กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)  (อ่าน 136327 ครั้ง)

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-02-2016 14:22:46 โดย matchty »

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กับดักที่
- 1 -



   เสียงตะโกนโหวกเหวกด่าทอกันดังลั่นโรงพัก จนตำรวจถึงกับต้องยกมือขึ้นมากุมขมับด้วยความปวดหัว ถ้าไม่ติดว่าจะเสียภาพพจน์ตำรวจไทยอันองอาจ อาจมีการเอาตีนขึ้นมาก่ายหน้าผากกันเลยทีเดียว

        นายตำรวจทั้งชั้นผู้น้อย ชั้นผู้ใหญ่ ชั้นบนและชั้นล่าง? ที่ต้องเข้าเวรประจำการในวันนี้ต่างพากันถอนหายใจออกมาหนักๆอย่างเหนื่อยอ่อน เมื่อมองเข้าไปข้างในโรงพักซึ่งเต็มไปด้วยบรรดาเด็กวัยรุ่น ไม่ต่ำกว่า 10 คน ไม่นับพวกที่ถูกคุมตัวอยู่ข้างล่างหน้าลานจอดรถของโรงพักอีกกว่าครึ่งร้อย แต่ละคนบ่งบอกได้ถึงสภาพที่เรียกว่ายับเยินเละเทะ เค้าหน้าเดิมไม่ต้องพูดถึงเพราะจำแทบไม่ได้ บางคนเผลอๆตอนพ่อแม่มารับตัวอาจจะต้องตรวจดีเอ็นเอ เพื่อยืนยันว่าเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดด้วยซ้ำไป

   วันนี้ระหว่างที่เหล่าผู้พิทักษ์สันติราษฎ์ทั้งหลายกำลังนั่งทำงานแบบชิลๆ ท่ามกลางอากาศดีๆในตอนกลางคืนที่ควรจะสุขสงบไปยันเช้า แต่แล้วฝันก็ต้องมลายหายไปในพริบตา เมื่อมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นตอนช่วง 2 ทุ่มแจ้งเหตุว่ามีเด็กตีกัน

   พอถึงที่หมายตำรวจที่ไประงับเหตุได้แต่อุทานออกมาด้วยความตกใจ เพราะมันไม่ใช่แค่เด็กตีกันแต่มันคือการยกพวกตีกัน เด็กเทคนิคกับเด็กช่างกลเกือบร้อยชีวิตยกพวกถล่มกันให้อุตลุด กว่าจะยุติเหตุการณ์ได้ต้องใช้นายตำรวจเกือบทั้งโรงพัก หลังจากนั้นก็อย่างที่เห็นความวุ่นวายเลยย้ายสถานที่มาเป็นโรงพักแทน

   สิ่งที่ทำให้เหล่าตำรวจหนักใจเป็นพิเศษไม่ใช่จำนวนของเด็กที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาท หรือแม้แต่เสียงตะโกนด่าทอท้าทายที่ดังไปทั่วโรงพัก แต่เป็นเพราะเด็กหนุ่มหน้านิ่งที่นั่งไม่สนใจคนรอบข้างตรงหน้านี้ต่างหาก ที่สร้างความหนักใจและกดดันให้ตำรวจเหงื่อหยดติ๋งๆ ทั้งๆที่แอร์โคตรจะเย็น

   ส่วนเด็กหนุ่มที่สร้างความกดดันก็ยังคงไม่รู้ตัวนั่งลอยหน้าลอยตาทำเป็นทองไม่รู้ร้อน แถมบางครั้งที่ได้ยินเสียงฝ่ายตรงข้ามตะโกนท้าทายมา เจ้าตัวยังพร้อมจะลุกขึ้นไปซัดกับคู่อริต่อ ไม่ได้เกรงกลัวหรือเกรงใจคนในเครื่องแบบที่นั่งประจันหน้ากับตัวเองเลยสักนิด

   “เอ่อ...คุณปอครับ” เสียงเรียกอย่างนอบน้อมดังขึ้นจากคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม ทำให้เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อหันมามอง พร้อมกับยกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามกลับว่ามีอะไร

   “คุณปอจะให้ผมโทรตามคุณปรีชา หรือจะให้โทรตามใครมาประกันตัวดีครับ” นายตำรวจยังคงถามปออย่างนอบน้อมเหมือนเดิมจนปอนึกขำในใจ ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เขาสร้างเรื่องซะขนาดนี้ ตำรวจคนนี้จะยังถามเขาแบบสุภาพโคตรๆอย่างนี้ไหม

   “จ่าอยากโทรเรียกใครก็เรียกเหอะ” ปอบอกไปอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะหันไปยกนิ้วกลางใส่หน้าคู่อริ จะให้ใครมาประกันก็เหมือนกันแหละสุดท้ายยังไงเขาก็โดนด่า บางทีก็แอบนึกสงสัยในใจเหมือนกันว่าพ่อไม่เบื่อรึไงด่าอยู่ได้เรื่องเดิมๆ

   “ผมเป็นสารวัตรครับ...” นายตำรวจหนุ่มเอ่ยแก้ยศของตัวเองกับปอ อยู่ดีไม่ว่าดีโดนลดขั้นลงมาเป็นจ่าซะงั้น มันคงเป็นเวรกรรมของ’นาวิน’จริงๆที่ต้องมารับหน้าคุยกับปอทุกครั้งที่มีเรื่อง แล้วก็ต้องทุกครั้งที่ตัวเองต้องมานั่งแก้ยศแก้ตำแหน่งให้ปอฟัง ซึ่งปอไม่เคยจะสนใจจำเลยสักนิด

   “หรอ...” ปอขานรับเนือยๆพลางเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มในปากข้างหนึ่ง บอกได้เลยพฤติกรรมที่แสดงออกชวนตีนกระตุกไม่น้อย ไหนจะท่านั่งกระดิกเท้านั่นอีกกวนตีนครับบอกเลย แต่สิ่งที่แสดงออกจากนาวินมีเพียงรอยยิ้มบางๆ และคำพูดแสนสุภาพที่เจ้าตัวพยายามเค้นออกมา

   “เดี๋ยวคุณปิงจะเป็นคนมารับนะครับ” นาวินบอกปอหลังจากที่วางสายจากคุณปรีชา เสียงของอีกฝ่ายที่ได้ยินในสายดูเคร่งเครียดจนตัวนาวินเองยังรู้สึกได้

        ‘สาธุ!! ขอให้ไอ้เด็กปอกลับบ้านไปโดนพ่อมันกระทืบตาย ไอ้เด็กเวรกวนตีนฉิบหาย’

        “จ่ายกมือขึ้นมาไหว้อะไร” ปอถามออกไปอย่างสงสัย เพราะอยู่ดีๆตำรวจหน้าอ่อนตรงหน้าก็ยิ้มกว้างเหมือนถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง แถมมียกมือขึ้นมาไหว้เหนือหัวอีก

        “มะ...ไม่มีอะไรครับ” นาวินตอบปอออกไป เขาลืมตัวขนาดนั้นเลยเหรอวะ แล้วนี่ได้เผลอส่งเสียงออกมาให้ไอ้เด็กเปรตนี่ได้ยินไหมเนี่ย แต่ดูท่าน่าจะไม่เพราะปอยังนั่งเฉยและเลิกสนใจเขาไปแล้ว ว่าแต่เมื่อกี้มันเรียกเขาว่าจ่าอีกแล้วใช่ไหม กูบอกมึงจนปากจะฉีกถึงรูหูอยู่แล้วนะไอ้เด็กบ้า กูเป็นสารวัตรไม่ใช่จ่า!!!

        “งั้นไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวนะครับ” นาวินเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งเพื่อขอตัว จริงๆแล้วเขาไม่จำเป็นต้องบอกก็ได้แต่มันเป็นมารยาทไงครับ มารยาทที่ไอ้เด็กนรกตรงหน้าเขาไม่เคยมีเลยตั้งแต่รู้จักกันมา พอๆกันกับพี่ชายมันไอ้ ‘ป้อง’ หรือ ‘ปกป้อง’ ลูกชายคนโตของคุณปรีชา ที่ตอนนี้ไปต่อโทที่เมืองนอก ความกวนตีนความไร้มารยาทระดับเดียวกันเลย แต่คนพี่ดูนิ่งและใจเย็นกว่าคนน้องเท่านั้นเอง พูดถึงแล้วก็หงุดหงุดทำไมชีวิตเขาต้องมาพัวพันกับคนตระกูลนี้ตลอดเลยนะ ตั้งแต่ตอนเรียนที่เขาเรียนตำรวจแล้ว 

        ปอมองคนตรงหน้าที่ตอนนี้ทำหน้าประหลาดคิ้วขมวดเป็นปมอย่างสงสัย จ่ามันเป็นบ้าอะไรรึเปล่าวะทำหน้าเหมือนคนปวดขี้ แล้วอยู่ๆก็ทำหน้าเหมือนจะฆ่าคนตาย กูต้องส่งมันไปรักษาที่ศรีธัญญาไหม? แล้วความคิดของปอก็ต้องหยุดลงแค่นั้น เพราะนาวินเดินหันหลังไปทางพวกอื่นที่ตีกันกับเขา

        ปอส่ายหัวแล้วก็ขำในลำคอจริงๆแล้วเขาก็รู้แหละว่านาวินเป็นสารวัตร แต่พอเห็นหน้าอ่อนๆที่ติดไปทางสวยแถมหน้ายังดูเด็กแบบเหลือเชื่อเหี้ยๆนั่นแล้วมันอดแกล้งไม่ได้นี่หว่า คนอะไรหน้าตาไม่เหมาะจะมาเป็นตำรวจเลยสักนิด เข้าใจเลยว่าทำไมไอ้ป้องพี่ชายคนโตของเขามันถึงได้ตามแหย่ตามแกล้งตั้งแต่มัธยม นี่ขนาดตัวมันไม่อยู่มันยังโทรมาก่อกวนไอ้สารวัตรนาวินจากเมืองนอกทุกวันเลยคิดดู จนเขาเองยังแอบคิดเลยว่าอาจจะได้พี่สะใภ้ชื่อนาวินรึเปล่า? ด้วยความเป็นน้องที่ดีเขาเลยคอยกันท่าพวกแมงเม่าให้พี่ชายไปในตัว เห็นไหมเขาเป็นคนดีจะตาย

        หลังจากที่ปล่อยให้ตัวเองจมกับความคิดไร้สาระ สักพักพี่ชายคนรองของปอก็มาถึง ปอปล่อยให้พี่ชายจัดการเรื่องประกันตัวเซ็นต์เอกสารนู้นนี้นั่น และพูดคุยกับตำรวจในโรงพักนิดหน่อย จากนั้นทั้งคู่ก็เดินออกมาเพื่อไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ด้านหน้า ท่ามกลางสายตาเกือบร้อยคู่ที่มองอย่างสงสัย ว่าทำไมปอได้กลับบ้านเร็วขนาดนี้

        ถ้านับเวลาจริงๆตั้งแต่โดนจับมามันยังไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ มันก็ช่วยไม่ได้ละนะในเมื่อพ่อของปอเป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง แถมคุณตายังเป็นอดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ เพราะฉะนั้นอย่าแปลกใจที่ทำไมตำรวจถึงต้องนอบน้อม เกรงอกเกรงใจมากมายกับอีแค่เด็กคนนึง

        แต่ปอไม่เคยเบ่งหรือชอบกับเส้นสายที่ตัวเองมีเท่าไหร่เพราะมันน่ารำคาญ พวกที่เข้าหาก็มีแต่หวังเงินกับผลประโยชน์ พวกมันคงลืมไปว่าคนที่มีอำนาจและมีเงินไม่ใช่เขาแต่เป็นพ่อของเขาต่างหาก ถ้าไม่จำเป็นเขาจะไม่บอกใครเรื่องที่บ้านเลยยกเว้นคนที่สนิทกันจริงๆ

        “พ่อล่ะ” ปอถามพี่ชายที่ตั้งหน้าตั้งตาขับรถ ไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่ออกจากโรงพัก

        “อยู่บ้าน รอต้อนรับมึงอย่างอบอุ่นเลยล่ะ” ปิงบอกน้องชายขำๆแต่คนได้ยินอย่างปอถึงกับกรอกตาขึ้นฟ้า กูหาสำลีอุดหูตอนนี้ทันไหมแต่ดูท่าจะหาไม่ทัน เพราะรถเลี้ยวเข้าไปจอดในบ้านแล้ว

        สองพี่น้องก้าวขาลงจากรถด้วยอารมณ์คนละแบบ คนพี่อารมณ์ดีเหมือนคนเมากาวส่วนคนน้องหน้าเซ็งเหมือนคนเบื่อโลก ยังไม่ทันที่จะก้าวขาเข้าไปในตัวบ้านดี เสียงตะโกนเรียกด้วยความโมโหก็ดังขึ้น พร้อมกับร่างสูงที่ยังดูหล่อเหลาแม้อายุจะล่วงเลยเข้าไปเลขห้าแล้วก็ตาม กำลังยืนท้าวเอวรอปอที่หน้าห้องรับแขก

        “ไอ้ปอ!!!!!” เสียงดีไม่มีตกเดซิเบลไม่มีลดจริงๆสิให้ตาย ปอสบตาคนเป็นพ่อแว๊บนึง ก่อนจะเดินผ่านไปนั่งที่โซฟาในห้องรับแขกแบบไม่ใส่ใจ ปิงที่ตามมาทีหลังก็เดินตามน้องชายเข้าไปนั่งข้างในเหมือนกัน ส่วนคุณปรีชาได้แต่ยืนอ้าปากพะงาบๆ มองตามลูกชายตัวดีแบบหมดคำพูด อยากจะรู้จริงๆว่ามันกวนตีนเหมือนใคร
 
        คุณปรีชาพยายามสงบสติอารมณ์สูดหายใจเข้าลึกๆเต็มปอด ควบคุมตัวเองอย่างหนักที่จะไม่เตะก้านคอลูกตัวเอง เมื่อทำได้แล้วท่านจึงเดินไปนั่งที่โซฟาตัวกลางเยื่องกับตัวที่ปอนั่ง ส่งสายตาดุๆมองลูกชายตัวเองที่ตอนนี้ใบหน้าหล่อๆ ที่ท่านกับภรรยาอุตส่าห์บรรจงสรรค์สร้างมาให้มัน ฟกช้ำดำเขียวไปหมดจำเค้าเดิมไม่ได้เลย ตอนเห็นแว๊บแรกท่านเกือบพาลูกไปตรวจดีเอ็นเอแล้ว ดีนะที่นัยน์ตาสีเขียวอ่อนปนเทาของปอ ยังเป็นเครื่องยืนยันความเป็นพ่อลูกกันได้ดีอยู่

        จริงๆแล้วคุณปรีชาไม่ได้เป็นคนไทยท่านเป็นลูกครึ่งฮ่องกง-ตุรกี ส่วนที่มีชื่อไทยก็เพราะมีเมียเป็นคนไทย ขนาดนามสกุลยังใช้ของเมียเลย ลูกทุกคนก็ให้ใช้นามสกุลเมีย ท่านเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่เลยพลอยทำให้ลูกๆของท่านทุกคนตัวโต เพราะเชื้อสายคนยุโรปไปด้วย แต่ในบรรดาลูกสี่คนก็มีปอนี่แหละที่ได้สีตาเดียวกันกับท่านไป

        คุณปรีชามองหน้าลูกแล้วก็ได้แต่ส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ เมื่อไหร่ปอจะเลิกหาเรื่องมาให้ไม่เว้นแต่ละวันสักที สมัยก่อนก็ปกป้องพอส่งปกป้องไปเรียนเมืองนอกก็เหลือปอแถมหนักกว่าอีก ดีนะที่เจ้าปิงไม่บ้าด้วยอีกคนไม่งั้นท่านคงได้นอนโรงพยาบาลเพราะเส้นเลือดในสมองแตกเร็วๆนี้แน่ ส่วนลูกสาวคนเล็กยัยปรางถึงจะดื้อ จะแสบเกินเด็กผู้หญิงทั่วไปบ้างแต่อย่างน้อยก็ไม่สร้างเรื่องปวดหัวอะไรให้ท่านเพิ่ม

        “รอบนี้มึงตีกันเพราะอะไร” คุณปรีชาเอ่ยถามอย่างเหนื่อยใจกับคำถามเดิมๆ ที่พึ่งถามกันไปล่าสุดเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว

        “มันมองหน้า” ปอตอบด้วยท่าทีสบายๆไม่ทุกข์ร้อนอะไร

        “ห๊ะ!!! แค่มองหน้าเนี่ยนะมึงถึงกับยกพวกตีกัน” เป็นคุณปรีชาซะอีกที่เป็นเดือดเป็นร้อน ให้ตายสินี่ลูกท่านคิดอะไรอยู่ ยกพวกตีกันจนชาวบ้านเดือดร้อนไปทั่วเพราะแค่มองหน้ากัน อยากเอาตีนก่ายหน้าผากถ้าไม่ติดว่าจะเสียการปกครองไปมากกว่านี้ท่านทำไปแล้ว ปอเองพอเห็นหน้าพ่อเหมือนคนปวดท้องก็เลยเอ่ยปากพูดเสริมขึ้นมาอีก

        “แล้วมันก็ด่าพ่อ” คุณปรีชาถึงกับสะอึกเมื่อได้ฟังคำตอบอีกข้อของลูก แต่ไม่ได้ท่านเป็นผู้ใหญ่จะมาโมโหแค่เรื่องเด็กด่าไม่ได้

        “มันก็แค่ด่าแล้วมึงจะไปเต้นตามพวกมันทำไม” คุณปรีชายังคงหนักแน่นเอ่ยปากสั่งสอนลูกชายต่อ ปอยกคิ้วขึ้นสูงมองดูปฏิกิริยาของพ่อ เจ้าตัวคงยังไม่รู้แต่เขาเห็นนะว่าหน้าเริ่มตึงละ

        “มันด่าแม่ด้วย” เติมเชื้อไฟเข้าไปอีกนิด

        ปึด!!!!!!!

        เหมือนได้ยินเส้นความอดทนขาดลง เพราะตอนนี้คุณปรีชานั่งทำหน้ายักษ์แยกเขี้ยวเตรียมจะงับ? ไม่มีการเก็บอาการทำเป็นใจเย็นเหมือนเมื่อครู่

        ปอเห็นพ่อแสดงอาการแบบนั้น ก็หันหน้าไปข้างหลังพยายามกลั้นเสียงหัวเราะเต็มที่ ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนสำหรับพ่อ ‘เมียข้าใครห้ามแตะ’ เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน คนอะไรแหย่ง่ายจริงๆ

        “แล้วทำไมมึงไม่กระทืบแม่งให้ตายเลยวะ ให้มันมีชีวิตลากสังขารไปโรงพักทำไม แล้วไอ้เด็กนั่นมันเป็นใครพ่อมันใหญ่มาจากไหนวะบังอาจด่าเมียกู” คุณปรีชาใส่มาเป็นชุดลืมคำพูดที่จะด่าลูกชายสนิท ด่าใครก็ด่าได้ แต่ด่าเมียที่เคารพรักนี้รับไม่ได้จริงๆขึ้นว่ะขึ้น

        “พ่อออออออ” ปิงส่งเสียงยานคางเรียกพ่ออย่างเหนื่อยใจ เขาส่ายหัวเบาๆให้กับพ่อและน้องชาย เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่พ่อพยายามจะอบรมสั่งสอนปอ น้องชายตัวดีของเขาจะมีวิธีมาทำให้พ่อลืมเรื่องที่จะด่าตัวเองได้ตลอด แล้วพ่อก็จะขยันตกหลุมพรางเต้นตามน้องชายของเขาทุกครั้งไป จนบางทีเขาก็นึกสงสัยว่าพ่อตั้งใจจะด่าไอ้ปอจริงๆไหม หรือแค่เรียกมันมาคุยเพื่อให้มันมากวนประสาท ครั้นจะให้แม่ด่าไอ้ปอก็คงจะเป็นเรื่องยากเพราะแม่ก็ได้แต่ยิ้มๆ แล้วนั่งทำแผลให้คอยถามว่าหิวข้าวไหมลูก นี่แหละครับนางฟ้าประจำบ้าน

        ในที่สุดความอดทนของปอก็สิ้นสุดลง เขาหัวเราะออกมาเต็มที่แบบไม่มีกั๊กก็มันขำจริงๆนี่หว่า พ่อเขานี่ก็แปลกตอนแรกบอกว่ามันด่าตัวเองทำเป็นเฉย พอบอกว่ามันด่าเมียเท่านั้นแหละแทบจะไปโรงพักไปฆ่าคนด่า เอากับพ่อสิใครบอกว่าพ่อเขารักเมียหลงเมียเคารพเมีย นี่เชื่อเหอะแตะเมียไม่ได้จริงๆนะ

        แต่ที่เขาบอกว่าตีกับเพราะมองหน้านี้เรื่องจริงนะไม่ได้โกหกเลย  เรื่องมันเกิดที่ร้านก๋วยเตี๋ยวที่เปิดขายอยู่ตรงกลางระหว่างเทคนิคที่เขาเรียน กับช่างกลข้างๆที่เป็นคู่อริ (เปิดร้านทำเลโคตรดี) ตอนเย็นหลังเลิกเรียนช่วงหกโมงทุ่มนึง มันเป็นช่วงที่เด็กทั้งสองโรงเรียนจะแห่กันไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านนี้ ไม่ใช่ว่าก๋วยเตี๋ยวมันอร่อยอะไรมากมายหรอก แต่มันเป็นเพราะไอ้ร้านนี้ตั้งอยู่ตรงกลาง มันเลยกลายเป็นแหล่งที่ทั้งสองโรงเรียนจะต้องขนคนมานั่งกินเพื่อข่มกัน เป็นการหยั่งเชิงคู่ต่อสู้ไปในตัวว่าอย่าแหยมนะมึงกูก็พวกเยอะ เหมือนเป็นธรรมเนียมกันไปแล้ว

   แล้วเรื่องมันก็เกิดจากตรงนี้ที่ร้านนี้นี่แหละ ระหว่างที่เขากำลังนั่งกินก๋วยเตี๋ยวคนเดียว (ไม่นับรวมเพื่อนร่วมสถาบันคนอื่นคือไม่สนิทกูไม่นับ) จู่ๆกลุ่มช่างกลที่นั่งโต๊ะข้างกันมันก็แหกปากถามขึ้นมาว่ามองหน้ามันทำไม คือกูจะหยิบพริกมาใส่ก๋วยเตี๋ยวกูก็ต้องเงยหน้าไหม แล้วทีนี้มันก็แค่บังเอิญไปสบตากับหน้าปลวกๆ เหมือนแทะไม้ฝาเฌอร่าแดกเป็นอาหารว่างของมันเข้าก็แค่นั้น อุตส่าห์ทำเป็นไม่สนใจก้มหน้าก้มตากินต่อแต่มันเสือกไม่หยุดไงครับ ด่าพ่อกูต่อซะงั้นกูก็ขึ้นสิครับด่าใครก็ด่าได้แต่อย่าด่าบุพการี คนในครอบครัว และเมียกู(แต่ตอนนี้ยังไม่มีก็ช่างแม่งเถอะครับ) เขาเลยวางตะเกียบกับช้อนในมือลง ลุกเดินไปหาไอ้กลุ่มช่างกลหน้าคางคกที่นั่งโต๊ะข้างๆ

        ปอไม่พูดอะไรให้มากความเขาสบตาคนตรงหน้าแว๊บนึง มือคว้าเอาชามก๋วยเตี๋ยวที่ยังร้อนๆคว่ำลงบนหัวเด็กช่างกลปากหมาทันที  ก่อนจะตามด้วยการยันโครมอีกฝ่ายจนหงายท้องตกเก้าอี้ ยกตีนขึ้นกระทืบซ้ำทันที เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนทุกคนตั้งตัวไม่ทัน แต่พอเพื่อนไอ้คนที่ปอยำตีนอยู่ตั้งสติได้มันก็รีบเข้ามาช่วยเพื่อน แล้วสวนหมัดอัดใส่หน้าปอมาทีนึง เท่านั้นแหละทั้งสองโรงเรียนก็ตะลุมบอนกันทันที เพราะเห็นเด็กร่วมสถาบันตัวเองโดนชก ตอนแรกๆคนมันก็ไม่เยอะแต่ปอได้ยินเสียงแว่วๆว่าให้โทรตามคนมาเพิ่ม เรื่องมันก็เลยกลายเป็นยกพวกตีกันสาเหตุเพราะมองหน้าแค่นั้น หลังจากนั้นก็อย่างที่บอกไว้ข้างบนนั่นแหละ

“พ่อไม่มีไรแล้วผมขึ้นห้องนะ” ปอบอกพ่อแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปโดยไม่สนใจที่จะเอาคำตอบ แต่ยังไม่ทันจะเดินพ้นหน้าห้องปอก็ต้องชะงักหยุดยืนอยู่กับที่

“เดี๋ยว”

“มีไรอีกพ่อพรุ่งนี้ผมมีเรียนเช้า”

“มึงไม่ต้องไปเรียนแล้ว” คุณปรีชาบอกลูกชายด้วยน้ำเสียงจริงจังอีกครั้ง

“ทำไม” ปอขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปม

“กูไปลาออกให้มึงละ”

“พ่อ!!!!!” ปอตะโกนเรียกพ่อเสียงดัง

“พ่อทำแบบนี้ทำไม พ่อไปลาออกให้ผมได้ไง พ่อทำอะไรแล้วไม่ถามผมก่อนวะ แล้วผมจะไปเรียนที่ไหนนี่มันพึ่งจะกลางเทอมนะพ่อ” ปอถามพ่อด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เขาพึ่งจะเข้าเรียนปีแรกยังไม่ทันจะเรียนจบเทอมแรกด้วยซ้ำ แล้วนี่พ่อไปลาออกให้แบบไม่ปรึกษาเขาจะไปเรียนต่อที่ไหนได้

“กูไม่ได้อยากลาออกให้มึงแต่โรงเรียนเขาไล่มึงออก ดีแค่ไหนแล้วที่เขายังเห็นแก่หน้ากูที่เป็นพ่อมึงเนี่ย เขาถึงได้เชิญให้กูไปเขียนใบลาออกให้มึง มึงจะได้ไม่มีประวัติโดนไล่ออกจากโรงเรียน!!!” คุณปรีชาตะโกนตอบลูกชายอย่างเหลืออด ปอได้แต่ยืนอึ้งไปไม่เป็นเขาเนี่ยนะโดนไล่ออก

‘คนอย่างกูเนี่ยนะใครแม่งบังอาจวะกล้าดียังไงมาไล่เขาออกจากโรงเรียน อย่าให้รู้ตัวนะพ่อจะกระทืบให้ไส้ไหล’ ปอสบถด่าในลำคอด้วยความโมโห

“มึงไม่ต้องทำหน้าไม่พอใจมึงคิดว่ามึงทำตัวดีนักหรอห๊ะ!! เรียนมาไม่ถึงปีมีเรื่องกับคนอื่นไม่เว้นแต่ละวัน แค่เดือนนี้เดือนเดียวกูไปประกันตัวมึงที่โรงพักสามรอบแล้ว เขาทนให้มึงเรียนนานขนาดนี้กูก็ไม่รู้จะขอบคุณเขายังไงแล้ว” คุณปรีชาพูดดักคอลูกชายที่กำลังจะอ้าปากพูด ส่วนปอก็พยายามระงับอารมณ์หงุดหงิด

“แล้วออกมาแบบนี้พ่อจะให้ผมทำยังไงต่อ”

“กูจะให้มึงไปเรียนมหา’ลัยเดียวกันกับไอ้ปิง” ปอขมวดคิ้วเป็นปมกว่าเดิม เรียนมหา’ลัยเดียวกับไอ้ปิงเนี่ยนะจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อเขาเรียนเทคนิค มหา’ลัยที่ไหนมันจะรับเด็กเทคนิคเข้ากลางเทอม แถมที่ไอ้ปิงเรียนยังเป็นมหา’ลัยรัฐชื่อดังอันดับต้นๆของประเทศ

“มหา’ลัยไอ้ปิง มหา’ลัยรัฐเนี่ยนะ”

“เออ หรือมึงมีปัญหา”

“ทำไมต้องให้ผมเรียนมหา’ลัย ไปต่อเทคนิคช่างกลที่อื่นก็ได้”

“กูจะให้มึงเรียนมหา’ลัย” คำตอบของคุณปรีชายิ่งสร้างความสงสัยให้ปอ พ่อเขาเป็นอะไรกับมหา’ลัยวะ

“แล้วทำไมต้องมหา’ลัยรัฐ เอกชนก็ได้” ปอยังคงถามด้วยความสงสัย

“แล้วทำไมมึงต้องเรียนเอกชนล่ะ” คุณปรีชาก็ยังคงไม่ให้คำตอบเหมือนเดิม

“ก็ทีพ่อเรียนพ่อยังเรียนเอกชนเลย แถมเรียนที่เมืองนอกอีกต่างหาก”

“ช่วยไม่ได้พ่อมึงไม่ได้รวยเหมือนพ่อกู” คุณปรีชาตอบลูกชายกลับแบบยียวนส่วนปอได้แต่อึ้งไป ไม่คิดเลยว่าพ่อจะตอบแบบนี้ ถ้าใครบอกว่าปอกวนตีนไม่ต้องสงสัย ลูกไม้มันหล่นไม่ค่อยไกลต้นหรอก

“...................” เห็นปอเงียบคุณปรีชาก็หัวเราะเสียงดังอย่างสะใจแบบไม่มีกั๊ก นานๆทีท่านจะเอาคืนลูกชายได้สักครั้งปกติมีแต่มันที่กวนประสาท

“พ่อผมไม่รวยแต่ได้ข่าวไอ้ป้องต่อโทที่เมืองนอกนะ” ตั้งสติได้ปอก็สวนพ่อกลับไป พ่อพึ่งจะส่งไอ้ป้องไปต่อโทที่อเมริกาเมื่อต้นปี แต่มาบอกตัวเองจนตลกเหอะครับ

“ก็แม่มันรวย” ปอสบตาพ่อแบบเหนื่อยใจ เขาเริ่มจะรู้ตัวแล้วละว่าพ่อจงใจกวนประสาทเขาชัดๆ

“พ่ออออออออ” ปอเรียกเสียงยานคางส่งสัญญาณให้คุณปรีชารู้ตัวว่าชักจะตลกเกินแล้ว

“เอาน่าไอ้ลูกชายมึงไปเรียนกับพี่มึงนั่นแหละ”

“ทำไมต้องเรียนของรัฐวะพ่อ ยังไงพ่อก็ต้องยัดเงินให้ผมเข้าเรียนอยู่ดี เรียนเอกชนก็ได้มั้ง” ปอยังคงต่อรองไม่ยอมไปเรียนที่เดียวกับปิง ไม่ใช่หัวสูงเรียนรัฐบาลไม่ได้อะไรหรอกนะแค่เขาไม่อยากเรียนเฉยๆก็แค่นั้น อะไรที่มันขัดใจหรือว่าต่อต้านพ่อได้กูทำหมดละครับ ไม่ได้เป็นเด็กขาดความอบอุ่นเป็นเด็กมีปัญหาอะไร คืออยากกวนตีนเฉยๆกูรักนะครับกูเลยกวน อีกอย่างให้ไปเรียนมหา’ลัยกลางปีแบบนี้แถมมาจากเทคนิคประวัติก็ใสสะอาดซะสุดๆ ยังไงแม่งก็ต้องยัดเงินเข้าเรียนว่ะครับ ทางที่ดีเข้าเอกชนมันน่าจะสร้างปัญหาในอนาคตน้อยที่สุดจริงไหม?

“ใครบอกมึงว่ากูจะยัดเงินให้มึงเข้าเรียน” คราวนี้ปอทำหน้าเป็นหมางงใส่พ่อ ไม่ยัดเงินให้เข้าเรียนแล้วจะให้ไปเรียนยังไงวะ ให้เดินไปบอกอธิการว่ากูจะมาเรียนนะเหรอครับ พ่อเขาท่าจะอาการหนักไม่น้อยสมองน่าจะได้รับการกระทบกระเทือน ตอนรู้ว่าลูกชายโดนเชิญออกจากโรงเรียน

“ไม่ต้องทำหน้าเป็นควายงง” คุณปรีชาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นหน้างงๆของปอ

“กูไม่ได้จะยัดเงินให้มึงเข้าเรียน แต่มึงต้องเรียนที่เดียวกับไอ้ปิง” คำพูดกำกวมของคุณปรีชายิ่งทำให้ปองงหนัก

“กูจะให้มึงหยุดเรียนครึ่งปี แล้วปีหน้ามึงก็ไปสอบเข้าเป็นเด็กปีหนึ่งใหม่พร้อมน้องปราง” จบคำพูดปอโวยวายขึ้นทันทีแบบไม่ต้องใช้สมองคิดเยอะ

“พ่อจะบ้าหรอให้ไปสอบเข้าใหม่ ไปเรียนกับรุ่นน้องเนี่ยนะฝันเหอะพ่อ พ่อไม่ให้เงินผมเรียนผมเอาเงินตัวเองก็ได้” ปอตอบแบบไม่แยแสเขามีเงินเก็บที่พ่อกับแม่โอนใส่บัญชีให้ทุกเดือนอยู่แล้ว ไม่เดือนร้อนเรื่องเงินเลยสักนิด ยังไงเขาก็ไม่มีทางทำตามพ่อแน่ๆ

“หมายถึงเงินเก็บในบัญชีที่กูโอนให้มึงทุกเดือนอันนี้ใช่ไหม” คุณปรีชาโบกสมุดบัญชีเงินฝากของปอไปมา ปอถึงกับตาเหลือกพ่อไปหาเจอได้ไงวะ

แต่ยังไม่จบแค่นั้น เมื่อคุณปรีชาเอามืออีกข้างล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบของสองอย่างออกมา มันคือกุญแจสองดอกถ้าปอมองไม่ผิดและไม่มีทางมองผิดแน่ๆ นั้นมันกุญแจรถกับกุญแจบ้านของเขาชัดๆ

“เฮ้ยพ่อ!! เอาของผมคืนมานะ” ปอเดินตรงมาหาพ่อพยายามจะแย่งคืนแต่คุณปรีชาชี้หน้าปรามไว้ว่าให้หยุดอยู่ที่เดิม  ก่อนจะหันไปสบตากับปิงพร้อมพยักหน้าให้ พอปิงเห็นพ่อส่งสัญญาณก็พยักหน้าตอบแล้วลุกขึ้นเดินตรงไปหาปอล็อกตัวน้องชายไว้แน่น ส่วนปอไม่ทันตั้งตัวเลยโดนพี่ชายล็อกตัวได้ง่ายๆพยายามดิ้นยังไงก็ไม่หลุด ไม่ใช่ว่าสู้แรงพี่ชายไม่ได้ปอตัวใหญ่กว่าปิงด้วยซ้ำ แต่ที่ดิ้นไม่หลุดเป็นเพราะแผลที่มีอยู่บนตัวต่างหากยิ่งดิ้นยิ่งเจ็บ

คุณปรีชาเมื่อเห็นปิงจับตัวปอไว้แล้ว ท่านก็รีบเดินตรงเข้ามาหาลูกชายทั้งคู่ทันที ไม่รีบไม่ได้ต้องทำเวลาไม่งั้นไอ้ปอดิ้นหลุดละจบเลย คุณปรีชาเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างของปอ ก่อนจะหยิบกระเป๋าสตางค์กับกุญแจรถออกมา จากนั้นก็พยักหน้าให้ปิงเป็นสัญญาณว่าปล่อยตัวปอได้แล้ว

“โทษทีว่ะมึงกูขัดพ่อไม่ได้” ปิงบอกน้องพร้อมตบบ่าแปะๆอย่างให้กำลังใจ แล้วเดินมายืนสมทบกับพ่อ ปอมองหน้าพี่ชายอย่างแค้นใจ มันทำพูดเหมือนเห็นใจสำนึกผิด แต่รอยยิ้มมุมปากสะใจโคตรๆของมึงคืออะไรวะ

“กูจะยึดของพวกนี้ของมึงไว้ก่อน แล้วมึงก็ต้องเตรียมตัวไปสอบเข้า และก็ต้องสอบให้ติดโดยไม่มีข้อแม้อะไรทั้งนั้น แต่กูใจดีให้มึงเลือกเรียนที่มึงอยากเรียนได้” คุณปรีชาเอ่ยขึ้นพร้อมยิ้มมุมปากอย่างเป็นต่อ ท่านไม่เคยทำแบบนี้กับลูกชายเลยสักครั้งไม่เคยบังคับให้อิสระตามใจจนปอเคยตัว ครั้งนี้ท่านต้องทำเพื่อดัดนิสัยลูกชายบ้างให้มันไปเรียนมหา’ลัยเดียวกับพี่ชาย อย่างน้อยก็มีคนคอยดูคอยปรามมันบ้าง เพราะถึงปอจะนิสัยแบบนี้แต่ลูกชายท่านมันก็เคารพพี่ชายในแบบของมัน

ส่วนปอได้แต่มองของในมือพ่ออย่างเคืองๆ สมุดบัญชีที่มีเงินฝากแบบใช้ได้ทั้งชาติถ้าไม่ใช้เว่อร์เกิน กระเป๋าสตางค์ที่มีบัตรเครดิตและตังในกระเป๋า กุญแจรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ที่พี่ทั้งสองคน ออกเงินรวมกันซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด กุญแจรถสปอร์ตที่แม่ซื้อให้เพราะเขาบ่นอยากได้ และกุญแจบ้านเล็กบ้านส่วนตัวของเขาที่พ่อซื้อให้ เพราะเขาเรียนจบม.ปลายมาได้โดยไม่โดนไล่ออก ไม่ใช่ว่าโง่จนจะเรียนไม่จบนะครับแต่ฉลาดแล้วโดดเรียนทะเลาะวิวาทประจำใครเขาจะอยากเอาไว้ นี่จบมาได้กูยังงงกับตัวเองเลย

“พ่อคิดว่ายึดของๆผมไป แล้วผมจะทำตามที่พ่อบอกเหรอ” ปอยังคงดื้อแพ่งไม่ทำตาม

“หึ หึ กูว่าแล้ว” คุณปรีชาพูดขึ้นเหมือนเดาไว้แล้วว่าปอจะตอบแบบนี้

“แต่ถ้ามึงไม่ทำตามกูจะบอกเรื่องที่มึงขึ้นโรงพักกับแม่มึง”

“เฮ้ย!!!!แค่นี้ต้องขู่จะฟ้องแม่เลยหรอ”

“เออ!!!ก็ถ้ามึงไม่ทำตามกูบอกเมียกูแน่” คุณปรีชาพูดอย่างเป็นต่อ เพราะคนที่มีจุดอ่อนที่คุณปิ่นแก้วภรรยาของท่าน ไม่ได้มีแค่ท่านคนเดียวมันรวมถึงปอลูกชายของท่านด้วย

“นี่ผมมีสิทธิ์ต่อรองอะไรไหม” ปอถามอย่างปลงๆและยอมแพ้ พ่อฉลาดมากที่ใช้แม่มาขู่ แล้วเขาจะกล้าขัดขืนเหรอแบบนี้ เขาไม่อยากให้แม่รู้และเสียใจเรื่องที่เขายกพวกตีกับคนอื่นหรอกนะ ที่สำคัญเขาเคยสัญญากับแม่ไว้แล้วว่าจะไม่ให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก แต่ไม่เคยทำได้สักทีมันเลยเป็นจุดอ่อนโดนเอามาขู่อยู่แบบนี้ไง

“มึงมีสิทธิ์แค่ทำตามเท่านั้นไอ้ลูกชาย”

“แล้วพ่อจะคืนของให้ผมตอนไหน”

“ตอนที่กูพอใจ” กวนประสาทลูกชายทิ้งท้ายก่อนที่คุณปรีชาจะเดินขึ้นบนบ้าน ปิงสบตากับน้องชายแล้วยักไหล่ให้ก่อนจะทิ้งปอ ก้าวขาเดินตามพ่อขึ้นข้างบนไป

ปอมองตามหลังทั้งสองคน แล้วยกมือขึ้นมาทึ้งหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด นี้เขาต้องไปสอบเข้ามหา’ลัยพร้อมรุ่นน้องจริงๆหรอวะ

‘โว๊ยยยยยยยยยยยยย’

จะบ้าตายนี่พ่อคิดอะไรของเขาวะ กูปวดหัวครับ!!!!

2 Be con...

+++++++++++++
ฝากนิยายด้วยนะ
พูดคุยกับคนเขียนได้ที่เพจตามลิงค์เลยจ้า
https://www.facebook.com/gib1matchty
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-01-2016 16:59:15 โดย matchty »

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กับดักที่
- 2 -



ครึ่งปีต่อมา....
วันประกาศผลสอบ

   วันนี้ปอต้องจำใจตื่นเช้าเป็นพิเศษ เพราะน้องสาวของเขาตื่นเต้นอยากไปดูประกาศผลสอบที่มหา’ลัย ทั้งๆที่ความจริงรอดูผลประกาศจากอินเตอร์เน็ตก็ได้ แต่คุณเธอไม่ยอมบอกว่าความฟินมันต่างกัน คือแค่ประกาศผลสอบมันต้องใช้ความฟินอะไรวะครับ

   ให้มาคนเดียวเจ้าตัวก็ไม่ยอมงอแงให้มาเป็นเพื่อนนี่น้องหรือเมียวะเอาแต่ใจฉิบหาย ถ้าใครว่าเขาเอาแต่ใจโดนตามใจจนนิสัยเสียบอกเลยว่ามีตรงนี้อีกคน ทั้งที่รู้ว่าน้องเอาแต่ใจแต่เขาก็ตามใจนี่แค่น้องนะ ถ้าเป็นเมียชี้นกแล้วบอกว่ากระรอกกูก็ไม่ขัดว่ะครับ กูว่าอนาคตกูน่าเป็นห่วงพอควร...

   หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย ตอนนี้ปอก็มายืนเมาขี้ตาอยู่หน้าบอร์ดประกาศผลสอบคณะวิศวะ ทีแรกว่าจะเรียนบริหารเอาใจตาแก่ที่บ้านแต่เขาไม่อยากมาเป็นรุ่นน้องไอ้ปิง ไอ้พี่เลว ไอ้พี่ทรยศ นึกถึงทีไรก็หงุดหงิดทุกทีให้ตายขนาดเรื่องมันผ่านมาครึ่งปีแล้วนะ ที่สำคัญนอกจากไอ้ปิงที่เรียนบริหารก็ยังมีไอ้ป้องกับน้องปรางที่เลือกเรียนเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเขาไม่เรียนคนเดียวก็ไม่เป็นไรหรอก ไว้เลือกเรียนคหกรรมค่อยเป็นเรื่องละกันครับ

   ปอค่อยๆไล่สายตามองหาชื่อตัวเองบนบอร์ด เขายืนห่างบอร์ดพอสมควรเลยต้องค่อยๆหา เพราะตอนนี้ข้างหน้าเขาคนเบียดเข้าไปดูผลกันเต็ม ดีนะครับที่กูสูงเกือบร้อยเก้าสิบเลยได้เปรียบ สักพักปอก็เห็นชื่อของตัวเอง ‘ปรมัตถ์ อัศวเทพ’ ชื่อนามสกุลครบแสดงว่าสอบติด ก็ไม่แปลกที่จะติดครึ่งปีมานี้ที่หยุดเรียนไปเขาเองก็ไม่ได้นอนหายใจทิ้งไปวันๆ อ่านหนังสือจนแทบจะแดกเข้าไปแทนข้าวไหนจะครูสอนพิเศษที่พ่อหามาให้อีก

   บอกเลยมันเป็นช่วงเวลาที่โคตรทรมาน ดีนะที่พ่อยังปรานีไม่ล่ามโซ่เขาไว้ยังยอมให้ออกไปสังสรรค์กับเพื่อน ไม่งั้นคงได้หนีออกจากบ้านกันล่ะครับ แล้วในจังหวะที่ปอกำลังจะหันหลังกลับ ร่างของคนข้างหน้าก็หันมาชนเข้ากับเขาอย่างจัง

พลั่ก!!!!!!!!!

“โอ๊ยยยยยยยย เหี้ย!!!แม่ง!!!” เสียงสบถโวยวายดังออกมาจากร่างที่ลงไปนั่งกองอยู่กับพื้น เรียกสายตาคนที่อยู่บริเวณนั้นให้หันมามองได้เป็นอย่างดี เจ้าตัวลุกขึ้นใช้มือปัดตามตัวไปมาตาก็จ้องมาที่ปออย่างเอาเรื่อง

“มึงยืนยังไงไม่หลบคนวะ” เสียงตวาดถามอย่างเอาเรื่อง ปอขมวดคิ้วมองคนตรงหน้านิ่งๆ

   ‘กูก็ยืนของกูดีๆเป็นมึงไหมไอ้เตี้ยที่หันมาชนกูจนตัวเองลงไปกองกับพื้นน่ะ’ ปอยังคงมองนิ่งๆไม่ได้ตอบโต้อะไร เหมือนรอดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย แปลกที่เขายังรู้สึกเฉยทั้งๆที่ปกติ ถ้าโดนหาเรื่องซึ่งหน้าแบบนี้ได้ตายกันไปข้างละยิ่งถ้าเขาไม่ผิดนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย แต่กับคนตรงหน้าเขาดันไม่ยักจะโกรธยิ่งพอเห็นว่าตัวบางๆขาวๆหน้าหวานๆตาโตๆ สูงแค่คางมาทำท่าโมโหใส่แบบนี้ มันทำให้ปอเห็นเหมือนหมาชิสุกำลังขู่สิงโตยังไงยังงั้น

“หึ หึ” ปออมยิ้มให้กับความคิดตัวเองก่อนจะขำในลำคอเบาๆ

   “ขำเหี้ยอะไรวะ” คนตัวเล็กกว่าถามขึ้นอย่างโมโห มันขำห่าอะไรวะบ้านมึงเป็นตลกเหรอไอ้ยักษ์ปักหลั่น แถมยังเสือกขำไม่หยุดอีกกำลังจะอ้าปากด่าต่อก็มีเสียงเรียกดังขัดขึ้นมา

“เลิฟ!!!! มึงเสร็จรึยัง” เสียงตะโกนถามดังข้ามมาจากอีกฟากถนนในมหา’ลัย ทำให้ทั้งปอและคนตัวเล็กหันไปมองตามเสียง

“ฝากไว้ก่อนเหอะมึง” เอ่ยออกมาอย่างคาดโทษ จากนั้นก็หันหลังวิ่งไปหาเพื่อนแต่ก่อนจะเดินจากไป คนตัวเล็กยังไม่วายหันมายกนิ้วกลางให้ปอเป็นการทิ้งท้ายก่อนจากกัน

ปอมองตามแผ่นหลังเล็กๆที่เดินจากไป พร้อมกับรู้สึกได้เลยว่าเส้นเลือดข้างขมับมันเต้นดังตุ๊บๆ กวนตีนจริงๆไอ้เตี้ยถ้ารู้ว่าจะกวนตีนขนาดนี้ น่าจะจัดให้สักแผลสองแผลเป็นยาลดความกวน

“ปอเป็นไรอ่ะ” เสียงถามดังขึ้นข้างๆตัวแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง ทำให้ปอละสายตาจากแผ่นหลังเล็กๆที่เห็นไกลๆ แล้วเบนสายตามามองน้องสาวแทน

“ไม่มีอะไร แล้วเราล่ะผลสอบเป็นไง” ปอส่งยิ้มแล้วเอามือลูบหัวน้องสาวอย่างอ่อนโยน

ส่วนปรางเองพอเห็นพี่ชายเปลี่ยนเรื่องเลยไม่เซ้าซี้ต่อ ทั้งๆที่เห็นนะว่าพี่ชายทำหน้าตามีความสุขเหมือนตอนที่เจอของถูกใจ แต่ดูท่าเจ้าตัวจะไม่รู้ปรางเลยเลิกสนใจถึงจะสงสัยก็เหอะ

   “โธ่ปอ...น้องอ่ะระดับไหนแล้วไม่เชื่อดูดิ” ว่าพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ไปตรงหน้าพี่ชาย

   ปอก้มมองภาพที่โชว์บนโทรศัพท์ มันเป็นภาพกระดาษรายชื่อที่มีชื่อ ‘ปัญชิกา อัศวเทพ’ ชื่อของน้องสาวเขา
ปรางเก็บโทรศัพท์แล้วยักคิ้วให้พี่ชายอย่างกวนๆ ทำให้ปออมยิ้มคว้าตัวน้องสาวมาล็อคคอไว้ ก่อนจะใช้มือขยี้หัวด้วยความหมันเขี้ยวจนผมของปรางยุ่งไปหมด

“โหยยยปอเล่นไรเนี่ยผมน้องเสียทรงหมดแล้ว” ปรางว่าพี่ชายอย่างงอนๆมือก็พยายามลูบผมให้เข้าทรง ก่อนจะแบมือไปที่หน้าปอ

“อะไร” ปอถามน้องสาวด้วยความงงว่าแบมือออกมาทำไม

ส่วนปรางได้แต่ทำหน้ายู่ใส่พี่ชายอย่างขัดใจ ถอนหายใจออกมาเซ็งๆที่พี่ชายไม่เข้าใจการกระทำของตัวเอง

“ของขวัญไงปอของขวัญอ่ะ ไม่มีไรให้น้องหรอน้องสอบติดนะเว้ย”

“งั้นไหนของขวัญของพี่ล่ะ พี่ก็สอบติดเหมือนกัน” ปอว่าพร้อมกับแบมือไปที่ปราง แบบเดียวกับที่ปรางทำเมื่อกี้เป๊ะๆ

“โหยยปอตัวเป็นพี่นะมาขอน้องได้ไงอ่ะ” ปรางโอดครวญใส่พี่ชายพร้อมกับทำหน้างอ ปอได้แต่ยิ้มขำให้กับท่าทางของน้องสาว

“มาขอพี่ตอนนี้พี่ก็ไม่มีให้หรอกพ่อยึดสมบัติพี่ไปหมดแล้ว”

“ชิส์” ปรางจิ๊ปากสะบัดหน้าหนีไปอีกทางแบบงอนๆ

“ปอขี้งกน้องไปขอกับพี่ปิงพี่ป้องก็ได้” ว่าแล้วก็เดินหนีไปขึ้นรถที่จอดอยู่

ปอมองตามน้องแล้วก็ส่ายหัวอย่างปลงๆ นี่เขาตามใจน้องจนเสียนิสัยหรือเปล่าวะ แต่ให้รู้ไว้เถอะครับไม่ใช่แค่เขาที่สปอยน้อง ไอ้ปิงไอ้ป้องนี่ยิ่งแล้วใหญ่ไม่เคยขัดอยากได้อะไรขอให้บอกพวกมันหามาถวายให้ถึงที่ ส่วนตาแก่อย่าให้พูดถึงจะด่าจะว่าสักคำก็ไม่มี ตามใจกันสุดๆล่ะครับเจ้าหญิงของบ้าน ที่มีกล้าดุกล้าว่าคงเป็นแม่เขาคนเดียว แล้วไม่มีใครกล้าหือด้วยนะครับอยากตายก็ลองดู

   ปอนินทาน้องตัวเองในใจก่อนจะรีบเดินตามไปที่รถ ขืนไปช้าแล้วเจ้าตัวรอนานจะยิ่งงอนไปกันใหญ่ คราวนี้แหละงานได้เข้าของจริง

   เดินมาถึงรถก็เห็นหน้าสวยๆของน้องสาวงอง้ำยืนพิงรถรอเขาอยู่ ปอถอนหายใจเบาๆไม่ใช่ไม่อยากให้รางวัลน้องนะ แต่เขาโดนยึดทรัพย์ไปตอนนี้จัดว่าเกลี้ยงจริงๆสงสัยต้องขอกู้ไอ้ปิงซื้อของขวัญให้น้อง ตกลงกับตัวเองได้แล้วว่าจะเอาไงต่อปอก็เอารีโมทออกมาปลดล็อครถ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้เจ้าหญิงเข้าไปนั่งเดี๋ยวจะทรงพระโกรธไปกว่านี้
“ได้สมบัติคืนเมื่อไหร่อย่าลืมของขวัญน้องนะจัดมาชิ้นใหญ่ๆด้วย”

“เออๆสัญญา” ว่าแล้วก็เอื้อมมือไปขยี้หัวน้องสาวอีกทีหมันเขี้ยวครับ เห็นว่างอแงแสนงอนแบบนี้ปรางก็เป็นแค่กับคนสนิทคนในครอบครัวเท่านั้นนะครับ คนอื่นนี่อย่าหวังจะได้เห็นเจ้าตัวหยิ่งสุดๆขนาดเพื่อนสนิทเขาน้องยังคุยด้วยเป็นบางคนคิดดูละกัน

“ปอ!!!!!” ปรางขึ้นเสียงใส่พี่ชายอย่างหงุดหงิด มือก็ลูบผมให้เข้าทรง บอกกี่รอบแล้วว่าอย่าเล่นหัวผมมันเสียทรง!!!!

ปอส่ายหัวเบาๆเมื่อเห็นอาการน้องสาว น้องเขาถ้าจะเป็นเอามากกับทรงผม ปอละสายตาจากน้องมามองถนนข้างหน้าก่อนจะสตาร์ทรถ ขับออกจากมหา’ลัยมุ่งตรงกลับบ้านทันที

...
...
   ณ ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง

ปึก! ปึก! ปึก!

เสียงช้อนที่กระแทกกับจานดังออกมาไม่หยุดตั้งแต่พวกเขาเข้ามานั่งในร้านอาหาร จนตอนนี้เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ๆเสียงก็ยังคงดังต่อเนื่องโดยไม่มีท่าทีจะหยุดลงเร็วๆนี้ ทำให้หญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มทนไม่ไหวจนต้องเอ่ยปากถามขึ้นมาในที่สุด

“เลิฟ..มึงเป็นอะไรวะกูเห็นมึงเอาช้อนจิ้มจานเล่นตั้งแต่เข้ามาในร้านแล้วนะ” หญิงสาวหรือที่มีชื่อว่านาวถาม เห็นใบหน้าหวานๆน่ารักของเพื่อนชายบูดบึ้งทั้งๆที่พึ่งได้รับข่าวดีมา จนพวกเธอต้องมานั่งฉลองให้กับความสำเร็จและความพยายามตอนนี้ด้วยความสงสัย

“อยากฆ่าคน” เลิฟเอ่ยออกมาเสียงอาฆาตรอดไรฟัน

“ห๊ะ!! มึงจะฆ่าใคร” นาวขมวดคิ้วมุ่นมองหน้าเพื่อน อันที่จริงไม่ใช่แค่นาวหรอกอีกสามชีวิตที่เหลือก็หันมามองเลิฟเป็นตาเดียว อยู่ดีๆก็บอกอยากฆ่าคนมันจะฆ่าใคร?

เลิฟเงยหน้ามองเพื่อนแล้วหยุดมือที่กระแทกช้อนลง เขายังไม่ได้เล่าให้เพื่อนฟังเรื่องไอ้ยักษ์ปักหลั่นที่ทำเขาล้มลงไปกอง แม่ง!ทำคนล้มแล้วยังไม่ช่วยยืนมองนิ่งๆอีกมันคิดว่ามันเท่หรือไงวะ แค่ตัวสูง (มาก) หน้าตาก็งั้นๆ(หล่อ) ทำมาเป็นยืนเก๊กใช้ตาสีประหลาดของมันยืนมองเขาดุๆ หน้านี่ก็คนไทยเชื้อสายจีนชัดๆแต่ตาสีแปลกๆ ผู้ชายห่าอะไรใส่คอนแท็คสีดีนะไม่เอาตาโตด้วย ยิ่งไอ้รอยสักที่แขนสองข้างที่มันโผลพ้นเสื้อเชิ๊ตที่พับถึงข้อศอกสองข้างของมัน กับทรงผมที่เซ็ตเข้าทรงอย่างดียิ่งทำให้มันดูกวนประสาท หงุดหงิดอ่ะ

อะไรมองหน้าเขาแบบนี้ทำไม เออๆก็ได้ยอมรับแหละว่าไอ้บ้านี่มันก็ดูดี แถมรอบๆตัวไอ้ยักษ์มันมีกลิ่นอายประหลาดดูอันตรายยังไงไม่รู้ แต่ช่างเหอะที่เรียกมันว่ายักษ์ปักหลั่น ก็เพราะเขาสูงตั้ง 175 ซ.ม. ตามมาตรฐานนะครับ แต่ยังสูงแค่คางของมันเอง แม่ง!!! หมั่นไส้ทำไมสูงได้ขนาดนั้นวะ (จริงๆอิจฉา)

“นี่มึงจะบอกกูได้หรือยังว่ามึงเป็นอะไร” นาวพูดเรียกเพื่อนขัดความคิดที่ดูเหมือนจะไปไกลของเจ้าตัว และดูท่าจะไปไกลมากด้วยเล่นหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วนั่งเหม่อ แต่ทำหน้าตาประหลาดออกมาเป็นระยะเดี๋ยวโกรธเดี๋ยวโมโหอยู่นั่นแหละเห็นแล้วยิ่งทำให้สงสัย

“เปล่าไม่มีไรหรอก” เลิฟพูดตัดบทเพราะไม่อยากเล่าจริงๆมันก็แค่เรื่องปัญญาอ่อน ขืนเล่าไปพวกเพื่อนเขามันคงได้หัวเราะกลิ้ง
 
“เออๆไม่มีไรก็ไม่มีถึงกูจะมองเห็นว่าหน้ามึงโคตรจะมีก็เหอะ” นาวว่าก่อนจะหันไปตักลูกชิ้นในหม้อขึ้นมากิน ไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่าถ้ามีอะไรหนักๆเดี๋ยวมันก็เล่าออกมาเองแหละ

“นี่มึงบอกพ่อเรื่องสอบติดยัง” นาวถามขึ้นมาอีกครั้ง เลิฟส่ายหัวไปมาแทนคำตอบ

“เอ้า!! แล้วมึงไม่บอกอ่ะมึงจะให้เขาตรัสรู้เองหรอวะ โง่ๆอย่างมึงสอบติดวิศวะเลยนะเว้ย” นาวพูดจิกกัดเลิฟเบาๆจนเพื่อนๆที่เหลือหัวเราะออกมาพร้อมกัน

“มึงก็ไปว่ามัน” กั้มพูดไปขำไปส่วนพีทได้แต่ส่ายหัว เป็นเรื่องปกติที่นาวจิกกัดเลิฟ ส่วนเอยหันมามองหน้าเลิฟอย่างเห็นใจ

“กลับไปค่อยบอก” เลิฟบอกหน้ายู่ นาวพยักหน้ารับรู้แล้วก้มลงกินต่อ เลิฟยังจำความรู้สึกตอนไปยืนมองหาชื่อตัวเองที่บอร์ดได้อยู่เลย มือมันเย็นใจมันสั่นไปหมดไล่อ่านรายชื่อไปเรื่อยๆไม่เจอสักที เจอแต่ชื่อนาวกับพีทที่ฝากให้ดูให้ด้วยเกือบจะหมดหวังอยู่แล้ว แต่สุดท้ายก็ไปเจอชื่อตัวเองอยู่เกือบท้ายสุดของแผ่นกระดาษ ตอนนั้นเข่าแทบทรุด

พวกเขาห้าคนโชคดีที่สอบติดมหาวิทยาลัยเดียวกัน เลิฟ นาว และพีทติดคณะวิศวะ นาวกับพีทนี่หายห่วงเพราะเรียนเก่งมาก ส่วนเลิฟนี่เรียนกลางๆค่อนไปทางล่างๆ แต่ดันสอบติดวิศวะถือว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์เลย อีกสองคนคือเอยกับกั้มเอนติดมนุษย์ศาสตร์
หลังจากนั้นไม่นานทุกคนก็กลับบ้านเพื่อจะได้เอาข่าวดีที่ได้รับไปบอกคนที่บ้านด้วย ทั้งห้าคนเดินมาทางลานจอดรถแล้วล่ำลากันเล็กน้อยก่อนแยกย้าย ตอนนี้ที่ลานจอดรถเหลือแค่นาวกับเลิฟสองคน พออยู่กันแค่สองคนเลิฟก็ถอนหายใจออกมา

“มึงไม่เป็นไรแน่นะ” นาวหันหน้ามาถามเพื่อน เพราะเลิฟทำหน้าหนักใจกว่าตอนที่นั่งในร้านอาหารเมื่อกี้ซะอีก

“ยังไม่อยากกลับบ้านว่ะ” เลิฟเอ่ยออกมาก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวยาวหน้าทางเข้าห้าง

“ทำไม” นาวถามพร้อมกับเดินมานั่งลงข้างๆ เลิฟส่ายหัวตอบคำถามแทนนาวเลยเป็นฝ่ายพูดต่อ

“ใช่เรื่องที่มึงนั่งจิ้มจานในร้านไหมหรือมีเรื่องอื่น”

“ไม่ใช่นั่นมันแค่เรื่องปัญญาอ่อนกูแค่ยังไม่อยากกลับตอนนี้”

“ขนาดเรื่องปัญญาอ่อนมึงจิ้มจนจานจะทะลุ แล้วไมมึงไม่อยากกลับบ้าน”

“กูเครียดที่สอบติดว่ะ”

“ห๊ะ!!! ตอนรู้ผลมึงยังดีใจอยู่เลยแล้วอยู่ๆมึงมาดราม่าอะไรเนี่ย”

“ก็ดีใจแต่กูกลัวกูเรียนไม่รอดว่ะ มึงก็รู้ว่ากูโง่ฉิบหายสอบติดได้นี่แม่งโคตรฟลุ๊ก”

“มึงอย่าคิดอะไรไปเยอะดิวะยังไม่เรียนเลย ไปๆกลับบ้านไปบอกพ่อมึงว่าสอบติดเขาจะได้รู้ว่าหน้าอย่างมึงก็ทำได้” นาวเอ่ยให้กำลังใจเพื่อนมือก็กอดไหล่ไว้ เลิฟถอนหายใจอีกครั้งแล้วพยักหน้ารับรู้

“แต่ที่ไม่อยากกลับบ้านเพราะแค่เรื่องนี้จริงดิ” นาวถามย้ำเพราะโตด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก นาวเลยรู้นิสัยเพื่อนดีถ้าเรื่องแค่นี้ไม่มีทางที่เลิฟจะไม่อยากกลับบ้าน ส่วนเลิฟโดนเพื่อนสนิทถามอย่างรู้ทันก็ได้แต่เงียบ

นาวเห็นว่าเลิฟไม่ตอบเลยดึงมือเพื่อนสนิทลุกขึ้นยืนเพื่อกลับบ้าน เลิฟไม่ยอมบอกสิ่งที่คิดในใจออกมาทั้งหมดแต่นาวก็พอเดาออกไม่พ้นเรื่องที่บ้านหรอก ซึ่งนาวรู้และเห็นมาตลอดแหละว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง บ้านเลิฟค่อนข้างมีเรื่องซับซ้อนละเอียดอ่อน เอาเป็นว่าถ้าอยากรู้อะไรต้องรอมันเล่าเองขนาดเพื่อนอีกสามคนที่เหลือยังไม่เคยรู้เลยเลิฟมันปากหนัก ไม่แย่จริงๆไม่มีทางพูดแต่นี้ก็คงไม่ได้แย่อะไรหรอกมันก็แค่คิดมากของมันไปเอง

เลิฟมองเพื่อนตัวเล็กที่ฉุดมือเขาเดินไปขึ้นรถกลับบ้านอย่างขอบคุณ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ไม่สบายใจเพื่อนคนนี้คอยอยู่ข้างๆให้กำลังใจเสมอ จีบเพื่อนทำเมียซะดีไหมครับฮ่าๆ ไม่ใช่ไม่เคยลองจีบนะแต่โดนไอ้ตัวเล็กมันสวนหน้าแหกกลับมาว่าไม่อยากมีผัวสวยกว่าตัวเอง เขาเองก็ขำๆนะเพราะตอนที่จีบมันไม่ได้เพราะรักอะไร แค่อยากได้คนดีๆมาอยู่ข้างๆเท่านั้นเอง

สักพักรถที่นั่งมาก็ถึงบ้าน เลิฟเงยหน้ามองบ้านหลังใหญ่ตรงหน้าแล้วเดินลงจากรถ นาวเองก็ก้าวตามลงมาเพราะบ้านอยู่ติดกัน
 
“เข้าบ้านนอนนะคะมึง ไม่ใช่กระแดะออกไปแรดข้างนอกคืนนี้” นาวว่าแค่นั้นก่อนจะเดินหันหลังเข้าบ้านตัวเองไป เลิฟเองก็ยืนขำเบาๆที่โดนรู้ทันเขายืนมองเพื่อนตัวเล็กเข้าบ้านจนลับสายตาถึงได้เดินเข้าบ้านบ้าง วันนี้จะเชื่อเพื่อนตัวเล็กสักวันไม่ไปไหน บอกผลสอบพ่อเสร็จจะอาบน้ำนอนเป็นเด็กดีอยู่บ้านละครับ

...
...

“ลุงสมเห็นพ่อไหม” ปอเอ่ยถามคนสวนที่ยืนรดน้ำต้นไม้อยู่สนามหญ้าหน้าบ้าน เขามาถึงบ้านได้สักพักละเดินวนหาพ่อรอบบ้านแต่ไม่เจอสักทีไม่รู้ไปซ่อนที่ไหน

“อ้อ ผมเห็นคุณท่านซ้อมยิงปืนที่สนามหลังบ้านนิครับ” ลุงสมเอ่ยบอกปอ

‘สนามยิงปืนหลังบ้าน’ ปอพึมพำเบาๆ มันเป็นที่เดียวที่เขายังไม่ได้เดินไป ลืมนึกไปเลยจริงๆ

“ขอบคุณนะลุง” ปอเอ่ยขอบคุณคนสวนเล็กน้อยก่อนจะรีบเดินไปหาพ่อ ลุงสมเองก็ยิ้มรับและมองตามแผ่นหลังกว้างของนายน้อยตัวเองไป

ปัง! ปัง! ปัง!

เสียงปืนยิงดังลั่นให้ได้ยินทันทีที่ปอก้าวขาเข้ามาในสนามซ้อมยิงปืนขนาดเล็กที่พ่อเขาสร้างไว้ ปอยืนมองพ่อที่ตั้งหน้าตั้งตายิงแบบไม่สนใคร เวลาซ้อมยิงปืนทีไรพ่อเขาชอบลืมคนรอบข้างทุกที

ปอเองก็ยิงปืนเป็นนะแต่ไม่เคยลองยิงคนจริงๆหรอกถึงจะเหี้ยก็ยังไม่ขนาดฆ่าคนแต่อนาคตก็ไม่แน่ เวลาว่างๆพ่อเขาก็จะชวนพวกเขาสี่พี่น้องมาซ้อมความแม่นกันประจำ มีกระทั่งครูสอนด้วยซ้ำจริงๆพ่อก็ให้ครูมาสอนทุกอย่างนั้นแหละ ศิลปะป้องกันตัวแทบทุกชนิดบนโลกนี้ที่พ่อจะสรรหามาได้พวกเขาพี่น้องได้เรียนหมด เรียนกันตั้งแต่จำความได้เพราะฉะนั้นอย่าแปลกใจเลยที่เขาไม่ค่อยกลัวใคร คือมันค่อนข้างที่จะชินมือชินตีน

“พ่อ!!!!!” ปอตะโกนเรียกตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะรอ แต่ดูท่าพ่อจะไม่รู้ว่าเขาอยู่ตรงนี้แน่ๆก็เล่นยิงมันมือขนาดนั้น

“อ้าว...มึงมาเมื่อไหร่วะไอ้ลูกชาย” คุณปรีชาหันมาตามเสียงเรียกแล้วก็เห็นว่าเป็นลูกชายคนเล็กยืนหน้าเมื่อยอยู่ข้างหลังท่าน

“ทำหน้าให้มันดีๆหน่อย มาหากูนี่มีไรหรืออยากซ้อมมือวะ” คุณปรีชาเอ่ยถาม มือก็บรรจุกระสุนเข้าซองปืนใหม่เพราะยิงหมดแม็คพอดี

   ปอมองหน้าพ่อนิ่งๆไม่ตอบอะไร แต่เดินเข้าไปแบมือ คุณปรีชาเลิกคิ้วขึ้นข้างนึงลูกชายท่านมันแบมือทำไมขอตังกินหนมหรอวะ

“ขอสมบัติผมคืน” ปอตัดสินใจพูดเพราะดูท่าพ่อจะไม่เก็ตมุกเท่าไหร่

“สมบัติ? ของมึงที่กูยึดมาอ่ะนะ” คุณปรีชาถามกลับ ปอเองก็พยักหน้ารับ

“ใช่ ผมไปสอบแล้วก็สอบติดตามข้อตกลงเพราะงั้นพ่อคืนของผมมาได้ละ”

“หือ...ใครบอกมึงว่ากูจะคืนให้ตอนนี้”

“อ้าวพ่อแล้วจะคืนตอนไหนผมต้องใช้รถนะ ไปเรียนผมก็ต้องขับรถไปแถมมหา’ลัยก็อยู่ไกลบ้านเราด้วยพักที่บ้านผมใกล้มหา’ลัยกว่า” ปอโวยวายทันทีอย่างหัวเสียนี่พ่อจะเล่นอะไรอีกวะ

“กูรู้แต่กูยังไม่คืน” คุณปรีชาไม่สนใจเสียงโวยวายแต่หยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรออกแทน

“ชาญเอาของที่ฉันให้แกหามาให้ที่สนามยิงปืนหน่อย” คุณปรีชาวางสายจากลูกน้องคนสนิทแล้วก็หันไปยิงปืนต่อไม่สนใจท่าทีโมโหของปอเลยสักนิด ผ่านไปไม่นานชายวัยกลางคนท่าทางดุดันก็เดินมาที่สนามยิงปืน

“สวัสดีครับนายน้อยนี่ของที่นายสั่งครับ” ชาญค้อมหัวทักทายปอก่อนจะยื่นของสองอย่างให้คุณปรีชา ปอเห็นผ่านๆเหมือนจะเป็นลูกกุญแจว่าแต่กุญแจอะไรล่ะ?

“อ่ะ มึงไปนอนที่นี่” คุณปรีชายื่นของส่งให้ปอมันเป็นคีย์การ์ดคอนโดเดียวกับที่ไอ้ปิงอยู่ ปอมองคีย์การ์ดในมืองงๆสบตาพ่อแทนคำถาม

“ก็ที่พักไงใกล้มหา’ลัยกูเตรียมไว้ให้”

“ผมจะเอากุญแจบ้านผมคืนนะพ่อไม่ใช่คอนโด ที่สำคัญผมไม่ชอบคอนโด” ปอบอกอย่างหงุดหงิดบ้านเค้าก็มีใกล้มหา’ลัยเหมือนกัน แค่คืนกุญแจบ้านมาก็จบพ่อจะทำให้ยุ่งยากทำไมก็ไม่รู้

“ถ้าไม่นอนคอนโดงั้นมึงก็ไปนอนหอพักนักศึกษา” คุณปรีชาพูดอย่างไม่ยอมแพ้ ยังไงท่านก็ไม่ให้กุญแจบ้านคืนลูกชายตอนนี้เด็ดขาด เป็นเพราะท่านซื้อบ้านส่วนตัวให้ลูกนั้นแหละมันเลยไม่ค่อยกลับบ้าน แถมขนเพื่อนฝูงไปมั่วประจำให้ไปอยู่กับไอ้ปิงจะได้มีคนดูมัน

ปอมองคีย์การ์ดในมืออย่างขัดใจแต่ก็ต้องรับไว้ เพราะให้เลือกระหว่างคอนโดกับหอพักเขาเลือกคอนโดอยู่แล้ว

“แล้วรถล่ะพ่อ” ปอเอ่ยต่อพร้อมกับแบมือไปตรงหน้าพ่อ คุณปรีชาเลยวางกุญแจรถไว้บนฝ่ามือปอโดยไม่พูดอะไร แต่พอปอก้มมองกุญแจในมือเท่านั้นแหละ ปอก็โวยวายออกมาอีกรอบ

“พ่อ!!!! นี่มันกุญแจฟีโน่พ่อเล่นไรเนี่ย พ่อจะให้ผมขับไอ้รถหน่อมแหน่มนี่ไปเรียนเนี่ยนะ ผมไม่เอา”

“ก็ตามใจมึงเพราะยังไงกูก็ยังไม่คืนของให้มึงตอนนี้แน่” คุณปรีชาลอยหน้าลอยตาตอบ ปอได้แต่กัดฟันกรอดๆเพราะทำอะไรมากกว่าโวยวายไม่ได้

“แล้วเมื่อไหร่พ่อจะคืนของให้ผม”

“เมื่อกู......” ยังพูดไม่ทันจบปอก็ขัดขึ้นมาก่อน

“ผมต้องการกำหนดเวลาที่แน่นอน” ปอชิงพูดตัดบทไม่งั้นพ่อเขาก็จะตีเนียนอีก

“เมื่อกูเห็นว่ามึงทำตัวดีขึ้น เลิกเอาตัวเองไปรองรับตีนชาวบ้านเขาไปทั่ว ควบคุมตัวเองได้ดีกว่านี้เมื่อไหร่กูจะคืนให้”

“ถ้ามันหาเรื่องผมผมต้องเฉยไหมพ่อ” ปอยอกย้อนกลับ

“ถ้ามึงโง่นักก็ให้เขากระทืบเถอะ ส่วนเรื่องเงินกูจะให้มึงเป็นเดือนมึงต้องมารับเงินเองกับกูทุกเดือนเข้าใจใช่ไหม? ตามนี้แหละกูไปละ” คุณปรีชายักไหล่ให้ลูกชายทิ้งท้ายก่อนเดินจากไป เป็นการจบบทสนทนาและทำสัญญากับปอเรียบร้อย

ปอเองมองของในมืออย่างขัดใจก่อนจะระบายลมหายใจหนักๆออกมาคอนโดไม่เท่าไหร่แต่ฟีโน่เนี่ยนะ ให้ขับฟีโน่ออกจากคอนโดหรูราคาเหยียบสิบล้านไปเรียนทุกวันเป็นอะไรที่เข้ากันสุดๆ จำไว้เลยนะพ่อมันต้องมีวันที่เขาได้เอาคืน

‘โว๊ยยยยย ตาแก่เจ้าเล่ห์’

2 Be Con...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-01-2016 17:06:18 โดย matchty »

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กับดักที่
- 3 -



Tru…Tru…Tru

เสียงโทรศัพท์ของปอดังขึ้นฝ่าความเงียบในห้องนอน หลังจากปอคุยกับพ่อเสร็จเขาก็ขึ้นมาบนห้องนอนดูนิตยสารรถยนต์แก้เซ็ง สายตาเหลือบมองไปยังมือถือที่วางไว้ตรงหัวเตียง ก่อนจะวางหนังสือในมือลงแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู

- กิง -

หน้าจอโชว์ชื่อของเพื่อนสนิทตัวเอง ปอเลยกดรับสายก่อนจะกรอกเสียงลงไปแบบเซ็งๆ

“เออ”

“(เฮ้ย!! ทำไมมึงทำเสียงงั้นวะร่าเริงสัสๆ)” กิงถามเพื่อนขำๆ

“มึงโทรมามีไร” ปอตัดบทเพราะขี้เกียจต่อปากต่อคำ พูดกับไอ้กิงมากไม่ได้ไอ้นี่มันรั่ว

“(ทำเป็นเย็นชานะมึงกูเสียใจนะเนี่ย)” กิงดัดเสียงเล็กเสียงน้อยใส่ปอ

“ถ้ามึงไม่มีไรกูว่างนะ”

“(เฮ้ยๆเดี๋ยวดิวะมึงนี่แม่งแหย่นิดแหย่หน่อยทำเป็นของขึ้น ไปแดกรังแตนที่ไหนมาวะไอ้โหด)”

“............” ปอเงียบไม่ตอบคำถามทำให้ปลายสายรู้ตัวว่าปอกำลังเริ่มหงุดหงิด

“(พวกกูนัดกันไปแดกเหล้าเลยโทรมาชวนมึงแดกด้วย ฉลองที่มึงสอบติดมาเป็นรุ่นน้องพวกกูว่ะ มึงจะมาไหม?แต่ห้ามปฏิเสธเพราะพวกกูไม่อนุญาต)” กิงพูดด้วยน้ำเสียงยียวน ปอเลยได้แต่ส่ายหัวกับความกวนประสาทของเพื่อน
 
“กวนตีน...แล้วจะถามทำไมว่ากูจะไปไหม”

“(ฮ่าๆกูแค่ถามตามมารยาทว่ะ เดี๋ยวมึงออกมาเลยนะเจอกันที่ร้านพ่อมึงสาขาxx)”

“เอออีกครึ่งชั่วโมงเจอกัน” แล้วสายก็ตัดไป ปอเลยลุกขึ้นเปลี่ยนชุดเพื่อออกไปข้างนอก ไม่ได้เปลี่ยนอะไรมากหรอกแค่หยิบยีนส์ขาดๆมาสวมทับ บ๊อกเซอร์เท่านั้นเอง ใส่กางเกงเรียบร้อยปอก็เดินไปหยิบโทรศัพท์กำลังจะหยิบกุญแจรถกับกระเป๋าตัง แต่นึกขึ้นได้ว่ามันคือกุญแจฟีโน่กับกระเป๋าที่ในกระเป๋าไม่มีตัง ไม่มีบัตรเครดิตขนาดบัตรเอทีเอ็มก็ไม่มี มีแค่บัตรประชนกับบัตรเซเว่นที่เติมเงินไว้สามพัน

ปอกรอกตาขึ้นฟ้าอย่างเซ็งๆทำไมชีวิตกูต้องมาเจออะไรแบบนี้วะครับ นี่เขาต้องบากหน้ากลับไปหาพ่อเพื่อขอเงินกับขอยืมกุญแจรถสินะ ไม่งั้นก็คงไม่มีปัญญาไปไหนและไม่รู้จะโดนกวนประสาทอะไรอีกบ้างให้ตายสิ

ปอตัดสินใจหยิบของแล้วเปิดประตูลงมาหาพ่อข้างล่าง แต่พอลงมาถึงก็ต้องแปลกใจเพราะเห็นคนเดินเต็มบ้านไปหมด มีทั้งที่คุ้นหน้าไม่คุ้นหน้า เขามองคนทั้งหมดด้วยความสงสัย ก่อนจะเหลือบไปเห็นสัญลักษณ์ที่ข้อมือซ้ายของทุกคน

‘คนของปู่’ ปอคิดในใจก่อนจะเดินผ่านคนเหล่านั้นไปแบบไม่ใส่ใจ ได้ยินเสียงพ่อคุยกับไอ้ปิงดังแว่วๆมาจากห้องนั่งเล่น มีเสียงใครไม่รู้คุ้นๆหูอีกคน แต่เสียงพ่อฟังดูเครียดๆยังไงไม่รู้สิ

ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก

ปอเคาะตู้โชว์เบาๆเป็นการขัดจังหวะให้รู้ว่าตัวเองมา ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่โซฟาข้างไอ้ปิง ตอนนี้ในห้องนั่งเล่นมีคนสามคนที่เขารู้จักดี พ่อ ไอ้ปิง และตาแก่จาง ตาแก่นี่มาทำไมไม่รู้ๆแต่ว่ามาทีไรชอบพาเรื่องหนักใจมาให้พ่อเขาด้วยทุกที

“สวัสดีครับคุณจาง” ปอยกมือไหว้คนอาวุโสกว่าตามมารยาท จางเองหันมารับไหว้ปอก่อนจะหันกลับไปหาคุณปรีชาอีกครั้ง

“นายใหญ่ต้องการคำตอบโดยเร็วที่สุดนะครับนายน้อย” จางพูดด้วยน้ำเสียงจิงจัง

“งั้นผมลานะครับนายน้อย คุณหนู” จางก้มหัวให้ก่อนจะเดินจากไป

“มีไรอ่ะพ่อแต่ถ้าให้เดานะตาแก่จางมาแบบนี้ไม่พ้นเรื่องไอ้ป้องชัวร์” ปอเอ่ยออกมาตาแก่จางเป็นมือขวาของปู่ เวลามีอะไรสำคัญๆปู่จะชอบใช้ให้มาแทน และเรื่องที่คุยกันก็น่าจะสำคัญพอควรพ่อเขาถึงได้หน้าเครียดขนาดนี้

คุณปรีชามองหน้าลูกชายคนเล็กแต่ไม่ได้ตอบรับอะไรออกไป ปีนี้ปออายุครบ 20 ตามกำหนดสัญญาที่ท่านเคยให้พ่อตัวเองไว้ แน่นอนท่านไม่มีทางทำตามสัญญาหรอก ท่านจะไม่ยอมให้ลูกท่านเข้ามาวนเวียนกับวงจรอุบาทว์แบบที่ท่านเจอ แต่ตอนนี้แค่คิดไม่ออกเท่านั้นเองว่าจะแถเอาตัวรอดยังไง เพราะพ่อของท่านรู้ทันท่านเหมือนที่ท่านรู้ทันไอ้ปอนั่นแหละ

“ว่าแต่ตาแก่จางนี้ก็ตลกเนอะพ่อ อายุพ่อปูนนี้แล้วยังเรียกพ่อว่านายน้อยอยู่ได้” ปอพูดต่ออย่างขำๆ คิดดูละกันครับเรียกคนอายุ 50 ว่านายน้อย

“พ่อจะเอายังไงต่อ” ปิงถามขึ้นมาหลังจากที่เงียบมานาน

“ไม่เอาไงทั้งนั้นกูก็ปฏิเสธไปเหมือนเดิมนั่นแหละ” คุณปรีชาเอ่ยออกมาแบบไม่คิดมาก แต่สีหน้าไม่ได้ตรงกับท่าทีสบายๆที่พยายามแสดงออกเลยสักนิด

“พ่อโอเคแน่นะ” ปิงเอ่ยออกมาอย่างเป็นห่วง

“เออกูไม่เป็นไรปู่พวกมึงเขาก็มากวนประสาทกูแบบทุกทีนั่นแหละ ลุงพวกมึงก็มีลูกชายมึงลืมรึไงไอ้วิกเตอร์น่ะ” คุณปรีชาเอ่ยเพื่อให้ลูกๆสบายใจ

“แล้วพ่อทำหน้าเครียดทำไมถ้ามันไม่มีอะไร” ปอเอ่ยขึ้นมาบ้าง

“กูเครียดเรื่องบริษัทของเราหุ้นมันตกกูกลัวไม่มีตังให้พวกมึงผลาญ”

“โธ่พ่อซีเรียสทำไมมีให้ใช้แค่เดือนละ 10 ล้านผมก็อยู่ได้แหละ” ปอพูดอย่างกวนๆ

“ปากดีนะมึง” คุณปรีชาเอ่ยเสียงรอดไรฟัน ก่อนจะคว้าเอาเบาะพิงโซฟามาขว้างใส่หน้าปอด้วยความหมั่นไส้ แต่ปอรับไว้ได้ทันก่อนจะหัวเราะอย่างสะใจ

“พ่ออย่าเครียดมากนะครับเดี๋ยวไอ้ป้องก็กลับมา ผมเองก็ใกล้จะเรียนจบแล้วเดี๋ยวก็มีคนมาช่วยงานพ่อละนะ” ปิงเอ่ยออกมาอย่างอ่อนโยนด้วยความเป็นห่วง คุณปรีชาเองก็ส่งยิ้มบางๆให้ลูกชาย

“มึงควรเอาแบบพี่มึงบ้างนะ” คุณปรีชาหันมาจิกกัดปอ ปอไหวไหล่ให้แบบชิลๆแบมือไปขอตังกับพ่อทันที คุณปรีชาเองก็ควักเงินให้โดยไม่ได้ถามอะไรเพราะขี้เกียจต่อปากต่อคำ ปอได้เงินแล้วก็ยกมือไหว้ขอบคุณพ่อก่อนจะเดินออกไป ส่วนปิงเองก็บอกลาพ่อลุกตามน้องชายออกมา

คุณปรีชามองแผ่นหลังของลูกชายทั้งสองด้วยแววตาเปี่ยมสุข ท่านอยากให้ลูกได้ใช้ชีวิตปกติแบบนี้ไปเรื่อยๆ แต่ไม่รู้ท่านจะยื้อเวลาออกไปได้นานแค่ไหน ท่านไม่เคยปิดบังภรรยาและลูกชายเรื่องธุรกิจของตระกูลท่าน และท่านไม่เคยให้คนในครอบครัวเข้ามายุ่งแต่ก็ไม่ได้นิ่งเฉย ท่านให้ลูกท่านทุกคนเรียนศิลปะป้องกันตัวทุกชนิดเพราะอนาคตมันเป็นสิ่งไม่แน่นอน

ธุรกิจฉากหน้าของท่านคือบริษัทลงทุนด้านการเงินที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของประเทศ และมีคลับหรูที่เปิดอยู่ 3 สาขา แต่ธุรกิจแค่นี้ไม่มีทางทำเงินให้ท่านร่ำรวยได้ถึงขนาดนั้น เหรียญมันมีสองด้านเสมอท่านเองก็ไม่ใช่ว่าอยากจะยุ่งกับสิ่งผิดกฎหมายแต่มันคือสิ่งที่พ่อของท่านสร้างมา ท่านจำเป็นต้องช่วยเหลือแต่ไม่เคยคิดที่จะสานต่อ เงินที่ได้มามันมากมายมหาศาลแต่มันคือเงินบาปที่แลกมาด้วยชีวิตคนอื่น และท่านจะไม่มีทางให้ลูกท่านคนไหนเข้ามายุ่งเกี่ยวกับมันเด็ดขาด

...
...

“ไอ้ปอ!!!” ปิงตะโกนเรียกน้องชายเพื่อให้หยุดรอเขาก่อน ปอเองหันมามองอย่างงงๆ

“มีไร”

“อ่ะนี่” ปิงยัดบัตรเครดิตกับกุญแจรถใส่มือน้องชาย ปอเองเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม เขาเห็นพ่อเครียดๆเลยไม่ถามเรื่องรถกะว่าจะโบกแท็กซี่ไปเอา แต่นี่ไอ้ปิงวิ่งเอากุญแจมาให้แถมบัตรเครดิตอีก

“บัตรเครดิตไม่จำกัดวงเงินแต่มึงอย่าใช้เกินเหตุละ แล้วก็กุญแจรถกูให้ยืมจนกว่ามึงจะได้รถคืน” ปิงบอกน้องชายถึงเขาจะช่วยพ่อยึดของๆน้องแต่เขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี ถึงน้องเขาถึงจะไม่ได้ทำตัวป๋าแต่มันก็ไม่เคยอยู่แบบไม่มีเงินติดกระเป๋านะ

“เออขอบใจนะมึง” ปอตบไหล่พี่ชายของเขาเบาๆ ก่อนจะยิ้มออกมานิดๆ

“ขับรถดีๆนะมึงอย่าแดกเยอะแล้วก็อย่ากลับดึก ไม่ไหวก็นอนที่บ้านเพื่อน” ปิงเอ่ยบอกอย่างเป็นห่วง ปอพยักหน้ารับแบบขอไปทีก่อนจะก้าวขาขึ้นรถแล้วขับออกไป

ปิงมองตามรถที่ขับออกไปด้วยความเร็วก่อนจะระบายลมหายใจหนักๆออกมา ทั้งไอ้ป้องไอ้ปอไม่เคยมีใครฟังที่เขาเตือนเลยให้ตาย

...
...

ความจริงคืนนี้เลิฟตั้งใจจะเข้านอนแต่หัววันไม่ได้คิดจะออกไปไหนแต่นาวโทรศัพท์มาชวนเขาออกมาเที่ยวผับ ทั้งๆที่เป็นคนบอกให้เขานอนอย่าออกไปไหน ตอนนี้ทั้งเขากับนาวและเอยเลยมายืนรอไอ้กั้มกับไอ้พีทอยู่หน้าผับชื่อดังแห่งนึงย่านxx

นาวกับเอยออกอาการตื่นเต้นเล็กๆเพราะนี้เป็นครั้งแรกที่เจ้าตัวได้มาเที่ยวผับ แต่สำหรับเลิฟแล้วเขามานับไม่ถ้วนเลยละแค่ไม่ใช่ที่นี่ เพราะที่นี่เข้มงวดเรื่องอายุคนเข้าผับแล้วเขาเองพึ่งจะ 19 ไม่มีทางเข้าที่นี่ได้แน่ๆและที่สำคัญโคตรแพง เพื่อนอีกสองคนของเขาก็รู้แต่ก็ยังนัดมาที่นี่อีก เขาเองก็สงสัยแต่ขี้เกียจถามเลยปล่อยเลยตามเลย ไม่นานนักก็เห็นเพื่อนอีกสองคนกำลังเดินมา

“ป่ะ” พีทเอ่ยปากชวนและเดินนำไปหน้าทางเข้า พีทคุยกับคนตรวจบัตรหน้าผับครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมาพยักหน้าเรียกเพื่อนให้เดินตามเข้าไป

เลิฟได้แต่งงปนสงสัยว่าพีทมันคุยอะไรกับคนตรวจบัตร เขาถึงยอมให้เด็กอายุไม่ถึง 20 เข้ามาข้างในได้ และในเมื่อสงสัยเลิฟก็ไม่เก็บมันไว้ให้รกสมอง ดึงแขนพีทที่เดินนำหน้ามาถามทันที

“มึงคุยอะไรกับคนตรวจบัตรวะเขาถึงยอมให้พวกเราเข้า”

“อ๋อ..ลูกพี่ลูกน้องกูเป็นเพื่อนกับลูกเจ้าของผับอ่ะพี่ไมล์ไง มึงเองก็เคยเห็นนิ กูเคยมากับพี่เขาบ่อยๆก็เลยเข้าได้ไง” อย่างนี้นี่เองที่แท้ไอ้พีทก็มีเส้น เลิฟพยักหน้างึกงักกับตัวเอง พีทเห็นเพื่อนเข้าใจแล้วก็เดินนำเข้าไปข้างในต่อ

พอเข้ามาถึงข้างในพวกเขาก็เลือกนั่งโต๊ะใกล้ๆโซนวีไอพี เพราะมันไม่วุ่นวายและเงียบสงบดี จากนั้นก็สั่งเครื่องดื่มมาแล้วคุยกันไป สายตาของสามหนุ่มในโต๊ะก็มองบรรดาสาวๆที่ยักย้ายส่ายสะโพกกลางฟลอร์ ส่วนเอยกับนาวนั่งซุบซิบคุยกันมองไปทั่วผับอย่างตื่นเต้น

สักพักกั้มก็ลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะนึงใกล้ๆเพราะสาวสวยหนึ่งในนั้นยกแก้วให้มัน ส่วนไอ้พีทหายหัวไปจากโต๊ะตั้งแต่เครื่องดื่มมาเสิร์ฟแรกๆแล้ว ส่วนตัวเลิฟเองก็ได้แต่มองส่งยิ้มให้สาวๆอย่างเสียดาย จะให้เขาลุกไปไหนได้ละเล่นทิ้งให้เขาดูแลลูกคุณหนูอยู่คนเดียวเนี่ย

“เฮ้อออออออออออออออ” เลิฟถอนหายใจอย่างเบื่อๆไม่ใช่ว่ารังเกียจที่จะนั่งดูแลเพื่อนทั้งสองคนนะ แต่แบบเห็นไอ้พีทไอ้กั้มได้สาวเขาก็อยากได้บ้างก็แค่นั้น จะทิ้งเพื่อนไปหาสาวมันก็ทำได้อยู่หรอกแต่ใครจะกล้าทิ้ง คนหนึ่งก็หญิงสาวหน้าตาบ๊องแบ๊วน่ารัก ตัวเล็กๆไซส์หมากระเป๋าสเปคผู้ชายเลยละ อีกคนถึงจะเป็นผู้ชายแต่ดันทะลึ่งตัวเล็กๆบาง ตาโต ผิวขาว แก้มป่อง ขนตางอนอย่างกับปัดมาสคาร่า หน้าตาน่ารักจนผู้หญิงบางคนอาย เขาที่ใครๆว่าหน้าหวานยังดูแมนกว่าไอ้เอยเยอะครับ สรุปคือเพื่อนเค้าสองคนเห็นแล้วน่าลากไปเอาทั้งคู่อ่ะครับ!!

...
...

   “โธ่ไอ้สัส!!ขนาดนั้นเปิดห้องเลยไหมคับ” เสียงกวนๆของกิงดังขึ้น ทำให้ปอต้องละใบหน้าจากซอกคอของฟาร์มโคนมที่นั่งอยู่บนตัก

   “ทำเหี้ยไรนึกถึงใจเมียอย่างกูบ้างที่รัก” กิงพูดต่อปอได้แต่ส่ายหัวอมยิ้มขำ ไอ้กิงมันกวนตีนชอบพูดเล่นแบบนี้ประจำปากก็แซวเขาแต่ตัวมันไม่ต่างกัน มือแม่งกำลังล้วงเข้าไปในเสื้อสาวที่นั่งข้างด้วย คือหนักกว่ากูอีกครับ

   “สัส” ปอด่ากลับยกนิ้วกลางให้เป็นของแถม กิงก็นั่งขำแล้วหันไปนัวเนียสาวต่อ

   ปอถึงที่ร้านได้สักพักแล้วมองเห็นเพื่อนตัวเองนั่งกันหน้าสลอน ที่มากินที่ร้านพ่อเขานี่ไม่ใช่อะไรนะ มันได้ส่วนลดพวกแม่งเลยขยันมากัน นี่ยังดีนะที่มันยังมีความคิดว่าไม่ควรแดกฟรี เมื่อกี้พ่อก็โทรมาบอกให้ดูร้านให้ด้วยแถมกำชับว่าอย่ามีเรื่อง จะพยายามนะพ่อถ้าไม่มีคนมากวนตีน

   “กูละขำมึงจริงๆนะไอ้ปอ เหี้ยทำเล่นตัวไม่มาเรียนพร้อมพวกกูสุดท้ายแม่งก็ต้องมาเรียนอยู่ดีแถมมาเป็นรุ่นน้องพวกกูอีก” ต้าหนึ่งในเพื่อนสนิทพูดขึ้น หลังจากที่ปอเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังพวกเพื่อนก็ขำกลิ้ง ไอ้ต้านี่ทั้งขำทั้งสมน้ำหน้าไม่หยุด คือมันสะใจมากครับที่กูไปเป็นรุ่นน้องมัน อ้อ..เพื่อนเขาก็เรียนวิศวะที่มหาลัยเดียวกับไอ้ปิงพี่ชายเขาเหมือนกัน เห็นเหี้ยๆแบบนี้มีสมองทุกคนนะครับ (แต่แม่งไม่ค่อยใช้)

   “อย่าว่าที่รักกู กูขอร้องกูตะเตือนไต” กิงว่าปอเลยปาฝาขวดเหล้าไปใส่กิงจนเจ้าตัวนั่งหัวเราะตัวงอ คือแม่งจงใจกวนตีนไงครับมีหันไปไฮไฟว์กับไอ้ต้าอีก เออ!!!วันนี้เป็นทีพวกมึง

   “เอาน่ามึงอย่าหงุดหงิดแดกๆไป เดี๋ยวเมาเหล้ากูพาไปเมานมต่อ”    กิงเอื้อมมือมารินเหล้าใส่แก้วให้เพื่อนอย่างเอาใจ ตบหัวแล้วต้องลูบหลังกันหน่อยครับ

   “แล้วนี่สรุปมึงต้องมาเป็นรุ่นน้องพวกกูจริงดิ” ฝุ่นถามขึ้นมาบ้างหลังจากเงียบมานาน

   “เออ” ปอตอบเซ็งๆถ้ามันไม่จริงกูจะอยู่สภาพนี้ไหมครับ

   “งั้นเดี๋ยวกูขอเพื่อนให้มึงเป็นน้องรหัสไอ้กิงละกัน” ฝุ่นว่าที่ให้มาเป็นน้องรหัสกันเองไม่ใช่อะไร แต่เป็นการตัดไฟแต่ต้นลมไม่ให้ไอ้ปอมันกระทืบเพื่อนร่วมคณะเวลามันโดนว๊าก ปอเองก็พยักหน้ารับรู้

   “แล้วทำไมต้องเป็นกูวะ มีน้องรหัสทั้งทีกูอยากได้เอ็กซ์ๆไม่ใช่สูงล่ำแถมหล่อกว่ากูแบบนี้” กิงโอดครวญออกมาหลังจากได้ยินฝุ่นกับปอคุยกัน เรียกเสียงหัวเราะดังลั่นโต๊ะเลยทีเดียว มันจะไปหาเอ็กซ์ๆจากไหนในคณะวิศวะได้ครับ ผู้หญิงสวยๆเขาคงมาเรียนหรอกแต่จริงๆก็มีอยู่คนนะชื่อแฟงเป็นเพื่อนในกลุ่มเนี่ยแหละ สวยจัดแต่ห้าวโคตรความสวยเลยไม่ได้ช่วยอะไรมันเลย แฟงมันเป็นช่างสักวัยรุ่นชื่อดัง รอยสักบนตัวปอก็ได้เพื่อนคนนี้แหละสักให้แถมยังสอนปอสักด้วย วันนี้มันติดลูกค้าเลยไม่ได้มาด้วยแต่หัวเราะเยาะสมน้ำหน้าปอมาในสายเรียบร้อย

   เพล้งงงงงงงง...โครมมมมมมมม

   เสียงดังสนั่นที่เกิดขึ้นทำให้ทุกอย่างหยุดชะงัก ปอหันหน้าไปทางต้นเสียงก่อนจะลุกขึ้นและก้าวยาวๆไปทางที่เกิดเหตุ มีเรื่องอะไรวะแล้วทำไมต้องมาเกิดวันที่กูมาด้วยครับ

   “มีอะไรกัน” ปอถามพนักงานที่ยืนอยู่บริเวณใกล้ๆ

   “เอ่อ...พอดีว่ามีลูกค้าทะเลาะกันน่ะครับ” พนักงานตอบปออย่างสุภาพ ปอได้ยินแบบนั้นเลยเดินแทรกตัวฝ่ากลุ่มคนที่ยืนมุ่งเข้าไปข้างใน

   สิ่งที่ปรากฎต่อหน้าปอคือผู้ชายสองคนที่ยืนประจันหน้ากันแต่ห่างกันพอสมควร คนนึงใช้มือกุมหัวไว้มีเลือดไหลออกมาตามแขน ส่วนอีกคนกำลังโดนผู้ชายที่ตัวสูงกว่าเล็กน้อยกอดไว้แน่น

   “อ้าวพี่นนท์” ปอทักขึ้นหลังจากได้มองผู้ชายที่หัวแตกดีๆ

   “ไอ้ปอ..” นนท์เองก็ทักปอกลับอย่างงงๆ ค่อนข้างแปลกใจเล็กน้อยที่เจอปอที่นี้ เพราะตั้งแต่ที่ปอลาออกจากโรงเรียนก็ไม่มีใครเจอปออีกเลย อย่างว่าแหละเพราะปอเองก็ไม่ได้สนิทกับใครเป็นพิเศษ

   “นี่มันเรื่องอะไรวะพี่” ปอถามก่อนจะหันไปดูคู่กรณีอีกคน พอมองร่างโปร่งบางตรงหน้าดีๆปอก็ถึงกับร้องขึ้นมา

   “ไอ้เตี้ย!! / มึง!!” สองเสียงดังขึ้นพร้อมกันเมื่อต่างฝ่ายต่างได้มองหน้ากันชัดๆ

   เลิฟตกใจพอสมควรเขาไม่คิดเลยว่าจะได้เจอไอ้ยักษ์ปักหลั่นที่นี่ ทำไมโลกมันถึงกลมแบบนี้นะ หวังว่าเขาคงจะไม่ต้องทะเลาะกับมันเพิ่มอีกคน

   ปอเองก็ตกใจไม่แพ้กันที่เจอไอ้เตี้ยปากเสียอีกครั้งทั้งๆที่ยังไม่ทันข้ามวัน สายตาของปอเลยพาลมองสังเกตุที่คนตัวเล็กอย่างไม่รู้ตัว ก่อนที่จะกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นแขนของผู้ชายอีกคนที่กอดรัดเอวบางอย่างแนบแน่นโดยที่เจ้าตัวไม่ได้ปฏิเสธ ระหว่างนั้นปอก็นึกขึ้นมาได้พอดี

   “มึงเข้ามาที่นี่ได้ยังไง” ปอเอ่ยถามแต่สายตาไล่มองพนักงานของร้านที่ยืนอยู่โดยรอบนิ่งๆ พนักงานเองก็ต่างหลบสายตากันเป็นทิวแถว

   “ที่นี้มีกฎว่าห้ามคนอายุไม่ถึงเข้าและถ้าเข้ามาแล้วห้ามก่อเรื่องมึงไม่รู้รึไง” ปอพูดต่อแต่ตาไม่ได้มองที่เลิฟเขามองไปที่พนักงานทุกคนที่อยู่ตรงนี้แทน เห็นทีต้องมีเรื่องคุยกันยาว

   “กูไม่ได้อยากหาเรื่องแต่ไอ้เหี้ยนี่มันเริ่มก่อน!!!!” เลิฟชี้นิ้วไปที่นนท์แล้วตวาดเสียงดังลั่น ทำให้ปอต้องละสายตาจากพนักงานมามองหน้าเลิฟแทน

   “เงี่ยนนักมึงไม่ไปหาอีตัวมานอนกกวะ” เลิฟตะคอกต่ออย่างฉุนๆ

   ความจริงแล้วเลิฟไม่ได้เป็นคนชอบมีเรื่องและไม่ชอบเรื่องเจ็บตัวเท่าไหร่ แต่ไอ้เวรนี่มันมาทำสันดานเหี้ยๆกับเขาก่อน ระหว่างที่เลิฟนั่งเฝ้าโต๊ะอยู่คนเดียวเพราะเพื่อนตัวเล็กสองคนไปเข้าห้องน้ำ ไอ้ห่านี่ก็เดินเข้ามาพูดจาจีบเขาซึ่งเลิฟเองก็นึกฉุนแต่เฉยไว้เพราะไม่ใช่เป็นครั้งแรกที่โดนแบบนี้ แต่ไอ้บ้านี่มันไม่หยุดทั้งๆที่เขาปฏิเสธไปแล้ว มันพยายามชวนเขาไปนอนด้วยก้มหน้าจะจูบเขาแถมจับแขนเขาไว้แน่น เลิฟดิ้นแล้วบอกให้ปล่อยแต่มันไม่ยอมพอแขนหลุดได้ข้างนึงเขาเลยตัดสินใจคว้าขวดเหล้าบนโต๊ะฟาดที่หัวแม่ง

   “จริงหรอวะพี่” ปอหันไปถามได้ความเงียบเป็นคำตอบ แต่แค่นี้มันก็บอกทุกอย่างได้หมดแล้ว

   “หึ หึ ถ้าพี่คิดจะเอาทำไมไม่เอาคนโสดวะไปยุ่งกับคนมีผัวแล้วทำไม” ปอเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเยาะๆ ก็คิดอยู่แล้วว่าหน้าหวานๆแบบนี้คงจะใช่แนวๆนั้น ยิ่งได้มาเห็นกับตาว่ากอดกันกลมดิกขนาดนี้ชัดซะยิ่งกว่าชัด

   “ผัวเขาก็......”

   ผัวะ!!!!!!!!!

   ยังไม่ทันที่ปอจะเอ่ยประโยคถัดมาจบปอก็ถึงกับหน้าหันไปตามแรงปะทะที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว สัมผัสได้ถึงรสคาวของเลือดในปาก เขาโดนชกจนปากแตกไม่ใช่ว่าโดนชกแรงอะไรขนาดนั้น แต่เป็นเพราะโดนชกในจังหวะที่อ้าปากพูดพอดี มันเลยทำให้ฟันกระแทกปากอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก็แขนเล็กแค่นั้นตัวก็บางจะไปมีแรงอะไรมาชกเขาจนปากแตก

   “พูดจาเหี้ยๆอย่ามีปากไว้แดกข้าวเลยมึง!!!!!” เลิฟตะคอกใส่ปอด้วยความโมโหสุดๆ ไอ้เหี้ยนี่ปากหมามันคิดได้ยังไงว่าเขากับไอ้พีทเป็นผัวเมียกัน ความคิดจัญไรท่าทางเหี้ยไม่พอปากยังหมาอีก

   ปอใช้นิ้วโป้งแตะที่มุมปากข้างที่แตกเบาๆก่อนจะหันหน้ามามองเลิฟด้วยแววตาดุดัน เลิฟเองพอเห็นสายตาแบบนั้นของปอก็ถึงกับกลั้นลมหายใจไปแป๊บนึง ใจมันสั่นๆแต่ก็ยังใจสู้จ้องหน้าปอกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ปอพยายามระงับอารมณ์ของตัวเองก่อนจะหันหน้าไปพูดกับพนักงานร้าน

   “เดี๋ยวพาทั้งคู่ออกนอกร้านไปแล้วก็ขอโทษลูกค้าโต๊ะอื่นด้วย” ปอสั่งแค่นั้นและกำลังจะหันหลังกลับ เพราะขืนอยู่นานกว่านี้ได้กระทืบคนตายแน่ๆ แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น

   ซ่าาาาาาาาาาาาาาาา

   น้ำถูกสาดเข้าใส่หน้าปอเต็มๆ เลิฟยืนถือแก้วเหล้าที่ตอนนี้ไม่มีเหล้าซักหยดไว้แน่น เขาสาดมันไปที่หน้าปอด้วยความขาดสติ เพราะโมโหที่ปอจะเดินหนีทั้งๆที่ยังไม่ขอโทษที่ตัวเองปากเสีย

   ปอยกมือขึ้นลูบน้ำออกจากหน้าและจ้องไปที่เลิฟเขม็ง ก่อนจะเดินไปคว้าขอเสื้อของเลิฟไว้แน่นมืออีกข้างก็กำหมัดเงื้อขึ้นสูง กูไม่ทงไม่ทนแม่งแล้วถ้าจะวอนตีนขนาดนี้

   เลิฟพอเห็นท่าทางแบบนี้ของปอก็แอบหวั่นๆ แต่ก็ยังมองหน้าปออย่างท้าท้ายทั้งๆที่ดวงตาสั่นระริกด้วยความกลัว ในขณะที่คนอื่นๆเห็นการกระทำของปอก็พยายามจะเข้ามาช่วยเลิฟและห้ามปอ แต่ก็โดนพนักงานร้านกันไว้ทำให้เข้ามาใกล้ทั้งสองคนไม่ได้

   ปอเองพอได้เห็นแววตาสั่นไหวของเลิฟก็ลดมือข้างที่จะชกลง กระตุกยิ้มมุมปากนิดๆ เพราะเขาคิดอะไรดีๆมากกว่าซัดกำปั้นใส่หน้าสวยๆนี่ออกแล้ว

   แล้ววินาทีนั้นเองปอก็กดปากลงบดจูบริมฝีปากบางๆนั่นอย่างรุนแรง มือข้างที่กระชากคอเสื้อเปลี่ยนไปจับท้ายทอยของคนตัวเล็กไว้แน่น มืออีกข้างก็จับแขนเล็กสองข้างไปไขว้ไว้ด้านหลัง เลิฟที่โดนจู่โจมแบบกระทันหันก็พยายามดิ้นแต่สู้แรงของตัวโตกว่าไม่ได้ ริมฝีปากบางก็พยายามเม้มแน่นไม่ให้ปอแทรกลิ้นเข้ามาได้ ปอเห็นท่าทางแบบนั้นก็นึกขำในใจก่อนจะใช้มือข้างที่จับท้ายทอยบีบเข้าที่คอแรงๆ ทำให้เลิฟเจ็บจนต้องเผยอปากออกในที่สุด จากนั้นปอก็สอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นนุ่มอย่างดุดัน ลิ้นร้อนพริ้วไหวพยายามไล้ต้อนลิ้นเล็กให้จนมุมเกิดเสียงขึ้นเป็นระยะ

ปอกับเลิฟจูบกันนานเท่าไหร่ไม่รู้แต่ตอนนี้เลิฟเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจ ปอเห็นแบบนั้นก็ผละออกให้แต่ก็แค่แป๊บเดียวเพื่อให้เลิฟสูดอากาศหายใจก่อนจะบดจูบลงไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เลิฟมีเวลาตั้งตัวทันทีที่ลิ้นของปอแทรกเข้ามาเลิฟก็งับลงไปเต็มแรง ปอเองก็ไม่ใช่คนโง่เขารู้อยู่แล้วว่าเลิฟต้องมาแนวนี้เลยผละริมฝีปากออกก่อนที่เลิฟจะงับลงมา

   เลิฟจ้องปอด้วยความแค้นใจที่เอาคืนปอไม่ได้ส่วนปอมองด้วยความสะใจ ทั้งสองคนยืนจ้องกันอย่างไม่ยอมแพ้ก่อนที่ปอจะเป็นฝ่ายก้มลงกัดริมฝีปากของเลิฟแรงๆ

“โอ๊ย!!!!!” เลิฟร้องออกมาด้วยความเจ็บเพราะโดนกัดแถมยังได้รสชาติเลือดอีกด้วย ไอ้ยักษ์มันกัดเขาจนเลือดออกเลยหรอวะ ปอยิ้มเยาะๆไม่พูดอะไรแต่ใช้ลิ้นตัวเองไปเลียเลือดที่ริมฝีปากบางออก

“ปากมึงก็หวานดีนิหว่า” ปอพูดทั้งที่ปากยังคลอเคลียกับปากเลิฟ จากนั้นปอก็ปล่อยเลิฟให้เป็นอิสระ และส่งสัญญาณบอกพนักงานให้ปล่อยทุกคนได้

ทันทีที่หลุดจากการกักตัวพวกเพื่อนๆก็วิ่งไปดูเลิฟที่ยืนหอบ กั้มทำท่าจะมาเอาเรื่องปอแต่นาวที่มาเห็นช๊อตเด็ดพอดีดึงแขนห้ามเพื่อนไว้ นาวไม่เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่แรกหรอก แต่เดาว่าถ้ากั้มจะเข้าไปเอาเรื่องคนตรงหน้าเรื่องน่าจะไม่จบง่ายๆ เอยเองก็มองอย่างตกใจส่วนพีทยืนนิ่งๆเพราะเริ่มจะเดาออกแล้วว่าปอเป็นใคร

“ไม่ต้องไล่เด็กพวกนี้ออกจากร้านแล้วนะ วันนี้อนุโลมให้เป็นพิเศษค่าเหล้าก็ไม่ต้องเก็บ...” ปอบอกพนักงานก่อนจะทิ้งหางเสียงให้สงสัย

   “เพราะได้ค่าตอบแทนหวานๆมาละ” ปอเอ่ยต่อแล้วมองไปที่หน้าเลิฟส่งยิ้มยียวนให้แล้วหันหลังเดินจากไป ทิ้งให้พนักงานเคลียร์กับลูกค้าและพานนท์ไปทำแผล

   ส่วนเลิฟมองตามหลังปอด้วยความแค้นใจที่ทำอะไรไม่ได้ เขาโดนผู้ชายจูบต่อหน้าคนเป็นสิบจะเอาหน้าไปไว้ไหน ใบหน้าเนียนเห่อร้อนและแดงไปทั่วลามไปจนถึงใบหูด้วยความอายผสมโมโห โคตรจะอายโดนมันชกหน้าแหกยังไม่อายขนาดนี้เลย

   ‘กูเอาคืนมึงแน่ไอ้เหี้ย!!!’ เลิฟคิดในใจอย่างแค้นๆ


2 Be con...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-01-2016 11:13:36 โดย matchty »

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กับดักที่
- 4 -



   วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรก นักศึกษานัองใหม่ป้ายแดงเดินกันให้เต็มมหาวิทยาลัยไปหมด หนึ่งในนั้นก็มีเลิฟรวมอยู่ด้วยเขามามหา’ลัยตั้งแต่เช้าก่อนเวลานัดเกือบ 2 ชม. ไม่ใช่ว่าตื่นเต้นที่ได้เป็นนักศึกษาอะไรหรอก แต่วันนี้เขามีภารกิจที่ต้องทำ
เลิฟเดินมุ่งหน้ามาที่คณะวิศวะและนั่งลงตรงโต๊ะมาหินอ่อนหน้าคณะ ตาก็มองตรงไปที่ถนนเบื้องหน้าเขม็ง ยกแขนขึ้นมาดูนาฬิกาตอนนี้พึ่งจะ 8 โมงนิดๆ

ความจริงรุ่นพี่นัดรวมเด็กปี1 ตอน 10 โมง แต่เลิฟมาแต่เช้าเองเพราะตั้งใจจะดักตีหัวคน ใช่เขาจะดักตีหัวไอ้ปอ ไอ้เสาไฟฟ้า จำเหตุการณ์ในผับคืนนั้นได้มั้ยครับ คืนที่มัน...นั่นแหละไม่อยากพูดถึง ขนาดผ่านไปจะ 2 เดือนแล้วยังเจ็บใจไม่หาย
 
วันปฐมนิเทศเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเห็นมันแว๊บๆตั้งใจจะชกให้สักหมัดแต่ก็คลาดกัน เพราะนักศึกษาเยอะโคตรพอตอนแยกแต่ละคณะมันก็ไม่รู้หายหัวไปไหน เลยต้องเก็บสะสมความโกรธเตรียมมาระเบิดวันนี้ เพราะเป็นวันรับน้องวันแรกถ้ามันไม่มามันได้ซ่อมชัวร์ยังไงมันก็ต้องมา เลยเป็นเหตุให้เลิฟมาดักรอปอแต่เช้าขนาดนี้

"โทษนะครับ เด็กปีหนึ่งรึเปล่า" เสียงทุ้มที่ดังจากข้างทำให้เลิฟสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะเอี้ยวตัวหันไปมองข้างหลังของเลิฟมีผู้ชายร่างสูงโปร่ง ผิวขาว(ขาวกว่าผมอีกครับ) หน้าหล่อใสสไตล์เกาหลีกำลังส่งยิ้มที่เห็นเขี้ยวข้างเดียวให้กับเขา คือนี่มันเทวดาชัดๆ ออร่าที่ส่องวิ้งๆออกมาทำให้เลิฟต้องหลบสายตา ไม่ใช่อะไรนะครับมันอิจฉาอ่ะ

"เฮ้" ชายหนุ่มส่งเสียงเรียกยกมือโบกผ่านหน้าเลิฟไปมา เพราะเห็นเลิฟนั่งทำหน้าเอ๋อไม่ตอบคำถาม

"ห๊ะ..อะไรนะ" เลิฟถามกลับหลังจากตั้งสติได้แล้ว

"เด็กปีหนึ่งรึเปล่า" หนุ่มหน้าใสถามซ้ำก่อนจะค่อยๆทรุดตัวนั่งลงข้างๆเลิฟ

"อ่า...ครับ"

"พี่อยู่ปีสอง ชื่อโชนยินดีที่ได้รู้จักนะครับแล้ว...."

"เลิฟครับ"

“น่ารักทั้งคนทั้งชื่อ"

“ห๊ะ?” เลิฟถามกลับเพราะได้ยินไม่ถนัดอะไรน่ารักๆนะ

“อ้อ..เปล่าครับ ว่าแต่น้องเลิฟทำไมรีบมาแต่เช้าละครับนัด 10 โมงนิ” โชนยิ้มหวานส่งให้และถามกลบเกลื่อน เลิฟเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรเพราะตัวเองก็ได้ยินไม่ถนัด

 “พอดีหอพักผมอยู่แถวนี้อ่ะครับเลยรีบมา” เลิฟตอบเลี่ยงๆขืนบอกว่ามาดักรอตีคนได้ตกใจกันตาย

หลังจากนั้นโชนก็ชวนเลิฟคุยจนเลิฟลืมไปเลยว่ามีเป้าหมายอะไร พี่โชนเป็นคนสุภาพและตลกคุยสนุกกว่าที่คิดเยอะ แถมได้รู้ด้วยว่าพี่โชนเรียน    วิศวะสาขาเดียวกับเขาถ้าได้ไปเป็นน้องรหัสพี่เขาก็ดี ดูท่าทางพี่โชนจะฉลาดน่าจะช่วยเขาเรื่องเรียนได้  ไม่ได้จะหวังผลประโยชน์อะไรเลยนะ

ไม่รู้ว่าเลิฟนั่งคุยกับโชนไปนานแค่ไหน รู้ตัวอีกทีนักศึกษาคนอื่นๆก็เริ่มทยอยมากันแล้ว เลิฟยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูตอนนี้ 9 โมงกว่าเข้าไปแล้ว นี่เขาคุยกับพี่โชนนานขนาดนี้เลยหรอเนี่ย ตอนนั้นเองก็มีผู้ชายที่รูปร่างพอๆกับพี่โชนเดินเข้ามา

 “ไอ้ห่าโชนอู้งานนะมึงแล้วนี่ใครวะ” ผู้ชายที่เข้ามาใหม่ทักทายโชนอย่างสนิทสนม ก่อนจะหันมามองหน้าเลิฟอย่างสงสัย

 “ว่าที่รุ่นน้องคณะเรา น้องเลิฟครับนี่เพื่อนพี่ชื่อไอ้นัท” โชนตอบคำถามเพื่อนพร้อมกับแนะนำเพื่อนให้เลิฟรู้จัก

 “สวัสดีครับพี่นัท” เลิฟยกมือไหว้ทักทายกลับ

 “ยินดีที่ได้รู้จักครับน้องเลิฟ” นัทตอบกลับมองเลิฟด้วยแววตาแปลกๆ แต่ก่อนที่เลิฟจะนึกสงสัยอะไรมากไปกว่านี้ เลิฟก็หันไปเห็นเพื่อนกำลังเดินเข้ามาที่คณะซะก่อน

“เพื่อนผมมาพอดีไปก่อนนะครับพี่โชน พี่นัท” เลิฟพูดขอตัวแล้วค้อมหัวให้นิดๆ

“แล้วเจอกันนะครับน้องเลิฟ” โชนบอกพร้อมส่งรอยยิ้มละมุนให้ เลิฟเองก็ส่งยิ้มกลับก่อนจะหันหลังวิ่งไปหาเพื่อน

นัทมองเพื่อนตัวเองที่ยืนมองตามหลังเลิฟแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างสงสัย ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อพอจะเดาอะไรออก

 “สนใจหรอมึง” นัทถามขึ้นลอยๆ

 “แล้วมึงคิดว่าไง” โชนไม่ตอบแต่ถามกลับแทน นัทเองก็ยักไหล่ให้ก่อนจะกอดคอโชน แล้วลากกลับไปเตรียมตัวกับกลุ่มเพื่อนคนอื่นๆที่รออยู่

ตอนนี้นักศึกษาปีหนึ่งทุกคนมานั่งรวมกันที่สนามหญ้าหน้าคณะ สายตาเลิฟก็สอดส่องมองหาร่างสูงของปอไปด้วย เพราะมัวแต่คุยกับโชนเพลินเลยไม่ได้สังเกตุคนที่มาเท่าไหร่ แต่ไม่ว่ามองหายังไงก็หาไม่เจอ

 ‘หรือว่ามันจะไม่มา’ เลิฟคิดในใจคิ้วขมวดกันเป็นปม หงุดหงิดใจพิลึก

ทางด้านรุ่นพี่เองก็แนะนำตัวกับรุ่นน้องกันไป และถ้าจำไม่ผิดเลิฟเห็นพวกเพื่อนๆของปออยู่ในกลุ่มรุ่นพี่ด้วย พี่โชนเองก็อยู่ในนั้นส่งยิ้มมาให้เลิฟนิดๆ

ระหว่างที่รุ่นพี่กำลังอธิบายกฏกติกาให้รุ่นน้องฟังอยู่นั้น ก็มีเสียงพูดดังขึ้นมาจากท้ายแถว เสียงที่เลิฟรู้จักและคุ้นหูดีถึงจะได้ยินไม่กี่ครั้ง เสียงของคนที่เลิฟอุตส่าห์ตื่นแต่เช้ามานั่งรอ เสียงไอ้ยักษ์ เสียงไอ้ปอ!!!

 “ขอโทษที่มาสายครับ” เสียงทุ้มห้าวเอ่ยขึ้นไม่ดังมากแต่ได้ยินกันทั่วถึง ทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่ต้องหันหลังกลับมามอง

สิ่งที่เลิฟเห็นถึงกับทำให้เขาอ้าปากค้าง เขาเห็นไอ้ปอ..ใช่..ไอ้ปอไม่ผิดแน่ๆแต่เป็นในสภาพต่างจากที่เคยเห็นโดยสิ้นเชิง เขาเห็นผู้ชายร่างสูงแต่งชุดนักศึกษาเรียบร้อยที่บอกได้เลยว่าเรียบร้อยเกิน กางเกงสแล็คถูกระเบียบ เสื้อเชิ้ตนักศึกษาแขนยาวที่ติดกระดุมครบทุกเม็ดไม่เว้นคอ เนคไทด์ที่ผูกแน่นแทบจะรัดคอตาย ทรงผมที่จัดทรงหวีเรียบแปล้ติดหัว ไหนจะแว่นตาทรงคุณลุงหนาเป็นนิ้วที่อยู่บนหน้านั่นอีก  ไอ้ปอมันกินยาไม่เขย่าขวดรึไงเนี่ย

ไม่ใช่แค่เลิฟเองที่ตะลึง เพื่อนของปอเองที่ยืนอยู่หน้าแถวนักศึกษารุ่นน้องเห็นสภาพปอก็ยังอ้าปากค้าง ไอ้ปอมันนึกเฮี้ยนอะไรถึงแต่งตัวเป็นเด็กเนิร์ดแบบนั้นวะครับ ถึงมันจะไม่ได้ขี้เหร่อะไรเพราะยังไงพื้นฐานเพื่อนของพวกเขามันหนังหน้าดีแต่มาสภาพแบบนี้ถึงเป็นแบรดพิตแมร่งก็หล่อลดลง 50 เปอร์เซ็นต์ว่ะครับ

ปอเห็นปฏิกิริยาของทุกคนที่มองมาถึงกับกรอกตาขึ้นฟ้าอย่างเซ็งๆ ตกใจอะไรกันหนักหนาไม่เคยเห็นเด็กเรียนหรอวะ ปอไม่สนใจสายตาคนรอบข้างแต่เดินตรงมานั่งที่แถวกับนักศึกษาคนอื่นๆแทน

 “เดี๋ยวครับน้องอย่าพึ่งนั่ง” เสียงของใครสักคนที่หน้าแถวส่งเสียงเรียกปอที่กำลังจะทรุดตัวลงนั่งไว้

 “เดินออกมาหน้าแถวด้วยครับ” เป็นโชนเองที่เรียกปอไว้  ปอเองก็เดินออกไปข้างหน้าอย่างว่าง่าย

 “ทำไมน้องมาสายครับรู้ไหมว่าพวกพี่นัดกี่โมง” โชนถามเสียงเข้ม ปอสบตาโชนนิ่งๆไม่ได้ตอบอะไรมีแต่ความเงียบที่ส่งออกมา เล่นเอากิงที่ยืนใกล้ปอสุดถึงกับเสียวสันหลัง

 ‘อย่านะมึงไอ้โหดอย่ามีเรื่องตั้งแต่วันแรกนะมึง’ กิงโอดครวญในใจ

 “ว่าไงครับน้องพี่ถามให้ตอบไม่ใช่ให้เงียบ” โชนยังคงถามปอเสียงเข้มเขารู้สึกไม่ชอบหน้าไอ้เด็กเนิร์ดขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผล
ปอเองก็รู้สึกหงุดหงิดโชนไม่น้อย แม่งคิดว่าตัวเองเป็นใครวะมาแหกปากถามกูอยู่ได้  ปอกำลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่างแต่กิงที่อยู่ใกล้ปอสุดเอื้อมมือมาปิดปากปอไว้ทัน

 “อย่ามีเรื่องนะไอ้โหดกูขอ” กิงกระซิบบอกปอเสียงเบา ปอเลยเลือกที่จะเงียบต่อ กิงเห็นท่าทีเพื่อนก็โล่งอกก่อนจะหันหน้าไปทางโชน

 “นี่เพื่อนกูเองที่เคยบอกไว้ถือว่ากูขอละกันปล่อยๆไปได้ป่ะวะ” กิงพูดขอกับโชนอย่างใจเย็น จริงๆแล้วกลุ่มของกิงกับโชนไม่ค่อยจะถูกกันเท่าไหร่ แต่ก็ไม่เคยมีเรื่องจริงๆจังกันสักที เต็มที่ก็ตึงๆใส่กันแบบนี้สาเหตุก็ไม่ชอบหน้ากันแค่นั้น แต่ดูแล้วจะได้ตีกันเร็วๆนี้เพราะไอ้โหดข้างหลังเนี่ยแหละ

 “เพื่อนมึงแล้งไงวะแม่งมาสายยังไงก็ต้องลงโทษ ปล่อยมันไปแล้วมึงจะบอกน้องคนอื่นว่าไง” โชนเองก็เถียงไปแบบไม่ยอมแพ้ เขาไม่ชอบหน้าไอ้เนิร์ดนี้อยู่แล้วยิ่งบอกว่าเป็นเพื่อนไอ้กิงเขายิ่งไม่ชอบ

 “น้องครับนี้จะเที่ยงแล้วแยกย้ายกันไปหาอะไรกิน แล้วกลับมาเจอกันที่เดิมบ่ายโมงนะครับ” ฝุ่นเห็นท่าไม่ดีเลยตัดสินใจตะโกนบอกเลิกแถวกับน้องๆ เพราะตอนแรกกิงเหมือนจะคลียร์ได้แต่ตอนนี้เหมือนจะมีเรื่องเองซะแล้ว

เด็กปีหนึ่งหลายคนที่นั่งอยู่ถึงจะงงๆกับคำสั่ง แต่ก็ยอมลุกไปกินข้าวตามคำสั่งโดยดี แม้แต่เลิฟเองที่อยากรู้ใจจะขาดว่าพวกรุ่นพี่เขาจะทำอะไรกับไอ้ปอ ยังต้องจำใจเดินตามทุกคนออกไป ไม่ใช่ว่าห่วงหรอกนะครับกะว่าจะไปช่วยซ้ำ

เมื่อเด็กปีหนึ่งลุกออกไปหมดแล้ว คราวนี้ต่างฝ่ายต่างยืนประจันหน้ากัน จำนวนคนพอๆกันหลายคนที่เดินผ่านถึงกับสะดุ้ง ลองมาเห็นเด็กวิศวะตัวควายๆเถื่อนๆเป็นสิบหันหน้าเข้าหากัน แถมพร้อมจะตีกันดูสิ ไม่ตกใจให้มันรู้ไป

แต่ยังไม่ทันที่จะได้มีเรื่องอะไรกัน รุ่นพี่ปีสามที่ไม่รู้ใครคาบข่าวไปบอกก็เดินตรงเข้ามายืนตรงกลางระหว่างสองกลุ่มเพื่อห้ามทัพ

"พวกมึงมีเรื่องเหี้ยอะไรกัน" อาร์ตตะโกนถามรุ่นน้องเสียงดัง อาร์ตเป็นรุ่นพี่ที่รุ่นน้องทุกคนให้ความเคารพที่สุด เพราะกิตติศัพท์เรื่องความโหดรู้กันดีทั้งคณะ

"เป็นรุ่นพี่กันแล้วเสือกจะมากัดกันไม่อายน้องมันรึไงวะ" อาร์ตถามต่อและมองหน้าทั้งสองฝ่าย แต่ทุกคนเลือกที่จะเงียบแทน อาร์ตเลยถอนหายใจหนักๆก่อนจะไล่ให้แยกย้าย

ฝุ่นเลยเป็นฝ่ายลากเพื่อนออกมาทิ้งให้กลุ่มของโชนอยู่ตรงนั้น เขาลากเพื่อนออกมาไกลจนถึงหลังคณะ ที่นี้ค่อนข้างลับตาคนพอสมควร เพราะคณะวิศวะอยู่ท้ายมหา’ลัยคนไม่ค่อยผ่าน

กิงยืนพิงผนังข้างๆปอมือล้วงบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบอย่างหงุดหงิดใจ ปอเองก็ยื่นมือไปขอบุหรี่จากกิงมาสูบเหมือนกัน ควันบุหรี่ถูกพ่นออกจากปากเรื่อยๆ

"กูแม่งหงุดหงิดไอ้เหี้ยโชนฉิบหาย กวนส้นตีน" กิงเอ่ยขึ้นหลังจากอัดนิโคตินเข้าปอดดับความหงุดหงิด

"มึงหุบปากเลยไอ้เหี้ยกิง มึงแหละตัวดีทำท่าเข้าไปห้ามเสือกจะมีเรื่องซะเอง" ฝุ่นเอ่ยขึ้นมาบ้าง

"แต่กูว่าน่าจะปล่อยไอ้ปอจัดไปสักที" ต้าพูดขึ้นบ้างอย่างนึกสนุก กิงเลยโยนบุหรี่ที่ยังไม่ดับใส่ต้าอย่างหมั่นไส้

"ปากดีไอ้สัส"

"โยนมาได้ไอ้เหี้ยกูร้อน"

"หึ หึ" ปอหัวเราะในลำคอเบาๆก่อนจะดับบุหรี่ในมือทิ้ง

"ทำเป็นหัวเราะสาเหตุมันมาจากมึงแหละ" ต้าพูดแขวะเพราะหมั่นไส้กับท่าทางสบายๆของปอ

"กูว่าพวกมึงมีเรื่องกันอยู่แล้วมากกว่ามั้ง" ปอพูดอย่างรู้ทัน

"เรื่องของพวกกูอ่ะช่างเหอะ ว่าแต่ทำไมมึงมาสายวะแถมมาสภาพนี้" กิงถามกวาดตามองปอตั้งแต่หัวจรดเท้าสภาพไม่เวิร์กสุดๆ

"เรื่องแม่งยาว" ปอตอบเลี่ยงๆเพราะขี้เกียจจะเล่า

"ยาวก็เล่ามาไอ้สัสอย่าลีลา" กิงคาดคั้น

ปอพ่นลมหายใจออกจมูกอย่างเซ็งๆก่อนจะตัดสินใจเล่าทุกอย่าง เพราะรำคาญสายตาของเพื่อนที่มองกดดัน
สาเหตุที่ปอมาเรียนสภาพนี้เพราะความนึกสนุกอยากกวนตีนพ่อตัวเอง พ่อย้ำนักย้ำหนาว่าให้ทำตัวดีๆแต่งตัวเรียบร้อยมาเรียน เขาเลยประชดด้วยการแต่งตัวเป็นเด็กเนิร์ดกะว่าจะกวนประสาทเต็มที่

แต่เรื่องกับผิดคาดนอกจากกวนประสาทไม่สำเร็จ พ่อเขาดันชอบใจบอกให้แต่งตัวแบบนี้มาเรียน แถมบังคับให้ทำตัวเรียบร้อยสมกับการแต่งตัวห้ามมีเรื่องโดยเด็ดขาดแลกเปลี่ยนกับการที่พ่อจะคืนของทุกอย่างให้ เขาต้องอยู่ในสภาพนี้เทอมนึงเต็มๆ

ปอเองก็รับปากไปงั้นๆไม่ได้คิดจะทำตามอะไร เพราะยังไงเขาก็ย้ายมาอยู่คอนโดพ่อไม่เห็นหรอก แต่เขาคิดผิดเพราะเมื่อเช้าตอนจะออกมาเรียนพ่อเขาดันโทรมาบอกให้กลับไปแต่งตัวใหม่ ไม่งั้นจะยกเลิกข้อตกลงทั้งหมด

เขาเองก็ไม่ได้สนใจเดินมาลานจอดรถสักพักพ่อก็ส่งรูปเขาที่กำลังเปิดประตูรถมาให้ มีข้อความแถมมาด้วยว่าให้เลือกดีๆ ปอเลยจำใจกลับขึ้นห้องไปแต่งตัวใหม่อย่างเลี่ยงไม่ได้ ทั้งๆที่โคตรจะหงุดหงิดและไม่อยากทำ แต่ก็ต้องยอมถ้าพ่อจะส่งคนมาตามดูขนาดนี้นะ รอบนี้พ่อคงจะอยากดัดนิสัยเขาจริงๆ

หลังจากที่ทุกคนได้ฟังเรื่องราวจากปากปอทัั้งหมด ก็ปล่อยก๊ากกัน ออกมาอย่างไม่มีกั๊กไม่รู้จะสงสารหรือสมน้ำหน้าดี แต่น่าจะหนักไปทางสมน้ำหน้ามากกว่า

"สมน้ำหน้าไอ้ห่าอยากกวนตีนดีนัก" กิงว่าทั้งๆที่ยังหัวเราะ

"พอๆอย่าทำหน้าโหดใส่พวกกูไปแดกข้าวเหอะ" ฝุ่นพูดตัดบทยกแขนกอดคอปอแล้วลากออกไปหาอะไรกิน

...
...

หลังจากที่กลุ่มของปอเดินออกไปแล้วร่างของคนๆนึงก็ค่อยๆเดินออกมาจากที่ซ่อน เลิฟไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังเขามาเข้าห้องน้ำแต่ว่าหลงทาง แล้วบังเอิญเห็นกลุ่มปอกะว่าจะเดินมาเอาเรื่อง แต่ดันมาได้ยินเรื่องที่ปอเล่าพอดี เลิฟระบายยิ้มออกมาเต็มใบหน้า แววตาสั่นระริกอย่างนึกสนุก เขารู้วิธีเอาคืนไอ้ยักษ์แล้วล่ะ มึงโดนแน่ไอ้ปอ!!

2 Be Con...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-01-2016 11:16:26 โดย matchty »

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กับดักที่
- 5 -



               เลิฟเดินกลับมาที่โรงอาหารในสภาพอารมณ์ดีสุดๆ ในหัวตอนนี้กำลังคิดวิธีแกล้งปอเต็มไปหมด ไม่ได้กะว่าจะแกล้งร้ายแรงอะไรหรอกเพราะไม่ใช่คนโหดร้ายอะไร แต่ถ้าให้ปวดประสาทอ่ะเต็มที่ อิ อิ

               “อารมณ์ดีไรมาวะ” นาวที่นั่งมองเลิฟยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มาได้สักพักถามขึ้น แต่เลิฟแค่หันมาส่งยิ้มกว้างให้แล้วก้มลงกินข้าวต่อไม่พูดอะไร ทำให้นาวต้องหันไปมองหน้ากับพีทที่นั่งข้างกันด้วยความงง

               “น้องเลิฟพี่นั่งด้วยคนได้ไหมครับ” เสียงที่ดังขึ้นเหนือหัวทำให้เลิฟเงยหน้าจากจานข้าวขึ้นไปมอง

               “ได้ครับ แค่กๆๆ” พอเห็นว่าเป็นโชนเลิฟเลยรีบกลืนข้าวเพื่อตอบกลายเป็นทำให้สำลักไอจนหน้าแดง

               โชนพอเห็นเลิฟสำลักก็รีบวางจานข้าวในมือลง มือหนึ่งก็ยื่นแก้วน้ำส่งให้เลิฟอีกมือก็ยกขึ้นลูบหัวลูบหลังให้ เห็นไอหน้าแดงน้ำตาไหลแล้วสงสาร จนสักพักอาการเลิฟก็ดีขึ้นโชนเลยยื่นมือไปรับแก้วน้ำคืน

               “ขอบคุณคับ แฮ่ๆ” เลิฟส่งยิ้มแหยๆให้

               “ไม่เป็นไรครับ” โชนอมยิ้มขำแล้วยกมือขยี้หัวเลิฟเบาๆ

               แล้วก็เหมือนเข้าโลกส่วนตัวเพราะเลิฟกับโชนนั่งคุยกันกระหนุงกระหนิงมีเสียงหัวเราะดังขึ้นเป็นพักๆ ชนิดที่ลืมไปเลยว่ายังมีนาวกับพีทนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม นาวเลยได้แต่ส่งสายตาไปถามพีทว่าเลิฟกับผู้ชายตัวขาวนี่ไปสนิทกันตอนไหน พีทก็ยักไหล่ให้แบบกูจะรู้ไหม

...
...

               “เฮ้ยปอนั่นเด็กมึงนิหว่า” ต้าพูดขึ้นเพราะหันไปเห็นเลิฟที่นั่งอยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่

               “ไอ้เหี้ยโชนแม่งกำลังม่ออยู่ด้วย”

               “ใครวะ” ปอหันไปมองตามมือต้าที่ชี้ไปเห็นโชนกับเลิฟที่นั่งอยู่ด้วยกัน

               “หึ” ปอหัวเราะในคอเยาะๆ เมื่อเห็นโชนเอามือเช็ดปากให้เลิฟ

               ตอนนั้นเองที่เลิฟหันหน้ามาสบตากับปอที่มองอยู่เข้าพอดี เลิฟถลึงตาใส่ปออย่างหาเรื่องปากก็ขมุบขมิบไปด้วย และปอเดาได้ไม่ยากเลยว่ากำลังด่าเขาแน่ๆ ปอส่ายหัวเบาๆเลิกสนใจเลิฟแล้วก้มลงกินข้าวต่อ เลิฟเห็นปอเมินตัวเองก็ได้แต่หงุดหงิด ฮึดฮัดไปเองคนเดียว

...
...

               “มหา!!!!!” เสียงเล็กๆตะโกนเรียกปอดังลั่นโรงอาหาร แล้วไม่กี่วินาทีถัดมาเจ้าของเสียงก็วิ่งถลามายืนอยู่ตรงหน้าปอ

               “นั่งด้วยได้ป่ะ” เลิฟยิ้มกว้างส่งให้ปอแล้วจัดการนั่งลงโดยไม่ฟังคำอนุญาต ปอมองหน้าเลิฟนิดๆแต่ไม่พูดอะไรก้มหน้าตักข้าวกินต่อไม่สนใจ

               เลิฟเห็นท่าทางแบบนั้นก็ฉุนนิดๆแต่ยังยิ้มกว้างให้ ตั้งแต่วันรับน้องจนตอนนี้เปิดเทอมได้จะเดือนหนึ่งแล้วเลิฟหาเรื่องป่วนปอตลอด แต่ปอไม่เห็นจะโมโหอย่างมากก็ทำตาดุๆใส่ไม่งั้นก็เงียบลูกเดียว จนคนแกล้งอย่างเลิฟเริ่มจะโมโหเอง เขาต้องการให้ไอ้ปอมันโกรธมันจะได้ฟิวส์ขาดมีเรื่อง แต่ปอมันดันเงียบเอาถ้วยเอาโล่บ้าชะมัดต้องทำยังไงดีเนี่ย

               ปอเหลือบตามองเลิฟแล้วก็ขำในใจ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าไอ้เตี้ยตัวแสบพยายามจะแกล้งเขา โมโหนะไม่ใช่ไม่โมโหแต่เรื่องมันเด็กๆไงเลยเฉยๆไว้ ซึ่งเอาจริงๆมันก็ขัดกับนิสัยเขาพอสมควร

               เลิฟนั่งมองปอกินข้าวแบบไม่สนใจตัวเองก็หงุดหงิด อุตส่าห์เรียกฉายามันที่ตั้งให้วันรับน้องเสียงดังลั่นกลางโรงอาหาร คนนี่มองกันเต็มกะว่ามันต้องอายต้องโมโหแน่ๆแต่มันกลับเฉยสนิท

               ‘โว๊ยยยยยยยย หงุดหงิดทำไงดีวะ’ เลิฟคิดในใจอย่างหัวเสีย เมื่อไม่ได้ดั่งใจก็ฮึดฮัดยกจานข้าวเดินออกจากโต๊ะไป

               “นี่กูถามจริงมึงไม่รู้สึกอะไรหรอวะ” กิงที่นั่งมองทุกอย่างตั้งแต่ต้นถามขึ้น

               “กูต้องรู้สึกอะไรละ”

               “กวนตีนไอ้ห่าเห็นนั่งเฉยให้เขาแกล้งมันนิสัยมึงไหม”

              “เดี๋ยวมันก็เลิก”

               “นี่มึงจะเฉย มึงทนได้จิงดิ” กิงทำหน้าเหลือเชื่อทันที

               “เออ!!” ปอกระแทกเสียงใส่

กิงนั่งหัวเราะคิกคักเพราะรู้ว่าทำไมปอถึงต้องทน มันอยากได้สมบัติส่วนตัวคืนใจจะขาดทำเป็นพูดใจเย็นว่าทนได้ เห็นโดนแกล้งทีไรทำท่าจะลุกไปบีบคอไอ้เลิฟทุกที

ไอ้นั่นก็เหมือนกันไอ้ปอเฉยทำเป็นได้ใจแกล้งใหญ่ ตั้งฉายาให้ไอ้ปอว่ามหาจนคนทั้งคณะเรียกมหาปอกันไปหมด แต่ก็เหมาะกับสภาพเพื่อนเขาตอนนี้ละนะ ไหนจะเอาข้าวผัดพริกมาให้ไอ้ปอกินล่าสุดเอากระดาษเขียนคำว่า ’ผมชอบตูด’ ติดใส่หลังไอ้ปอเดินรอบมหา’ลัยทั้งวัน  ไอ้ปอนี่โกรธจนไฟลุกแต่มันพยายามนิ่ง

ไอ้เลิฟมันแสบจริงๆดีนะเรียนคนละสาขาไม่งั้นได้ปวดประสาทกว่านี้อีก คิดๆแล้วก็สงสารเพื่อนแต่สะใจเพราะไม่ใช่บ่อยๆที่ไอ้ปอมันจะทำได้แค่เงียบ ถ้าปกติไอ้เลิฟเละตั้งแต่ตั้งฉายาให้มันละ

ปึก!!!!!!!!!!

เลิฟวางจานกระแทกลงบนโต๊ะแรงๆด้วยความหงุดหงิด เขาเดินถือจานข้าวกลับมานั่งกินกับเพื่อนที่โต๊ะเพราะอุตส่าห์เรียกกวนประสาทแถมเอาหน้าไปกวนมันถึงที่ มันก็ยังเฉยอ่ะคิดดู

พีทเงยหน้ามองเลิฟงงๆเมื่อกี้เห็นยิ้มเดินไปกวนประสาทเขา ไหงได้เดินกลับมาทำหน้าเป็นตูดซะงั้น แกล้งเขาไม่สำเร็จอีกแหงๆ

 “หน้างอมาแบบนี้แกล้งเขาไม่ได้ล่ะสิ”

 “เออ!!! แม่งกูหงุดหงิดทำไมมันเฉยงี้วะ”

 “มึงจะอะไรนักหนากับพี่เขาวะเลิฟ” พีทถามแบบเบื่อๆเพราะนับวันเพื่อนเขาชักจะปัญญาอ่อน

"กูจะเอาคืนที่แม่ง....ฮึ่ยยยย" เลิฟกัดปากตัวเองเพราะไม่อยากจะพูดต่อ หน้างอง้ำยิ่งกว่าเดิม

"ที่พี่เขาจูบมึงวันนั้นอ่ะนะปัญญาอ่อนว่ะเลิฟ" พีทว่าเอือมๆ

"มึงอย่าพูดออกมานะแล้วไปเรียกมันพี่ทำไมมันเรียนปีหนึ่งเหมือนเรานะเว้ย แถมเสือกพูดเข้าข้างมันอีกกูหรือมันเป็นเพื่อนมึง"

"ก็พี่เขาอายุเยอะกว่ามึงก็รู้"

"กูไม่สน"

"กูว่ามึงพอเหอะเลิฟไปแกล้งพี่เขามากๆระวังเขาเอาคืนนะมึง" นาวพูดขึ้นมาบ้างหลังจากที่เงียบมานาน

"มันทำไม่ได้หรอก" เลิฟหัวเราะคิกๆเพราะรู้สาเหตุดี นาวกับพีทก็ได้แต่มองหน้ากันงงๆ

"เออๆเอาที่มึงสบายใจเตือนแล้วไม่ฟังถ้าโดนอะไรมา อย่ามาร้องนะมึงกูจะซ้ำให้" นาวว่าอย่างหมั่นไส้

"เอานี่พี่ีรหัสเทวดาสุดหล่อแสนดีของมึงเขาฝากกูให้เอามาให้" นาวล้วงเอาป๊อกกี้ในกระเป๋าออกมายื่นให้เลิฟ

"อ้าวแล้วทำไมพี่โชนไม่เอาให้กูเองอ่ะ" ลืมบอกไปครับเขาได้พี่โชนเป็นพี่รหัสสมใจล่ะ

"ก็มึงอยู่ไหมล่ะคะตอนพี่เขามาน่ะ มัวแต่ไปเรียกร้องความสนใจกับผัวหลวง สนใจผัวน้อยมึงบ้างก็ดีนะ" นาวแขวะเข้าให้อีกดอก

"ปากมึงเนี่ยนะใครผัวกูวะพี่โชนเขาแค่ใจดี ส่วนไอ้ห่านั่นกูแก้แค้นเว้ย" เลิฟแกะป๊อกกี้เคี้ยวตุ้ยๆเขาชอบป๊อกกี๊มากพี่โชนใจดีซื้อมาให้กินทุกวันอ่ะ

"เออพี่ชายแสนดีเช้าถึงเย็นถึงทุกวัน" นาวถอนหายใจเบาๆเพื่อนเธอมันจะรู้ตัวบ้างไหมว่ากำลังโดนจีบ คนรอบข้างเขารู้กันไปหมดแล้วเหลือแค่เจ้าตัวละมั้งที่ไม่รู้ตัว ตั้งแต่เปิดเทอมมานอกจากพี่โชนก็มีคนอื่นอีกที่พยายามจีบ แต่นี่ไม่รู้อะไรกับเขาหรอกคุยกับเขาไปทั่วว่าแต่ตัวเองเป็นผู้ชาย จะรู้ตัวบ้างไหมว่าน่ารักกว่าผู้หญิงบางคนอีก

ว่ารายนี้น่าเป็นห่วงยังไม่เท่าเพื่อนตัวเล็กอีกคนที่อยู่คนละคณะ รายนั้นยิ่งน่ารักบอบบางน่าทนุถนอม ยิ่งช่วงนี้เห็นนะว่าขึ้นรถไปกับรุ่นพี่ที่คณะเธอบ่อยๆ ไม่รู้เพื่อนคนอื่นเห็นไหม เฮ้ออออ มหกรรมชะนีไทยเจ็บใจผู้ชายไทยเจ็บตูดจริงๆ ไม่น่ามีเพื่อนผู้ชายที่น่ารักกว่าผู้หญิงแบบนี้เลย ชะนีโซแซด

"เป็นไรว่ะทำหน้าเหมือนปวดขี้" เลิฟถามทั้งๆที่ปากยังคาบป๊อกกี้ นาวกรอกตาขึ้นฟ้าเซ็งๆความน่ารักของมึงลดลงเพราะปากเนี่ยแหละ

"ช่างกูเหอะ"

Tru...Tru...Tru...

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะ เลิฟก้มลงมองหน้าจอก่อนหน้าจะเปลี่ยนสีเล็กน้อย

"มีอะไร" นาวถามขึ้นอย่างเป็นห่วง เลิฟสั่นหัวเบาๆก่อนจะเดินเลี่ยงไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก นาวมองตามแล้วถอนหายใจเบาๆหวังว่าคงไม่มีอะไรนะ

ไม่นานเลิฟก็เดินกลับมาพร้อมแก้วน้ำในมือ สีหน้าดูแย่นิดๆแต่ก็แค่แว๊บเดียวเท่านั้น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสดใสเหมือนเดิม
เลิฟไม่ได้เดินกลับไปหาพวกเพื่อนที่นั่งรอที่โต๊ะ แต่เลือกที่จะเดินไปหาปอที่นั่งอยู่อีกโต๊ะแทน

ซ่าาาาาาาา

น้ำในมือของเลิฟถูกสาดเข้าไปเต็มเสื้อของปอที่นั่งอยู่จนเปียกโชกไปหมด

"เฮ้ย!!!" เสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้นจากคนแถวๆนั้น

"กูขอโทษนะมึงกูไม่ได้ตั้งใจเมื่อกี้กูสะดุด" เลิฟทำหน้าสำนึกผิดยกมือไหว้ขอโทษขอโพยปอ ทำท่าจะเข้ามาช่วยปอเช็ดตัว

"ไม่ต้อง!!!" ปอพูดเสียงเข้ม สะดุดหรอวะสะดุดห่าอะไรพื้นแม่งเรียบขนาดนั้นจงใจจะสาดน้ำใส่กูชัดๆ แล้วดูมันทำหน้าสำนึกผิดมากเลยมึงอมยิ้มมีความสุขที่แกล้งกูได้เนี่ย   

ปอหายใจเข้าออกหนักๆแล้วตัดสินใจเดินหันหลังออกไปจากตรงนั้น ก่อนที่จะได้ฆ่าคน

"กูขอโทษนะมึง กูไม่ได้ตั้งใจ" เลิฟตะโกนไล่หลังปอแล้วหัวเราะคิกคักมีความสุข

“เลิฟมึงนี่มันกูขอสักทีเหอะ”

เพี๊ยะ!!!!!

นาวที่เดินตามมาสมทบยกมือขึ้นตบหัวเลิฟแรงๆ

“โอ๊ยยยยย ตบกูไมอ่ะ”

“มึงรู้ไหมว่าทำอะไปเนี่ยเสื้อพี่เขาเลอะหมดแล้ว”

“ก็กูไม่ได้ตั้งใจ” เลิฟลอยหน้าลอยตาตอบ

“เออ!! ถ้าเขาเอาคืนมึงกูจะช่วยซ้ำ!!!” นาวว่าแล้วหันหลังเดินหนีเลิฟ

เลิฟหันไปมองหน้าพีท พีทได้แต่ส่ายหัวไปมาแล้วเดินตามหลังนาวไปอีกคน เลิฟได้แต่ยืนหน้างอขัดใจที่เพื่อนเข้าข้างคนอื่นมากกว่าตัวเอง ยิ่งทำให้หงุดหงิดปอขึ้นไปอีก เมื่อทำอะไรต่อไม่ได้เลิฟเลยจำใจเดินตามเพื่อนสองคนไปเข้าเรียน

...
...

ตอนนี้ปอกำลังยืนถอดเสื้อล้างตัวอยู่ที่อ้างล้างหน้าในห้องน้ำ โคตรจะเหนียวก็น้ำที่ไอ้ตัวแสบมันทำหกใส่คือน้ำแดงไงครับ เสื้ิอนี้แดงเป็นปื้น ปอเอาน้ำล้างตัวก่อนจะเอาเสื้อล้างน้ำในอ่างอย่างหัวเสีย  ออกไปกระทืบแม่งซะดีไหมกวนตีนฉิบหาย
กิงที่เดินตามเข้ามามองเพื่อนที่ยืนหัวเสียอย่างขำๆ จริงๆไอ้ปอมันสักลายเต็มตัวไปหมดแต่เพราะมันแต่งตัวเรียบร้อยโอเว่อร์แบบนี้คนเลยไม่เห็น

"เอาไงมึงกูจัดการให้แทนไหม"

"ไม่ต้อง" ปอเงยหน้าสบตากิงนิดๆผ่านกระจก

"ตามใจ" กิงไหวไหล่ให้

"เออพี่อาร์ตให้กูชวนมึงไปแดกเหล้าด้วย"

"ชวนกู" ปอย้อนถาม

"กูเคยเล่าเรื่องมึงให้พี่เขาฟังเขาเลยอยากเจอมึงสภาพจริงๆว่ะ" กิงอธิบาย ปอเลยพยักหน้ารับรู้

"งั้นเย็นนี้เจอกันร้านเหล้าหลังมอนะกูไปเรียนละ" กิงยกมือตบไหล่เพื่อนเบาๆแล้วเดินหันหลังออกจากห้องน้ำไป

ปอมองเสื้อในมือแล้วถอนหายใจหนักๆ ไม่เรียนแม่งละวันนี้อารมณ์เสียกลับห้องไปนอนดีกว่า ปอหยิบเสื้อใส่ลวกๆเดินออกจากห้องน้ำกลับคอนโดทันที

2 Be Con...

+++++++++++
ตอนที่ 6-10 เจอกันวันที่ 27/01/2016 นะคะ
 :pig4:  :call:
แวะมาพูดคุนกันได้ที่เพจตามลิงค์จ้า
https://www.facebook.com/gib1matchty
[/size][/size][/size][/font][/color][/font][/size][/size][/font][/font][/font][/font][/size]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-01-2016 11:20:28 โดย matchty »

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กับดักที่
- 6 -




               “เมื่อไหร่เพื่อนมึงจะมาวะ” อาร์ตก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือตอนนี้จะ 2 ทุ่มแล้ว แต่รุ่นน้องคนดังประจำคณะยังไม่มาสักที

               อันที่จริงแล้วปอค่อนข้างดังในหมู่นักศึกษาเข้าใหม่ปีนี้ ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่โคตรจะเด่นสะดุดตา ตัวสูงการแต่งกายเนิร์ดๆสวมแว่นตาหนาเตอะ ท่าทีนิ่งๆแลดูติ๋มๆสมฉายา ‘มหา’ ของเจ้าตัว

               แถมยิ่งดูเด่นน่าสนใจเข้าไปอีกเพราะเด็กเนิร์ดที่ใครๆว่า ดันเป็นเพื่อนกับกลุ่มของกิงที่ขึ้นชื่อเรื่องความอันตราย ดูยังไงก็ไม่น่าเป็นเพื่อนกันได้เลย หลายคนเลยสงสัยแล้วกลายเป็นอยากรู้เรื่องปอไปโดยไม่รู้ตัว

               “มันกำลังมาพี่” กิงว่า อาร์ตเลยพยักหน้ารับก้มลงไปกินเหล้าต่อ

               “กูแม่งอยากเห็นเพื่อนมึงฉิบหายมันจะต่างจากเดิมขนาดไหนวะ” กลอนหนึ่งในรุ่นพี่พูดขึ้นมาบ้าง พวกเขาอยากเห็นไอ้มหาปอเวลาอยู่นอกมหา’ลัยสุดๆว่าจะเหมือนที่ไอ้กิงมันมาโม้ให้ฟังไหม ถึงไอ้มหามันจะไม่ได้ดูแย่อะไรขนาดนั้นแต่แม่งก็ขัดกับที่ไอ้กิงโม้ให้ฟังเกินไป แม่งโม้ซะเป็นหน้ามือกับหลังตีน

               Tru…Tru…Tru…

               “เออ...มึงเดินเข้ามาเลยโต๊ะในสุดที่นั่งรวมกันเยอะๆเป็นฝูงเนี่ย เออๆ”  กิงวางสายแล้วหันมาทางรุ่นพี่

               “มันมาถึงแล้วพี่” กิงว่า

               ได้ยินแบบนั้นพวกรุ่นพี่ต่างพากันตั้งหน้าตั้งตาจ้องไปทางเข้าร้าน กะว่าเอาให้ไม่พลาดทุกการเคลื่อนไหวกันเลยทีเดียว แต่จนแล้วจนรอดจ้องกันไปนานพอควร ไม่ยักกะเห็นคนที่ท่าทางคล้ายรุ่นน้องมหาของตัวเองสักคน
อาร์ตขมวดคิ้วเป็นปมหันกลับมาหากิงเพื่อจะถาม แต่เห็นกิงกำลังนั่งคุยกับผู้ชายตัวสูงที่ยืนข้างๆอยู่ แล้วกิงก็ขยับให้ผู้ชายคนนั้นนั่งลงข้างๆ

“ช้านะมึงไอ้เหี้ย” กิงว่า

“กูนอนเพลิน” ปอที่พึ่งมาถึงตอบไปเนือยๆมือคว้าแก้วเหล้ามากระดกเข้าปาก

“มาถึงก็แดกเลยเก็บกดไงวะมึง” ต้าที่นั่งฝั่งตรงข้ามพูดแซว แต่ปอไม่ตอบอะไร

“นี่ใครวะ” อาร์ตที่นั่งมองซักพักถามขึ้นอย่างสงสัย

“เออมึงนี่พี่อาร์ต พี่กลอน พี่อ้นรุ่นพี่ที่คณะเรา” กิงไม่ตอบคำถามแต่หันมาแนะนำรุ่นพี่กับปอแทน

“หวัดดีพี่” ปอเหลือมองนิดๆแล้วยกมือไหว้พอเป็นพิธี พวกอาร์ตเองก็รับไหว้แบบงงๆ

“เออดีว่ะว่าแต่มึงเป็นใครวะ” อาร์ตถามเพราะไม่คุ้นหน้าปอเขาไม่เคยมีรุ่นน้องหน้าตาแบบนี้นะ

“ฮ่าๆๆๆๆๆ” อยู่ๆพวกกิงก็พร้อมใจกันหัวเราะขึ้นมา เล่นเอาที่เหลือยิ่งงงเข้าไปใหญ่

“หัวเราะเหี้ยไรวะแล้วนี่เมื่อไหร่เพื่อนมึงจะมากูรอนานแล้วนะ” อาร์ตว่าฉุนๆ

“ก็มันมาแล้วไงพี่นั่งอยู่เนี่ย” กิงว่าพยักหน้าไปทางปอ

“ห๊า!!!!!!!!!!” เท่านั้นแหละพวกรุ่นพี่พร้อมใจกันแหกปากเสียงดัง

อาร์ตมองปออึ้งๆก็ไอ้คนที่นั่งอยู่ตรงนี้ไม่มีตรงไหนที่น่าจะใช่ไอ้มหาปอเลยนะ คือแม่งโคตรหล่ออ่ะหน้าตาดีจนผู้ชายอย่างพวกเขาต้องยอมรับ แขนสองข้างที่โผล่พ้นเสื้อยืดสีเทามีแต่รอยสักลายโคตรสวย ช่วงไหปลาร้าแม่งก็มีรอยสัก ปกติไอ้มหามันแต่งตัวเรียบร้อยโคตรๆกระดุมเสื้อมันติดทุกเม็ด เสื้อก็แขนยาวเข้าไปอีกเลยไม่เคยมีใครเห็นรอยสักมันสักคน

พอเห็นปอเวอร์ชั่นนี้ดูก็รู้ว่าแม่งน่าจะร้ายพอตัว เผลอๆเข้าขั้นเหี้ยสมกับที่ไอ้กิงมันมาโม้ให้ฟัง บอกไอ้นี่อยู่กลุ่มเดียวกันกับพวกไอ้กิงนี่คือเชื่อกว่าตอนบอกว่าไอ้มหาปอเป็นเพื่อนว่ะครับ  ดูเลวไปด้วยกันทั้งกลุ่มแบบเข้ากันได้ พอมองดีๆก็มีบางส่วนคล้ายไอ้มหาปออยู่นะแต่ต้องมองดีๆ

“นี่มึงคนเดียวกับไอ้มหาจริงดิ” กลอนถามขึ้นเพื่อยืนยัน ปอเลยพยักหน้ารับ

“กูเชื่อละว่าหน้ามือกับหลังตีนคนละคนกับไอ้มหาปอจริงๆ” อ้นพึมพำเบาๆ

“มึงแม่งหล่อไปทำส้นตีนอะไรขนาดนี้วะ” อาร์ตว่ามือรินเหล้าใส่แก้วใหม่ยกให้ปอ

“หึ” ปอหัวเราะในคอแล้วรับแก้วเหล้ามาดื่ม

“เป็นไงละพี่ผมบอกแล้วว่าแม่งไม่ได้หงิม” กิงยักคิ้วให้

“เออกูเชื่อมึงละ ว่าแต่มึงจะแต่งตัวแบบนั้นไปทำไมวะ” อาร์ตหันมาถามปอต่อ

“เรื่องมันยาวว่ะพี่” ปอบอกเลี่ยงๆอาร์ตเลยไม่เซ้าซี้อะไรเพิ่ม

หลังจากนั้นปอกับเพื่อนและพวกพี่ๆก็นั่งกินเหล้ากันไปเฮฮากันไปตามภาษา มีพวกเพื่อนพี่อาร์ตตามมาสมทบทีหลังอีกเพียบ จากกลุ่มเล็กๆเลยกลายเป็นกลุ่มใหญ่ คุยไปคุยมาเลยได้รู้ว่าพี่อาร์ตจริงๆแล้วเป็นเพื่อนไอ้ปิงพี่ชายเขา โลกแม่งโคตรกลมพี่อาร์ตเองก็ตกใจที่เขาเป็นน้องชายไอ้ปิง

พี่อาร์ตบอกจำได้แค่ว่าไอ้ปิงมีน้องสาวชื่อปราง จำไม่ได้ว่ามีน้องชายอย่างปอด้วย พี่แกบอกสมองบันทึกได้แต่คนสวยๆผู้ชายแกไม่จำให้เปลืองพื้นที่สมอง คือสันดานว่ะครับจัดว่าเหี้ยใช่ได้ จริงๆพี่อาร์ตแกก็หน้าตาดีนะถ้าไม่ดูรั่วๆไปหน่อย

“นั่งด้วยคนได้ไหมค่ะ” กำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆก็มีเสียงหวานๆทักขึ้น

ปอเลยหันกลับไปมอง เจอผู้หญิงสวยจัดหุ่นเอ็กซ์ยืนส่งยิ้มเชื้อเชิญมาให้ ปอกระตุกยิ้มมุมปากนิดๆถ้าจะทอดสะพานให้กันขนาดนี้ไม่สนองกลับก็ไม่ใช่เขาแล้วละครับ สงสัยคืนนี้คงจะได้ออกกำลังกายในร่มกับสาวสวยคนใหม่

“เชิญครับ”

แล้วหญิงสาวก็นั่งลงที่ตักของปอยกมือสองข้างขึ้นคล้องคอ หน้าอกอวบใต้ชุดเกาะอกที่แทบจะปิดอะไรไม่มิดเบียดเข้าหาปออย่างจงใจ สายตายั่วยวนเชื้อเชิญเต็มที่

ปอเองก็ยกแขนข้างหนึ่งขึ้นโอบเอวบางของหญิงสาว ใช้มือลูบสะโพกสาวเจ้าไปมาเบาๆ ส่วนสายตาก็มองกลับร้อนแรงไม่แพ้กัน

“นัตตี้นะคะแล้ว.....”

“ปอ”

“นัตตี้มานั่งกับปอแบบนี้แฟนปอไม่ว่าหรอค่ะ” นัตตี้ช้อนตามองปอนิดๆมือข้างนึงก็เลื้อยลงมาลูบอกปอเบาๆ

“แล้วคิดว่าไง”

“แหมนัตตี้จะไปรู้หรอคะหล่อๆแบบปอเนี่ยไม่ค่อยจะโสดหรอกถ้ามีแฟนแล้วนัตตี้จะได้ไม่ยุ่ง”

“มันก็ต้องลองพิสูจน์” ปอก้มลงพูดชิดริมฝีปากหญิงสาวก่อนจะฉกหอมแก้มเบาๆ

“คิกๆ” นัตตี้หัวเราะเบาๆใช้ฝ่ามือฟาดที่อกปอไม่แรงนักอย่างมีจริต

“เบาๆไอ้เหี้ยเห็นใจพวกกูที่นั่งตาดำๆตรงนี้ด้วย กูอิจฉา” กลอนตะโกนแซวเสียงดังข้ามโต๊ะ

“กูอยากได้บ้างไอ้เหี้ย” อ้นโอดครวญเสียงดังด้วยความอิจฉา

“มึงควรพิจารณาหน้ามึงก่อนวะ” อาร์ตเหน็บอ้นเบาๆ

“ไอ้สัส!!!!” อ้นยกตีนขึ้นถีบอาร์ตอย่างหงุดหงิดเรียกเสียงฮาจากคนทั้งโต๊ะดังลั่น

ปอได้แต่ส่ายหัวไปกับความติ๊งต๊องของพวกรุ่นพี่ ดูท่าน่าจะเมากันได้ที่ละตาเยิ้มกันเป็นแทบๆ ปอยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มก้มลงมองนัตตี้ที่เอาหน้าไซร้คอตัวเองแล้วกระตุกยิ้ม คืนนี้เขาได้อะไรแก้เซ็งแล้วล่ะ

ปอสบตากับเพื่อนอย่างรู้กันเขาเป็นคนเซ็กซ์จัดยอมรับได้แบบเต็มปากเต็มคำ เพราะฉะนั้นคู่นอนของเขาต้องเป็นคนร้อนแรงอย่างผู้หญิงบนตักตอนนี้  พวกหงิมๆนี่เขาไม่ค่อยชอบเอาไม่มันไม่มีอารมณ์ทะนุถนอม เซ็กซ์ที่ดีมันต้องถึงใจทั้งสองฝ่ายว่ะครับ

จึก! จึก!

แรงสะกิดที่ไหล่เบาๆทำให้ปอที่กำลังนัวเนียกับหญิงสาวเงยหน้าขึ้นอย่างหงุดหงิด ใครแม่งสะกิดวะกำลังได้ที่  แล้วปอก็ต้องแปลกใจเพราะคนที่สะกิดไหล่เขายิกๆคือเลิฟ มันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงวะ

“นี่...” เลิฟเอื้อมมือไปสะกิดผู้หญิงที่เอาหน้าซุกคอปอต่อ ปอก็นั่งมองการกระทำของเลิฟนิ่งๆไม่ได้ว่าอะไร เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเลิฟจะทำอะไร

นัตตี้เงยหน้าขึ้นจากซอกคอปอแล้วมองไปที่เลิฟงงๆ เลิฟส่งยิ้มกว้างให้แล้วใช้มือดึงหญิงสาวขึ้นจากตักของปอ นัตตี้ก็ลุกขึ้นแบบไม่เข้าใจส่วนปอเองก็มองเลิฟแบบไม่เข้าใจเหมือนกัน

“นี่เธออ่ะ” เลิฟเรียกนัตตี้

“คะ” นัตตี้ขานรับงงๆ

“ยุ่งกับคนมีเจ้าของแล้วแบบนี้ไม่ดีนะ”

“ว่าไงนะคะ” นัตตี้ถามกลับอย่างตกใจ

“นี่มึงจะพูดอะไร” ปอลุกขึ้นมาดึงแขนเลิฟไว้ เลิฟสบตาปอแล้วส่งสายตากวนๆให้

“ก็ไอ้ปออ่ะมันมีเมียแล้ว” เลิฟสะบัดแขนออกจากมือปอแล้วหันไปพูดกับนัตตี้ต่อ

“แต่ปอบอกว่าโสดนิคะ”

“อ้าวสวยแล้วไม่น่าโง่นะผู้ชายจะหลอกฟัน มันจะบอกว่ามีเมียแล้วหรอ”

“ไอ้เลิฟ!!!!” ปอกระชากแขนเลิฟเข้าหาตัวเอง แต่เลิฟไม่สนใจหันไปพูดต่อ

“เมียมันท้องอ่อนๆนอนอยู่ที่บ้าน อยากได้ชื่อว่าแย่งผัวชาวบ้านก็เอานี่ผมเตือนด้วยความหวังดีนะ” เลิฟพูดขึ้นเสียงดังเรียกสายตาของคนในร้านให้มองมาที่ตัวเองได้เป็นอย่างดี

นัตตี้ถึงกับหน้าเสียเธอก็แอบคิดอยู่หรอกว่าปออาจจะไม่โสด แต่ไม่ได้คิดถึงขั้นว่าจะมีเมียมีลูกแบบนี้ จะบอกว่าผู้ชายหน้าหวานตรงหน้าโกหกก็ไม่น่าใช่ คนโกหกที่ไหนจะทำสีหน้าจริงจังได้ขนาดนี้

“เอ่อ...นัตตี้นึกขึ้นได้ว่ามีธุระขอตัวก่อนนะคะ” นัตตี้พูดขึ้นเพราะเริ่มรู้สึกอายกับสายตาของคนในร้านที่เริ่มมองมาอย่างสนใจ

“ครับคราวหน้าคราวหลังก็ระวังอย่าไปยุ่งกับผัวชาวบ้านอีกละ” เลิฟพูดต่อหน้าตาย นัตตี้เลยรีบจ้ำอ้าวเดินหนีไปไม่เหลียวหลัง
ปอมองตามหลังนัตตี้ที่เดินหนีไปแล้วอย่างรวดเร็วจะเรียกไว้ก็ไม่ทัน เขาหันกลับมามองหน้าเลิฟที่ยืนหัวเราะคิกคักข้างๆอย่างหัวเสีย ไอ้เลิฟมันจงใจเดินเข้ามาแกล้งเขา ทำให้เขาชวดตุ๊กตาบนเตียงคืนนี้ไป

“มึงเล่นเหี้ยอะไร” ปอตะคอกขึ้นอย่างเหลืออด

“อะไรกูทำอะไร” เลิฟลอยหน้าลอยตาถามกลับ

“ใจเย็นๆมึง” ฝุ่นลุกมาดึงแขนปอไว้เพราะเห็นปอกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดขึ้น ถ้าไอ้ปอสติแตกขึ้นมาจริงๆตัวเล็กๆบางๆอย่างไอ้น้องเลิฟเละชัวร์ๆ

“มีอะไรป่ะวะ” อาร์ตถามหลังจากที่นั่งมองมานาน

“ไม่มีอะไรพี่” ปอบอกกลับ อาร์ตเลยเลิกสนใจหันไปกินเหล้าเฮฮากับเพื่อนต่อ

“หึ” ปอกระตุกยิ้มขึ้นหลังจากพยายามระงับอารมณ์ตัวเอง ฝุ่นเห็นว่าน่าจะไม่มีอะไรแล้วเลยกลับไปนั่งที่ตัวเอง

“มึงหัวเราะทำไมวะ” เลิฟถามกลับอย่างระแวงก็เมื่อกี้แม่งยังโมโหอยู่เลย ตอนนี้ดันหัวเราะแถมเสียงหัวเราะโคตรโรคจิตเหอะ
ปอไม่ตอบแต่ลากเลิฟมาที่เก้าอี้แล้วยกคนตัวเล็กขึ้นนั่งบนตัก ใช้มือกอดเอวบางล็อกไว้แน่นไม่ให้ดิ้นหลุด เลิฟเองก็พยายามดิ้นให้หลุดแต่ยิ่งดิ้นปอก็ยิ่งกอดแน่น มือทั้งทุบทั้งตีทั้งหยิกไปที่แขนปอเพื่อให้ปล่อย แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยจะส่งผลอะไรกับปอเท่าไหร่

ฟอดดดดดดดดดดดดดด

ฮิ้ววววววววววววววววววว

ปอก้มลงหอมแก้มเสียงดังทำเอาเลิฟที่กำลังดิ้นอยู่บนตักถึงกับชะงัก ส่วนคนอื่นในโต๊ะที่เห็นฉากเด็ดก็ส่งเสียงแซวกันระงม ทั้งผิวปากทั้งหัวเราะ

“อะ...ไอ้เหี้ย” เลิฟด่าปอเสียงดังหลังจากตั้งสติได้

ฟอดดดดดดดดดดดดดดดดด

ปอก้มลงหอมแก้มเลิฟอีกที เลิฟตาโตเท่าไข่ห่านยกมือขึ้นจะชกหน้าปอ แต่ปอยกมือขึ้นมาชี้นิ้วห้ามไว้อย่างรู้ทันว่าเลิฟจะทำอะไร

“ถ้ามึงด่ากูอีกกูจะจูบมึงและถ้ามึงชกกูกูจะลากมึงไปเอาเดี๋ยวนี้ ไม่เชื่อก็ลองดู” ปอพูดขึ้นด้วยเสียงนิ่งๆไม่มีแววล้อเล่น

“ไอ้.....” เลิฟอ้าปากจะด่าอีกแต่พอสบตาปอที่มองมาก็หุบปากลงไม่กล้าพูดต่อ ได้แต่นั่งก้มหน้างุดอยู่บนตักปอนิ่งๆ

ปอเห็นท่าทางของเลิฟก็นึกขำในใจ นึกว่าจะแน่เห็นชอบทำเป็นเก่งดีนัก เขาก็แค่ขู่ไอ้ตัวแสบมันไปอย่างนั้นเองแหละ ใครจะไปเอามันจริงๆวะถึงมันจะดูน่าเอาก็เหอะ แต่กูไม่เคยเอาผู้ชายครับและไม่เคยคิดที่จะเอา เมื่อกี้ไม่นับแม่งความคิดชั่ววูบ

แล้วถ้าจะถามว่าทำไมเขาถึงหอมแก้มมัน คือกูก็ไม่รู้ครับกูก็งงตัวเองทั้งๆที่น่าจะกระทืบมัน เสือกอุ้มมันนั่งตักแถมหอมแม่งอีกมันเรื่องเหี้ยอะไรวะ

ปอหงุดหงิดกับความรู้สึกตัวเองไม่น้อย เขาเป็นอะไรของเขาวะ พอก้มมองคนนั่งอยู่บนตักที่กำลังทำหน้างอแก้มป่องปากยื่นแล้วก็ขำ ดูๆไปมันก็น่ารักแหะถึงว่าพวกผู้ชายในคณะแม่งตามจีบ โดยเฉพาะไอ้เหี้ยโชน

ฟอดดดดดดดดดดดด

แล้วปอก็ก้มลงหอมแก้มเลิฟอีกทีด้วยความรู้สึกอะไรก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าเห็นแก้มป่องๆของมันแล้วแม่งก็อยากหอมขึ้นมาเฉยๆ

“มึง!!!!!” เลิฟเงยหน้าขึ้นมาหาปอยกมือข้างนึงจะชกแต่ปอทำตาดุใส่ เลิฟเลยนั่งนิ่งๆฮึดฮัดอยู่คนเดียวเพราะทำอะไรไม่ได้

“หอมเข้าไปไอ้เหี้ยสงสารพวกกูบ้างเหอะ” กิงพูดขึ้นอย่างหมั่นไส้เมื่อกี้เห็นทำท่าจะฆ่าเขาอยู่แหม่บๆ ตอนนี้เสือกมานั่งหอมเอาๆ

“ว่าแต่น้องผู้หญิงคนเมื่อกี้ไปไหนแล้ววะ กูเผลอแป๊บเดียวทำไมกลายร่างเป็นไอ้น้องเลิฟได้วะ” กิงถามขึ้นงงๆเพราะมัวแต่ก้มแชทไลน์กับเด็กที่พึ่งได้มามาดๆอยู่

“ฝีมือไอ้นี้ไง” เลิฟเงยหน้าขึ้นมาถลึงตาใส่ปอทันทีที่รู้ว่าโดนว่า

“อ้อ” กิงพยักหน้ารับรู้อย่างไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะรู้กันดีว่าไอ้เลิฟมันชอบป่วนไอ้ปอ

“ว่าแต่น้องเลิฟทำไมมาที่นี่ละครับหรือว่าแอบตามพวกพี่มา” กิงหันไปถามเลิฟส่งสายตาเจ้าชู้ให้

“เสือก” เลิฟว่าอย่างหงุดหงิดทำเอากิงถึงกับเหวอ

“ปากดีสัสๆ” กิงถอนหายใจแล้วเลิกคิดที่จะคุยกับเลิฟ เพราะถ้าคุยกันต่อคงเป็นเขานี่แหละที่จะกระทืบไอ้น้องเลิฟแทนไอ้ปอ
ปอมองเพื่อนกับคนตัวเล็กแล้วส่ายหัวเอือมๆอย่างไม่ใส่ใจ หันกลับไปนั่งกินเหล้าต่อแต่ยังใช้มือนึงกอดเอวเลิฟไว้หลวมๆ เห็นทำหน้างอๆแล้วสนุกดีว่ะครับ

เลิฟที่ทำท่านั่งนิ่งๆไม่ตอบโต้ พอเห็นว่าปอเผลอก็ยกศอกขึ้นกระแทกเข้าไปที่ท้องปอเต็มแรง ปอที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับสะดุ้งจุกไปหมดเผลอปล่อยแขนออกจากตัวเลิฟ เห็นแบบนั้นเลิฟก็รีบลุกขึ้นยืนแล้วก็กระทืบที่เท้าปอแรงๆอีกที แลบลิ้นใส่ปออย่างสะใจ

“ไอ้เหี้ย!!!!!” ด่าเข้าให้อีกทีก่อนจะรีบวิ่งหนีไปอย่างเร็ว

ปอมองตามหลังร่างเล็กๆนั้นอย่างขำๆ จะโมโหก็โมโหแหละไอ้ขำก็ขำ แม่งแสบจริงๆเล่นเอาจุกไปหมด นึกว่าหมดฤทธิ์แล้วเห็นนั่งนิ่งๆที่ไหนได้รอจังหวะนี้เอง

“ตกลงนี่มึงยังไงวะ” ฝุ่นถามเพราะสังเกตุว่าปอดูไม่โกรธเท่าไหร่

“อะไรยังไง”

“มึงกับไอ้เด็กนั่นไง”

“ไม่มีอะไร” ปอบอกปัดๆ เพราะเขาไม่ได้รู้สึกอะไรมากไปกว่าอยากแกล้งจริงๆ

“ตอนนี้ไม่รู้สึกแต่กูว่าอีกไม่นานก็รู้สึก เชื่อกูดิเซ้นส์กูมันฟ้อง” ต้าที่นั่งเงียบมานานพูดขึ้น

“ถ้าคนไม่มีหัวใจแบบไอ้เหี้ยปอจะรู้สึกอะไรขึ้นมาแบบที่มึงว่า ไอ้เหี้ยฝุ่นก็คงสมหวังกับรักข้างเดียว 5 ปีของแม่งชัวร์” กิงว่าขำๆ

“เกี่ยวเหี้ยไรกับกู” ฝุ่นพูดขึ้นบ้าง

“พนันกับกูป่ะล่ะ” ต้าออกปากท้าพนันกิง

“จัดไปไอ้เหี้ยแสนนึงกูพนันว่าไม่มีทาง” กิงรับคำท้าอย่างมั่นใจ

“แสนนึงกูว่าอีกไม่นาน” ต้าเองก็ไม่ยอมแพ้

“แล้วมึงอ่ะ” ต้าหันไปถามฝุ่นที่นั่งเฉย

“กูต้องเล่นด้วย” ฝุ่นชี้นิ้วมาที่ตัวเอง ต้าพยักหน้างึกงัก

“งั้น” ฝุ่นพูดแล้วหันไปมองหน้าปอ ปอก็สบตาเพื่อนสีหน้าไม่เปลี่ยนแววตานิ่งเฉยไม่แสดงอะไร

“แสนนึงกูพนันว่าเราจะได้เพื่อนสะใภ้ชื่อเลิฟ และอีกแสนกูพนันว่ามึงจะหยุดที่คนนี้” ฝุ่นวางเดิมพันและหันมาพนันกับปออย่างท้าท้าย ปอเองก็ขำๆไม่ได้ว่าอะไรซึ่งฝุ่นถือว่านั่นหมายถึงปอรับคำท้า

ฝุ่นเองก็ไม่ได้มั่นใจอะไรขนาดนั้นหรอกแค่พูดเพื่อดูปฏิกิริยาเพื่อนเท่านั้น แต่ให้ตายไอ้ปอมันนิ่งเกินไม่มีพิรุธอะไรเลยสักนิด

ปอส่ายหัวให้กับความติ๊งต๊องของเพื่อน ตั้งแต่เกิดมาปอไม่เคยคบใครเป็นตัวเป็นตนจนเรียกแฟน ไม่เคยรักไม่เคยชอบอย่างมากก็แค่ถูกใจ เขายังไม่พร้อมจะหยุดที่ใครคนเดียวเพราะเป็นคนขี้รำคาญไม่ชอบคนวุ่นวาย อีกอย่างเซ็กซ์ไม่ผูกมัดมันก็สะดวกดีแล้วเขาก็พึ่งจะอายุแค่นี้ จะหาห่วงผูกคอที่เรียกว่าแฟนหรือเมียทำไมวะครับ

“ถ้าเป็นแบบที่มึงว่านะฝุ่นกูให้เลยล้านนึง” ปอบอกฝุ่นแบบชิลๆ ฝุ่นเองก็ขำๆไม่ได้คิดว่าตัวเองจะชนะเลยซักนิด ก็รู้ๆสันดานเพื่อนตัวเองอยู่

แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้บนโลกใบนี้ทั้งนั้นและฝุ่นเองก็ไม่มีทางรู้อนาคต เพราะถ้ารู้อนาคตล่วงหน้าเขาคงจะท้าพนันปอสัก 10 ล้าน

2 Be Con...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-01-2016 11:24:26 โดย matchty »

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กับดักที่
- 7 -



   เลิฟเดินกระแทกส้นเท้าฮึดฮัดออกมาจากร้านเหล้าด้วยความหงุดหงิด เขามาเจอไอ้ปอที่ร้านนี้เป็นเพราะความบังเอิญจริงๆ เลิฟทำงานพิเศษอยู่ร้านดอกไม้ในห้างใกล้ๆมหา’ลัยเนี่ยแหละ ปกติจะทำแค่วันเสาร์-อาทิตย์ตอนเย็นๆ แต่วันนี้ลูกจ้างประจำที่ร้านลาหยุดทำให้คนไม่พอ พี่เจ้าของร้านเลยโทรตามให้มาทำงานแทน แล้วใช้เขาออกมาส่งดอกไม้ให้ลูกค้าที่นี่

               มันก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก ถ้าสายตาเจ้ากรรมของเลิฟไม่หันไปเห็นปอกำลังกินเหล้าอยู่ บนตักของปอมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งกอดอยู่แล้วเอาหน้าซุกที่ซอกคอไปมา เหมือนกำลังจะสิงไอ้ปอเลยทีเดียวเลิฟเลยเกิดอาการหมั่นไส้แบบไม่มีสาเหตุ อยากจะแกล้งปอขึ้นมาเฉยๆแต่กลายเป็นว่าไปโดนปอแกล้งคืนซะงั้น

               “ไอ้เหี้ยหอมอยู่ได้” เลิฟพึมพำเบาๆเอามือถูแก้มไปมาจนแดงไปหมด

เลิฟหันกลับเข้าไปมองข้างในร้านก็เห็นปอนั่งมองอยู่ก่อนแล้ว แถมยังส่งยิ้มกวนประสาทมาให้อีก เลิฟเลยยกนิ้วกลางส่งคืนให้ ปอพอเห็นแบบนั้นก็ยกนิ้วชี้หน้าคาดโทษ แต่เลิฟไม่สนใจขึ้นแท็กซี่ที่ผ่านมาพอดีแล้วออกจากร้านไปเลย

'คิดว่ากลัวรึไงวะอย่าให้ถึงที่กูบ้างละกันโว๊ยยยย'

...
...

"ก๊ากกกกกกกก" เสียงหัวเราะพร้อมใจกันดังขึ้นหลังจากได้ฟังเรื่องทั้งหมด

"เออหัวเราะให้พอเลยแม่ง" เลิฟว่าเสียงสะบัด

"ก็แม่งฮาจริงๆนิหว่า" นาวตอบแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาหัวเราะต่อ

วันนี้เลิฟกับเพื่อนนัดกันออกมากินข้าวเที่ยงหน้ามหา’ลัย หลังจากสั่งอาหารและหาที่นั่งกันได้แล้วเลิฟก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้เพื่อนฟัง ผลก็อย่างที่เห็นหัวเราะกันแบบโคตรมีความสุข

"จะหัวเราะอีกนานป่ะกูจะได้กลับก่อน" เลิฟว่าอย่างหงุดหงิด

“โถๆๆแค่นี้ทำงอนนะน้องเลิฟ” พีททำเสียงล้อๆใส่แล้วเอื้อมมือมาดึงแก้มเลิฟเล่น

“สัส” เลิฟปัดมือพีทออกจากหน้าแล้วทำแก้มพองลมกว่าเดิม

“จะไปแกล้งเขาเสือกโดนเขาแกล้งกลับสมควรหาเรื่องดีนัก” นาวจิกกัดเลิฟต่อทันที

“เออ!! เมื่อวานเป็นทีของมันอย่าให้ถึงทีกูละกัน”

“นี่มึงยังไม่เข็ด?”

    “เข็ดไรเมื่อวานกูแค่ประมาทเว้ย”

“เอาที่มึงสบายใจ” นาวกรอกตาขึ้นฟ้าเซ็งๆกับความรั้นของเลิฟ

“ว่าแต่ไอ้เอยหายไปไหนวะ” เลิฟถามเพราะตอนนี้เพื่อนในกลุ่มอยู่กันครบแต่ไม่รู้เอยหายไปไหน

“มันบอกติดธุระแล้วก็วิ่งไปเลย” กั้มเป็นคนตอบเพราะเรียนคณะเดียวกันกับเอย

ตอนที่กำลังเดินมาหาพวกเลิฟที่ร้านข้าวโทรศัพท์ของเอยก็ดังขึ้น หลังจากรับสายเอยก็มีท่าทางลุกลี้ลุกลนบอกว่ามีธุระ แล้วก็วิ่งหายไปทางหลังมหา’ลัย กั้มจะอ้าปากถามก็ไม่ทันแล้ว

“อ้อ” เลิฟพยักหน้ารับรู้แล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก

“ธุระเหรอ? กูละเบื่อกับพวกมึงจริงๆแต่ละคน” นาวจ้องหน้าเลิฟก่อนจะถอนหายใจแล้วส่ายหัวไปมา แถมทำหน้าเซ็งๆส่งให้ด้วย
คำพูดของนาวที่พูดขึ้นลอยๆ ทำเอาอีกสามคนที่เหลือทำหน้าเป็นหมางง โดยเฉพาะเลิฟที่อยู่ๆก็โดนพาดพิง แถมไม่รู้ด้วยว่าเรื่องอะไร

“ชอบกันดีนักเล่นกับไฟเนี่ย”

“อะไรของมึงเนี่ย” เลิฟถามกลับเพราะงงกับการพูดเป็นปริศนาของนาว เขารู้ว่าเพื่อนเป็นคนฉลาดแต่ช่วยพูดอะไรที่เข้าใจง่ายๆได้ไหม

“ไม่มีไรหรอกกูแค่เบลอๆแดกข้าวไป” นาวตัดบทเพราะไม่อยากตอบคำถาม นาวคิดว่าตัวเองพอจะเดาออกว่าเอยมีธุระอะไร เธอชอบไปเห็นอะไรหลายๆอย่างด้วยความบังเอิญตลอดแต่ไม่อยากพูดมาก เพราะถ้าเจ้าตัวไม่เล่า นาวเองก็ไม่ควรพูดจริงไหม

“เออๆไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก” เลิฟไม่เซ้าซี้ต่อเพราะรู้ว่านาวเป็นพวกปากหนัก อยากเล่าเดี๋ยวแม่งก็เล่าเองอ่ะ

“มาช่วยกูคิดดีกว่าว่าจะเอาคืนไอ้ปอยังไง” เลิฟเปลี่ยนเรื่องกลับมาที่เรื่องของปอ เพราะยังแค้นใจที่โดนแกล้งเมื่อคืนไม่หาย
นาวกับพีทมองหน้ากันแล้วพากันถอนหายใจไม่ออกความเห็น ขี้เกียจจะห้ามแล้วอยากทำอะไรให้มันทำ เอาที่สบายใจเลยเพื่อนพวกกูเลิกยุ่ง

“มึงก็ควรจะเลิกแกล้งเขาแบบปัญญาอ่อน” กั้มว่า

“งั้นมึงว่ากูควรทำไงอ่ะ”

“กูไม่รู้” กั้มว่าแค่นั้นแล้วก้มหน้าก้มตาตักข้าวกินต่อ เท่าที่เคยฟังจากไอ้พีทกับนาวเล่ามา ยังไงไอ้เลิฟก็เอาคืนพี่ปอไม่ได้หรอก ไม่รู้จะช่วยคิดไปทำไมเสียเวลา

เลิฟได้แต่นั่งหน้างอขัดใจที่เพื่อนไม่มีใครสนใจตัวเองสักคน มือก็ตักข้าวกินอย่างหงุดหงิดตาขวางพยายามส่งกระแสจิตไปที่เพื่อน แต่พวกมันก็นั่งกินข้าวเฉยแถมเปลี่ยนเรื่องคุยกันอีก

    ‘กูคิดของกูคนเดียวก็ได้ ไม่ง้อพวกมึงหรอก ชิส์’

...
...

“ทำไมนั่งหน้างอแบบนั้นละครับ อ่ะพี่เอานี้มาให้” โชนยื่นของในมือมาที่หน้าเลิฟแล้วส่งยิ้มอ่อนโยนให้ตามสไตล์

“ขอบคุณครับ” เลิฟรับของมาแล้วตักเข้าปาก พี่โชนเอาไอศครีมเชอร์เบทมะนาวของโปรดมาให้ นอกจากป๊อกกี้ก็มีไอศครีมนี่แหละที่ชอบ แต่ต้องเป็นรสนี้เท่านั้นนะรสอื่นก็ไม่กิน เลิฟเคยบอกโชนไปเมื่อนานมาแล้วแต่ไม่คิดว่าจะจำได้

“ฮ่าๆกินดีๆสิครับเห็นไหมเลอะปากเลย” โชนยิ้มขำแล้วเอานิ้วชี้ไปที่ปากตัวเองเพื่อบอกเลิฟว่าเลอะตรงไหน เลิฟเลยเอาลิ้นเลียไปรอบปาก

“มาๆพี่เช็ดให้ดีกว่าครับ” โชนยิ้มเอ็นดูกับท่าทางของเลิฟ แล้วก้มหน้าลงเอานิ้วโป้งเช็ดไอศครีมที่เลอะมุมปากของเลิฟออกเบาๆ

“ขอบคุณครับ” เลิฟพึมพำขอบคุณแล้วส่งยิ้มกว้างให้ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาตักไอศครีมเข้าปาก เขาแอบเขินพี่โชนหน่อยๆไม่รู้ว่าหน้าแดงด้วยรึเปล่า ไม่ได้คิดอะไรนะครับแต่แบบพี่โชนก้มลงมาซะใกล้ ทำเหมือนจะจูบเขาก็เขินอ่ะดิ

โชนมองเสี้ยวหน้าเลิฟที่ตั้งออกตั้งใจกินแล้วอมยิ้ม แอบเห็นแก้มน้องแดงนิดๆด้วยนะไม่รู้เป็นเพราะเขินเขารึเปล่า เมื่อกี้ตอนก้มลงไปเช็ดปากให้เกือบเผลอจูบน้องไปแล้ว ปากแดงๆนั่นมันน่าจูบชะมัดดีที่มีสติห้ามตัวเองไว้ทันไม่งั้นความพยายามตลอดของเขาคงสูญเปล่า

เขาพยายามจีบเลิฟมาจะสองเดือนแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่คนโดนจีบจะรู้ตัวสักที เพราะดูยังไงก็ไม่มีวี่แววว่าจะรู้ตัวเลย เขาเลยได้แค่ทำตัวเป็นพี่รหัสแสนดีให้น้องอยู่แบบนี้

วันนี้พวกรุ่นพี่ในคณะจัดงานเลี้ยงสายรหัสที่ร้านเหล้าหลังมหา’ลัย เลิฟเลยต้องกลับมาเหยียบจุดเกิดเหตุเมื่ออาทิตย์ที่แล้วอีกครั้ง เขาพยายามคิดจนหัวแทบแตกหาวิธีเอาคืนไอ้ปอแต่เป็นอาทิตย์แล้วก็ยังคิดไม่ออก แถมวันนี้สายรหัสไอ้ปอก็เลี้ยงกันที่ร้านนี้ด้วย อะไรจะไปบังเอิญขนาดนั้นครับ

แล้วความซวยยังไม่จบแค่นั้น เพราะพวกรุ่นพี่ดันตัดสินใจเลี้ยงรวมกันซะเลยบอกคนเยอะๆมันสนุกกว่า ส่วนไอ้ปอมันก็มาสภาพมหานั่นแหละคงเลิกเรียนแล้วมาเลย นั่งทำหน้าตากวนตีนไม่รับรู้อะไรเห็นแล้วหงุดหงิดชะมัด

“น้องเลิฟกินอะไรอีกไหม”

“ไม่แล้วครับ เลิฟไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยวมานะครับ”

“ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหมครับ”

“เลิฟไปคนเดียวได้ครับ” ส่งยิ้มให้นิดๆแล้วเดินออกมาเลย

ความจริงเลิฟไม่ได้มาเข้าห้องน้ำอย่างที่บอกโชน แต่เขาแค่รู้สึกเซ็งๆเลยเดินออกมาสูดอากาศนอกร้าน เดินไปเดินมาก็มาโผล่ที่ลานจอดรถหลังร้าน สายตาก็ไปสะดุดเข้ากับรถคันหนึ่งที่จอดอยู่ รู้สึกคุ้นๆตาเหมือนเคยเห็นที่ไหนบ่อยๆ

เลิฟตัดสินใจเดินไปที่รถคันนั้นก้มมองป้ายทะเบียนรถ ถึงว่าสิทำไมมันคุ้นๆรถไอ้ปอนี่เอง แล้วจู่ๆคำพูดของไอ้กั้มที่ร้านข้าวเมื่ออาทิตย์ที่แล้วก็ลอยเข้ามาในหัว

‘มึงก็ควรจะเลิกแกล้งเขาแบบปัญญาอ่อน’

“เลิกแกล้งแบบปัญญาอ่อนเหรอวะ” พึมพำกับตัวเองเบาๆแล้วก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา เขารู้วิธีที่จะเอาคืนไอ้ปอแล้วละ รับรองคราวนี้มันได้โกรธจนเส้นเลือดในสมองแตกแน่

...
...

นาวที่เห็นว่าเลิฟหายไปจากโต๊ะนานแล้ว และยังไม่เห็นว่าเดินกลับมาสักที ด้วยความเป็นห่วงเลยชวนพีทออกไปเดินตามหา เดินจนทั่วร้านก็มาเจอเลิฟก้มๆเงยๆทำอะไรไม่รู้อยู่กับรถคันนึง เพราะลานจอดรถค่อนข้างมืดทำให้นาวมองไม่ชัด

    “ทำอะไรอ่ะเลิฟ” นาวถามแล้วก็เดินตรงเข้าไปหาเลิฟ

    “กูเพ้นท์รถ” เลิฟเงยหน้าขึ้นมาแล้วส่งยิ้มกว้างให้

    “เฮ้ย!!!” พอเดินมาถึงที่รถทั้งนาวทั้งพีทก็ตะโกนขึ้นพร้อมกันเสียงดัง

“มึงทำอะไรเนี่ยแล้วนี่รถใคร” นาวละล่ำละลักถามปากสั่นเสียงสั่นไปหมด

พีทเองได้แต่เงียบไม่พูดอะไร สิ่งที่เขากับนาวเห็นทันทีที่เดินมาถึงคือสภาพรถเบนซ์ที่คิดว่าก่อนหน้านี้คงจะสวยน่าดู แต่ตอนนี้มันเละมีแต่รอยขูดขีดเป็นทางยาวเต็มไปหมด ไม่ต้องเดินดูให้เสียเวลาก็พอจะเดาออกว่าน่าจะเป็นรอยทั้งคัน พอมองไปที่มือของเลิฟก็เห็นว่ากำลังกำเหรียญไว้ในมือ หลักฐานชี้ชัดว่าฝีมือไอ้เลิฟแน่ๆ

“รถไอ้ปอ” เลิฟตอบชิลๆ

“ห๊า!!!!!!” ทั้งนาวทั้งพีทตะโกนประสานเสียงอีกครั้ง

“มึงเล่นบ้าอะไรวะ” พีทตะคอกถาม

“อยากตายรึไงวะมึงรู้ไหมพี่ปอเขาโคตรรักรถเลยนะมึง” พีทว่าต่อแต่เลิฟเอานิ้วแคะหูกวนประสาท มือข้างที่กำเหรียญไว้ก็ยัดใส่กระเป๋ากางเกงไม่สนใจ

“ทำไมมึงทำงี้วะ” นาวว่าขึ้นมาบ้าง

“ก็ไอ้กั้มมันบอกให้กูเลิกแกล้งแบบปัญญาอ่อนไงกูเลยจัดให้”

“มึงนี่แม่ง...” นาวจ้องหน้าเลิฟเคืองๆไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เลยตัดสินใจหันหลังเดินหนีกลับเข้าร้านไป

“รอบนี้มึงทำเกินไปว่ะของๆใครใครก็รัก มึงทำขนาดนี้ระวังตัวไว้หน่อยก็ดีนะ” พีทเตือนเลิฟแล้วก็เดินตามนาวเข้าไป ทิ้งให้เลิฟยืนอยู่ตรงนั้นคนเดียว

เลิฟเดินคอตกทำหน้าหงอยเข้ามาในร้าน  ไม่กล้าเดินเข้าไปหาเพื่อนที่นั่งอยู่อีกโต๊ะเลยแยกมานั่งคนเดียว เขารู้แหละว่าเพื่อนโกรธแต่ทำไมต้องโกรธขนาดนั้นละ แค่กรีดรถเองนะไม่ได้ไปฆ่าไอ้ปอสักหน่อย ถ้ามันโวยวายก็แค่จ่ายค่าซ่อมให้ อีกอย่างมันไม่กล้าทำอะไรเขาหรอกก็เขารู้ความลับของมันนี่นา

“เฮ้ออออออ” เลิฟถอนหายใจหนักๆจะเดินเข้าไปขอโทษก็ไม่กล้า

‘จะกลับหอยังไงละที่นี้ สงสัยต้องโบกแท็กซี่’ เลิฟคิดอย่างหงอยๆแล้วนั่งถอนหายใจอีกครั้ง

“เป็นอะไรครับน้องเลิฟ” โชนสังเกตุเห็นเลิฟนั่งถอนหายใจมาสักพักเลยเดินเข้ามาถาม

“ไม่มีอะไรครับเลิฟแค่คิดว่าจะกลับบ้านยังไง”

    “อ้าวทำไมไม่กลับกับเพื่อนละ”

“ทะเลาะกันนิดหน่อยอ่ะครับ” เลิฟส่งยิ้มแหยๆให้โชนจริงๆมันก็ไม่นิดหน่อยหรอก

“งั้นถ้าไม่รังเกียจเดี๋ยวพี่ไปส่งไหม”

“เลิฟไม่อยากรบกวน”

“พี่เต็มใจครับ” โชนว่าแล้วส่งยิ้มอ่อนโยนให้

    “งั้นขอบคุณครับ” เลิฟยกมือไหว้ขอบคุณ โชนเลยยกมือขึ้นขยี้หัวอย่างเอ็นดู

...
...

ปอบอกลาพวกรุ่นพี่แล้วเดินมาลานจอดรถ เขาขอตัวกลับบ้านก่อนเพราะรู้สึกเซ็งๆอยากกลับไปนอน ตอนเดินออกมาเห็นไอ้แสบนั่งหน้าหงอยๆ แอบแปลกใจนิดนึงที่ไม่เห็นมันเดินเข้ามาแกล้ง แต่ก็ดีแล้วเพราะเขาไม่มีอารมณ์จะทะเลาะกับมันเหมือนกัน

พอเดินมาถึงรถปอก็ต้องตะลึงเพราะสภาพรถของเขาเรียกได้เลยว่าโคตรเละ มีแต่รอยขีดเต็มไปหมดทั้งคัน ใครวะแม่งทำ ปอกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดขึ้น รู้สึกโกรธจนอยากกระทืบคนให้ตาย เขาเป็นคนรักรถมากดูแลรถดีสุดๆเพื่อนทุกคนในกลุ่มรู้ดี

อีกอย่างรถคันนี้ไม่ใช่ของเขาแต่เป็นของไอ้ปิง พ่อซื้อให้มันในวันเกิดมันเลยค่อนข้างรักรถคันนี้พอสมควร ถ้าแม่งรู้ว่ารถเป็นสภาพนี้เขาไม่รู้ว่ามันจะว่ายังไง ไม่ใช่ว่ากลัวแต่ไม่อยากทะเลาะกับมัน

‘อย่าให้จับได้นะว่าใครไม่ตายคาตีนกูอย่าเรียกกูว่าไอ้ปอเลยมึง’ ปอคิดในใจอย่างโมโห

ปอรู้สึกหงุดหงิดเพราะคิดไม่ออกว่าใครเป็นคนทำ แล้วเขาก็นึกถึงหน้าไอ้เลิฟขึ้นมา มีอยู่ช่วงนึงที่มันหายไปจากโต๊ะนานผิดปกติ แต่เขาไม่ได้ใส่ใจอะไร

‘หรือว่าจะเป็นฝีมือมัน ถึงมันจะแสบแค่ไหนแต่มันไม่น่าจะกล้าทำขนาดนี้ แต่มันก็ไม่แน่เหมือนกัน’

ปอพยายามข่มความโกรธแล้วหายใจเข้าหนักๆ ไม่อยากใส่ร้ายใครทั้งๆที่ไม่มีหลักฐาน ถึงในใจลึกๆจะมั่นใจว่าเป็นไอ้เลิฟก็เถอะ แต่อย่างที่บอกเขาไม่อยากใส่ร้ายใคร ถ้าเป็นมันจริงสาบานว่าเขาจะทำให้มันจำใส่สมองเลยว่าอย่าลองดี

ปอตัดสินใจเดินไปหาพนักงานร้านแล้วเล่าเรื่องรถให้ฟังเพื่อขอดูกล้องวงจรปิด ร้านเหล้าที่นี้เป็นร้านอาหารในตัวค่อนข้างใหญ่ น่าจะติดกล้องวงจรปิดไว้บ้าง

ภาพที่ปอเห็นในกล้องวงจรปิดคือเลิฟที่กำลังยืนกรีดรถเขาอยู่ เขาไม่รู้ว่าตัวเองโกรธขนาดไหนและทำหน้าแบบไหนอยู่  รู้แค่ว่าพนักงานมองหน้าเขาด้วยสีหน้าหวาดๆถามว่าจะให้แจ้งตำรวจให้ไหม แต่เขาไม่ตอบเดินออกจากห้องไปเลย วันนี้เขาต้องลากตัวไอ้เลิฟมาสั่งสอนให้ได้

ระหว่างทางปอก็เห็นเลิฟยืนอยู่ตรงทางเดินพอดี เหมือนว่ามันจะยืนรอใคร แต่เขาไม่สนเดินไปกระชากแขนมันแรงๆ

“เฮ้ย!!! อะไรวะ” เลิฟถึงกับเซเพราะอยู่ดีๆก็โดนกระชากแบบไม่ทันตั้งตัว

เลิฟหันหน้าไปมองกะว่าจะด่าคนดึงเต็มที่ แต่แล้วก็ต้องหุบปากเพราะหันไปเจอปอยืนทำหน้านิ่งๆกำแขนเขาไว้แน่นจนรู้สึกเจ็บไปหมด มันไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรเลยแววตาก็นิ่งสนิท แต่ไม่รู้ทำไมเลิฟถึงรู้สึกกลัวปอแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

ปอไม่พูดอะไรแต่ลากเลิฟให้เดินตามมาที่ลานจอดรถ เลิฟดิ้นไปมาพยายามสะบัดแขนให้หลุดจากมือปอ แต่ไม่ว่ายังไงก็สะบัดไม่หลุดสักทีมือหรือคีมวะ

“ปล่อยกูไอ้เหี้ย กูเจ็บ” เลิฟโวยวาย ปอหันกลับมามองนิดๆแต่ไม่พูดเหมือนเดิม ตั้งหน้าตั้งตาลากต่อไป รู้แหละว่ามันเจ็บเพราะข้อมือมันแดงไปหมด ก็แล้วยังไงละวะก็กูจงใจให้แม่งเจ็บ

พอถึงรถปอก็เปิดประตูฝั่งคนขับแล้วผลักเลิฟเข้าไปข้างใน เลิฟมองหน้าปอหวาดๆไม่ยอมขยับไปนั่งอีกฝั่งเพราะไม่รู้ว่าปอจะพาไปไหน ถึงไอ้ปอจะไม่พูดไม่แสดงสีหน้าอะไร แต่เขารู้ว่ามันโกรธมากเพราะแรงที่มันใช้กระชากเขาไม่ใช่น้อยเลย เจ็บร้าวไปทั้งแขนอ่ะ

ปอเห็นเลิฟไม่ยอมขยับไปอีกฝั่งก็ทำท่าจะนั่งทับ เลิฟเห็นแบบนั้นเลยจำใจขยับเข้าไปข้างใน พอนั่งได้แล้วปอก็สตาร์ทเครื่องแล้วกระชากตัวรถออกจากร้านไปด้วยความเร็วทันที

2 Be Con...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-01-2016 11:29:58 โดย matchty »

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กับดักที่
- 8 -



   ทันทีที่รถจอดนิ่งสนิทและได้ยินเสียงปลดล็อครถ เลิฟก็กระชากประตูรถเปิดออกแล้ววิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต เขาไม่รู้หรอกว่าปอพาเขามาที่คอนโดนี่ทำไมรู้แค่ว่าต้องหนีแค่นั้น สัญชาตญาณในตัวมันร่ำร้องบอกว่าเขาจะไม่ปลอดภัย วิ่งหนีไปไหนไม่รู้ล่ะขอให้หนีพ้นจากไอ้ปอก่อนก็เป็นพอ

                ปอมองตามเลิฟที่เปิดประตูวิ่งหนีไปอย่างหัวเสีย เขาได้แต่สบถในลำคออย่างหงุดหงิด รีบเปิดประตูรถแล้ววิ่งตามเลิฟออกไปก่อนที่เลิฟจะวิ่งไปถึงทางเข้าคอนโดตรงลานจอดรถ

                “มึงจะหนีไปไหนวะห๊ะ!!!!” ปอกระชากแขนเลิฟเข้าหาตัวแล้วตะคอกเสียงดัง

               “ไอ้เหี้ยปล่อยกู” เลิฟแทบจะลืมหายใจที่เห็นปอตามมาได้เร็วขนาดนี้ พยายามดิ้นให้หลุดจากมือปอ

                “จะดิ้นทำไมวะ”

                “ไม่ให้กูดิ้นมึงก็ปล่อยกูดิ”

                “กูบอกให้หยุดดิ้น แล้วเดินดีๆเป็นไหมห๊ะ!!!!” ปอตะคอกใส่เสียงดังเพราะเริ่มเหนื่อยที่ต้องลากเลิฟให้เดิน ทั้งๆที่เจ้าตัวยังดิ้นไปมาแบบนี้

                “กูไม่หยุด!!!!” เลิฟเองก็ตะเบ็งเสียงใส่ไม่ยอมแพ้ เอาสิสู้แรงมึงไม่ได้แต่เรื่องแหกปากกูไม่ยอมเว้ย!

                ปอหยุดเดินแล้วยืนจ้องตากับเลิฟ ที่กำลังมองมาอย่างท้าทายไม่ยอมแพ้ แต่เขาก็แอบเห็นนะว่าไอ้ลูกตากลมโตคู่นั้นมันฉายแววหวั่นๆออกมา แต่เจ้าตัวพยายามซ่อนมันเอาไว้

               ‘กลัวจะตายห่าแล้วยังทำเป็นปากดี’

                “ปล่อยกู” เลิฟเริ่มออกแรงดิ้นอีกครั้งหลังจากเห็นปอยืนนิ่ง เหนื่อยนะไม่ใช่ไม่เหนื่อยแต่ใครจะยอมโดนลากไปแบบนี้ล่ะ ไม่รู้ว่าไอ้ปอจะลากเขาไปทำอะไรบ้าง เกิดมันโมโหจนฆ่าเขาหมกโถส้วมในคอนโด เขาจะทำยังไงละ

                ปอยืนมองเลิฟที่พยายามจะดิ้นให้หลุดแล้วส่ายหัว ตามมาด้วยการถอนหายใจเบาๆ จากนั้นเขาเลยตัดสินใจอุ้มเลิฟขึ้นพาดบ่าแล้วแบกเดินตรงเข้าไปข้างในคอนโด ขืนลากกันอยู่แบบนี้ชาตินี้ก็คงไม่ถึงห้องสักที

               “ปล่อยกู ใครก็ได้ช่วยด้วย!!!!” เลิฟแหกปากเสียงดังร้องหาคนช่วย ทั้งดิ้นทั้งทุบปอไปด้วย แต่ให้ตายคอนโดนี้มันคอนโดร้างรึไงวะถึงไม่มีคนเลยเนี่ย ตัวเขาเองเริ่มจะรู้สึกเวียนหัวนิดๆเพราะอยู่ในสภาพหัวทิ่มลงพื้น แถมไอ้ปอเหมือนจงใจแกล้งเพราะมันเดินแรงๆจนตัวเขามันแกว่งไปมา

                แกร๊ก!!!!!!!!!

                เสียงประตูห้องเปิดออกก่อนปอจะพาตัวเองเข้าไปในห้อง ใช้เท้าถีบประตูปิดแล้วจัดการล็อคเรียบร้อย ไอ้เลิฟแหกปากโวยวายเสียงดังลั่นตลอดทางให้คนช่วย คงจะมีคนมาช่วยมันอยู่หรอกก็ทั้งชั้นนี้มีห้องแค่ 4 ห้อง คือของพวกเขาสี่คนพี่น้อง แถมวันนี้คืนวันศุกร์น้องปรางกลับไปนอนบ้านใหญ่ ไอ้ปิงไปกกเมีย ไอ้ป้องอยู่เมืองนอก แหกปากจนคอแตกก็ไม่มีใครมาช่วยมันหรอก

            พรึบ!!!!!!!!!

                แสงไฟในห้องสว่างขึ้นจนเห็นทุกอย่างภายในได้ชัด เลิฟกระพริบตาสองสามทีเพื่อปรับสายตาให้ชินกับแสง แต่ก็ยังมองอะไรไม่ค่อยถนัดเพราะตัวยังพาดอยู่บนบ่าของปอ ภาพที่เห็นมันเลยกลับด้านไปหมด

                ตุ๊บ!!!!!!!!!!!!!!!

                “โอ๊ย!!!!!!!!”

                เสียงบางอย่างดังกระทบพื้นพร้อมๆกับเสียงแหกปากด้วยความเจ็บดังขึ้น ปอพึ่งเหวียงคนตัวเล็กลงพื้นไปเมื่อกี้เองแหละ ใช่...ได้ยินไม่ผิดหรอกเขาเหวี่ยงไอ้เลิฟลงพื้น  นี่คงไม่คิดว่าเขาจะลากมันมาเพื่อจะมานั่งจิบชาคุยกัน แล้วอุ้มมันวางลงพื้นดีๆใช่ไหมตลกเหอะ ไม่กระทืบมันซ้ำทันทีนี่นับว่าปราณีนะครับ

             “กูเจ็บนะไอ้เหี้ย” เลิฟลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเลเงยหน้าจะด่าปอต่อ แต่พอเห็นสายตาที่ปอมองมาก็รีบหุบปากเงียบไม่พูดอะไรต่อ

                “มึงกรีดรถกูทำไม”

                “มึงพูดอะไรกูไม่รู้เรื่อง” เลิฟก้มหน้าไม่ยอมสบตาปอ ทำไมมันรู้เร็วงี้วะ

                “มึงคิดว่ากูโง่รึไงวะ!!!!!” ปอตะคอกใส่เสียงดังจนเลิฟสะดุ้ง ขนาดนี้แล้วมันยังไม่ยอมรับอีก

                “ก็กูบอกว่ากูไม่รู้เรื่องไงวะ!!!” เลิฟตะคอกสวนกลับ ก็ถ้าเขาไม่ยอมรับซะอย่างไอ้ปอมันจะทำอะไรได้

                 ปอจ้องหน้าเลิฟด้วยแววตาดุดัน ก้าวเท้าเดินเข้าไปหาเลิฟอย่างรวดเร็ว เลิฟเห็นแบบนั้นก็ตกใจถอยหลังจนไปชนกลับพนังห้อง จะหันตัวหนีก็ไม่ทันเพราะปอเดินมาถึงตัวแล้ว

                 “มึงจะยอมรับไหม” ปอถามเสียงเย็น

                 “กูไม่รู้เรื่องกูไม่ได้ทำ” เลิฟส่ายหัวปฏิเสธท่าเดียว ทำให้เส้นความอดทนปอขาดลงทันที

                 ปึก!!!!!!!!!!!!!!

                 เสียงหมัดกระแทกกำแพงดังขึ้นข้างหูของเลิฟ เมื่อกี้ปอง้างมือแล้วชกลงมาเฉียดแก้มของเลิฟไปแค่นิดเดียว เลิฟได้แต่หลับตาปี๋ด้วยความกลัว เขากลัวจริงๆนะ ไม่เคยเห็นไอ้ปอโมโหขนาดนี้เลยสักครั้ง

                 “กูถามมึงอีกครั้งมึงจะยอมรับไหม” ปอถามเสียงนิ่งพยายามข่มอารมณ์ตัวเองเต็มที่

                 “ถ้ามึงทำอะไรกู กูจะฟ้องพ่อมึง” เลิฟพูดขึ้นมาด้วยเสียงสั่นๆแต่ตายังมองไปที่พื้น

                 “เกี่ยวอะไรกับพ่อกู” เป็นปอที่ถึงกับงง พูดเรื่องรถแล้วไปเกี่ยวกับพ่อเขาได้ไงวะ แล้วไอ้เลิฟมันไปรู้จักพ่อเขาตอนไหน

                 “กูได้ยินที่มึงคุยกับเพื่อนมึงนะพ่อมึงห้ามมึงมีเรื่อง ถ้ามึงทำอะไรกู กูบอกพ่อมึงแน่” เลิฟพึมพำเสียงแผ่วแต่ปอได้ยินชัดเจนทุกคำ

                 “นี่สินะเหตุผลที่มึงกล้ากวนส้นตีนกู” ปอถอนหายใจเบาๆอารมณ์โมโหเมื่อกี้ถึงกับดับสนิทพอได้ยินสิ่งที่เลิฟพูดออกมา ทำเอาเขาไม่กล้าทำอะไรต่อเลย คือถ้าทำไปแล้วแม่งคงเหมือนรังแกเด็กว่ะครับ

                 “กูขอถามมึงหน่อยที่มึงแกล้งกูมาตลอดนี่เพราะอะไร” ปอถามเลิฟที่เอาแต่ก้มหน้ามองพื้น สงสัยจริงๆพื้นแม่งมีเหี้ยอะไรวะมองจัง เขาเอาแขนสองข้างคร่อมตัวเลิฟไว้กันหนี ยืนรอฟังคำตอบอย่างใจเย็น คือกูเลิกโมโหมันแล้วครับแต่เหนื่อยใจแทน

                 “ก็มึงแกล้งกูก่อนชอบทำให้กูอาย” พึมพำตอบแต่โดยดีเพราะยังกลัวอยู่

                 “แค่นี้???” ปอถามกลับ เลิฟเลยพยักหน้าลงเบาๆ ทำเอาปออยากยกตีนก่ายหน้าผาก ที่เขาโดนมันแกล้งมาตลอดเพราะเรื่องแค่นี้เนี่ยนะ ปัญญาอ่อนฉิบหายเลยวะครับ ตกลงนี้กูทะเลาะกับเด็กมาเป็นเดือนๆ

                 “แต่ครั้งนี้มึงทำเกินไปมึงรู้ตัวไหม กูเกือบจะฆ่ามึงตายแล้วนะที่มึงกรีดรถกู”

                 “ก็กูบอกว่ากูไม่ได้ทำ” เลิฟยังคงเถียงไม่ยอมรับ ปอเลยได้แต่กรอกตาขึ้นข้างบน

                 “เออๆคุยกับมึงแล้วแม่งปวดหัว จะไปไหนก็ไปเลยก่อนที่กูจะบีบคอมึง” ปอผละออกจากเลิฟเล็กน้อยก่อนจะโบกมือไล่ วันนี้กูใจบุญครับอภัยให้กับเด็ก ส่วนเรื่องรถเดี๋ยวค่อยไปเคลียร์กับไอ้ปิงอีกที

                 “มึงไม่ทำอะไรกูแล้วใช่ป่ะ” เลิฟรีบเงยหน้าขึ้นมาถาม

                “เออ แต่อย่าให้มีอีกนะ” ปอชี้หน้าคาดโทษ เลิฟพยักหน้ารับแข็งขัน

                 “งั้นกูไปนะ”

                 “เออ!!!!” ปอว่าอย่างตัดรำคาญถอดแว่นตาออกและปลดเนคไทด์ลงเล็กน้อย กูก็บ้าใส่แม่งอยู่ได้ตั้งนาน กำลังจะหันหลังเดินหนีแต่มือเล็กๆของเลิฟดึงแขนเสื้อปอไว้ ทำให้ปอต้องหันกลับมามอง

                 “อะไร” ปอถามเลิฟที่ก้มหน้างุดอย่างหงุดหงิด อะไรของแม่งอีกวะ

“ขอโทษแล้วก็ขอบคุณ” เสียงพึมพำแผ่วเบาแต่ปอได้ยินโคตรชัด

เลิฟปล่อยมือจากแขนเสื้อปอแล้วรีบหันหลังจะเดินหนี ตอนนี้หน้าเขาร้อนไปหมดพนันได้เลยว่ามันต้องแดงมากแน่ๆ

พื้นฐานนิสัยของเลิฟจริงๆแล้วไม่ใช่คนนิสัยเสีย แต่เป็นเด็กกวนโอ๊ยขี้กลัวคนนึง ที่แกล้งปอเพราะเห็นว่าปอเงียบเลยได้ใจ เจอปอโกรธไปวันนี้เขาคงไม่กล้าแกล้งปอแล้วล่ะ แต่จะให้ญาติดีด้วยก็คงไม่ใช่มันยังเคืองอยู่นี่นา

“เดี๋ยว!!!” ปอดึงแขนเลิฟไว้รั้งให้หันหน้ามาหา เลิฟเลยเงยหน้ามองปออย่างหวั่นๆ

ปอที่กำลังจะพูดบางอย่างถึงกับต้องกลืนคำพูดลงคอเมื่อเห็นหน้าเลิฟที่หันมา ตากลมโตที่มีน้ำใสๆคลอกำลังมองเขาอย่างหวั่นๆเหมือนลูกแมวไม่มีผิด ไหนจะปากแดงๆที่ช้ำไปหมดคงเพราะเจ้าตัวกัดมันไว้ หน้าขาวๆที่แดงเป็นริ้วนั่นอีก ตายห่าแล้วครับทำไมกูใจเต้นวะ

“อะ..อะไร” เสียงหวานสั่นๆถามออกมาอย่างระแวง

“กูว่าเรื่องรถมึงต้องชดใช้”

“ชดใช้อะไรก็มึงบอกไม่เอาเรื่องไง” เลิฟเริ่มโวยวายมองหน้าปอที่จ้องอยู่ ตาไอ้ปอมันมีประกายแปลกๆยังไงไม่รู้อ่ะ

    จุ๊บ!!!!

    เลิฟตาโตยกมือขึ้นมาปิดปาก มองหน้าปอที่แววตาประกายวิบวับงงๆ

“จูบไมอ่ะ”

“ไม่รู้” กระซิบแผ่วเบาชิดหลังมือของเลิฟที่ยกขึ้นปิดปาก

ปอดึงมือของเลิฟออกแล้วโน้มตัวลง ริมฝีปากสัมผัสกันแผ่วเบา ปอขบเม้มริมฝีปากของเลิฟไปมาอย่างหยอกเย้า เลิฟเองก็ได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกปล่อยให้ปอขบเม้มริมฝีปากอยู่อย่างนั้น

ปอผละริมฝีปากออกมาสบตากับเลิฟที่ยืนตัวแข็งทำตาโตมองมาที่เขาอย่างไม่เข้าใจ ปอกระตุกยิ้มบางๆก่อนจะก้มลงประกบริมฝีปากอีกครั้ง กัดปากบางนิดๆให้อ้าออกก่อนจะสอดลิ้นเข้าไปข้างใน เรียวลิ้นร้อนค่อยๆลุกล้ำไล่ต้อนลิ้นเล็กจนเกี่ยวกระหวัดกันเสียงดัง ปอจูบดูดดึงอยู่อย่างนั้นจนเลิฟที่ยืนอยู่ถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงในอ้อมแขน

“แฮ่กๆๆๆ” เลิฟหายใจหอบเหนื่อยพยายามสูดอากาศเข้าปอด ตอนนี้เขางงๆเบลอๆไปหมด

“ไปต่อในห้อง” ปอกระซิบเสียงแหบพร่า ก่อนจะช้อนตัวเลิฟขึ้นแล้วเดินไปทางห้องนอน

ทุกอย่างมันผิดแผนไปหมด เขาไม่ได้ตั้งใจจะพาไอ้เลิฟมาทำอะไรแบบนี้ แค่จะลากมันมาสั่งสอนให้กลัวแล้วจะปล่อยกลับ ถ้าจะมีใครสักคนที่ผิด ก็ผิดที่มันนั่นแหละที่มาทำหน้าแบบนั้นใส่เขา แล้วคนอย่างเขาถ้าได้จุดติดแล้วไม่มีทางดับง่ายๆหรอก

ตุ๊บ!!!!!!!

ปอโยนร่างเล็กลงบนที่นอนก่อนจะหันไปล็อกประตู เลิฟยันตัวเองลุกขึ้นนั่งสบตาปอที่ดูร้อนแรงแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน มันทำให้เลิฟเริ่มรู้สึกกลัว เขาไม่เคยเจอโหมดนี้ของไอ้ปอ แล้วเขารู้สึกว่าตัวเองไม่ปลอดภัย

             “กูว่ากูกลับดีกว่า” บอกออกไปเสียงสั่น เดินลงจากเตียงผ่านหน้าปอที่ยืนอยู่ปลายเตียงเร็วๆ เอื้อมมือออกไปเตรียมจะบิดลูกบิดเปิดประตู แต่มือของปอที่อยู่ด้านหลังคว้าหมับเข้าให้

             “พรุ่งนี้เช้าค่อยกลับ” ปอกระซิบเสียงแผ่วที่ข้างหูมืออีกข้างก็โอบรอบเอวบางไว้แน่น ริมฝีปากขบกัดที่ใบหูเบาๆส่งลิ้นเลียที่หูอย่างหยอกเย้า ทำเอาหน้าของเลิฟเห่อร้อนขึ้นอีกครั้ง

             ปอก้มลงมองเลิฟนิดๆก่อนจะตัดสินใจเหวี่ยงคนตัวเล็กลงที่นอน แล้วตามมาคร่อมทับจับแขนสองข้างตรึงไว้แน่น

             “มะ...มึงจะทำอะไร” ปอไม่ตอบคำถามของเลิฟแต่โน้มตัวลงซุกไซร้ที่ซอกคอ ดูดเม้มจนเกิดรอยแดง เลิฟเองพอจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง เลยพยายามดิ้นรนเอาตัวรอด

             “อย่าดิ้นดิวะ” ปอว่าอย่างหงุดหงิดก่อนจะถอดเนคไทด์ออกมามัดแขนเลิฟขึงกับหัวเตียง ใช้ขาทั้งสองข้างนั่งทับขาของเลิฟไว้ไม่ให้ดิ้น จัดการถอดเสื้อตัวเองออกช้าๆไม่รีบร้อนจนท่อนบนเปลือยเปล่า จากนั้นก็ลงมาดึงเสื้อยืดของเลิฟออกจากตัวไปกองไว้ที่แขน

ปอถึงกับลมหายใจติดขัดเมื่อเห็นร่างเปลือยเปล่าของเลิฟ มันขาวมากแถมตอนนี้แดงนิดๆเพราะความอาย จุกนมสองข้างเป็นสีชมพูสวย วิบัติแล้วชีวิตกูมาเกิดอารมณ์กับผู้ชายเนี่ย

ปอไม่รอช้าก้มลงใช้ลิ้นไล่เลียจุกนมสองข้างอย่างหื่นกระหาย ลากไล้ริมฝีปากไปทั่วแผ่นอกบาง ขบเม้มจนเกิดรอยแดงไปทุกที่ที่สัมผัสแล้วเงยหน้าขึ้นมองเลิฟนิดๆ

ตอนนี้เลิฟหายใจเหนื่อยหอบใบหน้าแดงกร่ำไปหมดเพราะความเสียวซ่าน เขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้กับใครนี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกแบบนี้ในชีวิต

“อย่าทำเลิฟนะปล่อยเลิฟไปเถอะ” เลิฟเผลออ้อนปอเสียงหวานโดยไม่รู้ตัวเพราะอยากให้ปอปล่อย แต่มันได้ผลตรงกันข้ามเพราะปอดันเกิดอารมณ์รุนแรงยิ่งกว่าเมื่อกี้ซะอีก

‘ทำเสียงแบบนี้ใส่มึงคิดว่าจะรอดเหรอวะ’

ปอจัดการถอดกางเกงของเลิฟออกโยนทิ้งไปอย่างไม่ใส่ใจ มองไปที่แก่นกายขนาดพอเหมาะที่ขยายขนาดขึ้นยิ้มๆ ก่อนจะหันมาถอดกางเกงของตัวเองออกบ้าง ทันทีทีหลุดจากพันธนาการแก่นกายขนาดใหญ่ก็ดีดผึงขึ้นในสภาพพร้อมรบ

    ปอเดินไปที่หัวเตียงแล้วหยิบถุงยางอนามัยมาสวมช้าๆไม่เร่งรีบ เลิฟที่เห็นการกระทำนั้นทั้งหมดก็กระทดตัวหนีเริ่มดิ้นอีกครั้ง แต่ปอไม่สนใจเดินมาคร่อมร่างเลิฟแล้วจับไว้ไม่ให้ดิ้น

“กูไม่เคยทำกับผู้ชายแต่คงไม่ยาก ถ้านี้เป็นครั้งแรกของมึงก็ทนเจ็บหน่อยละกัน” ว่าแค่นั้นปอก็จับขาสองข้างของเลิฟออกกว้าง ก่อนจะสอดแก่นกายไปที่ช่องทางด้านหลังของเลิฟโดยที่ไม่มีตัวช่วยอะไรเลย

“โอ๊ยยยยย เจ็บ...เอาออกไป” เลิฟกรีดร้องเสียงดังน้ำตาไหลพราก พยายามดิ้นหนีแต่ก็ดิ้นไปไหนไม่ได้เพราะปอจับไว้แน่น เขาเจ็บเหมือนตัวจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

“เหี้ย” ปอสบถหัวเสีย เขาพึ่งเข้าไปได้แค่ส่วนหัวเท่านั้นไม่สามารถเข้าไปได้อีก เพราะช่องทางของเลิฟบีบรัดเขาจนปวดหนึบไปหมด

“อย่าเกร็งสิวะ”

“ไม่เอา เอาออกไป เลิฟเจ็บ” เลิฟไม่สนใจฟังที่ปอพูดนอนส่ายหัวไปมาบนที่นอนร้องไห้งอแงไม่หยุด

ปอเลยก้มลงประกบปากส่งลิ้นเข้าไปหยอกล้ออย่างปลอบโยน มือข้างนึงเอื้อมไปปลดเนคไทด์ออก อีกข้างสะกิดยอดอกของเลิฟเพื่อให้ผ่อนคลาย มือข้างที่ปลดเนคไทด์เสร็จก็เลื่อนไปขยับแก่นกายให้เลิฟ เมื่อได้รับความอ่อนโยนเลิฟก็เผลอลืมความเจ็บไปชั่วขณะ จนผ่อนคลายลงอย่างไม่รู้ตัวและเป็นการส่งสัญญาณให้ปอรู้ เขาเลยตัดสินใจแทงเข้าไปด้านในทีเดียวจนมิดด้าม

“อ๊าาาาาา”

เลิฟถึงกับสะดุ้งเพราะไม่ทันตั้งตัวช่วงล่างตอนนี้เจ็บไปหมด น้ำตาที่หยุดไหลกลับมาไหลอีกครั้ง เลิฟใช้มือที่โดนปล่อยแล้วทุบตีไปที่ร่างปออย่างแรง ทั้งข่วนทั้งหยิกเพื่อให้ปอปล่อยแต่ปอนอนแช่นิ่งๆไม่สะทกสะท้าน เหงื่อไหลออกตามขมับเพราะความปวดหนึบ แต่ต้องรอเพื่อให้เลิฟปรับตัวจนสักพักปอก็เริ่มขยับ ดึงตัวเองออกมาจนเกือบสุดและแทงกลับเข้าไปจนมิด

“อ๊ะ...เจ็บ..ฮึก” เลิฟร้องสะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร มือที่ทุบตีปอเปลี่ยนเป็นพยายามดันปอออก น้ำตาไหลออกทางหางตาไม่ขาดสาย

“ชู่ว์...เดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว” ปอก้มลงบอกเสียงอ่อนโยน ไม่รู้ทำไมถึงทำแบบนั้นแต่เห็นร้องไห้แล้วสงสาร จะให้ปล่อยไปตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วเพราะเขาเองก็กำลังจะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน

ปอเห็นเลิฟร้องไห้ไม่หยุดเขาเลยก้มลงจูบปากเลิฟอย่างนุ่มนวล มือข้างที่จับแก่นกายของเลิฟไว้ก็เร่งขยับเร็วขึ้น ด้านล่างที่เชื่อมต่อกันอยู่ปอก็ขยับเข้าออกเบาๆเพื่อให้เลิฟคุ้นชิน จนร่างบางกระตุกเล็กน้อยปลดปล่อยของเหลวสีขาวขุ่นเต็มมือปอ ปอมองหน้าเลิฟที่ตอนนี้แดงกร่ำเพราะความเขินอายแล้วยิ้มนิดๆ

เลิฟพอเห็นสายตาวิบวับของปอก็เขินจนต้องหันหน้าหนี ไหนจะปลดปล่อยคามือของปออีก อยากเอาหน้ามุดที่นอนหนีที่สุด ช่วงล่างตอนนี้ก็ไม่เจ็บเหมือนทีแรกแล้วด้วย ยิ่งไอ้ปอขยับเนิบนาบแบบนี้เขายิ่งรู้สึกแปลกๆ มันเหมือนต้องการอะไรมากกว่านั้น

    “ไม่เจ็บแล้วใช่ไหม” ปอถามเสียงพร่าเลิฟเลยพยักหน้าให้เขินๆ

เมื่อได้รับการยืนยันจากคนตัวเล็กด้านล่าง ปอก็ไม่รอช้าจับขาคนตัวเล็กขึ้นพาดบ่า ดึงตัวเองออกแล้วกระแทกกลับเข้าไปแรงๆ จากช้าๆก็เร็วขึ้นจนเตียงนอนสั่นกระแทกผนังห้องดังลั่น

“อ๊ะ....อื้อ...เบาๆ” เสียงครางของเลิฟดังคลอไม่คาดสายใบหน้าแดงกร่ำตัวก็แดงอมชมพูไปหมด ยิ่งทำให้ปอมีอารมณ์เร่งจังหวะมากขึ้น มือสองข้างของเลิฟยกขึ้นโอบกอดปอ จิกเล็บลงแผ่นหลังเพื่อระบายอารมณ์ ก่อนร่างจะกระตุกนิดๆปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง

ช่องทางด้านหลังของเลิฟบีบรัดแก่นกายของปอถี่ๆ จนปอเพิ่มจังหวะขยับกระแทกเพราะตัวเองใกล้จะปลดปล่อยเต็มที ก่อนจะขยับเน้นๆอีกสองสามครั้งแล้วปลดปล่อยออกมาเต็มถุงยาง พร้อมกับเลิฟที่ปลดปล่อยเป็นครั้งที่สาม

“อ่าาาาาาา”

“อื้ออออออ”

ปอหอบหายใจแรงๆลุกขึ้นถอดถุงยางทิ้งไปที่พื้นห้อง มองเลิฟที่นอนหอบระทวยตัวแดงกร่ำอยู่บนเตียงด้วยแววตาหื่นๆ เลิฟที่สบสายตานั้นพอดีได้แต่กระถดตัวหนีอย่างหวั่นๆ

“จะไปไหน” ปอที่ตามขึ้นมาดึงขาเลิฟให้เข้ามาอยู่ข้างล่าง แล้วก้มลงซุกไซ้ที่ซอกคอขาวอีกครั้ง

“พอแล้วไม่เอาแล้ว” เลิฟดันปอออกแล้วพลิกตัวคลานหนี

“ท่านี้ก็ดีเหมือนกัน” ปอว่าแค่นั้นแล้วตามไปตะครุบเลิฟไว้ ก่อนจะแทรกแก่นกายเข้าไปในตัวเลิฟจากทางด้านหลัง เลิฟได้แต่สะดุ้งเฮือกเพราะความเจ็บมือกำผ้าปูที่นอนแน่นระบายอารมณ์ ปอเริ่มขยับเข้าออกช้าๆอีกครั้ง

“อ้าขาออกอีกนิด” สั่งเสียงพร่าแล้วดูดเม้มแผ่นหลังของเลิฟแรงๆ เลิฟเองก็อ้าขาออกทำตามอย่างว่าง่าย จากนั้นปอก็บรรเลงเพลงรักเรียกร้องตักตวงจากคนตัวเล็กอย่างเอาแต่ใจ และไม่รู่ว่าจะสิ้นสุดลงตอนไหนเพราะราตรีนี้ยังอีกยาว

2 Be Con...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-01-2016 11:33:32 โดย matchty »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กับดักที่
- 9 -



   แสงแดดสาดส่องผ่านผ้าม่านเข้ามาทำให้เลิฟที่นอนอยู่ขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะกระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับสายตาหูได้ยินเสียงน้ำดังกระทบพื้นแว่วๆไม่ไกล เลิฟค่อยๆพยุงตัวเองขึ้นนั่งพิงหัวเตียง สายตากวาดมองไปทั่วห้อง ไม่เห็นปออยู่ในห้องแสดงว่าคงอยู่ในห้องน้ำ

ร่างกายเจ็บร้าวไปหมดโดยเฉพาะช่วงล่าง ขยับทีเหมือนตัวจะหลุดออกจากกันลำคอแห้งผากไปหมด ความปวดเมื่อยทางร่างกายที่แสดงออกทำให้เขาขยับตัวไม่ได้อย่างที่คิด เลยต้องนั่งอยู่เฉยๆนิ่งๆอยู่แบบนั้น

               “ไม่ใช่ฝันสินะ” พึมพำเสียงแผ่วแล้วก็หน้าแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

               ความทรงจำค่อยๆย้อนกลับมาย้ำเตือน อยากจะคิดว่าฝันไป แต่อาการปวดตัวรวมทั้งความเจ็บที่ด้านหลัง มันตอกย้ำว่าไม่ใช่ความฝัน เมื่อคืนเขามีอะไรกับไอ้ปอไปแล้วแบบไม่ตั้งใจ จากที่คิดว่าโดนลากมาฆ่ากลับโดนลากมาเสียจิ้นซะได้ สายตาเหลือบมองที่นาฬิกาบนพนังตอนนี้พึ่งจะสิบโมง ถึงว่าสิทำไมเขายังรู้สึกง่วงๆเมื่อคืนได้นอนกี่โมงก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าก่อนที่จะหลับไปไอ้ปอมันยังขยับอยู่บนตัวเขาอยู่เลย

คิดมาถึงตรงนี้หน้าของเลิฟก็เห่อร้อนขึ้นอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้ ไอ้ปอมันโรคจิตเอาแต่ใจบอกว่าพอก็ไม่ยอมหยุด ว่าแล้วก็หันไปมองประตูห้องน้ำอย่างเคืองๆ อยากจะลุกขึ้นไปบีบคอมันชะมัด แต่ว่าร่างกายตอนนี้มันไม่เอื้ออำนวยเลยสักนิด อีกอย่างเขาเองก็ไม่พร้อมจะเจอหน้าไอ้ปอตอนนี้ด้วย

คิดได้แบบนั้นเลิฟเลยตัดสินใจก้าวขาลงจากเตียง ทันทีที่สัมผัสพื้นขาเขาถึงกับสั่นไม่มีแรงและทรุดฮวบลงไปกองข้างล่าง

“โอ๊ยยยยยย” เอามือยกขึ้นปิดปากแทบไม่ทัน เมื่อกี้ตอนที่ล้มลงสะโพกมันกระแทกพื้นอย่างแรง เจ็บจนเผลอแหกปากเสียงดัง
พอตั้งสติได้ก็หันไปมองรอบๆห้องอีกครั้ง แล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่เห็นไอ้ปอเดินออกมาจากห้องน้ำ เลิฟจับเตียงนอนและค่อยๆพยุงตัวเองขึ้น ก่อนจะเดินช้าๆตรงไปเก็บเสื้อผ้าของตัวเองที่กระจายเกลื่อนพื้น ทุกครั้งที่ก้าวขาเขาจะรู้สึกเจ็บเสียดที่ด้านหลังตลอด ความรู้สึกเหมือนมีอะไรมาเสียบคาไว้ข้างใน เนื้อตัวมันเหนียวเหนอะหนะไปหมด พอก้มลงไปมองก็เห็นน้ำสีขาวขุ่นไหลย้อนออกมาเปื้อนที่ขา

เลิฟก้มลงหยิบเสื้อที่พื้นขึ้นมาเช็ดคราบเปื้อนออกจากขาลวกๆ  น้ำใสๆคลอเบ้าก่อนจะไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เขาไม่ได้อยากจะร้องไห้ฟูมฟายเป็นผู้หญิงพึ่งเสียตัว แต่มันก็อดไม่ได้จะโทษใครก็ไม่ได้ถึงอยากจะโทษว่าปอข่มขืนเขา แต่เขารู้ดีว่ามันไม่ใช่ทีแรกเหมือนจะโดนบังคับก็จริง หลังๆเป็นเขาเองที่สมยอมทั้งนั้น

ที่ร้องไห้ไม่ใช่เสียใจแต่เจ็บใจตัวเองต่างหากที่ยอมง่ายๆจนเรื่องมันเลยเถิดไปแบบนี้ มีอะไรกับคนที่ตัวเองทะเลาะด้วยมาตลอดเขาจะกล้าสู้หน้าคนอื่นได้ยังไง โดยเฉพาะหน้าไอ้ปอมันต้องคิดว่าเขาแกล้งมันเพราะอยากอ่อยแน่ๆคิดแล้วอยากตาย ยิ่งคิดน้ำตาก็ยิ่งไหลเหมือนเขื่อนแตกมือยกขึ้นมาเช็ดออกแรงๆจนตาแดงช้ำไปหมด อีกมือก็ก้มลงเก็บเสื้อผ้าขึ้นมาอย่างทุลักทุเล

“ทำอะไร” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นด้านหลังทำเอาเลิฟสะดุ้งเฮือก ยืนตัวแข็งทื่อ

“แล้วนี่มึงเป็นอะไรร้องไห้ทำไม” ปอจับคนตัวเล็กให้หันมา ก็เห็นเลิฟร้องไห้น้ำตาไหลเต็มหน้าไปหมดตากลมโตแดงช้ำจนน่าสงสาร

เลิฟสบตาปอแววตาสั่นระริก ยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาออกลวกๆ พยายามข่มไม่ให้มันไหลออกมาอีก ริมฝีปากบางถูกเจ้าของกัดแน่นจนเลือดซิบเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น

“จะกลับบ้าน” บอกเสียงสั่นๆแผ่วเบา

“สภาพนี้?” ปอยกคิ้วขึ้นข้างนึงถามเสียงนิ่ง

ปอก้มลงมองเลิฟที่ยืนเปลือยตัวเปล่า ในสภาพดูอิดโรยยืนแทบไม่อยู่ จะล้มไม่ล้มแหล่ สองแขนเล็กๆกอดเสื้อผ้าตัวเองแนบอกแน่น เหมือนกลัวใครขโมย

เขาตื่นขึ้นมาในตอนสายๆเพราะแดดที่ส่องมาจากระเบียงมันแยงตาจนต้องตื่น หันไปมองข้างๆก็เห็นเลิฟนอนซุกตัวกอดแขนเขาแน่น เมื่อคืนกว่าเขาจะปล่อยให้คนตัวเล็กได้นอนก็รุ่งเช้าเข้าไปแล้ว แถมไอ้ตัวแสบสลบคาอกเขาไปในรอบสุดท้ายแล้วหลับแน่นิ่งไปเลย

ตอนแรกว่าจะปลุกพาไปอาบน้ำล้างตัว เพราะเมื่อคืนเขาปล่อยให้คนตัวเล็กนอนไปทั้งๆยังงั้น โดยที่แค่เช็ดทำความสะอาดภายนอกให้ แต่เห็นสภาพแล้วเขาก็ไม่อยากกวนเลยปล่อยให้นอนต่อ ตั้งใจว่าเดี๋ยวเขาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จบ่ายๆค่อยปลุกให้ตื่น
พอเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นแผ่นหลังขาวๆยืนโป๊ก้มๆเงยๆเก็บเสื้อผ้าอยู่ เดินเข้ามาใกล้ๆก็เห็นยืนร้องไห้น้ำตาไหลมองไปตามตัวนี่อย่าให้บอก ไอ้ผิวขาวๆมีแต่รอยแดงเป็นจ้ำที่เขาทำเมื่อคืนเต็มไปหมด เห็นแล้วน่าจับมาเอาให้ครางปากสั่นอีกรอบ แต่สงสารว่ะครับ

“อือ” เลิฟเงยหน้ามาตอบคำถามปอ ก่อนจะก้มหน้างุดมองพื้นอีกครั้ง เพราะตอนนี้ปออยู่ในสภาพที่มีแค่ผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวผืนเดียว

“งั้นมึงก็เดินไปลงไปโบกรถกลับบ้านที่หน้าคอนโดละกัน” ปอว่าไม่ใส่ใจหันหลังเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าหยิบกางเกงมาใส่ลวกๆไม่ใส่
เสื้อ มือข้างนึงก็เอาผ้าเช็ดตัวที่พันเอวเมื่อกี้ขึ้นมาเช็ดผม ก่อนจะเดินมาหยุดยืนที่หน้าเลิฟซึ่งตอนนี้กำลังทำหน้าเบ้ปากยื่น

“ไอ้เหี้ย” เลิฟจ้องหน้าปออย่างเคืองๆ

“แล้วนี่มึงยืนทำไมไม่กลับบ้านแล้วเหรอ”

“สัส” เลิฟไม่ตอบคำถามแถมยังด่าต่อ

“เอาไงมึงจะกลับไหมบ้านน่ะ”

“เรื่องของกู” เลิฟว่าเสียงสะบัดหันหลังให้ปออย่างหงุดหงิด ถึงจะไม่ได้พิศวาสอะไรกันแต่มันก็ได้เขาแล้ว มันควรจะมีน้ำใจถามอาการกันบ้างป่ะวะ อย่างน้อยเขาบอกจะกลับบ้านมันควรจะไปส่งไม่ใช่เหรอ แต่นี่นอกจากไม่ถามมันยังให้ไปโบกรถกลับเองอีก ไอ้ปอ ไอ้เหี้ย ไอ้เลว

“ไปอาบน้ำไป” ปอไล่เลิฟไปอาบน้ำเพราะเห็นคนตัวเล็กหันหลังให้ไม่ทำอะไรสักที อะไรของมันอยากกลับก็ให้กลับมาทำท่าไม่พอใจใส่

เลิฟยังคงยืนนิ่งไม่หือไม่อืออะไร เขารู้สึกน้อยใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ทีเมื่อคืนอยากได้ทำมาเป็นพูดจาดี แต่ตอนนี้มาไล่ให้กลับบ้าน

ปอยืนมองแผ่นหลังของเลิฟนิ่งแล้วถอนหายใจส่ายหัวหน่ายๆ ก่อนจะตัดสินใจอุ้มคนตรงหน้าขึ้นเดินตรงไปห้องน้ำ ไม่สนใจเสียงโวยวายของคนในอ้อมแขน

‘นี่มันแดกข้าวบ้างป่ะวะตัวเบาฉิบหาย’

“ปล่อยกูนะมึงจะพากูไปไหน” เลิฟแหกปากโวยวายเสียงดังลั่น แต่ไม่กล้าดิ้นมากเพราะยังรู้สึกเจ็บอยู่ ปล่อยให้ปอเดินอุ้มเข้ามาในห้องน้ำอย่างง่ายดาย

ปออุ้มเลิฟมาถึงในห้องน้ำวางลงใต้ฝักบัว ก่อนจะเปิดน้ำราดตัวแล้วจัดการอาบให้โดยที่ไม่พูดอะไร เพราะขี้เกียจจะเถียงด้วย อาบๆให้เลยจะได้เสร็จๆ

“ไม่ต้องกูอาบเอง” เลิฟพยายามปัดมือปอที่กำลังบีบสบู่มาถูตัวให้เขาออก แต่ปอไม่สนใจยังคงตั้งหน้าตั้งตาถูสบู่ให้ ก่อนจะเลื่อนมือมาที่สะโพกของเลิฟ

“จะทำอะไร” เลิฟจับมือปอเอาไว้ก่อนจะถามกลับไปด้วยน้ำเสียงตื่นๆ

“เอาที่มันค้างอยู่ข้างในออกให้ไงหรือว่ามึงชอบ?”

“มะ...ไม่ต้องเดี๋ยวทำเอง” เลิฟว่าเขารู้สึกอายขึ้นมาอีกแล้ว ไอ้ปอก็หน้าด้านพูดออกมาโต้งๆเลย

“ปล่อยดิบอกว่าเดี๋ยว.....อื้อ” เลิฟพูดไม่ทันจบประโยคดีก็ต้องร้องเสียงหลง เพราะจู่ๆปอก็ดันนิ้วเข้าไปทางด้านหลังแบบไม่ทันตั้งตัว มือที่พยายามผลักไสเปลี่ยนมาเป็นยึดต้นแขนปอไว้แน่น

“งั่ม” เลิฟรู้สึกแสบที่ช่องทางด้านหลังจนต้องกัดไหล่ปอเพื่อระบายความเจ็บ ยิ่งปอควานนิ้วเอาสิ่งที่ตกค้างข้างในออกให้มันยิ่งแสบ

ปอควานนิ้วไปทั่วช่องทางด้านกวาดเอาของข้างในออกจนแน่ใจว่าหมดแล้ว ก็จัดการล้างตัวแล้วเอาผ้าเช็ดตัวห่มให้เลิฟ ก่อนที่จะอุ้มคนตัวเล็กออกมาวางบนเตียง

เลิฟก้มหน้างุดไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองอะไรนอกจากเตียงนอน ทั้งหน้าทั้งตัวตอนนี้แข่งกันแดงไปหมดเพราะความอาย เกิดมาจนโตขนาดนี้ยังไม่เคยให้ใครต้องมาอาบน้ำให้แบบลึกซึ้งขนาดนี้เลย

ปอเหลือบมองดักแด้ตัวสีชมพูที่ม้วนตัวอยู่ในผ้าห่ม เพราะเจ้าตัวคว้ามันมาพันตัวซะมิดอย่างขำๆ เขาหันกลับไปที่ตัวเสื้อผ้าค้นเอาเสื้อผ้าตัวที่คิดว่าเล็กที่สุดในตู้มาให้เลิฟใส่

“ใส่เสื้อผ้า” ปอยื่นเสื้อผ้าไปที่หน้าเลิฟแต่เจ้าตัวไม่รับแถมยังเอาแต่ก้มหน้าไม่มองเขาอีก ปอเลยวางไว้บนเตียงก่อนจะยื่นโทรศัพท์ไปให้เลิฟ

“โทรศัพท์มึงเพื่อนมึงโทรหาทั้งคืนกูรำคาญเลยปิดเครื่อง” เลิฟเงยหน้ามองปอแล้วรับโทรศัพท์มา

“แต่งตัวให้เรียบร้อยเสื้อผ้ามึงเดี๋ยวกูส่งซักแห้งให้ ไว้แห้งค่อยใส่กลับ” ปอว่าแค่นั้นก่อนจะหันหลังหยิบเสื้อผ้าของเลิฟที่กองอยู่กับพื้นแล้วเดินออกนอกห้องไป

...
...

เลิฟมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินออกจากห้องไปจนประตูห้องปิดสนิท ก้มลงมองที่โทรศัพท์ในมือก่อนจะจัดการเปิดเครื่อง ทันทีที่เปิดเครื่องก็มีข้อความแจ้งเตือนว่าเขาไม่ได้รับสายโทรเข้าเกือบร้อยสาย ทั้งเบอร์ไอ้พีท ไอ้กั้ม พี่โชน และนาว โดยเฉพาะคนหลังสุดโทรหาเขาเยอะมาก มีข้อความส่งมาด้วยว่าให้โทรกลับนี่เขาทำให้เพื่อนเป็นห่วงสินะ เลิฟถอนหายใจเบาๆก่อนจะโทรหานาว

“(นี่มึงอยู่ไหนทำไมพึ่งโทรหากูเนี่ย กูโทรหามึงเป็นร้อยสาย โทรไปก็เสือกไม่รับปิดเครื่องอีก ไปหาที่หอมึงก็ไม่อยู่ รู้ไหมพวกกูเป็นห่วง)” ทันทีที่โทรออกปลายสายก็รับสายเลิฟอย่างรวดเร็วเหมือนเจ้าตัวรออยู่แล้ว

“โทษทีกูอยู่บ้านโทรศัพท์แบตหมดเลยไม่ได้รับสาย” เลิฟตัดสินใจโกหกเพื่อนเพราะไม่อยากให้เป็นห่วงมากกว่าเดิม

“(อยู่บ้าน? มึงมีอะไรป่ะวะจู่ๆทำไมกลับบ้าน)”

“ไม่มีอะไรพอดีพ่อเขาโทรตามให้กลับไปนอนบ้าน”

“(แน่นะมึง...แล้วเมื่อคืนมึงกลับยังไง)”

“อือไม่มีอะไรจริงๆเมื่อคืนก็โบกแท็กซี่กลับ”

“(เออไม่มีอะไรก็ดีแล้วจะกลับก็ไม่โทรบอกพวกกูเลย พวกกูก็เป็นห่วงกันเสือกโทรหาไม่ติดอีก แถมพี่รหัสมึงเขาเป็นห่วงมึงมากเลยนะเว้ย ขับรถตามหามึงทั้งคืนเลยนะ)”

“พี่โชนตามหากูทั้งคืนเลยเหรอวะ”

    “(ก็เออดิมึงเล่นนัดว่าจะให้พี่เขาไปส่งแต่ดันหายหัวไปเฉย พี่เขาก็เป็นห่วงขับรถไปดูมึงที่หอ ไม่เจอก็กลับมาหากูที่บ้าน พึ่งจะกลับไปนอนเมื่อเช้านี่เอง)”

“กูขอโทษ”

“(เออๆช่างเหอะมึงไม่ป็นไรก็โอเคแล้ว พวกมึงแม่งชอบทำให้กูเป็นห่วงนี่ไอ้เอยก็ยังไม่กลับบ้านอีกคนโทรหาก็ไม่ติด)”

“เอยมันไปไหนอ่ะ” เลิฟถามกลับอย่างสงสัย เพราะปกติเอยไม่เคยค้างนอกบ้านแล้วก็ไม่ชอบเที่ยวกลางคืน

นาวกับเอยเช่าบ้านอยู่ด้วยกันเพราะบ้านไกลจากมหา’ลัย และนาวก็ห่วงเพื่อนตัวเล็กอีกคนมากจนลากให้มาเช่าบ้านอยู่ด้วยกัน เวลาเอยจะไปไหนมาไหนจะต้องโทรรายงานนาวตลอด ไม่เคยหายไปเฉยๆแบบนี้มันเลยทำให้นาวเป็นห่วงเพื่อนมาก

“(กูก็ไม่รู้ แต่มึงไม่ต้องคิดมากหรอกกูว่ากูก็พอจะเดาออกว่ามันไปไหน แค่กูหงุดหงุดที่มันไม่รับสายกู ไม่โทรกลับมาสักทีเนี่ย มึงก็เหมือนกันโทรกลับไปหาพี่โชนหน่อยก็ดีนะเว้ย เขาจะได้รู้ว่ามึงไม่เป็นไรตอนเย็นๆก็ได้)”

“อือ...กูขอโทษนะเว้ยที่ทำให้เป็นห่วงฝากบอกไอ้พีทไอ้กั้มด้วย”

“(เออๆเดี๋ยวกูบอกให้แล้วมึงก็เลิกขอโทษได้แล้ว วันจันทร์เจอกันแล้วนี่มึงจะกลับหอยัง)”

“กำลังจะกลับ”

“(เออกลับดีๆนะมึงอ้อ..กูเกือบลืม วันจันทร์กูจะพามึงไปขอโทษพี่ปอเรื่องที่มึงกรีดรถเขานะ ห้ามเถียงห้ามปฏิเสธนะมึงเรื่องนี้มึงผิดไปขอโทษพี่เขาให้มันจบๆ ส่วนเขาจะเอาไงค่อยว่ากันอีกทีดีกว่าพี่เขาจับได้เอง แล้วพาเพื่อนมากระทืบมึงเข้าใจไหม)”

“อือ” เลิฟรับคำ ในใจเขาอยากตะโกนบอกเพื่อนใจจะขาดว่าไอ้ปอมันทำยิ่งกว่ากระทืบไปแล้ว

“(งั้นแค่นี้นะ)”

“นาว...” เลิฟเรียกเพื่อนด้วยเสียงสั่นๆ รู้สึกว่ากระบอกตาร้อนผ่าวอยากร้องไห้

“(มึงมีไร มึงโอเคป่ะวะ)”

“อือ กูไม่เป็นไร”

    “(แน่นะแต่กูว่าเสียงมึงแม่งไม่โอเคเลยมีไรจะบอกกูไหม)”

    “กูโอเคดี” เลิฟรีบปฏิเสธเพราะกลัวทำให้เพื่อนเป็นห่วงมากไปกว่านี้

“(เออๆไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด แต่กูเป็นห่วงมึงนะเว้ย)”

“อือ..ขอบใจ กูรักมึงนะ”

    “(รมณ์’ไหนวะมึงมาบอกรักกู กูขนลุกแค่นี้นะเดี๋ยวกูโทรหาไอ้เอยก่อนดูแลตัวเองดีๆด้วย)”
“อือ” แล้วนาวก็วางสายไป

เลิฟก้มลงมองโทรศัพท์ในมือด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง อยากบอกอยากเล่าเรื่องทั้งหมดให้เพื่อนฟังแต่ว่ามันไม่รู้จะเริ่มพูดยังไง ยิ่งได้ยินเสียงที่แสดงความเป็นห่วงของเพื่อนมันทำให้เขาอยากร้องไห้ แต่ดีที่ห้ามน้ำตาไว้ทันถ้าเผลอร้องไห้ใส่โทรศัพท์ไปไอ้นาวมันได้ถามจี้ไม่หยุดแน่ แบบนั้นเขาก็ไม่รู้จะตอบคำถามเพื่อนยังไงเหมือนกัน เขาไม่อยากให้นาวเป็นห่วงเขามากไปกว่านี้แล้ว เพราะทุกวันนี้มันก็เป็นห่วงดูแลยิ่งกว่าพี่น้องท้องเดียวกันซะอีก

เลิฟกดโทรศัพท์อีกครั้งตั้งใจว่าจะโทรหาพี่รหัส แต่แล้วก็ตัดสินใจกดปิดเครื่องเพราะยังไม่มีอารมณ์จะคุยกับใคร หยิบเสื้อผ้าที่ปอเอามาให้ขึ้นมาใส่ก่อนจะก้าวขาลงจากเตียงค่อยๆเดินไปที่ประตูเพื่อออกไปหาปอข้างนอก

ปอเดินออกมานอกห้องกดโทรศัพท์เรียกแม่บ้านให้มาเอาเสื้อผ้าเลิฟไปซัก ก่อนจะกดโทรสั่งข้าวให้ขึ้นมาส่งที่ห้อง กำลังจะเดินไปที่ตู้เย็นหาน้ำกินก็ต้องชะงักเท้าเพราะเสียงกดออดกับเสียงทุบประตูดังลั่น
 
ออดดดดดดดดดด

ปัง! ปัง! ปัง!

ปอเดินมาเปิดประตูออกก็เจอปิงยืนหน้าบึ้งโมโหอยู่หน้าห้อง ปอเบี่ยงตัวหลบเพื่อให้พี่ชายเข้ามาข้างในก่อนจะปิดประตู
“มึงทำอะไรกับรถกู” ทันทีที่ประตูปิดลงปิงก็ตะคอกถามน้องชายเสียงดัง

“ก็อย่างที่มึงเห็น” ปอว่าไม่สนใจเดินไปที่ตู้เย็นเปิดเอาน้ำขึ้นมากระดกขวดดื่ม

“กูไม่ได้ตาบอด แต่กูหมายถึงว่ามึงไปมีเรื่องกับใครมา แม่งถึงได้มากรีดรถกูเละไปหมดแบบนี้”

“กูไม่ได้มีเรื่องกับใคร”

“อย่าโกหกกูปอถ้ามึงไม่มีเรื่องกับใคร เหี้ยที่ไหนจะมากรีดรถชาวบ้านวะ”

“อ่า จริงๆจะว่ามีก็มีนะ”

“นั่นไงกูว่าแล้ว มึงนี่แม่งยังไงวะ ไหนสัญญากับพ่อแล้วไงว่าจะไม่มีเรื่องจะทำตัวดีๆ แต่นี่เสือกไปหาเรื่องจนเขามากรีดรถเละขนาดนี้ มึงบอกกูมาดิว่าแม่งเป็นใคร”

แกร๊ก!

ระหว่างที่ปิงกำลังตะโกนถามปอด้วยความโมโห เลิฟก็เปิดประตูห้องนอนออกมาพอดี ปิงที่เห็นเลิฟเดินออกมาก็หยุดพูดแล้วมองเลิฟด้วยความสงสัย ส่วนเลิฟเองเปิดประตูออกมาเจอคนอื่นในห้องก็ตกใจจนหยุดยืนที่ประตูอยู่อย่างนั้น

“นี่ใคร?” ปิงหันไปถามปอด้วยความสงสัย

“คนที่กรีดรถมึงไง” ปอยักไหล่ให้

“มึงพูดจริง” ปิงว่าก่อนจะหันมามองเลิฟแบบไม่เชื่อสายตา ไอ้เด็กหน้าสวยเนี่ยนะจะกล้ามีเรื่องกับน้องชายเขา จนถึงขั้นกรีดรถเป็นไปไม่ได้ว่ะ

“น้องเป็นคนกรีดรถพี่หรอครับ” ปิงตัดสินใจถามตรงๆไม่อ้อมค้อม

“ขอโทษครับ” เลิฟไม่ตอบแต่ขอโทษแทนก่อนจะก้มหน้างุดมองพื้น

เลิฟไม่กล้ามองหน้าคนมาใหม่ในห้องเพราะกลัวความผิด เท่าที่เขามองเห็นเมื่อกี้ถ้าจำไม่ผิดพี่คนนี้คือคนดังประจำคณะบริหาร อดีตเดือนคณะและเดือนมหาลัยเมื่อสองปีก่อน เขารู้จักเพราะว่าไปตามจีบเด็กคณะบริหารอยู่ช่วงนึงแต่จีบไม่ติดเลยเลิกไป
ปิงไม่ได้เป็นแค่คนดังของคณะเท่านั้นแต่เป็นคนดังของมหา’ลัยก็ว่าได้ ด้วยความสูงกว่า 182 ซม. รูปร่างสมส่วน อาจจะดูบางไปหน่อยเมื่อเทียบกับปอแต่ไม่ได้ผอมแห้ง ใบหน้าหล่อเหลาสะอาดตา เรียนเก่งระดับรอใบเกียรตินิยม บ้านมีฐานะ สุภาพอ่อนโยน ไม่เจ้าชู้และรักเดียวใจเดียว เป็นคนดังที่มีแฟนแล้วคนก็ยังปลื้มไม่มีลด เพราะบุคลิกที่เหมือนเจ้าชายนี่เองทำให้สาวแท้สาวเทียมเทใจให้ทั้งมหา’ลัย

ปิงยืนมองคนตัวเล็กอึ้งๆ ถ้าเจ้าตัวไม่ยอมรับออกมาเองเขาก็คงไม่เชื่อแน่ๆ หรือว่าไอ้ปอมันบังคับน้องเขาให้ยอมรับผิด

“มันบังคับน้องให้ยอมรับรึเปล่าบอกพี่ได้นะครับ พี่เป็นพี่ชายมันไม่ต้องกลัวบอกพี่ได้” ปิงถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแต่เลิฟส่ายหัวให้เป็นคำตอบ

“แล้วนี่มึงลากน้องเขามาทำไม” ปิงเลยเปลี่ยนเป้าหมายจากเลิฟมาถามปอแทน

“แล้วมึงคิดว่าไง” ปอกระตุยิ้มมุมปากทำให้ปิงอ้าปากค้างก่อนจะลากแขนปอออกมาคุยอีกมุมนึงของห้อง

“มึงอย่าบอกนะว่าลากน้องเขามากระทืบ”

“มึงเห็นว่าเหมือนคนโดนกระทืบไหมล่ะ” ปอย้อนกลับ

“นี่มึงอย่าบอกนะว่า....” ปิงถามตาโต ปอเลยหัวเราะในลำคอเบาๆไม่ตอบคำถาม

“ไอ้ปอ ไอ้น้องเวรนี่มึงทำอะไรวะห๊ะ นั้นมันผู้ชายนะเว้ย แล้วมึงเอาลูกเขามาปู้ยี่ปู้ยำแบบนี้ มึงไม่กลัวเขาจะเอาเรื่องรึไงวะ แล้ว....”

“พอๆมึงจะบ่นทำเหี้ยไรวะ กูไม่ได้เอามันมาข่มขืนสมยอมโอเคทั้งคู่” ปอยกมือขึ้นมาห้ามปิงไม่ให้บ่นมากไปกว่านี้ 

ไอ้ปิงมันชอบบ่น บ่นๆเหมือนผู้หญิงมันบอกว่ามันบ่นเขาแทนแม่กับพ่อ รู้นะว่ามันเป็นห่วงแต่บางทีแม่งก็น่ารำคาญ ไม่รู้พวกผู้หญิงชอบมันลงไปได้ยังไง บางคนถึงกับเรียกมันว่าเจ้าชาย อะไรจะขนาดนั้นวะครับ

ไอ้ปิงมันไม่เหมือนเขากับไอ้ป้องมันเป็นเด็กในกรอบ บุหรี่ไม่สูบเหล้าแดกบ้างตามโอกาสส่วนมากก็ไม่แตะ ไม่เจ้าชู้ไม่มั่วรักเดียวใจเดียว มันคบกับแฟนคนปัจจุบันตั้งแต่มันอยู่ม.4 จนตอนนี้เรียนปี3 ไม่เคยนอกใจแฟนเลยสักครั้ง ไม่เคยทะเลาะกันรักกันดี
ฉิบหาย เป็นอันว่ารู้กันทั้งบ้านถ้าไม่มีอะไรพลาด สะใภ้คนกลางของบ้านคือคนนี้แน่ๆ มันนี่โคตรจะเป็นลูกตัวอย่าง จริงๆพี่เขามันก็ดีทุกอย่างนั่นแหละยกเว้นเรื่องบ่นแม่งบ่นจนผู้หญิงอาย

“แต่นั้นมันผู้ชายนะเว้ย” ปิงยังคงท้วง

“แล้วไงเอาได้เอามันกูเอาหมด” ปอบอกหน้าตาย ปิงกำลังจะพูดต่อแต่มีเสียงเปิดประตูหน้าห้องพร้อมกับเสียงเรียกดังขึ้นซะก่อน

“ปออยู่ไหม....อ้าวเลิฟทำไมมาอยู่นี่อ่ะ” คนมาใหม่เรียกปอเสียงใสก่อนจะหันมาถามเลิฟอย่างแปลกใจ

“ปราง....” เลิฟได้แต่ครางออกมาเบาๆ

    ‘ทำไมโลกมันกลมอะไรแบบนี้วะครับ’


2 Be Con...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-01-2016 11:38:06 โดย matchty »

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กับดักที่
- 10 -



   ปรางมองหน้าเลิฟที่ยืนอยู่ในห้องพี่ชายของตัวเองอย่างสงสัย เธอค่อนข้างแปลกใจพอสมควรที่เห็นเลิฟที่นี่ เพราะดูจากลักษณะของเลิฟแล้วไม่น่าจะเป็นเพื่อนพี่ชายเธอได้เลย ถ้าไม่ใช่เพื่อนแล้วเลิฟมาอยู่ที่ห้องพี่ชายเธอได้ยังไงล่ะ

               เลิฟเองก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเหมือนกันที่เห็นปรางที่นี่ ก็ปรางเนี่ยแหละคือสาวคณะบริหารที่เขาตามจีบอยู่แล้วจีบไม่ติดสักที ว่าแต่ทำไมปรางถึงโผล่มาอยู่ที่ห้องไอ้ปอได้ล่ะหรือว่าปรางจะเป็นแฟนไอ้ปอ พอคิดมาถึงตรงนี้ เลิฟก็รู้สึกแปลกๆในหัวใจยังไงไม่รู้ เขาเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน

                “ว่าไงทำไมเลิฟมาอยู่ในห้องปอ” ปรางถามเสียงใส

                “เอ่อ..คือ..ว่า..คือ” เลิฟอึกอักไม่รู้จะตอบยังไง

จะบอกว่าเป็นเพื่อนถ้าไอ้ปอบอกว่าไม่ใช่ขึ้นมาเขาก็หน้าแตกน่ะสิ บอกว่าเป็นศัตรูกันปรางก็คงจะเกลียดขี้หน้าเขาแน่ๆ ถ้าบอกว่าเป็นคู่นอนเขาจะโดนมองว่าเป็นคนยังไงละที่นี้ ที่สำคัญตัวเขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองกับไอ้ปอเป็นอะไรกันมากกว่าคนที่เกลียดขี้หน้ากันไหม

“ว่าไงคะ” ปรางถามย้ำเพราะเห็นว่าเลิฟอ้าปากเหมือนจะตอบแต่ไม่ตอบสักที

“มีอะไรกัน” ปอถามขึ้นเพราะเห็นเลิฟทำหน้าเหมือนหมาป่วยยืนคุยกับน้องสาวเขา

“ปอออออออ” ปรางเรียกเสียงใสแล้ววิ่งไปกอดแขนพี่ชาย

“ปอรู้จักกับเลิฟเหรอ” ปรางหันมาถามพี่ชายแทนเพราะดูท่าถามเลิฟไปคงจะไม่ได้คำตอบในวันนี้แน่ๆ

“รู้จักดีชนิดที่เรียกว่าลึกซึ้งเลยล่ะ” ปอตอบกำกวมก่อนจะมองหน้าเลิฟแล้วส่งยิ้มกวนๆให้ เล่นเอาเลิฟหน้าแดงลามไปถึงใบหูเพราะเข้าใจความหมายที่ปอจะสื่อ

“หมายความว่าไงอ่ะ” ปรางขมวดคิ้วมุ่นไม่เข้าใจ ปอเลยอ้าปากเตรียมจะตอบคำถาม

“ก็.......”

“เป็นเพื่อนกันน่ะพอดีว่าเมื่อคืนมีเลี้ยงสายรหัสแล้วเลิกดึก ผมเลยมาค้างห้องปอ” เลิฟชิงพูดตัดบทอย่างเร็วจนแทบลืมหายใจ เพราะกลัวว่าปอจะพูดอะไรแปลกๆออกไปอีก

“จริงหรอปอ” ปรางหรี่ตาลงอย่างจับผิด

               “ก็อย่างที่มันบอกแหละ”

               “อ่ะๆเชื่อก็ได้” ปากบอกว่าเชื่อแต่สายตาไม่ได้เชื่ออย่างปากว่า ปอเห็นท่าทางน้องสาวแบบนั้นเลยขยี้ผมปรางจนกระจาย ปรางเลยหัวเราะคิกคักอย่างรู้ทันพี่ชาย

แต่คนที่เห็นภาพการหยอกล้อสนิทสนมของสองพี่น้องอย่างเลิฟ ถึงกับเกิดอาการหงุดหงิดขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ เลิฟเบือนหน้าหนีหันหลังแล้วเดินกลับเข้าห้องนอนไปแบบดื้อๆ เล่นเอาสามชีวิตที่เหลือได้แต่มองหน้ากันงงๆ

    “เป็นไรวะ” ปิงถามปอแล้วหันไปมองประตูห้องนอนที่ปิดสนิท ปอเองก็ได้แต่ส่ายหน้าเพราะเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน

    “ปอมานี่เลย” ปรางชะเง้อมองประตูห้องนอนจนแน่ใจว่าเลิฟจะไม่เปิดออกมาแน่ๆ ก่อนจะตัดสินใจลากแขนพี่ชายไปนั่งที่โซฟา มีปิงเดินตามน้องไปอย่างเงียบๆ

               “บอกความจริงมานะปอว่าอะไรยังไงกัน อย่ามาบอกว่าเพื่อนนะเพราะน้องไม่เชื่อ” ปรางว่าดักทาง

               “ก็เพื่อนไง”

               “เพื่อน? นี่ปอเห็นน้องโง่รึไง เพื่อนกันเขามีรอยแดงเต็มคอขนาดนั้นเหรอ” ปรางพูดเสียงเขียว

               “งั้นคิดว่าเป็นอะไรกันล่ะ” ปอเริ่มกวนน้องสาว

               “โหยยยย ปออ่ะไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบ” ปรางทำแก้มพองลมปิงที่นั่งข้างๆเลยเอานิ้วมาจิ้มแก้มน้องเล่น

               “ว่าแต่เรารู้จักน้องคนเมื่อกี้ด้วยหรอ” ปิงถามขึ้นบ้างอย่างสงสัย

               “รู้สิก็เลิฟไปตามจีบน้องแทบทุกวันที่คณะอ่ะ” คำตอบของปรางทำเอาปอหลุดขำก๊าก ส่วนปิงทำหน้าเหมือนกินยาขม

               “ฮ่าๆๆไอ้เลิฟเนี่ยนะ” ปอยังนั่งหัวเราะไม่หยุดอะไรโลกมันจะกลมขนาดนั้น ไอ้เลิฟมันแกล้งเขาเป็นเดือนๆเหมือนศัตรูคู่อาฆาต แต่ไปตามจีบน้องสาวเขามันไม่รู้หรือแกล้งโง่ว่ายัยปรางเป็นน้องเขา

               “แล้วทำไมเรายังคุยกับน้องเขาปกติละ” ปิงถามขึ้นมาเพราะรู้จักนิสัยน้องสาวดี ถ้าใครมาตามจีบตามเซ้าซี้ไม่เลิกน้องเขาไล่ตะเพิดไปหมด บางคนน้องสาวเขาเตะก้านคอจนเข้าโรง’บาลมาแล้ว เพราะตื้อเจ้าตัวไม่เลิกเป็นผู้หญิงที่น่ากลัวจริงๆ
 
               “ก็พี่ปิงดูหน้าเลิฟดิน่ารักจะตาย ตาโตๆปากแดงๆแก้มป่องๆแบบนั้นใครจะไปกล้าทำอะไร อีกอย่างนะเวลางอนโคตรน่ารักอ่ะพี่ ปรางชอบ” ปรางว่าแล้วทำหน้าเคลิ้ม

“ชอบมันเหรอ” ปอถามเสียงนิ่งหยุดหัวเราะทันทีที่ได้ยินปรางบอกว่าชอบเลิฟ

               “ถ้าใช่แล้วจะทำไม” ปรางจ้องตาพี่ชายกลับอย่างไม่ยอมแพ้

               “เลิกชอบซะ” ปอว่าเสียงเข้ม

               “ขอเหตุผล”

               “มันเป็นไปไม่ได้เลิกชอบมันแล้วก็ไม่ต้องไปรู้สึกอะไรทั้งนั้น”

               “แล้วทำไมมันจะเป็นไปไม่ได้ล่ะก็เลิฟยังโสดน้องก็ยังโสด” ปรางตอบยียวน

               “งั้นก็ตามใจ” ปอพูดตัดบทเมื่อกี้เขาก็งงตัวเองเหมือนกันว่าจู่ๆหงุดหงิดน้องทำไม ยัยปรางจะชอบไอ้เลิฟก็เรื่องของยัยปรางเขานี่ถ้าจะเพี้ยน

               “ชิส์” ปรางจิ๊ปากตัวเองเพราะขัดใจ เมื่อกี้อุตส่าห์ไล่ต้อนจนเกือบสำเร็จแล้วเชียวคิดว่าพี่ชายจะหลุดอะไรออกมาบ้าง ดันมาตัดบทกันทิ้งง่ายๆซะงั้น

               “ปอ...น้องขอไว้คนนะ” ปอหันมาสบตาน้องสาวนิ่งๆแต่ไม่ได้ตอบรับอะไรออกไป

เขาไม่อยากยืนยันสัญญาอะไรทั้งนั้น ไม่รู้สิครับจะรับปากน้องมันก็ได้ แต่พอนึกถึงหน้าหวานๆของไอ้ตัวเล็กมันก็ทำให้ไม่อยากรับปากขึ้นมาเฉยๆ มันรู้สึกโหวงๆขึ้นมาแบบบอกไม่ถูก ความรู้สึกที่เขาเองก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าคืออะไร

ปรางมองหน้าพี่ชายที่เอาแต่เงียบแล้วถอนหายใจเบาๆ เธอไม่รู้ว่าพี่ชายคิดอะไรอยู่ภายใต้ใบหน้านิ่งๆนั่น ถึงปอจะบอกว่าเพื่อนกันแล้วเลิฟก็บอกว่ายังงั้นแต่ปรางไม่ใช่คนโง่ รอยแดงรอบคอกับแผ่นอกที่โผล่พ้นเสื้อออกมาของเลิฟ มันทำให้รู้ว่าเลิฟกับปอไม่น่าจะใช่เพื่อนธรรมดาแน่ๆ แค่เธอไม่แน่ใจว่าสถานะระหว่างสองคนนี้คืออะไร แล้วเลิฟกับพี่ชายเธอแอบมาอะไรๆกันไปแล้วกี่ครั้ง

ปรางรู้นิสัยพี่ตัวเองดีว่าเป็นคนยังไง ปอเป็นคนเบื่อง่ายต่อให้ถูกใจแค่ไหนก็ไม่เคยเกินเดือนสักราย แล้วปอก็ไม่ชอบคนงี่เง่าเอาแต่ใจแต่เลิฟเป็นทุกอย่างที่ว่ามา มันทำให้เธอเป็นห่วงกลัวว่าพี่ชายตัวเองจะเบื่อแล้วทิ้งเลิฟเข้าสักวัน เธอไม่อยากเสียเพื่อนดีๆไปเพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นจริง ต่อให้พี่เธอผิดเธอก็ต้องเข้าข้างพี่อยู่แล้ว

ปรางรู้จักเลิฟมาตั้งแต่เปิดเทอมเกือบๆสองเดือนได้มั้ง จู่ๆเลิฟก็เดินเข้ามาบอกชอบแล้วตามจีบ ทีแรกก็แปลกใจที่ผู้ชายหน้าตาน่ารักมาบอกชอบ เลยลองคุยดูจนสนิทกันพอสมควร เลิฟนิสัยดีถึงจะขี้งอนเอาแต่ใจงี่เง่าไปบ้างก็เถอะ แล้วเลิฟก็ทำอะไรให้เธอหัวเราะบ่อยๆในความเอ๋อของเจ้าตัว เลิฟอาจจะไม่รู้ตัวแต่ปรางรู้ว่าเลิฟไม่ได้ชอบเธอจริงๆหรอก คงแค่นึกอยากจีบก็ผู้ชายที่ไหนชอบผู้หญิงแล้วจะมาทำท่าทางน่ารักกว่าคนที่ชอบจริงไหม

            ออดดดดดดดดดดดด

              เสียงออดหน้าห้องดังขึ้นขัดความคิดของปราง ปิงเป็นคนลุกไปเปิดประตูเป็นร้านข้าวของคอนโดนั่นเองที่เอาอาหารมาส่ง ปิงหลบทางให้ทางร้านยกอาหารเข้ามาไว้ข้างในก่อนจะจ่ายตังแทนปอ

               “เดี๋ยวกูไปตามมันก่อน” ปอว่าแล้วลุกเดินไปที่ห้องนอน

...
...

เลิฟที่เดินเลี่ยงภาพบาดตาเข้ามาในห้องทรุดนั่งลงที่ปลายเตียงแล้วถอนหายใจเหนื่อยๆ ตั้งแต่รู้จักไอ้ปอมาเขาถอนหายใจวันละกี่รอบแล้วเนี่ย รู้สึกหน่วงๆโหวงๆในใจแปลกๆ ภาพที่เห็นเมื่อกี้มันทำให้เขารู้สึกแย่ ปรางต้องเป็นแฟนไอ้ปอชัวร์ๆสนิทกันขนาดนั้น ถึงว่าสิไม่รับรักเขาสักที   

ถ้าปรางรู้ว่าเขามีอะไรกับไอ้ปอปรางต้องรู้สึกแย่แล้วเกลียดเขาแน่ๆ ยิ่งคิดยิ่งเหนื่อยใจ ตอนนี้เขาบอกไม่ถูกว่ารู้สึกแย่เรื่องอะไร แย่ที่รู้ตัวว่าอกหักจากปรางแล้วแน่ๆหรือแย่...ที่รู้ว่าปอมีแฟน

‘หนุ่มหล่อสาวสวยคู่เพอร์เฟค’ คิดในใจแล้วก็รู้สึกอิจฉา เลิฟเลยคลานขึ้นไปบนที่นอนแล้วเอาผ้าห่มมาคลุมโปรง กลัวใครจะเข้ามาเห็นสีหน้าตัวเองตอนนี้เพราะเขาต้องทำหน้าแย่ๆอยู่แน่ เมื่อไหร่เสื้อผ้าจะมาส่งสักทีนะ เขาไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วอยากกลับบ้านชะมัด

แกร๊ก!!!

เสียงเปิดประตูพร้อมกับปอที่เดินเข้ามาในห้อง เขามองไปที่ก้อนกลมๆบนเตียงนอนก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากัน หันหลังไปปิดประตูแล้วเดินมาที่เตียงก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆ

“ไปกินข้าว”

“ไม่หิว” เลิฟตอบเสียงอู้อี้แต่ไม่ยอมออกมาจากผ้าห่ม
 
“ออกมาคุยดีๆดิ” ปอว่าแล้วพยายามดึงผ้าห่มออกจากเลิฟ จริงๆต้องเรียกว่ากระชากถึงจะถูก เลิฟเองก็พยายามยื้อผ้าห่มไว้สุดตัวไม่ยอมปล่อย ปอเลยตัดสินใจกระชากแรงๆทีเดียวพร้อมถีบไปที่เลิฟ จนคนตัวเล็กกลิ้งออกจากผ้าห่มลงไปกองที่พื้นข้างเตียง

“โอ๊ย!!!! เหี้ย!! กูเจ็บนะ” เลิฟตวาดเสียงเขียวมือลูบไปที่สะโพก น้ำตาซึมและไหลออกมาเพราะความเจ็บ เมื่อกี้ไอ้ปอมันถีบเขาตกเตียงแล้วสะโพกกระแทกพื้นเต็มๆเลย ขนาดเดินธรรมดายังทรมานจะตาย แล้วกระแทกขนาดนี้คิดดูสิครับ

ปอที่เห็นเลิฟนั่งเบ้หน้าน้ำตาไหลมือลูบสะโพกอยู่กับพื้นก็ตกใจ เมื่อกี้เขาไม่ได้ตั้งใจจะถีบมันตกจากเตียงนะ แค่กะว่าจะถีบให้หลุดออกจากผ้าห่มแต่สงสัยกะแรงผิดไปหน่อย ก็แม่งรำคาญนี่หว่าจะคุยด้วยดันมุดหัวอยู่ในผ้าห่ม 

“เจ็บเหรอวะ” เป็นคำถามที่โคตรสิ้นคิดแต่ก็ยังถาม

“ให้กูถีบมึงบ้างไหมล่ะ” เลิฟว่าอย่างหงุดหงิดถามมาได้ว่าเจ็บไหม

“เออๆ” ปอเดินไปอุ้มเลิฟขึ้นจากพื้นแล้วมาวางบนที่นอน

“ตกลงจะกินไหมข้าว”

“ไม่กิน” เลิฟตอบทันควันสะบัดหน้าหนี เอื้อมมือจะไปดึงผ้าห่มมาคลุมตัว แต่ปอจับได้ก่อนแล้วเหวี่ยงผ้าห่มลงพื้น

“จะกินไม่กิน” ปอว่าแล้วสบตาเลิฟนิ่งๆ

“ไม่” เลิฟจ้องหน้ากลับไม่ยอมแพ้

“งั้นกูแดกมึงแทน” ปอว่าแล้วก้มลงประกบจูบเลิฟอย่างรวดเร็ว

“อื้อ” เลิฟที่โดนจู่โจมไม่ทันตั้งตัวก็เผลออ้าปากออก ทำให้ปอส่งลิ้นเข้ามาหยอกล้อกระหวัดเกาะเกี่ยวกับลิ้นของเลิฟง่ายได้ ส่งลิ้นพันเกี่ยวไล่ต้อนลิ้นเล็กอย่างชำนาญ ลากไล้ไปตามไรฟันสวยและทั่วโพรงปาก ผละออกแล้วค่อยๆซุกไซร้จากแก้มนุ่มมาที่ซอกคอขาว ฝ่ามือหนาค่อยๆเลื่อนเข้าไปในเสื้อบีบเค้นไปตามตัวอย่างมันมือ

ปอผละออกเล็กน้อยเลิกเสื้อเลิฟขึ้นมากองอยู่ที่อก ตามองไปที่แผ่นอกเปลือยเปล่าและจุกนมสีชมพูอย่างหื่นๆ ก่อนจะก้มหน้าลงไปซุกไซร้ใช้ลิ้นไล้เลียที่จุกนมสองข้างอย่างเท่าเทียม

ทันทีที่ปลายลิ้นสัมผัสที่ยอดอกเลิฟก็ตัวบิดไปมาเพราะความเสียว ความรู้สึกบางอย่างเริ่มหมุนวนอยู่ที่ท้องน้อย ฝ่ามือนุ่มเลื่อนมาขยุ้มเส้นผมปอไว้แน่นเพื่อระบายอารมณ์ ปอใช้มือนึงเลื่อนลงไปที่สะโพกแล้วบีบเค้นแรงๆ อีกมือขยับขาของเลิฟให้แยกออกกว้างเพื่อที่เขาจะได้แทรกตัวเข้าไปง่ายๆ

“แฮ่กๆ อื้อ...พอ” เลิฟที่ยังมีสติสูดอากาศเข้าเต็มปอด ก่อนจะใช้มือผลักปอออกเพราะกลัวจะเลยเถิด

ปอเองก็เหมือนได้สติเงยหน้าขึ้นมามองเลิฟแล้วพยามยามข่มความรู้สึกตัวเอง เมื่อกี้แค่กะจะแกล้งมันเล่นแต่ทำไมแค่จูบเดียวมันถึงได้ทำท่าจะเลยเถิดไปกันใหญ่

“ตกลงจะกินไหมข้าว” ปอถามแต่ปากยังคลอเคลียที่แก้มและซอกคอของเลิฟ

“กินแล้ว...แต่จะกินในนี้” เลิฟอ้อมแอ้มตอบไม่กล้าปฏิเสธอีก

“ทำไม” ปอเลยผละออกจากซอกคอขาวเพื่อมองหน้าเลิฟแล้วเขาก็ได้คำตอบ คนตัวเล็กนอนหน้าแดงเป็นลูกตำลึงแถมหลับตาปี๋ไม่ยอมสบตาเขาอีก

ฟอดดดดด

“เดี๋ยวกูมา” ปอหอมแก้มเลิฟแรงๆแล้วผละออกเดินไปนอกห้อง

“อื้อ” เลิฟลุกขึ้นนั่งจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ยกมือขึ้นมาลูบที่แก้มเบาๆก่อนจะจับไปที่ริมฝีปาก มองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินออกไป เขาว่าตอนนี้แก้มเขามันต้องแดงมากแน่ๆ

ปอเดินออกมานอกห้องแล้วจัดการหยิบจานข้าวที่สั่งมาสองจาน ก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าห้องไปโดยที่ไม่พูดอะไร

...
...
               
ปิงนั่งมองการกระทำของปองงๆเมื่อกี้ก่อนเข้าไปห้องนอนมันทำหน้านิ่งๆ แต่พอกลับออกมาหน้านี่โคตรจะมีความสุขมันไปทำอะไรมาวะ

สองพี่น้องหันมาสบตากันนิ่งมองหน้ากันแบบมีคำถามเต็มไปหมด แต่ก็ไม่มีใครตอบได้เลยจนต้องปล่อยให้มันเป็นความสงสัยต่อไป ก่อนที่ปิงจะเป็นคนเอ่ยปากขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ

               “เราไม่ได้กลับบ้านเหรอ” ปิงสงสัยเพราะน้องสาวกลับบ้านใหญ่ทุกอาทิตย์ ปรางส่ายหัวแทนคำตอบแล้วถามพี่ชายกลับ

               “แล้วพี่ปิงอ่ะไม่ไปหาพี่นุ่นเหรอ” ปรางเองก็สงสัยเพราะพี่ชายไปนอนคอนโดแฟนทุกอาทิตย์เหมือนกัน

               “.............” มีความเงียบเป็นคำตอบ เป็นอันรู้กันว่าเมื่อคืนพวกเขาพี่น้องอยู่คอนโดกันทุกคน แล้วก็ได้ยินเสียงแหกปากโวยวายขอความช่วยเหลือจากเลิฟแต่ไม่มีใครสนใจ

ตอนนั้นปรางกำลังนั่งทาเล็บอยู่และสียังไม่แห้ง เลยไม่ว่างออกมาดูเพราะกลัวเล็บเลอะขี้เกียจทาใหม่ ส่วนปิงกำลังโทรคุยกับแฟนอยู่เลยไม่มีเวลาสนใจรอบข้าง เพราะแฟนสำคัญที่สุด

               ‘ขอโทษนะเลิฟ’ สองศรีพี่น้องได้แต่เอ่ยขอโทษเลิฟในใจและหวังว่าเลิฟจะได้ยิน


2 Be Con...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-01-2016 11:42:01 โดย matchty »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
สนุกดีคะ แต่ตัวหนังสือเยอะและติดกันไปหน่อย ลายตามากเล่นเอาปวดตาไปหมด ตัวหนังสือเล็กด้วย   
รออ่านตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :impress: :impress: :impress: :impress: :impress: :impress:เข้ามาติดตามด้วยคนจ้า :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กับดักที่
- 11 –



   เมื่อวานหลังจากที่เลิฟกินข้าวเสร็จไม่นานเสื้อผ้าที่เอาไปซักก็มาส่ง เขาเลยแต่งตัวเตรียมกลับหอพักตอนออกมาจากห้องนอนก็ไม่เจอใครแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องดีเพราะเขาเองไม่อยากตอบคำถาม และไม่อยากเจอหน้าใครทั้งนั้นในตอนนี้โดยเฉพาะ...ปราง

   ไอ้ปอลงมาส่งเขาข้างล่าง แต่อย่านะครับอย่าคิดว่ามันจะอาสาขับรถมาส่งเขาที่หอ ฝันไปเหอะเพราะมันไม่ใช่คนดีขนาดนั้น  ไอ้ปอมันพาเขาลงมาหน้าคอนโดแล้วโบกแท็กซี่ให้ คือถ้าจะทำแค่นี้กูทำเองได้ครับ นี่ยังดีนะที่มันยังพอมีจิตสำนึกอยู่บ้างมันยังจ่ายค่ารถให้

   “นี่กะจะเด็ดจนมันเหลือแต่ก้านเลยรึไง” เสียงทักขึ้นข้างๆทำให้เลิฟสะดุ้งหลุดจากภวังค์

   “ห๊ะ!! อะไรนะครับพี่เมย์” เลิฟละล่ำละลักถามหน้าตาตื่นเพราะเมื่อกี้มัวแต่เหม่อ

   “คิก คิก” เมย์ถึงกับหลุดขำกับท่าทางของเลิฟ

   “เป็นอะไรน่ะเรา ทำไมวันนี้ดูใจลอยพิกล” เมย์ว่าพร้อมส่งยิ้มบางๆให้

   “ใจลอย? ผมหรอ” ทำหน้าเอ๋อๆชี้นิ้วมาที่ตัวเอง

   “ใช่ลอยมากซะด้วย” เมย์ว่าแล้วพยักเพยิดหน้าไปที่มือของเลิฟเจ้าตัวเลยก้มมองตาม เห็นดอกกุหลาบในมือถูกเด็ดจนแทบจะเหลือแต่ก้าน

   “แฮ่ๆขอโทษครับ” ส่งยิ้มแหยๆให้

   “ไม่เป็นไรจ้า ว่าแต่ใจลอยแบบนี้แอบคิดถึงใครอยู่รึเปล่าเอ่ย” เมย์หรี่ตามองอย่างจับผิด

   “เปล่าครับผมก็แค่คิดอะไรไปเรื่อย” ตอบปฏิเสธเสียงดังแต่ไม่ยอมสบตา เพราะว่าคิดถึงใครบางคนอยู่จริงๆ

   “แล้วไปพี่ก็นึกว่าใจลอยคิดถึงเจ้าของรอยคิสมาร์กที่คอนี่ซะอีก” เมย์ยิ้มล้อเลียนแล้วเอานิ้วจิ้มไปที่รอบๆคอเลิฟเบาๆ เล่นเอาเจ้าตัวหน้าแดงลามไปทั่วใบหูและลำคอ

   “มะ..ไม่ใช่นะครับรอยยุงกัดต่างหาก” อ้อมแอ้มตอบเสียงเบา

   “จ้ายุง ดูท่ายุงตัวนี้จะร้อนแรงน่าดูกัดซะแดงเต็มคอ ว่าแต่เลิฟรู้รึเปล่าว่ามันเป็นยุงตัวผู้หรือยุงตัวเมีย”

   “ผะ..ผมจะไปรู้ได้ยังไงล่ะครับ”

   “ฮ่าๆๆพี่ไม่แซวเราละเงยหน้าขึ้นมาได้แล้ว” เมย์ว่าแต่เลิฟก็ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา เพราะเขินสายตาล้อเลียนที่มองอย่างรู้ทันของเมย์

   “โอเคๆพี่ออกไปดูลูกค้าหน้าร้านละ ส่วนเราก็อย่าเขินเด็ดดอกไม้พี่จนเหลือแต่ก้านล่ะ” เมย์ว่าก่อนจะเดินหนีไปส่วนเลิฟก็ยังก้มหน้าเขินอยู่แบบนั้น

   “นี่เลิฟ ว่าแต่ยุงตัวที่กัดหน้าตาดีป่ะ” เสียงของคนที่คิดว่าเดินไปแล้วกลับดังขึ้นข้างๆหู ทำเอาเลิฟตกใจเงยหน้าขึ้นมามอง
 
   “พี่เมย์!!!” ตะโกนเสียงดังใส่ด้วยความเขินจัด

   “ฮ่าๆๆๆๆ” เมย์หัวเราะร่าก่อนจะเดินไปหน้าร้านเลิฟยืนหน้าแดงกร่ำมองตามหลังเมย์จนแน่ใจว่าเจ้าของร้านดอกไม้คนสวยจะไม่กลับมาแซวเขาอีก ไอ้ปอ...เพราะมันคนเดียวเลยทำให้เขาต้องมาโดนแซวแบบนี้ คิดแล้วก็โมโหมันจะทำรอยไว้ทำไมก็ไม่รู้ ไอ้โรคจิต

   เลิฟเริ่มทำงานกับเมย์ตั้งแต่ช่วงปิดเทอมทำให้สนิทกันอย่างที่เห็น อันที่จริงวันนี้เขายังไม่อยากมาทำงานเท่าไหร่ เพราะสภาพร่างกายยังไม่โอเคถึงมันจะดีกว่าเมื่อวานก็เหอะ แถมรอยแดงที่ไอ้ปอทำไว้บนคอมันยังไม่จางลงเลย ใครเห็นมองแว๊บเดียวก็รู้แล้วว่ามันรอยอะไร
 
   แต่ถึงจะอายแค่ไหนเขาก็ไม่กล้าหยุดอีกวันเพราะเกรงใจพี่เมย์ อีกอย่างเมื่อวานเขาก็หยุดงานไปเฉยๆไม่ได้โทรมาลาด้วยซ้ำ โชคดีที่เมย์เข้าใจและไม่ได้ถามอะไรมาก
 
   นอกจากจะไม่ถามหาสาเหตุที่เขาหยุดไปไม่บอกไม่กล่าวแล้ว พี่เมย์ยังใจดีให้เขามาทำงานที่หลังร้านคอยเตรียมดอกไม้แทน ทั้งๆที่ปกติเขาจะมีหน้าที่รับออเดอร์และจัดดอกไม้ให้ลูกค้าหน้าร้าน คงเพราะเห็นรอยแดงที่คอของเขาและคงไม่อยากให้เขาอายเลยสลับตำแหน่งให้ชั่วคราว
 
   เมื่อวานพอถึงห้องเขาก็โทรรายงานตัวกับพี่โชนทันที กลัวว่าพี่รหัสแสนดีของตัวเองจะเป็นห่วงวันนี้พี่โชนเลยขอเลี้ยงข้าวเที่ยงเขา จะปฏิเสธก็ไม่ได้เพราะพี่โชนอ้างว่าเป็นการแก้ตัวที่เขาหนีกลับก่อน แล้วทิ้งให้พี่เขารอที่ร้านเหล้าคนเดียว เขาละอยากบอกใจจะขาดว่าไม่ได้หนีกลับแต่โดนลากกลับต่างหาก มองนาฬิกาที่ผนังตอนนี้สิบเอ็ดโมงกว่าแล้วอีกเดี๋ยวพี่โชนก็คงจะมา
 
   เลิฟปลดผ้ากันเปื้อนออกแล้วเดินไปล้างมือ ยืนส่องกระจกตรงหน้าอ่างล้างมือสักพักก็ยกมือขึ้นมาแตะที่รอยบนคอเบาๆ ก่อนจะถอนหายใจหนักๆเพราะไม่รู้ว่าถ้าพี่โชนเห็นแล้วถามขึ้นมาเขาจะตอบคำถามยังไง อยากจะเอาผ้าพันคอมาพันก็กลัวคนจะหาว่าบ้า จะหาเสื้อคอเต่ามาใส่ก็นึกขึ้นได้ว่าชีวิตไม่เคยซื้อเสื้อคอเต่าใส่
 
   “เฮ้ออออออออออ” ถอนหายใจเซ็งๆก่อนจะเดินออกมาที่หน้าร้านเพื่อขออนุญาตพี่เมย์ไปกินข้าว แต่พอเดินออกมาถึงเขาก็เจอพี่โชนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว แถมเจ้าตัวยังขออนุญาตกับพี่เมย์ให้เขาเรียบร้อยเสร็จสรรพ
 
   “งั้นผมพาน้องเลิฟไปทานข้าวก่อนนะครับ” โชนว่าก่อนจะยิ้มเห็นเขี้ยวส่งให้เมย์

   “ค่ะ ไม่ต้องรีบก็ได้นะคะวันนี้ที่ร้านไม่ค่อยยุ่งตามสบายเลย” เมย์ตอบกลับด้วยท่าทียิ้มแย้มใจดี

   “เดี๋ยวผมจะรีบกลับมาทำงานนะครับพี่เมย์” เลิฟกระซิบบอกอย่างเกรงใจ

   “ไม่เป็นไรไปกินข้าวกับแฟนเถอะ” เมย์กระซิบกลับยิ้มๆ

   “พี่เมย์!!! ใช่ที่ไหนล่ะนี่พี่รหัสผม” เลิฟว่ากลับเสียงไม่ดังนักใบหน้าค่อยๆเริ่มแดงเพราะความเขิน พี่เมย์ชอบพูดให้เขาอายอยู่เรื่อย

   “อ้าวหรอก็พี่เห็นพ่อหนุ่มเขี้ยวเสน่ห์เขาดูเทคแคร์เราจนพี่นึกว่าเป็นแฟน” เมย์ว่าขึ้นมาอย่างแปลกใจเพราะตอนที่เลิฟยังอยู่ข้างใน โชนนั่งคุยกับเธอแต่เรื่องเลิฟถามนู้นถามนี้ เป็นห่วงสารพัดจนเธอคิดว่าเป็นแฟนเลิฟซะอีก

   “ใช่ที่ไหนละครับไม่คุยกับพี่เมย์ละ ผมไปก่อนนะครับแล้วจะรีบกลับมา”

   “จ้าไม่ต้องรีบก็ได้ที่ร้านไม่ยุ่งเท่าไหร่”

   เลิฟส่งยิ้มขอบคุณให้เมย์เล็กน้อยก่อนจะเดินออกมาหาโชนที่ยืนรออยู่หน้าร้าน เลิฟเลือกกินสปาเกตตี้ร้านไม่ไกลจากร้านดอกไม้ที่ตัวเองทำงานเท่าไหร่ เขาไม่อยากออกไปกินไกลๆกินในห้างเดียวกันเนี่ยแหละ จะได้ไม่เสียเวลาและก็กลับไปทำงานง่ายๆด้วย

   “น้องเลิฟจะกินอะไรครับดูเมนูก่อนไหมหรือให้พี่สั่งให้” โชนเงยหน้าจากเมนูขึ้นมาถามหลังจากที่พนักงานเอาเมนูมาให้

   “อะไรก็ได้ครับขอแค่ไม่เผ็ดก็พอ” เลิฟส่งยิ้มให้แล้วปล่อยให้โชนเป็นคนสั่งอาหารทั้งหมด เขาไม่อยากเรื่องมากกินอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ

   รอไม่นานเท่าไหร่เครื่องดื่มที่สั่งก็มาเสิร์ฟ พร้อมกับของว่างอีกสามสี่อย่างจนเต็มโต๊ะ เลิฟหยิบแก้วสตอเบอรี่ปั่นของตัวเองขึ้นมากินเพื่อรอสปาเกตตี้ไปพลางๆ

   “ขนมปังที่นี่อร่อยนะ” โชนว่าแล้วหยิบขนมปังกระเทียมขึ้นมาจ่อที่ปากของเลิฟ ทำให้เลิฟต้องอ้าปากรับอย่างเสียไม่ได้

   “อร่อยจริงๆด้วยครับ” ตอบไปปากก็เคี้ยวตุ่ยๆอย่างมีความสุข โดยมีโชนคอยหยิบของว่างบนโต๊ะขึ้นมาป้อนไม่ขาด

   Tru...Tru…Tru…

   เสียงโทรศัพท์ของเลิฟดังขึ้นขัดจังหวะการกิน เลิฟล้วงไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดู เบอร์ที่โชว์บนหน้าจอเป็นเบอร์ไม่คุ้นเลย เลิฟค่อยๆกลืนอาหารในปากลงคอก่อนจะตัดสินใจกดรับสาย

   “ฮัลโหลครับ”

...
...

   ปอตื่นขึ้นมาตอนสายๆเหลือบไปมองนาฬิกาบนผนังก็เกือบจะเที่ยงแล้ว ถึงว่าสิทำไมเขารู้สึกหิวข้าวขนาดนี้ ตัดสินใจลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะไปหาอะไรมาลงกระเพาะ ทีแรกกะว่าจะสั่งข้าวที่ร้านของคอนโดขึ้นมากินเพราะขี้เกียจออกไปข้างนอก แต่ก็ดันนึกเบื่อข้าวที่คอนโดเลยไปเคาะประตูห้องไอ้ปิง ขอยืมกุญแจรถขับออกมาหาข้าวกินข้างนอก เลยโดนมันเทศนามาอีกนิดหน่อยเรื่องรถ

   ขับรถออกมาแบบไร้จุดหมายสุดท้ายก็มาจบที่ห้างแถวๆมหา’ลัย ไม่ไกลจากคอนโดที่เขาอยู่เท่าไหร่ ระหว่างที่กำลังเดินหาร้านกินข้าวสายตาก็ดันไปเห็นร่างเล็กๆคุ้นตานั่งอยู่ในร้านอาหารชื่อดังร้านนึง กำลังหัวเราะคิกคักมีความสุขอ้าปากรับอาหารที่ฝั่งตรงข้ามป้อนให้มาเคี้ยวตุ่ยๆจนแก้มป่อง

   ภาพที่เห็นทำให้เส้นเลือดที่ขมับเต้นดังตุ๊บ หงุดหงิดฉิบหาย แม่งเอ้ยมากินกับใครก็ไม่กิน เสือกมานั่งกินกับไอ้สัสโชนแถมยังให้มันนั่งป้อน ไอ้ห่านั่นก็เอาอกเอาใจซะเหลือเกินมึงไม่สิงไปเลยวะ

   การกระทำเร็วกว่าความคิด มือล้วงไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมากดโทรออก โทรหาใครน่ะหรอก็โทรหาไอ้คนที่นั่งหัวเราะร่าในร้านอาหารนั่นแหละ เขาแอบเมมเบอร์มันไว้ตอนมันหลับ
 
   “(ฮัลโหลครับ)” รับสายเสียงใส

   “ลุกออกมาเดี๋ยวนี้” สั่งเสียงเข้ม

   “(ห๊ะ!!! นี่คุณโทรผิดแล้วมั้งครับ)” เลิฟตอบกลับแบบงงๆ

   “มึงจะลุกออกมาดีๆหรือให้กูไปลากออกมา”

   “(เฮ้ย!! พูดไม่รู้เรื่องไงวะบอกว่าโทรผิดแล้ว)”  เลิฟเริ่มหงุดหงิดกับปลายสายที่พูดจาไม่รู้เรื่อง

   “มองออกมาที่กระจก” บอกเสียงนิ่งๆ 

   เลิฟที่ได้ยินแบบนั้นก็หันมองออกมาที่กระจก มือไม้ถึงกับอ่อนเกือบทำโทรศัพท์หลุดมือ ตกใจจนเกือบกรี๊ดที่เห็นตัวสูงๆของไอ้ปอยืนอยู่นอกร้านฝั่งตรงข้าม แถมทำหน้าเหมือนจะแดกหัวคนแถวนั้น
 
   “มะ...มึงมีอะไร” ถามเสียงสั่นๆ

   “(กูบอกให้ออกมา)”

   “ทำไมกูต้องออกไป”

   “(จะออกมาเองดีๆหรือจะให้กูไปลากออกมาวะ!!)” ปอเริ่มขึ้นเสียง

   “เดี๋ยวกูออกไปเอง” แล้วสัญญาณก็กดตัดไป

   เลิฟมองโทรศัพท์ในมือแล้วเงยหน้าไปมองนอกกระจกอย่างกังวล เขาจะออกไปตามที่ไอ้ปอมันสั่งดีไหม แต่ถ้าไม่ออกไปแล้วมันเข้ามาลากเขาในร้านจริงๆอย่าที่พูดละ แล้วถ้าออกไปเขาจะบอกพี่โชนว่ายังไงดี

   “มีอะไรรึเปล่าครับ” โชนถามขึ้นเพราะเห็นเลิฟนั่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดตั้งแต่วางสาย

   “ดูสิคิ้วพันกันหมดแล้ว” โชนยื่นนิ้วโป้งไปที่หว่างคิ้วแล้วนวดคลึงเบาๆ

   เลิฟส่งยิ้มให้โชนบางๆในหัวก็นึกหาวิธีลุกออกไปข้างนอก โทรศัพท์ในมือก็ดังขึ้นอีกครั้งพอก้มมองก็เป็นเบอร์ไอ้ปอโทรเข้ามา เงยหน้าไปมองที่กระจกก็เห็นมันยืนมองทำหน้าดุๆใส่ ทำท่าจะเดินเข้ามาหาเขาในร้าน

   “เอ่อพี่โชนครับเลิฟขอตัวไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึงนะครับ” ละล่ำละลักบอกโชนไปเพราะกลัวว่าปอจะตามเข้ามาในร้าน

   “อ้อครับ ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหม” โชนถามยิ้มๆระหว่างนั้นพนักงานก็เอาอาหารมาเสิร์ฟพอดี
 
   “ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวเลิฟมานะครับ” ว่าแค่นั้นแล้วรีบลุกจากโต๊ะเดินออกนอกร้านไปเลย ทำเอาโชนได้แต่มองตามแผ่นหลังเล็กอย่างงงๆ

   แฮ่กๆๆๆๆ

   เสียงหายใจกระหืดกระหอบเพราะรีบวิ่งมา เลิฟหยุดยืนพักเหนื่อยอยู่ตรงหน้าปอสักพัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองปออย่างหงุดหงิดเหนื่อยก็เหนื่อยแถมยังเจ็บข้างหลังอีก จะไม่วิ่งก็ไม่ได้กลัวไอ้บ้านี่จะเข้าไปถึงในร้านก่อน

   “มึงมีเหี้ยไร” ถามเสียงเขียว

   “ไปกินข้าวปะ” ว่าแค่นั้นแล้วก็เดินนำไป ทำเอาเลิฟถึงกับยืนเอ๋อ

   “ห๊ะ!!! มึงโทรเรียกกูออกมากินข้าวเนี่ยนะ”

   “เออ!!”

   “งั้นกูจะกลับไปกินกับพี่โชน” ว่าแค่นั้นแล้วหันหลังจะเดินกลับไปทางเดิม แต่ก็โดนกระชากแขนเต็มแรงจนเซมาปะทะอกกว้าง

   “อยากลองดีก็กลับไป” ปอว่าเสียงเย็นรอดไรฟัน ทำเอาเลิฟถึงกับเสียวสันหลังวาบ

   “แต่กูออกมากินข้าวกับพี่เขา มึงจะให้กูทิ้งพี่เขาได้ยังไงเล่า” เลิฟโวยวายเล็กน้อย

   “นั่นมันเป็นปัญหาของมึงไม่เกี่ยวกับกู” ปอว่าแล้วจัดการลากแขนเลิฟให้เดินต่อ ส่วนเลิฟได้แต่อ้าปากค้างพูดไม่ออก มันพูดมาได้ไงวะว่าไม่เกี่ยว ก็มันเป็นคนบังคับเขาออกมาจากร้านนะ

   “จะกินอะไร” ปอเอ่ยถามขึ้นหลังจากเดินวนหาร้านกินข้าวได้สักพัก แต่คนตัวเล็กข้างๆก็ไม่เอาสักร้านแถมยังยืนทำหน้างออีก

   “มึงจะกินอะไร”

   “ไม่กิน” ตอบปฏิเสธอย่างหงุดหงิดทั้งๆที่หิวไส้จะขาดปอเลยกรอกตาขึ้นฟ้าเซ็งๆ ก่อนจะลากแขนคนตัวเล็กเข้าร้านอาหารตรงข้างหน้า ไม่ต้องเลือกแม่งละ

   “ไม่เอา” เลิฟขืนตัวไว้ไม่ให้ไปตามแรงดึง

   “งั้นมึงจะกินอะไร” ปอถามน้ำเสียงเริ่มจะหงุดหงิด

   “ก็บอกว่าไม่กินไง”

   “ไอ้เลิฟ!!!” ปอตะคอกขึ้นอย่างอดไม่อยู่

   “ทำไมต้องขึ้นเสียงด้วยเล่ากินฟูจิก็ได้แม่ง” เลิฟตอบกลับเหวี่ยงๆ

   “ก็แค่นั้น” ปอทำตาดุใส่แล้วลากแขนเลิฟเข้าไปนั่งในร้าน

   ทันทีที่นั่งลงเลิฟก็เปิดเมนูสั่งอาหารอย่างคล่องแคล่ว เพราะส่วนตัวชอบกินอะไรจืดๆโดยเฉพาะอาหารญี่ปุ่นของชอบเขาเลยล่ะ

   ปอนั่งมองเลิฟสั่งอาหารแล้วก็ส่ายหัวเมื่อกี้ใครแม่งบอกว่าไม่หิววะ นี่สั่งเอาสั่งเอาจนพนักงานจดออเดอร์แทบไม่ทัน เขาเลยไม่สั่งปล่อยมันสั่งไปคนเดียวเดี๋ยวกินกับมันเนี่ยแหละ

   “ไหนมึงบอกไม่หิว”

   “แต่ตอนนี้กูหิวแล้ว” เลิฟว่าแล้วส่งยิ้มกวนๆให้ ปอเลยเอาตะเกียบเคาะไปที่กลางหน้าผากแรงๆทีนึงเพราะหมั่นไส้

   “โอ๊ยยยยย” เลิฟร้องออกมายกมือขึ้นลูบหัวปอยๆ ทำหน้างอปากยื่นใส่ปอ

   “ทำหน้าให้มันดีๆหน่อย” ปอว่าแล้วเอื้อมมือไปดึงปากเลิฟเบาๆชอบทำดีนักไอ้ปากยื่นๆเนี่ย

   “อี๋..มือมึงล้างป่ะเนี่ย” เลิฟว่าทำหน้าแหยๆแสดงความรังเกียจเต็มที่ เอามือถูปากตัวเองไปมา

   “ปัญญาอ่อน” ปอส่ายหัวเบาๆเขาไม่คิดเลยนะว่าไอ้เลิฟมันจะปัญญาอ่อนได้ขนาดนี้ก็เห็นกวนตีนเขาขนาดนั้น แต่นี้อะไรแม่งเด็กฉิบหายแถมยังโคตรงี่เง่าเอาแต่ใจ

   ไม่นานอาหารที่สั่งไว้ก็ทยอยมาเสิร์ฟ เลิฟลงมือตักกินอย่างเอร็ดอร่อยตักป้อนให้ปอบ้างอย่างลืมตัว ปอเองก็อ้าปากรับมากินไม่ได้พูดอะไร เลิฟนั่งกินข้าวอย่างมีความสุขจนลืมไปเลยว่าตัวเองทิ้งโชนไว้ที่ร้านอาหาร ลืมมองแม้กระทั่งโทรศัพท์ว่าโชนโทรหาเขาเป็นสิบๆสาย

   ปอเหลือบมองไปโทรศัพท์บนโต๊ะที่สั่นเล็กน้อยเพราะมีคนโทรเข้า จะว่าเลิฟลืมมองก็คงไม่ใช่เพราะช่วงจังหวะที่เลิฟเผลอ ปอเอื้อมมือมาหยิบโทรศัพท์ของเลิฟไปปิดเสียงทำให้เลิฟไม่รู้ตัว เขาอ้าปากรับอาหารที่เลิฟตักมาป้อนนิ่งๆโดยที่ไม่คิดจะเตือนเลิฟเรื่องโทรศัพท์ กระตุกยิ้มมุมปากนิดๆอย่างมีความสุข

    ‘โทรให้สนุกนะมึง’

2 Be Con...
++++++++++
แก้ไขขนาดตัวกนังสือให้แล้วนะคะ ส่วนตอนที่ลงก่อนหน้าจะค่อยๆไล่แก้ค่ะ
ขอบคุณ ^^

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กับดักที่
- 12 -



                “นี่มึงตามกูมาทำไม” เลิฟหันมาถามคนตัวสูงที่เดินตามมาข้างหลังไม่ห่างด้วยความสงสัย

               หลังจากที่กินข้าวเสร็จเลิฟก็บอกปอว่าจะมาทำงานพิเศษต่อ ปอเองก็ไม่ได้พูดอะไรจ่ายเงินค่าอาหารไปเงียบๆ จนเลิฟคิดว่าปอคงจะแยกกับเขาที่ร้านอาหารนั่นแหละ ที่ไหนได้มันดันเดินตามหลังเขาต้อยๆจนถึงหน้าร้านดอกไม้

               “มึงได้ยินที่กูถามไหมเนี่ย” เลิฟเริ่มจะหงุดหงิดที่ปอทำเฉยไม่ยอมตอบคำถาม

               ปอก้มลงมองหน้าเลิฟนิดๆไม่ตอบคำถาม เอื้อมมือไปผลักประตูกระจกแล้วเดินเข้าไปในร้าน ทิ้งให้เลิฟยืนมองตามอยู่นอกร้านอึ้งๆก่อนที่เจ้าตัวจะรีบผลักประตูตามเข้าไปบ้าง

              “เดี๋ยว!!! มึงเข้ามาทำไม” เลิฟพยายามดึงแขนปอไว้ไม่ให้เดินเข้าไปในร้านมากกว่าเดิม

               “มึงจะดึงแขนกูไว้ทำไม” ปอว่าพยายามแกะมือเลิฟออกจากแขน

              “ก็.........”

               “สวัสดีค่ะรับอะ...อ้าวเลิฟ” เสียงของเมย์ที่ดังมาจากเคาท์เตอร์ในร้านดังขึ้นขัดจังหวะทั้งคู่

               “กลับมาพอดีเลยว่าแต่...แล้วนี่ใคร” เมย์เดินออกจากเคาท์เตอร์มาหาเลิฟที่หน้าร้าน สายตาเหลือบมองมือของเลิฟที่จับอยู่แขนปอนิดๆ

               “เอ่อ...เพื่อนน่ะครับ” เลิฟว่าเสียงตะกุกตะกัก

               “เพื่อน?” เมย์ถามกลับเสียงสูง แล้วมองหน้าเลิฟกับผู้ชายหน้าหล่อข้างๆอย่างสงสัย


               “พี่ชื่อเมย์นะคะแล้วน้องชื่ออะไรเอ่ย” เมย์หันมาทักทายอีกคนแทน

               “ชื่อปอครับ” ปอตอบกลับนิ่งๆไม่ได้แสดงท่าทีอะไร

               “ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” เมย์ส่งยิ้มให้ปอเองก็ยิ้มมุมปากตอบกลับนิดๆ

               “จริงสิเลิฟว่าแต่เราหายไปไหนมา เมื่อกี้น้องโชนเขามาตามหาเราที่ร้าน พี่โทรหาเราก็ไม่รับสายอีก” เมย์หันมาถามเลิฟเพราะนึกขึ้นได้พอดี

               ก่อนหน้าที่เลิฟจะกลับมาร้านโชนแวะมาถามหาเลิฟที่นี่ แล้วก็บอกว่าโทรหาเลิฟกี่สายๆก็ไม่รับเธอเองก็ไม่รู้ว่าเลิฟไปไหน ลองโทรหาดูบ้างเลิฟก็ไม่รับสายเธอเหมือนกันเธอเองก็จนปัญญา โชนนั่งรอสักพักเลิฟก็ยังไม่กลับมา แต่เจ้าตัวมีธุระเลยต้องกลับก่อน เลยฝากวานให้บอกเลิฟว่าให้โทรหาด้วยถ้าเลิฟกลับมาแล้ว

               “พี่โชนมาตามเหรอครับ” เลิฟว่าขึ้นด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด ครั้งที่สองแล้วที่เขาทิ้งพี่โชนไว้คนเดียวเพราะไอ้ปอ

               “โทรหาด้วยเหรอครับแต่ทำไมผมไม่รู้เรื่องล่ะ” เลิฟขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัยถ้าพี่โชนโทรหาเขาทำไมถึงไม่ได้ยินเสียง เอามือล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดูถึงรู้สาเหตุว่าทำไมไม่ได้ยินเสียง ก็โทรศัพท์เขามันปิดเสียงอยู่น่ะสิ

               เลิฟขมวดคิ้วเป็นปมยิ่งกว่าเดิม เขาว่าเขาไม่ได้ปิดเสียงโทรศัพท์นี่นาแล้วใครปิด เงยหน้าขึ้นไปมองไอ้ปอแบบจับผิดมันก็ยืนสบตาเขานิ่งๆไม่มีท่าทีอะไรเขาเลยเลิกสนใจ อย่างว่าแหละมันจะมาปิดเสียงโทรศัพท์เขาทำไมกันละ สงสัยจะเป็นมือเขาเองละมั้งที่ไปโดนเข้า

               “งั้นผมขอตัวโทรหาพี่โชนหน่อยนะครับพี่เมย์ ส่วนมึงอ่ะกลับไปได้แล้วเกะกะ” เลิฟหันไปขออนุญาตเมย์แล้วก็หันมาไล่ปอ

               “เลิกงานกี่โมง” ปอไม่สนใจท่าทีเหวี่ยงๆของเลิฟ

               “ถามทำไม” เลิฟว่าอย่างสงสัย

               “5 โมงจ๊ะ” เป็นเมย์ที่ตอบคำถามแทน

               “พี่เมย์ไปบอกมันทำไมอ่ะ” เลิฟหันมาว่าเมย์งอนๆ

   ส่วนเมย์ก็ยิ้มไม่พูดอะไรเธอเดาด้วยสัญชาตญาณล้วนๆ ว่าหนุ่มหล่อที่ดูเถื่อนๆคนนี้ต้องเป็นอะไรมากกว่าเพื่อนเลิฟแน่ๆ คิดแล้วก็อิจฉาหนุ่มน้อยหน้าหวานพนักงานร้านคนนี้ เที่ยงก็มีหนุ่มหล่อมารับไปกินข้าวตกบ่ายก็มีหนุ่มหล่อมาส่งที่ร้าน แถมหล่อกว่าคนเมื่อตอนเที่ยงซะอีก

   “เดี๋ยวกูรอ” ปอว่าขึ้นนิ่งๆ

   “รอทำไม..ไม่ต้องรอ”

   “กลับพร้อมกู”

   “ไม่เอากูกลับเองได้”

   “5 โมงกูมารับ” ปอตัดบทไม่ให้เลิฟเถียงต่อ

   “เออแม่ง!!! อยากรอก็รอ” เลิฟว่าเสียงสะบัดแล้วหันหลังเดินเข้าไปหลังร้าน  เขาโคตรหงุดหงิดที่ขัดใจไอ้ปอไม่ได้ ไม่รู้ทำไมเหมือนกันถึงขัดใจมันไม่ได้สักที พอจะขัดใจมันก็จะชอบทำตาดุๆใส่แล้วเขาก็ต้องยอมทุกที แม่ง!!!!!! แล้วนี่ก็ไม่รู้ว่ามันจะมารอทำไมไม่ได้อยากให้รอสักหน่อย

   เมย์มองตามหลังเลิฟที่เดินกระฟัดกระเฟียดเข้าไปในร้านแล้วยิ้มขำ เจ้าตัวจะรู้ไหมว่าตัวเองทำหน้ายังไง ท่าทางน้ำเสียงเหวี่ยงๆไม่พอใจที่เขาจะรอ แต่หน้านี่มีความสุขแบบปิดไม่มิด กลั้นยิ้มจนหน้าแดงไปหมดแล้วน่ะ

   “เดี๋ยวน้องปอรอในร้านก็ได้นะคะ” เมย์หันมาบอกปอยิ้มๆ

   “ขอบคุณครับ” ปอค้อมหัวให้เมย์นิดๆ

   เมย์ส่งยิ้มให้อีกครั้งก่อนจะเดินกลับไปที่เคาท์เตอร์ ใจจริงเธออยากจะจับเลิฟมานั่งซักฟอกซะให้เข็ด ว่าทำไมตอนออกไปกินข้าวไปกับอีกคนพอกลับถึงกลับมากับอีกคนได้ แถมดูท่าว่าพ่อหน้าหล่อตาดุคนนี้จะมีซัมติงอะไรกับเลิฟซะด้วย ก็อาการน้องเลิฟของเธอออกซะขนาดนั้นหน้าตามีความสุขยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ทำตัวเหวี่ยงงี่เง่าเอาแต่ใจปกติเคยเป็นที่ไหนกัน เลิฟไม่เคยแสดงอาการแบบนี้กับใครเลยนะตั้งแต่เธอรู้จักมา

   เลิฟเป็นเด็กว่าง่ายไม่เอาแต่ใจแล้วก็ไม่เถียง เคยเห็นเถียงบ้างเวลาอยู่กับกลุ่มเพื่อนสนิทแต่ก็ไม่ขนาดนี้ แสดงว่ากับคนนี้มันต้องมีอะไรแน่ๆ หรือว่ายุงตัวที่กัดคอจนแดงไปหมดจะเป็นยุงตัวนี้นะ

   เมย์เหลือบตาไปมองปอที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนโซฟามุมร้านแล้วถอนหายใจเบาๆ เมื่อไหร่กันนะเธอจะมียุงหล่อๆแบบนี้มากัดจนคอแดงบ้างอิจฉาน้องเลิฟชะมัด

...
...

   รถยนต์เคลื่อนตัวเข้ามาจอดที่ลานจอดรถก่อนจะดับสนิท ปอก้มลงมองเบาะนั่งข้างๆก็เห็นคนตัวเล็กหลับตาพริ้มมีความสุขอยู่ เขานั่งรอไอ้เลิฟจนมันเลิกงาน ระหว่างนั่งรอก็มีพี่เจ้าของร้านที่ชื่อเมย์เดินมาชวนคุยบ้าง บางทีก็มองมาที่เขาด้วยสายตาแปลกๆ สายตาแบบรู้ทันและมีแววล้อเลียนในนั้น บางทีก็ยิ้มๆคือกูโคตรสงสัยกับรอยยิ้มว่ะครับ

   เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองต้องไปทนนั่งรอไอ้เลิฟเลิกงานตั้ง 4-5 ชั่วโมงเหมือนกัน  รู้ตัวอีกทีก็เดินตามมันไปแถมมานั่งเฝ้ามันเหมือนผัวเฝ้าเมียไม่มีผิด พอเลิกงานมันก็ยังจะกวนประสาทจะไม่ยอมกลับพร้อมเขา ทั้งๆที่รอมันตั้งนานเกือบได้บีบคอกันตายคาร้าน ลากออกมาได้เรื่องก็ไม่จบแค่นั้นชวนกินข้าวเหตุการณ์เหมือนตอนเที่ยงเด๊ะๆ กว่าจะได้กินนู้นครับเดินเกือบทั้งห้างยังไม่พอนะมันชวนไปกินไอติมต่ออีก แดกเก่งฉิบหาย

   กินเสร็จกว่าจะลากมันขึ้นรถได้ก็เกือบตาย ทำท่าเหมือนจะโดนลากไปข่มขืนใครจะทำวะ (วันนั้นไม่ได้ตั้งใจครับ) พอขึ้นรถได้มันก็แหกปากโวยวายลั่นรถสุดท้ายก็หลับไป อยู่กับมันวันเดียวเหมือนตัวเองใกล้จะเป็นโรคประสาทเอาแต่ใจฉิบหาย แต่ที่แปลกคือกูนี่แหละครับไม่รู้จะตามใจมันทำไม

   “เลิฟ ไอ้เลิฟ ตื่น” ปอตบที่แก้มเลิฟนิดๆเพื่อปลุกให้ตื่น ก่อนจะก้มไปปลดเข็มขัดออกให้

   “อื้อ...ถึงไหนแล้วอ่ะ” เลิฟงัวเงียเอามือขยี้ตาไปมา ตาปรือมองไปที่หน้าปอเพราะยังตื่นไม่เต็มที่

   “คอนโดกู” ปอเอื้อมมือไปดึงมือเลิฟออกจากตา ขยี้ห่าอะไรขนาดนั้นวะตาแดงหมดละ

   “เฮ้ย!! มาคอนโดมึงไมอ่ะ ทำไมมึงไม่ไปส่งกูที่หอ” เลิฟถึงกับตื่นเต็มตาพอรู้ว่าอยู่ที่ไหน

   “กูไปหอมึงไม่ถูก” ปอว่า

   “มึงไม่ถามอ่ะ”

   “มึงหลับ”

   “ทำไมมึงไม่ปลุกเล่า!!!” เลิฟว่าหน้างอ

   “................” ปอได้แต่ส่ายหัวเปิดประตูเดินลงจากรถ คือกูขี้เกียจเถียงครับ

   เลิฟเห็นปอเดินลงจากรถไปแบบไม่สนใจตัวเอง ก็ได้แต่นั่งทำตาโตนั่งอึ้งมองตามหลังปอ ก่อนจะรีบพาตัวเองลงจากรถเดินตามปอไป

   “เดี๋ยว!!! ไปส่งกูก่อน” เลิฟดึงแขนปอไว้แรงๆ

   “ไม่”

   “ไปส่งกูเดี๋ยวนี้” เลิฟว่าอย่างหงุดหงิด

   “ทำไมกูต้องไปส่งมึง”

   “ก็มึงเป็นคนพากูมานะเว้ยมึงต้องไปส่งกูดิ”

   “แต่ตอนนี้กูขี้เกียจ” ปอว่าแล้วหันหลังเดินต่อ

   “เฮ้ย!!! พรุ่งนี้กูมีเรียนเช้า” เลิฟวิ่งมาดักหน้าปอไม่ให้เดินต่อ

   “แล้วไงอยากกลับมึงก็ลงไปโบกแท็กซี่หน้าคอนโด” ปอว่าหน้าตายดันเลิฟที่ขวางทางออก

   “มึงเห็นไหมฝนมันตก!!!!” เลิฟตะโกนว่าแบบเหลืออด ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ลานจอดรถเลยรู้ว่าฝนตกชัดเจนทั้งภาพและเสียง

   “เรื่องของมึง” ปอว่าแล้วเดินไปกดลิฟท์รอสักพักลิฟท์ก็ลงมาถึง ปอก็เดินเข้าไปในลิฟท์แบบไม่ได้สนใจเลิฟเลยสักนิด

   “มึงจะยืนหมุนอีกนานไหมจะกลับหรือจะขึ้นไปกับกู” ปอชะโงกหน้าออกจากลิฟท์มาตะโกนถามเลิฟที่ยืนหันรีหันขวางอยู่ข้างนอก เลิฟหันมามองหน้าปอนิดๆก่อนจะเดินหน้างอกระทืบส้นเท้าเดินเข้าลิฟท์

   “ไอ้เหี้ย” เลิฟหันมาด่าทันทีที่เข้ามาในลิฟท์เพราะขัดใจ จะเดินไปโบกรถหน้าคอนโดกลับหอก็คงยาก ฝนแม่งตกอย่างกับฟ้ารั่วแถมมีซาวน์เอฟเฟคเป็นเสียงฟ้าผ่า มีซีจีฟ้าแล่บเป็นฉากประกอบอีกต่างหาก ใครแม่งจะกล้าเดินออกไปวะ

   “ปากมึงนี่นะ” ปอยกมือขึ้นดึงปากยื่นๆของเลิฟอย่างหมั่นไส้ อย่าคิดว่าดึงเบาๆแบบหยอกล้อนะครับกูดึงแบบเต็มแรงเลย ชอบทำปากดีนักกูจะดึงให้ขาดเลย

   “โอ้ย!!! ไอ้......” เลิฟแหกปากเสียงดังเพราะเจ็บที่โดนดึงปาก อ้าปากจะด่าแต่ก็ต้องหุบทันควันเพราะปอทำตาดุใส่

   “อะไร” เลิฟเงยหน้าขึ้นถามปอเพราะเห็นคนตัวโตก้มลงมามอง

   “มึงจะเบียดกูทำไม” ปอมองคนตัวเล็กที่ยืนเบียดตัวเองอยู่ คือลิฟท์แม่งก็กว้างคนอื่นก็ไม่มี มันจะมายืนเบียดเขาทำไม

   “ใครเบียด” เลิฟเถียงแล้วขยับตัวเองออกห่างเล็กน้อย คือเล็กน้อยจริงๆจากเบียดเป็นยืนชิดแทน ปอเลยขี้เกียจจะพูดต่ออยากทำอะไรให้มันทำครับ

   ติ๊ง!!!!!!

   ประตูลิฟท์เปิดออกเมื่อถึงชั้นที่เป็นห้องของปอ เขาเดินออกจากลิฟท์แล้วเดินไปเปิดประตูห้องที่อยู่ตรงซ้ายมือ มีเลิฟเดินตามมาเงียบๆ

   ตอนนี้เลิฟเข้ามายืนอยู่ในห้องของปอแล้วสายตาคอยจ้องไปที่ปออย่างระแวง ทางด้านปอที่เห็นเลิฟยืนห่างกับตัวเองเป็นวาแถมทำตัวระแวงเขาซะเต็มที่แบบนั้นก็นึกขำในใจ มันคิดว่าถ้าเขาจะทำอะไรมันจริงๆมันอยู่ในห้องเขาขนาดนี้มันจะรอดหรอวะ

   ปอส่ายหัวนิดๆกับความคิดเด็กๆของเลิฟ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องนอนเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำ ทิ้งให้อีกคนยืนระแวงอยู่นอกห้องแบบนั้น ให้มันระแวงให้พอครับเพราะแม่งไม่มีประโยชน์ ถ้ากูจะเอาซะอย่างระแวงไปก็เท่านั้น

   เลิฟยืนหมุนตัวอยู่ในห้องปอเพราะทำตัวไม่ถูก ยืนอยู่ตรงนั้นสักพักก็ไม่เห็นไอ้ปอโผล่หัวมาสักที เลยตัดสินใจย่องไปแอบดูที่ห้องนอน ปรากฎว่าได้ยินเสียงน้ำดังออกมาเบาๆ แสดงว่ามันเข้าไปอาบน้ำแล้วทำไมมันไม่บอกเขาวะปล่อยให้ยืนระแวงอยู่ได้ตั้งนาน เลิฟคิดอย่างหงุดหงิดก่อนจะเดินกระแทกส้นเท้ามานั่งที่โซฟาข้างนอก

   นั่งไปสักพักก็เริ่มสัปหงกเพราะยังง่วงอยู่ ประกอบกับเพลียจากการทำงานและร่างกายที่ไม่เต็มร้อยเท่าไหร่ เห็นเดินไปไหนมาไหนได้นี่ไม่ใช่ว่าปกติดีแล้วนะแค่ฝืนตัวเองเท่านั้นแหละ พอหมดวันสภาพเลยเป็นแบบที่เห็นง่วงนอนชะมัด

   “ถ้าจะนอนก็ไปอาบน้ำ” ปอที่เดินมาดูข้างนอกก็เห็นว่าเลิฟนั่งสัปหงกอยู่บนโซฟา

   “ไม่เอาจะกลับบ้าน” เลิฟตอบกลับเสียงอู้อี้ เงยหน้าขึ้นไปก็เจอปอยืนเปลือยท่อนบน ใส่แค่กางเกงนอนขายาวตัวเดียวยืนค้ำหัวตัวเองอยู่

   “ไปอาบน้ำ” ปอบอกเสียงนิ่งๆ

   “ไม่เอาจะกลับบ้าน” เลิฟเถียงทั้งๆที่ตาจะปิด

   ปอเลยตัดสินใจกระชากแขนเลิฟให้ลุกขึ้นจากโซฟา ก่อนจะลากเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอน พยายามไม่สนใจเสียงโวยวายของเลิฟ ลากเข้าห้องน้ำได้แล้วเขาก็ออกมานั่งรอข้างนอก คุยกับไอ้เลิฟมากไม่ได้ครับแม่งชอบเถียง

   ไม่นานนักเลิฟก็ออกมาจากห้องน้ำในสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียว เขาค่อยๆเดินออกมาจากห้องน้ำคอยระแวงปอไปด้วย พยายามเดินให้ห่างๆไอ้ปอที่นั่งอยู่ปลายเตียง ได้อาบน้ำไปตอนนี้ตื่นเต็มตาเลยครับ

   “มึงเป็นอะไร” ปอถามเลิฟที่ยืนกอดอกอยู่มุมห้อง

   “ป๊าววว” เลิฟปฏิเสธเสียงสูง

   “ไม่เป็นไรมึงไปยืนตรงนั้นทำไม มานี่ดิ๊” ปอว่าพร้อมกับกวักมือเรียกแต่เลิฟยืนนิ่งส่ายหัวไปมา ปอเลยตัดสินใจลุกไปดึงแขนเลิฟให้เดินมาที่เตียง

   “ปล่อยกูนะไอ้เหี้ย มะ...มึงจะทำอะไร” เลิฟถึงกับเสียงสั่นตาเหลือกที่ปอลากเขามาที่เตียง

   “ทำอะไร” ปอถึงกับงง เขากะว่าจะหาเสื้อผ้าให้มันใส่เดี๋ยวแม่งไม่สบาย ดันทำหน้าเหมือนจะตาย

   “ก็มึงจะทำอะไรกูล่ะกูบอกมึงไว้ก่อนนะว่ากูไม่ยอม แล้วกูจะไม่มีอารมณ์ร่วมอะไรกับมึงทั้งนั้น” เลิฟว่าเสียงดังพยายามขืนตัวออกจากมือปอ

   “ห๊ะ.....ฮ่าๆๆ” ปอถึงกับหลุดขำ นี่แม่งคิดว่าเขาจะเอามันจริงๆใช่ไหมเนี่ย

   “หัวเราะไรวะ” เลิฟถามหงุดหงิดที่เห็นปอหัวเราะตัวเอง

   “มาดูกันว่ามึงจะไม่มีอารมณ์ร่วมจริงไหม” ปอว่าแค่นั้นแล้วก็เหวี่ยงเลิฟขึ้นเตียงก่อนจะเอาตัวคร่อมทับไว้ ไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรมันเลยนะแต่แม่งเสือกท้าทาย

   “เออ!!! ไม่มีทาง ไม่รู้สึกโว๊ย!!!!” ตะโกนใส่หน้าปอ

   ปอหรี่ตามองมองเลิฟที่จ้องตากับเขานิดๆก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากจับแขนเลิฟขึงไว้กับเตียงแน่นแล้วค่อยๆโน้มตัวลงไปหาช้าๆ เลิฟถึงกับเม้มปากแน่นหลับตาปี๋เพราะความกลัว

   ปอที่เห็นท่าทางของเลิฟก็ยิ้มขำ แต่อย่าได้คิดว่าเขาจะปล่อยเพราะเห็นท่าทางกลัวๆของมันนะครับ กูเป็นพระเอกแต่กูไม่ใช่คนดีแม่งนอนอยู่บนเตียงขนาดนี้ ไม่เอาก็โง่แล้วครับ!!

   ปอใช้สายตาสำรวจร่างกายของเลิฟด้วยสายตาหื่นๆ คราวที่แล้วที่ได้มันไปเขาไม่ได้สำรวจอะไรมากมาย รอบนี้พอได้มองเต็มๆตาถึงได้รู้ว่าไอ้เลิฟมันโคตรขาว ผิวโคตรเนียนขนนี่แทบไม่มีให้เห็น ตกลงนี่แม่งผู้ชายจริงป่ะวะ แถมตัวก็นิ่มจับไปตรงไหนแม่งนิ่มมือไปหมด คิดแล้วขึ้นครับ

   ปอโน้มตัวลงไปซุกไซร้ที่ซอกคอได้กลิ่นสบู่อาบน้ำจางๆกลิ่นเดียวกับที่เขาใช้ประจำ แต่ก่อนมันไม่เห็นหอมขนาดนี้นะแต่พออยู่บนตัวไอ้เลิฟ แม่งโคตรหอมกระตุ้นอารมณ์ดีฉิบหาย เขาจูบซับไปที่ต้นคอเบาๆก่อนจะดูดเม้มจนเกิดเป็นรอยแดง ที่คอมันก็มีรอยอยู่แล้วเพิ่มไปอีกก็ไม่น่าจะเป็นไร

   ปอจูบไล่ลงมาจนถึงหน้าอก เห็นจุกนมสีชมพูอยู่ตรงหน้าก็จัดการตวัดลิ้นเลียเบาๆอย่างหยอกล้อ อีกข้างก็ใช้ปลายนิ้วสะกิดจนมันแข็งเป็นไต จากนั้นก็สลับข้างดูดเม้มยอดอกอย่างหื่นกระหาย ก่อนจะค่อยๆจูบไล่ลงมาที่หน้าท้องใช้ลิ้นเลียวนสะดือเป็นการกระตุ้น สายตาก็คอยเหลือบมองปฏิกริยาของเลิฟเป็นระยะ

   เลิฟที่โดนปอปลุกเร้าก็นอนนิ่งๆพยายามไม่แสดงอาการอะไรออกไป ทั้งๆที่ตอนนี้เขารู้สึกเสียวจนขนลุกไปหมด ยิ่งไอ้ปอมันจูบแผ่วๆไล่ลงไปตามตัวเรื่อยๆเหมือนจะแกล้ง มันยิ่งทำให้เขาเกิดอารมณ์

   “หึ” ปอมองเลิฟที่ตอนนี้นอนกัดปากตัวเองกลั้นเสียงร้องอย่างขำๆ มาดูกันว่าแม่งจะทนได้นานแค่ไหน

   ปอปลดผ้าเช็ดตัวออกจากเลิฟก่อนจะเหวี่ยงทิ้ง เขามองเลิฟที่ตอนนี้นอนบิดจนตัวขึ้นสีชมพูไปหมด ก่อนจะก้มลงจูบซับที่ต้นขาด้านในของเลิฟสลับกับดูดเม้มแรงๆจนเกิดรอยแดง จูบเม้มไปเรื่อยๆทั้งสองข้างแต่ไม่เฉียดเข้าใกล้แก่นกายของคนตัวเล็กเลยสักนิด ก่อนจะวกไล่จูบขึ้นมาข้างบนแล้วอ้าปากงับยอดอกดูดกลืนมันอย่างกระหายสลับกันไปมาทั้งสองข้าง ส่วนมือก็เลื่อนลงไปบีบเค้นสะโพกบางเต็มแรง

   เลิฟถึงกับบิดตัวไปมาบนเตียงเพราะความเสียว แก่นกายเริ่มตื่นตัวขยายขนาดผงกหัวขึ้นมา แต่เจ้าตัวยังคงกลั้นเสียงร้องไว้เต็มที่ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเกิดอารมณ์สุดๆ แต่ตาก็ยังปิดสนิทไม่ยอมลืมขึ้นมามองหน้าปอ

   ปอที่เห็นเลิฟพยายามกลั้นเสียงร้องก็นึกอยากแกล้ง เขาเอื้อมฝ่ามือลงไปหาแก่นกายเล็กข้างล่างแล้วนวดคลึงมันเบาๆ ก่อนจะกุมมันไว้ในฝ่ามือแล้วสาวขึ้นลงช้าๆ

   เลิฟถึงกับผวาเฮือกเมื่อฝ่ามือของปอกอบกุมที่แก่นกาย แถมยังขยับมันขึ้นลงเบาๆเหมือนจะแกล้ง เขายิ่งบิดตัวดิ้นพล่านไปมาบนเตียง สองมือเล็กที่ได้รับอิสระยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองไว้แน่น  ไม่ยอมให้มีเสียงครางเล็ดลอดออกมา ลมหายใจถี่แรงเพราะความเสียวที่เพิ่มขึ้นสูง แต่แล้วทุกอย่างก็หยุดชะงักสวรรค์ที่กำลังจะได้สัมผัสถึงกับล่มลงตรงหน้า

   “ทำไม” เลิฟปรือตาขึ้นมามองหน้าปอด้วยความไม่เข้าใจ ดวงตาฉ่ำวาวด้วยน้ำใสๆเพราะถูกขัดอารมณ์ ปากบางเผยอขึ้นนิดๆอย่างเหนื่อยหอบ

   “พูดขอกูดีๆ” ปอพูดเสียงแหบพร่า

   เลิฟที่ได้ยินแบบนั้นก็หงุดหงิดเอื้อมมือลงมาตั้งใจจะทำเอง เพราะต้องการปลดปล่อยเต็มที่ แต่ปอไม่ยอมใช้มือข้างที่ว่างรวบแขนเลิฟไปตรึงไว้เหนือหัว

   “ปล่อยกูนะ”

   “ไม่” ปอว่าก่อนจะก้มลงไปเลียจุกนมสองข้าง ใช้นิ้วโป้งหมุนวนที่ส่วนหัวของแก่นกายเล็กในมือเบาๆเป็นการกระตุ้น

   “อื้อ” เลิฟดิ้นพล่านไปมาเพราะอยากปลดปล่อยจนน้ำตาซึมที่หางตา

   “เร็ว” ปอว่าเสียงเข้ม

   ตอนนี้เขาปวดหนึบที่ข้างล่างไปหมด ยิ่งมาเห็นเห็นมันนอนบิดตัวแดงช้อนตามองแบบนี้  โคตรอยากจะกระแทกเข้าไปแรงๆแต่ก็ต้องอดทนไว้ เพราะต้องการให้เลิฟเป็นฝ่ายร้องขอมือเขาก็บีบที่ข้างล่างของไอ้เลิฟแรงๆ เห็นน้ำปริ่มๆขึ้นมาที่ส่วนปลายแต่เขาเอานิ้วโป้งกดปิดมันไว้ ถ้าวันนี้มันไม่ขอก็ไม่ต้องเสร็จไปด้วยกันเนี่ยแหละ

   เลิฟช้อนตาที่คลอไปด้วยน้ำใสๆขึ้นมองปออย่างทรมาน เขารู้สึกอึดอัดอยากปลดปล่อยเต็มที่แต่ไอ้ปอมันไม่ยอม เลิฟกัดปากตัวเองแน่นก่อนจะอ้าปากพูด

   “ปออย่าแกล้งเลิฟช่วยเลิฟนะครับ”

   เสียงอ้อนๆที่เปล่งออกมาเล่นเอาความอดทนของปอถึงกับหมด ฉิบหายแล้วครับใครบอกให้แม่งอ้อนวะกูแค่บอกให้มึงพูดดีๆ ปอจัดการขยับแก่นกายเล็กในมือรัวเร็ว จนในที่สุดมันก็กระตุกนิดๆปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาเต็มมือเขา

   “อ๊าาาาาา” เลิฟครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เพราะได้รับการปลดปล่อย นอนหายใจรวยรินหอบเหนื่อยอยู่บนเตียง

   ปอมองภาพตรงหน้าด้วยอารมณ์ร้อนแรงเขาขยับตัวลงมายืนข้างเตียงถอดกางเกงทิ้ง ก่อนจะขึ้นมาคร่อมคนตัวเล็กก้มลงจูบปากแลกลิ้นอย่างเร่าร้อน ผละออกมาเล็กน้อยแล้วใช้นิ้วป้ายเอาน้ำรักของตัวเล็ก จัดการดันมันเข้าไปที่ด้านหลังเบาๆ

   “อ่ะ...เจ็บ” เลิฟครางแผ่วเบาน้ำใสๆเริ่มคลอที่ขอบตาอีกครั้ง

   “แป๊บเดียว” ปอกระซิบที่ข้างหูเสียงพร่าก่อนจะใช้ลิ้นเลียกระตุ้น พอเห็นว่าคนตัวเล็กเลิฟผ่อนคลายเขาก็เพิ่มนิ้วที่สองและสามเข้าไป ขยับเข้าออกเบาๆก่อนจะดึงออกจับขาคนตัวเล็กออกกว้าง จับแก่นกายของตัวเองที่ตอนนี้บวมเป่งไปหมดถูวนที่ด้านหลังไปมา แล้วค่อยๆกดมันเข้าไปข้างใน

   “อ่าาา...เจ็บ” เลิฟครางด้วยความเจ็บฝ่ามือเล็กพยายามดันหน้าท้องปอเอาไว้

   “แน่นฉิบ” ปอสบถในลำคอเบาๆ ตอนนี้เขาเข้าไปได้แค่ส่วนหัวเท่านั้น แก่นกายมันปวดหนึบไปหมดอยากจะปลดปล่อยเต็มที่ แถมข้างในไอ้เลิฟมันตอดรัดเขาถี่ยิบทุกทาง

   ปอก้มลงไปจูบเลิฟเพื่อคลายความเจ็บมือก็สะกิดที่ยอดอกให้ เมื่อเห็นว่าเลิฟเผลอเขาก็จัดการกระแทกแก่นกายเข้ามาข้างในทีเดียว เล่นเอาเลิฟที่จูบกับปออยู่ถึงกับดิ้นส่งเสียงอู้อี้ในลำคอเพราะความเจ็บ

   ปึก!!!!!

   เลิฟยกฝ่ามือฟาดเข้าที่หน้าอกปอเต็มแรงเพราะทั้งเจ็บและจุก ปอก้มมองหน้าเลิฟแล้วแช่ตัวเองค้างไว้นิ่งๆ จนเห็นว่าเลิฟผ่อนคลายเขาก็ดึงตัวเองออกมาจนสุด ก่อนจะกระแทกเข้าไปเน้นๆอยู่อย่างนั้นสักพัก จากนั้นก็ซอยกระแทกเข้าไปแรงๆจนตัวเลิฟสั่นคลอนไปหมด

   “อ๊ะๆ...อ๊าาาาา” เลิฟปล่อยเสียงครางระงมดังลั่นไปหมดเพราะความเสียว

   ทางด้านปอเองก็รัวกระแทกใส่ไม่ยั้งชนิดที่ว่าแรงมีเท่าไหร่อัดใส่ให้เต็มแม็ก ยิ่งด้านหลังของคนตัวเล็กที่ตอดขมิบเขาทุกครั้งที่ขยับกระแทกมันยิ่งได้อารมณ์ เหงื่อไหลซึมลงมาตามตัวตัวจนมันแผล่บ รู้สึกแสบนิดๆเวลามันไหลมาโดนแผลที่โดนอีกฝ่ายใช้เล็บจิก

   เขาถอนตัวเองออกมาจัดการพลิกให้คนตัวเล็กคว่ำหน้าลงคุกเข่า จากนั้นก็อัดกระแทกแก่นกายเข้าไปแรงๆใส่ไม่ยั้ง เสียงเนื้อกระทบเนื้อผสมกับเสียงครางของคนด้านล่างดังระงมไปหมด เลิฟจิกมือกับผ้าปูที่นอนแน่นเพราะอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูงก่อนจะกระตุกนิดๆแล้วปลดปล่อยออกมา

   ด้านหลังยังคงตอดรัดแก่นกายปอถี่ยิบ กำลังจะทรุดลงไปนอนกับที่นอนเพราะความเหนื่อยแต่ปอคว้าเอวคนตัวเล็กไว้ทัน ก่อนจะบดกระแทกถี่ยิบด้วยความแรงและปลดปล่อยเข้าไปด้านในคนตัวเล็กจนล้นออกมา ส่วนเลิฟเองก็ปลดปล่อยออกมาอีกครั้งแล้วทรุดตัวลงไปนอนกับที่นอนอย่างหมดแรง

   ปอดึงแก่นกายตัวเองออกมาลมหายใจหอบเหนื่อย ก่อนจะอุ้มคนตัวเล็กเข้าห้องน้ำเพื่อทำความสะอาด ใจจริงอยากจะต่ออีกแต่ไอ้เลิฟมันมีเรียนเช้าเขาเลยต้องยอมปล่อย อาบน้ำให้เสร็จก็อุ้มคนตัวเล็กออกมาจากห้องน้ำ ที่ตอนนี้เจ้าตัวหลับคาอกเขาไปแล้ว จัดการแต่งตัวให้ก็พาขึ้นมานอนแล้วดึงคนตัวเล็กเข้ามากอด เจ้าตัวเองก็หันหน้าซุกอกเขาเหมือนกัน

   ปอมองหน้าเลิฟในอ้อมแขนด้วยความรู้สึกแปลกๆในหัวใจที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ก่อนจะหลับตามไปในเวลาไม่นาน

2 Be Con...

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
โชนโดนทิ้งอีกแล้ว 5555 น่าสงสาร

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กับดักที่
- 13 -



               เลิฟรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่ ดวงตากระพริบถี่ๆเพื่อปรับให้ชิน ภาพแรกที่มองเห็นคือแผ่นอกกว้างของอีกคน เลื่อนสายตาไล่สำรวจร่างกายของคนตรงหน้าช้าๆ มองเห็นรอยสักรูปมังกรขนาดเล็กที่ไหปลาร้าถึงช่วงต้นคอ มองเลยขึ้นไปเรื่อยๆก็เจอใบหน้าหล่อคมเข้มนอนหลับอย่างมีความสุข ดวงตาทั้งสองข้างที่ฉายแววดุตลอดเวลากำลังปิดสนิท สัมผัสหนักๆที่ช่วงเอวทำให้รู้ว่าเขากำลังนอนอยู่ในอ้อมแขนของอีกฝ่าย

               “เฮ้ออออออออออ” เลิฟถอนหายใจน้อยๆก่อนจะยกมือขึ้นมาแตะที่ปลายจมูกโด่งของคนตัวโตเบาๆ

               เมื่อคืนเขานอนกับไอ้ปออีกแล้วทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะไม่ยอมมันผลสุดท้ายเขาก็เสร็จมันจนได้ ก้มลงมองที่ตัวเองก็เห็นว่าใส่เสื้อยืดตัวใหญ่อยู่คงจะเป็นเสื้อมันนั่นแหละ แสดงว่าเมื่อคืนไอ้ปอเป็นคนอาบน้ำแต่งตัวให้เขาสินะ คิดมาถึงตรงนี้ก็หน้าแดงทำไมเขาถึงได้หลับรู้เรื่องขนาดนี้นะ แถมหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้

               “ซี๊ดดด” เลิฟส่งเสียงออกมาเล็กน้อยเพราะความเจ็บ หลังจากพยายามพลิกตัวออกจากอ้อมแขนปอ

               เขารู้สึกเมื่อยขบตามตัวไปหมดแต่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไรดีกว่าคืนนั้นเยอะ รู้สึกขัดๆและแสบที่ช่องทางด้านหลังนิดๆเหลือบมองดูนาฬิกาที่ผนังพึ่งจะ 6 โมงเช้า เพราะในห้องปิดม่านทึบหมดทำให้เขามองไม่เห็นแสงจากภายนอก รู้สึกง่วงนิดๆแต่ก็ต้องตื่นเพราะวันนี้เขามีเรียนเช้า

               “ปอ..ปอ..ตื่น” เลิฟเขย่าแขนคนตัวโตเพื่อปลุก แต่เจ้าตัวไม่แม้แต่จะรู้สึกตัวเลยสักนิด

               “ไอ้เหี้ยปอตื่น!!!!” เลิฟเลยตัดสินใจตะโกนแทนแถมฟาดเข้าไปที่แผ่นอกหนาเต็มแรง

               “โอ๊ย!!! อะไรวะ” ปอถึงกับสะดุงตื่นเพราะความเจ็บ ลืมตาขึ้นมาก็เห็นเลิฟนั่งหน้างอปากยื่นอยู่ข้างๆ

               “มึงปลุกทำไม” ปอว่าแล้วขยับลุกขึ้นนั่ง

               “กูมีเรียนเช้า”

   “แล้ว?” ปอแกล้งโง่เพราะรู้ว่าอีกคนจะให้ไปส่ง แต่อยากกวนประสาทมันก็แค่นั้น

   “ก็ไปส่งกูดิ” เลิฟหน้างอยิ่งกว่าเดิม

   “ตอนนี้กี่โมง” ปอขยับไปนั่งพิงหัวเตียง

   “6 โมงแล้วกูมีเรียนตอน 9 โมง ต้องกลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้องอีก”

   “อือ” ปอขานรับในลำคอ สายตามองสำรวจคนตัวเล็กตรงหน้าที่นั่งหัวฟู หน้ายุ่ง ปากก็ขยับบ่นงุ้งงิ้งๆไปเรื่อย รอยแดงที่คอขาวๆเห็นโคตรชัด ไหนจะแขนขาที่โผล่พ้นออกมาจากเสื้อยืดของเขานั่นอีก มองไปมองมาแม่งโคตรยั่ว พึ่งรู้นะครับว่าผู้ชายก็เซ็กซี่ได้

   “นี่มึงฟังที่กูพูดไหมเนี่ย” เลิฟว่าหน้ายุ่งเพราะเห็นปอไม่หือไม่อือกับตัวเองเลยสักนิด ทั้งๆที่เขาพูดไปตั้งเยอะ

   ปอไม่สนใจท่าทางกระเง้ากระงอดของเลิฟ เขาขยับไปอุ้มคนตัวเล็กขึ้นมานั่งบนตัก ก่อนจะก้มหน้าลงไปหอมแก้มขาวๆนั้นเต็มแรง

   ฟอดดดดด

   “มึงหอมไมอ่ะ” เลิฟเอามือจับแก้มแล้วทำตาโตมองปอ

   ปอได้แต่ยิ้มขำกับท่าทางเอ๋อๆของเลิฟ มันเป็นไอ้หนูจำไมเวลาจะกอด จะหอม จะทำห่าอะไรก็ช่าง แม่งจะต้องถามทุกครั้งว่าทำไม แต่แปลกทั้งๆที่มันเป็นคนแบบนี้ มันกลับไม่โวยวายเรื่องที่เขาเอามันเลยสักครั้ง

   “มึงมีเรียนกี่โมงนะ” ปอว่าจมูกโด่งก็ซุกไซร้ไปที่คอขาว

   “9 โมง” เลิฟว่า พยายามหดคอหนีจมูกของปอ เพราะรู้สึกจั๊กจี้และขนลุกนิดๆ

   “งั้นทัน”

   “ทันอะ...” เลิฟหน้าแดงขึ้นมาทันที เมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างตรงบั้นท้ายที่มันกำลังตื่นตัวดุนดันขึ้นมา เขาพยายามดิ้นลงจากตักแต่ก็ไปไหนไม่ได้เพราะปอกอดเอาไว้แน่น

   “อย่าดิ้น” ปอว่าเสียงเข้ม มือก็ล้วงเข้าไปในเสื้อสะกิดยอดอกเล่น จมูกโด่งก็ซุกไซร้ที่ซอกคอไปมา แล้ววกขึ้นมาหอมแก้มสูดความหอมบ้างเป็นระยะ

   “ปะ...ปล่อยนะเว้ย” เลิฟพยายามดึงมือปอที่อยู่ในเสื้อออก ตัวก็ยังพยายามดิ้นให้หลุด

   ปอผละออกจากต้นคอเลิฟเล็กน้อยแล้วจ้องไปที่ดวงตากลมโตหื่นๆ เล่นเอาเลิฟถึงกับสะดุ้งพยายามดิ้นตะเกียกตะกายลงจากตัก ปอส่ายหัวนิดๆก่อนจะบังคับถอดเสื้อออกจากตัวเลิฟ จนเหลือแค่บ๊อกเซอร์ตัวเดียว กว่าจะถอดได้ก็ยื้อยุดกันพอสมควรทำเอาผิวขาวๆของเลิฟแดงไปหมด

   เลิฟเอามือฟาดไปตามตัวตามแขนปอให้ปล่อย แต่สุดท้ายก็โดนปอรวบแขนล็อกไว้แน่นด้วยมือข้างเดียว จากนั้นปอก็ใช้มืออีกข้างที่ว่างล้วงเข้าไปในกางเกงจับแก่นกายเล็กไว้เต็มมือ แล้วขยับมันขึ้นลงช้าๆส่งลิ้นตวัดเลียที่จุกนมหยอกล้อสลับกับดูดเม้มเบาๆ

   “อื้อ....อ๊ะ...แฮ่ก” เลิฟส่งเสียงครางออกมาพร้อมกับลมหายใจหอบเหนื่อย ร่างกายที่เคยดิ้นรนขัดขืนเริ่มอ่อนระทวย ปอเลยปล่อยแขนของเลิฟที่ตัวเองจับไว้ ทำให้เลิฟเอี้ยวตัวเอามือมาจิกที่ไหล่ของปอแน่นเพื่อระบายอารมณ์ที่เริ่มพุ่งขึ้นสูง

   “อ้าปาก” ปอกระซิบสั่งที่ข้างหู ปากแดงๆก็อ้าออกตามที่สั่ง

   “เลียให้ทั่ว” ปอยัดนิ้วชี้เข้าไปที่ปากเลิฟแล้วสั่งให้เลิฟเลียมัน เจ้าตัวเลยใช้ปลายลิ้นไล่เลียตั้งแต่โคนนิ้วถึงปลายนิ้วจนทั่ว จากนั้นก็ดูดปลายนิ้วเสียงดังจ๊วบจ๊าบ เล่นเอาปอที่นั่งมองอยู่ถึงกับปวดหนึบไปทั้งช่วงล่าง สมองกำลังจินตนาการไปว่าถ้าเปลี่ยนจากนิ้วมือ มาเป็นน้องชายเขามันจะมีความสุขขนาดไหน

   ปอเพิ่มนิ้วที่สองและสามเข้าไปในปากเลิฟเพื่อให้เจ้าตัวเลียมัน ไม่นานเขาก็ดึงนิ้วทั้งหมดออกมาจากปากเล็ก ส่วนเลิฟก็หอบหายใจหนักขึ้นเรื่อยๆเพราะใกล้ปลดปล่อย

   “อื้อ....” เลิฟปลดปล่อยออกมาเต็มฝ่ามือของปอ พร้อมกับซบหน้าลงที่ซอกคอของปอด้วยความเหนื่อย

   ปอใช้มือดึงกางเกงของเลิฟทิ้งก่อนจะจับคนตัวเล็กไปนอนบนที่นอน ใจจริงเมื่อกี้เขาอยากลองให้ไอ้เลิฟออนท็อปให้สักที แต่คงต้องใช้เวลากันพอสมควรเพราะมีอะไรต้องสอนกันอีกเยอะ
 
   “มะ...ไม่เอานะ” เลิฟส่ายหัวน้อยๆบอกเสียงกระท่อนกระแท่น สบตาร้อนแรงของปออ้อนๆ

   “แล้วมึงจะให้กูทรมานแบบนี้หรอ” ปอว่าเสียงแหบพร่าแล้วคว้ามือเล็กมาสัมผัสแก่นกายบวมเป่งใต้กางเกงนอน

   “ตะ..แต่ว่าวันนี้มีเรียน” เลิฟหน้าแดงไปหมดเมื่อฝ่ามือสัมผัสแก่นกายที่กำลังดุนดันอยู่

   “รอบเดียวสัญญา” ปอก้มลงหอมแก้มเลิฟเบาๆ
 
   “แต่.....อื้อ” เลิฟกำลังจะหาเหตุผลมาอ้างก็ต้องร้องเสียงหลง เพราะปอดันนิ้วเข้ามาที่ด้านหลังโดยที่ไม่ทันตั้งตัว

   ปอดันนิ้วที่ให้เลิฟเลียเมื่อกี้เข้าไปที่ช่องทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว ขยับเข้าออกช้าๆแล้วจะเพิ่มจำนวนนิ้วเข้าไป แรงกระตุ้นทางด้านหลังทำให้แก่นกายที่สงบนิ่งของเลิฟค่อยๆกลับมาตื่นตัวอีกครั้ง

   ปอขยับนิ้วเข้าออกจนแน่ใจว่าด้านหลังของเลิฟพร้อมที่จะรับอะไรที่ใหญ่โตกว่านั้น เขาจัดการถอนนิ้วทั้งหมดออกแล้วจับแก่นกายของตัวเองที่ขยายพร้อมรบ จ่อมันไปที่ด้านหลังแล้วกดเข้าไปข้างในช้าๆ

   “อื้อ...ฮึก...เจ็บ” เลิฟสะอื้นในลำคออย่างห้ามไม่อยู่ เขาเจ็บทุกครั้งที่ปอเข้ามาข้างในก็ขนาดมันไม่ใช่เล่นๆเลย

   “อ่าาาาาา” ปอครางออกมาเสียงพร่าหลังจากที่ยัดตัวเองเข้าไปได้หมด รู้สึกได้ถึงความแน่นและแรงตอดรัดถี่ยิบภายใน
 
   “morning kiss” ปอว่าแล้วก้มลงจูบแลกลิ้นกับเลิฟอย่างดุเดือด มือหนาก็บีบเค้นไปตามลำตัวสะกิดปลายนิ้วที่จุกนมสองข้าง ด้านล่างก็ขยับเข้าออกช้าๆก่อนจะเปลี่ยนเป็นเร็วและแรงขึ้น

   “อืม...อือ...อ๊ะ..อ๊า” เสียงครางของเลิฟดังระงมทั้งห้อง ทุกครั้งที่ปอกระแทกเข้ามาด้วยความแรงมันทั้งเจ็บ ทั้งจุก ทั้งเสียวปนกันไป

   ปอเองก็ตั้งหน้ากระแทกกระทั้นรัวถี่ยิบ วันนี้เข้าไม่ได้โอ้โลมอะไรไอ้เลิฟมากเพราะไม่มีเวลา ตั้งหน้าตั้งตาเร่งเครื่องอย่างเดียวไม่นานก็รับรู้ได้ถึงแรงตอดรัดถี่ยิบ เป็นการส่งสัญญาณว่าใกล้จะปลดปล่อยของคนตัวเล็ก ปอเลยยิ่งเร่งกระแทกเข้าไปด้วยความเร็วและแรง ก่อนจะเน้นหนักอีกสองสามครั้งแล้วปลดปล่อยตามกันไปติดๆ

   “อ๊าาาาาาาาา”

   ปอถอนแก่นกายออกมาช้าๆ ก้มลงหอมแก้มชื้นเหงื่อของคนตัวเล็กแรงๆ แล้วจัดการอุ้มไปอาบน้ำล้างตัวในห้องน้ำเตรียมไปเรียน

...
...

   เลิฟก้าวเดินช้าๆเข้าไปในตึกเรียนที่คณะ เขารู้สึกปวดหนึบไปทั้งตัวด้านหลังก็เจ็บไปหมด เวลาเดินแต่ละทีมันขัดๆเหมือนมีอะไรมาเสียบคาไว้ เหลือบสายตาไปมองคนข้างๆอย่างหมั่นไส้ เมื่อเช้าบอกว่าไม่เอามันก็เอา มันบอกรอบเดียวแต่มันไปจัดในห้องน้ำให้เขาอีกรอบ ไอ้เลว ไอ้หื่น แล้วดูหน้าตามันตอนนี้ดิไอ้หน้านิ่งๆนั่นแม่งโคตรมีความสุข แต่เขาเนี่ยเป็นคนเจ็บตัว

   ปึก!!!!!!!

   เลิฟยกกำปั้นทุบเข้าไปที่อกของปอแรงๆด้วยความหมั่นไส้ปนหงุดหงิด ใจอยากจะเดินหนีเร็วๆแต่สภาพเขาตอนนี้ แค่เดินได้ปกติก็ถือว่าบุญมากแล้ว

   ปอมองหน้าคนตัวเล็กข้างๆแล้วก็ขำกับท่าทางงอนๆนั่น เมื่อเช้าเขาไม่ได้พาไอ้เลิฟกลับหอไปเปลี่ยนชุดเพราะไอ้ปิงมันมีเรียนบ่าย ถ้ายืมรถมันมาบ่ายเขาก็ต้องไปรับมันเลยตัดสินใจโบกแท็กซี่หน้าคอนโดมามหา’ลัย ส่วนชุดไอ้เลิฟมันก็ใส่ชุดเมื่อวานแต่ใส่เสื้อช็อปของเขาคลุมทับ มันก็บ่นกระปอดกระแปดโวยวายตามประสา มีวกมาด่าเขาด้วยที่เอาเปรียบมันเมื่อเช้า เอาเปรียบตรงไหนวะครับเห็นแม่งครางซะดัง

   วันนี้เขามีเรียนตอนบ่ายแต่ต้องมามหา’ลัยแต่เช้าเพราะว่ามาส่งไอ้เลิฟ จะปล่อยแม่งมาเรียนเองคนเดียวก็กลัวว่าตัวเองจะดูเหี้ยเกิน อีกอย่างเห็นท่าเดินมันแล้วอดสงสารไม่ได้ กว่าจะก้าวได้แต่ละก้าวดูทรมานสัสๆจะอุ้มมันเดินเข้ามหา’ลัยก็ไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเขาอายนะแต่ไอ้ตัวเล็กมันหน้าบาง

   ตอนนี้เขากับไอ้เลิฟเดินมานั่งที่โต๊ะใต้ตึกคณะ ส่วนไอ้เลิฟมันฟุบตัวนอนกับโต๊ะไปแล้ว เขาหันไปมองเสี้ยวหน้าที่ฟุบอยู่แล้วเอื้อมมือไปแตะที่ข้างแก้ม ตัวไอ้เลิฟมันเย็นๆหรือว่ามันจะไม่สบายหน้าก็ดูซีดๆด้วย เมื่อเช้าจะพาแวะกินข้าวมันก็ไม่ยอมกิน เขาขี้เกียจเถียงเลยตามใจมัน

   “กินอะไรรองท้องไหมวะ” ปอถามมือก็ยังลูบแก้มขาวเล่น

   “ไม่เอา...กูง่วง” เลิฟว่าเสียงอู้อี้

   “ไม่ไหวก็กลับไปนอนสภาพนี้มึงจะเรียนรู้เรื่องหรอวะ” 

   “เพราะมึงแหละ” เลิฟผงกหัวขึ้นมาตวาดเสียงเขียวแล้วฟุบตัวลงไปนอนต่อ ปากก็บ่นเสียงดังอู้อี้ออกมา

   “แม่ง!! กูปวดหัว ปวดตัวไปหมด”

   “หึ หึ” ปอขำเบาๆมือหนาก็ลูบหัวลูบแก้มคนตัวเล็กไปเรื่อยกำลังจะก้มลงหอมแก้ม ก็มีเสียงเรียกขัดจังหวะขึ้นซะก่อน

   “เลิฟ!!!!!!!” นาวตะโกนเรียกเลิฟเสียงดังก่อนจะเดินเข้ามาเร็วๆพร้อมกับพีท

   “อ้าว...พวกมึง” เลิฟเงยหน้าขึ้นมามองเพื่อน

   ตอนแรกนาวมองอยู่ไกลๆไม่แน่ใจว่าเป็นเลิฟรึเปล่าที่นอนฟุบอยู่ เพราะข้างๆมีพี่ปอนั่งอยู่ด้วยแถมยังเอามือลูบหัวเลิฟเล่นอีก พอเธอเห็นว่าพี่ปอกำลังจะก้มลงหอมแก้มเลยตัดสินใจเสี่ยงเรียกดู แล้วก็เป็นเลิฟจริงๆที่นอนฟุบอยู่คราวนี้เธอถึงกับงง พี่ปอกับเลิฟไปสนิทสนมกันตอนไหน ปกติเห็นอยู่ใกล้กันเพื่อนเธอก็จะกระโดดกัดหัวพี่เขาแล้ว

   “มึงเป็นไรวะหน้าซีดๆ” พีทเอื้อมมือมาจับหน้าผากด้วยความเป็นห่วง

   หมับ!!

   แต่ยังไม่ทันที่มือของพีทจะได้โดนหน้าของเลิฟ ก็มีมืออักคนจับที่ข้อมือของเขาไว้แน่นแล้วบีบแรงๆ พอหันไปมองก็เห็นเป็นพี่ปอที่จับมือเขาไว้แถมเพิ่มแรงบีบขึ้นเรื่อยๆ จนเขาต้องยอมถอยแล้วยกมือหนี

   “ถามก็พอไม่ต้องจับ” ปอว่าเสียงนิ่งแล้วส่งสายตาดุๆไปมองพีท

   พีทถึงกับเหวอหันไปมองหน้านาวเพื่อขอคำตอบแต่นาวเองก็หน้าเหวอไม่แพ้กัน พีทเลยได้แต่งงอยู่แบบนั้นเพราะแต่ไหนแต่ไรก็จับตัวเพื่อนเป็นเรื่องปกติ แล้วจู่ๆพี่ปอก็ไม่ให้เขาแตะทำท่าเหมือนหวงเพื่อนเขาซะอย่างนั้น มันจะเป็นไปได้ยังไงล่ะครับก็สองคนนี้มันไม่ถูกกันนี่หว่า

   “กูว่ามึงกลับไปนอนดีกว่าไหมวะ” ปอว่าอย่างเป็นห่วงเพราะหน้าเลิฟซีดมาก เอามือจับไปที่ตัวมันก็ไม่ร้อนแต่แม่งเหมือนไม่น่ารอด

   “ไม่เอาจะไปเรียน” เลิฟว่า เขาขาดเรียนไม่ได้หรอกยิ่งโง่ๆอยู่

   “แม่งดื้อ” ปอส่ายหัวหน่ายๆกับความดื้อของเลิฟ

   “เดี๋ยวกูรอกินข้าวเที่ยง”

   “อื้อ” เลิฟยักหน้ารับ ปอเลยก้มลงไปหอมแก้มเลิฟเบาๆ

   นาวกับพีทยืนเหวอตาโตเท่าไข่ห่านมองภาพตรงหน้าเหมือนเห็นผี ก่อนจะหันมองหน้ากันสองคนด้วยความงง สองคนนี้ไปสนิทกันขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ สิ่งที่ทั้งคู่ทำมันไม่ต่างจากคนเป็นแฟนกันเลยนะ ตัวเลิฟเองก็ไม่ได้ขัดขืนแถมทำท่าอ้อนๆใส่พี่ปออีก ไหนจะไอ้รอยแดงเป็นจ้ำที่มีให้เห็นทั่วคอ ไม่เจอกันแค่สองวันมันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย

   “ฝากมันด้วยนะ” ปอหันกลับมาบอกกับนาวที่ยืนเอ๋ออยู่

   “คะ...ค่ะ ป่ะเลิฟไปเรียนกัน” นาวว่าตะกุกตะกักแล้วมาดึงมือเลิฟไปเรียน ตอนนี้มันมีคำถามลอยอยู่เต็มหัวไปหมด แต่เธอไม่รู้จะเริ่มจากคำถามไหนดีจริงๆ

...
...

   ตอนเที่ยงเลิฟเดินลงมาด้วยสภาพสะโหลสะเหลยิ่งกว่าเมื่อเช้า สายตากวาดไปทั่วโรงอาหารเพื่อมองหาปอ จริงๆเขาโทรหามันแล้วแต่มันไม่รับ ที่มองหาไม่ใช่ว่าพิศวาสอะไรนะจะหาคนเลี้ยงข้าวต่างหาก

   เมื่อเช้าระหว่างที่นั่งเรียนเขาก็เจอสายตาที่มองมาแบบทิ่มแทงของเพื่อนทั้งคู่ พวกมันมองเขาด้วยความสงสัยโดยเฉพาะไอ้นาว มันมองซะจนเขานึกว่าตัวจะพรุนเพราะสายตามัน พวกมันเหมือนมีเรื่องอยากถามแต่ก็ไม่ถาม ซึ่งก็ดีเพราะเขาเองก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกัน

   กวาดสายตามองไปเรื่อยๆในที่สุดเขาก็เจอกับร่างสูงของปอ มันกำลังนั่งอยู่กับเพื่อนๆของมันนั่นแหละ แต่ข้างๆตัวมันมีร่างบางคุ้นตานั่งอยู่ด้วย

   ‘ปราง’ เลิฟรู้สึกจุกและหน่วงๆในใจขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ กระบอกตามันร้อนขึ้นมาเหมือนจะร้องไห้ ยิ่งเห็นปอเอามือลูบหัวปรางเขายิ่งรู้สึกแปลกๆไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน จริงๆแล้วตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขาก็รู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งนั่นแหละที่เห็นปออยู่กับผู้หญิง แต่มันแค่ความหมั่นไส้ไม่ใช่ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้แบบนี้

   “เลิฟมึงเป็นอะไรไหวป่ะเนี่ย” นาวที่เดินตามมาทีหลังเอ่ยถามอย่างตกใจ เพราะเห็นเลิฟทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แถมหน้ายังซีดลงกว่าเดิมอีก 

   “...........” เลิฟส่ายหัวปฏิเสธแต่ไม่ได้พูดอะไร นาวพาเลิฟมานั่งที่โต๊ะแทน

   พีทที่เดินมาสมทบทีหลังเห็นเลิฟนั่งเงียบซึมกระทืออยู่ก็มองด้วยความสงสัย หันไปขอคำตอบจากนาวก็ไม่ได้อะไร ถามว่ากินอะไรไหมจะไปซื้อให้มันก็ปฏิเสธ พีทเลยต้องนั่งกินข้าวไปเงียบๆแล้วเหลือบมองหน้าเลิฟเป็นระยะ

   ความเงียบโรยตัวปกคลุมอย่างอึดอัด เลิฟเอาแต่ก้มหน้ามือสองข้างกำเข้าหากันแน่น เล็บจิกเข้าไปในเนื้อจนรู้สึกเจ็บแต่ก็ไม่ยอมปล่อย ส่วนนาวกับพีทก็นั่งกินข้าวไปเงียบๆไม่กล้าพูดอะไร

   “น้องเลิฟอยู่นี่เอง” เสียงของโชนดังขึ้นทำลายความเงียบที่น่าอึดอัดพอดี

   “พี่โชน” เลิฟเงยหน้าขึ้นมามองก็เห็นหน้าพี่รหัสของตัวเองกำลังส่งยิ้มให้

   “เป็นอะไรครับหน้าซีดๆ” โชนว่าแล้วเอามือมาอังที่หน้าผากเลิฟด้วยความป็นห่วง พยายามไม่สนใจรอยแดงที่คอนั่นมันดูชัดกว่าเมื่อวันเสาร์ซะอีก เหมือนรอยที่พึ่งจะทำขึ้นได้ไม่นาน จริงๆวันนั้นเขาก็อยากรู้ว่าเป็นรอยอะไรแต่ก็ไม่กล้าถามเลยทำมองข้ามๆไป

   “.......” เลิฟส่ายหัวตอบแล้วก้มหน้ามองมือที่ตักต่อ

   “งั้นไปกินไอติมกับพี่ไหมเราสัญญากันแล้วนะ” โชนส่งยิ้มให้ไม่ได้ถามเซ้าซี้อะไรต่อ แล้วชวนเลิฟไปกินไอศครีมแทน เพราะเมื่อวันเสาร์ตอนที่เลิฟโทรมาขอโทษน้องรับปากเขาไว้แล้ว

   “คือ..ผม...” เลิฟกำลังจะอ้าปากปฏิเสธเพราะรู้สึกไม่สบายตัว แต่ก็มีเสียงดังขึ้นบนหัวซะก่อน

   “กูรอกินข้าว” ปอว่าเสียงเย็นเหลือบสายตาผ่านแว่นมองไปที่โชน  แล้วหันมาสบตากับเลิฟที่เงยหน้ามามองตัวเองอยู่
   “กูไม่หิว” เลิฟว่าแล้วเบือนสายตาหนีปอ เพราะตอนนี้ปอยืนอยู่กับปรางที่เกาะแขนเจ้าตัวเอาไว้

   “เลิฟเป็นอะไรรึเปล่าหน้าซีดๆนะ” ปรางปล่อยมือที่เกาะแขนปอออก แล้วเอามือมาอังหน้าผากเลิฟด้วยความเป็นห่วง ส่วนเลิฟก็ได้แต่ส่ายหน้าเป็นคำตอบ

   “น้องเลิฟครับตกลงไปกินไอติมกับพี่นะ” โชนถามเลิฟเสียงอ่อนโยนแต่ตาจ้องเขม็งไปที่ปอ ซึ่งปอเองก็มองกลับด้วยแววตาเหี้ยมๆ

   พีทกับนาวที่นั่งอยู่ตรงนั้นกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก ข้าวนี่ไม่ต้องกินมันแล้วเตรียมตัวจะเผ่นทันทีที่เขาตีกัน ส่วนปรางก็นั่งถามไถ่เอามือจับไปตามตัวเลิฟด้วยความเป็นห่วง เลิฟเองก็เอาแต่ก้มหน้าไม่มองอะไร
 
   “รอกูอยู่นี่กูไปหาอาจารย์แป๊บเดียว...ปะปราง” ปอหันมาบอกเลิฟก่อนจะดึงมือปรางขึ้น ปรางหันมาส่งยิ้มให้เลิฟแล้วเกาะแขนปอเดินออกไป เลิฟเงยหน้ามองตามแผ่นหลังทั้งคู่ด้วยแววตาสั่นๆ

   “น้องเลิฟไม่เป็นไรนะ” โชนยกมือลูบหัวเลิฟเบาๆอย่างปลอบโยน

   “พี่โชนเราไปกินไอติมกันเถอะ” เลิฟพูดเสียงสั่นลุกขึ้นยืนสะพายเป้เตรียมตัวไป

   “ครับ” โชนตอบรับแล้วลุกขึ้นตามอย่างว่าง่าย

   “เฮ้ย!! เลิฟพี่ปอบอกให้มึงรอ” พีทพูดขึ้นแล้วดึงมือเลิฟเอาไว้

   “ช่างมัน” เลิฟว่าเสียงสะบัด

   “ไปครับพี่โชน” เลิฟจูงมือโชนให้เดินออกจากบริเวณนั้นทันที

   พีทพยายามร้องห้ามแต่เลิฟไม่ฟัง เดินขึ้นรถพี่โชนแล้วขับออกไปเลย ถ้าพี่ปอลงมาแล้วไม่เจอมันจะเกิดอะไรขึ้นป่ะวะ เขาไม่รู้แหละว่าพี่ปอกับเพื่อนเขาเป็นอะไรกันแต่จากสีหน้าพี่ปอเมื่อกี้ ถ้าลงมาไม่เจอไอ้เลิฟงานนี้มีคนได้เลือดแน่ๆครับเผลอๆเป็นกูก่อนเนี่ยแหละ หันไปมองหน้าไอ้นาวมันก็ส่งยิ้มแหยๆมาให้

   ‘เฮ้ออออออออออออ’


2 Be Con...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-01-2016 11:09:02 โดย matchty »

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กับดักที่
- 14 -



   หลังจากที่แยกกับเลิฟปอก็เดินมาส่งปรางที่หน้าคณะเพราะเป็นห่วงน้องสาว ตอนปรางเดินเข้ามาพวกผู้ชายที่คณะมองตามคอแทบหักแหกปากแซวกันสนั่น อย่างว่าละครับพวกวิศวะเถื่อนๆนานๆจะมีสาวสวยเดินหลงเข้ามาที่คณะ แล้วก็ยิ่งโคตรเด่นเพราะเดินมาหาไอ้แว่นแบบเขา สายตาแต่ละคนแม่งแสดงออกเลยว่าอิจฉาสัสๆ

   วันนี้ยัยปรางอุตส่าห์ลงทุนเดินมาหาเขาที่คณะ เพราะไอ้ป้องมันโทรมาบอกให้เอากุญแจรถของมันมาให้เขาใช้ (เห็นว่าตาแก่ที่บ้านหงุดหงิดพอสมควรที่ไอัป้องให้เขายืมรถ) ตอนแรกยัยปรางว่าจะกลับเลยพอรู้ว่าเขารอกินข้าวกับไอ้เลิฟ เจ้าตัวเลยไม่ยอมกลับจะรอกินข้าวด้วย ไม่รู้จะชอบอะไรไอ้เลิฟขนาดนั้น

   เขานั่งรอไอ้เลิฟอยู่กับยัยปรางสักพักพวกไอ้กิงก็ตามมา ปรางมันโดนไอ้กิงหยอดขนมจีบแซวไปเรื่อย ไอ้กิงมันโรคจิตครับชอบโดนปรางด่า พอโดนด่าแม่งก็นั่งหัวเราะมีความสุข (สองคนนี้มันสนิทกันครับ)

   รอเกือบบ่ายก็ยังไม่เห็นไอ้เลิฟมันลงมา จนไอ้ฝุ่นที่นั่งฝั่งตรงข้ามชี้มือไปที่ด้านหลังของเขา  พอหันไปมองตามเจอไอ้เหี้ยโชนเอามือแตะหน้าผากไอ้เลิฟอยู่ กำลังจะลุกไปหามันที่โต๊ะอยู่แล้วแต่ไม่ทันยัยปรางที่จัดการลากแขนเขาลุกไปเลย พวกไอ้กิงก็เลยไม่มีใครถามอะไรสักคน

   พอเห็นหน้าไอ้เหี้ยโชนใกล้ๆแบบนี้ เขาแทบจะควักลูกตาแม่งออกมาสายตาโคตรจะท้าทาย มือมันก็เหมือนกันอยากเอาแม่งมาตัดทิ้งฉิบหาย ชอบจับดีนักวันนั้นในห้างก็ทีนึงแล้ว ถ้าไม่ติดว่าไอ้ต้าเคยขอไว้กูกระทืบแม่งตั้งแต่เปิดเทอม

   หันกลับมาหาไอ้ตัวดีที่ปล่อยให้เขานั่งรอกินข้าวแต่ตัวเองเสือกมานั่งอ่อยคนอื่น ตั้งใจจะจัดการไอ้เลิฟก่อนคนแรกแต่พอเห็นหน้ามันชัดๆเล่นเอาเขาไม่กล้าทำอะไรต่อ หน้ามันซีดยิ่งกว่าเมื่อเช้าอีกแล้วสายตาที่ใช้มองมาที่เขานี่โคตรตัดพ้อ ว่าแต่แม่งน้อยใจอะไรเขากันล่ะวะ

   สุดท้ายเขาเลยบอกให้มันนั่งรอแทน เดี๋ยวค่อยกลับมาเคลียร์ครับขอไปหาอาจารย์ก่อน
   เมื่อกี้ว่าจะจับตัวมันดูหน่อยนะครับว่าตัวร้อนไหม แต่มันเสือกสะบัดหน้าหนีกูเลยไม่จับแม่ง อยากทำเหี้ยอะไรปล่อยให้ทำค่อยเคลียร์

   “พี่ปอไปไหนต่อป่ะ” เสียงอิ๊กถามปอหลังจากออกมาจากห้องอาจารย์

   “มึงมีไร”

   “ว่าจะชวนไปกินเหล้าเดี๋ยวไปชวนพวกพี่กิงเฮียอาร์ตด้วย”

   “โทษทีว่ะพอดีกูมีธุระ” ปอว่าอิ๊กก็พยักหน้ารับรู้แล้วเดินไป

   อิ๊กเรียนสาขาเดียวกันกับปอเป็นรุ่นน้องที่สนิทกันกับพวกกิง ทีแรกอิ๊กกับเพื่อนไม่ชอบปอคอยตามหาเรื่องในมหา’ลัยตลอด จนปอทนไม่ไหวเลยนัดออกมาเคลียร์ สุดท้ายก็ได้แผลกันไปบ้างนิดหน่อยประดับเกียรติยศ

   หลังจากนั้นพวกไอ้อิ๊กมันเลยเคารพเขาเป็นพี่มันอีกคน เวลามีใครมาหาเรื่องเขามันก็ลากออกไปเคลียร์ให้หมดโดยที่เขาไม่ต้องเปลืองแรงทำเอง ถ้าจะมีใครที่เขาไม่เคยจัดการอะไรเลยก็คงมีแค่ไอ้เลิฟเนี่ยแหละ แถมมันไม่เคยรู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองหวุดหวิดจะโดนตีนพวกไอ้อิ๊กหลายรอบแล้ว แต่เขาคอยห้ามเอาไว้ 

   “มันไปไหน” ปอหันไปถามพีทกับนาว เพราะเขาเดินกลับมาหาไอ้เลิฟที่เดิมแล้วไม่เห็นมัน

               “ไปแล้วพี่” พีทตอบส่งยิ้มแหยๆให้ปอ

               “ไปกับใคร” ปอถามเสียงเย็น

               “ไปกับพี่โชน”

               “...............”

               “เห็นว่าจะไปกินไอติมแต่ไม่รู้ว่าไปกินที่ไหนกันอ่ะพี่” พีทกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก ไอ้นาวที่นั่งข้างๆก็ไม่คิดจะช่วยกันตอบคำถามอะไรเลย ถ้าพี่ปอกระทืบเขาแก้โมโหจะทำไงวะดูพี่แกทำหน้าดิอย่างเหี้ยม

              ปอกำมือตัวเองแน่นจนรู้สึกเจ็บเส้นเลือดที่ขมับเต้นดังตุ๊บๆ กูบอกให้แม่งรอไม่ใช่เหรอวะแต่ไปแดกไอติมกับไอ้โชนนี่คือยังไง จะลองดีรึไงวะถึงกล้าขัดคำสั่งแล้วเสือกไปทั้งสภาพแบบนั้น มันไม่รู้ตัวรึไงว่าไอ้โชนชอบมันอยู่ ถ้าไอ้โชนจะลากมันไปทำห่าอะไรมันไม่มีปัญญาสู้แน่ๆ แม่งเถียงเก่งอย่างเดียว

               เอามือล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาจะโทรตามก็ต้องชะงักไปนิด เห็นเบอร์ไอ้เลิฟโทรมาไม่ได้รับเกือบสิบสายเมื่อตอนเที่ยง เขาปิดเสียงโทรศัพท์ไว้ตั้งแต่วันศุกร์แล้วมัวขลุกตัวอยู่กับมันนั่นแหละเลยลืมเปิด เพราะงี้รึเปล่าวะมันถึงทำหน้าแบบนั้นใส่เขางี่เง่าฉิบหายเหอะ

               แล้วนี่เขาก็เป็นห่าอะไรได้เปิดซิงไอ้เลิฟคนแรกแค่นี้ทำอย่างกับไม่เคยเปิดซิงใคร ทำไมต้องหวงต้องห่วงมันด้วยก็ไม่รู้ทั้งๆที่แต่ก่อนแม่งก็ไม่เป็น สับสนชีวิตฉิบหายตอนนี้

               “(หมายเลขที่ท่านเรียกไม่.....)” เสียงปลายสายที่ตอบกลับมา ทำให้ปอกดตัดทิ้งแล้วโทรซ้ำอยู่อย่างนั้นทั้งๆที่รู้ว่ายังไงก็โทรไม่ติดแต่เขาก็โทร อย่าให้กูเจอนะว่าอยู่ไหนกูเอาแม่งตายทั้งคู่ ปอวางสายแล้วตัดสินใจโทรหาอีกคนที่จะช่วยเขาตามหาไอ้เลิฟได้

               “มึงอยู่ไหน”

               “(สนามแข่งมีไรวะ)”

               “เด็กมึงมันเอาเด็กกูไป”

               “(เด็กกู? เด็กมึง? ใครวะ)”

               “ถ้ามึงไม่อยากให้กูกระทืบเด็กมึงตาย มึงไปลากแม่งออกไปให้ไกลๆเด็กกูเดี๋ยวนี้”

               “(เฮ้ยมึงใจเย็นๆก่อนเด็กมึงคนไหนวะ แล้วเด็กกูคนไหนที่ไปยุ่งกับเด็กมึง)”

               “ไอ้โชน”

               “(...............)”

               “หามันให้เจอก่อนที่กูจะกระทืบมัน” ปอว่าเสียงเย็น

               “(เออ...เดี๋ยวกูจัดการให้)” แล้วปลายสายก็กดตัดไป

   เขาพยายามจะไม่สนใจเรื่องไอ้โชนแล้ว แต่แม่งวอนตีนเหลือเกินหาเรื่องเขาตลอด มันคงคิดว่าเขาไม่กล้าทำอะไรมัน ถ้าไม่เพราะถูกขอไว้เขาลากมันไปกระทืบหลายรอบแล้ว

   ตั้งแต่เปิดเทอมมามันตามหาเรื่องเขาตลอด ยิ่งไอ้เลิฟมาวุ่นวายกับเขาแม่งยิ่งกวนตีนหนัก ถ้ามันรู้ว่าเขาได้ไอ้เลิฟแล้วแม่งคงบ้าหนักกว่านี้

               ปอมองโทรศัพท์ในมือเล็กน้อยก่อนจะยัดลงกระเป๋ากางเกง แล้วเดินออกมาจากตรงนั้นก้าวขาขึ้นรถแล้วขับออกไปด้วยความเร็ว ทิ้งให้นาวกับพีท  มองตามแบบหายใจไม่ทั่วท้อง

               ‘ซวยแล้วไอ้เลิฟ’ พีทคิดในใจอย่างเป็นห่วง

   นาวก็พยายามโทรหาเลิฟรู้ว่ามันปิดเครื่องแต่ก็ยังโทร เผื่อเลิฟมันเปิดเครื่องจะได้เตือนมันว่าให้หาทางหนี ทั้งๆที่พี่ปออาจจะตามหามันไม่เจอก็ได้ แต่ถ้าให้เดามันก็อยู่ที่ห้างใกล้มหา’ลัยเนี่ยแหละชัวร์ๆ นาวเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมพี่ปอต้องโมโหขนาดนั้น คือไม่เข้าใจอะไรสักอย่างเลยตอนนี้

...
...

   เลิฟนั่งซึมกระทือตักไอติมในถ้วยเล่นไปเรื่อยๆ จริงๆก็แอบกลัวเหมือนกันนะที่ขัดคำสั่งไอ้ปอแบบนี้ แต่ทำไมเขาต้องฟังมันละในเมื่อไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย คิดถึงตรงนี้ใจมันก็โหวงๆเจ็บในอกขึ้นมาดื้อๆ 
 
   ไม่รู้มันจะโมโหรึเปล่าที่เขาหายมาแต่ให้เดามันคงไม่รู้สึกอะไรหรอก ก็เขาไม่ได้เป็นอะไรกับมันนอกจากคนที่มันนอนด้วย และก็คงมีคนแบบเขาอีกเป็นสิบนั่นแหละ ทั้งๆที่เข้าใจแต่ทำไมมันต้องรู้สึกแย่ก็ไม่รู้

   “ไอติมไม่อร่อยเหรอครับ” โชนที่นั่งสังเกตุเลิฟมาสักพักถามขึ้น

   “เปล่าครับแค่อิ่ม” เลิฟส่งยิ้มให้โชนจางๆ

   “อิ่มอะไรกันยังไม่เห็นกินสักคำเอาแต่ตักเล่น หรือว่าเบื่อที่ต้องมากับพี่”

    “ขอโทษครับพอดีเลิฟรู้สึกไม่ค่อยสบายนิดหน่อย” เลิฟเงยหน้ามองโชนอย่างสำนึกผิด นี่เขาทำพี่โชนเสียความรู้สึกอีกแล้วใช่ไหม

   “ไม่สบายแล้วทำไมไม่บอกพี่ละครับไปหาหมอไหม” โชนถามด้วยความเป็นห่วง

   “นอนพักกินยาเดี๋ยวก็หายครับ”

   Tru…Tru…Tru…

   ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์ของโชนก็ดังขึ้น เขาก้มมองเบอร์ที่โทรเข้าแล้วกดตัดสายทิ้งอย่างไม่สนใจ สักพักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกเขาเลยตัดสินใจกดปิดเครื่อง

   โชนพาเลิฟออกมากินไอศครีมในห้างแถวมหา’ลัย ตอนที่เขาเดินไปชวนไม่ได้คิดว่าน้องจะมาด้วยแต่น้องดันลากเขาออกมาซะงั้น มองดูก็รู้ว่ากำลังประชดไอ้มหาปอแน่ๆ เขาไม่รู้ว่าน้องกับไอ้มหาเป็นอะไรกันแต่ไอ้มหามันออกอาการหวงน้องแบบเห็นได้ชัด เผลอๆไอ้รอยแดงๆที่คอก็ฝีมือมันนั่นแหละ
 
   เขาตามจีบน้องเลิฟก็จริงแต่ถ้าน้องมีแฟนแล้วเขาก็ไม่ยุ่ง แต่ที่ยังวุ่นวายกับน้องเพราะเขาเป็นห่วงและน้องก็นิสัยน่ารักดี ยอมรับนะครับว่าตัวเองจงใจกวนตีนไอ้ปอด้วย คือหมั่นไส้แม่งครับทำเป็นหวงน้องเขาไว้ ทั้งๆที่แม่งก็ไม่ได้เป็นอะไรกับน้อง (ถ้าน้องยังไม่บอกว่ามันเป็นอะไรกับน้องเขาก็ไม่นับ)

   หลายครั้งที่เวลามองหน้าไอ้ปอแล้วเขารู้สึกคุ้นๆ เหมือนเคยเจอมันที่ไหนมาก่อนแต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก เขาเลยชอบเข้าไปหาเรื่องมันก็คงคิดว่าเขาไม่ชอบมัน (ซึ่งก็เป็นเหตุผลส่วนนึง) แต่จริงๆเขาแค่อยากไขข้อสงสัยของตัวเอง ลักษณะท่าทางแบบนี้หน้าตาแนวๆนี้เขาเคยเจอที่ไหน

   “พี่โชนเป็นอะไรครับคิ้วขมวดกันเป็นปมเลย” เลิฟถามขึ้นเพราะเห็นว่าจู่ๆโชนก็เงียบไป

   “โทษครับพี่แค่คิดอะไรเพลินๆน่ะ” โชนว่าแล้วเอื้อมมือไปขยี้หัวเลิฟจนผมกระจาย ก่อนจะกลับไปนั่งตักไอศครีมกินต่อ
 
   เลิฟนั่งมองโชนกินไปแล้วก็นั่งถอนหายใจ เขาโชคดีที่พี่โชนไม่ถามอะไรเลย แอบเห็นนะว่าพี่โชนมองมาที่คอของเขาบ่อยๆแค่มองก็รู้ว่ามันเป็นรอยอะไร แต่ที่ทำให้เขาแปลกใจก็คือที่คอของพี่โชนเองก็มีรอยแดงๆแบบเขาเหมือนกัน แค่มันน้อยกว่าและไม่เห็นชัดเหมือนเขา

   แล้ววันนี้พี่โชนก็ดูแปลกๆหลายคนอาจจะมองว่าเหมือนเดิม แต่เขารู้ว่ามันไม่ใช่พี่โชนยิ้มแต่ตาพี่โชนเศร้า เหมือนพี่โชนมีอะไรในใจแต่พยายามฝืนให้ตัวเองเป็นปกติ เขาอยากถามก็กลัวจะโดนหาว่าเสือกเลยเลือกที่จะไม่ถาม

   “น้องเลิฟอิ่มยังครับ” โชนถามหลังจากที่นั่งกินของตัวเองจนหมด

   “อิ่มแล้วครับ”

   “อิ่มได้ไงพี่ไม่เห็นเรากินสักคำ”

   “พี่โชนอ่ะ” เลิฟหน้าแดงนิดๆเพราะโดนแซว

   “ฮ่าๆพี่ล้อเล่น คราวหลังไม่อยากมาก็ปฏิเสธพี่ตรงๆก็ได้ไม่ต้องเกรงใจ”

   “ขอโทษครับ”

   “ขอโทษอีกแล้วพี่ไม่ได้ว่าแค่บอกให้รู้เฉยๆ” โชนว่าอย่างเอ็นดู

   “ครับ” เลิฟพยักหน้ารับรู้

   “ดีมาก” โชนว่าแล้วเอื้อมมือไปขยี้หัวเลิฟเล่นอีก ไม่รู้ทำไมชอบขยี้หัวน้องเลิฟเล่น

   “กลับกันเลยไหมเดี๋ยวพี่ไปส่งแล้วเราจะได้ไปพักผ่อนด้วย”

   “กลับเลยก็ได้ครับ”

   “ว่าแต่เราไหวนะไม่ต้องไปหาหมอแน่นะ” โชนถามย้ำอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงเพราะหน้าเลิฟดูซีดๆ เอื้อมมือไปจับหน้าผากก็ไม่ร้อนแต่มันจะไม่เป็นอะไรจริงๆเหรอ

   “ไหวครับเดี๋ยวเลิฟแวะซื้อยาที่ร้านขายยากินเอาก็ได้” เลิฟยิ้มบางๆให้ โชนเลยพยักหน้าก่อนจะเรียกพนักงานมาเก็บเงิน

   ปอตัดสินใจขับรถมาตามหาเลิฟที่ห้างใกล้ๆมหา’ลัย เมื่อกี้เขาพึ่งรับโทรศัพท์จากเพื่อน มันบอกว่าโทรหาไอ้โชนแล้วแต่ไอ้โชนก็ปิดเครื่องเหมือนกัน มันเลยบอกว่าจะขับรถตามมาที่นี้ แม่งปิดโทรศัพท์ทั้งคู่แบบนี้มันทำเหี้ยอะไรกันวะ ไปแดกไอติมถึงไหนทำไมต้องปิดโทรศัพท์ 

   ปอรู้สึกร้อนรนแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนพยายามไม่คิดอะไร แต่เรื่องเหี้ยๆแม่งผุดขึ้นเต็มหัวไปหมด ยอมรับว่ากลัวครับเขาได้ไอ้เลิฟมาง่ายๆกลัวว่าคนอื่นแม่งจะได้ไปง่ายๆเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าไอ้เลิฟมันใจง่ายแต่มันหัวอ่อน ทั้งๆที่กัดกับเขาจะตายตะล่อมมันนิดเดียวเขายังได้มันเลย แล้วกับคนอื่นจะต่างเหรอวะยิ่งคิดแม่งยิ่งเครียด

   ปอเดินวนหาเลิฟรอบห้างมองตามร้านอาหารทุกร้านไม่ใช่แค่ร้านไอศครีม ไม่ลืมที่แวะไปถามหามันที่ร้านดอกไม้แต่มันก็ไม่อยู่

   แล้วสายตาของปอก็ปะทะกับร่างสองร่างที่เขารู้จักดี ปอยืนมองภาพตรงหน้าผ่านกระจกเข้าไปในร้านด้วยสีหน้าดุดัน ฝ่ามือกำแน่นทั้งสองข้างจนเส้นเลือดขึ้น

   เขายืนมองภาพไอ้เลิฟกับไอ้โชนนั่งหยอกล้อกันด้วยความโมโห ในอกมันเดือดไปหมดยิ่งเห็นไอ้โชนเอามือขยี้หัวไอ้เลิฟ เอามือจับหน้ามันยิ่งโมโห แถมไอ้เลิฟยังเสือกยิ้มกว้างหัวเราะมีความสุขให้เห็นอีก

   ที่จริงมันกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน แค่นอนด้วยกันครั้งสองครั้งเขาไม่ควรโมโหขนาดนี้ แต่แล้วยังไงล่ะถ้าเขายังไม่เบื่อไม่ได้เป็นคนปล่อยมือเอง มันก็ไม่มีสิทธิ์ไปหัวเราะมีความสุขกับไอ้เหี้ยหน้าไหนทั้งนั้น!!

   “กูเจอมันแล้วที่ร้านxx ชั้นx” ปอโทรบอกเพื่อนเสียงเย็น

   “(เออๆกูถึงแล้วเดี๋ยวตามไปอย่าพึ่งมีเรื่องนะไอ้เหี้ย)”

   “5 นาทีกูทนได้แค่นั้น” แล้วปอก็กดตัดสายไปเลย

   เขายืนอยู่หน้าร้านสักพักพยายามข่มความโกรธแล้วจะตัดสินใจเดินเข้าไปในร้าน ยิ่งเดินเข้าไปใกล้เท่าไหร่เสียงหัวเราะของไอ้เลิฟยิ่งชัด มีความสุขจังนะมึงกูอยากจะรู้จริงๆถ้าเห็นหน้ากูมึงจะทำหน้ายังไง

   ปอเดินเข้ามาเรื่อยๆจนถึงโต๊ะของเลิฟ โชนที่นั่งพูดแหย่เลิฟอยู่ชะงักไปเล็กน้อยกระตุกยิ้มนิดๆ แล้วยักคิ้วกวนประสาทส่งมาให้ปอที่ยืนอยู่ข้างหลังเลิฟ

   ส่วนเลิฟที่เห็นว่าจู่ๆโชนก็เงียบไปเลยขมวดคิ้วสงสัย กำลังจะหันหลังกลับไปมองเพราะเห็นว่าโชนจ้องไปที่ข้างหลังตัวเอง แต่ก็ต้องชะงักเพราะเสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลังซะก่อน

   “กินไอติมอร่อยไหม” ปอก้มลงถามเลิฟข้างๆหูเสียงเย็น

    “ปอ...” เลิฟครางชื่อปอออกมาเบาๆไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าใครแล้วเขาก็ไม่กล้าหันกลับไปมองด้วย เพราะฟังจากเสียงก็รู้แล้วว่ามันทำหน้ายังไง

    ‘เขาไม่ชอบเวลามันทำเสียงแบบนี้เลยจริงๆ’

2 Be Con...

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ตีกันเลยไหม อยากเห็น

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ BBG

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :pighaun: :-[โชนเป็นเด็กใครนะ!!!...อยากอ่านต่อแล้วอ่ะ พี่ปอก้อช่วยแคร์เลิฟหน่อยเหอะ เลิฟออกจะน่ารักขนาดนั้น เอาใจช่วยคนเขียนมาต่อจนจบนะ....แต่คิดว่าเรื่องนี้น่าจะยาวนะ...แต่ก้อชอบ จะรออ่านอย่างตั้งใจเลย.. :hao5: o13

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
อ่านอีกรอบก็ยังสนุก  o13

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
อ่านอีกรอบก็ยังสนุก  o13
จุ๊ๆๆ อย่าไปบอกเขา เด๋วเขารู้ว่ามันไม่ได้นิยายใหม่ 55
 :laugh: :m20:

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:ปอหีงเลิฟอะดิ :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กับดักที่
- 15 -
           


   “กูถามไม่ได้ยินเหรอวะ” ปอโน้มตัวเอามือเท้าโต๊ะคร่อมเลิฟไว้ทั้งตัว ปากถามย้ำกับเลิฟที่ข้างหูแต่สายตาจ้องไปที่หน้าโชนเขม็ง

               เลิฟกลืนน้ำลายลงคอเบาๆ ก้มหน้าลงมองพื้นไม่ยอมสบตาใครทั้งนั้น มือสองข้างถูกเจ้าของกำไว้แน่นบนตัก ริมฝีปากเม้มแน่นเหมือนเด็กกลัวความผิดหัวใจเต้นแรงแทบจะทะลุออกมาจากอก เขาไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลยให้ตายสิ

               ความรู้สึกของเลิฟตอนนี้มันปนกันมั่วไปหมด เขาตกใจและดีใจที่เห็นปอตามมา แต่มันก็สับสนเพราะไม่เข้าใจว่าปอตามมาทำไม แล้วก็รู้สึกกลัวเพราะตัวเองขัดคำสั่ง

               โชนที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับเลิฟก็จ้องหน้าปอกลับอย่างไม่ยอมแพ้ เขารู้สึกหมั่นไส้ไอ้ปอสุดๆไอ้หมาหวงกาง ดูมันทำหน้าทำตาสิครับนี่ถ้าไม่มีโต๊ะขวางไว้มันคงกระโดดมางับหัวเขาแล้ว ดูยังไงไอ้บ้านี่มันก็ไม่มีทางเป็นเด็กติ๋มๆหรือเด็กเรียนแบบการแต่งตัวของมันแน่ๆ เด็กเรียนบ้าอะไรท่าทางอย่างกับนักเลง

               เวลาแค่ไม่กี่นาทีที่ปอเหยียบเข้ามาในร้าน แต่มันเหมือนนานเป็นชั่วโมงในความรู้สึกของเลิฟ ความเงียบและความกดดันที่แผ่ออกมาจากตัวปอยิ่งทำให้เขาอึดอัด

   ระหว่างที่บรรยากาศในโต๊ะเริ่มคุกรุ่นขึ้นเรื่อยๆพนักงานเสิร์ฟก็เดินมาเก็บเงินพอดี โชนควักกระเป๋าตังออกมาเตรียมจ่ายเงิน แต่ปอที่ยืนอยู่ไวกว่าควักแบงค์พันออกจากกระเป๋า แล้ววางใส่ถาดบนมือเด็กเสิร์ฟตัดหน้าโชน

   “ไม่ต้องทอน” เด็กเสิร์ฟถึงกับตาโตขอบคุณปอเป็นการใหญ่ เพราะค่าไอศครีมมันไม่กี่ร้อยเอง

   “กลับ” ปอกระชากเลิฟขึ้นจากเก้าอี้แรงๆ แต่เจ้าตัวพยายามขืนตัวเองไว้ไม่ให้ไปตามแรงกระชากของปอ

    “ลุก” ปอสั่งเสียงเข้มพร้อมกับออกแรงกระชากมากกว่าเดิม แต่เลิฟก็ยังขืนตัวไว้ ส่ายหัวไปมาไม่ยอมท่าเดียว

   “มึงจะลองดีใช่ไหมวะ!!!” ปอตะคอกเสียงดังลั่นจนลูกค้าคนอื่นหันมามองที่โต๊ะเลิฟเป็นตาเดียว เปลี่ยนจากดึงมือมาบีบต้นแขนของเลิฟไว้แน่น จนเลิฟถึงกับเบ้หน้าด้วยความเจ็บ

   โชนที่นั่งมองอยู่อีกฝั่งถึงกับทนไม่ไหว ตัดสินใจลุกขึ้นมาดึงมือปอออกจากแขนเลิฟด้วยความสงสาร เพราะเห็นว่าเลิฟเบ้หน้าน้ำตาคลอเบ้าจะไหลออกมาอยู่รอมร่อ โชนพยายามจะดึงเลิฟออกมาจนปอหันมามองตาขวางไม่ปิดบังอาการอะไรอีก

   “อย่าเสือก!!!” ปอตะคอกใส่โชนเสียงเหี้ยม ปล่อยมือออกจากแขนเลิฟแล้วหันมากระชากคอเสื้อโชนเข้าหาตัวเองเต็มแรง
 
   “กูไม่ได้อยากเสือก!! แต่มึงแหกตาดูบ้างไหมว่าแขนน้องแดงไปหมดแล้ว!!” โชนตะคอกปอกลับเสียงดังไม่แพ้กัน ก่อนจะชี้นิ้วไปที่แขนของเลิฟ   

   “.............” ปอเบนสายตาไปมองตามก็เห็นว่าต้นแขนของเลิฟแดงอย่างที่โชนว่ามาจริงๆ

   เลิฟก็นั่งก้มหน้าเอามือขึ้นมาลูบต้นแขนข้างที่ถูกบีบไปมา น้ำตาที่คลอเบ้าค่อยๆไหลลงมาตามแก้ม ก่อนจะหยดลงบนตักเรื่อยๆไม่ขาดสาย ริมฝีปากบางถูกเจ้าตัวกัดไว้แน่นกลั้นเสียงสะอื้น

   ปอมองเลิฟที่นั่งร้องไห้แล้วก็ใจกระตุกพอสมควร เขาไม่ได้อยากทำมันร้องไห้แต่มันขัดคำสั่งเขาก่อน อยากจะปลอบให้เลิกร้องไห้เหมือนกันแต่เขาเลือกที่จะไม่ทำ มันต้องเรียนรู้ว่าไม่ควรขัดคำสั่งเขา

    “เอ่อ...มีอะไรกันรึเปล่าคะ” ผู้จัดการร้านที่ยืนดูเหตุการณ์ห่างๆตั้งแต่แรก ตัดสินใจเดินเข้ามาถามปอด้วยท่าทางกล้าๆกลัวๆ
 
   ปอหันกลับมามองหน้าคนถามนิ่งๆไม่ตอบอะไร ก่อนจะปล่อยคอเสื้อโชนแล้วผลักออกไปเต็มแรง จากนั้นก็หันกลับมากระชากเลิฟออกจากโต๊ะ ซึ่งคราวนี้เลิฟลุกตามแรงกระชากอย่างว่าง่าย

   “ปล่อย” เลิฟพยายามสะบัดข้อมือตัวเองให้หลุดจากมือปอ ฝ่ามือเล็กอีกข้างก็ฟาดไปตามแขนปอแรงๆให้ปล่อย เพราะตอนนี้เขารู้สึกเจ็บข้อมือไปหมด

   ปอกำมือแน่นบีบลงไปที่ข้อมือเลิฟแรงกว่าเดิม เขาไม่สนใจเสียงโวยวายและอาการดิ้นรนของเลิฟ ไม่แม้แต่จะชายตาหันมามองคนข้างหลังเลยด้วยซ้ำ ตั้งหน้าตั้งตากระชากแขนเลิฟจนมาถึงลานจอดรถ จัดการเปิดประตูฝั่งคนขับออกแล้วเหวี่ยงเลิฟเข้าไปข้างใน แต่มีมือมากระชากปอจากทางด้านหลัง จากนั้นก็มีแรงกระแทกหนักๆเข้าที่ใบหน้าเต็มแรง ปอถึงกับเซล้มเพราะไม่ทันตั้งตัวแว่นที่ใส่ไว้หลอกๆหล่นลงไปกองกับพื้น

   โชนวิ่งตามหลังปอกับเลิฟออกมาติดๆเพราะกลัวว่าปอจะทำอะไรรุนแรงกับเลิฟ เขาเห็นปอพยายามจะจับเลิฟขึ้นรถด้วยความเป็นห่วงน้องรหัสของตัวเอง เขาเลยตัดสินใจกระชากปอออกมาและซัดกำปั้นเข้าไปที่หน้าปอเต็มแรง เดินไปดึงแขนเลิฟมาหาตัวเองแล้วผลักไปอยู่ข้างหลัง ก่อนจะยืนประจันหน้ากับปอเอาตัวบังเลิฟไว้ไม่ให้ปอเดินเข้ามาใกล้

   ปอค่อยๆลุกขึ้นมายืนเต็มความสูงใช้นิ้วโป้งแตะไปที่มุมปากเบาๆรับรู้ได้เลยว่าปากแตก สายตามองไปที่ร่างสูงกว่าเลิฟไม่มาก แววตาเข้มขึ้นจนแทบจะเปลี่ยนสีด้วยความโมโห ปอแสยะยิ้มเหี้ยมถ่มน้ำลายปนเลือดลงพื้น ก่อนจะเดินตรงไปหาโชนแล้วยกขาขึ้นถีบไปเต็มแรง จนโชนล้มลงไปกองกับพื้นไม่เป็นท่า แล้วเตะอัดเข้าไปที่สีข้างโชนจนกลิ้งกำลังจะยกตีนขึ้นกระทืบซ้ำ แต่มีแขนมากอดเอวปอไว้แน่น

   “อย่า!!!” เลิฟวิ่งมากอดเอวปอไว้เพราะกลัวปอจะกระทืบไปที่โชนอีก

   “ปล่อย!!” ปอพูดเสียงเย็นก้มลงมองเลิฟด้วยความไม่พอใจ นี่มันห่วงไอ้เหี้ยโชขนาดนั้นเลยหรอวะ

   ผัวะ!!!!!!

   ปอโดนโชนที่พยุงตัวลุกขึ้นมาซัดหมัดเข้าไปที่หน้า จนหน้าหันไปตามแรงหมัดทันทีเพราะหลบไม่ได้เนื่องจากเลิฟกอดไว้แน่น จนเขากลายเป็นเป้านิ่งให้โชนชกง่ายๆ

   เลิฟที่เห็นปอโดนชกก็ตกใจจนปล่อยมือที่กอดอยู่ออก ทันทีที่เป็นอิสระปอก็เดินไปกระชากคอเสื้อโชนแล้วเงื้อมือซัดเข้าไปที่หน้าเต็มแรง กำลังง้างกำปั้นซัดลงไปอีกหมัดก็มีคนวิ่งมาขวางและจับมือเขาเอาไว้ ที่ด้านหลังก็สัมผัสได้ถึงแรงกอดแน่น
 
   “หลบ” ปอบอกคนที่ขวางหมัดตัวเองเสียงเย็น

   “กูขอ” คนตรงหน้าสบตาปอตรงๆแล้วเอ่ยปากขอร้องเสียงเรียบ มือบีบกำปั้นปอเอาไว้แน่น

   “กูบอกให้หลบ” ปอสั่งเสียงเข้มขึ้น

   “มึงหลบไปไอ้เหี้ย...ส่วนมึงแน่จริงก็เข้ามาเลยสัส!!” โชนที่โดนบังไว้ทั้งตัวตะโกนขึ้นท้าทายปอเสียงดัง มือก็พยายามผลักร่างหนาตรงหน้าให้ออกไป

   “มึงหุบปาก!! อยากตายรึไงวะ” ร่างสูงที่ยืนข้างหน้าหันมาตะคอกใส่โชนเสียงดัง

   “อย่ามาสั่งกู!!” โชนตะคอกกลับไม่ยอมแพ้

   “กูบอกให้อยู่เฉยๆไงวะ” ร่างสูงสั่งเสียงเข้มก่อนจะหันไปกอดโชนไว้แน่น แล้วยกมือขึ้นปิดปากโชนเอาไว้ไม่ให้พูด

   “ถือว่าเห็นแก่กูที่เป็นเพื่อน...ครั้งนี้กูขอ” คนตรงหน้าปอเอี้ยวตัวหันมาเอ่ยปากขอร้องอีกครั้ง

   “ก็ได้...ในเมื่อมึงลงทุนอ้างคำว่าเพื่อนเพื่อมันกูจะปล่อย” ปอว่าเสียงนิ่ง พยายามข่มอารมณ์ตัวเองลงแล้วเปิดปากพูดต่อ

   “แต่ถ้ามีอีกกูจะไม่สนต่อให้มันเมียมึงก็ตาม...ไอ้ต้า” ปอสบตาเพื่อนสื่อความหมาย

   “ขอบใจ” ต้าเองก็สบตาปอกลับแบบรู้กัน

   ปอถอนหายใจหนักๆเขารู้เหตุผลของเพื่อน แต่ไม่เข้าใจไอ้ต้าเลยว่ามันคิดอะไร ภายนอกมันดูเหมือนบ้าๆแต่จริงๆแล้วมันไม่ได้บ้าอย่างที่แสดงออก มันเป็นคนพูดมากที่ไม่เคยพูดเหี้ยอะไรออกมาเลย มันไม่เคยแม้แต่จะอ้าปากพูดเรื่องของตัวเกินความจำเป็น

   ไอ้ต้ามันเหมือนเป็นคนเข้าถึงง่ายแต่จริงๆเข้าถึงยาก ไม่เคยมีใครเดาความคิดมันออกแม้กระทั่งเขาที่รู้จักกับมันมานาน ต่างกับไอ้ฝุ่นที่เป็นคนไม่ค่อยพูดแต่ไม่เคยปิดบังเรื่องของตัวเองยกเว้นบางเรื่อง

    “กลับ” ปอแกะแขนเลิฟที่กอดเอวตัวเองออกแล้วลากไปขึ้นรถก่อนจะขับออกไป ปล่อยให้ไอ้ต้าจัดการกับคนของมันเอง เพราะเรื่องระหว่างไอ้ต้ากับไอ้โชนมันซับซ้อนเกินกว่าที่เขาหรือใครจะเสือก

   ต้ายืนมองรถของเพื่อนที่ขับออกไปจนลับสายตาแขนสองข้างกอดคนตัวเล็กกว่าไว้แน่น เขาไปหาไอ้ปอที่ร้านไอศรีมแต่ไม่เจอ เลยลองเสี่ยงดวงตามมันมาที่ลานจอดรถ และต้องบอกว่าเขาโชคดีที่เดาถูก

   ตอนแรกเขาตกใจที่ไอ้ปอกระทืบไอ้โชนแต่ตกใจกว่าเดิมเพราะเห็นไอ้น้องเลิฟ ทีนี้ก็เขาก็รู้แล้วว่าเด็กของไอ้ปอที่ทำให้มันบ้าขนาดนี้คือใคร  และสงสัยเพิ่มเข้าไปอีกว่ามันไปได้กันตอนไหน พนันได้เลยว่าเพื่อนในกลุ่มคงยังไม่มีใครรู้นอกจากเขาแน่ๆ

   ต้าเก็บข้อสงสัยทั้งหมดไว้ในใจ และไม่คิดจะเล่าเรื่องที่รู้ให้เพื่อนคนอื่นฟัง เพราะมันเป็นเรื่องของไอ้ปอไว้มันอยากเล่าเดี๋ยวมันก็เล่าเอง อีกเหตุผลเขาไม่กล้าปากสว่างมากเพราะไอ้ปอมันกำความลับเขาหลายอย่าง มันเป็นเรื่องที่เขาไม่อยากพูดถึงทั้งนั้นรวมทั้งเรื่องไอ้โชนด้วย

...
...

   ปอขับรถไปบนถนนด้วยความเร็วพอสมควร ใจจริงเขาอยาก จะเหยียบคันเร่งให้มิดเข็มไมล์ ให้มันสาสมกับความโมโหของเขา แต่ด้วยสภาพการจราจรในเมืองหลวงเหยียบได้เท่านี้ก็ถือว่าเร็วพอควร ไม่งั้นรถคันอื่นคงไม่บีบแตรด่าบุพการีสนั่นถนนแบบนี้หรอก

   เลิฟเอามือจับเข็มขัดนิรภัยแน่นเพราะกลัว ไม่รู้ว่าไอ้ปอมันจะขับรถเร็วอะไรนักหนาสงสัยมันกลัวจะไม่ตายแยกหน้า แถมยังขับปาดหน้ารถชาวบ้านขับแซงรถคันอื่นแบบวอนตีนสุดๆ หน้ามันก็โหดเหมือนจะฆ่าคนตาย จนสักพักรถก็ชะลอแล้วจอดนิ่งเพราะติดไฟแดง

   “ปลดล็อกกูจะลง” เลิฟว่าเสียงสั่นปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัว มือก็พยายามเปิดประตูรถไปด้วย

   “มึงจะลงไปไหน” ปอหันมาถามทันทีที่ได้ยินเลิฟพูด

   “กูไม่ไปกับมึงกูจะกลับหอ” เลิฟหันมาบอกปอยังไงวันนี้เขาก็จะไม่ไปไหนกับมันทั้งนั้น

   “มึงจะกลับหอหรือจะไปหาใครกันแน่วะ” ปอถามด้วยน้ำเสียงหาเรื่อง

   “กูจะกลับหอ” เลิฟตอบเสียงสะบัด เขาอยากกลับหอเร็วๆเพราะตอนนี้รู้สึกมึนๆหัวยังไงไม่รู้

   “หึ!! รีบกลับหอหรือไปเข้าหอกันแน่” ปอว่าแล้วหันหน้าหนีไปทางอื่น

   “มึงพูดงี้หมายความว่าไง” เลิฟถามกลับด้วยความไม่เข้าใจ

   “ไปกับกู” ปอหันกลับมาสั่งเสียงเย็น

   “กูไม่ไป”

   “ทำไมอยู่กับกูมึงจะตายรึไงทีอยู่กับไอ้เหี้ยโชนระริกระรี้มีความสุข” ปอตะโกนใส่หน้าเลิฟเสียงดังลั่นรถ

   “ก็เวลากูอยู่กับพี่โชนกูมีความสุขกว่าอยู่กับมึง” เลิฟเองก็ตะโกนเถียงกลับไม่ยอมแพ้

   “งั้นมึงคงมีความสุขมากสินะถึงได้ขัดคำสั่งกูมานั่งแดกไอ้ติมกับมัน แล้วไงมึงวางแผนหลังจากแดกเสร็จไว้ยังไง ไปต่อที่เตียงบ้านมันหรือบนเตียงที่หอมึง!!” ปอบีบคางเลิฟไว้แน่นแล้วเค้นเสียงถามรอดไรฟัน

   “................” เลิฟเบิกตากว้างมองปอด้วยสายตาสั่นระริก เพราะไม่คิดว่าปอจะพูดอะไรแบบนี้กับตัวเอง

    “มึงวางแผนอ่อยคนอื่นด้วยท่าทางซื่อๆแบบนี้ใส่ทุกคนป่ะวะ” ปอถามเลิฟต่อด้วยเสียงเยาะๆ

    “มึงมันเหี้ย” เลิฟเค้นเสียงออกจากปากสั่นๆ น้ำตาค่อยๆไหลลงมาบนหน้าจนตาพร่าไปหมด คางที่ปอบีบไว้แน่นว่าเจ็บแล้วมันยังเจ็บไม่ได้ถึงครึ่งของใจเขาที่เจ็บตอนนี้เลย

   ปอที่เห็นเลิฟร้องไห้น้ำตานองหน้าก็ปวดใจขึ้นมาแปลกๆ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมารู้สึกปากหนักขึ้นมากระทันหัน เขาปล่อยมือที่บีบคางเลิฟแล้วหันหน้าหนีไปมองหน้าถนนแทน

   เลิฟก้มหน้าลงร้องไห้แบบไม่คิดจะกลั้นเสียงสะอื้น เขารู้ว่าไอ้ปอมันเหี้ยแต่ไม่ได้คิดว่ามันจะเหี้ยขนาดนี้ มันพูดแบบนั้นออกมาได้ยังไงพูดเหมือนว่าเขาง่าย

   “กู......” ปอที่อ้าปากกำลังจะพูดขึ้นมา แต่เสียงเลิฟพูดสวนขึ้นซะก่อน

   “เปิดประตูกูจะลง” บอกเสียงแข็งเจือสะอื้น

   “เดี๋ยวกูไปส่งที่หอ” ปอพยายามพูดอย่างใจเย็น

   “ไม่ต้องกูจะลงตรงนี้”

    “มึงแหกตาดูบ้างไหมว่านี่มันสี่แยก มึงจะลงไปไหนห๊ะ!!!” ปอหันมาว่าเสียงเข้ม

   “ลงไปนอนรอพี่โชนบนเตียงไง” เลิฟพูดประชดด้วยความน้อยใจ

   “เลิฟ!!!” ปอตะคอกใส่ด้วยความโมโหกับคำพูดของเลิฟ

   “เปิดประตู” เลิฟไม่สนใจเสียงตะคอกพยายามเอามือเปิดประตูให้ได้

   “มึงอยากไปไหนมึงไปเลย” ปอปลดล็อกรถให้เลิฟตามคำขอ ไม่คิดจะห้ามเลิฟที่เปิดประตูลงจากรถอีก

   เลิฟก้าวขาลงจากรถแล้วปิดประตูเดินไปยืนที่เกาะกลางถนน ไฟแดงก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวพอดีปอเลยเหยียบคันเร่งขับรถออกไปทันที ทิ้งให้เลิฟมองตามท้ายรถไปด้วยน้ำตานองหน้า

...
...

   ปอเหยียบคันเร่งออกตัวจากสี่แยกไฟแดงด้วยความโมโห เหลือบตามองกระจกหลังเห็นไอ้เลิฟยืนร้องไห้อยู่ แต่เขาไม่สนใจในเมื่อมันอวดเก่งก็ช่างมัน ขับรถออกมาไกลจากไฟแดงไม่เท่าไหร่ปอก็สบถอกมาอย่างหงุดหงิด

   “แม่งเอ้ย!!” ทั้งๆที่เขาคิดว่าจะไม่สนใจ แต่ทำไมไอ้ภาพที่มันยืนร้องไห้บนเกาะกลางถนนตรงสี่แยกไฟแดงเมื่อกี้ มันถึงวนเวียนในหัวไม่ยอมออกไปไหนใจมันกระตุกแปลกๆ

   “ทำไมกูต้องเป็นงี้วะ” ปอพึมพำกับตัวเองด้วยความสับสน ก่อนจะตัดสิ้นใจเลี้ยวรถกับไปสี่แยกไฟแดงเมื่อกี้ทันที เท้าก็พยายามเหยียบคันเร่งให้เร็วขึ้นเรื่อยๆ เพราะฝนกำลังลงเม็ด

   “แม่งวุ่นวายฉิบหาย”

...
...

   เลิฟยืนมองรถปอที่ขับออกไปจนลับสายตา เขาข้ามถนนมาอีกฝั่งแล้วเดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย จู่ๆสายฝนก็ค่อยๆเทลงมาเหมือนจะแกล้ง

   เลิฟพยายามหันซ้ายหันขวามองหาแท็กซี่แต่ไม่มีคันไหนที่ว่างผ่านมาสักคัน เขาไม่รู้ว่าตัวเองยืนตากฝนนานแค่ไหน รู้แค่ตอนนี้เขาเริ่มหนาวแล้วปวดหัวหนักกว่าเมื่อตอนกลางวัน แต่ก็ยังถือว่าฟ้าไม่ใจร้ายกับเขาเกินไปเพราะแท็กซี่ที่ขึ้นมิเตอร์ว่างวิ่งผ่านมาพอดี

“ไปxxครับ” เลิฟบอกจุดหมายแล้วก้าวขาขึ้นไปนั่งบนรถ แท็กซี่ขับมาเรื่อยๆสักพักก็จอดที่หน้าทาวน์เฮาส์สองชั้นขนาดกลางหลังหนึ่ง

   เลิฟควักเงินจ่ายค่าแท็กซี่แล้วลงจากรถเดินมากดกริ่งเรียกคนในบ้าน มือสองข้างกอดตัวเองแน่นเพรึวามหนาว ไม่นานก็มีผู้หญิงร่างเล็กคุ้นตาเดินกลางร่มตรงมาที่เขา

   “อ้าว..ไอ้เลิฟ” นาวทักขึ้นอย่างแปลกใจที่เห็นเลิฟมาหาที่บ้านเช่าของตัวเอง เพราะนึกว่าเลิฟน่าจะอยู่กับพี่ปอซะอีกแต่ทำไมมาโผล่อยู่นี่แถมมาในสภาพตากฝนจนเปียกไปหมด

   “นาว” เลิฟเรียกเพื่อนเสียงสั่นๆ น้ำตาที่หยุดไปตอนนั่งแท็กซี่เริ่มไหลอีกครั้ง เขาไม่อยากกลับไปอยู่หอคนเดียวเลยมาหานาวที่บ้าน ทุกครั้งที่รู้สึกแย่นาวจะเป็นคนแรกเสมอที่เขานึกถึง

   “มึงเป็นอะไร” นาวถามอย่างตกใจ เพราะอยู่ดีๆเลิฟก็ร้องไห้ออกมามันเห็นได้ชัดทั้งๆที่ฝนตก

   เลิฟไม่ได้พูดอะไรออกมาเพราะตอนนี้เขารู้สึกปวดหัวมาก ตามันพร่าไปหมดจนเห็นว่านาวแยกร่างได้ ก่อนที่เขาจะรู้สึกหมดแรงร่างกายค่อยๆล้มลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก ลำตัวของเขาหล่นกระแทกพื้นจนรู้สึกเจ็บไปหมด พยายามจะลุกขึ้นแต่มันลุกไม่ได้เพราะจู่ๆตัวมันก็หนักขึ้นมากระทันหัน หูสองข้างได้ยินนาวร้องตะโกนเรียกเขาเสียงดัง แต่เสียงมันเหมือนไกลออกไปเรื่อยๆ
 
   เขาเห็นหน้านาวที่มองมาด้วยความตกใจขยับปากอยากบอกว่าไม่เป็นไร แต่ร่างกายของเขามันไม่ฟังคำสั่งเลยสักนิดจากนั้นภาพตรงหน้าของเขาก็ค่อยๆพร่าเลือน เปลือกตามันเริ่มหนักอึ้งจนในที่สุดก็ปิดสนิทพร้อมกับที่เขาไม่รับรู้อะไรอีกเลย


2 Be Con...
++++++++++
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะค่าาาาา
กราบบบบ :call: o22 :กอด1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เจอแบบนี้แล้วยิ่งอยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆแล้วเนี่ย

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
สนุกจังเลยคะ รออ่านตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กับดักที่
- 16 -
           


   ปอกวาดสายตามองไปทั่วโรงอาหารของคณะเพื่อหาเลิฟ เมื่อวานเขาวนรถกลับไปหาเลิฟที่สี่แยกไฟแดงแต่ไม่เจอ ลองขับวนแถวๆนั้นดูหลายรอบก็ไม่เห็นตัว แถมฝนยังตกหนักรถติดโทรหามันก็ปิดเครื่อง จะไปหามันที่หอก็ไปไม่ถูก เขาเลยต้องขับรถกลับคอนโดตัวเองอย่างช่วยไม่ได้

              ตอนเช้าเขาเลยมาดักรอมันที่คณะแต่ก็ไม่เห็นตัว เพื่อนมันสักคนเขาก็ไม่เจอ อันที่จริงก็ไม่เจอเด็ก IE สักคนนั่นแหละ (IE / Industrial Engineerimg - วิศวกรรมอุตสาหการ) พึ่งจะรู้ตอนเดินไปถามอาจารย์ที่สอนประจำภาคว่าเด็กไออีมีเรียนบ่าย

               “เพื่อนมึงไปไหน” ปอเดินมาถามพีทที่นั่งกินข้าวอยู่สายตามองไปทั่วโต๊ะ แต่ไม่เห็นเลิฟกับเพื่อนผู้หญิงอีกคนนั่งอยู่ด้วย

               “เฮ้ย!! พี่ปอ” พีทสะดุ้งตกใจเพราะเขานั่งหันหลังอยู่ แล้วปอก็ทักขึ้นมาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง

               “ไอ้เลิฟ” ปอไม่สนใจอาการตกใจของพีท เลือกที่จะบอกในสิ่งที่ตัวเองต้องการแทน

               พอได้ยินชื่อของเลิฟออกจากปากปอ ทำเอาทุกคนบนโต๊ะพากันเงยหน้าขึ้นมามองปอเป็นตาเดียว เพราะทุกคนรู้ดีเรื่องที่เลิฟชอบหาเรื่องปอ แล้วการที่ปอมาถามหาเลิฟแบบนี้มันต้องมีอะไรแน่ๆ ทุกคนเลยใจจดใจจ่อเงี่ยหูฟังกันเต็มที่

               “มันไม่มาเรียนพี่” พีทว่า

               คำตอบของพีททำเอาคิ้วของปอขมวดเป็นปมขึ้นทันที ไอ้เลิฟไม่มาเรียนงั้นหรอ เมื่อวานมันทำท่าเหมือนจะตาย เขาบอกให้มันหยุดเรียนมันยังไม่ยอมหยุดเลย แล้วนี่มันไปไหนของมัน

               “ทำไม” ปอถามพีทเสียงเรียบ

   เล่นเอาพีทเสียวสันหลังวาบเขารู้สึกว่าตัวเองกลัวพี่ปอแบบไม่มีเหตุผล ทั้งๆที่พี่ปอก็ไม่เคยทำอะไรเขาคงเป็นเพราะท่าทางนิ่งๆตาดุๆ และการเป็นคนพูดน้อยประหยัดคำของพี่ปอด้วยมั้งที่ทำให้เขากลัว

   พี่ปอเป็นคนพูดน้อยจริงๆนะครับถามคำตอบคำ ขนาดถามคนอื่นยังถามสั้นๆแบบให้เข้าใจเอาเองเลย เห็นพี่เขาพูดมากแค่ตอนคุยกับพวกพี่กิงแล้วก็ไอ้เลิฟเพื่อนเขานี่แหละ

   “นาวมันโทรมาบอกว่าไอ้เลิฟไม่สบายอ่ะพี่”

    “นาว?”

   “เพื่อนผมที่ตัวเล็กๆอ่ะ พี่เคยเห็นมันนิ” พีทรีบชิงอธิบายกับปอก่อนเพราะกลัวว่าปอจะโมโหแบบเมื่อวาน จริงๆวันนี้ตอนเดินสวนกันกับพี่โชนเขาเห็นนะว่าหน้าพี่โชนนี่ม่วงเป็นจ้ำ พี่ปอเองก็มีแผลที่มุมปากเหมือนกันแต่ของพี่โชนดูจะหนักกว่า

   ปอยกคิ้วขึ้นข้างนึงมองท่าทางของพีทอย่างนึกขำ เขายังไม่ทันได้ว่าอะไรเลยสักคำมันจะรีบแก้ตัวแทนเพื่อนมันทำไม ที่เขาพูดชื่อเพื่อนมันออกมาเพราะพึ่งจะรู้ว่าน้องผู้หญิงตัวเล็กๆคนนั้นชื่อนาวก็แค่นั้น

    “แล้วทำไมมันไม่โทรมาบอกมึงเอง” นี่ต่างหากล่ะที่ปอสงสัย ทำไมเพื่อนมันถึงเป็นคนโทรมาบอก แทนที่จะเป็นตัวมันเอง

    “เอ่อ...เมื่อคืนเลิฟมันไปหานาวที่บ้านน่ะพี่” พีทตอบไม่เต็มเสียง ลอบสังเกตุท่าทางของปอไปด้วย

   “บ้านเพื่อนมึงอยู่ไหน”

   “พี่ถามทำไมอ่ะ” พีทว่าทำตาเหลือกตกใจ

   “กูถาม” ปอว่าแล้วมองหน้าพีทนิ่งๆ

   “พี่ปอเพื่อนผมมันไม่ได้มีอะไรกันจริงๆนะพี่ มันไปหากันแบบนี้บ่อยๆแหละ” พีทละล่ำละลักบอกปอ เพราะว่ากลัวปอจะไปทำอะไรเพื่อนตัวเอง

   ปอมองท่าทางของพีทแล้วกรอกตาขึ้นฟ้าเซ็งๆมันคิดว่าเขาเป็นคนแบบไหนวะ ถึงเขาจะเหี้ยเขาก็ไม่กระทืบผู้หญิงหรอกครับ ที่ถามเนี่ยเพราะจะไปหาไอ้เลิฟไม่ได้จะไปทำห่าอะไรใคร คือกูเป็นห่วงไงครับแต่ไอ้เหี้ยพีทเสือกคิดเยอะ ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นน้องชายพี่ไมล์เพื่อนไอ้ปิง เขาตบมันกะโหลกร้าวไปแล้วข้อหาลีลาเสียเวลาฉิบหายเลยครับ คนแม่งยิ่งหงุดหงิดเมื่อคืนก็นอนไม่หลับเดี๋ยวได้เผลอกระทืบคนอีกแน่ๆ

   “ถ้ายังพูดมากมึงเนี่ยแหละจะโดนตีนกู” ปอว่าน้ำเสียงหงุดหงิด จนพีทต้องยิ้มแหยๆออกมา

   “งั้นเดี๋ยวผมเขียนแผนที่บ้านไอ้นาวให้พี่ละกัน แต่พี่อย่าทำอะไรเพื่อนผมนะ” พีทยังไม่วายหันมาพูดกำชับปอเพราะห่วงเพื่อน จนปอต้องจ้องกลับไปดุๆ พีทเลยรีบกลับไปวาดแผนที่ลงสมุดแล้วยื่นให้ปอ พร้อมกับอธิบายเส้นทางเพิ่มนิดหน่อย

   ปอรับแผนที่มาแล้วเดินไปบอกพวกอิ๊กว่าจะไม่เข้าเรียนช่วงบ่าย ให้เช็คชื่อกับอาจารย์ให้เขาด้วย เสร็จธุระเขาก็เดินมาขึ้นรถแล้วขับออกจากมหา’ลัยไปบ้านนาวทันที

...
...

   นาวกดวางสายโทรศัพท์แล้วถอนหายใจเบาๆ เมื่อกี้พีทโทรมาบอกเธอว่าพี่ปอจะมาเลิฟที่บ้านอีกสักพักก็น่าจะถึง หันไปมองดูเพื่อนของตัวเองที่นอนซมอยู่บนเตียงแล้วก็เหนื่อยใจ เมื่อคืนจู่ๆเลิฟก็โผล่มาหาเธอในสภาพตากฝน แถมยังร้องไห้เป็นลมล้มลงไปต่อหน้าต่อตา ตอนนั้นเธอตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเพราะอยู่บ้านคนเดียว โชคดีว่าคนข้างบ้านมาช่วยพยุงเลิฟเข้าบ้านให้ ไม่อย่างนั้นป่านนี้เลิฟจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้

   ตกดึกเลิฟก็ไข้ขึ้นสูงตัวร้อนยังกับไฟ เธอจะพาไปหาหมอเจ้าตัวก็ไม่ยอม เธอถามอะไรไปก็ไม่ยอมตอบ เอาแต่นอนร้องไห้คลุมโปงจนหลับไป แถมยังนอนละเมอเพราะพิษไข้ทั้งคืน ไม่รู้พึมพำว่าอะไรเพราะเธอจับใจความสำคัญไม่ได้ ได้ยินแว่วๆว่า ‘ใจร้าย’ กับ ‘เลว’ แค่นั้น

   นาวดูแลเลิฟทั้งคืนแต่ก็ทำได้ไม่เต็มที่ จะเช็ดตัวให้ก็ไม่ได้เพราะเจ้าตัวดิ้นไม่ยอมให้เช็ด เธอเลยได้แค่เช็ดแขนขาและแปะเจลลดไข้ที่หน้าผากให้ เอายาให้กินก็คายทิ้งบังคับยังไงก็ไม่ยอม ไข้เลยไม่มีทีท่าว่าจะลดลงสักทีแต่ยังดีที่ไม่เพิ่มขึ้น ตั้งใจว่าเย็นนี้เธอจะให้พีทมาพาเลิฟไปหาหมอ ไม่อย่างนั้นคงไม่หายป่วยแน่ๆ

   นาวนั่งมองใบหน้าด้านข้างของเลิฟอย่างเป็นห่วง เลิฟเป็นคนน่าสงสารถ้าไม่มีเธอเลิฟก็ไม่มีใคร จริงๆที่บ้านเธอจะส่งไปเรียนต่อเมืองนอก ถึงจะไม่ใช่เร็วๆนี้แต่ก็คงอีกไม่นานและเธอก็ยังไม่กล้าบอกเพื่อน เพราะถ้าเธอไปเลิฟก็ไม่ต่างกับอยู่คนเดียวบนโลก เธอได้แต่หวังว่าจะมีคนมาดูแลเพื่อนเธอสักที และขอให้โผล่มาก่อนที่เธอจะต้องไปอยู่อีกฟากนึงของโลกแล้วกัน

   อ๊อดดดด

   เสียงกดกริ่งหน้าบ้านดังขึ้นขัดความคิดเรื่อยเปื่อยของนาวให้หยุดลง เธอลุกออกจากห้องแล้วเดินลงไปข้างล่างเพื่อจะดูว่าใครมาหา พอถึงหน้าบ้านเธอก็เห็นร่างสูงของปอยืนอยู่หน้าประตูรั้ว เลยเดินไปหาแต่ยังไม่ยอมเปิดประตูให้

   “พี่ปอมาหาใครคะ” นาวถามเสียงเรียบจ้องหน้าปอนิ่งๆ


   “...............” ปอเงียบไม่ได้ตอบคำถามอะไรไปและเลือกที่จะยืนสบตากับนาวแทน


    “...............” ในเมื่อปอเลือกที่จะเงียบมานาวก็เงียบกลับเหมือนกัน 

   นาวไม่รู้หรอกว่าระหว่างพี่ปอกับเพื่อนเธอมีเรื่องอะไรกัน แต่การที่เลิฟตากฝนร้องไห้มาหาเธอกลางดึกมันไม่น่าจะใช่เรื่องเล็กๆ และไม่ต้องคิดอะไรเยอะเธอก็พอจะเดาออก ว่าสาเหตุที่เพื่อนเธอเป็นแบบนี้ต้องมาจากพี่ปอแน่ๆ ไม่งั้นพี่ปอจะโผล่มาหาเธอที่บ้านทำไม และตอนนี้เธอก็ไม่พอใจพี่ปอสุดๆ

   “ถ้าพี่ปอไม่มีธุระอะไร งั้นนาวขอตัวก่อนนะคะ” เป็นนาวที่เลือกทำลายความเงียบแทนจงใจพูดจาสุภาพสุดๆใส่ปอ และเตรียมหันหลังเดินเข้าบ้าน

   “มันอยู่ไหน” ปอว่าแล้วมองหน้านาวนิ่งๆ

   “ใครคะ” นาวแกล้งทำเป็นไม่รู้เพราะหมั่นไส้ท่าทางนิ่งๆหยิ่งๆ ขี้เก๊กของปอ

   “................”แล้วปอก็เลือกที่จะเงียบอีกครั้ง เพราะรู้ว่านาวจงใจจะกวนประสาทตัวเอง

   นาวจ้องหน้าปอแบบกดดันสักพักก็ถอนหายใจ แล้วตัดสินใจเปิดประตูให้ปอเข้ามาข้างใน เพราะดูท่าทางแล้วแรงกดดันของเธอจะไม่มีผลกับพี่ปอเท่าไหร่ อีกอย่างเผื่อเลิฟเห็นหน้าพี่ปออาการอาจจะดีขึ้นก็ได้ใครจะไปรู้

   นาวเดินนำปอเข้ามาในบ้านแล้วพาขึ้นไปที่ชั้นสอง ก่อนที่ทั้งคู่จะหยุดยืนอยู่หน้าประตูไม้บานนึง นาวบิดลูกบิดประตูเปิดออกแล้วหลบทางให้ปอเข้าไปข้างใน ส่วนตัวเองเลือกที่จะยืนอยู่หน้าประตูห้องแทน

   ปอเดินเข้าไปนั่งลงบนเตียงข้างๆเลิฟ ก้มลงมองหน้าซีดๆที่นอนหลับอยู่ แล้วก็ยกมือแตะไปที่ข้างแก้มเบาๆ ทันทีทีสัมผัสโดนตัวไอร้อนจากร่างกายก็ปะทะเข้ากับฝ่ามือเต็มๆ

   ‘ทำไมแม่งตัวร้อนขนาดนี้วะ’

   “มันได้เช็ดตัวกินยารึยัง” ปอถามขึ้นลอยๆไม่ได้หันหน้ามามองนาวเลยสักนิด ส่วนมือก็ไล่จับไปตามตัวเลิฟเรื่อยๆ นาวที่เห็นท่าทางแบบนั้นของปอก็ได้แต่เบ้ปากหมั่นไส้

   “มันไม่ยอมให้เช็ดยามันก็ไม่ยอมกิน” นาวว่า ปอที่ได้ยินคำตอบก็ได้แต่ขมวดคิ้วหงุดหงิดใส่เลิฟที่หลับอยู่ ไม่ยอมกินยาไม่ยอมให้เช็ดตัวแล้วมันจะหายไหมวะ

   “แล้วทำไมมันเป็นหนักขนาดนี้” ปอถามต่อแล้วหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กในกะละมังตรงหัวเตียงขึ้นมา บิดจนหมาดแล้วเช็ดไปตามตัวของเลิฟอย่างเบามือ

   “จะไม่หนักได้ยังไงละคะ ก็เมื่อคืนมันร้องไห้ตากฝนมาจนเป็นลมอยู่หน้าบ้าน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะใคร” นาวเน้นเสียงตอบแดกดันปอนิดๆ

   ‘เป็นลมเลยหรอวะ’ ปอพึมพำในใจ แสดงว่าเมื่อวานมันคงตากฝนตั้งแต่อยู่ที่สี่แยกแล้วแน่ๆ แถมมันยังดูอาการไม่ค่อยดีอยู่แล้วด้วย พอโดนฝนไปมันเลยเป็นขนาดนี้

   “งั้นนาวฝากพี่ดูมันแล้วกันนะคะ” ปอพยักหน้ารับรู้ นาวเลยหันหลังเดินออกจากห้องไปและไม่ลืมที่จะปิดประตูให้ กะว่าจะไปนอนพักสักหน่อยเพราะเมื่อคืนเธอแทบจะไม่ได้นอนเลย ปอเหลือบไปมองนาวที่หางตานิดๆ ก่อนจะลงมือเช็ดตัวให้เลิฟต่อ

   เพราะความเย็นจากผ้าขนหนูทำให้เลิฟเริ่มรู้สึกตัว เปลือกตากระพริบถี่ๆก่อนจะค่อยๆปรือขึ้นมา กวาดตามองไปรอบๆช้าๆก็เห็นว่าปอกำลังเช็ดตัวให้ ดวงตาเริ่มมีน้ำใสๆคลอเบ้าอย่างห้ามไม่อยู่เพราะความน้อยใจอีกครั้ง

    “ไม่ต้องมาจับ” เลิฟว่าออกไปเสียงแหบๆ ยกมือที่อ่อนแรงขึ้นมาปัดมือปอทิ้ง พยายามจะขยับตัวหนีแต่ไม่มีแรงเลยได้แต่นอนนิ่งๆอยู่ที่เดิม ในเมื่อขยับตัวหนีไปไหนไม่ได้ เลิฟเลยตัดสินใจนอนตะแคงหันหลังให้ปอแทน

   ปอนั่งมองท่าทางของเลิฟก็ถอนหายใจเบาๆก่อนจะส่ายหัวไปมาก เขานั่งมองแผ่นหลังของเลิฟสักพักโดยที่ไม่ได้เรียกและไม่ได้ทำอะไรต่อ จากนั้นก็เอาผ้าในมือวางลงในกะละมังแล้วลุกขึ้นจากที่นอน

   แรงดีดตัวของที่นอนทางด้านหลัง ทำให้เลิฟที่นอนอยู่ถึงกับน้ำตาซึมและไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความรู้สึกน้อยใจเริ่มวิ่งขึ้นมาที่จุกอกอีกครั้ง

    “ฮึก...ไอ้เหี้ย...ฮึก...ไอ้เลว” เลิฟพึมพำเสียงแผ่ว ยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาลวกๆ

   “มึงด่าใคร” เสียงของคนที่ตัวเองคิดว่ากลับไปแล้ว ดังขึ้นทางด้านหลังทำเอาเลิฟสะดุ้งน้อยๆ ก่อนจะค่อยๆพลิกตัวหันกลับไปมอง ก็เห็นปอยืนถือกะละมังใบเล็กอยู่ข้างเตียง

    “มึงร้องไห้ทำไม” ปอถามขึ้นด้วยความสงสัย เมื่อกี้เขาลุกไปถอดเสื้อนักศึกษาออกเพราะรู้สึกร้อน แอร์ในห้องไม่ได้เปิดขนาดพัดลมก็ยังเปิดไม่ได้เพราะไอ้เลิฟไม่สบาย มีแค่ลมที่พัดเอื่อยๆเข้ามาทางหน้าต่างแค่นั้น แล้วก็เลยเดินไปเปลี่ยนน้ำในกะละมังใหม่ด้วย พอกลับออกมาจากห้องน้ำก็ได้ยินมันบ่นงึมงำด่าเขา แถมยังร้องไห้ใส่อีกอะไรของแม่งวะ

   เลิฟไม่ได้ตอบคำถามปอแถมร้องไห้หนักกว่าเดิม ความรู้สึกของเขาตอนนี้ทั้งน้อยใจกับเรื่องเมื่อวานจนไม่อยากเห็นหน้ามัน อีกด้านก็ดีใจที่มันมาหาแล้วก็ยังไม่ได้กลับไป ทุกอย่างมันปนกันมั่วจนไหลออกมาเป็นน้ำตาแทน

   “ลุกมาเช็ดตัว” ปอว่าแล้วขยับมานั่งข้างๆเลิฟ ก่อนจะพยุงคนตัวเล็กให้นั่งพิงกับอกเขา

   “ไม่ต้องมาจับเลย” เลิฟว่าเสียงแผ่วจนแทบไม่ได้ยิน พยายามดิ้นหนีจากปอให้ได้

   ปอมองหน้าเลิฟนิดๆก่อนจะจัดการถอดเสื้อเลิฟออกทันที ไม่สนอาการขัดขืนของเลิฟเลยสักนิด มือก็หยิบผ้าชุบน้ำขึ้นมาเช็ดตัวให้เลิฟไปเรื่อยๆ จนมือเลื้อยลงไปจะเช็ดข้างล่างให้ เลิฟเลยยกมือขึ้นมาจับมือปอไว้ด้วยแรงอันน้อยนิด

   “จะทำอะไร”

   “เช็ดข้างล่างให้มึงไง”

   “ไม่ต้อง” เลิฟว่า แต่ปอไม่สนใจล้วงมือลงไปข้างในกางเกงแล้วจัดการเช็ดให้ เลิฟเองก็พยายามขัดขืนด้วยแรงที่มีทั้งหมด แต่พอทำอะไรไม่ได้ก็ร้องไห้ออกมาเสียงดัง เพราะรู้สึกปวดหัวปวดตัวแล้วก็ไม่ได้ดั่งใจสักอย่างเขาเลยร้องไห้ออกมาซะเลย จนปอที่เช็ดตัวให้ถึงกับออกอาการเหวอเพราะไม่เคยเจอเลิฟโหมดนี้

   “มึงจะร้องอะไรนักหนาวะ”

    “อย่ามาตะคอกเลิฟนะ...ฮึก” เลิฟเถียงเสียงสะอื้นร้องไห้หนักกว่าเก่า เล่นเอาปอถึงกับเหวอเข้าไปอีกรอบ เพราะเมื่อกี้เขาก็พูดกับมันแบบปกติไม่ได้ขึ้นเสียงห่าอะไรเลย แล้วมันดันมาบอกว่าเขาตะคอกใส่กูทำตอนไหนครับ

   “หยุดร้องได้แล้วมาใส่ผ้า”

   “ไม่ใส่...ฮึก...ไม่ต้องมายุ่ง” เลิฟว่าพยายามปัดมือปอทิ้ง

   “อยู่เฉยๆดิวะ มึงคิดว่ากูอยากยุ่งกับมึงนักรึไง” ปอว่าอย่างรำคาญ พยายามใส่เสื้อผ้าให้เลิฟจนสำเร็จ

   “ไม่อยากยุ่งก็ไม่ต้องมายุ่ง ไปไกลๆเลย” เลิฟว่างอนๆน้ำตาก็ไหลลงมาไม่ขาดสาย
 
   “มึงจะงี่เง่าทำไมวะ”

    “เลิฟไม่ได้งี่เง่านะ!!” เลิฟแหวเสียงเขียวใส่ปอ

   “เออๆกินยาก่อนค่อยนอนต่อ” ปอว่าแล้วยื่นยาก่อนอาหารไปให้เลิฟ

   “ไม่กิน” จบคำของเลิฟปอเลยกรอกยาเขาทั้งหมดเข้าปากตัวเองพร้อมกับน้ำ แล้วก้มลงไปประกบปากกับเลิฟ ใช้ลิ้นส่งเม็ดยาเข้าปากคนตัวเล็กไปจนหมด

   ปอถอนริมฝีปากออกก่อนจะจับเอาคนตัวเล็กให้นอนลงดีๆ จากนั้นก็ห่มผ้าให้พร้อมแปะเจลลดไข้ให้ด้วย ไม่รู้ทำไมเหมือนกันถึงต้องมาดูแลมันขนาดนี้ปล่อยไปซะก็สิ้นเรื่อง ปอมองคนตัวเล็กที่นอนอยู่นิดๆแล้วลุกขึ้นเลิฟผวาตามทันที มือก็รีบคว้าข้อมือปอไว้ทำเอาปอแปลกใจไม่น้อย

   เลิฟจับข้อมือปอมากำไว้แน่นเพราะตกใจที่เห็นปอลุกขึ้นยืน ตอนนี้เขารู้สึกเบลอไปหมดไม่รู้ด้วยซ้ำว่าปอคนที่ดูแลเขาตอนนี้ใช่ปอจริงๆรึเปล่า พอเห็นปอลุกขึ้นทำท่าจะเดินไปเขาเลยตกใจ กลัวว่าปอที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้จะหายไป ถึงแม้มันจะเป็นแค่ฝันก็ตาม

   “ปล่อย” ปอว่าเสียงเรียบเพราะเขาจะเอากะละมังน้ำไปเก็บ แต่เลิฟส่ายหัวปฏิเสธมือก็จับมือปอไม่ยอมปล่อย ปอเลยตัดสินใจนั่งลงอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้

   เลิฟที่เห็นปอนั่งลงข้างๆก็ยิ้มอย่างดีใจ เอามือของปอข้างที่ตัวเองจับไว้วางแนบแก้มใช้แก้มตัวเองถูไปมากับมือปอนิดๆ ความเย็นจากมือปอที่ข้างแก้มทำให้เลิฟค่อยๆหลับตาลงอีกครั้ง เขาไม่รู้ว่ามือนี้เป็นของจริงรึเปล่าหรือเขาเพ้อไปเพราะพิษไข้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ทำให้เขาฝันดีแน่นอน

   สักพักลมหายใจที่สม่ำเสมอก็บ่งบอกให้ปอรู้ว่าคนตัวเล็กหลับไปแล้ว เขามองที่มือของตัวเองที่เลิฟจับไว้ข้างแก้มแล้วยิ้มออกมา มืออีกข้างก็ลูบไปตามแก้มใสแผ่วเบาก้มลงจูบที่หน้าผากของเลิฟอย่างอ่อนโยน ก่อนจะทรุดตัวลงนอนข้างๆเลิฟแล้วรวบคนตัวเล็กเข้ามาในอ้อมกอด จากนั้นไม่นานปอก็หลับไปพร้อมกับเลิฟเพราะเมื่อคืนเขาก็ไม่ค่อยได้นอนเหมือนกัน หวังว่าตอนตื่นขึ้นมาอีกทีไอ้เลิฟมันคงไม่อารมณ์แปรปรวนแบบตอนนี้นะครับ


2 Be Con...

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
หมดฤทธิ์สักพัก

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด