พิมพ์หน้านี้ - กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: matchty ที่ 25-01-2016 00:51:52

หัวข้อ: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 25-01-2016 00:51:52
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 1 (25/01/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 25-01-2016 01:01:27
กับดักที่
- 1 -



   เสียงตะโกนโหวกเหวกด่าทอกันดังลั่นโรงพัก จนตำรวจถึงกับต้องยกมือขึ้นมากุมขมับด้วยความปวดหัว ถ้าไม่ติดว่าจะเสียภาพพจน์ตำรวจไทยอันองอาจ อาจมีการเอาตีนขึ้นมาก่ายหน้าผากกันเลยทีเดียว

        นายตำรวจทั้งชั้นผู้น้อย ชั้นผู้ใหญ่ ชั้นบนและชั้นล่าง? ที่ต้องเข้าเวรประจำการในวันนี้ต่างพากันถอนหายใจออกมาหนักๆอย่างเหนื่อยอ่อน เมื่อมองเข้าไปข้างในโรงพักซึ่งเต็มไปด้วยบรรดาเด็กวัยรุ่น ไม่ต่ำกว่า 10 คน ไม่นับพวกที่ถูกคุมตัวอยู่ข้างล่างหน้าลานจอดรถของโรงพักอีกกว่าครึ่งร้อย แต่ละคนบ่งบอกได้ถึงสภาพที่เรียกว่ายับเยินเละเทะ เค้าหน้าเดิมไม่ต้องพูดถึงเพราะจำแทบไม่ได้ บางคนเผลอๆตอนพ่อแม่มารับตัวอาจจะต้องตรวจดีเอ็นเอ เพื่อยืนยันว่าเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดด้วยซ้ำไป

   วันนี้ระหว่างที่เหล่าผู้พิทักษ์สันติราษฎ์ทั้งหลายกำลังนั่งทำงานแบบชิลๆ ท่ามกลางอากาศดีๆในตอนกลางคืนที่ควรจะสุขสงบไปยันเช้า แต่แล้วฝันก็ต้องมลายหายไปในพริบตา เมื่อมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นตอนช่วง 2 ทุ่มแจ้งเหตุว่ามีเด็กตีกัน

   พอถึงที่หมายตำรวจที่ไประงับเหตุได้แต่อุทานออกมาด้วยความตกใจ เพราะมันไม่ใช่แค่เด็กตีกันแต่มันคือการยกพวกตีกัน เด็กเทคนิคกับเด็กช่างกลเกือบร้อยชีวิตยกพวกถล่มกันให้อุตลุด กว่าจะยุติเหตุการณ์ได้ต้องใช้นายตำรวจเกือบทั้งโรงพัก หลังจากนั้นก็อย่างที่เห็นความวุ่นวายเลยย้ายสถานที่มาเป็นโรงพักแทน

   สิ่งที่ทำให้เหล่าตำรวจหนักใจเป็นพิเศษไม่ใช่จำนวนของเด็กที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาท หรือแม้แต่เสียงตะโกนด่าทอท้าทายที่ดังไปทั่วโรงพัก แต่เป็นเพราะเด็กหนุ่มหน้านิ่งที่นั่งไม่สนใจคนรอบข้างตรงหน้านี้ต่างหาก ที่สร้างความหนักใจและกดดันให้ตำรวจเหงื่อหยดติ๋งๆ ทั้งๆที่แอร์โคตรจะเย็น

   ส่วนเด็กหนุ่มที่สร้างความกดดันก็ยังคงไม่รู้ตัวนั่งลอยหน้าลอยตาทำเป็นทองไม่รู้ร้อน แถมบางครั้งที่ได้ยินเสียงฝ่ายตรงข้ามตะโกนท้าทายมา เจ้าตัวยังพร้อมจะลุกขึ้นไปซัดกับคู่อริต่อ ไม่ได้เกรงกลัวหรือเกรงใจคนในเครื่องแบบที่นั่งประจันหน้ากับตัวเองเลยสักนิด

   “เอ่อ...คุณปอครับ” เสียงเรียกอย่างนอบน้อมดังขึ้นจากคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม ทำให้เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อหันมามอง พร้อมกับยกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามกลับว่ามีอะไร

   “คุณปอจะให้ผมโทรตามคุณปรีชา หรือจะให้โทรตามใครมาประกันตัวดีครับ” นายตำรวจยังคงถามปออย่างนอบน้อมเหมือนเดิมจนปอนึกขำในใจ ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เขาสร้างเรื่องซะขนาดนี้ ตำรวจคนนี้จะยังถามเขาแบบสุภาพโคตรๆอย่างนี้ไหม

   “จ่าอยากโทรเรียกใครก็เรียกเหอะ” ปอบอกไปอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะหันไปยกนิ้วกลางใส่หน้าคู่อริ จะให้ใครมาประกันก็เหมือนกันแหละสุดท้ายยังไงเขาก็โดนด่า บางทีก็แอบนึกสงสัยในใจเหมือนกันว่าพ่อไม่เบื่อรึไงด่าอยู่ได้เรื่องเดิมๆ

   “ผมเป็นสารวัตรครับ...” นายตำรวจหนุ่มเอ่ยแก้ยศของตัวเองกับปอ อยู่ดีไม่ว่าดีโดนลดขั้นลงมาเป็นจ่าซะงั้น มันคงเป็นเวรกรรมของ’นาวิน’จริงๆที่ต้องมารับหน้าคุยกับปอทุกครั้งที่มีเรื่อง แล้วก็ต้องทุกครั้งที่ตัวเองต้องมานั่งแก้ยศแก้ตำแหน่งให้ปอฟัง ซึ่งปอไม่เคยจะสนใจจำเลยสักนิด

   “หรอ...” ปอขานรับเนือยๆพลางเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มในปากข้างหนึ่ง บอกได้เลยพฤติกรรมที่แสดงออกชวนตีนกระตุกไม่น้อย ไหนจะท่านั่งกระดิกเท้านั่นอีกกวนตีนครับบอกเลย แต่สิ่งที่แสดงออกจากนาวินมีเพียงรอยยิ้มบางๆ และคำพูดแสนสุภาพที่เจ้าตัวพยายามเค้นออกมา

   “เดี๋ยวคุณปิงจะเป็นคนมารับนะครับ” นาวินบอกปอหลังจากที่วางสายจากคุณปรีชา เสียงของอีกฝ่ายที่ได้ยินในสายดูเคร่งเครียดจนตัวนาวินเองยังรู้สึกได้

        ‘สาธุ!! ขอให้ไอ้เด็กปอกลับบ้านไปโดนพ่อมันกระทืบตาย ไอ้เด็กเวรกวนตีนฉิบหาย’

        “จ่ายกมือขึ้นมาไหว้อะไร” ปอถามออกไปอย่างสงสัย เพราะอยู่ดีๆตำรวจหน้าอ่อนตรงหน้าก็ยิ้มกว้างเหมือนถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง แถมมียกมือขึ้นมาไหว้เหนือหัวอีก

        “มะ...ไม่มีอะไรครับ” นาวินตอบปอออกไป เขาลืมตัวขนาดนั้นเลยเหรอวะ แล้วนี่ได้เผลอส่งเสียงออกมาให้ไอ้เด็กเปรตนี่ได้ยินไหมเนี่ย แต่ดูท่าน่าจะไม่เพราะปอยังนั่งเฉยและเลิกสนใจเขาไปแล้ว ว่าแต่เมื่อกี้มันเรียกเขาว่าจ่าอีกแล้วใช่ไหม กูบอกมึงจนปากจะฉีกถึงรูหูอยู่แล้วนะไอ้เด็กบ้า กูเป็นสารวัตรไม่ใช่จ่า!!!

        “งั้นไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวนะครับ” นาวินเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งเพื่อขอตัว จริงๆแล้วเขาไม่จำเป็นต้องบอกก็ได้แต่มันเป็นมารยาทไงครับ มารยาทที่ไอ้เด็กนรกตรงหน้าเขาไม่เคยมีเลยตั้งแต่รู้จักกันมา พอๆกันกับพี่ชายมันไอ้ ‘ป้อง’ หรือ ‘ปกป้อง’ ลูกชายคนโตของคุณปรีชา ที่ตอนนี้ไปต่อโทที่เมืองนอก ความกวนตีนความไร้มารยาทระดับเดียวกันเลย แต่คนพี่ดูนิ่งและใจเย็นกว่าคนน้องเท่านั้นเอง พูดถึงแล้วก็หงุดหงุดทำไมชีวิตเขาต้องมาพัวพันกับคนตระกูลนี้ตลอดเลยนะ ตั้งแต่ตอนเรียนที่เขาเรียนตำรวจแล้ว 

        ปอมองคนตรงหน้าที่ตอนนี้ทำหน้าประหลาดคิ้วขมวดเป็นปมอย่างสงสัย จ่ามันเป็นบ้าอะไรรึเปล่าวะทำหน้าเหมือนคนปวดขี้ แล้วอยู่ๆก็ทำหน้าเหมือนจะฆ่าคนตาย กูต้องส่งมันไปรักษาที่ศรีธัญญาไหม? แล้วความคิดของปอก็ต้องหยุดลงแค่นั้น เพราะนาวินเดินหันหลังไปทางพวกอื่นที่ตีกันกับเขา

        ปอส่ายหัวแล้วก็ขำในลำคอจริงๆแล้วเขาก็รู้แหละว่านาวินเป็นสารวัตร แต่พอเห็นหน้าอ่อนๆที่ติดไปทางสวยแถมหน้ายังดูเด็กแบบเหลือเชื่อเหี้ยๆนั่นแล้วมันอดแกล้งไม่ได้นี่หว่า คนอะไรหน้าตาไม่เหมาะจะมาเป็นตำรวจเลยสักนิด เข้าใจเลยว่าทำไมไอ้ป้องพี่ชายคนโตของเขามันถึงได้ตามแหย่ตามแกล้งตั้งแต่มัธยม นี่ขนาดตัวมันไม่อยู่มันยังโทรมาก่อกวนไอ้สารวัตรนาวินจากเมืองนอกทุกวันเลยคิดดู จนเขาเองยังแอบคิดเลยว่าอาจจะได้พี่สะใภ้ชื่อนาวินรึเปล่า? ด้วยความเป็นน้องที่ดีเขาเลยคอยกันท่าพวกแมงเม่าให้พี่ชายไปในตัว เห็นไหมเขาเป็นคนดีจะตาย

        หลังจากที่ปล่อยให้ตัวเองจมกับความคิดไร้สาระ สักพักพี่ชายคนรองของปอก็มาถึง ปอปล่อยให้พี่ชายจัดการเรื่องประกันตัวเซ็นต์เอกสารนู้นนี้นั่น และพูดคุยกับตำรวจในโรงพักนิดหน่อย จากนั้นทั้งคู่ก็เดินออกมาเพื่อไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ด้านหน้า ท่ามกลางสายตาเกือบร้อยคู่ที่มองอย่างสงสัย ว่าทำไมปอได้กลับบ้านเร็วขนาดนี้

        ถ้านับเวลาจริงๆตั้งแต่โดนจับมามันยังไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ มันก็ช่วยไม่ได้ละนะในเมื่อพ่อของปอเป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง แถมคุณตายังเป็นอดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ เพราะฉะนั้นอย่าแปลกใจที่ทำไมตำรวจถึงต้องนอบน้อม เกรงอกเกรงใจมากมายกับอีแค่เด็กคนนึง

        แต่ปอไม่เคยเบ่งหรือชอบกับเส้นสายที่ตัวเองมีเท่าไหร่เพราะมันน่ารำคาญ พวกที่เข้าหาก็มีแต่หวังเงินกับผลประโยชน์ พวกมันคงลืมไปว่าคนที่มีอำนาจและมีเงินไม่ใช่เขาแต่เป็นพ่อของเขาต่างหาก ถ้าไม่จำเป็นเขาจะไม่บอกใครเรื่องที่บ้านเลยยกเว้นคนที่สนิทกันจริงๆ

        “พ่อล่ะ” ปอถามพี่ชายที่ตั้งหน้าตั้งตาขับรถ ไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่ออกจากโรงพัก

        “อยู่บ้าน รอต้อนรับมึงอย่างอบอุ่นเลยล่ะ” ปิงบอกน้องชายขำๆแต่คนได้ยินอย่างปอถึงกับกรอกตาขึ้นฟ้า กูหาสำลีอุดหูตอนนี้ทันไหมแต่ดูท่าจะหาไม่ทัน เพราะรถเลี้ยวเข้าไปจอดในบ้านแล้ว

        สองพี่น้องก้าวขาลงจากรถด้วยอารมณ์คนละแบบ คนพี่อารมณ์ดีเหมือนคนเมากาวส่วนคนน้องหน้าเซ็งเหมือนคนเบื่อโลก ยังไม่ทันที่จะก้าวขาเข้าไปในตัวบ้านดี เสียงตะโกนเรียกด้วยความโมโหก็ดังขึ้น พร้อมกับร่างสูงที่ยังดูหล่อเหลาแม้อายุจะล่วงเลยเข้าไปเลขห้าแล้วก็ตาม กำลังยืนท้าวเอวรอปอที่หน้าห้องรับแขก

        “ไอ้ปอ!!!!!” เสียงดีไม่มีตกเดซิเบลไม่มีลดจริงๆสิให้ตาย ปอสบตาคนเป็นพ่อแว๊บนึง ก่อนจะเดินผ่านไปนั่งที่โซฟาในห้องรับแขกแบบไม่ใส่ใจ ปิงที่ตามมาทีหลังก็เดินตามน้องชายเข้าไปนั่งข้างในเหมือนกัน ส่วนคุณปรีชาได้แต่ยืนอ้าปากพะงาบๆ มองตามลูกชายตัวดีแบบหมดคำพูด อยากจะรู้จริงๆว่ามันกวนตีนเหมือนใคร
 
        คุณปรีชาพยายามสงบสติอารมณ์สูดหายใจเข้าลึกๆเต็มปอด ควบคุมตัวเองอย่างหนักที่จะไม่เตะก้านคอลูกตัวเอง เมื่อทำได้แล้วท่านจึงเดินไปนั่งที่โซฟาตัวกลางเยื่องกับตัวที่ปอนั่ง ส่งสายตาดุๆมองลูกชายตัวเองที่ตอนนี้ใบหน้าหล่อๆ ที่ท่านกับภรรยาอุตส่าห์บรรจงสรรค์สร้างมาให้มัน ฟกช้ำดำเขียวไปหมดจำเค้าเดิมไม่ได้เลย ตอนเห็นแว๊บแรกท่านเกือบพาลูกไปตรวจดีเอ็นเอแล้ว ดีนะที่นัยน์ตาสีเขียวอ่อนปนเทาของปอ ยังเป็นเครื่องยืนยันความเป็นพ่อลูกกันได้ดีอยู่

        จริงๆแล้วคุณปรีชาไม่ได้เป็นคนไทยท่านเป็นลูกครึ่งฮ่องกง-ตุรกี ส่วนที่มีชื่อไทยก็เพราะมีเมียเป็นคนไทย ขนาดนามสกุลยังใช้ของเมียเลย ลูกทุกคนก็ให้ใช้นามสกุลเมีย ท่านเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่เลยพลอยทำให้ลูกๆของท่านทุกคนตัวโต เพราะเชื้อสายคนยุโรปไปด้วย แต่ในบรรดาลูกสี่คนก็มีปอนี่แหละที่ได้สีตาเดียวกันกับท่านไป

        คุณปรีชามองหน้าลูกแล้วก็ได้แต่ส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ เมื่อไหร่ปอจะเลิกหาเรื่องมาให้ไม่เว้นแต่ละวันสักที สมัยก่อนก็ปกป้องพอส่งปกป้องไปเรียนเมืองนอกก็เหลือปอแถมหนักกว่าอีก ดีนะที่เจ้าปิงไม่บ้าด้วยอีกคนไม่งั้นท่านคงได้นอนโรงพยาบาลเพราะเส้นเลือดในสมองแตกเร็วๆนี้แน่ ส่วนลูกสาวคนเล็กยัยปรางถึงจะดื้อ จะแสบเกินเด็กผู้หญิงทั่วไปบ้างแต่อย่างน้อยก็ไม่สร้างเรื่องปวดหัวอะไรให้ท่านเพิ่ม

        “รอบนี้มึงตีกันเพราะอะไร” คุณปรีชาเอ่ยถามอย่างเหนื่อยใจกับคำถามเดิมๆ ที่พึ่งถามกันไปล่าสุดเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว

        “มันมองหน้า” ปอตอบด้วยท่าทีสบายๆไม่ทุกข์ร้อนอะไร

        “ห๊ะ!!! แค่มองหน้าเนี่ยนะมึงถึงกับยกพวกตีกัน” เป็นคุณปรีชาซะอีกที่เป็นเดือดเป็นร้อน ให้ตายสินี่ลูกท่านคิดอะไรอยู่ ยกพวกตีกันจนชาวบ้านเดือดร้อนไปทั่วเพราะแค่มองหน้ากัน อยากเอาตีนก่ายหน้าผากถ้าไม่ติดว่าจะเสียการปกครองไปมากกว่านี้ท่านทำไปแล้ว ปอเองพอเห็นหน้าพ่อเหมือนคนปวดท้องก็เลยเอ่ยปากพูดเสริมขึ้นมาอีก

        “แล้วมันก็ด่าพ่อ” คุณปรีชาถึงกับสะอึกเมื่อได้ฟังคำตอบอีกข้อของลูก แต่ไม่ได้ท่านเป็นผู้ใหญ่จะมาโมโหแค่เรื่องเด็กด่าไม่ได้

        “มันก็แค่ด่าแล้วมึงจะไปเต้นตามพวกมันทำไม” คุณปรีชายังคงหนักแน่นเอ่ยปากสั่งสอนลูกชายต่อ ปอยกคิ้วขึ้นสูงมองดูปฏิกิริยาของพ่อ เจ้าตัวคงยังไม่รู้แต่เขาเห็นนะว่าหน้าเริ่มตึงละ

        “มันด่าแม่ด้วย” เติมเชื้อไฟเข้าไปอีกนิด

        ปึด!!!!!!!

        เหมือนได้ยินเส้นความอดทนขาดลง เพราะตอนนี้คุณปรีชานั่งทำหน้ายักษ์แยกเขี้ยวเตรียมจะงับ? ไม่มีการเก็บอาการทำเป็นใจเย็นเหมือนเมื่อครู่

        ปอเห็นพ่อแสดงอาการแบบนั้น ก็หันหน้าไปข้างหลังพยายามกลั้นเสียงหัวเราะเต็มที่ ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนสำหรับพ่อ ‘เมียข้าใครห้ามแตะ’ เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน คนอะไรแหย่ง่ายจริงๆ

        “แล้วทำไมมึงไม่กระทืบแม่งให้ตายเลยวะ ให้มันมีชีวิตลากสังขารไปโรงพักทำไม แล้วไอ้เด็กนั่นมันเป็นใครพ่อมันใหญ่มาจากไหนวะบังอาจด่าเมียกู” คุณปรีชาใส่มาเป็นชุดลืมคำพูดที่จะด่าลูกชายสนิท ด่าใครก็ด่าได้ แต่ด่าเมียที่เคารพรักนี้รับไม่ได้จริงๆขึ้นว่ะขึ้น

        “พ่อออออออ” ปิงส่งเสียงยานคางเรียกพ่ออย่างเหนื่อยใจ เขาส่ายหัวเบาๆให้กับพ่อและน้องชาย เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่พ่อพยายามจะอบรมสั่งสอนปอ น้องชายตัวดีของเขาจะมีวิธีมาทำให้พ่อลืมเรื่องที่จะด่าตัวเองได้ตลอด แล้วพ่อก็จะขยันตกหลุมพรางเต้นตามน้องชายของเขาทุกครั้งไป จนบางทีเขาก็นึกสงสัยว่าพ่อตั้งใจจะด่าไอ้ปอจริงๆไหม หรือแค่เรียกมันมาคุยเพื่อให้มันมากวนประสาท ครั้นจะให้แม่ด่าไอ้ปอก็คงจะเป็นเรื่องยากเพราะแม่ก็ได้แต่ยิ้มๆ แล้วนั่งทำแผลให้คอยถามว่าหิวข้าวไหมลูก นี่แหละครับนางฟ้าประจำบ้าน

        ในที่สุดความอดทนของปอก็สิ้นสุดลง เขาหัวเราะออกมาเต็มที่แบบไม่มีกั๊กก็มันขำจริงๆนี่หว่า พ่อเขานี่ก็แปลกตอนแรกบอกว่ามันด่าตัวเองทำเป็นเฉย พอบอกว่ามันด่าเมียเท่านั้นแหละแทบจะไปโรงพักไปฆ่าคนด่า เอากับพ่อสิใครบอกว่าพ่อเขารักเมียหลงเมียเคารพเมีย นี่เชื่อเหอะแตะเมียไม่ได้จริงๆนะ

        แต่ที่เขาบอกว่าตีกับเพราะมองหน้านี้เรื่องจริงนะไม่ได้โกหกเลย  เรื่องมันเกิดที่ร้านก๋วยเตี๋ยวที่เปิดขายอยู่ตรงกลางระหว่างเทคนิคที่เขาเรียน กับช่างกลข้างๆที่เป็นคู่อริ (เปิดร้านทำเลโคตรดี) ตอนเย็นหลังเลิกเรียนช่วงหกโมงทุ่มนึง มันเป็นช่วงที่เด็กทั้งสองโรงเรียนจะแห่กันไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านนี้ ไม่ใช่ว่าก๋วยเตี๋ยวมันอร่อยอะไรมากมายหรอก แต่มันเป็นเพราะไอ้ร้านนี้ตั้งอยู่ตรงกลาง มันเลยกลายเป็นแหล่งที่ทั้งสองโรงเรียนจะต้องขนคนมานั่งกินเพื่อข่มกัน เป็นการหยั่งเชิงคู่ต่อสู้ไปในตัวว่าอย่าแหยมนะมึงกูก็พวกเยอะ เหมือนเป็นธรรมเนียมกันไปแล้ว

   แล้วเรื่องมันก็เกิดจากตรงนี้ที่ร้านนี้นี่แหละ ระหว่างที่เขากำลังนั่งกินก๋วยเตี๋ยวคนเดียว (ไม่นับรวมเพื่อนร่วมสถาบันคนอื่นคือไม่สนิทกูไม่นับ) จู่ๆกลุ่มช่างกลที่นั่งโต๊ะข้างกันมันก็แหกปากถามขึ้นมาว่ามองหน้ามันทำไม คือกูจะหยิบพริกมาใส่ก๋วยเตี๋ยวกูก็ต้องเงยหน้าไหม แล้วทีนี้มันก็แค่บังเอิญไปสบตากับหน้าปลวกๆ เหมือนแทะไม้ฝาเฌอร่าแดกเป็นอาหารว่างของมันเข้าก็แค่นั้น อุตส่าห์ทำเป็นไม่สนใจก้มหน้าก้มตากินต่อแต่มันเสือกไม่หยุดไงครับ ด่าพ่อกูต่อซะงั้นกูก็ขึ้นสิครับด่าใครก็ด่าได้แต่อย่าด่าบุพการี คนในครอบครัว และเมียกู(แต่ตอนนี้ยังไม่มีก็ช่างแม่งเถอะครับ) เขาเลยวางตะเกียบกับช้อนในมือลง ลุกเดินไปหาไอ้กลุ่มช่างกลหน้าคางคกที่นั่งโต๊ะข้างๆ

        ปอไม่พูดอะไรให้มากความเขาสบตาคนตรงหน้าแว๊บนึง มือคว้าเอาชามก๋วยเตี๋ยวที่ยังร้อนๆคว่ำลงบนหัวเด็กช่างกลปากหมาทันที  ก่อนจะตามด้วยการยันโครมอีกฝ่ายจนหงายท้องตกเก้าอี้ ยกตีนขึ้นกระทืบซ้ำทันที เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนทุกคนตั้งตัวไม่ทัน แต่พอเพื่อนไอ้คนที่ปอยำตีนอยู่ตั้งสติได้มันก็รีบเข้ามาช่วยเพื่อน แล้วสวนหมัดอัดใส่หน้าปอมาทีนึง เท่านั้นแหละทั้งสองโรงเรียนก็ตะลุมบอนกันทันที เพราะเห็นเด็กร่วมสถาบันตัวเองโดนชก ตอนแรกๆคนมันก็ไม่เยอะแต่ปอได้ยินเสียงแว่วๆว่าให้โทรตามคนมาเพิ่ม เรื่องมันก็เลยกลายเป็นยกพวกตีกันสาเหตุเพราะมองหน้าแค่นั้น หลังจากนั้นก็อย่างที่บอกไว้ข้างบนนั่นแหละ

“พ่อไม่มีไรแล้วผมขึ้นห้องนะ” ปอบอกพ่อแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปโดยไม่สนใจที่จะเอาคำตอบ แต่ยังไม่ทันจะเดินพ้นหน้าห้องปอก็ต้องชะงักหยุดยืนอยู่กับที่

“เดี๋ยว”

“มีไรอีกพ่อพรุ่งนี้ผมมีเรียนเช้า”

“มึงไม่ต้องไปเรียนแล้ว” คุณปรีชาบอกลูกชายด้วยน้ำเสียงจริงจังอีกครั้ง

“ทำไม” ปอขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปม

“กูไปลาออกให้มึงละ”

“พ่อ!!!!!” ปอตะโกนเรียกพ่อเสียงดัง

“พ่อทำแบบนี้ทำไม พ่อไปลาออกให้ผมได้ไง พ่อทำอะไรแล้วไม่ถามผมก่อนวะ แล้วผมจะไปเรียนที่ไหนนี่มันพึ่งจะกลางเทอมนะพ่อ” ปอถามพ่อด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เขาพึ่งจะเข้าเรียนปีแรกยังไม่ทันจะเรียนจบเทอมแรกด้วยซ้ำ แล้วนี่พ่อไปลาออกให้แบบไม่ปรึกษาเขาจะไปเรียนต่อที่ไหนได้

“กูไม่ได้อยากลาออกให้มึงแต่โรงเรียนเขาไล่มึงออก ดีแค่ไหนแล้วที่เขายังเห็นแก่หน้ากูที่เป็นพ่อมึงเนี่ย เขาถึงได้เชิญให้กูไปเขียนใบลาออกให้มึง มึงจะได้ไม่มีประวัติโดนไล่ออกจากโรงเรียน!!!” คุณปรีชาตะโกนตอบลูกชายอย่างเหลืออด ปอได้แต่ยืนอึ้งไปไม่เป็นเขาเนี่ยนะโดนไล่ออก

‘คนอย่างกูเนี่ยนะใครแม่งบังอาจวะกล้าดียังไงมาไล่เขาออกจากโรงเรียน อย่าให้รู้ตัวนะพ่อจะกระทืบให้ไส้ไหล’ ปอสบถด่าในลำคอด้วยความโมโห

“มึงไม่ต้องทำหน้าไม่พอใจมึงคิดว่ามึงทำตัวดีนักหรอห๊ะ!! เรียนมาไม่ถึงปีมีเรื่องกับคนอื่นไม่เว้นแต่ละวัน แค่เดือนนี้เดือนเดียวกูไปประกันตัวมึงที่โรงพักสามรอบแล้ว เขาทนให้มึงเรียนนานขนาดนี้กูก็ไม่รู้จะขอบคุณเขายังไงแล้ว” คุณปรีชาพูดดักคอลูกชายที่กำลังจะอ้าปากพูด ส่วนปอก็พยายามระงับอารมณ์หงุดหงิด

“แล้วออกมาแบบนี้พ่อจะให้ผมทำยังไงต่อ”

“กูจะให้มึงไปเรียนมหา’ลัยเดียวกันกับไอ้ปิง” ปอขมวดคิ้วเป็นปมกว่าเดิม เรียนมหา’ลัยเดียวกับไอ้ปิงเนี่ยนะจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อเขาเรียนเทคนิค มหา’ลัยที่ไหนมันจะรับเด็กเทคนิคเข้ากลางเทอม แถมที่ไอ้ปิงเรียนยังเป็นมหา’ลัยรัฐชื่อดังอันดับต้นๆของประเทศ

“มหา’ลัยไอ้ปิง มหา’ลัยรัฐเนี่ยนะ”

“เออ หรือมึงมีปัญหา”

“ทำไมต้องให้ผมเรียนมหา’ลัย ไปต่อเทคนิคช่างกลที่อื่นก็ได้”

“กูจะให้มึงเรียนมหา’ลัย” คำตอบของคุณปรีชายิ่งสร้างความสงสัยให้ปอ พ่อเขาเป็นอะไรกับมหา’ลัยวะ

“แล้วทำไมต้องมหา’ลัยรัฐ เอกชนก็ได้” ปอยังคงถามด้วยความสงสัย

“แล้วทำไมมึงต้องเรียนเอกชนล่ะ” คุณปรีชาก็ยังคงไม่ให้คำตอบเหมือนเดิม

“ก็ทีพ่อเรียนพ่อยังเรียนเอกชนเลย แถมเรียนที่เมืองนอกอีกต่างหาก”

“ช่วยไม่ได้พ่อมึงไม่ได้รวยเหมือนพ่อกู” คุณปรีชาตอบลูกชายกลับแบบยียวนส่วนปอได้แต่อึ้งไป ไม่คิดเลยว่าพ่อจะตอบแบบนี้ ถ้าใครบอกว่าปอกวนตีนไม่ต้องสงสัย ลูกไม้มันหล่นไม่ค่อยไกลต้นหรอก

“...................” เห็นปอเงียบคุณปรีชาก็หัวเราะเสียงดังอย่างสะใจแบบไม่มีกั๊ก นานๆทีท่านจะเอาคืนลูกชายได้สักครั้งปกติมีแต่มันที่กวนประสาท

“พ่อผมไม่รวยแต่ได้ข่าวไอ้ป้องต่อโทที่เมืองนอกนะ” ตั้งสติได้ปอก็สวนพ่อกลับไป พ่อพึ่งจะส่งไอ้ป้องไปต่อโทที่อเมริกาเมื่อต้นปี แต่มาบอกตัวเองจนตลกเหอะครับ

“ก็แม่มันรวย” ปอสบตาพ่อแบบเหนื่อยใจ เขาเริ่มจะรู้ตัวแล้วละว่าพ่อจงใจกวนประสาทเขาชัดๆ

“พ่ออออออออ” ปอเรียกเสียงยานคางส่งสัญญาณให้คุณปรีชารู้ตัวว่าชักจะตลกเกินแล้ว

“เอาน่าไอ้ลูกชายมึงไปเรียนกับพี่มึงนั่นแหละ”

“ทำไมต้องเรียนของรัฐวะพ่อ ยังไงพ่อก็ต้องยัดเงินให้ผมเข้าเรียนอยู่ดี เรียนเอกชนก็ได้มั้ง” ปอยังคงต่อรองไม่ยอมไปเรียนที่เดียวกับปิง ไม่ใช่หัวสูงเรียนรัฐบาลไม่ได้อะไรหรอกนะแค่เขาไม่อยากเรียนเฉยๆก็แค่นั้น อะไรที่มันขัดใจหรือว่าต่อต้านพ่อได้กูทำหมดละครับ ไม่ได้เป็นเด็กขาดความอบอุ่นเป็นเด็กมีปัญหาอะไร คืออยากกวนตีนเฉยๆกูรักนะครับกูเลยกวน อีกอย่างให้ไปเรียนมหา’ลัยกลางปีแบบนี้แถมมาจากเทคนิคประวัติก็ใสสะอาดซะสุดๆ ยังไงแม่งก็ต้องยัดเงินเข้าเรียนว่ะครับ ทางที่ดีเข้าเอกชนมันน่าจะสร้างปัญหาในอนาคตน้อยที่สุดจริงไหม?

“ใครบอกมึงว่ากูจะยัดเงินให้มึงเข้าเรียน” คราวนี้ปอทำหน้าเป็นหมางงใส่พ่อ ไม่ยัดเงินให้เข้าเรียนแล้วจะให้ไปเรียนยังไงวะ ให้เดินไปบอกอธิการว่ากูจะมาเรียนนะเหรอครับ พ่อเขาท่าจะอาการหนักไม่น้อยสมองน่าจะได้รับการกระทบกระเทือน ตอนรู้ว่าลูกชายโดนเชิญออกจากโรงเรียน

“ไม่ต้องทำหน้าเป็นควายงง” คุณปรีชาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นหน้างงๆของปอ

“กูไม่ได้จะยัดเงินให้มึงเข้าเรียน แต่มึงต้องเรียนที่เดียวกับไอ้ปิง” คำพูดกำกวมของคุณปรีชายิ่งทำให้ปองงหนัก

“กูจะให้มึงหยุดเรียนครึ่งปี แล้วปีหน้ามึงก็ไปสอบเข้าเป็นเด็กปีหนึ่งใหม่พร้อมน้องปราง” จบคำพูดปอโวยวายขึ้นทันทีแบบไม่ต้องใช้สมองคิดเยอะ

“พ่อจะบ้าหรอให้ไปสอบเข้าใหม่ ไปเรียนกับรุ่นน้องเนี่ยนะฝันเหอะพ่อ พ่อไม่ให้เงินผมเรียนผมเอาเงินตัวเองก็ได้” ปอตอบแบบไม่แยแสเขามีเงินเก็บที่พ่อกับแม่โอนใส่บัญชีให้ทุกเดือนอยู่แล้ว ไม่เดือนร้อนเรื่องเงินเลยสักนิด ยังไงเขาก็ไม่มีทางทำตามพ่อแน่ๆ

“หมายถึงเงินเก็บในบัญชีที่กูโอนให้มึงทุกเดือนอันนี้ใช่ไหม” คุณปรีชาโบกสมุดบัญชีเงินฝากของปอไปมา ปอถึงกับตาเหลือกพ่อไปหาเจอได้ไงวะ

แต่ยังไม่จบแค่นั้น เมื่อคุณปรีชาเอามืออีกข้างล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบของสองอย่างออกมา มันคือกุญแจสองดอกถ้าปอมองไม่ผิดและไม่มีทางมองผิดแน่ๆ นั้นมันกุญแจรถกับกุญแจบ้านของเขาชัดๆ

“เฮ้ยพ่อ!! เอาของผมคืนมานะ” ปอเดินตรงมาหาพ่อพยายามจะแย่งคืนแต่คุณปรีชาชี้หน้าปรามไว้ว่าให้หยุดอยู่ที่เดิม  ก่อนจะหันไปสบตากับปิงพร้อมพยักหน้าให้ พอปิงเห็นพ่อส่งสัญญาณก็พยักหน้าตอบแล้วลุกขึ้นเดินตรงไปหาปอล็อกตัวน้องชายไว้แน่น ส่วนปอไม่ทันตั้งตัวเลยโดนพี่ชายล็อกตัวได้ง่ายๆพยายามดิ้นยังไงก็ไม่หลุด ไม่ใช่ว่าสู้แรงพี่ชายไม่ได้ปอตัวใหญ่กว่าปิงด้วยซ้ำ แต่ที่ดิ้นไม่หลุดเป็นเพราะแผลที่มีอยู่บนตัวต่างหากยิ่งดิ้นยิ่งเจ็บ

คุณปรีชาเมื่อเห็นปิงจับตัวปอไว้แล้ว ท่านก็รีบเดินตรงเข้ามาหาลูกชายทั้งคู่ทันที ไม่รีบไม่ได้ต้องทำเวลาไม่งั้นไอ้ปอดิ้นหลุดละจบเลย คุณปรีชาเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างของปอ ก่อนจะหยิบกระเป๋าสตางค์กับกุญแจรถออกมา จากนั้นก็พยักหน้าให้ปิงเป็นสัญญาณว่าปล่อยตัวปอได้แล้ว

“โทษทีว่ะมึงกูขัดพ่อไม่ได้” ปิงบอกน้องพร้อมตบบ่าแปะๆอย่างให้กำลังใจ แล้วเดินมายืนสมทบกับพ่อ ปอมองหน้าพี่ชายอย่างแค้นใจ มันทำพูดเหมือนเห็นใจสำนึกผิด แต่รอยยิ้มมุมปากสะใจโคตรๆของมึงคืออะไรวะ

“กูจะยึดของพวกนี้ของมึงไว้ก่อน แล้วมึงก็ต้องเตรียมตัวไปสอบเข้า และก็ต้องสอบให้ติดโดยไม่มีข้อแม้อะไรทั้งนั้น แต่กูใจดีให้มึงเลือกเรียนที่มึงอยากเรียนได้” คุณปรีชาเอ่ยขึ้นพร้อมยิ้มมุมปากอย่างเป็นต่อ ท่านไม่เคยทำแบบนี้กับลูกชายเลยสักครั้งไม่เคยบังคับให้อิสระตามใจจนปอเคยตัว ครั้งนี้ท่านต้องทำเพื่อดัดนิสัยลูกชายบ้างให้มันไปเรียนมหา’ลัยเดียวกับพี่ชาย อย่างน้อยก็มีคนคอยดูคอยปรามมันบ้าง เพราะถึงปอจะนิสัยแบบนี้แต่ลูกชายท่านมันก็เคารพพี่ชายในแบบของมัน

ส่วนปอได้แต่มองของในมือพ่ออย่างเคืองๆ สมุดบัญชีที่มีเงินฝากแบบใช้ได้ทั้งชาติถ้าไม่ใช้เว่อร์เกิน กระเป๋าสตางค์ที่มีบัตรเครดิตและตังในกระเป๋า กุญแจรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ที่พี่ทั้งสองคน ออกเงินรวมกันซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด กุญแจรถสปอร์ตที่แม่ซื้อให้เพราะเขาบ่นอยากได้ และกุญแจบ้านเล็กบ้านส่วนตัวของเขาที่พ่อซื้อให้ เพราะเขาเรียนจบม.ปลายมาได้โดยไม่โดนไล่ออก ไม่ใช่ว่าโง่จนจะเรียนไม่จบนะครับแต่ฉลาดแล้วโดดเรียนทะเลาะวิวาทประจำใครเขาจะอยากเอาไว้ นี่จบมาได้กูยังงงกับตัวเองเลย

“พ่อคิดว่ายึดของๆผมไป แล้วผมจะทำตามที่พ่อบอกเหรอ” ปอยังคงดื้อแพ่งไม่ทำตาม

“หึ หึ กูว่าแล้ว” คุณปรีชาพูดขึ้นเหมือนเดาไว้แล้วว่าปอจะตอบแบบนี้

“แต่ถ้ามึงไม่ทำตามกูจะบอกเรื่องที่มึงขึ้นโรงพักกับแม่มึง”

“เฮ้ย!!!!แค่นี้ต้องขู่จะฟ้องแม่เลยหรอ”

“เออ!!!ก็ถ้ามึงไม่ทำตามกูบอกเมียกูแน่” คุณปรีชาพูดอย่างเป็นต่อ เพราะคนที่มีจุดอ่อนที่คุณปิ่นแก้วภรรยาของท่าน ไม่ได้มีแค่ท่านคนเดียวมันรวมถึงปอลูกชายของท่านด้วย

“นี่ผมมีสิทธิ์ต่อรองอะไรไหม” ปอถามอย่างปลงๆและยอมแพ้ พ่อฉลาดมากที่ใช้แม่มาขู่ แล้วเขาจะกล้าขัดขืนเหรอแบบนี้ เขาไม่อยากให้แม่รู้และเสียใจเรื่องที่เขายกพวกตีกับคนอื่นหรอกนะ ที่สำคัญเขาเคยสัญญากับแม่ไว้แล้วว่าจะไม่ให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก แต่ไม่เคยทำได้สักทีมันเลยเป็นจุดอ่อนโดนเอามาขู่อยู่แบบนี้ไง

“มึงมีสิทธิ์แค่ทำตามเท่านั้นไอ้ลูกชาย”

“แล้วพ่อจะคืนของให้ผมตอนไหน”

“ตอนที่กูพอใจ” กวนประสาทลูกชายทิ้งท้ายก่อนที่คุณปรีชาจะเดินขึ้นบนบ้าน ปิงสบตากับน้องชายแล้วยักไหล่ให้ก่อนจะทิ้งปอ ก้าวขาเดินตามพ่อขึ้นข้างบนไป

ปอมองตามหลังทั้งสองคน แล้วยกมือขึ้นมาทึ้งหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด นี้เขาต้องไปสอบเข้ามหา’ลัยพร้อมรุ่นน้องจริงๆหรอวะ

‘โว๊ยยยยยยยยยยยยย’

จะบ้าตายนี่พ่อคิดอะไรของเขาวะ กูปวดหัวครับ!!!!

2 Be con...

+++++++++++++
ฝากนิยายด้วยนะ
พูดคุยกับคนเขียนได้ที่เพจตามลิงค์เลยจ้า
https://www.facebook.com/gib1matchty (https://www.facebook.com/gib1matchty)
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 2 (25/01/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 25-01-2016 01:02:55
กับดักที่
- 2 -



ครึ่งปีต่อมา....
วันประกาศผลสอบ

   วันนี้ปอต้องจำใจตื่นเช้าเป็นพิเศษ เพราะน้องสาวของเขาตื่นเต้นอยากไปดูประกาศผลสอบที่มหา’ลัย ทั้งๆที่ความจริงรอดูผลประกาศจากอินเตอร์เน็ตก็ได้ แต่คุณเธอไม่ยอมบอกว่าความฟินมันต่างกัน คือแค่ประกาศผลสอบมันต้องใช้ความฟินอะไรวะครับ

   ให้มาคนเดียวเจ้าตัวก็ไม่ยอมงอแงให้มาเป็นเพื่อนนี่น้องหรือเมียวะเอาแต่ใจฉิบหาย ถ้าใครว่าเขาเอาแต่ใจโดนตามใจจนนิสัยเสียบอกเลยว่ามีตรงนี้อีกคน ทั้งที่รู้ว่าน้องเอาแต่ใจแต่เขาก็ตามใจนี่แค่น้องนะ ถ้าเป็นเมียชี้นกแล้วบอกว่ากระรอกกูก็ไม่ขัดว่ะครับ กูว่าอนาคตกูน่าเป็นห่วงพอควร...

   หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย ตอนนี้ปอก็มายืนเมาขี้ตาอยู่หน้าบอร์ดประกาศผลสอบคณะวิศวะ ทีแรกว่าจะเรียนบริหารเอาใจตาแก่ที่บ้านแต่เขาไม่อยากมาเป็นรุ่นน้องไอ้ปิง ไอ้พี่เลว ไอ้พี่ทรยศ นึกถึงทีไรก็หงุดหงิดทุกทีให้ตายขนาดเรื่องมันผ่านมาครึ่งปีแล้วนะ ที่สำคัญนอกจากไอ้ปิงที่เรียนบริหารก็ยังมีไอ้ป้องกับน้องปรางที่เลือกเรียนเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเขาไม่เรียนคนเดียวก็ไม่เป็นไรหรอก ไว้เลือกเรียนคหกรรมค่อยเป็นเรื่องละกันครับ

   ปอค่อยๆไล่สายตามองหาชื่อตัวเองบนบอร์ด เขายืนห่างบอร์ดพอสมควรเลยต้องค่อยๆหา เพราะตอนนี้ข้างหน้าเขาคนเบียดเข้าไปดูผลกันเต็ม ดีนะครับที่กูสูงเกือบร้อยเก้าสิบเลยได้เปรียบ สักพักปอก็เห็นชื่อของตัวเอง ‘ปรมัตถ์ อัศวเทพ’ ชื่อนามสกุลครบแสดงว่าสอบติด ก็ไม่แปลกที่จะติดครึ่งปีมานี้ที่หยุดเรียนไปเขาเองก็ไม่ได้นอนหายใจทิ้งไปวันๆ อ่านหนังสือจนแทบจะแดกเข้าไปแทนข้าวไหนจะครูสอนพิเศษที่พ่อหามาให้อีก

   บอกเลยมันเป็นช่วงเวลาที่โคตรทรมาน ดีนะที่พ่อยังปรานีไม่ล่ามโซ่เขาไว้ยังยอมให้ออกไปสังสรรค์กับเพื่อน ไม่งั้นคงได้หนีออกจากบ้านกันล่ะครับ แล้วในจังหวะที่ปอกำลังจะหันหลังกลับ ร่างของคนข้างหน้าก็หันมาชนเข้ากับเขาอย่างจัง

พลั่ก!!!!!!!!!

“โอ๊ยยยยยยยย เหี้ย!!!แม่ง!!!” เสียงสบถโวยวายดังออกมาจากร่างที่ลงไปนั่งกองอยู่กับพื้น เรียกสายตาคนที่อยู่บริเวณนั้นให้หันมามองได้เป็นอย่างดี เจ้าตัวลุกขึ้นใช้มือปัดตามตัวไปมาตาก็จ้องมาที่ปออย่างเอาเรื่อง

“มึงยืนยังไงไม่หลบคนวะ” เสียงตวาดถามอย่างเอาเรื่อง ปอขมวดคิ้วมองคนตรงหน้านิ่งๆ

   ‘กูก็ยืนของกูดีๆเป็นมึงไหมไอ้เตี้ยที่หันมาชนกูจนตัวเองลงไปกองกับพื้นน่ะ’ ปอยังคงมองนิ่งๆไม่ได้ตอบโต้อะไร เหมือนรอดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย แปลกที่เขายังรู้สึกเฉยทั้งๆที่ปกติ ถ้าโดนหาเรื่องซึ่งหน้าแบบนี้ได้ตายกันไปข้างละยิ่งถ้าเขาไม่ผิดนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย แต่กับคนตรงหน้าเขาดันไม่ยักจะโกรธยิ่งพอเห็นว่าตัวบางๆขาวๆหน้าหวานๆตาโตๆ สูงแค่คางมาทำท่าโมโหใส่แบบนี้ มันทำให้ปอเห็นเหมือนหมาชิสุกำลังขู่สิงโตยังไงยังงั้น

“หึ หึ” ปออมยิ้มให้กับความคิดตัวเองก่อนจะขำในลำคอเบาๆ

   “ขำเหี้ยอะไรวะ” คนตัวเล็กกว่าถามขึ้นอย่างโมโห มันขำห่าอะไรวะบ้านมึงเป็นตลกเหรอไอ้ยักษ์ปักหลั่น แถมยังเสือกขำไม่หยุดอีกกำลังจะอ้าปากด่าต่อก็มีเสียงเรียกดังขัดขึ้นมา

“เลิฟ!!!! มึงเสร็จรึยัง” เสียงตะโกนถามดังข้ามมาจากอีกฟากถนนในมหา’ลัย ทำให้ทั้งปอและคนตัวเล็กหันไปมองตามเสียง

“ฝากไว้ก่อนเหอะมึง” เอ่ยออกมาอย่างคาดโทษ จากนั้นก็หันหลังวิ่งไปหาเพื่อนแต่ก่อนจะเดินจากไป คนตัวเล็กยังไม่วายหันมายกนิ้วกลางให้ปอเป็นการทิ้งท้ายก่อนจากกัน

ปอมองตามแผ่นหลังเล็กๆที่เดินจากไป พร้อมกับรู้สึกได้เลยว่าเส้นเลือดข้างขมับมันเต้นดังตุ๊บๆ กวนตีนจริงๆไอ้เตี้ยถ้ารู้ว่าจะกวนตีนขนาดนี้ น่าจะจัดให้สักแผลสองแผลเป็นยาลดความกวน

“ปอเป็นไรอ่ะ” เสียงถามดังขึ้นข้างๆตัวแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง ทำให้ปอละสายตาจากแผ่นหลังเล็กๆที่เห็นไกลๆ แล้วเบนสายตามามองน้องสาวแทน

“ไม่มีอะไร แล้วเราล่ะผลสอบเป็นไง” ปอส่งยิ้มแล้วเอามือลูบหัวน้องสาวอย่างอ่อนโยน

ส่วนปรางเองพอเห็นพี่ชายเปลี่ยนเรื่องเลยไม่เซ้าซี้ต่อ ทั้งๆที่เห็นนะว่าพี่ชายทำหน้าตามีความสุขเหมือนตอนที่เจอของถูกใจ แต่ดูท่าเจ้าตัวจะไม่รู้ปรางเลยเลิกสนใจถึงจะสงสัยก็เหอะ

   “โธ่ปอ...น้องอ่ะระดับไหนแล้วไม่เชื่อดูดิ” ว่าพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ไปตรงหน้าพี่ชาย

   ปอก้มมองภาพที่โชว์บนโทรศัพท์ มันเป็นภาพกระดาษรายชื่อที่มีชื่อ ‘ปัญชิกา อัศวเทพ’ ชื่อของน้องสาวเขา
ปรางเก็บโทรศัพท์แล้วยักคิ้วให้พี่ชายอย่างกวนๆ ทำให้ปออมยิ้มคว้าตัวน้องสาวมาล็อคคอไว้ ก่อนจะใช้มือขยี้หัวด้วยความหมันเขี้ยวจนผมของปรางยุ่งไปหมด

“โหยยยปอเล่นไรเนี่ยผมน้องเสียทรงหมดแล้ว” ปรางว่าพี่ชายอย่างงอนๆมือก็พยายามลูบผมให้เข้าทรง ก่อนจะแบมือไปที่หน้าปอ

“อะไร” ปอถามน้องสาวด้วยความงงว่าแบมือออกมาทำไม

ส่วนปรางได้แต่ทำหน้ายู่ใส่พี่ชายอย่างขัดใจ ถอนหายใจออกมาเซ็งๆที่พี่ชายไม่เข้าใจการกระทำของตัวเอง

“ของขวัญไงปอของขวัญอ่ะ ไม่มีไรให้น้องหรอน้องสอบติดนะเว้ย”

“งั้นไหนของขวัญของพี่ล่ะ พี่ก็สอบติดเหมือนกัน” ปอว่าพร้อมกับแบมือไปที่ปราง แบบเดียวกับที่ปรางทำเมื่อกี้เป๊ะๆ

“โหยยปอตัวเป็นพี่นะมาขอน้องได้ไงอ่ะ” ปรางโอดครวญใส่พี่ชายพร้อมกับทำหน้างอ ปอได้แต่ยิ้มขำให้กับท่าทางของน้องสาว

“มาขอพี่ตอนนี้พี่ก็ไม่มีให้หรอกพ่อยึดสมบัติพี่ไปหมดแล้ว”

“ชิส์” ปรางจิ๊ปากสะบัดหน้าหนีไปอีกทางแบบงอนๆ

“ปอขี้งกน้องไปขอกับพี่ปิงพี่ป้องก็ได้” ว่าแล้วก็เดินหนีไปขึ้นรถที่จอดอยู่

ปอมองตามน้องแล้วก็ส่ายหัวอย่างปลงๆ นี่เขาตามใจน้องจนเสียนิสัยหรือเปล่าวะ แต่ให้รู้ไว้เถอะครับไม่ใช่แค่เขาที่สปอยน้อง ไอ้ปิงไอ้ป้องนี่ยิ่งแล้วใหญ่ไม่เคยขัดอยากได้อะไรขอให้บอกพวกมันหามาถวายให้ถึงที่ ส่วนตาแก่อย่าให้พูดถึงจะด่าจะว่าสักคำก็ไม่มี ตามใจกันสุดๆล่ะครับเจ้าหญิงของบ้าน ที่มีกล้าดุกล้าว่าคงเป็นแม่เขาคนเดียว แล้วไม่มีใครกล้าหือด้วยนะครับอยากตายก็ลองดู

   ปอนินทาน้องตัวเองในใจก่อนจะรีบเดินตามไปที่รถ ขืนไปช้าแล้วเจ้าตัวรอนานจะยิ่งงอนไปกันใหญ่ คราวนี้แหละงานได้เข้าของจริง

   เดินมาถึงรถก็เห็นหน้าสวยๆของน้องสาวงอง้ำยืนพิงรถรอเขาอยู่ ปอถอนหายใจเบาๆไม่ใช่ไม่อยากให้รางวัลน้องนะ แต่เขาโดนยึดทรัพย์ไปตอนนี้จัดว่าเกลี้ยงจริงๆสงสัยต้องขอกู้ไอ้ปิงซื้อของขวัญให้น้อง ตกลงกับตัวเองได้แล้วว่าจะเอาไงต่อปอก็เอารีโมทออกมาปลดล็อครถ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้เจ้าหญิงเข้าไปนั่งเดี๋ยวจะทรงพระโกรธไปกว่านี้
“ได้สมบัติคืนเมื่อไหร่อย่าลืมของขวัญน้องนะจัดมาชิ้นใหญ่ๆด้วย”

“เออๆสัญญา” ว่าแล้วก็เอื้อมมือไปขยี้หัวน้องสาวอีกทีหมันเขี้ยวครับ เห็นว่างอแงแสนงอนแบบนี้ปรางก็เป็นแค่กับคนสนิทคนในครอบครัวเท่านั้นนะครับ คนอื่นนี่อย่าหวังจะได้เห็นเจ้าตัวหยิ่งสุดๆขนาดเพื่อนสนิทเขาน้องยังคุยด้วยเป็นบางคนคิดดูละกัน

“ปอ!!!!!” ปรางขึ้นเสียงใส่พี่ชายอย่างหงุดหงิด มือก็ลูบผมให้เข้าทรง บอกกี่รอบแล้วว่าอย่าเล่นหัวผมมันเสียทรง!!!!

ปอส่ายหัวเบาๆเมื่อเห็นอาการน้องสาว น้องเขาถ้าจะเป็นเอามากกับทรงผม ปอละสายตาจากน้องมามองถนนข้างหน้าก่อนจะสตาร์ทรถ ขับออกจากมหา’ลัยมุ่งตรงกลับบ้านทันที

...
...
   ณ ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง

ปึก! ปึก! ปึก!

เสียงช้อนที่กระแทกกับจานดังออกมาไม่หยุดตั้งแต่พวกเขาเข้ามานั่งในร้านอาหาร จนตอนนี้เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ๆเสียงก็ยังคงดังต่อเนื่องโดยไม่มีท่าทีจะหยุดลงเร็วๆนี้ ทำให้หญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มทนไม่ไหวจนต้องเอ่ยปากถามขึ้นมาในที่สุด

“เลิฟ..มึงเป็นอะไรวะกูเห็นมึงเอาช้อนจิ้มจานเล่นตั้งแต่เข้ามาในร้านแล้วนะ” หญิงสาวหรือที่มีชื่อว่านาวถาม เห็นใบหน้าหวานๆน่ารักของเพื่อนชายบูดบึ้งทั้งๆที่พึ่งได้รับข่าวดีมา จนพวกเธอต้องมานั่งฉลองให้กับความสำเร็จและความพยายามตอนนี้ด้วยความสงสัย

“อยากฆ่าคน” เลิฟเอ่ยออกมาเสียงอาฆาตรอดไรฟัน

“ห๊ะ!! มึงจะฆ่าใคร” นาวขมวดคิ้วมุ่นมองหน้าเพื่อน อันที่จริงไม่ใช่แค่นาวหรอกอีกสามชีวิตที่เหลือก็หันมามองเลิฟเป็นตาเดียว อยู่ดีๆก็บอกอยากฆ่าคนมันจะฆ่าใคร?

เลิฟเงยหน้ามองเพื่อนแล้วหยุดมือที่กระแทกช้อนลง เขายังไม่ได้เล่าให้เพื่อนฟังเรื่องไอ้ยักษ์ปักหลั่นที่ทำเขาล้มลงไปกอง แม่ง!ทำคนล้มแล้วยังไม่ช่วยยืนมองนิ่งๆอีกมันคิดว่ามันเท่หรือไงวะ แค่ตัวสูง (มาก) หน้าตาก็งั้นๆ(หล่อ) ทำมาเป็นยืนเก๊กใช้ตาสีประหลาดของมันยืนมองเขาดุๆ หน้านี่ก็คนไทยเชื้อสายจีนชัดๆแต่ตาสีแปลกๆ ผู้ชายห่าอะไรใส่คอนแท็คสีดีนะไม่เอาตาโตด้วย ยิ่งไอ้รอยสักที่แขนสองข้างที่มันโผลพ้นเสื้อเชิ๊ตที่พับถึงข้อศอกสองข้างของมัน กับทรงผมที่เซ็ตเข้าทรงอย่างดียิ่งทำให้มันดูกวนประสาท หงุดหงิดอ่ะ

อะไรมองหน้าเขาแบบนี้ทำไม เออๆก็ได้ยอมรับแหละว่าไอ้บ้านี่มันก็ดูดี แถมรอบๆตัวไอ้ยักษ์มันมีกลิ่นอายประหลาดดูอันตรายยังไงไม่รู้ แต่ช่างเหอะที่เรียกมันว่ายักษ์ปักหลั่น ก็เพราะเขาสูงตั้ง 175 ซ.ม. ตามมาตรฐานนะครับ แต่ยังสูงแค่คางของมันเอง แม่ง!!! หมั่นไส้ทำไมสูงได้ขนาดนั้นวะ (จริงๆอิจฉา)

“นี่มึงจะบอกกูได้หรือยังว่ามึงเป็นอะไร” นาวพูดเรียกเพื่อนขัดความคิดที่ดูเหมือนจะไปไกลของเจ้าตัว และดูท่าจะไปไกลมากด้วยเล่นหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วนั่งเหม่อ แต่ทำหน้าตาประหลาดออกมาเป็นระยะเดี๋ยวโกรธเดี๋ยวโมโหอยู่นั่นแหละเห็นแล้วยิ่งทำให้สงสัย

“เปล่าไม่มีไรหรอก” เลิฟพูดตัดบทเพราะไม่อยากเล่าจริงๆมันก็แค่เรื่องปัญญาอ่อน ขืนเล่าไปพวกเพื่อนเขามันคงได้หัวเราะกลิ้ง
 
“เออๆไม่มีไรก็ไม่มีถึงกูจะมองเห็นว่าหน้ามึงโคตรจะมีก็เหอะ” นาวว่าก่อนจะหันไปตักลูกชิ้นในหม้อขึ้นมากิน ไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่าถ้ามีอะไรหนักๆเดี๋ยวมันก็เล่าออกมาเองแหละ

“นี่มึงบอกพ่อเรื่องสอบติดยัง” นาวถามขึ้นมาอีกครั้ง เลิฟส่ายหัวไปมาแทนคำตอบ

“เอ้า!! แล้วมึงไม่บอกอ่ะมึงจะให้เขาตรัสรู้เองหรอวะ โง่ๆอย่างมึงสอบติดวิศวะเลยนะเว้ย” นาวพูดจิกกัดเลิฟเบาๆจนเพื่อนๆที่เหลือหัวเราะออกมาพร้อมกัน

“มึงก็ไปว่ามัน” กั้มพูดไปขำไปส่วนพีทได้แต่ส่ายหัว เป็นเรื่องปกติที่นาวจิกกัดเลิฟ ส่วนเอยหันมามองหน้าเลิฟอย่างเห็นใจ

“กลับไปค่อยบอก” เลิฟบอกหน้ายู่ นาวพยักหน้ารับรู้แล้วก้มลงกินต่อ เลิฟยังจำความรู้สึกตอนไปยืนมองหาชื่อตัวเองที่บอร์ดได้อยู่เลย มือมันเย็นใจมันสั่นไปหมดไล่อ่านรายชื่อไปเรื่อยๆไม่เจอสักที เจอแต่ชื่อนาวกับพีทที่ฝากให้ดูให้ด้วยเกือบจะหมดหวังอยู่แล้ว แต่สุดท้ายก็ไปเจอชื่อตัวเองอยู่เกือบท้ายสุดของแผ่นกระดาษ ตอนนั้นเข่าแทบทรุด

พวกเขาห้าคนโชคดีที่สอบติดมหาวิทยาลัยเดียวกัน เลิฟ นาว และพีทติดคณะวิศวะ นาวกับพีทนี่หายห่วงเพราะเรียนเก่งมาก ส่วนเลิฟนี่เรียนกลางๆค่อนไปทางล่างๆ แต่ดันสอบติดวิศวะถือว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์เลย อีกสองคนคือเอยกับกั้มเอนติดมนุษย์ศาสตร์
หลังจากนั้นไม่นานทุกคนก็กลับบ้านเพื่อจะได้เอาข่าวดีที่ได้รับไปบอกคนที่บ้านด้วย ทั้งห้าคนเดินมาทางลานจอดรถแล้วล่ำลากันเล็กน้อยก่อนแยกย้าย ตอนนี้ที่ลานจอดรถเหลือแค่นาวกับเลิฟสองคน พออยู่กันแค่สองคนเลิฟก็ถอนหายใจออกมา

“มึงไม่เป็นไรแน่นะ” นาวหันหน้ามาถามเพื่อน เพราะเลิฟทำหน้าหนักใจกว่าตอนที่นั่งในร้านอาหารเมื่อกี้ซะอีก

“ยังไม่อยากกลับบ้านว่ะ” เลิฟเอ่ยออกมาก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวยาวหน้าทางเข้าห้าง

“ทำไม” นาวถามพร้อมกับเดินมานั่งลงข้างๆ เลิฟส่ายหัวตอบคำถามแทนนาวเลยเป็นฝ่ายพูดต่อ

“ใช่เรื่องที่มึงนั่งจิ้มจานในร้านไหมหรือมีเรื่องอื่น”

“ไม่ใช่นั่นมันแค่เรื่องปัญญาอ่อนกูแค่ยังไม่อยากกลับตอนนี้”

“ขนาดเรื่องปัญญาอ่อนมึงจิ้มจนจานจะทะลุ แล้วไมมึงไม่อยากกลับบ้าน”

“กูเครียดที่สอบติดว่ะ”

“ห๊ะ!!! ตอนรู้ผลมึงยังดีใจอยู่เลยแล้วอยู่ๆมึงมาดราม่าอะไรเนี่ย”

“ก็ดีใจแต่กูกลัวกูเรียนไม่รอดว่ะ มึงก็รู้ว่ากูโง่ฉิบหายสอบติดได้นี่แม่งโคตรฟลุ๊ก”

“มึงอย่าคิดอะไรไปเยอะดิวะยังไม่เรียนเลย ไปๆกลับบ้านไปบอกพ่อมึงว่าสอบติดเขาจะได้รู้ว่าหน้าอย่างมึงก็ทำได้” นาวเอ่ยให้กำลังใจเพื่อนมือก็กอดไหล่ไว้ เลิฟถอนหายใจอีกครั้งแล้วพยักหน้ารับรู้

“แต่ที่ไม่อยากกลับบ้านเพราะแค่เรื่องนี้จริงดิ” นาวถามย้ำเพราะโตด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก นาวเลยรู้นิสัยเพื่อนดีถ้าเรื่องแค่นี้ไม่มีทางที่เลิฟจะไม่อยากกลับบ้าน ส่วนเลิฟโดนเพื่อนสนิทถามอย่างรู้ทันก็ได้แต่เงียบ

นาวเห็นว่าเลิฟไม่ตอบเลยดึงมือเพื่อนสนิทลุกขึ้นยืนเพื่อกลับบ้าน เลิฟไม่ยอมบอกสิ่งที่คิดในใจออกมาทั้งหมดแต่นาวก็พอเดาออกไม่พ้นเรื่องที่บ้านหรอก ซึ่งนาวรู้และเห็นมาตลอดแหละว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง บ้านเลิฟค่อนข้างมีเรื่องซับซ้อนละเอียดอ่อน เอาเป็นว่าถ้าอยากรู้อะไรต้องรอมันเล่าเองขนาดเพื่อนอีกสามคนที่เหลือยังไม่เคยรู้เลยเลิฟมันปากหนัก ไม่แย่จริงๆไม่มีทางพูดแต่นี้ก็คงไม่ได้แย่อะไรหรอกมันก็แค่คิดมากของมันไปเอง

เลิฟมองเพื่อนตัวเล็กที่ฉุดมือเขาเดินไปขึ้นรถกลับบ้านอย่างขอบคุณ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ไม่สบายใจเพื่อนคนนี้คอยอยู่ข้างๆให้กำลังใจเสมอ จีบเพื่อนทำเมียซะดีไหมครับฮ่าๆ ไม่ใช่ไม่เคยลองจีบนะแต่โดนไอ้ตัวเล็กมันสวนหน้าแหกกลับมาว่าไม่อยากมีผัวสวยกว่าตัวเอง เขาเองก็ขำๆนะเพราะตอนที่จีบมันไม่ได้เพราะรักอะไร แค่อยากได้คนดีๆมาอยู่ข้างๆเท่านั้นเอง

สักพักรถที่นั่งมาก็ถึงบ้าน เลิฟเงยหน้ามองบ้านหลังใหญ่ตรงหน้าแล้วเดินลงจากรถ นาวเองก็ก้าวตามลงมาเพราะบ้านอยู่ติดกัน
 
“เข้าบ้านนอนนะคะมึง ไม่ใช่กระแดะออกไปแรดข้างนอกคืนนี้” นาวว่าแค่นั้นก่อนจะเดินหันหลังเข้าบ้านตัวเองไป เลิฟเองก็ยืนขำเบาๆที่โดนรู้ทันเขายืนมองเพื่อนตัวเล็กเข้าบ้านจนลับสายตาถึงได้เดินเข้าบ้านบ้าง วันนี้จะเชื่อเพื่อนตัวเล็กสักวันไม่ไปไหน บอกผลสอบพ่อเสร็จจะอาบน้ำนอนเป็นเด็กดีอยู่บ้านละครับ

...
...

“ลุงสมเห็นพ่อไหม” ปอเอ่ยถามคนสวนที่ยืนรดน้ำต้นไม้อยู่สนามหญ้าหน้าบ้าน เขามาถึงบ้านได้สักพักละเดินวนหาพ่อรอบบ้านแต่ไม่เจอสักทีไม่รู้ไปซ่อนที่ไหน

“อ้อ ผมเห็นคุณท่านซ้อมยิงปืนที่สนามหลังบ้านนิครับ” ลุงสมเอ่ยบอกปอ

‘สนามยิงปืนหลังบ้าน’ ปอพึมพำเบาๆ มันเป็นที่เดียวที่เขายังไม่ได้เดินไป ลืมนึกไปเลยจริงๆ

“ขอบคุณนะลุง” ปอเอ่ยขอบคุณคนสวนเล็กน้อยก่อนจะรีบเดินไปหาพ่อ ลุงสมเองก็ยิ้มรับและมองตามแผ่นหลังกว้างของนายน้อยตัวเองไป

ปัง! ปัง! ปัง!

เสียงปืนยิงดังลั่นให้ได้ยินทันทีที่ปอก้าวขาเข้ามาในสนามซ้อมยิงปืนขนาดเล็กที่พ่อเขาสร้างไว้ ปอยืนมองพ่อที่ตั้งหน้าตั้งตายิงแบบไม่สนใคร เวลาซ้อมยิงปืนทีไรพ่อเขาชอบลืมคนรอบข้างทุกที

ปอเองก็ยิงปืนเป็นนะแต่ไม่เคยลองยิงคนจริงๆหรอกถึงจะเหี้ยก็ยังไม่ขนาดฆ่าคนแต่อนาคตก็ไม่แน่ เวลาว่างๆพ่อเขาก็จะชวนพวกเขาสี่พี่น้องมาซ้อมความแม่นกันประจำ มีกระทั่งครูสอนด้วยซ้ำจริงๆพ่อก็ให้ครูมาสอนทุกอย่างนั้นแหละ ศิลปะป้องกันตัวแทบทุกชนิดบนโลกนี้ที่พ่อจะสรรหามาได้พวกเขาพี่น้องได้เรียนหมด เรียนกันตั้งแต่จำความได้เพราะฉะนั้นอย่าแปลกใจเลยที่เขาไม่ค่อยกลัวใคร คือมันค่อนข้างที่จะชินมือชินตีน

“พ่อ!!!!!” ปอตะโกนเรียกตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะรอ แต่ดูท่าพ่อจะไม่รู้ว่าเขาอยู่ตรงนี้แน่ๆก็เล่นยิงมันมือขนาดนั้น

“อ้าว...มึงมาเมื่อไหร่วะไอ้ลูกชาย” คุณปรีชาหันมาตามเสียงเรียกแล้วก็เห็นว่าเป็นลูกชายคนเล็กยืนหน้าเมื่อยอยู่ข้างหลังท่าน

“ทำหน้าให้มันดีๆหน่อย มาหากูนี่มีไรหรืออยากซ้อมมือวะ” คุณปรีชาเอ่ยถาม มือก็บรรจุกระสุนเข้าซองปืนใหม่เพราะยิงหมดแม็คพอดี

   ปอมองหน้าพ่อนิ่งๆไม่ตอบอะไร แต่เดินเข้าไปแบมือ คุณปรีชาเลิกคิ้วขึ้นข้างนึงลูกชายท่านมันแบมือทำไมขอตังกินหนมหรอวะ

“ขอสมบัติผมคืน” ปอตัดสินใจพูดเพราะดูท่าพ่อจะไม่เก็ตมุกเท่าไหร่

“สมบัติ? ของมึงที่กูยึดมาอ่ะนะ” คุณปรีชาถามกลับ ปอเองก็พยักหน้ารับ

“ใช่ ผมไปสอบแล้วก็สอบติดตามข้อตกลงเพราะงั้นพ่อคืนของผมมาได้ละ”

“หือ...ใครบอกมึงว่ากูจะคืนให้ตอนนี้”

“อ้าวพ่อแล้วจะคืนตอนไหนผมต้องใช้รถนะ ไปเรียนผมก็ต้องขับรถไปแถมมหา’ลัยก็อยู่ไกลบ้านเราด้วยพักที่บ้านผมใกล้มหา’ลัยกว่า” ปอโวยวายทันทีอย่างหัวเสียนี่พ่อจะเล่นอะไรอีกวะ

“กูรู้แต่กูยังไม่คืน” คุณปรีชาไม่สนใจเสียงโวยวายแต่หยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรออกแทน

“ชาญเอาของที่ฉันให้แกหามาให้ที่สนามยิงปืนหน่อย” คุณปรีชาวางสายจากลูกน้องคนสนิทแล้วก็หันไปยิงปืนต่อไม่สนใจท่าทีโมโหของปอเลยสักนิด ผ่านไปไม่นานชายวัยกลางคนท่าทางดุดันก็เดินมาที่สนามยิงปืน

“สวัสดีครับนายน้อยนี่ของที่นายสั่งครับ” ชาญค้อมหัวทักทายปอก่อนจะยื่นของสองอย่างให้คุณปรีชา ปอเห็นผ่านๆเหมือนจะเป็นลูกกุญแจว่าแต่กุญแจอะไรล่ะ?

“อ่ะ มึงไปนอนที่นี่” คุณปรีชายื่นของส่งให้ปอมันเป็นคีย์การ์ดคอนโดเดียวกับที่ไอ้ปิงอยู่ ปอมองคีย์การ์ดในมืองงๆสบตาพ่อแทนคำถาม

“ก็ที่พักไงใกล้มหา’ลัยกูเตรียมไว้ให้”

“ผมจะเอากุญแจบ้านผมคืนนะพ่อไม่ใช่คอนโด ที่สำคัญผมไม่ชอบคอนโด” ปอบอกอย่างหงุดหงิดบ้านเค้าก็มีใกล้มหา’ลัยเหมือนกัน แค่คืนกุญแจบ้านมาก็จบพ่อจะทำให้ยุ่งยากทำไมก็ไม่รู้

“ถ้าไม่นอนคอนโดงั้นมึงก็ไปนอนหอพักนักศึกษา” คุณปรีชาพูดอย่างไม่ยอมแพ้ ยังไงท่านก็ไม่ให้กุญแจบ้านคืนลูกชายตอนนี้เด็ดขาด เป็นเพราะท่านซื้อบ้านส่วนตัวให้ลูกนั้นแหละมันเลยไม่ค่อยกลับบ้าน แถมขนเพื่อนฝูงไปมั่วประจำให้ไปอยู่กับไอ้ปิงจะได้มีคนดูมัน

ปอมองคีย์การ์ดในมืออย่างขัดใจแต่ก็ต้องรับไว้ เพราะให้เลือกระหว่างคอนโดกับหอพักเขาเลือกคอนโดอยู่แล้ว

“แล้วรถล่ะพ่อ” ปอเอ่ยต่อพร้อมกับแบมือไปตรงหน้าพ่อ คุณปรีชาเลยวางกุญแจรถไว้บนฝ่ามือปอโดยไม่พูดอะไร แต่พอปอก้มมองกุญแจในมือเท่านั้นแหละ ปอก็โวยวายออกมาอีกรอบ

“พ่อ!!!! นี่มันกุญแจฟีโน่พ่อเล่นไรเนี่ย พ่อจะให้ผมขับไอ้รถหน่อมแหน่มนี่ไปเรียนเนี่ยนะ ผมไม่เอา”

“ก็ตามใจมึงเพราะยังไงกูก็ยังไม่คืนของให้มึงตอนนี้แน่” คุณปรีชาลอยหน้าลอยตาตอบ ปอได้แต่กัดฟันกรอดๆเพราะทำอะไรมากกว่าโวยวายไม่ได้

“แล้วเมื่อไหร่พ่อจะคืนของให้ผม”

“เมื่อกู......” ยังพูดไม่ทันจบปอก็ขัดขึ้นมาก่อน

“ผมต้องการกำหนดเวลาที่แน่นอน” ปอชิงพูดตัดบทไม่งั้นพ่อเขาก็จะตีเนียนอีก

“เมื่อกูเห็นว่ามึงทำตัวดีขึ้น เลิกเอาตัวเองไปรองรับตีนชาวบ้านเขาไปทั่ว ควบคุมตัวเองได้ดีกว่านี้เมื่อไหร่กูจะคืนให้”

“ถ้ามันหาเรื่องผมผมต้องเฉยไหมพ่อ” ปอยอกย้อนกลับ

“ถ้ามึงโง่นักก็ให้เขากระทืบเถอะ ส่วนเรื่องเงินกูจะให้มึงเป็นเดือนมึงต้องมารับเงินเองกับกูทุกเดือนเข้าใจใช่ไหม? ตามนี้แหละกูไปละ” คุณปรีชายักไหล่ให้ลูกชายทิ้งท้ายก่อนเดินจากไป เป็นการจบบทสนทนาและทำสัญญากับปอเรียบร้อย

ปอเองมองของในมืออย่างขัดใจก่อนจะระบายลมหายใจหนักๆออกมาคอนโดไม่เท่าไหร่แต่ฟีโน่เนี่ยนะ ให้ขับฟีโน่ออกจากคอนโดหรูราคาเหยียบสิบล้านไปเรียนทุกวันเป็นอะไรที่เข้ากันสุดๆ จำไว้เลยนะพ่อมันต้องมีวันที่เขาได้เอาคืน

‘โว๊ยยยยย ตาแก่เจ้าเล่ห์’

2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 3 (25/01/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 25-01-2016 01:05:13
กับดักที่
- 3 -



Tru…Tru…Tru

เสียงโทรศัพท์ของปอดังขึ้นฝ่าความเงียบในห้องนอน หลังจากปอคุยกับพ่อเสร็จเขาก็ขึ้นมาบนห้องนอนดูนิตยสารรถยนต์แก้เซ็ง สายตาเหลือบมองไปยังมือถือที่วางไว้ตรงหัวเตียง ก่อนจะวางหนังสือในมือลงแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู

- กิง -

หน้าจอโชว์ชื่อของเพื่อนสนิทตัวเอง ปอเลยกดรับสายก่อนจะกรอกเสียงลงไปแบบเซ็งๆ

“เออ”

“(เฮ้ย!! ทำไมมึงทำเสียงงั้นวะร่าเริงสัสๆ)” กิงถามเพื่อนขำๆ

“มึงโทรมามีไร” ปอตัดบทเพราะขี้เกียจต่อปากต่อคำ พูดกับไอ้กิงมากไม่ได้ไอ้นี่มันรั่ว

“(ทำเป็นเย็นชานะมึงกูเสียใจนะเนี่ย)” กิงดัดเสียงเล็กเสียงน้อยใส่ปอ

“ถ้ามึงไม่มีไรกูว่างนะ”

“(เฮ้ยๆเดี๋ยวดิวะมึงนี่แม่งแหย่นิดแหย่หน่อยทำเป็นของขึ้น ไปแดกรังแตนที่ไหนมาวะไอ้โหด)”

“............” ปอเงียบไม่ตอบคำถามทำให้ปลายสายรู้ตัวว่าปอกำลังเริ่มหงุดหงิด

“(พวกกูนัดกันไปแดกเหล้าเลยโทรมาชวนมึงแดกด้วย ฉลองที่มึงสอบติดมาเป็นรุ่นน้องพวกกูว่ะ มึงจะมาไหม?แต่ห้ามปฏิเสธเพราะพวกกูไม่อนุญาต)” กิงพูดด้วยน้ำเสียงยียวน ปอเลยได้แต่ส่ายหัวกับความกวนประสาทของเพื่อน
 
“กวนตีน...แล้วจะถามทำไมว่ากูจะไปไหม”

“(ฮ่าๆกูแค่ถามตามมารยาทว่ะ เดี๋ยวมึงออกมาเลยนะเจอกันที่ร้านพ่อมึงสาขาxx)”

“เอออีกครึ่งชั่วโมงเจอกัน” แล้วสายก็ตัดไป ปอเลยลุกขึ้นเปลี่ยนชุดเพื่อออกไปข้างนอก ไม่ได้เปลี่ยนอะไรมากหรอกแค่หยิบยีนส์ขาดๆมาสวมทับ บ๊อกเซอร์เท่านั้นเอง ใส่กางเกงเรียบร้อยปอก็เดินไปหยิบโทรศัพท์กำลังจะหยิบกุญแจรถกับกระเป๋าตัง แต่นึกขึ้นได้ว่ามันคือกุญแจฟีโน่กับกระเป๋าที่ในกระเป๋าไม่มีตัง ไม่มีบัตรเครดิตขนาดบัตรเอทีเอ็มก็ไม่มี มีแค่บัตรประชนกับบัตรเซเว่นที่เติมเงินไว้สามพัน

ปอกรอกตาขึ้นฟ้าอย่างเซ็งๆทำไมชีวิตกูต้องมาเจออะไรแบบนี้วะครับ นี่เขาต้องบากหน้ากลับไปหาพ่อเพื่อขอเงินกับขอยืมกุญแจรถสินะ ไม่งั้นก็คงไม่มีปัญญาไปไหนและไม่รู้จะโดนกวนประสาทอะไรอีกบ้างให้ตายสิ

ปอตัดสินใจหยิบของแล้วเปิดประตูลงมาหาพ่อข้างล่าง แต่พอลงมาถึงก็ต้องแปลกใจเพราะเห็นคนเดินเต็มบ้านไปหมด มีทั้งที่คุ้นหน้าไม่คุ้นหน้า เขามองคนทั้งหมดด้วยความสงสัย ก่อนจะเหลือบไปเห็นสัญลักษณ์ที่ข้อมือซ้ายของทุกคน

‘คนของปู่’ ปอคิดในใจก่อนจะเดินผ่านคนเหล่านั้นไปแบบไม่ใส่ใจ ได้ยินเสียงพ่อคุยกับไอ้ปิงดังแว่วๆมาจากห้องนั่งเล่น มีเสียงใครไม่รู้คุ้นๆหูอีกคน แต่เสียงพ่อฟังดูเครียดๆยังไงไม่รู้สิ

ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก

ปอเคาะตู้โชว์เบาๆเป็นการขัดจังหวะให้รู้ว่าตัวเองมา ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่โซฟาข้างไอ้ปิง ตอนนี้ในห้องนั่งเล่นมีคนสามคนที่เขารู้จักดี พ่อ ไอ้ปิง และตาแก่จาง ตาแก่นี่มาทำไมไม่รู้ๆแต่ว่ามาทีไรชอบพาเรื่องหนักใจมาให้พ่อเขาด้วยทุกที

“สวัสดีครับคุณจาง” ปอยกมือไหว้คนอาวุโสกว่าตามมารยาท จางเองหันมารับไหว้ปอก่อนจะหันกลับไปหาคุณปรีชาอีกครั้ง

“นายใหญ่ต้องการคำตอบโดยเร็วที่สุดนะครับนายน้อย” จางพูดด้วยน้ำเสียงจิงจัง

“งั้นผมลานะครับนายน้อย คุณหนู” จางก้มหัวให้ก่อนจะเดินจากไป

“มีไรอ่ะพ่อแต่ถ้าให้เดานะตาแก่จางมาแบบนี้ไม่พ้นเรื่องไอ้ป้องชัวร์” ปอเอ่ยออกมาตาแก่จางเป็นมือขวาของปู่ เวลามีอะไรสำคัญๆปู่จะชอบใช้ให้มาแทน และเรื่องที่คุยกันก็น่าจะสำคัญพอควรพ่อเขาถึงได้หน้าเครียดขนาดนี้

คุณปรีชามองหน้าลูกชายคนเล็กแต่ไม่ได้ตอบรับอะไรออกไป ปีนี้ปออายุครบ 20 ตามกำหนดสัญญาที่ท่านเคยให้พ่อตัวเองไว้ แน่นอนท่านไม่มีทางทำตามสัญญาหรอก ท่านจะไม่ยอมให้ลูกท่านเข้ามาวนเวียนกับวงจรอุบาทว์แบบที่ท่านเจอ แต่ตอนนี้แค่คิดไม่ออกเท่านั้นเองว่าจะแถเอาตัวรอดยังไง เพราะพ่อของท่านรู้ทันท่านเหมือนที่ท่านรู้ทันไอ้ปอนั่นแหละ

“ว่าแต่ตาแก่จางนี้ก็ตลกเนอะพ่อ อายุพ่อปูนนี้แล้วยังเรียกพ่อว่านายน้อยอยู่ได้” ปอพูดต่ออย่างขำๆ คิดดูละกันครับเรียกคนอายุ 50 ว่านายน้อย

“พ่อจะเอายังไงต่อ” ปิงถามขึ้นมาหลังจากที่เงียบมานาน

“ไม่เอาไงทั้งนั้นกูก็ปฏิเสธไปเหมือนเดิมนั่นแหละ” คุณปรีชาเอ่ยออกมาแบบไม่คิดมาก แต่สีหน้าไม่ได้ตรงกับท่าทีสบายๆที่พยายามแสดงออกเลยสักนิด

“พ่อโอเคแน่นะ” ปิงเอ่ยออกมาอย่างเป็นห่วง

“เออกูไม่เป็นไรปู่พวกมึงเขาก็มากวนประสาทกูแบบทุกทีนั่นแหละ ลุงพวกมึงก็มีลูกชายมึงลืมรึไงไอ้วิกเตอร์น่ะ” คุณปรีชาเอ่ยเพื่อให้ลูกๆสบายใจ

“แล้วพ่อทำหน้าเครียดทำไมถ้ามันไม่มีอะไร” ปอเอ่ยขึ้นมาบ้าง

“กูเครียดเรื่องบริษัทของเราหุ้นมันตกกูกลัวไม่มีตังให้พวกมึงผลาญ”

“โธ่พ่อซีเรียสทำไมมีให้ใช้แค่เดือนละ 10 ล้านผมก็อยู่ได้แหละ” ปอพูดอย่างกวนๆ

“ปากดีนะมึง” คุณปรีชาเอ่ยเสียงรอดไรฟัน ก่อนจะคว้าเอาเบาะพิงโซฟามาขว้างใส่หน้าปอด้วยความหมั่นไส้ แต่ปอรับไว้ได้ทันก่อนจะหัวเราะอย่างสะใจ

“พ่ออย่าเครียดมากนะครับเดี๋ยวไอ้ป้องก็กลับมา ผมเองก็ใกล้จะเรียนจบแล้วเดี๋ยวก็มีคนมาช่วยงานพ่อละนะ” ปิงเอ่ยออกมาอย่างอ่อนโยนด้วยความเป็นห่วง คุณปรีชาเองก็ส่งยิ้มบางๆให้ลูกชาย

“มึงควรเอาแบบพี่มึงบ้างนะ” คุณปรีชาหันมาจิกกัดปอ ปอไหวไหล่ให้แบบชิลๆแบมือไปขอตังกับพ่อทันที คุณปรีชาเองก็ควักเงินให้โดยไม่ได้ถามอะไรเพราะขี้เกียจต่อปากต่อคำ ปอได้เงินแล้วก็ยกมือไหว้ขอบคุณพ่อก่อนจะเดินออกไป ส่วนปิงเองก็บอกลาพ่อลุกตามน้องชายออกมา

คุณปรีชามองแผ่นหลังของลูกชายทั้งสองด้วยแววตาเปี่ยมสุข ท่านอยากให้ลูกได้ใช้ชีวิตปกติแบบนี้ไปเรื่อยๆ แต่ไม่รู้ท่านจะยื้อเวลาออกไปได้นานแค่ไหน ท่านไม่เคยปิดบังภรรยาและลูกชายเรื่องธุรกิจของตระกูลท่าน และท่านไม่เคยให้คนในครอบครัวเข้ามายุ่งแต่ก็ไม่ได้นิ่งเฉย ท่านให้ลูกท่านทุกคนเรียนศิลปะป้องกันตัวทุกชนิดเพราะอนาคตมันเป็นสิ่งไม่แน่นอน

ธุรกิจฉากหน้าของท่านคือบริษัทลงทุนด้านการเงินที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของประเทศ และมีคลับหรูที่เปิดอยู่ 3 สาขา แต่ธุรกิจแค่นี้ไม่มีทางทำเงินให้ท่านร่ำรวยได้ถึงขนาดนั้น เหรียญมันมีสองด้านเสมอท่านเองก็ไม่ใช่ว่าอยากจะยุ่งกับสิ่งผิดกฎหมายแต่มันคือสิ่งที่พ่อของท่านสร้างมา ท่านจำเป็นต้องช่วยเหลือแต่ไม่เคยคิดที่จะสานต่อ เงินที่ได้มามันมากมายมหาศาลแต่มันคือเงินบาปที่แลกมาด้วยชีวิตคนอื่น และท่านจะไม่มีทางให้ลูกท่านคนไหนเข้ามายุ่งเกี่ยวกับมันเด็ดขาด

...
...

“ไอ้ปอ!!!” ปิงตะโกนเรียกน้องชายเพื่อให้หยุดรอเขาก่อน ปอเองหันมามองอย่างงงๆ

“มีไร”

“อ่ะนี่” ปิงยัดบัตรเครดิตกับกุญแจรถใส่มือน้องชาย ปอเองเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม เขาเห็นพ่อเครียดๆเลยไม่ถามเรื่องรถกะว่าจะโบกแท็กซี่ไปเอา แต่นี่ไอ้ปิงวิ่งเอากุญแจมาให้แถมบัตรเครดิตอีก

“บัตรเครดิตไม่จำกัดวงเงินแต่มึงอย่าใช้เกินเหตุละ แล้วก็กุญแจรถกูให้ยืมจนกว่ามึงจะได้รถคืน” ปิงบอกน้องชายถึงเขาจะช่วยพ่อยึดของๆน้องแต่เขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี ถึงน้องเขาถึงจะไม่ได้ทำตัวป๋าแต่มันก็ไม่เคยอยู่แบบไม่มีเงินติดกระเป๋านะ

“เออขอบใจนะมึง” ปอตบไหล่พี่ชายของเขาเบาๆ ก่อนจะยิ้มออกมานิดๆ

“ขับรถดีๆนะมึงอย่าแดกเยอะแล้วก็อย่ากลับดึก ไม่ไหวก็นอนที่บ้านเพื่อน” ปิงเอ่ยบอกอย่างเป็นห่วง ปอพยักหน้ารับแบบขอไปทีก่อนจะก้าวขาขึ้นรถแล้วขับออกไป

ปิงมองตามรถที่ขับออกไปด้วยความเร็วก่อนจะระบายลมหายใจหนักๆออกมา ทั้งไอ้ป้องไอ้ปอไม่เคยมีใครฟังที่เขาเตือนเลยให้ตาย

...
...

ความจริงคืนนี้เลิฟตั้งใจจะเข้านอนแต่หัววันไม่ได้คิดจะออกไปไหนแต่นาวโทรศัพท์มาชวนเขาออกมาเที่ยวผับ ทั้งๆที่เป็นคนบอกให้เขานอนอย่าออกไปไหน ตอนนี้ทั้งเขากับนาวและเอยเลยมายืนรอไอ้กั้มกับไอ้พีทอยู่หน้าผับชื่อดังแห่งนึงย่านxx

นาวกับเอยออกอาการตื่นเต้นเล็กๆเพราะนี้เป็นครั้งแรกที่เจ้าตัวได้มาเที่ยวผับ แต่สำหรับเลิฟแล้วเขามานับไม่ถ้วนเลยละแค่ไม่ใช่ที่นี่ เพราะที่นี่เข้มงวดเรื่องอายุคนเข้าผับแล้วเขาเองพึ่งจะ 19 ไม่มีทางเข้าที่นี่ได้แน่ๆและที่สำคัญโคตรแพง เพื่อนอีกสองคนของเขาก็รู้แต่ก็ยังนัดมาที่นี่อีก เขาเองก็สงสัยแต่ขี้เกียจถามเลยปล่อยเลยตามเลย ไม่นานนักก็เห็นเพื่อนอีกสองคนกำลังเดินมา

“ป่ะ” พีทเอ่ยปากชวนและเดินนำไปหน้าทางเข้า พีทคุยกับคนตรวจบัตรหน้าผับครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมาพยักหน้าเรียกเพื่อนให้เดินตามเข้าไป

เลิฟได้แต่งงปนสงสัยว่าพีทมันคุยอะไรกับคนตรวจบัตร เขาถึงยอมให้เด็กอายุไม่ถึง 20 เข้ามาข้างในได้ และในเมื่อสงสัยเลิฟก็ไม่เก็บมันไว้ให้รกสมอง ดึงแขนพีทที่เดินนำหน้ามาถามทันที

“มึงคุยอะไรกับคนตรวจบัตรวะเขาถึงยอมให้พวกเราเข้า”

“อ๋อ..ลูกพี่ลูกน้องกูเป็นเพื่อนกับลูกเจ้าของผับอ่ะพี่ไมล์ไง มึงเองก็เคยเห็นนิ กูเคยมากับพี่เขาบ่อยๆก็เลยเข้าได้ไง” อย่างนี้นี่เองที่แท้ไอ้พีทก็มีเส้น เลิฟพยักหน้างึกงักกับตัวเอง พีทเห็นเพื่อนเข้าใจแล้วก็เดินนำเข้าไปข้างในต่อ

พอเข้ามาถึงข้างในพวกเขาก็เลือกนั่งโต๊ะใกล้ๆโซนวีไอพี เพราะมันไม่วุ่นวายและเงียบสงบดี จากนั้นก็สั่งเครื่องดื่มมาแล้วคุยกันไป สายตาของสามหนุ่มในโต๊ะก็มองบรรดาสาวๆที่ยักย้ายส่ายสะโพกกลางฟลอร์ ส่วนเอยกับนาวนั่งซุบซิบคุยกันมองไปทั่วผับอย่างตื่นเต้น

สักพักกั้มก็ลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะนึงใกล้ๆเพราะสาวสวยหนึ่งในนั้นยกแก้วให้มัน ส่วนไอ้พีทหายหัวไปจากโต๊ะตั้งแต่เครื่องดื่มมาเสิร์ฟแรกๆแล้ว ส่วนตัวเลิฟเองก็ได้แต่มองส่งยิ้มให้สาวๆอย่างเสียดาย จะให้เขาลุกไปไหนได้ละเล่นทิ้งให้เขาดูแลลูกคุณหนูอยู่คนเดียวเนี่ย

“เฮ้อออออออออออออออ” เลิฟถอนหายใจอย่างเบื่อๆไม่ใช่ว่ารังเกียจที่จะนั่งดูแลเพื่อนทั้งสองคนนะ แต่แบบเห็นไอ้พีทไอ้กั้มได้สาวเขาก็อยากได้บ้างก็แค่นั้น จะทิ้งเพื่อนไปหาสาวมันก็ทำได้อยู่หรอกแต่ใครจะกล้าทิ้ง คนหนึ่งก็หญิงสาวหน้าตาบ๊องแบ๊วน่ารัก ตัวเล็กๆไซส์หมากระเป๋าสเปคผู้ชายเลยละ อีกคนถึงจะเป็นผู้ชายแต่ดันทะลึ่งตัวเล็กๆบาง ตาโต ผิวขาว แก้มป่อง ขนตางอนอย่างกับปัดมาสคาร่า หน้าตาน่ารักจนผู้หญิงบางคนอาย เขาที่ใครๆว่าหน้าหวานยังดูแมนกว่าไอ้เอยเยอะครับ สรุปคือเพื่อนเค้าสองคนเห็นแล้วน่าลากไปเอาทั้งคู่อ่ะครับ!!

...
...

   “โธ่ไอ้สัส!!ขนาดนั้นเปิดห้องเลยไหมคับ” เสียงกวนๆของกิงดังขึ้น ทำให้ปอต้องละใบหน้าจากซอกคอของฟาร์มโคนมที่นั่งอยู่บนตัก

   “ทำเหี้ยไรนึกถึงใจเมียอย่างกูบ้างที่รัก” กิงพูดต่อปอได้แต่ส่ายหัวอมยิ้มขำ ไอ้กิงมันกวนตีนชอบพูดเล่นแบบนี้ประจำปากก็แซวเขาแต่ตัวมันไม่ต่างกัน มือแม่งกำลังล้วงเข้าไปในเสื้อสาวที่นั่งข้างด้วย คือหนักกว่ากูอีกครับ

   “สัส” ปอด่ากลับยกนิ้วกลางให้เป็นของแถม กิงก็นั่งขำแล้วหันไปนัวเนียสาวต่อ

   ปอถึงที่ร้านได้สักพักแล้วมองเห็นเพื่อนตัวเองนั่งกันหน้าสลอน ที่มากินที่ร้านพ่อเขานี่ไม่ใช่อะไรนะ มันได้ส่วนลดพวกแม่งเลยขยันมากัน นี่ยังดีนะที่มันยังมีความคิดว่าไม่ควรแดกฟรี เมื่อกี้พ่อก็โทรมาบอกให้ดูร้านให้ด้วยแถมกำชับว่าอย่ามีเรื่อง จะพยายามนะพ่อถ้าไม่มีคนมากวนตีน

   “กูละขำมึงจริงๆนะไอ้ปอ เหี้ยทำเล่นตัวไม่มาเรียนพร้อมพวกกูสุดท้ายแม่งก็ต้องมาเรียนอยู่ดีแถมมาเป็นรุ่นน้องพวกกูอีก” ต้าหนึ่งในเพื่อนสนิทพูดขึ้น หลังจากที่ปอเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังพวกเพื่อนก็ขำกลิ้ง ไอ้ต้านี่ทั้งขำทั้งสมน้ำหน้าไม่หยุด คือมันสะใจมากครับที่กูไปเป็นรุ่นน้องมัน อ้อ..เพื่อนเขาก็เรียนวิศวะที่มหาลัยเดียวกับไอ้ปิงพี่ชายเขาเหมือนกัน เห็นเหี้ยๆแบบนี้มีสมองทุกคนนะครับ (แต่แม่งไม่ค่อยใช้)

   “อย่าว่าที่รักกู กูขอร้องกูตะเตือนไต” กิงว่าปอเลยปาฝาขวดเหล้าไปใส่กิงจนเจ้าตัวนั่งหัวเราะตัวงอ คือแม่งจงใจกวนตีนไงครับมีหันไปไฮไฟว์กับไอ้ต้าอีก เออ!!!วันนี้เป็นทีพวกมึง

   “เอาน่ามึงอย่าหงุดหงิดแดกๆไป เดี๋ยวเมาเหล้ากูพาไปเมานมต่อ”    กิงเอื้อมมือมารินเหล้าใส่แก้วให้เพื่อนอย่างเอาใจ ตบหัวแล้วต้องลูบหลังกันหน่อยครับ

   “แล้วนี่สรุปมึงต้องมาเป็นรุ่นน้องพวกกูจริงดิ” ฝุ่นถามขึ้นมาบ้างหลังจากเงียบมานาน

   “เออ” ปอตอบเซ็งๆถ้ามันไม่จริงกูจะอยู่สภาพนี้ไหมครับ

   “งั้นเดี๋ยวกูขอเพื่อนให้มึงเป็นน้องรหัสไอ้กิงละกัน” ฝุ่นว่าที่ให้มาเป็นน้องรหัสกันเองไม่ใช่อะไร แต่เป็นการตัดไฟแต่ต้นลมไม่ให้ไอ้ปอมันกระทืบเพื่อนร่วมคณะเวลามันโดนว๊าก ปอเองก็พยักหน้ารับรู้

   “แล้วทำไมต้องเป็นกูวะ มีน้องรหัสทั้งทีกูอยากได้เอ็กซ์ๆไม่ใช่สูงล่ำแถมหล่อกว่ากูแบบนี้” กิงโอดครวญออกมาหลังจากได้ยินฝุ่นกับปอคุยกัน เรียกเสียงหัวเราะดังลั่นโต๊ะเลยทีเดียว มันจะไปหาเอ็กซ์ๆจากไหนในคณะวิศวะได้ครับ ผู้หญิงสวยๆเขาคงมาเรียนหรอกแต่จริงๆก็มีอยู่คนนะชื่อแฟงเป็นเพื่อนในกลุ่มเนี่ยแหละ สวยจัดแต่ห้าวโคตรความสวยเลยไม่ได้ช่วยอะไรมันเลย แฟงมันเป็นช่างสักวัยรุ่นชื่อดัง รอยสักบนตัวปอก็ได้เพื่อนคนนี้แหละสักให้แถมยังสอนปอสักด้วย วันนี้มันติดลูกค้าเลยไม่ได้มาด้วยแต่หัวเราะเยาะสมน้ำหน้าปอมาในสายเรียบร้อย

   เพล้งงงงงงงง...โครมมมมมมมม

   เสียงดังสนั่นที่เกิดขึ้นทำให้ทุกอย่างหยุดชะงัก ปอหันหน้าไปทางต้นเสียงก่อนจะลุกขึ้นและก้าวยาวๆไปทางที่เกิดเหตุ มีเรื่องอะไรวะแล้วทำไมต้องมาเกิดวันที่กูมาด้วยครับ

   “มีอะไรกัน” ปอถามพนักงานที่ยืนอยู่บริเวณใกล้ๆ

   “เอ่อ...พอดีว่ามีลูกค้าทะเลาะกันน่ะครับ” พนักงานตอบปออย่างสุภาพ ปอได้ยินแบบนั้นเลยเดินแทรกตัวฝ่ากลุ่มคนที่ยืนมุ่งเข้าไปข้างใน

   สิ่งที่ปรากฎต่อหน้าปอคือผู้ชายสองคนที่ยืนประจันหน้ากันแต่ห่างกันพอสมควร คนนึงใช้มือกุมหัวไว้มีเลือดไหลออกมาตามแขน ส่วนอีกคนกำลังโดนผู้ชายที่ตัวสูงกว่าเล็กน้อยกอดไว้แน่น

   “อ้าวพี่นนท์” ปอทักขึ้นหลังจากได้มองผู้ชายที่หัวแตกดีๆ

   “ไอ้ปอ..” นนท์เองก็ทักปอกลับอย่างงงๆ ค่อนข้างแปลกใจเล็กน้อยที่เจอปอที่นี้ เพราะตั้งแต่ที่ปอลาออกจากโรงเรียนก็ไม่มีใครเจอปออีกเลย อย่างว่าแหละเพราะปอเองก็ไม่ได้สนิทกับใครเป็นพิเศษ

   “นี่มันเรื่องอะไรวะพี่” ปอถามก่อนจะหันไปดูคู่กรณีอีกคน พอมองร่างโปร่งบางตรงหน้าดีๆปอก็ถึงกับร้องขึ้นมา

   “ไอ้เตี้ย!! / มึง!!” สองเสียงดังขึ้นพร้อมกันเมื่อต่างฝ่ายต่างได้มองหน้ากันชัดๆ

   เลิฟตกใจพอสมควรเขาไม่คิดเลยว่าจะได้เจอไอ้ยักษ์ปักหลั่นที่นี่ ทำไมโลกมันถึงกลมแบบนี้นะ หวังว่าเขาคงจะไม่ต้องทะเลาะกับมันเพิ่มอีกคน

   ปอเองก็ตกใจไม่แพ้กันที่เจอไอ้เตี้ยปากเสียอีกครั้งทั้งๆที่ยังไม่ทันข้ามวัน สายตาของปอเลยพาลมองสังเกตุที่คนตัวเล็กอย่างไม่รู้ตัว ก่อนที่จะกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นแขนของผู้ชายอีกคนที่กอดรัดเอวบางอย่างแนบแน่นโดยที่เจ้าตัวไม่ได้ปฏิเสธ ระหว่างนั้นปอก็นึกขึ้นมาได้พอดี

   “มึงเข้ามาที่นี่ได้ยังไง” ปอเอ่ยถามแต่สายตาไล่มองพนักงานของร้านที่ยืนอยู่โดยรอบนิ่งๆ พนักงานเองก็ต่างหลบสายตากันเป็นทิวแถว

   “ที่นี้มีกฎว่าห้ามคนอายุไม่ถึงเข้าและถ้าเข้ามาแล้วห้ามก่อเรื่องมึงไม่รู้รึไง” ปอพูดต่อแต่ตาไม่ได้มองที่เลิฟเขามองไปที่พนักงานทุกคนที่อยู่ตรงนี้แทน เห็นทีต้องมีเรื่องคุยกันยาว

   “กูไม่ได้อยากหาเรื่องแต่ไอ้เหี้ยนี่มันเริ่มก่อน!!!!” เลิฟชี้นิ้วไปที่นนท์แล้วตวาดเสียงดังลั่น ทำให้ปอต้องละสายตาจากพนักงานมามองหน้าเลิฟแทน

   “เงี่ยนนักมึงไม่ไปหาอีตัวมานอนกกวะ” เลิฟตะคอกต่ออย่างฉุนๆ

   ความจริงแล้วเลิฟไม่ได้เป็นคนชอบมีเรื่องและไม่ชอบเรื่องเจ็บตัวเท่าไหร่ แต่ไอ้เวรนี่มันมาทำสันดานเหี้ยๆกับเขาก่อน ระหว่างที่เลิฟนั่งเฝ้าโต๊ะอยู่คนเดียวเพราะเพื่อนตัวเล็กสองคนไปเข้าห้องน้ำ ไอ้ห่านี่ก็เดินเข้ามาพูดจาจีบเขาซึ่งเลิฟเองก็นึกฉุนแต่เฉยไว้เพราะไม่ใช่เป็นครั้งแรกที่โดนแบบนี้ แต่ไอ้บ้านี่มันไม่หยุดทั้งๆที่เขาปฏิเสธไปแล้ว มันพยายามชวนเขาไปนอนด้วยก้มหน้าจะจูบเขาแถมจับแขนเขาไว้แน่น เลิฟดิ้นแล้วบอกให้ปล่อยแต่มันไม่ยอมพอแขนหลุดได้ข้างนึงเขาเลยตัดสินใจคว้าขวดเหล้าบนโต๊ะฟาดที่หัวแม่ง

   “จริงหรอวะพี่” ปอหันไปถามได้ความเงียบเป็นคำตอบ แต่แค่นี้มันก็บอกทุกอย่างได้หมดแล้ว

   “หึ หึ ถ้าพี่คิดจะเอาทำไมไม่เอาคนโสดวะไปยุ่งกับคนมีผัวแล้วทำไม” ปอเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเยาะๆ ก็คิดอยู่แล้วว่าหน้าหวานๆแบบนี้คงจะใช่แนวๆนั้น ยิ่งได้มาเห็นกับตาว่ากอดกันกลมดิกขนาดนี้ชัดซะยิ่งกว่าชัด

   “ผัวเขาก็......”

   ผัวะ!!!!!!!!!

   ยังไม่ทันที่ปอจะเอ่ยประโยคถัดมาจบปอก็ถึงกับหน้าหันไปตามแรงปะทะที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว สัมผัสได้ถึงรสคาวของเลือดในปาก เขาโดนชกจนปากแตกไม่ใช่ว่าโดนชกแรงอะไรขนาดนั้น แต่เป็นเพราะโดนชกในจังหวะที่อ้าปากพูดพอดี มันเลยทำให้ฟันกระแทกปากอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก็แขนเล็กแค่นั้นตัวก็บางจะไปมีแรงอะไรมาชกเขาจนปากแตก

   “พูดจาเหี้ยๆอย่ามีปากไว้แดกข้าวเลยมึง!!!!!” เลิฟตะคอกใส่ปอด้วยความโมโหสุดๆ ไอ้เหี้ยนี่ปากหมามันคิดได้ยังไงว่าเขากับไอ้พีทเป็นผัวเมียกัน ความคิดจัญไรท่าทางเหี้ยไม่พอปากยังหมาอีก

   ปอใช้นิ้วโป้งแตะที่มุมปากข้างที่แตกเบาๆก่อนจะหันหน้ามามองเลิฟด้วยแววตาดุดัน เลิฟเองพอเห็นสายตาแบบนั้นของปอก็ถึงกับกลั้นลมหายใจไปแป๊บนึง ใจมันสั่นๆแต่ก็ยังใจสู้จ้องหน้าปอกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ปอพยายามระงับอารมณ์ของตัวเองก่อนจะหันหน้าไปพูดกับพนักงานร้าน

   “เดี๋ยวพาทั้งคู่ออกนอกร้านไปแล้วก็ขอโทษลูกค้าโต๊ะอื่นด้วย” ปอสั่งแค่นั้นและกำลังจะหันหลังกลับ เพราะขืนอยู่นานกว่านี้ได้กระทืบคนตายแน่ๆ แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น

   ซ่าาาาาาาาาาาาาาาา

   น้ำถูกสาดเข้าใส่หน้าปอเต็มๆ เลิฟยืนถือแก้วเหล้าที่ตอนนี้ไม่มีเหล้าซักหยดไว้แน่น เขาสาดมันไปที่หน้าปอด้วยความขาดสติ เพราะโมโหที่ปอจะเดินหนีทั้งๆที่ยังไม่ขอโทษที่ตัวเองปากเสีย

   ปอยกมือขึ้นลูบน้ำออกจากหน้าและจ้องไปที่เลิฟเขม็ง ก่อนจะเดินไปคว้าขอเสื้อของเลิฟไว้แน่นมืออีกข้างก็กำหมัดเงื้อขึ้นสูง กูไม่ทงไม่ทนแม่งแล้วถ้าจะวอนตีนขนาดนี้

   เลิฟพอเห็นท่าทางแบบนี้ของปอก็แอบหวั่นๆ แต่ก็ยังมองหน้าปออย่างท้าท้ายทั้งๆที่ดวงตาสั่นระริกด้วยความกลัว ในขณะที่คนอื่นๆเห็นการกระทำของปอก็พยายามจะเข้ามาช่วยเลิฟและห้ามปอ แต่ก็โดนพนักงานร้านกันไว้ทำให้เข้ามาใกล้ทั้งสองคนไม่ได้

   ปอเองพอได้เห็นแววตาสั่นไหวของเลิฟก็ลดมือข้างที่จะชกลง กระตุกยิ้มมุมปากนิดๆ เพราะเขาคิดอะไรดีๆมากกว่าซัดกำปั้นใส่หน้าสวยๆนี่ออกแล้ว

   แล้ววินาทีนั้นเองปอก็กดปากลงบดจูบริมฝีปากบางๆนั่นอย่างรุนแรง มือข้างที่กระชากคอเสื้อเปลี่ยนไปจับท้ายทอยของคนตัวเล็กไว้แน่น มืออีกข้างก็จับแขนเล็กสองข้างไปไขว้ไว้ด้านหลัง เลิฟที่โดนจู่โจมแบบกระทันหันก็พยายามดิ้นแต่สู้แรงของตัวโตกว่าไม่ได้ ริมฝีปากบางก็พยายามเม้มแน่นไม่ให้ปอแทรกลิ้นเข้ามาได้ ปอเห็นท่าทางแบบนั้นก็นึกขำในใจก่อนจะใช้มือข้างที่จับท้ายทอยบีบเข้าที่คอแรงๆ ทำให้เลิฟเจ็บจนต้องเผยอปากออกในที่สุด จากนั้นปอก็สอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นนุ่มอย่างดุดัน ลิ้นร้อนพริ้วไหวพยายามไล้ต้อนลิ้นเล็กให้จนมุมเกิดเสียงขึ้นเป็นระยะ

ปอกับเลิฟจูบกันนานเท่าไหร่ไม่รู้แต่ตอนนี้เลิฟเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจ ปอเห็นแบบนั้นก็ผละออกให้แต่ก็แค่แป๊บเดียวเพื่อให้เลิฟสูดอากาศหายใจก่อนจะบดจูบลงไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เลิฟมีเวลาตั้งตัวทันทีที่ลิ้นของปอแทรกเข้ามาเลิฟก็งับลงไปเต็มแรง ปอเองก็ไม่ใช่คนโง่เขารู้อยู่แล้วว่าเลิฟต้องมาแนวนี้เลยผละริมฝีปากออกก่อนที่เลิฟจะงับลงมา

   เลิฟจ้องปอด้วยความแค้นใจที่เอาคืนปอไม่ได้ส่วนปอมองด้วยความสะใจ ทั้งสองคนยืนจ้องกันอย่างไม่ยอมแพ้ก่อนที่ปอจะเป็นฝ่ายก้มลงกัดริมฝีปากของเลิฟแรงๆ

“โอ๊ย!!!!!” เลิฟร้องออกมาด้วยความเจ็บเพราะโดนกัดแถมยังได้รสชาติเลือดอีกด้วย ไอ้ยักษ์มันกัดเขาจนเลือดออกเลยหรอวะ ปอยิ้มเยาะๆไม่พูดอะไรแต่ใช้ลิ้นตัวเองไปเลียเลือดที่ริมฝีปากบางออก

“ปากมึงก็หวานดีนิหว่า” ปอพูดทั้งที่ปากยังคลอเคลียกับปากเลิฟ จากนั้นปอก็ปล่อยเลิฟให้เป็นอิสระ และส่งสัญญาณบอกพนักงานให้ปล่อยทุกคนได้

ทันทีที่หลุดจากการกักตัวพวกเพื่อนๆก็วิ่งไปดูเลิฟที่ยืนหอบ กั้มทำท่าจะมาเอาเรื่องปอแต่นาวที่มาเห็นช๊อตเด็ดพอดีดึงแขนห้ามเพื่อนไว้ นาวไม่เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่แรกหรอก แต่เดาว่าถ้ากั้มจะเข้าไปเอาเรื่องคนตรงหน้าเรื่องน่าจะไม่จบง่ายๆ เอยเองก็มองอย่างตกใจส่วนพีทยืนนิ่งๆเพราะเริ่มจะเดาออกแล้วว่าปอเป็นใคร

“ไม่ต้องไล่เด็กพวกนี้ออกจากร้านแล้วนะ วันนี้อนุโลมให้เป็นพิเศษค่าเหล้าก็ไม่ต้องเก็บ...” ปอบอกพนักงานก่อนจะทิ้งหางเสียงให้สงสัย

   “เพราะได้ค่าตอบแทนหวานๆมาละ” ปอเอ่ยต่อแล้วมองไปที่หน้าเลิฟส่งยิ้มยียวนให้แล้วหันหลังเดินจากไป ทิ้งให้พนักงานเคลียร์กับลูกค้าและพานนท์ไปทำแผล

   ส่วนเลิฟมองตามหลังปอด้วยความแค้นใจที่ทำอะไรไม่ได้ เขาโดนผู้ชายจูบต่อหน้าคนเป็นสิบจะเอาหน้าไปไว้ไหน ใบหน้าเนียนเห่อร้อนและแดงไปทั่วลามไปจนถึงใบหูด้วยความอายผสมโมโห โคตรจะอายโดนมันชกหน้าแหกยังไม่อายขนาดนี้เลย

   ‘กูเอาคืนมึงแน่ไอ้เหี้ย!!!’ เลิฟคิดในใจอย่างแค้นๆ


2 Be con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 4 (25/01/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 25-01-2016 01:07:35
กับดักที่
- 4 -



   วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรก นักศึกษานัองใหม่ป้ายแดงเดินกันให้เต็มมหาวิทยาลัยไปหมด หนึ่งในนั้นก็มีเลิฟรวมอยู่ด้วยเขามามหา’ลัยตั้งแต่เช้าก่อนเวลานัดเกือบ 2 ชม. ไม่ใช่ว่าตื่นเต้นที่ได้เป็นนักศึกษาอะไรหรอก แต่วันนี้เขามีภารกิจที่ต้องทำ
เลิฟเดินมุ่งหน้ามาที่คณะวิศวะและนั่งลงตรงโต๊ะมาหินอ่อนหน้าคณะ ตาก็มองตรงไปที่ถนนเบื้องหน้าเขม็ง ยกแขนขึ้นมาดูนาฬิกาตอนนี้พึ่งจะ 8 โมงนิดๆ

ความจริงรุ่นพี่นัดรวมเด็กปี1 ตอน 10 โมง แต่เลิฟมาแต่เช้าเองเพราะตั้งใจจะดักตีหัวคน ใช่เขาจะดักตีหัวไอ้ปอ ไอ้เสาไฟฟ้า จำเหตุการณ์ในผับคืนนั้นได้มั้ยครับ คืนที่มัน...นั่นแหละไม่อยากพูดถึง ขนาดผ่านไปจะ 2 เดือนแล้วยังเจ็บใจไม่หาย
 
วันปฐมนิเทศเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเห็นมันแว๊บๆตั้งใจจะชกให้สักหมัดแต่ก็คลาดกัน เพราะนักศึกษาเยอะโคตรพอตอนแยกแต่ละคณะมันก็ไม่รู้หายหัวไปไหน เลยต้องเก็บสะสมความโกรธเตรียมมาระเบิดวันนี้ เพราะเป็นวันรับน้องวันแรกถ้ามันไม่มามันได้ซ่อมชัวร์ยังไงมันก็ต้องมา เลยเป็นเหตุให้เลิฟมาดักรอปอแต่เช้าขนาดนี้

"โทษนะครับ เด็กปีหนึ่งรึเปล่า" เสียงทุ้มที่ดังจากข้างทำให้เลิฟสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะเอี้ยวตัวหันไปมองข้างหลังของเลิฟมีผู้ชายร่างสูงโปร่ง ผิวขาว(ขาวกว่าผมอีกครับ) หน้าหล่อใสสไตล์เกาหลีกำลังส่งยิ้มที่เห็นเขี้ยวข้างเดียวให้กับเขา คือนี่มันเทวดาชัดๆ ออร่าที่ส่องวิ้งๆออกมาทำให้เลิฟต้องหลบสายตา ไม่ใช่อะไรนะครับมันอิจฉาอ่ะ

"เฮ้" ชายหนุ่มส่งเสียงเรียกยกมือโบกผ่านหน้าเลิฟไปมา เพราะเห็นเลิฟนั่งทำหน้าเอ๋อไม่ตอบคำถาม

"ห๊ะ..อะไรนะ" เลิฟถามกลับหลังจากตั้งสติได้แล้ว

"เด็กปีหนึ่งรึเปล่า" หนุ่มหน้าใสถามซ้ำก่อนจะค่อยๆทรุดตัวนั่งลงข้างๆเลิฟ

"อ่า...ครับ"

"พี่อยู่ปีสอง ชื่อโชนยินดีที่ได้รู้จักนะครับแล้ว...."

"เลิฟครับ"

“น่ารักทั้งคนทั้งชื่อ"

“ห๊ะ?” เลิฟถามกลับเพราะได้ยินไม่ถนัดอะไรน่ารักๆนะ

“อ้อ..เปล่าครับ ว่าแต่น้องเลิฟทำไมรีบมาแต่เช้าละครับนัด 10 โมงนิ” โชนยิ้มหวานส่งให้และถามกลบเกลื่อน เลิฟเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรเพราะตัวเองก็ได้ยินไม่ถนัด

 “พอดีหอพักผมอยู่แถวนี้อ่ะครับเลยรีบมา” เลิฟตอบเลี่ยงๆขืนบอกว่ามาดักรอตีคนได้ตกใจกันตาย

หลังจากนั้นโชนก็ชวนเลิฟคุยจนเลิฟลืมไปเลยว่ามีเป้าหมายอะไร พี่โชนเป็นคนสุภาพและตลกคุยสนุกกว่าที่คิดเยอะ แถมได้รู้ด้วยว่าพี่โชนเรียน    วิศวะสาขาเดียวกับเขาถ้าได้ไปเป็นน้องรหัสพี่เขาก็ดี ดูท่าทางพี่โชนจะฉลาดน่าจะช่วยเขาเรื่องเรียนได้  ไม่ได้จะหวังผลประโยชน์อะไรเลยนะ

ไม่รู้ว่าเลิฟนั่งคุยกับโชนไปนานแค่ไหน รู้ตัวอีกทีนักศึกษาคนอื่นๆก็เริ่มทยอยมากันแล้ว เลิฟยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูตอนนี้ 9 โมงกว่าเข้าไปแล้ว นี่เขาคุยกับพี่โชนนานขนาดนี้เลยหรอเนี่ย ตอนนั้นเองก็มีผู้ชายที่รูปร่างพอๆกับพี่โชนเดินเข้ามา

 “ไอ้ห่าโชนอู้งานนะมึงแล้วนี่ใครวะ” ผู้ชายที่เข้ามาใหม่ทักทายโชนอย่างสนิทสนม ก่อนจะหันมามองหน้าเลิฟอย่างสงสัย

 “ว่าที่รุ่นน้องคณะเรา น้องเลิฟครับนี่เพื่อนพี่ชื่อไอ้นัท” โชนตอบคำถามเพื่อนพร้อมกับแนะนำเพื่อนให้เลิฟรู้จัก

 “สวัสดีครับพี่นัท” เลิฟยกมือไหว้ทักทายกลับ

 “ยินดีที่ได้รู้จักครับน้องเลิฟ” นัทตอบกลับมองเลิฟด้วยแววตาแปลกๆ แต่ก่อนที่เลิฟจะนึกสงสัยอะไรมากไปกว่านี้ เลิฟก็หันไปเห็นเพื่อนกำลังเดินเข้ามาที่คณะซะก่อน

“เพื่อนผมมาพอดีไปก่อนนะครับพี่โชน พี่นัท” เลิฟพูดขอตัวแล้วค้อมหัวให้นิดๆ

“แล้วเจอกันนะครับน้องเลิฟ” โชนบอกพร้อมส่งรอยยิ้มละมุนให้ เลิฟเองก็ส่งยิ้มกลับก่อนจะหันหลังวิ่งไปหาเพื่อน

นัทมองเพื่อนตัวเองที่ยืนมองตามหลังเลิฟแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างสงสัย ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อพอจะเดาอะไรออก

 “สนใจหรอมึง” นัทถามขึ้นลอยๆ

 “แล้วมึงคิดว่าไง” โชนไม่ตอบแต่ถามกลับแทน นัทเองก็ยักไหล่ให้ก่อนจะกอดคอโชน แล้วลากกลับไปเตรียมตัวกับกลุ่มเพื่อนคนอื่นๆที่รออยู่

ตอนนี้นักศึกษาปีหนึ่งทุกคนมานั่งรวมกันที่สนามหญ้าหน้าคณะ สายตาเลิฟก็สอดส่องมองหาร่างสูงของปอไปด้วย เพราะมัวแต่คุยกับโชนเพลินเลยไม่ได้สังเกตุคนที่มาเท่าไหร่ แต่ไม่ว่ามองหายังไงก็หาไม่เจอ

 ‘หรือว่ามันจะไม่มา’ เลิฟคิดในใจคิ้วขมวดกันเป็นปม หงุดหงิดใจพิลึก

ทางด้านรุ่นพี่เองก็แนะนำตัวกับรุ่นน้องกันไป และถ้าจำไม่ผิดเลิฟเห็นพวกเพื่อนๆของปออยู่ในกลุ่มรุ่นพี่ด้วย พี่โชนเองก็อยู่ในนั้นส่งยิ้มมาให้เลิฟนิดๆ

ระหว่างที่รุ่นพี่กำลังอธิบายกฏกติกาให้รุ่นน้องฟังอยู่นั้น ก็มีเสียงพูดดังขึ้นมาจากท้ายแถว เสียงที่เลิฟรู้จักและคุ้นหูดีถึงจะได้ยินไม่กี่ครั้ง เสียงของคนที่เลิฟอุตส่าห์ตื่นแต่เช้ามานั่งรอ เสียงไอ้ยักษ์ เสียงไอ้ปอ!!!

 “ขอโทษที่มาสายครับ” เสียงทุ้มห้าวเอ่ยขึ้นไม่ดังมากแต่ได้ยินกันทั่วถึง ทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่ต้องหันหลังกลับมามอง

สิ่งที่เลิฟเห็นถึงกับทำให้เขาอ้าปากค้าง เขาเห็นไอ้ปอ..ใช่..ไอ้ปอไม่ผิดแน่ๆแต่เป็นในสภาพต่างจากที่เคยเห็นโดยสิ้นเชิง เขาเห็นผู้ชายร่างสูงแต่งชุดนักศึกษาเรียบร้อยที่บอกได้เลยว่าเรียบร้อยเกิน กางเกงสแล็คถูกระเบียบ เสื้อเชิ้ตนักศึกษาแขนยาวที่ติดกระดุมครบทุกเม็ดไม่เว้นคอ เนคไทด์ที่ผูกแน่นแทบจะรัดคอตาย ทรงผมที่จัดทรงหวีเรียบแปล้ติดหัว ไหนจะแว่นตาทรงคุณลุงหนาเป็นนิ้วที่อยู่บนหน้านั่นอีก  ไอ้ปอมันกินยาไม่เขย่าขวดรึไงเนี่ย

ไม่ใช่แค่เลิฟเองที่ตะลึง เพื่อนของปอเองที่ยืนอยู่หน้าแถวนักศึกษารุ่นน้องเห็นสภาพปอก็ยังอ้าปากค้าง ไอ้ปอมันนึกเฮี้ยนอะไรถึงแต่งตัวเป็นเด็กเนิร์ดแบบนั้นวะครับ ถึงมันจะไม่ได้ขี้เหร่อะไรเพราะยังไงพื้นฐานเพื่อนของพวกเขามันหนังหน้าดีแต่มาสภาพแบบนี้ถึงเป็นแบรดพิตแมร่งก็หล่อลดลง 50 เปอร์เซ็นต์ว่ะครับ

ปอเห็นปฏิกิริยาของทุกคนที่มองมาถึงกับกรอกตาขึ้นฟ้าอย่างเซ็งๆ ตกใจอะไรกันหนักหนาไม่เคยเห็นเด็กเรียนหรอวะ ปอไม่สนใจสายตาคนรอบข้างแต่เดินตรงมานั่งที่แถวกับนักศึกษาคนอื่นๆแทน

 “เดี๋ยวครับน้องอย่าพึ่งนั่ง” เสียงของใครสักคนที่หน้าแถวส่งเสียงเรียกปอที่กำลังจะทรุดตัวลงนั่งไว้

 “เดินออกมาหน้าแถวด้วยครับ” เป็นโชนเองที่เรียกปอไว้  ปอเองก็เดินออกไปข้างหน้าอย่างว่าง่าย

 “ทำไมน้องมาสายครับรู้ไหมว่าพวกพี่นัดกี่โมง” โชนถามเสียงเข้ม ปอสบตาโชนนิ่งๆไม่ได้ตอบอะไรมีแต่ความเงียบที่ส่งออกมา เล่นเอากิงที่ยืนใกล้ปอสุดถึงกับเสียวสันหลัง

 ‘อย่านะมึงไอ้โหดอย่ามีเรื่องตั้งแต่วันแรกนะมึง’ กิงโอดครวญในใจ

 “ว่าไงครับน้องพี่ถามให้ตอบไม่ใช่ให้เงียบ” โชนยังคงถามปอเสียงเข้มเขารู้สึกไม่ชอบหน้าไอ้เด็กเนิร์ดขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผล
ปอเองก็รู้สึกหงุดหงิดโชนไม่น้อย แม่งคิดว่าตัวเองเป็นใครวะมาแหกปากถามกูอยู่ได้  ปอกำลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่างแต่กิงที่อยู่ใกล้ปอสุดเอื้อมมือมาปิดปากปอไว้ทัน

 “อย่ามีเรื่องนะไอ้โหดกูขอ” กิงกระซิบบอกปอเสียงเบา ปอเลยเลือกที่จะเงียบต่อ กิงเห็นท่าทีเพื่อนก็โล่งอกก่อนจะหันหน้าไปทางโชน

 “นี่เพื่อนกูเองที่เคยบอกไว้ถือว่ากูขอละกันปล่อยๆไปได้ป่ะวะ” กิงพูดขอกับโชนอย่างใจเย็น จริงๆแล้วกลุ่มของกิงกับโชนไม่ค่อยจะถูกกันเท่าไหร่ แต่ก็ไม่เคยมีเรื่องจริงๆจังกันสักที เต็มที่ก็ตึงๆใส่กันแบบนี้สาเหตุก็ไม่ชอบหน้ากันแค่นั้น แต่ดูแล้วจะได้ตีกันเร็วๆนี้เพราะไอ้โหดข้างหลังเนี่ยแหละ

 “เพื่อนมึงแล้งไงวะแม่งมาสายยังไงก็ต้องลงโทษ ปล่อยมันไปแล้วมึงจะบอกน้องคนอื่นว่าไง” โชนเองก็เถียงไปแบบไม่ยอมแพ้ เขาไม่ชอบหน้าไอ้เนิร์ดนี้อยู่แล้วยิ่งบอกว่าเป็นเพื่อนไอ้กิงเขายิ่งไม่ชอบ

 “น้องครับนี้จะเที่ยงแล้วแยกย้ายกันไปหาอะไรกิน แล้วกลับมาเจอกันที่เดิมบ่ายโมงนะครับ” ฝุ่นเห็นท่าไม่ดีเลยตัดสินใจตะโกนบอกเลิกแถวกับน้องๆ เพราะตอนแรกกิงเหมือนจะคลียร์ได้แต่ตอนนี้เหมือนจะมีเรื่องเองซะแล้ว

เด็กปีหนึ่งหลายคนที่นั่งอยู่ถึงจะงงๆกับคำสั่ง แต่ก็ยอมลุกไปกินข้าวตามคำสั่งโดยดี แม้แต่เลิฟเองที่อยากรู้ใจจะขาดว่าพวกรุ่นพี่เขาจะทำอะไรกับไอ้ปอ ยังต้องจำใจเดินตามทุกคนออกไป ไม่ใช่ว่าห่วงหรอกนะครับกะว่าจะไปช่วยซ้ำ

เมื่อเด็กปีหนึ่งลุกออกไปหมดแล้ว คราวนี้ต่างฝ่ายต่างยืนประจันหน้ากัน จำนวนคนพอๆกันหลายคนที่เดินผ่านถึงกับสะดุ้ง ลองมาเห็นเด็กวิศวะตัวควายๆเถื่อนๆเป็นสิบหันหน้าเข้าหากัน แถมพร้อมจะตีกันดูสิ ไม่ตกใจให้มันรู้ไป

แต่ยังไม่ทันที่จะได้มีเรื่องอะไรกัน รุ่นพี่ปีสามที่ไม่รู้ใครคาบข่าวไปบอกก็เดินตรงเข้ามายืนตรงกลางระหว่างสองกลุ่มเพื่อห้ามทัพ

"พวกมึงมีเรื่องเหี้ยอะไรกัน" อาร์ตตะโกนถามรุ่นน้องเสียงดัง อาร์ตเป็นรุ่นพี่ที่รุ่นน้องทุกคนให้ความเคารพที่สุด เพราะกิตติศัพท์เรื่องความโหดรู้กันดีทั้งคณะ

"เป็นรุ่นพี่กันแล้วเสือกจะมากัดกันไม่อายน้องมันรึไงวะ" อาร์ตถามต่อและมองหน้าทั้งสองฝ่าย แต่ทุกคนเลือกที่จะเงียบแทน อาร์ตเลยถอนหายใจหนักๆก่อนจะไล่ให้แยกย้าย

ฝุ่นเลยเป็นฝ่ายลากเพื่อนออกมาทิ้งให้กลุ่มของโชนอยู่ตรงนั้น เขาลากเพื่อนออกมาไกลจนถึงหลังคณะ ที่นี้ค่อนข้างลับตาคนพอสมควร เพราะคณะวิศวะอยู่ท้ายมหา’ลัยคนไม่ค่อยผ่าน

กิงยืนพิงผนังข้างๆปอมือล้วงบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบอย่างหงุดหงิดใจ ปอเองก็ยื่นมือไปขอบุหรี่จากกิงมาสูบเหมือนกัน ควันบุหรี่ถูกพ่นออกจากปากเรื่อยๆ

"กูแม่งหงุดหงิดไอ้เหี้ยโชนฉิบหาย กวนส้นตีน" กิงเอ่ยขึ้นหลังจากอัดนิโคตินเข้าปอดดับความหงุดหงิด

"มึงหุบปากเลยไอ้เหี้ยกิง มึงแหละตัวดีทำท่าเข้าไปห้ามเสือกจะมีเรื่องซะเอง" ฝุ่นเอ่ยขึ้นมาบ้าง

"แต่กูว่าน่าจะปล่อยไอ้ปอจัดไปสักที" ต้าพูดขึ้นบ้างอย่างนึกสนุก กิงเลยโยนบุหรี่ที่ยังไม่ดับใส่ต้าอย่างหมั่นไส้

"ปากดีไอ้สัส"

"โยนมาได้ไอ้เหี้ยกูร้อน"

"หึ หึ" ปอหัวเราะในลำคอเบาๆก่อนจะดับบุหรี่ในมือทิ้ง

"ทำเป็นหัวเราะสาเหตุมันมาจากมึงแหละ" ต้าพูดแขวะเพราะหมั่นไส้กับท่าทางสบายๆของปอ

"กูว่าพวกมึงมีเรื่องกันอยู่แล้วมากกว่ามั้ง" ปอพูดอย่างรู้ทัน

"เรื่องของพวกกูอ่ะช่างเหอะ ว่าแต่ทำไมมึงมาสายวะแถมมาสภาพนี้" กิงถามกวาดตามองปอตั้งแต่หัวจรดเท้าสภาพไม่เวิร์กสุดๆ

"เรื่องแม่งยาว" ปอตอบเลี่ยงๆเพราะขี้เกียจจะเล่า

"ยาวก็เล่ามาไอ้สัสอย่าลีลา" กิงคาดคั้น

ปอพ่นลมหายใจออกจมูกอย่างเซ็งๆก่อนจะตัดสินใจเล่าทุกอย่าง เพราะรำคาญสายตาของเพื่อนที่มองกดดัน
สาเหตุที่ปอมาเรียนสภาพนี้เพราะความนึกสนุกอยากกวนตีนพ่อตัวเอง พ่อย้ำนักย้ำหนาว่าให้ทำตัวดีๆแต่งตัวเรียบร้อยมาเรียน เขาเลยประชดด้วยการแต่งตัวเป็นเด็กเนิร์ดกะว่าจะกวนประสาทเต็มที่

แต่เรื่องกับผิดคาดนอกจากกวนประสาทไม่สำเร็จ พ่อเขาดันชอบใจบอกให้แต่งตัวแบบนี้มาเรียน แถมบังคับให้ทำตัวเรียบร้อยสมกับการแต่งตัวห้ามมีเรื่องโดยเด็ดขาดแลกเปลี่ยนกับการที่พ่อจะคืนของทุกอย่างให้ เขาต้องอยู่ในสภาพนี้เทอมนึงเต็มๆ

ปอเองก็รับปากไปงั้นๆไม่ได้คิดจะทำตามอะไร เพราะยังไงเขาก็ย้ายมาอยู่คอนโดพ่อไม่เห็นหรอก แต่เขาคิดผิดเพราะเมื่อเช้าตอนจะออกมาเรียนพ่อเขาดันโทรมาบอกให้กลับไปแต่งตัวใหม่ ไม่งั้นจะยกเลิกข้อตกลงทั้งหมด

เขาเองก็ไม่ได้สนใจเดินมาลานจอดรถสักพักพ่อก็ส่งรูปเขาที่กำลังเปิดประตูรถมาให้ มีข้อความแถมมาด้วยว่าให้เลือกดีๆ ปอเลยจำใจกลับขึ้นห้องไปแต่งตัวใหม่อย่างเลี่ยงไม่ได้ ทั้งๆที่โคตรจะหงุดหงิดและไม่อยากทำ แต่ก็ต้องยอมถ้าพ่อจะส่งคนมาตามดูขนาดนี้นะ รอบนี้พ่อคงจะอยากดัดนิสัยเขาจริงๆ

หลังจากที่ทุกคนได้ฟังเรื่องราวจากปากปอทัั้งหมด ก็ปล่อยก๊ากกัน ออกมาอย่างไม่มีกั๊กไม่รู้จะสงสารหรือสมน้ำหน้าดี แต่น่าจะหนักไปทางสมน้ำหน้ามากกว่า

"สมน้ำหน้าไอ้ห่าอยากกวนตีนดีนัก" กิงว่าทั้งๆที่ยังหัวเราะ

"พอๆอย่าทำหน้าโหดใส่พวกกูไปแดกข้าวเหอะ" ฝุ่นพูดตัดบทยกแขนกอดคอปอแล้วลากออกไปหาอะไรกิน

...
...

หลังจากที่กลุ่มของปอเดินออกไปแล้วร่างของคนๆนึงก็ค่อยๆเดินออกมาจากที่ซ่อน เลิฟไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังเขามาเข้าห้องน้ำแต่ว่าหลงทาง แล้วบังเอิญเห็นกลุ่มปอกะว่าจะเดินมาเอาเรื่อง แต่ดันมาได้ยินเรื่องที่ปอเล่าพอดี เลิฟระบายยิ้มออกมาเต็มใบหน้า แววตาสั่นระริกอย่างนึกสนุก เขารู้วิธีเอาคืนไอ้ยักษ์แล้วล่ะ มึงโดนแน่ไอ้ปอ!!

2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 5 (25/01/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 25-01-2016 01:12:28
กับดักที่
- 5 -



               เลิฟเดินกลับมาที่โรงอาหารในสภาพอารมณ์ดีสุดๆ ในหัวตอนนี้กำลังคิดวิธีแกล้งปอเต็มไปหมด ไม่ได้กะว่าจะแกล้งร้ายแรงอะไรหรอกเพราะไม่ใช่คนโหดร้ายอะไร แต่ถ้าให้ปวดประสาทอ่ะเต็มที่ อิ อิ

               “อารมณ์ดีไรมาวะ” นาวที่นั่งมองเลิฟยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มาได้สักพักถามขึ้น แต่เลิฟแค่หันมาส่งยิ้มกว้างให้แล้วก้มลงกินข้าวต่อไม่พูดอะไร ทำให้นาวต้องหันไปมองหน้ากับพีทที่นั่งข้างกันด้วยความงง

               “น้องเลิฟพี่นั่งด้วยคนได้ไหมครับ” เสียงที่ดังขึ้นเหนือหัวทำให้เลิฟเงยหน้าจากจานข้าวขึ้นไปมอง

               “ได้ครับ แค่กๆๆ” พอเห็นว่าเป็นโชนเลิฟเลยรีบกลืนข้าวเพื่อตอบกลายเป็นทำให้สำลักไอจนหน้าแดง

               โชนพอเห็นเลิฟสำลักก็รีบวางจานข้าวในมือลง มือหนึ่งก็ยื่นแก้วน้ำส่งให้เลิฟอีกมือก็ยกขึ้นลูบหัวลูบหลังให้ เห็นไอหน้าแดงน้ำตาไหลแล้วสงสาร จนสักพักอาการเลิฟก็ดีขึ้นโชนเลยยื่นมือไปรับแก้วน้ำคืน

               “ขอบคุณคับ แฮ่ๆ” เลิฟส่งยิ้มแหยๆให้

               “ไม่เป็นไรครับ” โชนอมยิ้มขำแล้วยกมือขยี้หัวเลิฟเบาๆ

               แล้วก็เหมือนเข้าโลกส่วนตัวเพราะเลิฟกับโชนนั่งคุยกันกระหนุงกระหนิงมีเสียงหัวเราะดังขึ้นเป็นพักๆ ชนิดที่ลืมไปเลยว่ายังมีนาวกับพีทนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม นาวเลยได้แต่ส่งสายตาไปถามพีทว่าเลิฟกับผู้ชายตัวขาวนี่ไปสนิทกันตอนไหน พีทก็ยักไหล่ให้แบบกูจะรู้ไหม

...
...

               “เฮ้ยปอนั่นเด็กมึงนิหว่า” ต้าพูดขึ้นเพราะหันไปเห็นเลิฟที่นั่งอยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่

               “ไอ้เหี้ยโชนแม่งกำลังม่ออยู่ด้วย”

               “ใครวะ” ปอหันไปมองตามมือต้าที่ชี้ไปเห็นโชนกับเลิฟที่นั่งอยู่ด้วยกัน

               “หึ” ปอหัวเราะในคอเยาะๆ เมื่อเห็นโชนเอามือเช็ดปากให้เลิฟ

               ตอนนั้นเองที่เลิฟหันหน้ามาสบตากับปอที่มองอยู่เข้าพอดี เลิฟถลึงตาใส่ปออย่างหาเรื่องปากก็ขมุบขมิบไปด้วย และปอเดาได้ไม่ยากเลยว่ากำลังด่าเขาแน่ๆ ปอส่ายหัวเบาๆเลิกสนใจเลิฟแล้วก้มลงกินข้าวต่อ เลิฟเห็นปอเมินตัวเองก็ได้แต่หงุดหงิด ฮึดฮัดไปเองคนเดียว

...
...

               “มหา!!!!!” เสียงเล็กๆตะโกนเรียกปอดังลั่นโรงอาหาร แล้วไม่กี่วินาทีถัดมาเจ้าของเสียงก็วิ่งถลามายืนอยู่ตรงหน้าปอ

               “นั่งด้วยได้ป่ะ” เลิฟยิ้มกว้างส่งให้ปอแล้วจัดการนั่งลงโดยไม่ฟังคำอนุญาต ปอมองหน้าเลิฟนิดๆแต่ไม่พูดอะไรก้มหน้าตักข้าวกินต่อไม่สนใจ

               เลิฟเห็นท่าทางแบบนั้นก็ฉุนนิดๆแต่ยังยิ้มกว้างให้ ตั้งแต่วันรับน้องจนตอนนี้เปิดเทอมได้จะเดือนหนึ่งแล้วเลิฟหาเรื่องป่วนปอตลอด แต่ปอไม่เห็นจะโมโหอย่างมากก็ทำตาดุๆใส่ไม่งั้นก็เงียบลูกเดียว จนคนแกล้งอย่างเลิฟเริ่มจะโมโหเอง เขาต้องการให้ไอ้ปอมันโกรธมันจะได้ฟิวส์ขาดมีเรื่อง แต่ปอมันดันเงียบเอาถ้วยเอาโล่บ้าชะมัดต้องทำยังไงดีเนี่ย

               ปอเหลือบตามองเลิฟแล้วก็ขำในใจ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าไอ้เตี้ยตัวแสบพยายามจะแกล้งเขา โมโหนะไม่ใช่ไม่โมโหแต่เรื่องมันเด็กๆไงเลยเฉยๆไว้ ซึ่งเอาจริงๆมันก็ขัดกับนิสัยเขาพอสมควร

               เลิฟนั่งมองปอกินข้าวแบบไม่สนใจตัวเองก็หงุดหงิด อุตส่าห์เรียกฉายามันที่ตั้งให้วันรับน้องเสียงดังลั่นกลางโรงอาหาร คนนี่มองกันเต็มกะว่ามันต้องอายต้องโมโหแน่ๆแต่มันกลับเฉยสนิท

               ‘โว๊ยยยยยยยย หงุดหงิดทำไงดีวะ’ เลิฟคิดในใจอย่างหัวเสีย เมื่อไม่ได้ดั่งใจก็ฮึดฮัดยกจานข้าวเดินออกจากโต๊ะไป

               “นี่กูถามจริงมึงไม่รู้สึกอะไรหรอวะ” กิงที่นั่งมองทุกอย่างตั้งแต่ต้นถามขึ้น

               “กูต้องรู้สึกอะไรละ”

               “กวนตีนไอ้ห่าเห็นนั่งเฉยให้เขาแกล้งมันนิสัยมึงไหม”

              “เดี๋ยวมันก็เลิก”

               “นี่มึงจะเฉย มึงทนได้จิงดิ” กิงทำหน้าเหลือเชื่อทันที

               “เออ!!” ปอกระแทกเสียงใส่

กิงนั่งหัวเราะคิกคักเพราะรู้ว่าทำไมปอถึงต้องทน มันอยากได้สมบัติส่วนตัวคืนใจจะขาดทำเป็นพูดใจเย็นว่าทนได้ เห็นโดนแกล้งทีไรทำท่าจะลุกไปบีบคอไอ้เลิฟทุกที

ไอ้นั่นก็เหมือนกันไอ้ปอเฉยทำเป็นได้ใจแกล้งใหญ่ ตั้งฉายาให้ไอ้ปอว่ามหาจนคนทั้งคณะเรียกมหาปอกันไปหมด แต่ก็เหมาะกับสภาพเพื่อนเขาตอนนี้ละนะ ไหนจะเอาข้าวผัดพริกมาให้ไอ้ปอกินล่าสุดเอากระดาษเขียนคำว่า ’ผมชอบตูด’ ติดใส่หลังไอ้ปอเดินรอบมหา’ลัยทั้งวัน  ไอ้ปอนี่โกรธจนไฟลุกแต่มันพยายามนิ่ง

ไอ้เลิฟมันแสบจริงๆดีนะเรียนคนละสาขาไม่งั้นได้ปวดประสาทกว่านี้อีก คิดๆแล้วก็สงสารเพื่อนแต่สะใจเพราะไม่ใช่บ่อยๆที่ไอ้ปอมันจะทำได้แค่เงียบ ถ้าปกติไอ้เลิฟเละตั้งแต่ตั้งฉายาให้มันละ

ปึก!!!!!!!!!!

เลิฟวางจานกระแทกลงบนโต๊ะแรงๆด้วยความหงุดหงิด เขาเดินถือจานข้าวกลับมานั่งกินกับเพื่อนที่โต๊ะเพราะอุตส่าห์เรียกกวนประสาทแถมเอาหน้าไปกวนมันถึงที่ มันก็ยังเฉยอ่ะคิดดู

พีทเงยหน้ามองเลิฟงงๆเมื่อกี้เห็นยิ้มเดินไปกวนประสาทเขา ไหงได้เดินกลับมาทำหน้าเป็นตูดซะงั้น แกล้งเขาไม่สำเร็จอีกแหงๆ

 “หน้างอมาแบบนี้แกล้งเขาไม่ได้ล่ะสิ”

 “เออ!!! แม่งกูหงุดหงิดทำไมมันเฉยงี้วะ”

 “มึงจะอะไรนักหนากับพี่เขาวะเลิฟ” พีทถามแบบเบื่อๆเพราะนับวันเพื่อนเขาชักจะปัญญาอ่อน

"กูจะเอาคืนที่แม่ง....ฮึ่ยยยย" เลิฟกัดปากตัวเองเพราะไม่อยากจะพูดต่อ หน้างอง้ำยิ่งกว่าเดิม

"ที่พี่เขาจูบมึงวันนั้นอ่ะนะปัญญาอ่อนว่ะเลิฟ" พีทว่าเอือมๆ

"มึงอย่าพูดออกมานะแล้วไปเรียกมันพี่ทำไมมันเรียนปีหนึ่งเหมือนเรานะเว้ย แถมเสือกพูดเข้าข้างมันอีกกูหรือมันเป็นเพื่อนมึง"

"ก็พี่เขาอายุเยอะกว่ามึงก็รู้"

"กูไม่สน"

"กูว่ามึงพอเหอะเลิฟไปแกล้งพี่เขามากๆระวังเขาเอาคืนนะมึง" นาวพูดขึ้นมาบ้างหลังจากที่เงียบมานาน

"มันทำไม่ได้หรอก" เลิฟหัวเราะคิกๆเพราะรู้สาเหตุดี นาวกับพีทก็ได้แต่มองหน้ากันงงๆ

"เออๆเอาที่มึงสบายใจเตือนแล้วไม่ฟังถ้าโดนอะไรมา อย่ามาร้องนะมึงกูจะซ้ำให้" นาวว่าอย่างหมั่นไส้

"เอานี่พี่ีรหัสเทวดาสุดหล่อแสนดีของมึงเขาฝากกูให้เอามาให้" นาวล้วงเอาป๊อกกี้ในกระเป๋าออกมายื่นให้เลิฟ

"อ้าวแล้วทำไมพี่โชนไม่เอาให้กูเองอ่ะ" ลืมบอกไปครับเขาได้พี่โชนเป็นพี่รหัสสมใจล่ะ

"ก็มึงอยู่ไหมล่ะคะตอนพี่เขามาน่ะ มัวแต่ไปเรียกร้องความสนใจกับผัวหลวง สนใจผัวน้อยมึงบ้างก็ดีนะ" นาวแขวะเข้าให้อีกดอก

"ปากมึงเนี่ยนะใครผัวกูวะพี่โชนเขาแค่ใจดี ส่วนไอ้ห่านั่นกูแก้แค้นเว้ย" เลิฟแกะป๊อกกี้เคี้ยวตุ้ยๆเขาชอบป๊อกกี๊มากพี่โชนใจดีซื้อมาให้กินทุกวันอ่ะ

"เออพี่ชายแสนดีเช้าถึงเย็นถึงทุกวัน" นาวถอนหายใจเบาๆเพื่อนเธอมันจะรู้ตัวบ้างไหมว่ากำลังโดนจีบ คนรอบข้างเขารู้กันไปหมดแล้วเหลือแค่เจ้าตัวละมั้งที่ไม่รู้ตัว ตั้งแต่เปิดเทอมมานอกจากพี่โชนก็มีคนอื่นอีกที่พยายามจีบ แต่นี่ไม่รู้อะไรกับเขาหรอกคุยกับเขาไปทั่วว่าแต่ตัวเองเป็นผู้ชาย จะรู้ตัวบ้างไหมว่าน่ารักกว่าผู้หญิงบางคนอีก

ว่ารายนี้น่าเป็นห่วงยังไม่เท่าเพื่อนตัวเล็กอีกคนที่อยู่คนละคณะ รายนั้นยิ่งน่ารักบอบบางน่าทนุถนอม ยิ่งช่วงนี้เห็นนะว่าขึ้นรถไปกับรุ่นพี่ที่คณะเธอบ่อยๆ ไม่รู้เพื่อนคนอื่นเห็นไหม เฮ้ออออ มหกรรมชะนีไทยเจ็บใจผู้ชายไทยเจ็บตูดจริงๆ ไม่น่ามีเพื่อนผู้ชายที่น่ารักกว่าผู้หญิงแบบนี้เลย ชะนีโซแซด

"เป็นไรว่ะทำหน้าเหมือนปวดขี้" เลิฟถามทั้งๆที่ปากยังคาบป๊อกกี้ นาวกรอกตาขึ้นฟ้าเซ็งๆความน่ารักของมึงลดลงเพราะปากเนี่ยแหละ

"ช่างกูเหอะ"

Tru...Tru...Tru...

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะ เลิฟก้มลงมองหน้าจอก่อนหน้าจะเปลี่ยนสีเล็กน้อย

"มีอะไร" นาวถามขึ้นอย่างเป็นห่วง เลิฟสั่นหัวเบาๆก่อนจะเดินเลี่ยงไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก นาวมองตามแล้วถอนหายใจเบาๆหวังว่าคงไม่มีอะไรนะ

ไม่นานเลิฟก็เดินกลับมาพร้อมแก้วน้ำในมือ สีหน้าดูแย่นิดๆแต่ก็แค่แว๊บเดียวเท่านั้น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสดใสเหมือนเดิม
เลิฟไม่ได้เดินกลับไปหาพวกเพื่อนที่นั่งรอที่โต๊ะ แต่เลือกที่จะเดินไปหาปอที่นั่งอยู่อีกโต๊ะแทน

ซ่าาาาาาาา

น้ำในมือของเลิฟถูกสาดเข้าไปเต็มเสื้อของปอที่นั่งอยู่จนเปียกโชกไปหมด

"เฮ้ย!!!" เสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้นจากคนแถวๆนั้น

"กูขอโทษนะมึงกูไม่ได้ตั้งใจเมื่อกี้กูสะดุด" เลิฟทำหน้าสำนึกผิดยกมือไหว้ขอโทษขอโพยปอ ทำท่าจะเข้ามาช่วยปอเช็ดตัว

"ไม่ต้อง!!!" ปอพูดเสียงเข้ม สะดุดหรอวะสะดุดห่าอะไรพื้นแม่งเรียบขนาดนั้นจงใจจะสาดน้ำใส่กูชัดๆ แล้วดูมันทำหน้าสำนึกผิดมากเลยมึงอมยิ้มมีความสุขที่แกล้งกูได้เนี่ย   

ปอหายใจเข้าออกหนักๆแล้วตัดสินใจเดินหันหลังออกไปจากตรงนั้น ก่อนที่จะได้ฆ่าคน

"กูขอโทษนะมึง กูไม่ได้ตั้งใจ" เลิฟตะโกนไล่หลังปอแล้วหัวเราะคิกคักมีความสุข

“เลิฟมึงนี่มันกูขอสักทีเหอะ”

เพี๊ยะ!!!!!

นาวที่เดินตามมาสมทบยกมือขึ้นตบหัวเลิฟแรงๆ

“โอ๊ยยยยย ตบกูไมอ่ะ”

“มึงรู้ไหมว่าทำอะไปเนี่ยเสื้อพี่เขาเลอะหมดแล้ว”

“ก็กูไม่ได้ตั้งใจ” เลิฟลอยหน้าลอยตาตอบ

“เออ!! ถ้าเขาเอาคืนมึงกูจะช่วยซ้ำ!!!” นาวว่าแล้วหันหลังเดินหนีเลิฟ

เลิฟหันไปมองหน้าพีท พีทได้แต่ส่ายหัวไปมาแล้วเดินตามหลังนาวไปอีกคน เลิฟได้แต่ยืนหน้างอขัดใจที่เพื่อนเข้าข้างคนอื่นมากกว่าตัวเอง ยิ่งทำให้หงุดหงิดปอขึ้นไปอีก เมื่อทำอะไรต่อไม่ได้เลิฟเลยจำใจเดินตามเพื่อนสองคนไปเข้าเรียน

...
...

ตอนนี้ปอกำลังยืนถอดเสื้อล้างตัวอยู่ที่อ้างล้างหน้าในห้องน้ำ โคตรจะเหนียวก็น้ำที่ไอ้ตัวแสบมันทำหกใส่คือน้ำแดงไงครับ เสื้ิอนี้แดงเป็นปื้น ปอเอาน้ำล้างตัวก่อนจะเอาเสื้อล้างน้ำในอ่างอย่างหัวเสีย  ออกไปกระทืบแม่งซะดีไหมกวนตีนฉิบหาย
กิงที่เดินตามเข้ามามองเพื่อนที่ยืนหัวเสียอย่างขำๆ จริงๆไอ้ปอมันสักลายเต็มตัวไปหมดแต่เพราะมันแต่งตัวเรียบร้อยโอเว่อร์แบบนี้คนเลยไม่เห็น

"เอาไงมึงกูจัดการให้แทนไหม"

"ไม่ต้อง" ปอเงยหน้าสบตากิงนิดๆผ่านกระจก

"ตามใจ" กิงไหวไหล่ให้

"เออพี่อาร์ตให้กูชวนมึงไปแดกเหล้าด้วย"

"ชวนกู" ปอย้อนถาม

"กูเคยเล่าเรื่องมึงให้พี่เขาฟังเขาเลยอยากเจอมึงสภาพจริงๆว่ะ" กิงอธิบาย ปอเลยพยักหน้ารับรู้

"งั้นเย็นนี้เจอกันร้านเหล้าหลังมอนะกูไปเรียนละ" กิงยกมือตบไหล่เพื่อนเบาๆแล้วเดินหันหลังออกจากห้องน้ำไป

ปอมองเสื้อในมือแล้วถอนหายใจหนักๆ ไม่เรียนแม่งละวันนี้อารมณ์เสียกลับห้องไปนอนดีกว่า ปอหยิบเสื้อใส่ลวกๆเดินออกจากห้องน้ำกลับคอนโดทันที

2 Be Con...

+++++++++++
ตอนที่ 6-10 เจอกันวันที่ 27/01/2016 นะคะ
 :pig4:  :call:
แวะมาพูดคุนกันได้ที่เพจตามลิงค์จ้า
https://www.facebook.com/gib1matchty (https://www.facebook.com/gib1matchty)
[/size][/size][/size][/font][/color][/font][/size][/size][/font][/font][/font][/font][/size]
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 6 (27/01/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 27-01-2016 21:05:22
กับดักที่
- 6 -




               “เมื่อไหร่เพื่อนมึงจะมาวะ” อาร์ตก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือตอนนี้จะ 2 ทุ่มแล้ว แต่รุ่นน้องคนดังประจำคณะยังไม่มาสักที

               อันที่จริงแล้วปอค่อนข้างดังในหมู่นักศึกษาเข้าใหม่ปีนี้ ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่โคตรจะเด่นสะดุดตา ตัวสูงการแต่งกายเนิร์ดๆสวมแว่นตาหนาเตอะ ท่าทีนิ่งๆแลดูติ๋มๆสมฉายา ‘มหา’ ของเจ้าตัว

               แถมยิ่งดูเด่นน่าสนใจเข้าไปอีกเพราะเด็กเนิร์ดที่ใครๆว่า ดันเป็นเพื่อนกับกลุ่มของกิงที่ขึ้นชื่อเรื่องความอันตราย ดูยังไงก็ไม่น่าเป็นเพื่อนกันได้เลย หลายคนเลยสงสัยแล้วกลายเป็นอยากรู้เรื่องปอไปโดยไม่รู้ตัว

               “มันกำลังมาพี่” กิงว่า อาร์ตเลยพยักหน้ารับก้มลงไปกินเหล้าต่อ

               “กูแม่งอยากเห็นเพื่อนมึงฉิบหายมันจะต่างจากเดิมขนาดไหนวะ” กลอนหนึ่งในรุ่นพี่พูดขึ้นมาบ้าง พวกเขาอยากเห็นไอ้มหาปอเวลาอยู่นอกมหา’ลัยสุดๆว่าจะเหมือนที่ไอ้กิงมันมาโม้ให้ฟังไหม ถึงไอ้มหามันจะไม่ได้ดูแย่อะไรขนาดนั้นแต่แม่งก็ขัดกับที่ไอ้กิงโม้ให้ฟังเกินไป แม่งโม้ซะเป็นหน้ามือกับหลังตีน

               Tru…Tru…Tru…

               “เออ...มึงเดินเข้ามาเลยโต๊ะในสุดที่นั่งรวมกันเยอะๆเป็นฝูงเนี่ย เออๆ”  กิงวางสายแล้วหันมาทางรุ่นพี่

               “มันมาถึงแล้วพี่” กิงว่า

               ได้ยินแบบนั้นพวกรุ่นพี่ต่างพากันตั้งหน้าตั้งตาจ้องไปทางเข้าร้าน กะว่าเอาให้ไม่พลาดทุกการเคลื่อนไหวกันเลยทีเดียว แต่จนแล้วจนรอดจ้องกันไปนานพอควร ไม่ยักกะเห็นคนที่ท่าทางคล้ายรุ่นน้องมหาของตัวเองสักคน
อาร์ตขมวดคิ้วเป็นปมหันกลับมาหากิงเพื่อจะถาม แต่เห็นกิงกำลังนั่งคุยกับผู้ชายตัวสูงที่ยืนข้างๆอยู่ แล้วกิงก็ขยับให้ผู้ชายคนนั้นนั่งลงข้างๆ

“ช้านะมึงไอ้เหี้ย” กิงว่า

“กูนอนเพลิน” ปอที่พึ่งมาถึงตอบไปเนือยๆมือคว้าแก้วเหล้ามากระดกเข้าปาก

“มาถึงก็แดกเลยเก็บกดไงวะมึง” ต้าที่นั่งฝั่งตรงข้ามพูดแซว แต่ปอไม่ตอบอะไร

“นี่ใครวะ” อาร์ตที่นั่งมองซักพักถามขึ้นอย่างสงสัย

“เออมึงนี่พี่อาร์ต พี่กลอน พี่อ้นรุ่นพี่ที่คณะเรา” กิงไม่ตอบคำถามแต่หันมาแนะนำรุ่นพี่กับปอแทน

“หวัดดีพี่” ปอเหลือมองนิดๆแล้วยกมือไหว้พอเป็นพิธี พวกอาร์ตเองก็รับไหว้แบบงงๆ

“เออดีว่ะว่าแต่มึงเป็นใครวะ” อาร์ตถามเพราะไม่คุ้นหน้าปอเขาไม่เคยมีรุ่นน้องหน้าตาแบบนี้นะ

“ฮ่าๆๆๆๆๆ” อยู่ๆพวกกิงก็พร้อมใจกันหัวเราะขึ้นมา เล่นเอาที่เหลือยิ่งงงเข้าไปใหญ่

“หัวเราะเหี้ยไรวะแล้วนี่เมื่อไหร่เพื่อนมึงจะมากูรอนานแล้วนะ” อาร์ตว่าฉุนๆ

“ก็มันมาแล้วไงพี่นั่งอยู่เนี่ย” กิงว่าพยักหน้าไปทางปอ

“ห๊า!!!!!!!!!!” เท่านั้นแหละพวกรุ่นพี่พร้อมใจกันแหกปากเสียงดัง

อาร์ตมองปออึ้งๆก็ไอ้คนที่นั่งอยู่ตรงนี้ไม่มีตรงไหนที่น่าจะใช่ไอ้มหาปอเลยนะ คือแม่งโคตรหล่ออ่ะหน้าตาดีจนผู้ชายอย่างพวกเขาต้องยอมรับ แขนสองข้างที่โผล่พ้นเสื้อยืดสีเทามีแต่รอยสักลายโคตรสวย ช่วงไหปลาร้าแม่งก็มีรอยสัก ปกติไอ้มหามันแต่งตัวเรียบร้อยโคตรๆกระดุมเสื้อมันติดทุกเม็ด เสื้อก็แขนยาวเข้าไปอีกเลยไม่เคยมีใครเห็นรอยสักมันสักคน

พอเห็นปอเวอร์ชั่นนี้ดูก็รู้ว่าแม่งน่าจะร้ายพอตัว เผลอๆเข้าขั้นเหี้ยสมกับที่ไอ้กิงมันมาโม้ให้ฟัง บอกไอ้นี่อยู่กลุ่มเดียวกันกับพวกไอ้กิงนี่คือเชื่อกว่าตอนบอกว่าไอ้มหาปอเป็นเพื่อนว่ะครับ  ดูเลวไปด้วยกันทั้งกลุ่มแบบเข้ากันได้ พอมองดีๆก็มีบางส่วนคล้ายไอ้มหาปออยู่นะแต่ต้องมองดีๆ

“นี่มึงคนเดียวกับไอ้มหาจริงดิ” กลอนถามขึ้นเพื่อยืนยัน ปอเลยพยักหน้ารับ

“กูเชื่อละว่าหน้ามือกับหลังตีนคนละคนกับไอ้มหาปอจริงๆ” อ้นพึมพำเบาๆ

“มึงแม่งหล่อไปทำส้นตีนอะไรขนาดนี้วะ” อาร์ตว่ามือรินเหล้าใส่แก้วใหม่ยกให้ปอ

“หึ” ปอหัวเราะในคอแล้วรับแก้วเหล้ามาดื่ม

“เป็นไงละพี่ผมบอกแล้วว่าแม่งไม่ได้หงิม” กิงยักคิ้วให้

“เออกูเชื่อมึงละ ว่าแต่มึงจะแต่งตัวแบบนั้นไปทำไมวะ” อาร์ตหันมาถามปอต่อ

“เรื่องมันยาวว่ะพี่” ปอบอกเลี่ยงๆอาร์ตเลยไม่เซ้าซี้อะไรเพิ่ม

หลังจากนั้นปอกับเพื่อนและพวกพี่ๆก็นั่งกินเหล้ากันไปเฮฮากันไปตามภาษา มีพวกเพื่อนพี่อาร์ตตามมาสมทบทีหลังอีกเพียบ จากกลุ่มเล็กๆเลยกลายเป็นกลุ่มใหญ่ คุยไปคุยมาเลยได้รู้ว่าพี่อาร์ตจริงๆแล้วเป็นเพื่อนไอ้ปิงพี่ชายเขา โลกแม่งโคตรกลมพี่อาร์ตเองก็ตกใจที่เขาเป็นน้องชายไอ้ปิง

พี่อาร์ตบอกจำได้แค่ว่าไอ้ปิงมีน้องสาวชื่อปราง จำไม่ได้ว่ามีน้องชายอย่างปอด้วย พี่แกบอกสมองบันทึกได้แต่คนสวยๆผู้ชายแกไม่จำให้เปลืองพื้นที่สมอง คือสันดานว่ะครับจัดว่าเหี้ยใช่ได้ จริงๆพี่อาร์ตแกก็หน้าตาดีนะถ้าไม่ดูรั่วๆไปหน่อย

“นั่งด้วยคนได้ไหมค่ะ” กำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆก็มีเสียงหวานๆทักขึ้น

ปอเลยหันกลับไปมอง เจอผู้หญิงสวยจัดหุ่นเอ็กซ์ยืนส่งยิ้มเชื้อเชิญมาให้ ปอกระตุกยิ้มมุมปากนิดๆถ้าจะทอดสะพานให้กันขนาดนี้ไม่สนองกลับก็ไม่ใช่เขาแล้วละครับ สงสัยคืนนี้คงจะได้ออกกำลังกายในร่มกับสาวสวยคนใหม่

“เชิญครับ”

แล้วหญิงสาวก็นั่งลงที่ตักของปอยกมือสองข้างขึ้นคล้องคอ หน้าอกอวบใต้ชุดเกาะอกที่แทบจะปิดอะไรไม่มิดเบียดเข้าหาปออย่างจงใจ สายตายั่วยวนเชื้อเชิญเต็มที่

ปอเองก็ยกแขนข้างหนึ่งขึ้นโอบเอวบางของหญิงสาว ใช้มือลูบสะโพกสาวเจ้าไปมาเบาๆ ส่วนสายตาก็มองกลับร้อนแรงไม่แพ้กัน

“นัตตี้นะคะแล้ว.....”

“ปอ”

“นัตตี้มานั่งกับปอแบบนี้แฟนปอไม่ว่าหรอค่ะ” นัตตี้ช้อนตามองปอนิดๆมือข้างนึงก็เลื้อยลงมาลูบอกปอเบาๆ

“แล้วคิดว่าไง”

“แหมนัตตี้จะไปรู้หรอคะหล่อๆแบบปอเนี่ยไม่ค่อยจะโสดหรอกถ้ามีแฟนแล้วนัตตี้จะได้ไม่ยุ่ง”

“มันก็ต้องลองพิสูจน์” ปอก้มลงพูดชิดริมฝีปากหญิงสาวก่อนจะฉกหอมแก้มเบาๆ

“คิกๆ” นัตตี้หัวเราะเบาๆใช้ฝ่ามือฟาดที่อกปอไม่แรงนักอย่างมีจริต

“เบาๆไอ้เหี้ยเห็นใจพวกกูที่นั่งตาดำๆตรงนี้ด้วย กูอิจฉา” กลอนตะโกนแซวเสียงดังข้ามโต๊ะ

“กูอยากได้บ้างไอ้เหี้ย” อ้นโอดครวญเสียงดังด้วยความอิจฉา

“มึงควรพิจารณาหน้ามึงก่อนวะ” อาร์ตเหน็บอ้นเบาๆ

“ไอ้สัส!!!!” อ้นยกตีนขึ้นถีบอาร์ตอย่างหงุดหงิดเรียกเสียงฮาจากคนทั้งโต๊ะดังลั่น

ปอได้แต่ส่ายหัวไปกับความติ๊งต๊องของพวกรุ่นพี่ ดูท่าน่าจะเมากันได้ที่ละตาเยิ้มกันเป็นแทบๆ ปอยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มก้มลงมองนัตตี้ที่เอาหน้าไซร้คอตัวเองแล้วกระตุกยิ้ม คืนนี้เขาได้อะไรแก้เซ็งแล้วล่ะ

ปอสบตากับเพื่อนอย่างรู้กันเขาเป็นคนเซ็กซ์จัดยอมรับได้แบบเต็มปากเต็มคำ เพราะฉะนั้นคู่นอนของเขาต้องเป็นคนร้อนแรงอย่างผู้หญิงบนตักตอนนี้  พวกหงิมๆนี่เขาไม่ค่อยชอบเอาไม่มันไม่มีอารมณ์ทะนุถนอม เซ็กซ์ที่ดีมันต้องถึงใจทั้งสองฝ่ายว่ะครับ

จึก! จึก!

แรงสะกิดที่ไหล่เบาๆทำให้ปอที่กำลังนัวเนียกับหญิงสาวเงยหน้าขึ้นอย่างหงุดหงิด ใครแม่งสะกิดวะกำลังได้ที่  แล้วปอก็ต้องแปลกใจเพราะคนที่สะกิดไหล่เขายิกๆคือเลิฟ มันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงวะ

“นี่...” เลิฟเอื้อมมือไปสะกิดผู้หญิงที่เอาหน้าซุกคอปอต่อ ปอก็นั่งมองการกระทำของเลิฟนิ่งๆไม่ได้ว่าอะไร เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเลิฟจะทำอะไร

นัตตี้เงยหน้าขึ้นจากซอกคอปอแล้วมองไปที่เลิฟงงๆ เลิฟส่งยิ้มกว้างให้แล้วใช้มือดึงหญิงสาวขึ้นจากตักของปอ นัตตี้ก็ลุกขึ้นแบบไม่เข้าใจส่วนปอเองก็มองเลิฟแบบไม่เข้าใจเหมือนกัน

“นี่เธออ่ะ” เลิฟเรียกนัตตี้

“คะ” นัตตี้ขานรับงงๆ

“ยุ่งกับคนมีเจ้าของแล้วแบบนี้ไม่ดีนะ”

“ว่าไงนะคะ” นัตตี้ถามกลับอย่างตกใจ

“นี่มึงจะพูดอะไร” ปอลุกขึ้นมาดึงแขนเลิฟไว้ เลิฟสบตาปอแล้วส่งสายตากวนๆให้

“ก็ไอ้ปออ่ะมันมีเมียแล้ว” เลิฟสะบัดแขนออกจากมือปอแล้วหันไปพูดกับนัตตี้ต่อ

“แต่ปอบอกว่าโสดนิคะ”

“อ้าวสวยแล้วไม่น่าโง่นะผู้ชายจะหลอกฟัน มันจะบอกว่ามีเมียแล้วหรอ”

“ไอ้เลิฟ!!!!” ปอกระชากแขนเลิฟเข้าหาตัวเอง แต่เลิฟไม่สนใจหันไปพูดต่อ

“เมียมันท้องอ่อนๆนอนอยู่ที่บ้าน อยากได้ชื่อว่าแย่งผัวชาวบ้านก็เอานี่ผมเตือนด้วยความหวังดีนะ” เลิฟพูดขึ้นเสียงดังเรียกสายตาของคนในร้านให้มองมาที่ตัวเองได้เป็นอย่างดี

นัตตี้ถึงกับหน้าเสียเธอก็แอบคิดอยู่หรอกว่าปออาจจะไม่โสด แต่ไม่ได้คิดถึงขั้นว่าจะมีเมียมีลูกแบบนี้ จะบอกว่าผู้ชายหน้าหวานตรงหน้าโกหกก็ไม่น่าใช่ คนโกหกที่ไหนจะทำสีหน้าจริงจังได้ขนาดนี้

“เอ่อ...นัตตี้นึกขึ้นได้ว่ามีธุระขอตัวก่อนนะคะ” นัตตี้พูดขึ้นเพราะเริ่มรู้สึกอายกับสายตาของคนในร้านที่เริ่มมองมาอย่างสนใจ

“ครับคราวหน้าคราวหลังก็ระวังอย่าไปยุ่งกับผัวชาวบ้านอีกละ” เลิฟพูดต่อหน้าตาย นัตตี้เลยรีบจ้ำอ้าวเดินหนีไปไม่เหลียวหลัง
ปอมองตามหลังนัตตี้ที่เดินหนีไปแล้วอย่างรวดเร็วจะเรียกไว้ก็ไม่ทัน เขาหันกลับมามองหน้าเลิฟที่ยืนหัวเราะคิกคักข้างๆอย่างหัวเสีย ไอ้เลิฟมันจงใจเดินเข้ามาแกล้งเขา ทำให้เขาชวดตุ๊กตาบนเตียงคืนนี้ไป

“มึงเล่นเหี้ยอะไร” ปอตะคอกขึ้นอย่างเหลืออด

“อะไรกูทำอะไร” เลิฟลอยหน้าลอยตาถามกลับ

“ใจเย็นๆมึง” ฝุ่นลุกมาดึงแขนปอไว้เพราะเห็นปอกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดขึ้น ถ้าไอ้ปอสติแตกขึ้นมาจริงๆตัวเล็กๆบางๆอย่างไอ้น้องเลิฟเละชัวร์ๆ

“มีอะไรป่ะวะ” อาร์ตถามหลังจากที่นั่งมองมานาน

“ไม่มีอะไรพี่” ปอบอกกลับ อาร์ตเลยเลิกสนใจหันไปกินเหล้าเฮฮากับเพื่อนต่อ

“หึ” ปอกระตุกยิ้มขึ้นหลังจากพยายามระงับอารมณ์ตัวเอง ฝุ่นเห็นว่าน่าจะไม่มีอะไรแล้วเลยกลับไปนั่งที่ตัวเอง

“มึงหัวเราะทำไมวะ” เลิฟถามกลับอย่างระแวงก็เมื่อกี้แม่งยังโมโหอยู่เลย ตอนนี้ดันหัวเราะแถมเสียงหัวเราะโคตรโรคจิตเหอะ
ปอไม่ตอบแต่ลากเลิฟมาที่เก้าอี้แล้วยกคนตัวเล็กขึ้นนั่งบนตัก ใช้มือกอดเอวบางล็อกไว้แน่นไม่ให้ดิ้นหลุด เลิฟเองก็พยายามดิ้นให้หลุดแต่ยิ่งดิ้นปอก็ยิ่งกอดแน่น มือทั้งทุบทั้งตีทั้งหยิกไปที่แขนปอเพื่อให้ปล่อย แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยจะส่งผลอะไรกับปอเท่าไหร่

ฟอดดดดดดดดดดดดดด

ฮิ้ววววววววววววววววววว

ปอก้มลงหอมแก้มเสียงดังทำเอาเลิฟที่กำลังดิ้นอยู่บนตักถึงกับชะงัก ส่วนคนอื่นในโต๊ะที่เห็นฉากเด็ดก็ส่งเสียงแซวกันระงม ทั้งผิวปากทั้งหัวเราะ

“อะ...ไอ้เหี้ย” เลิฟด่าปอเสียงดังหลังจากตั้งสติได้

ฟอดดดดดดดดดดดดดดดดด

ปอก้มลงหอมแก้มเลิฟอีกที เลิฟตาโตเท่าไข่ห่านยกมือขึ้นจะชกหน้าปอ แต่ปอยกมือขึ้นมาชี้นิ้วห้ามไว้อย่างรู้ทันว่าเลิฟจะทำอะไร

“ถ้ามึงด่ากูอีกกูจะจูบมึงและถ้ามึงชกกูกูจะลากมึงไปเอาเดี๋ยวนี้ ไม่เชื่อก็ลองดู” ปอพูดขึ้นด้วยเสียงนิ่งๆไม่มีแววล้อเล่น

“ไอ้.....” เลิฟอ้าปากจะด่าอีกแต่พอสบตาปอที่มองมาก็หุบปากลงไม่กล้าพูดต่อ ได้แต่นั่งก้มหน้างุดอยู่บนตักปอนิ่งๆ

ปอเห็นท่าทางของเลิฟก็นึกขำในใจ นึกว่าจะแน่เห็นชอบทำเป็นเก่งดีนัก เขาก็แค่ขู่ไอ้ตัวแสบมันไปอย่างนั้นเองแหละ ใครจะไปเอามันจริงๆวะถึงมันจะดูน่าเอาก็เหอะ แต่กูไม่เคยเอาผู้ชายครับและไม่เคยคิดที่จะเอา เมื่อกี้ไม่นับแม่งความคิดชั่ววูบ

แล้วถ้าจะถามว่าทำไมเขาถึงหอมแก้มมัน คือกูก็ไม่รู้ครับกูก็งงตัวเองทั้งๆที่น่าจะกระทืบมัน เสือกอุ้มมันนั่งตักแถมหอมแม่งอีกมันเรื่องเหี้ยอะไรวะ

ปอหงุดหงิดกับความรู้สึกตัวเองไม่น้อย เขาเป็นอะไรของเขาวะ พอก้มมองคนนั่งอยู่บนตักที่กำลังทำหน้างอแก้มป่องปากยื่นแล้วก็ขำ ดูๆไปมันก็น่ารักแหะถึงว่าพวกผู้ชายในคณะแม่งตามจีบ โดยเฉพาะไอ้เหี้ยโชน

ฟอดดดดดดดดดดดด

แล้วปอก็ก้มลงหอมแก้มเลิฟอีกทีด้วยความรู้สึกอะไรก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าเห็นแก้มป่องๆของมันแล้วแม่งก็อยากหอมขึ้นมาเฉยๆ

“มึง!!!!!” เลิฟเงยหน้าขึ้นมาหาปอยกมือข้างนึงจะชกแต่ปอทำตาดุใส่ เลิฟเลยนั่งนิ่งๆฮึดฮัดอยู่คนเดียวเพราะทำอะไรไม่ได้

“หอมเข้าไปไอ้เหี้ยสงสารพวกกูบ้างเหอะ” กิงพูดขึ้นอย่างหมั่นไส้เมื่อกี้เห็นทำท่าจะฆ่าเขาอยู่แหม่บๆ ตอนนี้เสือกมานั่งหอมเอาๆ

“ว่าแต่น้องผู้หญิงคนเมื่อกี้ไปไหนแล้ววะ กูเผลอแป๊บเดียวทำไมกลายร่างเป็นไอ้น้องเลิฟได้วะ” กิงถามขึ้นงงๆเพราะมัวแต่ก้มแชทไลน์กับเด็กที่พึ่งได้มามาดๆอยู่

“ฝีมือไอ้นี้ไง” เลิฟเงยหน้าขึ้นมาถลึงตาใส่ปอทันทีที่รู้ว่าโดนว่า

“อ้อ” กิงพยักหน้ารับรู้อย่างไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะรู้กันดีว่าไอ้เลิฟมันชอบป่วนไอ้ปอ

“ว่าแต่น้องเลิฟทำไมมาที่นี่ละครับหรือว่าแอบตามพวกพี่มา” กิงหันไปถามเลิฟส่งสายตาเจ้าชู้ให้

“เสือก” เลิฟว่าอย่างหงุดหงิดทำเอากิงถึงกับเหวอ

“ปากดีสัสๆ” กิงถอนหายใจแล้วเลิกคิดที่จะคุยกับเลิฟ เพราะถ้าคุยกันต่อคงเป็นเขานี่แหละที่จะกระทืบไอ้น้องเลิฟแทนไอ้ปอ
ปอมองเพื่อนกับคนตัวเล็กแล้วส่ายหัวเอือมๆอย่างไม่ใส่ใจ หันกลับไปนั่งกินเหล้าต่อแต่ยังใช้มือนึงกอดเอวเลิฟไว้หลวมๆ เห็นทำหน้างอๆแล้วสนุกดีว่ะครับ

เลิฟที่ทำท่านั่งนิ่งๆไม่ตอบโต้ พอเห็นว่าปอเผลอก็ยกศอกขึ้นกระแทกเข้าไปที่ท้องปอเต็มแรง ปอที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับสะดุ้งจุกไปหมดเผลอปล่อยแขนออกจากตัวเลิฟ เห็นแบบนั้นเลิฟก็รีบลุกขึ้นยืนแล้วก็กระทืบที่เท้าปอแรงๆอีกที แลบลิ้นใส่ปออย่างสะใจ

“ไอ้เหี้ย!!!!!” ด่าเข้าให้อีกทีก่อนจะรีบวิ่งหนีไปอย่างเร็ว

ปอมองตามหลังร่างเล็กๆนั้นอย่างขำๆ จะโมโหก็โมโหแหละไอ้ขำก็ขำ แม่งแสบจริงๆเล่นเอาจุกไปหมด นึกว่าหมดฤทธิ์แล้วเห็นนั่งนิ่งๆที่ไหนได้รอจังหวะนี้เอง

“ตกลงนี่มึงยังไงวะ” ฝุ่นถามเพราะสังเกตุว่าปอดูไม่โกรธเท่าไหร่

“อะไรยังไง”

“มึงกับไอ้เด็กนั่นไง”

“ไม่มีอะไร” ปอบอกปัดๆ เพราะเขาไม่ได้รู้สึกอะไรมากไปกว่าอยากแกล้งจริงๆ

“ตอนนี้ไม่รู้สึกแต่กูว่าอีกไม่นานก็รู้สึก เชื่อกูดิเซ้นส์กูมันฟ้อง” ต้าที่นั่งเงียบมานานพูดขึ้น

“ถ้าคนไม่มีหัวใจแบบไอ้เหี้ยปอจะรู้สึกอะไรขึ้นมาแบบที่มึงว่า ไอ้เหี้ยฝุ่นก็คงสมหวังกับรักข้างเดียว 5 ปีของแม่งชัวร์” กิงว่าขำๆ

“เกี่ยวเหี้ยไรกับกู” ฝุ่นพูดขึ้นบ้าง

“พนันกับกูป่ะล่ะ” ต้าออกปากท้าพนันกิง

“จัดไปไอ้เหี้ยแสนนึงกูพนันว่าไม่มีทาง” กิงรับคำท้าอย่างมั่นใจ

“แสนนึงกูว่าอีกไม่นาน” ต้าเองก็ไม่ยอมแพ้

“แล้วมึงอ่ะ” ต้าหันไปถามฝุ่นที่นั่งเฉย

“กูต้องเล่นด้วย” ฝุ่นชี้นิ้วมาที่ตัวเอง ต้าพยักหน้างึกงัก

“งั้น” ฝุ่นพูดแล้วหันไปมองหน้าปอ ปอก็สบตาเพื่อนสีหน้าไม่เปลี่ยนแววตานิ่งเฉยไม่แสดงอะไร

“แสนนึงกูพนันว่าเราจะได้เพื่อนสะใภ้ชื่อเลิฟ และอีกแสนกูพนันว่ามึงจะหยุดที่คนนี้” ฝุ่นวางเดิมพันและหันมาพนันกับปออย่างท้าท้าย ปอเองก็ขำๆไม่ได้ว่าอะไรซึ่งฝุ่นถือว่านั่นหมายถึงปอรับคำท้า

ฝุ่นเองก็ไม่ได้มั่นใจอะไรขนาดนั้นหรอกแค่พูดเพื่อดูปฏิกิริยาเพื่อนเท่านั้น แต่ให้ตายไอ้ปอมันนิ่งเกินไม่มีพิรุธอะไรเลยสักนิด

ปอส่ายหัวให้กับความติ๊งต๊องของเพื่อน ตั้งแต่เกิดมาปอไม่เคยคบใครเป็นตัวเป็นตนจนเรียกแฟน ไม่เคยรักไม่เคยชอบอย่างมากก็แค่ถูกใจ เขายังไม่พร้อมจะหยุดที่ใครคนเดียวเพราะเป็นคนขี้รำคาญไม่ชอบคนวุ่นวาย อีกอย่างเซ็กซ์ไม่ผูกมัดมันก็สะดวกดีแล้วเขาก็พึ่งจะอายุแค่นี้ จะหาห่วงผูกคอที่เรียกว่าแฟนหรือเมียทำไมวะครับ

“ถ้าเป็นแบบที่มึงว่านะฝุ่นกูให้เลยล้านนึง” ปอบอกฝุ่นแบบชิลๆ ฝุ่นเองก็ขำๆไม่ได้คิดว่าตัวเองจะชนะเลยซักนิด ก็รู้ๆสันดานเพื่อนตัวเองอยู่

แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้บนโลกใบนี้ทั้งนั้นและฝุ่นเองก็ไม่มีทางรู้อนาคต เพราะถ้ารู้อนาคตล่วงหน้าเขาคงจะท้าพนันปอสัก 10 ล้าน

2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 6-10 (27/01/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 27-01-2016 21:10:47
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 7 (27/01/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 27-01-2016 22:29:35
กับดักที่
- 7 -



   เลิฟเดินกระแทกส้นเท้าฮึดฮัดออกมาจากร้านเหล้าด้วยความหงุดหงิด เขามาเจอไอ้ปอที่ร้านนี้เป็นเพราะความบังเอิญจริงๆ เลิฟทำงานพิเศษอยู่ร้านดอกไม้ในห้างใกล้ๆมหา’ลัยเนี่ยแหละ ปกติจะทำแค่วันเสาร์-อาทิตย์ตอนเย็นๆ แต่วันนี้ลูกจ้างประจำที่ร้านลาหยุดทำให้คนไม่พอ พี่เจ้าของร้านเลยโทรตามให้มาทำงานแทน แล้วใช้เขาออกมาส่งดอกไม้ให้ลูกค้าที่นี่

               มันก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก ถ้าสายตาเจ้ากรรมของเลิฟไม่หันไปเห็นปอกำลังกินเหล้าอยู่ บนตักของปอมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งกอดอยู่แล้วเอาหน้าซุกที่ซอกคอไปมา เหมือนกำลังจะสิงไอ้ปอเลยทีเดียวเลิฟเลยเกิดอาการหมั่นไส้แบบไม่มีสาเหตุ อยากจะแกล้งปอขึ้นมาเฉยๆแต่กลายเป็นว่าไปโดนปอแกล้งคืนซะงั้น

               “ไอ้เหี้ยหอมอยู่ได้” เลิฟพึมพำเบาๆเอามือถูแก้มไปมาจนแดงไปหมด

เลิฟหันกลับเข้าไปมองข้างในร้านก็เห็นปอนั่งมองอยู่ก่อนแล้ว แถมยังส่งยิ้มกวนประสาทมาให้อีก เลิฟเลยยกนิ้วกลางส่งคืนให้ ปอพอเห็นแบบนั้นก็ยกนิ้วชี้หน้าคาดโทษ แต่เลิฟไม่สนใจขึ้นแท็กซี่ที่ผ่านมาพอดีแล้วออกจากร้านไปเลย

'คิดว่ากลัวรึไงวะอย่าให้ถึงที่กูบ้างละกันโว๊ยยยย'

...
...

"ก๊ากกกกกกกก" เสียงหัวเราะพร้อมใจกันดังขึ้นหลังจากได้ฟังเรื่องทั้งหมด

"เออหัวเราะให้พอเลยแม่ง" เลิฟว่าเสียงสะบัด

"ก็แม่งฮาจริงๆนิหว่า" นาวตอบแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาหัวเราะต่อ

วันนี้เลิฟกับเพื่อนนัดกันออกมากินข้าวเที่ยงหน้ามหา’ลัย หลังจากสั่งอาหารและหาที่นั่งกันได้แล้วเลิฟก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้เพื่อนฟัง ผลก็อย่างที่เห็นหัวเราะกันแบบโคตรมีความสุข

"จะหัวเราะอีกนานป่ะกูจะได้กลับก่อน" เลิฟว่าอย่างหงุดหงิด

“โถๆๆแค่นี้ทำงอนนะน้องเลิฟ” พีททำเสียงล้อๆใส่แล้วเอื้อมมือมาดึงแก้มเลิฟเล่น

“สัส” เลิฟปัดมือพีทออกจากหน้าแล้วทำแก้มพองลมกว่าเดิม

“จะไปแกล้งเขาเสือกโดนเขาแกล้งกลับสมควรหาเรื่องดีนัก” นาวจิกกัดเลิฟต่อทันที

“เออ!! เมื่อวานเป็นทีของมันอย่าให้ถึงทีกูละกัน”

“นี่มึงยังไม่เข็ด?”

    “เข็ดไรเมื่อวานกูแค่ประมาทเว้ย”

“เอาที่มึงสบายใจ” นาวกรอกตาขึ้นฟ้าเซ็งๆกับความรั้นของเลิฟ

“ว่าแต่ไอ้เอยหายไปไหนวะ” เลิฟถามเพราะตอนนี้เพื่อนในกลุ่มอยู่กันครบแต่ไม่รู้เอยหายไปไหน

“มันบอกติดธุระแล้วก็วิ่งไปเลย” กั้มเป็นคนตอบเพราะเรียนคณะเดียวกันกับเอย

ตอนที่กำลังเดินมาหาพวกเลิฟที่ร้านข้าวโทรศัพท์ของเอยก็ดังขึ้น หลังจากรับสายเอยก็มีท่าทางลุกลี้ลุกลนบอกว่ามีธุระ แล้วก็วิ่งหายไปทางหลังมหา’ลัย กั้มจะอ้าปากถามก็ไม่ทันแล้ว

“อ้อ” เลิฟพยักหน้ารับรู้แล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก

“ธุระเหรอ? กูละเบื่อกับพวกมึงจริงๆแต่ละคน” นาวจ้องหน้าเลิฟก่อนจะถอนหายใจแล้วส่ายหัวไปมา แถมทำหน้าเซ็งๆส่งให้ด้วย
คำพูดของนาวที่พูดขึ้นลอยๆ ทำเอาอีกสามคนที่เหลือทำหน้าเป็นหมางง โดยเฉพาะเลิฟที่อยู่ๆก็โดนพาดพิง แถมไม่รู้ด้วยว่าเรื่องอะไร

“ชอบกันดีนักเล่นกับไฟเนี่ย”

“อะไรของมึงเนี่ย” เลิฟถามกลับเพราะงงกับการพูดเป็นปริศนาของนาว เขารู้ว่าเพื่อนเป็นคนฉลาดแต่ช่วยพูดอะไรที่เข้าใจง่ายๆได้ไหม

“ไม่มีไรหรอกกูแค่เบลอๆแดกข้าวไป” นาวตัดบทเพราะไม่อยากตอบคำถาม นาวคิดว่าตัวเองพอจะเดาออกว่าเอยมีธุระอะไร เธอชอบไปเห็นอะไรหลายๆอย่างด้วยความบังเอิญตลอดแต่ไม่อยากพูดมาก เพราะถ้าเจ้าตัวไม่เล่า นาวเองก็ไม่ควรพูดจริงไหม

“เออๆไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก” เลิฟไม่เซ้าซี้ต่อเพราะรู้ว่านาวเป็นพวกปากหนัก อยากเล่าเดี๋ยวแม่งก็เล่าเองอ่ะ

“มาช่วยกูคิดดีกว่าว่าจะเอาคืนไอ้ปอยังไง” เลิฟเปลี่ยนเรื่องกลับมาที่เรื่องของปอ เพราะยังแค้นใจที่โดนแกล้งเมื่อคืนไม่หาย
นาวกับพีทมองหน้ากันแล้วพากันถอนหายใจไม่ออกความเห็น ขี้เกียจจะห้ามแล้วอยากทำอะไรให้มันทำ เอาที่สบายใจเลยเพื่อนพวกกูเลิกยุ่ง

“มึงก็ควรจะเลิกแกล้งเขาแบบปัญญาอ่อน” กั้มว่า

“งั้นมึงว่ากูควรทำไงอ่ะ”

“กูไม่รู้” กั้มว่าแค่นั้นแล้วก้มหน้าก้มตาตักข้าวกินต่อ เท่าที่เคยฟังจากไอ้พีทกับนาวเล่ามา ยังไงไอ้เลิฟก็เอาคืนพี่ปอไม่ได้หรอก ไม่รู้จะช่วยคิดไปทำไมเสียเวลา

เลิฟได้แต่นั่งหน้างอขัดใจที่เพื่อนไม่มีใครสนใจตัวเองสักคน มือก็ตักข้าวกินอย่างหงุดหงิดตาขวางพยายามส่งกระแสจิตไปที่เพื่อน แต่พวกมันก็นั่งกินข้าวเฉยแถมเปลี่ยนเรื่องคุยกันอีก

    ‘กูคิดของกูคนเดียวก็ได้ ไม่ง้อพวกมึงหรอก ชิส์’

...
...

“ทำไมนั่งหน้างอแบบนั้นละครับ อ่ะพี่เอานี้มาให้” โชนยื่นของในมือมาที่หน้าเลิฟแล้วส่งยิ้มอ่อนโยนให้ตามสไตล์

“ขอบคุณครับ” เลิฟรับของมาแล้วตักเข้าปาก พี่โชนเอาไอศครีมเชอร์เบทมะนาวของโปรดมาให้ นอกจากป๊อกกี้ก็มีไอศครีมนี่แหละที่ชอบ แต่ต้องเป็นรสนี้เท่านั้นนะรสอื่นก็ไม่กิน เลิฟเคยบอกโชนไปเมื่อนานมาแล้วแต่ไม่คิดว่าจะจำได้

“ฮ่าๆกินดีๆสิครับเห็นไหมเลอะปากเลย” โชนยิ้มขำแล้วเอานิ้วชี้ไปที่ปากตัวเองเพื่อบอกเลิฟว่าเลอะตรงไหน เลิฟเลยเอาลิ้นเลียไปรอบปาก

“มาๆพี่เช็ดให้ดีกว่าครับ” โชนยิ้มเอ็นดูกับท่าทางของเลิฟ แล้วก้มหน้าลงเอานิ้วโป้งเช็ดไอศครีมที่เลอะมุมปากของเลิฟออกเบาๆ

“ขอบคุณครับ” เลิฟพึมพำขอบคุณแล้วส่งยิ้มกว้างให้ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาตักไอศครีมเข้าปาก เขาแอบเขินพี่โชนหน่อยๆไม่รู้ว่าหน้าแดงด้วยรึเปล่า ไม่ได้คิดอะไรนะครับแต่แบบพี่โชนก้มลงมาซะใกล้ ทำเหมือนจะจูบเขาก็เขินอ่ะดิ

โชนมองเสี้ยวหน้าเลิฟที่ตั้งออกตั้งใจกินแล้วอมยิ้ม แอบเห็นแก้มน้องแดงนิดๆด้วยนะไม่รู้เป็นเพราะเขินเขารึเปล่า เมื่อกี้ตอนก้มลงไปเช็ดปากให้เกือบเผลอจูบน้องไปแล้ว ปากแดงๆนั่นมันน่าจูบชะมัดดีที่มีสติห้ามตัวเองไว้ทันไม่งั้นความพยายามตลอดของเขาคงสูญเปล่า

เขาพยายามจีบเลิฟมาจะสองเดือนแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่คนโดนจีบจะรู้ตัวสักที เพราะดูยังไงก็ไม่มีวี่แววว่าจะรู้ตัวเลย เขาเลยได้แค่ทำตัวเป็นพี่รหัสแสนดีให้น้องอยู่แบบนี้

วันนี้พวกรุ่นพี่ในคณะจัดงานเลี้ยงสายรหัสที่ร้านเหล้าหลังมหา’ลัย เลิฟเลยต้องกลับมาเหยียบจุดเกิดเหตุเมื่ออาทิตย์ที่แล้วอีกครั้ง เขาพยายามคิดจนหัวแทบแตกหาวิธีเอาคืนไอ้ปอแต่เป็นอาทิตย์แล้วก็ยังคิดไม่ออก แถมวันนี้สายรหัสไอ้ปอก็เลี้ยงกันที่ร้านนี้ด้วย อะไรจะไปบังเอิญขนาดนั้นครับ

แล้วความซวยยังไม่จบแค่นั้น เพราะพวกรุ่นพี่ดันตัดสินใจเลี้ยงรวมกันซะเลยบอกคนเยอะๆมันสนุกกว่า ส่วนไอ้ปอมันก็มาสภาพมหานั่นแหละคงเลิกเรียนแล้วมาเลย นั่งทำหน้าตากวนตีนไม่รับรู้อะไรเห็นแล้วหงุดหงิดชะมัด

“น้องเลิฟกินอะไรอีกไหม”

“ไม่แล้วครับ เลิฟไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยวมานะครับ”

“ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหมครับ”

“เลิฟไปคนเดียวได้ครับ” ส่งยิ้มให้นิดๆแล้วเดินออกมาเลย

ความจริงเลิฟไม่ได้มาเข้าห้องน้ำอย่างที่บอกโชน แต่เขาแค่รู้สึกเซ็งๆเลยเดินออกมาสูดอากาศนอกร้าน เดินไปเดินมาก็มาโผล่ที่ลานจอดรถหลังร้าน สายตาก็ไปสะดุดเข้ากับรถคันหนึ่งที่จอดอยู่ รู้สึกคุ้นๆตาเหมือนเคยเห็นที่ไหนบ่อยๆ

เลิฟตัดสินใจเดินไปที่รถคันนั้นก้มมองป้ายทะเบียนรถ ถึงว่าสิทำไมมันคุ้นๆรถไอ้ปอนี่เอง แล้วจู่ๆคำพูดของไอ้กั้มที่ร้านข้าวเมื่ออาทิตย์ที่แล้วก็ลอยเข้ามาในหัว

‘มึงก็ควรจะเลิกแกล้งเขาแบบปัญญาอ่อน’

“เลิกแกล้งแบบปัญญาอ่อนเหรอวะ” พึมพำกับตัวเองเบาๆแล้วก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา เขารู้วิธีที่จะเอาคืนไอ้ปอแล้วละ รับรองคราวนี้มันได้โกรธจนเส้นเลือดในสมองแตกแน่

...
...

นาวที่เห็นว่าเลิฟหายไปจากโต๊ะนานแล้ว และยังไม่เห็นว่าเดินกลับมาสักที ด้วยความเป็นห่วงเลยชวนพีทออกไปเดินตามหา เดินจนทั่วร้านก็มาเจอเลิฟก้มๆเงยๆทำอะไรไม่รู้อยู่กับรถคันนึง เพราะลานจอดรถค่อนข้างมืดทำให้นาวมองไม่ชัด

    “ทำอะไรอ่ะเลิฟ” นาวถามแล้วก็เดินตรงเข้าไปหาเลิฟ

    “กูเพ้นท์รถ” เลิฟเงยหน้าขึ้นมาแล้วส่งยิ้มกว้างให้

    “เฮ้ย!!!” พอเดินมาถึงที่รถทั้งนาวทั้งพีทก็ตะโกนขึ้นพร้อมกันเสียงดัง

“มึงทำอะไรเนี่ยแล้วนี่รถใคร” นาวละล่ำละลักถามปากสั่นเสียงสั่นไปหมด

พีทเองได้แต่เงียบไม่พูดอะไร สิ่งที่เขากับนาวเห็นทันทีที่เดินมาถึงคือสภาพรถเบนซ์ที่คิดว่าก่อนหน้านี้คงจะสวยน่าดู แต่ตอนนี้มันเละมีแต่รอยขูดขีดเป็นทางยาวเต็มไปหมด ไม่ต้องเดินดูให้เสียเวลาก็พอจะเดาออกว่าน่าจะเป็นรอยทั้งคัน พอมองไปที่มือของเลิฟก็เห็นว่ากำลังกำเหรียญไว้ในมือ หลักฐานชี้ชัดว่าฝีมือไอ้เลิฟแน่ๆ

“รถไอ้ปอ” เลิฟตอบชิลๆ

“ห๊า!!!!!!” ทั้งนาวทั้งพีทตะโกนประสานเสียงอีกครั้ง

“มึงเล่นบ้าอะไรวะ” พีทตะคอกถาม

“อยากตายรึไงวะมึงรู้ไหมพี่ปอเขาโคตรรักรถเลยนะมึง” พีทว่าต่อแต่เลิฟเอานิ้วแคะหูกวนประสาท มือข้างที่กำเหรียญไว้ก็ยัดใส่กระเป๋ากางเกงไม่สนใจ

“ทำไมมึงทำงี้วะ” นาวว่าขึ้นมาบ้าง

“ก็ไอ้กั้มมันบอกให้กูเลิกแกล้งแบบปัญญาอ่อนไงกูเลยจัดให้”

“มึงนี่แม่ง...” นาวจ้องหน้าเลิฟเคืองๆไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เลยตัดสินใจหันหลังเดินหนีกลับเข้าร้านไป

“รอบนี้มึงทำเกินไปว่ะของๆใครใครก็รัก มึงทำขนาดนี้ระวังตัวไว้หน่อยก็ดีนะ” พีทเตือนเลิฟแล้วก็เดินตามนาวเข้าไป ทิ้งให้เลิฟยืนอยู่ตรงนั้นคนเดียว

เลิฟเดินคอตกทำหน้าหงอยเข้ามาในร้าน  ไม่กล้าเดินเข้าไปหาเพื่อนที่นั่งอยู่อีกโต๊ะเลยแยกมานั่งคนเดียว เขารู้แหละว่าเพื่อนโกรธแต่ทำไมต้องโกรธขนาดนั้นละ แค่กรีดรถเองนะไม่ได้ไปฆ่าไอ้ปอสักหน่อย ถ้ามันโวยวายก็แค่จ่ายค่าซ่อมให้ อีกอย่างมันไม่กล้าทำอะไรเขาหรอกก็เขารู้ความลับของมันนี่นา

“เฮ้ออออออ” เลิฟถอนหายใจหนักๆจะเดินเข้าไปขอโทษก็ไม่กล้า

‘จะกลับหอยังไงละที่นี้ สงสัยต้องโบกแท็กซี่’ เลิฟคิดอย่างหงอยๆแล้วนั่งถอนหายใจอีกครั้ง

“เป็นอะไรครับน้องเลิฟ” โชนสังเกตุเห็นเลิฟนั่งถอนหายใจมาสักพักเลยเดินเข้ามาถาม

“ไม่มีอะไรครับเลิฟแค่คิดว่าจะกลับบ้านยังไง”

    “อ้าวทำไมไม่กลับกับเพื่อนละ”

“ทะเลาะกันนิดหน่อยอ่ะครับ” เลิฟส่งยิ้มแหยๆให้โชนจริงๆมันก็ไม่นิดหน่อยหรอก

“งั้นถ้าไม่รังเกียจเดี๋ยวพี่ไปส่งไหม”

“เลิฟไม่อยากรบกวน”

“พี่เต็มใจครับ” โชนว่าแล้วส่งยิ้มอ่อนโยนให้

    “งั้นขอบคุณครับ” เลิฟยกมือไหว้ขอบคุณ โชนเลยยกมือขึ้นขยี้หัวอย่างเอ็นดู

...
...

ปอบอกลาพวกรุ่นพี่แล้วเดินมาลานจอดรถ เขาขอตัวกลับบ้านก่อนเพราะรู้สึกเซ็งๆอยากกลับไปนอน ตอนเดินออกมาเห็นไอ้แสบนั่งหน้าหงอยๆ แอบแปลกใจนิดนึงที่ไม่เห็นมันเดินเข้ามาแกล้ง แต่ก็ดีแล้วเพราะเขาไม่มีอารมณ์จะทะเลาะกับมันเหมือนกัน

พอเดินมาถึงรถปอก็ต้องตะลึงเพราะสภาพรถของเขาเรียกได้เลยว่าโคตรเละ มีแต่รอยขีดเต็มไปหมดทั้งคัน ใครวะแม่งทำ ปอกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดขึ้น รู้สึกโกรธจนอยากกระทืบคนให้ตาย เขาเป็นคนรักรถมากดูแลรถดีสุดๆเพื่อนทุกคนในกลุ่มรู้ดี

อีกอย่างรถคันนี้ไม่ใช่ของเขาแต่เป็นของไอ้ปิง พ่อซื้อให้มันในวันเกิดมันเลยค่อนข้างรักรถคันนี้พอสมควร ถ้าแม่งรู้ว่ารถเป็นสภาพนี้เขาไม่รู้ว่ามันจะว่ายังไง ไม่ใช่ว่ากลัวแต่ไม่อยากทะเลาะกับมัน

‘อย่าให้จับได้นะว่าใครไม่ตายคาตีนกูอย่าเรียกกูว่าไอ้ปอเลยมึง’ ปอคิดในใจอย่างโมโห

ปอรู้สึกหงุดหงิดเพราะคิดไม่ออกว่าใครเป็นคนทำ แล้วเขาก็นึกถึงหน้าไอ้เลิฟขึ้นมา มีอยู่ช่วงนึงที่มันหายไปจากโต๊ะนานผิดปกติ แต่เขาไม่ได้ใส่ใจอะไร

‘หรือว่าจะเป็นฝีมือมัน ถึงมันจะแสบแค่ไหนแต่มันไม่น่าจะกล้าทำขนาดนี้ แต่มันก็ไม่แน่เหมือนกัน’

ปอพยายามข่มความโกรธแล้วหายใจเข้าหนักๆ ไม่อยากใส่ร้ายใครทั้งๆที่ไม่มีหลักฐาน ถึงในใจลึกๆจะมั่นใจว่าเป็นไอ้เลิฟก็เถอะ แต่อย่างที่บอกเขาไม่อยากใส่ร้ายใคร ถ้าเป็นมันจริงสาบานว่าเขาจะทำให้มันจำใส่สมองเลยว่าอย่าลองดี

ปอตัดสินใจเดินไปหาพนักงานร้านแล้วเล่าเรื่องรถให้ฟังเพื่อขอดูกล้องวงจรปิด ร้านเหล้าที่นี้เป็นร้านอาหารในตัวค่อนข้างใหญ่ น่าจะติดกล้องวงจรปิดไว้บ้าง

ภาพที่ปอเห็นในกล้องวงจรปิดคือเลิฟที่กำลังยืนกรีดรถเขาอยู่ เขาไม่รู้ว่าตัวเองโกรธขนาดไหนและทำหน้าแบบไหนอยู่  รู้แค่ว่าพนักงานมองหน้าเขาด้วยสีหน้าหวาดๆถามว่าจะให้แจ้งตำรวจให้ไหม แต่เขาไม่ตอบเดินออกจากห้องไปเลย วันนี้เขาต้องลากตัวไอ้เลิฟมาสั่งสอนให้ได้

ระหว่างทางปอก็เห็นเลิฟยืนอยู่ตรงทางเดินพอดี เหมือนว่ามันจะยืนรอใคร แต่เขาไม่สนเดินไปกระชากแขนมันแรงๆ

“เฮ้ย!!! อะไรวะ” เลิฟถึงกับเซเพราะอยู่ดีๆก็โดนกระชากแบบไม่ทันตั้งตัว

เลิฟหันหน้าไปมองกะว่าจะด่าคนดึงเต็มที่ แต่แล้วก็ต้องหุบปากเพราะหันไปเจอปอยืนทำหน้านิ่งๆกำแขนเขาไว้แน่นจนรู้สึกเจ็บไปหมด มันไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรเลยแววตาก็นิ่งสนิท แต่ไม่รู้ทำไมเลิฟถึงรู้สึกกลัวปอแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

ปอไม่พูดอะไรแต่ลากเลิฟให้เดินตามมาที่ลานจอดรถ เลิฟดิ้นไปมาพยายามสะบัดแขนให้หลุดจากมือปอ แต่ไม่ว่ายังไงก็สะบัดไม่หลุดสักทีมือหรือคีมวะ

“ปล่อยกูไอ้เหี้ย กูเจ็บ” เลิฟโวยวาย ปอหันกลับมามองนิดๆแต่ไม่พูดเหมือนเดิม ตั้งหน้าตั้งตาลากต่อไป รู้แหละว่ามันเจ็บเพราะข้อมือมันแดงไปหมด ก็แล้วยังไงละวะก็กูจงใจให้แม่งเจ็บ

พอถึงรถปอก็เปิดประตูฝั่งคนขับแล้วผลักเลิฟเข้าไปข้างใน เลิฟมองหน้าปอหวาดๆไม่ยอมขยับไปนั่งอีกฝั่งเพราะไม่รู้ว่าปอจะพาไปไหน ถึงไอ้ปอจะไม่พูดไม่แสดงสีหน้าอะไร แต่เขารู้ว่ามันโกรธมากเพราะแรงที่มันใช้กระชากเขาไม่ใช่น้อยเลย เจ็บร้าวไปทั้งแขนอ่ะ

ปอเห็นเลิฟไม่ยอมขยับไปอีกฝั่งก็ทำท่าจะนั่งทับ เลิฟเห็นแบบนั้นเลยจำใจขยับเข้าไปข้างใน พอนั่งได้แล้วปอก็สตาร์ทเครื่องแล้วกระชากตัวรถออกจากร้านไปด้วยความเร็วทันที

2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 8 (27/01/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 27-01-2016 22:30:55
กับดักที่
- 8 -



   ทันทีที่รถจอดนิ่งสนิทและได้ยินเสียงปลดล็อครถ เลิฟก็กระชากประตูรถเปิดออกแล้ววิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต เขาไม่รู้หรอกว่าปอพาเขามาที่คอนโดนี่ทำไมรู้แค่ว่าต้องหนีแค่นั้น สัญชาตญาณในตัวมันร่ำร้องบอกว่าเขาจะไม่ปลอดภัย วิ่งหนีไปไหนไม่รู้ล่ะขอให้หนีพ้นจากไอ้ปอก่อนก็เป็นพอ

                ปอมองตามเลิฟที่เปิดประตูวิ่งหนีไปอย่างหัวเสีย เขาได้แต่สบถในลำคออย่างหงุดหงิด รีบเปิดประตูรถแล้ววิ่งตามเลิฟออกไปก่อนที่เลิฟจะวิ่งไปถึงทางเข้าคอนโดตรงลานจอดรถ

                “มึงจะหนีไปไหนวะห๊ะ!!!!” ปอกระชากแขนเลิฟเข้าหาตัวแล้วตะคอกเสียงดัง

               “ไอ้เหี้ยปล่อยกู” เลิฟแทบจะลืมหายใจที่เห็นปอตามมาได้เร็วขนาดนี้ พยายามดิ้นให้หลุดจากมือปอ

                “จะดิ้นทำไมวะ”

                “ไม่ให้กูดิ้นมึงก็ปล่อยกูดิ”

                “กูบอกให้หยุดดิ้น แล้วเดินดีๆเป็นไหมห๊ะ!!!!” ปอตะคอกใส่เสียงดังเพราะเริ่มเหนื่อยที่ต้องลากเลิฟให้เดิน ทั้งๆที่เจ้าตัวยังดิ้นไปมาแบบนี้

                “กูไม่หยุด!!!!” เลิฟเองก็ตะเบ็งเสียงใส่ไม่ยอมแพ้ เอาสิสู้แรงมึงไม่ได้แต่เรื่องแหกปากกูไม่ยอมเว้ย!

                ปอหยุดเดินแล้วยืนจ้องตากับเลิฟ ที่กำลังมองมาอย่างท้าทายไม่ยอมแพ้ แต่เขาก็แอบเห็นนะว่าไอ้ลูกตากลมโตคู่นั้นมันฉายแววหวั่นๆออกมา แต่เจ้าตัวพยายามซ่อนมันเอาไว้

               ‘กลัวจะตายห่าแล้วยังทำเป็นปากดี’

                “ปล่อยกู” เลิฟเริ่มออกแรงดิ้นอีกครั้งหลังจากเห็นปอยืนนิ่ง เหนื่อยนะไม่ใช่ไม่เหนื่อยแต่ใครจะยอมโดนลากไปแบบนี้ล่ะ ไม่รู้ว่าไอ้ปอจะลากเขาไปทำอะไรบ้าง เกิดมันโมโหจนฆ่าเขาหมกโถส้วมในคอนโด เขาจะทำยังไงละ

                ปอยืนมองเลิฟที่พยายามจะดิ้นให้หลุดแล้วส่ายหัว ตามมาด้วยการถอนหายใจเบาๆ จากนั้นเขาเลยตัดสินใจอุ้มเลิฟขึ้นพาดบ่าแล้วแบกเดินตรงเข้าไปข้างในคอนโด ขืนลากกันอยู่แบบนี้ชาตินี้ก็คงไม่ถึงห้องสักที

               “ปล่อยกู ใครก็ได้ช่วยด้วย!!!!” เลิฟแหกปากเสียงดังร้องหาคนช่วย ทั้งดิ้นทั้งทุบปอไปด้วย แต่ให้ตายคอนโดนี้มันคอนโดร้างรึไงวะถึงไม่มีคนเลยเนี่ย ตัวเขาเองเริ่มจะรู้สึกเวียนหัวนิดๆเพราะอยู่ในสภาพหัวทิ่มลงพื้น แถมไอ้ปอเหมือนจงใจแกล้งเพราะมันเดินแรงๆจนตัวเขามันแกว่งไปมา

                แกร๊ก!!!!!!!!!

                เสียงประตูห้องเปิดออกก่อนปอจะพาตัวเองเข้าไปในห้อง ใช้เท้าถีบประตูปิดแล้วจัดการล็อคเรียบร้อย ไอ้เลิฟแหกปากโวยวายเสียงดังลั่นตลอดทางให้คนช่วย คงจะมีคนมาช่วยมันอยู่หรอกก็ทั้งชั้นนี้มีห้องแค่ 4 ห้อง คือของพวกเขาสี่คนพี่น้อง แถมวันนี้คืนวันศุกร์น้องปรางกลับไปนอนบ้านใหญ่ ไอ้ปิงไปกกเมีย ไอ้ป้องอยู่เมืองนอก แหกปากจนคอแตกก็ไม่มีใครมาช่วยมันหรอก

            พรึบ!!!!!!!!!

                แสงไฟในห้องสว่างขึ้นจนเห็นทุกอย่างภายในได้ชัด เลิฟกระพริบตาสองสามทีเพื่อปรับสายตาให้ชินกับแสง แต่ก็ยังมองอะไรไม่ค่อยถนัดเพราะตัวยังพาดอยู่บนบ่าของปอ ภาพที่เห็นมันเลยกลับด้านไปหมด

                ตุ๊บ!!!!!!!!!!!!!!!

                “โอ๊ย!!!!!!!!”

                เสียงบางอย่างดังกระทบพื้นพร้อมๆกับเสียงแหกปากด้วยความเจ็บดังขึ้น ปอพึ่งเหวียงคนตัวเล็กลงพื้นไปเมื่อกี้เองแหละ ใช่...ได้ยินไม่ผิดหรอกเขาเหวี่ยงไอ้เลิฟลงพื้น  นี่คงไม่คิดว่าเขาจะลากมันมาเพื่อจะมานั่งจิบชาคุยกัน แล้วอุ้มมันวางลงพื้นดีๆใช่ไหมตลกเหอะ ไม่กระทืบมันซ้ำทันทีนี่นับว่าปราณีนะครับ

             “กูเจ็บนะไอ้เหี้ย” เลิฟลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเลเงยหน้าจะด่าปอต่อ แต่พอเห็นสายตาที่ปอมองมาก็รีบหุบปากเงียบไม่พูดอะไรต่อ

                “มึงกรีดรถกูทำไม”

                “มึงพูดอะไรกูไม่รู้เรื่อง” เลิฟก้มหน้าไม่ยอมสบตาปอ ทำไมมันรู้เร็วงี้วะ

                “มึงคิดว่ากูโง่รึไงวะ!!!!!” ปอตะคอกใส่เสียงดังจนเลิฟสะดุ้ง ขนาดนี้แล้วมันยังไม่ยอมรับอีก

                “ก็กูบอกว่ากูไม่รู้เรื่องไงวะ!!!” เลิฟตะคอกสวนกลับ ก็ถ้าเขาไม่ยอมรับซะอย่างไอ้ปอมันจะทำอะไรได้

                 ปอจ้องหน้าเลิฟด้วยแววตาดุดัน ก้าวเท้าเดินเข้าไปหาเลิฟอย่างรวดเร็ว เลิฟเห็นแบบนั้นก็ตกใจถอยหลังจนไปชนกลับพนังห้อง จะหันตัวหนีก็ไม่ทันเพราะปอเดินมาถึงตัวแล้ว

                 “มึงจะยอมรับไหม” ปอถามเสียงเย็น

                 “กูไม่รู้เรื่องกูไม่ได้ทำ” เลิฟส่ายหัวปฏิเสธท่าเดียว ทำให้เส้นความอดทนปอขาดลงทันที

                 ปึก!!!!!!!!!!!!!!

                 เสียงหมัดกระแทกกำแพงดังขึ้นข้างหูของเลิฟ เมื่อกี้ปอง้างมือแล้วชกลงมาเฉียดแก้มของเลิฟไปแค่นิดเดียว เลิฟได้แต่หลับตาปี๋ด้วยความกลัว เขากลัวจริงๆนะ ไม่เคยเห็นไอ้ปอโมโหขนาดนี้เลยสักครั้ง

                 “กูถามมึงอีกครั้งมึงจะยอมรับไหม” ปอถามเสียงนิ่งพยายามข่มอารมณ์ตัวเองเต็มที่

                 “ถ้ามึงทำอะไรกู กูจะฟ้องพ่อมึง” เลิฟพูดขึ้นมาด้วยเสียงสั่นๆแต่ตายังมองไปที่พื้น

                 “เกี่ยวอะไรกับพ่อกู” เป็นปอที่ถึงกับงง พูดเรื่องรถแล้วไปเกี่ยวกับพ่อเขาได้ไงวะ แล้วไอ้เลิฟมันไปรู้จักพ่อเขาตอนไหน

                 “กูได้ยินที่มึงคุยกับเพื่อนมึงนะพ่อมึงห้ามมึงมีเรื่อง ถ้ามึงทำอะไรกู กูบอกพ่อมึงแน่” เลิฟพึมพำเสียงแผ่วแต่ปอได้ยินชัดเจนทุกคำ

                 “นี่สินะเหตุผลที่มึงกล้ากวนส้นตีนกู” ปอถอนหายใจเบาๆอารมณ์โมโหเมื่อกี้ถึงกับดับสนิทพอได้ยินสิ่งที่เลิฟพูดออกมา ทำเอาเขาไม่กล้าทำอะไรต่อเลย คือถ้าทำไปแล้วแม่งคงเหมือนรังแกเด็กว่ะครับ

                 “กูขอถามมึงหน่อยที่มึงแกล้งกูมาตลอดนี่เพราะอะไร” ปอถามเลิฟที่เอาแต่ก้มหน้ามองพื้น สงสัยจริงๆพื้นแม่งมีเหี้ยอะไรวะมองจัง เขาเอาแขนสองข้างคร่อมตัวเลิฟไว้กันหนี ยืนรอฟังคำตอบอย่างใจเย็น คือกูเลิกโมโหมันแล้วครับแต่เหนื่อยใจแทน

                 “ก็มึงแกล้งกูก่อนชอบทำให้กูอาย” พึมพำตอบแต่โดยดีเพราะยังกลัวอยู่

                 “แค่นี้???” ปอถามกลับ เลิฟเลยพยักหน้าลงเบาๆ ทำเอาปออยากยกตีนก่ายหน้าผาก ที่เขาโดนมันแกล้งมาตลอดเพราะเรื่องแค่นี้เนี่ยนะ ปัญญาอ่อนฉิบหายเลยวะครับ ตกลงนี้กูทะเลาะกับเด็กมาเป็นเดือนๆ

                 “แต่ครั้งนี้มึงทำเกินไปมึงรู้ตัวไหม กูเกือบจะฆ่ามึงตายแล้วนะที่มึงกรีดรถกู”

                 “ก็กูบอกว่ากูไม่ได้ทำ” เลิฟยังคงเถียงไม่ยอมรับ ปอเลยได้แต่กรอกตาขึ้นข้างบน

                 “เออๆคุยกับมึงแล้วแม่งปวดหัว จะไปไหนก็ไปเลยก่อนที่กูจะบีบคอมึง” ปอผละออกจากเลิฟเล็กน้อยก่อนจะโบกมือไล่ วันนี้กูใจบุญครับอภัยให้กับเด็ก ส่วนเรื่องรถเดี๋ยวค่อยไปเคลียร์กับไอ้ปิงอีกที

                 “มึงไม่ทำอะไรกูแล้วใช่ป่ะ” เลิฟรีบเงยหน้าขึ้นมาถาม

                “เออ แต่อย่าให้มีอีกนะ” ปอชี้หน้าคาดโทษ เลิฟพยักหน้ารับแข็งขัน

                 “งั้นกูไปนะ”

                 “เออ!!!!” ปอว่าอย่างตัดรำคาญถอดแว่นตาออกและปลดเนคไทด์ลงเล็กน้อย กูก็บ้าใส่แม่งอยู่ได้ตั้งนาน กำลังจะหันหลังเดินหนีแต่มือเล็กๆของเลิฟดึงแขนเสื้อปอไว้ ทำให้ปอต้องหันกลับมามอง

                 “อะไร” ปอถามเลิฟที่ก้มหน้างุดอย่างหงุดหงิด อะไรของแม่งอีกวะ

“ขอโทษแล้วก็ขอบคุณ” เสียงพึมพำแผ่วเบาแต่ปอได้ยินโคตรชัด

เลิฟปล่อยมือจากแขนเสื้อปอแล้วรีบหันหลังจะเดินหนี ตอนนี้หน้าเขาร้อนไปหมดพนันได้เลยว่ามันต้องแดงมากแน่ๆ

พื้นฐานนิสัยของเลิฟจริงๆแล้วไม่ใช่คนนิสัยเสีย แต่เป็นเด็กกวนโอ๊ยขี้กลัวคนนึง ที่แกล้งปอเพราะเห็นว่าปอเงียบเลยได้ใจ เจอปอโกรธไปวันนี้เขาคงไม่กล้าแกล้งปอแล้วล่ะ แต่จะให้ญาติดีด้วยก็คงไม่ใช่มันยังเคืองอยู่นี่นา

“เดี๋ยว!!!” ปอดึงแขนเลิฟไว้รั้งให้หันหน้ามาหา เลิฟเลยเงยหน้ามองปออย่างหวั่นๆ

ปอที่กำลังจะพูดบางอย่างถึงกับต้องกลืนคำพูดลงคอเมื่อเห็นหน้าเลิฟที่หันมา ตากลมโตที่มีน้ำใสๆคลอกำลังมองเขาอย่างหวั่นๆเหมือนลูกแมวไม่มีผิด ไหนจะปากแดงๆที่ช้ำไปหมดคงเพราะเจ้าตัวกัดมันไว้ หน้าขาวๆที่แดงเป็นริ้วนั่นอีก ตายห่าแล้วครับทำไมกูใจเต้นวะ

“อะ..อะไร” เสียงหวานสั่นๆถามออกมาอย่างระแวง

“กูว่าเรื่องรถมึงต้องชดใช้”

“ชดใช้อะไรก็มึงบอกไม่เอาเรื่องไง” เลิฟเริ่มโวยวายมองหน้าปอที่จ้องอยู่ ตาไอ้ปอมันมีประกายแปลกๆยังไงไม่รู้อ่ะ

    จุ๊บ!!!!

    เลิฟตาโตยกมือขึ้นมาปิดปาก มองหน้าปอที่แววตาประกายวิบวับงงๆ

“จูบไมอ่ะ”

“ไม่รู้” กระซิบแผ่วเบาชิดหลังมือของเลิฟที่ยกขึ้นปิดปาก

ปอดึงมือของเลิฟออกแล้วโน้มตัวลง ริมฝีปากสัมผัสกันแผ่วเบา ปอขบเม้มริมฝีปากของเลิฟไปมาอย่างหยอกเย้า เลิฟเองก็ได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกปล่อยให้ปอขบเม้มริมฝีปากอยู่อย่างนั้น

ปอผละริมฝีปากออกมาสบตากับเลิฟที่ยืนตัวแข็งทำตาโตมองมาที่เขาอย่างไม่เข้าใจ ปอกระตุกยิ้มบางๆก่อนจะก้มลงประกบริมฝีปากอีกครั้ง กัดปากบางนิดๆให้อ้าออกก่อนจะสอดลิ้นเข้าไปข้างใน เรียวลิ้นร้อนค่อยๆลุกล้ำไล่ต้อนลิ้นเล็กจนเกี่ยวกระหวัดกันเสียงดัง ปอจูบดูดดึงอยู่อย่างนั้นจนเลิฟที่ยืนอยู่ถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงในอ้อมแขน

“แฮ่กๆๆๆ” เลิฟหายใจหอบเหนื่อยพยายามสูดอากาศเข้าปอด ตอนนี้เขางงๆเบลอๆไปหมด

“ไปต่อในห้อง” ปอกระซิบเสียงแหบพร่า ก่อนจะช้อนตัวเลิฟขึ้นแล้วเดินไปทางห้องนอน

ทุกอย่างมันผิดแผนไปหมด เขาไม่ได้ตั้งใจจะพาไอ้เลิฟมาทำอะไรแบบนี้ แค่จะลากมันมาสั่งสอนให้กลัวแล้วจะปล่อยกลับ ถ้าจะมีใครสักคนที่ผิด ก็ผิดที่มันนั่นแหละที่มาทำหน้าแบบนั้นใส่เขา แล้วคนอย่างเขาถ้าได้จุดติดแล้วไม่มีทางดับง่ายๆหรอก

ตุ๊บ!!!!!!!

ปอโยนร่างเล็กลงบนที่นอนก่อนจะหันไปล็อกประตู เลิฟยันตัวเองลุกขึ้นนั่งสบตาปอที่ดูร้อนแรงแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน มันทำให้เลิฟเริ่มรู้สึกกลัว เขาไม่เคยเจอโหมดนี้ของไอ้ปอ แล้วเขารู้สึกว่าตัวเองไม่ปลอดภัย

             “กูว่ากูกลับดีกว่า” บอกออกไปเสียงสั่น เดินลงจากเตียงผ่านหน้าปอที่ยืนอยู่ปลายเตียงเร็วๆ เอื้อมมือออกไปเตรียมจะบิดลูกบิดเปิดประตู แต่มือของปอที่อยู่ด้านหลังคว้าหมับเข้าให้

             “พรุ่งนี้เช้าค่อยกลับ” ปอกระซิบเสียงแผ่วที่ข้างหูมืออีกข้างก็โอบรอบเอวบางไว้แน่น ริมฝีปากขบกัดที่ใบหูเบาๆส่งลิ้นเลียที่หูอย่างหยอกเย้า ทำเอาหน้าของเลิฟเห่อร้อนขึ้นอีกครั้ง

             ปอก้มลงมองเลิฟนิดๆก่อนจะตัดสินใจเหวี่ยงคนตัวเล็กลงที่นอน แล้วตามมาคร่อมทับจับแขนสองข้างตรึงไว้แน่น

             “มะ...มึงจะทำอะไร” ปอไม่ตอบคำถามของเลิฟแต่โน้มตัวลงซุกไซร้ที่ซอกคอ ดูดเม้มจนเกิดรอยแดง เลิฟเองพอจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง เลยพยายามดิ้นรนเอาตัวรอด

             “อย่าดิ้นดิวะ” ปอว่าอย่างหงุดหงิดก่อนจะถอดเนคไทด์ออกมามัดแขนเลิฟขึงกับหัวเตียง ใช้ขาทั้งสองข้างนั่งทับขาของเลิฟไว้ไม่ให้ดิ้น จัดการถอดเสื้อตัวเองออกช้าๆไม่รีบร้อนจนท่อนบนเปลือยเปล่า จากนั้นก็ลงมาดึงเสื้อยืดของเลิฟออกจากตัวไปกองไว้ที่แขน

ปอถึงกับลมหายใจติดขัดเมื่อเห็นร่างเปลือยเปล่าของเลิฟ มันขาวมากแถมตอนนี้แดงนิดๆเพราะความอาย จุกนมสองข้างเป็นสีชมพูสวย วิบัติแล้วชีวิตกูมาเกิดอารมณ์กับผู้ชายเนี่ย

ปอไม่รอช้าก้มลงใช้ลิ้นไล่เลียจุกนมสองข้างอย่างหื่นกระหาย ลากไล้ริมฝีปากไปทั่วแผ่นอกบาง ขบเม้มจนเกิดรอยแดงไปทุกที่ที่สัมผัสแล้วเงยหน้าขึ้นมองเลิฟนิดๆ

ตอนนี้เลิฟหายใจเหนื่อยหอบใบหน้าแดงกร่ำไปหมดเพราะความเสียวซ่าน เขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้กับใครนี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกแบบนี้ในชีวิต

“อย่าทำเลิฟนะปล่อยเลิฟไปเถอะ” เลิฟเผลออ้อนปอเสียงหวานโดยไม่รู้ตัวเพราะอยากให้ปอปล่อย แต่มันได้ผลตรงกันข้ามเพราะปอดันเกิดอารมณ์รุนแรงยิ่งกว่าเมื่อกี้ซะอีก

‘ทำเสียงแบบนี้ใส่มึงคิดว่าจะรอดเหรอวะ’

ปอจัดการถอดกางเกงของเลิฟออกโยนทิ้งไปอย่างไม่ใส่ใจ มองไปที่แก่นกายขนาดพอเหมาะที่ขยายขนาดขึ้นยิ้มๆ ก่อนจะหันมาถอดกางเกงของตัวเองออกบ้าง ทันทีทีหลุดจากพันธนาการแก่นกายขนาดใหญ่ก็ดีดผึงขึ้นในสภาพพร้อมรบ

    ปอเดินไปที่หัวเตียงแล้วหยิบถุงยางอนามัยมาสวมช้าๆไม่เร่งรีบ เลิฟที่เห็นการกระทำนั้นทั้งหมดก็กระทดตัวหนีเริ่มดิ้นอีกครั้ง แต่ปอไม่สนใจเดินมาคร่อมร่างเลิฟแล้วจับไว้ไม่ให้ดิ้น

“กูไม่เคยทำกับผู้ชายแต่คงไม่ยาก ถ้านี้เป็นครั้งแรกของมึงก็ทนเจ็บหน่อยละกัน” ว่าแค่นั้นปอก็จับขาสองข้างของเลิฟออกกว้าง ก่อนจะสอดแก่นกายไปที่ช่องทางด้านหลังของเลิฟโดยที่ไม่มีตัวช่วยอะไรเลย

“โอ๊ยยยยย เจ็บ...เอาออกไป” เลิฟกรีดร้องเสียงดังน้ำตาไหลพราก พยายามดิ้นหนีแต่ก็ดิ้นไปไหนไม่ได้เพราะปอจับไว้แน่น เขาเจ็บเหมือนตัวจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

“เหี้ย” ปอสบถหัวเสีย เขาพึ่งเข้าไปได้แค่ส่วนหัวเท่านั้นไม่สามารถเข้าไปได้อีก เพราะช่องทางของเลิฟบีบรัดเขาจนปวดหนึบไปหมด

“อย่าเกร็งสิวะ”

“ไม่เอา เอาออกไป เลิฟเจ็บ” เลิฟไม่สนใจฟังที่ปอพูดนอนส่ายหัวไปมาบนที่นอนร้องไห้งอแงไม่หยุด

ปอเลยก้มลงประกบปากส่งลิ้นเข้าไปหยอกล้ออย่างปลอบโยน มือข้างนึงเอื้อมไปปลดเนคไทด์ออก อีกข้างสะกิดยอดอกของเลิฟเพื่อให้ผ่อนคลาย มือข้างที่ปลดเนคไทด์เสร็จก็เลื่อนไปขยับแก่นกายให้เลิฟ เมื่อได้รับความอ่อนโยนเลิฟก็เผลอลืมความเจ็บไปชั่วขณะ จนผ่อนคลายลงอย่างไม่รู้ตัวและเป็นการส่งสัญญาณให้ปอรู้ เขาเลยตัดสินใจแทงเข้าไปด้านในทีเดียวจนมิดด้าม

“อ๊าาาาาา”

เลิฟถึงกับสะดุ้งเพราะไม่ทันตั้งตัวช่วงล่างตอนนี้เจ็บไปหมด น้ำตาที่หยุดไหลกลับมาไหลอีกครั้ง เลิฟใช้มือที่โดนปล่อยแล้วทุบตีไปที่ร่างปออย่างแรง ทั้งข่วนทั้งหยิกเพื่อให้ปอปล่อยแต่ปอนอนแช่นิ่งๆไม่สะทกสะท้าน เหงื่อไหลออกตามขมับเพราะความปวดหนึบ แต่ต้องรอเพื่อให้เลิฟปรับตัวจนสักพักปอก็เริ่มขยับ ดึงตัวเองออกมาจนเกือบสุดและแทงกลับเข้าไปจนมิด

“อ๊ะ...เจ็บ..ฮึก” เลิฟร้องสะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร มือที่ทุบตีปอเปลี่ยนเป็นพยายามดันปอออก น้ำตาไหลออกทางหางตาไม่ขาดสาย

“ชู่ว์...เดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว” ปอก้มลงบอกเสียงอ่อนโยน ไม่รู้ทำไมถึงทำแบบนั้นแต่เห็นร้องไห้แล้วสงสาร จะให้ปล่อยไปตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วเพราะเขาเองก็กำลังจะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน

ปอเห็นเลิฟร้องไห้ไม่หยุดเขาเลยก้มลงจูบปากเลิฟอย่างนุ่มนวล มือข้างที่จับแก่นกายของเลิฟไว้ก็เร่งขยับเร็วขึ้น ด้านล่างที่เชื่อมต่อกันอยู่ปอก็ขยับเข้าออกเบาๆเพื่อให้เลิฟคุ้นชิน จนร่างบางกระตุกเล็กน้อยปลดปล่อยของเหลวสีขาวขุ่นเต็มมือปอ ปอมองหน้าเลิฟที่ตอนนี้แดงกร่ำเพราะความเขินอายแล้วยิ้มนิดๆ

เลิฟพอเห็นสายตาวิบวับของปอก็เขินจนต้องหันหน้าหนี ไหนจะปลดปล่อยคามือของปออีก อยากเอาหน้ามุดที่นอนหนีที่สุด ช่วงล่างตอนนี้ก็ไม่เจ็บเหมือนทีแรกแล้วด้วย ยิ่งไอ้ปอขยับเนิบนาบแบบนี้เขายิ่งรู้สึกแปลกๆ มันเหมือนต้องการอะไรมากกว่านั้น

    “ไม่เจ็บแล้วใช่ไหม” ปอถามเสียงพร่าเลิฟเลยพยักหน้าให้เขินๆ

เมื่อได้รับการยืนยันจากคนตัวเล็กด้านล่าง ปอก็ไม่รอช้าจับขาคนตัวเล็กขึ้นพาดบ่า ดึงตัวเองออกแล้วกระแทกกลับเข้าไปแรงๆ จากช้าๆก็เร็วขึ้นจนเตียงนอนสั่นกระแทกผนังห้องดังลั่น

“อ๊ะ....อื้อ...เบาๆ” เสียงครางของเลิฟดังคลอไม่คาดสายใบหน้าแดงกร่ำตัวก็แดงอมชมพูไปหมด ยิ่งทำให้ปอมีอารมณ์เร่งจังหวะมากขึ้น มือสองข้างของเลิฟยกขึ้นโอบกอดปอ จิกเล็บลงแผ่นหลังเพื่อระบายอารมณ์ ก่อนร่างจะกระตุกนิดๆปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง

ช่องทางด้านหลังของเลิฟบีบรัดแก่นกายของปอถี่ๆ จนปอเพิ่มจังหวะขยับกระแทกเพราะตัวเองใกล้จะปลดปล่อยเต็มที ก่อนจะขยับเน้นๆอีกสองสามครั้งแล้วปลดปล่อยออกมาเต็มถุงยาง พร้อมกับเลิฟที่ปลดปล่อยเป็นครั้งที่สาม

“อ่าาาาาาา”

“อื้ออออออ”

ปอหอบหายใจแรงๆลุกขึ้นถอดถุงยางทิ้งไปที่พื้นห้อง มองเลิฟที่นอนหอบระทวยตัวแดงกร่ำอยู่บนเตียงด้วยแววตาหื่นๆ เลิฟที่สบสายตานั้นพอดีได้แต่กระถดตัวหนีอย่างหวั่นๆ

“จะไปไหน” ปอที่ตามขึ้นมาดึงขาเลิฟให้เข้ามาอยู่ข้างล่าง แล้วก้มลงซุกไซ้ที่ซอกคอขาวอีกครั้ง

“พอแล้วไม่เอาแล้ว” เลิฟดันปอออกแล้วพลิกตัวคลานหนี

“ท่านี้ก็ดีเหมือนกัน” ปอว่าแค่นั้นแล้วตามไปตะครุบเลิฟไว้ ก่อนจะแทรกแก่นกายเข้าไปในตัวเลิฟจากทางด้านหลัง เลิฟได้แต่สะดุ้งเฮือกเพราะความเจ็บมือกำผ้าปูที่นอนแน่นระบายอารมณ์ ปอเริ่มขยับเข้าออกช้าๆอีกครั้ง

“อ้าขาออกอีกนิด” สั่งเสียงพร่าแล้วดูดเม้มแผ่นหลังของเลิฟแรงๆ เลิฟเองก็อ้าขาออกทำตามอย่างว่าง่าย จากนั้นปอก็บรรเลงเพลงรักเรียกร้องตักตวงจากคนตัวเล็กอย่างเอาแต่ใจ และไม่รู่ว่าจะสิ้นสุดลงตอนไหนเพราะราตรีนี้ยังอีกยาว

2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 9 (27/01/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 27-01-2016 22:32:20
กับดักที่
- 9 -



   แสงแดดสาดส่องผ่านผ้าม่านเข้ามาทำให้เลิฟที่นอนอยู่ขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะกระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับสายตาหูได้ยินเสียงน้ำดังกระทบพื้นแว่วๆไม่ไกล เลิฟค่อยๆพยุงตัวเองขึ้นนั่งพิงหัวเตียง สายตากวาดมองไปทั่วห้อง ไม่เห็นปออยู่ในห้องแสดงว่าคงอยู่ในห้องน้ำ

ร่างกายเจ็บร้าวไปหมดโดยเฉพาะช่วงล่าง ขยับทีเหมือนตัวจะหลุดออกจากกันลำคอแห้งผากไปหมด ความปวดเมื่อยทางร่างกายที่แสดงออกทำให้เขาขยับตัวไม่ได้อย่างที่คิด เลยต้องนั่งอยู่เฉยๆนิ่งๆอยู่แบบนั้น

               “ไม่ใช่ฝันสินะ” พึมพำเสียงแผ่วแล้วก็หน้าแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

               ความทรงจำค่อยๆย้อนกลับมาย้ำเตือน อยากจะคิดว่าฝันไป แต่อาการปวดตัวรวมทั้งความเจ็บที่ด้านหลัง มันตอกย้ำว่าไม่ใช่ความฝัน เมื่อคืนเขามีอะไรกับไอ้ปอไปแล้วแบบไม่ตั้งใจ จากที่คิดว่าโดนลากมาฆ่ากลับโดนลากมาเสียจิ้นซะได้ สายตาเหลือบมองที่นาฬิกาบนพนังตอนนี้พึ่งจะสิบโมง ถึงว่าสิทำไมเขายังรู้สึกง่วงๆเมื่อคืนได้นอนกี่โมงก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าก่อนที่จะหลับไปไอ้ปอมันยังขยับอยู่บนตัวเขาอยู่เลย

คิดมาถึงตรงนี้หน้าของเลิฟก็เห่อร้อนขึ้นอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้ ไอ้ปอมันโรคจิตเอาแต่ใจบอกว่าพอก็ไม่ยอมหยุด ว่าแล้วก็หันไปมองประตูห้องน้ำอย่างเคืองๆ อยากจะลุกขึ้นไปบีบคอมันชะมัด แต่ว่าร่างกายตอนนี้มันไม่เอื้ออำนวยเลยสักนิด อีกอย่างเขาเองก็ไม่พร้อมจะเจอหน้าไอ้ปอตอนนี้ด้วย

คิดได้แบบนั้นเลิฟเลยตัดสินใจก้าวขาลงจากเตียง ทันทีที่สัมผัสพื้นขาเขาถึงกับสั่นไม่มีแรงและทรุดฮวบลงไปกองข้างล่าง

“โอ๊ยยยยยย” เอามือยกขึ้นปิดปากแทบไม่ทัน เมื่อกี้ตอนที่ล้มลงสะโพกมันกระแทกพื้นอย่างแรง เจ็บจนเผลอแหกปากเสียงดัง
พอตั้งสติได้ก็หันไปมองรอบๆห้องอีกครั้ง แล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่เห็นไอ้ปอเดินออกมาจากห้องน้ำ เลิฟจับเตียงนอนและค่อยๆพยุงตัวเองขึ้น ก่อนจะเดินช้าๆตรงไปเก็บเสื้อผ้าของตัวเองที่กระจายเกลื่อนพื้น ทุกครั้งที่ก้าวขาเขาจะรู้สึกเจ็บเสียดที่ด้านหลังตลอด ความรู้สึกเหมือนมีอะไรมาเสียบคาไว้ข้างใน เนื้อตัวมันเหนียวเหนอะหนะไปหมด พอก้มลงไปมองก็เห็นน้ำสีขาวขุ่นไหลย้อนออกมาเปื้อนที่ขา

เลิฟก้มลงหยิบเสื้อที่พื้นขึ้นมาเช็ดคราบเปื้อนออกจากขาลวกๆ  น้ำใสๆคลอเบ้าก่อนจะไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เขาไม่ได้อยากจะร้องไห้ฟูมฟายเป็นผู้หญิงพึ่งเสียตัว แต่มันก็อดไม่ได้จะโทษใครก็ไม่ได้ถึงอยากจะโทษว่าปอข่มขืนเขา แต่เขารู้ดีว่ามันไม่ใช่ทีแรกเหมือนจะโดนบังคับก็จริง หลังๆเป็นเขาเองที่สมยอมทั้งนั้น

ที่ร้องไห้ไม่ใช่เสียใจแต่เจ็บใจตัวเองต่างหากที่ยอมง่ายๆจนเรื่องมันเลยเถิดไปแบบนี้ มีอะไรกับคนที่ตัวเองทะเลาะด้วยมาตลอดเขาจะกล้าสู้หน้าคนอื่นได้ยังไง โดยเฉพาะหน้าไอ้ปอมันต้องคิดว่าเขาแกล้งมันเพราะอยากอ่อยแน่ๆคิดแล้วอยากตาย ยิ่งคิดน้ำตาก็ยิ่งไหลเหมือนเขื่อนแตกมือยกขึ้นมาเช็ดออกแรงๆจนตาแดงช้ำไปหมด อีกมือก็ก้มลงเก็บเสื้อผ้าขึ้นมาอย่างทุลักทุเล

“ทำอะไร” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นด้านหลังทำเอาเลิฟสะดุ้งเฮือก ยืนตัวแข็งทื่อ

“แล้วนี่มึงเป็นอะไรร้องไห้ทำไม” ปอจับคนตัวเล็กให้หันมา ก็เห็นเลิฟร้องไห้น้ำตาไหลเต็มหน้าไปหมดตากลมโตแดงช้ำจนน่าสงสาร

เลิฟสบตาปอแววตาสั่นระริก ยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาออกลวกๆ พยายามข่มไม่ให้มันไหลออกมาอีก ริมฝีปากบางถูกเจ้าของกัดแน่นจนเลือดซิบเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น

“จะกลับบ้าน” บอกเสียงสั่นๆแผ่วเบา

“สภาพนี้?” ปอยกคิ้วขึ้นข้างนึงถามเสียงนิ่ง

ปอก้มลงมองเลิฟที่ยืนเปลือยตัวเปล่า ในสภาพดูอิดโรยยืนแทบไม่อยู่ จะล้มไม่ล้มแหล่ สองแขนเล็กๆกอดเสื้อผ้าตัวเองแนบอกแน่น เหมือนกลัวใครขโมย

เขาตื่นขึ้นมาในตอนสายๆเพราะแดดที่ส่องมาจากระเบียงมันแยงตาจนต้องตื่น หันไปมองข้างๆก็เห็นเลิฟนอนซุกตัวกอดแขนเขาแน่น เมื่อคืนกว่าเขาจะปล่อยให้คนตัวเล็กได้นอนก็รุ่งเช้าเข้าไปแล้ว แถมไอ้ตัวแสบสลบคาอกเขาไปในรอบสุดท้ายแล้วหลับแน่นิ่งไปเลย

ตอนแรกว่าจะปลุกพาไปอาบน้ำล้างตัว เพราะเมื่อคืนเขาปล่อยให้คนตัวเล็กนอนไปทั้งๆยังงั้น โดยที่แค่เช็ดทำความสะอาดภายนอกให้ แต่เห็นสภาพแล้วเขาก็ไม่อยากกวนเลยปล่อยให้นอนต่อ ตั้งใจว่าเดี๋ยวเขาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จบ่ายๆค่อยปลุกให้ตื่น
พอเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นแผ่นหลังขาวๆยืนโป๊ก้มๆเงยๆเก็บเสื้อผ้าอยู่ เดินเข้ามาใกล้ๆก็เห็นยืนร้องไห้น้ำตาไหลมองไปตามตัวนี่อย่าให้บอก ไอ้ผิวขาวๆมีแต่รอยแดงเป็นจ้ำที่เขาทำเมื่อคืนเต็มไปหมด เห็นแล้วน่าจับมาเอาให้ครางปากสั่นอีกรอบ แต่สงสารว่ะครับ

“อือ” เลิฟเงยหน้ามาตอบคำถามปอ ก่อนจะก้มหน้างุดมองพื้นอีกครั้ง เพราะตอนนี้ปออยู่ในสภาพที่มีแค่ผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวผืนเดียว

“งั้นมึงก็เดินไปลงไปโบกรถกลับบ้านที่หน้าคอนโดละกัน” ปอว่าไม่ใส่ใจหันหลังเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าหยิบกางเกงมาใส่ลวกๆไม่ใส่
เสื้อ มือข้างนึงก็เอาผ้าเช็ดตัวที่พันเอวเมื่อกี้ขึ้นมาเช็ดผม ก่อนจะเดินมาหยุดยืนที่หน้าเลิฟซึ่งตอนนี้กำลังทำหน้าเบ้ปากยื่น

“ไอ้เหี้ย” เลิฟจ้องหน้าปออย่างเคืองๆ

“แล้วนี่มึงยืนทำไมไม่กลับบ้านแล้วเหรอ”

“สัส” เลิฟไม่ตอบคำถามแถมยังด่าต่อ

“เอาไงมึงจะกลับไหมบ้านน่ะ”

“เรื่องของกู” เลิฟว่าเสียงสะบัดหันหลังให้ปออย่างหงุดหงิด ถึงจะไม่ได้พิศวาสอะไรกันแต่มันก็ได้เขาแล้ว มันควรจะมีน้ำใจถามอาการกันบ้างป่ะวะ อย่างน้อยเขาบอกจะกลับบ้านมันควรจะไปส่งไม่ใช่เหรอ แต่นี่นอกจากไม่ถามมันยังให้ไปโบกรถกลับเองอีก ไอ้ปอ ไอ้เหี้ย ไอ้เลว

“ไปอาบน้ำไป” ปอไล่เลิฟไปอาบน้ำเพราะเห็นคนตัวเล็กหันหลังให้ไม่ทำอะไรสักที อะไรของมันอยากกลับก็ให้กลับมาทำท่าไม่พอใจใส่

เลิฟยังคงยืนนิ่งไม่หือไม่อืออะไร เขารู้สึกน้อยใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ทีเมื่อคืนอยากได้ทำมาเป็นพูดจาดี แต่ตอนนี้มาไล่ให้กลับบ้าน

ปอยืนมองแผ่นหลังของเลิฟนิ่งแล้วถอนหายใจส่ายหัวหน่ายๆ ก่อนจะตัดสินใจอุ้มคนตรงหน้าขึ้นเดินตรงไปห้องน้ำ ไม่สนใจเสียงโวยวายของคนในอ้อมแขน

‘นี่มันแดกข้าวบ้างป่ะวะตัวเบาฉิบหาย’

“ปล่อยกูนะมึงจะพากูไปไหน” เลิฟแหกปากโวยวายเสียงดังลั่น แต่ไม่กล้าดิ้นมากเพราะยังรู้สึกเจ็บอยู่ ปล่อยให้ปอเดินอุ้มเข้ามาในห้องน้ำอย่างง่ายดาย

ปออุ้มเลิฟมาถึงในห้องน้ำวางลงใต้ฝักบัว ก่อนจะเปิดน้ำราดตัวแล้วจัดการอาบให้โดยที่ไม่พูดอะไร เพราะขี้เกียจจะเถียงด้วย อาบๆให้เลยจะได้เสร็จๆ

“ไม่ต้องกูอาบเอง” เลิฟพยายามปัดมือปอที่กำลังบีบสบู่มาถูตัวให้เขาออก แต่ปอไม่สนใจยังคงตั้งหน้าตั้งตาถูสบู่ให้ ก่อนจะเลื่อนมือมาที่สะโพกของเลิฟ

“จะทำอะไร” เลิฟจับมือปอเอาไว้ก่อนจะถามกลับไปด้วยน้ำเสียงตื่นๆ

“เอาที่มันค้างอยู่ข้างในออกให้ไงหรือว่ามึงชอบ?”

“มะ...ไม่ต้องเดี๋ยวทำเอง” เลิฟว่าเขารู้สึกอายขึ้นมาอีกแล้ว ไอ้ปอก็หน้าด้านพูดออกมาโต้งๆเลย

“ปล่อยดิบอกว่าเดี๋ยว.....อื้อ” เลิฟพูดไม่ทันจบประโยคดีก็ต้องร้องเสียงหลง เพราะจู่ๆปอก็ดันนิ้วเข้าไปทางด้านหลังแบบไม่ทันตั้งตัว มือที่พยายามผลักไสเปลี่ยนมาเป็นยึดต้นแขนปอไว้แน่น

“งั่ม” เลิฟรู้สึกแสบที่ช่องทางด้านหลังจนต้องกัดไหล่ปอเพื่อระบายความเจ็บ ยิ่งปอควานนิ้วเอาสิ่งที่ตกค้างข้างในออกให้มันยิ่งแสบ

ปอควานนิ้วไปทั่วช่องทางด้านกวาดเอาของข้างในออกจนแน่ใจว่าหมดแล้ว ก็จัดการล้างตัวแล้วเอาผ้าเช็ดตัวห่มให้เลิฟ ก่อนที่จะอุ้มคนตัวเล็กออกมาวางบนเตียง

เลิฟก้มหน้างุดไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองอะไรนอกจากเตียงนอน ทั้งหน้าทั้งตัวตอนนี้แข่งกันแดงไปหมดเพราะความอาย เกิดมาจนโตขนาดนี้ยังไม่เคยให้ใครต้องมาอาบน้ำให้แบบลึกซึ้งขนาดนี้เลย

ปอเหลือบมองดักแด้ตัวสีชมพูที่ม้วนตัวอยู่ในผ้าห่ม เพราะเจ้าตัวคว้ามันมาพันตัวซะมิดอย่างขำๆ เขาหันกลับไปที่ตัวเสื้อผ้าค้นเอาเสื้อผ้าตัวที่คิดว่าเล็กที่สุดในตู้มาให้เลิฟใส่

“ใส่เสื้อผ้า” ปอยื่นเสื้อผ้าไปที่หน้าเลิฟแต่เจ้าตัวไม่รับแถมยังเอาแต่ก้มหน้าไม่มองเขาอีก ปอเลยวางไว้บนเตียงก่อนจะยื่นโทรศัพท์ไปให้เลิฟ

“โทรศัพท์มึงเพื่อนมึงโทรหาทั้งคืนกูรำคาญเลยปิดเครื่อง” เลิฟเงยหน้ามองปอแล้วรับโทรศัพท์มา

“แต่งตัวให้เรียบร้อยเสื้อผ้ามึงเดี๋ยวกูส่งซักแห้งให้ ไว้แห้งค่อยใส่กลับ” ปอว่าแค่นั้นก่อนจะหันหลังหยิบเสื้อผ้าของเลิฟที่กองอยู่กับพื้นแล้วเดินออกนอกห้องไป

...
...

เลิฟมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินออกจากห้องไปจนประตูห้องปิดสนิท ก้มลงมองที่โทรศัพท์ในมือก่อนจะจัดการเปิดเครื่อง ทันทีที่เปิดเครื่องก็มีข้อความแจ้งเตือนว่าเขาไม่ได้รับสายโทรเข้าเกือบร้อยสาย ทั้งเบอร์ไอ้พีท ไอ้กั้ม พี่โชน และนาว โดยเฉพาะคนหลังสุดโทรหาเขาเยอะมาก มีข้อความส่งมาด้วยว่าให้โทรกลับนี่เขาทำให้เพื่อนเป็นห่วงสินะ เลิฟถอนหายใจเบาๆก่อนจะโทรหานาว

“(นี่มึงอยู่ไหนทำไมพึ่งโทรหากูเนี่ย กูโทรหามึงเป็นร้อยสาย โทรไปก็เสือกไม่รับปิดเครื่องอีก ไปหาที่หอมึงก็ไม่อยู่ รู้ไหมพวกกูเป็นห่วง)” ทันทีที่โทรออกปลายสายก็รับสายเลิฟอย่างรวดเร็วเหมือนเจ้าตัวรออยู่แล้ว

“โทษทีกูอยู่บ้านโทรศัพท์แบตหมดเลยไม่ได้รับสาย” เลิฟตัดสินใจโกหกเพื่อนเพราะไม่อยากให้เป็นห่วงมากกว่าเดิม

“(อยู่บ้าน? มึงมีอะไรป่ะวะจู่ๆทำไมกลับบ้าน)”

“ไม่มีอะไรพอดีพ่อเขาโทรตามให้กลับไปนอนบ้าน”

“(แน่นะมึง...แล้วเมื่อคืนมึงกลับยังไง)”

“อือไม่มีอะไรจริงๆเมื่อคืนก็โบกแท็กซี่กลับ”

“(เออไม่มีอะไรก็ดีแล้วจะกลับก็ไม่โทรบอกพวกกูเลย พวกกูก็เป็นห่วงกันเสือกโทรหาไม่ติดอีก แถมพี่รหัสมึงเขาเป็นห่วงมึงมากเลยนะเว้ย ขับรถตามหามึงทั้งคืนเลยนะ)”

“พี่โชนตามหากูทั้งคืนเลยเหรอวะ”

    “(ก็เออดิมึงเล่นนัดว่าจะให้พี่เขาไปส่งแต่ดันหายหัวไปเฉย พี่เขาก็เป็นห่วงขับรถไปดูมึงที่หอ ไม่เจอก็กลับมาหากูที่บ้าน พึ่งจะกลับไปนอนเมื่อเช้านี่เอง)”

“กูขอโทษ”

“(เออๆช่างเหอะมึงไม่ป็นไรก็โอเคแล้ว พวกมึงแม่งชอบทำให้กูเป็นห่วงนี่ไอ้เอยก็ยังไม่กลับบ้านอีกคนโทรหาก็ไม่ติด)”

“เอยมันไปไหนอ่ะ” เลิฟถามกลับอย่างสงสัย เพราะปกติเอยไม่เคยค้างนอกบ้านแล้วก็ไม่ชอบเที่ยวกลางคืน

นาวกับเอยเช่าบ้านอยู่ด้วยกันเพราะบ้านไกลจากมหา’ลัย และนาวก็ห่วงเพื่อนตัวเล็กอีกคนมากจนลากให้มาเช่าบ้านอยู่ด้วยกัน เวลาเอยจะไปไหนมาไหนจะต้องโทรรายงานนาวตลอด ไม่เคยหายไปเฉยๆแบบนี้มันเลยทำให้นาวเป็นห่วงเพื่อนมาก

“(กูก็ไม่รู้ แต่มึงไม่ต้องคิดมากหรอกกูว่ากูก็พอจะเดาออกว่ามันไปไหน แค่กูหงุดหงุดที่มันไม่รับสายกู ไม่โทรกลับมาสักทีเนี่ย มึงก็เหมือนกันโทรกลับไปหาพี่โชนหน่อยก็ดีนะเว้ย เขาจะได้รู้ว่ามึงไม่เป็นไรตอนเย็นๆก็ได้)”

“อือ...กูขอโทษนะเว้ยที่ทำให้เป็นห่วงฝากบอกไอ้พีทไอ้กั้มด้วย”

“(เออๆเดี๋ยวกูบอกให้แล้วมึงก็เลิกขอโทษได้แล้ว วันจันทร์เจอกันแล้วนี่มึงจะกลับหอยัง)”

“กำลังจะกลับ”

“(เออกลับดีๆนะมึงอ้อ..กูเกือบลืม วันจันทร์กูจะพามึงไปขอโทษพี่ปอเรื่องที่มึงกรีดรถเขานะ ห้ามเถียงห้ามปฏิเสธนะมึงเรื่องนี้มึงผิดไปขอโทษพี่เขาให้มันจบๆ ส่วนเขาจะเอาไงค่อยว่ากันอีกทีดีกว่าพี่เขาจับได้เอง แล้วพาเพื่อนมากระทืบมึงเข้าใจไหม)”

“อือ” เลิฟรับคำ ในใจเขาอยากตะโกนบอกเพื่อนใจจะขาดว่าไอ้ปอมันทำยิ่งกว่ากระทืบไปแล้ว

“(งั้นแค่นี้นะ)”

“นาว...” เลิฟเรียกเพื่อนด้วยเสียงสั่นๆ รู้สึกว่ากระบอกตาร้อนผ่าวอยากร้องไห้

“(มึงมีไร มึงโอเคป่ะวะ)”

“อือ กูไม่เป็นไร”

    “(แน่นะแต่กูว่าเสียงมึงแม่งไม่โอเคเลยมีไรจะบอกกูไหม)”

    “กูโอเคดี” เลิฟรีบปฏิเสธเพราะกลัวทำให้เพื่อนเป็นห่วงมากไปกว่านี้

“(เออๆไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด แต่กูเป็นห่วงมึงนะเว้ย)”

“อือ..ขอบใจ กูรักมึงนะ”

    “(รมณ์’ไหนวะมึงมาบอกรักกู กูขนลุกแค่นี้นะเดี๋ยวกูโทรหาไอ้เอยก่อนดูแลตัวเองดีๆด้วย)”
“อือ” แล้วนาวก็วางสายไป

เลิฟก้มลงมองโทรศัพท์ในมือด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง อยากบอกอยากเล่าเรื่องทั้งหมดให้เพื่อนฟังแต่ว่ามันไม่รู้จะเริ่มพูดยังไง ยิ่งได้ยินเสียงที่แสดงความเป็นห่วงของเพื่อนมันทำให้เขาอยากร้องไห้ แต่ดีที่ห้ามน้ำตาไว้ทันถ้าเผลอร้องไห้ใส่โทรศัพท์ไปไอ้นาวมันได้ถามจี้ไม่หยุดแน่ แบบนั้นเขาก็ไม่รู้จะตอบคำถามเพื่อนยังไงเหมือนกัน เขาไม่อยากให้นาวเป็นห่วงเขามากไปกว่านี้แล้ว เพราะทุกวันนี้มันก็เป็นห่วงดูแลยิ่งกว่าพี่น้องท้องเดียวกันซะอีก

เลิฟกดโทรศัพท์อีกครั้งตั้งใจว่าจะโทรหาพี่รหัส แต่แล้วก็ตัดสินใจกดปิดเครื่องเพราะยังไม่มีอารมณ์จะคุยกับใคร หยิบเสื้อผ้าที่ปอเอามาให้ขึ้นมาใส่ก่อนจะก้าวขาลงจากเตียงค่อยๆเดินไปที่ประตูเพื่อออกไปหาปอข้างนอก

ปอเดินออกมานอกห้องกดโทรศัพท์เรียกแม่บ้านให้มาเอาเสื้อผ้าเลิฟไปซัก ก่อนจะกดโทรสั่งข้าวให้ขึ้นมาส่งที่ห้อง กำลังจะเดินไปที่ตู้เย็นหาน้ำกินก็ต้องชะงักเท้าเพราะเสียงกดออดกับเสียงทุบประตูดังลั่น
 
ออดดดดดดดดดด

ปัง! ปัง! ปัง!

ปอเดินมาเปิดประตูออกก็เจอปิงยืนหน้าบึ้งโมโหอยู่หน้าห้อง ปอเบี่ยงตัวหลบเพื่อให้พี่ชายเข้ามาข้างในก่อนจะปิดประตู
“มึงทำอะไรกับรถกู” ทันทีที่ประตูปิดลงปิงก็ตะคอกถามน้องชายเสียงดัง

“ก็อย่างที่มึงเห็น” ปอว่าไม่สนใจเดินไปที่ตู้เย็นเปิดเอาน้ำขึ้นมากระดกขวดดื่ม

“กูไม่ได้ตาบอด แต่กูหมายถึงว่ามึงไปมีเรื่องกับใครมา แม่งถึงได้มากรีดรถกูเละไปหมดแบบนี้”

“กูไม่ได้มีเรื่องกับใคร”

“อย่าโกหกกูปอถ้ามึงไม่มีเรื่องกับใคร เหี้ยที่ไหนจะมากรีดรถชาวบ้านวะ”

“อ่า จริงๆจะว่ามีก็มีนะ”

“นั่นไงกูว่าแล้ว มึงนี่แม่งยังไงวะ ไหนสัญญากับพ่อแล้วไงว่าจะไม่มีเรื่องจะทำตัวดีๆ แต่นี่เสือกไปหาเรื่องจนเขามากรีดรถเละขนาดนี้ มึงบอกกูมาดิว่าแม่งเป็นใคร”

แกร๊ก!

ระหว่างที่ปิงกำลังตะโกนถามปอด้วยความโมโห เลิฟก็เปิดประตูห้องนอนออกมาพอดี ปิงที่เห็นเลิฟเดินออกมาก็หยุดพูดแล้วมองเลิฟด้วยความสงสัย ส่วนเลิฟเองเปิดประตูออกมาเจอคนอื่นในห้องก็ตกใจจนหยุดยืนที่ประตูอยู่อย่างนั้น

“นี่ใคร?” ปิงหันไปถามปอด้วยความสงสัย

“คนที่กรีดรถมึงไง” ปอยักไหล่ให้

“มึงพูดจริง” ปิงว่าก่อนจะหันมามองเลิฟแบบไม่เชื่อสายตา ไอ้เด็กหน้าสวยเนี่ยนะจะกล้ามีเรื่องกับน้องชายเขา จนถึงขั้นกรีดรถเป็นไปไม่ได้ว่ะ

“น้องเป็นคนกรีดรถพี่หรอครับ” ปิงตัดสินใจถามตรงๆไม่อ้อมค้อม

“ขอโทษครับ” เลิฟไม่ตอบแต่ขอโทษแทนก่อนจะก้มหน้างุดมองพื้น

เลิฟไม่กล้ามองหน้าคนมาใหม่ในห้องเพราะกลัวความผิด เท่าที่เขามองเห็นเมื่อกี้ถ้าจำไม่ผิดพี่คนนี้คือคนดังประจำคณะบริหาร อดีตเดือนคณะและเดือนมหาลัยเมื่อสองปีก่อน เขารู้จักเพราะว่าไปตามจีบเด็กคณะบริหารอยู่ช่วงนึงแต่จีบไม่ติดเลยเลิกไป
ปิงไม่ได้เป็นแค่คนดังของคณะเท่านั้นแต่เป็นคนดังของมหา’ลัยก็ว่าได้ ด้วยความสูงกว่า 182 ซม. รูปร่างสมส่วน อาจจะดูบางไปหน่อยเมื่อเทียบกับปอแต่ไม่ได้ผอมแห้ง ใบหน้าหล่อเหลาสะอาดตา เรียนเก่งระดับรอใบเกียรตินิยม บ้านมีฐานะ สุภาพอ่อนโยน ไม่เจ้าชู้และรักเดียวใจเดียว เป็นคนดังที่มีแฟนแล้วคนก็ยังปลื้มไม่มีลด เพราะบุคลิกที่เหมือนเจ้าชายนี่เองทำให้สาวแท้สาวเทียมเทใจให้ทั้งมหา’ลัย

ปิงยืนมองคนตัวเล็กอึ้งๆ ถ้าเจ้าตัวไม่ยอมรับออกมาเองเขาก็คงไม่เชื่อแน่ๆ หรือว่าไอ้ปอมันบังคับน้องเขาให้ยอมรับผิด

“มันบังคับน้องให้ยอมรับรึเปล่าบอกพี่ได้นะครับ พี่เป็นพี่ชายมันไม่ต้องกลัวบอกพี่ได้” ปิงถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแต่เลิฟส่ายหัวให้เป็นคำตอบ

“แล้วนี่มึงลากน้องเขามาทำไม” ปิงเลยเปลี่ยนเป้าหมายจากเลิฟมาถามปอแทน

“แล้วมึงคิดว่าไง” ปอกระตุยิ้มมุมปากทำให้ปิงอ้าปากค้างก่อนจะลากแขนปอออกมาคุยอีกมุมนึงของห้อง

“มึงอย่าบอกนะว่าลากน้องเขามากระทืบ”

“มึงเห็นว่าเหมือนคนโดนกระทืบไหมล่ะ” ปอย้อนกลับ

“นี่มึงอย่าบอกนะว่า....” ปิงถามตาโต ปอเลยหัวเราะในลำคอเบาๆไม่ตอบคำถาม

“ไอ้ปอ ไอ้น้องเวรนี่มึงทำอะไรวะห๊ะ นั้นมันผู้ชายนะเว้ย แล้วมึงเอาลูกเขามาปู้ยี่ปู้ยำแบบนี้ มึงไม่กลัวเขาจะเอาเรื่องรึไงวะ แล้ว....”

“พอๆมึงจะบ่นทำเหี้ยไรวะ กูไม่ได้เอามันมาข่มขืนสมยอมโอเคทั้งคู่” ปอยกมือขึ้นมาห้ามปิงไม่ให้บ่นมากไปกว่านี้ 

ไอ้ปิงมันชอบบ่น บ่นๆเหมือนผู้หญิงมันบอกว่ามันบ่นเขาแทนแม่กับพ่อ รู้นะว่ามันเป็นห่วงแต่บางทีแม่งก็น่ารำคาญ ไม่รู้พวกผู้หญิงชอบมันลงไปได้ยังไง บางคนถึงกับเรียกมันว่าเจ้าชาย อะไรจะขนาดนั้นวะครับ

ไอ้ปิงมันไม่เหมือนเขากับไอ้ป้องมันเป็นเด็กในกรอบ บุหรี่ไม่สูบเหล้าแดกบ้างตามโอกาสส่วนมากก็ไม่แตะ ไม่เจ้าชู้ไม่มั่วรักเดียวใจเดียว มันคบกับแฟนคนปัจจุบันตั้งแต่มันอยู่ม.4 จนตอนนี้เรียนปี3 ไม่เคยนอกใจแฟนเลยสักครั้ง ไม่เคยทะเลาะกันรักกันดี
ฉิบหาย เป็นอันว่ารู้กันทั้งบ้านถ้าไม่มีอะไรพลาด สะใภ้คนกลางของบ้านคือคนนี้แน่ๆ มันนี่โคตรจะเป็นลูกตัวอย่าง จริงๆพี่เขามันก็ดีทุกอย่างนั่นแหละยกเว้นเรื่องบ่นแม่งบ่นจนผู้หญิงอาย

“แต่นั้นมันผู้ชายนะเว้ย” ปิงยังคงท้วง

“แล้วไงเอาได้เอามันกูเอาหมด” ปอบอกหน้าตาย ปิงกำลังจะพูดต่อแต่มีเสียงเปิดประตูหน้าห้องพร้อมกับเสียงเรียกดังขึ้นซะก่อน

“ปออยู่ไหม....อ้าวเลิฟทำไมมาอยู่นี่อ่ะ” คนมาใหม่เรียกปอเสียงใสก่อนจะหันมาถามเลิฟอย่างแปลกใจ

“ปราง....” เลิฟได้แต่ครางออกมาเบาๆ

    ‘ทำไมโลกมันกลมอะไรแบบนี้วะครับ’


2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 10 (27/01/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 27-01-2016 22:33:12
กับดักที่
- 10 -



   ปรางมองหน้าเลิฟที่ยืนอยู่ในห้องพี่ชายของตัวเองอย่างสงสัย เธอค่อนข้างแปลกใจพอสมควรที่เห็นเลิฟที่นี่ เพราะดูจากลักษณะของเลิฟแล้วไม่น่าจะเป็นเพื่อนพี่ชายเธอได้เลย ถ้าไม่ใช่เพื่อนแล้วเลิฟมาอยู่ที่ห้องพี่ชายเธอได้ยังไงล่ะ

               เลิฟเองก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเหมือนกันที่เห็นปรางที่นี่ ก็ปรางเนี่ยแหละคือสาวคณะบริหารที่เขาตามจีบอยู่แล้วจีบไม่ติดสักที ว่าแต่ทำไมปรางถึงโผล่มาอยู่ที่ห้องไอ้ปอได้ล่ะหรือว่าปรางจะเป็นแฟนไอ้ปอ พอคิดมาถึงตรงนี้ เลิฟก็รู้สึกแปลกๆในหัวใจยังไงไม่รู้ เขาเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน

                “ว่าไงทำไมเลิฟมาอยู่ในห้องปอ” ปรางถามเสียงใส

                “เอ่อ..คือ..ว่า..คือ” เลิฟอึกอักไม่รู้จะตอบยังไง

จะบอกว่าเป็นเพื่อนถ้าไอ้ปอบอกว่าไม่ใช่ขึ้นมาเขาก็หน้าแตกน่ะสิ บอกว่าเป็นศัตรูกันปรางก็คงจะเกลียดขี้หน้าเขาแน่ๆ ถ้าบอกว่าเป็นคู่นอนเขาจะโดนมองว่าเป็นคนยังไงละที่นี้ ที่สำคัญตัวเขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองกับไอ้ปอเป็นอะไรกันมากกว่าคนที่เกลียดขี้หน้ากันไหม

“ว่าไงคะ” ปรางถามย้ำเพราะเห็นว่าเลิฟอ้าปากเหมือนจะตอบแต่ไม่ตอบสักที

“มีอะไรกัน” ปอถามขึ้นเพราะเห็นเลิฟทำหน้าเหมือนหมาป่วยยืนคุยกับน้องสาวเขา

“ปอออออออ” ปรางเรียกเสียงใสแล้ววิ่งไปกอดแขนพี่ชาย

“ปอรู้จักกับเลิฟเหรอ” ปรางหันมาถามพี่ชายแทนเพราะดูท่าถามเลิฟไปคงจะไม่ได้คำตอบในวันนี้แน่ๆ

“รู้จักดีชนิดที่เรียกว่าลึกซึ้งเลยล่ะ” ปอตอบกำกวมก่อนจะมองหน้าเลิฟแล้วส่งยิ้มกวนๆให้ เล่นเอาเลิฟหน้าแดงลามไปถึงใบหูเพราะเข้าใจความหมายที่ปอจะสื่อ

“หมายความว่าไงอ่ะ” ปรางขมวดคิ้วมุ่นไม่เข้าใจ ปอเลยอ้าปากเตรียมจะตอบคำถาม

“ก็.......”

“เป็นเพื่อนกันน่ะพอดีว่าเมื่อคืนมีเลี้ยงสายรหัสแล้วเลิกดึก ผมเลยมาค้างห้องปอ” เลิฟชิงพูดตัดบทอย่างเร็วจนแทบลืมหายใจ เพราะกลัวว่าปอจะพูดอะไรแปลกๆออกไปอีก

“จริงหรอปอ” ปรางหรี่ตาลงอย่างจับผิด

               “ก็อย่างที่มันบอกแหละ”

               “อ่ะๆเชื่อก็ได้” ปากบอกว่าเชื่อแต่สายตาไม่ได้เชื่ออย่างปากว่า ปอเห็นท่าทางน้องสาวแบบนั้นเลยขยี้ผมปรางจนกระจาย ปรางเลยหัวเราะคิกคักอย่างรู้ทันพี่ชาย

แต่คนที่เห็นภาพการหยอกล้อสนิทสนมของสองพี่น้องอย่างเลิฟ ถึงกับเกิดอาการหงุดหงิดขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ เลิฟเบือนหน้าหนีหันหลังแล้วเดินกลับเข้าห้องนอนไปแบบดื้อๆ เล่นเอาสามชีวิตที่เหลือได้แต่มองหน้ากันงงๆ

    “เป็นไรวะ” ปิงถามปอแล้วหันไปมองประตูห้องนอนที่ปิดสนิท ปอเองก็ได้แต่ส่ายหน้าเพราะเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน

    “ปอมานี่เลย” ปรางชะเง้อมองประตูห้องนอนจนแน่ใจว่าเลิฟจะไม่เปิดออกมาแน่ๆ ก่อนจะตัดสินใจลากแขนพี่ชายไปนั่งที่โซฟา มีปิงเดินตามน้องไปอย่างเงียบๆ

               “บอกความจริงมานะปอว่าอะไรยังไงกัน อย่ามาบอกว่าเพื่อนนะเพราะน้องไม่เชื่อ” ปรางว่าดักทาง

               “ก็เพื่อนไง”

               “เพื่อน? นี่ปอเห็นน้องโง่รึไง เพื่อนกันเขามีรอยแดงเต็มคอขนาดนั้นเหรอ” ปรางพูดเสียงเขียว

               “งั้นคิดว่าเป็นอะไรกันล่ะ” ปอเริ่มกวนน้องสาว

               “โหยยยย ปออ่ะไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบ” ปรางทำแก้มพองลมปิงที่นั่งข้างๆเลยเอานิ้วมาจิ้มแก้มน้องเล่น

               “ว่าแต่เรารู้จักน้องคนเมื่อกี้ด้วยหรอ” ปิงถามขึ้นบ้างอย่างสงสัย

               “รู้สิก็เลิฟไปตามจีบน้องแทบทุกวันที่คณะอ่ะ” คำตอบของปรางทำเอาปอหลุดขำก๊าก ส่วนปิงทำหน้าเหมือนกินยาขม

               “ฮ่าๆๆไอ้เลิฟเนี่ยนะ” ปอยังนั่งหัวเราะไม่หยุดอะไรโลกมันจะกลมขนาดนั้น ไอ้เลิฟมันแกล้งเขาเป็นเดือนๆเหมือนศัตรูคู่อาฆาต แต่ไปตามจีบน้องสาวเขามันไม่รู้หรือแกล้งโง่ว่ายัยปรางเป็นน้องเขา

               “แล้วทำไมเรายังคุยกับน้องเขาปกติละ” ปิงถามขึ้นมาเพราะรู้จักนิสัยน้องสาวดี ถ้าใครมาตามจีบตามเซ้าซี้ไม่เลิกน้องเขาไล่ตะเพิดไปหมด บางคนน้องสาวเขาเตะก้านคอจนเข้าโรง’บาลมาแล้ว เพราะตื้อเจ้าตัวไม่เลิกเป็นผู้หญิงที่น่ากลัวจริงๆ
 
               “ก็พี่ปิงดูหน้าเลิฟดิน่ารักจะตาย ตาโตๆปากแดงๆแก้มป่องๆแบบนั้นใครจะไปกล้าทำอะไร อีกอย่างนะเวลางอนโคตรน่ารักอ่ะพี่ ปรางชอบ” ปรางว่าแล้วทำหน้าเคลิ้ม

“ชอบมันเหรอ” ปอถามเสียงนิ่งหยุดหัวเราะทันทีที่ได้ยินปรางบอกว่าชอบเลิฟ

               “ถ้าใช่แล้วจะทำไม” ปรางจ้องตาพี่ชายกลับอย่างไม่ยอมแพ้

               “เลิกชอบซะ” ปอว่าเสียงเข้ม

               “ขอเหตุผล”

               “มันเป็นไปไม่ได้เลิกชอบมันแล้วก็ไม่ต้องไปรู้สึกอะไรทั้งนั้น”

               “แล้วทำไมมันจะเป็นไปไม่ได้ล่ะก็เลิฟยังโสดน้องก็ยังโสด” ปรางตอบยียวน

               “งั้นก็ตามใจ” ปอพูดตัดบทเมื่อกี้เขาก็งงตัวเองเหมือนกันว่าจู่ๆหงุดหงิดน้องทำไม ยัยปรางจะชอบไอ้เลิฟก็เรื่องของยัยปรางเขานี่ถ้าจะเพี้ยน

               “ชิส์” ปรางจิ๊ปากตัวเองเพราะขัดใจ เมื่อกี้อุตส่าห์ไล่ต้อนจนเกือบสำเร็จแล้วเชียวคิดว่าพี่ชายจะหลุดอะไรออกมาบ้าง ดันมาตัดบทกันทิ้งง่ายๆซะงั้น

               “ปอ...น้องขอไว้คนนะ” ปอหันมาสบตาน้องสาวนิ่งๆแต่ไม่ได้ตอบรับอะไรออกไป

เขาไม่อยากยืนยันสัญญาอะไรทั้งนั้น ไม่รู้สิครับจะรับปากน้องมันก็ได้ แต่พอนึกถึงหน้าหวานๆของไอ้ตัวเล็กมันก็ทำให้ไม่อยากรับปากขึ้นมาเฉยๆ มันรู้สึกโหวงๆขึ้นมาแบบบอกไม่ถูก ความรู้สึกที่เขาเองก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าคืออะไร

ปรางมองหน้าพี่ชายที่เอาแต่เงียบแล้วถอนหายใจเบาๆ เธอไม่รู้ว่าพี่ชายคิดอะไรอยู่ภายใต้ใบหน้านิ่งๆนั่น ถึงปอจะบอกว่าเพื่อนกันแล้วเลิฟก็บอกว่ายังงั้นแต่ปรางไม่ใช่คนโง่ รอยแดงรอบคอกับแผ่นอกที่โผล่พ้นเสื้อออกมาของเลิฟ มันทำให้รู้ว่าเลิฟกับปอไม่น่าจะใช่เพื่อนธรรมดาแน่ๆ แค่เธอไม่แน่ใจว่าสถานะระหว่างสองคนนี้คืออะไร แล้วเลิฟกับพี่ชายเธอแอบมาอะไรๆกันไปแล้วกี่ครั้ง

ปรางรู้นิสัยพี่ตัวเองดีว่าเป็นคนยังไง ปอเป็นคนเบื่อง่ายต่อให้ถูกใจแค่ไหนก็ไม่เคยเกินเดือนสักราย แล้วปอก็ไม่ชอบคนงี่เง่าเอาแต่ใจแต่เลิฟเป็นทุกอย่างที่ว่ามา มันทำให้เธอเป็นห่วงกลัวว่าพี่ชายตัวเองจะเบื่อแล้วทิ้งเลิฟเข้าสักวัน เธอไม่อยากเสียเพื่อนดีๆไปเพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นจริง ต่อให้พี่เธอผิดเธอก็ต้องเข้าข้างพี่อยู่แล้ว

ปรางรู้จักเลิฟมาตั้งแต่เปิดเทอมเกือบๆสองเดือนได้มั้ง จู่ๆเลิฟก็เดินเข้ามาบอกชอบแล้วตามจีบ ทีแรกก็แปลกใจที่ผู้ชายหน้าตาน่ารักมาบอกชอบ เลยลองคุยดูจนสนิทกันพอสมควร เลิฟนิสัยดีถึงจะขี้งอนเอาแต่ใจงี่เง่าไปบ้างก็เถอะ แล้วเลิฟก็ทำอะไรให้เธอหัวเราะบ่อยๆในความเอ๋อของเจ้าตัว เลิฟอาจจะไม่รู้ตัวแต่ปรางรู้ว่าเลิฟไม่ได้ชอบเธอจริงๆหรอก คงแค่นึกอยากจีบก็ผู้ชายที่ไหนชอบผู้หญิงแล้วจะมาทำท่าทางน่ารักกว่าคนที่ชอบจริงไหม

            ออดดดดดดดดดดดด

              เสียงออดหน้าห้องดังขึ้นขัดความคิดของปราง ปิงเป็นคนลุกไปเปิดประตูเป็นร้านข้าวของคอนโดนั่นเองที่เอาอาหารมาส่ง ปิงหลบทางให้ทางร้านยกอาหารเข้ามาไว้ข้างในก่อนจะจ่ายตังแทนปอ

               “เดี๋ยวกูไปตามมันก่อน” ปอว่าแล้วลุกเดินไปที่ห้องนอน

...
...

เลิฟที่เดินเลี่ยงภาพบาดตาเข้ามาในห้องทรุดนั่งลงที่ปลายเตียงแล้วถอนหายใจเหนื่อยๆ ตั้งแต่รู้จักไอ้ปอมาเขาถอนหายใจวันละกี่รอบแล้วเนี่ย รู้สึกหน่วงๆโหวงๆในใจแปลกๆ ภาพที่เห็นเมื่อกี้มันทำให้เขารู้สึกแย่ ปรางต้องเป็นแฟนไอ้ปอชัวร์ๆสนิทกันขนาดนั้น ถึงว่าสิไม่รับรักเขาสักที   

ถ้าปรางรู้ว่าเขามีอะไรกับไอ้ปอปรางต้องรู้สึกแย่แล้วเกลียดเขาแน่ๆ ยิ่งคิดยิ่งเหนื่อยใจ ตอนนี้เขาบอกไม่ถูกว่ารู้สึกแย่เรื่องอะไร แย่ที่รู้ตัวว่าอกหักจากปรางแล้วแน่ๆหรือแย่...ที่รู้ว่าปอมีแฟน

‘หนุ่มหล่อสาวสวยคู่เพอร์เฟค’ คิดในใจแล้วก็รู้สึกอิจฉา เลิฟเลยคลานขึ้นไปบนที่นอนแล้วเอาผ้าห่มมาคลุมโปรง กลัวใครจะเข้ามาเห็นสีหน้าตัวเองตอนนี้เพราะเขาต้องทำหน้าแย่ๆอยู่แน่ เมื่อไหร่เสื้อผ้าจะมาส่งสักทีนะ เขาไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วอยากกลับบ้านชะมัด

แกร๊ก!!!

เสียงเปิดประตูพร้อมกับปอที่เดินเข้ามาในห้อง เขามองไปที่ก้อนกลมๆบนเตียงนอนก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากัน หันหลังไปปิดประตูแล้วเดินมาที่เตียงก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆ

“ไปกินข้าว”

“ไม่หิว” เลิฟตอบเสียงอู้อี้แต่ไม่ยอมออกมาจากผ้าห่ม
 
“ออกมาคุยดีๆดิ” ปอว่าแล้วพยายามดึงผ้าห่มออกจากเลิฟ จริงๆต้องเรียกว่ากระชากถึงจะถูก เลิฟเองก็พยายามยื้อผ้าห่มไว้สุดตัวไม่ยอมปล่อย ปอเลยตัดสินใจกระชากแรงๆทีเดียวพร้อมถีบไปที่เลิฟ จนคนตัวเล็กกลิ้งออกจากผ้าห่มลงไปกองที่พื้นข้างเตียง

“โอ๊ย!!!! เหี้ย!! กูเจ็บนะ” เลิฟตวาดเสียงเขียวมือลูบไปที่สะโพก น้ำตาซึมและไหลออกมาเพราะความเจ็บ เมื่อกี้ไอ้ปอมันถีบเขาตกเตียงแล้วสะโพกกระแทกพื้นเต็มๆเลย ขนาดเดินธรรมดายังทรมานจะตาย แล้วกระแทกขนาดนี้คิดดูสิครับ

ปอที่เห็นเลิฟนั่งเบ้หน้าน้ำตาไหลมือลูบสะโพกอยู่กับพื้นก็ตกใจ เมื่อกี้เขาไม่ได้ตั้งใจจะถีบมันตกจากเตียงนะ แค่กะว่าจะถีบให้หลุดออกจากผ้าห่มแต่สงสัยกะแรงผิดไปหน่อย ก็แม่งรำคาญนี่หว่าจะคุยด้วยดันมุดหัวอยู่ในผ้าห่ม 

“เจ็บเหรอวะ” เป็นคำถามที่โคตรสิ้นคิดแต่ก็ยังถาม

“ให้กูถีบมึงบ้างไหมล่ะ” เลิฟว่าอย่างหงุดหงิดถามมาได้ว่าเจ็บไหม

“เออๆ” ปอเดินไปอุ้มเลิฟขึ้นจากพื้นแล้วมาวางบนที่นอน

“ตกลงจะกินไหมข้าว”

“ไม่กิน” เลิฟตอบทันควันสะบัดหน้าหนี เอื้อมมือจะไปดึงผ้าห่มมาคลุมตัว แต่ปอจับได้ก่อนแล้วเหวี่ยงผ้าห่มลงพื้น

“จะกินไม่กิน” ปอว่าแล้วสบตาเลิฟนิ่งๆ

“ไม่” เลิฟจ้องหน้ากลับไม่ยอมแพ้

“งั้นกูแดกมึงแทน” ปอว่าแล้วก้มลงประกบจูบเลิฟอย่างรวดเร็ว

“อื้อ” เลิฟที่โดนจู่โจมไม่ทันตั้งตัวก็เผลออ้าปากออก ทำให้ปอส่งลิ้นเข้ามาหยอกล้อกระหวัดเกาะเกี่ยวกับลิ้นของเลิฟง่ายได้ ส่งลิ้นพันเกี่ยวไล่ต้อนลิ้นเล็กอย่างชำนาญ ลากไล้ไปตามไรฟันสวยและทั่วโพรงปาก ผละออกแล้วค่อยๆซุกไซร้จากแก้มนุ่มมาที่ซอกคอขาว ฝ่ามือหนาค่อยๆเลื่อนเข้าไปในเสื้อบีบเค้นไปตามตัวอย่างมันมือ

ปอผละออกเล็กน้อยเลิกเสื้อเลิฟขึ้นมากองอยู่ที่อก ตามองไปที่แผ่นอกเปลือยเปล่าและจุกนมสีชมพูอย่างหื่นๆ ก่อนจะก้มหน้าลงไปซุกไซร้ใช้ลิ้นไล้เลียที่จุกนมสองข้างอย่างเท่าเทียม

ทันทีที่ปลายลิ้นสัมผัสที่ยอดอกเลิฟก็ตัวบิดไปมาเพราะความเสียว ความรู้สึกบางอย่างเริ่มหมุนวนอยู่ที่ท้องน้อย ฝ่ามือนุ่มเลื่อนมาขยุ้มเส้นผมปอไว้แน่นเพื่อระบายอารมณ์ ปอใช้มือนึงเลื่อนลงไปที่สะโพกแล้วบีบเค้นแรงๆ อีกมือขยับขาของเลิฟให้แยกออกกว้างเพื่อที่เขาจะได้แทรกตัวเข้าไปง่ายๆ

“แฮ่กๆ อื้อ...พอ” เลิฟที่ยังมีสติสูดอากาศเข้าเต็มปอด ก่อนจะใช้มือผลักปอออกเพราะกลัวจะเลยเถิด

ปอเองก็เหมือนได้สติเงยหน้าขึ้นมามองเลิฟแล้วพยามยามข่มความรู้สึกตัวเอง เมื่อกี้แค่กะจะแกล้งมันเล่นแต่ทำไมแค่จูบเดียวมันถึงได้ทำท่าจะเลยเถิดไปกันใหญ่

“ตกลงจะกินไหมข้าว” ปอถามแต่ปากยังคลอเคลียที่แก้มและซอกคอของเลิฟ

“กินแล้ว...แต่จะกินในนี้” เลิฟอ้อมแอ้มตอบไม่กล้าปฏิเสธอีก

“ทำไม” ปอเลยผละออกจากซอกคอขาวเพื่อมองหน้าเลิฟแล้วเขาก็ได้คำตอบ คนตัวเล็กนอนหน้าแดงเป็นลูกตำลึงแถมหลับตาปี๋ไม่ยอมสบตาเขาอีก

ฟอดดดดด

“เดี๋ยวกูมา” ปอหอมแก้มเลิฟแรงๆแล้วผละออกเดินไปนอกห้อง

“อื้อ” เลิฟลุกขึ้นนั่งจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ยกมือขึ้นมาลูบที่แก้มเบาๆก่อนจะจับไปที่ริมฝีปาก มองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินออกไป เขาว่าตอนนี้แก้มเขามันต้องแดงมากแน่ๆ

ปอเดินออกมานอกห้องแล้วจัดการหยิบจานข้าวที่สั่งมาสองจาน ก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าห้องไปโดยที่ไม่พูดอะไร

...
...
               
ปิงนั่งมองการกระทำของปองงๆเมื่อกี้ก่อนเข้าไปห้องนอนมันทำหน้านิ่งๆ แต่พอกลับออกมาหน้านี่โคตรจะมีความสุขมันไปทำอะไรมาวะ

สองพี่น้องหันมาสบตากันนิ่งมองหน้ากันแบบมีคำถามเต็มไปหมด แต่ก็ไม่มีใครตอบได้เลยจนต้องปล่อยให้มันเป็นความสงสัยต่อไป ก่อนที่ปิงจะเป็นคนเอ่ยปากขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ

               “เราไม่ได้กลับบ้านเหรอ” ปิงสงสัยเพราะน้องสาวกลับบ้านใหญ่ทุกอาทิตย์ ปรางส่ายหัวแทนคำตอบแล้วถามพี่ชายกลับ

               “แล้วพี่ปิงอ่ะไม่ไปหาพี่นุ่นเหรอ” ปรางเองก็สงสัยเพราะพี่ชายไปนอนคอนโดแฟนทุกอาทิตย์เหมือนกัน

               “.............” มีความเงียบเป็นคำตอบ เป็นอันรู้กันว่าเมื่อคืนพวกเขาพี่น้องอยู่คอนโดกันทุกคน แล้วก็ได้ยินเสียงแหกปากโวยวายขอความช่วยเหลือจากเลิฟแต่ไม่มีใครสนใจ

ตอนนั้นปรางกำลังนั่งทาเล็บอยู่และสียังไม่แห้ง เลยไม่ว่างออกมาดูเพราะกลัวเล็บเลอะขี้เกียจทาใหม่ ส่วนปิงกำลังโทรคุยกับแฟนอยู่เลยไม่มีเวลาสนใจรอบข้าง เพราะแฟนสำคัญที่สุด

               ‘ขอโทษนะเลิฟ’ สองศรีพี่น้องได้แต่เอ่ยขอโทษเลิฟในใจและหวังว่าเลิฟจะได้ยิน


2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 6-10 (27/01/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-01-2016 03:40:37
สนุกดีคะ แต่ตัวหนังสือเยอะและติดกันไปหน่อย ลายตามากเล่นเอาปวดตาไปหมด ตัวหนังสือเล็กด้วย   
รออ่านตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 6-10 (27/01/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 28-01-2016 12:29:27
 :impress: :impress: :impress: :impress: :impress: :impress:เข้ามาติดตามด้วยคนจ้า :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 11 (30/01/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 30-01-2016 17:12:49
กับดักที่
- 11 –



   เมื่อวานหลังจากที่เลิฟกินข้าวเสร็จไม่นานเสื้อผ้าที่เอาไปซักก็มาส่ง เขาเลยแต่งตัวเตรียมกลับหอพักตอนออกมาจากห้องนอนก็ไม่เจอใครแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องดีเพราะเขาเองไม่อยากตอบคำถาม และไม่อยากเจอหน้าใครทั้งนั้นในตอนนี้โดยเฉพาะ...ปราง

   ไอ้ปอลงมาส่งเขาข้างล่าง แต่อย่านะครับอย่าคิดว่ามันจะอาสาขับรถมาส่งเขาที่หอ ฝันไปเหอะเพราะมันไม่ใช่คนดีขนาดนั้น  ไอ้ปอมันพาเขาลงมาหน้าคอนโดแล้วโบกแท็กซี่ให้ คือถ้าจะทำแค่นี้กูทำเองได้ครับ นี่ยังดีนะที่มันยังพอมีจิตสำนึกอยู่บ้างมันยังจ่ายค่ารถให้

   “นี่กะจะเด็ดจนมันเหลือแต่ก้านเลยรึไง” เสียงทักขึ้นข้างๆทำให้เลิฟสะดุ้งหลุดจากภวังค์

   “ห๊ะ!! อะไรนะครับพี่เมย์” เลิฟละล่ำละลักถามหน้าตาตื่นเพราะเมื่อกี้มัวแต่เหม่อ

   “คิก คิก” เมย์ถึงกับหลุดขำกับท่าทางของเลิฟ

   “เป็นอะไรน่ะเรา ทำไมวันนี้ดูใจลอยพิกล” เมย์ว่าพร้อมส่งยิ้มบางๆให้

   “ใจลอย? ผมหรอ” ทำหน้าเอ๋อๆชี้นิ้วมาที่ตัวเอง

   “ใช่ลอยมากซะด้วย” เมย์ว่าแล้วพยักเพยิดหน้าไปที่มือของเลิฟเจ้าตัวเลยก้มมองตาม เห็นดอกกุหลาบในมือถูกเด็ดจนแทบจะเหลือแต่ก้าน

   “แฮ่ๆขอโทษครับ” ส่งยิ้มแหยๆให้

   “ไม่เป็นไรจ้า ว่าแต่ใจลอยแบบนี้แอบคิดถึงใครอยู่รึเปล่าเอ่ย” เมย์หรี่ตามองอย่างจับผิด

   “เปล่าครับผมก็แค่คิดอะไรไปเรื่อย” ตอบปฏิเสธเสียงดังแต่ไม่ยอมสบตา เพราะว่าคิดถึงใครบางคนอยู่จริงๆ

   “แล้วไปพี่ก็นึกว่าใจลอยคิดถึงเจ้าของรอยคิสมาร์กที่คอนี่ซะอีก” เมย์ยิ้มล้อเลียนแล้วเอานิ้วจิ้มไปที่รอบๆคอเลิฟเบาๆ เล่นเอาเจ้าตัวหน้าแดงลามไปทั่วใบหูและลำคอ

   “มะ..ไม่ใช่นะครับรอยยุงกัดต่างหาก” อ้อมแอ้มตอบเสียงเบา

   “จ้ายุง ดูท่ายุงตัวนี้จะร้อนแรงน่าดูกัดซะแดงเต็มคอ ว่าแต่เลิฟรู้รึเปล่าว่ามันเป็นยุงตัวผู้หรือยุงตัวเมีย”

   “ผะ..ผมจะไปรู้ได้ยังไงล่ะครับ”

   “ฮ่าๆๆพี่ไม่แซวเราละเงยหน้าขึ้นมาได้แล้ว” เมย์ว่าแต่เลิฟก็ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา เพราะเขินสายตาล้อเลียนที่มองอย่างรู้ทันของเมย์

   “โอเคๆพี่ออกไปดูลูกค้าหน้าร้านละ ส่วนเราก็อย่าเขินเด็ดดอกไม้พี่จนเหลือแต่ก้านล่ะ” เมย์ว่าก่อนจะเดินหนีไปส่วนเลิฟก็ยังก้มหน้าเขินอยู่แบบนั้น

   “นี่เลิฟ ว่าแต่ยุงตัวที่กัดหน้าตาดีป่ะ” เสียงของคนที่คิดว่าเดินไปแล้วกลับดังขึ้นข้างๆหู ทำเอาเลิฟตกใจเงยหน้าขึ้นมามอง
 
   “พี่เมย์!!!” ตะโกนเสียงดังใส่ด้วยความเขินจัด

   “ฮ่าๆๆๆๆ” เมย์หัวเราะร่าก่อนจะเดินไปหน้าร้านเลิฟยืนหน้าแดงกร่ำมองตามหลังเมย์จนแน่ใจว่าเจ้าของร้านดอกไม้คนสวยจะไม่กลับมาแซวเขาอีก ไอ้ปอ...เพราะมันคนเดียวเลยทำให้เขาต้องมาโดนแซวแบบนี้ คิดแล้วก็โมโหมันจะทำรอยไว้ทำไมก็ไม่รู้ ไอ้โรคจิต

   เลิฟเริ่มทำงานกับเมย์ตั้งแต่ช่วงปิดเทอมทำให้สนิทกันอย่างที่เห็น อันที่จริงวันนี้เขายังไม่อยากมาทำงานเท่าไหร่ เพราะสภาพร่างกายยังไม่โอเคถึงมันจะดีกว่าเมื่อวานก็เหอะ แถมรอยแดงที่ไอ้ปอทำไว้บนคอมันยังไม่จางลงเลย ใครเห็นมองแว๊บเดียวก็รู้แล้วว่ามันรอยอะไร
 
   แต่ถึงจะอายแค่ไหนเขาก็ไม่กล้าหยุดอีกวันเพราะเกรงใจพี่เมย์ อีกอย่างเมื่อวานเขาก็หยุดงานไปเฉยๆไม่ได้โทรมาลาด้วยซ้ำ โชคดีที่เมย์เข้าใจและไม่ได้ถามอะไรมาก
 
   นอกจากจะไม่ถามหาสาเหตุที่เขาหยุดไปไม่บอกไม่กล่าวแล้ว พี่เมย์ยังใจดีให้เขามาทำงานที่หลังร้านคอยเตรียมดอกไม้แทน ทั้งๆที่ปกติเขาจะมีหน้าที่รับออเดอร์และจัดดอกไม้ให้ลูกค้าหน้าร้าน คงเพราะเห็นรอยแดงที่คอของเขาและคงไม่อยากให้เขาอายเลยสลับตำแหน่งให้ชั่วคราว
 
   เมื่อวานพอถึงห้องเขาก็โทรรายงานตัวกับพี่โชนทันที กลัวว่าพี่รหัสแสนดีของตัวเองจะเป็นห่วงวันนี้พี่โชนเลยขอเลี้ยงข้าวเที่ยงเขา จะปฏิเสธก็ไม่ได้เพราะพี่โชนอ้างว่าเป็นการแก้ตัวที่เขาหนีกลับก่อน แล้วทิ้งให้พี่เขารอที่ร้านเหล้าคนเดียว เขาละอยากบอกใจจะขาดว่าไม่ได้หนีกลับแต่โดนลากกลับต่างหาก มองนาฬิกาที่ผนังตอนนี้สิบเอ็ดโมงกว่าแล้วอีกเดี๋ยวพี่โชนก็คงจะมา
 
   เลิฟปลดผ้ากันเปื้อนออกแล้วเดินไปล้างมือ ยืนส่องกระจกตรงหน้าอ่างล้างมือสักพักก็ยกมือขึ้นมาแตะที่รอยบนคอเบาๆ ก่อนจะถอนหายใจหนักๆเพราะไม่รู้ว่าถ้าพี่โชนเห็นแล้วถามขึ้นมาเขาจะตอบคำถามยังไง อยากจะเอาผ้าพันคอมาพันก็กลัวคนจะหาว่าบ้า จะหาเสื้อคอเต่ามาใส่ก็นึกขึ้นได้ว่าชีวิตไม่เคยซื้อเสื้อคอเต่าใส่
 
   “เฮ้ออออออออออ” ถอนหายใจเซ็งๆก่อนจะเดินออกมาที่หน้าร้านเพื่อขออนุญาตพี่เมย์ไปกินข้าว แต่พอเดินออกมาถึงเขาก็เจอพี่โชนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว แถมเจ้าตัวยังขออนุญาตกับพี่เมย์ให้เขาเรียบร้อยเสร็จสรรพ
 
   “งั้นผมพาน้องเลิฟไปทานข้าวก่อนนะครับ” โชนว่าก่อนจะยิ้มเห็นเขี้ยวส่งให้เมย์

   “ค่ะ ไม่ต้องรีบก็ได้นะคะวันนี้ที่ร้านไม่ค่อยยุ่งตามสบายเลย” เมย์ตอบกลับด้วยท่าทียิ้มแย้มใจดี

   “เดี๋ยวผมจะรีบกลับมาทำงานนะครับพี่เมย์” เลิฟกระซิบบอกอย่างเกรงใจ

   “ไม่เป็นไรไปกินข้าวกับแฟนเถอะ” เมย์กระซิบกลับยิ้มๆ

   “พี่เมย์!!! ใช่ที่ไหนล่ะนี่พี่รหัสผม” เลิฟว่ากลับเสียงไม่ดังนักใบหน้าค่อยๆเริ่มแดงเพราะความเขิน พี่เมย์ชอบพูดให้เขาอายอยู่เรื่อย

   “อ้าวหรอก็พี่เห็นพ่อหนุ่มเขี้ยวเสน่ห์เขาดูเทคแคร์เราจนพี่นึกว่าเป็นแฟน” เมย์ว่าขึ้นมาอย่างแปลกใจเพราะตอนที่เลิฟยังอยู่ข้างใน โชนนั่งคุยกับเธอแต่เรื่องเลิฟถามนู้นถามนี้ เป็นห่วงสารพัดจนเธอคิดว่าเป็นแฟนเลิฟซะอีก

   “ใช่ที่ไหนละครับไม่คุยกับพี่เมย์ละ ผมไปก่อนนะครับแล้วจะรีบกลับมา”

   “จ้าไม่ต้องรีบก็ได้ที่ร้านไม่ยุ่งเท่าไหร่”

   เลิฟส่งยิ้มขอบคุณให้เมย์เล็กน้อยก่อนจะเดินออกมาหาโชนที่ยืนรออยู่หน้าร้าน เลิฟเลือกกินสปาเกตตี้ร้านไม่ไกลจากร้านดอกไม้ที่ตัวเองทำงานเท่าไหร่ เขาไม่อยากออกไปกินไกลๆกินในห้างเดียวกันเนี่ยแหละ จะได้ไม่เสียเวลาและก็กลับไปทำงานง่ายๆด้วย

   “น้องเลิฟจะกินอะไรครับดูเมนูก่อนไหมหรือให้พี่สั่งให้” โชนเงยหน้าจากเมนูขึ้นมาถามหลังจากที่พนักงานเอาเมนูมาให้

   “อะไรก็ได้ครับขอแค่ไม่เผ็ดก็พอ” เลิฟส่งยิ้มให้แล้วปล่อยให้โชนเป็นคนสั่งอาหารทั้งหมด เขาไม่อยากเรื่องมากกินอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ

   รอไม่นานเท่าไหร่เครื่องดื่มที่สั่งก็มาเสิร์ฟ พร้อมกับของว่างอีกสามสี่อย่างจนเต็มโต๊ะ เลิฟหยิบแก้วสตอเบอรี่ปั่นของตัวเองขึ้นมากินเพื่อรอสปาเกตตี้ไปพลางๆ

   “ขนมปังที่นี่อร่อยนะ” โชนว่าแล้วหยิบขนมปังกระเทียมขึ้นมาจ่อที่ปากของเลิฟ ทำให้เลิฟต้องอ้าปากรับอย่างเสียไม่ได้

   “อร่อยจริงๆด้วยครับ” ตอบไปปากก็เคี้ยวตุ่ยๆอย่างมีความสุข โดยมีโชนคอยหยิบของว่างบนโต๊ะขึ้นมาป้อนไม่ขาด

   Tru...Tru…Tru…

   เสียงโทรศัพท์ของเลิฟดังขึ้นขัดจังหวะการกิน เลิฟล้วงไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดู เบอร์ที่โชว์บนหน้าจอเป็นเบอร์ไม่คุ้นเลย เลิฟค่อยๆกลืนอาหารในปากลงคอก่อนจะตัดสินใจกดรับสาย

   “ฮัลโหลครับ”

...
...

   ปอตื่นขึ้นมาตอนสายๆเหลือบไปมองนาฬิกาบนผนังก็เกือบจะเที่ยงแล้ว ถึงว่าสิทำไมเขารู้สึกหิวข้าวขนาดนี้ ตัดสินใจลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะไปหาอะไรมาลงกระเพาะ ทีแรกกะว่าจะสั่งข้าวที่ร้านของคอนโดขึ้นมากินเพราะขี้เกียจออกไปข้างนอก แต่ก็ดันนึกเบื่อข้าวที่คอนโดเลยไปเคาะประตูห้องไอ้ปิง ขอยืมกุญแจรถขับออกมาหาข้าวกินข้างนอก เลยโดนมันเทศนามาอีกนิดหน่อยเรื่องรถ

   ขับรถออกมาแบบไร้จุดหมายสุดท้ายก็มาจบที่ห้างแถวๆมหา’ลัย ไม่ไกลจากคอนโดที่เขาอยู่เท่าไหร่ ระหว่างที่กำลังเดินหาร้านกินข้าวสายตาก็ดันไปเห็นร่างเล็กๆคุ้นตานั่งอยู่ในร้านอาหารชื่อดังร้านนึง กำลังหัวเราะคิกคักมีความสุขอ้าปากรับอาหารที่ฝั่งตรงข้ามป้อนให้มาเคี้ยวตุ่ยๆจนแก้มป่อง

   ภาพที่เห็นทำให้เส้นเลือดที่ขมับเต้นดังตุ๊บ หงุดหงิดฉิบหาย แม่งเอ้ยมากินกับใครก็ไม่กิน เสือกมานั่งกินกับไอ้สัสโชนแถมยังให้มันนั่งป้อน ไอ้ห่านั่นก็เอาอกเอาใจซะเหลือเกินมึงไม่สิงไปเลยวะ

   การกระทำเร็วกว่าความคิด มือล้วงไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมากดโทรออก โทรหาใครน่ะหรอก็โทรหาไอ้คนที่นั่งหัวเราะร่าในร้านอาหารนั่นแหละ เขาแอบเมมเบอร์มันไว้ตอนมันหลับ
 
   “(ฮัลโหลครับ)” รับสายเสียงใส

   “ลุกออกมาเดี๋ยวนี้” สั่งเสียงเข้ม

   “(ห๊ะ!!! นี่คุณโทรผิดแล้วมั้งครับ)” เลิฟตอบกลับแบบงงๆ

   “มึงจะลุกออกมาดีๆหรือให้กูไปลากออกมา”

   “(เฮ้ย!! พูดไม่รู้เรื่องไงวะบอกว่าโทรผิดแล้ว)”  เลิฟเริ่มหงุดหงิดกับปลายสายที่พูดจาไม่รู้เรื่อง

   “มองออกมาที่กระจก” บอกเสียงนิ่งๆ 

   เลิฟที่ได้ยินแบบนั้นก็หันมองออกมาที่กระจก มือไม้ถึงกับอ่อนเกือบทำโทรศัพท์หลุดมือ ตกใจจนเกือบกรี๊ดที่เห็นตัวสูงๆของไอ้ปอยืนอยู่นอกร้านฝั่งตรงข้าม แถมทำหน้าเหมือนจะแดกหัวคนแถวนั้น
 
   “มะ...มึงมีอะไร” ถามเสียงสั่นๆ

   “(กูบอกให้ออกมา)”

   “ทำไมกูต้องออกไป”

   “(จะออกมาเองดีๆหรือจะให้กูไปลากออกมาวะ!!)” ปอเริ่มขึ้นเสียง

   “เดี๋ยวกูออกไปเอง” แล้วสัญญาณก็กดตัดไป

   เลิฟมองโทรศัพท์ในมือแล้วเงยหน้าไปมองนอกกระจกอย่างกังวล เขาจะออกไปตามที่ไอ้ปอมันสั่งดีไหม แต่ถ้าไม่ออกไปแล้วมันเข้ามาลากเขาในร้านจริงๆอย่าที่พูดละ แล้วถ้าออกไปเขาจะบอกพี่โชนว่ายังไงดี

   “มีอะไรรึเปล่าครับ” โชนถามขึ้นเพราะเห็นเลิฟนั่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดตั้งแต่วางสาย

   “ดูสิคิ้วพันกันหมดแล้ว” โชนยื่นนิ้วโป้งไปที่หว่างคิ้วแล้วนวดคลึงเบาๆ

   เลิฟส่งยิ้มให้โชนบางๆในหัวก็นึกหาวิธีลุกออกไปข้างนอก โทรศัพท์ในมือก็ดังขึ้นอีกครั้งพอก้มมองก็เป็นเบอร์ไอ้ปอโทรเข้ามา เงยหน้าไปมองที่กระจกก็เห็นมันยืนมองทำหน้าดุๆใส่ ทำท่าจะเดินเข้ามาหาเขาในร้าน

   “เอ่อพี่โชนครับเลิฟขอตัวไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึงนะครับ” ละล่ำละลักบอกโชนไปเพราะกลัวว่าปอจะตามเข้ามาในร้าน

   “อ้อครับ ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหม” โชนถามยิ้มๆระหว่างนั้นพนักงานก็เอาอาหารมาเสิร์ฟพอดี
 
   “ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวเลิฟมานะครับ” ว่าแค่นั้นแล้วรีบลุกจากโต๊ะเดินออกนอกร้านไปเลย ทำเอาโชนได้แต่มองตามแผ่นหลังเล็กอย่างงงๆ

   แฮ่กๆๆๆๆ

   เสียงหายใจกระหืดกระหอบเพราะรีบวิ่งมา เลิฟหยุดยืนพักเหนื่อยอยู่ตรงหน้าปอสักพัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองปออย่างหงุดหงิดเหนื่อยก็เหนื่อยแถมยังเจ็บข้างหลังอีก จะไม่วิ่งก็ไม่ได้กลัวไอ้บ้านี่จะเข้าไปถึงในร้านก่อน

   “มึงมีเหี้ยไร” ถามเสียงเขียว

   “ไปกินข้าวปะ” ว่าแค่นั้นแล้วก็เดินนำไป ทำเอาเลิฟถึงกับยืนเอ๋อ

   “ห๊ะ!!! มึงโทรเรียกกูออกมากินข้าวเนี่ยนะ”

   “เออ!!”

   “งั้นกูจะกลับไปกินกับพี่โชน” ว่าแค่นั้นแล้วหันหลังจะเดินกลับไปทางเดิม แต่ก็โดนกระชากแขนเต็มแรงจนเซมาปะทะอกกว้าง

   “อยากลองดีก็กลับไป” ปอว่าเสียงเย็นรอดไรฟัน ทำเอาเลิฟถึงกับเสียวสันหลังวาบ

   “แต่กูออกมากินข้าวกับพี่เขา มึงจะให้กูทิ้งพี่เขาได้ยังไงเล่า” เลิฟโวยวายเล็กน้อย

   “นั่นมันเป็นปัญหาของมึงไม่เกี่ยวกับกู” ปอว่าแล้วจัดการลากแขนเลิฟให้เดินต่อ ส่วนเลิฟได้แต่อ้าปากค้างพูดไม่ออก มันพูดมาได้ไงวะว่าไม่เกี่ยว ก็มันเป็นคนบังคับเขาออกมาจากร้านนะ

   “จะกินอะไร” ปอเอ่ยถามขึ้นหลังจากเดินวนหาร้านกินข้าวได้สักพัก แต่คนตัวเล็กข้างๆก็ไม่เอาสักร้านแถมยังยืนทำหน้างออีก

   “มึงจะกินอะไร”

   “ไม่กิน” ตอบปฏิเสธอย่างหงุดหงิดทั้งๆที่หิวไส้จะขาดปอเลยกรอกตาขึ้นฟ้าเซ็งๆ ก่อนจะลากแขนคนตัวเล็กเข้าร้านอาหารตรงข้างหน้า ไม่ต้องเลือกแม่งละ

   “ไม่เอา” เลิฟขืนตัวไว้ไม่ให้ไปตามแรงดึง

   “งั้นมึงจะกินอะไร” ปอถามน้ำเสียงเริ่มจะหงุดหงิด

   “ก็บอกว่าไม่กินไง”

   “ไอ้เลิฟ!!!” ปอตะคอกขึ้นอย่างอดไม่อยู่

   “ทำไมต้องขึ้นเสียงด้วยเล่ากินฟูจิก็ได้แม่ง” เลิฟตอบกลับเหวี่ยงๆ

   “ก็แค่นั้น” ปอทำตาดุใส่แล้วลากแขนเลิฟเข้าไปนั่งในร้าน

   ทันทีที่นั่งลงเลิฟก็เปิดเมนูสั่งอาหารอย่างคล่องแคล่ว เพราะส่วนตัวชอบกินอะไรจืดๆโดยเฉพาะอาหารญี่ปุ่นของชอบเขาเลยล่ะ

   ปอนั่งมองเลิฟสั่งอาหารแล้วก็ส่ายหัวเมื่อกี้ใครแม่งบอกว่าไม่หิววะ นี่สั่งเอาสั่งเอาจนพนักงานจดออเดอร์แทบไม่ทัน เขาเลยไม่สั่งปล่อยมันสั่งไปคนเดียวเดี๋ยวกินกับมันเนี่ยแหละ

   “ไหนมึงบอกไม่หิว”

   “แต่ตอนนี้กูหิวแล้ว” เลิฟว่าแล้วส่งยิ้มกวนๆให้ ปอเลยเอาตะเกียบเคาะไปที่กลางหน้าผากแรงๆทีนึงเพราะหมั่นไส้

   “โอ๊ยยยยย” เลิฟร้องออกมายกมือขึ้นลูบหัวปอยๆ ทำหน้างอปากยื่นใส่ปอ

   “ทำหน้าให้มันดีๆหน่อย” ปอว่าแล้วเอื้อมมือไปดึงปากเลิฟเบาๆชอบทำดีนักไอ้ปากยื่นๆเนี่ย

   “อี๋..มือมึงล้างป่ะเนี่ย” เลิฟว่าทำหน้าแหยๆแสดงความรังเกียจเต็มที่ เอามือถูปากตัวเองไปมา

   “ปัญญาอ่อน” ปอส่ายหัวเบาๆเขาไม่คิดเลยนะว่าไอ้เลิฟมันจะปัญญาอ่อนได้ขนาดนี้ก็เห็นกวนตีนเขาขนาดนั้น แต่นี้อะไรแม่งเด็กฉิบหายแถมยังโคตรงี่เง่าเอาแต่ใจ

   ไม่นานอาหารที่สั่งไว้ก็ทยอยมาเสิร์ฟ เลิฟลงมือตักกินอย่างเอร็ดอร่อยตักป้อนให้ปอบ้างอย่างลืมตัว ปอเองก็อ้าปากรับมากินไม่ได้พูดอะไร เลิฟนั่งกินข้าวอย่างมีความสุขจนลืมไปเลยว่าตัวเองทิ้งโชนไว้ที่ร้านอาหาร ลืมมองแม้กระทั่งโทรศัพท์ว่าโชนโทรหาเขาเป็นสิบๆสาย

   ปอเหลือบมองไปโทรศัพท์บนโต๊ะที่สั่นเล็กน้อยเพราะมีคนโทรเข้า จะว่าเลิฟลืมมองก็คงไม่ใช่เพราะช่วงจังหวะที่เลิฟเผลอ ปอเอื้อมมือมาหยิบโทรศัพท์ของเลิฟไปปิดเสียงทำให้เลิฟไม่รู้ตัว เขาอ้าปากรับอาหารที่เลิฟตักมาป้อนนิ่งๆโดยที่ไม่คิดจะเตือนเลิฟเรื่องโทรศัพท์ กระตุกยิ้มมุมปากนิดๆอย่างมีความสุข

    ‘โทรให้สนุกนะมึง’

2 Be Con...
++++++++++
แก้ไขขนาดตัวกนังสือให้แล้วนะคะ ส่วนตอนที่ลงก่อนหน้าจะค่อยๆไล่แก้ค่ะ
ขอบคุณ ^^
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 12 (30/01/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 30-01-2016 17:20:12
กับดักที่
- 12 -



                “นี่มึงตามกูมาทำไม” เลิฟหันมาถามคนตัวสูงที่เดินตามมาข้างหลังไม่ห่างด้วยความสงสัย

               หลังจากที่กินข้าวเสร็จเลิฟก็บอกปอว่าจะมาทำงานพิเศษต่อ ปอเองก็ไม่ได้พูดอะไรจ่ายเงินค่าอาหารไปเงียบๆ จนเลิฟคิดว่าปอคงจะแยกกับเขาที่ร้านอาหารนั่นแหละ ที่ไหนได้มันดันเดินตามหลังเขาต้อยๆจนถึงหน้าร้านดอกไม้

               “มึงได้ยินที่กูถามไหมเนี่ย” เลิฟเริ่มจะหงุดหงิดที่ปอทำเฉยไม่ยอมตอบคำถาม

               ปอก้มลงมองหน้าเลิฟนิดๆไม่ตอบคำถาม เอื้อมมือไปผลักประตูกระจกแล้วเดินเข้าไปในร้าน ทิ้งให้เลิฟยืนมองตามอยู่นอกร้านอึ้งๆก่อนที่เจ้าตัวจะรีบผลักประตูตามเข้าไปบ้าง

              “เดี๋ยว!!! มึงเข้ามาทำไม” เลิฟพยายามดึงแขนปอไว้ไม่ให้เดินเข้าไปในร้านมากกว่าเดิม

               “มึงจะดึงแขนกูไว้ทำไม” ปอว่าพยายามแกะมือเลิฟออกจากแขน

              “ก็.........”

               “สวัสดีค่ะรับอะ...อ้าวเลิฟ” เสียงของเมย์ที่ดังมาจากเคาท์เตอร์ในร้านดังขึ้นขัดจังหวะทั้งคู่

               “กลับมาพอดีเลยว่าแต่...แล้วนี่ใคร” เมย์เดินออกจากเคาท์เตอร์มาหาเลิฟที่หน้าร้าน สายตาเหลือบมองมือของเลิฟที่จับอยู่แขนปอนิดๆ

               “เอ่อ...เพื่อนน่ะครับ” เลิฟว่าเสียงตะกุกตะกัก

               “เพื่อน?” เมย์ถามกลับเสียงสูง แล้วมองหน้าเลิฟกับผู้ชายหน้าหล่อข้างๆอย่างสงสัย


               “พี่ชื่อเมย์นะคะแล้วน้องชื่ออะไรเอ่ย” เมย์หันมาทักทายอีกคนแทน

               “ชื่อปอครับ” ปอตอบกลับนิ่งๆไม่ได้แสดงท่าทีอะไร

               “ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” เมย์ส่งยิ้มให้ปอเองก็ยิ้มมุมปากตอบกลับนิดๆ

               “จริงสิเลิฟว่าแต่เราหายไปไหนมา เมื่อกี้น้องโชนเขามาตามหาเราที่ร้าน พี่โทรหาเราก็ไม่รับสายอีก” เมย์หันมาถามเลิฟเพราะนึกขึ้นได้พอดี

               ก่อนหน้าที่เลิฟจะกลับมาร้านโชนแวะมาถามหาเลิฟที่นี่ แล้วก็บอกว่าโทรหาเลิฟกี่สายๆก็ไม่รับเธอเองก็ไม่รู้ว่าเลิฟไปไหน ลองโทรหาดูบ้างเลิฟก็ไม่รับสายเธอเหมือนกันเธอเองก็จนปัญญา โชนนั่งรอสักพักเลิฟก็ยังไม่กลับมา แต่เจ้าตัวมีธุระเลยต้องกลับก่อน เลยฝากวานให้บอกเลิฟว่าให้โทรหาด้วยถ้าเลิฟกลับมาแล้ว

               “พี่โชนมาตามเหรอครับ” เลิฟว่าขึ้นด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด ครั้งที่สองแล้วที่เขาทิ้งพี่โชนไว้คนเดียวเพราะไอ้ปอ

               “โทรหาด้วยเหรอครับแต่ทำไมผมไม่รู้เรื่องล่ะ” เลิฟขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัยถ้าพี่โชนโทรหาเขาทำไมถึงไม่ได้ยินเสียง เอามือล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดูถึงรู้สาเหตุว่าทำไมไม่ได้ยินเสียง ก็โทรศัพท์เขามันปิดเสียงอยู่น่ะสิ

               เลิฟขมวดคิ้วเป็นปมยิ่งกว่าเดิม เขาว่าเขาไม่ได้ปิดเสียงโทรศัพท์นี่นาแล้วใครปิด เงยหน้าขึ้นไปมองไอ้ปอแบบจับผิดมันก็ยืนสบตาเขานิ่งๆไม่มีท่าทีอะไรเขาเลยเลิกสนใจ อย่างว่าแหละมันจะมาปิดเสียงโทรศัพท์เขาทำไมกันละ สงสัยจะเป็นมือเขาเองละมั้งที่ไปโดนเข้า

               “งั้นผมขอตัวโทรหาพี่โชนหน่อยนะครับพี่เมย์ ส่วนมึงอ่ะกลับไปได้แล้วเกะกะ” เลิฟหันไปขออนุญาตเมย์แล้วก็หันมาไล่ปอ

               “เลิกงานกี่โมง” ปอไม่สนใจท่าทีเหวี่ยงๆของเลิฟ

               “ถามทำไม” เลิฟว่าอย่างสงสัย

               “5 โมงจ๊ะ” เป็นเมย์ที่ตอบคำถามแทน

               “พี่เมย์ไปบอกมันทำไมอ่ะ” เลิฟหันมาว่าเมย์งอนๆ

   ส่วนเมย์ก็ยิ้มไม่พูดอะไรเธอเดาด้วยสัญชาตญาณล้วนๆ ว่าหนุ่มหล่อที่ดูเถื่อนๆคนนี้ต้องเป็นอะไรมากกว่าเพื่อนเลิฟแน่ๆ คิดแล้วก็อิจฉาหนุ่มน้อยหน้าหวานพนักงานร้านคนนี้ เที่ยงก็มีหนุ่มหล่อมารับไปกินข้าวตกบ่ายก็มีหนุ่มหล่อมาส่งที่ร้าน แถมหล่อกว่าคนเมื่อตอนเที่ยงซะอีก

   “เดี๋ยวกูรอ” ปอว่าขึ้นนิ่งๆ

   “รอทำไม..ไม่ต้องรอ”

   “กลับพร้อมกู”

   “ไม่เอากูกลับเองได้”

   “5 โมงกูมารับ” ปอตัดบทไม่ให้เลิฟเถียงต่อ

   “เออแม่ง!!! อยากรอก็รอ” เลิฟว่าเสียงสะบัดแล้วหันหลังเดินเข้าไปหลังร้าน  เขาโคตรหงุดหงิดที่ขัดใจไอ้ปอไม่ได้ ไม่รู้ทำไมเหมือนกันถึงขัดใจมันไม่ได้สักที พอจะขัดใจมันก็จะชอบทำตาดุๆใส่แล้วเขาก็ต้องยอมทุกที แม่ง!!!!!! แล้วนี่ก็ไม่รู้ว่ามันจะมารอทำไมไม่ได้อยากให้รอสักหน่อย

   เมย์มองตามหลังเลิฟที่เดินกระฟัดกระเฟียดเข้าไปในร้านแล้วยิ้มขำ เจ้าตัวจะรู้ไหมว่าตัวเองทำหน้ายังไง ท่าทางน้ำเสียงเหวี่ยงๆไม่พอใจที่เขาจะรอ แต่หน้านี่มีความสุขแบบปิดไม่มิด กลั้นยิ้มจนหน้าแดงไปหมดแล้วน่ะ

   “เดี๋ยวน้องปอรอในร้านก็ได้นะคะ” เมย์หันมาบอกปอยิ้มๆ

   “ขอบคุณครับ” ปอค้อมหัวให้เมย์นิดๆ

   เมย์ส่งยิ้มให้อีกครั้งก่อนจะเดินกลับไปที่เคาท์เตอร์ ใจจริงเธออยากจะจับเลิฟมานั่งซักฟอกซะให้เข็ด ว่าทำไมตอนออกไปกินข้าวไปกับอีกคนพอกลับถึงกลับมากับอีกคนได้ แถมดูท่าว่าพ่อหน้าหล่อตาดุคนนี้จะมีซัมติงอะไรกับเลิฟซะด้วย ก็อาการน้องเลิฟของเธอออกซะขนาดนั้นหน้าตามีความสุขยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ทำตัวเหวี่ยงงี่เง่าเอาแต่ใจปกติเคยเป็นที่ไหนกัน เลิฟไม่เคยแสดงอาการแบบนี้กับใครเลยนะตั้งแต่เธอรู้จักมา

   เลิฟเป็นเด็กว่าง่ายไม่เอาแต่ใจแล้วก็ไม่เถียง เคยเห็นเถียงบ้างเวลาอยู่กับกลุ่มเพื่อนสนิทแต่ก็ไม่ขนาดนี้ แสดงว่ากับคนนี้มันต้องมีอะไรแน่ๆ หรือว่ายุงตัวที่กัดคอจนแดงไปหมดจะเป็นยุงตัวนี้นะ

   เมย์เหลือบตาไปมองปอที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนโซฟามุมร้านแล้วถอนหายใจเบาๆ เมื่อไหร่กันนะเธอจะมียุงหล่อๆแบบนี้มากัดจนคอแดงบ้างอิจฉาน้องเลิฟชะมัด

...
...

   รถยนต์เคลื่อนตัวเข้ามาจอดที่ลานจอดรถก่อนจะดับสนิท ปอก้มลงมองเบาะนั่งข้างๆก็เห็นคนตัวเล็กหลับตาพริ้มมีความสุขอยู่ เขานั่งรอไอ้เลิฟจนมันเลิกงาน ระหว่างนั่งรอก็มีพี่เจ้าของร้านที่ชื่อเมย์เดินมาชวนคุยบ้าง บางทีก็มองมาที่เขาด้วยสายตาแปลกๆ สายตาแบบรู้ทันและมีแววล้อเลียนในนั้น บางทีก็ยิ้มๆคือกูโคตรสงสัยกับรอยยิ้มว่ะครับ

   เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองต้องไปทนนั่งรอไอ้เลิฟเลิกงานตั้ง 4-5 ชั่วโมงเหมือนกัน  รู้ตัวอีกทีก็เดินตามมันไปแถมมานั่งเฝ้ามันเหมือนผัวเฝ้าเมียไม่มีผิด พอเลิกงานมันก็ยังจะกวนประสาทจะไม่ยอมกลับพร้อมเขา ทั้งๆที่รอมันตั้งนานเกือบได้บีบคอกันตายคาร้าน ลากออกมาได้เรื่องก็ไม่จบแค่นั้นชวนกินข้าวเหตุการณ์เหมือนตอนเที่ยงเด๊ะๆ กว่าจะได้กินนู้นครับเดินเกือบทั้งห้างยังไม่พอนะมันชวนไปกินไอติมต่ออีก แดกเก่งฉิบหาย

   กินเสร็จกว่าจะลากมันขึ้นรถได้ก็เกือบตาย ทำท่าเหมือนจะโดนลากไปข่มขืนใครจะทำวะ (วันนั้นไม่ได้ตั้งใจครับ) พอขึ้นรถได้มันก็แหกปากโวยวายลั่นรถสุดท้ายก็หลับไป อยู่กับมันวันเดียวเหมือนตัวเองใกล้จะเป็นโรคประสาทเอาแต่ใจฉิบหาย แต่ที่แปลกคือกูนี่แหละครับไม่รู้จะตามใจมันทำไม

   “เลิฟ ไอ้เลิฟ ตื่น” ปอตบที่แก้มเลิฟนิดๆเพื่อปลุกให้ตื่น ก่อนจะก้มไปปลดเข็มขัดออกให้

   “อื้อ...ถึงไหนแล้วอ่ะ” เลิฟงัวเงียเอามือขยี้ตาไปมา ตาปรือมองไปที่หน้าปอเพราะยังตื่นไม่เต็มที่

   “คอนโดกู” ปอเอื้อมมือไปดึงมือเลิฟออกจากตา ขยี้ห่าอะไรขนาดนั้นวะตาแดงหมดละ

   “เฮ้ย!! มาคอนโดมึงไมอ่ะ ทำไมมึงไม่ไปส่งกูที่หอ” เลิฟถึงกับตื่นเต็มตาพอรู้ว่าอยู่ที่ไหน

   “กูไปหอมึงไม่ถูก” ปอว่า

   “มึงไม่ถามอ่ะ”

   “มึงหลับ”

   “ทำไมมึงไม่ปลุกเล่า!!!” เลิฟว่าหน้างอ

   “................” ปอได้แต่ส่ายหัวเปิดประตูเดินลงจากรถ คือกูขี้เกียจเถียงครับ

   เลิฟเห็นปอเดินลงจากรถไปแบบไม่สนใจตัวเอง ก็ได้แต่นั่งทำตาโตนั่งอึ้งมองตามหลังปอ ก่อนจะรีบพาตัวเองลงจากรถเดินตามปอไป

   “เดี๋ยว!!! ไปส่งกูก่อน” เลิฟดึงแขนปอไว้แรงๆ

   “ไม่”

   “ไปส่งกูเดี๋ยวนี้” เลิฟว่าอย่างหงุดหงิด

   “ทำไมกูต้องไปส่งมึง”

   “ก็มึงเป็นคนพากูมานะเว้ยมึงต้องไปส่งกูดิ”

   “แต่ตอนนี้กูขี้เกียจ” ปอว่าแล้วหันหลังเดินต่อ

   “เฮ้ย!!! พรุ่งนี้กูมีเรียนเช้า” เลิฟวิ่งมาดักหน้าปอไม่ให้เดินต่อ

   “แล้วไงอยากกลับมึงก็ลงไปโบกแท็กซี่หน้าคอนโด” ปอว่าหน้าตายดันเลิฟที่ขวางทางออก

   “มึงเห็นไหมฝนมันตก!!!!” เลิฟตะโกนว่าแบบเหลืออด ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ลานจอดรถเลยรู้ว่าฝนตกชัดเจนทั้งภาพและเสียง

   “เรื่องของมึง” ปอว่าแล้วเดินไปกดลิฟท์รอสักพักลิฟท์ก็ลงมาถึง ปอก็เดินเข้าไปในลิฟท์แบบไม่ได้สนใจเลิฟเลยสักนิด

   “มึงจะยืนหมุนอีกนานไหมจะกลับหรือจะขึ้นไปกับกู” ปอชะโงกหน้าออกจากลิฟท์มาตะโกนถามเลิฟที่ยืนหันรีหันขวางอยู่ข้างนอก เลิฟหันมามองหน้าปอนิดๆก่อนจะเดินหน้างอกระทืบส้นเท้าเดินเข้าลิฟท์

   “ไอ้เหี้ย” เลิฟหันมาด่าทันทีที่เข้ามาในลิฟท์เพราะขัดใจ จะเดินไปโบกรถหน้าคอนโดกลับหอก็คงยาก ฝนแม่งตกอย่างกับฟ้ารั่วแถมมีซาวน์เอฟเฟคเป็นเสียงฟ้าผ่า มีซีจีฟ้าแล่บเป็นฉากประกอบอีกต่างหาก ใครแม่งจะกล้าเดินออกไปวะ

   “ปากมึงนี่นะ” ปอยกมือขึ้นดึงปากยื่นๆของเลิฟอย่างหมั่นไส้ อย่าคิดว่าดึงเบาๆแบบหยอกล้อนะครับกูดึงแบบเต็มแรงเลย ชอบทำปากดีนักกูจะดึงให้ขาดเลย

   “โอ้ย!!! ไอ้......” เลิฟแหกปากเสียงดังเพราะเจ็บที่โดนดึงปาก อ้าปากจะด่าแต่ก็ต้องหุบทันควันเพราะปอทำตาดุใส่

   “อะไร” เลิฟเงยหน้าขึ้นถามปอเพราะเห็นคนตัวโตก้มลงมามอง

   “มึงจะเบียดกูทำไม” ปอมองคนตัวเล็กที่ยืนเบียดตัวเองอยู่ คือลิฟท์แม่งก็กว้างคนอื่นก็ไม่มี มันจะมายืนเบียดเขาทำไม

   “ใครเบียด” เลิฟเถียงแล้วขยับตัวเองออกห่างเล็กน้อย คือเล็กน้อยจริงๆจากเบียดเป็นยืนชิดแทน ปอเลยขี้เกียจจะพูดต่ออยากทำอะไรให้มันทำครับ

   ติ๊ง!!!!!!

   ประตูลิฟท์เปิดออกเมื่อถึงชั้นที่เป็นห้องของปอ เขาเดินออกจากลิฟท์แล้วเดินไปเปิดประตูห้องที่อยู่ตรงซ้ายมือ มีเลิฟเดินตามมาเงียบๆ

   ตอนนี้เลิฟเข้ามายืนอยู่ในห้องของปอแล้วสายตาคอยจ้องไปที่ปออย่างระแวง ทางด้านปอที่เห็นเลิฟยืนห่างกับตัวเองเป็นวาแถมทำตัวระแวงเขาซะเต็มที่แบบนั้นก็นึกขำในใจ มันคิดว่าถ้าเขาจะทำอะไรมันจริงๆมันอยู่ในห้องเขาขนาดนี้มันจะรอดหรอวะ

   ปอส่ายหัวนิดๆกับความคิดเด็กๆของเลิฟ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องนอนเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำ ทิ้งให้อีกคนยืนระแวงอยู่นอกห้องแบบนั้น ให้มันระแวงให้พอครับเพราะแม่งไม่มีประโยชน์ ถ้ากูจะเอาซะอย่างระแวงไปก็เท่านั้น

   เลิฟยืนหมุนตัวอยู่ในห้องปอเพราะทำตัวไม่ถูก ยืนอยู่ตรงนั้นสักพักก็ไม่เห็นไอ้ปอโผล่หัวมาสักที เลยตัดสินใจย่องไปแอบดูที่ห้องนอน ปรากฎว่าได้ยินเสียงน้ำดังออกมาเบาๆ แสดงว่ามันเข้าไปอาบน้ำแล้วทำไมมันไม่บอกเขาวะปล่อยให้ยืนระแวงอยู่ได้ตั้งนาน เลิฟคิดอย่างหงุดหงิดก่อนจะเดินกระแทกส้นเท้ามานั่งที่โซฟาข้างนอก

   นั่งไปสักพักก็เริ่มสัปหงกเพราะยังง่วงอยู่ ประกอบกับเพลียจากการทำงานและร่างกายที่ไม่เต็มร้อยเท่าไหร่ เห็นเดินไปไหนมาไหนได้นี่ไม่ใช่ว่าปกติดีแล้วนะแค่ฝืนตัวเองเท่านั้นแหละ พอหมดวันสภาพเลยเป็นแบบที่เห็นง่วงนอนชะมัด

   “ถ้าจะนอนก็ไปอาบน้ำ” ปอที่เดินมาดูข้างนอกก็เห็นว่าเลิฟนั่งสัปหงกอยู่บนโซฟา

   “ไม่เอาจะกลับบ้าน” เลิฟตอบกลับเสียงอู้อี้ เงยหน้าขึ้นไปก็เจอปอยืนเปลือยท่อนบน ใส่แค่กางเกงนอนขายาวตัวเดียวยืนค้ำหัวตัวเองอยู่

   “ไปอาบน้ำ” ปอบอกเสียงนิ่งๆ

   “ไม่เอาจะกลับบ้าน” เลิฟเถียงทั้งๆที่ตาจะปิด

   ปอเลยตัดสินใจกระชากแขนเลิฟให้ลุกขึ้นจากโซฟา ก่อนจะลากเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอน พยายามไม่สนใจเสียงโวยวายของเลิฟ ลากเข้าห้องน้ำได้แล้วเขาก็ออกมานั่งรอข้างนอก คุยกับไอ้เลิฟมากไม่ได้ครับแม่งชอบเถียง

   ไม่นานนักเลิฟก็ออกมาจากห้องน้ำในสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียว เขาค่อยๆเดินออกมาจากห้องน้ำคอยระแวงปอไปด้วย พยายามเดินให้ห่างๆไอ้ปอที่นั่งอยู่ปลายเตียง ได้อาบน้ำไปตอนนี้ตื่นเต็มตาเลยครับ

   “มึงเป็นอะไร” ปอถามเลิฟที่ยืนกอดอกอยู่มุมห้อง

   “ป๊าววว” เลิฟปฏิเสธเสียงสูง

   “ไม่เป็นไรมึงไปยืนตรงนั้นทำไม มานี่ดิ๊” ปอว่าพร้อมกับกวักมือเรียกแต่เลิฟยืนนิ่งส่ายหัวไปมา ปอเลยตัดสินใจลุกไปดึงแขนเลิฟให้เดินมาที่เตียง

   “ปล่อยกูนะไอ้เหี้ย มะ...มึงจะทำอะไร” เลิฟถึงกับเสียงสั่นตาเหลือกที่ปอลากเขามาที่เตียง

   “ทำอะไร” ปอถึงกับงง เขากะว่าจะหาเสื้อผ้าให้มันใส่เดี๋ยวแม่งไม่สบาย ดันทำหน้าเหมือนจะตาย

   “ก็มึงจะทำอะไรกูล่ะกูบอกมึงไว้ก่อนนะว่ากูไม่ยอม แล้วกูจะไม่มีอารมณ์ร่วมอะไรกับมึงทั้งนั้น” เลิฟว่าเสียงดังพยายามขืนตัวออกจากมือปอ

   “ห๊ะ.....ฮ่าๆๆ” ปอถึงกับหลุดขำ นี่แม่งคิดว่าเขาจะเอามันจริงๆใช่ไหมเนี่ย

   “หัวเราะไรวะ” เลิฟถามหงุดหงิดที่เห็นปอหัวเราะตัวเอง

   “มาดูกันว่ามึงจะไม่มีอารมณ์ร่วมจริงไหม” ปอว่าแค่นั้นแล้วก็เหวี่ยงเลิฟขึ้นเตียงก่อนจะเอาตัวคร่อมทับไว้ ไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรมันเลยนะแต่แม่งเสือกท้าทาย

   “เออ!!! ไม่มีทาง ไม่รู้สึกโว๊ย!!!!” ตะโกนใส่หน้าปอ

   ปอหรี่ตามองมองเลิฟที่จ้องตากับเขานิดๆก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากจับแขนเลิฟขึงไว้กับเตียงแน่นแล้วค่อยๆโน้มตัวลงไปหาช้าๆ เลิฟถึงกับเม้มปากแน่นหลับตาปี๋เพราะความกลัว

   ปอที่เห็นท่าทางของเลิฟก็ยิ้มขำ แต่อย่าได้คิดว่าเขาจะปล่อยเพราะเห็นท่าทางกลัวๆของมันนะครับ กูเป็นพระเอกแต่กูไม่ใช่คนดีแม่งนอนอยู่บนเตียงขนาดนี้ ไม่เอาก็โง่แล้วครับ!!

   ปอใช้สายตาสำรวจร่างกายของเลิฟด้วยสายตาหื่นๆ คราวที่แล้วที่ได้มันไปเขาไม่ได้สำรวจอะไรมากมาย รอบนี้พอได้มองเต็มๆตาถึงได้รู้ว่าไอ้เลิฟมันโคตรขาว ผิวโคตรเนียนขนนี่แทบไม่มีให้เห็น ตกลงนี่แม่งผู้ชายจริงป่ะวะ แถมตัวก็นิ่มจับไปตรงไหนแม่งนิ่มมือไปหมด คิดแล้วขึ้นครับ

   ปอโน้มตัวลงไปซุกไซร้ที่ซอกคอได้กลิ่นสบู่อาบน้ำจางๆกลิ่นเดียวกับที่เขาใช้ประจำ แต่ก่อนมันไม่เห็นหอมขนาดนี้นะแต่พออยู่บนตัวไอ้เลิฟ แม่งโคตรหอมกระตุ้นอารมณ์ดีฉิบหาย เขาจูบซับไปที่ต้นคอเบาๆก่อนจะดูดเม้มจนเกิดเป็นรอยแดง ที่คอมันก็มีรอยอยู่แล้วเพิ่มไปอีกก็ไม่น่าจะเป็นไร

   ปอจูบไล่ลงมาจนถึงหน้าอก เห็นจุกนมสีชมพูอยู่ตรงหน้าก็จัดการตวัดลิ้นเลียเบาๆอย่างหยอกล้อ อีกข้างก็ใช้ปลายนิ้วสะกิดจนมันแข็งเป็นไต จากนั้นก็สลับข้างดูดเม้มยอดอกอย่างหื่นกระหาย ก่อนจะค่อยๆจูบไล่ลงมาที่หน้าท้องใช้ลิ้นเลียวนสะดือเป็นการกระตุ้น สายตาก็คอยเหลือบมองปฏิกริยาของเลิฟเป็นระยะ

   เลิฟที่โดนปอปลุกเร้าก็นอนนิ่งๆพยายามไม่แสดงอาการอะไรออกไป ทั้งๆที่ตอนนี้เขารู้สึกเสียวจนขนลุกไปหมด ยิ่งไอ้ปอมันจูบแผ่วๆไล่ลงไปตามตัวเรื่อยๆเหมือนจะแกล้ง มันยิ่งทำให้เขาเกิดอารมณ์

   “หึ” ปอมองเลิฟที่ตอนนี้นอนกัดปากตัวเองกลั้นเสียงร้องอย่างขำๆ มาดูกันว่าแม่งจะทนได้นานแค่ไหน

   ปอปลดผ้าเช็ดตัวออกจากเลิฟก่อนจะเหวี่ยงทิ้ง เขามองเลิฟที่ตอนนี้นอนบิดจนตัวขึ้นสีชมพูไปหมด ก่อนจะก้มลงจูบซับที่ต้นขาด้านในของเลิฟสลับกับดูดเม้มแรงๆจนเกิดรอยแดง จูบเม้มไปเรื่อยๆทั้งสองข้างแต่ไม่เฉียดเข้าใกล้แก่นกายของคนตัวเล็กเลยสักนิด ก่อนจะวกไล่จูบขึ้นมาข้างบนแล้วอ้าปากงับยอดอกดูดกลืนมันอย่างกระหายสลับกันไปมาทั้งสองข้าง ส่วนมือก็เลื่อนลงไปบีบเค้นสะโพกบางเต็มแรง

   เลิฟถึงกับบิดตัวไปมาบนเตียงเพราะความเสียว แก่นกายเริ่มตื่นตัวขยายขนาดผงกหัวขึ้นมา แต่เจ้าตัวยังคงกลั้นเสียงร้องไว้เต็มที่ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเกิดอารมณ์สุดๆ แต่ตาก็ยังปิดสนิทไม่ยอมลืมขึ้นมามองหน้าปอ

   ปอที่เห็นเลิฟพยายามกลั้นเสียงร้องก็นึกอยากแกล้ง เขาเอื้อมฝ่ามือลงไปหาแก่นกายเล็กข้างล่างแล้วนวดคลึงมันเบาๆ ก่อนจะกุมมันไว้ในฝ่ามือแล้วสาวขึ้นลงช้าๆ

   เลิฟถึงกับผวาเฮือกเมื่อฝ่ามือของปอกอบกุมที่แก่นกาย แถมยังขยับมันขึ้นลงเบาๆเหมือนจะแกล้ง เขายิ่งบิดตัวดิ้นพล่านไปมาบนเตียง สองมือเล็กที่ได้รับอิสระยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองไว้แน่น  ไม่ยอมให้มีเสียงครางเล็ดลอดออกมา ลมหายใจถี่แรงเพราะความเสียวที่เพิ่มขึ้นสูง แต่แล้วทุกอย่างก็หยุดชะงักสวรรค์ที่กำลังจะได้สัมผัสถึงกับล่มลงตรงหน้า

   “ทำไม” เลิฟปรือตาขึ้นมามองหน้าปอด้วยความไม่เข้าใจ ดวงตาฉ่ำวาวด้วยน้ำใสๆเพราะถูกขัดอารมณ์ ปากบางเผยอขึ้นนิดๆอย่างเหนื่อยหอบ

   “พูดขอกูดีๆ” ปอพูดเสียงแหบพร่า

   เลิฟที่ได้ยินแบบนั้นก็หงุดหงิดเอื้อมมือลงมาตั้งใจจะทำเอง เพราะต้องการปลดปล่อยเต็มที่ แต่ปอไม่ยอมใช้มือข้างที่ว่างรวบแขนเลิฟไปตรึงไว้เหนือหัว

   “ปล่อยกูนะ”

   “ไม่” ปอว่าก่อนจะก้มลงไปเลียจุกนมสองข้าง ใช้นิ้วโป้งหมุนวนที่ส่วนหัวของแก่นกายเล็กในมือเบาๆเป็นการกระตุ้น

   “อื้อ” เลิฟดิ้นพล่านไปมาเพราะอยากปลดปล่อยจนน้ำตาซึมที่หางตา

   “เร็ว” ปอว่าเสียงเข้ม

   ตอนนี้เขาปวดหนึบที่ข้างล่างไปหมด ยิ่งมาเห็นเห็นมันนอนบิดตัวแดงช้อนตามองแบบนี้  โคตรอยากจะกระแทกเข้าไปแรงๆแต่ก็ต้องอดทนไว้ เพราะต้องการให้เลิฟเป็นฝ่ายร้องขอมือเขาก็บีบที่ข้างล่างของไอ้เลิฟแรงๆ เห็นน้ำปริ่มๆขึ้นมาที่ส่วนปลายแต่เขาเอานิ้วโป้งกดปิดมันไว้ ถ้าวันนี้มันไม่ขอก็ไม่ต้องเสร็จไปด้วยกันเนี่ยแหละ

   เลิฟช้อนตาที่คลอไปด้วยน้ำใสๆขึ้นมองปออย่างทรมาน เขารู้สึกอึดอัดอยากปลดปล่อยเต็มที่แต่ไอ้ปอมันไม่ยอม เลิฟกัดปากตัวเองแน่นก่อนจะอ้าปากพูด

   “ปออย่าแกล้งเลิฟช่วยเลิฟนะครับ”

   เสียงอ้อนๆที่เปล่งออกมาเล่นเอาความอดทนของปอถึงกับหมด ฉิบหายแล้วครับใครบอกให้แม่งอ้อนวะกูแค่บอกให้มึงพูดดีๆ ปอจัดการขยับแก่นกายเล็กในมือรัวเร็ว จนในที่สุดมันก็กระตุกนิดๆปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาเต็มมือเขา

   “อ๊าาาาาา” เลิฟครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เพราะได้รับการปลดปล่อย นอนหายใจรวยรินหอบเหนื่อยอยู่บนเตียง

   ปอมองภาพตรงหน้าด้วยอารมณ์ร้อนแรงเขาขยับตัวลงมายืนข้างเตียงถอดกางเกงทิ้ง ก่อนจะขึ้นมาคร่อมคนตัวเล็กก้มลงจูบปากแลกลิ้นอย่างเร่าร้อน ผละออกมาเล็กน้อยแล้วใช้นิ้วป้ายเอาน้ำรักของตัวเล็ก จัดการดันมันเข้าไปที่ด้านหลังเบาๆ

   “อ่ะ...เจ็บ” เลิฟครางแผ่วเบาน้ำใสๆเริ่มคลอที่ขอบตาอีกครั้ง

   “แป๊บเดียว” ปอกระซิบที่ข้างหูเสียงพร่าก่อนจะใช้ลิ้นเลียกระตุ้น พอเห็นว่าคนตัวเล็กเลิฟผ่อนคลายเขาก็เพิ่มนิ้วที่สองและสามเข้าไป ขยับเข้าออกเบาๆก่อนจะดึงออกจับขาคนตัวเล็กออกกว้าง จับแก่นกายของตัวเองที่ตอนนี้บวมเป่งไปหมดถูวนที่ด้านหลังไปมา แล้วค่อยๆกดมันเข้าไปข้างใน

   “อ่าาา...เจ็บ” เลิฟครางด้วยความเจ็บฝ่ามือเล็กพยายามดันหน้าท้องปอเอาไว้

   “แน่นฉิบ” ปอสบถในลำคอเบาๆ ตอนนี้เขาเข้าไปได้แค่ส่วนหัวเท่านั้น แก่นกายมันปวดหนึบไปหมดอยากจะปลดปล่อยเต็มที่ แถมข้างในไอ้เลิฟมันตอดรัดเขาถี่ยิบทุกทาง

   ปอก้มลงไปจูบเลิฟเพื่อคลายความเจ็บมือก็สะกิดที่ยอดอกให้ เมื่อเห็นว่าเลิฟเผลอเขาก็จัดการกระแทกแก่นกายเข้ามาข้างในทีเดียว เล่นเอาเลิฟที่จูบกับปออยู่ถึงกับดิ้นส่งเสียงอู้อี้ในลำคอเพราะความเจ็บ

   ปึก!!!!!

   เลิฟยกฝ่ามือฟาดเข้าที่หน้าอกปอเต็มแรงเพราะทั้งเจ็บและจุก ปอก้มมองหน้าเลิฟแล้วแช่ตัวเองค้างไว้นิ่งๆ จนเห็นว่าเลิฟผ่อนคลายเขาก็ดึงตัวเองออกมาจนสุด ก่อนจะกระแทกเข้าไปเน้นๆอยู่อย่างนั้นสักพัก จากนั้นก็ซอยกระแทกเข้าไปแรงๆจนตัวเลิฟสั่นคลอนไปหมด

   “อ๊ะๆ...อ๊าาาาา” เลิฟปล่อยเสียงครางระงมดังลั่นไปหมดเพราะความเสียว

   ทางด้านปอเองก็รัวกระแทกใส่ไม่ยั้งชนิดที่ว่าแรงมีเท่าไหร่อัดใส่ให้เต็มแม็ก ยิ่งด้านหลังของคนตัวเล็กที่ตอดขมิบเขาทุกครั้งที่ขยับกระแทกมันยิ่งได้อารมณ์ เหงื่อไหลซึมลงมาตามตัวตัวจนมันแผล่บ รู้สึกแสบนิดๆเวลามันไหลมาโดนแผลที่โดนอีกฝ่ายใช้เล็บจิก

   เขาถอนตัวเองออกมาจัดการพลิกให้คนตัวเล็กคว่ำหน้าลงคุกเข่า จากนั้นก็อัดกระแทกแก่นกายเข้าไปแรงๆใส่ไม่ยั้ง เสียงเนื้อกระทบเนื้อผสมกับเสียงครางของคนด้านล่างดังระงมไปหมด เลิฟจิกมือกับผ้าปูที่นอนแน่นเพราะอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูงก่อนจะกระตุกนิดๆแล้วปลดปล่อยออกมา

   ด้านหลังยังคงตอดรัดแก่นกายปอถี่ยิบ กำลังจะทรุดลงไปนอนกับที่นอนเพราะความเหนื่อยแต่ปอคว้าเอวคนตัวเล็กไว้ทัน ก่อนจะบดกระแทกถี่ยิบด้วยความแรงและปลดปล่อยเข้าไปด้านในคนตัวเล็กจนล้นออกมา ส่วนเลิฟเองก็ปลดปล่อยออกมาอีกครั้งแล้วทรุดตัวลงไปนอนกับที่นอนอย่างหมดแรง

   ปอดึงแก่นกายตัวเองออกมาลมหายใจหอบเหนื่อย ก่อนจะอุ้มคนตัวเล็กเข้าห้องน้ำเพื่อทำความสะอาด ใจจริงอยากจะต่ออีกแต่ไอ้เลิฟมันมีเรียนเช้าเขาเลยต้องยอมปล่อย อาบน้ำให้เสร็จก็อุ้มคนตัวเล็กออกมาจากห้องน้ำ ที่ตอนนี้เจ้าตัวหลับคาอกเขาไปแล้ว จัดการแต่งตัวให้ก็พาขึ้นมานอนแล้วดึงคนตัวเล็กเข้ามากอด เจ้าตัวเองก็หันหน้าซุกอกเขาเหมือนกัน

   ปอมองหน้าเลิฟในอ้อมแขนด้วยความรู้สึกแปลกๆในหัวใจที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ก่อนจะหลับตามไปในเวลาไม่นาน

2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 11-12 (30/01/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-01-2016 17:28:01
โชนโดนทิ้งอีกแล้ว 5555 น่าสงสาร
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 13 (31/01/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 31-01-2016 11:04:16
กับดักที่
- 13 -



               เลิฟรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่ ดวงตากระพริบถี่ๆเพื่อปรับให้ชิน ภาพแรกที่มองเห็นคือแผ่นอกกว้างของอีกคน เลื่อนสายตาไล่สำรวจร่างกายของคนตรงหน้าช้าๆ มองเห็นรอยสักรูปมังกรขนาดเล็กที่ไหปลาร้าถึงช่วงต้นคอ มองเลยขึ้นไปเรื่อยๆก็เจอใบหน้าหล่อคมเข้มนอนหลับอย่างมีความสุข ดวงตาทั้งสองข้างที่ฉายแววดุตลอดเวลากำลังปิดสนิท สัมผัสหนักๆที่ช่วงเอวทำให้รู้ว่าเขากำลังนอนอยู่ในอ้อมแขนของอีกฝ่าย

               “เฮ้ออออออออออ” เลิฟถอนหายใจน้อยๆก่อนจะยกมือขึ้นมาแตะที่ปลายจมูกโด่งของคนตัวโตเบาๆ

               เมื่อคืนเขานอนกับไอ้ปออีกแล้วทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะไม่ยอมมันผลสุดท้ายเขาก็เสร็จมันจนได้ ก้มลงมองที่ตัวเองก็เห็นว่าใส่เสื้อยืดตัวใหญ่อยู่คงจะเป็นเสื้อมันนั่นแหละ แสดงว่าเมื่อคืนไอ้ปอเป็นคนอาบน้ำแต่งตัวให้เขาสินะ คิดมาถึงตรงนี้ก็หน้าแดงทำไมเขาถึงได้หลับรู้เรื่องขนาดนี้นะ แถมหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้

               “ซี๊ดดด” เลิฟส่งเสียงออกมาเล็กน้อยเพราะความเจ็บ หลังจากพยายามพลิกตัวออกจากอ้อมแขนปอ

               เขารู้สึกเมื่อยขบตามตัวไปหมดแต่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไรดีกว่าคืนนั้นเยอะ รู้สึกขัดๆและแสบที่ช่องทางด้านหลังนิดๆเหลือบมองดูนาฬิกาที่ผนังพึ่งจะ 6 โมงเช้า เพราะในห้องปิดม่านทึบหมดทำให้เขามองไม่เห็นแสงจากภายนอก รู้สึกง่วงนิดๆแต่ก็ต้องตื่นเพราะวันนี้เขามีเรียนเช้า

               “ปอ..ปอ..ตื่น” เลิฟเขย่าแขนคนตัวโตเพื่อปลุก แต่เจ้าตัวไม่แม้แต่จะรู้สึกตัวเลยสักนิด

               “ไอ้เหี้ยปอตื่น!!!!” เลิฟเลยตัดสินใจตะโกนแทนแถมฟาดเข้าไปที่แผ่นอกหนาเต็มแรง

               “โอ๊ย!!! อะไรวะ” ปอถึงกับสะดุงตื่นเพราะความเจ็บ ลืมตาขึ้นมาก็เห็นเลิฟนั่งหน้างอปากยื่นอยู่ข้างๆ

               “มึงปลุกทำไม” ปอว่าแล้วขยับลุกขึ้นนั่ง

               “กูมีเรียนเช้า”

   “แล้ว?” ปอแกล้งโง่เพราะรู้ว่าอีกคนจะให้ไปส่ง แต่อยากกวนประสาทมันก็แค่นั้น

   “ก็ไปส่งกูดิ” เลิฟหน้างอยิ่งกว่าเดิม

   “ตอนนี้กี่โมง” ปอขยับไปนั่งพิงหัวเตียง

   “6 โมงแล้วกูมีเรียนตอน 9 โมง ต้องกลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้องอีก”

   “อือ” ปอขานรับในลำคอ สายตามองสำรวจคนตัวเล็กตรงหน้าที่นั่งหัวฟู หน้ายุ่ง ปากก็ขยับบ่นงุ้งงิ้งๆไปเรื่อย รอยแดงที่คอขาวๆเห็นโคตรชัด ไหนจะแขนขาที่โผล่พ้นออกมาจากเสื้อยืดของเขานั่นอีก มองไปมองมาแม่งโคตรยั่ว พึ่งรู้นะครับว่าผู้ชายก็เซ็กซี่ได้

   “นี่มึงฟังที่กูพูดไหมเนี่ย” เลิฟว่าหน้ายุ่งเพราะเห็นปอไม่หือไม่อือกับตัวเองเลยสักนิด ทั้งๆที่เขาพูดไปตั้งเยอะ

   ปอไม่สนใจท่าทางกระเง้ากระงอดของเลิฟ เขาขยับไปอุ้มคนตัวเล็กขึ้นมานั่งบนตัก ก่อนจะก้มหน้าลงไปหอมแก้มขาวๆนั้นเต็มแรง

   ฟอดดดดด

   “มึงหอมไมอ่ะ” เลิฟเอามือจับแก้มแล้วทำตาโตมองปอ

   ปอได้แต่ยิ้มขำกับท่าทางเอ๋อๆของเลิฟ มันเป็นไอ้หนูจำไมเวลาจะกอด จะหอม จะทำห่าอะไรก็ช่าง แม่งจะต้องถามทุกครั้งว่าทำไม แต่แปลกทั้งๆที่มันเป็นคนแบบนี้ มันกลับไม่โวยวายเรื่องที่เขาเอามันเลยสักครั้ง

   “มึงมีเรียนกี่โมงนะ” ปอว่าจมูกโด่งก็ซุกไซร้ไปที่คอขาว

   “9 โมง” เลิฟว่า พยายามหดคอหนีจมูกของปอ เพราะรู้สึกจั๊กจี้และขนลุกนิดๆ

   “งั้นทัน”

   “ทันอะ...” เลิฟหน้าแดงขึ้นมาทันที เมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างตรงบั้นท้ายที่มันกำลังตื่นตัวดุนดันขึ้นมา เขาพยายามดิ้นลงจากตักแต่ก็ไปไหนไม่ได้เพราะปอกอดเอาไว้แน่น

   “อย่าดิ้น” ปอว่าเสียงเข้ม มือก็ล้วงเข้าไปในเสื้อสะกิดยอดอกเล่น จมูกโด่งก็ซุกไซร้ที่ซอกคอไปมา แล้ววกขึ้นมาหอมแก้มสูดความหอมบ้างเป็นระยะ

   “ปะ...ปล่อยนะเว้ย” เลิฟพยายามดึงมือปอที่อยู่ในเสื้อออก ตัวก็ยังพยายามดิ้นให้หลุด

   ปอผละออกจากต้นคอเลิฟเล็กน้อยแล้วจ้องไปที่ดวงตากลมโตหื่นๆ เล่นเอาเลิฟถึงกับสะดุ้งพยายามดิ้นตะเกียกตะกายลงจากตัก ปอส่ายหัวนิดๆก่อนจะบังคับถอดเสื้อออกจากตัวเลิฟ จนเหลือแค่บ๊อกเซอร์ตัวเดียว กว่าจะถอดได้ก็ยื้อยุดกันพอสมควรทำเอาผิวขาวๆของเลิฟแดงไปหมด

   เลิฟเอามือฟาดไปตามตัวตามแขนปอให้ปล่อย แต่สุดท้ายก็โดนปอรวบแขนล็อกไว้แน่นด้วยมือข้างเดียว จากนั้นปอก็ใช้มืออีกข้างที่ว่างล้วงเข้าไปในกางเกงจับแก่นกายเล็กไว้เต็มมือ แล้วขยับมันขึ้นลงช้าๆส่งลิ้นตวัดเลียที่จุกนมหยอกล้อสลับกับดูดเม้มเบาๆ

   “อื้อ....อ๊ะ...แฮ่ก” เลิฟส่งเสียงครางออกมาพร้อมกับลมหายใจหอบเหนื่อย ร่างกายที่เคยดิ้นรนขัดขืนเริ่มอ่อนระทวย ปอเลยปล่อยแขนของเลิฟที่ตัวเองจับไว้ ทำให้เลิฟเอี้ยวตัวเอามือมาจิกที่ไหล่ของปอแน่นเพื่อระบายอารมณ์ที่เริ่มพุ่งขึ้นสูง

   “อ้าปาก” ปอกระซิบสั่งที่ข้างหู ปากแดงๆก็อ้าออกตามที่สั่ง

   “เลียให้ทั่ว” ปอยัดนิ้วชี้เข้าไปที่ปากเลิฟแล้วสั่งให้เลิฟเลียมัน เจ้าตัวเลยใช้ปลายลิ้นไล่เลียตั้งแต่โคนนิ้วถึงปลายนิ้วจนทั่ว จากนั้นก็ดูดปลายนิ้วเสียงดังจ๊วบจ๊าบ เล่นเอาปอที่นั่งมองอยู่ถึงกับปวดหนึบไปทั้งช่วงล่าง สมองกำลังจินตนาการไปว่าถ้าเปลี่ยนจากนิ้วมือ มาเป็นน้องชายเขามันจะมีความสุขขนาดไหน

   ปอเพิ่มนิ้วที่สองและสามเข้าไปในปากเลิฟเพื่อให้เจ้าตัวเลียมัน ไม่นานเขาก็ดึงนิ้วทั้งหมดออกมาจากปากเล็ก ส่วนเลิฟก็หอบหายใจหนักขึ้นเรื่อยๆเพราะใกล้ปลดปล่อย

   “อื้อ....” เลิฟปลดปล่อยออกมาเต็มฝ่ามือของปอ พร้อมกับซบหน้าลงที่ซอกคอของปอด้วยความเหนื่อย

   ปอใช้มือดึงกางเกงของเลิฟทิ้งก่อนจะจับคนตัวเล็กไปนอนบนที่นอน ใจจริงเมื่อกี้เขาอยากลองให้ไอ้เลิฟออนท็อปให้สักที แต่คงต้องใช้เวลากันพอสมควรเพราะมีอะไรต้องสอนกันอีกเยอะ
 
   “มะ...ไม่เอานะ” เลิฟส่ายหัวน้อยๆบอกเสียงกระท่อนกระแท่น สบตาร้อนแรงของปออ้อนๆ

   “แล้วมึงจะให้กูทรมานแบบนี้หรอ” ปอว่าเสียงแหบพร่าแล้วคว้ามือเล็กมาสัมผัสแก่นกายบวมเป่งใต้กางเกงนอน

   “ตะ..แต่ว่าวันนี้มีเรียน” เลิฟหน้าแดงไปหมดเมื่อฝ่ามือสัมผัสแก่นกายที่กำลังดุนดันอยู่

   “รอบเดียวสัญญา” ปอก้มลงหอมแก้มเลิฟเบาๆ
 
   “แต่.....อื้อ” เลิฟกำลังจะหาเหตุผลมาอ้างก็ต้องร้องเสียงหลง เพราะปอดันนิ้วเข้ามาที่ด้านหลังโดยที่ไม่ทันตั้งตัว

   ปอดันนิ้วที่ให้เลิฟเลียเมื่อกี้เข้าไปที่ช่องทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว ขยับเข้าออกช้าๆแล้วจะเพิ่มจำนวนนิ้วเข้าไป แรงกระตุ้นทางด้านหลังทำให้แก่นกายที่สงบนิ่งของเลิฟค่อยๆกลับมาตื่นตัวอีกครั้ง

   ปอขยับนิ้วเข้าออกจนแน่ใจว่าด้านหลังของเลิฟพร้อมที่จะรับอะไรที่ใหญ่โตกว่านั้น เขาจัดการถอนนิ้วทั้งหมดออกแล้วจับแก่นกายของตัวเองที่ขยายพร้อมรบ จ่อมันไปที่ด้านหลังแล้วกดเข้าไปข้างในช้าๆ

   “อื้อ...ฮึก...เจ็บ” เลิฟสะอื้นในลำคออย่างห้ามไม่อยู่ เขาเจ็บทุกครั้งที่ปอเข้ามาข้างในก็ขนาดมันไม่ใช่เล่นๆเลย

   “อ่าาาาาา” ปอครางออกมาเสียงพร่าหลังจากที่ยัดตัวเองเข้าไปได้หมด รู้สึกได้ถึงความแน่นและแรงตอดรัดถี่ยิบภายใน
 
   “morning kiss” ปอว่าแล้วก้มลงจูบแลกลิ้นกับเลิฟอย่างดุเดือด มือหนาก็บีบเค้นไปตามลำตัวสะกิดปลายนิ้วที่จุกนมสองข้าง ด้านล่างก็ขยับเข้าออกช้าๆก่อนจะเปลี่ยนเป็นเร็วและแรงขึ้น

   “อืม...อือ...อ๊ะ..อ๊า” เสียงครางของเลิฟดังระงมทั้งห้อง ทุกครั้งที่ปอกระแทกเข้ามาด้วยความแรงมันทั้งเจ็บ ทั้งจุก ทั้งเสียวปนกันไป

   ปอเองก็ตั้งหน้ากระแทกกระทั้นรัวถี่ยิบ วันนี้เข้าไม่ได้โอ้โลมอะไรไอ้เลิฟมากเพราะไม่มีเวลา ตั้งหน้าตั้งตาเร่งเครื่องอย่างเดียวไม่นานก็รับรู้ได้ถึงแรงตอดรัดถี่ยิบ เป็นการส่งสัญญาณว่าใกล้จะปลดปล่อยของคนตัวเล็ก ปอเลยยิ่งเร่งกระแทกเข้าไปด้วยความเร็วและแรง ก่อนจะเน้นหนักอีกสองสามครั้งแล้วปลดปล่อยตามกันไปติดๆ

   “อ๊าาาาาาาาา”

   ปอถอนแก่นกายออกมาช้าๆ ก้มลงหอมแก้มชื้นเหงื่อของคนตัวเล็กแรงๆ แล้วจัดการอุ้มไปอาบน้ำล้างตัวในห้องน้ำเตรียมไปเรียน

...
...

   เลิฟก้าวเดินช้าๆเข้าไปในตึกเรียนที่คณะ เขารู้สึกปวดหนึบไปทั้งตัวด้านหลังก็เจ็บไปหมด เวลาเดินแต่ละทีมันขัดๆเหมือนมีอะไรมาเสียบคาไว้ เหลือบสายตาไปมองคนข้างๆอย่างหมั่นไส้ เมื่อเช้าบอกว่าไม่เอามันก็เอา มันบอกรอบเดียวแต่มันไปจัดในห้องน้ำให้เขาอีกรอบ ไอ้เลว ไอ้หื่น แล้วดูหน้าตามันตอนนี้ดิไอ้หน้านิ่งๆนั่นแม่งโคตรมีความสุข แต่เขาเนี่ยเป็นคนเจ็บตัว

   ปึก!!!!!!!

   เลิฟยกกำปั้นทุบเข้าไปที่อกของปอแรงๆด้วยความหมั่นไส้ปนหงุดหงิด ใจอยากจะเดินหนีเร็วๆแต่สภาพเขาตอนนี้ แค่เดินได้ปกติก็ถือว่าบุญมากแล้ว

   ปอมองหน้าคนตัวเล็กข้างๆแล้วก็ขำกับท่าทางงอนๆนั่น เมื่อเช้าเขาไม่ได้พาไอ้เลิฟกลับหอไปเปลี่ยนชุดเพราะไอ้ปิงมันมีเรียนบ่าย ถ้ายืมรถมันมาบ่ายเขาก็ต้องไปรับมันเลยตัดสินใจโบกแท็กซี่หน้าคอนโดมามหา’ลัย ส่วนชุดไอ้เลิฟมันก็ใส่ชุดเมื่อวานแต่ใส่เสื้อช็อปของเขาคลุมทับ มันก็บ่นกระปอดกระแปดโวยวายตามประสา มีวกมาด่าเขาด้วยที่เอาเปรียบมันเมื่อเช้า เอาเปรียบตรงไหนวะครับเห็นแม่งครางซะดัง

   วันนี้เขามีเรียนตอนบ่ายแต่ต้องมามหา’ลัยแต่เช้าเพราะว่ามาส่งไอ้เลิฟ จะปล่อยแม่งมาเรียนเองคนเดียวก็กลัวว่าตัวเองจะดูเหี้ยเกิน อีกอย่างเห็นท่าเดินมันแล้วอดสงสารไม่ได้ กว่าจะก้าวได้แต่ละก้าวดูทรมานสัสๆจะอุ้มมันเดินเข้ามหา’ลัยก็ไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเขาอายนะแต่ไอ้ตัวเล็กมันหน้าบาง

   ตอนนี้เขากับไอ้เลิฟเดินมานั่งที่โต๊ะใต้ตึกคณะ ส่วนไอ้เลิฟมันฟุบตัวนอนกับโต๊ะไปแล้ว เขาหันไปมองเสี้ยวหน้าที่ฟุบอยู่แล้วเอื้อมมือไปแตะที่ข้างแก้ม ตัวไอ้เลิฟมันเย็นๆหรือว่ามันจะไม่สบายหน้าก็ดูซีดๆด้วย เมื่อเช้าจะพาแวะกินข้าวมันก็ไม่ยอมกิน เขาขี้เกียจเถียงเลยตามใจมัน

   “กินอะไรรองท้องไหมวะ” ปอถามมือก็ยังลูบแก้มขาวเล่น

   “ไม่เอา...กูง่วง” เลิฟว่าเสียงอู้อี้

   “ไม่ไหวก็กลับไปนอนสภาพนี้มึงจะเรียนรู้เรื่องหรอวะ” 

   “เพราะมึงแหละ” เลิฟผงกหัวขึ้นมาตวาดเสียงเขียวแล้วฟุบตัวลงไปนอนต่อ ปากก็บ่นเสียงดังอู้อี้ออกมา

   “แม่ง!! กูปวดหัว ปวดตัวไปหมด”

   “หึ หึ” ปอขำเบาๆมือหนาก็ลูบหัวลูบแก้มคนตัวเล็กไปเรื่อยกำลังจะก้มลงหอมแก้ม ก็มีเสียงเรียกขัดจังหวะขึ้นซะก่อน

   “เลิฟ!!!!!!!” นาวตะโกนเรียกเลิฟเสียงดังก่อนจะเดินเข้ามาเร็วๆพร้อมกับพีท

   “อ้าว...พวกมึง” เลิฟเงยหน้าขึ้นมามองเพื่อน

   ตอนแรกนาวมองอยู่ไกลๆไม่แน่ใจว่าเป็นเลิฟรึเปล่าที่นอนฟุบอยู่ เพราะข้างๆมีพี่ปอนั่งอยู่ด้วยแถมยังเอามือลูบหัวเลิฟเล่นอีก พอเธอเห็นว่าพี่ปอกำลังจะก้มลงหอมแก้มเลยตัดสินใจเสี่ยงเรียกดู แล้วก็เป็นเลิฟจริงๆที่นอนฟุบอยู่คราวนี้เธอถึงกับงง พี่ปอกับเลิฟไปสนิทสนมกันตอนไหน ปกติเห็นอยู่ใกล้กันเพื่อนเธอก็จะกระโดดกัดหัวพี่เขาแล้ว

   “มึงเป็นไรวะหน้าซีดๆ” พีทเอื้อมมือมาจับหน้าผากด้วยความเป็นห่วง

   หมับ!!

   แต่ยังไม่ทันที่มือของพีทจะได้โดนหน้าของเลิฟ ก็มีมืออักคนจับที่ข้อมือของเขาไว้แน่นแล้วบีบแรงๆ พอหันไปมองก็เห็นเป็นพี่ปอที่จับมือเขาไว้แถมเพิ่มแรงบีบขึ้นเรื่อยๆ จนเขาต้องยอมถอยแล้วยกมือหนี

   “ถามก็พอไม่ต้องจับ” ปอว่าเสียงนิ่งแล้วส่งสายตาดุๆไปมองพีท

   พีทถึงกับเหวอหันไปมองหน้านาวเพื่อขอคำตอบแต่นาวเองก็หน้าเหวอไม่แพ้กัน พีทเลยได้แต่งงอยู่แบบนั้นเพราะแต่ไหนแต่ไรก็จับตัวเพื่อนเป็นเรื่องปกติ แล้วจู่ๆพี่ปอก็ไม่ให้เขาแตะทำท่าเหมือนหวงเพื่อนเขาซะอย่างนั้น มันจะเป็นไปได้ยังไงล่ะครับก็สองคนนี้มันไม่ถูกกันนี่หว่า

   “กูว่ามึงกลับไปนอนดีกว่าไหมวะ” ปอว่าอย่างเป็นห่วงเพราะหน้าเลิฟซีดมาก เอามือจับไปที่ตัวมันก็ไม่ร้อนแต่แม่งเหมือนไม่น่ารอด

   “ไม่เอาจะไปเรียน” เลิฟว่า เขาขาดเรียนไม่ได้หรอกยิ่งโง่ๆอยู่

   “แม่งดื้อ” ปอส่ายหัวหน่ายๆกับความดื้อของเลิฟ

   “เดี๋ยวกูรอกินข้าวเที่ยง”

   “อื้อ” เลิฟยักหน้ารับ ปอเลยก้มลงไปหอมแก้มเลิฟเบาๆ

   นาวกับพีทยืนเหวอตาโตเท่าไข่ห่านมองภาพตรงหน้าเหมือนเห็นผี ก่อนจะหันมองหน้ากันสองคนด้วยความงง สองคนนี้ไปสนิทกันขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ สิ่งที่ทั้งคู่ทำมันไม่ต่างจากคนเป็นแฟนกันเลยนะ ตัวเลิฟเองก็ไม่ได้ขัดขืนแถมทำท่าอ้อนๆใส่พี่ปออีก ไหนจะไอ้รอยแดงเป็นจ้ำที่มีให้เห็นทั่วคอ ไม่เจอกันแค่สองวันมันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย

   “ฝากมันด้วยนะ” ปอหันกลับมาบอกกับนาวที่ยืนเอ๋ออยู่

   “คะ...ค่ะ ป่ะเลิฟไปเรียนกัน” นาวว่าตะกุกตะกักแล้วมาดึงมือเลิฟไปเรียน ตอนนี้มันมีคำถามลอยอยู่เต็มหัวไปหมด แต่เธอไม่รู้จะเริ่มจากคำถามไหนดีจริงๆ

...
...

   ตอนเที่ยงเลิฟเดินลงมาด้วยสภาพสะโหลสะเหลยิ่งกว่าเมื่อเช้า สายตากวาดไปทั่วโรงอาหารเพื่อมองหาปอ จริงๆเขาโทรหามันแล้วแต่มันไม่รับ ที่มองหาไม่ใช่ว่าพิศวาสอะไรนะจะหาคนเลี้ยงข้าวต่างหาก

   เมื่อเช้าระหว่างที่นั่งเรียนเขาก็เจอสายตาที่มองมาแบบทิ่มแทงของเพื่อนทั้งคู่ พวกมันมองเขาด้วยความสงสัยโดยเฉพาะไอ้นาว มันมองซะจนเขานึกว่าตัวจะพรุนเพราะสายตามัน พวกมันเหมือนมีเรื่องอยากถามแต่ก็ไม่ถาม ซึ่งก็ดีเพราะเขาเองก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกัน

   กวาดสายตามองไปเรื่อยๆในที่สุดเขาก็เจอกับร่างสูงของปอ มันกำลังนั่งอยู่กับเพื่อนๆของมันนั่นแหละ แต่ข้างๆตัวมันมีร่างบางคุ้นตานั่งอยู่ด้วย

   ‘ปราง’ เลิฟรู้สึกจุกและหน่วงๆในใจขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ กระบอกตามันร้อนขึ้นมาเหมือนจะร้องไห้ ยิ่งเห็นปอเอามือลูบหัวปรางเขายิ่งรู้สึกแปลกๆไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน จริงๆแล้วตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขาก็รู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งนั่นแหละที่เห็นปออยู่กับผู้หญิง แต่มันแค่ความหมั่นไส้ไม่ใช่ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้แบบนี้

   “เลิฟมึงเป็นอะไรไหวป่ะเนี่ย” นาวที่เดินตามมาทีหลังเอ่ยถามอย่างตกใจ เพราะเห็นเลิฟทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แถมหน้ายังซีดลงกว่าเดิมอีก 

   “...........” เลิฟส่ายหัวปฏิเสธแต่ไม่ได้พูดอะไร นาวพาเลิฟมานั่งที่โต๊ะแทน

   พีทที่เดินมาสมทบทีหลังเห็นเลิฟนั่งเงียบซึมกระทืออยู่ก็มองด้วยความสงสัย หันไปขอคำตอบจากนาวก็ไม่ได้อะไร ถามว่ากินอะไรไหมจะไปซื้อให้มันก็ปฏิเสธ พีทเลยต้องนั่งกินข้าวไปเงียบๆแล้วเหลือบมองหน้าเลิฟเป็นระยะ

   ความเงียบโรยตัวปกคลุมอย่างอึดอัด เลิฟเอาแต่ก้มหน้ามือสองข้างกำเข้าหากันแน่น เล็บจิกเข้าไปในเนื้อจนรู้สึกเจ็บแต่ก็ไม่ยอมปล่อย ส่วนนาวกับพีทก็นั่งกินข้าวไปเงียบๆไม่กล้าพูดอะไร

   “น้องเลิฟอยู่นี่เอง” เสียงของโชนดังขึ้นทำลายความเงียบที่น่าอึดอัดพอดี

   “พี่โชน” เลิฟเงยหน้าขึ้นมามองก็เห็นหน้าพี่รหัสของตัวเองกำลังส่งยิ้มให้

   “เป็นอะไรครับหน้าซีดๆ” โชนว่าแล้วเอามือมาอังที่หน้าผากเลิฟด้วยความป็นห่วง พยายามไม่สนใจรอยแดงที่คอนั่นมันดูชัดกว่าเมื่อวันเสาร์ซะอีก เหมือนรอยที่พึ่งจะทำขึ้นได้ไม่นาน จริงๆวันนั้นเขาก็อยากรู้ว่าเป็นรอยอะไรแต่ก็ไม่กล้าถามเลยทำมองข้ามๆไป

   “.......” เลิฟส่ายหัวตอบแล้วก้มหน้ามองมือที่ตักต่อ

   “งั้นไปกินไอติมกับพี่ไหมเราสัญญากันแล้วนะ” โชนส่งยิ้มให้ไม่ได้ถามเซ้าซี้อะไรต่อ แล้วชวนเลิฟไปกินไอศครีมแทน เพราะเมื่อวันเสาร์ตอนที่เลิฟโทรมาขอโทษน้องรับปากเขาไว้แล้ว

   “คือ..ผม...” เลิฟกำลังจะอ้าปากปฏิเสธเพราะรู้สึกไม่สบายตัว แต่ก็มีเสียงดังขึ้นบนหัวซะก่อน

   “กูรอกินข้าว” ปอว่าเสียงเย็นเหลือบสายตาผ่านแว่นมองไปที่โชน  แล้วหันมาสบตากับเลิฟที่เงยหน้ามามองตัวเองอยู่
   “กูไม่หิว” เลิฟว่าแล้วเบือนสายตาหนีปอ เพราะตอนนี้ปอยืนอยู่กับปรางที่เกาะแขนเจ้าตัวเอาไว้

   “เลิฟเป็นอะไรรึเปล่าหน้าซีดๆนะ” ปรางปล่อยมือที่เกาะแขนปอออก แล้วเอามือมาอังหน้าผากเลิฟด้วยความเป็นห่วง ส่วนเลิฟก็ได้แต่ส่ายหน้าเป็นคำตอบ

   “น้องเลิฟครับตกลงไปกินไอติมกับพี่นะ” โชนถามเลิฟเสียงอ่อนโยนแต่ตาจ้องเขม็งไปที่ปอ ซึ่งปอเองก็มองกลับด้วยแววตาเหี้ยมๆ

   พีทกับนาวที่นั่งอยู่ตรงนั้นกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก ข้าวนี่ไม่ต้องกินมันแล้วเตรียมตัวจะเผ่นทันทีที่เขาตีกัน ส่วนปรางก็นั่งถามไถ่เอามือจับไปตามตัวเลิฟด้วยความเป็นห่วง เลิฟเองก็เอาแต่ก้มหน้าไม่มองอะไร
 
   “รอกูอยู่นี่กูไปหาอาจารย์แป๊บเดียว...ปะปราง” ปอหันมาบอกเลิฟก่อนจะดึงมือปรางขึ้น ปรางหันมาส่งยิ้มให้เลิฟแล้วเกาะแขนปอเดินออกไป เลิฟเงยหน้ามองตามแผ่นหลังทั้งคู่ด้วยแววตาสั่นๆ

   “น้องเลิฟไม่เป็นไรนะ” โชนยกมือลูบหัวเลิฟเบาๆอย่างปลอบโยน

   “พี่โชนเราไปกินไอติมกันเถอะ” เลิฟพูดเสียงสั่นลุกขึ้นยืนสะพายเป้เตรียมตัวไป

   “ครับ” โชนตอบรับแล้วลุกขึ้นตามอย่างว่าง่าย

   “เฮ้ย!! เลิฟพี่ปอบอกให้มึงรอ” พีทพูดขึ้นแล้วดึงมือเลิฟเอาไว้

   “ช่างมัน” เลิฟว่าเสียงสะบัด

   “ไปครับพี่โชน” เลิฟจูงมือโชนให้เดินออกจากบริเวณนั้นทันที

   พีทพยายามร้องห้ามแต่เลิฟไม่ฟัง เดินขึ้นรถพี่โชนแล้วขับออกไปเลย ถ้าพี่ปอลงมาแล้วไม่เจอมันจะเกิดอะไรขึ้นป่ะวะ เขาไม่รู้แหละว่าพี่ปอกับเพื่อนเขาเป็นอะไรกันแต่จากสีหน้าพี่ปอเมื่อกี้ ถ้าลงมาไม่เจอไอ้เลิฟงานนี้มีคนได้เลือดแน่ๆครับเผลอๆเป็นกูก่อนเนี่ยแหละ หันไปมองหน้าไอ้นาวมันก็ส่งยิ้มแหยๆมาให้

   ‘เฮ้ออออออออออออ’


2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 14 (31/01/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 31-01-2016 11:08:05
กับดักที่
- 14 -



   หลังจากที่แยกกับเลิฟปอก็เดินมาส่งปรางที่หน้าคณะเพราะเป็นห่วงน้องสาว ตอนปรางเดินเข้ามาพวกผู้ชายที่คณะมองตามคอแทบหักแหกปากแซวกันสนั่น อย่างว่าละครับพวกวิศวะเถื่อนๆนานๆจะมีสาวสวยเดินหลงเข้ามาที่คณะ แล้วก็ยิ่งโคตรเด่นเพราะเดินมาหาไอ้แว่นแบบเขา สายตาแต่ละคนแม่งแสดงออกเลยว่าอิจฉาสัสๆ

   วันนี้ยัยปรางอุตส่าห์ลงทุนเดินมาหาเขาที่คณะ เพราะไอ้ป้องมันโทรมาบอกให้เอากุญแจรถของมันมาให้เขาใช้ (เห็นว่าตาแก่ที่บ้านหงุดหงิดพอสมควรที่ไอัป้องให้เขายืมรถ) ตอนแรกยัยปรางว่าจะกลับเลยพอรู้ว่าเขารอกินข้าวกับไอ้เลิฟ เจ้าตัวเลยไม่ยอมกลับจะรอกินข้าวด้วย ไม่รู้จะชอบอะไรไอ้เลิฟขนาดนั้น

   เขานั่งรอไอ้เลิฟอยู่กับยัยปรางสักพักพวกไอ้กิงก็ตามมา ปรางมันโดนไอ้กิงหยอดขนมจีบแซวไปเรื่อย ไอ้กิงมันโรคจิตครับชอบโดนปรางด่า พอโดนด่าแม่งก็นั่งหัวเราะมีความสุข (สองคนนี้มันสนิทกันครับ)

   รอเกือบบ่ายก็ยังไม่เห็นไอ้เลิฟมันลงมา จนไอ้ฝุ่นที่นั่งฝั่งตรงข้ามชี้มือไปที่ด้านหลังของเขา  พอหันไปมองตามเจอไอ้เหี้ยโชนเอามือแตะหน้าผากไอ้เลิฟอยู่ กำลังจะลุกไปหามันที่โต๊ะอยู่แล้วแต่ไม่ทันยัยปรางที่จัดการลากแขนเขาลุกไปเลย พวกไอ้กิงก็เลยไม่มีใครถามอะไรสักคน

   พอเห็นหน้าไอ้เหี้ยโชนใกล้ๆแบบนี้ เขาแทบจะควักลูกตาแม่งออกมาสายตาโคตรจะท้าทาย มือมันก็เหมือนกันอยากเอาแม่งมาตัดทิ้งฉิบหาย ชอบจับดีนักวันนั้นในห้างก็ทีนึงแล้ว ถ้าไม่ติดว่าไอ้ต้าเคยขอไว้กูกระทืบแม่งตั้งแต่เปิดเทอม

   หันกลับมาหาไอ้ตัวดีที่ปล่อยให้เขานั่งรอกินข้าวแต่ตัวเองเสือกมานั่งอ่อยคนอื่น ตั้งใจจะจัดการไอ้เลิฟก่อนคนแรกแต่พอเห็นหน้ามันชัดๆเล่นเอาเขาไม่กล้าทำอะไรต่อ หน้ามันซีดยิ่งกว่าเมื่อเช้าอีกแล้วสายตาที่ใช้มองมาที่เขานี่โคตรตัดพ้อ ว่าแต่แม่งน้อยใจอะไรเขากันล่ะวะ

   สุดท้ายเขาเลยบอกให้มันนั่งรอแทน เดี๋ยวค่อยกลับมาเคลียร์ครับขอไปหาอาจารย์ก่อน
   เมื่อกี้ว่าจะจับตัวมันดูหน่อยนะครับว่าตัวร้อนไหม แต่มันเสือกสะบัดหน้าหนีกูเลยไม่จับแม่ง อยากทำเหี้ยอะไรปล่อยให้ทำค่อยเคลียร์

   “พี่ปอไปไหนต่อป่ะ” เสียงอิ๊กถามปอหลังจากออกมาจากห้องอาจารย์

   “มึงมีไร”

   “ว่าจะชวนไปกินเหล้าเดี๋ยวไปชวนพวกพี่กิงเฮียอาร์ตด้วย”

   “โทษทีว่ะพอดีกูมีธุระ” ปอว่าอิ๊กก็พยักหน้ารับรู้แล้วเดินไป

   อิ๊กเรียนสาขาเดียวกันกับปอเป็นรุ่นน้องที่สนิทกันกับพวกกิง ทีแรกอิ๊กกับเพื่อนไม่ชอบปอคอยตามหาเรื่องในมหา’ลัยตลอด จนปอทนไม่ไหวเลยนัดออกมาเคลียร์ สุดท้ายก็ได้แผลกันไปบ้างนิดหน่อยประดับเกียรติยศ

   หลังจากนั้นพวกไอ้อิ๊กมันเลยเคารพเขาเป็นพี่มันอีกคน เวลามีใครมาหาเรื่องเขามันก็ลากออกไปเคลียร์ให้หมดโดยที่เขาไม่ต้องเปลืองแรงทำเอง ถ้าจะมีใครที่เขาไม่เคยจัดการอะไรเลยก็คงมีแค่ไอ้เลิฟเนี่ยแหละ แถมมันไม่เคยรู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองหวุดหวิดจะโดนตีนพวกไอ้อิ๊กหลายรอบแล้ว แต่เขาคอยห้ามเอาไว้ 

   “มันไปไหน” ปอหันไปถามพีทกับนาว เพราะเขาเดินกลับมาหาไอ้เลิฟที่เดิมแล้วไม่เห็นมัน

               “ไปแล้วพี่” พีทตอบส่งยิ้มแหยๆให้ปอ

               “ไปกับใคร” ปอถามเสียงเย็น

               “ไปกับพี่โชน”

               “...............”

               “เห็นว่าจะไปกินไอติมแต่ไม่รู้ว่าไปกินที่ไหนกันอ่ะพี่” พีทกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก ไอ้นาวที่นั่งข้างๆก็ไม่คิดจะช่วยกันตอบคำถามอะไรเลย ถ้าพี่ปอกระทืบเขาแก้โมโหจะทำไงวะดูพี่แกทำหน้าดิอย่างเหี้ยม

              ปอกำมือตัวเองแน่นจนรู้สึกเจ็บเส้นเลือดที่ขมับเต้นดังตุ๊บๆ กูบอกให้แม่งรอไม่ใช่เหรอวะแต่ไปแดกไอติมกับไอ้โชนนี่คือยังไง จะลองดีรึไงวะถึงกล้าขัดคำสั่งแล้วเสือกไปทั้งสภาพแบบนั้น มันไม่รู้ตัวรึไงว่าไอ้โชนชอบมันอยู่ ถ้าไอ้โชนจะลากมันไปทำห่าอะไรมันไม่มีปัญญาสู้แน่ๆ แม่งเถียงเก่งอย่างเดียว

               เอามือล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาจะโทรตามก็ต้องชะงักไปนิด เห็นเบอร์ไอ้เลิฟโทรมาไม่ได้รับเกือบสิบสายเมื่อตอนเที่ยง เขาปิดเสียงโทรศัพท์ไว้ตั้งแต่วันศุกร์แล้วมัวขลุกตัวอยู่กับมันนั่นแหละเลยลืมเปิด เพราะงี้รึเปล่าวะมันถึงทำหน้าแบบนั้นใส่เขางี่เง่าฉิบหายเหอะ

               แล้วนี่เขาก็เป็นห่าอะไรได้เปิดซิงไอ้เลิฟคนแรกแค่นี้ทำอย่างกับไม่เคยเปิดซิงใคร ทำไมต้องหวงต้องห่วงมันด้วยก็ไม่รู้ทั้งๆที่แต่ก่อนแม่งก็ไม่เป็น สับสนชีวิตฉิบหายตอนนี้

               “(หมายเลขที่ท่านเรียกไม่.....)” เสียงปลายสายที่ตอบกลับมา ทำให้ปอกดตัดทิ้งแล้วโทรซ้ำอยู่อย่างนั้นทั้งๆที่รู้ว่ายังไงก็โทรไม่ติดแต่เขาก็โทร อย่าให้กูเจอนะว่าอยู่ไหนกูเอาแม่งตายทั้งคู่ ปอวางสายแล้วตัดสินใจโทรหาอีกคนที่จะช่วยเขาตามหาไอ้เลิฟได้

               “มึงอยู่ไหน”

               “(สนามแข่งมีไรวะ)”

               “เด็กมึงมันเอาเด็กกูไป”

               “(เด็กกู? เด็กมึง? ใครวะ)”

               “ถ้ามึงไม่อยากให้กูกระทืบเด็กมึงตาย มึงไปลากแม่งออกไปให้ไกลๆเด็กกูเดี๋ยวนี้”

               “(เฮ้ยมึงใจเย็นๆก่อนเด็กมึงคนไหนวะ แล้วเด็กกูคนไหนที่ไปยุ่งกับเด็กมึง)”

               “ไอ้โชน”

               “(...............)”

               “หามันให้เจอก่อนที่กูจะกระทืบมัน” ปอว่าเสียงเย็น

               “(เออ...เดี๋ยวกูจัดการให้)” แล้วปลายสายก็กดตัดไป

   เขาพยายามจะไม่สนใจเรื่องไอ้โชนแล้ว แต่แม่งวอนตีนเหลือเกินหาเรื่องเขาตลอด มันคงคิดว่าเขาไม่กล้าทำอะไรมัน ถ้าไม่เพราะถูกขอไว้เขาลากมันไปกระทืบหลายรอบแล้ว

   ตั้งแต่เปิดเทอมมามันตามหาเรื่องเขาตลอด ยิ่งไอ้เลิฟมาวุ่นวายกับเขาแม่งยิ่งกวนตีนหนัก ถ้ามันรู้ว่าเขาได้ไอ้เลิฟแล้วแม่งคงบ้าหนักกว่านี้

               ปอมองโทรศัพท์ในมือเล็กน้อยก่อนจะยัดลงกระเป๋ากางเกง แล้วเดินออกมาจากตรงนั้นก้าวขาขึ้นรถแล้วขับออกไปด้วยความเร็ว ทิ้งให้นาวกับพีท  มองตามแบบหายใจไม่ทั่วท้อง

               ‘ซวยแล้วไอ้เลิฟ’ พีทคิดในใจอย่างเป็นห่วง

   นาวก็พยายามโทรหาเลิฟรู้ว่ามันปิดเครื่องแต่ก็ยังโทร เผื่อเลิฟมันเปิดเครื่องจะได้เตือนมันว่าให้หาทางหนี ทั้งๆที่พี่ปออาจจะตามหามันไม่เจอก็ได้ แต่ถ้าให้เดามันก็อยู่ที่ห้างใกล้มหา’ลัยเนี่ยแหละชัวร์ๆ นาวเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมพี่ปอต้องโมโหขนาดนั้น คือไม่เข้าใจอะไรสักอย่างเลยตอนนี้

...
...

   เลิฟนั่งซึมกระทือตักไอติมในถ้วยเล่นไปเรื่อยๆ จริงๆก็แอบกลัวเหมือนกันนะที่ขัดคำสั่งไอ้ปอแบบนี้ แต่ทำไมเขาต้องฟังมันละในเมื่อไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย คิดถึงตรงนี้ใจมันก็โหวงๆเจ็บในอกขึ้นมาดื้อๆ 
 
   ไม่รู้มันจะโมโหรึเปล่าที่เขาหายมาแต่ให้เดามันคงไม่รู้สึกอะไรหรอก ก็เขาไม่ได้เป็นอะไรกับมันนอกจากคนที่มันนอนด้วย และก็คงมีคนแบบเขาอีกเป็นสิบนั่นแหละ ทั้งๆที่เข้าใจแต่ทำไมมันต้องรู้สึกแย่ก็ไม่รู้

   “ไอติมไม่อร่อยเหรอครับ” โชนที่นั่งสังเกตุเลิฟมาสักพักถามขึ้น

   “เปล่าครับแค่อิ่ม” เลิฟส่งยิ้มให้โชนจางๆ

   “อิ่มอะไรกันยังไม่เห็นกินสักคำเอาแต่ตักเล่น หรือว่าเบื่อที่ต้องมากับพี่”

    “ขอโทษครับพอดีเลิฟรู้สึกไม่ค่อยสบายนิดหน่อย” เลิฟเงยหน้ามองโชนอย่างสำนึกผิด นี่เขาทำพี่โชนเสียความรู้สึกอีกแล้วใช่ไหม

   “ไม่สบายแล้วทำไมไม่บอกพี่ละครับไปหาหมอไหม” โชนถามด้วยความเป็นห่วง

   “นอนพักกินยาเดี๋ยวก็หายครับ”

   Tru…Tru…Tru…

   ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์ของโชนก็ดังขึ้น เขาก้มมองเบอร์ที่โทรเข้าแล้วกดตัดสายทิ้งอย่างไม่สนใจ สักพักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกเขาเลยตัดสินใจกดปิดเครื่อง

   โชนพาเลิฟออกมากินไอศครีมในห้างแถวมหา’ลัย ตอนที่เขาเดินไปชวนไม่ได้คิดว่าน้องจะมาด้วยแต่น้องดันลากเขาออกมาซะงั้น มองดูก็รู้ว่ากำลังประชดไอ้มหาปอแน่ๆ เขาไม่รู้ว่าน้องกับไอ้มหาเป็นอะไรกันแต่ไอ้มหามันออกอาการหวงน้องแบบเห็นได้ชัด เผลอๆไอ้รอยแดงๆที่คอก็ฝีมือมันนั่นแหละ
 
   เขาตามจีบน้องเลิฟก็จริงแต่ถ้าน้องมีแฟนแล้วเขาก็ไม่ยุ่ง แต่ที่ยังวุ่นวายกับน้องเพราะเขาเป็นห่วงและน้องก็นิสัยน่ารักดี ยอมรับนะครับว่าตัวเองจงใจกวนตีนไอ้ปอด้วย คือหมั่นไส้แม่งครับทำเป็นหวงน้องเขาไว้ ทั้งๆที่แม่งก็ไม่ได้เป็นอะไรกับน้อง (ถ้าน้องยังไม่บอกว่ามันเป็นอะไรกับน้องเขาก็ไม่นับ)

   หลายครั้งที่เวลามองหน้าไอ้ปอแล้วเขารู้สึกคุ้นๆ เหมือนเคยเจอมันที่ไหนมาก่อนแต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก เขาเลยชอบเข้าไปหาเรื่องมันก็คงคิดว่าเขาไม่ชอบมัน (ซึ่งก็เป็นเหตุผลส่วนนึง) แต่จริงๆเขาแค่อยากไขข้อสงสัยของตัวเอง ลักษณะท่าทางแบบนี้หน้าตาแนวๆนี้เขาเคยเจอที่ไหน

   “พี่โชนเป็นอะไรครับคิ้วขมวดกันเป็นปมเลย” เลิฟถามขึ้นเพราะเห็นว่าจู่ๆโชนก็เงียบไป

   “โทษครับพี่แค่คิดอะไรเพลินๆน่ะ” โชนว่าแล้วเอื้อมมือไปขยี้หัวเลิฟจนผมกระจาย ก่อนจะกลับไปนั่งตักไอศครีมกินต่อ
 
   เลิฟนั่งมองโชนกินไปแล้วก็นั่งถอนหายใจ เขาโชคดีที่พี่โชนไม่ถามอะไรเลย แอบเห็นนะว่าพี่โชนมองมาที่คอของเขาบ่อยๆแค่มองก็รู้ว่ามันเป็นรอยอะไร แต่ที่ทำให้เขาแปลกใจก็คือที่คอของพี่โชนเองก็มีรอยแดงๆแบบเขาเหมือนกัน แค่มันน้อยกว่าและไม่เห็นชัดเหมือนเขา

   แล้ววันนี้พี่โชนก็ดูแปลกๆหลายคนอาจจะมองว่าเหมือนเดิม แต่เขารู้ว่ามันไม่ใช่พี่โชนยิ้มแต่ตาพี่โชนเศร้า เหมือนพี่โชนมีอะไรในใจแต่พยายามฝืนให้ตัวเองเป็นปกติ เขาอยากถามก็กลัวจะโดนหาว่าเสือกเลยเลือกที่จะไม่ถาม

   “น้องเลิฟอิ่มยังครับ” โชนถามหลังจากที่นั่งกินของตัวเองจนหมด

   “อิ่มแล้วครับ”

   “อิ่มได้ไงพี่ไม่เห็นเรากินสักคำ”

   “พี่โชนอ่ะ” เลิฟหน้าแดงนิดๆเพราะโดนแซว

   “ฮ่าๆพี่ล้อเล่น คราวหลังไม่อยากมาก็ปฏิเสธพี่ตรงๆก็ได้ไม่ต้องเกรงใจ”

   “ขอโทษครับ”

   “ขอโทษอีกแล้วพี่ไม่ได้ว่าแค่บอกให้รู้เฉยๆ” โชนว่าอย่างเอ็นดู

   “ครับ” เลิฟพยักหน้ารับรู้

   “ดีมาก” โชนว่าแล้วเอื้อมมือไปขยี้หัวเลิฟเล่นอีก ไม่รู้ทำไมชอบขยี้หัวน้องเลิฟเล่น

   “กลับกันเลยไหมเดี๋ยวพี่ไปส่งแล้วเราจะได้ไปพักผ่อนด้วย”

   “กลับเลยก็ได้ครับ”

   “ว่าแต่เราไหวนะไม่ต้องไปหาหมอแน่นะ” โชนถามย้ำอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงเพราะหน้าเลิฟดูซีดๆ เอื้อมมือไปจับหน้าผากก็ไม่ร้อนแต่มันจะไม่เป็นอะไรจริงๆเหรอ

   “ไหวครับเดี๋ยวเลิฟแวะซื้อยาที่ร้านขายยากินเอาก็ได้” เลิฟยิ้มบางๆให้ โชนเลยพยักหน้าก่อนจะเรียกพนักงานมาเก็บเงิน

   ปอตัดสินใจขับรถมาตามหาเลิฟที่ห้างใกล้ๆมหา’ลัย เมื่อกี้เขาพึ่งรับโทรศัพท์จากเพื่อน มันบอกว่าโทรหาไอ้โชนแล้วแต่ไอ้โชนก็ปิดเครื่องเหมือนกัน มันเลยบอกว่าจะขับรถตามมาที่นี้ แม่งปิดโทรศัพท์ทั้งคู่แบบนี้มันทำเหี้ยอะไรกันวะ ไปแดกไอติมถึงไหนทำไมต้องปิดโทรศัพท์ 

   ปอรู้สึกร้อนรนแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนพยายามไม่คิดอะไร แต่เรื่องเหี้ยๆแม่งผุดขึ้นเต็มหัวไปหมด ยอมรับว่ากลัวครับเขาได้ไอ้เลิฟมาง่ายๆกลัวว่าคนอื่นแม่งจะได้ไปง่ายๆเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าไอ้เลิฟมันใจง่ายแต่มันหัวอ่อน ทั้งๆที่กัดกับเขาจะตายตะล่อมมันนิดเดียวเขายังได้มันเลย แล้วกับคนอื่นจะต่างเหรอวะยิ่งคิดแม่งยิ่งเครียด

   ปอเดินวนหาเลิฟรอบห้างมองตามร้านอาหารทุกร้านไม่ใช่แค่ร้านไอศครีม ไม่ลืมที่แวะไปถามหามันที่ร้านดอกไม้แต่มันก็ไม่อยู่

   แล้วสายตาของปอก็ปะทะกับร่างสองร่างที่เขารู้จักดี ปอยืนมองภาพตรงหน้าผ่านกระจกเข้าไปในร้านด้วยสีหน้าดุดัน ฝ่ามือกำแน่นทั้งสองข้างจนเส้นเลือดขึ้น

   เขายืนมองภาพไอ้เลิฟกับไอ้โชนนั่งหยอกล้อกันด้วยความโมโห ในอกมันเดือดไปหมดยิ่งเห็นไอ้โชนเอามือขยี้หัวไอ้เลิฟ เอามือจับหน้ามันยิ่งโมโห แถมไอ้เลิฟยังเสือกยิ้มกว้างหัวเราะมีความสุขให้เห็นอีก

   ที่จริงมันกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน แค่นอนด้วยกันครั้งสองครั้งเขาไม่ควรโมโหขนาดนี้ แต่แล้วยังไงล่ะถ้าเขายังไม่เบื่อไม่ได้เป็นคนปล่อยมือเอง มันก็ไม่มีสิทธิ์ไปหัวเราะมีความสุขกับไอ้เหี้ยหน้าไหนทั้งนั้น!!

   “กูเจอมันแล้วที่ร้านxx ชั้นx” ปอโทรบอกเพื่อนเสียงเย็น

   “(เออๆกูถึงแล้วเดี๋ยวตามไปอย่าพึ่งมีเรื่องนะไอ้เหี้ย)”

   “5 นาทีกูทนได้แค่นั้น” แล้วปอก็กดตัดสายไปเลย

   เขายืนอยู่หน้าร้านสักพักพยายามข่มความโกรธแล้วจะตัดสินใจเดินเข้าไปในร้าน ยิ่งเดินเข้าไปใกล้เท่าไหร่เสียงหัวเราะของไอ้เลิฟยิ่งชัด มีความสุขจังนะมึงกูอยากจะรู้จริงๆถ้าเห็นหน้ากูมึงจะทำหน้ายังไง

   ปอเดินเข้ามาเรื่อยๆจนถึงโต๊ะของเลิฟ โชนที่นั่งพูดแหย่เลิฟอยู่ชะงักไปเล็กน้อยกระตุกยิ้มนิดๆ แล้วยักคิ้วกวนประสาทส่งมาให้ปอที่ยืนอยู่ข้างหลังเลิฟ

   ส่วนเลิฟที่เห็นว่าจู่ๆโชนก็เงียบไปเลยขมวดคิ้วสงสัย กำลังจะหันหลังกลับไปมองเพราะเห็นว่าโชนจ้องไปที่ข้างหลังตัวเอง แต่ก็ต้องชะงักเพราะเสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลังซะก่อน

   “กินไอติมอร่อยไหม” ปอก้มลงถามเลิฟข้างๆหูเสียงเย็น

    “ปอ...” เลิฟครางชื่อปอออกมาเบาๆไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าใครแล้วเขาก็ไม่กล้าหันกลับไปมองด้วย เพราะฟังจากเสียงก็รู้แล้วว่ามันทำหน้ายังไง

    ‘เขาไม่ชอบเวลามันทำเสียงแบบนี้เลยจริงๆ’

2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 13-14 (31/01/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 31-01-2016 14:52:19
ตีกันเลยไหม อยากเห็น
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 13-14 (31/01/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: BBG ที่ 31-01-2016 16:50:07
 :pighaun: :-[โชนเป็นเด็กใครนะ!!!...อยากอ่านต่อแล้วอ่ะ พี่ปอก้อช่วยแคร์เลิฟหน่อยเหอะ เลิฟออกจะน่ารักขนาดนั้น เอาใจช่วยคนเขียนมาต่อจนจบนะ....แต่คิดว่าเรื่องนี้น่าจะยาวนะ...แต่ก้อชอบ จะรออ่านอย่างตั้งใจเลย.. :hao5: o13
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 13-14 (31/01/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 31-01-2016 18:37:17
อ่านอีกรอบก็ยังสนุก  o13
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 13-14 (31/01/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 31-01-2016 19:10:33
อ่านอีกรอบก็ยังสนุก  o13
จุ๊ๆๆ อย่าไปบอกเขา เด๋วเขารู้ว่ามันไม่ได้นิยายใหม่ 55
 :laugh: :m20:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 13-14 (31/01/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 31-01-2016 23:13:05
 :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:ปอหีงเลิฟอะดิ :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 15 (01/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 01-02-2016 02:02:12
กับดักที่
- 15 -
           


   “กูถามไม่ได้ยินเหรอวะ” ปอโน้มตัวเอามือเท้าโต๊ะคร่อมเลิฟไว้ทั้งตัว ปากถามย้ำกับเลิฟที่ข้างหูแต่สายตาจ้องไปที่หน้าโชนเขม็ง

               เลิฟกลืนน้ำลายลงคอเบาๆ ก้มหน้าลงมองพื้นไม่ยอมสบตาใครทั้งนั้น มือสองข้างถูกเจ้าของกำไว้แน่นบนตัก ริมฝีปากเม้มแน่นเหมือนเด็กกลัวความผิดหัวใจเต้นแรงแทบจะทะลุออกมาจากอก เขาไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลยให้ตายสิ

               ความรู้สึกของเลิฟตอนนี้มันปนกันมั่วไปหมด เขาตกใจและดีใจที่เห็นปอตามมา แต่มันก็สับสนเพราะไม่เข้าใจว่าปอตามมาทำไม แล้วก็รู้สึกกลัวเพราะตัวเองขัดคำสั่ง

               โชนที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับเลิฟก็จ้องหน้าปอกลับอย่างไม่ยอมแพ้ เขารู้สึกหมั่นไส้ไอ้ปอสุดๆไอ้หมาหวงกาง ดูมันทำหน้าทำตาสิครับนี่ถ้าไม่มีโต๊ะขวางไว้มันคงกระโดดมางับหัวเขาแล้ว ดูยังไงไอ้บ้านี่มันก็ไม่มีทางเป็นเด็กติ๋มๆหรือเด็กเรียนแบบการแต่งตัวของมันแน่ๆ เด็กเรียนบ้าอะไรท่าทางอย่างกับนักเลง

               เวลาแค่ไม่กี่นาทีที่ปอเหยียบเข้ามาในร้าน แต่มันเหมือนนานเป็นชั่วโมงในความรู้สึกของเลิฟ ความเงียบและความกดดันที่แผ่ออกมาจากตัวปอยิ่งทำให้เขาอึดอัด

   ระหว่างที่บรรยากาศในโต๊ะเริ่มคุกรุ่นขึ้นเรื่อยๆพนักงานเสิร์ฟก็เดินมาเก็บเงินพอดี โชนควักกระเป๋าตังออกมาเตรียมจ่ายเงิน แต่ปอที่ยืนอยู่ไวกว่าควักแบงค์พันออกจากกระเป๋า แล้ววางใส่ถาดบนมือเด็กเสิร์ฟตัดหน้าโชน

   “ไม่ต้องทอน” เด็กเสิร์ฟถึงกับตาโตขอบคุณปอเป็นการใหญ่ เพราะค่าไอศครีมมันไม่กี่ร้อยเอง

   “กลับ” ปอกระชากเลิฟขึ้นจากเก้าอี้แรงๆ แต่เจ้าตัวพยายามขืนตัวเองไว้ไม่ให้ไปตามแรงกระชากของปอ

    “ลุก” ปอสั่งเสียงเข้มพร้อมกับออกแรงกระชากมากกว่าเดิม แต่เลิฟก็ยังขืนตัวไว้ ส่ายหัวไปมาไม่ยอมท่าเดียว

   “มึงจะลองดีใช่ไหมวะ!!!” ปอตะคอกเสียงดังลั่นจนลูกค้าคนอื่นหันมามองที่โต๊ะเลิฟเป็นตาเดียว เปลี่ยนจากดึงมือมาบีบต้นแขนของเลิฟไว้แน่น จนเลิฟถึงกับเบ้หน้าด้วยความเจ็บ

   โชนที่นั่งมองอยู่อีกฝั่งถึงกับทนไม่ไหว ตัดสินใจลุกขึ้นมาดึงมือปอออกจากแขนเลิฟด้วยความสงสาร เพราะเห็นว่าเลิฟเบ้หน้าน้ำตาคลอเบ้าจะไหลออกมาอยู่รอมร่อ โชนพยายามจะดึงเลิฟออกมาจนปอหันมามองตาขวางไม่ปิดบังอาการอะไรอีก

   “อย่าเสือก!!!” ปอตะคอกใส่โชนเสียงเหี้ยม ปล่อยมือออกจากแขนเลิฟแล้วหันมากระชากคอเสื้อโชนเข้าหาตัวเองเต็มแรง
 
   “กูไม่ได้อยากเสือก!! แต่มึงแหกตาดูบ้างไหมว่าแขนน้องแดงไปหมดแล้ว!!” โชนตะคอกปอกลับเสียงดังไม่แพ้กัน ก่อนจะชี้นิ้วไปที่แขนของเลิฟ   

   “.............” ปอเบนสายตาไปมองตามก็เห็นว่าต้นแขนของเลิฟแดงอย่างที่โชนว่ามาจริงๆ

   เลิฟก็นั่งก้มหน้าเอามือขึ้นมาลูบต้นแขนข้างที่ถูกบีบไปมา น้ำตาที่คลอเบ้าค่อยๆไหลลงมาตามแก้ม ก่อนจะหยดลงบนตักเรื่อยๆไม่ขาดสาย ริมฝีปากบางถูกเจ้าตัวกัดไว้แน่นกลั้นเสียงสะอื้น

   ปอมองเลิฟที่นั่งร้องไห้แล้วก็ใจกระตุกพอสมควร เขาไม่ได้อยากทำมันร้องไห้แต่มันขัดคำสั่งเขาก่อน อยากจะปลอบให้เลิกร้องไห้เหมือนกันแต่เขาเลือกที่จะไม่ทำ มันต้องเรียนรู้ว่าไม่ควรขัดคำสั่งเขา

    “เอ่อ...มีอะไรกันรึเปล่าคะ” ผู้จัดการร้านที่ยืนดูเหตุการณ์ห่างๆตั้งแต่แรก ตัดสินใจเดินเข้ามาถามปอด้วยท่าทางกล้าๆกลัวๆ
 
   ปอหันกลับมามองหน้าคนถามนิ่งๆไม่ตอบอะไร ก่อนจะปล่อยคอเสื้อโชนแล้วผลักออกไปเต็มแรง จากนั้นก็หันกลับมากระชากเลิฟออกจากโต๊ะ ซึ่งคราวนี้เลิฟลุกตามแรงกระชากอย่างว่าง่าย

   “ปล่อย” เลิฟพยายามสะบัดข้อมือตัวเองให้หลุดจากมือปอ ฝ่ามือเล็กอีกข้างก็ฟาดไปตามแขนปอแรงๆให้ปล่อย เพราะตอนนี้เขารู้สึกเจ็บข้อมือไปหมด

   ปอกำมือแน่นบีบลงไปที่ข้อมือเลิฟแรงกว่าเดิม เขาไม่สนใจเสียงโวยวายและอาการดิ้นรนของเลิฟ ไม่แม้แต่จะชายตาหันมามองคนข้างหลังเลยด้วยซ้ำ ตั้งหน้าตั้งตากระชากแขนเลิฟจนมาถึงลานจอดรถ จัดการเปิดประตูฝั่งคนขับออกแล้วเหวี่ยงเลิฟเข้าไปข้างใน แต่มีมือมากระชากปอจากทางด้านหลัง จากนั้นก็มีแรงกระแทกหนักๆเข้าที่ใบหน้าเต็มแรง ปอถึงกับเซล้มเพราะไม่ทันตั้งตัวแว่นที่ใส่ไว้หลอกๆหล่นลงไปกองกับพื้น

   โชนวิ่งตามหลังปอกับเลิฟออกมาติดๆเพราะกลัวว่าปอจะทำอะไรรุนแรงกับเลิฟ เขาเห็นปอพยายามจะจับเลิฟขึ้นรถด้วยความเป็นห่วงน้องรหัสของตัวเอง เขาเลยตัดสินใจกระชากปอออกมาและซัดกำปั้นเข้าไปที่หน้าปอเต็มแรง เดินไปดึงแขนเลิฟมาหาตัวเองแล้วผลักไปอยู่ข้างหลัง ก่อนจะยืนประจันหน้ากับปอเอาตัวบังเลิฟไว้ไม่ให้ปอเดินเข้ามาใกล้

   ปอค่อยๆลุกขึ้นมายืนเต็มความสูงใช้นิ้วโป้งแตะไปที่มุมปากเบาๆรับรู้ได้เลยว่าปากแตก สายตามองไปที่ร่างสูงกว่าเลิฟไม่มาก แววตาเข้มขึ้นจนแทบจะเปลี่ยนสีด้วยความโมโห ปอแสยะยิ้มเหี้ยมถ่มน้ำลายปนเลือดลงพื้น ก่อนจะเดินตรงไปหาโชนแล้วยกขาขึ้นถีบไปเต็มแรง จนโชนล้มลงไปกองกับพื้นไม่เป็นท่า แล้วเตะอัดเข้าไปที่สีข้างโชนจนกลิ้งกำลังจะยกตีนขึ้นกระทืบซ้ำ แต่มีแขนมากอดเอวปอไว้แน่น

   “อย่า!!!” เลิฟวิ่งมากอดเอวปอไว้เพราะกลัวปอจะกระทืบไปที่โชนอีก

   “ปล่อย!!” ปอพูดเสียงเย็นก้มลงมองเลิฟด้วยความไม่พอใจ นี่มันห่วงไอ้เหี้ยโชขนาดนั้นเลยหรอวะ

   ผัวะ!!!!!!

   ปอโดนโชนที่พยุงตัวลุกขึ้นมาซัดหมัดเข้าไปที่หน้า จนหน้าหันไปตามแรงหมัดทันทีเพราะหลบไม่ได้เนื่องจากเลิฟกอดไว้แน่น จนเขากลายเป็นเป้านิ่งให้โชนชกง่ายๆ

   เลิฟที่เห็นปอโดนชกก็ตกใจจนปล่อยมือที่กอดอยู่ออก ทันทีที่เป็นอิสระปอก็เดินไปกระชากคอเสื้อโชนแล้วเงื้อมือซัดเข้าไปที่หน้าเต็มแรง กำลังง้างกำปั้นซัดลงไปอีกหมัดก็มีคนวิ่งมาขวางและจับมือเขาเอาไว้ ที่ด้านหลังก็สัมผัสได้ถึงแรงกอดแน่น
 
   “หลบ” ปอบอกคนที่ขวางหมัดตัวเองเสียงเย็น

   “กูขอ” คนตรงหน้าสบตาปอตรงๆแล้วเอ่ยปากขอร้องเสียงเรียบ มือบีบกำปั้นปอเอาไว้แน่น

   “กูบอกให้หลบ” ปอสั่งเสียงเข้มขึ้น

   “มึงหลบไปไอ้เหี้ย...ส่วนมึงแน่จริงก็เข้ามาเลยสัส!!” โชนที่โดนบังไว้ทั้งตัวตะโกนขึ้นท้าทายปอเสียงดัง มือก็พยายามผลักร่างหนาตรงหน้าให้ออกไป

   “มึงหุบปาก!! อยากตายรึไงวะ” ร่างสูงที่ยืนข้างหน้าหันมาตะคอกใส่โชนเสียงดัง

   “อย่ามาสั่งกู!!” โชนตะคอกกลับไม่ยอมแพ้

   “กูบอกให้อยู่เฉยๆไงวะ” ร่างสูงสั่งเสียงเข้มก่อนจะหันไปกอดโชนไว้แน่น แล้วยกมือขึ้นปิดปากโชนเอาไว้ไม่ให้พูด

   “ถือว่าเห็นแก่กูที่เป็นเพื่อน...ครั้งนี้กูขอ” คนตรงหน้าปอเอี้ยวตัวหันมาเอ่ยปากขอร้องอีกครั้ง

   “ก็ได้...ในเมื่อมึงลงทุนอ้างคำว่าเพื่อนเพื่อมันกูจะปล่อย” ปอว่าเสียงนิ่ง พยายามข่มอารมณ์ตัวเองลงแล้วเปิดปากพูดต่อ

   “แต่ถ้ามีอีกกูจะไม่สนต่อให้มันเมียมึงก็ตาม...ไอ้ต้า” ปอสบตาเพื่อนสื่อความหมาย

   “ขอบใจ” ต้าเองก็สบตาปอกลับแบบรู้กัน

   ปอถอนหายใจหนักๆเขารู้เหตุผลของเพื่อน แต่ไม่เข้าใจไอ้ต้าเลยว่ามันคิดอะไร ภายนอกมันดูเหมือนบ้าๆแต่จริงๆแล้วมันไม่ได้บ้าอย่างที่แสดงออก มันเป็นคนพูดมากที่ไม่เคยพูดเหี้ยอะไรออกมาเลย มันไม่เคยแม้แต่จะอ้าปากพูดเรื่องของตัวเกินความจำเป็น

   ไอ้ต้ามันเหมือนเป็นคนเข้าถึงง่ายแต่จริงๆเข้าถึงยาก ไม่เคยมีใครเดาความคิดมันออกแม้กระทั่งเขาที่รู้จักกับมันมานาน ต่างกับไอ้ฝุ่นที่เป็นคนไม่ค่อยพูดแต่ไม่เคยปิดบังเรื่องของตัวเองยกเว้นบางเรื่อง

    “กลับ” ปอแกะแขนเลิฟที่กอดเอวตัวเองออกแล้วลากไปขึ้นรถก่อนจะขับออกไป ปล่อยให้ไอ้ต้าจัดการกับคนของมันเอง เพราะเรื่องระหว่างไอ้ต้ากับไอ้โชนมันซับซ้อนเกินกว่าที่เขาหรือใครจะเสือก

   ต้ายืนมองรถของเพื่อนที่ขับออกไปจนลับสายตาแขนสองข้างกอดคนตัวเล็กกว่าไว้แน่น เขาไปหาไอ้ปอที่ร้านไอศรีมแต่ไม่เจอ เลยลองเสี่ยงดวงตามมันมาที่ลานจอดรถ และต้องบอกว่าเขาโชคดีที่เดาถูก

   ตอนแรกเขาตกใจที่ไอ้ปอกระทืบไอ้โชนแต่ตกใจกว่าเดิมเพราะเห็นไอ้น้องเลิฟ ทีนี้ก็เขาก็รู้แล้วว่าเด็กของไอ้ปอที่ทำให้มันบ้าขนาดนี้คือใคร  และสงสัยเพิ่มเข้าไปอีกว่ามันไปได้กันตอนไหน พนันได้เลยว่าเพื่อนในกลุ่มคงยังไม่มีใครรู้นอกจากเขาแน่ๆ

   ต้าเก็บข้อสงสัยทั้งหมดไว้ในใจ และไม่คิดจะเล่าเรื่องที่รู้ให้เพื่อนคนอื่นฟัง เพราะมันเป็นเรื่องของไอ้ปอไว้มันอยากเล่าเดี๋ยวมันก็เล่าเอง อีกเหตุผลเขาไม่กล้าปากสว่างมากเพราะไอ้ปอมันกำความลับเขาหลายอย่าง มันเป็นเรื่องที่เขาไม่อยากพูดถึงทั้งนั้นรวมทั้งเรื่องไอ้โชนด้วย

...
...

   ปอขับรถไปบนถนนด้วยความเร็วพอสมควร ใจจริงเขาอยาก จะเหยียบคันเร่งให้มิดเข็มไมล์ ให้มันสาสมกับความโมโหของเขา แต่ด้วยสภาพการจราจรในเมืองหลวงเหยียบได้เท่านี้ก็ถือว่าเร็วพอควร ไม่งั้นรถคันอื่นคงไม่บีบแตรด่าบุพการีสนั่นถนนแบบนี้หรอก

   เลิฟเอามือจับเข็มขัดนิรภัยแน่นเพราะกลัว ไม่รู้ว่าไอ้ปอมันจะขับรถเร็วอะไรนักหนาสงสัยมันกลัวจะไม่ตายแยกหน้า แถมยังขับปาดหน้ารถชาวบ้านขับแซงรถคันอื่นแบบวอนตีนสุดๆ หน้ามันก็โหดเหมือนจะฆ่าคนตาย จนสักพักรถก็ชะลอแล้วจอดนิ่งเพราะติดไฟแดง

   “ปลดล็อกกูจะลง” เลิฟว่าเสียงสั่นปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัว มือก็พยายามเปิดประตูรถไปด้วย

   “มึงจะลงไปไหน” ปอหันมาถามทันทีที่ได้ยินเลิฟพูด

   “กูไม่ไปกับมึงกูจะกลับหอ” เลิฟหันมาบอกปอยังไงวันนี้เขาก็จะไม่ไปไหนกับมันทั้งนั้น

   “มึงจะกลับหอหรือจะไปหาใครกันแน่วะ” ปอถามด้วยน้ำเสียงหาเรื่อง

   “กูจะกลับหอ” เลิฟตอบเสียงสะบัด เขาอยากกลับหอเร็วๆเพราะตอนนี้รู้สึกมึนๆหัวยังไงไม่รู้

   “หึ!! รีบกลับหอหรือไปเข้าหอกันแน่” ปอว่าแล้วหันหน้าหนีไปทางอื่น

   “มึงพูดงี้หมายความว่าไง” เลิฟถามกลับด้วยความไม่เข้าใจ

   “ไปกับกู” ปอหันกลับมาสั่งเสียงเย็น

   “กูไม่ไป”

   “ทำไมอยู่กับกูมึงจะตายรึไงทีอยู่กับไอ้เหี้ยโชนระริกระรี้มีความสุข” ปอตะโกนใส่หน้าเลิฟเสียงดังลั่นรถ

   “ก็เวลากูอยู่กับพี่โชนกูมีความสุขกว่าอยู่กับมึง” เลิฟเองก็ตะโกนเถียงกลับไม่ยอมแพ้

   “งั้นมึงคงมีความสุขมากสินะถึงได้ขัดคำสั่งกูมานั่งแดกไอ้ติมกับมัน แล้วไงมึงวางแผนหลังจากแดกเสร็จไว้ยังไง ไปต่อที่เตียงบ้านมันหรือบนเตียงที่หอมึง!!” ปอบีบคางเลิฟไว้แน่นแล้วเค้นเสียงถามรอดไรฟัน

   “................” เลิฟเบิกตากว้างมองปอด้วยสายตาสั่นระริก เพราะไม่คิดว่าปอจะพูดอะไรแบบนี้กับตัวเอง

    “มึงวางแผนอ่อยคนอื่นด้วยท่าทางซื่อๆแบบนี้ใส่ทุกคนป่ะวะ” ปอถามเลิฟต่อด้วยเสียงเยาะๆ

    “มึงมันเหี้ย” เลิฟเค้นเสียงออกจากปากสั่นๆ น้ำตาค่อยๆไหลลงมาบนหน้าจนตาพร่าไปหมด คางที่ปอบีบไว้แน่นว่าเจ็บแล้วมันยังเจ็บไม่ได้ถึงครึ่งของใจเขาที่เจ็บตอนนี้เลย

   ปอที่เห็นเลิฟร้องไห้น้ำตานองหน้าก็ปวดใจขึ้นมาแปลกๆ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมารู้สึกปากหนักขึ้นมากระทันหัน เขาปล่อยมือที่บีบคางเลิฟแล้วหันหน้าหนีไปมองหน้าถนนแทน

   เลิฟก้มหน้าลงร้องไห้แบบไม่คิดจะกลั้นเสียงสะอื้น เขารู้ว่าไอ้ปอมันเหี้ยแต่ไม่ได้คิดว่ามันจะเหี้ยขนาดนี้ มันพูดแบบนั้นออกมาได้ยังไงพูดเหมือนว่าเขาง่าย

   “กู......” ปอที่อ้าปากกำลังจะพูดขึ้นมา แต่เสียงเลิฟพูดสวนขึ้นซะก่อน

   “เปิดประตูกูจะลง” บอกเสียงแข็งเจือสะอื้น

   “เดี๋ยวกูไปส่งที่หอ” ปอพยายามพูดอย่างใจเย็น

   “ไม่ต้องกูจะลงตรงนี้”

    “มึงแหกตาดูบ้างไหมว่านี่มันสี่แยก มึงจะลงไปไหนห๊ะ!!!” ปอหันมาว่าเสียงเข้ม

   “ลงไปนอนรอพี่โชนบนเตียงไง” เลิฟพูดประชดด้วยความน้อยใจ

   “เลิฟ!!!” ปอตะคอกใส่ด้วยความโมโหกับคำพูดของเลิฟ

   “เปิดประตู” เลิฟไม่สนใจเสียงตะคอกพยายามเอามือเปิดประตูให้ได้

   “มึงอยากไปไหนมึงไปเลย” ปอปลดล็อกรถให้เลิฟตามคำขอ ไม่คิดจะห้ามเลิฟที่เปิดประตูลงจากรถอีก

   เลิฟก้าวขาลงจากรถแล้วปิดประตูเดินไปยืนที่เกาะกลางถนน ไฟแดงก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวพอดีปอเลยเหยียบคันเร่งขับรถออกไปทันที ทิ้งให้เลิฟมองตามท้ายรถไปด้วยน้ำตานองหน้า

...
...

   ปอเหยียบคันเร่งออกตัวจากสี่แยกไฟแดงด้วยความโมโห เหลือบตามองกระจกหลังเห็นไอ้เลิฟยืนร้องไห้อยู่ แต่เขาไม่สนใจในเมื่อมันอวดเก่งก็ช่างมัน ขับรถออกมาไกลจากไฟแดงไม่เท่าไหร่ปอก็สบถอกมาอย่างหงุดหงิด

   “แม่งเอ้ย!!” ทั้งๆที่เขาคิดว่าจะไม่สนใจ แต่ทำไมไอ้ภาพที่มันยืนร้องไห้บนเกาะกลางถนนตรงสี่แยกไฟแดงเมื่อกี้ มันถึงวนเวียนในหัวไม่ยอมออกไปไหนใจมันกระตุกแปลกๆ

   “ทำไมกูต้องเป็นงี้วะ” ปอพึมพำกับตัวเองด้วยความสับสน ก่อนจะตัดสิ้นใจเลี้ยวรถกับไปสี่แยกไฟแดงเมื่อกี้ทันที เท้าก็พยายามเหยียบคันเร่งให้เร็วขึ้นเรื่อยๆ เพราะฝนกำลังลงเม็ด

   “แม่งวุ่นวายฉิบหาย”

...
...

   เลิฟยืนมองรถปอที่ขับออกไปจนลับสายตา เขาข้ามถนนมาอีกฝั่งแล้วเดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย จู่ๆสายฝนก็ค่อยๆเทลงมาเหมือนจะแกล้ง

   เลิฟพยายามหันซ้ายหันขวามองหาแท็กซี่แต่ไม่มีคันไหนที่ว่างผ่านมาสักคัน เขาไม่รู้ว่าตัวเองยืนตากฝนนานแค่ไหน รู้แค่ตอนนี้เขาเริ่มหนาวแล้วปวดหัวหนักกว่าเมื่อตอนกลางวัน แต่ก็ยังถือว่าฟ้าไม่ใจร้ายกับเขาเกินไปเพราะแท็กซี่ที่ขึ้นมิเตอร์ว่างวิ่งผ่านมาพอดี

“ไปxxครับ” เลิฟบอกจุดหมายแล้วก้าวขาขึ้นไปนั่งบนรถ แท็กซี่ขับมาเรื่อยๆสักพักก็จอดที่หน้าทาวน์เฮาส์สองชั้นขนาดกลางหลังหนึ่ง

   เลิฟควักเงินจ่ายค่าแท็กซี่แล้วลงจากรถเดินมากดกริ่งเรียกคนในบ้าน มือสองข้างกอดตัวเองแน่นเพรึวามหนาว ไม่นานก็มีผู้หญิงร่างเล็กคุ้นตาเดินกลางร่มตรงมาที่เขา

   “อ้าว..ไอ้เลิฟ” นาวทักขึ้นอย่างแปลกใจที่เห็นเลิฟมาหาที่บ้านเช่าของตัวเอง เพราะนึกว่าเลิฟน่าจะอยู่กับพี่ปอซะอีกแต่ทำไมมาโผล่อยู่นี่แถมมาในสภาพตากฝนจนเปียกไปหมด

   “นาว” เลิฟเรียกเพื่อนเสียงสั่นๆ น้ำตาที่หยุดไปตอนนั่งแท็กซี่เริ่มไหลอีกครั้ง เขาไม่อยากกลับไปอยู่หอคนเดียวเลยมาหานาวที่บ้าน ทุกครั้งที่รู้สึกแย่นาวจะเป็นคนแรกเสมอที่เขานึกถึง

   “มึงเป็นอะไร” นาวถามอย่างตกใจ เพราะอยู่ดีๆเลิฟก็ร้องไห้ออกมามันเห็นได้ชัดทั้งๆที่ฝนตก

   เลิฟไม่ได้พูดอะไรออกมาเพราะตอนนี้เขารู้สึกปวดหัวมาก ตามันพร่าไปหมดจนเห็นว่านาวแยกร่างได้ ก่อนที่เขาจะรู้สึกหมดแรงร่างกายค่อยๆล้มลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก ลำตัวของเขาหล่นกระแทกพื้นจนรู้สึกเจ็บไปหมด พยายามจะลุกขึ้นแต่มันลุกไม่ได้เพราะจู่ๆตัวมันก็หนักขึ้นมากระทันหัน หูสองข้างได้ยินนาวร้องตะโกนเรียกเขาเสียงดัง แต่เสียงมันเหมือนไกลออกไปเรื่อยๆ
 
   เขาเห็นหน้านาวที่มองมาด้วยความตกใจขยับปากอยากบอกว่าไม่เป็นไร แต่ร่างกายของเขามันไม่ฟังคำสั่งเลยสักนิดจากนั้นภาพตรงหน้าของเขาก็ค่อยๆพร่าเลือน เปลือกตามันเริ่มหนักอึ้งจนในที่สุดก็ปิดสนิทพร้อมกับที่เขาไม่รับรู้อะไรอีกเลย


2 Be Con...
++++++++++
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะค่าาาาา
กราบบบบ :call: o22 :กอด1:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 15 (01/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-02-2016 02:35:32
เจอแบบนี้แล้วยิ่งอยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆแล้วเนี่ย
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 15 (01/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 01-02-2016 10:32:49
สนุกจังเลยคะ รออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 16 (01/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 01-02-2016 16:08:18
กับดักที่
- 16 -
           


   ปอกวาดสายตามองไปทั่วโรงอาหารของคณะเพื่อหาเลิฟ เมื่อวานเขาวนรถกลับไปหาเลิฟที่สี่แยกไฟแดงแต่ไม่เจอ ลองขับวนแถวๆนั้นดูหลายรอบก็ไม่เห็นตัว แถมฝนยังตกหนักรถติดโทรหามันก็ปิดเครื่อง จะไปหามันที่หอก็ไปไม่ถูก เขาเลยต้องขับรถกลับคอนโดตัวเองอย่างช่วยไม่ได้

              ตอนเช้าเขาเลยมาดักรอมันที่คณะแต่ก็ไม่เห็นตัว เพื่อนมันสักคนเขาก็ไม่เจอ อันที่จริงก็ไม่เจอเด็ก IE สักคนนั่นแหละ (IE / Industrial Engineerimg - วิศวกรรมอุตสาหการ) พึ่งจะรู้ตอนเดินไปถามอาจารย์ที่สอนประจำภาคว่าเด็กไออีมีเรียนบ่าย

               “เพื่อนมึงไปไหน” ปอเดินมาถามพีทที่นั่งกินข้าวอยู่สายตามองไปทั่วโต๊ะ แต่ไม่เห็นเลิฟกับเพื่อนผู้หญิงอีกคนนั่งอยู่ด้วย

               “เฮ้ย!! พี่ปอ” พีทสะดุ้งตกใจเพราะเขานั่งหันหลังอยู่ แล้วปอก็ทักขึ้นมาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง

               “ไอ้เลิฟ” ปอไม่สนใจอาการตกใจของพีท เลือกที่จะบอกในสิ่งที่ตัวเองต้องการแทน

               พอได้ยินชื่อของเลิฟออกจากปากปอ ทำเอาทุกคนบนโต๊ะพากันเงยหน้าขึ้นมามองปอเป็นตาเดียว เพราะทุกคนรู้ดีเรื่องที่เลิฟชอบหาเรื่องปอ แล้วการที่ปอมาถามหาเลิฟแบบนี้มันต้องมีอะไรแน่ๆ ทุกคนเลยใจจดใจจ่อเงี่ยหูฟังกันเต็มที่

               “มันไม่มาเรียนพี่” พีทว่า

               คำตอบของพีททำเอาคิ้วของปอขมวดเป็นปมขึ้นทันที ไอ้เลิฟไม่มาเรียนงั้นหรอ เมื่อวานมันทำท่าเหมือนจะตาย เขาบอกให้มันหยุดเรียนมันยังไม่ยอมหยุดเลย แล้วนี่มันไปไหนของมัน

               “ทำไม” ปอถามพีทเสียงเรียบ

   เล่นเอาพีทเสียวสันหลังวาบเขารู้สึกว่าตัวเองกลัวพี่ปอแบบไม่มีเหตุผล ทั้งๆที่พี่ปอก็ไม่เคยทำอะไรเขาคงเป็นเพราะท่าทางนิ่งๆตาดุๆ และการเป็นคนพูดน้อยประหยัดคำของพี่ปอด้วยมั้งที่ทำให้เขากลัว

   พี่ปอเป็นคนพูดน้อยจริงๆนะครับถามคำตอบคำ ขนาดถามคนอื่นยังถามสั้นๆแบบให้เข้าใจเอาเองเลย เห็นพี่เขาพูดมากแค่ตอนคุยกับพวกพี่กิงแล้วก็ไอ้เลิฟเพื่อนเขานี่แหละ

   “นาวมันโทรมาบอกว่าไอ้เลิฟไม่สบายอ่ะพี่”

    “นาว?”

   “เพื่อนผมที่ตัวเล็กๆอ่ะ พี่เคยเห็นมันนิ” พีทรีบชิงอธิบายกับปอก่อนเพราะกลัวว่าปอจะโมโหแบบเมื่อวาน จริงๆวันนี้ตอนเดินสวนกันกับพี่โชนเขาเห็นนะว่าหน้าพี่โชนนี่ม่วงเป็นจ้ำ พี่ปอเองก็มีแผลที่มุมปากเหมือนกันแต่ของพี่โชนดูจะหนักกว่า

   ปอยกคิ้วขึ้นข้างนึงมองท่าทางของพีทอย่างนึกขำ เขายังไม่ทันได้ว่าอะไรเลยสักคำมันจะรีบแก้ตัวแทนเพื่อนมันทำไม ที่เขาพูดชื่อเพื่อนมันออกมาเพราะพึ่งจะรู้ว่าน้องผู้หญิงตัวเล็กๆคนนั้นชื่อนาวก็แค่นั้น

    “แล้วทำไมมันไม่โทรมาบอกมึงเอง” นี่ต่างหากล่ะที่ปอสงสัย ทำไมเพื่อนมันถึงเป็นคนโทรมาบอก แทนที่จะเป็นตัวมันเอง

    “เอ่อ...เมื่อคืนเลิฟมันไปหานาวที่บ้านน่ะพี่” พีทตอบไม่เต็มเสียง ลอบสังเกตุท่าทางของปอไปด้วย

   “บ้านเพื่อนมึงอยู่ไหน”

   “พี่ถามทำไมอ่ะ” พีทว่าทำตาเหลือกตกใจ

   “กูถาม” ปอว่าแล้วมองหน้าพีทนิ่งๆ

   “พี่ปอเพื่อนผมมันไม่ได้มีอะไรกันจริงๆนะพี่ มันไปหากันแบบนี้บ่อยๆแหละ” พีทละล่ำละลักบอกปอ เพราะว่ากลัวปอจะไปทำอะไรเพื่อนตัวเอง

   ปอมองท่าทางของพีทแล้วกรอกตาขึ้นฟ้าเซ็งๆมันคิดว่าเขาเป็นคนแบบไหนวะ ถึงเขาจะเหี้ยเขาก็ไม่กระทืบผู้หญิงหรอกครับ ที่ถามเนี่ยเพราะจะไปหาไอ้เลิฟไม่ได้จะไปทำห่าอะไรใคร คือกูเป็นห่วงไงครับแต่ไอ้เหี้ยพีทเสือกคิดเยอะ ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นน้องชายพี่ไมล์เพื่อนไอ้ปิง เขาตบมันกะโหลกร้าวไปแล้วข้อหาลีลาเสียเวลาฉิบหายเลยครับ คนแม่งยิ่งหงุดหงิดเมื่อคืนก็นอนไม่หลับเดี๋ยวได้เผลอกระทืบคนอีกแน่ๆ

   “ถ้ายังพูดมากมึงเนี่ยแหละจะโดนตีนกู” ปอว่าน้ำเสียงหงุดหงิด จนพีทต้องยิ้มแหยๆออกมา

   “งั้นเดี๋ยวผมเขียนแผนที่บ้านไอ้นาวให้พี่ละกัน แต่พี่อย่าทำอะไรเพื่อนผมนะ” พีทยังไม่วายหันมาพูดกำชับปอเพราะห่วงเพื่อน จนปอต้องจ้องกลับไปดุๆ พีทเลยรีบกลับไปวาดแผนที่ลงสมุดแล้วยื่นให้ปอ พร้อมกับอธิบายเส้นทางเพิ่มนิดหน่อย

   ปอรับแผนที่มาแล้วเดินไปบอกพวกอิ๊กว่าจะไม่เข้าเรียนช่วงบ่าย ให้เช็คชื่อกับอาจารย์ให้เขาด้วย เสร็จธุระเขาก็เดินมาขึ้นรถแล้วขับออกจากมหา’ลัยไปบ้านนาวทันที

...
...

   นาวกดวางสายโทรศัพท์แล้วถอนหายใจเบาๆ เมื่อกี้พีทโทรมาบอกเธอว่าพี่ปอจะมาเลิฟที่บ้านอีกสักพักก็น่าจะถึง หันไปมองดูเพื่อนของตัวเองที่นอนซมอยู่บนเตียงแล้วก็เหนื่อยใจ เมื่อคืนจู่ๆเลิฟก็โผล่มาหาเธอในสภาพตากฝน แถมยังร้องไห้เป็นลมล้มลงไปต่อหน้าต่อตา ตอนนั้นเธอตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเพราะอยู่บ้านคนเดียว โชคดีว่าคนข้างบ้านมาช่วยพยุงเลิฟเข้าบ้านให้ ไม่อย่างนั้นป่านนี้เลิฟจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้

   ตกดึกเลิฟก็ไข้ขึ้นสูงตัวร้อนยังกับไฟ เธอจะพาไปหาหมอเจ้าตัวก็ไม่ยอม เธอถามอะไรไปก็ไม่ยอมตอบ เอาแต่นอนร้องไห้คลุมโปงจนหลับไป แถมยังนอนละเมอเพราะพิษไข้ทั้งคืน ไม่รู้พึมพำว่าอะไรเพราะเธอจับใจความสำคัญไม่ได้ ได้ยินแว่วๆว่า ‘ใจร้าย’ กับ ‘เลว’ แค่นั้น

   นาวดูแลเลิฟทั้งคืนแต่ก็ทำได้ไม่เต็มที่ จะเช็ดตัวให้ก็ไม่ได้เพราะเจ้าตัวดิ้นไม่ยอมให้เช็ด เธอเลยได้แค่เช็ดแขนขาและแปะเจลลดไข้ที่หน้าผากให้ เอายาให้กินก็คายทิ้งบังคับยังไงก็ไม่ยอม ไข้เลยไม่มีทีท่าว่าจะลดลงสักทีแต่ยังดีที่ไม่เพิ่มขึ้น ตั้งใจว่าเย็นนี้เธอจะให้พีทมาพาเลิฟไปหาหมอ ไม่อย่างนั้นคงไม่หายป่วยแน่ๆ

   นาวนั่งมองใบหน้าด้านข้างของเลิฟอย่างเป็นห่วง เลิฟเป็นคนน่าสงสารถ้าไม่มีเธอเลิฟก็ไม่มีใคร จริงๆที่บ้านเธอจะส่งไปเรียนต่อเมืองนอก ถึงจะไม่ใช่เร็วๆนี้แต่ก็คงอีกไม่นานและเธอก็ยังไม่กล้าบอกเพื่อน เพราะถ้าเธอไปเลิฟก็ไม่ต่างกับอยู่คนเดียวบนโลก เธอได้แต่หวังว่าจะมีคนมาดูแลเพื่อนเธอสักที และขอให้โผล่มาก่อนที่เธอจะต้องไปอยู่อีกฟากนึงของโลกแล้วกัน

   อ๊อดดดด

   เสียงกดกริ่งหน้าบ้านดังขึ้นขัดความคิดเรื่อยเปื่อยของนาวให้หยุดลง เธอลุกออกจากห้องแล้วเดินลงไปข้างล่างเพื่อจะดูว่าใครมาหา พอถึงหน้าบ้านเธอก็เห็นร่างสูงของปอยืนอยู่หน้าประตูรั้ว เลยเดินไปหาแต่ยังไม่ยอมเปิดประตูให้

   “พี่ปอมาหาใครคะ” นาวถามเสียงเรียบจ้องหน้าปอนิ่งๆ


   “...............” ปอเงียบไม่ได้ตอบคำถามอะไรไปและเลือกที่จะยืนสบตากับนาวแทน


    “...............” ในเมื่อปอเลือกที่จะเงียบมานาวก็เงียบกลับเหมือนกัน 

   นาวไม่รู้หรอกว่าระหว่างพี่ปอกับเพื่อนเธอมีเรื่องอะไรกัน แต่การที่เลิฟตากฝนร้องไห้มาหาเธอกลางดึกมันไม่น่าจะใช่เรื่องเล็กๆ และไม่ต้องคิดอะไรเยอะเธอก็พอจะเดาออก ว่าสาเหตุที่เพื่อนเธอเป็นแบบนี้ต้องมาจากพี่ปอแน่ๆ ไม่งั้นพี่ปอจะโผล่มาหาเธอที่บ้านทำไม และตอนนี้เธอก็ไม่พอใจพี่ปอสุดๆ

   “ถ้าพี่ปอไม่มีธุระอะไร งั้นนาวขอตัวก่อนนะคะ” เป็นนาวที่เลือกทำลายความเงียบแทนจงใจพูดจาสุภาพสุดๆใส่ปอ และเตรียมหันหลังเดินเข้าบ้าน

   “มันอยู่ไหน” ปอว่าแล้วมองหน้านาวนิ่งๆ

   “ใครคะ” นาวแกล้งทำเป็นไม่รู้เพราะหมั่นไส้ท่าทางนิ่งๆหยิ่งๆ ขี้เก๊กของปอ

   “................”แล้วปอก็เลือกที่จะเงียบอีกครั้ง เพราะรู้ว่านาวจงใจจะกวนประสาทตัวเอง

   นาวจ้องหน้าปอแบบกดดันสักพักก็ถอนหายใจ แล้วตัดสินใจเปิดประตูให้ปอเข้ามาข้างใน เพราะดูท่าทางแล้วแรงกดดันของเธอจะไม่มีผลกับพี่ปอเท่าไหร่ อีกอย่างเผื่อเลิฟเห็นหน้าพี่ปออาการอาจจะดีขึ้นก็ได้ใครจะไปรู้

   นาวเดินนำปอเข้ามาในบ้านแล้วพาขึ้นไปที่ชั้นสอง ก่อนที่ทั้งคู่จะหยุดยืนอยู่หน้าประตูไม้บานนึง นาวบิดลูกบิดประตูเปิดออกแล้วหลบทางให้ปอเข้าไปข้างใน ส่วนตัวเองเลือกที่จะยืนอยู่หน้าประตูห้องแทน

   ปอเดินเข้าไปนั่งลงบนเตียงข้างๆเลิฟ ก้มลงมองหน้าซีดๆที่นอนหลับอยู่ แล้วก็ยกมือแตะไปที่ข้างแก้มเบาๆ ทันทีทีสัมผัสโดนตัวไอร้อนจากร่างกายก็ปะทะเข้ากับฝ่ามือเต็มๆ

   ‘ทำไมแม่งตัวร้อนขนาดนี้วะ’

   “มันได้เช็ดตัวกินยารึยัง” ปอถามขึ้นลอยๆไม่ได้หันหน้ามามองนาวเลยสักนิด ส่วนมือก็ไล่จับไปตามตัวเลิฟเรื่อยๆ นาวที่เห็นท่าทางแบบนั้นของปอก็ได้แต่เบ้ปากหมั่นไส้

   “มันไม่ยอมให้เช็ดยามันก็ไม่ยอมกิน” นาวว่า ปอที่ได้ยินคำตอบก็ได้แต่ขมวดคิ้วหงุดหงิดใส่เลิฟที่หลับอยู่ ไม่ยอมกินยาไม่ยอมให้เช็ดตัวแล้วมันจะหายไหมวะ

   “แล้วทำไมมันเป็นหนักขนาดนี้” ปอถามต่อแล้วหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กในกะละมังตรงหัวเตียงขึ้นมา บิดจนหมาดแล้วเช็ดไปตามตัวของเลิฟอย่างเบามือ

   “จะไม่หนักได้ยังไงละคะ ก็เมื่อคืนมันร้องไห้ตากฝนมาจนเป็นลมอยู่หน้าบ้าน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะใคร” นาวเน้นเสียงตอบแดกดันปอนิดๆ

   ‘เป็นลมเลยหรอวะ’ ปอพึมพำในใจ แสดงว่าเมื่อวานมันคงตากฝนตั้งแต่อยู่ที่สี่แยกแล้วแน่ๆ แถมมันยังดูอาการไม่ค่อยดีอยู่แล้วด้วย พอโดนฝนไปมันเลยเป็นขนาดนี้

   “งั้นนาวฝากพี่ดูมันแล้วกันนะคะ” ปอพยักหน้ารับรู้ นาวเลยหันหลังเดินออกจากห้องไปและไม่ลืมที่จะปิดประตูให้ กะว่าจะไปนอนพักสักหน่อยเพราะเมื่อคืนเธอแทบจะไม่ได้นอนเลย ปอเหลือบไปมองนาวที่หางตานิดๆ ก่อนจะลงมือเช็ดตัวให้เลิฟต่อ

   เพราะความเย็นจากผ้าขนหนูทำให้เลิฟเริ่มรู้สึกตัว เปลือกตากระพริบถี่ๆก่อนจะค่อยๆปรือขึ้นมา กวาดตามองไปรอบๆช้าๆก็เห็นว่าปอกำลังเช็ดตัวให้ ดวงตาเริ่มมีน้ำใสๆคลอเบ้าอย่างห้ามไม่อยู่เพราะความน้อยใจอีกครั้ง

    “ไม่ต้องมาจับ” เลิฟว่าออกไปเสียงแหบๆ ยกมือที่อ่อนแรงขึ้นมาปัดมือปอทิ้ง พยายามจะขยับตัวหนีแต่ไม่มีแรงเลยได้แต่นอนนิ่งๆอยู่ที่เดิม ในเมื่อขยับตัวหนีไปไหนไม่ได้ เลิฟเลยตัดสินใจนอนตะแคงหันหลังให้ปอแทน

   ปอนั่งมองท่าทางของเลิฟก็ถอนหายใจเบาๆก่อนจะส่ายหัวไปมาก เขานั่งมองแผ่นหลังของเลิฟสักพักโดยที่ไม่ได้เรียกและไม่ได้ทำอะไรต่อ จากนั้นก็เอาผ้าในมือวางลงในกะละมังแล้วลุกขึ้นจากที่นอน

   แรงดีดตัวของที่นอนทางด้านหลัง ทำให้เลิฟที่นอนอยู่ถึงกับน้ำตาซึมและไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความรู้สึกน้อยใจเริ่มวิ่งขึ้นมาที่จุกอกอีกครั้ง

    “ฮึก...ไอ้เหี้ย...ฮึก...ไอ้เลว” เลิฟพึมพำเสียงแผ่ว ยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาลวกๆ

   “มึงด่าใคร” เสียงของคนที่ตัวเองคิดว่ากลับไปแล้ว ดังขึ้นทางด้านหลังทำเอาเลิฟสะดุ้งน้อยๆ ก่อนจะค่อยๆพลิกตัวหันกลับไปมอง ก็เห็นปอยืนถือกะละมังใบเล็กอยู่ข้างเตียง

    “มึงร้องไห้ทำไม” ปอถามขึ้นด้วยความสงสัย เมื่อกี้เขาลุกไปถอดเสื้อนักศึกษาออกเพราะรู้สึกร้อน แอร์ในห้องไม่ได้เปิดขนาดพัดลมก็ยังเปิดไม่ได้เพราะไอ้เลิฟไม่สบาย มีแค่ลมที่พัดเอื่อยๆเข้ามาทางหน้าต่างแค่นั้น แล้วก็เลยเดินไปเปลี่ยนน้ำในกะละมังใหม่ด้วย พอกลับออกมาจากห้องน้ำก็ได้ยินมันบ่นงึมงำด่าเขา แถมยังร้องไห้ใส่อีกอะไรของแม่งวะ

   เลิฟไม่ได้ตอบคำถามปอแถมร้องไห้หนักกว่าเดิม ความรู้สึกของเขาตอนนี้ทั้งน้อยใจกับเรื่องเมื่อวานจนไม่อยากเห็นหน้ามัน อีกด้านก็ดีใจที่มันมาหาแล้วก็ยังไม่ได้กลับไป ทุกอย่างมันปนกันมั่วจนไหลออกมาเป็นน้ำตาแทน

   “ลุกมาเช็ดตัว” ปอว่าแล้วขยับมานั่งข้างๆเลิฟ ก่อนจะพยุงคนตัวเล็กให้นั่งพิงกับอกเขา

   “ไม่ต้องมาจับเลย” เลิฟว่าเสียงแผ่วจนแทบไม่ได้ยิน พยายามดิ้นหนีจากปอให้ได้

   ปอมองหน้าเลิฟนิดๆก่อนจะจัดการถอดเสื้อเลิฟออกทันที ไม่สนอาการขัดขืนของเลิฟเลยสักนิด มือก็หยิบผ้าชุบน้ำขึ้นมาเช็ดตัวให้เลิฟไปเรื่อยๆ จนมือเลื้อยลงไปจะเช็ดข้างล่างให้ เลิฟเลยยกมือขึ้นมาจับมือปอไว้ด้วยแรงอันน้อยนิด

   “จะทำอะไร”

   “เช็ดข้างล่างให้มึงไง”

   “ไม่ต้อง” เลิฟว่า แต่ปอไม่สนใจล้วงมือลงไปข้างในกางเกงแล้วจัดการเช็ดให้ เลิฟเองก็พยายามขัดขืนด้วยแรงที่มีทั้งหมด แต่พอทำอะไรไม่ได้ก็ร้องไห้ออกมาเสียงดัง เพราะรู้สึกปวดหัวปวดตัวแล้วก็ไม่ได้ดั่งใจสักอย่างเขาเลยร้องไห้ออกมาซะเลย จนปอที่เช็ดตัวให้ถึงกับออกอาการเหวอเพราะไม่เคยเจอเลิฟโหมดนี้

   “มึงจะร้องอะไรนักหนาวะ”

    “อย่ามาตะคอกเลิฟนะ...ฮึก” เลิฟเถียงเสียงสะอื้นร้องไห้หนักกว่าเก่า เล่นเอาปอถึงกับเหวอเข้าไปอีกรอบ เพราะเมื่อกี้เขาก็พูดกับมันแบบปกติไม่ได้ขึ้นเสียงห่าอะไรเลย แล้วมันดันมาบอกว่าเขาตะคอกใส่กูทำตอนไหนครับ

   “หยุดร้องได้แล้วมาใส่ผ้า”

   “ไม่ใส่...ฮึก...ไม่ต้องมายุ่ง” เลิฟว่าพยายามปัดมือปอทิ้ง

   “อยู่เฉยๆดิวะ มึงคิดว่ากูอยากยุ่งกับมึงนักรึไง” ปอว่าอย่างรำคาญ พยายามใส่เสื้อผ้าให้เลิฟจนสำเร็จ

   “ไม่อยากยุ่งก็ไม่ต้องมายุ่ง ไปไกลๆเลย” เลิฟว่างอนๆน้ำตาก็ไหลลงมาไม่ขาดสาย
 
   “มึงจะงี่เง่าทำไมวะ”

    “เลิฟไม่ได้งี่เง่านะ!!” เลิฟแหวเสียงเขียวใส่ปอ

   “เออๆกินยาก่อนค่อยนอนต่อ” ปอว่าแล้วยื่นยาก่อนอาหารไปให้เลิฟ

   “ไม่กิน” จบคำของเลิฟปอเลยกรอกยาเขาทั้งหมดเข้าปากตัวเองพร้อมกับน้ำ แล้วก้มลงไปประกบปากกับเลิฟ ใช้ลิ้นส่งเม็ดยาเข้าปากคนตัวเล็กไปจนหมด

   ปอถอนริมฝีปากออกก่อนจะจับเอาคนตัวเล็กให้นอนลงดีๆ จากนั้นก็ห่มผ้าให้พร้อมแปะเจลลดไข้ให้ด้วย ไม่รู้ทำไมเหมือนกันถึงต้องมาดูแลมันขนาดนี้ปล่อยไปซะก็สิ้นเรื่อง ปอมองคนตัวเล็กที่นอนอยู่นิดๆแล้วลุกขึ้นเลิฟผวาตามทันที มือก็รีบคว้าข้อมือปอไว้ทำเอาปอแปลกใจไม่น้อย

   เลิฟจับข้อมือปอมากำไว้แน่นเพราะตกใจที่เห็นปอลุกขึ้นยืน ตอนนี้เขารู้สึกเบลอไปหมดไม่รู้ด้วยซ้ำว่าปอคนที่ดูแลเขาตอนนี้ใช่ปอจริงๆรึเปล่า พอเห็นปอลุกขึ้นทำท่าจะเดินไปเขาเลยตกใจ กลัวว่าปอที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้จะหายไป ถึงแม้มันจะเป็นแค่ฝันก็ตาม

   “ปล่อย” ปอว่าเสียงเรียบเพราะเขาจะเอากะละมังน้ำไปเก็บ แต่เลิฟส่ายหัวปฏิเสธมือก็จับมือปอไม่ยอมปล่อย ปอเลยตัดสินใจนั่งลงอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้

   เลิฟที่เห็นปอนั่งลงข้างๆก็ยิ้มอย่างดีใจ เอามือของปอข้างที่ตัวเองจับไว้วางแนบแก้มใช้แก้มตัวเองถูไปมากับมือปอนิดๆ ความเย็นจากมือปอที่ข้างแก้มทำให้เลิฟค่อยๆหลับตาลงอีกครั้ง เขาไม่รู้ว่ามือนี้เป็นของจริงรึเปล่าหรือเขาเพ้อไปเพราะพิษไข้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ทำให้เขาฝันดีแน่นอน

   สักพักลมหายใจที่สม่ำเสมอก็บ่งบอกให้ปอรู้ว่าคนตัวเล็กหลับไปแล้ว เขามองที่มือของตัวเองที่เลิฟจับไว้ข้างแก้มแล้วยิ้มออกมา มืออีกข้างก็ลูบไปตามแก้มใสแผ่วเบาก้มลงจูบที่หน้าผากของเลิฟอย่างอ่อนโยน ก่อนจะทรุดตัวลงนอนข้างๆเลิฟแล้วรวบคนตัวเล็กเข้ามาในอ้อมกอด จากนั้นไม่นานปอก็หลับไปพร้อมกับเลิฟเพราะเมื่อคืนเขาก็ไม่ค่อยได้นอนเหมือนกัน หวังว่าตอนตื่นขึ้นมาอีกทีไอ้เลิฟมันคงไม่อารมณ์แปรปรวนแบบตอนนี้นะครับ


2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 16 (01/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-02-2016 16:39:52
หมดฤทธิ์สักพัก
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 16 (01/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 01-02-2016 22:05:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 16 (01/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 01-02-2016 22:53:11
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:เลิฟหายป่วยไวๆน๊า :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
[/color]
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 17 (02/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 02-02-2016 08:28:59
กับดักที่
- 17 -
           


   แรงขยุกขยิกข้างๆตัวทำให้ปอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปนานแค่ไหนแต่เท่าที่มองออกไปนอกหน้าต่าง ฟ้าสว่างโร่ขนาดนี้แสดงว่าเขาคงหลับไปไม่นาน ก้มลงไปมองคนในอ้อมแขนก็เห็นเจ้าตัวเงยหน้ามองเขาอยู่เหมือนกัน แถมดิ้นขยุกขยิกจะออกจากแขนเขาให้ได้

               “ปล่อย” เลิฟบอกเสียงแหบ ปอไม่ปล่อยแต่ยกฝ่ามือขึ้นมาจับตามตัวของเลิฟแทน

               “มึงมาได้ยังไง” เลิฟเห็นท่าทางของปอก็รู้แล้วว่าคงไม่ทำตามเลยเปลี่ยนเป็นถามแทน เขารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเพราะหิวน้ำแต่พอลืมตาขึ้นมา แทนที่จะเห็นหน้านาวกลายเป็นเห็นหน้าปอซะงั้นแถมยังมานอนกอดเขาอีก

               เลิฟสบตากับปอที่มองอยู่ด้วยแววตาสับสนเขาไม่เข้าใจว่าปอมาหาเขาทำไม ทั้งๆที่เมื่อวานมันพูดแบบนั้นแล้วปล่อยเขาทิ้งไว้ที่สี่แยก ถึงจะเป็นเขาเองที่อยากจะลงจากรถแต่มันก็ไม่ได้คิดจะห้ามไม่ใช่หรอ แล้ววันนี้มาหามานอนกอดทำไม

               ปอยกคิ้วข้างนึงขึ้นสูงที่ได้ยินคำถามของเลิฟ ตอนเขามามันก็เห็นเขา แล้วตอนนี้มันมาถามว่าเขามาได้ยังไง ไอ้อาการเมื่อตอนเที่ยงนี่มันละเมอเหรอครับ มันถึงตื่นมาอีกทีแล้วจำไม่ได้

               “นี่มึงจำไม่ได้” ปอถามกลับ

               “จำอะไร” เลิฟขมวดคิ้วสงสัย

               “ตอนเที่ยง” ปอว่าแค่นั้นแล้วลุกขึ้นยืน เดินเอากะละมังไปเปลี่ยนน้ำ เมื่อกี้จับตัวดูไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่แล้ว

               เลิฟมองตามหลังปอที่เดินออกไป แล้วค่อยๆพยุงตัวเองขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงคิดตามที่ปอพูด เมื่อตอนเที่ยงงั้นเหรออย่าบอกนะว่า....นั่นไม่ใช่ความฝัน โอ๊ยยยย นี่เขาทำอะไรลงไปบ้างเนี่ยจะบ้าตาย

               “มึงเป็นอะไร” ปอที่เดินกลับเข้ามาพร้อมกับกะละมังในมือถามเลิฟขึ้นอย่างสงสัย เพราะเห็นว่าเลิฟกำลังเอามือขยี้หัวตัวเองอยู่

               “ยุ่ง!!” เลิฟหันมาตอบปอหน้ายู่ก่อนจะสะบัดหนีไปอีกทาง เขายังโกรธมันอยู่นะเรื่องเมื่อวาน

               ปอเห็นท่าทางๆของเลิฟก็ส่ายหัวเบาๆอย่างเหนื่อยใจ แม่งอารมณ์ขึ้นลงยังกับผู้หญิงเวลาเป็นเมนส์ (ได้ยินเขาว่ามา) เขาวางกะละมังน้ำไว้ที่โต๊ะข้างเตียงแล้วนั่งลงข้างๆเลิฟ ยื่นมือไปแกะแผ่นเจลลดไข้ออกให้ก่อนจะเอามือทาบลงไปที่หน้าผากเพื่อเช็คอุณหภูมิอีกที ตัวมันเย็นลงกว่าตอนเที่ยงเยอะเป็นเพราะมันไม่ยอมกินยา ไม่ยอมเช็ดตัวนั่นแหละมันเลยนอนเปื่อยแบบนั้น

               “มึงเป็นไงบ้าง” ปอถามด้วยความเป็นห่วงแต่ตอนนี้หน้าเลิฟก็มีเลือดฝาดขึ้นมาบ้างแล้ว แสดงว่าอาการคงดีขึ้นไม่ต้องแบกกันไปหาหมอ

               “มึงมาทำไม” เลิฟหันมาถามแล้วจ้องตากับปอตรงๆ

               “เดี๋ยวกูเช็ดตัวให้จะได้กินข้าวกินยาแล้วนอนพัก” ปอเลี่ยงไปพูดเรื่องอื่นแทน

               “มึงมาทำไม”

               “ถอดเสื้อกูจะเช็ดตัวให้”

               “มึงมาทำไม...ไม่ต้องมาถอดเลยนะ!!!” เลิฟโวยวายเสียงดังเพราะนอกจากปอจะไม่สนใจตอบคำถาม เจ้าตัวยังบังคับถอดเสื้อผ้าเขาอีก

               “อยู่นิ่งๆดิวะจะดิ้นทำไม” ปอดุเลิฟนิดๆเพราะคนตัวเล็กไม่ยอมอยู่นิ่งๆให้เขาถอดเสื้อ เขาเองก็ไม่กล้าทำอะไรแรงๆเดี๋ยวเป็นหนักกว่าเดิมจะซวยเอา

               “โอ๊ย!!!!!” เลิฟร้องออกมาด้วยความเจ็บเพราะดิ้นจนตกลงจากเตียงไปกองที่พื้น

              ปอมองเสื้อของเลิฟในมือที่ตัวเองถอดสำเร็จ แล้วเหลือบสายตาไปมองเลิฟที่นั่งโอดโอยอยู่บนพื้น สมน้ำหน้ามันดิ้นดีนักดิ้นจนได้เรื่อง

               เลิฟเงยหน้ามองปอด้วยความเจ็บใจและก็เจ็บตัว ส่วนปอก็ได้แต่ส่ายหัวให้กับความรั้นของเลิฟ ก่อนจะเดินมายืนอยู่ข้างๆคนตัวเล็กที่กำลังทำหน้างอน้ำตาคลอเบ้าอยู่ ปอจัดการอุ้มคนตัวเล็กขึ้นมานั่งบนตักตัวเองแล้วลงมือเช็ดตัวให้ทั้งอย่างนั้น โดยมีเลิฟคอยดิ้นจะลงจากตักตลอดเวลา

               “หยุดดิ้น!!” ปอดุเลิฟเสียงเข้ม ตอนนี้ทั้งเขาทั้งมันเปลือยท่อนบนทั้งคู่ แค่ลำพังต้องมามองมันแก้ผ้าก็ทำใจลำบากแล้ว นี่มันยังไม่รู้ตัวว่ายิ่งมันดิ้นอะไรๆมันก็ยิ่งสัมผัสกัน เดี๋ยวถ้าอะไรแม่งลุกขึ้นมาคนที่จะเจ็บตัวก็มันนั่นแหละ

               “อย่ามาสั่งนะ!!” เลิฟหยุดดิ้นแล้วตวาดเสียงดังทำตาเขียวใส่ปอ

               “นี่มึงกล้าขึ้นเสียงใส่กูหรอห๊ะ!!” ปอว่าเสียงเข้มทำตาดุใส่

               “ทำไมจะไม่กล้ามึงเป็นอะไรกับกูล่ะ” เลิฟว่ากลับไป คำพูดที่เหมือนไม่มีอะไรแต่แฝงความหมายเอาไว้ ในใจก็รอฟังคำตอบ
               “แล้วมึงคิดว่ามึงเป็นอะไรกับกูล่ะ” ปอว่าเสียงเรียบแล้วมองตาเลิฟนิ่งๆ

   ปอไม่ได้ตอบคำถามอะไรเลิฟไป เพราะเขาก็ไม่รู้เหตุผลในการกระทำของตัวเองเหมือนกัน สิ่งที่เขาแสดงออกกับเลิฟมันต่างจากคนอื่นมาแล้วตั้งแต่ต้น แค่เขาเองยังไม่รู้เหตุผลในความต่างนั้น ถ้าแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้เหตุผล เขาก็คงจะบอกใครหรือแม้แต่ตัวไอ้เลิฟเองไม่ได้ ว่าระหว่างมันกับเขาคืออะไร

   เขาไม่ใช่คนดีออกไปทางเลวด้วยซ้ำ ถ้าใครสักคนมันจะเสียใจเสียความรู้สึกก็ช่างหัวมัน แต่กับไอ้เลิฟเท่านั้นที่เขารู้สึกว่าไม่อยากให้มันเสียใจ แต่จะให้ปล่อยไปเขาก็ทำไม่ได้ ถ้ามันจะต้องเสียใจจริงๆก็ให้มันเสียใจเพราะเขาแล้วกัน

   จะบอกว่าเขาเห็นแก่ตัวก็ยอมรับ อะไรที่มันอยู่ในมือเขาถ้าไม่เบื่อเขาจะไม่ปล่อย และถ้ามันจะพังก็ต้องพังเพราะมือเขาเท่านั้น ถามว่าตอนนี้รักไอ้เลิฟไหมบอกเลยว่าไม่ได้รักแต่มันเป็นคนพิเศษ ใช่...พิเศษกว่าคนอื่นแบบที่ไม่มีใครเคยได้มาก่อน แต่อย่าเอาอะไรกับเขามากนักเลยเพราะมันแค่ความรู้สึกตอนนี้แค่นั้น

   เลิฟจ้องเข้าไปในดวงตาของปอเพื่อหาคำตอบ แต่แววตาคมดุมีแค่ความว่างเปล่าเท่านั้นมันเย็นชาจนเขาใจหายและเจ็บ มันจะไม่เจ็บขนาดนี้เลยถ้าเขาจะไม่รู้สึกอะไรมากกว่าที่คิด ไม่รู้ว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบนี้ตั้งแต่ตอนไหน บางทีอาจจะรู้สึกมาตั้งแต่แรกแค่ไม่เคยรู้ตัวก็ได้

   “แค่เท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ไม่ได้เหรอวะ” คำพูดของปอที่หลุดออกมา ทำให้น้ำตาของเลิฟที่คลอเบ้าไหลลงมาอย่างช่วยไม่ได้ แค่เท่าที่เป็นหรอ...แล้วเท่าที่เป็นระหว่างมันกับเขาคืออะไรล่ะ แค่ความรู้สึกที่มีตอนนี้มันก็ไม่เท่ากันแล้ว

   ปอยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่ข้างแก้มให้เลิฟอย่างเบามือ ก่อนจะกดริมฝีปากลงที่หน้าผากเนียนเพื่อปลอบโยน เขาพอจะเดาความรู้สึกของเลิฟออก เพราะสังเกตุจากท่าทางและอาการที่มันฟ้องออกมาตลอด เหลือแค่คำพูดที่จะออกจากปากมันแค่นั้น ซึ่งแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่าอยากจะได้ยินรึเปล่า

   น้ำตาที่ควรจะหยุดไหลของเลิฟกลับไหลลงมายิ่งกว่าเก่า จนตอนนี้ภาพข้างหน้ามันพร่าไปหมดเขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี แต่เท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้มันก็คงดีกว่าไม่ได้อะไรเลยใช่ไหม

   “ปอ...” เลิฟเรียกชื่อปอด้วยเสียงสั่นๆก่อนจะโผเข้ากอดปอแน่น ซบหน้าลงกับไหล่ของปอปล่อยให้น้ำตาไหลอยู่อย่างนั้น มีปอคอยกอดและลูบหลังปลอบ

   “แล้วมึงมาที่นี่ได้ยังไง” เลิฟถามเสียงอู้อี้เพราะหน้ายังซบกับไหล่ปออยู่

   “เพื่อนมึงบอก...กูเลยมาดูว่ามึงตายรึยัง” ปอว่าเสียงกวนๆ

   “ไอ้เหี้ย” เลิฟเงยหน้าจากไหล่มาตวาดเสียงเขียวใส่ปอ ก่อนจะเอื้อมมือดึงหูปอสองข้างด้วยความหมั่นไส้

   “โอ๊ย!!! มึงกล้าทำกูหรอฮะ” ปอแกล้งทำเสียงดุใส่เลิฟ

   “เออ!!! เห็นแล้วนี่ว่ากูยังไม่ตาย มึงกลับไปได้ละกูจะได้โทรตามให้พี่โชนมาเยี่ยม” เลิฟพูดประชดออกไปเพราะความอยากเอาชนะ

    “อย่าให้กูรู้ว่ามึงไปไหนกับมันสองคนอีก” ปอว่าเสียงเข้ม ทำเอาเลิฟหน้าจ๋อยก้มลงไปซุกกับไหล่ปออีกครั้ง

   “ปอ...หิวข้าวอ่ะ”

   “สมควรหิว” ปอว่าออกไปเพราะหมั่นไส้ เลิฟเงยหน้าขึ้นมาทำปากยื่นใส่ปอเลยโดนปอดึงปากเข้าให้

   “โอ๊ย!! ปออ่ะชอบดึงปาก” เลิฟว่าเสียงแหวแล้วก็ยกมือมาจับปากตัวเอง

   “ทำอีกบ่อยๆสิ...รออยู่นี่เดี๋ยวกูลงไปถามเพื่อนมึงให้ว่ามีอะไรกินบ้างแล้วก็ใส่เสื้อได้แล้วก่อนที่มึงจะตายจริงๆ” ปอสั่งแล้วยกตัวเลิฟลงจากตักไปวางไว้บนที่นอน ก่อนจะเดินลงไปหาข้าวมาให้เลิฟกิน

...
...

    “มีอะไรกินไหม” ปอถามนาวที่นั่งคุยอยู่กับพีทในห้องนั่งเล่น นาวสะดุ้งเล็กน้อยเพราะอยู่ดีๆปอก็ถามขึ้นแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง

   “มีข้าวต้มในครัวน่ะคะพี่ปอหิวข้าวเหรอคะ” นาวหันมาคุยกับปอตาก็แอบมองสำรวจปอไปด้วย ตอนนี้พี่ปอไม่ได้ใส่เสื้อเธอยิ่งเห็นหุ่นได้ชัด ผู้ชายอะไรหุ่นโคตรดีมีกล้ามกำลังสวยแถมไอ้หน้าตาหล่อๆนั่นอีก ถ้าพวกสาวๆในมหา’ลัยรู้ว่าตัวจริงของมหาปอแห่งคณะวิศวะหล่อขนาดนี้นะ สงสัยหัวบันไดคณะคงไม่แห้งเพราะลำพังแค่พวกไอ้พี่กิงสาวๆก็เวียนมาให้วุ่น

   “เปล่า...ไอ้เลิฟมันบ่นหิว” ปอว่า

   “เลิฟตื่นแล้วหรอคะอาการมันดีขึ้นบ้างไหม” นาวถามด้วยความเป็นห่วง

   “ดีขึ้นล่ะ”

   “เฮ้อ!!! งั้นนาวไปตักข้าวต้มให้นะคะ” นาวถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเดินเลี่ยงเข้าไปในครัวเพื่อตักข้าว สักพักนาวก็ออกมาพร้อมข้าวต้มหนึ่งชามก่อนจะส่งให้ปอ

   “ระวังร้อนนะคะพี่”

    “ขอบใจ” ปอยื่นมือมารับแล้วเดินหันหลังกลับขึ้นไปชั้นบน

วินาทีที่ปอหันหลังทำเอานาวกับพีทต้องอ้าปากค้าง เพราะว่าแผ่นหลังที่เธอคิดว่าไม่น่าจะมีอะไร แต่กลายเป็นว่ามีรอยแผลข่วนเล็กๆเต็มไปหมด พอเอาไปคิดรวมกับรอยแดงรอบคอของเลิฟ มันก็ชัดเจนทุกอย่างแบบที่ไม่ต้องไปเอ่ยปากถามให้ยุ่งยาก

   “นาว...มึงคิดแบบที่กูคิดไหม” พีทหันมาถามนาวด้วยสีหน้าที่ยังตกใจไม่หายกับสิ่งที่พึงเห็น

   “กูคิดก่อนมึงอีก” นาวว่าออกไปบ้าง

   “สรุปเพื่อนเขยไม่ใช่เพื่อนสะใภ้สินะ” พีทพึมพำออกมาเบาๆแต่นาวได้ยินชัดเจน แล้วพยักหน้าเห็นด้วยกับพีทว่าพวกเธอได้เพื่อนเขยชัวร์ๆ

...
...

   เลิฟกินข้าวที่ปอถือมาให้จนเกลี้ยง ก่อนจะรับยามากินตามลงไป กำลังจะล้มตัวลงนอนเสียงโทรศัพท์ของปอก็ดังขึ้น ทำให้เลิฟต้องมองตามอย่างสนใจ

   “ว่าไงปราง”

    ทันทีที่ได้ยินชื่อของคนที่โทรมาก็ทำเอาแววตาของเลิฟสลดวูบ จิตใจเริ่มห่อเหี่ยวอีกครั้งน้ำตาทำท่าจะไหลออกมาอีกรอบ จนเขาต้องกระพริบตาถี่ๆเพื่อไล่น้ำตาไม่ให้ไหล

   “พี่อยู่กับมันเนี่ยแหละจะคุยไหมล่ะ” ปอตอบคำถามน้องสาวตัวเองแบบเซ็งๆ ไม่รู้ว่าใครคาบข่าวไปบอกยัยปรางว่าไอ้เลิฟไม่สบาย แถมยัยตัวแสบยังรู้ด้วยว่าเขามาหาไอ้เลิฟที่นี้

   “............” เลิฟมองโทรศัพท์ยื่นมาตรงหน้าด้วยความงง

   “ปรางอยากคุยกับมึง” ปอว่าแล้วยัดโทรศัพท์ใส่มือเลิฟ ส่วนตัวเองก็เดินเลี่ยงออกไปสูบบุหรี่ที่ระเบียงแทน

   เลิฟมองโทรศัพท์ในมืออย่างชั่งใจ หัวใจมันเต้นเร็วจนเหมือนจะทะลุออกจากอกฝ่ามือเย็บเฉียบไปหมด หรือว่าปรางจะรู้ความจริงเรื่องเขากับไอ้ปอเลยจะด่า ยิ่งคิดก็ยิ่งประสาทเสีย

   “ครับ” เลิฟพูดใส่โทรศัพท์แบบกล้าๆกลัวๆ

   “(เลิฟ!!!)” ปรางตะโกนเรียกชื่อเลิฟเสียงดัง

   “คะ...ครับ” เลิฟสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะขานรับตะกุกตะกัก

   “(ไม่สบายอาการดีขึ้นรึยัง)”

   “ดีขึ้นแล้วครับ”

   “(แล้วนี่ใครดูแลเลิฟคะเนี่ย..ปอรึเปล่า?)”

   “อะ...เอ่อ” เลิฟอึกอักขึ้นมาทันทีเพราะไม่รู้ว่าปรางพูดถึงปอขึ้นมาทำไม

   “(มันน่าหยิกให้เนื้อเขียวจริงๆคนอะไรนิสัยไม่ดี ทำตัวเป็นแมวขโมยแล้วยังมาทำแบบนี้อีก)”

   “..........” คำพูดของปรางทำเอาเลิฟหน้าซีดยิ่งกว่าเดิม แมวขโมยเหรอ?

   “ชอบทำอะไรแบบนี้อยู่เรื่อยแถมคราวนี้กับคนใกล้ตัวปรางอีก”

   “...........”

   “(เลิฟคะทำไมเงียบไปล่ะ)”

   “คือ...ผม”

   “(นี่ปอทำอะไรเลิฟหรือเปล่าเนี่ย)”

   “เปล่าครับ..คือ”

   “(พี่ชายปรางนิสัยเสียแบบนี้แหละเลิฟอย่าถือสานะ)”

   “พี่ชาย? ใครครับ” เลิฟถามกลับด้วยความงง พี่ชายปรางเหรอใคร?

   “(ก็ปอไงคะพี่ชายปรางมีอะไรรึเปล่า)” คำตอบของปรางทำเอาเลิฟถึงกับอึ้งปอเป็นพี่ชายปรางเหรอ งั้นที่ผ่านมาเขาก็คิดไปเองคนเดียวนะสิ

   เลิฟรู้สึกทั้งโล่งอกทั้งอายที่คิดอะไรคนเดียวเป็นเรื่องเป็นราว แต่ตอนนี้รู้สึกเคืองปอที่สุด ทำไมไม่ยอมบอกว่าปรางเป็นน้องสาว ไอ้คนนิสัยเสีย

   หลังจากนั้นเลิฟก็คุยโทรศัพท์กับปรางอีกสักพัก ส่วนมากก็เป็นปรางนั้นแหละที่พูด เขาได้แต่ครับๆพูดมากกว่านั้นไม่ได้เจ็บคอ  ไม่นานอีกฝ่ายก็วางสายไปพอดีกับที่ปอสูบบุหรี่เสร็จแล้วเดินกลับเข้ามาในห้อง เลิฟเลยทำหน้าบึ้งยื่นโทรศัพท์คืนให้
 
   “ทำไมปอไม่บอกว่าปรางเป็นน้อง”

   “มึงเคยถาม” ปอทำหน้ายียวนใส่

   “ไอ้คนนิสัยไม่ดี” เลิฟทำเสียงเหวี่ยงใส่ก่อนจะสะบัดหน้าไปอีกทาง

   “หึ หึ มึงควรทำใจเพราะกูเหี้ยกว่านี้เยอะ” ปอนั่งลงข้างๆแล้วอุ้มคนงอนขึ้นมานั่งบนตัก

   “แล้วนี่มึงงอนอะไรกู”

   “เปล่างอน” เลิฟว่าหน้างอ

    “ไม่งอนแต่หน้ามึงงอปากมึงยื่นออกมาเนี่ยนะ” ปอว่ายกมือเตรียมจะดึงปากเลิฟเล่น

   “อย่านะ!!” เลิฟว่าเสียงแหวก่อนจะยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองทั้งสองข้าง เพราะกลัวว่าปอจะดึงปากตัวเองเล่น

   “หึ หึ” ปอหัวเราะในลำคอแล้วก้มลงหอมแก้มเลิฟเต็มแรง

   ฟอดดดดด

   “ไม่ต้องมาหอมเลย” เลิฟว่างอนๆแล้วยกมือปิดแก้มไว้ทั้งสองข้าง

   “กูไม่หอมก็ได้” ว่าแค่นั้นปอก็ประกบปิดปากเลิฟทันที ส่งลิ้นเข้าไปหยอกล้อกับลิ้นเล็กเป็นการทักทาย ส่วนเลิฟก็เปิดปากรับสัมผัสเต็มที่จูบตอบไปตามประสา แขนเรียวทั้งสองข้างย้ายมากอดคอปอไว้แน่น  มือของปอล้วงเข้าไปในเสื้อของเลิฟลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลัง ก่อนจะวกกลับมาด้านหน้าสะกิดยอดอกเล็กๆจนมันขึ้นเป็นตุ่มไต

   ปอผละริมฝีปากออกมาแล้วจูบไซร้ตามแก้มลงมาเรื่อยๆ พอถึงซอกคอก็อดไม่ได้ที่จะดูดจนมันขึ้นรอยแดง มือทั้งสองข้างก็บีบเค้นไปทั่วตัวเลิฟ

   “อื้อ..” เลิฟส่งเสียงออกมาเพราะว่ารู้สึกเจ็บจากแรงบีบของปอ

   “พอแค่นี้มึงไม่สบาย” ปอบอกเสียงพร่า หยุดการกระทำทุกอย่างลงก่อนที่มันจะเลยเถิดไปกว่านี้ จูบปากเลิฟแรงๆอีกทีนึงทิ้งท้ายแล้วก็กอดคนตัวเล็กไว้แน่นเพื่อข่มอารมณ์ จริงๆไม่ใช่เพราะเลิฟไม่สบายแต่เป็นเพราะห้องนี้เป็นห้องของนาว แล้วน้องก็เป็นผู้หญิงขืนเอากันในนี้เจ้าของห้องคงช็อคตาย สงสารครับเพราะดูแล้วน้องน่าจะยังโสด

   “อือ” เลิฟว่าแล้วก็กอดคอปอไว้แน่น ซบหน้าลงที่ไหล่เพื่อซ่อนหน้าแดงๆของตัวเอง

...
...

    “มึง...เลิฟมันดีขึ้นรึยังวะ” กั้มหันมาถามนาวเขาพึ่งมาถึงเมื่อกี้นี่เอง

   “ดีแล้ว” นาวว่า

   “มึงรู้ได้ไงก็มึงนั่งอยู่เนี่ย”

   “พี่ปอเป็นคนบอก”

   “พี่ปอ? คนที่ทะเลาะกับไอ้เลิฟอ่ะนะ”

   “เออ...คนนั้นแหละ”

   “เฮ้ย!!! แล้วมึงปล่อยให้พี่เขาอยู่กับมันสองคนเหรอวะ ไม่ใช่เขาฆ่าไอ้เลิฟหมกใต้เตียงแล้วนะเว้ย” กั้มโวยวายออกมาด้วยความเป็นห่วงเพื่อน

   “เขาไม่ทำหรอกเชื่อกู” 

   “มึงรู้ได้ไง”

   “เออน่า” นาวตอบปัดๆ

   “ไม่เอากูจะขึ้นไปดูกูเป็นห่วงมัน” กั้มว่าแล้วลุกเดินขึ้นบันไดไปทันที นาวจะห้ามก็อ้าปากไม่ทัน เลยต้องเดินตามหลังกั้มขึ้นไปแทน มีพีทเดินตามไปอีกคนอย่างช่วยไม่ได้

   พอเดินมาถึงหน้าห้องกำลังจะเคาะประตูเรียก แต่เห็นว่าประตูเปิดแง้มอยู่กั้มเลยผลักเข้าไปโดยไม่ขออนุญาต และก็ต้องหยุดชะงักไปเพราะภาพที่เห็นในห้องทำเอาไม่กล้ารบกวน เลิฟกำลังจูบกับพี่ปอดูดดื่มเสียงดังจ๊วบจ๊าบมาถึงนี่ แล้วมือพี่ปอที่ล้วงเข้าไปในเสื้อนั่นอีกอะไรกันวะไหนบอกว่าไม่ถูกกันไง

   นาวเอื้อมมือมาปิดประตูห้องเบาๆแล้วจัดการลากเพื่อนทั้งสองคนลงข้างล่าง เมื่อกี้เธอก็ตกใจเหมือนกันเพราะไม่ได้คิดว่าจะมาเจอช๊อตเด็ดแบบนี้ ที่สำคัญนั่นมันห้องนอนเธอนะจะทำอะไรช่วยเกรงใจบ้างได้ไหม โอ๊ย!!ให้ตายสิ

   “มึง...ตกลงยังไงวะ” กั้มหันมาถามนาวเพราะยังอึ้งไม่หาย

   “ภาพชัดขนาดนั้นมึงยังจะถามอีกหรอวะ”

   “ไปได้กันตอนไหนวะ”

   “ตอนที่มึงกับกูไม่รู้ไง”

    “เหี้ย!!! โคตรจะเซอร์ไพรซ์” กั้มถึงกับครางออกมา

   “มึงว่าหลังจากจูบเขาจะต่อป่ะ” กั้มถามต่อด้วยความทะลึ่ง

   “กูจะรู้ไหม...แต่นั่นมันห้องกูควรเกรงใจไอ้เหี้ย” นาวว่าหน้าแดง

   “...Yes แน่นอน คนนี้ Yes แน่นอน...” พีทไม่ตอบแต่ร้องเพลงขึ้นมาแทน ทำเอาอีกสองคนที่เหลือถึงกับขำก๊ากอย่างถูกใจ ไม่คิดว่าพีทจะกล้าเล่นเพราะปกติพีทจะไม่เล่นอะไรแบบนี้ ถ้าเป็นกั้มก็ว่าไปอย่าง

   “ฮ่าๆๆ...สัส...คิดได้นะมึง” กั้มว่าแล้วนั่งหัวเราะต่อ ส่วนพีทก็ยักคิ้วส่งให้กวนๆ

   นาวได้แต่ขำไปส่ายหัวไปแต่ในใจหวังว่าพี่ปอคงจะไม่ทำอะไรเลิฟในห้องเธอนะ ขอร้องเถอะอย่าสร้างราคีให้พื้นที่ส่วนตัวของเธอเห็นใจคนโสดแบบเธอบ้าง!!!


2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 17 (02/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 02-02-2016 09:43:16
สนุกดีคะ ^^  o13
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 17 (02/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 02-02-2016 10:42:08
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[น่ารัก :m3: :m3: :m3: :m3: :m3: :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 17 (02/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 02-02-2016 18:31:45
 o13
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 17 (02/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-02-2016 18:46:57
 :เฮ้อ: รู้สักทีเรื่องปราง
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 18 (02/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 02-02-2016 18:59:41
กับดักที่
- 18 -
           


   “...อ๊ะ...อืม...” เลิฟส่งเสียงครางออกมาเล็กน้อย ดวงตากลมโตปรือขึ้นมองคนด้านบนที่กำลังขยับตัวเนิบนาบ มือสะกิดยอดอกเล็กของเขาเล่นอย่างก่อกวน ส่วนอีกข้างก็จับแขนเขารั้งขึ้นไว้เหนือหัว

               “ปอ...อย่าแกล้ง” เลิฟว่าเสียงกระท่อนกระแท่น

               “กูแกล้งอะไรมึง” ปอว่าเสียงพร่าก้มลงอ้าปากงับยอดอกตรงหน้าเล่น ส่งปลายลิ้นเลียระรัวก่อนจะดูดกลืนเข้ามาเต็มปาก ช่วงล่างก็ขยับซอยช้าๆไม่รีบร้อน

   "ปออ่ะ" เลิฟนอนใบหน้าแดงก่ำบิดตัวไปมา เขาอยากได้อะไรที่มันมากกว่านี้แต่ก็อายที่จะพูดร้องขอ ยิ่งปอขยับตัวเบาๆช้าๆแบบนี้เหมือนใจมันจะขาดซะให้ได้

   "อยากได้อะไร" ปอพูดกระตุ้นข้างใบหูข้างล่างขยับแทงเข้าออกเน้นๆ

   "...ระ...อือ...ระ..." เลิฟพยายามพูดออกไปแต่ไม่เป็นภาษา

   "อะไร" ปอก้มลงกัดริมฝีปากเลิฟเล่นซุกไซร้ลงไปที่ซอกคอ ก่อนจะเลื่อนลงไปงับยอดอกแรงๆจนขึ้นรอยฟัน  มือก็บีบเค้นไปตามตัวของเลิฟหนักๆตามอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูง

   "...แรง...อึก...แรงๆ" เลิฟเอ่ยปากร้องขออย่างลืมอายเขาอยากปลดปล่อยจะแย่แต่ทำไม่ได้ เพราะปอจงใจทำทุกอย่างช้าๆเพื่อแกล้งเขา

   "แน่ใจ" ปอแกล้งถามยียวน แล้วเงยหน้าขึ้นมาประกบจูบกับเลิฟอย่างเร้าร้อน ลิ้นหนาและลิ้นเล็กเกี่ยวกระหวัดทักทายกันดูดดื่ม

   ปอผละริมฝีปากออกมามองหน้าคนตัวเล็ก ที่ตอนนี้ก็กำลังมองเขาอยู่เหมือนกัน เลิฟปรือตามองปอด้วยแววตาเต็มไปด้วยความต้องการ กัดปากตัวเองจนแดงช้ำไปหมด

   ปอกระตุกยิ้มกับภาพตรงหน้าอย่างพอใจ เขาจงใจขยับช้าๆเพื่อแกล้งให้เลิฟร้องขอ เวลาเห็นมันนอนตัวแดงบิดไปมาเพราะอยากปลดปล่อยโคตรจะได้อารมณ์

   "ปอ...เร็ว" เลิฟเอ่ยปากเร่งปออย่างลืมตัวเพราะทนไม่ไหว สะโพกเล็กขยับส่ายร่อนไปมาช่องทางด้านหลังก็ตอดรัดแก่นกายปอถี่ๆ

   "ซี๊ดดด ... อย่าส่ายดิวะ" ปอครางบอกเสียงพร่าเอามือมาจับสะโพกเลิฟให้อยู่นิ่งๆ

   "ก็ขยับดิ!!" เลิฟว่าเหวี่ยงๆหน้างอใส่ปอที่เอาแต่แกล้ง ถ้ายังไม่เลิกจะไม่ยอมแล้วนะ

   "งั้นมึงทำเอง" ปอว่าแค่นั้นแล้วจัดการพลิกตัวให้เลิฟขึ้นมาอยู่ด้านบนแทน โดยที่ช่วงล่างยังเชื่อมติดกันอยู่
   "อ๊าาาาาา" เลิฟครางออกมาเสียงดัง

   ปึก!!!!

   เลิฟฟาดไปที่หน้าอกปอเต็มแรงเพราะจู่ๆปอก็พลิกให้เขาขึ้นมาอยู่ด้านบน ตัวเขาเลยเลื่อนลงมาทับปอกะทันหันจนรู้สึกจุกและเสียดที่ช่องทางหลังไปหมด

   "ขยับเอง เอาแบบที่มึงชอบ" ปอสั่ง

   เลิฟสบตาปอนิดๆกัดปากตัวเองแน่น วางมือสองข้างบนอกปอแล้วยกสะโพกขึ้นสูงก่อนจะทิ้งตัวลงมา มีมือของปอคอยประคองชี้นำอีกข้างก็บีบบั้นท้ายเลิฟเต็มแรงจนขึ้นรอยมือ

   สะโพกของปอเด้งสวนรับจังหวะที่เลิฟกดตัวลงมาอย่างหนักหน่วง จนคนตัวเล็กตัวสั่นคลอนไปหมดเพราะแรงกระแทก เสียงครางระงมดังออกจากปากอิ่มไม่ขาดสาย

   “อ๊ะๆๆ” เลิฟส่งเสียงครางลั่น ในขณะที่สะโพกก็ขย่มขึ้นลงเข้าจังหวะกับสะโพกปอที่เด้งสวนมา

   ปอมองเลิฟที่ขย่มโยกส่ายสะโพกร่อนอยู่บนตัวเขาอย่างพอใจ เขาชอบทำท่านี้เป็นพิเศษเพราะมันทำให้เขาเข้าไปได้ลึกกว่าปกติ และที่สำคัญมันสนุกที่ได้มองไอ้เลิฟโยกอยู่บนตัวเอง

   ตัวของไอ้เลิฟนี่ขี้นสีชมพูไปทั้งตัว ตากลมโตปรือขึ้นนิดๆอย่างยั่วยวน  ปากกัดแน่นจนเป็นรอยเพราะอารมณ์ที่พุ่งสูง แม่งโคตรเซ็กซี่ว่ะครับจนอดใจไม่ไหวคว้าคอมันมาแลกลิ้น  ไอ้เลิฟเองก็อ้าปากจูบตอบเขาแบบถึงใจ มือสองของของมันเอื้อมมากอดคอเขาไว้แน่น ข้างล่างก็ยังขยับโยกไม่ขาดตอน

   ไม่นานนักเลิฟก็ฟุบลงไปกับไหล่ปออย่างหมดแรง ลมหายใจถี่กระชั้นเพราะความเหนื่อย ทางด้านหลังก็บีบรัดและตอดถี่ๆไปทั่วท่อนลำจนเขารู้สึกปวดหนึบไปหมด

    “แค่นี้เหนื่อยเหรอวะ” ปอถาม เลิฟได้แต่พยักหน้าให้เป็นคำตอบ เพราะรู้สึกเหนื่อยจนไม่อยากขยับเองแล้ว ปอเลยพลิกคนตัวเล็กลงข้างล่างรั้งสะโพกขึ้นสูงแล้วจัดการกระแทกซอยถี่ๆไม่มียั้ง

    “ปอ เบาๆมันจุก” เลิฟว่าพยายามใช้มือดันหน้าท้องปอเป็นเชิงห้าม แต่ไม่ได้ผลเพราะตอนนี้ปออารมณ์ได้ที่จนไม่ฟังอะไรแล้ว ตั้งหน้าตั้งตากระแทกเข้ามาจนตัวเลิฟสั่นคลอนไปหมด

   พั่บ พั่บ พั่บ

   เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังแข่งกับเสียงครางลั่นห้อง ไม่นานปอก็สัมผัสได้ถึงแรงตอดรัดที่ช่องทางหลังถี่ยิบ จากนั้นเลิฟก็ปลดปล่อยออกมาพร้อมกับที่ปอเร่งจังหวะกระแทก ก่อนจะเน้นหนักๆในตอนท้ายแล้วปลดปล่อยออกมาตามเลิฟไปติดๆ

   “แฮ่กๆๆ เอาออกไปได้แล้ว” เลิฟหายใจหอบพยายามดันปอให้ลุกออกไป แต่ปอก็นอนเฉยทับเลิฟอยู่แบบนั้นแถมยังไม่เอาตัวเองออกไป นอนหอมแก้มเลิฟเล่นจนเลิฟคิดว่ามันคงช้ำไปหมดแล้วแน่ๆ

   “ปอพอ....อื้อ..” เลิฟเรียกอีกครั้ง ด้วยความรำคาญปอเลยจูบปิดปาก ส่งลิ้นเข้าไปหยอกล้อข้างในโพรงปากนุ่ม มีเลิฟคอยให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

   “ไหนมึงบอกพอแล้วจูบตอบทำไม” ปอผละริมฝีปากออกมาถามอย่างล้อเลียน

   “ก็ใครใช้ให้จูบล่ะ” เลิฟเถียงกลับหน้าแดง

   “หึ หึ เถียงนะมึง” ปอก้มลงกัดปากเลิฟเบาๆอย่างหมันเขี้ยว

   “อื้อ..พอเลยเอาออกไปได้แล้ว...ดะ..เดี๋ยวทำไมมันใหญ่ขึ้นล่ะ..อ๊า..” เลิฟตาโตเพราะสัมผัสได้ว่าไอ้ที่มันคาอยู่ในตัวเขาเริ่มขยายขนาดขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้มันนอนสงบนิ่งไปแล้ว แถมปอยังขยับแทงเข้ามาเน้นๆจนเขาร้องเสียงหลง

   “อ่า..ถ้าจะห้ามมึงก็อย่าตอด” ปอว่าเสียงพร่ากดสะโพกเข้าออกช้าๆ

   ปึก!!!!

   เลิฟใช้กำปั้นทุบไปที่อกปอเต็มแรงเพราะความเขิน พูดออกมาได้ว่าอย่าตอด มันห้ามกันได้ที่ไหนล่ะมันตอดของมันเองโว๊ย!!! แล้วนี้เขาคิดอะไรเนี่ยต้องห้ามปอก่อนสิ
 
   “ปอพอแล้ววันนี้มีเรียน”

   “มีบ่าย” ปอว่าอย่างไม่ใส่ใจก้มลงซุกไซร้ที่ซอกคอเลิฟต่อ

   “แต่นี่สายแล้ว” เลิฟว่าก็ตอนนี้มันสายแล้วจริงๆนะครับ ถึงคอนโดปอจะใกล้มหา’ลัยแต่มันก็ต้องเผื่อเวลากันบ้างสิ ปอเงยหน้าจากซอคอมามองหน้าเลิฟนิ่งๆ

   “งั้นไปต่อในห้องน้ำ” ปอว่าแล้วจัดการอุ้มเลิฟขึ้นทั้งๆที่อะไรๆก็ยังคากันอยู่นั่นแหละ

   “ปอ...พอเหอะนะ...อื้อ..” เลิฟพยายามทำเสียงอ้อนแต่ก็ต้องหลุดครางออกมา เพราะเวลาที่ปอก้าวขาเดินข้างล่างมันก็แทงสวนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

   “ไม่” ปอยิ้มหื่นวางเลิฟลงที่พื้นห้องน้ำจับให้หันหน้าเข้าผนัง จากนั้นก็กดสะโพกกระแทกเข้าแรงๆซอยถี่ๆจนเลิฟได้แต่ครางลั่นห้องน้ำไปหมด

...
...

   ปอเหลือบตามองเลิฟผ่านกระจกนิดๆ ตอนนี้เขากำลังแต่งตัวเตรียมไปเรียน แต่อีกคนนั่งนิ่งที่ปลายเตียงคอพับคออ่อนไม่ยอมลุกมาแต่งตัว

   เมื่อเช้าเขาจัดการมันไปนิดหน่อย เพราะเมื่อวานมันไปทำงานพิเศษกลับมาก็ดึก เห็นมันดูเหนื่อยๆเลยไม่กวนให้นอนพักเช้ามาก็เลยทบต้นทบดอกไป คิดแล้วก็ขำไม่น่าเชื่อว่ามันจะหัวไวขนาดนี้ สอนอะไรไปแม่งจัดได้ถึงใจสุดๆ

   "ลุกมาแต่งตัวเดี๋ยวสาย" ปอว่ามือก็ผูกเนคไทด์ไปด้วย

   "หยุดได้ป่ะ" เลิฟว่าอ้อนๆเพราะตอนนี้เมื่อยตัวจนไม่อยากลุกไปไหน

   "งั้นก็นอนพักเดี๋ยวกูไปเรียน" ปอว่าแล้วคว้าเอากุญแจรถกับกระเป๋าตังจะเดินออกจากห้อง

   "ปอ!!!" เลิฟพูดเสียงดังอย่างขัดใจ ปอเลยหันกับมามองนิ่งๆ

   "ถ้าจะไปก็แต่งตัว" ปอว่าเสียงเรียบแล้วออกไปนั่งรอที่โซฟาด้านนอก ทิ้งให้เลิฟที่นั่งหน้างอเดินฮึดฮัดไปแต่งตัว เขาส่ายหัวหน่ายๆกับท่าทางเด็กๆของเลิฟ รู้แหละครับว่ามันอยากอ้อนให้สนใจแต่จงใจแกล้งมันเล่นเฉยๆ

   ตั้งแต่วันที่มันไม่สบายนี่ก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้ว พอรู้ตัวอีกทีคอนโดของเขาก็มีแต่ข้าวของมันเต็มไปหมด นานๆทีไอ้เลิฟถึงจะกลับไปนอนหอตัวเอง จะบอกว่าเขากับมันอยู่ด้วยกันก็ใช่

   ช่วงอาทิตย์แรกเขาต้องไปส่งมันแต่งตัวที่หอทุกเช้า แล้วคนแม่งนอนเอากันทุกคืนไงครับเขารำคาญผสมขี้เกียจเลยพามันมาเก็บเสื้อผ้า หลังจากนั้นแม่งได้ใจเลยคราวนี้ตุ๊กตา หนังสือ สารพัดที่มันจะขนมาจนเต็มห้องไปหมด

   เขานั่งรอไอ้เลิฟแต่งตัวเกือบครึ่งชั่วโมง ครับอ่านไม่ผิดหรอกมันแต่งตัวครึ่งชั่วโมงจริงๆ แรกๆนี่โคตรโมโหแต่งตัวห่าอะไรนานขนาดนั้นหลังๆนี่ชินครับ

   ที่มันแต่งตัวช้าเพราะมันต้องทาครีมครับทาแบบทาทั้งตัว มันบอกเขาว่าน้องนาวเป็นคนบังคับให้มันกับเพื่อนมันที่ชื่อเอยทา มันเลยติดเป็นนิสัยต้องทาครีมจนทุกวันนี้ ถึงว่าสิครับผู้ชายห่าอะไรตัวนุ่มนิ่มไปหมด  แต่คิดแล้วก็น่าไปตบรางวัลให้น้องนาว เพราะน้องเขาไอ้เลิฟมันถึงได้ผิวสวยน่าฝัดขนาดนี้

   แต่เห็นมันเป็นแบบนี้มันก็เคยมีแฟนเหมือนกันนะครับแถมยังเคยมีอะไรกับผู้หญิงมาแล้ว ที่รู้เพราะมันมาโม้ให้เขาฟังเขาเองก็ฟังไปขำๆแปลกใจนิดหน่อยที่มันเคยมีเมีย ถ้าบอกว่าเคยมีผัวยังไม่แปลกใจเท่านี้เลย (แต่ก็พิสูจน์ด้วยตัวเองมาแล้วว่ามันไม่เคยมีผัว)

   สักพักไอ้เลิฟก็เดินออกมาจากห้อง หน้านี่งอออกมาเลยครับบ่งบอกว่าไม่พอใจสุดๆ มันเดินมาหยุดตรงหน้าเขาทำแก้มพองลมใส่ ได้กลิ่นหอมจางๆออกมาจากตัวมันด้วยครับ อดใจไม่ไหวเลยยืนขึ้นหอมแก้มไปทีนึง

   ฟอดดดดด

   "ป่ะ" ปอว่าแล้วเดินนำไปที่ประตู

   "เดี๋ยว!!" เลิฟดึงแขนปอไว้จนปอต้องหันกลับมามองหน้า

   "แว่น" เลิฟว่าหน้ามุ่ย ปอเลยยกมือขึ้นมาจับที่หน้าถึงได้รู้ว่าตัวเองลืมแว่นตา
 
   เลิฟเดินกลับเข้าไปที่ห้องนอนแล้วเอาแว่นมาใส่ให้ปอไม่ใส่ไม่ได้หรอกครับ ขนาดแต่งตัวเฉยๆใส่แว่นคุณลุงสาวๆยังเข้าหามันไม่หยุด ขืนให้เห็นแบบสภาพปกติดูสิคณะวิศวะแตกแน่ๆ

   เขามาอยู่กับปอจะเดือนนึงละ ไปเรียนด้วยกันกลับบ้านพร้อมกัน ไปไหนมาไหนปอก็คอยไปรับไปส่งยกเว้นไม่ว่างจริงๆมีอะไรกันแทบทุกวัน สิ่งที่เขากับปอทำด้วยกันตอนนี้ไม่ต่างจากคนเป็นแฟนกันเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นสถานะระหว่างเราก็ไม่ชัดเจนอยู่ดี

   ปอนอนกับเขาแต่ปอก็นอนกับคนอื่นเหมือนกัน ตอนนี้สถานะที่แน่ๆของเขาก็คือเด็กอีกคนของปอ แต่อย่างน้อยปอก็ไม่เคยพาใครมานอนที่คอนโดนอกจากเขา เลยแอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าปอก็น่าจะแคร์เขาบ้างเหมือนกัน แค่นี้เขาก็มีความสุขแล้วใครจะว่าโง่ก็ช่าง แค่ได้อยู่ข้างๆไม่ว่าจะฐานะอะไรก็ได้ทั้งนั้น

   เลิฟเดินตามปอเข้าไปในลิฟท์แล้วก็ยืนเบียดปอเหมือนทุกครั้ง ปอเองก็ได้แต่มองอย่างสงสัยเพราะทุกครั้งที่เลิฟเข้าลิฟท์ เลิฟจะยืนเบียดปอตลอดพอถามว่าทำไมก็ไม่ตอบจนปอเลิกถาม

   พอลิฟท์จอดสนิทเลิฟก็รีบเดินออกไปเหมือนว่าลิฟท์มีอะไรน่ากลัวในนั้น ปอเองก็เดินตามออกมาเงียบๆจนตามทันเลิฟที่ยืนหน้าซีดอยู่ข้างรถ เมื่อก่อนเขาเองก็ไม่เคยสังเกตุแต่พอมาอยู่ด้วยกันเขาถึงได้เห็นความผิดปกติของมัน

   “มึงไม่เป็นไรแน่นะ” ปอถามแบบเดิมทุกครั้งที่เลิฟออกอาการนี้ ฝ่ามือหนาเอื้อมไปเช็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นตามหน้าผากให้

   “ไม่เป็นไรหรอก” เลิฟเองก็ตอบกลับแบบนี้ทุกครั้งเหมือนกัน ก่อนจะบอกให้ปอปลดล็อกรถแล้วพาตัวเองขึ้นไปนั่งบนรถ ปอมองเลิฟนิดๆก็รู้ว่าเลิฟพยายามเลี่ยงที่จะตอบคำถาม เขาเลยต้องขึ้นรถแล้วขับไปมหา’ลัยทั้งอย่างนั้น

...
...

   “ไปแล้วนะ” เลิฟบอกปอทันทีที่รถจอดสนิทอยู่ลานจอดรถของคณะ เตรียมก้าวขาจะลงจากรถแต่ก็ต้องชะงักอยู่กับที่

   “เย็นนี้กูไม่กลับห้อง” ปอว่าเสียงเรียบ

   “งั้นเลิฟจะกลับไปนอนหอ” เลิฟตอบกลับไปแต่ไม่ยอมหันไปมองหน้าปอ

   “ให้กูไปส่งไหมหรือมึงจะไปเอง” ปอพูดเรื่อยๆเหมือนไม่มีอะไร

   “ไปเอง” เลิฟว่าเสียงเบา

   “งั้นเลิกเรียนแล้วกลับหออย่าออกไปไหน เดี๋ยวดึกๆกูโทรหา” ปอสั่งแล้วหันไปมองหน้าเลิฟนิดๆ

   “อือ” เลิฟพยักหน้ารับหงอยๆ

   “หันหน้ามา” ปอว่า เลิฟเลยจำใจหันหน้ามาอย่างช่วยไม่ได้

   ปอโน้มตัวลงไปจูบเลิฟเบาๆ ก่อนจะวกไปหอมแก้มเนียน แล้วผละออกมาสบตากลมโตของของคนตัวเล็ก เลิฟยิ้มให้ปอจางๆแล้วยกแขนกอดปอแน่น เอาหน้าซุกกับไหล่ปอถูไปมาอ้อนๆ

   “รักปอนะ” เลิฟบอกเบาๆแต่ปอได้ยินชัดเจน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เลิฟพูดคำนี้ออกมา เพราะตั้งแต่วันนั้นเลิฟก็บอกรักเขามาตลอด จนบางทีเขาก็แอบคิดว่ามันรักคนแบบเขาลงได้ยังไง

   “เออ” ปอว่า ยกมือขึ้นลูบหลังเลิฟกดจูบที่หน้าผากก่อนจะผละออก

   “ไปเรียนได้ล่ะ” ปอบอกหลังจากที่เปิดประตูลงจากรถ ก่อนจะหันหลังเดินไปหาเพื่อนในคณะ

   เลิฟมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆแล้วถอนหายใจ เขาอยากรู้ว่าเย็นนี้ปอจะไปไหนแล้วไปอยู่กับใคร แต่ก็ไม่กล้าถามเพราะกลัวปอรำคาญเลยได้แต่เงียบ วันนี้เขาตัดสินใจกลับไปนอนหอตัวเอง เพราะกลับคอนโดไปปอก็ไม่อยู่ ไม่รู้จะกลับไปทำไม

   ทั้งๆที่ มาเรียนพร้อมกันทุกวันแต่ไม่มีใครรู้สักคน แม้กระทั่งพวกเพื่อนปอว่าเราอยู่ด้วยกันมาเป็นเดือนแล้ว ที่มีรู้ก็พวกเพื่อนของเขาเท่านั้นอาจเป็นเพราะที่มหา’ลัยเขาเองก็ไม่ได้ไปวุ่นวายกับปอ แล้วปอก็ไม่เองพูดอะไรเลยไม่มีใครรู้เรื่อง ขนาดวันนี้เรียนวิชาเดียวกันแท้ๆยังต่างคนต่างไปเลย ถ้าจะมีอะไรผิดสังเกตุก็คงจะแค่เรื่องที่เขาเลิกแกล้งปอแล้วแค่นั้น

...
... 

    “ทำไมวันนี้มึงมาช้าวะ” ฝุ่นถามปออย่างสงสัย เพราะปกติปอ จะไม่มาเรียนช้าขนาดนี้

   “หึ เมื่อตอนเช้ากูยุ่งๆเลยสาย” ปอว่าแล้วหัวเราะนิดๆ

   “ยุ่งไรวะ” ฝุ่นถามต่อเพราะไม่เข้าใจ

   “กูว่ากูเดาออกละว่าแม่งยุ่งเหี้ยไรแต่เช้า ดูต้นคอมันดิแม่งรอยฟันชัดๆ มึงไปได้เด็กที่ไหนมาวะ” กิงว่าแล้วพยักหน้าบอกเพื่อนให้ดูที่ต้นคอของปอ ปอเองก็ยกมือขึ้นมาจับต้นคอตัวเองเหมือนกัน สงสัยจะเป็นรอยฟันที่เลิฟมันกัดเมื่อเช้า

   “ว่าไงวะ ตกลงมึงไปได้เด็กที่ไหนมา” กิงถามต่อเพราะความอยากรู้

    “หึ หึ” ปอไม่ตอบแต่ส่งเสียงหัวเราะแทน

   “ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอกไอ้เหี้ย” กิงว่าเซ็งๆ

   “ว่าแต่พักนี้ทำไมไอ้น้องเลิฟมันไม่มาแกล้งมึงเลยวะ” ฝุ่นถามขึ้นมาบ้างเพราะเขาไม่เห็นเลิฟมาก่อกวนไอ้ปอเลยช่วงนี้

   “ทำไม? มึงอยากให้มันมาแกล้งกู” ปอว่า

   “เออ!!! พอน้องแม่งไม่มาแกล้งมึง ชีวิตกูขาดสีสัน” ฝุ่นว่ากวนๆ

   “ไว้มึงรู้สาเหตุที่น้องมันไม่มาแกล้งไอ้ปอ ชีวิตมึงจะมีสีสันกว่านี้เยอะ” ต้าพูดขึ้นมาบ้าง

   “มึงพูดเหมือนมึงรู้” ฝุ่นหันมามองต้าอย่างจับผิด เพราะอะไรที่ไอ้ต้าพูดมันชอบมีความจริงผสม แล้วท่าทางแบบนี้มันต้องรู้อะไรมาแน่ๆ

   “กูบอกไม่ได้ว่ะเดี๋ยวโดนตีน” ต้าว่าลอยๆให้กระทบอีกคนบนโต๊ะ

   “ใครจะกล้ากระทืบมึงวะเดี๋ยวกูส่งไอ้ปอไปช่วย” กิงว่าขึ้นมาบ้าง

   “ฮ่าๆๆๆ” ต้าถึงกับหลุดหัวเราะเสียงดัง คนที่ไอ้กิงจะส่งมาช่วยเนี่ยแหละที่จะกระทืบเขา

   “ขำเหี้ยไร” กิงถามงงๆจู่ๆไอ้ต้าก็หัวเราะขึ้นมา แต่ต้าโบกมือไปมาเป็นเชิงบอกว่าไม่มีอะไร

   “แต่มึงว่ามะพักนี้ไอ้น้องเลิฟแม่งออร่าออกแปลกๆ” กิงนั่งมองเลิฟที่คุยกับเพื่อนแล้วเริ่มวิเคราะห์

   “ออร่าอะไรวะ” ฝุ่นถามเพราะไม่เข้าใจ

   “โธ่ไอ้ควาย...งั้นมึงว่าน้องมันเป็นยังไง”

   “ก็ขาว สวย แล้วก็...เออว่ะ น้องแม่งดูเปล่งปลั่งผิดปกติ” ฝุ่นเองก็เริ่มจะสังเกตุเห็นเหมือนกิงบ้าง ปกติถ้าไม่นับน้องนาวคนสวยประจำปีหนึ่ง ก็มีไอ้น้องเลิฟเนี่ยแหละที่สวยจนผู้ชายในคณะขายขนมจีบเป็นว่าเล่น แล้วนี้ไม่รู้ว่าน้องมันไปทำอะไรมา ปกติก็ดูน่ารักอยู่แล้วแต่นี่แม่งมีออร่าขึ้นดูชวนกดทำเมียยังไงไม่รู้ และคิดว่าคงไม่ใช่แค่ไอ้กิงกับเขาที่สังเกตุคนอื่นในคณะก็น่าจะสังเกตุเหมือนกัน ดูจากจำนวนคนที่มาขายขนมจีบก็พอรู้ขนาดตอนนี้ยังมีเลย

   “กูว่าโดนแล้วแน่ๆออร่าโคตรออกเอ๊กซ์สัสๆน่าจับเอาฉิบหาย นี่ถ้ากูไม่รักเมียมากกูจะไปจีบอีกคน” กิงว่าเรื่อยๆแต่ทำเอาเพื่อนที่เหลือในกลุ่มหันมามองกิงเป็นตาเดียว

   “มึงมีเมียตอนไหน” ปอถาม

   “มีตอนพวกมึงไม่รู้ไงน่ารักนะมึงพอๆกับน้องเลิฟเนี่ยแหละ” กิงว่าอวดๆ

   “ใครวะ” ฝุ่นถามบ้างเพราะอยากรู้ว่าใคร

   “กูไม่บอก...ทีมึงไปหาใครทุกวันมึงยังไม่บอกกูเลย” กิงพูดขึ้น แล้วสายตาทุกคู่ก็เปลี่ยนเป้าหมายไปมองฝุ่นแทน

   “มึงด้วย” ปอถามเพราะแปลกใจ ปกติไอ้ฝุ่นมันก็ควงบ้างไปเรื่อยแต่ไม่เคยไปหาใครแบบที่ไอ้กิงว่า เพราะมันไม่เคยลืมรักข้างเดียว 5 ปีของมัน

   “เรื่องของกูเหอะ...แล้วมึงอ่ะไอ้ต้าคงไม่ได้ซุ่มใครไว้เหมือนกันนะ” ฝุ่นโยนไปหาต้าเพื่อให้พ้นๆตัว แต่กลายเป็นต้านั่งเงียบหลบตาไม่พูดอะไรออกมา สรุปว่าพวกเขาต่างคนต่างมีสินะ...

   “แต่มึงดูดิคนแม่งมาหยอดไอ้น้องเลิฟอีกละ กูว่าใครเป็นผัวแม่งมีปวดหัวเมียเนื้อหอมเกิน” กิงพูดเปลี่ยนเรื่องเพราะหันไปเจอคนมาจีบเลิฟอีกแล้ว

   “ทำไมมึงถึงคิดว่าน้องมันจะเป็นเมีย” ฝุ่นว่าเขาละอยากรู้จริงๆว่าไอ้กิงมันเอาอะไรมาวัด

   “มึงแหกตาดูไอ้สัส!! หน้าแบบนั้นมึงว่าเป็นผัวใครได้ไหม ก่อนหน้าเนี่ยอ่ะก่ำกึ่งแต่ตอนนี้กูว่าเมียชัวร์” กิงยืนยันความคิดของตัวเองแบบมั่นใจ ซึ่งฝุ่นก็พยักหน้าเห็นด้วย

   “ว่าแต่ใครเป็นผัวน้องมันวะกูละสงสัย ปล่อยให้เมียนั่งโดนจีบอยู่ได้ไม่กลัวคนแย่งรึไงวะ” กิงว่าไปเรื่อย

    “ไม่มีใครกล้าแย่งหรอกเชื่อกู” ต้าที่เงียบไปนานพูดขึ้นมาบ้าง

    “ทำไมวะ...พูดเหมือนมึงรู้ว่าผัวน้องมันเป็นใคร” ฝุ่นหันมามองต้าอย่างจับผิด

   “กูจะไปรู้ได้ไง....แต่ไม่มีใครกล้าแย่งน้องเลิฟจากผัวมันหรอกเชื่อกู” ต้าว่ายิ้มๆ

   “เพราะเจ้าที่แม่งแรง...มึงว่าป่ะปอ” ต้าหันมาพูดกับปอสบตากันนิ่งแบบรู้กัน ปอเองก็กระตุกยิ้มมุมปากไม่พูดอะไร

   กิงกับฝุ่นได้แต่หันมามองหน้ากันงงๆ เพราะจู่ๆไอ้ต้าก็พูดห่าอะไรไม่รู้ขึ้นมา ไอ้ปอเองก็ยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ไม่ยอมตอบคำถาม

   ‘ตอนนี้เขาสองคนโคตรอยากรู้เลยครับว่าใครคือคนที่ไปต้าพูดถึง’

...
...

   เลิฟที่นั่งอยู่ข้างๆนาวมองขนมที่กองอยู่บนโต๊ะข้างหน้างงๆ ไม่รู้ทำไมพักนี้พวกผู้ชายในคณะถึงชอบเอาของกินมาให้เขา แถมพูดจาแปลกๆใส่อีกเขาเองไม่อยากจะรับไว้เลยเพราะกลัวปอโกรธอีก เคยโดนโกรธเพราะเรื่องนี้มาแล้วถึงตอนนี้ปอจะไม่ว่าแต่ก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรรึเปล่า

   “นั่งหน้างออีกละมึง ของชอบมึงทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ” นาวว่า

   “อือ...แต่มึงเอาไปเหอะเดี๋ยวปอโกรธ” เลิฟว่าแล้วดันขนมตรงหน้าไปให้นาว

   “อ้าว...เขาเอามาให้มึงนะเว้ย”

   “รู้แต่ไม่อยากได้ไง...อีกอย่างทำไมพวกแม่งถึงชอบเอาของมาให้กูทุกวันเลยวะ” เลิฟว่าอย่างสงสัยเปิดเทอมแรกๆก็มีบ้าง แต่ช่วงหลังๆนี่มาเยอะแยะ

   “นี่มึงไม่รู้” นาวหันมาถาม เลิฟเลยส่ายหัวตอบ

    “มึงนี่แม่งซื่อบื้อเนาะ” นาวส่ายหัวหน่ายๆแล้วคว้าเอาขนมมาแกะกิน

   “มึงไม่กินจริงดิ...ทำไมวะ” นาวพยายามยื่นขนมมาจ่อปากเลิฟ

    “ไม่เอาอ่ะเดี๋ยวโดนโกรธ”

    “พี่ปอ?”

    “อือ”

   “แคร์เขาเหรอวะ” นาวถามเรื่อยๆ

   “ทำไม”

   “มึงแคร์พี่มันขนาดนี้รักไปแล้วเหรอวะ” นาวถามตรงๆ เลิฟเลยเอาแต่นั่งเงียบก้มหน้า

   “เฮ้ออออออ...มึงรู้ใช่ไหมว่าพี่มันสันดานยังไง” นาวถาม เลิฟเองก็พยักหน้าตอบ

   “รักใครมึงก็รักเหอะกูขออย่างเดียว อย่าเป็นเหมือนคราวที่แล้วก็พอ”

    “อือ” เลิฟพยักหน้ารับปาก

   “แล้วนี่มึงกลับกับพี่ปอป่ะ”

    “วันนี้กูจะกลับไปนอนหอ” เลิฟตอบเสียงเบานาวได้แต่มองอย่างเป็นห่วง เลิฟกลับไปนอนหอแบบนี้แสดงว่าพี่ปอไม่กลับคอนโด อยากจะเดินไปตบหน้าพี่ปอสักทีที่ทำเพื่อนเธอหงอยแบบนี้ แต่ก็ได้แค่คิดปฏิบัติไม่ได้เพราะเพื่อนเธอเลือกเอง

   “กูไปอยู่เป็นเพื่อนมะ” นาวถาม

   “ไม่เป็นไร” เลิฟยิ้มให้นาวอ่อนๆขอบคุณที่เพื่อนเป็นห่วง

   “พวกมึงมานานยังวะ” พีทที่พึ่งมาถึงนั่งลงข้างๆนาวแล้วคว้าเอาขนมบนโต๊ะมากิน

   “ไม่นาน จะชั่วโมงละ” นาวว่าแดกดัน

   “กูขอโทษรถมันติด” พีทว่า

   “ได้ข่าวคอนโดมึงใกล้มหา’ลัย” นาวว่าอย่างรู้ทัน

    “ฮ่าๆๆ” พีทขำอย่างถูกใจที่โดนจับได้ เมื่อคืนเขาไปกินเหล้ามาเช้ามาเลยแฮ้งค์

   Tru…Tru…Tru…

   เลิฟที่กำลังจะเอ่ยปากพูดขึ้นมาบ้างก็ชะงักลง เพราะเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น เขาล้วงมือลงไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเบอร์ที่โชว์อยู่หน้าจอทำให้เขาหนักใจ เงยหน้ามองนาวที่มองอยู่ก่อนแล้วอย่างขอความเห็น เหมือนนาวเองก็พอจะเดาออกว่าใครโทรหาเขา

   เขาไม่อยากรับสายเลยแต่ก็ต้องรับเพราะถ้าไม่รับไม่รู้เขาจะเจออะไรบ้าง โทรศัพท์ในมือก็ยังคงแผดเสียงดังลั่นเลิฟมองหน้านาวขอกำลังใจก่อนจะตัดสินใจรับสาย

   “ครับ...พี่รุต”


2 Be Con...
++++++++++
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะค๊าบบบบบ
คนเขียนจะมาลงนิยายวันละสองตอนเน้อ
เช้าตอนนึง เย็นอีกตอนนึง
 :mew1:  :hao3:
[/color]
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 18 (02/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: askmes ที่ 02-02-2016 21:38:10
เพิ่งเห็นเรื่องนี้ สนุกกกกกกกกกกก รอติดตามน๊าาาาา
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 18 (02/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 02-02-2016 22:23:59
 :m28: :m28: :m28: :m28: :m28:พี่รุตนี่ใครอะ :m28: :m28: :m28: :m28: :m28:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ // อวดอิมเมจ (02/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 02-02-2016 23:07:49
เอารูป ปอกับเลิฟมาอวด
งุงิ  :katai3:

(http://images.forstudent.com/0/6g2.png)
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 18 (02/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-02-2016 23:16:27
คนที่บ้านหรือเปล่าที่เลี่ยงมาตลอด
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 19 (03/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 03-02-2016 10:30:43
กับดักที่
- 19 -
           


   “(…ตู๊ดดด...ตู๊ดดด...บริการฝากหมายเลขโทรกลับ...)” ปอกดตัดสายโทรศัพท์ทิ้งอีกครั้งก้มมองโทรศัพท์ในมือตัวเองนิ่ง เขาพยายามโทรหาไอ้เลิฟเป็นสิบๆสายแล้วแต่มันไม่รับ ทั้งๆที่ปกติต่อให้เขาโทรไปหาดึกแค่ไหนมันก็รับสายตลอด เขารู้สึกเป็นห่วงมันขึ้นมาเฉยๆใจมันหวิวๆบอกไม่ถูก อาจเป็นเพราะเมื่อตอนเย็นเขาไม่ได้ไปส่งมันที่หอเอง แล้วก็ไม่ได้คุยกับมันอีกเลยตั้งแต่บ่าย

               วันนี้ไอ้ต้ามีนัดแข่งรถที่สนามแถวนอกเมืองกับพวกไอ้แฮค กลุ่มเขาทุกคนเลยต้องไปดูมันแข่ง ไม่ได้มาให้กำลังใจอะไรแต่มาคุมเชิง เพราะพวกไอ้เหี้ยแฮคชอบเล่นตุกติกรถแพ้คนไม่แพ้ประจำ ยิ่งกับเขามันยิ่งไม่ชอบหน้าเป็นพิเศษเพราะแข่งห่าอะไรก็แพ้ เสียเด็ก เสียรถ เสียเงินให้เขาประจำมันคงแค้นมั้ง ตั้งแต่นั้นมาแม่งกัดพวกเขาไม่เคยปล่อย แพ้แล้วพาลฉิบหาย

               ครั้งนี้ไอ้แฮคท้าแข่งรถกับไอ้ต้า (ปกติจะเป็นเขา) แม่งโคตรไม่เจียม ไอ้ต้านี่เซียนสนามนะครับทั้งรถยนต์ มอ’ไซด์แม่งได้หมด ขนาดว่าเขาไม่เคยแพ้ใครก็จริง แต่ถ้าอัดรถแข่งกันจริงๆไม่ชนะไอ้ต้านะครับ ที่มันแพ้ส่วนมากแม่งขี้เกียจชนะไม่งั้นก็เจอพวกเก่งจริงๆ (ไม่ค่อยมี)

   ที่จริงไอ้ต้ามันไม่อยากรับคำท้าวันนี้เท่าไหร่ เพราะไม่อยากตีกันกับไอ้แฮคฉลองชัย (มั่นใจว่ายังไงก็ชนะ) แต่ถ้าไม่รับก็เสียศักดิ์ศรีเลยต้องจำใจรับ

              ของพนันรอบนี้ก็เงินสองแสนเด็กคนนึง ดูท่าแล้วเด็กไอ้แฮคโคตรอยากเป็นเด็กไอ้ต้าจนตัวสั่น แม่งอย่างยั่วมองไอ้ต้าแบบจะแดกเข้าไปทั้งตัว อย่างว่าละครับเพื่อนเขาดูดีกว่าไอ้เหี้ยแฮคเยอะ (หมายถึงหน้าตานะครับส่วนสันดานน่าจะพอๆกัน เผลอๆมีเหี้ยกว่า)

               “พี่ปออ่ะมองแต่โทรศัพท์ไม่สนใจเบียร์เลย” เสียงกระเง้ากระงอดดังขึ้นข้างๆ ทำให้ปอผละจากจอโทรศัพท์อย่างช่วยไม่ได้

               “ว่าไงนะ” ปอหันมาถามน้องเบียร์ที่เกาะแขนตัวเองอยู่ เมื่อกี้เขาไม่ได้ฟังว่าน้องมันพูดอะไร เพราะมัวแต่กดโทรศัพท์หาไอ้เลิฟ ทั้งโทร ทั้งแชท โปรแกรมห่าอะไรที่มันเล่นเขาตามหมด แต่ที่ได้มามีแค่ความเงียบ

               “พี่ปออ่ะเบียร์งอนแล้วนะคะ”  เบียร์ทำหน้างอสะบัดหน้าหนีไปอีกทางอย่างมีจริต

               “โทษทีพอดีพี่มีธุระ” ปอบอกเสียงเรียบเอื้อมมือไปกอดเอวบางดึงเข้ามาใกล้ๆ น้องเบียรนี่เด็กเก่าของเขาเองเคยคั่วกันมาก่อน  ไม่เจอกันก็นานพอสมควรไม่คิดว่าจะได้มาเจอกันที่นี้ น้องมันตัวเล็กๆตาโตผิวขาว ที่สำคัญนมโคตรใหญ่สเปคเขาทุกอย่าง (เสียแค่แม่งงี่เง่า งอแง) ตอนที่เขานอนกับไอ้เลิฟยังงงตัวเองเลยทำไมถึงนอนกับมันได้ ทั้งๆที่แม่งนมไม่ใหญ่แบบที่ชอบแถมแบนราบเลย เขาไม่เคยนอนกับผู้ชายไอ้เลิฟนี่เรียกว่าคนแรกเลย ไม่เหมือนพวกไอ้กิง ไอ้ต้า ไอ้ฝุ่น พวกนี้ได้ทุกแนว เอามันส์เอาได้มันจัดหนักครับ

               “ธุระอะไรค่ะถึงสำคัญกว่าเบียร์เนี่ย” เบียร์ทำปากยื่นหน้างอเอาหน้าอกไปเบียดแขนปอยั่วๆ ปอเห็นท่าทางของเบียร์ก็นึกถึงใครบางคนที่ชอบทำหน้างอ ปากยื่นเวลางอนเขา จนเผลอยกมือจะดึงปากเบียร์เล่นเหมือนที่เคยทำกับอีกคน แต่เบียร์เรียกไว้ซะก่อน

               “พี่ปอจะทำอะไรคะ” เบียร์ถามงงๆ เพราะจู่ๆปอก็ยกมือขึ้นมาใกล้ๆหน้าตัวเอง

               “เปล่า ไม่มีไร” ปอลดมือลงแล้วหันกลับไปมองที่สนาม เห็นต้ากำลังเดินมาหาเขามือโอบเอวเด็กไอ้แฮคมาด้วย แสดงว่ามันแข่งจบแถมชนะไปแล้วด้วย คือทำไมเร็วจังวะยังไม่ทันได้ดูเลย

               “ไงมึงสนนมไม่สนกูเลยนะ ไอ้เหี้ยกิงก็อีกคนโทรคุยแต่กับเมีย” ต้าทักขำๆ

               “นี่มึงแข่งเสร็จแล้ว? ไอ้เหี้ยแฮคมันว่าไง” ปอถามแล้วมองผ่านต้าไปข้างหลัง เห็นพวกไอ้แฮคขับรถออกจากสนามไปแล้ว ไอ้ฝุ่นกับพวกพี่อาร์ตกำลังเดินมาสมทบ แต่ละคนควงหญิงทั้งนั้นยกเว้นไอ้ฝุ่นที่ไม่ควงใคร

               “ไม่ว่าไงตอนแรกแม่งอยากมีเรื่อง แต่มันเกรงใจพวกพี่อาร์ตเลยกลับไปแล้ว” ต้าว่าชิลๆวันนี้ต้องขอบคุณพวกพี่อาร์ตที่มาด้วย ไม่งั้นคงได้ตีกันเลือดอาบ ไหนจะต้องคอยห้ามไอ้ปอกับไอ้กิงให้ยั้งมืออีก ไอ้สองตัวนี้เวลาตีกันทีไรมันมือมันตีนตลอด ไอ้ปอไม่เท่าไหร่รู้ๆกันว่ามันโหด แต่ไอ้ห่ากิงเหมือนไม่มีอะไรลอยชายไปวันๆ แต่ถ้าแม่งโมโหมามีตายนะครับ คือในกลุ่มเขากับไอ้ฝุ่นปกติสุดแล้ว

               พี่อาร์ตแกกว้างขวางครับเจ้าของสนามนี่ก็เพื่อนแก นักเลงแถวๆนี่ก็ลูกน้องแกคือพอแกเดินเข้ามาในสนาม คนแม่งยกมือไหว้กันเกรียวจนพวกเขานี่เอ๋อ พอรู้มาบ้างว่าแกไม่ธรรมดาแต่ไม่เคยรู้ว่าจะเหมือนเจ้าพ่อแบบนี้ ถ้าไอ้แฮคไม่กลับดีๆให้มันเลือกที่นอนเลยครับโรง’บาลกับโลงศพ เกือบร้อยตีน (นับแค่คนละข้าง) ถ้ามึงไม่ใช่ยอดมนุษย์มึงไม่รอดครับ

   “งั้นแปลว่าไม่มีเรื่องแล้ว” ปอถามกลับแล้วรับบุหรี่จากอาร์ตที่เดินมาสมทบขึ้นมาจุดสูบ

               “ทำไมไอ้โหดมึงอยากกระทืบคนเหรอวะ” อาร์ตแซวปอขำๆก่อนจะเดินมายืนข้างปอ แล้วพ่นควันบุหรี่ออกจากปากช้าๆ มองหน้าไอ้หล่อข้างๆไปด้วย รุ่นน้องเขาคนนี้บอกเลยว่าแม่งไม่ธรรมดาในหลายๆความหมาย    โดยเฉพาะความกวนตีนของมัน ไอ้ปอมันไม่พูดแต่ทำให้คนอยากเอาตีนถีบหน้าหล่อๆของมันได้ คือแม่งกวนตีนขั้นแอดวานซ์ไปแล้วครับกูนับถือ

               “เปล่าพี่” ปอตอบอาร์ตแล้วหันไปก้มหน้ากดโทรศัพท์หาเลิฟต่อ

               “โทรหาใครวะทำตัวเหมือนคนมีเมีย” อาร์ตถามเพราะสงสัยที่เห็นปอเอาแต่กดโทรศัพท์

               “มันโทรหาเด็กที่กำลังจะเลื่อนขั้นเป็นเมีย” ต้าเป็นคนตอบคำถามอาร์ตแทนปอ เลยโดนปอยกตีนถีบไปทีนึงข้อหาพูดแทงใจดำ

               “เด็กคนนั้นเหรอวะนี่มึงเอาจริง? กูนึกว่าขำๆ” อาร์ตหันมาถามปอหน้าตาตื่น เขารู้เรื่องไอ้ปอกับน้องเลิฟไม่นานนี่เอง รู้เพราะไปเห็นแม่งเดินออกมาจากห้องน้ำในคณะพร้อมกัน แถมเสียงแม่งโคตรเซอร์ราวด์ก้องห้องน้ำ น้องเลิฟนี่แม่งเดินไม่เป็นเลย ดีนะมันไปจัดกันตอนเย็นๆไม่มีคน ไม่งั้นคงได้ดังกว่าเดิมทั้งคู่กัดกันอยู่ดีๆเสือกได้กันซะงั้น

   เขาเองก็กำลังจีบน้องเลิฟอยู่เหมือนกัน พอรู้แบบนั้นเสียดายขนมที่เอาไปให้ฉิบหาย ไอ้เหี้ยปอก็กวนตีนจะบอกว่าน้องเลิฟเด็กมันก็เสือกไม่บอกดีๆ ดันลากกันไปเอาในห้องน้ำที่เขาเข้าประจำ แถมเลือกช่วงที่รู้ว่าจะไปเข้าซะด้วย จงใจให้กูรู้ชัดๆ แม่งกวนตีนสุดๆ

   “มีปากมันก็พูดไป” ปอว่า อาร์ตเลยหันไปยิ้มขำๆกับต้าแบบรู้กัน

   “พวกมึ๊งงงงงงงง” กิงแหกปากเรียกเพื่อนเสียงดัง รีบวิ่งมาหน้าตาตื่นทำเอาทุกคนงงๆ

   “อะไรวะ” อาร์ตว่า

   “รู้ละว่าใครเป็นผัวไอ้น้องเลิฟ” กิงว่าเสียงดัง จนฝุ่นที่คุยเรื่องรถอยู่แถวๆนั้นต้องเดินมารวมกลุ่มเพราะอยากรู้ แต่ต้า อาร์ตแล้วก็ปอมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ

   “มึงรู้ได้ไง” ปอถามเสียงเรียบเหมือนไม่มีอะไร จากท่าทีของไอ้กิงแสดงว่าคนที่มันรู้มาว่าเป็นผัวไอ้เลิฟต้องไม่ใช่เขาแน่ๆ

   “ก็เนี่ยไอ้เหี้ยแชร์กันว่อนเฟสบุ๊คป่านนี้รู้กันทั้งคณะ” กิงว่าแล้วล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเฟสบุ๊คให้ทุกคนดู

   ภาพที่เห็นคือภาพแอบถ่ายผู้ชายคนนึงกำลังเปิดประตูรถให้เลิฟเข้าไปนั่ง  แล้วคนถ่ายรูปยังขึ้นสถานะว่า ‘ตัวจริงมาแล้วอกหักกันเป็นแถบๆละมึง’ แถมระบุเวลาด้วยว่าตอนห้าโมง ปอมองภาพแล้วไม่ได้พูดอะไรแต่กำมือจนแน่น เพราะงี้หรอวะมันถึงไม่รับโทรศัพท์

   “เห็นมะกูบอกแล้วว่าแม่งมีผัวชัวร์ แต่ดูแล้วกูว่าน่าจะไม่ใช่เด็กมอเราป่ะวะ” กิงยังพูดไปเรื่อยหันเอารูปไปคุยกันกับฝุ่น ไม่ได้สังเกตุบรรยากาศที่เริ่มมาคุขึ้น กับอาการกระอักกระอ่วนของต้าและอาร์ตเลยสักนิด

   “ไม่มีอะไรแล้วกูกลับนะ” ปอว่าเสียงเรียบพยายามข่มความโมโห หันหลังจะเดินไปขึ้นรถแต่ต้าเดินมาขวาง พร้อมกับอาร์ตที่ดึงแขนไว้

   “พี่ปอจะไปไหนคะ” เบียร์เองก็เดินมาดึงแขนปอไว้อีกข้างแล้วถามขึ้นงงๆ เพราะจู่ๆปอก็จะกลับเฉยเลย
 
   “พี่จะกลับแล้ว” ปอหันมาบอกเสียงเรียบ

   “อ้าว..ไหนพี่ปอบอกจะไปกับเบียร์ต่อไงคะ” เบียร์ทำเสียงกระเง้ากระงอดไม่พอใจ ซึ่งปกติปอก็ว่ามันน่ารักแต่ตอนนี้แม่งน่ารำคาญ

   “เอาไว้วันหลัง” ปอว่าแล้วแกะมือเบียร์ที่เกาะแขนเขาออก
 
   “ไม่เอาอ่ะก็พี่ปอสัญญากับเบียร์แล้ว” เบียร์ว่าอย่างไม่ยอมแพ้กอดแขนปอแน่นกว่าเก่า

   “อย่าพูดไม่รู้เรื่องเบียร์ ปล่อยแขนพี่” ปอว่าเสียงเข้ม

   “แต่......”

    “อย่าพูดไม่รู้เรื่องดิวะ!!!” ปอตะคอกขึ้นอย่างอดไม่อยู่ จนเบียร์รีบปล่อยมือหน้าเสียบ่งบอกว่าตอนนี้กลัวปอไปแล้ว ก็ช่างแม่งเหอะครับปกติก็เหี้ยโดยสันดานอยู่แล้ว

   “มึงใจเย็นดิวะนี่ผู้หญิง” อาร์ตปรามปอให้ใจเย็นๆ

    “เป็นเหี้ยอะไรวะ” กิงที่ได้ยินเสียงตะคอกของปอหันมาถามอย่างตกใจ มีห่าอะไรวะครับเมื่อกี้แม่งยังดีๆอยู่เลย ฝุ่นเองก็มองปองงๆเหมือนกัน

    “มึงใจเย็นก่อนแม่งก็แค่รูปจะโมโหทำเหี้ยอะไรวะ” ต้าว่าแล้วขวางปอไว้ไม่ให้เดินต่อ

   “แต่มันไม่รับโทรศัพท์กู” ปอว่าเสียงเข้ม

   “นี่มึงเป็นอะไรวะปอ” กิงถามแทรกขึ้นมาเพราะตามไม่ทัน

   “เพราะมึงแหละไอ้เหี้ยเสือกเอารูปไอ้เลิฟมาให้มันดู” ต้าหันมาตบกะโหลกกิงแรงๆเพราะหมั่นไส้ แม่งเสือกจนได้เรื่อง

   “โอ๊ย!!! สัส!! แล้วเกี่ยวเหี้ยอะไรกับกูวะ แค่เอารูปไอ้น้องเลิฟกับผัวมันให้ดูเนี่ย” กิงเถียงยกมือขึ้นลูบหัวปอยๆ แม่งมือหรือตีนวะหนักฉิบหายตบมาได้

   “อย่าพูดว่าไอ้เหี้ยในรูปเป็นผัวไอ้เลิฟอีก” ปอจ้องหน้ากิงนิ่งพูดเสียงลอดไรฟัน

   “ทำไมวะ” กิงทำหน้าเอ๋อใส่ปอ

   “ก็กูเนี่ยผัวมัน!!!” ปอตะโกนใส่หน้ากิงเสียงดังลั่น แม่งอยากรู้กันจังว่าใครเป็นผัวไอ้เลิฟ ที่กูไม่พูดเพราะไอ้เลิฟแม่งเหมือนไม่อยากให้ใครรู้ ก็อยู่มหา’ลัยเล่นไม่เข้ามาทักทำตัวห่างๆ กูเลยทำเฉยไงครับ

   “เหี้ย!!!!!” เสียงตะโกนเหี้ยดังขึ้นพร้อมกันแบบไม่ต้องนัด พอมองๆดูไม่ใช่แค่ฝุ่นกับกิงที่ตกใจ พวกเพื่อนพี่อาร์ตรุ่นพี่ที่คณะแม่งก็แหกปากตะโกนตกใจด้วย

   “สัสเป็นไอ้ปอก็หมดหวังดิวะ ถ้าแค่ไอ้เหี้ยในรูปนี่กูสู้ได้สบาย” กลอนถึงกับส่งเสียงครางออกมาอย่างเสียดาย 

   “ไอ้เหี้ยนี่มึงจีบน้องมันด้วยเหรอวะกูนึกว่ามีแค่กู” อ้นหันมามองกลอนอึ้งๆ เพราะพึ่งจะรู้ว่าเพื่อนตัวเองก็จีบน้องเลิฟเหมือนกัน

   “ไม่ใช่แค่กูกับมึงไอ้สัสอาร์ตก็ด้วย” กลอนพูดอย่างพาลๆแล้วทุกคนก็หันไปมองที่อาร์ตเป็นตาเดียว ซึ่งเจ้าตัวก็ยักไหล่ให้ชิลๆ

   “นี่พวกพี่จีบไอ้น้องเลิฟหมดเลยเหรอวะ” ฝุ่นหันมาถามอึ้งๆ ส่วนไอ้กิงยืนอ้าปากค้างไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้กิงนี่ไม่มีทางรู้นะครับ ว่ารุ่นพี่ของเขาแห่กันขายขนมจีบไอ้น้องเลิฟเกือบทั้งหมด

   “เออเดะกูจีบของกูมาตั้งนาน กูก็ว่าแล้วทำไมน้องมันไม่เล่นด้วย ที่ไหนได้ไอ้เหี้ยปอคาบเอาไปแดกสัส!!” อ้นหันมาด่าปอเพราะหมั่นไส้เห็นกัดกันแง่งๆเสือกได้กัน รู้ว่ากัดแล้วได้กูกัดไปนานแล้วครับ

   “คุยกันพอยังจะได้กลับ” ปอพูดขัดขึ้นเสียงเย็น ตาขวาง แกะแขนตัวเองออกจากมืออาร์ตที่จับไว้

   “ไอ้สัสๆทำหน้าดีๆพวกกูไม่แย่งของน้อง” อาร์ตยกมือตบไหล่ปอเบาๆเพราะเห็นปอทำหน้าโหด ขนาดน้องเลิฟไม่ใช่เมียนะแต่อาการแม่งออกสัส

   Tru…Tru…Tru…

   เสียงโทรศัพท์ของปอดังขึ้น ทำเอาปอรีบคว้ามากดรับสายทันทีแบบไม่คิดจะมองเบอร์ เพราะคิดว่ายังไงก็ต้องเป็นเลิฟแน่ๆที่โทรมา

   “มึงอยู่ไหน!!” ปอถามเสียงเข้มจนเกือบเป็นตะคอก

   “(เอ่อ...พี่ปอป่ะคะนี้นาวเองนะคะ)”

   “นาว...” ปอพึมพำเบาๆ เพื่อไอ้เลิฟโทรมาหาเขาทำไม

   “(ค่ะนาวเองเพื่อนเลิฟ)”

    “มีอะไร” ปอว่าเสียงเรียบ

    “(เลิฟไปหาพี่รึเปล่าค่ะตอนนี้นาวติดต่อเลิฟไม่ได้เลย)” นาวพูดด้วยเสียงติดกังวล

   “พี่ติดต่อมันไม่ได้เหมือนกัน” ความเป็นห่วงเริ่มกลับมาอีกครั้ง ถ้าน้องนาวก็ยังติดต่อไอ้เลิฟไม่ได้นี่มันแปลกๆแล้วครับ

   “(งั้นนาวฝากพี่ช่วยตามหามันหน่อยนะคะ เดี๋ยวนาวจะตามกับเพื่อนอีกทาง)”

   “มีอะไรรึเปล่า? แล้วมันหายไปไหน” ปอถามขึ้นอย่างร้อนรน

   “(นาวเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ตอนนาวไปรับคนที่บ้านเลิฟก็บอกว่าเลิฟออกไปแล้ว ยังไงฝากพี่ตามหามันด้วยนะคะ)” แล้วนาวก็กดตัดสายไป ทิ้งให้ปอมองโทรศัพท์ในมือเครียดๆ นี่มันเกิดเรื่องเหี้ยอะไรวะ

   “กูกลับก่อนนะ” ปอว่าแล้วหันหลังจะไปขึ้นรถ กะว่าจะขับรถไปดูที่คอนโดก่อนเผื่อมันไปหาเขาที่นั่น

   “มีอะไรวะ” ต้าดึงแขนปอไว้เพราะเห็นหน้าปอเครียดๆ

   “ไอ้เลิฟหายไปกูจะไปตามหา”

   “มึงจะไปหาที่ไหน” ต้าถามขึ้น ซึ่งปอเองก็บอกไม่ได้เหมือนกัน ว่าถ้าไปดูที่คอนโดแล้วมันไม่อยู่เขาจะไปตามที่ไหน
   “กูจะกลับไปดูที่คอนโดก่อน”

   “งั้นกูไปด้วยเผื่อไม่เจอจะได้ช่วยกันตามหา” ต้าตบไหล่ปอเบาๆก่อนจะหันไปบอกคนอื่นๆ สรุปแล้วพวกเขาทุกคนเลยแห่กันไปที่คอนโดปอ เพราะเป็นห่วงเลิฟกันทุกคนถ้าไม่เจอจะได้ช่วยกันตามหา

...
...
 
   ปอเหยียบคันเร่งแทบจะมิดเข็มไมล์จนมาถึงคอนโด จอดรถได้เขารีบวิ่งขึ้นลิฟท์กดชั้นที่ตัวเองอยู่ พวกที่เหลือก็แห่ตามหลังมาด้วย ลิฟท์แม่งก็ช้าฉิบหายกว่าจะขึ้นไปได้แต่ละชั้น เมื่อไหร่จะถึงวะ

   ทันทีที่ลิฟท์หยุดที่ชั้นของห้องเขา ปอก็รีบพุ่งตัวออกจากลิฟท์จนเหมือนจะเหาะ เดินไปยังไม่ถึงหน้าห้องดีก็เห็นเงาตะคุ่มๆนั่งอยู่ที่หน้าห้องเขา ไม่ต้องเพ่งสายตามองอะไรมากก็รู้ว่าใคร

   ปอผ่อนฝีเท้าค่อยๆเดินเข้าไปหาร่างที่นั่งชันเข่าซุกหน้าอยู่ ตอนแรกเขาเป็นห่วงตามมาด้วยโล่งอกที่เห็นมันอยู่หน้าห้อง แต่ตอนนี้เขาโมโหถ้าแม่งไม่ไปไหนไกลทำไมไม่รับโทรศัพท์วะ แล้วเสือกมานั่งรอทำเหี้ยอะไรที่หน้าห้องคีย์การ์ดจะเข้าห้องแม่งก็ไม่มี ทั้งๆที่เขาบอกไปแล้วว่าไม่กลับทำไมมันไม่กลับหอ ถ้าเขาไม่กลับมามันไม่ได้นั่งตากยุงนอกห้องทั้งคืนเหรอวะ

   เสียงฝีเท้าที่ดังเบาๆเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆจนหยุดนิ่งที่ตรงหน้า เลิฟเอาหน้าที่ซุกเข่าออกแล้วมองไปที่ปลายเท้าคนที่ยืนข้างหน้า แล้วก็เห็นรองเท้าของคนที่เขามานั่งรอ

   “ทำไมมึงไม่รับโทรศัพท์” ปอว่าเสียงเย็น

   “มึงรู้ไหมว่ากู.....” ปอยังไม่ทันที่จะพูดประโยคต่อมาจบ เขาก็เงียบไปเพราะเลิฟเงยขึ้นมามองเขาน้ำตานองหน้า

   “ปอ....” เลิฟเรียกปอเสียงสั่นๆ แล้วลุกขึ้นกอดปอแน่นร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียงดัง จนปอเองถึงกับงงคนที่เหลือก็ส่งสายตาเป็นคำถามมาให้ ปอเองก็ได้แต่ส่ายหัวตอบกลับไปเพราะเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
 
   “มึงเป็นอะไร” ปอถามเลิฟเสียงอ่อนโยน แต่เลิฟส่ายหัวไปมาไม่ยอมตอบ ซุกหน้าร้องไห้กับอกปออยู่แบบนั้น จนปอต้องดันตัวเลิฟออกเพื่อที่จะคุยกันให้รู้เรื่อง เอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้ก่อนจะชะงัก เพราะเห็นรอยช้ำบนหน้าเลิฟ

   ปอกัดฟันแน่นเพราะความโกรธที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว มองยังไงบนหน้าไอ้เลิฟนี่มันก็รอยฝ่ามือชัดๆที่มุมปากก็มีแผลแตก ใครแม่งทำวะขนาดมันดื้อกับกูจะเป็นจะตาย แกล้งกูสารพัดตีสักทีกูยังไม่ทำ แล้วใครแม่งบังอาจตบมันจนปากแตกขนาดนี้วะ
 
   “ใครทำมึง!!!” ปอถามเสียงเข้ม ตอนนี้เขาโมโหจนรู้เลยว่าตัวเองใกล้จะคุมไม่อยู่

   “...ฮึก...ฮึก...” เลิฟไม่ยอมตอบเอาแต่ส่ายหน้าร้องไห้ไม่หยุด โผเข้ากอดปอแน่น

   “ไม่เป็นไร อยู่กับกูไม่เป็นไร” ปอยกมือกอดเลิฟแล้วโยกคนตัวเล็กไปมา มือลูบหลังให้เบาๆก้มลงจูบที่ขมับอย่างปลอบโยน

   ปอเลิกที่จะคาดคั้นเอาคำตอบจากเลิฟ เพราะดูแล้วคงไม่ได้อะไรจากปากมันแน่ อีกอย่างสภาพมันตอนนี้ของมันน่าเป็นห่วง เขาจำเป็นต้องข่มความโกรธและความอยากรู้ทั้งหมดเอาไว้ เพราะยังไงเขาต้องได้คำตอบแน่ๆแค่ไม่ใช่ตอนนี้ ส่วนเจ้าของรอยมือที่อยู่บนหน้ามันคงมีเรื่องต้องเคลียร์กับเขายาว

   “กิง..เปิดประตูห้องให้กูหน่อย” ปอหันไปบอกกิงที่อยู่ใกล้ๆเพราะเขาเดินไปเปิดเองไม่ได้ กิงเลยมาล้วงคีย์การ์ดในกระเป๋ากางเกงของปอแล้วเปิดประตูให้ พอประตูเปิดออกปอก็จัดการอุ้มเลิฟเดินเข้าห้องทันที

    “ขอบใจนะพวกมึง พวกพี่ด้วย” ปอพูดขอบคุณกับเพื่อนแล้วหันไปค้อมหัวให้รุ่นพี่นิดๆ จากนั้นก็ปิดประตูลง

   ส่วนคนที่เหลือก็มองภาพตรงหน้าตัวเองกันอย่างอึ้งๆ อึ้งแรกเพราะเห็นน้องเลิฟตัวแสบร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร อึ้งที่สองเพราะเห็นเหี้ยอ่อนโยน แม่งโคตรอเมซิ่งกอดกันหอมกันปลอบกันจนพวกเขาทำหน้าไม่ถูก แต่ที่แน่ๆคือมันยืนยันทุกอย่าง ว่าน้องเลิฟของพวกเขาเสร็จไอ้ปอไปแล้วจริงๆ

...
...

   ปออุ้มเลิฟเข้ามาในห้องนอนแล้วให้คนตัวเล็กนั่งบนตักเขาที่เตียง ตอนนี้เลิฟหยุดร้องไห้แล้วแต่ยังส่งเสียงสะอื้นออกมาบ้าง ปอเลยนั่งกอดปลอบเลิฟไปเงียบๆ

   “มึงหิวไหม” ปอถามขึ้นทำลายความเงียบ

   “ไม่หิว” เลิฟตอบเสียงแผ่วเอาหน้าถูไถอกปอคลอเคลียเหมือนลูกแมว

    “ปวดตาอ่ะ” เลิฟว่าอ้อนๆ

   “ใครใช้ให้มึงร้องไห้ขนาดนั้น” ปอว่าแล้วใช้นิ้วมือขึ้นมานวดที่กระบอกตาให้เลิฟเบาๆ

    “ขอโทษ” เลิฟว่าเสียงแผ่วแล้วกอดปอแน่น

    “ขอโทษทำไม” ปอถามกลับงงๆ

   “ก็ร้องไห้ทำปอรำคาญ”

    “กูไม่ได้รำคาญแต่กูไม่ชอบที่มึงร้องไห้ สัญญากับกูว่าจะไม่ร้องไห้อีก”

    “ก็คนมันเสียใจก็ต้องร้องป่ะ” เลิฟเถียงออกมาตามนิสัย

   “อย่าเถียงกู” ปอดุไม่จริงจัง รู้สึกใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อยที่เห็นเลิฟเถียงกลับมาแบบนี้

               “ก็มันห้ามไม่ได้นิ”

               “งั้นถ้ามึงจะร้องไห้ จะเสียน้ำตาให้เป็นเพราะกูเท่านั้นเข้าใจไหม”

    “ปอเอาแต่ใจว่ะ” เลิฟทำหน้างอปากยื่นใส่ปอ

    “กูถามว่าเข้าใจไหม” ปอว่าแล้วดึงปากเลิฟเล่น

   “เข้าใจแล้ว...แต่อย่าทำให้ร้องไห้บ่อยนะ” เลิฟว่าอ้อนๆ

   “กูไม่รับปากอยู่กับกูยังไงมึงก็ร้องไห้ได้ทั้งชีวิต” ปอว่าแล้วสบตากับเลิฟนิ่ง

   “ง่วงอ่ะ” เลิฟหลบตาลงไปซุกอกปอแน่นเพราะความเขิน

   “งั้นไปอาบน้ำนอน ถ้าพรุ่งนี้ไปเรียนไม่ไหวก็ไม่ต้องไป”

    “ไม่เอาจะไป”

   “ตามใจมึง ไปอาบน้ำได้แล้ว” ปอว่า

    “รักปอนะ” เลิฟยิ้มให้ปอบางๆแล้วเงยหน้าขึ้นหอมแก้มสากแรงๆ ก่อนจะลงจากตักปอไปอาบน้ำ เมื่อกี้ปอบอกว่าเขาจะต้องร้องไห้เพราะปอทั้งชีวิต งั้นแสดงว่าปออาจจะรักเขาบ้างสักวันนึงใช่ไหม เขาจะแอบหวังอะไรบ้างได้รึเปล่า ถึงปอจะพูดออกมาแบบไม่คิดอะไรแต่เขาก็ดีใจนะ

   ปอมองตามหลังเลิฟที่เดินเข้าห้องน้ำไป ก่อนจะส่ายหัวเบาๆแล้วยิ้มกับตัวเอง วันนี้หัวใจเขาทำงานโคตรหนักเลยครับ ปวดหัวฉิบหายขืนเป็นแบบนี้บ่อยๆคงไม่แก่ตาย

   สักพักเลิฟก็เดินออกมาจากห้องน้ำปอเลยเดินเข้าไปอาบน้ำต่อ พอกลับออกมาก็เห็นเลิฟนอนหลับไปแล้ว เขาเดินไปหยิบยามาแล้วทาลงบนแผลของเลิฟเบามือ ลองมองดีๆตามตัวมันก็มีรอยช้ำเป็นจ้ำๆเต็มไปหมด ไอ้เลิฟมันเป็นคนขาวโดนอะไรนิดอะไรหน่อยก็เลยเห็นโคตรชัด

   ปอทายาไปตามแผลบนตัวเลิฟจนเสร็จ เขามองรอยช้ำบนตัวของมันด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เขาไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำแล้วทำไปทำไม แต่เขามั่นใจได้อย่างนึงเลยว่าไอ้คนที่มันมารับไอ้เลิฟเมื่อตอนเย็นต้องเกี่ยว และถ้าไอ้เลิฟไม่ยอมตอบเขาไอ้เหี้ยในรูปนั่นแหละที่ต้องเป็นคนตอบแทน


2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 19 (03/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 03-02-2016 10:49:21
 :m16: :m16: :m16: :m16: :m16: :m16:ไอ้รุตแน่เลยตีน้องเลิฟ :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 19 (03/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-02-2016 13:25:57
ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 20 (03/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 03-02-2016 19:21:45
กับดักที่
- 20 -
               


   ทุกคนบนโต๊ะต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก กับบรรยากาศมาคุชวนอึดอัดที่เกิดขึ้น หันไปมองตัวต้นเหตุของเรื่องอีกฝ่ายก็นั่งทำหน้าตาบ๊องแบ๊วไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ว่าไม่รู้จริงๆหรือแค่แกล้งทำเป็นไม่รู้ เจ้าตัวยังส่งยิ้มหวานตักนั่นตักนี้ใส่จานให้คนตรงข้ามเรื่อยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆที่ไอ้เจ้าของจานมันนั่งหน้านิ่งทำตาดุ สร้างบรรยากาศมาคุปกคลุมทั่วพื้นที่อยู่

   ปอนั่งมองเลิฟที่ตักกับข้าวมาใส่จานตัวเองด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง นิ่งจนเกินไปชนิดที่เรียกได้ว่าผิดปกติ ไอ้เลิฟมันจงใจเลี่ยงคำตอบเรื่องรอยฝ่ามือบนหน้ามัน เวลาเขาถามมันก็ทำเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง เขาเองก็เลยลองเฉยๆมันก็ยิ่งทำเนียนไม่ยอมพูด

   จนผ่านมาสามวันแล้วความอดทนเขามันเลยหมด พอลองถามมันอีกครั้งดูแต่มันยังกวนส้นตีน ไม่ตอบไม่พอมันไม่สนใจในสิ่งที่เขาถามเลยสักนิด เขาเลยเงียบไม่คุยกับมันตั้งแต่เมื่อเช้าจนถึงตอนนี้ ในเมื่อมันเลือกที่จะเงียบเขาก็จะเงียบเหมือนกัน ไม่อยากบอกไม่อยากเล่าเหี้ยอะไรก็ไม่ต้องพูด

   เลิฟพยายามกับข้าวใส่จานให้ปออย่างเอาใจ แต่พอเขาตักอะไรไปให้ปอก็ไม่ยอมกิน เขาเลยตักใส่ซะเต็มจานกะว่ายังไงต้องกินแน่ๆ ที่ไหนได้อีกฝ่ายหยุดกินไปเฉยๆ แถมทำท่าจะลุกออกจากโต๊ะไปอีก

   "อ้าว...อิ่มแล้วเหรอวะ" กิงที่นั่งกินข้าวข้างๆปอถามขึ้นด้วยความแปลกใจ เขาเห็นไอ้ปอมันพึ่งตักกินไปสองสามคำเอง ทำไมวันนี้มันอิ่มเร็วจังปกติแดกช้างได้เป็นตัว

   "เออ" ปอว่าเสียงเรียบแล้วจะลุกออกจากโต๊ะแต่มีมือมาดึงไว้ก่อน

   “ไปไหนอ่ะ” เลิฟวางช้อนกินข้างลงแล้วถามปอขึ้นอย่างร้อนรน เอื้อมมือไปจับแขนปอไว้ก่อนที่ปอจะลุกขึ้น

   “ปล่อย” ปอปรายตามองมือเลิฟที่จับแขนตัวเองอยู่นิดๆ ส่วนเลิฟก็ส่ายหัวปฏิเสธกำแขนปอแน่นยิ่งกว่าเก่า ปอเลยใช้มืออีกข้างของตัวเองแกะมือเลิฟที่กำแขนออกอย่างง่ายดาย แล้วลุกขึ้นเดินออกไปโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ ทำเอาเลิฟที่นั่งอยู่น้ำตาซึมกับท่าทางเย็นชาของปอ

   “ปอ” เสียงสั่นๆที่เรียกทำให้ปอชะงักเท้าแล้วหันกลับมามอง

   “มึงมีอะไรจะพูดไหม” ปอลองถามอีกรอบ ถ้าครั้งนี้มันยังไม่พูดอะไรออกมาอย่าหาว่าเขาใจร้ายก็แล้วกัน ปอส่งสายตามองอย่างกดดัน จนเลิฟต้องหันหน้าหนีไปอีกทาง

   "เย็นนี้แวะซื้อของก่อนกลับด้วยนะ" หลังจากที่จ้องตากันอยู่นาน สุดท้ายเลิฟก็เลือกที่จะเฉไฉไม่ยอมพูดอยู่ดี

   "นี่คือเรื่องที่มึงจะบอกกู" ปอยืนจ้องหน้าเลิฟเขม็งพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ ควบคุมตัวเองไม่ให้เดินเข้าไปบีบคอคน

   "มึงจะไปซื้อของ" ปอถามย้ำ

   "อือ" เลิฟพยักหน้าตอบแต่ไม่ยอมมองหน้าปอ ใครจะไปกล้ามองแค่เสียงก็โหดแล้ว หน้านี่ไม่ต้องมองก็รู้ว่าเป็นยังไง

   "งั้นมึงเอาไป" ปอว่าเสียงเข้มแล้วเดินกลับมาหาเลิฟที่โต๊ะ ควักกระเป๋าตังหยิบเงินออกมาจำนวนนึง แล้ววางทั้งกระเป๋ากุญแจรถกับคีย์การ์ดคอนโดให้เลิฟบนโต๊ะแรงๆ ก่อนจะหันหลังเดินออกไปโดยที่ไม่พูดอะไร

   ท่าทางของปอทำเอาเลิฟตกใจไม่น้อย เพราะจู่ๆปอก็เอาของทุกอย่างมาวางทิ้งไว้แล้วก็เดินออกไป จนเลิฟต้องรีบลุกตามไปดึงแขนไว้

   "ปล่อย" ปอพูดทั้งๆที่ไม่ยอมหันหน้ามามองเลิฟ

   "จะไปไหน" เลิฟปล่อยมือที่ดึงแขนไว้แล้วไปยืนขวางหน้าปอแทน ปอก้มมองเลิฟแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก ตัดสินใจทำบางอย่างที่รู้ว่าอีกคนจะเสียใจ

   "เบียร์เลิกเรียนยังเดี๋ยวพี่ออกไปรับ...เออๆกำลังจะไปแค่นี้นะ" ปอคุยกับปลายสายด้วยเสียงอ่อนโยน ก่อนจะกดวางสายไปแล้วยืนมองหน้าเลิฟนิ่งๆ

   "หลีกกูจะรีบไปรับน้องเบียร์" ปอจงใจเน้นชื่อของเบียร์ให้เลิฟได้ยินชัดๆ แล้วผลักเลิฟออกเบาๆให้พ้นทางเล็กน้อยก่อนจะเดินต่อ แต่ก็ไปไหนไม่ได้ไกลเพราะเลิฟดึงเสื้อเขาไว้

   "กลับบ้าน" เลิฟกำชายเสื้อของปอแน่นพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น ถึงแม้ว่าตอนนี้น้ำตามันกำลังจะไหลก็ตาม
 
   "ไหนมึงบอกจะไปซื้อของ" ปอมองเลิฟที่ยืนก้มหน้ากำเสื้อเขาแน่นจนมือแดงนิดๆ

   "ไม่ไปแล้ว...กลับบ้านนะ" เลิฟส่ายหัวจนผมกระจาย เขาไม่อยากไปไหนทั้งนั้นตอนนี้ เขาอยากกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลย
 
   เลิฟถึงกับตกใจเงยหน้าขึ้นมองปอทันที เพราะปอแกะมือที่กำเสื้อออกและมองหน้าเลิฟด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นก็ปล่อยแขนของเลิฟทิ้งลงอย่างไม่ไยดี หันหลังเดินกลับไปที่โต๊ะหยิบของทุกอย่างขึ้นมาแล้วเดินกลับมาหยุดนิ่งตรงหน้าเลิฟ ยืนสบตากลมโตของเลิฟที่มองมาด้วยความตัดพ้อ

   พอเห็นแววตาของเลิฟใจปอก็กระตุกไม่ใช่น้อย แต่ยังคงตีหน้านิ่งรักษาท่าทีอยู่ ก่อนจะจับแขนอีกฝ่ายขึ้นมาแล้ววางคีย์การ์ดคอนโดลงบนมือ

   เลิฟมองการกระทำของปอด้วยความไม่เข้าใจ ตอนนี้เขารู้สึกแย่แบบบอกไม่ถูกใจเสียกับสิ่งที่ปอทำพอสมควร มันเหมือนว่าปอจะไม่กลับพร้อมเขา เหมือนว่าปอจะทิ้งเขาไปหาคนที่ชื่อเบียร์

   "เอามาให้ทำไมเอาไว้กับปอก็ได้ยังไงก็กลับด้วยกัน" เลิฟว่าเสียงสั่นฝืนยิ้มให้ปอทั้งๆที่น้ำตาจะไหล พยายามยัดคีย์การ์ดคืนใส่มือปอ

   "กูไม่กลับ" ปอว่าเสียงเรียบแล้วดึงมือตัวเองออกจากเลิฟ จนคีย์การ์ดที่เลิฟพยายามยัดคืนให้ร่วงลงไปที่พื้น

   เลิฟก้มลงเก็บคีย์การ์ดด้วยมือที่สั่นเทา น้ำตาที่พยายามกลั้นไม่ให้ไหลมาตลอดทะลักออกมาเหมือนเขื่อนแตก จู่ๆเขาก็รู้สึกหมดแรงจนไม่อยากจะลุกไปไหน ได้แต่นั่งยองๆเอาหน้าซุกเข่าตัวเองมือกำคีย์การ์ดไว้แน่น

   ปอยืนมองคนตัวเล็กที่นั่งอยู่กับพื้นด้วยแววตาไหววูบ พอๆกับหัวใจที่มันแกว่งไปเล็กน้อย จริงๆเขาไม่ได้อยากจะทำให้มันร้องไห้แต่คนมันโมโห จะให้ลากมากระทืบเหมือนที่ทำกับคนอื่นเขาก็ทำไม่ได้ ที่พอจะทำได้ก็มีแค่นี้เท่านั้น

   ถ้าใครรู้สาเหตุคงบอกว่าเขางี่เง่าที่ทะเลาะกับมันเพราะเรื่องแค่นี้ แต่ไม่เป็นเขาไม่มีทางรู้หรอกครับว่ามันรู้สึกยังไง เขาระบายลมหายใจออกมาหนักๆแล้วตัดสินใจเดินผ่านร่างเล็กนั้นไป

   เลิฟมองรองเท้าของปอที่เดินผ่านไปแล้วรีบลุกขึ้นตาม โผเข้ากอดปอจากด้านหลังแน่น ปอชะงักเท้ายืนอยู่กับที่แผ่นหลังสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้น ปอก้มลงมองแขนเล็กที่กอดตัวเองแล้วตัดสินใจแกะมันออก ส่วนเลิฟเองก็พยายามยื้อไว้ไม่ยอมให้ปอทำ แต่สุดท้ายเขาก็สู้แรงปอไม่ได้อยู่ดี

   ปอจับแขนสองข้างของเลิฟไว้แน่น แล้วหันหลับมาเผชิญหน้ากับเลิฟ เขามองคนตัวเล็กที่ยืนร้องไห้น้ำตานองหน้าแล้วก็รู้สึกสงสาร เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาออกให้ก่อนจะยืนมองอีกฝ่ายนิ่งๆ

   “ปอกลับบ้านนะ” เลิฟพูดเสียงสะอื้นจนฟังแทบจะไม่รู้เรื่อง

   “งั้นมึงบอกมาใครตบหน้ามึงแล้วไอ้เหี้ยในรูปเป็นใคร” ปอว่าเสียงเข้ม วันนี้เขาจะไม่ยอมปล่อยให้มันทำเฉยอีกแล้ว ถ้ามันยังดื้อไม่ตอบเขาจะไปลากไอ้เหี้ยนั่นมาถามเอง

   “ไม่มีใครทั้งนั้นแหละอย่าไปยุ่งกับเขาเลย” เลิฟยังคงดื้อแพ่งไม่ยอมบอก
 
   “ทำไม!! มึงห่วงเหี้ยอะไรมันนักหนาหรือมันเป็นผัวมึงอีกคน” ปอตวาดใส่เลิฟอย่างเหลืออด เขาไม่เข้าใจจริงๆว่ามันจะปกป้องไอ้เหี้ยนี้ทำไมนักหนา

   “ไม่ใช่นะเลิฟไม่ได้มีคนอื่น” เลิฟว่าสะอึกสะอื้นร้องไห้จนตัวโยน ส่ายหัวแรงๆจนผมกระจาย

   “ถ้าไม่ใช่มึงก็บอกมาว่ามันเป็นใคร!!!” ปอตวาดใส่จนเลิฟสะดุ้ง แขนสองข้างที่ปอจับเอาไว้รู้สึกเจ็บไปหมด เพราะปอบีบเต็มแรงยิ่งปอโกรธมากเท่าไหร่แรงบีบก็ยิ่งเพิ่มขึ้น

               “มึงจะไม่ยอมบอกใช่ไหม” ปอถามย้ำกับเลิฟอีกครั้ง แล้วสิ่งที่ได้กลับมาคือความเงียบจากเลิฟ

               “ได้....ถ้ามึงจะเอาแบบนี้กูจะไม่เสือกอีก” ปอพูดเสียงลอดไรฟันก่อนจะปล่อยแขนของเลิฟลงแล้วเดินหนีออกมา เพราะถ้ายังขืนอยู่ต่อไม่รู้ว่าตัวเองจะทำอะไรเหี้ยๆลงไปบ้าง

   ตอนนี้เขาบอกได้เลยว่าไม่มีอารมณ์จะทำใจเย็นอะไรทั้งนั้น โคตรจะหงุดหงิดโมโหที่มันไม่ยอมพูดอะไร แถมยังทำตัวเหมือนปกป้องไอ้เหี้ยนั่นอีก อย่าให้เขาเจอตัวมันก็แล้วกัน กูไม่สนทั้งนั้นว่ามึงเป็นใครพ่อมึงใหญ่แค่ไหน กูจะกระทืบให้ไปนอนแดกข้าวที่โรง’บาลแน่ๆ

   “ปออย่าไป” เลิฟเรียกเสียงดังแล้ววิ่งมากระชากแขนปอไว้เต็มแรง เขารู้ว่าตัวเองผิดแต่ปอก็ไม่ควรทำแบบนี้ ถึงปกติปอจะออกไปหาใครต่อใครอยู่แล้ว แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่ปอโทรบอกอีกฝ่ายว่าจะไปรับ มันเลยทำให้เขากลัวว่าคนนั้นจะสำคัญกับปอจนเขาจะต้องเสียปอไป

   “ปล่อย!!” ปอตะคอกเสียงเข้มแล้วสะบัดแขนข้างที่เลิฟจับอยู่แรงๆ จนเลิฟลงไปกองกับพื้นเพราะแรงเหวี่ยง จนคนอื่นๆที่นั่งอยู่ที่โต๊ะแล้วคอยสังเกตุตลอดถึงกับตกใจ แม้แต่ปอเองก็ตกใจเหมือนกันเพราะเขาไม่ได้ตั้งใจให้มันเจ็บตัว

   “เลิฟ!!!!” นาวเรียกเพื่อนเสียงดังแล้วรีบวิ่งมาดูเลิฟที่กองอยู่กับพื้น เธอมองเพื่อนตัวเองกับพี่ปอยืนทะเลาะกันตั้งแต่แรกแล้ว ที่ไม่ได้เข้ามายุ่งเพราะไม่อยากเสือกเรื่องของผัวเมีย แล้วก็ไม่ได้คิดว่าพี่ปอมันจะทำเพื่อนเธอเจ็บตัว ถึงเท่าที่เห็นจะรู้ว่าพี่มันไม่ตั้งใจก็เหอะ แต่มันจำเป็นต้องทำอะไรรุนแรงขนาดนี้เหรอวะ

   ปอสบตากับนาวที่มองเขม็งมาที่เขาด้วยความโมโหแบบไม่ปิดบัง ถ้าสายตาน้องมันฆ่าเขาได้คือเขาตายแล้วครับ แม่งมองได้โคตรทิ่มแทง เขาเบนสายตาไปมองไอ้เลิฟนิดๆแต่ไม่ได้เข้าไปช่วยพยุง ปล่อยให้เพื่อนมันอีกสองคนพยุงมันขึ้นมาแทน

   “เบียร์เป็นใครทำไมต้องรีบไปหาขนาดนั้นด้วย” เลิฟตัดสินใจถามออกไปทั้งๆที่ในใจก็กลัวคำตอบที่จะได้รับ แต่เขาก็อยากรู้คำตอบอยู่ดีและถ้ามันเป็นอย่างที่คิด เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะเป็นยังไง

   “แล้วไอ้เหี้ยนั่นเป็นใคร” ปอไม่ตอบแต่ถามกลับแทน ที่เขาถามไม่ใช่ว่าระแวงหรืออะไรทั้งนั้น แต่ถามเพราะอยากได้คำตอบว่าใช่ไอ้เหี้ยนี่รึเปล่าที่ตบหน้ามัน แต่มันก็เสือกไม่ยอมพูดอะไรเลย แถมยังบอกไม่ให้ไปยุ่ง แสดงว่าไอ้คนในรูปต้องสำคัญกับมันพอสมควร และมันยิ่งทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด

   “ถ้ามึงไม่คิดจะเล่าอะไรให้กูฟัง มึงก็ไม่จำเป็นต้องรับรู้อะไรเรื่องของกูเหมือนกัน” ปอพูดด้วยน้ำเสียงที่ตั้งใจให้มันเย็นชาที่สุด แล้วมองหน้าเลิฟด้วยแววตาเรียบนิ่งว่างเปล่า

   ปอยืนจ้องหน้ากับเลิฟที่ยืนมองมาที่เขานิ่งไม่ได้ขยับไปไหน ยืนมองตากลมโตคู่สวยที่ตอนนี้แดงช้ำไปหมด และกำลังส่งสายตาตัดพ้อมาให้เขา ริมฝีปากอิ่มก็โดนเจ้าของกัดจนเลือดซิบ น้ำตายังคงไหลอาบใบหน้าเนียนไม่ขาดสาย นี่มันคงกะจะร้องให้ตายไปข้างเลยมั้ง

   “แม่งเอ้ย!!!” ปอสบถออกมาเสียงดังอย่างหงุดหงิด เพราะทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ ตัดสินใจเอื้อมมือไปกระชากแขนเลิฟเข้ามาหาตัวเองแรงๆ

   “โอ๊ย!!!” เลิฟร้องออกมาเพราะความเจ็บจากแรงบีบที่แขนกับแรงกระชาก

   “ปล่อย” เป็นเลิฟบ้างที่พยายามแกะมือปอให้ปล่อย เพราะตอนนี้ปอดูน่ากลัวเหมือนวันนั้นไม่มีผิด

   คนอื่นๆที่เห็นปอทำรุนแรงกับเลิฟก็รีบวิ่งเข้ามาหวังจะห้าม เพราะดูจากท่าทางปอน่าจะฟิวส์ขาดไปแล้วตอนนี้ ขืนปล่อยให้ปอพาเลิฟไปได้งานนี้มีเจ็บตัวกันไม่น้อย

    “อย่าเสือก!!” ปอพูดเสียงเข้มจนคนที่ตั้งท่าจะเข้ามาช่วยเลิฟต่างพากันหยุดยืนกับที่ ปอมองไปที่ทุกคนด้วยแววตาดุดันแล้วก้มลงมองเลิฟที่พยายามดิ้นให้หลุดจากมือเขา

   “ส่วนมึงมานี่” ปอกระชากแขนเลิฟแรงๆแล้วบังคับให้อีกฝ่ายเดินตาม เขาโคตรโมโหและไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจะต้องหัวเสีย แล้วมาทะเลาะกับมันเพราะไอ้เหี้ยในรูปนั่นด้วย

   เขาลากไอ้เลิฟมาเรื่อยๆไม่สนใจเสียงร้องโวยวาย เสียงร้องห้ามของคนอื่นๆที่พยายามจะช่วยมัน พวกแม่งคงคิดว่าเขาจะลากมันมากระทืบมั้ง ถ้ากูกล้าทำกูทำไปนานแล้วครับ แต่เพราะไม่กล้าไงเลยต้องลากแม่งมาแบบนี้ และถึงจะไม่กล้ากระทืบมัน แต่ไม่ได้แปลว่าเขาไม่กล้าทำอย่างอื่น

   ปอลากเลิฟมาหยุดอยู่ที่หน้าลิฟท์ใต้ตึกคณะแล้วกดปุ่ม รอไม่นานประตูลิฟท์ก็เปิดออกเขาเลยเหวี่ยงคนตัวเล็กเข้าไปข้างใน ก่อนจะเดินตามเข้าไปแล้วกดปิดลิฟท์ทันที โดยที่ไม่สนใจคนอื่นๆที่วิ่งตามมา จากนั้นก็กดปุ่มลิฟท์ให้หยุดอยู่กับที่
 
   ปอหันกลับไปมองเลิฟที่ยืนอยู่อีกมุมนึงของลิฟท์นิ่งๆ วันนี้เขาต้องได้คำตอบทุกอย่างที่สงสัย ทั้งเรื่องคนในรูป รอยฝ่ามือบนหน้ามัน รวมทั้งไอ้อาการแปลกๆเวลามันเข้าลิฟท์ด้วย

   นาวที่วิ่งตามหลังปอมามองประตูลิฟท์ที่ปิดลงด้วยแววตาตื่นตระหนก ใช้มือทั้งสองข้างทุบประตูลิฟท์แรงๆ เธอไม่รู้ว่าพี่ปอพาเพื่อนเธอเข้าไปในนั้นทำไม แต่ที่เธอรู้คือถ้าเข้าไปนานๆเพื่อนเธอแย่แน่ๆ นาวเลยทั้งแหกปากตะโกนเรียกทั้งทุบประตูลิฟท์เพื่อให้ปอเปิดมัน แต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆจากคนข้างในเลยสักนิด

   ปอเหลือบสายตามองไปที่ประตูลิฟท์เล็กน้อย ก่อนจะเลิกสนใจแล้วหันมามองที่เลิฟเหมือนเดิม แต่ดูเหมือนเลิฟจะไม่ได้สนใจปอเลยสักนิด เพราะเจ้าตัวยืนหันซ้ายหันขวามองไปรอบๆลิฟท์อย่างหวาดระแวง ปอเลยยืนสังเกตุอาการเลิฟเงียบๆด้วยความสงสัย

   “ปอเปิดประตู” เลิฟบอกเสียงสั่นแล้วมองมาที่ปออย่างขอร้อง

   “ไม่...จนกว่ามึงจะยอมบอกกู” ปอว่าเสียงแข็งแล้วเอาตัวเองยืนบังปุ่มกดไว้ กันไม่ให้เลิฟเข้ามากดได้

   “ไม่มีอะไรจะบอกทั้งนั้นแหละ...เปิดลิฟท์เหอะนะ” เลิฟพยายามขอร้อง น้ำตาเริ่มไหลลงมาเต็มใบหน้าอีกครั้ง ส่วนปอก็ยังคงเฉยยืนมองเลิฟนิ่งๆแล้วไม่พูดอะไรต่อ เขายืนมองอยู่แบบนั้นนานพอสมควรจนเริ่มเห็นความผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้น

   “มึงเป็นอะไร” ปอถามเพราะเห็นว่าเลิฟเริ่มหายใจแรงผิดปกติ

   “เปิดประตู” เลิฟบอกเสียงกระท่อนกระแท่น ลมหายใจเริ่มติดขัดและถี่กระชั้นขึ้น เขาถอยหลังเดินไปจนชิดผนังลิฟท์ ตากลมโตมองไปรอบๆอย่างหวาดกลัวเหงื่อเริ่มซึมตามไรผม ใบหน้าเริ่มซีดลงเรื่อยๆ

   เลิฟกำมือทั้งสองข้างแน่นสัมผัสได้ถึงความชื้นของเหงื่อที่ซึมออกมาจนเต็มฝ่ามือ หัวใจเต้นแรงจนเหมือนจะทะลุ เขารู้สึกแน่นหน้าอกเหมือนจะหายใจไม่ออก จนต้องอ้าปากกว้างๆเพื่อให้อากาศเข้ามาทางปาก ขาสองข้างไม่มีแรงจนทรุดลงไปนั่งที่พื้น
 
   ปอเห็นอาการของเลิฟก็ตกใจรีบหันไปกดเปิดลิฟท์อย่างรวดเร็ว แล้วหันมาช้อนตัวเลิฟขึ้นอุ้มออกจากลิฟท์อย่างเร่งรีบ คนอื่นๆที่เห็นปออุ้มเลิฟออกมาก็พากันตกใจเพราะพวกเขาก็ไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในนั้น แต่เดาว่าคงจะไม่ดีเท่าไหร่ เพราะดูจากใบหน้ากังวลของปอแล้วก็ร่างอ่อนแรงของเลิฟ คิดว่าเหตุการณ์คงแย่พอสมควร

   นาวที่เห็นปออุ้มเลิฟออกมาก็รีบวิ่งตามหลังปอด้วยความเป็นห่วง จนปอวางเลิฟลงบนโต๊ะว่างตัวนึงแถวๆนั้น เธอเลยถลาเข้าไปนั่งใกล้ๆแล้วหายาดมขึ้นมาจ่อจมูกเลิฟ ก่อนจะใช้สมุดเรียนมาพัดเพื่อให้อากาศถ่ายเทสะดวก

   “หายใจช้าๆมึง หายใจช้าๆ” นาวบอกเพื่อนให้ผ่อนลมหายใจเข้าออก เลิฟเองที่ยังพอมีสติอยู่ก็พยายามทำตามที่นาวบอกเรื่อยๆ จนในที่สุดลมหายใจของเลิฟก็กลับมาเป็นปกติ แต่หน้ายังคงซีดอยู่เหมือนเดิมและไม่นานเลิฟก็หลับไปด้วยความเพลีย

   ปอที่นั่งประคองเลิฟอยู่พอเห็นว่าอีกฝ่ายกลับมาเป็นปกติก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อกี้เขาตกใจแทบตายที่จู่ๆมันก็มีอาการแบบนั้น จะบอกว่าไม่ตั้งใจก็คงไม่ได้เพราะเขาตั้งใจแบบสุดๆ ที่จะบังคับให้มันพูดโดยใช้อาการแปลกๆของมันเป็นเครื่องมือ แต่เขาไม่ได้คิดเลยจริงๆว่ามันจะทำให้อีกคนเป็นถึงขนาดนี้

   ตอนนี้มือของปอสั่นจนเห็นได้ชัด เขาก็รู้สึกใจหายและเจ็บแปลบๆที่หัวใจขึ้นมาทันที ถ้าสมมุติว่าไม่มีน้องนาวที่ดูจะรู้ดีว่ามันเป็นอะไรมาช่วยมันแบบตอนนี้ เขาไม่รู้เลยว่าอีกคนจะเป็นยังไงบ้าง คิดถึงตรงนี้ปอก็กอดเลิฟแน่นเอามือลูบหัวลูบหลังเลิฟไปทั่ว กดจูบลงที่ข้างขมับแผ่วเบา

   เขารู้สึกโกรธจนอยากจะกระทืบตัวเองที่แม่งคิดอะไรเหี้ยๆ มองไปที่หน้าซีดๆของคนในอ้อมกอดก็ยิ่งโมโห ไม่เคยรู้สึกโกรธตัวเองแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต แล้วไหนจะไอ้ความรู้สึกกลัวที่มันเกิดขึ้นมานี่อีก มันบอกไม่ถูกเลยเพราะความรู้สึกมันตีกันมั่วไปหมด

   “อย่าทำแบบนี้อีกนะพี่” นาวพูดขึ้นหลังจากพยายามระงับความโมโห ไม่ให้ตัวเองเหวี่ยงปอออกไปที่ทำอะไรบ้าๆแบบนี้

   “มันเป็นอะไร” ปอถามขึ้นทันทีเพราะอยากรู้ อาการแบบนี้มันไม่ใช่ปกติแล้ว

   “มันกลัวที่แคบ” นาวตอบปออย่างไม่ปิดบัง ก่อนจะพูดต่อ

   “มันเป็นมานานแล้วแต่พักหลังๆนาวเองก็ไม่เห็นมันแสดงอาการอะไร จนคิดว่ามันรักษาหายแล้ว แต่อาการมันวันนี้นาวบอกเลยว่าแย่กว่าที่เคยเห็น” นาวมองหน้าซีดๆของเพื่ออย่างหนักใจ ทุกครั้งที่เธอถามเลิฟจะบอกเธอเสมอว่าไปรักษาแล้ว แต่อาการในวันนี้ทำให้เห็นเลยว่าเลิฟไม่ได้รับการรักษาชัดๆ

   ปอที่ฟังที่นาวบอกก็ถึงกับอึ้ง กลัวที่แคบงั้นเหรอ? ไอ้เลิฟเนี่ยนะ เท่าที่เขาเคยได้ยินมาอาการพวกนี้มันเป็นอาการทางจิตชนิดนึง แล้วไอ้เลิฟออกอาการขนาดนี้แสดงว่ามันต้องไปเจออะไรที่รุนแรงพอสมควร มันไปเจออะไรมาก่อนหน้านี้แล้วใครทำอะไรมัน คำถามเกิดขึ้นในหัวเขาเยอะแยะเต็มไปหมด ตอนนี้มันมีอะไรหลายอย่างเลยสินะที่เขาไม่รู้เกี่ยวกับตัวมัน

   “ถ้าจะถามสาเหตุกับนาว นาวก็บอกพี่ตรงๆว่านาวรู้แต่พี่อยากรู้จากนาวหรือจากเลิฟล่ะคะ” นาวพูดดักทางปอเพราะรู้ว่าปอจะถาม

   ปอเองก็เก็บคำถามที่จะถามนาวเอาไว้แล้วตัดสินใจไม่ถามต่อ เพราะน้องเล่นพูดมาซะขนาดนี้แสดงว่าไม่อยากบอกอะไรเขาแน่ๆ ทางเดียวที่เขาจะรู้คือต้องถามไอ้เลิฟ แต่คิดแล้วก็หนักใจเพราะไอ้เลิฟเนี่ยแหละตัวดี  ไม่ยอมอ้าปากบอกอะไรสักอย่าง

   ปอพ่นลมหายใจออกจมูกหนักๆแล้วอุ้มเลิฟเดินไปขึ้นรถ มีนาวเดินถือของตามหลังไป ยังไงก็แล้วแต่ไว้รอมันฟื้นเขาค่อยถามจากมันก็แล้วกัน แต่ที่แน่ๆเขาคงไม่กล้าทำอะไรแบบนี่อีกยอมรับตรงๆว่ากลัวตอนนี้ก็ยังกลัว และอีกเรื่องที่เขาจะทำทันทีที่มันฟื้นคือพามันไปหาหมอ ต่อให้ต้องบังคับกันก็ต้องพาไปขืนทิ้งไว้แบบนี้คนที่จะแย่ไม่ใช่มันแต่เป็นเขานี่แหละ


2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 20 (03/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 03-02-2016 20:09:02
 :pig4:  o13
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 20 (03/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 03-02-2016 22:47:39
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 20 (03/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 03-02-2016 23:09:27
 :L2:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 21 (04/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 04-02-2016 07:54:55
กับดักที่
- 21 -



   “กูถึงละเดี๋ยวเดินเข้าไป” ปอกดตัดสายทิ้งแล้วเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง ก่อนจะลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในผับที่อยู่ข้างหน้า

               หลังจากที่ปอพาเลิฟกลับได้สักพัก เขาก็ต้องออกมาข้างนอกเพราะมีธุระ ตอนแรกตั้งใจจะพาเลิฟกลับคอนโดแต่น้องนาวไม่ยอมเพราะห่วงเพื่อน ยิ่งตอนที่เขาบอกว่าต้องออกไปข้างนอกต่อ น้องมันแทบจะบีบคอเขาตาย เขาเลยต้องยอมพาไอ้เลิฟไปพักบ้านน้องนาวก่อน อย่างน้อยก็จะได้มีคนดูแลมันตอนเขาไม่อยู่ นอกจากน้องนาวก็มีไอ้กิงอีกคนช่วยดูแลให้ เขาเลยทิ้งมันมาได้แบบไม่ห่วงเท่าไหร่

   ทุกคนคงสงสัยว่าไอ้ห่ากิงมันไปโผล่ที่บ้านน้องนาวได้ยังไง เขาเองก็ตกใจเหมือนกันที่เห็นมันที่นั่น แล้วก็เลยได้รู้ว่าเมียไอ้กิงคือเพื่อนสนิทไอ้เลิฟ ไม่ใช่น้องนาวนะครับแต่เป็นน้องคนที่ชื่อเอย 

   เพื่อนไอ้เลิฟคนนี้บอกได้เลยว่าโคตรน่าเอา เห็นแล้วรู้เลยว่าทำไมสันดานส้นตีนแบบไอ้กิงมันถึงรีบบอกว่าตัวเองมีเมีย ดูแล้วคนคงจีบเมียมันเยอะแน่ๆเหมือนคนของเขาไม่มีผิด หมาแวะเวียนมาเห่าหอนแจกขนมจีบประจำจนตีนเขากระตุกบ่อยๆ

   ถ้าจะบอกว่าไอ้เลิฟเป็นผู้ชายหน้าหวาน ไอ้น้องเอยนี่ก็หน้าหวานไม่แพ้กัน เขาคิดว่าไอ้เลิฟเป็นผู้ชายตัวเล็กแล้วนะ เจอเมียไอ้กิงเข้าไปนี่ไซส์หมากระเป๋าชัดๆ ทั้งเตี้ยทั้งบาง (เตี้ยกว่าไอ้เลิฟน่าจะสูงพอๆกับน้องนาว)
 
   คิดแล้วก็ขำไอ้เหี้ยกิงแม่งทำเป็นซุ่มเล่นตัวไม่ยอมบอกว่าคนไหนเมียมัน แต่ดันมาตกม้าตายให้เขารู้ง่ายๆ แล้วจะไปแดกที่ไหนไกลๆก็เปล่าเสือกมาแดกอยู่กลุ่มเดียวกันนี่แหละ หวังว่าไอ้พีทคงไม่ใช่คนที่ไอ้เหี้ยฝุ่นมาเฝ้าอยู่นะ ไม่งั้นแม่งคงขำกันไม่ออกได้เปลี่ยนเป็นอึ้งแทน

   ปอกวาดสายตามองไปรอบๆผับก็เห็นผู้หญิงสวยจัดคนนึงนั่งอยู่โซฟาด้านใน และเหมือนเจ้าตัวเองก็จะรู้ว่ามีคนมองอยู่ เพราะสักพักเจ้าตัวก็หันมาสบตากับปอนิ่ง ก่อนจะส่งยิ้มให้แล้วกวักมือเรียกปอให้เข้าไปหา ปอเองก็ยกยิ้มนิดๆแล้วเดินเข้าไปตามการเชื้อเชิญทันที

   ปอทรุดลงนั่งโซฟาตัวยาวข้างๆหญิงสาวยื่นมือไปรับแก้วเหล้าที่สาวเจ้ายื่นให้ หญิงสาวข้างๆส่งยิ้มยั่วยวนให้ปอก่อนที่เจ้าตัวจะลุกขึ้นเดินมานั่งลงบนตัก แขนเรียวสองข้างยกขึ้นคล้องคอปอหลวมๆ ก้มลงจูบแก้มปอแรงๆจนลิปสติกสีแดงสดติดที่แก้มปอเป็นรูปปาก

   ปอวางแก้วเหล้าในมือลงบนโต๊ะก่อนจะหันหน้ามามองหญิงสาวบนตักนิ่งๆ โดยที่ระยะห่างระหว่างทั้งคู่แค่ปลายจมูกชนกัน ปอไล่สายตาสำรวจสาวสวยเซ็กซี่ในชุดเกาะอกรัดรูปโชว์สัดส่วนบนตักช้าๆ ก่อนที่ปอจะกระตุกยิ้มที่มุมปากนิดๆ เลื่อนฝ่ามือเข้าไปประคองใบหน้าสวยจัดจ้องเข้าไปในดวงตายั่วยวนนั้นตรงๆ

   “ลงจากตักกูได้ล่ะแฟง กูขี้เกียจกระทืบแฟนมึง” ปอว่าเสียงเรียบใบหน้านิ่งสนิท ทำเอาสาวเจ้าที่กำลังส่งยิ้มยั่วยวนปออยู่ถึงกับหน้าบึ้งทันที

   “ชิส์...ปากหมาวันนี้กูโสดค่ะ” แฟงทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคออย่างหงุดหงิด แล้วลุกขึ้นจากตักปอลงไปนั่งโซฟาอีกตัวใกล้ๆกันแทน

   ปอได้แต่ส่ายหัวน้อยๆแล้วหยิบแก้วเหล้าขึ้นมากินต่อ ปรายตามองเพื่อนตัวเองนิดๆก็เห็นมันนั่งทำหน้าเหวี่ยงอยู่ มียกนิ้วกลางให้พวกผู้ชายโต๊ะใกล้ๆที่ยกแก้วเหล้าให้มัน เพื่อนเขาเป็นผู้หญิงสวยมากคนนึง แต่สันดานโคตรห้าวขัดกับลักษณะภายนอกทุกอย่าง

   แฟงมันเป็นผู้หญิงที่ชอบแข่งรถ ชกมวย มีรอยสักแถมเป็นช่างสักเองอีกต่างหาก ค่อนข้างดังพอควรเพราะงานสวยและละเอียด ถึงจะดูเหมือนดังได้เพราะหน้าตาแต่การันตีว่างานมันได้คุณภาพ พวกที่ไปสักนี่นอกจากจะได้ลายสวยถูกใจ ก็ได้มองหน้ากับมองนมเพื่อนเขาเป็นของแถม

   “ไอ้ต้ากับไอ้ฝุ่นล่ะวะ” ปอมองไปรอบๆเพราะเพื่อนเขามันบอกว่ามาถึงแล้ว แต่นี่ไม่เห็นแม้แต่เงาสักคน

   “นั่นไง” แฟงพยักหน้าไปทางด้านหลังปอเลยหันกลับไปมองตาม ก็เห็นว่าฝุ่นกับต้ากำลังเดินมาพอดี

   “กูนึกว่าจะไม่มาเห็นทำหน้าเหมือนจะตาย” ต้าแซวขำๆแล้วนั่งลงข้างๆปอ ส่วนฝุ่นนั่งลงข้างๆแฟง
 
   “แล้วไงวะที่วานให้ช่วยมึงได้อะไรบ้างรึเปล่า” ปอไม่สนใจที่ต้าแซว แต่หันมาถามแบบเข้าประเด็นสำคัญกับแฟงแทน

   “แหม...ใจร้อนนะคะคุณชาย” แฟงจีบปากจีบคอดัดเสียงเล็กเสียงน้อยใส่

   “ให้เวลากูสามวันแต่จะเอาทุกอย่างละเอียดยิบ กูเป็นคนนะคะไม่ใช่โคนัน” แฟงจิกกัดปอด้วยความหมั่นไส้

   “มึงทำได้ไหมล่ะ” ปอสบตากับแฟงนิ่งๆ

   “นี่กูเป็นใครคะ” แฟงส่งยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างรู้กันให้ปอ ซึ่งปอก็กระตุกยิ้มรับนิดๆ

   “อ่ะ” แฟงหันไปคว้าของบางอย่างในกระเป๋าแล้วโยนมันลงบนโต๊ะข้างหน้า

   ปอมองรูปภาพที่กระจายเต็มโต๊ะด้วยใบหน้าเรียบนิ่งไม่แสดงอะไรออกมา เขาหยิบรูปภาพขึ้นมาดูทีละใบช้าๆรูปทุกรูปเป็นของคนๆเดียวกันหมด แต่ต่างอิริยาบถและต่างสถานที่กัน ก่อนที่ปอจะวางทุกรูปลงบนโต๊ะเหมือนเดิม แล้วมองหน้าแฟงนิ่งๆ

   “นี่มันรูปผัวไอ้น้อง.....” ต้าที่หยิบรูปขึ้นมาดูบ้างโพล่งออกมาโดยไม่ทันคิด แต่ก็ต้องหุบปากลงทันทีทั้งๆที่ยังพูดไม่จบประโยค เพราะเจอปอตวัดตามองดุๆ

   “โทษวะมึง...ว่าแต่มึงมีรูปไอ้นี่ได้ไงวะ” ต้ายิ้มแหยๆส่งให้ปอก่อนจะหันมาถามแฟงต่อ

   “กูก็ไม่รู้แต่เมื่อสามวันก่อนจู่ๆเพื่อนมึงเขาก็คิดถึงกูขึ้นมาผลเลยได้เป็นไอ้คนในรูปเนี่ย” แฟงตอบแดกดันปอเล็กน้อย

   “มึงให้ไอ้แฟงสืบหรอวะ” ต้าหันมาถามปอต่อทันทีซึ่งปอก็เงียบไม่พูดอะไร แต่ต้าถือว่านั้นคือคำตอบว่าใช่

   “งั้นมึงไปบังคับถามน้องมันขนาดนั้นทำไมวะถ้ามึงให้ไอ้แฟงมันสืบอยู่แล้ว” ต้าพูดต่อด้วยความสงสัย ถ้าไหนๆไอ้ปอก็วานให้แฟงสืบเรื่องให้อยู่แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องไปบังคับถามไอ้น้องเลิฟเลย เพราะเรื่องสืบข้อมูลไอ้แฟงมันถนัดมาก ถ้าเรื่องถึงมือมันการันตีเรื่องข้อมูลเลยว่าได้ที่ต้องการและเชื่อถือได้ชัวร์ๆ

   “กูแค่อยากได้ยินจากปากมันแต่แม่งปากแข็งเป็นส้นตีน เงียบเหี้ยอะไรก็ไม่รู้” ปอตอบด้วยน้ำเสียงติดจะหงุดหงิด คิดขึ้นมาแล้วแม่งโมโห

   “มึงมันก็สันดานเหี้ยไอ้สัสไปแกล้งน้องมัน  ร้องไห้ซะกูอยากไปกอดปลอบ” ต้าหัวเราะเบาในลำคอยั่วๆ

   “กอดตีนกูไหม” ปอหันมาทำหน้าโหดใส่ต้า จนฝุ่นที่นั่งฝั่งตรงข้ามถึงกับขำ

   “อาการแบบนี้สงสัยมึงกับกูจะได้เงินแสนเร็วๆนี้แน่ไอ้ต้า” ฝุ่นหันมายักคิ้วแบบรู้กันให้ต้า

   “แล้วได้อะไรมาบ้าง” ปอเลิกสนใจต้ากับฝุ่นหันมาถามแฟงต่อ  ก็ตามที่แฟงพูดหลังจากที่ไอ้เลิฟนอนหลับคืนนั้น เขาก็โทรหาแฟงทันทีวานให้มันสืบเรื่องคนในรูปให้หน่อย เพราะเขาเดาว่าถามไอ้เลิฟไปมันก็คงไม่ยอมบอกอะไร แล้วก็จริงอย่างที่คิดมันไม่ยอมบอกอะไรเขาเลย

   “ไอ้เนี่ยชื่อรุต” แฟงเอานิ้วจิ้มไปที่รูปใบนึงบนโต๊ะ และเงยหน้ามองเพื่อนที่กำลังตั้งใจฟังนิดๆ

   “เด็กม.xx คณะแพทย์ปีสองเท่าพวกเรา โปรไฟล์ดีมากรูปหล่อ พ่อรวย เรียนเก่ง กิจกรรมเริ่ด นิสัยดี ขี้เล่น ผู้ชายในฝันของผู้หญิงเกือบทั้งมหา’ลัย” คำตอบของแฟงทำเอาปอขมวดคิ้วมุ่น เพราะเท่าที่ฟังมาไม่มีตรงไหนที่ไอ้คนในรูปมันจะตบไอ้เลิฟเลย

   “ประวัติสืบโคตรง่ายและก็ไม่เห็นมีอะไร จนกูกะว่าจะไม่สืบต่อแต่มาลองคิดดู ถ้ามึงลงทุนขอให้กูสืบขนาดนี้มันน่าจะมีอะไร ก็เลยลองสืบต่ออีกนิดแล้วแม่งก็มีอะไรจริงๆ ไอ้ที่เล่าไปเมื่อกี้มันคือชีวิตเบื้องหน้า” แฟงพูดเรื่อยๆเหมือนไม่มีอะไร

   “อะไรวะชีวิตเบื้องหน้ามึงพูดเหมือนแม่งใช้ชีวิตแบบสองอย่างอะไรเงี้ย” ฝุ่นพูดแทรกขึ้นเพราะสงสัย ซึ่งแฟงก็ยิ้มๆแล้วพยักหน้า

   “ใช่...ไอ้เนี่ยมันใช้ชีวิตสองแบบอีกด้านคนดี อีกด้านนี่โคตรเหี้ย เหล้า ยา มั่วเซ็กซ์ สารพัดความเหี้ยขนมาครบสูตร สันดานชอบลอบกัด ที่สำคัญแม่งสนิทกับไอ้แฮค”

   “ฮ่าๆว่างๆมึงน่าจะลองไปทำบุญนะปอ ดวงมึงโคตรสมพงษ์กับไอ้เหี้ยแฮค” ต้าหัวเราะลั่นขึ้นมาทันทีอย่างสะใจ คู่อาฆาตก็ไอ้แฮคคู่กรณีเมียก็เพื่อนสนิทไอ้แฮค อะไรโลกมันจะกลมขนาดนั้น

   “ถ้าแค่นี้กูก็ไม่เห็นมันจะเหี้ยน้อยกว่าไอ้ปอตรงไหน” ฝุ่นพูดออกความเห็น ก็แค่เท่าที่เล่ามาไอ้คนชื่อรุตนี่ก็เหี้ยจริง แต่ก็ระดับปกติป่ะวะไอ้ปอแม่งก็แดกเหล้า มั่วหญิง ยาก็เคยลอง แค่เพื่อนเขามันไม่ลอบกัดใครเท่านั้นเอง

   “ล่าสุด..ประมาณปีที่แล้วมั้ง ไอ้รุตกับไอ้แฮคมันลากเด็กผู้หญิงม.ปลายคนนึงมารุมโทรมแต่ข่าวเงียบสนิทไปเฉยๆ อย่างว่าบ้านไอ้แฮคมันเส้นสายเยอะ ส่วนเด็กผู้หญิงคนนั้นไม่รู้ตอนนี้เป็นยังไงเพราะไม่มีใครได้ข่าว ทีเนี่ยเหี้ยพอรึยัง” แฟงหันมาถามฝุ่นกวนๆ ซึ่งฝุ่นก็ได้แต่พยักหน้าเห็นด้วยว่าไอ้คนชื่อรุตนี่เหี้ยจริงๆ

   “มีอะไรอีกไหม” ปอถามขึ้นมาบ้างหลังจากที่เงียบฟังมานาน รับรู้ว่าไอ้คนชื่อรุตนี่มันเหี้ยแต่ไม่เข้าใจว่าไอ้เลิฟปกป้องมันทำไม

   “จะว่ามีก็มีแต่มันดูไม่เห็นเกี่ยวกับไอ้รุตเท่าไหร่มึงจะฟังไหมล่ะ” แฟงถามซึ่งปอก็พยักหน้ารับ

   “ไอ้รุตมันมีน้องชายอยู่คนกูจำไม่ได้ว่าชื่ออะไร ข่าวลือเรื่องน้องชายมันอ่ะเพียบแต่ละเรื่องนี้ดีๆทั้งนั้น คนที่เที่ยวกลางคืนช่วงนั้นรู้จักน้องมันดี”

   “ลือว่าอะไรวะ”  ปอถามเสียงเรียบ

   “หลักๆก็ลือว่าเป็นเด็กขายน้ำใครเงินถึงน้องมันก็อ้าขาให้หมด พูดกันปากต่อปากจนดังไปทั่วไม่มีใครรู้หรอกว่าน้องมันขายจริงไหม แต่ก็ลือกันแค่ช่วงนึงเรื่องมันก็เงียบไปเฉยๆที่มีก็ประมาณเนี่ย ถ้ามึงจะเอาละเอียดกว่านี้มึงคงต้องให้คนของพ่อมึงช่วยสืบให้แล้วล่ะ” แฟงว่าแล้วก้มลงเก็บรูปบนโต๊ะยัดลงทิ้งถังขยะเล็กข้างๆ

   หลังจากที่ปอฟังเรื่องราวจากปากแฟงทั้งหมดก็พอจะประติดประต่อเรื่องได้ ถ้าน้องชายไอ้รุตคือไอ้เลิฟแสดงว่าที่มันไม่ยอมบอกเขาเรื่องนี้ เพราะกลัวเขาจะรู้เรื่องข่าวลือของมันแน่ๆ

   แต่ถ้าแค่นี้ทำไมมันต้องปิดเขาขนาดนั้น ท่าทางการแสดงออกของมันเหมือนไม่อยากให้เขาเข้ามายุ่งกับไอ้รุต สงสัยเขาต้องกลับไปบังคับถามมันอีกแล้ว เพราะเหมือนจะรู้เรื่องแต่มันก็ไม่ทั้งหมด

   “เออขอบใจมึงมาก” ปอยิ้มมุมปากให้แฟงนิดๆ

   “ไม่เป็นไรแต่บอกกูได้ไหมวะมึงมีเรื่องอะไรกับไอ้รุต” แฟงอดที่จะถามขึ้นไม่ได้

   “ไม่มีแต่กำลังจะมี” ปอว่าเสียงเข้ม เพราะมั่นใจว่าคนที่ตบคนของเขาคือไอ้รุต ก็ถ้ามันจะประวัติเหี้ยขนาดนี้นะ

   “อย่าทำหน้าโหดไอ้สัสมันไม่ได้อยู่ให้มึงกระทืบที่นี่” ต้าว่าขำๆตบไหล่ปอเบาให้ใจเย็น เพราะเห็นว่าหน้าเพื่อนเหมือนจะฆ่าคนตายอยู่แล้ว

   “ถ้ามึงหมายถึงไอ้รุตละก็นั่นไง” แฟงพูดแทรกขึ้นมาแล้วพยักหน้าไปทางด้านหลังปอ ทุกคนเลยหันไปมองตามทันทีแล้วก็เห็นผู้ชายในรูป นั่งนัวเนียกับผู้หญิงไม่ไกลจากโต๊ะพวกเขาเท่าไหร่ ก่อนที่จะหันกับมามองแฟงเป็นตาเดียว

   “ก็กูเห็นให้สืบขนาดนั้นเลยคิดว่าคงอยากมีเรื่อง” แฟงยักไหล่ให้นิดๆ

   “รู้ดี” ปอว่ายิ้มๆแล้วส่ายหัวให้เพื่อนหน่ายๆ

   “เอาเลยมะ” ต้าพูดขึ้นอย่างนึกสนุกเอามือถูกันไปมา ออกปากชวนปอไปหาเรื่อง

   “อย่าๆกูยังไม่พร้อม” ฝุ่นพูดขำๆแต่เตรียมพร้อมเต็มที่

   


มีต่อด้านล่าง...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 21 (04/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 04-02-2016 07:57:20
ต่อ....



“ปอ...” เสียงเรียกคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้ปอชะงักแล้วหันกลับไปมอง

   ด้านหลังของปอคือเลิฟที่ยืนอยู่ ไม่ไกลออกไปเป็นไอ้กิงกับเมียมัน ปอขมวดคิ้วมุ่นเล็กน้อยที่เห็นเลิฟที่นี่ มองเลิฟด้วยสายตาดุๆแว๊บนึงก่อนจะหันไปหากิงที่ยืนข้างๆ

   “มึงพามันมาทำไม” ปอถามกิงด้วยเสียงหงุดหงิด แต่ไม่หันไปมองหน้าเลิฟเลยสักนิดจนเลิฟใจเสีย

   “ถ้าไม่อยากให้พามา มึงควรบอกเมียมึงว่าตื่นขึ้นมาอย่าเรียกหาผัวเป็นอย่างแรก” กิงตอบกวนๆแล้วจูงมือเอยเดินเข้ามานั่งโซฟาตัวใกล้ๆ

   เขาละหมั่นไส้ไอ้ปอทำมาเป็นตีหน้ายักษ์ใส่ใช่ว่าเขาอยากจะพามาแต่เมียมันนั่นแหละลืมตาปั๊บถามหาผัวทันที พอไม่บอกก็เสือกทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แล้วทีนี้ไอ้ตัวเล็กข้างๆเขาก็ถลึงตาใส่ ถ้ากูไม่พาไอ้เลิฟมาเมียกูงอนแน่ๆครับ อยากจะทำตามที่เพื่อนขอร้องนะครับแต่เกรงใจเมีย!!!

   เลิฟยืนซึมอยู่ตรงนั้นไม่ได้เดินตามเข้ามานั่งข้างใน เขาแค่อยากมาหาปอเฉยๆ ลืมนึกไปเลยว่าปอคงมาหาคนชื่อเบียร์ที่โทรคุยเมื่อกลางวัน ปอเองก็เหลือบไปมองเลิฟนิดๆ ก่อนจะหันกลับมายกแก้วเหล้ากินโดยที่ไม่พูดอะไร

   “ใครวะ” แฟงหันไปกระซิบถามฝุ่นที่นั่งข้างๆ สายตาก็เหลือบมองไปที่เลิฟเป็นระยะ

   “สาเหตุที่ไอ้ปอให้มึงสืบเรื่องไอ้รุตไง” ฝุ่นเองก็กระซิบตอบกลับ

   “อ้อ......” แฟงลากเสียงยาวแบบเข้าใจ แล้วก็ทำหน้าเจ้าเล่ห์เพราะนึกอะไรดีๆขึ้นได้ ก่อนจะลุกเดินไปนั่งลงที่ตักปอยกแขนสองข้างขึ้นคล้องที่คอปอส่งยิ้มให้ยั่วๆ  ปอเองก็ยกยิ้มมุมปากนิดๆเพราะเข้าใจว่าเพื่อนจะทำอะไร

   “ปอคะไม่คิดจะแนะนำเพื่อนให้รู้จักหน่อยเหรอ” แฟงถามเสียงหวานและก้มลงหอมแก้มปอเต็มแรง

   เลิฟที่ยืนอยู่ใกล้ๆมองเห็นภาพนั้นเต็มตาอย่างช่วยไม่ได้ ใบหน้าหวานซีดลงไปถนัดตาเลิฟก้มหน้าลงมองเท้าน้ำตาหยดลงพื้นจนเห็นได้ชัด มือสองข้างกำไว้แน่นกัดปากกั้นเสียงสะอื้นจนเลือดซิบ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจหันหลังเดินออกนอกร้าน

   “มึงจะไปไหน” ปอถามขึ้นเสียงเรียบจนเลิฟที่เดินไปไม่กี่ก้าวต้องชะงักหยุดอยู่กับที่

   “กลับบ้าน” เลิฟบอกเสียงสั่นแต่ไม่ยอมหันหน้ากลับมา

   "กลับมานั่งนี่" ปอสั่งเสียงเข้ม

   "จะกลับ" เลิฟว่าเสียงเสียงแข็ง

   "กูบอกให้มานี่" ปอสั่งเสียงเข้มยิ่งกว่าเก่า จนแฟงที่นั่งอยู่บนตักปอต้องรีบลุกขึ้น เพราะดูท่าแล้วสถานการณ์คงไม่ปกติ

   "............" เลิฟเลือกที่จะไม่พูดอะไรแล้วตัดสินใจเดินต่อ จนปอที่นั่งอยู่ต้องลุกตามไปกระชากแขนเลิฟเข้าหาตัวเต็มแรง

   "มึงจะร้องทำไม" ปอถามเลิฟที่ยืนน้ำตานองหน้ากวนๆ ส่วนเลิฟพอได้ยินปอถามแบบนั้นก็หงุดหงิดขึ้นมาทันที ถามมาได้ยังไงว่าเขาร้องทำไม ก็เล่นกอดเล่นหอมกันให้เห็นจะๆขนาดนั้นใครมันจะไม่ร้องไห้ล่ะ เออเขาผิดเองแหละที่ดันตามมาเจ็บเองถึงที่แบบนี้

   "ไปอยู่กับน้องเบียร์เหอะ" เลิฟดึงแขนออกจากมือปอแล้วยกขึ้นเช็ดน้ำตาบนหน้าออกลวกๆ

   "เบียร์?" ปอทวนชื่อขำๆแล้วจูงเลิฟกลับมาที่โต๊ะ

   "น้องเบียร์มึงหลบดิ๊" ปอไล่แฟงที่นั่งแทนที่ตัวเองให้ลุกขึ้น

   "เบียร์" แฟงชื่อนิ้วมาที่ตัวเองแล้วลุกขึ้นให้ปอกับเลิฟนั่งงงๆ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้

   "อ๋อ...กูว่าแล้วว่าตอนกลางวันมึงโทรหากูแล้วทำไมเรียกเบียร์ กูก็นึกว่าโทรผิดที่ไหนได้...ไอ้โรคจิต" แฟงเบ้หน้าใส่ปอด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะหันมาส่งยิ้มหวานให้เลิฟที่นั่งหน้าบึ้งอยู่

   "พี่ชื่อแฟงนะคะเป็นเพื่อนไอ้ปอเมื่อกี้พี่ขอโทษนะที่แกล้งเรา" แฟงว่ายิ้มๆแต่เลิฟนั่งหน้าเอ๋อเพราะตามไม่ทัน

   "นี่เพื่อนกูเมื่อกี้มันแกล้งมึงเล่น" ปอกระซิบบอกที่ข้างหู

   "พี่ไม่ใช่น้องเบียร์หรอครับ" เลิฟถามกลับตามองไปที่แฟงอย่างระแวง

   "ไม่ใช่ค่ะพี่เป็นเพื่อนปอจริงๆเมื่อกี้พี่แค่แกล้งขำๆน่ะ"

   "แต่พี่กิงบอกว่าปอมาหาน้องเบียร์นิ" เลิฟว่าเสียงอ้อมแอ้มแล้วหันไปมองหน้ากิง รวมทั้งทุกคนที่มองไปทางกิงเป็นตาเดียว

   "กูก็ไม่ได้โกหกนิ มึงอยากได้น้องเบียร์อะไรล่ะ น้องเบียรช้าง เบียร์สิงห์ เบียร์ลีโอก็มี แค่สั่งเดี๋ยวเขาก็เอามาเสิร์ฟ" กิงตอบกวนๆแล้วก็หัวเราะอย่างสะใจที่แกล้งเลิฟได้

                ส่วนเลิฟที่รู้ว่าตัวเองโดนแกล้งให้หึงของมึนเมา ก็หน้าขึ้นสีแดงระเรื่อลามไปถึงคอ หันไปเอาหน้าซุกอกปอด้วยความอาย เขาไม่กล้ามองหน้าใครบนโต๊ะทั้งนั้น ก็เมื่อกี้เขาหึงจนร้องไห้เลยนะ อายชะมัด

              "โอ๊ย!!!!!" กิงร้องขึ้นมาเสียงดังเพราะโดนเอยหยิกเข้าที่สีข้าง

              "เอยหยิกพี่ทำไมอ่ะ" กิงลูบสีข้างเบาๆแล้วหันไปถามคนหยิกงงๆ

   "พี่กิงแกล้งเพื่อนเอยทำไมล่ะ" เอยทำตาดุเสียงดุใส่กิง แต่กิงกลับมองว่ามันโคตรน่ารักจนเอามือไปหยิกแก้มป่องๆของเอยเล่น

   "พี่ไม่ได้แกล้งพี่แค่หยอก" กิงตอบและทำตาเจ้าชู้ใส่เอย จนเอยเขินหน้าแดงหันหนีไปอีกทาง

   "กูจะถามตั้งแต่ทีแรกละมึงพาใครมาวะ" ฝุ่นถามแทรกขึ้นมา เพราะจู่ๆไอ้กิงก็พาใครมาไม่รู้ แถมมานั่งจู๋จี๋กันข้างๆเขาอีก

   "เมียกูเอง ห้ามจีบกูหวง ห้ามถามเยอะกูขี้เกียจตอบ จบนะ" กิงตอบตัดบทไม่ให้ถามต่อ เอาเป็นว่ารับรู้โดยทั่วกันว่าเมียไอ้กิงชื่อเอย ระหว่างที่ทุกคนกำลังรุมแกล้งแซวเลิฟกับเอย โดยที่มีแฟงเป็นหัวโจกอยู่นั่น ก็มีเสียงทุ้มๆเรียกเลิฟแทรกขึ้นมา

   "เลิฟมาเที่ยวทำไมไม่ชวนพี่ล่ะ" ทุกคนหันไปมองตามเสียงเรียกทันที แล้วทุกคนก็ต่างชะงักไปแว๊บนึง เพราะคนที่พวกเขาพูดถึงก่อนหน้านี้เดินเข้ามาทักเอง ส่วนเลิฟก็หน้าซีดลงถนัดตาแววตาวูบไหวอย่างระแวง

   "พี่รุต" เลิฟครางเรียกเสียงแผ่ว

   "นั่งด้วยได้ไหม" รุตถามแล้วส่งยิ้มให้ทุกคนบนโต๊ะ รอยยิ้มที่ใครๆก็เรียกว่ารอยยิ้มเทวดา แต่เลิฟรู้ดีว่ามันคือรอยยิ้มของซาตาน

   "นั่งดิ" ปอบอกให้รุตนั่งจนทุกคนหันมามองหน้าปอเป็นตาเดียว ส่วนรุตพอได้รับอนุญาตก็นั่งลงฝั่งตรงข้ามข้างๆแฟง

   บรรยากาศเฮฮาเมื่อกี้เปลี่ยนเป็นอึดอัดขึ้นทันที เพราะการปรากฎตัวอย่างกระทันหันของรุต โดยเฉพาะเลิฟที่นั่งหน้าซีดเหงื่อซึมตามมือและขมับจนชื้นไปหมด

   "ว่าไงเลิฟทำไมมาเที่ยวไม่ชวนพี่" รุตหันมาถามต่อยิ้มๆ ยกมือขึ้นจะลูบหัวเลิฟแต่เลิฟผวาหนีมือรุตแล้วเบียดเข้าไปหาปอ
 
   "อย่าดีกว่ามั้ง" ปอเอื้อมมือไปคว้ามือของรุตแล้วบีบแรงๆ ก่อนจะปล่อยเมื่อรุตยอมเอามือกลับไป รุตก้มมองมือตัวเองที่โดนบีบเมื่อกี้นิดๆแล้วยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะหันกลับมาจ้องตากับปอที่ทำหน้านิ่งไม่แสดงอาการอะไรออกมา

   "กูแค่จะลูบหัวน้องชายตัวเองแค่นั้น" รุตว่าแล้วส่งยิ้มเป็นมิตรให้ปอ ซึ่งปอมองว่าเป็นรอยยิ้มที่กวนตีนที่สุดที่เคยเห็นมา

   "กูก็ไม่ได้ว่าอะไร" ปอตอบกลับแล้วยกยิ้มมุมปากให้ ก่อนจะเอนหลังพิงโซฟาด้วยท่าทางสบายๆ พาดมือข้างนึงไปวางบนไหล่ของเลิฟ

   "ดูมึงกับน้องชายกูสนิทกันดีเนาะเพื่อนเหรอวะ" รุตถามเรื่อยๆเหมือนไม่มีอะไรแต่แววตายิ้มๆเข้มขึ้นเล็กน้อย

   "เพื่อนครับ" เลิฟรีบตอบพี่ชายไปอย่างรวดเร็ว

   "เออเพื่อน" ปอยืนยันคำพูดของเลิฟแล้วก้มลงไปหอมแก้มเลิฟเต็มแรง  ก่อนจะกระชับอ้อมแขนที่กอดเลิฟแน่นขึ้นแล้วหันมายิ้มเยาะๆใส่รุต เล่นเอารุตที่นั่งยิ้มมาตลอดถึงกับหน้าบึ้ง รอยยิ้มที่ยิ้มอย่างเป็นมิตรเปลี่ยนเป็นแสยะยิ้มทันที ส่วนปอที่เห็นท่าทางนั้นของรุตก็กระตุกยิ้มอย่างพอใจ ที่ทำให้รุตเผยสันดานที่แท้จริงออกมาได้

   "มึงจ่ายเท่าไหร่ล่ะ" จู่ๆรุตก็ถามขึ้นมาแบบที่ทุกคนไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร

   "มึงพูดอะไร" ปอจ้องไปที่หน้ารุตนิ่งๆ

   "ก็มึงจ่ายเท่าไหร่ล่ะถึงได้น้องกูมานอนด้วย" รุตแสยะยิ้มแล้วมองไปที่เลิฟเหยียดๆ

   ปอที่ได้ยินรุตพูดแบบนั้นก็ยังทำหน้านิ่งไม่แสดงออกอะไร แต่มือข้างที่โอบเลิฟอยู่บีบเข้าที่ตัวเลิฟเต็มแรง จนเลิฟรู้สึกเจ็บแต่ไม่กล้าร้องออกมา

   "จริงๆถ้ามึงจะเอาน้องกูไปกกมึงควรติดต่อผ่านกูนะ" รุตยังคงพล่ามต่อและลอบสังเกตุดูอาการปอไปด้วย แต่ปอก็ยังคงนิ่งสนิทจนตัวรุตเองที่เป็นฝ่ายหงุดหงิด

   "แต่ก็ช่างเหอะแล้วเป็นไงน้องกูลีลาดีถึงใจไหม" รุตถามต่อเหมือนถามเรื่องทั่วไป แต่เป็นเลิฟที่ทนไม่ไหวลุกขึ้นยืนแล้วดึงแขนปอให้ลุกตาม

   "กลับเหอะปอ" เลิฟชวนปอให้กลับและพยายามไม่ให้ตัวเองร้องไห้ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมพี่รุตถึงทำแบบนี้อีก แล้วทำไมต้องมาพูดเรื่องบ้าๆพวกนี้ต่อหน้าปอ เขาไม่อยากให้ปอรับรู้เรื่องทุเรศๆพวกนี้เลย ไม่อยากให้พี่รุตเจอปอเพราะไม่อยากเจอเหตุการณ์แบบนี้ และไม่อยากให้เจอเรื่องแย่ๆเหมือน 'แยม'

   "อยู่เฉยๆ" ปอว่าเสียงดุแล้วดึงเลิฟลงมานั่งเหมือนเดิม

   "เชื่อฟังคำสั่งดีนี่หว่าสงสัยมึงคงจ่ายหนัก" รุตพูดขึ้นมาทันทีแล้วมองไปที่เลิฟอย่างดูถูก ก่อนจะพูดต่อ

   "คุยกันมาตั้งนานยังไม่รู้ชื่อมึงเลยกูรุตแล้วมึงล่ะ" รุตยื่นมือมาข้างหน้าเพื่อรอจับมือกับปอ

   "ปอ" ปอบอกชื่อตัวเองแล้วเหลือบมองมือรุตแต่ไม่ได้ยื่นมือไปจับ รุตเองพอรู้ว่าตัวเองยื่นมือเก้อก็ชักมือกลับยักไหล่เบาๆแบบไม่แคร์

   "ปอ...ใช่คนที่ทะเลาะกับไอ้แฮคเพื่อนกูป่ะ แต่ช่างเหอะศัตรูเพื่อนไม่เกี่ยวกับเรื่องธุรกิจว่ะ" รุตว่าเรื่อยๆ ปอเองก็มองหน้ารุตนิ่งๆเพราะไม่เข้าใจว่ารุตต้องการอะไร ถึงได้พูดเรื่องพวกนี้ขึ้นมา

               เลิฟมองหน้าปอแววตาเต็มไปด้วยความกลัว เขากลัวว่าปอจะเชื่อในสิ่งที่พี่รุตพูด เหมือนที่คนอื่นๆก็เชื่อ กลัวว่าปอจะรังเกียจและทิ้งเขาไป

   "แล้วเอาไงมึงจะเซ้งน้องกูเป็นรายเดือนหรือจะซื้อขาดจะได้ทำสัญญาถูก" คำพูดของรุตทำให้เลิฟร้องไห้ออกมาในที่สุด เขาเจ็บไปหมดและไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไม พี่ชายของเขาถึงเกลียดเขาจนจ้องจะทำลายกันได้ขนาดนี้

   "จะทำอะไรก็ทำเดี๋ยวกูดูให้ น้องเลิฟน้องเอยลุกมากับพี่ทางนี้ดีกว่า" แฟงที่นั่งเงียบมานานพูดขึ้น แล้วลุกไปจูงมือเลิฟกับเอยให้เดินไปจากโต๊ะ

   "สูบบุหรี่ได้ไหมว่ะ" ปอถามแต่ไม่รอคำตอบจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบแล้วพ่นควันออกจากปากช้าๆ

   "หน้าไอ้เลิฟมีรอยฝ่ามือตามตัวก็มีรอยช้ำกลับมา ฝีมือมึงรึเปล่า" ปอพ่นควันบุหรี่ใส่หน้ารุตแล้วจ้องตาไม่กระพริบ 

   "พี่ชายจะสั่งสอนน้องชายบ้างคงไม่เป็นไรมั้ง" รุตว่าด้วยท่าทางสบายๆก่อนจะยกแก้วเหล้าบนโต๊ะขึ้นมา

   เพล้ง!!!!!

   เสียงแก้วแตกดังสนั่นจนทุกอย่างหยุดชะงัก เป็นปอเองที่คว้าขวดเหล้าบนโต๊ะฟาดลงไปที่หัวรุตจนมันแตกคามือ รวมทั้งหัวของรุตที่แตกไปเหมือนกันเพราะเลือดเริ่มไหลลงมาที่ขมับ

   ปอลุกขึ้นยืนเต็มความสูงคว้าเอาหัวของรุตไปโขกกับขอบฉากกั้นระหว่างโต๊ะเต็มแรง จากนั้นก็เหวี่ยงรุตลงไปกองกับพื้นก่อนจะยกเท้ากระทืบซ้ำ ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนไม่มีใครตั้งตัวทัน พอรู้สึกตัวอีกทีรุตก็ได้เลือดไปแล้ว ทางด้านเพื่อนปอกับเพื่อนรุตก็ตะลุมบอนกันเรียบร้อยไปแล้วตอนไหนไม่รู้

   รุตที่ตั้งตัวได้อาศัยจังหวะที่ปอเผลอ กระโดดถีบที่ท้องปอเต็มแรงจนล้ม จากนั้นก็ขึ้นคร่อมปอแล้วปล่อยหมัดซัดลงมาไม่ยั้ง แต่ก็ได้ไม่นานเพราะปอพลิกตัวขึ้นมาด้านบนแทน แล้วกระหน่ำซัดหมัดลงไปบ้าง จากนั้นก็จับรุตให้คว่ำหน้าลงแล้วจับหัวรุตโขกลงกับพื้นเต็มแรงนับไม่ถ้วน ก่อนจะปล่อยแล้วลุกขึ้นยืนกระทืบลงไปซ้ำๆจนรุตกระอักเลือด แล้วเปลี่ยนมาเตะเข้าไปที่ลำตัวรุตจนขดตัวงอ

   ปอไม่รู้ว่าตัวเองยืนกระทืบไอ้รุตไปนานแค่ไหนแล้วมันตายหรือยัง เขารู้แค่ว่าโมโหแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ความรู้สึกมันเหี้ยไปหมดถ้ามีปืนอยู่ในมือตอนนี้เขาคงยิงใส่ไอ้เหี้ยนี่ไม่ยั้ง ลำพังแค่มันตบเมียเขามันก็มากพอแล้วนี่ยังเสือกปากหมา พูดจากวนส้นตีนจนเมียเขาร้องไห้ ถ้าวันนี้มึงไม่ตายคาตีนกูถือว่ามึงยังมีบุญ

   "ไอ้เหี้ยพอเดี๋ยวแม่งตาย" กิงเดินเข้ามาห้ามปอแล้วพยายามดึงปอออกจากรุต เพราะดูว่าเพื่อนคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว ปล่อยไปมันได้ฆ่าคนตายแน่ๆ

   "ปล่อย" ปอผลักกิงออกแล้วยกเท้ากระทืบลงไปที่มือรุตทั้งสองข้าง มือนี้ใช่ไหมที่ตบหน้าไอ้เลิฟ

   “ปอ...พอเหอะนะเลิฟขอ” เลิฟวิ่งมาดึงแขนปอไว้แล้วขอร้องให้ปอหยุดทั้งน้ำตา ไม่ใช่ว่าเป็นคนดีไม่ใช่ไม่โกรธสะใจด้วยซ้ำที่เห็นรุตโดนกระทืบ แต่ยังไงซะรุตก็เป็นพี่ชายเป็นความหวังของพ่อกับแม่ อีกอย่างเขาไม่อยากให้ปอฆ่าคนตายเพราะเขา

   ปอหันกลับมามองเลิฟที่ยืนร้องไห้ขอร้องตัวเองนิดๆ ผลักเลิฟเบาๆไปทางต้าจากนั้นก็คว้าบุหรี่อีกตัวขึ้นมาจุดสูบ เวลาเครียดๆปอจะสูบบุหรี่เพื่อผ่อนคลายเสมอ เขาพ่นควันออกเรื่อยๆก่อนจะเดินกลับมาหารุตที่นอนกองอยู่ กระชากหัวรุตขึ้นมาให้มองตัวเองซึ่งรุตก็จ้องกลับมาที่ปอเขม็ง
 
   “มีอะไรจะพูดไหม” ปอถามเสียงเรียบ

   “กูเอาคืนมึงแน่” รุตบอกปอเสียกระท่อนกระแท่น ส่งสายตาอาฆาตมาให้ทั้งที่ตัวเองเจ็บเจียนตาย
 
   ปอหัวเราะในคอเยาะๆก่อนจะแสยะยิ้มให้รุต เลื่อนมือที่กระชากหัวรุตไว้ลงมาบีบคางแน่นอีกข้างก็ถือบุหรี่อยู่ ปอบีบที่คางของรุตแรงขึ้นเพื่อให้ปากอ้าออก

   “ฝุ่นเอาเหล้าให้กูแก้วดิวะ” ปอหันมาขอเหล้ากับฝุ่นซึ่งฝุ่นก็ไปเอามาให้อย่างงงๆ ก่อนจะวางมันลงที่พื้นข้างๆปอ

   “มึงอยากกินเหล้าป่ะวะ” ปอถามรุตแล้วส่งยิ้มให้ แต่ตาของปอไม่ได้ยิ้มเหมือนปากจนรุตระแวง

   “แต่ตอนนี้กูอยากได้ที่เขี่ยบุหรี่ว่ะ” ปอว่าเสียงเรียบ

   “อ๊ากกกกกกกกกกก” เสียงรุตร้องออกมาด้วยความทรมาน รู้สึกแสบร้อนไปทั้งลิ้น เพราะปอเอาบุหรี่ในมือที่ยังไม่ดับไฟจี๊ลงไปบนลิ้นของรุต แล้วกดขยี้ลงไปแรงๆจนมันดับคาปาก ก่อนจะทิ้งก้นบุหรี่ไว้ในปากรุตแล้วคว้าเอาแก้วเหล้าข้างๆมาเทกรอกปากรุต บังคับให้กลืนมันลงไปพร้อมก้นบุหรี่

   “นี่กูแค่สั่งสอนมึง อย่าให้กูได้ยินว่ามึงปากหมาแบบนี้อีก” ปอกระซิบบอกรุตเสียงเหี้ยม

   “ให้มึงจำเอาไว้เมียกูใครก็ห้ามแตะ” ปอพูดทิ้งท้ายอีกประโยคแล้วปล่อยรุตลงกับพื้น จากนั้นก็เดินมาหาเลิฟที่ยืนมองเขาอย่างหวาดๆ ก่อนจะกระชากแขนเลิฟให้เดินตามไปขึ้นรถ แล้วก็ขับออกไปอย่างรวดเร็ว

2 Be Con...
+++++++++++
คือไม่ค่อยจะรู้ระบบเล้าเท่าไหร่
แต่มีคนกระซิบบอกมา
ฝากบวกเป็ดให้ด้วยนะคะ
แล้วก็ฝากคอมเม้นท์บ้างเน้อ[/font][/size]
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 21 (04/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 04-02-2016 10:49:23
 :m11: :m11: :m11: :m11: :m11: :m11: :m11:อุต๊ะสะใจที่สุดเลย :m11: :m11: :m11: :m11: :m11: :m11: o13 o13 o13 o13 o13สุดยอดเลยพี่ปอ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 21 (04/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 04-02-2016 12:38:15
ทำไมรุตต้องทำกับเลิฟอย่างนี้ด้วยอ่ะ
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 21 (04/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: imvodka ที่ 04-02-2016 13:43:46
สงสารนางเอง
พี่ชายก็เหี้ย
พระเอกก็ไม่ชัดเจน
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 21 (04/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-02-2016 15:22:05
โหดดีแท้
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 22 (04/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 04-02-2016 18:40:33
กับดักที่
-22-
       


   เลิฟเดินตามแรงกระชากของปอไปเรื่อยๆแขนข้างที่ถูกดึงเจ็บไปหมด แต่เขาไม่กล้าบอกไม่กล้าถามไม่กล้าพูดอะไรออกมาทั้งนั้น ได้แต่เดินตามแผ่นหลังกว้างนั้นไปเงียบๆ

   ตลอดทางตั้งแต่ในผับจนถึงคอนโดปอยังไม่พูดอะไรกับเขาสักคำ หน้าเขาปอก็ยังไม่หันมามองเลยด้วยซ้ำ มีแค่ความเงียบจนน่าใจหายที่ส่งมาให้ เขาไม่รู้ว่าปอคิดอะไรอยู่ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยนั่น ที่เขารับรู้และสัมผัสได้ในตอนนี้คือความโกรธ ปอโกรธแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ยอมรับในใจเลยจริงๆว่าเขาไม่ชอบและกลัวปอที่เป็นแบบนี้ 

   แกร๊ก

   'เฮือก' เลิฟสะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงเปิดประตูที่ดังขึ้นเพราะว่ามัวแต่เหม่อ พอเหลือบตาไปมองก็เห็นปอมองเขาอยู่ก่อนแล้ว

   ปอผลักเลิฟเบาๆให้เข้าไปข้างในก่อนจะปิดประตูตามหลัง หันกลับมายืนจ้องเลิฟด้วยสีหน้าเรียบสนิทและก้าวขาเดินเข้าหาเลิฟอย่างรวดเร็ว จนเลิฟที่ยืนอยู่ตกใจเพราะเดาอารมณ์ปอไม่ถูก เดินถอยหลังหนีปอจนชนโซฟาหงายท้องลงไปทั้งอย่างนั้น

   เลิฟกระทดตัวหนีไปเรื่อยๆจนสุดโซฟา พยายามที่จะลุกขึ้นยืนแต่ปอที่เดินตามมาจับขาคนตัวเล็กแล้วกระชากเข้าหาตัว คร่อมทับตัวอีกฝ่ายไว้และกดแขนสองข้างของเลิฟลงบนโซฟาแน่นจนกระดิกตัวไม่ได้

   เลิฟสบตาที่ว่างเปล่าของปอแล้วก็รู้สึกกลัวขึ้นมา ภาพที่ปอกระทืบรุตแว๊บเข้ามาในหัวทันที จนเขาต้องออกแรงดิ้นเพื่อให้หลุดจากปอ แต่ไม่ได้ผลอะไรเลยเพราะยิ่งดิ้นปอก็ยิ่งบีบทั้งแขนสองข้างของเขาแน่นขึ้น

   "หยุดดิ้น!!!" ปอตะคอกเสียงเข้ม เลิฟหยุดชะงักไปเล็กน้อยเพราะตกใจก่อนจะออกแรงดิ้นมากกว่าเดิม

   ปอปล่อยแขนเลิฟแล้วเปลี่ยนไปรวบไว้เหนือหัวด้วยมือข้างเดียว อีกข้างก็ย้ายมาบีบคางเลิฟแน่นก่อนจะก้มลงประกบจูบอย่างดุดัน ลิ้นหนาไล่ต้อนลิ้นเล็กที่หดหนีไปมา จนในที่สุดก็สามารถเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กได้สำเร็จ

   ปอจูบแลกลิ้นจนเลิฟรู้สึกเจ็บไปหมด ลมหายใจเริ่มถี่กระชั้นเพราะขาดอากาศเป็นเวลานาน ปอผละออกเล็กน้อยให้เลิฟได้พักหายใจก่อนจะประกบจูบอีกครั้งอย่างกระแทกกระทั่น แล้วกัดริมฝีปากเลิฟแรงๆจนเลิฟได้กลิ่นคาวเลือด

   ปอละจากริมฝีปากอิ่มซุกไซร้ลงมาที่ต้นคอ ดูดดึงสร้างรอยแดงทิ้งไว้ในทุกๆจุดที่ปากเขาลากผ่าน อ้าปากกัดลงไปที่ต้นคอขาวจนเลือดซึม แล้วใช้ปลายลิ้นเลียแผลที่ตัวเองทำแรงๆ

   "โอ๊ย!!!" เลิฟร้องออกมาเสียงดังเพราะรู้สึกเจ็บบริเวณต้นคอ ก่อนจะตามมาด้วยความแสบนิดๆ

    เลิฟสบตาปอที่มองมาอยู่ก่อนด้วยความงุนงงปนหวาดหวั่น พยายามออกแรงดิ้นหนีอีกครั้ง น้ำตาไหลลงมาเพราะความกลัวอย่างห้ามไม่อยู่

    เขากลัวปอเพราะปอไม่เหมือนทุกครั้ง ถึงปอจะเอาแต่ใจตัวเองทุกทีเวลาอะไรกัน แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่ปอจะรุนแรงแบบนี้ มันเหมือนว่าปอตรงหน้าเขาตอนนี้เป็นคนละคนกับที่เขารู้จัก

   ปอมองท่าทางหวาดกลัวของเลิฟอย่างไม่ใส่ใจ ใช้มือถลกเสื้อของเลิฟขึ้นจนเห็นจุกนมสีชมพูทั้งสองข้าง ก้มลงดูดดึงยอดอกเข้าโพรงปากอย่างรุนแรงจนแทบจะขาดคาปาก

   ปอใช้ฟันคมๆของตัวเองกัดลงไปทั่วตัวเลิฟ จนผิวขาวเนียนแดงช้ำเต็มไปด้วยรอยฟัน ฝ่ามือหนาบีบเค้นไปทั่วตัวบางเต็มแรงจนขึ้นรอยมือ ก่อนจะผละออกมามองหน้าเลิฟที่เต็มไปด้วยน้ำตา

   "ปอ..เลิฟกลัว" เสียงหวานบอกปอสั่นๆดวงตากลมโตฉายแววหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด
 
   ปอปล่อยมือข้างที่จับแขนเลิฟไว้ เอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าเนียนแผ่วเบา ก่อนจะดึงคนตัวเล็กขึ้นแล้วผลักให้ลงไปนั่งที่พื้นพรมด้านล่าง จับใบหน้าสวยให้หันเข้ามาที่ีหว่างขาของตัวเอง มือหนาดึงเข็มขัดออกแล้วเลื่อนซิบลงปลดปล่อยแก่นกายที่ขยายขนาดเต็มที่ออกมา

   "อะไร" เลิฟมองแก่นกายของปอที่ชี้หน้าตัวเองอยู่ด้วยความไม่เข้าใจ

   "จัดการให้กูหน่อย" ปอสั่งเสียงเรียบแล้วดึงหัวเลิฟเข้ามาใกล้ จนริมฝีปากอิ่มสัมผัสโดนความใหญ่โตของเขา

   "ไม่เอา" เลิฟส่ายหัวปฏิเสธพยายามขืนตัวออก

   "อ้าปาก" ปอสั่งเสียงเข้มจ้องหน้าเลิฟด้วยแววตาดุๆ จนเลิฟยอมอ้าปากอมแก่นกายของปอ จนรู้สึกถึงความคับแน่นเต็มปาก

   "ดูดมันแรงๆอย่าให้ฟันโดน" ปอบอกเสียงพร่า ซึ่งเลิฟก็ทำตามแบบเงอะงะ จนเผลอทำฟันขูดลงไปบนแก่นกายของปอ

   "ซี๊ดดด..." ปอถึงกับหลุดเสียงครางออกมาเบาๆด้วยความแสบ จนเลิฟตกใจปล่อยแก่นกายของปอออกจากปากเพราะคิดว่าทำอีกฝ่ายเจ็บ ตากลมโตมองหน้าปอด้วยแววตาตื่นๆ

   "ไม่เป็นไรทำต่อนึกถึงเวลามึงกินไอติม" ปอว่าแล้วจับหัวเลิฟเข้ามาใกล้แก่นกายตัวเองอีกครั้ง

   เลิฟใช้มือประคองแก่นกายตรงหน้าแล้วอ้าปากรับตัวตนของปอเข้าไปในปากอีกครั้ง ดูดดึงขึ้นลงจนสุดความยาวที่ปากเล็กจะทำได้ เม้มแรงๆไปทั่วแก่นกายขนาดใหญ่ จากนั้นก็ส่งลิ้นเลียไปรอบๆไล่ไปตามรอยหยักตรงส่วนหัว จินตนาการว่าตัวเองกำลังกินไอศรีมอย่างเอร็ดอร่อย

   ปอก้มลงมองแก่นกายของตัวเองที่ผลุบเข้าออกในปากสีแดงสดแล้วยิ่งเกิดอารมณ์  มือหนาขยุ้มเส้นผมนุ่มไว้เต็มมือขยับสะโพกแกร่งสวนอัดแก่นกายเข้าไปในโพรงปากนุ่ม

   ตั้งแต่นอนด้วยกันมาปอไม่เคยให้เลิฟทำแบบนี้ให้เลยสักครั้ง ไม่เคยแสดงสันดานดิบอะไรออกมาตั้งใจว่าจะสอนกันไปเรื่อยๆ แต่ว่าครั้งนี้เขาโมโหจนคุมตัวเองไม่อยู่จริงๆ

    ใช่...เขาโมโหไอ้เลิฟ เขาโกรธที่มันไม่ยอมบอกอะไร โกรธตัวเองที่ปล่อยให้คนมานั่งด่ามันต่อหน้าต่อตา ทั้งๆที่เขาก็นั่งอยู่ตรงนั้น

    เลิฟพยายามห้อปากลงเพื่อไม่ให้ฟันไปโดนแก่นกายของปอ เริ่มหายใจไม่ค่อยถนัดเพราะความคับแน่นในปาก รู้สึกจุกไปถึงคอยหอยเวลาที่ปอกระแทกตัวเองเข้ามา

    ไม่นานเลิฟก็สัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อนที่ฉีดพุ่งเข้ามาในปาก จำใจกลืนมันลงท้องอยากเลี่ยงไม่ได้ เพราะปอบังคับแช่ตัวเองไว้ในปากเลิฟไม่ยอมดึงออกมา

    ปอดึงตัวเองออกมาจากปากเล็กๆของเลิฟ มองดูน้ำสีขาวขุ่นที่ไหลย้อนออกมาจากมุมปากเพราะเจ้าตัวกลืนลงไปไม่หมด ก่อนที่ปอจะดึงคนตัวเล็กขึ้นจากพื้น แล้วกระชากหัวเข้ามาประกบจูบรุนแรงและดุดัน เกี่ยวกระหวัดแลกลิ้นแลกน้ำลายจนเกิดเสียงดัง

   ปอผละใบหน้าออกมาแล้วถอดเสื้อของตัวเองออกอย่างรวดเร็วเหลือแค่กางเกงยีนส์เอาไว้ ก่อนจะหันมาจับเลิฟถอดเสื้อผ้าออกจนหมด จากนั้นก็อุ้มเลิฟขึ้นมานั่งคร่อมทับโดยจับให้หันหน้าเข้าหาตัวเอง

   ปอขบเม้มริมฝีปากอิ่มแล้วย้ายไปงับใบหูเล่นแผ่วเบา มือข้างนึงก็ลูบไปทั่วแผ่นหลังเนียน อีกข้างก็ส่งมาหยอกล้อที่แกนกายเล็กใช้นิ้วมือหมุนวนไปรอบๆส่วนหัว ก่อนจะบีบลงไปแรงๆจนเลิฟสะดุ้ง

    "อื้อ" เลิฟหลุดเสียงครางออกมาเพราะความเจ็บปนเสียว

    ปออ้าปากงับยอดอกเล็กสีชมพูเข้าปากก่อนจะกัดลงไปเต็มแรง แล้วใช้ลิ้นตวัดเลียเอาเลือดที่ซึมออกมาจอารอยกัดเข้าปาก จากนั้นก็ย้ายริมฝีปากดูดเม้มขึ้นมาที่ใบหู

    "ลุกขึ้นแล้วเอากูเข้าไปข้างใน" ปอบอกเสียงกระเส่าข้างใบหู ซึ่งเลิฟเองก็ลุกขึ้นตามอย่างว่าง่าย

    เลิฟก้มลงมองความใหญ่โตของปอแล้วก็อดหน้าแดงไม่ได้ เห็นมาตั้งกี่ครั้งเขาก็ไม่ชินกับมันสักที เลิฟใช้มือทั้งสองข้างจับบ่าปอไว้แน่นเพื่อพยุงตัว โดยมีปอช่วยจับแก่นกายใหญ่โตของตัวเองให้ตรงช่องทางรัก

    เลิฟกดตัวเองกลืนกินตัวตนของปอช้าๆ เขารู้สึกเจ็บที่ช่องทางหลังเป็นอย่างมาก เพราะปอไม่ได้เบิกทางให้ก่อนและไม่ได้ใช้ตัวช่วยอะไรเลย

    เลิฟหยุดพักเล็กน้อยทั้งๆที่ตัวตนของปอพึ่งเข้ามาได้แค่ส่วนหัว เพราะรู้สึกเจ็บและแสบที่ด้านหลัง ปอมองหน้าเลิฟแว๊บนึงก่อนจะบังคับกดตัวเลิฟให้ทับหลงมาเต็มแรงแบบไม่ให้ตั้งตัว

   "อ๊าาาาาาาา" เลิฟถึงกับครางออกมาทั้งน้ำตา เพราะถูกบังคับให้รองรับความใหญ่โตอย่างกระทันหัน เขารู้สึกจุกและเจ็บไปหมดสัมผัสได้ถึงความคับแน่นในช่องท้อง

   "เจ็บ..." เลิฟบอกเสียงแผ่ว เล็บคมจิกลงไปบนไหล่หนาเต็มแรงเพื่อระบายก่อนจะซุกหน้าลงไป

    "ขยับ" ปอบอกแล้วพยุงตัวเลิฟขึ้น ก่อนจะจับกดลงมาเต็มแรง

    "อ๊ะ...อ๊าา...อึก" เลิฟครางเสียงเพราะทั้งเสียวและจุกไปพร้อมๆกัน

   หลังจากที่ทุกอย่างเข้าที่เลิฟก็พยุงตัวเองขึ้นก่อนจะทิ้งตัวลงมารับกับปอที่แทงสวนขึ้นไป สะโพกบางส่ายร่อนเข้าจังหวะกระแทกที่หนักหน่วงของปอ เสียงครางดังระงมไปทั่วห้อง จนใกล้จะถึงจุดปลดปล่อยปอก็หยุดชะงักทุกอย่างลง แล้วถอนตัวตนออกมาจากความคับแน่น

    เลิฟมองปอด้วยความไม่เข้าใจ กัดริมฝีปากตัวเองแน่นใบหน้าแดงก่ำทรมานเพราะไม่ได้รับการปลดปล่อย ปอยกคนตัวเล็กลงจากตักแล้วจับให้พลิกคว่ำหันหน้าเข้าหาโซฟา ก่อนจะจับแก่นกายของตัวเองอัดกระแทกเข้าไปเน้นๆ

    "อ๊ะๆๆ" เลิฟครางเสียงหลงรู้สึกเสียวไปหมด ฝ่ามือเล็กกำโซฟาแน่นเพื่อระบายอารมณ์

    "ครางดังๆ"

    ปออัดกระแทกซอยไม่ยั้งจนตัวเลิฟสั่นคลอนไปตามแรงส่ง ริมฝีปากหนาจูบซับดูดเม้มสร้างรอยไปทั่วแผ่นหลังเนียน ด้านล่างก็อัดกระแทกเข้าไปรัวเร็วเน้นหนักทุกจังหวะ ทั้งหมุนควงคว้านลึกจนคนด้านล่างครางไม่เป็นภาษา เหงื่อไหลซึมออกมาจนได้กลิ่นจางๆ

   "อ๊ะ...อื้อ...อ๊า.."

    ช่องทางรักของเลิฟตอดรัดถี่ๆ เป็นสัญญาณให้ปอรู้ว่าคนตัวเล็กกำลังจะปลดปล่อย ปอแทงเข้าไปเน้นๆอีกสองสามทีก่อนจะฉีดความอุ่นร้อนเข้าไปในช่องท้องของเลิฟ พร้อมๆกับที่เลิฟปลดปล่อยออกมาจนเลอะโซฟา

   ปอใช้มือกอดเอวเลิฟไว้ไม่ให้ทรุดลงไป รอให้ลมหายใจกลับมาเป็นปกติก่อนจะก้มลงประกบจูบอีกครั้ง จัดการพลิกคนตัวเล็กให้นอนหงายช่วงล่างก็ขยับซอยช้าๆแต่เน้นทุกจังหวะ โดยที่เลิฟได้แต่นอนครางใต้ร่างของปออยู่อย่างนั้นทั้งคืน

...
...
 
   อ๊อดดดดดดด

   ปังๆๆๆ

   เสียงกริ่งและเสียงทุบประตูห้องทำให้ปอที่นอนอยู่ต้องลืมตาตื่นอย่างจำใจ เขาลุกขึ้นนั่งเอามือขยี้หัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด มองไปรอบๆห้องก็เจอแต่ความมืดสนิทเพราะตัวเองปิดผ้าม่านไว้ หันมามองข้างๆก็เห็นเลิฟนอนหลับอยู่

    ปอมองภาพตรงหน้าแล้วก็ยิ้มออกมาน้อยๆ ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยผมที่ปิดหน้าออกเบาๆก้มลงหอมแก้มเนียนเต็มแรง เลื่อนริมฝีปากมาจุมพิตปากแดงๆนั่นแผ่วเบา

    "อือ" เลิฟครางในลำคอเบาๆเพราะโดนก่อกวน

   "หึ หึ" ปอขำในลำคอเล็กน้อยก่อนจะมุดเข้าไปในผ้าห่ม จูบซับแผ่วเบาตั้งแต่หน้าอกไล่ลงมาเรื่อยๆแวะเอาลิ้นเลียวนรอบหลุมสะดือ ก่อนจะไล่จูบต่อลงมาจนถึงโคนขาอ่อนดูดเม้มแรงๆด้วยความหมันเขี้ยว

   "อื้อ...ปอ" เลิฟเอามือดันหัวปอออกจากตัวเอง เขาตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกรำคาญอะไรก็ไม่รู้ที่มานัวเนียตัวเอง พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นปอกำลังก้มๆเงยๆบนตัวเขาซะงั้น

   "มอนิ่งคิส" ปอว่าแล้วลุกขึ้นมาประกบจูบเลิฟแผ่วเบา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหนักหน่วง ส่งลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นเล็กอย่างหยอกล้อ จัดการรวบคนตัวเล็กไว้ในอ้อมกอดแล้วพลิกร่างบางให้ขึ้นมาเกยอยู่บนตัวเอง มือหนาลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังเนียน

    อ๊อดดดดดดดดด

    เสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้นอีกครั้ง เรียกสติที่กำลังจะเตลิดไปไกลของทั้งคู่ให้กลับมา

   "พอได้เล่า" เลิฟว่าอายๆดันหน้าปอที่นัวเนียไม่ยอมปล่อยให้ออกห่าง

    "เดี๋ยวกูมา" ปอถอนหายใจอย่างหงุดหงิด พลิกตัวเลิฟลงไปบนที่นอนเหมือนเดิม ก้าวขาลงไปหยิบกางเกงนอนขึ้นมาใส่ลวกๆ

   ฟอดดดดดดดดด

   "มึงนอนต่อเลย" ปอเดินกลับมาหอมแก้มเลิฟหนักๆทีนึง ก่อนจะเดินออกจากห้องไปเปิดประตู

   ปอกระชากประตูเปิดออกแรงๆด้วยความหงุดหงิดปนโมโห ตั้งใจไว้แล้วว่าถ้าไอ้คนที่มันมารบกวนเขาแต่เช้าไม่มีธุระอะไรสำคัญ ขนาดที่เขาต้องเสียเวลาลุกจากเตียงละก็กูจะกระทืบให้ไส้ไหล

    “กว่าจะเปิดประตูได้นะมึง กูนึกว่าแม่งตาย....อือหือ” กิงที่แหกปากโวยวายถึงกับตาโตทันทีที่เห็นสภาพปอ

   “แห่กันมาทำไมแต่เช้า” ปอถามหงุดหงิดกวาดสายตามองไปยังกลุ่มคนที่ยืนอออยู่หน้าห้องเขา แม่งยกโขยงกันมาหมดทุกคนเลยเหอะทั้งเพื่อนตัวเอง เพื่อนไอ้เลิฟ รุ่นพี่ รุ่นน้องขนกันมาทำห่าอะไรเยอะแยะ ที่สำคัญนิติบุคคลของคอนโดมันให้ขึ้นมาได้ยังไงวะ กูละงง

    “ค่อยคุยได้ไหมพวกมึงกูเมื่อย ส่วนมึงช่วยกรุณาเชิญพวกกูเข้าห้องด้วย” อาร์ตที่ยืนอยู่ด้านหลังสุดตะโกนแทรกขึ้นมากวนๆ จนปอยอมเปิดประตูออกกว้างแล้วเดินนำเข้าไปในห้อง

    “เชรดดดดดดดด” กิงอุทานออกมาดังๆทันทีที่เห็นหลังปอ

    ทุกคนที่ยืนอยู่ต่างตะลึงอ้าปากค้างกันเป็นแทบๆ พึมพำกันงึมงำด้วยความอิจฉา ส่วนนาวกับเอยได้แต่ยืนหน้าแดงพูดอะไรไม่ออก เมื่อกี้เห็นข้างหน้ามีแต่รอยแดงก็ว่าสุดๆแล้วนะ หันมาด้านหลังนี่แบบรอยเล็บข่วนกระจายเต็มหลัง ไม่อยากจะคิดเลยว่าเมื่อคืนจะขนาดไหน

    ปอเดินมาเปิดตู้เย็นแล้วกระดกขวดน้ำเข้าปากแบบไม่เทใส่แก้วให้เสียเวลา พอกินเสร็จหันกลับมาก็เห็นทุกคนมองมาที่เขาเป็นตาเดียว ปอลดขวดน้ำในมือลงเล็กน้อยขมวดคิ้วเป็นปมมองกลับไปอย่างสงสัย แม่งมองเหี้ยอะไรกันวะ

   “ไอ้ปอนี่แม่งสมบัติของคณะเราจริงๆว่ะ” อาร์ตพูดขึ้นมาลอยๆซึ่งคนที่เหลือก็ต่างพยักหน้างึกงักเห็นด้วย ท่าทางของทุกคนยิ่งทำให้ปอสงสัยหนักกว่าเก่า

   “อะไรวะ” ปอเก็บขวดน้ำเข้าตู้เย็นแล้วเดินออกมาหาทุกคนที่โซฟา ตัวเดียวกับเมื่อคืนนั่นแหละ แต่ไม่ต้องห่วงว่าจะมีใครเจอร่องรอยอะไร เพราะมีแม่บ้านมาทำความสะอาดห้องเขาทุกเช้า ดูนาฬิกาตอนนี้เกือบเที่ยงเขาคงเก็บกวาดเสร็จหมดแล้วล่ะครับ

   “พวกกูตกลงกันแล้วจะส่งมึงลงชิงตำแหน่งเดือนคณะ” อาร์ตพูดออกมาด้วยสายตาหมายมาด กะว่าส่งปอเข้าชิงยังไงก็ชนะแน่ๆ ด้านปอพอได้ยินอาร์ตว่าอย่างงั้นก็กรอกตาไปมาเซ็งๆ

   “เดือนคณะมันไอ้โดมไม่ใช่หรอพี่” อิ๊กที่นั่งข้างๆพูดแทรกขึ้นมาเลยโดนอาร์ตประเคนลูกถีบให้ข้อหาขัดอารมณ์

   “กูพึ่งรู้นะว่ามึงสักเยอะขนาดนี้” กลอนทักขึ้นเพราะพึ่งเห็นปอถอดเสื้อเป็นครั้งแรก มองรอยสักของปออย่างชอบใจ กลอนเองก็เป็นคนชอบสักลายคนนึงแต่ไม่ได้สักเยอะเท่าปอ

   ปอสักลายที่สะบักหลังสองข้างไล่ลงมาถึงสีข้างซ้าย แขนข้างซ้ายก็สักลงมาตั้งแต่หัวไหล่จนถึงข้อมือ แขนข้างขวาก็สักที่แขนด้านในเป็นประโยคภาษาอังกฤษ ช่วงไหปลาร้าถึงต้นคอก็มีรอยสัก ปกติปอจะแต่งตัวโคตรมิดชิดเลยไม่มีใครเห็น

   “ตกลงแห่กันมานี่มีเรื่องอะไร” ปอถามเข้าประเด็นพราะขืนปล่อยไปคงไม่รู้เรื่องแน่ๆวันนี้

   “ก็เมื่อคืนมึงไปสร้างวีรกรรมอะไรมาละ ไอ้กิงแม่งบอกว่ามึงทำหน้าเหมือนจะฆ่าคน แล้วลากสุดที่รักของพวกกูออกมาพวกกูก็เป็นห่วงจนต้องตามมาหามึงถึงนี่ แต่เท่าที่กูเห็นสภาพมึงกูทำใจไม่ได้ที่จะเห็นสภาพสุดที่รักของพวกกูเลยว่ะ” อาร์ตโอดครวญทำหน้าเหมือนจะตายลงเดี๋ยวนั้น จนปอได้แต่ส่ายหัวให้กับความเพี้ยนของรุ่นพี่ ถ้าพี่อาร์ตแกนั่งเฉยๆแกจะหล่อมากเลยนะนี่จากใจจริง

    “สุดที่รักของพวกพี่นี่ใครวะ” อิ๊กที่ไม่รู้เรื่องอะไรถามขึ้นงงๆ แต่ไม่มีใครสักคนที่จะตอบคำถาม

    “มาเพราะแค่นี้” ปอถามต่อแต่สายตาเหลือบไปที่ห้องนอนเป็นระยะ

    “ไม่ต้องมองบ่อยๆขนาดนั้นหรอกไอ้เหี้ยเมียมึงไม่หายไปไหนหรอก” ต้าแซวขึ้นขำๆกับท่าทางอยู่ไม่สุขของปอ

    “เรื่องของกูเหอะ พวกมึงมีอะไรก็รีบๆพูดมาแล้วกลับกันไปได้ละ” ปอว่าเสียงเรียบ

    “ไล่จังนะไอ้สัส ถ้าไม่อยากให้พวกกูมามึงก็อย่าปิดมือถือไอ้เหี้ย เพราะมึงปิดมือถือนั่นแหละพวกกูถึงโดนพ่อมึงโทรด่าเรียงตัวเนี่ย”

    “เขาว่าไงบ้างวะแล้วรู้เรื่องได้ไง” ปอถามกลับเพราะเขาปิดมือถือตั้งแต่เมื่อคืนจริงๆ

    “ก็เมื่อวานพวกกูไม่รู้จะเคลียร์เรื่องยังไง มึงเล่นกระทืบไอ้เหี้ยนั่นปางตายพวกกูเลยต้องเรียกพี่ปิงมาเคลียร์ให้ พอเรื่องถึงหูพี่ปิงก็เลยถึงหูพ่อมึงทีนี้แม่งยาวเลยไอ้สัส พวกกูนี่โดนด่าจนหูชาแต่ตัวตนเหตุแบบมึงเสือกนอนเอากับเมียสบายใจเฉย” กิงร่ายยาวใส่ปอเป็นชุด

    “แล้วพวกพี่อาร์ตมาทำไม”

    “เขาก็บอกมึงแล้วนิว่ามาดูสุดที่รักของพวกเขา” กิงตอบแบบขอไปที ส่วนปอได้แต่ส่ายหัวหน่ายๆ พวกพี่มันมาด้วยเหตุผลนี้จริงๆหรอวะ

    “เลิฟละคะพี่” นาวถามขึ้นมาบ้างหลังจากหาจังหวะมานาน

    “นอนอยู่ในห้อง” ปอตอบคำถามซึ่งนาวก็พยักหน้ารับรู้

   แอ๊ดดดดด
 
   เสียงประตูเปิดพร้อมกับร่างเล็กคุ้นตาที่ก้าวออกมาจากห้องนอน เจ้าตัวเดินง่วงๆออกมาแล้วหยุดยืนที่หน้าประตู ยกมือขึ้นขยี้ตาตัวเองเบาๆ

   “ปอทำไรอ่ะ” เลิฟถามทั้งๆที่ยังไม่ลืมตา

   แต่ทุกคนที่เห็นเลิฟต่างพากันอ้าปากค้าง เพราะเลิฟออกมาในสภาพเสื้อยืดตัวโคร่งที่ยาวลงมาปิดแค่ต้นขา คอเสื้อตกลงจนเผยให้เห็นไหล่เนียนเต็มตา ไหนจะรอยแดงจ้ำรอยฟันรอบๆคอนั้นอีกไม่นับที่เห็นแว๊บๆในเสื้อ ไม่ต้องเดาให้ลำบากก็รู้ว่าคงมีรอยแบบนี้ทั้งตัว

   “ขาวเหี้ย” อาร์ต

    “เอ็กซ์สัส” อ้น

   “น่าจับทำเมีย” กลอน

    “ขอสักคืนจะตั้งใจเรียน” อิ๊ก

   “ถ้ายังไม่เลิกมองกูจะควักลูกตาออกมากระทืบให้หมด” ปอพูดขึ้นเสียงเข้มเบรกความเพ้อเจ้อของทุกคน ก่อนจะเดินมาหาเลิฟเร็วๆ

   “ใครให้มึงออกมา” ปอถามดุๆ

   “ก็ใครใช้ให้ออกมานานล่ะ” เลิฟว่าเสียงเบายกแขนขึ้นกอดปอแน่น เอาหน้าซุกลงที่อกกว้างถูไถไปมาอ้อนๆ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่านอกจากตัวเองกับปอแล้วยังมีคนอื่นในห้องอีก

    “ง่วงอ่ะ” เลิฟว่าแล้วยืนเอนไปมาเหมือนจะล้ม จนปอต้องประคองไว้

   “งั้นก็เข้าไปนอน” ปอบอกอย่างอ่อนโยนมือลูบแก้มเลิฟเล่นเบาๆ

   “อือ” เลิฟพยักหน้ารับแต่ไม่ยอบขยับไปไหน ยืนกอดปออยู่แบบนั้นก่อนจะหลับไปทั้งๆที่ยืนอยู่

   ปอส่ายหัวน้อยๆก่อนจะช้อนตัวเลิฟขึ้น จะง่วงนอนก็คงไม่แปลกก็เมื่อคืนกว่าเขาจะปล่อยให้มันนอนฟ้าก็เริ่มสว่างเข้าไปแล้ว ไอ้เลิฟนี่สลบคาอกเขาไปเลยเหอะครับ

   “เดี๋ยวพามันเข้าไปนอนก่อนนะ” ปอหันมาบอกทุกคนก่อนจะอุ้มเลิฟกลับเข้าห้องไป

   ทุกคนมองตามแผ่นหลังปอจนหายเข้าไปในห้องนอนอย่างอึ้งๆ ก่อนจะหันมามองหน้ากันเล็กน้อยแล้วต่างพากันถอนหายใจ ทำไมพวกเขาต้องมาเจอฉากแบบนี้ของไอ้ปอทุกที ไม่เข้าใจจริงๆให้ตาย หวังว่ามันคงพาเมียไปนอนจริงๆนะไม่ใช่นอนแล้วทำอย่างอื่นต่อ เพราะแค่นี้มันก็ทรมานใจคนโสดเกินพอละเหอะ


2 Be Con...
++++++++++
อีกนานกว่าพระเอกจะบอกรัก
เพราะพระเอกมันซึน
นี่จิงจังนะ 55
[/color]
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 22 (04/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 04-02-2016 19:24:50
 :m25:  :o8:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 22 (04/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-02-2016 19:46:35
 :impress2:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 22 (04/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 04-02-2016 22:25:26
 :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:พูไม่ออกเลยตู :m25: :m25: :m25: :m25: :m25: :m25: :m25:
[/color]
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 22 (04/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Youi_chin ที่ 05-02-2016 02:48:26
 :haun4: :z1:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 22 (04/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 05-02-2016 06:25:31
สนุกมากๆ เลยครับ
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 23 (05/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 05-02-2016 08:01:27
กับดักที่
- 23 -
           


    Tru...Tru...Tru...

   ปอเหลือบมองโทรศัพท์ในมือแว่บนึง ถอนหายใจเซ็งๆก่อนจะตัดสินใจรับสาย

   "ครับพ่อ" ปอพูดด้วยน้ำเสียงเนือยๆ

   เขาพาไอ้เลิฟเข้ามานอนจนแน่ใจว่ามันหลับสนิท เลยตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มาเปิดเครื่องดู มีทั้งเบอร์ไอ้ปิง น้องปราง พวกไอ้กิง และก็พ่อเขาที่โทรกระหน่ำเช้ามาเป็นสิบๆสาย ยิ่งคนสุดท้ายโทรมาจะห้าสิบสายเล่นเอาซะหลอน พ่อจะโทรอะไรขนาดนั้นวะครับแค่กระทืบเหี้ยเอง (เปรียบมันเป็นเหี้ยยังเกรงใจเหี้ยเลยครับ)

   ปอเปิดเครื่องยังไม่ทันไร พ่อเขาก็โทรเข้ามาทันที นี่พ่อนั่งเฝ้าโทรศัพท์รึเปล่าวะ พอกดรับปั๊บก็ได้ยินเสียงดุๆเป็นเอกลักษณ์ของพ่อดังออกมา

   "(เมื่อคืนมึงไปสร้างวีรกรรมอะไรมา)" คุณปรีชากรอกเสียงเข้มมาตามสาย พอปอได้ยินก็กรอกตาขึ้นข้างบนแบบเบื่อโลกทันที

   "กระทืบเหี้ย" ปอว่าเรื่อยๆไม่สะทกสะท้าน

   "(มึงกระทืบตัวเอง)" คุณปรีชาย้อนกลับกวนๆ

   "ถ้าพ่อมีลูกเป็นเหี้ยก็ใช่แหละ" ปอเองก็กวนพ่อกลับอย่างไม่ยอมแพ้

   "(กวนตีนนะมึง ตอบกูมามึงไปกระทืบเขาทำไม)" คุณปรีชากลับมาถามเสียงเข้มเหมือนเดิม เมื่อกี้ท่านเผลอเล่นกับลูกชายอีกแล้ว ได้ยินเสียงลูกชายคนเล็กทีไรท่านอดกวนประสาทมันไม่ได้ บางทีท่านก็กลุ้มใจตัวเองเหมือนกันนะ

   "มันปากหมากวนส้นตีน" ปอตอบไปเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา

   "(เหตุผลแค่นั้น)" คุณปรีชาถามย้ำ เพราะท่านแน่ใจว่าตัวเองรู้จักลูกชายดีพอสมควร แค่คนกวนตีนหรือปากหมาใส่ลูกชายท่านคงไม่ทำรุนแรงขนาดนี้

   "แค่นั้นแหละพ่อ" ปอตอบปัดๆ ไม่อยากตอบคำถามมากกว่านี้

   "(แค่นั้นก็แค่นั้น แต่ไอ้คนที่มึงกระทืบมันยังไม่ฟื้น)"

   "มันยังไม่ตาย?" ปอทำเสียงแปลกใจ นึกว่าแม่งจะตายเสือกอึดยิ่งกว่าแมลงสาบอีก

   "(ปากดีนะมึงถ้ามันตายมึงก็ติดคุก)" คุณปรีชาว่าดุๆ

   "พ่อจะปล่อยผมติดคุก?" ปอว่าอย่างรู้ทัน

   "(เออ!! กูคงปล่อยมึงติดหรอก)" คุณปรีชากระแทกเสียงใส่อย่างหมั่นไส้ที่ลูกชายรู้ทัน
 
   "หึ หึ นี่พ่อโทรมาแค่นี้" ปอหัวเราะเบาๆ ก้มเอามือลูบแก้มใสของคนตัวเล็กที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างๆแผ่วเบา ก่อนจะยิ้มบางๆออกมา

   "(กูโทรหามึงตั้งแต่เมื่อวาน มึงรับโทรศัพท์กูวันนี้ กูจะด่ามึงกูก็ลืมหมดแล้วว่าจะด่าอะไร)" คุณปรีชาว่าเหวี่ยงๆ

   "ฮ่าๆๆๆๆ" ปอหลุดขำก๊ากออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

   "อื้อ" เลิฟครางออกมาเพราะเสียงของปอรบกวนการนอน

   "(นั่นเสียงใครวะ)" คุณปรีชาถามขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงเลิฟดังเข้ามาในโทรศัพท์

   "ไม่มีไรหรอกพ่อ"

   "(มึงอย่าโกหกกู คนของกูบอกว่ามึงลากเด็กผู้ชายมากกที่ห้องเป็นเดือนแล้ว )" คุณปรีชาว่าเสียงเรียบ

   "พ่อส่งคนตามผมหรอ" ปอถามด้วยเสียงติดจะหงุดหงิด แล้วลุกออกจากเตียงไปคุยที่ระเบียง เขาว่าแล้วทำไมช่วงนี้เหมือนมีคนตาม เป็นพ่อเขานี่เองที่ส่งคนมาทั้งที่รู้ว่าเขาไม่ชอบ

   "(กูจำเป็นช่วงนี้สถานการณ์ไม่ดี ไม่ใช่แค่มึงพี่มึงน้องมึงกูก็ส่งคนตามดูแลหมด)" คุณปรีชาว่าขึ้นเสียงเครียด
 
   "มีอะไรรึเปล่าพ่อ" ปอขมวดคิ้วเป็นปมอย่างสงสัย น้ำเสียงพ่อมันเหมือนมีอะไรเกิดขึ้น

   "(ไม่มีอะไรมากมึงไม่ต้องห่วง แต่มึงผิดสัญญากับกูนะปอ)" คุณปรีชาพูดตัดบทก่อนเปลี่ยนมาถามจี้ปอเพราะนึกขึ้นได้

   "ผมกระทืบไอ้เหี้ยนั้นนอกมหา'ลัย แล้วก็นอกเวลาเรียน สรุปไม่ผิดว่ะพ่อ" ปอตอบกวนๆแต่ในใจก็ยังนึกสงสัยเรื่องที่พ่อส่งคนมาตาม พ่อบอกไม่มีอะไรมากแสดงว่าต้องมีแค่ไม่อยากพูดออกมาเท่านั้น

   "(มึงอย่ามาหัวหมอกับกูไอ้ลูกเวร)"

   "ผมเรียนวิศวะเผื่อพ่อจะลืม"

   "(มึงนี่มัน...กวนตีนได้ใครวะ คุยกับมึงทีไรกูปวดหัวฉิบหาย)" คุณปรีชาเอามือขึ้นมาคลึงขมับตัวเองเบาๆเพราะปวดหัว ยิ่่งคุยด้วยเหมือนความดันจะขึ้น

   "พ่อมีอะไรอีกไหม"

   "(กูแค่จะโทรมาบอกว่าช่วงนี้ให้ระวังตัว แล้วก็ช่วยอย่าสร้างปัญหาทำตัวให้มันดีๆหน่อย ถือว่ากูขอร้องในฐานะพ่อมึงก็ได้ ส่วนเรื่องไอ้คนที่มึงไปกระทืบเค้า พี่มึงมันไปเคลียร์ให้แล้วอย่าลืมไปขอบคุณเขาเข้าใจไหม)" คุณปรีชาบอกลูกชายตัวเองอย่างเหนื่อยใจ เพราะรู้ว่าพูดไปก็เท่านั้นเคยฟังกันที่ไหน แต่ช่วงนี้มันก็ทำตัวดีขึ้นเยอะ
 
   "ครับพ่อผมจะพยายาม" ปอบอกพ่อว่าจะพยายามแทนที่จะรับปาก เพราะรู้ว่าตัวว่าทำไม่ได้แน่ๆ

   "(ปอ)" คุณปรีชาเรียกลูกชายด้วยเสียงจริงจัง

   "............" ปอนิ่งไปนิดเพราะรู้ว่าน้ำเสียงแบบนี้ของพ่อไม่ได้ล้อเล่นแบบทุกที

   "(พ่อกับแม่อยากอุ้มหลาน เข้าใจความหมายที่พูดใช่ไหม)" คุณปรีชาว่าเรื่อยๆเหมือนไม่มีอะไร แต่ปอรู้ดีว่าพ่อจะบอกอะไรเพราะพ่อจะไม่แทนตัวเองว่าพ่อถ้าไม่จริงจัง

   "ครับ" ปอตัดสินใจตอบครับออกไป และไม่พูดอะไรต่อซึ่งคุณปรีชาก็เดาไว้แล้วว่าปอจะตอบแบบนี้ คำตอบที่ไม่รับปากและไม่ปฏิเสธ

   "(งั้นแค่นี้แหละ)" คุณปรีชาบอกแล้วตัดสายไป

   ปอก้มมองโทรศัพท์ในมือนิ่ง เดินไปหยิบบุหรี่มาจุดสูบ มองควันสีขาวที่ตัวเองพ่นออกมาปล่อยความคิดไปเรื่อยๆ เขาไม่รู้ว่าพ่อสังเกตุเห็นอะไรหรือคิดอะไรถึงได้พูดขึ้นมาแบบนั้น แต่มันทำเอาใจเขาไม่สงบ รู้สึกไม่ดีและเป็นห่วงความรู้สึกของอีกคนขึ้นมาซะอย่างนั้น

   "เป็นเหี้ยอะไรวะกู" ปอสบถเบาๆเอามือขยี้หัวตัวเองจนฟูไปหมด ก่อนจะดับบุหรี่แล้วเดินเข้าห้องนอน แวะหอมแก้มเนียนของคนตัวเล็กแล้วเดินไปหาคนอื่นๆที่ห้องนั่งเล่น

   ออกมาที่ห้องนั่งเล่นก็ไม่เห็นใครแล้ว เหลือแค่ไอ้ปิงที่ไม่รู้ว่าโผล่มาตอนไหนนั่งอยู่ พอมันเห็นหน้าเขาก็อ้าปากเตรียมจะด่า จนเขาต้องรีบยกมือห้ามเพราะแค่เมื่อกี้ก็ปวดกบาลจะตายแล้ว

   "ถ้ามึงจะด่ากูขอร้องเลยขี้เกียจฟัง" ปอบอกอย่างเซ็งๆ แล้วนั่งลงที่โซฟาข้างๆ

   "ทียังงี้เสือกขี้เกียจฟังตอนทำเสือกไม่คิด" ปิงอดที่จะแดกดันน้องชายไม่ได้

   “เออๆแล้วนี้พวกแม่งไปไหนหมดวะ” ปอถามแล้วกวาดสายตามองไปรอบๆอีกครั้ง

   “กลับไปแล้วกูไล่กลับเอง” ปิงเป็นคนไล่ทุกคนกลับเองเพราะอยู่หลายคนเขาบ่นไอ้ปอไม่ถนัด ปอเองก็พยักหน้ารับรู้แล้วก็ถามต่อ

   “ไอ้เหี้ยนั่น" ที่ถามหาไม่ใช่ว่าเป็นห่วงแต่ถามเพราะอยากรู้ว่ามันใกล้ตายหรือตายไปแล้ว

   "หมอให้นอนโรง'บาลอาทิตย์นึง ซี่โครงร้าว อวัยวะบอบช้ำเพราะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ตอนนี้สลบยังไม่ฟื้น" ปิงว่าแล้วจ้องหน้าน้องชายเขม็ง

   "หึ ก็ยังไม่ตาย" ปอว่าอย่างไม่สนใจ 

   "เออไม่ตาย!! แต่เกือบตาย พ่อแม่เขาจะแจ้งความรอแค่แม่งฟื้น ถ้ามันตื่นแล้วพูดอะไรขึ้นมา มึงคิดไหมว่าเรื่องจะยุ่งแค่ไหนฝ่ายนั้นก็ไม่ใช่เล่นๆ กว่ากูจะเคลียร์เรื่ิองได้ประสาทจะแดก แถมเสือกไม่จบต้องลุ้นว่ามันตื่นขึ้นมาจะพูดอะไรอีก คราวหลังถ้ามึงจะกระทืบขนาดนั้น กูแนะนำเอาให้ตายเรื่องจะง่ายกว่านี้เยอะ" ปิงใส่ปอเป็นชุดเพราะโมโหน้องชายและบวกกับหงุดหงิดพ่อตัวเองด้วย ตอนไอ้กิงโทรเรียกเขามาเคลียร์เรื่องที่ไอ้ปอก่อ เขาโทรบอกพ่อเพราะเบื่อที่จะยุ่งเรื่องมัน แต่พ่อดันบอกว่าให้เขาจัดการเพราะเชี่ยวชาญ

   ใช่! เขาโคตรจะเชี่ยวชาญเรื่องตามล้างตามเช็ดเลยละ เพราะตอนไอ้ป้องยังไม่ไปเมืองนอกเขาก็ต้องตามเก็บเรื่องให้ แก้ปัญหาให้พวกแม่งตลอดจนไม่รู้ว่าใครเป็นพี่ใครเป็นน้อง ขยันสร้างเรื่องแต่คนรับหน้าเป็นเขาทุกที บางทีแม่งโคตรอยากลาออกจากการเป็นพี่เป็นน้องกับพวกมัน ทันไหมครับตอนนี้ตอบเขาที

   ปอมองพี่ชายตัวเองที่ทำหน้าเหมือนโลกจะแตกแล้วก็ทั้งสงสารทั้งขำ เข้าใจความรู้สึกมันนะครับมันคงเหนื่อยแหละ ที่ต้องมาดูแลน้องชายกับพี่ชายตัวเองเหมือนลูก จริงๆมันจะไม่สนใจก็ได้ปล่อยให้พ่อจัดการก็จบ แต่นิสัยมันขี้เป็นห่วงไงครับ แล้วถึงมันจะบ่นเหมือนแม่แต่มันก็ทำทุกอย่างให้ เพราะไม่อยากให้พ่อเหนื่อยและไม่อยากให้พวกเขามีปัญหา ถ้าจะโทษใครก็โทษตัวมันเองเหอะที่ทำให้พวกเขาติดสันดานเสียๆแบบนี้ตั้งแต่เด็กยันโต 

   "เออๆกูสัญญาจะพยายามไม่ก่อเรื่องให้มึงปวดหัวอีก แต่ขอบใจมึงนะเว้ยพี่ชาย" ปอว่ายิ้มๆแล้วเอามือตบลงบ่าพี่ชายเบาๆ
 
   "แค่ได้ยินคำว่าพยายามจากปากมึงกูก็ซึ้งจนน้ำตาไหล" ปิงว่าเนือยๆ เขาบ่นเพราะเป็นห่วงและที่เสนอหน้าเคลียร์เรื่องให้ตลอด เพราะเคยปล่อยให้มันเคลียร์กันเองเรื่องแม่งเละกว่าเดิมไงครับ ด้วยนิสัยพวกมันเป็นคนตรงๆอ่อนให้ใครก็ไม่เป็น โคตรจะพากันหัวแข็งประนีประนอมนี่ไม่มีในพจนานุกรมพวกมันหรอกครับ แต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็ไม่เคยหาเรื่องใครก่อน ไม่งั้นเขาคงไม่ช่วยออกหน้าคุยกับคู่กรณีมันให้ (ส่วนนึงที่คุยให้เพราะกลัวคู่กรณีจะตายครับ)

   “มึงรู้เรื่องที่พ่อส่งคนตามดูเราป่ะวะ” ปอลองถามพี่ชายดูเผื่อจะรู้อะไรบ้าง

   “รู้”

   “มีกูไม่รู้คนเดียวว่างั้น”

   “ก็ถ้าบอกมึงจะยอมไหม” ปิงว่ากัดๆเพราะรู้ว่าน้องชายไม่ชอบให้คนของพ่อตามประกบ จนพ่อต้องส่งคนตามมันห่างๆ ไม่งั้นพ่อจะรู้ได้ไงว่ามันไปมีเรื่องกับใคร ไปทำอะไรมาบ้าง

   “แล้วมึงรู้ไหมว่ามีเรื่องอะไร พ่อถึงส่งคนตามดูเรา” ปอถามต่อเพราะปกติพ่อจะส่งคนตามเขาห่างๆแบบไม่ให้รู้ตัว (แต่เขาก็รู้อยู่ดี) จะไม่ให้ตามจนเขารู้สึกตัวได้ขนาดนี้ แสดงว่าต้องมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นแน่ๆ

   “กูไม่รู้พ่อไม่ยอมบอกถามไอ้ป้องมันก็ไม่รู้เหมือนกันไม่รู้ว่าเกี่ยวกับปู่ไหม”

   “แล้วน้อง” ปอถามถึงน้องสาวด้วยความเป็นห่วง เพราะถึงน้องจะเก่งแค่ไหนยังไงก็ผู้หญิง แถมถ้าเรื่องเกี่ยวกับปู่อย่างที่ไอ้ปิงว่าบอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องเล็กๆ

   “ไม่ต้องห่วงกูเองก็ช่วยดู แต่มึงอย่าคิดมากเลยว่ะกูก็แค่เดาพ่อเองก็ยังนิ่งอยู่ บางทีอาจจะแค่มีคนขัดขาในเรื่องธุรกิจแล้วแม่งเล่นไม่ซื่อก็ได้ มึงก็รู้บ้านเราศัตรูเยอะกว่ามิตร” ปิงว่าสบายๆเพราะถ้าเรื่องปู่จริงพ่อก็คงไม่นิ่งขนาดนี้

   “อ่ะพ่อฝากมาคืนมึง” ปิงหยิบเอาบัตรเครดิตในกระเป๋าออกมาให้ปอ ปอมองนิดๆแล้วยกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม

   “เค้ารู้แล้วว่ากูให้บัตรมึงใช้เพราะมึงเล่นไม่กลับไปขอเงินเลย เค้าเลยฝากกูมาคืนให้มึง” ปิงว่าแล้วยัดลงมือปอ

   “เอาของกูคืนมาด้วย”

   “อยู่ในห้องเดี๋ยวกูคืน ว่าแต่กุญแจรถกับกุญแจบ้านกูละ” ปอถามหาของที่เหลือเพราะคิดว่าพ่อจะคืนให้หมด

   “อ่ะ” แล้วปิงก็ยื่นกุญรถมาให้ พอปอมองดีๆก็เห็นว่าเป็นกุญแจฟีโน่นี่พ่อยังเก็บมันไว้เหรอวะ

   “เอากลับไปเหอะ” ปอว่าเซ็งๆ

   “ฮ่าๆพ่อเค้าให้กูเอามาให้มึงว่ะ ฝากมาบอกด้วยว่าของที่เหลือจะให้คืนตามเงื่อนไขเดิม”

   “เมื่อไหร่พ่อจะเลิกเล่นวะกูเบื่อแม่ง” ปอว่าเสียงหงุดหงิดหน้าบึ้ง

   “ทนเอาน่าแป๊บเดียว กูกลับละไม่กวนเวลามึงกกเมีย” ปิงตบบ่าให้กำลังใจน้องชายเบาๆ ก่อนจะลุกเดินออกไปนอกห้อง

   ปอมองตามหลังพี่ชายที่เดินออกไปแล้วหันกลับไปมองเวลาที่นาฬิกาบนผนัง ก่อนจะเดินกลับเข้าไปล้มตัวนอนลงข้างๆอีกคนที่หลับอยู่ ดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดซึ่งเจ้าตัวก็ซุกตัวเข้าหาด้วยความเคยชิน เดี๋ยวเย็นๆค่อยพาไอ้เลิฟไปหาซื้อของใช้เข้าห้องตอนนี้ขอนอนเอาแรงก่อนละกัน ไม่นานนักปอก็หลับตามเลิฟไป
 
...
...

   ตกเย็นปอพาเลิฟออกมาเดินหาซื้อของใช้เข้าคอนโดที่ห้างแถวๆมหา'ลัย ตอนแรกปอว่าจะไม่พามาแล้วเพราะเลิฟดูเพลียๆแถมตัวยังอุ่นๆ แต่เจ้าตัวงอแงจะมาให้ได้อ้างเหตุผลว่าปอเลือกของสดไม่เป็น เหตุผลที่ดูติ๊งต๊องแต่ปอต้องยอมรับ

   อย่าว่าแต่เลือกของสดอะไรที่เกี่ยวกับครัวปอไม่เคยยุ่งไม่คิดจะสนใจ หิวก็บอกแม่บ้านไม่งั้นก็ไปหากินข้างนอก ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่แต่พอมีอีกคนมาใช้ชีวิตอยู่ด้วย ตู้เย็นที่เคยมีแต่เหล้าเบียร์ตอนนี้มีสารพัดของกินเต็มไปหมด

   ทุกวันนี้ถ้าไม่ได้ออกไปไหนกลับถึงคอนโดเลิฟก็จะทำอาหารให้กิน ดูแลเก็บกวาดห้องจนปอแอบคิดว่าจะจ้างแม่บ้านมาทำไมให้เปลืองเงิน ในเมื่อไอ้ตัวเล็กของปอทำตัวยิ่งกว่าศรีภรรยา แต่ก็นั่นแหละสุดท้ายปอก็สั่งห้ามให้เลิฟทำความสะอาดเพราะมีแม่บ้านทำอยู่แล้ว ส่วนเรื่องทำอาหารเจ้าตัวอยากทำก็ปล่อยให้ทำไป
 
   "มึงจะซื้ออะไรบ้าง" ปอหันมาถามเลิฟที่ยืนอยู่ข้างๆ

   "ก็ของใช้กับของสดไว้ทำอาหารอ่ะ" เลิฟบอกในสิ่งที่ต้องการแล้วเงยหน้าขึ้นมองปอ 

   ก่อนจะมาซูเปอร์มาเก็ตในห้าง ปอพึ่งพาเขาไปลางานกับพี่เมย์มา เพราะดูเหมือนเขาจะไม่สบาย จริงๆเขาก็บอกไปแล้วว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่รู้สึกเพลียกับปวดตัวนิดหน่อย แต่ปอก็ไม่ยอมแถมดุเขามาอีกต่างหาก ไม่รู้พันธุ์อะไรจะขอไปเฝ้าบ้านสักตัว

   "เหม่ออะไร" ปอหันมาถามเลิฟที่ยืนเหม่ออยู่กับที่ไม่ยอมขยับไปไหน

   "ปะ...เปล่า ไปซื้อของกันเหอะ" เลิฟสะดุ้งเล็กน้อยเพราะปอเรียกก่อนจะรีบลากปอไปซื้อของ เมื่อกี้เขามัวแต่เหม่อและเผลอคิดว่าปอดุเหมือนหมา

   ปอกับเลิฟเดินซื้อของไปเรื่อยๆไม่รีบร้อน ปอปล่อยให้เลิฟเลือกของใช้ได้ตามใจส่วนตัวเองก็เข็นรถตามเงียบๆ เลิฟหยิบนั้นหยิบนี้ใส่จนจะเต็มรถ ปอเองก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่แอบคิดในใจ ถ้าบัตรเครดิตที่พึ่งได้คืนมาโดนพ่อแกล้งระงับบัตร ตอนจ่ายตังบัตรใช้ไม่ได้คงสนุกน่าดูละทีนี้เล่นเลือกซะเต็มคันรถ

   "เอาอันนั้นมึงใช้แล้วมันหอมดี" ปอชี้ไปที่สบู่เหลวอาบน้ำในมือข้างซ้ายของเลิฟ เพราะเห็นว่าเลิฟลังเลและเขาเองก็จำได้ว่าเลิฟใช้ตัวนี้แล้วมันหอมติดจมูกดี

   "ปอชอบอันนี้เหรอ เอาอันนี้ก็ได้" เลิฟวางขวดสบู่เหลวที่ปอเลือกลงรถเข็นแบบไม่ลังเล ก่อนจะเดินเลือกของต่อเรื่อยๆไม่รีบร้อน จนกระทั่งมีเสียงๆนึงเรียกปอขึ้น

   "ปอ....ใช่ปอจริงๆด้วย" เสียงใสทักขึ้นจากด้านหลังปอเสียงดังด้วยความตื่นเต้น ด้านปอเองที่โดนทักก็หันกลับไปมองพอเห็นว่าเป็นใครปอก็ยิ้มออกมานิดๆ ก่อนที่หญิงสาวจะโผเข้ากอดปอเต็มแรง จนปอต้องกอดตอบเพื่อพยุงอีกฝ่ายไว้ไม่ให้ล้ม
 
   "ดีใจจังที่เจอยู ไอไม่คิดว่าจะเจอยูที่นี่เลยนะ" หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงดีใจ ก่อนจะหอมแก้มซ้ายแก้มขวาของปอ แล้วก้มลงประกบจูบปอแบบที่ปอเองก็ไม่ทันตั้งตัว

   เลิฟมองภาพตรงหน้าด้วยความตกใจใบหน้าขาวเปลี่ยนเป็นซีดเผือดใจมันเจ็บขึ้นมาแปล๊บๆ เลิฟเม้มปากตัวเองแน่นตัดสินใจเบือนหน้าหนีภาพบาดตา แล้วเดินออกมาจากตรงนั้นด้วยความเร็ว

   ไม่รู้ว่าตัวเองเดินมาไกลแค่ไหน รู้แค่ว่าอยากเดินออกมาให้ไกลจากตรงนั้นที่สุด คิดได้แบบนั้นขาสองข้างมันก็พาเขาเดินมาเรื่อยๆ จนเดินมาเจองานจัดแสดงดอกไม้ในโซนนึงของห้าง

   เลิฟมองเข้าไปในงานอย่างสนใจ ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปข้างใน เขาชอบดอกไม้และต้นไม้มากถึงเลือกทำงานพิเศษที่ร้านดอกไม้ ทั้งที่ค่าจ้างไม่ได้เยอะเหมือนงานแต่เพราะได้ทำในสิ่งที่รัก เลิฟเลยมีความสุขกับมันมากว่าที่จะสนเรื่องค่าตอบแทน
 
   "ไว้วันหลังชวนปอมาดีกว่า" เลิฟยิ้มออกมาบางๆเมื่อคิดถึงอีกคน ก่อนจะหุบยิ้มลงทันทีเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อกี้ ภาพลูกครึ่งสาวสวยจัดยืนจูบปอมันยังคงวนเวียนอยู่ในหัว จนหน้าใบหน้าหวานหมองลงถนัดตา
 
   "เฮ้อ..." เลิฟถอนหายใจเหนื่อยๆ เขาอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครแต่อีกใจก็ไม่อยากรู้ขึ้นมา แต่ดูแล้วผู้หญิงคนนั้นคงสนิทกับปอไม่น้อย ก็เล่นกอดเล่นหอมกันซะขนาดนั้นแถมจูบอีก

   "ฮึ้ย"  เลิฟส่งเสียงออกมาอย่างหงุดหงิด เขาเกลียดไอ้ความรู้สึกแบบนี้ที่สุดมันอึดอัด จะหวงก็หวงไม่ได้มากจะหึงก็หึงได้ไม่เต็มที่ อยากบีบคอปอชะมัด

   "ดอกไม้เขาช้ำหมดแล้วมึง" เสียงทุ้มคุ้นหูพร้อมกับแรงกดที่หัว กับสัมผัสที่เอวทำให้เลิฟรีบหันไปมองอย่างเร็ว

   "ตามมาทำไม" เลิฟว่าด้วยน้ำเสียงติดเหวี่ยงๆ หยุดมือที่กำลังจิ้มดอกไม้ระบายความหงุดหงิดลง

   "ไม่อยากให้ตามงั้นกูกลับ" ปอว่าเสียงเรียบแล้วปล่อยแขนจากตัวเลิฟ ขยับถอยหลังห่างออกมาเล็กน้อย ตั้งท่าจะหันหลังกลับ

   "ปอ!!!" เลิฟขึ้นเสียงใส่ ทำหน้าบึ้งปากยื่น

   "มึงเป็นอะไร" ปอลองถามดูแต่ก็เดาออกแหละว่าเป็นอะไร

   "ไม่ได้เป็น" เลิฟว่าเสียงงอนๆ

   "เพื่อน" ปอพูดขึ้นลอยๆ พอเห็นเลิฟทำหน้าเป็นหมางงเลยพูดต่อ

   "ลิซ่าเป็นเพื่อนมันไม่มีอะไร"

   "แต่ว่า..." เลิฟมองหน้าปอด้วยแววตาสบสน เขาอยากจะเชื่อแต่ภาพที่เห็นมันเชื่อได้ยาก

   "กูไม่เคยโกหกตอนนี้ลิซ่ากับกูเป็นเพื่อนกัน" ปอว่าเสียงเรียบมองหน้าเลิฟนิ่งๆ

   "อือ" เลิฟส่งเสียงในลำคอเบาๆ แล้วส่งยิ้มให้ปอ

   "ไว้วันหลังกูพาไปเจอ" ปอว่าเสียงอ่อนโยนแล้วยกมือขยี้หัวเลิฟเบาๆ

   "คราวหลังมีอะไรให้ถามไม่ใช่เดินหนีมาแบบนี้" ปอว่าดุๆ

   "ดุอีกละไม่ต้องมาใกล้เลย" เลิฟทำหน้าตากวนๆใส่ปอ

   "กูอยากอยู่ด้วย...ไม่ได้" ปอพูดออกมาด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยน แต่เป็นเลิฟที่หน้าค่อยๆขึ้นสี

   "จะยิ้มก็ยิ้มไม่ต้องมาทำเป็นเก๊ก" ปอแซวขึ้นขำๆเพราะเห็นเลิฟพยายามกลั้นยิ้ม

   "ปออ่ะ ชอบทำให้เขินว่ะ" ในที่สุดเลิฟก็กลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่หลุดยิ้มออกมาจนได้ ยกมือสองข้างมาปิดแก้มไม่ให้ปอเห็นว่าตัวเองยิ้ม เมื่อกี้เขาโมโหแทบตาย แต่ตอนนี้โคตรมีความสุข ปอบอกว่าอยากอยู่กับเขาล่ะ

   "กลับๆเอาไว้ไปเขินที่บ้าน" ปอว่าขำๆพร้อมกับส่ายหัวน้อยๆกับความติ๊งต๊องของเลิฟ

   "เดี๋ยว!!! แล้วของที่จะซื้ออ่ะ" เลิฟรั้งปอไว้ไม่ให้เดินต่อเพราะนึกขึ้นได้ว่าซื้อของยังไม่เสร็จ

   "กูจ่ายตังเอาของไปเก็บที่รถแล้ว มึงจะเอาอะไรเพิ่ม" ปอหันมาถามซึ่งเลิฟก็ส่ายหัวเพราะนึกไม่ออกว่าจะซื้ออะไรอีก

   เดินสักพักก็มาถึงรถที่จอดเอาไว้ เลิฟตรงไปเปิดดูของที่ท้ายรถเพื่อเช็คดูว่าจะเอาอะไรเพิ่มไหมจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาอีก แต่พอเปิดถุงไปเรื่อยก็เจอของบางอย่างที่ใส่รวมมากับถุงของใช้ส่วนตัว

   เลิฟหน้าขึ้นสีอีกครั้งเพราะสิ่งที่เขาเห็นคือเจลหล่อลื่นเป็นสิบๆหลอด แค่เมื่อคืนเขาก็แทบจะเดินไม่เป็นแล้วนะ วันนี้ออกมาข้างนอกเขาต้องใส่เสื้อแขนยาว เพราะรอยบนตัวมันชัดมากแถมเต็มไปหมด

   "มึงว่าพอป่ะ" ปอที่เดินมาเงียบๆกระซิบลงที่ข้างหูเลิฟเบา จนเลิฟขนลุกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

   "ไอ้หื่น!!!" เลิฟตวาดเสียงเขียวแล้วหยิบเอาเจลหล่อลื่นในถุงเขวี้ยงใส่ปอ ก่อนจะเดินกระทืบเท้าหน้าแดงเข้าไปนั่งรอในรถ

   "หึ หึ" ปอหัวเราะเบาๆแล้วเก็บของทุกอย่างเข้าที่ ก่อนจะเดินกลับมานั่งประจำที่คนขับ

   "ถามจริงอายบ้างไหมซื้อมาเยอะขนาดนั้น" เลิฟหันไปถามปออย่างทนไม่ไหว หน้าก็แดงไปด้วยอย่างห้ามไม่อยู่

   "อายทำไมเรื่องธรรมชาติ" ปอตอบเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาใครๆก็ทำ

   "แต่ซื้อเยอะขนาดนั้นไม่มีใครเขาทำหรอก"

   "ก็กูนี่ไง" ปอว่าหน้าตาย

   "หน้าด้าน" เลิฟอดที่จะด่าออกมาไม่ได้ คนอะไรพูดให้อายยังไม่ยอมอายอีก

   "ด้านก็ผัวมึง" ปอว่าแล้วก้มลงหอมแก้มเลิฟเห็นแล้วมันอดไม่ได้โคตรหมันเขี้ยว

   “ไม่ต้องมาหอมเลยไปหอมคนชื่อเกี๊ยวซ่านู้น” เลิฟว่าน้ำเสียงติดงอนๆ มือเรียวพยายามผลักหน้าของปอให้ออกห่างๆ ถึงจะตัดสินใจเชื่อในสิ่งที่ปอบอกแต่มันอดเคืองไม่ได้นี่นา

   “เขาชื่อลิซ่า” ปอว่าขำๆ

   “ก็นั้นแหละเพื่อนกันทำไมต้องหอมแก้มด้วยแถมจูบอีก” เลิฟถามเสียงเหวี่ยงทำตาเขียวใส่ปอ เขากล้าถามเพราะปอบอกเองว่ามีอะไรให้ถามตรงๆ

   “ลิซ่าเขาเป็นลูกครึ่งโตเมืองนอกเขาทักทายแบบนี้เป็นเรื่องปกติ”

   “แค่เพื่อนจริงหรอ” เลิฟถามต่อด้วยเสียงอ่อยๆ

   “ถ้ามึงอยากรู้จริงๆกูจะเล่าแต่มึงต้องสัญญาว่าจะไม่ร้องไห้” ปอหันมาบอกเลิฟด้วยน้ำเสียงจริงจัง

   “งั้นไม่อยากรู้แล้ว” เลิฟว่าเสียงแผ่ว เขาอยากรู้แต่ถ้าปอพูดมาแบบนี้เขาร้องไห้ชัวร์

   “กูไม่ใช่คนดีมึงเองก็น่าจะรู้ อยู่กับกูมึงจะต้องเจอแบบนี้อีกเยอะ ถ้ามึงอยากไปกูจะไม่ห้าม” ปอว่าแล้วหันกลับมามองเลิฟที่นั่งก้มหน้าส่ายหัวตอบจนผมยุ่งไปหมด

   “กูไม่ได้ไล่เพราะกูเบื่อมึงแต่กูให้โอกาสมึงเลือกในตอนที่มึงยังเลือกได้” ปอพูดเสียงเรียบๆแต่แฝงความหมายบางอย่าง

   “หมายความว่าไงอ่ะ” เลิฟถามงงๆเพราะไม่เข้าใจในคำพูดของปอ

   “ช่างเหอะ...แค่มึงรู้เอาไว้ว่ากูไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครก็พอ” ปอยิ้มมุมปากนิดๆให้เลิฟ

   “อื้อ” เลิฟเองก็ยิ้มให้ปอแล้วจับมือปอที่ใหญ่กว่าตัวเองพอสมควรมาวางทาบกับมือตัวเอง

   “มือปอใหญ่กว่าตั้งเยอะแนะดูดิ” เลิฟจับมือของตัวเองกับปอที่ประกบกันอยู่ยกขึ้นให้ปอดู

   “อือ...แล้วมึงว่ามือกูปกป้องใครได้ไหมถ้าเกิดอะไรขึ้น” ปอถามกลับเสียงเรียบ

   “โหย....ได้ดิตัวเองมือหนักตีนหนักจะตาย” เลิฟพูดแล้วก็อดนึกถึงคืนนั้นไม่ได้คนอะไรโคตรโหด

   “ถ้างั้นมึงบอกกูได้ไหมว่ามึงมีเรื่องอะไรกับพี่ชายมึง” ปอตัดสินใจถามออกไป เลิฟที่นั่งเล่นมือปออยู่ถึงกับหยุดชะงักไปทันที

   “ถ้ามึงไม่อยากเล่ากูก็จะไม่ถามอีก” ปอพูดด้วยเสียงที่จริงจัง

   “..............”

   “กูจะไม่บังคับให้มึงบอก”

   “...............”

   “เพราะกูอยากได้ยินจากมึงด้วยความเต็มใจ”

   “..............”

               เลิฟเงยหน้าขึ้นมาสบตาปอช้าๆ สิ่งที่เขาเห็นในแววตาของปอคือความจริงจัง และไม่ได้มีสายตาบังคับและท่าทีคุกคามแต่อย่างใด เหมือนเป็นการยืนยันให้เขารู้ว่าปอจะทำตามที่พูดจริงๆ ถ้าเขาไม่พูดปอจะไม่คาดคั้นและจะไม่ถามอีก ครั้งนี้ปอให้เขาเลือกเองว่าจะบอกอะไรไหม บอกอะไรบางอย่างที่เขาเลี่ยงจะพูดถึงมาตลอดเกือบสิบปี


2 Be Con...

+++++++++++
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายใสๆ
เหมาะแก่การแนะนำให้เยาวชนอ่าน
พระนายแค่นอนจับมือ จิงจิ้งงงงง
ปล.หลบ TEEN แพ่บ
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 23 (05/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 05-02-2016 11:02:09
 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:อยากรู้เหมือนกัน :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 23 (05/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-02-2016 16:02:32
อยากรู้เหมือนกันนะเลิฟ บอกมา
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 24 (05/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 05-02-2016 17:32:13
กับดักที่
- 24 -
           


   ปอพาเลิฟมาที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งตามคำขอของเจ้าตัว เขาเดินตามแผ่นหลังเล็กๆที่เดินนำหน้าไปเรื่อยๆ ระหว่างทางตั้งแต่ในรถจนถึงตอนนี้ไม่การพูดคุยอะไรทั้งนั้น มีแค่ความเงียบและลมเย็นๆที่พัดแผ่วเบากระทบผิวกายเป็นระยะ
 
               เลิฟเดินนำปอมาเรื่อยๆจนถึงสระน้ำขนาดใหญ่ใจกลางสวนเดินลัดเลาะไปตามสะพานไม้ริมสระ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งเมื่อถึงกลางสะพานโดยมีปอนั่งลงตามเงียบๆ เลิฟเหม่อมองออกไปในน้ำเบื้องหน้าที่สะท้อนเงาของต้นไม้ มองไปบนผิวน้ำที่กระเพื่อมไหวเพราะลมพัด ซึ่งไม่ได้ต่างอะไรกับใจเลิฟในตอนนี้ ปล่อยความคิดของตัวเองให้ลอยไปไกล

               ความมืดเริ่มโรยตัวเข้ามาปกคลุมทั่วบริเวณ  เสียงของผู้คนรอบๆข้างที่มีให้ได้ยินเป็นระยะค่อยๆหายไป จนในที่สุดก็เงียบสงัดลง

               “เวลาไม่สบายใจเลิฟชอบมานั่งที่นี่” ในที่สุดเลิฟก็พูดขึ้นมาหลังจากที่นั่งเงียบมานาน จนปอแอบคิดว่าคงไม่พูดอะไรแล้ว

               “ที่นี่มันไม่ไกลบ้านแล้วก็เงียบสงบ นั่งมองน้ำ มองฟ้า ฟังเสียงลม” เลิฟพูดขึ้นเรื่อยๆพร้อมรอยยิ้มบางๆ ตายังคงเหม่อมองไปที่ผิวน้ำข้างหน้า

   “ปล่อยความคิดออกไปเรื่อยๆ มันเป็นช่วงเวลานึงที่ได้มีความรู้สึกว่าเราเป็นอิสระจากทุกอย่าง” คำพูดที่ออกมาจากริมฝีปากอิ่มพร้อมรอยยิ้มเป็นเอกลักษณ์ แต่แววตากลมโตคู่นั้นไม่ได้ฉายแววซุกซนเหมือนกับทุกที 
 
...
...

               “ลูกเมียน้อยๆ ฮ่าๆ” เหล่าเด็กชายหญิงยืนล้อมรอบเด็กน้อยที่นั่งอยู่ตรงกลาง ส่งเสียงตะโกนล้อเลียนและหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน สองมือเล็กๆของเด็กน้อยยกขึ้นมาปิดหูตัวเองไว้เพราะไม่อยากได้ยิน

               “เลิฟไม่ใช่ลูกเมียน้อยนะ” เสียงเล็กตวาดเถียง เงยหน้าที่คลอไปด้วยน้ำตามองทุกคนที่รุมล้อมอยู่
 
               “ไม่จริงอ่ะตัวเป็นลูกเมียน้อย แม่ของเราบอกมา” เด็กผู้หญิงว่าไปตามประสาซื่อ เพราะบังเอิญได้ยินแม่ตัวเองคุยกับเพื่อนบ้านว่าเลิฟเป็นลูกเมียน้อย

               “ไม่ใช่นะ!!!” เลิฟตวาดเสียงดังก่อนจะลุกขึ้นยกมือผลักไปที่เด็กผู้หญิงตรงหน้าเต็มแรง จนเด็กคนนั้นล้มลงไปกองกับพื้น

               “ฮือๆๆๆ” เด็กผู้หญิงร้องไห้ออกมาเสียงดังเพราะเจ็บจากการที่ล้มลงไปกระทันหัน ส่วนเลิฟเองก็ยืนตะลึงทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้เขาไม่ได้ตั้งใจแต่ใครใช้ให้มาว่าเขาเป็นลูกเมียน้อยล่ะ

               “ตายแล้วลูก นี่เธอทำอะไรลูกฉันห๊ะไอ้เด็กบ้า!!!” คนเป็นแม่รีบวิ่งมาอุ้มลูกตัวเองทันทีที่ได้ยินเสียงร้องไห้ แล้วหันมาตวาดเลิฟเสียงดังลั่น

               “คนนี้เขาผลักหนูล้มค่ะคุณแม่”  เด็กหญิงสะอึกสะอื้นฟ้องแม่ชี้ไม้ชี้มือมาที่เลิฟ

              “เด็กนิสัยไม่ดี!!!” คนเป็นแม่ตวาดเสียงแหลม เงื้อมือขึ้นสูงเตรียมจะฟาดลงมา แต่มีร่างๆหนึ่งวิ่งเข้ามาขวางเอาไว้

               “อย่านะคะ!!!” ร่างของคนที่วิ่งมาขวางตะโกนห้ามเสียงดัง สองแขนยกมือโอบกอดเด็กชายตัวน้อยอย่างปกป้องและหวงแหน

             แม่ของเด็กหญิงปรายตามองไปยังหญิงสาวที่วิ่งเข้ามาขวางนิดๆ ก่อนจะลดมือที่เงื้อขึ้นสูงลงหน้าตาบิดเบี้ยวด้วยความไม่พอใจ

   "เธอเป็นใครมาขวางฉันทำไม" เสียงแหลมตวาดถามด้วยความโมโห

   "ฉันเป็นแม่ของเด็กคนนี้ ต้องขอโทษแทนลูกชายด้วยนะคะ" หญิงสาวรีบเอ่ยปากขอโทษผู้หญิงตรงหน้า

   "ขอโทษหรอ ขอโทษแล้วลูกฉันหายเจ็บไหม" แม่ของเด็กหญิงพูดขึ้นต่อด้วยความไม่พอใจ

   "งั้นฉันจะพาลูกสาวคุณไปทำแผลค่ะ" หญิงสาวยื่นข้อเสนอ
 
   "ไม่ต้อง!!!" แม่ของเด็กหญิงปฏิเสธข้อเสนอแบบทันควัน

   "งั้นคุณจะเอายังไงล่ะค่ะ" หญิงสาวถามความต้องการของอีกฝ่าย เพราะอยากจะจบเรื่องบ้าๆพวกนี้สักที

   "ให้ลูกชายเธอขอโทษลูกสาวฉันเดี๋ยวนี้" อีกฝ่ายก็บอกความต้องการของตัวเองทันที

   "เลิฟขอโทษเขาไปสิลูก" หญิงสาวตัดสินใจหันมาบอกลูกชายให้ขอโทษ เพื่อต้องการให้เรื่องมันจบ

   "ไม่...เลิฟไม่ผิด" เด็กน้อยตะโกนปฏิเสธไม่ยอมทำตาม เขาไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องเป็นฝ่ายขอโทษทั้งๆที่ไม่ผิด

   "เลิฟครับ ขอโทษเขาไปเร็วลูก" หญิงสาวยังคงบอกลูกชายด้วยเสียงอ่อนโยน

   "ไม่!!! แม่ใจร้ายที่สุด" เด็กน้อยตะโกนสุดเสียง ก่อนจะวิ่งออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว

   "เลิฟ!! เลิฟ!!" หญิงสาวพยายามเรียกลูกชายให้หยุดวิ่งแต่เสียงเรียกของเธอก็ไม่สามารถทำให้เด็กน้อยหยุดฝีเท้าได้

   "ก็ยังงี้แหละเด็กไม่มีพ่อ" แม่ของเด็กหญิงพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยดูถูก ทำให้หญิงสาวที่มองตามลูกชายด้วยความเป็นห่วง หันกลับมาตวัดสายตามองอีกฝ่ายนิ่งๆ

   "ใช่ค่ะ ลูกฉันไม่มีพ่อแต่ฉันก็สอนลูกเป็นว่าอะไรควรไม่ควร ไม่เหมือนกับคนบางคนที่มีครอบครัวพร้อมหน้า แต่สั่งสอนลูกไม่เป็นจนกลายเป็นเด็กนิสัยแย่" หญิงสาวว่ากลับเสียงเรียบ

   "นี่เธอว่าลูกสาวฉันนิสัยแย่หรอ" อีกฝ่ายถามเสียงแหลม ปากคอสั่นเพราะขัดใจที่โดนยอกย้อน

   "ถึงว่าสิเป็นเพราะปากแบบนี้ไง เลยได้เป็นแค่เมียน้อยชาวบ้าน" เอ่ยต่อออกมาพร้อมกับมองไปที่หญิงสาวด้วยแววตาเหยียดๆ

   "ฉันสงสารลูกคุณจังที่มีแม่แบบคุณ" หญิงสาวว่าเสียงเรียบไม่ท่าทีโมโหแต่อย่างใดก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้อีกฝ่ายยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูกอยู่ตรงนั้น

...
...
 
   "อ้าวเลิฟมาตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะ" เสียงใสๆของเด็กหญิงถามขึ้นด้วยความแปลกใจ สาวน้อยออกมาเดินเล่นที่สนามหญ้าหน้าบ้าน แต่ดันมาเห็นเพื่อนตัวน้อยของเธอนั่งหน้าบึ้งอยู่

   "อ่ะ...นาว" เลิฟสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเรียกชื่อเพื่อนออกมา

   "อือเราเอง ตัวมาทำอะไรอ่ะ" นาวเอียงคอถามอย่างน่ารัก

   "เราหนีแม่มาอ่ะ" เลิฟว่าหน้ามุ่ย

   "หนีไมอ่ะตัวไปทำไรผิดมาถึงได้หนีคุณน้า" นาวถามต่อก่อนจะนั่งลงข้างๆเลิฟ

               “ก็แม่.......” เด็กน้อยเปิดปากเล่าเรื่องทั้งหมดให้เพื่อสาวตัวน้อยฟัง ซึ่งอีกคนก็ฟังอย่างตั้งใจ

               “อย่าโกรธคุณน้าเลยเราว่าคุณน้าคงมีเหตุผลของคุณน้าแหละ” นาวบอกเพื่อนตัวเองเสียงใส

               “ปะ....ไปดูนี่กันดีกว่า” แล้วมือกลมๆของสาวน้อยก็ดึงมือป้อมๆของอีกคนให้เดินตาม

   เมี๊ยว....เมี๊ยว...

               “โอ้โห...ลูกแมวน่ารักจัง” เสียงวี้ดว้ายอย่างตื่นเต้นดังออกจากปากเด็กน้อยทั้งคู่ไม่ขาดสาย เลิฟมองไปที่ลูกแมวตัวกลมในตะกร้าอย่างชอบใจ

               “เลิฟ” เสียงเรียกคุ้นหูดังขึ้น

               “แม่ฮะเราเลี้ยงได้ไหม” เด็กน้อยเอ่ยถามผู้เป็นแม่เสียงอ้อนสายตาเปี่ยมด้วยความหวัง

               “ถามเจ้าของเขารึยังลูก” คนเป็นแม่เอ่ยถามลูกชายเสียงอ่อนโยน

               “เอาไปเลยรินถ้าตาเลิฟอยากได้” แม่ของนาวบอกยิ้มๆ

              “เลี้ยงนะฮะแม่” เลิฟหันมาทำตาอ้อนเสียงอ้อนใส่แม่

               “จ๊ะๆแต่เราสัญญากับแม่นะว่าจะดูแลมันดีๆ” รินบอกลูกชายด้วยเสียงอ่อนโยน

               “ค๊าบ เลิฟสัญญา” เด็กน้อยรับปากแข็งขันกระชับอ้อมกอดลูกแมวสีขาวในมือแน่น

               “งั้นขอบคุณน้าจันแล้วกลับบ้านกันลูก”

               “น้าจันขอบคุณครับ....เรากลับบ้านก่อนนะนาวพรุ่งนี้เจอกัน” เลิฟยกมืออ้วนป้อมไหว้ขอบคุณอย่างทุกลักทุเลเพราะไม่ยอมปล่อยลูกแมวลง ก่อนจะบอกลาเพื่อนแล้วเดินตามแม่กลับบ้าน

...
...
 
               “เลิฟครับ...ทำไมเมื่อตอนบ่ายแม่บอกให้ขอโทษเพื่อนถึงไม่ทำละครับลูก” คุณรินหันมาถามลูกชายตัวน้อยที่ยืนช่วยเธอเตรียมอาหารเย็นอยู่ข้างๆ

               “ก็เลิฟไม่ผิดทำไมเลิฟต้องขอโทษละฮะ” เลิฟว่าหน้างอมือป้อมๆเด็ดยอดผักตามที่แม่เคยสอนช้าๆ แต่ก็เด็ดถูกบ้างไม่ถูกบ้างตามประสา

               “งั้นถ้าเลิฟไม่ผิดเลิฟก็จะไม่ขอโทษเหรอครับ” รินหันมาถามลูกชายเสียงอ่อนโยน

               “ใช่ครับ” เลิฟตอบแม่เสียงดังฟังชัด

               “ฟังแม่นะครับการที่เรารู้จักขอโทษใครก่อนไม่จำเป็นว่าเราจะต้องเป็นคนผิด”

               “ถ้าไม่ผิดแล้วเราจะขอโทษทำไมล่ะฮะ” เลิฟถามด้วยความสงสัยคิ้วพันกันยุ่ง

               “เพราะการที่เราขอโทษใครก่อนมันไม่ได้หมายความเรายอมรับผิด แต่มันหมายถึงว่าเรารู้จักการให้อภัยไงครับ เลิฟให้อภัยเพื่อนได้ไหม”

               “แต่เขาว่าแม่นี่นา” เลิฟยังคงเถียงเสียงอ่อย

               “ขอบคุณที่เลิฟห่วงแม่ครับแต่แม่ไม่เป็นไรนะลูก แค่เลิฟเป็นลูกชายที่น่ารักของแม่แบบนี้ก็พอแล้ว” รินหยุดมือที่เตรียมอาหารลง นั่งยองๆให้อยู่ในระดับสายตาเดียวกันกับลูกชาย ยกมือขยี้หัวทุยนั้นเบาๆ

               “ครับผม” เลิฟส่งยิ้มกว้างให้แม่จนตาหยี

              “เอาล่ะเด็กดีของแม่ไปดูสิว่าตอนนี้เจ้าโมกเป็นยังไงบ้าง”

               “ครับผม” เลิฟตะเบ๊ะท่าใส่แม่แล้วล้างมือรีบวิ่งไปดูเจ้าแมวน้อยที่ตัวเองตั้งชื่อให้ว่าโมกอย่างรวดเร็ว

               “ระวังลูก!!!!” รินตะโกนตามหลังด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะส่ายหัวแล้วยิ้มขำเอ็นดูลูกชาย

               รินเป็นสาวเหนือที่รูปร่างอรชรอ่อนแอ่น หน้าตาสวยหวานจนใครเห็นก็ต้องเหลียวหลัง เป็นคนนิสัยอ่อนโยนเรียบร้อย เก่งเรื่องงานบ้านงานเรือนทุกชนิด

               เมื่อช่วงสมัยเป็นวัยรุ่นใหม่ๆรินได้มีโอกาศไปร่ำเรียนที่กรุงเทพฯจนได้เจอกับพ่อของเลิฟ และด้วยความเป็นคนหัวอ่อนทำให้ปล่อยตัวจนมีเลิฟขึ้นมา แน่นอนว่าการที่ตั้งท้องในวัยเรียนเป็นเรื่องน่าอับอาย แต่เธอเลือกที่จะเก็บลูกน้อยในท้องไว้นั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้เรียนไม่จบ แต่เรื่องที่เจอยังเลวร้ายไม่พอเพราะเธอมารู้ทีหลังว่าตัวเองท้องกับคนที่มีภรรยาแล้ว เธอจึงเลือกตัดสินใจกลับมาบ้านเกิด

            ทันทีที่พ่อแม่รินทราบเรื่องก็ด่าทอต่อว่าเพราะรู้สึกผิดหวังอย่างรุนแรง เธอตัดสินใจหอบลูกในท้องและหัวใจที่เจ็บช้ำ บากหน้ามาขอความช่วยเหลือจากเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่ชื่อ ‘วาดจันทร์’ และก็อาศัยพึ่งใบบุญวาดจันทร์เรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้  คอยรับจ้างทำงานเล็กๆน้อยๆในไร่ดอกไม้ของเพื่อน ใช้ชีวิตเรียบง่ายมีความสุขตามอัตภาพ แม้จะต้องโดนสายตาครหาและข่าวลือเรื่องท้องไม่มีพ่อเป็นระยะก็ตาม

               รินตั้งชื่อลูกชายว่า ‘กานดา’ ชื่อเล่นว่า ‘เลิฟ’ ที่แปลว่าความรัก เพราะปราถนาให้ลูกเป็นที่รักและให้ลูกรู้ว่าแม้จะเกิดจากความไม่ระวัง แต่ลูกก็คือความรักทั้งหมดที่มีของเธอ ความรักที่เธอไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆนอกจากขอให้ชีวิตเล็กๆชีวิตนี้มีความสุข

               รินสงสารลูกชายตัวเองเพราะรู้ว่าทุกครั้งที่ลูกออกจากบ้านไปโรงเรียน หรือแม้กระทั่งเวลาออกไปเล่นนอกบ้าน เลิฟจะโดนเพื่อนล้อเรื่องเป็นเด็กไม่มีพ่อเสมอ แต่เลิฟไม่เคยแสดงอาการน้อยใจหรือเอ่ยถามหาคนเป็นพ่อให้ได้ยินสักครั้ง

   พื้นฐานนิสัยของลูกชายเป็นคนอ่อนไหวและจิตใจดี แคร์ความรู้สึกคนรอบข้าง นี่คงป็นเหตุผลที่ว่าทำไมลูกชายถึงไม่เคยพูดอะไรเลย เธอโชคดีที่มีเลิฟเป็นลูกและตั้งใจไว้อย่างแน่วแน่ว่าจะปกป้องลูกน้อยให้มีความสุขตลอดไป
 
...
...

   “ฮือๆๆ ฮึก...” เสียงสะอึกสะอื้นของเด็กน้อยดังมาเป็นระยะ ในมือทั้งสองข้างกอดลูกแมวสีขาวไว้แน่น

    “โมกมันไปสบายแล้วลูก” รินพยายามปลอบโยนลูกชายให้คลายความเสียใจ

    “แต่เมื่อวานมันยังเล่นกับเลิฟอยู่เลยนะฮะ” เลิฟหันมาบอกแม่ด้วยน้ำตานองหน้า เพราะเมื่อวานโมกยังวิ่งเล่นกับเขาดีๆอยู่เลย แล้วพอมาวันนี้มันกลับนอนตัวแข็งทื่อไม่หายใจซะแล้ว

    “โมกมันตายแล้วลูก”  รินพยายามบอกลูกชายให้เข้าใจ

    “ไม่จริงอ่ะโมกมันแค่นอนหลับ” เลิฟเถียงแม่เสียงสั่นน้ำตาไหลไม่ขาดสาย ใบหน้าซุกลงบนตัวลูกแมวน้อยในอ้อมแขนกระชับอ้อมกอดแน่น ยอมรับความสูญเสียแรกในชีวิตไม่ได้

    “เลิฟครับเงยหน้ามาฟังแม่นะลูก” รินเรียกลูกชายด้วยเสียงอ่อนโยน จนเลิฟยอมเงยหน้ามามองแม่ช้าๆ

               “เลิฟรักโมกไหมครับ”

               “รักครับ”

               “ถ้าเลิฟรักโมกเลิฟต้องปล่อยโมกนะลูก”

               “ถ้ารักแล้วทำไมต้องปล่อยล่ะฮะ”

               “เลิฟเห็นไหมครับว่าโมกมันเหนื่อยจนหลับไปแล้ว เลิฟจะไปฝืนให้มันต้องตื่นขึ้นมาเลิฟไม่สงสารมันหรอลูก”

               “แล้วโมกไม่สงสารเลิฟหรอครับ”

               “แล้วเลิฟเลือกจะให้โมกอยู่กับเลิฟเพราะสงสาร ทั้งๆที่มันเองก็เหนื่อยน่ะเหรอครับ” รินย้อนถามลูกชายเสียงอ่อนโยน ถึงจะดูเข้าใจยากแต่เธอเชื่อว่าลูกจะเข้าใจในสิ่งที่เธอบอก

               “เข้าใจแล้วครับ” เลิฟบอกแม่เสียงแผ่วถึงจะไม่เข้าใจในสิ่งที่แม่บอกเท่าไหร่ แต่เด็กน้อยไม่อยากให้โมกต้องฝืนอยู่กับตัวเองทั้งๆที่โมกเหนื่อย

               “หลับฝันดีนะโมก” เสียงเล็กบอกกับแมวตัวน้อยในหลุมอย่างอ่อนโยน น้ำตาไหลลงบนพื้นดินไม่ขาดสาย

               “ฮือๆๆๆๆแม่ฮะ” เด็กน้อยโผเข้ากอดคนเป็นแม่แน่น ร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียใจกับการจากไปของสัตว์เลี้ยงแสนรัก

               “แม่จะทิ้งเลิฟไปเหมือนโมกไหมฮะ” เลิฟผละออกจากอ้อมกอดแม่ เงยหน้าถามด้วยความเสียใจเพราะกลัวว่าแม่จะทิ้งไปแบบโมก

               “แม่ไม่ทิ้งเลิฟไปหรอกครับแม่จะอยู่กับเลิฟแบบนี้แหละ” รินส่งยิ้มอ่อนโยนให้

               “อยู่ด้วยกันตลอดไปได้ไหมฮะ” เลิฟถามแม่อย่างมีความหวัง รินทรุดตัวนั่งยองๆสบตากับลูกชายเอามือลูบหัวเบาๆ

               “เลิฟฟังแม่นะครับเลิฟต้องเข้าใจว่าไม่มีใครจะอยู่เลิฟได้ตลอด รวมทั้งแม่ด้วย”

               “ทำไมล่ะครับหรือว่าแม่ไม่รักเลิฟหรอ แม่อย่าทิ้งเลิฟไปเหมือนพ่อนะฮะ เลิฟสัญญาจะเป็นเด็กดี” เด็กน้อยกอดแม่แน่นเพราะกลัวโดนทิ้ง มันทำให้รินรู้สึกสะท้อนในอก เธอคิดว่าเลี้ยงลูกได้ดีคิดว่าลูกไม่ขาดอะไร แต่การที่ลูกไม่มีพ่อต่อให้เลี้ยงดีแค่ไหนเธอก็เติมเต็มลูกเรื่องนี้ไม่ได้ การแสดงออกวันนี้ของลูกมันทำให้เธอรู้ว่าที่เลิฟไม่เคยทำตัวให้หนักใจ ทำตัวเป็นเด็กดีว่านอนสอนง่ายเสมอเพราะกลัวโดนทิ้ง กลัวว่าจะไม่เหลือใคร

               “ที่แม่อยู่กับเลิฟตลอดไม่ได้ไม่ใช่ว่าแม่จะทิ้งเลิฟหรือไม่รักเลิฟนะครับ แต่สักวันนึงแม่ก็จะต้องเหนื่อยแล้วหลับไปเหมือนโมก คนอื่นๆก็เหมือนกัน”

               “งั้นเลิฟจะเป็นเด็กดีทุกคนจะได้อยู่กับเลิฟนานๆนะฮะ” เด็กน้อยบอกแม่แผ่วเบาและกระชับอ้อมกอดแน่น จนคนเป็นแม่ยิ้มออกมาบางๆด้วยความอบอุ่นใจกับอ้อมกอดเล็กๆนี้
 
...
...

               “นาวจะไปเรียนที่กรุงเทพฯจริงหรอ” เลิฟถามเพื่อนหน้าเศร้า

               “อื้อ...เราต้องตามคุณพ่อคุณแม่ไปอ่ะ” นาวเองก็เศร้าไม่แพ้กันที่ต้องจากเพื่อนสนิท

              “ไปนานไหม”

               “ไม่รู้เหมือนกัน แต่เราสัญญานะว่าจะโทรมาหาเลิฟทุกวัน” นาวบอกพร้อมรอยยิ้มยกนิ้วก้อยขึ้นมาให้เลิฟ

               “สัญญานะ” เลิฟยิ้มตอบพร้อมกับยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวเป็นการสัญญา

               “เราไปแล้วน้า!!!” นาวโบกมือออกจากตัวรถบอกลาเลิฟที่มายืนส่งอย่างร่าเริง เลิฟเองก็โบกมือตอบก่อนจะหน้าหมองลงเล็กน้อย เพราะต้องห่างกับเพื่อนคนเดียวในชีวิต

               “กรุงเทพฯใกล้ๆแค่นี้เดี๋ยวปิดเทอมแม่จะพาไปหาตกลงไหม อย่าทำหน้าเศร้าแบบนี้ยิ้มเร็วคนเก่งของแม่” รินบอกลูกชายตัวน้อยของเธอที่ตอนนี้ชักจะเหมือนหมูเข้าไปทุกที

               “แม่สัญญานะ” เลิฟหันมาทวงสัญญากับแม่ตาแป๋ว

               “สัญญาสิ...มาเกี่ยวก้อย” รินยื่นนิ้วก้อยไปหานิ้วก้อยเล็กๆที่ยื่นกลับมา แล้วเกี่ยวไว้แน่นก่อนจะแกว่งไปมาเบาๆ

               “ป่ะ...เรากลับบ้านกัน” รินปล่อยมือลงแล้วอุ้มเลิฟขึ้นก่อนจะออกเดิน

               “หนักเกินไปแล้วไหมเนี่ยไอ้ตัวเล็ก” รินว่าขำๆแล้วเอามือจั๊กจี๊พุงกลมๆเล่น

               “คิกๆๆไม่เอานะแม่เลิฟจั๊กจี๊” เลิฟดิ้นดุกดิกลงจากอ้อมแขนแม่ก่อนจะวิ่งหนี และส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
 
...
...

               “เลิฟครับอยู่ไหนลูก” เสียงของแม่ร้องเรียกได้ยินแว่วๆตาม หลัง แต่เลิฟไม่สนใจตั้งหน้าตั้งตาวิ่งหนีแม่อย่างเอาเป็นเอาตาย

               สาเหตุที่เขาวิ่งหนีแม่เพราะทะเลาะกันเรื่องย้ายโรงเรียน เขาขอแม่ไปเรียนต่อม.ต้นในกรุงเทพฯกับนาว แต่แม่ไม่ยอมบอกว่ารบกวนนาว มันเป็นแค่ข้ออ้างทำไมเขาจะไม่รู้แม่ไม่อยากให้เขาไปกรุงเทพฯต่างหาก เพราะว่าพ่ออยู่ที่นั้นแต่เขาไม่ได้คิดจะไปรบกวนอะไรพ่อสักหน่อย ก็แค่อยากไปเจอหน้าบ้างขอแค่เห็นหน้าก็ยังดีเขาต้องการแค่นั้นจริงๆ

               และนี่มันเลยกลายเป็นจุดที่ทำให้เขากับแม่ทะเลาะกันใหญ่โต ทั้งๆที่ไม่เคยทะเลาะกัน วันนี้เขาขึ้นเสียงและตวาดแม่ออกไปอย่างลืมตัวเพราะความน้อยใจ แต่เขาก็ปากหนักเกินกว่าจะเอ่ยปากขอโทษทั้งๆที่รู้ว่าผิด เลยหนีออกจากบ้านมาและแม่ก็เดินตามหาเขาอย่างที่เห็นเนี่ยแหละ

               เขาไม่อยากเจอหน้าแม่เลยพยายามมองหาที่ซ่อน แต่ตรงนี้มันริมถนนใหญ่โล่งๆจะมีทีไหนให้ซ่อนล่ะ ก่อนสายตาจะไปสะดุดเข้ากับตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ที่มีคนเอามาทิ้งไว้ข้างทาง

               เลิฟยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจก่อนจะมองซ้ายมองขวาแล้วข้ามถนนไปที่ตู้เสื้อผ้า เขาเปิดตู้ออกและมุดตัวเข้าไปซ่อนด้านในโดยแง้มประตูตู้ไว้นิดๆพอให้เห็นด้านนอก เขาเห็นแม่กำลังเดินหาเขาอยู่ด้วยสีหน้าร้อนรน เขานั่งมองอยู่อย่างนั้นสักพักลังเลว่าจะออกไปดีไหม จนในที่สุดก็ตัดใจเปิดประตูตู้เสื้อผ้าออกกว้าง

               “แม่ครับผมอยู่นี่” เลิฟตะโกนเรียกแม่เสียงดังจากอีกฟากถนน ส่วนตัวเองก็ยังคงนั่งในตู้ไม่ได้ออกมา

               “เลิฟ!!!” แม่ตะโกนเรียกเขาก่อนจะถอนหายใจโล่งอกแล้วรีบวิ่งข้ามถนนมาหาเขา ด้วยอารมณ์รีบร้อนผสมกับความเป็นห่วงทำให้รินรีบวิ่งข้ามถนนมาหาลูกชาย เพื่อจะได้พากลับบ้านเพราะฝนทำท่าใกล้ตก

   เอี๊ยด!!!!! โครม!!!!!

   เสียงล้อรถยนต์บดกับพื้นถนนดังสนั่น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงวัตถุหนักๆหล่นลงพื้น เลิฟมองภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง ทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัวเขาเห็นรถคันนึงวิ่งมาด้วยความเร็ว ก่อนที่ร่างของแม่จะลอยละลิ่วขึ้นสูงแล้วร่วงลงมากระทบพื้นเหมือนตุ๊กตา

   หลังจากนั้นทุกอย่างก็เข้าสู่ความชุลมุน ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างร้องตะโกนเซ็งแซ่ดังระงมไปหมดจับใจความอะไรแทบไม่ได้ ก่อนจะพากันมามุงล้อมรอบร่างที่นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นถนน

    “แม่!!!!!” เลิฟตะโกนสุดเสียงก่อนจะวิ่งมาหาแม่ด้วยความเร็ว น้ำตาไหลลงมาไม่ขาดสายมือสองข้างอุ้มศีรษะของแม่มาวางไว้บนตัก ปล่อยทุกหยาดน้ำตาให้ไหลลงบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือด

    “แม่ แม่ครับ ได้ยินเลิฟไหม ฮือๆ” เลิฟพยายามร้องเรียกแม่อย่างสุดเสียง

               “เลิฟหรอลูก” รินพยายามหรี่ตาที่หนักอึ้งขึ้นมองลูกชาย ตอนนี้เธอรู้สึกว่าร่างกายมันหนักไปหมด

               “แม่ครับ เลิฟขอโทษ แม่อย่าเป็นอะไรนะ” เลิฟร้องไห้เหมือนใจจะขาดเอาแก้มก้มลงไปแนบกับใบหน้าของแม่ แขนก็กอดร่างของแม่แน่น

              “ไม่ร้องนะครับคนเก่ง” รินพยายามปลอบลูกชายที่ร้องไห้จนตัวโยนด้วยเสียงกระท่อนกระแท่น

               “สัญญากับแม่นะครับว่าเลิฟต้องเข้มแข็ง” รินพยายามเปล่งเสียงบอกลูกชาย ตอนนี้เธอรู้สึกชาไปหมดทั้งตัวรับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณว่าเธอคงจะไม่ได้อยู่บนโลกนี้อีกต่อไป

               “เลิฟสัญญาแต่แม่อย่าเป็นอะไรนะ แม่ต้องอยู่กับเลิฟ” เลิฟพึมพำรับปากแม่เสียงสั่น ทั้งๆที่เสียงที่แม่พูดออกมามันแผ่วเบา แต่เขากลับได้ยินมันชัดเจน

               “แม่ขอโทษนะลูก” รินพยายามเค้นเสียงสุดท้ายออกจากลำคอ มองลูกชายเพียงคนเดียวด้วยสายตาอ่อนโยน หยาดน้ำตาไหลลงมาที่หางตาอย่างห้ามไม่อยู่ เธอไม่ได้กลัวกความตายและไม่เสียใจหากวันนึงจะต้องจากโลกนี้ไป แต่เธอเสียใจที่จะไม่มีโอกาสได้มองเห็นคนที่เธอรักเติบโตขึ้นในอนาคต เสียใจที่มือคู่นี้จะไม่ได้ประคับประคองลูกน้อยของเธอให้ก้าวเดินอีกแล้ว น้ำตายังคงไหลลงมาช้าๆก่อนที่สติสัมปชัญญะทั้งหมดจะค่อยหลุดลอยไป

    ‘แม่รักเลิฟนะลูก’

               เลิฟมองร่างที่กระตุกนิดๆของแม่แล้วแน่นิ่งไปอย่างตกใจ เขาพยายามเขย่าร่างบางของแม่สุดแรงเพื่อให้ตื่น แต่แม่ก็ไม่มีท่าทีจะตื่นขึ้นมา เปลือกตาของแม่ปิดสนิทและนอนแน่นิ่ง

   เขารับรู้ได้โดยที่ไม่มีใครต้องมาบอก แม่จากเขาไปแล้วเหมือนโมกจากไปอย่างไม่มีวันกลับ เขาจะไม่มีทางเห็นสายตาอ่อนโยนคู่นั้น รอยยิ้มสวยๆ เสียงที่คอยถามและปลอบโยนเสมอนั่นอีกแล้ว

               ถ้าเขาย้อนเวลาได้เขาจะไม่ขอแม่ไปกรุงเทพฯ เขาจะไม่ตวาดแม่จะไม่เอาแต่ใจ เขายอมที่จะไม่เจอหน้าพ่อทั้งชีวิตเพื่อที่จะไม่ต้องเสียมือคู่นี้ไป

               ฝนเริ่มลงเม็ดที่ละเม็ดช้าๆก่อนจะตกหนักลงเรื่อยๆ ชะล้างรอยเลือดให้ไหลไปตามพื้นถนน แต่ไม่อาจล้างน้ำตาที่มันไหลแทบเป็นสายเลือดในใจของเลิฟได้

               “แม่ครับ เลิฟขอโทษ” เลิฟพูดเสียงแผ่วกอดร่างของผู้หญิงที่เขารักที่สุดในโลกไว้แน่น

               เลิฟไม่รู้ว่าตัวเองพึมพำขอโทษอยู่อย่างนั้นนานแค่ไหน เขารู้เพียงแค่ว่าต่อให้ตะโกนเสียงดังยัง ตะโกนให้สุดเสียงเท่าไหร่ คนๆนี้ก็ไม่มีทางได้ยินอีกแล้ว....


2 Be Con...
++++++++++++
เรื่องมันเศร้า
คอนเซปท์นิยายน้ำเน่าจริมๆ
 :m15:  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 24 (05/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ouioui ที่ 05-02-2016 17:40:52
เลิฟน่าร๊ากกกก
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 24 (05/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-02-2016 17:44:26
 :hao5:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 24 (05/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 05-02-2016 21:54:20
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 25 (06/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 06-02-2016 07:58:20
กับดักที่
- 25 -
           


   งานศพถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายและเงียบเหงา แขกที่มาร่วมงานก็มีไม่กี่คนเพราะทั้งตัวแม่และเลิฟเองก็ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ทั้งคู่ใช้ชีวิตอยู่กันแค่สองคนแม่ลูก จะยุ่งเกี่ยวและข้องแวะกับคนรอบข้างเฉพาะเรื่องที่จำเป็นเท่านั้น คนที่สนิทด้วยและรู้จักมักคุ้นกันจริงๆเลยมีแค่ครอบครัวของนาวกับคนในไร่ดอกไม้ไม่กี่คน ส่วนญาตฝั่งแม่ไม่มีใครมาร่วมงานสักคน เพราะได้ตัดขาดกันไปแล้วร่วมสิบปีได้

               ตั้งแต่วันที่แม่จากไปจนถึงวันนี้ก็รวมกันได้ 5 วันแล้ว เลิฟยังคงไม่ยอมอ้าปากคุยกับใครสักคนแม้กระทั่งเพื่อนสนิทอย่างนาว เลิฟเอาแต่นั่งร้องไห้มองรูปแม่เงียบๆคนเดียว ใช้ชีวิตไปวันๆเหมือนมันเป็นหน้าที่ที่ตัวเองต้องมีชีวิตอยู่ ตอนนี้เลิฟไม่ต่างอะไรกับนกปีกหักทั้งชีวิตของเลิฟไม่มีใครเลยนอกจากแม่ การจากไปกระทันหันของรินทำให้หลายคนเป็นห่วงเลิฟว่าจะอยู่ยังไง ถึงแม้ว่าครอบครัวของนาวจะไม่ทอดทิ้งเลิฟแต่ยังไงมันคงทดแทนในสิ่งที่เลิฟขาดไม่ได้

               จนถึงวันเผาท่ามกลางความโศกเศร้า และการพยายามหยิบยื่นความช่วยเหลือให้กับเลิฟ ก็ได้เกิดเรื่องไม่คาดฝันและสร้างความแปลกใจให้ทุกคนไม่น้อย เพราะการปรากฎตัวอย่างกระทันของคนที่ใครๆก็ไม่คาดคิดว่าจะได้เจอรวมทั้งตัวเลิฟเอง การปรากฎตัวของคนที่ได้ชื่อว่า ‘พ่อ’

               พ่อของเลิฟรู้ข่าวการจากไปของภรรยาอีกคนและรับรู้ว่าตัวเองมีลูกชาย เพราะวาดจันทร์ลงทุนส่งคนไปพบท่านถึงบ้าน แต่ด้วยภาระหน้าที่ในฐานะหมอทำให้เขาไม่สามารถมาร่วมงานศพได้ในทันที กว่าจะลาหยุดได้ก็ถึงวันที่ต้องเผาแล้ว และแน่นอนว่าทันทีที่มาถึงท่านก็แจ้งจุดประสงค์ของตัวเอง นั้นคือการรับเลิฟไปดูแล ซึ่งวาดจันทร์ในฐานะคนดูแลชั่วคราวก็ไม่ได้ขัดข้อง รวมถึงตัวเลิฟเองก็เต็มใจจะไปอยู่กับพ่อ แม้ว่าจะไม่รู้ว่าภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยนั้นคิดอะไร

               หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เลิฟในวัย 12 ปีก็ได้ย้ายจากบ้านเกิดของแม่ มาใช้ชีวิตในกรุงเทพฯภายใต้การดูแลของพ่อ พร้อมๆกับการเผชิญหน้าของภรรยาพ่อและลูกชายอีกคนที่อายุเยอะกว่าเขา

               “สวัสดีครับคุณแม่” เลิฟยกมือไหว้หญิงวัยกลางคน ที่ดูยังสาวและสวยกว่าวัยอยู่มากอย่างนอบน้อม และเรียกว่าแม่ตามที่พ่อบอกมา

               “อย่าเรียกฉันว่าแม่ ฉันมีลูกแค่คนเดียว” หญิงกลางคนเอ่ยเสียงแข็ง และมองมาที่เลิฟด้วยสายตาเย็นชา จนเลิฟรู้สึกได้ถึงความไม่เป็นมิตร

               “ขอโทษครับ” เลิฟว่าเสียงแผ่วและก้มหน้าลงเพราะไม่กล้าสบตาดุๆคู่นั้น

               หญิงกลางคนจ้องไปที่เลิฟเขม็งก่อนจะลุกขึ้นและเดินออกไปด้วยความไม่พอใจ โดยที่พ่อของเลิฟลุกเดินตามออกไปอีกคน ระหว่างที่เลิฟมัวแต่ก้มหน้าทำอะไรไม่ถูกอยู่นั้น ก็มีเสียงๆนึงทักเขาขึ้นมา

               “นายหรอที่เป็นลูกของแม่เล็ก” เสียงที่ดังขึ้นเหนือหัวทำให้เลิฟเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย ก่อนจะปะทะเข้ากับใบหน้าอ่อนโยนแววตาใจดีของคนๆนึงเข้า

               “แม่เล็ก?” เลิฟถามกลับด้วยความสงสัยเพราะไม่รู้ว่าแม่เล็กคือใคร

               “แม่ของนายนั่นแหละ พ่อให้เราเรียกแบบนั้น” คนตรงหน้าตอบและส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้

               “ครับ” เลิฟตอบเสียงแผ่วๆจนต้องเงี่ยหูฟังถึงจะได้ยินเพราะความประหม่า ก่อนจะพยักหน้างึกงักตอบรับ
 
               “เราชื่อรุตอายุเยอะกว่านาย 1 ปีต่อไปนี้เรียกเราว่าพี่รุตนะน้องเลิฟ” รุตส่งยิ้มกว้างให้กับคนที่เป็นน้องชาย แม้จะตกใจอยู่บ้างที่จู่ๆพ่อก็บอกว่าเขามีน้อง แต่ด้วยความที่เป็นเด็กจิตใจดีเขาจึงยอมรับเลิฟได้ง่ายๆ

               “ครับพี่รุต” เลิฟยิ้มกว้างตอบกลับ พร้อมกับความดีใจที่ได้มีพี่ชายใจดี และรับรู้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลก
 
...
...

               “เลิฟนี่เอยนะเพื่อนสนิทเราที่นี่” นาวแนะนำเพื่อนใหม่ให้เลิฟรู้จักหลังจากได้มาเรียนอยู่ที่โรงเรียนเดียวกัน แถมไม่รู้ว่าโลกกลมหรือฟ้าลิขิตข้างๆบ้านของพ่อคือบ้านของนาวเพื่อนสนิทเขาเอง
               “เราเอยนะ” เด็กผู้ชายตัวสูงพอๆกับเลิฟเอ่ยขึ้นอย่างร่าเริง และใบหน้าน่ารักเหมือนตุ๊กตานั้นก็ส่งยิ้มกว้างให้เลิฟอย่างยินดี
               “เราเลิฟ” เลิฟเองก็ยิ้มกว้างส่งกลับไป 
 
               นี้คือการพบกันครั้งแรกของเอยกับเลิฟ และหลังจากนั้นคนอื่นๆในห้องและโรงเรียนก็ต่างพากันมาทำความรู้จักเลิฟ ทำให้ความเศร้าจาการที่ต้องเสียแม่ไปของเลิฟค่อยๆดีขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นความเศร้าในใจก็ไม่ได้หมดไป กับคนเป็นพ่อเลิฟแทบจะไม่ได้เจอหน้าเพราะพ่องานยุ่ง และบางทีก็ต้องเดินทางไปศึกษาเรื่องการแพทย์ที่ต่างประเทศบ่อยๆ ระยะห่างที่มีระหว่างสองพ่อลูกไม่เคยได้ขยับเข้ามาใกล้กันเลยสักนิด

              ทุกครั้งเวลาที่เลิฟไปหาพ่อจะไม่ยอมสบตาและไม่คุยด้วย แต่เขายังคงพยายามต่อไปจนสุดท้ายความพยายามก็ไม่เคยส่งผลอะไรเลย เขาอยู่ในบ้านหลังใหญ่ที่มีคนเต็มบ้านแต่เหมือนอยู่ตัวคนเดียว ถึงเขาจะมีเพื่อนแสนดีแบบนาวและเพื่อนที่น่ารักแบบเอย มันก็ไม่ได้ทำให้ความเหงาในใจลดลง

...
...
 
              ปัง! ปัง! ปัง!

               “ฮึก...เปิดประตูให้หน่อย...ฮึก...เปิดประตูให้เลิฟหน่อย...ฮึก...เลิฟสัญญาว่าจะตั้งใจเรียน” มือเล็กกระหน่ำทุบลงประตูเสียงดังสนั่น ปากก็ตะโกนขอร้องให้คนที่อยู่ด้านนอกช่วยเปิดประตูให้

               เลิฟถูกจับขังอยู่ในห้องเก็บของและจะโดนขังอย่างนี้ทุกครั้งที่ทำอะไรผิด ครั้งนี้ก็เหมือนกันเลิฟโดนขังเพราะผลการเรียนแย่ คุณท่านหรือแม่ของรุตโกรธมากเพราะมันทำให้ท่านอับอาย ทำให้คนนินทาว่าตระกูลของท่านมีคนโง่

               เลิฟจำไม่ได้ว่าตัวเองโดนขังอยู่ในห้องเก็บของแบบนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ บางครั้งก็โดนขังแค่ไม่นานบางครั้งก็นานเป็นชั่วโมง คุณท่านเกลียดเขาเพราะท่านจะเรียกเขาว่าลูกกาฝากเสมอ เขาไม่ชอบเลยที่จะต้องมาอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ห้องที่มีกลิ่นอับมองไปทางไหนก็เจอแต่ความมืด มันทำให้เขากลัวและนึกถึงวันนั้น วันที่เขาเดินหนีแม่ไปแอบในตู้เสื้อผ้า

               ยังดีที่อย่างน้อยทุกครั้งที่เขาโดนขังพี่รุตจะช่วยไปถ่วงเวลาคุณท่าน แล้วเอากุญแจให้นาวมาเปิดประตูช่วยเขาออกไป เขาพยายามนั่งข่มความกลัวรอให้นาวและพี่รุตมาช่วยเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ว่าจะรอนานแค่ไหนก็ไม่มีใครมาสักที

               เลิฟกวาดสายตามองไปในความมืดของห้องเก็บของเล็กๆ ภาพวันที่แม่เขาโดนรถชนตายต่อหน้าต่อตาเริ่มผุดขึ้นมาในหัวเหมือนเล่นวิดีโอซ้ำ น้ำตาเริ่มไหลลงมาช้าๆ ลมหายใจติดขัดหัวใจมันเต้นเร็วเหมือนจะทะลุออกมา เหงื่อเริ่มซึมไปทั่วขมับและฝ่ามือจนเปียกชุ่ม

    ‘แม่ขอโทษนะลูก’ หูของเลิฟได้ยินเสียงของแม่เอ่ยขอโทษดังแว่วเป็นระยะ

    “ฮึก...แม่...เลิฟขอโทษๆ” เลิฟพึมพำกับตัวเองซ้ำไปซ้ำมา เปลือกตาทั้งคู่หลับสนิท ฝ่ามือเล็กๆสองข้างถูกยกขึ้นมาปิดหูไว้เพราะไม่อยากได้ยินเสียงของแม่ที่ลอยมา ริมฝีปากถูกขบกัดแน่นจนเลือดซึม

   ไม่รู้ว่าเลิฟอยู่ในสภาพนั้นนานแค่ไหน เพราะตอนที่ทุกคนมาเจอเลิฟก็อยู่ในสภาพที่แย่เกินทน ร่างเล็กๆในสภาพนอนคุดคู้ยกมือขึ้นปิดหูและหลับตาปี๊ปากก็พึมพำอะไรไม่รู้ไปมาซ้ำๆ ร่างกายแข็งเกร็งไปทั้งตัวลมหายใจหอบเหนื่อยเหมือนคนวิ่งมาเป็นสิบๆโล จนต้องรีบพาเลิฟส่งที่โรงพยาบาลกันตอนนั้น ซึ่งหมอเองก็บอกว่าถ้ามาช้ากว่านี้เลิฟอาจจะช็อคเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ และหมอยังแนะนำให้เลิฟเข้าพบจิตแพทย์เพื่อรับการรักษา

    “คุณทำอะไรกับหลานฉัน!!!” วาดจันทร์ตะโกนด่าทอพ่อของเลิฟเสียงดังลั่น โดยที่ไม่ได้สนใจว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในโรงพยาบาล สายตาก็คอยมองเข้าไปในห้องฉุกเฉินที่มีร่างเล็กๆของหลานเธอนอนอยู่

    “..................”

    “คุณมันเลว...คุณเป็นพ่อประสาอะไรห๊ะ!!! ถึงปล่อยให้เมียตัวเองทำกับลูกได้ขนาดนี้” วาดจันทร์ยังคงด่าทอไม่หยุด แต่คนโดนด่ากลับทำใบหน้าเรียบเฉยและไม่ได้เถียงกลับแต่อย่างใด

    “...................”

    “ทันทีที่หลานฉันฟื้นฉันจะพาหลานฉันไปเลี้ยงเอง ในเมื่อคุณเป็นพ่อแต่ไม่มีปัญญาดูแลลูก ฉันก็จะดูให้ต่อให้ต้องฟ้องร้องฉันก็จะทำ!!!” วาดจันทร์ยื่นคำขาด ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดที่เธอตัดสินใจพลาด เธอคิดว่าการที่ให้หลานอยู่กับพ่อจะเป็นเรื่องดี ที่ไหนได้เธอส่งหลานมาลงนรกชัดๆ แล้วก็ไม่รู้ว่าหลานตัวน้อยของเธอต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้มากี่ครั้งแล้ว

   สิ่งที่เธอพูดไปเมื่อครู่คือสิ่งที่เธอคิดจะทำจริงๆ ต่อให้ต้องฟ้องร้องเพื่อมีสิทธิ์ในการเลี้ยงดูเลิฟเธอก็จะทำ แม้ว่าโอกาสที่จะชนะคดีมันจะริบหรี่ก็ตาม เธอจะไม่ยอมให้หลานเธอกลับไปตกนรกแบบนั้นอีกเด็ดขาด

...
...

   “เป็นยังไงบ้างเลิฟ” เสียงเอ่ยถามเศร้าๆดังขึ้นที่ข้างหู เลิฟกระพริบตาถี่ๆเพื่อมองภาพตรงหน้าให้ชัด สมองยังคงมึนงงเล็กน้อยเพราะฤทธิ์ยา

    “พี่รุต” เลิฟเรียกเสียงแผ่วจนแทบจะไม่ได้ยิน ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองหิวน้ำและคอแห้งเป็นผงไปหมด ก่อนจะมองไปที่ใบหน้าเศร้าๆของพี่ชายอย่างสงสัย

    “พี่ขอโทษนะที่ไปช่วยเลิฟช้า” รุตว่าอย่างรู้สึกผิดยกมือลูบหัวน้องชายอย่างอ่อนโยน วันนี้เขาไปข้างนอกกับเพื่อนเลยไม่ได้อยู่ช่วยเลิฟ จนน้องต้องอยู่ในสภาพนี้ ความรู้สึกผิดที่ดูแลน้องชายไม่ดีเอ่อล้นขึ้นมาจุกอก

    “................” เลิฟส่งยิ้มบางๆมี่อ่อนแรงเต็มทีให้รุต พยายามจะเปล่งเสียงบอกขอบคุณแต่ก็ไม่มีเสียงอะไรหลุดออกมา

    “ต่อไปนี้พี่ให้สัญญานะพี่จะปกป้องน้องชายของพี่จากคนใจร้ายเอง” รุตส่งยิ้มกว้างให้น้องชาย ยกนิ้วก้อยของตัวเองขึ้นมาเกี่ยวก้อยสัญญากับเลิฟ

    “................” เลิฟเองก็ยิ้มกว้างไม่ต่างกัน ก่อนจะพยักหน้ารับรู้ในสัญญาครั้งนี้ของพี่ชาย

...
...
 
   “เลิฟเราเลิกกันเหอะ” เสียงหวานใสบอกกับเลิฟ

    “เราขอโทษ” เด็กสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนเลิฟพูดออกมาอีกครั้ง ก่อนจะหันหลังเดินจากไปทิ้งให้เลิฟยืนซึมอยู่ตรงนั้นคนเดียว

    “เฮ้ย!! มึงอย่าเศร้าผู้หญิงมีเกลื่อนโลก” พีทที่ยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดเดินเข้ามาตบไหล่เลิฟเบาๆอย่างปลอบใจ เลิฟเอง
ก็ยิ้มเศร้าๆกลับไปให้เพื่อน เลิฟรู้จักกับพีทและกั้มตอนเข้าเรียนม.ปลายใหม่ๆ คุยกันถูกคอจนกลายเป็นเพื่อนก๊วนเดียวกันไปในที่สุด

    “เป็นไรวะมึงหน้าเป็นตูด หญิงทิ้งมา?” นาวถามขึ้นหลังจากเห็นเลิฟเดินกลับเข้ามาในห้องเรียนด้วยท่าทางซึมๆ

    “อือ” เลิฟตอบเนือยๆ

    “ทำไมวะ? อย่าบอกนะเพราะพี่รุตอีก” นาวว่าขึ้นมาและเลิฟเองก็พยักหน้ารับ

    “กูว่าละ” นาวว่าอย่างเซ็งๆ แล้วก็ขยับปากให้พรพี่ชายของเลิฟไม่หยุด

   เลิฟจำไม่ได้ว่าผูหญิงคนเมื่อกี้เป็นแฟนคนที่เท่าไหร่ของเขา เพราะเขาไม่เคยนับและไม่เคยจีบใครก่อน ทุกคนที่เข้ามาจะมาทำดีกับเลิฟและก็ทำให้เลิฟรักสุดท้ายก็จะทิ้งเขาไปหาพี่รุตกันหมด จนในที่สุดเขาก็รู้ว่าที่พวกผู้หญิงที่เข้ามาขอคบเขาเป็นแฟนเพราะว่าเขาเป็นน้องชายพี่รุต พี่ชายสุดหล่อแสนดีที่ใครๆก็ชอบ ทุกคนใช้เขาเป็นทางผ่านเพื่อไปหาพี่ชายทั้งนั้น

   ทุกวันนี้เลิฟก็ยังอยู่กับพ่อถึงแม้ว่าน้าจันทร์จะพยายามเกลี่ยกล่อมให้ไปอยู่ด้วย แต่เขาเลือกจะอยู่กับพ่อต่อไปถึงจะรู้ว่าพ่อไม่รักก็ตาม แต่เขาเลือกที่จะอยู่กับคนที่เขารัก เลือกที่จะอยู่กับคนที่เป็นครอบครัวคนสุดท้ายในโลกของเขา

   ตั้งแต่เหตุการณ์ในครั้งนั้นพ่อก็ยิ่งไม่คุยกับเขา ส่วนคุณท่านก็เลิกทำร้ายเขาและก็ไม่คิดจะสนใจมองผ่านเขาไปเหมือนอากาศ ทั้งบ้านหลังใหญ่เลยมีแค่พี่รุตที่คุยกับเขาและดูแลเขา

    แต่แล้ววันนึงพี่ชายแสนดีคนนั้นของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทั้งเย็นชา ใจร้าย โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าทำไม พี่ชายแสนดีของเขาถึงได้เกลียดเขาจนถึงขนาดพร้อมจะแย้งทุกอย่างที่เป็นความสุขของเขาไป

   เลิฟพยายามทำตัวเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียนถึงแม้จะไม่ได้มีผลการเรียนดีเลิศแบบพี่ชาย อย่างน้อยพ่อก็ไม่อายคนที่มีลูกแบบเขา แต่ลึกๆเขาเองก็หวังให้พ่อดีใจบ้าง แม้สุดท้ายพ่อจะไม่สนใจใยดีอะไรเลยก็ตาม

    “กูไปทำงานก่อนนะ” เลิฟบอกเพื่อนก่อนจะเก็บของใส่กระเป๋าเตรียมตัวไปทำงาน

    “เออๆอย่าลืมกินยานะมึง” นาวกำชับเลิฟที่เดินออกจากห้องไปเสียงดัง

    “เออ..ไม่ลืม” เลิฟตะโกนตอบนาวแล้วโบกมือลาเพื่อน ก่อนจะมุ่งตรงไปที่ทำงานพิเศษซึ่งเป็นผับเล็กๆไม่ไกลบ้าน เมื่อกี้เขาโกหกนาวอีกแล้วเรื่องยา อันที่จริงเขาไม่ได้กินยาที่รักษาโรคกลัวที่แคบของตัวเองมาเป็น 2 ปีแล้วเพราะขาดการรักษา ส่วนที่เลิฟไม่ได้รักษาต่อก็เพราะคุณท่านให้เหตุผลว่ามันเปลือง เขาเองก็ไม่ได้ขัดเพราะไม่ได้แย่อะไร

   ที่เขาจำเป็นต้องโกหกออกไปเพราะไม่อยากให้นาวเป็นห่วง อีกอย่างอาการของเขามันก็ไม่เคยแย่แบบนั้นอีกเลย อาจจะเป็นเพราะเขาก็ระวังตัวเองมากขึ้นด้วยล่ะมั้ง

   เลิฟมาทำงานที่ผับนี้ได้สักพักแล้ว โดยมีเจ้าของร้านช่วยปิดบังเรื่องอายุให้ ที่เขามาทำงานพิเศษเพราะเงินไม่พอใช้ เขาเองก็ไม่กล้ารบกวนพ่อมากไปกว่านี้ และเหตุผลอีกอย่างคือเขาไม่กล้าเอ่ยปากขอ เลยใช้เงินเท่าที่คุณท่านให้ในแต่ละเดือนเท่านั้น ซึ่งก็เป็นเงินไม่กี่พันบาท

   และการทำงานในผับนี้เองที่ทำให้มีข่าวลือกระฉ่อนไปทั่วว่าเขาเป็นเด็กขาย ซึ่งเลิฟก็ไม่รู้ว่าต้นตอข่าวลือมันมาจากไหนและจากใคร แต่ที่แน่ๆคนที่ดูถูกเขาเรื่องนี้และมองด้วยสายตารังเกียจเหยียดหยามที่สุดก็คือพี่ชายเขาเอง ‘พี่รุต’

    “เฮ้อ” เลิฟนั่งถอนหายใจเหนื่อยๆและมองออกไปเบื้องหน้าด้วยแววตาเหงาๆ ใบหน้าสวยหมองเศร้าออกมาเมื่อได้อยู่คนเดียว

    “ถอนหายใจอีกแล้วเลิฟ” เสียงเล็กๆคุ้นหูพูดขึ้น ก่อนที่เจ้าของเสียงจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆเลิฟ

    “อ้าว...แยม” เลิฟหันมามองคนข้างๆแล้วส่งยิ้มให้

    “เป็นอะไรอ่ะ...ได้ติ๊บน้อยหรอแต่คิดว่าไม่น่าใช่คิกๆ” แยมแซวเลิฟขำๆ

    “ไม่ใช่เหอะ” เลิฟว่าแล้วเอามือผลักหัวแยมเบาๆ

    “แสดงว่าได้เยอะแบ่งบ้างดิ” แยมว่าแล้วเดินมายืนแบมือข้างหน้าเลิฟ

    “เรื่องเหอะ” เลิฟเบ้หน้าใส่เพื่อนร่วมงานตัวเล็กแล้วเอานิ้วจิ้มไปที่หน้าผากแรงๆ

    “ชิส์...นี่ถามหน่อยดิ” แยมถามขึ้นหลังจากที่เงียบไปสักพัก

    “ว่า.....”

    “คือ...ว่า...คือ” แยมเงยหน้าขึ้นมาพยายามจะพูดอะไรสักอย่าง สักพักก็ก้มหน้าลงไปมองพื้นเหมือนเดิม

    “มีไรอ่ะ” เลิฟมองท่าทางแปลกๆของแยมงงๆ

    “เลิฟมีแฟนรึยัง” แยมตัดสินใจตะโกนถามเลิฟ ใบหน้าเลิฟแดงระเรื่อ

    “มี...แต่พึ่งโดนทิ้งวันนี้” เลิฟบอกเสียงแผ่วใบหน้ากลับมาเศร้าอีกครั้ง

    “งั้นเป็นแฟนเราไหม”

    “ห๊ะ!!!!!”

    “เป็นแฟนเรานะ”

...
...
 
   “มีอะไรรึเปล่า” เลิฟถามแยมหลังจากเห็นแยมยืนคุยอะไรไม่รู้ กับพี่ชายของเขาด้วยใบหน้าเครียดๆ

    “ปะ..เปล่า” แยมว่าเสียงตะกุกตะกักใบหน้ามีแวววิตกกังวลเล็กน้อย

    “แน่ใจนะ” เลิฟถามต่อด้วยความเป็นห่วงเพราะหน้าแยมดูแย่ๆ

    “อือ...แยมไม่เป็นไร” แยมว่าแล้วจูงแขนเลิฟให้เดินต่อ

   เลิฟมองหน้าแยมนิดๆก่อนจะเอี้ยวตัวหันไปมองทางด้านหลัง สบตาเข้ากับรุตอย่างจังเพราะรุตเองก็กำลังมองมาที่เขาสองคน จากนั้นใบหน้าหล่อเหลาที่มีส่วนคล้ายเขาก็ส่งยิ้มเยาะๆมาให้ ก่อนที่จะหันหน้าและเดินไปอีกทาง เลิฟไม่เข้าใจความหมายของรอยยิ้มนั้นแต่เขารู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลย

   เลิฟตกลงเป็นแฟนกับแยมและคบกันมาได้เกือบปีแล้ว ทีแรกเขาตั้งใจว่าจะไม่คบกับใครอีกเพราะกลัวโดนหลอกเหมือนทุกครั้ง แต่แยมก็ขยันตื้อและก็ทำให้เขาชอบไปตอนไหนไม่รู้ ถามว่ารักแยมมากไหมเขาตอบไม่ได้ บอกได้แค่ว่าตัวเองสบายใจและมีความสุขที่มีคนๆนี้อยู่ข้างๆ อีกอย่างเขารู้สึกว่าตัวเองไว้ใจและเชื่อใจได้ว่าแยมจะไม่ทิ้งเขาไป

    “เลิฟส่งแยมแค่นี้ก็พอ” แยมว่าแล้วเดินไปเลยโดยไม่ได้หันมาร่ำลาอะไรกับเลิฟแบบทุกที เลิฟเองก็รู้สึกแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเพราะคิดว่าแยมคงเครียดเรื่องเรียน ก่อนที่ตัวเองจะหันหลังกลับบ้านเหมือนกัน

   เช้าวันต่อมาเลิฟไปรับแยมที่หน้าปากซอยเหมือนปกติ แต่รอนานพอสมควรก็ไม่เห็นว่าแยมจะเดินออกมา ตัดสินใจเดินไปหาที่หน้าบ้านตะโกนเรียกก็ไม่มีคนตอบโทรหาก็ไม่รับสาย เลิฟก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือซึ่งบอกให้รู้ว่าเขากำลังจะเข้าเรียนสาย เขาเลยเลือกจะไปโรงเรียนแล้วกะว่าตอนเย็นจะมาหาแยมอีกที

    “เฮ้ย!!! มึงใช่น้องไอ้รุตป่ะวะ” เสียงเรียกเลิฟดังขึ้นระหว่างกำลังเดินไปโรงเรียน เลิฟหยุดเดินแล้วหันมามองคนเรียกงงๆ

    “ครับ” เลิฟตอบแล้วใช้สายตาสำรวจคนตรงหน้านิดๆ เขาไม่เคยรู้จักคนท่าทางนักเลงแบบนี้นี่นา

    “พี่ชายมึงให้กูมาตาม” คนตรงหน้าบอกด้วยท่าทางกวนๆก่อนจะหันหลังและเดินนำออกไป เลิฟเองก็ลังเลนิดหน่อยแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินตามไป

    “คิกๆพี่รุตไม่เอานะคะ จั๊กจี๊” เสียงคุ้นหูดังแว่วออกมาจากบานประตูให้ได้ยินแผ่วๆ เลิฟเดินเข้าไปใกล้ประตูด้วยใจสั่นๆฝ่ามือเย็นเฉียบไปหมด

    “แยม....” เลิฟครางออกมาเสียงแผ่ว แววตาไหววูบกับภาพที่ได้เห็น หัวใจเจ็บแปล๊บขึ้นมาทันที ตั้งแต่ตอนไหนตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมเขาไม่รู้เลย

    “เลิฟ!!!” แยมตะโกนชื่อเลิฟออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบลงจากตักของรุตมายืนที่พื้นข้างๆ

    “นี่มันอะไรกันอ่ะแยม” เลิฟถามด้วยเสียงสั่นๆพยายามบังคับน้ำตาไม่ให้ไหล

    “เราขอโทษ” แยมมองมาที่เลิฟด้วยแววตาเสียใจก่อนที่น้ำตาจะไหลลงมา

    “เราเลิกกันเหอะนะ” แยมบอกเลิฟเสียงเบาแต่ได้ยินชัดเจนทุกคน

    “เราไม่ได้รักเลิฟแล้ว...เราขอโทษ” แยมว่าแล้วเดินออกไปพร้อมกับรุต

   เลิฟยืนปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาอย่างไม่คิดจะห้าม เขาจะต้องได้ยินคำขอโทษจากปากคนที่เขารักอีกสักกี่ครั้ง แล้วเขาจะต้องโดนทิ้งให้อยู่คนเดียวแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ จะต้องทำอะไรอีกแค่ไหนคนที่เขารักจะรักเขาบ้าง หรือว่าความจริงแล้วไม่เคยมีใครที่จะอยากอยู่กับเขาจริงๆสักคน

    ‘แม่ครับ....เลิฟต้องอยู่แบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่”


2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนพิเศษ (06/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 06-02-2016 08:03:05
กับดักพิเศษ
- งานบวช -
         


   ปอยืนมองเลิฟที่นั่งง่วนกับการพับอะไรบางอย่างอยู่ที่โต๊ะกระจกหน้าทีวี ขมวดคิ้วเป็มปมนิดๆด้วยความสงสัยก่อนจะเดินมานั่งลงซ้อนทางด้านหลังของเลิฟ แล้วเอามือสอดเข้าไปกอดเอวบางแน่น

             ฟอดดดดดดดดด

   “ทำอะไร” ปอหอมแก้มเลิฟแรงๆทีนึงมองของที่อยู่ในมือเลิฟกับกองเศษเหรียญด้วยความสงสัย เขาเห็นมันนั่งง่วนกับการพับไอ้กระดาษสารพัดรูปร่างนี่เป็นอาทิตย์ละ แต่ไม่เห็นวี่แววว่ามันจะเสร็จสักที

             "คิกๆปออย่าเล่น" เลิฟหยุดมือแล้วก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆด้วยความจั๊กจี๊ แล้วหดคอหนีจมูกโด่งของอีกคนที่กำลังซุกไซร้ซอกคอเขาอยู่

             "มึงทำอะไรกูเห็นนั่งทำมาเป็นอาทิตย์ละ” ปอหยุดการกระทำทั้งหมดของตัวเองแล้วเงยหน้าขึ้นมาถามคนตัวเล็ก

             “เหรียญโปรยทานไง” เลิฟหยุดมือที่นั่งพับกระดาษลงแล้วหันมาส่งยิ้มพร้อมตอบคำถามปอก่อนจะหอมแก้มคนตัวโตคืน

             “เหรียญโปรยทานอะไรวะ” ปอถามต่อด้วยความสงสัย

             “ก็เหรียญที่ต้องให้ปอกับพวกพี่ๆเขาโปรยก่อนจะเข้าอุปสมบทไง”

             "ทำไมมึงต้องพับให้เมื่อยแค่โปรยเหรียญไม่เห็นต้องทำอะไรให้ยุ่งยาก โปรยๆแม่งไปเหอะแล้วนี่มึงนั่งนานขนาดนี้ขาไม่เป็นอะไรนะ” ปอบ่นงึมงำไปเรื่อยก่อนจะก้มมองดูขาของเลิฟด้วยความเป็นห่วง

             “จะบ้าเหรอปอโปรยไปเลยได้ที่ไหนอีกอย่างเลิฟก็ไม่ได้นั่งพับคนเดียวสักหน่อย พี่ของขวัญกับเอยก็ช่วยด้วยไหนจะพี่โชนอีก แล้วก็ไม่ต้องห่วงถ้าปวดขาเลิฟก็หยุดพักไม่ได้ฝืนอะไร” เลิฟบอกปอยิ้มๆก่อนจะประคองฝ่ามือหนามาลูบเล่นเบาๆเป็นเชิงปลอบใจ เขารู้ว่าปอยังคงรู้สึกผิดเรื่องขาของเขายังโทษตัวเองตลอดจนถึงตอนนี้ ทั้งๆที่เขาบอกไปแล้วว่ามันไม่ใช่ความผิดของปอเลย

             “ตามใจมึงแต่อย่าฝืนละกันรู้ใช่ไหมว่ากูเป็นห่วง” ปอว่าแล้วกดริมฝีปากลงที่ข้างขมับเลิฟ

             "อือ” เลิฟรับคำก่อนจะหันไปจูบปลายคางปอคืน แล้วก็หันมาตั้งหน้าตั้งตาพับเหรียญต่อ

             สาเหตุที่ทำให้เลิฟต้องมานั่งพับเหรียญโปรยทาน เพราะสิ้นเดือนนี้ปอจะบวชเพื่อทดแทนบุญคุณพ่อแม่ จริงๆก็ไม่ใช่แค่ปอหรอกที่บวชสามพี่น้องป. ปลาตั้งใจบวชพร้อมกันทั้งหมด รวมทั้งเดอะแก็งส์เพื่อนๆของปอด้วย (ยกเว้นพี่ฝุ่นเพราะบวชไปแล้วก่อนหน้านี้) แถมยังนัดรวมตัวบวชวันเดียวกันการเตรียมงานเลยค่อนข้างวุ่นวาย เพราะจำนวนคนที่จะบวชมีเกือบสิบคน

             นึกไปแล้วก็ขำไม่น้อยเลิฟยังจำได้ติดตา ว่าวันที่ปอกับพวกพี่ชายเดินเข้าไปบอกพ่อกับแม่ว่าจะบวช แม่ปิ่นถึงกับนั่งน้ำตาไหลส่วนพ่อปรีชาอ้าปากค้างตะลึงพูดไม่ออก และวันต่อมาพ่อกับแม่ก็เอาฤกษ์มาให้ดูชนิดที่ว่ารวดเร็วทันใจ สงสัยพวกท่านจะตื้นตันใจจริงๆที่ลูกชายบวช แถมยังบวชพร้อมกันทุกคน

             ถ้านับตามอายุของปอและก็คนอื่นๆคงต้องบอกว่าบวชช้าไปหน่อย แต่ถึงจะบวชช้าหรือบวชเร็วถ้าตั้งใจทำอะไรมันก็ดีทั้งนั้น อีกอย่างก็เป็นความตั้งใจของปออยู่แล้วที่จะบวชตอนเรียนจบ

             ปอพึ่งเรียนจบไปเมื่อต้นปีด้วยดีกรีวิศวะเกียรตินิยมเหรียญทอง ซึ่งเจ้าตัวไม่ได้แสดงอาการดีใจอะไรออกมาเลยสักนิด แต่เป็นเลิฟต่างหากที่ดีใจแทนเจ้าตัวอย่างออกหน้าออกตา เพราะตัวเองยังเรียนไม่จบคงต้องรออีกสักสองปีเนื่องจากต้องดร๊อปเรียนไป ส่วนสาเหตุเลิฟไม่ค่อยอยากจะพูดถึงเท่าไหร่นัก เพราะทุกครั้งที่พูดขึ้นมาปอจะต้องทำหน้าเศร้าทุกที

             “นั่งทำอะไรน่ะลูก” คุณปิ่นแก้วที่เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นเอ่ยปากถามแล้วนั่งลงบนโซฟาใกล้ๆปอ

             "พับเหรียญโปรยทานครับแม่ปิ่น” เลิฟส่งยิ้มให้แล้วยื่นเหรียญที่พับเสร็จเรียบร้อยให้ดู

             "ขยันนะเราอยากทำให้พี่เขาเหรอ” คุณปิ่นแก้วส่งยิ้มอ่อนโยนให้เลิฟแล้วเอามือลูบหัวเบาๆด้วยความเอ็นดู

             "แล้วเราน่ะมานั่งกวนอะไรน้อง” คุณปิ่นแก้วหันมาถามปอที่นั่งนัวเนียเลิฟบ้างพร้อมส่งยิ้มละมุนให้ลูกชาย

             "กวนที่ไหนครับแม่ผมนั่งเป็นกำลังใจให้ต่างหาก” ปอว่าหน้าตายกดจมูกลงบนด้านหลังคอของเลิฟด้วยความหมันเขี้ยว

            "ปอ!!! แม่นั่งอยู่” เลิฟเอ็ดขึ้นมาเสียงไม่ดังมากนัก ก่อนจะหน้าแดงก่ำด้วยความอาย
 
             "แม่ไม่ว่าหรอกเนอะ” ปอหันมาส่งยิ้มกวนๆให้แม่

             “จ๊ะแม่ไม่ว่าเอาให้พอใจเลยลูก” คุณปิ่นแก้วพูดขึ้นอย่างเข้าใจเพราะรู้ดีว่าลูกชายรู้สึกยังไง คงจะอยากอยู่กับคนรักให้มากที่สุดก่อนจะถึงวันบวช คนมีห่วงเป็นอย่างนี้กันทุกคน ยิ่งกับลูกชายของท่านที่แทบจะไม่เคยห่างคนรักคงไม่ต้องพูดถึง ท่านเลยอยากให้ลูกใช้เวลาที่เหลือนก่อนจะต้องตัดเรื่องทางโลกให้เต็มที่ เพื่อเจ้าตัวจะได้ก้าวขาเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์อย่างสมบูรณ์ 

             "งั้นแม่ไม่กวนแล้วจ๊ะเราสองคนก็อย่านอนดึกนะลูก ส่วนปอพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปเรียนกับพระอาจารย์นะอย่าลืมล่ะ” คุณปิ่นแก้วหันมาบอกก่อนจะเดินกลับขึ้นไปข้างบน

             “ครับแม่...ฝันดีนะครับ” ปอขานรับคำของแม่เล็กน้อยก่อนจะนั่งมองเลิฟที่ตั้งหน้าตั้งตาพับเหรียญต่อไป

             ปอพาเลิฟกลับมานอนที่บ้านใหญ่ได้เดือนนึงแล้ว ปกติก็จะนอนที่บ้านตัวเองแล้วกลับมานอนที่บ้านใหญ่เฉพาะเสาร์อาทิตย์เท่านั้น แต่รอบนี้คงอยู่กันนานหน่อยเพราะมีเรื่องต้องทำเยอะ แถมไอ้ตัวเล็กของเขามันก็อยากจะช่วยและโคตรกระตือรือร้น ไปเดินดูของที่จะใช้ในงานกับแม่เขาทุกวันสนุก สนานจนลืมผัวตัวเองเลยล่ะ 

             ทางฝั่งพวกเพื่อนเขาก็ยุ่งไม่แพ้กัน ลุงชาญพ่อไอ้ต้ามาปรึกษาเรื่องงานกับพ่อแม่เขาไม่เว้นวัน ด้านไอ้โชนก็ทำตัวยุ่งไม่ต่างจากเมียเขามันก็คงตื่นเต้นที่ไอ้ต้าจะบวชล่ะมั้ง ส่วนไอ้กิงมันไม่มีญาติผู้ใหญ่เหลือแล้วก็ได้พ่อกับแม่น้องเอยคอยจัดการเรื่องงานให้

             เหตุผลหลักๆในการบวชครั้งนี้ของพวกเขานอกจากบวชทดแทนบุญคุณบุพการีแล้ว อีกเหตุผลคือตั้งใจอยากขอขมาผู้ใหญ่ที่ทำตัวให้ผิดหวัง โดยเฉพาะการที่เกิดมาเป็นลูกผู้ชายและมีหน้าที่ต้องสืบสกุล แต่กลับพากันฝืนธรรมชาติไปมีแฟนเป็นผู้ชายหมด ถึงจะไม่โดนต่อว่าแต่พ่อแม่ก็คงเสียใจไม่น้อย

   "ไปนอนได้ละพรุ่งนี้ค่อยมาทำต่อ” ปอว่าแล้วดึงคนตัวเล็กให้ลุกขึ้น

             “อือ” เลิฟเองก็ยอมวางมือโดยดีแล้วเก็บทุกอย่างให้เข้าที่เตรียมตัวไปเข้านอนพร้อมกัน จริงๆพรุ่งนี้เขาไม่ได้มีธุระหรือวางแพลนจะไปไหน นอนดึกกว่าเดิมก็คงไม่เป็นไร แต่ว่าปอต้องตื่นแต่เช้าไปเรียนพระธรรมก่อนบวช เขาเลยต้องรีบเขานอนไม่งั้นคนตัวโตก็จะนั่งเฝ้าเขาอยู่แบบนี้ไม่ไปไหน

...
...
         
             วันนี้ค่อนข้างจะยุ่งมากเป็นพิเศษเพราะเป็นวันที่ทุกคนรอคอย ตอนเช้าแขกเหรื่อที่มาร่วมงานทั้งหลายต่างร่วมใจกันปลงผมนาค เพื่อเตรียมตัวส่งบุคคลอันเป็นที่รักเข้าไปอยู่ภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์ 

            ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ส่งการ์ดเชิญไปให้กับบุคคลต่างๆ บอกขออโหสิ กรรมให้กับตัวเอง รวมทั้งยังถือพานไปกราบขอขมาพ่อแม่เป็นที่เรียบร้อย เพื่อที่ จะได้บวชอย่างไม่มีห่วงอะไร

             หลังจากที่ปลงผมนาคเสร็จทุกคนก็มาช่วยกันเตรียมอาหารคาวหวานต้อนรับแขกที่มาร่วมงาน ร่วมทั้งเตรียมของเพื่อรับขวัญนาคในตอนเย็นอีกด้วย เป็นวันที่เหนื่อยแต่ไม่มีใครปริปากบ่นเพราะต่างก็พากันอิ่มเอมใจ

             งานบวชของปอและคนอื่นๆตกลงจะจัดกันทั้งหมดสองวัน โดยวันนี้เป็นวันแรกหรือที่เรียกกันว่าวันสุกดิบ หลังจากปลงผมนาคเสร็จแล้วก็จะต่อด้วยการรับขวัญนาคในตอนเย็น 

         นาคทุกคนในวันนี้ตั้งใจบวชกันคนละ 1 พรรษา (3 เดือน) เพื่อจะได้ศึกษาพระธรรมและผลบุญจะได้ส่งถึงบิดามารดา รวมถึงบุคคลอันเป็นที่รักมากที่สุดตามความเชื่อของคนไทย

             ตกเย็นพิธีรับขวัญนาคก็เริ่มขึ้นอย่างเรียบง่าย ทุกอย่างดำเนินไปเรื่อยๆตามพิธีกรรมอันมีกันมาช้านาน จนถึงขั้นตอนสุดท้ายที่พ่อกับแม่จะรับผ้าจากมือของนาค แล้วเอาขึ้นไปไว้ที่ห้องนอนเพื่อเป็นการเชิญขวัญนาคมาไว้บ้าน จากนั้นก็ปล่อยให้นาคไปพักผ่อนโดยสั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้นาคมาเจอหน้าคนรัก เป็นการป้องกันไม่ให้นาคไขว้เขว้และผิดความตั้งใจ

             "ไม่อยากจะเชื่อเนาะว่าพวกพี่กิงเขาจะบวชกันได้จริงๆ" เอยที่นอนอยู่ข้างๆเลิฟพูดเสียงเจื้อยแจ้ว

             "นั่นน่ะสิใครจะไปคิดเล่นร้ายกันซะขนาดนั้น" เลิฟเองก็เห็นด้วยกับคำพูดของเอยไม่ว่าใครก็คิดแบบนี้กันทั้งนั้น เพราะหน้าตาของแต่ละคนดูยังไงก็ไม่น่าเข้าถึงพระธรรมได้

             "ว่าแต่พรุ่งนี้เลิฟถือหมอนให้พี่ปอป่ะ" เอยถามต่อถึงงานวันพรุ่งนี้

             "ไม่อ่ะ...เอยถือเหรอ" เลิฟส่ายหัวเบาๆตอบก่อนจะถามกลับไป

             "อือ...ไอ้พี่กิงให้ถืออ่ะพี่โชนก็โดนพี่ต้าบังคับให้ถือ อายคนจะตายผู้ชายด้วยกันมาถือหมอนในงานบวช" เอยบ่นงึมงำด้วยใบหน้าแดงระเรื่อเพราะถ้าตามที่รู้ๆกัน ใครถือหมอนให้นาคในงานบวชแสดงว่าคนนี้คือว่าที่ลูกสะไภ้บ้านนี้แน่ๆ แถมเป็นเจ้าของหัวใจนาค และยังเป็นการประกาศทางอ้อมว่าคนของนาคใครก็ห้ามยุ่ง       
 
   "แล้วทำไมเลิฟไม่เป็นคนถืออ่ะ" เอยถามขึ้นอย่างสงสัยเพราะพี่ปอรักเลิฟจะตายเป็นไปได้ยังไงที่ไม่ให้ถือหมอน

             "ปอให้แม่ปิ่นถือน่ะ" เลิฟบอกเอยยิ้มๆเรื่องนี้ปอบอกกับเขาเองตั้งแต่ก่อนจะจัดงานแล้ว ว่าทำไมถึงไม่ให้เขาเป็นคนถือหมอน

             ทั้งสามพี่น้องตั้งใจให้แม่เป็นคนถือหมอนให้เพื่อระลึกถึงพระคุณของแม่ที่ให้เกิดมา แล้วเปรียบหมอนเหมือนตักของมารดาที่ให้หนุนหนอนในตอนเด็ก และเพื่อเตือนใจตัวเองว่าการบวชนี้พวกเขาบวชเพื่อทดแทนพระคุณผู้ให้กำเนิด

             ส่วนตัวเลิฟกับคนอื่นๆเลยถือของเล็กๆน้อยๆช่วยในขบวนแห่นาควันพรุ่งนี้แทน ของจำเป็นหลักๆก็ให้คนในครอบครัวของนาคเป็นคนถือไป แล้วก็ไม่ต้องห่วงว่าใครจะกล้ามาวอแวกับพวกเขาระหว่างที่คนรักบวช เพราะพ่อปรีชาสั่งลูกน้องมาเป็นไม้กันหมาให้ลูกชายเต็มที่

             วันนี้เป็นวันแห่นาคทุกคนเลยต่างพากันตื่นมาเตรียมงานกันตั้งแต่เช้าตรู่ แขกเหรื่อก็ต่างพากันทยอยมาร่วมงานเรื่อยๆ รวมทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องคณะวิศวะก็แห่กันมาจนแน่นไปหมด 

              พอถึงฤกษ์ดนตรีก็เริ่มบรรเลงขบวนแห่นาคก็เคลื่อนตัว หน้าขบวนแห่พวกบรรดาเพื่อนร่วมสถาบันก็ออกสเต๊ปวาดลวดลายกันเต็มที่ โดยเฉพาะพวกพี่อาร์ตที่ลงทุนเต้นเรียกเสียงฮาทุกคนตลอดทาง จนพีทยืนกุมขมับมองความบ้าของผัวตัวเองอย่างปลงๆ
             งานวันนี้เต็มไปด้วยความสนุกสนานและความสุขใจของคนที่มาร่วม งานกันถ้วนหน้า เมื่อขบวนแห่วนรอบโบสถ์ครบสามรอบก็ถึงคิวของนาคทุกคนที่จะต้องโปรยเหรียญทานแจกแขกที่มาร่วมงานก่อนเข้าโบสถ์

             ทุกคนพากันแย่งรับเหรียญทานที่นาคโปรยมาอย่างสนุกสนาน เพราะถือว่าเหรียญที่นาคโปรยแจกเป็นของสิริมงคล หลังจากแจกหมดแล้วพ่อกับแม่ก็จูงนาคเข้าโบสถ์เพื่ออุปสมบท ส่วนคนอื่นๆก็นั่งรอกันอยู่ทางด้านนอก
 
             เลิฟชะเง้อคอมองเข้าไปในโบสถ์เป็นระยะด้วยความตื่นเต้น ประกอบกับอยากเห็นคนรักในผ้าเหลืองเร็วๆ และไม่นานนักพิธีด้านในโบสถ์ก็เสร็จสิ้น พร้อมกับบรรดาพระภิกษุบวชใหม่ที่ค่อยๆทยอยเดินออกมา

             เลิฟมองพระปออย่างตื้นตันก่อนจะยิ้มบางๆออกมาด้วยความสุข ร่างสูงที่คุ้นเคยยืนสงบนิ่งในผ้าเหลืองหน้าโบถส์ เลิฟเดินเข้าไปหาแล้วทรุดลงกราบที่เท้าของพระอย่างศรัทธา

             "อนุโมทนาบุญครับหลวงพี่" เลิฟเงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยกับพระก่อนจะส่งยิ้มบางๆไปให้

             "อนุโมทนาบุญนะโยม" พระปอเอ่ยออกมาพร้อมส่งยิ้มกลับและมองคนตรงหน้าด้วยแววตาสงบนิ่ง ไม่ได้มองด้วยความร้อนแรงหรือเสน่หาเหมือนก่อน

          เลิฟเองก็มองหน้าพระด้วยความภูมิใจและอิ่มเอิมกับวันนี้ ไม่มีความโหยหาอาวรณ์ใดๆทั้งนั้นจะมีก็คงแค่ความปลื้มปริ่มและตื้นตัน ที่ได้เห็นอีกความสำเร็จในชีวิตของคนที่เขารัก


2 Be Con...
+++++++++++
เอาตอนพิเศษมาเบรกอารมณ์
เด๋วเจอตอนหลัดพรุ่งเ้เน้อ
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 25 - ตอนพิเศษ (06/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 06-02-2016 10:30:55
กว่าจะรักกันได้ ลุ้นค่ะว่าพี่ปอจะโหดขนาดไหน 55
แต่ดีนะโหดกับเลิฟแค่บางครั้ง
ดูอดทนมีสติอยู่นา

ปล. อยากรู้ทำไมพี่รุตถึงเปลี่ยนไป เหมือนว่าเอ็นดูน้องอยู่ดีๆ
ต้องมีจุดเปลี่ยนซิ รอเผือกต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 25 - ตอนพิเศษ (06/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 06-02-2016 11:07:33
 :m16: :m16: :m16: :m16: :m16:อย่าบอกนะว่าไอ้รุตหลงรักน้องเลิฟอะ :m16: :m16: :m16: :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 25 - ตอนพิเศษ (06/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 06-02-2016 13:41:01
 :pig4 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 25 - ตอนพิเศษ (06/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-02-2016 15:22:20
 :beat: :beat: ให้ครอบครัวนั้น
** กว่าจะถึงตอนพิเศษนี้ ไม่รู้ว่าผ่านอะไรมาบ้างนะ อนุโมทนาบุญด้วยแล้วกันสำหรับตอนพิเศษแบบนี้
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 25 - ตอนพิเศษ (06/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 06-02-2016 15:42:08
อ่านรวดเดียวเลย
เม้นรวดเดียวเลยเนอะ.
เรื่องนี้ชอบตอนแรกมากค่ะ เปิดมาน่าสนใจดี
ขอบความกวนประสาทของปอ
ตอนมหาลัยเราว่ามันดูเร็วๆรีบไปนิด. มีจุดที่สามารถใส่ดีเทลได้อีกเยอะ
เช่นตอนเขาแกล้งกันไรงี้555555
คิดว่าน่าจบและรวมเล่มคงรีไรท์เยอะแน่
เรื่องนี้ดีเทลเยอะ
มีเหตุการณ์อะไรเยอะมาก
ตัวละครก็เยอะด้วย. คิดว่าน่าจะมีการปรับอะไรสักหน่อย
ตอนที่ได้เลิฟเป็นเมียนี่ก็ดูเร็วไปนิด และตอนที่น้องรักปอด้วย
มีดีเทลที่ต้องแก้เยอะเหมือนกัน
ตอนที่บอกจะลงประดวดเดือนอีก. เพราะเปิดเทมอผ่านมานานแล้วน่าจะประกวดกันไปแล้ว
เป็นกำชังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 25 - ตอนพิเศษ (06/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 06-02-2016 16:25:34
สนุกดีคะ เป็นกำลังใจใ้ห้นะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 25 - ตอนพิเศษ (06/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 06-02-2016 17:10:02
อ่านรวดเดียวเลย
เม้นรวดเดียวเลยเนอะ.
เรื่องนี้ชอบตอนแรกมากค่ะ เปิดมาน่าสนใจดี
ขอบความกวนประสาทของปอ
ตอนมหาลัยเราว่ามันดูเร็วๆรีบไปนิด. มีจุดที่สามารถใส่ดีเทลได้อีกเยอะ
เช่นตอนเขาแกล้งกันไรงี้555555
คิดว่าน่าจบและรวมเล่มคงรีไรท์เยอะแน่
เรื่องนี้ดีเทลเยอะ
มีเหตุการณ์อะไรเยอะมาก
ตัวละครก็เยอะด้วย. คิดว่าน่าจะมีการปรับอะไรสักหน่อย
ตอนที่ได้เลิฟเป็นเมียนี่ก็ดูเร็วไปนิด และตอนที่น้องรักปอด้วย
มีดีเทลที่ต้องแก้เยอะเหมือนกัน
ตอนที่บอกจะลงประดวดเดือนอีก. เพราะเปิดเทมอผ่านมานานแล้วน่าจะประกวดกันไปแล้ว
เป็นกำชังใจให้ค่ะ
ขอบคุณสำหรับคำติชมนะคะ เรื่องนี้ร่วมเล่มและตีพิมพ์เรียบร้อยแล้วจ้า ไม่ได้มีการรีไรท์อะไรมากมาเลยค่ะ ทุกอย่สงคงเดิมเกือบ 100% เนื้อหาอาจจะดูเร่งรีบ แต่จิงๆคนเขียนวางเรื่องมาแบบนี้เองค่า เลยดูรีบๆไปสำหรับคนอ่าน และไม่ได้เน้นที่เรื่องเรียนสักเท่าไหร่ ไปเน้นเรื่องส่วนตัวซะเยอะ
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 25 - ตอนพิเศษ (06/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 07-02-2016 19:47:00
 :pig4: การที่พ่อกับลูกถอดนิสัยกันมา บางทีก็น่าปวดหัวเนอะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 25 - ตอนพิเศษ (06/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 07-02-2016 22:17:51
 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:เข้ามารออออ :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 25 - ตอนพิเศษ (06/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 08-02-2016 11:17:10
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 25 - ตอนพิเศษ (06/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 08-02-2016 13:57:27
 :L2:

นักเขียนสบายดีไหม ปกติอัพเกือบทุกวัน
เป็นห่วงนะ
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 26 (08/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 08-02-2016 16:14:06
กับดักที่
- 26 -
         


   ทุกอย่างกลับมาเงียบสงบอีกครั้งพร้อมกับสายลมเย็นที่พัดเอื่อยๆกระทบผิวน้ำจนไหวเป็นระลอกคลื่น ปอมองเสี้ยวหน้าของคนตัวเล็กที่นั่งเหม่อลอยเล็กน้อย เลิฟนั่งเหม่อแบบนี้มาสักพักใหญ่ๆแล้วสายตาทอดมองไปไกลเหมือนพร้อมที่จะหายตัวไปได้ตลอดเวลา ไม่รู้สิเขาอาจจะคิดมากไปแต่ใจมันสั่นแบบแปลกๆ

             เลิฟหันกลับมาหาปอแล้วส่งยิ้มบางๆให้แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความเศร้าจนน่าใจหาย ไม่มีการพูดคุยอะไรระหว่างทั้งสองคนมีเพียงความเงียบและดวงตาที่มองกันและกัน กับหัวใจทั้งสองดวงที่เต้นคนละจังหวะ

            หนึ่งดวงเต้นด้วยความสับสนและความไม่แน่ใจ ว่าสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้แค่สนุกกับของเล่นชิ้นใหม่พอเบื่อแล้วก็ทิ้งแบบทุกครั้ง หรือว่าเป็นเพราะหัวใจรู้สึกมากกว่านั้นไปแล้วจริงๆ

             ส่วนอีกดวงเต้นไปด้วยความรักและความหวัง หวังว่ารักครั้งนี้จะไม่หลอกลวงและไม่ทำร้ายกันเหมือนที่ผ่านๆมา หวังว่าสักวันเสียงของหัวใจอีกดวงจะเต้นตรงกันสักที

            "กลับกันเหอะ" เลิฟบอกเสียงสดใสร่าเริงลุกขึ้นยืนแล้วปัดฝุ่นที่กางเกงไปมา ระบายยิ้มออกมาอ่อนๆเหมือนว่าเรื่องที่เล่ามาทั้งหมดไม่ใช่เรื่องจริง ถ้าไม่มีดวงตากลมโตที่แสดงออกให้เห็นชัดเจนคู่นั้น คงไม่มีใครรู้ถึงความเหงาและความเศร้าในใจดวงนี้

             ปอลุกขึ้นยืนตามคนตัวเล็ก แล้วมองหน้าอีกคนด้วยใบหน้าเรียบเฉยกับแววตาที่อ่านไม่ออก เดินเข้าไปหาคนตัวเล็กช้าๆยกฝ่ามือขึ้นประคองแก้มใส ก่อนจะค่อยๆโน้มใบหน้าลงจนริมฝีปากสัมผัสกันแผ่วเบา

             ปอดูดเม้มริมฝีปากบางนิดๆไม่ได้ลึกซึ้งหรือเร้าร้อนแบบทุกครั้ง มันอ่อนโยนปลอบประโลมจนอีกคนรู้สึกได้ ปอกดจูบแบบนั้นสักพักแล้วผละออกมาจ้องตาคนตัวเล็กนิ่งๆ

             "ถ้ามึงอยากร้องก็ร้องออกมา" ปอบอกเสียงเรียบ

            ดวงตากลมโตของเลิฟสั่นระริกทันทีที่ได้ยินปอพูด ทั้งๆที่มันไม่ใช่ประโยคที่อ่อนหวาน อ่อนโยน หรือแม้แต่จะลึกซึ้งอะไร เป็นประโยคคำพูดที่แสนธรรมดาแต่ได้ยินแล้วกลับทำให้หัวใจอบอุ่น จะมีสักกี่คนที่เขาจะอยากเช็ดน้ำตาให้เรา

             "ปอ" เสียงเรียกสั่นๆพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลริน กำแพงความเข้มแข็งที่พยายามสร้างมันพังลงง่ายๆเพราะคนๆนี้

   ปอมองคนตัวเล็กแล้วรู้สึกหน่วงในอก ฝ่ามือหนายกขึ้นเช็ดน้ำตาบนใบหน้าเนียนอย่างอ่อนโยน ก่อนจะดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดปลอบ

             เลิฟยกแขนกอดร่างสูงไว้แน่น ปล่อยน้ำตาให้มันไหลออกมาเรื่อยๆ เพื่อระบายความรู้สึกทั้งหมดออกมา ทั้งชีวิตของเขาเจอแต่ความผิดหวังความรักที่ไม่เคยมีจริงรักใครก็เจอแต่ความเจ็บปวด ทุกคนเลือกที่จะหันหลังให้เขา โดยที่เขาเองไม่เคยรู้ว่าตัวเองผิดอะไร

             มันมีบ้างที่รู้สึกท้อและเหนื่อยใจจนหวาดกลัวกับคำว่ารัก แต่ไม่เคยนึกรังเกียจมันเลยสักครั้ง ยังคงหวังและเฝ้ารอเสมอว่าสักวันจะได้เจอคนๆนั้น คนที่จะอยู่ข้างกันจริงๆสักที

             เขาไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังไม่ว่าจะกับใครทั้งนั้น เขาไม่อยากให้ใครรักเขาเพราะความสงสาร อยากให้รักกันด้วยหัวใจรักที่เขาเป็นเขา แต่กับปอเขายอมเอาความน่าสงสารที่มีเพื่อรั้งให้อีกคนไม่ไปไหน แม้จะได้แค่ความสงสารเขาก็จะยื้อเพื่อไม่ให้เสียมันไป

             รู้ตัวว่าสิ่งที่กำลังทำมันดูโง่และบ้า แต่เขายอมเป็นคนโง่เพื่อที่จะได้ยืนอยู่ตรงนี้ยืนอยู่ข้างๆในสถานะอะไรก็เอา แค่ให้อีกคนไม่ทิ้งและยังใส่ใจกันบ้าง ความรักมันก็มีแค่นี้ไม่ใช่หรอ ถึงมันจะทุกข์มากกว่าสุขสุดท้ายแค่ได้รักก็พอ

...
...
 
             "กูว่ามึงกลับไปนอนดีกว่าไหม" ปอหันมาบอกคนข้างๆที่นั่งสะโหลสะเหลด้วยความเป็นห่วง ดูอาการแล้วไปน่ารอดว่ะครับ

             "ไม่เอาอ่ะเดี๋ยวเรียนไม่ทัน" เลิฟส่ายหัวเล็กน้อยบอกปอด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง ก่อนจะฝืนสังขารเพลียๆเพราะเสียน้ำทั้งคืนก้าวขาลงจากรถ

             ปอมองตามแผ่นหลังเล็กแล้วส่ายหัวหน่ายๆกับความดื้อ เมื่อคืนมันก็แทบไม่ได้นอนจะตายห่าอยู่แล้วบอกให้พักก็ไม่พัก ปอปิดประตูรถแล้วเดินตามคนที่เดินโงนเงนนำหน้า ก่อนจะจูงแขนให้เดินไปนั่งที่โต๊ะตัวใกล้ๆ

             "คืนนี้เอาอีกไหมล่ะมึง" ปอว่ากัดๆก่อนจะยกมือขึ้นอังหน้าผากอีกคน ใบหน้าเนียนที่เคยมีเลือดฝาดตอนนี้ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด

            "อย่าประชดได้ป่ะ" เลิฟว่ากลับก่อนจะฟุบหน้าลงไปบนโต๊ะ

             "ก็นึกว่าชอบเห็นมึงดีใจขนาดนั้น" ปอลูบหัวและใบหน้าของเลิฟเล่นเบาๆ

             "............" เลิฟเลือกที่จะเงียบและหลับตาลงช้าๆ เขาขี้เกียจจะเถียงกับปอเพราะรู้ว่าอีกคนกำลังไม่พอใจ ก็เล่นจิกกัดเขาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนิ

             ปอมองอีกคนที่หลับตาหนีนอนเงียบแล้วก็ถอนหายใจออกมาหนักๆ เมื่อคืนไอ้ตัวเล็กมันหนีไปเที่ยวผับ ก็ไปกับเพื่อนๆมันนั่นแหละว่าจะไม่ให้ไปก็ทำหน้างอจะร้องไห้ แล้วเขาก็เสือกเผอิญติดธุระ (อันนี้ธุระจริงๆครับ) จะไปกับมันก็ไม่ได้เลยต้องปล่อยให้มันไปเที่ยวกับเพื่อน ดีหน่อยที่ไอ้กิงมันตามไปเฝ้าเมียเลยฝากเฝ้ามันเผื่อด้วย

             ไอ้ห่ากิงก็คอยรายงานเป็นระยะว่ามีคนมาจีบไอ้เลิฟ คือไม่รู้ว่าแม่งหวังดีหรือประสงค์ร้ายที่แน่ๆจงใจกวนตีนชัวร์ๆ มันคงกะจะให้เขารีบตามไปเฝ้าไอ้เลิฟแต่เสียใจเขาไม่ดิ้นไปกับแม่ง อีกอย่างผับที่พวกมันไปเที่ยวคือผับพ่อเขา ถ้าใครอยากตายก็ให้พวกมันลอง

             เขากลับมาถึงห้องเกือบตีสอง ได้ยินเสียงคนโอ๊กอ๊ากดังมาจากห้องน้ำข้างในห้องนอนรีบเดินเข้าไปดูก็เห็นหัวไอ้เลิฟกำลังจุ่มชักโครก ทีแรกนึกว่ามันเมาหัวทิ่มกลับมาที่ไหนได้ไปแดกอะไรมาไม่รู้อาหารเป็นพิษ ได้หามกันไปโรง'บาลกลางดึก หมอให้นอนดูอาการคืนนึงมันก็งอแงไม่ยอม สุดท้ายก็สภาพใกล้ตายอย่างที่เห็น

             "ไงวะมึง...อ้าวแล้วนั้นคนสวยกูเป็นอะไร" เสียงอาร์ตแหกปากร้องทักแต่ไกล ก่อนจะรีบวิ่งตาเหลือกเข้ามาหา ทันทีที่เห็นว่าคนนอนฟุบอยู่เป็นใคร

             ปอส่ายหัวหน่ายๆกับรุ่นพี่ตัวเอง นี่ถ้าพี่กลอนกับพี่อ้นอยู่ด้วยโคตรจะปวดหัวล่ะครับ ไอ้ห่าปิงก็อีกคนไม่รู้แม่งจะอะไรนักหนาโอ๋กันฉิบหาย ทุกวันนี้ต้องเจอหน้ามันมาแดกข้าวที่ห้องทุกวัน ไม่รู้ไอ้เลิฟมันใส่ยาเสน่ห์ให้พวกนี้รึเปล่าถึงได้ชอบมันจัง

             หลังจากเห็นอาร์ตคนที่เหลือก็ค่อยๆทยอยตามกันมา ไอ้ห่ากิงเดินจูงมือเมียมันมาด้วย กูได้ข่าวว่าแม่งเรียนคนละคณะ แถมยังอยู่กันโคตรไกลยังอุตส่าห์ไปลากมา

             "มึงทำอะไรน้องกูไอ้เหี้ยปอ" อาร์ตหันมาถลึงตาใส่ปออย่างเอาเรื่อง ส่วนปอได้แต่กรอกตาขึ้นฟ้าเซ็งๆ

             "ทำอะไรล่ะ มันทำตัวเองทั้งนั้นแรดจนได้เรื่อง" ปอว่าเสียงเรียบ นั่งมองพี่ชายนอกไส้ของเลิฟที่คอยถามไถ่ด้วยความหมั่นไส้ ห่วงกันขนาดนั้นเอาไปดูแลเองเลยไหมถ้าคิดว่าได้ไปแบบครบ 32 ล่ะนะ

             "ปอ!!! อย่ามาว่าแรดนะก็ใครใช้ให้ตัวเองไม่ว่างล่ะ" เลิฟเงยหน้าขึ้นมาตวาดปอเสียงเขียวก่อนจะเอาฝ่ามือตบลงไปที่ปากปอแรงๆ เล่นเอาทุกคนที่นั่งร่วมโต๊ะมองหน้ากันเลิ่กลั่กโดยเฉพาะพวกเพื่อนปอ

             ปอมองหน้าคนตบปากตัวเองนิ่งๆ เลื่อนสายตามามองฝ่ามือเล็กที่วางบนปากตัวเอง ก่อนจะจับออกจากปากตัวเองแล้วเงื้อฝ่ามือขึ้นสูง

             "เฮ้ย!! มึงใจเย็นน้องมันไม่ได้ตั้งใจ" ต้าที่นั่งใกล้ปอที่สุดพยายามบอกให้ปอใจเย็นเพราะกลัวว่าปอจะตบเลิฟคืน

             ปอเลยเหลือบตามองต้าแล้วถอนหายใจออกมาเซ็งๆ คือพวกมันคิดว่าเขาเป็นคนยังไงวะ ถึงจะเหี้ยกูก็ไม่ตบเมียตัวเองครับแค่จะดึงปากมันเล่น

             "ปอเจ็บป่ะ" เลิฟถามขึ้นเสียงแผ่ว แล้วมองไปที่ปากปออย่างสำนึกผิด เพราะเมื่อกี้เผลอฟาดซะเต็มแรง

            "กูไม่กล้าเจ็บหรอกเดี๋ยวองครักษ์ของมึงเขาจะรุมกระทืบกู" ปอว่าประชด

             "คิกๆปออ่ะ" เลิฟหลุดขำเพราะนานๆจะเห็นปอประชดสักที คนตัวเล็กยกมือขึ้นกอดปอแล้วเอาหัวถูไปมาอ้อนๆ จนปอต้องหลุดยิ้มออกมาน้อยๆ

             "กูเกลียดแม่ง" อาร์ตว่าเหวี่ยงๆ ทำไมเขาต้องเจอเหตุการณ์หวานๆแบบนี้ทุกทีวะ เจ็บปวดดดด

             "พวกมึงอยู่ด้วยกันมากี่เดือนละวะ" กลอนมองเลิฟที่กอดปออยู่ยิ้มๆ คือแม่งโคตรน่ารัก (หมายถึงน้องเลิฟนะครับ)

             "ถามไมวะ" เป็นอาร์ตที่หันไปถามกลอนด้วยความสงสัย คือมึงจะถามมันไปทำไม มึงอยากจะย้ำว่าตัวเองอกหักมากี่วันแล้วหรอ

             "เสือก!! มึงตอบ" กลอนด่าอาร์ตแล้วหันมาหาปอ ที่ถามไม่ใช่อะไรหรอกแค่อยากรู้ว่ามันเอากันนานแค่ไหนแล้ว

             พวกมันคงไม่รู้ตัวว่าทั้งคณะคุยเรื่องมันสองคนสนุกปาก ก็กัดกันแทบตายเสือกมาได้กันซะงั้น แล้วอีกคนก็หน้าตาดีส่วนอีกคนนี่โคตรเฉิ่ม พวกที่แม่งขายขนมจีบน้องเลิฟเลยจ้องจะแย่งจากไอ้ปอเป็นแถบๆ

             พวกมันคงคิดว่าด้วยสภาพไอ้ปอตอนนี้ (อย่าให้บรรยายหน้ามือกับหลังตีนเวลาอยู่ข้างนอกมหา'ลัยจริงๆ) คงจะแย่งได้ง่ายๆไม่เหนื่อยมากละมั้ง พวกจีบมันก็เลยยังจีบอยู่แบบนั้น ส่วนไอ้ห่าปอก็เฉยสนิทแต่ลองมีใครล้ำเส้นกูว่าได้เลือดแน่ๆครับ

             "จะสามเดือนละครับ" เป็นเลิฟที่ตอบคำถามยิ้มๆ แต่ยังไม่ทันจะได้คุยอะไรกันต่อ พวกนาวก็เดินเข้ามาหาพอดี เลิฟเลยต้องลุกออกไปแต่ก็เซน้อยๆเพราะไม่ค่อยมีแรง

             "ดูมันด้วยนะ" ปอบอกกับนาวแล้วลูบหัวเลิฟเบาๆ วันนี้เขากับไอ้เลิฟมีเรียนคนละตัวกันครับเลยต้องฝากให้น้องนาวดูแลมันแทน

             "มึงเป็นอะไรวะพีทลุกลี้ลุกลน" นาวกันมาถามพีทด้วยความหงุดหงิด เพราะเอาแต่สะกิดเร่งยิกๆให้ไปสักที

             "เดี๋ยวเข้าเรียนสาย" พีทว่าแล้วก็พยายามจะลากแขนนาวกับเลิฟให้รีบไป

             "สายเหี้ยไรอีกตั้งครึ่งชั่วโมง แล้วนี่มึงเห็นไหมว่าไอ้เลิฟไม่สบายมึงจะลากมันทำไม" นาวว่าดุๆ

             "กูขอโทษ" พีทว่าเสียงเบาก่อนจะส่งยิ้มให้ปอที่มองมาแหยๆ คนห่าอะไรวะโคตรน่ากลัว

             "ไปนะ" เลิฟหันมาบอกปอแล้วหันหลังเดินตามเพื่อนไป เอยเองก็เลยไปกับพวกนาวด้วยเพราะยังไม่ถึงเวลาเรียน ส่วนปอก็พยักหน้ารับรู้แล้วกลับมานั่งที่เดิม

             "เออ!! กูนึกขึ้นได้ว่ามีธุระ ไปก่อนนะ" จู่ๆอาร์ตก็พูดขึ้นมาแล้วรีบวิ่งออกไปทิ้งให้ที่เหลือมองหน้ากันงงๆ

             "มันไปไหนวะ" กลอนหันมาถามอ้น ซึ่งอ้นก็ส่ายหัวตอบเพราะไม่รู้ ก่อนจะเลิกสนใจอาร์ตแล้วหันมาหาปอแทน

             "ว่าแต่มึงเป็นแฟนกันแล้วหรอวะ" อ้นถามปอเพราะทุกคนรู้ว่าปอมีอะไรกับเลิฟ แต่ไม่รู้ว่าสองคนนี้มันสถานะไหนกันแน่

             "เปล่า" ปอว่าเสียงเรียบหน้าตาย

            "เฮ้ย!! แต่มึงอยู่กับน้องมันมาจะสามเดือนละนะ" อ้นแหกปากขึ้นด้วยความตกใจ เอาเขาไปกกที่คอนโดตั้งนานเสือกบอกไม่ใช่แฟนกัน

             "แล้วไง" ปอว่าอย่างไม่ใส่ใจ

             "แล้วไม่รู้สึกอะไรบ้างหรอวะ" ฝุ่นพูดขึ้นมาบ้าง

             "ต้องรู้สึกอะไร" ปอถามกลับด้วยท่าทีไม่เปลี่ยนไป แต่ฝุ่นกระตุกยิ้มมุมปากนิดๆคนอื่นอาจจะเชื่อไอ้หน้านิ่งๆนี้ แต่คนที่คบกันมานานอย่างพวกเขารู้ว่ามันไม่ใช่ปกติที่เป็น

              "มึงเปลี่ยนไปนะ" ต้าพูดขึ้นมาบ้าง

              "..........." ปอนิ่งเงียบรอฟังว่าเพื่อจะพูดอะไรต่อ

            "มึงอาจจะไม่รู้ตัวแต่พวกกูดูออก มึงเปลี่ยนไปตั้งแต่อยู่กับน้องมัน"

            "กูก็เหมือนเดิม" ปอทำหน้านิ่งใส่

            "ถ้ามึงว่างั้นพวกกูจะเชื่อ แต่ไอ้หน้าตายๆของมึงมันหลอกพวกกูไม่ได้แบบทุกทีแล้วว่ะ" ต้ายิ้มให้อย่างรู้ทัน

              "สัส" ปอว่าเสียงเข้มแล้วก็ทำหน้าหงุดหงิด จนทุกคนบนโต๊ะหัวเราะกันสนุกสนาน

             "ปากแข็งเข้าไปเหอะ ระวังคนรอมันจะรอไม่ไหว" กลอนทิ้งระเบิดใส่รุ่นน้องอีกลูก ส่วนปอก็ส่ายหัวเบาๆเพราะรู้ตัวว่ากำลังโดนกวนประสาทเข้าให้

             "มันไปไหนไม่ได้หรอก" ปอบอกเสียงเรียบแล้วก้มลงไปกดโทรศัพท์ เพราะข้อความเข้า

            // ปวดหัวอ่ะ (T_T) //    - เลิฟ

             // อ่านแล้วอย่าเงียบดิ //     - เลิฟ

            // ปออ่าาาาาาาาา //     - เลิฟ

             ปอมองข้อความที่เลิฟส่งมายิ้มๆแล้วกดออกจากโปรแกรมแชท ก่อนจะเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าโดยที่ไม่ตอบอะไรกลับไป ไม่มีอะไรครับแค่อยากเห็นมันทำหน้างอๆ

              "ไอ้สัสกูหมั่นไส้" อ้นพูดเหวี่ยงๆใส่ปอ

             "อิจฉาก็หาดิวะ" ปอบอกรุ่นพี่แล้วก็ลุกขึ้นเพราะได้เวลาเรียน

             "เออ!! อย่าให้กูมีนะมึง" อ้นร้องโวยวายตามหลัง

             "พี่อยากมีกับเขาบ้างป่ะ" กิงถามอ้นด้วยความทะเล้น
 
             "ทำไม...จะหาให้กู" อ้นถามกลับด้วยความสนใจ กิงเองก็พยักหน้าให้

             "พี่กลอนไงพี่ เพื่อนกันมันดีนะเว้ย" กิงว่าด้วสีหน้าและน้ำเสียงจริงจัง

              ผวัะ!!!!!

             "ไอ้เหี้ย!!!" ทั้งกลอนและอ้นต่างประเคนฝ่ามือลงบนหัวกิงเต็มแรง แถมยังประสานเสียงให้พรดังลั่น แม่งแนะนำมาได้ให้เอากันเองเนี่ยนะ ขนลุกตายห่า!!! ฟ้าได้ผ่ากันพอดี

...
...
 
            Tru...Tru...Tru...

            เสียงโทรศัพท์ของปอดังขึ้นในบ่ายวันนึง เลิฟชะโงกหน้าไปมองโทรศัพท์บนโต๊ะเพื่อดูว่าใครโทรมา ไม่ได้อยากละลาบละล้วงแต่เป็นเพราะปออยู่ในห้องน้ำ เขาเลยดูจะได้บอกปอถูก

            - ลิซ่า -

           เลิฟมองชื่อที่โชว์บนจอด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก ถึงปอจะบอกว่าเป็นแค่เพื่อนกันแล้ว แต่เขาก็รู้สึกไม่ดีอยู่ดีนั่นแหละ

            "ใครโทรมา" ปอที่พึ่งออกมาจากห้องน้ำถามเลิฟ 

             "คนชื่อลิซ่า" เลิฟว่าเสียงเบา ปอยกคิ้วขึ้นนิดแล้วแววตาเป็นประกาย ก่อนจะคว้าโทรศัพท์แล้วกดโทรออก จากนั้นก็เดินเลี่ยงไปคุยที่นอกระเบียง

             เลิฟมองปอที่ยืนคุยโทรศัพท์สีหน้ามีความสุขด้วยความปวดใจนิดๆ พยายามไม่คิดอะไรมากแล้วหันหน้าหนี เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเห็นแล้วคิดอะไร

            "รออยู่นี้เดี๋ยวกูมา" ปอที่วางโทรศัพท์แล้วเดินกลับมาบอกเลิฟเสียงเรียบ ก่อนจะคว้าเอากุญแจรถแล้วเดินออกจากห้องไป โดยที่ไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้น ทิ้งให้เลิฟนั่งมองตามหลังด้วยความน้อยใจ



2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 27 (08/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 08-02-2016 16:18:38
กับดักที่
- 27 -
         


   เลิฟไม่รู้ว่าตัวเองนั่งรอปออยู่ที่โซฟามานานแค่ไหนแล้ว พอมองออกไปนอกระเบียงก็เห็นว่าฟ้ากำลังมืดลง ปอออกไปตั้งแต่ยังไม่เที่ยงจนตอนนี้ก็ยังไม่กลับและไม่รู้จะกลับมาไหม แต่เพราะอีกคนบอกให้รอเขาเลยยังรอและไม่รู้ต้องรอจนถึงเมื่อไหร่

             เลิฟถอนหายใจออกมาหนักๆ พาตัวเองเดินออกมานั่งที่เก้าอี้นอกระเบียงมองออกไปที่ท้องฟ้ากว้าง มองแสงสุดท้ายของวันที่กำลังจะลับขอบฟ้า ก่อนที่น้ำตาจะไหลลงมาช้าๆ หลังจากที่พยายามห้ามไม่ให้ไหลมาทั้งวัน

             เขาร้องไห้ทุกครั้งเวลาที่ปอไปหาคนอื่น อยากโวยวายอยากหึงหวงแต่ก็ทำไม่ได้เพราะรู้ว่าไม่มีสิทธิ์ อยากระบายให้คนอื่นฟังก็ไม่กล้าเพราะที่เป็นอยู่ทุกวันนี้เขาเลือกเองทั้งนั้น รู้ว่าต้องเจ็บรู้ว่าต้องเสียใจแต่ก็ยังยอมอยู่ที่เดิมเหมือนคนโง่

             "ทำไมต้องรักด้วยวะ" เลิฟพึมพำกับตัวเองเสียงแผ่ว ซุกใบหน้าลงกับหัวเข่ามือสองข้างกำแน่นจนรู้สึกเจ็บ

             หลายครั้งที่ในหัวคิดอยากจะหยุดอยากจะเดินหนีออกมาแต่เป็นตัวเองที่ไม่กล้าพอ เขาเกลียดที่ตัวเองเป็นแบบนี้เกลียดที่ตัวเองอ่อนแอและเกลียดที่รักมากเกินไป เวลาจะรักก็รักเอาง่ายๆเวลาอยากจะเลิกรักทำไมมันไม่ง่ายเหมือนกัน

             ใบหน้าคมเข้มแสดงออกถึงความหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด อยากจะบีบคอยัยจอมจุ้นลิซ่ากับคอไอ้แฟงสุดๆ เป็นเพราะพวกมันสองคนเขาถึงเสียเวลานานขนาดนี้ กว่าจะได้กลับกว่าจะมาถึงห้องก็ปาเข้าไปจะ 2ทุ่มแล้ว

             ปอเสียบคีย์การ์ดเปิดประตูเข้าไปในห้องก็เจอแต่ความมืด เขาวางของในมือลงบนพื้นใกล้ๆก่อนจะปิดประตู มืออีกข้างก็ควานหาสวิตซ์ไฟเพื่อกดเปิด ปอกวาดสายตามองไปทั่วห้องก็ไม่เห็นจะมีวี่แววคนที่เขาบอกให้รอ

             "ไปไหนของมันวะ" ปอพึมพำกับตัวเองก่อนจะตัดสินใจเดินหาตามที่ต่างๆในห้อง ตั้งแต่ห้องครัว ห้องนอน ยันห้องน้ำก็ไม่เห็นเงาคนตัวเล็ก

             คิ้วของปอขมวดเข้าหากันเป็นปม อารมณ์ที่หงุดหงิดเพราะโดนกวนประสาทมา ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปอีกเพราะหาใครบางคนไม่เจอ กำลังจะกดโทรศัพท์โทรออกสายตาก็เหลือบไปเห็นประตูระเบียงห้องนั่งเล่นเปิดแง้มไว้ เขาเลยตัดสินใจเดินไปเปิดประตู แล้วก็เห็นคนที่เขาตามหานั่งเหม่อลอยอยู่

             "มานั่งทำอะไรตรงนี้" ปอทักขึ้นเบาๆ เลิฟเองก็สะดุ้งน้อยๆเพราะมัวแต่เหม่อ หันหน้ามามองปอเหรอหรา

             "มาตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะ" เลิฟถามด้วยความงุนงงเพราะวันนี้คิดว่าปอจะไม่กลับแล้ว

             "สักพักเข้าห้องได้ล่ะอากาศเย็น" ปอว่าเสียงเรียบจริงๆอากาศแม่งไม่ได้เย็นอะไรหรอกครับโคตรจะร้อนเหอะ แต่เพราะไอ้ตัวเล็กมันท่าทางแปลกๆ แล้วระเบียงแม่งก็มืดคือมองหน้ามันไม่ชัดครับ

             "อือ" เลิฟขานรับเบาๆก่อนจะลุกขึ้นเดินตามปอเข้าด้านใน

             "มึงเป็นอะไรแล้วร้องไห้ทำไม" ปอถามเสียงเบาแล้วจ้องหน้าคนตัวเล็กนิ่งๆ มันไม่ได้มีน้ำตาให้เห็นแต่ตามันบวมขนาดนี้ บอกว่าไม่ได้ร้องไห้เขาก็ไม่เชื่อวะครับ

             "เปล่า" เลิฟตอบเสียงแผ่วก้มหน้าไม่ยอมสบตา

             "ถ้ามึงไม่บอกต่อไปนี้กูจะไม่ถามอะไรมึงอีกแล้วนะ" ปอว่าเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยความเด็ดขาด

             "นึกว่าปอจะไม่กลับ"

             "มึงเลยประชดออกไปนั่งร้องไห้ตากยุงข้างนอก" ปอว่ากวนๆ

             "ก็จะไปรู้ไหมเล่าว่าจะกลับมาน่ะ!!" เลิฟว่าเหวี่ยงๆเงยหน้าขึ้นมองปอตาเขียว

             "กูก็บอกอยู่ว่าจะกลับ"

             "ก็เห็นไปเป็นชาติจะรู้ไหมเล่า" เลิฟว่างอนๆใบหน้างอง้ำ

             "เวลากูไม่อยู่มึงก็ร้องไห้ยังงี้ตลอดหรอวะ" ปอว่าเสียงเบายกมือขึ้นลูบแก้มเนียนเล่น

             "........." เลิฟไม่พูดอะไรออกมาแต่แววตาไหววูบ

             "อย่าร้องไห้เพราะคนอย่างกูนักเลย" ปอสบตาเลิฟนิ่ง

             "กูโคตรไม่ชอบน้ำตามึง"

             "ถ้าไม่รักก็ไม่ได้อยากจะร้องให้เสียน้ำตาหรอก" เลิฟพูดประชดอย่างหมั่นไส้ พูดมาได้ว่าไม่อยากเห็นน้ำตาเขาก็ตัวเองไม่ใช่รึไงที่ทำให้ร้องอยู่เนี่ย

             "งั้นมึงร้องไปทั้งชีวิตเหอะ" ปอว่ายิ้มๆแล้วก้มลงหอมแก้มด้วยความหมันเขี้ยว

             เมี๊ยว...เมี๊ยว

            "หือ...เสียงไรอ่ะปอ" เลิฟดันหน้าปอออกจากแก้มตัวเองแล้วถามด้วยความสงสัย หูก็เงี่ยฟังเสียงเมื่อกี้

             เมี๊ยวววววว

             "เสียงแมวนี่ปอ มาจากไหนอ่ะ" เลิฟทำตาโตถามปอ

             "มึงหูฝาด" ปอว่าแล้วจับหน้าเลิฟที่มองซ้ายมองขวาให้หันมามองตัวเอง

             เมี๊ยววววววว

             "นั่นไง!! เสียงแมวจริงๆนะปอ" เลิฟทำตาโตเขย่าแขนปอด้วยความตื่นเต้น

             "ไม่เห็นได้ยิน" ปอเบือนหน้าหนีไปอีกทาง พยายามกลั้นยิ้มกับท่าทางน่ารักๆของเลิฟ

             เลิฟมองท่าทางของปอแล้วขมวดคิ้วเป็นปม ก่อนจะผละออกจากปอแล้วเดินตามหาเสียงของแมว จนเดินมาเจอตะกร้าใบขนาดกลางวางอยู่ตรงหน้าประตูห้อง เลิฟมองมันด้วยความสงสัยก่อนจะนั่งยองๆเปิดฝาตะกร้าดูข้างใน

             เมี๊ยววววววววว

             เลิฟตาโตมองลูกแมวตัวกลมสีขาวในตะกร้าด้วยความงุนงง ก่อนจะระบายยิ้มกว้างด้วยความดีใจ อุ้มแมวน้อยขึ้นมาในอ้อมแขนแล้วเดินมาหยุดยืนตรงหน้าปอ

             "แมวใครอ่ะ" เลิฟถามตาเป็นประกายพยายามกลั้นยิ้มเต็มที่

             "กับข้าวพรุ่งนี้เช้า" ปอว่าหน้าตายแต่ทำเอาเลิฟตาโต

             "พูดจริงพูดเล่นอ่ะ" เลิฟอุ้มแมวน้อยเบี่ยงหลบให้พ้นสายตาปอ

             "ปัญญาอ่อนมานั่งนี่" ปอว่าขำๆแล้วเอามือตบลงที่ตักตัวเองแปะๆ

             "ซื้อให้เหรอ" เลิฟที่เดินมานั่งลงบนตักปอเงยหน้าถามยิ้มๆ

             "แพงนะเนี่ย" เลิฟว่าแล้วเอามือเกาคางแมวน้อยเล่น

             "ใครซื้อให้มึงกูจะมาเก็บตังกับมึงเนี่ย แมวห่าอะไรโคตรแพง" ปอว่าแล้วแบมือมาตรงหน้าเลิฟแบบกวนๆ ไอ้แมวนี่แม่งแพงจริงๆนะครับตอนจ่ายตังถึงกับตาตั้งไม่ใช่ว่าไม่มีปัญญาจ่าย แต่แมวห่าอะไรวะตัวเกือบแสน!! มึงแดกเพชรเป็นอาหารว่างเหรอวะ

             "งั้นเอาคืนไปเลย" เลิฟยู่หน้าทำปากยื่นใส่ปอ

             "งอแงนะมึง" ปอส่ายหัวนิดๆแล้วเอาคางวางบนหัวเลิฟ ส่วนมือก็กอดเอวบางหลวมๆ

             "แล้วไปซื้อที่ไหนอย่าบอกนะว่า" เลิฟหันมาถามแล้วก็ทำตาโตเพราะเริ่มจะเข้าใจอะไรขึ้นมา

             "เออ!! กูไปเอาไอ้แมวนี่ให้มึงนั่นแหละ" ปอบอกเสียงเรียบ เขาโทรหาลิซ่าให้ช่วยหาแมวให้หน่อยเพราะตัวเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกนี้ ยัยลิซ่าเลยจัดการหาให้เสร็จสรรพแถมยังอิมพอร์ตจากนอกอีก เห็นบอกสายพันธ์แท้ลักษณะสวย มีใบรับรองสายพันธุ์เพราะสั่งจากฟาร์มมีชื่อ คือกูไม่สนใจหรอกครับว่ามึงจะมาจากไหน

             แล้วตอนสายวันนี้ยัยลิซ่าก็โทรมาบอกเรื่องแมว เขาเลยรีบร้อนออกมาเอาไอ้แมวนี่ แต่ที่กลับซะมืดเพราะยัยลิซ่าปากสว่างบอกไอ้แฟงเรื่องแมว หลังจากนั้นเลยยาวเพราะไอ้แฟงมันหาเรื่องกวนตีน ลากเขาไปนั่นมานี่จนดึกดื่นเป็นค่าปิดปากเรื่องซื้อแมวให้ไอ้เลิฟ เสียเงินซื้อแมวยังต้องเสียเงินปิดปากไอ้แฟงอีก ซวยฉิบ!!

             "ต่อไปนี้กูจะเลิกเซอร์ไพรซ์อะไรมึงละ กลับมาถึงแม่งเป็นกูเซอร์ไพรซ์เอง" ปอว่าเซ็งๆเพราะกะจะให้มันตกใจเล่นตอนเห็นแมว มันดันร้องไห้เพราะคิดว่าเขาไปนอนกับลิซ่าซะงั้น

             "ก็ใครจะไปรู้เล่า!!" เลิฟว่าเสียงเบาหน้าแดงขึ้นมาเพราะความเขิน ที่ตัวเองเข้าใจผิดจังเบอเร้อ

             "แล้วซื้อให้ทำไมอ่ะ" เลิฟถามด้วยความสงสัย จะว่าเป็นของขวัญวันเกิดก็ไม่น่าใช่เพราะมันยังไม่ถึง

             "แทนแมวมึงที่ตายไง" ปอว่ายิ้มๆ แต่เลิฟถึงกับน้ำตาคลอเขาไม่คิดว่าปอจะจำในสิ่งที่เขาเล่าให้ฟังได้ ตอนนี้โคตรจะมีความสุขเลย

             "ห้ามร้องไม่งั้นก็จะเอาแมวมึงไปโยนทิ้ง" ปอว่าดุๆเพราะเห็นคนบนตักหน้าเบ้เตรียมจะร้อง

             "ไม่ร้องก็ได้" เลิฟว่างอนๆ

             "ถ่ายรูปอัพไอจีดีกว่ายืมโทรศัพท์หน่อย" เลิฟว่าแล้วคว้าเอาโทรศัพท์ปอมาถ่ายรูปก่อนจะอัพลงทันที

             "ไอจีกู" ปอว่าขึ้นมาเพราะคนตัวเล็กอัพรูปลงผ่านไอจีของเขา

             "ปอยิ้มหน่อยดิ ทำหน้าดุว่ะ" เลิฟพูดไปเรื่องอื่นไม่ได้สนใจที่ปอพูดสักนิด จนปอส่ายหัวหน่ายๆอยากทำอะไรให้ทำครับเอาที่มันพอใจ

             "ปอ...." เลิฟเรียกเสียงยานคาง เพราะถือกล้องจะถ่ายรูปสองคนกับหนึ่งตัวนานแล้ว แต่ไม่ได้รับความร่วมมือจากอีกคนเลยสักนิด

             ปอมองหน้างอๆนั้นแล้วก็ขำออกมา ก่อนจะก้มลงไปหอมแก้มนุ่มของอีกคนแรงๆ มือข้างนึงก็เอื้อมไปกดถ่ายรูปด้วยความเร็ว จากนั้นก็แย่งโทรศัพท์ตัวเองคืนมา

             "พอได้ล่ะเลิกเล่น" ปอว่า

             "อือ" เลิฟเองก็ขานรับเบาๆนั่งลูบหัวเกาคางแมวแก้เขิน เมื่อกี้เขาลองวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัวของปอดู ลองอัพรูปผ่านไอจีเตรียมใจไว้ว่าต้องโดนปอด่าแน่ๆแต่ปอไม่ว่าอะไรเขาสักคำ ตอนนี้เขาเลยนั่งยิ้มจนแก้มจะแตกแล้ว

             ฟอดดดดดดดดด

             "ขอบคุณนะพี่ปอ" เลิฟหอมแก้มปอเบาๆก่อนจะนั่งก้มหน้าด้วยความเขิน ไม่บ่อยหรอกนะที่เขาจะเป็นฝ่ายหอมปอก่อน ไม่เคยเรียกอีกฝ่ายว่าพี่ด้วยเขินจนตัวจะไหม้ล่ะ

              "มึงเรียกกูว่าอะไรนะ" ปอถามกลับเพราะไม่แน่ใจว่าตัวเองได้ยินผิดไหม

              "พี่ปอ" เลิฟว่าเสียงแผ่วๆหน้าที่แดงยิ่งแดงเข้าไปอีก

              "หึ หึ มึงไม่ต้องนอนเลยน้องเลิฟยั่วกูดีนัก" ปอว่าเสียงหื่นแล้วอุ้มเลิฟลุกขึ้นยืนเดินไปทางห้องนอน เลิฟที่ถูกอุ้มกระทันหันก็ตกใจจนเผลอปล่อยลูกแมวในมือทิ้ง

              "ปอ...แมว"

              "ช่างมัน" ปอว่าอย่างไม่สนใจอุ้มเลิฟวางลงบนเตียง จากนั้นก็ประกบจูบเร้าร้อนทันที

              ปอดูดเม้มริมฝีปากอิ่มแรงตามสันดานดิบ ก่อนจะส่งลิ้นร้อนเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นเล็กพอจูบจนหนำใจปอก็ผละออกมา มองคนตัวเล็กที่นอนหอบหายใจระทวยริมฝีปากเล็กเผยอออกน้อยๆด้วยแววตาหื่นกระหาย

              เขาจัดการกระชากเสื้อยืดตัวบางออกจากตัวเลิฟแรงๆ จัดการถอดกางเกงขาสั้นออกให้จนเลิฟตัวเปล่าล่อนจ้อน จากนั้นก็จัดการกับเสื้อผ้าตัวเองด้วยความเร็ว ก่อนจะโน้มตัวลงไปซุกไซร้ที่ซอกคอขาว ดูดเม้มแรงๆจนเกิดรอยแล้วจูบไล่ลงมาเรื่อยๆจนเจอยอดอกเล็ก อ้าปากออกกว้างใช้ลิ้นตวัดดูดกลืนจุกนมนั้นเล่นแล้วกัดลงไปแรงๆ

             "อ๊ะ" เลิฟหลุดครางออกมานิดๆเพราะรู้สึกเจ็ปปนเสียวจากการกระทำของปอ

             ปอเลื่อนไปขบกัดใบหูเลิฟเบาๆพร้อมกับแทรกนิ้วเข้าไปทางด้านหลังของเลิฟ ขยับเข้าออกช้าๆแล้วเพิ่มจำนวนนิ้วเข้าไปจากสองเป็นสามตามลำดับ กระแทกเข้าออกถี่ๆจนเลิฟดิ้นพล่าน ริมฝีปากก็ประกบจูบแลกลิ้นจนได้ยินเสียงดัง

             พอเริ่มรู้สึกว่าเข้าที่เข้าทางปอก็เอื้อมมือไปหยิบเจลที่หัวเตียง ถอนนิ้วทั้งสามออกมาแล้วจัดการบีบเจลลงที่ช่องทางรักของเลิฟ จากนั้นก็ชโลมเจลลงบนแก่นกายตัวเองจนมันเยิ้ม ก่อนจะค่อยๆกดตัวเองเข้าไปข้างในช้าๆ

             "อื้อ...เจ็บ" เลิฟครางออกมาเบาๆเพราะรู้สึกเจ็บ มือบางจิกลงบนไหล่ปอเต็มแรง ถึงจะโดนมากี่ครั้งแต่มันก็รู้สึกเจ็บในตอนแรกทุกที

             "อื้อ" เลิฟครางออกมาต่อเนื่องเพราะปอยังคงกดตัวเองเข้ามาเรื่อยๆ ช่องทางรักของเลิฟตอดรัดแก่นกายของปอถี่ยิบ จนตัวเขาแทบจะทนไม่ไหวอยากกระแทกเข้าไปให้รู้แล้วรู้รอด

             "ผ่อนคลายหน่อย อย่าเกร็ง" ปอบอกเสียงพร่า จูบซับไปตามลาดไหล่ ลำคอ ริมฝีปากเพื่อให้อีกคนผ่อนคลาย และเหมือนจะได้ผลเพราะปอสามารถพาตัวเองขยับเข้าไปได้ง่ายกว่าเดิม จนในที่สุดก็เข้าไปได้จนหมด

             "ตอดกูดีฉิบหาย" ปอว่าเสียงพร่า เพราะตอนนี้เขารู้สึกได้ถึงความคับแน่นและแรงตอดรัดทุกทิศทางจากข้างใน ปอดึงตัวเองออกมาจนเกือบสุดความยาวจากนั้นก็กระแทกกลับเข้าไปเต็มแรง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นกระแทก กระทั้นเข้าไปด้วยความเร็ว ซอยถี่ยิบจนเลิฟตัวสั่นคลอนเสียงเตียงขยับโยกดังลั่นเน้นหนักให้รู้ทุกสัมผัส

             "อ๊ะ...อื้อ...ปอ มะ..มันจุก...อ๊าาาา" เลิฟบอกปอเสียงกระท่อน กระแท่น มือบางพยายามดันหน้าท้องปอไว้เพื่อให้ผ่อนแรงกระแทก แต่ก็ต้องร้องออกมาเสียงหลงเพราะนอกจากปอจะไม่ผ่อนแรงแล้ว เจ้าตัวยังใช้มือช้อนเอาขาทั้งสองข้างของเลิฟขึ้น แล้วกระแทกกระทั้นเข้ามาด้วยความแรงมากกว่าเดิม

             "อ๊ะๆๆ" เลิฟครางออกมาไม่หยุดเพราะทั้งเสียวทั้งจุกปนๆกันไป

             "อ๊าาาาาาา" เลิฟครางออกมาอีกครั้งก่อนจะปลดปล่อยออกมา จากนั้นไม่นานปอก็ซอยถี่ๆเน้นหนักสองสามครั้งแล้วปลดปล่อยเข้ามาในตัวเลิฟ

             "แฮ่กๆๆ" เลิฟหอบหายใจเหนื่อยๆเหมือนไปวิ่งมาสิบโล 

             ปอก้มลงจูบปากแดงๆนั่นด้วยความหมันเขี้ยว ก่อนจะจับตัวเลิฟให้พลิกคว่ำลงกับที่นอน โดยที่ยังไม่ได้ถอนตัวเองออก

             "อ๊าาาาาา" เลิฟถึงกับครางออกมาด้วยความเสียวจากการเสียดสี

             "อย่าพึ่งเหนื่อยกูยังไม่อิ่ม" ปอกระซิบข้างหูหื่นๆ ก่อนที่เลิฟจะรู้สึกถึงแก่นกายที่ขยายขึ้นในตัวเขาอีกครั้ง จากนั้นก็รับรู้ถึงแรงดูดเม้มที่แผ่นหลัง พร้อมกับแรงขยับเข้าออกช้าๆ

             "อ๊ะ...อื้อ"

             หลังจากนั้นเลิฟก็ได้แต่ส่งเสียงครางออกมาไม่หยุด เพราะปอเป็นคนพูดคำไหนคำนั้นถ้าบอกว่าไม่ได้นอนทั้งคืน นั่นหมายความว่าถ้าฟ้าไม่สว่างเขาก็ไม่ได้พัก



2 Be Con...
++++++++++
ต้องขอโทษที่อัพช้านะคะ
พอดีว่าติดพันแพ็คหนังสือส่งอยู่
เลยไม่มีเวลามาเปิดคอมอัพให้
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 26-27 (08/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 08-02-2016 18:21:20
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 26-27 (08/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 08-02-2016 20:01:27
เราว่าพี่ปอเอาของมาล่อหลอกน้องเพื่อเอารางวัลใหญ่ละมั้ง
น้องเสียเปรียบตลอดอ่ะ
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 26-27 (08/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-02-2016 20:52:27
ก็ไม่ใช่แฟนไง นี่มันเมีย
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 28 (08/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 08-02-2016 22:34:44
กับดักที่
- 28 -
         


   อ๊อดดดดด...อ๊อดดดดดดดด

             เสียงกดกริ๊งหน้าประตูห้องดังสนั่นทะลุความเงียบ ทำเอาปอที่กำลังหลับเพลินๆต้องงัวเงียลุกขึ้นมา มือหนาขยี้หัวตัวเองจนยุ่งเหยิงด้วยความหงุดหงิด มองไปที่นาฬิกาบนฝาผนังพึ่งจะ 8 โมงเช้า

             "ใครแม่งมาแต่เช้าวะ" ปอว่าอย่างหงุดหงิดลุกลงจากเตียงมาใส่เสื้อผ้าลวกๆ มองกลับไปก็เห็นคนอีกคนนอนหลับตาพริ้มไม่รู้สึกตัวอยู่ ก็ไม่แปลกเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปจะตี 4 แล้ว มึงลุกขึ้นมาไดัมึงก็เก่งละครับ

             ปอเดินออกจากห้องนอนเพื่อจะเปิดประตูด้านนอกให้คนที่มาหา แม่งเคยคิดจะมีความเกรงใจกูบ้างไหม แล้วเวลามาชอบมากันวันที่กูเอาเมียทั้งคืนทุกที ไอ้วันที่เอากันเบาซอฟท์ๆไม่มากันหรอกชอบมาขัดเวลาพักผ่อน อุตส่าห์ว่าวันนี้มีเรียนบ่ายยังจะมีมารผจญ

             ปัง!!!!!!!

             ปอเปิดประตูห้องออกแรงๆแบบให้รู้เลยว่าไม่พอใจ แต่พอเห็นหน้าคนที่ยืนอยู่เท่านั้นแหละเขาแทบจะปิดประตูแล้วเปิดออกมาใหม่ดีๆ

             "คุณนาย" ปอครางออกมาเบาๆ พร้อมกับส่งยิ้มเจื่อนๆไปให้

             "ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะคะลูกแม่มากวนเรารึเปล่าเอ่ย" หญิงวัยกลางคนที่ปอเรียกว่าคุณนายเอ่ยถาม พร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนอันเป็นเอกลักษณ์ส่งมาให้

             "เปล่าครับแม่ เข้ามาข้างในก่อนสิครับ" ปอปรับสีหน้าให้เรียบสนิทเหมือนเดิม ส่งยิ้มอ่อนๆให้คุณปิ่นแก้วแล้วหลบทางให้เดินเข้ามาในห้อง ก่อนจะหันไปถลึงตาดุๆใส่ปรางที่ยืนอยู่ข้างหลังอย่างคาดโทษ

             "เข้ามาสิลูกยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้น" คุณปิ่นแก้วหันกลับมาเรียกลูกทั้งสองคนก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่โซฟา ปอปิดประตูห้องแล้วเดินมาหาคุณปิ่นแก้ว ก้มหน้าลงไปหอมแก้มคนสวยของเขาแรงๆ

             ฟอดดดดดดดดดด

             "คุณนายมาหาแต่เช้ามีอะไรรึเปล่า" ปอถามยิ้มๆมองหน้าที่ยังคงความสวยงามเหมือนยังสาวด้วยสายตาอ่อนโยน แบบที่เจ้าตัวไม่ค่อยให้ใครได้เห็นนอกจากคนพิเศษจริงๆ

            "หืม...แม่มาหาลูกชายตัวเองต้องมีธุระหรอถึงจะเจอได้" คุณปิ่นแก้วว่าขำๆ ยกมือข้างนึงลูบหัวลูกชายคนสุดท้องเล่น

             "คุณนายแม่มาหาปอเพราะเรื่องแมวน่ะ" ปรางบอกพี่ชายแล้วส่งยิ้มทะเล้นให้

             "แมว?" ปอทำหน้านิ่วคิ้วขมวดส่งให้ปราง

             "ก็แมวตัวเป็นแสนไง" ปรางยักคิ้วกวนๆส่งให้

             "ว่าไงปอ...จริงรึเปล่าลูก" คุณปิ่นแก้วหันมาถามลูกชาย เพราะเมื่อวานมีการแจ้งเตือนจากธนาคาร ว่าบัตรเครดิตของลูกชายคนเล็กมีการใช้เงินเกือบแสนในวันเดียว

             ซึ่งมันค่อนข้างผิดสังเกตุเพราะปอไม่เคยใช้เงินต่อวันเยอะขนาดนี้ จนเธอที่เป็นแม่อดห่วงไม่ได้ รีบร้อนมาหาเผื่อลูกชายจะมีปัญหาอะไร พอลองถามจากลูกอีกสองคน ทั้งคู่ต่างบอกเธอว่าปอเอาเงินไปซื้อแมว

             "ไอ้แฟง" ปอพูดเสียงลอดไรฟันก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ เดินเข้าไปในครัวแล้วหิ้วคอลูกแมวเจ้าปัญหาออกมา ก่อนนอนเมื่อคืนเขาเป็นคนเอามันมาขังไว้ในครัวเองแหละ

             คุณปิ่นแก้วมองลูกแมวในมือลูกชายตัวเองอย่างอึ้งๆ เพราะไม่คิดว่าลูกชายจะใช้เงินซื้อแมวจริงๆ คุณปิ่นแก้วหรี่ตามองปอนิดๆแล้วรับลูกแมวมาไว้ในมือ

             "ปอซื้อให้ใครครับ" คุณปิ่นแก้วถามตรงประเด็นไม่อ้อมค้อม เพราะรู้ว่าอย่างปอไม่มีทางซื้อแมวมาเลี้ยงเองแน่ๆ

             "เจ้าของมันนอนอยู่ในห้อง" ปอตอบอ้อมๆไม่บอกตรงๆว่าซื้อให้ใคร
 
             "คุณนายแม่อยากเจอไหม...เจ้าของแมวน่ารักไม่แพ้แมวเลยนะคะ" ปรางถามแม่ด้วยความกระตือรือร้นจนโดนปอหมั่นไส้เขกหัวไปทีนึง

             โป๊กกกกกกกกก

             "โอ๊ย!!! ปอเขกหัวน้องทำไมเนี่ย" ปรางโวยวายเสียงดังส่งสายตาเคืองๆให้พี่ชาย

             "ยุ่ง" ปอว่าปรางเบาๆแล้วทรุดตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามกับแม่

             "แม่ชักอยากเห็นหน้าแล้วสิ" คุณปิ่นแก้วลองเอ่ยเย้าลูกชายเล่นแล้วก็ได้ผล เพราะปอเปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อยก่อนจะกลับมาปกติเหมือนเดิม

             "มันพึ่งนอนไว้วันหลังได้ไหมครับ" ปอพยายามเลี่ยงเพราะเริ่มแน่ใจแล้วว่าแม่ไม่ได้มาหาเขาแค่เรื่องแมวแน่ๆ พวกแม่งไปเล่าอะไรให้แม่เขาฟังวะ ครั้งก่อนก็พ่อไปทีละ

             "หืม...แม่เจอไม่ได้หรอครับ" คุณปิ่นแก้วว่าด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ปกติเธอจะไม่ค่อยได้เห็นลูกชายคนเล็กออกอาการลนลานอะไรแบบนี้หรอกนะ
 
             "สายๆกว่านี้ผมเรียกมันให้ละกัน" ปอจำใจรับปากแม่เสียงเบา

             "โอเคครับงั้นแม่ไม่กวนเราแล้ว ไปนอนเถอะลูกเราเองก็นอนดึกเหมือนกันใช่ไหม" คุณปิ่นแก้วบอกด้วยเสียงอ่อนโยน

             "แล้วคุณนาย" ปอถามแม่ด้วยน้ำเสียงเกรงใจจะให้ทิ้งแม่ไปนอนกกเมียก็เกินไปวะครับ

             "แม่อยู่คนเดียวได้" คุณปิ่นแก้วบอกยิ้มๆแต่พอเห็นว่าปอไม่ยอมขยับ เธอออกปากไล่อีกครั้ง

             "ไปสิลูกไม่ต้องห่วงแม่ เดี๋ยวแม่ให้ยัยปรางอยู่เป็นเพื่อน"

             "อ่า...ครับ" ปอจำใจลุกขึ้นไปนอนตามคำสั่งแม่

             เขาเดินเข้าไปในห้องด้วยความด้วยความสงสัยว่าแม่มาหาทำไมกันแน่ แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก ปอถอนหายใจหนักๆก่อนจะล้มตัวลงนอน แล้วดึงเอาคนตัวเล็กอีกคนมาไว้ในอ้อมแขน ขี้เกียจคิดว่ะครับแม่งปวดหัวตอนตื่นเดี๋ยวก็รู้เองแหละ เอาเป็นว่าตอนนี้ของีบเอาแรงตื่นไปเรียนก่อนละกัน

...
...
 
             เลิฟงัวเงียตื่นขึ้นมาเหลือบมองนาฬิกาเห็นว่าจะเที่ยงแล้ว เขาหันมามองคนตัวโตที่หลับสนิทข้างๆแล้วยิ้มออกมาน้อยๆ ก้มลงหอมแก้มสากเบาๆทีนึงเพราะกลัวอีกคนตื่น ก่อนจะค่อยๆขยับลงจากเตียง

             ทันทีที่เท้าสัมผัสพื้นเลิฟแทบจะยืนไม่อยู่ ขาสองข้างสั่นเล็กเล็กน้อยเพราะความอ่อนแรง เขายืนนิ่งๆอยู่กับที่สักพักก่อนจะค่อยๆเดินไปจัดการตัวเองในห้องน้ำ ตอนนี้สายมากแล้วเขาคงต้องรีบอาบน้ำแล้วออกมาเตรียมอาหารรองท้องก่อนไปเรียน
 
               อาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จก็ไม่เห็นมีวี่แววว่าปอจะตื่น เลิฟขมวดคิ้วนิดๆคนที่ควรจะนอนไม่รู้สึกตัวแบบนี้ควรเป็นเขา
มากกว่านะ

             เลิฟส่ายหัวน้อยๆแล้วหันไปส่องกระจก เห็นรอยแดงที่กระจายอยู่รอบคอก็ต้องถอนหายใจเหนื่อยๆ เขาโดนแซวเรื่องนี้ทุกวันจากทั้งรุ่นพี่ รุ่นเพื่อน แซวจนไม่อยากจะอายละ (แต่ก็อายอยู่ดี) บอกไปเป็นล้านรอบว่าอย่าทำรอย พ่อคุณเลยกัดแทนซะขึ้นรอยฟัน เขาเลยเลิกพูดเรื่องนี้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อายแค่ไหนก็ทนเอาละครับ

             เลิฟเดินออกมาที่ห้องครัวก็ต้องตกใจตาโตเพราะเจอคนแปลกหน้าอยู่ในห้อง ทางด้านอีกคนที่เห็นเลิฟก็ทำหน้าแปลกใจนิดๆ ก่อนจะส่งยิ้มอ่อนโยนเป็นมิตรให้

             "เอ่อ..คุณ..คือ" เลิฟถามเสียงตะกุกตะกักมองผู้หญิงวัยกลางคนที่สวยจัดด้วยความสงสัย หวังว่าคงไม่ใช่หนึ่งในบรรดากิ๊กของปอหรอกนะ ถ้าใช่เขาคงอึ้งจนไม่รู้จะพูดอะไรต่อ

             "แม่เป็นแม่ของปอจ๊ะ" คุณปิ่นแก้วว่ายิ้มๆส่วนมือก็สาละวนกับการทำอาหาร

             "แม่!!!" เลิฟถึงกับหลุดตะโกนเสียงดังหน้าตาเหลอหลาช็อคยิ่งกว่าบอกว่าเป็นกิ๊กปออีก แล้วแม่ปอมาทำไมล่ะ

             "จ๊ะ มีอะไรรึเปล่าเอ่ย" คุณปิ่นแก้วขำนิดๆกับท่าทางของเลิฟ

             "ปะ..เปล่าครับ" เลิฟว่าเสียงแผ่ว

              "แล้วเราชื่ออะไรจ๊ะเป็นอะไรกับปอ" คุณปิ่นแก้วชวนคุยเรื่อยๆ แต่ไม่ได้หันมามองเลิฟเพราะกำลังคนแกงในหม้อ

             "เอ่อ...คือ..." เลิฟถึงกับติดอ่างไม่รู้จะตอบแม่ของปอว่ายังไง จะบอกว่าแฟนก็ไม่ใช่จะตอบตรงๆว่าคู่นอนก็กลัวจะรับไม่ได้จนช็อค โอ๊ย!!!! เลิฟเครียดครับ

             "ว่าไงจ๊ะ" คุณปิ่นแก้วปิดเตาแก๊สแล้วหันมาถามเลิฟอีกรอบ เลิฟมองใบหน้าสวยที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนก็ได้แต่ส่งยิ้มแหยๆให้ ก่อนจะเอ่ยปากตอบเสียงแผ่ว

             "ชื่อเลิฟครับ เป็น..เอ่อ..รุ่นน้องพี่ปอ" เลิฟก้มหน้าหลบสายตา เขาเสียใจนิดๆที่ต้องโกหกผู้ใหญ่ แต่ก็คงดีกว่าพูดความจริงละมั้ง

             "รุ่นน้องเหรอจ๊ะ" คุณปิ่นแก้วแก้วถามยิ้มๆ

             "ครับ...คุณน้ามีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ" เลิฟรีบเปลี่ยนเรื่องเพราะทำตัวไม่ถูกกับสายตาที่มองมาของแม่ปอ

            "เรียกแม่ก็ได้จ๊ะ" คุณปิ่นแก้วบอกอย่างอ่อนโยน

             "น้องเลิฟมาช่วยแม่ยกอาหารออกไปที่โต๊ะแล้วกัน"

             "ครับคุณแม่" เลิฟพูดเสียงแผ่ว รู้สึกเต็มตื้นขึ้นมาในอกอย่างบอกไม่ถูก นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้พูดคำๆนี้ คำว่า 'แม่'

...
...
 
             เสียงหัวเราะคิกคักที่ดังแว่วมาจากด้านนอก ทำเอาปอที่กำลังรีบร้อนออกไปชะงักฝีเท้าลง เขาตื่นขึ้นมาได้สักพักแล้วไม่เห็นคนตัวเล็กข้างๆ เลยรีบลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว กะว่ายังไงคงเห็นมันนั่งตัวลีบแน่ๆแต่ผิดคาดเพราะคนที่คิดว่าจะขวัญเสีย ดันนั่งหยอกแมวคุยหัวเราะคิกคักกับแม่และยัยปรางซะงั้น

             "อ้าวปอ...ตื่นนานรึยังลูกแม่กำลังว่าจะให้น้องเลิฟเข้าไปตามพอดี" คุณปิ่นแก้วเอ่ยทักลูกชายเป็นครั้งที่สองในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

             "สักพักครับแล้วนี่ทำอะไรกัน" ปอถามออกมาก่อนจะมองเลิฟที่นั่งลูบหัวลูกแมวไม่สนใจเขาอยู่

             "แม่พึ่งจัดโต๊ะเสร็จน่ะกำลังจะไปตามเราก็มาพอดี" คุณปิ่นแก้วว่ายิ้มๆ

             "ครับ" ปอตอบรับแบบขอไปที ก่อนจะเดินมานั่งลงข้างๆเลิฟ เอามือคว้าลูกแมวออกจากตักเลิฟแล้วปล่อยมันลงที่พื้น ส่วนเลิฟได้แต่มองการกระทำของปอด้วยความไม่เข้าใจ

             "มีอะไรกินบ้าง" ปอไม่สนใจท่าทีสงสัยของเลิฟ แต่เอ่ยปากถามหาของกินแทน

                "แม่เขาทำกับข้าวไว้บนโต๊ะอ่ะ" เลิฟหันมาตอบปอ

               "แม่? มึงเรียกใครแม่" ปอทำหน้างงๆใส่เลิฟ

             "ก็แม่ปิ่นแม่ของปอไง" เลิฟอ้อมแอ้มตอบเสียงแผ่ว

             "อ้อ" ปอพยักหน้ารับรู้แล้วลุกขึ้นลากแขนเลิฟไปนั่งที่โต๊ะกินข้าว โดยมีสายตาคุณปิ่นแก้วมองอยู่ตลอดเวลา

             คุณปิ่นแก้วนั่งมองลูกชายตัวเองกับเพื่อนรุ่นน้องกินข้าวแล้วก็ยิ้มออกมาบางๆ เพราะเห็นว่าปอกำลังบังคับให้น้องกินเข้าไปเยอะๆ

             "ปกติปอไปกินข้าวที่ไหนล่ะลูก" คุณปิ่นแก้วเอ่ยถามออกมา

             "ถ้าตื่นสายก็ที่มอครับแม่ถ้าไม่สายมันก็เป็นคนทำ" ปอตอบออกไปแบบไม่ได้คิดอะไร แต่คุณปิ่นแก้วถึงกับเงียบและนิ่งคิดไปพักนึง

             "งั้นแสดงว่ารุ่นน้องของปอก็มาค้างบ่อยสินะ" คุณปิ่นแก้วถามเสียงเรียบ ก่อนจะจ้องหน้าลูกชายนิ่งๆ

             บรรยากาศโดยรอบเริ่มกระอักกระอ่วน มีเพียงแค่ความเงียบที่ปรากฎออกมา เลิฟเองก็ถึงกับสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินคำถาม เหงื่อเริ่มซึมออกมาตามหน้าผากและมือเต็มไปหมด

             "เอ่อ...ผมอิ่มแล้วขอไปเก็บของเตรียมตัวไปเรียนก่อนนะครับ" เลิฟพูดขัดจังหวะเสียงดังก่อนจะรีบร้อนลุกออกจากโต๊ะแล้วเดินเข้าห้องนอนไป

             "คิก" คุณปิ่นแก้วถึงกับหลุดขำอย่างห้ามไม่อยู่กับท่าทางของเลิฟ

             "ว่าไงละลูกน้องมานอนบ่อยไหม" คุณปิ่นแก้วกลับมาถามต่อ

             "........." ปอเลือกที่จะเงียบและตั้งหน้าตั้งตากินข้าว คุณปิ่นแก้วได้แต่ถอนหายใจและไม่เซ้าซี้อะไรต่อ

             ผ่านไปสักพักก็ถึงเวลาที่คุณปิ่นแก้วจะกลับ ปอกับเลิฟเลยเดินมาส่งคุณปิ่นแก้วที่รถ ระหว่างทางก็มีเสียงพูดคุยของคุณปิ่นแก้วกับเลิฟเป็นระยะ

             "เลิฟลานะครับคุณแม่" เลิฟว่าเสียงแผ่วก่อนจะสวมกอดคุณปิ่นแก้วแน่น แล้วผละออกไปนั่งรอปอในรถเพื่อรอไปเรียน

             ตอนนี้เหลือแค่สองแม่ลูกที่ยืนมองหน้ากันเงียบๆ โดยที่ทั้งคู่ยังไม่ใครยอมพูดอะไรออกมา จนสุดท้ายก็เป็นคุณปิ่นแก้วที่เปิดปากพูดก่อน

             "รุ่นน้องปอคนนี้ไม่เหมือนเพื่อนคนอื่นๆเลยนะลูก" คุณปิ่นแก้วพูดเรื่อยๆเหมือนไม่มีอะไร

            "แค่รุ่นน้องจริงรึเปล่า" คุณปิ่นแก้วถามตรงประเด็นทันที จริงๆวันนี้เธอไม่ได้คิดว่าจะมาเจอเลิฟแต่มาเพราะห่วงลูกชายจริงๆ แล้วก็บังเอิญได้เจอก็เท่านั้น

             "......." ปอยังคงเงียบไม่ตอบอะไรทั้งนั้น จนคุณปิ่นแก้วส่ายหัวหน่ายๆ

             "ปากหนักเหมือนพ่อจริงๆระวังนะลูกอีกคนเขาจะไม่รอ" คุณปิ่นแก้วว่ายิ้มๆถึงปอจะไม่ยอมพูดอะไร แต่จากพฤติกรรมและสิ่งที่ได้ยินมาจากสามี รวมทั้งการแสดงออกในวันนี้ มันทำใหเธอพอที่จะเดาอะไรๆออก

            ปอขมวดคิ้วกับคำพูดของแม่ สิ่งที่พูดออกมาเหมือนลอยๆแต่ปอรู้ดีว่าหมายถึงอะไร แต่แปลกใจที่แม่ไม่เห็นพูดอะไรมากกว่านี้

             "แม่ชอบนะ" จู่ๆคุณปิ่นแก้วก็พูดขึ้นลอยๆ เล่นเอาปอทำหน้างงใส่

             "น้องเลิฟ...แม่ชอบนะน่ารักดี" คุณปิ่นแก้วส่งยิ้มอ่อนโยนให้

             "หึ ครับ น่ารัก" ปอกระตุกยิ้มมุมปากแล้วเปิดประตูรถให้แม่เข้าไปนั่งข้างใน

             "ทียังงี้ละพูดได้นะลูกชาย" คุณปิ่นแก้วเย้าเบาๆด้วยความหมั่นไส้

             "ขอบคุณครับแม่ กลับบ้านดีๆนะครับ" ปอก้มลงกอดแม่และก็หอมแก้มไปทีนึงด้วยความรัก ถ้าไม่นับไอ้เลิฟก็ผู้หญิงคนนี้แหละมี่เขาหอมแก้มโคตรบ่อย

             "อะไรที่เป็นความสุขของลูกแม่ไม่ห้ามหรอกนะ แต่ขอให้ปอคิดแล้วตัดสินใจให้ดีก็พอ เข้าใจไหมครับ" คุณปิ่นแก้วเอามือลูบหัวลูกชายและพูดด้วยเหมือนตอนที่ลูกเธอยังเป็นเด็กตัวน้อย
 
             "ครับ" ปอว่าก่อนจะผละออกมา แล้วยืนมองรถที่เคลื่อนตัวออกไปจนลับสายตา ก่อนจะเดินกลับมาหาเลิฟที่รถ

             "แม่กลับไปแล้วหรอ" เลิฟหันมาถามปอด้วยแล้วยิ้ม แต่ปอจ้องหน้าเลิฟนิ่งด้วยใบหน้าเรียบเฉย

            "ไม่ชอบให้เรียกแม่เหรอ ขอโทษนะ" เลิฟบอกเสียงแผ่ว ใบหน้าสลดลงคิดว่าที่ปอเงียบเพราะไม่ชอบที่เขาทำตัวตีสนิท

             "กูว่าอะไรมึงรึยังแม่บอกยังไงมึงก็ทำตามนั่นแหละ" ปอส่ายหัวหน่ายๆกับอาการชอบคิดไปเองของเลิฟ แม่งคิดเยอะฉิบหาย

             "งั้นเรียกแม่เหมือนเดิมนะ" เลิฟยิ้มกว้างส่งให้เหมือนเด็กที่ดีใจเวลาได้ของเล่น

             "ปอๆเดี๋ยวเลิกเรียนแวะซื้ออาหารกับของใช้แมวด้วยนะ..." เลิฟยังพูดเจื้อยแจ้วไปเรื่อย

             "อื้อ" เลิฟส่งเสียงออกมาด้วยความตกใจ เพราะจู่ๆปอก็ก้มลงมาประกบจูบเขาเต็มแรง ก่อนจะส่งลิ้นเข้ามาเกี่ยวกระหวัดหยอกล้อ ขบเม้มริมฝีปากบางเล็กน้อยก่อนจะผละออกมา

             "แฮ่กๆ" เลิฟโกยลมหายใจเข้าปอดเพราะเมื่อกี้จูบกับปอไปนานพอสมควร มือสองข้างขยุ้มที่เสื้อนักศึกษาของปอจนยับไปหมด

             ฟอดดดดดดดดด

             "มึงแม่งอันตรายลดๆลงหน่อยก็ได้นะ ไม่งั้นกูคงได้ไล่กระทืบคนไม่หยุด" ปอก้มลงหอมแก้มเลิฟก่อนจะกระซิบแผ่วเบาข้างใบหู ส่วนเลิฟทำหน้างงเพราะไม่เข้าใจว่าปอหมายถึงอะไร

             "สายแล้วเดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน" ปอเปลี่ยนเรื่องพูดแล้วจับสายเบลท์มาคาดให้เลิฟก่อนจะผละออกมา ทิ้งให้เลิฟนั่งทำหน้างงไม่เข้าใจต่อไป

   มันอันตรายจริงๆนะครับไอ้เลิฟเนี่ย ดูอย่างแม่เขาเป็นตัวอย่างแป๊บเดียวยังชอบมันเลย งั้นคงไม่แปลกถ้าเขาจะหลงมันใช่ไหมวะ



2 Be Con...
++++++++++
นิยายเรื่องนี้ของคนเขียน
ที่จริงเขียนจบแล้วนะคะ
ขออนุญาติไม่บอกชื่อเว็บที่ลง (เพื่อให้เกียรติเล้าค่ะ)
แต่คิดว่าเสิร์ชในอากูน่าจะเจอ
และได้ทำการรวมเล่มตีพิมพ์ไปแล้วเน้อ
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
maychty (อ่านว่า แมตตี้)
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 28 (08/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 08-02-2016 23:09:12
 :m1: :m1: :m1: :m1: :m1: :m1: :m3: :m3: :m3: :m3: :m3: :m3: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 28 (08/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-02-2016 05:17:25
หลงเสน่ห์เลิฟไปอีกรายแล้ว
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 29 (09/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 09-02-2016 08:42:23
กับดักที่
- 29 -
         


   ปอนั่งจ้องหน้าลูกแมวที่เขาซื้อมาด้วยความเซ็งสุดขีด นึกย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ประมาณ 2 ชั่วโมง เขาพาไอ้เลิฟไปเดินซื้อของให้ลูกมันไม่รู้บังเอิญหรือฟ้ากลั่นแกล้ง ดันไปเจอไอ้แฟงกับลิซ่าเดินช็อปปิ้งอยู่แค่นั้นยังไม่พอดันไปเจอยัยปรางมาเดินเที่ยว แถมยังไปเจอแก็งส์เพื่อนไอ้เลิฟอีก คือแม่งโคตรจะบังเอิญอะไรขนาดนั้นวะ ถ้าบอกว่าโลกกลมเชื่อจริงจังก็วันนี้แหละครับ

             แล้วเหตุการณ์หลังจากนั้นน่ะเหรอ ความวุ่นวายไงครับคนแม่งโคตรเยอะแถมไม่ยอมแยกย้ายกันไปไหนด้วย จนเขาจะลากไอ้เลิฟกลับแต่มันดันไม่อยากกลับเพราะมันยังไม่ได้ซื้ออะไรเลยซักอย่าง ทีนี้น้องสาวเขามันเลยไล่เขาให้กลับมาก่อนรับปากว่าจะดูแลพี่สะใภ้ให้อย่างดี (ว่าตามที่ยัยปรางพูดครับ)

             คิดว่าเขายอมเหรอครับบอกเลยว่าไม่ เขาจะลากไอ้เลิฟกลับให้ได้ ใครจะยอมให้แม่งห่างหูห่างตา ทีนี้ได้เรื่องเลยครับแม่งหน้างอ ปากยื่น จะร้องไห้ใส่เลยปล่อยให้มันเดินกับทุกคน ส่วนเขาก็กลับมาที่คอนโดนั่งจ้องตากับไอ้แมวตาโตนี่คนเดียว
             "เจ้าของมึงแม่งงี่เง่า" ปอเอานิ้วจิ้มไปที่หัวลูกแมวด้วยความพาล จนมันเซถอยหลังนิดๆ

             ปอลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วส่ายหัวนิดๆ อดขำกับความปัญญาอ่อนของตัวเองไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะหงุดหงิดทำไมทั้งๆที่มันก็ไม่ได้ไปไหน ยัยปรางก็ยังรายงานเป็นระยะว่าทำอะไรอยู่

             ปอเดินไปที่ตู้เย็นตั้งใจว่าจะหยิบเบียร์มากิน แต่เปิดเข้าไปดันเจอแต่นม เขาได้แต่มองด้วยความเซ็งหยิบขวดนมมากรอกปากแก้ความอยากแทน

             มือหนาคว้าโทรศัพท์มากดดู เพราะนึกขึ้นมาได้ว่าน้องสาวตัวเอง ไม่ได้รายงานมาสักพักใหญ่ๆแล้ว กำลังจะกดโทรหาเสียงกริ๊งหน้าห้องก็ดังขัดจังหวะขึ้น

             อ๊อดดดดดดด...อ๊อดดดดดดดดดด

             ปอมองไปที่ประตูอย่างสงสัย เพราะเดาไม่ออกว่าจะมีใครมาหาเขาเวลานี้ ถ้าเป็นไอ้เลิฟกลับมาเขาน่าจะได้ยินเสียงโวยวายของยัยปรางด้วย 

             ปอเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง แล้ววางขวดนมใส่ตู้เย็นไว้เหมือนเดิม ก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้คนที่รออยู่
             "ไอ้ต้า" ปอเรียกเพื่อนด้วยความแปลกใจเพราะไม่คิดว่าจะเป็นต้าที่มาหาตัวเอง

             "นี่มึงแบกอะไรมาเยอะแยะวะ" ปอมองสำรวจเพื่อนด้วยความสงสัย เพราะสภาพต้าตอนนี้คือหอบของพะรุงพะรังเต็มไปหมด

              "รับไปเลยไอ้เหี้ย!! ของเมียมึงทั้งนั้น" ต้าว่าฉุนๆก่อนจะของทั้งหมดใส่มือปอ ส่วนตัวเองก็เดินแทรกเข้าไปนั่งในห้อง

              "ของไอ้เลิฟ? แล้วนี่มันซื้ออะไรเยอะแยะ" ปอถามขึ้นแล้วก็มองของในมืออย่างงงๆ ก่อนจะเดินถือของทุกอย่างมาวางทิ้งไว้กลางห้อง

              "กูจะรู้ไหม อยากรู้มึงก็แกะดู" ต้าว่ากวนๆก่อนจะเดินลุกไปกินน้ำทิ้งให้ปอนั่งสำรวจของที่ต้าหิ้วมา

              ปอเปิดถุงไปเรื่อยๆก็ต้องถอนหายใจออกมา ของที่ไอ้ต้าหิ้วมามีแต่ของแมวล้วนๆ ไม่เข้าใจว่ามันจะซื้อมาทำไมเยอะแยะ ว่าแต่ทำไมเป็นไอ้ต้าที่หิ้วของมาแล้วตัวเจ้าของมันไปไหนล่ะ

             "ไอ้เลิฟอยู่ไหน" ปอเงยหน้าถามต้าที่ยืนพิงตู้เย็นเสียงเรียบ

             "อยู่กับพวกไอ้แฟง"

             "แล้วทำไมมันยังไม่กลับ" ปอถามกลับอย่างสงสัย

             "ก็พวกไอ้แฟงมันไปต่อแล้วลากเมียมึงไปด้วย" ต้าบอกด้วยท่าทีสบายๆ ผิดกลับปอที่ตอนนี้หน้าเริ่มนิ่งสนิทไร้อารมณ์แล้ว

             "ไปไหน" ปอถามเสียงเรียบ

             "ผับxx อย่ามาทำหน้าโหดใส่กู ไปทำใส่ไอ้แฟงนู้น กูแค่โดนใช้ให้เอาของมาส่ง" ต้ารีบบอกเพราะเห็นว่าปอเริ่มทำหน้ายักษ์

             "แล้วมีใครไปบ้าง" ปอถามเรื่อยๆเหมือนไม่มีอะไร แต่ข้างในนี่เหมือนภูเขาไฟปะทุไม่มีผิด

             "ทุกคน นี่ไอ้กิงก็ตามไปเฝ้าเมียละ" ต้าว่าแล้วแอบสังเกตุท่าทางของปอไปด้วย เท่าที่เห็นตอนนี้ไม่รู้ว่าแจ็คพ็อตจะไปแตกที่ใคร ระหว่างไอ้น้องเลิฟกับพวกไอ้แฟงที่ลากน้องมันไป

             "เดี๋ยวกูไปเปลี่ยนชุดแป๊บนึง" ปอบอกแค่นั้นแล้วเดินเข้าห้องนอนไปเปลี่ยนชุด เพราะตอนนี้ยังใส่ชุดนักศึกษาอยู่
             ต้ามองตามหลังเพื่อนตัวเองแล้วทำหน้าสยอง เขาหวังว่าตอนที่ไอ้ปอไปถึง พวกที่แม่งเวียนมาเลี้ยงดริ้งส์ไอ้เลิฟไม่หยุดมันจะไม่มีแล้วนะ เพราะไม่งั้นละก็ได้เกิดเรื่องแน่ๆ
 
             "น้องเลิฟคะทำหน้าดีๆหน่อย พี่อุตส่าห์พาหนีเที่ยวนะ ไอ้ปอจับไม่ได้หรอก" แฟงตะโกนฝ่าเสียงดนตรีบอกเลิฟพร้อมขยิบตาให้ข้างนึง ก่อนจะลุกขึ้นโยกตัวเบาๆตามจังหวะเพลง

             เลิฟได้แต่ส่งยิ้มแหยๆให้แฟงไป จะจับไม่ได้ที่ไหนล่ะเล่นให้ไอ้พี่ต้าหอบของไปเก็บที่ห้องให้แบบนั้น ถ้าปอจับไม่ได้ก็โคตรควายแล้วอ่ะ

             "เฮ้อ...." เลิฟถอนหายใจออกมาด้วยความเซ็ง จริงๆเขาจะกลับหลายรอบแล้วแต่พวกพี่แฟงกับพี่ลิซ่าไม่ยอม บอกว่าให้กลับคนเดียวพวกเขาเป็นห่วง แล้วเขาก็โคตรอึดอัดกับสายตาผู้ชายในผับนี้ แม่งอะไรก็ไม่รู้ส่งยิ้มหวานเยิ้มให้อยู่ได้โคตรจะขนลุกเหอะ บางคนถึงขั้นสั่งเหล้าเลี้ยงกูเป็นผู้ชายนะเว้ย

             มองไปที่ไอ้เอยก็โดนไม่ต่างกันเท่าไหร่ ขนาดไอ้พีทยังไม่รอดเลยครับ สนุกก็แต่ไอ้กั้มเพราะไอ้นี้มันได้หมดขอแค่พอใจ ส่วนไอ้นาวก็แดนซ์กระจายอยู่กลางฟลอร์กับปรางนู้น ดูสนุกสนานกันดีทุกคน คงมีแต่เขาเนี่ยแหละที่นั่งไม่ติดอยากกลับบ้านโว๊ย!!!

             แฟงเหลือบมองเลิฟที่นั่งหน้ามุ่ยแล้วก็ยิ้มขำ จริงๆพวกเธอซื้อของเสร็จตั้งแต่ยังไม่สองทุ่ม แต่นึกอยากแกล้งไอ้ปอขึ้นมาเลยลากเมียมันออกมาเที่ยว กว่าจะลากน้องมันมาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเดี๋ยวโทรขอปอก่อน เดี๋ยวปอว่า เดี๋ยวปอๆจนเธอต้องยึดโทรศัพท์ อะไรมันจะเกรงใจกันขนาดนั้นโคตรอยู่ในโอวาท สงสัยต้องถามไอ้ปอบ้างว่าเอาอะไรให้กินโคตรจะเชื่อง

             หลังจากที่แฟงยึดโทรศัพท์ของเลิฟได้ เธอก็ลากทุกคนมาผับที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งรวมตัวของพวกเกย์และพวกไบเยอะที่สุดทันที จัดการเรื่องที่นั่งเครื่องดื่มอะไรเสร็จสรรพจากนั้นก็รอเวลาดูอะไรสนุกๆ ที่เสี่ยงตายทำขนาดนี้เป็นเพราะยัยลิซ่าคนเดียวจู่ๆก็ดันอยากเห็นไอ้ปอหึงเมียขึ้นมา ไอ้ตัวเธอเองก็อยากแกล้งไอ้ปอเรื่องเลยเหมาะเจาะพอดี

              "เลิฟไม่ดื่มหน่อยหรอ" ลิซ่าที่เดินกลับมาที่โต๊ะยื่นแก้วเครื่องดื่มให้เลิฟ แต่เลิฟส่ายหัวจนผมกระจายจนเธอต้องขำ จริงๆก็พอจะรู้ว่าเลิฟไม่กินเพราะอะไร 'เดี๋ยวปอโกรธ' คำนี้ลอยขึ้นมาทันทีก็เล่นพูดอยู่คำเดียว

            ลิซ่าลอบมองใบหน้าหวานของเลิฟแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ เธอเองก็เคยเป็นหนึ่งในคู่นอนของปอแต่ก็แค่เรื่องบนเตียงเพราะแฟร์ๆทั้งคู่ เธอค่อนข้างรู้ สเปคผู้หญิงของปอพอสมควร ปอชอบคนตัวเล็ก ผิวขาว ที่สำคัญนมต้องโต เพราะงั้นตอนที่แฟงบอกว่าปอเอาเด็กผู้ชายมาอยู่ด้วยเธอเลยค่อนข้างตกใจ ยิ่งพอมาเห็นเด็กคนนั้นก็ยิ่งแปลกใจว่าทำไม

           ผู้ชายตรงหน้าเธอจัดได้ว่าหน้าตาน่ารักมากคนนึง แต่ก็นั่นแหละมันไม่ใช่สเปคปออยู่ดี แล้วปอไม่เคยนอนกับผู้ชายอันนี้ใครๆก็รู้ มันเลยค่อนข้างเหลือเชื่อเข้าไปใหญ่ที่ปอคนนั้นจะมีเมียเป็นผู้ชาย แถมแฟงยังบอกว่าหวงมาก ประกอบกับเรื่องแมวตัวนั้นอีก ทีนี้เธอเลยรวมหัวกับแฟงเพื่อแกล้งปอ ก็มันน่าสนุกจะตายถ้าทำให้ไอ้หน้านิ่งๆนั้นเปลี่ยนสี หมั่นไส้มานานละ

              "พี่ลิซ่ามีอะไรรึเปล่าครับ" เลิฟหันไปถามด้วยความสงสัย เพราะเห็นลิซ่ามองหน้าตัวเองแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
 
             "เปล่าๆพี่ไปก่อนนะ" ลิซ่าว่ายิ้มๆแล้วตบไหล่เลิฟเบาๆ ก่อนจะเดินไปหาพวกปรางเพราะเห็นว่าแฟงเดินกลับมาที่โต๊ะแล้ว จริงๆพวกเธอผลัดกันเดินมาเฝ้าพวกเลิฟไว้ เพราะกลัวว่าจะมีปัญหาทีหลัง

             ดูสลับหน้าที่กันไปนิดแต่ช่วยไม่ได้ก็ผับนี้มันพวกกินกันเองเยอะ แล้วพวกเธอก็ไม่อยากมีเรื่องแค่จะแกล้งปอสนุกๆเท่านั้น เพราะงั้นเลยต้องดูแลคนของเพื่อนดีๆ

             แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าคิดผิดมหันต์เพราะตั้งแต่มาถึง โต๊ะพวกเธอมีผู้ชายแวะเวียนไม่ขาดสาย มองไปรอบโต๊ะตัวเองก็ได้แต่หนักใจ เล่นพาแต่พวกสเปคผู้ชายด้วยกันมานั่งหน้าสลอนเต็มโต๊ะ ภาวนาให้พวกปอมาถึงก่อนจะเกิดเรื่องเถอะ

             "นั่งด้วยคนได้ไหมครับ" เสียงทักจากผู้ชายตรงหน้าทำให้เลิฟขมวดคิ้วนิดๆ ก่อนจะหันมองไปรอบๆโต๊ะเพราะไม่แน่ใจว่าคุยกับตัวเองรึเปล่า

              "ผมหรอ" เลิฟชี้นิ้วมาที่ตัวเอง แล้วทำหน้างงๆใส่ ซึ่งเจ้าตัวไม่ได้รู้เลยว่าไอ้ท่าทางแบบนี้มันโคตรน่ารักในสายตาคนมอง

              "ใช่ครับ ผมชื่อน็อตนะแล้วคุณชื่ออะไร" น็อตถามยิ้มๆแล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเลิฟทันที ไม่ได้สนใจคนร่วมโต๊ะที่เหลือเลยสักนิด

               เขาแอบมองคนตัวเล็กตั้งแต่ตอนเดินเข้ามาในร้านแล้ว คนอะไรไม่รู้แม่งโคตรน่ารักน่าฟัดที่สุด แล้วเท่าที่สังเกตุเขาก็ไม่เห็นคนตัวเล็กจะมีใคร ที่นั่งๆอยู่ก็น่าจะเพื่อนกันทั้งนั้น

              "ไม่ต้องรู้ก็ได้มั้งครับเพราะผมคงไม่ได้มาบ่อยๆพอดีไม่ค่อยชอบเที่ยว" เลิฟบอกเสียงเรียบ เขาไม่ค่อยชอบสายตาไอ้บ้านี้เลยมานั่งทำตาวิบวับกรุ้มกริ้มใส่อยู่ได้

              "คนน่ารักใจร้ายจัง" น็อตส่งยิ้มบางๆให้รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย เพราะปกติถ้าเขามานั่งจีบใครไม่มีคนกล้าปฏิเสธแบบนี้

               "เลิฟ!! กินไรบ้างไหมมึง" นาวที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ตะโกนถามเพื่อนเสียงดัง แล้วก็ต้องหน้าเหวอเพราะเจอสายตาโกรธๆของเลิฟ

               "ไม่แดก!!!" เลิฟตะโกนตอบอย่างหงุดหงิด ก่อนจะหันมาทำหน้าบึ้งใส่น็อต

                "อ่า...ชื่อเลิฟหรอครับ ชื่อน่ารักเหมาะกับการโดนรัก" น็อตพูดกำกวมแล้วจ้องตาเลิฟนิ่งๆไม่ยอมหลบจนเลิฟต้องเป็นคนเบือนหน้าหนีแทน ไม่ใช่เพราะเขินอะไรแต่รู้สึกแปลกๆที่มีผู้ชายมานั่งมองหน้าแบบนี้

               "เลิฟเรียนที่ไหนถามได้ไหม" น็อตพยายามชวนคุยเรื่อยๆ เพราะรู้สึกถูกใจคนตัวเล็กเข้าแล้วจริงๆ ยิ่งเห็นทำหน้าบึ้งไม่พอใจแบบนี้เขายิ่งชอบ

                "ไม่ได้" เลิฟตอบเสียงห้วน ถามมาแล้วเสือกพูดว่าถามได้ไหม ไอ้ประสาท

              "ไม่เป็นไร ผมเรียนปีหนึ่งนะสถาปัตย์ ม.xx" น็อตไม่ถือสากับท่าทางของเลิฟแต่กลับยิ้มอย่างถูกใจ
              "ใครถาม" เลิฟว่าเหวี่ยงๆ

             "เปล่า...อยากบอกน่ะ" น็อตยังคงยิ้มตอบก่อนจะหันไปสั่งเหล้ากับเด็กเสิร์ฟ

             "เมื่อกี้บอกว่าเรียนที่ xx หรอ ม.เดียวกันเลยเราพีท ปีหนึ่งวิศวะ ไอ้เลิฟก็เหมือนกัน" พีทที่นั่งฟังมานานลองชวนคุยบ้าง เพราะรู้สึกชอบใจในความกล้าของน็อต

              "มึงจะบอกทำเหี้ยอะไรเนี่ย" เลิฟว่าพีทอย่างหงุดหงิด

              "เอาน่ามึงไม่มีไรหรอกรู้จักกันไว้ก็ไม่เสียหายนี่หว่า แถมเรียนที่เดียวกัน" พีทพูดขึ้นมาเพราะไม่ได้คิดอะไร แค่คิดว่าทำความรู้จักกันไว้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

              "มึงจะจีบเพื่อนกูหรอวะ" กั้มถามแทรกขึ้นมาแล้วจ้องหน้าน็อตตรงๆ เล่นเอาเลิฟกับพีทหน้าเหวอ เพราะไม่คิดว่ากั้มจะถามอะไรแบบนี้

             "แล้วคิดว่าไงล่ะ" น็อตยิ้มมุมปากแล้วจ้องหน้ากั้มไม่หลบเหมือนกัน

             "หึ ก็ไม่ไงแต่ระวังไว้หน่อยก็ดี" กั้มว่าแล้วยกแก้วเหล้าซัดเข้าปากก่อนจะเลิกสนใจ เพื่อนเขาสองคนแม่งสายแบ้วเขานั่งจีบทั้งคืนมันก็ไม่รู้ตัวหรอกว่าเขาจีบ คิดแต่ว่าตัวเองผู้ชายเหมือนกันคงลืมแล้วมั้งว่าตัวเองมีผัวแล้วทั้งคู่ ฟีโรโมนเรียกตัวผู้นี่โคตรฟุ้งเหอะ

              "เอ่อ...มึงอย่าถือสามันเลยนะไอ้กั้มแม่งปากแบบนี้แหละ" เลิฟหันมาบอกน็อตพร้อมส่งยิ้มแหยๆให้ ไอ้กั้มแม่ง
ประสาทคิดได้ไงว่าไอ้นี่จะจีบเขา ถึงเขาจะเคยโดนผู้ชายจีบแต่มันคงไม่หน้ามืดเหมือนกันทุกคนหรอกมั้ง

             "ไม่ถือสาหรอกก็กั้มไม่ได้พูดอะไรผิด" น็อตบอกพร้อมกับยื่นแก้วเหล้าที่เด็กเสิร์ฟเอามาให้ส่งต่อให้เลิฟ

             ".........." เลิฟได้แต่นั่งเงียบมองหน้าน็อตด้วยความไม่เข้าใจ และก็ยังไม่ยอมรับแก้วเหล้าที่น็อตยื่นให้

             "เลิฟมีแฟนรึยัง" น็อตถามแล้วมองหน้าเลิฟยิ้มๆ

             "ถามทำไม"

             "เราชอบเลิฟ ถ้ายังไม่มีแฟนเราขอจีบ"

             "ห๊า!!!!" ทั้งเลิฟและพีทแหกปากประสานเสียงด้วยความตกใจ ทำหน้าเหวอเหมือนโดนผีหลอก ส่วนกั้มก็นั่งขำอย่างชอบใจ

           "จะจีบมันมึงถามผัวมันรึยัง" เสียงถามเรียบๆดังขึ้นทางด้านหลัง พร้อมกับมือหนาที่เอื้อมมารับแก้วเหล้าจากมือน็อต ยกขึ้นกระดกเข้าปากจนหมดแก้วก่อนจะวางลงบนโต๊ะแรงๆจนเกิดเสียงดัง

            ปึก!!!!!

            ฟอดดดดดดดดดด

            ร่างสูงที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังก้มลงหอมแก้มเลิฟเต็มแรง ก่อนจะผละออกแล้วจ้องไปที่คนข้างหน้าเขม็ง ส่วนอีกคนก็จ้องกลับมาเช่นเดียวกัน

             เลิฟไม่รู้ว่าตอนนี้ปอทำหน้ายังไง เพราะตัวเองนั่งหันหลังอยู่เลยมองไม่เห็น จะเดาจากน้ำเสียงก็ไม่ได้เพราะมันราบเรียบเป็นปกติ ทั้งๆอย่างนั้นแต่เพราะอะไรไม่รู้เขาถึงรู้สึกเสียวสันหลังชะมัด


2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 29 (09/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ouioui ที่ 09-02-2016 09:03:50
 :pig4:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 29 (09/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 09-02-2016 12:38:44
 :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 29 (09/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 09-02-2016 21:48:57
ตามอ่านเรื่องนี้อยู่สองสามวันเห็นจะได้ เพราะว่าแต่ละตอนมันยาวมาก :hao3:
เนื้อเรื่องกระชับดีค่ะ ปุ๊บปั๊บรู้เรื่อง พระนายย้ายมาอยู่ด้วยกันแล้ว
เรื่องเดินเร็ว แต่ก็รู้พื้นเพและที่มาที่ไปของทั้งสองฝ่ายได้อย่างดี
จริงๆก็มีจุดที่สงสัยอยู่นะ เช่นทำไมอยู่ๆพี่ชายที่แสนดีถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้
หรือเช่นคุณพ่อมาแสดงตัวกับเลิฟทำไมในเมื่อไม่ได้รักใคร่อย่างที่ควรจะเป็น :เฮ้อ:
เหมือนกับว่าหาที่ระบายให้ภรรยา เวลาที่ตัวเองไม่อยู่บ้านอย่างนั้นแหละ
เลิฟเป็นเด็กดีที่คิดว่ายังไงก็พ่อ แม้ว่าจะถูกกระทำอย่างนั้นก็ตาม
เพราะเป็นเด็กดีอย่างนี้ก็เลยได้มาเจอพี่ปอ(แม้พี่ปอไม่ได้ดีร้อยเปอร์เซ็นก็เถอะ) :laugh:
เห็นอย่างนี้ก็เบาใจว่าพี่ปอปกป้องน้องเลิฟได้ตลอดรอดฝั่งแน่นอน
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ ชอบเรื่องนี้นะคะ :L2:
ป.ล.นอกเรื่องนิดนึง สอบถามหน่อยค่ะว่ายังสามารถสั่งซื้อหนังสือได้มั๊ยคะ

หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 29 (09/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Raviolie ที่ 09-02-2016 22:43:18
สนุกมากเลยค่าา ^^ จะติดตามตอนต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่าา
ป.ล. น้องเลิฟน่ารักก <3
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 29 (09/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 09-02-2016 23:34:15
ตามอ่านเรื่องนี้อยู่สองสามวันเห็นจะได้ เพราะว่าแต่ละตอนมันยาวมาก :hao3:
เนื้อเรื่องกระชับดีค่ะ ปุ๊บปั๊บรู้เรื่อง พระนายย้ายมาอยู่ด้วยกันแล้ว
เรื่องเดินเร็ว แต่ก็รู้พื้นเพและที่มาที่ไปของทั้งสองฝ่ายได้อย่างดี
จริงๆก็มีจุดที่สงสัยอยู่นะ เช่นทำไมอยู่ๆพี่ชายที่แสนดีถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้
หรือเช่นคุณพ่อมาแสดงตัวกับเลิฟทำไมในเมื่อไม่ได้รักใคร่อย่างที่ควรจะเป็น :เฮ้อ:
เหมือนกับว่าหาที่ระบายให้ภรรยา เวลาที่ตัวเองไม่อยู่บ้านอย่างนั้นแหละ
เลิฟเป็นเด็กดีที่คิดว่ายังไงก็พ่อ แม้ว่าจะถูกกระทำอย่างนั้นก็ตาม
เพราะเป็นเด็กดีอย่างนี้ก็เลยได้มาเจอพี่ปอ(แม้พี่ปอไม่ได้ดีร้อยเปอร์เซ็นก็เถอะ) :laugh:
เห็นอย่างนี้ก็เบาใจว่าพี่ปอปกป้องน้องเลิฟได้ตลอดรอดฝั่งแน่นอน
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ ชอบเรื่องนี้นะคะ :L2:
ป.ล.นอกเรื่องนิดนึง สอบถามหน่อยค่ะว่ายังสามารถสั่งซื้อหนังสือได้มั๊ยคะ

ขอบคุณที่ชอบค่ะ ทุกๆปมในเรื่องจะค่อยๆคลี่คลายไปทีละเรื่องค่ะ
ส่วนเรื่องหนังสือจะเปืดจองรอบสองหลังจากที่อัพนิยายจบ
น่าจะไม่เกินสิ้นเดือนนี้ ไม่งั้นก็ต้นเดือนหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 30 (09/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 09-02-2016 23:38:52
กับดักที่
- 30 -
         


   เขาว่ากันว่าผู้หญิงเวลามีความรักหรือเวลาได้ถูก 'รัก' มักจะสวยขึ้น ไม่รู้ว่าทฤษฎีนี้ใช้กับผู้ชายด้วยได้ไหมแต่ปอคิดว่ามันน่าจะใช้ด้วยกันได้ อย่างน้อยๆก็กับคนตัวเล็กที่นั่งข้างๆเขาเนี่ยแหละคนนึง ตัวอย่างที่พิสูจน์ให้เห็นว่าผู้ชายสวยขึ้นได้จริงๆ

              ตั้งแต่แรกคนรอบข้างก็พูดเข้าหูให้ได้ยินตลอด ว่ามันเป็นผู้ชายหน้าสวยเป็นคนน่ารักเขาเองก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เพราะชีวิตเจอคนสวยน่ารักกว่านี้เยอะแยะแต่ยอมรับว่ามันมีบางอย่างที่ดึงดูด แล้วพอยิ่งโดนกอดมันก็ยิ่งสวยจนบางทีมันก็เป็นปัญหาให้หงุดหงิดบ่อยๆ

              "ปอ" เสียงเรียกอ่อยๆพร้อมกับแรงเขย่าที่แขน ทำให้ปอหลุดจากภวังค์ความคิดของตัวเอง

              "อะไร" ปอถามกลับด้วยเสียงเรียบดวงตาคมดุจ้องไปที่ใบหน้าหงอยๆ จนเลิฟต้องก้มหน้าหลบเพราะเดาอารมณ์จากใบหน้าเฉยชานั้นไม่ได้

              "เฮ้อ...." เลิฟถอนหายใจออกมาพร้อมกับทำหน้ามุ่ย เหลือบสายตามองใบหน้านิ่งสนิทของปออย่างเซ็งๆ

              "เลิฟครับ" น็อตที่นั่งเงียบมานานเรียกเลิฟด้วยเสียงที่ดังพอสมควร เพราะต้องแข่งกับเสียงเพลงที่เปิดอยู่ในผับ

              เลิฟเงยหน้ามองคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามนิดๆแต่ไม่พูดอะไร ส่วนปอที่นั่งข้างๆก็ละสายตาจากเลิฟหันไปมองที่น็อตเช่นกัน

              ปอมองใบหน้าขาวตี๋สไตล์ลูกคนจีนด้วยสีหน้าและแววตาเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ แต่ในใจค่อนข้างหงุดหงิดไอ้หน้าตี๋นี่ไม่น้อย เพราะแทนที่มันจะลุกเดินหนีออกไปตั้งแต่เขาบอกว่าเป็นผัวไอ้เลิฟ มันยังหน้าด้านนั่งอยู่ที่เดิมแบบไม่สะทกสะท้านอะไรสักนิด เรียกว่าไม่สนใจเขาที่นั่งอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำวอนตีนกันฉิบหาย

             "อะไร" เลิฟถามกลับเสียงห้วนเพราะเขาเองก็เริ่มหงุดหงิดไม่น้อย ยิ่งมาเจอปอกดดันด้วยท่าทีเฉยๆแบบนี้ยิ่งหงุดหงิด

              "จะรังเกียจไหมถ้าผมจะขอเบอร์ติดต่อเลิฟน่ะครับ" น็อตพูดออกมาตรงๆและส่งยิ้มให้เลิฟจนตาหยี เขาไม่ได้ตั้งใจจะกวนประสาทหรือยั่วโมโหใครทั้งนั้น ก็ในเมื่อเขาอยากจะจีบอยากทำความรู้จักคนตรงหน้า เขาก็แค่แสดงความรู้สึกออกไปตรงๆไม่เห็นต้องสนใจใคร ถึงแม้จะพอเดาได้บ้างว่าผู้ชายที่พึ่งมาถึงเป็นอะไรกับเลิฟ ก็แล้วยังไงเขาจีบเลิฟไม่ได้จีบแฟนเลิฟ อีกอย่างเขาจะได้เบอร์เลิฟหรือไม่ได้ มันอยู่ที่ตัวเลิฟทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับเขา

              ปอถึงกับหน้าตึงกว่าเดิมเมื่อได้ยินน็อตขอเบอร์เลิฟตรงๆต่อหน้า ความโมโหแล่นขึ้นเป็นริ้วๆในอกมันร้อนรุ่มเหมือนมีไฟมาจุดสุม เขาพยายามบังคับอารมณ์ตัวเองให้สงบหายใจเข้าออกหนักๆเพื่อระบายอีกทาง พยายามตั้งสติไม่ให้ลุกเอาตีนไปยัดปากไอ้เหี้ยนี่ เพราะเขาเองก็ไม่อยากมีเรื่องเท่าไหร่

              ปึก! ปึก!

               ปอเอาขาสองข้างขึ้นไปวางพาดไขว้กันบนโต๊ะกระจกตัวเตี้ยข้างหน้า โดยที่หันฝ่าเท้าไปทางคนตรงข้าม สายตาก็จ้องไปที่น็อตด้วยความดุดัน แขนข้างนึงยกขึ้นไปพาดพนักโซฟาอยู่ในลักษณะเหมือนกอดเลิฟกลายๆ อีกข้างก็ยกบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบแล้วพ้นควันออกจากปากช้าๆ โดยที่ไม่ได้สนใจว่าตรงโซนนี้เขาให้สูบได้รึเปล่า

              "ว่าไงครับเลิฟ" น็อตยังคงตั้งหน้าตั้งตาขอเบอร์เลิฟ โดยที่ไม่คิดจะสนใจท่าทีคุกคามของปอเลยสักนิด

              "อะ...เอ่อ" เลิฟเองก็ถึงกับพูดไม่ออกเพราะไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้

              "44" ปอพูดแทรกขึ้นพร้อมกับพ้นควันสีขาวออกจากปากเรื่อยๆ

              "อะไรนะครับ" น็อตหันมาถามปอด้วยความไม่เข้าใจ เลิฟเองก็มองปอด้วยความงงเหมือนกัน

              "มึงว่ามันใหญ่ไหม" ปอไม่ตอบคำถามแต่เอ่ยปากถามต่อ

              "ห๊ะ" น็อตขมวดคิ้วและส่งเสียงจากลำคอเบาๆ

              "แต่กูว่าจะรู้ว่าใหญ่ไม่ใหญ่ต้องลองเอาไปวัดกับหน้ามึงนะว่าไหม" ปอว่าเรื่อยๆตาก็ยังมองที่น็อตเขม็ง

              "แต่ดูๆไปหน้ามึงก็น่าจะเหมาะกับตีนกูอยู่" ปอยกยิ้มมุมปากนิดๆ

              บรรยากาศโดยรอบถึงกับเปลี่ยนเป็นเย็นเยือกในทันที ทุกคนบนโต๊ะหันมองหน้ากันเลิ่กลัก เพราะไม่คิดว่าปอจะโมโหขนาดนี้ก็เห็นนั่งทำหน้าเฉยๆท่าทางสบายๆมาตั้งนาน

              "มึงเสือกเหี้ยอะไรด้วย" น็อตหันมาพูดกับปอเสียงเข้ม จ้องกลับมาที่ปอด้วยความดุดันไม่แพ้กัน

             "อยากรู้?" ปอถามกลับด้วยน้ำเสียงที่จงใจกวนประสาท ยกขาทั้งสองข้างที่วางบนโต๊ะลง

             "........." น็อตไม่ตอบแต่มองปอด้วยความโมโหที่โดนกวนประสาท

           "หึ" ปอส่งเสียงในลำคอก่อนจะยิ้มเยาะให้น็อต แล้วหันไปพ่นควันบุหรี่ใส่หน้าน็อต จ้องที่หน้าขาวตี๋นิ่งก่อนจะโน้มตัวเข้าไปใกล้ๆ 

             "มึงฟังกูนะไอ้หน้าวอกถ้ามึงยังรักชีวิต และอยากเก็บหน้าตุ๊ดๆของมึงไว้หลอกฟันคนอื่นก็เลิกยุ่งกับคนของกูซะ ไม่งั้นจากที่มึงเคยเป็นผัวคนอื่นมึงอาจจะได้มีผัวเป็นสิบแทน" ปอกระซิบเสียงลอดไรฟันที่ข้างหูน็อตแบบที่ให้ได้ยินกันแค่สองคน น็อตเองพอได้ยินก็ชะงักไปนิดแต่ก็กลับมาทำหน้าตากวนประสาทเหมือนเดิม

             "ยิ่งมึงหวงยิ่งมีค่าให้แย่ง" น็อตเองก็กระซิบตอบปอกลับถึงในใจจะรู้สึกหวั่นๆแต่เขาเองก็มีดีพอตัว ไม่มีทางเป็นหมูในอวยให้ใครเชือดง่ายๆเหมือนกัน

             แววตาของปอเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวขึ้นทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่น็อตพูด ก่อนจะกลับมานิ่งสนิทเหมือนเดิม ริมฝีปากแสยะยิ้มออกมานิดๆ

              "เฮ้ย!!! ปอ/ไอ้ปอ/พี่ปอ" เสียงร้องโวยวายตกใจเรียกชื่อปอดังออกมาลั่นโต๊ะ เพราะจู่ๆปอก็กระชากคอเสื้อน็อตเข้ามาหาตัวเองเต็มแรง แล้วก็ง้างมือข้างที่ถือบุหรี่พุ่งเข้าหาเบ้าตาของน็อต

               "เหี้ยเอ้ย!! แม่ง!!! เฮ้อ..." เสียงสบถและเสียงถอนหายใจโล่งอกดังตามมาติดๆ เพราะปอหยุดมือแล้วถือบุหรี่จ่อข้างไว้ห่างจากลูกตาน็อตไม่กี่มิล แต่ทุกคนที่อยู่รอบๆก็ยังไม่วางใจกับท่าทีของปอนัก น็อตเองที่เจอเหตุการณ์ชวนหวาดเสียวก็ตกใจไม่น้อย แต่ก็ยังจ้องดวงตาวาวโรจน์ของปอกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ทั้งคู่จ้องตากันสักพักปอก็เป็นฝ่ายผละออกมา

             "หึ" ปอส่งเสียงในลำคอเบาๆ มุมปากยกยิ้มนิดๆ เขาปล่อยมือจากคอเสื้อน็อต แล้วเอาบุหรี่กลับมาสูบต่อ พ่นควันออกจากปากเอื่อยๆก่อนจะเอาบุหรี่ที่ยังติดไฟจี้ลงไปที่หน้าอกของน็อตขยี้ไปมาจนบุหรี่ดับลง

              น็อตเองถึงกับเบ้หน้านิดๆเพราะรู้สึกแสบบริเวณที่โดนบุหรี่จี้ แต่เขาพยายามไม่แสดงอาการออกมา ได้แต่มองปอกลับแล้วทำหน้าให้นิ่งที่สุด

               "ถือว่ากูบอกมึงแล้ว" ปอพูดออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย ก่อนจะเอนตัวไปพิงพนักโซฟาหยิบแก้วเหล้าขึ้นมากินด้วยท่าทีสบายๆ เหมือนเมื่อกี้ตัวเองไม่ได้ทำอะไรและไม่มีอะไรเกิดขึ้น

              "ดุดีนะครับ" น็อตหันมาพูดกับเลิฟยิ้มๆ แถมยังส่งสายตาเจ้าชู้ให้เลิฟ แบบที่ไม่ได้สะทกสะท้านกับเรื่องเมื่อกี้เลยสักนิด

              "ไอ้หน้าอ่อนกูว่ามึงกลับโต๊ะมึงไปเถอะว่ะ ก่อนที่เพื่อนกูมันจะเลิกใจเย็น แล้วมึงจะได้แดกข้าวแบบไม่ต้องเคี้ยว" ต้าตัดสินใจเอ่ยปากไล่น็อต เพราะกลัวว่าจะมีเรื่ิองขึ้นมาจริงๆ เมื่อกี้ที่ไอ้ปอจะเอาบุหรี่จี้มตาไอ้หน้าอ่อนนี่มันไม่ได้ขู่นะครับ ถ้าไม่มีคนเรียกแม่งจิ้มลงไปจริงๆแน่

              "ฮ่าๆโอเคๆ" น็อตหัวเราะออกมา แล้วยกมือขึ้นทั้งสองข้างทำท่ายอมแพ้ ก่อนจะลุกขึ้นยืน

              "งั้นผมกลับแล้วนะครับเลิฟ ไว้เจอกันที่มอนะ" น็อตส่งยิ้มให้เลิฟ ก่อนจะคว้าเอามือเลิฟขึ้นมาจับหงาย แล้วก้มลงแนบริมฝีปากจุมพิตที่กลางฝ่ามือนุ่มแผ่วเบา

              การกระทำของน็อตเล่นเอาทุกคนตะลึงตาโตจนแทบถลนออกจากเบ้า ตัวเลิฟเองก็ได้แต่นั่งอ้าปากค้าง ก่อนที่หน้าจะขึ้นสีแดงระเรื่อนิดๆอย่างห้ามไม่อยู่เพราะความเขิน ก็ไม่ได้ตั้งใจจะเขินแต่ว่ามันเขินไปแล้ว

              น็อตวางมือเลิฟลงแล้วเสตามามองปอนิดๆ จากนั้นก็ยกยิ้มมุมปากเยาะๆส่งให้ปอแล้วเดินจากไป ปอมองทุกอย่างด้วยแววตาแข็งกร้าวดุดัน มือที่ถือแก้วกำแน่นจนแก้วแทบจะแตกคามือ

              น็อตเดินกลับไปที่โต๊ะตัวเองอย่างอารมณ์ดี ยอมรับว่าไอ้ผู้ชายตัวใหญ่นั่นน่ากลัวอยู่เหมือนกันแต่ความน่ารักของเลิฟมีมากกว่า เพราะงั้นเสี่ยงตีนแค่นี้ได้แตะนิดหน่อยถือว่าคุ้มนะ

             "วอนตีนฉิบหาย" กิงที่นั่งข้างเอยอดที่จะว่าขึ้นมาไม่ได้

             "อย่าคิดมากไอ้เหี้ยแค่เด็กยังไม่หย่านม" ต้าเอื้อมมือมาตบที่บ่าปอเพื่อให้ใจเย็นๆ เพราะเรื่องเมื่อกี้มีความเป็นไปได้สูงที่ปอจะตามไปกระทืบคน

              "เออ!!" ปอกระแทกเสียงตอบแล้วคว้าแก้วเหล้ามาเทกรอกปาก เพื่อระงับอารมณ์พลุ่งพล่านในอก เขาอุตส่าห์ไม่อยากมีเรื่องแต่ไอ้เวรนี่ก็วอนตีน ยิ่งมองไปที่มือไอ้เลิฟกับไอ้หน้าแดงๆนั้นยิ่งอยากฆ่าคน ความรู้สึกโคตรเหี้ย!!!

              "เอ่อ...ปอ..คือว่านะ" หลังจากที่ตั้งสติได้ เลิฟก็ลองคุยกับปอด้วยท่าทางกล้าๆกลัวๆ ปอตวัดสายตามาจ้องเลิฟเขม็ง

              "ไม่ต้องรีบพูดตอนนี้ เดี๋ยวมึงได้พูดแน่" ปอว่าเสียงเข้มแล้วซัดเหล้าเข้าปากต่อเนื่อง

              "ปอ...มึงอย่าไปโกรธน้องมันนะเว้ย กูเป็นคนลากน้องมันมาเอง น้อง..." แฟงพยายามอธิบายเพราะกลัวว่าปอจะทำอะไรเลิฟ แต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะยกมือขึ้นห้าม

              "มึงด้วยเดี๋ยวค่อยคุย" ปอบอกแฟงแต่ไม่ได้หันไปมองหน้า แฟงเลยได้แต่ยิ้มแหยๆเพราะรู้แล้วว่าปอโกรธจริงๆ

              "แดกเบาๆหน่อยมึงต้องขับรถกลับ" ต้าพูดเตือนออกมาเพราะเห็นว่าปอซัดเหล้าเข้าปากไม่หยุด
 
              บรรยากาศในโต๊ะเงียบเชียบผิดกับรอบข้างที่สนุกสนาน ตอนนี้ทุกคนกลับมารวมตัวกันที่โต๊ะหมดแล้ว สายตาทุกคู่มองมาที่ปอเพื่อดูท่าทีเลิฟเองก็หวั่นๆใจนั่งตัวลีบอยู่ข้างๆ เพราะไม่รู้ว่ากลับคอนโดไปตัวเองจะโดนอะไรบ้าง

             เพล้ง!!! โครม!!!

             กรี๊ด!!!!เฮ้ย!!!!

              ระหว่างที่บรรยากาศกำลังอึมครึม เสียงโหวกเหวกโวยวายก็ดังขึ้น เรียกให้สายตาทุกคู่ในโต๊ะหันไปมองตามอย่างสนใจ ไม่เว้นแม้กระทั่งปอเอง

              "ไอ้ปิง" ปอพึมพำชื่อพี่ชายออกมาเบาๆก่อนจะทำหน้างงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเขากำลังเห็นพี่ชายตัวเองกระทืบคนอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมากสำหรับไอ้ปิง มันไม่เคยกระทืบใครแค่เพราะไม่ชอบหน้าแน่ๆ แม่งมีเรื่องอะไรวะ

            "เดี๋ยวกูมา" ปอว่าแล้วลุกขึ้นยืนจะเดินไปที่เกิดเหตุ แต่ก็ต้องชะงักเพราะเลิฟดึงแขนเอาไว้

            "ไปไหน" เลิฟถามด้วยเสียงสั่นๆและพยายามยื้อแขนปอไว้

          "รอกูอยู่นี่" ปอว่าและแกะมือเลิฟออกจากแขนตัวเอง

            "ฝากด้วยนะมึง" ปอหันมาบอกต้าเพราะกลัวว่าเลิฟจะลุกตามไป

            "เดี๋ยวดูให้" ต้าบอกเพื่อนให้สบายใจ ปอพยักหน้ารับรู้ก่อนรีบเดินไปหาพี่ชายตัวเอง แล้วก็ตามที่คิดเลิฟรีบลุกจะตามปอไปทันทีแต่ดีที่ต้าดึงเอาไว้ทัน

              "นั่งอยู่นี่แหละไอ้น้องเลิฟไม่ต้องตามไป"
 
              "แต่ว่า..." เลิฟหันมาค้านเสียงแผ่ว สีหน้าเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ทำท่าจะตามไปให้ได้

             "ไม่ต้องห่วงมันหรอกเรื่องปกติ ห่วงตัวเองดีกว่าไหมว่าจะทำยังไงให้มันหายโกรธ อย่าลืมนะว่ามันโมโหอยู่" ต้าพยายามเบี่ยงประเด็นความสนใจของเลิฟ แล้วก็ได้ผลเพราะเลิฟถึงกับรีบนั่งลงที่เดิม ใบหน้าหวานเครียดขึ้นทันที

            "เออใช่ มึงตายแน่ไอ้เลิฟพี่ปอโคตรน่ากลัว" พีททำหน้าแหยๆแล้วลูบแขนตัวเองด้วยความสยอง

             "มึงอย่าพูดดิวะ ทำไงดีอ่ะ" เลิฟโอดครวญเบาๆ

              "แต่กูมีวิธีนะ" กั้มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์

             "แต่มึงต้องให้ความร่วมมือแล้วเราทุกคนจะรอดโดยที่ไม่มีใครโดนหางเลข" กั้มพูดต่อแล้วยิ้มที่มุมปากพร้อมกับยักคิ้วนิดๆ

              "วิธีไรวะ" ต้าเป็นคนถามขึ้นด้วยความสงสัย ทุกคนบนโต๊ะก็หันมามองกั้มด้วยความอยากรู้

            "นั่นไง" กั้มพยักเพยิดหน้าไปที่โต๊ะ แล้วหันมายิ้มสบตากับเพื่อนอีกสองคน

            "อ๋อออออ" พีทกับนาวถึงกับร้องออกมาหลังจากรู้ว่ากั้มหมายถึงอะไร ก่อนที่ทั้งสามคนจะหันไปมองหน้าเลิฟพร้อมกัน แล้วส่งยิ้มเจ้าเหล่ให้

...
...
 
           ปอเดินกลับมาที่โต๊ะตัวเองหลังจากที่เข้าไปห้ามพี่ชายไม่ให้กระทืบคนตาย เห็นมันใจเย็นแบบนั้นเวลาโมโหไอ้ปิงก็มือหนักตีนหนักไม่แพ้เขาเหมือนกัน ส่วนสาเหตุที่มันกระทืบคนน่ะหรอเพราะมันจับได้ว่าเมียมีชู้ มันเลยโมโหจนกระทืบชู้สุดท้ายมันกับเมียก็เลิกกัน เหมือนเลิกกันง่ายนะแต่เขารู้ว่าไอ้ปิงมันเจ็บมากแค่ไหน ก็มันรักของมันมาตั้งนานทั้งซื่อสัตย์ทั้งแสนดีเจอแบบนี้ไปมันคงเดินเซไปสักพัก

             ปอทิ้งพี่ชายไว้กับน้องสาวและฝุ่นเพื่อนตัวเอง เขาค่อนข้างแปลกใจเหมือนกันที่เห็นฝุ่นอยู่ที่นี่ แถมดูสนิทกับไอ้ปิงแบบแปลกๆแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร ไม่ใช่ว่าไม่ห่วงพี่ตัวเองนะแต่มันเป็นคนไล่เขามาเอง เพราะอยากอยู่คนเดียว จริงๆก็ไล่ยัยปรางด้วยแต่น้องเขามันไม่ยอม ส่วนไอ้ฝุ่นมันอาสาจะช่วยดูให้เขาเลยปล่อยไป 

           กลับมาถึงโต๊ะก็เห็นทุกคนทำหน้ามีความสุขพอเห็นหน้าเขาก็พากันส่งยิ้มให้ ตอนนี้มีพี่อาร์ตโผล่มาสบทบอีกคนไม่รู้ว่ามาได้ยังไง

           ปอทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาข้างๆเลิฟมองไปที่ทุกคนอย่างสงสัย ก่อนจะหันมามองเลิฟที่นั่งก้มหน้าเงียบๆไม่พูดไม่จา กำลังจะอ้าปากถามก็ต้องชะงัก เพราะจู่ๆอาร์ตก็ยื่นขนมไปทางหน้าเลิฟ

            "น้องเลิฟครับกินขนมเร็ว" อาร์ตพูดยิ้มๆ 

             "คร๊าบบบบ" เลิฟเงยหน้าขึ้นตอบเสียงยานคาง อ้าปากกว้างรับขนมเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ่ยๆ ใบหน้าแดงก่ำไปหมดดวงตาฉ่ำปรือเพราะฤทธิ์แอลกอฮอลล์

           "น้องเลิฟครับอยากกินนี่ไหม" แฟงถามขึ้นแล้วชูป็อกกี้ให้เลิฟเห็น 

           "ถ้าอยากกินมาหาพี่เร็ว" แฟงกวักมือเรียกเลิฟซึ่งเลิฟเองก็ลุกขึ้นเดินเซๆไปหาแฟงแบมือขอขนม

           "อยากกินใช่ไหม" แฟงแกล้งถาม ซึ่งเลิฟก็พยักหน้ารับงึกงัก

             "งั้นขอพี่หอมแก้มหน่อย" แฟงว่ายิ้มๆ เลิฟเองด้วยความที่เมาก็เอียงแก้มให้แฟงหอมทันที

            ฟอดดดดด

            "น่าร๊ากกกกกกก" แฟงจุ๊บลงที่แก้มเลิฟเบาก่อนจะเอามือหยิกแก้มใสด้วยความหมันเขี้ยว

             "ขนมเลิฟล่ะ" เลิฟว่าอ้อนๆแล้วทำแก้มพองลมใส่แฟง

            "อ้าปากเร็ว" แฟงบอกแล้วเลิฟก็รีบอ้าปากตาม รับขนมที่แฟงยื่นให้เข้าปากกินด้วยความอร่อย

            หลังจากนั้นทุกคนบนโต๊ะก็ผลัดกันเรียกเลิฟไปกินนั่นกินนี้กับตัวเองไม่ขาดสาย ส่วนปอเองก็ได้แต่มองทุกอย่างด้วยความอึ้ง เพราะเขาหายไปแป๊บเดียวกลับมาทำไมไอ้เลิฟมันถึงได้เมาหัวทิ่มแบบนี้

              "พวกมึงเล่นเหี้ยอะไรกัน ชใครเอาเหล้าให้มันกิน" ปอถามขึ้นเสียงเข้ม แววตามองไปที่ทุกคนอย่างดุดัน

            "เลิฟครับ" อาร์ตไม่สนใจท่าทีโมโหของปอ แต่กลับเรียกเลิฟที่อ้อนกินขนมจากมือกิงแทน

           "คร๊าบบบบบ" เลิฟเองก็ขานรับ พยายามมองหาคนเรียกตัวเอง

           "มานี่เร็ว" อาร์ตกวักมือเรียกเลิฟรัวๆ

           "อะไรอ่า...จะให้ขนมเลิฟหรอ" เลิฟทำตาเสียงอ้อนมองอาร์ตตาปริบๆ

           "พี่ไม่มีขนมให้หรอก" อาร์ตว่ายิ้มๆแต่ทำเอาเลิฟหน้าบึ้ง

          "แต่คนนั้นอ่ะมี" อาร์ตบอกเลิฟแล้วชี้มาทางปอ เลิฟเองก็หันมามองหน้าบึ้งๆของปอ ก่อนที่จะยิ้มกว้างแล้ววิ่งถลามาหาปอ

           "ขอขนมหน่อย" เลิฟพูดเสียงอ้อนๆ

           "ไม่มี" ปอบอกเสียงห้วนแล้วหันหน้าหนี เลิฟทำหน้าบึ้งขัดใจเดินเข้าหาปอ แล้วทรุดลงนั่งบนตักยกมือสองข้างขึ้นคล้องคอ

           "พี่ปอ...น้องเลิฟอยากกินขนม" เลิฟทำเสียงอ้อนแล้วช้อนตามองปอนิดๆ

           "บอกว่าไม่มีไง" ปอทำเสียงแข็งพยายามไม่สนใจท่าทางน่ารักๆนั่น

           "พี่ปอใจร้าย ไม่มีขนมให้น้องเลิฟจริงๆหรอ" เลิฟเอาหน้าซุกไปที่อกแกร่งแล้วถูไปมา

             "จุ๊บ พี่ปอยิ้มเร็วชอบทำหน้าดุ จุ๊บ" เลิฟเงยหน้าขึ้นมาจุ๊บปากปอเบาๆ เล่นเอาปอถึงกับหน้าเหวอ ส่วนคนอื่นๆก็ได้แต่ยิ้มขำ

               "อยากกินหนมอ่า" เลิฟทำแก้มพองลมใส่ปอก่อนจะวกไปหอมแก้ม

              "อย่าเลิฟ" ปอรีบห้ามเลิฟเพราะกลัวว่าอะไรๆมันจะคุมไม่อยู่

             "น้องเลิฟครับปอมันไม่ให้ทำก็มาทำกับพี่มา" อาร์ตตะโกนบอกด้วยเสียงทะเล้นพร้อมกับกวักมือเรียก

            "ม่ายอาววว ทำกับคนนี้คนเดียวน้องเลิฟรักพี่ปอเนาะ" เลิฟส่ายหัวให้อาร์ตแล้วหันมายิ้มให้ปอ ซึ่งปอก็ยังทำหน้านิ่งๆอยู่

             "โหยยย น้องเลิฟหักอกพี่อ่ะไม่รักพี่บ้างหรอ" อาร์ตโอดครวญแบบขำๆ

            "ม่ายรักหรอกพี่ปอขนมอ่า" เลิฟพูดเสียงอ้อแอ้ทวงขนมปอไม่หยุด จนต้ายื่นขนมมาให้ ปอเลยรับมาถือไว้แล้วมองหน้าเลิฟนิดนึง

            "อ้าม ป้อนเร็ว" เลิฟอ้าปากกว้างรอขนม

            ปอเลยยื่นขนมเข้าปากให้กำลังจะชักนิ้วออก แต่เลิฟดันใช้ปากดูดนิ้วเขาเล่น จนเกิดกระแสไฟวิ่งพล่านอยู่ไปทั่วตัว
          จ๊วบ จ๊วบ

            "เลิฟพอ" ปอดึงมือออกจากปากเลิฟแล้วพยายามพูดให้เสียงปกติ

            "ไมอ่ะ" เลิฟเอียงคอมองแล้วทำแก้มพองลมด้วยความไม่เข้าใจ

             "กลับบ้านเลยมึงกูกลับแล้วนะ" ปอหันมาบอกทุกคนก่อนจะดึงเลิฟให้ยืนขึ้น

             "พี่ปอ!!! ผมเป็นคนเอาเหล้าให้มันกินเองแหละ" กั้มตะโกนบอกปอกวนๆพร้อมกับยักคิ้วให้

           "เออ!!!" ปอหันมาบอกแล้วลากเลิฟออกไปทันที ท่ามกลางเสียงหัวเราะชอบใจของทุกคน แล้วก็ตกลงกันว่าพรุ่งนี้ห้ามไปรบกวนปอกับเลิฟเด็ดขาด

...
...

            ปอเหยียบคันเร่งจนแทบจะพัง เพื่อจะได้กลับมาถึงคอนโดให้เร็วที่สุด พยายามระงับความรู้สึกร้อนรุ่มข้างในไม่ให้ตัวเองหน้ามืดจัดการไอ้เลิฟบนรถ แต่ให้ตายเถอะไอ้เลิฟมันไม่ให้ความร่วมมือเลยสักนิด เข้ามานัวเนียหอมแก้มจูบปากเขาอยู่แบบนั้นเวลาเมาเหล้าแล้วแม่งเป็นงี้หรอวะ

             จริงๆความรู้สึกเขามันเตลิดตั้งแต่ในผับแล้วให้ตายเหอะ มานั่งอ้อนเรียกพี่ปอๆอยู่ข้างหู ไม่จับมันเอาต่อหน้าทุกคนนี่ก็ดีแล้วแม่งยั่วฉิบหาย

           "เข้าห้อง" ปอผลักร่างบางเข้าห้องทันที ก่อนที่จะเดินตามเข้าไป

            ปอจัดการปิดประตูแล้วล็อกให้เรียบร้อย ยืนมองคนตัวเล็กที่ตาฉ่ำปรือตรงหน้าด้วยแววตาหื่นๆ ก่อนจะกระชากคนอีกฝ่ายเข้าหาตัวเอง ก้มลงจูบปากแลกลิ้นด้วยความร้อนแรง



2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 30 (09/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-02-2016 01:40:00
ใครจะเละงานนี้
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 30 (09/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Raviolie ที่ 10-02-2016 01:50:28
ค้างมากกกกก :katai4:
รีบมาต่อเร็วๆนะคะะ :ling1:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 31 (10/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 10-02-2016 09:23:11
กับดักที่
- 31 -
         


   ลิ้นหนาเกี่ยวกระหวัดดูดดึงลิ้นเล็กอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่ร่างสูงจะพลิกร่างบางมาอีกด้านแล้วดันจนแผ่นหลังชิดประตู โดยที่ริมฝีปากของทั้งคู่ไม่ได้ละออกจากกัน ฝ่ามือหนาเลื่อนลงไปบีบเค้นสะโพกบางเต็มแรง จนคนตัวเล็กส่งเสียงครางในลำคอ
             "อึก...อื้อ" เลิฟส่งเสียงครางประท้วงเบาๆ เพราะรู้สึกเจ็บจากแรงบีบเค้นและขาดอากาศหายใจ

             ปอผละริมฝีปากออกมาเล็กน้อยเพื่อให้คนตัวเล็กได้สูดอากาศหายใจ แต่ก็ยังคลอเคลียขบเม้มไม่ห่าง สายตาคมดุมองไปที่ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยความเสียวซ่านอย่างพอใจ

             ริมฝีปากอิ่มแดงช้ำเผยอออกจากกันนิดๆ ดวงตากลมโตฉ่ำปรือเพราะฤทธิ์แอลลกอฮอลล์หรี่มองใบหน้าคมอย่างยั่วยวน จนปออดใจไม่ไหวกดริมฝีปากบดจููบอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง 

             ฝ่ามือเล็กเลื้อยเข้าไปในเสื้อยืดของคนตัวสูง ลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังกว้างตามอารมณ์ที่พุ่งสูงก่อนจะพยายามถอดเสื้อของปอออก เพราะเจ้าตัวรู้สึกว่ามันเกะกะจนปอต้องยอมผละออกมาอีกครั้ง เพื่อให้คนตัวเล็กถอดเสื้อให้เขาได้ถนัด

             ตอนนี้ร่างกายท่อนบนของปอเปลือยเปล่า ฝ่ามือเล็กเลื่อนมาลูบไล้กล้ามเนื้อที่เรียงตัวสวยอย่างซุกซน ทำเอาปอต้องหายใจเข้าออกแรงๆจนหน้าท้องขึ้นลอนเป็นลูกสวย

             "คิกๆ" เลิฟหัวเราะเบาๆด้วยความพอใจลิ้นเล็กเลียริมฝีปากตัวเองอย่างไม่รู้ตัว

            "เมาแล้วยั่วนะมึง" ปอพูดด้วยเสียงแหบพร่าส่งสายตามองคนตัวเล็กอย่างร้อนแรง

             "ม่ายยยด้ายยยมาวววว พี่ปอมั่วเล่า" เลิฟเถียงกลับด้วยเสียงอ้อแอ้

             ปอส่ายหัวนิดๆแล้วจับมือเล็กซุกซนที่ลูบไล้ไม่หยุดไว้แน่น ส่วนอีกมือก็เอื้อมไปปลดเนคไทด์ออกให้คนตัวเล็ก แล้วโยนมันทิ้งอย่างไม่ใส่ใจ จากนัั้นก็เลื่อนริมฝีปากไปพรมจูบจนทั่วใบหน้าหวาน ไล่ลงมาที่ซอกคอขาวแล้วกัดแรงๆจนเลือดซิบเพราะหมันเขี้ยว

            "อ๊ะ" เลิฟหลุดเสียงครางออกมาเพราะรู้สึกเจ็บและแสบ จากการที่ปอกัดและเลียซ้ำ

            ปอใช้ริมฝีปากค่อยๆปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด พร้อมกับพรมจูบดูดเม้มลงมาเรื่อยๆตามรอยแยกของสาบเสื้อ จนกระดุมถูกปลดถึงเม็ดสุดท้าย มือสองข้างก็จับแขนเล็กไว้แน่น

            "อ๊าาาาา" เลิฟครางออกมาพร้อมกับกัดปากตัวเองแน่นเพราะความเสียว

            ปอเหลือบสายตาขึ้นไปมองคนตัวเล็กที่ยืนใบหน้าแดงก่ำ ตาปรอยด้วยความเสียวซ่านแล้วกระตุกยิ้มนิดๆ ก่อนจะปล่อยแขนทั้งสองข้างของเลิฟให้เป็นอิสระ จากนั้นก็จัดการปลดเข็มขัดแล้วถอดกางเกงออกจากขาเรียว จนตอนนี้ร่างกายท่อนล่างของเลิฟเปลือยเปล่า

            ปอคุกเข่าลงตรงหว่างขาของเลิฟ มองแก่นกายเล็กตรงหน้าแล้วจับมันไว้ในมือ ขยับเบาๆจนมันขยายขนาดเต็มที่ก่อนจะครอบริมฝีปากอ้าอมเอาแก่นกายเล็กไว้ในปากขยับขึ้นลงช้าๆ แล้วผละออกวกลงไปใช้ปากหยอกล้อลูกบอลแฝดเล่น ใช้ลิ้นเลียแก่นกายน่ารักขึ้นมาจนถึงปลายยอดดูดเม้มแรงๆ และเลียตามรอยแยกจากนั้นก็อมแก่นกายไว้ในปากขยับเบาๆแล้วเปลี่ยนเป็นรัวเร็ว

            "อ๊ะ..อ๊าาาา" เลิฟใช้มือขยุ้มเส้นผมของปอแน่นเพราะความเสียว ขาสองข้างสั่นระริกแทบจะยืนไม่อยู่

             ปอสัมผัสได้ถึงอาการเกร็งของคนตัวเล็ก และรสชาติเฝื่อนๆที่ปลายยอด เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคนอีกฝ่ายกำลังจะปลดปล่อย แต่จู่ๆปอก็หยุดการเคลื่อนไหวแล้วผละริมฝีปากออก จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

             "ทะ...ทำไม" เลิฟถามเสียงกระท่อนกระแท่น ใบหน้าแสดงความทรมานเพราะไม่ได้รับการปลดปล่อย สายตามองปอด้วยความไม่เข้าใจ มือเล็กตัดสินใจเลื่อนไปที่กลางลำตัวเพื่อหวังจะช่วยตัวเอง

             หมับ!!

             ปอคว้าเอามือของเลิฟแล้วกำไว้แน่น เลิฟขมวดคิ้วมุ่นเม้มปากแน่นด้วยความขัดใจ แล้วเลื่อนมืออีกข้างที่ว่างลงไปแทนแต่ปอก็ตามไปจับเอาไว้

             "พี่ปอ" เสียงหวานเอ่ยสั่นๆ ช้อนตาขึ้นมองอย่างออดอ้อนแกมขอร้อง

             "ไม่" ปอกระซิบเสียงพร่าข้างหูเลิฟ ขบเม้มใบหูนุ่มเบาๆเลียวนไปทั่ว แล้วจัดการตรึงแขนทั้งสองข้างของเลิฟไว้เหนือหัวด้วยมือเพียงข้างเดียว

             ปอจูบซับลาดไหล่เนียนแล้วขบกัดไปด้วย ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันพอเห็นผิวขาวๆของมันแล้วโคตรอยากทำให้เป็นรอย เลาะเล็มลงมาเรื่อยๆก็เจอกับยอดอกสีชมพูสวย ละเลงลิ้นปาดวนไปทั่วอ้างับดูดดึงแรงๆ
 
             มือเลื่อนไปที่สะโพกกลมกลึงเหมาะมือ บีบเค้นเต็มแรงจนขึ้นรอยมือ อีกข้างก็ปล่อยแขนที่จับไว้เลื่อนลงมาขยี้ยอดอกข้างที่เหลือเล่น สะโพกบดเบียดไปที่กลางกายคนตัวเล็กอย่างจงใจ

             เลิฟผวานิดๆโอบแขนรอบคอปอ มือเล็กขยุ้มเส้นผมตรงหลังต้นคอแน่น เพื่อระบายความซ่านที่เกิดขึ้น

             "อ่ะ...อึก" เลิฟสะดุ้งและเสียวแปล๊บขึ้นมาทันที เพราะปอกดนิ้วเข้าไปในช่องทางด้านหลังโดยไม่ทันตั้งตัว

              ปอขยับนิ้วเข้าออกภายในช่องทางคับแคบช้าๆ สัมผัสได้ถึงความฝืดเคืองเนื่องจากไม่มีตัวช่วย เมื่อรู้สึกว่าทางด้านหลังเริ่มคลายตัว ปอก็เพิ่มนิ้วที่สองและสามเข้าไปตามลำดับ ชักเข้าออกถี่ๆเพื่อขยายช่องทางให้รับสิ่งที่ใหญ่โตกว่านิ้วได้ ปอค่อยๆถอนนิ้วทั้งหมดออกมาช้า แล้วจัดการเอาตัวตนของตัวเองออกมา โดยที่ไม่ได้ถอดกางเกงออก

            เลิฟรู้สึกได้ถึงความว่างเปล่าช่องทางด้านหลังขมิบถี่ๆ ต้องการอะไรที่คุ้นเคยดีเข้ามาเติมเต็ม

            ปอช้อนสะโพกบางขึ้นจนตัวลอยอย่างกระทันหัน จนเลิฟผวากอดปอไว้แน่นเพราะความตกใจและกลัวหล่น ก่อนที่ปอจะดันคนตัวเล็กจนหลังแนบสนิทกับประตูมากกว่าเดิม

            "เอาขาเกี่ยวเอวกูไว้" ปอบอกเสียงแหบพร่า เพราะตอนนี้แก่นกายของเขามันปวดหนึบไปหมด ซึ่งเลิฟก็ทำตามที่ปอบอกอย่างว่าง่าย

            ปอใช้มือข้างนึงสอดรองแผ่นหลังของเลิฟไว้ ส่วนอีกข้างก็จับแก่นกายตัวเองถูวนไปมาที่ปากทางเข้า จนเลิฟขนลุกเกรียวเพราะความเสียว ก่อนที่ปอจะกดตัวเองเข้าไปข้างในช้าๆ

            "อ๊าาาา..เจ็บ..ฮึก.." เลิฟครางสะอื้นออกมาด้วยความเจ็บน้ำตาซึมและไหลลงมาอย่างช่วยไม่ได้ เพราะปอเข้ามาโดยที่ไม่มีตัวช่วย ถึงแม้จะเบิกทางให้ก่อนแล้ว แต่ความใหญ่โตของปอก็ทำให้เขาเจ็บอยู่ดี

            "ชู่ว์...อย่าเกร็งค่อยๆผ่อนคลายจะได้ไม่เจ็บ" ปอพยายามพูดปลอบ จูบซับน้ำตาออกให้มือนึงก็ลูบแผ่นหลังไปมา อีกมือก็บีบเค้นสะโพกเพื่อให้อีกคนผ่อนคลาย

            เลิฟสูดหายใจเข้าลึกๆและพยายามผ่อนคลายตัวเอง จนปอรับรู้ได้และจัดการดันตัวเองเข้าไปทีเดียวจนสุดลำ

            "อ๊าาาาาาา" เลิฟครางออกมาเสียงหลง เล็บจิกเข้าไปที่แผ่นหลังกว้างเต็มแรงเพราะรู้สึกจุก

            "ฮึ่มม" ปอเองก็ครางหนักๆในลำคอ เพราะข้างในตัวเลิฟกำลังตอดรัดเขาทุกทาง ปอแช่ตัวเองค้างไว้นิ่งๆเพื่อให้เลิฟได้ปรับตัว กัดฟันอดทนจนเส้นเลือดขึ้น ทั้งๆที่ใจเขาอยากจะกระแทกแรงๆใจจะขาด

            "อ่ะ..อื้อ..อืม" เลิฟครางออกมาอีกครั้งเพราะว่าปอเริ่มขยับข้างล่างเข้าออกช้าๆ ก่อนที่ปอจะประกบจูบอย่างร้อนแรง เกี่ยวกระหวัดแลกลิ้นไปมาจนได้ยินเสียงดัง

             "อืม...แน่นฉิบ"

             ปอขยับสะโพกเข้าออกช้าๆ ถอนแก่นกายออกมาจนเกือบสุด และแทงกลับเข้าไปเต็มแรงเน้นหนักทุกสัมผัส จนเลิฟส่งเสียงครางอื้ออึงในลำคอ

             "อ๊ะๆๆ อ๊าาา" เสียงครางของเลิฟดังระงมลั่นห้อง เพราะปอขยับซอยถี่ๆและหนักหน่วง จนตัวเลิฟที่ทาบทับอยู่บนหลังมือสั่นคลอนไปหมด ประตูห้องบานใหญ่เองก็สั่นสะเทือนเพราะแรงกระแทกอย่างเห็นได้ชัด

             ไม่นานปอก็สัมผัสได้ถึงอาการเกร็ง และแรงตอดรัดถี่ๆจากข้างใน ก่อนที่เลิฟจะปลดปล่อยออกมาเลอะเต็มหน้าท้องตัวเองและของเขา

              "แฮ่กๆๆ" เลิฟหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหอบ ใบหน้าแดงก่ำและชื้นเหงื่อไปหมด
 
              ปอก้มลงจูบขมับเลิฟเบาๆ ก่อนจะขยับสะโพกช้าๆอีกครั้ง หมุนควงสะโพกไปมาและ กระแทกเน้นหนักเข้าออกเรื่อยๆ จนเปลี่ยนเป็นถี่รัวในที่สุด

              สะโพกแกร่งกระแทกเข้าออกแรงๆและเร็ว จนเลิฟรู้สึกจุกที่ท้องน้อยไปหมด มือเล็กพยายามดันหน้าท้องแกร่งให้ขยับช้าๆ แต่ปอก็ไม่ได้สนใจกระแทกใส่ไม่ยั้งก่อนที่ปอจะค่อยๆผ่อนแรงลง และถอนแก่นกายตัวเองออกมา จัดการปล่อยเลิฟลงไปยืนที่พื้น จากนั้นก็พลิกร่างบางให้ใบหน้าหันไปที่ประตู และหันหลังให้เขา

              ปอใช้ขาดันขาเรียวออกกว้างจับสะโพกบางให้โก่งขึ้นเล็ก และจับแก่นกายตัวเองสอดเข้าไปในช่องทางรักช้าๆ และโอบกอดเอวบางให้แนบชิดกับตัวเองยิ่งกว่าเดิม

              "อ๊าาาาา" เลิฟครางเบาเมื่อรับรู้ถึงแก่นกายของปอที่ใส่เข้ามาในตัวเองอีกครั้ง ไม่นานปอก็ขยับเข้าออกด้วยอารมณ์ที่พุ่งสูง มือหนายกขาข้างนึงของเลิฟขึ้นและซอยถี่ๆอย่างเมามัน
 
              "อ๊ะ..อื้อ..มันจุก" เลิฟประท้วงเสียงสั่น พยายามเอื้อมมือมาดันปอออก แต่ปอที่หน้ามืดไปแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตากระแทกไม่ยั้ง ชนิดว่าแรงมีเท่าไหร่ใส่หมดไม่มีกั๊ก

              "อ๊ะๆๆๆอ๊าาา..อื้ม" เลิฟครางลั่นเพราะทั้งจุกทั้งเสียว ก่อนจะโดนปอดึงหน้าให้หันมารับจูบที่หนักหน่วง จนได้กลิ่นคาวเลือดเพราะแผลแตกจากการที่ปอขบกับริมฝีปาก

               พั่บ! พั่บ! พั่บ!

               เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังถี่รัว จนในที่สุดเลิฟก็ปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง พร้อมกับแรงตอดรัดถี่รัว ทำให้ปอยิ่งโหมแรงเร่งสะโพกกระแทกกระทั้น และไม่นานก็ปลดปล่อยตามเลิฟไปติดๆ

               "อ๊าาาาาาาา" เสียงครางด้วยความสุขสมของเลิฟดังขึ้น พร้อมกับสัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อนที่ฉีดเข้ามาในร่างกาย

               ปอถอนแก่นกายออกมาช้าๆ น้ำรักไหลย้อนออกมาจากทางด้านหลังของเลิฟเปรอะเปื้อนลงไปตามขาเรียว ร่างบางถึงกับขาอ่อนยืนไม่อยู่ทรุดลงทันทีแต่แขนแกร่งของปอรับไว้ได้ทัน ก่อนจะช้อนตัวอุ้มคนตัวเล็กขึ้นไปต่อในห้องนอน

...
...

                 ปอรู้สึกตัวขึ้นมาหลังจากที่ได้นอนไปไม่นาน เพราะรู้สึกถึงแรงกระสับส่ายและไอร้อนจากคนข้างตัว เขาลุกขึ้นนั่งและเอามือไปแตะที่ตัวของเลิฟอย่างเบามือ

              "ไม่สบายเลยหรอวะ" ปอขมวดคิ้วมุ่นและพึมพำเบาๆ เขายอมรับว่าเมื่อคืนก็จัดหนักจัดเต็มคนตัวเล็กไปพอควร แต่ไม่เคยเลยสักครั้งที่เลิฟจะไม่สบาย สงสัยคงเพราะเหล้าที่กินไปด้วยส่วนนึง

              ปอขยับลงจากเตียงและหยิบกางเกงขึ้นมาใส่ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำและออกมาพร้อมกับกะละมังใบเล็ก ปอวางกะละมังลงที่โต๊ะข้างเตียง แล้วหันมาหาเลิฟที่นอนหลับอยู่

                 ปอลงมือเช็ดตัวให้เลิฟไปเรื่อยๆ มีเสียงประท้วงเพราะรำคาญดังออกมาจากปากอิ่มเป็นระยะ ไม่นานปอก็เช็ดตัวให้เลิฟเสร็จ เขาจัดการใส่เสื้อผ้าให้เลิฟแล้วเอากะละมังไปเก็บ ก่อนจะเดินไปหายามาให้เลิฟกิน

                "เลิฟ...ลุกขึ้นมากินยาค่อยนอนต่อ" ปอตบลงที่แก้มใสเบาๆเพื่อปลุกให้ตื่น

                 "อื้อ...ปอ" เลิฟปรือตาขึ้นมา ก็เห็นว่าปอนั่งมองตัวเองอยู่

                "ลุกมากินยาก่อน" ปอว่าและพยุงตัวเลิฟขึ้นนั่งโดยให้แผ่นหลังของเลิฟพิงอกตัวเองไว้

                "ฮึก..เลิฟปวดหัว" เลิฟสะอื้นงอแงออกมาเพราะรู้สึกปวดหัวจนเหมือนจะระเบิด

               "ชู่ว์..ไม่ร้องเดี๋ยวก็หาย" ปอบอกเสียงอ่อนโยนก้มลงจูบที่ขมับแผ่วเบา และโยกตัวเลิฟไปมาเพื่อปลอบโยน

               "ฮึก...มันปวดตัวด้วย" เลิฟยิ่งงอแงร้องไห้ออกมาเมื่อรู้ว่ามีคนเอาใจ

               "รู้แล้วๆกินยาจะได้หาย" ปอบอกแล้วป้อนยาเข้าปากให้เลิฟก่อนจะป้อนน้ำตาม

               "ขมอ่ะ" เลิฟว่าหน้าเบ้นิดๆตากลมโตฉ่ำวาวเพราะน้ำตา ปอเช็ดออกให้อย่างเบามือก่อนจะดันคนตัวเล็กให้นอนลง
 
               "นอนซะ" ปอกดจูบที่หน้าผากแล้วห่มผ้าให้เลิฟ ไม่นานก็ได้ยินถึงเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ

               ปอหยิบโทรศัพท์ของตัวเองมากดโทรออก เดินออกจากห้องนอนไปที่ห้องนั่งเล่น จัดการเทอาอาหารใส่ชามให้ไอ้แมวอ้วนที่เดินวนเวียนพันแข้งพันขาเขาอยู่ แล้วตัวเองก็เดินไปเปิดตู้เย็นหยิบนมขึ้นมากิน ไม่นานปลายสายก็รับโทรศัพท์เขา

               "(ไงมึง)" ต้าทักออกมาด้วยเสียงกวน

               "วันนี้มึงมีเรียนไหม" ปอถามเสียงเรียบ

               "(ไมวะ)" ต้าถามกลับด้วยความสงสัย

               "กูฝากมึงไปบอกไอ้อิ๊กลาอาจารย์ให้กูหน่อย"

                "(มึงมีไรป่ะวะ)"

                "ไอ้เลิฟไม่สบาย"

                "(หูย..นี่มึงจัดน้องมันหนักขนาดนั้นเลยหรอวะ)" ต้าว่าเสียงกลั้วหัวเราะ

                "เรื่องกูเหอะเออ...แวะไปบอกเพื่อนไอ้เลิฟให้ด้วยนะ"

                "(เออๆมีอะไรอีกไหม)"

                "ไม่มีละ ฝากด้วยนะ"

                "(ได้ๆแค่นี้นะมึงไปดูเมียเหอะ)" ต้าบอกกวนๆแล้วตัดสายไป

                ปอมองโทรศัพท์ในมือนิดๆ แล้วส่ายหัวอย่างหน่ายๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องนอน กำลังจะล้มตัวลงนอนก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นพอดี

                เหลือบสายตาไปมองก็เห็นว่าเป็นโทรศัพท์ของเลิฟที่ส่งเสียงอยู่ ตัดสินใจคว้ามาดูก็ถึงกับต้องโมโห เพราะคนที่โทรเข้ามาคือรุต ปอเดินถือโทรศัพท์ออกไปที่นอกระเบียงก่อนจะกดรับสาย

                "(ทำอะไรถึงรับสายช้า!!)" ปลายสายตะคอกใส่เสียงดังลั่น

                "........." ปอเลือกที่จะเงียบเพื่อรอฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรต่อ

                "(พ่อฝากเงินเดือนนี้ของเราไว้กับพี่แต่พี่จะไม่โอนให้ เราต้องมาเอาเองโทษฐานที่ไม่โผล่หัวมาเยี่ยมพี่ที่โรง'บาล)" รุตบอกเสียงเรียบแต่แกมบังคับและข่มขู่

                 "กูไม่ให้ไป" ปอตอบกลับทันที สาเหตุที่เลิฟไม่ได้ไปเยี่ยมไอ้รุตที่โรง'บาลมาจากเขาเอง เพราะเขากลัวว่าเลิฟจะโดนมันทำอะไรอีกเลยสั่งห้ามไม่ให้ไป ถ้าจะให้เขาไปด้วยมีหวังได้กระทืบมันซ้ำ

                 "(นั่นใคร)" รุตตะคอกถามเสียงดัง

              "มึงคิดว่าใครล่ะ"

                 "(ไอ้ปอ)" รุตเค้นเสียงรอดไรฟัน

                 "ดีใจที่มึงยังจำกูได้" ปอว่าเยาะๆ

                 "(น้องกูอยู่ไหน กูจะคุยด้วย)" รุตพยายามระงับความโกรธถามปอ

                 "คงคุยไม่ได้ว่ะ เมื่อคืนหนักไปหน่อยเลิฟมันพึ่งได้นอนตอนเช้า" ปอบอกอย่างยั่วโมโห ซึ่งก็คือเรื่องจริงทั้งนั้น

                 "(มึงทำอะไร!!)" รุตตวาดดังลั่น

                 "แล้วมึงคิดว่าผัวเมียกันเขาทำอะไรละวะ"

                 "(ใครเมียมึง)"

                 "ให้กูอัดคลิปส่งให้ดูไหม"

                 "(ไปปลุกมันมาคุย)" รุตสั่งปอเสียงแข็ง

              "ทำไมกูต้องฟังมึง" ปอว่าเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย

                 "(หึ มึงไม่ให้กูคุยตอนนี้ก็ไม่เป็นไร ยังไงเลิฟก็ต้องมาเอาเงินกับกูอยู่แล้ว)" รุตปรับน้ำเสียงเป็นเยาะเย้ยอย่างรวดเร็ว
                "เก็บไว้เหอะกูมีปัญญาเลี้ยงเมียตัวเอง" ปอส่งเสียงเรียบๆตอบกลับ

     "(หึ มึงคิดว่ามึงจะกันเลิฟไม่ให้เจอกูได้ตลอดหรอวะ)" รุตว่าด้วยเสียงเยาะๆอย่างเป็นต่อ

             "(มึงคงไม่ลืมใช่ไหมว่ากูเป็นพี่ชายมัน อยู่บ้านหลังเดียวกันไม่ช้าก็เร็วกูก็ต้องได้เจออยู่ดี)" รุตพูดเรื่อยๆอย่างอารมณ์ดี

    "กูขอเตือนมึงไว้ตรงนี้เลยละกันอย่าแตะต้องเมียกูอีก ไม่งั้นรอบหน้ามึงจะได้นอนในโลงศพไม่ใช่โรง'บาล" ปอบอกรุตเสียงเหี้ยม

      "(ฮ่าๆ กูโคตรกลัวมึงเลยวะ งั้นกูขอบอกมึงไว้ด้วยละกัน ครั้งหน้าคนที่จะได้นอนในโลงคือมึงไม่ใช่กู!!!)" รุตตอบกลับมาอย่างไม่สะทกสะท้านก่อนจะกดตัดสายทิ้งไป

   ปอมองโทรศัพท์ในมือด้วยแววตาวาวโรจน์ก่อนจะกำไว้แน่นจนแทบจะแหลกคามือ ถ้าไอ้รุตมันเตือนแล้วไม่ฟังเขาเองก็คงต้องลงมือทำอะไรบางอย่างเหมือนกัน


2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 31 (10/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Raviolie ที่ 10-02-2016 11:57:38
อยากรู้จริงๆ อะไรทำให้พี่ชายเลิฟเปลี่ยนไปขนาดนี้ :serius2:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 31 (10/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 10-02-2016 12:15:07
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 31 (10/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-02-2016 13:48:58
อยากรู้ๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 31 (10/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 10-02-2016 13:56:26
เห็นว่าอัพแล้วก็ตามเด็กน่ารักเข้ามาอย่างไวว่อง
จากที่น่ารักอยู่แล้วมาเจอตอนเมานี่ยิ่งน่ารักคูณสิบ
แล้วพี่ฟ้าจะเหลือเหรอ.....น้องไม่สบายจนได้ :hao3:
พี่ปอดูใจเย็นกว่าเมื่อก่อนนะ ที่อดทนไม่มีเรื่องได้
ใจเย็นมากกว่านี้นะคะเพราะยังมีคนให้ดูแลอยู่
ทั้งเรื่องคนรอบตัวและครอบครัวของน้องเลิฟด้วย
เป็นกำลังใจให้ทั้งสองคนจ้ะ
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:
+1และเป็ดค่ะ

หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 31 (10/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 10-02-2016 15:44:08
แอบเข้ามาอ่านในนี้อีกรอบ
หนังสือเพิ่งมาสดๆร้อนๆเลยค่ะ
 :-[
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 31 (10/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: imvodka ที่ 10-02-2016 17:30:21
เหมือนพี่มันจะแอบรักน้องตัวเองป่าววะ
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 32 (11/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 11-02-2016 10:30:30
กับดักที่
- 32 -
         


   "ไงคะมึงหน้าตาสดใสไม่เหมือนพึ่งหายป่วยเลยนะคะ" นาวจีบปากจีบคอถามเลิฟทันทีที่เห็นเดินเข้ามาด้วยความหมั่นไส้

             "อะไรเล่า" เลิฟอมยิ้มนิดๆและเกาท้ายทอยตัวเองเบาๆแก้เขิน เพราะว่าเพื่อนทุกคนที่นั่งกันอยู่ หันมาจ้องเขาเป็นตาเดียว

             "ไม่มีผัวคอยดูแลแบบเขาอย่าโวยวายค่ะชะนีไม่สวยเลย" โดมที่นั่งข้างๆนาวเอ่ยจิกกัดขึ้นขำๆ

             "ปากดีนะคะมึงอยากให้กูบอกทุกคนใช่ไหมคะว่ามึงเป็นกระเทยอีโดมมี่" นาวส่งยิ้มหวานแล้วจับปลายคางของโดมเขย่าน้อยๆเหมือนเอ็นดูกันซะเหลือเกิน

             "ชะนีพันธุ์เตี้ยบอกเลยว่าแรงมากค่ะ" โดมมองค้อนนาวนิดๆอย่างมีจริตเรียกเสียงฮาจากทั้งโต๊ะดังลั่น

             โดม หรือ โดมมี่ คือชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ผิวขาว รูปร่างสูงโปร่ง เจ้าของตำแหน่งเดือนคณะวิศวะปีนี้ ด้วยผลโหวตคะแนนชนะคู่แข่งชนิดที่เรียกว่าถล่มทลาย (ในบรรดาคนที่ถูกเสนอชื่อเข้าแข่งไม่มีปอเพราะด้วยสภาพเฉิ่มๆแว่นหนาเตอะ ถึงจะไม่ได้แย่มากมายแต่มันก็ไม่ใช่ถ้าเวลาปกติชนะขาดลอยแน่ๆครับ - เลิฟ)

             ปกติโดมจะเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ไม่เคยจีบใครและไม่เคยตอบรับคำสารภาพรักของใครทั้งนั้น สาวๆเลยพากันเรียกโดมว่าเจ้าชายเย็นชา มันก็คงจะดูเป็นปกติต่อไปเรื่อยๆถ้าเผอิญจะไม่เกิดเรื่องขึ้น

             วันนั้นระหว่างที่เลิฟกำลังเดินไปขึ้นรถพร้อมปอและเพื่อนเหมือนทุกวัน พวกอาร์ตก็นึกสนุกอยากแกล้งเลิฟขึ้นมา เพราะบังเอิญไปได้ยินนาวกับพีทคุยกันว่าเลิฟกลัวหนอน พวกอาร์ตเลยดักรอพอได้จังหวะก็จัดการโยนหนอนที่หามาได้ใส่เลิฟทันที แต่ดันพลาดเพราะหนอนที่ควรถูกโยนใส่เลิฟมันลอยละลิ่วข้ามหัวไปทางด้านหลังแทน

             เรื่องมันก็น่าจะจบลงแค่นั้นถ้าหากไม่มีเสียงห้าวๆกรี๊ดขึ้นมา พอหันกลับไปมองก็เจอโดมยืนหลับหูหลับตากรี๊ด กระโดดกอดพีทแน่นน้ำตาไหลพรากเล่นเอาอึ้งอ้าปากค้างกันไปหมด

              หลังจากปลอบโดมจนสงบลงแล้ว ทุกคนในเหตุการณ์เลยรุมซักฟอกโดมจนสะอาด ถึงได้รู้ว่าจริงๆแล้วโดมจิตใจเป็นหญิงมาตั้งนานแล้ว แต่ที่ต้องเก็กแมนไม่แสดงออกไม่ใช่เพราะตั้งใจจะหลอกทุกคน แต่เป็นเพราะบ้านโดมเป็นคนจีนที่ไม่เปิดกว้างในเรื่องนี้ และที่สำคัญโดมดันเป็นทายาทผู้ชายคนเดียวทั้งตระกูลในตอนนี้ มันเลยทำให้โดมไม่กล้าบอกใครในสิ่งที่ตัวเองเป็น โดยเก็บความลับเป็นอย่างดีจนมาความแตกเอาวันนี้

             พอฟังเรื่องทั้งหมดจบอาร์ตก็จะทำเรื่องประกวดเดือนคณะใหม่ทันที ไม่ใช่ว่ารังเกียจเพศที่สามแต่กลัวว่าถ้าวันแข่งแล้วมีคนทะลึ่งโยนหนอนขึ้นเวที แล้วโดมตกใจจนกรี๊ดออกมาอีกงานได้ล่มหมดแน่ๆ

             โดมถึงกับหน้าซีดปากสั่นรีบยกมือไหว้ขอร้องอาร์ต เพราะกลัวคนจะสงสัยว่าทำไมตัวเองหลุดจากตำแหน่ง แล้าพากันไปตามสืบจนรู้ว่าเป็นกระเทย ไม่ใช่ว่าอายแต่กลัวว่าทางบ้านจะรู้ ซึ่งโดมยังพร้อมจริงๆ

             ด้วยความสงสารปนเห็นใจอาร์ตเลยยกเลิกความคิด และรับปากว่าจะรู้เรื่องกันแค่นี้ (โชคดีที่ตอนโดมกรี๊ดเย็นมากแล้วเลยไม่มีคนอื่นที่เห็นอีก) เรื่องทั้งหมดจบลงด้วยดีพร้อมกับที่คณะวิศวะมีเดือนเป็นกระเทย คนแรกและอาจจะคนเดียวในประวัติศาสตร์ของคณะ แล้วทุกคนก็ได้เพื่อนใหม่ชื่อ 'โดมมี่'

            "เออใช่กูพึ่งนึกขึ้นได้" จู่ๆโดมก็พูดขึ้นเสียงดัง

             "อะไรของมึงอีโดมมี่" นาวถามเหวี่ยงๆเพราะเมื่อกี้ตกใจเสียงของโดม

             "มึงเห็นนี่รึยังเลิฟ" โดมยืนโทรศัพท์มาให้เลิฟดู

             "แล้วทำไมอ่ะ" เลิฟเงยหน้าขึ้นจากจอโทรศัพท์แล้วมองโดมด้วยความไม่เข้าใจ สิ่งที่โดมเอาให้ดูคือรูปแอบถ่ายของเขากับปอเอง ก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนทำไมต้องตื่นเต้นล่ะ

             "ยังมีหน้ามาถามอีกนะมึงก็เนี่ยมึงเดินไปแรดกับใครคะระวังผัวมึงจะแหกอก" โดมพูดด้วยน้ำเสียงและท่าทางจริงจัง

             "ไหนมาดูดิ๊" นาวแย่งโทรศัพท์จากมือโดมดูด้วยความสงสัย พอเห็นก็ถึงกับทำหน้าเซ็งก็แค่รูปพี่ปอกับไอ้เลิฟนึกว่ามีอะไร

             "มึงนี่ก็อีกคนช่วยตื่นเต้นกับกูนิดนึงเพื่อนมึงมันกำลังนอกใจผัว ด้วยการควงผู้ชายที่โคตรหล่อเย้ยผัวตัวเองเลยนะคะ" โดมพูดอย่างหงุดหงิดนิดๆ เพราะทั้งนาวและเลิฟต่างพากันนิ่งเฉย ไม่มีอารมณ์ร่วมกับตัวเองสักคน

             "จะตื่นเต้นทำไมวะก็นี่มัน..." นาวชะงักปากที่กำลังพูดไว้ได้ทันนึกขึ้นมาได้ว่าโดมไม่เคยเห็นปอในสภาพจริงๆ จะพูดออกไปก็ได้แหละเพราะพี่ปอไม่ได้จะปิดอะไร แต่ที่ไม่พูดเพราะขืนมีใครรู้ว่าพี่ปอจริงๆแล้วหน้าตาดีกว่าเดือนคณะ มีหวังสาวๆแวะเวียนมาไม่ขาดสายแล้วเพื่อนเธอคงนั่งน้ำตาตก กันไว้ดีกว่าแก้รู้กันแค่ภายในพอ

              "มันอะไร" โดมหันมาถามแล้วหรี่ตามองอย่างจับผิด

              "เออน่ะ...ไม่มีไรหรอกว่าแต่มึงจะตื่นเต้นอะไรนักหนาค่ะอีโดมมี่" นาวรีบเปลี่ยนเรื่องทันทีเพราะไม่อยากให้เพื่อนถามต่อ

             "มึงไม่รู้อะไรเขาเมาท์กันแรงจะตาย ว่าไอ้เลิฟจะทิ้งผัวมหาไปหาพ่อรูปหล่อนี่แทน" โดมเอานิ้วจิ้มไปที่หน้าจอแรงๆ

             "พวกแม่งบ้าเป็นห่าอะไรกับกูนักวะ กูผู้ชายนะเว้ยจะให้ไปหาผัวที่ไหนอีก" เลิฟอดที่จะโวยออกมาไม่ได้ก็แม่งเล่นนินทาซะเขาเป็นผู้หญิงเลย

             "ค่ะไม่หาผัวแต่มีผัวเป็นตัวเป็นตน นี่ถามจริงถ้าจะมีทั้งทีมึงไม่หาเอาหล่อๆวะ" โดมอดที่จะถามสิ่งที่ตัวเองสงสัยไม่ได้ เพราะหน้าตาแบบเลิฟมีพวกเกย์หล่อๆอยากเป็นผัวอีกเยอะ

             "ก็กูรักของกูอีกอย่างมึงอย่าพูดเหมือนกูเอาผู้ชายคนไหนก็ได้ดิวะ กูผู้ชายนะเว้ยขนลุก" เลิฟทำหน้าสยองแล้วลูบแขนตัวเองไปมา

             "ค่ะๆเฮ้อ!!! แต่อิจฉามึงนะกูก็อยากมีบ้างจัง" โดมถอนหายใจออกมาแล้วนอนแนบตัวไปกับโต๊ะม้าหินอ่อน หน้าตาหงอยๆแววตาแฝงความเศร้า

             เลิฟมองเพื่อนแล้วก็อดสงสารไม่ได้ รู้ว่าเพื่อนคงอึดอัดที่ไม่ได้เป็นตัวของตัวเองไม่ได้ทำในสิ่งที่ชอบ ต้องฝืนเพราะไม่อยากให้ครอบครัวผิดหวัง

             "เดี๋ยวสักวันก็เจอนะมึง" เลิฟตบไหล่โดมเบาๆให้กำลังใจแล้วส่งยิ้มน่ารักให้

             "ขอบใจนะมึงแต่ไม่ต้องมายิ้มแบบนี้ให้กูมึงอ่อยกูไม่สำเร็จหรอก" โดมกลับมาเป็นโดมมี่ฝีปากกล้าได้อย่างรวดเร็ว ส่วนเลิฟหุบยิ้มทันควันเขาไม่น่าปลอบมันเลยให้ตายอีกระเทยร่างยักษ์

             "โอ๋ๆดูทำหน้าระวังผัวไม่รักนะมึง" โดมว่าขำๆแล้วหยิกแก้มเลิฟเล่น

             "มึงก็เอาไอ้พีททำผัวดิโดม" นาวพูดทะลุกลางปล้องขึ้นมา เล่นเอาพีทที่นั่งเงียบๆถึงกับเหวอ ส่วนโดมกรอกตาไปมาเซ็งๆ

             "เอาไอ้พีททำผัว ให้กูเป็นผัวมันง่ายกว่าไหม อีกอย่างกูไม่แดกพวกเดียวกันค่ะ" โดมจีบปากจีบคอตอบนาว

             "ใครพวกเดียวกับมึงอีโดมมี่!!!" พีทโวยวายดังลั่นเรียกเสียงฮาจากทั้งโต๊ะ

              "หัวเราะไรวะ" กั้มที่พึ่งมาถึงเอ่ยถามเบาๆ หันไปหอมแก้มอีกคนที่เดินมาด้วยกันแล้วโบกมือบอกลาก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆนาว

             ทุกคนมองไปที่กั้มเป็นตาเดียว เพราะจำได้ว่าคนที่เดินไปเมื่อกี้คือน็อต มันไปอะไรกันตอนไหนวะ

             "อะไร" กั้มถามเพราะเล่นจ้องซะตกใจ ขนาดโดมไม่รู้จักน็อตยังจ้องเลย

             "เล่ามา" นาวพูดสั่งพร้อมส่งสายตากดดัน

             "ไม่มีไรวันนั้นคุยถูกคอกูเลยลากไปเอา" ตอบได้ตรงและกระชับจนทุกคนเหวอ

             "มึงรับให้หรอวะ" พีทถามด้วยความสงสัย เพราะรู้ดีว่ากั้มได้ทั้งชายและหญิงแต่ไม่ยอมเป็นรับให้ใคร ดูจากรูปร่างของน็อตที่ตัวใหญ่กว่ามันชวนคิดว่าไอ้กั้มยอมอ่ะ

             "ส่วนสูงไม่มีผลในแนวนอน" กั้มว่าแล้วยิ้มกวนประสาท
 
             "ว่างๆมึงก็ลองเปลี่ยนไปกดผัวตัวเองดูดิ" กั้มยักคิ้วให้

             "ทำได้ที่ไหนล่ะ!!" เลิฟกับพีทพูดพร้อมกันเสียงดัง เลิฟไม่เท่าไหร่แต่พีทนี่คือยังไง ทำให้ทุกคนเบนสายตามาจ้องพีทกันหมด ส่วนพีทก็รีบเอามือปิดปากตัวเองแน่นเพราะรู้ว่าตัวเองหลุดปากอะไรออกไป

             "กูพูดตามไอ้เลิฟเฉยๆไม่ต้องมามอง ไม่ต้องมาถามกู กูไม่ตอบ" พีทพูดตัดบทด้วยใบหน้าแดงแปร้ด ส่วนทุกคนก็ไม่เซ้าซี้ต่อตามที่ขอแค่อมยิ้มน้อยๆล้อเลียนแค่นั้น

             "พอๆกูจะชวนพวกมึงทุกคนไปเที่ยวทะเลช่วงวันหยุดก่อนสอบ สนใจมะ" นาวหันมาเข้าเรื่องของตัวเองแทน

             "สน แต่มีไรปะว่ะมึงถึงชวนเที่ยว" กั้มถามด้วยความแปลกใจ

            "กูมีเรื่องจะบอกแต่เดี๋ยวไว้ไปบอกทีเดียวที่นู้น พวกมึงไปทุกคนนะกูบังคับ" นาวใช่สายตาข่มขู่บังคับมองเพื่อนทุกคน

            "ถามปอก่อนได้ไหมอ่ะ" เลิฟว่าเสียงอ่อยๆ

            "ถามอะไร" เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นเหนือหัว ทำให้เลิฟต้องเงยหน้าขึ้นไปมองก่อนจะยิ้มกว้าง แล้วรีบขยับพร้อมกับดึงแขนปอให้นั่งลง

             "ว่ามามีอะไร" ปอถามเสียงเรียบ

             "นาวชวนมันไปทะเลช่วงหยุดก่อนสอบน่ะค่ะพี่" นาวเป็นคนบอกปอแทน ปอเลยเหลือบมองคนตัวเล็กที่นั่งข้างๆแต่ไม่ได้พูดอะไร

             "ให้ไปนะปอนะๆๆๆ" เลิฟเกาะแขนปอแล้วเขย่าไปมาเบาๆเหมือนเด็ก แต่ปอแค่มองนิ่งๆยังไม่ยอมพูดอะไร

             "ให้น้องเลิฟไปนะพี่ปอ น๊าาาาา" เลิฟตัดสินใจกอดแขนปอแน่น แล้วเอาหัวถูไถไปที่หน้าอกของปออย่างอ้อนๆ

             "แล้วมึงจะให้กูอยู่คนเดียว" ปอแกล้งถามเลิฟทำเอาเลิฟชะงักแล้วขมวดคิ้วมุ่น

             "พี่ปอก็ไปด้วยกันดินาวมันไม่ว่าหรอก" เลิฟว่าแล้วกอดแขนปอแน่น

             "กูว่าทริปนี้ห้ามพกผัว" นาวบอกกวนๆแต่ทำเอาเลิฟหน้าบึ้ง

             "แหมห่างผัวไม่ได้มึงชวนพี่เขาให้ได้ก่อนเหอะ" นาวพูดต่อด้วยความหมั่นไส้แต่ทำให้เลิฟยิ้มกว้างหันไปมองปอทันที ปอเลยพยักหน้าน้อยๆเป็นเชิงอนุญาต

             "รักปอที่สุด ฟอดดด" เลิฟกอดปอเต็มแรงพร้อมกับหอมแก้มไปทีนึง ถามว่าอายเพื่อนไหมมันก็อายแหละ แต่ช่างเหอะ

             "พี่กำลังตามใจมัน จนมันเสียนิสัยแล้วนะคะ" นาวอดจะว่าออกมาไม่ได้ แต่ปอไม่พูดอะไรแค่ยิ้มๆให้ ก่อนจะลุกขึ้นยืน

            "กูกลับก่อนนะพวกมึง" เลิฟโบกมือลาเพื่อนแล้วลุกตามปอไป
 
...
...

             เลิฟนอนหนุนตักปอที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ ส่วนมือก็ลูบหัวโมกที่นอนทับตัวเองเล่น เขาตัดสินใจตั้งชื่อแมวว่าโมกตามชื่อแมวตัวเก่าที่ตายไป

             "ปอ" เลิฟเรียกเสียงเบาแล้วดึงมือปอมาวางไว้บนแก้มตัวเอง

             "หือ...มีอะไร" ปอละสายตาจากโทรทัศน์แล้วหันมามองเลิฟ มือก็ลูบแก้มใสเล่นเบาๆ

             "ง่วงแล้วอ่ะ" เลิฟว่าเสียงอู้อี้ตาจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่

             "ง่วงก็ไปนอน" ปอบอกเสียงเรียบ

             "ไม่เอาอ่ะ" เลิฟว่าแล้วดึงมือปอมาจับไว้แน่น ไม่รู้ทำไมเหมือนกันพอจับไว้แบบนี้แล้วมันสบายใจดี

             ปอก้มลงมองหน้าเลิฟที่นอนหลับไปแล้ว ก่อนจะตัดสินใจปิดโทรทัศน์ ช้อนตัวอุ้มเลิฟเข้าห้องนอน ก่อนจะวางร่างเล็กลงบนเตียงอย่างเบามือ

            "หลับไวจังวะ" ปอพึมพำแล้วยิ้มออกมาน้อยๆ ก่อนจะกดจมูกโด่งลงบนแก้มใส จัดการห่มผ้าให้คนตัวเล็กแล้วลุกขึ้นมาปิดไฟ ก่อนจะเดินไปที่ระเบียง

             ปอพ่นควันบุหรี่ออกจากปากเรื่อยๆ และหันกลับมามองในห้องนอนเป็นระยะ เขายืนคิดทบทวนอะไรบางอย่างที่เคยคิดมาตลอด ก่อนจะได้คำตอบในวันนี้

             ปอกระตุกยิ้มมุมปากนิดๆแล้วดับบุหรี่ลง เดินกลับเข้ามาในห้อง ทรุดตัวลงนั่งบนเตียงก้มลงมองคนตัวเล็กที่หลับตาพริ้ม ด้วยแววตานิ่งสนิท

             "ถึงเวลาที่กูควรเลิกเล่นกับมึงและจบเรื่องพนันซะที" ปอพูดออกมาเสียงเรียบเขาควรหยุดไอ้เกมบ้าๆนี่สักที เพราะมันเริ่มน่าเบื่อและอีกอย่างตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าใครจะชนะ


2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 33 (11/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 11-02-2016 10:35:14
กับดักที่
- 33 -



   "ถ้าคนไม่มีหัวใจแบบไอ้เหี้ยปอจะรู้สึกอะไรขึ้นมาแบบที่มึงว่า ไอ้ห่าฝุ่นก็คงสมหวังกับรักข้างเดียว 5 ปี ของแม่งชัวร์"

             "พนันกับกูปะละ"

             "จัดไปแสนนึงกูว่าไม่มีทาง"

             "แสนนึงกูว่าอีกไม่นาน"

             "แสนนึงกูพนันว่าเราจะได้เพื่อนสะใภ้ชื่อเลิฟ และอีกแสนกูว่ามึงจะหยุดที่คนนี้"

             "ถ้าเป็นแบบที่มึงว่า กูให้เลยล้านนึง"

             มันเป็นเรื่องที่พลั้งปากท้าพนันกันด้วยความคึกคะนอง และไม่มีใครได้คิดถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา

...
...

             "3 เดือน" จู่ๆปอก็พูดขึ้นลอยๆทำให้ทุกคนที่กำลังนั่งสังสรรค์หันมามองที่ปอเป็นตาเดียว

             "อะไรวะ 3 เดือน" ต้าหันมาถามด้วยความสงสัย

              "เรื่องพนัน" ปอพูดต่อสั้นๆแล้วหันไปกินเหล้าต่อ

             "หืม...สรุปมึงตกลงรับคำท้า" ต้ายกคิ้วขึ้นข้างนึงแล้วถามปอกลับด้วยความแปลกใจ

             "แล้วอะไรวะ 3 เดือน" กิงเป็นฝ่ายถามขึ้นมาบ้าง

             "มึงจะใช้เวลา 3 เดือนในการเล่นเกมว่างั้นไม่นานไปหรอวะ" ฝุ่นพูดขึ้นมาบ้างเพราะรู้ว่าปอจะสื่ออะไร แต่เขาอดแปลกใจไม่ได้ที่ปอกำหนดเวลานานเกินไป เขาคิดว่าเดือนเดียวไอ้ปอมันก็น่าจะเบื่อแล้ว

             "กูก็ว่างั้นนานไปไหมสำหรับมึง แล้วมึงจะทำยังไงให้น้องมันรักมึงกูเห็นมันตามกัดมึงจะตายห่า" กิงถามต่อเพราะเริ่มรู้สึกสนุก

            "บางทีไอ้ปออาจจะเป็นฝ่ายรักน้องมันก็ได้ใครจะไปรู้" ต้าพูดขัดอารมณ์กิง เพราะหมั่นไส้ท่าทางมั่นใจของกิง ถึงแม้ในใจจะคิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่ถ้าพนันข้างเดียวกันหมดมันก็ไม่สนุกสิ

             "ก็รอดู" กิงยักคิ้วท้าทายต้า ต้าเองก็ทำหน้ากวนประสาทกลับ ก่อนที่ทั้งคู่จะหัวเราะใส่กันเสียงดังแล้วยกแก้วขึ้นชน

             ปอส่ายหัวหน่ายๆกับความติ๊งต๊องของเพื่อน ที่เขารับคำท้าเพราะมันเบื่อๆ และกำลังเซ็งกับชีวิตช่วงนี้ ได้ลองทำอะไรใหม่ๆบ้างมันก็น่าจะแก้เบื่อได้ดี อีกอย่างถ้าความรู้สึกเขาไม่พลาดไอ้สายตานั่นที่ใช้มองเขามันต้องมีอะไรแน่ๆ 3 เดือนกับเรื่องสนุกๆที่น่าจะเกิดมันก็ไม่นานเกินไปหรอก
 
...
...

             "ไอ้ปอ" กิงเรียกปอด้วยเสียงจริงจัง จนปอต้องเงยหน้าจากหนังสือขึ้นมามอง

             "มีอะไร" ปอถามเสียงเรียบพร้อมกับปิดหนังสือลง

             "มึงลืมอะไรป่ะวะ" กิงลองถามดูเพราะเห็นว่าปอทำเฉย

              "ลืม?" ปอถามกลับด้วยความงงเพราะนึกไม่ออกว่าตัวเองลืมอะไร ต้ากับฝุ่นเองก็หันมามองกิงด้วยความสงสัยเหมือนกัน

             "ก็เรื่องที่เราพนันกันไงล่ะวะ" กิงว่าเหวี่ยงๆ

             "เออว่ะ นี่มันครบกำหนดแล้วนี่หว่าแถมเลยแล้วด้วย" ต้าพูดออกมาบ้างเพราะพึ่งนึกขึ้นมาได้

             "แล้วตกลงยังไงวะ" ต้าหันมาถามปอต่อเพราะอยากได้คำตอบ

             ".........." ปอไม่ได้ตอบอะไรนอกจากเงียบ

             "เอาไงจะจบเกมรึยังหรือว่ามึงลืมจริงๆ" ฝุ่นพูดขึ้นมาบ้าง

             "กูไม่ได้ลืมแล้วกูก็อยากจะจบเกมเหมือนกัน เพราะแม่งเริ่มน่าเบื่อ" ปอบอกเสียงเรียบพร้อมกับใบหน้านิ่งๆ

...
...

             ก๊อก ก๊อก ก๊อก

             "ปอๆทำอะไรอ่ะเข้าไปนานแล้วนะ" เลิฟตะโกนถามปอที่อยู่ในห้องน้ำเสียงดัง เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเข้าไปนานแล้ว

              ปอหันมามองที่ประตูห้องน้ำก่อนจะหันกลับไปเอื้อมมือปิดฝักบัว เพราะมัวแต่คิดเรื่องที่เคยคุยกับเพื่อน เขาเลยไม่รู้ตัวว่าเข้ามาในห้องน้ำนานแล้ว ถ้าไม่มีเสียงเลิฟเรียกเขาก็คงยังอยู่ในห้องน้ำจมกับความคิดตัวอีกนาน

               ปอเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว เส้นผมเปียก ลู่แนบไปตามแนวศีรษะ หยดน้ำกระจายเกาะไปทั่วกล้ามเนื้อสวย เลิฟไล่สายตามองไปตามรูปร่างของปอแล้วก็ที่จะอดหน้าแดงไม่ได้ เพราะดันเผลอคิดไปถึงตอนที่ตัวเองอยู่ใต้ร่างของปอ

               'อ๊ากกกกก มึงคิดอะไรของมึงวะไอ้เลิฟ' เลิฟตะโกนโวยวายใส่ตัวเองในใจ

             "มึงเป็นอะไร" ปอมองท่าทางของเลิฟอย่างงงๆ เพราะจู่ๆเลิฟก็เอามือทึ้งหัวตัวเอง ปากก็บ่นพึมพำอะไรไม่รู้ หน้าแดงหูแดงยุ่งเหยิงไปหมด

             "ปะ...เปล่าไปใส่เสื้อผ้าดิ" เลิฟพูดติดๆขัดๆแล้วไล่ปอไปใส่เสื้อผ้าแก้เขิน ปอมองท่าทางของเลิฟอย่างแปลกใจ แต่ก็ยอมเดินไปใส่เสื้อผ้าโดยที่ไม่ได้ถามอะไร

             เลิฟมองตามหลังปอแล้วก็อดอิจฉาไม่ได้เขาเองก็ผู้ชายคนนึง (ถึงจะมีผั..ก็เหอะ) เขาเองก็อยากมีรูปร่างแมนๆแบบปอบ้างไม่ต้องสูงเป็นเสาไฟฟ้าแรงสูงแบบปอก็ได้ (คือปอสูงมากครับพวกเพื่อนๆปอก็สูง พวกพี่อาร์ตก็สูง สงสัยพ่อกับแม่จับแคลเซียมกรอกปากตั้งแต่เกิด) แต่เขาอยากมีกล้ามอยากมีซิกแพ็คสวยๆแบบนี้บ้างอ่ะ ถึงเขาจะพอมีกล้ามเนื้อบ้างแต่มันก็นิดหน่อยตามปกติของผู้ชายทั่วไป

             ครั้นจะให้ไปซ้อมมวยเตะอัดกระสอบทรายแบบปอ หรือไปยืนถือปืนหนักๆซ้อมยิงกลางแดดก็คงไม่ไหวเหมือนกัน เขาไม่ใช่พวกบ้าพลังแบบนั้นนี่นา

             "คิดอะไร" ปอถามเสียงเรียบเอานิ้วโป้งนวดตรงหว่างคิ้วที่ขมวดเป็นปมของเลิฟเบาๆ เขายืนมองเลิฟมาสักพักแล้วแต่ดูท่าเจ้าตัวจะไม่รู้เรื่อง จนเขาต้องเดินเข้ามาใกล้ๆถึงรู้สึกตัว

             "แต่งตัวเสร็จแล้วหรอทำไมไม่เช็ดผมให้แห้งอ่ะ" เลิฟสะดุ้งน้อยๆเพราะความเย็นจากมือปอที่มาสัมผัส ก่อนจะมองที่ผมของปอซึ่งยังมีน้ำหยดลงมาเรื่อยๆ

              "เดี๋ยวก็แห้ง" ปอว่าอย่างไม่ใส่ใจยกมือขึ้นขยี้หัวตัวเองเบาๆ ก่อนจะเดินมาล้มตัวลงนอน

             "เดี๋ยว!! อย่าพึ่งนอนมาเช็ดหัวให้แห้งก่อน" เลิฟดึงปอให้ลุกขึ้นแล้วดันให้นั่งลงที่พื้นปลายเตียง ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กแล้วเดินกลับมานั่งซ้อนลงข้างหลังปอ ลงมือเช็ดผมให้อย่างเบามือเพราะกลัวอีกคนเจ็บ

             "มึงรักกูเพราะอะไร" จู่ๆปอก็ถามขึ้นมาทำเอาเลิฟถึงกับชะงักมือที่เช็ดผมอยู่

             "ถามอะไรเนี่ย" เลิฟพูดเสียงแผ่วรู้สึกได้เลยว่าใบหน้าตัวเองร้อนผ่าว และคิดว่าตอนนี้มันคงแดงแล้วแน่ๆถามอะไรก็ไม่รู้

             "กูอยากรู้" ปอถามต่อเสียงเรียบเหมือนชวนคุยเรื่องทั่วไป แต่คนโดนถามหน้าขึ้นสีเพราะความเขินไปหมดแล้ว

              "จะอยากรู้ไปทำไม" เลิฟพยายามที่จะเลี่ยงไม่ตอบ แต่พอเห็นสายตาปอที่มองมาแกมบังคับก็เลยต้องยอมตอบ

              "ก็รักที่ปอเป็นปอแหละ" เลิฟอ้อมแอ้มตอบเสียงเบา แล้วลงมือเช็ดผมให้ปอต่อเรื่อยๆ

              "แล้วรักตอนไหน" ปอถามต่อ

               "แล้วจะรู้ไหมเล่า!! รู้ตัวอีกทีก็รักไปแล้วว่าแต่ถามทำไมเนี่ย" เลิฟตอบขึ้นเสียงเล็กน้อยเพราะเขินจนทำตัวไม่ถูกแล้ว

             "รู้ตัวก็รักไปแล้วงั้นหรอ" ปอพึมพำออกมาเสียงแผ่ว

             "มึงมันทั้งโง่ทั้งบ้าที่มารักคนแบบกู" ปอพูดออกมาเสียงเยาะๆจนเลิฟต้องเอี้ยวตัวมองหน้าปอ พอเห็นไม่มีอะไรผิดปกติก็เลยคิดว่าตัวเองหูฝาด

             "ปออาจจะไม่รู้ตัวแต่จริงๆแล้วปอเป็นคนใจดีนะ" เลิฟพูดออกมายิ้มๆ

            "กูเนี่ยนะใจดี" ปอถามกลับด้วยความขำเพราะจริงๆเขาไม่ได้ใจดีเลย ใจดีแค่กับบางคนและใจดีเพราะมีเหตุให้ต้องทำเท่านั้น

             "จริงๆนะปอเป็นคนใจดี" เลิฟยืนยันความคิดของตัวเองด้วยท่าทีขึงขัง

             "หึ กูอาจจะใจร้ายกว่าที่มึงคิดก็ได้" ปอพูดออกมาด้วยเสียงเยาะๆอีกครั้ง จนเลิฟต้องขมวดคิ้วเพราะคิดว่าครั้งนี้ตัวเองไม่ได้หูฝาดแน่ๆ

             "มีอะไรรึเปล่าปอดูแปลกๆนะ" เลิฟถามปอด้วยความกังวลเพราะวันนี้ปอดูแปลกไปจริงๆ

             "........" ปอเงียบไม่ตอบอะไรจนเลิฟต้องถอนหายใจออกมาเบาๆ และนั่งเช็ดผมต่อเงียบๆ

             "เสร็จแล้ว" เลิฟบอกเสียงแผ่ว กำลังจะลุกเอาผ้าเช็ดตัวไปตากก็โดนปอกระชากลงไปจูบอย่างรุนแรง

              "อ๊ะ...อื้อ...ฮ้า" เพราะโดนจูบแบบไม่ตั้งตัวทำให้หายใจไม่ทัน พอโดนปล่อยให้เป็นอิสระเลิฟเลยรีบสูดอากาศเข้าปอด

              "ปอเล่นอะไรเนี่ย" เลิฟว่าเหวี่ยงๆแต่พอหันไปสบตาปอก็รีบหุบปากทันที ก็เล่นจ้องเขาเหมือนจะกินลงไปทั้งตัวอยู่ดีๆทำไมถึงหื่นขึ้นมาก็ไม่รู้

               ปอลุกขึ้นประกบจูบเลิฟอีกครั้งแต่คราวนี้แผ่วเบา เขาค่อยๆขบเม้มริมฝีปากอิ่มเล่นก่อนจะสอดลิ้นเข้าไปสำรวจข้างในโพรงปากเล็ก มือก็สอดเข้าไปใต้เสื้อนอนลูบไล้บีบเค้นไปทั่ว

             เลิฟเองก็จูบตอบกลับไปไม่นานแผ่นหลังก็สัมผัสได้ถึงความนุ่มของที่นอน ปอค่อยๆดันเลิฟให้นอนราบไปกับเตียงแต่ไม่ได้หยุดจูบ จากนั้นก็ไล่จูบลงมาที่แก้มและซอกคอขาวก่อนจะวกกับมาจูบปากนุ่มอีกครั้ง

             "จู่ๆเป็นอะไรเนี่ย" เลิฟถามออกมาทันทีที่ปากเป็นอิสระ

             "เงี่ยน" ปอตอบเสียงเรียบหน้าตายแต่เลิฟหน้าแดงขึ้นทันที

             "อะ...ไอ้บ้า" เลิฟด่าปอด้วยเสียงอึกอักกับคำด่าที่โคตรจะรุนแรง ก็มันเขินจนคิดไม่ออกอ่ะ

             "หึ หึ อายห่าอะไรเอาอยู่ทุกวัน" ปอว่าขำๆแล้วก็ก้มลงไปถอดเสื้อของเลิฟออก ตามด้วยกางเกงนอนจนเลิฟตัวเปลือยเปล่าล่อนจ้อน

             เลิฟมองการกระทำของปอแล้วก็เขินจนตัวแดงไปหมด ปอแปลกไปจริงๆนั่นแหละเคยมีที่ไหนล่ะมาพูดหยอกเขาตอนจะมีอะไรกัน แถมอยากจะเถียงออกไปใจจะขาดว่าไม่ได้เอากันทุกวันซะหน่อย แค่เกือบทุกวันต่างหาก

               "อ๊ะ..." เลิฟหลุดครางออกมา เพราะปอกำลังใช้ลิ้นหยอกล้อกับยอดอกของเขา ส่วนอีกข้างก็โดนมือหนาบดขยี้เล่น

             ปอดูดดึงไล้เลียที่ยอดอกเล็กอย่างหิวกระหาย ก่อนจะจูบไล่ลงมาที่หน้าท้องแบนราบดูดเม้มจนเป็นรอยแดงไปทั่ว แวะใช้ลิ้นเลียวนที่หลุมสะดือเล็กจนเลิฟแอ่นตัวโค้งขึ้นเพราะรู้สึกเสียวที่บริเวณท้องน้อย ฝ่ามือของปอก็จับแก่นกายเลิฟขยับให้ช้าๆก่อนจะเปลี่ยนจังหวะเป็นรัวเร็ว ไม่นานเลิฟก็ปลด ปล่อย ออกมาเต็มฝ่ามือของปอ

             "อ๊าาาาาาาา" เลิฟนอนหายใจหอบน้อยๆเพราะได้ปลดปล่อยออกมา ปรือตาขึ้นมองปอนิดๆก็เห็นว่าปอกำลังเลียฝ่ามือที่เปื้อนน้ำรักของเขาอยู่

             "อย่า!! มันสกปรก" เลิฟผวาลุกขึ้นจับมือปอไว้แน่น เพราะรู้สึกอายเนื่องจากปกติปอไม่เคยทำ

             "งั้นมึงเลีย" ปอว่าแล้วยัดนิ้วมือเข้าปากเลิฟเพื่อให้เลียมัน ซึ่งเลิฟก็ทำตามแต่โดยดี

             ปอเอื้อมมือไปที่หัวเตียงคว้าเอาหลอดเจลออกมา แล้วดันเลิฟให้ลงไปนอนเหมือนเดิม จากนั้นก็ป้ายเจลลงไปที่ช่องทางด้านหลังของเลิฟ

             "อ๊ะ อื้อ" เลิฟสะดุ้งน้อยๆเมื่อปอสอดนิ้วเรียวเข้ามา จากนั้นก็ขยับมันเข้าออกช้าๆ แล้วเพิ่มจำนวนนิ้วเข้ามาจนครบสามนิ้ว ชักเข้าออกรัวๆจนเกิดเสียงดัง กดเน้นย้ำลงไปที่จุดๆนึงในร่างกาย จนเลิฟบิดตัวไปมาด้วยความเสียว ก่อนจะถอนนิ้วทั้งหมดออกมา

             ปอจับขาของเลิฟให้อ้ากว้างกว่าเดิม แล้วเอาแก่นกายที่พร้อมรบของตัวเองถูวนที่ปากทางเข้าแผ่วเบา จากนั้นก็ค่อยๆกดส่วนหัวเข้าไปก่อนจะดันจนสุดลำแบบเต็มแรง

             "อึก...อ๊าาาา" เลิฟทั้งจุกและเสียวไม่น้อยเมื่อปอเอาตัวเองเข้ามา รับรู้ได้เลยว่าข้างในตัวเขากำลังตอดรัดตัวตนของปออย่างบ้าคลั่ง

             ปอโน้มตัวลงมาจูบแลกลิ้นกับเลิฟ สัมผัสได้ถึงรสชาดฝาดเฝื่อนจากน้ำรักก่อนหน้านี้ ด้านล่างก็เริ่มขยับเบาๆเมื่อรู้ว่าอีกคนเริ่มปรับตัวได้

             ปอดึงตัวเองออกจนเกือบหมด แล้วแทงกลับลงมาเน้นๆจนเลิฟรู้สึกจุกไปหมด ได้แต่จิกที่นอนเป็นการระบาย จากนั้นไม่นานปอก็ขยับตัวเองรัวเร็ว ซอยถี่ๆจนเลิฟและเตียงราคาแพงโยกไหวเพราะความรุนแรง

             "อ๊ะๆๆ อ๊าาาาา" เลิฟครางออกมาเสียงดังไม่ขาดสาย เพราะความเสียวที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับตัวเองที่ใกล้จะถึงฝั่ง และไม่นานเลิฟก็ปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง

             ปอโหมสะโพกแกร่งอย่างบ้าคลั่ง เมื่อรับรู้ถึงแรงตอดถี่และบีบรัดจากข้างใน เขาอัดกระแทกเข้าไปอย่างรุนแรงจนคนตัวเล็กสั่นคลอนไปหมด จากนั้นไม่นานก็ปลดปล่อยทุกหยาดหยดเข้าไปในตัวของเลิฟ

             ปอหอบหายใจน้อยๆก้มลงไปจูบหน้าผากชื้นเหงื่อของคนตัวเล็กแผ่วเบา โดยที่ไม่ได้เอาตัวเองออกมาแถมยังขยับเข้าออกเบาๆ เป็นสัญญาณให้เลิฟรู้ว่ารอบที่สองกำลังจะเริ่มขึ้นอีกในไม่ช้า


2 Be Con...
+++++++++
สนใจเรื่องหนังสือ
เดี๋ยวจะมีเปิดจองรอบสองเร็วๆนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 32 - 33 (11/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-02-2016 21:38:58
what!!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 32 - 33 (11/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-02-2016 21:41:13
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 34 (12/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 12-02-2016 09:32:42
กับดักที่
- 34 -



   "จะเสร็จรึยัง" ปอชะโงกหน้าเข้ามาถามเลิฟที่แต่งตัวอยู่ในห้องนอน

   "เสร็จแล้ว" เลิฟตะโกนตอบเสียงใสก่อนจะคว้ากระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์แล้วรีบเดินออกมาหาปอ

   "มีสั้นกว่านี้ไหม" ปอว่าเสียงเรียบก้มลงไปมองกางเกงที่เลิฟใส่ แล้วเงยขึ้นมาจ้องหน้าคนตัวเล็กดุๆ

   "บ่นว่ะ ปะๆ" เลิฟว่าเบาๆแล้วรีบดันหลังปอให้เดินออกจากห้อง ความจริงกางเกงที่เขาใส่มันก็ไม่ได้สั้นอะไรขนาดนั้น เลยเข่าขึ้นมาประมาณฝ่ามือนึง เอง ปออ่ะเว่อร์เกิน

   เมื่อวานเขากับปอพึ่งสอบเสร็จวันนี้เลยเป็นวันปิดเทอมวันแรก แต่แทนที่เขาจะได้หยุดนอนอยู่บ้านเหมือนคนอื่น เพราะเมื่อคืนโดนกวนจนไม่ได้นอนแท้ๆดันต้องหอบสังขารเพลียๆตื่นไปทำงาน ไม่น่ารับปากพี่เมย์เลย

...
...

   "กูบอกให้มึงไปหาหมอทำไมไม่ฟังว่ะ" ปอพูดดุๆใส่เลิฟเพราะตอนนี้ทั้งคู่อยู่ในลิฟท์และเลิฟก็ยืนเบียดปอเหมือนเดิม
 
   "ไม่เป็นไรหรอก" เลิฟเถียงกลับเสียงอ่อยและส่งยิ้มแหยๆให้ปอ 

   "แล้วที่มึงทำนี่เรียกว่าไม่เป็น" ปอว่าเสียงเรียบแล้วจ้องหน้าเลิฟเขม็ง 

   "แค่นี้เอง อีกอย่างถ้าไม่มีใครบ้าจับเลิฟขังในลิฟท์ ก็ไม่เป็นไรหรอก" เลิฟอ้าปากอ้อมแอ้มเถียงไม่เต็มเสียง

   "เออ!! กูมันบ้า" ปอว่าเสียงห้วนก่อนจะหันหน้าหนีไม่พูดอะไรต่อ

   ความจริงปอเคยบังคับจะพาเลิฟไปรักษาให้เป็นเรื่องเป็นราวตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งนั้น แต่เป็นตัวเลิฟเองที่ไม่ยอมไปเพราะเขาเองก็อยู่กับมันมาได้โดยที่ไม่เป็นอะไรมาตลอด ยกเว้นที่โดนปอจับขังนั่นแหละอีกอย่างเขาไม่อยากเจอหมอ การรักษาโรคพวกนี้มันไม่ได้เหมือนป่วยไข้หวัดสักหน่อย ต้องเจอหมอตลอดเรื่อยๆเป็นปีๆ ใครจะอยากรักษากันล่ะ

   "ปอ...วันนี้ตอนเลิกงานพาไปเอาของที่หอหน่อยนะ" เลิฟหันมาบอกหลังจากขึ้นมาบนรถได้ไม่นาน

   "เอาอะไร" ปอถามเสียงเรียบแต่ไม่ได้หันกลับมามองเลิฟ เพราะว่าขับรถอยู่

   "ก็เสื้อผ้าแหละที่คอนโดมันไม่พอใส่อ่ะ" เลิฟคิดว่าจะแวะมาเอาเสื้อผ้าของตัวเองที่หอนานแล้วเพราะเสื้อผ้าเขาที่อยู่คอนโดปอมีไม่กี่ชุด ส่วนใหญ่ก็ชุดนักเรียนกับชุดนอน ตอนเปิดเทอมมันก็พอแหละแต่พอปิดเทอมจะให้ใส่ชุดนักเรียนเหมือนเดิมก็ใช่เรื่อง มันเลยจำเป็นต้องกลับมาเอาชุดเพิ่ม

   "จะขนมาทำไมวะเดี๋ยวก็ไม่ได้อยู่ละ" ปอพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยปกติตาก็มองไปที่ถนนเหมือนเดิม แต่คำพูดของปอทำให้เลิฟใจแกว่งหันมามองเสี้ยวหน้าด้านข้างของปอนิดๆ ก่อนจะหันกลับไปมองหน้าต่างรถแทน

   "อืม...วันนี้มารับช้าหน่อยนะพี่เมย์ให้อยู่ช่วยงานจนปิดร้านน่ะ" เลิฟบอกปอต่อและพยายามไม่คิดอะไรมาก

   "วันนี้มึงกลับไปนอนหอก่อนแล้วกัน" ปอบอกน้ำเสียงนิ่งๆ แววตาของเลิฟไหววูบเล็กน้อยความรู้สึกบางอย่างตีรวนขึ้นมาในอก เงียบเพื่อรอฟังว่าปอจะพูดอะไรต่อไหมเมื่อแน่ใจว่าไม่มีเลิฟเลยตัดสินใจถามต่อ

   "แล้วพรุ่งนี้ปอจะมารับหรือว่า..." เลิฟถามยังไม่ทันจบประโยคดีเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาซะก่อน

   Tru...Tru...Tru...

   ปอเหลือบมองไปที่โทรศัพท์เล็กน้อย ก่อนจะคว้าเอาบลูทูธมาเสียบหู แล้วกดรับสาย

   "เออ...กูขับรถมาส่งมัน...เย็นๆเจอกัน...กูต้องกลับบ้านก่อน..." เสียงปอคุยโทรศัพท์ดังเรื่อยๆ เลิฟไม่ได้สนใจว่าปอคุยเรื่องอะไรแต่เขาสนใจที่ปอบอกกับปลายสายว่าเย็นนี้เจอกัน ปอจะไปไหนและไปหาใคร พอคิดแล้วใจมันก็เจ็บขึ้นมาเดี๋ยวนั้น ทั้งๆที่หลายเดือนมานี้ปอไม่ได้ออกไปหาใครเลย แล้วทำไมอยู่ๆปอถึงได้กลับมาเป็นเหมือนเดิม

   "เมื่อกี้มึงว่าอะไรนะ...มึงเป็นอะไร" หลังจากวางสายพร้อมกับที่รถขับมาถึงห้างพอดี ปอก็หันมาถามเลิฟเพราะก่อนที่เขาจะรับโทรศัพท์เหมือนว่าเลิฟจะพูดอะไร แต่ก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเพราะเลิฟนั่งเหม่อลอยหน้าซีดอยู่
   "เลิฟ" ปอเรียกพร้อมกับเอามือไปแตะเลิฟเบาๆ

   "เฮือก...มีอะไร อะ...อ้าว ถึงแล้วเหรอ" เลิฟสะดุ้งน้อยๆเพราะมัวแต่เหม่อ ก่อนจะรู้สึกตัวแล้วหันมองรอบๆข้างถึงได้รู้ว่าตัวเองถึงที่หมายแล้ว

   "มึงเป็นอะไร" ปอมองหน้าเลิฟนิ่งๆ

   "เปล่าๆแค่เหม่อน่ะไม่มีอะไรเลิฟไปทำงานก่อนนะ" เลิฟยกมือโบกไปมาเพื่อยืนยันว่าตัวเองปกติพร้อมกับส่งยิ้มกว้างให้ ปอมองเลิฟอย่างจับผิดแต่พอเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติ เขาเลยพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ส่งให้เลิฟ

   "ไปก่อนนะ เดี๋ยวถึงหอแล้วโทรบอก" เลิฟหันมาบอกปอก่อนจะก้าวลงจากรถยืนโบกมือลาปอเล็กน้อย มองตามจนรถขับออกไปพ้นสายตาก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วเดินไปทำงาน
   
...
...

   "เลิฟเดี๋ยวจัดช่อนี้เสร็จก็กลับบ้านได้เลยนะ" เมย์เดินมาบอกเลิฟที่กำลังจัดช่อดอกไม้อยู่

   "อ้าว...ทำไมล่ะครับพึ่งจะสี่โมงเองอีกตั้งนานกว่าจะปิดร้าน" เลิฟถามด้วยความสงสัยเพราะวันนี้เขาต้องทำงานจนถึงเวลาปิดร้าน

   "พอดีวันนี้พี่ต้องไปทำธุระน่ะเลยปิดร้านเร็วหน่อย" เมย์บอกยิ้มๆ เลิฟเองก็พยักหน้ารับรู้และเร่งมือทำงานเพราะกลัวว่าเมย์จะเสียเวลา

   "ผมกลับแล้วนะครับพี่เมย์" เลิฟหันมาบอกลาและยกมือไหว้เมย์หลังที่ช่วยกันปิดร้านเรียบร้อย

   "แล้วนี่เลิฟกลับยังไงล่ะ" เมย์ถามแล้วก็มองหาใครอีกคนที่จะต้องมารับเลิฟประจำ

   "คงกลับแท็กซี่มั้งครับ" เลิฟตอบกลับแล้วส่งยิ้มจางๆให้

   "อ้าว...แล้วปอไม่มารับเหรอ" เมย์อดที่จะแปลกใจไม่ได้ปกติปอแทบจะมานั่งเฝ้าด้วยซ้ำ

   "ไม่ได้มาครับ" เลิฟบอกเสียงเบา

   "แปลกแหะที่ปอปล่อยเลิฟกลับบ้านคนเดียวปกติเห็นตัวติดกัน"

   "พอดีปอติดธุระน่ะครับ"

   "ถึงว่าสิงั้นเราก็รีบกลับล่ะอย่าไปเถลไถลที่ไหน อย่าไปทำตัวน่ารักให้ใครตามจีบนะแฟนเรายิ่งดุๆแถมขี้หวงอยู่" เมย์พูดต่อเรื่อยๆแล้วก็คิดถึงหน้านิ่งๆตาดุๆของปอไปด้วย

   "แฟนอะไรล่ะครับพี่เมย์แค่เพื่อนกัน" เลิฟบอกเมย์เสียงอ้อมแอ้มยกมือเกาท้ายทอยตัวเองแก้เขิน ไม่ได้อายแต่ว่าเขากับปอยังไม่ใช่แฟนกันจริงๆนี่นา ถึงจะข้ามขั้นไปไกลแล้วก็เหอะ

   "จ๊ะไม่ใช่แฟนแต่คอนี่แดงมาประจำ" เมย์เอานิ้วจิ้มไปตามรอยที่คอเลิฟด้วยความหมั่นไส้

   "งั้นพี่ไปก่อนนะสายแล้ว" เมย์บอกลาเลิฟเพราะเห็นว่าตัวเองกำลังจะสายก่อนจะรีบเดินออกไปทันที

   เลิฟมองตามหลังเมย์แล้วก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ เห็นว่าเวลายังเหลืออีกเยอะเลยตัดสินใจเดินเล่นในห้างก่อนกลับ
   ระหว่างที่กำลังเดินดูของไปเรื่อยๆ สายตาของเลิฟก็ไปสะดุดเข้ากับร้านขายเครื่องประดับร้านนึง เลิฟมองเครื่องประดับที่ตั้งโชว์ในตู้ด้านนอกอย่างสนใจ ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาบางๆแล้วก้าวขาเดินเข้าไปในร้าน

...
...

 
   "ทำไมมึงนัดมานี่วะ" กิงถามทันทีที่ก้าวขาเข้ามาในห้อง ตามด้วยเพื่อนอีกสองคนที่มาพร้อมกัน

   "กูขี้เกียจออกไปข้างนอก" ปอว่าเสียงเรียบแล้วเดินกลับไปนั่งที่โซฟา เขาเองก็พึ่งกลับมาจากบ้านใหญ่เหมือนกัน ยังไม่ทันได้เข้าห้องก็เจอพวกมัน 3 คนยืนรออยู่แล้ว

   "มึงบอกน้องมันแล้วเหรอวะ" กิงทำตาโตแล้วรีบเดินเข้าไปหาปอ

   "ยังไม่ได้บอก" ปอตอบกิงอย่างไม่ใส่ใจ

   "มึงไม่กลัวน้องมันจะรู้เรื่องที่เราคุยกันเหรอวะ" กิงทำเสียงกระซิบกระซาบใส่ปอสายตาก็กวาดมองไปรอบๆห้อง วันนี้ไอ้ปอมันนัดพวกเขามาหาที่ห้องเพราะจะคุยเรื่องเงินพนัน ส่วนเรื่องผลน่ะเหรอพวกเขารู้กันแล้วล่ะ

   "มันไม่อยู่กูให้กลับไปนอนหอ" ปอพูดเสียงดังปกติไม่ได้บ้าจี้กระซิบตามกิง

   "แล้วเสือกไม่รีบบอกกู" กิงว่าเหวี่ยงๆ

   "แต่กูโคตรนับถือมึงว่ะไอ้เหี้ยแค่เงินพนันคนละแสน มึงลงทุนเอาตัวเองไปอ่อยน้องแม่งจนติด" ต้าพูดขำๆเมื่อคิดถึงสิ่งที่เพื่อนทำ

   "ไม่ติดธรรมดาซะด้วยน้องแม่งทั้งรักทั้งบูชาไอ้เหี้ยปอเลยเหอะ กูนี่อิจฉา" กิงว่าขึ้นมาบ้าง

   "แล้วมึงจะบอกน้องมันตอนไหนวะรออะไรคำตอบก็ได้แล้ว" ฝุ่นถามปออย่างสงสัย

   "เออใช่ กูอยากเห็นหน้าน้องมันตอนรู้เรื่องที่เราท้าพนันกันฉิบหาย แล้วยิ่งถ้ารู้ผลนะกูว่ามีน้ำตาไหล ฮ่าๆ" กิงพูดไปหัวเราะไปแบบมีความสุข

   "เงินแสนในกระเป๋ากูแม่งกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด" ต้าทำสีหน้าท่าทางเศร้าสร้อยที่มองดูก็รู้ว่ากวนตีน

   "กูว่าจะมะ......" ปอยังไม่ทันจะพูดจบประโยคก็มีเสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะซะก่อน

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก

   "มึงมีอะไร" ปอถามทันทีที่เปิดประตูมาเจอพี่ชายตัวเองยืนอยู่

   "กูจะมาด่ามึงแทนเมียมึง" ปิงทำหน้าเซ็งๆใส่น้องตัวเอง

   "ด่ากูเรื่อง?" ปอทำหน้างงใส่

   "ก็มึงจะไปไหนทำไมมึงไม่บอกน้องมันวะ คีย์การ์ดห้องมึงก็ไม่ทิ้งไว้ให้ ปล่อยให้น้องมันนั่งรอหน้าห้องอยู่ได้เป็นชั่วโมง ดีนะกูมาเจอ" ปิงร่ายยาวตามนิสัย

   "มึงหมายความไง" ปอถามเสียงเครียดขอให้ไม่ใช่อย่างที่เขาคิด

   "กูมีคีย์การ์ดห้องมึงไงกูเลยเปิดประตูให้น้องมันเข้าห้องไป มึงยังไม่เจอน้องมันหรอวะ" ปิงพูดเรื่อยๆเพราะไม่ได้รู้อะไรด้วย
   "เหี้ยเอ้ย!!" ปอสบถออกมาแล้วรีบวิ่งไปทางห้องนอนด้วยความร้อนรน ด้านหลังก็มีพวกต้าวิ่งตามหน้าตาตื่น

   ปอเปิดประตูเข้าไปในห้องแรงๆก็เห็นร่างบางนอนคว่ำหน้าอยู่ พอเดินเข้าไปใกล้ๆก็เห็นว่าเจ้าตัวนอนหลับตาพริ้ม ลมหายใจถูกปล่อยออกมาอย่างสม่ำเสมอ

   "เป็นไงบ้างวะ" กิงอ้าปากถามแบบไม่มีเสียงปอเลยเดินกลับออกมาพร้อมกับปิดประตูห้องนอน

   "มันหลับ" ปอบอกสั้นๆ

   "หูยยยย กูนึกว่าความแตกแล้ว" กิงพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

   "พวกมึงมีอะไรกันวะ" ปิงมองท่าทางของปอกับเพื่อนด้วยความสงสัย

   "ไม่มีไร พวกมึงกลับไปก่อนเรื่องเงินค่อยเคลียร์" ปอรีบไล่ทุกคนออกจากห้องเพราะว่าตอนนี้ทางไม่สะดวกแล้ว

   "เออๆแต่อย่าลืมว่ามึงต้องบอกน้องมันต่อหน้าพวกกู" ฝุ่นบอกปอด้วยท่าทางมีความสุขก่อนจะรีบดันหลังปิงออกจากห้อง

   เมื่อทุกคนออกไปหมดแล้ว ปอก็เดินกลับเข้าไปในห้องนอน แล้วทรุดตัวลงนั่งข้างๆคนที่หลับอยู่ ก้มลงมองใบหน้าหวานอย่างพิจารณา

   "เลิฟๆ ตื่น" ปอเอามือตบแก้มเลิฟเบาๆเป็นการปลุก เรียกอยู่สักพักร่างบางก็ขยับตัวน้อยๆปรือตาขึ้นมามองปอด้วยท่าทางงัวเงีย

   "อ้าวปอ...กลับมาแล้วเหรอ" เลิฟขึ้นนั่งแล้วยกมือขึ้นปิดปากที่กำลังหาวเพราะความง่วงงุน

   "ทำไมมึงมาอยู่นี่" ปอถามดุๆ
 
   "แฮ่...พอดีว่าลืมกุญแจหอไว้อ่ะเลยกลับมาเอา ตั้งใจว่าจะงีบนิดหน่อยดันหลับยาวเลย" เลิฟทำหน้าแหยๆบอกปอเสียงอ่อย

   "มึงหลับตลอด" ปอถามแล้วมองเลิฟอย่างจับผิด

   "อือ มีอะไรรึเปล่า" เลิฟมองปอด้วยความสงสัย

   "ไม่มีอะไร" ปอตอบตัดบท

   "งั้นเลิฟกลับหอก่อนนะ"

   "ไม่ต้องแล้วนอนนี้แหละ" ปอบอกเสียงเรียบ

   "จริงอ่ะ" เลิฟถามพร้อมกับยิ้มกว้างอย่างดีใจ ปอเลยพยักหน้าให้แล้วลุกออกจากห้องไป

   สักพักเลิฟที่เข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำก็เดินตามปอออกมาจากห้อง ก่อนจะตรงดิ่งไปหาแมวอ้วนที่นอนหลับอยู่เอามือเกาพุงกลมๆเพื่อแกล้ง จนลูกแมวส่งเสียงออกมาด้วยความหงุดหงิด

   "คิกๆ" เลิฟหัวเราะอย่างมีความสุขแล้วจัดการเทอาหารลงชามให้

   "เลิฟ กูมีเรื่องจะ...." ปอที่นั่งอยู่เรียกเลิฟด้วยเสียงจริงจัง

   "เออใช่!! ลืมเลย" จู่ๆเลิฟก็ตะโกนขึ้นมาเสียงดังแล้ววิ่งเข้าไปในห้องนอน ปอเลยต้องเงียบหยุดคำพูดที่ตัวเองจะบอกเลิฟลง

   ไม่นานเลิฟก็เดินกลับออกมาอีกครั้ง พร้อมกับอะไรบางอย่างในมือ เจ้าตัวเดินยิ้มๆมาหาปอก่อนจะนั่งลงบนตัก

   "เมื่อกี้ปอจะพูดอะไรป่ะ" เลิฟถามปอเพราะก่อนเขาจะแหกปากออกมาเหมือนปอจะพูดอะไร

   "ช่างเหอะแล้วนี่อะไร" ปอมองท่าทีของเลิฟด้วยความสงสัย เลิฟเลยส่งยิ้มให้พร้อมกับแบมือออกให้ปอดู 

   ในมือของเลิฟมีต่างหูผู้ชายสีเงินข้างเดียววางอยู่ ปอยกคิ้วขึ้นนิดๆก้มมองที่ต่างหูแล้วมองหน้าเลิฟ

   "ใส่ให้นะ" เลิฟบอกแล้วถอดต่างหูอันเก่าของปอออกแล้วบรรจงใส่อันใหม่เข้าไปให้ เจ้าตัวมองต่างหูที่ตัวเองซื้อมาเมื่อช่วงเย็นด้วยความสุข

   "อย่าถอดมันทิ้งนะปอไม่ว่าจะยังไงต่อจากนี้ถือว่าเลิฟขอ เพราะไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาศซื้อให้ปอแบบนี้อีกไหม" เลิฟว่าเสียงเศร้าตาก็จ้องไปที่ต่างหู

   "มึงหมายความว่ายังไง" ปอถามเลิฟด้วยความสงสัย แล้วจับใบหน้าของคนตัวเล็กให้หันมาสบตาตัวเองอย่างหาคำตอบ

   "ก็มันแพงอ่ะเนี่ยเงินเก็บเกือบหมดขนาดซื้อข้างเดียวนะ" เลิฟบ่นงุมงำเอาหน้าซุกไหล่ปอแล้วยกแขนกอดแน่น

   "ใครใช้ให้มึงซื้อ" ปอส่ายหัวหน่ายๆ

   "ก็อยากซื้อให้นิ" เลิฟว่าเสียงกระเง้ากระงอด

   "งั้นอย่าบ่น" 

   "ชิส์...แต่สัญญานะว่าจะไม่ถอดมันทิ้ง เกิดอะไรขึ้นก็ต้องไม่ทิ้งเลิฟขอแค่นี้จริงๆ" เลิฟสบตากับปอด้วยความจริงจัง

   "กูสัญญา" ปอตอบด้วยเสียงหนักแน่น จนเลิฟคลี่ยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะซุกหน้าลงกับไหล่ของปอเหมือนเดิม



2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 35 (12/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 12-02-2016 09:55:05
กับดักที่
- 35 –



   ปอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในตอนเช้าเพราะเสียงดังก็อกแก็กกับเสียงคนคุยกันแว่วๆ พอมองหาที่มาของเสียงก็เห็นว่าเป็นเลิฟยืนที่คุยโทรศัพท์อยู่ ปอเลยลุกขึ้นยืนเอามือขยี้หัวจนยุ่งเหยิงแล้วเดินหาวหวอดๆไปหาเลิฟ

   "ครับ เร็วที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ" เลิฟกดตัดสายทิ้งแล้วหันมาส่งยิ้มให้ปอ

   ฟอดดดดดด

   "คุยกับใคร" ปอคว้าเอวเลิฟมากอดแล้วก้มลงหอมแก้มเนียน ก่อนจะถามเสียงเรียบ

   "พี่เมย์น่ะทำให้ตื่นเหรอ" เลิฟหันมาตอบแล้วก็เอื้อมมือไปลูบผมยุ่งๆของปอให้เข้าที่ แต่ปอก็ยกมือมาขยี้หัวตัวเองจนยุ่งอยู่ดี

   "อืม...แล้วมึงตื่นมาทำอะไรแต่เช้า" ปอมองสำรวจเลิฟที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วด้วยความแปลกใจ

   "เช้าที่ไหนล่ะจะ 10 โมงแล้ว" เลิฟบอกยิ้มๆก่อนจะผละออกไปหยิบกระเป๋าตังกับโทรศัพท์ที่วางไว้ แล้วเดินออกจากห้องนอนไป

   "มึงจะไปไหน" ปอเดินตามออกมาแล้วดึงแขนเลิฟไว้ ก่อนที่เลิฟจะเปิดประตูออกไปข้างนอก

   "ไปทำงานไง" เลิฟชะงักมือที่จะเปิดประตูไว้แล้วหันหน้ากลับมาตอบปอ

   "ไหนมึงบอกว่าวันนี้หยุดแล้วจะไปซื้อของกับเพื่อนไง" ปอถามด้วยความสงสัยแล้วมองเลิฟเพื่อสังเกตุความผิดปกติ

   "ก็พี่เมย์ขอให้ไปช่วยน่ะส่วนนัดกับนาวเลื่อนไปเป็นพรุ่งนี้แทน" เลิฟตอบคำถามด้วยท่าทีปกติทุกอย่าง แต่ปอก็รู้สึกแปลกๆอยู่ดี

   "แล้วนี่มึงทำงานไหว" ปออดที่จะถามไม่ได้เพราะเมื่อคืนอยู่ดีๆเลิฟมันก็ยั่วผลคือกว่าจะได้นอนก็เกือบตีสาม แล้วมันดันตื่นนอนตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ท่าเดินนี่ถ้าคนมองไม่โง่ก็รู้ว่าทำอะไรมา

   "ก็ต้องไหวแหละทำตัวเองมันก็ต้องไหว" เลิฟบอกเสียงแผ่วเหมือนจะสื่ออะไรที่มากกว่านั้นจนปอขมวดคิ้วเป็นปม

   "เดี๋ยวกูไปส่ง" ปอจับแขนเลิฟแน่นกว่าเดิมโดยที่ไม่รู้ตัว

   "ไม่เป็นไรนี่สายแล้วเดี๋ยวไปเปิดร้านให้พี่เมย์ช้า กว่าปอจะอาบน้ำเสร็จกว่าจะไปถึงสายแน่ๆอ่ะ" เลิฟทำหน้าลำบากใจเล็กน้อยเพราะกลัวสาย

   "แล้วทำไมไม่ปลุกกู" ปอถามเลิฟดุๆ

   "อ้าว...ตัวเองตื่นสายไหงมาว่าเลิฟล่ะ" เลิฟทำหน้างงใส่ปอ
 
   "มึงเป็นอะไร" ปอรู้สึกว่าวันนี้เลิฟดูแปลกๆในหลายๆอย่าง

   "ปอนั่นแหละเป็นอะไร" เลิฟยกมือลูบแก้มปอเล่นเบาๆเพราะเห็นว่าทำหน้าตึง

   "กู...เดี๋ยวกูลงไปส่งข้างล่าง" ปออยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายก็เลือกที่จะไม่พูด ก่อนจะเดินกลับเข้าไปหยิบเสื้อในห้องนอนมาใส่แล้วเดินจูงมือเลิฟไปที่ลิฟท์

   ระหว่างที่อยู่ในลิฟท์ไม่มีการพูดคุยอะไรทั้งนั้น มีแค่ความเงียบจากทั้งคู่และมือที่กุมกันเอาไว้แน่น เหมือนกับกลัวว่ามันจะหายไปไหน

   ปอเดินออกมาส่งเลิฟถึงถนนใหญ่หน้าคอนโด จังหวะที่เลิฟปล่อยมือจากปอเพื่อไปโบกรถอยู่ๆปอก็ใจหายขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ

   "ปอ / เลิฟ" ทั้งคู่พูดพร้อมกันอย่างไม่ตั้งใจ จนเลิฟหัวเราะออกมานิดๆแล้วเดินกลับมาหาปอประคองฝ่ามือใหญ่มากุมไว้

   "อย่าลืมกินข้าวเช้านะ" เลิฟพูดเสียงเบา

   "........."

   "พวกของใช้อยู่ในตู้ซ้ายมือ" เลิฟลูบฝ่ามือปอเล่น

   "........."
   "อย่ากินแต่เหล้ารู้ไหม"

   ".........."

   "ให้อาหารโมกด้วย" เลิฟเงยหน้าขึ้นมาส่งรอยยิ้มให้ปอจางๆจนปอใจกระตุกแปลกๆ

   "แน่ใจนะว่าไม่มีอะไรกูว่ามึงแปลกๆ" ปอมองหน้าเลิฟอย่างค้นหาคำตอบแต่ก็ไม่เจออะไร

   "เลิฟรักปอนะ" แขนเล็กโอบกอดคนตรงหน้าไว้แน่น 

   "กูรู้" ฝ่ามือหนายกขึ้นลูบหัวคนตัวเล็กเบาๆอีกข้างก็กอดร่างบางไว้

   "แล้วปอรักกันรึเปล่ารักกันบ้างรึยัง" เสียงที่ถามออกมามันแผ่วเบาไม่ต่างจากเสียงกระซิบ แต่ดังชัดเจนเหมือนตะโกนอยู่ข้างหู

   "จะโกหกก็ได้บอกว่ารักกันสักครั้งได้ไหม" น้ำเสียงสั่นเครือพร้อมกับอ้อมกอดที่กระชับขึ้น ทำให้ปอดันเลิฟออกจากตัวเองมองใบหน้าเนียนด้วยความสงสัย รู้สึกสะกิดที่ใจแปลกๆ มันบอกไม่ถูก

   "กูว่ากูไปส่งมึงดีกว่า" ปอไม่ได้พูดตามที่เลิฟขอแต่คิดขึ้นมาว่าไม่อยากปล่อยเลิฟไปไหนคนเดียวตอนนี้

   "ฮ่าๆจะบ้าหรอลงมาถึงนี้แล้วใครจะไปรอเลิฟไปก่อนนะ" เลิฟหัวเราะนิดๆแล้วหันหลังกลับไปโบกรถ

   "เลิฟ" ปอดึงเลิฟเอาไว้อีกครั้ง

   "หือ" เลิฟหันกลับมามองปอ

   "เดี๋ยวเที่ยงกูไปรับกินข้าว...รอกูนะ" ปอบอกด้วยเสียงที่หนักแน่นแต่แฝงด้วยความอ้อนวอน ไม่รู้ทำไมถึงทำแบบนั้นมันหาคำตอบไม่ได้

   "เลิฟไปนะ" แววตาของเลิฟไหววูบไปนิด แล้วก้าวขาขึ้นรถแท็กซี่ทันที โดยที่ไม่ได้หันมามองปอที่ยืนอยู่อีกเลย

   ปอมองตามรถที่ขับออกไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ เขารู้สึกว่าใจมันแกว่งโหวงๆในอกบอกไม่ถูกความรู้สึกเหี้ยๆตีรวนกันไปหมด มันรู้สึกว่าตัวเองทำพลาดที่เมื่อกี้่ปล่อยให้เลิฟขึ้นรถไป

...
...

 
   "โทษนะครับที่โทรมาจองตั๋วรถเมื่อตอนเช้าน่ะครับ" เลิฟก้มลงบอกพนักงานที่นั่งอยู่ในช่องขายตั๋ว

   "คุณกานดาใช่ไหมค่ะ" พนักงานถามย้ำเพื่อความถูกต้อง ซึ่งเลิฟก็พยักหน้าให้เพื่อยืนยัน

   "สักครู่นะคะ" ไม่นานพนักงานก็ยื่นตั๋วมาให้ พร้อมกับที่เลิฟจ่ายเงิน ก่อนจะเดินไปขึ้นรถตามทางที่พนักงานบอก

   เลิฟขึ้นมานั่งรอบนรถ  มองตั๋วในมือด้วยความสับสน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำถูกไหมใจตัวเองอยากจะทำแบบนี้จริงๆรึเปล่า แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะทำไปแล้ว

   เลิฟหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรออก ไม่นานปลายสายก็รับและส่งเสียงสดใสเป็นเอกลักษณ์กลับมา

   "(ถึงไหนแล้วมึงกูรออยู่ที่เดิมเนี่ยพวกไอ้พีทก็มาแล้ว)" นาวถามเลิฟและส่งเสียงไปด่าโดม มีเสียงหัวเราะดังให้ได้ยินแว่วๆ

   "กูจะโทรมาบอกว่าคงไม่ได้ไปแล้ว" เลิฟบอกนาวพยายามฝืนบังคับเสียงของตัวเองให้ปกติที่สุด

   "(อ้าว...ทำไมคะผัวเอาจนลุกไม่ขึ้นเหรอวะฮ่าๆ)" นาวหัวเราะเสียงดังลั่นกับคำพูดตัวเอง

   "(เออๆไม่เป็นไรเดี๋ยวเจอกันวันไปทะเลก็ได้ แล้วมึงจะฝากกูซื้ออะไรไหม)" คำพูดของนาวทำให้เลิฟรู้สึกผิดในใจไม่น้อยไม่รู้จะบอกเพื่อนว่ายังไง

   "กูคงไม่ได้ไปทะเลกับพวกมึงแล้วว่ะขอโทษนะเว้ย" เลิฟบอกเสียงแผ่ว

   "(ทำไมวะมึงมีอะไรรึเปล่า)" นาวถามด้วยความเป็นห่วงเพราะเริ่มสังเกตุได้ถึงความผิดปกติ

   "กู......" น้ำเสียงเป็นห่วงของเพื่อนทำให้เลิฟพูดไม่ออก ความรู้สึกบางอย่างที่พยายามกดเอาไว้มันเริ่มตีรวนขึ้นมาในอก

   "(เกิดอะไรขึ้นวะ)" 

   "ไม่มีอะไรหรอกกูแค่เหนื่อยแล้วอยากไปไหนไกลๆคนเดียวสักพัก"

   "(มึงจะไปไหนมีอะไรไม่พูดวะ มึงยังเห็นกูเป็นเพื่อนไหมเลิฟ มึงไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะเว้ย)" นาวโวยวายเสียงดัง

   "มึงคือเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตกู กูขอโทษที่คอยแต่สร้างปัญหาคอยแต่ทำให้มึงเป็นห่วง เหมือนภาระที่ต้องคอยให้มึงดูแล" เลิฟบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่นกระพริบตาถี่ๆเพื่อไม่ให้น้ำตามันไหล

   "(มึงอย่าพูดแบบนี้ถ้ามึงไม่ใช่เพื่อนกูจะห่วงหรอวะ)" น้ำเสียงร้อนรนของนาวทำให้น้ำตาของเลิฟไหลลงมาในที่สุด

   "กูแย่แล้วว่ะนาวทำไมต้องเจอแต่อะไรแบบนี้วะ" 

   "(ตอนนี้มึงอยู่ไหนเดี๋ยวกูไปหา)" เสียงของนาวสั่นเครือจนเลิฟรู้สึกว่าตัวเองกำลังทำให้เพื่อนเป็นห่วงอีกแล้ว 

   "ไม่ต้องเป็นห่วงกูนะ กูสัญญาว่ากูจะกลับมาหามึงแต่ตอนนี้กูไม่พร้อมเจอใครทั้งนั้น ขอกูอยู่คนเดียวสักพักอยู่ให้ชินจะได้ไม่หาเรื่องอีก" พูดแค่นั้นเลิฟก็รีบตัดสายทิ้งและกดปิดเครื่องทันที 

   เลิฟปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเรื่อยๆ สายตาก็เหม่อมองออกไปตามวิวข้างทางที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆตามความเร็วของรถ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่อยากอยู่คนเดียวแบบนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ตัดสินใจหันหลังและทิ้งทุกอย่าง รู้ดีว่าตัวเองกำลังทำให้หลายคนเป็นห่วงและรู้ว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่มันเหมือนการหนีปัญหา แต่จะให้อยู่เผชิญหน้ากับความจริงที่ต้องรับรู้เขาทำไม่ได้จริงๆ

   ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เขาจะไม่ลืมกุญแจหอพักจะได้ไม่ต้องรับรู้อะไรแบบนี้ เมื่อวานเขาไม่ได้หลับและได้ยินทุกอย่าง ตอนนั้นเขารู้สึกว่าตัวมันชาวาบเหมือนโดนสาดด้วยน้ำเย็นจัดและตบซ้ำ ขาสองข้างเหมือนโดนถ่วงด้วยก้อนหินขนาดยักษ์อยากจะออกไปอาละวาด โวยวาย แต่ที่ทำได้คือยืนฟังอยู่เงียบๆ วินาทีนั้นมันสับสนจนแม้แต่น้ำตาก็ยังไม่ไหล

   ถามว่าโกรธไหมบอกเลยว่าไม่ ถามว่าเกลียดรึเปล่ามันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่รู้สึกคือเสียใจและผิดหวังกับความจริงที่ว่า ต่อให้พยายามแค่ไหนเรื่องของเขามันก็ไม่มีทางไปได้ไกลกว่านี้ เพราะทุกอย่างมันถูกกำหนดระยะเวลาไว้แล้ว
 
   ทั้งๆที่เขาคิดว่าปอคงจะรู้สึกอะไรเหมือนกันบ้างแต่แค่ปอเป็นคนไม่พูด ทั้งๆที่คิดว่าอะไรมันคงดีขึ้นสิ่งที่ปอแสดงออกมันต้องมีความหมาย แต่มันกลับไม่ใช่ทุกอย่างมันเป็นแค่เกม และเขาคือตัวหมากตัวนึงบนกระดาน
 
   ถึงอย่างนั้นในส่วนลึกของหัวใจมันยังดื้อดึง เขายังไม่เชื่อว่าสิ่งที่ปอทำมันคือการเสแสร้ง เมื่อเช้าเขาเลยลองเสี่ยงที่จะถามถ้าปอบอกว่ารักคำเดียว ถึงจะพูดโกหกเขาก็จะยังอยู่ตรงนั้นแม้ว่าจะต้องถูกทิ้งก็ตาม 

   เขารู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยและล้าขามันไม่มีแรงที่จะก้าวเดินต่อ เหมือนว่าอะไรที่หวังอะไรที่ฝันมันกำลังจะพังลง กลัวที่จะต้องรับรู้ความจริงทั้งหมดจนต้องหนีมา เขาขอมาทำใจให้เข้มแข็งกว่าเดิมอีกสักนิดถ้าสมมุติว่าจะต้องกลับไปอยู่คนเดียวจริงๆ 

   ตลอดมาเขากับปอคือความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจน มันคล้ายกับการเดินไปข้างหน้าแต่หลับตา ไม่มีทางรู้เลยว่าจะเดินตกหน้าผาตอนไหน เพราะคนที่จูงมือเราพร้อมจะปล่อยมือเราได้ตลอดเวลา 

   ทั้งๆที่รู้ว่าอาจจะโดนทิ้งไว้ข้างหลัง มองไม่เห็นอนาคต เขาก็ยังเลือกที่จะจับมือนี้เดินต่อไป  มันเป็นการลงทุนที่เสี่ยง ไม่รู้จะได้ผลตอบแทนแบบไหน เป็นการกระทำที่หลายคนเรียกว่าโง่ ไม่คุ้มกันเลยที่จะแลกแต่อย่างน้อยที่สุดหัวใจมันก็เคยได้รักพร้อมๆกับได้เรียนรู้ว่า ต่อให้เขากอดอีกคนไว้แน่นแค่ไหน เมื่อถึงเวลามันก็ต้องปล่อย



2 Be Con...
+++++++++++
อย่าโกรธฉันเลย.....
ฉันเพียงต้องการให้เธอเข้าใจ
ไอ้ปอฝากบอกมา
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 34 - 35 (12/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 12-02-2016 10:15:12
 :hao4: :hao4: :hao4: :hao4: :hao4: :hao4: :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 34 - 35 (12/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 12-02-2016 11:06:38
นี่คืออะไร.........น้องเลิฟของพี่ ร้องไห้อีกแล้ว :sad4:
หลบไปพักกายพักใจน่ะได้แต่ต้องดูแลตัวเองด้วยนะจ๊ะ
รักตัวเองให้มากๆ ทุกสิ่งที่ผ่านมาล้วนเป็นแบบทดสอบทั้งสิ้น
ขอให้เข้มแข็งเข้าไว้ เชื่อว่าเลิฟต้องผ่านมันไปได้จ้ะ
ยังไงเพื่อนๆก็ยังรักและอยู่เคียงข้างหนูเสมอนะ :กอด1:
แต่กับพี่ปอเราไม่ขอพูดถึง รอให้พี่เขามาพูดเองดีกว่า :a14:
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:
+1และเป็ดค่ะ
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 34 - 35 (12/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-02-2016 15:57:06
 :z6:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 34 - 35 (12/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 12-02-2016 19:27:13
ฉากนี้อ่านทีไรก็เศร้า :hao5:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 36 (13/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 13-02-2016 09:52:46
กับดักที่
- 36 -



   ปอเดินกลับขึ้นมาบนห้องด้วยความไม่สบายใจ คำพูดสุดท้ายกับใบหน้าเศร้าๆของเลิฟ อาการแปลกๆรวมถึงเหตุการณ์เมื่อวานมันทำให้เขากังวล

   จากที่ตั้งใจว่าจะรอให้ถึงเที่ยงค่อยออกไปหา แต่อะไรบางอย่างในใจมันคอยร้องเตือนอยู่ตลอดเวลาจนทำให้เขารอให้ถึงเวลาไม่ได้ ตัดสินใจอาบน้ำแต่งตัวแล้วตามออกไปทันที

   'ขอโทษค่ะเลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถ.....' คิ้วสองข้างของปอขมวดเข้าหากันแน่น กดตัดสายและลองโทรใหม่อีกครั้ง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาก็เหมือนเดิม ก้มลงมองโทรศัพท์ในมือด้วยหัวใจที่สั่นไหวแบบไม่เคยเป็นมาก่อน ความกลัวความกังวลเริ่มตีรวนวิ่งพล่านในอก มือหนาคว้าเอากุญแจและรีบตรงไปที่รถก่อนจะขับออกไปด้วยความเร็ว

   ปอขับรถมาถึงห้างในเวลาไม่นาน เมื่อจอดรถเรียบร้อยก็รีบตรงดิ่งไปร้านดอกไม้ที่เคยไปเป็นประจำจนคุ้นชิน ด้วยความรู้สึกร้อนรน

   "เลิฟล่ะครับ" ปอยกมือไหว้ทักทายเมย์และถามหาเลิฟทันทีที่มาถึงร้าน สายตาคอยสาดส่องไปทั่วแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของคนที่เขาอยากเจอ

   "อ้าว...น้องปอ เลิฟไม่อยู่นะคะ" เมย์ตอบปอออกไปด้วยความแปลกใจไม่น้อยที่เห็นอีกฝ่ายมาถามหาเลิฟ

   "ไม่อยู่? แล้วมันไปไหน" ปอถามต่อด้วยท่าทีนิ่งๆแต่ความกังวลภาย ในใจเริ่มก่อตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ

   "พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะ เพราะเมื่อเช้าเลิฟโทรมาลางานกับพี่เดือนนึง นี่ปอไม่รู้เรื่องเหรอ" เมย์บอกออกไปตามตรง เมื่อเช้าตอนที่เลิฟโทรมาขอลางาน เธอเองค่อนข้างแปลกใจไม่น้อย เพราะระยะเวลามันนานแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย คิดในใจแค่ว่าปิดเทอมเจ้าตัวคงจะลาหยุดไปเที่ยวกับปอ แต่ดูท่าทางแล้วมันน่าจะไม่ใช่แบบที่เธอคิด

   "มีอะไรกันรึเปล่าปอ" เมย์ตัดสินใจถามด้วยความสงสัยผสมเป็นห่วง ดูจากสถานการณ์แล้วต้องเกิดเรื่องอะไรแน่ๆ
   "มันโทรมาลางานพี่ตอนกี่โมง" ปอยังถามต่อด้วยท่าทีเฉยๆ

   "น่าจะสัก 9 โมงกว่า" เมย์ตอบแล้วลอบมองท่าทางของปอไปด้วย ก็เห็นว่ายังคงปกติดีนิ่งซะจนเธอเดาอะไรไม่ออก

   "พี่ถามตรงๆนะปอทะเลาะอะไรกับเลิฟรึเปล่า" เมย์ตัดสินใจถามออกไปตรงๆ เพราะให้มามัวนั่งเดาอาการของปอเธอว่าวันนี้เธอคงจะไม่ได้อะไร

   "ไม่มีอะไรหรอกครับงั้นผมขอตัว" ปอเลี่ยงที่จะบอกอะไรเมย์แล้วหันหลังเดินออกมา มือก็คว้าโทรศัพท์กดโทรออกไปที่เบอร์แรกที่เขาโทรออกเสมอ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาก็เหมือนเดิม

   "มึงอยู่กับเมียมึงรึเปล่า" ปอกดโทรศัพท์หากิงทันทีที่เดินมาถึงรถ

   "(ไม่อยู่น้องหนูอยู่บ้านน้องนาว มึงถามหาเมียกูคิดไรปะวะ)" กิงถามกลั้วหัวเราะ

   "มีใครอยู่ที่นั่นบ้าง" ปอถามเสียงเครียด

   "(ก็น่าจะเพื่อนๆน้องแหละเห็นนัดกันจะไปซื้อของเที่ยวทะเลวันนี้ ว่าแต่มึงมีอะไรป่ะวะ)" กิงถามกลับเสียงจริงจังเพราะเริ่มจับได้ว่าเสียงปอเครียดๆ

   "เดี๋ยวเจอกันที่บ้านน้องนาว" ปอบอกแค่นั้นและกดตัดสายทิ้ง ก่อนจะรีบขับรถตรงไปบ้านนาว ในใจก็ภาวนาขอให้คนที่เขาตามหาไม่ได้ไปไหนไกล
   
   ไม่นานปอก็ขับรถมาถึงบ้านของนาว พอมองเข้าไปในรั้วบ้านก็เห็นรถของกิงจอดอยู่แล้ว เขาเลยจอดรถทิ้งไว้ที่หน้าบ้านแล้วลงไปกดกริ่ง สักพักกิงก็เดินทำหน้าเครียดๆออกมาเปิดประตูให้

   "มึงไปทำเหี้ยอะไรรึเปล่าวะ ตอนกูมาถึงน้องนาวแม่งจ้องกูยังกับจะฆ่า พอกูบอกว่ามึงกำลังมาน้องแม่งน่ากลัวกว่าเดิมอีก" กิงกระซิบบอกปอพร้อมกับทำท่าทางสยองขวัญ ปอเองก็เงียบไม่ได้พูดตอบโต้อะไร

   "ไอ้เลิฟอยู่ไหน" ปอถามนาวตรงๆไม่อ้อมค้อม เพราะฟังจากที่กิงพูดก็เดาได้เลยว่านาวน่าจะรู้เรื่องแล้ว

   "ถามทำไม" นาวหันมาหาปอด้วยแววตาแข็งกร้าว

   "มันหายไปพี่แค่อยากรู้ว่าเรารู้ไหมว่ามันไปไหน" ปอถามด้วยท่าทางเรียบนิ่ง โดยมีกิงมองหน้าทั้งคู่สลับไปมาเพราะไม่รู้เรื่องอยู่คนเดียว
   "ต้องเป็นกูไหมที่ถามว่าเพื่อนกูไปไหน!!!" นาวตวาดกลับเสียงดังก่อนจะลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับปอ

   ".........." ปอเงียบแล้วมองหน้านาวที่ระเบิดอารมณ์ใส่ตัวเองนิ่งๆ

   เพี๊ยะ!!!!!

   นาวฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าของปอ จนใบหน้าคมสะบัดไปตามแรงกระทบ ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคนที่คาดไม่ถึง
 
   "เฮ้ย!! มึงใจเย็นดิวะ" พีทรีบลุกขึ้นมาดึงนาวให้ถอยห่างออกจากปอ

   "มึงทำอะไรเพื่อนกูวะพี่มึงทำเหี้ยอะไร" นาวตะโกนถามปอด้วยความโมโหแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

   "มึงรู้ไหมว่าเพื่อนกูไม่เคยเป็นแบบนี้มันไม่เคยหายไปแบบนี้" เสียงตะโกนด่าทอของนาวยังดังต่อเนื่อง แววตาที่มองปอเต็มไปด้วยความโกรธ

   "พอก่อนนาวใจเย็นๆ" กั้มพยายามบอกนาวให้ใจเย็นเขาค่อนข้างตกใจไม่น้อย เพราะว่าไม่เคยเห็นเพื่อนสติแตกขนาดนี้มาก่อน
   "กูไม่เย็น!!! กูทนมานานแล้วไม่เคยเสือกเหี้ยอะไรเลย ทั้งที่รู้ว่ามันทำระยำอะไรกับเพื่อนกูบ้าง กูก็ทนเฉยเพราะเพื่อนกูมันเลือกของมันเอง แต่นี้มันเกินไปแล้วถ้าไม่ทำอะไรโคตรเหี้ยกับมันเพื่อนกูจะหนีไปไหม" นาวตะโกนด่าดังลั่นพยายามสะบัดตัวให้หลุดจากมือพีท เพราะอยากจะตบหน้าหล่อๆของปอให้หันอีกสักที

   "สรุปแล้วมันไม่ได้บอกเราใช่ไหมว่ามันไปไหน" ปอยังคงถามนาวต่อด้วยท่าทีปกติเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรในสิ่งที่นาวพูด และมันก็ยิ่งทำให้นาวโมโห

   "กูไม่รู้ต่อให้รู้กูก็ไม่บอก!!" นาวจ้องตากับปอตรงๆแบบไม่มีหลบ ถามว่ากลัวปอจะเอาคืนไหมยอมรับว่ากลัว แต่ความโมโหที่มีมันมากกว่า

   "ไม่รู้หรอกนะว่ามาตามหามันทำไม แต่หามันให้เจอก่อนที่นาวจะหาเพื่อนนาวเจอละกัน เพราะนั่นหมายความว่าพี่จะไม่ได้เห็นหน้ามันอีก" นาวกลับมาพูดกับปอด้วยท่าทางปกติก่อนจะเดินหนีขึ้นไปข้างบน เมื่อกี้ที่เธอพูดไม่ใช่แค่ขู่แต่เธอจะทำจริงๆ ถ้าเธอเจอเลิฟก่อนเธอจะพาเพื่อนของเธอไปเมืองนอกด้วยกัน

   มันไม่ใช่เรื่องยากเลยสักนิดที่จะพาเลิฟไป เพราะยังไงพ่อแม่ของเธอก็รักเลิฟเหมือนลูกคนนึงอยู่แล้ว จะมีอะไรที่ยากก็คงเป็นความรู้สึกของเพื่อนเธอต่างหาก และครั้งนี้เธอก็จะไม่ยอมอยู่เฉยอีกแล้ว ถ้าจำเป็นต้องบังคับเธอก็จะทำและเชื่อว่ายังไงเลิฟก็ต้องฟัง

   นาวเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่แต่ก็ไม่คิดที่จะถามเหมือนกัน เพราะมันเดาไม่ยากเลยสักนิด และดูจากท่าทางของปอถึงมันจะนิ่งแต่เธอรู้สึกว่ามันเหมือนฝืนให้ปกติ

   ถ้าเป็นอย่างที่เธอคิดจริงมันก็ดีแล้วที่เลิฟหนีไป เพราะจะได้รู้สึกกันบ้างว่าเพื่อนเธอสำคัญ และถ้ายังโง่ไม่รู้ตัวถึงเวลานั้น เธอก็แค่ทำตามที่พูดเท่านั้นเอง

   ปอมองตามหลังของนาวพร้อมกับคิดตามที่เจ้าตัวพูด ก่อนจะหันหลังเดินออกจากบ้านและขับรถออกไปด้วยความเร็ว

   "ตกลงมันเรื่องเหี้ยอะไรวะ" กิงมองทุกคนแล้วยกมือขึ้นเกาหัวตัวเองแรงๆด้วยความไม่เข้าใจ

...
...

   เลิฟก้าวขาลงจากรถทัวร์มือเรียวกำสายสะพายเป้ไว้แน่น มองซ้ายมองขวาเล็กน้อยก่อนจะเดินไปขึ้นรถสองแถวที่หน้าสถานีขนส่ง

   "แล้วมึงจะเอายังไงต่อวะเนี่ยเลิฟ" เลิฟพึมพำกับตัวเองแล้วยกมือขึ้นเกาหัวจนยุ่ง ตอนนั้นเขาก็มัวแต่น้อยใจจนลืมคิดตัดสินใจได้ก็โทรจองตั๋วรถ แวะกลับหอเก็บเสื้อผ้าแล้วหนีมาเลย ผลก็เป็นอย่างที่เห็นยืนเอ๋ออยู่สี่แยกกลางตัวเมือง (ไม่รู้ทำไมต้องโดนทิ้งไว้ที่สี่แยกไฟแดงทุกที) เพราะไม่รู้ว่าจะไปทางไหนต่อ ดีหน่อยที่ตอนนี้ยังเช้าอยู่แดดเลยไม่ร้อนแถมอากาศก็ยังเย็นสบาย

   เลิฟหนีมาพักใจไกลถึงจังหวัดน่าน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเลือกมาที่นี่ ทั้งๆที่ก็ไม่ใช่จังหวัดใหญ่โตสะดวกสบายและไม่รู้จักใครเลยด้วยซ้ำ ตอนนั้นแค่อยากหนีมาไกลๆและไม่มีใครหาเจอก็เท่านั้น

   "ฮ้าาาาาาา" เลิฟสูดอากาศเข้าปอดเต็มแรงพยายามไม่คิดอะไรฟุ้งซ่าน ถึงตอนนี้จะยืนอยู่กลางสี่แยกแต่พวกควันรถเหมือนในเมืองกรุงไม่มีหรอก

   เลิฟกวาดสายตามองไปรอบๆอย่างตื่นเต้น เมืองน่านเป็นเมืองที่แปลกเพราะมองไปทางไหนก็เจอแต่วัด ชนิดที่ว่าอยู่ติดๆกันไปหมด

   เลิฟเดินเที่ยวเข้าออกวัดนั้นวัดนี้จนกระทั่งเย็น ระหว่างที่เดินออกจากวัดสุดท้าย เขาก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่มีที่พักสำหรับคืนนี้เลย

   พอไม่ได้ทำอะไรความคิดมันก็เริ่มวนกลับมาเรื่องเดิมอีกครั้ง เขาคิดถึงปอไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง กินข้าวรึเปล่า หรือว่าออกไปเที่ยวเหมือนทุกที แล้วตอนนี้อยู่กับใครจะคิดถึงเขาบ้างไหม

   เลิฟนั่งซึมอยู่บนฟุตบาทแถวนั้นอยู่นาน พอเงยหน้าขึ้นมารอบข้างก็มืดสนิทแล้ว กำลังจะเดินไปถามหาที่พักแต่อยู่ๆก็มีคนมายืนขวางหน้าเขาไว้

   "มะ...มีอะไรรึเปล่าครับ" เลิฟถามคนตรงหน้าเสียงตะกุกตะกัก พร้อมกับมองหาทางหนีทีไล่ถ้าเกิดอะไรขึ้น

   "น้อง...ไปกับพี่ปะ" ร่างสูงกว่าเลิฟพอสมควรบอกแค่นั้นก่อนจะคว้าหมับที่ข้อมือของเขา แล้วจัดการลากให้เดินตามโดยที่เขาได้แต่แหกปากโวยวายเสียงดัง

   "ปล่อยโผมมมมมมม"

...
...

   ปอนอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟากลางห้อง มือก็กดโทรออกไปที่เบอร์เดิมซ้ำๆ แต่ไม่ว่ายังไงก็มีแต่สัญญาณที่บอกว่าปิดเครื่อง

   หลังจากที่กลับมาจากบ้านนาวเขาก็ลองแวะไปดูในที่ๆเลิฟเคยไป แต่ก็คว้าน้ำเหลวสุดท้ายเขาเลยตัดสินใจกลับมารอที่ห้อง คิดว่ามันอาจจะกลับมาจนตอนนี้ผ่านไปอีกวันแล้วก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา

   "กูบอกให้มึงรอไม่ใช่เหรอวะ" ปอพึมพำกับตัวเองแผ่วเบามือเอื้อมมาลูบต่างหูข้างที่เลิฟใส่ให้ เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยจริงๆว่าอีกคนจะหนีไป และเขามันโคตรโง่ทั้งๆที่ก็สงสัย ทั้งๆที่เห็นว่ามันผิดปกติแต่เขาก็ยังเฉย สุดท้ายมันก็หายไปต่อหน้าต่อตาเป็นเขาเองที่ปล่อยมันไป

   "แม่งเอ้ย!!!!" ปอตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความโกรธ ก่อนจะเขวี้ยงโทรศัพท์ในมือไปอัดกระแทกกำแพงเต็มแรง

   ปึก!!!

   "เหี้ย!!!" กิงตะโกนออกมาด้วยความตกใจ เพราะเปิดประตูเข้ามาในห้องปอ แล้วมีอะไรบางอย่างลอยผ่านหน้าเขาไปแบบเฉียดฉิว พอมองตามก็เห็นว่าเป็นโทรศัพท์ที่กลายร่างเป็นซากไปแล้ว

   "นี่มึงทำอะไรว่ะเนี่ย" กิงครางออกมาแล้วมองรอบๆห้องด้วยความอึ้ง เพราะห้องมันเละเทะเหมือนพึ่งผ่านสมรภูมิรบมาไม่มีผิด พื้นแทบจะไม่มีที่ให้เดินเพราะมันเต็มไปด้วยซากสิ่งของ ที่เดาได้เลยว่าปอคงเขวี้ยงมันจนพังเหมือนโทรศัพท์เครื่องเมื่อกี้แน่ๆ

   "พวกมึงมาทำไม" ปอลุกขึ้นมานั่งแล้วหันไปถามเพื่อนตัวเองที่ยืนกันหน้าสลอน

   "กูพึ่งรู้ว่าเมียมึงหนี" กิงพยายามเดินฝ่าเศษซากต่างๆเข้ามาหาปอ พร้อมๆกับเพื่อนคนอื่นๆ ปอเองก็พยักหน้าให้นิดๆ

   "ทำไมวะหรือว่า...เหี้ย!!! อย่าบอกนะว่าน้องมันได้ยินที่เราคุยกัน" กิงหน้าเสียนิดๆเมื่อพอจะเดาได้ว่าเรื่องอะไร

   "กูไม่รู้แต่น่าจะใช่" ปอบอกเพื่อนเสียงเรียบ

   "ฉิบหายแล้ว" กิงอุทานออกมาเบาๆ

   "พวกกูขอโทษนะมึงถ้าพวกกูไม่กวนตีนแม่งก็คงไม่เป็นแบบนี้" ต้าเอ่ยขอโทษปอแล้วยกมือตบไหล่เพื่อนเบาๆ เขาไม่เคยเห็นเพื่อนเป็นแบบนี้เลยสักครั้งตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา คนแบบไอ้ปอเสียใจ โมโห อารมณ์ไหนก็ช่างหน้ามันจะไม่เคยเปลี่ยนสี แต่นี้แค่ไอ้น้องเลิฟหายไปวันเดียว เพื่อนเขาทำหน้าเครียดแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ถ้ามองจากคนที่ไม่คุ้นเคยเพื่อนเขาก็ดูเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่สำหรับคนที่รู้จักกันมานานเขารู้ว่ามันไม่ปกติ

   "ทุกอย่างมันเป็นเพราะกู" ปอพูดสั้นๆแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินเข้าไปในห้องนอนก่อนจะกลับออกมาพร้อมกับเป้ใบเล็ก

   "มึงจะไปไหนวะ" ฝุ่นถามปอที่ก้มลงเก็บซิมการ์ดจากซากโทรศัพท์ตรงหน้าประตูด้วยความสงสัย

   "เชียงใหม่" ปอบอกแค่นั้นแล้วเดินออกจากห้องไปเลย เขาตัดสินใจลองไปตามเลิฟที่บ้านเกิดดู ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะไปที่นั่นไหมและตัวเองจะตามหาเจอรึเปล่า เพราะเชียงใหม่ไม่ใช่จังหวัดเล็กๆ แต่เขาก็หวังว่าให้สิ่งที่ตัวเองคิดมันถูกต้อง แล้วอะไรที่มันอยากได้ยินเขาจะพูดทุกคำ


2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 37 (13/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 13-02-2016 10:11:15
กับดักที่
- 37 -



   ดวงตาคมกวาดมองไปทั่วห้องกว้างไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็เจอแต่ภาพของคนอีกคนเต็มไปหมด เขาไม่เคยรู้เลยว่าห้องที่อยู่ทุกวันมันกว้างขนาดไหน ไม่เคยรู้เลยว่าการที่ต้องอยู่คนเดียวเพื่อรอใครอีกคนให้กลับมามันจะทรมานยังไง จนมาวันนี้...วันที่เขาต้องกลายเป็นฝ่ายรอ โดยที่ไม่รู้จะต้องรออีกนานเท่าไหร่

   วันแรกที่เลิฟหายไปปอยอมรับว่าโมโหจนแทบบ้า อยากบีบคอเล็กๆนั่นให้หักคามือที่กล้าดียังไงถึงได้หนีไป เขาออกตามหามันทุกที่ๆคิดว่ามันจะไปแต่ก็ไม่เจอ แม้แต่เพื่อนสนิทมันก็ยังไม่รู้ สุดท้ายเขาเลยต้องกลับมารอมันที่ห้อง

   โมโหอาละวาดทำลายข้าวของจนพังไปหมด แต่แปลกที่เขาไม่กล้าจะพังของๆเลิฟ ทุกอย่างยังถูกวางไว้ที่เดิมเหมือนตอนที่เจ้าของมันยังอยู่ แล้วจากความโมโหก็กลายเป็นความห่วง เขาเริ่มกระวนกระวายแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โทรศัพท์ถูกกดโทรออกไปเบอร์เดิมซ้ำๆ ทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีประโยชน์แต่เขาก็ยังทำ รอจนแน่ใจว่าอีกคนคงไม่กลับมาแล้ว เขาเลยตัดสินใจไปเชียงใหม่บ้านเกิดของแม่เลิฟ

   ปอวนเวียนตามหาเลิฟอยู่เชียงใหม่เกือบสองอาทิตย์แต่ก็ไม่เจอ สุดท้ายเขาก็ต้องกลับมามือเปล่าและนั่งรอเลิฟอยู่ที่ห้อง เพราะไม่รู้ว่าจะไปตามหาที่ไหนจริงๆ

   แกร๊ก!!!

   เสียงประตูห้องดังขึ้นแผ่วเบาพร้อมกับร่างสูงของคนๆนึงที่ก้าวเข้ามา ดวงตาคมดุไม่แพ้เจ้าของห้องมองฝ่าความมืดเข้าไป จนเห็นเงาร่างนึงนอนอยู่บนโซฟา เขาสาวเท้าเดินตรงไปที่ระเบียงห้อง จัดการรูดผ้าม่านออกเพื่อให้แสงเข้ามาภายใน และเปิดประตูระเบียงออกกว้างเพื่อไล่ควันบุหรี่ที่ลอยคลุ้งอยู่ให้ออกไป

   "ใครวะ" ปอหรี่ตาลงเล็กน้อยเพราะแสงที่ลอดเข้ามา ก่อนเจ้าตัวจะลุกขึ้นนั่งด้วยความหงุดหงิด เขารู้ว่ามีคนเข้ามาในห้องแต่ไม่ได้สนใจว่าเป็นใคร จนไอ้คนที่เข้ามามันเดินไปเปิดผ้าม่านนั่นแหละ เขาถึงต้องถามว่าใคร เพราะถ้าเป็นไอ้ปิงหรือพวกไอ้ต้าไม่มีทางจะทำแบบนี้แน่

   "กูเอง" เสียงทุ้มคุ้นหูที่ไม่ได้ยินมานานดังขึ้น ทำให้ปอต้องหันกลับไปมอง ก่อนจะขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ เพราะเห็นคนที่ไม่ควรเห็นยืนอยู่

   "มึงกลับมาตอนไหน" ปอถามด้วยความสงสัย

   "ช่างกูเหอะ ว่าแต่มึงเป็นเหี้ยอะไร" ร่างสูงที่ยืนอยู่ถามปอเสียงเครียด ปรายตามองที่เขี่ยบุหรี่ซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยก้นบุหรี่จำนวนมาก

   "กูไม่เป็นไร" ปอหลบตาแล้วหันหน้าหนีไปอีกด้านแทน

   "ถ้ามึงไม่เป็นอะไรก็หันมามองหน้ากูปอ" อีกคนบอกเสียงเข้มและจ้องไปที่แผ่นหลังของปอเขม็ง

   "........" แต่ปอยังคงเงียบและนั่งหันหลังให้

   "มึงรู้ตัวไหมว่ากำลังทำให้ทุกคนเป็นห่วง"

   "ถ้ามึงจะบ่นก็กลับไปเหอะป้อง" ปอออกปากไล่พี่ชายคนโตของตัวเองเพราะไม่อยากฟังคำบ่น และไม่มีอารมณ์จะเสวนาต่อปากต่อคำอะไรด้วยทั้งนั้น

   "มึงเป็นเหี้ยอะไรทำไมไม่พูดวะ" ป้องถามปอด้วยความหงุดหงิดผสมความเป็นห่วง

   "อย่าพึ่งยุ่งกับกูตอนนี้" ปอบอกเสียงเข้มพยายามระงับอารมณ์หงุดหงิด ที่อยู่ๆก็ปะทุขึ้นมาง่ายๆอย่างที่ไม่เคยเป็น

   "ถ้ามึงไม่ใช่น้องสาบานว่ากูจะไม่เสือก!!" ป้องตะคอกเสียงดุดัน

   "แล้วมึงจะเอายังไงวะ!!!" ปอเองก็ตะคอกกลับไปเสียงดังพร้อมกับจ้องพี่ชายตัวเองเขม็ง

   ป้องพึ่งกลับมาถึงไทยเมื่อเช้านี้ โดยมีปิงกับปรางไปรับที่สนามบิน ส่วนปอไม่เคยมารับเขาอยู่แล้วก็เลยไม่ได้สนใจเท่าไหร่ จนเขาลองถามหาดูไอ้ปิงมันก็ทำหน้าเครียดๆแล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง เขาเลยต้องรีบมาดูถึงที่ด้วยความเป็นห่วง

   ไอ้ปิงกับน้องปรางทำหน้าเหมือนจะตายตอนพูดถึงไอ้ปอ ตัวเขาเองก็ไม่ได้คิดว่าน้องชายคนเล็กจะแย่อะไรขนาดนั้น เพราะไอ้ปิงมันมีนิสัยขี้กังวลอยู่แล้วส่วนปรางก็คงคิดมากตามมัน แต่พอได้มาเห็นสภาพของปอ เขาก็เข้าใจทันทีว่าทำไมปิงมันถึงทำหน้าแบบนั้น น้องชายเขามันดูแย่แบบที่ไม่เคยเห็นจริงๆ

   "มึงรู้ไหมว่าสภาพมึงตอนนี้เป็นยังไง กะอีแค่เด็กคนเดียวมึงเป็นเหี้ยอะไรนักหนาวะ" ป้องพูดด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมน้องชายตัวเอง ต้องทำท่าจะเป็นจะตายเพราะเด็กผู้ชายคนเดียว

   "อย่ายุ่งกับเมียกู" ปอกดเสียงต่ำรู้สึกไม่พอใจที่พี่ชายตัวเองพูดถึงเลิฟแบบนั้น

   "เมียเหรอวะถ้ามันคิดว่าตัวเองเป็นเมียมึง มันจะหนีมึงไปแบบนี้ทำไม" ป้องยังคงพูดต่อเพราะเขาไม่รู้ตื่นลึกหนาบางของเรื่องทั้งหมดดีนัก รู้คร่าวๆแค่ว่าปอกำลังคั่วกับเด็กผู้ชายคนนึงอยู่ และเด็กคนนั้นก็ทิ้งน้องเขาไป

   "กูบอกว่าอย่ายุ่งกับเมียกูไงวะ ไม่รู้เหี้ยอะไรก็อย่าพูด!!" ปอลุกขึ้นประจันหน้ากับป้องแล้วตะโกนใส่ดังลั่น

   "พวกมึงเป็นเหี้ยอะไรกันวะ" ปิงที่ยืนรออยู่นอกห้องรีบวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว เพราะได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังลั่น ก่อนจะพาตัวเองมายืนแทรกกลางระหว่างทั้งคู่ มองหน้าทั้งสองคนด้วยความไม่สบายใจ

   "เออ!! กูไม่รู้เหี้ยอะไรทั้งนั้น กูแค่ห่วงเพราะมึงไม่เคยเป็นแบบนี้" ป้องพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงแต่ก็ยังคงแข็งอยู่ดี

   "งั้นมึงก็รู้ไว้ที่มันหนีไป เพราะความระยำของน้องมึงทั้งนั้น" ปอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงก่อนจะทรุดลงนั่งบนโซฟา คว้าเอาบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบซึ่งไม่รู้ว่าเป็นมวนที่เท่าไหร่เข้าไปแล้ว

   "แล้วทำไมมึงไม่ตามหาวะ" ป้องเอ่ยปากถามแล้วเดินไปนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับปอ ปิงเองที่เห็นว่าไม่มีอะไรแล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

   "กูตามแล้วทุกที่ๆคิดว่ามันไป จ้างนักสืบ ส่งคนของพ่อให้ตามเฝ้าเพื่อนของมันทุกคน เผื่อมันจะติดต่อมาแต่ทุกอย่างก็
เงียบ" ปอบอกเสียงเครียด เพราะนี่มันจะเป็นเดือนแล้วที่เขาควานหาตัวเลิฟแต่ไม่ได้อะไรเลย จนตัวเองเหมือนจะเป็นโรคประสาทเข้าไปทุกวัน

   "ทำไมมึงมีอาการแบบนี้อีกแล้ววะ" ป้องถามขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อสังเกตุเห็นความผิดปกติของปอ

   ป้องมองมือของปอที่สั่นเล็กน้อย บวกกับอาการฉุนเฉียวง่ายผิดปกตี่เจ้าตัวเป็นด้วยความสงสัย ก่อนจะตัดสินใจถามออกไปทันทีเพราะกลัวว่าจะเป็นอย่างที่คิด

   "มึงเล่นยาเหรอวะ" ป้องคว้ามือของปอมากำไว้แน่นแล้วมองหน้าปอแบบจริงจัง เขาไม่ได้อยากจะใส่ร้ายน้องแต่ปอมันเคยเล่นยาและอาการมันก็คล้ายๆแบบนี้ ถึงตอนนั้นมันจะไม่ติดแต่ก็เกือบไปเหมือนกัน

   "กูไม่ได้เล่น" ปอบอกเสียงเรียบแล้วดึงมือออกมา ก่อนจะดับบุหรี่ในมือทิ้งคว้าอีกตัวขึ้นมาเตรียมจะจุดสูบแต่โดนป้องห้ามไว้

   "ถ้ามึงไม่เชื่อกูก็พากูไปตรวจโรง'บาล" ปอบอกพี่ชายด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรเลยสักนิดที่ไอ้ป้องมันจะคิดแบบนี้ รู้ดีว่าที่มันถามเพราะมันห่วง

   "กูเชื่อมึง" ป้องบอกด้วยเสียงหนักแน่น เขาไม่ได้ตอบเอาใจน้องแต่เพราะรู้จักน้องชายตัวเองดี ปอไม่ใช่คนชอบโกหกและเป็นคนตรง อะไรที่บอกว่าไม่ได้ทำก็คือไม่ได้ทำ แต่ด้วยความที่มันไม่ชอบพูดและอธิบายอะไรมากมาย เลยทำให้หลายคนเข้าใจผิดและคิดว่ามันกวนตีนบ่อยๆ

   "มึงได้นอนบ้างไหมปอ" ปิงถามน้องชายออกมาบ้างด้วยความเป็นห่วง สภาพของปอตอนนี้มันดูอิดโรยเหมือนคนไม่ได้นอน เพราะตั้งแต่กลับมาจากเชียงใหม่น้องเขามันก็อยู่แต่ในห้อง ไม่ออกไปไหนเลยด้วยซ้ำสูบแต่บุหรี่จนควันคลุ้งไปหมด ไม่พูดไม่จากับใครอยู่แต่ในห้องมืดๆ ข้าวเขากับปรางก็เป็นคนผลัดกันเอามาให้ปอก็กินบ้างไม่กินบ้าง ไอ้ที่กินๆก็เหมือนกินกันตาย
 
   เพื่อนฝูงก็ไม่มีใครเข้าหน้ามันติดสักคน โชคดีที่ไอ้ป้องมันกลับมาถูกจังหวะพอดี ไม่งั้นเขาเองก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน จะบอกพ่อกับแม่ก็กลัวเรื่องใหญ่แถมต้องมานั่งโกหกแทนมันอีก

   ปอมองหน้าพี่ชายคนรองก็เห็นว่าใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล และมองเขาอย่างเป็นห่วงเหมือนตอนเขาอายุ 3-4 ขวบไม่มีผิด ถ้าถามว่าเขาได้นอนบ้างไหมก็ตอบตรงๆเลยว่าส่วนมากคือเพลียจนหลับไป

   ปอเริ่มเป็นอาการแบบนี้ตั้งแต่ช่วงแรกๆที่เลิฟหายไป และอาการมันก็หนักขึ้นเรื่อยๆมือมันจะสั่นน้อยๆตลอดเวลา ซึ่งอาการนี้เขาจะเป็นเฉพาะเวลาโกรธจัดจนอยากจะฆ่าคนแต่กรณีนี้มันไม่ใช่ เพราะรู้ดีว่ามันคือความกังวลและความกลัวในใจ กลัวว่าอะไรมันจะเปลี่ยนไป จนเขาต้องใช้นิโคตินอัดเข้าปอดเพื่อบรรเทาความเครียด

   "มึงจะไปไหน" ปิงถามด้วยความตกใจ เมื่ออยู่ๆปอก็ลุกขึ้นยืนแล้วเอาเสื้อมาใส่ แถมคว้าเอาโทรศัพท์กับกุญแจรถไปด้วย
   "ไปทำหัวให้โล่ง" ปอหันมาตอบ

   "กูไม่ให้ไป สภาพมึงตอนนี้จะขับรถไปไหนได้วะ" ป้องห้ามเสียงดุ เพราะขืนปล่อยให้ปอขับรถไปคนเดียว มีหวังได้ขึ้นข่าวหน้าหนึ่งแน่

   "ปอ...อย่าไปเลยนะ" ปรางที่ยืนด้อมๆมองๆอยู่นานเดินมาห้ามปอด้วยความเป็นห่วง ใบหน้าสวยตอนนี้กำลังเต็มไปด้วยน้ำตา

   "พี่ไม่เป็นไร" ปอยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้น้องสาวแผ่วเบา

   "ถ้ามึงจะไปกูพาไปเอง" ป้องว่าแล้วแย่งกุญแจรถออกจากมือปอ ก่อนจะเดินนำหน้าไปเพราะรู้ดีว่าห้ามยังไงก็คงไม่ฟัง แต่ให้ปล่อยไปคนเดียวก็คงไม่ได้ ตอนนี้เขาละอยากเห็นหน้าไอ้เด็กที่ทำให้น้องชายเขาเป็นบ้าได้ขนาดนี้จริงๆ

...
...
   "นั่งเหม่ออะไรไอ้น้องเลิฟ" เสียงเล็กๆที่ร้องทักขึ้นจากด้านหลัง ทำให้เลิฟที่นั่งมองดาวตรงชานบ้านสะดุ้งเล็กน้อย

   "อ้าว...พี่พายมีอะไรป่ะครับ" เลิฟหันไปถามคนตัวเล็กที่หน้าสวยจนผู้หญิงอายพร้อมกับส่งยิ้มให้

   "ทำไม ไม่มีอะไรเรียกไม่ได้เหรอวะ" พายทำหน้างอใส่เลิฟและถามเหวี่ยงๆก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่พื้นข้างๆ

   "เปล่าครับนึกว่าพี่พายจะเรียกใช้อะไร" เลิฟบอกเสียงเบา

   "นี่เราเห็นว่าพี่เป็นคนยังไงห๊ะ!!" พายตวาดแหวใส่เลิฟแล้วสะบัดหน้าหนีไปอีกด้านอย่างงอนๆ เลิฟมองท่าทางน่ารักๆของพายอย่างขำๆ แล้วเขาจะรู้ไหมว่าพายจะอยากมานั่งเฉยๆ เพราะตั้งแต่รู้จักกันมาเกือบเดือน พายแกล้งเขาสารพัดใช้ทำนั่นทำนี่จนหัวหมุนไปหมด แต่เขาไม่ได้โกรธอะไร เพราะเรื่องที่พายแกล้งมันแค่อะไรเล็กๆน้อยๆ แถมมันยังช่วยให้เขาลืมใครบางคนในใจได้บ้าง ถึงแม้จะแค่ระยะเวลาสั้นๆแล้วก็ต้องกลับมาคิดถึงใหม่ก็เหอะ

   คิดถึงวันแรกที่เจอกันแล้วก็ขำ วันนั้นตอนที่โดนลากมาเขาตกใจแทบแย่นึกว่าตัวเองจะโดนทำอะไรซะแล้ว ที่ไหนได้เขาโดนลากมาเพราะพี่พายเป็นห่วง เห็นว่านั่งใจลอยอยู่ริมฟุตบาทจนมืดก็ยังไม่ลุกไปไหน พี่พายก็เลยให้พี่ ธันย์แฟนตัวเองมาพาเขาเข้าบ้าน

   เช้าวันรุ่งขึ้นเขาก็ตั้งใจจะออกไปหาที่พักเพราะเกรงใจ แต่พี่พายไม่ยอมบอกว่าท่าทางโง่ๆแบบเขาปล่อยไปแล้วอันตราย สุดท้ายเลยโดนบังคับผสมข่มขู่ให้พักที่นี่ และช่วยทำงานในร้านแลกค่าที่พักค่าข้าวแทน (บ้านพี่พายทำร้านเบเกอรี่ครับ พี่พายทำขนมอร่อยมากบอกเลย)

   "พี่พาย" เลิฟเรียกพายเสียงแผ่วพายเลยหันหน้ามามองเป็นเชิงถามว่าเรียกทำไม

   "พี่รักพี่ธันย์ป่ะ"

   "รักดิวะไอ้นี่ถามแปลกๆ ไม่รักจะยอมให้เอาเหรอวะ" พายตอบเสียงกลั้วหัวเราะ

   "แล้วพี่ธันย์เคยทำให้พี่เสียใจมากๆไหม แบบที่รู้สึกเจ็บและผิดหวังสุดๆ" เลิฟถามออกไปสายตาก็มองดาวบนท้องฟ้า เขาเห็นพี่พายกับพี่ธันย์รักกันดีมากถึงพี่พายจะโดนพี่ธันย์ว่าแรงๆประจำก็เหอะ แต่ไม่เห็นพี่พายจะโกรธอะไร ก็เลยสงสัยว่าสองคนนี้เคยมีปัญหากันบ้างไหม

   "มีดิถามทำไม" พายตอบและเอียงคอมองเสี้ยวหน้าหวานของเลิฟนิดๆ

   "แล้วพี่ทำยังไงอ่ะตอนนั้น" เลิฟหันมามองพายด้วยแววตาสั่นไหว

   "ก็ไม่ไงมันสำนึกผิด มาง้อ ขอโทษก็ให้อภัยไปแค่นั้น"

   "ง่ายๆงั้นเลย" เลิฟถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าคนแรงๆแบบพายจะยอมยกโทษให้ธันย์ง่ายๆ

   "มันก็ต้องดูที่เจตนาด้วยดิ"

   "ดูพี่พายรักพี่ธันย์มากเลยเนาะ"

   "ใช่...พี่รักธันย์มากและถึงธันย์มันจะเป็นแบบนั้น พี่ก็รู้ว่ามันก็รักพี่มากเหมือนกัน" พายพูดอวดยิ้มๆ

   "ดีจังที่พี่สองคนรักกัน" เลิฟพูดเสียงหงอยๆ

   "อิจฉาใช่ป่ะ แต่กว่าพี่จะได้ธันย์มามันก็ไม่ง่ายนะทั้งตื้อ ทั้งอ่อย ทั้งตามตูดต้อยๆ หน้าด้านหน้าทนให้ไอ้ธันย์มันไล่อยู่ตั้งนาน สารพัดที่จะทำแต่ก็ถือว่าคุ้มล่ะนะ" พายบอกขำๆ

   "แล้วพี่ไม่โกรธเหรอโดนพี่ธันย์ทำขนาดนั้นไม่รู้สึกท้อเหรอ" เลิฟหันกลับมาถามตาโต ถ้าพี่พายไม่โกหกปอดีกว่าพี่ธันย์เยอะเลย เพราะอย่างน้อยปอก็ไม่เคยไล่เขา

   "มันก็มีท้อ มีโกรธบ้างแหละพี่เองก็คนนี่หว่า พยายามจะไปคบคนอื่นเป็นล้านรอบแต่สุดท้ายก็ไปไหนไม่รอด ก็มันรักคนนี้ใจมันอยู่กับคนนี้ไปแล้ว"

   "แล้วถ้าเขาหลอกเรามาตลอดล่ะพี่ สิ่งที่เขาทำให้เรามาตลอดมันคือเรื่องหลอกลวงพี่จะทำยังไง"

   "โหยยยยย...อีแบบนั้นนะพี่จะเอาคืนให้สาสมเลย ความรู้สึกคนไม่ใช่ของเล่นนะเว้ยมันต้องแก้แค้น" พายทำหน้าขึงขังน้ำเสียงโกรธเคืองสุดๆ จนเลิฟลอบกลืนน้ำลายลงคอนิดๆ

   "หึ...ก็ว่าไปนั่น" พายหัวเราะในคอนิดๆแล้วตบไหล่เลิฟเบาๆ

   "นี่เลิฟพี่ไม่รู้หรอกนะว่าเราเจออะไรมา แต่ก็พอดูออกแหละว่าเราหนีใครมาแน่ๆ จะเอายังไงต่อจะเลือกทางไหน ถามพี่ไปมันก็ไม่ช่วยอะไรหรอกนะ ตัวของเราใจของเราๆคือคนที่รู้ดีที่สุด ว่าจะให้มันเดินไปทางไหน ต่อให้พี่แนะ นำไปถ้าใจเราปฏิเสธ คำแนะนำของพี่มันก็คือคำเสือกดีๆนี่เอง"

   "ไม่รู้สิครับเลิฟสับสนไปหมด ไม่รู้จริงๆว่าอันไหนคือเรื่องจริงอันไหนคือเรื่องโกหก" เลิฟบอกด้วยท่าทางที่สับสนอย่างที่พูดจริงๆ

   "พี่ว่าเลิฟไม่ใช่คนโง่นะ พี่ว่าเราดูออกว่าอะไรเป็นยังไง แต่เพราะมันมีเรื่องมากระทบเราก็เลยไม่แน่ใจใช่ไหมล่ะ" พายบอกยิ้มๆแต่มันแทงใจเลิฟเข้าอย่างจัง เพราะเขากำลังเป็นแบบที่พายว่าไม่มีผิด

   "ชีวิตคนมันสั้นนิดเดียว เผลอแป๊บเดียวจะจากกันตอนไหนก็ไม่รู้ เดินออกจากบ้านไปแต่ละวัน อยู่ดีๆรถอาจชนตายเอาก็ได้ เพราะงั้นนะอย่าไปคิดอะไรให้มันมาก เลือกเอาทางที่เราคิดว่าเรามีความสุขที่สุด ถึงมันจะต้องเสียใจเสียน้ำตาไปบ้าง แต่เราก็ได้ซึมซับความสุขไม่ใช่เหรอ

   ถ้าโกรธถ้าเกลียดถ้าเสียใจกับการกระทำของเขา และคิดว่ามันแย่จนอภัยให้ไม่ได้เราก็แค่ถอยออกมา ไม่ต้องไปจองเวรแก้แค้นเอาคืนอะไรหรอกเสียสุขภาพจิตเปล่าๆ เพราะเราก็ไม่พ้นทำร้ายคนที่เรารัก แล้วคนที่ต้องเสียใจก็ใคร...ตัวเราอยู่ดี สู้ปล่อยให้แม่งจบๆไปแล้วหาใหม่ ชีวิตดีกว่าเยอะ    

   แต่ถ้าเราคิดว่าเรายังรักและให้อภัยในสิ่งที่เขาทำได้ จะลองเอาหัวใจตัวเองเสี่ยงเดิมพันอีกสักครั้งก็ไม่เสียหายนิ ไหนๆก็เคยเสี่ยงมาแล้วจะกลัวทำไมตอนนี้ คราวนี้มันจะได้รู้กันไปเลยว่าจะเป็นยังไงต่อ มันไม่มีอะไรยืนยันว่าเราจะสมหวัง แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะผิดหวังนิจริงไหม

   ถ้ามันแย่ก็ถือว่ากำจัดคนเหี้ยๆออกจากชีวิต แต่ถ้ามันดีเราก็ได้คนที่รักเรามาคนนึง มันอยู่ที่เราจะเลือกทั้งนั้นแหละเลิฟ เพราะปลายทางสุดท้ายของทางเลือก มันก็คือความสุขอยู่ดีแค่มันสุขคนละแบบ" พายพูดเรื่อยๆเหมือนเจ้าตัวไม่ได้ใส่ใจ แต่เลิฟรู้ดีว่าพายกำลังสอนและให้คำแนะนำเขาอยู่

   "ไปดีกว่าบ่นอะไรไม่รู้ยืดยาวตีนกาขึ้น เราเองก็เหมือนกันจะเอายังไงก็รีบตัดสินใจ หนีมาทำใจเป็นเดือนแล้วอย่าให้มันเสียเปล่า เสียเวลาซั่มกับผัว" พายหันมาพูดกับเลิฟอย่างล้อเลียน ส่วนเลิฟได้แต่อ้าปากค้างกับคำพูดของพาย

   "เลิฟ...ไม่ได้" เลิฟพยายามละล่ำละลักเถียง

   "อย่าเถียงเลยหน้าแบบนี้บอกมีเมียไม่เชื่อว่ะ ผีมันย่อมเห็นผีเคยได้ยินป่ะ อิ อิ รีบกลับไปนอนกอดผัวดีกว่าอากาศมันหนาว" พายพูดดักคอเลิฟแล้วรีบวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้เลิฟนั่งหน้าแดงอยู่คนเดียวตรงนั้น เขาไม่เคยชินกับคำพูดคำจาของพายเลยสักนิด พูดออกมาแต่ละคำนี่โคตรจะตรงแถมไม่อายใครอีกต่างหาก เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่ธันย์ถึงได้ดุพี่พายบ่อยๆ
   เลิฟนั่งคิดทบทวนเรื่องที่คุยกับพายเมื่อกี้สักพัก แล้วลุกเดินเข้าห้องบ้างเพราะอากาศเริ่มเย็น หยิบโทรศัพท์มือถือที่ปิดเครื่องมาตลอดระยะเวลาเกือบเดือนขึ้นมา ก่อนจะเอาไปชาร์ตแบตแล้วกดเปิดเครื่อง ตัดสินใจกดโทรออกไปหาใครบางคน
   เขาตัดสินใจว่าควรจะเลิกหนี ควรกลับไปเผชิญหน้ากับความจริงได้แล้ว จะช้าจะเร็วยังไงเขาก็ต้องกลับไปอยู่ดี ก็นี่มันจะเปิดเทอมแล้วนี่นา
   "ฮัลโหล....นาว"

...
...

   "ตอนนี้สนามว่างไหมวะ" ปอถามต้าทันทีที่ลงจากรถ

   "ก็ว่าง ทำไม? มึงจะแข่งเหรอวะ" ต้าหันมาถามปอด้วยความแปลกใจ เพราะเขาไม่เห็นหน้าปอมานานพอควรแล้ว อยู่ๆก็ดันโผล่มาไม่บอกไม่กล่าว

   "กูว่าสภาพมึงแบบนี้อย่าแข่งเลยว่ะ" ต้ารีบห้ามด้วยความเป็นห่วง เพราะดูแล้วขืนปล่อยไปได้จองศาลาแน่

   "เปล่าแค่อยากอัดรถแก้เครียด" ปอว่าเสียงเรียบแต่ต้าก็ไม่อยากให้ปอขับอยู่ดี แค่นี้เขาก็จะเป็นโรคประสาทตามมันอยู่แล้ว แต่ก็ไม่รู้จะห้ามมันได้แค่ไหนเพราะมันไม่เคยฟัง

   "ปล่อยมันไป ให้มันขับเผื่อมันจะหายบ้า" ป้องที่เดินตามมาบอกกับต้าเสียงเรียบ

   "แต่...." ต้าพยายามจะค้านแปลกใจไม่น้อยที่เห็นป้องที่นี่ แต่ความห่วงเพื่อนมันมีมากกว่า

   "เกิดอะไรขึ้นกูรับผิดชอบเอง เรื่องจะไม่ซวยถึงมึงกับพ่อมึง" ป้องพูดต่อเพื่อให้ต้าสบายใจ

   "ผมไม่ได้กลัวซวยนะพี่ ผมกลัวมันตายถ้าปล่อยแม่งขับรถสภาพนั้น" ต้าบอกเสียงเครียด เรื่องซวยเพราะไอ้ปอนี่เขาซวยมานานแล้วเหอะ

   "กูเก็บศพเอง" ป้องพูดอย่างไม่ใส่ใจแล้วดึงกุญแจรถในมือต้าโยนให้ปอ ปอเองก็รับไว้และรีบก้าวขาขึ้นรถ เหยียบคันเร่งจนจมเท้าพุ่งออกไปในสนามทันที

   ต้ายืนมองรถที่ถูกขับด้วยความเร็วอย่างกังวล ไม่รู้ไอ้ปอมันอยากตายรึเปล่าตอนเข้าโค้งมันก็ไม่ชะลอความเร็วเลยสักนิด เหยียบคันเร่งซะเต็มแรงเลี้ยวเข้าโค้งทีเขาละหวาดเสียวจะหลุดโค้ง

   ป้องกับต้ายืนมองปอขับรถวนรอบสนามด้วยความเร็วท้านรกไปเรื่อยๆ และท่ามกลางสายตาทุกคนที่ยืนมองอยู่ข้างสนามก็ดันเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เมื่ออยู่ๆรถของปอที่กำลังขับเข้าโค้งสุดท้ายก็เกิดความผิดปกติ ก่อนจะหมุนคว้างกลางสนามและสะบัดอัดเข้ากับขอบกั้นด้านข้างเต็มแรง

   เอี๊ยด!!!! โครม!!!!

   เสียงล้อรถเสียดสีกับพื้นสนามพร้อมกับเสียงชนดังสนั่น จนผู้คนต่างพากันแตกตื่น โดยเฉพาะต้ากับป้องที่รีบวิ่งลงไปหารถด้วยความเร็ว

   "ไอ้ปอ!!!" เสียงตะโกนเรียกของต้ากับป้องดังแข่งกับเสียงเอะอะโวยวายรอบข้าง พร้อมกับสายตาของทั้งคู่ที่เห็นปอนอนฟุบหน้าอยู่กับพวงมาลัย ด้วยสภาพที่มีเลือดไหลอาบหน้า


2 Be Con...
++++++++++++
ขอร่มไว้อาลัยแด่ไอ้ปอ
เดี๋ยวเราจะเปลี่ยนพระเอกกัน 55
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 36 - 37 (13/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: imvodka ที่ 13-02-2016 10:20:15
 :hao4: เรื่องนี้สนุกมาก แปลกใจทำไมไม่มีคนคอมเม้นเลย

 :เฮ้อ: เข้าใจกันเร็วๆสักที พระเอกมัวแต่อ้ำอึ้ง จะบอกก็ไม่บอก
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 36 - 37 (13/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-02-2016 11:30:46
เออดีเนอะ พาตัวเองมาเจ็บแล้วก็ต้องเดือดร้อนคนอื่นต่ออีก แน่จริงเจ็บเองพาตัวเองไปโรงหมอเองซิ  :3125:
** รู้สึกว่าสองตอนไม่พอ อยากอ่านอีกๆ  :m31:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 36 - 37 (13/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 13-02-2016 13:23:17
สงสารน้องเลิฟจริงๆ (ร้องไห้ตามเลย)
ส่วนพี่ปอก็นะ รีบเคลียร์เรื่องที่คุยกับเพื่อนๆ ซะ แล้วก็คุยกับเลิฟ และจัดการเรื่องที่บ้านด้วยนะครับ (คุณพ่อบ่นอยากมีหลาน อันนี้ดราม่าหนักแน่ T^T)
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 36 - 37 (13/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 13-02-2016 15:48:44
ไว้อาลัยแด่พี่ปอด้วยคนค่ะ
แต่ถ้ารอดก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีนะได้อ้อนขอความเห็นใจ หุหุ
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 38 (14/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 14-02-2016 11:06:55
กับดักที่
- 38 -



   "ไอ้ปอเป็นไงบ้างแล้วทำไมหมอให้มันกลับบ้านเร็วจังวะ เพื่อนกูรถชนนะไอ้เหี้ยไม่ใช่แค่หัวแตก" กิงละล่ำละลักถามต้าด้วยความตกใจทันทีที่มาถึง    พอรู้ข่าวว่าไอ้ปอขับรถชนเมื่ิอคืนเขาตกใจแทบตาย ตั้งสติได้กะจะไปเยี่ยมที่โรง'บาลเดี๋ยวนั้น แต่ไอ้ต้ามันบอกว่าให้มาเยี่ยมตอนเช้าทีเดียว พอเช้ามันก็บอกให้มาเยี่ยมไอ้ปอที่คอนโดแทน เขานี่โคตรจะงงคือหมอแม่งกล้าปล่อยคนเจ็บรถชนออกจากโรง'บาลมาได้ไงวะ

   "มึงจะโวยวายทำเหี้ยอะไรวะหนวกหู" ปอที่เดินถือแก้วน้ำออกมาจากห้องครัวว่ากิงดุๆ ก่อนที่จะเดินผ่านหน้ากิงกับต้าไปนั่งที่โซฟาด้วยท่าทางปกติสุดๆ ไม่มีอาการของคนที่ผ่านเรื่องเฉียดตายให้เห็นเลยสักนิด

   กิงถึงกับอ้าปากค้างมองตามปอที่เดินผ่านไปอย่างอึ้งๆ ก่อนจะรีบหันควับมาหาต้าเพื่อขอคำตอบกับสิ่งที่เห็น

   "ไหนมึงบอกว่ามันขับรถชนไงวะ แล้วทำไมดูแม่งไม่เห็นเป็นอะไรเลย" กิงถามต้าด้วยความงง เท่าที่สังเกตุด้วยตาเมื่อกี้นอกจากแผลที่อยู่บนหัว ไอ้ปอไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย

   "ก็ขับรถชนไงแต่ได้แค่แผลหัวแตกเย็บสิบกว่าเข็มเลยนะมึง" ต้าตอบกิงด้วยน้ำเสียงแกล้งทำเป็นตื่นเต้น

   "แค่นั้นจริงดิ" กิงยังทำใจเชื่อไม่ลงตอนที่ไอ้ต้าโทรมาบอกเสียงมันโคตรเป็นกังวล ไหงพอเช้ามาดันทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันจะเหลือเชื่อเกินไปไหม

   กิงเดินสำรวจรอบตัวปอเพื่อมองหาแผล ไม่ใช่ว่าเขาจะแช่งเพื่อนให้เป็นอะไรหนักๆ แต่ไอ้ปอมันเป็นพวกมีห่าอะไรไม่พูด เขาเลยต้องมานั่งมองหาความผิดปกติเอาเอง

   "กูไม่เป็นอะไร" ปอบอกดุๆแล้วกินยาที่หมอให้มา

   "เหี้ย...นี่มึงเป็นคนเหล็กป่ะ" กิงครางออกมาเบาๆอย่างเหลือเชื่อ ปอเลยได้แต่ส่ายหัวหน่ายๆกับความติ๊งต๊องของกิง

   "กูก็คิดแบบมึง" ต้าเดินมานั่งลงข้างๆกิงแล้วก็คิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืน วินาทีที่เห็นรถของปออัดเข้ากับที่กั้นด้านข้าง เขากับพี่ป้องวิ่งลงไปในสนามแบบไม่คิดชีวิต สิ่งที่เห็นในตอนนั้นคือรถยนต์ในสภาพที่เรียกว่ายับ ด้านข้างฝั่งผู้โดยสารบุบเข้ามาเพราะแรงกระแทกที่รุนแรง และไอ้ปอที่นั่งฟุบหน้าแน่นิ่งอยู่กับพวงมาลัยด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด ยอมรับว่าตอนนั้นใจเขามันหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม คิดว่ายังไงไอ้ปอต้องอาการสาหัสแน่ๆ

   แต่อยู่ๆไอ้คนที่เขาคิดว่ามันใกล้ตายและเตรียมจะไปงัดมันออกจากรถ ดันผงกหัวเงยหน้าขึ้นมาแถมยังเปิดประตูรถลงมาเองอีกต่างหาก เล่นเอาตกใจจนพูดไม่ออกก่อนจะรีบวิ่งไปประคองแล้วพามันส่งโรง'บาล

   ถึงมือหมอก็ตรวจเช็คแบบละเอียด สแกนสมอง เอ็กซเรย์ร่างกาย ผลออกมาก็แค่หัวแตกกับแผลฟกช้ำตามตัวนิดหน่อย เขากับพี่ป้องนี่ทั้งงงทั้งโล่ง อก ไม่รู้จะบอกว่าไอ้ปอมันดวงดีหรือมันถึกกันแน่

   แต่ถึงจะไม่เป็นอะไรมากหมอก็ให้มันนอนกินน้ำเกลือคืนนึงอยู่ดี เพราะสภาพร่างกายมันดูอ่อนแรงมาก ตอนแรกมันก็ไม่ยอมขู่ว่าจะบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่มันมันก็ไม่สนเพราะเรื่องปกติ จนพี่ป้องเอาไอ้น้องเลิฟมาอ้างว่าอยากให้เมียเสียใจที่รู้ว่าตัวเองเป็นสาเหตุให้มันเป็นแบบนี้เหรอ เท่านั้นแหละแม่ง ยอมนอนดีๆเลย

   "แล้วไอ้ฝุ่นมันไม่มาเยี่ยมมึงเหรอวะ" กิงถามขึ้นมาเพราะมองไปรอบๆห้องปอ แล้วไม่เห็นเพื่อนอีกคนที่คิดว่าน่าจะมาถึงก่อนตัวเอง

   "ไปข้างนอกกับพี่ปิง" ต้าเป็นคนตอบคำถามแทนปอ

   "พักนี้ไอ้ฝุ่นกับพี่ปิงสนิทกันดีเนาะ กูเห็นไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยฉิบหาย ไปสนิทกันตอนไหนวะ" กิงพูดไปทำหน้างงไป

   "มึงเห็นที่ไหนวะ" ต้าถามต่อด้วยความสนใจ

   "ก็ที่มอบ้าง ห้างบ้าง หลายที่ว่ะทำไมวะ" กิงก็บอกตรงๆเพราะไม่ได้คิดอะไร

   "หึ แสดงว่ามันพยายามหลบกูน่าดู" ปอหัวเราะในลำคอนิดๆก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ

   "อะไรของมึงวะ แล้วนี่พี่ป้องไปไหนกูยังไม่ได้เจอเลย" กิงสงสัยกับท่าทางประหลาดๆของปอ แต่ก็ไม่ได้ถามต่อเพราะรู้ว่ายังไงปอก็ไม่บอก เลยเปลี่ยนไปถามหาป้องแทน

   "ไปหาเมียมัน" ปอบอกและเอนตัวไปพิงโซฟาเล็กน้อย

   "สารวัตรนาวินอ่ะนะ" กิงถามเสียงสูงเพราะคิดว่าป้องไปเรียนเมืองนอก แล้วคงจะเลิกยุ่งกับสารวัตรหน้าสวยคนนั้นซะอีก

   "พี่ป้องแม่งรักจริงหวังแต่งว่ะ" กิงหัวเราะเบาๆเพราะรู้จักสารวัตรนาวินดี แล้วก็เห็นว่าป้องตามขายขนมจีบมาตั้งแต่ม.ปลายแล้ว

   อ๊อดดดดดด

   เสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปมองด้วยความแปลกใจ เพราะไม่น่าจะมีใครมาหาปอเวลานี้

   ปอลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูแล้วก็ต้องแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าใครมาหา เขากับคนตรงหน้าจ้องกันอยู่สักพักก่อนที่อีกฝ่ายจะเป็นคนพูดขึ้นมา

   "สภาพดูแย่นะคะ" นาวมองสำรวจปอด้วยความแปลกใจ ไม่เจอกันแค่เกือบเดือนพี่ปอดูโทรมลงไปเยอะ แต่ความน่าหมั่นไส้ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

   "ใครมาวะ" กิงตะโกนถามปอเพราะเห็นว่ามาเปิดประตูนานแล้ว

   "น้องนาว" ปอตะโกนตอบกิงก่อนจะหันกลับมาถามนาว

   "เข้าข้างในก่อนไหม"

   "ไม่เป็นไรค่ะนาวแค่จะมาคุยกับพี่ปอแป๊บเดียวเดี๋ยวนาวก็กลับแล้ว"

   "คุยอะไร?" ปอถามด้วยความสงสัย เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะมีเรื่องอะไรให้คุยกับนาว

   "พี่ปอเจอเลิฟรึยังคะ" นาวลองถามปอดูแต่ก็ได้ความเงียบเป็นคำตอบเป็นอันรู้ว่าปอยังหาเลิฟไม่เจอ
   "นาวขอถามพี่ได้ไหมคะว่าพี่ตามหาเลิฟมันทำไม พี่รู้สึกยังไงกับเพื่อนนาว" นาวถามปอด้วยน้ำเสียงจริงจัง เพราะคำตอบของปอจะช่วยยืนยันว่าการตัดสินใจของเธอในครั้งนี้มันถูกหรือผิด

   "ถ้าพี่จะพูดอะไรออกไปคนที่ควรได้ยินคนแรกต้องเป็นมันไม่ใช่คนอื่น" ปอตอบนาวด้วยน้ำเสียงจริงจังไม่แพ้กัน

   "แล้วถ้านาวบอกว่านาวรู้แล้วว่าเลิฟอยู่ที่ไหน แต่นาวจะไม่ยอมบอกพี่จนกว่าพี่จะตอบคำถามนาว พี่จะว่ายังไงคะ" นาวลองหยั่งเชิงปอดูเพราะว่าอยากเห็นใบหน้าตกใจของปอ แต่ปอก็ยังหน้าตายเหมือนเดิม

   "ถ้าไม่มีอะไรแล้วพี่ขอตัว" ปอบอกอย่างไม่ใส่ใจและเตรียมตัวจะกลับเข้าห้อง กลายเป็นนาวเองที่ต้องทำหน้าตกใจ

   "พี่เป็นคนที่น่าหมั่นไส้ที่สุดเลยรู้ตัวไหม ถ้าไม่เป็นเพราะสงสารเพื่อนนะนาวจะไม่มาเหยียบที่นี่ แล้วปล่อยให้ผู้ชายโง่ๆแบบพี่ควานหาตัวเลิฟมันไปเรื่อยๆ ทำไมไอ้เลิฟมันต้องมารักคนแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้บ้าบอที่สุด" นาวบ่นออกมายาวเหยียดด้วยความหงุดหงิด ยิ่งเห็นไอ้หน้านิ่งๆเหมือนโดนโบกปูนยิ่งโมโห

   "นี่ค่ะ" นาวยัดกระดาษแผ่นหนึ่งใส่มือปอแรงๆ ปอขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วคลี่กระดาษออกดู

   "ที่อยู่ของไอ้เลิฟ...พี่ควรจะขอบคุณนาวนะคะ เพราะถ้านาวไม่นึกสงสารพี่ก็ยังหามันไม่เจอหรอก" นาวจิกกัดปออย่างคิดว่าตัวเองเหนือกว่า จนเจ้าตัวนึกขำเพราะไม่คิดว่านาวที่ดูโตเป็นผู้ใหญ่จะมีมุมเด็กๆเหมือนกัน ปอยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วล้วงเอาโทรศัพท์มากดโทรออก

   "ลุงชาญครับ...บอกลูกน้องของลุงว่าไม่ต้องตามเฝ้าเพื่อนแฟนผมแล้วนะครับ ผมเจอตัวมันแล้ว" ปอกดตัดสายทิ้งหลังจากพูดธุระเสร็จ ส่วนนาวได้แต่ช็อคกับสิ่งที่ได้ยิน นี่หมายความว่าต่อให้เธอไม่บอกพี่ปอก็รู้อยู่ดีว่าเลิฟอยู่ไหน เพราะส่งคนมาตามเฝ้าเธอกับเพื่อนทุกคน

   "พี่นี่นอกจากจะน่าหมั่นไส้ยังนิสัยแย่อีก" นาวหันหลังกลับทันทีเพราะเซ็งที่ตัวเองเสียรู้ให้ปอ

   "ขอบใจ" เสียงทุ้มที่ดังมาตามหลัง ทำให้นาวต้องหันกลับไปมองตาโตอย่างเหลือเชื่อ

   "ไม่เป็นไรค่ะ...แต่พาเพื่อนนาวกลับมาให้ทันเปิดเทอมนะคะ" นาวส่งยิ้มให้ปอจางๆก่อนจะหันหลังเดินกลับ ความจริงเลิฟโทรมาหาเธอและขอร้องไม่ให้เธอบอกใครว่าตัวเองอยู่ไหน แต่เธอเลือกที่จะบอกพี่ปอทั้งๆที่ไม่แน่ใจในตัวของอีกฝ่าย พอมาเห็นท่าทางพี่ปอวันนี้เธอคิดว่าตัวเองตัดสินใจถูก ที่เหลือก็ขึ้นอยู่ที่พี่ปอกับเลิฟแล้วล่ะ

...
...

   กริ๊ง กริ๊ง

   เสียงประดิ่งที่ห้อยอยู่หน้าร้านดังขึ้นเบาๆเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่ากำลังมีคนเข้ามา พายละมือจากการเรียงขนมเข้าตู้โชว์ แล้วหันมาต้อนรับลูก ค้าที่มาเยือนทันที

   "ยินดีต้อนรับครับ" พายส่งยิ้มให้ตามปกติ ก่อนจะชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นคนที่เข้ามา

   "รับอะไรดีครับ" พายส่งยิ้มหวานที่คิดว่าหวานที่สุดให้ลูกค้าหน้าหล่อที่ดูแล้วคงไม่ใช่คนท้องถิ่นน่าจะเป็นนักท่องเที่ยวมากกว่า เพราะงั้นหว่านเสน่ห์หน่อยละกัน

   "เอสเพรซโซ่" ปอสั่งเครื่องดื่มกับผู้ชายตัวเล็กตรงหน้า แล้วเดินเลี่ยงไปนั่งลงที่โต๊ะว่างในร้าน เขาขึ้นเครื่องมาถึงน่านได้สักพักแล้ว แวะเอากระเป๋าไปเก็บที่โรงแรม ก่อนจะรีบตรงมาร้านนี้ตามที่นาวบอก ยืนมองอยู่นานก็ไม่ยังไม่เห็นเลิฟ จนมีคนมาทักเขาเลยสั่งกาแฟเพื่อนั่งรอ

   "รับอะไรเพิ่มอีกไหมครับขนมที่นี่อร่อยนะ" พายพยายามชวนคุยเต็มที่ แต่ปอก็ไม่ได้สนใจแถมยังเมินด้วยซ้ำ จนพายเสียความมั่นใจไปเล็กน้อย

   "แรด!! มึงมากวนอะไรลูกค้าห๊ะ!!" ธันย์ที่เดินออกมาหน้าร้านค้อมหัวขอโทษปอเล็กน้อย ก่อนจะลากพายกลับเข้าไปหลังร้าน

   "เลิฟ...เดี๋ยวออกไปชงกาแฟให้ลูกค้าโต๊ะติดสวนหน่อยนะ พี่จัดการไอ้แรดแป๊บ"

   "ครับ" เลิฟรับคำแล้วมองธันย์กับพายแบบขำๆ สงสัยลูกค้าคนนั้นต้องหล่อแน่ๆ ไม่งั้นพี่ธันย์คงไม่ลากพี่พายเข้ามาข้างในแบบนี้ ก็พี่พายน่ะเห็นลูกค้าหล่อๆไม่ได้ชอบไปหว่านเสน่ห์ทุกที

   เขาจัดการชงกาแฟด้วยความเร็ว แล้วรีบเอาไปเสิร์ฟเพราะกลัวว่าลูกค้าจะรอนาน ตาก็มองที่ด้านหลังของลูกค้าคนนั้นด้วยความรู้สึกแปลกๆ อยู่ๆหัวใจมันก็เต้นถี่รัวขึ้นมาซะเฉยๆ แผ่นหลังกว้างที่เขาเห็นมันดูคุันตายังไงก็ไม่รู้

   "กาแฟได้แล้วครับ" เลิฟส่งเสียงเรียกเบาๆก่อนจะส่งยิ้มให้ เสียงหวาน คุ้นหูที่ดังขึ้นทำให้ปอรีบหันกลับไปมองอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เห็นหน้าเจ้าเสียง หัวใจมันก็เต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาจากอก สายตาจ้องไปที่หน้าเลิฟเขม็ง

   เพล้ง!!!

   เลิฟถึงกับมือไม้อ่อนเผลอทำแก้วกาแฟหลุดมือด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะได้เจอคนที่เขาหลบหน้ามาตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่นี่ ตอนนี้เลิฟรู้สึกสับสนไปหมดอะไรข้างในใจมันตีกันจนวุ่นวาย ทั้งดีใจ เสียใจ โกรธ และไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงอยู่ที่นี่

   "มีอะไรกันรึเปล่า" พายเดินออกมาดูเพราะได้ยินเสียงแก้วแตก ก่อนจะต้องแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นความผิดปกติบางอย่าง ระหว่างลูกค้าหน้าหล่อกับเลิฟ

   "ออกไปคุยกัน" ปอว่าแค่นั้นแล้วลากเลิฟออกไปคุยที่สวนข้างร้าน โดยมีพายมองตามอย่างงงๆและทำท่าจะเดินตาม แต่ว่าธันย์ห้ามไว้เพราะเดาออกว่าเลิฟกับผู้ชายคนนั้นคงมีอะไรเกี่ยวข้องกัน

   "มึงหนีมาทำไม" ปอเปิดฉากถามเลิฟทันทีที่อยู่กันสองคน

   "มาทำไม" เลิฟถามกลับด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจ 

   "มารับมึงกลับ" ปอเดินตรงเข้าไปหา แต่เลิฟถอยหลังหนีไม่ยอมเข้าใกล้ จนปอต้องถอนหายใจและหยุดยืนนิ่งๆอยู่กับที่แทน

   "ไม่เห็นต้องมาเดี๋ยวก็กลับเองแหละ" เลิฟบอกเสียงแผ่วและก้มหน้าไม่ยอมสบตาปอ

   "แล้วเมื่อไหร่มึงจะกลับคิดว่าตัวเองหายมากี่วันแล้ว ชอบทำให้คนเป็นห่วงรึไงวะ แล้วก็เงยหน้ามองกูเดี๋ยวนี้" ปอบอกเสียงดุเพราะเริ่มรู้สึกหงุด หงิดที่เลิฟเอาแต่ถอยหลังหนี แถมไม่ยอมแม้กระทั่งจะมองหน้าเขา

   "แล้วจะให้กลับไปในฐานะอะไรล่ะ เรื่องพนันมันจบแล้วไม่ใช่รึไง" เลิฟตวาดปอเสียงสั่นก่อนจะกัดปากตัวเองแน่น พยายามบังคับน้ำตาไม่ให้ไหล

   "แล้วมึงไม่คิดจะถามกูเลยรึไง" ปอถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง

   "ปอก็อย่างนี้ทุกทีว่ะจะพูดอะไรก็ไม่ยอมพูด ให้กลับไปอยู่กับความไม่ชัดเจนเหมือนเดิมไม่เอาแล้ว รู้บ้างไหมว่าคนรอมันทรมาน ถ้าไม่ได้คิดเหมือน กันก็ปล่อยเลิฟไป" เลิฟบอกปอเสียงดังด้วยความอึดอัด เขาไม่ได้ตั้งใจจะสติแตกใส่ปอ แต่พอเห็นท่าทางนิ่งเฉยเป็นปกติของอีกฝ่าย มันทำให้เขาหงุดหงิดจนคุมตัวเองไม่อยู่

   "กูบอกรึไงว่าจะปล่อยมึงไป กูเคยให้มึงเลือกแล้วว่าให้ไปตั้งแต่ตอนที่มึงไปได้ แต่มึงเองที่เลือกจะไม่ไปแล้วคิดว่าตอนนี้มึงจะไปจากกูได้รึไง" ปอพูดเสียงเข้มจ้องเลิฟด้วยความดุดัน มือหนาบีบคางเลิฟเต็มแรง

   เลิฟนิ่วหน้าด้วยความเจ็บและมองท่าทีโมโหของปอด้วยความไม่เข้าใจ เขารู้สึกสับสนไปหมดกับท่าทางของปอ ตกลงปอจะเอายังไงกับเขากันแน่ บอกให้ปล่อยเขาไปก็ไม่ยอมจะให้กลับไปในฐานะอะไรก็ไม่พูด

   "เจ็บ" เลิฟบอกปอเสียงแผ่วให้รู้ว่าตัวเองกำลังเจ็บ ปอเลยผ่อนแรงออกเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อย

   "กูไม่ได้จะมาทะเลาะกับมึง" ปอพยายามบังคับอารมณ์ตัวเองให้สงบ เพราะเมื่อกี้เขาเผลอหลุดจากการควบคุมตัวเองไป

   "ที่ตามมานี่ผลพนันแพ้หรือชนะล่ะ" เลิฟเลิกสนใจท่าทางของปอและตัดสินใจถามในสิ่งที่คาใจออกไปตรงๆ วันนั้นเขา
ได้ยินเกือบทุกอย่างยกเว้นผลการพนัน ถึงมันจะพอเดาได้ว่าใครชนะแต่เขาไม่อยากคิดไปเองอีกแล้ว พร้อม กับภาวนาในใจให้คำตอบของปอเป็นอย่างที่ตัวเองต้องการ

   "กูชนะ" ปอพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่เหมือนคมมีดที่กรีดลงบนหัวใจเลิฟไม่มีผิด น้ำตาที่พยายามบังคับไม่ให้ไหลมา
ตลอดกำลังไหลลงมาช้าๆ ความเจ็บปวดมากมายมหาศาลกำลังถาโถมเข้าใส่ สุดท้ายคำภาวนาของเขาก็ไม่เป็นจริง


2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 39 (14/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 14-02-2016 11:18:00
กับดักที่
- 39 -



   "ร้องไห้ทำไม" ปอปล่อยมือที่บีบคางของเลิฟลง และเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าเนียนให้

   เลิฟมองปอด้วยแววตาตัดพ้อผสมน้อยใจ ไม่เข้าใจเลยสักนิดกับการกระทำของปอ ในเมื่อตอบออกมาแบบนั้นแล้วมาอ่อนโยนด้วยทำไม มันจะใจร้ายเกินไปหน่อยไหม

   "ไม่ต้องมาจับ" เลิฟพูดเสียงแข็งแล้วปัดมือปอออกเต็มแรง ก่อนจะหันหันหลังให้ ในเมื่อไม่ได้เป็นอะไรกันต่อไปนี้อย่าหวังจะได้แตะเลย

   "เดี๋ยวนี้มึงกล้าทำแบบนี้กับกูเหรอห๊ะ" ปอว่าดุๆแล้วมองด้านหลังของเลิฟไม่วางตา

   "เออ!!!" เลิฟกระแทกเสียงใส่มือก็เช็ดน้ำตาให้ตัวเอง

   "ร้องเหี้ยอะไรนักหนา" ปอพูดด้วยท่าทีสบายๆไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร

   "ไม่ต้องมายุ่ง" เลิฟว่าเหวี่ยงๆแล้วปัดมือปอที่เอื้อมมาจับแขนตัวเองทิ้ง ทำหน้างอปากยื่นร้องไห้ออกมาแบบไม่มีกั๊กชนิดที่ไม่แคร์สายตาใคร ไม่สนและไม่อายอะไรทั้งนั้น ใครจะหาว่าไม่แมนสาวแตกก็ช่างมัน คนมันเสียใจนี่หว่าเขาเป็นผู้ชายที่เจ็บได้ร้องไห้เป็นนะ ไม่ได้แข็งแกร่งเป็นหินแกรนิตเหมือนไอ้บ้าบางคนแถวนี้

   "ที่ร้องนี่เพราะอะไร กูพูดจบรึยัง" ปอถามเสียงเนือยๆ

   "พูดมาขนาดนั้นยังพูดไม่จบรึไงวะ" เลิฟหันมาตวาดปอเสียงดัง ถลึงตาใส่ด้วยความโกรธ

   "พูดกับกูดีๆ" ปอบอกดุๆแล้วกอดเลิฟจากทางด้านหลัง ใช้มือดึงปากยื่นๆของเลิฟเล่นเหมือนที่เคยทำ ยิ่งทำให้เลิฟร้องไห้หนักกว่าเดิม เบะปากออกเหมือนเด็กๆไม่มีผิด

   ฟอดดดดดดด

   ปอหอมแก้มใสของเลิฟเต็มแรง สูดเอาความหอมที่ไม่ได้สัมผัสมานาน แช่จมูกทิ้งไว้สักพักแล้วใช้ปากขบเม้มที่ใบหูเบาๆ ไล่ลงมาที่ต้นคอขาวจนถึงช่วงไหล่เนียนที่โผล่พ้นเสื้อ กดจูบซ้ำๆย้ำอยู่แบบนั้น

   "ทำอะไรวะกำลังโกรธอยู่นะเว้ย" เลิฟว่าปอเสียงเขียวมือก็หยิกแขนของปอที่กอดอยู่ ตัวก็พยายามเบี่ยงหลบปากและจมูกที่คลอเคลีย อารมณ์เขาตอนนี้โคตรหงุดหงิด เพราะเริ่มมั่นใจแล้วว่าตัวเองกำลังโดนแกล้งแน่ๆ

   "ก็โกรธไปดิกูไม่ได้ว่า" ปอบอกเสียงอู้อี้เล็กน้อยเพราะกำลังซุกไซร้ซอกคอเลิฟอยู่

   "ไอ้หื่น!!" เลิฟตวาดดังลั่นจับมือของปอที่ล้วงเข้ามาในเสื้อตัวเองแน่น ตอนนี้เขาโกรธจริงๆแล้วนะ

   "ทำไมงอแงจังวะแต่ก่อนมึงไม่ได้เป็นแบบนี้นะมีผัวแล้วสาวแตกรึไง" ปอพูดหยอกเลิฟแล้วโยกคนตัวเล็กในอ้อมกอดไปมาเบาๆ

   "มันใช่เวลาเล่นไหมห๊ะ!! จะเอายังไงก็ว่ามา" เลิฟทำเสียงดุแล้วหันมามองปอตาเขียว นัยน์ตายังคงแดงช้ำและมีน้ำใสๆคลออยู่

   "ขยันร้องเหี้ยอะไรนักหนา ตาโตๆของมึงมันจะหลุดออกจากเบ้าเข้าสักวัน" ปอเกลี่ยน้ำตาที่กำลังซึมอยู่ตรงหางตาออกให้เบาๆ

   "ถ้ามันหลุดออกจากเบ้า กูจะเขวี้ยงใส่หน้ามึงเนี่ยแหละ" เลิฟเหวี่ยงใส่ปอด้วยความโมโห ไม่มีอารมณ์มาพูดจาดีๆกับใครทั้งนั้น ไหนๆก็โดนว่าสาวแตกเอาให้มันเต็มที่ละกัน

   "กูบอกให้พูดดีๆ" ปอส่งเสียงดุอีกรอบทำให้เลิฟยืนเงียบ หน้างอร้องไห้ออกมาด้วยความน้อยใจ

   ปอเอี้ยวตัวมามองหน้าเลิฟแล้วส่ายหัวนิดๆให้กับความงอแง ไม่รู้มันผลิตน้ำตาจากตรงไหน ร้องได้ร้องดีขยันร้องฉิบหาย

   "ที่กูบอกว่าชนะ...กูชนะไอ้กิงคนเดียวแต่แพ้อีกสองคนที่เหลือ" ปอตัดสินใจเลิกแกล้งเพราะเห็นว่าร้องไห้นานแล้ว เดี๋ยวตาบวมปวดหัวจะแย่เอา

   หัวใจของเลิฟเต้นระรัวเหมือนตีกลอง พยายามคิดตามคำพูดของปอ แต่ตอนนี้สมองเขามันคิดอะไรซับซ้อนไม่ค่อยได้เท่าไหร่ รู้แค่ว่ามันกำลังตื่นเต้น

   "หมายความว่าไงอ่ะ" เลิฟหันมาทำตาโตใส่ปอ น้ำตาที่ไหลต่อเนื่องจนถึงเมื่อกี้หยุดไหลอัตโนมัติเหมือนสั่งได้

   ปอเห็นท่าทางเอ๋อๆของเลิฟแล้วอดขำไม่ได้ จนตัวเองเผลอหลุดยิ้มออกมา ก่อนจะก้มลงหอมแก้มเนียนเบาๆ

   "กูรักมึง" เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นมาดังก้องดังข้างในหู คำบอกรักที่ไม่คิดว่าจะได้ยินทำเอาน้ำตาร่วงลงมาอีกครั้ง

   "พูดอีกครั้งได้ไหม" ร้องขอออกไปด้วยเสียงสั่นระริก อยากได้ยินอีกสักครั้งเพื่อยืนยันว่าตัวเองไม่ได้หูฝาดไป

   "กูรักมึง" จบคำเลิฟก็โผเข้ากอดปอแน่นร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างหนัก ความรู้สึกขุ่นมัวอยู่ในใจถูกชะล้างด้วยคำๆเดียว ความโกรธความน้อยใจที่มีมันหายไปหมดแค่เพราะคำๆนั้นที่อยากได้ยินมาตลอด พอได้ยินมันชัดๆหัวใจที่เหมือนจะหยุดเต้นก็กลับมาเต้นถี่รัว พร้อมกับความอุ่นซ่านที่อาบไปทั้งหัวใจ

   "ฮึก...ไม่ได้โกหกกัน...ฮึก...แล้วใช่ไหม ไม่ได้ไปท้า...ฮึก...พนันใครอีกนะ" เลิฟถามเสียงสะอื้นหน้าซุกอยู่กับอกกว้าง น้ำตาไหลซึมจนเสื้อของอีกฝ่ายเปียกไปหมด

   "กูไม่ลงทุนบอกรักมึงเพราะแค่เรื่องพนันหรอกนะ" ปอโอบกอดเลิฟไว้เอามือลูบหลังเบาๆ ก้มลงจูบข้างขมับเพื่อปลอบโยน

   "ก็แล้วทำไมไม่พูดแบบนี้ตั้งแต่ทีแรกล่ะทำให้ร้องไห้ทำไม ไหนเคยบอกว่าไม่ชอบไง" เลิฟคลายสะอื้นลงไปบ้างแล้วถามปอด้วยเสียงอู้อี้

   "ก็ไม่ได้ชอบแต่ดูไปก็สนุกดี" ปอว่าเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยความหยอกเย้า พอได้พูดมันออกไปก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก ความกังวลทั้งหมดที่มีถึงกับหายเกลี้ยง ทั้งๆที่คิดว่าคงจะไม่มีทางจบเรื่องได้ง่ายๆ แต่กลายเป็นว่าเรื่องทุกอย่างมันง่ายนิดเดียว ง่ายเพราะคำๆเดียวที่อีกคนรอฟังแค่นั้นเอง

   "ไอ้โรคจิต" เลิฟเงยหน้าที่ดวงตาแดงช้ำไปหมดขึ้นมามองปอตาเขียว นอกจากหื่นกาม ซาดิสม์ แล้วยังโรคจิตอีก

   "มึงต้องทำความเข้าใจไว้อย่างนึง กูไม่ใช่คนที่จะมานั่งบอกรักมึงได้ตลอดเวลา หวานใส่มึงเหมือนที่ไอ้กิงทำกับเมีย กูก็เป็นของกูแบบนี้แต่ถ้ากูรักใครกูรักคนนั้นทั้งชีวิตของกู มึงอาจจะไม่รู้แต่กูรักมึงมากกว่าที่มึงคิดอีกนะ" ปอพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและมองเลิฟด้วยสายตาจริงจัง เลิฟเองก็พยักหน้างึกงักรับรู้

   ปอไม่ใช่คนพูดมากเรียกว่าปากหนักเลยละ แต่ครั้งนี้เขาคงต้องพูดเยอะหน่อย เพราะดูท่าคนของเขาจะเป็นพวกคิดมาก ชอบคิดเองเออเองโง่ในเรื่องไม่ควรโง่ นิสัยที่ปอเกลียดแต่ดันอยู่ในตัวคนที่เขารัก

   ไม่รู้เหมือนกันว่ารักไปตอนไหน หน้าตาน่ารักแบบนี้ใช่ว่าชีวิตไม่เคยเจอ สวยระดับนางเอกเขาก็ฟันมาแล้ว อะไรๆก็มีเหมือนๆกัน งี่เง่า งอแงก็เท่านั้น แต่ก็คงจะเหมือนที่มันเคยบอกรู้ตัวอีกทีก็รักไปแล้ว

   "อย่าหายไปแบบนี้อีกต่อให้กูจะเหี้ยหรือทำอะไรระยำกว่านี้ ก็อย่าหายไปเข้าใจไหม" รู้ดีว่าสิ่งที่ตัวเองขอมันเห็นแก่ตัว แต่ความเหี้ยกับความระยำมันของคู่กันกับเขา และดูท่าคงจะแก้ไม่ได้ซะด้วย

   "อือ...ปอเองก็เหมือนกันอะไรก็ได้แต่ห้ามมีคนอื่นนะ" เลิฟบอกอีกสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจ ทนอะไรก็ทนได้แต่จะให้ทนเรื่องนี้ต่อเขาเองก็คงฝืนต่อไม่ไหวเหมือนกัน รู้ดีว่าหลังๆมานี้ปอไม่มีใครแต่กันไว้ดีกว่าแก้ ซึ่งปอเองก็พยักหน้าให้สัญญา

   "รักปอนะ...รักเหมือนกัน" เลิฟยิ้มกว้างออกมาอย่างมีความสุขเอาหน้าถูไถไปกับหน้าอกปออ้อนๆ ไม่ได้บอกรักคนๆนี้มาตั้งนาน เขาไม่รู้หรอกว่าปอรักเขาตอนไหน แต่เขารู้นะว่าตัวเองรักไปตอนไหน เขาก็เหมือนเด็กคอยตามแกล้งคนที่ชอบ สุดท้ายก็โดนแกล้งกลับตลกชะมัดแต่ก็มีความสุขดี

   "กูถามจริงที่ผ่านมามึงดูอะไรไม่ออกเลยเหรอ" ปออดถามในสิ่งที่ตัวเองสงสัยไม่ได้ ถึงเขาจะไม่พูดแต่ก็คิดว่าตัวเองไม่ได้เหี้ยจนขนาดไม่แสดง ออกอะไรเลย ถ้ามันตอบว่าไม่รู้เขาเองก็จะได้รับรู้ว่าเมียกูมันโง่จริง

   "ก็ดูออกบ้างแต่ได้ยินแบบนั้นมันก็เสียใจนิ" เลิฟว่าหน้ามุ่ยเล็กน้อย

   "หวั่นไหวง่ายนะมึง" ปอส่ายหัวหน่ายๆ

   "เปล่าซะหน่อย...รักปอนะ" เลิฟพูดอีกครั้งในเมื่อปอไม่ชอบพูดเขาจะพูดแทนเอง ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองให้อภัยง่ายไปไหมยอมอะไรง่ายไปรึเปล่า แต่เขาลองคิดตามที่พี่พายบอกคำตอบที่ได้มันไม่ได้ต่างจากพี่พายเลย ก็ใจมันอยู่ที่คนนี้รักคนนี้ไปแล้ว สุดท้ายยังไงมันก็คงต้องคนนี้ิอยู่ดี

   "กูรู้" ปอตอบรับคำพูดของเลิฟสั้นๆทำเอาเลิฟกรอกตาขึ้นฟ้าด้วยความเซ็ง เขารู้ว่าไม่พูดพร่ำเพรื่อแต่หวังว่าไอ้คำบอกรักสองคำนั่น คงไม่ใช่สองครั้งแรกและสองครั้งสุดท้ายที่จะได้ยินหรอกนะ

   "ปอผอมลงป่ะเนี่ยหัวแตกด้วยไปทำอะไรมาอ่ะ" หลังจากที่สบายใจแล้ว เลิฟก็พึ่งจะเริ่มสังเกตุว่าคนที่ตัวเองกอดอยู่ดูตัวบางๆลง เหมือนกล้ามเนื้อมันหดๆ ถึงจะมองด้วยตาแล้วไม่เห็นแต่ถ้าสัมผัสแบบที่เขาทำนี่จะรู้เลย (แต่ห้ามสัมผัสนะ) แถมมีแผลที่หน้าผากอีก

   "ไม่มีอะไรช่างมัน" ปอตอบปัดเพราะไม่อยากให้อีกคนรู้สาเหตุ ทั้งๆที่เขาทำตัวเองแต่ถ้ามันรู้มั่นใจเลยว่ามันต้องร้องไห้อีก

   เลิฟเลิกสนใจตามที่ปออยากให้เป็นเพราะรู้ว่าถามไปปอก็ไม่บอก เอาไว้ไปเค้นถามเอาจากเพื่อนปอก็ได้ ยังไงเขาก็มีเรื่องเอาไว้ให้ขู่ถาม พวกนั้นเป็นหนึ่งในสาเหตุที่เขาหนีมาไกลถึงนี่นะอย่าลืม

   "ปวดตาอ่ะ" เลิฟทำเสียงอ้อน

   "สมควร เดี๋ยวมันก็หาย มึงปวดหัวด้วยรึเปล่า" ปอเอามือนวดกระ บอกตาที่บวมช้ำให้เลิฟเบาๆ เลิฟเองก็ส่ายหัวนิดๆบอกให้รู้ว่าไม่ได้ปวดหัว

   "อะแฮ่ม...คุยกันเสร็จรึยังถ้าเสร็จแล้ว รบกวนช่วยอธิบายอะไรหน่อยได้ไหม มันสงสัยโว๊ย!!!" พายที่ยืนมองอยู่นานยอมเสียมารยาทเดินเข้ามาถาม ไม่ได้ตั้งใจจะขัดบรรยากาศหวานๆ แต่ถ้าขืนปล่อยไปนานกว่านี้ สงสัยจากกอด หอม ได้มีจูบกับหนังสดให้ดูแน่ๆ

   "พี่พาย" เลิฟครางออกมาเบาๆใบหน้าแดงซ่านด้วยความอาย เขาลืมไปเลยว่าไม่ได้อยู่กับปอแค่สองคน

   "ใครอ่ะ" พายใช้ไหล่สะกิดเลิฟเบาๆทำหน้าตาอยากรู้ใส่เต็มที่ เลิฟเหลือบมองหน้าปอเล็กน้อย ก่อนจะอ้อมแอ้มตอบพายออกไป

   "แฟนเลิฟเองครับ" พูดแล้วก็ต้องกลั้นยิ้มดีใจเอาไว้ ในที่สุดก็ได้บอกกับคนอื่นแบบนี้สักที

   "คนนี้น่ะเหรอที่ทำให้เราหนีมาทำใจถึงนี่อ่ะ หูยยย หล่อขนาดนี้กล้าทิ้งมาได้ไงวะ ไม่กลัวหมาคาบไปแดกเหรอ" พายทำตาโตถามเลิฟด้วยท่าทางจริงจัง จนธันย์ที่ยืนอยู่ข้างๆต้องยกมือเขกหัวแรงๆ

   "โอ๊ย!!! เขกหัวกูไมอ่ะ" พายลูบหัวตัวเองปอยๆ

   "พี่ขอโทษแทนมันด้วยนะ ถึงจะบ้าไปหน่อยแต่รับรองว่าฉีดยาแล้ว" ธันย์หันมาบอกปอซึ่งปอก็เองก็ยกยิ้มให้นิดๆ

   "ใครบ้าวะ หลีกไปดิ๊" พายผลักธันย์ออกแล้วไปยืนตรงหน้าปอ ที่กำลังมองมาที่เขาด้วยความแปลกใจ

   "พี่ชื่อพายนะส่วนไอ้คนข้างหลังชื่อธันย์ผัวพี่เอง" พายฉีกยิ้มกว้างส่งให้ปอ ส่วนปอก็หน้าเหวอไปนิดกับคำพูดตรงๆของพาย ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ

   "ปอครับ" ปอเองก็แนะนำตัวกลับไปตามมารยาท

   "เสียดายอ่ะทีแรกกะจะจีบเป็นกิ๊กซะหน่อย แต่เป็นผัวน้องคงต้องปล่อยไปล่ะนะ" พายบ่นออกมาแล้วทำหน้าเสียดายจริงจัง จนธันย์ต้องเขกหัวแรงๆอีกที

   "มึงแม่ง!! เขกอีกละ...เอาเป็นว่าวันนี้มีเรื่ิองดีๆเย็นนี้พี่พาเลี้ยงข้าว" พายส่งเสียงร่าเริงแล้วกระโดดเกาะแขนธันย์แน่น พร้อมกับส่งยิ้มหวานให้ส่วนธันย์เองก็มองคนรักด้วยสายตาอ่อนโยน

   "พี่พายร่าเริงดีเนอะ" เลิฟหันมาบอกปอยิ้มๆ

   "ดีเกิน" ปอพูดเนือยๆพร้อมกับคิดในใจว่า ถ้าเขาปล่อยให้เลิฟอยู่กับคนชื่อพายนานกว่านี้ มันจะแรดแบบนั้นรึเปล่า

...
...
   
   "ไม่อาบน้ำหรอ" เลิฟถามปอที่นั่งอยู่ปลายเตียง เขากลับมาจากกินข้าวเย็นกับพวกพี่พายได้สักพัก ส่วนปอก็ไม่กลับไปนอนโรงแรมเลือกมานอนกับเขาที่บ้านพี่พายแทน

   "มีอะไรอ่ะ" เลิฟทำหน้างงแล้วเดินเข้าไปหาปอ เพราะเจ้าตัวนั่งกระ ดิกนิ้วเรียกเขาอยู่

   ทันทีที่คนตัวเล็กเดินมาถึง ปอก็จัดการเหวี่ยงอีกฝ่ายลงบนที่นอน ก่อนจะขึ้นคร่อมอีกคนทั้งตัว

   "ปอไม่ได้นะพวกพี่พายอยู่ห้องข้างๆ" เลิฟห้ามเสียงสั่นมองสายตาร้อนแรงของปอด้วยความระแวง

   "กูไม่สน" ปอบอกแค่นั้นแล้วประกบจูบเลิฟอย่างเร่าร้อน แทรกลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กดูดดึงจนแทบจะหลุดคาปาก

   ปอผละออกมาจากเลิฟเล็กน้อย จากนั้นก็จัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเองและเลิฟออก ก่อนจะก้มลงซุกไซร้ที่ผิวขาวเนียนตรงหน้า ดูดเม้มบีบเค้นทิ้งรอยแดงไว้ทุกๆจุดที่ฝ่ามือและริมฝีปากลากผ่าน แวะทักทายหยอกล้อยอด อกเล็กทั้งสองข้างดูดดึงจนมันแข็งเป็นไต

   "รีแล็กซ์หน่อย" ปอบอกเสียงพร่ามองเลิฟที่นอนหายใจหอบเอามือปิดปากกลั้นเสียงครางด้วยแววตาหื่นๆ
   เลิฟพยักหน้ารับน้อยๆ พยายามผ่อนลมหายใจและทำตัวเองให้ผ่อนคลาย ยอมรับว่ากลัวนิดๆเพราะห่างหายจากเรื่องอย่างว่านานพอสมควร

   ปอค่อยๆส่งนิ้วไปที่ด้านหลังของเลิฟและขยับนิ้วเข้าออกช้าๆ ก่อนจะเพิ่มนิ้วที่สองและสามเข้าไป โดยที่เลิฟได้แต่นอนดิ้นพล่านเพราะความเสียว จากนั้นปอก็ดึงนิ้วทั้งหมดออกมา และกดแก่นกายที่พร้อมรบลงไปแทน

   "อ๊าาาา...เจ็บ" เลิฟเผลอหลุดเสียงครางออกมา เนื่องจากรู้สึกเจ็บปนเสียวที่ปอเข้ามารวดเดียว ก่อนจะรีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเองแน่น เพราะกลัวว่าห้องข้างๆจะได้ยิน

   ปอมองท่าทางของเลิฟแล้วก็นึกอยากแกล้ง จัดการดึงตัวเองออกมาเกือบหมดแล้วแทงกลับเข้าไปเน้นๆ กระแทกให้โดนจุดๆหนึ่งในตัวของเลิฟ และก็ได้ผลเพราะเลิฟถึงกับบิดตัวด้วยความเสียว ปล่อยเสียงครางออกมาดังลั่น

   "อ๊าาาาาาาา" เลิฟเอามือจิกผ้าปูที่นอนแน่นเพื่อระบายความซ่าน ปอขยับเข้าออกช้าๆและเปลี่ยนจังหวะเป็นกระแทกรัวเร็วขึ้น ช่องทางด้านหลังของเลิฟตอดรัดแก่นกายของปอถี่ยิบ

   "อ๊ะๆๆ ปอ...อ๊าาาา" เสียงครางระงมเรียกชื่อปอของเลิฟดังไม่ขาดสาย ตัวสั่นคลอนไปหมดเพราะแรงกระแทกที่หนักหน่วง เลิฟโอบกอดปอไว้แน่นและจิกเล็บลงบนแผ่นหลังกว้างเพราะความเสียว

   ปอซอยกระแทกถี่ยิบเมื่อรับรู้ได้ถึงอาการเกร็ง และแรงบีบรัดจากด้านหลังว่าคนใต้ร่างกำลังจะปลดปล่อย ไม่นานเลิฟก็ปลดปล่อยออกมาจนเปื้อนหน้าท้องเนียน พร้อมกับปอที่โหมกระแทกกระทั้นเข้าออกอย่างหนักหน่วง ก่อนจะปลดปล่อยเข้าไปในตัวเลิฟทุกหยาดหยด

   ปอถอนแก่นกายตัวเองออกมาพร้อมกับหอบหายใจน้อยๆ เขาก้มลงจูบหน้าผากเนียนเบาๆก่อนจะจัดการจับคนตัวเล็กคว่ำหน้า แล้วกดแก่นกายตัวเองเข้าไปอีกครั้ง เพื่อเริ่มเพลงรักบทต่อไปที่จะยาวนานทั้งคืน



2 Be Con...
+++++++++++
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์และขอบคุณที่ชอบนิยายเรื่องนี้นะคะ
จริงๆคนเขียนก็อยากได้คอมเม้นท์ ได้บวกเป็ดเหมือนกัน
แต่ในเมื่อไม่ได้ก็ไม่รู้จะทำเยี่ยงไร 555
เอาเป็นมาอ่านแล้วชอบกันก็ดีใจจ้า (แต่ถ้าเม้นท์ด้วยจะเป็นพระคุณกว่านี้ กราบบบบ)
ปล.ใครอยากได้หนังสือเข้าไปถามในเพจได้เลยนะคะ พอดีว่าตามกฎเล้าลงยังไม่จบห้ามเปิดจอง
เอาเป็นว่าไปคุยเรื่องหนังสือกันในเพจเน้อ ตามลิงค์เบยยย
https://www.facebook.com/gib1matchty (https://www.facebook.com/gib1matchty)
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 38 - 39 (14/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 14-02-2016 13:14:15
เรื่องเม้นมันบังคับกันไม่ได้อ่ะนะ 

คนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของเล้า จะไม่สามารถบวกเป็ด หรือเม้นได้ ได้แค่อ่านเฉยๆ

ผิดกับอีกเวบหนึ่งที่ลงไว้ นั่นไม่เป็นสมาชิกก็เม้นได้ โหวตได้

แต่นิยายเรื่องนี้สนุกจริงๆ นะ   อ่านรอบสองก็ยังสนุก  o13
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 38 - 39 (14/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: imvodka ที่ 14-02-2016 13:41:15
ตกใจนึกว่าพระเอกจะเป็นอะไรมากกว่านี้


เด๋วยังมีด่านพ่อพระเอกอีก  :hao5:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 38 - 39 (14/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-02-2016 14:14:07
เข้าใจกันได้ก็ดีแล้ว
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 38 - 39 (14/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 14-02-2016 17:32:32
แหม พอเข้าใจกันก็รีบแสดงความคิดถึงเชียวนะปอ
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 38 - 39 (14/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 14-02-2016 20:11:00
เข้าใจกันเสียที รักก็บอกว่ารักน่ะดีแล้ว  :katai2-1: :L2:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 38 - 39 (14/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 14-02-2016 22:17:19
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 40 (15/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 15-02-2016 08:35:04
กับดักที่
- 40 -



   มือหนาควานไปที่ข้างลำตัวทั้งๆที่ยังหลับตา ก่อนจะสัมผัสได้ถึงก้อนเนื้อนุ่มนิ่ม จากนั้นก็โอบกระชับให้แนบอกมากกว่าเดิม ดวงตาคู่คมค่อยๆเปิดขึ้นช้าๆ สิ่งแรกที่สายตามองเห็นในตอนเช้าคือต้นคอขาว กับแผ่นหลังเนียนของร่างเล็กที่นอนหลับสนิทอยู่

   ปอแนบริมฝีปากลงที่ต้นคอด้านหลังแผ่วเบา แล้วกดจูบย้ำๆอยู่แบบนั้น มือที่โอบกอดเอวบางไว้ก็ลูบไล้ไปตามหน้าท้องแบนราบเล่น

   "อื้อ...คิกๆ...อืม...ปอ...ไม่เอามันจักจี้" เลิฟสลึมสลือตื่นขึ้นมาเพราะแรงขบเม้มที่หลังคอ พร้อมกับความเสียววูบบริเวณท้องน้อยที่โดนลูบไล้ มือเล็กจับมือหนาซุกซนไว้แน่นหดคอหลบจมูกโด่งที่คลอเคลีย

   "ฟอดดด ตื่นได้แล้ว" ปอหอมแก้มเลิฟเต็มแรงและส่งเสียงเรียกเบาๆ

   "อือ...มันง่วงอ่ะนอนต่อเหอะ" เลิฟบอกเสียงอู้อี้นอนคว่ำและเอาหน้าซุกลงกับหมอนใบโต ปอมองท่าทางนั่นแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา

   "จะนอนใช่ไหม" ปอถามเสียงเรียบ เลิฟเลยพยักหน้างึกงักกับหมอน ตาหรี่ปรือเตรียมจะนอนต่อ

   "งั้นนอนไป" ปอกระซิบบอกที่ข้างหูแล้วกัดใบหูเล็กเบาๆ ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากขบเม้มไล่ลงมาที่ต้นคอจูบซับลงมาเรื่อยๆตามแผ่นหลัง ฝ่ามือหนาเลื่อนมาบีบเค้นสะโพกเล็ก นิ้วเรียวลูบไล้ถูไถไปตามร่องบั้นท้ายแผ่วเบา

   "อื้อ...ไม่เอาแล้วนะปอไม่ไหวแล้ว" เลิฟส่งเสียงครางประท้วงในลำคอ เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ปาไปดึกมากแล้ว ตามตัวนี่ปวดเมื่อยไปหมดขยับทีร้าวไปยันไขสันหลัง

   "อึก...อ๊ะ...อ๊า...ซี้ดดด" เลิฟหลุดครางเสียงหลงพร้อมกับซี้ดปากด้วยความแสบ เนื่องจากปอดันนิ้วเข้ามาในช่องทางด้านหลังแบบไม่ให้ตั้งตัว

   "ปอ...ไม่เอาแล้วไม่ไหวจริงๆนะ" เลิฟพยายามทำเสียงอ้อนใส่ปอ พยายามจะขยับตัวหนีก็ทำไม่ได้ เพราะปอคร่อมทับเขาจากทางด้านหลังไว้ทั้งตัว

   "ไม่ไหวก็อย่าตอดดิวะ" ปอกระซิบบอกเสียงพร่าข้างใบหู นิ้วเรียวยาวที่ขยับเข้าออกช้าๆรับรู้ได้ถึงแรงตอดรัดถี่ยิบจากด้านใน

   "อ๊า...ตรงนั้นมัน...อื้อ" เสียงครางดังออกมาจากปากร่างเล็กอีกครั้ง เมื่อนิ้วซุกซนของปอโดนเข้ากับจุดเสียวในตัวอย่างจัง ทำเอาเลิฟถึงกับดิ้นพล่านผิวกายขึ้นสีแดงไปหมดทั้งตัว มือเล็กขยุ้มผ้าปูที่นอนแน่นจนแทบจะขาดคามือ

   ปอยิ้มร้ายออกมาและเพิ่มจำนวนนิ้วเข้าไป พร้อมกับขยับเข้าออกรัวเร็วให้กระแทกจุดเสียวของเลิฟ ส่งลิ้นไปเลียใบหูเล็กอย่างหยอกล้อ เมื่อรับรู้ได้ถึงอาการเกร็งและแรงบีบรัดถี่ยิบข้างใน ปอก็รีบดึงนิ้วทั้งหมดออกมาทันที

   "ปอ!!!" เลิฟตวาดปอเสียงเขียว พราะสวรรค์ที่กำลังจะเห็นอยู่รำไร กลับล่มลงต่อหน้าต่อตา ด้วยฝีมือคนขี้แกล้งที่ชอบแกล้งเป็นประจำ

   "มึงบอกไม่ไหว" ปอบอกอย่างกวนประสาททำเสียงเหมือนคนเห็นใจเต็มที่ แต่นิ้วมือที่ดึงออกไปแล้วยังคงถูไถวนเวียนตรงปากทางเข้า มืออีกข้างที่ว่างก็สะกิดยอดอกเล็กเล่นเบาๆ

   "ทำไมชอบแกล้งวะ" เลิฟว่าอย่างหงุดหงิดเหลือบมองปอตาขวาง

   "ใครแกล้งมึง...มึงบอกกูเองว่าไม่ไหว" ปอยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ นิ้วเรียวกดเข้าไปทางด้านหลังนิดนึง แล้วรีบดึงออกเพื่อกลั่นแกล้งอีกฝ่าย

   "อื้อ...ไหวแล้วจะเอาแล้วพอใจรึยัง!! อย่าแกล้งได้ไหมเนี่ย" เลิฟตวาดเสียงดังก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงอ่อยๆในตอนท้าย หน้าซุกลงกับหมอนใบโตเพราะความอาย ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าปอขัดใจที่เขาปฏิเสธและพยายามบีบให้เขาพูดคำพวกนี้ออกมา นับวันยิ่งรู้ว่าปอเป็นผู้ชายที่โคตรเอาแต่ใจโดยเฉพาะเรื่องนี้ขัดใจทีไรได้เรื่องทุกทีสิ

   "หึ หึ ก็แค่นั้น" ปอหัวเราะในคอเบาๆอย่างพอใจ

   "อ่ะ...." เลิฟร้องออกมาด้วยความตกใจผวาเอามือจับไหล่คนตัวโตแน่น เพราะอยู่ๆปอก็จับเขาให้ขึ้นไปนั่งทับอยู่กลางลำตัว บั้นท้ายกลมกลึงสัมผัสได้ถึงแก่นกายขนาดใหญ่ที่กำลังดุนดันอยู่

   ปอดันตัวเองให้หลังเข้าไปพิงกับหัวเตียงโดยที่เลิฟยังนั่งอยู่บนตัว จากนั้นก็โน้มใบหน้าหวานลงมาประกบจูบอย่างเร่าร้อน เรียวลิ้นของทั้งคู่เกี่ยวกระหวัดกันอย่างไม่ยอมแพ้ ก่อนที่ปอจะผละออกมาแล้วจูบไล่ลงมาที่แผ่นอกบาง ส่งเรียวลิ้นไปตวัดรัวหยอกล้อยอดอกเล็กอ้าปากงับลงดูดดึงเหมือนเด็กทารกดูดนมแม่ไม่มีผิด ส่วนอีกข้างก็ไม่น้อยหน้าส่งนิ้วเรียวไปสะกิดและบีบขยี้จนแดงช้ำแข็งขึ้นเป็นไต

   เลิฟที่โดนความช่ำชองของปอโจมตีก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากส่งเสียงครางออกมา และใช้มือเล็กสองข้างขยุ้มลงไปที่เส้นผมของปอเต็มแรงเพื่อระบายออก

   "จุ๊บ...เอากูเข้าไป ทำเองจะได้ไม่เจ็บมาก" ปอจูบปากเลิฟเบาๆและบอกอย่างอ่อนโยน เขาเองก็รู้ว่ากำลังฝืนคนตัวเล็กอยู่ แต่ให้หยุดตอนนี้ก็คงไม่ได้เหมือนกัน

   ปอจับแก่นกายของตัวเองให้ตั้งขึ้น อีกมือก็จับที่เอวบางของเลิฟเพื่อช่วยประคอง คนตัวเล็กสบตากับปอแว๊บนึงก่อนจะใช้มือสองข้างจับไหล่ปอไว้แน่น ยกตัวเองขึ้นเล็กน้อยแล้วกดตัวเองลงบนแก่นกายของปอช้าๆ

   "อึก...อ๊ะ...อ๊าาาาาา" เลิฟครางเสียงดังเมื่อรับเอาแก่นกายของปอเข้ามาทั้งหมด หางตามีน้ำใสๆซึมออกมาเล็กน้อยเพราะความเจ็บและเสียดที่ช่องทางหลัง

   "สวย....." ปอพึมพำออกมาแผ่วเบาเมื่อเห็นเลิฟที่อยู่บนตัวเองตอนนี้ แสงแดดยามเช้าลอดผ่านหน้าต่างเข้ามากระทบเข้ากับร่างบางที่ผิวกายแดงระเรื่อพอดี บวกกับใบหน้าหวานที่เต็มไปด้วยความต้องการ มันทำให้เลิฟดูสวยและโคตรจะเซ็กซี่ในสายตาปอ

   ปอประกบจูบเลิฟอีกครั้งอย่างรุนแรง เพราะภาพที่เห็นเมื่อกี้ทำเอาปอมีอารมณ์ยิ่งกว่าเดิม สะโพกหนาอัดกระแทกเข้าไปเต็มแรงและเลิฟเองก็รู้งานจูบปอกลับอย่างดุเดือด แขนเล็กสองข้างคล้องคอปอแน่นมือก็ขยุ้มเส้นผมปอจนยุ่งไปหมด สะโพกบางทิ้งตัวขย่มลงบนตัวปออย่างร้อนแรง

   ปอดันเลิฟให้นอนราบลงกับที่นอนโดยที่แกนกลางยังเชื่อมกันอยู่ ท่อนแขนเกี่ยวขาเรียวไว้ทั้งสองข้างก่อนจะแยกออกกว้าง จากนั้นก็อัดกระแทกเข้าออกเต็มแรงจนเตียงไม้หลังใหญ่อัดกับกำแพงเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด รวมทั้งตัวของเลิฟที่โยกไหวอย่างรุนแรง

   "อ๊ะ...อ๊ะ...ปอ" เสียงครางระงมและเสียงเรียกชื่อปอดังออกมาไม่ขาดสาย มือเล็กขยุ้มที่ผ้าปูเตียงเต็มแรงเพราะความเสียว

   "กอดกูไว้" ปอบอกเสียงเข้มและเลิฟเองก็ทำตามแต่โดยดี แขนเล็กโอบกอดปอไว้เล็บจิกลงแผ่นหลังกว้างจนเลือดซิบ

   "อ๊ะ...อ๊ะ...ปอ...อื้อ...อ๊าาาาา" เสียงหวานครางดังลั่นเพราะแรงกระแทกกระทั้นอันหนักหน่วง ความอ่อนนุ่มโอบล้อมตัวตนของปอจนแทบคลั่ง

   ปอสัมผัสได้ถึงอาการเกร็งของคนใต้ร่าง พร้อมๆกับแรงตอดรัดถี่ยิบทางด้านหลัง ไม่นานหนักร่างบางก็กระตุกเบาๆแก่นกายเล็กปลดปล่อยออกมาจนเต็มหน้าท้องเนียน

   ปอดึงตัวเองออกมาแล้วพลิกตัวเลิฟให้คว่ำหน้าลง จับขาสองข้างให้ตั้งชันขึ้นแล้วจับแก่นกายไปจ่อที่ด้านหลัง ก่อนจะกดลงไปทีเดียวจนมิดด้าม

   "อ๊าาาาาาาา" เลิฟครางเสียงหลงขาที่ถูกจับให้ตั้งขึ้นทรุดลงกับที่นอนเพราะหมดแรง และไม่นานทั้งตัวของเลิฟก็สั่นไหวอย่างรุนแรง จากแรงกระแทกหนักหน่วงของปอ

   ปอก้มลงกัดที่ต้นคอของเลิฟจนเลือดซิบ ก่อนจะเลียและดูดเม้มจนเป็นรอย ไล่จูบลงมาเรื่อยๆตามแผ่นหลังเนียน สะโพกก็ยังคงทำหน้าที่ไม่มีตกหล่น ซอยอัดกระแทกถี่ยิบก่อนจะเน้นหนักในสองสามทีสุดท้าย และปลด ปล่อยทุกหยาดหยดเข้าไปในตัวเลิฟ

   "อ๊ะ...อ๊าาาาา / อ่าาาาา" เสียงหวานและเสียงทุ้มดุของปอครางออกมาพร้อมกันเมื่อต่างคนต่างปลดปล่อยออกมา ปอนอนแช่ตัวเองนิ่งๆอยู่ในตัวเลิฟสักพัก ก่อนจะดึงตัวเองออกมาช้าๆพร้อมๆกับที่น้ำรักไหลย้อนออกมาตามเรียวขาเนียน

   "อาบน้ำเลยไหม" ปอถามเลิฟเสียงอ่อนโยนพร้อมกับจับคนตัวเล็กให้นอนหงาย ปัดเส้นผมที่ปิดใบหน้าเนียนชื้นเหงื่อออกให้ ก่อนจะกดจูบที่หน้า ผากเนียนแผ่วเบา

   "อาบ เหนียวตัว" เลิฟบอกปอเสียงแหบแห้ง นอนหอบหายใจเหนื่อยอ่อนไม่มีแรงจะขยับไปไหนทั้งนั้น

   ปอช้อนคนตัวเล็กขึ้นและพาเดินไปที่ห้องน้ำก่อนจะวางร่างบางลงกับพื้น แต่ขาเจ้ากรรมของเลิฟมันดันไม่มีแรงจนทรุดลงไป ดีที่ปอคว้าตัวเอาไว้ทันเลยประคองให้เลิฟไปนั่งบนชักโครกแทน

   ปอเอื้อมมือไปเปิดฝักบัวแล้วอุ้มเลิฟขึ้นนั่งลงบนตักตัวเองในลักษณะหันหน้าเข้าหา ปอฉีดฝักบัวลงไปบนตัวเลิฟเอื้อมมือลงไปที่สะโพกบาง แล้วดันนิ้วเข้าไปในช่องทางด้านหลังเพื่อทำความสะอาดให้

   "อื้อ..." เลิฟถึงกับหน้าเบ้ออกมาด้วยความเจ็บและแสบ จนต้องจิกเล็บลงบนหลังของปอเต็มแรงเพื่อระบาย ใบหน้าก็ซุกเข้ากับซอกคอปอเอาไว้ ยิ่งตอนที่ปอกวาดนิ้วเพื่อเอาน้ำรักออกให้เขายิ่งเจ็บ

   ปอพยายามทำทุกอย่างให้เบามือที่สุดก้มลงจูบข้างขมับคนตัวเล็กย้ำๆเพื่อปลอบ เห็นทำหน้าเบ้ก็นึกสงสารเพราะถึงจะมองไม่เห็น แต่เท่าที่เขาสัมผัสด้านหลังคงบวมช้ำมากแน่ๆ

   "ไม่เอาแล้วนะ" เลิฟพึมพำเสียงอู้อี้ที่ซอกคอของปอ

   "ไม่เอาอะไร" ปอก้มลงมองคนบนตักด้วยความสงสัย

   "ก็แบบนี้ไง...ทำเยอะขนาดนี้ตายแน่ๆอ่ะ" เลิฟบอกเสียงอ่อยและเบ้หน้าออก เมื่อคืนก็แทบตายแล้วยังมาโดนตอนเช้าหนักๆอีก ไม่เคยสักครั้งเลยนะที่จะขาไม่มีแรงขนาดนี้ ขืนเป็นแบบนี้บ่อยๆจองศาลาให้เขาได้เลย

   "แค่นี้ทำบ่น" ปอว่าอย่างไม่จริงจังเท่าไหร่ ก่อนจะอุ้มเลิฟขึ้นเพราะอาบน้ำเสร็จแล้ว วางร่างเล็กลงบนที่นอนแล้วใส่เสื้อผ้าให้

   "วันนี้นอนพักไม่ต้องไปไหน" ปอนั่งพิงหัวเตียงแล้วบอกคนตัวเล็กที่นอนตะแคงหันหน้ามองเขาอยู่

   "ไม่เอาอยากไปเที่ยว" เลิฟทำเสียงอ้อนแล้วมองปอตาปริบๆ จริงๆเขาก็เดินเที่ยวไปแล้วแต่อยากเที่ยวกับปออีก

   "มึงไหว" ปอถามดุๆเพราะเมื่อกี้เห็นคนตัวเล็กทำท่าเหมือนจะตาย แต่ดันมาบอกว่าอยากเที่ยว

   "ก็ไปบ่ายๆไงนอนพักแป๊บเดียวเดี๋ยวก็ดีขึ้น...น๊าาาา" เลิฟบอกปอเสียงใสและเอื้อมมือมาจับแขนปอเขย่าเบาๆ

   "งั้นไว้บ่ายค่อยว่ากันอีกที"

   "อื้อ" เลิฟยิ้มกว้างออกมาแล้วดึงมือปอมาจับไว้ เอาหน้าถูไปมาอ้อนๆก่อนจะจับมาไว้ที่ข้างแก้มแล้วซบหน้าลงนิ่งๆ

   "มึงจะไม่ได้นอนดีๆก็เพราะทำตัวแบบนี้นี่แหละ" ปอว่าเสียงเรียบและมองการกระทำของเลิฟนิ่งๆ แต่เลิฟหน้าแดงเพราะรู้ว่าปอหมายถึงอะไร

   "โอ๊ย!!! พอเหอะ" เลิฟรีบปล่อยมือปอทันทีแล้วพลิกตัวนอนหันหลังให้ คนอะไรจะหื่นขนาดนั้น

   ปอหัวเราะออกมาเสียงเบาแล้วล้มตัวลงนอนข้างๆ มือก็คว้าเอาอีกคนมากอดไว้แน่น เลิฟเลยพลิกตัวหันมากอดตอบและซุกหน้าลงที่อกของปอ

   "ดูดิตัวมีแต่รอยแดงเต็มไปหมดทำอะไรเยอะแยะก็ไม่รู้ ถามจริงตอนนอนกับคนอื่นทำขนาดนี้ป่ะ" เลิฟเงยหน้าถามด้วยความสงสัย

   "นี่ถามหาเรื่องรึเปล่า" ปอก้มลงมองเลิฟแล้วถามกลับเสียงเรียบ ซึ่งเลิฟเองก็ส่ายหน้าให้ที่เขาถามเพราะสงสัยจริงๆ และอยากรู้ว่ารอยดูดเต็มตัวขนาดนี้ อดีตคู่นอนของปอพากันกล้าเดินออกจากบ้านได้ยังไง หรืออาศัยหน้าด้านเอาแบบเขา

   "กูไม่เคยทำกับใครส่วนมากน้ำแตกก็จบ ถูกใจก็พาไปกินข้าวต่อแค่นั้น" ปอเองก็ตอบตรงๆ เลิฟก็พยักหน้างึกงักเข้าใจ

   "งั้นพี่ปอคงถูกใจน้องเลิฟน่าดูเลยเนาะคิกๆ" เลิฟพูดออกมาอย่างมีความสุขพอรู้ว่าใจตรงกัน อะไรที่ไม่กล้าทำไม่กล้าแสดงออกตอนนี้เลิฟกล้าที่จะทำหมด

   "นอนได้แล้ว...มึงจะไปเที่ยวไหมตอนบ่ายน่ะ" ปอดุเลิฟเบาๆจนเจ้าตัวทำปากยื่นใส่ เขารับรู้เหมือนกันว่าสองวันนี้เลิฟเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น กล้าร้องขอ กล้าโวยวาย ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้รังเกียจหรือรำคาญอะไร ก็แค่แปลกใจนิดๆ

   "ฝันดีนะ" เลิฟหอมแก้มปอเบาๆแล้วหลับตาลงอย่างว่าง่าย ไม่นานนักลมหายใจสม่ำเสมอก็ถูกปล่อยออกมาจากร่างเล็ก พร้อมๆกับที่ปอหลับตาลงและนอนหลับสนิทตามไปในเวลาไม่นาน

...
...

   "เลิฟ...เลิฟ ตื่นได้แล้ว" ปอตบแก้มเลิฟเบาๆเพื่อปลุกให้ตื่น เขาตื่นมาได้สักพักลุกขึ้นมาจับตามตัวเลิฟเพื่อวัดไข้ เพราะกลัวเหมือนกันว่าอีกคนจะป่วย แต่ดูท่าจะไม่เป็นอะไรเขาเลยตัดสินใจปลุก

   "อื้อ...บ่ายแล้วเหรอ" เลิฟงัวเงียถามปอมือก็ขยี้ตาตัวเองไปมา

   "อืม...ลุกไหวรึเปล่า...ไหวก็ไปล้างหน้าล้างตาถ้าจะไป"

   "ไหว" เลิฟลุกขึ้นเดินเซๆไปเข้าห้องน้ำจัดการล้างหน้าและทำตัวเองให้สดชื่น พอเดินออกมาก็เจอปอแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว เขาเลยเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าบ้าง

   เมื่อวานหลังจากปรับความเข้าใจกันเสร็จ ปอก็ไปขนของและเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมมานอนกับเขาที่บ้านพี่พาย (ได้รับการต้อนรับจากพี่พายเป็นอย่างดี) ลองถามถึงโมกปอบอกว่าปรางช่วยเลี้ยงให้ อดรู้สึกผิดไม่ได้ที่ทิ้งมันมา

   "เสร็จรึยัง" ปอถามขึ้นมาเพราะเห็นอีกคนยืนเหม่อ เลิฟเลยพยักหน้าแล้วเดินมาหาปอช้าๆ

   "บอกให้นอนพักทำไมไม่ฟังวะ" ปออดที่จะดุออกมาไม่ได้จนเลิฟทำหน้ามุ่ยออกมา ปอเลยส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจหันหลังเดินนำลงไปข้างล่าง

   "คิดว่าเพราะใครล่ะ" เลิฟบ่นงึมงำตามหลังปอแล้วค่อยๆพาตัวเองเดินตามไป เพราะไม่ถึงกับเดินเองไม่ได้แค่รู้สึกขัดๆเสียดๆนิดหน่อย

   ลงมาถึงข้างล่างก็เห็นว่าปอยืนรออยู่ มองรอบๆก็เห็นว่าพายยืนหน้าแดงมองมาที่ตัวเองกับปอ ธันย์เองก็มองแล้วอมยิ้มนิดๆแต่ไม่มีใครพูดอะไร

   "ไปนั่งรอที่โต๊ะไปเดี๋ยวพี่หาอะไรให้กิน" พายเอ่ยปากไล่ให้ทั้งคู่ให้ไปนั่งรอ

   "เดี๋ยวผมช่วยพี่" เลิฟเอ่ยปากเพราะรู้สึกเกรงใจพาย

   "ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวพี่กับธันย์ทำเองไปนั่งรอเหอะ" พายว่าแค่นั้นแล้วเดินเลี่ยงไปเข้าครัว ทิ้งให้ปอกับเลิฟเดินไปนั่งรอที่โต๊ะแบบงงๆ

   ผ่านไปสักพักพายกับธันย์ก็เดินมาที่โต๊ะ พร้อมกับถาดใส่จานกับข้าวในมือ ซึ่งแต่ละอย่างเป็นอาหารรสอ่อนๆทั้งนั้น

   "อ่ะ" พายวางแก้วไข่ลวกที่หน้าปอกับเลิฟคนละใบ พร้อมกับวางยา 2 เม็ดใส่มือเลิฟ

   "อะไรอ่ะพี่พาย" เลิฟทำหน้างงใส่และมองของตรงหน้าสลับกับมองหน้าพาย

   "นั่นอ่ะยาแก้ปวดกับแก้อักเสบอย่างละเม็ดกินเข้าไปซะจะได้สบายตัว ถึงบ้านพี่จะทำด้วยไม้สักแต่ถ้าขนาดนั้นพี่ก็ได้ยินนะ" จบประโยคทั้งพายทั้งเลิฟก็หน้าแดงแข่งกันก่อนจะตั้งหน้าตั้งตากินข้าวไปเงียบๆ

   หลังจากกินข้าวเสร็จเลิฟกับปอก็ขอตัวออกไปเดินเที่ยว และชวนกันทำสังฆทานในทุกวัดที่มีพระจำวัด โดยซื้อของมาให้แม่ค้าจัดชุดให้และเลิฟก็คอยถ่ายรูปลงไอจีเป็นระยะ จากนั้นทั้งคู่ก็แวะซื้อของฝากไปให้เพื่อนๆที่กรุงเทพฯ เพราะตกลงกันแล้วว่าจะเดินทางกลับกันพรุ่งนี้ เนื่องจากวันจันทร์เป็นวันเปิดเทอมและนี่ก็เป็นวันศุกร์แล้ว เลยต้องกลับไปเตรียมตัวไปเรียนกัน

   และเลิฟก็ไม่ได้รู้ตัวเลยว่ารูปที่ตัวเองถ่ายคู่กับปอแล้วอัพลงไอจีนั้น กลายไปเป็นประเด็นให้ขาเมาท์คุยกันสนุกปาก ว่าเลิฟสลัดรักมหาปอไปควงหนุ่มหล่อทำบุญไกลถึงเมืองเหนือ แต่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เพราะตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา เลิฟเองก็ไม่เคยถ่ายรูปคู่กับปอนอกจากรูปตอนที่ได้โมกมาเลี้ยงครั้งแรก



2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 41 (15/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 15-02-2016 09:03:01
กับดักที่
- 41 -



   เลิฟกับปอมาถึงกรุงเทพฯในช่วงสายๆของวันเสาร์ กว่าปอจะงัดเอาตัวเลิฟออกจากพายแล้วลากขึ้นเครื่องได้เล่นเอาเหนื่อยกันไปพอควร แถมทั้งเลิฟทั้งพายดันงี่เง่างอแงไม่อยากแยกจากกัน จนปอกับธันย์ต้องยกมือกุมขมับ สุดท้ายปอต้องสัญญากับเลิฟว่าจะพามาหาพายอีก และธันย์ต้องสัญญากับพายว่าจะพาไปหาเลิฟที่กรุงเทพฯ เรื่องถึงได้จบปอกับเลิฟเลยได้กลับบ้าน

   ออกจากสนามบินได้ไม่นานรถแท็กซี่ก็มาส่งถึงที่หมาย เลิฟเดินก้มหน้าลงจากรถด้วยท่าทางหงอยๆ พอเงยมองรอบข้างก็ต้องตาโตด้วยความแปลกใจ เพราะว่าตัวเองไม่ได้อยู่หน้าคอนโดอย่างที่คิด แต่กลายเป็นว่ายืนอยู่หน้าบ้านหลังขนาดกลางแทน

   "บ้านใครอ่ะ" เลิฟหันมาถามปอด้วยความสงสัย แล้วหันกลับไปมองตัวบ้านไม่วางตา

   "บ้านกู" ปอบอกสั้นๆและเปิดประตูรั้วเดินนำเข้าบ้าน เลิฟเองก็เดินตามเข้าไปแบบงงๆ

   "ไม่เห็นรู้เลยว่าปอมีบ้านส่วนตัวด้วย" เลิฟพูดขึ้นเบาๆและหันมองรอบๆ

   "ก็กูไม่เคยบอก" ปอว่าแล้วมองเลิฟที่ยืนหันรีหันขวางนิ่งๆ

   "แล้วคอนโดอ่ะ"

   "ต่อไปนี้นอนนี่"

   "อ้าว...ทำไมไม่บอกกันก่อนอ่ะ" เลิฟทำหน้างอใส่ปอไม่พอใจที่ปอไม่บอกตัวเองก่อน

   "อย่ามาทำหน้างอใส่กูนะ กูเคยบอกบอกมึงไปแล้วว่าจะไม่ได้อยู่" ปอว่าดุๆ เลิฟเองก็นิ่งคิดตาม

   "ก็จะรู้ไหมล่ะว่าหมายถึงแบบนี้" เลิฟงึมงำเถียงกลับเมื่อนึกขึ้นได้ว่าปอบอกตอนไหน แล้วก็อดอายไม่ได้ที่รู้ว่าตัวเองเข้าใจผิดและคิดน้อยใจไปเอง วันนั้นวันที่เขาได้ยินเรื่องพนันปอบอกเขาว่าเดี๋ยวก็ไม่ได้อยู่ ปอไม่ได้จะทิ้งเขาแต่จะพาย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้ต่างหาก

   "หัดคิดให้มันน้อยๆลงหน่อย" ปอบอกเสียงเรียบเริ่มจะเข้าใจอีกสาเหตุที่คนตัวเล็กหนีเขาไปไกลถึงน่านแล้ว คงเพราะคำพูดของเขาประกอบกับไปได้ยินแบบนั้นอีก ทีนี้เลยไปกันใหญ่
 
   เขาเองไม่เคยรู้เลยนะว่ามันจะเป็นคนคิดมาก ขี้น้อยใจ และขี้งอนขนาดนี้ ก็เคยเห็นแต่มันในโหมดกวนประสาทเกรียนๆไม่มีปากไม่มีเสียง ทำหน้ายิ้มๆท่าทางเฉยๆ พึ่งจะมารู้ตอนเกิดเรื่องเนี่ยแหละ ส่วนนึงก็เป็นความผิดของเขาด้วย ดันเสือกเป็นคนพูดน้อยพูดสั้นๆ แต่สาบานได้เลยว่ากับมันเขานี่พูดโคตรยาวแล้วนะ

   จะว่าไปแล้วเมียเขามันก็ช่างคิด แม่งคิดไปได้ยังไงว่าเขาจะทิ้ง คือกูแสดงออกขนาดนี้คงจะทิ้งหรอกนะ ถ้าจะบอกว่าเพราะเรื่องพนันเลยทำแบบนี้ เงินไม่กี่แสนไม่ได้ทำให้เขาลงทุนทำอะไรขนาดนั้น

   ยอมรับว่าคิดเหี้ยๆกับมันจริง ตั้งใจจะฟันแล้วทิ้งเหมือนที่เคยๆทำ เพราะว่านึกสนุกอยากลองและดูออกว่ามันคิดอะไรกับเขา ถึงมันจะแสดงออกโดยการตามแกล้งเขาแต่แววตาท่าทางมันฟ้องมาตลอด มันไม่พอใจเวลาเขาคั่วผู้หญิงงอนเวลาเขาไม่สนใจ พอไอ้ต้าท้าพนันกับไอ้กิงขำๆเขาเลยกระโจนลงไปเล่นเพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการเข้าไปยุ่งกับมัน เขาถึงได้บอกไงว่ามันบ้าที่มารักคนเหี้ยๆแบบเขา แต่สุดท้ายเขาก็แพ้พนัน...แพ้มัน

   เรื่องผู้หญิงเขาเลิกไปมั่วตั้งแต่เดือนแรกๆที่อยู่กับมันแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าเลิกทันทีเพราะซาบซึ้งที่ได้เปิดซิง ได้เป็นคนแรกของมันอะไรอย่างนั้นหรอกนะ บอกเลยว่าตลก...แค่เปิดซิงมันไม่ได้มีค่าอะไรเลยสักนิด เขาเปิดมาเป็นสิบแล้วสุดท้ายก็ทิ้งหมด
 
   ถ้าจะมีอะไรที่ทำให้คนอย่างเขาหยุด ก็คงเป็นที่ตัวมันทั้งนั้นไม่ใช่เพราะอย่างอื่น ไม่รู้เหมือนกันว่ารักไปตอนไหนพอรู้ตัวอีกทีข้างๆก็มีมัน ทั้งหวง ทั้งห่วงความรู้สึกมันรุนแรงขึ้นทุกวัน ภูมิใจและดีใจที่ได้เป็นคนแรกของมัน (ถึงจะไม่ใช่คนแรกของมันยังไงก็รักว่ะ)

   พอมันหายไปเหมือนตัวเองจะตายความรู้สึกแม่งโคตรเหี้ย เหมือนทำอะไรส่วนนึงในชีวิตหายไป ตอนที่น้องนาวมาบอกว่ามันอยู่ไหน แม่ง!! เหมือนนางฟ้ามาโปรดสัสๆ

   ส่วนที่ว่าเขาหายหัวไปไหนกลางคืนบ่อยๆ ก็ไม่มีอะไรมากเขาต้องไปทำงานให้ปู่กับไอ้ต้า เมื่อก่อนเป็นหน้าที่ไอ้ป้องพอมันไม่อยู่เขาเลยต้องทำแทน จะให้ไอ้ปิงทำก็ได้แต่มันนิสัยดีเกินที่จะทำ

   "เข้าบ้านได้แล้วแดดร้อน" ปอบอกเลิฟที่ยืนทำหน้าเอ๋ออยู่ เจ้าตัวเลยเดินตามเข้าไปอย่างว่าง่าย พอเห็นเตียงก็รีบล้มตัวลงนอนแผ่หลาจนปอได้แต่ส่ายหัวนิดๆ

   "เดี๋ยวกูพาไปขนของจากคอนโดทีหลังไปขนออกจากหอมึงด้วย เช่าไว้ก็ไม่ได้อยู่" ปอถอดเสื้อออกจนเหลือแต่กางเกงแล้วเดินไปเปิดแอร์ในห้อง

   "ถ้าพ่อถามล่ะว่าย้ายออกทำไมจะให้ตอบไปว่ายังไง" เลิฟพูดเสียงอ่อยๆลุกขึ้นมานั่งที่ปลายเตียงพร้อมกับทำหน้าหนักใจ
   "ก็บอกไปว่าย้ายมาอยู่กับผัว" ปอบอกเลิฟอย่างที่ตัวเองคิด

   "จะบ้าเหรอถึงพ่อจะไม่ค่อยสนใจเลิฟ แต่ถ้าพูดไปแบบนั้นเกิดช็อคจนเป็นลมขึ้นมาจะว่ายังไง อีกอย่างเลิฟกลัวพี่รุตจะอาละวาด" เลิฟทำท่าทางเครียดๆแววตาเต็มไปด้วยความกังวล เพราะถ้าพี่รุตมาหาเขาที่หอแล้วรู้ว่าย้ายออกมันต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่ๆ

   "ช่างหัวมันกูจะให้มึงย้าย" ปอบอกเสียงห้วน ยิ่งไอ้เหี้ยนั่นจะไปหาเมียเขาถึงหอยิ่งต้องรีบย้าย ถึงเลิฟมันจะไม่ค่อยกลับหอก็เถอะ ไว้ถ้าแม่งมีอะไรให้มันมาหาที่บ้านนี่ จะเปิดบ้านต้อนรับมันอย่างอบอุ่นเลยว่ะ

   "แต่...." เลิฟพยายามจะค้าน

   "กูสั่ง...มานี่มา" ปอบอกเสียงเข้มและกวักมือเรียกเลิฟที่นั่งอยู่ปลายเตียงให้เข้ามาหา

   เลิฟคลานขึ้นเตียงแล้วล้มตัวลงนอนข้างๆปอ แขนก็ยกขึ้นโอบเอวปอแน่น เงยหน้าขึ้นมองปอที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่

   "ทำไมพามาอยู่นี่อ่ะ" เลิฟถามด้วยความอยากรู้

   "ทำไม? มึงไม่ชอบ"

   "ชอบ...บ้านสวยดีแต่อยากรู้ไง" เลิฟบอกตรงๆเขารู้สึกชอบบ้านหลังนี้จริงๆไม่ได้ตอบเพราะจะเอาใจปอ

   บ้านหลังนี้เป็นบ้านขนาดกลางสไตล์โมเดิร์นแบบชั้นเดียว รูปทรงเป็นตัวแอลมีดาดฟ้าด้านบนมีสระว่ายน้ำข้างหน้า ตัวบ้านสร้างให้อยู่สูงกว่าพื้นที่หน้าบ้านเล็กน้อย ส่วนด้านหน้าก็เป็นที่จอดรถได้ประมาณ 3 คัน และมีสนามหญ้าข้างหน้าด้วย

   "สิ้นสุดข้อตกลงของกูกับพ่อ ได้ของคืนเลยย้ายกลับมานอนนี่แทน" ปอบอกเสียงเรียบ เลิฟเองก็พยักหน้ารับรู้และไม่ได้ถามอะไรออกมาอีก

   "เดี๋ยวเพื่อนมึงจะมานะพวกไอ้ต้าด้วยเห็นบอกมีเรื่องจะคุยกับมึง" ปอบอกเลิฟเพราะนึกขึ้นมาได้พอดี ซึ่งเลิฟเองได้แต่ทำหน้าซีเรียสเพราะไม่รู้ว่าทุกคนมาหาเขาทำไม

...
...

   เลิฟเดินออกจากห้องนอนมาที่ห้องนั่งเล่นตามแรงดึงของปอ พอเห็นหน้าทุกคนที่รออยู่เลิฟก็ได้แต่ส่งยิ้มแหยๆให้ และทำหน้าเจื่อนๆเพราะวางตัวไม่ถูก

   "นะ...นาว" เลิฟส่งเสียงเรียกนาวอึกอักเพราะว่านาวเอาแต่มองเขาแล้วไม่พูดอะไร

   เพี๊ยะ!!

   นาวตบหน้าเลิฟเบาๆไม่ได้แรงมากนัก ทำเอาเลิฟมองหน้าเพื่อนด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นตกใจเพราะอยู่ดีๆนาวก็ร้องไห้ออกมา

   "มึงรู้ไหมว่ากูเป็นห่วงมึงแค่ไหนที่อยู่ดีๆมึงหายไปติดต่อก็ไม่ได้ เป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้ มึงคิดถึงความรู้สึกของคนที่เป็นเพื่อนมึงอย่างพวกกูบ้างไหมวะ หรือมึงไม่ได้คิดเหี้ยอะไรเลยมึงถึงได้นึกจะไปก็ไป เหมือนไม่มีใครเลยแบบนี้" นาวร้องไห้แล้วมองเลิฟด้วยสายตาตัดพ้อ ส่วนเลิฟก็ยืนเงียบไม่พูดอะไร

   "กูรู้ว่ามึงเสียใจรู้ว่าอยากไปไหนไกลๆเพื่อทำใจ แต่แค่บอกพวกกูบ้างว่าจะไปไหนมันยากนักเหรอวะหรือพวกกูมันไว้ใจไม่ได้ แล้วมึงจะมีพวกกูไว้ทำไมถ้าตอนมึงเจ็บมึงเสียใจแต่มึงไม่คิดจะนึกถึง พวกกูยังเป็นเพื่อนมึงอยู่ป่ะวะ" นาวพูดต่อด้วยเสียงเจือสะอื้น

   "ขอโทษ" เลิฟบอกนาวเสียงแผ่วอย่างรู้สึกผิด ตอนนั้นเขามัวแต่เสียใจจนลืมนึกไปจริงๆว่ากำลังทำให้ใครเป็นห่วงบ้าง ลืมสนใจความรู้สึกของเพื่อนที่อยู่ข้างเขามาตลอด

   "กูไม่ได้โกรธแต่กูเป็นห่วง เลิกทำตัวเหมือนมึงอยู่ตัวคนเดียวบนโลกสักทีไม่ใช่แค่พี่ปอที่รักมึง...พวกกูก็รัก ถึงจะไม่มีปัญญาทำอะไรๆให้มึงได้แบบพี่ปอ ไม่ได้อยู่ข้างๆมึงได้ตลอดแบบพี่เขา แต่พวกกูไม่มีทางทิ้งมึงเวลามึงเจอปัญหา คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะเว้ย หันมองรอบข้างบ้างมึงไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว" นาวเช็ดน้ำตาออกจากหน้าแล้วหันไปหาปอที่ยืนมองใกล้ๆ

   "ขอบคุณที่พี่เป็นคนพาเพื่อนนาวกลับมานะคะ" นาวส่งยิ้มบางๆให้ปออย่างขอบคุณ เพราะเธอเองก็แอบเครียดเหมือนกันกลัวว่าเลิฟจะกลับมาเองคนเดียว กลัวว่าตัวเองจะคิดผิดที่คิดว่าปอจะไปง้อเลิฟ แล้วกลายเป็นว่าไปบอกเลิกแทน แต่พอเห็นทั้งคู่กลับมาด้วยกันเธอก็โล่งอก

   "กูขอโทษนะที่ตบหน้ามึงเจ็บป่ะวะ" นาวถามยิ้มๆหลังจากปรับความเข้าใจกันแล้วแต่เลิฟส่ายหัวเป็นคำตอบ

   "รักมึงนะ / พวกกูก็รัก" นาวบอกเลิฟ พีท กั้ม และเอยก็พูดออกมาพร้อมกันจากนั้นก็ลุกขึ้นกอดกันกลมดิกทั้ง 5 คน

   เลิฟยิ้มกว้างออกมาเขาลืมเพื่อนตัวเองไปได้ยังไงนะ ลืมไปได้ยังไงว่ายังมีคนที่รักเขาอยู่

   ปอมองภาพที่กลุ่มเพื่อนกอดกันแล้วยิ้มนิดๆ หันมามองหน้ากับพวกต้าที่ทำหน้างง อย่างว่าแหละพวกเขาเองก็สนิทกันแต่จะให้มาทำซึ้งพูดอะไรน้ำเน่าแบบนี้คงไม่มีทาง ปอส่ายหัวนิดๆก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปที่อื่น เพราะคิดว่าเลิฟกับเพื่อนคงคุยกันอีกนาน

   "เอ่อ...น้องเลิฟพวกพี่ขอคุยด้วยแป๊บนึงนะ" กิงตัดสินใจขัดจังหวะ ยอมเสียมารยาท เพราะว่าเขาสามคนมีเรื่องจะคุยเหมือนกัน

   "ครับ" เลิฟขานรับกิงแบบงงๆก่อนจะเดินไปนั่งโซฟาฝั่งตรงข้าม พวกเพื่อนๆเลิฟเลยพากันเดินออกไปเล่นหน้าบ้านแทน เพราะดูแล้วพวกกิงคงมีเรื่องสำคัญจะคุย

   "พวกพี่ขอโทษนะเว้ย" ทันทีที่นั่งลง ทั้งสามคนก็ยกมือไหว้เลิฟและพูดขอโทษพร้อมกัน เล่นเอาเลิฟถึงกับผงะด้วยความตกใจ

   "ขะ...ขอโทษเรื่องอะไรครับ" เลิฟถามเสียงตะกุกตะกักมองหน้าพวกเพื่อนปอเหลอหลา

   "ก็เรื่องที่ทำให้เราเข้าใจไอ้ปอผิดอ่ะดิ ไอ้ปอมันบอกว่าไม่ให้พูดถึง แต่พวกพี่ไม่สบายใจว่ะ" กิงทำหน้าลำบากใจส่งให้เลิฟ

   "คืองี้...ที่เราได้ยินวันนั้นมันไม่ใช่แบบนั้นเลยนะจริงๆเรื่องมัน..." ฝุ่นหันมาพูดกับเลิฟบ้าง แล้วเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมด

...
...

   "กูไม่ได้ลืมกูเองก็อยากจบเกมแล้วเหมือนกันเพราะแม่งเริ่มน่าเบื่อ" ปอพูดเสียงเรียบใบหน้านิ่งสนิท

   "ตกลงยังไงวะมึงจะทิ้งน้องมัน" ต้าถามด้วยความสงสัยเริ่มจะเดาทางปอไม่ออก

   "ทำไมมึงคิดงั้น" ปอถามกลับด้วยท่าทางปกติ

   "ก็เมื่อกี้มึงพูด...กูว่าแล้วไอ้เหี้ยกวนส้นตีนนะมึง" ต้าหันมาตอบปอก่อนจะชะงักไปเล็กน้อย แล้วครางออกมาเบาๆเพราะเริ่มเข้าใจ

   "สัส!! สรุปกูต้องเสียตังจริงๆ ดีนะกูเตรียมใจไว้ตั้งแต่เดือนแรกๆละ"  กิงพูดออกมาบ้างแล้วส่ายหัวไปมาอย่างหน่ายๆ

   "ก็กูบอกพวกมึงแล้วว่าอาการแม่งออกชัดเจนฉิบหาย พวกมึงก็ไม่เชื่อ เสือกอยากจะถามเป็นไงล่ะ" ฝุ่นพูดเสียงกลั้วหัวเราะแล้วยักคิ้วส่งให้เพื่อนกวนๆ

   "ทำรู้ดีไอ้สัส!! กูรู้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มพนันแล้วไอ้เหี้ย แม่งมองอย่างกับจะแดก" ต้าพูดเกทับฝุ่นเพราะหมั่นไส้ ซึ่งฝุ่นกับกิงก็ได้แต่หัวเราะ

   "กูยังไม่ได้พูดเหี้ยอะไรเลยนะ" ปอท้วงขึ้นมาเบาๆเมื่อเห็นเพื่อนคุยกันสนุกปาก

   "ไอ้สัส!! มึงไม่ต้องพูดละเอาเป็นว่าพวกกูรู้เรื่อง จ่ายกูมาล้านนึงมึงด้วยไอ้กิงแสนนึง" ฝุ่นทวงเงินทันทีอย่างผู้ชนะ

   "เออไอ้เหี้ยทวงจังแค่แสนเดียวแลกกับการที่เพื่อนกูเหมือนคนขึ้นจิ๊บๆวะ นี่กูกะจะไปแถมให้เพื่อนสะใภ้เป็นการรับขวัญอีกสักแสน เพราะน้องแม่งทำดีฮ่าๆ" กิงโม้ออกมาแล้วหัวเราะชอบใจ

   "ทุกวันนี้กูก็คน" ปอบอกกิงเสียงเนือยๆ

   "เออคน!! แต่มึงเป็นคนไม่มีหัวใจเหมือนชาวบ้านเขา" กิงกระแทก เสียงใส่ปอ

   "จริงอย่างไอ้กิงว่ากูนี่โคตรอยากขอบคุณน้องมัน มึงแม่งไม่เคยรู้ตัวว่ามึงไม่เอาใครเลย ไม่กลัวเหี้ยอะไรทั้งนั้นใช้ชีวิตโคตรเสี่ยงตายวันๆมีแต่เรื่อง พ่อมึงนี่บ่นกับกูประจำเพราะห่วงมึงแต่พอมึงมีน้องมันมึงใจเย็นขึ้นเยอะ ถึงจะยังไม่สนใจชาวบ้านเหมือนเดิมแต่อย่างน้อยมึงก็รู้จักสนใจใครสักคน" ต้าบอกในสิ่งที่ตัวเองคิดให้ปอฟัง ซึ่งปอเองก็เงียบฟังเพราะเขาไม่เคยรู้ตัวจริงๆว่าตัวเองเป็นคนแบบนั้น

   "แล้วนี่มึงจะเอาไงต่อ" ฝุ่นหันมาถามปอต่อ

   "ก็ไม่ไงแต่กูมีเรื่องจะขอพวกมึง" ปอเงยหน้าสบตาเพื่อนทุกคนตรงๆ

   "ขอ?"

   "หลังจากนี้กูขอให้พวกมึงอย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก อย่าให้รู้ถึงหูมันแค่นั้นก็พอ" ปอขอร้องเพื่อนด้วยน้ำเสียงจริงจัง

   "กลัวนัองมันเสียใจว่างั้น? ก็ได้แต่กูมีข้อแลกเปลี่ยน..." กิงส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ปอ

...
...
   
   "แล้วด้วยความที่นานๆพี่จะได้เป็นคนแกล้งมันบ้าง พี่เลยบังคับให้มันบอกรักเราต่อหน้าทุกคนเป็นข้อแลกเปลี่ยน วันนั้นมันนัดให้ไปเอาเงินที่ห้องคงกลัวเราจะรู้มันเลยไม่ให้เราอยู่ ที่เราได้ยินคือพวกพี่จงใจพูดกวนส้นตีนมันแค่นั้นเอง ถึงเจตนาพวกพี่จะคิดเหี้ยๆกับเราไปนิดแต่ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดเรื่องขนาดนี้เลยนะเว้ย พี่ขอโทษว่ะ...ถึงเพื่อนพี่มันจะเหี้ยแต่มันเลือกเรานะ... เลือกตั้งแต่แรก" กิงเล่าเสริมต่อจากที่ฝุ่นเล่าพร้อมส่งสายตาสำนึกผิดให้

   เลิฟที่ได้ยินเรื่องทั้งหมดก็อึ้งไปพอควรหัวใจมันอุ่นวาบขึ้นมา อยาก จะเดินไปหอมแก้มไปกอดไอ้ยักษ์ของเขาแน่นๆตอนนี้เลย แต่ไม่รู้ว่าเจ้าตัวหายไปไหน

   "งั้นผมขอถามได้ไหมแผลที่หัวปอไปโดนอะไรมา" เลิฟถามในสิ่งที่อยากรู้ทันทีเมื่อได้โอกาส

   "คือ...พี่ว่าอย่ารู้ดีกว่านะ" ต้าบอกเลิฟท่าทีอึกอักไม่อยากเล่า

   "มันมีอะไรที่ผมรู้ไม่ได้เหรอครับ หรือที่พวกพี่เล่ามาทั้งหมดคือเรื่องโกหก" เลิฟแกล้งพูดแหย่พร้อมทำสีหน้าสลด

   "เฮ้ย!! ไม่ใช่นะเว้ยแต่แบบไอ้ปอมันไม่ให้พูด" กิงโบกไม้โบกมือเป็นพัลวัน

   "แต่เลิฟอยากรู้นี่ครับไม่ได้เหรอ" เลิฟทำเสียงเศร้าช้อนตามองพวกกิงอ้อนๆขนาดปอที่ว่าใจแข็งยังแพ้ทางเขาเลย พวกเพื่อนปอก็ไม่น่ารอดเหมือนกัน

   "งั้นรู้แล้วเหยียบนะ" กิงที่แพ้ลูกอ้อนไปเต็มๆยอมเปิดปากพูด เลิฟเลยรีบพยักหน้างึกงักรับคำ กิงเลยตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดให้เลิฟฟังแบบละเอียดยิบ พอเล่าจบก็มองไปที่เลิฟแต่เห็นว่าเจ้าตัวเอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จาก้มหน้าก้มตาอยู่แบบนั้น

   "ไอ้น้องเลิฟเป็นไรป่ะวะ" กิงลองส่งเสียงเรียกแต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นน้ำใสๆหยดแหมะลงบนตักของเจ้าตัว

   "ฉิบหาย!! ร้องไห้ทำไมวะ...กูตาย" กิงโวยวายดังลั่นพร้อมกับหน้าที่เริ่มเสีย ต้ากับฝุ่นก็ตกใจไม่ต่างกันเพราะไม่รู้ปอจะว่ายังไงที่ทำเลิฟร้องไห้

   "เสียงดังอะไรวะ" ปอถามดุๆเพราะได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังออกไปข้างนอก พอเดินเข้ามาก็เห็นแต่กิงยืนโวยวาย ไอ้ต้ากับไอ้ฝุ่นนั่งทำหน้าแหยๆและเมียเขาที่นั่งก้มหน้าไม่พูดไม่จา

   "ปอ..." เลิฟเงยหน้าเรียกปอเสียงสั่นน้ำตาไหลอาบแก้มไปหมด ทำเอาปอตกใจจนต้องรีบถลาเข้าไปหา

   "มึงเป็นอะไรร้องไห้ทำไมวะ" ปอนั่งลงแล้วอุ้มคนตัวเล็กนั่งตักมือก็เช็ดน้ำตาให้จูบขมับเบาๆเพื่อปลอบ สายตาก็มองเพื่อนตัวเองเพื่อขอคำตอบ แต่ไม่มีใครตอบอะไรสักคน

   "พวกกูออกไปรอข้างนอกก่อนนะ" กิงบอกปอแล้วรีบเดินออกจากห้องนั่งเล่น ส่วนที่เหลือก็เดินตามออกไปทิ้งให้ปอนั่งปลอบเลิฟคนเดียว

   "ปอ...เลิฟขอโทษนะ...ฮึก...ขอโทษที่คิดไปเอง...ฮึก...ขอโทษที่ทำให้ปอเจ็บตัว" เลิฟร้องไห้งอแงเอาหน้าซุกกับไหล่กว้างแล้วกอดปอแน่น

   เขารู้สึกแย่ที่เป็นสาเหตุทำให้ปอเจ็บตัว ถ้าเขาไม่เอาแต่น้อยใจแล้วถามปอตรงๆ เรื่องก็คงไม่เกิดปอก็คงไม่ขับรถชน นี่ดีแค่ไหนแล้วที่ปอไม่เป็นอะไรมันเพราะเขาคนเดียวเลย

   "ขอโทษทำไมมึงไม่ผิด...ไม่ผิดอะไรเลยรู้ไหม" ปอถอนหายเบาๆแล้วพยายามพูดปลอบ แต่คนตัวเล็กในอ้อมกอดเอาแต่ส่ายหัวไปมาไม่ยอมรับฟัง

   "มึงฟังกูนะเลิฟ...เรื่องนี้กูทำตัวกูเองมันไม่เกี่ยวกับมึง กูไปขับรถทั้งๆที่รู้ว่ามันเสี่ยง ถ้าจะมีใครต้องขอโทษก็คือกูที่ทำให้มึงต้องร้องไห้แบบนี้" ปอจับใบหน้าของเลิฟให้สบตากับตัวเองนิ่งๆ

   "มันจบแล้วไม่มีอะไรแล้ว กูยังอยู่ตรงนี้อยู่กับมึงไม่ได้ทิ้งมึงไป" ปอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังเพื่อดึงสติเลิฟ เขารู้ว่าที่เลิฟออกอาการขนาดนี้เพราะคนตัวเล็กกำลังเปรียบเทียบเรื่องของเขากับแม่ กำลังโทษตัวเองว่าเป็นสาเหตุของเรื่องทั้งหมด

   "ปอ..." เลิฟเรียกปอเสียงเจือสะอื้นแล้วร้องไห้ออกมาอีก ปอเลยต้องกอดปลอบและบอกคนตัวเล็กว่าเขาไม่เป็นไร จนในที่สุดเลิฟก็หลับไปทั้งอย่างนั้น

   ปอก้มลงมองเลิฟนิดๆแล้วจัดการอุ้มไปที่ห้องนอน วางร่างเล็กลงบนเตียงอย่างเบามือก่อนจะเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าเนียนให้

   ปอถอนหายใจออกมาเบาๆยอมรับว่าการดูแลเลิฟเป็นเรื่องเหนื่ิอย เพราะเมียเขามันเด็กมีปัญหาแถมปัญหาแต่ละอย่างนี่โคตรใหญ่ จะทำอะไรต้องระวังอย่าให้กระทบเรื่องในอดีต ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นความเหนื่อยที่เขาเต็มใจรับ

   ปอแกะฝ่ามือที่กำกันแน่นของเลิฟออก ก่อนจะโล่งอกที่เจ้าตัวไม่ได้จิกจนเกิดแผล เขาก้มลงจูบหน้าผากคนตัวเล็กแผ่วเบา จัดการห่มผ้าให้แล้วเดินออกมาหาคนอื่นๆข้างนอก

   "เป็นไงบ้างพี่" พีทถามปอทันทีที่เห็นเดินออกมา

   "หลับไปแล้ว" ปอบอกแล้วเดินไปนั่งที่โซฟาอีกตัว

   "เหนื่อยหน่อยนะคะ" นาวบอกปอเพราะไอ้อาการแบบนี้ของเลิฟเธอเจอมาจนชิน แต่คนที่จะต้องชินต่อจากเธอคงต้องเป็นพี่ปอนั่นแหละ

   "เมียมึงไม่ได้เป็นอะไรมากใช่ป่ะวะ" กิงถามบ้างด้วยความเป็นห่วง

   "สักวันกูจะเลาะฟันมึงออกจากปาก" ปอว่าเสียงเข้มทำหน้าดุใส่กิง จนกิงโวยวายออกมา

   "เอ้า...ทำไมมึงด่าแต่กูวะพวกไอ้ต้าแม่งบอกให้กูพูดเหอะ พยักหน้าเชียร์กันฉิบหายอะไรก็โทษกู" กิงพูดเหวี่ยงๆก่อนจะสะบัดหน้าหนีอย่างงอนๆ

   ปอส่ายหัวหน่ายๆให้กับท่าทางแต๋วแตกจนแม้แต่เลิฟรวมทั้งเมียมันที่นั่งหัวโด้อยู่ยังต้องยอมแพ้ ถ้าไม่ติดว่ามันตัวถึกหน้าแมนๆแล้วก็บ้าเลือดพอๆกับเขาเวลาโมโห มันเป็นเมียคนอื่นได้สบาย

   "เดี๋ยวเย็นนี้พวกพี่อาร์ตจะเข้ามาหานะ" ต้าหันมาบอกปอเพราะพึ่งนึกขึ้นได้

   "เออ...ถ้าไม่มีไรแล้วพวกมึงก็อยู่กันเองนะกูจะไปนอน" ปอบอกทุกคนแล้วลุกขึ้นยืน

   "เชิญมึงนอนกกเมียตามสะดวกไม่ต้องห่วงพวกกู สบายใจได้ว่ากูไม่เกรงใจ" กิงที่เลิกแกล้งงอนหันมาบอกปอกวนๆ

   "มีอะไรก็เรียกละกัน" ปอกระตุกยิ้มนิดๆก่อนจะเดินกลับเข้าห้องนอน ดูจากทรงแล้วคงไม่พ้นชวนกันมาเมา ข้ออ้างในเรื่องแดกก็คงจะเรื่องเขากับเมีย แต่ก็เอาเหอะอยากทำอะไรเรื่องของพวกมัน ก็แม่งพูดมาขนาดนั้นอย่าหวังเรื่องความเกรงใจ ส่วนเขาก็อย่างที่ไอ้กิงบอกไปนอนกกเมียรอเวลาทุกคนมาดีกว่าว่ะ



2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 40 - 41 (15/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 15-02-2016 09:20:45
แปะปกนิยาย
 :hao3:  :hao7:  :hao6:


 (http://www.mx7.com/i/962/tJ1Den.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yUXlSYKwhA4yAMXT)
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 40 - 41 (15/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-02-2016 12:01:24
จบความเศร้าเรื่องนี้แล้วรอดราม่าของรุตต่อ หรือเปล่า?  ข้อตกลงกับพ่อหมดเวลาได้เวลาเปิดตัวแล้วใช่ไหมปอ
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 40 - 41 (15/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 15-02-2016 18:56:01
 :pig4: อยากเป็นจิ้งจกไปเกาะข้างฝาบ้านพี่พายเสียจริง 555
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 40 - 41 (15/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 15-02-2016 22:52:19
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 42 (16/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 16-02-2016 09:38:32
กับดักที่
- 42 -



   "ปอ...ตื่นได้แล้วมันสายแล้วนะ" เสียงเล็กๆที่ดังอยู่ข้างหูทำให้ปอต้องตื่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ภาพแรกที่เห็นทันทีที่ลืมตาคือใบหน้าหวานของเลิฟที่กำลังมองมา

   "จุ๊บ...มอนิ่ง" เลิฟก้มลงจูบปอเร็วๆพร้อมกับส่งยิ้มกว้างให้แล้วรีบถอยห่างออกมา

   "ขยับเข้ามาใกล้ๆดิ๊" ปอยันตัวเองลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงกระดิกนิ้วชี้เรียกเลิฟที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อยให้ขยับเข้ามาใกล้ๆ

   "อื้อ" ทันทีที่เลิฟขยับเข้ามาใกล้ปอก็ยึดท้ายทอยของเลิฟไว้แน่น แล้วประกบจูบอย่างรวดเร็วแทรกลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดหยอกล้ออย่างดูดดื่ม ดูดดึงรุนแรงจนลิ้นแทบขาดบดจูบเนิ่นนานจนเหมือนจะพรากลมหายใจ ก่อนที่ปอจะค่อยๆผละริมฝีปากออกมา

   "มอนิ่ง" ปอพูดกระซิบเบาๆคลอเคลียที่ริมฝีปากอิ่มไม่ห่าง เลิฟที่โดนจูบหนักหน่วงก็ได้แต่หอบหายใจแรงๆ นั่งหน้าแดงเพราะความอายอยู่อย่างนั้น

   "ไปอาบน้ำได้แล้ว" เลิฟบอกเสียงแผ่วหลังจากตั้งสติได้ มือเล็กพยา ยามดันคนตัวโตให้ลุกขึ้น

   "อายเหี้ยอะไรเอากันจนรู้ทุกซอกทุกมุมละ ถ้ามึงท้องได้กูกับมึงมีลูกเป็นโหล" ปอส่ายหัวหน่ายๆก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วเดินเข้าห้องน้ำไปไม่สนใจเลิฟที่นั่งหน้าแดงเลยสักนิด

   สักพักปอก็ออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว หันไปมองเลิฟที่นั่งเล่นกับแมวแว๊บนึงก่อนจะหันกลับมาแต่งตัวต่อ

   "มึงตื่นนานรึยัง" ปอถามขึ้นเพราะพึ่งสังเกตุว่าเลิฟแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว

   "ก็นานอยู่" ปากก็ตอบปอไปตามองอยู่ที่ลูกแมวบนตัก มือก็ฟัดที่พุงกลมๆเล่น

   เมื่อวานปอพาเลิฟแวะไปเก็บของที่คอนโด พร้อมกับไปรับโมกมาด้วย ส่วนข้าวของที่หอพักของเลิฟตั้งใจว่าจะไปขนออกกันวันหลัง

   "แล้วมึงรีบตื่นมาทำไม" ปอถามด้วยความสงสัยมือก็ติดกระดุมเสื้อของตัวเอง เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ดึกพอสมควร (แค่จัดของเข้าบ้านอย่าคิดลึก) เลิฟยังตื่นขึ้นมาแต่เช้าได้อีก

   "ไม่ได้อยากจะตื่นเลยเหอะแต่โทรศัพท์ปออ่ะดังหนวกหู แถมตัวเองก็ไม่ยอมลุกจนเลิฟต้องรับแทนเนี่ย" เลิฟบ่นกระปอดกระแปดใส่ปอ เมื่อเช้าเสียงโทรศัพท์โคตรดังแต่เจ้าของเครื่องไม่มีทีท่าจะได้ยินเลยสักนิด ไม่รู้นอนหรือซ้อมตายอะไรจะหลับลึกขนาดนั้น

   "แล้วใครโทรมา" ปอหันมาถามเลิฟหลังจากแต่งตัวเสร็จ

   "ไอ้พี่กิงบอกว่าพี่อาร์ตให้เข้ามอเร็วหน่อยมีเรื่องจะคุย" ปอพยักหน้ารับรู้แล้วไม่ได้ถามอะไรอีก

   "จะไปแบบนี้เลยหรอ" เลิฟมองปอทีใบหน้าไร้แว่นตาคุณลุง ผมที่เซ็ตเข้าทรงอย่างดี ใส่เสื้อเชิ้ตนักศึกษาที่พับแขนขึ้นถึงข้อศอก โชว์รอยสักที่แขนทั้งสองข้าง กางเกงที่ตัดเข้าพอดีตัวเรียกว่าอยู่ในสภาพหนุ่มหล่อแบดบอยเต็มขั้น ไม่เหลือเค้าไอ้มหาปอจอมเฉิ่มเลยสักนิด

   "ทำไม? มึงหึง?" ปอยืนพิงโต๊ะเครื่องแป้งแล้วถามเลิฟหน้านิ่ง เขากลับมาแต่งตัวแบบเดิมได้แล้ว เพราะว่าครบกำหนดที่ตกลงกับพ่อไปเรียบร้อย

   "ถ้าใช่อ่ะ" เลิฟแกล้งถามปอเพราะอยากรู้ว่าปอจะตอบยังไง

   "หึ เรื่องของมึง" ปอตอบอย่างไม่ใส่ใจหยิบเอาของแล้วเดินออกจากห้องไปเลย ทิ้งเลิฟให้นั่งเอ๋ออ้าปากพะงาบๆอยู่แบบนั้น

   อันที่จริงเลิฟก็ถามปอไปอย่างนั้นเองไม่ได้คิดมากอะไรถ้าจะมีใครเห็นปอสภาพนี้ ก็ปกติเวลาอยู่นอกรั้วมหา'ลัยเขาก็ไปไหนมาไหนกับปอในสภาพนี้อยู่แล้ว ชินกับสายตาคนมองแล้วล่ะ

   เลิฟเดินไปหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมาสะพายแล้วเดินไปเทอาหารไว้ให้โมกในครัว ร่ำลากับไอ้แมวอ้วนสักพักก่อนจะเดินไปหาปอที่โรงจอดรถ

   "จะไปคันนี้จริงดิ" เลิฟถามเสียงหลงมองรถที่จอดอยู่ตาโต

   "อืม,,,หรือมึงจะไปมอ'ไซค์" ปอถามเสียงเรียบเลิฟเลยหันไปมองมอเตอร์ไซค์สองคันที่จอดอยู่ คันนึงเป็นบิ๊กไบค์อีกคันเป็นฟี่โน่ก่อนจะส่ายหัวปฏิเสธ

   "แต่ว่าจะให้นั่งไอ้คันนี้ไปเนี่ยนะคนมองกันตาย" เลิฟมองที่รถแล้วทำหน้าแหยงๆ

   "ถ้ามึงไม่อยากนั่งขนาดนั้นกูไปหาคนอื่นนั่งแทนก็ได้นะ" ปอบอกกวนๆแต่ทำเอาเลิฟหน้าบึ้ง

   "ก็ลองดูคราวนี้จะหนีไปให้ไกลกว่าน่านอีกเอาให้หาไม่เจอเลย" เลิฟทำเสียงเหวี่ยงใส่ปอแสดงออกว่ากำลังเริ่มหงุดหงิด

   "ถ้ามึงอยากโดนล่ามโซ่ขังเอาไว้ในห้อง ไม่ต้องออกไปเจอใครก็ลองดู" ปอพูดเสียงเย็นแล้วมองเลิฟดุๆ

   "ไม่ต้องมาโกรธเลยคนที่เริ่มก่อนคือปอนะ" เลิฟทำหน้ามุ่ยใส่ปอ

   "เออๆกูเริ่มเองขึ้นรถได้ละเดี๋ยวสาย" ปอยอมรับผิดแต่โดยดีเพราะรู้ตัวว่าพูดจาไม่คิดก่อนเอง

   เลิฟอมยิ้มพอใจนิดๆที่ปอยอมตัวเองก่อนจะเดินไปเปิดประตูขึ้นไปนั่งรอบนรถ รถที่บอกได้เลยว่าขับเข้าไปในมหา'ลัยคนตัองมองกันเต็ม...เด่นเกิ๊น

...
...

   "(มึงกับเมียถึงไหนแล้ววะ)" เสียงของต้าดังออกมาจากโทรศัพท์ให้ได้ยินทั้งคัน เนื่องจากปอกดเปิดสปีคเกอร์โฟนเพราะกำลังขับรถ

   "กำลังจะเลี้ยวรถเข้ามอทำไม?" ปอถามออกไปพร้อมกับหักพวงมาลัย เลี้ยวรถเข้าไปในมหา'ลัย

   "(เออๆงั้นมึงจอดรถหน้าคณะเลยนะ พวกกูอยู่ใต้ตึกคณะเนี่ยแหละจอดตรงนั้นจะได้ไม่ต้องเดินไกล)" ต้าบอกแค่นั้นแล้วกดตัดสายไปพร้อมๆกันกับที่รถของปอขับชะลอเข้ามาช้าๆและจอดนิ่งสนิทที่หน้าคณะ

   เลิฟนั่งทำใจอยู่ในรถสักพักกระชับกระเป๋าเป้บนหลังแน่นก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูลงไปจากรถ แล้วก็เป็นอย่างที่คิดไม่มีผิดคนมองกันเต็มไปหมด ยิ่งพอเห็นว่าเป็นเขาลงมาจากรถยิ่งพากันสนใจเข้าไปใหญ่

   ก็จะไม่ให้คนสนใจได้ยังไงละในเมื่อไอ้รถที่เขานั่งมา มันคือรถสปอร์ตสุดหรูติดยี่ห้อกระทิงดุเด่นเป็นสง่า แถมรถยังสีเขียวเหลือบมุกเข้าไปอีก นี่ยังไม่รวมเจ้าของมันที่กำลังจะลงจากรถมาสร้างความตะลึงเพิ่มนะ บอกเลยงานนี้เด่นทั้งรถเด่นทั้งเจ้าของ

   เลิฟขยับตัวเองถอยห่างออกมาจากรถเล็กน้อย สักพักปอก็เปิดประตูรถลงมา ไม่ได้จะหลงแฟนตัวเองนะครับแต่จะหล่อไปไหนเนี่ย สาวๆนี่มองกันตาแทบถลนจนเขาเริ่มจะรู้สึกหึงล่ะ

   "ยืนมองหน้ากูแบบนั้นมีอะไร" ปอถามเลิฟที่ทำหน้ามุ่ยมองตัวเองอยู่ เลิฟเลยส่ายหัวให้เบาๆ

   "นี่อย่าบอกนะว่ามึงหึง" ปอหรี่ตามองเลิฟอย่างจับผิด ซึ่งเจ้าตัวก็รีบก้มหน้าหลบสายตา ปอเลยได้แต่ส่ายหัวเบาๆให้กับความงอแงของเลิฟ เป็นห่าอะไรอยู่ดีๆก็หึงขึ้นมาใช่ว่าไปไหนด้วยกันคนไม่เคยมอง

   "จะหึงทำไมเขาก็ได้แค่มองยังไงกูก็รักมึง" ปอเดินมาหยุดตรงหน้าเลิฟแล้วพูดด้วยเสียงหนักแน่นให้อีกฝ่ายสบายใจ

   "ไม่ได้หึงสักหน่อยแค่เคืองเหอะ ก็ดูดิมองอะไรขนาดนั้นทีแต่ก่อนไม่เห็นจะสนใจ" เลิฟยู่หน้าใส่ปอนิดๆด้วยความหมั่นไส้

   "ก็ดีงั้นไปได้ละพวกไอ้กิงรอแล้ว" ปอจับมือเลิฟแล้วจูงเข้าไปในคณะ ท่ามกลางสายตาคนรอบข้างที่มองอย่างสนใจ พร้อมกับข่าวลือที่เริ่มสะพัดอย่างกับไฟลามทุ่ง

...
...

   "หวัดดีครับพี่" เลิฟยกมือไหว้รุ่นพี่ที่นั่งอยู่ในโต๊ะ มีทั้งที่รู้จักและไม่รู้จักเต็มไปหมด

   "หวัดดีครับน้องเลิฟไม่เจอกันเป็นเดือนยังน่ารักเหมือนเดิมเลยนะครับ" รุ่นพี่หนึ่งในนั้นหยอดคำหวานทักทายเลิฟทันที ถึงจะโดนนาวกัดว่าโง่บ่อยๆที่ไม่รู้ตัวเวลาคนมาจีบ แต่สำหรับคนนี้เขาโคตรรู้เพราะเล่นแสดงออกโจ้งแจ้งสุดๆ

   "ขอบคุณครับพี่เอ๊กซ์" เลิฟได้แต่ยิ้มแหยๆส่งให้

   "เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นแฟนกันได้ไหม ถึงพี่จะไม่หล่อไม่เร้าใจ แต่พี่ว่าพี่ดูดีกว่าไอ้มหานะ" เอ๊กซ์ส่งยิ้มกว้างให้เลิฟแล้วตั้งหน้าตั้งตาม่อต่อจนเพื่อนส่ายหัว

   "กูว่าเดี๋ยวมึงได้เจอตอเข้าสักวัน ไอ้เหี้ยมหามันโหดนะมึง" อาร์ตบอกเพื่อนขำๆแล้วดึงเลิฟให้นั่งลงข้างกัน ใช้ตัวเองคั่นกลางระหว่างเลิฟกับเพื่อน ไม่ ใช่เพื่อปกป้องเลิฟแต่เพื่อปกป้องชีวิตเพื่อนตัวเองล้วนๆ

   "มึงแม่งโม้ว่ะขู่กูไปเรื่อยอย่างไอ้มหาเนี่ยนะ...ไม่มีทาง อีกอย่างกูเคยหยอดของกูทุกวันกูก็ทำปกติไม่แย่งแฟนน้องหรอกเว้ย" เอ๊กซ์ว่าแล้วหันมาส่งยิ้มหวานให้เลิฟอีก

   "ก็ดีพี่ผมขี้เกียจกระทืบคน" เสียงทุ้มห้าวดังขึ้นเหนือหัวทำให้ทุกคนรีบหันไปมองเป็นตาเดียว

   "เฮ้ย!! มึงแม่งมาซะหล่อกลบรัศมีกูหมด" อาร์ตทักทายขำๆแล้วขยับที่ให้ปอนั่ง

   "ดีพี่...อ่ะของมึงแล้วพวกเพื่อนผมล่ะ" ปอทักทายอาร์ตกลับแล้วยื่นโทรศัพท์ให้เลิฟ เมื่อกี้เขาเดินกลับไปเอาในรถมาเพราะเลิฟลืมทิ้งไว้

   "ใช้งานพวกมันนิดหน่อยเดี๋ยวก็คงมาว่าแต่มึงเหอะ นึกไงมาสภาพนี้วะเบื่อเป็นไอ้เฉิ่มแล้วดิ" อาร์ตถามอย่างแปลกใจ ปอเลยพยักหน้าให้เพราะขี้เกียจพูด

   "ใครวะ" เอ๊กซ์ถามขึ้นด้วยความสงสัยแล้วมองที่ปอเขม็ง จริงๆก็ไม่ใช่แค่เอ๊กซ์คนอื่นก็มอง จะมีไม่แปลกใจอะไรก็แค่อาร์ต อ้น กลอนเท่านั้น

   "ไอ้สัสปอมานานยังวะ" กิงที่ไปทำงานให้อาร์ตแล้วพึ่งกลับมาถึงก็ตะโกนทักทายเพื่อนเสียงดัง

   "มึงรู้จักมันด้วยเหรอวะไอ้กิง" ใครคนนึงถามกิงขึ้นมา

   "รู้จักดิพี่ไอ้มหา ไอ้ปอ ผัวไอ้น้องเลิฟไง" กิงกระตุกยิ้มแล้วตอบกวนๆ

   "ห๊า!!!!!" ทุกคนประสานเสียงดังลั่นมองปออย่างเหลือเชื่อจนตาแทบถลน ปอเลยได้แต่กรอกตาไปมาเซ็งๆเหี้ยอะไรกับกูนักหนาวะ

   "พี่อาร์ตเรียกผมกับมันมาแต่เช้าจะคุยเรื่องไรพี่" ปอหันไปถามอาร์ตเพื่อเข้าเรื่องและเลิกสนใจคนที่เหลือ

   "พอดีกูมีเรื่องขอร้องให้มึงกับน้องเลิฟช่วยว่ะ" อาร์ตหันมาสบตากับปอแล้วพูดด้วยท่าทางเป็นการเป็นงาน

   "เรื่อง?" ปอถามกลับอย่างสงสัยเพราะไม่รู้ว่าตัวเองกับเลิฟมีอะไรให้อาร์ตมาขอความช่วยเหลือ

   "คืองี้มึง...เทอมเนี่ยมอเราเขาจะจัดงานกีฬาคู่กับการประกวดดาวเดือนมหา'ลัย คณะเรามีไอ้โดมกับน้องนาวเป็นตัวแทนใช่ไหม ทีนี่ทุกคณะก็ต้องส่งคนไปแข่งคิ้วท์บอยด้วย กูเลยจะมาขอให้น้องเลิฟลงให้หน่อยส่วนมึง...."

   "ไม่" ปอปฏิเสธเสียงเข้มทันทีที่ได้ยิน อาร์ตเลยได้แต่อ้าปากหวอ เพราะยังพูดไม่จบ

   "เฮ้ย!!! อย่าพึ่งปฏิเสธกูดิวะนี่แม่งหน้าตาของคณะน่ะเว้ย" อาร์ตพยายามขอร้องปอต่อ เขาก็คิดไว้แล้วว่าปอต้องไม่ตกลงแต่ไม่คิดว่ามันจะตอบเร็วขนาดนี้ ที่เขาอารัมภบทมายืดยาวแม่งไม่มีความหมายเลยเหอะ

   "พี่ก็ส่งเมียพี่ไปดิ" ปอพูดต่อหน้านิ่งๆทีเมียตัวเองไม่ยอมส่งลงแข่ง เสือกจะให้เมียเขาแข่งคิดว่าเขาจะให้ไหม

   "เขาให้ส่งแข่งคิ้วท์บอยไอ้เหี้ยเมียกูมันคิ้วท์ตรงไหนวะแค่มุ้งมิ้ง" อาร์ตเถียงกลับอดแปลกใจนิดๆไม่ได้ว่าปอไปรู้อะไรมา แต่ตอนนี้เขาควรหว่านล้อมไอ้ปอก่อน

   "เรื่องของพี่ไปหาคนอื่นเหอะยังไงผมก็ไม่ให้มันลงมีอะไรอีกไหม" ปอพูดตัดบทอย่างไร้เยื่อใย

   "กูจะให้มึงลงแข่งบาสว่ะเห็นพวกไอ้กิงก็บอกว่ามึงเคยเล่นคนเรากำลังขาด" อาร์ตยอมเปลี่ยนเรื่องตามปอ แต่ในใจยังไม่ละความพยายามเรื่องเลิฟ

   "ไม่เอาขี้เกียจ" ปอตอบปฏิเสธอีกครั้งแบบไม่คิดเยอะ เล่นเอาอาร์ตยกมือขยี้หัวตัวเองจนยุ่ง

   "มึงช่วยให้ความร่วมมือสักอย่างได้ไหมไอ้ห่า ช่วยกูหน่อยกูจ้างมึงก็ได้อะ" อาร์ตโอดครวญออกมาแทบจะก้มลงไปกราบขอร้องปอ

   "เก็บเงินพี่ไปเหอะบ้านผมไม่ได้ขาดแคลน" ปอบอกอาร์ตกวนๆ

   "นะปอเห็นแก่คณะของเราช่วยกูสักครั้งจะไม่ลืมบุญคุณ" อาร์ตยังพยายามเกลี่ยกล่อมปอต่อ เขาจะไม่ทำขนาดนี้เลยนะถ้าไม่ใช่ว่าเขาเป็นประธานและถ้าอาจารย์แม่งจะไม่กดดันมา

   "นะน้องเลิฟขอร้องมันช่วยพี่หน่อย" อาร์ตเปลี่ยนเป้าหมายมาขอร้องเลิฟแทน เลิฟเองก็มองอาร์ตอย่างเห็นใจก่อนจะหันไปหาปอ

   "ปอช่วยพี่อาร์ตหน่อยนะมันงานของคณะเรา พี่เขาคงไม่มีใครจริงๆถึงขอให้ช่วย" เลิฟพยายามช่วยอาร์ตเกลี่ยกล่อมปอเพราะทนสงสารไม่ไหว ก็พี่อาร์ตเล่นทำหน้าเหมือนคนใกล้ตายเลย

   อาร์ตหันไปแอบยิ้มนิดๆเขากะแล้วว่าน้องเลิฟต้องช่วย ในเมื่อกูขอ  ร้องเองดีๆแล้วไม่ยอมกูจะให้เมียมึงขอแทน

   "กูยอมช่วยก็ได้แต่มึงทนได้ไหมที่เราจะไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน เพราะมึงก็ต้องซ้อมกูก็ต้องซ้อมแล้วก็ต้องมีพวกผู้หญิงตามไปดู และกูมั่นใจว่าเยอะแน่ๆ" ปอว่าเสียงเรียบและมองเลิฟนิ่งๆ ส่วนเลิฟพอคิดตามที่ปอพูดก็ทำหน้ามุ่ยทันที

   "ไม่เอาดีกว่าครับพี่อาร์ตหาคนอื่นเหอะ" เลิฟหันไปบอกอาร์ตเสียงเบา เล่นเอาอาร์ตถึงกับเหวอที่แผนล่ม ส่วนปอก็กระตุกยิ้มนิดๆส่งให้อย่างผู้ชนะ

   "มึงช่วยกูเหอะปอกูขอร้องกูสัญญาจะเฝ้าระวังเมียมึงอย่างดี ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมแม้แต่กลิ่นกูก็จะไม่ให้ใครดม เห็นแก่ส่วนรวมนะมึงมันไม่มีใครจะคิ้วท์สู้น้องเลิฟแล้วนะเว้ย" อาร์ตลงทุนยกมือไหว้ปอเพื่อขอร้อง

   "แล้วเวลาผมไล่กระทืบหมาที่มันมาเห่าเมียผม ส่วนรวมมันมาช่วยผมกระทืบปะวะพี่" ปอยังคงไม่ยอมเพราะรู้เลยว่าถ้าให้เลิฟแข่งปัญหาจะตามมาอีกเยอะ แค่หมาในคณะก็วุ่นวายจะตายห่าแล้ว

   "กูขอร้องนะปอพลีสสสส" อาร์ตส่งสายตาอ้อนวอนไปให้จนปอได้แต่ถอนหายใจหนักๆ

   "ผมลงบาสให้แต่เรื่องไอ้คิ้วท์บอยเหี้ยอะไรนั่นพี่หาคนอื่นละกัน" ปอตัดสินใจช่วยอาร์ตเรื่องบาสแต่ยังไม่ยอมเรื่องเลิฟ อาร์ตเลยพยักหน้ารับเบาๆ ไม่เซ้าซี้ต่อแต่ก็ยังไม่ตัดใจเรื่องเลิฟเหมือนกัน ไว้ค่อยหาทางกล่อมมันใหม่จะเอาเมียแข่งแต่ต้องขอผัวเวรจริงๆ

...
...

   เลิฟนั่งกินข้าวหน้างอไม่ยอมพูดกับปอแถมปอยังทำเฉย เจ้าตัวเลยยิ่งหน้างอไปใหญ่ เขากำลังไม่พอใจที่ปอลงแข่งบาสทั้งที่ตัวเองพูดแบบนั้นแต่ไปรับปากพี่อาร์ตคืออะไรวะ

   "ทำหน้าให้มันดีๆได้ไหมวะ" ปอบอกดุๆเพราะเลิฟทำหน้างอไม่เลิก

   "ยุ่ง!!" เลิฟทำเสียงเหวี่ยงใส่ปอจับช้อนกระแทกจานข้าวแรงๆระบายอารมณ์หงุดหงิด

   "มึงเป็นเหี้ยอะไร" ปอเลิกกินข้าวแล้วถามเลิฟเสียงเข้ม

   "เรื่องของกู!!" เลิฟขึ้นเสียงใส่ปอด้วยความไม่พอใจแล้วก็หยุดกินข้าวเหมือนกัน

   "ไอ้เลิฟ!!!" ปอตะคอกใส่เลิฟเสียงดังลั่นจนเลิฟสะดุ้งด้วยความตกใจ คนในโรงอาหารที่มองอยู่แล้วยิ่งมองกันเข้าไปใหญ่
   ปอพ่นลมหายใจออกมาหนักๆแล้วลุกขึ้นยืนเดินออกจากโต๊ะไปเลย ไม่กงไม่กินมันแล้วข้าวเสียอารมณ์ฉิบหาย

   เลิฟที่ตกใจกับการกระทำของปอก็รีบเก็บข้าวของแล้วเดินตามปอออกไป เห็นว่าปอกำลังยืนสูบบุหรี่อยู่หลังคณะเลยเดินเข้าไปหาแบบหวาดๆ

   "ปอ" เลิฟเรียกเสียงแผ่วมือกระตุกเสื้อของปอเบาๆ ปอเหลือบมองเลิฟเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไร

   "ขอโทษ" เลิฟเอ่ยขอโทษปอแล้วกอดปอจากข้างหลัง เอาหน้าแนบแผ่นหลังกว้างถูไถไปมาเบาๆ

   "อย่าโกรธเลิฟนะขอโทษที่งี่เง่าแต่ปอบอกเองว่าจะไม่มีเวลาอยู่ด้วย กันนี่นา" เลิฟอธิบายเสียงอ่อยก่อนจะได้ยินเสียงถอนหายใจ ปอทิ้งบุหรี่ลงพื้นใช้ปลายเท้าขยี้จนดับแกะมือเลิฟที่กอดตัวเองออก แล้วหันมามองหน้าเลิฟตรงๆ

   "กูไม่ได้โมโหที่มึงงี่เง่าแต่กูโมโหที่มึงขึ้นกูมึงกับกู...กูไม่ชอบเข้าใจไหม" ปอยกมือลูบแก้มใสของเลิฟเบาๆ ไม่รู้สิอาจจะเป็นเขาก็ได้ที่งี่เง่ากว่ามัน ทั้งๆที่ตัวเองก็ใช่จะพูดกับมันดี พอมันพูดบ้างก็เสือกไปโมโห แต่เขาไม่ชอบนี่หว่า ชอบเวลามันแทนตัวเองว่าเลิฟมากกว่า...มันโคตรน่ารัก

   "ต่อไปจะไม่พูดอีก...สัญญา" เลิฟทำเสียงอ้อนแล้วจับมือปอขึ้นมา แล้วเอานิ้วก้อยตัวเองไปเกี่ยวกับนิ้วก้อยของปอ

   "ดี...ส่วนเรื่องบาสกูไม่ได้อยากแข่งแต่ต้องช่วยพี่เขา ส่วนเรื่องมึงกูไม่ให้แข่งกูหวงของกูเข้าใจไหม" ปอบอกเลิฟดุๆแต่เลิฟอมยิ้มอย่างมีความสุข

   "ตัวเองหวงเป็นคนเดียวที่ไหนวะเลิฟก็หวงเหมือนกัน ยิ่งหล่อๆแบบนี้สาวตามเยอะแน่ๆ" เลิฟบ่นงึมงำออกมา

   "ก็ถ้ามึงไม่พอใจอยากจะด่าจะลากไปกระทืบไปทำเหี้ยอะไรก็ได้ มันสิทธิ์ของมึงทุกอย่างเพราะกูเป็นผัวมึง" ปอบอกออกมาเสียงเรียบ

   "ไอ้บ้าใครจะไปทำผู้หญิงวะ" เลิฟพยายามกลั้นขำกับคำพูดของปอ คิดได้ไงให้เขาไปกระทืบผู้หญิง

   "สบายใจแล้วใช่ไหม งั้นกลับไปแดกข้าว" ปอถามออกมาเมื่อเห็นว่าเลิฟเริ่มยิ้ม นี่ขนาดแค่มันจินตนาการว่ามีคนจะมาวุ่นวายกับเขานะ ถ้ามีจริงๆจะขนาดไหนวะ

   "อือ" เลิฟเดินตามแรงดึงของปอกลับเข้าไปในโรงอาหาร สมองก็คิดถึงคำพูดของปอ

   'จะหึงจะหวงมันสิทธิ์ของเขาทุกอย่าง ก็เขาเป็นเมียปอนี่เนอะ'



2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 43 (16/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 16-02-2016 09:57:51
กับดักที่
- 43 -



   ปึก! ปึก!

   เสียงลูกบาสที่กระทบกับพื้นสนามในโรงยิมไม่ได้ทำให้ปอละสายตาจากโทรศัพท์ในมือได้เลย คิ้วเข้มขมวดเป็นปมมือก็พยายามกดโทรออกซ้ำๆ
 
ไม่รู้ว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วภายในเวลาเกือบปีมานี้ ที่ปอโทรหาเลิฟแล้วอีกคนไม่รับสายและก็เหมือนเหตุการณ์หมุนวนซ้ำๆ คือปอต้องกดโทรอยู่แบบนั้นพร้อมกับอารมณ์ที่หงุดหงิด

   "กูไปได้รึยัง" ปอถามขึ้นหลังจากเห็นว่าไม่น่ามีอะไรแล้ว

   "มึงจะรีบไปไหนวะ" ฝุ่นถามด้วยความแปลกใจ

   "ไปรับไอ้เลิฟ" ปอว่าแล้วลุกขึ้นเดินออกไปเลย

   "กูไปด้วยจะไปรับหนูเอยเหมือนกัน" กิงลุกขึ้นเดินตามปออกไปทันที เพราะหนูเอยของเขาเองก็เป็นตัวแทนคณะลงแข่งคิ้วท์บอย

   วันนี้เป็นวันหยุดแต่ปอกับเลิฟต้องตื่นแต่เช้ามามหา'ลัย เพราะปอต้องมาประชุมเรื่องแข่งบาส และเลิฟต้องมาประชุมเรื่องประกวดครั้งสุดท้าย ก่อนจะถึงงานกีฬามหา'ลัยที่จะจัดในอาทิตย์หน้า

   หลังจากที่ปอพยายามค้านหัวชนฝาขัดขวางแบบทุ่มสุดตัว สุดท้ายเลิฟก็ได้เป็นตัวแทนคณะลงแข่งคิ้วท์บอย เพราะทั้งคณะมีแค่เลิฟกับพีทที่เอาลงแข่งได้ ส่วนพวกที่เหลืออย่าว่าแต่คิ้วท์เลยแค่เดินไปแล้วคนไม่กลัวก็ถือว่าบุญ ไม่ใช่ว่าหน้าตาแย่อะไรขนาดนั้นแต่ความเถื่อนที่มีมันเยอะเกิน

   ส่วนสาเหตุที่เป็นเลิฟไม่ใช่พีทเพราะอาร์ตใช้อำนาจประธานที่มีในมือ ลงชื่อพีทให้ไปแข่งวิ่ง แล้วใช้มันเป็นข้ออ้างไม่ให้พีทลงแข่งคิ้วท์บอยเพราะต้องซ้อม เล่นเอาปอหัวเสียไม่น้อยที่อาร์ตใช้มุกนี้ แต่สิ่งที่ทำให้ปอยอมไม่ใช่เพราะโดนบีบ มันเป็นเพราะลูกอ้อนเมียล้วนๆ ประกอบกับตอนที่เลิฟไปซ้อมแข่งนาวเองก็ต้องไปซ้อมเหมือนกัน ปอเลยค่อนข้างวางใจในระดับนึงว่าจะมีไม้ไว้กันหมาออกจากเมีย

   "สัส" ปอสบถออกมาเบาๆก่อนจะรีบสาวเท้าเดินเข้าไปหาเลิฟด้วยความรวดเร็ว

   "อ่ะ...ปอ" เลิฟส่งเสียงร้องออกมาเบาๆเพราะตกใจที่จู่ๆก็มีแรงกอดรัดจากด้านหลัง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าเป็นใคร

   "ทำไมไม่รับโทรศัพท์" ปอถามดุๆจนเลิฟทำหน้าเหลอหลา

   "โทรมาเหรอไม่เห็นรู้เรื่องเลย" ปอพยักหน้าส่งให้เลิฟเลยมองหาโทรศัพท์ของตัวเองเพื่อจะเช็คดู

   ปอเหลือบมองคนที่ยืนตรงหน้าเขากับเลิฟเขม็ง เมื่อกี้ตอนที่เขาพึ่งจะมาถึง เขาเห็นว่าไอ้เหี้ยที่อยู่ตรงหน้านี่มันกำลังจะก้มหอมแก้มเมียเขา ดีที่เขาเดินเข้ามาก่อนมันเลยไม่ได้ทำอะไร แล้วกลับไปยืนนิ่งๆไม่รู้ไม่ชี้โคตรกวนตีน

   ส่วนเมียเขาก็ไม่ได้รู้ห่าอะไรเลย เพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านเอก สารในมือ แม่งโคตรไม่รู้จักระวังตัวถ้าเขามาไม่ทันจะว่ายังไง ไม่โดนไอ้เหี้ยนี่หอมแก้มไปแล้วเหรอวะ

   "โทรศัพท์มันปิดเสียงอ่ะแต่จำได้ว่าไม่ได้กดปิดนะ สงสัยมือไปโดนล่ะมั้ง...อ้าวโก้มายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่" เลิฟเงยหน้าขึ้นมาบอกปอหลังจากเช็คโทรศัพท์แล้ว ก่อนจะหันไปถามใครอีกคนด้วยความแปลกใจเพราะเขาพึ่งจะสังเกตุเห็น

   "พึ่งมาน่ะกะว่าจะมาถามเลิฟว่าให้ไปส่งไหมแต่ดูแล้วคงไม่ต้อง" โก้ส่งยิ้มอ่อนโยนให้เลิฟแล้วเหลือบตามองปอนิดๆ

   "เฮ้ย!! ไม่เป็นไรไม่รบกวนโก้หรอกยังไงปอก็มารับอยู่แล้ว" เลิฟส่งยิ้มกลับให้โก้แล้วรีบเก็บของเข้ากระเป๋า

   "ไปยังอ่ะปอเลิฟหิวข้าวแล้ว...เรากลับก่อนนะโก้" เลิฟทำตาปริบๆอ้อนปอ เพราะคิดว่าที่ปอทำหน้ายักษ์คงโมโหที่เขาไม่รับโทรศัพท์ พอเห็นปอพยักหน้าตอบรับเขาเลยหันไปบอกลาโก้ แล้วรีบจูงปอไปขึ้นรถซึ่งปอเองก็เดินตามแรงดึงไปโดยดี

   "โกรธเหรอขอโทษไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ" เลิฟถามปอเสียงอ่อยๆเพราะเห็นปอนั่งเงียบไม่พูดไม่จา

   "เปล่า...จะกินอะไร" ปอออกจากความคิดตัวเองแล้วหันมาถามเลิฟ

   "กินฮันนี่โทส" เลิฟทำเสียงสดใสตาเป็นประกายส่งให้ปอ

   "นั่นมันขนม" ปอว่าดุๆไหนบอกว่าหิวข้าววะ เลิฟที่โดนดุเลยทำหน้าหงอยๆ จนปอส่ายหัวน้อยๆแล้วขับรถออกไป ทายกันดูสิครับว่าเขาจะพามันไปกินไหม

...
...

   "อ่าาา...อิ่ม" เลิฟเดินไปทรุดตัวลงนั่งที่โซฟามือลูบท้องตัวเองไปมา เมื่อกี้เขาไปกินฮันนี่โทสกับชาสตอเบอรี่มาล่ะ บอกเลยโคตรอร่อยและ ฟินสุดๆ

   ปอส่ายหัวนิดๆกับท่าทางเด็กๆนั่นแลัวจัดการถอดเสื้อโยนทิ้งจนเหลือแต่กางเกงยีนตัวเดียวเพราะร้อน

   "มีอะไร" ปอถามเลิฟที่นั่งจ้องตัวเองเขม็งด้วยความสงสัย

   "เปล่า...แค่คิดว่าอยากสักบ้าง" เลิฟมองไปที่รอยสักบนตัวปออย่างสนใจ

   "ฟอดดดด...แล้วมึงจะสักอะไร" ปอเดินเข้ามาหาเลิฟที่นั่งอยู่โซฟา แล้วโน้มตัวลงกดจมูกโด่งที่แก้มใสเต็มแรง

   "ไม่รู้อ่ะแต่อยากได้ลายเท่ๆสมชายชาตรี" เลิฟพูดด้วยท่าทางขึงขังมุ่งมั่น จนปอหลุดขำออกมาเบาๆหน้าแบบนี้จะไปเอาอะไรมาแมนวะ

   "กูสักให้เอาไหม" ปอถามออกมาทำเอาเลิฟตาโตมองปออย่างเหลือ เชื่อ

   "พูดจริงอ่ะ" เลิฟทางอย่างตื่นเต้นเพราะคิดว่าปอจะห้ามซะอีก ปอเลยพยักหน้าส่งให้นิดๆ

   "งั้นสัก" เลิฟบอกเสียงใสส่งยิ้มกว้างให้

   "งั้นมึงก็ถอดเสื้อออกเดี๋ยวกูไปเอาอุปกรณ์ เสร็จแล้วออกไปรอที่โต๊ะริมสระ" ปอสั่งแล้วผละออกไป เลิฟเองก็นั่งงงสักพักเพราะไม่คิดว่าปอจะสักให้เลย ก่อนจะรีบทำตามคำสั่ง

   "นอนลงอยากสักก็ทนเจ็บนิดนึงละกัน" ปอที่เดินกลับมาอีกครั้งพร้อมกับอุปกรณ์ และสั่งให้เลิฟนอนลงกับโต๊ะตัวยาวริมสระ
   "เอาเท่ๆนะ" เลิฟกำชับอีกครั้งก่อนจะนอนลงดีๆ ไม่นานปอก็เตรียมอุปกรณ์เสร็จแล้วจัดการสักลงที่อกข้างซ้ายของเลิฟ ความเจ็บจี๊ดวิ่งพล่านจนเลิฟต้องเบ้หน้าออกมา

   "อยู่นิ่งๆถ้าไม่สวยมามึงอย่าโวยวายนะ" ปอดุเลิฟเบาๆเพราะเจ้าตัวขยุกขยิกไม่เลิก

   "ก็อยากเห็นนิว่าสักอะไรให้" เลิฟบ่นงุ้งงิ้งเบาๆแต่ก็ยอมนอนนิ่งๆ

   "ไอ้เหี้ยโก้มันอาสามาส่งมึงบ่อยไหม...อย่าโกหกกูนะ" ปอถามเสียงเรียบพร้อมกับพูดดักคอเลิฟไปในตัว

   "ก็บ่อยอยู่แต่เลิฟปฏิเสธตลอดนะ" เลิฟอ้อมแอ้มบอกปอเบาๆ ปอเองก็ไม่ได้ว่าอะไรและลงมือสักต่อไปเงียบๆ

   ช่วงระยะเวลาเดือนกว่าๆที่ปอกับเลิฟวุ่นวายกับงานมหา'ลัย มันทำให้มีคนเข้ามายุ่งกับเขาสองคนอย่างช่วยไม่ได้ โดยเฉพาะไอ้คนชื่อโก้ที่วุ่นวายเป็นพิเศษเพราะว่าได้เจอกับเลิฟบ่อยๆ เนื่องจากว่ามันเป็นเดือนคณะสถาปัตย์

   ถึงเขาจะไม่เคยประกาศว่าตัวเองกับเลิฟเป็นอะไรกัน แต่ถ้าไม่โง่เกินใครๆก็ดูออกและถ้าถามเขาก็บอกตรงๆว่าแฟน แต่ไอ้เหี้ยนี่มันจงใจไม่ถามและไม่ยอมรับรู้ หน้าด้านยุ่งกับเมียเขาไม่เลิกโคตรวอนตีน

   "เสร็จแล้ว" ปอบอกแล้วนั่งทำแผลให้เลิฟ ก่อนจะเก็บของเดินเข้าบ้านไป

   เลิฟก้มมองรอยสักตัวเองด้วยความงง เพราะแปลกใจที่ทำไมมันเสร็จเร็วขนาดนั้น นั่งพิจารณารอยสักที่อกซึ่งเป็นรอยสักเล็กๆสักพัก ก่อนจะรีบลุกไปส่องกระจกในห้องน้ำ...ปอสักอะไรให้เขาวะ

   "ปอ!!!!" เลิฟตวาดปอสุดเสียงเมื่อเห็นว่าสักอะไรให้ ส่วนปอที่นั่งรออยู่ด้านนอกก็กระตุกยิ้มมุมปากนิดๆ

   "ไอ้ปอ! ไอ้บ้า! บอกว่าเอาโหดๆเท่ๆไงวะแล้วนี่สักบ้าอะไรให้เนี่ย" เลิฟวิ่งออกมาจากห้องน้ำด้วยความเร็วยืนจังกาโวยวายปอเสียงดัง

   "ก็ตามที่มึงขอทุกอย่าง" ปอกระตุกยิ้มส่งให้กวนๆ

   "ไอ้ตัวอักษรสามตัวนี่มันใช่แบบที่บอกตรงไหนห๊ะ!!" เลิฟยังส่งเสียงดังใส่ปอเพราะโมโห

   "งั้นมึงบอกกูมาว่าเจ้าของชื่อมันไม่โหดมันไม่เท่ตรงไหน กูแถมหล่อกับรวยให้ด้วยนะ" ปอพูดกลั้วหัวเราะยิ้มทั้งตาและปากแบบที่ไม่มีให้เห็นบ่อยๆ

   "นี่ปอตั้งใจใช่ป่ะว่าแล้วเชียวทำไมยอมง่ายๆ แถมอาสาสักให้เองอีกโรคจิตว่ะปอ" เลิฟออกอาการฮึดฮัดไม่เลิกเพราะคิดว่าปอแกล้ง

   "โรคจิตก็ผัวมึง" ปอว่าอย่างไม่ใส่ใจแล้วเอนตัวลงนอนบนโซฟาอย่างสบายอารมณ์ซึ่งมันโคตรกวนประสาท

   "เล่นแบบนี้ใช่ไหม" เลิฟหรี่ตามองนิดๆแล้วเดินหายเข้าไปในห้องนอน ก่อนจะกลับออกมาอีกครั้งพร้อมปากกาเมจิกในมือ

   "จะทำอะไร" ปอมองปากกาในมือเลิฟอย่างสงสัย

   "อยู่เฉยๆนะ" เลิฟว่าแค่นั้นแล้วนอนทับปอทั้งตัว ก่อนจะใช้ปากกาเขียนชื่อตัวเองลงบนอกข้างซ้ายของปอ เหมือนกับที่ปอสักชื่อตัวเองลงบนอกซ้ายของเขา

   "พอใจรึยัง" ปอถามเสียงเรียบ

   "ถามตัวเองดีกว่าไหมว่าพอใจรึยังไอ้คนขี้หวง" เลิฟดันตัวเองขึ้นมา แล้วโน้มตัวเอาหน้าผากชนกันกับหน้าผากปอพร้อมกับส่งยิ้มให้ มันอาจจะดูเกินไปหน่อยที่ปอสักชื่อลงบนตัวเขาแบบนี้ โดยที่ไม่ได้ถามความเห็นเขาก่อน แต่ไม่รู้สิ...เขากับรู้สึกดีในสิ่งที่ปอทำสงสัยเขาจะโรคจิตตามปอ

   "กูหวงได้มากกว่านี้อีก" ปอว่าแล้วจ้องตาเลิฟนิ่งๆ

   "นี่ถ้าเลิฟนอกใจปอจริงๆถามหน่อยดิปอจะทำยังไง" เลิฟลองถามปอเพราะสงสัยเวลาปอหึงหรือว่าปอหวง ปอจะไม่ค่อย
พูดจะไม่ค่อยแสดงออกอะไร แต่ชอบทำอะไรที่คาดไม่ถึงทุกทีอย่างรอยสักนี่เป็นต้น คนบ้าที่ไหนหึงแล้วสักชื่อให้แบบนี้

   "กูจับได้กูฆ่าทิ้งทั้งคู่ถ้าคิดจะทำอะไรคิดให้ดีๆละกัน" ปอว่าเสียงเย็นหน้าไม่แสดงออกเลยว่าพูดเล่น จนเลิฟต้องแอบกลืนน้ำลายลงคอ

   "จะโหดไปไหนเนี่ยกล้าฆ่าจริงๆเหรอ" เลิฟเอาจมูกถูกับปลายจมูกปออ้อนๆ

   ปอไม่พูดอะไรแต่กระตุกยิ้มนิดๆเขาไม่ได้พูดเล่น ถ้าเกิดขึ้นจริงเขาก็ฆ่าทิ้งทั้งคู่อย่างที่พูดจริงๆ รักของเขามันเห็นแก่ตัวถ้าต้องเสียให้คนอื่นเขายอมทำลายทิ้งด้วยมือตัวเองดีกว่า

   ส่วนเรื่องไอ้โก้ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจถึงจะเชื่อใจเป็นใครๆก็หึง หวงทุกอย่างที่เป็นมันถ้าขังมันไว้แต่ในบ้านได้เขาทำไปนานแล้ว

   "อื้อ" เลิฟส่งเสียงประท้วงเบาๆเมื่อจู่ๆปอก็จูบเขาอย่างรุนแรง มือหนาลูบไปทั่วแผ่นหลังเล็กมืออีกข้างล้วงเข้าไปในกางเกง แล้วบีบเค้นสะโพกบาง อย่างหนักหน่วง

   "อะแฮ่ม" เสียงกระแอมเบาๆดังขัดจังหวะ ทำให้ปอรีบพลิกตัวเลิฟลงด้านข้างแล้วเอาตัวเองบังไว้ ส่วนเลิฟหูแดงหน้าแดงไปหมดเพราะตกใจที่มีคนเข้ามาเห็นฉากล่อแหลม

   "หันไปเลยสัส!!" ปอบอกป้องเสียงเข้ม

   "เออๆ" ป้องตอบแกนๆกรอกตาขึ้นฟ้าด้วยความเซ็งแล้วหันหลังตามที่ปอบอกโดยดี หวงอะไรขนาดนั้นวะใช่ว่าเขาจะอยากเข้ามาขัดจังหวะสักหน่อย

   "มึงเข้ามาได้ยังไง" ปอถามด้วยความสงสัยนอกจากเขากับเลิฟไม่มีใครมีกุญแจบ้านแน่ๆ

   "มึงไม่ได้ล็อกประตู" เขากำลังจะกดกริ่งเรียกแต่เห็นว่าประตูไม่ได้ล็อก เขาเลยถือวิสาสะเข้ามาข้างใน

   "แล้วมึงมีอะไร"

   "พ่อเขาให้มึงพาเมียเข้าไปหา"

   "แล้วทำไมเขาไม่โทรมา"

   "พอดีกูอยากเสือก"

   "งั้นฝากมึงบอกพ่อด้วยละกันจบงานที่มหา'ลัยกูจะพาเข้าไปหา มึงกลับไปไดัละ" ปอเอ่ยปากไล่

   "อย่าพึ่งไล่ดิวะกูขอทักทายน้องสะใภ้ก่อน" ป้องพูดกวนแล้วแกล้งทำท่าจะหันหลังกลับมามอง เล่นเอาเลิฟหลับตาปี๋เบียดปอจนแทบจะสิง ใจเต้นดังโครมคราม เหงื่อเริ่มซึมออกตามขมับและฝ่ามือเพราะความตื่นเต้น เขารู้สึกอายที่มีคนมาเห็นฉากวาบหวิวของตัวเอง จนทำให้ไม่กล้าเงยหน้ามองอะไรทั้งนั้น

   "มึงรีบกลับไปเลยไอ้ป้องกูยังไม่อยากกระทืบพี่ตัวเอง" ปอบอกเสียงเข้มเพื่อให้ป้องเลิกกวนประสาท

   "ฮ่าๆๆ กูไม่กวนมึงแล้วเดี๋ยวกูบอกพ่อให้ไปละ" ป้องพูดกลั้วหัวเราะแล้วเดินออกจากบ้านไป
   ปอรอสักพักก็ลุกเดินตามไปล็อกประตู พอกลับมาเลิฟก็ไม่อยู่ที่โซฟาแล้วสงสัยคงจะกลับเข้าห้องนอน ปอกระตุกยิ้มนิดๆแบบนี้ก็เข้าทางเขาพอดี

...
...

   "ปอไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยวมานะ" เลิฟหันไปบอกปอที่นั่งคุยกับเพื่อนอยู่

   "เดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อน" ปอว่าแล้วทำท่าจะลุกขึ้นยืน

   "ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่โชนกับไอ้พีทไปด้วย" เลิฟว่าแล้วพยักหน้าไปหาอีกสองคนที่อยู่ใกล้ๆ

   "รีบไปรีบมา" ปอว่าแล้วปล่อยให้เลิฟไปเข้าห้องน้ำ ทำไมเขากล้าปล่อยไอ้เลิฟไปกับไอ้โชนน่ะเหรอ ก็มันไม่จำเป็นที่เขาต้องหึงเมียเพื่อน ถ้ามันกล้ายุ่งกับเมียเขาคงต้องเคลียร์กับไอ้ต้ายาว

   เมื่อตอนเย็นหลังจากที่เขาฟัดไอ้เลิฟเสร็จหมาดๆ ไอ้ต้ามันก็โทรมา บอกให้เข้าไปที่สนามแข่งรถ ตอนแรกพวกเขาก็แอบสงสัยว่าเรียกมาทำไม ที่ไหนได้มันเรียกมาเปิดตัวเมียอย่างเป็นทางการ จัดการบอกทุกคนไปทั่วสนาม ทำเอาไอ้โชนถึงกับไปไม่เป็น

   "กูก็มองตั้งนานนึกว่าใครที่ไหนได้ไอ้ปอนี่เอง" เสียงพูดกวนๆดังขึ้นที่ด้านหลังทำให้ปอต้องหันกลับไปมอง ก่อนจะแววตาเข้มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเป็นใคร

   "มึงจะมาก่อกวนเหี้ยอะไรไอ้แฮคพวกกูไม่อยากมีเรื่อง" ต้ารีบพูดออกตัวเพราะเดาออกว่าแฮคจงใจเดินมาก่อกวน ถ้ามีเรื่องกันจริงๆพวกเขานี่โคตรเสียเปรียบเล่นพกห่วงผูกคอมาทุกคน

   "กูก็แค่มาทักทายตามประสาคนรู้จัก" แฮคส่งยิ้มกวนประสาทให้

   "มึงมีอะไร" ปอถามเสียงเรียบเพราะไม่อยากเสวนากับแฮคมากนัก

   "แข่งรถกันหน่อยดิวะ" แฮคมองปออย่างท้าทาย

   "อย่าไปเต้นตามมันนะมึง" ต้ารีบเอ่ยปากห้ามปอ

   "มีอะไรรึเปล่าปอ" เลิฟที่พึ่งกลับมาจากห้องน้ำรีบวิ่งเข้ามาหาปอด้วยความเป็นห่วง เพราะเห็นว่าพวกปอกำลังยืนประจันหน้ากับคนกลุ่มนึงอยู่

   "อ้าว...นี่มันน้องเลิฟคนสวยนี่นามาอยู่นี่ได้ไงครับเนี่ย" แฮคทักเลิฟด้วยความแปลกใจก่อนจะเอื้อมมือมาจับแขนเลิฟแน่น

   "พี่แฮค" เลิฟครางออกมาเบาๆด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าจะได้เจอแฮคที่นี่ พอตั้งสติได้เขาก็พยายามสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุม เพราะรู้สึกหวาดกลัวและขยะแขยงแฮค

   "ปล่อยแขนเมียกู" ปอพูดเสียงเข้มแววตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธ เอื้อมมือไปบีบแขนแฮคเต็มแรงเพื่อให้ปล่อยมือ จนแฮคสู้แรงไม่ไหวยอมปล่อยมือในที่สุด ปอเลยดึงเลิฟให้มาอยู่ข้างหลังตัวเอง

   "หึ งั้นที่ไอ้รุตบอกว่ามึงเซ้งไอ้เด็กขายตัวนี่ไปเป็นเมียก็เรื่องจริงสิวะ" แฮคส่งยิ้มเยาะๆให้ปอแล้วมองมาที่เลิฟด้วยสายตาดูถูก

   "เป็นไงวะลีลาดีอย่างที่เขาลือกันไหม" แฮคพูดต่อด้วยเสียงดังลั่นจนทุกคนหันมามองด้วยความสนใจ

   "หุบปากไอ้สัส!!" ปอตะคอกดุดันกระชากคอเสื้อแฮคมากำไว้แน่น

   "ใจเย็นดิวะกูไม่ได้จะหาเรื่องแค่มาชวนมึงแข่งรถ" แฮคยกมือขึ้นสองข้างทำท่ายอมแพ้แล้วกระตุกยิ้มมุมปากให้ปอ

   ปอมองหน้าแฮคนิ่งๆแล้วพยายามระงับความโมโห ก่อนจะปล่อยมือออกจากคอเสื้อของอีกฝ่ายแล้วถอยออกมาเล็กน้อย

   "ของเดิมพัน" ปอถามขึ้นเสียงเรียบด้วยท่าทางใจเย็น ในเมื่อมันอยาก จะเล่นเกมเขาก็จะเล่นกับมัน ส่วนคนอื่นๆได้แต่มองปออย่างตกใจเพราะไม่คิดว่าปอจะรับคำท้า

   "ถ้ากูชนะกูขอเมียมึง" แฮคชี้นิ้วมาที่เลิฟแล้วส่งยิ้มกวนประสาท ปอถึงกับแววตาวาวโรจน์อีกครั้งก่อนที่จะปรับให้มันเป็นปกติ

   "ได้" ปอตอบตกลงด้วยท่าทางนิ่งๆ ทำเอาเลิฟหันมองด้วยความไม่เข้าใจ

   "ไอ้เหี้ยปอ" ต้าเรียกปอเสียงดังเพราะคิดว่าปอบ้าไปแล้วที่รับคำท้าของไอ้แฮคง่ายๆ แต่ปอกลับหันมาสบตาต้านิ่งๆเป็นการส่งสัญญาณให้รู้

   "แต่ถ้ามึงแพ้...มึงต้องคลานมากราบตีนเมียกู" ปอกระตุกยิ้มส่งให้แฮคนิดๆแล้วเดินหันหลังออกมา

   "ถ้ามึงแพ้จะทำยังไงวะไอ้เหี้ย" ต้าโวยวายออกมาดังลั่นหลังจากที่เหลือแต่กลุ่มตัวเอง

   "จับมันถ่วงอ่าวไทย" ปอตอบต้าเสียงเรียบมือก็สาละวนกับการเช็คสภาพรถ ก่อนจะเดินไปหาเลิฟที่ยืนอยู่ใกล้ๆ

   "ฟอดดด กลัวรึไง" ปอก้มลงหอมแก้มเนียนแล้วยกมือกอดเอวเลิฟหลวมๆ เลิฟเลยมองค้อนปอนิดๆแต่ไม่พูดอะไรเพราะรู้สึกกังวล

   "อย่าคิดมากยังไงกูก็ไม่ให้มึงไปกับคนอื่ีน เอาสมองไปคิดว่าจะทำท่าไหนเวลามันมากราบตีนมึงดีกว่า" ปอบอกยิ้มๆแล้วลูบหัวเลิฟเบาๆเป็นการปลอบ

   "แต่พี่แฮคมันชอบเล่นสกปรกแถมสันดานเหี้ย" เลิฟบอกปอด้วยความกังวล เพราะเขารู้กิตติศัพท์ความเลวของแฮคดี

   "ผัวมึงก็ไม่ใช่คนดี" ปอบอกเลิฟเสียงเรียบก่อนจะก้มจูบเลิฟเร็วๆ แล้วเดินไปขึ้นรถเพราะได้เวลาแข่งแล้ว

   รถยนต์สองคันเคลื่อนตัวมาจอดคู่กันในสนาม ก่อนจะออกตัวด้วยความเร็วเมื่อได้ยินสัญญาณการปล่อยตัว กติกาก็ง่ายๆแข่งสามรอบสนามใครถึงเส้นชัยก่อนคนนั้นชนะ

   แล้วก็เป็นไปตามคาดแฮคเล่นสกปรกคอยขับรถเบียดปออยู่ตลอด เวลา ซึ่งปอเองก็ไม่ยอมแพ้เบียดมาเบียดกลับขับบี้กันไปตลอดทาง ทำเอาคนดูหวาดเสียวไปตามๆกัน จนรอบสุดท้ายก็กลายเป็นปอที่เฉือนเอาชนะขับเข้าเส้นชัยไปก่อน

   ปอเปิดประตูลงมาจากรถแล้วเดินตรงไปทางรถของแฮคด้วยความเร็ว จัดการการกระชากคออีกฝ่ายออกมาจากรถแล้วถีบจนล้มลงไปกองกับพื้นสนาม ยกเท้าเหยียบคาแผ่นหลังเอาไว้

   "คลานไปกราบเมียกู!!" ปอตะคอกสั่งเสียงเข้มเอาเท้ายันแฮคที่พยา ยามยืนขึ้นไว้

   "กูไม่ทำ!!" แฮคตะคอกกลับเสียงดังไม่แพ้กัน

   "จะทำดีๆหรือมึงจะตายคาตีนกู" ปอกระทืบลงบนแผ่นหลังแฮคเต็มแรงทันทีที่พูดจบจนอีกฝ่ายนอนราบไปกับพื้น ด้านเพื่อนแฮคพอเห็นแบบนั้นก็จะเข้ามาช่วยแต่โดนคนของอาร์ตกันไว้

   "กูไม่ทำ!!" แฮคยังคงปฏิเสธเสียงแข็ง

   "ได้...งั้นมึงเตรียมตัวมีผัวเป็นสิบได้เลย" ปอว่าเสียงเหี้ยมมองแฮคด้วยแววตาดุดัน

   "มึงไม่ต้องมาขู่กู" แฮคพยายามทำใจสู้ทั้งที่ก็นึกหวั่นกับท่าทางของปอไม่น้อย เพราะตัวเองก็รู้กิตติศัพท์ปอมาพอควรเหมือนกัน

   "มึงคิดงั้นเหรอ" ปอกระตุกยิ้มส่งให้แต่ตาไม่ได้ยิ้มตามมีแต่ความดุดันในนั้น

   "กูให้มึงเลือกอีกครั้งจะกราบเมียกูดีๆหรือมึงจะอยากได้ไอ้พวกนี้เป็นผัว" ปอว่าเสียงเย็นซึ่งแฮคก็มองไปรอบๆแล้วกลืนน้ำลายลงคอ เพราะแน่ใจว่าปอไม่ได้พูดเล่น

   "กูยอมกราบเมียมึงก็ได้แต่อย่าคิดนะว่ามันจะจบง่ายๆ" แฮคกัดฟันพูดแล้วมองปอด้วยสายตาอาฆาต ก่อนจะค่อยๆคลานไปกราบเลิฟด้วยความไม่พอใจ

   เลิฟยืนมองแฮคที่กราบตัวเองนิ่งๆไม่ได้พูดอะไร ส่วนคนอื่นๆก็ได้แต่ส่งยิ้มเยาะเย้ยและมองแฮคด้วยความสมเพช จังหวะที่แฮคกำลังจะเงยหน้าขึ้นจากพื้นปอก็กระทืบลงบนฝ่ามือของแฮคเต็มแรง

   "อ๊ากกกกกกกก" แฮคร้องออกมาด้วยความเจ็บเพราะโดนกระทืบที่มือแถมปอยังขยี้เท้าไปมาอีก

   "จำเอาไว้อย่าปากหมาด่าเมียกูอีก" ปอว่าเยาะๆแล้วยกเท้าออกเดินมาโอบเอวเลิฟเพื่อพาออกไปจากตรงนี้

   "ถุยส์! ทำเป็นเล่นตัวไม่ยอมกูสุดท้ายมึงก็อ้าขาให้ผู้ชายเอาอยู่ดี มันจ่ายมึงเท่าไหร่วะกูอยากรู้" แฮคตะโกนตามหลังปอกับเลิฟเสียงดัง

   ปอชะงักเท้าแล้วหันกลับมามองด้วยแววตาวาวโรจน์ เดินกลับมาหาแฮคด้วยความเร็วถ้ามันไม่ตายคาตีนเขาวันนี้มันคงไม่หยุดเห่า

   "อย่าปอ" เลิฟเอาตัวเข้ามาแทรกกลางระหว่างปอกับแฮค แล้วดันปอให้ถอยออกไปซึ่งปอก็มองเลิฟด้วยความไม่พอใจ
   เลิฟหันกลับมามองแฮคด้วยแววตาเรียบนิ่ง ที่เขาห้ามปอเพราะไม่อยากให้ปอเอาตัวเองลงไปแลกกับคนแบบนี้

   "คนอย่างกู...ถ้าคิดจะอ้าขาให้ผู้ชายด้วยกันเอา คนๆนั้นต้องเป็นราชสีห์ไม่ใช่หนูท่อแบบมึง" เลิฟว่าเสียงเรียบแต่ได้ยินชัดกันทุกคน ก่อนจะส่งสายตามองแฮคอย่างเหยียดหยาม

   ปอกระตุกยิ้มมุมปากด้วยความพอใจ หันมาส่งสายตาเยาะเย้ยแฮคอีกรอบแล้วจูงมือเลิฟให้เดินออกไป ทิ้งให้แฮคมองตามด้วยความแค้นและอับอายที่เอาคืนทั้งสองคนไม่ได้ ท่ามกลางสายตาของคนเป็นร้อยที่มองปอกับเลิฟด้วยความชื่นชม แต่มองแฮคด้วยความดูถูกและสะใจ


2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 44 (16/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 16-02-2016 10:16:23
กับดักที่
- 44 -



   หลังจากกลับมาเมื่อคืนปอก็ซักฟอกเลิฟเรื่องแฮคละเอียดยิบ (จริงๆปอไม่ได้อ้าปากถามอะไรเลย แค่ส่งสายตากดดันจนเลิฟต้องเล่าเท่านั้นเอง)

   เลิฟรู้จักกับแฮคผ่านรุตเพราะทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกัน และแฮคก็ดันถูกใจเลิฟจนคิดจะเคลมแต่เลิฟไม่เล่นด้วย แถมยังออกอาการขยะแขยงอีกฝ่ายสุดๆ มันเลยทำให้แฮคโกรธเลิฟมากโดยที่เจ้าตัวไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักนิด

   จากความไม่พอใจของแฮคเลิฟเลยกลายเป็นเด็กขายน้ำที่ถ้าใครอยากได้ต้องเงินถึง รวมถึงข่าวลือก่อนหน้าจากรุตที่บอกว่าเลิฟง่ายนอนกับคนอื่นไปทั่ว มันเลยยิ่งกลายเป็นเรื่องใหญ่และถูกเล่าแบบใส่สีตีไข่ต่อๆกันเป็นวงกว้าง จนเลิฟต้องเลิกทำงานกลางคืนในที่สุด แล้วเรื่องก็ซาลงไปเองเพราะไม่มีใครมีหลักฐานนอกจากคำพูดที่ได้ยินต่อๆกันมา

   พอฟังถึงตรงนี้ปอแทบจะขับรถออกไปกระทืบแฮคให้จมตีน หน้าตาถมึงทึงพร้อมฆ่าคน จนเลิฟต้องเสียเวลาเกลี่ยกล่อมให้ใจเย็นอีกเป็นชั่วโมง กว่าจะได้นอนก็โคตรดึกแถมพอตื่นขึ้นมาไอ้โหดของเขาดันหายไปไหนไม่รู้ เดินวนรอบบ้านเป็นสิบรอบแล้วก็ไม่เจอ

   "มึงหาอะไร" เสียงถามที่ดังขึ้นด้านหลังทำเอาเลิฟสะดุ้งด้วยความตกใจ

   "ไปไหนมา" เลิฟถามด้วยความสงสัยว่าปอออกไปไหนแต่เช้าแล้วพึ่งจะกลับมาตอนเกือบเที่ยง

   "ไปหาไอ้แฟงมึงกินข้าวรึยัง" ปอว่าแล้วถามเลิฟบ้าง

   "กินแล้วว่าแต่ปอเหอะกินมารึยังทำอะไรให้กินไหม" เลิฟถามกลับด้วยความเป็นห่วง

   "ไม่เป็นไรกูกินมาแล้ว" ปอตอบเสียงเรียบแล้วเดินเข้าไปในห้องนอน
 
   "เลิฟเข้ามานี่หน่อย" ปอตะโกนเรียกเลิฟให้เข้ามาหาหลังจากที่ตัวเองเข้ามาในห้องได้สักพัก

   เลิฟเดินไปในห้องตามเสียงเรียกมองหารอบๆห้องแต่ไม่เจอ เลยเดินเข้าไปดูในห้องน้ำ แล้วก็เห็นปอยืนหันหลังไม่ใส่เสื้อใส่แค่กางเกงยีนตัวเดียว

   "มีไรอ่ะ" เลิฟยืนถามอยู่หน้าห้องน้ำ

   "โกนหนวดให้กูหน่อย" ปอหันมาบอกแล้วยื่นอุปกรณ์โกนหนวดให้ พอเลิฟเดินเข้ามารับปอก็จัดการอุ้มคนตัวเล็กขึ้นนั่งบนอ้างล้างหน้า แล้วแทรกตัว ไปยืนระหว่างขาทั้งสองข้าง

   ในขณะที่เลิฟกำลังจะบีบครีมโกนหนวดลงบนฝ่ามือ สายตาก็ไปสะดุดเข้ากับรอยสักบนหน้าอกปอ ก่อนที่เขาจะเอามือไปลูบมันเบาๆแล้วยิ้มออกมา นี่สินะเหตุผลที่หายออกไปจากบ้านแต่เช้า

   "คิดยังไงไปสักมาเนี่ย" เลิฟถามปอเสียงแผ่วแล้วก็ยิ้มเขินให้กับรอยสัก

   "ก็คิดว่าอยากสักมึงไม่ชอบ" ปอถามเสียงเรียบ เลิฟเลยรีบส่ายหน้าไปมา

   "ชื่อมึงทำกูคิดมากฉิบหายตอนสักหน้าแบบกูมาสักคำว่า LOVE บนตัวแต๋วฉิบ" ปอบ่นออกมาอย่างไม่จริงจัง ที่เขาสักไม่ใช่อะไรก็แค่คิดว่าตัวเขาเองยังสักชื่อตัวเองลงบนตัวมันได้ เขาก็ควรจะแฟร์ๆสักชื่อมันลงบนตัวเองบ้างก็แค่นั้น

   "เขินว่ะปอโอ๊ยยย" เลิฟยกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองที่แดงก่ำไปหมด เขาเขินจริงๆนะเขินชนิดที่ไม่รู้จะพูดอะไรดี ปอเคยบอกเขาว่าตัวเองไม่ใช่คนหวานทำอะไรหวานๆไม่เป็น แต่ปอจะรู้ตัวบ้างไหมไอ้การที่ทำอะไรตรงๆคิดจะทำก็ทำแบบเนี่ย มันยิ่งกว่าพวกทำอะไรหวานๆอีก

   "หึ มึงจะเขินทำไมกูเป็นคนสักกูยังไม่เขินเลย" ปอส่ายหัวแล้วยิ้มขำกับท่าทางของเลิฟ

   เลิฟมองค้อนปอนิดๆแล้วบีบครีมโกนหนวดลงบนฝ่ามือ ค่อยๆทาลงบนใบหน้าคมก่อนจะบรรจงโกนหนวดให้

   "ว่าจะถามนานละสีตาปอไม่เห็นเหมือนพี่ปิงกับปรางเลย" เลิฟจ้องตาปอด้วยความสนใจ

   "กูได้มาจากพ่อ" ปอตอบคำถามมีเลิฟใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดครีมโกนหนวดออกให้หลังจากที่โกนเสร็จ

   "เลิฟเคยคิดว่าปอใส่คอนแท็คเลนส์ด้วยนะ" เลิฟว่ายิ้มๆ

   "บางทีมึงก็เพ้อเจ้อเหมือนกันนะ" ปอมองเลิฟด้วยสายตาที่ใช้มองเด็กสองสามขวบไม่มีผิด

   "ก็จะไปรู้ไหมล่ะหน้าตาไม่ได้เหมือนฝรั่งเลยเหอะ ดันทะลึ่งตาสีเทาๆเขียวๆแบบนี้" เลิฟทำหน้างอปากยื่นใส่ปอ

   "พ่อกูไม่ใช่คนไทย...มีอะไรจะถามอีกไหม" ปอถามเสียงแหบพร่าเท้าแขนคร่อมตัวเลิฟไว้ โน้มตัวกัดริมฝีปากของคนตัวเล็กเล่นเบาๆก่อนจะผละออกมาสบตากับเลิฟ

   "ไอ้หื่น" เลิฟว่าเบาๆด้วยความหมั่นไส้

   "หึ หึ กูยอมรับ" ปอหัวเราะในลำคอเล็กน้อยก่อนจะก้มลงขบเม้มริมฝีปากอิ่มอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆแทรกลิ้นตัวเองเข้าไปในโพรงปากนุ่มเกี่ยวกระ หวัดดูดดึงลิ้นเล็กอย่างหยอกล้อ

   มือหนาเลื่อนเข้าไปในเสื้อยืดตัวบางบีบเค้นแรงๆไปตามผิวเนียน ผละริมฝีปากออกห่างแล้วจัดการถอดเสื้อคนตัวเล็กออก กดจมูกโด่งซุกไซร้ข้างแก้มไล่ลงมาที่ต้นคอขาวดูดเม้มจนขึ้นรอยแล้วจูบซับลงมาเรื่อยๆ

   "อื้อ" เลิฟส่งเสียงออกมาเบาๆเมื่อปอลงลิ้นเลียยอดอกของตัวเอง แถมยังกัดซ้ำลงมาเต็มแรง

   ปอมองรอยสักบนแผ่นอกขาวด้วยสายตาหวงแหน ชื่อเขาที่สักลงไปเหมือนตราประทับ ว่าคนๆนี้คือของเขาและจะเป็นของเขาคนเดียว

   ปอกดจูบที่รอยสักแผ่วเบาลากริมฝีปากลงมาเรื่อยๆ จูบซับหน้าท้องเนียนใช้ลิ้นเลียวนรอบสะดือสวย มือหนาปลดตะขอกางเกงคนตัวเล็กแล้วกระชากออกจากขาเรียว

   ปอจับขาสองข้างของเลิฟขึ้นตั้งฉากจนเผยให้เห็นช่องทางหลังสีสด ก่อนจะก้มลงครอบปากที่แก่นกายเล็กขยับขึ้นลงรัวเร็วจนตัวเลิฟบิดเร้า มือเล็กขยุ้มผมปอเต็มแรงด้วยความเสียว

   "ปะ...ปอ...จะ...เสร็จ...อึก" เลิฟบอกเสียงกระท่อนกระแท่นขยับสะโพกสวนเข้าปากปอตามแรงอารมณ์ ก่อนจะปลดปล่อยออกมาในที่สุด

   ปอกลืนน้ำรักของเลิฟลงท้องอย่างไม่รังเกียจ ใช้ลิ้นเลียที่ช่องทางรักแล้วแยงเข้าไปข้างใน ชักลิ้นรัวเร็วโดยมีเลิฟยกสะโพกสายร่อนตอบรับ ก่อนจะผละออกแล้วเปลี่ยนเป็นนิ้วเรียวแทน

   ปอค่อยๆเพิ่มจำนวนนิ้วเข้าไปจนครบสามนิ้ว ขยับนิ้วเข้าออกโดยเน้นให้โดนจุดกระสันในตัว ปากก็ประกบจูบเลิฟอย่างเร้าร้อนก่อนที่ปอจะหยุดการกระทำของตัวเอง แล้วดึงตัวเลิฟให้ลงมายืนที่พื้นข้างล่าง จากนั้นก็จับร่างบางให้พลิกคว่ำหันสะโพกมาทางตัวเอง

   ปอเอื้อมไปมือหยิบออยมาทาที่แก่นกายจนทั่ว ก่อนจะค่อยๆดันตัว เองเข้าไปในช่องทางคับแคบ ความอุ่นร้อนภายในโอบล้อมและตอดรัดจนแก่นกายของเขาปวดหนึบไปหมด

   "อ๊าาาาาาา" เสียงหวานครางออกมาด้วยความเสียวซ่านใบหน้าและลำตัวขึ้นสีแดงก่ำไปหมด

   ปอจูดซับดูดเม้มแผ่นหลังเล็กจนทั่วแช่ตัวเองนิ่งๆสักพักแล้วเริ่มขยับเข้าออกช้า ก่อนจะเปลี่ยนเป็นโหมกระแทกอย่างรัวเร็วจนน่ากลัวว่าเอวบางๆของเลิฟจะหักเอา

   "อ๊ะๆๆๆ อ๊าาาาาาา" เลิฟส่งเสียงครางดังระงมตัวโยกคลอนไปตามแรงกระแทกอันหนักหน่วง

   "อ๊ะๆๆๆ ปอ...เบาๆหน่อยแรงไปแล้ว" เลิฟส่งเสียงประท้วงเบาๆ พร้อมกับใช้มือดันหน้าท้องของปอไว้

   "อื้อ" ปอดึงหน้าเลิฟให้หันมาหาก่อนจะก้มลงจูบปิดปากที่ส่งเสียงประท้วงอย่างเร่าร้อน สะโพกหนายังคงกระแทกกระทั้นเข้าออกอย่างรุนแรง

   "อ๊ะๆๆ" เลิฟส่งเสียงครางอีกครั้งหลังจากปากเป็นอิสระ เลิฟใช้มือยันอ่างล้างหน้าเอาไว้เพื่อพยุงตัวเองไม่ให้กระแทกกับขอบอ่าง

   ปอซอยเร่งจังหวะถี่ๆและหนักหน่วงจนในที่สุดก็ปลดปล่อยออกมาล้นช่องทางรัก พร้อมกับที่เลิฟกระตุกเกร็งและปลดปล่อยออกมาเช่นเดียวกัน

   ปอใช้มือรองรับคนตัวเล็กที่ทรุดฮวบลง ช้อนตัวร่างบางขึ้นแล้วอุ้มไปวางลงบนเตียงก่อนจะเริ่มบทรักอันเร่าร้อนอีกครั้ง

...
...

   เสร็จจากการรับรางวัลเรียบร้อยพวกปอก็รีบบึ่งไปที่เวทีหน้ามหา'ลัยทันที เพื่อเชียร์และให้กำลังใจเลิฟ นาว โดม ที่มีแข่งประกวดวันนี้

กว่าพวกปอจะฝ่ากลุ่มคนที่มาร่วมแสดงความยินดีได้ การประกวดดาว-เดือนก็จบลงพอดี และผู้เข้าแข่งขันก็กำลังทยอยกันลงมาจากเวที

   "เฮ้ย!! จบพอดีแล้วน้องเราอยู่ไหนวะ" อาร์ตมองซ้ายมองขวาหาน้องๆที่ขึ้นประกวดทั้งสามคน สักพักก็เห็นนาวกับโดมเดินลงมาจากเวที

   "เป็นไงบ้างวะเราชนะไหม" อาร์ตรีบถามด้วยความตื่นเต้น

   "ชนะกับผีอะไรล่ะพี่แค่ดาวคณะบริหารขึ้นเวที นาวนี่กลายเป็นดาวอับแสงเลยเหอะ" นาวบอกอาร์ตด้วยท่าทางเซ็งๆ

   "อ้อ...น้องปรางชนะตามคาดทำไมแม่งไม่พลิกโผหน่อยวะ กูอุตส่าห์ส่งตัวเล็กไซส์เด็กอนุบาลลงแข่ง" อาร์ตบ่นเบาๆแต่นาวก็ได้ยินถลึงตามองอาร์ตจนตาแทบถลน

   "แล้วเดือนล่ะ" อาร์ตถามต่อ

   "ไอ้โก้สถาปัตย์ได้ไปหน้าเหมือนปลาบู่ขาดน้ำแม่งชนะได้ไงก็ไม่รู้" โดมพูดออกมาด้วยท่าทางหงุดหงิดจนอาร์ตแปลกใจ เพราะปกติโดมมันไม่เคยหงุดหงิดคนหล่อ

   "ไอ้โดมมันมีปัญหาอะไรป่ะวะ" อาร์ตหันไปกระซิบถามนาวเบาๆ นาวเลยลากอาร์ตให้ถอยห่างออกจากทุกคนเล็กน้อย ตาก็คอยมองปอเป็นระยะ

   "รู้แล้วเหยียบนะพี่ จริงๆแล้วโดมมี่มันไม่ได้มีปัญหาเองหรอกแต่มันหมั่นไส้" นาวกระซิบกระซาบบอกอาร์ตเลยขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความสงสัยยิ่งกว่าเดิม

   "คืองี้ไอ้เหี้ยโก้อ่ะมันทำตัวให้ชาวบ้านเขาคิดไปทั่วว่ามันอ่ะเป็นแฟนไอ้เลิฟ ทีนี้โดมมี่มันทนไม่ไหวมันเลยไปบอกไอ้โก้ว่าไอ้เลิฟมีแฟนแล้ว ไอ้โก้มันเลยบอกไม่สนใจมันจะจีบไอ้เลิฟไม่ได้จีบแฟนไอ้เลิฟ" นาวพูดอย่างออกรสออกชาติ

   "ฉิบหาย!!! อย่าให้ไอ้ปอรู้นะเว้ยเป็นเรื่องแน่" อาร์ตตาโตแทบจะหลุดออกจากเบ้า รีบลากนาวออกไปคุยให้ห่างกว่าเดิม

   "นาวยังไม่บอกหรอกค่ะพี่แต่จบงานนาวบอกแน่โคตรหมั่นไส้แม่งสุดๆ ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของไอ้เลิฟอยู่ได้ ถ้าไม่คิดว่าเพื่อนจะอายคนนะ นาวจะแหกปากบอกไปดังๆใส่หูมันว่าเพื่อนกูมีผัวแล้วโว๊ยซะเลย" นาวพูดเหวี่ยงๆเพราะรู้สึกหงุดหงิดโก้แต่ทำอะไรไม่ได้ ทั้งๆที่เธอคันปากอยากจะฟ้องพี่ปอใจจะขาด แต่เพราะรู้นิสัยของแฟนเพื่อนดีเลยเลือกที่จะเงียบไว้ก่อน ถ้าไม่เห็นแก่ส่วนรวมไม่คิดว่างานจะล่ม เธอสาบานเลยว่าจะบอกพี่ปอให้จัดการแน่ๆ

   "เออๆใจเย็นน้องแล้วนี่มันเรื่องห่าอะไรวะ คนมีเป็นฝูงเสือกไม่ไปยุ่ง ดันมายุ่งไอ้คนที่ผัวแม่งโคตรดุแบบนี้" อาร์ตพูดอย่างหนักใจเขาละไม่อยากคิดเลยถ้าไอ้ปอมันรู้เรื่องจะเกิดอะไรขึ้น เพราะเจ้าตัวก็ร่ำๆจะกระทืบไอ้โก้ที่มาวุ่น วายกับเมียอยู่แล้ว

   "พี่อาร์ตเลิฟมันออกมาละไปหามันกัน" นาวชี้นิ้วไปทางเลิฟกับเอยที่เดินออกมาพร้อมกัน ก่อนจะลากแขนอาร์ตกลับไปหาทุกคน

   "อุ๊ต่ะ!! ถ้าไม่ติดว่าผัวน้องดุพี่แย่งมาทำเมียแล้วนะ" อาร์ตร้องทักเลิฟเสียงดังก่อนจะจับหมุนซ้ายหมุนขวาเพื่อสำรวจ จนเลิฟถึงกับเกิดอาการมึนนิดๆเพราะแรงเหวี่ยง

   "พอแล้วพี่มันเวียนหัว" ปอพูดขึ้นเสียงเรียบก่อนจะดึงแขนเลิฟมาทางตัวเอง

   "อุ๊ต่ะ!! ทางนี้ก็น่ารักแต่ผัวไม่ดุเท่าไหร่มากอดหน่อยซิ" อาร์ตเปลี่ยนเป้าหมายมาหาเอยแทนพร้อมกับอ้าแขนกว้างเตรียมโผเข้ากอด แต่ก็ทำไม่สำเร็จเพราะกิงดึงเอยมากอดไว้แน่น แล้วยกมืออีกข้างนึงดันหน้าอาร์ตไว้

   "ถึงผมจะไม่ดุแต่ยุ่งกับเมียผมก็เตรียมจองเตียงที่โรง'บาลได้เลยนะพี่" กิงว่าเสียงนิ่งๆแบบที่ไม่ค่อยได้ทำนัก

   "พวกมึงนี่ยังไงวะแค่นี้ทำเป็นหวง กูก็แค่เอ็นดูน้องๆมัน" อาร์ตส่งยิ้มกวนๆให้ปอกับกิง

   "งั้นให้ผมไปเอ็นดูเมียพี่บ้างไหม" กิงว่ากลับยิ้มๆอาร์ตเลยส่งยิ้มกว้างคืน

   "แดกตีนกูไหม" อาร์ตพูดเสียงลอดไรฟันเรียกเสียงฮาจากคนรอบข้างดังลั่น

   "ว่าแต่เมียกูไปไหนวะ" อาร์ตขมวดคิ้วมุ่นแล้วมองไปรอบๆเพื่อหาคนที่เขาเรียกว่าเมีย

   "มันไปเข้าห้องน้ำพี่เดี๋ยวก็มา" เลิฟเป็นคนตอบอาร์ตเลยพยักหน้าน้อยๆเป็นการรับรู้ อันที่จริงเขายังไม่ได้บอกใครด้วยซ้ำเรื่องที่มีเมียแต่ไอ้พวกนี้มันรู้กันเอาเอง

   "ว่าแต่ใครแต่งตัวให้เนี่ยโคตรจะน่ารัก" อาร์ตหันมาถามเลิฟ

   "พี่ๆผู้หญิงในคณะเราแหละครับ" เลิฟตอบพร้อมกับยิ้มเขิน จริงๆเขาไม่ได้แต่งตัวอะไรน่ารักขนาดนั้นหรอก พี่อาร์ตชอบพูดเกินจริงก็แค่กางเกงขาสั้นเหนือเข่านิดๆสีครีมกับเสื้อยืดคอวีสีชมพู รองเท้าผ้าใบสีขาวแค่นั้น
 
   ถ้าจะมีอะไรที่ดูแปลกตาหน่อยก็คงเป็นผมที่โดนจับเซ็ทให้เป็นทรงอย่างดี แบบที่พวกสาวๆเขาบอกว่าน่ารักกันส่วนอื่นก็ปกติทุกอย่าง

   "ปอไปแล้วนะ" เลิฟบอกปอเบาๆเพราะโดนเรียกให้ขึ้นเวทีแล้ว

   "อืม...เดี๋ยวกูรอข้างล่าง" ปอส่งยิ้มให้เลิฟนิดๆก่อนจะก้มลงหอมแก้มใสเบาๆ จนเลิฟหน้าแดงเพราะเขินที่โดนหอมแก้มต่อหน้าคนเยอะแยะ

   "ไปยืนดูเลิฟข้างหน้าด้วยนะมองลงมาต้องเห็น" เลิฟทำตาโตขู่ปอจนปอยิ้มขำแล้วพยักหน้าตกลง เจ้าตัวถึงได้ขึ้นเวทีตามคนอื่นไป

   "น้องเลิฟนี่นับวันยิ่งสวยเนาะ แต่ก่อนกูก็ว่าน่ารักจะตายห่าละ เดี๋ยวนี่แม่งยิ่งเปล่งปลั่งฟีโรโมนเรียกตัวผู้ฟุ้งไปหมด มึงแม่งโชคดีขนาดได้เมียเป็นผู้ชายแท้ๆยังได้สวยจนคนอิจฉา แต่กูไม่อิจฉามึงนะเพราะเมียกูก็น่ารัก" อาร์ตเดินมากอดคอปอแล้วพูดเบาๆให้ได้ยินแค่สองคน

   "ถ้าเลือกได้ผมไม่อยากให้มันสวยขึ้นแบบที่พี่ว่าเลยสักนิด" ปอว่าเสียงเรียบแล้วเดินออกไปที่หน้าเวที ทิ้งให้อาร์ตยืนงงๆกับคำพูดของปอคนห่าอะไรไม่อยากให้เมียสวยขึ้น

   "อือหือ...กูพึ่งรู้ก็วันนี้แหละว่ามอเราแม่งมีผู้ชายน่ารักสัสๆเยอะขนาดนี้ แต่ยังไงเมียกูก็น่ารักสุด" กิงครางออกมาเบาๆด้วยความตะลึงเมื่อเห็นตัว แทนประกวดจากคณะต่างๆทั้งหมด

   ปอส่ายหน้าหน่ายๆให้กิงเขาเห็นด้วยว่าพวกที่อยู่บนเวทีดูน่ารัก แต่ก็นั่นแหละเขาไม่ได้พิศวาสผู้ชาย นอกจากไอ้เลิฟให้เอาผู้ชายด้วยกันเขาก็ไม่แน่ใจว่าจะเอาได้ไหมมันรู้สึกแปลกๆว่ะ แต่กับไอ้กิงคงไม่ใช่ปัญหาเพราะมันฟันได้ทั้งชายและหญิง

   "เอาล่ะค่ะเราก็มาให้ผู้เข้าแข่งขันช่วยแนะนำตัวกันดีกว่านะคะ เริ่มจากน้องเลยค่ะ" พิธีกรสาวยิ้มกว้างแล้วส่งไมค์ให้ผู้เข้าแข่งขัน

   "เอ่อ...ชื่อเลิฟเรียนคณะวิศวะครับ" ทันทีที่เลิฟพูดจบเสียงโห่แซวจากหน้าเวทีก็ดังลั่น บางคนใจกล้าถึงกับขนาดตะโกนบอกรัก ส่วนปอยืนหน้านิ่งไม่แสดงอาการอะไรแต่ปล่อยรังสีอำมหิตออกมาเต็มที่

   "ชื่อเอยเรียนมนุษย์ฯครับ" ตามมาด้วยเอยที่งึมงำตอบเบาๆไม่มองหน้าใครทั้งนั้น และเหตุการณ์ก็ไม่ต่างจากเลิฟผู้คนตะโกนส่งเสียงแซวส่งเสียงเชียร์ดังลั่น

   หลังจากนั้นพิธีกรก็ถามคำถามไปเรื่อยๆ มีคำถามไหนที่โดนใจคนดูก็จะส่งเสียงเชียร์ดังเป็นพิเศษ

   "มาถึงคำถามสุดท้ายกันแล้วนะคะซึ่งเป็นคำถามจากคนดูที่อยู่ด้านล่าง ฝากให้มาถามหนุ่มน้อยที่น่ารักทั้งหมดนี้นะคะ คำถามถามว่าถ้าจะร้องเพลงให้แฟนทุกคนจะร้องเพลงอะไรคะ" พูดจบพิธีกรก็ยื่นไมค์ไปให้เอยที่ยืนหน้าเหวอเพราะได้ร้องเป็นคนแรก

   "เอ่อ...คือ...ว่า" เอยส่งเสียงอึกอักเพราะไม่รู้จะร้องเพลงอะไรส่วนกิงที่อยู่ด้านล่างก็รอฟังจนตัวโก่ง

   "อัง อัง อัง ตดเตะโมะดาอิซุคิ โดราเอ...มอนน... " ทันทีที่เอยร้องเพลงจบก็เกิดความเงียบขึ้นทั่วบริเวณ ก่อนที่ทุกคนจะพร้อมใจกันส่งเสียงหัวเราะออกมา

   "ฮ่าๆๆๆๆๆ น่าร๊ากกกก สุดยอด!!" สารพัดเสียงที่ดังขึ้นพร้อมกันทำให้เอยส่งยิ้มแหยๆแล้วมองทุกคนอย่างงงๆ

   "เมียกู" กิงพึมพำเบาๆแทบจะเอาหัวโขกต้นไม้แถวนั้นตาย

   "ฮ่าๆเมียมึงแม่งจี้ว่ะ" อาร์ตหัวเราะอย่างชอบใจมือก็เอื้อมมาตบไหล่กิงเบาๆ

   "แหมคาดไม่ถึงเลยนะคะว่าน้องเอยจะร้องเพลงนี้ให้แฟน พวกเราเกือบจะติดคอปเตอร์ไม้ไผ่กันแล้วนะคะ เชิญคนต่อไปเลยค่ะหวังว่ารอบนี้คงไม่ใช่เพลงดราก้อนบอลนะคะ" พิธีกรยื่นไมค์ให้คนถัดไปแต่ไม่วายส่งเสียงแซวเอยออกมา

   "เอ่อ...คือ...ผม..." เลิฟเองก็อึกอักไม่ต่างจากเอยเมื่อถึงคิวตัวเอง ว่าจะร้องเพลงการ์ตูนบ้างก็โดนดักคอไว้แล้ว และตอนนั้นเองที่เลิฟหันไปมองปอ ซึ่งปอก็กำลังมองมาที่เขาอยู่ ถ้าเขาจะต้องร้องเพลงให้ปองั้นเหรอ

   "ฉันไม่รู้พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร รู้แค่เพียงวันนี้รักเธอและรักสุดหัวใจ บอกให้ลมและดินกับฟ้าได้จำเอาไว้ เป็นพยานแห่งรักสองเรา ว่าชีวิตที่มีจากนี้จะมีแต่เธอ..." เสียงของเลิฟที่ร้องเพลงออกมาไม่ได้ต่างอะไรจากท่องอาขยานสมัยประถม แต่มันกับอ่อนหวานและซึมลึกลงไปในใจของคนที่เลิฟตั้งใจร้องให้ฟัง

   "ฮิ้วววววววว วู้ววววววววว" เสียงโห่ร้อง ตะโกนแซวดังลั่น จนเลิฟได้แต่ก้มหน้างุดด้วยความอาย

   "อิจฉาสัสกูจะไปบอกให้เมียกูร้องให้ฟังบ้าง" อาร์ตโอดครวญด้วยความอิจฉา ส่วนปอก็กระตุกยิ้มนิดๆแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา

   "อือหือ...มดถึงกับกัดดิฉันกันเลยนะคะ ร้องเพลงหวานขนาดนี้แสดงว่าหัวใจไม่ว่างแล้วใช่ไหมค่ะเนี่ย" พิธีกรแซวเลิฟยิ้มๆจนเลิฟที่หน้าแดงอยู่แล้วแดงยิ่งกว่าเดิม

   "เอาล่ะค่ะเพื่อไม่ให้เสียเวลา การตัดสินหาผู้ชนะเราจะนับคะแนนจากดอกกุหลาบนะคะ 1 ดอกเท่ากับ 1 คะแนนใครได้เยอะกว่า คนนั้นก็จะเป็นผู้ชนะและได้ตำแหน่งคิ้วท์บอยประจำปีนี้ไปครอง ส่วนดอกกุหลาบที่จะมอบให้ผู้แข่งขันนั้น ผู้ที่สนใจจะร่วมเป็นผู้ตัดสินสามารถซื้อดอกกุหลาบจากทางด้าน หลังของท่านได้เลยนะคะ" พิธีกรพูดเสียงสดใส
 
   หลังจากนั้นคนดูก็ทยอยซื้อดอกกุหลาบให้ผู้เข้าแข่งขัน โดยที่คะแนนค่อนข้างสูสีก่อนจะมีเสียงหือฮาเกิดขึ้น เมื่อกิงหอบดอกกุหลาบช่อใหญ่เอาไปให้เอย

   เลิฟมองเอยอย่างอิจฉาก่อนจะมองหาปอ เพราะคิดว่าปอจะซื้อมาให้ตัวเองบ้าง แต่ปอยืนมองนิ่งๆในมือไม่มีดอกกุหลาบเลยสักดอก

   ระหว่างที่เลิฟกำลังก้มหน้ารับกุหลาบจากคนอื่นหงอยๆ ก็มีดอกกุหลาบช่อใหญ่พอๆกับเอยยื่นมาให้ตรงหน้า เลิฟรีบเงยหน้าขึ้นมองทันทีด้วยความดีใจ ฉีกยิ้มกว้างส่งให้ก่อนจะหุบยิ้มลงเมื่อเห็นว่าใคร

   "ขอบใจนะโก้" เลิฟรับดอกกุหลาบมาหงอยๆแล้วถอนหายใจดังเฮือก ก่อนจะมองไปที่ปออีกครั้งปรากฎว่าเจ้าตัวไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว

...
...

   ปอนั่งพ่นควันบุหรี่อยู่บนกระโปรงรถ เขาเดินออกมาจากเวทีประกวดได้สักพัก ส่งข้อความไปบอกไอ้เลิฟเรียบร้อยแล้วว่ารออยู่นี่

   ก่อนเดินออกมาเขาสวนทางกับไอ้โก้ที่หอบดอกกุหลาบช่อใหญ่เดินเข้าไป ก็คงไม่พ้นเอาไปให้เมียเขามันคงกะเอาใจไอ้เลิฟเต็มที่ 

   ส่วนเขาก็เห็นนะว่าไอ้ตัวเล็กมันทำหน้าหงอยๆมองมาที่เขาบ่อยๆ คงอยากให้เขาซื้อดอกกุหลาบให้แต่เขาไม่มีทางซื้อให้มันแน่ๆ

   "ปอ" เสียงเรียกเบาๆจากด้านหลังทำให้ปอหันกลับไปมอง ก่อนจะโยนบุหรี่ลงพื้นและใช้เท้าขยี้จนดับ

   "เสร็จแล้ว?" ถามด้วยความแปลกใจเลิฟเลยพยักหน้าให้นิดๆ

   "เป็นอะไร" ปอมองหน้าหงอยๆของเลิฟนิ่งๆ แต่เลิฟส่ายหน้าไปมาเบาๆไม่ยอมพูดอะไร

   "เฮ้อ!! งอนที่กูไม่ซื้อดอกกุหลาบให้" ปอพูดแทงใจดำจนเลิฟเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะก้มหน้ากัดปากตัวเองแน่น

   "แค่ดอกกุหลาบนะเลิฟกูซื้อให้มึงเยอะขนาดไหนก็ได้ มากกว่านี้กูก็ซื้อให้ได้"

   "แล้วทำไมไม่ซื้อให้ล่ะ" เลิฟพูดแทรกขึ้นมาไม่ใช่ว่าเขาอยากจะงี่เง่า แต่เป็นใครก็ต้องอยากได้จากแฟนทั้งนั้น

   "เพราะกูไม่พอใจที่มึงลงแข่งไม่อยากให้ใครมองมึงทั้ังนั้น กูไม่เหมาซื้อกุหลาบไปโยนทิ้งก็ดีแค่ไหนแล้ว" ปอพูดด้วยเสียงจริงจัง เขาต้องใช้ความอดทนมากแค่ไหนรู้ไหมเพื่อบังคับตัวเองให้ยืนเฉยๆ ฟังไอ้เหี้ยที่ไหนไม่รู้ตะโกนแซวมันมองคนซื้อดอกไม้ไปให้มันน่ะ

   "ไอ้บ้า" เลิฟอึ้งจนไม่รู้จะว่าปอยังไง แค่เพราะโกรธที่เขาลงแข่งถึงกับต้องทำเขานอยด์เลยเหรอวะ แถมยังมีความคิดเพี้ยนๆจะซื้อดอกไม้ไปโยนทิ้งอีก

   "แต่ถึงปอไม่ซื้อให้เลิฟก็ชนะอยู่ดีแหละ" บอกด้วยเสียงงอนๆ

   ปอพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ เขาน่าจะซื้อกุหลาบไปโยนทิ้งอย่างที่คิด แม่งชนะจริงๆซะด้วยสิเวรฉิบหาย
 
   "ขึ้นรถ" ปอบอกเสียงเรียบแล้วเปิดประตูขึ้นไปนั่งในรถ

   เลิฟมองตามด้วยความไม่พอใจเดินอ้อมขึ้นมานั่งบนรถ แล้วปิดประตูแรงๆจนรถสะเทือนทั้งคันทำให้ปอหันมามองหน้าเลิฟนิดๆ แต่เจ้าตัวไม่ได้สนใจก็ถ้ารถคันราคาขนาดนี้ มันจะพังเพราะปิดประตูแรงๆก็ให้มันพังไปเลย

   'กูงอนโว๊ย!!! กูไม่พอใจแม่งไม่ง้อกูอีกไอ้ผัวเลวสันดานเสีย' เลิฟฮึดฮัดด่าปอในใจใบหน้างอง้ำด้วยความขัดใจ

   ปอส่ายหัวหน่ายๆให้เลิฟก่อนจะขับรถกลับบ้าน ค่อยไปง้อเอาทีหลังละกันครับ





2 Be Con...
++++++++++
มีคนบอกสองตอนไม่พอ
เอาไปสามละกัน 55 
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 42 - 44 (16/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-02-2016 13:45:20
หวานเรี่ยราดเลยที่นี้ เอาให้คนอิจฉาเลย  :-[   :pig4:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 42 - 44 (16/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: imvodka ที่ 16-02-2016 13:51:02
พระเอกก็ช่างหาเรื่องเกิ๊น
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 42 - 44 (16/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 16-02-2016 19:12:13
ตั้งแต่กลับมาคืนดีกันนี่หวานขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว
แล้วมันจำเป็นมั๊ยว่าต้องทำร้ายคนอ่านขนาดนี้ :serius2:
เห็นคนรักกันแล้วมันอิจฉา :laugh: ไม่เกรงใจกันบ้างเลย
อย่าทารุณน้องเลิฟมากนักสิ เห็นแต่ละทีนี่แทบเป็นไข้
สงสัยคงต้องทำอะไรมากกว่านี้แล้วล่ะ มดไรจะได้เลิกตอม
ว่าแล้วก็เหนื่อยแทนปอจริงๆ ไม่ไหวจะหึงจะโหดแล้ว
รักกันดูแลกันดีๆนะ ปอยิ่งมีศัตรูน่ากลัวอยู่ด้วย กลัวน้องเลิฟโดนหางเลข
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :กอด1:
+1และเป็ดแทนคำขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 42 - 44 (16/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 16-02-2016 19:27:15
 :pig4: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 42 - 44 (16/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 16-02-2016 20:29:48
เวลาคู่นี้เขาหวานกันก็น่ารักดี

วลีเด็ด ซื้อกุหลาบไปโยนทิ้ง  :a5:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 45 (17/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 17-02-2016 11:28:19
กับดักที่
- 45 -



   "ทำหน้าให้มันดีๆ" ปอบอกเลิฟที่นั่งหน้าหงิกหน้างอดุๆ เจ้าตัวเลยสะบัดหน้าออกไปมองข้างนอกปากก็ขมุบขมิบไปมา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากำลังด่าเขา

   ปอถอนหายใจออกมาพร้อมกับส่ายหน้าหน่ายๆก่อนจะสตาร์ทรถแล้วขับออกไป ไอ้เลิฟมันกำลังงอนเขาตั้งแต่เรื่องดอกไม้นั่นแหละ แถมเช้านี้เขายังบังคับให้มันออกมาข้างนอกด้วยกันทีนี้มันเลยยิ่งหน้างองอนเขาไปกันใหญ่

   สาบานได้เลยว่าแต่ก่อนมันไม่เป็นแบบนี้ให้มานั่งงอน งี่เง่า เอาแต่ใจ มันไม่มีอะไรอย่างนี้แน่ๆ ส่วนตอนนี้น่ะเหรอมันจัดเต็มให้เขาทุกอย่าง พอบอกรักแล้วเป็นงี้เหรอวะแต่เอาเถอะเขาชอบ...ง้อ

   เลิฟเหล่สายตามองปอเล็กน้อยก่อนจะฮึดฮัดออกมาด้วยความขัดใจ เขางอนไอ้บ้าปอมาสามวันแล้วโดยที่อีกคนไม่ง้อเขาเลย ทำตัวปกติสุดๆแถมมาลากเขาไปไหนไม่รู้แต่เช้าโคตรหงุดหงุดเหอะ ทำไมปอเป็นคนคนแบบนี้วะไอ้โรคจิต! ไอ้ผัวเฮงซวย!! กูงอนนะโว๊ย!!! รู้บ้างไหมเนี่ย ฮึ่ย...

   "บ้านใคร?" เลิฟหันมาถามปอด้วยความสงสัยแล้วหันกลับไปมองประตูรั้วบานใหญ่แบบตื่นๆ

   ปอเหลือบมองเลิฟเล็กน้อยแต่ไม่พูดอะไร แล้วขับรถเข้าไปข้างในหลังจากที่ประตูถูกเปิดออก ก่อนจะจอดสนิทที่หน้าบ้านหลังใหญ่

   "เฮ้ย!! เดี๋ยวดิบอกมาก่อนว่าบ้านใคร" เลิฟรีบวิ่งมากระชากแขนปอที่กำลังจะเดินเข้าบ้านไว้ แล้วกวาดตามองรอบบริเวณด้วยความระแวง ขอร้องเลยนะอย่าได้บอกว่าเป็นบ้านตัวเอง อย่าเดินเรื่องแบบนิยายปกติทั่วไป

   "บ้านกูเอง" ปอบอกเสียงเรียบส่วนเลิฟอ้าปากหวอวิญญาณออกจากร่างไปแล้ว จะเดินเรื่องตามนิยายในท้องตลาดทำไมบอกว่าบ้านหมู หมา กา ไก่ ที่ไหนก็ได้

   "แล้วพามาทำไม" เลิฟถามด้วยความระแวงหวังว่าคงไม่ใช่...นะ

   "กูพามึงมาหาพ่อ" ปอว่าแค่นั้นแล้วหันหลังเกินเข้าบ้านไป เลิฟเลยต้องรีบวิ่งตามด้วยหัวใจที่เต้นโครมๆ

   "อ้าวปอ...เลิฟ!!" ปรางที่พึ่งเดินลงบันไดมาทักปองงๆก่อนจะร้องเสียงดังด้วยความตื่นเต้นที่เห็นเลิฟ

   "ทุกคนคะปอมาแล้ว" ปรางส่งเสียงดังแล้ววิ่งผ่านหน้าทั้งคู่เข้าไปในห้องนั่งเล่นด้วยความเร็ว

   "ยืนเอ๋ออยู่นั่นแหละเข้าไปข้างในได้แล้ว" ปอเรียกเลิฟที่ยืนเงียบอยู่ จนเจ้าตัวสะดุ้งน้อยๆแล้วส่ายหัวรัวๆ

   'ให้เข้าไปในนั้นไม่เอาด้วยหรอก' เลิฟตั้งท่าจะหันหลังกลับทางเดิม เพราะเริ่มเดาออกว่าปอจะทำอะไร จนปอต้องเดินมาจับข้อมือเล็กไว้แน่นแล้วจัดการลากร่างบางให้เข้าไปในห้องนั่งเล่น โดยที่เลิฟคอยขืนตัวตลอดเวลา ไม่ให้ความร่วมมือกับปอเลยสักนิด

   "มาถึงตั้งนานแล้วทำไมพึ่งเข้ามา" เสียงดุๆดังขึ้นก้องกังวานไปทั่ว หลังจากที่ปอลากเลิฟเข้ามาในห้องได้สำเร็จ

   เลิฟเหลือบตามองเจ้าของเสียงเล็กน้อยเผลอสบตากับชายวัยกลางคนตรงหน้าเข้าอย่างจัง ก่อนจะรีบเสหลบสายตาแล้วก้มหน้างุด

   ใบหน้าที่ยังคงดูหล่อเหลาและหนุ่มเกินวัยของคุณปรีชาเรียบสนิท แววตาสีเดียวกับลูกชายคนเล็กจ้องมองที่คนข้างๆปอด้วยสายตาเย็นชา

   "ฉันพึ่งจะรู้ว่าเด็กสมัยนี้มันไร้มารยาทเห็นผู้หลักผู้ใหญ่มือไม้มันแข็ง" คุณปรีชาเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงดุๆจนเลิฟก้มหน้างุดลงกว่าเดิม

   "สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่" เลิฟทำใจดีสู้เสือเงยหน้าขึ้นพยายามส่งยิ้มที่คิดว่าดีทีสุดไปให้ พร้อมกับยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งคู่อย่างนอบน้อม

   "ใครพ่อเธอ" คุณปรีชาถามด้วยท่าทีเย็นชาไม่เป็นมิตรจนเลิฟหุบยิ้มแทบไม่ทัน รีบก้มหน้าลงเหมือนเดิมกัดปากตัวเองแน่น

   "แล้วนั่นพาใครมา" คุณปรีชาหันมาถามปอ

   "ก็คนที่พ่ออยากเห็น...เมียผม" ปอบอกพ่อด้วยท่าทีปกติน้ำเสียงเรียบนิ่งไม่แพ้กัน

   เลิฟเงยหน้าหันขวับไปมองปออย่างรวดเร็ว เพราะไม่คิดว่าปอจะบอกพ่อตรงๆขนาดนี้ก่อนจะเสมองคนอื่นๆที่อยู่ในห้อง เห็นว่าปรางนั่งอมยิ้มอยู่พี่ปิง ส่งยิ้มบางๆมาให้เขา และอีกคนที่คล้ายๆกับปอมองเขาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก

   "เอ่อ...ไม่ใช่นะครับผมเป็นรุ่นน้อง" เลิฟพูดแก้ต่างออกมาเพราะกลัวว่าปอจะมีปัญหากับที่บ้าน ดูจากสายตาและท่าทางของพ่อปอที่แสดงออก ไม่ต้องเดาให้ยากก็รู้ว่าท่านไม่ชอบเขาเลยสักนิด

   "มึงอยากเป็นแค่น้องกู" ปอหันมาจ้องเลิฟเขม็งและถามดุๆจนเลิฟหน้าเจื่อนไปนิดก่อนจะส่ายหัวแรงๆ

   "หึ กูเคยบอกมึงไปแล้วนะปอว่ากูอยากอุ้มหลาน" คุณปรีชาพูดต่อด้วยเสียงเรียบนิ่งและส่งสายตามากดดันเลิฟ

   เลิฟกัดปากตัวเองจนเลือดซิบมือจิกเข้าที่กางเกงแน่น รู้สึกเจ็บที่ใจและเริ่มกลัวที่จะต้องรับรู้อะไร กลัวจะโดนจับให้แยกกับปอกลัวจะได้เลิกกัน คิดแล้วกระบอกตามันก็ร้อนผ่าวน้ำตาเหมือนจะไหลแต่เขาพยายามฝืนมันไว้

   "แล้วเธอล่ะมีอะไรจะบอกฉันไหมหรือว่าไม่กล้าพูด" คุณปรีชาหันมาถามเลิฟบ้าง

   "ผมรักพี่ปอครับ" เลิฟพูดออกมาด้วยเสียงสั่นๆ ความจริงเขาอยากจะพูดอะไรเยอะแยะ แต่สิ่งที่หลุดออกจากปากมันมีแค่คำพูดนี้

   "คำว่ารักใครๆมันก็พูดได้ มั่นใจได้ยังไงว่าเธอไม่ได้หลงใหลชั่วครั้งชั่วคราว ไม่ได้เห็นแก่อะไรภายนอกที่ลูกชายฉันมี ทั้งที่เธอก็เป็นผู้ชายเหมือนกันกับลูกชายฉัน จะให้ฉันคิดเหรอว่าเธอยอมเป็นเมียลูกฉันแค่เพราะว่ารัก" คุณปรีชาถามเลิฟด้วยเสียงเย็นชามองเลิฟด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก

   เลิฟน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เริ่มทำอะไรไม่ถูก เพราะโดยพื้นฐานก็เป็นคนอ่อนไหวกับเรื่องแบบนี้ง่ายอยู่แล้ว

   "โอ๊ย!!! เลิกแกล้งได้แล้วพ่อ เห็นไหมว่าร้องไห้แล้วน่ะ" ปรางที่นั่งมองเงียบๆอยู่นานโวยวายขึ้นมาด้วยความเหลืออด

   "ปรางพ่อไม่ได้พูดเล่นพ่ออยากอุ้มหลาน" คุณปรีชาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

   "อยากอุ้มมากไหมค่ะพ่อเดี๋ยวปรางมีให้เองแทนส่วนของปอ แล้วถ้าพี่ป้อง พี่ปิงจะมีเมียเป็นผู้ชายอีกปรางจะมีแทนให้อีกอย่างละคน รวมของปรางด้วยอีกคน แถมให้พ่อเพื่อความสะใจอีกคน ทีนี้พ่อจะได้อุ้มหลานห้าคนพอใจรึยังค่ะ ถ้าพ่อยังไม่เลิกแกล้งเลิฟปรางจะงอนแล้วนะคะ" ปรางบอกพ่อหน้างอง้ำจนคุณปรีชาหน้าเหวอลืมเก็กหน้าตาย

   "งั้นมีเผื่อพี่ได้เลยยัยปราง" ป้องบอกยิ้มๆพร้อมกับยักคิ้วกวนๆส่งให้

   "พี่ด้วยละกัน" ปิงเองก็บอกขำๆ

   "งั้นโอเคตามนี้สรุปปรางจะมีหลานให้พ่อห้าคน โอเคนะคะ" ปรางหันมาส่งยิ้มกวนๆให้พ่อ

   "ฮ่าๆเออดีเอาตามนี่แหละ ว่าแต่พวกมึงสองตัวก็มีเมียเป็นผู้ชายเหรอวะ" คุณปรีชาหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ก่อนจะหันมามองหน้าลูกชายอีกสองคนอึ้งๆ

   "ผมอ่ะเมียแต่มันน่ะผัว" ป้องไหวไหล่เล็กน้อย

   "นี่กูต้องได้ลูกเขยสองคนหรอวะ" คุณปรีชาทำหน้าเหมือนกินยาขม

   "พ่ออย่าไปเชื่อมัน" ปิงโวยวายประท้วงเบาๆแต่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะคุณปรีชาเชื่อตามที่ลูกชายคนโตพูดไปแล้ว

   เลิฟมองภาพตรงหน้าด้วยความอึ้ง น้ำตาที่ไหลออกมาหยุดไหลทันที สายตาที่มองทุกคนเต็มไปด้วยความงงงวย

   "น้ำตามึงนี่เหมือนเปิดก๊อกได้เลยนะ" ปอกระตุกยิ้มขำแล้วเช็ดน้ำตาออกจากหน้าเนียนให้

   "อะไรอ่า..." แววตาของเลิฟที่มองปอเต็มไปด้วยความสับสนเพราะตามสถานการณ์ไม่ทัน

   "เมื่อกี้พ่อกูเขาแค่แกล้งมึง" ปอว่า เลิฟอึ้งเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ทั้งหมดที่เขาเจอนี่คือโดนแกล้งเหรอแถมปอก็รู้แต่ทำเฉย ส่วนพ่อของปอบอกเลยว่าเล่นใหญ่มากโคตรลงทุน

   "หน้างออีกแล้วมึง" ปอดึงปากยื่นๆของเลิฟเล่นเจ้าตัวเลยมองค้อนเขานิดๆแล้วสะบัดหน้าหนี ปอถอนหายใจเหนื่อยๆเรื่องเก่ายังไม่เคลียร์ นี่ได้เรื่องใหม่ให้มันงอนอีกแล้วพ่อนะพ่อหาเรื่องให้ว่ะ

   "เขยิบเข้ามานี่ซิ" คุณปรีชากวักมือเรียกให้เข้าไปหาพร้อมส่งยิ้มอ่อนโยนให้

   เลิฟเดินตามปอเข้าไปหาคุณปรีชาอย่างกล้าๆกลัวๆ สายตาที่มองเต็มไปด้วยความระแวง ใจยังคงหวาดหวั่นกับเรื่องที่พึ่งเกิดถึงจะมีรอยยิ้มอ่อนโยนส่วมาให้ แต่ว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรเลย

   "ฮ่าๆอย่ามองแบบนั้นสิเมื่อกี้พ่อแค่แกล้งเล่น" คุณปรีชาหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข

   "คุณลุงไม่ได้จะแกล้งอะไรผมอีกใช่ไหมครับ" เลิฟถามด้วยความไม่ไว้ใจ

   "ลุงอะไรเรียกพ่อสิไหนขยับเข้ามาอีกซิ" เลิฟขยับเข้าไปใกล้ๆตามที่คุณปรีชาเรียก

   "ชื่อเลิฟสินะเราหน้าตาสวยอย่างที่บอกจริงๆฮ่าๆไอ้ปอมันตาถึงเว๊ย" คุณปรีชาพูดออกมาอย่างถูกอกถูกใจ

   "เห็นไหมคะปรางบอกแล้วเลิฟอ่ะสวยกว่าผู้หญิงบางคนอีก" ปรางพูดขึ้นบ้างแล้วหันมาส่งยิ้มให้เลิฟ

   "ทำกับข้าวก็อร่อยนะพ่อฝีมือพอๆกับคุณนายแม่เลย" ปิงพูดอวยพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้เลิฟ

   "แล้วก็คนนี้แหละที่ผมมาเล่าให้ฟังว่าทำลูกชายพ่อเกือบเป็นบ้า" ป้องพูดเสริมออกมาบ้าง ส่วนตัวแล้วป้องไม่ได้รู้จักอะไรเลิฟมากนัก นอกจากคำบอกเล่าของน้องกับเพื่อนๆของปอ แล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอแฟนน้องชายแบบจริงๆจังๆ

   "ขนาดนั้นเลยไม่ธรรมดานี่หว่า" คุณปรีชาส่งยิ้มล้อเลียนให้เลิฟจนเจ้าตัวก้มหน้างุดด้วยความเขิน ส่วนปอกระตุกยิ้มนิดๆไม่พูดอะไร

   ปอมองทุกคนด้วยใบหน้าเรียบเฉย เขาไม่ได้รู้สึกกังวลอะไรเลยสักนิดที่พาไอ้เลิฟมาบ้าน อาจจะเป็นเพราะเขาเคยคุยกับพ่อแม่ไปแล้ว และส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาเชื่อ...เชื่อว่ามันจะทำให้ทุกคนรักมัน เหมือนกับที่มันทำให้เขารัก

   ปอต้องยอมรับว่าว่าตัวเองโชคดีที่มีครอบครัวแบบนี้ และต้องขอบคุณพ่อกับแม่ที่เข้าใจเรื่องทุกอย่าง เขาไม่รู้ว่าบ้านอื่นเรื่องจะจบลงง่ายๆแบบนี้ไหม แต่ที่แน่ๆเขามั่นใจว่าบ้านไอ้เลิฟเรื่องของเขากับมันไม่น่าจะจบลงง่ายๆ ไม่ใช่ว่ากลัวแค่ไม่อยากมีปัญหาก็เท่านั้น

   "เอ่อ...คุณพ่อคุณแม่ไม่โกรธเหรอครับ ที่ปอมีแฟนเป็นผู้ชายที่ปอมาคบกับผม" เลิฟตัดสินใจถามออกไปด้วยเสียงแผ่วเบา เขาไม่ได้จะกวนน้ำให้ขุ่นหรือระแวงอะไรแล้วดีใจด้วยซ้ำที่ทุกคนรับเขาได้ แต่มันอดสงสัยและรู้สึกผิดไม่ได้ ยิ่งมาเจอพ่อแม่ปอที่ใจดีแบบนี้มันเลยรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ไม่ได้หมาย ความว่าเขาอยากเจอปัญหานะ แต่รู้สึกไม่ดีไงเข้าใจกันใช่ไหม

   "ไม่โกรธหรอกแต่ถ้าจะบอกว่าไม่ผิดหวังไม่เสียใจเลยก็คงโกหก" คุณปรีชาขรึมลงเล็กน้อยแต่ก็ยังมีรอยยิ้มบางๆประดับบนหน้าอยู่

   "คนเป็นพ่อเป็นแม่ทุกคนไม่ว่ายังไงก็อยากให้ลูกใช้ชีวิตที่ถูกที่ควร ตามที่สังคมทั่วไปเขายอมรับกันทั้งนั้น" คำพูดต่อมาของคุณปรีชาทำเอาเลิฟสลดไปพอควร ท่านยังคงยิ้มบางๆและถือโอกาศนี้สอนลูกไปในตัว

   "แต่ว่านะพ่อเลี้ยงลูกพ่อก็เลี้ยงเขาได้แต่ตัว ไปบังคับจิตใจความคิด ความรู้สึกเขาไม่ได้ ถ้าเขาเลือกแล้วและเห็นว่ามันดี พ่อก็ต้องยอมรับในการตัดสินใจนั้น เพราะอะไรดีที่สุดในชีวิตเขาตัวเขาคือคนที่รู้ดีที่สุด" คุณปรีชาส่งรอยยิ้มอ่อนโยนให้ลูกทุกคน ซึ่งทุกคนก็ส่งยิ้มกลับให้ด้วยความสุข

   ปอส่งสายตามองพ่อกับอย่างขอบคุณอย่างที่บอกว่าเขาโชคดี พ่อเขาเป็นคนแบบนี้เหมือนจะเลี้ยงพวกเขาแบบตามใจ แต่จริงๆแล้วพ่อเลี้ยงพวกเขาด้วยเหตุผลและความเข้าใจมาตลอด รวมทั้งเคารพในการตัดสินใจของพวกเขาทุกคน ถ้าเรื่องนั้นมันมีเหตุผลมากพออย่างเรื่องนี้เป็นต้น

   "เคยได้ยินที่เขาพูดกันไหมว่าพ่อกับแม่ก็เหมือนไม้ใกล้ฝั่ง จะตายวันตายพรุ่งเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อยู่กับพวกเราไม่ได้ตลอดชีวิตหรอก แต่คนที่จะอยู่กับเขาตลอดชีวิตที่เหลือคือคนที่เขาเลือกแล้วว่าให้อยู่ข้างๆ เข้าใจที่พ่อพูดใช่ไหม" คุณปรีชายกมือลูบหัวเลิฟด้วยความเอ็นดู

   “ครับ” เลิฟส่งยิ้มบางๆให้อย่างมีความสุข

   “มาหาแม่ซิ” คุณปิ่นแก้วกวักมือเรียกเลิฟให้เข้ามาหา ก่อนจะยกแขนกอดเลิฟไว้หลวมๆลูบหลังบางขึ้นลงอย่างเอ็นดู

   “ถ้าคิดว่าทำให้กับพ่อกับแม่เสียใจก็รักกันนานๆเข้าใจไหม ให้สมที่แม่กับพ่อยอมให้คบกัน” คุณปิ่นแก้วบอกด้วยเสียงอ่อนโยน เลิฟเลยพยักหน้างึกงักรับคำผู้ใหญ่อย่างแข็งขันจนทุกคนยิ้มขำกับท่าทางนั้น

   วันที่ปอเดินมาบอกว่ามีแฟนเป็นผู้ชาย คุณปรีชายอมรับเลยว่าตกใจจนเกือบช็อคไม่ใช่ว่านึกรังเกียจอะไร แต่ด้วยไม่เคยคิดว่าลูกชายคนนี้จะมีแฟนเป็นผู้ชายด้วยกัน ที่สำคัญท่านเลี้ยงลูกมากับมือทำไมจะไม่รู้ว่าปอกับเรื่องผู้ หญิงมันมีมากขนาดไหน ปอไม่เคยมีท่าทางหรืออะไรที่บ่งบอกเลยสักนิดว่าจะคบผู้ชาย ยิ่งถึงขั้นมาบอกว่าแฟน (เมีย) ไม่ใช่แค่คู่นอนแบบนี้มันยิ่งเหลือเชื่อ
   ถ้าหากเป็นลูกชายอีกสองคนที่เหลือ เดินมาบอกกับท่านว่ามีแฟนเป็นผู้ชายคงจะไม่ตกใจขนาดนี้ เพราะอย่างเจ้าป้องท่านก็พอรู้มาบ้างว่ามันตามตอแยวุ่นวายกับตำรวจคนนึงอยู่ ส่วนเจ้าปิงถึงจะมีแฟนเป็นผู้หญิงแต่ก็น่าจะคบผู้ชายเป็นแฟนได้ไม่ยาก ผิดกับเจ้าปอที่ท่านไม่คิดเลยจริงๆเรียกได้ว่าคาดไม่ถึงเลยล่ะ

   ตอนแรกท่านก็พอรู้มาบ้างจากปากลูกน้องที่ให้ตามดูแลลูกชาย ว่าปอพาผู้ชายมากกอยู่ที่คอนโดเป็นเดือนๆ ตอนนั้นก็นึกแปลกใจจนลองแกล้งพูดกดดันไปขำๆเพราะว่าท่านไม่ได้คิดอะไร กระทั่งยัยปรางเริ่มมาเล่าเรื่องของปอกับเด็กที่ชื่อเลิฟให้ฟัง ไหนจะเจ้าปิงที่มาช่วยเล่าเสริมท่านเลยเริ่มสนใจ จนต้องเรียกต้ามาถามเลยได้รู้ว่าปอมีอะไรพิเศษกับเด็กคนนี้ ยิ่งป้องมาเล่าเรื่องที่เกิดตอนปิดเทอมให้ฟังท่านยิ่งสนใจเข้าไปใหญ่

   ยังไม่ทันที่จะได้เรียกปอเข้ามาถามเจ้าตัวก็โผล่หัวมาหาซะก่อน เปิดปากพูดทุกอย่างออกมาโดยที่ไม่ต้องซักไซร้ไล่เรียง แถมยังมาขอของที่ท่านเคยให้กับลูกทั้งสี่คนคืน แต่มีมันคนเดียวไม่ยอมเอาไปและฝากท่านเอาไว้ ทั้งๆที่ตอนนั้นมันพูดเองกับปากว่าชีวิตนี้คงไม่ได้ใช้แท้ๆ มาขอคืนแบบนี้แสดงว่าเด็กที่ชื่อเลิฟคงสำคัญกับลูกชายท่านมากจริงๆ

   “ยินดีต้อนรับสู่บ้านเรานะพี่สะใภ้” ปรางส่งสายตาล้อเลียนให้เลิฟ

   แก้มของเลิฟขึ้นสีแดงทันที ใครล้อเลียนก็ไม่อายเท่าปรางล้อ คงไม่ลืมกันใช่ไหมว่าเขาเคยตามจีบปราง แต่ตอนนี้เขาดันกลายมาเป็นแฟนพี่ชายปราง บอกเลยว่าโคตรอายเหอะ

   “หน้าแดงหมดแล้วน้องสะใภ้อายเหรอครับ” ปิงช่วยปรางผสมโรงแกล้งหยอกเลิฟ พร้อมกับหยิกแก้มแดงๆของเลิฟเล่นด้วยความหมันเขี้ยว

   “สะใภ้อะไรล่ะครับเลิฟเป็นผู้ชาย” เลิฟอ้อมแอ้มเถียงออกไปเบาๆ ปิงกับปรางเลยขำออกมาเล็กน้อย

   “พึ่งจะได้เจอกันครั้งแรกแบบจริงๆจังๆสินะ” ป้องส่งยิ้มให้เลิฟนิดๆ ซึ่งเจ้าตัวก็หันไปสบตาเล็กน้อยก่อนจะรีบหลบสายตา

   “พี่ชื่อป้องเป็นพี่ชายของไอ้พวกนี้ยินดีที่ได้รู้จักนะน้องสะใภ้” ป้องแซวเลิฟขำๆพร้อมกับส่งยิ้มกว้างให้

   เลิฟถึงกับตาพร่าไปเล็กน้อยเมื่อเจอรอยยิ้มพิฆาตของป้องไป ก่อนจะหน้าแดงแปร้ดด้วยความเขินออกมา ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองนเดียวรึเปล่าแต่พี่ป้องกับปอดูคล้ายกันมาก ทั้งรูปร่างหน้าตาและบรรยากาศรอบๆตัว จะต่างกันหน่อยก็ตรงที่ปอจะดูดิบเถื่อน แต่พี่ป้องจะดูสุขุมและเป็นผู้ใหญ่กว่าแค่นั้น

   “อย่ามาสร้างภาพส่งรอยยิ้มอ่อยเมียกู” ปอว่าป้องเหวี่ยงๆ ไอ้ห่านี่มันสันดานเสียจริงๆมันก็เหี้ยพอๆกับเขานี่แหละ แต่มันชอบทำตัวให้ดูเป็นคนดี ใครที่ไม่รู้จักมันพากันโดนหลอกไปหลายรายแล้ว ไอ้ป้องมันเป็นพวกโปกเกอร์เฟซเหมือนเขา มีอะไรหลายอย่างที่เราคล้ายๆกันแต่บอกเลยว่าถ้าเขาเหี้ยไอ้ป้องเหี้ยกว่าหลายขุม

   “หวงไปได้น้องมันรักมึงกูจะอ่อยยังไงให้ติดจริงไหม?” ป้องหันไปยักคิ้วให้เลิฟ

   “ก็ไม่แน่นะครับเพราะผมว่าพี่ป้องก็น่าสนใจกว่าใครบางคนแถวนี้” เลิฟรับมุกที่ป้องส่งมาพร้อมกับมองค้อนปอนิดๆ เพราะยังเคืองเรื่องวันงานแข่งไม่หายรวมกับเรื่องในวันนี้อีกโคตรเคือง

   “หึ หึ กูชอบเมียมึงว่ะปอขอได้ไหมวะ” ป้องขำออกมาอย่างถูกใจ พร้อมกับพูดแหย่ปอไปด้วย

   ปอไม่ได้ตอบอะไรพี่ชายออกไปแต่เหลือบมองหน้างอง้ำของเลิฟเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจออกมาพร้อมกับสายหัวอย่างเหนื่อยใจ งอนเหี้ยอะไรขนาดนั้นวะแค่ดอกกุหลาบ

...
...
   
   "หายงอนกูได้รึยัง" ปอถามเลิฟทันทีหลังจากที่เข้ามาในห้องนอนแล้ว วันนี้เขากับไอ้เลิฟนอนที่บ้านใหญ่ไม่ได้กลับไปนอนบ้านตัวเอง เลิฟมองปอด้วยหางตาเล็กน้อยก่อนจะเดินไปนั่งลงบนเตียง กอดอกและหันหลังให้แต่ยังไม่ยอมพูดอะไร

   "เฮ้ย!!!" เลิฟร้องออกมาด้วยความตกใจเพราะจู่ๆก็โดนผลักให้ล้มลงนอนบนเตียง ตามมาด้วยคนตัวโตที่คร่อมเขาอยู่

   "ลุก!!" เลิฟทำตาดุเสียงแข็งใส่ปอมือก็พยายามผลักตัวปอให้ลุกขึ้น

   "เลิกงอนได้แล้วกูขี้เกียจง้อ" ปอบอกเสียงเรียบ

   "ง้อ!! นี่ปอง้อตอนไหนวะ" เลิฟถามเหวี่ยงแล้วมองปออย่างหงุดหงิด

   "เมื่อคืนกูก็ง้อคืนก่อนกูก็ง้อ" ปอพูดหน้าตายแต่แววตาเป็นประกายระยิบระยับ

   "ใครสั่งใครสอนว่าแบบนั้นเรียกว่าง้อห๊ะ!" เลิฟส่งเสียงดังใส่ปอใบ หน้าขึ้นสีแดงเถือกด้วยความอาย อะไรทำให้คิดว่าการจับกดเขาคือการง้อวะ

   "นั่นแหละวิธีง้อกูงอนกูจับเอางอแงกูจับเอาถ้ากูหึงกูก็จับเอา" ปอสบตาเลิฟนิ่งกระตุกยิ้มที่มุมปากนิดๆ

   "ไอ้หื่นง้อหวานๆอ่ะง้อเป็นไหม" เลิฟกรอกตาไปมาเซ็งๆเขาคงหวังมากไป ผู้ชายแบบปรมัตถ์มันง้อคนไม่เป็น!!

   "เดี๋ยวกูบอกแม่บ้านต้มน้ำตาลให้มึงกิน ถ้าไม่พอกูจะให้ใส่น้ำอ้อยผสม" ปอทำหน้าตายใส่แต่เลิฟรู้ว่าปอกำลังกวนอยู่

   "โอ๊ย!!!" ปอร้องออกมาเสียงดังเพราะโดนเลิฟกัดปลายจมูกเต็มแรง

   "มึงคิดว่ากูเจ็บไหม" ปอทำเสียงดุใส่จนเลิฟหน้าถอดสี

   "เจ็บจริงอ่ะ" เลิฟถามเสียงอ่อยยกมือขึ้นลูบปลายจมูกโด่งเบาๆ

   "เปล่า" ปอก้มลงตอบชิดริมฝีปากบาง กดจมูกลงสูดความหอมที่แก้มเนียน

   "คิกๆพอได้แล้วปอมันจักจี๊" เลิฟหดคอหลบจมูกโด่งของปอที่ระดมหอมลงมา ฝ่ามือเล็กพยายามดันใบหน้าคมให้ออกห่าง

   ปอผละใบหน้าออกมาเล็กน้อยสบตากับเลิฟนิ่ง โน้มตัวลงจูบปิดปากอิ่มสีแดงสดอย่างดูดดื่ม ก่อนจะแทรกลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากนุ่มและเกี่ยวกระหวัดหยอกล้ออย่างเร่าร้อน

   'เฮ้อ!! สงสัยคืนนี้เขาคงไม่ได้นอนแล้วล่ะ'



2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 46 (17/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 17-02-2016 11:34:22
กับดักที่
- 46 -



   วันนี้เป็นวันปิดเทอมวันแรกและเป็นวันสิ้นสุดชีวิตเด็กปีหนึ่ง เปิดเทอมหน้าเลิฟก็จะกลายเป็นเด็กปีสองและมีรุ่นน้องที่จะต้องดูแล แต่มันก็อีกหลายเดือนข้างหน้าละนะ

   ก่อนจะปิดเทอมไม่กี่อาทิตย์ก็มีเรื่องเกิดขึ้นนิดหน่อย เขาเองก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไรแต่จู่ๆวันนึงปอก็กลับบ้านในสภาพมีรอยฟกช้ำบนหน้า ถามอะไรก็ไม่ยอมบอกเขาเลยต้องไปคาดคั้นเอาจากพี่กิง ถึงได้รู้ว่าปอไปมีเรื่องกับโก้เพราะเขาแล้วพลาดท่าให้โก้จนได้แผลกลับมา

   ตอนนั้นเขาไม่ได้คิดไตร่ตรองอะไรทั้งนั้นรู้แค่ว่าตัวเองโมโหมาก แล้วบุกไปหาโก้ถึงคณะซึ่งทันทีที่เจอตัวเขาก็ซัดกำปั้นเข้าไปเต็มๆหน้าอีกฝ่าย

   "เลิฟชกเราทำไม" โก้ถามด้วยความไม่เข้าใจ

   "แล้วมึงไปทำอะไรมาล่ะ" เลิฟตวาดถามดังลั่น

   "อ้อ!! แดกกำปั้นแค่นี้ต้องสำออยไปฟ้องเลยเหรอวะ" โก้ส่งเสียงเยาะเย้ยออกมา แล้วมองปอที่ยืนอยู่ด้านหลังของเลิฟด้วยสายตาแสดงความดูถูก

   "มึงหุบปากเลยโก้แล้วเลิกยุ่งกับกูสักที ไม่ต้องพยายามไม่ต้องทำเหี้ยอะไรทั้งนั้น เพราะยังไงมันก็ไม่มีทางเป็นไปได้ และกูข้อร้องเลยนะช่วยไปบอกแฟนคลับมึงด้วยว่ากูไม่ใช่แฟนมึง กูมีแฟนแล้วคือคนที่ยืนอยู่ข้างหลังกูตอนนี้ไม่ใช่มึง เลิกสร้างปัญหาให้กูกับแฟนกูสักที เพราะไม่ว่ายังไงกูก็รักแฟนกูคนเดียว" เลิฟตะโกนใส่เป็นชุดอย่างเหลืออดไม่ได้สนสายตาของคนที่ยืนมุงดูอยู่เลยสักนิด

   เขาพยายามที่จะบอกโก้เรื่องนี้หลายรอบแล้วเหมือนกัน แต่โก้ไม่เคยเปิดโอกาสให้เขาพูดแถมแฟนคลับโก้ก็พูดไปทั่วว่าเขากับโก้คบกัน พยายามไม่ใส่ใจอะไรจนมาเกิดเรื่องกับปอเนี่ยแหละเขาถึงต้องหันมาสนใจ

   "เลิฟจะบอกว่าเห็นไอ้กระจอกนี่ดีกว่าเรางั้นเหรอ" โก้ชี้นิ้วมาที่ปอด้วยท่าทางเดือดดาล

   "อย่าว่าแฟนกูแล้วที่สำคัญปอไม่ได้กระจอก ถ้ามึงไม่รุมปอก็ไม่แพ้หรอก" เลิฟว่าเสียงเขียวเขาคิดอย่างที่พูดจริงๆ ก็อย่างที่รู้ๆกันคนแบบโก้ไม่น่าจะชกปอให้คว่ำได้ ยกเว้นจะใช้พวกรุมและมันต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ

   "เราไม่ได้รุมเลยตัวต่อตัวกับมัน แต่เป็นมันต่างหากที่ขี้ขลาดยืนให้เราชกเฉยๆ" โก้ตะโกนตอบเลิฟด้วยความกราดเกรี้ยว รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากที่เลิฟเข้าข้างปอทั้งๆที่ปอก็แค่ไอ้กระจอกคนนึง

   "หมายความว่ายังไงยืนให้ชกเฉยๆ" เลิฟชะงักไปนิดกับคำพูดของโก้ คนอย่างปอเนี่ยนะยืนให้ชกเฉยๆรู้สึกได้กลิ่นอะไรทะแม่งๆแล้วสิ

   "ฟอดดด...หึ...รออยู่นี่แป๊บเย็นนี้กูพาไปดูหนัง" ปอเดินมาหอมแก้มเลิฟแล้วกระซิบบอกเบาๆที่ข้างหู ก่อนจะเดินไปหาโก้ที่ยืนฮึดฮัดโมโหมองมาด้วยความไม่พอใจ

   "มึงว่าคนที่มุงดูพวกเราอยู่ตอนนี้เยอะไหมวะ" ปอยกมือขึ้นกอดคอโก้แล้วพูดเบาๆให้ได้ยินกันสองคน

   "อะไรของมึง" โก้ถามด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว พยายามสะบัดตัวออกจากปอแต่ไม่ว่าทำยังไงก็ไม่หลุดจนโก้อดแปลกใจไม่ได้ เพราะเมื่อวานที่เขาทะเลาะกับปอมันไม่ได้มีแรงเยอะขนาดนี้

   "มึงว่าคนพวกนี้จะช่วยกูกระจายข่าวได้มากแค่ไหนวะ" ปอถามเสียงเรียบ

   "ข่าวอะไร?" โก้ทำหน้างงใส่ปอส่วนปอก็กระตุกยิ้มนิดๆ

   "ก็ข่าวที่ว่าเดือนมหา'ลัยโมเมเอาเองว่าคิ้วท์บอยเป็นแฟน จนเจ้าตัวเขาต้องมาปฏิเสธถึงหน้าคณะไง" ปอบอกแล้วกระตุกยิ้มขึ้นกวนๆ

   "นี่มึง!!" โก้ตาเบิกโพลงมองปออย่างเริ่มจะเข้าใจอะไรบางอย่าง

   "ไม่ใช่แค่มึงหรอกนะที่อาศัยขี้ปากชาวบ้านในการกระจายข่าวเป็น" ปอจ้องที่ใบหน้าของโก้ด้วยแววตาว่างเปล่า

   "มึงอยากได้ยินจากปากมันเองมึงก็ได้ยินแล้ว และหวังว่ามันจะชัดมากพอให้มึงเข้าใจอะไรง่ายๆสักที" ปอเลื่อนมือมาจับท้ายทอยของโก้แล้วบีบไว้แน่น

   "อย่ายุ่งกับคนของกูอีกเพราะเรื่องมันจะไม่จบแค่มึงอายแบบนี้" ปอกระซิบเสียงเหี้ยมก่อนจะเดินกลับมาหาเลิฟที่ยืนเอ๋ออยู่

   คนบางคนก็ไม่จำเป็นต้องลงไม้ลงมือ และคนแบบไอ้โก้มันควรจะ ต้องโดนหักหน้าแบบนี้ ถ้าคิดว่าคนอย่างเขากระทืบคนเป็นอย่างเดียวละก็คิดผิดมหันต์ เพราะเขาทำได้ทุกอย่างแค่ขอให้อีกฝ่ายเจ็บปวดเป็นพอ

   "มึงคิดว่ากูกลัวเหรอวะ!!" โก้ตะคอกใส่ตามหลังดังลั่นแต่ปอไม่ตอบโต้อะไรนอกจากกระตุกยิ้มเยาะเย้ยส่งให้ แล้วพาเลิฟเดินออกมาจากหน้าคณะ สถาปัตย์ด้วยท่าทางสบายๆ

   เลิฟไม่รู้ว่าปอเดินไปคุยอะไรกับโก้อีกฝ่ายถึงได้ทำหน้าตาโมโหขนาดนั้น และอย่าได้หวังว่าปอจะเล่าอะไรให้ฟังเพราะไม่มีทาง จนกระทั่งเมื่อวานเขาเจอโก้ด้วยความบังเอิญในสภาพที่เรียกว่าค่อนข้างแย่ เขาถึงได้รู้เรื่องทั้งหมดตั้งแต่ต้นว่าเกิดอะไร ปอจงใจโดนชกเพื่อบีบให้เขาโมโหจนต้องไปบอกโก้แบบนั้น ส่วนที่โก้สภาพยับเยินเละเทะแบบนี้ก็เพราะปอนั่นแหละ

...
...

   "ไงมึงนั่งเหม่อลอยคิดถึงผัวเหรอวะ" เสียงพีทเอ่ยปากแซวดังแทรกขึ้นมาทำให้เลิฟหลุดจากความคิดตัวเอง

   "สัส!! ถ้ามึงคิดถึงผัวก็อย่าโบ๊ยคนอื่น" เลิฟหันไปแยกเขี้ยวใส่พีท

   "ใครผัวกูมึงอย่ามั่ว" พีททำมึนปฏิเสธเสียงสูง

   "ถุยส์...สักขีพยานเป็นร้อยยังหน้าด้านเถียงนะมึง" เลิฟเบ้ปากใส่อย่างหมั่นไส้ พี่อาร์ตเล่นขอมันเป็นแฟนกลางงานแจกเกียร์ขนาดนั้นมันยังกล้าทำมึน

   "ใครเขาจะไปยืดอกรับแบบหน้าชื่นตาบานเหมือนมึงละ" พีทหันมาถลึงตาใส่และเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้

   โป๊ก!!!

   "พวกมึงจะเถียงกันทำไมห๊ะ!! ยังไงพวกมึงก็มีผัวทั้งคู่นั่นแหละ ดูไอ้เหี้ยกั้มดิ๊โดนพลิกจากผัวกลายเป็นเมียมันยังไม่บ่นอะไรสักคำ" นาวเดินมาเขกหัวเพื่อนทั้งสองคนด้วยความรำคาญก่อนจะหันไปจิกกัดกั้มเบาๆ

   "มึงจะพูดขึ้นมาทำไมวะ" กั้มหันมาเหวี่ยงนาวด้วยความเซ็ง นาวเลยหัวเราะออกมาอย่างสะใจที่เห็นหน้างอๆของเพื่อน

   ตอนนี้เลิฟกับเพื่อนอยู่ที่หัวหิน ตั้งใจชวนกันมาเที่ยวเพื่อเลี้ยงฉลองที่เรียนจบปีหนึ่ง กับเลี้ยงส่งนาวที่จะไปเรียนต่อเยอรมันอาทิตย์หน้า และที่สำ คัญที่สุดทริปนี้เป็นทริปหนีเที่ยว

   เมื่อเช้าเลิฟเก็บเสื้อผ้าแล้วหนีออกจากบ้านมา โดยที่พยายามทำทุกอย่างให้เงียบที่สุดเพราะกลัวว่าปอจะตื่น ป่านนี้ไม่รู้ว่าอาละวาดบ้านพังไปรึยัง ก็คนมันหมั่นไส้นี่หว่ามาแกล้งทำให้เขาเป็นห่วงทำไม

   ส่วนไอ้พีทก็หนีพี่อาร์ตมาเที่ยวเหมือนกัน เห็นบ่นว่าเคืองที่พี่อาร์ตหลอก ไอ้กั้มเองก็หนีอดีตเมียที่ปัจจุบันกลายเป็นผัวมา เหตุผลเพราะงอนที่พลาดท่าโดนกดแล้วพลิกคืนไม่ได้สักที ไอ้เอยนี่ไม่ได้ทะเลาะกับใครแต่โดนลากมาด้วยแบบงงๆ

   เย็นวันนี้พวกเขาตั้งใจจะจัดปาร์ตี้ฉลองเล็กๆที่บ้านพัก พีทกับเลิฟเลยมาตลาดเพื่อเลือกซื้อของสด ให้กั้มกับเอยไปเลือกซื้อขนมและเครื่องดื่ม ส่วนนาวกับโดมจัดสถานที่อยู่บ้าน

   “มึงเลือกเสร็จยังเนี่ยช้าฉิบหาย” พีทยืนบ่นข้างๆเลิฟที่กำลังเลือกปลาอยู่

   “มึงจะบ่นทำไมวะของพวกนี้รีบเลือกได้ที่ไหน แดกไม่สดมึงจะแดกไหม” เลิฟเอ็ดพีทเบาๆส่วนตาก็ยังจับจ้องกับการเลือกปลา

   “แม่ศรีเรือนสัส...ถึงว่าพี่ปอแม่งหลงจนโงหัวไม่ขึ้น” พีทพูดประชดเลิฟด้วยความหมั่นไส้

   “มึงพูดเหี้ยอะไรเนี่ย...เอาเท่านี้แหละครับ” เลิฟหน้าขึ้นสีด้วยความอายรีบส่งปลาที่เลือกเสร็จแล้วให้แม่ค้า ก่อนจะจ่ายเงินแล้วลากแขนพีทออกมาจากตรงนั้น

   “แค่นี้ทำอายนะหนูเลิฟ...ตอนมีผัวละไม่เห็นบอกเพื่อน” พีทหยิกแก้มแดงๆของเลิฟอย่างหยอกล้อ

   “ไม่ต้องมาว่ากูเลยตอนมึงมีมึงก็ไม่บอกกูเหอะ” เลิฟว่ากลับไปบ้าง

   “กูพลาด...อย่าพูดถึงได้ป่ะอารมณ์เสีย” พีทพูดเหวี่ยงและทำหน้าเซ็ง

   “เออๆนั่นไอ้กั้มไอ้เอยมาละ” เลิฟส่ายหัวนิดๆก่อนจะรีบลากพีทเดินไปหาเพื่อนอีกสองคน เพื่อขึ้นรถกลับที่พักไปเตรียมอาหารสำหรับปาร์ตี้เย็นนี้

...
...
   
   หลังจากกลับมาถึงที่พักทุกคนก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ต่างๆ ส่วนเลิฟก็หมกตัวอยู่ในครัวเพื่อทำอาหาร เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเลยเดินกลับเข้ามาในตัวบ้าน

   เลิฟมองรอบๆตัวบ้านที่มืดสนิทด้วยความแปลกใจ แต่ไม่ได้นึกสงสัยอะไรมากนักเพราะคิดว่าเพื่อนคงไปเล่นน้ำ เลยตัดสินใจเดินเข้าห้องพักเพื่อไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

   เวลาผ่านไปสักพักเลิฟก็จัดการธุระส่วนตัวเสร็จ พอเดินออกมานอกห้องพักก็ยังคงเห็นว่าในตัวบ้านมืดสนิทอยู่เหมือนเดิม ตัดสินใจเดินไปรอบๆบ้านเพื่อตามหาคนที่เหลือ ก่อนจะหัวใจเต้นรัวเร็วด้วยความกังวลเมื่อไม่เห็นใครสักคนในบ้าน

   เลิฟวิ่งออกมาที่สนามหน้าบ้านพักด้วยความเร็ว ตั้งใจจะไปขอความช่วยเหลือจากป้าเจ้าของบ้านเช่า เพื่อให้ช่วยออกตามหาเพื่อนที่หายตัวไป แต่ยังไม่ทันจะพ้นประตูรั้วก็ต้องชะงักเท้าตัวเองไว้

   “Happy birthday to you, Happy birthday to you....” เสียงร้องเพลงวันเกิดดังไปทั่วรอบๆบริเวณ ก่อนที่นาวจะเดินเข้ามาพร้อมกับเค้กในมือ

   “เป่าเค้กแล้วอธิษฐานเร็วมึง” นาวส่งยิ้มให้ก่อนจะยื่นเค้กมาตรงหน้า

   เลิฟก้มลงเป่าเทียนที่อยู่บนเค้กด้วยความงง เขาไม่คิดเลยว่าเพื่อนจะเซอร์ไพรซ์แบบนี้ เพราะตัวเองไม่เคยจะใส่ใจเรียกว่าลืมมันไปแล้วด้วยซ้ำ ไม่เคยคิดจะจัดงานเลี้ยงฉลองอะไรทั้งนั้น ทุกๆปีเพื่อนก็เลยให้แค่ของขวัญเท่านั้น

   “ขอบใจนะเว้ยพวกมึงแล้วนี่นึกยังไงวะเซอร์ไพรซ์กูแบบนี้” เลิฟถามขึ้นหลังจากทุกคนอวยพรให้เขาแล้ว ส่วนของขวัญเพื่อนๆจะเอาให้ทีหลังที่กรุงเทพฯ

   “แล้วพวกพี่เขามาตอนไหนวะแล้วมาได้ไง” เลิฟถามต่อด้วยความงง สายตาก็จับจ้องไปทางกลุ่มคนมาใหม่ ต้องบอกว่ามากันครบทุกคนทุกคู่ ขนาดพี่ป้องพี่ปิงที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรก็ยังมา แถมพี่ป้องยังพาใครก็ไม่รู้มาด้วยจะขาดก็แค่ปอคนเดียว

   “มาตอนเย็นเพราะไอ้เอยมันบอกผัวว่าเราอยู่นี่” พีทหันไปเหวี่ยงใส่เอยนิดๆ ส่วนเจ้าตัวก็ได้แต่เกาหัวแกรกๆด้วยความเอ๋อ

   “ส่วนเรื่องเซอร์ไพรซ์ต้นเหตุมันมาจากคนนู้น” นาวชี้ไปทางทะเลพอเลิฟหันมองตามก็ใจเต็นระรัวเมื่อเห็นว่าเป็นใครยืนอยู่

   “พี่เขาหอบเค้กมาด้วยเพราะว่าเป็นวันเกิดมึง พวกกูเลยได้โอกาศจัดเซอร์ไพรซ์แถมเค้กสั่งทำพิเศษด้วยนะมึง” นาวเล่าต่อด้วยรอยยิ้ม เลิฟเลยมองเค้กป๊อกกี้บนโต๊ะด้วยความสุขใจ

   “เดี๋ยวกูมานะ” เลิฟบอกเพื่อนก่อนจะรีบวิ่งลงไปที่ชายหาด

   “ฟอดดดด ทำไมมานั่งอยู่นี้คนเดียวอ่ะ” เลิฟกอดปอที่นั่งอยู่บนชายหาดทางด้านหลัง ก่อนจะก้มลงหอมแก้มเต็มแรงแล้วเอาหน้าตัวเองถูไถไปกับหน้าของปออ้อนๆ

   ปอหันมามองหน้าเลิฟเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไร ยกเบียร์ที่ถือติดมือขึ้นมาจิบแล้วมองออกไปที่ทะเล จนเลิฟที่กอดอยู่หน้าเสียไปเล็กน้อย

   “ปอโกรธเหรอ” เลิฟถามเสียงแผ่วอย่างสำนึกผิด

   “ก็รู้นิว่ากูจะโกรธ” ปอพูดเสียงเรียบไม่หันมามองหน้าเลิฟเลยสักนิด

   “แค่หนีมาเที่ยวเองอีกอย่างก็เพราะปอนั่นแหละ” เลิฟอ้อมแอ้มเถียงออกมาเสียงแผ่ว

   “แต่กูเคยบอกมึงแล้วว่าอย่าหายไปแบบนี้อีก” ปอพูดต่อนิ่งๆทำเอาเลิฟชะงักไปนิดเพราะพึ่งนึกขึ้นได้

   “ขอโทษนะสัญญาจะไม่ทำอีก” เลิฟย้ายตัวเองมานั่งข้างหน้าปอแล้ว สบตาอย่างสำนึกผิด เขางอนจนลืมนึกไปว่าอีกคนจะเป็นยังไงจะห่วงเขาแค่ไหน ลืมแม้กระทั่งสัญญาที่อีกฝ่ายเคยขอไปซะสนิท

   “ปอ...ขอโทษ” เลิฟพยายามขอโทษเสียงอ่อย เริ่มจะใจหายเพราะปอเอาแต่นิ่งเงียบ

   “เฮ้ย!! จะไปไหนอ่ะ” เลิฟร้องออกมาเสียงหลงหน้าตาตื่นเพราะจู่ๆปอก็ลุกขึ้นยืน แล้วหันหลังเดินเข้าไปในบ้านหลังนึงใกล้ๆหลังที่เขาพักอยู่

   เลิฟมองตามหลังปอด้วยท่าทางหงอยๆ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่พื้น มองออกไปยังทะเลเบื้องหน้าที่มืดสนิทด้วยความน้อยใจ

   “ไอ้ปอ ไอ้เลว ไอ้เหี้ย แค่นี้ทำไมต้องโกรธด้วยวะก็ขอโทษแล้วไง” เลิฟนั่งฮึดฮัดไม่พอใจมือกำทรายแล้วเขวี้ยงไปข้างหน้า ใบหน้าหวานงอง้ำลงอย่างหงุดหงิด

   “ด่ากูพอรึยัง” ปอถามขึ้นเงียบๆจากทางด้านหลัง เขาเดินกลับมาได้สักพักแล้วแต่ไม่ได้ส่งเสียงเรียก เพราะอยากรู้ว่าไอ้ตัวเล็กมันจะด่าเขาว่าอะไรบ้าง

   “กลับมาทำไม!!” เลิฟทำเสียงเหวี่ยงใส่ปอพร้อมกับสะบัดหน้าหนี จนปอส่ายหัวหน่ายๆกับความงี่เง่า เมื่อกี้มันยังง้อเขาอยู่เลยไม่ใช่เหรอวะ แล้วนี่ยังไม่ทันไรเสือกงอนเขาอีกแล้ว

   “อยู่เฉยๆ” ปอดึงแขนเลิฟที่ลุกขึ้นจะเดินหนีไว้ ก่อนที่ตัวเองจะไปยืนซ้อนทางด้านหลัง หยิบบางอย่างออกจากกระเป๋ากางกาง แล้วสวมมันลงบนลำคอระหงของเลิฟ

   สัมผัสเย็นๆที่คอทำให้เลิฟก้มลงมองอย่างสงสัย ก่อนจะหยิบสร้อยคอขึ้นมาดูด้วยความสนใจ สร้อยที่ปอสวมให้ทำจากทองคำขาวความยาวประ มาณอก มีจี้หยกแท่งขนาดเล็กห้อยอยู่ บนแท่งหยกมีลวดลายมังกรพันล้อม รอบ

   "กูเอาจี้ไปสั่งให้เขาทำสร้อยไว้นานแล้ว ตั้งใจว่าเสร็จแล้วจะให้มึง" ปอยืนกอดเลิฟจากทางด้านหลังพร้อมกับเอาคางเกยหัวของเลิฟไว้

   "ขอบคุณนะ" เลิฟยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างมีความสุข แล้วจับจี้ห้อยคอพลิกไปพลิกมา

   “อ่ะ...มีอักษรจีนด้วยมันอ่านว่าอะไรอ่ะปอ” เลิฟพลิกตรงฐานของแท่งหยกขึ้นมาดูก็พบว่ามีอักษรจีนสลักอยู่

   “ฮวงหลง” ปอบอกเสียงเรียบ

   เลิฟขมวดคิ้วเป็นปมอย่างสงสัย แต่ไม่คิดจะถามต่อเพราะเหมือนปอไม่ค่อยอยากเล่าเท่าไหร่ อันที่จริงปอชอบบังคับให้เขาเล่าเรื่องตัวเอง แต่ตัวปอนั่นแหละไม่เคยจะเล่าอะไรให้เขาฟัง พอถามทีไรก็ทำเงียบเปลี่ยนเรื่องพูดทุกที

   “กูให้แล้วเก็บรักษาให้ดีอย่าทำหายเข้าใจไหม เพราะสร้อยเส้นนี้มันยืนยันว่ามึงเป็นคนตระกูลหลี่เป็นคนของฮวงหลง” น้ำเสียงจริงจังของปอทำให้เลิฟชะงักไป แค่สร้อยเส้นเดียวมันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ สำคัญจนต้องทำเสียงซะจริงจังเลยรึไง แล้วตระกูลหลี่คืออะไร

   “ส่วนของขวัญวันเกิดมึง กลับกรุงเทพฯอยากได้อะไรค่อยไปซื้อเอา” ปอบอกต่ออย่างใจป้ำ เลิฟเลยเบ้ปากนิดๆด้วยความหมั่นไส้ ทำมาเป็นป๋าเดี๋ยวก็ขอบ้านพร้อมที่ดินซะหรอก ที่จริงเขานึกว่าปอให้สร้อยเส้นนี้เป็นของขวัญวันเกิดแล้วซะอีก แต่รู้สึกจะไม่ใช่แหะ

   “ไม่ต้องแล้วก็ได้เพราะ...ปอคือของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิต” เลิฟหันมาสบตาปอแล้วมองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรัก รักแบบที่ไม่มีเงื่อนไขรักแบบที่บอกไม่ได้ว่ารักแค่ไหน...รู้แค่ว่ารัก

   ปอกระตุกยิ้มนิดๆก่อนจะดึงเลิฟเข้ามากอดไว้แน่น สำหรับเขาเลิฟไม่ใช่ของขวัญมันเป็นตัวปัญหา แต่เป็นปัญหาที่เขาเต็มใจจะแก้ไขไปตลอดชีวิต...

...
...

    “หูยยยยย บอกเลยว่าอิจฉาพวกมึงมากค่ะ...แซ่บลืม” โดมมี่ครางออกมาเบาๆสายตาก็มองไปบนชายหาดแบบหื่นๆ
   “เช็ดน้ำลายด้วยมึง” นาวแซวขำๆกับท่าทางของโดม ที่จริงไม่ใช่แค่โดมหรอกที่มองจนน้ำลายหก เก้ง กวาง บ่าง ชะนีแถวนี้ก็มองน้ำลายหก คอแทบหักกันทั้งนั้น

   สาเหตุก็เพราะบนชายหาดตอนนี้มีหนุ่มหล่อเกือบสิบชีวิต นั่งเรียงรายโชว์หุ่นหล่อล้ำซิกแพคแน่นๆชวนขย้ำอยู่น่ะสิ เลยมีสาวๆรวมทั้งหนุ่มๆเดินผ่านทำผ้าเช็ดหน้าตกกันเป็นทิวแถว เล่นเอาเพื่อนของเธอหน้าหงิกหน้างอหวงผัวกันเป็นแถบ ยกเว้นไอ้เอยที่มันเอ๋อเกินกว่าจะเข้าใจว่ามีคนกำลังอ่อยผัว และไอ้กั้มที่ตอนนี้กำลังเล่นน้ำกับผัวหรือเมีย (อันนี้ไม่แน่ใจ) อย่างมีความสุข

   ใช่ว่ามีแต่ในทะเลที่ออกอาการฮึดฮัดโมโหหึง บนชายหาดก็ไม่ต่างกัน เพราะตอนนี้ไฟแทบจะลุกท่วมตัวกันอยู่แล้ว

   “กูไม่ทนแล้วโว๊ย!!!” กิงพูดออกมาอย่างฉุนเฉียว ก่อนจะลุกขึ้นแล้วรีบวิ่งลงทะเลเพราะมีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้กำลังวุนวายกับเอยอยู่ ตามไปด้วยอาร์ตที่วิ่งไปด้วยความเร็วไม่แพ้กิงเพราะชักจะทนไม่ไหวเหมือนกัน

   “กูว่ากูไปด้วยดีกว่า” ปิงที่นั่งมองอยู่นานลุกขึ้นเดินลงไปทะเลบ้าง ไม่ใช่ว่ามีใครให้ต้องไปตามหึงหวงในทะเล แต่เป็นเพราะห่วงน้องสาวคนเดียวของตัวเองต่างหาก ที่เล่นใส่บิกินี่โชว์หุ่นเซ็กซี่เรียกสายตาขนาดนั้นลงเล่นน้ำ

   ฝุ่นเองก็เลยลุกตามลงไปบ้างไม่ใช่ว่าห่วงจะมีผู้ชายมาจีบแฟนแบบกิงกับอาร์ต (ถ้าเขาจะหึงควรหึงผู้หญิงมากกว่าในเมื่อแฟนเขาหล่อ) แต่ที่ลงไปเพราะตามไปเป็นไม้กันหมาให้แฟนเพื่อนกับพี่เพื่อนต่างหาก เพื่อป้องกันการเกิดเหตุนองเลือด

   “น้องเขยกูมันใช้ได้แหะรู้หน้าที่” ป้องยิ้มขำมองตามหลังฝุ่นที่เดินลงทะเลไป ก่อนจะหันไปมองคนที่เขาหนีบมาด้วย ซึ่งตอนนี้กำลังเล่นน้ำกับเมียน้องชายอยู่

   “พวกผู้หญิงนี่เขาสนิทกันเร็วเนอะพี่” ต้าพูดขึ้นมาบ้างสายตาก็มองไปที่บรรดาเมียๆที่คุยกันสนุกสนานเหมือนรู้จักกันมาแล้วชาติเศษ

   “หึ หึ มึงก็เข้าใจเปรียบเทียบ” ป้องหัวเราะในลำคออย่างพอใจกับคำพูดของต้า ไม่ใช่ว่าจะดูถูกว่าแฟนตัวเองเหมือนผู้หญิง แค่เห็นว่าดูคุยกันเจี๊ยวจ๊าวเหมือนกลุ่มแม่บ้านเท่านั้นเอง

   “ว่าแต่มึงเถอะกูเห็นนะที่คอของเด็กนั่น” ป้องเปลี่ยนโหมดมาเป็นจริงจังแล้วถามปอเสียงเครียด เพราะตอนนี้เหลือแค่พวกเขาสามคนที่รู้เรื่องความหมายทั้งหมดดี

   “มึงเล่าเรื่องให้น้องมันฟังหมดแล้วเหรอวะ” ต้าเองก็ถามออกมาเสียงเครียดไม่แพ้กัน

   “ยังไม่ได้เล่า” ปอตอบเสียงเรียบไม่ได้หันมาสบตาใครทั้งนั้น เพราะสายตากำลังมองตามคนตัวเล็กในทะเลอยู่

   “กูว่าแล้ว...ก็นึกอยู่ว่าทำไมน้องมันไม่เตลิด” ต้าถอนหายใจออกมาเบาๆ

   “ถึงรู้มันก็ไปไหนไม่ได้หรอก” ปอพูดด้วยสีหน้าและแววตาไม่แสดงความรู้สึก

   “หึ...มึงนี่มัน ว่าแต่กูไม่อยู่งานเป็นไงบ้างวะ” ป้องเปลี่ยนไปถามเรื่องงานที่ปอเข้ามาทำแทนเขาระหว่างที่ตัวเองไปเรียนต่อ
   “ก็ดีไม่ค่อยเจอพวกมีปัญหาหมาก็ไม่ค่อยกล้ากวน ส่วนนึงคงเป็นเพราะตาด้วยละมั้ง ทางออนไลน์ไอ้ปิงก็เอาอยู่เกิดอะไรขึ้นก็สาวไม่ถึงเรา เพราะออนไลน์มันย้ายฐานง่าย” ปอเล่าเรื่อยๆเหมือนเรื่องปกติก็มันปกติในชีวิตพวกเขาละนะ

   “แล้วเรื่องที่ปู่ให้ทำพ่อรู้รึเปล่าวะ” ป้องถามต่อใบหน้าขรึมลงเล็กน้อย เขาไม่อยากให้น้องชายไปยุ่งกับเรื่องนี้ เพราะปอเคยเกือบพลาดกับมันมาแล้ว และแค่เรื่องที่ต้องมาทำแทนเขาระหว่างที่เขาไม่อยู่มันก็เกินพอแล้ว ถึงแม้จะรู้ว่าปอทำมันได้ดีและดีเกินไปด้วยฃ้ำก็เถอะ

   “คิดว่ารู้แต่เขาไม่พูดมึงก็น่าจะรู้มีอะไรบ้างที่พ่อไม่รู้” คำพูดของปอทำเอาต้าหลุดขำออกมาก็อย่างที่ปอบอก คุณลุงปรีชาท่านรู้ทุกอย่างจริงๆแบบถามอะไรก็ตอบได้เลยล่ะ

   “ก็ว่างั้น...แล้วมึงเอาจริงแน่เหรอว่ะคนนี้” ป้องถามเพื่อยืนยันความแน่ใจอีกครั้ง ถึงจะไม่เคยเห็นน้องชายจริงจังกับใครขนาดนี้ แต่ส่วนลึกในใจเขาก็ยังคิดและกลัวว่ามันจะแค่อารมณ์ชั่ววูบปอ เพราะการที่จะให้ของสำคัญแบบนั้นกับใครไป ความหมายมันมากมายกว่าเครื่องประดับอยู่แล้ว เหมือนกับรอยสักมังกรที่อยู่บนตัวพวกเขาสี่คนพี่น้องรวมทั้งบนตัวไอ้ต้านั่นแหละ มันมีความ หมายมากกว่าที่สักไว้เพื่อความสวยงาม

   ปอหันมาสบตากับพี่ชายตรงๆแววตาเต็มไปด้วยความจริงจัง ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียหนักแน่น เพื่อยืนยันการกระทำของตัวเองทั้งหมด

   “แค่คนนี้ว่ะ...แค่คนนี้คนเดียว”



2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 47 (17/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 17-02-2016 11:38:20
กับดักที่
- 47 -



   “เฮ้อ!!!!” เสียงถอนหายใจหงอยๆดังขึ้นเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ตั้งแต่กลับมา เมื่อเช้าเลิฟพึ่งไปส่งนาวขึ้นเครื่องที่สนามบิน ยอมรับว่าค่อนข้างใจหายและทำใจไม่ค่อยได้ที่นาวไปเรียนต่อ จนโดนทุกคนแซวว่าเป็นลูกแหง่ติดแม่ก็ช่วยไม่ได้นี่นา สำหรับเขานาวคือคนสำคัญอีกคนในชีวิตเลยนะ

   “มึงจะถอนหายใจอะไรนักหนา” ปอที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลังอดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้ หลังจากที่นั่งมองคนตัวเล็กถอนหายใจเฮือกๆอยู่นาน แขนโอบกอดไปรอบตัวอีกฝ่ายแล้วดึงเข้ามาให้ชิดตัวเองมากกว่าเดิม

   “ก็มันคิดถึงนิ” เลิฟบอกหงอยๆเอนตัวพิงไปที่แผ่นอกกว้างตามแรงดึง ขาเหยียดยาวไปตามแนวอ่างอาบน้ำ

   “เพื่อนมึงพึ่งไปเมื่อเช้า” ปอบอกเสียงเรียบปากก็ขบเม้มไปตามแนวต้นคอและลาดไหล่เนียน มือหนาวนเวียนลูบไล้แผ่วๆบนหน้าท้องแบนราบ

   หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จปอก็ลากเลิฟเข้ามาอาบน้ำด้วยกัน ปกติกว่าจะลากกันเข้ามาได้ปอต้องเปลืองแรงพอสมควร เพราะอีกฝ่ายค่อนข้างจะขยาดห้องน้ำเนื่องจากส่วนมากมันไม่เคยจบแค่อาบน้ำ แต่วันนี้ด้วยความเสียใจบวกกับความเศร้าของเลิฟ ทำให้ปอไม่ต้องออกแรงอะไรมากนักก็ลากคนตัวเล็กมาอาบน้ำด้วยกันได้ จับแก้ผ้าแล้วพาลงแช่น้ำในอ่างได้ง่ายนิดเดียว

   “ก็คนมันคิดถึงนิ...อื้อ” เลิฟว่าเสียงกระเง้ากระงอดก่อนจะหลุดครางออกมาเพราะโดนนิ้วมือซุกซนบดขยี้ที่ยอดอก

   “คิดถึงไว้มึงค่อยโทรหา” ปอชวนคุยด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าลง ริมฝีปากยังคงดูดเม้มสร้างรอยรักที่ต้นคอ ฝ่ามือเลื่อนลงไปกอบกุมแก่นกายน่ารักแล้วขยับมันช้าๆจนขยายขนาดสู้มือ อีกข้างก็ยังคงบดขยี้ยอดอกเล็กจนมันแข็งเป็นไต

   “อ๊ะ...ค่าโทรมันแพง...อื้อ” เลิฟพยายามคุยโต้ตอบกับปอแต่ก็หลุดเสียงครางออกมาเป็นระยะ ฝ่ามือเล็กเลื่อนไปจับข้อมือหนาของอีกฝ่ายไว้ อีกข้างก็กำขอบอ่างเอาไว้แน่น ริมฝีปากก็ขบกัดจนห้อเลือดด้วยความกระสัน สะโพกบางรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่างที่กำลังขยายขนาดดุนดันทางด้านหลัง

   “เผื่อมึงจะลืมว่าผัวมึงรวย แค่เยอรมันกูพามึงไปยังได้เลย” ปอบอกเสียงกระเส่าจับอีกฝ่ายให้หันหน้ามาหาแล้วยกขึ้นมานั่งบนตัก โน้มลำคอคนตัวเล็กลงมาบดจูบแลกลิ้นจนเกิดเสียงดัง มือที่กอบกุมแก่นกายก็ยังคงขยับทำหน้าที่เป็นอย่างดี

   “อือ...อื้อ” เสียงครางเบาๆดังออกมาจากลำคอละหง สะโพกบางขยับไปมาตามแรงชักจูงที่แก่นกายด้านล่าง

   จมูกโด่งซุกไซร้ลงไปตามซอกคอขาว ริมฝีปากผละออกห่างเล็กน้อยและไล่ดูดเม้มลงมาเรื่อยๆทั่วผิวเนียน แวะขบกัดส่งลิ้นหยอกล้อกับยอดอกเล็กทั้งสองข้าง มือหนาก็ขยับแก่นกายน่ารักด้วยความเร็วที่เพิ่มมากขึ้น ส่วนอีกข้างก็บีบเค้นสะโพกบางเต็มแรงจนขึ้นรอย

   ไม่นานร่างทั้งร่างของเลิฟก็เกร็งกระตุก และปลดปล่อยหยาดน้ำสีขาวขุ่นออกมาเต็มฝ่ามือหนา ก่อนจะฟุบลงที่ไหล่กว้างแล้วหอบหายใจหนักๆด้วยความเหนื่อย

   ปอขบเม้มติ่งหูเลิฟเบาๆอย่างอ้อยอิ่งพร้อมทั้งส่งลิ้นเข้าไปเลียทักทายทั่วใบหู ฝ่ามือลูบไล้ไปตามลำตัวขาวเนียนบีบเค้นอย่างมันมือเป็นระยะ ก่อนจะใช้นิ้วเรียวยาววนเวียนหยอกล้อตรงช่องทางรัก และจัดการดันนิ้วเข้าไปข้างในช้าๆขยับเข้าออกหมุนวนอยู่แบบนั้น แล้วเพิ่มจำนวนนิ้วเข้าไปจนครบทั้งสามนิ้ว

   “อึก...อื้ออออ” เลิฟสะดุ้งเล็กน้อยเพราะปอขยับนิ้วไปโดนจุดกระสันในร่างกาย และกดเน้นย้ำแบบนั้นถี่ๆจนเลิฟต้องแอ่นสะโพกขึ้นด้วยความเสียว

   ปอก้มลงจูบกับเลิฟอีกครั้งอย่างเร้าร้อน นิ้วมือก็ขยับเข้าออกรัวเร็ว มืออีกข้างก็นวดเฟ้นสะโพกบางไปด้วย

   “เอากูเข้าไปข้างใน” ปอกระซิบเสียงแหบพร่าจัดการดึงนิ้วทั้งหมดออกแล้วใช้มือข้างนึงช่วยประคองตัวเลิฟให้ลุกขึ้น ส่วนอีกข้างก็คว้าเอาออยมาชโลมทั่วแก่นกายจนชุ่มแล้วจับมันให้ตรงกับช่องทางรักของเลิฟ

   เลิฟจับไหล่กว้างทั้งสองข้างไว้เป็นหลักยึดก่อนจะขยับตัวเองขึ้น จัดท่าทางเล็กน้อยแล้วค่อยๆทิ้งตัวลงมาครอบครองแก่นกายขนาดใหญ่โต

   “อื้อออออ...งั่ม” เลิฟกัดที่ซอกคอของปอเต็มแรงเพื่อระบายความเจ็บและเสียด หลังจากที่ช่องทางรักกลืนกินตัวตนของปอจนหมด

   ปอรู้สึกแสบต้นคอนิดๆจากการถูกกัดแต่ไม่เท่าความปวดหนึบเบื้องล่าง ที่กำลังโดนโอบรอบด้วยความอบอุ่นภายในและแรงตอดรัดถี่รัวจากทุกทิศทาง จนปอต้องขบกรามแน่นเพื่อบังคับไม่ให้ตัวเองปลดปล่อยออกมาก่อน

   ปอพยุงตัวเลิฟขึ้นแล้วปล่อยให้ทิ้งตัวลงมา พร้อมๆกับที่ขยับสะโพกสวนขึ้นไป เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางจังหวะรักอันร้อนแรงก็เริ่มขึ้น

   “อ๊ะๆๆ...อ๊าาาาาา” เลิฟส่งเสียงครางดังออกมาต่อเนื่อง พร้อมกับสะโพกบางที่ส่ายร่อนบดเบียดแก่นกายใหญ่โตอย่างรู้งาน มือเล็กขยุ้มที่เส้นผมของปอด้วยความซ่าน ใบหน้าแหงนเงยดวงตาฉ่ำปรือเต็มไปด้วยแรงอารมณ์

   ปอขยับตัวเองสวนขึ้นเต็มแรงตอบรับสะโพกบางที่บดเบียดอย่างเร่าร้อน กระแทกแก่นกายเข้าออกอย่างรุนแรงจนน้ำในอ่างไหวกระเพื่อม โน้มใบหน้าคนตัวเล็กเข้ามาบดจูบแลกลิ้นอย่างดูดดื่ม มืออีกข้างบีบเค้นแก้มก้นขาวจนแทบจะแหลกคามือ

   “อื้ออ...อ๊ะ...อ๊าาา” เสียงครางของเลิฟยังคงดังระงมต่อเนื่อง ตัวสั่นคลอนไปหมดตามแรงกระแทกกระทั่นที่เริ่มถี่ยิบ และรุนแรงมากยิ่งขึ้นตามอารมณ์ที่พุ่งสูง

   “อ๊าาาาาาาาา” ไม่นานร่างของเลิฟก็เกร็งกระตุกเล็กน้อยก่อนจะปลดปล่อยออกมาในที่สุด

   ปอสัมผัสได้ถึงแรงตอดรัดถี่ยิบภายในจนต้องรีบเพิ่มจังหวะการอัดกระแทกให้เร็วยิ่งขึ้น และไม่นานนักปอก็ปลดปล่อยออกมาจนเต็มช่องทางรักของเลิฟ

   “แฮ่กๆๆ” เสียงหอบหายใจเหนื่อยอ่อนของเลิฟดังขึ้นให้ได้ยิน พร้อมกับที่เจ้าตัวหมดแรงนั่งฟุบอยู่กับซอกคอของปอ

   ปอถอนแก่นกายตัวเองออกจากช่องทางด้านหลังช้าๆ มีน้ำรักของเขาเอ่อล้นและไหลเยิ้มออกมาตามเรียวขาเนียน กดจูบที่ขมับของเลิฟแผ่วเบาเพื่อปลอบโยน ก่อนจะเลื่อนมาขบกัดปากอวบอิ่มอย่างหยอกล้อ

   “ต่ออีกยกไหวไหมวะ” ปอสบตาเลิฟนิ่งและถามออกมาแต่ยังไม่ทันที่จะได้คำตอบ ปอก็จัดการพลิกร่างบางให้คว่ำหน้าลงดันตัวอีกฝ่ายไปชิดขอบอ่างอีกด้าน จับมือเล็กทั้งสองข้างให้วางบนขอบอ่างเพื่อจะได้พยุงตัว กดจูบซับไปทั่วแผ่นหลังเนียนก่อนจะค่อยๆดันแก่นกายตัวเองเข้าไปด้านใน เพื่อจะได้เริ่มบรรเลงบทเพลงรักทำนองถัดไป

...
...
   
   เลิฟนอนเหยียดยาวไปตามโซฟาส่วนหัวก็หนุนตักของปอไว้ มือบางคว้าขนมบนโต๊ะกระจกโยนเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ หูก็นอนฟังเพลงในโทรศัพท์ไปอย่างสบายอารมณ์ จนปออดหมั่นไส้กับท่าทางนั้นไม่ได้เอาหนังสือในมือที่กำลังเปิดอ่านอยู่เขกลงบนหัวเลิฟเต็มแรง

   “โอ๊ย!!! ปอเล่นไรวะ” เลิฟเหลือบตามองเหวี่ยงๆมือก็ลูบหัวตัวเองไปมา แม่งเขกลงมาได้

   “สบายไปไหม?” ปอส่ายหัวนิดๆแล้วหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านต่อ

   วันนี้ยังอยู่ในช่วงปิดเทอมและถ้าทั้งคู่ก็ไม่ได้ออกไปไหน ปอก็จะนั่งอ่านหนังสือเรียนไปเพราะไม่ค่อยมีเวลาได้อ่าน ส่วนเลิฟถ้าไม่ออกไปทำงานที่ร้านดอกไม้ จัดสวนหรือทำงานบ้าน  เจ้าตัวก็จะมานั่งมานอนก่อกวนปออยู่แบบนี้ จนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของทั้งคู่ไปแล้ว

   “ปอๆฟังเพลงนี้ดิเพราะดี” เลิฟไม่ว่าแค่ปากแต่ยัดหูฟังอีกข้างใส่หูให้ปอเจ้าตัวเลยจำเป็นต้องฟังอย่างช่วยไม่ได้

   “น้ำเน่า” ปอว่าออกมาหลังจากฟังไปได้สักพักก่อนจะดึงหูฟังออกแล้วหันไปสนใจหนังสือต่อ

   “ฟังรู้เรื่อง?” เลิฟทำหน้าแปลกใจเพราะเพลงเมื่อกี้ที่เขาให้ปอฟังเป็นภาษาเหนือแท้ๆ ตั้งใจจะแกล้งคนตัวโตกลายเป็นว่าอีกฝ่ายดันฟังรู้เรื่องซะงั้น

   “เออ...ถ้ามึงไม่ลืมว่าแม่ผัวมึงเป็นคนเชียงราย” ปอตอบคำถามแต่สายตายังไม่ละออกจากหนังสือ

   “ไม่ได้ลืม...แต่ไม่ได้คิดว่าจะฟังรู้เรื่องนิ” เลิฟทำปากยื่นใส่ปอนิดๆ ก่อนจะยิ้มออกมาเหมือนนึกอะไรขึ้นได้

   “อ้ายปอ...อู้กำเมืองได้ก่” เสียงหวานๆที่เปล่งภาษาท้องถิ่นออกมา ทำให้ปอเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ ก่อนจะลดหนังสือลงจากหน้าก็เห็นว่าเลิฟนั่งยิ้มแป้นแล้นทำตาแป๋วใส่เขาอยู่

   “อู้หื่อฟังหน่อยเน้อ” เลิฟทำตาปริบๆอ้อนปอก็ถ้าปอฟังรู้เรื่องน่าจะพูดได้จริงไหม

   “ไม่” ปอปฏิเสธเสียงเรียบอย่างไม่ไยดี แล้วยกหนังสือขึ้นมาอ่านต่อ อันที่จริงเขาก็พูดได้แต่ไม่อยากพูด

   “หยังหวะ...จ๊าดง่าว” เลิฟพึมพำด่าออกมาอย่างขัดใจ

   “กูฟังรู้เรื่อง” ปอมองดุๆแล้วดึงปากเลิฟแรงๆข้อหาที่บังอาจด่าเขาโง่

   “ชิส์” เลิฟจิ๊ปากเบาๆแล้วกอดหมอนอิงแน่นสะบัดหันหลังให้ปองอนๆ

   “มึงเคยนับบ้างไหมวันๆนึงมึงงอนกูกี่รอบ” ปอตัดสินใจวางหนังสือลงบนโต๊ะ เพราะฝืนอ่านต่อไปก็ไม่รู้เรื่องตามองแผ่นหลังบางอย่างเหนื่อยใจ

   “แล้วตัวเองเคยนับบ้างไหมว่าตั้งแต่งอนมาเนี่ยเคยง้อรึเปล่า” เลิฟหันมาค้อนหน้าคว่ำด้วยความหมั่นไส้ ทำมาเป็นถอนหายใจเหมือนเวลาเขางอนแล้วตัวเองขยันง้อเหลือเกินได้ข่าวว่างอนเองหายเองเหอะ

   “กูก็ง้อมึง....” ปอยังพูดไม่ทำจบเลิฟก็รีบยกมือปิดปากเอาไว้

   “ไอ้แบบนั้นเขาไม่ได้เรียกง้อ เขาเรียกว่า...เออนั่นแหละที่ให้ง้ออ่ะหมายถึงง้อดีๆ แบบปกติชาวบ้านเขาน่ะเป็นไหม” เลิฟพูดออกมารวดเดียวหน้าแดงหูแดงไปหมดด้วยความอาย เมื่อไหร่ปอจะเลิกคิดว่าการจับกดเขาคือการง้อสักทีตีมึนอยู่ได้ ไอ้หน้านิ่งๆเหมือนจะไม่มีอะไรแต่โคตรกวนประสาทที่สุด

   “ถ้ามึงจะขยันงอนกูแบบนี้เป็นไอ้กิงก็หมดปัญญาง้อ” ปอว่าออกมาอย่างไม่ใส่ใจจนเลิฟกรอกตาขึ้นฟ้าด้วยความเซ็ง ชีวิตนี้เขาจะมีโอกาสเห็นปอง้อไหม อันที่จริงตลอดเวลาที่ผ่านมาปอก็ไม่เคยจะง้อเขาดีๆเลยนะ ง้อทีไรวกเข้าเรื่องใต้สะดือตลอด

   ปอมองแผ่นหลังบางที่นั่งงอนเขาอยู่แล้วยกยิ้มขำ ให้ง้อดีๆก็ง้อได้ละมั้งแต่เขาขี้เกียจจับเอาก็จบพูดมากเสียเวลา

   “น้องเลิฟจะงอนพี่จริงๆเหรอครับ” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นข้างหูทำให้เลิฟหันขวับไปมองด้วยความเร็ว ก่อนจะทำตาโตจ้องปออย่างเหลือเชื่อ

   “เมื่อกี้ปอพูดว่าอะไรนะ” เลิฟถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้งอนจนหูฝาด

   “พี่ถามว่าน้องเลิฟจะงอนพี่จริงๆเหรอครับ...หืม” ปอพูดย้ำอีกครั้ง อยากให้ง้อดีๆก็ตามใจหน่อยละกัน เห็นมันทำหน้าแดงๆแล้วโคตรน่าแกล้ง

   “ปอเล่นบ้าอะไรเนี่ย” เลิฟถามเสียงตะกุกตะกักใบหน้าและลำคอแดงก่ำไปหมดด้วยความเขิน อยู่ดีๆมาพูดเพราะทำเสียงนุ่มใส่ ไอ้บ้าปอชอบแกล้งว่ะ มาหงมาหืมอีกไอ้คนนิสัยเสีย

   “พี่ขอโทษนะครับหายงอนพี่นะคนดี” ปอยังทำเสียงนุ่มพูดต่อไปเรื่อยๆ มือก็ลูบแก้มใสเล่นโน้มตัวกดจูบหน้าผากเนียนแผ่วเบา

   “.........” เลิฟได้แต่นั่งเงียบก้มหน้าหงุดมองตักตัวเองปอในโหมดนี้ทำเอาเขาไปไม่เป็นจริงๆ เล่นมาพูดเพราะๆยิ้มอ่อนโยนทำหน้าหล่อใส่เหมือนหัวใจมันจะเต้นทะลุออกมาเลย

   “หึ พอเหอะกูจะอ้วก” ปอทำหน้าเหมือนจะอ้วกออกมาจริงๆก่อนจะเอนตัวนอนลงไปกับโซฟา แกล้งไอ้เลิฟมันก็สนุกดีแต่ขัดกับสันดานตัวเองเกินไป นี่ชักจะสงสัยว่าไอ้ปิงมันไม่รู้สึกแปลกๆตัวเองเหรอวะ ที่พูดจานุ่มนวลพูดเพราะแบบนี้ได้ทุกวัน

   “ไม่เอาดิอย่าพึ่งอ้วก...ปอออ” เลิฟที่ตั้งสติได้ตะกายขึ้นมานั่งบนตัวปอก่อนจะส่งเสียงเรียกออกมา

   “เออ” ปอเหลือบมองเลิฟเล็กน้อยแล้วขานรับออกมาห้วนๆ

   “พูดกับน้องดีๆ...ปออออ” เลิฟว่าเสียงกระเง้ากระงอดๆแล้วลองเรียกอีกครั้ง

   “ครับ” ปอยอมทำตามอย่าว่าง่ายจนเลิฟหลุดขำออกมา ปอกับโหมดนี้ก็ดีนะแต่มันไม่ใช่ยังไงไม่รู้สิ

   “ฮ่าๆๆๆ น่ารักว่ะปอ จุ๊บ” เลิฟโน้มตัวลงจูบปอเบาๆก่อนจะยิ้มกว้างส่งให้จนปอที่มองอยู่ถึงกับตาพร่าไป

   ปอยกตัวขึ้นมาแล้วจูบปากเลิฟเบาๆ ก่อนจะส่งลิ้นร้อนเข้าไปทักทายในโพรงปากนุ่ม เกี่ยวกระหวัดหยอกล้อลิ้นเล็กไปมา มือหนาเลื้อยเข้าไปในเสื้อแล้วเริ่มลูบไล้ไปทั่วผิวเนียน

   อ๊อดดดดด

   เสียงกดกริ๊งหน้าบ้านดังขึ้นทำเอาทั้งคู่หยุดชะงัก ปอผละออกจากเลิฟด้วยความหงุดหงิดที่ถูกขัดจังหวะ หน้าบึ้งตาขวางมองไปทางหน้าบ้าน

   “อย่าหงุดหงิดดิไอ้หื่นนั่งอยู่นี่เดี๋ยวเลิฟไปดูเองว่าใครมา” เลิฟบอกปอแล้วจัดเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่ ก่อนจะลุกเดินออกไปดูที่หน้าบ้าน

   ปอนั่งรออยู่สักพักก็ไม่เห็นเลิฟกลับเข้ามาเลยตัดสินเดินออกไปตาม ก่อนจะรีบเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กด้วยความโมโหเมื่อเห็นว่าใครมาหา

   “มึงมาทำไม” ปอว่าเสียงเข้มแล้วดึงเลิฟไปอยู่ด้านหลัง

   “หึ กูก็หาอยู่ตั้งนานที่ไหนได้มึงก็พาน้องกูมากกที่นี่เอง” รุตส่งยิ้มยียวนให้ปอ ตาก็มองไปรอบๆบ้านอย่างสนใจ

   “แล้วมึงจะทำไม” ปอมองรุตด้วยแววตาวาวโรจน์

   “ก็ไม่ยังไงกูแค่จะพาน้องกูกลับ” รุตยักไหล่ให้ปออย่างไม่ยีหระ

   “มึงคิดว่ามีปัญญาพาไปก็ลองดู” ปอว่าเสียงเหี้ยม

   “ก็จริงอย่างที่มึงว่าแต่ถ้าเป็นคนอื่นมาพาไปก็ไม่แน่” รุตกระตุกยิ้มให้ปออย่างกวนประสาท

   “มึงหมายความว่ายังไง” ปอเริ่มเอะใจอะไรบางอย่างกับความมั่นใจที่ผิดปกติของรุต

   “พ่อครับผมเจอน้องแล้ว” รุตไม่ตอบคำถามปอแต่หันไปตะโกนเรียกใครบางคนแล้วหันมาส่งยิ้มใส่ปออย่างผู้ชนะ

   “พ่อ....” เลิฟครางออกมาแผ่วเบาเมื่อเห็นว่าใครที่กำลังเดินเข้ามา




2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 45 - 47 (17/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-02-2016 12:05:02
สรุปคือทั้งแก้งค์ มีแฟนเป็นผู้ชายกันหมด  o13
เหมือนดราม่า ปัญหาใหญ่จะมาเลยแหะ
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 45 - 47 (17/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 17-02-2016 12:06:15
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 45 - 47 (17/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 17-02-2016 12:41:29
 :pig4: :L2: :3123: :pig4:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 45 - 47 (17/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 17-02-2016 23:33:21
กำลังนอนอ่านตอนพิเศษในเล่ม
แวะมา + คะแนน + เป็ดค่ะ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 45 - 47 (17/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 18-02-2016 08:22:10
กำลังนอนอ่านตอนพิเศษในเล่ม
แวะมา + คะแนน + เป็ดค่ะ
 :กอด1:
เปงไงชอบป่าวตอนพิเศษ อิ อิ
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 45 - 47 (17/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 18-02-2016 10:04:35
สงสัยคงกลัวว่าพี่ปอกับน้องเลิฟจะสงบสุขมากเกินไป
พี่ชายกับพ่อน้องเลิฟก็เลยกลับมาสร้างสีสันให้ทั้งสองคน
มาคราวนี้ท่าทางจะเอาจริง ถึงกับบุกมาถึงบ้านเชียว
แล้วน้องเลิฟจะปฏิเสธได้ยังไง รักครอบครัวขนาดนั้น :เฮ้อ:
จะไปก็ไม่ว่า แต่ขอให้กลับมาแบบปกติสุขเถอะนะ
อย่าได้มีอะไรบุบสลายหรือเจ็บเนื้อเจ็บตัวกลับมาอีกล่ะ
ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเป็นอย่างนั้นพี่ปอจะเป็นยังไง
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :กอด1:
+1และเป็ดค่ะ
ป.ล.อิจฉาคนที่ได้อ่านหนังสือจังเลย :hao5:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 45 - 47 (17/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 18-02-2016 11:21:11
สงสัยคงกลัวว่าพี่ปอกับน้องเลิฟจะสงบสุขมากเกินไป
พี่ชายกับพ่อน้องเลิฟก็เลยกลับมาสร้างสีสันให้ทั้งสองคน
มาคราวนี้ท่าทางจะเอาจริง ถึงกับบุกมาถึงบ้านเชียว
แล้วน้องเลิฟจะปฏิเสธได้ยังไง รักครอบครัวขนาดนั้น :เฮ้อ:
จะไปก็ไม่ว่า แต่ขอให้กลับมาแบบปกติสุขเถอะนะ
อย่าได้มีอะไรบุบสลายหรือเจ็บเนื้อเจ็บตัวกลับมาอีกล่ะ
ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเป็นอย่างนั้นพี่ปอจะเป็นยังไง
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :กอด1:
+1และเป็ดค่ะ
ป.ล.อิจฉาคนที่ได้อ่านหนังสือจังเลย :hao5:

ไม่ต้องอิจฉา ลงจบจะเปิดจองรอบสองจ้า
แต่วันนี้ไม่แน่ใจจะได้อัพมั้ย ไฟดับ
ตะเตือนไตตตต
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 45 - 47 (17/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: imvodka ที่ 18-02-2016 14:04:48
ยังไม่กล้าอ่านกลัวมาม่าแล้วจิตตก

รออ่านรวดเดียวหลังฝน(?พายุ) เลยดีกว่า
 :hao4:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 45 - 47 (17/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 18-02-2016 14:50:12
ยังไม่กล้าอ่านกลัวมาม่าแล้วจิตตก

รออ่านรวดเดียวหลังฝน(?พายุ) เลยดีกว่า
 :hao4:

ไม่มาม่า อย่ากลัว นิยายรักมุ้งมิ้ง ใสๆ
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 48 (19/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 19-02-2016 10:28:01
กับดักที่
- 48 -



   ความเงียบโรยตัวปกคลุมคนทั้งหมดทันทีที่ใครบางคนปรากฎตัว บรรยากาศโดยรอบชวนอึดอัดและไร้เสียงพูดคุยใดๆทั้งสิ้น มีเพียงรอยยิ้มเยาะเย้ยแบบสะใจของรุตเท่านั้นที่ส่งออกมา ใบหน้าขาวของเลิฟซีดเผือดจนแทบไม่เห็นสีเลือดฝ่ามือเล็กมีเหงื่อไหลซึมออกมาจนชุ่ม ดวงตากลมโตสั่นระริกด้วยความกังวลก้มหน้าลงกัดปากตัวเองแน่นจนเลือดซิบ

   “สวัสดีครับ” ปอยกมือไหว้ผู้ชายวัยกลางคนตรงหน้าอย่างนอบน้อม อีกฝ่ายเองก็ยกมือขึ้นรับไหว้ปอแต่ไม่ได้พูดอะไร ดวงตาภายใต้แว่นกรอบหนามองปออย่างพิจารณา

   ปอยืนนิ่งให้อีกฝ่ายสำรวจอย่างไม่คิดจะหลบ คนตรงหน้าเขาเป็นผู้ชายวัยกลางคนที่ดูภูมิฐานอายุน่าจะพอๆกับพ่อเขา  ใบหน้าเรียบเฉยและแววตาที่นิ่งสงบทำให้ดูเป็นคนใจเย็นและไม่มีส่วนไหนที่คล้ายไอ้ตัวเล็กของเขาเลย

   ปอสัมผัสได้ถึงความเครียดที่แผ่ออกมาจากคนข้างตัว จนเขาต้องเอื้อมไปจับมือเล็กขึ้นมาบีบมันเบาๆ เพื่อให้อีกคนคลายความกังวลและรับรู้ว่าเขายังอยู่ตรงนี้

   “กลับบ้าน” เสียงเรียบเรื่อยเปล่งออกมาจากปากชายตรงหน้า สายตาที่มองยังคงนิ่งสนิทไม่แสดงอะไรออกมา

   เลิฟสบตากับคนเป็นพ่อเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหัวไปมารัวเร็วเป็นการปฏิเสธ เอาตัวเองไปซ่อนด้านหลังของปอมือเล็กขยุ้มลงบนเสื้อแน่น

   “ไปเก็บเสื้อผ้าแกควรกลับบ้านได้แล้ว มารบกวนเพื่อนแบบนี้แกไม่เกรงใจเขารึไง” พ่อของเลิฟพูดขึ้นมาอีกครั้ง แต่เน้นหนักคำว่าเพื่อนในประโยคเป็นพิเศษ

   “ไม่รบกวนหรอกครับแค่เพื่อนคนเดียวผมดูแลได้” ปอโต้ตอบกลับด้วยท่าทางนิ่งๆเช่นกัน พร้อมทั้งเน้นเสียงหนักคำว่าเพื่อนเหมือนที่อีกฝ่ายทำ เพราะเขารู้ว่าผู้ชายตรงหน้าจงใจทำแบบนั้น และมั่นใจด้วยว่าอีกฝ่ายน่าจะรู้ว่าเขากับไอ้เลิฟไม่ใช่เพื่อนกัน

   “แกไม่ได้ยินที่ฉันสั่งรึไงไปเก็บของกลับบ้าน” พ่อเลิฟสั่งเสียงเข้มขึ้นกว่าเดิมแต่ยังคงความสุขุมไว้อยู่

   “ผมไม่กลับ” เลิฟยอมปริปากพูดออกมาในที่สุดและนี้เป็นครั้งแรกที่เขากล้าขัดคำสั่งคนเป็นพ่อ

   “ยังไงเราก็ต้องกลับเดี๋ยวนี้!!!” รุตตะคอกออกมาอย่างเหลืออด เอื้อมมือไปกระชากเลิฟให้ออกมาจากข้างหลังปอเต็มแรง ส่วนเลิฟด้วยความตกใจก็ผวาไปตามแรงดึงโดยง่าย

   “ปล่อย!!!!” ปอตะคอกเสียงดังลั่นไม่แพ้กันคว้าตัวเลิฟมากอดเอาไว้แน่นจ้องมองรุตด้วยสายตาดุดัน

   ผัวะ!!!

   รุตซัดกำปั้นเข้าที่หน้าปอเต็มแรงจนถึงกับเซเผลอปล่อยแขนออกจากตัวเลิฟ เป็นจังหวะให้รุตเข้ามาประชิดตัวเลิฟแล้วกระชากเข้าหาตัวเอง ก่อนจะเหวี่ยงร่างบางของน้องชายต่างแม่ไปให้พ่อที่ยืนอยู่

   “พ่อพาน้องกลับก่อนเลยครับเดี๋ยวผมตามไป แล้วพวกมึงจะยืนเฉยทำไมวะจับมันไว้เร็ว” รุตบอกพ่อแค่นั้นแล้วหันมาสั่งเพื่อนตัวเองที่ยืนมองอยู่

   ปอที่ตั้งหลักได้รีบลุกขึ้นด้วยความเร็ว ก้าวขาจะวิ่งตามร่างบางของเลิฟที่โดนลากไปขึ้นรถที่จอดอยู่ไม่ไกล แต่ก็ไปได้แค่ไม่กี่ก้าวเพราะมีคนมาขวางทางเขาเอาไว้

   “ปอ!!! ฮึก...ปล่อยผมนะ” เลิฟตะโกนเรียกปอเสียงดังลั่นพยายามขัดขืนดิ้นรนให้หลุดจากมือของพ่อ แต่ไม่ว่าจะทำยังไงก็ดิ้นไม่หลุดจนเขานึกเกลียดความอ่อนแอของตัวเอง ทำไมเขาถึงไม่ได้เรื่องแบบนี้นะ

   “หลีกไป!!!” ปอตะคอกสั่งคนที่ขวางทางเสียงเหี้ยมแววตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธ ใจเขามันร้อนรนอยากไปให้ถึงตัวเลิฟโดยเร็วที่สุด

   “สัสเอ้ย!! ผัวะ!!” ปอสบถลั่นซัดกำปั้นใส่หน้าคนที่ขวางทางจนลงไปนอนหมอบแล้วยกขาถีบอีกคนที่วิ่งเข้ามาขวางเต็มแรง ก้าวขาวิ่งตามไปได้ไม่ไกลก็เป็นอันต้องล้มกลิ้งเพราะโดนกระโดดถีบจากทางด้านหลัง

   ปอลุกขึ้นมาได้ก็หันกลับไปหาคนที่ทำร้ายตัวเอง แล้วง้างหมัดอัดใส่หน้ามันจนได้เลือด จากนั้นก็จับหัวของมันกระแทกกับเข่าเต็มแรง ก่อนจะปล่อยให้ร่วงลงไปกองกับพื้น กำลังจะยกตีนกระทืบซ้ำแต่อีกคนที่เหลือวิ่งมา ล็อกตัวเอาไว้ เป็นจังหวะให้ไอ้คนที่นอนกองอยู่ลุกขึ้นมาซัดกำปั้นหลุนๆใส่หน้า

   ปอสัมผัสได้ถึงความเค็มปร่าของเลือดในปาก ใบหน้าซีกที่โดนชกเกิดอาการชาอย่างช่วยไม่ได้ ขณะที่อีกฝ่ายง้างหมัดจะชกลงมาซ้ำปอก็ยกขาแล้วถีบออกไปเต็มแรงจนอีกฝ่ายเซไปไม่เป็นท่า จากนั้นก็เหวี่ยงคนที่ล็อกตัวเองลงพื้นไปกองกับเพื่อนมัน และไม่ให้เสียเวลามากไปกว่านั้นปอยกตีนกระทืบซ้ำๆลงไปไม่ยั้งจนอีกฝ่ายร้องโอดครวญไม่เป็นภาษา เมื่อแน่ใจว่าคงไม่มีทางลุกขึ้นมาขวางได้อีกปอก็ออกตัววิ่งไปหาเลิฟด้วยความเร็ว

   “คุณจะพามันไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น” ปอกระชากเลิฟเข้าหาตัวเต็มแรง มองคนตรงหน้าด้วยสายตาดุดัน พ่อเมียก็พ่อเมียสิวะถ้าจะเอาตัวมันไปก็ข้ามศพเขาไปก่อน

   “ปล่อยมือจากลูกชายฉันเดี๋ยวนี้” พ่อเลิฟพยายามพูดกับปอด้วยความใจเย็น

   “ไม่” ปอปฏิเสธเสียงแข็งไม่มีทางที่เขาจะส่งตัวเลิฟให้คนตรงหน้าแน่ๆ เพราะพนันได้เลยว่าถ้าอีกฝ่ายได้ตัวเมียเขาไป มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะไม่ได้เจอหน้ามันอีก ถ้าหากอีกฝ่ายมาพามันกลับไปดีๆเขาคงยอมให้มันไปแต่นี่มันไม่ใช่อีกฝ่ายพยายามที่จะแยกมันออกจากเขา และมีท่าทีคุกคามอย่างเห็นได้ชัด

   ปอไม่รู้ว่าพ่อของเลิฟต้องการอะไรกันแน่ ที่จู่ๆถึงดึงดันจะเอาตัวมันไปทั้งๆที่ไม่เคยสนใจใยดี มองยังไงมันก็แปลกเกินไป ไหนจะสายตาที่ใช้มองเขานั่นอีก มันไม่ใช่สายตาของคนรังเกียจหรือไม่ยอมรับ แต่มันเป็นสายตาที่หวาดหวั่นต่ออะไรบางอย่าง และนั่นมันคือเหตุผลที่ทำให้เขากลัว

   ปอบีบมือของเลิฟแน่นอย่างลืมตัว จนเจ้าตัวนิ่วหน้าด้วยความเจ็บแต่ไม่กล้าทักท้วงอะไร มองปอกับพ่อของตัวเองสลับกันไปมาด้วยความกังวล ดวงตากลมโตฉ่ำวาวด้วยน้ำใสๆ

   “ปล่อยมือจากลูกชายฉันเดี๋ยวนี้แล้วก็เลิกยุ่งเกี่ยวกันซะ” คำพูดของพ่อที่เปล่งออกมาเหมือนมีแส่ฟาดลงบนตัวเลิฟอย่างจัง ร่างกายชาดิกเหมือนขาดเลือดไปหล่อเลี้ยง สบตาคนเป็นพ่อด้วยความไม่เข้าใจ

   ผลั่ก!!!!

   แล้วในจังหวะที่ทุกคนเผลอก็มีของแข็งฟาดลงบนต้นคอปอเต็มแรง จนทรุดตัวลงไปนั่งกองกับพื้นด้วยความเจ็บ

   “ปอ!!!” เลิฟตะโกนเรียกดังลั่นด้วยความตกใจ ถลาเข้าไปหาหมายจะพยุงคนรักขึ้น แต่ยังไม่ทันได้ทำอย่างใจนึกร่างก็ลอยหวือตามแรงกระชาก แล้วโดนลากถูลู่ถูกังไปขึ้นรถ

   “อั่ก....เหี้ย!!!!” ปอกัดฟันกรอดเอามือจับที่ต้นคอตัวเองสะบัดหัวเล็ก น้อยไล่ความมึนงง สายตาคมเหลือบมองไปที่เลิฟตั้งท่าจะลุกขึ้นตามไป แต่มีอันต้องลงไปกองอยู่กับพื้นถนนอีกครั้ง เพราะโดนรุตเตะอัดเสยไปที่ปลายคาง จากนั้นก็มีสัมผัสหนักๆกระทบลงบนตัวด้วยความแรง

   รุตและเพื่อนช่วยกันรุมกระทืบปออย่างสนุกสนาน เตะอัดไปตามสีข้างและลำตัวจนปอนอนคุดคู้ด้วยความเจ็บ แขนสองข้างถูกยกขึ้นตั้งการ์ดป้องกันส่วนหัวของตัวเองไว้ รุตมองภาพตรงหน้าด้วยความสะใจยกขากระทืบลงบนตัวปอซ้ำๆอย่างเอาคืน

   ปอไม่รู้ว่ากี่ตีนที่รุมกระทืบเขาอยู่ตอนนี้เพราะไม่ได้ใส่ใจมอง ในใจอยากจะลุกขึ้นเอาคืนฝ่ายตรงข้าม แต่ไม่มีช่องว่างหรือจังหวะให้ทำอย่างนั้นได้เลยสักนิด ความรู้สึกเจ็บปวดทางร่างกายที่ได้รับอยู่ตอนนี้เทียบไม่ได้เลยกับความรู้สึกทางใจที่เป็นอยู่ มันเหมือนหัวใจกำลังโดนบีบด้วยมือที่มองไม่เห็นจนเจ็บแปลบ ยิ่งมองเห็นใบหน้าเปื้อนน้ำตาของคนรักมันยิ่งเจ็บ อยากลุกขึ้นไปเช็ดน้ำตาอยากดึงเข้ามากอดปลอบก็ทำไม่ได้ ความรู้สึกในตอนนี้คือโคตรทรมาน

   “ปอ!!! ปล่อยนะหยุดเดี๋ยวนี้!!!” เลิฟตะโกนห้ามเสียงดังลั่นพยายามสะบัดตัวเองให้หลุดจากการถูกจับ น้ำตาไหลนองเต็มใบหน้าอยากเข้าไปช่วยคนรักที่โดนรุมทำร้ายแต่ทำไม่ได้ สภาพปอที่นอนคุดคู้โดนรุมกระทืบยิ่งทำให้น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด เขาทรมานแทบขาดใจอยากเป็นฝ่ายโดนทำร้ายแทน เพราะเขาคนเดียวปอถึงต้องมาอยู่ในสภาพนี้

   “พอได้แล้วเดี๋ยวมันตาย” รุตสั่งเพื่อนทุกคนให้หยุดหลังจากทำร้ายปอจนพอใจแล้ว

   “สภาพมึงแม่งเหมือนหมาเลยว่ะ” รุตก้มลงมองปอด้วยสายตาดูถูก

   “สุดท้ายกูก็แยกมึงสองคนได้อยู่ดี” รุตนั่งลงแล้วกระชากหัวปอขึ้นมากระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย ก่อนจะปล่อยให้ร่วงลงกระแทกกลับพื้น จากนั้นก็ลุกเดินไปขึ้นรถแล้วขับออกไปด้วยความเร็ว

   “เลิฟ...อย่าไป...อย่าเอามันไป” ปอเค้นเสียงออกมาอย่างอ่อนแรง สายตามองตามหลังรถไปอย่างเจ็บปวด พยายามพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งในสภาพสะบักสะบอม

   คนในละแวกบ้านยืนมุงดูปออยู่ห่างๆ แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วย เพราะต่างก็พากันกลัวโดนลูกหลง และไม่อย่างยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทะเลาะวิวาท เนื่องจากไม่ใช่เรื่องของตัวเอง

   “เฮ้ย!! คุณปอ” ลูกน้องของคุณปรีชาที่ถูกส่งให้มาดูแลปอห่างๆ ร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจก่อนจะรีบวิ่งมาพยุงปอขึ้น พวกเขาแค่คลาดสายตาจากลูกชายคนเล็กของเจ้านายไปแป๊บเดียว กลับมาดันเจออีกฝ่ายโดนทำร้ายจนเลือดอาบ นี่ไม่รู้เลยว่าพวกเขาจะอธิบายเจ้านายยังไงถ้าได้เห็นลูกชายสภาพนี้

   “เหี้ยเอ้ย!!!” ปอที่โดนคนของพ่อช่วยพยุงให้ลุกขึ้นสบถในลำคอด้วยความโมโห สะบัดหัวไปมาเพื่อไล่ความมึนงง เขาพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย เพราะมัวแต่กลัวว่าเลิฟจะโดนพาตัวไป เขาเลยลืมป้องกันตัวเองลืมสนใจสิ่งรอบข้างจนโดนรุม และที่น่าเจ็บใจที่สุดคือเขาตอบโต้อะไรไม่ได้ นอกจากนอนเป็นกระสอบทรายรองรับตีนเล่น

   “ตามรถคันนั้นไป” ปอสั่งลูกน้องพ่อเสียงเข้มมองตามหลังรถที่เห็นอยู่ไกลๆด้วยแววตาวาวโรจน์

...
...
   
   เลิฟโดนฉุดกระฉากลงจากรถและลากเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ บ้านที่เขาไม่ได้มาเหยียบเป็นปีหลังจากขึ้นมหา’ลัย บ้านที่มีแต่ความทรงจำแย่ๆเต็มไปหมด

   “ฉันสั่งห้ามแกเลยนะว่าต่อไปนี้อย่าไปเจอเด็กคนนั้นอีก” พ่อเลิฟบอกเสียงเข้มหลังจากปล่อยแขนเลิฟแล้ว

   “ทำไมผมต้องทำตามที่พ่อสั่ง” เลิฟหันมาถามพ่อด้วยเสียงสั่นๆ

   “คำสั่งก็คือคำสั่งและแกต้องทำตาม” คนเป็นพ่อไม่ได้อธิบายเหตุผลอะไรเพิ่มเติม นอกจากออกคำสั่งที่โหดร้ายสำหรับคนเป็นลูก

   “ผมต้องการรู้เหตุผลว่าทำไม” เลิฟมองพ่อตัวเองด้วยความสับสน และไม่เข้าใจในการกระทำครั้งนี้

   “แกไม่ต้องรู้เหตุผลอะไรทั้งนั้น” พ่อเลิฟบอกเสียงเรียบแล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง

   “อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับเพื่อนแกคนนี้อีก” ยังไม่วายกำชับคำสั่งเดิม

   “ไม่มีทาง ต่อให้พ่อมีเหตุผลอะไรผมก็ไม่มีทางทำตาม และผมก็จะกลับไปเดี๋ยวนี้” เลิฟพยายามบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่น หันหลังเดินไปทางหน้าบ้าน แต่ก็ไม่สามารถไปไหนได้เพราะมีรุตยืนขวางอยู่

   “หลีก!!!!” เลิฟตวาดดังลั่นมองที่พี่ชายตัวเองด้วยแววตาแข็งกร้าว จนรุตสะอึกกับท่าทางของเลิฟไปเล็กน้อย

   “ทำตามที่พ่อสั่ง” รุตบอกน้องชายอย่างใจเย็น

   “แกจะขัดคำสั่งฉันใช่ไหม!!!” พ่อเลิฟตวาดดังลั่นแบบที่ไม่เคยทำกับลูกชายมาก่อน จนเลิฟสะดุ้งและชะงักเท้ายืนอยู่กับที่

   “ฉันไม่รู้ว่าแกไปรู้จักกับเด็กนั้นได้ยังไง และไปผูกพันอะไรกันขนาดไหนจนแกกล้าแข็งข้อกับฉัน แต่ถ้าแกไม่ฟังที่ฉันบอกเราขาดกัน!!!” คำพูดของพ่อที่ลั่นวาจาออกมา ทำให้น้ำตาที่เลิฟพยายามกลั้นเอาไว้ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

   “ฮึก...คุณทำแบบนี้ทำไม...ฮึก” เลิฟหันมาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง แววตาเต็มไปด้วยความตัดพ้อ สรรพนามที่ใช้เรียกขานคนเป็นพ่อเปลี่ยนไป

   “ฉันทำทุกอย่างเพื่อตัวแกทั้งนั้น” คนเป็นพ่อบอกลูกชายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง

   “ทำเพื่อผมงั้นเหรอ” เลิฟยกยิ้มเยาะเย้ยให้ตัวเอง

   “คุณมาทำเพื่อผมอะไรตอนนี้” สบตาพ่อด้วยความเจ็บปวด

   “ทั้งๆที่คุณไม่เคยเหลียวแลแล้วตอนนี้คุณมาสนใจทำไม” คำพูดที่อัดอั้นในใจตลอดระยะเวลาสิบปีไหลออกมาเรื่อยๆ

   “มาสนใจทำไมตอนนี้ตอนที่ผมเจอที่อยู่ของตัวเองแล้ว” เสียงแผ่วเจือสะอื้นอัดแน่นไปด้วยความเจ็บปวด น้อยใจ และความเสียใจที่มากมายเกินกว่าจนทนรับทุกอย่างเฉยๆได้อีก

   “ถ้าคุณจะหันมาสนใจผมเพื่อที่จะทำให้ผมเสียใจ คุณทิ้งผมไว้เหมือน เดิมไม่ต้องสนใจ เหมือนที่คุณทำมาตลอดชีวิตของผมก็ได้” เลิฟมองคนตรง หน้าด้วยความทรมานใจ มองคนที่เขาเรียกว่าพ่อมองคนที่เขาพยายามเรียก ร้องให้สนใจมาตลอดอย่างเจ็บปวด

   นี่คงเป็นครั้งแรกในชีวิตก็ว่าได้ที่เลิฟได้คุยกับพ่อนานขนาดนี้ เป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายมองหน้าเขาจริงๆจังๆทั้งที่ไม่เคยคิดจะมอง มันเป็นวันที่เขาเคยอยากให้เกิดขึ้นมาตลอด แต่วันที่รอคอยกลับกลายเป็นวันที่ทำร้ายเขาอย่างร้ายกาจที่สุด

   เลิฟหลอกตัวเองมาตลอดตั้งแต่วันที่แม่ตาย คิดเข้าข้างตัวเองมาเสมอว่าต่อให้ต้องเจออะไร ถูกโดนทิ้งให้เหมือนอยู่คนเดียวบนโลก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในชีวิตเขาก็ทนมันได้ เพราะคิดเสมอว่าที่พ่อทำตัวห่างเหินไม่ใช่ว่าไม่รัก แค่รักเขาน้อยไปหน่อยเท่านั้น จนวันนี้เขาก็ได้รู้ว่าคนเป็นพ่อที่เขาโหยหาอ้อมกอดมาตลอด...ไม่ได้รักเขาเลย เพราะถ้ารักพ่อคงไม่ทำร้ายเขาซ้ำซากแบบนี้ และครั้งนี้ทำร้ายอย่างโหดร้ายที่สุด โดยการพยายามควักหัวใจเขาทิ้ง

   “คุณมาสนใจทำไมตอนนี้ตอนที่ผมไม่ต้องการมันแล้ว ตอนที่ผมเจอที่อยู่ของผม...” น้ำเสียงตัดพ้อและใบหน้าอาบไปด้วยน้ำตา ทำเอาหัวใจคนเป็นพ่อสั่นไหวไม่น้อย

   “ฉัน...มันก็แค่อารมณ์ชั่ววูบ ชีวิตแกต้องเจอใครอีกเยอะเดี๋ยวแกก็ลืมได้เอง” พ่อเลิฟเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ตัดสินใจพูดเปลี่ยนเรื่องแทน

   เลิฟมองคนตรงหน้าที่นับวันยิ่งเหมือนคนแปลกหน้าสำหรับเขาด้วยความเสียใจ มองคนที่กำลังดูถูกความรักของเขาเหมือนของไร้ค่า มันเจ็บปวดจนไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูด ทั้งๆที่ในใจเขาอยากตะโกนใส่หน้าคนๆนี้ให้หายโกรธแต่เขากลับทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง

   “ผมทำทุกอย่างด้วยความรัก ผมทำทุกอย่างด้วยหัวใจ แล้วคุณมีสิทธ์อะไรมาทำลายมัน” เสียงที่เค้นออกมาของเลิฟมันเหมือนคนใจจะขาด

   “ถ้าคุณจะตัดขาดผมเพราะเรื่องนี้ผมยอม แต่ผมจะไม่ยอมทำตามคำสั่งคุณ” เลิฟพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ยกมือปาดน้ำตาออกจากหน้าหันหลังเตรียมเดินออกจากบ้าน

   “รุต!!! จับน้องไว้แล้วพาขึ้นไปบนห้อง” พ่อเลิฟสั่งเสียงเข้ม

รุตที่ได้รับคำสั่งก็ตรงเข้ามาล็อกตัวเลิฟทันที ก่อนจะลากน้องชายตัวเองขึ้นไปข้างบนบ้าน เหวี่ยงร่างเล็กของเลิฟเข้าไปในห้อง แล้วจัดการปิดประตูคล้องกุญ แจล็อกห้องจากข้างนอกอย่างแน่นหนา

   “พี่จะไม่ให้เรากลับไปหามันอีก” รุตตะโกนบอกเลิฟจากนอกห้องมองไปยังประตูที่ปิดสนิทด้วยแววตาอ่านไม่ออก

   “เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ บอกให้เปิดไงวะ” เลิฟทุบประตูห้องด้วยแรงทั้งหมดที่มี

   โครม!!!!

   เสียงเก้าอี้ถูกเขวี้ยงใส่ประตูดังสนั่นด้วยฝีมือของเลิฟ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงกระทบหนักๆมากมายที่ดังขึ้นไม่ขาดสาย

   “แฮ่กๆๆ ยังไงพี่ก็ขังผมไม่ได้ตลอดหรอก” เลิฟหอบหายใจด้วยความเหนื่อย ตะโกนบอกคนข้างนอกอย่างสุดเสียง ก่อนจะเดินมานั่งลงบนเตียงปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอีกครั้ง

   ‘ยังไงเขาก็ต้องออกไปจากที่นี้ให้ได้ กลับไปอยู่ในที่ของเขา ที่ๆเขามีตัวตนสำหรับใครบางคน ที่ตรงนั้นที่หัวใจเขาฝากเอาไว้’



2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 49 (19/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 19-02-2016 10:33:02
กับดักที่
- 49 -



   รักษ์ รักษ์ฐานันท์ศัลยแพทย์อนาคตไกล ชายผู้ยอมทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ประสบความสำเร็จในชีวิต แลกได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อเสียงและความก้าวหน้าทางหน้าที่การงาน ยอมทำแม้กระทั่งแต่งงานกับคนที่ตัวเองไม่ได้รัก เพียงเพราะอีกฝ่ายเป็นทายาทเพียงหนึ่งเดียวของโรงพยาบาลใหญ่

   งานแต่งงานถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โตโอ่อ่าสมฐานะ บ่าวสาวมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าตลอดเวลา ยืนรับคำอวยพรจากแขกเหรื่อที่ทยอยมาร่วมงานอย่างชื่นมื่น พร้อมทั้งสร้างความอิจฉาให้กับแขกในงานไปในตัว เพราะบ่าวสาวต่างสวยหล่อสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก

   รักษ์ทำหน้าที่คุณหมอและสามีได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องให้เกียรติและดูแลภรรยาเป็นอย่างดี จนคนพูดกันปากต่อปากว่าหมอรักษ์รักภรรยามาก แต่ความเป็นจริงแล้วรักษ์ไม่เคยรักผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าภรรยาเลยสักนิด รักษ์แค่ทำทุกอย่างตามหน้าที่ทำทุกอย่างตามสมองที่คิดประมวลผลแล้ว ว่าสิ่งไหนจะส่งผลดีต่ออนาคตของเขาที่สุดไม่เคยมีใครล่วงรู้เหตุผลจริงๆข้อนี้ เพราะทุกอย่างถูกเก็บไว้ภายใต้หน้ากากของคุณหมอแสนดี

   แต่แล้วทุกอย่างมันก็เดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดจนได้ เขาเริ่มเบื่อหน่ายกับการเสแสร้งและหน้ากากคนดีที่ตัวเองใส่เอาไว้ เริ่มอยากหันหลังให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่พยายามไขว้คว้ามาไว้ในมือ และในตอนที่ความรู้สึกกำลังจมลึกลงไปเขาก็บังเอิญได้เจอกับ ‘น้ำริน’ สาวสวยจากเมืองเหนือ  นักศึกษาวิชาพยาบาลที่มีเขาเป็นผู้สอน

   จากความใกล้ชิดและนิสัยอ่อนหวานไร้การเสแสร้งของน้ำริน ทำให้ความรู้สึกในใจของทั้งคู่ก่อตัวขึ้นอย่างกู่ไม่กลับ จนมันเลยเถิดและกลายเป็นความรักต้องห้ามในที่สุด ทั้งๆอย่างนั้นเขาก็ยังคงปิดบังคนรักมาตลอดเรื่องที่ตัวเองแต่งงานมีภรรยาแล้ว เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะหนีห่างหากรู้ความเป็นจริง เลือกเห็นแก่ตัวที่จะรั้งทุกอย่างไว้ในมือทั้งความรักและความสำเร็จในชีวิต

   ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีมาตลอดภายใต้การควบคุมได้ของรักษ์ จนเกิดปัจจัยที่เหนือความควบคุมขึ้นมา ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขาตั้งครรภ์ วินาทีที่เขารับรู้เรื่องราวมันเหมือนมีใครเอาค้อนมาฟาดลงหนักๆบนหัว ความ รู้สึกในตอนนั้นไม่มีความดีใจเลยสักนิด มีแค่ความคิดในหัวที่หมุนวนตลอด เวลาว่าเขาจะจัดการเรื่องนี้ยังไง

   จากการที่ภรรยาตั้งท้องทำให้รักษ์มีเวลาไปหาน้ำรินน้อยลง เพราะต้องใช้เวลาส่วนมากในการดูแลภรรยา ถึงแม้เขาจะไม่ได้รักใคร่ใยดีในตัวเมียแต่งคนนี้ แต่เด็กที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาบนโลกใบนี้คือลูกของเขา เด็กที่ไม่ได้เกิดมาจากความรักแต่เกิดมาจากความเห็นแก่ตัว

   อย่างที่หลายคนเคยพูดความลับไม่มีในโลก ในที่สุดน้ำรินก็รู้ว่าเขาแต่งงานมีภรรยาแล้ว อีกฝ่ายร้องไห้ออกมาน้ำตาแทบเป็นสายเลือดตอนที่รู้ความจริง ไม่ว่าเขาจะยกเหตุผลอะไรมาอธิบายมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยในวินาทีนั้น และสุดท้ายน้ำรินก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยไม่มีแม้กระทั่งคำล่ำลา

   รักษ์ใช้ชีวิตหลังจากนั้นเหมือนคนตายทั้งเป็น ใช้ชีวิตเหมือนหุ่นยนต์ที่ทำทุกอย่างตามหน้าที่เท่านั้น จนวันหนึ่งได้มีคนมาพบเขาพร้อมกับแจ้งข่าวที่น่ายินดี ว่าเขามีลูกชายอีกคนที่เกิดกับน้ำริน พร้อมข่าวร้ายที่สุดในชีวิตว่าคนที่เขารักและตามหามาตลอดสิบกว่าปี ได้จากเขาไปอย่างไม่มีวันกลับ

   รักษ์ไปรับลูกชายที่หน้าตาแทบจะถอดแบบคนรักมาเลี้ยงดู และสัญญากับน้ำรินในใจว่าจะดูแลลูกให้ดีที่สุด แต่ทุกอย่างมันไม่ได้ง่ายอย่างใจนึกเมื่อภรรยาของเขาไม่ยอมรับ เธอกรีดร้อง โวยวายต่อว่าเขาอย่างหนัก สุดท้ายเธอก็ยอมภายใต้เงื่อนไขที่ว่าเลิฟต้องอยู่ในการดูแลของเธอ ซึ่งนั้นเป็นข้อตกลงที่รักษ์ยอมรับและกระโดดตะครุบโดยไม่ลังเลทันที ไม่ได้คิดถึงอะไรที่จะตามหลังจากนั้น

   การเป็นหมอเป็นผอ.โรงพยาบาลใหญ่ทำให้เขาไม่มีเวลา ชีวิตวันๆนึง อยู่แต่กับโรงพยาบาลแทบจะไม่ได้เจอหน้าลูก ช่วงเวลาที่ได้กลับบ้านมักสวนทางกับเวลาที่อีกฝ่ายไปเรียนเสมอ หากวันไหนที่บังเอิญได้เจอหน้ากันก็เป็นเขาที่เบือนหน้าหนีจากอีกฝ่าย เพราะเวลาที่มองใบหน้านี้ทีไรจะต้องหวนนึกถึงใครอีกคนทุกครั้งไป ความรู้สึกมันเจ็บปวดรู้สึกผิดกับเรื่องในอดีตจนกลายเป็นไม่กล้ามองหน้า ไม่กล้าสบตาและกลายเป็นการหลบหน้าลูกไปโดยไม่รู้ตัวในที่สุด

   ระยะห่างระหว่างเขาที่มีกับลูกเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆภายใต้ความสงบที่ดูไม่มีอะไร เขาไม่เคยมีเวลาให้ลูกไม่เคยพูดคุยไม่เคยทำอะไรๆแบบที่คนเป็นพ่อควรทำ สิ่งที่เขามอบให้ลูกมีแค่สิ่งของนอกกายและการศึกษาในโรงเรียนดีๆ กับความรักที่มาพร้อมกับความห่างเหิน

   ทุกครั้งที่มีโอกาศจะได้พูดคุยกับลูก เขาจะสัมผัสได้เสมอว่าเลิฟเป็นเด็กเรียบร้อย อ่อนโยน ว่านอนสอนง่ายเหมือนคนเป็นแม่ไม่มีผิด นับวันสิ่งที่ลูกชายคนเล็กของเขาเป็น ยิ่งสะท้อนให้เห็นภรรยาอีกคนผู้ล่วงลับ และบทสนทนาประจำสำหรับทั้งคู่คือเรื่องการเรียนไม่มีอะไรที่มากไปกว่านั้น ด้วยสิ่งที่เลิฟแสดงออกมาทำให้เขาวางใจและนึกขอบคุณภรรยาแต่งในใจเสมอ ที่ถึงแม้จะไม่ยอมรับแต่ก็ช่วยดูแลเลิฟเป็นอย่างดี ในขณะที่เขาซึ่งเป็นพ่อแท้ๆไม่ได้ทำอะไร

   แต่นั้นมันคือภาพลวงตาที่คนโง่อย่างเขาไม่เคยรู้ วันนึงเลิฟถูกหามเข้าโรงพยาบาลเนื่องจากเกิดสภาวะช็อคขั้นรุนแรง เพราะถูกภรรยากักขังหน่วงเหนี่ยวและทำร้ายร่างกาย เพื่อนสนิทของน้ำรินต่อว่าต่อขานเขาอย่างหนักถึง กับลั่นวาจาจะเอาเลิฟไปเลี้ยงเอง ซึ่งตัวเขาเองไม่ได้โต้แย้งอะไรทั้งนั้นนอกจากน้อมรับ แต่สุดท้ายลูกก็ยังเลือกอยู่กับเขา

   เหตุการณ์ร้ายๆที่เกิดขึ้นทั้งหมดเขาไม่ได้ต่อว่าอะไรภรรยาสักคำ เพราะถ้าคิดจะโทษใครสักคนต้นเหตุทั้งหมดคือเขาเอง เขาผิดที่ทุ่มเทความใส่ใจที่มีให้กับลูกชายคนเล็กมากเกินไป ถึงแม้จะไม่ได้พูดคุยโดยตรงแต่ถามความเป็นไปตลอดเวลา ลืมใส่ใจดูแลภรรยาและลูกชายอีกคนจนทำให้เกิดเรื่องขึ้น

   หลังจากที่เลิฟออกจากโรงพยาบาล เขาทิ้งระยะห่างกับลูกมากกว่า เดิมเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย ทำเป็นไม่สนใจและเลี้ยงด้วยเงินเหมือนที่เลี้ยงลูกชายคนโตมาตลอด มันเป็นวิธีแก้ปัญหาที่แย่แต่อย่างน้อยลูกชายเขาก็ไม่อยู่ในอันตราย

   “คุณผู้ชายคะมีคนมาขอพบค่ะ” เสียงของสาวใช้ในบ้านทำให้คุณรักษ์หลุดออกจากภวังค์ที่จมอยู่กับอดีตของตัวเอง

   “ใคร?” ถามออกไปด้วยความแปลกใจ เพราะในบ่ายวันธรรมดาแบบนี้ไม่น่าจะมีใครมาหา และอีกอย่างด้วยอาชีพการงานที่ทำไม่มีทางที่จะมีคนรู้ว่าท่านหยุดอยู่บ้าน

   “เขาบอกว่าเป็นเพื่อนคุณหนูแต่มีเรื่องจะคุยกับคุณผู้ชายค่ะ ดิฉันเลยให้คุณเขานั่งรอที่ห้องรับแขก”

   “ขอบใจมากเดี๋ยวฉันออกไป” คุณรักษ์พยักหน้าน้อยๆให้สาวใช้ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปห้องรับแขก

   “เธอมาที่นี่ทำไม” คุณรักษ์ถามบุคคลที่นั่งรออยู่เดียวเสียงเรียบนิ่ง ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เห็นอีกฝ่ายมาหา ถึงแม้จะผ่านมาสามวันแล้วก็ตาม

   “สวัสดีครับผมมา.....” ปอลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและยกมือไหว้ผู้อาวุโสกว่าอย่างนอบน้อม แต่ยังไม่ทันได้พูดถึงจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้ของตัวเองก็มีเสียงนึงดังแทรกขึ้นมาซะก่อน

   “พ่อครับผม...มึงมาทำไม” รุตตะคอกถามปอเสียงแข็งกร้าวใบหน้าดุดันเตรียมพร้อมจะหาเรื่องเต็มที่

   “รุตแกเงียบเดี๋ยวนี้” คุณรักษ์หันไปปรามลูกชายคนโตเบาๆ

   “แต่ว่ามัน...” รุตไม่ยอมง่ายๆหันมาหาพ่อด้วยความไม่พอใจ

   “แกมาหาฉันทำไมถ้าไม่ใช่ธุระสำคัญก็ออกไปก่อน ฉันมีเรื่องจะคุยกับเพื่อนน้องแก” คุณรักษ์ออกปากไล่ลูกชายตัวเอง
   “พ่อ!!!” รุตขึ้นเสียงดังใส่พ่อด้วยความไม่พอใจที่โดนไล่ แล้วหันไปมองปอด้วยท่าทางฉุนเฉียว

   “ออกไปได้แล้ว” คุณรักษ์เอ่ยปากไล่อีกครั้งจนรุตได้แต่ฮึดฮัดเดินออกไปแต่ก็ไม่วายหันมาชี้หน้าเอาเรื่องปอ

   “นั่งลงสิ” คุณรักษ์บอกปอแล้วก็นั่งลงบนโซฟาด้วยท่าทางสบายๆ

   “ต้องขอโทษแทนลูกชายฉันด้วยนะที่เสียมารยาท รวมทั้งขอโทษแทนในส่วนที่เขาทำร้ายเธอด้วย แต่ฉันหวังว่าเธอจะไม่ติดใจเอาความอะไร ถือซะว่าหายกันกับที่เธอทำลูกชายฉันเข้าโรง’บาลแล้วกัน” คุณรักษ์พูดเรื่อยๆด้วยท่าทางสุขุมใจเย็นตามแบบฉบับคนเป็นหมอ

   “ครับ” ปอรับคำแล้วนั่งลงตามคำเชื้อเชิญจากการที่ได้พูดคุยกับผู้ ชายตรงหน้าไม่กี่คำ ปอก็พอจะมองออกว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามกดดันเขาอยู่ ด้วยท่าทางนิ่งๆเหมือนไม่มีอะไรนั่น

   “ว่าธุระของเธอมาสิแต่ให้ฉันเดาคงไม่พ้นเรื่องลูกชายฉัน” คุณรักษ์พูดเข้าประเด็นทันทีแบบไม่อ้อมค้อม

   “ผมมารับเลิฟกลับ” ปอเองก็เลือกที่จะบอกจุดประสงค์ของตัวเองออกไปตรงๆเหมือนกัน ถ้าอีกฝ่ายพูดมาขนาดนี้คงไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องอ้อมค้อมอะไร

   “ฉันคิดว่าเธอน่าจะได้ยินที่ฉันพูดวันนั้นแล้วนะว่าฉันจะไม่ให้ลูกชายฉันกลับไป”

   “ผมได้ยินครับแต่ผมไม่ได้บอกว่าจะทำตาม และถ้าคุณไม่ลืมผมไม่ได้ยินยอมกับเรื่องที่คุณพาตัวมันมาเลยสักนิด”

   “นั่นมันเรื่องของเธอแต่ฉันพูดคำไหนคือคำนั้น ลูกชายฉันจะไม่กลับ ไปอยู่กับเธออีก” คุณรักษ์พูดต่อเรื่อยๆเหมือนคุยเรื่องทั่วไป ใบหน้ายังคงนิ่งเฉยไม่ไหวติง

   “ถึงคุณจะพูดแบบนั้นยังไงผมก็ต้องพาแฟนผมกลับให้ได้” ปอเองก็ตอบกลับไปด้วยท่าทีสบายๆเหมือนกัน จนคุณรักษ์ที่มองปออยู่อดนึกชมอีกฝ่ายในใจ กับท่าทางที่ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าอายุและการควบคุมอารมณ์ที่ดี สมแล้วกับที่เป็นทายาท...

   “เธอมันดื้อด้านกว่าที่ฉันคิดไว้ และฉันคิดว่าต่อให้พูดอะไรไปเธอก็คงจะไม่ฟัง ดันทุรังจะเอาให้ได้เพราะอย่างนั้นเธอกลับไปเถอะ” คุณรักษ์ตัดสินใจหยุดบทสนทนาและออกปากไล่ปอ ก่อนจะลุกขึ้นยืนหันหลังเพื่อที่จะเดินออกจากห้อง

   “ทำไมครับ...เหตุผลอะไรที่คุณไม่ยอมให้ลูกชายคุณอยู่กับผม ทั้งๆที่คุณก็ไม่ได้สนใจอะไรมันมาตั้งนานแล้ว หรือเป็นเพราะว่าเราเป็นผู้ชายทั้งคู่แต่ผมคิดว่ามันไม่น่าใช่” ปอยังนั่งอยู่กับที่ไม่ได้ขยับไปไหน เอ่ยปากถามในสิ่งที่เขาสงสัยตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอหน้าพ่อของเลิฟ ยิ่งมารวมกับการที่อีกฝ่ายดูจะไม่ตกใจเลยตอนเขาบอกว่าเป็นอะไรกับลูกชาย มันยิ่งทำให้เขาสงสัยและอยากจะรู้เหตุผล

   “นี่คงเล่าให้ฟังหมดเลยสินะ...ลูกชายฉันคงจะรักเธอมาก” คุณรักษ์ชะงักเท้าที่จะเดินออกไปแล้วหันกลับมาเผชิญหน้ากับปออีกครั้ง

   “ใช่...เรารักกัน...หรือว่าคุณคิดว่าผมไม่ได้รักลูกชายคุณจริง...คุณเลยทำแบบนี้” ปอลองพูดในอีกข้อสันนิฐานที่เขาคิด แต่เหตุผลมันก็ยังดูอ่อนเกินไปอยู่ดี

   “พวกเธอยังเด็กยังต้องเจออะไรอีกเยอะแยะในชีวิต รวมทั้งคนที่จะผ่านเข้ามาในชีวิตเธอด้วย แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่ฉันแยกเธอสองคนหรอกนะ” คุณรักษ์ส่งยิ้มบางๆให้ปอ

   “งั้นเพราะอะไร” ปอขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ มันจะมีเหตุผลอะไรอีกถ้าไม่ใช่สองเหตุผลนี้

   “เพราะสิ่งที่เธอเป็นต่างหากที่ทำให้ฉันต้องพาลูกฉันกลับมา” คำตอบของคุณรักษ์ทำให้ปอขมวดคิ้วเข้าหากันยิ่งกว่าเดิม มองคนตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ

   “ฉันรู้ว่าบ้านเธอทำอะไรฉันรู้จักตระกูลหลี่ และรู้ว่าฮวงหลงเป็นอะไร” คำตอบต่อมาของพ่อเลิฟทำให้ปอเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ความเครียดเริ่มมีมากขึ้น เพราะคิดไม่ถึงจริงๆว่าทุกอย่างจะเป็นเพราะปัญหาข้อนี้

   คุณรักษ์มองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเครียดแล้วถอนหายใจออกมา ท่านรับรู้มาโดยตลอดว่าลูกชายคบหาอยู่กับเพศเดียวกัน ทั้งจากคนที่สั่งให้ไปดูลูกชายบ้างในบางครั้ง ทั้งจากลูกชายคนโตที่มารายงานตลอดเวลา แต่ถึงอย่างนั้นท่านก็ยังนิ่งเฉยแม้ตกใจอยู่บ้างแต่ไม่ได้นึกรังเกียจ เพราะถ้ามันเป็นความ สุขของลูกท่านก็ไม่อยากเข้าไปยุ่ง

   จนกระทั่งรุตเอารูปของแฟนเลิฟมาให้ท่านดู วินาทีนั้นมือไม้ของท่านเย็นเฉียบ ใจมีแต่ความวิตกกังวลเมื่อรู้ว่าคนในภาพเป็นใคร สัญชาตญาณในตัวมันร้องบอกแค่ว่าลูกท่านกำลังตกอยู่ในอันตรายอีกครั้ง และครั้งนี้ท่านจะไม่ยอมให้เหตุการณ์มันเกิดขึ้นก่อนแล้วค่อยมาตามแก้อีกแล้ว

   มันอาจจะดูคิดมากและวิตกกังวลมากเกินไปสำหรับคนอื่น แต่ถ้าใครได้มารู้จักและเคยทำงานให้ตระกูลหลี่แบบท่าน ก็จะรู้เหตุผลว่าทำไมถึงควรจะอยู่ให้ห่างจากตระกูลหลี่และฮวงหลง

   “แต่มันไม่เกี่ยวกับผม” ปอที่พึ่งหาเสียงตัวเองเจอพูดขึ้นอีกครั้ง

   “ตอนนี้น่ะใช่แต่เธอจะพูดคำว่าไม่เกี่ยวได้อีกนานแค่ไหน” แววตาของคนสูงวัยมองปอด้วยความหวั่นวิตกจนเจ้าตัวรู้สึกได้
   “ถ้าคุณรู้ขนาดนั้นคุณก็น่าจะรู้ ว่าพ่อไม่ได้ให้พวกผมยุ่งเกี่ยวกับฮวงหลง นอกจากงานที่เราทำให้ฮวงหลงอยู่ตอนนี้”

   “ถ้าอย่างนั้นการที่มีชื่อของเธอไปเป็นหนึ่งในทายาทของฮวงหลงมันหมายความว่ายังไง” คำพูดของคุณรักษ์ทำให้ปอตกใจไม่น้อย เพราะเขาไม่เคยรู้มาก่อนกับเรื่องนี้

   “ผมไม่รู้เรื่อง” ปอครางออกมาแผ่วเบา ตอนนี้เขาเบลอไปหมดเหมือนมีอะไรมาทุบที่หัวแรงๆ

   “งั้นเธอรู้เรื่องที่ฮวงหลงกำลังขัดแย้งกันภายในรึเปล่า” คุณรักษ์ตัด สินใจทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาอีกครั้งแล้วมองปออย่างหนักใจ

   “คุณรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง” ปออดที่จะถามไม่ได้เพราะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องภายในของแก็งส์ ขนาดเขาที่เป็นหลานปู่คนที่เรียกได้ว่าเป็นคนในแท้ๆยังไม่รู้ แล้วพ่อของเลิฟไปรู้มาได้ยังไงไปรู้มาจากไหน

   “เรื่องนั้นช่างมันเถอะถือว่าฉันขอแล้วกัน ถ้าเธอรักลูกชายฉันจริงเลิกยุ่งเกี่ยวกับลูกชายฉันซะ” เสียงเรียบนิ่งพร้อมด้วยแววตาแกมข้อร้องที่ส่งมาทำให้ปอหวั่นไหวไม่น้อย

   “ผมปล่อยมันไปไม่ได้” ปอสบตาคนตรงหน้าด้วยแววตาแน่วแน่และยืนยันความจริงใจ

   “มันคงจะดีกว่านี้ถ้าเธอไม่ได้เป็นเธอ ถ้าเธอเป็นแค่เด็กผู้ชายวัยรุ่นธรรมดาๆคนนึง”

   “ผมคงเปลี่ยนในสิ่งที่ผมเป็นไม่ได้ แต่ถึงยังไงผมก็รักลูกชายคุณ”

   “ฉันเองก็รักลูกฉันเหมือนกัน ถึงฉันจะเป็นพ่อที่แย่และลูกฉันอาจจะต้องเกลียดฉันมากกว่าเดิม แต่ฉันเองก็ไม่ยอมให้ลูกฉันไปเสี่ยงกับเธอเหมือน กัน แค่ครั้งเดียวที่เขาเกือบตายมันเกินพอแล้วสำหรับฉัน เธอกลับไปซะแล้วอย่ามาที่นี่อีก” คุณรักษ์เอ่ยปากไล่อีกครั้งและครั้งนี้ปอก็ยอมถอยโดยดี    เพราะรู้ว่าดันทุรังต่อไปยังไงเขาก็ไม่ได้ตัวเลิฟกลับไปแน่ๆ เหตุผลที่พ่อของเลิฟจับเขาสองคนแยกกันมันมีน้ำหนักเกินไปจนเขาเถียงไม่ได้

   “งั้นผมรบกวนฝากของให้มันด้วย” ปอก้มลงหยิบตะกร้าใบโตที่วางข้างโซฟามาส่งให้พร้อมโทรศัพท์มือถือของเลิฟ

   “แล้วผมจะมาใหม่นะครับ” ปอยกมือไหว้ก่อนจะเดินออกมาด้วยความเร็วเพื่อกลับบ้านไปคุยกับพ่อเรื่องที่เขาได้รับรู้ในวันนี้
   
...
...

   “ไงมึงทำหน้าเหมือนคนใกล้ตาย” เสียงทักดังขึ้นเบาๆทำให้ปอที่กำลังนอนมองควันบุหรี่ ที่ลอยเอื่อยๆในอากาศอยู่บนกระโปรงรถ เหลือบตา

ไปมองเล็กน้อย พอเห็นว่าเป็นต้าเขาก็หันหน้ากลับไปเหมือนเดิม

   “สักนิดไหมวะ” ต้าหย่อนตัวลงนั่งข้างๆปอพร้อมกับยื่นกระป๋องเบียร์ให้

   “ยังไม่ตาย...แต่เกือบละ” ปอลุกขึ้นมานั่งดีๆพร้อมรับกระป๋องเบียร์จากต้าขึ้นมาดื่ม

   “ไอ้พวกนั้นเป็นไงบ้าง” ปอถามต้าถึงลูกน้องสองคนของพ่อที่ถูกส่งให้มาเฝ้าเขาปากก็พ่นควันบุหรี่ไปเรื่อยๆ

   “ไม่ถึงตายแค่นอนโรง’บาล” ต้าเองก็ตอบเหมือนเรื่องปกติ

   “อืม...แล้วมึงล่ะ” ปอพยักหน้ารับรู้หันมามองหน้าที่เต็มไปด้วยรอยช้ำเป็นจุดๆของเพื่อน

   “สบาย...นี่ยังน้อยไปด้วยซ้ำกับความผิดพลาดของพวกกู” ต้าบอกด้วยท่าทีสบายๆ เหมือนว่าการที่ตัวเองโดนลงโทษจนแผลเต็มตัวมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆเมื่อเทียบกับความหละหลวมของพวกเขา ถ้าเรื่องที่ไอ้ปอโดนรุมกระทืบไม่ใช่แค่เรื่องเด็กตีกัน นั่นหมายความว่าพวกเขาทำให้ทายาทคนสำคัญของแก็งส์เสี่ยงตาย และจุดจบคงไม่พ้นไปลอยอืดแถวอ่าวไทยแน่นอน

   “หึ กูแม่งเบื่อกับเรื่องพวกนี้เมื่อไหร่มันจะจบวะ” ปอพูดด้วยความหงุดหงิดใจ

   “เอาน่าไอ้โหด...ว่าแต่เรื่องเมียมึงยังไงวะ” ต้าชวนเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากให้เพื่อนหงุดหงุดกว่าเดิม

   “ไม่ยังไง...กูกำลังคิดว่าจะฉุดมันวันไหน” ปอตอบหน้าตาย ต้าเลยหน้าเหวอไปเพราะไม่รู้ว่าปอพูดจริงหรือพูดเล่น แต่เปอร์เซนต์พูดจริงมีสูงมาก

   “ไอ้เหี้ย...พ่อตามึงเขายิ่งไม่เอามึงอยู่ ขืนไปฉุดลูกเขามึงไม่ได้เห็นหน้าเมียอีกแน่ๆ” ต้ายิ้มขำ

   “ทำไมมันไม่เป็นผู้หญิงวะถ้าแม่งท้องเรื่องจะได้ง่ายๆ” ปอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เพราะหนักใจ ส่วนต้าได้แต่ส่ายหัวให้กับความคิดเพี้ยนๆที่นานๆจะมีทีของเพื่อน

   “เมียกูแท้ๆกูนอนเอาของกูอยู่ทุกวัน โคตรเหี้ย...” ปอสบถออกมาแล้วกระดกเบียร์ขึ้นกินจนหมดกระป๋อง ก่อนจะเขวี้ยงออกไปสุดแรงเพื่อระบายอารมณ์

   Tru…Tru…Tru…

   เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ปอหยิบออกมาดูก่อนจะใจเต้นระรัวเมื่อเห็นว่าเบอร์ใครโทรเข้ามา เขาลองวัดใจเอาโทรศัพท์ยื่นให้พ่อเลิฟตรงๆและนั่งรอโทรศัพท์จนถึงตอนนี้ ไม่คิดเลยจริงๆว่าอีกฝ่ายจะยอมเอาโทรศัพท์ให้มัน

   “.........” ปอกดรับโทรศัพท์แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป ต้าที่เห็นว่าใครโทรมาก็เดินเลี่ยงไปอีกทาง

   “(ปอ....)” เสียงสั่นๆของเลิฟดังออกมาตามสาย

   “.........”

   “(ปอ...ได้ยินเลิฟรึเปล่าอย่าเงียบได้ไหม)” เสียงหวานที่ไม่ได้ยินมาหลายวันดังขึ้นไม่ขาดสาย

   “ร้องไห้ทำไม” ปอถามออกไปเพราะรับรู้ว่าคนปลายสายกำลังร้องไห้

   “(ก็ถ้าได้ยินทำไมไม่พูดเล่า)” เลิฟทำเสียงเหวี่ยงมาตามสายจนปออดที่จะยิ้มไม่ได้

   “กูขี้เกียจพูด” ปอบอกกวนๆ

   “(ไอ้บ้าปอ ไอ้โรคจิตเล่นอะไรวะ รู้ไหมว่าคิดถึงจะตายอยู่เล่า)” เลิฟว่าเสียงกระเง้ากระงอด

   “กูก็คิดถึง” เสียงที่เปล่งออกไปของปอเต็มไปด้วยความโหยหา จนแม้แต่เลิฟที่อยู่ในสายยังสัมผัสมันได้ดี

   “(อื้อ)” เลิฟตอบรับเสียงหงอยๆ

   “ตอนนี้อยากกอดมึงฉิบหาย”

   “(ก็มากอดดิมาตอนนี้เลย)” เลิฟบอกด้วยเสียงเศร้าๆ

   “เดี๋ยวกูไปรับแต่มึงต้องรอก่อน”

   “(แล้วต้องรอนานไหมไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว)” เลิฟกลับมาพูดด้วยเสียงที่เริ่มสั่นอีกครั้ง

   “ทำไม...ถ้าช้ามึงจะหอบผ้าหนีตามกูรึไง...เดี๋ยวนี้หัดแรดเหรอวะคิดจะหนีตามผู้ชาย” ปอพูดหยอกล้อเพื่อให้เลิฟคลายความเศร้า

   “(ไอ้เหี้ย...)” เลิฟด่าปอเสียงแผ่วพูดมาได้ว่าเขาแรด ถึงจะมีผัวแต่ก็เป็นผู้ชายเหอะจะแรดได้ไงวะ

   “กูได้ยิน” ปอว่าเสียงเรียบส่วนเลิฟที่อยู่ปลายสายนั่งหน้างอง้ำอยู่

   “ดึกแล้วไปอาบน้ำนอนได้ละ แล้วก็อย่าคิดทำอะไรบ้าๆ รอเฉยๆเดี๋ยวกูไปรับ” ปอสั่งเสียงเรียบแล้วเตรียมที่จะวางสาย เพราะต้าเดินมาบอกว่าพ่อเขามีเรื่องจะคุยด้วย

   “(อื้อ...ปอเองก็เหมือนกันอย่านอนดึกนะ อย่าออกไปแรดหาสาวที่ไหนด้วย)”

   “หึ” ปอยิ้มขำให้กับคำยอกย้อนของเลิฟ

   “กูรักมึง” ปอพูดออกไปด้วยความงง ตัวเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงพูดคำนี้...รู้แค่ว่าอยากพูด

   “(รักเหมือนกัน)” เลิฟเองก็ตอบกลับด้วยเสียงที่สั่นไหว

   “ไปนอนได้แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้กูโทรหา” ปอบอกแค่นั้นก่อนจะกดตัดสายทิ้งและเดินเข้าบ้านไปหาพ่อ

...
...

   เลิฟมองโทรศัพท์ในมือด้วยแววตาเศร้าๆ ก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำเตรียมเข้านอนอย่างที่ปอสั่ง ใช้เวลาไม่นานเขาก็จัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย อุ้มเอาไอ้แมวอ้วนโมกขึ้นมาบนเตียงล้มหัวลงหมอน เตรียมตัวจะนอนก็มีเสียงเตือนข้อความดังขึ้นมา

   ตึ้ง!!

   เลิฟคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูด้วยความสงสัย ก่อนจะเห็นว่าเป็นปอที่ส่งข้อความเข้ามาโดยเป็นลิงค์อะไรสักอย่าง เขาเลยตัดสินใจกดเข้าไปดูก่อนที่เสียงเพลงจะดังขึ้นแผ่วเบา


‘They don’t know about the things we do
( พวกเขาไม่รู้เรื่องสิ่งที่เราทำหรอกนะ )

They don’t know about the "I love you”
( พวกเขาไม่รู้เรื่องที่ว่า "ฉันรักเธอ" หรอกนะ )

But I bet you if they only knew
( แต่ฉันเดาว่าหากเพียงแต่เขารู้ )

They would just be jealous of us,
( พวกเขาจะต้องอิจฉาเราแน่ๆ )

They don’t know about the up all nights
( พวกเขาไม่รู้เรื่องที่เราอยู่กันทั้งคืน )

They don’t know I've waited all my life
( พวกเขาไม่รู้ว่าฉันรอมาทั้งชีวิตของฉันหรอก )

Just to find a love that feels this right
( แค่เพียงพอหาความรักที่มันรู้สึกว่าใช่ )

   เลิฟนอนฟังเพลงที่ปอส่งมาด้วยน้ำตาที่ไหลเปื้อนเต็มใบหน้า แต่ปากกลับยิ้มออกมาอย่างมีความสุข เขากดเล่นเพลงเดิมและฟังอยู่อย่างนั้นซ้ำๆโดย ไม่มีทีท่าว่าจะเบื่อ

   ‘ไอ้บ้าปอ...ทำแบบนี้ได้คิดถึงตายกันพอดี’



2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 50 (19/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 19-02-2016 10:37:53
กับดักที่
- 50 -



   สายตาของผู้สูงวัยกว่าสองคู่กำลังจ้องมองกันด้วยความรู้สึกที่แตก ต่าง ฝ่ายนึงมองด้วยสายตาเรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยความกดดัน ส่วนอีกฝายมองกลับมาด้วยสายตาที่สะท้อนความหวาดหวั่นแบบปิดไม่มิด

   “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับหมอรักษ์” คุณปรีชาส่งยิ้มให้กับคนคุ้นเคยที่ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เจอกันอีกในรูปแบบนี้และด้วยเรื่องๆนี้

   “น่าจะเกือบ 20 ปีได้ละมั้งที่เราไม่เจอกันเลย” คุณปรีชายังคงพูดต่อเรื่อยๆด้วยท่าทีสบายๆ แตกต่างกับอีกคนที่ปรากฎความเครียดบนใบหน้าอย่างเห็นได้ชัด

   “นี่คุณไม่คงไม่คิดจะคุยกับผมทั้งๆที่เรายืนกันหน้าบ้านอย่างนี้หรอกนะ” คุณปรีชาท้วงขึ้นด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ แต่มันไม่ได้ทำให้คุณรักษ์สบายใจเลย เพราะท่านรู้จักตัวตนของอีกฝ่ายดีถึงจะไม่ได้รู้จักกันแบบเพื่อน แต่ก็รู้จักกันในเรื่องงานที่เกี่ยวพันถึงชีวิต

   ในอดีตคุณรักษ์เคยมีโอกาสได้ช่วยชีวิตหัวหน้าแก็งส์ฮวงหลงด้วยความบังเอิญ ทำให้คุณรักษ์เกี่ยวข้องและพัวพันกับฮวงหลงอยู่ระยะเวลาหนึ่ง ก่อนที่จะแยกตัวออกมาหลังเสร็จสิ้นการรักษา

   “สวัสดีครับ...ขอโทษที่ผมเสียมารยาทเชิญด้านในครับ” คุณรักษ์มองสองพ่อลูกด้วยสายตาที่เรียบนิ่ง แล้วเชื้อเชิญทั้งคู่เข้าไปในบ้านก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เพื่อโทรบอกคนที่โรงพยาบาลว่าจะเข้าสาย เพราะดูท่าแล้วคงจะมีเรื่องให้คุยกันอีกยาว

   คุณปรีชาเดินตามเข้าไปด้านในและทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาด้วยท่าทางสบายๆ ท่านตั้งใจจะเข้ามาคุยกับหมอรักษ์หลายวันแล้วแต่ยังไม่มีเวลา อันที่จริงตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยมีเวลาแต่จำเป็นต้องเบียดเวลาหั่นงานบางอย่างทิ้งไปเพราะกลัวลูกชายหัวเพชรหัวทอง (แก้วแหวนมันน้อยไป) จะขาดใจตายและคิดทำอะไรบ้าๆ ที่มีความเป็นไปได้สูงอย่างฉุดลูกชายบ้านนี้ซะก่อน
 
   ถ้าถึงตอนนั้นท่านคิดว่าคงจะได้คุยกันยาวและยุ่งยากกว่านี้ เพราะดูจากท่าทางของอีกฝ่ายที่ถึงแม้จะเกรงๆท่าน แต่ไม่ได้คิดจะอ่อนข้อลงเลยซึ่งก็หวังว่าคงจะไม่ได้ใช้ไม้แข็งคุยกัน เนื่องจากท่านนิยมใช้วิธีละมุนละม่อมที่แกมบังคับมากกว่า

   “ขอโทษที่ให้รอนะครับ” คุณรักษ์เดินเข้ามานั่งฝั่งตรงข้ามแล้วเอ่ยปากขอโทษอีกฝ่ายที่ปล่อยให้รอ

   “ไม่เป็นไรครับทางผมก็ต้องขอโทษที่มากะทันหัน ปอออกไปก่อนพ่อขอคุยกับพ่อตาแกแป๊บนึง” คุณปรีชาส่งยิ้มให้คุณรักษ์น้อยๆแล้วเอ่ยปากบอกลูกชายที่นั่งอยู่ข้างๆเสียงเบา

   “ครับพ่อ” ปอเองก็รับคำอย่างว่าง่ายแต่หลุดยิ้มขำออกมานิดๆอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะลุกเดินออกไปตามคำสั่ง ส่วนคุณรักษ์ที่ถูกพาดพิงถึงกับหน้าตึงไปไม่น้อย

   “คุณไม่ควรยัดเยียดตำแหน่งนั้นให้ผม ทั้งๆที่ผมยังไม่ได้ตกลงยอมรับอะไร” คุณรักษ์บอกเสียงเรียบ

   “ต้องขอโทษที่ทำให้คุณไม่พอใจ งั้นผมขอเข้าเรื่องเลยละกันเพราะผมคิดคุณหมอน่าจะรู้ดีว่าผมมาทำไม” คุณปรีชาเปิดประเด็นการพูดคุยทันทีเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เพราะยังไงต่างฝ่ายต่างรู้จุดประสงค์ซึ่งกันและกันดีอยู่แล้ว

   “งั้นคุณก็น่าจะทราบจากลูกชายคุณแล้วเหมือนกันว่าผมตอบไปยังไง และต่อให้คุณมาหาผมถึงนี่ผมก็ยังยืนยันคำตอบเดิมที่ให้ไป” คุณรักษ์ยังคงยืนยันคำเดิมที่เคยบอกปอไป และไม่มีทีท่าจะยอมอ่อนข้อให้ง่ายๆแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครก็ตาม

   “คุณก็รู้ว่าเด็กมันรักกันคุณจะไปขวางให้มันได้อะไรขึ้นมา มันบาปนะคุณหมอทำลูกเต้าเสียใจน่ะ” คุณปรีชายังยิ้มขำไม่ได้เดือดร้อนกับท่าทีจริงจังปนสุขุมของอีกฝ่ายเลยสักนิด

   “ผมยอมบาปถ้ามันจะทำให้ลูกชายผมอยู่ไกลๆครอบครัวคุณ” คุณรักษ์ยังคงดื้อดึงยืนยันคำตอบเดิมของตัวเอง

   “คุณห่วงอะไรคุณหมอ...ห่วงที่พวกเราเป็นฮวงหลงหรือเพราะจริงๆคุณรับไม่ได้ที่ลูกชายมีแฟนเป็นผู้ชาย” คุณปรีชาลองพูดยั่วอารมณ์อีกฝ่ายไปอย่างนึกสนุก

   “ถ้าคุณคิดจะยั่วโมโหผมก็หยุดเถอะครับ ยังไงคำตอบผมมันก็คือคำตอบเดียวอยู่ดี” คุณรักษ์บอกคุณปรีชาด้วยท่าทางสุขุมเหมือนเดิม

   “คุณเป็นคนหัวแข็งเกินไปรู้ตัวบ้างไหมคุณหมอ เรื่องนี้มันไม่ได้มีทางออกที่ซับซ้อนยุ่งยากอะไรเกินไปเลย แค่คุณปล่อยให้เด็กเขารักกัน” คุณปรีชายังคงส่งยิ้มให้ด้วยท่าทางเป็นมิตร ไม่มีท่าทีคุกคามแต่อย่างใด

   “ยังไงผมก็ไม่มีทางปล่อยลูกผมไปอยู่กับคนอันตรายแบบพวกคุณ ไม่ว่าคุณจะยกเหตุผลอะไรขึ้นมาก็ตาม”  คุณรักษ์ยังคงยึดมั่นกับความคิดตัวเอง

   “ผมเข้าใจความรู้สึกคุณนะเพราะผมเองก็เป็นพ่อเหมือนกัน อยากปกป้องดูแลลูกไม่ได้ต่างกัน แต่คุณคิดว่าคุณทำแบบนี้มันดีแล้วเหรอ” คุณปรีชาพยายามเกลี่ยกล่อมด้วยความใจเย็น

   “ผมรู้นะว่าคุณเองไม่ได้รังเกียจอะไรลูกชายผม จากสายตาที่คุณใช้มองถ้าผมไม่คิดเข้าข้างตัวเองเกินไป คุณค่อนข้างพอใจในตัวเขาด้วยซ้ำ ถ้าจะมีอะไรที่คุณไม่สบายใจก็คงจะมีแค่เรื่องเดียวใช่ไหมครับ” คุณปรีชายกแก้มน้ำขึ้นมาดื่มและชวนคุยด้วยท่าทางสบายๆ

   “ใช่...คุณพูดถูกทุกอย่าง ลูกชายคุณบ้านไหนได้ไปเป็นเขยก็ดีทั้งนั้น แต่ผมคงต้องขอสละสิทธิ์”

   “มันเป็นเรื่องเดียวจริงๆสินะที่คุณมีปัญหา ซึ่งทางผมเองก็คงจะให้คำมั่นสัญญาอะไรคุณไม่ได้เหมือนกัน ว่าลูกชายคุณจะไม่เจออันตรายอะไรเลยในอนาคต แต่ขอให้เชื่อเถอะลูกชายผมเขาคงไม่ยอมให้แฟนเขาเป็นอะไรหรอก”

   “คำพูดใครๆก็พูดได้และถ้าคุณเข้าใจผมจริง ถือว่าผมขอร้องได้ไหม อย่าให้ลูกชายคุณมาวุ่นวายกับลูกชายผมอีก พวกเขายังเด็กทั้งคู่สักพักพวกเขาก็ลืม”

   “คุณกลัวเขาจะเจอเรื่องร้ายๆในอนาคตถ้าให้คบกับลูกชายผม แต่คุณไม่ได้กลัวอันตรายในปัจจุบันที่มันเกิดขึ้นกับลูกชายคุณเป็นประจำเลยสินะ” คุณปรีชาส่งยิ้มอ่อนๆให้อีกฝ่าย

   “คุณหมายความว่ายังไงลูกชายผมเจอเรื่องอะไร” คุณรักษ์ถามกลับด้วยน้ำเสียงร้อนรนมีอะไรที่ท่านไม่เคยรู้อย่างนั้นเหรอ ในเมื่อลูกชายคนโตของท่านรายงานให้ฟังตลอดว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แล้วมันจะไปมีเรื่องอะไรได้ยังไงกัน

   “คุณเคยรู้ในสิ่งที่ลูกชายคนโตของคุณทำกับลูกชายอีกคน ที่คุณเฝ้าหวงนักหวงหนามาตลอดระยะเวลาหลายปีนี่บ้างรึเปล่า” คำพูดของคุณปรีชาที่เอ่ยออกมา ทำให้ใบหน้าของคุณรักษ์เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม มันคงมีอะไรที่ท่านคิดว่ารู้แต่ไม่เคยรู้อยู่สินะ

   คุณปรีชาสบตากับคนตรงหน้าเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจเล่าในสิ่งที่ปอเคยบอกให้อีกฝ่ายฟัง พูดในทุกๆเรื่องที่รู้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง พร้อมกับลอบสังเกตุอาการอีกฝ่ายไปในตัว

   จริงๆท่านไม่ได้ตั้งใจจะมาพูดเรื่องนี้กับหมอรักษ์เลย เพราะมันเป็นเรื่องภายในครอบครัวของคนอื่น แต่จะให้ทำยังไงได้ในเมื่ออีกฝ่ายยังคงดื้อดึง มันก็คงไม่น่าจะผิดอะไรเท่าไหร่ที่จะเล่นวิธีสกปรกไปบ้าง ในเมื่ออีกฝ่ายมีจุดอ่อนอยู่ที่ไหนก็ควรเอาเรื่องนั้นมาโจมตี หลักจิตวิทยาง่ายๆที่ใช้ได้ผลกับทุกคนบนโลก

   หลังจากนั้นท่านก็แค่นั่งรอเวลากับผลที่จะได้ตามต้องการ แต่ถ้ามันเกิดพลิกล็อกขึ้นมา ถึงตอนนั้นท่านคงต้องช่วยลูกชายฉุดเมียจริงๆ

   สิ่งที่คุณรักษ์ได้ยินทำให้ท่านถึงกับมือไม้อ่อนและสับสนเป็นอย่างมาก พร้อมๆกับรับรู้ว่าท่านเป็นพ่อที่ไม่ได้แค่แย่แต่โคตรเลว  คิดมาตลอดว่าตัวเองกันลูกออกจากเรื่องเลวร้ายได้แล้ว แต่ความจริงมันแค่ผลักอีกฝ่ายให้ออกจากจุดเดิม เพื่อไปหาเรื่องแย่ๆในจุดอื่นแทนต่างหาก มิหนำซ้ำยังเกิดจากคนใกล้ตัวที่ท่านไว้ใจ

   ท่านพยายามจะกันลูกออกจากคนอันตราย ลงทุนทำร้ายจิตใจอย่างโหดร้าย แต่กลายเป็นว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด ถ้าสิ่งที่ได้ฟังทั้งหมดไม่ใช่เรื่องโกหก รุตจะทำแบบนั้นกับน้องไปทำไมทำมันไปเพื่ออะไรกัน ในเมื่อทุกครั้งเวลาที่ท่านถามถึงเลิฟ ลูกชายคนโตของท่านจะพูดถึงน้องชายด้วยท่าทางมีความสุข หรือที่ว่าทั้งหมดมันเป็นแค่การแสดงเพื่อหลอกลวงท่านเท่านั้น ยิ่งคิดท่านก็ยิ่งไม่เข้าใจ

   “ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อแล้ว อยู่กับผมลูกก็คงต้องเจอเหมือนๆเดิม ให้เขากลับไปอยู่กับลูกคุณผมก็ขอบอตรงๆว่าผมไม่สบายใจ” คุณรักษ์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงและสับสนเต็มที

   “คุณสังเกตุเห็นสร้อยคอบนตัวลูกชายคุณบ้างรึเปล่าคุณหมอ” คำพูดที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรเลยกับบทสนทนาของคุณปรีชา ทำให้หมอรักษ์ขมวดคิ้วผูกกันเป็นปมด้วยความสงสัย เพราะไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่ออะไร

   “จี้ที่อยู่บนสร้อยสามารถทำให้คนของฮวงหลงทุกคน ตายแทนเจ้า ของมันได้” คำพูดต่อมาของคุณปรีชายิ่งสร้างความงุนงงมากว่าเดิมให้คุณรักษ์

   “คุณต้องการจะบอกอะไรผมกันแน่” คุณรักษ์ตัดสินใจถามออกไปตรงๆ เพราะตอนนี้สมองของท่าไม่สามารถจะคิดตาม หรือประมวลผลอะไรได้ทั้งนั้น เรื่องที่พึ่งรับรู้ทำให้ช็อคไปพอสมควร

   “ผมแค่ต้องการบอกคุณว่าลูกชายคุณอยู่กับลูกผมคงได้เจอเรื่องอันตราย แต่จะมีคนของฮวงหลงที่จะเป็นกันชนรับทุกอย่างก่อนที่มันจะถึงตัวลูกชายคุณ และผมมั่นใจว่าลูกชายผมตายแทนลูกคุณได้” คุณปรีชาบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แอบอวยลูกชายตัวเองเพื่อช่วยทำคะแนนกับพ่อตาไปในตัว ท่านก็ไม่รู้หรอกว่าลูกชายท่านมันจะทำแบบที่ท่านโม้ได้ไหม แต่เอาเถอะตอนนี้โชว์อะไรได้ต้องรีบโชว์ทุบเหล็กมันต้องทุบตอนร้อนๆ

   “ผมมั่นใจว่าลูกคุณจะปลอดภัยจากเรื่องของฮวงหลง และอีกอย่างเหมือนที่คุณเองพึ่งจะพูดไปพวกเขายังเด็กทั้งคู่ ตอนนี้เขารักกันแต่อนาคตเราก็ไม่รู้พวกเขาอาจจะไม่ได้คบกันนานขนาดนั้น ทำไมคุณหมอไม่ลองให้ลูกชายเราคบหากันเหมือนเดิมดูละครับ อย่างน้อยเราก็ยังรับรู้และอยู่ในสายตา ดีกว่าไปขวางซึ่งอาจจะส่งผลที่มันแย่กว่าเดิม” คุณปรีชาพยายามเกลี่ยกล่อมเรื่อยๆ และก็สังเกตเห็นว่าอีกฝายดูอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด อาจจะเพราะเรื่องสุดช็อกเกี่ยวกับพฤติกรรมลูกชายคนโตที่ทำให้หมอรักษ์ลดกำแพงฑิฐิลง

   “ผมขอคุยกับลูกชายคุณหน่อยได้ไหม” หมอรักษ์เอ่ยปากออกมาหลังจากที่เงียบไปสักพักใหญ่ๆ

   “คุณลุงมีอะไรจะพูดกับผมครับ” ปอที่ยืนแอบฟังอยู่ด้านนอกตลอด เดินเข้ามาทันทีที่อีกฝ่ายเอ่ยปาก

   “หึ...นี่แอบฟังมาตลอดเลยสินะ” คุณรักษ์ส่งยิ้มน้อยๆแต่ดูอ่อนแรงให้ปอ ส่วนคุณปรีชาได้แต่ส่ายหัวหน่ายๆให้ลูกชาย ปกติลูกท่านมันไม่มีนิสัยแอบฟังใครคุยกันหรอก เพราะมันเป็นคนไม่สนใจใครเรียกว่าไม่สนใจโลกก็ยังได้ แต่นี่มันคงอยากจะรู้มากจริงๆ

   “เธอรักลูกชายฉันรึเปล่า” คุณรักษ์ลองถามอีกฝ่ายเพราะอยากเห็นอะไรบางอย่าง

   “รักครับ” ปอตอบออกไปทันทีด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแบบไม่ต้องคิด

   “ถ้าเธอบอกว่ารักงั้นฉันขอให้เธอเลิกยุ่งกับลูกชายฉันได้ไหม”

   “ไม่ได้ครับ” ปอตอบปฏิเสธทันควัน ในหัวกำลังวางแผนฉุดเลิฟอย่างจริงจัง

   “ฉันคงต้องยอมแพ้เธอจริงๆสินะ....มีใครอยู่แถวนี้บ้างพาคุณปอขึ้นไปพบคุณหนูข้างบนหน่อย” คุณรักษ์ส่งยิ้มให้จางๆและเรียกหาแม่บ้านเสียงดัง

   “ขอบคุณครับ” ปอยกมือไหว้ขอบคุณพร้อมกับรอยยิ้มยินดีอย่างปิดไม่มิด

   “ขอบคุณครับพ่อ” ปอหันมากอดคุณปรีชาแน่น ก่อนจะผละออกเพื่อเดินตามแม่บ้านขึ้นไปข้างบน

   “เห็นคุณกับลูกชายแล้วผมก็อดมองที่ตัวเองไม่ได้ ทั้งๆที่ก็เป็นพ่อคนเหมือนกันแต่ทำไมผมถึงเป็นพ่อที่ดีแบบคุณไม่ได้นะ” คุณรักษ์พึมพำออกมาแผ่วเบา มองตามแผ่นหลังปอด้วยแววตาหม่นหมอง ยิ่งเห็นคุณปรีชากับลูกชายยิ่งสะท้อนความเลวของท่านได้ชัดเจน

   เด็กก็เหมือนผ้าขาวผืนหนึ่งที่ผู้ใหญ่จะต้องแต่งแต้มสีสันลงไป ลูกของท่านควรมีสีสันที่สวยงามสดใส แต่เพราะความเห็นแก่ตัวของท่านเองที่ทำให้ผ้าขาวทั้งสองผืนเต็มไปด้วยสีที่หม่นหมอง

   ความทุกข์ใจมหาศาลกำลังซัดสาดและวิ่งพล่านไปทั่วอก ถ้าจะถามหาว่าใครเป็นคนทำร้ายลูกท่านมากที่สุด มันคือตัวท่านเองที่ทำร้ายลูกมาตลอด ด้วยคำว่ารักที่มีแต่ลมปากและคำว่าพ่อที่เป็นคำเรียก แต่ไม่เคยทำตัวให้เหมาะสมกับคำที่ยิ่งใหญ่คำนี้

...
...
   
   ตอนนี้ปอมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูไม้บานหนึ่ง ที่ถูกล็อกเอาไว้อย่างแน่นหนาด้วยแม่กุญแจขนาดใหญ่ เขามองมันอย่างไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากยืนรอแม่บ้านไขกุญแจให้ด้วยความใจเย็น

   แกร๊ก!!!

   ปอเปิดประตูเข้าไปในห้องแล้วเดินเข้าไปข้างในช้าๆ ก่อนจะหันมาปิดประตูลงเบาๆและจัดการล็อกให้เรียบร้อย เขามองร่างเล็กที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงด้วยความโหยหาและคิดถึงอย่างรุนแรง

   เกือบอาทิตย์นึงที่เขากับมันแยกกัน ระยะเวลาอาจจะไม่นานเท่าตอนที่มันหนีไป แต่ค่าความทรมานมันต่างกันมากมาย ครั้งนั้นมันเป็นแค่เรื่องของเราสองคนแต่ครั้งนี้มันไม่ใช่ ความกังวลในใจของเขามันเลยมากกว่าครั้งที่แล้ว มากจนในหัวคิดแต่อะไรบ้าๆเต็มไปหมด

   ปอเดินมาหยุดที่ข้างเตียงและมองคนตัวเล็กที่ยังนอนคว่ำหน้า ไม่สนใจว่าใครจะเข้ามาในห้องโดยที่ไม่พูดอะไร ยืนฟังเจ้าตัวด่าเขาให้ไอ้แมวอ้วนฟังเงียบๆ แต่เขาไม่รู้สึกโกรธเลยสักนิดกลับรู้สึกดีด้วยซ้ำที่ได้ยินมันอีกครั้ง

   “ไอ้บ้าปอ ไอ้เลว ไหนบอกจะรีบมารับวะหายหัวไปเฉยเลย โทรไปก็ไม่รับสายแถมไม่โทรมาอีก อย่าให้เจอนะมึง....” เลิฟนอนว่าปอด้วยความหงุด หงิดปนน้อยใจ ใบหน้าหวานงอง้ำแนบลงไปกับที่นอน ปากอิ่มกำลังจะพ่นคำสรรเสริญเยินยอปออีก แต่ก็ต้องหยุดชะงักและสะดุ้งด้วยความตกใจเพราะสัมผัสที่ข้างแก้ม ก่อนจะหันไปมองด้วยความเร็ว

   ฟอดดดดด

   “ปอ...” เลิฟเรียกชื่อปอออกมาด้วยความตะลึง แววตาสั่นไหวรุนแรงด้วยความไม่แน่ใจ

   “กูจะดีใจกว่านี้นะถ้ามึงเปลี่ยนเสียงด่าเป็นเสียงครางแทน” ปอกระตุกยิ้มนิดๆส่งให้เลิฟ ทรุดตัวนั่งลงข้างๆและโน้มตัวคร่อมเลิฟเอาไว้

   “ปอจริงๆด้วย” เลิฟพลิกตัวกลับมานอนหงายและยกมือขึ้นไล่สัมผัสทั่วใบหน้าของปอ ก่อนที่ดวงตากลมโตจะคลอไปด้วยน้ำใสๆ และไหลออกมาในที่สุด

   “ร้องไห้อีกแล้ว” ปอยกมือขึ้นมาเกลี่ยน้ำตาออกจากใบหน้าเนียนแผ่วเบา

   “กูมารับแล้ว...กลับบ้านเรากัน” ปอส่งยิ้มบางๆให้เลิฟมือหนาลูบแก้มใสเล่นอย่างเบามือ

   “ช้า...นึกว่าจะไม่มาแล้ว” เลิฟตัดพ้อเสียงสั่น

   “ก็มาแล้วนี่ไง” ปอบอกเสียงนุ่มแบบที่ไม่ค่อยได้ใช้นัก

   “อื้อ...กลับบ้านเรานะกลับบ้านเรากัน” เลิฟยิ้มออกมาทั้งน้ำตาและลุกขึ้นกอดปอเอาไว้แน่นด้วยความคิดถึงทั้งหมดที่มี ห่างกันแค่อาทิตย์เดียวแต่ความรู้สึกเหมือนห่างกันเป็นปี

   ปอเองก็กอดตอบด้วยความคิดถึงที่มากมายไม่แพ้กัน มือหนาลูบหัวลูบหลังคนตัวเล็กเพื่อปลอบโยน ก่อนจะดันอีกฝ่ายออกห่างเล็กน้อยแล้วกดจูบจูบลงบนหน้าผากเนียนแผ่วเบา เลื่อนลงมาจูบที่เปลือกตาทั้งสองข้างไล่ลงมาที่แก้มใส และประทับลงบนปากอิ่มเป็นที่สุดท้าย

   ปอดูดเม้มริมฝีปากอีกฝ่ายแผ่วเบาหยอกล้อ ก่อนจะส่งลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากนุ่ม เกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กไปมาอย่างนุ่มนวล ไม่ได้มีความร้อนแรงแต่เต็มไปด้วยความอ่อนหวานและอ่อนโยน

   ปอดันตัวของเลิฟลงบนที่นอน ในขณะที่ปากยังคงเฝ้าจูบวนเวียนอยู่ไม่ห่าง ก่อนจะผละออกมาซุกไซร้ที่ลำคอระหงแทน มือหนาเลื่อนเข้าไปลูบไล้ผิวเนียนใต้เสื้อยืดตัวบางและเลิกมันขึ้นสูงจนเห็นยอดอกเล็ก ปอก้มลงดูดดึงจุกเล็กทั้งสองข้างอย่างหิวกระหาย

   “อ๊ะ...อื้อ” เลิฟครางออกมาผะแผ่วเพราะถูกกระตุ้น

   “แม่งเอ้ย” ปอสบถงึมงำในลำคอแล้วหยุดการกระทำของตัวเอง นอนซบหน้าอยู่กับอกของเลิฟนิ่ง หายใจเข้าออกหนักๆเพื่อระงับอารมณ์ เขาอยากเอามันใจจะขาดแต่ทำไม่ได้ เพราะถ้าขืนทำต่อตอนพามันลงไปข้างล่าง ในสภาพสะโหลสะเหลที่ยังไงก็ดูออกแน่ๆว่าทำอะไรมา พ่อตาเขาคงได้ทวงลูกคืนอีกและเหตุผลสำคัญอีกอย่างคือ เขาอยากฟัดมันนานๆไม่ใช่รีบร้อนจำกัดเวลาแบบนี้

   ดวงตาฉ่ำปรือของเลิฟมองปอด้วยความไม่เข้าใจ เผลอช้อนตามองปออ้อนๆอย่างไม่รู้ตัว ปากสีแดงสดเผยอขึ้นเล็กน้อยเพราะอารมณ์ค้าง

   “อย่ามองกูแบบนี้” ปอจัดการดึงเสือของเลิฟลงให้เข้าที่เข้าทาง ก้มลงจูบข้างขมับเบาๆแล้วดึงอีกฝ่ายที่ยังงงอยู่ให้ลุกขึ้น สาบานได้เลยว่าถ้ากลับถึงบ้านเขาจะจัดให้สมกับที่อดมาเป็นอาทิตย์

   “ปอ...”  เสียงเรียกแผ่วเบาและแรงดึงน้อยๆทำให้ปอต้องหันกลับมามอง   

   “มีอะไร” ปอมองคนที่นั่งก้มหน้ามองพื้นด้วยความสงสัย

   “กลับไปคราวนี้พ่อจะไปพาตัวเลิฟกลับมาอีกรึเปล่า เลิฟยังต้องกลับ มาที่นี่อีกไหม” เสียงที่เปล่งออกมาเต็มไปด้วยความกังวลจนปอรู้สึกได้ เขาเลยนั่งยองๆลงต้องหน้าของอีกฝ่าย และจับใบหน้าที่ก้มมองพื้นอยู่ให้เงยขึ้นมาสบตา

   “พ่อมึงเขาให้เราอยู่ด้วยกันแล้ว จะไม่มีใครพามึงกลับมาอีกถ้ามึงไม่เต็มใจ” ปอบอกอีกฝ่ายให้คลายความกังวล

   “อื้อ” เลิฟพยักหัวหงึกหงักและส่งยิ้มบางๆให้ปอ

   “ลงไปข้างล่างได้แล้วผู้ใหญ่รอ” ปอลุกขึ้นยืนเต็มความสูงกำลังจะหันหลังเดิน แต่โดนเลิฟกอดเอาไว้แน่นใบหน้าเนียนใสซบอยู่ที่หน้าท้องแกร่ง

   “เลิฟรักปอนะ” พูดออกไปด้วยความเขินพร้อมกับถูไถใบหน้าไปมาเบาๆ

   “กูรู้” ปอว่ายิ้มๆและลูบหัวของเลิฟเล่น

   “ปอรักเลิฟป่ะ” เลิฟเงยหน้าช้อนตามองปออ้อนๆ

   “มึงไม่รู้” ปอย้อนถามกวนๆ

   “รู้...แต่อยากได้ยินไง” เลิฟบอกเสียงอ้อมแอ้ม

   “รัก” ปอว่าด้วยเสียงหนักแน่นพร้อมก้มลงหอมหัวเล็กๆของเลิฟ

   “เลิกอ้อนกูได้แล้วจะกลับไหมบ้าน” ปอผละออกเล็กน้อยแล้วเดินไปเปิดประตูห้อง

   “กลับ!!” เลิฟพูดเสียงดังและรีบลุกขึ้นด้วยความเร็ว ก่อนจะอุ้มโมกขึ้นมาแล้วเดินตามปอออกไป
   ระหว่างทางเดินไม่มีการพูดคุยอะไรทั้งนั้น มีเพียงมือของทั้งคู่ที่เกาะกุมกันไว้แน่น เพื่อเป็นการยืนยันให้ทั้งคู่รับรู้ว่าพวกเขายังอยู่ด้วยกันตรงนี้ และจะไม่หายไปไหนอีก

   “โอ๊ย!!! หยุดเดินทำไมอ่ะ” เลิฟบ่นออกมากระปอดกระแปดเพราะจู่ๆปอก็หยุดเดินกระทันหัน จนเลิฟที่เอาแต่ก้มหน้าเดินตามแรงจูงของปอชนเข้ากับหลังกว้างเต็มแรง

   ใบหน้าของเลิฟงอง้ำอ้าปากเตรียมจะด่าปอ แต่ก็ต้องหุบลงทันควัน และยืนเงียบเมื่อรู้ว่าปอหยุดเดินทำไม ตามองหน้าต้นเหตุที่ยืนขวางทางด้วยความระแวง

   ปอจ้องใบหน้าขาวออกหวานนิดๆของอีกฝ่ายเขม็ง เขาละไม่เข้าใจจริงๆว่าชาติที่แล้วไปทำเวรทำกรรมอะรับมันไว้รึเปล่า ทำไมพออะไรกำลังจะดีเขาต้องเจอไอ้เหี้ยนี่ขวางทุกที สังสัยเขาคงจะได้ออกกำลังกับมันก่อนพาเมียกลับบ้าน


2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 48 - 50 (19/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 19-02-2016 11:08:34
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 48 - 50 (19/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-02-2016 11:49:47
รออยู่เลย 
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 48 - 50 (19/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 19-02-2016 13:33:38
ได้รู้สาเหตุของคุณพ่อที่ไม่สนใจน้องเลิฟแล้วก็ได้แต่ถอนใจ :เฮ้อ:
มันใช่เรื่องที่น้องเลิฟต้องเจอมั๊ยเนี่ย เรื่องของผู้ใหญ่แท้ๆ
คุณพ่อดูอ่อนลงแต่ก็มาติดตรงพี่ชายนี่อีก สู้ๆนะทั้งสองคน
ต่อสู้กับอุปสรรคเพื่อที่จะพบกับความสุขที่แสนหวาน
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :กอด1:
+1และเป็ดค่ะ


หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 48 - 50 (19/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 19-02-2016 13:58:18
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 51 (20/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 20-02-2016 12:37:49
กับดักที่
- 51 -



   ปอกับรุตยืนจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ก่อนจะเป็นฝ่ายรุตที่เบือนสายตาออกและหันไปมองเลิฟแทน ยกมือขึ้นช้าๆหมายจะยื่นไปจับใบหน้าของน้องชาย แต่ปอที่ยืนอยู่ใกล้ๆไวกว่าคว้าเอามือของรุตไว้ได้ทันแล้วบีบลงไปเต็มแรง   
           
   รุตยืนมองหน้าเลิฟด้วยสีหน้าเรียบเฉยแล้วหันมามองปอด้วยแววตาว่างเปล่า ความเงียบของรุตที่ไร้ท่าทางกวนประสาททำเอาปอแปลกใจไม่น้อย เขาพยายามจ้องมองเข้าไปในตาของอีกฝ่ายอย่างค้นหาแต่ก็ไม่ได้อะไร รุตบิดแขนตัวเองออกจากมือปอช้าๆแล้วเดินเข้าไปประชิดตัวปอเล็กน้อย พร้อมกับส่งเสียงกระซิบลงที่ข้างหูปอเบาๆเพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคน

   “กูไม่ให้มันจบง่ายๆแค่นี้แน่...น้องเป็นของกู คนมาที่หลังอย่างมึงไม่มีสิทธิ์” รุตพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาก่อนจะเดินผ่านทั้งคู่ขึ้นไปบนห้องเงียบๆ

   ปอมองตามหลังของรุตด้วยความตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน จากที่รับรู้เรื่อง ราวทั้งหมดระหว่างเลิฟกับรุตมาโดยตลอด เขาไม่เคยคิดถึงข้อนี้และคิดไม่ถึงจริงๆ นี่สินะเหตุผลที่มันแสดงอาการหวงเมียเขาขนาดนั้น ต่อไปนี้เขาคงต้องเฝ้าไอ้ตัวเล็กให้ดีๆเพราะดูท่าไอ้รุตมันจะไม่ยอมจบง่ายๆ

   “พี่รุตคุยอะไรกับปออ่ะ” เลิฟถามน้ำเสียงร้อนรนมองตามรุตด้วยความระแวง

   “ไม่มีอะไร...ไปหาพ่อมึงได้ละ” ปอบอกปัดและจูงมือเลิฟเดินไปห้องนั่งเล่น

   "ถ้าไม่มีอะไรปอจะทำหน้าแบบนี้ทำไม" เลิฟถามหน้ายุ่งขืนตัวไว้ไม่ให้ไปตามแรงดึง มองหน้านิ่งๆของปออย่างต้องการคำตอบ ถึงปอจะทำหน้าตายเหมือนไม่มีอะไร แต่กับคนที่อยู่ด้วยกันทุกวันเป็นปีแบบเขา ทำไมจะดูไม่ออกว่าปอกำลังปิดบังอะไรบางอย่างอยู่

   "พี่มึงมันก็กวนส้นตีนเหมือนเดิมนั่นแหละ" ปอตอบเลี่ยงๆเพื่อไม่ให้เลิฟถามต่อ แต่เหมือนเจ้าตัวจะไม่ค่อยเชื่อเขาเท่าไหร่ยังคงมองมาด้วยสายตาเคลือบแคลง

   "เลิกสงสัยได้แล้ว" ปอยกมือขยี้หัวเลิฟเบาๆแล้วจูงมือคนตัวเล็กให้เดินต่อ

   แต่พอมาถึงที่หมายเลิฟก็หยุดชะงักเท้าอยู่แค่หน้าทางเข้า สบตากับคนเป็นพ่อเล็กน้อยและต่างฝ่ายต่างก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา เลือกที่จะเงียบอยู่แบบนั้นจนบรรยากาศเริ่มจะอึดอัดขึ้นมา

   ปอพยายามดึงเลิฟให้เข้าไปข้างในแต่เจ้าตัวฝืนเอาไว้ส่ายหัวเบาๆเป็นการปฏิเสธ เพราะเลิฟไม่รู้จริงๆว่าจะคุยกับพ่อว่าอะไรไม่รู้จริงๆว่าจะต้องทำตัวแบบไหน เขายังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับพ่อตอนนี้

   “จะกลับกันเลยใช่ไหมครับผมเองก็ต้องรีบเข้าโรงพยาบาลเหมือน” เป็นฝ่ายคุณรักษ์เองที่พูดทำลายความเงียบออกมา และลุกขึ้นเตรียมตัวไปทำงาน

   “ใช่ครับทางผมต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คุณหมอเสียเวลา” คุณปรีชาเอ่ยปากขอโทษอีกฝ่ายและลุกขึ้นยืนบ้าง

   “พูดอะไรกับพ่อหน่อยไหม” ปอก้มลงกระซิบบอกข้างหูเลิฟแต่เจ้าตัวเลือกที่จะเงียบเหมือนเดิม จนปอได้แต่ถอนหายใจออกมาหนักๆ เขาอยากให้เลิฟพูดอะไรกับพ่อตัวเองบ้างแต่ก็รู้ว่ามันคงไม่พร้อม เขาเลยไม่อยากบังคับอะไร

   "ผมลานะครับคุณลุง" ปอยกมือขึ้นไหว้ผู้สูงวัยกว่าด้วยความนอบน้อม เมื่ออีกฝ่ายกำลังเดินผ่านหน้าเขา

   คุณรักษ์ชะงักเท้าลงและหันมามองหน้าปอ เหลือบไปมองเลิฟที่ยืนก้มหน้าอยู่ข้างๆเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาหาปอเพื่อพูดบางอย่าง

   "ฝากด้วยนะ" คุณรักษ์บอกกับปอสั้นๆพร้อมรอยยิ้มบางๆหันหลังเตรียมจะเดินต่อ แต่ก่อนจะไปท่านหันหน้ามาหาลูกชายที่ยืนก้มหน้าอยู่ วางฝ่ามือลงบนหัวเล็กแล้วลูบไปมาเบาๆ

   "ดูแลตัวเองดีๆนะลูก" น้ำเสียงของคุณรักษ์เต็มไปด้วยความอ่อนโยน สายตาภายใต้แว่นกรอบหนาก็อ่อนโยนไม่แพ้กัน คุณรักษ์ลูบหัวเลิฟแค่ครู่เดียวท่านก็ผละออกแล้วเดินจากไป

   เลิฟเงยหน้ามองตามหลังพ่อด้วยความตะลึง ฝ่ามือเล็กยกขึ้นมาจับที่หัวตัวเองสัมผัสของฝ่ามือเมื่อกี้ยังคงอยู่ ถึงแม้พ่อจะไม่ได้พูดอะไรออกมามาก มายเป็นแค่คำสั้นๆ แต่คนฟังอย่างเขากลับอุ่นวาบไปทั้งใจความตะขิดตะขวงใจที่มีแทบจะหายไปพร้อมฝ่ามือเมื่อกี้

   "วันหลังเราค่อยมาหาพ่อมึงพร้อมกัน" ปอก้มลงกระซิบบอกเลิฟ

   "อื้อ" เลิฟส่งยิ้มกว้างให้ปอเขาไม่รู้ว่าเหตุการณ์เมื่อกี้จะเรียกว่าเป็นสัญญาณที่ดีระหว่างเขากับพ่อได้ไหม แต่อย่างน้อยเขาก็รู้สึกได้ว่าระยะห่างของเรามันแคบลง ถึงเขาจะยังไม่พร้อมที่จะคุยอะไรกับพ่อตอนนี้ แต่เขาดีใจที่อย่างน้อยก็สัมผัสได้ถึงบางอย่างที่พ่อจะสื่อ

   เขาไม่ได้เกลียดไม่ได้โกรธพ่อก็จริง แต่ความน้อยใจและแผลที่ได้รับมันมีมากเกินไป เกินกว่าที่มันจะรักษาได้ง่ายๆเพราะแก้วที่มันร้าวมาตลอดไม่มีทางประกอบติดได้ในวันเดียว ความรู้สึกคนก็เหมือนกันมันอาจจะต้องใช้เวลาบ้างสำหรับทั้งคู่ แต่เวลาจะเป็นตัวเยียวยาและทำทุกอย่างให้ดีขึ้น

...
...

   รุตยืนมองรถยนต์คันหรูที่แล่นออกจากบ้านไปด้วยความโกรธ มือกำผ้าม่านหน้าต่างห้องแน่นจนแทบจะหลุดคามือ ความรู้สึกเกลียดรุนแรงกำลังปะทุเผาไหม้อยู่ในอก มันมากมายจนเขาอยากจะทำลายทุกอย่างให้พังพินาศ

   เขายังจำได้จนถึงทุกวันนี้วันที่รู้ว่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวบนโลกห่วยๆ วันที่รู้ว่าตัวเองมีคนในครอบครัวอีกคน วันที่ได้เห็นดวงตาซุกซนกลมโตคู่นั้นและรอยยิ้มสว่างสดใสเหมือนพระอาทิตย์ วันที่เขารู้ว่าตัวเองมีน้องชาย

   เด็กตัวเล็กๆนิสัยขี้อ้อนที่ตื่นผู้คน เด็กที่เต็มไปด้วยความเหงาทำให้เขาอยากปกป้องและดูแล มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขในชีวิตที่มีน้องชายคอยเดินตามคอยเรียกหา ‘พี่รุตๆ’ คอยรอเรากลับบ้านเห็นว่าเราเป็นคนสำคัญและมีตัวตน คนๆเดียวในบ้านหลังใหญ่ที่เป็นแสงดวงเล็กๆแต่สว่างไสวที่สุดในชีวิต

   เขาพยายามปกป้องดูแลอยู่ข้างๆน้อง คิดว่าตัวเองทำมันได้ดีมาโดยตลอด จนกระทั่งวันนั้นที่เขาไม่อยู่บ้านและน้องเกือบตาย มันทำให้เขารู้ได้ทันทีว่าตัวเองเป็นแค่เด็กอายุสิบสี่ที่ไม่มีปัญญาทำอะไรเลย ตั้งแต่วันนั้นมาเขาให้ สัญญากับน้องว่าจะดูแลน้องและไม่ทิ้งไปไหน

   เขาตั้งใจเรียนหนังสืออย่างหนักเพื่อจะเป็นจิตแพทย์ ไม่ใช่เพราะจะสืบทอดงานที่บ้านแต่เพื่อรักษาอาการป่วยของน้อง เขารู้ว่าแม่ไม่รักษาน้องต่อและเขาทำอะไรไม่ได้การตั้งใจเป็นหมอจึงเป็นทางเดียวที่ทำได้ แต่เพราะมัวเอาแต่เรียนมันเลยเกิดช่องว่างระหว่างเขากับน้องขึ้น

   ในวันหนึ่งตอนช่วงม.4 น้องพาเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักมาที่บ้าน และแนะนำกับเขาว่าคือแฟนพร้อมรอยยิ้มที่มีความสุข ตอนนั้นเหมือนเขาโดนอะไรหนักๆมาทุบลงบนหัวแรงๆ หูมันอื้อสมองมันเบลอไปหมดสิ่งเดียวที่รับรู้คือน้องกำลังจะทิ้งเขาไปอีกคนทิ้งให้เขาอยู่คนเดียวอีกครั้ง แต่สิ่งที่เขาทำได้คือยิ้มและยอมรับ เพราะน้องมีความสุขเขาก็ควรมีความสุข ส่วนเขาก็แค่ใช้ชีวิตและทำหน้าที่ตัวเองต่อไป

   ทุกอย่างมันควรจะเป็นอย่างนั้น น้องชายเขาควรมีความสุขแต่มันไม่ใช่ เด็กผู้หญิงคนนั้นแค่ใช้น้องเป็นสะพานเพื่อที่จะได้เข้าหาเขา และพยายามยั่วยวนจนเขาต้องไล่ตะเพิดไป

   แต่ทุกอย่างมันไม่จบแค่นั้นหลังจากเด็กผู้หญิงคนนั้น คนอื่นๆที่เป็นแฟนน้องก็ไม่ต่างกัน เขาเลยลองใจแฟนน้องชายทุกคน ผลที่ได้คือทุกคนทิ้งน้องไม่มีใครรักน้องจริง เพราะฉะนั้นมันคงไม่ผิดใช่ไหม ถ้าเขาจะกันคนพวกนั้นให้ห่างน้อง ให้น้องเป็นของเขาคนเดียว และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด

   เขากลายเป็นคนที่ชอบแย่งแฟนน้องในสายตาคนอื่น เขาอยากอธิบายให้น้องเขาใจว่าเรื่องราวเป็นยังไง แต่สายตาที่น้องมองมาที่เขามันเปลี่ยนไปแล้ว น้องไม่ได้มองมาที่เขาแบบพี่ชายแสนดีอีกต่อไป

   น้องไม่ยอมมองหน้าเขาและพูดคุยเหมือนเดิม แถมน้องยังแอบไปทำงานกลางคืนซึ่งมันทำให้เขาไม่พอใจ คิดหาทางให้น้องเลิกทำเพราะที่โสมมแบบนั้นมันไม่เหมาะกับน้องเลยสักนิด

   แล้วจู่ๆก็มีข่าวลือว่าน้องเสียๆหายๆออกมา ต้นตอของเรื่องไม่ใช่ใครแต่เป็นเพื่อนสนิทของเขาเอง ตอนนั้นยอมรับว่าโกรธที่เพื่อนทำแบบนั้นแต่แล้วสมองมันก็คิดขึ้นมาได้ว่า ถ้าเขาบีบน้องในเรื่องนี้น้องอาจจะเลิกทำงานนั่น เลยกลายเป็นว่าเขาช่วยเติมเชื้อไฟให้เรื่องมันลุกลาม

   น้องไม่เลิกทำงานแถมยังมีแฟนใหม่ทั้งๆที่ไม่มีมานาน ทำให้เขารู้สึกเหมือนโดนค้อนทุบหัวอีกครั้ง ทั้งที่เขาบีบให้น้องไม่เหลือใครแล้วทำไมน้องถึงไม่กลับมาหาเขา ทำไมน้องยังไปมีคนอื่นได้อีก ทำไมน้องไม่เข้าใจว่าไม่มีใครรักน้องนอกจากเขา

   เขาตามจีบผู้หญิงที่ชื่อแยมอยู่นานจนเกือบถอดใจ เผลอคิดไปแล้วว่าคนนี้คงรักน้องจริงและเขาควรหยุด แต่สุดท้ายก็เหมือนเดิมผู้หญิงที่ชื่อแยม...เลือกเขา

   เรื่องทุกอย่างระหว่างเขากับแยมน่าจะจบได้ง่ายๆเหมือนทุกครั้ง แต่เรื่องมันกลับไม่เป็นแบบนั้น เมื่อมันเกิดเหตุการณ์แย่ๆที่เข้าขั้นเลวร้ายขึ้น แยมโดนพวกแฮครุมโทรมในคอนโดของเขา นั่นมันยิ่งทำให้น้องเกลียดเขาและเขาแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่เขาไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเรื่องแบบนี้เลยจริงๆ

   หลังจากเกิดเรื่องแยมเขาก็แทบจะหายไปจากชีวิตน้อง เคลียร์เรื่องข่าวลือแย่ๆให้น้องแล้วก็ไม่ไปตามวุ่นวายอีก ส่วนแฮคเขายังคบกันเป็นเพื่อนอยู่เหมือนเดิม ไม่รู้ว่าทำไมถึงยังคบแต่เพื่อนก็คือเพื่อนอยู่ดี

   เวลาผ่านไปเขาก็ได้ข่าวว่าน้องมีแฟนเป็นผู้ชาย พยายามจะไม่สนใจเพราะไม่อยากโดนเกลียดมากไปกว่านี้ แต่สิ่งที่ได้รู้มาคือไอ้ปอมันเหี้ยและน้องไม่ควรอยู่กับคนเหี้ยๆแบบมัน เขาสั่งห้ามน้องให้เลิกยุ่งเกี่ยว แต่น้องไม่ยอมและเราทะเลาะกัน

   เขาโมโหจนตบหน้าน้องโกรธที่ต้องมารับรู้ว่าน้องกำลังรักผู้ชายคนนี้มากกว่าทุกๆคนที่น้องรัก กลัวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นว่าผู้ชายคนนี้พิเศษกว่าทุกคน ผู้ชายคนนี้กำลังจะเอาน้องไปจากเขาตลอดกาล มันทำให้เขายอมไม่ได้และรู้ว่าจริงๆแล้วเขารู้สึกยังไง
   เขารักน้องมันคือความรักที่บอกไม่ได้เหมือนกันว่ารักแบบไหน รู้แค่ว่าอยากให้มาอยู่ข้างๆอยากได้มาครอบครอง แต่ไม่ได้มีความรู้สึกทางเพศอยู่ในนั้น

   เขาจะทำทุกอย่างและทุกทางให้ได้น้องกลับมา ไอ้ปอมันไม่มีสิทธิ์มันเป็นคนมาทีหลังมันไม่ควรจะได้ทุกอย่างไป น้องเป็นของเขาและเขาจะไม่ยอมยกให้ใคร



2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 52 (20/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 20-02-2016 12:42:06
กับดักที่
- 52 -



   เลิฟนั่งหน้ามุ่ยเท้าคางอยู่ที่โต๊ะกลางสวน ตากลมโตมองไปทางหน้าบ้านตลอดเวลา ตั้งแต่กลับมาจากบ้านพ่อปอก็พาเขามาทิ้งไว้ที่บ้านตัวเอง แล้วก็หายตัวไปพร้อมกับพ่อปรีชา พี่ป้อง พี่ปิง ไอ้พี่ต้า ไม่ได้บอกอะไรกับเขาสักคำว่าจะไปไหน ปล่อยให้เขานั่งเล่นกับสาวๆที่บ้าน จนตอนนี้จะเที่ยงคืนแล้วก็ยังไม่โผล่หัวมา

   "เข้าบ้านเหอะเลิฟดึกแล้ว ยุงกัดหมดแล้วเนี่ย" ปรางบ่นกระปอดกระ แปดมือก็ปัดไล่ยุงที่บินตอมตัวเองไปมา
 
   "ปรางเข้าไปก่อนก็ได้เดี๋ยวเลิฟรอปออีกแป๊บนึง" เลิฟหันมาบอกปรางอย่างเกรงใจ เพราะปรางออกมานั่งรอปอตากยุงเป็นเพื่อนเขานานแล้ว

   "โหยยย ไม่เอาอ่ะถ้าเลิฟไม่เข้าปรางก็ไม่เข้า ขืนทิ้งเลิฟไว้ข้างนอกคนเดียว คุณชายปอจะมาแหกอกปรางเอาข้อหาดูแลเมียพี่ไม่ดี" ปรางทำหน้าทะเล้นล้อเลียนเลิฟ จนเจ้าตัวหน้าขึ้นสีเพราะเขินกับคำพูดห่ามๆของปราง

   "เมียอะไรล่ะปราง" เลิฟอ้อมแอ้มเถียงกลับเสียงเบาก้มหน้างุดเพื่อซ่อนหน้าแดงๆของตัวเอง คุยกับคนอื่นเรื่องนี้ก็อายจะตายอยู่แล้ว ยิ่งมาคุยกับปรางเขายิ่งอายไปกันใหญ่ มันตะขิดตะขวงใจและรู้สึกแปลกๆทุกครั้ง

ก็เขาเคยตามจีบปรางอยู่ตั้งนาน ใครจะไปคิดว่าวันนึงจะมาเป็นแฟนพี่ชายของคนที่เคยจีบ แถมเจ้าตัวยังมานั่งแซวเขาหน้าตาเฉย

   "งั้นเลิฟจะบอกว่าเป็นผัวพี่ชายเราเหรอ...ไม่เชื่ออ่ะ" ปรางทำหน้าตาไม่เชื่ออย่างที่พูดใส่เลิฟ

   "ขอได้ไหมเนี่ยเลิกแซวแบบนี้ซะทีเหอะ" เลิฟโอดครวญออกมาแล้วซุกใบหน้าแนบไปกับโต๊ะ

   "ฮ่าๆเขินเหรอเลิฟยิ่งเขินปรางก็ยิ่งอยากแกล้งดิ" ปรางหัวเราะออกมาอย่างชอบใจจิ้มนิ้วลงไปที่แก้มของเลิฟเล่นเบาๆ พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่ชายหน้าตายของเธอถึงได้รักเลิฟ ก็ผู้ชายอะไรหน้าตาท่าทางน่ารักขนาดนี้ มันดูน่าปกป้องน่าทะนุถนอม อยู่ใกล้กันทุกวันไม่เขวบ้างก็ให้มันรู้ไป แถมเลิฟยังขี้อ้อนอีกด้วย ชักรู้สึกเสียดายที่ตอนนั้นปฏิเสธเลิฟไป แย่งกลับมาตอนนี้จะทันไหม

   "เลิฟเป็นกิ๊กเราไหม" ปรางทำสีหน้าจริงจังใส่เลิฟ

   "ห๊ะ!" เลิฟทำหน้างงใส่ปรางเพราะคิดว่าตัวเองหูฝาด

   "กิ๊กเราไหม" ปรางทวนคำช้าๆชัดให้เลิฟฟังอีกครั้ง

   "เฮ้ย!!" เลิฟร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ มองปรางตาโตจนแทบจะถลนออกจากเบ้า

   "ฮ่าๆๆโอ๊ย!! ล้อเล่น...ดูทำหน้าดิ ขืนไปยุ่งกับของรักของหวงคุณชายปอนี่ตายได้ง่ายๆเลยนะ" ปรางหัวเราะดังลั่นแล้วทำหน้าตาขึงขังใส่เลิฟ

   "ไม่ได้หวงซักหน่อย" เลิฟว่าเสียงเบา

   "จ้า...ไม่หวงเลยพกใส่กระเป๋าได้เหมือนเงินปอคงทำไปแล้วแหละ" ปรางเบ้หน้าใส่ด้วยความหมั่นไส้

   "เอาเป็นว่าตอนนี้เข้าบ้านเหอะเลิฟยุงมันเยอะจริงๆนะ กัดจนจะเป็นไข้เลือดออกแล้วเนี่ย" ปรางโวยวายออกมายกมือขึ้นตบยุงอย่างหงุดหงิด

   "แต่..." เลิฟอ้าปากจะค้านแต่ก็โดนขัด

   "ไม่แต่แล้วเลิฟเข้าบ้าน" ปรางยื่นคำขาดและลุกขึ้นยืนลากแขนเลิฟเดินเข้าบ้าน เจ้าตัวเลยจำใจต้องเดินตามเข้าไปอย่างช่วยไม่ได้ แต่ก่อนจะกลับเข้าไปข้างในสายตายังอดที่จะมองกลับไปหน้าประตูรั้วไม่ได้ ปอไปไหนนะ...

...
...
   
   ปอเปิดประตูเข้าไปในห้องตัวเองอย่างเบามือที่สุดเพราะกลัวว่าจะทำให้คนในห้องตื่น เดินมาที่เตียงกว้างก็เห็นร่างสองร่างนอนอยู่ด้วยกัน ร่างหนึ่งคือไอ้ตัวเล็กของเขาที่นอนหลับตาพริ้มไม่รู้เรื่องรู้ราว ส่วนอีกร่างคือน้องสาวของเขาเอง

   ปอขมวดคิ้วมุ่นเล็กน้อยด้วยความสงสัย ทำไมยัยปรางถึงได้มานอนในห้องเขาแถมยังนอนหลับอย่างสบายใจซะด้วย

   ปอทรุดตัวลงนั่งข้างเตียงแล้วก้มลงหอมแก้มใสแผ่วเบา ก่อนจะเอื้อมมือไปสะกิดน้องสาวที่นอนข้างกันเพื่อปลุกให้ตื่น

   "ปราง...ปราง" ปอส่งเสียงเรียกไม่ดังมากนัก สักพักร่างบางของน้อง สาวก็รู้สึกตัวตื่น

   "อ้าว...ปอมาแล้วเหรอ" ปรางงัวเงียลุกขึ้นนั่งผมเผ้ากระเซิงไปหมด

   "ทำไมมานอนที่นี่ไม่นอนห้องตัวเอง" ปอถามเสียงเรียบ

   "ทำไมหึงเหรอที่น้องนอนกับเลิฟอ่ะ...ไม่ต้องห่วงนะเลิฟไม่ได้ทำอะไรน้องหรอก" ปรางบอกด้วยท่าทางทะเล้น ปอเลยหันกลับมามองหน้าน้องสาวนิ่งๆ

   "พี่ไม่ได้ห่วงว่าเลิฟมันจะทำอะไรเราแต่ห่วงว่าเราจะทำอะไรมันต่าง หาก" ปอทำหน้าตายใส่

   "ปอ!! คิดได้ไงเนี่ยนี่น้องสาวนะ" ปรางขึ้นเสียงใส่พี่ชายแต่ไม่ต่างอะไรกับเสียงกระซิบ

   "ออกไปคุยข้างนอกกันเดี๋ยวมันตื่น" ปอตัดสินใจชวนปรางออกไปข้างนอก เพราะเห็นคนตัวเล็กเริ่มขยับตัวขยุกขยิกไปมา

   "แหม...ก็ได้ๆหมั่นไส้จริงๆ" ปรางเบ้หน้าใส่ปอเล็กน้อยก่อนจะเดินนำออกไปนอกห้อง ปอก้มลงหอมแก้มเนียนของเลิฟอีกครั้งแล้วเดินตามปรางออกไป

   "ทำไมปอพึ่งกลับเอาตอนนี้ล่ะงานมีปัญหาเหรอ" ปรางถามด้วยความเป็นห่วง ตาก็เหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลาใกล้เช้าเข้าไปทุกที

   "นิดหน่อยแต่พ่อเคลียร์แล้ว" ปอบอกน้องให้สบายใจปรางเลยพยักหน้าเบาๆรับรู้

   "แต่ปอก็น่าจะโทรมาบอกรู้ป่ะ เลิฟนั่งตากยุงรอปออยู่นอกบ้านจนดึก กว่าจะลากเข้าบ้านได้แทบจะเป็นไข้เลือดออก" ปรางบ่นกระปอดกระแปดทำหน้างอใส่พี่ชาย จนปออดที่จะยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูไม่ได้

   "พี่ขอโทษละกันว่าแต่มันอยู่นี่เป็นไงบ้าง" ปอถามยิ้มๆเอามือยีหัวปรางจนยุ่งกว่าเดิม

   "อือหือ...ลูกสะใภ้ตัวอย่าง นู้นเลยเข้าครัวช่วยคุณนายแม่ทำกับข้าว ออกมานั่งจัดดอกไม้เป็นเพื่อนอีก เกือบจะถามแล้วนะว่าผู้ชายจริงรึเปล่า ปรางนี่โคตรอาย" ปรางเล่าให้ปอฟังด้วยสีหน้าอึ้งๆเธอก็รู้นะว่าเลิฟน่ารัก แต่ก็เห็นกวนๆเหมือนผู้ชายปกติจนมาเจอวันนี้แหละทำเอาอึ้งไม่หาย ใครจะไปคิดว่าจะเก่งงานบ้านงานเรือนขนาดนั้น คุณนายแม่นี่ยิ้มไม่หุบเหมือนได้ลูกสาวอีกคน

   ปอเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ ปกติเวลาอยู่ด้วยกันเลิฟมันก็ทำบ้าง แต่ก็ไม่ได้ขนาดที่ปรางเล่า สงสัยมันจะว่างจัดเลยหาอะไรทำ

   "ปอ...พี่เล่าเรื่องบ้านเราให้เลิฟฟังรึยัง" ปรางถามในสิ่งที่สงสัยมานานออกมาแต่ปอกลับยืนเงียบไม่พูดอะไร

   "ไม่กลัวเลิฟรู้เองทีหลังเหรอ ปอปิดไม่ได้ตลอดหรอกนะ" ปรางพูดต่อด้วยความเป็นห่วง

   "ถึงเวลาเดี๋ยวมันก็รู้เองแหละ" ปอบอกด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ

   "หวังว่าจะถึงเวลาสักที ไปนอนดีกว่ารำคาญพวกขี้เก๊ก" ปรางว่าเหน็บปอเบาๆแล้วเดินเข้าห้องไป

   ปอมองตามหลังน้องสาวแล้วส่ายหัวนิดๆ ยืนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่นอกห้องจนเห็นแสงแรกของวัน ถึงได้เดินกลับเข้าห้องเพื่อไปปลุกคนตัวเล็กที่นอนอยู่ เพราะวันนี้เขาตั้งใจจะพามันไปเที่ยวต่างจังหวัด

...
...

   "พี่โชน!!" เลิฟร้องเสียงใสแล้ววิ่งไปหาพี่รหัสตัวเองด้วยความเร็ว ก่อนที่ทั้งคู่จะกอดกันกลมดิก

   "ไม่เจอกันตั้งนานน้องเลิฟของพี่น่ารักขึ้นนะเนี่ย" โชนจับเลิฟหมุนไปมาอย่างสำรวจ

   "ไปนั่งตรงนู้นดีกว่า" เลิฟชี้นิ้วไปตรงจุดที่ตัวเองปูเสื่อนั่งเล่นกับโมกอยู่ ก่อนจะเดินจูงมือโชนให้ไปตรงนั้น

   "มึงปล่อยเมียมึงไปกับเมียกูแบบนั้น ไม่กลัวเมียกูทำอะไรเมียมึงเหรอวะ" ต้าที่ยืนมองคนตัวบางทั้งคู่อยู่กับปอเอ่ยถามกวนๆ ก็อย่างที่รู้ๆกันไอ้โชนเคยจีบน้องเลิฟ แล้วไอ้ปอก็วางมวยกับไอ้โชนเพราะหึงเมียมาแล้ว เจอมันกอดกันต่อหน้าต่อตาแบบนี้ไม่รู้สึกอะไรก็แปลกล่ะ

   "ถ้าเมียมึงทำอะไรเมียกู มึงเตรียมตัวเป็นเมียกูอีกคนได้เลย" ปอพูดด้วยท่าทางนิ่งๆ

   "มึงไม่ได้จริงจังใช่ป่ะ" ต้าถามด้วยความระแวง ปอเลยกระตุกยิ้มนิดๆส่งให้แล้วหันหลังเดินเข้าไปในบ้านพัก ทิ้งให้ต้ายืนมองตามด้วยความผวาขนลุกชันไปทั้งตัว แค่คิดว่าจะโดนไอ้ปอเสียบก็สยองล่ะ ทางที่ดีเขาควรไปนั่งเฝ้าเมียไม่ให้มันทำอะไรไอ้น้องเลิฟ เพื่อความปลอดภัยของเมียรักและเอกราชทางด้านหลังของเขาจะดีกว่า

   ตอนเช้าของวันนี้ในขณะที่เลิฟกำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียงกว้าง จู่ๆเขาก็โดนรบกวนการนอนจากคนที่หายหัวไปทั้งวัน บังคับให้เขาอาบน้ำแล้วลากออกมาจากบ้านโดยที่ไม่บอกอะไรสักคำ เสื้อผ้าสักชุดก็ไม่มีที่คว้าติดตัวมาด้วยได้ก็แค่โทรศัพท์มือถือกับโมก พอรู้ตัวอีกทีเขาก็มาโผล่ที่บ้านพักตากอา  กาศแถวปากช่องแล้ว

   "มันเข้าบ้านไปนอนแล้ว" ต้าบอกยิ้มๆเมื่อเห็นว่าเลิฟชะเง้อคอมองหาใคร เขาพึ่งตามมาสบทบกับไอ้ปอหลังจากที่แยกย้ายกันไปไม่นาน จู่ๆไอ้ห่าปอก็ไม่หลับไม่นอนลากเมียมันมาที่ปากช่องแบบไม่บอกใครสักคน ถ้าคนดูแลที่นี่ไม่โทรบอกก็ไม่มีใครรู้เดือดร้อนเขาต้องรีบแจ้นมาหามันถึงที่ แถมต้องลากไอ้โชนมาด้วยไม่งั้นเมียโกรธวุ่นวายฉิบหาย เพราะแม่งคนเดียวเลย

   "เข้าไปหามันก็ได้นะครับพี่อยู่คนเดียวได้" โชนบอกเลิฟอย่างอ่อนโยนเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายลุกลี้ลุกลนมองเข้าไปในตัวบ้านเป็นระยะ

   "ไม่ดีกว่าครับเลิฟนั่งเล่นเป็นเพื่อนพี่โชนอยู่นี่แหละ" เลิฟส่งยิ้มให้จางๆ อยากเข้าไปหาอยู่หรอกแต่เห็นปอเพลียๆปล่อยให้นอนน่าจะดีกว่า

   "นี่เลิฟ..." โชนเรียกด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์เพราะคิดอะไรสนุกๆออก ส่วนเลิฟก็มองพี่รหัสของตัวเองด้วยความสงสัย

...
...

   เลิฟที่อยู่ในสภาพเสื้อเชิ้ตตัวเดียวกับบ๊อกเซอร์ของปอ ยืนอวดขาเรียวขาวขมวดคิ้วพันกันยุ่งเหยิงคิดถึงเรื่องที่คุยกับโชนเมื่อตอนกลางวัน

   ฟอดดดดด

   "คิดอะไร" ปอที่พึ่งอาบน้ำเสร็จเดินมากอดเอวบางของเลิฟ แล้วก้มลงหอมแก้มเนียนแรงๆ

   "ปะ...เปล่า" เลิฟปฏิเสธอึกอักขืนให้ปอรู้ว่าคิดอะไรอยู่เป็นเรื่องแน่ๆ

   "หึ ไม่ใช่ว่าคิดหาวิธีกดกูอยู่รึไง" ปอว่าอย่างรู้ทันเพราะไอ้ต้ามันไปได้ยินเมียมันวางแผนพิเรนๆอยากเปลี่ยนตำแหน่งขึ้นมา มันเลยรีบมาบอกเขา ตอนนี้ก็น่าจะกำราบเมียมันอยู่

   "ทำไม...มึงอยากกดกูบ้างเหรอวะ" ปอลองถามยิ้มๆ

   "ก็เปล่า...แต่มันก็มีคิดบ้าง" เลิฟอ้อมแอ้มตอบเสียงเบา

   "ก็ได้นะกูเองก็อยากลอง" ปอว่าด้วยท่าทางสบายๆแล้วหันหลังเดินไปที่เตียง

   "ห๊ะ!!! พูดจริงดิ" เลิฟร้องเสียงหลงทำตาโตใส่ปอ

   "อืม...คืนนี้กูจะให้มึงอยู่ข้างบน" ปอกระตุกยิ้มมุมปากแล้วถอดเสื้อออกช้าๆ พร้อมกับเดินขึ้นไปนอนรอบนเตียง

   "ห๊าาาาา" เลิฟแหกปากเสียงดังมองปออย่างเหลือเชื่อ

   'นี่เอาจริงเหรอวะแล้วดูนั้นถอดเสื้อไปนอนรอบนเตียงคืออะไร'

   "อ่อยเหรอปอ" เลิฟหรี่ตามองอย่างหมั่นไส้ในท่าทางของปอ

   "ถ้ากูอ่อยแล้วมึงจะทำยังไง มาโชว์ลีลาเวลามึงฟันหญิงดิ๊" ปอยิ้มยั่วให้เลิฟ

   'มีกระดิกนิ้วเรียกแถมยังมายิ้มเยาะ รู้จักเสือเลิฟน้อยไปซะแล้วจะเอาให้ครางเลย' เลิฟเข่นเขี้ยวในใจแล้วคลานขึ้นไปบนเตียง นั่งทับลงบนกลางตัวปอสบตาคมที่มองมาอย่างท้าทายด้วยความหมั่นไส้ ลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้!!

   เลิฟโน้มตัวลงประกบจูบปอส่งลิ้นเล็กเข้าไปหยอกล้อกับลิ้นหนา เกี่ยวกระหวัดแลกเอนไซม์กันอย่างดุเดือด โดยมีปอให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ก่อนที่เลิฟจะเป็นฝ่ายผละออกมาแล้วจูบตามแนวสันกรามของใบหน้าหล่อ จูบไล่ลงมาเรื่อยๆตามลำคอจนถึงแผ่นอกกว้าง

   "อืม..." ปอครางออกมาในลำคออย่างพอใจ เมื่อปากและลิ้นเล็กๆของเลิฟกำลังละเลงหยอกล้อบนยอดอกเขา

   เลิฟเหลือบมองหน้าปอด้วยความพอใจในผลงาน ก่อนจะจูบซับไล่ลงมาเรื่อยๆตามลอนกล้ามสวย มือเล็กเลื่อนมาปลดกางเกงผ้าออกสะโพกสอบ จับแก่นกายขนาดใหญ่ที่เริ่มตื่นตัวมาไว้ในมือ ขยับขึ้นลงช้าๆแล้วครอบริมฝีปากลงไป
 
   "ซี๊ดดด อย่างนั้นแหละ" ปอครางอย่างถูกใจมองเลิฟที่กลืนกินตัวตนของเขาด้วยแววตาหื่นกระหาย ปากแดงๆของเลิฟขยับขึ้นลงดูดเม้มท่อนลำของปอจนขยายเต็มปาก ลิ้นเล็กเลียไปทั่วแก่นกายและละเลงลงบนรอยหยักส่วนหัวจนชุ่มน้ำลายไปหมด พร้อมทั้งกัดลงเบาๆอย่างหมันเขี้ยว

   "มึงนี่มัน..." ปอเข่นเขี้ยวออกมาในลำคอเบาๆกับความแสบของเลิฟ ส่วนเจ้าตัวก็ยิ้มออกมาอย่างถูกใจที่แกล้งปอได้ ก่อนจะก้มลงดูดดึงแก่นกายของปอต่อ

   มือหนาของปอขยุ้มลงบนเส้นผมของเลิฟเบาๆ บังคับศีรษะเล็กให้ขยับตามแรงอารมณ์ สะโพกสอบสวนเข้าโพรงปากนุ่มอย่างเป็นจังหวะ มืออีกข้างเลื่อนลงไปที่สะโพกบางและสอดเข้าไปในกางเกงบ๊อกเซอร์

   "อื้อ" เลิฟหลุดครางออกมาเสียงเบาเผลอปล่อยแก่นกายของปอออกจากปาก เมื่อสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่สอดแทรกเข้ามาทางด้านหลัง

   "อ๊ะ...อื้อ" เลิฟครางออกมาอีกครั้งเมื่อนิ้วซุกซนของปอขยับเข้าออกจนไปโดนจุดไวสัมผัสภายใน ใบหน้าเนียนแดงก่ำไปหมดด้วยความซ่าน ปอเพิ่มจำนวนนิ้วเข้าไปและขยับเข้าออกจนคิดว่าเตรียมพร้อมพอแล้ว

   "เลิกเล่นได้ล่ะ" ปอบอกเสียงพร่ากระชากเลิฟขึ้นมาบนตัวด้วยมือเดียว แล้วจับตัวอีกฝ่ายให้กดลงบนท่อนลำแข็งขืนของตัวเองทีเดียวจนมิดด้าม

   "อ๊าาาาาา" เลิฟครางเสียงดังด้วยความเจ็บเสียดปนเสียวที่ช่องทางด้านหลัง เนื่องจากต้องรับแก่นกายขนาดใหญ่ของปอในทีเดียว

   ปึ่ก!!

   เลิฟทุบลงบนอกปอเต็มแรง ดวงตากลมโตที่คลอไปด้วยน้ำตา มองค้อนปอน้อยๆด้วยความเคือง

   "มันเจ็บนะไอ้คนโกหก" เลิฟตัดพ้อออกมาเพราะเสียรู้ปออีกแล้ว

   "โกหกอะไร มึงก็อยู่ข้างบนแล้วนี่ไง" ปอยิ้มขำส่งให้เลิฟอย่างเอ็นดู

   "นิสัยเสียแล้วทำไมต้องทำให้เจ็บเล่า" เลิฟว่างอนๆด้านหลังยังปวดตุ๊บๆอยู่เลย

   "มึงจะได้จำไงว่าไม่มีใครเหมาะกับตำแหน่งเมียกูเท่ามึงแล้ว" ปอว่าเสียงเข้มแล้วขยับสะโพกน้อยๆ

   "อื้อ"

   "ขยับหน่อยที่รัก" เสียงทุ้มแหบพร่าของปอกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหู ทำเอาเลิฟหน้าแดงไปหมดด้วยความเขิน ช่วงล่างที่เชื่อมต่อกันบดเบียดขยับเล็กน้อยอย่างยั่วเย้า มือหนาปลดกระดุมเสื้อออกจนหมด ก้มลงละเลงลิ้นหยอกล้อยอดอกเล็กวกขึ้นมาขบเม้มติ่งหูเบาๆ มือหนาลูบไล้บีบเค้นทั่วผิวขาวเนียนแล้วประกบจูบอย่างเร่าร้อน

   เลิฟขยับตัวขึ้นลงช้าๆส่ายร่อนรับสะโพกหนาที่แทงสวนเข้ามา ปากยังคงวนเวียนแลกลิ้นกับอีกฝ่ายไม่ห่าง ช่วงล่างกระแทกกระทั้นเข้าหากันอย่างรุนแรง

   "อ๊ะๆๆๆ" เสียงหวานครางระงมลั่นห้อง แข่งกับเสียงเนื้อกระทบกันของสงครามบนเตียงที่กำลังเร่าร้อนลุกเป็นไฟ

   "อ๊ะๆ อ๊าาา" เม็ดเหงื่อเกาะพราวไปทั่วตัวทั้งคู่ พร้อมกับแรงตอดรับถี่ยิบ ที่เป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าคนตัวเล็กใกล้จะแตะขอบสวรรค์

   "อ๊าาาา" ร่างบางกระตุกน้อยๆพร้อมกับปลดปล่อยออกมาในที่สุด แล้วฟุบหน้าลงกับไหล่กว้างของปออย่างหมดแรง ปอขยับตัวเองเน้นหนักเข้าออกแรงๆอีกสองสามครั้ง ก่อนจะปลดปล่อยตามเลิฟในเวลาไม่นาน

   ปอกดจูบลงข้างขมับของเลิฟลูบหัวลูบหลังอย่างปลอบโยน เลิฟผงกหัวขึ้นมาสบตาปอเล็กน้อย ก่อนที่ปากของทั้งคู่จะประกบจูบกันอย่างเร่าร้อน พร้อมๆกับแก่นกายที่เสียบคาอยู่กำลังขยายขนาดเพื่อเริ่มรบอีกครั้ง




2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 53 (20/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 20-02-2016 12:49:04
กับดักที่
- 53 -



   แสงแดดของวันใหม่สาดส่องกระทบเข้ากับร่างสูงที่นอนหลับสบายอยู่บนเตียงกว้าง ดวงตาคมดุปิดสนิทใบหน้าหล่อเหลาจมหายไปกับหมอนใบโต มีแค่เสี้ยวหน้าและจมูกโด่งๆส่วนนึงเท่านั้นที่โผล่มาให้เห็น

   เลิฟนั่งมองใบหน้าที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบของคนรักอย่างหลงใหล มือเล็กยกขึ้นลูบไปตามโครงหน้าได้รูปเบาๆ แตะนิ้วลงบนริมฝีปากที่คล้ำเล็ก น้อยเพราะเจ้าตัวสูบบุหรี่จัด ก่อนจะกดจมูกลงบนแก้มของคนตรงหน้าเต็มแรง

   ฟอดดดดด

   "ปอ...ตื่นเร็วเช้าแล้ว" เสียงเรียกเบาๆที่ดังอยู่ข้างหู กับแรงเขย่าน้อยๆ ทำให้ปอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

   "กี่โมง" ปอถามออกมาเสียงงัวเงียแต่ยังไม่ยอมลืมตาขี้นมา

   "7 โมง" เลิฟตอบเสียงใสแต่ปอขมวดคิ้วพันกันยุ่ง

   "มึงตื่นมาทำอะไรแต่เช้า" สุดท้ายก็ปอยอมลืมตาขึ้นมามองก็เห็นดวงตากลมโตซุกซนของเลิฟมองเขาอยู่ก่อนแล้ว

   "ไปเที่ยวกัน" เลิฟเอ่ยปากชวนด้วยแววตาเป็นประกาย

   "เที่ยว?" ปอทำหน้างงใส่

   "อือ...ลุกเร็วเดี๋ยวสาย" เลิฟพยายามดึงแขนคนขี้เซาให้ลุกขึ้น

   "ใครบอกจะพามึงเที่ยว" ปอขืนตัวเอาไว้ไม่ให้ลุกขึ้นตามแรงดึงของคนตัวเล็ก

   "อ้าว...ก็ปอไง พามาถึงนี่ไม่ได้พามาเที่ยวเหรอ" กลายเป็นเลิฟที่งงแทน

   "เปล่า...พามาเปลี่ยนที่เอา" ปอตอบหน้าตาย

   "ห๊ะ! พูดเล่นใช่ป่ะ" เลิฟพยายามมองหน้าปอเพื่อหาความล้อเล่นในนั้น แต่เท่าที่มองดูไอ้ที่พูดมาข้างบนนั่นแหละจริงจัง

   "โอ๊ย!! ชีวิตคิดเรื่องอื่นเป็นไหมเนี่ย หรือเห็นว่าเลิฟมีค่าแค่ให้อ้าขาเอาวะ" เลิฟนั่งใบหน้างอง้ำปากยื่นใส่ปอด้วยความเคือง

   "คิดเป็น...แต่อยู่กับมึงกูคิดจะเอาอย่างเดียว อีกอย่างกูเอาเมียผิดตรงไหน หรือมึงจะให้กูไปเอาคนอื่น" ปอว่าอย่างไม่ใส่ใจหันหลังเอาหน้าซุกลงหมอน

   "ช่างเหอะว่าแต่จะพาไปเที่ยวไหมเนี่ย" เลิฟว่าอย่างเหนื่อยใจไม่รู้เขาจะงอนไปทำไม งอนไปไอ้บ้านี่ก็ไม่รู้ตัวถึงรู้มันก็ไม่ง้อ แล้วถ้าง้อก็เขาเนี่ยเปลืองตัว ดูก็รู้แล้วคุณชายต้องเคยง้อใครที่ไหน

   "อยากไป? กระเป๋าตังกับกุญแจอยู่บนโต๊ะมึงขับรถไปเองเลย" ปอพูดทั้งๆที่ไม่หันมามองเลิฟจะนอนต่อท่าเดียว

   "จะบ้าเหรอเลิฟขับรถเป็นที่ไหนเล่า แล้วก็ให้พาไปไม่ได้บอกจะไปเอง" เลิฟว่าอย่างหงุดหงิดแล้วกระโดดทับปอทั้งตัว พร้อมกับเอามือดึงหูปอแรงๆด้วยความหมั่นไส้

   "โอ๊ย!!! พอได้แล้วมึงเป็นหมารึไงวะ" ปอโวยวายออกมาดังลั่นเพราะนอกจากจะโดนทับโดนดึงหู ไอ้ตัวเล็กมันยังกัดไหล่เขาซะจมเขี้ยว

   "มึงมานี่เลย" ปอกระชากเลิฟลงมาบนที่นอนแล้วเอาตัวเองคร่อมไว้

   "ตกลงจะพาไปไหม" เลิฟทำหน้าเหวี่ยงใส่ปอ เพราะตอนนี้เริ่มจะไม่พอใจจริงๆแล้ว

   ปอมองใบหน้าหวานที่งอง้ำของเลิฟแล้วนึกขำในใจ ที่จริงเขาตั้งใจจะพามันมาเที่ยวอยู่แล้ว แต่การแกล้งมันคือความบันเทิงอย่างนึงในชีวิตของเขา เห็นมันทำหน้างอถลึงตาใส่แล้วโคตรมีความสุข

   "มึงไปไหว" ปอก้มลงสูดความหอมที่แก้มเนียนใช้ปลายจมูกโด่งคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง เมื่อคืนถึงจะไม่ได้จัดมันหนักแต่รับรองว่าไม่น้อยเหมือนกัน แล้วทำไมมันยังมีแรงลุกขึ้นมาแต่เช้า สงสัยจะมีแรงฮึดเพราะอยากไปเที่ยว

   "ก็ไหวแหละ" เลิฟอ้อมแอ้มตอบเสียงเบามันก็รู้สึกขัดๆบ้างเวลาเดินแต่ก็ไม่แย่เท่าไหร่นี่ล่ะมั้งที่เขาเรียกว่าชิน

   "ถ้าอยากไปไหนลองอ้อนกูดิ๊" ปอบอกยิ้มๆแล้วขบเม้มปากแดงๆของเลิฟเล่น

   "ไม่อ้อนแล้วเร็วๆดิลุกเดี๋ยวสาย" เลิฟทำหน้ามุ่ยใส่ปอ

   "อยากว่ะ" ปอมองเลิฟหื่นๆตาคมดุเป็สประกายแวววาว

   "มาอยากอะไรเล่า...อื้อ..." เสียงโวยวายของเลิฟถูกกลืนหายไปเพราะปอก้มลงจูบปิดปากเลิฟอย่างรวดเร็ว แทรกลิ้นร้อนเข้าไปเกี่ยวกระหวัดหยอกล้อในโพรงปากนุ่ม ดูดดึงลิ้นเล็กอย่างเร่าร้อนรุนแรงจนแทบจะขาดคาปาก

   "อื้อ...แฮ่กๆๆพอได้แล้ว" เลิฟหอบหายใจเหนื่อยๆยกมือขึ้นดันหน้าปอไว้ ใบหน้าขาวตอนนี้แดงก่ำไปหมด

   "เอามือออก" ปอใช้ปากงับนิ้วมือเรียวที่ยกขึ้นดันหน้าเขาไว้แผ่วเบา จนเลิฟต้องรีบชักมือออกเพราะความเขินกับสิ่งที่ปอทำ

   "ปอ...อยากไปเที่ยวจริงๆนะ" เลิฟช้อนตามองอ้อนๆกระพริบตาปริบๆเสริมให้ดูน่าสงสาร

   "แต่กูอยาก" ปอบอกเสียงเรียบจ้องตาโตๆของเลิฟอย่างกดดัน

   "คืนนี้ได้ไหม" เลิฟพยายามบ่ายเบี่ยง เพราะถ้าขืนตามใจเขาไม่ได้ออกไปเที่ยวแน่ๆ เผลอๆไม่ได้ออกจากห้องด้วยซ้ำ

   "ตอนนี้" ปอพูดอย่างเอาแต่ใจ

   "น๊าาา คืนนี้เหอะเดี๋ยวกลับมาออ...ท๊....ให้" เลิฟเสตาหลบพูดเสียงเบาในตอนท้ายประโยค

   "พูดดังๆกูไม่ได้ยิน" ปอขมวดคิ้วเพราะไม่ได้ยินในสิ่งที่คนตัวเล็กพูด ก็เล่นงุมงำอะไรไม่รู้อยู่ในคอ

   "เดี๋ยวออนท๊อปให้" เลิฟพูดเสียงแผ่วกัดปากตัวเองแน่นด้วยความเขิน

   "หึ มึงพูดเองนะ" ปอพลิกลงไปนอนข้างล่างแล้วให้เลิฟนอนเกยอยู่บนตัว เขาไม่ได้อยากอะไรหรอกก็แค่แกล้งมันเหมือนเคย แต่ไอ้เลิฟก็พาซื่อเชื่อเขาได้ทุกครั้งเหมือนกันทั้งๆที่เขาก็แกล้งหลอกมันเรื่องเดิมๆ ความซื่อและความเป็นคนดีเกินไปของมันทำให้เขาเป็นห่วง กลัวว่าสักวันจะมีใครมาใช้ประโยชน์จากมันในเรื่องนี้

   สิ่งที่ตัวเลิฟเป็นมันคือข้อดีและข้อเสียอย่างที่สุดเหมือนกัน มันเชื่อใจคนง่ายและไม่เคยมองใครในแง่ร้าย พร้อมที่จะให้อภัยทุกคนที่ทำร้ายมันเสมอขอแค่เอ่ยปากขอโทษ ไม่อย่างนั้นเขาเองคงไม่ได้มันกลับมาง่ายขนาดนี้ ทั้งที่ทำกับมันไม่ใช่น้อยเหมือนกัน

   และนี้ก็เลยเป็นเหตุผลใหญ่สุด ที่เขายังไม่บอกมันเรื่องครอบครัวตัวเอง ไม่ใช่ว่ากลัวมันรับไม่ได้แต่กลัวมันเอ๋อกว่าเดิม เขายังไม่อยากมีเมียงี่เง่า งอแงแล้วพ่วงความติ๊งต๊องเข้าไปอีก แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว

   "ตกลงจะพาไปไหมเนี่ย" เลิฟถามออกมาอีกครั้งหลังจากที่เห็นปอนอนเงียบอยู่นาน เจ้าตัวเลยเหลือบตามองนิดๆแล้วพยักหน้าให้ เลิฟยิ้มกว้าอย่างดีใจแล้วดันตัวเองขึ้นหอมแก้มปอ

   ฟอดดดดด

   "งั้นลุกขึ้นอาบน้ำ" เลิฟดึงปอลุกขึ้นมานั่งได้สำเร็จ

   "มึงใส่เสื้อผ้าใคร" ปอมองด้วยความสงสัยหลังจากพึ่งได้สังเกตุคนตัวเล็กชัดๆ เขาจำได้ว่าตอนพามันมาไม่ได้เก็บเสื้อผ้ามาสักชุด ส่วนของเขาที่มีอยู่มันก็ไม่น่าจะใส่ได้

   "ของพี่โชนอ่ะ" เลิฟก้มลงมองชุดตัวเองเล็กน้อย เมื่อเช้าพี่ต้าเอาชุดพี่โชนมาให้เขายืมที่ห้อง ถึงใส่แล้วจะหลวมนิดหน่อยเพราะพี่โชนสูงกว่าเขา แต่ตัวไม่ได้หนากว่ามากมายอะไร

   "งั้นเดี๋ยวแวะซื้อเสื้อผ้าให้มึงด้วยออกไปรอข้างนอกไปกูอาบน้ำก่อน" ปอก้มลงหอมแก้มเนียนแล้วลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไป ส่วนเลิฟก็ออกไปรออยู่ข้างนอก

...
...

   Tru...Tru...Tru...

   เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้ปอที่ยืนแต่งตัวอยู่หน้ากระจกหันไปมองตามเสียงเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปหยิบขึ้นมาดูแล้วกดรับเมื่อเห็นว่าใครโทรมา

   "ครับพ่อ"

   "(ไอ้ต้าไปถึงรึยัง)"

   "ถึงแล้วครับ"

   "(แล้วมึงจะกลับวันไหน)"

   "ว่าจะอยู่ยาวพ่อมีอะไรรึเปล่า"

   "(มึงห้ามอยู่ยาวเมียกูบ่นคิดถึงลูกสะใภ้)"

   "เดี๋ยวผมบอกมันโทรหา"

   "(เออ!! ดูแลตัวเองดีๆไปไหนมาไหนเสือกไม่บอก)"

   "ครับพ่อ" ปอกดวางสายยิ้มให้โทรศัพท์น้อยๆ หยิบของแล้วเดินออกไปสบทบกับคนข้างนอก

   "โทรหาแม่หน่อย" ปอยื่นโทรศัพท์ให้เลิฟซึ่งเจ้าตัวก็รับไว้แล้วเดินเลี่ยงออกไปคุยที่อื่น ส่วนปอก็นั่งลงกินอาหารเช้าง่ายๆที่แม่บ้านเตรียมไว้ให้

   "พวกลูกคุณหนูนี่มันไม่รู้จักมารยาทแบบนี้ทุกคนป่ะวะ ถึงปล่อยให้คนอื่นเขารอ" โชนแขวะปอที่มาช้าด้วยความหมั่นไส้ เจ้าตัวเลยเหลือบตามองอีกฝ่ายนิดๆ

   "เมื่อคืนมึงจัดมันเบาไปเหรอวะถึงอดอยากจนมากัดชาวบ้าน" ปอหันไปพูดกับต้าหน้าตายแล้วลงมือกินข้าวต่อ ทิ้งให้โชนอ้าปากพะงาบๆเพราะไม่คิดว่าปอจะสวนกลับ ส่วนต้าได้แต่ส่ายหัวหน่ายๆ ไอ้ปอมันไม่ค่อยพูดก็จริงแต่ไม่ใช่ด่าใครไม่เป็น เพราะถ้ามันได้อ้าปากหมานี่ออกมาวิ่งกันทั้งฟาร์ม

...
...

   ต้าขับรถออกจากปากช่องมาถึงสระบุรีแล้วเลี้ยวรถเข้าไปจอดในฟาร์มชื่อดังของจังหวัด ซึ่งเปิดเป็นร้านอาหาร รีสอร์ต และที่เที่ยวแบบครบวงจรตามคำสั่งของปอ

   "มาทำอะไรที่นี่อ่ะ" เลิฟมองไปรอบๆด้วยความแปลกใจ

   "มานี่มา" ปอลากแขนเลิฟเดินไปทางประชาสัมพันธ์ของฟาร์ม

   "โทษนะครับตอนนี้ทางฟาร์มจัดโปรแกรมเที่ยวอะไรบ้าง" ปอถามประชาสัมพันธ์สาวสวยด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่สาวเจ้ายืนเขินหน้าแดงอายม้วนเพราะนานๆทีจะมีลูกค้าหล่อๆมาเที่ยว ส่วนมากจะเป็นครอบครัวที่พาลูกหลานมา

   "ตอนนี้ทางฟาร์มเราจัดโปรแกรมนำเที่ยว...." ปราะชาสัมพันธ์สาวแนะนำปอเสียงหวานปอเองก็ตั้งใจฟังไม่ได้สนใจอะไร ส่วนเลิฟยืนหน้าบึ้งไม่ได้สนใจฟังอะไรทั้งนั้น

   "มึงเอาไง" ปอหันมาความเห็นเลิฟที่ยืนอยู่ข้างๆ แต่เจ้าตัวยืนหน้างอลูบหัวลูกแมวที่อุ้มอยู่ในมือเล่นไม่ได้ยินที่ปอถาม
   "เลิฟ" ปอเรียกอีกครั้งจนเลิฟสะดุ้งน้อยๆหันมาก็เจอปอยืนมองดุๆอยู่

   "อะไรอ่ะ" เลิฟถามเสียงอ่อยพร้อมส่งยิ้มแหยๆให้ปอเลยยื่นโบชัวนำเที่ยวให้ดู

   "ทำทุกอย่างเลยได้มะ" เลิฟถามตาเป็นประกายเพราะมีแต่อะไรที่เขาไม่เคยทำทั้งนั้น ทั้งป้อนนมแกะ รีดนมวัว ขี้ม้า เยอะแยะเต็มไปหมด

   "เอาตามที่แฟนผมบอกละกันครับ" ปอหันไปบอกพนักงานแล้วยื่นโบชัวคืนให้ สาวเจ้าก็ยื่นมือมารับคืนแล้วมองหน้าปอกับเลิฟด้วยความอึ้ง พร้อมส่งยิ้มเจื่อนๆให้ทั้งคู่ ส่วนเลิฟก็ได้แต่ก้มหน้าเขินกับคำพูดของปอ

   สักพักพนักงานนำเที่ยวก็พาทุกคนขึ้นหลังม้าเดินชมฟาร์ม ก่อนจะพาแวะไปดูวิธีรีดนมวัวแล้วเรียกให้ทุกคนไปลองทำดู

   "ลองได้ป่ะ" เลิฟหันมาขอปอเพราะเห็นว่าน่าสนุก

   "ใครจะอุ้มแมวให้มึง" ปอมองแมวที่อยู่ในมือเลิฟและแสดงออกชัดๆว่าไม่ยอมอุ้มให้แน่ๆ

   "ไอ้พี่ต้าไง" เลิฟฉีกยิ้มกว้างแล้วโบ๊ยไปทางต้าทันที

   "อ้าว...ผัวมีมึงก็ใช้ผัวมึงอุ้มสิครับ" ต้าปฏิเสธทันควัน

   "ชิส์...พี่โชนนนน อุ้มโมกให้เลิฟหน่อย" เลิฟเปลี่ยนเป้าหมายไปอ้อนพี่รหัสตัวเองแทน ซึ่งโชนผู้รักน้องรหัสยิ่งชีพก็พยักหน้ารับปากทันที

   "ไอ้ต้ามึงมาอุ้มแมวให้น้องดิ๊" โชนสั่งเสียงเข้มต้าถึงกับหน้าเหวอไปแล้วเดินคอตกมาอุ้มแมวให้เลิฟอย่างจำยอม คำสั่งเมียขัดได้ที่ไหนล่ะเดี๋ยวมันจะเกิดปัญหาครอบครัว

   "คิกๆ" เลิฟหัวเราะอย่างชอบใจหันมาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ต้า แล้วรีบวิ่งไปลองรีดนมวัวอย่างเร็วพร้อมกับลากโชนไปด้วย

   "เมียมึงแม่งกวนตีน" ต้ายืนบ่นด้วยความเซ็งปอเองก็ได้แต่ยิ้มขำไม่ได้พูดอะไร และไม่คิดจะช่วยเพื่อนอุ้มแมวเลยสักนิด

   หลังจากที่รีดนมวัวเสร็จพนักงานก็พาทุกคนมาที่ส่วนของฟาร์มแกะ แล้วปล่อยให้ทุกคนเข้าไปเล่นกับแกะในคอก ส่วนต้าก็รับหน้าที่พี่เลี้ยงแมวไปอย่างสมบูรณ์

   เลิฟวิ่งไล่ฝูงแกะกับหมาที่ทางฟาร์มเลี้ยงไว้เพื่อต้อนแกะโดยเฉพาะอย่างสนุกสนาน ก่อนจะมานั่งป้อนนมให้ลูกแกะแล้วอุ้มมันเดินมาหาปอ

   "น่ารักเนอะ" เลิฟยิ้มกว้างแล้วยื่นลูกแกะให้ปอดู

   "อือ" ปอยิ้มกับท่าทางมีความสุขของเลิฟน้อยๆ ยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อบนใบหน้าขาวที่แดงระเรื่อเพราะความร้อนให้

   "อยากเอากลับไปเลี้ยงอ่ะ" เลิฟก้มลงลูบลูกแกะในอ้อมแขนอย่างเอ็นดู

   "ชอบแกะเหรอวะ" ต้าที่ยืนอยู่ใกล้ๆถามออกมาบ้างเพราะเห็นว่าเลิฟดูจะถูกอกถูกใจกับลูกแกะเหลือเกิน

   "อือ...น่ารักกว่าในทีวีตั้งเยอะ" เลิฟส่งยิ้มกว้างให้ต้า

   "พึ่งเห็นตัวเป็นๆครั้งแรกเหรอ" ต้าถามด้วยความแปลกใจซึ่งเลิฟก็พยักหน้าส่งให้น้อยๆ

   "แล้วเคยมาเที่ยวแบบนี้รึเปล่า" ต้ายังถามต่อเพราะสงสัย เลิฟเลยส่ายหัวไปมาเบาๆ

   "ไม่เคยมาหรอกไม่มีใครพามา" เลิฟตอบด้วยท่าทางปกติพร้อมส่งยิ้มซื่อให้ แต่กลายเป็นต้าที่ยิ้มเจื่อนๆออกมาแล้วหันไปสบตากับปอ

   "เดี๋ยวไอ้ปอมันก็พาเที่ยวบ่อยๆ" ต้ายกมือลูบหัวเลิฟอย่างเอ็นดู

   "จริงเหรอปอ" เลิฟหันมาถามปอด้วยท่าทางตื่นเต้น

   "อือ...พรุ่งนี้กูพาไปดูตัวอัลปาก้า" ปอพูดอย่างอ่อนโยนเอานิ้วเกลี่ยแก้มใสเล่นเบาๆ

   "ไอ้ตัวคอยาวๆหน้าเหมือนอูฐอ่ะนะ" เลิฟถามด้วยความสนใจเต็มที่

   "ใช่หน้ามันเหมือนมึงเลย" ปอว่าขำๆแต่เลิฟขมวดคิ้วมุ่น

   "เหมือนไงอ่า" เลิฟถามหน้ายุ่ง

   "เหมือนตรงที่ทำคอยาวๆทำหน้าตื่นๆหันซ้ายหันขวาสนใจทุกอย่างแบบมึงไง"

   "ถ้าบอกว่าคอยาวเป็นยีราฟก็ได้เหอะ" เลิฟเถียงหน้างอ

   "เป็นยีราฟไม่ได้...มึงเตี้ย" ปอทำหน้าจริงจังใส่

   "ไม่ได้เตี้ยเว้ย" เลิฟเถียงอย่างไม่ยอมรับ

   "คนเราควรยอมรับความจริง" ต้าพูดเสริมคำพูดของปอ

   "พี่โชนนน เลิฟเตี้ยเหรอ" เลิฟหันมาถามพี่รหัสเสียงอ้อน

   ".........." แต่โชนเงียบแล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง เพราะถึงเขาจะเตี้ยกว่าต้ากับไอ้ปอแต่ก็สูงกว่าเลิฟอยู่ดี

   "เออ!!! อย่าให้สูงบ้างแล้วกัน" เลิฟพูดออกมาอย่างขัดใจที่ไม่มีใครเข้าข้างแล้วสะบัดหน้าเดินหนีไปอีกทาง ทิ้งให้สามคนที่เหลือมองตามด้วยความขำแกมเอ็นดู

...
...

   หลังจากที่ออกจากฟาร์มปอก็พาทุกคนแวะทานข้าว ซื้อของใช้เสื้อผ้าให้เลิฟรวมทั้งอาหารของโมก กว่าจะพากันกลับถึงบ้านก็ดึกพอสมควร

พอมาถึงเลิฟก็วิ่งแจ้นเข้าไปอาบน้ำทันทีเพราะเหนียวตัว ก่อนจะเดินออกมาทิ้งตัวนอนแผ่หลาบนเตียงกว้างแล้วก็หลับไปในเวลาไม่นาน

   ปอที่พึ่งเดินเข้ามาในห้องมองร่างเล็กที่นอนหลับบนเตียงด้วยความขำ พอเดินเข้าไปใกล้ๆก็คนว่าเจ้าตัวนอนกอดตุ๊กตาแกะแน่น มีไอ้แมวอ้วนนอนหลับอยู่ใกล้ๆ

   "นี่กูมีเมียหรือมีลูกวะไปเที่ยว กินอิ่ม นอนหลับ เด็กฉิบหาย" ปอทรุดตัวลงนั่งข้างๆคนตัวเล็ก

   "ออนท๊อปกูล่ะวะ" ปอเอ่ยถามกับคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องแล้วอดขำตัวเองไม่ได้ ก้มลงหอมแก้มเนียนแผ่วเบาแล้วผละออก เพื่อไปอาบน้ำเตรียมตัวมาเข้านอนบ้าง เพราะพรุ่งนี้เขาต้องพาเด็กเที่ยวอีกทั้งวัน



2 Be Con...
++++++++++++
อีก 10 ตอนจบนะแจ๊ะ
ไม่แน่วันนี้ดึกๆจะมาลงให้อีก
และพุ่งเน้ลงให้จบ
วันหยุดน่าจะมีเวลาอ่านกันเนอะ
อ่านให้ตาแฉะเลย 55
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 51 - 53 (20/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 20-02-2016 15:42:53
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกดีอ่ะ
ปอชอบแกล้งเลิฟ
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 51 - 53 (20/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: hmmm ที่ 20-02-2016 15:53:35
ตามทันล่ะ :hao6:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 51 - 53 (20/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 20-02-2016 16:10:40
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 51 - 53 (20/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-02-2016 17:31:46
รักเด็กหลงเด็ก
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 54 (21/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 21-02-2016 14:53:29
กับดักที่
- 54 -



   เลิฟกำลังสาละวนจัดดอกไม้มือเป็นระวิงเพราะต้องเร่งทำให้เสร็จทันงานพรุ่งนี้ หลังกลับจากปากช่องได้ไม่กี่วันพี่เมย์ก็โทรมาหาเขา ขอให้มาช่วยจัดดอกไม้เนื่องจากคนขาด แล้วงานนี้ก็เป็นงานใหญ่เลยต้องให้คนมีประสบ การณ์มาช่วย

   อันที่จริงเลิฟเลิกทำงานพิเศษกับเมย์มาได้สักพักแล้ว ตามคำสั่งของคนที่คุณก็รู้ว่าใครที่ไม่รู้นึกเฮี้ยนอะไรถึงห้าม แต่เขาก็ยังวนเวียนมาช่วยงานเมย์เรื่อยๆเวลาว่าง หรือเวลามีงานด่วนเข้ามาแบบนี้

   "เสร็จแล้วเหรอเลิฟ" เมย์ที่เดินมาดูความเรียบร้อยของงานถามขึ้นด้วยความแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าเลิฟจะทำงานเสร็จเร็วกว่ากำหนดขนาดนี้

   "โอ้โห้! นอกจากเสร็จเร็วงานยังสวยเป๊ะสมเป็นเราเหมือนเดิมเลย พี่ก็นึกว่าจะฝีมือตกลงเพราะไปดูแลแฟนซะอีก" เมย์ก้มลงมองดอกไม้ที่เลิฟจัดอย่างพอใจพร้อมเอ่ยแซวไปด้วย จนเลิฟเขินหน้าแดงไปหมดและไม่เคยชินสักทีเวลาโดนแซว

   "แล้วนี่เราจะกลับเลยรึเปล่ากลับยังไงให้พี่ไปส่งไหม" เมย์ถามด้วยความเป็นห่วงเพราะตอนนี้ค่อยข้างดึกพอสมควร เนื่องจากงานต้องเตรียมกันในเวลากลางคืน

   "ไม่เป็นไรครับพี่เดี๋ยวผมรอปอมารับ" เลิฟปฏิเสธเมย์ไปด้วยความเกรงใจ

   "โอเคแล้วนี่เราโทรบอกปอให้มารับรึยัง"

   "ยังเลยครับ" เลิฟส่งยิ้มแหยๆให้เมย์

   "นั่นไงรีบโทรเดี๋ยวนี้เลย" เมย์ส่งสายตามองเลิฟดุๆ

   "งั้นผมขอตัวไปโทรศัพท์แป๊บนึงนะครับ" เลิฟบอกเมย์แล้วเดินเลี่ยงไปโทรศัพท์อีกด้านนึงของห้อง รอสัญญาณไม่นานอีกฝ่ายก็รับสาย

   "(ว่าไง)"

   "เสร็จงานแล้วมารับหน่อย"

   "(ทำไมเสร็จเร็วไหนมึงบอกดึก)"

   "ก็คนมันเก่ง" เลิฟอวดตัวเองกับคนในสายพร้อมมองนาฬิกาบนข้อมือไปด้วย ตอนนี้กำลังจะสามทุ่มเร็วกว่าเวลาที่นัดกับปอไว้เกือบ 2 ชั่วโมง

   "(หึ หึ ขี้โม้นะมึงแล้วนี่อยู่กับใคร)"

   "อยู่กับพวกพี่เมย์แหละงานมันยังไม่เสร็จแต่ส่วนของเลิฟทำเสร็จแล้ว" เลิฟเล่าให้ปอฟังเรื่อยๆตาก็มองทุกคนที่กำลังขมักเขม้นทำงานอยู่ ที่จริงเขาก็อยากช่วยแต่พี่เมย์สั่งห้ามเพราะอยากให้คนอื่นหัดทำบ้าง จะได้ไม่ต้องมากวนเขาบ่อยๆ

   "(อีกชั่วโมงกูไปรับรอได้รึเปล่า ไม่งั้นเดี๋ยวให้ไอ้ต้าไปรับมานี่)"

   "ไม่ต้องกวนพี่ต้าหรอกเลิฟรอได้ว่าแต่งานยังไม่เลิกเหรอ" เสียงของคนคุยกันดังลอดเข้ามาในสายให้ได้ยินเป็นระยะ วันนี้ปอไปงานเลี้ยงกับที่บ้านแต่งตัวใส่สูทผูกไทด์ซะหล่อเลย (แอบถ่ายรูปอัพลงไอจีด้วยยอดไลค์เพียบ)

   "(ยังไม่เลิกคงอีกสักพัก)"

   "งั้นให้เลิฟกลับเองก็ได้นะปอจะได้ไม่เสียเวลา" เลิฟบอกด้วยความเป็นห่วง ไม่อยากให้อีกคนต้องเหนื่อยมารับเขาอีก

   "(ไม่ต้อง! เดี๋ยวกูไปรับ)"

   "แต่ว่า..." เลิฟพยายามค้าน

   "(พูดให้ฟังนะเลิฟ)"

   "รู้แล้วน่า...สั่งเหมือนพ่ออยู่ได้" เลิฟทำหน้ามุ่ยใส่คนในสาย

   "(ไม่ใช่พ่อกูเป็นผัว)"

   "ไอ้บ้าแค่เปรียบเปรยเว้ย" เลิฟโวยวายเล็กน้อยใส่ปอ

   "(หึ แค่นี้นะกูต้องวางสายแล้วพ่อเรียก)"

   "อือ"

   "(ใกล้ถึงแล้วกูโทรหา)"

   เลิฟเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าหลังจากที่ปอวางสายไป แล้วเดินมาหาเมย์ที่ยืนสั่งงานลูกน้องอยู่

   "ผมกลับแล้วนะครับพี่เมย์" เลิฟยกมือไหว้ลาอย่างนอบน้อม

   "จ้า...ว่าแต่ปอมาถึงแล้วเหรอ" เมย์ถามด้วยความแปลกใจเพราะพึ่งจะไปโทรศัพท์หากันเมื่อกี้อะไรจะมาถึงรวดเร็วปานนั้น

   "ยังหรอกครับคงอีกสักพักผมว่าจะออกไปรอที่หน้าล็อบบี้"

   "อ้าว...รอในนี้ก็ได้นะเลิฟไม่เห็นต้องออกไปข้างนอกเลย"

   "อย่าเลยครับพี่เกะกะคนอื่นเขาทำงาน"

   "ตามใจเราละกันแต่ถ้าปอมารับแล้วโทรหาพี่ด้วยนะ" เมย์บอกด้วยความเป็นห่วง

   "ครับ" เลิฟรับคำแล้วเดินออกจากห้องจัดเลี้ยงเพื่อไปนั่งรอปอที่ล็อบบี้โรงแรม ไม่รู้ว่าปอกับพี่เมย์จะห่วงอะไรเขานักหนา ทำเหมือนเขาเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆไปได้ ถึงจะมีแฟนเป็นผู้ชายด้วยกันเขาก็ยังเป็นผู้ชายที่มองนมมองตูดผู้หญิงอยู่นะ แล้วใครที่ไหนมันจะมาทำอะไรผู้ชายแบบเขา

   เลิฟเดินไปตามทางเดินของโรงแรมช้าๆไม่ได้รีบร้อนอะไร ก้มหน้าพิมข้อความส่งไปหาปอ แต่เป็นเพราะเดินไม่มองทางเลยทำให้ชนเข้ากับคนที่เดินสวนมา จนโทรศัพท์ในมือร่วงลงกระแทกกับพื้นเพราะแรงปะทะ

   "ขอโทษนะครับที่เดินชน" เลิฟละล่ำละลักขอโทษอีกฝ่ายเป็นการใหญ่ ยกมือไหว้ปะหลกๆหลับตาปี๋ แต่อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรนอกจากก้มลงไปเก็บโทรศัพท์ให้ ก่อนจะยื่นมันคืนมาให้เลิฟ

   "ขอบคุณมากนะครับที่..." เลิฟชะงักมือที่จะยื่นไปรับโทรศัพท์ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าตัวเองเดินชนใคร

...
...

   ปอกวาดสายตามองไปรอบๆงานเลี้ยงด้วยความเหนื่อยหน่าย ก้มมองดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือเป็นระยะ ยกแก้วเครื่องดื่มในมือขึ้นมาจิบแก้เซ็ง

เขาไม่ค่อยชอบออกงานสังคมแบบนี้เท่าไหร่ นับครั้งได้เลยที่เขาจะมาส่วนมากจะเป็นไอ้ป้องกับไอ้ปิง ที่จริงพี่ชายเขามันก็ไม่ได้ชอบแต่เพราะความเป็นลูกชายคนโต และความเป็นลูกที่ดีของพวกมันนั่นแหละเลยทำให้เลี่ยงไม่ได้ ต่างจากเขาที่ทำอะไรตามใจตัวเองมาแต่ไหนแต่ไร

   วันนี้ปอจำใจต้องมางานเลี้ยงกับที่บ้านอย่างช่วยไม่ได้ เพราะคุณปรีชาอยากให้วงสังคมรู้จักทายาทอีกคนของตัวเอง และแน่นอนว่าปอกลาย เป็นจุดสนใจของงานทันที ด้วยรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่นไม่แพ้พี่น้องของตัวเอง การศึกษาในมหาวิทยาลัยมีชื่อระดับประเทศ ความเป็นทายาทอีกคนของกลุ่มเงินทุนขนาดใหญ่ และหลานชายของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่อย่าง พล.ต.อ.อธิป อัศวเทพ มันดึงดูดคนให้เข้าหาได้ไม่ยากจริงๆ

   "ไงวะพระเอกของงาน" ต้าเอ่ยแซวอย่าขำๆ

   "หึ กูเข้าใจละว่าทำไมไอ้สองตัวนั้นมันถึงดีใจที่กูเป็นคนมา" ปอพูดด้วยความเซ็งสุดขีดมั่นใจว่าพี่ชายตัวเองคงเคยเจอเหตุการณ์ไม่ต่างกัน ต้องมาคอยปั้นหน้ายิ้มรับใครก็ไม่รู้ที่มาชวนคุยตลอดเวลา มันโคตรจะทำให้เขารู้ตัวเลยว่าไม่เหมาะกับอะไรแบบนี้ อย่างเขาไปนั่งคุมผับคุมบ่อนเหมือนทุกวันนี้ดีที่สุด

   "กูกลับก่อนนะต้องไปรับไอ้เลิฟบอกพ่อให้กูด้วย" ปอวางแก้วในมือลงและรีบเดินตรงดิ่งไปที่รถตัวเองทันที เพราะตอนนี้เวลาสี่ทุ่มกว่าเข้าไปแล้วเลยเวลานัดกับไอ้ตัวเล็กมาเกือบครึ่งชั่วโมง ตอนนี้นั่งรอเขาหน้างอปากยื่นแล้วล่ะมั้ง

   Tru...Tru...Tru...

   คิดได้ไม่เท่าไหร่เสียงเรียกเข้าที่ตั้งไว้เฉพาะก็ดังขึ้น ปอรีบกดรับสายแบบที่ไม่ต้องมองหน้าจอเลยทันที

   "กูกำลังไปอย่าพึ่งโวยวาย" ปอรีบพูดดักคอคนในสายทันที

   "(กูไม่โวยวายก็ได้แต่มึงควรรีบมานะ)" เสียงที่ไม่ใช่เลิฟตอบกลับมาทำเอาปอขมวดคิ้วมุ่น

   "นั่นใคร" ปอถามกลับเสียงเข้ม

   "(ลืมพี่เมียแบบนี้ไม่ดีเลยนะมึง)" อีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงยียวน

   "ไอ้รุต!! มึงทำเหี้ยอะไร" ปอถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน

   "(กูไม่ทำอะไรน้องกูหรอกน่าแค่จับตัวไว้ไม่ให้มึงตุกติกเพราะคนที่กูจะทำน่ะมึงต่างหาก)"

   "มึงจะเอายังไงว่ามา" ปอพยายามคุยกับอีกฝ่ายอย่างใจเย็น

   "(โกดังแถวท่าเรือxxมาให้กูทดสอบความอึดหน่อย ถ้าทนได้กูจะเลิกยุ่งกับมึงแล้วอย่าพาใครมาล่ะมึงคนเดียวนะน้องเขย)"
 
   ปอกำโทรศัพท์ในมือแน่นจนแทบแหลกด้วยความโมโห ก่อนจะรีบขึ้นรถและขับออกไปด้วยความเร็ว มือก็กดโทรศัพท์เพื่อโทรออกไปด้วย

   "(มีไรวะ)"

   "ตามกูไปที่โกดังตรงท่าเรือxxพาคนไปด้วยนะ"

   "(มีเรื่องเหี้ยไรวะ)" ต้าถามด้วยความตกใจ

   "กูจะพาไปกระทืบเหี้ย" ปอว่าแค่นั้นแล้วกดตัดสายเพราะขี้เกียจอธิบายเยอะ เขาไม่จำเป็นต้องทำตามคำสั่งไอ้รุตเพราะเขาไม่ใช่พระเอกที่จะต้องเอาตัวเองไปรับตีนเรียกดราม่าโชว์ความแมน อยากกระทืบเขามันควรทำแบบรอบที่แล้วได้ผลกว่าเยอะ เพราะครั้งนี้คนที่เสียเปรียบไม่ใช่แค่เขาแต่รวมถึงตัวมันด้วย มันไม่กล้าทำอะไรไอ้เลิฟแน่ๆแล้วเขาต้องไปยอมโดนกระทืบฟรีๆทำไม

...
...

   "พี่จะทำอะไร" เลิฟถามเสียแข็งหลังจากปากได้รับอิสระ ส่วนมือสองข้างโดนมัดไขว้หลังไว้ ตามองคนจำนวนไม่ต่ำกว่าสิบด้วยความระแวง

   "แฟนเรามันกวนตีนแค่จะสั่งสอนนิดหน่อยไม่มีอะไรหรอก" รุตบอกให้เลิฟสบายใจ เขาแค่เรียกไอ้ปอออกมากระทืบไม่ได้จะทำอะไรมากกว่านั้น หลัง จากที่นอนคิดหาวิธีอยู่นานแต่คิดไม่ออก พอดีกับที่ไอ้แฮคมันอยากเอาคืนไอ้ปอแผนวันนี้ก็เลยเกิด

   "มึงโทรหาไอ้เหี้ยปอยังวะ" แฮคเดินเข้ามาถามด้วยเสียงกวนประสาท ตาก็มองที่เลิฟอย่างโลมเลีย

   "ทำไมวะ" รุตไม่ได้ตอบแต่ถามกลับแทน

   "เปล่าแค่จะบอกมึงว่าอย่าพึ่งโทรกล้องยังตั้งไม่เสร็จ" แฮคพูดไปเรื่อยๆมือก็ลูบไล้ไปตามโครงหน้าสวยของเลิฟ ซึ่งเจ้าตัวก็พยายามหันหน้าหนีเต็มที่ด้วยความขยะแขยง

   "กล้อง? กล้องอะไร" รุตกระชากไล่เพื่อนให้หันกลับมาคุยกันให้รู้เรื่อง

   "กูเปลี่ยนแผนนิดหน่อยว่ะ" แฮคหันมาบอกพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

   "เปลี่ยนแผนอะไร" รุตยังคงไม่เข้าใจในสิ่งที่เพื่อนบอก

   "กูคิดขึ้นมาได้ว่าอย่างไอ้ปอแค่กระทืบคงไม่พอ จะทำให้มันเจ็บไปจนตายคงต้องทำอะไรมากกว่านั้น" แฮคแววตาวาวโรจน์ไปด้วยความแค้นเวลาพูดถึงปอ เขายังจำความอับอายที่มันมอบให้ทุกครั้งได้ไม่ลืม พยายามหาวิธีเอาคืนมันมาตลอดแต่ไม่เคยทำสำเร็จ วันนี้แหละที่ทุกอย่างจะเป็นไปอย่างที่เขาต้อง การสักที

   "มึงจะทำอะไร" รุตเริ่มมองแฮคด้วยสายตาไม่ไว้ใจเอาตัวเองมายืนบังเลิฟไว้ตามสัญชาตญาณ

   "มึงบอกเองไม่ใช่เหรอว่าไอ้ปอมันรักน้องมึงมาก กูเลยจะส่งคลิปเด็ดๆที่มีพวกเราเป็นพระเอกกับเมียมันเป็นนางเอกไปให้" แฮคพูดด้วยหน้าตาบิดเบี้ยวพร้อมรอยยิ้มชั่วร้าย

   "กูจะพาน้องกูกลับ" รุตพูดแค่นั้นแล้วหันไปแกะเชือกที่มัดแขนของเลิฟออก

   "พี่ขอโทษนะครับเดี๋ยวพี่ไปส่งบ้านนะ" รุตบอกเลิฟอย่างรู้สึกผิดมือก็แกะเชือกไปด้วย เขายอมรับว่าอยากกระทืบไอ้ปอเพราะไม่ชอบขี้หน้า แต่ไม่ได้มีความคิดเหี้ยๆแบบนี้ในสมองเลยสักนิด

   "มึงจะไม่ร่วมมือกับกูเหรอวะ" แฮคถามด้วยน้ำเสียงยียวน

   "ร่วมมือกับมึงรุมโทรมน้องกูเนี่ยนะมึงคิดได้ไงวะไอ้เหี้ย!!" รุตตะคอกใส่แฮคเสียงดังลั่น มองหน้าเพื่อนด้วยความผิดหวัง เขารู้ว่าไอ้แฮคมันเลวแต่ไม่คิดว่าจะระยำได้ขนาดนี้

   "ทำเหมือนมึงไม่เคยไปได้ว่ะรุต ตอนอีแยมเมียเก่ามึงไง" แฮคทำสีหน้าเยาะๆ

   "กูไม่ได้ทำกับมึงอย่าเอาความเหี้ยของมึงมาเหมารวมกับกู" รุตตวาดเสียงแข็ง และก็คิดในใจว่าคงต้องเลิกคบแฮคเป็นเพื่อนแล้วจริงๆ

   "กลับเถอะเลิฟ" รุตหันมาหาน้องแล้วดันหลังให้อีกฝ่ายรีบเดินออกจากที่นี่ ซึ่งเลิฟเองก็เดินตามสั่งอย่างเร็วที่สุดเพราะแค่ได้ยินสิ่งที่แฮคพูด ขนทั่วตัวของเขาก็ลุกขึ้นตั้งไปหมดด้วยความกลัวและขยะแขยง ถ้าจะต้องนอนกับผู้ชายด้วยกันนอกจากปอเขาคงได้ฆ่าตัวตาย

   แต่ในขณะที่ทั้งคู่จะเดินพ้นประตูโกดัง ก็มีกลุ่มคนจำนวนนึงเดินมาขวางทางเอาไว้ไม่ยอมให้ออกไปง่ายๆ

   "มึงคิดว่ากูจะปล่อยให้มึงพาน้องมึงกลับง่ายๆเหรอวะ" รุตหันหลังกลับไปมองหน้าแฮคทันทีจ้องอีกฝ่ายด้วยความโกรธ รับรู้ได้เลยว่าตัวเองคิดผิดจริงๆที่อยากทำเรื่องเลวๆจนพาน้องมาซวยไปด้วย

   "เลิฟฟังพี่นะพี่จะเอาตัวเองกันมันไว้ให้ แล้วเราวิ่งให้เร็วที่สุดออกไปให้ถึงถนนใหญ่ พี่ว่าไอ้ปอน่าจะใกล้มาถึงแล้ว" รุตกระซิบบอกเลิฟด้วยความเป็นห่วง สิ่งที่คิดได้ในหัวตอนนี้คือทำยังไงก็ได้ให้น้องออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด

   "แล้วพี่รุตล่ะ" เลิฟเองถึงจะกลัวแต่ก็ห่วงพี่ชายตัวเองเหมือนกัน เพราะจำนวนคนที่ล้อมอยู่ตอนนี้รุตไม่มีทางสู้ไหวแน่ๆ ส่วนเขาคนเดียวก็เต็มกลืนแล้วมั้ง

   "ไม่ต้องห่วงพี่หรอก" รุตหันมาสบตากับน้องชายเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าเป็นการส่งสัญญาณให้เลิฟวิ่ง

   "วิ่ง!!!" เลิฟวิ่งหนีสุดฝีเท้าอย่างไม่รอช้า ส่วนรุตเองก็แลกหมัดนัวเนียกับคนที่เคยเรียกว่าเพื่อนเต็มที่ พยายามขวางสุดกำลังเพื่อเปิดทางให้น้องหนีไปให้ไกลที่สุด แต่แล้วน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟรุตสู้ได้ไม่นานก็โดนจับล็อกให้นอนราบไปกับพื้น

   "ไปตามจับน้องมันมา...แสบนักนะมึง" แฮคหันไปสั่งลูกน้องอย่างเกรี้ยวกราดและหันมามองรุตด้วยความโมโห

   "มึงนี่ยังไงวะรุตนึกเหี้ยอะไรเสือกอยากเป็นพี่ที่ดีขึ้นมา มึงเกลียดไอ้ปอไม่ใช่เหรอวะแค่ทำตามกูก็จบ" แฮคบีบปลายคางของรุตแน่นบังคับให้อีกฝ่ายมองหน้าตัวเอง

   "ถุ้ย...กูไม่ชอบไอ้ปอแต่ไม่ได้หมายความกูจะทำระยำกับน้องตัวเอง" รุตถ่มน้ำลายใส่หน้าแฮคแล้วจ้องอีกฝ่ายกลับด้วยแววตาแข็งกร้าว

   "มึง!!" แฮคยกมือเช็ดย้ำลายออกจากหน้าตัวเองด้วยความโมโห เงื้อมือขึ้นสูงตั้งใจจะตบลงบนหน้าอีกฝ่ายเพื่อระบายความโกรธ ก่อนจะหยุดชะงักแล้วส่งยิ้มเจ้าเหล่ออกมา

   "ดูดีๆหน้ามึงก็สวยไม่แพ้น้องเลยนี่หว่า" แฮคเชยคางของรุตขึ้นเพื่อมองหน้าชัดๆ ก่อนจะยิ้มแบบที่ชอบทำเวลานึกอะไรชั่วๆออกมา

   "มึงมองหน้ากูแบบนั้นทำไม" รุตถามเสียงสั่นมองแฮคด้วยความระแวง เริ่มหวาดหวั่นกับท่าทีของอีกฝ่ายพยายามดิ้นให้หลุดจากการถูกจับ

   "ระหว่างรอลูกน้องกูไปตามจับน้องมึงมา เรามาหาอะไรเล่นฆ่าเวลากันดีกว่าว่ะ" แฮคพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันแล้วกระชากรุตขึ้นแรงๆ ลากอีกฝ่ายไปโยนลงบนโต๊ะขนาดใหญ่กลางโกดัง

   ทันทีที่ได้รับอิสระรุตก็รีบลุกขึ้นวิ่งหนี เพราะรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเอง แต่ก็ไปไม่ได้ไกลเพราะโดนกระชากที่หัวอย่างแรง และเหวี่ยงกลับลงไปที่เดิม

   "ฤทธิ์เยอะนะมึงจับมันไว้!!" แฮคสั่งลูกน้องเสียงเข้มด้านรุตเองก็พยายามสู้สุดชีวิตดิ้นรนหนีเอาตัวรอด แต่ก็โดนลูกน้องของแฮคจับเอาไว้แน่น

   "มึงจะทำอะไรปล่อยกูไอ้เหี้ย!!" รุตโวยวายดังลั่นขัดขืนด้วยกำลังที่มีทั้งหมดแววตาที่มองแฮคเต็มไปด้วยความกลัว

   แฮคย่างสุมเข้ามาหารุตแบบช้าๆไม่รีบร้อน ทำตัวเหมือนเสือที่จ้องตะครุบเหยื่อ และเหยื่อตัวนั้นก็คือเพื่อนตัวเอง

   แคว่กกกกก

   แฮคกระชากเสื้อของรุตเต็มแรงจนขาดคามือ ก้มลงมองแผ่นอกขาวเนียนที่มีกล้ามเนื้อน้อยๆ กับยอดอกสีชมพูสวยด้วยแววตาหื่นกระหาย ส่วนรุตตอนนี้ร่างทั้งร่างสั่นไปหมดด้วยความกลัวปนขยะแขยง ในใจภาวนาให้ตัวเองรอดจากเหตุการณ์บัดซบนี่

   "สวยอย่างที่คิด...จริงๆกูก็เล็งมึงมานานแล้วเหมือนกัน แต่แม่งไม่มีโอกาสสักที" แฮคกระซิบบอกเสียงพร่า

   "มึงอย่าทำอะไรกูนะแฮคกูเป็นเพื่อนมึงนะ" รุตหาข้ออ้างโน้มนาวใจแฮคเพื่อให้ตัวเองรอดแต่แฮคกระตุกยิ้มชั่วร้ายส่งให้

   "โทษทีว่ะกูไม่เคยเห็นมึงเป็นเพื่อน" แฮคพูดเสียงเหี้ยมแล้วถอดกางเกงของรุตออกอย่างรวดเร็ว ดึงตัวเองออกมาแล้วสวมถุงอย่างอนามัยเรียบร้อย ก่อนจะกดตัวเองเข้าไปที่ช่องทางด้านหลังของรุตทีเดียวจนมิดด้าม

   "อ๊ากกกกกก" รุตร้องโหยหวนออกมาด้วยความเจ็บ ช่วงล่างเหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ มันทรมานจนต้องดิ้นพล่านเพื่อให้หลุดพ้น

   "อ่าาา แน่นฉิบ" แฮคขยับโยกเข้าออกอย่างรุนแรง ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุขสม ไม่ได้สนใจรุตที่ต้องเป็นฝ่ายรองรับเลยสักนิด

   "หูยยย พี่แฮคเห็นแล้วเงี่ยนว่ะ" ลูกน้องของแฮคที่ยืนอยู่ใกล้ๆพูดออกมาด้วยความหื่นกระหาย เอามือล้วงเข้าไปจับแก่นกายตัวเองแล้วชักขึ้นลง

   "เออแป๊บ...กูจะเสร็จแล้ว" แฮคขยับโยกตัวเองเร็วขึ้นก่อนจะปลด ปล่อยออกมาเต็มถุงยาง

   "ตามึง" แฮคถอนแก่นกายตัวเองออกมาแล้วถอดถุงยางทิ้งลงพื้นอย่างไม่ไยดี เช็ดทำความสะอาดตัวเองแล้วยัดกลับเข้าไปในกางเกงอย่างเรียบร้อย

   "อย่าทำกู" รุตขอร้องเสียงสั่นด้วยความกลัวพยายามกระทดตัวหนีลูกน้องของแฮคที่เข้ามาแทนที่

   "อ๊ากกกก" แต่คำขอร้องของรุตไม่เป็นผลเพราะลูกน้องของแฮคดันแก่นกายเข้ามาทันที ก่อนที่อีกฝ่ายจะขยับโยกอย่างรุนแรงบนตัวเขา

   รุตไม่รู้ว่าตัวเองจะหลุดพ้นจากเรื่องระยำแบบนี้ตอนไหน และต้องรองรับความหื่นกระหายของพวกมันอีกกี่คน น้ำตาใสๆไหลลงมาอาบแก้มไม่ขาดสายภาพที่แยมโดนข่มขืนผุดขึ้นมาให้เห็นอีกครั้ง ตอนนั้นเขาไม่ได้ร่วมมือกับแฮคก็จริงแต่เขาเองก็ไม่ได้เข้าไปช่วย เลือกที่จะปิดประตูห้องแล้วเดินหนีออกมาทิ้งให้ผู้หญิงตัวเล็กๆคนนึงเผชิญกับความกักขฬะของเดนมนุษย์ ถ้าจะบอกว่าเหตุการณ์แบบนี้ทำไมถึงเกิดขึ้นกับเขา สิ่งที่นึกขึ้นได้คงมีแต่คำว่ากรรมจิงๆ

...
...

   เลิฟวิ่งออกมาจนถึงถนนใหญ่พยายามมองหาคนเพื่อจะได้พากลับเข้าไปช่วยพี่ชาย แต่ไม่เห็นรถหรือสิ่งมีชีวิตอะไรเลยสิ่งที่มองเห็นตอนนี้คือตู้โทรศัพท์สาธารณะที่ตั้งอยู่ไม่ไกล เลิฟวิ่งตรงดิ่งไปที่มันทันทีเบอร์เดียวที่นึกขึ้นได้ตอนนี้คือเขาต้องโทรหาตำรวจ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไรลูกน้องของแฮคก็ตามมาทันและจัดการลากเลิฟกลับไปทันที

   "พี่รุต" เลิฟครางออกมาเสียงแผ่วพร้อมๆกับน้ำตาที่ไหลออกมา เมื่อเห็นว่าพี่ชายตัวเองอยู่ในสภาพไหน

   "มึงทำอะไรพี่กู" เลิฟถามแฮคเสียงแข็งมองอีกฝ่ายด้วยความเกลียดสุดขั้วหัวใจ

   "อย่าพึ่งโวยวายคนสวยเพราะมึงก็จะโดนไม่ต่างจากพี่มึง" แฮคพูดเสียงเหี้ยมแล้วลากเลิฟเดินไปยังโต๊ะที่รุตนอนหมดสภาพอยู่ แฮคกระชากรุตลงจากโต๊ะเต็มแรงจนไปกองอยู่กับพื้นแล้วเหวี่ยงเลิฟขึ้นไปแทนที่

   "อย่ามายุ่งกับกู" เลิฟพยายามปัดป้องดิ้นรนจากแฮคที่ขึ้นมาคร่อมตัวเองเต็มที่

   เพี๊ยะ!!!

   "อย่าดิ้น!! ยังไงมึงก็ไม่รอดลองมีผัวเป็นหนูท่อแบบกูหน่อยเป็นไง" แฮคฟาดฝ่ามือลงบนหน้าเลิฟเต็มแรง แววตาที่มองเต็มไปด้วยความแค้นที่โดนอีกฝ่ายปฏิเสธและหักหน้าให้อาย

   "อย่าทำอะไรน้องกูเลยกูไหว้ล่ะแฮค" รุตกระเสือกกระสนพาตัวเองมาดึงขาแฮคไว้ ยอมก้มลงกราบอีกฝ่ายอย่างไม่ห่วงศักดิ์ศรีอะไรทั้งนั้น ขอแค่มันทำให้น้องเขารอดก็พอ

   "มาเอามันไปไกลๆดิ๊" แฮคสั่งลูกน้องด้วยความหงุดหงุด ยกเท้าถีบรุตให้ออกไปห่างๆอย่างไม่แยแส

   แคว่กกกกก

   แฮคฉีกเสื้อของเลิฟออกจนขาดวิ่น มองร่างกายของคนที่อยากได้มาตลอดด้วยความปราถนา ก่อนจะสะดุดกับรอยสักบนอกของเลิฟ

   "รักกันจริงนะมึง" รุตพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

   "กูอยากจะรู้นักถ้ามึงกลายเป็นเมียกูด้วยมันจะทำหน้ายังไง" แฮคพูดเสียงเหี้ยมพร้อมกับกระชากกางเกงขาสั้นของเลิฟออก

   เลิฟพยายามดิ้นรนหนีสัมผัสหยาบโลนของแฮคด้วยความรังเกียจและขยะแขยงสุดขั้วหัวใจ ก่อนจะสัมผัสได้ถึงนิ้วแข็งๆของอีกฝ่ายที่สอดแทรกเข้ามาทางด้านหลัง พร้อมๆกับน้ำตาที่ไหลพรากออกมาด้วยความกลัว

   'ปอ...ช่วยเลิฟดัวย'




2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 55 (21/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 21-02-2016 14:58:59
กับดักที่
- 55 -



   ปอขับรถมาถึงโกดังเก็บสินค้าแถวท่าเรือxxหลังจากที่วางสายจากรุตได้ไม่นานนัก ดวงตาคมดุมองไปรอบบริเวณด้วยความแปลกใจ ระหว่างทางที่ขับรถมาเขาคิดว่าคงมีคนรอต้อนรับเยอะแน่ๆ แต่เรื่องกลับไม่กลายเป็นแบบนั้นเพราะทั่วพื้นที่มีแค่ความว่างเปล่ากับสายลมเย็นที่พัดเอื่อยๆปะทะผิวกายเท่านั้น สิ่งมีชีวิตเพียงหนึ่งเดียวที่อยู่ตรงนี้คือเขาท่ามกลางความเงียบที่ผิดปกติ

   ‘หรือว่าไอ้รุตมันจะแค่ป่วนประสาทเขาแต่เบอร์ที่มันใช้โทรมาคือเบอร์ไอ้เลิฟแน่ๆ ถ้าอย่างนั้นตัวมันอยู่ที่ไหนแล้วเมียเขาอยู่ไหน’

   ปอรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆเหมือนมันจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ตัดสินใจเปิดประตูรถอีกครั้งเพื่อควานหาปืนที่เก็บไว้ แต่ก็มานึกขึ้นได้ว่าตัวเองพึ่งเอาออกจากรถไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ปอสบถด่าตัวเองด้วยความหงุดหงิดคว้าเอาสนับมือที่ยังติดอยู่ในรถมาแทน พร้อมกับถอดเสื้อสูทและเนคไทด์ออกเก็บไว้กำลังจะเดินไปตรงโกดังที่เห็นแสงไฟลอดออกมา ก็มีรถยนต์จำนวนหนึ่งเคลื่อนตัวมาจอดใกล้ๆกับรถเขา

   "ถึงนานยังวะแล้วพวกมันล่ะ" ต้ารีบเดินมาสบทบกับปอแล้วกวาดตามองรอบๆก็ไม่เห็นคนอื่นนอกจากเพื่อนตัวเอง

   "นั่นดิกูไม่เห็นมีใครเลย" กิงว่าขึ้นมาบ้างในมือถือไม้เบสบอลที่ทำจากเหล็ก แววตาไม่ได้มีความขี้เล่นเหมือนทุกครั้ง ส่วนฝุ่นไม่ได้พูดอะไรยืนรวม กลุ่มอยู่กับพวกอาร์ต ซึ่งแต่ล่ะคนอยู่ในสภาพพร้อมมีเรื่องเต็มที่

   "กูก็ไม่รู้แต่คิดว่าน่าจะอยู่ในนั้น" ปอพยักหน้าไปทางที่ตัวเองตั้งใจจะไปทีแรก แล้วออกตัวเดินนำทุกคนทันทีเพราะไม่อยากเสียเวลามากไปกว่านี้

   เมื่อเดินมาถึงปอก็เข้าไปข้างในโกดังอย่างไม่ลังเลด้วยความร้อนใจ เดินลึกเข้าไปเรื่อยๆปอก็ต้องหยุดชะงักฝ่าเท้า พร้อมกับทุกคนที่หยุดกับที่แบบไม่ได้นัดหมาย

   "พี่รุต!!!" กั้มเป็นคนเดียวในกลุ่มเพื่อนเลิฟที่ตามมา ตะโกนขึ้นอย่างสุดเสียงแล้ววิ่งไปหาพี่ชายเพื่อนด้วยความเร็ว

   ร่างโปร่งของรุตถูกทิ้งให้นอนสลบไสลอยู่กับพื้นของโกดัง ร่างกายเปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้า บนลำตัวขาวเต็มไปด้วยรอยแดงจ้ำ ขาเรียวทั้งสองข้างเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำกามจำนวนมาก สภาพที่ไม่ต้องถามให้มากความก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

   "ระยำ!!" กลอนสบถออกมาอย่างเดือดดาล รู้สึกเวทนาผู้ชายที่พึ่งเคยเห็นอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะเดินตรงดิ่งไปหาร่างที่ไม่รู้สึกตัวนั่นแล้วถอดเสื้อของตัวเองสวมให้ จัดการอุ้มอีกฝ่ายขึ้นแล้วหันกลับมาหาคนที่เหลือ

   "เดี๋ยวกูโทรเรียกรถพยาบาลกับตำรวจ" กลอนบอกแค่นั้นแล้วอุ้มรุตเดินออกจากโกดังโดยที่มีกั้มกับน๊อตตามออกไปด้วย ทุกคนมองตามหลังกลอนโดยที่ไม่ทีใครคิดจะค้านอะไร เพราะจากสิ่งที่เห็นเรื่องมันน่าจะเกินกว่าแค่ยกพวกตีกันแล้ว

   ปอมองภาพของรุตด้วยหัวใจที่สั่นไหวรุนแรง ความกังวลพุ่งขึ้นแตะระดับแบบวัดค่าไม่ได้ ขาสองข้างออกวิ่งไปตามทางเดินที่อยู่ลึกเข้าไปเขาไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรระหว่างทางที่เขามา แต่การที่ไอ้รุตอยู่ในสภาพนั้นแสดงว่าคนของเขาคงกำลังแย่และภาวนาขอให้ไม่เกิดอะไรที่เลวร้ายขึ้น

   ภาพที่ปอเห็นทันทีที่เข้ามาถึงด้านในสุดของโกดังทำเอาร่างกายทุกส่วนชาวาบเหมือนโดนน้ำเย็นสาด เลิฟที่อยู่ในสภาพโดนจับขึงอยู่บนโต๊ะไม้ เสื้อขาดวิ่นท่อนล่างเปลือยเปล่า มีแฮคคร่อมทับซุกไซร้ร่างขาวอยู่

   ร่างกายไปเร็วกว่ากว่าความคิดปอตรงดิ่งเข้าไปด้วยความเร็ว ยกเท้าขึ้นถีบแฮคจนอีกฝ่ายหงายหลังนอนแผ่หลากับพื้น แล้วหันมาหาเลิฟด้วยความเป็นห่วง

   "เลิฟ" ปอตบหน้าคนตัวเล็กที่สลบอยู่เบาๆเพื่อเรียกสติ ฝ่ามือหนาที่สั่นเล็กน้อยลูบไปตามโครงหน้าหวานและลำตัวขาวผ่องที่เต็มไปด้วยรอยแดงจ้ำของอีกฝ่าย ก่อนจะรีบถอดเสื้อตัวเองใส่ให้อย่างหวงแหน

   ระหว่างที่ปอกำลังวุ่นวายอยู่กับเลิฟ แฮคที่พยุงตัวเองลุกขึ้นมาได้ก็คว้าไม้หน้าสามที่อยู่ใกล้ๆ ยกมันขึ้นมาฟาดลงที่หลังของปอเต็มแรง

   "อึ่ก!! สัส!!" ปอสบถออกมาเพราะความเจ็บที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน ก่อนที่ร่างสูงจะทรุดลงไปกองกับพื้น

   "มึงตาย!!!" แฮคตะโกนออกมาอย่างโกรธแค้นและยกไม้ขึ้นจะฟาดซ้ำอีกครั้ง แต่โดนถีบกระเด็นออกไปอีกฝั่งจนไม้หลุดจากมือ

   "อย่าพึ่งตายนะมึง" โชนที่ตามหลังมาติดๆเห็นจังหวะที่แฮคจะทำร้ายปอพอดี เขาเลยเข้าไปช่วยสกัดไว้และหันมาพยุงอีกฝ่ายขึ้น ก่อนจะผละออกไปดูน้องรหัสตัวเองที่นอนสลบอยู่

   "ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวกูดูให้" โชนหันมาบอกเสียงหนักแน่นให้อีกฝ่ายหายห่วง ปอเหลือบมองคนตัวเล็กในอ้อมกอดของโชนเล็กน้อย ก่อนจะเดินตรงไปหาแฮคด้วยท่าทางคุกคาม

   "โชนมึงพาน้องออกไปก่อน" ต้าที่ตามมาทีหลังสั่งเสียงเข้มแล้วหันไปแลกหมัดกับฝ่ายตรงข้าม ไม่ต่างกับคนที่เหลือซึ่งอยู่ในสภาพพอๆกัน

   โชนจัดการช้อนตัวเลิฟแล้วอุ้มขึ้นพาอีกฝ่ายเดินออกจากบริเวณนี้โดยเร็ว เพื่อออกไปสมทบกับกลอนที่พารุตออกไปก่อนหน้านี้แล้ว

   ปอเดินเข้าไปหาแฮคช้าๆแววตานิ่งสงบเดาอารมณ์ไม่ได้ มือขวาล้วงเข้าไปในกางเกงแล้วเอาสนับมือที่พกขึ้นมาใส่
   ด้านแฮคก็แสยะยิ้มมองปออย่างไม่กลัวเกรง คว้าเอาไม้ที่หลุดมือไปมาถือไว้อีกครั้งเดินพุ่งเข้าหาปอ แล้วง้างฟาดไม้ในมือลงมาด้วยความเร็วและแรงทั้งหมดที่มี

   ปอยกมือขึ้นรับไม้ที่ฟาดลงมาด้วยมือข้างเดียวแล้วกำมันไว้แน่น อัดกำปั้นข้างที่ใส่สนับมือลงบนหน้าของแฮคด้วยแรงทั้งหมดที่มี จนอีกฝ่ายใบหน้าอาบไปด้วยเลือดแค่เพียงหมัดเดียว ก่อนจะกระชากเอาไม้หน้าสามในมือแฮค แล้วเป็นคนฟาดมันลงไปบนตัวอีกฝ่ายจนหักคามือ

   ร่างของแฮคร่วงลงไปนอนกองกับพื้นอย่างหมดสภาพ แต่ปอยังไม่หยุดแค่นั้นตามมากระทืบลงไปบนร่างนั้นซ้ำๆอย่างไม่ยั้งแรง ความโกรธที่มันมากมายมหาศาลถูกระบายออกด้วยการทำร้ายอีกฝ่าย

   ปอเตะอัดลงบนตัวแฮคไม่ต่างอะไรจากเตะลูกฟุตบอลจนอีกฝ่ายได้แต่นอนคุดคู้อยู่แบบนั้น ไม่มีคำว่าออมแรง เห็นใจ หรือปราณีใดๆทั้งสิ้น สิ่งที่ต้องการเห็นคือไอ้สารเลวนี่ตายตรงหน้า ปอยกเท้าขึ้นสูงแล้วเหยียบลงบนหน้าแฮคก่อนจะนั่งยองๆลงตรงหน้า แล้วใช้มือกระชากผมอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นมา

   “มึงกล้านะที่ทำอะไรระยำๆแบบนี้” ปอถามเสียงเหี้ยมใบหน้าดุดันแววตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธจัด แต่ยังคงพยายามคุมสติตัวเองให้นิ่งที่สุดและไม่รู้ว่ามันจะหลุดตอนไหน

   “แล้วทำไมกูจะไม่กล้ามึงมีอะไรให้กูกลัววะ” แฮคยังคงแสยะยิ้มกวนประสาทใส่ปออย่างไม่เกรงกลัว น้ำเสียงที่เปล่งออกมากระท่อนกระแท่นแทบไม่เป็นคำ เพราะเจ็บบริเวณสันกรามที่โดนเหยียบ มองปอด้วยสายตาท้าทายไม่ยอมแพ้

   “กูเคยบอกมึงแล้วว่าอย่ายุ่งกับคนของกู คราวที่แล้วที่มึงโดนไปมันไม่ได้ทำให้มึงเข็ดใช่ไหม” ปอกระชากผมของแฮคแรงกว่าเดิม

   “หึ เมียมึงตอดกูโคตรดีเลยว่ะมันฉิบหาย” แฮคพูดด้วยน้ำเสียงยียวนมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโมโหของปออย่างสะใจ ก่อนจะหน้าสะบัดเพราะแรงกระแทกที่อัดเข้ามา

   “มึงตาย!!!!” ปอกระหน่ำชกหมัดข้างที่ใส่สนับมือไม่ยั้งสติที่มีขาดผึงอย่างห้ามไม่อยู่ ชกจนใบหน้าของแฮคแตกยับปูดโปนเละไปหมดก็ยังไม่ยอมหยุด ทำให้ต้าที่อยู่ไม่ไกลรีบวิ่งมากระชากตัวปอออกเพราะกลัวว่าเพื่อนจะฆ่าคนตาย

   “มึงปล่อยกู!!!” ปอตวาดต้าดังลั่นสะบัดตัวแรงๆก่อนจะพุ่งเข้าไปหาแฮคอีกครั้ง เดือดร้อนอาร์ตต้องวิ่งมามาดึงปอไว้อีกคน

   “มึงพอแล้วไอ้เหี้ยเดี๋ยวแม่งตาย” อาร์ตพยายามดึงปอไว้เต็มที่ด้วยแรงทั้งหมด เพราะจากอารมณ์ตอนนี้ของรุ่นน้องไอ้เวรนั่นได้ตายจริงๆแน่ รู้จักกันมาเป็นปีเขาก็ไม่เคยเห็นไอ้เด็กหน้าตายนี่หลุดได้ขนาดนี้เหมือนกัน

   “ไอ้สัส!! ตำรวจมา” กิงที่กำลังจัดการพวกที่เหลือตะโกนมาบอกเสียงดังทำให้อาร์ตเผลอปล่อยตัวปอ และจังหวะนั้นเองที่ปอคว้าเอาปืนที่เห็นว่าต้าพกมาแล้วเล็งมันไปที่หัวของแฮค ซึ่งกำลังพยายามพยุงตัวเองลุกขึ้นมานั่งในสภาพอ่อนแรง

   “ไอ้ปอ!!!” ทุกคนตะโกนเรียกปอเป็นเสียงเดียวกันด้วยความตกใจ ในตอนนี้ไม่มีใครเดาอะไรออกทั้งนั้น ได้แต่มองใบหน้าดุดันของปอกับมือที่จับปืนไว้แน่นจนเส้นเลือดขึ้นด้วยความหวั่นใจ เพราะเจ้าตัวมีสิทธิ์ที่จะลั่นไกฝังกระสุนลงบนหัวแฮคได้อย่างไม่ลังเล

   “มึงอย่านะปอ” ต้าพยายามเอ่ยปากห้ามตาก็มองปอไม่กระพริบ

   “กูจะฆ่ามัน” ปอพูดเสียงเย็นไม่ได้สนใจอะไรแล้วทั้งนั้น

   “แต่ตำรวจกำลังมา” ต้าพยายามเกลี่ยกล่อม

   “ช่างแม่ง!!!” ปอตวาดตอบอย่างดุดันมือเตรียมเหนี่ยวไก

   “ถ้ามันตายมึงก็ติดคุกคิดหน่อยดิวะ” ต้าเองก็ตวาดกลับเสียงดังไม่แพ้กัน

   “กูบอกแล้วไงว่าช่างแม่ง!!” ปอเลิกสนใจต้าและตัดสินใจจะยิงสักที

   “แล้วเมียมึงจะอยู่กับใคร!!!” ต้าตัดสินใจตะโกนเอาชื่อเลิฟมาอ้าง และมันก็ได้ผลเพราะปอหยุดการกระทำของตัวเองลงทันที แต่ยังถือปืนเล็งไปทางแฮคแววตาที่ใช้มองยังคงแข็งกร้าวอยู่

   “มึงรู้ตัวดีนะปอไม่มีมึงน้องมันก็ไม่เหลือใครแล้ว” ต้าพูดออกไปตามความรู้สึกและสิ่งที่เห็นและได้รับรู้มาโดยตลอด ต่อให้มีคนพร้อมจะอยู่เคียงข้างเลิฟมากมายแค่ไหน แต่มันแทนที่เพื่อนเขาไม่ได้แน่ๆเขามั่นใจ

   ปอหันกลับมามองต้าด้วยสายตาเจ็บปวด ขบกรามแน่นจนขึ้นสันนูน เหมือนพยายามระงับอะไรบางอย่างที่มันกำลังปะทุอยู่ภายใน ก่อนจะง้างมือขึ้นสูงแล้วใช้ด้ามปืนฟาดลงไปบนหน้าแฮค

   “แม่งเอ้ย!!” ปอตะโกนร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและเกลียดตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ เขาอยากยิงไอ้สารเลวนี่ให้ตายไปเดี๋ยวนี้อยากฆ่ามันด้วยมือของเขาเอง แต่มันจริงอย่างที่ต้าว่าเขาทำไม่ได้ถ้าลั่นไกออกไปยังไงชีวิตที่เหลือต่อจากนี้เขาต้องก้าวขาเข้าคุกแน่ๆ เพราะพยาน หลักฐานมันแน่นหนาและตำรวจก็กำลังมา ถึงบ้านเขาจะใหญ่แค่ไหนแต่ถ้าทุกอย่างมันมัดแน่นเขาเองก็ไม่มีทางรอด

   เขาไม่ได้กลัวการฆ่าคนตายไม่ได้กลัวเลยกับชีวิตที่ต้องอยู่ในคุก แต่เพราะอีกคนต่างหากที่มันทำให้เขาต้องหยุดการกระทำของตัวเอง ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่และตอนไหนที่ชีวิตของตัวเองผูกไว้กับใครอีกคน ทุกสิ่งที่ทำและต้องตัดสินใจมันมีอีกคนอยู่ในเหตุผลนั้นเสมอ และครั้งนี้ก็เหมือนกันเขาลั่นไกไม่ได้

   “ถุ้ย...มึงก็ได้แค่นี้แหละวะ” แฮคถ่มน้ำลายผสมเลือดออกจากปากแล้วมองปออย่างดูถูก จนเจ้าตัวเดินไปถีบลงบนใบหน้าอีกฝ่ายแรงๆด้วยความโมโห เดือดร้อนอาร์ตต้องรีบไปกระชากตัวออกมาและกอดไว้แน่น ป้องกันไม่ให้ปอเดินเข้าไปทำร้ายแฮคอีก

   “หึ หึ มึงไม่ค่อยได้เอาเมียเหรอวะขนาดแค่เอานิ้วแหย่เข้าไปแม่งยังฟิตฉิบหาย” แฮคยังคงปากดีไม่เลิกส่งเสียงเยาะเย้ยปอต่อและคราวนี้ปอไม่ต้องดิ้นออกจากการดึงรั้งของอาร์ตให้เปลืองแรง เพราะเจ้าตัวจงใจปล่อยแขนให้รุ่นน้องไปกระทืบไอ้เหี้ยนั้นได้เต็มที่ ก็ไม่รู้ว่าจะห้ามไปทำไมถ้ามันจะวอนตายกันขนาดนั้น

   “หึ นิ้วเหรอวะ” ปอแสยะยิ้มเหี้ยมให้แฮคแล้วกระชากตัวอีกฝ่ายขึ้น ก่อนจะเหวี่ยงไปบนโต๊ะ จับหัวของแฮคกระแทกลงไปแรงๆและกดเอาไว้แน่นไม่ให้กระดิกได้

   “ต้า...มึงมาจับมันไว้” ปอว่าสั่งเพื่อนเสียงเรียบ

   “มึงจะทำอะไร” ต้าถามกลับด้วยความระแวงเพราะถ้าบอกว่าไอ้ปอน่ากลัวเวลาสติหลุด ตอนที่มันสติครบถ้วนและคิดอะไรได้แบบนี้ต่างหากที่น่ากลัวกว่า ยิ่งมันดูใจเย็นเท่าไหร่นั้นหมายความว่ายิ่งอันตราย

   “ไม่จับกูยิง” ปอจ่อปืนลงที่หัวแฮคและกดปลายกระบอกปืนลงไปเป็นการบังคับเพื่อน

   “จะทำเหี้ยอะไรก็รีบทำเดี๋ยวกูไปถ่วงเวลาตำรวจให้” ฝุ่นบอกออกมาด้วยความหนักใจและร้อนรนกลัวว่าตำรวจจะเข้ามาก่อน แล้วรีบวิ่งไปถ่วงเวลาให้เพื่อนตามที่บอก

   “เวรเอ้ย!!!” ต้าสบถอย่างหงุดหงิดแล้วมาจับตัวแฮคไว้ให้ด้วยความจำยอม ก็เขามันขัดอะไรได้ที่ไหนทั้งในฐานะเพื่อนและฐานะลูกน้อง

   “ไอ้กิงมึงเอามีดพกมาด้วยรึเปล่า” ปอเก็บปืนไปเหน็บไว้ที่กางเกงด้านหลังและหันมาถามหาในสิ่งที่ตัวเองต้องการ

   “เอาไปไอ้สัส!! และช่วยรีบๆด้วย” กิงโยนมีดพกประจำตัวให้ปอมองไปทางด้านนอกด้วยความกังวล

   “มึงใช้นิ้วมือข้างไหน” ปอมองแฮคด้วยสายตาว่างเปล่ากดปุ่มให้มีดพับเด้งออกมา แล้วกระชากเอามือแฮคออกมาที่กลางโต๊ะ

   “มึงจะทำเหี้ยอะไร” แฮคถามปอเสียงแข็งและมองด้วยความระแวง

   “อ๊ากกกกกกกก ไอ้สัส!! มือกู” แฮคร้องออกมาเสียงหลงทันทีเพราะปอไม่ได้ตอบคำถาม แต่แทงมีดลงไปบนหลังมือของแฮคเต็มแรง ก่อนจะดึงมีดออกช้าๆมีเลือดไหลตามออกมาเป็นทางยาว

   “ข้างไหน” ปอถามต่อด้วยท่าทีนิ่งเฉยเหมือนไม่ได้ทำอะไรลงไป พร้อมกระชามืออีกข้างของแฮคออกมา ส่วนต้าก็พยามกดตัวแฮคไว้ไม่ให้ดิ้นหลุด

   “เหี้ยเอ้ย!! มึงปล่อยกู” แฮคโวยวายดังลั่นมือข้างที่โดนแทงเจ็บไปหมด เลือดยังคงไหลออกจากบาดแผลไม่หยุด

   “อ๊ากกกกกกก” เสียงร้องโหยหวนของแฮคดังออกมาอีกครั้งด้วยความเจ็บปวด เพราะปอแทงมีดลงไปอีกครั้งและดึงออกจนแฮคได้แต่ดิ้นไปมา

   “นิ้วมือมึงมันทำแต่เรื่องเหี้ยๆกูว่าอย่ามีมันเลยดีกว่า” ปอพูดเสียงเหี้ยมเย็นเข้าไปถึงขั้วหัวใจคนฟัง ก่อนจะจับมือของแฮคข้างที่เขาพึ่งแทงไปให้กางออก แล้วเอามีดไปวางระหว่างโคนนิ้วชี้ส่วนแฮคก็ได้แต่พยายามดิ้นขลุกขลักด้วยความกลัว

   “อย่านะไอ้สัส!! อย่า!! อ๊ากกกกกก” เสียงร้องโหยหวนที่พึ่งเงียบไปดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อปอกดมีดลงไปบนนิ้วและตัดมันจนขาด ขยับปลายมีดไปที่นิ้วกลางและกดมันลงอีกครั้ง ก่อนที่นิ้วจะขาดตามนิ้วชี้ออกมาติดๆกำลังจะตัดลงไปที่นิ้วนางอีกนิ้ว แต่ต้ายกมือขึ้นผลักอกปอออกแรงๆเพื่อห้าม ทำให้แฮคพ้นจากการเกาะกุมลงไปนอนดิ้นทุรนทุรายอยู่กับพื้น

   “พอแล้วไอ้เหี้ย” อาร์ตเดินมาดึงแขนปอไว้เพื่อช่วยห้ามอีกแรง ปอเองก็ไม่ได้ดิ้นรนขัดขืนอะไรเก็บมืดพับไว้แบบเก่าแล้วโยนมันคืนไปให้กิง คว้าเอานิ้วมือที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาแล้วเดินไปนั่งลงตรงหน้าแฮค

   “มึงอยากได้นิ้วมึงคืนไหม” ปอยื่นนิ้วมือไปตรงหน้าแฮคที่กำลังมองกลับมาอย่างโกรธแค้น ก่อนที่ปอจะกระตุกยิ้มเย็นแล้วเอามือล้วงไปที่กระเป๋ากางเกง คว้าเอาไฟแช็คที่พกติดตัวไว้เนื่องจากตัวเองสูบบุหรี่ออกมา จุดไฟขึ้นแล้วจ่อที่นิ้วมือทั้งสองนิ้วลนมันช้าๆจนเกรียมแล้วโยนมันคืนให้แฮค

   “มึง!!!” แฮคจ้องหน้าปอด้วยดวงตาวาวโรจน์แค้นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้

   “กูคืนให้” ปอพูดด้วยเสียงเยาะเย้ยแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แต่ก่อนจะเดินจากไปก็หันมากระทืบลงบนใบหน้าอีกฝ่ายแรงๆเป็นการทิ้งท้าย จนแฮคที่ร่างกายบอบช้ำและเสียเลือดถึงกับสลบไปในที่สุด

   “มึงไปก่อนเลยไอ้โชนโทรมาบอกว่าตอนนี้น้องมันอยู่โรง’บาลแล้ว ทางนี้กูจัดการให้” ต้าตบไหล่เพื่อนเบาๆแต่ปอไม่ยอมไปตายังจ้องไปที่ร่างของแฮคเขม็ง

   “ปล่อยให้ตำรวจจัดการขนาดนี้แล้วมันไม่รอดหรอก” ต้าพูดกำชับให้ปอวางใจเพราะตำรวจไม่น่าจะปล่อยไอ้แฮคไป รวมทั้งตัวไอ้ปอเองด้วยที่ไม่น่ารอดเพราะสร้างเรื่องขนาดนี้ คงต้องคิดหาวิธีกันเอาทีหลังว่าจะทำยังไงต่อ

   ปอสูดลมหายใจเข้าออกหนักๆเลือกจะเชื่อในสิ่งที่เพื่อนบอก ก่อนจะเดินออกมาขึ้นรถและขับออกไปด้วยความเร็ว เพราะห่วงอีกคนที่ถึงแม้จะถึงมือหมอแล้วแต่ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง

...
...
   
   ใช้เวลาไม่นานรถยนต์คันหรูของปอก็ขับทะยานมาถึงที่โรงพยาบาล ซึ่งไม่ใช่ที่ไหนไกลแต่เป็นโรงพยาบาลของพ่อตาเขาเอง ปอถอนหายใจหนักๆหลับตาสงบสติอารมณ์อยู่ในรถสักพัก ก่อนจะหยิบเอาเสื้อสูทขึ้นมาสวมเพราะตอนนี้เขาไม่ได้ใส่เสื้อ จัดผมเผ้าตัวเองให้เรียบร้อยแล้วก้าวขาเดินลงจากรถเข้าไปข้างใน

   ปอออกจากลิฟท์และเดินตรงไปเรื่อยๆตามทางเดินของโรงพยาบาล มุ่งตรงไปยังห้องพักคนไข้ตามที่ต้าบอกมา เขาหยุดยืนที่บานประตูห้องที่เป็นจุดหมายเอื้อมมือจะเปิดประตูเข้าไป แต่มีคนจากทางด้านในเปิดประตูสวนออกมาซะก่อน

   “ผมขอโทษครับ” ปอยกมือไหว้ขอโทษด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง เมื่อเห็นว่าคนที่เปิดประตูออกมาเป็นใคร คุณรักษ์มองสภาพของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกเขยเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจออกมาหนักๆ   

   “มีอะไรจะพูดกับฉันอีกไหม” คุณรักษ์ถามด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยแต่ทำให้ปอใจแกว่งไปไม่น้อย เพราะเงื่อนไขหลักๆที่อีกฝ่ายขอในการคบกันของเขาสองคนคือเลิฟต้องไม่เจอเรื่องอะไรที่อันตรายถึงชีวิต

   “ไม่มีครับ” ปอเลือกที่จะไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้ถึงเรื่องทั้งหมดจะไม่ได้เกิดเพราะเขา แต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกอย่างมันไม่เกี่ยวกับเขา

   “ฉันนึกว่าเธอจะถามเรื่องอาการลูกฉันซะอีก” คุณรักษ์พูดด้วยรอยยิ้มน้อยๆ

   “ฉันได้ยินเรื่องทั้งหมดจากปากเพื่อนเธอแล้ว เรื่องนี้ฉันไม่โทษเธอหรอกนะ ถ้าจะมีใครสักคนที่ผิดจริงๆคงเป็นตัวฉันเองที่เลี้ยงลูกไม่เป็น” คุณรักษ์พูดออกมาอย่างอ่อนแรงและไม่ได้โกรธอะไรปอเลยจริงๆ

   “ขอบคุณครับแล้วมันเป็นยังไงบ้าง” ปอมองข้ามไหล่ของผู้สูงวัยกว่าไปที่ประตูห้อง

   “มีแผลฟกช้ำตามตัวพอสมควรแต่ไม่ได้ร้ายแรงอะไร ที่สลบไปคงเพราะสภาวะกดดันและเหนื่อยจากการต่อสู้” คุณรักษ์อธิบายต่อเสียงเรียบ

   “แล้ว.....” ปอเว้นคำพูดไว้แค่นั้นไม่กล้าเอ่ยปากถามอะไรออกมาอีก หวนคิดถึงคำพูดและใบหน้าเยาะเย้ยของแฮครวมทั้งภาพที่ไปเจอ มันทำให้ใจของเขากลัวไปหมดว่าจะเกิดอะไรขึ้น

   “ไม่ต้องห่วงเธอไปทัน” จบคำพูดของคุณรักษ์ปอถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก สิ่งที่กลัวและกังวลในใจหายไปทันทีเพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นอย่างที่คิด เขาบอกตรงๆเลยว่ารับไม่ได้และไอ้ตัวเล็กของเขาก็เหมือนกัน ไม่ใช่ว่ารังเกียจที่มันกลายเป็นของคนอื่นแต่เขาคงมองหน้ามันไม่ติด เพราะแค่นี้เขาก็ไม่รู้จะพูดอะไรแล้วกับการเป็นคนรักที่ดูแลมันไม่ได้และไม่ดีพอ

   “ตอนนี้ฉันฉีดยานอนหลับให้ไปคงจะหลับยาวถึงเช้า ฉันขอตัวก่อนนะ” คุณรักษ์ส่งยิ้มให้บางๆแล้วเดินจากไป

   ปอเปิดประตูเข้าไปในห้องพักแผ่วเบาแล้วเดินตรงเข้าไปที่เตียง ซึ่งตอนนี้เลิฟกำลังนอนหลับตาพริ้มมีสายน้ำเกลือห้อยระโยงระยางอยู่ใกล้ๆ

   “กูว่ามึงไปอาบน้ำให้ตัวเองสดชื่นก่อนเหอะว่ะแล้วค่อยออกมาดูน้อง เสื้อผ้ามึงอยู่นั่นคนที่บ้านมึงเขาพึ่งเอามาให้” โชนออกปากไล่ปอให้ไปอาบน้ำซึ่งปอก็พยัดหน้าเล็กน้อย แล้วคว้าเอาเสื้อผ้าเดินเข้าไปในห้องน้ำแต่โดยดี ไม่ได้มีการต่อล้อต่อเถียงใดๆเหมือนที่เคยทำ

   ผ่านไปสักพักปอก็ออกมาในชุดใหม่สภาพดูดีกว่าเมื่อตอนที่พึ่งมาถึง หลังจากโดนน้ำเย็นๆเข้าไปสมองของปอก็โล่งขึ้นเยอะ ก่อนที่จะเดินมาทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียง

   “งั้นกูกลับก่อนนะแล้วพรุ่งนี้จะมาใหม่” โชนเอ่ยปากบอกเบาๆแล้วลุกขึ้นเตรียมตัวกลับบ้าน

   “ขอบใจมึงนะ” ปอพูดด้วยเสียงหนักแน่นส่งสายตาที่แสดงว่าขอบ คุณจริงๆไปให้โชน

   “เออ!!!” โชนกระแทกเสียงเล็กน้อยแก้อาการเขินของตัวเอง เห็นกันมาตั้งนานทำไมพึ่งมาเห็นว่ามันเท่ตอนนี้วะ

   ปอมองท่าทางของโชนด้วยความงงแล้วส่ายหัวเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาหาเลิฟและใช้สายตาสำรวจไปทั่วตัวอย่างละเอียด แววตาที่ใช้มองคนรักเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและรู้สึกผิด นิ้วมือเรียวยาวไล่แตะลงไปตามแผลฟกช้ำแผ่วเบา ตอนอยู่ในโกดังเขาไม่ได้มีเวลาสังเกตุอะไรมากเลยไม่เห็นว่าไอ้ตัวเล็กของเขาได้แผลเยอะขนาดนี้

   “กูขอโทษที่รัก....กูขอโทษ....” ปอพึมพำบอกคนนอนหลับด้วยเสียงแผ่วเบาราวกับกระซิบ กดริมฝีปากแนบลงหน้าผากเนียนยกมือเล็กขึ้นมาจูบที่หลังมือแล้วบีบเอาไว้เบาๆ ก่อนจะฟุบตัวลงนอนทั้งอย่างนั้นโดยที่มือยังจับมือของคนรักไว้แน่น



2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 56 (21/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 21-02-2016 15:06:04
กับดักที่
- 56 -



   เลิฟยิ้มออกมาจางๆเมื่อเห็นว่าใครนอนหลับอยู่ข้างเตียง มือเล็กลูบลงไปบนศีรษะได้รูปของคนรักแผ่วเบา ไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงแล้วเพราะในห้องค่อนข้างมืดเนื่องจากผ้าม่านถูกปิดไว้สนิท เลยทำให้เห็นแค่แสงแดดลอดเข้ามาเล็กน้อยเท่านั้น แต่ที่แน่ๆเขาน่าจะนอนอยู่ที่โรงพยาบาลรอยเข็มให้น้ำเกลือที่อยู่บนแขนมันบอกได้อย่างดี ตากลมโตสั่นไหวเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเหตุการ์ณเมื่อคืนรีบดึงมือที่ลูบหัวอีกฝ่ายอยู่กลับทันที

   เขาจำเหตุการณ์หลังจากนั้นไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง รู้แค่ว่าตัวเองขัดขืนจนหลุดออกมาได้ครั้งนึงแล้วอีกฝ่ายก็ตามมากระชากเขากลับไป ก่อนที่จะชกลงมาเต็มแรงรู้สึกตัวอีกทีเขาก็มาฟื้นอยู่ที่นี่แล้ว

   สัมผัสจากปลายนิ้วของคนอื่นที่เข้ามาในตัวเขายังจำมันได้ดี รู้สึกขยะแขยงสะอิดสะเอียนจนอยากจะอาเจียนออกมา ความหยาบโลนจากริมฝีปากที่ซุกไซร้ลงมาตามตัวมันทำให้ขนทั้งตัวลุกชัน

   ระหว่างที่เขาสลบไปไม่รู้ว่าโดนทำอะไรบ้างแต่ความปวดเมื่อยตามตัวโดยเฉพาะช่วงล่าง มันทำให้เขารู้สึกกลัวและรังเกียจตัวเองน้ำตาเอ่อล้นและไหลลงเรื่อยๆไม่อยากรับรู้ว่าตัวเองเจออะไรมา

   ปอรู้สึกตัวตื่นขึ้นเพราะได้ยินเสียงสะอื้นดังแว่วๆ ลืมตามองหาที่มาก็เห็นว่าเลิฟกำลังนอนร้องไห้อยู่ มือเล็กทั้งสองข้างของเจ้าตัวกำเอาไว้แน่นจนเกร็งเห็นเส้นเลือด

   "ชู่...ร้องไห้ทำไม" ปอรีบลุกขึ้นมาด้วยความตกใจดึงตัวเลิฟเข้ามาในอ้อมแขนลูบหัวลูบหลังเบาๆเพื่อปลอบ

   "มัน...มัน..." เลิฟพยายามจะเล่าให้ปอฟังแต่ไม่รู้จะเริ่มเล่าตรงไหนและเริ่มบอกยังไง เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะรังเกียจตัวเอง

   "ไม่มีอะไรแล้วมึงไม่เป็นอะไร" ปอกระซิบบอกคนในอ้อมกอดให้คลายความกังวล

   "แต่..." เสียงหวานเอ่ยสั่นๆพอๆกับตากลมโตที่ไหวระริกไม่แพ้กัน

   "กูไปทันเลิฟ" ปอดึงคนตัวเล็กออกจากอกแล้วจ้องไปในตากลมโตที่มองเขาอย่างไม่เชื่อนิ่งๆ

   "มึงยังเป็นของกูของกูคนเดียว" ปอบอกด้วยเสียงหนักแน่นมือหนาเช็ดน้ำตาออกจากหน้าเนียนให้แผ่วเบา

   "แต่มันปวดตัวข้างล่างก็เจ็บไปหมดเลยนะ" เลิฟงอแงน้ำตาไหลพรากไม่เชื่อในสิ่งที่ปอบอกเพราะคิดว่าอีกฝ่ายหลอกให้ตัวเองรู้สึกดี

   "งั้นพิสูจน์" ปอจัดการอุ้มคนตัวเล็กขึ้นแล้วพาเดินเข้าไปในห้องน้ำ

   "อื้อ" เลิฟส่งเสียงประท้วงออกมาเล็กน้อยเพราะโดนจูบปิดปาก

   "ไม่ได้นะปอโรง'บาล" เลิฟเอ่ยห้ามเสียงสั่นทันทีที่ปากได้รับอิสระ มือเล็กดันแผ่นอกกว้างให้ออกห่างจากตัวเล็กน้อยความคิดแย่ๆเมื่อกี้ถูกพัดหาย ไปสนิท เพราะมันถูกแทนที่ด้วยความกังวลกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดตอนนี้แทน ถ้าโดนทำอะไรที่นี่มันไม่สนุกเลยนะ

   "ก็พิสูจน์ไงว่ามันไม่ได้เกิดอะไรแบบที่มึงคิด" ปอพูดด้วยสีหน้าและท่าทางจริงจัง

   "ชะ..ชะ..เชื่อแล้วออกไปกันนะ" เลิฟเขย่าแขนปอเบาๆส่งเสียงอ้อนให้พาออกไป

   "เชื่อง่ายไป" ปอก้มลงเม้มใบหูเล็กเบาๆจนเลิฟต้องหดคอหนีเพราะขนลุก

   "เชื่อแล้วจริงๆนะ" เลิฟกระพริบตาปริบๆใส่ปอตอนนี้เขายอมเชื่อที่ปอบอกอย่างสนิทใจ เพราะถ้ามีอารมณ์มาหื่นใส่เขาขนาดนี้ก็ไม่น่าจะมีอะไรแล้วล่ะ เขาควรเลิกฟุ้งซ่าน

   "อย่าพึ่งเชื่อดิวะให้กูพิสูจน์ก่อน" ปอบอกเสียงแหบพร่านัยน์ตาส่งประกายวิบวับ

   "ไปพิสูจน์ที่บ้านได้ไหม" เลิฟบอกเสียงอ้อมแอ้มใบหน้าแดงซ่านไปหมด ความคิดฟุ้งซ่านประสาทแตกของเขาถูกพัดหายเพราะความหื่นของคนตรงหน้าหมดแล้ว

   "หึ ออกจากโรง’บาลมึงโดนหนักแน่" ปอจูบปากอิ่มเร็วๆแล้วอุ้มร่างบางกลับมาวางที่เตียง

   "แต่ทำไมมันปวดตัวไปหมดเลยล่ะ" เลิฟถามออกมาด้วยความสงสัย ถึงจะบอกว่าเชื่อปอแต่ถ้าไม่เคลียร์ความสงสัยข้อนี้ เขาเองก็เชื่อไม่สนิทใจเหมือนกัน

   ปอชะงักมือที่กำลังรูดผ้าม่านลงหันมามองหน้าเลิฟเล็กน้อย แล้วเดินกลับมาที่เตียงก่อนจะนั่งลงข้างๆ ยกมือขึ้นแตะที่รอยฟกช้ำบนหน้าหวาน

   "มึงจำได้รึเปล่าว่าได้แผลพวกนี้มายังไง" ปอถามเสียงเรียบมือไล่แตะไปตามรอยแผลบนตัว

   "จำได้" เลิฟพยักหน้าหงึกหงักประกอบไปด้วย ใครจะจำไม่ได้ทั้งโดนเหวี่ยง โดนตบ โดนชก

   "กูคิดว่าคงเป็นเพราะแผลตามตัวมึงเนี่ยแหละที่ทำให้เจ็บ แล้วมันเจ็บมากรึเปล่าจะได้ตามหมอ" ปอถามด้วยความเป็นห่วง
   "ไม่เป็นไรแค่ปวดนิดหน่อย" เลิฟส่ายหน้าหวือปฏิเสธ

   "งั้นนอน" ปอค่อยๆดันตัวเลิฟลงนอนพร้อมกับจุมพิตที่หน้าผากเนียน

   "ไม่ต้องคิดอะไรแล้วพ่อมึงบอกกับกูเองว่ามึงไม่ได้โดนทำอะไรมากกว่านั้นหรือมึงไม่เชื่อใจหมอ" ปอพูดกำชับให้เลิฟมั่นใจอีกทีเพราะดูจากหน้าแล้วเลิฟยังไม่เชื่อเท่าไหร่

   "อืม...ปอ...พี่รุตล่ะ" เลิฟบีบมือปอเบาๆเสียงที่เปล่งออกมาเศร้าสร้อย ของเขาน่ะปอมาทันแต่พี่รุตล่ะคงไม่มีใครมาช่วยทันแน่ๆ ไม่รู้ป่านนี้พี่ชายจะเป็นยังไงบ้าง

   "อยู่ห้องข้างๆ" ปอหันกลับมาสบตากับเลิฟที่นอนหน้าเศร้าอยู่

   "พาไปหาได้ไหม"

   "มึงหายดีก่อนค่อยไปอีกอย่างพี่มึงคงยังไม่ฟื้น"

   "พี่รุตเป็นอะไรมากรึเปล่า" เลิฟถามด้วยความเป็นห่วงจากใจจริงๆ

   "พ่อมึงบอกว่าร่างกายไม่เป็นอะไรมากแล้ว แต่สภาพจิตใจยังบอกไม่ได้ต้องรอดูตอนฟื้น" ปอเกลี่ยแก้มใสของเลิฟเล่นน้ำเสียงที่ใช้บอกค่อนข้างหนักใจ

   "เพราะจะช่วยเลิฟแท้ๆพี่รุตถึงเจอแบบนั้น" เลิฟพูดด้วยความเศร้าหมอง

   "ไม่ใช่เพราะมึงพี่มึงเองก็ไม่มีทางโทษมึงเชื่อกูสิ" ปอพูดไม่ให้เลิฟคิดมากไปกว่านี้ ในใจนึกอยากผ่ากะโหลกสวยๆของเมียตัวเองเปิดดูสักที ขนาดพี่มันเป็นคนทำให้มันเจอเรื่องแบบนี้แท้ๆ นอกจากจะไม่สมน้ำหน้ามันยังเป็นห่วงแถมโทษตัวเองอีก ถ้าไม่ได้มาอยู่ด้วยกันทุกวันแบบเขาคงได้มีคนบอกว่ามัน แอ๊บเข้าสักวัน

   "อื้อ...แต่อย่าลืมพาไปหาพี่รุตนะ" เลิฟพึมพำเสียงแผ่วดึงมือปอมาแนบแก้มตัวเองแบบที่ชอบทำ ก่อนจะผล่อยหลับไปในเวลาไม่นาน ปอค่อยๆดึงมือตัวเองออกมาแล้วห่มผ้าให้คนตัวเล็กดีๆ ยืนมองหน้าหวานที่หลับตาพริ้มแล้วถอนหายใจหนักๆ

   "มึงหัดห่วงตัวเองบ้างได้ไหมเห็นแก่ตัวบ้าง ถ้าขืนมึงยังเป็นแบบนี้คนที่จะตายน่ะมันกู" ปอพึมพำบอกคนหน้าหวานที่หลับไม่รู้เรื่องด้วยความหนักใจ

...
...

   "จะไปได้รึยัง" ปอถามเลิฟที่นั่งหน้ายุ่งบีบมือตัวเองอยู่บนเตียง พ่อตาเขาพึ่งเดินเข้ามาบอกก่อนหน้านี้ไม่นานว่าไอ้รุตมันฟื้นแล้ว พอได้ยินแบบนั้นไอ้ตัวเล็กมันของเขามันก็กระตือรือร้นจะไปหา แต่ถึงเวลาจะพาไปจริงๆมันดันไม่กล้าไปขึ้นมาซะเฉยๆ

   "ถ้ายังไม่พร้อมก็ไว้ไปวันหลัง" ปอลองเสนอทางเลือกให้อีกทางแต่เลิฟก็ส่ายหน้าปฏิเสธ

   "ปอว่าพี่รุตจะด่าเลิฟป่ะ" เหมือนถามเอาฮาแต่หน้าคนถามอย่างเลิฟจริงจังสุดๆ

   "ถ้ามันด่ามึงกูจะกระทืบให้" ปอเองก็บอกเลิฟด้วยเสียงจริงจัง

   "จะบ้าเหรอห้ามทำนะถ้าพี่รุตจะด่าก็ให้เขาด่าเข้าใจไหม" เลิฟถลึงตาใส่ปอดุๆ

   "เออๆจะไปได้รึยังก่อนที่พี่มึงมันจะหลับอีก" ปอรับคำเลิฟแกนๆถ้าไอ้รุตมันไม่สำนึกแล้วด่าเมียเขาคงได้กระทืบกันจริงๆนั่นแหละ

   "อื้อ" เลิฟสูดลมหายใจเข้าปอดเรียกความกล้า ก่อนจะก้าวขาเดินนำปอไปที่ห้องพักข้างๆ

   เลิฟหยุดยืนที่หน้าห้องสักพักยังไม่กล้าที่จะเปิดประตูเข้าไป ไม่รู้ว่าจะคุยกับพี่ชายตัวเองยังไงไม่รู้จะทักอะไรเป็นคำแรก และไม่รู้จะต้องทำตัวแบบไหนในสถาณการณ์แบบนี้

   "ถ้ายังไม่พร้อมจะเจอก็ยังไม่ต้องเข้าไป" ปอบีบไหล่เลิฟเบาๆเขาเองยังไม่อยากให้เลิฟเจอไอ้รุตตอนนี้ เพราะถึงจะบอกว่ามันฟื้นขึ้นมาแล้วไม่ได้แสดงอาการอะไรแต่จะมีอะไรมารับประกัน ว่าถ้ามันเห็นหน้าไอ้เลิฟแล้วมันจะไม่อาละวาดในเมื่อตัวมันก็ยิ่งบ้าๆอยู่

   "ไม่เป็นไรหรอก" เลิฟหันมาส่งยิ้มให้ปอจางๆ

   "ให้กูเข้าไปเป็นเพื่อนไหม" ปอดึงมือที่กำลังจะเปิดประตูของเลิฟไว้

   "ขอเลิฟเข้าไปคนเดียวนะ" เลิฟบอกปอด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแล้วหันหลังกลับไปเปิดประตู และตัวปอเองก็ไม่ได้ห้ามอะไรอีกนอกจากยืนรออยู่นอกห้อง

   แกร๊ก...

   เสียงเปิดประตูที่ดังขึ้นแผ่วเบาไม่ได้ทำให้คนที่นั่งเหม่ออยู่ในห้องรู้สึกตัว เลิฟยืนมองแผ่นหลังของพี่ชายตัวเองด้วยความเจ็บปวด นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้มองพี่ชายตัวเองเต็มตาแบบนี้ แผ่นหลังที่เขาเคยเห็นครั้งสุดท้ายมันดูกว้างและใหญ่กว่านี้ มันไม่ได้ดูเล็กและบอบบางไม่ต่างจากเขาแบบนี้ เลิฟก้าวขาเดินเข้าไปหารุตช้าๆและหยุดนิ่งอยู่ข้างเตียง ยื่นมือที่สั่นเทาของตัวเองไปกุมมือที่ใหญ่พอๆกับเขาไว้

   เฮือก!!

   รุตสะดุ้งสุดตัวเพราะตกใจกับสัมผัสที่จู่ๆก็มาโดนตัว หันไปก็เห็นว่าเป็นเลิฟที่ยืนแววตาสั่นระริกกัดริมฝีปากตัวเองแน่น เหมือนน้องชายตัวน้อยๆในอดีตของเขาไม่มีผิด

   "เป็นไงบ้างดีขึ้นแล้วเหรอ" รุตส่งยิ้มจางๆให้เลิฟยกมืออีกข้างมาขึ้นลูบหลังมือน้องชายที่กุมมือตัวเองเบาๆ

   "พี่ว่าจะไปเยี่ยมกลายเป็นเรามาหาก่อนซะได้" รุตพูดเรื่อยๆไม่ได้มีท่าทางโกรธแค้นอะไรมีเพียงรอยยิ้มอ่อนโยนที่ส่งให้ ทำให้เลิฟที่พยายามกลั้นน้ำตาไว้ร้องไห้ออกมาในที่สุด

   "ร้องไห้ทำไม" รุตยังคงส่งยิ้มให้น้องใบหน้าซีดเซียวพยายามฝืนตัวเองให้นิ่งที่สุด

   "พี่รุต...เลิฟขอโทษ...ฮึก...ขอโทษนะ" เลิฟปล่อยโฮออกมาในที่สุดยกแขนขึ้นกอดพี่ชายตัวเองแน่น ที่เขาบอกว่าขอโทษไม่ใช่ขอโทษกับเรื่องที่พึ่งเกิด แต่เขาขอโทษกับทุกๆเรื่องในอดีตที่ผ่านมาต่างหาก ถ้าจะบอกว่าพี่รุตเห็นแก่ตัวเขาเองก็ไม่ต่างกันหรอก

   เขาเอาแต่โทษเอาแต่เสียใจในสิ่งที่ตัวเองโดนกระทำ ขวนขวายมองหาความรักเพื่อทดแทนสิ่งที่ตัวเองขาด พอเริ่มได้มันมาเขาก็ลืมมองคนข้างหลัง ลืมมองพี่ชายคนนี้ที่อยู่ข้างเขาในวันที่ไม่มีใคร ลืมสนใจใส่ใจคนที่ขาดความรักไม่ต่างจากเขา ในขณะที่เขาเจอคนมากมายที่อยู่ข้างๆเขากลับทิ้งพี่ชายตัวเองให้อยู่คนเดียวอยู่แบบไม่มีใคร

   แขนตัวเองที่ยกขึ้นกอดพี่ชายในวันนี้มันทำให้เขาได้รู้ ว่าพี่ชายที่เคยตัวโตและแข็งแกร่งในสายตาเขามาตลอด ความจริงแล้วไม่ได้เข้มแข็งอะไรเลย ก็แค่ผู้ชายตัวเล็กๆคนนึงที่ต้องการความรักไม่ต่างกัน

   เขามันโง่เองที่ดูไม่เคยออกคิดแค่ว่าอีกฝ่ายจะทำร้าย ถ้ามันไม่เกิดเรื่องบ้าๆนี่ขึ้นเขาก็คงคิดแบบนี้ทั้งชีวิต เพราะมันคงไม่มีคนที่เกลียดกันคนไหน ยอมทำขนาดนี้เพื่อช่วยอีกคนให้รอด

   รุตนั่งตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่คิดว่าน้องชายจะกอดตัวเอง แขนสองข้างยกขึ้นมาช้าๆและกอดน้องชายอย่างกล้าๆกลัวๆ ไม่แน่ใจว่ามันคือความฝันหรือความจริง แต่สัมผัสที่ได้รับมันทำให้เขากระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น น้ำตาเอ่อล้นและไหลลงมาอาบแก้มไม่ขาดสาย

   "พี่ต่างหากต้องขอโทษ...ขอโทษนะครับ" รุตกอดเลิฟแน่นกว่าเดิมเขาคิดเข้าข้างตัวเองได้ใช่ไหม คิดได้ใช่ไหมว่าน้องไม่ได้เกลียดเขาแล้ว เขาได้น้องชายตัวเองคืนมาแล้วใช่ไหม...

...
...

   "ไปไหนมาวะแล้วเมียมึงล่ะ" ต้าที่มารอปออยู่ที่บ้านถามด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นว่ามีแค่เพื่อนตัวเองที่เดินมา

   "มันไปอยู่เป็นเพื่อนพี่มัน" ปอบอกเซ็งๆแล้วเดินนำต้าไปที่ห้องนั่งเล่น

   "ถึงว่ากูได้กลิ่นเหม็นๆ" ต้ากระตุกยิ้มมุมปากนิดๆแล้วนั่งลงที่โซฟาใกล้ๆปอ

   "เหม็นเหี้ยอะไรของมึง" ปอขมวดคิ้วด้วยความงงเพราะตัวเองไม่ได้กลิ่นอะไร

   "กลิ่นหมาหัวเน่าแถวนี้ไงวะ" ต้าหัวเราะออกมาด้วยความสะใจหลัง จากพูดจบ

   "สัส!!" ปอด่าด้วยความหงุดหงิดเพราะคำพูดต้าค่อนข้างแทงใจดำ เพตั้งแต่เลิฟปรับความเข้าใจกับรุตเจ้าตัวก็ไปอยู่เป็นเพื่อนอีกฝ่ายที่โรง'บาลทุกวัน รักษาตัวจนหายเลิฟก็ยังตามไปอยู่เป็นเพื่อนพี่ชายที่บ้าน ส่วนกับพ่อความ สัมพันธ์ก็ดีขึ้นเรื่อยๆกับแม่เลี้ยงถึงจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแต่ไม่ได้แย่ลง และปอก็ใกล้จะเป็นหมาหัวเน่าแบบที่ต้าว่าเข้าไปทุกที ยังดีหน่อยที่เลิฟยังกลับมานอนบ้านทุกวันแถมเซอร์วิสดีทุกคืน

   "แล้วมึงมีไร" ปอถามต้าเพราะดูแล้วอีกฝ่ายเหมือนมีอะไรจะคุยด้วย

   "เรื่องไอ้แฮค" คำพูดของต้าทำให้ปอขรึมลงทันที

   "มันได้ประกันตัว" ต้าบอกเสียงเครียดพอควรเพราะเดาอารมณ์ปอต่อจากนี้ออก

   "ไหนมึงบอกว่าตำรวจจัดการได้" ปอถามเสียงเข้มโทสะวิ่งขึ้นมาเป็นริ้วๆ

   "เส้นสายทางบ้านมันก็ใหญ่พอๆกับทางเรา..." ต้าพยายามอธิบายอย่างใจเย็นแต่พูดไม่ทันจบปอก็ตะคอกสวนขึ้นมา

   "ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่แม่งเส้นใหญ่หรือพ่อมันใหญ่แค่ไหน แต่มึงบอกให้กูรอเพราะตำรวจจัดการได้แล้วนี่มันเรื่องเหี้ยอะไรวะ!!" ปอตะคอกเสียงดังลั่นด้วยความโมโห

   "กูก็ไม่ได้คิดว่าเรื่องมันจะกลายเป็นแบบนี้" ต้ายังพยายามพูดด้วยความใจเย็นที่สุด

   "ไม่คิดงั้นเหรอถ้ามึงไม่ห้ามกูยิงมันไปแล้ว!!" ปอเดือดดาลอย่างถึงที่สุดเขาไม่น่าเชื่อไอ้ต้าเลยถ้ายิงแม่งให้ตายห่าไปตั้งแต่วันนั้นก็ดีแล้ว

   "มึงจะโทษว่ากูผิดที่ห้ามไม่ให้มึงฆ่าคนเหรอวะ!!" ต้าเองก็ตะคอกกลับด้วยความโมโหเช่นกัน

   "เสียงดังเหี้ยอะไรกัน" ป้องที่เดินผ่านมาเห็นพอดีถามขึ้นเสียงเข้มแต่ทั้งปอและต้าต่างเงียบทั้งคู่

   "มึงเป็นอะไรปอ" ป้องตวัดสายตามามองน้องชายดุๆ

   "ทำไมไอ้แฮคมันหลุดคดี" ปอถามเสียงเรียบพยายามคุมอารมณ์ตัว เองให้นิ่งที่สุด ถ้าการที่ไอ้แฮคได้ประกันตัวมันก็ไม่ต่างจากรอดหรอก

   "ตามที่ไอ้ต้าบอก" ป้องกลับมาพูดด้วยโทนเสียงปกติเมื่อเห็นว่าน้อง ชายกลับมาอารมณ์ปกติแล้ว

   "เหตุผลส้นตีน" ปอมองพี่ชายอย่างไม่เชื่อเขาเองก็พอรู้ว่าไอ้แฮคมันก็ใหญ่พอควร ไม่งั้นระยำระดับมันไม่รอดมาถึงทุกวันนี้หรอก แต่คดีนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆที่จะได้ประกันตัวง่ายๆ ต่อให้เส้นใหญ่แค่ไหนมันต้องมีเหตุผลอย่างอื่นด้วยแน่ๆ

   "ข้อต่อรองมันเยอะกว่าเรา" ป้องนั่งลงบ้างและสบตาน้องนิ่งๆ

   "หมายความว่าไง" ปอถามด้วยความไม่เข้าใจอะไรคือข้อต่อรองมันเยอะกว่า

   "ถ้าเราไม่ยอมจบที่ให้มันเป็นแค่เรื่องทะเลาะวิวาท มันจะซัดทอดไอ้รุตและลากเข้าคุกด้วยกัน" คำตอบของป้องทำเอาปอจุกและพูดไม่ออก หมาย ความว่าเขาทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว เพราะถ้าดันทุรังจะเอาไอ้แฮคเข้าคุกแปลว่าไอ้รุตต้องติดคุกด้วยข้อหาสมรู้ร่วมคิด และไอ้เลิฟมันคงไม่ยอมแน่ๆ

   "พ่อว่าไงบ้าง" ปอถามถึงพ่อที่เป็นทางออกสุดท้ายหวังในใจว่าพ่ออาจจะมีหนทางอะไรบ้าง

   "ทั้งพ่อตามึงทั้งพ่อเห็นตรงกันว่ายอมจบเรื่อง" คำตอบของป้องทำให้ปอยิ่งกว่าหมดแรงมือสองข้างกำเข้าหากันแน่น ความรู้สึกหลายอย่างมันอัดกันแน่นและอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้

   "และอีกเหตุผลที่เราต้องยอมทางนั้นเขาจะแจ้งความมึงกลับข้อหาพยายามฆ่า" ป้องพูดต่อเสียงเรียบ

   "แม่งเอ้ย!!" ปอสบถออกมาด้วยความเจ็บปวดแล้วนั่งเงียบจมอยู่กับความคิดตัวเอง

   "อย่าคิดจะยืมมือฮวงหลงนะปอ" คำพูดที่เหมือนเข้ามานั่งในใจของพี่ชายทำให้ปอเม้มปากตัวเองแน่น เขาเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าไอ้ป้องกับเขา เหมือนกันมากในหลายๆความหมาย ไม่ใช่แค่รูปร่างหน้าตาแต่มันรวมถึงความคิดด้วย

   "ให้มันจบแค่นี้แล้วหยุดความคิดของมึงตอนนี้ซะ มึงรู้ดีว่าถ้ามึงเลือกที่จะก้าวขาเข้าไปชีวิตที่มึงเป็นตอนนี้จะหายไป อย่าทำอะไรที่ทำให้ความพยายามของพ่อที่กันเราออกมาเสียเปล่าเข้าใจที่กูบอกใช่ไหม" ป้องพูดกับปอด้วยน้ำเสียงและท่าทางจริงจังแบบที่น้อยครั้งจะทำ
 
   ทุกวันนี้ทุกคนในครอบครัวได้ชื่อว่าเป็นคนของฮวงหลงก็จริง แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องในเรื่องลึกๆของฮวงหลงมากนัก ที่ได้รับรู้ได้สัมผัสบ้างเพราะในฐานะลูกและหลานเท่านั้น

   ที่ปู่ยังไม่วุ่นวายหรือบังคับอะไรพวกเขาเหมือนบ้านลุง เพราะมันเป็นข้อตกลงระหว่างปู่กับพ่อ ตราบใดที่ทางเราไม่ล้ำเส้นยืมมือของฮวงหลงปู่ก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกเราและเราจะยังอยู่ในสถานะนี้ไปเรื่อยๆ

   เขารู้ว่าน้องชายรู้สึกยังไงถ้าเกิดขึ้นกับคนของเขาบางทีเขาอาจจะทำมากกว่าที่น้องทำด้วยซ้ำ แต่ถ้าตัวเขาหรือน้องเขาเป็นคนล้ำเส้นที่ขีดไว้มันจะเข้าทางปู่ทุกอย่าง เพราะปู่อยากได้ตัวเขากับไอ้ปอไปช่วยงานจะตาย

   "กูรู้แล้ว" ปอลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาหยุดตรงหน้าต้า

   "โทษทีว่ะมึง" ปอตบไหล่ต้าเบาๆ

   "เออ...ไปทำให้หัวมึงเย็นลงก่อนเหอะเมียมึงกลับมาผวาตายห่า เดี๋ยวตอนเย็นกูไปรับให้เอง" ต้าเองก็ตบไหล่เพื่อนกลับเบาๆซึ่งปอก็พยักหน้ารับแล้วเดินออกไป

...
...

   "อ้าวไอ้พี่ต้า...ปออ่ะ" เลิฟถามด้วยความแปลกใจที่เห็นต้าเป็นคนมารับแทนที่จะเป็นปอ

   "มันหนีไปกกชู้ว่ะ" ต้ายักคิ้วให้เลิฟกวนๆเลยโดนอีกฝ่ายค้อนตาคว่ำใส่

   "ปากหมาว่ะเดี๋ยวจะฟ้องพี่โชน" เลิฟเอาชื่อโชนมาขู่ต้าแล้วก็ได้ผลเพราะต้าหน้าเสียไปเลย

   "กูกราบเลยเมียเพื่อนนั่นดุกว่าแม่กูอีกนะ" ต้าโอดครวญออกมาทำหน้าเหมือนจะตายยกมือท่วมหัวไหว้เลิฟ

   "โหยยย ป๊อดว่ะกลัวเมียเหรอวะ" เลิฟหัวเราะคิกคักชอบใจที่แกล้งต้าได้

   "เมียกูมันไม่ได้กลัวผัวเกรงใจผัวแบบมึงนี่หว่า" ต้าแขวะเลิฟกลับไปบ้าง

   "ก็ผัวพี่โชนมันไม่มีปัญญาคุมเมียเอง" เลิฟเองก็แขวะกลับอย่างไม่ยอมแพ้

   "นอกจากผัวมึงกับเมียกูคงไม่มีใครตาบอดเห็นว่ามึงน่ารักแน่ๆ" ต้าส่ายหัวหน่ายๆขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับเลิฟ เปิดประตูหนีขึ้นไปนั่งรอบนรถแทน

   "อ้าว...นั่นพี่กลอนนี่หว่าแกมาทำอะไรแถวนี้" ต้าพึมพำออกมาด้วยความสงสัยที่เห็นรุ่นพี่ตัวเองมาอยู่แถวนี้

   "อ๋อ..เลิฟชวนพี่กลอนมาเที่ยวบ้านเองแหละ" เลิฟไขข้อข้องใจให้ต้า เพราะเขาตั้งใจจะให้พี่กลอนมาเป็นเพื่อนกับพี่ชายตัวเอง เหตุผลเพราะพี่กลอนแกเป็นคนอัธยาศัยดี ใจเย็น น่าจะอยู่กับพี่รุตได้แบบไม่อึดอัด

   "อ้อ" ต้าพยักหน้ารับรู้แล้วขับรถพาเลิฟกลับ

   พอลงจากรถเลิฟก็ตรงดิ่งไปทางสนามซ้อมยิงปืนตามที่ต้าบอก เดินมาถึงก็เห็นปอตั้งหน้าตั้งตาซ้อมยิงปืนอยู่ ขยับเข้าไปใกล้ๆก็ต้องตะลึงกับสิ่งที่เห็น

   "โหหหห แม่นขนาดนี้ไปลงแข่งทีมชาติเหอะ" เลิฟส่งเสียงชมออกมาจ้องไปที่เป้ากระดาษไม่วางตา บนเป้ามีรอยกระสุนอยู่แค่จุดๆเดียวคือส่วนหัว แต่จำนวนปลอกกระสุนปืนที่กองอยู่บนพื้น มันทำให้เดาได้ไม่ยากเลยว่าทุกนัดที่ยิงเข้าไปที่จุดเดียวหมด

   "กูยิงปืนตั้งแต่สี่ชวบแล้วนี่ถึงนานรึยัง" ปอวางปืนในมือลงแล้วหันมาสนใจเลิฟแทน

   "มาเมื่อเห็นเนี่ยแหละ" เลิฟยักคิ้วตอบปอกวนๆ

   "หึ มานี่มา" ปอหัวเราะในคอเล็กน้อยก่อนจะกวักมือเรียกเลิฟให้เข้ามาหา

   "ไรอ่ะ" เลิฟทำหน้างงใส่ปอแต่ก็ยอมเดินเข้าไปหาง่ายๆ

   "มายืนนี่" ปอดึงเลิฟไปยืนแทนที่ตัวเองแล้วย้ายมายืนซ้อนด้านหลังแทน

   "กูจะสอนมึงยิงปืน" ปอหยิบปืนขึ้นมาแล้วยื่นให้เลิฟถือไว้

   "ทำไมต้องหัดยิงอ่ะทำเหมือนเลิฟเป็นเมียเจ้าพ่อเลย" เลิฟถามขำๆไม่ได้คิดอะไรแต่ปอถึงกับชะงักไปเล็กน้อย
   "แล้วถ้าผัวมึงเป็นเจ้าพ่อจริงๆล่ะ" ปอถามเสียงเรียบ

   "ฮ่าๆก็ต้องเลยตามเลยแล้วล่ะกลับตัวตอนนี้คงไม่ทัน จะเป็นเจ้าพ่อ เป็นตำรวจ เป็นโจร ทำได้แค่ยอมรับแหละก็รักไปแล้วนิ" เลิฟหันมายิ้มกว้างให้ปอ

   "จำคำมึงไว้ให้ดีๆนะ" ปอว่ายิ้มๆ

   "อือ...แต่หัดไว้ก็ดีนะจะได้ยิงคนแถวนี่เวลาเจ้าชู้" เลิฟทำเสียงขู่ปอ

   "ยิงให้มันเข้าเป้าก่อนไหมค่อยโม้ถ้ามึงยิงแม่นกูหาปืนให้พกเลย"

   "โหยย ดูถูกว่ะปอ" เลิฟถลึงตาใส่ปอแล้วทำปากยื่นออกมาอย่างงอนๆ ปอเลยก้มลงกัดปากแดงๆนั่นอย่างหมันเขี้ยวพร้อมกดจูบลงไปแรงๆอีกที

   "อื้อ...มาหัดเลยมาเดี๋ยวอึ้ง" เลิฟดันหน้าปอออกจากตัวเอง ถือปืนเล็งไปที่เป้าด้วยสายตามุ่งมั่นจนปอได้แต่ยิ้มขำ

   แล้วปอก็ได้อึ้งอย่างที่เลิฟบอกจริงๆเพราะหมดกระสุนไปเกือบร้อยนัด เป้าที่ใช้ซ้อมยิงสะอาดเอี่ยมเหมือนทีแรกทุกอย่าง บางทีเขาคงคิดผิดที่จะให้เมียยิงปืน



2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 57 (21/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 21-02-2016 15:10:29
กับดักที่
- 57 -
   


   ปอควานมือไปมารอบๆที่นอนเพื่อหาคนแต่สิ่งที่สัมผัสได้คือความว่างเปล่าและความเย็นของผ้า ปอลืมตาตื่นทันทีแล้วลุกขึ้นนั่งพร้อมใช้สายตามองไปรอบๆห้อง ก่อนจะคว้าเอากางเกงนอนที่ข้างเตียงมาใส่เดินเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าแปรงฟันให้ตัวเองสดชื่น

   เสียงของเครื่องเรือนที่ดังกระทบกันให้ได้ยินแว่วๆ ทำให้ปอเปลี่ยนเป้าหมายจากสวนหน้าบ้านเป็นห้องครัวแทน เดินมาถึงก็เห็นคนตัวเล็กยืนฮัมเพลงทำอาหารอยู่หน้าเตา ในสภาพสวมเสื้อเชิ้ตตัวเดียวโชว์ขาเรียวขาวอยู่

   ฟอดดดดด

   "ทำอะไรกิน" ปอโอบเอวบางไว้แล้วก้มถามชิดแก้มเนียน

   "ฟอดดดด ข้าวต้มกุ้งชิมป่ะ" เลิฟหันกลับมาหอมแก้มปอคืนพร้อมกับตักข้าวต้มในหม้อเป่าไล่ความร้อนให้ แล้วยื่นให้ปอชิมซึ่งเจ้าตัวก็อ้าปากรับแต่โดยดี

   "อร่อย" ปอเอ่ยปากชมจนเลิฟยิ้มกว้างอย่างดีใจ

   "เสร็จรึยัง" ปอถามและชะโงกหน้าไปดูหม้อข้าวต้มที่กำลังเดือดอยู่

   "เสร็จละหิวแล้วดิ" เลิฟเอื้อมมือไปปิดเตาแก๊สกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบชามก็ถูกพลิกตัวกลับกระทันหัน

   "อื้อ" เลิฟส่งเสียงประท้วงในลำคอเล็กน้อยเนื่องจากถูกจูบแบบไม่ทันตั้งตัว

   "แฮ่กๆๆ เล่นไรเนี่ย" เลิฟสูดอากาศหายใจเข้าปอดทันทีที่ปากได้รับอิสระใบหน้าแดงก่ำมองค้อนปอตาคว่ำ

   "เอาจริง" ปอพูดเสียงหื่นขบเม้มปากอิ่มของเลิฟเล่น

   "ไหนบอกหิว" เลิฟทำตาโตใส่ปอพึ่งตื่นมาทำไมหื่นได้ล่ะ

   "กำลังจะกินนี่ไง" ปอใช้ปลายจมูกซุกไซร้ลงมาตามซอกคอระหงสลับกับดูดเม้มจนขึ้นรอยแดงจ้ำ มือก็ปลดกระดุมเสื้อไปด้วยอีกข้างก็ล้วงเข้าไปในเสื้อทางด้านหลัง

   "ปออออ หื่นอะไรแต่เช้าเนี่ย" เลิฟพยายามดึงหัวปอออกจากซอกคอตัวเอง

   "หืม...ข้างล่างไม่ใส่อะไรแบบนี้มึงยั่วชัดๆ" ปอบ่นงึมงำวกขึ้นมากัดใบหูเล็กเบาๆ มือหนาบีบเค้นที่สะโพกนุ่มนิ่มปลายนิ้วลูบวนช่องทางรักไปมา ก่อนจะดันนิ้วเรียวเข้าไปช้าๆด้านในตัวเลิฟเองก็ตอดรัดนิ้วร้อนเบาๆ

   "อื้อ...ปะ ปอห้องครัว" เลิฟเอ่ยปากห้ามเสียงสั่นเพราะยังนึกขึ้นได้ว่าตัวเองอยู่ในครัว

   "อายอะไรที่รักสระหน้าบ้านก็ลองมาแล้ว" คำพูดของปอทำเอาเลิฟหน้าแดงแปร้ดเพราะความอาย ตอนนั้นอารมณ์มันพาไปนิแล้วดูเหมือนตอนนี้อารมณ์กำลังจะพาไปอีกรอบ

   ปึ่ก!!

   "โอ๊ย!!" เขินจนทำอะไรไม่ได้เลยทุบลงบนอกของอีกฝ่ายเต็มแรง แล้วก็ต้องร้องเสียงหลงเพราะปอกัดลงบนยอดอกจนขึ้นรอยฟัน ลิ้นร้อนเลียวนไปรอบๆอ้างับดูดดึงจนแข็งเป็นไต นิ้วมือซุกซนด้านล่างก็ขยับเข้าออกอยู่แบบนั้น

   ปออุ้มเลิฟขึ้นแล้ววางลงบนโต๊ะไม้ตัวใหญ่กลางห้องครัว ยืนมองเลิฟที่นอนตัวอ่อนระทวยด้วยแววตาหื่นกระหายแบบไม่ปิดบัง ยิ่งแววตากลมโตที่ปรือขึ้นมามองกับปากแดงๆที่เจ้าตัวกัดไว้ มันชวนกระตุ้นอารมณ์ดิบให้เพิ่มมากขึ้น

   ปอแหวกสาบเสื้อออกกว้างจนเห็นแผ่นอกเนียนและยอดอกสีชมพูสวย มองไปที่คนตัวเล็กด้วยสายตาโลมเลียจนเลิฟต้องกลืนน้ำลายลงคอเสียงดัง แล้วส่งลิ้นออกมาเลียรอบริมฝีปากตัวเองอย่างลืมตัว

   ปอที่มองการกระทำของเลิฟก็ยิ่งเพิ่มความร้อนรุ่ม ไม่รู้ว่าจงใจหรือทำมันแบบไม่รู้ตัวแต่ไอ้ท่าทางแบบนี้มันยั่วกันดีๆนี่เอง ปอโน้มตัวลงประกบจูบอีกฝ่ายด้วยความรุนแรงส่งลิ้นเข้าไปในโพร่งปากนุ่ม ไล่เลียสำรวจไปตามไรฟันที่เรียงตัวสวยก่อนจะกวาดต้อนลิ้นเล็กไปทั่วแล้วเกี่ยวกระหวัดดูดดึงหยอกล้อไปมา

   มือเล็กของเลิฟขยุ้มเส้นผมของปอไว้แน่นลำตัวแอ่นขึ้นเล็กน้อย บดเบียดเสียดสีไปมากับแผ่นอกกว้าง จนยอดอกของตัวเองถูไถไปมากับอีกฝ่าย สัมผัสได้ถึงอุณหภูมิของร่างกายที่กำลังพุ่งขึ้นสูง

   ปอผละริมฝีปากตัวเองออกมาแล้วเลื่อนมาจูบที่ข้างแก้ม ไล่ลงมาที่ซอกคอเลื่อนต่ำลงมาเรื่อยๆจนถึงยอดอกทั้งสองข้าง แล้วอ้าปากงับลงไปดูดดึงหยอกล้อส่วนอีกข้างก็ใช้มือสะกิดเขี่ยบีบขยี้แรงๆจนจุกนมบวมแดงขึ้นมาเล็ก น้อย จากนั้นก็สับเปลี่ยนหยอกล้อไปมาจนมันแข็งขึ้นเป็นไต

   “อ๊ะ...อ๊าาาา...อื้อ” เลิฟรู้สึกเจ็บที่ยอดอกทั้งสองข้างไม่น้อย แต่มันเป็นความเจ็บปนเสียวจนต้องหลุดเสียงครางออกมา หน้าท้องหดเกร็งทันทีเมื่อปอลากลิ้นไล่ลงไปแล้วยังเลียวนไปทั่วสะดือ

   ปอจับขาของเลิฟขึ้นตั้งฉากแล้วแยกมันออกเล็กน้อย ครอบปากลงบนส่วนอ่อนไหวกลางลำตัวแล้วขยับรูดรั้งช้าๆ ใช้ปลายลิ้นไล่ตั้งแต่ฐานถึงส่วนปลายเลียวนจนมีน้ำใสๆซึมออกมา ปอผละใบหน้าตัวเองออกมาเล็กน้อยดันขาของเลิฟไปข้างหน้าจนสะโพกบางลอยขึ้นจากโต๊ะ เผยให้เห็นช่องทางรักสีสวยที่กำลังขมิบถี่ๆเหมือนรอคอยอะไรบางอย่าง ปอจัดการก้มลงละเลงลิ้นที่ส่วนนั้นทันทีอย่างไม่รอช้า

   “อึก...อ๊ะ...อ๊าาาา” เสียงหวานครางออกมาเป็นระยะเพราะความเสียวซ่าน มือเล็กดึงทึ้งเส้นผมของปอจนแทบจะหลุดออกมา ช่องทางรักขมิบถี่รัวยิ่งปลายลิ้นร้อนของอีกฝ่ายที่แยงเข้ามา ด้านในของเลิฟยิ่งตอดรัดมากกว่า เดิมจนลิ้นของปอขยับไม่ถนัดแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก เพราะความชำนาญของคนตัวโตลิ้นร้อนเลยยังขยับพริ้วไหว จนสะโพกบางส่ายรับเป็นจังหวะ

   ปอดึงตัวเองออกมาแล้วเดินไปหยิบเอาน้ำมันมะกอกมาเพื่อใช้แทนเจลล่อลื่น เทชโลมลงไปทั่วนิ้วของตัวเองแล้วดันมันเข้าไปที่ช่องทางด้านหลัง ปากก็ยื่นไปประกบจูบแลกลิ้นอย่างดุเดือดกับคนตัวเล็ก นิ้วมือด้านล่างขยับเข้าออกเป็นจังหวะก่อนจะเพิ่มจำนวนเข้าไป จนมั่นใจว่ามันคลายตัวมากพอปอก็จัดการดึงนิ้วทั้งหมดออกมา พร้อมกับดึงตัวเลิฟให้ลงมายืนที่พื้นด้านล่างพลิกตัวอีกฝ่ายให้คว่ำหน้าเข้าหาโต๊ะ จับสะโพกบางให้โก่งขึ้นเล็กน้อยแล้วดันแก่นกายที่ชโลมด้วยน้ำมันเข้าไปจนมิดด้าม

   “อ๊าาาาาาาา” เลิฟครางเสียงดังเพราะแรงเสียดสีจากด้านหลังมันเจ็บและจุกแต่เสียวแทบขาดใจ ปากอิ่มสั่นระริกช่องทางหลังตอดรัดแก่นกายใหญ่ โตจนมันปวดหนึบไปหมด ปอแช่ตัวเองทิ้งไว้สักพักก่อนจะออกมาจนเกือบสุดความยาวแล้วดันกับเข้าไปแรงๆ ขยับเข้าออกช้าๆแต่เน้นหนักในทุกจังหวะ

   เอี๊ยด! เอี๊ยด!

   “อ๊ะๆๆๆ อ๊าาาาาา” เสียงครางดังระงมเพราะจังหวะรักที่เชื่องช้าในทีแรกกำลังเปลี่ยนเป็นรัวเร็ว ใบหน้าหวานส่ายสะบัดไปมาเพราะความสุขสมที่ได้รับ ตัวของเลิฟสั่นคลอนไปหมดเพราะแรงกระแทกที่ใส่เข้ามาไม่ยั้ง โต๊ะไม้ตัวใหญ่ที่ถูกใช้เป็นฐานรองรับน้ำหนักเองก็ไม่ต่างกัน มันโยกไหวเสียดสีกับพื้นดังลั่นเอี๊ยดอ๊าด

   “อ๊าาาาาา” ไม่นานเลิฟก็ปลดปล่อยตัวเองออกมาจนเลอะไปทั่ว ปอจับขาของเลิฟยกขึ้นข้างนึงท่าทางนี้ยิ่งทำให้เขาเข้าไปได้ลึกกว่าเดิม จัดการอัดสะโพกเข้าออกรัวเร็วและแรงจนในที่สุดก็ปลดปล่อยตามเลิฟไปติดๆ ฉีดพ่นความอุ่นร้อนเข้าไปจนเต็มช่องทางรัก

   ปอโน้มตัวจูบซับไปทั่วแผ่นหลังเนียนแล้วดึงใบหน้าของคนตัวเล็กให้หันมาจูบ ก่อนจะถอนแก่นกายตัวเองออกช้าๆจนเลิฟเบ้หน้าออกมาเล็กน้อยเพราะความแสบ มีน้ำรักสีขาวขุ่นไหลย้อนออกมาเปรอะเปื้อนขาเรียวเล็กน้อย

   “กินข้าวไหมวะ” ปอจับตัวเลิฟพลิกกลับมาพร้อมยิ้มกวนๆ

   “กวนตีน” เลิฟขมุบขมิบปากด่าด้วยความหมั่นไส้ คนนอกอาจจะมองว่าปอเป็นคนนิ่งๆเย็นชาดูเป็นพวกไร้อารมณ์ แต่ได้ลองมาอยู่ด้วยกันเหมือนเขาจะรู้เลยว่าไอ้ภายนอกที่เห็นน่ะ มันใช้กลบเกลื่อนความกวนตีนที่เจ้าตัวมีล้วนๆนับวันยิ่งเห็นชัดขึ้นแล้วเป็นคนที่กวนได้หน้าตายสุดๆ จนบางครั้งอยากเอามีดฟันหน้าหล่อๆทิ้ง (ถ้าไม่ติดว่าเสียดาย)

   “งั้นไปอาบน้ำ” ปอจัดการอุ้มคนตัวเล็กขึ้น

   “ไม่ต่อนะปอต้องไปเรียน” เลิฟเอ่ยปากห้ามเสียงเบาก้มหน้างุดด้วยความเขิน

   “เออๆไม่ต่อ” ปอเองก็รับคำแล้วพาอีกคนไปอาบน้ำ ส่วนหม้อข้ามต้มกุ้งที่เลิฟแหกขี้ตาตื่นขึ้นมาทำแต่เช้าก็คงเป็นหมันไปตามระเบียบ

...
...
   
   เลิฟก้าวขาลงจากรถในสภาพค่อนข้างทุลักทุเล ใบหน้าหวานเบ้เล็กน้อยเพราะความเสียดทางด้านหลัง เรียกว่ากว่าจะเอาตัวเองออกจากรถให้มายืนดีๆได้ก็เกือบตาย แถมไอ้ตัวต้นเหตุยังไม่มีท่าทีจะสนใจหรือคิดจะเหลียวแลเลยสักนิด เดินตัวปลิวนำหน้าเข้าคณะไปนู้นแล้ว

   "ยืนนิ่งทำไมไม่เข้าเรียนรึไง" ปอที่เดินนำออกมาได้สักพักแต่ไม่เห็นอีกคนเดินมาด้วย เลยหยุดแล้วหันหลังกลับไปมองเจออีกฝ่ายกำลังหน้างอมองเขาอยู่

   "........." เลิฟไม่ตอบอะไรยืนหน้าบึ้งอยู่แบบนั้นด้วยความเคือง

   "นี่มึงกำลังงอนกูอีกแล้วใช่ไหม" ปอเดินกลับมายืนตรงหน้าเลิฟ ซึ่งเจ้าตัวก็ยังคงเงียบแยกเขี้ยวใส่ปอแล้วสะบัดหน้าหนีคอแทบหัก

   ปอหรี่ตามองเล็กน้อยแล้วตัดสินใจอุ้มเลิฟขึ้นพาดบ่า ออกเดินตรงไปที่ห้องเรียนไม่สนสายตาทุกคนที่มองอย่างสนใจ ส่วนเลิฟก็ได้แต่ดิ้นขลุกขลักไปมาเพื่อให้ปอปล่อยตัว

   "โอ๊ย!!! อะไรของมึง" ปอหลุดเสียงร้องออกมาเพราะโดนเลิฟทุบลงที่กลางหลังเต็มแรง

   "ปล่อยอายคน" เลิฟพึมพำที่ข้างหูก้มหน้าฝังลงกับไหล่ ปอเหลือบมองนิดๆก็เห็นว่าใบหูของอีกฝ่ายแดงไปหมด เลยยอมปล่อยคนตัวเล็กให้ลงมายืนที่พื้น

   "งั้นมึงก็เดินเองดีๆ" ปอว่าเสียงเรียบเลิฟเลยมองค้อนสะบัดหน้าหนีตามสเต็ปเดิมเมื่อกี้เป๊ะๆ

   ปอส่ายหน้าหน่ายๆกับความงอนที่ชอบมาได้ตลอดเวลาของเลิฟ ยิ่งอยู่กันไปยิ่งงอแงแสนงอนขึ้นทุกวันบางทีก็พ่วงความงี่เง่า ถ้าไม่ติดว่ารักกันไปแล้วเขาคงตบอีกฝ่ายคอหลุด

   "หวัดดีพี่ปอแล้วนี่มึงงอนเหี้ยอะไรวะ" พีททักทายปอแล้วหันมามองเพื่อนตัวเองที่ยืนหน้างออยู่ ไม่รู้มันงอนอะไรพี่ปออีกขี้เกียจจะเดาเพราะไอ้เลิฟมันสามารถงอนได้ทุกเรื่องทุกเวลา นับวันยิ่งแต๋วแตกสาวน้อยเข้าไปทุกทีถ้ามันไม่ได้หน้าตาน่ารักแบบนี้นะ บอกเลยว่าไอ้ที่ทำอ่ะโคตรน่าเกลียด

   ทุกวันนี้ไอ้เลิฟโคตรจะงี่เง่าจนเขาที่เป็นเพื่อนยังต้องส่ายหัว แต่จะโทษใครได้ก็พี่ปอตามใจเพื่อนเขาซะขนาดนั้น ชนิดที่ทำให้พวกเขาลืมไปเลยว่าตอนแรกคู่นี่กัดกันแทบตาย แถมขยันหวานออกสื่อให้คนอิจฉาตาร้อนได้ตลอด คู่รักคนดังของมหา'ลัยเลยล่ะ

   "กูไม่ได้งอน" เลิฟหันมาเหวี่ยงพีทที่ดูเข้าข้างปอ เขาไม่ได้งอนนะไม่ได้เป็นอะไรเลยสักนิดเหอะ

   "เออๆงั้นก็ไปเรียนอย่ามายืนรอให้ผัวง้อ" พีทส่ายหัวด้วยความรำคาญแล้วกระชากเลิฟให้เดินไปเรียน

   "โอ๊ย!! ไอ้เหี้ยพีทอย่าลากดิวะแม่ง!! กูเจ็บ" เลิฟโวยวายดังลั่นไปตลอดทาง แต่พีทก็ไม่ได้สนใจยังคงตั้งหน้าตั้งตาลากแขนเพื่อนต่อไป

   ปอยืนมองเลิฟจนลับสายตาแล้วถึงเดินไปเรียนคลาสของตัวเองบ้าง ระหว่างทางก็มีรุ่นน้องเข้ามาทักทายเป็นระยะ ตอนนี้เขาเรียนอยู่ชั้นปีที่ 2 และอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าก็จะขึ้นปี 3 ชีวิตช่วงนี้ของเขาก็เรื่อยๆไม่มีเหตุการณ์อะไรพิเศษเกิดขึ้น มาเรียน ช่วยงานที่ผับ พาไอ้เลิฟเที่ยว เรียกได้ว่าวนเวียนกันอยู่แค่นั้น

   ถ้าจะมีเรื่องอะไรทำให้เขาประสาทเสียบ้างก็มีแค่เรื่องเดียว คือเรื่องที่มีไอ้พวกไม่กลัวตายจ้องจะแดกเมียเขาและมีมาได้ตลอดไม่ขาด ทั้งที่ในมหา’ลัยมีผู้หญิงสวยๆให้เกลื่อนเสือกไม่ยุ่งกัน ขยันมาวุ่นวายกับไอ้เลิฟที่เป็นผู้ชายเนี่ยแหละ

   ส่วนไอ้แฮคตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งนั้นก็ไม่มีใครเห็นมันอีกเลย มันหายตัวไปแบบไร้ร่องรอยเหมือนไม่มีตัวตน จนมารู้กันทีหลังว่ามันถูกส่งให้ไปอยู่เมืองนอกเพื่อไม่ให้ก่อปัญหาเพิ่ม ซึ่งเขาก็โล่งอกไปในระดับนึงแต่ไม่ได้วางใจทั้ง หมดเพราะไม่รู้ว่ามันจะกลับมาแก้แค้นรึเปล่า  คิดอะไรเรื่อยเปื่อยก็เดินมาถึงห้องเรียนพอดี ปอเลยต้องหยุดความคิดตัวเองไว้แค่นั้นแล้วเดินเข้าห้องเรียนไป

...
...
   
   “แล้วมึงคิดดูนะกูอ่ะอุตส่าห์แหกขี้ตามาทำข้าวให้แดก แม่ง!!!” เลิฟบ่นงึมงำหน้างอง้ำอย่างใส่อารมณ์ ตอนแรกก็อายไม่ได้อยากจะเล่าเรื่องในมุ้งแต่พอโดนบังคับให้เล่า เขาเลยเล่ายาวเพราะไหนๆก็ได้อายกันแล้วถือเป็นการระบายอารมณ์ไปในตัว

   “อย่ามาอวดผัวให้กูฟังค่ะอีเลิฟเดี๋ยวตบ” โดมนั่งมองเพื่อนตัวเองบ่นแฟนด้วยความอิจฉา
 
   “กูอวดตรงไหนนี่กูกำลังด่านะแล้วมึงเรื่องใครอีกูเป็นผู้ชาย” เลิฟถลึงตาใส่โดมดุๆ ตอนนี้พ่อหนุ่มโดมเดือนคณะสุดหล่อกลายเป็นเจ้โดมมี่เต็มตัวแล้วเพราะตัดสินใจบอกกับที่บ้านเรื่องตัวเอง กลายเป็นว่าทางบ้านไม่ได้ตกใจอะไรเนื่องจากเขารู้กันมานานแล้ว สรุปคือแอ๊บแมนฟรีๆพอเปิดเทอมมาเลยจัดเต็มช็อคตาตั้งกันทั้งมหา’ลัย

   “ค่ะ!! ผู้ชายที่มีผัวเป็นตัวเป็นตนแถมหาได้ดีกว่าเก้งกวางบ่างชะนีแถวนี้ ที่สำคัญมึงกำลังอวดผัวตัวเองค่ะไม่ได้ด่า” โดมจีมปากจีบคอด่าเลิฟด้วยความหมั่นไส้เอื้อมมือไปจิ้มหน้าผากแรงๆอีกที

   “กูอวดอะไร” เลิฟเถียงกลับไม่ยอมแพ้คนด่าอยู่ชัดๆมาหาว่าอวดอีก

   “ก็ที่กูฟังมาเนี่ยมึงกำลังบอกกูว่าผัวมึงรักมึงมากหลงมึงมากชัดๆ” โดมจิ้มหน้าผากเลิฟแรงๆอีกครั้งเพราะความหมั่นไส้และอิจฉา ไม่รู้ว่าเพื่อนหน้าหวานตัวเองทำบุญด้วยอะไรถึงได้เทพบุตรเดินดินมาเป็นผัว

   “ชิส์...ว่าแต่ทำไมคนมองกูจังวะ” เลิฟที่รู้ว่าตัวเองเถียงไม่ชนะก็เริ่มสนใจคนรอบข้าง จริงๆก็สังเกตุมาสักพักแล้วว่าตัวเองโดนมองแถมแต่ละคนมองแล้วส่งยิ้มให้นิดๆทำเอางงไปพอควร

   “เออว่ะกูก็พึ่งสังเกตุ” โดมที่เห็นเพื่อนถามก็เลยมองไปรอบๆบ้าง

   “ช่างเถอะคงตะลึงกับความสวยกูว่าแต่อีพีทไปไหน” โดมถามหาเพื่อนอีกคนเพราะเห็นหายไปนานตั้งแต่เลิกคลาส เอาเลิฟมาทิ้งไว้แล้วเจ้าตัวก็หายไปเลย

   “หาผัว” เลิฟก็ตอบไปงั้นไม่รู้หรอกว่าเพื่อนไปหาพี่อาร์ตจริงไหม แต่ปกติถ้าหายหัวไปนานๆแบบนี้ก็ไปหาพี่เขานั่นแหละ

   “กูเบื่อพวกได้ผัวหล่ออย่าให้กูมี” โดมบ่นกระปอดกระแปดค้อนลมค้อนแล้งไปเรื่อย เลิฟเลยได้แต่มองแล้วส่ายหัวหน่ายๆมือก็หยิบผลไม้เข้าปากเรื่อยๆ ไม่อยากจะขัดความฝันเพื่อนแต่บางทีก็อยากจะบอกมันว่า มันคงหาผัวที่หล่อกว่าตัวเองยากหน้าแบบมันหาเมียจะรุ่งกว่า

   “พี่เลิฟฟฟฟฟฟ” เสียงเรียกที่ดังมาจากด้านหลังพร้อมกับคนที่วิ่งถลาเข้ามานั่งข้างๆ ทำเอาเลิฟตกใจไม่น้อยแต่พอตั้งสติแล้วมองดีๆถึงรู้ว่าเป็นน้องรหัสปอ

   “ว่าไงเมนี่” เลิฟทักทายรุ่นน้องพร้อมรอยยิ้ม

   “น้องอิจอ่ะบอกเลยหาแบบพี่ปอให้น้องบ้าง” เมนี่น้องรหัสหน้าหมวยตัวเล็กของปอที่อยากผันตัวเป็นน้องรหัสเลิฟใจจะขาด นั่งหน้าแดงบิดซ้ายบิดขวาด้วยความเขินที่ไม่รู้ว่าเขินอะไร

   “นี่ใจเย็นๆค่ะชะนีน้อยหอยสังข์มีอะไรคะ” เป็นโดมที่ถามขึ้นมาแทนเพราะงงกับพฤติกรรมของรุ่นน้อง

   “อ้าว...นี่เจ้โดมมี่ไม่รู้เหรองั้นพี่เลิฟก็ยังไม่เห็นอ่ะดิ” เมนี่หันมาถามด้วยความแปลกใจ

   “เห็นอะไร” เลิฟเองก็แปลกใจพ่วงความสงสัยเข้าไปด้วย

   “นี่ไง” เมนี่รีบควักเอาโทรศัพท์ตัวเองออกมาแล้วกดอยู่สองสามทีก่อนจะยื่นให้เลิฟดู พอเจ้าตัวเห็นสิ่งที่อยู่ในจอก็นั่งหน้าแดงแปร้ดนิ่งเงียบ ทำเอาโดมร้อนใจเพราะความอยากรู้กระชากโทรศัพท์ของเมนี่มาดูบ้าง

   “กรี๊ดดดดดดด อีเลิฟกูอิจค่ะอิจแรง!!!” ทันทีที่เห็นโดมก็กรี๊ดออกมาดังลั่นมองเลิฟด้วยไฟอิจฉาที่ลุกท่วม

   “ใช่มะเจ้น้องอยากด้ายยยยย” เมนี่หันไปกรี๊ดผสมโรงกับโดมอีกเสียงจนเลิฟยิ่งก้มหน้าหงุดเพราะความเขิน นี่ละมั้งที่เป็นสาเหตุทำให้คนมองเขาจนจะทะลุ

   สิ่งที่ทำให้โดมกรีดร้องออกมาก็ไม่มีอะไรมากเป็นแค่ภาพๆนึงจากไอจีพ่อหนุ่มฮ็อตนามว่าปอ ที่เจ้าตัวพึ่งเปิดเป็นสาธารณะให้คนตามได้ง่ายเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของเมีย ภาพที่ว่าคือถาพเจ้าตัวถ่ายรูปคนรักทีเผลอเหมือนทุกครั้งแล้วก็แท็กหาคนในภาพเป็นปกติ แต่มันพิเศษตรงที่ภาพๆนี้คนถูกถ่ายอยู่ในสภาพนอนตะแคงข้างมีมือของใครอีกคนแนบแก้ม ห่มผ้าในสภาพหมิ่นเหม่มีรอยแดงจ้ำกระจายเป็นจุดๆ ที่เด็ดสุดคงจะเป็นรอยสักคำว่า ‘POR’ บนอกข้างซ้าย พร้อมแคปชั่นเก๋ๆว่า ‘My Everything’

   “กูขอถามค่ะมึงทำบุญด้วยอะไรถึงได้แบบนี้ กูจะไปทำบ้างชาตินี้ไม่ได้เผื่อชาติหน้ากูจะได้” โดมยังคงกรีดร้องด้วยความอิจฉาที่ไม่น่าจะหมดลงง่ายๆ เพราะเพื่อนเธอกับพี่ปอขยันหวานออกสื่อกันประจำ ยิ่งเวลาอยู่ด้วยกันนี่สร้างโลกส่วนตัวกันเลยทีเดียว

   “นี่พี่เลิฟรู้มะเขาคุยกันให้ทั่วมอแต่ละคนอิจฉาพี่กันทั้งนั้น” เมนี่หันมาบอกเลิฟด้วยใบหน้าเคลิ้มฝัน สิ่งที่เธอพูดไม่ได้เกินจริงเลยเพราะตอนนี้หัวข้อหลักในการเมาท์ก็เป็นเรื่องภาพนี้แหละ ด้วยความที่ทั้งคู่จัดว่าเป็นคนดังของมหา’ลัยเลยมีพวกที่ติดตามชีวิตเยอะ

   “เลิกพูดได้แล้วน่าาาา” เลิฟเกาท้ายทอยตัวเองเบาๆแก้เขินใบหน้าแดงซ่านไปหมด

   “หูยยยย ดูดิเขินซะน่ารักถึงว่าพี่ปอโคตรหลง” เมนี่พูดด้วยความชื่นชมเพราะเจ้าตัวชอบเลิฟมาก ยิ่งรู้ว่าเป็นแฟนพี่รหัสตัวเองเจ้าตัวยิ่งปลื้มเข้าไปใหญ่

   “เลิฟ” เสียงเรียกที่ดังขึ้นกระทันหันทำให้เลิฟเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนเจ้าตัวจะตาเบิกกว้างด้วยความตกใจลุกขึ้นยืนอัตโนมัติ ลืมความอายทั้งหมดที่มีทันทีเมื่อเจอคนที่ไม่คาดฝัน

   ระหว่างที่เลิฟกำลังตะลึงอยู่นั้นก็มีแรงปะทะเข้ามา พร้อมกับแขนสองข้างที่โอบกอดเขาแน่น แผ่นอกของตัวเองสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้น

   “แยม” เลิฟครางออกมาสมองมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่เจ้าตัวจะยกมือขึ้นลูบแผ่นหลังบอบบางของหญิงสาวเบาๆเพื่อปลอบ แต่ความตกใจของเลิฟยังไม่จบอยู่แค่นั้นเมื่อใครบางคนที่เขานั่งรออยู่เดินมาถึงพอดี

   “ฉิบหายแล้วเลิฟพ่อมึงมา” โดมที่งงๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอุทานออกมาเสียงดัง

   เลิฟยืนสบตากับปอที่จ้องมาที่ตัวเองเขม็งอย่างทำอะไรไม่ถูกกลืนน้ำลายลงคอเสียงดัง รู้สึกเหมือนคอตัวเองแห้งผากบรรยากาศมันร้อนอบอ้าวแต่กลับรู้สึกเย็นยะเยือกแถวแผ่นหลังและต้นคอ

   ‘ช่วยบอกเขาที่ว่าตอนนี้ระหว่างหน้าเขากับกระดาษอะไรมันซีดกว่ากัน’




2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 58 (21/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 21-02-2016 15:16:14
กับดักที่
- 58 -


   
   “อะ...กินน้ำเย็นๆก่อนจะได้สดชื่น” เลิฟยื่นขวดน้ำในมือให้คนตรง หน้าแล้วนั่งลงข้างๆ เขาพาแยมแยกตัวออกมาที่หลังคณะและยังไม่ได้อธิบายอะไรกับปอสักคำ แต่เห็นว่าไอ้กั้มที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนกระซิบบอกอะไรบางอย่างกับอีกฝ่าย เจ้าตัวเลยเหลือบมองเขาเล็กน้อยแล้วเดินหันหลังออกไป เห็นแบบนั้นเขาก็แอบใจหายเหมือนกันแต่คิดว่าปอคงไม่ได้โกรธมาก อาจจะแค่เคืองเพราะไม่อย่างนั้นเจ้าตัวคงมาลากเขาไปด้วยแล้ว

   “ขอบใจนะ” แยมยื่นมือมารับขวดน้ำแล้วส่งยิ้มบางๆให้เลิฟ

   “แล้วนี่ร้องไห้ทำไมดูดิหน้าเปื้อนหมดแล้ว” เลิฟเช็ดน้ำตาที่ยังเหลืออยู่บนหน้าให้อีกฝ่ายอย่างเบามือ

   “ฮ่าๆก็มันดีใจที่ได้เจอเลิฟนิ” แยมหัวเราะน้อยๆพร้อมรอยยิ้มสดใส เลิฟที่นั่งมองก็อดยิ้มตามไม่ได้ยกมือขึ้นลูบหัวอีกฝ่ายเหมือนที่เคยทำในอดีต

   “แยมไม่เปลี่ยนไปเลยนะ” เลิฟส่งยิ้มให้ด้วยความหมองเศร้ามองรอยยิ้มของอีกฝ่ายแล้วสะท้อนใจ รอยยิ้มนี้เคยเป็นรอยยิ้มที่ทำให้เขาตกหลุมรัก รอยยิ้มที่เคยพลิกโลกทั้งใบของเขามาแล้ว

   “ไม่เคยมีใครไม่เปลี่ยนไปหรอกนะเราเองก็ไม่เหมือนเดิมเลิฟเองก็เหมือนกันจริงไหม” แยมจับมือที่เลิฟลูบหัวตัวเองมากุมไว้แล้วสบตาเลิฟอย่างสื่อความหมาย

   ต่างฝ่ายต่างเงียบและไม่มีใครพูดอะไรออกมา เลิฟเองก็ไม่รู้จะเริ่มต้นประโยคต่อไปยังไงเพราะเรื่องราวระหว่างเรามันมีอะไรเกิดขึ้นมากมาย ความทรงจำทั้งดีและร้ายมันไหลย้อนกลับคืนมาเหมือนห่าฝน มันกำลังถูกขุดขึ้นมาตอกย้ำและทำร้ายให้เจ็บทั้งๆที่เคยคิดว่าลืมไปแล้ว

   ภาพครั้งสุดท้ายที่เขาได้เจอคนตรงหน้ามันยังติดอยู่ในความทรงจำไม่เคยลืม เป็นภาพของผู้หญิงตัวเล็กๆที่ถูกมัดกับเตียงในสภาพคลุ้มคลั่ง และเป็นผู้ป่วยในแผนกจิตเวช

   “อย่าทำหน้าแบบนี้สิเราไม่ได้มาหาเพื่อให้ทำหน้าแบบนี้นะ” แยมยกมือตัวเองขึ้นไปแนบลงบนแก้มของอดีตคนรัก

   “ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม” เลิฟถามเสียงเศร้า

   “อือ...เราหายนานแล้วล่ะ ทำไม? กลัวเราสติแตกลุกขึ้นมาบีบคอเลิฟเหรอ” แยมพูดกลั้วเสียงหัวเราะด้วยท่าทางสบายใจเหมือนตัวเองไม่เคยป่วยอะไรร้ายแรง ทั้งๆที่กว่าจะรักษาอาการทางจิตได้ก็ใช้เวลานานหลายปี

   “ขอโทษนะ” เลิฟพูดในสิ่งที่ตัวเองเคยอยากจะบอกกับอีกฝ่ายมาตลอดแต่ไม่เคยมีโอกาสสักครั้ง เพราะทุกครั้งที่โผล่หน้าไปเยี่ยมจะต้องโดนแม่ของแยมไล่ตะเพิดออกมา แล้วสุดท้ายอีกฝ่ายก็ย้ายโรงพยาบาลที่รักษาไปจนเขาหาไม่เจออีกเลย

   “กะแล้วว่าจะพูดแบบนี้ เลิฟไม่จำเป็นต้องขอโทษอะไรเลยนะ เลิฟไม่ได้ผิดอะไรเลยเลิกโทษตัวเองได้แล้ว” แยมพูดให้เลิฟคลายความรู้สึกผิด

   “แต่ถ้าไม่ใช่เพราะผมแยมคงไม่...” เลิฟหยุดคำพูดตัวเองลงแค่นั้น สาเหตุมันมาจากเขาถ้าไม่เป็นเพราะเขาเรื่องคงไม่เกิด

   “ฟังเรานะเลิฟมันก็คงจริงที่เลิฟเป็นสาเหตุ แต่เรายืนยันนะว่ามันไม่ใช่ความผิดของเลิฟ” แยมบีบมือเลิฟเบาๆก่อนจะพูดต่อ

   “แต่มันเป็นเพราะเราต่างหากเป็นเราที่ดิ้นรนจะไป เป็นเราที่เลือกแบบนั้นและเป็นเราที่ทิ้งเลิฟ เราต่างหากที่ต้องขอโทษที่ทำให้เลิฟเสียใจ ทั้งๆที่เราเคยสัญญาไว้ว่าจะไม่ทำเหมือนคนอื่น เราขอโทษนะขอโทษจริงๆ” แยมสัมผัสได้ถึงแรงบีบจากมือของอีกฝ่ายที่ตัวเองจับไว้ ไม่ใช่แค่เลิฟที่รู้สึกผิดเธอเองก็ไม่ต่างกัน และเพราะอยากพูดคำๆนี้ที่ถึงแม้จะเคยพูดไปแล้วแต่มันยังคงติดค้างในใจ จนเธอต้องกลับมาเพื่อเอ่ยมันอีกครั้งในวันนี้

   “เรื่องของเรากับเลิฟมันจบลงตั้งแต่วันที่เราเลือกจะไป สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเลิฟเลย มันเป็นเรื่องระหว่างเรากับพี่รุตและไอ้สารเลวนั่น” แยมพูดประโยคนี้ด้วยแววตาและน้ำเสียงที่โกรธแค้น ก่อนที่เจ้าตัวจะสูดหายใจเข้าลึกๆพยายามยามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แล้วเหม่อมองออกไปเบื้องหน้าแบบไร้จุดหมาย

   “ก่อนหน้าที่เราจะมาหาเลิฟเราไปเจอพี่รุตมา” คำพูดหลังจากที่เงียบไปนานของแยมทำเอาเลิฟหันหน้ามองอีกฝ่ายด้วยความตกใจ

   “เรารู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้วนะ” แยมหันกลับมามองเลิฟด้วยสีหน้าเรียบเฉย เจ้าตัวเองก็พยักหน้ารับรู้

   “แล้ว...” เลิฟไม่กล้าจะพูดในสิ่งที่คิดในใจออกมาเขาหวังอย่างเห็นแก่ตัวว่าแยมจะให้อภัยพี่ชายตัวเอง

   “รู้ไหมว่าเรารู้สึกยังไงตอนที่ได้ยิน” แยมพูดเสียงสั่นน้ำตาไหลลงมาช้าๆแต่ไม่ใช่เพราะความเศร้า มันเป็นแววตาที่แสดงความสะใจ

   “เชื่อไหมว่าเราไม่นึกสงสารเลยสักนิดเราสะใจและสมน้ำหน้ากับสิ่งที่พี่รุตเจอ เราอยากจะร้องตะโกนให้คนทั้งโลกได้ยินว่าในที่สุดสิ่งที่เรารอมาตลอดหลายปี วันที่เราได้เห็นความฉิบหายของคนที่มันทำกับเราก็เกิดขึ้นสักที    ตอนนั้นเราสู้อำนาจเงินไม่ได้เรื่องที่เกิดกับเรามันถึงได้หายไปกับสายลม พร้อมกับเศษเงินของคนรวยที่ใช้ฟาดหัวเพื่อให้เรื่องมันจบ มันเลยทำให้เรารู้ว่าคุกมีไว้ขังคนจนกับหมา” น้ำเสียงของแยมเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

   “แต่อย่างน้อยกฎแห่งกรรมมันก็ทำงานอย่างซื่อตรง ถึงจะไม่ได้ครึ่งนึงกับสิ่งที่เราเจอแต่มันก็ยังดีที่พวกเขาได้รู้สึกบ้าง” น้ำตาของแยมไหลลงมาไม่ขาดสายเมื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวเองต้องเจอ ฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนทุกครั้งที่หลับตามันทรมานจนอยากจะตายให้พ้นๆ

   “เรารู้ว่าเลิฟอยากให้เราทำยังไงแต่เราทำให้ไม่ได้ เราไม่ใช่คนดีมากพอที่จะให้อภัยกับคนที่ทำร้ายเราโดยเฉพาะคนที่เราให้ทั้งตัวและทั้งใจ แต่เราจะพยายามนะเราจะพยายาม มันคงมีสักวันที่เราคงทำตามในสิ่งที่เลิฟต้องการได้ แต่ตอนนี้เราทำให้ไม่ได้จริงๆ” แยมบีบมือเลิฟแน่นจนตัวเองเจ็บมือไปหมด เธอไม่ได้อยากมาพูดอะไรแบบนี้กับอีกฝ่าย แต่พอได้พูดแล้วสิ่งที่อัดอั้นในใจมาตลอดมันก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เธอทั้งรักทั้งแค้นพี่ชายของเลิฟจนถึงขนาดที่เคยคิดจะฆ่าให้ตายและฆ่าตัวตายตาม

   ทุกวันนี้เธอยังจำไม่เคยลืมถึงรุตจะไม่ได้ลงมือทำเรื่องระยำแบบนั้น แต่สายตาว่างเปล่ากับแแผ่นหลังที่เดินจากไปมันยังคงติดในความทรงจำ และไม่รู้ว่าชีวิตนี้ทั้งชีวิตเธอจะให้อภัยอีกฝ่ายได้ไหม

   “ไม่เป็นไรผมเข้าใจ” เลิฟดึงแยมเข้ามากอดปลอบและลูบหลังอีกฝ่ายเบาๆ เขารู้และเข้าใจว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะลืมหรือให้อภัยกันง่ายๆในเวลาไม่กี่ปี

   “ขอโทษนะไม่ได้ตั้งใจจะมาพูดอะไรแบบนี้ขอโทษที่ทำให้รู้สึกแย่” แยมดันตัวเองออกจากอกของเลิฟหลังจากร้องไห้ไปได้สักพัก ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากหน้าแล้วส่งยิ้มให้ ซึ่งเลิฟเองก็ส่ายหัวน้อยๆให้รู้ว่าไม่เป็นไร

   “คุยกันแต่เรื่องแยมแล้วเลิฟเป็นยังไงบ้าง” แยมพยายามชวนคุยเรื่องอื่นเพื่อผ่อนคลายจากความตึงเครียดที่เกิด

   “ก็เรื่อยๆแหละดีบ้างไม่ดีบ้าง” เลิฟเองก็ยอมเปลี่ยนเรื่องคุยตามที่อีกฝ่ายต้องการ

   “ดีแล้ว..ที่จริงเราจะทักตั้งแต่แรกแล้วนะว่าเลิฟดูสวยขึ้น” แยมจ้องหน้าเลิฟเขม็งยิ่งมองยิ่งเห็นชัดว่าไม่ได้คิดไปเอง อดีตคนรักดูสวยขึ้นแถมมีออร่าแบบแปลกๆ ตัวก็บางลงกว่าที่เคยกอดในอดีต

   “จะบ้าเหรอแยมผมเป็นผู้ชายจะสวยได้ยังไง” เลิฟปฏิเสธเสียงหลงรู้สึกขัดเขินแบบแปลกๆที่มีผู้หญิงมาชมว่าสวย แถมผู้หญิงคนนั้นยังเป็นอดีตคนรัก

   “ไม่นะจริงๆแต่ก่อนเลิฟก็เป็นคนหน้าหวานอยู่แล้ว แค่ไม่ได้ดูสวยจนเห็นชัดแบบตอนนี้” แยมยังคงยืนยันความคิดของตัวเอง

   “ผมว่าเราเปลี่ยนเรื่องคุยกันเถอะ” เลิฟทำหน้าเหมือนโดนบังคับให้กินยาพิษ จนแยมต้องหลุดเสียงหัวเราะออกมา

   “ฮ่าๆเลิฟนี่ยังเหมือนเดิมเลยนะ ไม่เคยจะยอมรับว่าตัวเองหน้าหวานสักที...นี่ถามจริงมีแฟนรึยัง” แยมถามไปยิ้มไป

   “มีแล้ว” เลิฟอ้อมแอ้มตอบเสียงเบาเกาท้ายทอยตัวเองแก้เขิน

   “จริงดิ...เป็นไงสวยเท่าแยมป่ะ” แยมตาโตด้วยความสนใจไม่ได้รู้สึกอะไรที่รู้ว่าอีกฝ่ายมีแฟนใหม่ ดีใจด้วยซ้ำที่มีคนมาอยู่ข้างๆเจ้าตัว

   “ไม่มีอะไรที่ใกล้เคียงคำว่าสวยเลยแหละ” เลิฟนึกถึงหน้าปอขึ้นมาทันที เจ้าตัวหาที่สวยไม่ได้จริงๆนะแต่ถ้าถามว่าหล่อไหม บอกได้เลยว่าหล่อวัวตายควายล้ม

   “เหรอ...ว่าแต่ตอนที่เรายืนกอดเลิฟตรงหน้าคณะอ่ะ มีผู้ชายคนนึงที่จ้องเรากับเล็ฟเขม็งเลยเขามีปัญหาอะไรกับเลิฟรึเปล่า” แยมถามด้วยความเป็นห่วง เพราะจังหวะที่เลิฟยืนตัวแข็งทื่อเธอหันไปเจอเข้าพอดี

   “ไม่มีหรอกคือที่จริง...คนนั้นน่ะแฟนเรา” เลิฟก้มหน้าหลบสายตาแยมเพราะความเขินและไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกยังไง ที่อดีตแฟนแบบเขาไปคบกับผู้ชายด้วยกันแถมดูก็รู้ว่าอยู่ในตำแหน่งไหน

   “เฮ้ย!! จริงดินั่นผู้ชายนะ” แยมตกใจจนถามออกมาเสียงหลง

   “อื้อ...ไม่ใกล้เคียงคำว่าสวยเลยใช่ไหมล่ะ”

   “ฮ่าๆเออจริงไม่สวยเลยแต่เราพอเข้าใจแหละว่าทำไมเลิฟสวยขึ้น” แยมส่งสายตาล้อเลียนให้เลิฟทำเอาเจ้าตัวหน้าแดงไปหมด

   “ไม่รู้สึกแปลกๆเหรอที่ผมคบผู้ชายเป็นแฟน” เลิฟถามด้วยความสงสัยเพราะแยมดูไม่แปลกใจเท่าไหร่

   “ไม่หรอกแค่ตกใจนิดหน่อยที่เลิฟคบผู้ชายเหมือนกัน ก็เห็นแต่ก่อนเกลียดผู้ชายที่เข้ามาจีบจะตาย แต่ดีแล้วเพราะแบบเลิฟน่าจะมีคนดูแลมากกว่าไปดูแลเขา” แยมหัวเราะออกมานิดๆ

   “แต่ก่อนเราก็ดูแลแยมนะ” เลิฟทำหน้างอใส่แยมด้วยความลืมตัวเพราะติดนิสัยที่ชอบทำใส่ปอเวลาไม่พอใจ

   “เฮ้ย!! เดี๋ยวนี้มีงอนด้วยน่ารักนะเนี่ย แต่เรายืนยันนะว่าเมื่อก่อนเราดูแลเลิฟไม่ใช่เลิฟดูแลเรา” แยมหยิกแก้มเลิฟอย่างหยอกล้อ

   “ว่าแต่ว่าแฟนเลิฟคงไม่หึงเรานะ” แยมพูดอย่างนึกขึ้นมาได้เห็นอีกฝ่ายจ้องเธอเขม็งแบบนั้นแล้วนึกสยองแทน

   “คิดว่าไม่น่าจะละมั้ง” เลิฟตอบด้วยความไม่แน่ใจ

   “เอาเป็นว่าเราขอโทษนะแล้วเขาดีกับเลิฟไหม” แยมทำหน้าแหยใส่แล้วเปลี่ยนมาถามด้วยสายตาอ่อนโยน

   “ดีสิดีมากเลยล่ะ” เลิฟตอบพร้อมรอยยิ้มมีความสุข

   “โอ๊ย!!! อย่ามาทำให้อิจฉา...ฮึบ!” แย้มโวยวายออกมาเสียงดังพร้อมกับลุกขึ้นยืน

   “ไปส่งเราขึ้นรถหน่อยสิเลยเวลานัดกับแม่มานานแล้ว” แยมยื่นมือไปตรงหน้าเลิฟซึ่งเจ้าตัวก็ยื่นมาจับเอาไว้แล้วลุกขึ้นยืน จากนั้นทั้งคู่ก็เดินจูงมือกันไปตามถนนเงียบๆไม่ได้พูดอะไร เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในวันที่ทั้งคู่เคยมีความสุขด้วยกัน

   “ส่งแค่นี้ก็พอเดี๋ยวเราโบกแท็กซี่กลับเอง” แยมปล่อยมือเลิฟลงแล้วหันหน้าไปทางถนน ก่อนจะหันกลับเข้ามากอดเลิฟแน่นเลิฟเองก็กอดตอบเช่นกัน

   “ที่จริงเรามาลาและไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เจอกันอีกไหม เราขอโทษและขอบคุณสำหรับทุกๆอย่างดูแลตัวเองด้วยนะเลิฟ เราขอให้เลิฟมีความสุขและเจอแต่สิ่งดีๆในชีวิต ขอให้รักครั้งนี้ของเลิฟอยู่กับเลิฟไปตลอดไป ไม่ทำร้ายหรือทำให้เสียใจเหมือนที่เลิฟเคยเจอ” คำพูดแผ่วเบาที่ออกมาจากปากของแยมทำให้เลิฟอุ่นซ่านไปทั้งใจ

   “ขอบคุณนะแยมผมเองก็ขอให้แยมเจอแต่สิ่งดีๆในชีวิตเหมือนกัน” เลิฟอวยพรออกมาจากใจแล้วดันอีกฝ่ายออกจากตัวเองก่อนจะกดริมฝีปากลงบนหน้าผากเนียน ไม่ได้จูบในฐานะคนรักเหมือนแต่ก่อนแต่จูบในฐานะเพื่อนที่ดีต่อกัน
 
   ทั้งคู่ส่งยิ้มกว้างให้กันอย่างมีความสุข เรื่องบางเรื่องมันยังคงเป็นแผลในใจที่อาจจะไม่มีวันหายไปจากทั้งคู่ แต่อย่างน้อยความสุขที่ได้รับมันก็อาจจะช่วยให้ทุกอย่างเบาบางลง และสุดท้ายมันก็จะถูกเก็บไว้เป็นความทรงจำที่สวยงามตามกาลเวลา

   เลิฟมองหน้าอดีตผู้หญิงที่เขาเคยรักมาก คนที่เคยเข้ามาทำให้โลกของเขาสดใส พยายามจดจำใบหน้าที่มีความสุขตอนนี้ของอีกฝ่ายไว้ อย่างที่เจ้าตัวบอกนั่นแหละไม่รู้ว่าต่อจากนี้เขาทั้งคู่จะได้เจอกันอีกรึเปล่า เพราะฉะนั้นเขาอยากจะมองอีกฝ่ายให้นานที่สุด

   “มาจูบหน้าผากกันแบบนี้ระวังเหอะแฟนจะบีบคอเอา” แยมเอามือลูบหน้าผากตัวเองน้อยๆแล้วพูดขู่เลิฟ จนเจ้าตัวหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ

   “เราไปนะ” แยมกอดเลิฟอีกครั้งเบาๆก่อนจะโบกรถแล้วหันมาโบกมือลาเป็นครั้งสุดท้าย เธอไมได้รู้สึกรักเลิฟเหมือนคนรักอีกแล้วแต่รักในฐานะเพื่อนคนนึง และจะจดจำวันนี้กับมิตรภาพดีๆที่ทั้งคู่มีต่อกันไว้ในใจตลอดกาล   

   เลิฟยืนมองตามหลังรถแท็กซี่จนมันหายลับไปจากสายตาแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ บางครั้งคนเราก็รู้สึกโหยหาความรักและความทรงจำที่ผ่านพ้นมา แต่ต่อให้เราคิดถึงหรือโหยหาคนในอดีตมากแค่ไหน สุดท้ายเราก็ต้องกลับมาอยู่กับความเป็นจริงในวันนึง เพราะเขาเจอความเป็นจริงที่มีตัวตนและอยู่ข้างๆแล้วตอนนี้ คนที่ทำให้เขารักจนเรียกว่าให้ได้ทั้งชีวิต รักจนรู้ว่ารักใครไม่ได้อีก

   ปี้น! ปี้น!

   เสียงแตรรถที่ดังอยู่ใกล้ๆทำให้เลิฟสะดุ้งสุดตัวพอหันไปมอง หน้าเขาก็ซีดจนเป็นไม่เห็นสีเลือดรถหรูแบบนี้ในมหา’ลัยมีไม่กี่คันหรอก ยิ่งสีเขียวแสบตาแบบนี้ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ารถใคร เขารีบวิ่งไปเปิดประตูแล้วเข้าไปนั่งข้างในอย่างรวดเร็ว

   ปอขับรถออกไปทันทีที่อีกฝ่ายเข้ามานั่งเรียบร้อย ไม่ได้พูดอะไรออกมาปล่อยให้เกิดความเงียบกดดันเล่นๆ จนเลิฟได้แต่มองด้วยความระแวง

   “มาตอนไหนอ่ะ” เลิฟถามเสียงแหยๆ

   “ตั้งแต่มึงยืนกอดกับเมียมึง” ปอบอกเสียงเรียบและตั้งหน้าตั้งตาขับรถโดยที่ได้หันมามองอีกฝ่ายเลยสักนิด

   “แยมไม่ใช่เมียเลิฟสักหน่อย” เลิฟก้มหน้าก้มตาเถียงเสียงแผ่วไอ้กลัวก็กลัวนะแต่มันเถียงจนเป็นนิสัยไปแล้ว

   “มึงจะบอกว่านอนจับมือกับแฟนใสๆไม่เคยแตะต้อง ทั้งๆที่มึงบอกกูว่าเคยมีเมียมาแล้วเนี่ยนะ” ปอยังคงโต้ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบเดาอารมณ์ไม่ได้

   “ก็เอออ่ะดิเข้าใจคำว่าโม้ไหมไม่เคยมีเมียมีแต่ผัว” เลิฟยอมบอกในสิ่งที่ตัวเองเก็บเป็นความลับมานาน ที่เขาเคยบอกไปคือโม้ทั้งนั้นแหละก็มันรู้สึกเสียเชิงชายนี่หว่า เกิดมาไม่เคยได้แอ้มสาวดันถูกแอ้มอีกต่างหาก ปอหันขวับมามองหน้าเลิฟทันทีก่อนจะหันกลับไปมองถนนต่อ

   “หึ กูว่าแล้วได้สอนกันทุกอย่าง” ปอพึมพำออกมาเบาๆคิดอยู่แล้วว่าไอ้ตัวเล็กมันโม้ คนเคยเอากับคนอื่นถึงจะเปลี่ยนตำแหน่งมันก็น่าจะเป็นงานกว่านี้

   “เออ!!! ไม่พอใจก็ไม่ต้องมาแตะ” เลิฟสะบัดหน้านี้ด้วยความงอนทันที

   “มึงอย่ามางอนกลบเกลื่อนนะเลิฟ” ปอว่าอย่างรู้ทันอีกฝ่าย

   “ปอโกรธเลิฟจิงดิแค่กอดในฐานะเพื่อนเองนะ” เลิฟเปลี่ยนโหมดมาอ้อนทันทีเพราะรู้แล้วว่ามุกเมื่อกี้ไม่ได้ผล

   “แต่มึงคงไม่จำเป็นต้องไปจูบหน้าผากเพื่อนหรอกมั้ง” ปอว่าเสียงเย็นและนั่นทำให้เลิฟรู้ชะตากรรมของตัวเอง

   “กลับไปมึงโดนหนักแน่” ปอว่าอย่างคาดโทษ

   “ง่าาาา ยื่นอุทธรณ์ได้ไหมอ่ะ” เลิฟทำตาปริบๆใส่ปอขอร้องเสียงหงอย

   “กูเป็นพวกนอกกฎหมาย” ปอว่าอย่างไม่ใส่ใจ เลิฟเลยได้แต่ทำหน้าเซ็ง

   “แล้วเป็นยังไง” ปอยกมือลูบหัวเลิฟเบาๆด้วยความเป็นห่วง ตอนแรกที่เห็นมันกอดกับผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ยอมรับว่าโกรธ แต่พอเพื่อนมันมาบอกว่าอีกฝ่ายเป็นใครและมาทำไมเขาเลยเดินหนี ปล่อยให้มันไปจัดการกับเรื่องในอดีตให้จบ

   “ไม่มีอะไรแล้วไม่ต้องห่วงนะ” เลิฟดึงมือของปอลงมากุมไว้ที่ตักแล้วลูบเล่น

   “ปอ” เลิฟส่งเสียงเรียกแผ่วเบา

   “อะไร” ปอเหลือบสายตามามองเล็กน้อย ไหนบอกว่าไม่มีอะไรแล้วทำเสียงแบบนั้นทำไมวะ

   “ไม่ทำโทษได้ไหมอ่ะพรุ่งนี้เลิฟมีเรียนเช้านะๆ” เลิฟหันมาอ้อนต่อเพราะสมองยังคิดเรื่องนี้อยู่ ทำเอาปอส่ายหัวเบาๆที่ตัวเองคิดมาก

   “หยุด” ปอตอบสั้นๆแต่เป็นประกาศิต เลิฟเลยได้แต่นั่งคอตกทำหน้าหงอยเพราะรู้ว่าขัดใจอีกฝ่ายไม่ได้ คงได้แต่โทรไปหาไอ้พีทให้มันจดเลกเชอร์เผื่อแค่นั้น





2 Be Con...
+++++++++++
อีก 5 ตอนจบแล้ว
สัก 2-3 ทุ่มจะแว๊บมาลงให้
พร้อมกับเปิดจองหนังสือนะคะ
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 54 - 58 (21/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 22-02-2016 12:13:15
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 54 - 58 (21/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-02-2016 14:39:58
อ่านกันยาวเลย
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 59 (22/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 23-02-2016 09:07:50
กับดักที่
- 59 -
   


   “มองตามขนาดนั้นกูว่ามึงไปลากน้องมันกลับมาเหอะว่ะ ถ้ามึงจะเป็นขนาดนี้จะให้ไปทำไมตั้งแต่แรกวะ” อาร์ตที่นั่งมองอาการหวงเมียของรุ่นน้องแล้วก็ได้แต่ส่ายหัวหน่ายๆ

   “หวงเหี้ยอะไรขนาดนั้นวะกูก็ไม่เคยเห็นน้องแม่งนอกลู่นอกทาง” อาร์ตยังคงว่าต่อมือก็ยกแก้วขึ้นชนกับปอที่หันกลับมา
   “ยังงี้แหละพี่พวกฟันแล้วทิ้ง พอมีเป็นตัวเป็นตนแม่งเลยหวงฉิบหาย” ต้ายกแก้วขึ้นมาชนบ้างพร้อมยักคิ้วกวนๆส่งให้ปอ ซึ่งปอก็ไม่ได้ว่าอะไรนอก จากกระตุกยิ้มน้อยๆ   

   วันนี้ทุกคนมามารวมตัวกันเลี้ยงฉลองที่ผับใกล้ๆคอนโดของพีทเนื่องจากเป็นวันเกิดอาร์ต ส่วนเลิฟตั้งแต่เหยียบเข้ามาในผับก็โดนพีทลากออกไปวาดลวดลายอยู่กลางฟลอร์ ซึ่งปอเองก็ปล่อยให้ไปแต่มองตามตาไม่กระพริบ

   ระหว่างที่ปอมัวแต่มองตามร่างเล็กซึ่งอยู่ไกลๆอยู่นั้น ก็มีความนุ่มนิ่มมาเบียดชิดกอดรัดที่แขนของเขา พอหันกลับมามองก็เจอสาวสวยจัดคนนึงอยู่ในชุดเกาะอกรัดรูป โชว์เนินอกอวบขาวผ่องที่ล้นทะลักออกมาจากเสื้อ

   “ไม่เจอกันนานเลยนะคะพี่ปอ” หญิงสาวส่งยิ้มยั่วยวนให้ปอมือเรียวก็ลูบแผ่นอกแกร่งไปมาเบาๆ ปอมองคนตรงหน้าด้วยความสงสัยเพราะจำไม่ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

   “ทำหน้าแบบนี้จำเค้กไม่ได้ใช่ไหมคะเนี่ยน้อยใจจัง” หญิงสาวพูดด้วยท่าทางงอนๆแบบมีจริตจะก้าน มือก็ยังคงลูบไล้แผ่นอกหนาไปมาเบาๆ ส่วนปอก็พยายามทบทวนความจำตัวเองว่าคนตรงหน้าเป็นใคร ก่อนจะนึกขึ้นได้ในที่ สุดเค้กก็เป็นหนึ่งในบรรดาสาวๆหลายๆคนที่เขาเคยคั่ว ตอนที่เอากับไอ้เลิฟแรกๆเขาก็ยังคั่วกับเค้กอยู่ เพราะอีกฝ่ายค่อนข้างถึงใจเขาในเรื่องบนเตียงพอ สมควร

   “เพื่อเป็นการปลอบใจคืนนี้ไปต่อกันไหมคะ” เค้กเชิญชวนอย่างเปิด เผยทันทีของมันเคยๆกันอยู่แล้วไม่รู้จะทำอายไปทำไม อีกอย่างขนาดผ่านมาหลายปีแล้วเธอยังจำบทรักร้อนแรงของอีกฝ่ายได้อยู่เลย แค่จินตนาการถึงอดีตเธอก็รู้สึกร้อนไปทั้งตัวแล้ว

   ปอกระตุกยิ้มมุมปากนิดๆตาก็ไล่มองไปตามรูปร่างของหญิงสาวอย่างจาบจ้วง เขาเองก็ผู้ชายธรรมดาๆคนนึงที่ยังมองรูปร่างผู้หญิงยังอยากลากขึ้นเตียง แต่นั้นมันก็เมื่อก่อนตอนที่เขายังไม่มีใคร สาบานเลยว่ามาอ่อยกันขนาดนี้ได้เสียน้ำกันพอควร

   เสียงอึกทึกคึกโครมเสียงดังภายในผับไม่สามารถดึงความสนใจของเลิฟออกจากคนรักได้ ตากลมโตจ้องมองไปที่โต๊ะเขม็งใบหน้าหวานบูดบึ้งง้อง้ำด้วยความไม่พอใจ จากที่ตั้งใจว่าจะออกมาสนุกอยู่กลางฟลอร์กับเพื่อนต้องกลายเป็นหงุดหงิดใจแทน ก่อนที่ขาเรียวทั้งสองข้างจะพาตัวเองเดินกลับไปที่โต๊ะด้วยความเร็ว

   เขาออกมาเต้นกับไอ้พีทแค่แป๊บเดียวพอหันกลับไปอีกที เจอผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ยืนแนบชิดจนแทบจะเอานมทิ่มหน้าแฟนเขาอยู่ แล้วที่สำคัญไอ้หล่อของเขามันดันนั่งเฉยให้เขาเอานมเบียดอยู่ได้

   “ปอ!!” เลิฟเรียกเสียงแข็งมองปอตาขวางด้วยความไม่พอใจ

   “ไม่เต้นแล้วรึไง” ปอหันมาถามด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อน

   “ไม่มีอารมณ์” เลิฟกระแทกเสียงตอบใบหน้าบึ้งตึง

   “ตอบดีๆ” ปอดึงมือเลิฟให้เข้ามาใกล้พร้อมส่งเสียงว่าดุๆ

   “พี่ปอคะตกลงคืนนี้ว่ายังไงคะ” เค้กที่จู่ๆก็โดนลืมพูดขัดจังหวะคนทั้งคู่ขึ้น ก่อนจะจับปอให้หันมาหาโดยจงใจให้หน้าของปอซุกตรงหน้าอกพอดี

   เลิฟตาเบิกกว้างกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนจะมองปอกับหญิงสาวสลับกันไปมา ยิ่งเห็นปอชะงักนิ่งไม่ไหวติงยิ่งเพิ่มความไม่พอใจ ดวงตากลมโตสั่นไหวสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของปอแล้วเดินออกจากบริเวณนั้นทันที

   “เลิฟ!!!” ปอตะโกนเรียกตามหลังเสียงดัง แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้สนใจเดินทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ

   “พี่ปอจะไปไหนคะ” เค้กดึงแขนปอไว้ทันทีเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายลุกขึ้น

   “ปล่อย” ปอหันบอกเสียงเข้มเมื่อกี้เขาไม่ได้ตั้งใจ ที่ชะงักไปเพราะตกใจที่จู่ๆนมก็ทิ่มหน้าไม่ได้พิศวาสหรือคิดอะไรมากไปกว่านั้นเลย

   “แต่ว่าเรานัดกันแล้วนะคะ” เค้กรีบโมเมตีคลุมเข้าข้างตัวเองว่าปอตกลงรับนัด

   “ปล่อย!!! กูจะไปตามเมีย” ปอบอกเสียงเรียบแล้วสะบัดแขนออกจากมือของอีกฝ่าย ทิ้งให้เค้กยืนหน้าเหวอมองตามด้วยความไม่เข้าใจ

   ปอรีบวิ่งตามหลังเลิฟออกมาจนถึงหน้าผับ ก่อนจะคว้าคนตัวเล็กที่กำลังจะโบกรถเข้าหาตัวเองเต็มแรง จัดการลากจนมาถึงรถที่จอดอยู่มีเจ้าตัวคอยดิ้นรนขัดขืนเป็นระยะ เปิดประตูรถได้ก็ดันอีกฝ่ายเข้าไปข้างในแล้วเข้าไปตามกดล็อกรถเสียบกุญแจเพื่อเปิดแอร์ ก่อนจะหันไปดึงร่างบางขึ้นมานั่งบนตัก แล้วกอดเอวบางเอาไว้หลวมๆ

   “ไม่ต้องมากอดเลยไปเอาหน้าซุกนมนู้นไป” เลิฟสะบัดหน้าหนีไปอีกทางอย่างฉุนเฉียว

   “มึงก็เห็นว่าน้องเขาจับหน้ากูหันไป” ปออธิบายแบบไม่ใส่ใจเท่าไหร่

   “เออเห็น!! เต็มสองตาเลยว่าเคลิ้มน่ะ” เลิฟกระแทกเสียงใส่พร้อมกับมองค้อนไม่พอใจ

   “ก็นิดนึง” ปอยกยิ้มกวนๆส่งให้จนอีกฝ่ายมองตาโต

   “ไอ้ปอ!!!” เลิฟดึงหูปอทั้งสองข้างแรงๆด้วยความโมโห

   “ทำไมถึงเป็นคนกวนประสาทแบบนี้เนี่ยฮึ่ย...” ใบหน้าหวานงอง้ำสะบัดหนีไปอีกทาง

   “คิดมากทำไมวะมันไม่มีใครเอากูไปจากมึงได้หรอกนะถ้ากูไม่คิดจะไป และที่สำคัญกูไม่มีทางที่จะไป” ปอบอกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมกับหอมลงที่แก้มเนียน

   “ก็มันหึงนี่” เลิฟว่าเสียงกระเง้ากระงอดหันกลับมากอดปอไว้แน่น ซุกใบหน้าของตัวเองลงบนแผ่นอกกว้างเขารู้และเชื่อใจปอ เพราะแม้ในอดีตอีกฝ่ายจะมีผู้หญิงเยอะแยะรอบตัว แต่พอตกลงจริงจังกับเขาเจ้าตัวก็หยุดทุกอย่าง

   แต่มันก็มีบางครั้งที่รู้สึกหวั่นไหนในเมื่ออีกฝ่ายเป็นผู้ชายที่เรียกได้ว่าเพอร์เฟค ทั้งรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติมันก็เลยแอบคิดขึ้นมาบ้าง ว่าจะดีกว่านี้ไหมถ้าปอคบกับผู้หญิงแบบผู้ชายปกติทั่วไป

   “นิสัยเสียของมึงมันแก้ไม่หาย จะคิดมากทำไมวะยังไงกูก็รักมึงคนเดียว” ปอกดจูบหนักๆลงบนหัวเล็กด้วยความรัก

   คำพูดของปอเหมือนเข้ามานั่งอยู่กลางใจเลิฟ จนเจ้าตัวเม้มปากแน่นกระชับอ้อมกอดมากกว่าเดิม อีกฝ่ายเป็นแบบนี้มาตลอดจะต้องนึกถึงเขาก่อนทุกครั้ง ถึงจะไม่พูดแต่การกระทำมันชัดเจน แถมตามใจทุกอย่างจนเขาเคยตัว เอาแต่ใจงี่เง่าใส่พาลไปเรื่อยเวลาไม่พอใจ

   รู้ทั้งรู้ว่าทำแบบนี้อีกคนต้องเหนื่อย แต่เขาก็เหมือนมนุษย์ทั่วไปที่มีอยู่หลายล้านคนบนโลก ยิ่งรู้ตัวว่าสำคัญยิ่งได้รับความรักก็ยิ่งโลภอยากได้มันมากกว่าเดิม ทั้งที่เมื่อก่อนได้แค่อยู่ข้างๆก็พอใจแท้ๆ แต่ทำไมตอนนี้ทั้งที่ได้มากกว่านั้นตั้งเยอะมันถึงยังไม่พอ ทุกวันนี้เขาเลยกลายเป็นคนนิสัยเสียแบบที่ไอ้พีทชอบด่าไปแล้ว

   “หายงอนรึยัง” เสียงทุ้มกระซิบถามอ่อนโยนชิดใบหู

   “ไม่” เลิฟส่ายหัวไปมากับแผ่นอกกว้าง

   “งั้นกูง้อ” ปอดึงคนตัวเล็กออกจากอกแล้วกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งให้ ซึ่งเลิฟตาเบิกกว้างทันทีเพราะรู้ดีว่าปอจะง้อแบบไหน ถึงเขาจะบอกว่าปอตามใจทุกอย่างแต่ต้องยกเว้นเรื่องนี้ที่เป็นเขาต้องตามใจปอ เพราะต่อให้ทำยังไงถ้าอีกฝ่ายจะเอาก็ต้องเอาให้ได้

   “ปอไม่เอาตรงนี้นะ” เลิฟพยายามดันตัวเองลงจากตักเพื่อกลับไปนั่งเบาะรถอีกข้าง ตากลมโตมองไปทั่วลานจอดรถที่ค่อนข้างมืดด้วยความระแวง รู้ว่าขัดใจไม่เคยได้แต่ให้มาทำตรงนี้ในรถ แถมเป็นที่ๆไม่รู้ว่าคนจะโผล่มาตอนไหนแบบนี้ก็ไม่ไหวหรอก

   “ไม่มีใครออกมาเห็นหรอก” ว่าแค่นั้นปอก็ประกบจูบปิดปากเลิฟทันที

   ลิ้นร้อนแทรกเข้าไปเกี่ยวกระหวัดหยอกล้อกับลิ้นเล็กที่พยายามหดตัวหนี แต่สุดท้ายอีกฝ่ายก็ต้องยอมแพ้และให้ความร่วมมือในที่สุด มือหนาเลื่อนลงไปปลดกระดุมกางเกงของร่างบางออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะคว้าเอาท่อนลำขนาดเล็กมากุมไว้แล้วขยับขึ้นลงช้าๆ ใช้นิ้วหัวแม่มือหมุนวนที่ส่วนหัวเพื่อหยอกล้อพร้อมทั้งกดเน้นย้ำแรงๆ

   “อื้อ” เลิฟส่งเสียงครางออกมาเล็กน้อยทันทีที่ปากได้รับอิสระ สะโพกบางส่ายร่อนไปตามการชักจูงของฝ่ามือหนา แผ่นอกเนียนแอ่นเข้าหาริมฝีปากร้อนที่กำลังดูดดึงยอดอกอย่างหิวกระหาย

   ปอเลื่อนฝ่ามือบีบเค้นไปทั่วลำตัวอีกฝ่ายจนผิวขาวขึ้นรอยแดง อีกข้างก็ทำหน้าที่อย่างแข็งขันขยับข้อมือรัวเร็วจนเลิฟแทบขาดใจ ริมฝีปากก็ทำ งานได้ดีไม่น้อยหน้าเฝ้าบดจูบดูดเม้มไปทั่วผิวเนียน

   “อ๊ะ...อื้อแฮ่กๆ” เลิฟตัวเกร็งและกระตุกเบาๆก่อนจะปลดปล่อยหยาดน้ำสีขาวขุ่นออกมาเต็มฝ่ามือของปอ เจ้าตัวออกอาการหอบเล็กน้อยแล้วเซซบที่อกกว้าง

   ปอก้มลงดูดเม้มเข้าที่ซอกคอของอีกฝ่าย ใช้มือข้างที่เปื้อนน้ำรักของคนตัวเล็กเลื่อนมันไปที่สะโพก แล้วกดนิ้วเข้าไปในช่องทางรักจนสัมผัสได้ถึงการตอดรัดที่มากกว่าปกติ มืออีกข้างก็ปลดกางเกงตัวเองลงเพื่อให้สิ่งที่กำลัง ขยายขนาดออกมา

   “ถุงยางอยู่ในกระเป๋าตัง” ปอกระซิบบอกเสียงพร่าปากยังวนเวียนดูดเม้มทั่วกายขาว นิ้วมือยังคงขยับเข้าออกพร้อมกับเพิ่มจำนวนเข้าไปด้วย เขาจำเป็นต้องใช้ถุงยางเพราะมันนอกสถานที่และอยู่ในรถ ทั้งๆที่ตัวเองชอบเสียบสดมากกว่า เวลาสัมผัสกันตรงๆมันได้อารมณ์กว่าเยอะ แต่ตอนนี้คงต้องยอมไปก่อน

   เลิฟเลื่อนมือเข้าไปในกางเกงของปอเพื่อหยิบกระเป๋าตัง แล้วเปิดมันออกเพื่อเอาในสิ่งที่ต้องการ ก่อนจะหน้าแดงเล็กน้อยเมื่อเห็นว่านอกจากปอจะพกถุงยางไซส์ของตัวเอง เจ้าตัวยังอุตส่าห์พกถุงยางไซส์ของเขาด้วย

   “ใส่ให้ถูกไซส์นะมึง” ปอยิ้มขำแล้วกดจูบที่ปากอิ่มเบาๆ ก่อนจะถอยออกมานั่งดูอีกฝ่ายสวมถุงยางลงบนแก่นกายของเขาและของเจ้าตัว

   ปึ่ก!!

   “ก็แค่เนี่ยทำเป็นอวด” เลิฟกำหมัดทุบลงที่อกกว้างด้วยความหมั่นไส้ตามองแก่นกายของปออย่างดูถูก รู้น่ะว่าใหญ่กว่ายาวกว่าแม่งข่มกันอยู่ได้ ปอหรี่ตามองกระตุกยิ้มมุมปากนิดๆแล้วจัดการยกร่างบางขึ้น ก่อนจะกดตัวลงมาให้ด้านหลังกลืนกินตัวตนของเขาทันทีในครั้งเดียว

   “โอ๊ย!! ซี๊ดดด” เลิฟร้องเสียงหลงลั่นรถเพราะความเจ็บที่ได้รับกระทันหัน

   “ปากดี” ปอกัดปากเลิฟเต็มแรงจนเลือดซิบก่อนจะใช้ลิ้นเลียเลือดที่ริมฝีปาก บดจูบแลกลิ้นอย่างดุเดือดสะโพกก็กระแทกสวนขึ้นเน้นๆจนเลิฟจุกท้องน้อยไปหมด

   “อ๊าาาา อึ่ก เบาๆปอมันจุก” เลิฟเอามือดันหน้าท้องของปอไว้เพื่อให้อีกฝ่ายผ่อนแรง แต่กลายเป็นว่าปอเพิ่มแรงกระแทกกระทั้นยิ่งกว่าเก่า

   “ก็แค่เนี่ยเองมึงจะจุกทำไม” ปอย้อนคำของเลิฟหน้าตายแล้วขยับสะโพกรัวเร็ว

   “อ๊ะ อะ..ไอ้บ้าก็แค่ล้อเล่นอ๊าาา” เลิฟเถียงพร้อมๆกับครางเสียงสั่นแขนสองข้างกอดปอไว้แน่น ตัวสั่นคลอนไปหมดตามแรงขยับเข้าออกด้านล่างและคิดว่ารถอาจจะสั่นไปทั้งคัน

   “อื้อปะ...ปอ” เลิฟมองปอตาฉ่ำปรืออย่างไม่เข้าใจเพราะใกล้จะปลดปล่อยอยู่แล้ว แต่ปอก็หยุดเคลื่อนไหวเอาดื้อๆแถมเอามือมาบีบท่อนลำของเขาไว้แน่น

   “ขยับ” ปอสั่งเสียงพร่ามือข้างที่ว่างก็เลื่อนมาบี้ยอดอกสีสวยเล่น

   เลิฟมองค้อนปออย่างไม่พอใจแต่ก็ยอมทำตามโดยดี จับไหล่ของปอไว้แน่นเพื่อพยุงตัวขึ้นก่อนทิ้งน้ำหนักลงมาครอบครองแก่นกายอีกฝ่าย ทำแบบนั้นซ้ำๆจนเข้าที่เข้าทางสะโพกบางก็ขยับรัวเร็ว ส่ายร่อนไปมาบดขยี้ลงไปอย่างเอาใจ จนปอทนไม่ไหวกระชากคอเลิฟลงมาหาแล้วแลกลิ้นกันเร่าร้อน พร้อมๆกับแทงสะโพกสวนขึ้นไปอย่างหนักหน่วงและถี่ยิบ

   “อ๊ะๆๆ อ๊าาาาา” เลิฟครางระงมลั่นรถตัวสั่นคลอนไปตามแรงกระแทก ผนังด้านในตอดรัดท่อนลำของปอถี่ยิบเป็นสัญญาณให้รู้ว่าใกล้ถึงจุดหมายเต็มที

   “อ๊าาาาาา” เลิฟหน้าแหงนเงยไปด้านหลังปลดปล่อยตัวเองออกมาเต็มถุงอย่าง พร้อมกับส่งเสียงครางออกมาด้วยความสุขสม ปอเองก็เร่งจังหวะโหมสะโพกกระหน่ำแทงด้วยความเร็วและแรงมากกว่าเดิม ก่อนจะเน้นหนักอีกสองสามทีและปลดปล่อยออกมาตามคนตัวเล็กติดๆ

   “แฮ่กๆๆ” เลิฟซบลงที่ไหล่ของปออย่างหมดแรงลมหายใจหอบเหนื่อยถี่กระชั้น มันเหนื่อยกว่าทุกครั้งที่เคยทำเรื่องอย่างว่า อาจจะเป็นเพราะตลอด เวลาเขานึกระแวงว่าจะมีใครเดินผ่านมา แต่คิดแล้วหัวใจจะวายแค่โดนชักจูงนิดหน่อยก็กล้าทำเรื่องแบบนี้ ในที่ๆไม่มีความส่วนตัวเลยสักนิด

   ปอยังแช่แก่นกายไว้ในตัวของเลิฟ รอจนปรับลมหายใจเข้าที่เขาถึงดึงตัวเองออกมา แล้วยกคนตัวเล็กที่ตัวอ่อนระทวยไปวางที่เบาะนั่งข้างๆ

   ระหว่างที่กำลังจะทำความสะอาดให้ตัวเอง สายตาก็สังเกตเห็นว่ามีน้ำสีแดงๆติดอยู่ที่ถุงยางเล็กน้อย ทำเอาปอตกใจและรีบจัดการตัวเองด้วยความเร็ว ก่อนจะหันไปหาร่างบางจับขาอีกฝ่ายแยกออกกว้าง พร้อมกับยกสะโพกบางขึ้นสูงจนเห็นช่องทางหลัง

   “อื้อ...เจ็บ” เลิฟบอกเสียงแผ่วพร้อมขมิบเบาๆด้วยความแสบ เพราะปอเอานิ้วแตะลงมาที่ด้านหลังของตัวเอง

   “สัส!! เจ็บมากไหมวะ” ปอถามออกมาด้วยความเป็นห่วงตามองที่ช่องทางรักของเลิฟอย่างกังวล ถึงเลือดมันจะไม่ได้ออกมามากมายเหมือนครั้งแรกที่เอากันแต่มันก็ได้เลือด ผิดที่เขาเองดันไปบังคับมันให้รับเข้าไปทีเดียวทั้งๆที่ตัวช่วยอะไรก็ไม่มี นอกจากน้ำของมันที่เขาเอาไปป้ายด้านหลังแค่นั้น

   เลิฟส่ายหัวเล็กน้อยพร้อมส่งยิ้มจางๆให้ปอ มีไม่บ่อยนักหรอกที่เขาจะได้เลือดแบบนี้เพราะปอเป็นคนค่อนข้างระวัง แต่ครั้งนี้มันสุดวิสัยจริงๆด้านหลังเขามันค่อนข้างฝืดเพราะไม่มีเจลล่อลื่น พอต้องรับเข้าไปครั้งเดียวจนมิดด้ามมันเลยได้เลือดเป็นธรรมดา

   ฟอดดดด

   “กลับบ้านกูทายาให้” ปอหอมหน้าผากเนียนปลอบโยนแล้วทำความสะอาดให้อีกฝ่าย จัดการแต่งตัวให้เหมือนเดิมแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก เพื่อบอกพวกอาร์ตว่าตัวเองจะกลับบ้านเลย

   เลิฟเหลือบตามองปอเล็กน้อยก่อนจะหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน ประสบการณ์ครั้งแรกในรถของเขามันน่าจดจำจริงๆ เพราะได้ทั้งน้ำสีขาวและน้ำสีแดง




2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 60 (22/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 23-02-2016 09:19:09
กับดักที่
- 60 -
   


   วันเดือนเลื่อนผ่านไปเป็นปีอย่างรวดเร็ว จนอีกสองปีข้างหน้าเลิฟกับปอก็จะเรียนจบแล้ว แต่ถึงจะผ่านไปนานแค่ไหนความรักของทั้งคู่ที่มีให้กัน ก็ไม่เคยลดน้อยลงมีแต่มันจะเพิ่มขึ้นทุกวันอย่างไม่มีสิ้นสุด

   ในช่วงบ่ายของวันมาเรียนปอที่มีเรียนไปแล้วในช่วงเช้า รีบขับรถไปรับคนตัวเล็กที่มีเรียนในช่วงบ่ายด้วยความเร็ว แต่พอไปถึงอีกฝ่ายยังคงนอนหลับชนิดที่ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นง่ายๆ ผลสุดท้ายก็เกือบมาเรียนไม่ทันตอนนี้เลยแทบจะเหาะเอาเพราะกลัวเข้าสาย

   “ปอ!!! เร็วๆดิสายแล้ว” เลิฟหันมาเรียกคนที่เดินตามหลังเสียงดัง เพราะอีกฝ่ายเดินทอดน่องไม่เดือดร้อนเลยสักนิด ปอสบตากับเลิฟเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้คิดจะเดินเร็วขึ้น ในเมื่อคนที่ต้องเข้าเรียนมันไม่ใช่เขาสักหน่อย

   “ปออออออ” เลิฟหยุดเดินแล้วหันมาเรียกเสียงยานคาง ใบหน้าหวานงอง้ำเพราะไม่ได้รับความร่วมมือจากอีกฝ่าย

   “เออๆ” ปอบอกหน่ายๆแล้วเร่งฝีเท้าขึ้นไปเดินตีคู่ ยกมือขึ้นล็อกคออีกฝ่ายเข้าหาตัวแล้วขยี้ผมจนยุ่งไปหมด จากนั้นก็เลื่อนไปกุมมือแล้วจูงคนตัวเล็กเดิน

   “ก็ทำแบบเนี่ยแล้วจะให้เลิกรักได้ยังไง” เลิฟพึมพำเสียงแผ่วก้มลงมองมือของตัวเองกับปอที่จับกันแล้วอมยิ้มอย่างมีความสุข เล่นตามใจเอาใจกันทุกอย่างแบบนี้เขาจะไปไหนรอด กลับกันถ้าอีกฝ่ายทิ้งเขาขึ้นมาคงได้ตายแน่ๆ

   “หึ กูทำให้รักได้มากกว่านี้อีกนะ” ปอกระซิบบอกอย่างกวนๆเลยได้ค้อนวงโตจากคนตัวเล็กกลับมา

   “ให้ขึ้นไปส่งไหม” ปอถามด้วยความเป็นห่วงเพราะถ้าให้ไปคนเดียว อีกฝ่ายคงขึ้นบันไดไม่มีทางขึ้นลิฟท์คนเดียวแน่ๆ

   “ไม่เป็นไรชั้น 2 เอง” เลิฟส่งยิ้มให้แล้วรีบเดินขึ้นบันไดเพราะจะเข้าเรียนไม่ทันแล้ว ปอเลยพยักหน้าส่งให้เล็กน้อยก่อนจะเดินกลับไปหาเพื่อนตัวเองบ้าง

   Tru…Tru…Tru…

   เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้เลิฟชะงักเท้า แล้วหยิบขึ้นมากดรับสายเมื่อเห็นว่าเป็นโดมโทรมา สงสัยคงจะโทรมาตามเขาเข้าเรียน

   “เออว่าไง...ได้ๆเดี๋ยวกูไปช่วย” เลิฟตัดสายทิ้งและเปลี่ยนเป้าหมายไปทางหน้าคณะแทน เพราะต้องไปช่วยไอ้โดมถือชีทสรุปบทเรียน ซึ่งเจ้าตัวบ่นกระปอดประแปดไม่หยุดว่าหนักถือเองคนเดียวไม่ได้ และกำลังรอให้เขาไปช่วยถืออยู่ฟากถนนตรงข้ามหน้าคณะ ตั้งแต่เปิดตัวว่าเป็นอะไรความถึกของไอ้โดมนี่คือหายเกลี้ยง   

   “เร็วๆค่ะมึงกูร้อนมากและหนักมาก” โดมแหกปากตะโกนเรียกเลิฟเสียงดังมือก็โบกไปมาไม่หยุด

   “เออๆ” เลิฟตะโกนตอบเพื่อนแล้วรีบข้ามถนนไปหาด้วยความเร็ว

   “เลิฟ!!! ระวัง!!!” โดมตะโกนบอกเสียงดังใบหน้าแสดงความตกใจ เลิฟเองก็หยุดชะงักอยู่กับที่เพราะตกใจไม่แพ้กัน แล้วหันไปมองด้านข้างช้าๆก่อนจะตาโตเบิกกว้าง เมื่อเห็นว่ามีรถขับเข้ามาหาด้วยความเร็วและกำลังจะปะทะเข้ากับเขาในอีกไม่ช้า

   เอี๊ยด!!! โครม!!!

   ‘ปอ’
   
...
...

   ปอหันกลับไปมองทางที่ตัวเองพึ่งเดินจากมาด้วยความรู้สึกแปลกๆ เขาเหมือนได้ยินเสียงไอ้ตัวเล็กมันเรียกเขา แต่พอหันไปก็ไม่เห็นใครสงสัยเขาจะหูแว่วปอเลยส่ายหัวให้กับตัวเอง เขาท่าจะเป็นเอามากเดี๋ยวนี้ถึงกับขนาดหูแว่วได้ยินว่ามันเรียก

   “สัส!!” ปอสบถออกมาเพราะจังหวะที่หันกลับ ดันชนเข้ากับคนอื่นพอดี

   “ว๊าย!! หนูขอโทษนะคะพี่ปอ” รุ่นน้องในคณะยกมือขึ้นไหว้ปอปลกๆด้วยความกลัว เพราะตอนที่เดินสวนกันเจ้าตัวเองมัวแต่คุยกับเพื่อนแล้วเดินไม่ดูทาง จนเดินชนรุ่นพี่สุดหล่อแต่โคตรโหดคนนี้เข้าอย่างจังนับว่าเป็นความซวยปนโชคดีแท้ๆ

   “เป็นไรไหมคะพี่เฮ้ย!! เลือด!!” อีกฝ่ายร้องออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ หน้าเสียไปนิดเมื่อเห็นที่หูของของปอมีเลือดซึมออกมา

   ปอที่ได้ยินรุ่นน้องทักแบบนั้นเลยยกมือขึ้นมาจับหูตัวเอง สัมผัสได้ถึงของเหลวที่ซึมออกมาเล็กน้อย ถึงว่าสิทำไมเขาถึงรู้สึกเจ็บที่หูได้แผลนี่เอง

   “ไม่เป็นไรแค่แสบ...น้องไปได้ละ” ปอหันไปบอกรุ่นน้องแล้วก้มลงเก็บต่างหูที่หล่นลงบนพื้นขึ้นมา ตอนที่เดินชนกันเมื่อกี้ผมของอีกฝ่ายคงเกี่ยวเข้ากับต่างหูเขาพอดีมันเลยหลุดออกมา

   “ไปห้องพยาบาลไหมค่ะพี่” รุ่นน้องถามด้วยสีหน้าเป็นห่วงเต็มที่

   “ไม่ต้องน้องไปเถอะ” ปอเอ่ยปากไล่อีกครั้ง

   “หนูขอโทษอีกครั้งนะคะพี่” อีกฝ่ายยกมือขึ้นไหว้แล้วรีบเดินออกไปทันที

   ตาคมดุมองต่างหูในมือด้วยความกังวลก่อนจะเก็บมันใส่กระเป๋าไว้ ตั้งแต่วันที่ได้มันมาจนถึงตอนนี้เขาไม่เคยถอดออกเลยสักครั้ง เพราะคนที่ให้มันมาเคยขอเอาไว้และเขาก็ทำตามมาโดยตลอด อยู่ๆเขาก็รู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกรู้สึกในอกมันวูบโหวงและใจหายแบบแปลกๆ ความรู้สึกเดียว กับตอนนั้นไม่มีผิดตอนที่เลิฟหนีเขาไป แต่ตอนนี้ความรู้สึกที่ว่ามันรุนแรงกว่าจนเทียบไม่ติด
      
   “ว๊าย!!! กรี๊ดดดดด ช่วยด้วย!!! คนโดนรถชน” เสียงตะโกนกรีดร้องโวยวายดังสนั่นขึ้นที่หน้าคณะ ทำให้ปอหันไปมองด้วยความแปลกใจ

   ‘รถชน’ ปอเดินออกไปด้วยความเร็วใจมันเต้นระส่ำไปหมดโดยที่ไม่รู้สาเหตุ หัวใจมันเจ็บขึ้นมาทั้งๆที่ไม่ได้ไปทำอะไรจนต้องเอามือกุมไว้

   ทันทีที่เดินมาถึงที่หมายปอก็เจอกลุ่มคนจำนวนมากกำลังมุ่งดูอะไรบางอย่าง จังหวะที่จะแทรกตัวเองเข้าไปด้านในบ้างสายตาก็เข้าไปปะทะกับร่างๆหนึ่งที่เขาไม่ได้เห็นมานานหลายปี

   “ไอ้แฮ็ค” ปอพึมพำออกมาด้วยความแปลกใจพร้อมกับความรู้สึกกังวลที่ถาโถมเข้ามา ยิ่งอีกฝ่ายกระตุกยิ้มมาให้เหมือนเยาะเย้ยรวมทั้งสายตาที่แสดงความสะใจ มันยิ่งทำให้ปอรู้สึกสังหรณ์ใจว่ามันจะเกิดเรื่องอะไรที่เลวร้ายขึ้น

   "น้องเลิฟ!!!" เสียงร้องตะโกนด้วยความตกใจของใครบางคน ทำให้ปอละสายตาและหันไปมองตามทันที แล้วรีบเบียดกลุ่มคนที่มองอยู่เข้าไปด้านใน

   ภาพแรกที่ปอเห็นคือใบหน้าของโชนที่ดูตื่นตกใจ ยืนน้ำตาไหลตัวสั่นไปหมดอย่างคนเสียขวัญตากำลังมองลงไปยังพื้นถนน ปอเบนสายตาไปมองตามด้วยความรู้สึกกลัวที่จู่ๆก็ผุดขึ้นมา และมันก็ทำให้โลกทั้งใบหยุดหมุนแม้ กระทั่งสายลมที่พัดอยู่ก็หยุดนิ่ง ปอยืนมึนงงอยู่ตรงนั้นทำอะไรไม่ถูกกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า

   'คนรักของเขา คนสำคัญในชีวิต นี่มันเกิดเรื่องอะไร'

   ปอเดินเข้าไปหาร่างคุ้นตาที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้นถนนช้าๆ เห็นศีรษะเล็กมีเลือดไหลซึมออกมาตลอดเวลา ขาข้างนึงของร่างที่นอนอยู่บิดงอผิดรูปจนไม่เหลือสภาพเดิม

   เข่าสองข้างของปอทรุดลงกระแทกพื้นเสียงดังอย่างหมดแรง หัวใจเต้นช้าจนเหมือนจะหยุดเต้นในไม่กี่วินาทีข้างหน้า มือสั่นเทาเอื้อมไปช้อนตัวคนรักขึ้นมาแนบอกอย่างเบามือ ผิวขาวเนียนที่เขาเคยฝากรอยรักเอาไว้ทุกครั้ง ตอนนี้มีแต่แผลถลอกปอกเปิกไปหมด

   “เลิฟ...ที่รัก...ได้ยินกูไหม” ปอเรียกคนที่นอนแน่นิ่งในอ้อมแขนด้วยเสียงแผ่วเบา มันสั่นไหวและไม่มั่นคงเหมือนที่เคยเป็นเลยสักนิด หัวใจเหมือนมีใครเอามีดมากรีดจนเป็นแผลให้เจ็บปวดทรมาน อึดอัดหายใจไม่ออกเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมากำรอบคอเอาไว้

   “รถพยาบาล...ใครก็ได้โทรเรียกรถพยาบาลที” โชนที่ตั้งสติได้ตะโกนขอร้องให้คนแถวนั้นช่วยเพราะตัวเองไม่ได้ถือโทรศัพท์มา ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆปออย่างหมดแรง

   ‘เจ็บมากไหม...ที่รัก...เจ็บมากรึเปล่า’ ปอพึมพำในใจไปมาซ้ำๆถอดเสื้อตัวเองออกมากดปากแผลบริเวณหัวเอาไว้เพื่อห้ามเลือด ตอนนี้อะไรที่พอจะทำได้เขาต้องทำให้หมด เพื่อยื้อเวลาออกไปให้นานที่สุดไม่ว่าอะไรเขาก็จะทำทั้งนั้น

   “เลิฟได้ยินกูไหม...ที่รัก...ได้โปรด...ลืมตาขึ้นมามองกู...ได้โปรด” ปอพยายามร้องเรียกสติคนตัวเล็กตลอดเวลาวนเวียนอยู่แบบนั้นซ้ำๆ เสียงที่เปล่งออกมามันเจ็บปวดรวดร้าวและทรมานอย่างถึงที่สุด จนคนที่ยืนดูอยู่ต่างต้องพากันเบือนหน้าหนีอย่างสะเทือนใจ

   แผ่นหลังกว้างของปอตอนนี้ดูอ่อนแอและไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรอีกแล้ว มันดูเล็กจ้อยและสั่นเทาไม่ต่างจากแผ่นหลังของเด็กตัวน้อยๆ แขนสองข้างโอบประคองคนรักไว้แน่นแนบอก ปากยังคงพึมพึมเรียกชื่อคนรักไม่ขาดสาย

   จนถึงตอนนี้ไม่ว่าปอจะร้องเรียกอีกฝ่ายยังไงก็ไม่ได้สติ มีแค่เปลือกตาที่ขยับเล็กน้อยและลมหายใจแผ่วเบาเท่านั้น ที่ยังพอเป็นความหวังให้เขาในตอนนี้

   “เดี๋ยวรถพยาบาลก็มาทนก่อนนะที่รัก...ทนก่อน” ปอบีบมือเล็กแน่นหัวใจตอนนี้มันปวดหนึบไปหมด อยากเอาความเจ็บปวดบาดแผลทั้งหมดมาไว้ที่ตัวเอง ใจจะขาดมันเป็นยังไงวันนี้เขารู้ซึ้งดีที่สุด

   ปอไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว แต่ในความรู้สึกของเขามันเหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์ มือเล็กที่เขากุมเอาไว้ในตอนแรกมันกำลังเย็นชืดลงทุกขณะ เลือดยังคงไหลออกมาอย่างต่อเนื่องจนเสื้อของเขาเปียกชุ่มไปหมด ใบหน้าเนียนเริ่มซีดขาวไร้สีเลือด

   ลมหายใจที่แผ่วเบาแต่ยังพอสัมผัสได้บ้างตอนนี้แทบจะไม่มีให้รับรู้ หัวใจและชีพจรเต้นเบาเหมือนพร้อมจะหยุดลงในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง การตอบสนองทางร่างกายเริ่มหยุดนิ่งไม่ไหวติง

   “เลิฟ...อย่าทำกับกูแบบนี้...อย่าทิ้งกูไป...กูอยู่ไม่ได้” น้ำตาที่ไม่เคยไหลเลยสักครั้งตั้งแต่โตมา ตอนนี้มันกำลังไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ หยาดน้ำตามากมายมหาศาลตกกระทบใบหน้าเนียนของคนรักไม่ขาดสาย

   “เราต้องไม่จากกันแบบนี้...ได้โปรด..” ปอพึมพำชิดแก้มเย็นชืดของเลิฟ ความกลัวที่มองไม่เห็นกำลังวิ่งกระทบจนหัวใจสั่นสะท้าน เขากลัว...กลัวว่าจะต้องสูญเสียคนๆนี้ กลัว...ว่าจะต้องจากกัน

   ภาพเหตุการณ์ความทรงจำทุกอย่าง เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม กำลังผุดขึ้นในความทรงจำเหลือๆ เสียงหวานกับใบหน้าแสนงอนเวลาที่ไม่พอใจเขา หรือท่าทางออดอ้อนเวลาอยากจะได้อะไร มันกำลังจะหายไปพร้อมๆกับลมหายใจของคนในอ้อมกอด ทำไมเรื่องทุกอย่างมันถึงได้เกิดและวนเวียนซ้ำๆกับคนที่เขารัก ทำไมถึงไม่เป็นเขาที่เป็นฝ่ายเจ็บตัวบ้าง ทำไมไม่ใช่เขาที่นอนอยู่ในสภาพนี้...ทำไม

   เขาไม่เคยขอพรขอร้องหรือเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็น แต่ตอนนี้ถ้าหากสิ่งพวกนี้มีอยู่จริง ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไรหรือให้ต้องทำอะไรยากลำบากแค่ไหน เขาจะยอมทำมันทั้งนั้นขอแค่โอกาสสักครั้งขอแค่นี้จริงๆ

   ‘ถ้าสิ่งที่เรียกว่าพระเจ้ามีจริง...ผมขอร้อง...อย่าเอาหัวใจผมไป’



2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 59 - 60 (22/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 23-02-2016 09:45:00
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 59 - 60 (22/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 23-02-2016 10:10:55
หวังว่าเลิฟจะไม่ตายนะ
ไม่เข้าใจเลยว่ากับคนอื่นทำไมเวรกรรมันตามทัน แต่กับไอ้แฮคทำไม๊ทำไมมันยังลอยหน้าลอยตาอยู่ได้
หวังว่าเวรกรรมจะตามทันมันบ้างนะ... กับทุกอย่างที่เลวร้ายที่ได้ทำไว้
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 59 - 60 (22/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 23-02-2016 11:01:12
นิยายไม่จบดราม่าจ้า อย่าซีเรียสเน้อ
ว่าแต่นิยายลงจบแล้วต้องทำไงอ่ะ ใครพอรู้บ้าง
ต้องแจ้งทางบอร์ดมิ
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 59 - 60 (22/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-02-2016 11:59:36
ต้องดีขึ้นซิ
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 59 - 60 (22/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: imvodka ที่ 23-02-2016 12:16:33
แปลกๆเวลาปอเรียกว่าที่รัก
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 59 - 60 (22/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 23-02-2016 13:53:01
แฮ็คกระทำการอุกอาจขนาดนี้ พยายามฆ่าชัดๆ
ถ้ากฏหมายทำอะไรไม่ได้อยู่อีกก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วล่ะ
สงสัยต้องให้ตายกันไปข้างถึงจะพอใจสินะคนเรา
จิตใจบิดเบี้ยวขนาดนี้สงสารคนเป็นพ่อแม่และคนรอบข้างจริงๆ
แต่คิดอีกทีที่แฮ็คเป็นอย่างนี้อาจจะมาจากการเลี้ยงดูก็ได้นะ :เฮ้อ:
น้องเลิฟต้องปลอดภัยกลับมาเป็นที่รักของทุกคนนะจ๊ะ
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:
+1และเป็ดค่ะ
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 59 - 60 (22/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 23-02-2016 15:16:59
ขอให้น้องเลิฟปลอดภัย
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 24-02-2016 14:27:44

กับดักที่
- 61 -
   


   ร่างบางวิ่งเล่นไปตามชายหาดอย่างร่าเริง พร้อมกับแมวสีขาวตัวอ้วนกลมที่วิ่งเล่นกับเจ้าของเหมือนตัวเองเป็นหมาไม่มีผิด เสียงกระดิ่งคอกับเสียงหัวเราะดังคลอกันไปลั่นหาด ทำเอาใครที่ได้เห็นภาพต่างก็พากันอมยิ้มอย่างเอ็นดู

   “โธ่!!! ไอ้โมก!!! ไอ้แมวขาสั้น!!! วิ่งแค่นี้ก็ทำเหนื่อย” เลิฟที่วิ่งนำหน้าแมวไปแล้วพอสมควรต้องหันหลังวิ่งกลับมาหาแมวตัวอ้วน ที่นอนลิ้นห้อยแผ่หลาหมดสภาพอยู่กลางผืนทราย

   “ก็เพราะแบบเนี่ยปอถึงบอกว่าขี้เกียจเอาแต่กิน” เลิฟเอานิ้วจิ้มลงพุงกลมๆของโมกอย่างหมันเขี้ยวก่อนจะอุ้มมันขึ้น เพราะดูท่าแล้วมันคงจะไม่เดินต่อเองแน่ๆ     

   ‘เมี๊ยววววว’ โมกส่งเสียงออดอ้อนเจ้าของมันอย่างรู้งาน เอาหัวถูไถไปมาจนเลิฟต้องอมยิ้มให้กับความน่ารักของมัน

   “โอ๊ะ!! โอ๊ย!!” เลิฟร้องออกมาเสียงดังเพราะจังหวะที่หมุนตัวจะเดินต่อ เขาก้าวขาพลาดทำให้สะดุดแล้วล้มลงเข่ากระแทกพื้น

   “กูบอกให้ระวังไงวะ” ปอที่เดินมาตามมาไม่ห่างเอ็ดเลิฟดุๆ แล้วรีบสาวเท้าเข้ามาดูด้วยความเป็นห่วง จับขาของเลิฟให้เหยียดยาวแล้วพลิกไปมา ตรวจดูจนแน่ใจก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

   “เลิกทำหน้าแบบนี้ได้แล้วมันผ่านมาสองปีแล้วนะปอ...สองปีแล้ว” เลิฟลูบแก้มสากอย่างปลอบโยนแววตาคมไหววูบเล็กน้อย ก่อนจะปรับให้มันกลับมานิ่งสงบเหมือนเดิม

   ใช่...เหตุการณ์ทั้งหมดมันผ่านมานานถึงสองปีแล้ว แต่ภาพที่คนตรง หน้านอนจมกองเลือดในสภาพหายใจรวยริน ภาพที่อีกฝ่ายหัวใจหยุดเต้นและต้องปั้มหัวใจเพื่อดึงให้กลับมา มันยังคงติดอยู่ในความทรงจำและตามหลอกหลอนไม่ไปไหน

   ร่างกายในอ้อมแขนที่เย็นลงเรื่อยๆกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งที่ยังคงติดอยู่ปลายจมูก วินาทีแห่งการรอคอยความช่วยเหลืออันแสนทรมาน ยมทูตที่มองไม่เห็นตัวตนแต่พร้อมจะมาพาอีกคนจากไป ทุกความกลัวทุกสัมผัสมันยังคงตอกย้ำและซ้ำเติมเสมอจนถึงทุกวันนี้ ว่าครั้งนึงเขาเคยเกือบจะเสียอีกครึ่งนึงในชีวิตไป

...
...
   
   ฝ่ามือหนาสองข้างถูกบีบเข้าหากันแน่นจนรู้สึกเจ็บไปหมด แต่มันไม่เจ็บเท่าก้อนเนื้อในอกที่เต้นอ่อนแรงกับวินาที่แห่งความเป็นความตาย นานนับหลายชั่วโมงเข้าไปแล้วที่เจ้าของหัวใจเขาอยู่ในห้องผ่าตัด ไม่มีการบอกกล่าวถึงอาการใดๆทั้งสิ้นจากปากหมอ นอกจากความวุ่นวายของเหล่าพยา บาลที่วิ่งเข้าวิ่งออกอยู่เป็นระยะ กับใบหน้าที่แสดงความเครียดขึงรวมทั้งแววตาหนักใจจากหมอผู้รักษา

   เวลาแต่ละนาทีเดินไปอย่างเชื่องช้าทรมาน   ทุกคนต่างรอคอยปาฏิหารย์ด้วยความหวังภาวนาให้บุคคลผู้เป็นที่รักปลอดภัย และกลับมาส่งยิ้มให้พวกเขาอีกครั้ง

   ดวงตาคมของปอมองต่างหูกับสร้อยคอในมืออย่างเจ็บปวด กำของสองสิ่งไว้ในมือแน่นจนรู้สึกเจ็บ แต่มันไม่ถึงเสี้ยวเดียวของหัวใจที่เจ็บเลยสักนิด ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายกำลังเป็นแผลเหวอะหวะ มันกำลังกรีดร้องอย่างเจ็บปวดและทรมาน สิ่งเดียวที่ร้องขอในตอนนี้คือขอให้คนรักของเขาปลอดภัย จะกลับ มาในสภาพไหนก็ได้แต่ขอร้อง...ขอให้กลับมา

   แกร๊ก!!!

   การรอคอยอันแสนยาวนานสิ้นสุดลงพร้อมๆกับร่างของความหวังเพียงหนึ่งเดียวที่ก้าวออกมา ปอเงยหน้าสบตากับหมอผู้รักษาด้วยแววตาสั่นระริกเขากำลังกลัว...กลัวว่าสิ่งที่ได้ยินจะไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ ถ้ามันเป็นอย่างนั้นเขาก็ไม่รู้จริงๆว่าชีวิตที่เหลือจะอยู่ยังไง เพราะเขาลืมไปแล้ว...ลืมมันไปนานกับการที่อยู่ตัวคนเดียว

   คุณหมอสบตากับทุกคนที่มองมาช้าๆแล้วถอดหน้ากากอนามัยออก พร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะส่งยิ้มให้
   “คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ” สิ้นคำพูดของหมอหัวใจที่เหี่ยวเฉาใกล้ตายของปอ เหมือนได้รับการรดน้ำพรวนดินจนกลับมาชุ่มชื่นอีกครั้ง หัวใจของเขา คนรักของเขาในที่สุดก็กลับมา

   ท่ามกลางรอยยิ้มยินดีจากทุกคนที่เฝ้ารอ ป้องที่แยกตัวออกไปรับโทรศัพท์ก็เดินกลับเข้ามาพร้อมใบหน้าเคร่มขรึม ร่างสูงเดินไปจับบ่าน้องชายที่ร่างกายพอๆกันแล้วบีบเบาๆ

   “เราได้ตัวมันแล้ว” แววตาของปอเรียบสนิทและว่างเปล่าทันทีที่ได้ยิน

   “รีบไปรีบมานะพี่ชายเลิฟคงอยากตื่นมาเจอหน้าปอเป็นคนแรก” ปรางส่งยิ้มให้บางๆแล้วกอดพี่ชายตัวเองแน่น

   “มึงไปเถอะเดี๋ยวกูดูทางนี้ให้” ปิงที่ยืนอยู่ใกล้ๆกันยกมือขึ้นจับบ่าของน้องชายอีกข้าง

   “ไม่ต้องคิดอะไรมากเพราะเป็นกู...กูก็ทำ” ปิงบีบบ่าเบาๆแล้วสบตาน้องอย่างเข้าใจ พวกเขาพี่น้องรวมทั้งพ่อกับแม่เข้าใจและยอมรับในการตัดสินใจครั้งนี้ของน้องชายดี

   “ฝากด้วยนะ” ปอบอกเสียงแผ่วเบาแต่หนักแน่น มองกลับเข้าไปในห้องผ่าตัดเล็กน้อยก่อนจะเดินตามหลังพี่ชายออกไป วันนี้ทุกอย่างมันต้องจบและจะต้องไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก

...
...
   
   ปอยืนพิงรั้วริมแม่น้ำแล้วพ่นควันบุหรี่ออกจากปากเรื่อยๆ ก่อนจะทิ้งลงบนพื้นและใช้ปลายเท้าขยี้เบาๆเพื่อดับมัน  เขามาถึงโกดังเก็บสินค้าแถวท่าเรือซึ่งเป็นเขตพื้นที่ของฮวงหลงในไทยนานพอสมควรแล้ว หลังจากที่สั่งการบางอย่างออกไปเขาก็ปลีกตัวออกมาโทรศัพท์ถามเรื่องของเลิฟ

   ปอเดินกลับเข้าไปในโกดังอีกครั้งด้วยความไม่รีบร้อน เดินเข้ามาด้านในสุดก็นั่งมองสิ่งที่ตัวเองสั่งให้ทำด้วยสายตาเย็นชา เสียงกรีดร้องโหยหวนอ้อนวอนขอให้หยุดดังลั่น ภาพของผู้ชายที่ถูกจับล่ามโซ่ในสภาพคลานสี่ขาเหมือนหมา เนื้อตัวเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยรอยแผลจากการโดนบุหรี่จี้

   “อ๊ากกกกกกก ปล่อยกู กูขอร้องกูกลัวแล้ว” เสียงร้องโหยหวนอ้อนวอนของแฮ็คยังคงดังต่อเนื่อง แต่ไม่ได้นำพาให้ปอปราณีหรือสั่งให้ลูกน้องหยุด เขายังคงนั่งมองภาพเหล่านั้นด้วยใบหน้าเรียบเฉย มองเหล่าชายฉกรรจ์กลัดมันนับยี่สิบคนที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกัน ขยับโยกร่างกายบนตัวแฮ็คอย่างไม่เดือดร้อน มองเหล่าคนที่หยิบแส้ขึ้นมาเฆี่ยนตีคนตรงหน้าจนได้แผลแตกเหวอะหวะอย่างเฉยเมย

   ช่องทางหลังของแฮ็คเต็มไปด้วยน้ำกามมากมากมายจนไม่รู้ว่าของใครเป็นของใคร ปากก็ถูกใช้ให้อ้าอมแก่นกายไม่ซ้ำหน้า ต้องรองรับอารมณ์ดิบของทุกคนมานานนับหลายชั่วโมง จนร่างกายเจ็บปวดทรมานไปหมด บางครั้งทางด้านหลังก็ต้องรับท่อนลำเข้ามาทีเดียวพร้อมกันสองอัน รองรับเซ็กซ์วิตถารที่คนจำนวนมากจะสรรหามากระทำต่อตัวเอง เป็นช่วงเวลาที่สนุกสนานของผู้กระทำแต่เป็นช่วงเวลาที่เหมือนตกนรกทั้งเป็นของแฮ็ค

   “พอได้แล้ว” ปอสั่งให้ทุกคนหยุดการกระทำแล้วเดินตรงเข้าไปหาแฮ็ค ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวกำลังมองเขาด้วยสายตาหวาดระแวงอย่างถึงที่สุด

   “มึงรู้ไหมว่ากูรักมันมากแค่ไหน...มึงคิดถูกที่เลือกเอาคืนกูด้วยวิธีนี้เพราะกูเจ็บ...เจ็บเหมือนจะตายจริงๆ” ปอกระศีรษะของแฮ็คให้แหงนเงยขึ้นมามองตัวเอง

   “กูจะไม่ให้มึงตาย...ถ้ามึงคิดว่าสิ่งที่มึงกำลังเจออยู่ตอนนี้คือนรก กูบอกเลยว่าไม่ใช่” ปอมองแฮ็คด้วยแววตาดุดันพร้อมกับพูดเสียงเหี้ยม

   “ต้า” ปอปล่อยมือออกจากผมของแฮ็คแล้วหันไปรับเอาของบางอย่างจากต้า เขาดึงเข็มฉีดยาออกมาปักลงไปบนฝาขวดในมือ ดูดเอาของเหลวภายในขึ้นมาเต็มหลอด แล้วฉีดมันลงไปบนแขนของแฮ็คจนหมดหลอด

   “มึงเอาอะไรฉีดให้กูมึงจะทำอะไรกู” แฮ็คมองปออย่างหวาดกลัวเขาไม่เคยรู้สึกกลัวปอเลย จนมาวันนี้ปอสำหรับเขาแล้วไม่ต่างจากซาตานเลยสักนิด

   “นี่เป็นยาตัวใหม่ของฮวงหลงมันจะออกฤทธิ์แรงกว่าปกติสองเท่า ต่อไปนี้ชีวิตมึงที่เหลือจะอยู่ไม่ได้ถ้าขาดมัน วิธีเดียวที่มึงจะได้มันคือมึงต้องทำตัวไม่ต่างจากอีตัวในซ่อง คอยอ้าขาให้ผู้ชายเอาไม่ซ้ำหน้า” คำพูดของปอทำให้แฮ็คตาเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว

   “ไม่เอาๆอย่าทำกูยอมแล้วกูกราบก็ได้” แฮ็คก้มลงกราบแทบเท้าปอยอมทิ้งศักดิ์ศรีทุกอย่างลงทันที ถ้าต้องให้ชีวิตที่เหลือเผชิญกับสิ่งที่ปอพูดเขายอมตายดีกว่า

   ปอยกเท้าหนีแฮ็คแล้วมองด้วยแววตาว่างเปล่า ก่อนจะแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียมออกมาและนั่นทำให้แฮ็ครู้ว่าปอไม่ปล่อยตัวเองแน่ๆ เขาจึงตัดสิน ใจคว้าเอาเข็มฉีดยาที่หล่นอยู่ใกล้ๆขึ้นมา หวังจะใช้ส่วนปลายแหลมแทงคอตัวเองเพื่อฆ่าตัวตาย

   “ปล่อยกู!!! ไอ้เหี้ย!!! พวกมึงปล่อยกู!!!” แฮ็คโวยดังลั่นพยายามดิ้นรนขัดขืนแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะโดนคนของฮวงหลงล็อกตัวไว้แน่น

   “กูจะให้มึงเห็นนรกทั้งๆที่มึงยังหายใจ กูจะให้มึงรู้ว่าการที่คนๆนึงอยากตายแล้วตายไม่ได้มันเป็นยังไง” สิ่งที่ปอพูดทำให้แฮ็คเย็นวาบไปถึงขั้วหัวใจ คำพูดที่ไม่ต่างอะไรจากคำพิพากษาประหารชีวิต แต่มันเลวร้ายกว่านั้นเพราะเขาต้องอยู่ไม่ต่างจากสัตว์เพื่อรอคนมาสมสู่ ต้องเห็นนรกทั้งๆที่ยังหายใจ

   “อย่าลืมฉีดยาให้มันเสร็จแล้วก็ส่งมันไปซ่องแถวชายแดน” ปอสั่งเสียงเรียบ

   “ครับคุณปอ...คุณป้องให้บอกว่ารอที่ท่าเรือนะครับ” คนของฮวงหลงค้อมหัวเคารพปออย่างนอบน้อมและบอกในสิ่งที่นายน้อยอีกคนสั่ง ซึ่งปอก็พยักหน้ารับแล้วเดินออกไปทันที

   “อ๊ากกกกกก ปล่อยกู!! ช่วยกูด้วย...กูกลัวแล้ว” ต้าหันกลับไปมองแฮ็คที่กำลังกลายเป็นเครื่องระบายความใคร่อีกครั้งด้วยสายตาเวทนา ก่อนจะหันหลังแล้วเดินตามปอออกไป จะโทษใครได้ถ้าแฮ็คยอมจบโดยการที่เสียแค่นิ้วเรื่องมันอาจจะไม่เดินทางมาถึงจุดนี้ และอีกฝ่ายคงไม่ต้องมาอยู่ในสภาพน่าสมเพชแบบนี้ แฮ็คมันผิดเองที่ดันแตะของไม่ควรแตะ

...
...
   
   “ปอออออ” เสียงเรียกยานคางของเลิฟทำให้ปอได้สติและหลุดออกจากความคิดตัวเอง เห็นอีกฝ่ายกำลังขมวดคิ้วทำหน้างอมองเขาอยู่

   ฟอดดดดด

   “ทำไรอ่ะ” เลิฟปล่อยมือที่อุ้มโมกอยู่ทันทีแล้วยกขึ้นมาประกบที่แก้มตัวเอง ใบหน้าแดงซ่านจ้องปอตาโตก่อนจะมองไปรอบๆบริเวณ ก็เห็นสายตาหลายคู่ที่มองมาแล้วอมยิ้มให้

    ‘ไอ้บ้าปอหอมมาได้กลางชายหาดคนเยอะแยะ อายบ้างไหมเนี่ยผู้ชายมานั่งหอมแก้มกัน’

   “เลิกเขินได้ละ” ปอสอดมือเข้าไปใต้รักแร้ของเลิฟแล้วอุ้มคนตัวเล็กให้ลุกขึ้นยืน ไม่รู้มันจะเขินอะไรนักหนาเขาเองก็ไม่อยากจะพูดให้มันเสียกำลังใจหรอกนะ ถ้าดูเผินๆใครมองก็คิดว่าเขาหอมแก้มผู้หญิงทั้งนั้นแหละ นับวันมันยิ่งตัวบางหน้าหวานคล้ายผู้หญิงเข้าไปทุกที แก้มป่องๆมีเลือดฝาดเหมือนแก้มเด็กยิ่งเห็นยิ่งอยากฟัด

   ฟอดดดดด

   “เฮ้ย!!! พอได้เล่า...เอาโมกไปอุ้มเลย” เลิฟโวยวายหน้าแดงก่ำเพราะเขินจัด ยัดโมกใส่มือปอแล้วตัวเองก็หันหลังเดินลิ่วนำหน้าไป

   “เดินช้าๆ” ปอว่าดุๆเดินมาดึงแขนเลิฟไว้เลื่อนลงไปกุมมือเล็ก แล้วจูงเดินไปตามแนวชายหาดช้าๆ

   เลิฟคอยหันไปมองหน้าคนรักเป็นระยะตลอดทางเดิน บางครั้งปอก็หันมามองบ้างด้วยความแปลกใจ เจ้าตัวเองก็ได้แต่ส่งยิ้มกว้างให้อย่างมีความสุข เขากับปอมาเที่ยวทะเลกันหลังจากที่ปอพึ่งบวชเสร็จ ผมทรงอันเดอร์คัตตอนนี้เลยกลายเป็นทรงสกินเฮดไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังหล่อนะคิดแล้วอิจฉา

   สองปีที่ผ่านมาเขาเจอเรื่องอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะไปหมด ยังจำวันแรกที่ตัวเองฟื้นจากความตายได้ดี ปอร้องไห้...ผู้ชายที่แข็งแกร่งคนนั้นกำลังเสียน้ำตาให้เขาและเขาไม่ดีใจเลยสักนิดที่ได้เห็น ตรงกันข้ามเขาปวดใจไม่อยากให้คนรักต้องทำหน้าแบบนั้น ต้องรู้สึกแบบนั้นเลย

   สิ่งต่อมาที่เขาได้รับรู้นอกจากความเสียใจของปอคือ...เขาเดินไม่ได้ ไม่ใช่ว่าพิการหรือต้องตัดขาทิ้ง แต่เป็นเพราะกระดูกสะบ้าเข่าข้างขวาแตกละเอียดและกระดูกขาหัก จำเป็นจะต้องผ่าตัดเพื่อใช้เหล็กเข้าไปดามเพื่อช่วยให้กลับมาเดินได้อีกครั้ง เขาไม่รู้ว่าตัวเองผ่าตัดขาไปกี่ครั้งแต่กว่าทุกอย่างจะเข้าที่ กว่าเขาจะกายภาพบำบัดจนกลับมาเดินได้ ต้องใช้เวลานานนับปีและทำให้เขาต้องดร๊อปเรียนไว้ก่อน หลังจากกายภาพจนกลับมาเดินได้เขาก็ต้องเสียเวลาอีกเป็นปีเพื่อปรับพื้นฐานตัวเองก่อนกลับไปเรียนต่อ

   ถึงเขาจะกลับมาเดินได้ก็จริงแต่...มันไม่เหมือนเดิม เขาไม่สามารถวิ่งเร็วๆแบบแต่ก่อนได้เดินนานๆไม่ได้ ต้องคอยยืดขาตลอดเวลาเพื่อไม่ให้เส้นยึด ต้องคอยระวังเรื่องไม่ให้มีอะไรมากระทบแรงๆ

   ตอนที่หมอบอกเรื่องนี้คนที่สภาพจิตใจแย่กว่าไม่ใช่เขา แต่เป็นคนที่เดินข้างๆเขาตอนนี้ต่างหาก ปอพึมพำขอโทษซ้ำๆจนเขาปวดใจ เขาเองก็เสียใจที่รู้ว่าตัวเองจะไม่เหมือนเดิมแต่เสียใจกว่าที่ต้องเห็นปอเป็นทุกข์ เวลาที่เขาต้องเข้าห้องผ่าตัดปอจะทำหน้าเศร้าให้เห็นทุกครั้ง และปอโทษตัวเองมาตลอดว่าที่เป็นแบบนี้เพราะดูแลเขาไม่ดีทั้งๆที่มันไม่ใช่เลย

   “คิดอะไร” ปอหันมาถามคนตัวเล็กที่เดินเหม่อลอยเหมือนคิดอะไรอยู่ ซึ่งเจ้าตัวก็ส่ายหัวน้อยๆและส่งยิ้มกว้างให้เขาแทน
   “นั่นเขาทำอะไรอ่ะ” กลุ่มคนจำนวนมากที่ยืนอยู่ใกล้ๆเรียกความสนใจจากเลิฟได้เป็นอย่างดี เจ้าตัวรีบสาวเท้าเข้าไปเบียดฝูงชนด้วยความสนใจทันที เดือดร้อนปอที่ต้องรีบเดินตามไปดึงคนตัวเล็กไว้ เพราะกลัวอีกฝ่ายจะโดนชนจนล้ม

   “ขอแต่งงานล่ะ” ภาพที่ชายหนุ่มกำลังร้องเพลงรักและคุกเข่าลงขอหญิงสาวแต่งงาน ทำให้เลิฟมองด้วยความชื่นชมปากก็ยิ้มตามกับสิ่งที่เห็นไม่หุบ

   “มึงเป็นสาวน้อยแรกแย้มที่ฝันอยากใส่ชุดเจ้าสาวเหรอวะ” เสียงทุ้มของคนตัวโตที่ดังแทรกเข้ามาทำให้เลิฟยิ้มค้าง หยุดความเคลิ้มของตัวเองและหันมามองปอด้วยความเซ็ง

   “แล้วถ้าใช่จะว่าไง” เลิฟลองถามดูด้วยความกวนเขาไม่ได้อยากจะใส่ชุดเจ้าสาวอะไรหรอกแค่เห็นแล้วมีความสุขตามเฉยๆ

   “หึ กูไม่ทำแบบนั้นแน่” ปอทำหน้าขยาดใส่เลิฟแล้วลากอีกฝ่ายให้ออกมาจากตรงนั้น เดินจูงมือไปเรื่อยๆเพื่อพากลับที่พัก

   “นี่ปอที่พูดหมายความว่าไงอ่ะเป็นลูกมีพ่อมีแม่นะ เอาเขามาอยู่ด้วยต้องทำให้ถูกต้องดิ” เลิฟบ่นงุ้งงิ้งไปตลอดทางจนปอต้องหยุดเดินแล้วหันกลับ มาหา

   “หอบผ้ามาอยู่กับกูขนาดนี้ค่าตัวมึงเหลือไม่ถึงสองร้อยละเลิฟ” ปอพูดหน้าตายแล้วหันหลังเดินต่อทิ้งให้เลิฟมองตามอ้าปากพะงาบๆอย่างหมดคำพูด

   “โหยยยยย ปอดูถูกนี่หว่าแบบเลิฟเนี่ยต้องร้อยล้านขึ้น” เลิฟเดินตามมายักคิ้วให้ปอกวนๆ

   “แพงไป...พันเดียวพอ” ปอกระตุกยิ้มขำกับหน้าเหวอๆของเลิฟ

   “พี่ปอ...น้องเลิฟมีค่าแค่นั้นจิงดิ” เลิฟทำตาปริบๆส่งเสียงอ้อนใส่ พร้อมกับเอาหัวไปถูที่อกปอไปมา

   “ก็กูไม่มีตัง” ปอบอกอย่างไม่ใส่ใจกับท่าทางเหมือนลูกแมวของเลิฟ

   “เอ้า!!! ก็เห็นชอบบอกผัวมึงรวย” เลิฟทำท่าขึงขังล้อเลียนปอจนเจ้าตัวหลุดหัวเราะออกมา

   “กูไม่มีให้มึงร้อยล้านแต่ให้ทั้งชีวิตที่เหลือของกูมันแทนกันได้ไหม” ปอบอกเสียงเรียบแต่แววตาที่มองหนักแน่นยืนยันในสิ่งที่พูดไป นิ้วมือเรียวยาวเกลี่ยที่แก้มใสเล่นเบาๆ

   “ไอ้บ้า” เลิฟก้มหน้างุดด้วยความเขินความร้อนแผ่กระจายไปทั่วใบหน้า พึมพำว่าปอเสียงแผ่วก่อนจะเดินอ้อมไปด้านหลังแล้วกระโดดขึ้นเกาะหลังปอ

   “คิดว่ากูหนักไหม” ปอเอี้ยวตัวถามคนตัวเล็กที่เกาะหลังเขาเป็นลูกลิง ก่อนจะดันให้เจ้าตัวให้ขึ้นหลังเขาดีๆ

   “คิดจะให้กันทั้งชีวิตก็เตรียมตัวไว้เลยแบกแค่นี้อย่ามาบ่น” เลิฟชะโงกตัวไปหอมแก้มปอแล้วซุกหน้าลงบนไหล่กว้างแก้เขิน

   “ช่วยดูด้วยก็ดีว่ากูอุ้มไอ้โมกอยู่” ปอว่าขึ้นมาบ้างเพราะตัวเองต้องแบกทั้งเลิฟต้องอุ้มแมวไปด้วย ไม่ได้หนักอะไรแต่กลัวไอ้คนที่อยู่ข้างหลังมันจะตกเอา

   “บ่นว่ะแบกเมียแบกลูกแค่นี้ไม่ได้ไง” เลิฟบ่นงุ้งงิ้งเบาๆจนปอได้แต่ส่ายหน้า

   “เออๆเกาะดีๆละกันเดี๋ยวตก” ปอใช้มือข้างที่วางจับตัวเลิฟไว้แน่นส่วนเจ้าตัวก็ยิ้มอย่างชอบใจ

   “นี่ปอ” หลังจากที่เงียบมานานเลิฟก็ส่งเสียงเรียกปอขึ้น

   “หือ”ปอได้แต่ขานรับในลำคอก่อนจะเดินไปตามชายหาดเรื่อย พร้อมๆกับพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดิน

   “ปอว่าจากนี้เราสองคนจะเป็นยังไง”

   “ก็อยู่กันไปแบบนี้เรื่อยๆ”

   “แต่เดี๋ยวปอก็ไม่อยู่แล้วนี่นา” เสียงพูดเหงาๆที่ดังออกมาทำให้ปอหยุดเดินแล้วปล่อยคนบนหลังลงพื้น เลิฟเอื้อมมืองไปดึงเอาโมกมาอุ้มแทนแล้วก้มลงลูบหัวมันเล่นด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย

   “กูจะรีบกลับ” ปอลูบหัวเลิฟเบาๆ

   “ไปแล้วห้ามมีกิ๊กนะถ้ามีละน่าดู” เลิฟเงยหน้าขึ้นมาทำเสียงเข้มตาดุใส่ปอ

   “แล้วถ้ากูอยาก” ปอแกล้งถามกลับเพื่อกวนประสาท

   “ใช้มือไป...อย่าให้จับได้นะว่าวอกแวก ไม่งั้นกลับมาจะควงเย้ยสักคน” เลิฟลอยหน้าลอยตาตอบปอเพื่อแกล้งกลับ แต่เหมือนเจ้าตัวจะไม่ขำด้วยเพราะทำหน้านิ่งตาดุใส่เขาแล้ว

   “อยากตายก็ลองดู” ปอพูดเสียงเหี้ยมจนเลิฟต้องกลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาทันที

   “โหดไปไหนเนี่ย” เลิฟทำหน้าสลดพูดกับปอเสียงเบา

   “ไว้มึงลองทำดูค่อยพูดว่ากูโหด” ปอบอกเสียงเรียบแต่เลิฟทำหน้าแหย ใครจะไปกล้าวะเล่นขู่กันขนาดนี้

   “ไม่มีหรอกน่าน้องอ่ะรักพี่ปอคนเดียว” เลิฟเขย่งตัวจุ๊บปากปอเบาๆอย่างเอาใจพร้อมกับส่งยิ้มแป้นแล้นให้ ปอส่ายหัวหน่ายๆให้กับความกะล่อนของเลิฟยกมือขึ้นขยี้ผมคนรักจนยุ่งเหยิง ก่อนจะพาอีกฝ่ายเดินกลับที่พักต่อ

   แขนของปอโอบกระชับลำตัวของเลิฟแน่น อีกไม่กี่วันเขาจะต้องจากคนข้างๆไปอยู่อีกซีกโลกนึง และไม่รู้ว่าจะต้องห่างกันไปกี่ปีต่อจากนี้ แต่สิ่งที่เขาทำได้คือขอให้อีกคนอดทนรอ ถึงไม่อยากห่างกันแต่เขาก็ต้องไป เพราะมันเป็นข้อแลกเปลี่ยนเพื่อแลกกับความช่วยเหลือในเรื่องเมื่อสองปีก่อน



2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 62 (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 24-02-2016 14:31:08
กับดักที่
- 62 -
   


   “เมื่อไหร่พี่ปอจะกลับวะ” พีทเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ออกจะหงุดหงิด ใบหน้าหวานไม่ต่างจากเพื่อนสนิทเท่าไหร่มองคนรอบข้างอย่างหาเรื่อง จนคนที่โดนตั้งคำถามได้แต่เงยหน้าออกจากการบ้านที่กำลังท่วมหัวอยู่ตอนนี้ ก่อนจะส่ายหัวหน่ายๆส่งให้

   “มึงถามกูแบบนี้มาเป็นปีแล้วนะพีท” เลิฟตอบเพื่อนอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะเก็บของเพื่อเตรียมกลับบ้าน เพราะดูท่าแล้วพีทคงจะพูดนั่นพูดนี่จนเขาไม่ได้ทำงานต่อแน่ๆ

   “ก็ไม่เห็นจะยากมึงก็ตอบมาดิเมื่อไหร่พี่ปอจะกลับมา” พีทเอามือมาจับมือเลิฟที่กำลังเก็บของแล้วบังคับให้อีกฝ่ายมองหน้าตัวเอง

   “กูไม่รู้” เลิฟถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจและลงมือเก็บของบนโต๊ะต่อ

   “โอ๊ย!!! เมื่อไหร่มึงจะรู้อะไรสักทีวะ” พีทโวยวายเสียงดังอย่างอารมณ์เสียบ่นงึมงำไม่หยุดจนเลิฟเก็บของเสร็จเรียบร้อย

   “มึงนี่ก็เดือนร้อนเนอะกูเป็นแฟนแท้ๆกูยังเฉยๆ” เลิฟหยิบเป้ขึ้นมาสะพายหลังก่อนจะหันไปถามเพื่อนที่ยังนั่งหน้าบูดอยู่

   “แล้วตกลงมึงจะกลับได้ยัง”

   “เออๆกลับก็กลับแม่ง!!” พีทลุกขึ้นแล้วเดินปึงปังกระทืบเท้านำหน้าไปที่รถ

   เลิฟได้แต่ส่ายหัวกับท่าทางของเพื่อน ไอ้พีทชอบบอกว่าเขานับวันยิ่งแต๋ว แต่มันไม่ได้ดูตัวเองเลยสักนิดว่าตัวมันก็ไม่ได้ต่างกันเลย สะบัดสะบิ้งขี้เหวี่ยงยิ่งกว่าอีก

   ตั้งแต่วันที่ปอเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศก็ผ่านไปเป็นปีแล้ว จำได้ว่าก่อนที่ปอจะตกลงไปดีๆเราทะเลาะกันรุนแรงพอสมควร เพราะปอจะไม่ยอมไปถ้าจะไปต้องมีเขาไปด้วย แต่เขาเลือกที่จะเรียนต่อที่ไทยให้จบยอมรับว่าที่ตัดสินใจแบบนี่ เพราะไม่อยากกลายเป็นภาระให้ปอต้องตามดูแล กว่าจะคุยเหตุผลกันรู้เรื่องเขาก็เกือบตายคาเตียง

   ระหว่างหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ปอไม่เคยกลับไทยเลยสักครั้ง จะมีก็แค่โทรศัพท์หรือวิดีโอคอลเท่านั้นที่ทำให้เราได้คุยกัน ช่วงแรกๆก็โทรทุกวันจนเป็นอาทิตย์ละวัน และกลายเป็นเดือนละไม่กี่ครั้งในที่สุด ถามว่าเขาเหงาไหมน้อย ใจรึเปล่าก็ตอบตรงๆว่ามีบ้างแต่เขาเข้าใจ

   ปอไปอยู่นู้นก็มีเรื่องให้ทำเยอะแยะเต็มไปหมด ทั้งต้องเรียนและศึกษางานของปู่...ปู่ที่ปอไม่เคยพูดถึงเลยสักครั้งให้ได้ยิน มันเลยทำให้เขาไม่กล้างอแงเพราะรู้ว่าอีกคนเหนื่อยแค่ไหน

   เขาไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงอะไรมากนักว่าทำไมปอต้องไปเรียนต่อเมืองนอก ทั้งๆที่เจ้าตัวไม่เคยมีทีท่าหรือสนใจจะไปเลยสักนิด แต่ถึงจะแปลกใจหรือสงสัยแค่ไหนเขาเองไม่เคยคิดจะถาม เพราะถามไปเจ้าตัวก็คงไม่ยอมเล่าอะไรออกมาอยู่ดี

   ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่ตอนที่เขาโดนรถชน บ้านอัศวเทพค่อนข้างเปลี่ยนไปเยอะ มีคนที่เขาไม่รู้จักเดินกันให้เต็มบ้านไปหมด และทุกคนต่างให้ความเคารพนอบน้อมจนเขารู้สึกอึดอัด ยังไม่นับรวมพฤติกรรมแปลกๆของปอกับพี่ป้องที่ชอบหายไปไหนด้วยกันบ่อยๆ ตัวติดกันขนาดที่ว่าปอไปเรียนพี่ป้องยังต้องตามไป

   “เลิฟ” เสียงเรียกจากทางด้านหลังทำให้เจ้าของชื่อหันไปมอง ก่อนจะส่งยิ้มทักทายให้น้อยๆแบบที่ชอบทำ

   “อ้าว...โก้” เลิฟทักทายอดีตเดือนมหา’ลัยจากคณะสถาปัตย์อย่างคุ้นเคย

   “จะกลับแล้วเหรอให้โก้ไปส่งไหม” อีกฝ่ายอาสาอย่างกระตือรือร้นจนเลิฟได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆไปให้

   “ไม่เป็นไรหรอกพีทมารับเราแล้ว” เลิฟพยายามส่งซิกให้เพื่อนตัวเองที่ยืนรออยู่

   “พึ่งนึกขึ้นได้ว่ามีธุระว่ะมึง...โก้เราฝากไปส่งไอ้เลิฟที่บ้านด้วยนะ” พีททำท่าทางนึกขึ้นได้ว่าตัวเองมีธุระ แล้วรีบเดินเลี่ยงไปขึ้นรถตัวเองทันที เดือดร้อนเลิฟต้องเดินตามไปดักหน้าเพื่อนไว้

   “มึงเล่นเหี้ยอะไรเนี่ย” เลิฟถลึงตากระซิบถามเพื่อนด้วยความหงุดหงุด

   “ก็ไม่ทำไมกูจะให้ไอ้โก้ไปส่งมึง” พีทตอบอย่างไม่ใส่ใจท่าทีร้อนรนของเลิฟ

   “มึงจะบ้าเหรอวะเดี๋ยวงานก็เข้ากู” เลิฟบอกเพื่อนด้วยความไม่สบายใจ ถึงอีกคนจะอยู่ไกลคนละซีกโลกแต่ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้ไม่เห็นอะไร ใครมาตามจีบเขาหรือเขาไปไหนกับใครอีกฝ่ายโทรเช็คทันทีเหมือนตาเห็น แล้วนี่ถ้าเขากลับบ้านพร้อมโก้ล่ะก็เป็นเรื่องแน่ๆ

   “เออดี!! ให้งานมันเข้ามึงไปเลยจะได้หัดกลับมาหามึงบ้างไม่ใช่หายหัวไปแบบนี้” พีทกระแทกเสียงตอบฉุนๆปกติเขาไม่กล้าจะว่าพี่ปอแบบนี้หรอกแต่นี่มันเหลืออดจริงๆมีอย่างที่ไหนทิ้งเพื่อนเขาไปเป็นปีไม่เคยคิดจะโผล่หัวกลับมาหา จนใครต่อใครลือกันไปหมดว่าเพื่อนเขาโดนทิ้ง โดนคนนินทาดูถูกสารพัดว่าเป็นของเล่นแก้เหงา

   ถึงไอ้เลิฟมันจะดูเหมือนไม่เป็นอะไรแต่ทุกครั้งที่มันได้ยินหน้ามันซีดยิ่งกว่ากระดาษ ต่อให้เชื่อใจ มั่นคง รักมากแค่ไหนก็เหอะ แต่ทำแบบนี่พี่ปอแม่งทำเกินไปว่ะ คอยดูเขาจะยุให้ไอ้เลิฟหาผัวใหม่เอาไอ้โก้เนี่ยแหละเป้าหมายแรก จะเอาให้อยู่ไม่ติดเลยคอยดู

   “กูรู้ว่ามึงโมโหมึงโกรธแทนกู แต่กูโอเคกูไม่เป็นไรจริงๆนะเว้ย” เลิฟพยายามอธิบายให้เพื่อนเข้าใจในตัวคนรัก เขารู้ว่าเพื่อนกำลังไม่พอใจปอแต่ว่าปอจำเป็นจริงๆ

   “เออ!! แต่กูไม่โอเคแล้วมึงก็ให้ไอ้โก้ไปส่งซะ” พีทว่าอย่างไม่ยอมแพ้แล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถก่อนจะขับออกไปด้วยความเร็ว ทิ้งให้เลิฟยืนอ้าปากค้างที่โดนเพื่อนทิ้งกลางอากาศ

   “เราไปส่งเลิฟได้แล้วใช่ไหม” โก้เดินมาถามยิ้มๆเลิฟเลยได้แต่ถอนหายใจและพยักหน้าให้อีกฝ่ายปลงๆ

...
...
   
   โก้มองเสี้ยวหน้าหวานของคนที่ตัวเองตกหลุมรักตั้งแต่เรียนปีหนึ่งอย่างมีความสุข เขาเคยพยายามจะจีบอีกฝ่ายจนมีเรื่องมีราวกันมาแล้ว ทำให้ต้องเงียบหายไปจากชีวิตเจ้าตัวพักนึง จนเมื่อประมาณหนึ่งปีมานี่เองที่เขาได้มีโอกาสกลับมาคุยกับอีกฝ่ายอีกครั้ง พร้อมกับที่ได้รับข่าวดีว่าเจ้าตัวไม่มีคนอยู่ข้างกาย ถึงแม้จะไม่ได้เลิกกันแต่ระยะห่างมันจะต้องมีผลอะไรบ้าง มันเลยทำให้เขาพอมีหวังและรีบทำคะแนนระหว่างที่เจ้าตัวยังอยู่คนเดียว

   “เรียนเป็นไงบ้าง” โก้ตัดสินใจชวนคุยเพื่อทำลายความเงียบ

   “ก็หนักสมกับเป็นวิศวะดีแล้วโก้ล่ะเรียนป.โทเป็นไงบ้าง” เมื่ออีกฝ่ายชวนคุยเลิฟเลยถามกลับบ้างตามมารยาท เขาพึ่งจะกลับมาเป็นเพื่อนกับโก้ประมาณปีที่ผ่านมานี่เอง เพราะอีกฝ่ายมาขอโทษและขอโอกาสเป็นเพื่อนกันอีกครั้ง

   ตลอดเวลาโก้ดูแลเทคแคร์เขาดีมาก จนบางทีเขาก็เกรงใจและอึดอัดในบางครั้งกับการกระทำของอีกฝ่าย ครั้นจะเอ่ยปากบอกไล่ก็ทำไม่ได้เต็มที่ เพราะถึงโก้จะทำตัวเกินเพื่อนไปบ้าง แต่ไม่ได้ล้ำเส้นจนเขาเอ่ยปากปฏิเสธได้

   “โก้ก็เรื่อยๆแหละว่าแต่เลิฟหิวข้าวรึยังแวะทานอะไรหน่อยไหม” โก้ชวนเลิฟให้ไปกินข้าวด้วยกัน เพราะอยากจะยืดช่วงเวลานี้ออกไปให้นานอีกนิด

   “ไม่ดีกว่าเราไม่ค่อยหิว...โก้จอดรั้วหน้าบ้านเลยก็ได้นะเดี๋ยวเราเดินเข้าไปเอง” เลิฟบอกอีกฝ่ายเมื่อเห็นหลังคาบ้านตัวเองลิบๆ เขานอนที่บ้านตัวเองกับบ้านของปอสลับที่กันแบบนี้มาร่วมปีแล้ว และวันนี้เป็นคิวที่เขาจะกลับมาอยู่บ้านตัวเอง

   “ขอบใจนะโก้” เลิฟเอ่ยปากขอบคุณแล้วเตรียมตัวจะลงจากรถ แต่อีกฝ่ายดึงแขนเขาไว้แน่นจนต้องหันกลับมามองด้วยความแปลกใจ

   “มีอะไรรึเปล่า”

   “เลิฟ...รู้ใช่ไหมว่าโก้รู้สึกยังไงกับเลิฟ” โก้ตัดสินใจพูดออกมาในที่สุดหลังจากที่พยายามหาโอกาสมาหลายครั้ง

   เลิฟสบตาอีกฝ่ายนิ่งๆแล้วพยักหน้าลงช้าๆ ใช่...เขารู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไงแต่ไม่เคยพูดออกมา เพราะตัวโก้เองก็ไม่เคยบอกอะไรเหมือนกัน

   “โก้ชอบเลิฟนะตั้งแต่ปีหนึ่งตั้งแต่แรกที่เห็น” โก้สบตาเลิฟอย่างสื่อความหมาย

   “โก้รู้ว่าไม่ควรยุ่งแต่โก้ขอพูดอะไรหน่อยได้ไหม เขาหายไปเป็นปีแล้วไม่เคยกลับมาหาเลิฟเลย เขาอาจจะไม่ได้รู้สึกกับเลิฟเหมือนเดิมแล้วก็ได้ ทำไมเลิฟไม่ให้โอกาสโก้บ้างมองโก้บ้างได้ไหม ถึงโก้จะไม่มีพร้อมเหมือนเขาแต่โก้รักเลิฟนะ” โก้มองเลิฟอย่างอ้อนวอน ส่วนเลิฟที่ได้ยินคำพูดของโก้ก็แววตาไหววูบ ใจกระตุกไปไม่น้อยเพราะมันคือสิ่งที่ตัวเองก็คิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายแล้วส่งยิ้มจางๆไปให้

   “ถ้าเราบอกให้โก้เลิกรักเราเลิกรอเราโก้ทำได้รึเปล่า” คำถามที่เป็นยิ่งกว่าคำตอบทำให้โก้ยิ้มเศร้า

   “มันเป็นไปไม่ได้เลยสินะ” โก้ถามเสียงเศร้าหมอง

   “เราขอโทษนะแล้วก็ขอบคุณกับความรู้สึกดีๆที่โก้ให้เรา” เลิฟยิ้มกว้างให้อีกฝ่ายจนอีกฝ่ายต้องยิ้มตาม

   “ขอโทษที่ทำให้อึดอัดนะถ้ามันกลับมาโก้ขอชกมันสักทีได้ไหม โทษฐานทำให้คนที่โก้รักต้องทำหน้าเศร้าบ่อยๆ” โก้ถามออกมาพร้อมรอยยิ้ม

   “ฮ่าๆงั้นเราฝากเบิ้ลด้วยละกันนะ” เลิฟหลุดขำออกมาเมื่อนึกถึงภาพที่โก้ชกหน้าปอคิดว่าอีกฝ่ายคงสวนกลับทันควันแน่ๆ

   “ขอบใจที่มาส่งนะ...ยังไงโก้ก็เป็นเพื่อนที่ดีของเราเสมอนะ” เลิฟก้าวลงจากรถแล้วโบกมือลาอีกฝ่าย ก่อนจะหันหลังเดินเข้าบ้านไปอย่างสบายใจที่จบเรื่องนี่ด้วยดี อาจจะเป็นเพราะทั้งเขาทั้งโก้โตขึ้นด้วยล่ะมั้งเลยคุยกันด้วยเหตุผลรู้เรื่อง

   Tru…Tru…Tru…

   เลิฟที่พึ่งเดินเข้าห้องนอนมาตั้งใจว่าจะนอนแผ่หลาเพราะเหนื่อยจากการเรียน ต้องแปลกใจไม่น้อยที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในเวลานี้ ก่อนจะหลุดยิ้มออกมาเมื่อคิดว่าเจ้าตัวคงรู้แล้วแน่ๆถึงโทรมาเร็วแบบนี้

   “(ทำไมมึงต้องให้มันมาส่ง)” เสียงแข็งๆที่ดังมาตามสายทำให้เลิฟส่ายหัวน้อยๆ ก่อนจะเดินไปล้มตัวนอนลงบนเตียง

   “คนที่เขาฟ้องไม่ได้บอกเหรอว่าทำไม” เลิฟตอบยียวน

   “(กูถามให้มึงตอบ)”

   “ก็ไม่มีอะไรไอ้พีทมันกวนตีนหนีกลับก่อน เลิฟเลยต้องกลับพร้อมโก้”

   “(สักวันพี่อาร์ตต้องเป็นม่ายเมียตายเพราะกู)” เสียงนิ่งๆเรียบๆของปอทำให้เลิฟหลุดขำออกมา ดูท่าไอ้พีทจะเจองานหนักแน่ๆวันที่ปอกลับมา

   “ช่างมันเหอะ..ว่าแต่ปอทำไมโทรมาได้เนี่ยไม่ใช่เวลาปกตินี่นา” เลิฟถามด้วยความสงสัยเพราะปกติถ้าอีกฝ่ายโทรมาจะต้องดึกกว่านี้ ส่วนเขาไม่ค่อยได้โทรไปหรอกเพราะโทรไปก็ไม่รับ

   “(ก็เพราะ...มึงว่าอะไรนะ!! เรื่องเหี้ยอะไรอีกเนี่ยแม่งเอ้ย!! @$% @!#&*$!@!#)” จู่ๆปอก็สบถออกมาด้วยความฉุนเฉียวทั้งภาษาอังกฤษ ภาษา จีนปนกันมั่วไปหมด ก่อนเจ้าตัวจะเงียบหายไปทิ้งให้เลิฟถือสายรออยู่แบบนั้น

   “(เลิฟ...แค่นี้ก่อนนะกูต้องวางแล้ว)” หลังจากเงียบหายไปนานปอก็กลับมาบอกด้วยน้ำเสียงร้อนรน

   “อือ” เลิฟขานรับด้วยน้ำเสียงหงอยๆ มันกี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้จนเขาขี้เกียจจะนับ ที่อีกฝ่ายคุยกับเขาได้แป๊บเดียวแล้วต้องวางสาย

   “(เลิฟ)”

   “ว่า” เลิฟขานรับเนือยๆ

   “(อย่างอแง อย่างอน มึงรู้ใช่ไหมว่ากูไปง้อไม่ได้)”

   “รู้แล้วน่า...รีบไปดิมีธุระไม่ใช่เหรอ”

   “(เลิฟ)” เสียงถอนหายใจที่ได้ยินในสาย ทำให้เลิฟรู้ตัวว่ากำลังทำให้อีกฝ่ายไม่สบายใจ

   “เลิฟไม่เป็นไร...ปอไปเถอะ” เลิฟพยายามปรับน้ำเสียงให้ร่าเริงแล้วบอกอีกฝ่ายเพื่อไม่ให้เป็นห่วง

   “(กูจะรีบกลับ)”

   “รู้แล้ว” เลิฟตอบรับเสียงเศร้า

   “(กูสัญญา...นี่จะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เราจะต้องห่างกันแบบนี้ ถ้ามันจะมีอีกคือตอนที่มึงกับกูตายจากกันเข้าใจไหม)” เสียงพูดที่หนักแน่นของปอทำให้เลิฟยิ้มออกมา ก็เพราะปอเป็นแบบนี้ไงถึงจะไม่กลับมาหาก็จริง แต่มันทำให้เขาเชื่อว่าอีกฝ่ายรักเขามากแค่ไหน และมันทำให้เขามั่นใจมากพอที่จะอดทนรอ และเขาเลือกแล้วว่าต้องเป็นคนนี้นานแค่ไหนเขาก็ยังยืนยันคำเดิม

   “ปอ...เลิฟรักปอนะ”

   “(กูรักมึง)” พูดแค่นั้นปอก็วางสายไปทันที

   เลิฟมองโทรศัพท์ในมือเล็กน้อยก่อนจะกดส่งบางอย่างไปให้อีกฝ่าย ก่อนจะหยิบหูฟังขึ้นมาใส่แล้วเปิดเพลงที่ส่งไปฟัง ท่วงทำนองแว่วหวานดังขึ้นเรื่อยๆจนเลิฟคล้อยหลับไปในที่สุด

   บางครั้งในช่วงชีวิตของคนๆนึงอาจจะต้องเจอเหตุการณ์ที่ทำให้เราต้องห่างไกลจากคนที่รัก แต่มันไม่ได้แปลว่าความรักที่มีให้กันจะน้อยลงตามระยะทางที่ห่างกัน กลับกันความห่างมันอาจทำให้เรารักกันมากขึ้นด้วยซ้ำ


“เมื่อวานก็รัก...วันนี้รักเธอ
พรุ่งนี้ก็รักเธอ...พอใจที่มีเธอ
ไม่มีอีกแล้ว...ใครจะมาเข้าใจ ฉันได้ดีอย่างเธอ
ตอบแทนเธอ...รักเดียวใจเดียว”



2 Be Con...
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 63 จบจ้า (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 24-02-2016 14:58:34
กับดักสุดท้าย
- Everything I do. I do it for you. -
( ทุกสิ่งที่ผมทำ...ผมทำมันเพื่อคุณ )
   

   ร่างบางยืนยิ้มกว้างสดใสภายในวงล้อมของเหล่ารุ่นน้องที่มาร่วมอวยพรในวันสำเร็จการศึกษา ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้เลิฟเดินหัวหมุนไปหมดต้องคอยรับช่อดอกไม้ ตุ๊กตาจากผู้คนที่มาแสดงความยินดีอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งกว่าจะได้พักเจ้าตัวก็ยืนจนขาแข็งไปหมด

   ในที่สุดวันนี้ในชีวิตของเลิฟก็มาถึงวันที่เขาได้รับปริญญา ถึงจะไม่ได้จบมาด้วยเกรดเลิศหรูแต่นับว่าจบมาด้วยความภาคภูมิใจของเจ้าตัว เหล่าคนสำคัญในชีวิตมารวมกันครบในวันดีๆวันนี้ ถ้าจะขาดใครไปสักคนคงจะมีแค่คนเดียว...คนสำคัญของหัวใจ

   เลิฟไม่รู้ว่าทำไมปอถึงเงียบหายไป ครั้งสุดท้ายที่เขาได้ยินเสียงคนรักคือเมื่อประมาณสามเดือนที่แล้ว หลังจากนั้นอีกฝ่ายก็ขาดการติดต่อ แม้ตัวเขาเองจะติดต่อไปอีกฝ่ายก็ไม่เคยตอบรับเลยสักครั้ง
    
   เขาพยายามที่จะติดต่อทุกทางแต่ไม่เคยเป็นผล ไปบ้านของปอเพื่อจะถามข่าวคราวของอีกฝ่าย ความหวังเพียงหนึ่งเดียวของเขาก็หายไปเพราะไม่มีใครอยู่บ้าน เขาจนปัญญาที่จะตามหาเลยได้แต่ส่งข้อความไปบอก แต่จนถึงวันนี้ข้อความที่ส่งไปก็ยังไม่ได้รับการเปิดอ่าน

   เขาเลยได้แต่หวังว่าวันนี้ปอจะมา ถึงแม้ว่าตั้งแต่เช้าจนเย็นย่ำเขาจะไม่เห็นแม้แต่เงาคนบ้านอัศวเทพเลยก็ตาม แต่เขาก็ยังรอด้วยความหวังต่อไปแม้มันจะริบหรี่ก็ตาม

   “เลิฟนี่มันเย็นแล้วนะเว้ยกลับเหอะ บางทีพี่ปอเขาอาจจะไปรอมึงอยู่ที่บ้านแล้วก็ได้” นาวเอ่ยปากชวนเพื่อนสนิทกลับบ้าน เพราะเห็นว่าต่อให้อีกฝ่ายนั่งรอไปก็ไม่มีประโยชน์ ในเมื่อจนถึงตอนนี้คนที่เพื่อนเธอรอยังไม่มีวี่แววว่าจะมา และคิดว่าคงไม่มาแล้วแน่ๆวันนี้

   เลิฟมองรอบๆบริเวณงานอีกครั้งอย่างมีความหวังว่าจะเห็นใครคนนั้น ก่อนจะต้องก้มหน้าด้วยความผิดหวังพยักหน้าส่งให้เพื่อนเล็กน้อย แล้วออกเดินไปที่รถเพื่อจะได้กลับบ้านตอนนี้ในหัวของเขามันสับสนวุ่นวายไปหมด หนึ่งในนั้นที่มันฉายชัดที่สุดคือความกลัว เขากลัวว่าตัวเองจะโดนทิ้ง

   เลิฟเดินทอดน่องเอื่อยๆไปตามทางเดินอย่างพยายามยื้อเวลา ทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย ของขวัญมากมายที่ได้รับวันนี้มันหนักจนปวดแขนพอๆกับความรู้สึกหนักอึ้งที่แบกไว้จนปวดใจ จังหวะที่กำลังจะเดินพ้นหน้าคณะเลิฟก็หันไปเจอกระดานบอร์ดอันใหญ่ที่ตั้งไว้ ภาพในอดีตเมื่อหลายปีมา แล้ววิ่งย้อนกลับมาในสมองทันที

   เลิฟเดินตรงเข้าไปหาบอร์ดนั้นแล้วยกมือลูบมันเบาๆ เขาเจอปอครั้งแรกที่นี่ด้วยความบังเอิญมันเกิดขึ้นจากความซุ่มซ่ามของเขาล้วนๆ เขาคิดถึงอดีตอย่างหงอยเหงาคิดถึงคนในความทรงจำที่ไม่รู้ตอนนี้ไปอยู่ที่ไหน

   สายลมในตอนเย็นพัดเอื่อยๆราวกับจะหยอกล้อ พัดผ่านผิวแก้มแผ่วเบาราวกับเป็นจูบปลอบประโลมเลิฟหลับตาลงช้าๆเพื่อซึมซับสายลม เขาอยากให้สายลมที่พัดผ่านตอนนี้หอบคนที่เขาคิดถึงให้มาอยู่ตรงหน้าจริงๆ

   “อย่าให้กูเห็นหน้าพี่ปอนะ” พีทยืนมองแผ่นหลังของเลิฟแล้วบ่นออกมาด้วยท่าทางฉุนเฉียว

   “ถ้ามึงเห็นแล้วจะทำอะไรไม่ทราบ” นาวที่ยืนอยู่ข้างๆถามด้วยน้ำเสียงดูถูกหน้าแบบมันจะมีปัญญาไปทำอะไรพี่เขาได้ ถ้าจะเอาไปงัดต้องส่งพี่อาร์ตไปแทนและพนันได้เลยว่าพี่อาร์ตผู้รักเมียมากไม่ช่วยมันแน่ๆ

   “ก็กู...โอ้ย!! สัส!!” พีทที่กำลังจะอ้าปากให้พรปอต่อต้องร้องออกมาเสียงดัง เพราะจู่ๆก็มีคนเอาช่อดอกไม้มาฟาดหน้าเต็มแรง พอปัดดอกไม้ออกจากหน้าตั้งใจจะด่าคนทำก็ต้องอ้าปากค้างกลืนน้ำลายลงคอ ตาเหลือกแล้วส่งยิ้มแหยๆไปให้เจ้าของดอกไม้ ก่อนจะรับดอกไม้ในมือของอีกฝ่ายมาถือไว้ให้ ก่อนจะก้มหน้าหลบสายตาอย่างรวดเร็วเมื่อโดนชี้หน้าคาดโทษ

   “ไงล่ะมึง...ไม่แน่นี่หว่า” นาวหันมาส่งเสียงเยาะเย้ยใส่พีท ก่อนจะมองตามร่างสูงที่เดินไปหาเพื่อนตัวเล็กของเธอ ไม่เจอกันหลายปีคนอะไรยิ่งแก่ยิ่งหล่อ

   ร่างสูงเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กที่ยืนหลับตาพริ้มช้าๆ ก่อนจะสอดมือเข้าไปที่เอวบางแล้วดึงเข้าหาพร้อมกอดไว้แน่น กดจมูกลงที่แก้มเนียนเพื่อสูดความหอมเต็มแรง

   “เลิฟถึงกับสะดุ้งตกใจสุดตัวเมื่อจู่ๆก็มีแรงกอดรัดจากทางด้านหลัง ไหนจะแรงกดจูบที่แก้มของตัวเอง หันกลับมาตั้งใจจะเอาเรื่องคนทำก็ต้องชะงักค้าง ตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกตะลึง

   “หอม” เสียงทุ้มคุ้นหูที่ไม่ได้ยินมานาน พร้อมกับรอยยิ้มที่เจ้าตัวส่งมาให้ ทำเอาเลิฟมึนงงกับสถานการณ์จนทำอะไม่ถูก

   “เป็นอะไร” ปอจับตัวเลิฟให้หมุนมาเผชิญหน้ากับตัวเอง แล้วถามด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่จ้องหน้าเขาโดยที่ไม่พูดอะไร

   ฝ่ามือเล็กยกขึ้นไปแตะบนใบหน้าคม ก่อนจะค่อยๆไล่แตะไปตามส่วนต่างๆจนทั่ว ดวงตากลมโตไหววูบไปมาน้ำใสๆเริ่มคลอที่หน่วยตา ก่อนจะไหลลงมาช้าๆ

   “ปอ...จริงๆด้วย” เลิฟพึมพำเสียงสั่นพร้อมน้ำตาที่เริ่มไหลไม่หยุดราวกับเปิดก๊อก

   ปอจับฝ่ามือเล็กที่ลูบหน้าตัวเองขึ้นมาแล้วกดจูบลงที่หลังมือ ก่อนส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยนมืออีกข้างก็เกลี่ยน้ำตาให้อีกฝ่ายเบาๆ

   “กูกลับมาแล้ว” จบคำพูดของปอเลิฟก็โถมตัวเข้ากอดปอเต็มแรงร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่กับแผ่นอกกว้าง

   “ชู่ว์...ไม่ร้อง” ปอลูบหัวลูบหลังปลอบเลิฟที่ร้องไห้ตัวโยนไม่ต่างกับเด็ก

   “หายไปไหนมา...ไอ้เหี้ย...โทรไปก็ไม่รับแถมไม่โทรกลับมาหาอีก ไอ้เลว” เลิฟตะโกนด่าปอด้วยความเคืองทั้งน้ำตา มือก็ทุบลงบนอกแรงๆเพื่อให้อีกฝ่ายเจ็บ

   “มึงต้องถามคนที่ยืนข้างหลังมึงแล้วล่ะว่าทำไม” ปอพูดกลั้วหัวเราะแล้วเช็ดน้ำตาออกจากหน้าของเลิฟ ก่อนจะจับตัวอีกฝ่ายให้หันหน้าไปเผชิญกับกลุ่มคนทางด้านหลัง

   “เซอร์ไพรซ์วันเรียนจบนะเลิฟ” ปรางส่งยิ้มกว้างให้เลิฟแล้วโผเข้ากอดเต็มแรงก่อนจะหอมแก้มทั้งสองข้างเลิฟ วันนี้พี่ชายเธอให้โอกาสวันนึงต้องรีบคว้า

   “ยินดีด้วยนะของขวัญค่อยไปเอาที่บ้านเรานะ” ปรางกอดเลิฟอีกเล็กน้อยก่อนจะผละออกให้ปิงเข้ามาแสดงความยินดีบ้าง

   “พี่ดีใจด้วยนะครับ” ปิงส่งยิ้มอ่อนโยนให้ก่อนจะยกมือขึ้นขยี้หัวเลิฟเบาๆ

   “แม่กับพ่อดีใจด้วยนะคะ” คุณปิ่นแก้วกอดเลิฟเบาๆหนึ่งทีแล้วผละออก ก่อนจะตามมาด้วยคุณปรีชาที่เข้ามากอดแล้วตบหลังเลิฟเบาๆ

   “ขอโทษนะที่ทำให้ร้องไห้เราแค่อยากจะเซอร์ไพรซ์เลิฟอ่ะเลยกั๊กตัวปอไว้” ปรางอ้อมแอ้มเอ่ยปากขอโทษแต่เลิฟที่ยังไม่เข้าใจก็มองทุกคนด้วยความงง

   “คือจริงๆปอกลับไทยมาสามเดือนแล้วอ่ะ แต่พวกเราไม่ให้ปอมาหาเลิฟตั้งใจจะแกล้วนั่นแหละขอโทษน๊าาาา” ปรางยกมือขึ้นไหว้อย่างลุแก่โทษพร้อมส่งยิ้มแหยๆให้ส่วนเลิฟเข้าใจทุกอย่างทันที นี่สินะเหตุผลว่าทำไม ตลอดเวลาสามเดือนที่ผ่านมาเจ้าตัวไม่โทรหา ไม่รับสาย เพราะอยู่ไทยแล้วนี่เอง และคงจะมาเฝ้าดูการเคลื่อนไหวเขาด้วยแน่ๆ

   “อย่ามองกูแบบนั้นพี่ชายมึงมันก็รู้” ปอรีบโบ๊ยความผิดไปให้เพื่อนร่วมชะตากรรมที่รู้ความจริงมาตลอดอย่างรุตทันที ด้านรุตที่ยืนเงียบมานานก็ได้แต่ส่งยิ้มแหยๆมาให้น้องชาย

   เลิฟมองทุกคนด้วยความเคืองแสดงว่ามีแต่เขากับไอ้พีทสองคนสินะที่ไม่รู้เรื่อง เพราะดูแล้วนาวเองก็น่าจะรู้เพราะเจ้าตัวไม่ได้โวยวายหรือแสดงความแปลกใจอะไรเลย

   ปอยิ้มขำออกมาเล็กน้อยกับอาการงอนของอีกฝ่าย นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้เห็นหน้างอๆ ปากยื่นๆแบบนี้ ก่อนที่จะเอามือไปคว้าช่อดอกไม้ที่ฝากพีทไว้แล้วยื่นไปที่หน้าของเลิฟ

   “อะไร” เลิฟถามเสียงงอนๆตากลมโตมองช่อดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่ด้วยความเคืองก่อนจะรับมันมาถือเอาไว้

   “ง้อ” ปอกระตุกยิ้มส่งให้เลิฟนิดๆส่วนเลิฟได้แต่มองตาโต เวลาที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้ผู้ชายคนนี้เรียนรู้อะไรเลยสินะ ง้อก็พูดแค่ว่าง้อเนี่ยนะ

   “ไอ้บ้า” เลิฟด่าด้วยความเหนื่อยใจก่อนจะอมยิ้มมองดอกกุหลาบในมืออย่างมีความสุข

   “ให้แค่นี้เหรอคนอื่นเขายังจะมีของขวัญให้เลย” เลิฟเอ่ยปากทวงพร้อมกับแบมือไปตรงหน้าปอ

   “งั้นเอาไปเพิ่ม” ปอจับมือเลิฟไว้แล้วกดจูบลงกลางฝ่ามือ เพื่อจงใจจะแกล้งคนตัวเล็กให้อายโดยเฉพาะ แล้วก็ได้ผลเพราะเลิฟหน้าแดงด้วยความเขินทันที

   “โหยยยย ไอ้เลิฟ!! อะไรว่ะแม่งมึงโกรธอยู่ไม่ใช่รึไง” พีทโวยวายด้วยความฉุนที่เห็นเพื่อนอ่อนยวบเป็นขี้ผึ้งรนไฟ

   “เสือกเรื่องของเขาอิจฉาก็ไปบอกผัวที่บ้านให้ทำ” นาวตบกะโหลกพีทแรงๆด้วยความหมั่นไส้ เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้เป็นอย่างดี

   “แต่กูเห็นด้วยกับไอ้พีทนะไอ้เลิฟแม่งใจอ่อนฉิบหาย” กั้มว่าออกมาอย่างเหนื่อยใจกับความอ่อนด้อยทางจิตใจของเพื่อน

   “อะไรเล่า!! พวกมึงแม่ง!!” เลิฟตวาดใส่เพื่อนเสียงดังแก้เขินก่อนจะก้มหน้างุดซุกอกของปอ เรียกได้ทั้งเสียงหัวเราะและรอยยิ้มด้วยความเอ็นดูปนหมั่นไส้จากคนรอบข้างได้เป็นอย่างดี

...
...
   
   ดึกดื่นค่อนคืนจนใกล้จะเข้าเช้าวันใหม่ไปแล้วปอก็ยังไม่นอน เขานั่งมองหน้าคนตัวเล็กที่นอนหลับตาพริ้มข้างๆอย่างมีความสุข ก่อนที่จะก้มลงหอมแก้มเนียนแล้วตัดสินใจรบกวนการนอนของอีกฝ่าย

   “เลิฟตื่นเร็ว” เสียงเรียกที่ดังขึ้นข้างหูกับแรงก่อกวน ทำให้เลิฟลืมตาขึ้นมามองอีกฝ่ายด้วยความงง ก่อนจะลุกขึ้นมานั่งในสภาพงัวเงีย

   “อะไรอ่ะ” เลิฟเอามือขยี้ตาไปมาแล้วกันมองไปที่หน้าต่าง ฟ้ายังมืดอยู่เลยมองไปที่นาฬิกาพึ่งจะตีสองเอง

   “ลุกไปอาบน้ำ” ปอสั่งเสียงเรียบ

   “ไปไหนอ่ะ” เลิฟถามด้วยความงงงวยพอสังเกตุดีๆก็เห็นอีกฝ่ายแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว

   “ถามมากไปอาบน้ำ” ปอสั่งเสียงดุๆจนเลิฟหน้างอแล้วเดินปึงปังกระแทกส้นเท้าเข้าห้องน้ำไป ปอมองตามแล้วส่ายหัวด้วยความขำก่อนจะเปิดลิ้นชักหัวเตียง หยิบของบางอย่างออกมาพร้อมกับกุญแจรถ แล้วลงไปรออีกฝ่ายข้างล่าง

   เลิฟที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเดินลงมาข้างล่างด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนจะเดินขึ้นไปนั่งบนรถตามที่อีกฝ่ายสั่งไม่รู้ว่าจะพาไปไหนถามก็ไม่ยอมตอบ ปอหันไปมองคนตัวเล็ดที่นั่งหน้างอด้วยความขำ แต่ไม่คิดที่จะอธิบายอะไรก่อนจะขับรถออกไปทันที

   เลิฟถอนหายใจออกมาด้วยความเซ็งก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่างรถที่มีแต่ความมืด เขาไม่รู้ว่าปอพามาที่ไหนรู้ตัวอีกทีรถยนต์ก็จอดนิ่งสนิทที่ถนนริมทะเลแล้ว

   ปอเปิดประตูลงจากรถแล้วเดินไปนั่งที่หน้ากระโปรงรถ ด้านเลิฟก็เดินตามอีกฝ่ายไปด้วยความงงที่มีมาตั้งแต่ออกจากบ้าน ปอดึงแขนคนตัวเล็กให้มายืนระหว่างขาของตัวเองแล้วกอดเอวอีกฝ่ายไว้แน่น

   “ชวนมาดูพระอาทิตย์ขึ้นเหรอ” เลิฟถามด้วยความขำก่อนจะมองพระอาทิตย์ที่กำลังโผล่พ้นขอบน้ำ

   ปอล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางกางแล้วจับฝ่ามือเล็กให้แบออก ก่อนจะว่างกล่องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กลง เลิฟมองของในมือด้วยความตะลึงก่อนจะเปิดมันออกด้วยมือที่สั่นเทา แหวนสองวงที่อยู่ในกล่องทำให้เลิฟน้ำตาไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ ตอนนี้สมองมันมึนงงไปหมดกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งที่อีกฝ่ายยังไม่พูดอะไรแต่หัวใจมันเต้นรัวเหมือนจะทะลุออกมาจากอก

   แต่แล้วหัวใจก็เปลี่ยนเป็นเต้นช้าลงจนเหมือนจะหยุดเต้น เมื่อเสียงทุ้มนุ่มดังแว่วเป็นท่วงทำนองขึ้นที่ข้างหู เพลงรักที่หลายๆคนคงอยากได้ยิน เพลงรักที่ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะร้องออกมา


“แค่ได้มองตาเธอในวันนั้น จากที่เราเจอกันแค่ครั้งเดียว
เปลี่ยนชีวิตที่เคยโดดเดี่ยวให้มีความหมาย
ไม่ว่าฉันและเธอ ต่างคนต่างมาต่างกันเท่าไหร่
คำว่ารักจะผูกใจเราไว้ ไม่ให้ไกลกัน
จากที่เคยเย็นชาก็หวั่นไหว จากเป็นคนอื่นไกลก็คุ้นเคย
สิ่งที่ฉันไม่เข้าใจเลย เธอบอกกันให้รู้
เปลี่ยนชีวิตฉันไป อยากอยู่นานๆ เพื่อจะเฝ้าดู
วันพรุ่งนี้รักเราจะเป็นอย่างไร

ฉันไม่เคยรักไม่เคยรู้ ว่าชีวิตมันดีเช่นไร
เมื่อได้มีบางคนข้างกาย เมื่อได้มีเธออยู่ข้างๆ กัน
ฉันมอบชีวิต ต่อจากนี้ไปจนนิรันดร์
ทั้งหัวใจคือเธอเท่านั้น รักของเราจะอยู่จนวันตาย

จะเป็นคนดูแลเมื่อเธอล้ม จะเป็นลมโอบเธอเมื่อร้อนใจ
กี่ปัญหามากมายเพียงใด เรามีกันไม่แพ้
ต่อไปนี้สัญญาจะ เกิดอะไรกับเธอแล้วแต่
คนๆ นี้ไม่มีวันจะหายไป

ฉันไม่เคยรักไม่เคยรู้ ว่าชีวิตมันดีเช่นไร
เมื่อได้มีบางคนข้างกาย เมื่อได้มีเธออยู่ข้างๆ กัน
ฉันมอบชีวิต ต่อจากนี้ไปจนนิรันดร์
ทั้งหัวใจคือเธอเท่านั้น รักของเราจะอยู่จนวันตาย”


   เสียงร้องเพลงจบไปแล้วแต่ความหมายของมันยังดังก้องอยู่ในใจ เลิฟร้องไห้ออกมาด้วยความสุขกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่รู้ว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนที่ได้เจอผู้ชายคนนี้ มันมีหลายอย่างและหลายครั้งรวมทั้งหลายๆเรื่องที่อีกคนทำให้เสียน้ำตา เสียใจ แต่ทุกอย่างที่เจอมามันคุ้มจริงๆกับหัวใจที่ให้ไป เรียกได้เลยว่าเกินคุ้มกับการที่ได้หัวใจผู้ชายคนนี้มา ผู้ชายที่มีพร้อมทุกอย่างและมีรักมั่นคงให้กับเขา

   “เป็นของกูนะเป็นของกูจริงๆสักที ให้กูมีสิทธิ์มากว่าที่มีอยู่” ปอถามเสียงหนักแน่นที่ข้างหูจนเลิฟยิ้มขำออกมาทั้งน้ำตา เอากับผู้ชายคนนี้สิขนาดขอแต่งงานยังเอาแต่ใจเลย

   “ไหนบอกว่าจะไม่ทำแบบนี้ไง” เลิฟหันกลับมาเผชิญหน้ากับปอแล้วถามพร้อมรอยยิ้ม เขาจำได้นะว่าตอนนั้นปอบอกว่าตัวเองจะไม่ทำอะไรแบบนี้ แต่นี่มันยิ่งกว่านั้นอีกนะ

   “ก็ไม่ได้อยากทำแต่เมียกูมันชอบอะไรน้ำเน่า แต่ขอร้องนะเรื่องคุกเข่าเท่านั้นที่กูจะไม่ทำ” ปอตอบออกมาด้วยใบหน้าแหยงๆ เอ่ยดักคอเลิฟไว้เพราะกลัวอีกฝ่ายจะอุตริให้ทำ

   “อะแฮ่ม...นายปรมัตถ์ อัศวเทพ ยินดีจะรับนายกานดา รักษ์ฐานันท์ เป็นคู่ชีวิตจะซื่อสัตย์ต่อเขา ทั้งในยามสุขและยามทุกข์ ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติจนกว่าชีวิตจะหาไม่หรือไม่” ปอเลิกคิ้วขึ้นสูงกับการเปลี่ยนอารมณ์ปุ๊บปั๊บของเลิฟก่อนจะกระตุกยิ้มออกมานิดๆ

   “มึงนับถือพุทธนะเลิฟ” ปอถามออกไปด้วยความกวนจนเลิฟมองค้อนหน้างอ

   “เอาน่า...แต่งงานไม่มีศาสนาหรอกตอบมาดิ” เลิฟเถียงออกไปข้างๆคูๆนับถือพุทธแล้วไงอ่ะเวลาดูหนังแบบนี้มันโรแมนติกกว่านี่นา

   “หึ หึ รับครับ” ปอหลุดขำออกมาแล้วหยิบแหวนวงที่เล็กกว่าออกมาสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของเลิฟ พร้อมกับจับมืออีกฝ่ายขึ้นมาจูบแผ่วเบา เลิฟก้มมองแหวนบนนิ้วด้วยความสุขก่อนจะมองหน้าปออีกครั้ง

   “ส่วนนายกานดาขอสัญญาว่าจะรัก ซื่อสัตย์ กับนายปรมัตถ์แต่เพียงผู้เดียว มือคู่นี้จะไม่ยอมให้ใครได้แตะต้อง ตาคู่นี้จะไม่มีทางหันไปมองที่ใครอีก และหัวใจดวงนี้จะยกมันให้นายปรมัตถ์ดูแลรักษาจากนี้จนตลอดชีวิต” เลิฟบอกปอออกไปด้วยใบหน้าแดงก่ำ ก่อนจะหยิบแหวนขึ้นมาสวมลงบนนิ้วมือข้างซ้ายของอีกฝ่าย

   “กูไม่คิดเลยนะว่าชีวิตจะมาจบลงกับผูชายด้วยกัน โดยเฉพาะคนที่รวมทุกอย่างที่กูเกลียดไว้ในตัว งอแง งี่เง่า ขี้แย มึงแม่งเป็นทุกอย่าง” ปอบ่นในสิ่งที่ตัวเองคิดมาตลอดให้เลิฟฟัง มือก็กอดเอวคนตัวเล็กไว้หลวมๆ

   “แล้วตอนนี้อ่ะ” เลิฟถามอีกฝ่ายด้วยความขำเพราะดูจากสีหน้าปอคงจะไม่ชอบคนแบบนี้จริงๆ

   “ก็เกลียด” ปอตอบด้วยใบหน้าเรียบนิ่งไม่มีแววล้อเล่น จนเลิฟใบหน้างอง้ำที่อีกฝ่ายตอบไม่รักษาน้ำใจ

   “ยกเว้นมึง” คำพูดต่อมาทำเอาเลิฟอมยิ้มด้วยความชอบใจ ก่อนจะก้มลงไปหอมแก้มอีกฝ่ายแรงๆ

   “ขอบคุณนะแหวนสวยเนอะ” เลิฟหมุนแหวนบนนิ้วเล่นและมองด้วยความชอบใจ ดูแล้วน่าจะสั่งทำแน่ๆไปแอบทำไว้ตอนไหนเนี่ย

   “แต่งงานแล้วอย่าลืมนะว่าต้องเข้าหอ” เสียงกระซิบของปอทำให้เลิฟเงยหน้ามองอีกฝ่ายตาโต ความโรแมนติกเมื่อกี้ถูดพัดหายไปทันที

   “โอ๊ย!! ไอ้หื่น ทำไมเป็นคนแบบนี้วะ ปอ...อื้อ...” เสียงโวยวายของเลิฟขาดหายทันทีเพราะปอดึงอีกฝ่ายเข้ามาบดจูบ ขบเม้มริมฝีปากบางแผ่วเบาก่อนจะแทรกลิ้นเข้าไปข้างใน เลิฟยกแขนขึ้นโอบรอบคอปอแล้วเปิดปากให้อีกฝ่ายจูบตัวเองได้ถนัดขึ้น ต่างฝ่ายต่างจูบกันด้วยความอ่อนหวานและดูดดื่ม ท่ามกลางแสงพระอาทิตย์ที่ฉายออกมาเพื่อบอกสัญญาณของวันใหม่

   อนาคตต่อจากนี้ระหว่างเราสองคนจะเป็นยังไง จะเดินไปทางไหนไม่มีใครรู้แม้กระทั่งตัวของเราเอง แต่สิ่งนึงที่ทำให้มั่นใจได้ว่าต่อให้เกิดอะไรขึ้นจากนี้ คือคำว่ารักที่เรามีให้กันมันจะผูกเราไว้ให้อยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน

   ยังมีถ้อยคำมากมายเป็นพันเป็นล้านคำที่อยากจะเอื้อนเอ่ย แต่สิ่งที่จะบอกได้มีแค่คำๆนี้ขอบคุณสำหรับความรักที่ให้มา และสัญญาด้วยหัวใจของคนๆนึงว่ารักที่มีจะอยู่ตรงนี้จากวันนี้ไปจน ‘นิรันดร์’



- FIN –

กับดักรักเกมหัวใจ
By
matchty


++++++++++++++++++++++
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์
ขอบคุณคนอ่านทุกคนนะคะ
ขอบคุณที่อดทนและติดตามจนจบ
ขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้เรามาพบกัน
รักคนอ่าน
matvhty
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 24-02-2016 15:03:41
พรีออเดอร์นิยาย

"กับดักรักเกมหัวใจ" รอบ 2
( 2 เล่มจบ )

การสั่งจอง

ใครที่สนใจพรีออเดอร์ ให้โอนเงินเข้ามาตามหมายเลขบัญชีที่แจ้งไว้ แล้วส่งเมล์รายละเอียดการสั่งจองตามเข้ามานะคะ (ขออนุญาตนับจำนวนการสั่งจองจากยอดโอนเงินเท่านั้นนะคะ เพื่อความแน่นอนในจำนวนตีพิมพ์)
** หนังสือจะถึงมือคนเขียนประมาณ 1-2 อาทิตย์ และจะถึงมือคนอ่านหลังจากนั้นภายใน 1 อาทิตย์(แล้วแต่ระยะทางที่อยู่ของคนอ่านกับวิธีการจัดส่ง)**

ระยะเวลาการจอง
วันนี้ - 30 เมษายน 2559 (นับถึงเที่ยงคืน)
**หากติดปัญหาอะไรให้อินบ๊อกมาคุยในเพจได้นะคะ**

รายละเอียดหนังสือ (มีให้เลือกจองสองแบบ)

SET A
กับดักรักเกมหัวใจ เล่ม 1-2
- หนังสือขนาด A5
- กระดาษถนอมสายตา
- จำนวนหน้าเล่ม 1 = 363 หน้า / เล่ม 2 = 364 หน้า
- ราคารวม 2 เล่ม 730 บาท ( ไม่รวมค่าจัดส่ง )
** ไม่ขายแยกเล่ม **

ค่าจัดส่ง
- ลงทะเบียน 70 บาท / ชุด ( 2 เล่ม )
- EMS 100 บาท / ชุด ( 2 เล่ม )

ของแถม
- เนื้อหานิยายทั้งหมดที่ลงในเวป
- ตอนพิเศษ 6 ตอนที่ไม่ลงในเวป (ไม่นับรวมที่ลงไปแล้ว )
*แถมท้ายอีกนิด (ตอนต่อหลังจากขอแต่งงาน)
*แมวของปอ
*สมมุติว่า
*กลอน x รุต 3 ตอน
- ปิ้นอัพภาพสีในเล่ม 1 ภาพ
- ภาพหน้าปกนิยาย 2 ใบ

 
SET B
กับดักรักเกมหัวใจ เล่ม 1-2 + บ๊อกเซ็ต
- บ๊อกใส่หนังสือ ราคา 200 บาท
- หนังสือขนาด A5
- กระดาษถนอมสายตา
- จำนวนหน้าเล่ม 1 = 363 หน้า / เล่ม 2 = 364 หน้า
- ราคารวม 2 เล่ม + บ๊อก 930 บาท ( ไม่รวมค่าจัดส่ง )
** ไม่ขายแยกเล่ม **
** รูปบ๊อกสามารถขอดูได้ทางแฟนเพจนะคะ**

ค่าจัดส่ง
- ลงทะเบียน 100 บาท / ชุด ( 2 เล่ม )
- EMS 130 บาท / ชุด ( 2 เล่ม )

ของแถม
- เนื้อหานิยายทั้งหมดที่ลงในเวป
- ตอนพิเศษ 6 ตอนที่ไม่ลงในเวป (ไม่นับรวมที่ลงไปแล้ว )
*แถมท้ายอีกนิด (ตอนต่อหลังจากขอแต่งงาน)
*แมวของปอ
*สมมุติว่า
*กลอน x รุต 3 ตอน
- ปิ้นอัพภาพสีในเล่ม 1 ภาพ
- ภาพหน้าปกนิยาย 2 ใบ
- โปสการ์ดรูปบ๊อก 2 ใบ


การโอนเงิน
ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเซนจูรี่ เดอะ มูฟวี่ พลาซ่า
บัญชีเงินฝากออมทรัพย์
เลขที่บัญชี 208-225736-6
ชื่อบัญชี น.ส.มัตติกานต์ สีดาบุตร

รายละเอียดการส่งเมล์
ส่งเมล์มาที่ manee_yaoiอย่าแสดงเมลบนบอร์ด.com
ส่งในหัวข้อ "จองปอเลิฟ" (ระบุตามหลังด้วย SET A หรือ SET B)
ชื่อ-สกุล..........(รบกวนขอเป็นภาษาไทย)
ที่อยู่..........(กรุณาตรวจสอบความถูกต้อง)
เบอร์โทรศัพท์..........
อีเมล์..........
ชื่อหนังสือ..........จำนวนชุด..........
จำนวนเงินที่โอน..........(รบกวนโอนเป็นเศษสตางค์เพื่อให้ง่ายแก่การตรวจสอบ เช่น 800.01 บาท)
วันเวลาในการโอน..........(รบกวนแนบสลิปโอนเงิน หรือแคปหน้าจอการโอน กรณีโอนผ่านสมาร์โฟนเข้ามาด้วยนะคะ)
ระบุการจัดส่ง..........

เมื่อได้รับเมล์แล้วแม่มณีจะตอบกลับเพื่อยืนยันการจองใน 1-2 วัน ถ่าภายใน  3 วันไม่มีอีเมล์ตอบกลับ รบกวนแจ้งรายละเอียดกลับเข้ามาใหม่นะคะ

ปล.อ่านไม่ผิดนะคะ อันนี้คือการเปิดจองรอบสองคะ หนังสือรอบแรกเปิดจองและปิดจอง ส่งถึงมือคนอ่านเรียบร้อยแล้วค่าาา
อยากดูรูปหนังสือหรือตัวบ๊อก สอบถามได้ทางหน้าเพจนะคะ https://www.facebook.com/gib1matchty (https://www.facebook.com/gib1matchty)


หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 24-02-2016 15:05:29
 :L2: :pig4:

ขอบคุณมากๆที่เขียนเรื่องสนุกๆมาแชร์ ^^
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 25-02-2016 10:14:28
ถึงจะไม่อยากให้จบก็เถอะ แต่ในที่สุดน้องเลิฟกับพี่ปอก็ถึงฝั่ง :กอด1:
กว่าจะอยู่ด้วยกันอย่างสงบต่างก็ผ่านอะไรๆมามากมาย
มันพิสูจน์ให้เห็นว่าทางข้างหน้าแม้เจอกับอะไรทั้งคู่ก็ไม่หวั่น
เรื่องนี้นี่มีหลายเรื่องเลยที่ให้อารมณ์แบบสุดขั้วจริงๆ
บทจะหวานก็เล่นเอาน้ำตาลท่วม เขินแทนเจ้าตัวกันไปเลย
บทจะดาร์คก็สงสารตัวละครบางตัว ถ้าเป็นเรื่องจริงขอตายง่ายกว่า
หวังว่าจะมีโอกาสได้อ่านผลงานเรื่องต่อไปอีกนะคะ
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่ะ :L2:
ป.ล. รอเจอกันในเล่มนะจ๊ะ :teach:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 25-02-2016 19:52:15
สนุกๆ อยากอ่านตอนพิเศษ
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-02-2016 19:45:53
หม่นๆดีเนอะหลังจากอุบัติเหตุ
สนุกดีค่ะ รออ่านตอนพิเศษจ้า
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 27-02-2016 09:42:16
 o13 :pig4:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ┠┨ ¡ Þ Þ ☻ ❣ ╰╰ ที่ 27-02-2016 22:26:48
อ่านรวดเดียวจบปึ้งเลยค๊า..ร้องไห้น้ำตาเเตกก็มี..ยิ้มจนเเก้มเเตกก็มี..ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ..ขอบคุณทุกตัวละครนะคะ..
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 28-02-2016 10:35:08
 :กอด1: สนุกมากคะภาษาสวยงาม รู้สึกเสียใจที่เข้ามาอ่านช้า ไม่ได้ตามเม้นทุกตอน. โชคดีที่ได้อ่านขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 28-02-2016 11:38:48
สนุกมากค่ะ พระเอกเท่มาก
พยายามจะบวกให้แต่กดไม่ได้ไม่รู้ทำไม
เอาดอกไม้ไปแทนละกัน :L2:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: akeins ที่ 28-02-2016 14:53:54
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 29-02-2016 20:02:09
 :3123:  :3123:  :3123:  :3123:  :3123:

หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: phai ที่ 01-03-2016 00:23:58
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Mitnai ที่ 12-05-2016 20:30:08
ย้าค ตามอ่านในเด็กดีโดยไม่รู้ว่ามีในเล้าเป็ด
เก๊าเลยตามมาเม้นนอกรอบ แฮ่
สนุกค่ะ ชอบมากกกกกก ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ ♥
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: God ที่ 21-06-2016 11:13:07
สนุกมากเลยค่ะ น้ำตาปริ่มมาก แต่สงสัยนิยายสนุกๆแบบนี้ทำไมมีคนเม้นน้อยจัง ขอบคุณคนเขียนที่แต่งนิยายสนุกๆมาให้ได้อ่านนะคะ  :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: jing_sng ที่ 25-06-2016 10:12:29
สนุกดีค่ะ ตัวหนังสือเยอะมากเลย แต่เรื่องไม่หนักมาก
จริงๆ จะขยี้ดราม่าอีกสักหน่อยก็ได้นะคะ ประเด็นได้อยู่
ยิ่งเรื่องครอบครัวน้องเลิฟนี่เล่นได้หลายตอนเลย
แต่ถือเป็นนิยายใสๆ แอบฮา แต่ไม่ไร้สาระ
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 26-06-2016 00:53:03
เพิ่งจะมาอ่านเอาตอนนี้ค่ะ สายไปหน่อย   แต่ไหนๆแอบอ่านแล้วก็ขอชื่นชมและขอบคุณมากๆนะคะที่แต่งมาให้อ่านสนุกมากๆค่ะ  น้องเลิฟน่ารกและชอบความรักแบบผู้ชายของข้าใครอย่าแตะของปอมากๆ  ทุ่มเททุกอย่างเพื่อคนที่รัก  สุดยอด
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 26-06-2016 10:50:37
 :L2: ซึ้งจังค่ะ คู่นี้ผ่านอุปสรรคความรักมากมายเลย แต่รักกันเหนียวแน่นมาก ประทับใจค่ะ
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 06-07-2016 15:51:31
เข้ามาตามอ่านแบบยาวมากๆ 555

ขอบคุณคนเขียนมากนะคะที่เอามาลง
น้องเลิฟน่ารักมาก พี่ปอก็โหดและหื่นมากเช่นกัน
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: sanzon ที่ 06-08-2016 13:25:51
สนุกมากค่าาาาาาา  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-08-2016 20:58:39
 :pig4: :pig4:

 o13 o13
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 15-08-2016 00:14:05
ลองเข้ามาอ่านน่าสนใจทีเดียวอ่ะ  :กอด1: ตามต่อ :mew1:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 20-08-2016 12:28:28
ตัวกวนกลายมาเป็นตัวป่วนใจ

เลิฟน่ารักมากค่ะ แกล้งปอแบบเด็ก สุดท้ายก็รัก
แบบไม่รู้ตัว
ปอก็ออกอาการชัดว่ากับเลิฟ ปอไม่สู้

ชอบมากเลยค่ะ โหดมากแต่รักจริง
ดูแล เอาใจทุกอย่าง เลิฟก็งอนไปสิ ปออยากง้อ 555

ผ่านมาหลายเรื่อง มีบทเรียนมาหลายอย่าง
แต่ก็ทำให้เห็นว่า รักกันดี ไม่นอกใจ

เรื่องนี้น่ารักมากค่ะ เพื่อน ครอบครัว เป็นกำลังใจที่ดี
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 01-10-2016 23:14:45
 :mew3: น่ารักกกก ไปอ่าน อีกเีื่องล่ะ ชุบ ๆ
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: peppermintt ที่ 28-10-2016 17:31:05
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 36 (13/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 29-10-2016 21:07:17
 :sad4:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 42 - 44 (16/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 29-10-2016 23:23:33
ฮืออ อิจฉาค่ะ อะไรจะหวานปานนั้น :-[
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Asmknrt ที่ 30-10-2016 22:33:00
สนุกมาก อ่านอินมากๆ อ่านรวดเดียวเลย555 ไม่อยากให้จบเลยนะจริงๆ แต่ก็ดีใจที่ ปอเลิฟ มีความสุขจริงๆซักที :mew4: :mew3:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 05-11-2016 22:29:14
 :L2:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Pramooknoi ที่ 14-11-2016 05:46:05
สนุกดีค่ะ น่ารักมากๆเลย :mew1:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ิbbeer.r ที่ 16-11-2016 08:19:43
ตามอ่านถึงตอน 35 แล้วค่าา สนุกมากๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 17-11-2016 22:13:47
นิยายเรื่องนี้ดีมากๆเลยค่ะ


ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 13-01-2017 13:11:46
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 23-01-2017 01:27:12
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: BBnuna ที่ 23-02-2017 02:32:25
 :mew1: :mew6: :กอด1: :pig4: :pig4: สนุกมากเรื่องนี้ครบรส หวานเศร้าสนุกตลกฮา
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 25-05-2017 13:19:15
เรื่องสนุกดีถึงแม้จะแอบเอียนกับความเยอะของฉากอย่างว่าของพระเอกนายเอกไปหน่อย และก็แอบขัดใจตรงชื่อจริงนายเอกนี่แหละ ผู้ชายที่ไหนจะชื่อ "กานดา" มันดูแต๋วจ๋าตั้งแต่ชื่อแล้ว
 
:katai3: :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: TaemyG ที่ 24-07-2017 08:35:51
สนุกมาก ชอบเลยล่ะ

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะ

 :3123:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 25-07-2017 11:16:00
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 28-07-2017 23:26:00
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Charmy ที่ 02-10-2017 21:16:35
ดีคือดีมาก แต่NCเยอะเกิ๊นน 55
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ryukazeII ที่ 02-01-2018 22:47:20
 o13 สวัสดีค่ะ เพิ่งมาเห็นเรื่องนี้ในห้องจบแล้ว แล้วก็เพิ่งตามอ่าน เป็นเรื่องที่เห็นชื่อเรื่องแล้วบอกเลยว่าพอจะเดาพล็อตได้

แต่ก็ชอบอ่าน เป็นคนที่มีแนวทางการอ่านแบบเป็นช่วงๆ ช่วงนึงจะอยากอ่านพล็อตแนวนึง ช่วงนี้มาจบที่แนวเล่นกับความรู้สึกและต้องบอกว่าตอนอ่านคาแรคเตอร์ของตัวละครคือถูกใจมากค่ะ ปกตินิยายแนวนี้ก็ไม่ร่างกันมากเท่าไหร่ ไอ้พระเอกต้องร้ายมากแน่ๆ นายเอกก็ต้องแบ๊วมากแน่ๆ

แต่ยิ่งอ่านไปๆ เฮ้ยยยยยย ไอ้พี่ปอมันร้ายมาก มันเห้เลยก็ว่าได้แบบไม่ระคายปาก แต่น้องเลิฟมันน่าร้ากกกกกก ยิ่งตอนมันเลี้ยงน้องโมกนี่....ฮืออออออ อยากเลี้ยงทั้งโมกทั้งเลิฟเลย ๕๕๕๕

เรื่องนี้สนุกมากค่ะ มากจนอยากได้หนังสือ เสียดายที่เพิ่งมาเห็น ถ้าอยากได้หนังสือจะหาจากไหนได้บ้างคะ
ที่ชอบอย่างนึงคือ ชอบครอบครัวปอมากค่ะ เป็นพี่น้องที่รักกันมาก เป็นพ่อที่รักครอบครัว รักลูก พี่ป้องเป็นพี่ที่ไม่ได้ดี แต่ดี พี่ปิงเป็นพี่ที่ดี แต่ยิ่งกว่าดี ปรางเป็นน้องคนเล็กที่พี่ทุกคนรักและเอาใจใส่ แต่ปรางไม่ได้ดูเอาแต่ใจไร้เหตุผล มันเป็นครอบครัวที่ไม่ได้พร้อมจะเข้าข้างลูก แต่เป็นครอบครัวที่พร้อมจะเคียงข้างลูก และอยู่เคียงข้างกันในทุกโอกาส ทุกสภาวะ

ชอบตอนที่พ่อของปอไปหาพ่อของเลิฟมาก ด้วยความมั่นหน้าว่าลูกชายเจ๋งพอ ๕๕๕๕ ทั้งๆที่ไม่จำเป็นต้องทำอะไรอย่างนั้นก็ได้
สงสารพี่รุตนะคะ แต่เรื่องนี้ก็ทไให้เห็นได้ชัดเจนว่าการที่เราไม่แสดงออก หรือไม่ยอมพูดคุยให้เข้าใจกัน มันก็พาให้เข้าใจอะไรคลาดเคลื่อนไปได้หลายอย่าง ทั้งเรื่องรุตกับน้อง ปอกับเลิฟในตอนต้น

ที่จริงอยากอ่านความเป็นมาเป็นไปของคู่อื่นๆด้วย ถ้ามีโอกาส จะติดตามผลงานต่อไปเรื่อยๆ นะคะ

ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 25-02-2018 15:52:41
ฮือออออ ชอบบบบ ทำไมพึ่งมาเจอเรื่องนี้ อ่านรวดเดียวจบ
ไม่อยสกให้จบเลยอ่ะ จะไปตามซื้อ ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆยะคะ
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 24-03-2018 22:41:32
เรียกว่าผูกพันกันจนเกินกว่าจะถอนตัวถอนใจกันเลย
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: _2385yeah ที่ 02-05-2018 11:38:15
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ ชอบมากเลย :pig4: :pig4: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 19-05-2018 18:55:37
เรื่องนี้เอามารีไรท์ใหม่ใช่มั้ยคะ
เหมือนเราจะเคยอ่านมาก่อนแต่ตอนั้นเราอ่านไม่จบ จนมาเจอคู่พี่อาร์กับพีท พออ่านเรื่องนั้นจบเราเลยมาอ่านเรื่องนี้ใหม่ สนุกดีค่ะ เราอยากอ่านเรื่องของปิงจัง มีเรื่องของปิงมั้ยคะ คือจริงๆชอบตัวละครที่ชื่อปิง ติดใจปิงตั้งแต่อ่านในเรื่องของพี่อาร์กับพีทแล้ว
ยังไงก็ขอบคุณนิยายดีๆนะคะ
และติดดตามผลงานต่อไปเรื่อยๆค่ะ
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ยอดมนุษย์ขนมปัง ที่ 30-07-2018 01:53:26
อยากอ่านเรื่องของพี่รุตต่อค่ะ ><
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Sasiwan ที่ 10-10-2018 10:18:21
สนุกมากเลยค่าาา  ชอบง่าา
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ และ สนุกแบบนี้นะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: fida ที่ 13-10-2018 12:12:22
อ่านจบแล้วค่าา รวดเดียวเลย
สนุกมากค่ะ
ตอนอ่านแรกๆ รู้สึกว่าเป็นนิยายแนวเด็กมหาวิทยาลัยทั่วไป
แต่พออ่านไปเรื่อยๆ มันกลับมีอะไรที่มากกว่านั้น
ชอบการนำเสนอลักษณะของตัวละครทุกตัว
สำหรับน้องเลิฟ ตอนแรกคิดว่าเป็นเด็กที่รักใครง่ายๆ
แต่เมื่อรู้ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังแล้วก็ทำให้รู้ว่า
น้องเป็นเด็กที่ขาดความอบอุ่นและพอเจอปอก็เลยเปรียบเสมือนคนใกล้จะจมน้ำและได้ขอนไม้ไว้เกาะช่วยชีวิต
สำหรับปอ ชอบตรงจุดที่มีความลึกลับคล้ายๆ กับเป็นลูกหลานมาเฟีย แต่ก็ไม่ได้ยัดเยียดความเป็นมาเฟีย
หรือโชว์ความโหดเวอร์วังหรืออวยความรวยมากเกินไป
ทั้งหมดเลยทำให้นิยายเรื่องนี้แตกต่างและน่าสน

แต่แอบขัดใจนิดนึงตรงที่ทั้งเรื่องทำไมชอบผู้ชายกันหมดเลยอ่า

ขอบคุณที่สร้างสรรค์ผลงานดีๆ มาให้นะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ปาลี ที่ 29-07-2019 22:01:43
สนุกมากกก  แต่เสียดายเรื่องแกล้งกันทุกครั้งมันเป็นการล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอ่ะ ยิ่งตอนจบยิ่งแบบอะไรกลับมาสามเดือนน้องไม่ให้บอกก็ไม่บอก หนำซ้ำพ่อแม่ก็เป็นไปด้วย คือแบบมันใช่เหรอวะ คนรอนั่นทุกข์ใจมาสามเดือนเพื่อให้ครอบครัวเธอสนุกสนานกันเหรอ ไม่มีเหตุผลเลยจริง ๆ ไม่งั้นเกือบจะอิ่มใจอยู่แล้วเชียว
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 13-08-2019 19:03:42
 :pig4: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 18-08-2019 16:31:25
รักปอ  รักเลิฟมาก

 :pig4: :pig4: :pig4:

 :mew1: :mew1: :mew1: