Text_book#2 ภาคผนวก ก.P.32[3/08/2562]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Text_book#2 ภาคผนวก ก.P.32[3/08/2562]  (อ่าน 279589 ครั้ง)

ออฟไลน์ dukdikdukdik

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-3
สนุกมาก ๆ ค่ะ ฮาลฟ์นี้เหมือนคนละคนกับตอนต้นเรื่องเลย น่าร้ากกกก

ออฟไลน์ Supak-davil

  • สาว Y = Why I don't have a boyfriend ??????????
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เห็นตั้งแต่ตอนเปิดเรื่อง แต่ไม่ได้อ่าน เพราะนึกว่าเป็น puppy love ของนักศึกษาแพทย์
แต่พอลองไปอ่าน review ใน นิยายแนะนำ เลยไปอ่านดู
อ่านแบบ งง ๆ อ่ะแหละ เป็นคนที่มีจินตนาการน้อยมาก แล้วก็บรรยายความคิดของตัวเองไม่ถูก
บอกได้คำเดียวว่า ชอบมากอ่ะ มันแปลกดี แต่อ่านแล้วรู้สึกว่า ดีจังเลยที่ได้มีโอกาสได้อ่านเรื่องนี้
ขอบคุณค่ะ
เดี่ยวไปอ่าน ER ต่อดีกว่า

ออฟไลน์ แม่น้ำพระจันทร์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เราชอบเรืองนี้นะคะ ถ้ามีรวมเล่ม เราจะดีใจมาก

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
รักของเรา กับกาวน์ตัวเก่า ในวันที่ฝนพรำ (part1)


ความทรงจำบางอย่าง เราเคยคิดว่ามันจางหายหรือปลิวไปกับสายลมแล้ว

แต่แท้จริงมันไม่เคยหายไปไหนเลย ยังคงอยู่ตรงนั้น
และหวนกลับมาให้คิดถึง

ที่ทำได้... แค่คิดถึง

แต่เราเลือกได้

ว่าจะร้องไห้หรือยิ้มไปกับมัน



“พี่ฮาร์ฟครับขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมครับ”

สิ้นคำขอร้องที่ฟังดูตกประหม่าและตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัดทำให้เจ้าของชื่อที่กำลังเดินผ่านไปอย่างรีบเร่งหยุดฝีเท้าและหันมองตามเสียงเรียกซึ่งอยู่ในชุดครุยยาวทับชุดนักศึกษาดูสง่า แม้จะเป็นชายหนุ่มทั้งแท่งแต่ก็ปรุงแต่งทรงผมและหน้าตามาอย่างดีไม่แพ้สาวๆ เพื่อวันแห่งความสำเร็จที่มีเพียงครั้งเดียวในชีวิตนี้

นรกรเงียบไปนานพอสมควรจนบัณฑิตใหม่เริ่มลุกลี้ลุกลนเพราะคิดว่าทำอะไรผิด แต่เขาแค่อยากถ่ายรูปกับอาจารย์ที่อดทนสั่งสอนคนหัวทึบอย่างเขาจนมีวันนี้

“ถ้าอาจารย์รีบก็ไม่เป็นไรครับ” เขาบอกทั้งยังรีบเปลี่ยนสรรพนามเพราะกลัวจะโดนหาว่าลามปาม แต่พี่วินทร์เคยบอกไว้นี่นาว่าตอนเรียนเป็นศิษย์-อาจารย์ และเรียนจบเมื่อไหร่เราคือเพื่อน พี่น้องร่วมวิชาชีพ... ดูท่าอาจารย์นรกรจะไม่คิดแบบนั้นสินะ

เขาเดินคอตกกลับไปหากลุ่มเพื่อนที่บ้างก็ชูไม้ชูมือส่งกำลังใจให้ บ้างก็ทำหน้าล้อเลียนในความใจกล้าแล้วก็ดันผิดหวังกลับมา

“ได้สิ”

“ครับ” นึกว่าตัวเองหูเพี้ยนไปจนกระทั่งหันมาเห็นนรกรเดินตามมา

“ขอโทษที พอดีพี่กำลังคิดอะไรนิดหน่อยน่ะ เลยไม่ทันได้ฟังที่เรียก” นรกรบอกพลางพยายามปรับสีหน้าให้เข้ากับบรรยากาศรอบตัวที่เต็มไปด้วยความชื่นมื่น

“ขอบคุณครับ” คนที่กลับกลายเป็นฝ่ายถูกเรียกหน้าตื่นขึ้นมาทันที

“แล้วพี่ต้องทำยังไง”

“ทำยังไง คือ...?” บัณทิตใหม่ทวนคำ

“ก็นั่นไง” นรกรชี้มือไปที่ตากล้องซึ่งยืนส่งยิ้มแฉ่งสู้แสงแดดยามเที่ยงวันมาให้ “สมัยพี่ไม่มีอะไรแบบนี้น่ะ” อย่าว่าแต่เรื่องมีตากล้องเดินตามเก็บภาพทุกอิริยาบทเลย แม้แต่ครอบครัวที่มาแสดงความยินดีก็ไม่มี เขาไม่มีภาพที่เป็นของตัวเองเลยสักใบ มีเพียงรูปที่รับพระราชทานปริญญาบัตรเพียงใบเดียวเท่านั้น อันที่จริงเขาแทบไม่มีความทรงจำที่ดีในวันนี้เลยด้วยซ้ำ

“อ้อ! ไม่ต้องทำอะไรเลยครับพี่ฮาร์ฟแค่ยืนข้างๆ ผมก็พอครับ”

“แค่นั้นเหรอ” นรกรถามย้ำอีกครั้ง

“ยิ้มด้วยก็ดีครับ”

หลังจากให้ตากล้องรัวชัตเตอร์จนพอใจ นรกรก็เตรียมจะผละแต่ก็ถูกเรียกไว้อีกครั้ง

“พี่ฮาร์ฟครับ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วผมขออีกสักรูปสองรูปได้ไหมครับ”

“ได้สิ”

“เฮ้ย! มันจะมากไปแล้วนะเว้ย เรื่องอะไรแกยึดพี่ฮาร์ฟไว้เดียววะ ถอยออกมาให้พวกเราถ่ายมั่งสิ” เสียงบ่นดังมาจากกลุ่มเพื่อนร่วมรุ่นที่ยืนอยู่ถัดออกไป

“อะไร ก็พวกแกไม่ขอเองล่ะ”

“มาๆ ถ่ายด้วยกันหมดนี่แหละ” นรกรบอก รู้สึกงงๆ ที่จู่ๆ ก็มีคนมาขอต่อคิวเต็มไปหมด ทั้งยังเริ่มตาลายกับบรรดานักศึกษาแพทย์ที่เข้ามารุมล้อม

“ไม่เอาครับ ผมจะถ่ายกับพี่ฮาร์ฟสองคน นี่มันวันของผมนะเรื่องอะไรต้องเอาไอ้บ้านี่เข้ามาในเฟรมด้วยล่ะ”

“วันนี้แกรับปริญญาคนเดียวไง๊”

“เออ”

“ไอ้นี่ เดี๋ยวปั๊ด!”

“ถ้าไม่เลิกทะเลาะกันพี่ไปแล้วนะ” นรกรแทรกขึ้นทำเอาสองหนุ่มเงียบกริบก่อนเจ้าตัวจะหลุดขำออกมา “ล้อเล่นน่า จะกลุ่มจะเดี่ยวก็ได้ทั้งนั้นแหละวันนี้พี่ว่างทั้งวัน”

“ทำอะไรกันอยู่น่ะท่าทางน่าสนุกจัง”

คนในชุดกาวน์ซึ่งเดินผ่านมาพอดีแวะเข้ามาร่วมวง
“พี่ปอ” นรกรก้มศีรษะทักทาย ซึ่งก็ได้รอยยิ้มกว้างตอบกลับไป

“พี่ถ่ายด้วยคนสิ” คณิณบอก

“เชิญเลยครับ เดี๋ยวพี่ปอยืนคู่กับพี่ฮาร์ฟตรงกลางนะครับ”

“จะดีเหรอ นี่วันของพวกนายนะ พี่ต้องยืนริมสิ”

“พวกผมเรียงตามลำดับอาวุโสครับ ใครแก่ต้องยืนกลาง”

คณิณยกมือขึ้นกอดอก “คิดว่าฉันกลับไปแก้เกรดไม่ทันสินะ”

“ไม่ทันแน่ๆ ครับ และขอบคุณสำหรับ B+นะครับ” บัณทิตใหม่ยิ้มทะเล้น และได้รับเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีตอบกลับไป

นรกรยืนมองคณิณคุยเล่นกับน้องๆ เขาเป็นแบบนี้เสมอ เข้ากับคนง่ายและเป็นที่รักของทุกคน ซึ่งมันต่างกันกับเขาราวฟ้ากับเหว

“ร้อนไหม?” คณิณหันมาถามพลางยกสองแขนขึ้นป้องแดดให้

“นิดหน่อยครับ” นรกรตอบ

และจู่ๆ โดยที่ไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ ฝนเม็ดเล็กๆ ก็โปรยปรายลงมาก่อนที่กลายเป็นห่าฝน

ทุกคนพากันวิ่งวุ่นหลบฝนจ้าละหวั่น นรกรเหลียวมองซ้ายขวาท่ามกลางความสับสนเพราะตรงนี้เป็นพื้นที่โล่งกว้าง ยังไม่รู้จะไปทางทิศใด ฝ่ามือหนึ่งก็ฉวยเข้าที่ข้อมือและดึงให้วิ่งตามไปหลบใต้ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด

“ดูสิ นึกจะตกก็ตกนะฟ้าฝน” คณิณบ่นพลางชะเง้อมองผ่านม่านสายน้ำที่ไหลมาตามกันสาดไปยังท้องฟ้าที่จู่ๆ ก็มืดทึบขึ้นทันทีทั้งที่ไม่กี่นาทีก่อนยังมีแดดเปรี้ยงอยู่แท้ๆ

“นั่นน่ะสิครับ” นรกรตอบพลางเหลือบมองคนข้างกาย เพราะมีคนมาหลบฝนกันเยอะทำให้เขาต้องยืนเบียดกับคณิณจนไหล่ชนไหล่ และรับรู้ได้ถึงผิวกายที่ยังอุ่นท่ามกลางอุณหภูมิที่เริ่มเย็นลง

ทว่าเหนือกว่าการได้มองและสัมผัส คือการที่สมองดันหวนคิดถึงวันที่เขาไม่เคยลืม วัน...ที่เหมือนกับวันนี้ไม่มีผิด

วันที่ฝนตก... วันที่ฝนพาคนรักของเขาจากไป

“ขอโทษนะฮาร์ฟ แต่เราเลิกกันเถอะ”

คำที่หลุดออกจากปากชายหนุ่มตรงหน้าฟังดูแสนธรรมดาจนคนฟังต้องถามซ้ำว่าไม่ได้ยินผิดไป

“พี่ปอพูดว่าอะไรนะครับ”

“ฉันบอกว่าเราเลิกกันเถอะ”

สองมือที่ประคองดอกกุหลาบช่อโตจับกันแน่น สมองยังไม่ยอมเข้าใจความหมายใดๆ ในเมื่อคนที่เป็นฝ่ายเอ่ยปากเพิ่งยื่นดอกไม้แสดงความยินดีให้เขา

“นี่เป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ฉันจะให้นาย ในฐานะแฟน จากนี้ไปเราจะไม่มาเจอกันอีก”

“ผมถามได้ไหมครับว่าทำไม”

“เพราะฉันอยากเลิกไง”

พูดจบคณิณก็หันหลังเดินจากไป พร้อมกับที่ฟ้าเปลี่ยนสีและทิ้งมวลน้ำมหาศาลลงมา ทุกคนในสนามพากันวิ่งหาที่หลบฝนกันจ้าละหวั่น ในขณะที่นรกรตัวชาจนก้าวขาไม่ออก ยังคงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในความสัมพันธ์ของพวกเขา ไม่เข้าใจว่าทำไมในต้องเกิดในวันนี้ วันสำคัญที่มีเพียงครั้งเดียวในชีวิต

เคยคิดว่ารักมันไม่มั่นคง จนกระทั่งคนตรงหน้าเดินเข้ามาทำให้ความคิดนั้นเปลี่ยนไป แต่แล้วทำไมสุดท้ายมันถึงได้แปรปรวนยิ่งกว่าฟ้าฝนในเดือนกันยายนแบบนี้ล่ะ


เสียงฟ้าผ่าดังครืนใกล้ๆ ดึงสตินรกรกลับจากอดีตมาสู่ปัจจุบัน ถึงแม้หลังจากนั้นเขาจะปรับความเข้าใจกับคณิณได้ในที่สุดว่าเพราะต้องไปแต่งงานกับหญิงสาวที่ครอบครัวหมายหมั้น แต่มันก็ไม่อาจเรียกคืนหรือลบล้างความทรงจำอันเลวร้ายในวันนั้นได้เลย

“รับปริญญาหน้าฝนนี่ไม่ไหวเลยนะ” คณิณบ่นพลางชะเง้อคอมองท้องฟ้ามืดครึ้มที่ฝนยังไม่มีทีท่าว่าจะซา

“ครับ” นรกรบอกพลางพยายามสะบัดเรื่องในหัวออกไป แต่กลับถูกแทนด้วยเรื่องราวต่อมาที่เขากำลังเดินอย่างเชื่องช้าราวกับคนไร้สติท่ามกลางสายฝนเม็ดใหญ่ที่เทลงมา ในมือกอดดอกกุหลาบช่อใหญ่ที่ตอนนี้ดอกหนึ่งในนั้นยังถูกทับแห้งอยู่ในสมุดบันทึกของเขาในลิ้นชัก

“เปียกหมดเลย” คณิณบอกพลางยกมือขึ้นช่วยเสยผมที่ลู่ลงปรกตาเพราะเปียกฝน

นรกรสะดุ้งเล็กน้อยกับฝ่ามืออุ่นที่แตะลงบนผิวแก้มเย็นเฉียบของเขาโดยไม่ทันตั้งตัว พยายามขืนตัวหนีแต่ก็ไม่ทันมือที่ขยับตามมา จะปฏิเสธตอนนี้ก็กลัวจะโดนหาว่ารังเกียจ เขาจึงต้องยืนนิ่งให้มือนั้นช่วยจัดผมจนเสร็จ “นิดหน่อยเองครับ ขอบคุณที่ปอนะครับที่ช่วยบังฝนให้” เขารู้สึกขอบคุณจริงๆ ในจุดนี้ เพราะถ้าคณิณไม่ถอดกาวน์ของตัวเองออกมาช่วยกันฝนให้ เขาคงกลายเป็นลูกหมาตกน้ำไปแล้ว

“รีบกลับไปเช็ดผมให้แห้งล่ะ เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอานะ”

“ขอบคุณครับ” นรกรมองคนตรงหน้าที่ส่งยิ้มพรายมาให้ และแววตาคู่นั้นมันช่างอบอุ่นยิ่งกว่าฝ่ามือที่แตะอยู่ข้างแก้มนี่เสียอีก

และมันช่างแตกต่างกับภาพแผ่นหลังที่เดินห่างออกไปหวนกลับมาในความทรงจำอีกครั้ง ความเหมือนที่แตกต่างกับเมื่อวันวาน จนทำให้นรกรอดคิดไม่ได้ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากวันนั้นคณิณไม่เดินจากไป หรือถ้าเขาจะมีความกล้ามากพอที่จะวิ่งตามหรือส่งเสียงเรียกออกไป และยืนหยัดในความสัมพันธ์ คนที่ยืนเคียงข้างเขาในวันนี้จะยังเป็นผู้ชายคนนี้หรือเปล่า

oooooo

“ทำอะไรอยู่เหรอ” วินทร์ที่เดินออกมาจากห้องน้ำถามคนที่กำลังนิ่วหน้าเครียด... ไม่สิ! ต้องเรียกว่าจมอยู่กับหนังสือบนโต๊ะทำงานจะเหมาะกว่า

“เปล่าครับ” นรกรตอบทั้งที่ยังไม่หันมา

วินทร์เดินไปยืนซ้อนหลังแล้วดึงผ้าเช็ดตัวที่คล้องอยู่รอบคออีกฝ่ายขึ้นมา ตั้งใจจะช่วยเช็ดผมให้แต่เรือนผมนั้นกลับหมาดจนเกือบแห้งในขณะที่ผ้าชื้นแค่เพียงเล็กน้อย ทำให้วินทร์นึกหงุดหงิดใจขึ้นมาเพราะนั่นหมายความว่านรกรมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับอะไรสักอย่างจนปล่อยให้ผมแห้งไปเอง

ได้ข่าวว่าเมื่อกลางวันก็ไปตากฝนมานี่นา... คอยดูนะถ้าป่วยขึ้นมาแบบครั้งที่แล้ว คราวนี้เขาจะแกล้งให้หนำใจเลยถือว่าเป็นการเอาคืนเรื่องที่ทิ้งเขาไว้หลังประตู

“งั้นก็นอนกันเถอะ”

“พี่วินทร์นอนก่อนเลย ผมอยากนั่งอ่านหนังสือต่ออีกสักหน่อย”

“หนังสือนั่นสำคัญกว่าฉันเหรอ” เพราะนัยน์ตากลมตวัดมองมา วินทร์จึงรีบยิ้มกว้างให้รู้ว่าล้อเล่น
จะมีแค่สองเรื่องที่ทำให้นรกรหงุดหงิด นั่นคือเรื่องงานกับการถูกรบกวนตอนอ่านหนังสือ ซึ่งเขาก็เว้นช่องว่างนั่นให้มาโดยตลอด แต่บางที ไม่สิ! บ่อยครั้งที่นรกรชอบลืมเวลาจมอยู่กับงานหรือการอ่านหนังสือเป็นวันๆ ข้าวปลาไม่กิน จนพวกเขาต้องมีการตั้งข้อตกลงเพื่อเจอกันครึ่งทาง แน่นอนว่าการเรียกไปนอนเป็นหนึ่งในนั้นแต่นี่เพิ่งสองทุ่มเขาจึงไม่เร้าหรือต่อและยื่นข้อเสนอใหม่

“ฉันจะให้เวลาถึงสี่ทุ่ม ตกลงไหม”

“ครับ”

วินทร์ยิ้มกว้างขึ้นอีก มือใหญ่คว้าเข้าที่ปลายคางรั้งให้คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้แหงนหน้าขึ้นมาแล้วกดจูบเข้าที่กลางหน้าผาก “จะรอที่เตียงนะ รีบมาล่ะเตียงมันกว้างไม่มีคนนอนข้างๆ แล้วมันเหงา” ทิ้งท้ายด้วยการหอมแก้มซ้ายขวาไปอีกข้างละฟอด เขาจงใจไม่จูบเพราะจะเก็บไว้รวบยอดตอนนรกรมาขึ้นเตียง

หลังจากที่วินทร์ผละไป นรกรก็ปิดหนังสือ… เขาโกหกวินทร์เพราะอันที่จริงเขาแทบอ่านไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำเมื่อในสมองคิดฟุ้งซ่าน นัยน์ตาสีอ่อนเหลือบมองไปนอกหน้าต่างที่สายฝนซึ่งตกตั้งแต่ช่วงเช้ายังไม่ขาดสาย เขาถอนหายใจยืดยาวแล้วเปิดลิ้นชักชั้นล่างสุดก่อนจะหยิบสมุดบันทึกเล่มเก่าที่ซุกไว้ล่างสุดขึ้นมา แล้วเปิดไปที่หน้าสุดท้าย

ที่ๆ ดอกกุหลาบ ดอกหนึ่งถูกทับอยู่ตรงนั้น
.
.
.

วินทร์รู้สึกตัวครึ่งหลับครึ่งตื่นเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงยวบบนฟูก เขาปรือตาดูนาฬิกาหัวเตียงที่บอกเวลาตีสามกว่าแล้ว “นายทำผิดที่ตกลงกันไว้นะฮาร์ฟ”

นรกรไม่ตอบคำถามนั้น แต่ซุกศีรษะเข้าที่หัวไหล่ แล้วก็เหมือนทุกครั้งที่วินทร์ใจอ่อน เขายกแขนขึ้นโอบรอบไหล่รั้งให้คนตัวเล็กกว่าขึ้นมานอนหนุนบนอกพลางลูบมือเบาๆ ไปตามแผ่นหลังจนอีกฝ่ายผล็อยหลับไปในสุด

แต่เขากลับเป็นฝ่ายข่มตานอนไม่ลง ถึงจะดูเป็นเรื่องปกติ หากสังหรณ์ในใจบอกว่ามีอะไรสักอย่างที่มันไม่ปกติ ในเมื่อนรกรจะทำแบบนี้เวลารู้สึกผิดหรืออยากอ้อน แต่เขากลับไม่คิดถึงข้อหลังและนรกรไม่มีวันรู้สึกผิดกับการอ่านหนังสือ และไม่ว่าจะเพราะอะไรแต่นั่นไม่ทำให้เขารู้สึกดีเลย รู้สึกในอกเบาหวิว ราวกับหัวใจมันหายไปทั้งที่เจ้าของหัวใจนั้นก็นอนแนบชิดอยู่ด้วยกันแท้ๆ

เสียงฟ้าร้องครืนครางดังขึ้นราวกับจะร้องเตือน นัยน์ตาคมตวัดมองออกไปนอกหน้าต่างยังสายฝนที่ยังคงโปรยปราย ถึงจะรู้อยู่เต็มอก หากยังภาวนาจนสุดใจขอให้ไม่ใช่อย่างที่คิด

แล้ววินทร์ก็ได้รู้ว่าลางสังหรณ์นั้นไม่ผิดก็ในวันรุ่งขึ้นนั้นเอง

“ฮาร์ฟ” เสียงทุ้มเรียกขึ้นพร้อมกับที่เจ้าของเสียงชะโงกหน้าเข้ามาในห้องทำงาน “ว่างไหม”

“ว่างครับ”

วินทร์มองตามแผ่นหลังของคนที่เดินตามคณิณ… หรือจะพูดให้ชัดๆ ไปเลยก็คือแฟนเก่าออกไปโดยที่ไม่คิดจะบอกอะไรเขาที่นั่งหัวโด่อยู่ด้วยกันสักคำ และที่สำคัญคือนรกรสามารถละมือไปจากหนังสือเล่มที่กำลังอ่านอยู่ได้ทันทีโดยไม่มีอิดออดราวกับกำลังรออีกฝ่ายอยู่แล้วเช่นกัน

และก็เกิดเหตุการณ์ซ้ำๆ ในลักษณะนี้อีกหลายครั้งในระยะเวลาแค่ไม่กี่วัน จนวินทร์เริ่มรู้สึกไม่ดีนั่นยังไม่รวมถึงอาการเหม่อมองออกไปหน้าต่างทุกๆ ครั้งที่ฝนตก

วินทร์รู้ว่ามันมีความหมายว่าอะไร เขาเข้าใจทุกอย่างดี แต่ที่เขาไม่เข้าใจคือตัวของตัวเอง ว่าควรจะยืนอยู่ตรงไหน ในเมื่อคนที่อยากจะยืนเคียงข้างกำลังเดินออกห่างไปทุกที

อย่างวันนี้ที่เขาดูเหมือนเป็นส่วนเกินทั้งที่เดินมาด้วยกัน แถมคณิณยังเป็นฝ่ายเดินมาสมทบทีหลังด้วยซ้ำ

“พี่ปอคิดว่าแบบนี้ดีไหม” นรกรบอกพลางยื่นหน้าจอโทรศัพท์ไปให้ดู

คณิณขยับเข้ามาหาเพื่อดูให้ขัดๆ “ก็ดีนะ ถ้านายชอบ ฉันก็ว่าดีทั้งนั้นแหละ”

“ถ้าผมตัดสินใจได้จะถามพี่ปอเหรอครับ”

นัยน์ตาคมตวัดมองคนนั้นทีคนนี้ที …มันคือการปรึกษาเคสใช่ไหม? หรืออะไร ยังไง แล้วทำไม นรกรถึงเลือกจะถามผู้ชายคนนั้นทั้งที่อยู่กับเขาแท้ๆ …อ้อ ใช่สิ! เขามันไม่ใช่หมอเฉพาะทางโรคหัวใจนี่นา

วินทร์พยายามทำเป็นไม่สนใจและเสมองไปทางอื่นแต่เพราะศีรษะที่ขยับเข้ามาใกล้กันทุกทีของทั้งคู่ทำให้เขาอดทนต่อไปไม่ไหวจนต้องชะโงกหน้าเข้าไปขอแทรกกลาง “คุยอะไรกันอยู่เหรอ”

“เปล่านี่” คณิณหันมาตอบกึ่งๆ จะไม่พอใจนิดๆ ที่โดนขัด

“จะเปล่าได้ยังไงก็เห็นอยู่ว่าคุยกันอยู่”

“ก็แค่เรื่องทั่วๆ ไป ใช่ไหมฮาร์ฟ”

วินทร์หันไปมองคนรักของตน คาดว่าคำตอบที่ได้น่าจะเป็นอะไรที่ดีกว่านั้น แต่นรกรกลับเลือกที่จะเข้าข้างคณิณ “ครับ”

คณิณแอบยักคิ้วให้เขาครั้งหนึ่งก่อนจะหันไปคุยกับนรกรต่อราวกับวินทร์ไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้น “ตามนั้นแหละ เอาตามที่นายชอบเลย ฉันไปก่อนนะ”

“ครับ”

วินทร์กอดอกมองคนที่เดินจากไปแล้วหันไปถามนรกรอีกครั้ง “ตกลงคุยเรื่องอะไรกัน”

“เอ่อ…” นรกรอึกอัก “เปล่าครับ ไม่มีอะไรจริงๆ”

“ไม่มีะไร แล้วทำไมบอกฉันไม่ได้ล่ะ”

“ก็มันไม่มีอะไรจริงๆ นี่นา อ๊ะ! ได้เวลาสอนแล้ว ผมไปก่อนนะครับ”

“เย็นนี้ฉันมีผ่าตัด ถ้านายเสร็จเร็วรอที่ห้องทำงานละกันนะจะได้กลับพร้อมกัน” วินทร์นัดแนะเวลา ถึงจะอยู่ด้วยกันแต่ทั้งสองขับรถมาคนละคันเพื่อความสะดวก ไม่ว่าจะในเรื่องของกายหรือใจ ที่จะไม่ต้องตอบคำถามคนที่บังเอิญผ่านมาเห็น

“ครับ” นรกรรับคำ

แล้วทั้งคู่ก็ต่างแยกย้ายกันไปทำงานในส่วนของตน

จนกระทั่งเวลาผ่านไปจนบ่ายคล้อย วินทร์ที่ผ่าตัดเสร็จเร็วกว่าเวลาค่อนข้างเยอะเพราะเคสที่จองห้องผ่าตัดไว้ก่อนหน้ายกเลิกไปด้วยเหตุสุดวิสัยก็เดินฮัมเพลงกลับไปห้องทำงาน เขาลืมเรื่องที่หงุดหงิดเมื่อเช้าไปจนหมดแล้วและตั้งใจจะไปเซอร์ไพรส์นรกรด้วยการชวนออกไปกินข้าวเย็นข้างนอก ในหัวคิดวางแผนเสียดิบดี แต่กลับกลายเป็นเขาเสียเองที่ต้องเป็นฝ่ายแปลกใจ

ในห้องทำงานที่เงียบสนิท มีคนสองนั่งอยู่ทีแรกเขาคิดว่านรกรกำลังคุยอยู่กับศาสตราจารย์สรวิชญ์แต่เมื่อดูดีๆ เขาก็พบว่าไม่ใช่

วินทร์เปิดประตูแง้มไว้เล็กน้อย เขากอดอกพิงกรอบประตูและหวังลึกๆ ในใจว่าจะมีใครหันมาเห็นเขา แต่หลังจากยืนมองอยู่เกือบ 5 นาที สองคนที่คุยหัวร่อต่อกระซิกกันอย่างสนุกสนานในเรื่องที่เขาไม่ได้ยินก็ยังไม่มีทีท่าจะรู้สึกตัว

เขายกมือข้างหนึ่งขึ้น ตั้งใจจะเคาะประตูส่งสัญญาณแต่แล้วเสี้ยวนาทีก่อนที่หลังมือจะสัมผัสบานประตูกลับชะงักไป วินทร์กำมือแน่น ริมฝีปากเม้มสนิท เขาลดมือลงแล้วหีนหลังเดินจากไปโดยไม่หันมามองซ้ำสอง

เพราะเขาทนไม่ได้กับสายตานั้น สายตาที่เป็นประกายเจิดจ้า เขาเฝ้ามองนรกรมาตั้งหลายปีทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันมีความหมายว่ายังไง ทำไมเขาจะไม่รู้ว่านรกรมีความสุขมากแค่ไหนที่ได้กลับไปคุยกับคนรักเก่าอย่างป็นปกติได้ในที่สุด

เสียงเม็ดฝนกระทบหน้าต่างดังเปาะแปะ วินทร์เงี่ยหูฟังเสียงนั้นแล้วก็ได้แต่ภาวนาอยู่เงียบๆ ในใจว่าขอให้ฝนช่วยดับถ่านไฟเก่าให้มอดไป อย่าได้ทำให้มันติดไฟขึ้นมาเลย


(ยังไม่จบนะคะ)

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
หวานจ๊นนนน

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
สงสารพี่วินทร์ ตอนหลักต้องต่อสู้กับตัวเองที่เป็นวิญญาณ   กว่าฮาร์ฟจะยอมรับรักก็ต้องปลอบใจตัวเองไปกี่รอบหล่ะนั่น

ตอนพิเศษยังต้องมาต่อสู้กับความรู้สึกจากอดีตที่ผุดขึ้นมาใหม่เรื่องแฟนเก่าอีก  ช่างเป็นคนที่แน่วแน่มั่นคงมากเลย

สุดยอดของพระเอกต้องยกให้หมอวินทร์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-09-2016 23:11:48 โดย donutnoi »

ออฟไลน์ XVIII.88

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
    • XVIII.88
พี่วิ๊นทร์ เพราะไอ้ฝนที่ตกลงมานี่แหละ กลายเป็นเชื้อไฟเฉ๊ย~

ฮือเกลียดการถูกเมิน :katai1:

ออฟไลน์ May@love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 827
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
โอ้ยยย เครียด พี่วินทร์เศร้า

เฮ้อ !!รอที่เหลือค่ะ

ออฟไลน์ Pisoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 241
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สงสารพี่วิน  :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ phoenixa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 569
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
พี่วินทร์อย่ามาเล่นบทโศกแบบนี้
จากอยู่ทีมหมอฮาร์ฟมาตลอด
ตอนนี้พระเอกเราเศร้าล่ะปล่อยฟีโรโมน ขอย้ายทีมค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ฮาร์ฟมีอะไรที่ปิดบังพี่วินทร์อยู่อ่ะ
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ SOBANG✖

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
พี่วินทร์ของน้อง งอนเลยค่ะ งอนเลย!! :angry2:

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2

ออฟไลน์ Raina

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
ฮาร์ฟใจร้ายจุงเบย // พี่วินทร์ ระหว่างที่เรารอตอนต่อไป มาซบอกเจ๊ก่อนนะ มามะๆ

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3

รักของเรา กับกาวน์ตัวเก่าในวันที่ฝนพรำ part 2


“ป่านนี้แล้ววินทร์มันยังผ่าไม่เสร็จอีกเหรอ” คณิณถามพลางก้มลงดูนาฬิกา

“พี่วินทร์บอกว่าจะเลิกดึกน่ะครับ” นรกรตอบ

“ไม่น่าใช่นะ เพราะบังเอิญห้องผ่าตัดว่าง เคสของวินทร์เลยได้เลื่อนมาผ่าเร็วขึ้น” คณิณบอก “และที่ฉันรู้ก็เพราะว่าเคสที่ยกเลิกไปเป็นเคสของฉันเอง พอดีคนไข้ผลเลือดไม่ค่อยดีน่ะ ฉันเลยว่างมาหานายนี่ไง”

“เหรอครับ”

“จะโทรหาไหม”

“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่อยากกวน”

“กวนเหรอ?” คณิณทวนคำ เพราะเคยคบกันมาก่อนเขาจึงรู้ว่านรกรทั้งขี้เกรงใจและไม่กล้าทำอะไรเพราะกลัวจะถูกหาว่าเซ้าซี้น่ารำคาญ “ฉันเรียกมันว่าความเป็นห่วงนะ โทรเถอะ ฝนก็จะตกแล้วจะได้กลับบ้านเร็วๆ”

นรกรพยักหน้าและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหา แต่เพียงแค่สัญญาณแรกดัง สายก็ถูกตัดทิ้งทันที “น่าจะยังไม่เสร็จ”

“มีอะไรหรือเปล่า หรือว่าทะเลาะกัน” คณิณถามเพราะจับความผิดปกติได้ในน้ำเสียง

นรกรรีบส่ายหน้า “เปล่าครับ”

“แล้วทำไมดูนายกังวลจัง แค่หมอนั่นไม่รับสายเอง อาจจะแบตหมดก็ได้นะ” คณิณพยายามหาข้อแก้ต่างให้ “เอางี้ เดี๋ยวฉันโทรไปถามที่ห้องผ่าตัดให้เลยดีกว่า นะ นายจะได้สบายใจ” แล้วเขาก็หยิบโทรศัพท์สายในบนโต๊ะขึ้นมากดโทรออก แต่คำตอบที่ได้ก็คือ “เขาบอกว่าเคสเสร็จตั้งนานแล้ว แล้วหมอนั่นก็ไม่มีเคสผ่าตัดต่ออีก”

“คงไปดูคนไข้มั้งครับ”

“ฮาร์ฟ” คณิณเรียก “มีอะไรก็พูดมาเถอะ”

“ก็…” นรกรอ้ำอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจบอกเพราะคิดว่าอีกฝ่ายจะให้คำปรึกษาได้ “พี่วินทร์ไม่เคยตัดสาย ถ้าอยู่ในห้องผ่าตัดรับไม่ได้ก็จะให้คุณพยาบาลช่วยรับแทน ถึงจะยุ่งยังไงก็จะรับแล้วรีบวาง”

“ก็แสดงว่าไม่ใช่เรื่องปกติสินะ”

นรกรพยักหน้า “ครั้งเดียวที่พี่วินทร์ตัดสายผมทิ้งก็หลายปีแล้วครับ ตั้งแต่ตอนเขากลับไปใช้ทุนต่างจังหวัด ตอนที่เขา…” แล้วนรกรก็เงียบไปเสียเฉยๆ

“อ้อ” คณิณพยักหน้าเข้าใจ ถึงจะไม่รู้ว่าตอนนั้นมีเรื่องอะไรกัน แต่ก็คิดว่าต้องทะเลาะกันรุนแรงพอสมควรเพราะทำให้นรกรซึมไม่พูดจากับใครไปหลายวัน และแทบไม่ยิ้มไปเป็นเดือนๆ อันที่จริงเขาก็เห็นว่านรกรเพิ่งจะกลับมาร่าเริงก็ตอนหมอนั่นกลับมากรุงเทพอีกครั้งนี่แหละ

“ครับ”

“อะไรอีก” คณิณพยายามซักไซร้เพราะดูทีท่าแล้วอีกฝ่ายยังมีเรื่องเก็บไว้ในใจอีก

“เอ่อ…” นรกรขยับปากอยู่หลายครั้งก่อนจะตัดสินใจเม้มสนิทและส่ายหน้าให้แทนคำตอบ ก็จะให้เขาพูดได้ยังไงว่าเขารู้สึกเหมือนวินทร์กำลังทำตัวคล้ายๆ กับตอนที่โดนคนตรงหน้าบอกเลิก… ไม่มีสัญญาณอะไร แต่จู่ๆ ก็หายไป

“ไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร” คณิณบอก “แต่ถ้าหมอนั่นทำเสียใจ บอกนะ ฉันจะอัดมันเอง”

“ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ แต่ไม่มีอะไรจริงๆ ครับ เรากลับกันเถอะ พี่ปอเองก็นัดคุณฝนไว้นี่นา” นรกรเก็บกระเป๋าแล้วทั้งสองก็ลุกเดินออกมาก่อนจะแยกกันที่หน้าห้องนั่นเอง

นรกรเดินไปตามทางที่ร้างผู้คน สายฝนซัดซาดหน้าต่างขยับดังปึงปังกับเสียงสายลมหวีดหวิวพาให้ใจคอปั่นป่วน

เขาเกลียดเสียงนี้ เกลียด… เพราะทุกๆ ครั้งที่ได้ยินมันทำให้เขานึกถึงวันนั้น

มือกำโทรศัพท์แน่น นิ้วขยับจะกดโทรหาใครคนหนึ่งซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่สุดท้ายใจก็ไม่กล้า เขาไม่อยากทำให้วินทร์รำคาญ ไม่อยากให้วินทร์คิดมากว่าทำไมยังไม่ลืมเรื่องเก่าๆ ที่มันจบไปนานแล้ว เขาพยายามแล้วจริงๆ แต่มันทำไม่ได้ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมทั้งที่ตอนนี้ไม่ได้คิดอะไรกับคณิณแล้วสักนิด

บางทีมันคงเหมือนกับที่หลายๆ คนบอกว่ารักแรกมันคือความหลังฝังใจ

สองขาพามายืนที่หน้าตึกในที่สุด นรกรเงยหน้ามองสายฝนที่โปรยปรายลงมา ฝนยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด แต่เขาไม่อยากรอ ไม่อยากทนฟังเสีงฝน เขาอยากกลับบ้านไปหาใครคนที่ตอนนี้คิดถึงจนสุดใจและภาวนาให้รอเขาอยู่ที่นั่น นรกรกระชับสายกระเป๋าในมือ

…ต้องทำได้สิ เลิกร้องไห้สักที เรื่องมันผ่านไปนานแล้วนะ…

บอกกับตัวเองแล้วตัดสินใจวิ่งฝ่าออกไป เตรียมใจรับเม็ดฝนที่เหมือนหยดน้ำตาซึ่งเทกระหน่ำลงมา ทว่า ฝนที่ตกลงมากลับไม่โดนตัวเขาสักนิดมีเพียงละอองน้ำบางเบาที่กระเด็นมาโดยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

นรกรหยุดฝีเท้าและเหลียวมองไปรอบตัวแล้วเขาก็พบคำตอบ นั่นก็คือร่มคันใหญ่ที่กางอยู่เหนือศีรษะ

“จะไปลานจอดรถใช่ไหมเดี๋ยวไปส่ง” เจ้าของร่มบอก
 
นรกรพยักหน้ารับคำ ใจจริงอยากกระโดดกอดแน่นๆ ด้วยซ้ำ แต่เพราะน้ำเสียงที่ฟังดูเย็นชาทำให้ชะงักไว้ บางทีวินทร์อาจจะกำลังเครียดเรื่องงานและเขาไม่ควรเอาเรื่องของตัวเองไปทำให้ปวดหัวอีก

วินทร์เหลือบมองคนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตามองพื้นแล้วถอนหายใจ ก่อนจะขยับตัวเล็กน้อยเป็นเชิงให้สัญญาณออกเดินไปพร้อมกัน

อุณหภูมิที่เย็นลงเรื่อยๆ ทำให้นรกรเดินห่อตัวด้วยความหนาวกอปรกับคนที่เดินมาส่งปั้นหน้าเครียดและไม่ยอมพูดจาอะไรเหมือนทุกทียิ่งทำให้เขารู้สึกอึดอัดจนน้ำตาพาลจะไหล

นรกรแสร้งทำเป็นกวาดตามองออกไปนอกร่มดูเม็ดฝนที่ตกลงมาไม่ขาดสาย พลันก็รู้สึกถึงความผิดปกติแม้จะเพียงเล็กน้อย

ร่มนั้นมีขนาดใหญ่พอสมควร แต่ก็ไม่ได้ใหญ่พอจะกันผู้ชายสองคนจากห่าฝนที่โถมเข้ามาได้

นรกรเหลียวกลับมามองคนข้างกายแล้วก็ได้คำตอบ เมื่อวินทร์สละร่มมากกว่าครึ่งให้เขาแล้วปล่อยให้ไหล่อีกข้างของตนเปียกฝนจนชุ่มโชก

“พี่วินทร์ขยับมาใกล้ๆ สิครับ เปียกหมดแล้ว” นรกรบอกพลางขยับเข้าไปใกล้

“อืม” ปากรับคำไปแบบนั้นหากคนถือร่มกลับขยับออกไปรักษาระยะห่างไว้เท่าเดิม

เห็นดังนั้น นรกรก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาหยุดฝีเท้ากะทันหันส่งผลให้วินทร์เดินนำไปเล็กน้อย “พี่วินทร์โกรธอะไรผมหรือเปล่าครับ”

“เปล่านี่” วินทร์ส่ายหน้าพลางขยับร่มมาบังให้ทั้งที่ตัวเองยังยืนอยู่ที่เดิม ตอนนี้จึงไม่ใช่แค่ไหล่ที่เปียก แต่เป็นทั้งแผ่นหลัง

นรกรมองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่เข้าใจกับอาการที่แสดงออก ไม่ยอมพูด ไม่บอกอะไรเขา เหมือนกับกำลังโกรธ แต่ทำไมยังทำเหมือนเป็นห่วงกัน “แล้วทำไมถึงทำตัวเหินห่างแบบนี้ล่ะครับ”

ถึงตรงนี้นรกรก็กำมือที่สั่นแน่น เมื่อความทรงจำในสายฝนย้อนกลับมาอีกครั้ง เขาเกลียดการกระทำแบบนี้ เพราะมันแทบไม่ต่างอะไรกับสิ่งที่คณิณเคยทำเลย ปากบอกว่าเลิกกัน แต่ยังมาหา มาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง ทั้งที่กลับมารักกันไม่ได้เพราะตัวเองต้องไปแต่งงาน แล้ววินทร์ล่ะ มีเหตุผลอะไรถึงทำแบบนี้

“บอกผมมาสิครับพี่วินทร์ ผมจะได้ทำตัวถูก”

วินทร์สังเกตเห็นความหวาดกลัวอะไรบางอย่างที่ฉายชัดในแววตาคนตรงหน้า เขาจึงรีบคว้ามือข้างหนึ่งมาจับไว้และบีบแรงๆ

นรกรมองมือที่จับไว้แล้วเงยหน้าขึ้นสบสายตา

“หมู่นี้นายกับปอสนิทกันมากไปหรือเปล่า”

“แต่ผมกับพี่ปอ...”

“ฉันรู้” วินทร์ย้ำและบีบนั้นแรงขึ้นอีก “ฉันถึงได้โกรธตัวเองนี่ไงที่หงุดหงิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง ปอแต่งงานแล้ว และฉันก็เชื่อใจนาย ฉันรู้ว่านายรักฉัน ส่วนปอเป็นแค่คนในความทรงจำซึ่งมันจบไปแล้วในวันที่ฝนตกวันนั้น การที่นายคิดถึงเขาเรื่องนั้นฉันเข้าใจ ฉันก็แค่... น้อยใจน่ะ ในเมื่อตอนนี้ฝนตกทุกวันแล้วเมื่อไหร่ล่ะมันจะถึงวันที่นายจะคิดถึงฉันบ้าง”

พูดยังไม่ทันจบประโยคดีคนที่ยืนฟังอยู่ก็โถมทั้งตัวเข้าใส่ ใช้สองแขนโอบรอบคอแน่นแล้วใช้ริมฝีปากขโมยข้อความที่เหลือก่อนจะซุกใบหน้าลงบนหน้าอก

“คำตอบคือตลอดเวลาครับ”

ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วจนวินทร์ตั้งตัวไม่ทัน แต่ถึงอย่างนั้น ใครจะว่าเขาใจง่ายก็ยอม เมื่อความรู้สึกทั้งน้อยใจ งอน หรือแม้แต่โกรธเคืองที่มีมาหลายวันถูกริมฝีปากและความอบอุ่นที่กอดรัดอยู่นี้ดูดกลืนและละลายทิ้งไปกับน้ำฝนจนหมดสิ้น “พูดจริงเหรอ”

ศีรษะซึ่งประกอบด้วยเรือนผมสีอ่อนขยับเบาๆ
“ขอโทษนะครับ ถ้าทำให้ไม่สบายใจ”

“ขอโทษเหมือนกันที่เป็นผู้ชายเห็นแก่ตัว” เพราะอีกมือหนึ่งต้องถือร่มทำให้วินทร์กอดคนในอ้อมแขนไม่ถนัด เขาจึงทำได้แค่ลูบมือไปตามเรือนผมก่อนจะเลื่อนลงโอบรอบเอวไว้

“ตรงไหนครับ” นรกรถาม

“ก็ตรงที่อยากจะเก็บนายไว้คนเดียวไม่แบ่งให้ใครนี่ไง”

นรกรเงียบเพื่อไตร่ตรองอยู่อึดใจ ก่อนจะดันตัวออกเล็กน้อยเพื่อมองตาอีกฝ่ายให้ชัดๆ “ผมเองก็ไม่อยากให้พี่วินทร์กังวลและอยากลืมมันไปเหมือนกัน แต่ผมทำคนเดียวไม่ได้ พี่วินทร์ช่วยผมหน่อยได้ไหมครับ”

“แล้วนายจะให้ฉันช่วยยังไงล่ะ”

“แล้วพี่วินทร์อยากให้ผมคิดถึงวันนี้ในแบบไหนล่ะครับ”

นัยน์ตาสองคู่สบกันอยู่อึดใจ ก่อนที่วินทร์จะทิ้งร่มในมือแล้วรวบตัวนรกรเข้าเต็มวงแขน

ลมฝนพัดร่มปลิวขึ้นฟ้าหายไปในความมืดมิด หากตอนนี้แม้มีพายุพัดโหมก็ไม่อาจทำอะไรคนสองคนที่กำลังกอดกันแน่นนี้ได้

พวกเขาจูบกันดูดดื่มราวกับนี่เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย ละอองฝนพัดมาเข้าจมูกจนพาลให้หายใจไม่ทันแต่นั่นยิ่งกลับเป็นตัวเร่งให้ช่วงชิงลมหายใจจากอีกฝ่าย น้ำฝนที่เกาะพราวอยู่เต็มหน้าและริมฝีปากราวกับน้ำหวานลิ้นเรียกให้อีกฝ่ายมาชิม และผิวกายที่เย็นลงเพราะเปียกฝนยิ่งทำให้เบียดกายเข้าหาความอบอุ่นของกันและกันจนร่างกายแทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว

ทั้งสองจูบปรับความเข้าใจกันอยู่หลายนาทีก่อนจะวิ่งจูงมือกันเข้าไปในลานจอดรถพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ต่างคนก็ไม่คิดว่าจะกล้าทำอะไรแบบนี้กลางลานโล่งๆ

“เปียกหมดเลย หนาวล่ะสิ รอแป๊บนะ เดี๋ยวฉันเอาผ้าให้” วินทร์เปิดประตูรถตัวเองให้อีกฝ่ายขึ้นไปนั่งรอก่อนจะเดินอ้อมไปหลังรถและค้นเอาผ้าเช็ดตัวจากกระเป๋าใส่ของเตรียมไว้ค้างคืนเวลาอยู่เวรออกมา เขากลับมาขึ้นรถฝั่งคนขับและส่งผ้าที่ถือมาให้

แต่นรกรไม่ยอมรับไป “มีผืนเดียวเหรอครับ”

วินทร์คลุมผ้าลงบนศีรษะ และขยี้เบาๆ ด้วยความมันเขี้ยวคนที่เหมือนกับลูกหมาตกน้ำซึ่งนั่งตัวสั่นเพราะความหนาวอยู่ข้างๆ “ทนหน่อยนะ เดี๋ยวถึงบ้านจะพาไปอาบน้ำสระผมแล้วชงอะไรอุ่นๆ ให้กิน”

นรกรเหลือบตามองผ้าผืนใหญ่ที่คลุมลงไปจนถึงเอวแล้วฉวยมาถือไว้เอง  เขาตวัดมันลงรอบตัวคนตัวใหญ่กว่าก่อนจะขยับเข้าไปใกล้มากขึ้นอีกแล้วคว้าแขนของวินทร์ขึ้นคล้องรอบคอตัวเองพลางเอนตัวซุกหน้าลงบนหน้าอก “แบบนี้อุ่นกว่า”

“นายทำแบบนี้แล้วฉันจะขับรถยังไงล่ะ” วินทร์พูดกับเรือนผมซึ่งคลอเคลียอยู่ที่ปลายจมูก แบบนี้ไม่ใช่ทั้งการอ้อนหรือสำนึกผิด เขายังไม่รู้ว่าจะเรียกอาการนี้ว่าอะไร รู้แต่ว่ามันรู้สึกดีและเขาไม่ควรจะมาเสียเวลาวิเคราะห์ ตอนนี้แค่คิดว่าจะกอดอีกฝ่ายยังไงให้อุ่นมากที่สุดก็พอ

“ขับรถตอนฝนตกอันตรายนะครับ ไว้รอให้ฝนซาก่อนก็ได้ค่อยกลับ บ้านก็อยู่ที่เดิมไม่ได้หนีไปไหนสักหน่อย”

วินทร์ถอนหายใจเสียงดัง เขาขยับเบาะถอยหลังจนสุดเพื่อให้มีที่กว้างมากขึ้นก่อนจะสอดแขนเข้ารอบเอวสอบแล้วดึงตัวนรกรให้มานั่งตรงระหว่างขาและสอดคางวางลงบนบ่า พยายามให้เนื้อแนบเนื้อส่งผ่านความอบอุ่นถึงกันให้มากเท่าที่จะทำได้ “แล้วระหว่างนี้เราจะทำอะไรกันดีล่ะ”

“ท่องสูตรคูณ แล้วตามด้วย ก ไก่ ถึง ฮ นกฮูกดีไหมครับ” นรกรแกล้งประชด “หรือจะท่องเส้นประสาทสมอง 12 คู่ก็ได้”

“เป็นความคิดที่ดีนะ ถือเป็นการทบทวนบทเรียนและตรวจร่างกายไปในตัว”

คิ้วเรียวย่นเข้าหากัน คิดไม่ออกว่าอีกฝ่ายจะมามุกไหน “ยังไงครับ”

“คู่ที่ 1 คืออะไรล่ะ”

“Olfactory” นรกรตอบ

“มันมีหน้าควบคุมประสาทการดมกลิ่น” วินทร์อธิบาย “ทีนี้ นายได้กลิ่นฉันไหม”

“กลิ่นพี่วินทร์มันเป็นยังไงเหรอครับ”

“ก็มาลองดมดูใกล้ๆ สิ” วินทร์บอกพร้อมกับกดปลายจมูกเข้าหาปลายจมูกอีกฝ่าย “เป็นไง ได้กลิ่นอะไรไหม”

จุดที่ลมหายใจจากปลายจมูกโด่งนั้นสัมผัสผิวร้อนวาบ มันไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ก็แค่กลิ่นสบู่ที่ใช้ทุกวันผสมกับเหงื่อและมีกลิ่นฝนผสมมานิดๆ มันไม่ได้หอมหวาน แต่ก็ยั่วยวนให้อยากเข้าไปสูดดมใกล้ๆ จนคล้ายๆ กับความลุ่มหลง แบบนี้หรือเปล่านะที่เรียกว่า ฟีโรโมนน่ะ

วินทร์ถอนจมูกออกเล็กน้อยและพูดต่อ “ต่อมาก็คู่ที่ 2, 3, 4, 6”

“optic oculomotor trochlear และabducens” ทั้งที่ไม่ได้อยากจะตามน้ำ แต่นรกรก็เผลอตอบไปโดยอัตโนมัติ “ทั้งหมดนี้ควบคุมการมองเห็นและกล้ามเนื้อตา” ทั้งยังอดที่จะอธิบายต่อไม่ได้อีก

วินทร์ยิ้มมุมปาก แกล้งเด็กเรียนได้นี่มันสนุกจริงๆ “มองตาฉันสิฮาร์ฟ แล้วตอบมาว่าเห็นอะไร”

“ไม่เห็นมีอะไรเลยครับ”

“มีสิ ไหนดูใหม่ ดูดีๆ นะแล้วนายจะเห็น”

“อะไรครับ” นรกรถามกลับ หัวใจเริ่มเต้นแรงไม่เป็นส่ำ เพราะในความล้ำลึกของนัยน์ตาสีดำขลับนั้นสะท้อนให้เห็นเพียงสิ่งเดียว

“นายไง” วินทร์พูดคำตอบเดียวกับที่อยู่ในใจเขา และนั่นยิ่งทำให้หัวใจทำงานหนักกว่าเดิม

นรกรแทบอยากจะมุดดินหนีด้วยความอายให้รู้แล้วรู้รอด พวงแก้มร้อนผ่าว เขาหลับตาแน่นและฝังตัวเองลงลึกในอกกว้างที่เกาะเกี่ยวไว้

และนั่นยิ่งทำให้วินทร์ได้ใจหนัก

“คู่ที่ 5 trigeminal มีหน้าที่ควบคุมการรับความรู้สึกที่ใบหน้า” แล้ววินทร์ก็แตะปลายจมูกและปากไล้ไปบนผิวหน้า ทั้งหอมทั้งไซร้สลับกันไปทั่วทั้งแก้มซ้ายแก้มขวา

“พี่วินทร์อย่าแกล้งกันสิ” นรกรขอร้อง

แต่วินทร์ไม่ยอมหยุด

“คู่ที่ 7 Facial การรับรส” ว่าแล้วก็ใช้หัวแม่มือเชยคางคนตรงหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้ริมฝีปากเผยอออกแล้วสอดปลายลิ้นเข้าไปแตะยั่วเย้าพอให้รู้สึกรสหวานที่ปลายลิ้นก่อนจะถอนริมฝีปากออก

“ต่อไปก็คู่ที่ 8 Auditory ควบคุมการได้ยิน” วินทร์บอกก่อนจะเลื่อนริมฝีปากไปกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู “รักนะ ได้ยินหรือเปล่า”

“ได้ยินแล้วครับ”

“ชัดไหม"

นรกรพยักหน้า

“แน่ใจนะว่าได้ยินถูก จะให้พูดอีกรอบไหม”

นรกรก้มหน้างุดซ่อนแก้มขาวที่เริ่มขึ้นสีพร้อมกับส่ายหน้า

“งั้นก็มาต่อคู่ที่…"

“พี่วินทร์พอแล้ว” นรกรปรามเพราะถ้าขืนปล่อยให้วินทร์ทำตามใจมากกว่านี้เขารู้สึกว่าตัวเองต้องขาดใจตายเพราะความเขินแน่ๆ จะขยับหนีก็ไม่รู้จะไปทางไหนในเมื่อเบาะหน้านี่ก็แสนคับแคบและตัวเองก็เป็นคนยินยอมให้เขาดึงมานั่งตักเองแท้ๆ

“พออะไร เพิ่งจะเกินครึ่งทางมานิดเดียวเองนะ ยังเหลืออีกตั้ง 4 คู่แน่ะ”

อันที่จริงวินทร์มีสติมากพอจะยั้งอารมณ์หวามไหว ตั้งใจแค่จะแกล้งนัวเนียพอให้อะดรีนาลีนหลั่ง หัวใจเต้นแรง เลือดลมสูบฉีดให้คลายหนาว

แต่เพราะปฏิกิริยาตอบรับที่เกิดคาดเดาของคนในอ้อมแขนทำให้เส้นสติเริ่มขาดวิ่นและใกล้ขาดมากขึ้นทุกที

“พอแล้วครับ”

ทั้งที่ปากบอกแบบนั้น แต่มือกลับรั้งคอเสื้อเขาแน่น ซ้ำยังเบียดกายเข้าหาแทนที่จะขยับหนีเมื่อมือใหญ่สามารถแทรกผ่านสาบเสื้อไปสัมผัสผิวใต้ร่มผ้าได้สำเร็จ

“ไม่พอ” วินทร์อ้าปากกำลังจะแกล้งขบเนื้ออ่อนตรงติ่งหูเล่นเบาๆ พลันนัยน์ตาเหลือบไปเห็นแสงสีอมส้มที่สว่างเรืองๆ ขึ้นตรงขอบฟ้า เขาก็ชะงักไปและสะกิดคนในอ้อมแขน “ฮาร์ฟลืมตาสิ”

“พี่วินทร์จะแกล้งอะไรผมอีกล่ะ”

“ไม่ได้แกล้ง ลืมตาสิ ตอนนี้ฝนหยุดตกแล้วนะ” วินทร์ยืนยัน

นรกรจึงปรือตาขึ้นช้าๆ และหันมองออกไป

สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือรุ้งกินน้ำอันใหญ่กางเต็มฟ้า แถบสีทั้งเจ็ดตัดกับก้อนเมฆสีขาวต้องแสงอาทิตย์เรืองๆ ดูคล้ายมีประกายกากเพชรระยิบระยับ

“สวยเนอะ”

“ครับ… สวย”

“มองหน้าฉันทำไม รุ้งสวยก็มองรุ้งไปสิ” วินทร์ว่าเมื่อกรอกตากลับมาเห็นนรกรกำลังจับจ้องมาที่เขา

“ก็กำลังดูอยู่นี่ไงครับ รุ้งในตาพี่วินทร์สวยกว่าของจริงอีก” และนรกรไม่ได้พูดเกินจริงเลยสักนิด สำหรับเขาแถบสีที่สะท้อนอยู่ในนัยน์ตานั้นงดงามยิ่งกว่ารุ้งใดๆ ที่เคยเห็นมาทั้งชีวิตเสียอีก

วินทร์เม้มปากสนิทด้วยความเขิน แต่ก็ทำเป็นตีหน้านิ่ง “จะบอกว่าฉันหล่อก็พูดมาตรงๆ เถอะ”

“ครับ หล่อ”

วินทร์แทบจะไปไม่เป็นมากกว่าเดิมกับคำตอบที่ได้รับ เขาไม่โกรธที่นรกรเคยบอกว่าเขา(อทิฏฐ์) ไม่หล่อแต่ก็ฝังใจมาตลอดว่าตนไม่ใช่คนในสเปคแบบคณิณ ถึงได้แอบรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอยู่บ่อยๆ “แน่นอนอยู่แล้ว นี่อดีตเดือนคณะเชียวนะ”

“อดีตเป็นเดือนคณะ แต่ตอนนี้เป็นสายรุ้งของผมนะ”

วินทร์แสร้งทำเป็นสูดจมูกพร้อมกับยกมือขึ้นถูแรงๆ เมื่อรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งหน้า “สายรุ้ง? ไม่เอาหรอกไม่อยากเป็น”

“อ้าว”

“รุ้งมันอยู่ไกล และถึงจะสวยงามแค่ไหน แต่ก็จับต้องไม่ได้” วินทร์บอก “ฉันขอเป็นตุ๊กตาไล่ฝนแทนได้ไหม ฉันไม่รับประกันหรอกนะว่าจะทำให้ฝนหยุดตกได้ แต่ฉันพร้อมและยินดีที่จะเปียกไปกับนาย และถ้าหากฉันทำหน้าที่สำเร็จ เราก็จะได้มานั่งดูรุ้งกินน้ำสวยๆ ด้วยกันไง”

นรกรจ้องมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกซาบซึ้งสุดหัวใจ ในที่สุดเขาก็หาเจอแล้วใช่ไหมคนที่จะไม่ทอดทิ้งเขาไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คนที่จะยอมเดินตากฝนไปด้วยกัน “ขอบคุณพี่วินทร์นะครับที่เลือกผม”

“นายต่างหากที่ยอมรับฟังเสียงของอทิฏฐ์… โอ๊ะ! นี่ฉันจะพูดถึงไอ้ผีนั่นให้หึงเองเจ็บเองทำไมเนี่ย” วินทร์ทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อน เมื่อนรกรยกมือขึ้นปิดปากไม่ให้เขาพูดต่อ ก่อนจะเลื่อนไปโอบรอบกรอบหน้าดึงให้หันมาสบตาเต็มที่

“ผมรักพี่วินทร์นะครับ”

สั้นๆ ง่ายๆ หากมันคือความจริงจากใจทั้งหมด

“ฮาร์ฟ กลับบ้านกันเถอะ” วินทร์ตอบสั้นๆ พร้อมกับยกตัวอีกฝ่ายกลับไปนั่งบนเบาะข้างคนขับตามเดิมแล้วดึงสายเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้เรียบร้อย

นรกรมองหน้าอีกฝ่ายงงๆ คิดว่าเผลอพูดอะไรผิด

วินทร์จึงรีบเฉลย “รู้สึกว่าแค่เส้นประสาทสมอง 12 คู่จะไม่พอซะแล้วเพราะตอนนี้ฉันอยากตรวจนายให้ละเอียดกว่านั้น”

แล้วก็เข้าเกียร์รถก่อนจะเหยียบมิดเกจออกไป


(ยังมีต่ออีกพาร์ทนะคะ)

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

ออฟไลน์ DESZCZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รักเลยท่องเส้นประสาทแบบนี้   :o8:

ออฟไลน์ Dezzerr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
ตอนแรกแอบสงสารพี่วินทร์ ตอนหลังๆ นี่หวานเชียวนะคะพี่วินนนนนนทร์ 55555

ออฟไลน์ May@love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 827
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
พาร์ทนี้ทำเขิน :o8:

รอพาร์ทตรวจร่างกายค่ะ

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
พาร์ทนี้ต่างจากพาร์ทแรกสิ้นเชิงเลย หวานอบอุ่นเลย  พี่วินทร์ใจง่าย ฮาร์ฟง้อนิดเดียวก็ยอมแล้ว

แต่ก็ดีแล้วที่เข้าใจกัน รอพี่วินทร์ตรวจร่างกายหมอฮาร์ฟนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Raina

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
พี่วินทร์ใจกว๊างกว้าง เป็นเรนคงยังน้อยใจไม่หาย  :monkeysad:  ไม่ลืมแฟนเก่าก็ไม่เป็นไร แต่ถึงขนาดละเลยคนปัจจุบันนี่ต้องปรับปรุงน้าน้องฮาร์ฟ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

เป็นวิชาการที่ ฟินเวอร์ อ่าาา

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
จากไม่เคยรู้ ตอนนี้จำได้ขึ้นใจว่ามีเส้นประสาทอะไรบ้าง

อ่านไปเขินไป

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
เขินยาวไป :-[

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณค่ะ  รออ่านอีกพาร์ทนะคะ
โรแมนติกท่ามกลางสายฝน  ชอบมากค่ะ

ออฟไลน์ npsp2555

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เพิ่งเข้ามาอ่าน ยังอ่านไม่จบ แต่ขอเดาว่า อธิฏฐ์คือวินทร์ใช่มั๊ยค่ะ 

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
ตอนนี้น่ารักมาก  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
ต้นๆตอนมาซะหน่วงๆปวดจิตใจ
แล้วก็ปิดท้ายด้วยการสาดน้ำตาลใส่หน้าแบบเพียวๆ

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:รอออออออออนะค้าาาา

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด