▼ツ▼หนุ่มเขี้ยวเปรี้ยวใจ ☂ My Canine Lover
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ▼ツ▼หนุ่มเขี้ยวเปรี้ยวใจ ☂ My Canine Lover  (อ่าน 107659 ครั้ง)

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
เจอสาวมีเขี้ยวจนได้สินะ...ถ้าชอบคานินที่เป็นคานินก็จงมั่นใจในความรู้สึกของตัวเองนะ
แต่ถ้ายังโลเล ชอบคานินเพราะเขี้้ยวเฉยๆ ก็ควรบอกคานินตรงๆ นะ
จะยังไงก็ตาม ก็ควรบอกอีกฝ่ายให้รับรู้ ถ้ารู้ทีหลังจะเสียความรู้สึก







ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
▼ツ▼หนุ่มเขี้ยวเปรี้ยวใจ ☂ My Canine Lover


ตอนที่ 12 ตัวจริงของเธอ



"ตั้งแต่รู้จักกับพี่มา ผมเพิ่งเคยเห็นพี่เป็งตะลึงขนาดนี้นี่แหละ แสดงว่าคนนี้สเปคเลยใช่ไหมพี่ ก็ดีนะครับ
มีแฟนเป็นข้าราชการ มีหน้ามีตาในสังคมด้วย"

"ใช่ๆ เห็นพี่หริ่งบอกว่าคนนี้เป็นลูกสาวคนเดียวของนักการเมืองด้วย จำชื่อพ่อเขาไม่ได้ แต่ทุกคนรู้จักดี
บ้านรวยมาก เห็นว่าพ่อให้มาทำงานราชการก่อน สร้างโพรไฟล์แล้วค่อยขึ้นไปเป็นนักการเมือง"

"อย่างนี้ก็เหมาะสมกับพี่เป็งเลย รวยเหมือนกัน ก็ดีนะครับพี่ มีแฟนเป็นนักการเมือง ทั้งสวย ทั้งเท่"

ผมคงแสดงอาการตกตะลึงจนออกนอกหน้ามากไป เจกับแอนจึงรู้สึกได้ว่าผมแสดงความสนใจต่อกัญชพร
พอเรามานั่งทานข้าวเย็นด้วยกันที่ห้างหรูแถวสุขุมวิท ไม่ไกลจากที่พักผม สองหนุ่มสาวเพื่อนซี้ก็แซวผมใหญ่
แต่นอกจากผมจะไม่เขินแล้ว ผมยังกลับทำหน้าเครียด โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงความรู้สึกของคานิน

ถ้าคานินรู้เรื่องนี้...คานินจะรู้สึกยังไงนะ?

"เออ...แล้วพี่หริ่งบอกหรือเปล่าว่าคุณกัญเขามีแฟนหรือยัง" แอนถามเมื่อนึกขึ้นมาได้

เจทำท่านึก "อืม...ไม่ได้บอกนะ ก็ไม่เห็นเป็นไรนะแอน ถ้ายังไม่แต่งงานก็ยังมีโอกาสเลือก เราว่านะ...
ผู้หญิงที่สนใจการเมืองน่ะไม่ค่อยสนใจเรื่องแต่งงานหรอก กว่าจะแต่งก็โน่นแหละ...สามสิบกว่าไปแล้ว"

เจหัวเราะเบาๆ กับแอน แต่ผมยังคงทำหน้าเครียดอยู่ เจคงสังเกตเห็นก็เลยหันมาถาม

"อ้าวพี่ เป็นไรเหรอครับ ทำไมทำหน้าเครียดอย่างงั้นล่ะ"

ผมถอนหายใจยาว รู้สึกเครียดจนไม่อยากกินอะไร กินไปได้สองสามคำก็หยุดและนั่งฟังสองคนคุยกัน

"พี่ไม่รู้จะบอกพวกเราสองคนยังไงดี"

ผมทำงานกับเจและแอนมาหลายปีแล้ว สนิทสนมและไว้วางใจกันดีพอสมควร พอเล่าเรื่องส่วนตัวได้
แต่ผมก็ยังไม่แน่ใจหรอกว่าควรจะเล่าเรื่องนี้ให้ทั้งสองคนฟังดีเหรือเปล่า

"เรื่องคุณกัญเหรอคะพี่เป็ง" แอนถาม

ผมพยักหน้าช้าๆ เป็นเชิงยอมรับ

"อ้าว...ทำไมเหรอคะ หรือว่าไม่อยากมีแฟนเป็นลูกนักการเมือง หรือกลัวว่าคุณกัญจะมีแฟนแล้ว
หรือว่า...พี่ไม่กล้าจีบเขาเหรอ อืม...แอนกับเจไม่เคยเห็นพี่มีแฟนเลยตั้งแต่ทำงานด้วยกันมา
พี่เป็งไม่มั่นใจเรื่องนี้เหรอคะ ถามเจดิ เจเขามีแฟนเยอะ ช่วยได้" แอนหันไปแซวเพื่อนอย่างสนุกปาก

"ไม่รู้จะช่วยได้หรือเปล่านะ เพราะว่าแฟนเราน่ะ...ไม่ใช่ผู้หญิง" เจตอบอย่างฉาดฉาน

ผมขมวดคิ้วมุ่นและมองหน้าเจอย่างสนใจ ผมก็พอรู้ระแคะระคายมาบ้างว่าเจมีแฟนเป็นผู้ชาย
แต่ก็ไม่เคยคุยหรือถามเรื่องนี้อย่างจริงๆ จังๆ ได้แต่ฟังแอนแซวเล่นบ่อยๆ ตอนไปอบรมด้วยกัน

ผมว่าผมลองแอบปรึกษาเจเรื่องนี้ดูบ้างดีกว่า ประสบการณ์ของเจน่าจะพอช่วยผมได้

"เจ...แล้วถ้าวันนึง เอ่อ...พี่สมมติอย่างงี้นะเจ ถ้าสมมติว่า...ผู้ชายกับผู้ชายเป็นแฟนกัน...แบบเจเลย
แล้ววันนึง...ผู้ชายอีกคนก็พบว่าตัวเองชอบผู้หญิงมากกว่า เจว่าผู้ชายอีกคนจะรู้สึกยังไง"

คำถามของผมเล่นเอาเพื่อนรุ่นน้องของผมถึงกับสะอึกไปเลย แถมยังหน้าซึดสลดด้วย

"เอ่อ...พี่ถามอะไรที่ไม่เหมาะสมไปหรือเปล่าเจ ถ้าเจไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไรนะ"

ผมรีบออกตัว เจหันไปมองหน้าแอน ดูเหมือนสองคนนี้คงรู้อะไรบางอย่างที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน
เจหันกลับมามองผม ยิ้มน้อยๆ แต่สีหน้าก็ดูจริงจังขึ้นกว่าเดิม

"ตอนที่พี่เป็งเรียนจบแล้วกลับเมืองไทย ผมก็เจอเรื่องแบบนี้นี่แหละ มีพี่คนไทยคนหนึ่งมาชอบผม
เขาเป็นเจ้าของร้านอาหารไทยที่ผมชอบไปกินบ่อยๆ พี่เป็งก็น่าจะเคยไปกินนะครับ แล้วเราก็...
คบกันอยู่เกือบปี จู่ๆ วันนึงเขาก็มาบอกผมว่า...เขาชอบผู้หญิง อยากกลับไปเป็นผู้ชายปกติเหมือนเดิม
แล้วพี่คิดว่าผมควรจะรู้สึกยังไงล่ะครับ"

ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ไม่เคยคิดเลยว่าเจจะเจอเหตุการณ์ที่ฟังดูน่าเจ็บปวดอย่างนี้มาก่อน
ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดกับผมและคานิน ไม่ต้องถามใครผมก็คงรู้ว่าคานินจะเจ็บปวดสักแค่ไหน

"ช่วงนั้นผมเฮิร์ทอยู่หลายเดือนเลย แต่ตอนนี้...ผมก็เข้าใจเขานะ เราฝืนธรรมชาติตัวเองไม่ได้หรอก
บางช่วงของชีวิตเราก็อาจจะสับสนได้ว่าตัวเองชอบแบบไหน" เจแค่นหัวเราะแล้วพูดสืบไป

"ผมให้อภัยเขาแล้วล่ะพี่ แต่ก็ยอมรับว่าเคยเสียใจมาก โมโหด้วย น่าจะบอกกันซะตั้งแต่แรก"

เจส่ายหัวอย่างระอา รอยยิ้มที่ระบายบนใบหน้าบ่งบอกว่าเจ้าตัวไม่เป็นไรกับเรื่องนี้แล้วอย่างที่พูด
แต่ผมนี่สิ รู้สึกเหมือนโดนตบหน้าจนชา โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายที่ว่า "น่าจะบอกกันซะตั้งแต่แรก"

"อ้อ...ว่าแต่...พี่เป็งถามผมเรื่องนี้ทำไมครับ อย่าบอกผมนะว่าพี่เป็งแอบมีแฟนเป็นผู้ชาย แล้วก็..."

สายตาคาดคั้นและสงสัยของเจทำให้ผมรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ไม่น้อย ผมจึงต้องกลืนน้ำลายอีกก้อน
ไม่กล้าสบตากับเจตรงๆ ก็เลยทำให้ดูมีพิรุธเข้าไปใหญ่

"เฮ้ยพี่ ผมแซวพี่เล่นนเฉยๆ ทำไมพี่ต้องทำหน้าเครียดอย่างงั้นล่ะครับ หรือว่า..."

เจทำท่าครุ่นคิดและจ้องดูอาการของผมอย่างสงสัย

"พี่เป็ง...ถ้าพี่คิดว่าผมช่วยพี่ได้ ผมยินดีนะ"

ผมเพิ่งเข้าใจคำว่า "ผีย่อมเห็นผี" ด้วยกันก็วันนี้แหละ เจคงมองเห็นบางอย่างในท่าทางอึกอักของผม
มาถึงขั้นนี้ แถมปัญหายังรออยู่ตรงหน้า ผมก็คงต้องยอมให้คนมีประสบการณ์อย่างเจมาช่วย

"เจ...พี่อยากปรึกษาอะไรบางอย่างกับเจหน่อย ถ้าคืนนี้เจว่างนะ" ผมตัดสินใจบอกไป

เจดูจะอึ้งๆ ไปสักหน่อย แน่ล่ะ การที่ผมบอกเจไปอย่างนั้นก็เท่ากับยอมรับว่ามีปัญหาอย่างที่เจสงสัย

"ได้ครับพี่ คืนนี้ผมไม่มีนัดที่ไหน" เจหันไปหาเพื่อนรักที่นั่งกินข้าวอย่างเงียบๆ ฟังเราสองคนคุยกัน

"แอน กินข้าวเสร็จแล้วแอนกลับก่อนละกันนะ ขอโทษที มันเป็นเรื่องของผู้ชายเขาคุยกันน่ะ"

เจพูดติดตลก แอนพยักหน้ายิ้มๆ เป็นเชิงตกลง แต่ดูเธอจะสงสัยอยู่เหมือนกันว่าผมกับเจจะคุยอะไรกัน



ผมพาเจมาที่คอนโดของผมแล้วก็เล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง แน่นอนว่าเจตกใจมากทีเดียว
แต่ก็แอบตัดพ้อผมด้วยเล็กน้อยที่ไม่ยอมปรึกษาเจตอนจีบคานิน เรื่องแบบนี้เจช่วยได้สบายเลย

"เรื่องใหญ่นะพี่ ถ้าคานินเขารักพี่จริงๆ เขาคงเจ็บมากน่าดูเลย คงเหมือนผมนั่นแหละ"

ผมหน้าเสียไปเลยเมื่อเจพูดออกมาตรงๆ เจคงจะรู้ตัวเลยเปลี่ยนมาพูดอีกเรื่อง

"แสดงว่าพี่คงฝังใจกับสาวมีเขี้ยวจริงๆ นั่นแหละ ขนาดผู้ชายมีเขี้ยวพี่ยังชอบเลย"

ผมพยักหน้ายอมรับตามตรง เอนหลังพิงกับโซฟา ถอนหายใจแล้วเงยหน้ามองเพดานห้อง

"ตอนนี้พี่สับสนมากเลยเจ พี่ยอมรับว่าพี่กำลังนึกถึงแต่หน้าของคุณกัญชพร รอยยิ้มของเขา
แล้วก็เขี้ยวเสน่ห์ที่พี่หลงใหล เขาวนเวียนอยู่ในหัวพี่ไม่หยุดเลยตั้งแต่เจอกันเมื่อกลางวัน"

"แสดงว่าพี่ชอบผู้หญิง ไม่ได้ชอบผู้ชาย"

ผมสะดุ้งตัวขึ้นนั่งเมื่อได้ยินเจสรุปให้ฟัง พอคิดดูแล้ว ผมก็อาจต้องยอมรับว่าคงเป็นอย่างที่เจพูด

"พี่กลัวมันจะเป็นอย่างงั้นแหละเจ"

"ถ้าพี่แน่ใจ พี่ก็ต้องรีบบอกคานินนะครับ ให้คานินเจ็บเสียตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่า อย่าปล่อยให้เนิ่นนานครับ
พี่กับคานินเพิ่งรู้จักกันได้แค่เดือนเดียว เจ็บไม่มากหรอกครับ"

"พี่กลัวคานินเสียใจน่ะเจ" ผมพูดสวนออกไปเกือบจะทันที

"แล้วพี่เป็งคิดว่า...มันมีวิธีที่คานินจะไม่เสียใจด้วยเหรอครับ ก็เหมือนผมนั่นแหละ ผมรักพี่คนนั้นไปแล้ว
วาดฝันไปไกลแล้ว ไม่ว่าพี่เขาจะบอกผมยังไง ใช้คำพูดแบบไหน ใช้วิธีการแบบไหน แต่สุดท้าย...
เราก็ต้องเลิกกัน มันก็เจ็บอยู่ดี ผมไม่รู้นะว่าพี่จะพูดแบบไหนให้คานินเจ็บน้อยที่สุด แต่พี่เชื่อผมอย่างหนึ่ง
เจ็บจากความจริง...ก็ยังดีกว่าเจ็บเพราะโดนหลอกครับ"

ผมพยักหน้าเห็นด้วย การประวิงเวลาก็เท่ากับเป็นการหลอกลวง คานินก็จะยิ่งผูกพันกับผมมากขึ้น
ยิ่งผูกพันมากก็จะยิ่งเจ็บมาก ถ้าอย่างนั้น...ผมก็ควรต้องใจแข็งบอกคานินให้เร็วที่สุด

"อืม...แต่ผมก็สงสัยอย่างหนึ่งนะพี่ พี่เป็งไม่เคยแสดงท่าทีว่าชอบผู้ชายเลยนะครับ ผมดูไม่ออกเลย
ผมคิดว่าพี่ชอบผู้หญิงด้วยซ้ำ แล้วทำไมพอเจอคานิน พี่เป็งถึงชอบคานินได้ล่ะครับ แค่มีเขี้ยวจริงเหรอ
หรือว่าเป็นเพราะเหตุผลอื่นด้วย"

ในขณะที่เจพูด ผมก็นึกย้อนไปวันนั้นที่ผมเจอคานินครั้งแรกที่ร้านกาแฟ ทันทีที่คานินยิ้มให้ผม
ผมก็ยืนตะลึงจังงัง จากนั้นก็เพ้อหนักจนต้องขอให้ภูริชช่วยหาคนมาให้คำปรึกษาว่าจะจีบคานินยังไง
ตอนยังไม่มีแฟน โดยทั่วไปผมก็ชอบมองสาวๆ สวยๆ มากกว่าหนุ่มๆ ก็เลยคิดว่าตัวเองชอบผู้หญิง
แต่พอเจอคานินที่เป็นผู้ชายแท้ๆ ผมกลับหลงรักราวกับต้องมนต์สะกด ลืมถามตัวเองไปเลยว่าทำไม
รู้ตัวอีกทีผมกับคานินก็ตกลงที่จะคบกันไปแล้ว เพิ่งจะได้กลับมาคิดก็วันนี้ที่เจอกัญชพรนี่เอง

ผมชอบคานินเพราะอารมณ์ชั่วแล่นหรือเปล่า? แล้วอารมณ์ชั่วแล่นนั้นเกิดขึ้นได้ยังไง?
เพียงเพราะว่าคานินแค่มีเขี้ยวหรือเปล่า?

แต่ผมก็ไม่มีคำตอบใดๆ ให้ตัวเองในตอนนี้เลย...

"พี่ไม่รู้ว่ะเจ พี่สับสนมากๆ เลยตอนนี้" ว่าแล้วผมก็ถอนหายใจอีก

"เอางี้ดีกว่าพี่ พี่ต้องหาวิธีทดสอบตัวเองให้ได้ว่าตกลงพี่ชอบใครกันแน่ให้เร็วที่สุด ถ้าพี่ได้คำตอบแล้ว
เรื่องยุ่งๆ มันจะง่ายเอง ถ้าคานินต้องเจ็บ พี่ก็ต้องยอมให้เขาเจ็บ แต่ถ้าพี่รักคานิน ปัญหาก็จบ"

"แล้วพี่จะทดสอบตัวเองยังไงดีล่ะ เจมีคำแนะนำไหม" ผมถามไปตามตรงเพราะให้คิดเองก็คงคิดไม่ออก

"เดี๋ยวผมขอกลับไปคิดก่อนละกันนะครับพี่ เรื่องนี้เรื่องใหญ่ ต้องคิดให้รอบคอบ"

"ได้ๆ ถ้าเจคิดออกเมื่อไหร่ โทรบอกพี่เลยนะ"

"ครับพี่" เจยิ้มอย่างจริงใจให้ผม ทำให้ผมค่อยใจชื้นขึ้นมาได้แม้เพียงเล็กน้อยก็ตามที

"อ้อ คานินมารออยู่ข้างล่างแล้ว" ผมบอกเมื่อเห็นคานินส่งข้อความไลน์มาบอกว่ามาถึงแล้ว

"อ้อ งั้นผมก็จะถือโอกาสกลับเลยดีกว่า"

"ขอบใจมากนะเจ ได้คุยกับเจแล้วพี่ก็สบายใจขึ้นมากเลย ไม่งั้นคงนอนไม่หลับแน่ๆ"

ผมยิ้มให้เจแล้วเราก็ลุกขึ้นยืนพร้อมๆ กัน

"ไม่เป็นไรครับพี่เป็ง พี่ก็ช่วยผมตั้งหลายเรื่อง เรื่องแค่นี้ทำไมผมจะช่วยพี่ไม่ได้"

ผมเดินไปตบไหล่เจเบาๆ และยิ้มบางๆ ให้ "ไป เดี๋ยวพี่ไปส่ง"

ผมพาเจเดินออกจากห้องแล้วตรงไปที่ลิฟต์ บังเอิญลิฟต์ว่าง มีแค่ผมกับเจสองคน
ผมก็เลยถือโอกาสถามคำถามที่ผมอยากรู้ แต่ลืมถามเมื่อสักครู่นี้

"เจคบกับแฟนใหม่มานานหรือยัง"

"ไม่นานหรอกพี่ จริงๆ ก็กำลังดูๆ กันอยู่ ยังไม่ถึงกับจะเรียกว่าแฟนหรอกครับ"

"อ้อ แสดงว่าถ้ามีคนถูกใจผ่านมาก็ยังมีโอกาสเลือกใหม่" ผมแซวเล่นพร้อมกับขำเบาๆ

"ก็คงงั้นแหละพี่" เจบอกแล้วขำบ้าง

พอออกจากลิฟต์มายังบริเวณล็อบบี้ คานินก็ลุกขึ้นยืนและส่งยิ้มให้ทันทีที่เห็นเราเดินออกมา

"คนนี้เหรอครับพี่เป็ง" เจหยุดถาม ไม่มองหน้าผม แต่มองคานินนิ่งด้วยสายตาที่ผมชักไม่ชอบใจ

"ใช่" ผมตอบสั้นๆ

"น่ารักนะพี่ ถ้าเกิดตกลงว่าสุดท้ายแล้วพี่ชอบผู้หญิง ผมขอจีบนะพี่" แล้วเจก็ขำ แต่ไม่นานก็รีบแก้ตัว

"ผมล้อเล่นครับ ผมไม่แย่งแฟนพี่หรอก"

ผมจึงคลายคิ้วที่ขมวดมุ่นลง แต่ก็ยังคาใจและไม่ชอบใจอาการของเจเมื่อกี้อยู่หน่อยๆ
ก็จริงอย่างที่เจว่า คานินเป็นคนน่ารัก โดยเฉพาะเวลายิ้ม แม้ไม่ใช่คนที่หน้าตาดีมากมาย
แต่กลับมีเสน่ห์ดึงดูดอย่างรุนแรง อย่างน้อยก็สำหรับผม ไม่งั้นผมคงไม่ตกตะลึงขนาดนั้น

ผมสาวเท้าเดินนำเจไปหาคานิน พอถึงตัวก็แนะนำให้สองคนรู้จักกัน

"คานิน นี่เจนะ ที่ทำอบรมด้วยกันกับผมไง"

คานินหันไปยิ้มกับเจ พอได้เห็นรอยยิ้มและเขี้ยวคานินใกล้ๆ ผมก็พบว่าคานินยังมีเสน่ห์เหมือนเดิม
แต่จู่ๆ ภาพรอยยิ้มของกัญชพรกลับแทรกเข้ามาแทนที่ สลับกันไปมากับภาพรอยยิ้มของคานินตรงหน้า
เล่นเอาผมสับสนจนลืมสังเกตไปเลยว่าเจกำลังมองคานินด้วยสายตาแบบไหน

"ยินดีที่ได้รู้จักครับคานิน" เจเป็นคนพูดขึ้นก่อน

"เช่นกันครับคุณเจ ว่าแต่...คุณเจจะกลับแล้วเหรอครับ" คานินถาม

"ครับ พอดีมาคุยงานกัน คุยเสร็จปุ๊บ คานินก็มาพอดีเลย อ้อ...ต่อไปเรียกผมเจเฉยๆ ก็ได้ อายุเท่ากัน
ไม่ต้องเรียกคุณหรอก"

"อ้อ...ครับ" คานินพยักหน้ารับคำ

"ผมไปแล้วนะครับพี่ ไปแล้วนะคานิน ไว้เจอกันวันหลังครับ"

เจโบกมือลาแล้วก็เดินลิ่วออกไป ผมกับคานินมองตามแผ่นหลังของเจจนกระทั่งหายลับไปตรงประตู
ทีนี้ก็เหลือแค่ผมกับคานินสองคนเท่านั้น แต่แทนที่ผมจะรู้สึกถึงบรรยากาศโรแมนติกของเราสองคน
สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมเมื่อกลางวันนี้กลับทำให้ผมรู้สึกประหม่าจนไม่รู้จะพูดคุยกับคานินยังไงดี



"วันนี้คุณเป็งไปคุยงานมาเป็นไงมั่งครับ ได้งานไหม"

พอเราสองคนหัวถึงหมอน คานินก็ชวนผมคุยตามปกติ เมื่อกี้เราไม่ค่อยได้คุยกันมากเท่าไหร่
คานินมาถึงผมก็ให้อาบน้ำเพราะเห็นว่าเหนื่อย พอเสร็จผมก็อาบน้ำต่อทันที
จากนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นอีกเพราะรู้ว่าคานินต้องตื่นแต่เช้า ผมเลยไม่อยากให้นอนดึกมาก

"ก็ดี เขาก็สนใจ แต่ว่าก็ยังต้องคุยกันอีกสองสามครั้ง ผมต้องทำโปรแกรมอบรมให้เขาดูก่อน"

ผมบอกแล้วก็หันไปยิ้มบางๆ กับคานิน หน้ายิ้ม แต่ในใจร้อนรนชะมัดเลย

"คุณเป็งเก่งอยู่แล้ว เรื่องแค่นี้สบายมาก" คานินชมพลางยิ้มจนตาหยี

"แล้วคานินล่ะ วันนี้ทำงานเป็นไงมั่ง"

คานินสีหน้าหม่นลงเมื่อผมถามคำถามนี้ แล้วจู่ๆ ก็ลุกขึ้นนั่งพร้อมกับถอนหายใจ

"วันนี้ผมโดนลูกค้าด่าหลายคนเลยครับคุณเป็ง ผู้จัดการก็เลย..." คานินหยุดถอนหายใจ สีหน้าเครียด

"สงสัยผมคงจะอยู่ที่นี่ไม่ยืดซะแล้วล่ะครับคุณเป็ง"

ผมฟังแล้วก็สงสาร ก่อนหน้านี้คานินเคยทำงานบริษัทแห่งหนึ่งมาก่อน แต่ก็ไม่ถูกกับหัวหน้าฝ่าย
สุดท้ายก็โดนกดดันจนต้องลาออก ตกงานอยู่หลายเดือนจนต้องตัดสินใจมาทำงานที่ร้านกาแฟนี้
แล้วก็เจอปัญหาเดิมๆ เพราะผู้จัดการดูจะไม่ถูกโฉลกกับคานินสักเท่าไหร่

"แล้วคานินจะไปทำอะไรล่ะ"

ผมถามแล้วก็ลุกขึ้นนั่งชันตัวบนเตียงนอนบ้าง ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำอะไรพลาดไปเสียแล้ว

"ก็...เอ่อ...คุณเป็ง...ไม่มีอะไรให้ผมทำใช่ไหมครับ" คานินถามด้วยสีหน้าเกรงใจ ดูผิดหวังอยู่ในที

"คานินหมายถึงอะไร"

ผมเผลอทำพลาดเป็นครั้งที่สอง ลืมไปเสียชั่วคราวว่าผมเคยวาดฝันว่าจะทำอะไรกับคานินไว้

"เปล่า...ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมว่าผมจะกลับบ้าน...ไปทำสวนมะยงชิดกับพ่อแม่ที่บ้านดีกว่า
ไม่รบกวนคุณเป็งหรอกครับ คนจนๆ อย่างผมคงเหมาะที่จะอยู่ในที่ที่เหมาะกับตัวเองมากกว่า"

พอได้ยินคำพูดตัดพ้อของคานิน ผมจึงนึกขึ้นได้ว่าเคยพูดอะไรกับคานินไว้ แต่ก็พลาดไปแล้ว
ในยามที่คานินต้องการที่พึ่ง ผมกลับทำเป็นไม่รู้เรื่องเหมือนไม่เคยคุยอะไรกันมาก่อนเสียอย่างนั้น
เป็นใครก็คงน้อยใจ พอรู้ตัวแล้วผมก็นึกอยากจะตบปากตัวเอง

"อืม...ไม่รู้ว่าผมมาทำอะไรที่นี่เหมือนกันนะ ไม่เห็นจะเหมาะกับผมเลย"

ว่าแล้วคานินก็ลุกพรวดขึ้นจากเตียงนอนแล้วก็เดินไปหยิบเสื้อผ้าที่ถอดวางไว้ในตะกร้ามาใส่

"คานินจะไปไหน"

ผมรีบลุกขึ้นตามไปแล้วจับมือคานินที่กำลังจะหยิบเสื้อผ้ามาใส่ไว้ คานินหยุดนิ่งและมองหน้าผม
ท่าทีที่จริงจังนั้นทำให้ผมหยุดนิ่งและค่อยๆ ปล่อยมือจากคานินอย่างช้าๆ

"บางที...ผมกับคุณเป็งอาจจะรู้จักกันน้อยไป...ก่อนที่จะตัดสินใจเป็นแฟนกัน หรือไม่งั้นผมก็คง...
ไม่เหมาะที่จะเป็นแฟนของคุณเป็ง เพราะผมไม่มีอะไรเลย ถ้าจะเริ่มต้นทำธุรกิจอะไรสักอย่าง
ผมก็คงไม่มีเงินจะลงทุนด้วย ความรู้ที่จะทำธุรกิจก็ไม่มี ต้องพึ่งคุณเป็งอย่างเดียว ผมไม่อยากรู้สึกแย่
เพราะคนที่ไม่มีอะไรอย่างผมไม่ควรจะเอาเปรียบคุณเป็ง อย่าให้ผมต้องเป็นภาระคุณเป็งเลยครับ"

"คานิน ทำไมคานินพูดอย่างงั้นล่ะ"

ผมถามเสียงแหบพร่าด้วยความเสียใจเมื่อรู้ว่าพลาดไปแล้ว ความสับสนว้าวุ่นใจทำให้ผมลืมสนิทเลย

"แล้วอีกอย่าง...คนในฝันของคุณเป็งก็เป็นผู้หญิง ไม่ใช่ผม รู้ไหมครับว่าผมกลัวทุกวันเลย ถ้าเกิดว่า...
คุณเป็งเจอผู้หญิงมีเขี้ยวตัวจริงขึ้นมาล่ะ"

พอเจอคำถามนี้เข้าไปผมก็สะดุ้งและใจหายวาบ คานินพูดราวกับรู้ความจริงยังไงยังงั้น

"ผมว่า...คุณเป็งไปตามหาสาวมีเขี้ยวอย่างที่คุณเป็งต้องการดีกว่าครับ ผมมาคิดๆ ดูแล้ว
ยังไงๆ ผมก็แทนผู้หญิงในฝันของคุณเป็งไม่ได้หรอก ไม่เชื่อคุณเป็งลองถามตัวเองดูดีๆ สิครับ
ถ้าเกิดวันนึงคุณเป็งเจอสาวมีเขี้ยวตัวจริงขึ้นมา คุณเป็งจะทำยังไงกับผม จะรู้สึกกับผมเหมือนเดิมไหม
คุณเป็งลองตอบผมมาสิครับ คุณเป็งตอบผมได้หรือเปล่า"

ริมฝากของคานินสั่นระริก หยดน้ำใสๆ เริ่มคลอตา สีหน้าที่แสดงความเสียใจทำเอาผมเข่าอ่อน
สิ่งที่คานินสมมติขึ้นมาคงไม่ต้องสมมติอีกแล้ว เพราะมันกำลังเกิดขึ้นกับผมในตอนนี้

"ผมไม่ใช่ตัวจริงของคุณเป็งแล้วใช่ไหมครับ"

"คานิน!"

ผมครางเสียงแหบพร่าด้วยความสะท้อนใจ ก่อนจะดึงมึงของคานินมากอบกุมไว้เบาๆ

"ผมขอโทษนะคานิน ผมขอโทษจริงๆ"

น้ำตาลูกผู้ชายที่ไม่ใช่ว่าจะไหลได้ง่ายๆ ค่อยๆ ปริ่มขอบตาผม มันร้อนผ่าวจนผมคงกลั้นไว้ไม่ไหว

"ขอโทษเรื่องอะไรเหรอครับ ขอโทษที่ผมไม่ใช่ตัวจริงของคุณเป็งเหรอ"

แต่ละคำถามของคานินช่างเสียดแทงใจเสียจริงๆ ผมรู้สึกเจ็บปวดเหลือเกินที่เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น
ผมพลาดอย่างมากที่ปล่อยให้อารมณ์ชั่วแล่นพาเตลิดไปไกลจนลืมคิดไปว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
ถ้าผมฉุกใจคิดให้รอบคอบกว่านี้ ผมก็คงไม่พาคานินมาเจอเรื่องเลยร้ายอย่างนี้หรอก

"ใช่ไหมครับคุณเป็ง คุณเป็งได้คำตอบแล้วเหรอว่าผม...ไม่ใช่ตัวจริงของคุณเป็ง"

คานินถามด้วยสีหน้าคาดคั้นอีกครั้ง ถึงตอนนี้ผมก็ไม่สามารถอดทนเก็บความรู้สึกข้างในได้อีกแล้ว
ผมดึงคานินมากอดไว้แน่นแล้วก็ร้องไห้เพราะน้ำตาผมมันคอยท่าเตรียมพังทำนบไว้ก่อนแล้ว

"ผมสับสนน่ะคานิน ผมสับสนมาก"

คานินยืนนิ่งตัวแข็งทื่อ ไม่แม้แต่จะกอดผมตอบ มีแต่ผมเท่านั้นที่กอดคานินไว้และร้องไห้
คิดแล้วก็ใจหาย เมื่อวานเรายังไปเที่ยวที่สวนรถไฟ ไปกินข้าวแล้วก็ไปดูหนังด้วยกันอยู่แท้ๆ
เพียงชั่วข้ามคืน เหตุการณ์กลับตาลปัตรจนเราสองคนตั้งตัวกันแทบไม่ทัน

"ผมไม่ใช่ตัวจริงของคุณเป็งใช่ไหมครับ" คานินถามเป็นรอบที่สามเมื่อเวลาผ่านไปครู่ใหญ่

ผมพยายามข่มใจไม่ให้ร้องไห้และค่อยๆ ปล่อยคานินออก แต่พอมองหน้ากันแล้ว
ผมกลับไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับคานินเลย สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมช่างน่าละอายสิ้นดี

"ถ้าคุณเป็งไม่ตอบ...ผมก็จะถือว่าคุณเป็งยอมรับ"

"คานิน! ผม..."

ผมรู้สึกชาวาบไปทั้งตัว แต่ก็ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดรอดมาอีก ก็เท่ากับเป็นการยอมรับกลายๆ

"คุณเป็งเจอสาวมีเขี้ยวตัวจริงแล้วเหรอครับ"

พอถามจบ น้ำตาของคานินก็ร่วงเผาะลงมา ผมรู้สึกเหมือนหัวใจถูกทิ่มแทงด้วยเข็มนับร้อยนับพัน
คานินคงไม่รู้เรื่องที่ผมเจอกัญชพรหรอก แต่จากอาการที่ผมเป็น คงประเมินเองได้ไม่ยาก
แค่นี้คานินก็คงรู้แล้วว่ามีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นระหว่างเราสองคน

แล้วผมควรจะตอบคานินว่ายังไงดี?

ถ้าเกิดผมตอบว่าคานินเป็นตัวจริงของผม แต่สุดท้ายไม่ใช่ ก็เท่ากับผมโกหกและหลอกลวงคานิน
ถ้าผมบอกออกไปตามตรงว่าผมเจอสาวมีเขี้ยวแล้ว คานินก็คงเสียใจ ตอนนี้ก็เสียใจไปครึ่งหนึ่งแล้ว

ผมไม่รู้หรอกว่าท้ายที่สุดแล้วอาการหวั่นไหวของผมที่มีต่อกัญชพรจะพาผมกับเธอไปถึงไหน
มันไม่สำคัญหรอกว่ากัญชพรเป็นตัวจริงของผมหรือเปล่า ปัญหามันอยู่ที่อาการหวั่นไหวของผมต่างหาก

"ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ เราสองคนก็แค่กลับไปเป็นผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่งเหมือนเดิม
คุณเป็งไม่ต้องกังวลหรอก ผมก็คิดอยู่แล้วล่ะว่าวันนึงมันต้องเป็นแบบนี้ ก็ดีเหมือนกันนะครับ
บางทีมันอาจจะเป็นโอกาสที่ดีก็ได้ที่เราจะได้พิสูจน์ตัวเองให้รู้ไปเลยว่า...ใครเป็นตัวจริงของใคร"

คานินยกมือขึ้นป้ายน้ำตาแล้วก็หยิบเสื้อผ้าที่ถือไว้ขึ้นมาใส่ ผมได้แต่ยืนดูอย่างคนไร้เรี่ยวแรง
ไม่คิดแม้แต่จะห้ามปราม จนกระทั่งคานินใส่เสื้อผ้าชุดเดิมเรียบร้อย ดูยับๆ หน่อยแต่ก็พอไปข้างนอกได้

"ไปส่งผมหน่อยนะครับ"

ผมยืนนิ่งเหมือนกับไม่ได้ยินคำถาม สักพักคานินก็เอ่ยถามอีกรอบ

"ไปส่งผมหน่อยนะครับคุณเป็ง ผมไม่มีการ์ด ใช้ลิฟต์ไม่ได้"

ผมหันไปสบตากับคานิน แม้ว่าคานินพยายามกลบเกลื่อนด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ก็ปิดความเสียใจไม่หมด

ผมมองคานินอย่างเพ่งพิจ ผู้ชายคนนี้จิตใจดีกว่าที่ผมคิดไว้มาก ไม่เอะอะ ไม่โวยวาย ไม่ขัดขวางใดๆ
เฝ้าแต่โทษตัวเองว่าฐานะไม่เหมาะสมกับผม ไม่ใช่ตัวจริงของผม ไม่กล่าวโทษผมสักคำ

"คานิน...อย่าไปเลยนะ อยู่กับผมที่นี่"

พูดจบผมก็เดินไปกอดคานินไว้อีกครั้ง เพียงแค่ได้สัมผัสกัน ผมก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

"อย่าหลอกตัวเองสิครับคุณเป็ง คนไม่ใช่ก็คือไม่ใช่นะครับ"

"ผมคิดว่าคานินใช่" ผมเถียงเบาๆ

คานินเงียบไปและไม่เถียงผมอีก สักพักก็ยอมกอดผมตอบ ผมจึงรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อกี้ผมกลัวแทบแย่ว่าคานินคงหลุดมือผมไป แต่โชคยังเข้าข้างผมอยู่ คานินจึงยังอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน
จะเป็นไปได้ไหมว่า...ถ้าผมยังรู้สึกอย่างนี้กับคานินอยู่ ก็น่าจะแปลว่า...

"คุณเป็งครับ" คานินเอ่ยขึ้น

"หืม" ผมกระชับอ้อมแขนกอดคานินแน่นขึ้น ก่อนที่คานินจะพูดสืบไป

"พิสูจน์หัวใจตัวเองอีกครั้งนะครับ เรื่องนี้สำคัญมาก อย่าทำแบบนี้เพราะกลัวว่าผมจะเสียใจ
ถ้าเราสองคนจะรักกัน มันก็ต้องเป็นความรักที่มาจากหัวใจของเราจริงๆ ไม่ใช่เพราะความสับสน
เมื่อไหร่ที่คุณเป็งได้คำตอบแล้ว มาบอกผมนะครับ ไม่ว่าคำตอบจะเป็นยังไง ผมรับได้เสมอ"

TBC...


https://www.youtube.com/v/s7_Ooanyry0
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-03-2016 20:30:10 โดย inxsara »

ออฟไลน์ มะม่วงแรด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อ่านแล้ว รู้สึกจุกมาก เหมือนตัวเองเป็นคานินเลย เราก้อเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ร้องไห้ตามคานินเลย ฮืออออ คุณเป็ง ทำกันได้ลง

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
สุดท้ายคานินก็รู้เองจนได้
ถึงคุณเป็งจะไม่ได้เอ่ยออกมาตรงๆ
แต่ก็ยังดีที่ไม่ทู้ซี้โกหก ว่าตัวเองไม่สับสนอะไร
คานินคือดีมากเลย ไม่ตัดรอนคุณเป็งเลยสักนิด
แถมยังให้โอกาศไปศึกษาความรู้สึกของตัวเอง
เพราะถ้าคานินตัดฉับไปเลย คุณเป็งก็อาจจะ
เลือกที่จะรั้งคานินไว้ เพราะยังไม่อยากเสียคานินไป
ต่อไปถึงคุณเป็งจะเลือกคานิน เชื่อเถอะความเชื้อใจ
ที่คานินจะมีให้คุณเป็งอีกครั้ง คงเป็นเรื่องใหญ่เลย
เสียใจไปกับคานินเลย อ่านไปน้ำตาคลอ
เจถ้าสนใจและจริงใจกับคานิน
จะรุกทำคะแนนก็ไม่ว่ากันนะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Wut_Sv

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 902
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
อ่านแล้วแบบว่า พูดไม่ออกเลย เป็งจะทำไงเนี่ย ชักโมโห ทำให้คานินเสียใจ :angry2: :angry2: :angry2:

รอๆๆ รอตอนต่อไป :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

ร้องไห้อะ
คนไม่ถูกรักก็เศร้าไป  ต้องทำใจ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
สงสารคานิน อ่านไปน้ำตาไหลเลย

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
ทำไมมีฉากนี้ด้วย อ่านไปเศร้าไป คานินร้องไห้ด้วย เป็งเอ้ย สับสนจริงๆ
 รอ รอ รออ่านตอนใหม่คับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Magis

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
หาคนใหม่ให้คานินแทนเลยยยย ชักไม่ชอบใจกับเป็งละ - -

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
จุกมาก พูดไม่ออก เสียใจแทนคานินจริงๆ //เราเองเคยอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้ บอกเลยเจ็บสุดใจ คานินสู้ๆ นะครับ เข้มแข็งเข้าไว้

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
สงสารคานินจับใจ อ่านไปน้ำตาก็ไหล คานินคนดีเข้มแข็งไว้นะ

ออฟไลน์ =นีรนาคา=

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +296/-6
แง้..............ไม่ได้เข้ามาอ่านสักพัก
พอกลับมาทำไมเป็นอย่างงี้ล่ะ
 :o12:
เจ็บและจุกแทนคานินจริงๆ
แต่ก็คิดซะว่าเรื่องนี้จะเป็นบทพิสูจน์ในการตัดสินใจอะไรหลายๆอย่าง ล่ะกันเนอะ
เป็นการตอบคำถามที่คานินคิดมาตลอดว่า ถ้าเกิดคุณเป็งเจอสาวเขี้ยวเสน่ห์แล้วจะเป็นอย่างไร?
ตอบคำถามคุณเป็ง ว่าคานิน ใช่ตัวจริงหรือเปล่า?

ถือซะว่าใช้เรื่องที่เกิดขึ้นเพื่อหาคำตอบให้กับตัวเองล่ะกัน

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
 :a5: ตอนนี้อ่านไปน้ำตาซึมไปอ่ะ คือมันเศร้าแทนคานินน่ะ แต่เราก้อว่าดีน่ะที่ให้มันรู้กันตั้งแต่ตอนนี้น่ะ คานินเป็นคนที่น่ารักโดยธรรมชาติอยู่แล้วน่ะ ไม่แปลกที่เป็งจะหลงรัก แต่ความฝังใจมาเนิ่นนานก้อยากที่จะลบออกไปได้ง่ายๆ คานินทำถูกแล้วล่ะ เป็งก้อใช้เวลาระหว่างนี้ทบทวนและใกล้ชิดหญิงสาวไปด้วยน่ะ สู้ๆน่ะคานิน  :mew1: บุคลิกของคานินอาจจะทำให้คนหมั่นไส้ได้ง่ายน่ะ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
รู้สึกจุกเหมือนกันนะ ที่เป็งเหมือนลืมสิ่งที่คิดว่าอยากทำธุรกิจกับคานิน
เป็นเราก็คงสะอึกพูดไม่ออก สงสารคานิน

ต่อมาก็เรื่องสาวเขี้ยว ถึงเป็งไม่พูดออกมาตรงๆ แต่ก็ดีที่คานินรู้
เป็นใครก็คงรู้สึกบ้างแหละ สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับใจเป็ง..


ถ้าต่อจากนี้ เป็นแบบที่ผมคิดคงสนุกอ่ะ 5555+ ลองดราม่า อิอิ

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
ลืม...

คนเขียนหายดีแล้วใช่ไหมครับ :)

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7

ออฟไลน์ ปุกปิกกุกกิกไปตามสไต

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :o12: :o12:ไม่เอาเเบบนี้ อย่าน่ะอย่าเปลี่ยนไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
ลืม...

คนเขียนหายดีแล้วใช่ไหมครับ :)

หายดีแล้วครับ ขอบคุณที่ถามไถ่
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ดึกๆ วันนี้จะได้อ่านนะครับ เซ้าเศร้าแหละตอนต่อไป เฮ้อ

ออฟไลน์ Wut_Sv

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 902
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
ลืม...

คนเขียนหายดีแล้วใช่ไหมครับ :)

หายดีแล้วครับ ขอบคุณที่ถามไถ่
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ดึกๆ วันนี้จะได้อ่านนะครับ เซ้าเศร้าแหละตอนต่อไป เฮ้อ

นี่ยังไม่เศร้าพอใช่มั้ย กระซึกๆ  :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
 :hao5: เตรียมรับความเศร้า ให้มันสุด ๆ ไปเลย ฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามเสมอน่ะคานิน สู้ ๆ เป็งไม่เอา เราขอรับแทนน่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ arissara

  • ดาดาเดเด
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-2
พอจะเอาก็ทุ่มตัวจีบ บอกว่าใช่งู้นงี้ คนนี้แหละ ถุยยยยย ชีวิต ปล่อยเค้าไปเถ๊อะะะะ

ออฟไลน์ Wut_Sv

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 902
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
รอคานินไม่ไหว พรุ่งนี้หวุงว่าจะได้เจอกันนะ

ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
▼ツ▼หนุ่มเขี้ยวเปรี้ยวใจ ☂ My Canine Lover


ตอนที่ 13 บททดสอบหัวใจ



คานิน...

ผมไม่รู้ว่าพาร่างกายของตัวเองมาถึงห้องพักได้ยังไงเหมือนกัน
ในหัวผมคิดอะไรเยอะแยะไปหมดจนแทบไม่ได้สังเกตว่ากำลังทำอะไรหรืออยู่ที่ไหน
รู้ตัวอีกทีก็มาถึงห้องพักในเวลาที่ดึกกว่าปกติแล้ว

ตอนแรกผมว่าจะเข้าไปนอนเลย แต่คิดอีกทีก็อยากจะคุยกับน้องสาวเสียหน่อย
ป่านนี้แนนคงนอนไปแล้ว แม้ว่าจะเกรงใจแต่ผมก็จำเป็นต้องรบกวนเวลานอนของเธอ

ผมสาวเท้าอย่างช้าๆ ไปที่หน้าห้องของแนน เคาะประตูเรียกอยู่หลายครั้งจึงได้ยินเสียงกุกกักๆ
ไม่นานสาวแม่ลูกอ่อนก็เปิดประตูห้องออกมา พอรู้ว่าเป็นพี่ชายก็พยายามยิ้มให้ทั้งๆ ที่ง่วงนอน

"ทำไมกลับดึกจังพี่นิน โห...นี่มันเที่ยงคืนแล้วนะ"

ผมยิ้มจางๆ ถ้าสังเกตดีๆ ก็อาจจะเห็นแววตาเศร้าๆ

"วินหลับแล้วเหรอ" ผมไม่ตอบแต่ถามหาหลานชายพร้อมกับเมียงมองเข้าไปในห้อง

"หลับไปแล้ว"

ผมพยักหน้ารับรู้ คงไม่มีเด็กอายุหกเจ็ดเดือนที่ไหนนอนดึกขนาดนี้อยู่แล้ว

"พี่มีอะไรจะคุยกับแนนหน่อย สะดวกไหม"

แนนพยักหน้าแม้ว่าสายตาดูมีคำถามก็ตามที "ได้สิ"

ผมเดินเข้าไปในห้องของแนน พอสังเกตดีๆ ก็เห็นข้าวของบางอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ไม่ว่าจะเป็นผ้าอ้อมที่ซื้อมาใหม่หลายห่อ รถเข็นเด็กคันใหม่และของเล่นเด็กที่ยังไม่ได้แกะกล่อง
เหมือนแนนจะรู้ว่าผมสงสัยก็เลยรีบเดินมาอธิบาย

"พอดีวันนี้คุณภูริชมารับแนนไปซื้อของที่ตลาด แนนก็เลยแวะไปซื้อของพวกนี้มาเพิ่มด้วย"

ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย พยายามไม่แสดงสีหน้าให้น้องสาวเห็นว่ารู้สึกแปลกใจมากแค่ไหน
ถ้าภูริชพาไป ผมก็คงต้องขอเดาว่าฝ่ายนั้นเป็นคนออกเงินซื้อให้ด้วย

"แนน"

"คะ" แนนสบตากับผม แต่สักพักก็หลบตาคล้ายกับรู้ว่าผมกำลังคิดอะไร

"แนน...คิดดีแล้วใช่ไหม" แม้ว่าลังเลแต่ผมก็ถามออกไปจนได้

"ก็..." แนนทำสีหน้ายุ่งยากใจ คงไม่กล้าบอกผมตรงๆ ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่

"พี่ไม่ห้ามแนนหรอกนะถ้าแนนจะมีแฟนใหม่ ก็ดูดีๆ หน่อยละกัน ฐานะคุณภูริชต่างจากเราเยอะ
จะจริงใจกับแนนมากแค่ไหนพี่ก็ไม่รู้ พี่ก็...อาจจะไม่ถึงกับเตือนแนนหรอกนะ แนนก็โตแล้ว
ก็ควรจะมีชีวิตเป็นของตัวเองบ้าง แต่คราวนี้ พี่อยากให้แนนดูแล้วก็คิดให้รอบคอบ
สังคมไทยน่ะ เวลาผู้หญิงพลาดแล้วมันเป็นร้ายแรงมากนะ ไม่เหมือนผู้ชายอย่างพี่หรอก"

แนนหน้าจ๋อย แต่หลังจากได้บทเรียนคราวนั้นแล้วก็ไม่คิดจะเถียงผมเหมือนที่ผ่านมาอีก

"ค่ะพี่นิน แนนก็...ไม่อยากถูกหลอกเหมือนที่ผ่านมาอีกหรอก แต่แนน..."

"พี่เข้าใจ" ผมรีบพูดแทรก "ไม่แปลกหรอกที่แนนต้องการใครสักคน ใครๆ ก็อยากมีคู่ชีวิต
มีครอบครัวที่สมบูรณ์ แต่...แนนก็ต้องรู้ไว้อย่างนึงนะ เราไม่มีทางรู้หรอกว่าคนที่ผ่านเข้ามา...
จะใช่คนสุดท้ายหรือเปล่า ถ้ายังไม่ใช่ เราก็ต้องคิดเผื่อใจ คิดหาทางหนีทีไล่ไว้มั่ง
ไม่งั้นเราก็จะเจ็บซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยเฉพาะ...เจ็บซ้ำเรื่องเดิมๆ"

ประโยคสุดท้าย นอกจากจะเตือนใจแนนแล้วผมก็พูดเตือนใจตัวเองไปด้วย
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผมต้องมาเจ็บซ้ำเรื่องเดิมๆ ทั้งๆ ที่ก็เคยมีประสบการณ์อย่างนี้มาแล้ว

"พี่นินไม่โกรธแนนนะคะถ้าเกิดว่า..." แนนหยุดคิด ก็คงจะคิดหนักมากทีเดียวที่จะบอกผมเรื่องนี้
"ถ้าเกิดว่าแนนจะลองให้โอกาสตัวเองอีกครั้ง"

ผมยิ้มบางๆ ให้น้องสาว ไม่รู้ว่าจะโกรธแนนได้ยังไงเหมือนกัน ผมเองยังพลาดซ้ำสองได้เลย
ถึงเราจะไม่รู้ว่าคนที่ผ่านมาใช่คนสุดท้ายหรือเปล่า แต่ถ้าไม่ได้ลองคบกันดูเราก็จะไม่มีทางรู้คำตอบ
คำตอบไม่ได้เกิดจากการคิดหรือคาดเดาเอาในหัว แต่มันได้มาจากประสบการณ์จริง

"พี่จะโกรธแนนทำไม ก็บอกแล้วไงว่าชีวิตแนนก็เป็นของแนน พี่แค่อยากให้แนนดูให้ดีๆ แค่นั้นแหละ
ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาอีก ก็เท่ากับซ้ำเติมชีวิตตัวเอง แล้วพี่ก็ไม่แน่ใจว่าพ่อกับแม่จะเข้าใจได้มากแค่ไหน
ว่าแต่...แนนพร้อมแล้วใช่ไหมที่จะบอกความจริงกับพ่อกับแม่ เหลืออีกไม่กี่วันแล้วนะ"

ผมทันได้เห็นแววตาหวั่นกลัวของน้องสาวที่ถูกกลบเกลื่อนอย่างรวดเร็วด้วยรอยยิ้มบางๆ
แม้ว่าแนนจะกลัว แต่ก็ไม่มีหนทางไหนที่จะดีไปมากกว่านี้แล้ว

"ค่ะ แนนไม่อยากปิดบังอีกแล้ว แนนอยากกลับบ้าน อีกอย่าง...พี่นินจะได้ไม่ต้องลำบากเพราะแนนอีก"

ผมรู้ว่าแนนรู้สึกผิดมากแค่ไหนที่พี่ชายอย่างผมต้องเข้ามาช่วยแก้ปัญหาที่แนนทำขึ้น
แรกๆ ผมก็ยอมรับว่าโกรธและโมโหน้องสาวอยู่เหมือนกัน แต่สุดท้ายก็โกรธไม่ลง
ยังไงๆ ปัญหามันก็เกิดแล้ว ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบก็ต้องหาทางแก้ไข

"อย่าพูดอย่างงั้นสิ เราเป็นพี่น้องกันนะ ถ้าพี่ไม่ช่วยแนน แล้วจะให้พี่ช่วยใคร"

แนนมองผมด้วยสายตาซาบซึ้งแต่ก็แฝงความรู้สึกผิดอยู่ในที

"ขอบคุณค่ะพี่นิน แนนขอโทษนะที่ทำให้พี่นินต้องลำบากไปด้วย ถ้าไม่ได้พี่ช่วยแนนคงแย่"

"อย่าคิดมาก มันผ่านไปแล้ว เอาเป็นว่า...พี่ก็ขอให้แนนเจอคนที่ดีๆ ละกันนะ คุณภูริชก็ดูเป็นคนดีอยู่
พี่ก็พูดเท่าที่พี่เห็นนั่นแหละ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต่อไปจะเป็นยังไง แต่พี่ก็เชื่อว่า...ฟ้าหลังฝนของแนน
จะมีแต่สิ่งดีๆ รออยู่"

ผมยิ้มให้น้องสาวด้วยสายตามีความหวัง แล้วแนนก็ยิ้มตอบกลับมาด้วยสายตาที่มีหวังเช่นเดียวกัน

"พี่นินก็โชคดีนะที่ได้เจอพี่เป็ง พี่เป็งเขารักพี่นินมากนะ แนนดูออก"

แค่ได้ยินชื่อของคนที่ผมเพิ่งเดินจากมาเท่านั้น หน้าผมก็เปลี่ยนสีไปทันทีจนพอสังเกตได้
เมื่อไม่รู้จะกลบเกลื่อนความผิดปกตินี้ยังไงดี ผมก็เลยทำได้แค่ยิ้มเศร้าๆ

"บางทีสิ่งที่แนนเห็นก็อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เป็นจริงก็ได้นะ ใครจะไปรู้"

แนนทำท่าสงสัย "ทำไมพี่นินพูดแบบนั้นล่ะ มีอะไรหรือเปล่า"

คานินถอนหายใจคล้ายคนมีความทุกข์ แต่เมื่อคิดสะระตะแล้วก็ตัดสินใจว่าจะยังไม่บอกแนนเรื่องนี้

"เอาไว้ให้พี่ได้คำตอบที่ชัดเจนแล้วพี่จะเล่าให้ฟังละกันนะ พี่ว่าจะไปนอนแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า"

"อ้อ...ค่ะ" แนนรับคำอย่างงงๆ "เอ่อ...พี่จะกินน้ำสักแก้วไหมเดี๋ยวแนนรินให้ เมื่อกี้ก็มัวแต่คุยจนลืม"

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ไปกินที่ห้อง แนนนอนเถอะ"

ผมบอกแล้วก็เดินไปดูหลานชายที่นอนหลับอยู่ในเปล เด็กน้อยหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข
แม้ไม่รู้ว่าในตอนที่เกิดมาได้เผชิญเรื่องราวอะไรมาบ้าง แต่เด็กก็คือเด็กนั่นแหละนะ

ผมกลับเข้ามาในห้อง ถอดเสื้อผ้าที่เพิ่งใส่ทับชุดใส่นอนออกไว้ในตะกร้าอย่างอ่อนล้า
ก่อนจะนอนก็ถือโอกาสเข้าห้องน้ำเสียหน่อย จะได้ไม่ตื่นมาปวดฉี่ตอนดึกๆ

พอจัดการธุระเสร็จและกำลังจะออกจากห้องน้ำ ผมก็พลันเหลือบไปเห็นจิ้งจกตัวหนึ่งเข้า
มันกำลังไต่อยู่ใกล้ๆ กระจกในห้องน้ำพอดี เพียงแค่เห็นผมก็นึกถึงใครคนนั้นอีกแล้ว
ผู้ชายตัวโตแต่กลับกลัวสัตว์ตัวเล็กแค่นี้อย่างไม่น่าเชื่อ คิดๆ ไปแล้วก็น่าขำเสียจริง

แต่น่าเสียดายเหลือเกิน ความหวังที่ผมกับเป็งจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมนั้นดูท่าจะยากเสียแล้ว
คนเราลองได้ลังเลขึ้นมาแล้วก็ยากที่จะพาหัวใจตัวเองกลับมาที่จุดเดิม

หลังจากที่ผมบอกเป็งไปว่าขอให้ทบทวนหัวใจตัวเองให้ดี ถ้าได้คำตอบแล้วค่อยมาบอกผม
ผมก็ขอตัวกลับทันที ตอนแรกเป็งจะมาส่ง แต่ผมก็ปฏิเสธและนั่งรถเมล์กลับมาคนเดียว

สุดท้ายคนจนๆ อย่างผมก็คงต้องกลับมาอยู่ในโลกของตัวเองอย่างเดิมจนได้
ก็ดีแล้ว เพราะผมไม่มีอะไรที่จะไปต่อเติมเสริมแต่งให้ชีวิตของเป็งดีกว่าที่เป็นได้เลย
จะว่าไปก็มีแต่จะเป็นภาระเปล่าๆ เพราะฉะนั้น ให้มันจบไปแบบนี้ก็คงดีกว่า

ถึงกระนั้น ผมก็ยอมรับตามตรงว่าผมรู้สึกดีกับเป็งมาก และมันจะกลายเป็นความรักได้ไม่ยากเลย
ที่สำคัญ การที่ผมได้มาเจอผู้ชายคนนี้ ทำให้ชีวิตของผมต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล



เป็ง...

จะกี่ครั้งที่ผมก้าวขาเข้ามาในร้านนี้ ผมก็มักจะได้พบกับบรรยากาศและคนที่คุ้นเคยเสมอๆ
พนักงานทุกคนยิ้มให้ผมและมักจะกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง แถมยังรู้ใจเป็นอย่างดี
ก็แน่อยู่แล้ว ผมมาทีไรก็มักจะสั่งอย่างเดิมมากิน จนแทบไม่ต้องเอ่ยปากสั่งด้วยซ้ำ

เช้าวันเสาร์วันนี้คนยังน้อยเหมือนเช่นเคย เพราะส่วนมากก็มักจะออกบ้านกันตอนบ่ายๆ
คิวที่ผมไปต่อแถวก็เลยไม่ยาว มีคนต่อแถวอยู่ข้างหน้าผมเพียงสองคนเท่านั้น

หนุ่มเขี้ยวคนขยันของผมทำหน้าที่บาริสตาและอื่นๆ ตามความจำเป็นอย่างคล่องแคล่วเหมือนเคย
แต่แม้ว่าผมจะยืนอยู่ให้เห็นตรงหน้า หนุ่มเขี้ยวก็ไม่หันมาสนใจผมเลย แม้แต่น้อย
นี่ก็ห้าวันแล้วที่ผมกับคานินไม่ได้เจอกัน หรือถ้าจะพูดให้ถูก เราไม่ได้ติดต่อกันเลยไม่ว่าทางไหน

เหลืออีกเพียงหนึ่งคิวก็จะถึงคิวของผมแล้ว ตั้งใจว่าจะรอเอ่ยทักทายกับคานินเสียหน่อย
พลันผมก็ได้ยินเสียงหวานใสทักทายมาจากด้านหลัง น้ำเสียงฟังดูคุ้นหูมากทีเดียว

"คุณป้องเกียรติหรือเปล่าคะ"

ผมรีบหันไปดูทันทีทันใด พอรู้ว่าเป็นใครก็ทำหน้าแปลกใจและตกใจระคนกันไป

"คุณกัญ"

สาวเขี้ยวเสน่ห์ยิ้มหวานให้ผม ดูเธอดีใจมากทีเดียวที่ได้เจอผมที่นี่โดยบังเอิญ

"อยู่แถวนี้เหรอคะ" กัญชพรยิ้มอวดฟันและเขี้ยวสวยมีเสน่ห์ของเธอ

เอาแล้วสิ ความรู้สึกข้างในของผมปั่นป่วนอีกแล้ว แต่ผมคงไม่ปล่อยให้ตัวเองเขินอายตรงนี้หรอก
อย่างน้อยๆ ผมก็ควรต้องเกรงใจคานินบ้าง

"ครับ คอนโดผมอยู่ในซอยนี้นี่เอง แล้วคุณกัญ...มาทำอะไรที่นี่เหรอครับ หรือว่าอยู่แถวนี้เหมือนกัน"

กัญชพรหัวเราะร่วนเบาๆ อวดเขี้ยวเสน่ห์ให้ผมเห็นอีกระรอก

"เปล่าหรอกค่ะ กัญแวะมาสั่งดอกไม้ที่ร้านแถวๆ นี้น่ะค่ะ จะเอาไปแสดงความยินดีกับญาติหน่อย
เขาเพิ่งรับปริญญา พอดีแว๊บเห็นร้านกาแฟอยู่แถวนี้พอดีก็เลยแวะเข้ามาค่ะ"

"อ้อ...ครับ" ผมพยักหน้ารับรู้ และน่าจะแสดงอาการเขินๆ ออกไปบ้าง ไม่มากก็น้อย

"อ้อ...กัญคุยกับหัวหน้าฝ่ายแล้วนะคะ สรุปว่ากัญต้องไปอบรมกับคุณป้องเกียรติที่นครนายกด้วย
สรุปตอนนี้คืออบรมสามวันต่อรุ่นใช่ไหมคะ"

"ครับ"

"สงสัยเราคงได้เจอกันจนเบื่อเลยนะคะ"

ผมยิ้มเล็กน้อยแล้วก็ขออนุญาตหยุดการสนทนาไว้ก่อนเพราะถึงคิวผมแล้ว

ผมหันหน้ามาประจันกับคานินตรงๆ แม้เจ้าตัวพยายามยิ้มให้ผมสักแค่ไหนก็ดูห่างเหินอยู่ดี
สิ่งที่ทำให้ผมร้อนๆ หนาวๆ ก็คือผมไม่รู้ว่าคานินได้ยินที่ผมคุยกับกัญชพรหรือเปล่า
ยังไงๆ ผมก็เป็นห่วงความรู้สึกของคานิน

"เอาเหมือนเดิมครับ" ผมบอกเสียงเรียบพร้อมกับยิ้มน้อยๆ

คานินพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ยิ้มจางๆ ให้ผมทีหนึ่งแล้วก็หันไปง่วนจัดการตามที่ผมสั่งไป

"ลืมถามน่ะค่ะ มาคนเดียวหรือเปล่าคะ" เสียงของกัญชพรถามผมมาจากทางด้านหลัง

ผมหันไปยิ้มและพยักหน้า "ครับ มาคนเดียวครับ"

"ถ้าอย่างงั้น...กัญขอนั่งด้วยคนละกันนะคะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว จะถือโอกาสคุยงานต่อสักหน่อย
คุณป้องเกียรติรังเกียจไหมคะที่จะคุยงานวันหยุดแบบนี้"

"อ๋อ...ไม่หรอกครับ วันหยุดของผมไม่ใช่แค่เสาร์อาทิตย์ ถ้าช่วงไหนไม่มีงานก็หยุดวันไหนก็ได้"

"อ๋อค่ะ"

ไปๆ มาๆ ผมก็ได้มานั่งทานกาแฟกับสาวเขี้ยวเสน่ห์ต่อหน้าต่อตาหนุ่มเขี้ยวเสน่ห์เสียอย่างนั้น
ผมก็ไม่ได้อยากให้เป็นอย่างนี้หรอก มันดูโหดร้ายกับคานินมากเกินไป แต่ก็สุดวิสัยที่จะเลี่ยง

ผมยอมรับตามตรงว่ารู้สึกดีที่ได้นั่งคุยกับสาวสวยเสียงหวานใส กิริยาอ่อนหวานแถมยังมีเขี้ยวเสน่ห์
ไม่รู้ว่าผมเกิดมาคู่ควรกับสิ่งนี้หรือเปล่า ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น ผู้ชายก็คงต้องคู่กับผู้หญิง ตามธรรมชาติ
หรือว่าผมจะไม่สามารถหนีพ้นจากธรรมชาติเหมือนคนทั่วไปได้

กระนั้น ผมก็อดเหลือบมองดูคานินบ่อยๆ ไม่ได้ คานินเองก็คอยมองมาที่ผมบ่อยๆ เช่นกัน
เราเหลือบมองกันบ่อยจนผมยอมรับว่าไม่ค่อยมีสมาธิคุยงานกับกัญชพรเท่าไหร่
ไม่รู้ว่าคานินจะรู้สึกยังไงและคิดอะไรบ้างที่เห็นผมกับกัญชพรนั่งคุยกันต่อหน้าต่อตา

จนกระทั่งการสนทนาของผมกับกัญชพรกำลังจะจบลงและเรากำลังจะแยกย้ายกันไป
พลันผมก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายเป็นภาษาจีน พอเงี่ยหูฟังดีๆ จึงพอเริ่มจับใจความได้

หนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังโวยวายเสียงดังอยู่หน้าเคาน์เตอร์จ่ายเงิน มีคู่กรณีเป็นคานิน นั่นเอง
เท่าที่ผมจับได้ความได้ก็คือสองคนนี้โวยวายคานินว่าเสิร์ฟอาหารเกินมาจึงจะขอเงินคืน
แต่เนื่องจากอาหารที่เกินมามีร่องรอยการกินแล้วจึงคืนไม่ได้ แต่สองคนนั้นก็ไม่ยอม

ผู้ชายพอจะพูดภาษาอังกฤษได้บ้างก็พยายามขอเงินคืน คานินก็พยายามอธิบายว่าคืนไม่ได้
พร้อมกับยืนยันว่าทั้งสองคนเป็นคนสั่งอาหารนั้นด้วยตัวเอง ไม่ได้เอาไปให้ผิดตามที่กล่าวหา
ส่วนผู้หญิงก็ด่าทั้งร้านและคานินเป็นภาษาจีนอย่างเสียๆ หายๆ ชนิดที่ผมฟังแล้วยังสะดุ้ง
ถ้าคานินฟังออกคงได้น้ำตาตกแน่ๆ ทำให้ผมเข้าใจแจ่มแจ้งถึงหัวอกและชีวิตลูกจ้างเป็นอย่างดี

ผมเห็นท่าไม่ดีก็เลยต้องขอตัวไปช่วย และขอให้กัญชพรนั่งรออยู่ที่โต๊ะก่อน

"จ. มีอะไรหรือเปล่าครับ" ผมถามลูกค้าสองคนนั้นเป็นภาษาจีน

หนุ่มสาวสองคนและคานินหันมามองผมพร้อมกัน จะว่าไปลูกค้าและเด็กในร้านคนอื่นๆ ก็มองด้วย
ลูกค้าบางคนทำหน้าเอือมระอากับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของนักท่องเที่ยวจีน ที่ตอนนี้ป่วนไปทั่ว
บางคนถึงกับเดินออกจากร้านไปเลยก็มี แต่ก็แปลก ผมไม่ยักเห็นผู้จัดการออกมาเคลียร์ปัญหาเลย
ปล่อยให้ลูกน้องโดนเล่นงานอยู่ได้ ตั้งนานสองนาน

"จ. อ้อ พูดภาษาจีนได้ด้วยเหรอ งั้นดีเลย ช่วยบอกไอ้พนักงานหัวที่มคนนี้หน่อยว่าให้คืนเงินมา
ฉันไม่ได้สั่งซะหน่อย มั่วเอามาให้ได้ยังไง อย่างงี้โกงกันนี่หว่า ฉวยโอกาสได้ยังไง สารเลวจริงๆ"

ผู้หญิงคนนั้นหันมาบอกผมอย่างเผ็ดร้อน น้ำเสียงโวยวายนั้นดังจนคนข้างนอกร้านยังได้ยิน
คานินหน้าเสียจนดูน่าสงสาร เมื่อไม่กี่วันมานี้ก็เพิ่งโดนลูกค้าด่าไปหยกๆ วันนี้โดนอีกแล้ว

"จ. แต่คุณกินไปแล้ว มันคืนไม่ได้นะครับ" ผมพยายามช่วยอธิบายอย่างใจเย็น

"จ. อ้าว ก็ตอนแรกฉันไม่รู้นี่ว่ามันเกินมา ก็กินไปแค่นิดเดียวเอง ไม่รู้แหละ ยังไงๆ ก็ต้องคืนเงิน
ไม่งั้นฉันจะพังร้าน คอยดูสิ"

พอขาดคำผู้หญิงคนนั้นก็หันไปชี้หน้าด่าคานินต่อ คำด่าแต่ละคำเล่นเอาผมหน้าชาเลยทีเดียว

"จ. เอาอย่างงี้ละกันครับ เดี๋ยวผมจ่ายเงินให้พวกคุณสองคนเอง เท่าไหร่ครับ"

ผมพูดกึ่งตะโกน ไม่อย่างงั้นก็คงไม่สามารถเรียกความสนใจจากสองคนนี้ได้
ลูกค้าที่ยืนต่อแถวอยู่เดินหนีกันไปเกือบหมดแล้ว ส่วนคนที่ยังอยู่ก็เริ่มมองหน้ากันเอง
แต่ก็ดูเหมือนว่าขัอเสนอของผมคงน่าสนใจไม่น้อย สองคนนั้นจึงหันกลับมาสนใจผมทันที

"จ. ร้อยยี่สิบบาท" คราวนี้ฝ่ายชายเป็นคนหันมาพูดกับผม

ผมรีบควักกระเป๋าสตางค์ออกมาดู โชคดีที่ผมมีธนบัตรใบละร้อยและยี่สิบบาทอยู่จึงรีบควักให้ไป

ผู้หญิงคนนั้นยื่นมือมารับแทบไม่ทัน "จ. เออ ก็แค่นี้แหละ"

แต่ก่อนจะเดินออกไปเธอก็ไม่วายชี้หน้าด่าคานินอีกเล็กน้อย จนพอใจแล้วถึงได้ออกไปจากร้าน

ผมมองหน้าคานินอย่างเห็นใจ แต่เราสองคนก็กลับไม่ได้พูดอะไรกันเลย เหมือนไม่รู้จะพูดอะไรกัน
พี่กุ้งกับอัญญาเห็นผมกับคานินไม่พูดกันก็คอยแอบมองอย่างสงสัย แต่ไม่กล้าถามตรงๆ

"ขอบคุณนะคะคุณเป็ง" พี่กุ้งเอ่ยขอบคุณแทนเมื่อเห็นคานินยืนนิ่งและไม่พูดอะไร

"ไม่เป็นไรครับ"

ผมยิ้มให้พี่กุ้งและหันกลับมามองคานิน เจ้าตัวทำท่าเหมือนจะยิ้มแต่แล้วก็หุบยิ้มเกือบจะทันที

"ผู้จัดการมา" อัญญาร้องบอกเพื่อนร่วมงานที่ตอนนี้เริ่มมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

ผมเห็นคานินทำหน้าตกใจเล็กน้อย สงสัยคงไม่พ้นโดนผู้จัดการเล่นงานอีกตามเคย
แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องภายในองค์กร ผมเป็นคนนอกไม่สามารถที่จะเข้าไปช่วยอะไรได้ อยู่แล้ว

ผมยิ้มให้กำลังใจคานินแล้วก็ค่อยๆ สาวเท้าเดินกลับมาที่โต๊ะที่กัญชพรนั่งรออยู่
บรรยากาศในร้านเริ่มกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว ลูกค้ากลับมาต่อแถวกันตามปกติ

พอผมมาถึงโต๊ะ กัญชพรก็ส่งยิ้มมารับ

"ไม่ไหวเลยนะคะ ดูสิ พนักงานในร้านแต่ละคนหน้าจ๋อยหมดเลย คุณป้องเกียรติเก่งนะคะ
จัดการซะอยู่หมัดเลย ว่าแต่...ฟังภาษาจีนออกด้วยเหรอคะ"

"ครับ ปกติเวลาอยู่บ้านผมก็พูดภาษาจีนกับคนในครอบครัวครับ"

ผมเล่าเรื่องครอบครัวผมให้กัญชพรฟังไปบ้างแล้ว เธอจึงพอรู้ที่มาที่ไปของผม

"อ๋อค่ะ" กัญชพรยิ้มหวานและสบตากับผม "อืม...เดี๋ยวกัญคงต้องไปแล้วล่ะค่ะ"

"แล้วกลับยังไงครับ"

"เอารถมาค่ะ จอดไว้ที่ร้าน"

ผมพยักหน้ารับรู้ เราร่ำลากันแล้วก็แยกย้ายกันไป
ก่อนกลับผมมองหาคานินแต่ก็ไม่เห็นเสียแล้ว  ไม่รู้ว่าโดนผู้จัดการเรียกไปสอบสวนหรือเปล่า
ถ้าใช่ ตอนนี้คงโดนเล่นงานหนักเพราะเมื่อกี้ลูกค้าเดินออกจากร้านไปหลายคน เสียรายได้เยอะเลย

ผมรู้สึกสะท้อนใจกับชีวิตของคานินเหลือเกิน ไม่รู้จะเป็นอย่างนี้อีกนานแค่ไหน มีทางเลือกหรือเปล่า
แล้วผมล่ะ ที่เคยบอกอะไรกับคานินไว้ซะดิบดี ผมยังจะให้มันเป็นอย่างที่บอกต่อไปหรือเปล่า...



กว่าจะเสร็จประชุมกับเจและแอนก็สามทุ่มกว่าพอดี แต่ก็ดีที่เราได้ข้อสรุปที่น่าพอใจเกือบหมดแล้ว
ทันทีที่สองคนนั้นออกจากคอนโดผมไป ผมก็รีบรุดมายังหน้าปากซอยเพื่อดักรอใครบางคน
พอมาถึงผมก็พบว่าร้านปิดไปแล้ว ดูเงียบๆ จนไม่คิดว่าน่าจะมีใครหลงเหลืออยู่ในร้านอีก
ผมถอนหายใจด้วยความเสียดาย ถ้าผมมาเร็วกว่านี้อีกหน่อยก็น่าจะพอทันอยู่
พอจะหันหลังกลับ ผมก็เหลือบไปเห็นแผ่นหลังของใครบางคนที่กำลังเดินไปบนทางเท้าไม่ไกลนัก
แค่เห็นท่าเดินผมก็พอรู้ว่าเป็นใคร ผมฉีกยิ้มแล้วก็รีบวิ่งตามไปทันที

"คานิน"

ผมเรียกเจ้าของชื่อที่ตอนนี้กำลังเดินดุ่มๆ ไปยังป้ายรถเมล์ที่ใช้เป็นประจำเพื่อรอรถกลับบ้าน
คานินหยุดเดินแล้วหันมามองตามเสียงเรียก พอรู้ว่าเป็นใครก็ทำท่าจะหันหลังกลับ

"เดี๋ยวก่อนสิคานิน"

คานินหยุดและหันกลับมามองผมอีกครั้ง ผมจึงรีบสาวเท้าเดินเข้าไปหาจนมาหยุดยืนประจันหน้ากัน

"เลิกงานแล้วเหรอ" ผมส่งยิ้มบางๆ ให้

"ครับ" คานินตอบสั้นๆ

"แล้ววันนี้...ผู้จัดการร้านว่าไงบ้าง" ผมถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

คานินเงียบ ไม่ตอบ ไม่พูดอะไร ทำหน้านิ่งเฉย จนผมต้องเป็นฝ่ายร้อนๆ หนาวๆ เสียเอง

"คานิน ถ้าคานินทำงานที่นี่ไม่ไหว เดี๋ยวผมจะ..."

"คุณเป็งครับ" คานินพูดสวนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเข้ม สีหน้าจริงจังอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน

"อย่าทำแบบนี้อีกเลยครับ ความสับสน...ไม่ทำให้ใครรู้สึกดี ต่อให้ทำเหมือนรัก ก็ไม่แน่ใจว่ารักไหม
ต่อให้ทำเหมือนเป็นห่วง ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นห่วงเพราะอะไร อย่าลืมที่เราสองคนตกลงกันไว้สิครับ"

คานินหยุดเว้นจังหวะ สายตาที่มองมาทำให้ผมรู้สึกอึดอัดเหลือเกิน

"ยินดีด้วยนะครับ ผมเห็นแล้ว...สาวมีเขี้ยวตัวจริงของคุณเป็ง เขาสวยนะครับ ดูมีชาติตระกูล
เหมาะสมกับคุณเป็งทุกอย่าง นี่ไงครับ ชีวิตที่เราสองคนควรจะเป็น...ผู้ชายคนหนึ่ง...ใช่ไหมครับ"

ผมพูดไม่ออกเมื่อได้ยินคานินตัดพ้อต่อว่าอย่างชัดถ้อยชัดคำ กระนั้น สีหน้าก็ดูเศร้าและอ่อนล้า
เราสองคนยืนมองหน้ากันโดยไม่สนใจคนเดินผ่านไปมา ดีที่ว่าทางเท้าตรงนี้กว้างก็เลยไม่ขวางใคร

ผมถอนหายใจอย่างหนักใจ สภาพที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างนี้ช่างน่ารำคาญสิ้นดี
คานินไม่ไว้ใจผมแล้ว คงเป็นเรื่องยากที่ผมจะพูดหรืออธิบายเหตุผลใดๆ ในตอนนี้

"ไหนๆ มันก็เป็นแบบนี้แล้ว เดินหน้าพิสูจน์ให้มันเต็มที่ไปเลยสิครับ"

คานินย้ำเรื่องเดิมที่เราเคยพูดกันไปคราวนั้นอีกครั้ง แม้จะพยายามทำท่าทางหนักแน่น
แต่มีหรือที่ผมจะไม่เห็นร่องรอยความเจ็บปวดในสายตาคู่นั้น ฟ้องชัดว่าผมได้ทำร้ายคานินไปแล้ว

"ผมไม่อยากพิสูจน์แล้ว ผมกลัว" ผมตัดสินใจบอกความรู้สึกตรงๆ ออกไป

"กลัวทำไมล่ะครับ เพราะสิ่งที่มันน่ากลัวมากกว่าก็คือการที่เราคบกันไป...แล้วสุดท้ายก็ไม่ใช่
ตอนนี้...ผมยอมรับว่าผมเจ็บ เจ็บมากๆ ด้วย แต่ผมยอมเจ็บต่อไปได้ ทำให้มันชัดนะครับคุณเป็ง
ผมขอแค่ให้มันชัด ไม่ว่ามันจะเป็นยังไง ผมรับได้ คุณเป็งไม่ต้องกลัวว่าผมจะรับไม่ได้
ผมเป็นลูกผู้ชายพอ" คานินย้ำประโยคหลังหนักแน่น

"เอาไว้...มีคำตอบให้ผมแล้วเราค่อยกลับมาคุยกันนะครับ"

ขาดคำคานินก็หันหลังกลับแล้วก้าวเท้าเดินออกไป ผมยืนนิ่งอยู่สักพักก็วิ่งตามไปคว้ามือคานินไว้

"คานิน ผมไม่อยากให้เราเป็นแบบนี้เลย"

คานินหยุดและหันมามอง สีหน้ามีความรู้สึกหลายอย่าง โดยรวมก็คือดูเหมือนเข้มแข็ง แต่ไม่ใช่

"ก็มันเป็นแบบนี้ไปแล้วนี่ครับ ผมขอร้องนะครับคุณเป็ง ถ้ายังอยากให้ผมรู้สึกดีๆ กับคุณเป็งอยู่
อย่าจับปลาสองมือเลยนะครับ"

ผมรู้สึกจุกจนพูดไม่ออก มือที่จับคานินไว้กลับไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ในที่สุดก็รั้งมือนั้นไว้ต่อไปไม่ไหว
คานินหันหลังกลับแล้วก้าวเดินออกไป ฝีเท้าเริ่มจากช้าค่อยๆ เร่งจนเร็วขึ้น แต่ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว
ผมก็ไม่มีเรี่ยวแรงจะตามไปฉุดรั้งไว้ จึงได้แต่มองคานินหายลับไปพร้อมกับรถเมล์สายประจำคันนั้น

ผมสูดหายใจลึกๆ เพื่อลดความเครียดที่รุมเร้าชีวิตของผมมาหลายวันให้คลายลงไปบ้าง
ถึงตอนนี้แล้วผมคงไม่มีทางเลือก รักพี่เสียดายน้องไม่ได้ จับปลาสองมือก็ไม่ดี
ก็คงต้องเดินหน้าบททดสอบหัวใจต่อไป จนกว่าจะเจอคำตอบที่ผมพอใจและใช่ที่สุด

เพราะคงไม่มีใครอยากฝากชีวิตไว้กับคนที่ไม่ชัดเจนเหมือนผมในเวลานี้อย่างแน่นอน!

TBC...


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-03-2016 08:28:26 โดย inxsara »

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
มันทั้งจุก มันทั้งหน่วง สงสารคานินจัง เข้มแข็งไว้นะคานิน อ่านตอนนี้ก็ร้องไห้อีกแล้วอ่ะ คุณเป็งไม่อยากเรียกคุณเลย เฮ้ออออออ เราขอความชัดเจนจากคุณเป็งได้มั้ย ขออย่างไวเลยเพราะเราสงสารคานินมาก ทำเป็นให้คำมั่นซักดิบดี วาดฝันไว้ซักสวยงาม สุดท้ายก็แค่วิมานในอากาศ ฮือออออ :sad4:

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
อ้าวๆ ยังจะมีบททดสอบอีกเหรอคับ ไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย ร้อนก็ร้อน เป็งรีบๆตัดสินใจสักทีเถอะ
  รอ รอ รออ่านตอนต่อไปคับ
[/color]

ออฟไลน์ boyslover

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
ดราม่ามาเต็ม พระเอกนิสัยโลเลดี มันย้อนแย้งกับการกระทำในบทต้นๆยังไงไม่รู้ตอนที่ตัดสินใจ
จะจีบผู้ชาย(แท้)การตัดสินใจเป็นเกย์ของตัวเองไหนจะเรื่องที่คุยกับพออีก อืมม
ถ้าเป็นคนจริงๆ นิสัยเสียไม่น่าคบมากเลยนะคนแบบพระเอกเนี้ยะ
 :beat:
รอติดตามต่อไปครับอยากรู้ว่า พระเอกของเรื่องจัดการกับตัวเองยังไง
และนายเอกที่กึ่งๆถูกหักหลังจากพระเอก(หรือโดนหักหลังเต็มๆกันหว่าเหอะๆ) มาเรียบร้อยจะทำยังไงต่อ
คงไม่โดนง้อสองสามตอนแล้วหายโกรธหน้าระรื่นมาคลอเคลียกันเหมือนเดิมนะครับ
ความไว้ใจเมื่อโดนทำลายไปครั้งหนึ่งแล้วยากที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม (อิน)
 :katai3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด