คาถาที่ 12 [70%]หลังจากดูหนังจบ ทั้งสองคนก็เดินหาอะไรกินเป็นอาหารมื้อบ่าย เรียวจันทร์เลือกกินอาหารญี่ปุ่น ช่วงเวลานี้ จอมทัพไม่เอ่ยถึงเรื่องธุรกิจ หรือเรื่องที่ดินใดๆ ทั้งสองคนคุยกันเรื่องสัพเพเหระทั่วไปแบบที่คนรู้จักคุยกัน เรียวจันทร์ได้รู้ว่าจอมทัพมีน้องชายคนละแม่สองคน สองคนนั้นเป็นพี่น้องกัน มีแม่คนเดียวกัน โดยที่จอมทัพเป็นพี่ใหญ่สุด แต่จอมทัพนั้นลูกคนละแม่ เรียกง่ายๆ ว่า จอมทัพคือลูกเมียหลวง พี่น้องของเสี่ยอาศัยอยู่ทางภาคใต้ นานๆ ทีจะขึ้นมากรุงเทพฯ ส่วนพ่อของจอมทัพพักอยู่ทางภาคเหนือ นานๆ ทีจะลงมาหาเขา หรือไม่เขาก็ขึ้นไปหาพ่อตัวเอง ส่วนแม่ของจอมทัพเสียไปแล้ว
คุยไปกินไปจนอาหารหมด วันนี้เสี่ยมาสายเปย์เพราะจ่ายให้คุณนายทุกอย่าง และจอมทัพยังเปย์หนักเข้าไปอีกด้วยการซื้อกระเป๋าแบรนดังอย่างชาแนลให้เพราะอยากเอาใจเมียที่ตนเองเรียก เรียวจันทร์นึกขำเพราะเพิ่งเอ่ยเล่นๆ กับไอ้อดีตผัวตัวซวยว่าอยากได้ไปเมื่อสามสี่วันก่อน
“จริงๆ อยากปฏิเสธนะ อยากให้ตัวเองเป็นนางเอกหยิ่งทระนง แต่ชาแนลชนะนางเอกค่ะ” สุดท้ายนางก็ได้กระเป๋าใบนั้นมา ซึ่งได้งบจากเสี่ยจอมทัพผู้หล่อล่ำเป็นผู้สนับหลักแสนใจดี นางไม่ทำเชิดว่าไม่เอาเด็ดขาด เรื่องอะไรจะเล่นตัว เขาให้ก็ต้องรับสิ จะมาทระนงในศักดิ์ศรี เชิดหน้าชูคอผยองให้เมื่อยทำไมกัน ถึงจะมีปัญญามีเงินซื้อเอง แต่ในเมื่อผู้ชายเขาตัดหน้าซื้อให้ก่อน เราก็ไม่ควรเบรกเขาหน้าทิ่มนะคะคุณ
“อยากไปไหนต่อรึเปล่าคุณเสี่ย”
“คุณล่ะ อยากไปไหนมั้ย” คนถูกถามทำหน้านึกสักแปบก่อนจะส่ายหัวสองที
“ไม่ล่ะ เดี๋ยวฉันต้องรอนายคมเขี้ยวมารับไง” จอมทัพเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง เมื่อเช้าตอนเรียวจันทร์บอก เขาก็แอบชะงักไปนิดที่ได้ยินว่าทั้งสองคนมาด้วยกัน
“มันจะมารับคุณกี่โมง” เสี่ยถามหยั่งเชิงเสียงเรียบ สันกรามขึ้นชัดเพราะขบซะแน่น
“ส่งข้อความมาบอกว่าอีกไม่เกินชั่วโมงจะถึงนี่” จอมทัพเลิกคิ้วขึ้น หน้าตาหงุดหงิดแวบหนึ่ง
“แล้วเมื่อกี้คุณจะถามผมทำไมว่าอยากไปไหนต่อหรือเปล่า” เรียวจันทร์หันไปมองคนพูดหน้างง แต่พอเห็นสีหน้าไม่พอใจของจอมทัพก็อมยิ้มน้อยๆ
“คุณเสี่ยหึงเหรอ”
“ถ้าบอกว่าหึง คุณจะให้ผมไปส่งที่ฟาร์มมั้ย” เรียวจันทร์ขมวดคิ้วแต่ริมฝีปากก็คลี่ยิ้ม
“ได้ไงล่ะเสี่ย เดี๋ยวนายคมเขี้ยวก็มาแล้ว…” ใบหน้าของเสี่ยจอมทัพยังคงไร้อารมณ์จนเรียวจันทร์ต้องเดินเข้าไปหาแล้วยกมือซ้ายจับใบหน้าเข้มเอาไว้
“…สบายใจเถอะเสี่ย นายคมเขี้ยวเขาไม่แย่งฉันไปจากเสี่ยหรอกน่า” จอมทัพเลื่อนสายตาขวางเล็กๆ ที่กำลังมองไปเรื่อยมามองหน้าเรียวจันทร์ที่ยิ้มหวานมาให้ เขาพ่นลมหายใจหนึ่งที พูดเสียงห้วนหน่อยๆ
“แล้วคิดยังไงถึงมากับมัน” เรียวจันทร์ลดมือลง ยักไหล่สองข้างอย่างสบายๆ พอกำลังจะอ้าปากตอบ เสียงโทรศัพท์มือถือของเจ้าตัวก็ดังขึ้น พอหยิบมาดูก็เห็นเป็นชื่อคมเขี้ยว เรียวจันทร์กดรับอย่างเรื่อยเปื่อย
“ฮัลโหล… ฉันอยู่ชั้นสี่ของห้าง อ้อ เหรอ เดินมาทางร้านหนังสืออะ… ใช่ๆ ฉันยืนอยู่แถวนั้นแหละ… โอเค” เรียวจันทร์เก็บมือถือเข้าไปในกระเป๋า พอเงยหน้ามองจอมทัพก็เห็นอีกฝ่ายทำหน้าไม่สบอารมณ์ เรียวจันทร์เลยยิ้มแซว
“โถ่ คุณจอมทัพวัยว้าวุ่น” เรียวจันทร์หัวเราะเบาๆ จอมทัพทำหน้าเอือม ก่อนที่จะบุ้ยปากไปทางด้านหลังเรียวจันทร์ คนตัวเล็กหันไปมองทั้งที่ยังยิ้มค้างอยู่ แต่พอเห็นว่าคมเขี้ยวเดินมากับใคร รอยยิ้มก็หุบวืดทันที
“ไหนว่ามากันสองคน แล้วนั่นใคร” เรียวจันทร์หันไปตอบหน้าหมดอารมณ์
“ว่าที่แฟนนายคมเขี้ยว” จอมทัพเบ้ปากนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้สนใจเป็นจริงเป็นจัง เรียวจันทร์หันไปมองคมเขี้ยวที่เดิมมาพร้อมกับอัจฉรา คมเขี้ยวหรี่ตามองจอมทัพอย่างนึกสงสัย เรียวจันทร์ไม่ได้มีท่าทีตื่นตูมหรือตื่นเต้นใดๆ ที่ทั้งสองคนเจอกัน
“ธุระที่นายว่าคือมารับแฟนนายใช่มั้ย” เมื่อเช้าตอนเรียวจันทร์กำลังจะออกจากฟาร์มมาด้วยรถตัวเอง นายคมเขี้ยวก็บอกให้ไปด้วยกัน เพราะมีธุระจะเข้ากรุงเทพพอดี เรียวจันทร์เห็นว่าสะดวกดี และถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้อยู่กับไอ้เขี้ยวกุดสองต่อสอง แต่สุดท้ายคุณนายนางดันหลับจนมาถึงกรุงเทพ
เรียวจันทร์หันไปมองนังช่อเอื้องที่ยิ้มเขินๆ แล้วนึกหมั่นไส้ว่าหล่อนจะเขินอะไรไม่ทราบ
“ก็ด้วย พอดีเอื้องเขาเข้ากรุงเทพมาเมื่อวาน ผมเลยแวะรับกลับพร้อมกัน คุณ…”
“…ขอโทษทีที่ให้แวะมา แต่เดี๋ยวคุณจอมทัพจะไปส่งฉันพอดี…” เรียวจันทร์หันไปมองจอมทัพที่ทำหน้าเรียบเฉย แล้วหันกลับไปมองคมเขี้ยวต่อ
“…คงไม่ต้องแนะนำแล้วมั้ง น่าจะรู้จักกันอยู่แล้ว” คมเขี้ยวขมวดคิ้วหรี่ตามองคนหน้าสวยแวบหนึ่ง
“เขาบอกคุณ หรือคุณรู้ได้ยังไง” คมเขี้ยวถามเสียงเรียบ มองจอมทัพอย่างไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่ ฝ่ายเสี่ยที่เห็นสีหน้าคมเขี้ยวก็ยิ้มน้อยๆ แล้วเอ่ยทักเสียงทุ้ม
“สวัสดีครับคุณคมเขี้ยว พบกันอีกแล้วนะครับ” คมเขี้ยวหน้าตึงนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้แสดงออกอย่างก้าวร้าว เพราะคนตรงหน้าก็ไม่ได้แสดงมารยาทไม่ดีใส่
“สวัสดีครับคุณจอมทัพ”
จอมทัพยิ้มนุ่ม ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองหญิงสาวข้างกายชายหนุ่ม “ผมเพิ่งรู้ว่าคุณมีแฟนด้วย”
เรียวจันทร์มองคมเขี้ยวสีหน้าเฉย คมเขี้ยวเงียบไม่ตอบ อัจฉราที่ยืนอยู่ข้างๆ ถึงกับหน้าม้ามเล็กน้อยที่อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรหรือยืนยันว่าตนคือใคร
“สรุปคุณจะกลับกับผมมั้ย” เรียวจันทร์สั่นหัวนิดหนึ่ง
“ไม่ บางทีคุณเอื้องอาจจะอยากดูหนัง ฟังเพลงบ้าง ลองไปดูเรื่อง XXX สิ ฉันเพิ่งไปดูมา สนุกดีนะ…” เรียวจันทร์ยิ้มกริ่ม ยื่นมือซ้ายไปจับมือขวาของจอมทัพไว้หลวมๆ คมเขี้ยวมองนิ่ง ก่อนที่จะเลื่อนสายตาขึ้นมองเรียวจันทร์ด้วยสายตาเดิม หนุ่มนายแบบยิ้มละมุน
“…เจอกันที่ฟาร์ม เมื่อเช้าขอบคุณมากที่มาส่ง ไปละ” เรียวจันทร์หันไปพยักหน้าให้จอมทัพ ทั้งสองคนพากันเดินผ่านคมเขี้ยวกับอัจฉราไป
คมเขี้ยวยืนนิ่งสักแปบ ใบหน้าของเขานิ่วและคิ้วก็ขมวด ในใจรู้สึกไม่เข้าใจอะไรบางอย่าง แต่ก็มั่นใจว่าไม่ใช่อาการหึงหวงในตัวเรียวจันทร์
“เขี้ยวคะ” คนถูกเรียกหันไปมองคนเรียก คมเขี้ยวทำหน้างงสักแปบก่อนจะฉีกยิ้มน้อยๆ
“เอื้องอยากทำอะไรก่อนกลับมั้ย” อัจฉรายิ้มก่อนตอบ
“ดูหนังมั้ย ที่คุณเรียวแนะนำก็น่าดูนะ” คมเขี้ยวยิ้มนิดหน่อยและพยักหน้าตอบรับคำชวนของหญิงสาว อัจฉรายิ้มด้วยความดีใจ แม้จะหน้าชาไปวูบหนึ่งตอนที่ชายหนุ่มไม่ยอมพูดถึงสถานะของหล่อนกับเขา
แต่ลึกๆ ในใจหล่อนกำลังไม่สบายใจกับชายหนุ่มหน้าหวานที่ชื่อเรียวจันทร์สักเท่าไหร่
“ไหนว่าจะกลับกับมัน ทำไมจู่ๆ กลับลำให้ผมไปส่ง” เรียวจันทร์เบ้ปากทันทีที่จอมทัพถามในระหว่างที่ทั้งสองคนเดินจูงมือกันกลับไปที่รถ
“ฉันไม่ชอบยัยผู้หญิงคนนั้น ไม่ได้กลัวนางนะ ฉันกลัวตัวเองกัดแม่นั่นไปตลอดทาง ไม่อยากเปลืองเงินซื้อแอลกอฮอล์ให้ราดแผล” ร่างบางกลอกตาพร้อมกับทำหน้ายี้
“หึงไอ้คมเขี้ยวรึไง” เขาถามเสียงทื่อหน้ามุ่ยนิดหน่อย แต่เรียวจันทร์ไม่ทันเห็น นางส่ายหัวพร้อมกับเบ้ปากน้อยๆ
“หาความรู้สึกนั้นไม่เจอจริงๆ” เรียวจันทร์ปล่อยมืออีกฝ่ายตอนที่เดินมาถึงรถออดี้ (Audi) สีเงินวาววับของจอมทัพ เดินไปเปิดประตูฝั่งข้างคนขับหลังจากเจ้าของรถปลดล็อครถเรียบร้อยแล้ว
“จะให้ผมไปส่งฟาร์มเลยหรือจะไปไหนก่อน” คุณนายแกทำหน้าคิดสักแปบก่อนจะตัดสินใจ
“ถ้ากลับดึกมากไป ฉันกลัวคุณจะเหนื่อยขับรถ แต่ฉันก็อยากไปที่ผับคุณสักแปบ” จอมทัพยิ้มมุมปากแล้วสตาร์ทรถ
“ผมไปส่งเมียผมได้น่า”
“โวะ! ไปค่ะไป” เรียวจันทร์ว่าหน้ามุ่ย ปัดมือขวาไปข้างหน้าเป็นสัญญาณให้ออกรถได้แล้ว จอมทัพหัวเราะหึๆ ขับรถออกไปจากลานจอดรถ
ผับของจอมทัพมีขนาดใหญ่โต รูปร่างภายนอกมีลักษณะเป็นตึกทรงสี่เหลี่ยมต่างระดับ มองแล้วนึกถึงตึกสูงระฟ้าในมหานครนิวยอร์กที่สหรัฐฯ เป็นรูปทรงแปลกตาและแตกต่างมากสำหรับการเป็นผับในประเทศไทย แต่นั่นละที่ทำให้ที่นี่โดดเด่น แถมยังไม่ได้ตั้งติดกับผับเจ้าอื่น เป็นของจอมทัพคนเดียวล้วนๆ ผับของจอมทัพมีชื่อเสียงโด่งดังในหมู่นักท่องเที่ยว มีแบ่งโซนเป็นวีไอพีกับโซนธรรมดา ที่เรียวจันทร์เคยเข้าไปตอนพบกับเสี่ยจอมทัพครั้งแรก เป็นโซนคลับฟังเพลงสบายๆ ซึ่งโซนนั้นจะอยู่ด้านหลัง เป็นโซนหรูหราอีกระดับหนึ่ง ซึ่งลูกค้าที่จะเข้าไปนั้นไม่จำกัดระดับใดๆ แต่จำกัดคนเข้าและอายุ เนื่องจากไม่ได้มีพื้นที่กว้างขวางมากนัก เหมาะกับคนที่ชอบนั่งฟังเพลงสบายๆ และไม่ชอบความวุ่นวายหรือเสียงดังจนสนั่นหู คนที่เสร็จจากผับด้านหน้าแล้ว หากคุ้นเคยกับที่นี่จริงๆ ก็มักจะไปต่อกันที่คลับด้านหลัง ซึ่งจะมีมาตรการคุมเข้มกว่าผับด้านหน้าเยอะมาก
“แล้วคุณเปิดบ่อนที่ไหน” เรียวจันทร์ถามหลังจากฟังเสี่ยจอมทัพเล่าเรื่องเกี่ยวกับผับและคลับของตนเองคร่าวๆ ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจของเขา
“แม่คุณไม่เคยบอกรึไง” นายแบบหนุ่มหันไปมองค้อนคุณเสี่ยสุดหล่อ ฝ่ายนั้นยิ้มหัวเราะ
“ไม่บอกและไม่อยากรับรู้ด้วย…” เรียวจันทร์ทำหน้าหน่ายนิดๆ “…ว่าแต่ เขายังไปที่นั่นอยู่รึเปล่า” จอมทัพพยักหน้าพลางหักพวงมาลัยเข้าไปจอดในที่จอดวีไอพีหน้าคลับ เรียวจันทร์ถอนหายใจเบื่อๆ
“คุณไม่น่าเปิดของแบบนั้นเลย…” เรียวจันทร์บิดคอไปมองหน้าคนตัวโตเซ็งๆ “…เส้นใหญ่จริงนะ”
จอมทัพยิ้มมุมปาก ยักไหล่ท่าทางไม่แคร์ “อย่างอื่นก็ใหญ่”
เรียวจันทร์เบ้ปากใส่คนข้างๆ พออีกฝ่ายจอดรถสนิทแล้ว คุณนายก็เปิดประตูลงจากรถไปยืนบนลานจอด แดดร่มลมตกแล้ว เดี๋ยวพอดึกๆ กว่านี้ นักท่องราตรีทั้งหลายก็คงมากันแน่นขนัด
“แล้วคุณคิดได้รึยังว่าถ้าได้ที่ดินตรงนั้นมา คุณจะทำอะไร”
“โปรเจ็คต์ผมเยอะแยะ แต่ที่เหมาะกับตรงนั้นมันก็มีอยู่แล้ว”
“หวังว่าคุณจะไม่ทำโรงงานสารพิษหรอกนะ ที่นั่นอากาศดีมาก ฉันไม่อยากให้มันถูกทำลาย” เรียวจันทร์ว่าอย่างที่ใจคิด ที่นั่นอากาศบริสุทธิ์ผุดผ่องเกินกว่าจะมีโรงงานผีบ้าผีบอทั้งหลายไปตั้ง
“ดูคุณกังวลมากกว่าแต่ก่อน…” จอมทัพใช้แขนขวาคล้องเอวบาง ก้มลงมองหน้าเรียวจันทร์ด้วยสายตามีคำถาม
“…อย่าบอกนะว่าคุณรักที่นั่น” เรียวจันทร์มีสีหน้าอึกอักนิดหน่อย หันหน้าหนีสายตาวาววับของจอมทัพ
“ก็มันจริง ถ้าคุณจะตั้งโรงงานอะไรสักอย่าง ขอเถอะว่าอย่าทำ”
“แล้วถ้าผมจะทำล่ะ” เรียวจันทร์หันไปมองอย่างรวดเร็ว รู้สึกอึ้งไปนิดเมื่อได้ยินแบบนั้น ไม่รู้ว่าจอมทัพพูดจริงหรือพูดเล่น
“คุณพูดจริงเหรอ” จอมทัพฉีกยิ้มกว้างกับหน้าตาตื่นตกใจของคนตัวเล็ก
“นั่นไม่ได้อยู่ในลิสต์โปรเจ็คต์ของผม”
“อ่อ เอ่อ โอ้ว ดีแล้ว” คุณนายแกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อโรงงานนรกเหล่านั้นจะไม่ไปผุดขึ้นแถวนั้น แต่ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าจอมทัพอยากจะทำอะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆ คือขอให้ได้ที่ดินตรงนั้นมาก่อน
จอมทัพพาเรียวจันทร์เดินเข้าไปด้านในคลับ ยามที่เฝ้าด้านหน้าลุกขึ้นยืนสวัสดีจอมทัพกับเรียวจันทร์อย่างรวดเร็ว พอเข้าไปด้านในของคลับที่เรียวจันทร์เคยมา นางก็เห็นคนจับกลุ่มกันอยู่ตรงโต๊ะใกล้กับเวที เหมือนกำลังมั่วสุมอะไรกันสักอย่าง
“พวกมึงทำอะไรกัน?!” จอมทัพถามเสียงกังวาน เป็นน้ำเสียงที่เรียวจันทร์รู้สึกว่า น้อยแต่มีอำนาจมาก เหล่าชายหนุ่มสี่ห้าคนที่กำลังสุมหัวสูดดมบางอย่างถึงกับหันมามองอย่างตกใจ ก็จะมีบางคนที่ดูเบลอๆ ลอยๆ
“เสี่ย…” หนึ่งในนั้นพูดเสียงอ่อย ท่าทีไม่อยู่กับร่องกับรอย ไม่รู้เพราะสิ่งที่สูดดมเข้าไปหรือว่าเพราะกลัวจอมทัพ
“ปุ๊นหรืออะไร มึงเล่นโคกันรึเปล่า?!” จอมทัพถามเสียงดังหน้าตาดุ แต่ก็ยังไม่ใช่ดุน่ากลัว แต่แค่นั้นก็ทำเอาเรียวจันทร์แอบอึ้งและพวกลูกน้องเสี่ยก็กลัวจนแทบทำอะไรไม่ถูกแล้ว
“เปล่าครับเสี่ย! แค่ปุ๊นเฉยๆ ครับ!” จอมทัพขบกรามเบาๆ สีหน้าเครียดนิดหนึ่ง ก่อนจะตวาดเสียงดังแต่ไม่ได้ดังตะคอก
“ไปหลังร้าน!” สามคนที่ยังแลมีสติครบถ้วนรีบพาอีกสองคนที่ยิ้มเลื่อนลอยออกไปจากบริเวณนั้น เรียวจันทร์มองคนพวกนั้นอ้าปากหวอ พอทั้งหมดหายลับไป นางก็หันไปมองเสี่ยทัพที่มีสีหน้าไม่พอใจ
“อันนี้เป็นเรื่องปกติมั้ย” จอมทัพทำหน้าตายแล้วตอบ
“ปกติ แต่ไม่ทุกคน ผมไม่ห้าม ถ้ามันจะเล่น แต่ห้ามขายให้ลูกค้าเด็ดขาด และห้ามเล่นในเวลางาน” เรียวจันทร์ขมวดคิ้ว
“ถ้าเขาจะขาย แล้วคุณจะรู้ได้ยังไง” จอมทัพยิ้มมุมปากเล็กๆ
“ลูกน้องผมไม่ได้มีแค่พวกนั้นนะ” เรียวจันทร์พยักหน้าเอื่อยๆ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ เบิกตากว้างหันไปมองคนข้างๆ
“แล้วตัวคุณค้ายาบ้า ยาอี ยาไอซ์ ยาเลิฟด้วยรึเปล่า…” ใบหน้าสวยหวานชะงักกึกเพราะสะดุดใจกับบางสิ่งบางอย่างที่ผุดขึ้นมากะทันหัน
“…ยาเลิฟงั้นเหรอ?”
“ก็ขายบางอย่าง บางอย่างก็ไม่ขาย” จอมทัพตอบอย่างง่ายๆ ไม่ได้รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจใดๆ กับการค้ายา
เรียวจันทร์ค่อยๆ คลี่ยิ้มกว้าง หันไปหาจอมทัพอย่างตื่นเต้น “งั้นคุณช่วยหายาปลุกเซ็กส์ให้ฉันหน่อยสิ”
คนตัวโตเลิกคิ้วเข้มขึ้น ทำหน้านึกๆ สักแปบก่อนจะตอบ “ก็น่าจะได้อยู่…” จอมทัพหรี่ตามองร่างบางที่ทำหน้าเหมือนเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
“…อย่าบอกนะว่าจะเอาไปใช้กับไอ้คมเขี้ยว” เรียวจันทร์ฉีกยิ้มกว้าง แววตาดั่งลูกกวางน้อยทอประกายตื่นเต้น แต่นางก็ยังแอ๊บตอบเสียงอ้อมแอ้ม
“ก็ยังไม่ได้คิดขนาดนั้นซักหน่อย”
“แต่กำลังคิดว่าของมันขนาดไหนอยู่ล่ะสิ”
ก็ยาวอยู่ จับเต็มไม้เต็มมือเชียวละ “นะคะเสี่ยขา ลองดูก็ไม่เสียหาย ฉันจะได้เอาที่ดินมาให้เสี่ยได้ไวๆ ไง” จอมทัพมองเรียวจันทร์นิ่ง เริ่มคิดว่าอีกฝ่ายกำลังสนุกเกินไป แต่เขาก็ไม่อยากขัดใจ เพราะเขาเองก็มีเวลาให้เรียวจันทร์สนุกไปกับสิ่งที่ทำก่อน
แต่ถ้าหมดเวลาแล้วละก็ อย่าหวัง “ก็ได้ ถือว่าช่วยแผนของคุณแล้วกัน” แม้จะพูดแบบนั้นแต่สีหน้าของจอมทัพก็เรียบเฉยจนอ่านยากว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่คุณนายแม่กำลังปริ่มใจที่หาทางให้กับตัวเองได้ นางเลยเขย่งหอมแก้มเสี่ยไปหนึ่งฟอด
เสร็จฉันรึเปล่าไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ นายได้เสร็จไปเจ็ดน้ำ (แตก) แน่ๆ ไอ้เขี้ยวกุด!
ขออภัยที่หายไปหลายวันค่ะ แพ็คหนังสืออีกเรื่องอยู่ วุ่นวายขายกะปิมาก ทำนางเดียวทั้งวันทั้งคืน ไม่มีเวลามาอัพแม่เรียวเลยยย แต่วันนี้วันอาทิตย์วันหยุดเก๋ๆ ก็อดใจไม่ได้ที่จะพาแม่เรียวคัมแบ็คมาหาทุกคน เพราะไม่งั้นโดนนางจิกตบขบกันไม่หยุดแน่ๆ
และในที่สุดอีแม่เรียวก็หาทาง (เสียว) จับพี่เขี้ยวเจอ 55555 เอาล้าาาา พี่เขี้ยวจะรอดมืออีแม่มั้ยย อีแม่มาแน่ ให้เสี่ยหาให้เป็นจริงเป็นจัง แบบนี้พี่เขี้ยวตกอยู่ในอันตรายแล้วละค่ะ เสียบริสุทธิ์ให้แม่เรียวมั้ยเนี่ยพี่เขี้ยวกุดดด กะอีแค่จะเอาที่ดิน แม่ลงทุนเอาตัวเข้าแลกแรงมากเนาะ 555555
ละคือเสี่ยเป็นเททับบี้ใช่มั้ย แบบว่าปล่อยให้สนุกไปก่อน พอหมดเวลาก็จะ หมดเวลาสนุกแล้วสิ หมดวเลาสนุกแล้วสิ !
คนที่อ่านเรื่องนี้ ตอนนี้เสียงเชียร์เสี่ยแรงมากก่ะ เดี๋ยวๆ รอพี่เขี้ยวเราตกหลุมอีแม่เรียวก่อน 5555 แต่คือตอนนี้ใครหึงใคร ใครหึงอะไรคะ เพราะความหึงลอยอบอวลรอบตัวทุกคนเลยนิ -.,-
ขอบคุณคนอ่านที่ชอบและตามอ่านเรื่องนี้กันอยู่นะคะ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ ตอมไม่รู้จำนวน แต่ว่าเห็นคอมเม้นทีไรก็มีแรงใจเขียนต่อตลอดๆ แล้วค่าาา
แท็กในทวิต #WorksTheMagic หรือจะ #คมเขี้ยวเรียวจันทร์ ก็ได้ค่าาา