ภาคผนวก ก. นรกรนั่งมองคนที่นั่งหน้าเครียดจมอยู่กับเอกสารบนโต๊ะทำงานซึ่งอยู่ข้างกัน ตอนนี้วินทร์เริ่มมาทำงานได้เกือบ1เดือนแล้วจะบอกว่ามีปัญหาเรื่องการสอนก็ไม่น่าใช่เพราะจากการไปนั่งสังเกตการณ์ในฐานะอาจารย์รุ่นพี่ ชั้นเรียนกายวิภาคศาสตร์ที่วินทร์ได้รับมอบหมายให้ไปบรรยายพิเศษนั้นดูสนุกสนานกว่าของเขาเสียอีก หนำซ้ำวินทร์ยังกลายมาเป็นขวัญใจนักเรียนแพทย์ชนิดที่เดินตามมาขอคำปรึกษากันถึงห้องทำงานของภาควิชาไม่เว้นแต่ละวัน และเมื่อฟังจากบทสนทนาที่ได้ยินในบางช่วงบางตอนแล้ว เขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่าที่ไม่เข้าใจน่ะคือเรื่องสมองหรือเรื่องหัวใจกันแน่
‘พี่วินทร์มีแฟนหรือยังคะ’
เสียงหวานส่งคำถามขึ้นมาจากในบรรดากลุ่มนักเรียนแพทย์ที่พากันกลุ้มรุมอยู่รอบโต๊ะ จนมองไม่เห็นคนที่นั่งอยู่ตรงกลาง
นรกรนั่งเท้าคางมองดูคนตัวโตที่สักพักก็ยืดตัวขึ้นมาให้เห็น นัยน์ตาสองคู่บังเอิญสบกันอยู่อึดใจก่อนที่เขาจะแกล้งเสมองไปทางอื่น
‘ทำไมพี่วินทร์ไม่ตอบล่ะครับ’
สิ้นคำถามก็ตามมาด้วยเสียงกรี๊ดกร๊าด นรกรไม่ได้ยินว่าเขาตอบว่าอะไร บางทีอาจจะเป็นอวัจนะภาษา แต่ว่า… ถ้าเช่นนั้นมันคือ พยักหน้าหรือส่ายหน้ากันล่ะ
แล้วเขาก็ได้แต่เก็บความสงสัยนั้นไว้ในใจ เพราะถึงยังไงความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่จะเปิดเผยออกไปได้อยู่แล้ว
“พี่วินทร์เป็นอะไรครับ ผมเห็นนั่งถอนหายใจมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”
วินทร์ละสายตาจากเอกสารเหลือบมองคนที่นั่งอยู่อีกโต๊ะหนึ่งก่อนจะทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้ด้วยความเหนื่อยใจ “เรื่องห้องน่ะ”
นรกรพยักหน้าเข้าใจ หอพักของโรงพยาบาลนั้นถูกจัดเป็นสวัสดิการสำหรับแพทย์ประจำบ้านที่เข้ามาเรียนแต่เมื่อจบไปแล้วก็ต้องหาห้องพักอยู่เอง วินทร์ที่เพิ่งกลับเข้ากรุงเทพมาอีกครั้งนั้นได้เตรียมเช่าซื้อคอนโดไว้แล้วก็จริง แต่กว่าจะสร้างเสร็จส่งงานพร้อมให้เข้าพักก็สิ้นปี ระหว่างนี้เขาจึงอาศัยอยู่ห้องพักของอาจารย์ที่เตรียมไว้สำหรับนอนพักเวลามีผ่าตัดข้ามคืน ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่สะดวกสบายและไม่มีความเป็นส่วนตัวเอาเสียเลย
“พี่วินทร์จะหาห้องเช่าอยู่เหรอครับ” นรกรถาม “แถวนี้มีแต่ห้องเล็กๆ แพงๆ เสียด้วย”
“แพงฉันยังพอสู้ราคานะ แต่เต็มหมดทุกที่เลยนี่สิ” วินทร์ถอนหายใจ พลางขีดฆ่าลงบนแผ่นกระดาษจดรายชื่อหอพักต่างๆ ที่โทรติดต่อและได้รับการปฏิเสธในวันนี้ “ที่ยังพอว่างอยู่ก็ไกลๆ ทั้งนั้นเลย”
นรกรจ้องมองคนตรงหน้าอยู่อีกอึดใจเหมือนอยากพูดอะไรสักอย่าง แต่แล้วก็เปลี่ยนใจไปพูดเรื่องอื่น “วันนี้พี่วินทร์ไม่มีธุระอะไรที่ไหนแล้วใช่ไหมครับ ผมเองก็ไม่มีผ่าตัดเหมือนกันงั้นเราไปกินข้าวด้วยกันไหม”
วินทร์เหลือบตาดูคนที่เพิ่งจะเคยออกปากเอ่ยชวนเขาเป็นครั้ง นึกแปลกใจเล็กน้อยแต่ความรู้สึกดีใจนั้นมีมากกว่าจึงรีบตอบตกลง “งั้นเดี๋ยวฉันเอาของไปเก็บที่ห้องก่อนนายรอแป๊บนะ”
นรกรมองตามแผ่นหลังคนที่ลุกออกไป ก่อนจะค่อยถอดเสื้อกาวน์ออกใส่ไม้แขวนไว้หน้าตู้ทำงานเมื่อประตูเปิดออกอีกครั้งพร้อมกับที่นักเรียนแพทย์คนหนึ่งก้าวเข้ามา
“พี่วินทร์กลับไปแล้วเหรอคะ”
คิ้วเรียวย่นเข้าหากันเล็กน้อย เมื่อเหลือบดูนาฬิกาบนฝาผนังที่ล่วงมาจนทุ่มกว่าแล้ว จู่ๆ ก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเฉยๆ และมันไม่ใช่แค่เรื่องที่เธอมาหานอกเวลาราชการ “อาจารย์วินทร์กลับไปแล้วครับ” นรกรตั้งใจเน้นคำว่า ‘อาจารย์’ เป็นพิเศษ
“เหรอคะ” หญิงสาวหยุดยืนอยู่ที่กรอบประตูพลางกวาดตามองซ้ายขวาอย่างชั่งใจว่าจะทำอย่างไร ทำให้นรกรได้มีเวลาแอบมองดูเธอ
เธอก็เหมือนกับหญิงสาวในวัยเดียวกันทั่วๆ ไป ดูสดใส น่ารักและมีเสน่ห์ยามเมื่อยกมือขึ้นทัดปอยผมที่ข้างหูพร้อมกับหันมายิ้มให้
“งั้นหนูฝากนี่ไว้ให้พี่วินทร์หน่อยได้ไหมคะ อาจารย์”
นรกรสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจู่ๆ ก็ถูกเรียก เขาพยักหน้าและรับแฟ้มเอกสารมาถือไว้งงๆ ในขณะที่เธอยกมือไหว้และกลับออกไป เขามองดูแฟ้มในมือมันเป็นรายงานการบ้านที่วินทร์คงจะสั่งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาพลิกดูผ่านๆ ด้วยความสนใจว่าวินทร์สอนและสั่งงานอะไรบ้างเมื่อกระดาษโน้ตใบหนึ่งปลิวร่วงลงบนพื้น เขาก้มลงเก็บขึ้นมาดูและจู่ๆ ก็มีความความคิดบ้าๆ ขึ้นมาว่าอยากจะขยำทั้งกระดาษทั้งรายงานทิ้งลงถังขยะไปพร้อมๆ กันซะเดี๋ยวนั้นเลย
089-123xxxx
อย่าลืมโทรมานะคะ
นรกรวางรายงานเล่มนั้นลงบนโต๊ะวินทร์และเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะตัวเอง คนที่กำลังรอก็เดินเข้ามาพอดี
“เป็นอะไรทำไมทำหน้าแบบนั้น”
“แบบไหนครับ”
“ก็แบบนี้ไง” วินทร์เดินมาหยุดตรงหน้าโต๊ะทำงาน เอามือยันขอบโต๊ะแล้วชะโงกตัวข้ามไปจูบลงบนหว่างคิ้วที่พุ่งมาชนกัน “หงุดหงิดที่ให้รอนานเหรอ”
นรกรใบหน้าร้อนวาบกับการแสดงความรักที่จู่โจมเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว “เปล่าครับ” กระซิบพลางเบี่ยงศีรษะหนี “เมื่อกี้มีนักเรียนแพทย์เอารายงานมาส่งน่ะครับ”
“เหรอ” วินทร์หันกลับไปหยิบมาเปิดดู และนรกรรู้ว่าเขาต้องเห็นจดหมายน้อยฉบับนั้นที่สอดเอาไว้แน่ๆ แต่ก็ไม่พูดอะไร วินทร์วางมันไว้ที่เดิมและหันมาพยักหน้าให้รีบออกไปด้วยกัน
oooooo
มื้ออาหารในวันนี้ดำเนินไปตามปกติจนกระทั่งเสร็จสิ้นวินทร์ก็เดินมาส่งนรกรที่รถ
“ขับรถกลับดีๆ นะ”
“ครับ”
“ฝันดีนะ”
“ครับ” นรกรรับคำพลางจ้องมองคนที่ยังใช้สองมือค้ำประตูรถไว้ไม่ยอมขยับไปไหน “มีอะไรหรือครับ”
“ถ้าห้องฉันเสร็จแล้วก็ดีน่ะสิ” วินทร์พูดอย่างแสนเสียดาย
“ทำไมครับ”
“นายไม่รู้เหรอว่าฉันแทบขาดใจทุกครั้งที่ต้องปล่อยนายกลับบ้านไปโดยที่ไม่ได้ทำอะไร”
“อะไรนี่คืออะไรครับ” นรกรถามพาซื่อ บางทีเขาก็เหมือนจะตามทันแต่ก็ไม่ค่อยแน่ใจนักกับคำพูดสองแง่สองง่ามของวินทร์
“อยากรู้จริงๆ เหรอ” วินทร์อมยิ้มกรุ้มกริ้ม และโดยไม่รอให้คนฟังถามต่อเขาก็ตอบคำถามด้วยการก้มหน้าลงประทับริมฝีปาก มันทั้งลึกซึ้งและดูดดื่มจนคนถูกจูบเริ่มนั่งไม่ติดเบาะและต้องใช้สองแขนเกาะเกี่ยวรอบคอเขาไว้แน่น
พวกเขาจูบกันทุกวัน นรกรรู้อยู่แล้วว่าวินทร์เป็นพวกชอบถึงเนื้อถึงตัว เพียงแค่อยู่ด้วยกันไม่จำเป็นต้อง 2 ต่อ 2 จะต้องมีส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายมาแตะโดนกันเสมอ ซึ่งเขาไม่ได้รังเกียจ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมทั้งๆ ที่เป็นแบบนั้นกลับไม่เคยรู้สึกว่ามันพอ
อยากรัก… และต้องการเป็นคนถูกรัก แต่เขาจะแสดงออกหรือบอกยังไงให้อีกฝ่ายเข้าใจ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยมีความรัก แต่วินทร์เป็นแฟนคนที่ 2 ซึ่งแตกต่างกับคณิณอย่างสิ้นเชิง
วินทร์รับรู้ได้ถึงแรงหอบหายใจที่ถี่กระชั้นกับเสียงหัวใจที่เต้นรัวจากฝ่ามือที่ลูบไล้ไปบนแผงอก เขาดูดริมฝีปากเน้นๆ ครั้งหนึ่งก่อนจะเอื้อมมือไปจัดแจงปรับเบาะนั่งให้เอนราบลงเพื่อให้มีที่ว่างมากขึ้นแล้วก้าวตามขึ้นไป
เขาดึงประตูปิดเรียบร้อยแล้วและกำลังจะเริ่มต่อบทรักเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
วินทร์ถอนหายใจเสียงดังด้วยความเซ็งที่ถูกขัดจังหวะตอนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มอีกครั้ง เขากดรับโทรศัพท์ และยิ่งได้ฟังก็ยิ่งทำให้รู้สึกหงุดหงิดมากกว่าเดิม แต่ก็พยายามเก็บอาการไว้เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเป็นห่วง
หากนรกรก็สังเกตเห็นความผิดปกตินั้นและเอ่ยปากถาม “มีอะไรเหรอครับ”
“แม่บ้านโทรมาบอกว่าท่อน้ำแตกน่ะ ต้องปิดให้ช่างมาทำชั่วคราวไม่รู้จะซ่อมเสร็จเมื่อไหร่ เลยโทรมาบอกว่าระหว่างนี้ให้ฉันหาที่อาบน้ำข้างนอกไปก่อนค่อยกลับเข้ามานอน” วินทร์พูดติดตลกเพราะในความหมายของเธอคือการให้ไปอาบตามร้านอาบอบนวด “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ก็แค่ไม่อาบ เดี๋ยวกลับไปนอนเลยละกัน”
“ต้องอาบนะครับ ไม่งั้นสกปรกแย่เลย” นรกรท้วง พลางดันตัวลุกขึ้นมานั่งเผชิญหน้า แต่เพราะเจ้ารถมินิคูเปอร์ของเขานั้นก็ไม่ได้กว้างขวางเท่าใดนัก ประกอบกับอีกคนที่ตัวโตเกินไปทำให้นั่งไม่ถนัด
วินทร์จึงซ้อนตัวเขาขึ้นมานั่งคร่อมบนตักและเอามือโอบรอบแผ่นหลังไว้
“ก็น้ำมันไม่ไหลนี่นา จะให้ฉันทำยังไงล่ะ ให้ถ่อไปอาบที่ห้องเวรก็ไม่เอาหรอกนะ จะซื้อน้ำขวดไปอาบก็เปลืองเดี๋ยวจะหาว่าไม่ช่วยชาติประหยัดอีก”
ปากบ่นไปพลางก็เอาหน้าซุกลงกลางหน้าอกราวกับจะออดอ้อนขอความเห็นใจ
นรกรลูบมือไปบนเรือนผมและนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง “งั้นไปอาบที่ห้องผมไหมครับ”
นัยน์ตาคมพราวระยับขึ้นทันที และตอบอย่างกระตือรือร้น “ขอบคุณนะ”
oooooo
“พี่วินทร์อย่าน่า” นรกรบ่นใส่คนที่โถมเข้ามากอดจากทางด้านหลังและซุกไซร้ใบหน้าลงมาบนบ่า ในขณะที่เขากำลังปิดประตูห้อง
“อย่าหยุด?” วินทร์กระซิบที่ข้างหูพร้อมทั้งเป่าลมอุ่นแกล้งให้จั้กจี้เล่น เขาชอบตอนที่นรกรเหมือนจะรู้ทันเขาแต่ก็ลนลานทำอะไรไม่ถูกด้วยความตื่นเต้น
“ผมหมายถึงอย่างนั้นจริงๆ นะครับ” นรกรบอกพลางใช้มือดันอกคนที่ยังเกาะแน่นไม่ยอมปล่อยออก “ขอถอดรองเท้าก่อน”
วินทร์หัวเราะคิกคักในลำคอ เขาขโมยหอมแก้มฟอดใหญ่จนแก้มบุ๋มก่อนจะยอมปล่อยมือและเดินตามหลังคนตัวเล็กกว่าเข้าไปในห้อง รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยที่ได้มาห้องคนรักเป็นครั้งแรก
นรกรตกแต่งห้องง่ายๆ ด้วยสีเอิร์ธโทนดูเรียบหรู ไม่มีภาพถ่ายหรือแจกันใดๆ ประดับประดา จะมีก็เพียงชั้นวางหนังสือขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่ห้องนั่งเล่นกว่า 1 ใน 3 ถึงจะเพิ่งย้ายเข้ามาไม่นาน แต่บนชั้นก็มีหนังสือวางอยู่เกือบเต็มแล้ว
“ห้องนายสวยดีนะ”
“ขอบคุณครับ” นรกรว่าพลางวางกระเป๋าลงบนโต๊ะทำงาน ในขณะที่วินทร์ถือวิสาสะเดินวนดูรอบๆ เพื่อหาไอเดียไปแต่งห้องให้ตัวเองบ้างพลันสายตาก็ไปหยุดลงตรงเตียงขนาดคิงส์ไซส์ในส่วนที่จัดไว้เป็นห้องนอน
“อยู่คนเดียวไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องซื้อเตียงใหญ่ขนาดนี้ด้วยล่ะ”
“ก็...”
เพราะน้ำเสียงที่ฟังดูมีพิรุธและไม่ยอมตอบคำถามสักทีทำให้วินทร์หันกลับมาเผขิญหน้าพร้อมกับยกมือขึ้นกอดอก “ฮาร์ฟ”
“ก็แค่เผื่อไว้” นรกรตอบรัวเร็ว และทำทีเป็นจัดกระเป๋าให้เข้าที่ทั้งที่มันก็วางอยู่ในตำแหน่งที่ดีอยู่แล้ว
วินทร์ลดมือที่กอดอกไว้ลงและค่อยเดินมายืนซ้อนหลัง “เผื่ออะไร”
เขาถามซ้ำอีกครั้ง ไม่ได้คิดถึงเรื่องนอกใจอะไรหรอก แค่อยากย้ำให้แน่ใจว่าไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองเพราะบนโต๊ะหัวเตียงนั้นมีภาพที่ตฤณกรสเกตซ์รูปของอทิฏฐ์หรือก็คือรูปของเขาใส่กรอบวางไว้อยู่ แถมหนังสือที่เจ้าตัวอ่านค้างไว้ยังถูกคั่นด้วยที่คั่นซึ่งทำจากดอก forget me not ทับแห้งอีกต่างหาก
“ถ้านายไม่ตอบฉันจะคิดเองล่ะนะว่าเผื่อฉันแวะมานอนด้วยเหรอ” พร้อมทั้งสอดแขนเข้าโอบรอบเอวสอบแล้วสอดคางวางเกยลงบนบ่า
แก้มขาวซับสีเลือดฝาดขึ้นทันที ก่อนที่จะนรกรพยักหน้ารับเบาๆ
เมื่อรู้เช่นนั้นวินทร์จึงไม่รีรอที่จะตอบรับคำเชิญชวนกลายๆ นั่น “งั้นฉันขอนอนวันนี้เลยได้ไหม”
...
...
...
ริมฝีปากพรมจูบไปทั่วกรอบหน้าคนที่นอนอยู่บนเตียงราวกับต้องการจะกลืนกิน ในขณะที่มือใหญ่ค่อยลูบไล้ไปตามร่างกายและสัมผัสทุกๆ ที่ที่แขนยาวนั้นจะเอื้อมถึง
เพียงไม่นาน กระดุมเสื้อเชิ้ตถูกปลดออกจนหมดเผยให้เห็นผิวขาวเนียนมือที่วินทร์ได้แต่แอบมองผ่านช่องล็อกเกอร์มาแรมปี เขากัดริมฝีปากไว้ครึ่งหนึ่งด้วยมันเขี้ยวก่อนจะระบายความอัดอั้นที่กักเก็บมานานลงบนจุดอ่อนไหวสีน้ำตาลอ่อนตรงหน้าอก มันเป็นไตแข็งขึ้นสู้ปลายลิ้นและนิ้วมือของเขาทันทีเช่นเดียวกันกับร่างกายที่บิดเกร็งขึ้นเล็กน้อย
“พี่วินทร์… อย่าครับ… ไม่เอา…” นรกรประท้วงเพราะทุกที่ที่โดนสัมผัสนั้นกลับร้อนวาบราวกับผิวกำลังจะติดไฟ
วินทร์ไม่ฟังคำทัดทานและค่อยขยับตัวลงต่ำ เขาลูบมือหนักๆ ลงตรงกลางลำตัว นรกรสะดุ้งเฮือกและใช้มือขยำบ่าทั้งสองของเขาไว้แน่น
“ไม่ต้องกลัวนะ”
เขาค่อยคลายพันธนาการทั้งหมดไว้ออก แต่แล้วในขณะที่ผืนผ้าชิ้นสุดท้ายที่ขวางกั้นไว้กำลังจะถูกดึงลงนัยน์ตาก็เหลือบไปเห็นใบหน้าบิดเบี้ยวที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล
วินทร์กัดริมฝีปากสะกดกั้นอารมณ์พลุ่งพล่านของตัวเองจนมันห้อเลือดก่อนจะดึงกางเกงขึ้นใส่ให้ตามเดิมและลุกขึ้นนั่งหันหลังที่ปลายเตียง
“ขอโทษที”
นรกรลืมตาที่ปิดแน่นขึ้นช้าๆ “พี่วินทร์”
“ไม่มีอะไร” วินทร์บอกพลางยกมือขึ้นเสยผม “จู่ๆ ฉันก็ดันนึกเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับปอแล้วก็น้อยใจนิดหน่อยน่ะ”
“พี่ปอ” นรกรทวนคำ “แล้วเขาเกี่ยวอะไรด้วยครับ” พยายามเอื้อมมือไปจับชายเสื้อแต่อีกฝ่ายก็ขยับหนี
“ก็… นายดูกลัวฉันมากเลยนี่ ทั้งๆ ที่… ช่างเหอะ”
“เดี๋ยวก่อนครับ อย่าเพิ่งเข้าใจผิด”
“ปล่อย ฮาร์ฟ” วินทร์ทำเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อยเมื่อนรกรคว้าชายเสื้อเขาไว้ได้ในที่สุด “ไม่งั้นฉันจะปล้ำนายทั้งๆ ที่นายไม่เต็มใจนะ”
นรกรไม่ฟัง เขาลุกขึ้นจากเตียงและโผเข้ากอดจากทางด้านหลังก่อนที่อีกฝ่ายจะลุกไปได้สำเร็จ
“ฮาร์ฟ บอกให้ปล่อยไง” วินทร์คว้าเรียวแขนที่โอบอยู่รอบเอว พยายามจะแกะออกแต่นรกรก็จับไว้แน่นและซบหน้าลงมาบนแผ่นหลังจนเขาไม่กล้าออกแรงต้านเพราะกลัวอีกฝ่ายจะเจ็บ “ฮาร์ฟ!” และเปลี่ยนมาใช้น้ำเสียงดุจริงจังเมื่อเสียงเล็กๆ กระซิบอู้อี้ออกมาจากคนที่เกาะอยู่ข้างหลัง
“ผมต้องกลัวสิ” นรกรบอก “ก็ผมไม่เคยนี่นา”
วินทร์แทบไม่เชื่อหูกับสิ่งที่ได้ยิน “แต่นายคบกับปอตั้งสามปี ไม่ใช่เหรอ”
“แค่จูบ” นรกรกระซิบ “ก็พี่ปอเขาไม่ใช่... ก็เลย...”
นัยน์ตาคมเบิกโพลง วินทร์นึกอยากเตะตัวเองแรงๆ สักที ที่ทำตัวน่ารังเกียจแบบนี้ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เขาอดใจไม่ไหวแล้ว
“ฉันก็ไม่เคยเหมือนกัน”
แล้วพลิกตัวกลับรวดเร็วพร้อมทั้งคว้าสองแขนของคนตัวเล็กกว่ากดลงบนเตียงและก้าวขึ้นคร่อม ตาคมจ้องมองนัยน์ตาสีอ่อนของคนที่อยู่ใต้ร่างซึ่งยังคงเต็มไปด้วยความกังวล
“ฉันให้โอกาสนายตัดสินใจอีกครั้ง เพราะต่อจากนี้ฉันคงหยุดไม่ได้แม้ว่านายจะร้องไห้ขอร้องก็ตาม”
เสี้ยวนาทีนั้นวินทร์เห็นร่างโปร่งสั่นน้อยๆ มือใหญ่คลายออกเตรียมจะปล่อยให้เป็นอิสระเมื่อเสียงหวานกระซิบพร่าผ่านริมฝีปาก
“พี่วินทร์เคยสัญญาว่าจะไม่ทำให้ผมร้องไห้เสียใจ” นรกรบอก “แต่ถ้าร้องไห้เพราะเรื่องอื่น... ผมโอเคนะ”
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลย” นัยน์ตาพราวระยับแล้ววินทร์ก็จัดการปิดปากนั้นด้วยปากของตนเองอีกครั้ง
...
...
...
“เป็นไงบ้าง”
นรกรจ้องมองคนตรงหน้าพลางหอบหายใจ วินทร์จู่โจมเขาจนแทบหายใจไม่ทัน ทั่วทั้งตัวร้อนระอุและเต็มไปด้วยร่องรอยจุดสีกุหลาบไม่เว้นแม้แต่บริเวณโคนขาอ่อนที่ตอนนี้กำลังถูกกลืนกินด้วยปลายลิ้นจนแทบไม่เหลือ ในช่องท้องบิดเกร็งหากก็รู้สึกหวามไหวราวกับมีใครเอาระเบิดดอกไม้ไปฝังไว้
“แล้วพี่วินทร์ไม่…” นรกรถามอายๆ เพราะหลังจากที่วินทร์ใช้ทั้งนิ้วและลิ้นช่วยทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยจนลืมความเจ็บ แทนที่จะจู่โจมเข้ามาเจ้าตัวกลับรามือไปเสียเฉยๆ
“มันฉุกละหุกไปหน่อยฉันเลยไม่ได้เตรียมตัวมา ถ้าทำต่อไปทั้งแบบนี้ยังไงนายก็เจ็บแน่ๆ” คนที่ทาบทับอยู่ด้านบนแลบลิ้นเลียคราบความเปียกชื้นที่ยังคงติดอยู่ที่ริมฝีปากและปลายนิ้ว มันดูยั่วยวนและเซ็กซี่โดยไม่ได้ตั้งใจทำให้นรกรใจเต้นระรัว วินทร์เหลือบมองนัยน์ตาสีอ่อนที่สั่นไหวก่อนจะกดจูบลงกลางหน้าผากคนที่ไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังทำหน้าโล่งอกหรือผิดหวังกันแน่เป็นการปลอบขวัญ “ไม่เป็นไร อย่าเพิ่งรีบร้อนเอาไว้วันหลังค่อยทำถึงที่สุดนะ”
นรกรขยับตัวเล็กน้อย ทีแรกวินทร์คิดว่าอีกฝ่ายจะลุกหนี แต่กลับกลายเป็นเอื้อมมือไปดึงลิ้นชักที่หัวเตียงเปิดออก “นี่” กระซิบเบาๆ แล้วดึงตัวกลับมานอนนิ่งตามเดิม
“อะไรเหรอ”
“ดูเองสิครับ”
คิ้วเข้มย่นเข้าหากัน วินทร์ใช้แขนดันตัวยกขึ้นชะโงกหน้าไปมอง และเป็นอีกครั้งที่ค่ำคืนนี้ที่เขาต้องแกล้งทำเสียงเข้ม “ฮาร์ฟ” แล้วหยิบเอาขวดโลชั่นและซองพลาสติกหลากสีออกมากรีดเรียงในมือเหมือนถือไพ่ “ถ้ามันมีแบบเดียวหลายขนาดฉันจะไม่แปลกใจเลย แต่นี่มันมีขนาดเดียวแล้วมีหลายแบบคืออะไร ไหนลองอธิบายมาสิ”
“ก็... ในห้องเปลี่ยนชุดนะ” ขณะที่พูดแก้มที่ออกแดงระเรื่อเดิมอยู่แล้วยิ่งขึ้นสีเข้มจัด “พี่วินทร์ไม่ระวังตัวเอง... ผมก็เลย… ลองคำนวณเอาเองตามทฤษฏีน่ะ”
คนถามเองก็เขินไม่แพ้กัน แต่ก็ทำเป็นนิ่งไว้ก่อน “แล้วที่มีหลายแบบนี่ล่ะ”
“ก็ไม่รู้ว่าพี่วินทร์ชอบแบบไหนเลยซื้อมาเผื่อ”
“แล้วถ้าเกิดฉันชอบหมดนี่เลยล่ะจะทำยังไง”
“ก็ใช้ให้หมดเลยสิครับ”
“วันนี้วันเดียว? ทะลึ่งจังเลยนะนายเนี่ย” วินทร์แกล้งพูดต่อ ทำเอาคนฟังรีบดึงผ้าห่มขึ้นคลุมหน้าแทบไม่ทัน เขารู้ดีว่าจริงๆ แล้วนรกรไม่ได้คิดลามกหรืออะไรหรอก จะเรียกว่ายังไงดี... แค่รอบคอบแล้วก็จริงจังในทุกๆ เรื่องล่ะมั้ง แต่เขาก็ดีใจนะเพราะทั้งหมดนี่มันเป็นเรื่องของเขานี่นา ตาคมกวาดมองโปงผ้าตรงหน้าอย่างแสนรักก่อนจะกระซิบเสียงนุ่ม “ขอโทษที ไม่แกล้งแล้ว เปิดผ้าออกมาให้เห็นหน้าหน่อย”
มือเรียวค่อยดึงผ้าลงทีละน้อย เผยให้เห็นนัยน์ตาสีอ่อนที่มองมาอย่างกังวล “ตกลงขนาดพอดีไหมครับ”
วินทร์อดหัวเราะด้วยความเอ็นดูไม่ได้ แต่ก็ยังไม่อยากหยุดแกล้ง ไม่สิ! ต้องเรียกว่าขอความร่วมมือต่างหาก เพราะอีกฝ่ายเคยบอกว่าให้เขาช่วยสอนให้ทุกอย่างนี่นา วินทร์เลือกแบบธรรมดาบางเฉียบออกมาก่อนจะโยนอันอื่นเก็บลงลิ้นชัก บทเรียนแรกต้องเริ่มต้นที่เบสิคก่อนค่อยไต่ระดับขึ้นไปจนถึงแอดวานซ์
“อยากรู้ก็ใส่ให้หน่อยสิ ถือเป็นการทดสอบทฤษฏีของนายไงว่าตรงจริงหรือเปล่า”
(ต่อด้านล่างค่ะ)