เธอ..คือหนึ่งในไม่กี่คน
[/b]
ตอนที่ 6
[/size]
ผู้ชายตัวโตใบหน้าหล่อเหลา คมคาย รูปร่างสูงใหญ่ ผิวขาวสวมเสื้อผ้าในชุดลำลอง อายุประมานยี่สิบกว่า แววตาและ
ท่าทางที่ดูดุดัน กำลังนั่งอยู่ข้างๆคุณย่าแต่สายจ้องมองมาที่ผม
“พอเถอะตาเทียน จะจ้องน้องอีกนานไหม”
“โทษที ครับคุณย่าผมกำลังสงสัยว่าน้องเป็นผู้ชายจริงๆรึเปล่า”
ผู้ชายคนนี้คือคุณเทียนหลายชายของคุณย่า วันนี้เขามาทำหน้าที่เฝ้าเธอ ผมเข้ามาเยี่ยมคุณย่าเป็นปกติเช่นทุกวันและกำลังจะ
อ่านหนังสือให้เธอฟัง คุณเทียนก็เข้ามา เธอแนะนำคุณเทียนให้ผมรู้จัก สวัสดีทักทายเขา และเธอแนะนำผมให้เขารู้จัก คุณ
เทียนแสดงท่าทางตกใจที่รู้ว่าผมเป็นผู้ชาย ถ้าเขาจับผมแก้ผ้าได้คงทำไปแล้ว หลังจากที่ทักทายกันเสร็จ คุณเทียนยังนั่งข้างๆ
คุณย่าจ้องผมตาแทบไม่กระพริบ จนรู้สึกเกร็งไปหมด กับสายตาที่เขามองมาที่ผม ตาบ้ามองอยู่ได้
“ย่าก็นึกว่าสเป็คเราเลยมองใหญ่ ดูสิน้องแก้มป่องแล้ว”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า คุณย่านี่รู้ใจผมเลย ผมขอได้ไหมครับ”
“อย่ายุ่งคนนี้ย่าหวง ไม่ใช่ของเล่น”
“ก็ไม่ได้เล่น ผมไม่มีใครมาเป็นปีปีแล้วครับย่าทำแต่งาน”
“ใครจะรู้ว่าแกเอาไปซุกไว้ไหนบ้าง อีกอย่างเขายังเด็ก”
ไม่รู้ว่าทั้งสองคนกำลังคุยเรื่องอะไรกัน ท่าทางดูเป็นซีเรียสน้ำเสียงคุณย่าเหมือนดุดุ
“นินไม่ต้องไปสนใจเจ้าเทียนอ่านหนังสือให้ย่าฟังดีกว่า”
“โถ่คุณย่าครับ”
“อิ อิ อิ”เสียงหัวเราะของผม
“หัวเราะอะไรเจ้าตัวเล็ก ตลกอะไร”คุณเทียนถามเสียงเขียว ผมคงไปขัดขวางการพูดคุยของเขากับคุณย่า
“ปะ...เปล่าครับแค่คิดว่าคุณย่ากับคุณเทียนดูรักกันดี”คุณเทียนนี่ดุจัง เขาจะหักคอผมไหม ไม่ได้ตั้งใจหัวเราะสักหน่อย คุณย่า
ช่วยผมด้วย
“ตาเทียน แกไปว่าน้องทำไม ไปโน่นไปนั่งทำงานที่โซฟาโน่นเลยเอางานมาทำด้วยไม่ใช่รึไง”คุณย่าดุเลยครับดุคุณเทียนเลย
ไล่ไปไกลๆเลย ชิ่วๆ ไปๆ สมน้ำหน้า
“ครับ ครับ ใช่สิผมมันหัวเน่าแล้วนิ”คุณเทียนส่งสายฆาตโทษมาที่ผม ท่าทางเขาไม่ค่อยสบอารมณ์แล้วกลับไปนั่งที่โซฟาเปิด
กระเป๋าออกแล้วหยิบโน้ตบุ๊ก ออกมาวางไว้บนเก้าอี้ทำงานไปอย่างเงียบๆ เฮ้อในที่สุดทุกอย่างก็เข้าสู่ภาวะปกติซะที ผมกลับมา
สนใจหนังสือในมือแล้วเริ่มอ่านหนังสือให้คุณย่าฟังเหมือนเดิม เสียงพิมพ์เอกสาร เสียงกระดาษรบกวนสมาธิการอ่านของผม จน
ต้องเงยหน้าขึ้นมองที่มาของเสียงดูเหมือนคุณเทียนกำลังหัวเสียกับโน้ตบุ๊กและเอกสารตรงหน้า
“ตาเทียนแกเป็นอะไร”คุณย่าคงสงสัยเหมือนผมว่าคุณเทียนแกเป็นอะไรของแก
“เปล่าครับ ผมทำงานไม่ถนัดนิดหน่อย”คุณเทียนเงยหน้าขึ้น หัวคิ้วทั้งสองข้างแทบจะผูกโบว์
“หนูนินไปช่วยดู ตาเทียนให้ย่าหน่อย”คุณย่าหันกลับมาคุยกับผม บอกให้ผมไปช่วยคุณเทียน
“คะ ครับ” ผมตอบรับคุณย่าแล้วเดินไปหาคุณเทียนที่นั่งอยู่บนโซฟา
“มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ”
“เอ่อ ..ช่วยพิมพ์อันนี้ให้หน่อย” คุณเทียนยื่นโน้ตบุ๊กกับกระเอกสารที่ต้องการพิมพ์ให้ผม ไม่ใช่เรื่องยากผมจัดการพิมพ์เอกสาร
ตรงหน้าที่มีแต่ภาษาอังกฤษ คนข้างๆผมเขยิบเข้ามาใกล้ผม จนได้กลิ่นน้ำหอมผู้ชายอ่อนๆออกมาจากตัวเขา เสียงเปิดอ่าน
เอกสารยังดังอยู่ข้างผมเป็นระยะมีเสียงขีดเขียน เสียงอ่านพึมพำเบาๆ เสียงกดแป้นพิมพ์ของผมยังดังเป็นระยะ ผมชำเลืองมอง
คนที่อยู่ข้างผม คุณเทียนก็คงเหมือนผมแต่ก่อนที่เคยทำงานตลอดตื่นแต่เช้ารีบออกไปทำงาน ขับรถฝ่าความวุ่นวายบนท้องถนน
รีบเร่ง แข่งขันความเร็วบนท้องถนนเพื่อที่จะไปให้ถึงจุดหมายปลายทางให้ทันเวลา ชีวิตที่รีบเร่ง นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ต่อสู้กับ
กองเอกสารวางอยู่บนโต๊ะ ทำงานทั้งวันไม่มีเวลาจะทานข้าว ไม่มีเวลาไปเดินเที่ยวตามห้าง หนังเรื่องสุดท้ายที่เคยเข้าไปดูใน
โรงหนังเรื่องอะไรผมจำไม่ได้ ไปเที่ยวต่างจังหวัดล่าสุดที่ไหนกับใครนึกไม่ออก ไม่มีเวลาพักผ่อนแต่มีเวลาทำงาน เจอหน้า
พนักงานที่ร้านบ่อยกว่าเจอหน้าพ่อแม่ เหลือบไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เวลาเขาทำงานหน้าตาดูจริงจัง
“ผมพิมพ์เสร็จแล้วครับ”บอกคุณเทียน
“อ้าวหรอ เร็วดีจัง ขอบใจนะ”คุณเทียนแสดงสีหน้าแปลกใจที่ผมสามารถทำงานตรงหน้าเสร็จเร็ว
“คุณเทียนทานอะไรไหมฮะ เดี๋ยวผมไปเอามาให้”รู้สึกอึดอัดคุณเทียนที่นั่งเบียด ที่นั่งออกจะกว้างไม่รู้จะเบียดมาทำไม
“ก็ดีเหมือนกัน”ผมเดินเข้าไปในครัว ของกินเยอะทีเดียวเพราะพี่จิ๋วเอาของกินมาส่งทุกวัน หยิบคุกกี้ใส่จานกับชงโอวัลตินอุ่นๆให้
คุณเทียน เพราะในครัวไม่มีกาแฟ นั่งลงข้างๆคุณเทียนแล้ววางขนมกับโอวัลตินไว้บนเก้าอี้อีกตัว มองคนตรงหน้าที่กำลังอ่าน
เอกสารในมืออย่างตั้งใจมองไปที่เตียงนอนตอนนี้คุณย่าหลับแล้ว คิดว่าคงต้องกลับห้องปล่อยให้คุณเทียนนั่งทำงานเงียบๆดีกว่า
“คุณเทียน ผมต้องกลับห้องก่อนนะครับใกล้ถึงเวลาที่ผมต้องทานยาแล้ว”
คุณเทียนวางมือจากงานตรงหน้าแล้วมองมาที่ผม
“เราป่วยเป็นอะไร”คุณเทียนถามผมด้วยหน้าตาที่สงสัย
“เอ่อ ผมถูกรถชนและผ่าตัดหัวใจ”เขาพยักหน้าและขมวดคิ้วเล็กน้อย
“แล้วใกล้หายยัง”ถามผมไกลๆก็ได้ครับทำไมต้องเขยิบเข้ามาใกล้ขนาดนี้
“คงอีกนานมั้งครับ แต่ก็ดีขึ้นมากแล้ว”
“อือ แล้วมาเยี่ยมคุณย่าทุกวันเลยหรอ”เขารำคาญผมรึเปล่านะ รึผมทำอะไรให้เขาไม่พอใจรึเปล่า
“ครับผมมาเล่นกับคุณย่าเกือบทุกวัน คุณย่าเหงาไม่มีเพื่อน”คุณเทียนสัมภาษณ์ผมเสร็จก็ไล่ผมกลับห้องไป
กลับมาที่ห้องทานข้าวทานยาให้เรียบร้อยวันนี้จะไปรอพบแม่ที่โซนหนังสือ ผมเดินออกมาจากห้องตรงไปที่โซนหนังสือ วันนี้มา
เร็วกลัวจะไม่ได้เจอแม่เลยต้องออกมารอกำลังยืนเลือกหนังสือ
“นี่เธอ เธอ” มีคนเรียกผมนะ ผมแน่ใจว่าอย่างนั้น ผมหันกลับไป
“คุณเรียกผมหรอครับ” เอ๊ะ คนที่เห็นอยู่หน้าตู้กดน้ำ คนที่ผมช่วยเปิดกระป๋องน้ำอัดลม
“จำฉันได้รึเปล่า” จำได้หน้าตาดีแล้วแขนหักอย่างคุณคงมีคนเดียว
“ครับ ผมจำคุณได้ วันนี้มาดื่มน้ำอีกหรอครับ”เขาแสดงท่าทางเขินๆ ออกมา คงจะอายที่ผมเห็นเขาในสภาพที่ช่วยเหลือตัวเองไม่
ได้
“เปล่า พอดีฉันมารอเธอ เอ่ออยากขอบคุณที่ช่วยเปิดกระป๋องน้ำอัดลมให้”
“ครับ”ว้าว แค่ช่วยเปิดฝาน้ำอัดลมคุณต้องเสียเวลามายืนรอขอบคุณผมเลยหรือครับน่าดีใจมาก
“เราไปนั่งคุยที่ร้านกาแฟตรงนั้นไหม”เขาเสนอให้ผมไปนั่งที่ร้านกาแฟทำไมต้องไปคุยที่นั่นละครับ อ๋อรึว่าอยากดื่มกาแฟเลย
ชวนผมไปเป็นเพื่อน
“แต่ผมไม่มีตังค์”ผมไม่มีเงินติดตัวมาแม้แต่บาทเดียว
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง ถือเป็นการขอบคุณก็ได้”
“อ้อ ครับ”ก็ดีเหมือนกัน ถ้ารอแม่ในร้านจะได้เห็นเธอได้ใกล้ขึ้นเพราะยังไงแม่ก็จำผมไม่ได้อยู่ดี พวกเราเดินเข้าไปนั่งในร้าน
กาแฟ เขาสั่งกาแฟร้อน ส่วนผมขอเป็นน้ำผลไม้ก็พอ
“คุณมาเยี่ยมญาติหรอครับ”ผมถามออกไป
“เพื่อน”อาจจะเป็นแฟนก็ได้
“แล้วแขนคุณไปโดนอะไรมาครับ”ผมสงสัย
“อุบัติเหตุทางรถยนต์” เขาตอบพร้อมกับส่งยิ้มบางๆมาให้ผม
“เหมือนผมเลยผมก็ถูกรถชนเหมือนกัน”เขาแสดงออกแปลกใจ ว่าทำไมผมไม่มีแผลบนร่างกายเลยแม้แต่นิดเดียว
“อ้อ ลืมแนะนำตัวผมน่าจะเป็นพี่คุณเรียกผมว่าพี่พัฒณ์ก็แล้วกันแล้วเราล่ะ”เขาทำหน้าตาเหมือนคิดอะไรออกสักอย่าง
“ผมชื่อนินจาครับ”
“ชื่อน่ารักเหมือนตัวเองเลย”ขอบคุณครับ
“ทำไมหรือครับ”
“ปะ..เปล่าตอนแรกที่เข้ามาทักพี่นึกว่าเราเป็นเด็กผู้หญิง แล้วอยู่ที่นี่นานรึยัง”
“นานแล้วครับยังไม่มีกำหนดออกด้วย”
พี่พัฒณ์น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับคุณเทียนแต่ พี่เขาดูใจดีคุยสนุกไม่เหมือนอีตาเทียนหน้าดุ ชอบแกล้งผม พี่คงเหงาไม่มีเพื่อน
เลยออกมาเดินหาเพื่อนคุย เหมือนผมที่ออกมาหาหนังสืออ่านเป็นเพื่อน
“เพื่อนพี่อาการหนักมากเลยหรอครับ”
“อ๋อ ไม่หรอกพรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว พี่แค่รู้สึกเสียดายที่พี่จะไม่ได้เจอหน้าเราอีก”
ผมก็ไมรู้จะพูดยังไงอีกแต่ก็ดีใจด้วยที่เพื่อนพี่เขาหายป่วยแล้ว ส่วนแขนพี่เขาไม่นานก็จะหายเป็นปกติไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง พี่เขา
ถามถึงเบอร์ติดต่อผมไม่มีมือถือครับก็เลยไม่ได้ให้ แต่พี่เขาให้เบอร์ติดต่อผมไว้ถ้ามีเรื่องอะไรติดต่อพี่เค้าได้ พี่พัฒน์ออกไปจาก
ร้านแล้วบอกว่าต้องไปทำธุระต่อ รถที่บ้านมารอรับข้างล่างแล้ว ส่วนผมยังนั่งรอแม่ในร้านกาแฟ แต่มองดูนาฬิกาแล้วแม่คงไม่มา
ผมก็คงต้องรีบกลับไปห้องรอแม่พิมพ์กลับมา
“นินกลับมาแล้วหรอลูกไปไหนมา”
“ไปเดินเล่นแก้เบื่อครับ แล้ววันนี้เป็นยังไงบ้างครับ”
“ก็เหมือนเดิม ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก”
แม่พิมพ์พาผมไปนั่งที่โซฟากอดผมไว้แล้วโยกตัวไปมาเบาๆ เหมือนแม่ของผมเคยกอดแบบนี้ตอนเด็กๆเลย อ้อมกอดแม่นี่มัน
อบอุ่นอย่างนี้ทุกคนเลยรึเปล่า ไม่รู้ว่าภายในใจของเธอคิดอะไรอยู่ เธอจะเสียใจรึเปล่าเมื่อรู้ความจริง เธอเป็นอีกคนที่ผมไม่
อยากทำร้าย แต่ตราบใดที่ผมยังอยู่ผมจะดูแลตามคำสัญญาที่ให้กับเจ้าของร่างนี้ แม้ครั้งหนึ่งจะเคยเป็นลูกที่ไม่ดีมาก่อนแต่ตอน
นี้ไม่ใช่แล้ว แม่พิมพ์คอยเล่าเรื่องของน้องตอนเด็กๆให้ฟังบ่อยๆ เล่าเรื่องต่างๆมากมาย ดูหน้าตาเธอมีความสุขทุกครั้งที่พูดถึง
มัน เป็นคุณหมอที่แนะนำอย่างนั้น สมองนี้ไม่มีความทรงจำของน้อง แต่เรื่องความฉลาดจากการคิดวิเคราะห์ การเรียนผมมีความ
สามารถส่วนนี้เพิ่มขึ้นจากแต่ก่อน
คืนนั้นผมหลับตาลงโดยมีแม่พิมพ์นั่งอยู่ข้างเตียงเล่านิทานให้ฟัง เธอบอกเป็นนิทานที่น้องชอบฟังตอนเด็กๆ และคืนนั้นผมก็ได้
ฝันเห็นน้องอีกครั้ง ฝันว่าทุกคนได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันกันอีกครั้งมันหมายความว่าอย่างไร
แสงแดดทอแสงอ่อนยามเช้าวันนี้ผมออกมารับแสงแดด เสียงนกร้อง กลิ่นดอกไม้พัดโชยมาตามสายลม สายลมพัดทำให้ต้นไม้
ใบไม้ไหวไปตามแรงลม เหมือนพวกมันกำลังโยกไหวไปตามจังหวะเพลงธรรมชาติ ชั่งเป็นเช้าที่อากาศสดชื่นจริงๆ ผมนั่งลงที่ม้า
ยาวตัวเดิมหยิบหนังสือขึ้นมาเปิดอ่าน วันนี้เป็นอีกวันที่ผมตื่นขึ้นไม่เห็นแม่พิมพ์เห็นเพียงข้อความบอกว่าออกไปทำงานแล้ว ตอน
เย็นจะรีบกลับ นั่งมองคนไข้คนอื่นที่ออกมาเดินเล่นที่สวนแห่งนี้ และคนที่รอที่จะพบก็มา พ่อของผมกับพยาบาล
“คุณลุงครับ ทางนี้”คนที่เป็นพ่อแม่ลูกกันมันจะสายใยบางๆเชื่อมความสัมพันกันไว้โดยที่เรามองไม่เห็นไม่มีอะไรที่จะสามารถตัด
ขาดความสัมพันนี้ได้แม้แต่ความตาย ผมโบกมือเรียกชายที่นั่งอยู่บนรถเข็นโดยมีคุณพยาบาลเป็นคนเข็นมา เรื่องมันมีอยู่ว่าผม
มานั่งรอพบแม่ทุกวันหลังจากวันนั้นแต่ก็ไม่เคยพบ ขณะที่นั่งรอพบแม่ ได้ยินเสียงเหมือนสิ่งของหล่นลงมา ผมรีบวิ่งไปดู เป็นพ่อ
ของผมสวมชุดคนไข้ กำลังนั่งอยู่บนพื้นกุมข้อเท้าไว้ มีหนังสือที่หล่นลงมาอยู่ข้างๆและเก้าอี้หนึ่งตัวที่ล้มลงอยู่ข้างๆตัวพ่อ ในมือ
อีกข้างพ่อผมถือหนังสือไว้หนึ่งเล่ม Cinderella นั่นคือหนังสือนิทานเล่มโปรดที่ผมชอบให้แม่เล่าให้ฟังก่อนนอนทุกคืน พ่อคง
พยายามจะหยิบหนังสือเล่มนั้นที่อยู่สูงโดยใช้ เก้าอี้ปีนขึ้นไปคงไม่ทันระวังแล้วตกลงมา
“พ่อ เอ่อคุณลุงเป็นยังไงบ้างครับ” มือพ่อยังกุมอยู่ที่ข้าคงเจ็บที่ข้อเท้า
“นนท์ นนท์ ลูกพ่อกลับมาแล้ว นนท์กลับมาหาพ่อแล้ว”พ่อโผเข้ากอดทันทีที่ผมเดินเข้าไปหา ใบหน้าของพ่อแสดงความดีใจ
ออกมาอย่างชัดเจน ผมตกใจมาก ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้พ่อเจอผมแล้วเรียกชื่อนนท์ออกมาอย่างนั้น ทั้งตัวมีเพียงดวงวิญญาณและ
หัวใจดวงนี้ที่เป็นของผมนอกจากนั้นเป็นของคนอื่นที่เขาให้มา
“เอ่อคนลุงผมว่าไปหาหมอก่อนดีไหมครับ” ผมกลัวว่าพ่อจะเป็นอะไรมากกว่าที่ตาเห็นพยุงเขาให้ลุกขึ้นพาไปหาพยาบาลประจำ
หวอดเขายังจับมือผมไว้แน่นตลอดเวลาและยิ้มให้ผมทั้งน้ำตา น้ำตาผมก็ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว หมอเข้ามาตรวจอาการกระดูก
ข้อเท้ามีปัญหาใส่ต้องใส่เฝือกอ่อนสักระยะ ผมยังต้องอยู่ในห้องตรวจไม่อย่างนั้นพ่อไม่ยอมให้หมอตรวจ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย
แล้วพยาบาลจึงเข็นรถผู้ป่วยส่งพ่อที่ห้องโดยมาผมมาด้วย เปิดประตูเข้าไปในห้อง แม่ผมกำลังนั่งอยู่ข้างใน
“เกิดอะไรขึ้นคะคุณพยาบาล ทำไมสามีดิฉันมีสภาพเป็นอย่างนี้”แม่ดูตกใจที่เห็นสภาพของที่เท้าใสเฝือกอ่อนนั่งรถเข็นเข้ามาใน
ห้อง
คุณพยาบาลพช่วยยุงคุณพ่อขึ้นเตียง
“นนท์ อย่าไปจากพ่ออีกนะ พ่อขอโทษพ่อจะไม่ขัดใจนนท์อีกแล้ว นนท์กลับบ้านเรานะ”พ่อพยายามเรียกผมในขณะที่ผมยืน
ข้างๆแม่
“มันเกิดอะไรขึ้นคะคุณ ฉันขอโทษที่ปล่อยคุณไว้ฉันแค่ออกไปทำธุระนิดหน่อย”ผมเล่าเหตุการณ์ที่ผมไปพบพ่อตกจากเก้าอี้เพื่อ
จะหยิบหนังสือเล่มหนึ่งที่อยู่เกินเขาเหยียบเก้าอี้ขึ้นไปแล้วพลัดตกลงมา
“ที่รัก นี่นนท์ นนท์กลับมาแล้วกลับมาหาเราแล้ว”เธอมองมาที่ผม แล้วน้ำตาคลอสิ่งที่ผมอยากพูดมากที่สุดในตอนนี้คือ พ่อครับ
แม่ครับผมกลับมาแล้ว
“ขอโทษนะ เอ่อ เอ่อ สามีของฉันป่วยอาจจะพูดจาแปลกๆ หนูอย่าได้ถือสานะ”
“คุณลุงครับผมชื่อนินครับ”ผมมองพ่อที่นอนอยู่บนเตียง น้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง ผมจะทำยังไงผมจะบอกกับพ่อยังไง สายตาที่
พ่อมองมาที่ผมมันช่างอบอุ่นเสมอ พ่อดูซูบโทรมลงมาก ผมเริ่มมีสีขาวแซม เขาคงกินไม่ได้นอนไม่หลับเป็นห่วงและคิดถึงผมอยู่
ตลอด แม้กระทั่งแม่ก็ดูแก่ตัวลงมากนี่ผมจากไปนานหรือเกิดอะไรขึ้นกับทั้งสองกันแน่
“ได้ๆ นิน...นิน”
“หนูคือนิน นินทนัฐหรือ”เธอมองมาที่ผมใบหน้าเธอแสดงสีหน้าตกใจและแปลกใจในตอนแรกและเปลี่ยนเป็นดีใจที่ได้ยินชื่อของ
ผม
“เอ่อ..คุณรู้จักผมด้วยหรอครับ”ผมแปลกใจที่เธอรู้จักชื่อของผม
“หนูคือคน..เอ่อ....ที่ลูกชายฉันบริจาคหัวใจให้ บางทีหนูอาจไม่เชื่อคิดว่าฉันเป็นบ้า แต่..แต่....”แม่รู้ว่าผมตกใจที่แม่รู้ แต่ไม่ใช่
เรื่องยากที่จะสืบ
“คะ..ครับ ผมเชื่อ ผมเชื่อคุณ” เธอมองผมด้วยน้ำตาคลอ แปลกใจที่ผมพูดออกไปอย่างนั้น
“เอ่อ...นี่คงเป็นเหตุผลที่สามีฉันพบหนูแล้วรู้สึกเหมือนได้เจอลูกชาย ฉะ...ฉันเองก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน ......ที่จริงสามีของฉัน
ไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ที่พวกเรามาที่เพราะต้องการพบหนู”แม่พูดด้วยเสียงตะกุกตะกัก ดูเธอตื่นเต้น จนจับต้นชนปลายไม่ถูก
น้ำตาเธอเริ่มไหลออกมาแล้ว
“เชื่อ...ผมเชื่อคุณครับ ผมเชื่อคุณ”ผมยิ้มให้เธอแล้วกุมมือเธอไว้ แล้วเปลี่ยนเป็นสวมกอดเธอแทน อ้อมกอดนี้เป็นอ้อมกอดที่ผม
รอมานานในที่สุดผมก็ได้ครอบครองมัน ได้ครอบครองอ้อมกอดนี้อีกครั้ง อ้อมกอดนี้มันคือของผมไม่ยอมปล่อยอ้อมกอดนี้อีก
แล้ว ผมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น กลิ่นของแม่ยังหอม ผิวแม่ยังนุ่มเหมือนเดิม
“ฮึก..ฮึก เอ่อป้าขอโทษนะ ที่หนูต้องมาเจอคนแก่บ้าๆสองคน พูดเรื่องอะไรก็ไม่รู้ แต่ แต่หนูอย่าถือสาเลยนะ เราไม่ได้มีเจตนา
ร้าย...แต่...แต่.หนูเหมือนลูกของป้า จริง จริง ฮือ ฮือ”เป็นอันว่าเราทั้งสามคนร้องไห้ในห้องนั้น ผมกับแม่ยืนกอดกันร้องไห้
โดยที่พ่อนอนร้องไห้มองเราทั้งคู่อยู่บนเตียง เป็นอีกครั้งที่น้ำตาของผมไหลออกมาด้วยความดีใจ มีความสุขมากจนเอ่อล้นไหล
ออกมาจากตา ความสุขผมกลับคืนมาแล้ว
สายลมยังพัดเอื่อยๆ หอบเอาความสบายกระทบผิวของผม พ่อนั่งอยู่กับผมบนม้านั่งสีขาวตัวยาวในสวน ผมมองรอยยิ้มที่ปรากฏ
บนใบหน้าพ่อ รอยคล้ำ ใบหน้าที่ดูอ่อนล้า ตอนนี้ไม่มีให้เห็นแล้ว
“คุณป้า ไม่มาด้วยหรอครับ”
“อ๋อ เธอมีธุระนิดหน่อยเลยทิ้งพ่อไว้กับพยาบาลพิเศษ”พ่อผมแทนตัวเองว่าพ่อ ผมไม่อยากขัดใจ
“แผล ผ่าตัดเป็นยังไงบ้างใกล้หายรึยัง”
“ดีขึ้นบ้างแล้วครับ คุณลุงอยากฟังนิทานไหมไหมครับผมจะเล่าให้ฟัง”พ่อผมแปลกใจ ผมชูหนังสือนิทาน Cinderella ขึ้น เขายิ้ม
ให้ผมแล้วพยักหน้า ผมเริ่มอ่านนิทานให้เขาฟัง เขานั่งอยู่ข้างๆตั้งใจฟัง สายตาจับจ้องที่ใบหน้าผมตลอด ขอบคุณคนบนฟ้านะ
ครับที่ให้โอกาสผมอีกครั้งและครั้งนี้ผมจะทำมันให้ดีที่สุดผมจะรักษาความรักนี้ไว้ ไม่ปล่อยให้หลุดมือไปอีกครั้ง
ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตู
“คุณย่าผมมาแล้วครับ คุณย่าต้องแปลกใจแน่เลยว่าผมพาใครมาด้วย” เสียงคุณเทียนได้ยินมาถึงในครัวผมกำลังจะปลอกผลไม้
ให้คุณย่า
“ทำอะไรเจ้าตัวเล็ก”อะ คุณเทียนยืนซ้อนอยู่ข้างหลังผม คุณเทียนมาเงียบๆผมตกใจหมด แล้วทำไมต้องมากระซิบที่หูผมด้วย
“ผมกำลังปลอกผลไม้ให้คุณย่า คุณเทียนผมชื่อนินนะไม่ได้ชื่อตัวเล็ก”คนเขามีชื่อหัดเรียกชื่อเขาบ้างดิ
“ตัวเล็กเหมาะกว่าดูซิ ตา จมูก ปาก มือ ตัว ดูเล็กไปหมดเลย”อือ เล็กก็เล็กไม่ใหญ่บ้างให้มันรู้ไปไม่ต้องยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม
ขนาดนั้นก็ได้ เดี๋ยวจิ้มด้วยมีดปลอกผลไม้เลย
“คุณเทียนทานอะไรมารึยังครับ เดี๋ยวผมหาอะไรให้ทาน” ถามคุณเทียนเผื่อยังไม่ได้ทานอะไรมา รู้สึกเหมือนมีใครมาดึงที่ขา
กางเกงผม
“หม่ำ หม่ำ” เป็นเด็กชายสองคนยืนเงยหน้ามองผมตาแป๋วเชียว
“ลูกคุณเทียนหรอครับ น่ารักเชียว ชื่ออะไรกันบ้างครับ”
“พี่ชื่อนินนะครับ”ผมแนะนำตัวเองก่อน
“ชื่ออะไรตัวแสบบอกพี่เขาไปสิ”
“ปมชื่อ หนึ่ง”เด็กชายตัวกลมคนนี้น่าจะเป็นพี่ แก้มป่อง สวมเสื้อผ้าลายอุลตร้าแมนบอกชื่อตัวเอง
“ปมชื่อ สอง” ส่วนเด็กชายอีกคนที่มีใบหน้าเหมือนกันแนะนำตัว
“น่ารักจังเลยครับ กี่ขวบครับคุณเทียน”ผมนั่งคุกเข่าลงคุยกับเด็กทั้งสอง คงยังอายไม่คุ้นกับคนแปลกหน้า ผมยื่นไปจับแก้ม
ป่องๆ นุ่มนิ่ม น้องหัวเราะคิก คักอย่างชอบใจอีกคนเดินเขามาหาผมแล้วพยายามจะนั่งตักผม
“24 ครับ”เอ๊ะคุณเทียน
“ครับ”
“เห็นถามอายุ เลยบอก”
“ผมถามเด็กๆ”ไม่ได้ถามอายุคุณเลยนะ ที่สำคัญผมจะอยากรู้ไปทำไม
“หนึ่งสามขวบ สองสองขวบครับ” ก็แค่เนี่ย โอ๊ยผมปวดกะบาล
“คุณเทียนน้องทานอะไรได้บ้าง”เห็นบอกว่าหิว คุณเทียนชี้ไปที่ตะกร้าอาหาร
“หิว หิว ปี้สาว”เจ้าตัวเล็กอีกคนเดินเข้ามากอดรอบคอผมไว้ แล้วหอมลงที่แก้มผม
“ปี้สาวหอม หอม จุ๊บ”
“เอ่อ พี่เป็นผู้ชายครับไม่ใช่ผู้หญิงเรียกพี่ชาย”
“5555” เสียงหัวเราะคุณเทียน คุณเทียนกำลังหัวเราะผม ทำไม ตลกอะไร ตลกมากนักรึไง ผมจับเจ้าตัวเล็กออกจากตักและแกะ
อีกคนออกจากรอบคอยืนขึ้น แล้วหยิบผลไม้ที่ปอกไว้ยัดเข้าปากคุณเทียน
“อุ๊บ ขอบคุณรู้ได้ยังไงว่ากำลังอยากกินพอดี”ผมหันไปสนใจอาหารในตะกร้า มีผัดมักโรนีน่าจะทำไว้ให้เด็กๆ
“คุณเทียนช่วยเอาผลไม้ไปให้คุณย่าทีครับ คุณย่าคงหิวแล้ว” ผมไล่คนตัวโตออกจากห้องไปได้สำเร็จ แล้วตักผัดมักกะโรนีใส่
ถ้วยพลาสติกที่อยู่ในตะกร้า
“อุนตราแมง อุนตาแมง ของหนึ่ง”แสดงความเป็นเจ้าของไม่ต้องถามเลยว่าถ้วยไหนของใคร ผมยื่นถ้วยอุลตร้าแมน ให้น้องหนึ่ง
เจ้าตัวได้ของกินก็เดินออกไป
“เบนเทน เบนเทน ของสอง” ส่วนอีกถ้วยเป็นของน้องสอง ผมยื่นให้น้องน้องก็เดินตามก็นกันออกไป ผมพาทั้งสองไปนั้งที่โต๊ะ
อาหาร ปกติโต๊ะที่ห้องไม่มีตัวใหญ่ขนาดนี้
“เด็กๆอย่าไปกวนพี่เขาล่ะ”คุณย่าตะโกนบอก เด็กๆนั่งกินเงียบๆ ได้ยินแต่เสียงเคี้ยว แจ๊บๆ
ส่วนคนตัวโตกำลังจ้องโน้ตบุ๊คอยู่ ผมเดินกลับเข้าไปในห้องครัวเห็นแซนวิสในตะกร้าผมจัดใส่จานและชงโอวัลตินอุ่นๆ วางไว้
ข้างคนตัวโต
“คุณเทียนทานอะไรบ้างนะครับ แอ๊ปเปิ้ลชิ้นเดียวคงไม่อิ่มหรอกผมว่า” อิอิ มีกัดนิดหน่อย
“หึ หึ หึ” เสียงหัวเราะคุณเทียนฟังแล้วรู้สึกขนลุกยังไงชอบกล ผมกลับไปนั่งกับเด็กดีกว่า
“อร่อย ไหมครับเด็กๆ”
“อร่อยครับ ปี้สาวน่ายักจัง ปี้สาวจะมาเป็นแม่ใหม่พวกเราหยอ”ผมนี้แทบสำลักน้ำลายตัวเอง เด็กแค่นี้คิดได้ไง ใครสั่งใครสอน
ผมอุ้มน้องสองนั่งตักผม มักกะโรนีในถ้วยหมดไปแล้ว สองกำลังดื่มน้ำจากแก้ว
“สองกินหมดแย้ว ปะ ปี้สาว ปะเราไปเล่นกัน”ผมหยิบทิชชู่ขึ้นเช็ดปากน้องสอง หันไปมองน้องหนึ่ง เล่นหุ่นยนต์อุลตร้าแมนกับ
กันดัมในมือ
“น้องหนึ่งทานข้าวหมดยัง อย่าเพิ่งเล่น”น้องหนึ่งพยักหน้า แต่ก็ยังเล่นเจ้าหุ่นยนต์อยู่ ผมตักมักกะโรนีป้อนใส่ปากน้องหนึ่ง น้อง
หนึ่งอ้าปากงับแล้วเคียวหยุบหยับ น้องสองปีนลงจากตักผมวิ่งไปหยิบตุ๊กตาเบนเทนจากกระเป๋า
“ปี้นิน ของสองก็มี” น้องสองโชว์ของเล่นของตัวเองให้ผมดู ผมป้อนมักกะโรนีน้องหนึ่งจนหมดก็เก็บถ้วยเข้าไปล้างในครัวเด็กๆ
ยังเล่นอยู่ที่โต๊ะอาหาร ผมเหลือบไปเห็นเสื่อปิกนิกผมจัดการปูให้เรียบร้อยแล้วอุ้มเด็กๆไปเล่นบนเสื่อ ปล่อยให้ทั้งคู่เล่นกัน ผม
เดินไปหาคุณย่าที่นอนดูทีวี
“คุณย่าฟังผมอ่านนิยายต่อจากเมื่อวานไหมครับ”
“ก็ดีเหมือนกัน ไม่มีอะไรดูแล้วมีแต่ข่าวไฟไหม้”คุณย่าหยิบรีโมทย์ปิดทีวี ผมหยิบหนังสือเปิดหน้าที่คั่นไว้ แล้วเริ่มอ่านออกเสียง
เบาๆให้คุณย่าฟัง ไม่รู้ว่าผมอ่านไปนานเท่าไหร่เงยหน้าขึ้นเห็นคุณย่านอนหลับไปแล้วมีน้องหนึ่งนอนอยู่ข้างๆ ส่วนน้องสองนั่ง
หลับอยู่บนตักผม ผมอุ้มน้องสองไปนอนกับคุณย่าแล้วห่มผ้าให้ทั้งสาม หันมาอีกคนคุณเทียนนั่งฟุบหลับหน้าโน้ตบุ๊ก
“คุณเทียน คุณเทียนครับ” ผมเรียนคุณเทียนเบาๆ
“อือ อื้อ”เขาตอบรับเสียงเรียกผม
“คุณเทียนไปนอนบนโซฟาดีกว่าครับ จะได้สบาย” ผมพาคุณเทียนไปนอนที่โซฟา คุณเทียนนั่งลงที่โซฟา
“แล้วสองแสบล่ะไปไหนแล้ว”
“หลับแล้วครับนอนอยู่บนเตียงกับคุณย่า”
“อ้าวหรอ ขอบใจที่ช่วยดูให้เดี๋ยววันหลังจะซื้อขนมมาฝาก”แล้วคุณเทียนก็ล้มตัวลงนอน ผมหยิบผ้าห่มจากในตู้มาห่มให้คนตัวโต
คุณเทียนลืมตาขึ้นมองผมที่ห่มผ้าให้แล้วยิ้ม ผมปิดประตูลงเงียบๆแล้วเดินกลับห้องตัวเอง วันนี้เหนื่อยจังเลยแต่เด็กๆก็น่ารักดี
****************************************************************
มาต่อให้แล้วจ้า ช้าไปหน่อยเพราะลืม อิอิ หวังว่าจะถูกใจ
********************** โปรดติดตามตอนต่อไป ********************