•HANDSOME GHOST•
พิเศษ[3] - Feeling
“น้องดีน.... มาทำไรที่นี่หละ”
“น้องดีนครับ”
“น้องดีน !” สัมผัสอบอุ่นวางลงบนแขนของผม ผมเงยหน้าขึ้นมองทันที
“พี่ม่อน .... ฮึก ฮือออออออออ”ผมปล่อยโฮออกมาจนพี่ม่อนตกใจ เขาดึงผมไปกอดเอาไว้แล้วพูดปลอบโยนผมต่างๆนาๆ
ผู้ชายคนนี้อีกแล้ว เขาปกป้องผมอีกแล้ว ความอบอุ่นที่โอบรอบตัวผมนี่มันรู้สึกดีขนาดนี้เลยหรอ
“ไหน... ร้องไห้ทำไมครับ”เขาทำน้ำเสียงทุ้มคล้ายกับจะดุผมที่ผมร้องไห้งอแงเป็นเด็กๆ แต่แววตาอบอุ่นที่ผมมองผ่านม่านน้ำตานั่นกลับปลอบประโลมผมเป็นอย่างดี ผมส่ายหน้าตอบไป อธิบายตอนนี้ไม่ได้จริงๆ
สุดท้ายผมเลยได้แต่นั่งจับมือหนาเอาไว้ รอการเงินเรียกชื่อจ่ายเงิน แล้วก็นั่งจับมือเขาเพื่อรอรับยา เมื่อได้รับยาแล้วเขาถึงยื่นมือมาให้ผมจับไว้อีกรอบ แล้วจูงมือผมเดินมาที่รถเขา
“เป็นอะไรหละ มาหาหมอได้ พี่นึกว่าเราไม่ชอบโรงพยาบาลซะอีก”เขาถามทันทีที่เราเข้ามานั่งอยู่ในรถ
“ก็ จากวันนั้นผมยังไม่หายเลยครับ สภาพผมก็เลยโทรมแบบนี้แหละ เพื่อนเลยพาผมมาหาหมอครับ แต่แฟนมันมาตามกลับไปซะก่อน ผมเลยต้องนั่งอยู่คนเดียว กำลังโดนวิญญาณรุมทึ้งเลยครับ บางตนก็อยากให้ผมช่วย บางตนก็อยากเอาผมไปเป็นตัวตายตัวแทน”
“ก็เลยนั่งร้องไห้อยู่แบบนั้น ? ถ้าไม่เจอพี่จะทำไงเนี่ย หื้ม”เขาทำหน้าเหมือนจะดุผมอีกแล้ว แต่สายตาอบอุ่นนั่นกลับดูเป็นห่วงเป็นใยผม
“ไม่รู้ครับ... ว่าแต่พี่มาหาหมอหรอ ไม่สบายหรอครับ ?”
“อืม พี่เครียดนิดหน่อย”สีหน้าที่เขาตอบกลับมาดูเครียดอย่างที่ว่าจริงๆ ดูโทรมไปนิดหน่อย แต่ก็ยังหล่อมากๆอยู่ดี
“เครียด เรื่องอะไรครับ...?”
“ไม่มีอะไรมากหรอก ปะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง หรือจะไปค้างห้องพี่ไหม จะได้นอนหลับสบายๆซักคืน ดูท่าว่าจะไม่ได้นอนมาหลายคืนแล้วสิ” พี่ม่อนสตาร์ทรถ และยังไม่ทันที่ผมจะตอบอะไร เขาก็ขับรถออกมาจากโรงพยาบาล แล้วมุ่งตรงไปที่คอนโดของเขาทันที
“อะ ถึงแล้ว.... เห้ยพี่ลืมไปเลย เรามีเสื้อผ้าเปลี่ยนรึเปล่า ?”พี่ม่อนพูดทันทีที่เรามาจอดรถในคอนโดของเขา ผมเองก็ไม่กล้าทักท้วงอะไร เพราะอยากมาที่นี่เหมือนกัน จะได้หลับสนิทซักคืนแบบที่พี่เขาบอก
“ไม่มีอะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอก ใส่ชุดนิสิตพี่ก็ได้”แล้วเราก็ลงจากรถ พี่ม่อนยื่นมือมาให้ผมจับไว้อีกครั้ง แล้วพาผมเดินเข้าไปข้างในคอนโด ผมได้แต่เดินก้มหน้า พยายามไม่มองไปที่มือหนาที่จับมือผมไว้อยู่ ครั้งนี้พอสติอยู่ครบ100%มันทำให้รู้สึกเขินยังไงก็ไม่รู้
“หิวไหม พี่ไม่ได้ซื้อกับข้าวอะไรไว้เลยนะ”
“นิดหน่อยครับ ผมยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย พี่ม่อนกินรึยังครับ ?”
“ยังไม่ได้กินเหมือนกันครับ งั้นเดี๋ยวพี่ทำต้มจืดกับข้าวผัดให้กิน”
“ครับ”
“หรืออยากอาบน้ำก่อนไหม ?”
“กินข้าวก่อนก็ได้ครับ”
แม่งจะดูแลดีไปไหนวะ เขินจะแย่อยู่แล้ว
“ให้ผมช่วยไหมครับ ผมพอจะหั่นผักเป็นบ้าง” ผมพูดขึ้นในขณะที่พี่ม่อนหยิบผ้ากันเปื้อนมาใส่ ดูเป็นพ่อบ้านที่ดูดีๆคนหนึ่งเลย
“อะ ระวังมีดด้วยนะ ยิ่งดวงตกอยู่ด้วย”เขายื่นอุปกรณ์พร้อมกับหอมหัวใหญ่ กระเทียม ต้นหอม ผักกาดขาว และเต้าหู่ไข่ มาให้ผม ผมรับมาแล้วเริ่มหั่น หั่นเสร็จก็ส่งให้เขา พี่ม่อนหยิบไปใส่หม้อใส่กระทะอย่างชำนาญ
กับข้าวเสร็จแล้ว เป็นข้าวผัดหน้าตาธรรมดาๆ กับต้มจืดที่ดูจืดสมชื่อ แต่กลับรู้สึกถึงความอบอุ่น รู้สึกถึงความสบายใจแทน ราวกับว่าเราดูแลกันและกันอะไรทำนองนั้น
ฮ่าๆ พูดอย่างกับพวกข้าวใหม่ปลามันงั้นแหละ ผมคงจะไม่ได้เผลอชอบผู้ชายที่เจอกันแค่สองครั้งหรอกมั้ง
“กินเยอะๆนะ พี่มั่นใจฝีมือพี่ว่าทำอร่อย” พี่ม่อนยิ้มหล่อให้ผมอีกครั้งแล้วลงมือกินข้าวผัดตรงหน้า ผมพยักหน้ารับแล้วกินข้าวผัดบนจานของตัวเองบ้าง มันก็อร่อย แต่เป็นรสชาติธรรมดาๆที่เราหากินได้ทั่วไป
แต่น่าแปลกที่วันนี้ผมสามารถกินข้าวหมดจานได้ ทั้งๆที่หลายวันมานี้ผมกินได้น้อยมาก และคนตรงหน้าก็น่าจะเป็นเหมือนกันมั้ง จานที่เคยมีข้าวผัดตอนนี้ว่างเปล่าไปแล้ว ต้มจืดก็เหลือแค่ซากแครอทง่อยๆ
“จะช่วยพี่ล้างจานรึเปล่า?”พี่ม่อนพูดพร้อมกับเก็บจาน ผมพยักหน้า พยายามกลั้นยิ้มเพราะรอยยิ้มของคนตรงหน้ามันช่างดูดีซะเหลือเกิน
เราช่วยกันล้างจานจนเสร็จ เขาหันมายิ้มให้ผม ก่อนจะจ้องหน้าผมนิ่ง แล้วยกมือหนาขึ้นมาปาดบริเวณใต้ตาดำคล้ำของผม
“ฟอง...”
เออ ก็แค่ฟอง ทำไมต้องเขินขนาดนี้ด้วยวะ แล้วพี่ม่อนจะยิ้มทำไมวะ แม่งงงงง
“ไปอาบน้ำกันเถอะ”พูดพร้อมกับดึงมือผมไปด้วย...
“เอ่อ....ม... ไม่ต้องจับมือก็ได้ครับ”
“อ้าวหรอ โทษที หึหึ”แล้วทำไมต้องหัวเราะหึหึด้วยเล่า แค่นี้ก็ทำผมเขินจะแย่แล้วนะ
ผมเข้าไปอาบน้ำโดยที่มีเสื้อผ้าที่พี่ม่อนเตรียมไว้ให้เข้ามาด้วย อาบเสร็จก็เปลี่ยนในห้องน้ำแล้วออกมาเลย ชุดที่ผมใส่เป็นชุดนอนโปร่งๆ สบายๆ พี่ม่อนเข้าไปอาบต่อ ไม่นานก็ออกมา แต่ก็มีแค่ผ้าเช็ดตัวที่พันเอวผืนเดียว อวดหุ่นสวยราวกับรูปปั้นเทพกรีก ผมพยายามหันหน้าเข้าผนังห้อง พยายามไม่มองว่าพี่ม่อนเปลี่ยนเสื้อผ้ายังไง ก็มันเขินหนิ
“ไหน ดูดวงให้พี่บ้างสิ”แล้วพี่ม่อนในชุดนอนคล้ายๆผมก็นั่งลงบนเตียง ยื่นมือหนามาตรงหน้าผม ผมลุกขึ้นแล้วจับมือนั่นไว้ พยายามตั้งสมาธิเพื่อมองอะไรซักอย่าง แต่สายตาอบอุ่นที่ยังคงจ้องผมอยู่ก็ทำผมเสียสมาธิไปซะดื้อๆ
“อย่าจ้องผมดิ ขอสมาธินิดนึง”ผมก้มหน้าหลบสายตา
“ทำไมหละ”ใบหน้าหล่อของคนตรงหน้าเอียงคอพยายามมองตาผมราวกับสงสัย แต่ติดที่ดูขี้เล่นเนี่ยสิ นี่แกล้งกันรึเปล่าวะ รู้ว่าตัวเองหน้าตาดีก็จะแกล้งคนอื่นไปทั่วแบบนี้หรอ
“พี่ม่อนหลับตาก่อน”พูดจบเขาก็หลับตา ผมก็หลับตาแล้วตั้งสมาธิอีกครั้ง
ผมเห็นภาพผู้หญิงคนหนึ่ง กำลังนั่งอยู่บนเตียงแล้วก็มีผู้ชายมานั่งข้างๆ จากนั้นพวกเขาก็......
ผมอึ้ง พูดไม่ออก พยายามกลืนก้อนแข็งๆลงในคอ “พี่ม่อนอยากดูเรื่องอะไรก่อนครับ” พยายามจะเบี่ยงไปประเด็นอื่น
“ความรัก” แต่เหมือนพี่ม่อนเองก็อยากรู้เรื่องนี้เหมือนกัน
“ผม....”
“น้องดีนเห็นอะไรครับ ?”เสียงเขานิ่งไปแล้ว ผมเงยหน้ามองเขา แววตาอบอุ่นดูหมองหม่นลงไปอย่างเห็นได้ชัด
“ผมพูดได้รึเปล่า ?”ไม่รู้ว่าพูดไปแล้ว คนตรงหน้าผมจะเสียใจรึเปล่า ไม่รู้ว่าพูดไปแล้วเขาจะรู้สึกยังไง
“พูดได้ทุกเรื่องครับ”เขาส่งยิ้มที่ราวกับคนหมดแรงมาให้ผม เป็นยิ้มที่เศร้าจริงๆ
“แฟนพี่.....กำลังนอกใจพี่ครับ”เกิดความเงียบขึ้น
“หึ”พี่ม่อนเพียงแค่หัวเราะในลำคอ ใบหน้าหล่อดูเจ็บปวด
“พี่จะไม่เชื่อก็ได้นะครับ มันก็แค่ดวงหนะ ฮะๆ”ผมพยายามหัวเราะ พยายามยิ้มปลอบคนตรงหน้า พี่ม่อนหันมามองผม ก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบหัวผม
“พี่เชื่อเรานะ.... เพราะตอนนี้แฟนพี่เขาก็เปลี่ยนไปจริงๆ อีกอย่าง พี่ไม่เคยบอกเราเลยว่าพี่มีแฟนแล้ว แต่น้องดีนก็รู้ว่าพี่มีแฟนแล้ว แถมยังรู้อีกว่าแฟนพี่กำลังนอกใจ สุดยอดอะ แม่นใช้ได้เลย”พี่ม่อนพยายามเปลี่ยนประเด็น พยายามยิ้ม แต่ผมกลับยิ้มไม่ออก ภาพที่ผมเห็นมันชัดเกินไป และผมก็เป็นห่วงความรู้สึกของคนตรงหน้ามาก พี่ม่อนจะเสียใจรึเปล่านะ ผมคิดถูกรึเปล่าที่บอกเขาไปแบบนั้น
ปึ้ก ! แรงปะทะด้านข้างทำเอาผมขมวดคิ้ว
พี่ม่อนถือหมอนไว้ในมือ ก่อนจะฟาดลงมาที่ผมอีกครั้ง “ไม่ต้องเครียด พี่ยังไม่เครียดเลย” เขาบอกไม่เครียด แต่ดูแววตาเศร้าๆนั่นดิ ต่างกับตอนก่อนหน้านี้ชัดเจนเลย ผมหยิบหมอนของตัวเองขึ้นมาบ้าง
ปึ้ก !
ปึ้ก ! ปึ้ก ! ปึ้ก ! ปึ้ก ! ปึ้ก ! ปุ้ก ! ปั้ก !
มันกลายเป็นสงครามหมอนไปได้ยังไงเนี่ย เราฟาดกันไม่ยั้งมือ ผมลุกขึ้นแล้วฟาดหมอนไปเต็มๆใบหน้าหล่อๆนั้น แล้วเอี้ยวตัวหลบหมอนจากคนตรงหน้าที่ฟาดมาเช่นกัน แต่ผมก็โดนไปเต็มๆอยู่ดีๆ เราหัวเราะ ใช่ อยู่ดีๆเราก็หัวเราะ สนุกกับการเล่นแบบเด็กๆ ผมมองเข้าไปที่แววตาอบอุ่นนั่นอีกครั้ง กลับมาแล้ว แววตาอบอุ่นของผม
ปึ้ก !!
“อ้าว/อ้าว”เสียงเราสองคนอุทานพร้อมกัน เพราะหมอนใบที่พี่ม่อนใช้ฟาดผมเกิดแตกออก นุ่นนุ่มๆหลุดออกมาเกือบหมด พี่ม่อนจึงโกยนุ่นยัดเข้าไปในหมอนเหมือนเดิม แล้วโยนหมอนลงไปข้างๆเตียง
“นอนกันเถอะ”
“แต่....มีหมอนแค่ใบเดียวเองนะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า”พูดจบพี่ม่อนก็ล้มตัวลงนอน ขยับถอยเล็กน้อยเพื่อให้เหลือพื้นที่สำหรับผม
พอผมลงไปนอนบ้าง ไหล่ของผมก็เกยอยู่บนไหล่แข็งๆของพี่ม่อนไปแล้ว ผมเลยต้องหันหลังให้พี่ม่อนแล้วนอนตะแคงข้างแทน ยกแขนสองข้างที่ไม่รู้จะเอาไปวางไว้ตรงไหนขึ้นมากอดอกไว้
“ไม่ต้องจับมือนอนหรอครับ”พี่ม่อนเอ่ยถามขึ้นมาท่ามกลางความมืด
“ม..ไม่ต้องก็ได้มั้งครับ”
“อ่า...”
แล้วห้องก็เงียบไป มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศเท่านั้นที่ยังคงดังอยู่ ผมพยายามข่มตานอน จนหลับลงไปในที่สุด
“ปืนจะไปไหนคะ”เสียงใสดังขึ้นมา ภาพของหญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ เธอเอ่ยถามกับคำที่กำลังจะเดินออกจากประตูไป
“ไปอ่านหนังสือกับเพื่อน” ผู้ชายคนนั้นหันกลับมาตอบ ผมรู้สึกคุ้นหน้ามาก แต่ดันนึกไม่ออกว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร แล้วเขาก็เดินออกไปเลย ทิ้งให้ผู้หญิงนั่งกำมือแน่น ก่อนที่เธอจะร้องไห้ออกมาจนหนังสือของเธอเปียกชุ่ม
แล้วอยู่ดีๆผมก็รู้สึกเหมือนผู้หญิงคนนั้น รู้สึกว่าตัวเองกำลังเศร้ามากๆ อยู่ดีๆน้ำตาก็ไหลลงมาในขณะที่ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนมองเธอร้องไห้อยู่แบบนั้น
“น้องดีน !! ร้องไห้ทำไมครับ ?”เสียงพี่ม่อนปลุกผมให้ตื่นขึ้น ผมจับหางตาตัวเองก็พบว่าน้ำตาผมไหลจริงๆ มันเศร้ามาก ความรู้สึกราวกับว่าเป็นความรู้สึกของผู้หญิงคนนั้น เจ็บปวด อึดอัด ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ร้องไห้แบบคนโง่
“ผมฝันแปลกๆครับ ฮึก”
“บอกแล้วให้จับมือนอน มานี่มา”แล้วพี่ม่อนก็ดึงผมเข้าหาเขา สอดแขนหนาไว้ใต้คอผม ผมขยับเข้าหาอ้อมกอดอุ่นแล้วร้องไห้ออกมาอีกครั้งโดยที่มีอ้อมกอดของพี่ม่อนคอยปลอบประโลม จนเราทั้งสองคนหลับไปอีกครั้ง
อบอุ่นจัง
ผมตื่นเอาตอนใกล้เช้า รู้สึกว่าฟ้ายังไม่สว่างเลย แถมผมก็ยังอยู่ในอ้อมกอดอุ่นๆเหมือนเดิม เงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังหลับอยู่แล้วรู้สึกว่าใจเต้นแปลกๆ มันเรื่องปกติรึเปล่าที่ผู้ชายสองคนจะมานอนกอดกันอยู่แบบนี้ ผมไม่รู้ใจเขาหรอก แต่ผมว่าผมรู้ใจตัวเองนะ
“ตื่นแล้วหรอ ยังไม่สว่างเลย” อยู่ๆเขาก็ลืมตาแล้วก้มลงมามองผม หน้าเราเลยห่างกันแค่ปลายเส้นผม ผมมองใบหน้าหล่อที่ยังคงหล่อแม้ว่าจะพึ่งตื่นนอนก็ตาม “จะขยับออกไหม อึดอัดรึเปล่า”เขายังคงพูดต่อ ใกล้ขนาดนี้ยังไม่มีกลิ่นปากเลย กลับเป็นกลิ่นกายที่ทำให้รู้สึกหอมมากกว่า
ผมจะขยับออกดีไหมนะ มันเป็นความรู้สึกสบายใจ อบอุ่น เหมือนเราได้รับการปกป้องจากคนที่ไว้ใจได้
ไม่อยาก.... ไม่อยากขยับออก อยากอยู่ในอ้อมกอดนี้ไปนานๆ
ผมเงยหน้ามองเขาอีกครั้ง ส่ายหน้าเล็กน้อยพร้อมกับสายตาเว้าวอน
เขายิ้มให้ผม “ไม่อยากขยับออกก็นอนแบบนี้แหละ” เขาหลับตาลง และยังคงไม่หุบยิ้ม “พี่ก็ชอบให้เป็นแบบนี้เหมือนกัน”
………………………………….
ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งในตอนเกือบ10โมง ผมมีเรียน 11 โมง เป็นการนอนที่เต็มอิ่มมาก ผมรู้สึกว่าได้นอนไปเกือบสิบสองชั่วโมง ตื่นมาจึงสดชื่นมาก พอบิดขี้เกียจเสร็จก็หันหน้าไปทางตู้เสื้อผ้า ซึ่งเจ้าของห้องกำลังอยู่ในสภาพที่มีแค่กางเกงในตัวเดียว ยืนหันหลังแล้วรีดชุดนักศึกษาอยู่
“อ้าว ตื่นแล้วก็รีบไปอาบน้ำครับ เดี๋ยวต้องกินข้าวก่อนไปเรียนด้วยนะ มีเรียน11โมงไม่ใช่หรอ”เขาทักผมโดยที่ไม่มีท่าทีขัดเขินอะไร ต่างกับผมที่ตอนนี้หน้าร้อนราวกับถูกไฟเผา
ก็ผู้ชายที่ใส่กางเกงในตัวเดียวอวดหุ่นสวยงามตั้งแต่หัวจรดเท้า กำลังยืนรีดชุดนักศึกษาอยู่ ดาเมจมันโคตรแรง หัวใจผมเต้นรัวราวกับปืนกล หน้าคงแดงจนเห็นได้ชัดเลยละมั้ง
“พี่รู้ได้ไงครับว่าผมมีเรียนกี่โมง”
“ก็โทรศัพท์เราตั้งหน้าจอล็อคเป็นรูปตารางเรียนขนาดนั้น เอ้าเร็วสิ พี่รีดชุดไว้ให้แล้วนะ ใส่ชุดนี้ไปเรียน แต่งตัวเสร็จก็รีบออกมากินข้าว”เขาพูดไปในขณะที่ตัวเองก็หยิบเสื้อเชิตสีขาวกับกางเกงแสล็คสีน้ำเงินเข้มขึ้นมาใส่ ผมมองจนเขาออกจากห้องนอนไป แล้วผมก็เข้าไปอาบน้ำ ผ้าเช็ดตัวก็ผืนที่ผมใช้เมื่อวาน ส่วนแปรงฟันก็อันเดิมของเมื่อวานที่พี่ม่อนแกะของใหม่ให้
อาบเสร็จก็ออกมาแต่งตัว หยิบเสื้อนักศึกษาสีขาวที่ดูเรียบกริบกับกางเกงแสล็คสีดำขึ้นมาใส่ ความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไรกันนะ มีคนคอยดูแล คอยเป็นห่วง มันรู้สึกดีขนาดนี้เลยหรอ
เออ แม่งรู้สึกโคตรดีเลยอะ
“ด่วนๆครับ รีบกินเลย เดี๋ยวไปเรียนสายนะ”เขาวางถ้วยโจ๊กลงตรงหน้าผม ของผมหนึ่งถ้วยของเขาหนึ่งถ้วย เขายิ้มให้แล้ว เราก็เริ่มนั่งกินกันอย่างรีบๆ
“ตั้งใจเรียนนะ”เขามาส่งผมที่ตึกเรียน ผมเดินลงจากรถ กำลังจะไหว้ขอบคุณ เขาก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน “เลิกเรียนแล้วรอตรงนี้ พี่จะมารับ”
“ครับ ?”
“ตามนั้นแหละ ไม่อยากนอนหลับสบายๆแล้วหรอ”เขายกคิ้วเข้มขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงตั้งคำถาม
“.........อยากครับ”
ผมยืนมองจนรถของพี่ม่อนขับพ้นจากสายตาไป รู้สึกโลกสดใสขึ้นยังไงก็ไม่รู้ นี่มันคนกำลังมีความรักป่าววะ
“หวัดดีไอ้ประธาน ยาหมอดีขนาดนั้นเลยหรอวะ หน้ามึงถึงได้สดใสขนาดนี้อะ” ปาร์คทักผมทันทีที่เห็นผมเดินเข้ามาในห้องเรียน
“หรอวะ หน้ากูดีขึ้นขนาดนั้นเลยหรอ”
“เออดิ สดใสมาก.... งั้นน่าจะดูดวงให้กูได้แล้วดิ”
“โถ่ อยากดูดวงนี่เอง” ผมก็นึกว่ามันจะเป็นห่วงผมซะอีก “เอามือมา” ผมแบมือ ปาร์คก็วางมือเขาบนมือผม “อยากรู้เรื่องอะไร”ผมถามออกไป ปาร์คสูดหายใจเข้าหนึ่งทีแล้วก็เล่า...
“คืองี้ กูทะเลาะกับพี่ฟาน เพราะเมื่อวานกูไปส่งมึงที่โรงบาลใช่ปะ แล้วพี่ฟานแม่งหึงกูกับมึงอะ จะอ้วกไอ้สัส กูก็เลยบอกว่า หน้าอย่างมึง กูไม่เอาเป็นผัวหรอก อีกอย่าง มึงเป็นเพื่อนกูนะเว้ย กูจะไปอยากเอากับมึงได้ยังไงวะ พี่ฟานก็บอกว่าไม่ไว้ใจมึง กูก็เลยเถียงว่า มึงเป็นเพื่อนกู มึงไม่ได้คิดอะไรกับกูหรอก.....ใช่ไหม ถึงกูจะหน้าตาดี น่ารัก น่าคบ น่าจีบก็เถอะ”
“ตรงไหนคือคำถามหรือหัวข้อที่จะให้กูดูดวงให้วะไอ้ปาร์ค”
“อ้อ ไม่มีละ”
ครับ เพื่อนผมมันอินดี้
“วันนี้มึงไปกินสุกี้บ้านกูป่าว”ปารค์เอ่ยชวน หลังจากเราเรียนเสร็จแล้วในตอนเย็น ผมกับปาร์คกำลังเดินลงจากอาคารเรียน
“กล้าพูดว่าบ้านมึงเต
“ก็ยังหรอก แต่อีกไม่นานกูก็จะได้เป็นเจ้าของบ้านแล้ว ฮ่าๆๆๆ”
“แล้วถ้ากูไป พี่ฟานเขาจะไม่หึงมึงอีกรึไง”ผมหันไปถามปาร์ค แต่ปาร์คกลับอมลมพองแก้มแล้วทำหน้าบึ้ง ปฎิกิริยาที่ปาร์คแสดงออกมานี่มันฉายชัดมากว่าอยากเอาผมไปยั่วโมโหพี่ฟาน “กูไม่ไปหละ กูมีนัดแล้ว”พูดจบประโยคผมก็หันไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังเดินสวนขึ้นบันไดมา ผมคงจะเดินผ่านไปเฉยๆ ถ้าไม่บังเอิญว่า ผู้หญิงคนนั้นคือคนที่ผมเห็นภาพตอนดูดวงให้พี่ม่อน
“ค่ะพี่ปืน นิหน่ากำลังขึ้นไปค่ะ พี่ปืนรออยู่ที่ห้องแลปเลยก็ได้ค่ะ”เธอคุยโทรศัพท์ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับปลายสาย
“ไอ้ประธาน พี่ฟานมารับแล้ว กูกลับละนะ”ปาร์คเรียกสติผมกลับมาอีกครั้ง ผมหันกลับมามองหน้าปาร์คที่กำลังเดินไปขึ้นรถพี่ฟาน ผมกำลังชั่งใจอยู่ว่าผมควรหน้าด้านแล้วเดินขึ้นไปดูเลยดีไหม ดูให้เห็นกับตาแล้วไปบอกพี่ม่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้น....
....แล้วพี่ม่อนเขาจะเสียใจหรือเปล่า
แต่ยังไม่ทันจะได้ตัดสินใจ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นตรงหน้า “น้องดีน ยืนรอพี่ตรงนี้ก่อนนะ พี่ว่าเมื่อกี้พี่เห็นนิหน่า” พี่ม่อนทำหน้ารีบร้อน เขากำลังจะก้าวขาขึ้นบันได ผมรีบคว้าแขนนั้นไว้
“พี่ม่อนครับ... คือ... ”
“แป้บเดียวครับ เดี๋ยวพี่มานะ”มือหนาแกะมือผมออกจากการรั้งแขนของเขา แล้วเขาก็รีบเดินขึ้นไปด้านบนทันที
อ่า...พอเป็นแบบนี้ก็เจ็บเหมือนกันแฮะ ผมน่าจะประมาณตัวเองก่อน ว่าผมไม่ได้สำคัญอะไรกับเขาเลย ผมเป็นแค่คนที่ช่วยให้เขาสบายใจได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้นเอง
ผมยืนนิ่งๆอยู่ใต้ตึกเรียน ยืนรอว่าเขาจะเดินกลับลงมาไหม ไม่รู้ว่าเขาจะขึ้นไปเจออะไร หรือเขาจะเป็นอะไรไหม แต่เขาบอกให้ผมรอตรงนี้ ผมก็จะรออยู่ตรงนี้
ความรู้สึกดำมืดเริ่มกลับมาอีกครั้ง เป็นความรู้สึกที่ผมไม่อยากจะเจอมันที่สุดในเวลานี้ มันเหมือนกับผมอยากจะร้องไห้ยังไงก็ไม่รู้สิ ต้องเป็นเพราะผีตัวนั้นแน่ๆ ผีผู้หญิงที่ผมเห็นในความฝันตอนนั้น.....
....เดี๋ยวนะ ปืน....
“ปืนจะไปไหนคะ”
“ไปอ่านหนังสือกับเพื่อน”
ภาพในความฝันที่ผมเคยเห็นย้อนกลับเข้ามาในความทรงจำ ใช่ปืนคนเดียวกันรึเปล่า !!?
ผมกำลังจะวิ่งขึ้นบันไดไป แต่ผมเห็นพี่ม่อนเดินลงมาก่อน“พี่ม่อน......”เสียงของผมขาดห้วงไป เพราะภาพที่ผมเห็นมันช่าง.....เจ็บ
พี่ม่อนเดินลงบันไดมากับแฟนของเขา สีหน้าของพี่ม่อนบ่งบอกว่าเขาดีใจแค่ไหน และแฟนของเขาก็ยิ้มให้เขาด้วย ผมไม่รู้ว่าด้านบนนั้นเกิดอะไรขึ้น แต่มันคงจะดีมากๆจนทำให้พี่ม่อนมองผมแค่เพียงหางตา และเดินผ่านผมไปโดยที่ไม่พูดอะไรกับผมเลยซักคำ
ผมสำคัญตัวเองผิดไปขนาดไหนกันนะ
ท้องฟ้ารอบตัวผมมืดสนิท พอๆกับความรู้สึกที่ดำมืด และครั้งนี้ผมรู้สึกดำดิ่งลงไปกับความเศร้านี้จนน่ากลัว ผมยืนอยู่ตรงนี้นานแค่ไหนแล้วนะ นานจนลืมไปว่าเขาบอกให้ผมรอเขาตรงนี้ เปลี่ยนที่ยืนบ้างดีกว่า
ดาดฟ้าเป็นไง....?
**************************************************
แงงงงง พี่ม่อนทำไมทำกับน้องดีนแบบนั้นเล่าาาาาา
เห็นคอมเมนท์แล้วมีกำลังใจมากกกก ขอบคุณทุกคอมเมนท์มากๆนะครับ
ฝากติดตามตอนต่อๆไปด้วยนะครับบบ