【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇3P :Incest: 18+┇•ตอนจบ•
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇3P :Incest: 18+┇•ตอนจบ•  (อ่าน 85307 ครั้ง)

ออฟไลน์ Guill

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
คนอ่านยังอยู่จ้า รอซำเหมอออ

ออฟไลน์ meanmena

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1

ออฟไลน์ treerat002

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
อิพี่ภูนี่น่าขัดใจ หนีตลอด อยู่ใกล้นี่อยากถีบซักที รออ่านต่อค่ะ ลางสังหารบอกว่าตอนหน้าน่าจะมันส์ #ทีมพ่อ

ออฟไลน์ kiolkiol

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ rabiaang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สารภาพผิด.....

เหตุที่หายไปเพราะ แต่ละตอนช่างสั้นและค้างคาเหลือเกิน เกินกว่าใจดวงน้อยๆของผู้อ่านจะทนได้แล้ว และความถี่ในการลงของผู้เขียนก็ำทร้ายจิตใจอย่างมากมาย  :hao5: :hao5: :hao5:

จึงขอแจ้งให้ทราบว่า ต้องการภูธาร หากพ้นช่วงสะเทือนตับไตไส้พุงไปแบบยาวๆ คนอ่านจะกลับมาอ่าน พร้อมทิ้งคอมเมนท์ไว้ยาวขนาดไม่เกินตัวอักษรที่กำหนด


รัก #ทีมภูธาร.  :L2:

ออฟไลน์ pie2na

  • ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ Pie2Na นะครับ ^^
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
Chapter 14
ข้อตกลง

“เหรอ...ทีธารกับพ่อยังทำกันตั้งหลายครั้ง ไม่เห็นเป็นไรเลย”

“ว่าไงนะ!” พี่ภูเดินย้อนกลับมาที่เตียง จับไหล่ทั้งสองข้างของผม ก่อนจะก้มหน้าลงมาจนเกือบชิดเพื่อถามย้ำอีกครั้งให้แน่ใจ

“เมื่อกี้นายพูดอะไรออกมา”

“ธารกับพ่อมีอะไรกัน ไม่เห็นพ่ออยากจะหนีธารไปแบบพี่ภูเลย”

ในเมื่อจะจากกันแล้ว ต่อให้ถูกเกลียดก็คงไม่เป็นไร ผมก็แค่อยากให้พี่ภูรู้ว่าผมกับพ่อกล้าที่จะทำตามความรู้สึกของตัวเอง ต่างกับพี่ภูที่เลือกที่จะหลีกหนี ฝืนทน เก็บความรู้สึกนั้นไว้ 

“.....” พี่ภูนิ่งอึ้งไปพักใหญ่ กว่าเขาจะดึงสติกลับมาได้อีกครั้ง แล้วทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าข้างเดียวตรงหน้าผม เพื่อให้สายตาของเราอยู่ในระดับเดียวกัน “น้าตะวันบังคับนายใช่ไหม”

“.....”

“ไม่ต้องกลัวนะธาร” มือหยาบกร้านทั้งสองข้างเลื่อนขึ้นมาจับใบหน้าของผมไว้ ลูบไล้ปลายนิ้วโป้งลงบนผิวแก้มเหมือนต้องการจะปลอบ “พี่ไม่ยอมให้น้าตะวันทำอะไรธารได้อีก...แค่บอกพี่มาว่าเขาบังคับหรือทำร้ายธารรึเปล่า”

ดูเหมือน...พี่ภูจะตีความหมายทางสีหน้าของผมผิดไป

“เปล่า ธารไม่ได้ถูกบังคับ ธารรักพ่อ”

แววตาที่พี่ภูใช้มองผมมันทั้งสับสน ไม่เข้าใจ และเจ็บปวด...เจ็บเหรอ? บางทีผมอาจจะคิดไปเอง ในเมื่อพี่ภูควรจะเกลียดผมมากกว่า ต่างกับผมที่ในอกมันวูบโหวงไปหมด ไม่รับรู้ความรู้สึกอะไรอีกแล้ว สีหน้าก็คงเฉยชาไม่ต่างจากความรู้สึกข้างใน เพราะตอนนี้ผมรับรู้แค่ว่า...คนที่ผมรัก กำลังจะจากผมไปอีกครั้ง

“...ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว” จู่ๆ พี่ภูก็ผุดลุกขึ้นยืน แล้วช้อนตัวผมขึ้นอุ้มแนบอก “ย้ายไปอยู่กับพี่ที่คอนโด...พี่จะคุยเรื่องนี้กับแม่เอง” พูดจบ พี่ภูก็พาผมเดินดุ่มออกจากห้อง ลงบันไดไปชั้นล่าง เหมือนจะรีบมากเพราะแม้แต่เสื้อก็ลืมหยิบมาสวม โดยที่ผมได้แต่สับสนมึนงงว่าพี่ภูจะทำอะไรกันแน่ จนพี่ภูเดินสวนกับป้าแม่บ้านแล้วหยุดพูดกับป้าคนนั้นนั่นล่ะ ผมถึงได้เข้าใจ

“ป้าครับ ผมกับธารจะย้ายไปอยู่คอนโดวันนี้ ช่วยเก็บกระเป๋าแล้วฝากคนขับรถเอาไปส่งที่คอนโดผมด้วยนะครับ”



3: 45 P.M.

@The Attribute Condominium

ผมสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาอีกทีตอนบ่ายในห้องนอนที่ไม่คุ้นตา ต้องหยุดรวบรวมความคิดอยู่พักใหญ่กว่าจะนึกออกว่าที่นี่น่าจะเป็นคอนโดของพี่ภู ความจำล่าสุดของผมมันสิ้นสุดตรงที่ผมผล็อยหลับไปในรถสปอร์ตของเขา ไม่รู้ตัวสักนิดว่ามาถึงคอนโดตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือขึ้นมาได้ยังไง คงเป็นพี่ภูนั่นล่ะที่อุ้มผมออกมาจากรถ
   
ผมหยิบผ้าขนหนูเย็นชื้นออกจากหน้าผาก แล้วฝืนตัวลุกขึ้นนั่ง ตอนนี้ไม่รู้สึกมึนหัวแล้ว แต่อาการเจ็บแปลบตรงช่วงล่าง และปวดเมื่อยไปทั้งตัวเหมือนจะหนักกว่าเดิมจนแทบลุกไม่ไหว เลยทำได้แค่กวาดตามองทั่วห้องนอนเพื่อมองหาคนที่พาผมมาที่นี่ แต่ในห้องกว้างขวางกลับมีผมอยู่แค่คนเดียว
   
“พี่ภู พี่ภูครับ” ตะโกนเรียกด้วยเสียงแหบแห้งอยู่สองสามครั้ง ประตูห้องก็ถูกผลักเปิดเข้ามาพร้อมกับร่างสูงกำยำของพี่ภูที่เดินมาหยุดลงข้างเตียง

“โทษที พี่ออกไปคุยโทรศัพท์มา...หิวรึเปล่า ยังปวดเมื่อยตัวมากไหม” พี่ภูใช้ฝ่ามือทาบลงบนหน้าผากผม มองสำรวจหน้าตาซีดเซียวของผมด้วยความเป็นห่วง ผิดกับท่าทีห่างเหินที่ผมเห็นจนชินตา ถึงจะยังชอบเก็บสีหน้า ทำตัวเฉยชาเป็นนิสัย แต่ก็ไม่ได้เมินผมเหมือนแต่ก่อน

“นิดหน่อยครับ” ผมบอกปัด เปลี่ยนมาคุยเรื่องที่สำคัญกว่า “พี่ภูพาธารกลับบ้านนะ พ่อไม่ยอมให้ธารมาอยู่ที่นี่แน่ๆ จู่ๆ ย้ายออกมาไม่ขอพ่อก่อน ถ้าพ่อรู้คงโดนดุอีก”

“ต้องยอมสิ เพราะพี่บอกทุกอย่างกับแม่แล้ว แล้วแม่ก็อยากให้ธารอยู่กับพี่ที่นี่”
บอกทุกอย่างกับแม่...เรื่องนั้นก็ด้วยเหรอ?

“บ...บอกอะไร พี่ภูบอกอะไรแม่บ้าง” ผมละล่ำละลักถามเสียงสั่น

“เรื่องธารกับพ่อ” พี่ภูทรุดตัวลงนั่งบนเตียงข้างๆ ผม ก่อนจะพูดต่อ “...ที่จริงแม่อยากให้ธารไปเรียนต่อที่อเมริกาเดือนหน้าเลย แต่คงรู้ว่าธารยังอยากอยู่ใกล้ๆ พ่อ เลยให้ย้ายมาอยู่คอนโดพี่จนกว่าจะเรียนจบ เตรียมใจสักปีสองปี ไว้จบม.ปลายแล้วค่อยไป”

คำพูดของพี่ภูทำให้ผมนิ่งอึ้งไป ไม่ต้องอธิบายอะไรให้ยืดยาวกว่านี้ผมก็เข้าใจทุกอย่าง...พี่ภูบอกแม่เรื่องของผมกับพ่อ แม่เลยอยากให้เราสองคนอยู่ห่างกันจะได้ไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอีก

...แม่จะเกลียดผมไหมนะ บางทีคงจะเกลียดจนไม่อยากเห็นหน้าเลยไล่ผมไปอเมริกา แล้วพ่อล่ะ แม่จะโกรธพ่อไหม จะทะเลาะกันรึเปล่า ระหว่างที่ผมหลับไปเกิดอะไรขึ้นบ้าง

“พี่ภูหนีธารไปไม่พอ ยังจะมาพรากพ่อไปจากธารอีก พี่ทำแบบนี้เพื่ออะไร!?”

ตอนนี้ผมกังวลสับสนไปหมด เครียดและกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนไม่รู้จะทำยังไงดี เลยได้แต่โทษพี่ภู...โทษคนที่เอาเรื่องนี้ไปบอกแม่ และทำให้ผมกับพ่อไม่ได้อยู่ด้วยกัน

“ธาร...พี่ไม่ได้พรากพ่อไปจากธาร แล้วพี่ก็จะไม่หนีไปไหน” พี่ภูยกแขนขึ้นมาโอบไหล่ผมที่นั่งอยู่ข้างๆ เขา ก่อนที่มือข้างนั้นจะลูบหัวไหล่ของผมเบาๆ

แปลกเนอะ ทั้งที่มือของพี่ภูทั้งหนาและแข็งแรง แต่มันกลับไม่ได้ช่วยให้ผมรู้สึกปลอดภัย...ไม่ได้รู้สึกว่ามันจะปกป้องผมได้ เหมือนกับมือของพ่อ

“พี่จะอยู่กับธารที่นี่จนกว่าธารจะเรียนจบ แล้วเราค่อยย้ายไปอเมริกาด้วยกัน...ธารยังจะได้เจอพ่อเท่าที่ธารอยากเจอ แต่ไม่ใช่ในที่ลับตาคนหรืออยู่ด้วยกันสองต่อสอง”

“ไหนบอกว่าไม่ไว้ใจตัวเอง ไม่อยากอยู่ใกล้ธารไง แล้วนี่อะไร จะอยู่ที่ไทยต่อ อยู่กับธารเพื่อจะกีดกันธารจากพ่องี้เหรอ!?”

ผมอยากอยู่กับพี่ภู ผมรักพี่ภูไม่น้อยไปกว่าพ่อ แต่แปดปีที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่าถึงไม่มีพี่ภูอยู่ข้างๆ ก็คงไม่เป็นไร กลับกัน...พ่อเป็นเหมือนโลกทั้งใบของผม ผมขาดพ่อไม่ได้ แล้วก็คงไม่มีใครเห็นผมเป็นทุกอย่างในชีวิต ให้ความสำคัญกับผมมากกว่าอะไรในโลก และรักผมมากกว่าตัวเอง เหมือนกับที่พ่อรัก

เพราะแบบนี้ไง แทนที่ผมจะมีความสุขที่ได้อยู่กับพี่ภู ผมกลับทรมานเหมือนจะขาดใจที่ต้องห่างกับพ่อเพราะเขา 

“ใช่ พี่ไม่ไว้ใจตัวเอง แต่พี่ไม่ไว้ใจคนอื่นมากกว่า...พี่ยอมให้คนอื่นมาทำร้ายธารไม่ได้”

อ้อ พี่ภูเลยเลือกที่จะให้ผมอยู่กับเขา ดีกว่าปล่อยให้ผมอยู่กับพ่อ ยอมเสี่ยงที่จะพลาดพลั้งทำร้ายผมด้วยมือตัวเอง ดีกว่าให้ผมต้องบุพสลายในมือคนอื่นอย่างนั้นใช่ไหม 
   
“พ่อไม่เคยทำร้าย ไม่เคยบังคับธาร เราแค่รักกัน...ถ้าพี่ภูยังคิดว่าสิ่งที่พ่อทำมันผิด...ธารก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าตอนที่พี่ภูเป็นคนทำมันเองอีกครั้ง ตอนนั้นพี่ภูจะรู้สึกยังไง”



[Special Tawan’s Part]

@Phuket Thailand

สองชั่วโมงก่อน...

“คุณมันโรคจิต นั่นมันลูกคุณนะตะวัน แล้วเขาก็แค่เด็กอายุสิบสี่...เขาเพิ่งจะสิบสี่!” น้ำเสียงแหลมสูงของน้ำดังมาจากปลายสาย เราคุยเรื่องนี้กันมาเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้วแต่ก็ยังหาข้อสรุปที่ดีไม่ได้ และอารมณ์คุกรุ่นของเธอก็ไม่มีทีท่าจะสงบลงเลย

หนึ่งชั่วโมงก่อนน้ำโทรมาหาผม แจ้งผ่านเลขาว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ทำให้ผมต้องยกเลิกการประชุมลงกลางคันเพื่อมาคุยกับเธอ แค่ประโยคแรกที่เธอพูด ผมก็เข้าใจได้ทันทีว่าเรื่องนั้นสำคัญขนาดไหน และเธอเพิ่งไปรู้อะไรมา...ความลับของผมกับธารไม่เป็นความลับอีกต่อไป

ยอมรับว่าผมตกใจ แต่ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ผมก็ตั้งสติได้ และรู้ตัวว่าควรจะรับมือกับมันยังไง ผมเคยเจอปัญหาหนักหนากว่านี้หลายเท่าแต่ก็ยังผ่านมาได้ เรื่องคราวนี้ผมเลยมองมันเป็นแค่ปัญหาเล็กๆ เพราะผมเองก็ไม่อยากจะปิดบังความสัมพันธ์ระหว่างผมกับธารไปตลอดชีวิตอยู่แล้ว ผมตั้งใจจะบอกน้ำตอนที่ธารอายุครบสิบแปด การที่เธอรู้เรื่องนี้ล่วงหน้าแค่ไม่กี่ปีก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่

“ใจเย็นก่อนน้ำ ถ้าคุณยังเอาแต่วีนผมแบบนี้ ทั้งวันเราก็คงคุยกันไม่รู้เรื่อง” ผมถอนหายใจแรงๆ จงใจให้ปลายสายได้ยิน น้ำเป็นผู้หญิงหัวสมัยใหม่ที่ทั้งเก่งและฉลาด ผมเชื่อว่าถ้าเธอมีสติมากกว่านี้ เธอจะยอมรับฟังเหตุผลของผม และเราจะหาข้อสรุปให้กับเรื่องนี้ได้โดยไม่ต้องพูดอะไรให้ยืดยาว

“เราต้องพาธารไปพบจิตแพทย์...คุณก็ด้วย”

“ธารอยู่ในวัยที่อยากรู้อยากลอง เด็กผู้ชายมีเซ็กส์ในวัยนี้เป็นเรื่องธรรมดา แล้วผมก็ไม่ได้เป็นโรคจิต ไม่ได้มีรสนิยมแปลกๆ แบบพวก Pedophilia  ผมไม่ได้รักเด็กทุกคน ผมรักแค่ธารคนเดียว และต่อให้ธารโตกว่านี้ความรู้สึกของผมก็ไม่มีทางเปลี่ยน ที่สำคัญ...ถึงผมจะเลี้ยงธารมา แต่เราไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน ผมไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของธาร ถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นมันผิด ก็คงผิดที่ผมกับธารไม่ได้ชอบผู้หญิง และเรื่องนี้มันเกิดขึ้นก่อนเวลาที่สมควรเท่านั้น”

ในต่างประเทศ พี่น้องบุญธรรมแต่งงานกันก็ยังมี พ่อบุญธรรมแต่งงานกับลูกบุญธรรมก็มีให้เห็น อาจจะผิดข้อกฎหมายถ้าหากจดทะเบียนสมรส แต่แล้วไงล่ะ? ผมไม่เห็นว่ามันแปลก แล้วผมกับธารก็ไม่มีทางจดทะเบียนสมรสกันได้อยู่แล้ว

“ยังกล้าพูดอย่างนี้อีกเหรอ ฉันไม่แจ้งความก็ดีเท่าไหร่แล้ว”

ที่น้ำไม่แจ้งความไม่ใช่เพราะเธอกลัวว่าเรื่องนี้จะลุกลามใหญ่โต เป็นข่าวทำให้เสื่อมเสียกระทบถึงธุรกิจของเรา แต่เธอเป็นห่วงความรู้สึกของธาร ไม่อยากให้ลูกต้องอับอาย เลยเลือกที่จะปิดเงียบแล้วหาทางกีดกันไม่ให้ผมเข้าใกล้ธารอีก ไม่งั้นตอนนี้ผมคงโดนข้อหากระทำชำเราเด็กอายุต่ำกว่าสิบห้า แล้วต้องวิ่งโร่หาทนายแทนที่จะมาคุยโทรศัพท์อยู่กับน้ำเป็นชั่วโมงๆ

“โอเค ผมขอโทษที่ผมทำแบบนั้นกับลูก แต่ผมขอยืนยันว่าผมรักธาร...ผมยอมทำตามข้อตกลงของคุณ แต่ไม่ทั้งหมด เมื่อไหร่ที่ธารอายุครบสิบแปด เราจะหย่ากัน แล้วธารต้องไปอยู่กับผมที่ต่างประเทศ”

“ตะวัน!”

“เรายังมีเวลาอีกตั้งสี่ปีนะน้ำ ถึงตอนนั้นถ้าพวกเรายังยืนยันคำเดิม ก็ให้ธารเป็นคนตัดสินใจแล้วกันว่าลูกจะเอายังไง...ยังไงพวกเราสองคนก็เห็นความสุขของลูกมาก่อนอยู่แล้วนี่”

“.....”

“เรื่องมันเกิดขึ้นแล้วผมคงย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ถึงเราทะเลาะ เถียงกันไปมาก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมีแต่จะแย่ลง ในเมื่อผมยอมรับปากทำตามข้อตกลงของคุณ คุณก็ยอมให้เรื่องมันจบแค่นี้เถอะ...ป่านนี้ธารรู้เรื่องเข้าคงร้องไห้งอแงแย่แล้ว”

“ก็ได้...ฉันจะรีบกลับไทย แล้วเราจะคุยเรื่องนี้กันอีกที”

เฮ้อ...สรุปว่ายังไม่จบสินะ แต่ผมจะโวยวายอะไรได้ล่ะ ในเมื่อผมเป็นคนผิด แล้วน้ำก็มีสิทธิ์เต็มที่เพราะเธอเป็นแม่ของธาร ลูกใครใครก็หวง เธอไม่จ้างมือปืนมายิงผมทิ้งก็ดีเท่าไหร่แล้ว

“ครับ แค่นี้ก่อนนะ ผมต้องไปสนามบินแล้ว อยากรีบกลับไปปลอบลูก”

“อย่าให้...”

ยังไม่ทันที่น้ำจะพูดจบประโยค ผมก็กดตัดสายแล้วโทรออกหาเลขา สั่งให้จองตั๋วเครื่องบินไฟท์ล่าสุดไปกรุงเทพ และส่งรถมารับผมหน้าโรงแรมทันที อีกไม่เกินสามสี่ชั่วโมงผมก็คงได้ปลอบธารสมใจ

[End Tawan’s Part]


Pie2Na

ไว้มาตอบเม้นตอนหน้านะครับ ^^ คืนนี้ดึกมากไปแล้ว  :ruready

คุยกันก่อนนิดนึง...
ได้สังเกตชื่อคอนโดกันบ้างไหม มันคือ...คอนโดเดียวกับกฤษ พี่ภูเหมือนจะมองข้ามเรื่องนี้ไปเนอะ...หนีเสือปะจระเข้แล้วไหมล่ะ ส่วนตอนหน้า พ่อก็บินกลับมาอย่างเร่งด่วน จะมาเจอธารสภาพไหน อะไรยังไง พี่อติณกับกฤษจะโผล่หน้ามาได้รึยัง ไว้รออ่านเนอะครับ ^^

ปล. เฉลยแล้วนะว่าตะวันไม่ใช่พ่อแท้ๆ แต่น้องธารยังไม่รู้...คือถ้ารู้นี่จะเป็นไงอีก เฮ้อ (เขียนเองเหนื่อยเอง 5 5 5 5 )


ปล1.อติณกับกฤษควรจะมีบทบ้างได้แล้ว รู้สึกลำเอียงกระจายบทไม่ทั่วถึงยังไงไม่รู้ ไหนจะตัวปลากรอบที่ปล่อยไปแต่ยังไม่เก็บมาใช้ซ้ำ ทั้งกายม้ามืด โผล่มาหน่อยคาบพี่ภูไปแหลก (เอิ่ม) อีกคนก็ณัฐ คู่ขากฤษ แล้วยังมีผองเพื่อนน้องธารอีก...อืม สกิลจำชื่อตัวละครของคนเขียนนับว่ายังใช้ได้ แต่ทำไมทีชื่อเพื่อนในกลุ่มละดันลืม หนักเลย
:serius2:

เจอกันตอนหน้า อีกสามสี่วันนี่แหละ คอมเม้นกันด้วยน้า แสดงตัวตนกันหน่อยจะได้รู้ว่ามีคนอ่านหน้าเก่าหายไปไหม หน้าใหม่มาเพิ่มรึเปล่า เนอะ

ขอบคุณครับ ^^ 
  :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-01-2016 22:42:18 โดย pie2na »

ออฟไลน์ Guill

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
หน้าเก่าสินะเราเนี่ย ยังรออยู่จ้า

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
รออยู่ ไม่สนับสนุนให้เปลี่ยนอะไร เช่นกัน

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
ในที่สุดก็รู้กันแล้ว
รออ่านตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ยังอยู่เสมอ~  ภูไม่เด็ดขาดเลย รักน้องก็บอกว่ารักดิ ทำไมต้องทำร้ายจิตใจน้อง ทีมตะวัน :hao6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ pie2na

  • ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ Pie2Na นะครับ ^^
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
Chapter 15
เปรียบเทียบ
(ครึ่งแรก)



4: 02 P.M.

@The Attribute Condominium

“พ่อไม่เคยทำร้าย ไม่เคยบังคับธาร เราแค่รักกัน...ถ้าพี่ภูยังคิดว่าสิ่งที่พ่อทำมันผิด...ธารก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าตอนที่พี่ภูเป็นคนทำมันเองอีกครั้ง ตอนนั้นพี่ภูจะรู้สึกยังไง”

หลังจากที่ผมพูดประโยคนั้น พวกเราต่างก็นิ่งเงียบอยู่หลายนาที ก่อนที่เสียงถอนหายใจจะดังขึ้นเบาๆ จากคนข้างตัว

“เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ” พี่ภูบอกแล้วผุดลุกขึ้นยืน คว้ากะละมังเล็กๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงเดินเข้าหองน้ำไป

ผมนั่งรออยู่บนเตียงจนพี่ภูออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับกะละมังใบเติม มองเขาเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแบบบิลท์อินขนาดใหญ่ ใช้เท้าเขี่ยเปิดประตูบานเลื่อน หยิบผ้าขนหนูผืนใหม่กับเสื้อผ้าด้วยมืออีกข้างที่ว่าง ก่อนจะสาวเท้ากลับมาที่เตียงอีกครั้ง แล้ววางของทั้งหมดลงบนโต๊ะตัวเดิม 

“ถ้ามีแรงแล้วก็เช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ พี่จะออกไปเอาข้าวเอายามาให้กิน”

“ธารยังไม่หิว”

“ไม่หิวก็ต้องกิน”

“ธารกินไม่ลง” ผมขมวดคิ้วมองคนตัวสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้า ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องมาบังคับกันด้วย กับแค่เรื่องกินข้าว จะกินไม่กินมันก็ท้องของผมรึเปล่า “เอามือถือธารมา ธารจะโทรหาพ่อ”

“พี่ไม่ได้หยิบมือถือธารติดมาด้วย”

“งั้นของพี่ภูล่ะ ขอยืมของพี่ภูก่อนก็ได้”

“กินข้าวกินยาก่อนแล้วพี่จะให้ยืม”

ผมเม้มปาก มองพี่ภูอย่างโกรธๆ ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้จะแคร์หรอกว่าผมรู้สึกยังไง ย้ำให้ผมรีบเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินออกจากห้องไปเลย แต่ยังไม่ทันที่พี่ภูจะกลับเข้ามา เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น มันไม่ใช่ประตูห้องนอนห้องนี้ แต่เป็นประตูบานไหนสักบานในคอนโด ตามด้วยเสียงพูดคุยของคนสองคนดังแว่วมาให้ได้ยิน ถึงจะไม่เห็นหน้าแต่ผมก็จำได้ว่านั่นเป็นเสียงของใคร

“ธารอยู่ไหน”

“คุณเข้ามาในนี้ได้ยัง”

พ่อมาที่นี่...ผมไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่พ่อเข้ามาได้โดยไม่ต้องกดออดเรียกพี่ภูไปเปิด ในเมื่อพ่อเคยบอกว่าตัวเองเป็นเจ้าของโครงการคอนโดนี้ จะเรียกเอาคีย์การ์ดสำรองคงทำได้ไม่ยาก ดีแค่ไหนที่คราวก่อนพ่อไม่ได้บุกเข้ามาในคอนโดของพี่กฤษแล้วเห็นผมคลอเคลียอยู่กับอีกฝ่ายบนโซฟา
    
ผมเหวี่ยงเท้าลงจากเตียง กัดฟันทนก้าวขาสั่นๆ ไปทางประตูห้อง แต่พอเดินผ่านตู้เสื้อผ้าก็ต้องชะงัก มองเงาสะท้อนของตัวเองผ่านกระจกบานใหญ่ที่ติดอยู่กับบานเลื่อน เกือบลืมไปเลยว่าเนื้อตัวของผมมีร่องรอยเต็มไปหมด ถึงจะใส่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นอยู่ แต่ก็ปิดรอยคิสมาร์กตรงซอกคอกับต้นขาไม่ได้
   
จะให้พ่อเห็นสภาพนี้ไม่ได้เด็ดขาด...
   
คิดได้อย่างนั้นผมก็รื้อเสื้อผ้าในตู้ แต่ก็หาเสื้อผ้าที่พอดีตัวและปกปิดมิดชิดโดยไม่ทำให้ตัวเองดูประหลาดไม่ได้เลยสักชุด จึงทำได้แค่เดินย้อนกลับไปที่เตียง มุดตัวเข้าไปใต้ผ้านวม ดึงมาปิดจนถึงคอ แล้วเงี่ยหูฟังเสียงพูดคุยที่ดังมาจากด้านนอก
   
“แม่ยอมให้คุณมาที่นี่เหรอ”
   
“ฉันกับน้ำตกลงกันแล้ว ถ้าธารอยู่ที่นี่ ฉันจะมาหาธารเมื่อไหร่ก็ได้”   
   
“ได้...แต่ต้องให้อยู่ในสายตาของผมใช่รึเปล่า”
   
“อย่าให้มันมากนักนะภูผา...อย่านึกว่าฉันไม่รู้ว่าแกคิดอะไรกับลูกฉัน อย่าคิดว่าฉันหูตาฝ้าฟางจนไม่เห็น ไม่ได้เย็นว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น”
   
หัวของผมอื้ออึงจนจับใจความอะไรไม่ได้อีก...พ่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แล้วรีบออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ทำไมต้องทำแบบนั้น พ่อคิดอะไรอยู่...ความเครียดบวกกับความกดดันก่อนหน้านี้ทำให้น้ำตาของผมไหลออกมาทั้งที่ไม่อยากร้องไห้ ผมกลัวไปหมด กลัวว่าพ่อจะรังเกียจ กลัวว่าแม่จะเกลียดผม
   
...เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ความผิดของพี่ภูหรอก มันเพราะผมเองต่างหาก ตัวผมเอง!
   
ประตูห้องถูกผลักเปิดเข้ามา ทำให้ผมต้องรีบหลับตาลง แกล้งทำเป็นหลับเพราะไม่กล้าเผชิญหน้ากับพ่อในเวลานี้ ในใจได้แค่ภาวนาว่าเจ้าของเสียงฝีเท้าที่เดินมาหยุดอยู่ข้างเตียงคือพี่ภู แต่เมื่อคนๆ นั้นทรุดตัวลงนั่งบนเตียง แล้วยื่นมือมาลูบหัวผม ผมก็รับรู้ได้ทันทีว่าไม่ใช่...
   
“ร้องไห้ทำไมครับ” น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม พร้อมกับนิ้วมือที่ป้ายเช็ดน้ำตาให้ผมอย่างอ่อนโยน หัวใจของผมสั่นไหวเมื่อเขาคนนั้นทรุดตัวลงนอนเคียงข้างแล้วดึงผมเข้าไปกอดแนบอก “ป่วยเหรอ ทำไมตัวอุ่นๆ ปวดหัวรึเปล่า”
   
“พ่อ...ฮึก...”
   
“ว่าไง ตอบพ่อหน่อยสิ”
   
“พ่อรังเกียจธารไหม” ผมไม่ตอบแต่กลับถามไปอีกเรื่อง
   
มือที่ป้ายเช็ดน้ำตาให้ผมเปลี่ยนมาลูบแผ่นหลัง ฝ่ามือที่ทั้งใหญ่โตแหละหยาบกระด้างลูบขึ้นลงหนักๆ ผ่านเนื้อผ้าบางเบา ส่งความอบอุ่นมาให้ น้ำตาของผมยิ่งไหลออกมาเหมือนน้ำในถังรั่วๆ แค่สัมผัสจากฝ่ามือของพ่อ ไม่ต้องใช้คำพูดแม้สักคำ ผมก็รับรู้ได้ว่าพ่อรักและทะนุถนอมผมมากแค่ไหน
   
“ทำไมพ่อต้องรังเกียจธารล่ะครับ พ่อจะรังเกียจลูกชายคนเดียวของพ่อได้ยังไง...เราเคยพูดเรื่องนี้กันหลายครั้งแล้วนะ”
   
“ธารได้ยินที่พ่อคุยกับพี่ภู” ผมเงยหน้าขึ้นจากอกพ่อ ได้เห็นรอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้าคมคายที่ผมเห็นมาตั้งแต่เด็ก ความกลัว ความกังวลก่อนหน้านี้ค่อยลดลงบ้าง “พ่อรู้ว่าธารกับพี่ภู...”
   
“อุตส่าห์แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แต่ถูกธารจับได้ซะแล้วสิ”
   
“ทำไมต้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น”
   
ฝ่ามือเล็กๆ ของผมที่วางอยู่บนอกของพ่อ กำเสื้อเชิ้ตสีขาวจนยับยู่ ความคิดของพ่อซับซ้อนจนผมตามไม่ทัน ในเมื่อรักทำไมต้องทนเห็นคนที่เรารักกอดกับคนอื่น เหตุผลที่บอกว่าอยากให้ผมลองคบหากับคนอื่นดู จะได้รู้ว่าไม่มีใครจริงใจและรักผมได้เท่ากับที่พ่อรัก มันใช้ได้เหรอ
   
นั่นมันครั้งแรกของผมนะ...พ่อควรจะหวงมันเอาไว้ให้ตัวเองไม่ใช่รึไง
   
“ถ้าพ่อเข้าไปห้าม ถ้าพ่อดุด่าธารหรือทำร้ายภู เรื่องมันก็คงไม่เหมือนอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้...กลายเป็นธารโกรธพ่อแล้วหนีเตลิดไปกับภูแทน” ผมคิดตาม สิ่งที่พ่อพูดถูกทุกอย่าง คนอย่างผมยิ่งถูกห้ามก็ยิ่งอยากเอาชนะ พ่อรู้จักผมดียิ่งกว่าตัวผมเองเสียอีก “เด็กที่รั้นอย่างธารคิดว่าพ่อจะห้ามได้เหรอ...ถึงเรื่องจะไม่เกิดขึ้นเมื่อคืน ก็คงเกิดขึ้นสักวันลับหลังพ่ออยู่ดี”
   
“.....” ผมได้แต่เงียบ ไม่มีแม้แต่คำขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะผมละอายใจเกินกว่าจะพูดออกไป ละอายที่จะให้พ่อยกโทษให้ง่ายๆ กับความผิดซ้ำๆ ซากๆ ที่ผมทำ
   
“คราวนี้รู้แล้วใช่ไหม...กอดของพ่อกับกอดของคนอื่น ต่างกันยังไง”
   
“.....”
   
รู้สิครับ...รู้ซึ้งเลยล่ะ

เซ็กซ์ที่หนักหน่วงแต่ก็โอนโยนในทุกสัมผัส กับเซ็กซ์ที่รุนแรงมีแต่ความตระกุมตระกาม ได้รับความสุขอยู่ฝ่ายเดียว...ไม่ว่าจะแบบไหนมันก็คือเซ็กซ์ แต่ที่ต่างกันคงเป็นความรู้สึก
   
เซ็กซ์ของพ่อมันทำให้ผมทั้งตื่นเต้น อบอุ่น และสัมผัสได้ถึงความรัก ต่างจากเซ็กซ์ของพี่ภูโดยสิ้นเชิง
   
“...ความรักของพ่อก็เหมือนกัน” พ่อกระซิบต่อที่ข้างหูผม ก่อนจะกดจูบลงบนหน้าผาก เรายังกอดกันอยู่อย่างนั้นบนเตียงไม่ยอมขยับไปไหน
   
คำพูดของพ่อทำให้น้ำตาของผมเหือดแห้งไปจนหมด ผมผงกหัวขึ้นเล็กน้อยไม่ให้พ่อรู้ตัว ก่อนจะลอบมองผ่านไหล่กำยำไปที่ประตูห้อง...ประตูยังถูกเปิดค้างไว้ เจ้าของห้องกำลังยืนกอดอกพิงกรอบประตู มองมาที่เราทั้งคู่บนเตียงด้วยสีหน้าเรียบเฉย พี่ภูคงเดินมาพร้อมกับพ่อและยืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่แรก เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าผมแอบมองอยู่ เขาก็ผละจากไปเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำ
   
“ธารไม่อยากอยู่ที่นี่” ผมพูดขึ้นเมื่อเสียงฝีเท้าของพี่ภูเงียบหายไป “ธารอยากอยู่ที่บ้านกับพ่อ”
   
“พ่อตกลงกับแม่เอาไว้แล้ว ถ้าเรายังดื้อจะกลับบ้าน แม่ต้องโกรธพ่อมากแน่ๆ”
   
พูดถึงแม่ ผมเกือบลืมไปเลยว่ายังมีเรื่องให้กังวลอีกเรื่อง
   
“พ่อกับแม่ทะเลาะกันรึเปล่าครับ แล้วแม่...โกรธธารมากไหม”
   
“แม่เข้าใจครับ พ่อกับแม่คุยกันเข้าใจแล้ว ธารไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้นะ” พ่อยังคงลูบหลังผมอยู่ ทำให้ผมสบายจนเกือบจะเคลิ้มหลับไปอีกรอบ อยู่ใกล้พ่อแล้วความกังวลใจหายไปเกือบหมด
    
“ง่วงอีกแล้วเหรอ ลุกขึ้นมากินข้าวกินยาก่อนนะครับ ค่อยนอนต่อ”
   
“ธารยังไม่หิว”
   
“ฝืนกินหน่อยนะครับ ไม่งั้นคืนนี้พ่อคงนอนไม่หลับเพราะเป็นห่วงเรา” พ่อคลายอ้อมกอดออก ลูบหัวผมเบาๆ แล้วขยับตัวลุกออกจากเตียง “เดี๋ยวพ่อไปเอาโจ๊กกับยามาให้นะครับ”

ผมมองตามแผ่นหลังของพ่อที่หายลับไปจากบานประตู ก็อดคิดถึงคำพูดของพี่ภูก่อนหน้านี้ไม่ได้ “ไม่หิวก็ต้องกิน” เจ็บหน่วงในอกแปลกๆ แฮะ คุยเรื่องเดียวกันแต่ทำไมคำพูดมันต่างกันลิบลับ เขาเอาตัวผมมาที่นี่ บังคับให้ผมอยู่ด้วยกัน บังคับให้ผมกินข้าว ที่คอยดูแลผมก็คงทำไปตามหน้าที่ของพี่ชาย ผมไม่เห็นจะรับรู้ได้ถึงความเอาใจใส่แบบที่พ่อทำเลยสักนิด

ผมคงคาดหวังมากเกินไปที่อยากให้พี่ภูรักและแคร์ผมมากกว่านี้ อ่อนโยนกับผมมากขึ้นอีกนิด อย่างน้อยให้ได้สักเศษเสี้ยวของพ่อก็ยังดี

“รู้ใช้ไหมว่าถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก จะมีใครต้องรับรู้บ้าง แล้วเธอจะต้องย้ายไปอยู่ที่ไหน”

“ผมรับปาก...แต่คุณก็ต้องรับปากด้วย”

เสียงของพ่อกับพี่ภูดังมาจากด้านนอก ผมที่ฟังอยู่เงียบๆ ทำได้แค่ฟุบหน้าลงกับหมอนและคิดต่อต้านอยู่ในใจ
ยังไงคำพูดมันก็เป็นแค่ลมปากผ่านหู...จับต้องได้ที่ไหนกัน

Pie2Na
เขียนไปแบบน้ำหลากมากครับ ตอนหน้าขอเนื้อเน้นๆ ละนะ รู้สึกพล็อตหลวม
โอมพี่กฤษจงมา อติณจงมา กายจงมา 5 5 5  5
ฝากคอมเม้นกันบ้างนะครับ เข้ามาอ่านทุกยี่สิบนาทีอะ  :hao5:
ขอบคุณครับ
ปล.หายไปหลายวัน ยุ่งๆครับ ช่วงนี้ว่างละ (จริงๆ ฮ่าๆ)

ออฟไลน์ chaweewong19841

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-2

ออฟไลน์ oiruop

  • เ รื่ อ ง โ ง่ โ ง่ นี่ ฉ ล า ด นั ก ⊙﹏⊙∥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • https://www.facebook.com/book.yaoi?fref=ts

ออฟไลน์ june77778

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เข้ามาให้กำลังใจคนเขียนค่ะ ตามอ่านตั้งแต่ตอนที่1-15ไม่ได้นอนเลยทีเดียว
เชียร์ทั้งคุณพ่อทั้งพี่ภูเลยค่ะ :oo1:
แต่ไม่ชอบกฤษณ์เลยค่ะ ตอนแรกเห็นธารเป็นของตาย ตอนนี้มาทำสำนึก(รึเปล่า) ให้ธารสั่งสอนซะให้เข็ด :katai1:
ส่วนพี่อตินค่าตัวแพงมาก555
ถ้ายังไงจะติดตามต่อนะคะ

ออฟไลน์ shannara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
คุณคนเขียนคะ จะมีโปร Double prenetion x2 มั้ยคะ

อยากอ่านมากมายยย

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :กอด1:     :L1:    :man1:   น้องธารสู้ๆ เราต้องแกร่งเข้าไว้

ออฟไลน์ anonymous

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้ ชอบมากกกก o13  Hot มากด้วยยย :jul1: 

ขอเชียร์ ทีมคุณพ่อตะวันเต็มที่เลยคร่าาา :mew1:

ออฟไลน์ treerat002

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
อยากอ่านต่อมากเลย สู้ๆนะคะ #ทีมพ่อ

ออฟไลน์ PingPong_Hunlay

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ monday012

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ pie2na

  • ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ Pie2Na นะครับ ^^
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
Chapter 15
เปรียบเทียบ
(ครึ่งหลัง)

10: 20 P.M.

คอนโดหลังนี้เป็นแบบ Duplex มีสองชั้น สองห้องนอน สามห้องน้ำ ห้องที่ผมนอนเมื่อตอนบ่ายเป็นห้องนอนของพี่ภูที่อยู่ชั้นล่าง ส่วนห้องของผมอยู่ชั้นบน

ใช้แล้ว...เราแยกห้องนอนกัน และตอนนี้ผมก็นอนอยู่คนเดียวบนเตียงในห้องนอนห้องใหม่ ส่วนพ่อกลับไปตั้งแต่สองทุ่ม พร้อมกับพวกแม่บ้านที่มาทำความสะอาด และจัดข้าวของของผมมาไว้ในห้องนี้

ถึงห้องนี้จะแคบกว่าห้องนอนที่บ้าน แต่ก็หรูหราน่าอยู่สมกับที่เป็นคอนโดราคาเหยียบสามสิบล้าน ทุกอย่างสะดวกสบายไปหมด แอร์เย็นฉ่ำ เตียงนุ่ม วิวสวย ดีไซน์ทันสมัยตามแบบที่ผมชอบ ติดแค่อย่างเดียว คือต่อให้มันสบายแค่ไหน ผมก็ยังนอนไม่หลับ
ไม่ใช่เพราะแปลกที่ หรือเพราะวันนี้ผมนอนกลางวันมากเกินไป แต่เพราะผมชินกับการมีพ่อนอนอยู่ข้างๆ ไปแล้ว ถึงพวกเราจะไม่ได้เข้านอนพร้อมกันทุกคืน แต่พ่อก็จะตามมานอนด้วยตอนดึก ปลุกให้ผมงัวเงียตื่นด้วยการดึงเข้าไปกอด จูบที่หัว หน้าผาก หรือไม่ก็แก้ม แล้วหลับไปอีกรอบในอ้อมกอดของพ่อ ต่างจากคืนนี้ที่ผมต้องนอนคนเดียวจนถึงเช้า

ผมคิดถึงพ่อ...หลังจากนอนพลิกไปพลิกมาอยู่เกือบชั่วโมง เลยติดสินใจลุกขึ้นนั่ง เปิดโคมไฟหัวเตียง แล้วคว้ามือถือขึ้นมากดวิดีโอคอลหาพ่อให้หายคิดถึง รออยู่ไม่กี่วิฯ คนปลายสายก็กดรับ พร้อมกับส่งยิ้มผ่านหน้าจอมาให้

“ยังไม่นอนอีกเหรอครับ”

พ่อพูดไปด้วยเดินไปด้วย กล้องเลยสั่นนิดๆ ดูจากข้าวของทางด้านหลัง ผมก็รู้ว่าพ่อเพิ่งเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำในห้องนอนของผมและกำลังเดินไปที่เตียง  พ่อยังสวมแว่นอยู่ แต่ก็สวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขายาวลายทาง สภาพพร้อมเข้านอนแล้ว

“เข้านอนแล้วครับ แต่นอนไม่หลับ” ผมบอกยิ้มๆ “ทำไมพ่อมานอนห้องธารล่ะ ไม่นอนกับแม่เหรอ”

“แยกกันนอนน่ะครับ...พ่อคิดถึงธารนี่ ได้มานอนห้องนี้เผื่อจะหายคิดถึงบ้าง”

ผมยิ้มกว้างกว่าเดิม “ธารก็คิดถึงพ่อมากๆ คิดถึงจนนอนไม่หลับเลยเนี่ย”

“คราวก่อนยังหนีเที่ยวไม่ยอมกลับบ้านอยู่เลย นี่มาอ้อนบอกคิดถึงจนนอนไม่หลับ พ่อจะเชื่อดีไหม”

“ก็ตอนนั้นมันไม่เหมือนกันนี่ ตอนนั้นธารกับพ่อยังไม่ได้...” นึกถึงครั้งแรกที่ผมกับพ่อมีอะไรเกินเลยกัน ผมก็อายจนไม่กล้าพูดต่อ
   
“หึๆ” พ่อหัวเราะขำ “แสดงว่าเมื่อก่อนไม่รักพ่อเท่าตอนนี้เหรอ”
   
“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย เมื่อก่อนก็รัก...รักมากด้วย แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกันนี่” ผมไม่กล้าจ้องหน้าพ่อตรงๆ เลยก้มมองลายใบไม้บนผ้านวมแทน “พ่อ ธารถามอะไรหน่อยสิ”
   
“อะไรครับ”
   
“ตอนนั้นธารไม่แน่ใจว่าตัวเองฝัน หรือว่ามันคือเรื่องจริง...ครั้งแรกที่เรา...เอ่อ...ม...มีอะไรกัน” ผมอึกๆ อักๆ เพราะไม่รู้จะพูดออกมายังไงดีไม่ให้มันฟังดูลามก “...มันคือตอนที่ธารนอนอยู่บนเตียง แล้วพ่อช่วย...”
   
“ช่วยทำให้ธารใช่ไหม” ผมเหลือบมองหน้าจอ เห็นพ่อยกยิ้มมุมปากดูเจ้าเล่ห์ ก็ทำให้ผมเขินจนต้องรีบหลบตาอีกรอบ “พ่อนึกว่าเราจะหลับลึกจนไม่รู้สึกตัวซะอีก”
   
“ธารก็หลับลึกจริงๆ นั่นแหละ ถึงได้สงสัยว่าเรื่องจริงหรือความฝันไง”
   
“......” พอพ่อเงียบ ผมเลยเงยหน้าขึ้นมอง ถึงเห็นว่าพ่ออมยิ้มมองผมอยู่แต่ดันไม่ยอมตอบ “คุยกับพ่อก็มองหน้าพ่อสิ

“ก็ธารเขินนี่”

ทั้งที่ปกติผมกล้าพูดเรื่องใต้สะดือกับคนอื่นโดยไม่คิดอะไร แต่พอเป็นพ่อกลับทำให้ผมเขินได้ ไม่รู้ว่าเป็นความสามารถเฉพาะบุคคล หรือเพราะหัวใจของผมที่มันหวั่นไหวไปกับสายตาและคำพูดของพ่อกันแน่

“เขิน แต่ชวนพ่อคุยเรื่องแบบนี้ตอนดึก...นึกว่าเราจะยั่วพ่ออยู่ซะอีก”

“ไม่ได้ยั่วสักหน่อย!” มือนึงของผมยังกำมือถือเอาไว้ ขณะที่อีกมือรีบดึงผ้านวมขึ้นปิดหน้าให้เหลือแค่ดวงตา เพราะไม่อยากให้พ่อเห็นว่าหน้าของผมเห่อแดงมากแค่ไหน...ดันรู้ทันผมซะได้ ตั้งใจจะยั่วแบบอ้อมๆ แล้วแท้ๆ “พ่อ มาหาธารไม่ได้เหรอ หรือให้ธารไปหาพ่อก็ได้...นะครับ ธารไม่อยากนอนคนเดียว”

ป่านนี้พี่ภูน่าจะเข้าห้องนอนไปแล้ว ถ้าผมแอบย่องออกจากคอนโด ก็คงไม่เป็นรู้หรอกมั้ง...

“พ่อออกไปหาธารไม่ได้ แล้วธารก็ห้ามมาหาพ่อด้วยครับ ถ้าแม่หรือพี่ภูรู้เข้า ธารกับพ่อคงต้องอยู่ห่างกันมากกว่านี้...ตอนนี้ธารเพิ่งจะสิบสี่ ไม่มีสิทธิ์จะตัดสินใจอะไรเองจนกว่าจะบรรลุนิติภาวะ ถ้ามีเรื่องขึ้นศาลขึ้นมา แม่จะได้สิทธิ์เต็มที่ในการเลี้ยงดูธาร”

ผมพอเข้าใจที่พ่อพูดนะ...ที่พ่อต้องยอมทำตามข้อตกลงและระมัดระวังตัวขนาดนี้ ก็เพราะถ้าแม่คิดเอาเรื่อง โดยการฟ้องหย่าและแจ้งความจับพ่อที่ทำแบบนั้นกับผม ไม่ต้องฟังศาลตัดสิทธิ์ก็รู้ได้เลยว่าแม่ต้องชนะคดีและได้สิทธิ์เต็มที่ในการเลี้ยงดูลูกชาย
ส่วนพ่อนอกจากจะต้องเสียค่าเลี้ยงดูแล้ว ยังอาจจะต้องติดคุกด้วย...แต่ที่แม่ปล่อยให้เรื่องเงียบ แล้วจับผมแยกกับพ่อแทน คงเพราะแม่รักหรือผูกพันกับพ่อมากพอ เลยเลือกที่จะมองผ่านความผิดพลาดครั้งนี้ และรักษาความสัมพันธ์ที่อยู่ร่วมกันมาเกินสิบปีไม่ให้พังลงเพราะปัญหาที่เกิดขึ้น

“ไม่เอาแล้วครับ อย่าพูดเรื่องนี้กันตอนดึกดีกว่า เดี๋ยวจะเครียดจนนอนไม่หลับเปล่าๆ”

“งั้นมาพูดเรื่องเดิมดีไหม...ที่ยั่วพ่อเนี่ย เพราะอยากให้พ่อไปหาเหรอ”

“ก็บอกว่าไม่ได้ยั่วไง” ยังจะย้ำให้ผมอายอีก

พ่อถอดแว่นวางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง แล้วเอนตัวลงนอน สอดมือข้างที่ว่างไว้ใต้หัว ยิ้มพูดกับผม “โอเคครับ พ่อไม่แซวแล้ว...แต่พ่อจะยั่วกลับแล้วกัน จะได้แฟร์ๆ” พูดจบ พ่อก็ถลกเสื้อยืดสีขาวขึ้นมาถึงหน้าอก อวดหน้าท้องแน่นๆ กับกล้ามอกแข็งปั้กจนทำเอาผมเลือดกำเดาแทบพุ่ง

ให้ตายเหอะ...นี่พวกเรากำลังเล่นเซ็กส์โฟนกันรึไง แต่จะว่าไป...ผมก็ชอบนะ

“ธารไม่ยอมเสียเปรียบหรอก”

ผมดึงผ้านวมออกจากตัว ปล่อยให้พ่อเห็นใบหน้าที่คงเห่อแดงลามถึงใบหู หลุบตาต่ำ และเม้มปากเล็กน้อยแบบที่พี่กฤษเคยชมว่าน่ารัก แล้วค่อยๆ ถลกเสื้อของตัวเองขึ้นบ้าง...อวดหน้าท้องแบนราบขาวเนียนกับกล้อง ขึ้นมาจนถึงหน้าอกที่มีตุ่มไตสีแดงอมชมพูดเด่นชัดอยู่สองจุด

“นี่จะยั่วให้พ่อตบะแตกเลยรึไง”

“ถ้าจะยั่วให้ตบะแตกจริงๆ ก็ต้องเห็นมากกว่านี้” ผมยกยิ้มมุมปาก เลียนแบบรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ๆ ของพ่อ แล้วค่อยๆ ดึงขอบกางเกงลงต่ำ จนเห็นท้องน้อยกับวีไลน์

เสียงสูดลมหายใจเบาๆ ดังมาจากปลายสาย สีหน้าของพ่อตอนนี้ไม่ต่างจากเวลาที่กำลังนอนคล่อมอยู่บนร่างของผม แววตาลุกโชนเหมือนพร้อมเผาร่างผมให้ไหม้เป็นจุล

“ธารง่วงแล้วครับ” ผมปล่อยมือออกจากขอบกางเกง นอนอวดหน้าท้องขาวเนียนกับหน้าอกแบนราบต่อหน้ากล้องด้วยความอายที่ลดลง “ไว้ถ้าพ่ออยากเห็น...พรุ่งนี้ก็มารับธารไปเรียนว่ายน้ำสิ ธารจะถอดให้ดูทั้งตัวเลย”

พรุ่งนี้วันเสาร์ ผมมีเรียนวายน้ำตอนเย็น ที่จริงอยากให้พ่อมารับหลังเลิกเรียนด้วย แต่ผมนัดกับพี่อติณเอาไว้ว่าจะไปกินไอติมกับน้องตุลย์ เลยต้องกลับเอง เพราะกลัวพ่อรู้แล้วจะโดนดุอีก

“ร้ายนะเรา” พ่อยกมือลูบหน้าพร้อมกับถอนหายใจยาวๆ “โอเค พรุ่งนี้พ่อไปรับนะครับ...ตั้งแต่เก้าโมงเช้าเลยแล้วกัน จะได้ใช้เวลาให้เต็มที่”

ผมยิ้มกว้างจนตาโค้งเป็นสระอิ ถ้าออกไปกับพ่อตั้งแต่เช้าก็จะได้ทานมือเช้ากับมือเที่ยงด้วยกันเลย แบบนี้ค่อยหายคิดถึงหน่อย ไว้พรุ่งนี้ค่อยหาข้ออ้างดีๆ มาบอกพี่ภูแล้วกัน “ธารจะรอนะครับ”

“โอเคครับ” พ่อส่ายหน้าหัวเราะ “ฝันดีนะครับคนดีของพ่อ”

“ฝันดีครับ...พ่อครับ” บอกฝันดีแล้ว ผมก็รีบเรียกพ่อไว้ เพราะกลัวพ่อจะชิงวางสายไปซะก่อน “เปิดวิดีโอเอาไว้ได้ไหมครับ ธารไม่อยากนอนคนเดียว”

“ทำตัวเป็นเด็กติดพ่อไปได้” พ่อยิ้มขำ “เอามือถือไว้ข้างหัวมันไม่ดีนะครับ มันรบกวนคลื่นสมองนะรู้ไหม”
ผมยู่หน้า “ก็ได้ครับ เดี๋ยวธารวางสายแล้วจะปิดเครื่อง โยนมือถือไว้ให้ห่างๆ เตียงเลย”

“ดีครับ”

“งั้นธารนอนแล้วนะ...ธารรักพ่อนะครับ”

“พ่อรักธารที่สุดครับ”

หลังจากวางสาย ผมก็เอามือถือไปเก็บแล้วกระโดดขึ้นเตียง ถึงจะยังไม่รู้สึกง่วง แต่ก็มั่นใจว่าคืนนี้ต้องหลับฝันดีเพราะเสียงกระซิบทุ้มต่ำชองพ่อที่บอกรักผมก่อนนอน



เช้าวันต่อมา

อาการป่วยของผมดีขึ้นมาก ไม่ได้รู้สึกปวดหัวอีกแล้ว แต่ก็ยังปวดระบมสะโพกและรู้สึกเพลียๆ นิดหน่อย ไม่ถึงกับเดินไม่ไหวจนต้องนั่งนิ่งอยู่กับที่เหมือนเมื่อวาน

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ผมก็ออกจากห้องนอนเดินลงบันไดไปชั้นล่าง ตามหาพี่ภูทั้งในห้องครัว ห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก แต่ก็ไม่พบ บางทีน่าจะยังหลับอยู่ เพราะปกติถ้าไม่มีเรียนเช้าพี่ภูจะตื่นสาย ตอนนี้ยังไม่เก้าโมง คงจะตื่นอีกทีเกือบสิบเอ็ดโมงโน่นล่ะ

ตาม ‘ข้อตกลง’ ระหว่างพ่อกับแม่ ถ้าผมจะไปไหนในวันหยุดหรือหลังเลิกเรียนก็ต้องขออนุญาตพี่ภูก่อน แล้วผมไม่อยากให้พ่อมีปัญหาก็ต้องทำตาม ‘ข้อตกลง’ หรือ ‘กฎ’ บ้าๆ นั่นอย่างเคร่งครัด จะแค่เขียนโน้ตทิ้งไว้เฉยๆ ก็คงไม่ได้ ผมเลยต้องเดินไปเคาะห้องพี่ภู ปลุกให้คนด้านในตื่น แต่เคาะอยู่นานก็ไม่มีได้ยินตอบรับ

“พี่ภู!” ผมตะโกนเรียกดังๆ เป็นครั้งที่สาม ก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูห้อง เดินเข้าไปหาพี่ภูที่ยังนอนหลับเป็นตายอยู่บนเตียง เขย่าแขนเรียกอยู่เกือบนาที กว่าอีกฝ่ายจะสะลึมสะลือตื่นขึ้นมามองผม เมื่อคืนคงจะนอนดึกมากล่ะมั้งถึงได้หลับลึกขนาดนี้

“มีอะไร” พี่ภูถามเสียงงัวเงีย แล้วหยิบชะโงกขึ้นมองนาฬิกาดิจิตอลบนโต๊ะข้างหัวเตียง ก่อนจะทิ้งหัวลงหมอนอีกรอบ “พี่เพิ่งจะนอนตอนตีสี่เองนะ มาปลุกทำไมแต่เช้า”

“ธารจะออกไปข้างนอก เลยมาขอพี่ภูก่อน”

“ออกไปไหนกับใคร” พี่ภูขยับตัวลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทางหัวเสียนิดๆ ท่าทางเหมือนอยากจะตอนต่อ แต่ก็นอนไม่ได้เพราะมีน้องชายยืนหัวโด่อยู่ในห้องอีกคน

“ไปทำรายงานบ้านเพื่อน เสร็จแล้วก็ไปเรียนว่ายน้ำ แล้วก็ไปหาไรกินกับเพื่อนต่อ”

ถ้าบอกไปตรงๆ ว่าออกไปกินข้าวกับพ่อก็กลัวจะโดนห้าม เพราะพี่ภูคงไม่ปล่อยให้ผมกับพ่อไปไหนด้วยกันสองต่อสองทั้งวัน เลยต้องโกหก

“อืม ถึงบ้านเพื่อนแล้วก็ถ่ายรูปส่งมาให้พี่ดูด้วยแล้วกัน”

“โอเค”

“จะกลับกี่โมง เดี๋ยวพี่ไปรับ”

“ค่ำๆ ครับ ยังไม่ชัวร์ว่ากี่โมง”

“จะกลับก็แชร์โลเคชั่นมาแล้วกัน แต่อย่าให้เกินสองทุ่มล่ะ”

“.....” ผมพยักหน้ารับ ยืนมองพี่ภูอย่างลังเล ไม่ได้ออกจากห้องไปทันที ส่วนพี่ภูก็ขมวดคิ้วมองผมเหมือนจะถามว่าทำไมถึงยังยืนอยู่อีก

เอาน่า...ไหนๆ ก็ไหนแล้ว
   
ผมขยับตัวเข้าไปยืนตรงหน้าพี่ภู ยกแขนขึ้นคล้องคออีกฝ่าย แล้วโน้มหน้าลงกดจูบบนริมฝีปากหยักได้รูป พี่ภูชะงักไปนิดที่ผมทำแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้ผลักผมออกห่าง ขณะเดียวกันก็ไม่ได้จูบตอบ แล้วก็ไม่ได้เปิดปากให้ผมมีโอกาสได้สอดลิ้นเข้าไป ทั้งที่ผมทั้งขบเม้มและดูดดึงริมฝีปากของเขา

“ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก” พี่ภูบอกหลังจากผมถอนจูบออก

ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ผมคงเสียใจกับคำพูดไร้เยื่อไยของพี่ภู แต่ตอนนี้มันต่างกัน ในเมื่อผมรู้ความรู้สึกของพี่ภูและคาดเดาเอาไว้แล้วว่าเขาจะตอบสนองต่อการกระทำของผมยังไง ผมเลยแค่ผิดหวังที่อีกฝ่ายไม่ได้ตกลงไปในหลุมพรางที่ผมขุดเอาไว้ง่ายๆ

“ทำมากกว่านี้ก็เคยมาแล้ว กับแค่จูบคงไม่เป็นไรมั้งครับ” พูดจบผมก็เดินออกมาจากห้อง ไม่ได้หันกลับไปมองว่าพี่ภูทำสีหน้าแบบไหน

อย่างที่บอก...ผมอยากรู้ว่าพี่ภูจะรู้สึกยังไง ถ้าเขาทำในสิ่งที่คิดว่ามันผิด ‘อีกครั้ง’ แล้วผมก็จะไม่รอดูอยู่นิ่งๆ แต่จะเร่งให้เรื่องนั้นมันเกิดเร็วขึ้น

Pie2Na
Pie2Na
 
คุยกันนิด...หายหัวไปนานเลยเนอะเรา 5 5 5 5 5 ไปปิดต้นฉบับอีกเรื่องมาครับ

แล้วพอดีช่วงนี้ทำงานด้วย (ก่อนหน้านี้ขาหัก นอนว่างงานอยู่บ้าน 5 5 5 5 5) เลยไม่ค่อยมีเวลา

แต่ตอนนี้ปิดต้นฉบับอีกเรื่องไปเรียบร้อยละครับ เราจะกลับมาเคลียร์เรื่องนี้กัน

ยังไงก็ตั้งใจจะเขียนให้จบนะ ไม่ทิ้งแน่นอน เพราะแอบไปจ้างวาดภาพประกอบ ภาพนานา มาเรียบร้อยแล้ว 5 5 5 5 

กลัวอย่างเดียว คนอ่านจะลืมกันไปซะก่อน TT__TT อย่าทิ้งเรานะตัว ฮ่าๆ

อ่านแล้วคอมเม้นกันบ้างนะตัว มันเป็นกำลังใจและคำแนะนำที่ดี ทำให้คนเขียนขยันอัพนะ ฮ่าา

ขอบคุณทุกครับ ^^

ออฟไลน์ mochimanja2

  • มึน
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ไม่ลืมแน่นอนยังไงก็มาต่อไวๆน๊า สนุกมากอ่า  :L2:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เป็นกำลังให้ไร้ท  :3123: :3123: :3123: :3123: :3123:
:katai2-1: ธาร ติดพ่อ จะได้เจอกัน โดยความลับไม่แตกไหมนะ :katai1:
รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ pie2na

  • ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ Pie2Na นะครับ ^^
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
Chapter 16
สัมผัสแทนความคิดถึง


9: 02 A.M.

@The Attribute Condominium

ตอนที่ผมออกจากห้อง พ่อก็ไลน์บอกว่ามาถึงคอนโดแล้วและกำลังจะขึ้นมาหา ผมเลยให้พ่อรออยู่ในรถ จากนั้นก็ลงลิฟท์ไปที่ชั้นใต้ดิน ซึ่งเป็นลานจอดรถแทนที่จะออกมารอพ่อด้านหน้าคอนโด

ประตูลิฟท์เปิดออกเมื่อเคลื่อนลงมาถึงชั้นใต้ดิน ผมที่กำลังก้มหน้าพิมพ์ข้อความแชทกับพ่ออยู่ เดินออกจากลิฟท์โดยไม่ได้มองทาง ทำให้ชนเข้ากับใครบางคนที่ยืนอยู่หน้าประตูลิฟท์ ในตอนที่เงยหน้าขึ้นจะบอกขอโทษ เขาคนนั้นก็ดึงผมเข้าไปกอด ร่างเล็กๆ ของผมแทบจมมิดอยู่ในอกอีกฝ่าย

ชั่วแวบหนึ่งที่ยังไม่ทันตั้งสติ ผมหลุดยิ้มออกมา เผลอคิดไปว่าคนที่กอดผมด้วยความโหยหาขนาดนี้ต้องเป็นพ่อแน่ๆ พ่อคงลงจากรถมายืนรอผม แต่กลายเป็นว่าผมต้องดีใจเก้อเมื่อสังเกตได้ถึงขนาดตัวที่ต่างกัน และกลิ่นเหล้าปนเปกับกลิ่นน้ำหอมจางๆ ที่ไม่ใช่กลิ่นของพ่อ

"คิดถึงจัง...มาหาพี่เหรอครับ  ไม่เห็นโทรมาบอกก่อนเลย เกือบไม่ได้เจอเราแล้วสิ” คนพูดกดจมูกลงบนหัวของผม แล้วสูดลมหายใจลึกๆ พร้อมกับกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น

คอนโดที่นี่ออกจะกว้าง ลิฟท์ก็ไม่ได้มีแค่ตัวเดียว แถมพวกเรายังอยู่คนละชั้น แต่ดันบังเอิญมาเจอกันในเวลาที่ผมยังไม่อยากเจออีกฝ่ายเสียได้

ก่อนหน้านี้สภาพอารมณ์ของผมก็ยังไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับพี่กฤษ ผมเลยกะจะบอกเขาคืนนี้หลังจากอะไรๆ ดีขึ้นบ้างแล้ว ว่าผมย้ายมาอยู่กับพี่ภูที่นี่ อ้อ แต่ผมก็เพิ่งจะรู้ตอนตื่นขึ้นมาเมื่อวานแล้วได้มองวิวนอกห้องนั่นล่ะว่าที่นี่คือ The Attribute Condominium คอนโดเดียวกับที่พี่กฤษอาศัยอยู่

“ที่จริง...เมื่อวานธารย้ายมาอยู่ที่นี่แล้วน่ะครับ” ผมตอบพร้อมกับออกแรงผลักหน้าอกอีกฝ่ายเบาๆ พี่กฤษจึงยอมคลายอ้อมแขนออก ปล่อยให้ผมได้ยืนดีๆ

“หือ”

ดูจากสีหน้าแตกตื่นนิดๆ ของพี่กฤษ เขาคงคิดว่าผมย้ายมาอยู่ห้องเขาแน่ ผมเลยรีบอธิบายว่า “ธารย้ายมาอยู่กับพี่ภูน่ะครับ”

“อ้อ...พี่เกือบลืมไปเลยว่าภูพักอยู่ที่นี่ด้วย เพราะแทบไม่ได้เจอกันเลย จะเจอกันบ้างก็เวลาเพื่อนนัดไปสังสรรค์ข้างนอก...ธารย้ายมาอยู่กับภูก็ดีแล้ว พี่จะได้ไปหาเราง่ายขึ้น แต่จะดีกว่าถ้าย้ายมาอยู่ห้องเดียวกับพี่”
   
อยู่ห้องเดียวกับพี่กฤษน่ะนะ แค่ย้ายมาอยู่ที่เดียวกันพี่กฤษก็คงลำบากใจมากพอแล้ว เพราะการถูกผมจับตามอง พี่เขาคงทำอะไรได้ไม่สะดวกเท่าไหร่ แต่ถึงจะคิดงั้นผมก็ยังทำเป็นพยักหน้าเออออแล้วเปลี่ยนเรื่องพูด “แล้วนี่เพิ่งกลับถึงห้องเหรอครับ”
   
ไม่ต้องถามก็พอเดาได้อยู่หรอก กลิ่นเหลาฟุ้งขนาดนี้ นี่คงไม่พ้นไปเที่ยวผับ แล้วลากผู้หญิงไปนอนกกด้วยที่ไหนสักที่...ไม่สิ ผู้ชายต่างหาก คนอย่างพี่กฤษน่ะชัดเจนอยู่แล้วว่าชอบแบบไหน ถึงจะมีผู้หญิงเข้าหาเยอะแยะ เขาก็ไม่มองผู้หญิงหรอก
   
“อืม มีโปรเจ็กต์ต้องรีบทำส่งอาจารย์ เมื่อคืนพี่เลยค้างที่ห้องเพื่อน”
   
จะกี่ครั้งก็เหตุผลเดิมๆ เมื่อก่อนผมทนฝืนยิ้มตอนฟังคำพูดโกหกพวกนี้ได้ยังไงนะ ทั้งที่รู้ว่าลับหลังตัวเอง พี่กฤษไปทำอะไรมาบ้าง เจ็บแต่ก็ยังทนเพราะไม่อยากทำตัวงี่เง่าให้อีกฝ่ายรำคาญ สุดท้าย...ผมก็กลายเป็นแค่ของตายที่โดนทิ้งขว้าง
   
...ตอนนี้ผมก็ยังฝืนยิ้ม ทำเป็นเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน แค่ความรู้สึกและเป้าหมายมันต่างกัน
   
“งั้นพี่กฤษก็ขึ้นไปพักผ่อนเถอะครับ พอดีธารนัดพ่อไว้ นี่คงรออยู่ที่รถนานแล้ว”
   
“โอเค ไว้เจอกัน ถ้ายังไงกลับมาแล้วอย่าลืมไลน์บอกพี่ด้วยนะ”
   
“อือ” ผมพยักหน้ายิ้มๆ แล้วโบกมือลา ไม่ได้ยืนรอให้พี่กฤษขึ้นลิฟท์ก็รีบออกเดินมองหารถของพ่อ ลานจอดรถที่นี่กว้างซะด้วยสิ ลืมถามไปเลยว่าพ่อจอดไว้โซนไหน

ยังไม่ทันได้พิมพ์ข้อความถามก็ต้องชะงักเท้าหลีกให้รถ Aston Martin สีขาวที่กำลังเลี้ยวออกมาจากที่จอด รถคันนั้นหยุดลงเมื่อตำแหน่งประตูข้างคนขับตรงกับตัวผมอย่างพอดิบพอดี
   
ผมเปิดประตูก้าวขึ้นรถ เหลือบมองสีหน้าคนขับด้วยความรู้สึกกังวล...เมื่อกี้พ่อคงมองผมตั้งแต่เพิ่งออกจากประตูลิฟท์ และเห็นฉากที่พี่กฤษกอดผมด้วย แต่สีหน้าของพ่อก็ไม่มีอะไรผิดปกติเลยสักนิด ยังคงส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ แล้วยื่นมือมาลูบหัวผมเบาๆ
   
“ลูกพ่อเสน่ห์แรงขนาดนี้ พ่อชักหนักใจแล้วสิ” พ่อพูดพร้อมกับเหยียบคันเร่ง พารถออกตัวไปอย่างนุ่มนวล ไม่ได้มีการกระทำไหนบ่งบอกเลยว่ากำลังโกรธหรือหึงหวง แต่ผมรู้ว่าพ่อแค่เป็นคนเก็บอารมณ์เก่งมากเท่านั้น

ถึงพ่อจะบอกว่าอยากให้ผมได้ลองรักใคร หรือใจกว้างขนาดยอมให้ผมมีอะไรกับพี่ภู แต่ใครจะรู้สึกดีเวลาเห็นคนรักของตัวเองกอดกับคนอื่นบ้างล่ะ

...อย่างที่พ่อเคยบอก ว่าพ่อเองก็ทั้งห่วง ทั้งหวงผมที่สุด
   
“พ่อโอเคจริงๆ เหรอครับถ้าธารต้องอยู่ที่นี่”
   
“โอเคในเหตุผลไหน?” พ่อหันมามองผมเล็กน้อย ก่อนจะกลับไปมองถนนต่อ “ถ้าที่เราต้องอยู่ห่างกับพ่อ พ่อไม่โอเคอยู่แล้ว แต่มันก็เป็นเรื่องจำเป็น แต่ถ้าถามว่าโอเคไหมที่ธารต้องมาอยู่ห้องเดียวกับภู แถมยังเป็นคอนโดเดียวกับที่แฟนเก่าธารอยู่...”
   
“.....”
   
“...พ่อว่าปล่อยให้เสือตัวหนึ่งอยู่กับลูกแกะ มันแย่กว่าการปล่อยให้เสือสองตัวอยู่กับลูกแกะนะ...ลูกว่าไหม?”
   
พ่อจะบอกว่า...ปล่อยให้เสือสองตัวทะเลาะกัน ดีกว่าปล่อยให้ลูกแกะถูกเสือตัวหนึ่งงาบไปกินง่ายๆ ใช่ไหมครับ...แต่พ่อเปรียบเทียบผิดไปนิดนะ ที่บอกว่าธารเป็นลูกแกะน่ะ จริงๆ ธารเป็นจิ้งจอกต่างหาก
   
อาจจะไม่ได้มีเก้าหาง แต่อย่างน้อยก็สามหางล่ะนะ...


   
9: 47 A.M.
   
พ่อบอกว่าเราจะไปกินข้าวเช้ากัน แต่ดันพาผมมาที่คอนโดหรูแห่งหนึ่ง ทำให้ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่า นอกจากจะอยากกินข้าว พ่ออาจจะอยากกิน ‘อย่างอื่น’ ด้วย

“พ่อเห็นคอนโดนี้สภาพแวดล้อมน่าอยู่ดี แถมยังอยู่ใกล้มหาลัยดังๆ ด้วย ปีที่แล้วตอนเปิดขาย พ่อเลยซื้อทิ้งเอาไว้หลังหนึ่ง เผื่อว่าต่อไปลูกเข้ามหาลัยอาจจะจำเป็นต้องย้ายมาอยู่ที่นี่”
   
เสียงทุ้มที่ค่อนข้างจริงจังเบรกความคิดทะเล้นๆ ของผม “ซื้อทิ้งเอาไว้เป็นปีแล้วทำไมจู่ๆ ถึงเพิ่งนึกจะพาธารมาดูล่ะครับ”
   
“พ่อเห็นว่ามันยังไม่จำเป็นน่ะ อีกอย่างพ่อก็ตั้งใจจะให้เป็นของขวัญธารหลังเรียนจบม.ปลายด้วย” พ่ออธิบายขณะกดรหัสผ่านที่ประตู รอเสียงติ๊ดดังขึ้นสองครั้งก็เปิดประตูเดินนำผมเข้าไปด้านใน
   
เราถอดรองเท้าเก็บไว้ในตู้เก็บรองเท้าข้างประตู เปลี่ยนเป็นสลิปเปอร์แล้วเริ่มเดินสำรวจห้องชุดที่สะอาดสะอ้านเหมือนเพิ่งถูกทำความสะอาดมาอย่างดี
   
“แล้วตอนนี้มันจำเป็นยังไงครับ” กวาดมองทั่วห้องแล้วผมก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา ถึงห้องจะกว้างขวาง มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน แถมยังถูกจัดแต่งไว้ทันสมัยโดนใจผมสุดๆ แต่ด้วยฐานะทางบ้านของพวกเรา ในวันที่ผมเรียนจบ ถ้าอยากได้คอนโดสักหลัง พ่อก็ต้องรีบหามาให้ผมอยู่แล้ว มันเลยไม่ได้น่าดีใจเท่าไหร่
   
“จำเป็นสิ เพราะตั้งแต่วันนี้เราคงต้องมาที่นี่บ่อยๆ”
   
…ชักจะดีใจขึ้นมาบ้างแล้วสิ
   
“มาบ่อยๆ...มาทำอะไรครับ?” เราเดินมาถึงห้องนั่งเล่น ผ่านด้านหลังโซฟาสีครีมตัวหนึ่งพอดี ขณะพูดประโยคนี้ผมจึงหันหลังเข้าหาพนักพิง ดันตัวขึ้นไปนั่งบนขอบพนักซึ่งค่อนข้างสูง แล้วแกว่งเท้าที่ลอยอยู่เหนือพื้นไปมา ตอนที่ปลายเท้าไปเฉียดโคนขาของพ่อน่ะ สาบานเลยว่าผมไม่ได้ตั้งใจ...
   
พ่อก้มลองมองแล้วหัวเราะเบาๆ แต่เพราะกางเกงที่สวมมาวันนี้ค่อนข้างสั้น พอนั่งก็ยิ่งสั้นเข้าไปอีก เลยไม่แน่ใจว่าสายตาของพ่อกำลังมองเท้าเล็กๆ ที่แกว่งไปมา หรือขาอ่อนของผมกันแน่
 
“อย่างวันนี้...” พ่อโน้มตัวลงมาจนใบหน้าของพวกเราอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ มองผมด้วยสายตาหยอกล้อ พูดปนขำว่า “เราก็มาทำมื้อเช้ากินกันไงครับ” มือแข็งแกร่งทั้งคู่จับเข้าที่เอวของผม แล้วยกตัวผอมๆ ลงมาจากพนักโซฟาให้มายืนอยู่บนพื้น ก่อนจะจูงมือผมเดินเข้าไปในครัว
   
ผมรู้สึกผิดหวังนิดหน่อย...นึกว่าวิดีโอคอลเมื่อคืนจะทำให้พ่ออยากทำกิจกรรมที่มันร้อนแรงกว่านี้กับผมซะอีก
   
“ลากธารเข้าครัวมาด้วยนี่จะให้ธารช่วยทำอาหารเหรอครับ แน่ใจนะ?”
   
“ฮ่ะ ฮ่ะ” เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังขึ้นเบาๆ ก่อนที่เจ้าของเสียงนั้นจะจับตัวผมยกขึ้น ให้นั่งอยู่บนเคาต์เตอร์ทำอาหารที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับไมโครเวฟ ในครัวถึงจะไม่ได้กว้างมาก แต่ก็เหลือพื้นที่มากพอให้พ่อทำอาหารโดยมีผมนั่งมองอยู่ห่างๆ “พ่อไม่ได้จะให้ช่วย แค่ไม่อยากให้เราอยู่ห่างสายตา” พ่อพูดพลางเดินไปหยิบผักออกมาจากตู้เย็น พอหันกลับมาทางที่ผมนั่งอยู่เพื่อเดินไปยังซิงค์ล้างจาน พ่อก็ขยิบตาข้างเดียวให้ทีหนึ่ง
   
...แบบนี้เรียกว่าหยอดรึเปล่า พ่อไปฝึกสกิลด้านนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ ทำเอาผมได้แต่กัดปากพยายามกั้นยิ้มจนเมื่อยแก้ม
   
“ธารไม่ใช่เด็กสามขวบที่จะปล่อยให้อยู่คนเดียวไม่ได้สักหน่อย”
   
“ในสายตาพ่อ ไม่ว่าลูกจะโตแค่ไหน ลูกก็ยังดูเป็นเด็กสามขวบอยู่ดีครับ”
   
คำพูดพวกนี้คงหมายถึง ต่อให้ผมโตขึ้นแค่ไหน พ่อก็ยังเป็นห่วงผมไม่ต่างจากตอนที่ผมยังเด็ก และบางครั้งพ่ออาจจะอยากให้ผมออดอ้อนเหมือนตอนเด็กๆ บ้างล่ะมั้ง
   
ผมกระโดดลงจากเคาท์เตอร์ เดินไปสวมกอดพ่อจากทางด้านหลัง ถูไถแก้มนิ่มๆ เข้ากับแผ่นหลังแข็งแกร่ง “งั้นธารก็จะอ้อนพ่อบ่อยๆ เหมือนตอนสามขวบดีไหม”
   
“มันก็ดีอยู่หรอก แต่มาอ้อนแบบนี้น่ะอยากได้อะไรครับ” พ่อพูดปนหัวเราะ มือก็สาละวันอยู่กับการหยิบผักที่เพิ่งล้างเสร็จออกมาจากกะละมัง
   
“อยากได้อะไรนะ?” ย้อนถามแล้วมือทั้งสองข้างของผมก็เริ่มลูบขึ้นๆ ลงๆ ตามกล้ามหน้าท้องหกก้อนที่อยู่ภายใต้เสื้อเชิ้ต ถ้าไม่ได้คิดไปเอง...รู้สึกว่ามันจะยิ่งแข็งเกร็งขึ้นเมื่อฝ่ามือของผมไล้ต่ำลง
   
ได้ยินเสียงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากคนด้านหน้า ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะหันกลับมากะทันหัน ตัวผอมบางของผมถูกยกขึ้นอีกครั้ง รู้ตัวอีกทีผมก็กลับมานั่งอยู่บนเคาท์เตอร์ครัว โดยมีร่างสูงใหญ่ของพ่อยืนคร่อมอยู่กลางระหว่างขา ถูกกังไว้ด้วยแขนแข็งแรงทั้งสองข้าง
   
“อย่าซนนักสิ เราก็รู้ว่าพ่อไม่ค่อยมีความอดทนกับเรื่องพวกนี้เท่าไหร่”
   
“แล้วทำไมต้องทนด้วยล่ะครับ”
   
ดวงตาหลังเลนส์แว่นเจือแววขบขัน ใบหน้าหล่อคมคายยื่นเข้ามาใกล้ ใกล้จนผมนึกว่าปากของเราจะได้บดขยี้กันและกัน แต่ใบหน้านั้นกลับเคลื่อนเฉียดผ่านแก้มของผมไปเหมือนจงใจแกล้ง
   
เสียงทุ้มลึกกระซิบถามเบาๆ ว่า “ยังเจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ”
   
“.....”
   
ผมนิ่งค้างไปกับคำถามนั้น พ่อคงสังเกตเห็นสีหน้าแปลกๆ ของผมเลยยกมือขึ้นลูบหัวผมเบาๆ
   
ความคิดที่ว่าพ่อเฝ้าทะนุถนอมผมมาอย่างดี แต่คนแรกของผมกลับเป็นพี่ภู ทำให้ผมรู้สึกผิดมาตลอดตั้งแต่คืนนั้น และลึกๆ แล้วผมก็อยากมั่นใจด้วยว่าพ่อไม่ได้รังเกียจผมจริงๆ ความคิดพวกนั้นมันทำให้ผมกลัว...ผมถึงอยากให้พ่อกอดผม อยากให้พ่อครอบครองร่างกายของผม แม้ว่าสภาพร่างกายจะยังไม่พร้อม
   
“ถ้าพ่อไม่อยากทำ แค่จูบธารก็ได้” น้ำเสียงของผมสั่นเล็กน้อยทั้งที่ไม่อยากให้เป็นแบบนั้น แต่ผมควบคุมตัวเองไม่ได้เอาซะเลย “แค่จูบก็พ...”
   
คำพูดทั้งหมดชะงักลงกลางคันเมื่อริมฝีปากอุ่นร้อนทาบทับลงมา ดูดกลืนลึกซึ้งหนักหน่วงกว่าครั้งไหน ร่างของเรากอดกระหวัดกันแนบแน่น สัมผัสกันและกันอย่างโหยหา ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ที่พวกเราพัวพันลึกซึ้ง   

แต่สุดท้าย...แม้ว่าร่างกายกึ่งเปลือยของเราทั้งคู่จะนอนก่ายกันอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก แต่ผมก็ยังไม่ได้ตกเป็นของพ่อจริงๆ เพราะในตอนนั้นแค่พ่อใส่เข้ามานิดเดียว ผมก็เผลอหลุดเสียงร้องด้วยความเจ็บ
   
...และเพราะพ่อรักและถนอมผมมาก พวกเราเลยไม่ได้สัมผัสกันลึกซึ้งไปกว่านั้น
   
แต่มันก็พอแล้วล่ะ...ขอแค่ให้ผมมั่นใจว่าระหว่างเรายังเหมือนเดิม และความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น ช่วยเจือจางความรู้สึกผิดที่อยู่ในใจให้เบาบางลงก็พอ...
   
Pie2Na

คุยกันนิด...หายหัวไปนานเลยเนอะเรา (อีกแล้ว)
สาบานสิว่าครั้งนี้ไม่หายอีก---จนกว่าเรื่องจะจบ จะอัพถี่ๆแล้วครับ
พอดีช่วงนี้ว่าง(ค่อนข้างมาก) เลยตั้งใจจะมารีบปั่นให้เสร็จ เพราะดองรูปปกไว้นานแล้ว
ถ้ายังไม่ห่างหายกันไป คอมเม้นทักทายพายหน่อยนะครับ
ขอบคุณครับ ^^

:กอด1:


พูดคุยถึงเรื่องนี้ แอบนินทาพี่กฤษ ธาร อติณ พี่ภู พ่อตะวัน ใครก็แล้วแต่!

ติดแท็ก #ฮาเร็มของธาร ในเฟสบุ๊คกับทวิสเตอร์นะครับบบ

ออฟไลน์ pie2na

  • ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ Pie2Na นะครับ ^^
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
Chapter 17
ความลับ


@KL Sports Club

ช่วงเย็น พ่อพาผมมาเรียนว่ายน้ำ ตอนแรกผมแค่จะให้พ่อมาส่งแล้วกลับไปก่อน เพราะผมมีนัดกับพี่อติณต่อ แต่กลายเป็นว่าพ่อจะอยู่รอจนผมเรียนเสร็จ

พอถึงยิมผมเลยแอบไลน์บอกพี่อติณว่าพ่อมาด้วย และจำเป็นต้องแคลเซิลนัด ซึ่งพี่อติณก็คงเข้าใจว่าพ่อไม่ค่อยอยากให้ผมกับเขารู้จักกันเท่าไหร่ ตอนเจอผมบริเวณสระว่ายน้ำ พี่เขาเลยแค่เข้ามาทักทายสั้นๆ ทำเหมือนกับพวกเราไม่ได้สนิทอะไรกันมากนัก แต่แค่นั้นพ่อก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน

หลังจากจบคลาสเรียน ผมกับพวกเพื่อนๆ เข้าไปอาบน้ำ ส่วนพ่อที่ไม่ได้ลงสระด้วยนั่งรอผมอยู่ที่ห้องล็อคเกอร์ ติดกับห้องอาบน้ำรวมของโรงยิม ที่จริง พ่อจะนั่งรอผมอยู่ริมสระก็ได้ แต่พ่อตามเข้ามาถึงข้างใน เหมือนต้องการให้ผมอยู่ในสายตาตลอดเวลา...สาเหตุคงมาจากพี่อติณ

ก่อนหน้านี้พ่อยังพูดด้วยซ้ำว่าอยากให้ผมย้ายไปเรียนว่ายน้ำที่อื่น...พ่อคงไม่ไว้ใจพี่อติณสุดๆ และกังวลไปเองว่าพี่อติณจะมาล่อลวงลูกชายสุดรักสุดหวงคนนี้

ผมว่าพ่อคิดมากไป...

อาบน้ำเสร็จ ผมเดินออกจากห้องอาบน้ำในสภาพที่มีผ้าขนหนูสีขาวพันรอบเอว อีกผืนคลุมศีรษะ เดินไปที่ห้องล็อคเกอร์พลางใช้ผ้าผืนเล็กขยี้ผมที่เปียกชุ่มไปพลาง
   
อีกไม่กี่ก้าวกำลังจะถึงห้องล็อคเกอร์ ผมกลับต้องชะงักเท้าเพราะเสียงพูดคุยของคนสองคนที่ดังสะท้อนออกมาจากด้านใน
   
“นายมีแผนอะไรถึงมาตีสนิทลูกชายฉัน”
   
“แผน? ตอนแรกผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าธารเป็นลูกชายคุณ หรือต่อให้รู้ ผมจำเป็นต้องมีแผนอะไรเพื่อไปตีสนิทกับธารล่ะ? ผมว่าคุณดูละครหลังข่าวมากไปรึเปล่า... เรื่องมันก็ผ่านมาเป็นสิบกว่าปีแล้ว ยังคิดว่าผมโกรธแค้นอะไรคุณอยู่อีกเหรอ นี่คิดมากถึงขนาดว่าผมจะเอาไปลงกับลูกชายคุณ?”
   
“แล้วนายมาตีสนิทลูกชายฉันทำไม”
   
“ลูกชายคุณน่ารัก”
   
“...!!?”
   
“ผมก็แค่อยากรู้จักสนิทสนมด้วย แปลกตรงไหน” จบประโยคนี้ผมก็มายืนอยู่ข้างกำแพงทางเข้าห้องล็อคเกอร์แล้ว และกำลังแอบมองสองคนด้านในที่กำลังคุยกันด้วยท่าทางเครียดๆ ที่ผมต้องมาเสียมารยาทแอบฟังแบบนี้ ก็เพราะคนที่ถูกพูดถึงคือผม
   
“อย่ามายุ่งกับธาร!”
   
“นี่คุณ มีเหตุผลหน่อยสิ”    
   
“เหตุผลน่ะมีอยู่แล้ว แต่ไม่ว่ามันคืออะไร สิ่งที่ฉันต้องการคือ นายต้องห้ามมายุ่มย่ามกับลูกชายฉันอีก”
   
“เหตุผล...จะว่าไปผมก็พอจะนึกออกอยู่อย่างนะ” พี่อติณทำท่าลูบคาง ยกยิ้มมุมปากมองพ่อด้วยสีหน้าแบดๆ “น้ำบอกผมว่าแท้ง แต่หลังจากนั้นแค่ครึ่งปี ผมดันได้ข่าวว่าน้ำคลอดลูกชายแล้ว จะว่าไป...น้องธารนี่คลอดก่อนกำหนดรึเปล่า?”
   
ได้ฟังที่พ่อกับพี่อติณคุยกัน พอเอามารวมกับเรื่องราวหลายๆ อย่างที่ผมเคยคิดสงสัย ลมหายใจของผมก็เริ่มติดขัด หัวใจเต้นกระหน่ำด้วยความกลัว...
   
“ทำอะไรอยู่”
   
เสียงทุ้มต่ำที่กระซิบขึ้นข้างหูทำให้ผมสะดุ้งสุดตัว รีบหันกลับไปมองก็ต้องถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเห็นว่าคนที่ยืนประชิดอยู่ข้างหลังคือบาส ไม่รู้ว่ามันมายืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ และได้ยินที่พ่อกับพี่อติณคุยกันมากแค่ไหน แต่ดูจากสีหน้างงๆ ปนสงสัยแบบนั้น บาสคงไม่เข้าใจหรอกว่าคนด้านในกำลังพูดถึงเรื่องอะไร
   
ทางด้านหลังบาส โจ้ ตั้ม กับผู้ชายแปลกหน้าอีกคนกำลังเดินมาทางนี้ เสียงพูดคุยดังโหวกเหวกของพวกมันสองตัว ทำให้คนด้านในเงียบเสียงลง ผมเลยถือโอกาสนั้นเดินรวมกลุ่มกับพวกเพื่อนๆ เข้าไปในห้องล็อคเกอร์ ทำเป็นหยอกล้อคุยกับพวกมัน แล้วเดินผ่านไปหน้าตู้ล็อคเกอร์ของตัวเองเพื่อสวมเสื้อผ้า โดยไม่ได้สนใจพ่อกับพี่อติณที่นั่งอยู่
   
ผมไม่อยากให้พ่อรู้ว่าผมได้ยินความลับพวกนี้ แต่สำหรับพี่อติณ ผมไม่ได้แคร์เขามากขนาดนั้น และผมต้องรู้จากปากเขาให้ได้ ว่าความจริงมันเป็นยังไง

   

20: 15 P.M.
@The Attribute Condominium
   
ผมกลับมาคอนโดหลังจากทานมื้อเย็นกับพ่อแล้ว เข้ามาในห้องก็เจอพี่ภูกับพี่กฤษนั่งคุยกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น สองคนนั้นพอเห็นผมก็ชะงักไปนิด ก่อนที่พี่ภูจะลุกออกจากโซฟา เดินมาหาผมด้วยสีหน้าหงุดหงิด
   
“ไปไหนมา ส่งข้อความไปทำไมไม่ตอบ แล้วนี่มันกี่โมงแล้ว”
   
ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู...ก่อนไปตกลงกันไว้ว่าผมจะกลับไม่เกินสองทุ่ม นี่ก็เลทแค่สิบห้านาทีเอง ส่วนเรื่องรูปที่ต้องส่งให้พี่ภูเพื่อยืนยันว่าผมไปบ้านบาสจริงๆ ผมก็ส่งรูปเก่าๆ ให้แล้ว...ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่
   
“มือถือแบตหมด” ผมหยิบมือถือที่หน้าจอมืดสนิทขึ้นมาโบกไปมา ซึ่งจริงๆ แล้วยังเหลือแบทอยู่อีกสี่สิบกว่าเปอร์เซ็นต์ “นี่เพิ่งกลับมาจากกินข้าวเย็นกับเพื่อน แล้วเพื่อนอาสามาส่งเลยไม่ได้บอกให้พี่ภูมารับ”
   
“อย่าให้รู้นะว่าโกหก”
   
“เฮ้ยภู มึงจะหวงน้องไปป่าววะ น้องมันโตแล้วน่า” พี่กฤษพูดขัดด้วยน้ำเสียงขำๆ เขากวักมือเรียกผม “ธาร มานี่มา พี่รอเราตั้งนาน มาให้พี่กอดให้ชื่นใจหน่อยสิ”
   
ผมถอนหายใจออกมาเงียบๆ ถึงอยากจะใช้พี่กฤษยั่วโมโหพี่ภู แต่ตอนนี้ผมยังไม่มีอารมณ์จะทำ “ธารเหนื่อย ขอเข้าห้องก่อนนะครับ”
   
ไม่รอให้ใครพูดอะไรต่อ ผมรีบสาวเท้าเดินขึ้นห้องนอนบนชั้นสองทันที เสียงสองคนนั้นคุยกันดังแว่วเข้าหู แต่ผมไม่ได้สนใจฟัง พอประตูห้องถูกกระแทกปิด ผมก็ทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียง
   
ตอนอยู่บนรถ พ่อห้ามผมอย่างจริงจังว่าไม่ให้ไปเรียนว่ายน้ำที่นั่นอีก ผมเองก็ได้ต่อต้านอะไรเพราะอยากให้พ่อสบายใจ แต่มันกลายเป็นว่าพรุ่งนี้ผมจะไม่ได้เจอพี่อติณ
   
ผมเป็นคนใจร้อน แล้วตอนนี้ผมก็อยากรู้ทุกอย่างจากปากของเขาจนแทบทนไม่ไหว
   
ไวเท่าความคิด ผมล้วงมือถือในกระเป๋ากางเกงออกมา พิมพ์ข้อความส่งถึงพี่อติณ
   
Thara Than : ธารมีเรื่องจะคุยกับพี่ พรุ่งเจอกันหน่อยได้ไหมครับ

Atin”: ได้สิ ช่วงบ่ายธารว่างไหม

ยังไม่ทันได้พิมพ์ข้อความตอบกลับ ประตูห้องก็ถูกผลักเปิดออก ผมละสายตาจากหน้าจอมือถือ มองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้อง เขาทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ ก่อนจะวางฝ่ามือลงบนต้นขาเปลือยเปล่าของผม ลูบไล้อย่างแผ่วเบา

ผมที่ยังค้างอยู่ในท่านอนหงาย ดึงสายตากลับมามองหน้าจอมือถือ รัวนิ้วพิมพ์ข้อความตอบพี่อติณโดยไม่สนใจเขา แต่สัมผัสอุ่นร้อนจากฝ่ามือข้างนั้นบนต้นขาก็รบกวนสมาธิจนผมต้องปัดมันออก ท่าทางของผมคงทำให้อีกฝ่ายรู้ว่ากำลังรำคาญ เขาถึงได้เริ่มพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน

“คนดีของพี่หงุดหงิดเรื่องอะไรครับ”

เหอะ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันเหรอที่พี่กฤษต้องเป็นฝ่ายมาตามง้อผม ความรู้สึกเหนือกว่ามันสะใจอย่างนี้นี่เอง

“ธารแค่เหนื่อยๆ น่ะครับ อยากพัก” สายตาของผมยังมองอยู่ที่จอมือถือเลยไม่รู้ว่าพี่กฤษทำสีหน้ายังไง ได้ยินแค่เสียงถอนหายใจเบาๆ ก่อนที่เขาจะโน้มตัวลงมาจูบบนหน้าผาก

“โอเคครับ งั้นพี่กลับก่อนแล้วกัน ไว้พรุ่งนี้จะแวะมาหา” พูดจบแล้วพี่กฤษก็ยังไม่ขยับตัวออกห่าง เขาแย่งไอโฟนจากมือผม เอาไปวางไว้บนหัวเตียง

“.....” ผมขมวดคิ้วมองพี่กฤษอย่างไม่พอใจ

“นี่ มาอารมณ์เสียใส่พี่แบบนี้ไม่น่ารักเลยรู้ไหม” พี่กฤษพูดทั้งที่ยังยิ้มอยู่ ไม่มีท่าทีรำคาญผมเหมือนที่ผมกำลังรำคาญเขาเลยสักนิด

“พี่กฤษตัวแย่ๆ กับธารมากกว่านี้อีก” รอยยิ้มของคนตรงหน้าเฝื่อนลงเล็กน้อย “ไหนบอกว่าจะกลับแล้วไงครับ ก็กลับไปสิ”

“นี่ธารกำลังเอาคืนพี่อยู่เหรอ” พี่กฤษใช้นิ้วหัวแม่มือลูบแก้มผม “ตอนนี้พี่รู้แล้วนะ ว่าธารเคยเจ็บมายังไง”

“ฮ้ะ?” ผมล่ะอยากจะหัวเราะ น่าเสียดายที่อารมณ์ตอนนี้มันหัวเราะไม่ออก “พี่ยังเจ็บไม่ได้ซักเสี้ยวที่ธารเคยเจ็บหรอกครับ”

“อืม...พี่รู้...พี่ถึงยอมเจ็บอยู่นี่ไง” มือกำยำอีกข้างที่กำลังเค้นครึงอยู่กับต้นขาของผม ไล้สูงขึ้นมาทีละนิด “เราคบกันมาปีกว่าแล้วนะ ธารคิดว่าพี่ดูไม่ออกเหรอว่าตอนนี้ธารเปลี่ยนไปแค่ไหน”

“...!!” ผมคว้าจับมือข้างนั้นไว้ไม่ให้ไล้สูงขึ้นมาอีก

พี่กฤษเค้นหัวเราะในลำคอ “อยากจะเล่นกับความรู้สึกของพี่นัก ก็ทำต่อไปเลยครับ...พี่ทนได้...แต่พี่ก็อยากให้ธารรู้ไว้นะ ว่าถ้าพี่ลงทุนกับอะไรไปแล้ว พี่ไม่ยอมขาดทุนหรอก”
   
จบประโยค พี่กฤษก็ก้มลงซุกไซร้ซอกคอของผม ผมทั้งทุบทั้งดันให้เขาออกห่างแต่กลับไร้ประโยชน์ ความรู้สึกเจ็บเล่นริ้วมาจากผิวหนังบริเวณนั้น จากการถูกขบและดูดเม้มแรงๆ
   
“หยุดนะ! ทำบ้าอะไร!”
   
“ถอนทุนคืนเล็กๆ น้อยๆ” พี่กฤษพูดหลังจากเงยหน้าขึ้นมา เขาขยิบตาให้ผมทีหนึ่งแล้วลุกออกจากเตียงไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ผมนอนหัวกระเซอะกระเซิงอยู่ที่เดิม มองเขาเดินออกนอกห้องไปด้วยความหงุดหงิดและสับสน
   
พ่อเปรียบพี่กฤษเป็นเสือ แต่ที่จริงแล้วเขาคือหมาป่าต่างหาก ถึงจะดุร้ายไม่เท่า แต่เจ้าเล่ห์กว่าเยอะ...หลงคิดไปว่าตัวเองเก่งพอจะเอาคืนพี่กฤษได้ง่ายๆ ตอนนี้กลายเป็นผมต่างหากที่ถูกเขาเอาคืน!

Pie2Na
ปล.พี่กฤษมันร้าย ใครบอกธารฉลาด ในนี้น้องโง่สุดด้วยวุฒิภาวะและอายุ

เจอกันเร็วๆ นี้นะ
อ่านแล้วคอมเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าบ้าง
ขอบคุณครับ ^^
 :bye2:



ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
นี่รอเวลาให้พ่อกับน้องธารจะอยู่ด้วยกันเลย~

ออฟไลน์ pie2na

  • ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ Pie2Na นะครับ ^^
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
Chapter 18
แผนพังไม่เป็นท่า
(ครึ่งแรก)


9: 15 A.M.
@The Attribute Condominium

ไม่รู้ว่ากี่โมงแล้วตอนที่ผมสะลึมสะลือตื่น แต่ในห้องยังมืดสนิทเพราะม่านหนาทึบช่วยกันแสงแดดได้อย่างดี พอสติเริ่มเข้าที่เข้าทาง ผมก็รู้สึกได้ว่าตัวเองไม่ได้นอนอยู่บนเตียงนี้คนเดียว ร่างกายกำยำของใครบางคนนอนซ้อนอยู่ด้านหลัง โอบกอดผมด้วยวงแขนแข็งแกร่ง ถ่ายทอดความอดอุ่นมาให้ผ่านผิวเนื้อที่แนบสนิทกัน
           
ลมหายใจอุ่นร้อนของอีกฝ่ายเป่ารดอยู่ที่ต้นคอ ทำให้ผมรู้ว่าเขานอนอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า ปลายคางที่เต็มไปด้วยตอหนวดเล็กๆ ครูดลงกับผิวจนผมชักจะจั๊กจี้นิดๆ
           
ในห้องนอนของผม ตอนเช้าแบบนี้...คนที่นอนอยู่ข้างหลังจะเป็นใครไปได้นอกจากเจ้าของคอนโด
           
พี่ภูเข้ามาในห้องผมตอนกลางดึกแล้วเผลอหลับไปเหรอ?
           
ผมไม่ได้ส่งเสียงปลุกคนที่ยังหลับสนิท แต่ใช้ฝ่ามือลูบไล้ไปบนท่อนแขนกำยำนั้นแทน จากนั้นก็ค่อยๆ พลิกตัวหันหน้าเข้าหาอีกฝ่าย ใบหน้าคมคายนั้นซุกอยู่กับหน้าอกของผม เขาขยับตัวเล็กน้อยเหมือนเริ่มจะรู้สึกตัว แต่ยังคงไม่ผละออกห่าง นั่นทำให้ผมกล้าที่จะโอบกอดพี่ภูกลับ ลูบไล้ฝ่ามือไปบนแผ่นหลังแกร่ง ก่อนจะกดจูบลงบนหน้าผากของเขาอย่างแผ่วเบา
           
“ทำไมมานอนอยู่นี่ครับ” ผมกระซิบถามด้วยน้ำเสียงแหบนิดๆ เวลาเพิ่งตื่นเสียงของผมจะเป็นแบบนี้ตลอด แต่ผมก็ชอบนะ เพราะพ่อเคยบอกว่าเซ็กซี่ดี
           
“.....” ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่ยังนอนซุกหน้าอยู่กับแผ่นอกของผม ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกตัวตื่นรึยัง แต่ถ้าตื่นแล้ว คนอย่างพี่ภูคงไม่ยอมนอนนิ่งๆ ให้ผมกอดอยู่แบบนี้หรอก
           
“ถ้ายังไม่ลุกออกไป อย่ามาว่ากันทีหลังนะ”
           
“.....”
           
ด้วยความอยากแหย่ให้พี่ภูโกรธ ผมสอดมือเข้าไปใต้เสื้อยืดของอีกฝ่าย สัมผัสผิวกายที่แข็งเกร็งไปด้วยกล้ามเนื้อนั้นตรงๆ ลูบไล้จากแผนหลังมายังหน้าท้องที่เต็มไปด้วยซิกซ์แพ็กส์ ขณะเดียวกันริมฝีปากก็ไล่จูบตั้งแต่หน้าผากลงมายังแก้ม ก่อนจะครอบครองริมฝีปากนุ่ม บดคลึงเบาๆ
           
พี่ภูตื่นแล้ว ผมรู้ตอนที่เขาเริ่มจูบตอบ แล้วเมื่อเราตะโบมจูบกันอย่างลึกซึ้งมากขึ้น ผมถึงได้รู้สึกตัวว่าวิธีการจูบของเขาเปลี่ยนไป ฝ่ามือที่กำลังเค้นคลึงสะโพกผมก็ด้วย มันให้ความรู้สึกเร่าร้อนแต่กลับเอาอกเอาใจ ต่างจากสัมผัสเอาแต่ใจที่พี่ภูชอบทำโดยสิ้นเชิง
           
“ด...เดี๋ยว...” ผมผละริมฝีปากออกห่างอย่างยากลำบาก ใช้ฝ่ามือผลักดันแผงอกแกร่งเอาไว้ ขณะหอบหายใจและพยายามเพ่งมองผ่านความมืด แต่มือปลาหมึกคู่นั้นกลับไม่ฟังคำห้ามปราม ยังนวดคลึงบีบเคล้นไปตามร่างกายของผม “พี่ภ...”
           
ชื่อของพี่ภูยังไม่ทันหลุดจากปาก ผมก็ต้องเบิ่งตากว้างและชะงักค้าง เมื่อได้เห็นใบหน้าของคนที่เพิ่งจูบกันไปเมื่อครู่ อีกฝ่ายก็เหมือนจะชะงักไปนิดที่ได้ยินผมเรียกชื่อคนอื่น...
           
หมอนี่ไม่ใช่พี่ภู แต่เป็นพี่กฤษ!
           
เขาเข้ามาในห้องผมได้ยังไง!?
           
“ย...หยุดก่อน”
           
กว่าจะตั้งสติได้และหาเสียงตัวเองเจอ มือของพี่กฤษก็จับไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ฝ่ามือข้างหนึ่งล้วงผ่านกางเกงทางด้านหลัง เกือบจะสอดนิ้วเข้ามาในตัวผมด้วยซ้ำ ส่วนมืออีกข้างกำลังปัดป่ายไปทั่วหน้าอกของผม
           
ที่น่าเจ็บใจยิ่งกว่านั้น...เสียงของผมมันฟังวาบหวิวสิ้นดี เหมือนกำลังบอกให้อีกฝ่ายทำตรงข้ามกับสิ่งที่พูด
           
“แน่ใจนะว่าอยากให้หยุด”
           
“.....”
           
ผมหายใจติดขัด ตัวร้อนผ่าวไปหมด ร่างกายของผมต้องการอะไรผมรู้ดี แต่ความรู้สึกที่ว่า...อยากให้คนที่สองของผมคือพ่อ มันช่วยให้ผมหักห้ามใจได้ง่ายขึ้น
           
“ธารไม่อยากทำ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นกว่าเดิม
           
ฝ่ามือของพี่กฤษยังปัดป่ายไปทั่ว เขาไม่ได้ฟังที่ผมพูดเลยสักนิด สัมผัสที่ร้อนเร่าและเอาอกเอาใจแบบนั้นมันทำให้ลมหายใจของผมขาดห้วง ความคิดอยากจะต่อต้านหายวับไปเมื่อถูกริมฝีปากอุ่นร้อนดูดเม้มที่ยอดอก ในหัวของผมขาวโพลนไปหมด และยังเผลอหลุดเสียงครางหวิวน่าอายออกมา
           
ในตอนที่ทุกอย่างกำลังจะเลยเถิด ประตูก็ถูกผลักเข้ามาจากภายนอก
           
“อาหารมาส่งแล้ว”
           
คนที่ยืนอยู่หน้าประตูพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้พี่กฤษหยุดชะงักการกระทำทุกอย่าง เขาสบถออกมาคำหนึ่ง แล้วผละออกจากตัวผมเพื่อลุกขึ้นนั่งดีๆ

สภาพของเราทั้งคู่ตอนนี้ยุ่งเหยิงไปหมด เสื้อผ้าของผมหลุดลุ่ยจนเกือบเปลือย แต่ผมยังคงนอนค้างอยู่ท่าเดิม ไม่ได้รีบร้อนจะแต่งตัวให้เรียบร้อย เป็นพี่กฤษเสียอีกที่คว้าผ้านวมมาคลุมตัวผมไว้ ก่อนที่เขาจะขยี้ผมตัวเองแรงๆ ด้วยท่าทางหงุดหงิดงุ่นง่าน
           
“จะเข้าห้องคนอื่นก็หัดเคาะประตูบ้างดิวะ” พี่กฤษสั่งสอนคนที่ยังยืนกอดอกพิงกรอบประตูห้องอยู่ เป็นคนอื่นคงรีบปิดประตูแล้วเดินหนีไป แต่นี่นอกจากจะไม่ยอมไปแล้ว พี่ภูยังมองสำรวจพวกเราสองคนด้วยสายตาเฉยชาราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งสิ้น

“นี่คอนโดกู”
           
“สัตว์”
           
“ออกมากูหิวแล้ว”
           
“เออ!”
           
           
[Krit’s Part]
           
ผมเดินออกมานอกห้องนอนโดยไม่ลืมที่จะกระแทกประตูปิดดังๆ ให้ไอ้ภูมันรู้ว่าผมหงุดหงิดแค่ไหนที่ถูกขัดจังหวะ ไอ้ภูมันกอดอก หันมามองด้วยหน้าตาแบดๆ ตามสันดานของมัน สีหน้าตอนนี้เหมือนกำลังถามผมแบบหาเรื่องว่า ‘มึงจะทำไม!?’
           
“คนเป็นแฟนกัน อยู่ในห้องนอนสองต่อสองนี่มึงเดาไม่ออกเหรอว่าเขาทำอะไรกัน มึงเสือกเปิดประตูเข้ามาเนี่ยนะ!”
           
“นั่นน้องกู แล้วถ้ากูจำไม่ผิด...มึงเลิกกับน้องกูแล้ว”
           
“เออ! กูง้ออยู่นี่ไง มึงอะ แทนที่จะช่วยเพื่อน เสือกมาขัด” พูดไปแล้วผมก็ชักหงุดหงิดกว่าเดิม พาลคิดไปถึงตอนอยู่บนเตียงกับธาร กำลังคลอเคลียกันอยู่น้องก็เรียกชื่อคนๆ นึงออกมา ถึงจะชะงักไปกลางคัน แต่ผมฟังออกว่าไม่ใช่ชื่อตัวเอง เพราะไม่ได้ออกเสียงตัว ‘ก’ แต่เป็น ‘พ’ หรือ... ‘ภ’
           
ภ?...ภู!?


Pie2Na
เกือบไปละ เกือบไปแล้วไง
น้องธารนี่ไม่มั่วนะ แต่ทั่วถึงจริงๆ 5 5 5 5 5
อีกครึ่งเจอกันพรุ่งนี้ ไม่ก็มะรืนนี้นะครับ
เขียนตุลไว้แล้ว เหลืออ่านทวน คืนนี้ดึก ขอไปนอนก่อนน้า
เช้ามาขออ่านคอมเม้นให้ชื่นใจหน่อยได้ไหมล่ะ
กำลังใจมาเยอะ จะอัพให้ไวๆเลยเอาดิ 5 5 5 5
ขอบคุณที่ติดตามเรื่องนี้นะครับ ^^


ออฟไลน์ hunhan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โอ้ยย เพิ่งเจอ สะดุดชื่อเรื่องแล้วเข้ามาอ่านนน สนุกมากกกกกกกกกกกกกกก ชอบนิยายแนวนี้ตามหามานาน ชอบพ่อมากค่ะ5555 อบอุ่นดี ละมุน ตามอ่านรวดเดียว วางไม่ลง คือดี ยังไงก็จะรออ่านจนนจะจบนะ ชอบนิยายเรื่องนี้จริงๆ แปลกใจมากที่เม้นน้อย แต่เรื่องนี้ดีๆจริงๆค่ะ รีบๆมาต่อนะคร้า รออ่าน กำลังสนุกเลย สู้ๆนะคร้า  :กอด1:

ออฟไลน์ pie2na

  • ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ Pie2Na นะครับ ^^
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
Chapter 18
แผนพังไม่เป็นท่า
(ครึ่งหลัง)

ภ?...ภู!?

ไม่หรอก...ไม่มีทาง จะเป็นไอ้ภูได้ไงในเมื่อธารกับภูเป็นพี่น้องกัน แต่อะไรรู้ไหม...ท่าทางของสองคนนี้ หรือแม้แต่สายตาที่ไอ้ภูใช้มองธาร มันทำให้ผมคิดไม่ตก

แล้วผมก็คงไม่คิดมากขนาดนี้แน่ถ้าเมื่อคืน ตอนที่ออกมาจากห้องนอนธาร ผมไม่เห็นไอ้ภูยืดกอดอกพิงกำแพงอยู่ข้างประตูห้อง จ้องผมด้วยสีหน้าเหมือนหมาถูกแย่งกระดูก เมื่อเช้าที่ขอเข้าไปในห้องน้อง ถึงมันจะยอมให้ผมเข้าไป แต่ก็แทบจะกัดฟันพยักหน้าด้วยซ้ำ ยังกับไอ้ภูทั้งหึงทั้งหวงธารแต่ทำอะไรไม่ได้

บอกทีว่าทั้งหมดนี่ผมคิดมากไปเอง!?

“.....”

“กูถามจริง ที่มึงเปิดประตูเข้ามาเมื่อกี้มึงตั้งใจใช่ไหม!?”
           
“อืม”
           
“...!?”ผมคว้าคอเสื้อมัน จ้องนัยน์ตาสีดำสนิทด้วยท่าทางเอาเรื่อง “มึงทำแบบนั้นเพราะหวงน้องมาก? ถ้าธารเป็นผู้หญิงกูคงไม่แปลกใจหรอกเว่ย แต่นี่น้องมึงเป็นผู้ชาย...กูว่ามึงหวงมากเกินฐานะพี่ชายไปเปล่าวะ?”
           
ไอ้ภูดึงมือผมออกจากคอเสื้อมัน หันหลังเดินไปที่โต๊ะกินข้าว พลางพูดด้วยน้ำเสียงรำคาญๆ ว่า “มึงคิดว่าคนสันดานแบบมึง กูควรไว้ใจ?”
           
“งั้นแสดงว่าถ้าเป็นคนอื่นไม่เป็นไร?” ผมเดินตามไอ้ภูไปที่โต๊ะ กระชากไหล่มันให้หันกลับมา แต่พอสบเข้ากับสายตาไม่สบอารมณ์ มือของผมก็ปล่อยออกจากไหล่อีกฝ่ายอย่างอัตโนมัติ
           
ภูมันอารมณ์ร้ายแค่ไหน เพื่อนในมหาลัยรู้กันดี ถ้ามันโกรธจริงจังขึ้นมาคงต้องคุยกันด้วยหมัดแทนคำพูด
           
“มึงคิดอะไรอยู่วะกฤษ” น้ำเสียงของไอ้ภูแทบจะตะคอก “ธารเป็นน้องกู เราเป็นพี่น้องกัน ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น” ประโยคนี้เหมือนมันกำลังย้ำกับตัวเองมากกว่าจะบอกผม
           
[End Krit’s Part]
 
           

ผมล้างหน้าแปรงฟันเสร็จสักพักแล้ว แต่ยังยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้อง รอจนเสียงพูดคุยด้านนอกเงียบลงถึงได้เปิดประตูออกไป
           

พี่ภูกับพี่กฤษยืนอยู่หน้าโต๊ะบาร์ตรงห้องครัว คนหนึ่งสวมแค่กางเกงนอนขายาวลายสก็อต เปลือยท่อนบน ผมเผ้ายุ่งเหยิงสภาพเหมือนเพิ่งตื่นนอน ส่วนอีกคนแต่งตัวด้วยชุดเท่ห์ๆ พร้อมสำหรับออกไปข้างนอก เสียดายที่เสื้อยับไปหน่อย และผมที่ถูกเซ็ตไว้ต้องเสียทรงเพราะกิจกรรมบนเตียงก่อนหน้านี้

สองคนนั้นหันมามองทางผม ก่อนที่พี่กฤษจะนั่งลงบนเก้าอี้โดยไม่ได้พูดอะไร ส่วนพี่ภูยังจ้องผมอยู่ ดวงตาคมกริบของเขามองต่ำลงมาที่ลำคอของผม สีหน้าเหมือนกำลังไม่พอใจ แต่เมื่อผมแสร้งยกมือลูบต้นคอเพื่อบดบังรอยจ้ำแดงจากสายตาอีกฝ่าย เขาจึงเสมองไปมองทางอื่นคล้ายกับเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอจ้องผมนานเกินไป
           
สีหน้าแบบนั้นของพี่ภูมันหมายความว่ายังไง เขาหวงผมงั้นเหรอ? แต่ก็เป็นพี่ภูเองนี่ที่ปล่อยให้พี่กฤษเข้ามาในห้องนอนผม ที่คอของผมถึงได้มีรอยคิสมาร์กเด่นหราขนาดนี้ รอยหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อคืน ส่วนอีกรอยเพิ่งจะได้มาเมื่อเช้า นี่ยังไม่นับบริเวณอื่นภายใต้ร่มผ้านะ
           
คิดแล้วก็หงุดหงิดพี่กฤษชะมัด หมอนั่นจงใจทำรอยพวกนี้เพื่อให้ใครก็ตามที่เห็นมันรู้ว่าผมมีเจ้าของ!
           
ผมเดินไปนั่งลงข้างพี่ภู เนื่องจากโต๊ะกินข้าวเป็นแบบบาร์เหมือนในร้านอาหารที่ต้องนั่งเรียงกัน พี่กฤษเลยนั่งถัดไปจากพี่ภูอีกที
           
“ธารมานั่งข้างพี่สิ” โต๊ะบาร์นี้สำหรับสี่ที่นั่ง ข้างพี่กฤษจึงยังมีเก้าอี้ว่างอีกตัว
           
“ขี้เกียจลุก” ผมบอกปัด แล้วคว้าช้อนซ้อมขึ้นมาตักอาหารเข้าปาก

บนโต๊ะมีอาหารเช้าหน้าตาน่าทานที่ยังอยู่ในกล่องพลาสติก (พี่ภูขี้เกียจแม้กระทั่งเอาพวกมันออกมาใส่จาน) ทั้งไข่ออมเล็ต ฮอทด็อก แซนวิช กับสลัดปลาแซลมอนย่าง ซึ่งน่าจะเป็นอาหารที่สั่งมาจากร้านอาหารใต้คอนโด ความคิดที่จะทานมื้อเช้าด้วยกันคงเป็นไอเดียของพี่กฤษ แต่ที่แปลกคือพี่ภูยอมนั่งร่วมโต๊ะกับพวกเรา
           
“ไม่เป็นไร งั้นพี่ลุกเอง” พี่กฤษทำอย่างที่บอก เขาลากเก้าอี้มานั่งตรงหัวโต๊ะข้างๆ ผม แล้วจึงเริ่มลงมือทานอาหาร
           
พี่ภูเหลือบมองมาที่เราสองคนก่อนจะโยนส้อมในมือทิ้ง เสียง ‘เคร้ง!’ ดังขึ้นพร้อมกับที่อีกฝ่ายลุกเดินไปยังตู้เย็นแบบสองประตูขนาดสูงเลยศีรษะ

ผมมองตามไปก็เห็นว่าเขากำลังเปิดฝาตู้แล้วคว้านมจืดทั้งแกนลอนออกมา เปิดฝายกขึ้นดื่มอึกๆ
           
เนื่องจากพี่ภูไม่ได้สวมเสื้อ จากมุมที่ผมนั่งอยู่พี่ภูเลยดูเซ็กซี่สุดๆ เขายืนเอียงทำมุมสี่สิบห้าองศา ทำให้เห็นกล้ามหน้าท้องอย่างชัดเจน ไหนจะกล้ามอก กล้ามแขน กับลูกกระเดือกที่กำลังขยับขึ้นลงตอนดื่มนมนั่นอีก มันทำให้ผมนึกถึงฉากที่พวกพระเอกอเมริกันซีรี่เปิดหาเครื่องดื่มในตู้เย็น
           
เสียงริงโทนมือถือดึงผมออกมาจากภาพตรงหน้า หันไปมองทางพี่กฤษ เห็นอีกฝ่ายคว้ามือถือบนโต๊ะขึ้นมากดรับสาย พูดอืมๆ สองสามคำก็ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้
             
“เพื่อนพี่มารับแล้ว พี่ไปก่อนนะ พอดีนัดทำโปรเจ็กต์กับเพื่อนไว้” ร่างสูงกำยำเดินมาหยุดตรงหน้าผม ก่อนจะโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูว่า “ไว้เย็นนี้พี่กลับมา เราค่อยมาต่อที่ค้างไว้นะครับ”
           
“.....” ประโยคชวนขนลุกนั่นทำให้ผมต้องขมวดคิ้วมองเขาด้วยความหงุดหงิด แต่พี่กฤษกลับหัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดี
           
“เฮ้ยภู กูไปก่อนนะ”
           
พี่ภูดึงขวดแกลลอนออกจากปาก พยักหน้าแทนคำตอบ แล้วเก็บนมพาสเจอร์ไรส์ที่เหลืออยู่ครึ่งแกลลอนกลับเข้าไปในตู้เย็น
           
เสียงปิดประตูดังขึ้นหลังจากพี่ภูเดินกลับมาที่โต๊ะ ผมกำลังจะตักอาหารกินต่อ แต่ดันเหลือบไปเห็นกระเป๋าตังค์ที่วางอยู่บนโต๊ะบาร์เข้าซะก่อน
           
“เดี๋ยวธารมานะครับ”

ด้วยความเร่งรีบ ผมคว้ากระเป๋าตังค์ราคาแพงไว้ในมือ แล้วรีบวิ่งออกจากห้องทั้งที่ยังสวมแค่สลิปเปอร์ กำลังจะตะโกนเรียกพี่กฤษที่อยู่ในลิฟท์ ประตูลิฟท์ก็เลื่อนปิดพอดี ผมจึงได้แต่เดินไปกดปุ่มบนกำแพง ยืนรอให้ลิฟท์อีกตัวเคลื่อนลงมา พอเข้าไปในลิฟท์แล้วถึงเพิ่งนึกออกว่าตัวเองไม่ได้เอามือถือติดตัวมาด้วย แม้แต่คีย์การ์ดก็ลืมทิ้งไว้บนห้อง จะโทรหาพี่กฤษก็ไม่ได้ ถ้าตามไปไม่ทันก็ค่อยโทรบอกให้ย้อนกลับมาเอาละกัน
           
มาถึงด้านล่าง ผมเห็นหลังพี่กฤษไวๆ อยู่ที่หน้าประตูคอนโดเลยรีบวิ่งตามออกไป
           
“พี่กฤษ! กระเป๋าตังค์!” พอผลักประตูคอนโดเปิดออก ผมก็รีบตะโกนบอกคนที่กำลังจะก้าวขึ้นรถพร้อมกับวิ่งเข้าไปหา
           
“อ้าว พี่ลืมเอาไว้เหรอ” สีหน้าพี่กฤษดูไม่ดีเท่าไหร่ตอนที่หันมาเห็นผม เขารีบปิดประตูรถแล้วยื่นมือมารับของ “ขอบคุณมากนะ อุตส่าห์เอาลงมาให้”
           
“อือ”

จริงๆ ผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะเอาลงมาให้หรอก แค่ตกใจแล้วรีบวิ่งตามมา รู้ตัวอีกทีก็อยู่ในลิฟท์แล้ว
           
“งั้นพี่ไปก่อนนะ”
           
“ครับ”
           
ยังไม่ทันที่พี่กฤษจะกลับขึ้นรถ ประตูฝั่งคนขับก็เปิดออก คนที่ก้าวลงมาจากรถหันมาส่งยิ้มเหยียดๆ ให้ผม
           
“ไงธาร ไม่เจอกันนานนะ”
           
ผมเงยหน้าขึ้นมองพี่กฤษที่ยังยืนค้างอยู่กับที่ ในเมื่อพี่กฤษดันรู้ทันว่าผมคิดจะเอาคืนเขา งั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องฝืนทนเก็บความรู้สึกแย่ๆ แล้วแกล้งทำตัวโง่เง่าอีกต่อไป

“อ๋อ...จะไปทำโปรเจ็กต์กับเพื่อน?” ผมยกมือขึ้นกอดอก “พี่ณัฐนี่เขาเรียนคณะเดียวกับพี่กฤษด้วยเหรอ”
           
วันก่อนสองคนนี้ยังทะเลาะกันเพราะผมอยู่เลย แต่นี่คืนดีกันแล้ว? ความสัมพันธ์แนบแน่นดีจังนะ
           
พี่กฤษฉวยมือผมไปกุมไว้ ใช้นิ้วโป้งลูบเบาๆ บนหลังมือ “ไว้กลับมาพี่จะอธิบายให้ฟังนะครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเชิงขอร้อง
           
“ไม่จำเป็นต้องอธิบายหรอกครับ เพราะแต่ละอย่างที่พี่อ้าง มันก็เรื่องโกหกทั้งนั้น”

ได้ยินผมพูดแบบนั้นพี่ณัฐก็ยิ้มมุมปาก สีหน้าเหมือนกำลังเยาะเย้ยผมอยู่ ด้วยความหมั่นไส้ ผมเลยแกล้งเอียงหัวแล้วยกมือขึ้นเกาที่คอ พอสายตาหมอนั่นเหลือบมองตามมือของผม หน้าตาจากดีๆ ก็เปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวอย่างกับเพิ่งอมบอระเพ็ดเข้าไป

“ธาร พี่เคยบอกแล้วไงว่าพี่จะไม่โกหกธารอีก”
           
“แล้วไอ้ที่บอกว่าจะไปทำโปรเจ็กต์กับเพื่อนนี่คือ?”
           
พี่กฤษอ้าปากจะแก้ตัวต่อ ผมเลยดึงมือข้างที่ถูกกุมเอาไว้ออก แล้วยกขึ้นปิดปากเขา “อมวัดมาพูดก็ไม่เชื่อ เอาปากไปจูบกิ๊กพี่เหอะ”
           
พูดจบผมก็ผลักพี่กฤษออกห่าง แล้วหันหลังเดินหนีกลับเข้ามาในคอนโด ไม่ได้เหลียวกลับไปมองว่าพี่กฤษกำลังทำสีหน้ายังไง หรือพี่ณัฐได้อาละวาดอยู่รึเปล่า ผมไม่แคร์เลยสักนิด ก็แผนที่ผมจะหลอกปั่นหัวพี่กฤษมันพังไปแล้ว ผมยังต้องแคร์อะไรอีก?
           
แต่พี่กฤษนี่ก็มั่นใจในตัวเองเกินเหลือเกินนะ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าผมกำลังล้อเล่นกับความรู้สึกของเขา แต่ก็ยังจะอยากคืนดีกับผมอีก เขาคิดจริงๆ เหรอว่าผมยังมีใจให้ หรือจะทำให้ผมกลับไปรักเขาเหมือนเดิมได้?

ถ้าพี่กฤษทนพฤติกรรมแย่ๆ ของผมได้ ก็ทนต่อไป เพราะผมเองก็ยังอยากใช้เขายั่วโมโหพี่ภูเหมือนกัน!

Pie2Na
ตอนหน้าพี่อติณจะได้ออกโรงละนะะะ มาอย่างแซ่บเลยครับ

ปล1.
ขอบคุณเม้นบนมากครับ นานๆทีจะมีหลุดเข้ามาสักเม้น
ดีใจมากจริงๆ เอาจริงๆไม่คิดด้วยซ้ำว่ายังมีคนตามอ่านอยู่
5 5 5 5  (หัวเราะกลบเกลื่อนน้ำตา)
 :sad4: :sad4: :sad4: :hao5:

ปล2.
คนอ่านเก่าหายหมดเลยฮะ เนื้อเรื่องมันสนุกน้อยลงใช่เปล่า
ส่วนตัวก็รู้สึกนะว่ามันมีแต่ฉากน้ำหลากมากเกินไป แต่อารมณ์มันพาไปอะนะ 5 5 5 5

ส่วนคนที่ยังเหลืออยู่ ถ้าอ่านเรื่องนี้แล้วชอบก็ชวนเพื่อนๆ มาอ่านกันบ้างนะครับ
ถือว่าช่วยเป็นกำลังให้คนเขียนเนอะ เอาจริงๆ นี่เข้ามาอ่านเม้นทุกวันเลย แต่ไม่มีเม้นใหม่เลย 5 5  5

ยังไงก็ขอบคุณคนที่ยังติดตามนะครับ
(เราไม่ได้คุยคนเดียวใช่ไหม 5 5  5 5 5 5 โอ้ยอาย)
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด