สวัสดีค่ะ ตอนพิเศษนี้ได้แรงบันดาลใจจากคุณ phai, azure, phana_qbz , cinnsin, magarons (ช่วงนี้ไม่เล่นทวิตเต้อร์แล้วเหรอคะ), ฟาง ฟ่าง ฟ๊าง (ขอบคุณสำหรับไอเดียเรื่อง พ่อหมี กับนกน้อยค่ะ) , little_pig, twinmonkey0311, double9JH , May@love, DekDoy, koikoi, Sirin_chadada (ตอนตั้งชื่อไม่ได้ตั้งใจให้เหมือนทวิตเต้อร์ค่ะ แค่จะตั้งชื่อว่า นก แต่จิตใต้สำนึกคงสั่งให้เลือกอันนี้ เพราะเราก็ติดทวิตเต้อร์อยู่) และ BlueCherries (เวลาอ่านคอมเม้นท์ของ BlueCherries แล้วเรารู้สึกเหมือนถูกอ้อนเกือบทุกทีเลย)
ตอนพิเศษนี้ เขียนหลุดจากแนวที่ตั้งใจไว้ไปมากเลยค่ะมีหลายจุดขัดใจอยู่ มันไม่ค่อยกระชับ แต่ก็ยังอยากให้อ่านอยู่ดีค่ะ ขอบคุณคนอ่านอื่นๆด้วยนะคะ เราเป็นคนเรียกร้องความสนใจน่ะ พอมีคนแวะเข้ามาอ่านก็ปลื้มมากแล้วค่ะ
นกขมิ้น ตอน ปีใหม่
ช่วงหยุดปีใหม่ เป็นเวลาที่ทวิชคิดว่า เขาไม่เป็นตัวของตัวเองมากที่สุด
ทวิชเลือกที่จะหมกตัวอยู่ในห้องมากกว่าการไปห้องสมุดหรือดูหนัง
ห้องเงียบกว่าเดิม เตียงกว้างกว่าเดิม แต่มันก็เป็นที่หลบภัยที่ดีที่สุดแล้ว
ภัยจากแสงไฟ เสียงหัวเราะ เพลงวันปีใหม่ และ คำอวยพร
วันที่ 31 ธันวา มันเหงามากจริงๆ แต่ทวิชก็อยู่กับมันมาได้ อดทนนิดเดียว เทศกาลเหงาๆนี่ก็ผ่านไปแล้ว
แต่
วันที่ 31 ธันวาคม ปี 2558 อาจจะเป็นครั้งแรก ที่ทวิชอาจจะทนอยู่กับความเหงาไม่ได้
ชนะวีร์มีแผนจะกลับบ้าน...ไปฉลองปีใหม่...กับครอบครัว
ทวิชรักชนะวีร์ แต่ก็คงไม่ใช่ครอบครัว
ทวิชไม่ได้มีคุณสมบัตินั้น
แค่ผู้ชายคนหนึ่ง ที่อยู่กับผู้ชายอีกคน
ทวิชรู้ว่า ชนะวีร์รัก ไม่ใช่โดยคำพูดแต่ด้วยการกระทำ
แต่การเป็นคนในครอบครัวต้องมีมากกว่าความรัก
ควรต้องป็นใครสักคนที่ดีพร้อมเพียงพอ
ไม่เป็นไร ทวิชบอกตัวเองให้เลิกคิดไกลเกินช่วงเวลานี้
แค่ทนให้ได้ นก ไม่กี่วันชนะวีร์ก็กลับมาแล้ว
.
.
.
"ฮาโหล แม่ วีร์กลับไปวันที่ 31 นะฮะ..คร้าบบบ ตามที่บอกไว้เลย ครับผม แล้วเจอกันครับ"
ทวิชพยายามทำเป็นไม่สนใจ ตอนที่ชนะวีร์คุยโทรศัพท์กับแม่
ชนะวีร์ไม่ชวนทวิชไปด้วยจริงๆนั่นแหละ
ถึงแม้จะหลอกตัวเองว่า ไม่เป็นไร แต่ทวิชก็แอบหวังไว้ลึกๆ ว่าจะได้เป็นส่วนหนึ่งในความสุขช่วงปีใหม่ของชนะวีร์
คืนวันที่ 30 ชนะวีร์สังเกตว่า ทวิชดูซึมๆไป คงจะเหนื่อย
คืนนั้น ทวิชอ้อนมากเป็นพิเศษ เขาซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของชนะวีร์ไม่ยอมห่าง
อยากให้ใกล้ที่สุด อยากอยู่กับอกอุ่นแบบนี้ตลอดช่วงปีใหม่
ไม่ไปได้ไหม ทวิชอยากพูดออกไปเหลือเกินแต่ไม่กล้า
คืนนั้นชนะวีร์กอดทวิชไว้จน ทวิชหลับ จากนั้นเขาจึงค่อยๆลุกจากเตียงไป
"ฮัลโหล แม่ครับ..."
.
.
.
เช้าวันที่ 31 ธันวา เมื่อทวิชลืมตาขึ้น ข้างกายว่างเปล่า ทวิชผุดลุกขึ้นทันที
ไปแล้วเหรอ
ชนะวีร์กำลังทำแซนวิชไว้ให้คนตื่นสาย ก็เห็นทวิชวิ่งหน้าตายุ่งเหยิงเข้ามาในครัว
"วีร์นึกอยู่ว่า ถ้าอีกสักสิบห้านาที นกไม่ตื่น วีร์จะอุ้มลงไปทั้งหลับๆเลย"
อุ้ม? ไปไหน? ทวิชไม่ได้พูด แต่มีเครื่องหมายคำถามอยู่ในแววตา
ครู่เดียว เครื่องหมายคำถามก็หายไป ทวิชทำหน้าตาตื่น
"ให้ไปด้วยเหรอ" ตาทวิชรื้นขึ้นมา
ในเวลาไม่กี่นาที ดวงตาของทวิชแสดงอารมณ์ต่างกันถึงสามอารมณ์
"ใครจะทิ้งลูกนกให้อยู่ในรังคนเดียวหึ พ่อหมีก็ต้องหนีบเอาติดไปด้วยทุกหนทุกแห่งอยู่แล้ว" ชนะวีร์ละมือจากอาหารเช้า เข้ามากอดทวิชไว้หลวมๆ แล้วโยกตัวทวิชไปมา
ทวิชซบหน้าลงไปกับอกของพ่อหมี ทันก่อนที่น้ำตาจะหยดลงมาข้างแก้ม
.
.
ในรถ
"เดี๋ยวพาไปดูพลุที่ศาลากลางจังหวัด สวยใช้ได้เลย อาจจะสวยกว่าพลุที่นกเคยเห็นที่กรุงเทพอีกนะ" ชนะวีร์ชวนคุยเนื่องจากเห็นทวิชเครียดๆ
"ไม่เคยเห็นหรอก ไม่ได้ออกไปไหนในคืนแบบนั้นหรอก"
"เพราะคนเยอะเหรอ อืมก็จริงนะ น่าเวียนหัวอยู่ งั้นเดี๋ยวปีนี้ วีร์พาไปดูเอง คนไม่เยอะเท่าในกรุงเทพหรอก"
ทวิชไม่ตอบ แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง มือก็บีบสิ่งที่อยู่บนตักแน่นขึ้น
บนตักทวิชมีตุ๊กตาหมีอยู่ตัวหนึ่ง เป็นตัวที่ทวิชมักกอดมันไว้ตอนดูทีวี หรือเอามันหนุนหัวตอนนอนอ่านหนังสือ
วันนี้ทวิชหยิบมันติดมาด้วย
ชนะวีร์สังเกตอยู่สักพักแล้ว
ทวิชจะจับแขนของตุ๊กตา บีบแล้วคลาย สลับกับการเอามือตบตรงอกของตุ๊กตาเบาๆ ราวกับกำลังปลอบมันอยู่
ทวิชกำลังกังวล และถ้าให้เดา ก็คงเรื่องที่จะไปเจอครอบครัวของเขา
"พ่อไม่ดุ"
จู่ๆชนะวีร์ก็พูดขึ้นมา
ทวิชหันมามองแต่ไม่ได้พูดอะไร
"แม่ก็ไม่ดุ ที่ดุสุดในบ้านคงเป็น ไอ้ทาโร่"
"หมาเหรอ"
"เปล่า ปลา"
สำเร็จ ทวิช ยิ้มได้สักที
"กังวลอะไรเยอะแยะ หือ"
พอได้ยินชนะวีร์พูดเท่านี้ รอยยิ้มของทวิชก็หุบลง
"ไม่เคยไปเที่ยวบ้านเพื่อน ไม่รู้ต้องทำตัวยังไง ที่ผ่านมา อยู่กับยายสองคน พอย้ายมาอยู่กับแม่ ก็อยู่กันแค่สองคน" ทวิชกอดตุ๊กตาหมีแน่นขึ้น
ชนะวีร์ละมือข้างหนึ่งมาผลักหัวคนขี้กังวล
"คิดมาก"
ทวิชตอบกลับมาด้วยเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่
"ที่บ้านมีสี่คน พ่อ แม่ วีร์ แล้วก็ ไอ้วัฒน์ เคยเจอมันแล้วนี่ ตอนนั้นไม่เห็นกังวลขนาดนี้"
ใช่ ทวิชเคยเจอ ธานิวัฒน์ หรือ วัฒน์ น้องชายของวีร์แล้ว เป็นเด็กม. ปลาย ที่ร่าเริง คุยเก่ง
แต่วัฒน์ไม่ใช่ พ่อกับแม่ของวีร์นี่นา
เหตุผลที่แท้จริงคือเขากำลังกลัว การไม่เป็นที่ยอมรับ ต่างหาก
แม้จะไปในฐานะ"เพื่อน" ก็ตาม
.
.
.
ชุมพร
"แม่.... แม่คร้าบ....นะวีร์มาแล้ว"
ทวิชเดินตามหลัง "นะวีร์" พ่อหมีตัวใหญ่ ที่กำลังทำเสียงงุ้งงิ้งเรียกหาแม่ของตัวเอง
เห็นแล้ว . . .
ทวิชขยับเข้าไปหลบหลังชนะวีร์โดยไม่รู้ตัว
ชาย หญิง อายุราวหกสิบ เดินออกมาจากในบ้าน
แม่ของชนะวีร์ยิ้มกว้าง ขณะกอดกันกลมกับชนะวีร์
ขณะที่ทวิชกำลังสนใจ ชนะวีร์กับแม่ พ่อของชนะวีร์กลับมองตรงมาที่เขา
พ่อกวักมือเรียก
ทวิชกลั้นหายใจ ก้าวเข้าใกล้อย่างกล้าๆกลัวๆ
เขายกมือไหว้ ก้มหัวลง ขณะที่นิ้วชี้แตะปลายจมูก ทวิชก็ใจเต้น ตึก
มือของพ่อลูบลงบนหัวของเขา
ทวิชรู้สึกว่ามือพ่ออุ่น มันอุ่นด้วยความปราณี
"ขอต้อนรับ" พ่อพูดสั้นๆ
ทวิชไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง ว่าคำพูดสั้นๆนี้ กินความหมายมากกว่า การยินดีต้อนรับแขกที่มาเยี่ยมบ้าน
แม่กับชนะวีร์เข้าไปเตรียมอาหารสำหรับงานเลี้ยงเล็กๆในคืนนี้ พ่อของชนะวีร์มีเชื้อสายจีน ส่วนแม่เป็นคนพื้นถิ่น อาหารในวันนี้จึงมีทั้งผัดวุ้นเส้นใส่เห็ดหอม ปลานึ่งแบบจีน ผัดกุ่ยช่าย และอาหารใต้อีกสองสามอย่าง
ทวิชไปป้วนเปี้ยนอยู่พักหนึ่ง และได้ข้อสรุปว่า ชนะวีร์ทำอาหารเก่งแบบแม่ของเขานั่นเอง
"นกไปอาบน้ำก่อนไป ห้องวีร์อยู่ชั้นสองขวามือ" ชนะวีร์ออกปากไล่ เมื่อทวิชเริ่มจามเพราะกลิ่นเครื่องแกงที่เขากำลังผัด
ระหว่างทางที่จะเดินขึ้นบันได ทวิชเห็นว่าพ่อของชนะวีร์กำลังง่วนอยู่กับต้นไม้ในสวนเล็กๆข้างบ้าน
"เอ่อ...คุณลุง มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ"
เสียงทวิชเบาไปหรือเปล่านะ คุณลุงไม่หันหลังมามองเลย
ทวิชยอบตัวลงใกล้ๆ
"เอ่อ..คุณลุงครับ"
คุณลุงเหลือบตามอง แล้วชี้มือไปที่กระถางเปล่าใบเขื่องที่อยู่ห่างออกไป
"เอาใบนั้นมาให้หน่อย ยกไหวไหมเรา"
ทวิชไม่ตอบแต่เดินไปอุ้มกระถางมาตามที่คุณลุงสั่ง
"เอาดินนี่ลงให้หน่อย เคยปลูกต้นไม้ไหม"
"ไม่เคยครับ วีร์เป็นคนปลูก ผมแค่มีหน้าที่รดน้ำต้นไม้"
ทวิชชะงักไปนิด ดูเหมือนจะเผลอให้ข้อมูลอะไรมากไป
เขาไม่ควรพูดอะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับชนะวีร์
แต่ดูเหมือนคุณลุงจะไม่สะดุดใจอะไร
"ใส่ดินเท่านี้ แล้วเอาปุ๋ยนี้ลงนะ" คุณลุงชี้มือกะปริมาณให้ทวิช
ทวิชไม่ตอบ แต่ตั้งใจทำเป็นอย่างดี
"แล้วไปเอาต้นชวนชมตรงนู้นมาให้หน่อยนะ" คุณลุงสั่งขณะกำลังเตรียมดินใส่กระถางอีกใบ
ทวิชไม่รู้จักต้นไม้มากนัก ตรงนั้นมีต้นอะไรไม่รู้เต็มไปหมด จึงหันกลับไปถาม
"คุณลุงครับ ต้นไหนคือชวนชมครับ"
คุณลุงไม่ตอบและไม่หันมา
"คุณลุงครับ" ทวิชเรียกเสียงดังขึ้นอีกนิด
"ถ้าเรียกลุง จะไม่พูดด้วย"
"ขอโทษครับ" ทวิชหน้าซีดเสียแล้ว จะให้เรียกยังไงดี "ผมควรเรียกยังไงดีครับ"
"เรียกว่า พ่อ"
ทวิชกระพริบตาช้าๆ รู้สึกเหมือนสมองไม่ประมวลผล
ทวิชอึ้ง แต่สายตาคงถามอะไรออกไปหมดแล้ว
คุณลุงจึงตอบว่า
"มาเป็นคนบ้านนี้แล้วนะ ต้องเรียกพ่อ เข้าใจนะ"
.
.
.
ชนะวีร์กับแม่ที่แอบดูอยู่ต่างยิ้มให้กัน
.
.
ถ้าไม่นับการกินข้าวเย็นกับชนะวีร์ในทุกๆวันที่กรุงเทพแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ทวิชเข้าใจถึงความรู้สึกของ "การกินข้าวกับที่บ้าน"
ธานิวัฒน์กลับมาจากการไปเจอเพื่อนๆทันเวลาอาหารเย็นพอดี
แม่ตักอาหารให้ทวิชหลายอย่างจนไม่รู้จะกินอะไรก่อน
ส่วนชนะวีร์กับธานิวัฒน์กำลังคุยกันเรื่องฟุตบอล
จู่ๆ พ่อก็พูดขึ้นว่า "พรุ่งนี้ตื่นเช้าหน่อยนะ จะพาไปทำบุญ"
"ทำบุญวันขึ้นปีใหม่เหรอพ่อ" วัฒน์ถามขึ้น
"จะทำบุญผูกข้อมือรับขวัญเจ้านกมัน"
พ่อบอก แล้วหันไปพูดกับแม่
"แม่ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จ แม่ไปหยิบกำปั่นของแม่มาหน่อยนะ"
.
.
ทวิชมึนไปหมด ไม่รู้ต้องทำตัวอย่างไร น้ำตาก็พาลจะไหลตลอดเวลา ได้แต่ทำตามที่ชนะวีร์กระซิบบอก เริ่มจากการจุดธูปไหว้เจ้าที่แบบจีน แล้วไหว้รูปของเหล่ากงเหล่าม่าที่ล่วงลับ
ตอนนี้ทวิชถูกกะเกณฑ์ให้นั่งคุกเข่าอยู่หน้าพ่อกับแม่ของชนะวีร์ พ่อหย่อนสร้อยทองเส้นหนึ่งลงบนฝ่ามือของทวิช
ไม่มีพิธีการสวมแหวน ไม่มีการยกน้ำชา
แต่ทวิชก็รับรู้ได้ว่า มันเป็นพิธีที่ไม่ต่างอะไรจากพิธีแต่งงาน
แม่อ้าแขนกอดทวิชไว้ เป็นอ้อมกอดที่ทำให้ทวิชคิดถึงยาย
"หยุดคราวหน้า มานอนกับแม่นะ แม่จะร้องเพลงนกขมิ้นกล่อมหนูนอนเอง อย่าไปฟังเสียงเจ้าวีร์มัน ไม่ได้เรื่อง"
พ่อกับแม่รู้จักทวิชมาตลอด ตั้งแต่ที่พวกเขาเริ่มต้นใช้ชีวิตด้วยกัน
เมื่อคืนชนะวีร์โทรกลับมา เพื่อบอกความตั้งใจของตนกับพ่อกับแม่
.
.
ห้าทุ่มนิดๆ
พ่อกับแม่เข้านอนแล้ว ส่วนชนะวีร์กันทวิชก็อาบน้ำเตรียมตัวนอนเช่นกันเนื่องจากเหนื่อยล้าจากการเดินทาง ปล่อยให้กิจกรรมเค้าท์ดาวน์เข้าปีใหม่ เป็นของธานิวัฒน์ที่ออกไปเจอเพื่อนตามนัด
ชุดนอนของทวิชวันนี้เป็น กางเกงเลที่มีเชือกผูก
เมื่อทวิชออกจากห้องน้ำมาหยุดยืนที่ปลายเตียง
"นกอยากรอเค้าท์ดาวน์ไหม วีร์พาไปได้นะ ไปดูพลุไง วีร์ไม่เหนื่อยหรอก" ชนะวีร์ที่นั่งบนเตียงเอ่ยถาม
ทวิชส่ายหน้า
"งั้นมานี่" ชนะวีร์ตบเตียงเบาๆ
ทวิชก็ส่ายหน้าอีก
คราวนี้ชนะวีร์ขมวดคิ้ว
ทวิชเคลื่อนไหวช้าๆ ขณะที่จ้องตาชนะวีร์อยู่อย่างนั้น มือหนึ่งกระตุกปมเชือกผูกกางเกง ดึงเชือกออกจนสุดความยาวของแขน
ปล่อยเชือก
กางเกงร่วงลงกับพื้น
จากนั้นทวิชใช้สองมือยกปลายเสื้อนอนขึ้นจากเอว เผยให้เห็นลำตัวอันเปล่าเปลือย
ชนะวีร์มองท่าทางเหล่านั้น ราวถูกสะกด
ไม่มีส่วนใดของทวิชที่เหมือนผู้หญิง เป็นเพียงผู้ชายตัวเล็กๆธรรมดา
แต่ในทุกครั้ง ทุกอย่างของทวิชกลับดึงดูดชนะวีร์จนถอนสายตาไม่ได้
นี่เป็นครั้งแรกที่ทวิชเริ่มก่อน
ไม่มีท่าทางยั่วยวน
ในดวงตากลมโตนั้นมีเพียง "ความเต็มใจ"
.
.
.
คืนสิ้นปี 2558 ชนะวีร์และทวิชพลาดการดูพลุที่ศาลากลาง
แต่ทวิชรู้สึกราวกับตัวเองคือพลุ
ที่ถูกชนะวีร์จุด ให้พุ่งขึ้นสูงเสียดฟ้า และแตกพร่างสว่างไสว เป็นแสงสีระยับ จนกลั้นเสียงหวีดของตัวเองไว้ไม่ไหว
.
.
.
คืนนี้ ไม่ใช่เพียงการเปลี่ยนจากปีเก่าเข้าสู่ปีใหม่เท่านั้น
แต่เป็นคืนที่เปลี่ยนทวิชจากคนรักเป็นคนในครอบครัว
เป็นวันหยุดปีใหม่ที่ทวิชจะไม่ต้องเหงาอีกต่อไป
--จบตอนพิเศษ--