*~.Works The Magic! ร่ายมนตร์รักกับดักนาง(ย)มาร.~*คาถาที่ ๓๓ [END]:15.07.60:
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: *~.Works The Magic! ร่ายมนตร์รักกับดักนาง(ย)มาร.~*คาถาที่ ๓๓ [END]:15.07.60:  (อ่าน 278817 ครั้ง)

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook


อา... น้องเรียวนี่ช่างเปรี้ยวเยี่ยวราดเสียนี่กระไร
แล้วเมื่อไรพ่อเขี้ยวจะมาปราบน้องเรียวกันล่ะคะ? ปล่อยให้น้องเรียวเสียน้ำไปกับชายต่างชาติกับหนุ่มใหญ่ไปหลายแล้วนะลูก ไม่กลัวขาดดุลเหรอพ่อเขี้ยว?

รออ่านตอนต่อไปค่ะ  :mew1:



ออฟไลน์ Hang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
หวั่ยยยยยย พ่อเขี้ยวจิเอาอยู่มั้ยเนี่ยย  :hao7:

ออฟไลน์ dekzappp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 271
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
อื้อหือออ แซ่บมว๊ากกกกกกกกกกกกกกก นางแซ่บจริงๆ

แค่ตอนแรกก็ขำไม่ไหวละ สาวเสียบ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ

แต่แหม 5รอบขนาดนั้น ก็นับ เป็น5ล้านไม่ได้เหรอเสี่ย~

ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8
คาถาที่ ๔ :: Devil meets Tiger. [50%] นางมารพบพยัคฆ์


   “แกแน่ใจเหรอเรียวว่าแบบนี้มันจะเวิร์ค” เป็ดถามใบหน้านิ่วคิ้วขมวดพลางมองความเขียวขจีของทุ่งหญ้าที่ตัดกับสีเหลืองของดอกไม้ดอกเล็กๆ ที่อยู่ตรงบริเวณเกือบตีนภูเขาสีเขียวขจีที่ตัดกับท้องฟ้าสีสดใส ทิวสนเรียงติดกันเป็นเหมือนรั้วขนาดใหญ่อยู่ฝั่งซ้ายมือของฟาร์ม ณ จุดที่ทั้งสองคนยืนอยู่ตอนนี้
   

“มันต้องเวิร์คน่า!” เรียวจันทร์ที่เช็กสภาพตัวเองจากเงาสะท้อนตรงกระจกประตูรถตอบกลับแบบไม่คิดอะไรมาก
   

“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนวะ” หนุ่มหน้าหวานจิ๊ปากพร้อมกับทำหน้าเซ็ง ผละออกจากหน้าต่างรถเดินมายืนข้างเป็ด
   

“เอางี้ อย่างน้อยนะ ที่เรามาวันนี้ โอกาสต้องสักห้าสิบแหละที่จะเป็นไปได้…” เป็ดทำหน้าว่า เหรอ โดยไม่พูดออกเสียง เรียวจันทร์บิดริมฝีปากแล้วกลอกตา
   

“…คือวันนี้ยังไม่ต้องเอาความสำเร็จอะไรมากเว่ย ฉันแค่จะมาสร้างเมมโมรี่ระหว่างเขากับฉัน ให้เขาจำฉันได้ก่อน ถึงแม้จะเลือนราง แต่พอครั้งหน้าเจอกัน เขาจะได้ อ้าว คุณนั่นเอง” เรียวจันทร์ทำสีหน้าว่า เก็ทมั้ย? เป็ดยื่นปากน้อยๆ แล้วพยักหน้าเบาๆ ก่อนที่จะขมวดคิ้วฉับ
   

“แต่ไอ้วิธีที่แกบอกฉันอะ มันไม่ใช่เรื่องที่น่าจดจำเลยนะ” แทนที่จะเซ็งที่เพื่อนยังคงขัดใจ แต่เรียวจันทร์กลับยิ้มตาเป็นประกายแทน
   

“นั่นแหละ เขาจะยิ่งจำฉันได้แม่นขึ้น!” พ่อหนุ่มร่างเพรียวบางยิ้มกรุ้มกริ่มทำสายตามีเลศนัย ทิ้งความไม่เข้าใจไว้ให้เพื่อนสาวอย่างเป็ดที่ไม่ค่อยจะโอเคเท่าไหร่กับวิธีการที่อีกฝ่ายลองพูดให้ฟังคร่าวๆ ระหว่างทางที่อยู่บนรถ
   

“แต่ถ้าพลาด แกเจ็บตัวมากเลยนะ”
   

“เออ นั่นแหละ เจ็บตัวสิยิ่งดี” เป็ดอ้าปากย่นจมูกหน้าเหวอใส่เพื่อน
   

“อีโรคจิต” เรียวจันทร์ไม่โต้อะไรกลับ ทำเพียงยิ้มแพรวพราวแล้วไหวไหล่หนึ่งที
   

นางหันไปมองวิวทิวทัศน์ของท้องทุ่งเบื้องหน้าจากจุดเนินจอดรถที่อยู่ตรงข้ามกับฟาร์ม ลมเย็นๆ พัดโชยมาตลอดเวลาอาจเพราะมีต้นไม้เยอะแล้วยังอยู่ติดภูเขา นางไม่อาจปฏิเสธได้ว่าแม้จะต้องขับรถเข้ามาลึกและไกลจากถนนใหญ่มาก ขับผ่านดงป่า ดงหญ้า ดงต้นไม้ แต่ความสวยงามของที่นี่ก็ทำเอาคิดว่ามันคุ้มค่ามากที่ฝ่าดงถนนดินลูกรังเข้ามา แอบไม่เข้าใจว่าอีตาเจ้าของฟาร์มทำไมถึงไม่ทำถนนให้มันดีๆ หน่อย
   


“สวยเนอะ” เรียวจันทร์หันไปพึมพำกับเป็ดระหว่างเดินลงจากเนินตรงไปยังทางออกลานจอดรถ เป็ดพยักหน้ากลับมาอย่างเห็นด้วย แล้วเลื่อนสายตาไปมองลอดผ่านซุ้มไม้ซุงขนาดใหญ่ที่เป็นทางเข้าของฟาร์ม แม้ที่เห็นนั้นยังไม่ใช่ภาพกว้าง แต่ก็พอจะเดาไว้คร่าวๆ ว่ามันต้องมี ต้นไม้ ภูเขาโอบล้อม ทุ่งหญ้า ทุ่งดอกไม้ กองฟาง ถนนดินลูกรังสีน้ำตาลแบ่งเป็นซอกเล็กๆ ในไร่ ทำให้ตัดกับสีเขียวของทุ่งหญ้า ตรงหน้าของทั้งสองคนตอนนี้คือซุ้มทางเข้าที่ทำจากไม้ซุงใหญ่ๆ มีป้ายเขียนเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษว่า


‘ฟาร์มอรุณพยัคฆ์’

‘Welcome to the Sun-Tiger land’
   

“เสืออาทิตย์?” เป็ดอุทานด้วยความงง ไม่เข้าใจความหมายของชื่อฟาร์มสักเท่าไหร่
   

“ที่นี่ดูไม่น่าจะมีเสือ แต่น่าจะมีแค่ม้า แค่วัว แล้วอาจจะมีแกะหรือแพะเพิ่มเข้ามา” เรียวจันทร์เองก็พูดแบบงงๆ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับเก็บเอามาครุ่นคิดเป็นวรรคเป็นเวรขนาดนั้น
   

“ซื้อตั๋วตรงไหนอะ อ๋อ นั่นไงที่ขายตั๋ว” เป็ดชี้ไปที่สำนักงานที่อยู่ติดกับเสาขนาดใหญ่ของซุ้มฝั่งขวามือเมื่อมองจากลานจอดรถที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกัน เป็นลักษณะคล้ายบ้านหลังเล็กๆ ที่ทำจากไม้ ถัดจากนั้นเห็นเป็นคล้ายหลังบ้านของบ้านสี่ชั้นหรืออาจจะห้าหรือหกหลังเรียงติดกัน โดยที่หลังบ้านมีต้นสนต้นใหญ่เรียงกันเป็นแถบเหมือนเป็นรั้วอีกชั้นอีกที ทั้งสองคนมองซ้ายมองขวาบนถนนลูกรังสีน้ำตาลสักพักเพื่อมองรถ แต่อันที่จริงไม่มีรถมาถึงจุดที่พวกนางยืนอยู่หรอก เพราะรถทุกคันจะถูกบังคับเลี้ยวให้เข้าไปในลานจอดรถก่อนถึงซุ้มประตูยักษ์นี่แล้ว ส่วนซ้ายมือท่าทางน่าจะเป็นป้อมยาม ติดกับป้อมยามก็เป็นเหมือนหอคอยสูง ที่คนสามารถขึ้นไปยืนด้านบนได้ เรียวจันทร์เห็นคนในชุดเสื้อลายสก็อตสีแดงยืนอยู่ด้านบนกำลังใช้กล้องส่องทางไกลมองอะไรสักอย่างที่อยู่อีกฝั่งของฟาร์มอยู่ ถัดจากหอคอยเป็นเหมือนห้องอะไรสักอย่างที่มีลักษณะเป็นตัวแอลเข้ากับมุมพื้นที่ที่เหลือพอดี ห้องนั้นติดกระจกเรียงกันเป็นแถบยาว มองเห็นผู้คนที่อยู่ด้านในได้
   

“แก เข้าไปในสุดนั่นคืออะไรวะ” เรียวจันทร์พยักพเยิดไปทางถนนที่เป็นเนินสูงพอประมาณ ก่อนถึงเนินมีร้านอาหารขนาดใหญ่ของทางฟาร์มตั้งติดกับลานจอดรถ หลังร้านเป็นตึกสีขาวมุกขนาดใหญ่ ที่เห็นไม่ชัดว่ามันคืออะไร แต่ขนาดนอกฟาร์มก็ยังจัดบรรยากาศได้น่ารักมาก มีต้นก้ามปูขนาดใหญ่แผ่ขยายกว้างอยู่เหนือหน้าร้านอาหาร ตรงลานจอดรถก็มีดอกไม้ปลูกติดกับรั้วสีขาวที่มีต้นสนกันไว้อีกที หลังต้นสนคือถนนใหญ่ที่เป็นถนนสายหลัก และจะมีทางเลี้ยวเข้ามาในฟาร์มนี้ ท่าทางเจ้าของที่นี่จะชอบต้นสน ปลูกเต็มไปหมดเลย
   

“ฉันก็มากับแกครั้งแรกป้ะวะ” เรียวจันทร์เลิกสนใจถนน แล้วเดินเข้าไปต่อคิวซื้อตั๋ว คนไม่ค่อยเยอะมาก เนื่องจากวันที่เลือกมาเป็นวันธรรมดา แล้วอีฟาร์มนี้ก็จะเปิดให้เข้าแค่วันจันทร์ วันพฤหัสบดี แล้วก็เสาร์กับอาทิตย์ ส่วนวันที่เหลือเท่าที่หาข้อมูลจากจอมทัพได้ เขาบอกว่าปิดทำการเพื่อให้ฟาร์มได้พักผ่อน
   

ฟาร์มพักผ่อนเนี่ยนะ เจ้าของพักเองซะมากกว่ามั้ง ฟาร์มมันจะพักไปทำไม มันก็อยู่ของมันเฉยๆ
   

“สองใบค่ะ” เป็ดเอ่ยเสียงหวานกับพนักงานสาวขายตั๋ว พอจ่ายเงินไป เธอก็ให้บัตรคล้องคอที่เขียนว่า TOURIST มาให้
   

“รอบบ่ายโมงนะคะ ก่อนออกจากประตูทางออกคืนป้ายนี้ให้กับเจ้าหน้าที่ประจำประตูด้วยนะคะ” ทั้งสองคนพยักหน้ารับงงๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ให้ตั๋วฉีกมา ลงทุนทำป้ายคล้องคออย่างดีให้เลยเนี่ยนะ
   

“เอ่อ ไม่ทำตั๋วฉีกเหรอคะ” ไม่อยากเก็บความสงสัยเอาไว้นาน เลยถามดีกว่า
   

“เมื่อก่อนทำค่ะ แต่ว่านักท่องเที่ยวบางส่วนชอบทิ้งตั๋วไว้ตามพื้นจนสกปรก เจ้าของฟาร์มเลยทำวิธีนี้ แล้วก็แบ่งนักท่องเที่ยวเข้าชมฟาร์มเป็นรอบๆ นี่แหละค่ะ แต่ละกรุ๊ปจะอยู่ได้ไม่เกินสองชั่วโมง”
   

“โอ้โห นี่เหมือนการเข้าไปชมภาพยนตร์เลยนะคะเนี่ย” เป็ดเอ่ยด้วยเสียงตะลึงเบาๆ
   

“ใช่ค่ะ รอบที่ฮิตที่สุดคือรอบเย็น เพราะส่วนมากจะมารอดูพระอาทิตย์ตกกัน” สาวพนักงานขายตั๋วเล่าให้ฟังอย่างเป็นมิตร สองเพื่อนซี้ยืนฟังด้วยความสนใจ จนลืมคนที่ต่อคิวอยู่ด้านหลังไปแล้ว
   

“อ้าว นังเรียว แกพลาดละ ทำไมไม่มาตอนเย็นวะ”
   

“แกลืมแล้วรึไงว่าเราไม่ได้มาเที่ยว” เรียวจันทร์กัดฟันบอกเพื่อนยิ้มๆ เป็ดที่เหมือนจะลืมจุดประสงค์ของการมาครั้งนี้ทำหน้าเข้าใจขึ้นมาทันที
   

“เอ่อ… ถ้ายังไง ขอให้คิวต่อไปได้ซื้อตั๋วหน่อยนะคะ  ส่วนคุณสองคนเข้าไปรอที่ห้องรับรองได้เลยค่ะ เดินเข้าไปแล้วเลี้ยวซ้ายไปตามทางเดิน” ทั้งสองคนก้าวเท้าออกจากบริเวณหน้าจุดขายตั๋ว เดินก้าวเข้าไปในซุ้ม แม้จะสามารถมองเห็นวิวบางส่วนจากด้านนอกซุ้ม แต่พอเข้ามาด้านในนักท่องเที่ยวจะไม่สามารถเดินตรงเข้าไปในฟาร์มได้เลย เนื่องจากมีรั้วกั้นอยู่ แล้วพอก้าวเท้าเข้ามาก็ต้องเดินไปตามทางที่บังคับเดินโดยจะมีลูกศรชี้บอกให้เดินไปตามทางที่เป็นซุ้มโค้ง ระหว่างทางเดินเช้าไปในห้องรับรอง เรียวจันทร์มองเห็นซุ้มโค้งที่เชื่อมกับประตูทางออกของห้อง โดยตรงนั้นจะมีละอองน้ำฟุ้งอยู่จางๆ ได้ยินเจ้าหน้าที่ที่อยู่แถวนั้นประกาศบอกว่าเป็นน้ำยาฆ่าเชื้อ แล้วก่อนที่จะเข้าชมฟาร์มนักท่องเที่ยวทุกคนต้องล้างมือก่อนด้วย
   

“โห โคตรจะสะอาดเลยอ่ะ” เป็ดหันมากระซิบกับเพื่อนในขณะที่ก้าวเท้าเดินเข้าไปหาที่นั่งในห้องกระจกใสที่มีคนนั่งอยู่ประปราย ตรงนี้เหมือนเป็นจุดนั่งรอมากกว่า เป็นเพียงห้องกว้างๆ มีม้านั่งสีน้ำตาลแก่ตัวยาวตั้งเรียงรายเป็นระเบียบ มีกระจกใสติดรอบห้อง ภายในห้องมีแอร์เย็นฉ่ำ จากจุดนี้ก็พอที่จะเห็นวิวทิวทัศน์ของฟาร์มได้มากขึ้น หลายคนตื่นเต้นกับบรรยากาศของฟาร์มโดยการถ่ายรูปผ่านกระจกซะตั้งแต่ในห้องนี้
   

“อ๋อ แก ไอ้บ้านที่มันติดๆ กัน มันเป็นร้านอาหารกับร้านของฝาก” ร้านอาหารที่ว่าเป็นร้านอาหารจำพวกอาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว ร้านนมสดนมปั่น ขนมทานเล่น
   

“มีชิงช้าด้วยแก” เรียวจันทร์ชี้เครื่องเล่นไม้กลมๆ คล้ายชิงช้าสวรรค์ แต่อันที่นางเห็นเป็นกระเช้าไม้ไม่มีหลังคา มีแค่ที่นั่งสำหรับสองคนกับที่ล็อคกันตกเท่านั้น มันตั้งอยู่ท่ามกลางดงดอกไม้หลากสีที่อยู่เกือบกลางฟาร์ม บริเวณนั้นยังมีลานหญ้ากว้างซึ่งมีสนามเด็กเล่นขนาดใหญ่ที่ทำจากไม้สักเก้าสิบเปอร์เซ็นต์เห็นจะได้ คงเอาไว้ให้สำหรับเด็กเล่น แล้วผู้ใหญ่ก็คงจะเล่นได้ด้วย มีกองฟางวางไว้สำหรับนั่งพักผ่อน มีโรงนาขนาดใหญ่และวางตัวยาวสร้างจากก้อนอิฐสีหินกระเถิบออกไปจากลานสนามเด็กเล่น
   

“แกๆ ซื้อตั๋วเอทีวีตรงนั้นไง” เป็ดชี้ไปตรงโต๊ะไม้ที่มีเจ้าหน้าที่นั่งขายตั๋วประจำล็อคเล็กๆ เหนือหัวของเจ้าหน้าที่มีป้ายบอกวิธีการเข้าชมฟาร์มด้วยยานพาหนะที่แตกต่างกัน เรียวจันทร์พยักหน้ารับแล้วมองลาดเลาก็เห็นว่ายังไม่มีคนต่อคิวซื้อ เขาเลยก้มลงมองนาฬิกาข้อมือก็เห็นว่าอีกสิบนาทีถึงจะบ่ายโมง
   

“สวัสดีนักท่องเที่ยวทุกๆ ท่านค่ะ…” ไกด์สาวคล้องโทรโข่งไว้บนไหล่มายืนอยู่ตรงกลางห้องรับรอง ทุกคนที่เกาะกระจกมองวิวอยู่หันมามอง เธอบอกให้ทุกคนมานั่งเพื่อรับฟังข้อปฏิบัติในฟาร์ม
   

“…ทุกท่านมีเวลาเที่ยวชมฟาร์มสองชั่วโมง โดยกรุ๊ปของท่านมีลูกทัวร์ยี่สิบคน สำหรับวันนี้ทางเราไม่บังคับค่ะว่าจะเที่ยวชมฟาร์มในรูปแบบใด เนื่องจากลูกทัวร์น้อย แต่ให้ระมัดระวังในการใช้ถนนร่วมกันสักนิดหนึ่ง เราจะมีเจ้าหน้าที่จราจรคอยให้สัญญาณ ขอความร่วมมือว่าอย่าทำลายสิ่งของใดๆ ในฟาร์ม ตรงบริเวณบ้านของท่านเจ้าของฟาร์ม ทุกคนสามารถถ่ายภาพด้านนอกได้ แต่ห้ามเข้าไปด้านใน ตรงบริเวณหมู่บ้านคาวบอย ให้ระวังในการเยี่ยมชมม้า จงเชื่อฟังคำเตือนของเจ้าหน้าที่ในส่วนตรงนั้น ตรงบริเวณที่พักแคมป์ปิ้งห้ามเข้าไปรบกวนลูกค้าที่มาพัก…” ไกด์สาวพูดถึงข้อควรปฏิบัติและข้อห้ามต่างๆ อีกมากมายจนจบก่อนที่จะปล่อยให้ลูกทัวร์ลุกขึ้นไปซื้อตั๋วข้อมือสำหรับการเที่ยวชมฟาร์มในรูปแบบที่สนใจ
   

“แก ฉันอยากนั่งเกวียนม้าอะ” เป็ดบ่นกระปอดกระแปด มองซุ้มซื้อตั๋วสำหรับนั่งเกวียนม้าตาละห้อย
   

“นังเป็ด” เรียวจันทร์เรียกชื่อเพื่อนเสียงกดต่ำพร้อมกับกดหน้าลงแล้วมองเพื่อนด้วยสายตาเบื่อหน่าย เป็ดจิ๊จ๊ะนิดหน่อยแต่ก็ไม่เถียงอะไรกลับมา
   

“ถ้าขับไม่เป็นให้บอกเจ้าหน้าที่นะคะ เขาจะได้สอนก่อนขับ” คนขายตั๋วบอกพลางพันข้อมือของทั้งสองคนด้วยสายรัดขอมือพลาสติกสีขาวที่เขียนว่า ATV
   

“โอเคค่า” เป็ดตอบรับด้วยรอยยิ้มทั้งที่จริงแม่นางสองคนเคยขับเอทีวีจากทริปที่ไปเที่ยวด้วยกันมาก่อนๆ หน้านี้บ้างแล้ว
   

ทั้งสองคนเดินออกจากห้องรับรอง เดินผ่านซุ้มน้ำยาฆ่าเชื่อแล้วออกไปสู่ความกว้างขวางและความชัดเจนของฟาร์มอรุณพยัคฆ์ สองเพื่อนซี้ยืนตื่นตะลึงอยู่ตรงเนินหญ้าหน้าตึกไม้ มองภาพวิวที่สวยงามราวกับภาพวาดจากฝีมือจิตรกรเอกของโลก มองลอดซุ้มประตูทางเข้าว่าสวยแล้ว พอได้มาเห็นเต็มตาก็สามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าที่นี่สวยมาก ภูเขาโอบล้อมรอบฟาร์ม ทุ่งดอกไม้หลากสีมีอยู่สี่ห้าแปลง แต่ละแปลงอยู่ห่างกันออกไปเพื่อกระจายความสวยงาม ทุ่งหญ้าสีเขียวขจีแบบขจีของแท้ ฝั่งขวามือเหมือนจะเป็นหมู่บ้านคาวบอยที่ไกด์ว่า มีกระโจมใหญ่ลายขาวแดงเหมือนโรงละครสัตว์หรืออาจจะเป็นม้าหมุนอยู่เบียดไปทางขวาของฟาร์มโดยอยู่ห่างจากชิงช้าสวรรค์ไกลออกไป เรียวจันทร์คิดว่านั่นอาจจะเป็นม้าหมุนก็เป็นไปได้ เพราะไหนๆ ก็มีชิงช้าไปแล้ว จะมีม้าหมุนด้วยจะแปลกอะไร ถัดจากกระโจมเป็นฉากไม้อันใหญ่มากที่เห็นแต่ด้านหลัง เปรียบเป็นฉากกั้นห้องก็คล้ายคลึงอยู่
   

“นั่นบ้านเจ้าของฟาร์มเปล่าวะ” เป็ดชี้ไปที่บริเวณเหนือเนินเกือบถึงตีนเขาที่มีบ้านไม้ตัดสลับกับการประดับกระจกใสหลังใหญ่โตมากหลังหนึ่งโผล่พ้นจากยอดต้นไม้ใหญ่มาให้เห็น รั้วไม้สีน้ำตาลกั้นหน้าบ้าน รั้วบ้านก็ไล่ระดับขึ้นไปตามความสูงของเนินหญ้าที่ตัวบ้านตั้งอยู่ จากมุมที่เรียวจันทร์ยืนอยู่ ดูๆ แล้วไม่น่าจะเป็นเนินสูงลาดเอียงมากนัก แค่ยกสูงขึ้นจากสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ในฟาร์ม บ้านหลังนั้นแยกออกจากส่วนต่างๆ ของฟาร์มออกไปไกลพอสมควร แต่ก็ไม่ได้อยู่ติดกับตีนเขาแต่อย่างใด 
   

“คงใช่แหละ โดดเด่นซะขนาดนั้น” บ้านหลังนั้นท่าทางจะสวยมาก แค่เห็บแวบๆ แพลมๆ ยังดูดี เรียวจันทร์เลื่อนสายตาไปมองหมู่บ้านคาวบอยที่ไกด์สาวบอก เป็นบ้านไม้ซึ่งคาดว่าคงสร้างจากสิ่งที่ทำมาให้เหมือนไม้มากกว่า ใกล้กันนั้นเป็นคอกม้าขนาดใหญ่ที่แบ่งโซนเป็นคอก มีหลังคากับคอกลานกว้างให้ม้าอยู่อย่างเป็นอิสระ มีโรงนาสีแดงขนาดใหญ่ที่เป็นตัวกั้นคอกม้ากับหมู่บ้าน
   

“ฉันว่าฉันเจอจุดยุทธศาสตร์แล้วเป็ด” หญิงสาวมองตามสายตาเจ้าเล่ห์ของเพื่อนไป ก่อนจะอ้าปากหวอทำหน้าตกใจ หันมาสั่นหัวกับเพื่อนรัวๆ
   

“แกจะบ้าเหรอ มันอันตรายนะ” เรียวจันทร์ย่นคิ้ว
   

“อันตรายตรงไหน ชิลๆ”
   

“แต่ตรงนั้นมันคือจุดที่เขาเตือนว่า อย่า!”
   

“อย่ารอช้าไง!” พูดจบก็เดินไปตรงศาลาลานจอดเอทีวีของฟาร์มทันที เป็ดรีบเดินตามและพยายามห้ามเพื่อน แต่หนุ่มหน้าหวานหันกลับมาทำหน้าดุใส่
   

“นี่ ใครทำกันแน่นังเป็ด ฉันทำ ไม่ใช่แก”
   

“ก็นั่นแหละ ฉันเป็นห่วงแกนะ เจ้าของเขาเอาเรื่องแกหนักแน่เลย” เรียวจันทร์ยักไหล่ ทำสีหน้าว่าฉันไม่แคร์
   

“แล้วฉันมาที่นี่เพราะอะไรล่ะ” เรียวจันทร์สตาร์ทเครื่องยนต์หลังจากสมหมวกกันน็อคเสร็จ เจ้าหน้าที่แนะนำการใช้ แล้วให้เซ็นเอกสารประกันชีวิตของตนเอง พอเป็ดเห็นเอกสารนั้นก็ยิ่งตาโต แต่ไม่ทันแล้ว เรียวจันทร์เซ็นอย่างรวดเร็วก่อนที่จะบิดเอทีวีสีดำที่นางเลือกออกไป
   

“อีเรียววว!” เป็ดแผดเสียงแข่งกับเสียงเครื่องยนต์ รถของเรียวจันทร์แล่นไปตามเส้นทางดินลูกรังสีน้ำตาล หล่อนรีบขึ้นคร่อมรถสีแดงของตัวเอง ยื่นเอกสารคืนหลังจากเซ็นเสร็จ แล้วบิดรถตามเพื่อนออกไป
   

เรียวจันทร์ขับเอทีวีไปตามทางอย่างชิลๆ ดื่มด่ำกับบรรยากาศท้องทุ่งหญ้า ดอกไม้ ใบไม้ ลมเย็นดีมาก แม้แดดจะแรงไปบ้าง แต่ลมที่พัดมานั้นทำเอาไม่กังวลกับแดด แต่อาจจะต้องไปกังวลกับการถูกรังสียูวีไหม้ผิวแทน ทางดินที่มีไว้สำหรับให้ยานพาหนะเที่ยวชมฟาร์มไม่ได้กว้างมาก เป็นถนนเลนเดียว แล้วเป็นเส้นทางที่บังคับให้ไปตามจุดต่างๆ อยู่ที่ว่าใครจะหยุดชมตรงจุดไหน อย่างตอนนี้เรียวจันทร์กำลังขับผ่านโรงนาอิฐที่อยู่ตรงช่วงกึ่งกลางของฟาร์ม มีร้านอาหารกึ่งคาเฟ่เรือนกระจกเล็กๆ ยื่นออกมาจากโรงนา ด้านในโรงนามีลักษณะคล้ายพิพิธภัณฑ์ มีรถไถ รถกระบะเก่าๆ แล้วก็อุปกรณ์มากมายตั้งเรียงรายอยู่ มีกองฟางวางไว้เป็นที่นั่งและมีมุมถ่ายรูปสวยๆ เก๋ๆ ด้วย
   

“นังเรียว!” เสียงแป๋นๆ ของเป็ดดังตามหลังมา เรียวจันทร์เอี้ยวหน้าไปมองผ่านไหล่แวบหนึ่งแล้วหันกลับไปสนใจทางตรงหน้าต่อ นางหันไปมองวิวด้านขวามือ เป็นบ่อดอกบัวขนาดยาว บนฝั่งมีต้นตะแบกสีม่วงสดใสออกดอกสะพรั่ง ตั้งเรียงรายเว้นช่องไฟอย่างพอดี มีเก้าอี้ให้นั่งพักผ่อนหย่อนใจริมสระบัว ติดกับแนวต้นตะแบกนาเป็นถนนลาดยางสั้นๆ ขนาดกว้างที่กั้นระหว่างฝั่งเรือนไม้สำนักงานของฟาร์มกับแนวต้นตะแบก เรียวจันทร์สอดส่องสายตามองไปเรื่อย ขับไปตามทางดินขรุขระ ตอนนี้นางกำลังขับผ่านทุ่งหญ้าสีเขียวที่อยู่ติดกับรั้วต้นสน  ใกล้กันมีทุ่งดอกปอเทืองสีเหลืองอร่าม พอขับไปได้อีกสักพักก็เจอคอกวัวนม มีเป็นโซนหลังคาแล้วก็โซนโล่งคล้ายกับคอกม้าที่อยู่กันคนละฝั่งไกลลิบ ปล่อยให้วัวเดินกินหญ้าได้อย่างอิสระ ถัดจากคอกวัวมีรั้วกั้นพื้นที่สีเขียวของต้นหญ้าสูงๆ ที่กว้างขวางไกลสุดลูกหูลูกตา เรียกได้ว่าฟาร์มแห่งนี้ยังมีพื้นที่เหลือใช้อีกมากมาย
   

“วัวตัวใหญ่มากแก!” เรียวจันทร์หันไปบอกเป็ดที่ขับตามมาติดๆ กัน ด้านหลังเป็ดที่ไกลลิบๆ ออกไปคือรถเกวียนม้าของคนที่มาเที่ยวรอบเดียวกับพวกนาง
   

“แวะถ่ายรูปหน่อยได้มั้ยอะ?!” เป็ดตะโกนถามกลับมา
   

“แกอยากถ่ายก็ถ่ายไปคนเดียว” ว่าแล้วก็บิดรถไปตามทาง ขับผ่านไร่ข้าวโพด หลังไร่ข้าวโพดเป็นดงต้นไม้เขียวขจี มีที่พักแบบกางเต็นท์อยู่ในบริเวณนั้น ซึ่งอนุญาตให้เข้าไปเฉพาะผู้ที่มาพักที่ฟาร์มแห่งนี้ แต่นั่นไม่ใช่จุดที่เรียวจันทร์สนใจ นางบิดรถผ่านอาคารสำนักงานอย่างเชื่องช้าเพื่อมองลาดเลา พอเห็นเงียบๆ ก็เลยบิดรถต่อไปอีก แต่ก็ชะลอความเร็วลงเพื่อชมความงามของแปลงดอกกุหลาบใกล้กับสำนักงาน ใบหน้าหวานคลี่ยิ้ม มองแปลงกุหลาบด้วยความสนใจอยู่ครู่หนึ่ง มันไม่ใช่มีแค่กุหลาบสีแดง แต่มันมีกุหลาบสีส้ม สีขาวและสีชมพูด้วย แต่ไม่ได้ปลูกรวมกัน ทางฟาร์มปลูกคนละแปลง แต่ก็อยู่ใกล้ๆ กันนั่นแหละ มีซุ้มประตูอิฐอยู่ท้ายแปลง เชื่อว่าคงเป็นมุมถ่ายรูปอยู่แถวนั้น แต่ตัวนางเองก็ไม่ได้สนใจจะหยุดถ่ายรูป


ใบหน้าสวยและยังหวานผินหน้ากลับไปมองถนนลาดยางต่อ พอพ้นหน้าสำนักงานไป ถนนก็กลับกลายเป็นถนนดินตามเดิมแล้วลากยาวโค้งกลับไปทางห้องรับรองที่เพิ่งจากมา แต่ก็ไม่ใช่ว่าบิดแล้วถึงเลยทันที ระยะทางก็ยังดูไกลลิบจากตรงนี้ ระหว่างทางก็จะผ่านซุ้มกระโจมม้าหมุน มีแปลงดอกไม้ที่จัดเอาไว้สำหรับถ่ายรูป หนึ่งในนั้นคือดอกทานตะวันบานสะพรั่ง พ้นกระโจมไปเป็นแบ็คกราวด์ที่เห็นก่อนขับรถมาด้านนี้ เป็นฉากไม้มีอุปกรณ์ทำการเกษตรขนาดใหญ่ยักษ์แขวนไว้ มีรถไถสีส้มสดจอดไว้เป็นพร็อพ มีกองฟางก้อนๆ ตั้งเรียงกัน


ยังมีถนนอีกเส้นฝั่งซ้ายมือ ใช้สำหรับขับอ้อมไปใกล้กับประตูทางออก เพื่อใช้เป็นเส้นทางขับรถไปในหมูบ้านคาวบอย เรียวจันทร์บิดคันเร่งไปจอดพักรถตรงบริเวณเขตรั้วรอบนอกหน้าบ้านเจ้าของฟาร์ม รั้วนอกรอบเป็นรั้วสีขาวเตี้ยๆ ที่เป็นปูนแต่ทำเป็นในลักษณะของไม้สี่เหลี่ยม ตั้งยาวสองฝั่งของสวนสวยหน้าบ้านที่แบ่งเป็นสองโซน ทั้งสองสวนจัดเป็นสวนสไตล์อังกฤษ เน้นไม้จริง เน้นหิน เน้นดอกไม้สีสด ของประดับกระจุ๊กกระจิ๊กวางไว้เป็นหย่อมๆ ฝั่งขวามือมีน้ำพุรูปปั้นคิวปิดเป่าแตร ฐานของคิวปิดคือบ่อรองรับน้ำกลมๆ เป็นวงเวียนสามารถนั่งถ่ายรูปได้ ชวนให้นึกถึงประเทศอิตาลีไม่ก็ฝรั่งเศส ซ้ายมือไม่มีน้ำพุ แต่มีศาลาไม้ทรงกระโจมโล่งๆ สีขาว มีซุ้มไม้ที่ดอกไม้เลื้อยเกี่ยวพันจนออกมาสวยงาม ถ้าคู่บ่าวสาวอยากหาโลเคชั่นถ่ายพรีเวดดิ้งละก็ เรียวจันทร์จะรีบแนะสวนกั้นบ้านเจ้าของฟาร์มอรุณพยัคฆ์ทันที
   

“แก พอเถอะ ฉันว่ารอคุณจอมทัพเขาส่งแกมาทีเดียวเลยดีกว่า” เป็ดเบรกรถข้างๆ เพื่อนกะทันหันจนฝุ่นตลบแล้วรีบเอ่ยห้ามเพื่อนด้วยความเร็วปรื๋อจนลิ้นแทบม้วนตัว มีเจ้าหน้าที่เป่านกหวีดอยู่ตรงด้านหน้า ทำสัญญาณมือว่าให้ทั้งคู่หลบรถเกวียนม้า สองเพื่อนซี้ขับเข้าไปจอดติดรั้วไม้ปลอมสีขาวที่กั้นถนนเที่ยวชมฟาร์มกับพื้นที่แถวทางเข้าบ้านเจ้าของฟาร์ม เรียวจันทร์เหลียวไปมองบ้านหลังนั้นด้วยสายตามีแผน แล้วหันกลับมามองเพื่อนอีกที
   

“แกนี่ยังไงนะ หน้าที่แกคือแอคติ้งโอเวอร์เข้าไว้ตอนที่ฉันพุ่งไปถึงที่นั่น” เรียวจันทร์บิดเครื่องเป็นสัญญาณว่าเตรียมพร้อม เป็ดอ้าปากหวอ ใจเต้นระรัวอย่างกับมีกลองเปิงมางตีอยู่ในอก วินาทีที่เพื่อนสาวอย่างเรียวจันทร์พุ่งตัวออกไป สาวผิวเข้มก็กรี๊ดตกใจเบาๆ
   

“แอร๊ยยย!!!” เจ้าหน้าที่ที่คอยดูแลจราจรบริเวณนั้น เป่านกหวีดเตือนเป็นเชิงให้ระวังเรื่องความเร็ว แต่เรียวจันทร์ไม่สนใจ บิดคันเร่งอย่างแรงไปตามทางที่ใช้อ้อมเพื่อเข้าไปในหมู่บ้านคาวบอย พอถึงทางโค้งที่อยู่ใกล้กับประตูทางออก เอทีวีสีดำของเรียวจันทร์ก็เอียงตัวอย่างน่าหวาดเสียว นางเกร็งร่างกายเพื่อบังคับทิศทางของมันให้กลับไปวิ่งสี่ล้อได้ดังเดิม เมื่อเลี้ยวเข้าไปในถนนพาไปสู่หมู่บ้านคาวบอย เรียวจันทร์ก็บิดคันเร่งเร็วกว่าเดิม แล้วแทนที่จะขับไปเต็นท์จอดรถ แต่กลับหักคอรถไปทางขวามือซึ่งไม่ใช่ทางหลักแต่เป็นทางพุ่งไปตรงคอกม้าแทน
   

บรื๊นนน!!!
   

ปรี๊ดดด!!!
   

“คุณครับ ไม่ใช่ทางนั้นครับคุณ!!!” เสียงตะโกนของเจ้าหน้าที่ตะโกนบอกเสียงดังพร้อมกับเริ่มวิ่งไปทางร่างบาง แต่ไม่ทันแล้ว เรียวจันทร์บิดรถตัดสนามหญ้าเข้าไปใกล้รั้วไม้สีน้ำตาลแก่จนเริ่มคล้ำ แล้วก็!!
   

“เฮ้ยคุณ!!!” เจ้าหน้าที่เป่านกหวีดเสียงดังลั่นฟาร์ม ก่อนที่จะตะโกนเรียกเรียวจันทร์ ทำเอานักท่องเที่ยวคนอื่นหันมาชะเง้อมองจุดเกิดเหตุเต็มไปหมด
   

“อีเรียววว แอร๊ยยยย!!!!” เสียงเป็ดตะโกนดังตามหลังแว่วๆ เรียวจันทร์หลับตาปี๋ บิดคันเร่งไว้ไม่ยอมผ่อน แล้วเอทีวีคันใหญ่ก็พุ่งชนรั้วล้อมคอกม้าที่ทำจากไม้อย่างแรง ราวกับมีใครขว้างเรียวจันทร์มาอีกฝั่งด้วยแรงมหาศาล เพราะมันพังทะลุคอกไม้ม้าเข้าไปด้านในจนเป็นช่องโหว่
   

“อ๊ายยย!!!” เรียวจันทร์กรี๊ดสุดเสียงในตอนที่หัวรถพุ่งพังทลายรั้วไปส่วนหนึ่ง ตอนนั้นเองที่สตินางหลุดจริง ยิ่งพอเห็นฝูงม้าแตกฮือกันไปคนละทิศ ก็ทำเอาสมองตื้อ แรงกระแทกเมื่อกี้ทำเอาหูอื้อ รู้สึกเจ็บปวดแปลบตามตัว เสียงควบเท้าของม้าทำเอาหวาดผวาในหัว แต่ตอนนี้นางสติแตก บังคับรถไม่อยู่ เอทีวีสีดำตีโค้งเลี้ยวพุ่งไปชนรั้วอีกด้านของคอกม้าที่อยู่ใกล้กับโรงนาสีแดง
   

“อีเป็ดดดด!!!!”
   

โคร่ม!!!!

V
v
v

   

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-02-2017 13:01:08 โดย ขุ่นเจ้ »

ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8
V
v
v

“ฮะ??!! อีเรียวว อย่าตายนะ!!! ว้ายยย ช่วยด้วยค่า!!!”  เป็ดลงจากรถเอทีวี รีบวิ่งกระวีกระวาดจะเข้าไปในคอกม้า แต่ก็ต้องชะงักเท้ากะทันหัน
   

“ว้ายยย!!! ม้าค่ะ ม้า!! ม้าจะถีบหนูค่า!!” เหล่าฝูงม้าที่ตกใจกับเหตุการณ์เอทีวีพุ่งชนเรือนพักผ่อนของตัวเอง ต่างกำลังอาละวาดยกแข้งยกขาจะดีดใส่กันเองแถมยังจะลามไปดีดใส่คนดูแลม้าอีก ตอนนี้ทุกคนกำลังพยายามช่วยกันทำให้พวกมันสงบ
   

“อ๊ายยย! พี่คะ พี่!! ดูเพื่อนหนูด้วยค่ะ อย่าให้ม้าตามไปกระทืบซ้ำได้ ว้ายยย! อีตัวดำมันไปแล้วค่า พี่ค้า! เพื่อนหนูนอนตายอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ อย่าให้ศพมันเละไปมากกว่านั้นเลย!” เป็ดตะโกนโหวกเหวกโวยวาย ม้าสีดำมันวับรูปร่างกำยำตัวหนึ่งวิ่งควบไปทางที่เอทีวีจอดนิ่งสนิทควันขึ้นอยู่ในรูโหว่ข้างโรงนา เป็ดพยายามชะเง้อมองหาเพื่อน แต่ก็มองไม่เห็น ไม่รู้กระเด็นไปถึงตรงไหน
   

“เฮ้ย! มีใครไปตามพี่เขี้ยวยัง ไอ้เดือนหงายแม่งอาละวาดใหญ่แล้ว!” ม้าสีดำตัวใหญ่ควบไล่คนกับม้าตัวอื่นไปทั่วคอก พวกคนงานวิ่งหลบเจ้าม้าตัวนั้นให้วุ่น มันทำท่าจะวิ่งออกจากคอกตรงจุดที่โดนเอทีวีชนจนหัก แต่ก็มีคนใช้แส้ยาวๆ ฟาดลงพื้นขู่มันเอาไว้ เลยทำให้มันเปลี่ยนทิศทางแล้ววิ่งพุ่งเข้าไปตรงกลุ่มม้าตัวอื่นๆ ทำให้วงม้ากระจายแตกฮืออีกรอบ
   

“พี่เขี้ยวๆ ด่วนเลยพี่!!” ชายหนุ่มรูปหล่อ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ใบหน้าคมสมส่วนด้วยกรามอันชัดเจน และมีหนวดเคราประดับวิ่งมาตรงคอกม้าอย่างเร็วพร้อมใบหน้านิ่วคิ้วขมวด แต่กระนั้นก็เรียกสายตาจากหญิงสาวแถวนั้นได้ไปหลายสายตา ดูได้จากเป็ดที่อึ้งสติดับไปแวบหนึ่ง


ร่างสูงใหญ่หยุดยืนมองความวุ่นวายในคอกม้าสักพักก่อนที่จะวิ่งเข้าไปด้านใน สายตาคมมองตามร่างของม้าตัวใหญ่ที่วิ่งพุ่งทแยงมั่วไปหมด
   

“เดือนหงาย!!” เสียงทุ้มแสนแมนดังก้องกังวานไปทั่วบริเวณ เจ้าม้าสีดำทะมึนตัวใหญ่หยุดควบเท้าแล้วยกขาหน้าทั้งสองข้างขึ้นพร้อมกับส่งเสียงร้องดังลั่นราวกับเถียงสู้
   

“เดือนหงาย!!!” เสียงของชายหนุ่มตัวสูงร่างใหญ่ดังหนักแน่นขึ้นกว่าเก่าและแฝงด้วยความมีอำนาจอยู่ในนั้น ใบหน้าหล่อนิ่งสนิท สายตาคมปลาบจ้องมองไปยังเจ้าม้าพยศ แต่ไอ้ม้าตัวนั้นก็ยังคงดูหงุดหงิดงุ่นง่าน หนุ่มรูปหล่อเลยเอื้อมมือไปดึงแส้มาจากมือลูกน้อง ก่อนจะสะบัดแส้ลงบนพื้นดินหนึ่งที
   

เปรี๊ย!
   

เสียงแส้ฟาดผ่านอากาศแล้วกระทบลงบนผืนดินจนดินแตกกระจาย นักท่องเที่ยวที่มายืนมุงดูเหตุการณ์ในจุดใกล้เคียงถึงกับสะดุ้งไปหลายคน เจ้าม้าตัวใหญ่สีดำมีจุดสีขาวเหมือนเสี้ยวดวงจันทร์อยู่ตรงหน้าผากค่อยๆ ควบช้าลง จนกระทั่งกลายเป็นวิ่งเหยาะๆ ไปรอบคอกม้า หนุ่มเจ้าของฟาร์มทิ้งแส้ลงพื้น เดินเข้าไปยืนรอในวิถีเส้นทางที่ม้าจะเดินกลับมา พอเจ้าม้าเดินวนมาตรงที่เขารออยู่ มันก็ทำท่าผงกหัว เดินหน้าถอยหลัง เหมือนงอน ชายหนุ่มเดินเข้าไปโอบรอบคอมันไว้ มันส่งเสียงฟึดฟัดเหมือนเคืองๆ
   

“ไม่เอาน่า แกดื้อกับฉันก่อนนะ” เสียงทุ้มบอก สองมือลูบตัวม้าปลอบโยนไปมาเพื่อให้มันสงบ เจ้าม้าตัวใหญ่ฟึดฟัดอีกนิดหน่อยแต่สุดท้ายก็ยอมสงบให้กับเจ้านายตนเอง ผู้คนที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ต่างปรบมือให้กับหนุ่มคนนั้นที่ยืนกอดม้าเอาไว้ สาวๆ หลายคนชะเง้อมองกันยกใหญ่ เพราะมีเสียงลืออย่างมากมายเกี่ยวกับเจ้าของฟาร์มว่าหล่อนักหนา วันนี้ได้เห็นกับตาก็ต้องบอกว่าข่าวลือเป็นเรื่องจริง ขนาดเป็ดเองยังแอบเคลิ้มจนลืมเพื่อนที่เงียบหายไปแล้ว
   

“เรื่องเป็นมายังไง” คมเขี้ยวหันไปถามลูกน้องที่ยืนอยู่แถวนั้นด้วยสายตาคมวาววับ สีหน้าไม่พอใจอยู่มาก เขามองไปตามจุดเสียหายที่เกิดขึ้น แล้วก็หยุดตรงรถเอทีวีซึ่งเอียงทะลุผนังโรงนาเข้าไปครึ่งคัน
   



“มีคนขับเอทีวีพุ่งเข้ามาทางนี้ครับพี่” ลูกน้องว่าเสียงอ่อย ก้มหน้าหลบสายตาแข็งกร้าวของคมเขี้ยวกันเป็นแถว ร่างสูงใหญ่ผละจากม้า เดินตรงไปยังรถเอทีวี พอเห็นคนเคลื่อนไหว เป็ดก็ได้สติ รีบเดินเข้าไปในคอกม้า พยายามเลี่ยงไม่เข้าใกล้เจ้าม้าสีดำที่ยืนปัดหางไปมา
   

“โอ๊ย…” เสียงร้องโอดครวญดังขึ้นตรงรถเอทีวีที่จอดเอียงกระเท่เร่ ดวงตาคู่คมของคมเขี้ยวองจับจ้องอยู่ตรงนั้น แล้วสักพักเขาก็เห็นแขนขาวๆ ค่อยๆ โผล่ออกมาทีละข้าง ค่อยๆ พาร่างบอบบางแต่ไม่ได้ผอมกะหร่องออกมาตรงท้ายรถเอทีวี ใบหน้าขาวสว่างเปื้อนดินดำ ผมเผ้ายุ่งเหยิงมีเศษหญ้าสีเขียวติดหัวเป็นหย่อม
   

“…ใครก็ได้ ช่วยสนใจสิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงนี้หน่อยได้มั้ย” ริมฝีปากสีชมพูสดส่งเสียงโอดครวญ เจ้าของฟาร์มรูปหล่อขบกรามแน่น มองร่างนั้นเกาะเสาคอกม้าที่เอียงไปจากเดิม เขาค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ร่างขาวบาง
   

เรียวจันทร์ลืมตาขึ้นเมื่อเห็นว่ามีร่างใหญ่ทะมึนมายืนตรงหน้า ดวงตาเหมือนกวางน้อยสบกับดวงตาดุดันเหมือนพญาราชสีห์ ต่างคนต่างมองกันนิ่ง ส่งความรู้สึกอันต่างกันผ่านสายตา คนหนึ่งมองด้วยความอึ้งกับตัวจริงของอีกฝ่าย ส่วนอีกคนมองอย่างกับว่าอยากจะเข้าไปบีบคอขาวๆ ให้หักคามือ


จุ้นจ้านวุ่นวายดีนัก!
   



   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-02-2017 13:20:40 โดย ขุ่นเจ้ »

ออฟไลน์ wawa_piya

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
ฟาร์มสวยๆผุดขึ้นมาในมโนแล้วจ้าาาา พี่เขี้ยวเท่เวอออออร์
เรียวจันทร์ระห่ำไปป่ะลูกก แข้งขาหักไปจะคุ้มม้ายยย 5555

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
กรี้ดดดดด

พี่เขี้ยวเท่ห์100x


จอมทัพยกให้เป็ดไปเลยค่า  :pigha2:

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยย เท่ห์มากเลยค่ะพี่เขี้ยววววว!!!

ขอเป็นแฟนคลับพี่เขี้ยวด้วยคนนะค้าาาาาา  :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
พี่เขี้ยวเท่มากกกกกกกกกกกกกกกก :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
คนนี้แหละที่เหมาะสำหรับเรียวจันทร์ที่สุด!  :hao6:

ออฟไลน์ mochimanja2

  • มึน
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สนุกอ่า สามีเค้ามาละ  :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Hang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
พี่เขี้ยวโหดร้ายยย..

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook


พระเอกมาแล้ว ^^
รออ่านตอนต่อไปค่ะ
 :L2:


ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8
คาถาที่ 4 [100%]




   


ปัง!!!
   

เสียงทุบโต๊ะไม้สีน้ำตาลแก่ดังลั่นออฟฟิศของฟาร์ม เรียวจันทร์ไหล่กระตุกด้วยความตกใจ ใบหน้าเหวอเหลอหลา ดวงตาเลื่อนขึ้นไปจับจ้องใบหน้าที่กำลังขบเครียด
   

“ขอสติด้วยคุณ อย่าเหม่อ!” คมเขี้ยวเอานิ้วเคาะขมับเหมือนเป็นการบอกว่า สมอง อะสมอง เรียวจันทร์เม้มปาก สลัดความเลื่อนลอยออกจากสมองแล้วเรียกสติคืนมา พอดีว่าเมื่อกี้มัวแต่มองพ่อเครามาดโหดนี่เพลินตา หมอนี่หล่อลงตัวดีนะ หน้าตาดีมีหนวดก็เข้าที ตัวสูง ร่างใหญ่ แต่ไม่ได้ใหญ่ยักษ์ ผิวสีแทนเซ็กซี่ หุ่นดีไม่แพ้หน้า เสื้อลายสก็อตขาวแดงก็เหมาะกับบอดี้ของเขา กางเกงยีนรัดรูปสีดำกับรองเท้าคอมแบทสีน้ำตาลก็ยิ่งทำให้ดูดี ปฏิเสธยากมากว่าตัวจริงของอีตาคมเขี้ยวหล่อกว่าในนิตยสารที่เห็นในอินเตอร์เน็ตซะอีก
   

“อะไรล่ะ ก็ฟังอยู่นี่ไง เสียงดังไปถึงหลังเขาแล้ว” เรียวจันทร์ว่าอย่างกระปอดกระแปด ตั้งแต่เข้ามาในห้องนี้ หมอนี่ยังไม่ยิ้มเลยสักครั้ง เอาแต่บ่นแล้วก็บ่น จริงๆ คงอยากด่า แต่คงยังเล็งเห็นว่านางเป็นลูกค้าอยู่มั้ง เลยไม่กล้าด่า (แรงๆ) แล้วยังทำหน้าทำตาอย่างกับครูฝ่ายปกครองที่จับได้ว่าเด็กนักเรียนแอบโดดรั้วหนีโรงเรียนอย่างงั้นแหละ
   

“แล้วคุณเหม่อทำไม ผมกำลังคุยเรื่องซีเรียส!”
   

“โอ๊ย จะเครียดทำไมนักหนาคุณ หัดหลั่งสารเอ็นดอร์ฟีนให้กับชีวิตบ้าง” เรียวจันทร์อดจะหงุดหงิดกับเสียงดังเสียงตะคอก หน้าตาดุเข้ม สายตาเข้มงวดนี่ไม่ได้ เมื่อก่อนเคยเป็นครูมารึไง ห๊า?!
   

“จะให้ผมหลั่งสารความสุขทำเพื่อ?! คุณเกือบทำม้าทั้งคอกผมตาย!” เอ๊ะ?! อะไรกันนักกันหนา
   

“โห่ โอเวอร์ไปมั้ย นี่! ที่จะตายอะ คือผม ม้าคุณมันก็ยังร้องฮี่ๆ อยู่เลย!” เรียวจันทร์เถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้ แรกๆ ทั้งคู่ก็คุยกันแบบปกติอยู่ (บ้าง) หรอก อาจจะมีอารมณ์หงุดหงิดของคมเขี้ยวผสมบ้าง แต่สักพักเหมือนเลเวลมันเพิ่มขึ้นๆ จนมาถึงเลเวลนี้ จนเรียวจันทร์ก็เริ่มทนไม่ไหวกับการต่อว่าของอีกฝ่ายที่เริ่มหนักขึ้นๆ แล้วก็เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ
   

“คุณก็ยังไม่ตาย ไม่งั้นคงไม่ยืนเถียงผมคอเป็นเอ็นขนาดนี้!”
   

“เอ๊ะ! คุณนี่ยังไง ก็ต้องเถียงสิ ก็คุณเอาแต่ด่าๆ ผมมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ถามบ้างมั้ยว่าผมเจ็บตรงไหนหรือเปล่า คนที่คุณควรห่วงอะคือผม ไม่ใช่ไอ้ม้าสามศอกนั่น!” แววตาของคมเขี้ยวกระด้างฉับพลัน ใบหน้าหล่อเข้มตึงขึ้นทันที และนั่นก็ทำให้เรียวจันทร์แอบผงะไปนิดแต่ก็ยังทำเชิดว่าไม่กลัว
   

“ม้าผมมันอยู่เฉยๆ แต่คุณเกือบทำมันตาย ถ้ามันหลุดออกไปคิดบ้างมั้ยว่าจะเป็นไง?!” น้ำเสียงห้าวเข้มดังมาจากชายหนุ่มร่างใหญ่ ทำเอาชายหนุ่มร่างบางที่นั่งอยู่ตรงข้ามตัวกระตุกด้วยความตกใจ แต่ก็ยังแอ๊บทำหน้าเนียนว่าไม่รู้สึกอะไร
   

“โอ๋ยยย! นั่นม้าหรือเมียเนี่ย?!!” คมเขี้ยวถลึงตาดุมองเรียวจันทร์ เล่นเอานางตัวกระตุกอีกรอบแบบไม่ได้ตั้งใจ แต่เมื่อแอ๊บว่าไม่กลัวไปแล้ว ยังไงก็ยังต้องทำเชิดเถียงต่อ แรกๆ ก็กะจะยอมลงให้อยู่หรอก แต่มนุษย์อย่างเรียวจันทร์ดันหน้าหักไม่ค่อยจะเป็นนี่สิ โถ่ เป็นนายแบบน่ะต้องแกร่งพอตัวนะอยากจะบอก ไม่งั้นล่ะอยู่ยาก
   

“มันก็ไม่หลุดไม่ใช่เหรอ คุณมาสยบมันทันอะ แล้วจะบ่นทำไมอีก… ล่า” ท้ายประโยคเสียงของเรียวจันทร์ยานและอ่อย เพราะสายตาของคมเขี้ยว
   

แต่ถึงจะแกร่งในวงการนายแบบ แต่วงการฟาร์มวัว ฟาร์มม้า อาจจะยังไม่ใช่ที่ของนางละมั้ง
   

“อ้าว แล้วคุณไม่คิดล่ะว่าถ้ามันหลุดออกมา…”
   


“…เออๆ ขอโทษได้ป้ะล่ะ ก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้มันหลุดไง ผมควบคุมรถไม่ได้ ผมตกใจ ก็เลยเป็นอย่างที่เห็นนั่นแหละ” เรียวจันทร์รีบตัดบทก่อนที่ไอ้เคราโหดจะบ่นไปถึงชายแดนใต้
   

“แล้วคุณไม่เห็นเหรอว่ามันมีทางให้รถไป ยังจะขับออกนอกเส้นทางอีก!” วะ! ไอ้หมอนี่นี่นะ จะหาเรื่องไม่หยุดเลยใช่มั้ย ม้าตัวนั้นเป็นเมียแกแน่ๆ!
   

“เอ้า! ก็บอกอยู่ว่าตกใจ คุมรถไม่อยู่ พอสติแตก มันก็บิดไปเรื่อยอะ” คมเขี้ยวขมกรามแน่นด้วยความโมโห นึกอยากจะเตะให้ผู้ชายหน้าหวานคนนี้สักที เอาให้หายหงุดหงิด
   

“ออกไปนอกฟาร์มก่อนได้มั้ย ขอเตะสักทีซิ” เรียวจันทร์อ้าปากกว้างพอๆ กับเป็ดที่นั่งอยู่บนโซฟาที่ติดกับผนัง คมเขี้ยวยืนเท้าเอวมองหน้าคู่กรณีด้วยความหงุดหงิดสุดขีด ถ้าสถานะของไอ้หน้าสวยตอนนี้เป็นลูกค้าเขา งั้นพาออกไปข้างนอกสักพักเพื่อลดสถานะเป็นบุคคลทั่วไปก็น่าจะได้อยู่
   

“เฮ้ย! ขอเตะเนี่ยนะ เส้นประสาทบิดเหรอ?! ฉันเป็นนักท่องเที่ยวของคุณนะ เสียเงินให้ฟาร์มของคุณ แล้วยังจะมาขอเตะได้ยังไง มนุษย์นะ! ไม่ใช่ลูกฟุตบอล!”
   

“เออ ขอเตะก่อน ค่อยกลับเข้ามาเป็นลูกค้าใหม่อีกรอบ คนแบบนี้ต้องจัดสักที”
   

“เหยยย! ไรอ้ะ?! ที่นี่ประเทศไทยนะ ถึงมันจะไม่ได้ศรีวิไลซ์มาก แต่ก็ไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อนป้ะ?!” เรียวจันทร์เชิดคางขึ้น ถลึงตามองอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมเช่นกัน
   

“แต่คุณทำกับม้าผมโคตรเถื่อน!” พอได้จุดติด อารมณ์ของคมเขี้ยวมันก็เริ่มลุกลามเหมือนไฟ เรียวจันทร์มองหน้าอีกฝ่ายแล้วนึกว่าถ้าใครคนไหนบอกว่าตัวเองเป็นทาสแมว หมอนี่อาจบอกว่าตัวเองเป็นทาสม้าก็ได้ เพราะดูโอ๋ไอ้สัตว์ตัวใหญ่สี่เท้ามหึมานั่นซะจริง
   

“นี่! ดูหน้าฉันด้วย เอาตรงไหนมาเถื่อนไม่ทราบ อย่ายัดเยียดสิ่งที่ไม่เหมาะกับหนังหน้าฉันมาให้เด็ดขาด!” หลังจากยืนมองสถานการณ์อยู่สักพัก เป็ดก็เริ่มจะหวาดกลัวว่าอาจมีการตบตีเกิดขึ้นจริงๆ เธอเลยเดินเลี่ยงไปทางประตูออฟฟิศ เดินเลี้ยวขวาผ่านมุมห้องเล็กๆ ในออฟฟิศอีกทีเพื่อไปตามหาใครสักคนมาสยบความวุ่นวายของสองคนนี้
   

“คุณต้องรับผิดชอบแน่ๆ ไม่ต้องห่วง!” คมเขี้ยวกัดฟันแน่น ยกมือชี้หน้าเรียวจันทร์ อีกฝ่ายพอโดนชี้หน้าก็ไม่ยอมเลยยกนิ้วชี้หน้ากลับไปบ้าง
   

“เออ ก็บอกตั้งแต่แรกสิว่าจะให้รับผิดชอบอะไร ยืนบ่นเสียงดังอยู่ได้” เรียวจันทร์ถลึงตาเบะปากใส่พ่อเคราหน้าคมที่ยืนขบเคี้ยวฟันแน่น
   

“ต้องด่าก่อนดิก่อนจะให้รับผิดชอบ ให้รับผิดชอบเฉยๆ แล้วจากไป มันง่ายไป” โห กวนตีน กวนตีนเลยแบบนี้ แล้วยิ่งทำหน้ากวนตีนนี่ชัดเลยว่ากวนตีน
   

“แล้วทำไมจะต้องทำชีวิตให้มันยากด้วย ตึงมากๆ ระวังเส้นประสาทขาด!”
   

“ผมอาจจะขาด แต่คุณอะขาดไปเรียบร้อยแล้ว คนสติดีที่ไหนจะขับรถเข้าไปชนคอกม้าแบบนั้นวะ?!”
   

“เฮ้ย ทำไมต้องวะด้วยวะ ก็บอกแล้วไงว่ามันควบคุมรถไม่อยู่ คิดว่าใครเขาจะอยากขับพาตัวเองไปตายแบบนั้น นี่ไม่ใช่โกสท์ไรเดอร์นะพ่อคุณ!” ถึงตอนแรกจะตั้งใจก็เถอะ แต่พอเอาเข้าจริงๆ วินาทีนั้นสติแตกจริงๆ ต่างหาก เรียวจันทร์บ้าก็จริง แต่ก็ยังไม่บ้าพอที่จะเอาตัวเองไปตายหรอกนะ
   

“ทางนี้ๆ ค่ะ รบกวนทีเถอะค่ะ” เสียงเป็ดดังแทรกขึ้นพร้อมกับพาร่างสูงใหญ่ของใครอีกคนเดินตามเข้ามา
   

“มีอะไรไอ้เขี้ยว คุณคนนี้เขาให้คนงานไปตามป๋ามา เขาบอกว่าแกมีเรื่อง” เรียวจันทร์หันไปมองผู้มาใหม่ในชุดไม่ต่างจากพ่อคมเขี้ยวนัก แค่สีเสื้อลายสก็อตเป็นสีเขียวสลับขาว หน้าตาหล่อไม่แพ้กัน แต่มีริ้วรอยแห่งความสูงวัยไปเยอะแล้ว หนวดเข้มกว่า โดยเฉพาะใต้จมูก ร่างสูงพอกัน แต่ผู้เป็นพ่อดูจะตัวหนากว่าคนเป็นลูก
   

“อยากมีอยู่ป๋า แต่ยังเกรงใจว่าเขาเสียเงินให้ฟาร์มเรา นี่ผมกำลังเชิญเขาออกไปเคลียร์กันนอกฟาร์ม” เรียวจันทร์มองคมเขี้ยวตาโตแล้วรีบหันไปหาผู้ชายอีกคนทันที
   

“คุณป๋าครับ ขออนุญาตเรียกแบบนี้เพื่อความสะดวก คุณป๋า ผมทำผิดก็จริง แต่ผมไม่ได้ตั้งใจ และผมก็พยายามขอโทษแล้ว แต่ลูกคุณป๋าก็ยังเอะอะโวยวาย ประหนึ่งโดนโจรปล้นควายไปจากสมอง” คมเขี้ยวเบิกตากว้างมองหน้าสวยหวานของเรียวจันทร์ ศิริประภายกสองมือปิดปากที่เพื่อนแผลงอิทธิฤทธิ์แห่งฝีปากของนางออกไปเบาะๆ ส่วนผู้มาใหม่ในห้องอ้าปากค้าง แวบแรกเป็ดคิดว่าโดนด่ากลับแน่ๆ ที่ไปด่าลูกชายเขา แต่กลายเป็นว่าคุณป๋าดันหัวเราะชอบใจ
   

“เอ้อ ไอ้เด็กคนนี้ปากดีจัง ป๋าชมนะลูกที่ว่าปากดีเนี่ย มีไม่กี่คนหรอกจะด่าให้ไอ้เขี้ยวอ้าปากค้างอย่างนี้ได้” เรียวจันทร์ยิ้มแฉ่ง ยกมือพนมตรงอกแล้วก้มลงกราบอย่างนอบน้อม
   

“ขอบพระคุณมากครับป๋า”
   

“เฮ้ยป๋า! ยังไงเนี่ย” คมเขี้ยวหันไปถามพ่อด้วยความเคืองใจ ป๋ายกยิ้มให้ลูกชายแล้วหันกลับไปหาหนุ่มหน้าสวยอีกที
   

“ชื่ออะไรล่ะเรา”
   

“เรียวจันทร์ครับ” วินาทีที่ได้ยินชื่อจากริมฝีปากสีชมพูสด หนุ่มสูงวัยก็อ้าปากค้าง สายตาทึ่งปนตกใจสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าของเรียวจันทร์จนเจ้าตัวงง แม้กระทั่งอีกสองคนที่เหลือยังงงไม่แพ้กัน
   

“เรียวจันทร์…” ชายหนุ่มสูงวัยขมวดคิ้ว มองหน้าเด็กหนุ่มหน้าหวานอย่างไม่ค่อยจะมั่นใจเท่าไหร่ กำลังไม่ชัวร์ว่าชื่อแบบนี้จะใช้เรียกผู้ชายได้หลายคนหรือเปล่า ท่าทางลังเลอยู่สักพัก คุณป๋าของนายคมเขี้ยวก็ลองเอ่ยถามดู


“…พ่อชื่ออาทิตย์รึเปล่า” คราวนี้เป็นฝ่ายเรียวจันทร์ที่เบิกตากว้างขึ้น มีทั้งความตกใจและความดีใจผสมอยู่


“ใช่ค่ะ! เอ้ย ใช่ครับ อาทิตย์ ทิพย์เทวา ใช่มั้ยครับ?!” เจ้าของฟาร์มคนพ่อตบมือไปหนึ่งฉาด ก่อนจะยิ้มด้วยความดีใจจนคนเป็นลูกชายทำหน้างง


“งั้นก็ใช่เลย หนูเรียวจันทร์ ลูกไอ้อาทิตย์!” เรียวจันทร์อ้าปากหวอเป็นรอยยิ้ม แต่ก็เป็นยิ้มประหลาดใจ
   

“คุณป๋ารู้จักพ่อผมด้วยเหรอ”
   

“รู้สิ ไอ้อาทิตย์น่ะเพื่อนซี้ป๋าเลย!” ราวกับมีเม็ดฝนชโลมใจ จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน เรียวจันทร์รู้สึกเบ่งบานในอกทันที
   

“จริงเหรอครับเนี่ย?!” นางถามเสียงหลง มันมีความทึ่ง ความเหลือเชื่ออยู่ในน้ำเสียงและหน้าตา ไม่รู้ว่าเหตุการณ์มันมาทางนี้ได้ยังไง แต่นับว่าน่าอัศจรรย์มาก
   

“จริงสิ เพื่อนรักกันเลย ป๋ามีทุกวันนี้ได้ก็เพราะมันนั่นแหละ” โอ๊ย! อยากจะกลับไปกราบพ่อแรงๆ สามที  ไม่ว่าพ่อจะทำอะไรให้ผู้ชายคนนี้มีวันนี้ได้ แต่มันช่างเป็นประโยชน์กับนางมากจริงๆ ขอบคุณพ่อ ขอบคุณโชคชะตา พรมลิขิต กรรมลิขิตอะไรก็ตามแต่ที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้
   

“อะไรกันเนี่ยป๋า”
   


“นั่นสิคะ อย่าบอกนะว่าทฤษฏีโลกกลมได้เกิดขึ้น ณ ละติจูดตรงนี้อะค่ะ” คมเขี้ยวกับเป็ดถามด้วยความงงงวย มองหน้าเรียวจันทร์กับคนอายุมากที่สุดในห้องอย่างไม่เข้าใจ จริงๆ เรียวจันทร์น่ะก็งง แต่อารมณ์ดีใจ อารมณ์ลิงโลดมีมากกว่า ก็แหม ตั้งใจจะมาคุยธุรกิจกับเขานี่นะ พอมันมีช่องทางที่พอจะทำได้ก็ต้องดีใจสิ
   

“เรื่องมันยาว แต่เอาเป็นว่าหนูเรียวเนี่ยก็เหมือนลูกป๋าอีกคน…” เจ้าของชื่อยิ้มพริ้มเพรา ดวงตาเป็นประกาย
   

“…สมัยเด็กๆ น่าเสียดายมากที่ทั้งสองคนไม่มีโอกาสได้เจอกัน ไม่งั้นคงเป็นพี่เป็นน้องที่สนิทกันไปแล้ว” เรียวจันทร์กะจะหันไปยิ้มสร้างสัมพันธไมตรีอันดีงามกับพ่อคมเขี้ยวคดเคี้ยว แต่พอเห็นใบหน้าบูดบึ้งที่ยังคงพร้อมเตะนางกระเด็นออกจากฟาร์มก็ทำเอารอยยิ้มสวยๆ หุบยิ้มฉับลงทันใด
   

“ผมถือว่าผมโชคดีและมีบุญ” และมิวายไอ้เคราโหดยังแซะนางอีก เรียวจันทร์เชิดคางขึ้น มองอีกฝ่ายด้วยสายตาหาเรื่อง
   

“เอ๊ ไอ้เขี้ยวนี่ยังไง…” คนเป็นพ่อหันไปปรามลูกชายเบาๆ ก่อนจะหันกลับมาหาลูกของเพื่อนรัก
   

“…จำป๋าได้มั้ยล่ะหนูเรียว” คราวนี้เรียวจันทร์ต้องพยายามงัดความทรงจำในวัยเด็กออกมา นางมองหน้าของพ่อนายคมเขี้ยวแล้วพยายามนึก ถ้าเคยเจอกันตอนเด็ก นางต้องเด็กขนาดไหนกันถึงจำไม่ได้
   

“ขอโทษทีครับคุณป๋า แต่เรียวจำไม่ได้จริงๆ ต้องเด็กมากแน่ๆ ตอนที่เจอคุณป๋า” คนสูงอายุหัวเราะเสียงทุ้มอารมณ์ดีและพยักหน้าหงึกๆ
   

“ใช่ เราเพิ่งขวบเดียวเอง กำลังหัดพูดเลย…” เรียวจันทร์ยิ้มแห้ง รู้สึกคะแนนลดลงไปนิด เพราะดันจำคนนี้ไม่ได้ คุณป๋าหันไปมองคมเขี้ยวแล้วสลับกลับมามองเรียวจันทร์ก่อนจะยกยิ้มกริ่มราวกับนึกอะไรดีๆ ขึ้นมาได้
   

“ไม่สงสัยบ้างเหรอว่าชื่อเราสองคนน่ะคล้องจองกันนะ” เจ้าของชื่อทั้งสองคนรวมทั้งเป็ดต่างก็ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ หันไปมองผู้ใหญ่ในห้อง
   

“ป๋าตั้งชื่อให้เราเองแหละ ตอนนั้นพ่อเรายังไม่มีชื่อเรียกเราด้วยซ้ำ เรียกแต่ตาหนูๆ แต่วันที่มาหาป๋าน่ะ เป็นวันที่พระจันทร์มันมีครึ่งเสี้ยว บวกกับนึกถึงเจ้าเขี้ยวพอดี ป๋าเลยตั้งชื่อนี้ให้ เพราะพ่อเราน่ะเขาอยากฝากฝังเราไว้กับป๋าหากว่าเขาไม่อยู่แล้ว” หัวใจดวงน้อยของเรียวจันทร์กระตุกวูบ ใบหน้าที่กำลังยิ้มแย้มแจ่มใสเกือบจะกลายเป็นหมองลงไปทันตา แต่ก็ยังปั้นยิ้มได้ คมเขี้ยวทันเห็นอาการนั้นแต่ไม่ได้พูดอะไร หันไปมองหน้าบิดาที่ยิ้มเศร้าๆ ออกมาเช่นกัน
   


“แบบนี้นี่เอง…” เรียวจันทร์เอ่ยเสียงแผ่ว เอาเข้าจริงแล้ว นางไม่เคยรู้ต้นกำเนิดของชื่อตัวเองเลยด้วยซ้ำ แม้แต่ต้นกำเนิดของนางจริงๆ นางยังไม่รู้เลย แต่นาวก็ไม่เคยคิดขุดคุ้ยหา เพราะตัวนางเองก็ชอบชื่อนี้และชอบชีวิตที่เป็นอยู่แล้ว แม้จะมีแม่เป็นมารผจญอยู่บ้างก็เถอะ
   

“นี่ป๋า ขอเวลาผมแทรกแปบ อย่าเพิ่งเอาประเด็นอื่นมาปนได้ป้ะ ผมยังไม่จบประเด็นกับสิ่งที่เขาทำความเสียหายให้ฟาร์มเราเลยนะ นั่นมันอดีต แต่ตอนเนี้ย ปัจจุบัน” กำลังได้ฟีลรำลึกความหลังอันหอมหวาน ก็ต้องมีอันสะดุดไปเพราะไอ้ลูกชายเจ้าของฟาร์ม เรียวจันทร์หันไปมองหน้าคมเขี้ยวด้วยความหมั่นไส้


เฮอะ! ไม่ง้อแล้วโว้ย ฉันไม่ต้องเข้าทางแกแล้ว เข้าทางป๋าก็ได้
   

“เออ หนูเรียวอย่าไปถือสาเจ้าเขี้ยวมันมากนะ พอดีป๋ายกทุกอย่างให้มันดูแลแล้ว มันเลยต้องรับผิดชอบให้ดีที่สุดน่ะ” อ้าว! ดับวูบเลย ยากเลยทีนี้ ถ้าไอ้หมอนี่ดูแลอยู่ คงไม่ได้ตะล่อมขอซื้อที่ดินง่ายๆ ซะแล้วมั้ง
   

“เอาะ… อ้อ เหรอครับ อ๋อ เก่งมากเลย” พูดอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว ความยากกลับมาเท่าเดิมอีกแล้ว จากตอนแรกมีคุณป๋าที่ทำว่าจะมาช่วยได้บ้าง แต่ถ้าฝ่ายนั่นยกทุกอย่างให้ลูกชายไปแล้ว ก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย
   

“ใช่ ไอ้เขี้ยวมันเก่งนะ ตอนเด็กๆ พ่อเรายังอยากให้เรามาอยู่กับพี่เขี้ยวเขาเลย มาเรียนรู้งานเล็กๆ น้อยๆ กับพี่เขา” พ่อคิดอะไรอยู่เนี่ย ถึงจะส่งเรียวมาอยู่กับไอ้ผู้ชายคนนี้
   

ทั้งสองคนจ้องตากัน เรียวจันทร์แอบเบ้ปากใส่นิดหน่อย ส่วนคมเขี้ยวจ้องกลับมานิ่งแต่กวนตีนเหลือเกิน
   

“แกๆ มาอยู่นี่ก็ดีนะ” เป็ดที่ยืนฟังเรื่องราวรวมญาติโดยบังเอิญแล้วก็คิดอะไรบางอย่างออก เลยเดินเข้าไปกระซิบด้านหลังเพื่อนให้ได้ยินกันสองคน แล้วด้วยความที่เป็นเพื่อนกันมานานนับสิบปี เรียวจันทร์ก็เก็ททันทีว่าเป็ดต้องการจะบอกอะไร นางเลยหันกลับไปยิ้มหวานกับคุณป๋าที่มองกลับมาด้วยความใจดี
   

“เอ่อ จริงๆ พ่อก็เคยพูดถึงบ้างว่าอยากให้เรียวมาเยี่ยมฟาร์มอะไรสักอย่าง แต่ตอนนั้นเรียวอยู่นิวยอร์ก เลยไม่ค่อยได้สนใจ…” ใครว่าล่ะ ไม่สนใจเลยต่างหาก แล้วพ่อก็ไม่เคยบอกหรอกนะ หรือจริงๆ อาจจะเคยบอกแต่นางไม่ค่อยฟังก็ไม่รู้
   

อ้อ! ไม่สิ นางเพิ่งนึกขึ้นได้ พ่อเคยบอกว่าพ่อมีเพื่อนเป็นเจ้าของไร่ เจ้าของฟาร์มสักอย่างเนี่ยแหละนะ แต่ตอนนั้นก็แค่รับฟังไม่ได้คิดอะไรมาก อ่าฮ่า! อย่างน้อยก็ถือว่าพ่อบอกละน่ะ
   


“…ถ้าตอนนี้เรียวสนใจอยากมาลองอยู่ มาเรียนรู้งานบ้าง คุณป๋าจะว่าอะไรมั้ยครับ” สิ้นคำของพ่อหนุ่มหน้าสวยหวาน คมเขี้ยวก็เบิกตากว้าง ส่วนคนเป็นพ่อนั้นยิ้มกว้างเชียว
   

“ได้สิ!”
   

“ไม่เอา ป๋า!” คนเป็นพ่อหันไปขมวดคิ้วมองลูกชายที่ทำหน้าแข็งขืนว่าไม่เอาเด็ดขาด
   

“แกอยู่เฉยๆ ก่อนไอ้เขี้ยว เดี๋ยวเราค่อยคุยกัน” คมเขี้ยวอ้าปากทำท่าจะเถียงต่อ แต่ถูกประมุขของบ้านยกมือห้ามไว้ เขาเลยต้องเงียบแล้วมองเรียวจันทร์ด้วยความเคืองสุดขีด ส่วนคนถูกมองก็ทำหน้าลิงหลอกเจ้ากลับไป แต่พอคุณป๋าหันกลับมาก็ยิ้มเป็นเด็กดีทันที
   

“มาเลย ป๋ากำลังหาคนมาคอยช่วยงานออฟฟิศไอ้เขี้ยวอยู่พอดี มันไม่ค่อยละเอียดเท่าไหร่ หนูเรียวโตมาแล้วหน้าตาละเอียดลออดีนะ ไม่ผิดอย่างที่คิดไว้ หน้าสวยอย่างกับผู้หญิงแต่เด็ก” เรียวจันทร์ยิ้มกว้างกับคำชมนั้น ผู้ชายคนไหนจะโกรธเวลาโดนชมว่าหน้าสวยแบบผู้หญิง โกรธไปเถอะ ถ้าไม่ชอบ เอามาลงที่นางนี่ นางชอบ
   

“มันเกี่ยวอะไรกันป๋า หน้าแบบนี้ใช่ว่าจะทำงานดี” คมเขี้ยวยักสองคิ้วมาทางเรียวจันทร์ สีหน้าดูถูกอย่างชัดเจน คนโดนมองอ้าปากเตรียมเถียงกลับ แต่ก็โดนเพื่อนสนิทพูดแทรก
   

“เอ่อ อาจจะยังไม่ทราบกันนะคะ เรียวเนี่ย ไปอยู่เมืองนอกมาเจ็ดแปดปีเลยนะคะ อยู่ที่นู่น เรียวต้องดูแลตัวเอง จัดการชีวิตตัวเอง จัดการตางการทำงานของตัวเอง คือทำทุกอย่างด้วยตัวเองหมดค่ะ เป็ดเชื่อว่า ถ้าเรียวมาเป็นผู้ช่วยคุณคมเขี้ยวนะคะ เรียวจะต้องทำได้ดี” เรียวจันทร์หันไปมองเพื่อนสาวคนสนิทด้วยสายตาทึ่งผสมรอยยิ้มอึ้ง แล้วก็นึกขอบใจเพื่อนที่เลือกจะพูดแต่แง่ดีๆ ของนาง เป็ดหันมายิ้มหวานราวกับนางสาวไทยได้มงกุฎ
   

“ถ้าหนูเรียวสนใจ พร้อมเมื่อไหร่บอกป๋ามาได้เลย”
   

“เฮ้ยป๋า?! ถามผมหน่อยมั้ย ผมไม่อยากได้ คุมไอ้พวกนั้นยังง่ายกว่าคุมคนแบบนี้อีก!”
   

“อ้าวเฮ้ย คุณคมเขี้ยวเคี้ยวอ้อย จะมาคุมอะไรเนี่ย ไม่ต้องคุม ดูแลตัวเองได้ ก็แค่มาทำงานป้ะ”
   

“ดูแลตัวเองได้? เอาสมองฝั่งไหนคิดครับคุณเรียวจันทร์ไร” เจ้าของชื่ออ้าปากกว้างอย่างตกใจ ยกมือสั่นๆ ของตัวเองชี้หน้าอีกฝ่ายที่ยักคิ้วขวากลับมาให้อย่างไม่สะทกสะท้าน
   

“อะ… ไอ้… ฮือออ” ไม่รู้จะด่าอะไรกลับ ร้องไห้ตอบซะเลย แต่ไม่ได้ร้องจริงหรอก เรียวจันทร์ก็แค่ทำเสียงงอแงเท่านั้นเอง
   

“ไอ้เขี้ยว ปากแกนี่มันน่านัก…” คมเขี้ยวขมวดคิ้วมองพ่อตัวเอง ไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องปกป้องอีกฝ่ายขนาดนั้น
   

“…ขอโทษนะหนูเรียว อย่าไปถือสาไอ้เขี้ยวมัน เอาเป็นว่า มันไม่รับ แต่ป๋ารับหนูเข้ามาอยู่ด้วยกัน ฟาร์มนี้ก็เหมือนของหนูเรียวนั่นแหละ” พอได้ยินประโยคนั้นคนที่กำลังงอแงก็หยุดฉับ ยิ้มแฉ่งน่าเอ็นดูในสายตาคนเป็นผู้ใหญ่ แต่ในสายตาอีกคนน่ะเหรอ
   

หึ! หน้าไหว้หลังหลอก ไอ้จิ้งจอกจอกพันหน้า!
   

“แล้วความเสียหายที่เกิดขึ้นล่ะป๋า ผมไม่ยอมนะ?!” คนเป็นพ่อหันไปมองหน้าลูกชายที่ทำท่าว่าไม่ยอมจริงๆ
   

“งั้นเอางี้ ก็ให้หนูเรียวมาทำงานชดใช้ให้แก โอเคมั้ย?!”
   

“ไม่เอา จ่ายเป็นเงินมาเลย ทีเดียวจบ ไม่ต้องมาพบ มาเจอกันอีก เอาคนแบบนี้เข้ามาอยู่ในฟาร์ม เดี๋ยวก็บรรลัยหมดพอดี!”
   

“โอ้ว มายก็อด” เป็ดเอ่ยด้วยความตกตะลึงเสียงเบากับคำพูดคำจาของพ่อรูปหล่อคนนั้น เรียวจันทร์กัดฟันแน่น มองไอ้เคราโหดอย่างกับจะกินเลือดเกินเนื้อ
   

“นี่! ฉันไม่ใช่ตัวซวยนะ! หน้าอย่างนี้จะมาทำความเสียหายให้ฟาร์มได้ยังไง หน้าตาฉันดีขนาดนี้ มันต้องมีแต่สิ่งดีๆ เสะ!” พ่อของคมเขี้ยวยิ้มขำกับสีหน้าท่าทางของลูกเพื่อนสนิทตัวเอง แล้วก็นึกชื่นชมอยู่ในใจว่าแม้จะมีร่างกายเป็นผู้ชาย แต่เด็กคนนี้รับความสวยของคนเป็นแม่มาเยอะมากทีเดียว 
   

“โห แม่งโคตรหลงตัวเอง!” คมเขี้ยวตอกกลับ มองด้วยสายตาที่คล้ายจะมีความสมเพชผสมอยู่นิดๆ เล่นเอาเรียวจันทร์แทบจะเต้นเร่าๆ
   

“ฉันมีดีให้หลงก็แล้วกัน!” คมเขี้ยวเลิกคิ้วขึ้น แล้วใช้สายตาสำรวจสภาพของอีกฝ่ายที่หน้าเปื้อนดิน ผมเผ้ายุ่งเหยิง เศษหญ้าติดไม่ยอมหลุด เรียวจันทร์รู้ตัวว่าโดนมองด้วยสายตาแบบไหน และรู้ตัวว่าสภาพตัวเองเป็นยังไง เลยได้แต่ทำท่าอึกอัก แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้
   


“ชีวิตคนเราก็… ก็ อาจจะโดนทำร้ายบ้าง… เป็นบางเวลา” เรียวจันทร์พูดเสียงตะกุกตะกักยกมือขวาป้ายหน้า แต่นั่นยิ่งทำให้ขี้ดินเปื้อนหน้ามากขึ้นไปอีก สร้างรอยยิ้มขำขันให้กับคุณป๋า แถมนายคมเขี้ยวนั่นยังร่วมขำไปด้วยเลย
   

“ไปล้างหน้าล้างตาเถอะไป มอมแมมเหมือนตอนเด็กไม่มีผิด”
   

“เดี๋ยวก่อนป๋า สรุปจะให้เรื่องจบแบบเนี้ยอะเหรอ”
   

“แกจะต่อความยาวสาวความยืดไปทำไมไอเขี้ยว เอาแบบนี้แหละ แล้วเดี๋ยวแกกับป๋าค่อยมาคุยกัน รอแม่เขากลับมาก่อน” พอบ่นลูกชายเสร็จก็หันกลับไปยิ้มอบอุ่นให้กับเรียวจันทร์
   

“ป๋าไปดูวัวก่อนนะ เที่ยวเต็มที่เลยนะหนูเรียว” สองเพื่อนซี้ยกมือไหว้ผู้สูงวัย อีกฝ่ายรับไหว้แล้วเดินจากไป ทั้งสามคนได้ยินเสียงประตูปิดตามหลัง เรียวจันทร์หันกลับไปมองคมเขี้ยว แล้วยักคิ้วเหนือกว่าไปให้
   

“อย่าคิดว่าจะเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ง่ายๆ” คมเขี้ยวว่าเสียงขู่ หน้าตาเอาจริง แต่เรียวจันทร์ทำเพียงยักไหล่ขวาน้อยๆ จนพ่อรูปหล่อหน้าหนวดที่เพิ่งดึงสติกลับมาได้และเพิ่งสังเกตดีๆ ก็ขมวดคิ้วฉับว่าคนตรงหน้านี้มีจริตเกินผู้ชายปกติมากเหลือเกิน
   

“ง่ายหรือยาก ยังไงป๋าของคุณก็อนุญาตฉันแล้ว” คมเขี้ยวขบกรามแน่น ไอ้เรื่องที่อีกฝ่ายจะมีจริตมากน้อยยังไง จะเป็นอะไร เขาไม่สนหรอก ที่เขาสนคือต้องทำยังให้คนๆ นี้ไม่ต้องมายุ่งกับฟาร์มของเขา
   

ปัง!!!
   

“เว้ยยย!!!” เรียวจันทร์กับเป็ดสะดุ้งและร้องออกมาสุดเสียงเพราะคมเขี้ยวใช้สองมือตบลงบนโต๊ะไม้เสียงดังสนั่น ก็กำลังหันไปยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กันอยู่ดีๆ เสียงตบโต๊ะก็แทรกเข้ามาแบบไม่ได้ตั้งใจ อีแม่ก็ใจหล่นตุ้บสิ!
   

“คุณทำม้าผม ผมไม่ยอมง่ายๆ แน่” คมเขี้ยวชี้หน้า ทิ้งสายตาอาฆาตเอาไว้ แล้วเดินเลี่ยงออกไป สองเพื่อนซี้เลยหันไปหัวเราะคิกคักด้วยกันสองคน
   

“ขอบคุณมากเลยนะเป็ดที่ช่วยพูดให้อะ”
   

“ฉันสนับสนุนให้แกทำแบบนี้ ดีกว่าแกเอาชีวิตไปเสี่ยงแบบนั้น แต่ฉันว่าการที่แก…”   
   

“…เฮ้ย! ออกมาได้แล้ว จะปิดออฟฟิศ!” เสียงตะโกนดังลั่นมาจากหน้าประตูออฟฟิศ ทำให้ทั้งสองคนตกใจหน้าตื่นแล้วรีบกุลีกุจรวิ่งออกจากออฟฟิศไปด้วยสภาพทุลักทุเล

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-02-2017 13:23:19 โดย ขุ่นเจ้ »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :hao3:

อยากพลีกายให้พี่เขี้ยวจริง แต่กลัวแม่เรียวดุ

 :laugh:

ออฟไลน์ wawa_piya

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
คิดถึงจะแย่ เป็นกำลังใจให้เรียวจันทร์สู้ต่อไป 55555

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
คุณป๋าของทั้งสองคนรู้จักกันดีซะด้วย  :hao7: ทางสะดวกก หุหุ
ขำสองคนนี้ 5555555 #ทีมพี่คมเขี้ยวเคี้ยวอ้อย vs #ทีมน้องเรียวจันทร์ไร  :laugh: เลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว

ออฟไลน์ padloms

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รอ ๆ คิดถึงเรียว  :กอด1:

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ Hang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ต้นตออาจจิมาจากลุงที่บอกให้มา(ชื่อไรหว่าา)หาพี่เขี้ยวของเรียวจันทร์ที่เป็นทาสม้าตัวใหญ่มหึมา ก็เป็นได้...

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1050
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11
สนุกมากเบยยยยยย :hao7:

ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8


คาถาที่ 5 :: The confession of Devil. [คำสารภาพของนางมาร] [50%]




“ผมไม่เข้าใจป๋าเลยอะแม่ ว่าทำไมถึงยอมให้ไอ้คนนั้นเข้ามาอยู่ในฟาร์มเรา แถมยังปกป้องออกหน้าออกตาอีก!” การประชุมเล็กๆ ภายในครอบครัวพยัคฆ์เกรียงไกรมีขึ้นในช่วงอาหารค่ำบนโต๊ะไม้มันเลื่อมในห้องทานอาหารที่อยู่ติดกับห้องครัว คนเป็นลูกชายยังคงรู้สึกคาใจกับประเด็นเมื่อช่วงบ่ายของวัน ท่าทางเขาไม่ค่อยจะพอใจนักกับการตัดสินใจของบิดา


“นั่นสิคะคุณเมฆ จากที่แม่ฟังลูกเล่ามา ทำไมคุณปกป้องเด็กคนนั้นจัง” หญิงสาวเลยวัยกลางคนไปหน่อยเอ่ยถามเสียงใส ใบหน้าสวยคมผิวน้ำผึ้งนิ่วเบาๆ ตามอารมณ์ไม่เข้าใจของตน


คนถูกถามหรือประมุขของบ้านยิ้มน้อยๆ กับอดีตที่หวนเข้ามาในห้วงความคิดของตนก่อนตอบ “ผมเคยเล่าให้ฟังแล้วคุณบัว ว่าผมมีเพื่อนรักอยู่คนหนึ่ง แล้วเขาก็มีลูกชายซึ่งลูกไอ้อาทิตย์ก็เหมือนลูกผมอีกคน”


คมเขี้ยวขมวดคิ้วฉับแล้วพูดน้ำเสียงห้วน “ผมว่าไม่น่าจะเป็นลูกชาย แค่หน้าก็สวยละ ไม่ต้องพูดถึงพฤติกรรม ชัดเจนขนาดนั้น”


คนเป็นพ่อโบกมือเป็นเชิงปัดทิ้งกับสิ่งที่ได้ยินพร้อมกับส่ายหน้าเหมือนว่าไม่ได้ใส่ใจกับประเด็นตรงนั้นแล้วตักข้าวเข้าปากหนึ่งคำ “เขาจะเป็นอะไรก็ช่าง แต่ที่แน่ๆ เขาเป็นลูกเพื่อนรักของป๋า รักมากด้วย ไม่มีเพื่อนคนนี้ก็ไม่มีครอบครัวเราอย่างทุกวันนี้”


คนเป็นลูกยังคงขมวดคิ้วและขมวดหนักกว่าเดิมแถมยังเพิ่มเติมความไม่เข้าใจให้กับตัวเอง ส่วนคุณบัวผู้เป็นศรีภรรยาเริ่มมีสีหน้าที่เข้าใจมากขึ้น


“คนนี้เองเหรอคะ” ประมุขของบ้านยิ้มอบอุ่นพร้อมพยักหน้า คนเป็นลูกยังคงอยู่ในหมวดสงสัยใคร่รู้ ยิ่งเห็นมารดาทำท่าว่าเข้าใจกับความคิดบิดาไปอีกคนก็ยิ่งไม่เข้าใจ


“คนนี้? คนนี้อะไรกัน” คมเขี้ยวขมวดคิ้วเข้ม คนเป็นพ่อยิ้มกริ่มท่าทีอบอุ่น


“ที่ดินที่ป๋าให้แกดูแลอย่างดี เป็นของเด็กคนนี้แหละ” คมเขี้ยวเบิกตากว้าง มองหน้าคนเป็นพ่อด้วยความทึ่ง เมฆาพยักหน้ายืนยันเบาๆ เจ้าลูกชายหันหน้าตกตะลึงของตัวเองไปมองหน้ามารดาเพื่อขอคำยืนยัน พอคุณบัวยิ้มอ่อน กลับมา คมเขี้ยวก็รู้แล้วว่านี่มันคือเรื่องจริง


“เฮ้ยป๋า โลกจะกลมอะไรขนาดนั้นวะครับ” ผู้เป็นพ่อไหวไหล่ทั้งสองข้างแล้วถอนหายใจเบาๆ


“มันไม่ใช่โลกกลมหรอก แต่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นตามจังหวะเวลาของมัน…” คมเขี้ยวย่นคิ้ว เขายังคงมีความรู้สึกตะขิดตะขวงอยู่ในใจ เอาจริงๆ เหมือนยังไม่อยากยอมรับกับความจริงที่เพิ่งได้ยิน


“…รู้มั้ยเขี้ยว ที่ดินที่เราอยู่กันทุกวันนี้ ก็มาจากพ่อของเรียวจันทร์” เออ! ตะลึงอยู่ ได้ยินแบบนี้ก็อึ้งเข้าไปอีกสิครับ!


“โห บุญคุณเขาท่วมหัวเราขนาดนี้เลยเหรอ” เขาพูดน้ำเสียงเซ็ง ไม่ใช่จะเป็นคนเนรคุณหรอก แต่การที่ชีวิตเขาต้องไปพัวพันกับไอ้หน้าสวยนั่น มันไม่ใช่สิ่งที่เขาปรารถนา แค่เจอกันวันเดียวมันยังเปรี้ยวทำให้ม้าทั้งคอกเขาเกือบเยี่ยวราดมาแล้ว เกิดมันมาวุ่นวายวื่อวึงกับฟาร์มเขามากๆ ม้าเขาไม่ขี้แตกขี้แตนเอารึไง


“อาทิตย์มันให้ มันไม่เคยขออะไรตอบแทน ขอแค่ดูแลลูกมันด้วย”


“ทำไมอะ แล้วเขาไม่มีคนดูแลรึไง” เมฆาถอนหายใจ หันไปมองหน้าภรรยาตัวเองที่มีสีหน้าลำบากใจอยู่ไม่น้อยเช่นกัน


“พ่อเล่าให้แม่ฟังว่า แม่ของเรียวจันทร์เป็นผู้ดีเก่า แต่ตกอับ ก็นานแล้วละ พอคลอดเรียวจันทร์เสร็จก็หนีไปกับสามีใหม่เลย” คมเขี้ยวทึ่งเข้าไปอีก ถลึงตาตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน


“โห เพื่อนป๋าเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวเหรอเนี่ย น้ำเน่าว่ะป๋า”


“มีน้ำเน่ากว่านั้นอีก” คมเขี้ยวเลิกคิ้วเข้มทั้งสองข้างขึ้นสีหน้าแสดงออกว่า ยังมีอีกเหรอ? ผู้เป็นพ่อพยักหน้าพร้อมกับบิดปากน้อยๆ


“ไอ้อาทิตย์ไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของหนูเรียวจันทร์หรอก” คมเขี้ยวกลืนข้าวลงคอสีหน้ามึนงง


“อ้าว แล้วพ่อแท้ๆ เขาไปไหน” ทั้งป๋าทั้งแม่ต่างส่ายหน้าพร้อมกัน ทำเอาคนเป็นลูกหน้าเอ๋อไปอีก


“ไม่มีใครรู้ว่าพ่อเขาเป็นใคร ป๋าไม่อยากว่าผู้หญิงหรอกนะ แต่สมัยสาวๆ น่ะ แม่หนูเรียวควงผู้ชายเยอะมาก”


“อื้อหือ!” ชายหนุ่มผิวน้ำผึ้งจนเกือบคล้ำถึงกับสบถด้วยความอึ้งทึ่ง ไม่คิดว่าจะได้ยินเรื่องราวน้ำเน่าเหมือนละครไทยเมื่อยี่สิบสามสิบปีก่อนในชีวิตจริงของตัวเอง ใช้ชีวิตมาจนถึงตอนนี้ ได้ยินเรื่องน้ำเน่ามาพอสมควร แต่เรื่องนี้เน่าสุดแล้วมั้ง ผู้เป็นพ่อถอนหายใจแผ่วเบา หน้าตาหมองลงไปนิดเมื่อคิดถึงชีวิตของเพื่อนรักกับลูกเลี้ยง


“เอ้อ แกรู้เรื่องที่ดินแล้ว อย่าเพิ่งบอกใครนะ แม้กระทั่งเรียวจันทร์เองก็เถอะ”


“อ้าว ทำไมอะ เขาเป็นเจ้าของที่ดินไม่ใช่รึไง ให้เขาไปดิ” จะมาเก็บไว้ทำไม ในเมื่อเจ้าของมาแล้วก็ยกๆ ให้เขาไป ยิ่งเป็นไอ้เรียวจันทร์ยิ่งรีบๆ ให้ไปเถอะ ดีกว่ากั๊กมันไว้ใกล้ตัว เพราะเขากลัวความวินาศจะเกิดขึ้นกับชีวิตและทรัพย์สินเงินทองของทุกคนในฟาร์มจริงๆ


“ถ้าให้ง่ายๆ พ่อเขาจะเก็บเงียบมาทำไม ตอนแรกพ่อจะให้เขี้ยวไปตามหาเรียวจันทร์ด้วยซ้ำ เพื่อมาจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย แต่เผอิญตอนนี้มันมีบางอย่างทำให้พ่อเขายังไม่กล้ายกที่ดินให้เรียวจันทร์เขาไปดูแล” คมเขี้ยวหันไปมองหน้าแม่สลับกับมองหน้าพ่ออย่างงงๆ


“นี่เคยมีความคิดจะส่งผมให้ไปตามหาไอ้จันทร์นั่นด้วย” เขาทำหน้าทึ่งปนสยองหน่อยๆ แค่คิดว่าต้องไปตามติดชีวิตของไอ้หน้าหวาน เขาก็ขนลุกแล้ว


“ก็เออสิ ไอ้อาทิตย์มันบอกว่าถ้าหนูเรียวอายุยี่สิบห้าเมื่อไหร่ให้กลับมาจัดการเรื่องที่ดิน แต่พอมันมีคนจ้องจะเอาที่ดินตรงนั้นมากขึ้น ป๋าเลยคิดว่าควรเบรกไว้ก่อน” คมเขี้ยวหน้าตึงเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เขาไม่ได้โกรธแค้นแทนไอ้เรียวจันทร์ แต่เพราะเขาไม่ชอบไอ้พวกนายทุนต่างหาก


“ไอ้จอมทัพใช่มั้ย?!” ชายหนุ่มพูดเสียงห้วนสะบัด แววตามีแววเกลียดชังจางๆ


“นั่นก็ด้วย แต่มันก็มีอีก…” ประมุขของบ้านพยัคฆ์เกรียงไกรมีสีหน้าหน่ายใจและถอนหายใจแผ่วเบาตามมา


“…แต่ป๋ายังไม่แน่ใจข้อมูลนี้เท่าไหร่ แค่คิดว่าที่ไอ้อาทิตย์มันเคยพูดๆ ไว้น่าจะเป็นจริง” คิ้วเข้มของเจ้าของฟาร์มรูปหล่อขมวดเข้าหากันอีกครั้ง มันจะซ้ำซ้อนอะไรขนาดนั้นกันวะ


“ป๋า ชีวิตไอ้เรียวจันทร์ไรเนี่ย มันประเด็นเยอะไปแล้วมั้ง” เมฆาหัวเราะเสียงทุ้ม พอๆ กับคุณบัวที่หัวเราะอย่างพองามกับอาการไม่เข้าใจของลูกชาย


“เพียบ ใครว่าเรื่องน้ำเน่ามีแต่ในละคร อย่าดูถูกสังคมไทยไอ้เขี้ยว บางมุมที่เราไม่เคยเห็น ไม่เคยได้รับรู้ ใช่ว่ามันจะไม่มีอยู่จริง” คมเขี้ยวยักคิ้วหนึ่งที สีหน้ามึนไร้อารมณ์ร่วม พยักหน้าหงึกหงักไปเรื่อยพลางตักข้าวเข้าปากอีกคำ คือไม่ใช่ว่าไร้หัวใจหรอก แต่จะให้มานั่งสงสารก็ไม่รู้จะทำไปทำไม เพราะก็คงไม่ได้ทำให้ชีวิตไอ้หน้าหวานนั่นดีขึ้น


“เออ แล้วทำไมเพื่อนป๋าถึงยอมเลี้ยงเด็กที่ไม่ใช่ลูกตัวเองอะ” คนถูกถามหันไปมองหน้าภรรยาแล้วเอื้อมมือไปจับมือหญิงสาวไว้พร้อมกับส่งยิ้มให้กันและกัน


“เพราะรักไง” คมเขี้ยวหน้าระอา ทำท่าจะอ้วกข้าวที่เพิ่งตักเข้าปากไปเป็นการแซวพ่อกับแม่ตนเอง


“โห่ป๋า พูดปกติผมก็เข้าใจละ ไม่ต้องแสดงก็ได้” คนเป็นพ่อกับแม่หัวเราะเบาๆ


“ได้ที่ไหน เขี้ยวยังไม่พาสาวคนไหนมาให้แม่รู้จักสักที หนูเอื้องก็น่ารักนะ ไม่รู้ทำไมเล่นตัวกับเขานัก” คนเป็นแม่เอ่ยแซวและพูดถึงหญิงสาวที่มาชอบลูกชายได้สักพักแล้ว แถมยังคอยเทียวไปเทียวมาบ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้อ่อยจนเกินงาม


“ก็ดูๆ ไปก่อนแม่ รีบทำไมล่ะ อีกอย่างตอนนี้ผมก็มีความสุขดี” เขาไม่รีบ ไม่ได้รู้สึกว่าจะต้องรีบมีเมีย มีครอบครัวเป็นตัวเป็นตนขนาดนั้น ทุกวันนี้เขาไม่มีใคร เขาก็อยู่ได้ สบายใจดี ไม่คิดว่าตัวเองขาดอะไรไป นอกจากช่อเอื้องที่แม่เขากล่าวถึง ก็ยังมีผู้หญิงคนอื่นอีกที่คอยมาส่งสายตา คอยมาโปรยเสน่ห์ใส่ เขาก็ทำได้เพียงยิ้มรับ แต่ไม่คิดรับรักหรือความเสน่หาทั้งหลายเหล่านั้น มันเป็นเรื่องที่ดี แต่ในหัวเขาไม่คิดจะมีใครจริงๆ อาจเพราะพวกเธอยังไม่ใช่ไม่โดนใจมั้ง


“ได้ม้าเป็นเมียซะแล้วมั้ง” คนเป็นพ่อหัวเราะร่า เลยทำให้คนเป็นแม่หัวเราะตาม ส่วนคนเป็นลูกนั้นยิ้มหน่ายใจพร้อมโคลงหัวเบาๆ คำพูดไอ้เรียวจันทร์ที่ด่าเขาว่ามีเมียเป็นม้าพุ่งวาบเข้ามาในหัวทันที


“แหม่ป๋า ว่าไปนั่น ก็ผมโตมากับไอ้หงายแต่เด็กนี่” อยู่กับมันตั้งแต่มันคลอดออกมาจากท้องแม่มัน เวลาเหงาๆ ก็ไปเล่นกับมันเหมือนพวกคนรักหมารักแมวนั่นแหละ พอมันโตขึ้นเขาก็ช่วยคนงานของพ่อฝึกมัน จนทุกวันนี้มันเป็นม้าเบอร์หนึ่งของฟาร์มเลยก็ว่าได้


“เออ ระวังเหอะ ไม่ได้ม้าเป็นเมีย ก็ได้เมียพยศเหมือนม้านี่แหละ” ทั้งสามคนยิ้มขบขัน เมฆามองหน้าลูกชายแล้วยิ้ม มันมีแฟนคนเดียว คบกันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย จนกระทั่งขึ้นมหาวิทยาลัยแล้วก็เลิกรากันไปก่อนจบ ฝ่ายหญิงน่ะแต่งงานมีลูกไปนานแล้ว แต่ไอ้เจ้าลูกชายเขาสิ ยังโดดเดี่ยวเดียวดายเป็นชายโสดอยู่เลย แต่เขาก็ไม่เคยคิดไปเร่งเร้าหรือบังคับเรื่องนี้กับลูกมันหรอก เพราะสำหรับเขาแล้ว เรื่องหัวใจมันบังคับกันไม่ได้ เขารู้ดี


 คุณบัวเองก็เช่นกัน หล่อนไม่เคยคิดบังคับลูกชายเรื่องนี้ แต่ก็แอบหวังอยากเห็นลูกชายมีชีวิตชีวาจากความรักบ้าง ทุกวันนี้ลูกชายหล่อนมีความสุขกับการทำงานเหลือเกิน แต่มันจะไปเหมือนกันได้อย่างไร หล่อนอยากเห็นลูกชายมีความสุขเพราะมีใครข้างกายสักคน แล้วก็แอบอยากเห็นลูกชายเป็นฝั่งเป็นฝาอยู่เหมือนกัน แต่ที่สุดแล้ว หล่อนปล่อยให้เป็นเรื่องของหัวใจลูกชายตัวเองดีกว่า เพราะคมเขี้ยวเป็นเด็กดีมาตลอด มีเรื่องให้ผิดหวังบ้างแต่ก็เล็กน้อย ไม่ได้ใหญ่โต เรื่องดีๆ ที่ลูกชายหล่อนทำมีให้ภูมิใจมากกว่า


“เอ้อ แล้วทำไมป๋าถึงไปตั้งชื่อลูกเขาได้อะ แถมยังตั้งซะผู้ยิ้งผู้หญิง” คมเขี้ยวอดสงสัยกับประเด็นนี้ไม่ได้ ถึงไอ้นั่นมันจะไม่ได้เป็นชายชาตรีเต็มร้อย แต่ถ้าพูดแค่ชื่อใครก็ต้องคิดว่าเป็นผู้หญิงนั่นแหละ


“ก็ไอ้อาทิตย์มันคิดชื่อลูกไม่ออก มันรับหนูเรียวจันทร์มาอยู่ด้วยกะทันหัน ตอนแรกเรียกตาหนูๆ จนเรียวจันทร์ได้ขวบสองขวบเนี่ยแหละ หนูเรียวก็มีชื่อเพราะป๋าตั้งให้ แล้วอาทิตย์มันก็ยกเรียวจันทร์ให้เป็นลูกป๋าอีกคน”


“ก็เท่ากับว่าเขาเป็นน้องชายเราน่ะแหละเขี้ยว ชื่อเรียวจันทร์พ่อเขาก็ตั้งมาให้คล้องจองกับเรา” มารดาของเขาเสริมขึ้นมาด้วยรอยยิ้มอบอุ่น คนเป็นลูกชายขมวดคิ้วนิดหน่อย ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้ดูรักและเอ็นดูไอ้ออกสาวนั่นขนาดนี้ ก็รู้แหละว่ามีบุญคุณ แต่ทำอย่างกับคลอดมันออกมาอีกคนงั้นอะ


“น้องชาย? ไม่มั้ง ผมว่าแม่งไม่แมน”


“ก็ไม่แปลกใจ ไอ้อาทิตย์ชอบจับหนูเรียวแต่งตัวเป็นผู้หญิงด้วยซ้ำ มันบอกลูกมันสวย” เมฆาหัวเราะเสียงทุ้มเมื่อนึกถึงอดีตกับเพื่อนสนิท


“แล้วเขาจะเป็นยังไงก็ปล่อยเขา ชีวิตเขาเศร้าพอแล้ว อย่าไปทำลายตัวตนเขาเลย” คมเขี้ยวพยักหน้าน้อยๆ หน้าตาไม่ได้ยินดียินร้ายเท่าไหร่ จะเป็นอะไรก็ไม่ได้เกี่ยวกับเขาหรอก ขอแค่อย่ามาสร้างความวินาศให้เขาอีก


“เอ้อ แล้วพ่อเขาไปไหนอะ” เมฆาหันไปมองหน้าภรรยาด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย ก่อนจะถอนหายใจแผ่ว




“พ่อ วันนี้เรียวไปเจอเพื่อนพ่อมาด้วยนะ บังเอิญมากเลยอะ ไม่คิดว่าจะเจอกัน พ่อไปนัดแนะอะไรกับเขามาก่อนรึเปล่าเนี่ย…” รอยยิ้มหวานปรากฏขึ้นใบหน้าสวยเมื่อได้พูดกับผู้เป็นพ่อผู้เป็นที่รัก ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนสุกใสเหมือนกวางน้อยอ่อนแสงลงเมื่อยามมองหน้าบิดา


“…เพราะความบ้าของเรียวแท้ๆ ที่ทำให้เรื่องดำเนินมาถึงจุดนี้ได้ ใครจะคิดว่าเพื่อนพ่อจะอยู่ที่นั่น เรียวจำไม่ค่อยได้หรอกนะ ว่าจริงๆ เคยไปที่ฟาร์มนั้นหรือเปล่า เพราะมันก็นานมากแล้วเนอะ” เรียวจันทร์หยุดยิ้มแล้วมองหน้าบิดาตัวเองด้วยสายตาอ่อนโยนผสมกับความคิดถึง


“เรียวไม่ได้อยากทำแบบนี้เลยพ่อ แต่คิดว่านี่คือวิธีที่น่าจะดีแล้ว เรียวมีเงินก็จริง แต่ไม่มากมายที่จะใช้หนี้ให้แม่เยอะขนาดนั้น เรียวอยากทิ้งเขา แต่เพราะพ่อบอกว่ายังไงเขาก็คือแม่ เรียวก็จำคำพ่อมาตลอด…” น้ำตารื้นขึ้นมาตรงขอบตาคู่สวยทั้งสองข้าง ความเหงา ความเหนื่อยล้าเกาะกุมหัวใจดวงน้อย


“…แต่เรียวเหนื่อยจังพ่อจ๋า แม่ไม่เคยหยุดเลย เรียวอยากปล่อยให้เขาไปตามทางของเขาแล้ว เขาไม่เคยให้กำลังใจเรียว มีแต่เหยียบย่ำซ้ำเติมด้วยการเพิ่มเติมปัญหา” มือบางนุ่มนิ่มยกขึ้นปาดน้ำตาออกจากแก้มอย่างแผ่วเบา ริมฝีปากสีชมพูสั่นน้อยๆ ยามเปล่งเสียงพูดออกมา ใบหน้าสวยประหนึ่งหญิงสาวหมองลงด้วยความเศร้า


“เรียวคิดถึงพ่อ เรียวอยากให้พ่ออยู่ด้วยกันตอนนี้” เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ร่างบางก็เหมือนได้ปลดเปลื้องความเข้มแข็งทุกอย่างที่ห่อหุ้มตัวเองอยู่ ลึกๆ เรียวจันทร์รู้ว่าตัวเองอ่อนแอและเหนื่อยล้ามากแค่ไหน นางแค่ต้องการกำลังใจจากคนสำคัญอย่างพ่อตัวเอง แม้จะไม่ใช่พ่อแท้ๆ แต่พ่ออาทิตย์ก็เลี้ยงดูนางมาอย่างดี แต่ว่าตอนนี้พ่อไม่อยู่แล้ว


พ่อจากไปแล้ว จากไปเมื่อสองปีก่อน เหตุผลที่นางต้องกลับมาอยู่ไทยก็เพราะพ่อกำลังจะจากไป กลับมาเพื่อดูแลพ่อในช่วงสุดท้ายของชีวิต


“ฮึก… เรียวคิดถึงอ้อมกอดของพ่อ” เรียวจันทร์ดึงกรอบรูปพ่อที่ตั้งอยู่ข้างโกศเก็บอัฐิของพ่อมากอดไว้แนบอกแล้วก้มหน้าลงร้องไห้สะอึกสะอื้น น้ำตาหยดแหมะลงบนกรอบกระจกของรูป หนึ่งหยดของน้ำตาไหลผ่านแก้มรูปบิดาของเรียวจันทร์ราวกับผู้เป็นพ่อนั้นร้องไห้ไปกับลูกชายสุดที่รักด้วย


ป้าอุ่นกำลังเดินตามหาคุณหนูของตัวเอง พอได้ยินเสียงร้องไห้เธอก็รีบเดินเข้าไปในห้องนอนของคุณผู้ชาย เห็นเรียวจันทร์นั่งกอดรูปพ่อตัวเองอยู่บนของเตียงแล้วก็นึกเวทนา ด้วยความที่เธอเองก็ช่วยคุณผู้ชายเลี้ยงคุณหนูมา เมื่อเห็นภาพว้าเหว่นั้นจึงน้ำตารื้นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้


“คุณเรียว…” เธอเอ่ยเสียงแผ่วเบา เจ้าของนามเงยดวงหน้าขึ้นมามอง น้ำตานองหน้าสวยหวานเกินชายของเรียวจันทร์ ป้าอุ่นยิ้มน้อยๆ ใจหนึ่งนึกสงสาร อีกใจก็ชวนให้นึกถึงคุณหนูเรียวจันทร์ในวัยเด็กยามร้องไห้น้ำตาเปรอะเปื้อนแก้มยุ้ยแล้วมีคุณพ่อคอยกอดปลอดใจ แต่ยามนี้คุณหนูของเธอไม่มีใครกอดปลอบโยน เธอทำก็คงเทียบไม่เท่ากับคุณผู้ชายหรอก


“ไม่เป็นไรป้าอุ่น มันแค่วูบเดียวเท่านั้น” เรียวจันทร์ไม่ชอบให้ใครมาปลอบใจ (ยกเว้นพ่อ) เพราะคุณหนูของเธอไม่ชอบให้ใครมาสงสาร ไม่ชอบให้ใครมาปลอบโยน น้อยครั้งนักที่คนๆ นี้จะแสดงความอ่อนแอออกมา แม้จะเหนื่อย จะล้า จะเจ็บยังไง ไม่ว่ากับเรื่องอะไร เรียวจันทร์จะซ่อนมันไว้และสลัดมันทิ้งออกไปได้อย่างดีเสมอ


“ไปทานข้าวกันนะคะ ป้าเตรียมไว้ให้แล้ว” เรียวจันทร์หยุดสะอื้น พยักหน้ารับเบาๆ วางรูปพ่อลงบนโต๊ะข้างเตียง ลุกขึ้นยืนแล้วใช้สองมือเช็ดน้ำตาจนหมดไปจากแก้ม สูดลมหายใจเข้าปอดหนึ่งที ปรับสีหน้าให้มั่นใจตามเดิม ปรับท่าทีให้กลับมาฮึดอีกครั้ง สองเท้าก้าวเดินออกจากห้องนอนบิดานำป้าอุ่นออกไป


“แล้วเขาไปไหนล่ะ” เรียวจันทร์ถามถึงแม่ตัวเองหลังจากนั่งลงบนโต๊ะทานอาหารเล็กๆ ในห้องครัว นางไม่ชอบนั่งโต๊ะใหญ่ๆ แต่นั่งกินข้าวอยู่แค่คนเดียว เลยชอบมานั่งกินอาหารกับพวกป้าอุ่นในครัวแทน


“ออกไปไหนก็ไม่รู้ค่ะ เห็นมีเพื่อนมารับ” เรียวจันทร์พยักหน้าขอไปที ไม่ได้สนใจที่จะสอบถามจริงจัง


“ไปไหนก็ไปเถอะ แค่อย่าไปสร้างหนี้ให้อีกก็แล้วกัน” ไม่รู้จะออกงาน ออกเที่ยวกับเพื่อนอะไรนักหนา หวงนักกับหน้าตาทางสังคมเนี่ย



“คงยากค่ะที่จะให้เธอปล่อยวางเกียรติยศที่ตระกูลสั่งสมมานาน” เรียวจันทร์เบ้ปาก โบกมือปัดไล่ราวกับมีแมลงวันมาตอมอยู่แถวหน้า นางไม่คิดอยากจะฟังความเลิศเลอของต้นตระกูลผู้หยิ่งทระนงและสูงศักดิ์ของแม่ที่ตอนนี้ล่มสลายหายไปพร้อมกับยุคเมโสโปเตเมีย


“ทานข้าวกันเถอะป้าอุ่น เรียกลุงกับแก๊ปมากินเร็ว” ก่อนหน้านี้ทั้งสามคนไม่กล้ามานั่งกินด้วยหรอก เพราะเกรงใจในความเป็นเจ้านาย แต่เรียวจันทร์เอ่ยปากว่าอย่ามาแบ่งชนชั้นใดๆ กับนาง เพราะนางไม่เคยคิดแบ่งกับใคร หลังๆ มาทั้งสามคนจึงมานั่งทานข้าวกับหนุ่มนายแบบได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ


ก็คงจะมีสามคนนี้แหละที่ทำให้เรียวจันทร์รู้สึกว่าตัวเองก็มีครอบครัวกับใครเขาบ้าง



 :mew1:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-02-2017 14:04:17 โดย ขุ่นเจ้ »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
เอ่อ

ถึงพ่อจะบอกให้ดูแลแม่ แต่ถ้าแม่ไม่หยุดแบบนี้น่าจะปล่อยไปนะ

ที่แม่กลับมาหาเรียวก็เพราะเงิน ไม่ได้รักลูก

จะเหลือเยื่อใยไปทำไม??

ออฟไลน์ Hang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
มันต้องมีตอนที่เรียวจันเผลอพูดเรื่องหนี้แน่ๆ   :hao7:    **สุขสันวันปีใหม่น้าาาา.**   อ่านิยายข้ามปี ;w;

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0

ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1050
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11
สุขสันต์วันส่งท้ายปีเก่า ขึ้นปีใหม่นะค้าาา
คุณพระคุ้มครองนะ :impress2:

ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1050
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11
เจอคุณพระเอกแล้ว ไม่อนุญาตให้หนูเรียวไปจ้ำจี้กับใครแล้วน้าาาาา :laugh:

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
กลายเป็นนางเอกขี้แยไปซะงั้น สู้ๆนะเรียว

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อุ้ยยย หนูเรียวปมเยอะจริงๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด