูตื่นตกใจ ยืนน้ำตาไหลตัวสั่นไปหมดอย่างคนเสียขวัญตากำลังมองลงไปยังพื้นถนน ปอเบนสายตาไปมองตามด้วยความรู้สึกกลัวที่จู่ๆก็ผุดขึ้นมา และมันก็ทำให้โลกทั้งใบหยุดหมุนแม้ กระทั่งสายลมที่พัดอยู่ก็หยุดนิ่ง ปอยืนมึนงงอยู่ตรงนั้นทำอะไรไม่ถูกกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า

   'คนรักของเขา คนสำคัญในชีวิต นี่มันเกิดเรื่องอะไร'

   ปอเดินเข้าไปหาร่างคุ้นตาที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้นถนนช้าๆ เห็นศีรษะเล็กมีเลือดไหลซึมออกมาตลอดเวลา ขาข้างนึงของร่างที่นอนอยู่บิดงอผิดรูปจนไม่เหลือสภาพเดิม

   เข่าสองข้างของปอทรุดลงกระแทกพื้นเสียงดังอย่างหมดแรง หัวใจเต้นช้าจนเหมือนจะหยุดเต้นในไม่กี่วินาทีข้างหน้า มือสั่นเทาเอื้อมไปช้อนตัวคนรักขึ้นมาแนบอกอย่างเบามือ ผิวขาวเนียนที่เขาเคยฝากรอยรักเอาไว้ทุกครั้ง ตอนนี้มีแต่แผลถลอกปอกเปิกไปหมด

   “เลิฟ...ที่รัก...ได้ยินกูไหม” ปอเรียกคนที่นอนแน่นิ่งในอ้อมแขนด้วยเสียงแผ่วเบา มันสั่นไหวและไม่มั่นคงเหมือนที่เคยเป็นเลยสักนิด หัวใจเหมือนมีใครเอามีดมากรีดจนเป็นแผลให้เจ็บปวดทรมาน อึดอัดหายใจไม่ออกเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมากำรอบคอเอาไว้

   “รถพยาบาล...ใครก็ได้โทรเรียกรถพยาบาลที” โชนที่ตั้งสติได้ตะโกนขอร้องให้คนแถวนั้นช่วยเพราะตัวเองไม่ได้ถือโทรศัพท์มา ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆปออย่างหมดแรง

   ‘เจ็บมากไหม...ที่รัก...เจ็บมากรึเปล่า’ ปอพึมพำในใจไปมาซ้ำๆถอดเสื้อตัวเองออกมากดปากแผลบริเวณหัวเอาไว้เพื่อห้ามเลือด ตอนนี้อะไรที่พอจะทำได้เขาต้องทำให้หมด เพื่อยื้อเวลาออกไปให้นานที่สุดไม่ว่าอะไรเขาก็จะทำทั้งนั้น

   “เลิฟได้ยินกูไหม...ที่รัก...ได้โปรด...ลืมตาขึ้นมามองกู...ได้โปรด” ปอพยายามร้องเรียกสติคนตัวเล็กตลอดเวลาวนเวียนอยู่แบบนั้นซ้ำๆ เสียงที่เปล่งออกมามันเจ็บปวดรวดร้าวและทรมานอย่างถึงที่สุด จนคนที่ยืนดูอยู่ต่างต้องพากันเบือนหน้าหนีอย่างสะเทือนใจ

   แผ่นหลังกว้างของปอตอนนี้ดูอ่อนแอและไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรอีกแล้ว มันดูเล็กจ้อยและสั่นเทาไม่ต่างจากแผ่นหลังของเด็กตัวน้อยๆ แขนสองข้างโอบประคองคนรักไว้แน่นแนบอก ปากยังคงพึมพึมเรียกชื่อคนรักไม่ขาดสาย

   จนถึงตอนนี้ไม่ว่าปอจะร้องเรียกอีกฝ่ายยังไงก็ไม่ได้สติ มีแค่เปลือกตาที่ขยับเล็กน้อยและลมหายใจแผ่วเบาเท่านั้น ที่ยังพอเป็นความหวังให้เขาในตอนนี้

   “เดี๋ยวรถพยาบาลก็มาทนก่อนนะที่รัก...ทนก่อน” ปอบีบมือเล็กแน่นหัวใจตอนนี้มันปวดหนึบไปหมด อยากเอาความเจ็บปวดบาดแผลทั้งหมดมาไว้ที่ตัวเอง ใจจะขาดมันเป็นยังไงวันนี้เขารู้ซึ้งดีที่สุด

   ปอไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว แต่ในความรู้สึกของเขามันเหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์ มือเล็กที่เขากุมเอาไว้ในตอนแรกมันกำลังเย็นชืดลงทุกขณะ เลือดยังคงไหลออกมาอย่างต่อเนื่องจนเสื้อของเขาเปียกชุ่มไปหมด ใบหน้าเนียนเริ่มซีดขาวไร้สีเลือด

   ลมหายใจที่แผ่วเบาแต่ยังพอสัมผัสได้บ้างตอนนี้แทบจะไม่มีให้รับรู้ หัวใจและชีพจรเต้นเบาเหมือนพร้อมจะหยุดลงในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง การตอบสนองทางร่างกายเริ่มหยุดนิ่งไม่ไหวติง

   “เลิฟ...อย่าทำกับกูแบบนี้...อย่าทิ้งกูไป...กูอยู่ไม่ได้” น้ำตาที่ไม่เคยไหลเลยสักครั้งตั้งแต่โตมา ตอนนี้มันกำลังไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ หยาดน้ำตามากมายมหาศาลตกกระทบใบหน้าเนียนของคนรักไม่ขาดสาย

   “เราต้องไม่จากกันแบบนี้...ได้โปรด..” ปอพึมพำชิดแก้มเย็นชืดของเลิฟ ความกลัวที่มองไม่เห็นกำลังวิ่งกระทบจนหัวใจสั่นสะท้าน เขากลัว...กลัวว่าจะต้องสูญเสียคนๆนี้ กลัว...ว่าจะต้องจากกัน

   ภาพเหตุการณ์ความทรงจำทุกอย่าง เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม กำลังผุดขึ้นในความทรงจำเหลือๆ เสียงหวานกับใบหน้าแสนงอนเวลาที่ไม่พอใจเขา หรือท่าทางออดอ้อนเวลาอยากจะได้อะไร มันกำลังจะหายไปพร้อมๆกับลมหายใจของคนในอ้อมกอด ทำไมเรื่องทุกอย่างมันถึงได้เกิดและวนเวียนซ้ำๆกับคนที่เขารัก ทำไมถึงไม่เป็นเขาที่เป็นฝ่ายเจ็บตัวบ้าง ทำไมไม่ใช่เขาที่นอนอยู่ในสภาพนี้...ทำไม

   เขาไม่เคยขอพรขอร้องหรือเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็น แต่ตอนนี้ถ้าหากสิ่งพวกนี้มีอยู่จริง ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไรหรือให้ต้องทำอะไรยากลำบากแค่ไหน เขาจะยอมทำมันทั้งนั้นขอแค่โอกาสสักครั้งขอแค่นี้จริงๆ

   ‘ถ้าสิ่งที่เรียกว่าพระเจ้ามีจริง...ผมขอร้อง...อย่าเอาหัวใจผมไป’



2 Be Con...

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
หวังว่าเลิฟจะไม่ตายนะ
ไม่เข้าใจเลยว่ากับคนอื่นทำไมเวรกรรมันตามทัน แต่กับไอ้แฮคทำไม๊ทำไมมันยังลอยหน้าลอยตาอยู่ได้
หวังว่าเวรกรรมจะตามทันมันบ้างนะ... กับทุกอย่างที่เลวร้ายที่ได้ทำไว้

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
นิยายไม่จบดราม่าจ้า อย่าซีเรียสเน้อ
ว่าแต่นิยายลงจบแล้วต้องทำไงอ่ะ ใครพอรู้บ้าง
ต้องแจ้งทางบอร์ดมิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด