≡▉≡ interstellar♗รัก➀ล้านปีแสง
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ≡▉≡ interstellar♗รัก➀ล้านปีแสง  (อ่าน 57204 ครั้ง)

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
กลับไปถึงบ้านของตัวเองเมื่อไหร่ก็ไปเคลียร์กับแฟนสาวของตัวเองให้เรียบร้อยนะเนบิวล่า อย่าทำให้เนตั้นเสียใจล่ะ

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
แล้วเนตั้นจะไปอยู่ตรงไหน? ในฐานะอะไร?

จัดการให้ดีนะพ่อคนเก่ง

ปล. เค้า > คล้ายคลึง / นกเค้าแมว
       ในที่นี้คือ 'เขา' ที่เป็นสรรพนาม เขา, พวกเขา
       คุณ sarawatta ใช้ 'ฉัน' ซึ่งเราขอบอกว่าดีงามมาก เพราะเวลาอ่านเจอ 'ชั้น' ทีไร นึกถึง 'ชั้นวางของ' ทุกที
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-01-2016 16:21:55 โดย alternative »

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
≡▉≡ interstellar♗รัก➀ล้านปีแสง

ตอนที่ 7 ✲ เกินห้ามใจ


ดาวแม็กโซนาเดียนั้นอยู่ในส่วนหนึ่งของกาแล็กซี่ที่อยู่ใกล้ดาวโลกมากที่สุด คนชาวโลกเรียกแกเล็กซี่นี้ว่า "แอนโดรมีดา" อยู่ห่างจากโลกไปสองล้านปีแสงเศษๆ แต่คนบนดาวแม็กโซนาเดียเรียกกาแล็กซี่นี้ว่า "เนบิวลา" ชื่อเดียวกับชื่อของเนบิวลานั่นเอง ส่วนดาวแม็กโซนาเดียนั้นอยู่ห่างจากใจจากของกาแล็กซี่ออกค่อนข้างมาก วัดโดยคร่าวๆ แล้วก็ห่างหนึ่งล้านปีแสงเศษๆ เรียกได้ว่าอยู่ขอบนอกสุดที่ดูเผินๆ ก็อาจจะเข้าใจได้ว่าไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่งของกาแล็กซี่เนบิวลาเลย

ช่องว่างระหว่างสองกาแล็กซี่นั้นมีเพียงความมืดมิดว่างเปล่าเป็นระยะทางเกือบหนึ่งล้านปีแสง ไม่มีแม้เพียงอะตอมของสสารใดๆ ยกเว้นคลื่นแสงและรังสีต่างๆ ยานอวกาศจึงพุ่งทะยานได้ด้วยความเร็วสูงสุดโดยไม่ต้องกลัวว่าจะชนเข้ากับสิ่งใดเลย อีกไม่นานก็จะถึงดาวแม็กโซนาเดียที่แสนจะคิดถึงแล้ว คนที่อยู่บนยานต่างก็รู้สึกดีใจที่จะได้กลับบ้านไปเจอคนที่เป็นที่รักเสียที

ชีวิตประจำวันของเนบิวลาก็ยังเหมือนเดิม ตื่นแล้วก็เข้าห้องทำงาน กลับมาก็นอน มีกิจกรรมอื่นๆ ให้ทำบ้างแต่ก็ไม่มากนัก ชีวิตบนยานอวกาศนั้นต้องใช้ความอดทนมากทีเดียวเพราะไม่เห็นโลกภายนอก อะไรต่างๆ ที่เคยทำก็เริ่มจำเจจนเผลอๆ อาจจะเบื่อได้

ความสัมพันธ์ของเนบิวลากับเนตั้นก็ดูเหมือนจะไปเป็นไปได้ดีในระดับหนึ่ง เนบิวลาไม่เคยบกพร่องเรื่องการดูแลเนตั้นให้อยู่อย่างสบายและปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่กระนั้นก็ดูเหมือนว่ามีช่องว่างบางอย่างที่ยังคงกั้นกลางไว้อยู่นับตั้งแต่การคุยกันในวันนั้น

แสงของดวงดาวต่างๆ ปรากฎขึ้นที่หน้าต่างกระจกบานใหญ่อีกครั้ง นั่นหมายถึงว่ายานอวกาศรูปทรงกลมได้ลดความเร็วลงเหลือน้อยกว่าความเร็วแสงแล้ว อีกไม่นานก็คงจะถึงบ้านที่รอคอย

เพียงเวลาไม่นาน ภาพดาวเคราะห์สีเขียวอมน้ำเงินก็ค่อยๆ ปรากฎขึ้น ยานอวกาศกำลังเดินทางเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของดาวแม็กโซนาเดียแล้ว ดวงดาวที่ซีกหนึ่งมีแต่กลางวัน ส่วนอีกซีกหนึ่งก็มีแต่กลางคืน แรงโน้มถ่วงมหาศาลของดวงอาทิตย์ทำให้ดาวดวงนี้ถูกล็อคจนหมุนรอบตัวเองไม่ได้ ชีวิตที่นี่จึงแตกต่างจากชีวิตบนดาวโลกที่มีทั้งกลางวันและกลางคืนอย่างแน่นอน

ผู้คนส่วนมากอาศัยอยู่ซีกที่เป็นกลางวัน บ้านของเนบิวลาก็อยู่ซีกกลางวันเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ส่วนซีกกลางคืนนั้นมีอากาศที่หนาวเย็นมากจนติดลบถึงหกสิบองศา บางที่ก็หนาวกว่านั้นเกือบสองเท่าตัว ซีกกลางคืนจึงเหมาะสำหรับการไปเที่ยวพักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศ แต่ก็ไม่มีใครอาศัยอยู่อย่างถาวร

ท้ายที่สุดยานอวกาศก็ลงจอดที่สถานีองค์การวิทยาศาสตร์ได้อย่างสวัสดิภาพ หน้าตาของแต่ละคนยิ้มแย้มแจ่มใสเพราะอีกไม่นานก็จะได้เจอกับคนที่รักแล้ว ยกเว้นคนที่ถูกจับมาเท่านั้นที่จะต้องถูกส่งไปกักตัวไว้เสียก่อน และไม่รู้ว่าชะตากรรมของตัวเองว่าจะเกิดอะไรขึ้น

เนบิวลาและเจ้าหน้าที่ขององค์การวิทยาศาสตร์อีกสองสามคนมีหน้าที่รับผิดชอบกลุ่มผู้ถูกจับตัวมา พอลงจอดแล้วจึงต้องเดินต้อนกลุ่มคนเหล่านี้ไปที่ยานอีกลำหนึ่งที่จอดอยู่ไม่ไกลนัก มีทหารอารักขาตามมาด้วยอีกห้านายคอยคุ้มกันไม่ให้เกิดเหตุร้าย ส่วนเนตั้นก็อยู่ในชุดเสื้อคลุมล่องหน เดินตามเนบิวลาไปทุกฝีก้าวเพราะกลัวจะพลัดหลงกัน แต่เนตั้นก็เดินด้วยความยากลำบากพอสมควร ดาวดวงนี้มีขนาดใหญ่กว่าโลกหนึ่งเท่าครึ่ง ทำให้มีแรงดึงดูดมาก แปลว่าน้ำหนักของเนตั้นก็จะมากขึ้นไปด้วยอีกหนึ่งเท่าครึ่ง การเคลื่อนไหวของเนตั้นจึงอืดอาดและช้าลงไปมาก แถมยังต้องออกแรงในการเดินเยอะขึ้นด้วย

พอไปถึงยานลำนั้นแล้วร่างของทุกคนก็ถูกดูดขึ้นไปบนยานโดยคนที่ถูกส่งให้มารับ ทุกคนนั่งอยู่ในห้องเดียวกันทั้งเจ้าหน้าที่และคนที่ถูกจับตัวมา จากนั้นยานก็พุ่งทะยานขึ้นในแนวดิ่งอย่างรวดเร็วไปที่ระดับความสูงกว่าสิบกิโลเมตก่อนจะออกเดินทางไปที่ไหนสักแห่ง

พลันสายตาของเนตั้นก็หันไปเจอกับชายคนหนึ่งโดยบังเอิญ ผู้ชายผมสีทอง ดวงตาสีน้ำตาลที่ชาวโลกในประเทศไทยเรียกว่าฝรั่งนั่นเอง สิ่งที่ทำใหสะดุดใจไม่ใช่เพราะเป็นฝรั่ง แต่เป็นเพราะรูปร่างหน้าตาที่มีส่วนคล้ายกับเนตั้นมาก เพียงแต่ดูอายุมากกว่าหลายสิบปีเท่านั้น

อะไรบางอย่างทำให้เนตั้นนึกถึงพ่อขึ้นมาในทันที ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้มีอะไรหลายๆ อย่างที่ดูคล้ายเนตั้นเหลือเกิน คล้ายจนถ้าใครบอกเนตั้นว่าคนนี้เป็นพ่อก็คงเชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย

ทำยังไงดี เนตั้นชักอยากจะรู้แล้วว่าผู้ชายที่เห็นอยู่ตอนนี้เป็นพ่อของเนตั้นหรือเปล่า แต่พอเห็นสายตาดุๆ ของทหารสอดแนมที่คอยมองไปรอบๆ เพื่อคอยคุ้มกันก็เลยไม่กล้าทำอะไร คนเหล่านี้ไม่น่าจะถูกสังหารหรือจับไปทดลองทันที เนตั้นก็เลยคิดว่าจะลองคุยกับเนบิวลาดูว่าจะช่วยผู้ชายคนนี้ออกมาได้ยังไงบ้าง ถ้าเกิดว่าผู้ชายคนนี้เป็นพ่อของเนตั้นจริงๆ มันก็คงเป็นปาฏิหาริย์ที่ทำให้พ่อกับลูกได้มาเจอกันอย่างไม่คาดฝัน

พอส่งคนไปยังที่สถานกักตัวสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวแล้ว เนบิวลากับเพื่อนร่วมงานก็ถูกนำกลับมาที่เดิม หลังจากการเดินทางไปทำงานในอวกาศที่แสนยาวนาน เนบิวลาและคนที่เดินทางไปด้วยกันจะได้สิทธิ์พักผ่อนโดยไม่ต้องไปทำงานถึงหนึ่งเดือนเต็ม

เนบิวลาพาเนตั้นขึ้นไปที่ชั้นจอดยานส่วนตัวบนอาคารแห่งหนึ่ง พอเจอยานของตัวเองแล้วเนบิวลาก็พาเนตั้นเข้าไปนั่งข้างใน ยานส่วนตัวของเนบิวลาเป็นยานขนาดเล็ก นั่งได้ประมาณสี่คน ขนาดที่ไม่ใหญ่มากจึงทำให้มันจอดได้ทุกที่เพราะไม่ต้องใช้พื้นที่มาก จอดในห้องนอนก็ยังได้

พอนั่งเรียบร้อยแล้ว ยานส่วนตัวก็ยกตัวเองขึ้นมาเหนือพื้นเล็กน้อย จากนั้นก็ค่อยๆ ลอยไปตามช่องทางออก เนตั้นมองออกไปนอกตัวยานเห็นยานมากมายหลายสีจอดอยู่เต็มไปหมด ช่างน่าตื่นตาตื่นใจเสียจริงๆ พอยานลอยพ้นตัวอาคารมาแล้วมันก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าสีเขียวในแนวดิ่งอย่างรวดเร็ว

"เนตั้นเอาเสื้อออกได้แล้ว"

เนบิวลาเอ่ยขึ้นเมื่อยานทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า เนตั้นรีบทำตามอย่างว่าง่าย พอปรากฎตัวให้เห็นแล้วก็ถาม

"ทำไมท้องฟ้าที่นี่เป็นสีเขียวล่ะเนบิวลา ฉันไม่เคยเห็นเลย"

สายตาและท่าทางที่ตื่นเต้นอยากรู้อยากเห็นทำให้เนบิวลาอดขำไม่ได้

"อธิบายยังไงดีล่ะ เอาเป็นว่า...มันเป็นสีเขียวละกัน"

เนตั้นเหมือนจะไม่ได้สนใจกับคำตอบนั้นนักเพราะมัวแต่เงยหน้ามองท้องฟ้าสีเขียวอยู่อย่างสนใจ พอมองไปข้างหน้าและข้างล่างก็เห็นทะเลและป่าไม้สีเขียวๆ เต็มไปหมด แม้ว่าที่นี่จะเจริญกว่าดาวโลกมากแต่กลับมีพื้นที่สีเขียวไปทั่วจนดูเผินๆ นึกว่าเป็นป่า

"สตรอนเทีย ฉันกลับมาแล้ว เพิ่งลงจากยานเมื่อกี้นี่เอง นายเป็นไงบ้างเพื่อน"

จู่ๆ เนบิวลาก็พูดขึ้นโดยที่ไม่รู้ว่าพูดกับใคร เนตั้นไม่ได้ถามอะไรแต่คอยฟังอย่างสงสัย

"กลับมาแล้วเหรอเพื่อน ฉันคิดถึงนายมากเลย ดีเลย เดี๋ยวเรานัดเจอกันนะเนบิวลา ฉันกำลังอยากเจอนายอยู่พอดี ว่าแต่...มาถึงปุ๊บก็โทรหาฉันเลยเหรอ มีอะไรหรือเปล่าวะ"

เสียงอีกฝ่ายถามมา เนตั้นไม่รู้หรอกว่าเสียงดังมาจากที่ไหน รู้แต่ว่าได้ยินเท่านั้นเอง แถมยังฟังไม่เข้าใจเลยเพราะข้อมูลที่ส่งมาเป็นเพียงคลื่นเสียงธรรมดา ไม่มีคลื่นสมองส่งมาด้วย เครื่องแปลของเนตั้นจึงแปลไม่ได้

"มีอะไรจะขอความช่วยเหลือนิดหน่อยว่ะเพื่อน"

"ว่ามาเลย"

"คืออย่างนี้สตรอนเทีย ฉันอยากได้ห้องพักซักห้องที่นายไม่ได้ใช้ นายมีห้องพักที่ไม่ได้ใช้ที่ไหนบ้างหรือเปล่า ให้ฉันเช่าต่อก็ได้นะ ฉันต้องการด่วนเลย"

"อ้าว...นายจะไม่อยู่กับพ่อแม่แล้วเหรอ หรือจะพาอะเนดาไปอยู่ด้วย เขายอมนายแล้วเหรอวะเนบิวลา"

"เปล่าหรอก ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก ฉันไม่รู้จะบอกนายยังไงดี เอาเป็นว่า...ถ้านายมีห้องว่าง ฉันขอเช่าต่อละกัน"

"มีๆๆ อยู่แถวๆ วิวาเดีย นายจะไปเลยไหมล่ะ เดี๋ยวฉันส่งพิกัดจุดกับรหัสเปิดห้องไปให้เลย"

"ดีเลยเพื่อน ฉันจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลย นายส่งมาให้ฉันด่วนเลยได้ไหม"

"ได้เลยเพื่อน ว่าแต่นาย...จะเช่านานแค่ไหนล่ะ"

"อืม...สักหนึ่งฤดูก่อนก็ได้ หลังจากนั้นค่อยว่ากันอีกที"

"ได้เลยเพื่อน รอสักครู่เดี๋ยวฉันส่งข้อมูลไปให้"

"ขอบคุณมากเพื่อน นายนี่ช่วยฉันได้ทุกเรื่องเลย เดี๋ยวฉันเลี้ยงอาหารเป็นการตอบแทนละกันนะ"

เนบิวลาคุยกับเพื่อนอีสักพักก็จบการสนทนาไป สีหน้าดูยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนกับรู้สึกโล่งใจมากทีเดียว

"ฉันหาที่พักให้นายได้แล้ว เราไปกันเลยนะเนตั้น นายจะได้พักผ่อน อ้อ...ที่นี่ไม่มีกลางคืนนะ มีแต่กลางวัน เดี๋ยวพอไปถึงห้องฉันจะสอนให้นายดูเวลาในห้องของนายว่าดูยังไง"

"ห๊า! จริงเหรอ! ที่นี่ไม่มีกลางคืนเลยเหรอ แล้วฉันจะนอนได้ยังไงล่ะ"

"ก็นอนในห้องที่ปิดมืดไง แต่นายต้องดูเวลาเป็นก่อน ไม่อย่างนั้นนายจะไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่จะนอน เมื่อไหร่จะตื่น แล้วเวลาได้ยินเสียงปลุกนายก็ต้องตื่น อย่านอนต่อนะ พอถึงเวลานอนนายก็ต้องนอน เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะไม่อย่างนั้นแล้วนาฬิกาชีวิตของนายจะเสียหาย ถึงตายได้เลยนะจะบอกไห้"

พอถูกขู่อย่างนั้นเนตั้นก็คงต้องยอมเชื่อเพราะไม่อยากตายเร็ว แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมที่นี่ไม่มีกลางคืน จะถามเนบิวลาก็กลัวว่าตัวเองจะไม่เข้าใจเรื่องวิทยาศาสตร์ กลายเป็นโง่ไปอีก ก็เลยไม่ถามดีกว่า

เพียงแว่บเดียวเนบิวลาก็พาเนตั้นมาถึงห้องพักคล้ายๆ คอนโดที่เขตวิวาเดีย สิ่งที่น่าแปลกก็คืออาคารที่ดาวนี้จะมีต้นไม้รูปร่างแปลกๆ แทรกตัวอยู่ด้วย มองไปที่ไหนก็มีแต่พืชและความร่มรื่นเต็มไปหมด แถมอากาศยังเย็นสบายดีด้วย

พอเนบิวลาใช้พลังจิตบอกรหัสผ่านไปแล้วประตูทางเข้าก็เลื่อนเปิดขึ้น ห้องพักอย่างนี้มักจะมีที่จอดยานส่วนตัวอยู่ภายในห้องด้วย นับว่าสะดวกมากทีเดียวเพราะไม่ต้องขึ้นไปที่ลานจอดยานให้เหนื่อย จะเข้าออกตอนไหนก็เป็นส่วนตัว

พอลงจากยานยังไม่ทันจะได้ทำอะไร เครื่องมือสื่อสารของเนบิวลาก็ส่งเสียงแปลกๆ เตือนว่ามีคนต้องการสื่อสารด้วย จะว่าไปมันก็คล้ายๆ โทรศัพท์มือถือที่ดาวโลกแต่มีขนาดและการออกแบบที่แปลกตาจนไม่นึกว่าจะเป็นโทรศัพท์

"เนบิวลา ตอนนี้เนบิวลาอยู่ที่ไหน ทำไมมาถึงแล้วไม่มาหาอะเนดาเลย เนบิวลาเป็นยังไงมั่ง อะเนดาคิดถึงเนบิวลามากๆ เลย ร้องไห้คิดถึงตั้งหลายคืนแน่ะ เนบิวลามาหาอะเนดาตอนนี้เลยได้ไหม"

ในที่สุดเสียงที่เนบิวลายังไม่อยากได้ยินตอนนี้ก็ตามมาจนได้

"เอ่อ...ฉันยังไม่เสร็จธุระเลยอะเนดา แล้วอีกอย่าง ฉันต้องกลับบ้านไปหาพ่อกับแม่ก่อน ยังไม่ได้เจอพ่อกับแม่แล้วก็น้องชายเลย"

"อ้อ เข้าใจแล้ว แต่ว่าเนบิวลาไปทำอะไรที่วิวาเดียล่ะ ไม่ได้ไปหาพ่อกับแม่เหรอ"

อะเนดาถามเพราะเห็นข้อมูลที่แสดงพิกัดจุดของเนบิวลาด้วย เนบิวลาลืมปิดระบบบอกพิกัดจุดให้แก่คนโทรนั่นเอง แต่พอนึกได้ตอนนี้ก็คงไม่ทันเสียแล้ว

"อ๋อ...เอ่อ...พอดีฉันมาส่งเพื่อนที่ทำงาน ยานเขาเสียกะทันหัน เดี๋ยวส่งเสร็จก็จะกลับแล้ว ไม่ต้องกลัวนะอะเนดา พอฉันกลับไปหาพ่อกับแม่แล้วจะรีบไปหาอะเนดาทันทีเลย"

"ว้า อะเนดาอุตส่าห์คิดถึงเนบิวลา มาหาอะเนดาก่อนสักนิดไม่ได้เหรอ"

เนบิวลาทำหน้าหนักใจ ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ไม่น่าเป็นปัญหาหรอก แค่แวะไปหาแวบเดียวไม่ได้ใช้เวลามาก แต่ตอนนี้เนบิวลาไม่สามารถทำอย่างนั้นได้แล้ว

"เอาไว้ให้ฉันไปหาพ่อกับแม่ก่อนนะอะเนดา ฉันมีธุระต้องคุยกับพ่อกับแม่ของฉันด้วย ธุระสำคัญมาก"

เสียงทางนั้นเงียบหายไปอึดใจใหญ่ สาวเจ้าคงงอนพอสมควร แต่ก็ไม่เห็นประโยชน์ที่จะดันทุรังต่อไป

"เอาอย่างงั้นก็ได้ แล้วอะเนดาจะรอ"

"แล้วเจอกันนะอะเนดา"

เนบิวลาจบการสนทนาไปพร้อมกับเก็บอุปกรณ์สื่อสารไว้ในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะพ่นลมหายใจระบายความหนักใจโดยลืมไปว่ามีใครอีกคนคอยมองอยู่

"อะเนดาคือใครเหรอเนบิวลา"

เนบิวลาสะดุ้งตกใจจนดูมีพิรุธ พอนึกได้ว่าเนตั้นยังยืนอยู่ข้างๆ ก็ยิ้มแหยๆ

"เอ่อ..."

"เขาเป็นแฟนนายเหรอ" เนตั้นถามอย่างรู้ทัน

เนบิวลาพยักหน้ายอมรับช้าๆ เพราะไม่รู้จะปฏิเสธยังไง

"แฟนนายอยากให้นายไปหาเหรอ"

เนบิวลาพยักหน้ายอมรับอย่างช้าๆ อีกครั้ง

"นายก็ไปสิ เขาคงคิดถึงนายมากนะ ไม่ต้องห่วงฉันหรอก นายสอนฉันดูเวลาเสร็จแล้วก็ไปเลยก็ได้ ฉันอยู่คนเดียวได้น่า อ้อ...ฉันกดอาหารมากินในห้องได้หรือเปล่า"

เนตั้นบอกเพราะไม่อยากถ่วงเวลาเนบิวลาไว้นานนัก เข้าใจดีว่าคนรักที่ไม่ได้เจอกันนานๆ คงคิดถึงกันมาก

"ที่นี่ไม่มีอาหารให้กดมากินหรอก แต่นายไม่ต้องห่วง ฉันจะดูแลนายให้เรียบร้อยทุกอย่างก่อนฉันถึงจะไปหาพ่อกับแม่...แล้วก็อะเนดา"

ได้ยินชื่อคนรักของเนบิวลาแล้วเนตั้นก็อดใจหายหน่อยๆ ไม่ได้ พอความรู้สึกนี้เกิดขึ้น ก็ชักสงสัยตัวเองแล้วว่ากำลังรู้สึกอะไรกับเนบิวลากันแน่ ช่วงเวลาที่อยู่บนยานด้วยกัน แม้ไม่ได้เผลอไผลจนมีสัมพันธ์ลึกซึ้งเลยเถิด แต่ก็เกิดความรู้สึกผูกพันและความรู้สึกดีๆ ไม่น้อยเลย เพราะเนบิวลาเป็นเพียงคนๆ เดียวที่เนตั้นเหลืออยู่ ไม่มีใครอีกแล้วที่เนตั้นจะพึ่งพาได้บนดาวดวงนี้

"น้อยใจหรือเปล่าเนตั้น นายอย่าน้อยใจฉันนะ ยังไงๆ นายก็สำคัญมากที่สุดสำหรับฉันรู้ไหม"

เนบิวลาจับไหล่ของเนตั้นไว้สองข้างแล้วเผชิญหน้ากัน คู่ดวงตาเข้มคอยจ้องตาคนข้างหน้าเพื่อค้นหาความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในดวงตาคู่นั้น แววตาที่ไหวระริกบ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังรู้สึกไม่มั่นคงในจิตใจ

"แต่ฉันก็ไม่อยากทำให้ใครต้องเจ็บเพราะฉันนะเนบิวลา คนรักของนายเขาไม่ผิดอะไรนี่ ฉันไม่อยากให้นายหักหลังเขาเลย"

เนบิวลากลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นก่อนจะหลุบตาลงต่ำ

"ไม่มีใครผิดหรอกเนตั้น ฉันผิดคนเดียว อะเนดาไม่ผิด เนตั้นก็ไม่ผิด คนที่ทำให้เกิดปัญหาก็คือฉัน ฉันรู้ว่ามันไม่ดีหรอกนะที่ต้องหักหลังคนรัก แต่ถ้าฉันไม่ทำอย่างงั้น ฉันก็คงเป็นคนที่แย่มากที่พานายมาแล้วไม่รับผิดชอบ ยังไงๆ ฉันก็ต้องรับผิดชอบนายนะเนตั้น"

เนตั้นชักสีหน้า ช้สองมือดึงกึ่งสะบัดแขนสองข้างที่เนบิวลาจับไหล่ไว้อยู่ลงทันที

"ถ้านายคิดแค่จะรับผิดชอบฉัน นายไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้!"

เนบิวลาดูจะตกใจมากทีเดียวเพราะไม่เคยเห็นเนตั้นแสดงอารมณ์ที่รุนแรงอย่างนี้มาก่อน

"นายหมายความว่าไงเหรอเนตั้น"

เนตั้นขมวดคิ้วแน่นจนหน้าผากเป็นปื้น "ถ้านายต้องการแค่รับผิดชอบ นายก็รับผิดชอบในฐานะอื่นก็ได้นี่ เป็นเพื่อนกันก็ได้ ไม่เห็นต้องทำให้คนรักของนายที่ไม่รู้เรื่องต้องมาเจ็บกับเรื่องนี้เลย"

เนบิวลานิ่งอึ้งไป ตั้งแต่พาเนตั้นมา ความคิดที่จะเป็นเพียงแค่เพื่อนกันไม่เคยอยู่ในหัวเลย

"ไม่...ฉันไม่เคยคิดกับนายแค่เพื่อนฉันนะเนตั้น"

"แล้วนายจะทิ้งคนรักนายจริงๆ เหรอ เขาไม่ได้ผิดอะไรนะเนบิวลา ถ้านายลำบากใจ นายไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ นายก็แค่มาดูแลฉันบ้างในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง ไม่เห็นจะยากเลย"

"มันไม่ง่ายอย่างงั้นสิเนตั้น ที่นี่ไม่เหมือนดาวโลกที่นายอยู่ ฉันจะเอานายมาทิ้งไว้ให้เป็นแค่เพื่อนได้ยังไง"

เนบิวลายืนยันเสียงเข้ม ทำให้เนตั้นลดท่าทีแข็งกร้าวลงบ้างเล็กน้อย

"บนดาวดวงนี้ นายจำเป็นต้องมีฉันนะเนตั้น อีกอย่าง...ฉันก็เลือกแล้วว่าถ้ามาถึงที่นี่ ฉันจะเลิกกับอะเนดา ฉันตั้งใจไว้แล้ว"

เนตั้นถึงกับตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น ไม่เคยคิดมาก่อนว่าในชีวิตนี้จะมีใครทุ่มเทเพื่อความรักให้กับเนตั้นได้มากขนาดนี้

"นายทำอย่างงั้นทำไมล่ะเนบิวลา" เนตั้นถามเสียงเบาหวิวจนแทบฟังไม่ได้ยิน

"ฉันรักนายไงเนตั้น เพราะฉันรักนายไง รับผิดชอบก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ความรักก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะรักไง...ฉันถึงต้องรับผิดชอบชีวิตของนาย ไม่ใช่เพราะรับผิดชอบเพราะความจำเป็นอย่างเดียว นายเข้าใจฉันหรือเปล่าเนตั้น"

เนตั้นกลืนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่ พอได้ยินคำว่ารักแล้วก็อดจะสะเทือนใจไม่ได้เลย ดูเหมือนจะเป็นคำพูดเพียงคำเดียวที่เนตั้นไม่เคยเชื่อเลยว่ามีจริง

"ฉันไม่เข้าใจ นายจะรักฉันทำไม ฉันไม่ได้ทำอะไรให้นายซะหน่อย รู้จักกันก็ไม่นาน"

เนบิวเขยิบเข้าไปใกล้เนตั้น ก่อนจะจับไหล่สองข้างไว้และจ้องตาอีกครั้ง

"ความรักไม่ต้องการเวลาหรอกนะเนตั้น นายกล้าปฏิเสธไหมล่ะว่าตอนที่เราอยู่ด้วยกัน อยู่ใกล้กัน นอนด้วยกัน แล้วก็ทำอะไรด้วยกันตั้งหลาย นายไม่รู้สึกดีกับฉัน บอกฉันได้ไหมล่ะเนตั้นว่านายไม่รู้สึกดีกับฉัน ไม่หวั่นไหวแม้แต่นิด นายกล้าพูดหรือเปล่าล่ะ"

แววตาของเนตั้นอ่อนลงมากอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะหลบตาและนิ่งเงียบไป

"ว่าไงล่ะเนตั้น นายบอกฉันมาสิว่านาย...ไม่เคยรู้สึกดีๆ กับฉันเลย ฉันรู้นะ...ว่านายต้องหักห้ามใจตัวเองมากแค่ไหนเวลาที่อยู่กับฉัน นายเป็นคนดี พอรู้ว่าฉันมีเจ้าของแล้วนายก็เลยไม่อยากทำเกินเลย ฉันเอง...ก็ไม่อยากทำเกินเลยกับนายเหมือนกันถ้าฉันยังเคลียร์อะไรไม่เรียบร้อย แต่ฉันก็ยินดีที่จะทำทุกอย่างให้เรียบร้อยเมื่อฉันมาถึงแล้ว นายจะได้ไม่ต้องรู้สึกผิด จะได้ไม่ต้องคอยหักห้ามใจเวลาอยู่กับฉันไงเนตั้น ถึงมันจะต้องทำร้ายใครให้เจ็บ ฉันก็ต้องยอม ฉันเอง...ก็ใช่ว่าจะมีความสุขนะที่ทำแบบนั้น ทำร้ายคนอื่นน่ะมันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอก แต่ถ้าจำเป็น...ฉันก็ต้องทำ นายเข้าใจฉันใช่ไหม"

เนตั้นเงยหน้าขึ้นมามองเนบิวลา สองหนุ่มสบตากันนิ่ง เนบิวลาเป็นฝ่ายคลี่ยิ้มบางออกมาก่อน

"นายรู้สึกดีกับฉันใช่ไหมเนตั้น ยังไม่ต้องบอกว่ารักหรอก แต่ฉันแค่อยากรู้...นายรู้สึกดีๆ กับฉันใช่ไหม"

เนตั้นไม่ตอบคำถามนั้นด้วยคำพูด พอฟังคำถามจบแล้วก็ซุกตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของคนตรงหน้า สองแขนของเนตั้นกอดรัดเนบิวลาไว้เสียแน่นราวกับกลัวว่าจะหนีหายไปไหน แม้ว่าจะไม่อยากทำร้ายใคร แต่เนตั้นก็ไม่สามารถห้ามความรู้สึกข้างในได้เลย มันเอ่อล้นจนเกินห้ามใจแล้ว

ถึงไม่ยอมพูดออกมาตรงๆ แค่นี้เนบิวลาก็รู้แล้วว่าเนตั้นรู้สึกยังไง เนบิวลากอดเนตั้นตอบเบาๆ ยิ้มอย่างพอใจที่บัดนี้คนในอ้อมแขนยอมแสดงความรู้สึกตรงๆ ออกมาบ้างแล้ว เก็บความรู้สึกเก่งจริงๆ ขอให้นายรู้ไว้เสมอนะเนตั้น

ต่อให้ต้องทำร้ายอีกกี่คน เนบิวลาก็คงต้องทำเพื่อคนๆ นี้ที่อยู่ในอ้อมแขน!!!

✰ TBC ✰


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-01-2016 06:59:06 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ Alice111

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
ไม่นะ....สงสารเนตั้นอะ... เริ่มจะได้กินมาม่าแล้วใช่ไหมอะ...
เนบิลล่าเคลียร์อเนด้าก่อนเลยนะ แล้วนี้เนตั้นจะอยู่ยังไงอยู่คนเดียวเหรอ  :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:

ออฟไลน์ RIRIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +492/-2
เฮ้ยยย เนบิวล่า ขอร้องล่ะอย่าทำให้เนตั้น เสียใจได้ป่ะ รีบเคลียร์ให้จบๆ สิ

 :o12: สงสารเนตั้น


ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
สงสารเนตั้นจัง หวังว่าเนบิวล่าจะเคลียร์ปัญหาต่างๆ ได้หมด และคงไม่มีคดีเรื่องแฟนเก่าตามมารังควาญเนตั้นนะ

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
เนบิวล่า ชัดเจนในความรู้สึกมาก ๆ เลย ชอบจริง ๆ  :impress2: เนตั้นโชคดีในความโชคร้ายเนอะ  :กอด1:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
ให้สตอนเทียคู่กับอะเนดาแล้วกันเนาะ

ออฟไลน์ Magis

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
รู้สึกว่าเนตั้น หวั่นไหวง่ายอะ อาจจะเป็นเพราะสถานการณ์ สภาพจิตใจ นิสัย มีส่วนด้วย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
สงสารเนตั้นจัง....อดทนนะลูก เดี๋ยวมันก็ผ่านไป

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ตรงนี้อย่างกับห้าแยกแบบไร้สัญญาณไฟ ไปทางไหนก็ดูจะติดขัดคับข้อง

เฮ้อ

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
เนตั้นต้องอดทนและอยู่ให้ได้นะ อยู่ดาวอื่น แต่เนบิวล่ารักเนตั้นนี่นาเนาะ
  รออ่านตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
≡▉≡ interstellar ♗ รัก➀ล้านปีแสง

ตอนที่ 8 ✲ คนใจร้าย


พอลงมาจากยานก็เห็นว่าไฟในห้องเปิดสว่างไว้แล้ว แต่แปลกที่ไม่เห็นแม้เงาของเพื่อนรัก ในขณะที่กำลังสอดส่ายสายตามองหาเพื่อนรักอยู่นั้น ใครบางคนก็เดินตัวเกือบเปล่าเปลือยออกมาจากห้องน้ำ ยังดีที่ยังมีกางเกงในตัวเดียวที่เหลือติดมาใส่ไว้ด้วยพอกันอุดจาดตาไว้หน่อย พอต่างคนต่างเผชิญหน้ากันแล้วต่างก็ตกใจด้วยกันทั้งคู่

"เฮ้ย/เฮ้ย!"

"นายเป็นใคร มาอยู่ในห้องฉันได้ยังไง" สตรอนเทียถามด้วยท่าทางตกใจและหวาดระแวง ชายหนุ่มที่เห็นตรงหน้าไม่มีส่วนไหนที่ดูคล้ายเนบิวลาเลย ยังไงก็ไม่ใช่แน่ๆ

คนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้บุกรุกรีบเอาผ้าเช็ดตัวที่ถือมาด้วยพันท่อนล่างไว้แทบไม่ทัน หน้าตาบ่งบอกว่าตกใจสุดขีดที่อยู่ดีๆ ก็มีคนเข้ามาในห้องโดยที่ไม่รู้ว่าเข้ามาได้ยังไง

" ⊮ ⊯ ⊰ ⊱ ⊲ ⊳ ⊴ ⊵ ⊶ ⊷ ⊸ ⊹ ⊺ ⊻ ⊼ ⊽ ⊾"

นี่มันภาษาอะไรกันหนอ ทำไมถึงฟังไม่รู้เรื่องเลย สตรอนเทียจ้องชายหนุ่มแปลกหน้าเขม็ง ต่างคนต่างก็ระวังท่าทีซึ่งกันและกัน

"ว่าไง ฉันถามว่านายเป็นใคร เข้ามาอยู่ในห้องนี้ได้ยังไง"

" ⊮ ⊯ ⊰ ⊱ ⊲ ⊳ ⊴ ⊵ ⊶ ⊷ ⊸ ⊹ ⊺ ⊻ ⊼ ⊽ ⊾"

ไม่ว่าจะตอบยังไงก็ไม่มีทีท่าว่าอีกคนจะเข้าใจสิ่งที่พูดเลย

"นายเป็นเพื่อนของเนบิวลาหรือเปล่า"

พอได้ยินคำถามนี้ก็เหมือนกับเจอทางสว่างแล้ว ชายหนุ่มผิวขาวดวงตาสีน้ำตาลรีบพยักหน้าตอบรับทันที

"อ้อ"

สตรอนเทียพยักหน้าเข้าใจ ท่าทางตกใจและระแวดระวังค่อยๆ ลดลง

"แล้วเนบิวลาไปไหนล่ะ"

" ⊮ ⊯ ⊰ ⊱ ⊲ ⊳ ⊴ ⊵ ⊶ ⊷ ⊸ ⊹ ⊺ ⊻ ⊼ ⊽ ⊾"

ชายหนุ่มคนนี้พูดภาษาที่สตรอนเทียฟังไม่เข้าใจอีกแล้ว เพื่อนของเนบิวลาคนนี้มาจากไหนกันถึงได้พูดภาษาแปลกๆ ไม่ใช่ภาษาของมนุษย์อีกสองเผ่าพันธุ์ที่พอรู้จักเสียด้วย

"ฉันเป็นเพื่อนเนบิวลา เนบิวลากลับบ้านไปแล้วเหรอ"

เนตั้นชักจะจนใจที่สื่อสารเท่าไหร่คนฟังก็ไม่เข้าใจ หรือว่านายคนนี้จะไม่สามารถสื่อสารด้วยพลังจิตได้เหมือนเนบิวลา เมื่อไม่รู้จะทำยังไง เนตั้นก็เลยชี้ให้ดูอุปกรณ์แปลภาษาจากคลื่นสมองที่ข้อมือของตนเอง สตรอนเทียมองอย่างสงสัยแล้วก็เดินเข้ามาดูใกล้ๆ

"อะไรเหรอ"

เวรกรรม!

เนตั้นทำหน้ายุ่งยากใจ ผู้ชายคนนี้ดันไม่รู้จักเจ้าสายรัดข้อมือแปลภาษานี่อีก เนตั้นไม่รู้หรอกว่าเนบิวลาเพิ่งพัฒนาและทดลองใช้เครื่องมือนี้ คนทั่วไปจึงยังไม่รู้จัก

"นายไม่ใช่คนที่นี่เหรอ หรือว่าเป็นคนสปีชีส์ทูลคา หรือนอร์ชีกา หรือว่านายมาจากต่างดาว นายมาจากต่างดาวเหรอ"

สตรอนเทียระดมคำถามเป็นชุด คราวนี้เนตั้นไม่กล้าพยักหน้าหรือส่ายหัวเพราะไม่รู้ว่าบอกไปแล้วจะเจออะไรบ้าง เนบิวลาบอกให้เนตั้นระวังตัวให้ดีๆ ถ้าไม่จำเป็นอย่าออกไปเพ่นพ่านข้างนอก ถ้าเจอคนแปลกหน้าก็พยายามอย่าไปพูดคุยกับใคร อย่าบอกว่าเป็นใครมาจากไหน ต่อให้ไม่มีใครเข้าใจก็ต้องระวัง เพราะเนตั้นยังถือเป็นคนเถื่อนของที่นี่อยู่

"ว่าไง นายมาจากที่ไหน แต่หน้าตาของนายไม่เห็นเหมือนคนสปีชีส์ทูลคาหรือนอร์ชีกาเลย ภาษาที่นายพูดเมื่อกี้ก็ไม่ใช่ แสดงว่านายมาจากต่างดาวใช่ไหม นายต้องมาจากต่างดาวแน่ๆ"

สตรอนเทียยังคงตั้งหน้าตั้งตาถาม พอสังเกตดีๆ ก็พบว่าผู้ชายตรงหน้าแตกต่างจากมนุษย์ทั้งสามสปีชีส์บนดาวแม็กโซนาเดียมากทีเดียว ผู้ชายคนนี้มีผิวขาวละเอียด ผมและนัยน์ตาเป็นสีน้ำตาล ในขณะที่คนบนดาวแม็กโซนาเดียจะมีสีผิวที่ค่อนข้างคล้ำกว่า มีคนที่ผิวขาวบ้างแต่น้อยเพราะที่นี่ได้รับแสงแดดในปริมาณมากกว่าดาวเคราะห์ทั่วๆ ไปที่หมุนรอบตัวเองได้ นอกจากนี้ คนที่ดาวนี้เกือบทั้งหมดมีผมสีดำโดยธรรมชาติ

เนตั้นได้แต่ทำหน้ายุ่งยากใจ มุ่ยหน้าพราะจนปัญญาที่จะอธิบาย

"ไม่เป็นไร ฉันกับนายพูดคนละภาษากัน นายไปใส่เสื้อผ้าก่อนดีกว่า"

เนตั้นจึงค่อยยิ้มออก สตรอนเทียอดจะแปลกใจไม่ได้เหมือนกันที่เนตั้นดูเหมือนฟังเข้าใจ แต่ตัวเองกลับไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่เนตั้นพูดได้เลย หรือว่าเจ้าเครื่องมือนั่นที่เนตั้นชี้ให้ดูคงมีอะไรพิเศษบางอย่างที่อาจช่วยแปลภาษาได้ เนบิวลามักจะมีอุปกรณ์แปลกๆ มาให้เพื่อนๆ ทดลองใช้อยู่บ่อยๆ เพราะทำงานในวงการวิทยาศาสตร์ เจ้าสายรัดข้อมือนั่นอาจจะเป็นอุปกรณ์ที่เนบิวลาเพิ่งพัฒนาก็ได้

สตรอนเทียเดินไปนั่งตรงที่จัดไว้สำหรับนั่งคุยกันในห้อง เฟอร์นิเจอร์ในห้องนี้ดูบางมากแต่กลับแข็งแรงเนื่องจากทำด้วยวัสดุที่แข็งแรงมากเป็นพิเศษ โต๊ะส่วนมากจะทำจากเพชรเพราะเป็นธาตุที่มีอยู่มาก ส่วนเก้าอี้นั่งรูปทรงโค้งไร้ข้อต่อนั้นก็มีผิววัสดุที่บางมากจนดูไม่น่าจะนั่งได้ แต่กลับแข็งแรง ยืดหยุ่นและรับน้ำหนักผู้นั่งได้อย่างไม่น่าเชื่อ

เพียงอึดใจเดียว ผนังห้องตรงหน้าก็กลายเป็นจอทีวีขนาดใหญ่ มีช่องต่างๆ ปรากฎขึ้นมาให้เลือกพร้อมกับภาพตัวอย่าง การเลือกก็ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่จ้องมองไปที่ภาพตัวอย่างสักพัก จากนั้นช่องนั้นก็จะขยายเต็มจอ ถ้าจะเปลี่ยนช่องก็ทำได้ง่ายๆ เพียงปัดมือไปทางซ้ายหรือทางขวา

สาเหตุที่สตรอนเทียไม่คิดว่าเนตั้นโกหกว่าเป็นเพื่อนของเนบิวลานั้นก็เพราะว่าบนดาวนี้ระบบรักษาความปลอดภัยสูงมาก ไม่มีทางที่คนแปลกหน้าจะเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวได้ถ้าไม่ได้รับอนุญาต เนบิวลาจึงต้องเป็นคนพาหนุ่มแปลกหน้าคนนี้เข้ามาในห้องเท่านั้น ถ้าเป็นเพื่อนของเนบิวลาแล้วสตรอนเทียก็ค่อนข้างไว้ใจเพราะเนบิวลาฉลาดเลือกคบคน แต่สิ่งที่สตรอนเทียสงสัยก็คือเนบิวลาพาผู้ชายคนนี้มาอยู่ด้วยทำไม แถมยังยอมจ่ายเงินเช่าห้องให้อยู่อีกต่างหาก

สตรอนเทียหยิบวัตถุสีทมึนๆ คล้ายแท่งสี่เหลี่ยมออกมาจากกระเป๋า จากนั้นมันก็ค่อยๆ ยืดตัวออกพร้อมกับมีภาพหน้าจอปรากฎขึ้นคล้ายๆ กับสมาร์ทโฟนบนดาวโลก กดๆ อะไรบางอย่างสองสามครั้งการสนทนาก็ดำเนินขึ้นแทบจะทันที

"เนบิวลา ตอนนี้ฉันมาที่ห้องของฉันที่นายขอเช่าแล้วนะ เจอเพื่อนของนายด้วย แต่คุยกันไม่รู้เรื่องเลย ไม่รู้ว่ามาจากต่างดาวหรือเปล่า"

ดูเหมือนอีกฝ่ายจะอึ้งๆ ไปเล็กน้อยเพราะใช้เวลาคิดอยู่สักพักจึงสื่อสารกลับมา

"อ๋อ...ใช่ เอางี้...นายอย่าเพิ่งไปบอกใครเรื่องนี้ละกัน เดี๋ยวฉันกลับไปแล้วฉันจะเล่าให้นายฟังทั้งหมดเอง"

"นายไม่ต้องห่วงหรอกเรื่องนั้น ฉันไม่บอกใครหรอกน่า ว่าแต่นายอยู่ไหนตอนนี้ กลับบ้านไปหรือเปล่า"

"อ๋อ...ฉันออกมาซื้ออาหารกับของใช้ให้เนตั้นข้างนอก กำลังจะกลับแล้ว นายรอฉันอยู่ที่ห้องกับเนตั้นนั่นแหละ"

"ได้เลยเพื่อน ว่าแต่...เพื่อนนายชื่อเนตั้นเหรอ ชื่อน่ารักดี...ฉันชอบ"

"ชอบแบบไหนเหรอ" เนบิวลาถามกลับมาเกือบจะทันที

"แหม...นายก็น่าจะรู้อยู่ เอาเหอะๆ นายรีบกลับมาเร็วๆ ก็แล้วกัน ฉันอยากรู้จักเพื่อนของนายมากกว่านี้จะแย่แล้ว ตอนนี้ฉันอึดอัดมาก คุยกับเนตั้นไม่รู้เรื่องเลย นายอย่าลืมซื้อสติ๊กเกอร์ฝังภาษามาด้วยล่ะ"

สตรอนเทียพูดพลางหันไปมองเนตั้นที่ตอนนี้เดินมายืนทำหน้าเหลอหลาอยู่กลางห้อง สงสัยคงจะทำตัวไม่ถูกและยังไม่ชินกับชีวิตที่นี่ดีนัก พอคุยกับเพื่อนจบแล้วสตรอนเทียจึงเชื้อเชิญคนที่ยืนงงๆ อยู่ให้มานั่งด้วย

"นั่งสิ อ้อ...ฉันลืมบอกไป ที่นี่เป็นห้องของฉันเอง เนบิวลาขอเช่าต่อจากฉันชั่วคราว ก็น่าจะให้นายอยู่นั่นแหละ ฉันกับเนบิวลาเป็นเพื่อนกัน รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ เลยนะ"

เนตั้นพยักหน้าหงึกๆ เป็นเชิงรับรู้ แล้วก็ค่อยๆ นั่งลงดูทีวีด้วย แต่ก็ดูไม่รู้เรื่องเลยเพราะเสียงที่ได้ยินเป็นเพียงคลื่นเสียงธรรมดา ไม่มีคลื่นสมองส่งมาด้วย

"นายมาจากดาวไหนล่ะ อืม...ไม่น่าจะใช่ดาวแถวๆ นี้ใช่ไหมเพราะว่าฉันไม่เคยเห็นมนุษย์แบบพวกเราในดาวแถวๆ นี้เลย นายน่าจะมาไกลเลยใช่ไหมเนตั้น"

สตรอนเทียถามอย่างนี้เพราะรู้แค่เพียงว่าเนบิวลาเดินทางไปดาวดวงหนึ่ง ไม่รู้ว่าไปไกลแค่ไหนหรือไปทำอะไร เรียกได้ว่าการเดินทางครั้งนี้เป็นความลับที่ทางรัฐบาลพยายามปกปิดอย่างเต็มที่ จนกว่าการศึกษาเสร็จสิ้นเท่านั้นถึงจะมีการเปิดเผยข้อมูลบางอย่างออกมา

เนตั้นพยักหน้า แปลกใจนิดหน่อยที่ชายหนุ่มแปลกหน้าคนนี้รู้ชื่อแล้ว สตรอนเทียเห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ หน้าตาของเนตั้นดูซื่อๆ แต่ก็น่ารักน่าเอ็นดูไปอีกแบบ

"ดาวอะไรเหรอ อยู่ไกลแค่ไหนล่ะ"

แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่เข้าใจ แต่ด้วยความสนใจคนตรงหน้า สตรอนเทียจึงอยากคุยอยากถามไปสารพัดเพื่อทำความรู้จัก

"อ้อๆ ฉันลืมอีกแล้ว เราพูดกันคนละภาษานี่หว่า เดี๋ยวรอเนบิวลากลับมาก่อนละกันนะ ว่าแต่นายหิวมากไหม ฉันหาอะไรมาให้นายกินไวๆ แถวๆ นี้ได้นะ ฉันรู้จักแถวนี้ดี เอาไหม"

เนตั้นส่ายหน้าเกือบจะทันที่อีกฝ่ายพูดจบ รู้สึกอึดอัดที่เข้าใจอยู่ฝ่ายเดียวแต่กลับสื่อสารให้อีกคนเข้าใจไม่ได้

"ยังไม่หิวเหรอ นายคงยังงงๆ กับดาวของเราล่ะสิ ก็เป็นธรรมดา เพราะว่าที่นี่ไม่มีกลางวันกลางคืนเหมือนดาวดวงอื่นๆ คนที่มาจากดาวอื่นใหม่ๆ มีปัญหาในการปรับตัวกันทุกคนแหละ แต่เดี๋ยวนายจะค่อยๆ ชินเอง"

เนตั้นพยักหน้าเข้าใจ ทั้งๆ ที่คุยกันไม่รู้เรื่องแต่หนุ่มคนนี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดชวนคุยเลย

"ฉันว่าก็แปลกดีเหมือนกันที่นายฟังเข้าใจฉัน แต่ฉันกลับฟังไม่เข้าใจนายเลย แต่ถ้านายใช้สติ๊กเกอร์ฝังภาษานะ นายจะฟังแล้วก็พูดภาษาเราได้ เนบิวลาน่าจะซื้อกลับมาด้วย นายก็แค่เอามาแปะไว้ที่หน้าผาก แล้วก็นอน พอตื่นมาภาษาแม็กโซของเราก็จะเข้าไปฝังอยู่ในสมองของนาย ตอนแรกนายจะยังพูดไม่ค่อยได้หรอก แต่นายจะฟังเข้าใจ แต่ไม่กี่วันนายก็พูดได้คล่องแล้ว คราวนี้นายจะคุยกับใครก็ได้บนดาวดวงนี้ เราจะได้คุยกันได้ไง ฉันอยากคุยกับนาย อยากรู้จักกับนายมากเลยรู้เปล่า"

รอยยิ้มสดใสของสตรอนเทียทำให้เนตั้นอดกลัวไม่ได้ ยิ่งรู้ว่าผู้ชายบนดาวดวงนี้รักกันได้ก็ยิ่งหวาดระแวง

เนตั้นขมวดคิ้วสงสัยแล้วก็เอานิ้วชี้มาที่หน้าผากของตัวเอง เหมือนกับจะทวนว่าแค่เอาสติ๊กเกอร์มาแปะที่หน้าผากก็จะพูดภาษาของคนที่นี่ได้

"ใช่ๆ เอามาแปะที่หน้าผากของนายเลย"

สตรอนเทียพูดพร้อมกับยื่นมือไปแตะที่หน้าผากของอีกฝ่าย จังหวะนั้นเองประตูหน้าห้องก็เปิดออกพอดีพร้อมกับใครบางคนที่ปรากฎตัวขึ้น ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ผู้มาเยือนขมวดคิ้วมองอย่างแปลกใจ สตรอนเทียกับเนตั้นหันไปมองพร้อมกันเกือบจะทันที

"อ้าว กลับมาแล้วเหรอเนบิวลา"

สตรอนเทียลุกขึ้นแล้วก็ปราดไปหาเพื่อนรัก พอถึงตัวก็โอบกอดแล้วเอาจมูกแตะกัน เนตั้นมองเห็นแล้วก็จั๊กกะจี้แทน ไม่คิดว่าคนที่นี่จะทักทายกันด้วยวิธีที่สยิวถึงขนาดนี้

"ฉันคิดถึงนายมากเลยเพื่อน นี่นายจอดยานไว้ข้างบนเหรอ ขอโทษที ก็ฉันนึกว่านายกลับบ้านไปแล้วฉันก็เลยเอายานมาจอดในห้อง"

"ไม่เป็นไร"

เนบิวลาบอกแล้วก็ชำเลืองมองเนตั้นที่มองมาอย่างสงสัย ก่อนจะยิ้มบางๆ ให้ ถ้าสังเกตดีๆ ก็จะเห็นว่าสีหน้าของเนบิวลาดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เหมือนกับมีเรื่องบางอย่างรบกวนจิตใจอยู่ตลอดเวลา

"นายสบายดีนะเพื่อน มิชชั่นของนายคงสำเร็จด้วยดีนะ แล้วนายไปที่ดาวดวงไหนมาล่ะ"

"สบายดี ส่วนเรื่องนั้นเดี๋ยวฉันเล่าให้ฟังทีหลัง แล้วนายล่ะสบายดีหรือเปล่า"

"ช่วงนี้ก็แฮปปี้ดี ธุรกิจกำลังไปได้ดีเลย ที่ยังไม่แฮปปี้ก็เรื่องคนรักนี่แหละ ยังหาไม่ได้ซะที" สตรอนเทียพูดติดตลก

"ไปนั่งคุยกันดีกว่า" เนบิวลาชวน

สตรอนเทียพยักหน้าแล้วก็เดินตามเนบิวลาที่ถือของพะรุงพะรังเข้ามาในห้อง เนบิวลาวางของลงบนโต๊ะหน้าทีวีแล้วก็นั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ เนตั้น

"อาบน้ำแล้วเหรอเนตั้น เป็นไง...ได้สัมผัสน้ำวันแรก สดชื่นดีไหม" หนุ่มหน้าคมถามพลางไล่มองดูตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

เนตั้นพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม ดูเหมือนต่างคนต่างก็มีความคิดบางอย่างซ่อนเร้นในใจจนต่างก็รู้สึกถึงมันได้

"เนตั้นฟังฉันเข้าใจ แต่ฉันฟังเนตั้นไม่รู้เรื่องเลย" สตรอนเทียบอกในขณะที่นั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ เพื่อนรัก ไม่ทันสังเกตว่าสองหนุ่มที่นั่งข้างกันมองหน้ากันด้วยสายตาแปลกๆ

"อ๋อ...นี่ไง เครื่องแปลภาษาแบบพกพาที่ฉันกำลังพัฒนาอยู่ จะได้เอาไปใช้คุยกับมนุษย์ต่างดาวได้เวลาทำงานไง"

เนบิวลาพูดพลางจับมือของเนตั้นขึ้นมาแล้วก็ชี้ให้เพื่อนดูเจ้าอุปกรณ์ที่ดูคล้ายนาฬิกาบนดาวโลก อุปกรณ์ต่างๆ ของคนบนดาวนี้ใช้วัสดุที่บางแต่แข็งแรงมาก ทำให้ผู้สวมใส่รู้สึกเหมือนไม่ได้ใส่อุปกรณ์อะไรเลยจึงไม่รู้สึกรำคาญ แถมยังไม่ต้องเปลี่ยนแบ็ตเตอรี่เพราะสามารถดึงเอาพลังงานทุกชนิดที่อยู่รอบๆ ตัวมาใช้ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นแสง ลม ความร้อน ก๊าซหรือแม้กระทั่งความร้อนจากตัวผู้สวมใส่เอง

"อ๋อ...ถึงว่าล่ะ เนตั้นเข้าใจภาษาที่ฉันพูดเพราะเครื่องนี้นี่เอง ส่วนนาย...นายอ่านคลื่นสมองได้ก็เลยเข้าใจที่เนตั้นพูดใช่ไหม"

เนบิวลาพยักหน้าแล้วก็หันมายิ้มให้กับเนตั้น คนบนดาวนี้ใช้พลังจิตอย่างง่ายๆ ได้ทุกคน แต่คนที่ใช้ได้เป็นเรื่องเป็นราวยังมีน้อยอยู่ แถมยังมีความกลัวด้วยว่าพอใช้พลังจิตสื่อสารมากเข้า ปากก็จะค่อยๆ เล็กลง เหมือนกับมนุษย์ต่างดาวจำพวกไวท์ทอลที่ปากเล็กจนไม่สามารถใช้พูดได้

"เนตั้นหิวหรือยัง ฉันซื้ออาหารมาให้นายลองกินเยอะเลย ไม่รู้ว่านายจะชอบกินหรือเปล่าก็เลยซื้อมาหลายๆ อย่าง นายกินอันไหนได้ก็กินอันนั้นนะ ส่วนที่เหลือเดี๋ยวฉันเอาไปกินเอง แล้วก็...มีเสื้อผ้ามาให้นายไว้ใส่ก่อนสองสามชุด เดี๋ยวฉันจะพานายไปซื้อเองอีกทีวันหลัง แล้วก็...มีสติ๊กเกอร์ฝังภาษา นายจะได้ไม่ต้องใส่เจ้าสายรัดนี่ตลอดเวลา ก่อนนอนฉันจะบอกนายอีกทีว่าใช้ยังไง"

เนบิวลาพูดพลางหยิบของตามที่พูดแต่ละอย่างให้ดูพร้อมไปด้วย

"กินอาหารก่อนดีกว่า นายคงหิวแย่แล้ว"

"เดี๋ยวฉันไปเอาอุปกรณ์มาให้" สตรอนเทียรีบอาสา เนบิวลาพยักหน้าเป็นเชิงตกลง

ไม่นานนักสตรอนเทียก็มาพร้อมกับอุปกรณ์ที่ดูคล้ายๆ จาน มีอุปกรณ์ทำด้วยโลหะที่ดูคล้ายๆ ช้อนตักอาหารมาด้วย แต่รูปทรงมันดูกลมๆ และเป็นหลุมค่อนข้างลึกหน่อย

เนบิวลาให้เนตั้นลองชิมอาหารในแต่ละกล่องก่อนแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเลือกอันไหน อาหารของมนุษย์บนดาวดวงนี้ทำจากพืชเท่านั้น ไม่มีการนำไปผัด ทอดหรือใช้ความร้อนใดๆ ให้สูญเสียคุณค่าทางอาหาร อาหารที่เป็นแหล่งโปรตีนมักจะใช้โปรตีนแท่งสำเร็จรูปที่สกัดจากพืช ส่วนคาร์โบไฮเดรตจะได้จากอาหารที่คล้ายๆ ธัญพืชบนดาวโลก ทั้งหมดนี้ผสมกันลงไปในปริมาณที่คำณวนแล้วว่าเหมาะสมที่จะทำให้ได้สารอาหารครบและพอเพียง

"ก็กินได้หลายอย่างนะ แต่ฉันชอบอันนี้มากกว่า"

เนตั้นชี้บอก เนบิวลาจึงจัดอาหารนั้นใส่จานให้ สตรอนเทียเห็นเพื่อนรักดูแลหนุ่มน้อยแปลกหน้าคนนี้แล้วก็อดสงสัยไม่ได้ แม้จะดูเหมือนการดูแลเพื่อนตามปกติ แต่ก็สัมผัสได้ถึงความแตกต่าง

"เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำมาให้นะ"

สตรอนเทียบอกแล้วก็เดินไปที่ระบบจ่ายน้ำดื่มที่ติดตั้งไว้ตรงมุมหนึ่งของห้อง น้ำดื่มนี้เป็นน้ำแร่จากธรรมชาติที่รัฐบาลจัดสรรให้ประชาชนโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ต่อตรงเข้าถึงทุกบ้านและทุกห้องอย่างเท่าเทียมกัน ในขณะที่กดน้ำใส่แก้วเพชร สตรอนเทียก็คอยมองเนบิวลากับเนตั้นบ่อยๆ พร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

สตรอนเทียเอาแก้วน้ำมาวางตรงหน้าของเนตั้นแล้วก็ยิ้ม เนตั้นไม่รู้หรอกว่าวัสดุอุปกรณ์หลายๆ อย่างในห้องทำด้วยเพชร เพราะเพชรบนดาวโลกหายาก อยู่ในรูปของเครื่องประดับมากกว่าที่จะเป็นของใช้ทั่วไป

"เนตั้นกินอาหารไปก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะขอคุยอะไรกับเพื่อนฉันหน่อย เดี๋ยวฉันมา"

เนตั้นพยักหน้าแต่ก็ทำตาละห้อย พอมาอยู่ที่ดาวดวงนี้เข้าจริงก็อดที่จะใจหายไม่ได้ แม้ชีวิตที่ผ่านมาจะไม่มีใคร แต่การมาอยู่ต่างโลกก็ยิ่งทำให้เกิดความรู้สึกไม่มั่นคงและต้องการใครสักคนมากขึ้น

"ไม่คุยกันในห้องนี้เหรอ เดี๋ยวฉันถอดสายรัดนี้ออกก็ได้ ฉันไม่แอบฟังพวกนายคุยกันหรอก"

เนบิวลาเหมือนจะเข้าใจความรู้สึกของเนตั้นตอนนี้ได้เป็นอย่างดีจึงพยักหน้าตกลง แค่จะทิ้งให้เนตั้นอยู่ที่นี่คนเดียวแล้วเนบิวลากลับบ้านไปหาพ่อกับแม่ก็ทำให้รู้สึกเป็นห่วงและกังวลมากแล้ว

"ได้"

น้ำเสียงของเนบิวลาฟังดูเศร้าไม่น้อยเลย แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าทำไมเนบิวลาถึงดูเศร้าขนาดนั้น

เนตั้นถอดสายรัดเครื่องแปลภาษาจากคลื่นสมองออก สตรอนเทียดูจะงงๆ นิดๆ แต่ก็รีบตามเนบิวลาไปนั่งคุยกันที่อีกมุมหนึ่งของห้อง

ไม่รู้ว่าสองคนคุยอะไรกันบ้าง แต่ทุกครั้งที่เนตั้นหันไปมองก็จะเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของทั้งสองคนเสมอ ดูท่าทางแล้วคงจะไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่

คุยกันอยู่สักพักสตรอนเทียก็ลากลับบ้านไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ต่างจากตอนมาที่ดูสดใสร่าเริงและทำท่าอยากจะคุยกับเนตั้นมาก พอถึงเวลากลับ สตรอนกลับไม่ได้พูดอะไรกับเนตั้นเลย

หลังจากที่จัดการเรื่องอาหารการกินของเนตั้นเสร็จแล้ว เนบิวลาก็พาเนตั้นเข้ามาในส่วนที่เป็นห้องนอน ห้องนี้ฉาบด้วยสีดำสนิทเพื่อให้ความรู้สึกว่าเป็นกลางคืน แต่ในขณะเดียวกันมันก็ดูน่ากลัวไม่น้อยสำหรับคนที่ไม่เคยอยู่ในห้องที่มืดขนาดนี้

"เนตั้น ฉันต้องกลับบ้านไปหาพ่อกับแม่ก่อน แล้วฉันก็จะไปจัดการบางสิ่งบางอย่างให้เรียบร้อยด้วย นายต้องอยู่คนเดียวสักพักนะเนตั้น นายอยู่ได้ใช่ไหม พอฉันเสร็จธุระแล้วฉันจะรีบมาหานายเลย"

แม้จะกังวลแต่เนตั้นก็พอเข้าใจความจำเป็นของเนบิวลา จะให้อยู่ด้วยตลอดเวลาคงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

"นายอยู่ได้นะเนตั้น ที่นี่ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก เราไม่มีคนร้าย ไม่มีอาชญากรรม ไม่มีโจร แล้วฉันจะรีบกลับมาหานายนะ ยังไงๆ ฉันก็จะไม่ทิ้งนายไปไหน ฉันพานายมาแล้ว ฉันไม่ทิ้งนายอย่างแน่นอน"

เนตั้นพยักหน้าเข้าใจอย่างช้าๆ มองหน้าเนบิวลาด้วยแววตาเศร้าๆ ก่อนจะเดินเข้าไปกอดเนบิวลาเอาไว้ เป็นครั้งแรกที่เนตั้นเป็นฝ่ายกอดเนบิวลาก่อน

"เข้มแข็งนะเนตั้น ฉันจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้นายเอง"

เนบิวลากอดตอบเบาๆ พร้อมกับลูบหลังเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกอบอุ่นให้อีกฝ่าย

"เนตั้นนอนได้แล้วนะ เลยเวลานอนมาเยอะแล้ว เดี๋ยวจะไม่สบาย"

เนตั้นค่อยๆ ปล่อยอ้อมแขนออก แล้วก็ทำตามที่อีกคนบอกอย่างว่าง่ายด้วยการเดินไปที่เตียงแล้วก็นอนลงไป เนบิวลาเดินตามมาแล้วก็นั่งลงข้างๆ คนที่นอนอยู่ จากนั้นก็หยิบสติ๊กเกอร์ฝังภาษาออกมาจากกระเป๋ากางเกง แกะเสร็จแล้วก็หยิบขึ้นมาให้เนตั้นดูก่อน

"ฉันจะแปะสติ๊กเกอร์ที่หน้าผากให้นายนะ อย่าแกะจนกว่าจะตื่น สติ๊กเกอร์ตัวนี้เป็นหน่วยความจำที่บรรจุภาษาแม็กโซทั้งหมดไว้ ตอนที่นายนอนหลับ หน่วยความจำตัวนี้จะส่งข้อมูลเข้าไปเก็บที่สมองของนาย พอนายตื่นขึ้นมานายก็จะใช้ภาษาแม็กโซได้เลย ตอนแรกนายจะพูดติดๆ ขัดๆ หน่อย แต่ฟังเข้าใจทุกอย่าง แต่อีกไม่กี่วันนายก็จะพูดได้คล่องปรื๋อเลย"

เนตั้นพยักหน้าเข้าใจ เนบิวลาค่อยๆ แปะสติ๊กเกอร์นั้นลงไปบนหน้าผากเบาๆ มันแนบติดไปกับผิวหน้าอย่างดีโดยไม่รู้สึกเหนียวเลย พอแปะเสร็จแล้วก็นั่งมองคนที่นอนอยู่อย่างเอ็นดู

"ฉันรักนายนะเนตั้น แล้วฉันจะกลับมาหานายให้เร็วที่สุด รอฉันนะ"

แม้จะไม่ชอบใจนักที่เนบิวลาบอกรักทั้งๆ ที่ยังมีคนรักอีกคนที่เป็นตัวจริงรอคอยอยู่ แต่เนบิวลาก็เป็นเพียงที่พึ่งเดียวที่เนตั้นมีในตอนนี้ จึงช่วยไม่ได้ที่เนตั้นคงจะต้องยึดเหนี่ยวคนนี้ไว้เป็นที่พึ่ง แม้จะรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

เสียงลมหวีดหวิวและหน้าผ้าสูงชันเบื้องหน้าอาจจะดูน่ากลัวไม่น้อย แต่สำหรับคนบนดาวแม็กโซนาเดียแล้วไม่มีใครกลัวความสูง เพราะเกิดมาปุ๊บทุกคนก็จะได้สัมผัสกับยานส่วนตัวที่สามารถบินออกไปนอกโลกได้ไกลถึงสิบปีแสง การเดินทางด้วยความสูงและความเร็วบ่อยๆ จึงทำให้คนที่นี่ไม่เคยกลัวความสูงเลย

แม้ความสูงจะไม่ได้ดูน่ากลัว แต่สำหรับอะเนดาแล้ว สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในตอนนี้ก็คือเรื่องที่เธอเพิ่งได้รับฟังจากคนรักหนุ่มที่เพิ่งกลับมานี่แหละ

"เนบิวลาหมายความว่ายังไง เรากลับมาเจอกัน แทนที่จะมีเรื่องดีๆ มาบอก ทำไมมันถึงได้กลายเป็นอย่างนี้ไปได้ ฉันทำผิดอะไรล่ะเนบิวลา ฉันทำอะไรผิดเหรอ ฉันไม่เคยคิดไม่ซื่อกับเธอ ฉันไม่เคยนอกใจเธอ ฉันไม่คอยมองใครคนอื่นเลย ที่ผ่านมา...เราสองคนก็รักกันมาดีๆ แล้วทำไมอยู่ๆ เนบิวลาถึงมาขอเลิกกับฉัน เนบิวลาเสียสติไปแล้วเหรอ"

เสียงสูงและคำพูดตัดพ้อนั้นทำให้เนบิวลาต้องถอนหายใจยาวอย่างหนักใจ ไม่นานหยดน้ำตาลูกผู้ชายก็ค่อยๆ ไหลลงมา ตั้งแต่เกิดมาเนบิวลาไม่เคยร้องไห้ให้ใครเลย เพิ่งจะมีครั้งนี้ครั้งแรกที่ต้องเสียน้ำตาให้กับหญิงสาวผู้เป็นที่รัก

"เธอไม่ผิดหรอก ฉันผิดเอง ฉันนอกใจเธอเอง"

เนบิวลาบอกไปโดยไม่ยอมหันไปมองหน้าคนรัก เพราะยิ่งเห็นก็ยิ่งทำใจยาก

"ใครเหรอ คนๆ นั้นเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย เนบิวลาแอบไปมีใครตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่ได้โกหกฉันใช่ไหม"

อะเนดาเริ่มเสียงดัง มือไม้สั่นเทาจนต้องคอยกำไว้แน่น

"ฉันจะโกหกเธอทำไมล่ะอะเนดา ฉันเคยโกหกเธอหรือเปล่า!"

อะเนดานิ่งอึ้ง แต่ไม่นานก็ตัดพ้อเช่นเดิม

"ใช่...เนบิวลาไม่เคยโกหกฉันหรอก แล้วที่ผ่านมาล่ะ เนบิวลาไม่ได้รักฉันเลยเหรอ หรือว่าหลอกฉันมาตลอดว่ารักฉัน"

แก้มใสนั้นเต็มไปด้วยรอยน้ำตาที่หยดลงมาหยดแล้วหยดเล่า ความเสียใจที่เนบิวลาเห็นได้ด้วยตาตัวเองตอนนี้ยากที่จะประเมินได้ เป็นใครก็ต้องเสียใจและช็อกมากเป็นธรรมดาที่คนรักกันมาบอกเลิกแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

"ว่าไงล่ะ เนบิวลาเคยรักอะเนดาบ้างหรือเปล่า ไม่เคยรักเลยเหรอ แล้วตอนนี้ล่ะ ยังรักฉันอยู่ไหม"

หัวใจของเนบิวลาจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เสียให้ได้ การที่ต้องเห็นคนที่รักเจ็บปวดนั้นไม่ใช่เรื่องสนุกเลย ก่อนที่จะตัดสินใจมาบอกก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าอะเนดาคงเสียใจมาก แต่เมื่อมันเกิดขึ้นจริงๆ ต่อหน้าต่อตา เนบิวลาก็อดใจเสียไม่ได้ที่ต้องทำร้ายคนรักให้เจ็บขนาดนี้

"รัก..." เนบิวลาตอบเสียงเบาหวิวพร้อมกับรู้สึกถึงก้อนที่มาจุกที่คอหอย

"รักแล้วทำไมถึงต้องเลิกกันล่ะ ทำไมเราต้องเลิกกันในเมื่อ...เนบิวลาก็ยังรักฉันอยู่ ฉันไม่เข้าใจเลย" อะเนดาถามเสียงดัง

เนบิวลานิ่งเงียบไป ตอนนี้จะพูดอะไรทีก็ต้องคิดหนักเพราะเกรงว่าจะซ้ำเติมคนรักให้เจ็บมากขึ้น

"เพราะว่า..."

"เพราะว่าอะไร"

สายตาอ้อนวอนของสาวคนรักทำให้เนบิวลาแทบจะแข็งใจไว้ไม่อยู่ แต่เมื่อเลือกแล้วก็รู้ดีว่าจะหันหลังกลับอีกไม่ได้ คนอย่างเนบิวลาไม่เคยเดินกลับหลัง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องทำสิ่งที่เลือกต่อไป ไม่ว่าผลมันจะเป็นอย่างไรเนบิวลาก็พร้อมที่จะรับผิดชอบทุกอย่าง

เนบิวลาเขยิบเข้าไปใกล้สาวคนรัก จ้องหน้าเธอด้วยแววตาที่คิดว่าจริงใจมากที่สุด

"อะเนดา...ฉันรักเธอมาตลอดนะ แต่ฉันก็เพิ่งได้รู้ว่า...ฉันมีคนที่ฉันอยากจะรักมากกว่าเธอซะแล้ว ฉันเสียใจที่ต้องบอกเธออย่างนี้ แต่ไม่ว่าจะยังไง ไม่ว่าเราสองคนจะเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากแค่ไหน เราสองคนก็คงจะกลับมารักกันอีกไม่ได้ ปล่อยมือฉันเถอะนะ เธอจะด่าว่าฉันเป็นคนเลวหรืออะไรก็ได้ ฉันยอมทุกอย่าง แต่ฉัน...จะไม่หันหลังกลับ และฉันก็อยากให้เธอรู้ว่า...ฉันเสียใจจริงๆ ที่มันต้องเป็นอย่างนี้"

ฝ่ามือเรียวบางฟาดลงไปที่ใบหน้าคมนั้นอย่างสุดแรงเท่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะมีได้ เนบิวลาไม่แม้แต่จะลูบเพื่อคลายความรู้สึกเจ็บและมึนชาบริเวณนั้น แค่นี้อาจจะน้อยไปด้วยซ้ำเมื่อเทียบกับความเจ็บปวดของอีกฝ่าย แต่ไม่ว่าสิ่งที่ทำจะดูเลือดเย็นสักแค่ไหน เรื่องนี้ต้องจบลงให้เร็วที่สุด

"ฉันไม่เคยคิดว่าเธอจะเป็นคนแบบนี้ ฉันไม่คิดว่าเธอจะหลอกลวงฉัน แล้วคนที่เธอไปรักเค้าล่ะ เค้ารักเธอหรือเปล่า เค้ารักเธอเหมือนฉันหรือเปล่าเนบิวลา เธอกำลังทำอะไรอยู่รู้ตัวหรือเปล่า"

แม้จะไม่มีน้ำตาให้รินไหลมากกว่านี้อีกแล้ว อะเนดาก็ยังคงร้องไห้เสียใจอย่างหนัก จะเป็นไปได้ยังไงที่เนบิวลาจะรักใครคนหนึ่งมากกว่าเธอในช่วงเวลาแค่ไม่นาน เมื่อเนบิวลาไม่เชื่อเรื่องรักแรกพบก็ยิ่งไม่น่าเป็นไปได้ แล้วอีกอย่าง ที่ผ่านมาเนบิวลาไม่เคยแสดงท่าทีสนใจใครเลย แล้วเรื่องนี้เกิดขึ้นมาได้ยังไงกัน

เนบิวลายืนนิ่งและก้มหน้า อดคิดและหวั่นไหวตามที่อะเนดาเพิ่งบอกไม่ได้

จริงสิ! เนบิวลาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเนตั้นรักเนบิวลาบ้างหรือเปล่า!?

แต่เนบิวลาก็เลือกแล้วที่จะทำอย่างนี้ ต่อให้ไม่รัก...เนบิวลาก็ยังจะเลือกให้มันเป็นอย่างนี้อยู่ดี!

TBC



ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
เด็ดขาดมากเนบิวลา

สงสารอะเนดา เดี๋ยวมันก็ผ่านไปนะ

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    เด็ดเดี่ยวมากๆเนบิวล่าที่บอกเลิกแฟน
    เห้อ ต่างคนต่างคิดล่ะว่าจะรักกันบ้างรึป่าว แบบนี้น่ากลัวนะเนบิวล่า
   รอ รออ่านตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
ตอนนี้เนบิวล่ารักเนตั้นมากกว่าอะเนดา หวังว่าต่อไปเนบิวล่าจะไม่เจอใครที่รักมากกว่าเนตั้นอีกนะ

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
อะเนดาน่าสงสารอ่า
แต่ก็ดีแล้วนะ ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม

ออฟไลน์ Alice111

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
นั้นซิเนตั้นรักเนบิลล่าหรือเปล่า :hao4:
สงสารอเนดานะแต่..เราก็ยัวเชียร์เนตั้นอยู่ดี
เห็นได้ชัดเจนมาเป็นคนที่เท่าไหร่ไม่สำคัญสำคัญที่เขาเลือกใคร  :mew6:

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
≡▉≡ interstellar ♗ รัก➀ล้านปีแสง

ตอนที่ 9 ✲ คำถามที่ทุ่งเพชร


ไม่น่าเชื่อว่าในช่วงเวลาเพียงหนึ่งฤดูหรือประมาณสามเดือนบนดาวโลก จะทำให้คนที่จากไปคิดถึงบ้านได้มากขนาดนี้ เมื่อยานจอดลงที่ลานจอดยานในบ้านแล้วก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศของความอบอุ่นที่โอบล้อมไปทั่วได้ทันที นี่คือที่ที่เนบิวลาอยู่มาตั้งแต่เกิดจนโตกับน้องชายและพ่อกับแม่ แม้ว่าบนดาวดวงนี้จะเต็มไปด้วยเทคโนโลยีเอื้ออำนวยความสะดวกมากมายและทันสมัยสักแค่ไหน ครอบครัวก็ยังคงเป็นรากฐานสำคัญเสมอ

บ้านของเนบิวลาตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ ติดกับทะเลสาบขนาดใหญ่ มีพื้นที่ค่อนข้างกว้างขวางเนื่องจากเป็นนโยบายของรัฐที่ต้องการให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี เทียบกับดาวโลกแล้วบ้านแต่ละหลังต้องมีพื้นที่ไม่น้อยกว่าหนึ่งไร่ และรัฐจะให้ยานส่วนตัวอย่างน้อยหนึ่งลำสำหรับใช้งานด้วย

ส่วนเรื่องการทำมาหากินนั้นทุกคนต้องจัดการด้วยตัวเอง อาชีพของคนที่นี่มีเพียงสามประเภทหลักๆ ได้แก่ งานของรัฐ เป็นเจ้าของธุรกิจหรือเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้า ที่นี่ไม่มีอาชีพมนุษย์เงินเดือนหรือลูกจ้าง เพราะใช้หุ่นยนต์หรือคอมพิวเตอร์ทำงานผลิตหรืองานสำนักงานแทนแรงงานคนทั้งหมดแล้ว

ที่บ้านของเนบิวลาเลือกทำอาชีพเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าซึ่งมีลักษณะคล้ายๆ กับธุรกิจเครือข่ายบนดาวโลก เนื่องจากเป็นเพียงงานเดียวที่หุ่นยนต์ยังทำสู้มนุษย์ไม่ได้เพราะต้องอาศัยการสร้างสายสัมพันธ์กับผู้คน เมื่อเจ้าของธุรกิจผลิตสินค้าออกมาแล้วจะให้คนเหล่านี้นำไปทำตลาดต่อให้กับกลุ่มลูกค้าของตัวเองแล้วแบ่งรายได้กัน จัดส่งสินค้าด้วยการใช้ยานไร้คนขับขนาดเล็ก ถ้ามีน้ำหนักมากก็จะใช้บริการของบริษัทที่มียานขนาดใหญ่แทน

อย่างไรก็ตาม แม้คนอื่นๆ จะเลือกทำอาชีพนี้ แต่ในบ้านก็มีเนบิวลาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เลือกทำงานด้านวิทยาศาสตร์ให้กับหน่วยงานของรัฐ แม้จะรายได้น้อยกว่าทำธุรกิจแต่ก็ถือเป็นงานที่มีเกียรติมากบนดาวดวงนี้ เพราะทุกอย่างต้องอาศัยความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่ช่วยทำให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้น

ประตูบ้านรูปทรงทันสมัยเปิดออกโดยอัตโนมัติเพราะมันสามารถจดจำสมาชิกในบ้านได้ บางบ้านก็ใช้วิธีการบอกรหัสผ่านด้วยกระแสจิตอย่างง่าย แต่บ้านของเนบิวลาเพิ่งเปลี่ยนมาใช้ระบบใหม่นี้ได้ไม่นาน ระบบแสงสว่างในบ้านทำงานขึ้นอัตโนมัติโดยใช้วิธีการเปิดให้แสงอาทิตย์ลอดผ่านจากภายนอกเข้ามา จากนั้นจึงใช้หลักการของการสะท้อนแสง หักเหและกระจายแสงออกเป็นวงกว้างเพื่อให้แสงสว่างโดยไม่รู้สึกร้อน แม้ว่าจะได้รับแสงแดดตลอดเวลา อุณหภูมิเฉลี่ยของดาวดวงนี้กลับอยู่ที่ยี่สิบสององศาเซลเซียสเท่านั้น เพราะอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์มากพอสมควร

เนบิวลามาถึงในเวลาที่ทุกคนน่าจะหลับกันหมดแล้ว กว่าจะเคลียร์กับอะเนดาได้ก็ใช้เวลานานจนเลยเวลานอนไปหลายช่วงนอน พรุ่งนี้เนบิวลาอาจต้องนอนตื่นช้ากว่าปกติสักหน่อยเพื่อไม่ให้ร่างกายเพลียมากเกินไป การนอนหลับพักผ่อนถือเป็นเรื่องสำคัญมากของคนที่นี่ การรบกวนการนอนถือว่าเป็นการเสียมารยาทมาก เนบิวลาจึงเข้าห้องของตัวเองไปโดยไม่ได้พูดคุยกับใครเลย

จนกระทั่งนาฬิกาบอกเวลาตื่นดังขึ้น เนบิวลาตื่นแล้วก็รีบจัดการธุระส่วนตัวของตัวเองให้เรียบร้อยก่อนออกมาจากห้องของตัวเอง ถ้ามัวแต่ช้าก็อาจจะไม่ทันได้เจอใคร

"แม่"

เนบิวลาลงลิฟต์กระจกมาที่ชั้นล่างก็เจอแม่เป็นคนแรก ผู้บังเกิดเกล้าที่ดูเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอกหันมามองตามเสียง พอเห็นว่าเป็นลูกชายคนโตก็ยิ้มดีใจ

"เนบิวลา กลับมาแล้วเหรอลูก"

เนบิวลาเดินแกมวิ่งเข้าไปกอดแม่อย่างรักใคร่และคิดถึง อ้อมอกที่แสนอบอุ่นนี้ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน

"คิดถึงแม่ที่สุดเลย"

"แม่ก็คิดถึงลูก แล้วนี่กลับมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่"

เนบิวลาปล่อยแม่ออกจากอ้อมแขน สีหน้าและแววตายังคงยิ้มอย่างมีความสุข

"ตอนช่วงนอนที่สาม"

ช่วงนอนที่สามคือระบบบอกเวลาว่าได้นอนหลับผ่านไปสามช่วงหรือประมาณสามชั่วโมงบนดาวโลก ถ้าเทียบเป็นเวลาตามเข็มนาฬิกาก็ประมาณเที่ยงคืนบนดาวโลกนั่นเอง

"ทำไมกลับมาถึงช้าจังล่ะลูก แสดงว่ายังนอนไม่พอ แล้วรีบตื่นมาทำไม"

"คิดถึงพ่อกับแม่ก็เลยต้องรีบตื่น กลัวออกไปกันหมดซะก่อน นี่พ่อออกไปแล้วเหรอ"

"ออกไปแล้ว เพิ่งออกไปเมื่อตอนช่วงงานที่สองนี่เอง"

เนบิวลาทำหน้าเสียดาย ช่วงงานที่สองก็คือสองชั่วโมงหลังจากเวลาตื่นนอนแล้ว พอถึงช่วงงานที่สิบห้าก็จะหมดช่วงเวลาทำงาน จากนั้นก็จะเปลี่ยนเป็นช่วงนอนซึ่งมีอยู่ทั้งหมดด้วยกันแปดช่วงนอน รวมทั้งช่วงงานและช่วงนอนแล้วก็จะเทียบกับเวลาบนโลกได้ประมาณ 23 ชั่วโมงเศษ นับว่าใกล้เคียงกับเวลาหนึ่งวันเต็มของดาวโลกมากทีเดียว

"แล้วเตคีลาล่ะ สงสัยนอนขี้เซาอีกแหงๆ"

เนบิวลากับแม่มองหน้ากันแล้วก็ขำเบาๆ น้องชายของเนบิวลาเป็นคนขี้เซาและชอบนอนตื่นสายบ่อยๆ แต่ก็ไม่เป็นปัญหากับการทำงานเพราะถึงแม้ว่าบนดาวนี้จะมีถึงสิบห้าช่วงงาน แต่ก็สามารถเลือกว่าจะทำงานช่วงไหนก็ได้ ส่วนมากใช้เวลาทำงานเพียงสามถึงสี่ช่วงงานเท่านั้น ที่เหลือก็จะเป็นเวลาเล่น ออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมอย่างอื่น การมีเครื่องจักรทำงานแทนทำให้คนบนดาวนี้ทำงานน้อยลงกว่าเดิมมาก ในหนึ่งเสี้ยวฤดูหรือหนึ่งเดือนจะทำงานเพียงห้าถึงสิบวันเท่านั้น ทุกคนจึงมีสุขภาพที่ค่อนข้างดี

"เอ่อ...แม่...แม่พอจะมีเวลาคุยกับผมสักหน่อยไหม"

สีหน้าที่ดูเคร่งขรึมขึ้นของลูกชายทำให้คนเป็นแม่ขมวดคิ้วสงสัยเล็กน้อย

"ได้สิ"

ชีวิตบนดาวดวงนี้ไม่มีความเร่งรีบใดๆ จึงไม่ต้องกังวลเรื่องเวลา แม่ของเนบิวลาเดินตามลูกชายมายังที่นั่งคุยกันเล่นในบ้านแล้วก็นั่งลง รอฟังสิ่งที่ลูกชายกำลังจะบอก

"คือว่า...ผมเลิกกับอะเนดาแล้ว เราสองคนไม่ได้เป็นคนรักกันแล้ว"

แม้จะตกใจมากกับสิ่งที่รับรู้ แม่ของเนบิวลาก็เพียงแต่ขมวดคิ้วเท่านั้น จนกว่าเธอจะได้ฟังเหตุผลทั้งหมดนั่นแหละจึงจะตัดสินใจได้ว่าอารมณ์ควรจะเป็นบวกหรือลบ

"เมื่อไหร่"

"เมื่อวาน ก่อนที่ผมจะกลับบ้าน"

เนบิวลาหลบตาแม่เพราะรู้ว่าแม่ชอบคนรักคนนี้ของเนบิวลามาก อยู่ดีๆ ก็เลิกกันอย่างนี้แม่คงไม่ปลื้มอย่างแน่นอน

"ทำไม" แม่ถามเสียงเรียบแต่ฟังดูเข้ม

เนบิวลาถอนหายใจอย่างหนักใจ มือสองข้างจับเข่าของตัวเองไว้

"ผม...เอ่อ..."

"มีคนอื่นเหรอ"

แม่ถามดักอย่างรู้ทัน ตามประสาผู้ชายแล้วก็น่าจะเป็นเรื่องนี้เสียเป็นส่วนใหญ่

เนบิวลาพยักหน้ายอมรับ สีหน้าไม่พอใจของแม่แว่บขึ้นมาเล็กน้อยแล้วก็เปลี่ยนเป็นเรียบเฉยอย่างเดิม

"ใครเหรอลูก ผู้ชายหรือผู้หญิง"

"ผู้ชายครับ!"

เนบิวลาตอบไปอย่างไม่ลังเล ถึงกระนั้น แม่ของเนบิวลาก็ยังคงไม่แสดงอาการตกใจออกมามากนัก แต่เนบิวลาก็รู้ดีว่าแม่คงเริ่มไม่พอใจ

"แล้วเป็นใครล่ะ?"

ท่าทางมึนตึงของแม่ส่อเค้าว่าอารมณ์น่าจะไปทางลบมากกว่าบวกเสียแล้ว

"คนต่างดาว"

แม่หันขวับมามองลูกชายทันที ขมวดคิ้วแน่น "อะไรนะ!"

คราวนี้แม่คงทนเก็บอาการตกใจไว้ไม่ไหวแล้วจึงต้องแสดงอาการออกมาให้เห็นชัดๆ

"ดาวดวงไหน"

พอเห็นแม่แสดงอาการไม่พอใจชัดๆ อย่างนี้แล้วเนบิวลาก็อดเสียความมั่นใจไม่ได้ แต่เมื่อมีชีวิตของคนๆ หนึ่งมาอยู่ด้วยแล้ว ความรับผิดชอบก็ทำให้เนบิวลาไม่มีทางเลือกที่จะต้องเดินหน้าต่อไป

"แม่จำได้ใช่ไหมที่ผมเคยบอกพ่อกับแม่ว่า...รัฐบาลของเราได้ข้อมูลดาวดวงหนึ่งที่มีสิ่งมีชีวิตหน้าตาคล้ายๆ กับเราอยู่ที่กาแล็กซี่เตคีลา สอดคล้องกับข้อสันนิษฐานว่าพวกเรามาจากดาวดวงอื่น ไม่ได้อยู่ที่ดาวนี้ พวกเราไปที่ดาวดวงนั้นมา แล้วก็จับมนุษย์จากดาวดวงนั้นมากลุ่มหนึ่ง แล้วผมก็...ตกหลุมรักผู้ชายคนหนึ่งที่พวกเราจับมา ผมพาเค้าหนีออกมาด้วย ตอนนี้...ผมให้น้องผู้ชายคนนั้นพักอยู่ที่บ้านกล่องของสตรอนเทีย"

แม่ของเนบิวลาเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ เธอได้ฟังลูกชายคนโตเล่าเรื่องนี้ให้ฟังอยู่บ่อยๆ ก่อนออกเดินทาง ย่อมรู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่ๆ

"ทำไมหาเรื่องอย่างนี้ล่ะเนบิวลา ถ้าเกิดมีคนรู้เข้า เนบิวลาจะเดือดร้อนนะลูก"

แม้ก่อนหน้านี้จะโมโหที่ลูกชายเลิกกับคนรักที่แม่ชอบ แต่ตอนนี้เธอก็ชักจะกังวลใจกับความปลอดภัยของลูกชายคนโตเสียแล้ว

"ผมรู้เรื่องนี้ดี ผมรู้ว่าแม่กับพ่อจะโกรธ ผมรู้ว่ามันเสี่ยงอันตราย แต่ผมก็ตัดสินใจไปแล้ว ผมต้องรับผิดชอบเพราะว่า...ผมพาน้องเค้ามาแล้ว"

"ตายจริง!"

แม่ของเนบิวลาทำท่าจะเป็นลม

"ผมขอโทษ"

เนบิวลามองดูแม่ที่มีสีหน้าค่อนข้างกังวลแล้วก็อดจะรู้สึกผิดไม่ได้

"เรื่องสำคัญที่สุดตอนนี้ไม่ใช่มาขอโทษ แม่ไม่อยากให้เนบิวลาต้องเดือดร้อน เนบิวลาควรจะส่งน้องคนนั้นกลับไปอยู่รวมกับคนอื่นๆ ที่จับมาซะนะลูก ก่อนที่เรื่องมันจะแดงขึ้นมา"

คราวนี้เนบิวลาเป็นฝ่ายตกใจบ้าง

"ไม่ได้! ผมทำอย่างนั้นไม่ได้ ไม่มีใครสงสัยเรื่องนี้หรอกเพราะทุกคนเข้าใจว่าน้องเค้าถูกฆ่าตายไปแล้ว"

"ใครฆ่า!"

"พวกไวท์ทอลมันแฝงตัวเข้ามาในยานของเราตอนที่เราเพิ่งออกเดินทางมาจากดาวดวงนั้น พวกมันแฝงมากับมนุษย์ที่ถูกจับตัว แต่โชคดีที่ผมหลอกให้พวกมันถูกประตูดูดออกไปจากยานได้ซะก่อน แล้วทีนี้...ผมก็ทำให้คนบนยานเชื่อว่า...น้องคนนั้นถูกพวกไวท์ทอลฆ่าตายไปแล้ว"

แค่ได้ยินชื่อไวท์ทอลเธอก็รู้ว่าเรื่องใหญ่คงจะเกิดขึ้นในไม่ช้าเป็นแน่ สิ่งมีชีวิตปัญญาเลิศพวกนี้ไม่ต้องการให้ดาวดวงอื่นๆ สร้างอาณานิคมได้เหมือนตัวเอง หากดาวดวงไหนแอบทำก็อาจจะถูกถล่มด้วยอาวุธร้ายแรงจนราพณาสูรไปทั้งดวงดาว แต่ถ้ามันเกิดขึ้นแล้วจะโทษใครได้ล่ะ ในเมื่อทั้งหมดนี้เป็นความต้องการของรัฐบาลชุดนี้ จะโทษนักวิทยาศาสตร์ก็คงไม่ได้เพราะเป็นเพียงคนที่ทำตามคำสั่งเท่านั้น

แม่ของเนบิวลาถอนหายใจแรงๆ อย่างหนักใจแล้วก็ลุกขึ้นยืน

"อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลย เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ต้องคุยกับพ่อ เดี๋ยวแม่จะต้องไปแล้ว แม่มีนัดกับลูกค้า"

แม้จะหนักใจสักแค่ไหนหากเรื่องนี้ถึงหูพ่อ แต่มันก็คงเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ ยังไงๆ พ่อก็ต้องรู้เข้าในวันหนึ่ง ในเมื่อปัญหาทั้งหมดนี้เกิดจากเนบิวลาเอง เกิดอะไรขึ้นแล้วก็คงจะหนีความรับผิดชอบไม่ได้

"เนบิวลา กลับมาแล้วเหรอ"

เสียงน้องชายของเนบิวลาดังขึ้นพร้อมๆ กับประตูลิฟต์กระจกที่เปิดออก ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวเพิ่งจะตื่นขึ้นมานั่นเอง แม่กับเนบิวลาหันไปมองตามเสียงแต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร เตคีลาเดินแกมวิ่งมาหาคนทั้งสองพร้อมกับรอยยิ้มดีใจ แต่พอเห็นอาการแปลกๆ ของแม่และพี่ชายแล้วก็ค่อยๆ หุบยิ้มไปในที่สุด

"มีอะไรหรือเปล่า"

ไม่มีใครตอบคำถามเลย แม่ยืนนิ่งและมีสีหน้าคล้ายไม่พอใจ ส่วนพี่ชายก็นั่งนิ่งด้วยสีหน้าที่ดูกังวล เตคีลาจึงได้แต่ยืนมองอย่างงงๆ

"แม่จะไปทำงานแล้ว กลับมาค่อยคุยกัน"

พูดจบแล้วแม่ก็เดินฉับๆ ออกไปจากบ้านอย่างรวดเร็ว แม้เธอจะอายุห้าสิบกว่าแล้วแต่ก็ยังคงดูแข็งแรง ด้วยความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ คนที่นี่จะแข็งแรงมากจนสามารถทำงานได้จนถึงอายุแปดสิบ หลังจากนั้นจึงจะเข้าสู่สภาวะชราและหมดอายุขัยในช่วงอายุประมาณหนึ่งร้อยถึงหนึ่งร้อยยี่สิบปี

"มีอะไรเหรอ"

เตคีลาเดินเข้ามาถามพี่ชายอย่างงงๆ พร้อมกับนั่งลงฝั่งตรงข้าม ไม่ได้เจอกันนานแทนที่จะได้ดีใจเสียหน่อย แต่กลับมีเรื่องทำให้เสียบรรยากาศเสียแล้ว

ทั้งสองพี่น้องต่างก็มีชื่อตามกาแล็กซี่ที่อยู่ติดกันด้วยกันทั้งคู่ กาแล็กซี่เนบิวลาก็คือกาแล็กซีแอนโดรมีดาตามชื่อเรียกบนดาวโลก ส่วนเตคีลาเป็นชื่อกาแล็กซี่ทางช้างเผือกที่คนที่นี่ใช้เรียกกัน

เนบิวลาถอนหายใจแล้วก็ตัดสินใจเล่าเรื่องให้น้องชายฟังทั้งหมด เตคีลาคงไม่ขัดข้องหรอกถ้าหากพี่ชายจะมีคนรักเป็นผู้ชาย แต่ก็คงไม่สบายใจนักถ้ารู้ว่าพี่ชายพามนุษย์ต่างดาวหลบหนีมา แถมยังมีความเสี่ยงที่จะถูกพวกไวท์ทอลมาโจมตีอีกด้วย เรื่องนี้คงเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ ภายในเวลาไม่เกินเสี้ยวฤดู พวกไวท์ทอลอาจจะส่งทหารมาโจมตีดาวแม็กโซนาเดียเพื่อสั่งสอนก็เป็นได้

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

นอกจากจะต้องทำความรู้จักกับอุปกรณ์และระบบแปลกๆ ของดาวดวงนี้แล้ว สิ่งที่ทำให้เนตั้นลำบากมากก็คือแรงโน้มถ่วงที่มากกว่าดาวโลก จากเคยหนักเพียงหกสิบห้ากิโลกรัมก็กลายเป็นเก้าสิบกว่ากิโลกรัมบนดาวดวงนี้ การเคลื่อนไหวของเนตั้นจึงดูเชื่องช้ากว่าปกติ จะเดินทีก็รู้สึกหนักและเหนื่อย

เนตั้นจึงพยายามกระโดดขึ้นๆ ลงๆ เพื่อให้ร่างกายชินกับแรงโน้มถ่วงและเรียนรู้ว่าจะต้องใช้แรงมากขนาดไหนในการเคลื่อนที่ แต่กระโดดได้ไม่เท่าไหร่ก็รู้สึกเหนื่อยจนหอบ นักท่องเที่ยวที่มาจากดาวดวงอื่นก็มักเจอปัญหานี้บ่อยๆ เช่นเดียวกัน หลายคนจึงมักเช่าเครื่องช่วยเดินแบบสองล้อมาใช้ชั่วคราวเพื่อป้องกันตัวเองไม่ให้เหนื่อยจนเกินไป

ในขณะที่เนตั้นกำลังกระโดดเหยงๆ อยู่นั้น ประตูทางเข้ายานส่วนตัวก็เปิดออก ยานลำหนึ่งค่อยๆ ลอยเข้ามาจอดอย่างช้าๆ ในห้อง ด้วยความดีใจนึกว่าเนบิวลากลับมา เนตั้นจึงรีบวิ่งไปดูที่ยานอย่างรวดเร็ว แต่พอเห็นคนที่ลงมาก็ทำให้หยุดชะงักพร้อมกับมีสีหน้าผิดหวัง

"เนตั้น ฉันเห็นนายกระโดดเหยงๆ ออกกำลังกายเหรอ"

เสียงทักพร้อมกับรอยยิ้มทำให้เนตั้นต้องยิ้มตอบบ้าง ไม่อย่างนั้นก็จะดูเสียมารยาทไปหน่อย อีกอย่างก็มาอาศัยอยู่ในห้องของคนตรงหน้าด้วย

"เปล่า ฉะฉันระรู้สะสึกวะวะว่าตะตัวหนะหนะหนักขะขะขึ้นน่ะ"

กว่าจะพูดออกมาได้แต่ละคำก็ต้องใช้ความพยายามมากทีเดียว เจ้าสติ๊กเกอร์ฝังภาษานั้นช่วยให้เนตั้นพูด ฟัง อ่านและเขียนภาษาแม็กโซได้แล้ว แต่การพูดและการเขียนนั้นต้องใช้ทักษะทางกายภาพมากจึงต้องใช้เวลาสักหน่อย

"อ้อ สงสัยนายจะยังไม่ชินกับแรงโน้มถ่วงของดาวแม็กโซนาเดียของเรา เดี๋ยวก็ชิน เมื่อกี้ฉันเห็นนายกระโดด นายจะลองเต้นดูไหม เผื่อจะช่วยได้ กระโดดเฉยๆ ไม่สนุกหรอก เดี๋ยวฉันสอนเต้นให้ เอาไหม"

สตรอนเทียเสนออย่างอารมณ์ดี เนตั้นออกจะแปลกใจอยู่หน่อยๆ เพราะเมื่อวานสตรอนเทียดูเครียดมากทีเดียวตอนที่กลับไป มาวันนี้กลับดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

"เอางี้ เดี๋ยวฉันเต้นให้นายดูละกัน ฉันชอบเต้น นายชอบเต้นหรือเปล่า"

"ชะชะชอบ"

สตรอนเทียขำเบาๆ ที่เห็นเนตั้นพูดติดอ่าง ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูน่ารักเสมอ

"เราสองคนชอบเหมือนกันเลย เนบิวลาก็ชอบเต้นนะ เต้นเก่งกว่าฉันอีก"

เนตั้นเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ ตั้งแต่รู้จักกับเนบิวลามาได้เดือนเศษๆ ก็ไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย จะว่าไป พอได้ยินชื่อแล้วเนตั้นก็รู้สึกคิดถึงและเป็นห่วงคนที่หายไปมากทีเดียว ด้วยความที่ยังไม่ค่อยเข้าใจระบบเวลาของที่นี่ดีนัก เนตั้นจึงไม่รู้เลยว่าเนบิวลาจะกลับมาเมื่อไหร่ ได้แต่รอโดยที่แทบไม่รู้อะไรเลยอยู่อย่างนี้

"ถ้าเนบิวลากลับมานายก็ลองขอให้เนบิวลาเต้นให้ดูสิ เดี๋ยวก็มาแล้วล่ะ ตอนนี้เขาไปจัดการเรื่องต่างๆ ให้เรียบร้อยอยู่"

เนตั้นพยักหน้าเข้าใจ แต่สีหน้าก็แลดูเศร้าลง เนตั้นแทบไม่รู้เรื่องเลยว่าเนบิวลาต้องไปจัดการอะไรบ้าง

"มา...เดี๋ยวฉันเต้นให้นายดู"

สตรอนเทียจัดการเปิดจอทีวีตรงผนังห้องขึ้นด้วยการหันหน้าไปที่ผนัง เอาแขนสองข้างมาไขว้กันแล้วกางออก จอทีวีก็ติดขึ้นทันที สตรอนเทียใช้สายตาจ้องไปที่ช่องที่เปิดเพลงสนุกๆ แล้วเพลงก็ดังขึ้นพร้อมกับมีศิลปินกลุ่มหนึ่งเต้นอยู่ในจอนั้นด้วย

"นายลองเต้นตามฉันนะเนตั้น"

สตรอนเทียหันมาบอกแล้วก็เริ่มเต้นตามเพลงอย่างสนุก เต้นไปได้สักครู่ใหญ่ๆ ก็หยุดแล้วหันมามองเนตั้นที่ยังยืนงงอยู่

"ทำไมไม่เต้นล่ะ"

เนตั้นทำสีหน้ายุ่งยากใจ ดนตรีบนดาวนี้ประหลาดมากจนเนตั้นเต้นตามไม่ถูก ปกติบนดาวโลกจะมีโน๊ตดนตรีเพียงสิบสองเสียง แต่ที่นี่มีถึงสิบหกเสียง แถมยังใช้การนับจังหวะแบบสิบเอ็ดต่อสี่ผสมกับสิบห้าต่อสี่เสียอีก เป็นจังหวะที่ซับซ้อนเกินกว่ามนุษย์บนดาวโลกจะจดจำได้

"ตะตะเต้นมะมะไม่ปะปะปะเป็น"

สตรอนเทียหัวเราะร่าเมื่อได้ยินเช่นนั้น

"อ้อ ขอโทษที ฉันก็ลืมไป สงสัยการนับจังหวะจะไม่เหมือนกัน เดี๋ยวฉันสอนให้"

สตรอนเทียเจอมนุษย์จากต่างดาวบ่อยๆ จึงรู้ปัญหานี้เป็นอย่างดี ไม่มีดาวดวงไหนเลยที่มีจำนวนโน๊ตและการนับจังหวะที่เหมือนกัน ถ้าจะเต้นให้ได้ก็ต้องฝึกกันพอสมควร สตรอนเทียจึงปิดเพลงไปก่อนแล้วค่อยๆ สอนให้เนตั้นนับจังหวะด้วยการนับจังหวะก้าวขา ช่วงแรกแบ่งเป็นเจ็ดกับสี่ ช่วงที่สองแบ่งเป็นเจ็ด สี่และสี่ สลับกันไปอย่างนี้ทั้งเพลง

เนตั้นทำตามแล้วก็เกาหัวแกรกๆ แม้จะไม่ค่อยมีกะจิตกะใจจะเต้นนักแต่ก็อยากหาอะไรทำแก้เบื่อ บนดาวโลก เนตั้นอาจไม่มีแค่พ่อกับแม่ แต่ก็ยังมีเพื่อนๆ และคนรู้จักอยู่บ้าง อย่างน้อยก็เพื่อนๆ และเจ้าหน้าที่ในสถานสงเคราะห์ด้วยกัน แต่ที่นี่เนตั้นไม่มีใครเลยนอกจากเนบิวลา ที่เพิ่มมาอีกคนก็มีเพียงสตรอนเทียเท่านั้น

"ฉะฉะคะคะคงตะตะเต้นมะมะไม่ดะดะดะได้หระหระหรอก หยะหยะอย่าสะสะเสียวะวะเวละละลากะกะกับคะคะคนงะงะโง่ละละเลย"

เนตั้นบอกพลางถอนหายใจอย่างคนเบื่อหน่ายตัวเองแล้วก็เดินลากขาไปนั่งที่เก้าอี้นั่งเล่น สตรอนเทียมองตามอย่างงงๆ แล้วก็เดินตามไปนั่งลงข้างๆ เพื่อซักถาม

"เป็นไรเหรอเนตั้น ทำไมนายเรียกตัวเองอย่างนั้นล่ะ"

เนตั้นนั่งเงียบ ไม่ตอบคำถามใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะพูดแล้วติดอ่างจึงไม่อยากพูดเท่าไหร่ อีกส่วนหนึ่งนั้นยังไม่รู้สาเหตุดี

"ไปเที่ยวดูอะไรข้างนอกกันไหม นายชอบไปที่แบบไหนล่ะ ทะเล ภูเขา ป่าหรือว่าแม่น้ำ ที่นี่เรามีทุ่งเพชรด้วยนะ นายอยากไปดูไหม ตรงนั้นมีแร่เพชรเป็นพื้นที่เกือบเท่าๆ กับเมืองนี้ทั้งเมืองเลย"

แม้จะฟังดูน่าตื่นเต้นแต่อารมณ์ของเนตั้นช่วงนี้ก็แปรปรวนมากจนแทบควบคุมไม่ได้ อาการซึมเศร้ากำลังค่อยๆ กัดกินข้างในอย่างช้าๆ นี่คือเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เพราะเหตุนี้แหละเนบิวลาจึงขอให้สตรอนเทียมาอยู่เป็นเพื่อนเนตั้นชั่วคราวก่อนจนกว่าเนบิวลาจะกลับมา สตรอนเทียก็ใจดีเหลือหลาย ยอมหยุดทำธุรกิจหนึ่งวันเพื่อมาช่วยดูแลเนตั้นให้โดยเฉพาะ ความจริงก็ไม่มีเรื่องให้น่าห่วงเท่าไหร่หรอกเพราะการผลิตทั้งหมดใช้หุ่นยนต์ พวกมันสามารถทำงานได้โดยแทบไม่มีความผิดพลาดเลย

"งั้น...ไปหาอะไรกินข้างนอกกันไหม เห็นเนบิวลาบอกว่านายชอบกินอาหารเผ็ดๆ ที่นี่เรามีอาหารเผ็ดๆ เหมือนกันนะ ไปไหม"

สตรอนเทียพยายามชวนอีก แต่เนตั้นก็ยังคงนั่งเงียบพร้อมกับสีหน้าเคร่งเครียด

"หยะหยะอยากกละกละกลับดะดะดะดาวขะขะของฉะฉะฉันละละแล้ว"

คำพูดนี้ของเนตั้นบอกได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าตัวกำลังรู้สึกกดดันกับการปรับตัวเข้ากับชีวิตแบบใหม่อย่างหนัก คราวนี้สตรอนเทียก็เลยเริ่มมีสีหน้ากังวลขึ้นมาบ้าง

"อย่าเพิ่งกลับเลย ไปเที่ยวดาวของเราก่อนแล้วค่อยกลับก็ได้ ไปนะ เดี๋ยวฉันพาไป"

เนตั้นถอนหายใจยาว มองหน้าคนที่พยายามชวนแล้วก็ทำหน้ายุ่งยากใจ

"อุดอู้อยู่แต่ในห้องนายก็จะยิ่งเครียดไปใหญ่ ไปเที่ยวข้างนอกบ้างจะได้ไม่เครียดไง นายอยากไปตรงไหน อยากกินอะไร บอกฉันมาได้เลย ฉันพานายไปได้ทุกที่ที่นายอยากไป"

เนตั้นยังคงครุ่นคิด แม้จะสนใจแต่อารมณ์ในตอนนี้ก็ไม่ทำให้รู้สึกอยากไปไหนเลย

"ตอนนี้นายยังพูดลำบากอยู่เพราะยังไม่ชิน งั้นฉันจะไม่ถามอะไรนายมาก ฉันจะพานายไปที่ที่ฉันชอบก่อน แต่ถ้าเกิดนายไม่ชอบก็บอกฉันได้ ฉันจะได้พานายไปที่ใหม่ คงจะมีซักที่แหละที่นายชอบ ดีไหม"

เนตั้นพยักหน้าหลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง สตรอนเทียจึงพอยิ้มออกได้บ้าง เชื่อว่าถ้าเนตั้นได้ออกไปเห็นโลกข้างนอกก็อาจจะหายเครียดได้ แม้จะหายแค่ชั่วคราวก็ยังดีกว่าปล่อยให้เครียดอยู่ในห้องคนเดียว

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

สตรอนเทียพาเนตั้นนั่งยานส่วนตัวมุ่งตรงมาที่ทุ่งเพชรเป็นอันดับแรก เนตั้นดูจะตื่นเต้นมากทีเดียวเพราะผืนดินที่เหยียบอยู่นั้นคือแผ่นเพชรขนาดใหญ่สุดลูกหูลูกตา สตรอนเทียแวะเช่าอุปกรณ์สองล้อช่วยเดินคล้ายๆ เส็กเวย์ติดมาด้วย จึงช่วยให้เนตั้นเคลื่อนที่ไปดูตรงนั้นตรงนี้ได้โดยไม่รู้สึกเหนื่อยจนเกินไป

นอกจากจะมีเนตั้นกับสตรอนเทียแล้วก็มีคนอื่นๆ มาเที่ยวที่นี่หลายคน มีสิ่งมีชีวิตรูปร่างแปลกๆ แต่เดินด้วยสองขาอยู่เต็มไปหมด สตรอนเทียบอกว่าพวกนี้มาจากดาวดวงอื่นเพราะที่นี่มีการท่องเที่ยวระหว่างดวงดาวด้วย

ดวงอาทิตย์ของที่นี่อยู่ที่ตำแหน่งเดียวเสมอ ทุ่งเพชรแห่งนี้อยู่ตรงเส้นศูนย์สูตรพอดีจึงเห็นดวงอาทิตย์อยู่กลางท้องฟ้าสีเขียวจัด แสงอาทิตย์ที่สะท้อนกับแสงเพชรนั้นก่อให้เกิดปรากฏการณ์คล้ายๆ แสงออร่าบนดาวโลกเป็นระยะๆ เวลาที่มันวูบวาบขึ้นมาทีก็จะได้ยินเสียงเฮของนักท่องเที่ยวด้วย

"ฉะฉันอยากดะเดิน"

เนตั้นบอกหลังจากที่เริ่มเบื่อกับเครื่องช่วยเดินแล้ว อยากสัมผัสแผ่นเพชรจริงๆ บ้าง

"เอาสิ เดี๋ยวฉันช่วยพยุง"

สาเหตุที่สตรอนเทียต้องช่วยพยุงก็เป็นเพราะว่าเนตั้นยังปรับตัวเข้ากับแรงโน้มถ่วงของที่นี่ไม่ได้ หากเกิดหกล้มขึ้นมาก็อาจจะเกิดอันตราย พื้นเพชรนั้นแข็งมากจนอาจทำให้หัวแตกหรือเลือดตกยางออก มีคนเสียชีวิตเพราะหกล้มที่นี่ไปหลายคนแล้ว

"ขะขะแข็งมาก"

เนตั้นบอกในขณะที่จับแขนสตรอนเทียเดินไปตามผืนเพชรอย่างช้าๆ รู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกันที่ต้องจับมือเดินไปกับผู้ชายแปลกหน้า แล้วอีกอย่าง เนื่องจากผู้ชายที่นี่ไม่ใส่ชุดชั้นในเพราะกางเกงที่ใส่อยู่นั้นออกแบบมาให้ทำหน้าที่แทนได้อยู่แล้ว แต่ผลของการทำกางเกงอย่างนี้ก็คือมันทำให้ "ตรงนั้น" ของผู้ชายเด่นชัดออกมาค่อนข้างมาก มองดูก็จะรู้ทันทีว่าใครมีขนาดเท่าไหร่ เวลาเดินไปกับสตรอนเทีย เนตั้นจึงพยายามเลี่ยงสายตาไม่ให้หันไปเจอ "ตรงนั้น" ที่สำคัญ กางเกงที่เนบิวลาซื้อมาให้เนตั้นใส่ก็ทำให้ "ตรงนั้น" ของเนตั้นมีลักษณะไม่ต่างจากผู้ชายคนอื่นๆ เลย

"ใช่ เพชรเป็นแร่ธรรมชาติที่แข็งที่สุด แต่เราก็สามารถสังเคราะห์วัตถุที่แข็งกว่าเพชรได้นะ อ้อ นายอยากจะลองนั่งบนแผ่นเพชรสักหน่อยไหม"

สตรอนเทียชวนพลางใช้เท้าเขี่ยเศษเพชรเล็กๆ ออกไปจนเกลี้ยง เนบิวลาพยักหน้าตกลงแล้วก็ค่อยๆ นั่งลงไป มันแข็งมากเสียจนรู้สึกว่านั่งได้ไม่สบายเลย แต่ถึงกระนั้นก็เป็นประสบการณ์ที่ดี

เนตั้นอยากจะเล่าให้สตรอนเทียฟังว่าถ้าเนตั้นแบ่งเอาเพชรจากที่นี่สักกิโลไปขายที่ดาวโลก เนตั้นคงจะรวยมากเพราะที่ดาวโลกนั้นเพชรหาได้ยากและมีราคาแพง แต่อาการติดอ่างก็ทำให้ไม่อยากพูด ก็เลยปล่อยให้สตรอนเทียเล่านั่นเล่านี่ให้ฟังไปเรื่อยๆ ส่วนเนตั้นก็ได้แต่พยักหน้าหรือไม่ก็ตอบเออๆ ออๆ ไปตามเรื่อง จนกระทั่งสตรอนเทียได้ถามคำถามหนึ่งขึ้นมา

"เนตั้น นายคิดว่า...ผู้ชายที่ยอมเลิกกับคนรักของตัวเองทั้งๆ ที่รักกันมาก เพื่อที่จะมารักกับคนใหม่...เป็นคนยังไง"

คำถามนี้มาพร้อมกับสีหน้าที่แลดูเคร่งขรึม เนตั้นแทบปรับสีหน้าและอารมณ์ตามไม่ทันเพราะเมื่อกี้สตรอนเทียยังดูอารมณ์ดีอยู่เลย

"ก็...หะเห็นแก่ตัวมะมั้ง"

เนตั้นตอบไปตามที่ใจคิด ความจริงก็อยากจะพูดมากกว่านี้ สตรอนเทียพยักหน้าแล้วก็ถอนหายใจยาว

"ฉันสงสารผู้หญิงคนหนึ่งน่ะเนตั้น เขารักผู้ชายคนหนึ่งมาก แต่ผู้ชายคนนั้นก็บอกเลิกกับเธอ เพราะเค้า...ต้องรับผิดชอบใครอีกคนที่เค้าพามา"

เนตั้นขมวดคิ้วเพราะคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นเรื่องของใครคนหนึ่งที่เนตั้นรู้จัก บนดาวนี้ก็คงมีเพียงคนเดียวเท่านั้นแหละ

"นะเนบิวลาเหรอ"

สตรอนเทียนิ่งเงียบไปโดยไม่ยอมตอบคำถาม ปล่อยให้เนตั้นมองอย่างสงสัยอยู่นานพอสมควร

"เค้ารักนายมากนะเนตั้น แล้วนายล่ะ...นายรักเค้าหรือเปล่า"

สตรอนเทียถามโดยไม่หันมามองหน้า เนตั้นดูจะอึ้งไปเหมือนกันกับคำถามนี้ ใครล่ะจะตอบเนตั้นได้ แม้แต่ตัวเนตั้นเองก็ยังไม่รู้เลยว่าหนึ่งเดือนเศษๆ ที่รู้จักกันนั้น ความรักได้ก่อตัวขึ้นในใจของเนตั้นบ้างหรือเปล่า

ใช่...มันคงไม่ถึงกับว่างเปล่า แต่เนตั้นก็ไม่รู้เลยว่ามันคือความรู้สึกอะไร บางทีอาจจะเป็นเพียงความต้องการที่พึ่งมากกว่าจะเป็นคนรักกันก็ได้ แต่เรื่องนี้ก็ยังไม่สำคัญเท่ากับเรื่องที่เนบิวลาเพิ่งทำไปหรอก พอคิดๆ ดูแล้ว...

มันเกินไปสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งหรือเปล่า!!!

TBC


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-04-2016 19:22:47 โดย sarawatta »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Alice111

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
แอบกลัวใจเนตั้นจังเลยอะ เนตั้นต้องรู้สึกผิดมากแน่ๆที่เป็นคนทำให้เนบิลล่า บอกเลิกแฟนเขาเพื่อมารักกับตัวเองและนั้นก็ผู้หญิง
หวังว่าคงไม่มีดราม่านะ ....
ว่าแต่สตรอนเทียมีอะไรแอบแฝงหรือเปล่านะถึงได้พูดแบบนี้นะ .... :hao4: :hao4: :hao4:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
สตรอนเทียนายต้องการอะไรถึงพูดแบบนั้นกับเนตั้นห่ะ

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
เนตั้นต้องตอบใจตัวเอง คิดไตร่ตรองมากๆ แต่ไม่เป็นไร ยังไงเนตั้นก็ไม่ได้กลับโลกอีก
  รอ รออ่านตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ Magis

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
สตรอนเทีย มาพูดแบบนี้กับเนตั้น มีเหตุผลที่ไม่น่าไว้วางใจแฮะ น่าสงสัยจริงๆ

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
ขอโทษที่ลงติดกันเป็นพืดครับ คนอ่านน้อยลง คอมเมนต์น้อยลง ก็เลยยังอยู่หน้าเดิม
ผมถือว่านี่คือการส่งสัญญาณเตือนคนเขียนว่ามีบางอย่างที่ควรต้องปรับปรุง
แต่ยังไงคนเขียนก็จะไม่ถอดใจ หวังว่าคนอ่านจะไม่ถอดใจที่จะอ่านนะครับ :)


≡▉≡ interstellar ♗ รัก➀ล้านปีแสง

ตอนที่ 10 ✲ ทะเลคาทีโดรา


"เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นได้ยังไง!? ไหนคุณลองตอบผมมาซิพิทอรา!"

เสียงเข้มดุดันพร้อมกับใบหน้าบูดบึ้งปานจะกินเลือดกินเนื้อทำให้ทุกคนที่นั่งรายล้อมอยู่รอบโต๊ะประชุมเงียบกริบไปทั้งห้อง ต่างคนต่างมองหน้ากัน ส่วนคนที่ถูกพาดพิงถึงนั้นก็คงเสียวสันหลังไม่น้อย

"เอ่อ..."

พิทอราอึกอักเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเล่าเรื่องนี้ยังไง ตั้งแต่ทำงานด้านอวกาศมาก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่ทำผิดพลาดถึงขั้นนี้เลย แม้จะอุตส่าห์วางแผนกันอย่างรอบคอบแล้วก็ยังมีเรื่องเสียหายร้ายแรงเกิดขึ้นจนได้

"ผมถามคุณว่ามันเกิดเรื่องนี้ขึ้นได้ยังไง! พรุ่งนี้ผมจะต้องเข้าไปรายงานให้รัฐบาลทราบ คุณก็รู้ใช่ไหมว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่แค่ไหน แล้วถ้าผมไม่มีคำตอบที่น่าพอใจให้กับรัฐบาล คุณรู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับหน่วยงานของเรา!"

เจ้าของเสียงดุยังคงสาดอารมณ์ขุ่นเคืองออกมาอย่างต่อเนื่องเมื่อเห็นแต่ละคนนั่งเงียบไม่ยอมพูดยอมจา นี่ไม่ใช่การทำงานอย่างมืออาชีพเสียเลยที่ปล่อยให้คำถามจากผู้บังคับบัญชาไร้การตอบสนองใดๆ

"พวกไวท์ทอลมันแอบแฝงเข้ามาในยานของเราตอนที่เราจับมนุษย์คนสุดท้ายขึ้นมาบนยาน"

เนบิวลาถือโอกาสนี้ตอบคำถามแทนหัวหน้า เพราะรู้ดีว่าความเงียบจะยิ่งทำให้ผู้อำนวยการองค์การอวกาศไม่พอใจมากยิ่งขึ้น เนบิวลาว่าจะกลับไปหาเนตั้นเสียหน่อย แต่ก็เกิดเรื่องด่วนขึ้นมาเสียก่อน จึงต้องรีบมาประชุมตั้งแต่ช่วงงานที่สี่

"มันไม่สำคัญหรอกเรื่องนั้น ที่ผมกำลังถามพวกคุณอยู่ตอนนี้ก็คือ...พวกคุณปล่อยข้อมูลให้รั่วไหลไปถึงพวกไวท์ทอลได้ยังไง พวกคุณทำงานยังไงกันถึงไม่รู้จักระมัดระวังให้รอบคอบ ทั้งๆ ที่พวกคุณก็รู้กันอยู่ว่าพวกมนุษย์ปัญญาเลิศพวกนี้คอยจับตาดูดาวของพวกเราอยู่"

นั่นออกจะเป็นการกล่าวหาที่ดูรุนแรงและไม่เป็นธรรมเลยสักนิด การเดินทางออกไปในอวกาศอันไกลโพ้นอย่างนั้นเป็นเรื่องยากที่จะระมัดระวังการถูกแอบติดตามอย่างมาก โดยเฉพาะกับมนุษย์ปัญญาเลิศที่มีเทคโนโลยีการพรางตัวเป็นเลิศนั้นยิ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

ดาวแม็กโซนาเดียถือเป็นดวงดาวอีกดวงหนึ่งที่กำลังพัฒนาตัวเองไปเป็นโลกของมนุษย์ปัญญาเลิศ ในอีกไม่กี่ชั่วอายุคน เทคโนโลยีบนดาวดวงนี้จะพัฒนาไปไกลมาก ถือเป็นการคุกคามและสั่นคลอนความมั่นคงของมนุษย์ปัญญาเลิศทั้งหลาย พูดง่ายๆ ก็คือ "อิจฉา" นั่นเอง ปัญหาที่มนุษย์ปัญญาเลิศมักพบเมื่อพัฒนาเทคโนโลยีไปถึงจุดสูงสุดแล้วก็คือการหยุดนิ่งและความเร่งในการพัฒนาที่ช้าลงจนแทบไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง มนุษย์ปัญญาเลิศบางกลุ่มจึงกลัวดาวดวงอื่นพัฒนาได้ดีกว่าจนทลายข้อจำกัดนี้ได้และก้าวหน้าไปไกลกว่าตัวเอง

"ท่านก็น่าจะทราบดีว่าต่อให้เราระวังมากแค่ไหน ยังไงๆ มันก็เป็นเรื่องที่เสี่ยงมากเวลาที่เราเดินทางออกไปไกลในอวกาศขนาดนั้น พวกมนุษย์ปัญญาเลิศมีเทคโนโลยีที่สูงกว่าเรามาก พวกมันติดตามความเคลื่อนไหวเราได้โดยที่เราอาจจะไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ ที่สำคัญ...โครงการนี้มันก็ไม่ควรจะมีตั้งแต่แรกแล้ว ท่านก็คงจะทราบดีว่าพวกเราคัดค้านโครงการนี้กันมากแค่ไหน แต่สุดท้ายเราก็ขัดรัฐบาลไม่ได้จนต้องยอมให้มันเกิด แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ไม่ใช่การโทษว่าใครผิด เพราะก็คงผิดด้วยกันทั้งหมด"

พิทอราพูดขึ้นมาบ้างหลังจากที่นั่งเงียบอยู่พักใหญ่ ที่ดวงดาวนี้ไม่มีวัฒนธรรมอาวุโสจึงไม่ต้องเกรงใจหากจะแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมากับคนที่มีตำแหน่งสูงกว่า แต่ก็นั่นแหละ ไม่ใช่ว่าการกระทำนี้จะทำได้อย่างง่ายดายทุกครั้งไป

"ผมเห็นด้วย"

เนบิวลาเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันไปสบตาพิทอราที่สีหน้าไม่สู้ดีนัก ทุกสายตาจับจ้องมาทางเนบิวลาเป็นตาเดียวกัน

"ตอนนี้พวกไวท์ทอลต้องการให้เราส่งมนุษย์ที่เราจับมากลับคืนไป สิ่งที่เราต้องคิดตอนนี้ก็คือ...เราจะทำตามที่พวกไวท์ทอลบอก หรือว่าจะขัดขืน แล้วถ้าจะขัดขืน ผมขอถามหน่อยว่า...เทคโนโลยีที่เรามีอยู่ตอนนี้สู้พวกไวท์ทอลได้หรือเปล่า ผมว่าทุกคนคงรู้คำตอบดีอยู่แล้ว ถ้าเกิดพวกไวท์ทอลยกกองทัพมาโจมตีดวงดาวของเรา ยังไงๆ พวกเราก็ไม่มีทางสู้พวกมันได้"

เนบิวลาหยุดมองหน้าทุกคนสักพัก จากนั้นจึงพูดสืบไป

"ใช่ครับ...พวกเราอาจจะผิดที่ไม่ได้ระมัดระวังให้มากพอจนเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น แต่คำถามที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คงไม่ใช่มาถามว่าใครผิด เราควรจะถามว่า...เราจะรักษาดวงดาวของเราไว้ด้วยการส่งคืนมนุษย์พวกนี้กลับไปที่ดาวดวงเดิม หรือเราจะเดินหน้าโครงการนี้ต่อ แต่มันก็หมายถึงว่าดวงดาวของเราก็อาจจะเหลือแต่ชื่อ"

น้ำเสียงและสีหน้าที่จริงจังหนักแน่นของเนบิวลาทำให้ทุกคนต่างก็นั่งฟังอย่างตั้งใจ ในการประชุมหลายๆ ครั้งนั้นเนบิวลามักจะเป็นดาวเด่นในที่ประชุมเสมอๆ จนหลายๆ คนต่างก็คาดกันว่าอีกไม่นานเนบิวลาก็น่าจะได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นไปอีกจากความสามารถที่โดดเด่นทั้งในด้านวิทยาศาสตร์และการพูด

ดูเหมือนท่าทีที่ดุดันเกรี้ยวกราดเมื่อสักครู่นี้ของผู้อำนวยการจะลดลงไปมากแล้ว พิทอราหันมายิ้มด้วยความรู้สึกขอบคุณให้กับเนบิวลา จากนั้นจึงหันไปยังผู้อำนวยการเพื่อรอฟังสิ่งที่ท่านจะตอบสนองกลับมา

"ที่คุณพูดน่ะผมเข้าใจ แต่คนที่จะต้องไปรายงานให้รัฐบาลทราบก็คือผม พวกคุณคิดว่ารัฐบาลเค้าจะฟังเหตุผลอย่างนี้เหรอ"

ไม่เพียงแต่สีหน้าเท่านั้น น้ำเสียงของผู้อำนวยการก็ยังอ่อนลงไปอีกด้วย

"เราคงไม่มีทางเลือกมาก จะลงโทษพวกเราก็ลงโทษได้ พวกเราทุกคนยินดีที่จะให้ลงโทษ...ไม่ว่าจะหนักหรือเบา แต่มันจะมีประโยชน์อะไร ต่อให้ไล่พวกเราออกหรือยุบหน่วยงานของเราไป ก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น สิ่งเร่งด่วนที่เราควรจะให้คำตอบกับรัฐบาลของพวกไวท์ทอลตอนนี้ก็คือ เราจะถอย...หรือเราจะเดินหน้าต่อ ถ้าเราถอย...พวกเราก็ยังจะอยู่กันอย่างสงบสุขเหมือนเดิม แต่ถ้าเราเดินหน้าต่อ ก็เตรียมตัวรับมือกับความพังพินาศของแม็กโซนาเดียได้เลย สำหรับผมแล้ว ผมอยากให้พวกเราถอย การศึกษาเรื่องนี้ถึงแม้ว่าจะมีประโยชน์แต่ก็ไม่คุ้มค่ากับความเสียหายที่จะเกิดขึ้น"

เนบิวลายืนยันอย่างหนักแน่น แต่ในท่าทีที่หนักแน่นมั่นคงนั้น ใครเลยจะรู้ว่าข้างในใจของเนบิวลาก็รู้สึกหวั่นไหวไม่น้อยเลย ถ้าหากรัฐบาลตัดสินใจส่งมนุษย์ที่จับมากลับคืนดาวโลกไป แล้วเนตั้นควรจะได้กลับไปกับคนเหล่านั้นหรือเปล่า

แล้วถ้าเนตั้นเลือกที่จะกลับไปล่ะ!?

ผู้อำนวยการถอนหายใจยาว แม้สีหน้าจะดูอ่อนลงแต่ก็ยังคงดูเคร่งเครียดอยู่ดี สิ่งที่น่าเห็นใจสำหรับคนที่เป็นหัวหน้าหรือผู้นำก็คือความรับผิดชอบ หากเป็นเรื่องดีก็คงไม่มีใครปฏิเสธที่จะรับความดีความชอบในฐานะผู้นำ แต่พอเป็นเรื่องเสียหายคอขาดบาดตายแล้ว คนที่เป็นผู้นำก็คงคิดหนัก แต่ท้ายที่สุดก็ต้องยอมรับเพราะหลีกเลี่ยงไม่ได้

การประชุมดำเนินต่อไปอีกนานพอสมควร จนถึงช่วงงานที่สิบสามมจึงได้ยุติลง แน่นอนว่าไม่มีใครปฏิเสธสิ่งที่เนบิวลาเสนอได้เลย มติของที่ประชุมจึงเป็นไปตามนั้น

"ได้เจอคนรักหรือยังล่ะ"

น้ำเสียงที่คุ้นเคยถามขึ้น แทบจะไม่ต้องหันหน้าไปมองเนบิวลาก็รู้ว่าเป็นใคร แต่ก็ต้องหันไปมองตามมารยาทเสียหน่อย

"เจอแล้ว"

เนบิวลายิ้มมุมปาก สาวเจ้าที่เคยเป็นคู่นอนชั่วคราวหัวเราะเบาๆ

"น่าสงสารนะ แทนที่จะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันเยอะๆ ก็ต้องมาประชุมกะทันหันซะแล้ว เค้าไม่อารมณ์เสียแย่เหรอ"

"ไม่หรอก แล้วเธอล่ะอาเซนเจอร์"

"จะถามทำไม เธอก็รู้อยู่แล้วนี่ว่าฉันยังไม่มีคนรักจริงจังกับเค้าซะหน่อย ฉันก็รอให้เธอว่างนั่นแหละ ว่างหรืออยากเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ก็บอกฉันละกัน"

ท่าทีทีเล่นทีจริงของอาเซนเจอร์ไม่ได้ทำให้เนบิวลารู้สึกอะไรมากนัก ตั้งแต่ได้เจอเนตั้น เนบิวลาก็รู้ทันทีว่าความคิดของตัวเองได้เปลี่ยนไปมาก แม้ว่าการว่อกแว่กไปกับคนอื่นบ้างจะเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ของที่นี่ แต่เนบิวลาก็ไม่คิดที่จะมีใครอีกแล้วนอกจากเนตั้น

"ฉันคงไม่เปลี่ยนใจง่ายๆ หรอกอาเซนเจอร์ ฉันเจอคนที่ฉันรักหมดหัวใจแล้ว"

อาเซนเจอร์ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เธอจำได้ว่าเนบิวลาเคยพูดเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนักจนลืมไปเสียแล้ว พอได้ยินอีกครั้งก็อดสงสัยไม่ได้ว่าคนที่เนบิวลาพูดถึงคือใครกันแน่ ดูท่าจะไม่ใช่คนที่เธอเคยเจอแล้วสิ

"ถ้าฉันพร้อมเมื่อไหร่ เดี๋ยวฉันจะพามาเปิดตัว รับรองว่า...ทุกคนต้องประหลาดใจอย่างแน่นอน ฉันขอตัวก่อนนะอาเซนเจอร์ ฉันต้องกลับไปหาคนรักของฉันแล้ว"

พูดจบเนบิวลาก็หันหลังแล้วก้าวฉับๆ เดินออกไปจากห้องประชุมอย่างรวดเร็ว ป่านนี้เนตั้นคงรอแย่แล้ว ปล่อยให้อยู่กับสตรอนเทียนานๆ ก็ชักเป็นห่วงเหมือนกัน แม้ว่าจะเป็นเพื่อนรักกัน แต่การที่สตรอนเทียแสดงความสนใจในตัวเนตั้นก็ทำให้เนบิวลาอดหวั่นใจไม่ได้

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

"เนตั้น...นี่อะไรเหรอ เหมือนกางเกงเลย แต่ทำไมมันสั้นอย่างงี้ล่ะ สั้นมากๆ ด้วย"

สตรอนเทียถามพร้อมกับหยิบเจ้ากางเกงประหลาดที่เนตั้นเอาไปตากไว้ตรงระเบียงห้องติดมาด้วย คนถูกถามเห็นแล้วก็ถึงกับอึ้งไปเหมือนกัน

"อ๋อ...ที่ดาวของฉันเรียกว่ากางเกงในน่ะ"

เนตั้นพูดได้คล่องขึ้นแล้ว อาการติดอ่างหายไปเกือบหมด ยังเหลือแต่อาการเพี้ยนเสียงอยู่บ้าง เพราะภาษาแม็กโซนั้นมีด้วยกันถึงเก้าเสียงที่แตกต่างกัน แต่สติ๊กเกอร์ฝังภาษานั้นก็ช่วยทำให้เนตั้นจดจำทั้งคำ ความหมายและวิธีการออกเสียงได้ค่อนข้างดี

เนตั้นลุกขึ้นจากที่นั่งหน้าจอทีวีแล้วก็รีบเดินเข้าไปหาสตรอนเทียด้วยท่าทางอายๆ บนดาวโลกไม่มีใครเอาของใช้ส่วนตัวอย่างนี้มาถือกันหรอก แต่พอจะขอคืนสตรอนเทียก็ไม่ยอมให้

"เดี๋ยวก่อนสิเนตั้น ฉันขอดูหน่อย แล้วกางเกงในมีไว้ทำอะไรเหรอ"

สตรอนเทียพูดพลางกางกางเกงในสีขาวของเนตั้นออกและเพ่งพินิจดูไปด้วย

เนตั้นเกาศีรษะแกรกๆ พร้อมกับสีหน้ายุ่งยากใจ แม้จะใส่มาตั้งแต่เด็กๆ แต่ก็ไม่เคยรู้เลยว่าหน้าที่ของมันจริงๆ คืออะไรกันแน่

"ก็...ใส่ข้างในไง ใส่ก่อนใส่กางเกง มันจะช่วย...เอ่อ..."

"อ๋อ...ฉันรู้แล้วว่ามันทำหน้าที่อะไร มันช่วยพยุงเจ้านี่ใช่ไหมล่ะ"

สตรอนเทียพูดพร้อมกับจิ้มไปที่ "เจ้านี่" ของตัวเอง เนตั้นพยักหน้ายอมรับแล้วก็ยิ้มเขินๆ

"เฮ้ย...ฉันว่ามันน่าสนใจนะเนตั้น ที่ดาวของเราไม่ได้คิดเรื่องนี้มาก่อนเลย ถ้าฉันผลิตกางเกงในแบบนี้ขายที่นี่ ฉันว่ามันต้องขายดีแน่ๆ พวกผู้ชายคงชอบ ฉันขอยืมกางเกงในของนายไปศึกษาได้หรือเปล่าเนตั้น ถ้าทำขายได้ ฉันจะให้เงินค่าลิขสิทธิ์กับนาย นายจะได้มีรายได้ไง อ้อ...นายไปช่วยฉันออกแบบด้วยก็ได้นะ นายจะได้มีอะไรทำ ได้เงินใช้ แล้วก็ไม่เหงาด้วย สนใจไหมเนตั้น"

แม้ว่าจะเขินๆ แต่พอได้ฟังความคิดของสตรอนเทียแล้วเนตั้นก็เกิดความสนใจไม่น้อยเลย ให้อยู่ในห้องนี้คนเดียวทุกวันไม่นานก็คงเฉาตาย เนตั้นเองก็คิดอยากจะหาอะไรทำอยู่พอดี แต่ก็นึกไม่ออกว่าบนดาวดวงนี้ตัวเองจะทำอะไรได้บ้าง ไปเรียนก็คงไม่ได้ ทำงานก็คงจะยากเพราะคนบนดาวนี้เก่งกว่าเนตั้นหลายเท่า แต่ถ้าเจ้ากางเกงในนี้จะช่วยให้เนตั้นมีอะไรทำแล้วยังมีรายได้ด้วยก็คงดี แถมยังมีกางเกงในเอาไว้ใช้เพิ่มขึ้นอีกด้วย แม้ว่ากางเกงที่นี่จะทำหน้าที่แทนได้แต่เนตั้นก็ยังไม่ค่อยชอบอยู่ดี

"ก็น่าสนใจนะสตรอนเทีย แล้วฉันต้องทำยังไงบ้าง"

"ก็ไม่ต้องทำอะไรมากหรอก เดี๋ยวฉันจะเอากางเกงในตัวนี้ไปให้หุ่นยนต์ที่โรงงานของฉันช่วยวิเคราะห์แล้วก็ออกแบบให้ ส่วนเนตั้นก็แค่ไปช่วยดูว่ามันโอเคไหม ใช่อย่างที่เขาใส่กันบนดาวโลกของนายหรือเปล่า แค่นั้นแหละ พอขายได้ฉันก็จะแบ่งค่าลิขสิทธิ์ให้นายไป ที่ดาวของเรานะ ค่าลิขสิทธิ์จะต้องจ่ายตลอดไป เป็นมรดกให้ลูกหลานของนายได้ด้วย"

"โห...น่าสนใจจังเลย" เนตั้นยิ้มนัยน์ตาเป็นประกายด้วยความหวัง

"ถ้างั้น...ฉันขอยืมกางเกงในของนายหน่อยนะ เดี๋ยวเอามาคืน"

เนตั้นพยักหน้าเห็นด้วย สายตาที่เป็นประกายมีความหวังนั้นทำให้อีกฝายหวั่นไหวไม่น้อย ถ้าผู้ชายคนไหนที่ชอบผู้ชายบนดาวนี้ได้เห็นเนตั้น ก็คงจะรู้สึกไม่ต่างกับสตรอนเทียในตอนนี้หรอก ผู้ชายอะไร น่ารักเป็นบ้าเลย ผิวขาวใสและแววตาซื่อไร้เดียงสานั้นทำให้สตรอนเทียแทบคลั่ง ถ้าไม่ติดว่าเพื่อนรักชอบคนๆ นี้อยู่ สตรอนเทียคงจะไม่รีๆ รอๆ อย่างนี้หรอก

เพียงไม่นานแววตาของเนตั้นก็ดูหม่นลง เห็นได้ชัดจนอีกฝ่ายอดสงสัยไม่ได้

"เป็นไรเนตั้น"

สตรอนเทียวางกางเกงในลงบนโต๊ะแล้วก็เดินมาจับไหล่ของเนตั้นไว้ แม้เพียงสัมผัสผ่านเนื้อผ้า กระแสไฟประหลาดก็วิ่งแล่นเข้าสู่กายของสตรอนเทียทันที

"เหงาเหรอ หรือว่าคิดถึงดาวโลก"

เนตั้นส่ายหน้าแทนคำตอบ รู้สึกประหม่าและขัดเขินที่สตรอนเทียจับไหล่ตัวเองไว้

"คิดถึงพ่อกับแม่หรือเปล่า"

เนตั้นส่ายหน้าอีก แม้ไม่อยากจะโกรธสตรอนเทียเพราะไม่รู้เรื่องอะไรด้วย แต่คำถามนี้ก็สะดุดใจมากทีเดียว

"หรือว่านายคิดถึง..."

แม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อออกมา สตรอนเทียก็พอจะเดาออกแล้วว่าใครคนนั้นที่เนตั้นกำลังคิดถึงเป็นใคร สตรอนเทียปล่อยมือทั้งสองข้างลงจากไหล่ของเนตั้น เอื้อมมือไปหยิบกางเกงในขึ้นมาแล้วก็ทำท่าจะเดินออกไป

"ฉันจะกลับแล้วนะเนตั้น เดี๋ยวเนบิวลามา กำลังจะมาถึงแล้วล่ะ"

ยังไม่ทันจะก้าวขา ประตูหน้าห้องก็เปิดออกพร้อมกับใครอีกคนที่ปรากฎตัวขึ้นมา คนที่จะเข้ามาในห้องนี้ได้อีกคนก็คงไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก

"เนบิวลา!"

เนตั้นอุทานอย่างดีใจเมื่อเห็นเจ้าของร่างที่แสนคิดถึงปรากฎขึ้นตรงประตู อาการดีใจนั้นทำให้ลืมสังเกตไปเลยว่ามีใครอีกคนที่สายตาหม่นเศร้าลง

"เนตั้น!"

เสียงจากใครอีกคนก็บ่งบอกความคิดถึงและห่วงหาไม่แพ้กัน ทันทีที่ประตูหน้าห้องปิดลง เนบิวลาก็รีบสาวเท้าเข้ามาหาอย่างไม่รอช้า พอถึงตัวก็รวบตัวเนตั้นมากอดไว้ในอ้อมแขนอย่างรักใคร่ แสดงความรักราวกับว่าไม่เห็นใครอีกคนยืนมองอยู่ใกล้ๆ ด้วยสายตาที่ยากจะบอกว่าคนมองกำลังรู้สึกหรือคิดอะไรอยู่

"ฉันคิดถึงนายมากเลยนะเนตั้น เป็นห่วงนายทุกลมหายใจเลยรู้เปล่า"

เนตั้นกอดตอบเบาๆ ตั้งแต่รู้จักกับเนบิวลามา ความรู้สึกว่าการกอดกับผู้ชายด้วยกันเป็นเรื่องแปลกก็ค่อยๆ หายไปจนไม่รู้สึกต่อต้านอีกแล้ว

"คิดถึงฉันหรือเปล่าเนตั้น"

เนบิวลาดันไหล่ของเนตั้นออกเล็กน้อยพร้อมกับจ้องมองดูใบหน้าใสนั้นอย่างหลงใหล แต่พอเห็นเนตั้นทำหน้าเหลอหลาพร้อมกับสายตาที่หันไปมองอีกทาง เนบิวลาจึงนึกได้ว่ามีใครอีกคนอยู่ด้วย พอได้สติก็เลยค่อยๆ ปล่อยเนตั้นออกแล้วหันไปยิ้มกับเพื่อนที่ยืนมองอยู่

"สตรอนเทีย ขอบคุณนายมากนะเพื่อนที่มาช่วยอยู่ดูแลเนตั้นให้ฉัน ไม่งั้นฉันคงไม่เป็นอันทำอะไรแน่ๆ เลย"

"ไม่เป็นไร"

รอยยิ้มเศร้าแว่บขึ้นมาให้เห็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ จากนั้นเจ้าตัวก็รีบกลบเกลื่อนด้วยการยิ้มกว้าง

"นายมาก็ดีแล้ว ฉันจะได้กลับเลย"

"อ้าว...ไม่กินอะไรด้วยกันหน่อยเหรอ"

สตรอนเทียรีบส่ายศีรษะ

"ไม่ดีกว่า ฉันอยากจะไปดูโรงงานฉันซักหน่อยว่าเป็นยังไงมั่ง"

"ฉันขอโทษนะเพื่อน รบกวนเวลาทำงานของนายแย่เลย" เนบิวลาบอกด้วยท่าทางเกรงใจ

"ไม่เป็นไร ฉันเต็มใจอยู่แล้ว อีกอย่าง...ถ้าเป็นเนตั้น นายจะให้ฉันช่วยอะไรที่เกี่ยวกับเนตั้นฉันยินดีทำให้ทุกอย่างเลยเพื่อน ไม่ต้องเกรงใจหรอก จะให้ช่วยอะไรอีกก็บอกละกัน"

แม้จะตงิดๆ ใจกับคำพูดนี้อยู่บ้าง เนบิวลาก็ยิ้มให้เพื่อนด้วยความรู้สึกขอบคุณจากใจจริง แล้วก็หุบยิ้มเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นสิ่งที่เพื่อนถือไว้ในมือ เนบิวลาขมวดคิ้วมองอย่างสงสัย

"นั่นของเนตั้นนี่ นายจะเอาไปทำอะไร"

"ถามเนตั้นดูเองละกัน ฉันต้องไปแล้ว ไปก่อนนะเนตั้น"

สตรอนเทียไม่ลืมที่จะหันไปร่ำลาพร้อมกับส่งรอยยิ้มให้กับหนุ่มน้อยที่ยืนฟังเพื่อนสองคนคุยกันด้วยท่าทางงงๆ และสงสัย จากนั้นก็รีบสาวเท้าฉับๆ เดินไปขึ้นยานส่วนตัวโดยไม่ยอมหันกลับมามองใครอีกเลยแม้แต่คนเดียว

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

นานเท่าไหร่แล้วที่เนตั้นแทบไม่ได้เห็นบรรยากาศที่คล้ายตะวันกำลังตกดินเหมือนดาวโลก ท้องฟ้าสีเขียวถูกอาบไปด้วยแสงสีแดงฉานของดวงอาทิตย์กลมโตที่กำลังจะตกดินดูสวยงามยิ่งนัก สีของมันอาจจะแปลกๆ ไปหน่อยแต่ก็ทดแทนกันได้ดีทีเดียว สิ่งที่แปลกก็คือดวงอาทิตย์ที่เห็นนั้นจะอยู่ตำแหน่งเดียวเสมอ ไม่เคลื่อนคล้อยไปไหนเลย

"ฉันชอบที่นี่มากเลยนะเนตั้น เราเรียกเกาะนี้ว่าเกาะคาทีโดรา แปลว่าเกาะที่จะทำให้เราง่วงนอน เกาะนี้อยู่ตรงเงามัวเหนือแนวเส้นศูนย์สูตรขึ้นมาหน่อย นายเห็นไหม มองไปทางซ้างนายจะเห็นท้องฟ้ามืดเป็นสีดำ เห็นดาวด้วย แต่ถ้ามองไปทางขวาก็จะเห็นท้องฟ้าสีเขียวสว่างสดใส แล้วนายเห็นไหม ข้างหน้าของเรา...ทะเลก็มีสองสี ตรงฝั่งเงามืดทางซ้ายก็เป็นสีดำ ส่วนทางขวาก็เป็นสีน้ำเงินอ่อนๆ"

ในขณะที่บรรยายเนตั้นก็คอยมองตามไปด้วย สีหน้าดูมีความสุขมากขึ้น เกาะคาทีโดรานั้นอยู่ไกลจากที่พักนับหมื่นกิโลเมตร แต่ยานส่วนตัวก็พามาถึงที่นี่ได้ในระยะเวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น

"หนาวมากเลย"

เนตั้นบอกพลางทำตัวสั่นๆ

"จริงด้วยสิ ฉันก็ลืมไปว่าที่นี่อากาศเย็นกว่าที่เราพักอยู่"

เนบิวลาถอดเสื้อคล้ายๆ สูทของตัวเองออกมาแล้วก็ส่งให้เนตั้น เจ้าตัวรับมาด้วยสีหน้าเกรงใจเพราะกลัวอีกคนจะหนาวเหมือนกัน

"แล้วนายไม่หนาวเหรอ"

เนบิวลาส่ายศีรษะพร้อมกับยิ้มจางๆ จากนั้นก็เขยิบมายืนประชิดตัวพร้อมกับช่วยสวมเสื้อสูทให้เนตั้นอย่างเบามือ สัมผัสที่แตกต่างจากคนอื่นๆ นั้นทำให้เนตั้นรู้สึกได้ถึงความรักความห่วงใยที่อีกฝ่ายมีให้ แม้จะไม่รู้ว่ามากเท่าไหร่ แต่ก็มากพอที่จะทำให้รู้สึกอบอุ่นใจได้อย่างที่ไม่เคยได้จากใครมาก่อน นี่ก็คือสิ่งที่เนบิวลาทำให้อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะตอนที่อยู่บนยานด้วยกัน จนทำให้เนตั้นเกือบเผลอใจไปหลายครั้ง

"แค่นี้ไม่หนาวสำหรับฉันหรอก นายรู้ไหมว่าฤดูหนาวที่แม็กโซนาเดียหนาวมากขนาดไหน มันหนาวขนาดที่ว่าทะเลเกือบทั้งทะเลกลายเป็นน้ำแข็งได้เลย อีกสองสามเสี้ยวฤดูก็จะถึงฤดูหนาวแล้ว เดี๋ยวนายก็จะได้รู้แล้วล่ะว่ามันหนาวขนาดไหน แต่ไม่ต้องกลัวหรอก หนาวยังไงก็มีวิธีทำให้อยู่ได้"

"ทำยังไงเหรอ" เนตั้นถามอย่างพาซื่อ

"ทำอย่างนี้ไง"

พูดจบเนบิวลาก็สวมกอดเนตั้นไว้จากทางด้านหลัง เนตั้นดูจะตกใจนิดๆ แต่ก็ไม่มีทีท่าขัดขืนหรือดิ้นรนที่จะหนีแต่อย่างใด

"แล้วมีหิมะหรือเปล่า ฉันอยากเห็นหิมะ ฉันไม่เคยเห็นหิมะเลย"

เนตั้นหันมาถามอย่างตื่นเต้น พอเห็นใบหน้าอีกคนอยู่ใกล้แค่ปลายนิ้วกั้นก็รีบหันหนี เนบิวลารู้สึกเอ็นดูจนอดยิ้มไม่ได้

"มีสิ ถ้านายอยากเห็นหิมะนะ ฉันพานายไปเที่ยวทางซีกมืดของแม็กโซนาเดียก็ได้ แต่เอาไว้คราวหลังนะ ฉันไม่ได้เตรียมเสื้อกันหนาวหนาๆ มา ไปแบบนี้มีสิทธิ์ถูกแช่แข็งตายเลย"

"มันหนาวขนาดนั้นเลยเหรอ"

"ใช่สิ นายลองคิดดูนะ ขนาดอยู่ตรงเงามัวยังหนาวขนาดนี้ ถ้าไปตรงเงามืดจริงๆ จะหนาวขนาดไหน ว่าแต่นาย...หนาวมากหรือเปล่า จะให้ฉันกอดแน่นๆ กว่านี้อีกไหม"

"ไม่เอา หายหนาวแล้ว" เนตั้นรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน หน้าแดงด้วยความเขินอาย

"นายนี่ก็น่ารักดีนะเนตั้น" เนบิวลาหัวเราะอย่างเอ็นดู

"ไปเดินเล่นตรงชายหาดกันไหม"

เนบิวลาชี้ชวน เนตั้นพยักหน้าตกลงอย่างว่าง่าย ธรรมชาติบนดาวดวงนี้สวยงามและบริสุทธิ์มาก แทบจะไม่มีมลพิษเลยจนหายใจได้อย่างโล่งสบาย แต่ก็ยังพอมีมลพิษที่หลงเหลือมาจากคนรุ่นเก่าๆ ที่เทคโนโลยียังไม่ทันสมัยเท่าตอนนี้หลงเหลืออยู่บ้าง แม้ว่าจะผ่านมานับพันๆ ปีแล้ว

ทุกวันนี้ที่ดาวแม็กโซนาเดียไม่มีรถ ไม่มีถนน เพราะไม่มีความจำเป็นต้องใช้ พลังงานที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ รวมทั้งพลังงานนิวเคลียร์แบบพิเศษที่ได้จากก๊าซออกซิเจน ไนโตรเจนและไฮโดรเจนที่มีอย่างเหลือเฟือทั่วทั้งจักรวาล

มีหลายคำถามและความสงสัยเหลือเกินที่เนตั้นอยากจะถามและพูดคุยกับคนข้างๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุใด เนตั้นกลับไม่อยากพูดเรื่องเหล่านั้นขึ้นมาให้เสียบรรยากาศ

สองหนุ่มก้าวผ่านพงหญ้าลงมาตามเนินจนกระทั่งถึงชายหาด ลมทะเลที่พัดมากระทบผิวกายทำให้อากาศหนาวเย็นยะเยือกจนเนตั้นตัวสั่น

"หนาวเหรอ"

เนบิวลาถามอย่างเป็นห่วงเพราะเดาไม่ออกว่าเนตั้นรู้สึกหนาวขนาดไหนกันแน่ ถ้าหนาวมากเกินไปก็จะได้พากลับไปก่อน

เนตั้นหันมาพยักหน้ายอมรับตามตรง ตอนอยู่บนเนินนั้นมีแนวต้นหญ้าช่วยกันลมไว้จึงไม่ค่อยหนาวมาก แต่พอปะทะกับแรงลมตรงๆ แล้วก็แทบจะตัวสั่นงันงกเลยทีเดียว

"เอาเสื้อฉันไปอีกตัวไหม ฉันไม่หนาวหรอก อากาศแบบนี้ถือว่ากำลังเย็นสบายสำหรับฉัน"

เนบิวลาไม่รอให้เนตั้นตอบ รีบถอดเสื้อที่น่าจะพอเรียกได้ว่าเป็นเสื้อเชิ๊ตออกจากร่างกาย เหลือแต่ท่อนบนที่เปล่าเปลือย เนตั้นแว่บมองอกแกร่งแล้วก็หันไปทางอื่นโดยเร็วเพราะกลัวใจตัวเองจะหวั่นไหวมากไปกว่านี้

"นายถอดสูทออกก่อนแป๊บนึง"

เนตั้นรีบทำตามอย่างว่าง่าย จากนั้นเนบิวลาก็ช่วยสวมเสื้อเชิ๊ตทับกับเสื้อตัวเดิมของเนตั้น กลิ่นกายที่ติดมากับเสื้อนั้นทำให้เนตั้นรู้สึกปั่นป่วนใจไม่น้อยเลย เสร็จแล้วเนบิวลาก็สวมเสื้อสูททับลงมาอีกชั้น ช่วยให้อบอุ่นขึ้นมาได้อีกหน่อย

"ขอโทษนะเนตั้น ฉันก็ลืมคิดไปว่ามันหนาวมากสำหรับนาย" หนุ่มตาคมทำหน้ารู้สึกผิด

เนตั้นหันมาเผชิญหน้ากับเนบิวลาตรงๆ พยายามกะพริบตาถี่ๆ ไม่ให้น้ำตานั้นรินไหลลงมา ทุกครั้งที่เนบิวลาคอยดูแลเป็นอย่างดี เนตั้นก็มักจะรู้สึกตื้นตันใจเสมอๆ ความรู้สึกโหยหาความอบอุ่นจากใครสักคนนั้นทารุณร้ายกาจเกินกว่าที่คนไม่เคยมีประสบการณ์จะเข้าใจได้

เนตั้นโผเข้ากอดคนตรงหน้าตามสัญชาตญาณที่เรียกร้องหาสิ่งที่ขาดหายไป หนุ่มตาคมกอดตอบด้วยสัมผัสที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่และห่วงใย อยู่กับเนตั้นมาสักพักก็เริ่มจะเข้าใจแล้วว่าตอนนี้คนในอ้อมแขนกำลังรู้สึกอะไรอยู่

"ฉันจะดูแลนายเองนะเนตั้น นายไม่ต้องกลัวนะ ไม่ว่านายจะร้อนหรือหนาว จะสุขหรือทุกข์ ฉันก็จะไม่ทิ้งนายไปไหน จำไว้นะเนตั้น"

ใจคนไม่แกร่งเท่าหินผา ต่อให้ไม่แน่ใจว่ารักก็ยังไม่แน่เสมอไปว่าจะไม่หวั่นไหว เนตั้นก็ตอบตัวเองไม่ได้หรอกว่าจะต้านทานความรู้สึกบางอย่างที่เริ่มก่อตัวขึ้นมาได้อีกนานแค่ไหน

"ฉันไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิตของฉันดีน่ะเนบิวลา ฉันสับสนมาก บางที...ฉันก็อยากกลับดาวโลก บางที...ฉันก็อยากจะตายๆ ไปซะให้รู้แล้วรู้รอด ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่ทั้งๆ ที่ฉันก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ไปทำไม ฉันเป็นอะไรไม่รู้เนบิวลา จิตใจของฉันไม่ดีเลย ฉันรู้สึกเหมือนคนหลงทางไม่รู้จะไปทางไหน"

เนตั้นกอดเนบิวลาไว้แน่น ซบหน้าลงกับแผงไหล่ที่กว้างแกร่งแล้วก็สะอื้นไห้ เนบิวลาเคยเห็นคนมีอาการแบบนี้บ่อยๆ จากคนที่มาจากดาวดวงอื่นที่มาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ไม่มีใคร ไม่รู้จักใคร ทุกอย่างแปลกไปจากความคุ้นเคยจนปรับตัวไม่ไหว บางคนทนไม่ได้จนฆ่าตัวตายไปเลยก็มี นี่แหละคือสิ่งที่เนบิวลากลัวมากที่สุดว่าจะเกิดกับเนตั้น

"เนตั้น...ถ้านายสามารถกลับไปที่ดาวโลกของนายได้อีกครั้ง นายจะกลับไปหรือเปล่า"

แม้จะเป็นคำถามที่ไม่อยากถาม จะว่าไปก็ไม่อยากแม้แต่จะคิดด้วยซ้ำ แต่ถ้ามันจำเป็น ถ้าเนตั้นทนไม่ไหวจริงๆ เนบิวลาก็คงไม่สามารถทนเห็นเนตั้นทุกข์ทรมานจากอาการซึมเศร้าได้

"ว่าไงล่ะเนตั้น ถ้านายกลับไปที่ดาวโลกได้อีกครั้ง นายจะกลับไปหรือเปล่า หรือว่านายจะอยู่กับฉันที่นี่"


น้ำตาของเนบิวลาค่อยๆ รินไหลลงมา เมื่อรู้ว่าคนในอ้อมกอดกำลังเผชิญกับชะตากรรมอะไรอยู่ก็อดที่จะกลัวและสะเทือนใจไม่ได้

"ฉัน..."

เนตั้นเองก็ยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัด แม้จะกลับไปที่โลกเดิมที่เต็มไปด้วยสิ่งที่คุ้นเคย แต่ชีวิตที่นั่นก็อ้างว้างเดียวดายพอๆ กับที่นี่ แต่ครั้นจะอยู่ที่นี่ เนตั้นก็มองไม่เห็นอนาคตของตัวเองเลยว่าจะไปทางไหน

หรือว่าจะมีเพียงทางเลือกเดียวเท่านั้นที่ดีที่สุดสำหรับเนตั้น!!!

TBC


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-02-2016 08:40:34 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ Alice111

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
เนตั้นจะตัดสินอย่างไรนะ...... :mew6: :mew6:มันค้างมากมากเลยคะ
อยากให้เนตั้นอยู่กับเนบิลล่านะ เพราะว่าเนบิลล่าอุตสาเลิกกัแฟนเพื่อนายแล้วนะ  :katai1:

เป็นกำลังใจให้คนแต่งคะ... :L2: :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

 :L2: :pig4:
เป็นกำลังใจด้วยอีกคน

ออฟไลน์ =นีรนาคา=

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +296/-6
เนตั้นที่กำลังสับสน ทำให้แอบกลัวคำตอบจัง
อยู่ที่นี่กับเนบิวลาเถอะนะ
 :mew2:

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    คำถามที่ตอบยากเพราะเนตั้นเพิ่งไปถึงไม่นานเอง เนบิวล่าใจร้อน
   เนตั้นก็ย้อนถามสิ ถ้าไปอยู่ดาวโลกกับเนตั้น เนบิวล่าจะไปอยู่ด้วยรึป่าว ๕๕๕ 
     รอ รออ่านตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เป็นคำถามที่ตัดสินใจยากจริงๆ สำหรับเนตั้น อีกใจเนตั้นก็อยากจะอยู่กับเนบิวลาแน่ๆ
ถึงกลับไปโลกก็ใช่ว่าจะดีกับเนตั้นเอง เพราะใครๆ ก็ดูเหมือนจะรังเกียจที่เนตั้น
มีแม่เป็นคนพิการทางสมองแบบนี้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด