เธอ..คือหนึ่งในไม่กี่คน
บทที่16
[/size]
“พี่นนท์ พี่นนท์ ฮือ ฮึก ฮือ หนูขอโทษ หนูขอโทษ”
“พี่นนท์ พี่นนท์ ฮือ ฮึก ฮือ หนูผิดไปแล้ว หนูผิดไปแล้ว”
“พี่นนท์ พี่นนท์ ฮือ ฮึก ฮือ ช่วยหนูด้วย ช่วยหนูด้วย”
“ใคร ใคร อะ เธอเป็นใคร”
“พี่นนท์ พี่นนท์ ฮือ ฮึก ฮือ หนูอยู่ตรงนี้”
“ใคร ใคร ผมถามว่าใคร”
“พี่นนท์ พี่นนท์ ฮือ ฮึก ฮือ ช่วยหนูด้วย”
ผู้หญิงคนนึ่งผมสีดำยาวนั่งยองๆเธอสวมชุดสีขาวก้มหน้าเอามือปิดหน้าไว้ ร้องให้เรียกชื่อผมซ้ำไปซ้ำมา เธอเป็นใครทำไมถึง
เอาแต่เรียกชื่อผม เธอรู้จักผมอย่างนั้นหรอแต่เธอเป็นใครกันแน่แล้วต้อการให้ผมช่วยอะไรผมเดินเข้าไปใกล้เธอมากขึ้นผมรู้สึก
กลัวๆกล้าๆ
“นี่ คะ..คุณต้องการให้ผมช่วยอะไร ช่วยเรื่องอะไร”
“พี่นนท์ พี่นนท์ ฮือ ฮึก ฮือ ขอโทษ ขอโทษ”
“ขอโทษผมทำไม ขอโทษผมเรื่องอะไร ผมไม่เข้าใจ”เธอยังก้มหน้าเอามือปิดหน้าไว้ส่วยหายหัวไปมา หมายความว่ายังไงเธอ
ไม่รู้อย่างนั้นหรอ
“พี่นนท์ พี่นนท์ ฮือ ฮึก ฮือ ผิดไปแล้ว ผิดไปแล้ว”ผมเดินไปอยู่ข้างหน้าเธอแล้วคลุกเข่าลง ผู้หญิงคนนี้ค่อยๆเงยหน้าขึ้นใบหน้า
ของเธอทำให้ผมต้องผงะออกสะดุ้งตัวตื่นมาจากที่นอน บอกได้คำเดียวว่าผมกลัว กลัว กลัวผู้หญิงคนนั้นมากเสียงของเธอยังติดหูเหมือนยังอยู่ใกล้ๆผมตลอด
เวลา ใบหน้าผู้หญิงคนนั้นยังติดตาอยู่เลย ขนที่แขนรู้สึกลุกขึ้นโดยไม่ได้นัดหมาย อาการในห้องเย็บยะเยียบ รีบคว้าผ้าห่มขึ้นมา
คลุมโปงพนมมือขึ้นท่องบทสวดมนต์เท่าที่จำได้ ท่องผิดท่องถูก ซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่
ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด เสียง..เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นเปิดผ้าห่มออกรีบควานหาโทรศัพท์เพื่อปิดเสียง
หกโมงเช้าแล้ว เช้าแล้ว เช้าแล้ว รอดแล้ว ฮื้อ ฮึก ผมกลัวแล้วอยากมาหลอกมาหลอนกันเลยแล้วจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้
ใครกันที่ต้องการความช่วยเหลือ ผมหรือผู้หญิงคนนั้นกันแน่ เปิดผ้าห่มออกช้าๆสิ่งแรกที่เห็นแสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านผ้าม่านที่ปิด
ไม่สนิทเข้ามา รีบลุกขึ้นจากเตียงเปิดผ้าม่านแล้วเปิดประตูรับแสงแดด เขาบอกว่าผีกลัวแสงแดดต้องเปิดให้แสงแดดเข้ามาใน
ห้องในเธอจะได้ไม่ต้องมาหาผม แสงแดดอ่อนๆยามเช้าสายลมเบาๆพัดมากระทบผิวรู้สึกหนาว หนาวมากใช่แล้วลืมไปเลยว่ามัน
เป็นฤดูหนาววิ่งกลับเข้าไปในห้องกลับไปนอนขดใต้ผ้าห่มเหมือนเดิม กลัวผีจนลืมหนาวให้ตายเถอะ ที่สำคัญผมว่าผมลืมอะไรไป
อีกอย่างวันนี้ต้องไปเที่ยวกับพี่เทียนและเพื่อนพี่เทียน รีบหยิบเสื้อผ้าผ้าเช็ดตัววิ่งเข้าห้องน้ำชำระร่างกายด้วยน้ำอุ่นและจัดการ
ธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยพร้อมแต่งตัวชุดเตรียมเดินทางออกมาจากห้องน้ำ เฮ้อถอนหายใจยืนมองกระเป๋าเดินทางที่เตรียมไว้
เรียบร้อย ถ้าไม่เตรียมกระเป๋าไว้แต่แรกวันนี้คงต้องวุ่นวายน่าดู
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“นิน ตื่นยังลูกเดี๋ยวสายนะ”
“เสร็จแล้วครับ”
“เสร็จแล้วลงไปทานข้าวโจ๊กรองท้องก่อนจะได้ไม่เมารถ”
“ครับ”รับคำแล้วลากระเป๋าเดินทางสี่ล้อใบเล็กออกมาห้อง เห็นคุณแม่ยืนรอข้างหน้าห้อง
“ทำไมกระเป๋าใบเล็กจังเลยลูกที่โน่นอากาศหนาวนะ เอาเสื้อกันหนาวไปไหม”
“เอาไปครบตามที่แม่บอกเลยครับ”
“ดีมากเลยลูก แต่ทำไมหน้าหนูซีดๆ”
“สงสัยนินตื่นเต้นจะได้ไปเที่ยว เลยนอนไม่ค่อยหลับ”
“เดี๋ยวเอาผ้าห่มกับหมอนขึ้นรถไปด้วยหนูจะได้นอน เดี๋ยวแม่บอกตาเทียนให้”ฮ้าว พูดแล้วก็รู้สึกเพลียๆเหมือนกันไม่รู้ว่าจะสนุก
หรือจะเป็นภาระใครบ้างรึเปล่า
“นินมาลูกทานข้าวเป็นเพื่อนพ่อก่อนไปเที่ยว”
“พ่อกับแม่ไปเที่ยวอย่าลืมของฝากด้วยนะครับ”
“ฮ่า ฮ่า พ่อกับแม่ไปทำงานถ้าหมออนุญาตพ่อก็อยากพาเราไปด้วย”วันนี้ต้องแยกทางกันพ่อกับแม่ต้องไปสัมนากันที่ต่างประเทศ
ตอนแรกว่าจะหนีบผมไปด้วยแต่โดนคุณหมอเบรกไว้ยังไม่อยากให้เดินทางไกลออกนอกประเทศโดยเครื่องบิน ทำให้ต้องถูกทิ้ง
ให้อยู่บ้านแต่พอดีกับที่พี่เทียนจะไปเที่ยว
“เอ้อ เทียนมึงรู้ยังเพื่อนนัดกันไปเที่ยวไอ้กัปตันบอกให้ชวนมึงไปด้วยมึงจะไปเปล่า ชวนน้องนินได้ด้วย”
“ดูก่อน”
“มึงนี่ตลอดเลย น้องนินสนใจอยากไปเที่ยวกับพวกพี่ไหม”
“เที่ยวหรอครับน่าสนุกจัง ไปที่ไหนครับ”
“ยังตงลงกันไม่ได้เลยครับ เห็นไหมมึงน้องนินอยากไป”
“เออ เออก็ได้นัดวันเวลามาเดี๋ยวกูเคลียงานไว้รอ”ตั้งแต่ตอนที่เจอพี่ฟรอยด์และได้สัญญากันไว้ในที่สุดพวกพี่เขาก็ได้เวลาตรงกับที่พ่อแม่ไม่อยู่พอดี ทำให้พ่อแม่ฝากผมไว้กับพี่เทียน
“เดี่ยวแม่จะซื้อของมาฝากนะ”
“เอาหนังสือที่แม่ชอบซื้อมาฝากก็ได้”กำลังทานโจ๊กอย่างอร่อยหยุดมือเหมือนคิดได้ว่าพูดอะไรออกไป ผมไม่กล้าหันหน้าไปมอง
หน้าพ่อกับแม่ไม่รู้ว่าทั้งคู่กำลังทำหน้าตาอย่างไรอยู่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมหลุดคำพูดประมาณนี้ออกไป ให้ตายเถอะทำไมผมไม่
เคยจำสักที มันเป็นนิสัยของผมมาตั้งแต่เด็กจะให้เปลี่ยนภายในไม่กี่วันคงไม่ใช่เรื่องง่าย
“พะ พี่เทียนมาแล้วหรอครับทานโจ๊กรองท้องก่อนไหมครับ”ไม่เคยดีใจที่ได้เจอพี่เทียนครั้งไหนเท่าครั้งนี้มาก่อน เขามาช่วยชีวิต
ผมชัดๆอัศวินขี่ม้าขาว อยากโผเข้ากอดเขาจังเลย
“อ้าวตาเทียนนั่งลงก่อนลูกทานโจ๊กกับน้องก่อนไหม”
“ก็ได้ครับ งั้นรบกวนด้วยนะครับ”ไม่รอวิ่งเข้าครัวไปตักโจ๊กใส่ถ้วยให้พี่เทียน
“พี่เทียนอีกตั้งนานก็กว่าจะถึงเวลานัดทำมาเร็วจัง”วางถ้วยโจ๊กลงแล้วถาม
“พอดีตื่นเช้าเลยออกมาก่อน”
“ตื่นเต้นเหมือนน้องนินรึเปล่ารายนั้นก็ตื่นเต้นจนนอนไม่ค่อยหลับ”
“ฮ่า ฮ่า อาจจะเหมือนกันก็ได้ครับ ผมก็ไม่ได้ไปเที่ยวนานแล้ว”
“แม่ฝากน้องดูแลด้วยนะ ให้งีบในรถไปด้วย”
“ไม่ต้องห่วงจะผมดูแลเป็นอย่างดีเลยครับ”
“นินให้พี่แจ่มเตรียมอาหารของเราในตะกร้า น้ำผลไม้ก็อยู่ในนี้นะลูก”
“คิดถึงตอนที่เราไปเที่ยวทะเล..”ปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน วันนี้เป็นอะไรไปนะสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยอาการผมคงหนักน่าดู
เหลือบขึ้นมองแม่และพ่อดูทั้งคู่ยังนิ่งๆอยู่
“แม่ว่ารีบออกเดินดีกว่าอากาศจะได้จะได้ไม่ร้อน”
“ใช่ๆ”ตอนนี้ผมเริ่มจะเหงื่อแตกแล้วด้วย
“งั้นพวกผมขอตัวก่อนนะครับ”
“ขับรถดีๆ ระวังๆนะลูกพ่อกับแม่เป็นห่วง”ผมกับพี่เทียนยกมือไหว้คนทั้งคู่พี่เทียนลากกระเป๋าของผมขึ้นหลังรถที่มีกระเป๋าอีกใบ
นอนอยู่ในนั้น วันนี้รถพี่เทียนเป็นSUV พี่เทียนวางตะกร้าอาหารไว้เบาะหลังส่วนผมเปิดประตูขึ้นรถก็เห็นหมอนใบเล็กกับผ้าห่ม
วางไว้สงสัยมาเตรียมไว้ให้
“กล้องถ่ายรูปสวยดีนิใช้เป็นรึเปล่าเรา”
“นี่หรอครับ ผมนะมืออาชีพ”ชูกล้องDSLRระดับมืออาชีพยี่ห้อดังพร้อมเลนส์ขยายขนาดสูงสุดหนึ่งร้อยราคาไม่ถึงสี่หมื่นขึ้น อย่า
บอกนะว่าที่แม่มองผมบ่อยๆเป็นเพราะเจ้ากล้องตัวนี้แต่เท่าที่จำได้ผมเพิ่งซื้อมาได้ไม่นานนี้เองยังไม่เคยใช้ที่ไหนเก็บไว้ในเซฟ
ห้องนอนของนนท์หันไปมองพ่อกับแม่ที่ยืนส่งผมอยู่หน้าบ้าน รถคันใหญ่เคลื่อนที่ออกไปสู่ถนนใหญ่เราต้องไปเจอกับกลุ่มเพื่อน
พี่เทียนที่ปั้มน้ำมันทางออกไปนอกเมืองเพื่อเติมน้ำมันนัดแนะเรื่องการเดินทาง ไม่นานก็ถึงสถานที่นัดแนะรวมตัวกัน
เห็นSUVสองคันจอดเรียงกันในปั๊มน้ำมันหน้าห้องน้ำมีชายหญิงกลุ่มหนึ่งยืนอยู่บริเวณนั้น
“เฮ้ย ไอ้เทียนแกขโมยอุ้มลูกเขามาจากเตียงเลยหรอวะ”พี่ฟรอยด์
“แน่นอน”
“อย่าบอกนะว่าเพิ่งลุกจากเตียง ร้ายนะมึง”พี่กัปตัน
“พวกมึงก็พูดไป”
“พี่พี่หวัดดีครับ”ผมเดินตามหลังพี่เทียนเข้าไปไหว้สวัสดีทักทาย
“น้องนินไม่ได้เจอกันตั้งนานยังน่ากว่าเดิมอีกนะ”พี่ฟรอยด์ยิ้มทักทายพร้อมยักคิ้วให้ผมไอ้หน้าตาท่าทางเจ้าชู้กรุ่มกริ่มนี่ผมขอได้
ไหมรู้ว่าล้อเล่นแต่เห็นแล้วชวนขนลุก
“นินชุดเราน่ารักไปเปล่า แต่โคตรเข้ากับเราเลย”พี่ต้นตอ
“เอ่อวะหมีทั้งตัวเลย ไอ้ที่เกาะอยู่บนเสื้อก็หมีใช่เปล่าน่ารักว่ะมึง”พี่วัฒน์ยังตกใจเหมือนเดิมที่เจอผมพี่อย่ามุงผมไม่ใช่หมีในสวน
สัตว์นะ
“ก็เราจะขึ้นเขาเข้าป่าแม่เลยบอกใส่ชุดหมีถ้าหมีมันเห็นเราจะได้คิดว่าเป็นเพื่อนมันไงครับ”
“ฮ่า ฮ่า ไอ้เทียนเด็กมึงน่ารักว่ากูชอบ”พี่กับตันหัวเราะชอบใจผมใหญ่
ตอนนี้ยังเช้าอยู่อากาศยังเย็นมากผมสวมเสื้อแขนยาวที่มีหมีเกาะติดอยู่หน้าอกกางเกงขายาวเสื้อคลุมถุงเท้า
“นินเข้าห้องน้ำ ไปซื้ออะไรในร้านสะดวกซื้อไหม”พี่เทียนถามผม
“ไม่แล้วครับ”แต่คิดอะไรออกแล้ว เดินเข้าไปในรถแล้วหยิบกล้องขึ้น
“พี่ๆครับ แช๊ะ”เรียกพี่หันหน้ามาแล้วกดชัดเตอร์
“เฮ้ยน้องนินเอาใหม่ พี่ไม่หล่อไม่ยอมนะ”ตอนนี้เลยกลายเป็นการถ่ายรูปที่ระลึกรอสามสาวที่เคยไปเที่ยวกับพวกผมที่ร้านอาหาร
เห็นบอกว่าสาวๆทำธุระเข้าร้านสะดวกซื้อและแวะร้านกาแฟ
“เฮ้ย เทียนไม่ว่านะโว้ยกูก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง”พี่ฟรอยด์
“เอ้อ ไม่เป็นไรกูไม่ได้ว่าอะไร แต่กูขอแค่อย่าล้ำเส้นอย่ายุ่งกับคนของกูก็พอไม่งั้นกูก็ไม่ไว้หน้าเหมือนกัน”
“น่ามึงไม่ต้องห่วงกูไอ้ต้นตอไอ้วัฒน์จะดูให้ไม่ต้องห่วง”พี่กัปตัน
“ ปะ พวกมึงสาวๆมาแล้วจะแวะเข้าห้องน้ำกินข้าวที่ไหนก็โทรบอกแล้วนะ ไปไอ้วัฒน์ไปขับรถ กูจะนอนกับน้องนิน นินเราไปนอน
กันเถอะ”
“เนียนไปแล้วมึงไอ้กัปตัน”พี่เทียน
“ฮ่า ฮ่า กูล้อเล่นเห็นพวกมึงทำหน้าเครียดเนอะน้องนิน ถ้าเบื่อไอ้เทียนก็มานั่งรถคันพี่ได้”แล้วผมต้องว่ายังไงดีละครับ พวกผม
แยกย้ายกันขึ้นรถพี่กัปตันพี่ต้นตอและพี่วัฒน์นั่งด้วยกัน พี่ฟรอยด์กับสามสาวอีกคันเป็นผมกับพี่เทียน จอดมาซะนานจนเครื่องเย็นหมดแล้ว
“แอร์เย็นไปไหมเรา ถ้าเย็นก็บอก ง่วงนอนก็นอนนะเห็นแม่บอกว่าเราเมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับหรอเป็นอะไรรึเปล่า”
“นินฝันร้ายนิดหน่อย น่ากลัวมากเลย เลยหลับไม่ลง”
“เขาบอกว่าฝันร้ายจะกลายเป็นดี”หันหน้าไปมองพี่เทียนคนที่พูดให้กำลังใจผมตลอด รู้สึกง่วงจริงขึ้นมาปรับเบาะนั่งให้เอนลงไป
หยิบหมอนรองหัวล้มตัวลงนอนแล้วห่มผ้ามองผู้ชายแสนดีที่นั่งอยู่ที่คนขับแล้วหลับตาลงช้าๆ พยายามหนีความรู้สึกของตัวเอง
มากเท่าไหร่ยิ่งเข้าใกล้มันมากเท่านั้นผมไปจากเขาไม่ได้ ผมขาดผู้ชายคนนี้ไม่ได้ผมอยากครอบครองเขาทั้งร่างกายและหัวใจ
เลือกที่จะหันหน้าหนีแล้วหันหลังเดินจากไปแต่ทุกอยากเหมือนเป็นใจให้ผมต้องมาเจอเขาอยู่ตลอดเวลา ถ้าเลือกจะสู้เลือกที่
เอาชนะเอาใจเขามาเป็นของผมให้ได้ บางทีสักวันเขาอาจจะเห็นมันก็ได้ ถึงแม้ผมอาจไม่ได้ครอบครองแต่ขอได้อยู่ข้างๆเขาก็
รู้สึกดีแล้ว อาการทุรนทุรายไม่สบายใจเมื่อไม่ได้เจอหน้าเขาก็หายไปเมื่อได้เห็นเขา ไม่รู้ว่าการตัดสินใจมาเที่ยวกับพี่เขาครั้งนี้
เป็นการตัดสินใจที่ถูกหรือผิดรู้แต่เพียงว่าผมจะสู้จะทำเท่าที่ทำได้ เป็นเพราะเมื่อคืนจัดกระเป๋าดึกและผู้หญิงคนนั้นมาเข้าฝัน
ทำให้ผมนอนไม่พอ
“นิน นิน”มีคนกำลังเรียกผมเสียงอยู่ใกล้อยู่ข้าง ค่อยๆลืมตาขึ้นมา
“พี่เทียน”กำลังจ้องมองอยู่พอเห็นผมลืมตาขึ้นก็ยิ้มให้
“ตื่นได้แล้วคุณหมี จำศีลนานไปแล้วได้เวลาออกไปหาอาหารได้แล้ว”
“กี่โมงแล้วครับพี่เทียน”
“เที่ยงแล้วครับคุณหมี”
“นินหลับไปนานขนาดนั้นเลยหรอครับ แล้วเราถึงไหนแล้ว”พี่เทียนช่วยปรับเบาะให้นั่งมองไปรอบๆบริเวณรถ
“เป็นไงบ้างน้องหมีหลับสบายเลยสิท่า”พี่กัปตันเดินมาทักผมที่รถ
“เทียนพาน้องไปกินข้าวสั่งอาหารไว้แล้ว”เสียงพี่วัฒน์ตะโกนเรียกพี่เทียนไม่รู้ว่ามาจากทางไหน
“เดี่ยวตามไป มึงเดินไปก่อนไปเดี๋ยวกูดูน้องก่อน”
“เอ้อ คุณหมีรีบตามมานะเดี๋ยวพี่กินหมดไม่รู้ด้วย”พี่กัปตันเดินไปยังตะโกนทิ้งท้ายมาอีก ผมยังรู้สึกแปลกๆร่างกายน่าจะยังปรับ
สภาพไม่ได้ เดินลงจากรถมีพี่เทียนเดินพาเดินไปที่ร้านอาหาร ว้าวร้านอาหารมองเห็นวิวด้วยตอนนี้เราอยู่บนภูเขาสูงต้นไม้เยอะ
ผมและพี่เทียนเดินที่นั่งรวมกับคนอื่นๆ
“ไม่มีมารยาททำให้คนอื่นต้องรอ”เสียงผู้หญิงดังขึ้นเบาๆข้างผม อ้อพี่ใหม่ผมนึกว่าเสียงผีที่ไหนมาขอส่วนบุญ ทำไมผมรู้สึกไม่
ค่อยดีเลยหงุดหงิดนิดหน่อยด้วย
“คุณเทียนมานั่งตรงนี้สิคะตรงนี้มีที่ว่าง”เสียงพี่ใหม่พูดขึ้นเธอนั่งขั้นผมกับพี่เทียนไว้ ตอนนี้ผมไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ขอเอาตัวเอง
ให้รอดก่อนอาจจะเป็นท้องว่างรึเปล่าทำให้ผมรู้สึกไม่ดีไม่รอคำตอบจัดการอาหารตรงหน้าช้าๆ ปลาช่อนน้ำปลา ผัดเห็ดสาม
อย่าง ยำสามกรอบ ต้มยำไก่น้ำข้น แกงโฮะ รู้สึกเหมือนได้เดินทางไปทั่วประเทศเลยมีอาหารเกือบทุกภาค รู้สึกดีขึ้นรึเปล่านะ
“พี่เทียน นิน”ผมเรียกพี่เทียน
“เฮ้ย นิน”พี่เทียนรีบอุ้มผมขึ้นจากเก้าอี้แล้ววิ่งไปที่รถ
พี่เทียนวางผมลงบนเบาะให้ก้มหน้าออกมาทางด้านข้างรถแล้วสตาร์ทเครื่อง
“เอานี่น้ำแข็งประคบ น้องเป็นอะไรมากรึเปล่าวะ”พี่ฟรอยด์
“ไม่หรอก น่าจะแค่อาการร้อน”
“เออมีอะไรก็บอกแล้วกัน”พี่ฟรอยด์เดินกลับไปที่โต๊ะอาหาร
“ดีขึ้นยัง”
“ดีขึ้นแล้วครับ พี่เทียนกลับไปทานข้าวเถอะยังไม่อิ่มไม่ใช่หรอครับ”เห็นพี่เทียนเดินไปเปิดประตูแล้วหยิบตะกร้าที่แม่เตรียมให้
เมื่อเช้า
“นี่ไงอาหารเรามานั่งกินในรถดีกว่าข้างนอกอากาศร้อน ร่างกายเรายังปรับตัวไม่ได้”ทานอาหารเข้าไปเยอะแล้วไม่รู้สึกหิวตอนนี้
รู้สึกดีขึ้นมากแล้วเฮ้ยคิดไม่ผิดจริงๆมาเที่ยวครั้งนี้เป็นภาระของคนอื่นจริงๆ ก็จะทำยังไงได้ผมเพิ่งออกจากโรงพยาบาลได้ไม่ถึงปี
เลย ไม่นานการเดินทางก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ผู้หญิงคนนั้นเธอมองมาที่รถพี่เทียนก่อนที่จะขึ้นรถไป อ้าผมป่วยนี่ก็คงจะดีเหมือนกัน
พี่เทียนจะได้อยู่ข้างผม เธอคงจะไม่พอไม่น้อยที่พี่เทียนไม่สนใจเธอแต่เลือกที่จะสนใจผม
ภาพภูเขาสูงใหญ่ทับซ้อนกันเรียงรายกันมองดูด้านข้างเห็นหน้าผาสูงชันเส้นทางถนนที่ตัดผ่านภูเขาแต่ละลูกคดเคี้ยว
ไปมา ป้ายจราจรบอกให้ลดความเร็วห้ามแซงให้ระวังทางติดอยู่ข้างทาง หลักกิโลเมตรสีขาวตั้งอยู่ข้างทางบอกระยะเป้าหมาย
ของเราอยู่อีกไม่ไกลแล้ว ป้ายบอกทางขนาดใหญ่พื้นสีเขียวตัวหนังสือสีขาวตัวขนาดใหญ่เขียนด้วยภาษาไทยภาอังกฤษในที่สุด
ก็เข้าเขตเมือง มองนาฬิกาใกล้จะสี่โมงเย็นไกลเหมือนนะเนี่ย
“เออ....ว่าไงวะ...ได้..ได้ ไม่มีปัญหา”พี่เทียนกำลังคุยโทรศัพท์กับใครสักคน
“เดี๋ยวเราแวะซื้อของก่อนนะ พี่หมีเหนื่อยไหม”
“ไม่เท่าไหร่ครับ เดี๋ยวพักผ่อนเยอะๆก็คงดีขึ้น”
คืนนี้จะมีปาตี้ดื่มกินกันนิดหน่อยรถคันของพี่ฟรอยด์รีบกลับไปเช็คอินห้องพัก พี่กัปตันพี่ต้นตอกับพี่วัฒน์ไปซื้อเครื่องดื่ม ส่วนผม
กับพี่เทียนจัดการเรื่องกับแก้มอาหาร ห้างสรรพสินค้าอยู่ค่อนข้างไกลเราจึงแวะตลาดซื้อของไปเพิ่มสองสามอย่าง
ใกล้ค่ำแล้วอาการเริ่มเย็น ถึงไม่ใช่ตลาดใหญ่มาก แต่ก็เป็นตลาดที่ถูกสุขลักษณะแยกโซนของสดของแห้งผักผลไม้อาหารปรุง
สำเร็จผักที่นี่สดมากมีชาวเขาเอาผักลงมาขายด้วยมีของร้านขายของสดไม่กี่ร้าน
“พีเทียนแบ่งของบางส่วนเดี่ยวเอาไปเก็บที่รถก่อน”
ผมเดินกลับมาที่รถเพื่อเอาของมาเก็บส่วนพี่เทียนยังเดินซื้อของต่ออีก อ้าท่าทางจะนานผมหยิบกล้องติดมือเดินเก็บภาพ
บรรยากาศตลาดรอบนอกที่มีชาวบ้านชาวเขาเอามาป่าของแปลกมาแบขายกับพื้นแสงแดดช่วงเย็นตอนบ่ายสี่โมงเย็นแสงกำลังดี
แต่เป็นช่วงหน้าหนาวจะค่ำเร็วกว่าปกติผมยกกล้องตัวใหญ่ขึ้นมองผ่านเลนส์ปรับโฟกัสภาพให้ได้ตามที่ต้องการแล้วกดชัดเตอร์
ลงไปภาพวิธีชีวิตชาวบ้านก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบ
เลื่อนปุ่มกดไปที่ปุ่มแสดงภาพที่ได้ถ่ายไว้กดปุ่มไล่ดูภาพที่ถ่ายไปเมื่อครู่เช็คโหมดที่เลือกใช้ว่าภาพที่ออกมาจะน่าพอใจรึ
เปล่าภาพถ่ายเปลี่ยนไปเรื่อยๆจนต้องสะดุดตากับภาพของคนที่อยู่ในนั้นผมรีบเงยหน้าขึ้นจากภาพแล้วเดินไปตรงบริเวณที่
ปรากฏในภาพถ่ายผมกวาดสายตาไปรอบๆเหลียวมองหาคนที่บังเอิญมาอยู่ในรูปของผม
“จับมันเลยครับคุณตำรวจ”
“อ้าวทำไมพูดแบบนี้”เสียงเอะอะโวยวายดังมาจากลุ่มคน พวกเขากำลังยืนมุงดูอะไรซักอย่างผมเดินตรงไปที่กลุ่มคนพวกเขา
กำลังมุงดูอะไรมองไม่เห็นมันไกลเกินไปต้องเข้าไปใกล้กว่านี้พยายามเขย่งเท้าให้สูงจะได้มองเห็นแต่มันไม่ช่วยอะไรได้เลยผม
ตัดสินเบียดแล้วมุดเข้าไปผ่านช่องว่างในที่สุดก็เห็นผู้ชายสองคนกำลังยืนทะเลาะกัน ผู้ชายคนหนึ่งแต่งตัวดีส่วนอีกคนแต่งตัว
เหมือนชาวบ้านธรรมดาสวมหมวกดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นถ้าผมไม่เคยเห็นเขามาก่อน ชายสวมหมวกเขากดด้านหน้าหมวกลงไว้
หนวดเคราสายตาหลุกหลิกผมว่าเขาน่าจะหาทางหนี้ทีไล่ เพราะตอนนี้มีคุณตำรวจอยู่ในเหตุการณ์ตำรวจพยายามให้ทั้งสองไป
พูดคุยกันที่โรงพักใกล้ๆ ฮึไปโรงพักไม่มีทางหรอกมันไม่ยอมไปแน่นอนและมันกำลังจะหาทางหนีแต่ไม่ใช่เรื่องง่ายมีคนกำลังยืน
ล้อมอยู่
“จับมันเลยคุณตำรวจ”
“ไม่มีหลักฐานอย่ามากล่าวหากันได้ไง”
โอ้ ต้องการหลักฐานก็ไม่บอกงั้นจัดไป
โรงพักบริการประชาชน สภอ.ย่อยในต่างจังหวัดเปิดบริการโดยมีเจ้าหน้านั่งประจำอยู่ที่โต๊ะ โต๊ะทำงานไม่เกินสิบตัว
เรียงคู่ตู้เก็บเอกสารขนาดใหญ่หลายหลังตั้งอยู่ด้านข้างด้านหลังล้อมโต๊ะทำงาน
“ขอบคุณนะน้องที่ให้ความร่วมกับเจ้าหน้าที่”คุณเจ้าหน้าที่ของรัฐกินเงินภาษีประชาชนยื่นเม็มโมรี่การ์ดที่ผมบังเอิญเก็บภาพ
เหตุการณ์ผู้ชายคนหนึ่งถูกล้วงกระเป๋าได้
“ไม่เป็นไรครับคนไทยเหมือนกัน”ไม่ได้ทำเพื่อคนอื่นแต่ผมทำเพื่อตนเองครับ
นั่งมองเจ้าหน้าที่กำลังสอบปากคำคนทั้งสองยังไม่ลุกไปไหน เสียงเครื่องพิมพ์ดีดที่พิมพ์ด้วยความเร็วรัวหยุดพิมพ์หยุดพิมพ์เป็น
ระยะจากที่ฟังดูมันเป็นโทษไม่ร้ายแรงมันอาจจะได้เข้าไปนอนในคุกจ่ายค่าเสียหายไม่กี่บาทผมคิดว่าผมคงต้องทำอะไรซักอย่าง
ถ้ามันหลุดไปได้คราวนี้อีกคงหาตัวมันอีกไม่ง่ายแน่ๆ
”ผมว่าเขาหน้าคล้ายๆภาพประกาศจับที่ติดไว้บนบอร์ดนี้เลยนะครับ”ชี้ไปที่บอร์ดที่ติดประกาศต่างๆของทางราชการ ทุกคนในที่
นั้นหันไปมองรูปชายที่ถูกสเก็ตด้วยดินสอสีดำ โอ้โหมีรางวัลนับจับด้วยร้ายไม่ใช่เล่น
“คุณโจรนี่ไม่ธรรมดาเลยนะครับ ดังใช่เล่นมีภาพประกาศจับด้วย”
ตอนนี้เจ้าหน้าที่ไม่สนใจคดีเล็กแล้วแต่เปลี่ยนมาสนใจคดีใหญ่ผู้ชายคนนั้นถูกคุณตำรวจใส่กุญแจแล้วลากเขาไปยังห้องขัง ผม
เดินตามเข้าไปดูห่างๆ โรงพักเล็กๆไม่ค่อยมีคดีห้องขังโล่งกว้างคงนอนสบายตัวเลยทีเดียว
“ปล่อยกูนะ ปล่อยกู กูไม่ได้ทำ...”เสียงร้องเอะอะโวยวายนี้รู้สึกฟังแล้วคงเหมือนตอนที่ผมร้องขอความช่วยเหลือขอความเมตตา
จากพวกมันแต่ก็ไม่ใครได้ยินไม่ได้รับความเห็นใจจากพวกมันเลยมันจะเป็นความรู้สึกเดียวกันไหมนะเขาพยามยามดิ้นขัดเขินจาก
การจำกุมของตำรวจ
“อย่าขัดขืนถ้าไม่ใช่แล้วจะกลัวทำไม ยังไงก็ต้องเข้าไปนอนในห้องขังอยู่แล้ว”เสียงเจ้าหน้าพูดขึ้นหลังจับผู้ชายคนนั้นเข้าไปขัง
ไว้ในห้องขังได้
“ผมไม่ทำจริงๆนะครับ เชื่อผม เชื่อผม...”เขายังโวยวายเสียงดังลั่นโรงพักอยู่ เขาใช้มือทั้งสองข้างเกาะซี่กรงตรงหน้าไว้
“ขอโทษด้วยนะอย่าว่ากันเลยอ้อถ้าจะอาฆาตกันให้อาฆาตคนที่จ้างวานนายดีกว่า แล้วอีกอย่างถ้าอยากรอดก็ขอให้ สารภาพ ซัก
ทอด จะได้ลดโทษ ขอโชคดีนะ”เขาจ้องมองนิ่งเหมือนจะถามผมว่าผมเป็นใครทำไมถึงรู้ ผมส่งยิ้มให้เขาแล้วเดินออกมาจากโรง
พัก
“น้องๆ”มีคนเรียกผมจากด้านหลังผมหันหลังกลับไปดู
“ขอคุณน้องมากเลยนะ”
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวนะครับ”มาเดินตลาดก็ต้องระวังสิ่งของมีค่าให้ดีแต่อีกในหนึ่งก็คงต้องขอบคุณเขา
เหมือนกันไม่อย่างนั้นผมคงเจอคนที่เคยทำร้ายผม
“ไปไหนมา คุณหมีพี่กำลังโทรตามอยู่เชียว”
“ปวดท้องครับ เลยไปขอเข้าห้องน้ำที่โรงพักใกล้ๆ”
“อื้ม งั้นเรากลับกันเถอะเดี่ยวจะมืดซะก่อน”
สายลมเย็นเย็นประทะหน้าเบาๆสายลมกำลังพัดมายินดีกับผมรึเปล่านะเค้าว่ากันว่าเวรกรรมนั้นมันเร็วเหมือนติดจรวดคุณ
อาจจะไม่ได้เจอในชาตินี้แต่ก็ขอให้จำไว้ว่ากรรมมันจะตามติดคุณไปตลอด
********************************************************************************
--- หลายคนสงสัยว่าทำไมน้องนิน(นนท์) ไม่แก้แค้นคนที่ทำร้ายตัวเองสักที
***นนท์(นิน) ขอโอกาสแก้ตัว ไม่ได้ขอโอกาสแก้แค้น เขาต้องการกลับมาอยู่กับครอบครัว กลับมาดูแลพ่อแม่ ชดเชยในสิ่งที่ไม่ได้ทำ ใช้ชีวิตให้ดี
--- เรื่องนนท์ถูกฆ่า เขาคิดว่านั่นคือกรรมของเขา ที่ทำให้ พ่อแม่เสียใจและเป็นทุกข์
--- และเชื่อว่ากรรมจะติดตามคนที่ทำร้ายเขาไปเอง โดยที่ไม่ต้องทำอะไร เขาแค่นั่งดูคนที่ทำร้ายทยอยรับผลกรรมไปทีละคน
*** ฝากติดตามเรื่องใหม่ด้วยจ้า
"เริ่มต้นเรื่องร้าย ลงท้ายเรื่องรัก"
***************************************************************************
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณทุกการติดตาม และขอบคุณทุกการรอคอย
โปรดติดตามตอนต่อไป