Chapter 13
ความในใจ
(ครึ่งหลัง)
ก่อนอ่าน ย้ำอีกครั้ง Complicated รักซับซ้อน ขอเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น
(Not) Innocent รักร้ายเดียงสา นะครับ//เอาให้เข้าซีรีบรัมกันเลยทีเดียว ฮ่าๆ
“ธาร...ธาร...ตื่นมากินข้าวกินยาก่อน”
เสียงทุ่มต่ำที่ดังอยู่ข้างหูปลุกให้ผมสะลืมสะลือรู้สึกตัว ไออุ่นที่แผ่ซ่านมาจากแผ่นหลังทำให้รู้ว่าตัวเองกำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนพิงแผงอกกว้าง มือหยาบกร้านข้างหนึ่งจับอยู่ที่แก้มของผม ออกแรงบีบเบาๆ ให้ผมอ้าปากออก ขณะที่มืออีกข้างคอยป้อนโจ๊กอุ่นๆ ให้ แต่ผมกินไปได้แค่สามคำก็ส่ายหน้าไม่อยากกินต่อ
“อีกสองคำแล้วกินยา”
ผมอ้าปากฝืนทนกลืนโจ๊กลงคออีกสองคำอย่างว่าง่าย และได้แต่นิ่งคิดด้วยความสับสนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือความฝันหรือความจริงกันแน่
“ยา” เสียงทุ่มต่ำเอ่ยบอกอีกครั้ง ก่อนที่นิ้วมือของอีกฝ่ายจะดันยาสองเม็ดเข้ามาในปาก ตามด้วยป้อนน้ำเปล่าให้ดื่ม
“พ่อ...”
พ่อกลับมาแล้วเหรอ...พ่อน่าจะกลับมาถึงดึกๆ สิ แต่ผมเพิ่งผล็อยหลับไปแค่แป๊บเดียวเอง ไม่ใช่...กลิ่นโคโลญอ่อนๆ ปนกลิ่นบุหรี่แบบนี้เป็นกลิ่นตัวของพี่ภูต่างหาก
พี่ภูน่ะเหรอจะมาดูแลผม?
ผมปรือตาขึ้นมองด้วยความสงสัย ภาพพร่ามัวที่เห็นคือหน้าอกเปลือยเปล่ากับรอยสักรูปมังกรสีดำที่หัวไหล่ขวา เป็นพี่ภูจริงๆ เขากำลังนั่งโอบกอดผมจากข้างหลัง และใช้ฝ่ามือทาบอยู่บนหน้าผากของผม จากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าของผมออก...
“ไม่เอา...ไม่เอาแล้ว” ผมร้องห้าม พยายามดันแผงอกกว้างออกห่างด้วยมือที่อ่อนแรง น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแหบแห้งและเบาหวิวจนแทบไม่ได้ยิน แน่ล่ะ...เล่นร้องครางทั้งคืนเสียขนาดนั้น คิดแล้วก็ยิ่งสมเพชตัวเอง
“เช็ดตัวครับ”
เช็ดตัวหรอกเหรอ...ดันเผลอคิดไปได้ว่าพี่ภูจะทำแบบนั้น น่าอายจริงๆ
ในภาวะรับรู้ที่สะลึมสะลือครึ่งหลับครึ่งตื่น ผมทิ้งมือลงข้างตัว ไม่คิดจะต่อต้านอีก ปล่อยให้สัมผัสเปียกชื้นค่อยๆ ลูบผ่านใบหน้า ไล้ต่ำลงมาที่หน้าอก และลำตัว แม้ว่ามันจะน่ารำคาญที่ต้องทนหนาววาบทุกครั้งเมื่อผ้าขนหนูเปียกๆ เช็ดลงบนผิวเปลือยเปล่า แต่ผมไม่คิดจะปัดมันออก เพราะผมกำลังมีความสุขจนแทบสำลักกับสิ่งที่ได้รับ
ผ้าขนหนูเปียกหมาดๆ ถูกลูบไล้ไปตามเนื้อตัวเปล่าเปลือยของผมอย่างเบามือ เช็ดผ่านทุกซอกทุกมุม แม้แต่แผ่นหลัง สะโพก หรือส่วนนั้น... พี่ภูทำมันทั้งที่ผมยังนอนพิงอยู่กับแผงอกของเขา จึงเหมือนกับว่าผมกำลังถูกโอบกอดมาจากด้านหลัง รู้สึกดีจนไม่อยากขยับ ไม่อยากปล่อยให้พี่ภูออกห่างจากตัวสักวินาทีเดียว
“พี่ภู...รักธารไหม” ผมถามอย่างคาดหวัง ยังเชื่อว่าเศษเสี้ยวหนึ่งในใจของเขายังมีผมอยู่บ้าง เชื่อว่าพี่ภูยังรักน้องชายคนนี้ต่อให้เขามีคนอื่น หรือพลั้งพลาดทำให้ผมต้องเจ็บปวด เพราะถ้าไม่รักกันเลยสักนิด เขาก็คงไม่มาดูแลผมอย่างตอนนี้
“.....”
“รักธารรึเปล่า” ความเงียบที่ได้รับทำให้ผมต้องถามย้ำอีกครั้ง ฝืนลืมตาที่หนักอึ้ง เงยหน้ามองคนที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง
ดวงตาของเราสบกัน แต่พี่ภูกลับยังคงนิ่งเงียบไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักคำ...แค่บอกว่ารักมันยากนักเหรอ น้ำตาที่เหือดแห้งไปหลายชั่วโมงก่อนเอ่อคลอจนไหลลงมาอาบแก้มผมอีกครั้ง ในตอนนั้นเองที่พี่ภูกดจูบลงบนขมับ แล้วเช็ดน้ำตาให้ผมอย่างอ่อนโยน
...ถึงจะไม่ยอมพูด แต่การกระทำก็แทนคำตอบทั้งหมดที่ผมต้องการ
ผมยิ้มอย่างมีความสุข แม้ว่าหนังตาจะหนักอึ้งจนแทบปิดลงได้ตลอดเวลา แต่ก็ยังฝืนลืมตามองพี่ภู เพราะกลัวว่าถ้าหลับไปแล้วตื่นขึ้นมาอีกครั้งทุกอย่างจะกลายเป็นแค่ความฝัน กลัวว่าพี่ภูที่แสนดีคนนี้จะหายไป
“อย่าเกร็งนะ พี่จะทำความสะอาดข้างใน” พี่ภูพูดขึ้นหลังจากเงียบไปนาน เขาวางผ้าขนหนูที่ใช้เสร็จแล้วลงในกาลาลังเล็กๆ บนโต๊ะข้างเตียง ก่อนจะจับขาของผมอ้าออกกว้าง
“ม...ไม่ต้อง ธารทำเอง”
ผมละล่ำละลักบอกด้วยเสียงแหบแห้ง แต่มีเหรอพี่ภูจะฟัง แขนทั้งสองข้างของเขาสอดอยู่ในข้อพับขาของผม ขณะที่มือข้างหนึ่งลูบคลำอยู่ที่สะโพก ก่อนที่นิ้วอุ่นร้อนจะสอดเข้าไปด้านในอย่างช้าๆ
“อื้อ...จ...เจ็บ” ผมบอกน้ำตาคลอ พยายามขยับตัวหนีแต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรงมากพอ จึงได้แต่อยู่นิ่งๆ เพื่อไม่ให้กระเทือนช่วงล่างจนเจ็บมากกว่าเดิม พอเหลือบมองช่องทางด้านหลังของตัวเอง ก็ต้องเอียงหน้าซบลงกับอกพี่ภูแล้วเสมองไปทางอื่น
มันทั้งแดงช้ำและมีรอยแผลฉีกขาด แม้จะยังเจ็บแต่แค่เห็นว่านิ้วมือของพี่ภูกำลังสอดใส่อยู่ในตัวผม ร่างกายของผมก็ดันกระตุกตอดรัด...พี่ภูต้องรู้แน่ๆ เขาต้องรู้
น่าอายที่สุด ขออย่าให้พี่ภูพูดอะไรออกมาเลย เพราะถ้าเกิดโดนล้อขึ้นมาล่ะก็ ผมต้องอายจนไม่กล้ามองหน้าเขาไปอีกหลายวัน
โชคดีที่พี่ภูไม่ใช่พี่ชายที่แย่ขนาดนั้น เขายังคงนิ่งเงียบแล้วค่อยๆ ใช้นิ้วกวาดต้อนของเหลวที่ค้างคาอยู่ในร่างกายของผมออกมาอย่างเบามือ ก่อนจะเช็ดสะโพกที่เปรอะเปื้อนจนสะอาด ป้ายยา แล้วหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ที่เตรียมไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้มาสวมให้ผม
“พี่ภูมีของแบบนั้นได้ยังไงครับ...ยาน่ะ” ถึงจะรู้สึกอายที่ถาม แต่ผมก็สงสัยจริงๆ
“ของกาย” พี่ภูบอกสีหน้าเรียบนิ่ง แต่ทำให้ผมเจ็บอยู่ลึกๆ แม้แต่ของแบบนี้พี่ภูก็ยังต้องเก็บไว้ให้พี่กาย คงมีเผื่อไว้ถ้าพี่กายต้องใช้ แค่นี้ก็บอกได้แล้วว่าพี่ภูแคร์พี่กายมากแค่ไหน
...ถ้าพี่กายได้เห็นคลิปที่ผมส่งไป เขาจะยังอยากเป็นแฟนกับพี่ภูอยู่ไหมนะ
“.....”
“ธาร...อาทิตย์หน้าพี่จะย้ายกลับแอลเอ”
“ย้ายกลับ...ทำไมพูดเหมือนจะไปนานล่ะ”
“พี่จะไม่กลับมาที่ไทยแล้ว”
จากที่ง่วงจนพร้อมจะหลับได้ทุกเมื่อผมแทบจะตื่นเต็มตา “คิดอยากจะไปก็ไป ที่นี่ไม่มีอะไรสำคัญกับพี่เลยเหรอ” ผมตัดพ้อด้วยความน้อยใจ ถ้าพี่ภูคิดจะไปจริงๆ ผมคงห้ามไม่ได้และคงตามไปไม่ได้ด้วย...ที่นี่ยังมีพ่อ ต่อให้รักพี่ภูมากแค่ไหนแต่ผมจะทิ้งพ่อไปได้ยังไง
“เพราะสำคัญมาก พี่ถึงต้องไป”
“ธารไม่เข้าใจ” ผมขยับตัวลุกขึ้น อยากจะนั่งคุยดีๆ แต่ก็เจ็บจนต้องนิ่วหน้า
“เราเป็นพี่น้องกันนะธาร” พี่ภูบอกน้ำเสียงเรียบนิ่ง “...เราไม่ควรมีอะไรเกินเลย แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็ไม่ควรจะมีครั้งที่สอง...พี่ไม่ไว้ใจตัวเองมากพอ พี่ถึงต้องไป”
ผมควรจะดีใจหรือเสียใจกับสิ่งที่ได้ยินดีล่ะ พี่ภูรู้สึกเหมือนทีผมรู้สึก แต่เพราะความรู้สึกนั้นเขาถึงได้เลือกที่จะหนีผมไป
“...เมื่อคืนตอนที่เรามีอะไรกัน ธารอัดคลิปไว้ด้วยนะ” ผมเปลี่ยนเรื่องพูด มีแค่ทางเดียวที่ผมจะใช้มันรั้งให้พี่ภูอยู่ที่นี่ต่อ “พี่ภูว่าถ้าแม่กับพ่อรู้เรื่องนี้พวกเขาจะว่ายังไง”
“.....”
ผมหยิบมือถือบนหัวเตียงขึ้นมาเปิดคลิปที่อัดเอาไว้เมื่อคืน แล้วยื่นหน้าจอให้พี่ภูดู ถึงภาพจะค่อนข้างมืดแต่เสียงที่ดังออกมาบอกได้ทันทีว่าคนในคลิปกำลังทำอะไร เสียงร้องครางของผม เสียงกระซิบครางเครือของพี่ภู เสียง...ตอนที่เรากำลังทำรักกัน ดังก้องจนชวนให้จินตนาการไปถึงไหนต่อไหน
“พี่กายก็คงเห็นคลิปนี้แล้วมั้งครับ”
“ก็ดี” พี่ภูพูด ไม่มีท่าทีตกใจเลยสักนิด “ไอ้กายมันคงไม่อะไรกับคลิปนั่นหรอก แต่ถ้าธารเอาคลิปนั่นให้แม่กับน้าตะวันดู พี่ก็ไม่ต้องหาเหตุผลพูดกับแม่ว่าทำไมถึงอยากกลับไปอเมริกา เพราะสองคนนั้นก็คงจับพวกเราแยกกันเหมือนเมื่อแปดปีก่อน”
กลายเป็นผมที่ต้องนิ่งอึ้ง...ใช่ ผมรู้ว่าพ่อกับแม่จะจับพวกเราแยกกัน ผมไม่มีทางจะเอาคลิปนี่ให้พ่อกับแม่ดูหรอก ก็แค่อยากจะใช้มันขู่พี่ภูเท่านั้น คิดว่าพี่ภูจะเป็นห่วงความรู้สึกของแม่มากกว่านี้ แต่ผมลืมไปว่าพี่ภูเป็นคนที่ไม่เคยแคร์อะไรเลย
“อย่าไปนะ” ผมไม่มีเหตุผลอะไรจะมารั้งพี่ภูเอาไว้ได้แล้วจริงๆ “ธารไม่ให้พี่ไปไหนทั้งนั้น”
“.....” พี่ภูลุกออกจากเตียง ผมเลยรีบคว้าแขนเขาเอาไว้ แต่แค่พี่ภูดึงมือข้างนั้นออกเบาๆ ผมก็ไม่มีแรงจะรั้งไว้ต่อ แค่ยกแขนขึ้นยังลำบาก จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปยื้อได้ล่ะ “นอนพักซะ ตอนเย็นพี่จะเข้ามาปลุกให้กินข้าวกินยา”
“พี่ภู” เสียงเรียกของผมทำให้พี่ภูที่กำลังจะเดินออกจากห้องชะงัก “...ผิดมากเหรอที่พวกเราห้ามความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ กับไอ้แค่รักกัน มีเซ็กส์ด้วยกันนี่มันผิดมากนักรึไง”
“ใช่...ผิดมาก” พี่ภูตอบเสียงเรียบนิ่ง
“เหรอ...ทีธารกับพ่อยังทำกันตั้งหลายครั้ง ไม่เห็นเป็นไรเลย”
Pie2Na
ตอนหน้าคิดว่าจะได้เจออติณนะ...ไม่แน่ใจ เอิ่ม สปอยล์ไม่เคยเป็นสปอยล์จริงๆ 5 5 5 5
ปล. ชินกับชื่อเรื่องใหม่กันรึยัง (Not) Innocent รักร้ายเดียงสา
ส่วนตัวชอบชื่อเก่ามากกว่าครับ แต่เพื่อดึงคนอ่านเข้ามามากขึ้น ก็โอล่ะ 
ปล1. ต้นฉบับจริงจำนวนหน้าแปดสิบกว่าไปละ แต่ยังคงจะเขียนต่อไปเรื่อยๆ
ไว้จะร่างพล็อตดีๆแล้วกัน กลัวมันจะออกทะเล ฮ่าๆ
ช่วงนี้ไม่รู้คนอ่านหายหน้าไปไหนกันหมด แอบเปลี่ยวนิดนึง คิดถึงนะ รีบกลับมา
อ่านแล้วคอมเม้นให้เค้าบ้างน้า รอคอมเม้นเธอที่ท่าอากาศยานนานาชาติทุกวันเลยนะ